เจ้าป่า
บทที่ 22
เคนมาถึงบ้านของเลอองพร้อมกับไทเลอร์ด้วยสีหน้าเป็นกังวลไม่ต่างจากเจ้าของบ้านนัก เขาเพิ่งนัดพบกับไทเลอร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาจากป่า อารมณ์สุนทรีเหือดหายตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากเลอองว่ามิเกลหายตัวไป ทันทีที่มาถึงเขาก็รีบเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดต้อนรับ
"ว่าไงเลออง ได้เรื่องไหม"
เลอองบดกรามจนได้ยินเสียงลั่นออกมา เขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ
"มิเกลขึ้นรถไปกับแอมเบอร์ เท่าที่เห็นท่าทางระหว่างรอหน้าบ้านมิเกลกระวนกระวายมาก แต่ผมว่ามันมีพิรุธเพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าทั้งคู่ไม่ถูกกัน"
เคนพยักหน้าเห็นด้วย เพื่อนสนิทของเขากับแม่เลี้ยงคนนี้ไม่เคยญาติดีกัน เพียงแต่มิเกลไม่ใช่คนช่างหาเรื่อง ส่วนมากจะพยายามหลีกหนีไม่ให้มีเรื่องเสียมากกว่า
วงสนทนามีผู้เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นซึ่งก็คือไอรีนที่มาพร้อมกับตำรวจนอกเครื่องแบบ เลอองรู้จักอยู่แล้วจากการไปให้ปากคำเรื่องแม่ของเขา ไอรีนเองก็เป็นห่วงมิเกลไม่น้อยกว่ากันหลังจากเลอองโทรศัพท์ไปหา จึงรีบมาที่นี่พร้อมกับนายตำรวจที่ทำคดีของดีแลน
"เลออง มีเบาะแสของมิเกลไหม"
เลอองเปิดภาพในจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดหน้าบ้านให้ทุกคนได้ดู เมื่อเห็นแล้วนายตำรวจคนหนึ่งจึงกล่าวออกมา
"เมื่อวานนี้เราสองคนไปพบกับนายพอล อาร์มันโดเพื่อลองดูท่าทีของเขาเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุในอดีต ท่าทางของเขาไม่น่าไว้ใจ พวกคุณคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการที่ภรรยาของเขาพาตัวลูกชายหายไปจากบ้านไหม"
"มีส่วนทีเดียวนะครับ" ไทเลอร์กล่าวขึ้นด้วยความสุขุมท่ามกลางความใจร้อนของทุกคน "การที่มีตำรวจไปขุดเรื่องอดีตที่เขาอาจจะเป็นคนบงการ คงทำให้เขากลัวว่าความผิดจะถูกเปิดเผยจึงจำเป็นต้องหาทางเอาตัวรอด และคนที่จะช่วยเขาได้ต้องมีอิทธิพลพอตัว"
"ใช่แล้ว!" เคนอุทานเสียงดัง "ก่อนหน้านี้ไม่นาน พ่อของมิเกลพยายามยัดเยียดลูกตัวเองให้ไอ้รัฐมนตรีโซรอส แมคเคนเพื่อแลกกับความก้าวหน้าของธุรกิจ ไอ้แก่บ้ากามถึงกับส่งคนของแบล็คฮันเตอร์มาจับตัวมิเกลที่หมู่บ้านชายป่าแต่ไม่สำเร็จ คราวนี้พ่อของมิเกลคงจะฉวยโอกาสเอาตัวมันไปประเคนให้เพื่อจะได้รับการช่วยเหลือแน่ๆ"
"นี่น้องชาย ที่พูดออกมาน่ะมั่นใจหรือเปล่า เขาเป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงหลักเชียวนา"
นายตำรวจคนหนึ่งเอ่ยถามสีหน้าคลางแคลง ไทเลอร์รีบช่วยยืนยันข้อมูล
"เรื่องแบล็คฮันเตอร์เป็นเรื่องจริงครับ พวกมันตามมิเกลไปถึงหมู่บ้านที่ผมมีธุรกิจรีสอร์ทอยู่"
"ใช่ครับ ไม่กี่วันมานี้พวกมันยังมาตามจับมิเกลที่เมโทรโปลิสนี่แหละ ผมยังถูกมันใช้ปืนยิงเข้าที่ไหล่"
เลอองยืนยันอีกเสียงนายตำรวจทั้งคู่จึงหันไปมองหน้ากันด้วยความยุ่งยากใจเพราะรู้ว่านี่คืองานใหญ่กว่าที่คิด
"เอางี้นะ พวกพี่ๆ ตำรวจแค่ตามรอยรถยนต์คันนี้ไปก็พอครับ ว่ายัยแอมเบอร์ขับรถไปทางไหนบ้าง ยังไม่ต้องกังวลเรื่องตาแก่โซรอสหรอก"
เคนรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของนายตำรวจทั้งสอง เขาเข้าใจว่าอิทธิพลของโซรอสอาจทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นงานยาก
"ตกลง พวกผมขอเทปบันทึกภาพนี้ไป แล้วเดี๋ยวจะไปตามดูกล้องบนถนนที่จับภาพรถคันนี้ได้"
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะตามไปประสานงานเรื่องนี้เอง เธอจะไปกับฉันไหมเลออง"
ไอรีนอาสาติดตาม เลอองส่ายหน้า
"ผมฝากด้วยก็แล้วกันครับคุณไอรีน เดี๋ยวผมจะตามหามิเกลทางอื่น"
"ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวให้มาก มีอะไรรีบโทรหาฉันนะมิเกล"
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ไอรีนจึงรีบตามนายตำรวจทั้งสองไป เคนจึงหันมาหาเลอองพร้อมกับกล่าวเสียงเครียด
"มิเกลถูกจับตัวไปให้ไอ้โซรอสแน่ๆ พ่อของมันน่ะคงหวังจะเอาลูกไปแลกกับความช่วยเหลือเพราะรู้ว่าตำรวจใกล้จะได้กลิ่นเรื่องในอดีตแล้ว เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าพวกเราจะรับมือได้แต่ไม่เป็นไร ผมไปขอความช่วยเหลือจากลุงของผมไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่จะจัดการกับโซรอส ตอนนี้ห่วงแต่ตามไปช่วยมิเกลให้ทันเวลาเถอะ คนกำลังท้องอยู่ด้วย อุ๊บส์"
เคนสะดุ้งสุดตัวเมื่อเผลอพูดในสิ่งที่เพื่อนต้องการปิดบังอยู่ แต่ไม่ทันแล้ว ดวงตาของเลอองลุกวาบขึ้นมาทันที มือใหญ่กระชากไหล่ของเคนไว้
"เคน พูดอะไรออกมา ใครท้อง มิเกลหรือ มิเกลกำลังจะมีลูกกับผมงั้นหรือ"
ถึงว่าช่วงนี้ร่างกายของมิเกลจึงอ่อนแอ แถมยังมีฟีโรโมนประหลาดที่เลอองได้กลิ่นแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เมื่อเคนหลุดปากพูดออกมาเขาจึงมั่นใจ
"เอ่อ ใช่ มิเกลท้องกับนายนั่นแหละ แต่มิเกลยังไม่อยากให้นายรู้เพราะเห็นว่าช่วงนี้นายมีเรื่องต้องจัดการหลายเรื่อง"
หัวใจของเลอองเต้นรัวแรงเพราะความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่ากำลังจะมาเลือดเนื้อเชื้อไขเกิดขึ้นในร่างกายของมิเกล และยิ่งรู้ดังนั้นความเป็นห่วงก็ยิ่งทบทวีจนว้าวุ่นใจไปหมด
"มิเกล โธ่ ทำไมถึงไม่บอกผม"
"ใจเย็นก่อนเถอะเลออง แต่ว่าตอนนี้ผมต้องไปหาคุณลุงก่อนเรื่องที่จะให้เขาช่วยเรื่องไอ้บ้ากามโซรอส"
"คุณรีบไปเถอะเคน ผมเองก็จะรีบตามหามิเกลด้วยวิธีของผม"
เคนพยักหน้า เขายกมือตบบ่าชายหนุ่มรุ่นน้องก่อนจะหันไปหาไทเลอร์
"ไปเถอะคุณ อย่าให้ช้าไปกว่านี้เลย"
ไทเลอร์หันไปสบตากับเลอองแทนคำอำลา เขารีบก้าวเดินไปพร้อมกับเคนทั้งที่ยังไม่รู้ว่าต้องไปไหน เมื่อเคนกับไทเลอร์ขับรถออกจากบ้านไปแล้วเลอองจึงวิ่งออกไปนอกตัวบ้าน เมื่อไม่เห็นว่ามีใครมองเห็นเพราะความมืดเริ่มปกคลุมในเวลาย่ำค่ำเขาก็กางมือออก เล็บคมผุดขึ้นขณะที่ชายหนุ่มกระโดดปีนไปตามตัวบ้านขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาสูงในเวลาไม่กี่วินาทีและทอดสายตามองออกไปยังแสงไฟระยิบระยับแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ปรากฏกายออกมา
สายลมพร้อมกับกลิ่นควันรถที่ไม่คุ้นเคยลอยปะทะ ชายหนุ่มดึงผ้าโพกผมออกปล่อยให้ใบหูทรงแหลมโผล่พ้น เสียงยานยนต์จอแจดังแว่วทั่วสารทิศ หางยาวลอดผ่านขอบกางเกงออกมากวัดแกว่งก่อนชูสูงราวกับกำลังสำแดงอำนาจ ใบหน้าคมเข้มเงยสูงขณะที่เขาคำรามออกมากึกก้อง
"ข้าคือเลออง บุตรแห่งเจ้าป่าผู้ซึ่งปกปักรักษาถิ่นเกิดของพวกเจ้าให้ดำรงอยู่ ถิ่นที่เก่าก่อนพวกเจ้าเคยเป็นผู้ล่า เคยแข็งแกร่งสง่างาม ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงเพียงเพราะฝีมือมนุษย์ ข้าซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างความเจริญและความงดงามของธรรมชาติขอสัญญาว่าจะดูแลทั้งสองให้หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่บัดนี้ ข้ามีเรื่องให้พวกเจ้าช่วยเหลือ จงช่วยเพื่อให้ข้าได้ปกป้องมนุษย์ที่ข้ารักและทายาทของข้าจะได้หรือไม่"
คล้ายสายลมจะหยุดพัดโบก ก่อนที่มันจะพัดผ่านอีกครั้งเพื่อนำเสียงคำรามตอบรับที่มนุษย์ไม่มีวันเข้าใจได้ ยกเว้นร่างสูงสง่าที่ยืนเด่นเหนือสายตาผู้ใด เสียงเหล่านั้นดังก้องทั่วสารทิศและทำให้เลอองยิ้มออกมาได้ เขาแหงนหน้าส่งเสียงคำรามอันน่าเกรงขามอีกครั้ง จากนั้นร่างสูงจึงกระโจนหายไปในความมืดบนความสูงที่ไม่มีมนุษย์คนไหนคาดคิด
มีต่ออีกนิด....