LengZab 18
"ตกลงเราเป็นอะไรกัน
100%
เจงกับอินมองเล้งที่นั่งซังกะตายอยู่ที่อู่ ไร้เงาอีตัวขาวที่มักมานั่งเบียดกระแซะเล้งเหมือนเช่นทุกวัน กำหนดเดินทางของเล้งคือจันทร์หน้า เล้งพยายามไปง้อย้งหากแต่ย้งยี้ไม่ยอมคุยกับมันเลยซักคำ
อย่าว่าแต่คุยเลยแม่แต่หน้าของเล้งมันยังไม่มองเลยซักนิด พรรณีได้แต่บอกให้เล้งกลับไปก่อนหล่อนจะหาเวลาคุยกับย้งเอง หากแต่พอเอ่ยปากะูดถึงเล้งย้งก็บอกว่าไม่อยากคุย
หล่อนเองก็สงสารลูก ถามว่าเล้งทำถูกมั้ยที่ปิดย้งยี้มาตั้งหลายเดือน แน่นอนว่าไม่ถูก หล่อนคิดว่าคนรักกันจะเรื่องหนักหรือเบายังไงก็ควรบอกกันแต่เล้งกลับไม่พูด ย้งยี้หลบหน้าเล้งแอบนอนร้องไห้ทุกคืนจนตาบวมไปหมดเวลาเล้งมาหาก็คอยแอบมองตรงหน้าต่าง จิวยี่โทรมาปลอบน้องทุกวันและเช่นกันโทรไปด่าเล้งไม่มีชิ้นดี
"มึงคิดเหี้ยอะไรของมึงไอ้เล้ง มึงไม่บอกใครเลยว่ามึงจะไปเรียนต่อ"
"กูขอโทษจริงๆยี่ กูแม่งไม่ได้อยากไปแต่อาอี๊กูที่อยู่ทางนู้นเขาคุยกับป๊าไว้แล้วจะให้กูทำไง มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจหรอก"
"เออ กูไม่เข้าใจมึงจริงๆ มึงมีโอกาสมีเวลาบอกน้องกูตั้งสามเดือนทำไมมึงไม่พูดไม่บอกมันวะ มึงรออะไรอยู่"
"ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากบอกแต่แค่กูมองหน้ามันกูก็พูดไม่ออกแล้วไอ้ยี่ กูกลัวมันร้องไห้"
"ข้อแก้ตัวนี้กูขอปัดตก มึงก็รู้อีย้งถึงมันจะงอแงแต่มันเป็นเด็กมีเหตุผลแค่มึงบอกมันไปตรงๆมันอาจจะงี่เง่าบ้างแต่สุดท้ายมันจะเข้าใจ นี่มึงทำเหมือนน้องกูไม่มีหัวใจนึกจะไปก็ไปจะวางน้องกูทิังไว้ตรงไหนยังไงก็ได้งั้นเหรอ"
"กูไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยยี่ มึงก็น่าจะรู้ว่ากูรักน้องของมึงมากแค่ไหนมึงรู้ดีกว่าใครแล้วทำไมไม่เข้าใจกูบ้าง ทางนี้ก็เมียทางนั้นก็ป้าเขาก็จะตายอยู่แล้วลูกเต้าครอบครัวก็ไม่มีกูขอเวลาแค่สองปีกูจะรีบกลับมาหาอีย้งเลยมึงช่วยพูดกับย้งให้มันคุยกับกูได้มั้ย กูจะเดินทางอยู่แล้วมันไม่ยอมคุยกับกูเลย กูเหมือนจะบ้าตายอยู่แล้ว"เล้งอ้อนวอนยี่ออย่างน่าสงสารมันเงยหน้าห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมารอคำตอบ
หากแต่จิวยี่ในวันนี้ไม่ใช่จิวยี่ที่จะทำตามคำขอของมันอีกไอ้เพื่อนรักทำเสียงขึ้นจมูกบอกตัดอย่างไร้เยื่อใย
"เรื่องนี้มึงหาทางเองเถอะกูขอไม่ช่วยเพราะกูก็สงสารน้องกูเหมือนกัน"
พรรณีเดินขึ้นมาหาย้งยี้ในคืนวันพุธ ลูกของหล่อนนอนลืมตานิ่งอยู่บนเตียง หล่อนส่งยิ้มให้ลูกก่อนจะเลิกผ้าห่มออกแล้วแทรกตัวลงไปนอนข้างๆ ย้งยี้ขยับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของแม่ซุกหน้ากับอกแม่ซ่อนน้ำตาไว้
"โกรธพี่เขามากเลยเหรอลูก"ย้งยี้พยักหน้ารับ พรรณียิ้มให้กับความซื่อตรงของลูก
"ทำไมไม่ลองฟังเหตุผลของเขาดูก่อนล่ะลูก จะต้องห่างกันตั้งหลายปีมัวแต่งอนกันไม่พูดไม่ฟังกันแล้วมานอนร้องไห้อยู่แบบนี้ไม่ดีเลย"
"แต่ว่า..."
"ชีวิตคนเรามันไม่ยืดไม่ยาวอะไร วันเวลาก็เหมือนกันลูก แป๊บๆก็ผ่านไปดูอย่างป๊าสิเหมือนเพิ่งเผาไปเมื่อไม่นานนับไปนับมาก็หกปีแล้ว แทนที่จะเอาเวลามาโกรธกันไปคุยกันให้เข้าใจดีกว่ามั้ยลูก หืม?"
"แต่ย้งเสียใจนี่หม่าม้า ย้งเสียใจที่พี่เล้งไม่ยอมบอกย้งเลย พอมารู้เขาก็จะไปแล้ว ย้งยังไม่มีเวลาได้เตรียมใจเลยว่าในชีวิตของย้งจะไม่มีพี่เล้งตั้งหลายปี"ย้งยี้พูดเสียงอู้อี้กอดผู้เป็นแม่แน่นตัวของมันสั่นไปหมดอย่างน่าสงสาร พรรณีลูบศีรษะลูกเบาๆอย่างปลอบโยน
"คนเรามีทางเดินชีวิตของตัวเองนะลูก ย้งจะเอาพี่เล้งใาผูกติดกับย้งทั้งชีวิตไม่ได้หรอก ลองคิดดูสิพี่เขาไปเรียนต่อ ไปหาทางเจริญก้าวหน้าย้งไม่ดีใจกับพี่เขาเหรอลูก อีกอย่างม้าไปลองถามแปะหลิวมาแล้วว่าทำไมเล้งต้องไปเรียนที่นู่น เล้งไม่ได้อยากไปแต่อาอี้ของเล้งแกอยากรับหลานเป็นลูกบุญธรรมเล่ยกับลี่มีครอบครัวมีลูกแล้วไปอยู่ดูแลไม่ได้ก็เหลือแค่เล้ง ถ้าไม่ไปก็ดูใจร้ายกับญาติทางแม่ ทางนั้นเขาก็ตัวคนเดียวลูกเต้าก็ไม่มีแถมมาป่วยอีกคงอยากมีคนอนู่ด้วย เล้งเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักคุยกับทางนู้นจนได้ข้อสรุปว่าจะอยู่ด้วยจนเรียนจบ ม้าว่ามันก็ดีนะ เรียนที่นู่นได้ทั้งภาษาได้ทั้งประสบการณ์ ลองห่างกันดูซักพัก ถึงวันที่กลับมาเจอกันต่างคนต่างโตขึ้นถ้าใจยังรักกันอยู่ค่อยมาว่ากันว่าจะเดินต่อหรือแยกกัน ย้งของม้าจะได้หัดเดินด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีทั้งยี่ไม่มีทั้งเล้งดูแลบ้างดีมั้ยลูก"
"....."ย้งยี้เงียบไม่ตอบคำถามของผู้เป็นแม่ มันนอนเมัมปากแน่นอย่างใช้ความคิด
"โตจริงๆได้แล้วจุฑายศ จะคอยให้พี่ๆมากางปีกปกป้องตลอดไปไม่ได้หรอกนะ"
"โตลำพังมันน่ากลัวนะหม่าม้า"
"น่ากลัวยังไงสุดท้ายยังก็ต้องออกไปเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี อย่าเอาเวลาที่เหลือมาทิ้งไว้อย่างเปล่าประโยชน์เลย ไปคุยกับเล้งเถอะใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่า ย้งไม่เสียดายเวลาเหรอแทนที่จะได้ใช้ด้วยกันก่อนไปกลับเอามางอนกัน เล้งจะไปวันเสาร์นี้แล้วนะลูก"
"ไหนบอกว่าเดินทางวันจันทร์"
"ไปพักบ้านลี่คืนหนึ่งบินคืนวันอาทิตย์"
"หม่าม้า...ย้งกลัว"อีตัวดีสารภาพเสียงสั่น
"กลัวอะไรลูก?"
"กลัวว่าวันเวลาจะทำให้ใจเราเปลี่ยนไป..."
"ถ้าแบบนั้นก็อย่าโทษเวลาเลยลูก ต้องโทษตัวเราเองที่ไม่หนักแน่น"
"ย้งมั่นใจว่าย้งหนักแน่นพอ แต่พี่เล้ง..."มันทำตาแดงๆเมื่อนึกว่าถึงวันนั้นวันที่เล้งได้เดินทางสู่โลกกว้าง เล้งอาจพบเจอใครมากมายและหนึ่งในจำนวนนั้นอาจจะมีใครซักคนที่เล้งถูกใจ ถึงวันนั้นคนที่เล้งบอกว่ารักก็ไม่ใช่ย้งอีกต่อไป ถ้าหากเขารักกันเขาพากันมาที่บ้านถึงตอนนั้นย้งคงตายแน่ๆ
"อย่าเพิ่งคิดเองเออเองสิลูก พรุ่งนี้ไปหาพี่เขาซะไปคุยกันให้รู้เรื่องไม่ใช่ปล่อยให้เขามาเก้อทุกวันแบบนี้"
ย้งยี้ย่นจมูกเมื่อเดินขึ้นมาชั้นบนของบ้านเล้ง ประตูห้องเปิดแง้มจนไอเย็นเล็ดลอดออกมาพร้อมๆกับกลิ่นควันที่ย้งเกลียด เล้งนั่งสูบบุหรี่อยู่บนเตียงนั่งหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
"ไหนบอกว่าจะไม่สูบบุหรี่แล้วไง"มันสะดุ้งยามเสียงของย่งดังขึ้นเมื่อหันมาก็เห็นอีตัวขาวยืนอยู่ที่หน้าประตูทำหน้าบึ้งด้วยไม่ชอบใจ
"ตัวเองยังไม่รักแบบนี้จะไปดูแลใครได้"มันบ่นในขณะที่เล้งลนลานดับก้นบุหรี่ก่อนจะลุกขึ้นพุ่งเข้ามาหาย้งพอถึงตัวมันกว้ารวบอีตัวดีมาไว้ในอ้อมกอดอย่างหวงแหน
"ขอโทษ..."เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยบอกอย่างสำนึก ย้งยี้กระพริบตาเร็วไล่น้ำตาที่ทำท่าจะไหลให้กลับเข้าไป
จะไม่ร้องไห้...
จะโตเป็นผู้ใหญ่...
จะไม่ทำให้ใครต้องเป็นห่วงอีก...
"ช่างเถอะ...แล้วนี่น้ำท่าได้อาบบ้างมั้ยทำไมตัวเหนียว หนวดก็ไม่โกนไม่เห็นหล่อเลย"มันจับหน้าเล้งพลิกซ้ายพลิกขวาทำตัวเหมือนเป็นปกติทั้งๆที่ข้างในใจของมันหน่วงจนเจ็บไปหมด
"ซกมก"มันว่าเข้าให้
แต่ถ้าซกมกแล้วทำให้พี่เล้งอยู่กับย้งไว้หนวดยาวแบบฤษีย้งก็ไม่ว่า
"นึกว่าจะไม่ได้เจอกันก่อนไปแล้ว"
"ตอนแรกก็ว่าจะไม่มา"
"ขอโทษที่ไม่บอก"
"ย้งไม่ต้องการทำขอโทษหรอก สิ่งที่ย้งต้องการคือความเชื่อใจกัน มีอะไรพี่เล้งน่าจะบอกย้ง บอกย้ฃตรงๆ เลิกปกป้องย้งดูแลย้งเหมือนย้งเป็นเด็กไม่รู้จักโตซักที ย้งเจ็บย้งเสียใจที่ย้งไม่ได้รับการวางใจที่จะบอกจะพูดกันตรงๆ ถ้าพี่บอกย้งแต่แรกว่าพี่ต้องไปจีนย้งก็อาจจะงอแงเสียใจแต่ย้งก็จะค่อยๆทำใจว่าเราจะต้องห่างกันนะ แต่นี่เหมือนพี่รู้ว่าระเบิดเวลามันนับถอยหลัง พี่รู้ตลอดแต่พี่ไม่บอกยังกว่าย้งจะรู้ตัวย้งก็หนีไม่ทันแล้วพี่จะให้ย้งทำยังไง..."สุดท้ายก็ร้องไห้จนได้
ย้งยี้เกลียดตัวเองในตอนนั้ ตอนที่มองหน้าของเล้งไม่ชัดเพราะม่านน้ำตาบดบังจนภาพที่มองเห็นมันพร่ามัวไปหมด ที่สุดมันก็อยู่ในอ้อมกอดของเล้งที่พร่ำพูดว่าขอโทษราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกสำนึกผิดให้ย้งยี้ได้รู้ นานนับสิบนาทีที่ยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งย้งยี้ขยับตัวออกจากอ่อมกอดของเล้ง มันปาดน้ำตาทิ้งมองไปหน้าตู้เสื้อผ้าที่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่นอนแผ่อยู่ เสื้อผ้าหลสบตัวถูกนำมากองไว้ข้างๆกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
"จะไปอยู่แล้วกระเป๋ายังจัดไม่เสร็จอีก"มันเดินไปหยุดหน้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่
"ไปอาบน้ำสิเสร็จแล้วจะได้มาช่วยกันจัดกระเป๋า"มันยื่นผ้าเช็ดตัวให้เล้งแล้วนั่งลงเอาเสื้อผ้าออกจากไม้แขวนทีละตัว เล้งทำตามอย่างว่าง่ายไม่วายที่ย้งจะตะโกนให้มันโกนหนวดด้วย. ย้งยี้ใช้จังหวะที่เล้งอาบน้ำร้องไห้เงียบๆคนเดียวอีกหน มันไล้ปลายนิ้วกับเสื้อผ้าของเล้งก่อนจะหยิบเสื้อยืดตัวหนึ่งมาสั่งน้ำมูกใส่
นี่แหนะ ตัวนี้ย้งยึดแล้ว
หลังจากเล้งอาลน้ำเสร็จก็มาช่วยกันจัดกระเป๋า มันหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ของใช้ที่จำเป็นมาวางโดยที่ย้งคอยจัดเข้ากระเป๋าอย่างเป็นระ้บียบจนเสรํจ ความจุกหน่วงยังคงไม่หายไปแต่เล้งก็ไม่กล้าพูดอะไร. ย้งยี้ยังคงทำเหมือนเช่นทุกวันพอจัดกระเป๋าเสร็จก็ชงนเล้งลงมาที่ครัวด้วยรู้มาว่าเล้งแทบจะไม่กินข้าวกินปลาเลย เจ๊ลี่กับแปะหลิวนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกหันมามองเด็กสองคนแล้วยิ้มให้
"คุยกันแล้วใช่มั้ย?"แปะหลิวถามเล้ง
"ครับ"
"ดีแล้ว จะไปอยู่แล้วใช้เวลาด้วยกันเยอะๆ"เด็กสองคนรับคำแล้วแยกเข้าไปในครัวย้งยี้มองกับข้าวบนโต๊ะที่เจ๊ลี่ทำไว้
ื"เดี๋ยวอุ่นเอาเนอะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว"
"ไม่เอา อยากกิยกับข้าวฝีมือมึง"มันส่ายหน้าทันที
"กับข้าวเต็มโต๊ะจะต้องทำเพิ่มทำไม"
"อยากกินข้าวฝีมือมึง เดี๋ยวจะไม่ได้กินอีกนาน"
"ไปเรียนนะไม่ได้ไปตายไม่ต้องทิ้งท้ายแบบนี้ก็ได้"มันทำเสียงตึงใส่แล้วเดินไปหยิบไข่ไก่สามฟองมาตอกใส่ชาม
"ไข่เจียวแล้วกัน ง่ายดี"เล้งพยักหน้ารับ มันมองอีตัวดีที่ขยับจับนู่นจับนี่อย่างคล่องแคล่วแล้วก็ใจแป้วรู้ตัวอีกทีมันก็เดินไปกอดอีย้งจากด้านหลังฝังจมูกลงบนไหล่เล็กๆของน้อง
"รอเฮียนะ อย่าไปรักใครใหม่นะิรอเฮียกลับมาได้หรือเปล่า อยู่ที่นั่นเฮียสัญญาว่าจะไม่มีใครใหม่"ย้งยี้จับตะหลิวแน่นเสียงไข่เจียวในกระทะดังขลุกขลักจากน้ำมันที่กำลังเดือดพล่าน มันคิดทบทวนเรื่องราวมากมายในหัวก่ินจะพลิกไข่อีกด้านขึ้นมา
"ถึงวันนั้นค่อยมาคุยกันอีกทีดีกว่า ย้งไม่อยากรับปากอะไร พี่เล้งเองก็เถอะไม่ต้องมาสัญญาอะไรกับย้งหรอก ถ้าทำไม่ได้ขึ้นมารู้ใช่มั้ยใครจะเสียใจ"
"ไม่สัญญาก็ได้แต่เฮียจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเฮียพูดจริง"
"งั้นย้งจะรอดู"
.............
ตอนหน้าย้งเป็นสาวแน้วววววว
จะจบแล้ว ม่าเม่ออะไร ไม่มี นี่ฟีลกู๊ดดดดดดด
อธิบายเรื่องพี่เล้งไปจีนนะคะ นิยายของเราทุกเรื่องมันจะประมาณนี้ดราม่าต้นเรื่องหนหนึ่ง กลางเรื่องหนหนึ่ง ท้ายเรื่องหนหนึ่ง ทุกอย่างเราวางพล็อตของเราไว้หมดแล้วซึ่งคนที่ตามอ่านงานเก่าๆของเราเขาจับจุดตรงนี้ได้เวลาเราใส่ประโยคอะไรซักอย่างเขาจะเอ๊ะ...ทำไมย้ำตรงนี้บ่อยจัง ไม่ใช่ว่าอุ๊ยช่วงนี้เบื่อๆยัดดราม่าเข้ามาดีกว่า
บุคลิกของพี่เล้งคือเป็นคนไม่ค่อยพูดส่วนมากจะเก็บไว้ในใจตลอดดังนั้นถ้าเขาไม่พูดเราก็ไม่รู้ ไม่แปลกที่เราจะรู้พร้อมย้งยี้