ครบ 100%
“เย็นนี้มารับช้าหน่อยนะที่วิทยาลัยมีงาน”เล้งรับหมวกกันน็อคจากย้งยี้มาเก็บ อีตัวดีทำท่าโอเค เป็นปกติถ้าเล้งติดงานที่วิทยาลัยถ้าเล้งบอกว่าจะมารับช้าย้งจะรอ แต่ถ้าติดงานนานอาจจะมืดเล้งจะบอกให้มันกลับเองโดยมีกิมจูกับอันอันไปส่งเพราะบ้านของย้งอยู่ตลาดเป็นทางผ่านอยู่แล้ว
“งั้นย้งนั่งรอตรงโต๊ะใต้ต้นหูกวางนะพี่เล้ง”
“มึงจะขึ้นไปนั่งบนยอดเสาธงก็ตามใจมึงเหอะ”ย้งยู่ปากใส่เล้งทำตาคว่ำทันที
ถ้าเป็นคนอื่นย้งก็จะด่าว่ากวนตีน แต่พอเป็นพี่เล้งปุ๊บย้งก็จะด่าว่าปากร้าย
“เข้าโรงเรียนมึงไปได้แล้วจะยืนโชว์นออีกนานมั้ยอีแรด”
“แรดก็น่ารักแหละ แบร่”มันแลบลิ้นใส่เล้งที่ด่ามันแต่เช้าแล้ววิ่งปรู๊ดเข้ารั้วโรงเรียนไป เล้งส่ายหน้าอย่างระอาใจแต่พอมันลับสายตาไปก็อดขำออกมาไม่ได้
ตอนคลอดสงสัยหม่าม้ามันคงจะเบ่งแรงอีย้งน่าจะไหลออกมาแล้วหล่นเตียงหัวกระแทกพื้นโตมาถึงได้ขาดๆเกินๆแบบนี้
เล้งขับรถมาที่วิทยาลัยหลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติฟัง ผอ.อบรมแบบไม่สนใจว่าเด็กจะตากแดดร้อนจนเหงื่อไหลย้อยซักแค่ไหนอีกราวครึ่งชั่วโมงแถวก็ถูกปล่อย นักศึกษาปีสองถูกเกณฑ์ให้มาช่วยกันจัดนิทรรศการสำหรับแสดงให้น้องๆม.ปลายดูเพื่อเป็นแนวทางว่าสนใจจะมาเรียนหรือไม่ เล้ง เจง อินได้รับหน้าที่ส่วนของยานยนต์ อุปการณ์ต่างๆถูกทยอยนำมาจัดเรียงตามที่อาจารย์แนะนำไว้ นักศึกษาแต่ละแผนกทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน เสียงปรึกษากันเสียงคุยเล่นเอ่ยแซวกันดังไม่ได้หยุด อากาศร้อนอบอ้าวทำให้เล้งกับเพื่อนๆถอดช็อปวางกองๆไว้บนโต๊ะเหลือเพียงเสื้อยืดตัวนอก
“ร้อนมากมั้ยเล้ง”เล้งชะงักเมื่อผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นโปะมาที่หน้าเขาเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับอาจารย์ฝึกสอนที่ส่งยิ้มหวานมาให้เรียกเสียงโห่แซวจากเพื่อนคนอื่นๆให้ได้หูร้อนเป็นวูบๆ
“ร้อนครับ แล้วครูบุ๋มไม่ร้อนเหรอ?”มันรับน้ำที่แก้มบุ๋มยื่นมาให้ หญิงสาวย่นจมูก
“ร้อนสิ คราวหลังเรียกแก้มบุ๋มเฉยๆก็ได้นะ เราแก่กว่าแค่ปีเดียว”
“ไม่ได้ดิ่ก็ตอนนี้เป็นอาจารย์ฝึกสอนนี่ครับ”
“งั้นเดี๋ยวเราไปแจกน้ำคนอื่นก่อนนะเหนื่อยก็พักบ้างล่ะดูสิเหงื่อเต็มตัวแล้ว”เล้งยิ้มรับพยักหน้าให้หญิงสาว แก้มบุ๋มไม่วายทิ้งสายตากลับมามองชายหนุ่มผิวขาวจั๊วะที่ขมักเขม้นกับการจัดซุ้มของตัวเอง
“เก็บอาการหน่อยอีบุ๋ม”เพื่อนอีกคนของแก้มบุ๋มมากระซิบเมื่อเห็นนักศึกษาสาวมีประกายตาที่ชัดเจนว่าอยากได้คนเด็กกว่านั่นเสียเหลือเกิน
“คนนี้กูจองใครแย่งกูตบ”
“โอ้ยกลัวแล้วจ้าหวงนักไม่เอาปลอกคอไปคล้องไว้เลยล่ะ”
“คล้องได้ทำไปนานแล้ว”
“จะทำอะไรก็รีบๆทำเข้าล่ะเดือนหน้าก็ฝึกงานเสร็จแล้วเดี๋ยวจะอด”
“ระดับกูเคยอดด้วยเหรออีส้ม”แก้มบุ๋มทำเสียงเขียวใส่เพื่อน
“จ้าๆ แม่คนเก่งสมุดจดแต้มมึงเต็มไปเจ็ดเล่มแล้วจ้า”ส้มแกล้งเหน็บเพื่อนสนิทก่อนจะหันไปมองเล้งแล้วหัวเราะกันคิกคักสองคน
“ไอ้เล้งยังไง?”อินที่เห็นเล้งคุยกับครูฝึกสอนถึงกับเอ่ยปากถาม
“อะไร?”
“กับจารย์บุ๋มมึงอะไรยังไง?”
“ก็ไม่อะไรเขาเอาน้ำมาให้”
“กูเห็นเขามาคุยกับมึงบ๊อยบ่อย”
“ก็แค่คุยป่าววะ”
“แต่เวลาเขามองมึงเหมือนไม่อยากจะแค่คุยนะ ดูแปลกๆ”คราวนี้เจงเป็นฝ่ายพูดบ้าง
“แปลกยังไงก็คุยปกติ”
“ปกติกับผีอะไรล่ะ กับพวกกูเขาก็ไม่ได้หยุดคุยอะไรมากมายเหมือนคุยกับมึงป่าววะ อย่ามาทำไขสือ มึงคิดยังไงกับเขา?”
“ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็น่ารักดี”เล้งยักไหล่ มองแก้มบุ๋มกับส้มที่เดินแจกน้ำให้พวกนักศึกษาคนอื่นๆ
“อย่าเชียวนะไอ้เล้ง มึงมีอีย้งอยู่ทั้งคน”อินที่เอ็นดูย้งยี้เป็นทุนเดิมรีบดักคอเพื่อน ไอ้เล้งถึงกับนิ่วหน้า
“อีย้งมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“อ๊าวก็มันชอบมึง อย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้ชอบมัน”
“เรื่องนี้กูคุยกับมันแล้ว อีย้งมันยังเด็กมันอาจคิดไปเองว่ามันชอบกู กูไม่ได้คบกับมันกูก็มีสิทธิ์ที่จะลองไปคบกับใครก็ได้ กูบอกมันว่าให้มันลองไปคบกับคนอื่นดูบ้างเผื่อความรู้สึกที่มันมีให้กูตอนนี้อาจจะเป็นแค่คนที่มันปลื้มเฉยๆ”
“ตรรกกะเหี้ยอะไรของมึงวะเล้ง มองจากดาวอังคารยังเห็นเลยว่ามันรักมึงจริงๆ เหมือนที่มึงก็ชอบมันอ่ะ”
“กูบอกตอนไหนว่ากูชอบอีย้ง?”เล้งวางเครื่องมือลงก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสนิท
“เล้ง มึงอาจจะไม่รู้ตัวเพราะมึงทำจนเป็นความเคยชิน แต่กูสองคนเห็นมาตลอด มึงตามหวง ตามห่วง คอยดูแลมันแทบจะสิงแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่ารักว่าชอบแล้วจะให้เรียกว่าอะไรวะ?”
“ก็มันเป็นน้องไอ้ยี่กูเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆ”
“มึงเลิกเอาคำว่าน้องไอ้ยี่มาปิดกั้นตัวเองซักทีเถอะเล้ง มึงกับมันอ่ะความรู้สึกไปไกลเกินพี่น้องแล้ว แต่มึงใช้คำเหี้ยนี่มากั้นตัวเองออกจากอีย้งมันถึงไปไม่ถึงไหนซักที”
“ดูมึงเป็นเดือดเป็นร้อนเนอะไอ้อิน”เล้งกระตุกยิ้มให้กับเพื่อนอย่างรู้ทัน
“เหี้ยไรของมึงไอ้เล้ง จะพูดอะไร”คราวนี้อินไม่มีทีท่าว่าจะเล่นกับเล้งเหมือนที่ผ่านๆมา
“อย่าคิดว่ากูดูมึงไม่ออกนะอิน ที่มึงชอบบอกอีย้งว่าถ้ากูไม่รักมันก็ให้มาคบกับมึงน่ะ...มึงพูดจริง”เล้งตวัดตามองเพื่อน เจงที่เห็นท่าไม่ดีพูดตัดบท
“มึงสองคนเป็นบ้าอะไรกันวะ จะมาทะเลาะกันทำไม ไอ้เล้งกูแล้วแต่มึงนะจะรักจะชอบใครก้ตามใจมึงแต่อย่ามาพาลเพื่อน กูสองคนก็แค่อยากเตือนมึงว่าระหว่างที่มึงมีสาวมาอ่อยถึงที่แต่อีย้งมันไม่ได้ไปมีใครมันก็รอมึงอยู่คนเดียว”
“กูก็ไม่ได้ไปขอให้มันรอกูนี่ กูก็บอกมันแล้วว่าถ้ามีใครมาจีบก็ให้ลองคบดู”
“วันไหนมันไปมีใครขึ้นมาจริงๆกูจะรอสมน้ำหน้า”อินพูดจบก็หันหลังกลับไปทำงานของตัวเอง เล้งหงุดหงิดกับประโยคนั้นอยู่ไม่น้อย
ถ้าถึงเวลานั้นเขาจะหงุดหงิดจริงตามที่อินพูดหรือเปล่า?
หลังจากช่วยกันจัดซุ้มแสดงผลงานเสร็จเล้งก็เก็บของเตรียมกลับบ้าน เจงกับอินแยกตัวไปก่อนแล้ว เล้งเดินไปที่ลานจอดรถมองนาฬิกาข้อมือห้าโมงกว่าแล้วเขาต้องรีบไปรับย้งยี้ที่โรงเรียน ป่านนี้อีตัวดีนั่งรอเขาจนรากงอกแล้วแน่ๆ
“อ้าว ครูบุ๋ม?”เล้งเรียกชื่ออาจารย์ฝึกสอนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
“เล้ง ยังไม่กลับอีกเหรอจ๊ะ?”หล่อนร้องเรียกด้วยสีหน้าดีใจ เล้งเดินไปหยุดใกล้ๆครูฝึกสอนมองรถของเจ้าตัวด้วยสีหน้าสงสัย
“รถเป็นอะไรครับ?”
“ไม่รู้อ่ะอยู่ๆก็สตาร์ทไม่ติด”
“งั้นเดี๋ยวผมดูให้ครับ”เล้งวางกระเป๋าลงกับพื้นแล้วจัดการตั้งขาตั้งคู่รถของแก้มบุ๋มลองกดสตาร์ทดูมันนิ่งสนิท ทั้งสตาร์ทมือและสตาร์ทเท้า
“เหมือนแบตจะหมดเลยครับอาจจะต้องเปลี่ยนแบต”
“ทำไงดีล่ะ บุ๋มไม่รู้จะไปทำที่ไหนไม่ได้รู้จักใครแถวนี้ด้วย”
“ให้ที่บ้านอารถมารับมั้ยครับ เอาขึ้นท้ายกะบะไปที่ร้านเปลี่ยนแบตก็หายแล้ว”
“บ้านบุ๋มไม่มีรถกะบะหรอกถ้าจะเอาขึ้นกะบะต้องไปยืมรถคนข้างบ้าน เล้งช่วยหน่อยได้มั้ย? นี่ก็เย็นแล้วบุ๋มกลัวที่บ้านเป็นห่วงบุ๋มรบกวนเล้งช่วยไปส่งบุ๋มทีได้มั้ยคะ?”
“แต่...”เล้งมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด เขาห่วงย้งยี้ที่กำลังรอให้เขาไปรับ
“ถ้าเล้งไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวบุ๋มเรียกเมล์เครื่องไปก็ได้ แต่ไม่รู้เขาจะไปมั้ยเพราะมันไกล”แก้มบุ๋มทำหน้าเศร้าล็อคคอรถอย่างจำใจ
“งั้นผมขอโทรหาน้องก่อนได้มั้ยครับ น้องรอให้ไปรับอยู่แล้วเดี๋ยวถีบรถไปไว้ที่อู่ผมก็ได้เดี๋ยวผมซ่อมให้เอง”
“ได้ค่ะ”หล่อนตอบรับด้วยสีหน้าดีใจ
ย้งยี้นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบในวันพรุ่งนี้จนหมดไปสองเล่มแต่เล้งก็ยังไม่มา ห้าโมงกว่านักเรียนบางตาจนเกือบหมดเหลือเพียงย้งที่ยังคงนั่งรอเล้งอยู่ อันอันกลับไปได้ซักพักแล้วเพราะกิมจูมารับ ยังมีกลุ่มที่เตะบอลอยู่กลางสนามที่ส่งเสียงดังเป็นระยะพอให้ไม่เหงา ย้งยี้ละสายตาจากหนังสือเมื่อโทรศัพท์สั่นชื่อหน้าจอทำให้อีตัวดีระริกระรี้ขึ้นมาทันทีอย่างดีใจ มันอยากกลับบ้านจะแย่แล้ว
“ฮัลโหลพี่เล้งใกล้ถึงยังย้งรอจนรากงอกแล้วนะ”
“โทษทีว่ะย้ง มึงกลับเองได้มั้ยวันนี้”ย้งเหี่ยวเป็นลูกโป่งถูกปล่อยลมทันที
“ทำไมอ่ะ งานพี่เล้งยังไม่เสร็จเหรอ?”
“งานเสร็จแล้ว”เล้งไม่โกหกย้ง มันตอบไปตามตรง
“อ้าว แล้วทำไมมารับย้งไม่ได้อ่ะ”
“พอดีอาจารย์รถเสียต้องช่วยเขา เขาเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว”
“อ่อ งั้นเดี๋ยวย้งกลับเองได้ พี่เล้งช่วยอาจารย์ก่อน”อีย้งเมื่อได้ฟังเหตุผลก็เข้าใจได้ทันทีโดยไม่งอแง
หม่าม้าสอนไว้เสมอว่าถ้ามีใครเดือดร้อนเราให้ความช่วยเหลือได้ก็ควรช่วยเขาไป อีกอย่างผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ
“มึงก็กลับดีๆล่ะ นั่งเมล์เครื่องไปได้ใช่มั้ย?”
“สบายมากแค่นี้เองเดี๋ยวเดินไปเรียกตรงโลตัส”
ข้ามถนนดีๆล่ะ ขึ้นสะพานลอยอย่าข้ามทางม้าลายโง่ๆแบบมึงไม่มีกูพาข้ามรถจะเสยเอาไปแดก”
“ย้งก็ไม่ได้อ๊องขนาดนั้นมั้ยอ่า พี่เล้งไปช่วยอาจารย์เถอะเดี๋ยวย้งเก็บของกลับบ้านแล้ว พวกนักฟุตบอลเค้าเก็บของกลับกันหมดแล้วเหลือย้งคนเดียวเนี่ย”มันย่นจมูกใส่เล้งพลางเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า
“เออ กลับดีๆถึงแล้วโทรบอกกูด้วย”
“จ้าพ่อ”มันรับคำอย่างกวนๆก่อนจะหัวเราะคิกเมื่อเล้งให้ของลับกลับมา ย้งยี้เก็บของใส่กระเป๋าจนเสร็จจึงเดินออกมานอกโรงเรียนไม่ลืมสวัสดีลุงยามที่ยิ้มให้มันอย่างสนิทสนม
“วันนี้พี่ไม่มารับเหรอกลับซะเย็นเชียวน้อง”
พี่ติดธุระครับผมกลับเอง”
“กลับดีๆล่ะ เย็นแล้วรถเยอะ”ลุงยามบอกมันอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณครับ ผมไปก่อนนะลุง”ย้งยี้โบกมือบ๊ายบายลุงยามก่อนจะเดินออกมาด้านนอก
ปรี๊นๆๆ
เสียงแตรมอเตอร์ไซค์ดังจากด้านหลังทำให้ย้งยี้หันไปมองอย่างแปลกใจ
“ย้งจะกลับแล้วเหรอ”ย้งยี้มองคนที่ทักตัวเองพลางกรอกตาคิดว่าไปรู้จักกับคนที่แหกปากดังลั่นในสนามบอลเมื่อตะกี๊ตอนไหน
“ย้งไม่รู้จักเราหรอกเราอยู่ห้องแปด เราชื่อโจโจ้นะเรียกโจ้เฉยๆก็ได้”
“อ่อ..หวัดดีโจ้ เราคงไม่ต้องแนะนำตัวเนอะ แหะๆ”อีย้งขำแห้งให้กับมุกของตัวเอง
“อื้อ ย้งห้องสาม แล้วนี่ย้งจะกลับบ้านเหรอ”โจ้เลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
“ใช่เรากำลังจะกลับบ้านน่ะ”
ไปกติมีคนมารับไม่ใช่เหรอทำไมวันนี้กลับเองล่ะ?”
“พอดีพี่เราติดธุระเพิ่งโทรมาบอกให้เรากลับเองน่ะ”
แล้วย้งจะกลับยังไงนี่มันเย็นแล้วนะ”โจ้ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เดี๋ยวเราเดินข้ามไปขึ้นเมล์เครื่องที่หน้าโลตัสอ่ะ”ย้งบู้ยปากบอกถึงวินที่จะขึ้นอีกประมาณ 300 เมตร
“บ้าเหรอ ตั้งไกล บ้านย้งอยู่ไหนล่ะมาสิเดี๋ยวเราไปส่งเอง”โจ้ตบเบาะรถตัวเองดังปุๆอย่างเชิญชวน
เฮ้ยไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวเรากลับเองได้บ้านเราอยู่แค่ตลาดนี่เองรบกวนโจ้เปล่าๆ”
“มาเถอะทางผ่านพอดีไม่รบกวนอะไรหรอก”
“เรากลับเองดีกว่าเกรงใจ”ย้งยี้ปฏิเสธอีกครั้ง ตัวเองไม่ได้รู้จักมักจี่กับเขาจะไปรบกวนเขาได้ยังไง
“อืม งั้นไม่เป็นไรถ้าย้งรังเกียจไม่อยากให้เราไปส่งเราไม่ฝืนใจก็ได้”โจ้ตอบกลับด้วยเสียงที่หงอยลง หน้าของโจ้เศร้าอย่างเห็นได้ชัดจนย้งยี้รู้สึกผิด
เราไม่ได้รังเกียจโจ้ซักหน่อยเราแค่เกรงใจเพิ่งรู้จักกันจะรบกวนตั้งแต่แรกก็ไม่ดี”
ไม่รบกวนเลยเราเต็มใจ มาเลยขึ้นมาเลยเดี่ยวเราไปส่งย้งเอง”โจ้รีบตบเบาะหลังปุๆอีกครั้ง ย้งกัดปากอย่างชั่งใจเมื่อมองดวงตาที่ส่องแววกระตือรือร้นของโจ้แล้วย้งยี้ก็ได้แต่ยิ้มกว้างจนโจ้แทบจะตาพร่า
น่ารักชิบหายเลย...
“ใส่หมวกกันน็อคด้วยนะ ปลอดภัยไว้ก่อน” โจ้เอาหมวกกันน็อคใส่หัวให้กับย้งช่วยล็อคให้อย่างคล่องแคล่ว ย้งยี้ยิ้มขอบคุณให้กับเพื่อนใหม่
"กอดเอวเราก็ได้นะถ้ากลัวตก”
“อื้อ ไม่เป็นไร อย่าขับเร็วก็พอ”ย้งว่าพลางจับกันตกด้านหลังไว้แน่น โจ้ออกรถพาย้งขับกลับมาส่งจนถึงหน้าบ้านใช้เวลาไม่นาน
“ขอบใจนะโจ้”ย้งยี้เอ่ยขอบคุณเพื่อนใหม่ที่มาส่งถึงหน้าบ้านพลางปลดล็อคสาดรัดคาง
โจ้ เราถอดไม่ออก”ย้งยี้บอกกับเจ้าของหวกเมื่อมันพยายามปลดเท่าไหร่ก็ไม่ออก
"อ่อโทษนะพอดีตัวล็อคมันไม่ค่อยดีเดี๋ยวเราเอาออกให้”โจ้ยื่นมือยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อปลดล็อคหมวกกันน็อคให้พอดีกับที่เล้งถีบรถมอเตอร์ไซค์ของแก้มบุ๋มผ่านมาพอดี ชายหนุ่มขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นโบว์เมื่อเห็นภาพใกล้ชิดเกินจำเป็นระหว่างย้งยี้กับผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้า มองมองจนคอแทบกลับ
“เล้ง”เสียงของแก้มบุ๋มที่ประคองรถร้องเรียกเมื่อมันขับรถเซ เล้งจึงลพสายตาออกจากย้งยี้และโจ้
ในใจของมันเกิดความรู้สึกโหวงๆหัวของมันรู้สึกอุ่นๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
คืนนี้จะต้องเค้นล่ะว่าไอ้หน้าเหมือนสันติสุขตอนหนุ่มๆนั่นมันคือใคร ทำไมต้องยื่นหน้าไปใกล้อีย้งขนาดนั้น!!
................................
โอ๊ะโอ............
#พี่เล้งแซ่บมาก
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ เป็นกำลังใจชั้นดีให้กับคนเขียนมากๆเลยค่ะ