LengZab
ตอนที่ 10
"อาจจะเป็นแค่ความเคยชิน"
#พี่เล้งแซ่บมาก
“พี่เล้ง เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะ”เล้งขมวดคิ้วให้กับโทรศัพท์ทันทีที่อีตัวดีกรอกเสียงมา มันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เพิ่งจะบ่ายสองครึ่งทำไมอีย้งมันถึงโทรมาในเวลาเรียนได้
“ทำไม?”มันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวย้งจะไปดูหนังกับโจ้”
“ไม่ให้ไป”เล้งตอบกลับทันที มันเรื่องอะไรจะไปดูหนังสองต่อสองกับไอ้เด็กที่หน้าเหมือนสันติสุขตอนหนุ่มๆนั่น
“ย้งไม่ได้โทรมาขออนุญาตพี่เล้งนะ ย้งโทรมาบอกพี่เล้งจะได้ไม่ต้องมารับเก้อ”มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงดื้อดึงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เล้งรู้สึกว่าสงครามเย็นระหว่างเล้งกับย้งชักจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่อีตัวดีพยายามเอาตัวออกห่างเขาไม่มาเกาะแกะนัวเนียเหมือนเช่นเคย ไม่หยอดคำหวานชวนเลี่ยนเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอนเหมือนทุกวัน ที่สำคัญมันไม่ยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวมันแบบที่เคยได้ทำเลยซักนิด
“ไม่ให้ไป ถ้าจะดูรอพรุ่งนี้เดี๋ยวกูพาไป”
“แต่ย้งจองตั๋วไว้แล้ว เนี่ยเดี๋ยวไปห้างเลย”
“ย้ง อย่าดื้อกับกู”เล้งที่เริ่มไม่พอใจกดเสียงหนักหวังจะขู่อีตัวดีให้กลัวหากแต่สิ่งที่ย้งยี้ทำคือ
ตู๊ด....ตู๊ด...ตู๊ด....
“แม่งเอ้ย!!”เล้งปาโทรศัพท์ลงบนกระเป๋าเป้จนเจงกับอินที่นั่งลอกรายงานอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง
“อะไรของมึงไอ้เล้ง เครื่องนี้แจ๊ลี่เพิ่งซื้อให้มึงไม่ใช่เหรอจะโยนทำห่าอะไร”เจงหยิบโทรศัพท์ของเล้งขึ้นมาปัดๆแล้ววางลงบนโต๊ะด้วยความเบามือ
“ก็อีย้งน่ะสิ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งริอาจไปดูหนังกับผู้ชายสองต่อสอง”เล้งกระแทกตูดนั่งลงลนเก้าอี้อย่างหงุดหงิด
“แล้วมันผิดตรงไหนอ่ะ?”อินทำหน้าสงสัย
“คือการที่อีย้งมันจะไปไหนมาไหนกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของมันป่าววะ ทำไมมันต้องขออนุญาตหรือต้องคอยฟังมึงด้วยอ่ะเล้ง เป็นอะไรกันเหรอถึงมีสิทธิ์ไปห้าม?”
“นั่นดิ่เล้ง มึงสังเกตตัวเองบ้างป่าว สองวันมานี้เหมือนผู้หญิงที่เป็นวัยทองอ่ะ ฟาดงวงฟาดงาเว่อร์ มันจะไปไหนกับใครก็เรื่องของมันป่าววะ มึงจะไปตามห้ามมันได้ตลอดได้ยังไง เป็นแค่เพื่อนพี่ไม่ได้เป็นผัวเด้อ มึงอย่าลืม”เจงรีบพูดดักหน้าเพราะทุกครั้งที่เล้งหงุดหงิดเรื่องย้งยี้มันชอบยกประโยคว่าเป็นน้องเพื่อนขึ้นมาอ้างเสมอ
เจงกับอินไม่รู้หรอกว่าระหว่างย้งกับเล้งเกิดอะไรขึ้น เขารู้แค่ว่าเล้งมันหงุดหงิดผิดปกติ บ่อยครั้งที่กดโทรหาย้งยี้ยิกๆพอฝ่ายนั้นรับสายช้าหรือไม่รับสายก็โมโห เล้งมันฉลาดทุกเรื่อง งานในอู่ก็ดูแลแทนป๊าของมันได้ เรียนก็ไม่ขี้เหร่เป็นต้นฉบับรายงานให้เพื่อนอีกหลายคน
จะโง่ก็คงจะเป็นเรื่องของอีย้งนี่แหละ โง่จนเพื่อนๆหงุดหงิด เจงกับอินเคยคุยกันว่าที่เล้งไม่ยอมรับหัวใจตัวเองทั้งที่การกระทำทุกอย่างมันก็แสดงออกมาชัดเจนอยู่แล้วว่ารักอีย้งก็เพราะเรื่องเพศ
สมัยนี้แล้วสังคมเปิดมากขึ้น อาจจะโดนนินทาบ้างแต่แถวที่มันอยู่ก็คนรู้จักกันทั้งนั้น ถ้าเล้งกับย้งจะใช้ชีวิตร่วมกันก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไรเลยซักนิดแต่เล้งก็ยังเอาความคิดคร่ำครึนี้กดความรู้สึกของตัวเอง
“พวกมึงนี่แม่ง”เล้งถีบเก้าอี้ใกล้ตัวอย่างหงุดหงิดเมื่อหาคำพูดที่จะไปหักล้างเจงกับอินไม่ได้ คาบต่อไปกินเวลายาวน่านจนหมดชั่วโมงเรียน เล้งพุ่งออกนอกห้องราวลูกธนูจนเจงกับอินตามไม่ทัน
ไม่ได้คิดอะไรแล้วจะหวงทำไมวะ
ปากแข็งจนอยากเอารองเท้านันยางตบให้ปากนิ่มซักที
หมาคาบไปแดกวันไหนอย่ามาร้องไห้คร่ำครวญนะ นอกจากไม่ปลอบแล้วพ่อยังจะด่าซ้ำด้วย
เล้งกดโทรศัพท์หาย้งยี้นับสิบสายแต่รายนั้นไม่รับ มันหงุดหงิด มันพยายามนึกว่าย้งยี้จะไปดูหนังที่ห้างไหน ถ้าเอาจากระยะทางที่ใกล้ที่สุดก็คือห้างที่เล้งพามันไปบ่อยๆ เล้งตัดสินใจลองเสี่ยงขับรถไปที่ห้างนั้น เป็นห้างที่อยู่ระหว่างกลางวิทยาลัยของเล้งกับโรงเรียนของอีย้ง เขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของโรงหนังไปดูโปรแกรมว่าย้งยี้กับไอ้เด็กนั่นน่าจะดูเรื่องไหน ช่วงนี้หนังภาคต่อของซุปเปอร์ฮีโร่ชื่อดังกำลังเข้าฉาย ถ้าเอาตามความคิดไอ้เด็กหน้าเหมือนสันติสุขนั่นน่าจะดูเรื่องนี้ แต่อีตัวดีมันไม่ได้ชอบนี่หว่า
ย้งยี้ไม่ชอบหนังฮีโร่ มันบอกดูแล้วง่วง
ถ้าตามนิสัยขี้เกรงใจคนอื่น((ยกเว้นเกรงใจเล้ง))มันก็คงจะยอมไปดูหนังฮีโร่
แต่ถ้าไอ้หนุ่มนั่นอยากเอาใจอีย้งก็คงจะเป็นหนังไทยที่อีตัวดีมันบอกว่าอยากดูนักหนาเพราะชอบที่พระเอกหล่อ
หนังฮีโร่เข้าโรงไปแล้วตอนบ่ายสามกว่าๆ แต่หนังที่อีตัวดีมันอยากดูฉายตอนสี่โมงครึ่ง เล้งมองนาฬิกาเหลืออีกห้านาทีกว่าหนังจะฉาย มันรีบเดินลิ่วเข้าไปที่หน้าเค้าท์เตอร์บอกชื่อหนังที่ต้องการจะดู กวาดสายตามองที่นั่งที่ถูกซื้อไปแล้วว่ามีใครมาเป็นคู่บ้าง
ถ้าไอ้เด็กนั่นจะจีบอีย้งมันต้องเลือกที่นั่งที่แยกออกจากคนอื่นๆแน่ๆ เล้งกวาดตาดู มีตั้งสามที่ๆนั่งเป็นคู่ มันต้องสุ่มเอาล่ะว่าอีย้งกับไอ้โจ้นั่นจะนั่งตรงไหน ปกติแล้วเวลาเขามาดูหนังกับมันอีย้งชอบนั่งแถวที่ติดทางเดินเพราะจะได้เหยียดขาได้เต็มที่จะลุกออกมาเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องเดินเบียดจนตัวลีบออกมา ดังนั้นเล้งก็เลือกแถวที่ถัดขึ้นไปอีกแถวหนึ่งที่แทบจะไม่มีคนนั่ง มันเลือกที่นั่งหลังเก้าอี้ที่ถูกจองคู่ เมื่อได้ตั๋วแล้วเล้งก็เดินเข้าไปในโซนโรงหนังทันที ผู้คนนั่งกันตามเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้เพราะอีกโรงหนึ่งหนังก็ใกล้ฉายเช่นเดียวกัน เล้งเดินหาที่นั่งในตอนที่ภาพบนจอปรากฏตัวอย่างหนังฝรั่งเรื่องดัง
ซื้อหวยไม่ถูก!! บนโลกนี้นอกจากแม่กับพี่ของอีย้งแล้วก็มีแต่เล้งนี่แหละที่เดาใจมันถูก
มันกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อคู่ที่นั่งด้านหน้าของมันคือเด็กนักเรียน ม.ปลายสองคนที่คุ้นตา
อีตัวดีของมันนั่งดูตัวอย่างหนังอย่างตั้งใจ อีย้งมันชอบดูหนัง ยิ่งหนังเบาสมองมันจะจดลิสต์ไว้ในใจเลยว่ามันอยากดูเรื่องไหนแล้วก็จะมาอ้อนให้เขาพามาดูทุกครั้ง
แต่วันนี้มันเปลี่ยนไป...
ที่นั่งข้างๆแทนที่จะเป็นเขากลับเป็นไอ้หนุ่มคนใหม่ที่เขาเกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกเห็น
ย้งยี้กับโจ้ไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่าที่นั่งด้านหลังมีใครบางคนนั่งมองอยู่ ตัวอย่างหนัง โฆษณากฏข้อห้ามต่างๆจบลงพร้อมเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนถวายความเคารพ เมื่อเพลงจบก็เข้าสู่หนังที่จะฉาย
เล้งดูไม่รู้เรื่อง...
เนื้อหาของหนังไม่เข้าหัวเลยซักนิดเมื่อเห็นภาพโจ้ยื่นหน้ามากระซิบคุยกับย้งยี้จนเหมือนจะหอมแก้มกันอยู่แล้ว เล้งเอาฮู้ดคลุมหัวหยิบหน้ากากอนามัยขึ้นมาปิดบังใบหน้า
มันนั่งจ้องเด็กสองคนตรงหน้าตาทบจะไม่กระพริบ
เล้งกำลังรอจังหวะ เมื่อถึงฉากที่ตลกจนขำเล้งก็ถีบปั่กลงไปที่หลังเบาะของโจ้ โจ้สะดุ้งเฮือกหันขวับกลับไปมองต้นเหตุที่ทำให้หลังของเขาสะเทือนแต่คนด้านหลังกลับตั้งใจดูหนังจนโจ้คิดว่าตัวเองอาจจะรู้สึกไปเองว่าโดนแกล้ง
“มีอะไรเหรอโจ้?”ย้งยี้ที่เห็นท่าทางแปลกๆของโจ้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ มันทำท่าจะหันไปดูแต่โจ้ก็ปฏิเสธออกมาเสียก่อน
“ไม่มีอะไรหรอกสงสัยพี่คนข้างหลังเขาเหยียดขาเลยโดนเบาะโจ้น่ะ”
“อ่อ...งั้นดูหนังต่อนะ”
“อื้อ”โจ้พยักหน้ารับ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองคนข้างหลังอีกรอบแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร
เล้งเหยียดยิ้มภายใต้หน้ากากอนามัยสีดำที่ปกปิดอยู่ครึ่งหน้า
ไอ้โง่ เดี๋ยวพ่อจะถีบให้หลังหักเลยมึง...
และเล้งก็ทำอย่างที่คิดจริงๆ แรกๆแค่อาศัยจังหวะตึ่งโป๊ะของหนัง หลังๆพอหนังได้กลางเรื่องนี่พอโจ้กระซิบกระซาบกับย้งทีเล้งก็ถีบที พอโจ้กับย้งหยิบป๊อปคอร์นจังหวะเดียวกันมือชนกันเล้งก็ถีบทีจนโจ้รู้สึกผิดสังเกตทนไม่ไหว เด็กหนุ่มลุกพรวดหันมายืนมองคนข้างหลังตาขวาง
“นี่ คุณ ผมว่าคุณแกล้งผมแล้วแหละ”ย้งที่นั่งดูหนังอยู่ถึงกับตกใจกับปฏิกริยาของโจ้ อีตัวดีหันกลับมามองคู่กรณีของโจ้ที่นั่งประสานมือไว้กับอกก่อนจะเบิกตาโพลง
ต่อให้เอากระสอบปิดหัวย้งก็จำได้
“พี่เล้ง!!”อีตัวดีรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อคนในโรงเริ่มหันมามองเหตุการณ์ไม่ปกติมันก้มหัวให้สายตาทุกคู่ที่มองมาอย่างขอโทษ เล้งถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นเดินลงมานั่งเก้าอี้ว่างข้างๆย้ง
“พี่เล้งมาได้ยังไงอ่ะ”ย้งยี้มองคนที่นั่งเอนกับเบาะด้วยท่าทางสบายๆอย่างแปลกใจ
“ทำไม ลุงสันติสุขซื้อโรงหนังไว้เหรอทำไมกูจะมาไม่ได้”มันหันไปถามแขวะโจ้
“แล้วนี่แกล้งถีบเบาะโจ้ใช่มั้ย สะเทือนมาถึงย้งเลยนะ”มันทำเสียงเขียวกระซิบดุราวกับแม่เสือที่กำลังขู่ฟ่อๆ
น่ากลัวชิบหาย
น่ากลัวเหมือนลูกแมวอ้วนๆตัวสีส้มๆขู่ฟ่อๆยามโดนแกล้ง
ครึ่งหลังหนังเป็นยังไงย้งยี้ดูไม่รู้เรื่องเลยซักนิดเมื่อเล้งเอาแต่กระซิบถามว่าตัวละครตัวไหนชื่ออะไรทำไมมันต้องทำแบบนั้นแบบนี้บางทีก็ถามเย็นนี้กินอะไรดี ครั้นพอย้งหันไปจะคุยกับโจ้เล้งก็ฉวยเอามือย้งไปกุมไว้เสียดื้อๆ พอหันไปทำตาเขียวใส่เล้งก็อ้างด้วยประโยคโง่ๆว่า
“หนาว ขอจับหน่อย”
ถามว่าเชื่อมั้ย...
ก็เชื่อแหละจ้า เพราะปกติเวลาย้งมาดูหนังกับพี่เล้งย้งจะมีผ้าห่มผืนเล็กๆไว้ให้พี่เล้งด้วยผืนหนึ่ง
เล้งเคยบ่นว่าแอร์ในโรงหนังเย็นเกินยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหนาว
“ก็ไม่น่าตามมามั้ยล่ะผ้าห่มก็ไม่ได้เตรียมมา”มันบ่นคนพี่เบาๆ เล้งกระชับฝ่ามือของมันกับย้งแน่นขึ้น
ไม่อยากปล่อย...
เพราะถ้าหากเล้งปล่อยมือตอนนี้ย้งยี้อาจหลุดลอยไป ย้งยี้ในตอนนี้เหมือนลูกโป่งที่อัดก๊าซมาจนเต็ม ถ้าเขาถือไม่ดีเชือกที่ผูกไว้ระหว่างเขาสองคนก็จะลื่นหลุดแล้วย้งยี้ก็จะลอยหายไปไกลเกินเอื้อมถึง
มันดึงมือที่กอบกุมกันไว้ไปซุกในกระเป๋าเสื้อผสานเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าด้วยกัน อย่างน้อยในตอนนี้เล้งก็ยังอุ่นใจว่าย้งยังอยู่กับมันข้างๆมันในตอนนี้
มันหยุดก่อกวนย้งแล้วยอมนั่งนิ่งๆเมื่ออีตัวดีมันหันมาดุครั้งสุดท้ายจนหนังจบ ย้งยี้ปล่อยมือจากมันเดินตามโจ้ออกมานอกโรงหนัง ทั้งสองคนคุยเกี่ยวกับหนังช่วงที่ย้งยี้ไม่ทันได้ดูเพราะมัวแต่หันไปแยกเขี้ยวกับเล้ง
“เข้าใจเลือกหนังนะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเฟรนด์โซน ก็คงเป็นได้แค่นั้นแหละ”เล้งที่เดินตามมาทีหลังเอ่ยแทรกพร้อมทำปากเบะ โจ้รู้สึกคันเท้ายิบๆแต่ก็เกรงใจย้งยี้จึงทำได้แค่เพียงเงียบไว้ไม่โต้ตอบอะไรกับคนพาล
“โจ้ เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะค่อยลงไปกินข้าวข้างล่าง”ย้งยี้ส่งแก้วน้ำแถะถังป๊อปคอร์นให้โจ้ถือก่อนจะเดินแยกไปเข้าห้องน้ำ เล้งที่ยืนอยู่กับโจ้จึงมีโอกาสได้พูดคุยฉันมิตรกับโจ้เป็นครั้งแรก
“อยากจะเตือนอะไรไว้อย่างนะ อย่าพยายามใกล้อีย้งให้มากนัก”
“ทำไมเหรอพี่?”โจ้แสร้งเลิกคิ้วเอ่ยถามราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เล้งอยากจะสื่อ
“กูว่ากูบอกมึงไปเมื่อวันนั้นแล้วนะ”
“คำพูดลอยๆแบบคนไม่มีสถานะน่ะ ผมไม่นับหรอกนะ”โจ้ยกยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่เล้งเหมือนโดนหมัดฮุก
ทำไมไอ้เด็กนี่มันรู้?
หรือว่าย้งยี้บอกมันถึงสถานะที่ไม่ชัดเจนของมันกับอีย้ง เล้งเหมือนคนที่เดินสะดุดขาตัวเองจนเซแล้วหาหลักยึดไม่ได้ เขาประเมินย้งยี้ต่ำไป
จริงอยู่ที่ตอนนั้นปากเขาจะบอกให้ย้งยี้ลองเปิดใจคบใครใหม่ๆดูบ้างแทนที่จะยึดติดแต่กับเขาคนเดียว แต่นั่นมันไม่จริงเลย ที่เขากล้าพูดแบบนั้นก็เพราะเล้งมั่นใจว่าย้งยี้จะไม่มีใคร
เขาก็แค่คนเห็นแก่ตัวที่ยังอยากเก็บย้งไว้ข้างตัวแต่ก็ยังอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองลองคบกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
แต่พอเอาเข้าจริงตอนที่ย้งมีใครเข้ามากลับกลายเป็นเล้งที่งุ่นง่านหงิดหงิดทนไม่ไหว
เพราะมั่นใจว่าย้งคงไม่มีใครเข้ามา ถึงมีเข้ามาย้งก็คงไม่มองใคร
เขาลืมคิดไปว่าจริงๆแล้วทั้งหน้าตาและนิสัยของย้งนั้นสามารถดึงดูดคนรอบข้างให้มาโคจรรอบๆตัวของมันได้อย่างง่ายดาย
พอคิดได้ว่าตอนนี้ระหว่างเขากับย้งเกิดช่องว่าง เล้งก็โมโห
โมโหทุกอย่าง โมโหที่ย้งยี้ที่มันไม่มั่นคงกับเขาเพียงคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน
ที่สำคัญ เล้งโมโหตัวเอง เล้งไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเล้งกำลังกลัวอะไร
ครอบครัวหรือสังคม
อยากจะรักแต่อีกใจก็บอกว่ามันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ปกติ เกิดเป็นความกระอักกระอ่วนใจในตัวเอง เล้งไม่รู้ว่าถ้าเขายอมรับความสัมพันธ์กับอีย้งแล้ว ป๊าและพี่ๆอีกสองคนจะรับได้มั้ย ไหนจะขี้ปากชาวบ้านอีก
เล้งไม่ได้อยากมีปมด้อยให่ใครมาล้อเลียน การคบเพศเดียวกันนั้นเท่ากับเล้งเอาตัวเองออกไปยืนกลางแจ้งให้คนประณาม
เล้งยอมรับว่าเล้งน่ะคิดเยอะ
เล้งแค่อยากมีเวลาทบทวนให้รอบคอบมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เหมือนย้งยี้พยามร่นเวลาที่เขาต้องการให้สั้นลง
“พี่รู้หรือเปล่า ตอนนี้พี่เหมือนหมาบ้าเลย ไม่ชัดเจนแล้วยังหวงก้างไม่รู้สึกทุเรศตัวเองบ้างเหรอ?”โจ้โยนแก้วน้ำและถังป๊อปคอร์นทิ้งลงถังอย่างไม่ใยดี
“ในเมื่อพี่ไม่ชัดเจน ตอนนี้ก็เท่ากับว่าย้งเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะจีบ คนน่ารักๆแบบนั้นน่ะไม่ควรต้องมาทำหน้าเศร้าเพราะคนเห็นแก่ตัวคนเดียว ผมน่ะไม่ยอมลงให้พี่หรอกนะ ถ้าขี้ขลาดก็หลีกทางไป ไอ้สถานะเพื่อนพี่ชายน่ะมันไม่ได้มีสิทธิ์มากเท่ากับที่พี่มีในทุกวันนี้หรอกนะ ถ้าพี่ดูแลเขาได้แต่ให้สถานะที่ชัดเจนกับเขาไม่ได้ก็หลีกไป สิ่งที่เขาต้องการผมให้เขาได้ทุกอย่างและจะทำให้ดีมากกว่าพี่ด้วย”เด็กหนุ่มเหยียดยิ้มให้เล้งอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านเขาไปราวอากาศธาตุเพื่อไปหาย้งยี้ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ
“คุยอะไรกันเหรอ หน้าเครียดเชียว”ย้งยี้ถามโจ้เมื่อเห็นสีหน้าของเล้งบึ้งตึง
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีโจ้ถามพี่ชายของย้งว่าจะกินอะไรดี ไปกินอาหารญี่ปุ่นกันมั้ย”โจ้เอ่ยถามแต่เล้งที่เดินเข้ามาสมทบรีบบอก
“ย้งไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น มันชอบกินพิซซ่ากับไก่ทอด”
“ไม่เป็นไรกินอาหารญี่ปุ่นก็ได้ ลองอะไรใหม่ๆซะบ้างก็ดีเผื่อจะเจอของชอบอื่นนอกจากของเดิมๆที่เคยกิน”
“แล้วถ้ากินแล้วท้องเสียล่ะ?”เล้งจ้องหน้าจ้องตาอีตัวดีอย่างคาดคั้น
“ก็เปลี่ยนไปกินอย่างอื่นสิ มันต้องมีซักอย่างล่ะที่กินได้”
“มึงกินไอ้ที่เคยกินน่ะดีแล้ว ปลอดภัยแถมเป็นของชอบด้วย”
“บางทีย้งก็คิดนะ ว่าไอ้ของที่กินมาตลอดชีวิตน่ะ”ย้งตวัดสายตาจ้องหน้าเล้งอย่างไม่หลบก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนเล้งใจหาย
” ย้งชอบจริงๆหรือย้งแค่เคยชิน”
........................
ยกที่ 1 ย้งยี้ชนะ