*~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5  (อ่าน 28527 ครั้ง)

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 7 โคตรกั๊ก









"ดาว วันนี้มึงสวยนะ ขิงก็ดูดี"

   

       และแล้ววันเฟรชชี เดย์ก็มาถึง



       ตอนนี้ มันช์ชมดาวที่วันนี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ เธอถักเปียสองข้างเลียนแบบพจมานถือชะลอมมาเป็นพร็อพ ส่วนขิงแต่งตัวดูดีดุจคุณชายจุฑาเทพ เซ็ตผมเรียบแป้ สวมเสื้อสีขาว ใส่สายเอี้ยมคาดเอว กางเกงสีเทาพอดีตัว ดูเหมือนหลุดมาจากสมัยยุคพีเรียด

 

"มึงก็หล่อ มันช์" ดาวบอก แต่มันช์กลอกตายามที่เพื่อนประชด ประชัน เพราะสภาพดาวโจ๊กอย่างมันช์ ต้องมาแต่งตัวดั่งคนใช้ ชุดที่ใส่ ก็สมนาคุณจากรุ่นพี่ที่เตรียมมาให้ ทั้ง เสื้อเชิ้ตสีเหลืองที่ซีดราวกับผ้าขี้ริ้ว กางเกงยีนส์ขาสั้น เหนือเข่าที่ขาดรุ่งริ่ง ไหนจะรองเท้าช้างดาวน์ หนำซ้ำยังพ่วงมาด้วยอุปกรณ์เสริมอย่างกระป๋องนมข้นหลายกระป๋องห้อยท้ายคล้ายช้างที่มีแผ่นซีดีติดอยู่ที่ก้นอย่างไรอย่างนั้น

 

"มึงอยู่เฉย ๆ เถอะ ไอ้ดาว" ดาวบิดตัวไปมาอย่างยียวน จนมันช์สั่นหน้าเบา ๆ ครู่หนึ่ง มันช์หันไปเจอะขิงที่ยืนนิ่ง สีหน้าดูประหม่า มันช์เดินไปแตะไหล่

 

"ตื่นเต้นหรอขิง" มันช์ถามเพราะตอนนี้ พวกเขาอยู่ด้านหลังเวทีกับพวกดาว -เดือน และดาวโจ๊กสาขาอื่น ๆ ที่ยืนซ้อมบทและเตรียมการซ้อมเหมือนกลัวหลงลืม

 

"อื้ม มันช์เป็นกำลังใจให้ขิงด้วยนะ" ขิงเอื้อมไปจับมือมันช์ ก่อนผุดรอยยิ้ม

 

"ได้สิ"

 

"เตรียมตัวเถอะ ตอนนี้นิเทศน์ไปแล้ว ต่อไปก็เราแล้วนะ" ดาวเดินมาบอก เพื่อนทั้งสองที่ยืนให้กำลังใจกัน

 

"อื้ม"

 

     เมื่อคิวของเอกศิลปกรรม ใกล้เข้ามา ดาว มันช์ ขิงก็ยิ่งตื่นเต้นกันใหญ่ที่ต้องออกไปโชว์การแสดงหน้าเวที เพราะไม่รู้ว่าจะได้รับเสียงเชียร์หรือเสียงโห่ไล่กันแน่

 

     ไม่นาน ก็ถึงรอบการแสดงของเอกศิลปกรรม โดยรุ่นพี่กำชับไว้ตั้งแต่ตอนซักซ้อมแล้วว่า ไม่หวังรางวัล เพราะจุดเด่นของศิลปกรรมเน้นสร้างสรรค์ความฮาเท่านั้นก็พอ

 

     เมื่อเพลงจังหวะโจ๊ะ ๆ สไตล์ลูกทุ่งดังขึ้น



~มาทำไมให้อายบ้านนา นวลน้อง~



         ดาว มันช์ และขิง ยืนท้าวสะเอว บิดสะโพกไปทางเดียวกัน ก่อนที่ทุกคนจะพร้อมใจเต้นท่ารั่ว ฮา หน้านิ่งอย่างไม่หลงเหลือความอาย

 

~ไปหาข้างหน้าดีกว่าคนสวย~

 

       ทั้งห้องประชุมส่งเสียงกรี้ด ผิวปาก รวมไปถึงเสียงหัวเราะลั่นโถงประชุมที่ไม่มีใครคาดคิดว่า เดือนและดาวของศิลปกรรมจะร่วมเน้นสร้างเสียงฮากับเขาด้วย เพราะโดยปกติ ดาวและเดือนที่ขึ้นมาโชว์การแสดงจะเน้นร้องเพลงและเล่นกีต้าร์มากกว่าจะร่วมวงกับดาวโจ๊ก



        มันช์ ดาว และขิง ยิ่งฮึกเหิม ยามที่เห็นรุ่นพี่ปีสูงเอกศิลปกรรมทุกชั้นปีที่ยอมโดดเรียนมาส่งเสียงเชียร์พร้อมให้กำลังใจกับรุ่นน้องกันเต็มหน้าเวที

 

        กระทั่ง เต้นจนจบเพลง ทั้งสามมายืนรวมตัวกัน เพื่อรับดอกกุหลาบจากหลากหลายสาขาวิชาที่ชื่นชอบการแสดงของพวกเขา

 

"วี้ดวิ้ววววว ฮิ้วววว"



"ขอเสียงปรบมือให้กับการแสดงของน้องเฟรชชี่สาขาศิลปกรรมด้วยครับ แหม่...นับว่าเป็นอีกหนึ่งสาขาที่คงเส้นคงวากับคอนเซ็ปความฮาไม่เคยเปลี่ยนแปลงจริง ๆ สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกปีเลยนะครับเนี่ย"

 

       หลังจากนั้น พิธีกรยังคงพูดต่อตามบทสคริปต์อีกนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยให้เอกศิลปกรรมเดินลงจากเวที แล้วเชิญนิติศาสตร์ขึ้นมาแสดงเป็นลำดับถัดไป



        พวกมันช์ ดาว ขิง นั่งหลังเวทีด้วยความหอบเหนื่อย แต่ทั้งสามก็เริ่มอาย ๆ เมื่อเด็กรุ่นเดียวกัน ทั้งมอง ทั้งยิ้ม บ้างก็เดินมาชื่นชมกันใหญ่

 

"ชอบนายเต้นว่ะ ชื่ออะไร? เราชื่อโฟล์ค อยู่เอกดนตรี" และแล้ว มันช์ก็ตกใจ ที่มีคนปรี่เข้ามาทักทายมันช์เสียงดัง



"เอ่อ เราชื่อมันช์" มันช์ปั้นหน้าไม่ถูกได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ

 

"เจ๋งว่ะ เต้นไม่ห่วงหล่อ ห่วงสวยกันเลย อะ ดื่มน้ำก่อน"

 

     มันช์ชะงัก ตอนที่อีกฝ่ายยื่นขวดน้ำดื่มมาให้เขาเพียงคนเดียว  มันช์เหลือบมองดาวที่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้ ก่อนที่ดาวจะลากขิงหนีออกไป เหมือนอยากให้มันช์ได้ความเป็นส่วนตัว

 

"ขอบใจ"

 

"ไม่เป็นไร เออ เราขอเบอร์หน่อยดิ อยากรู้จักอะ?"

 

"กูไม่ให้ มีอะไรไหม?" มันช์มั่นใจว่าเขายังไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่เสียงที่เอ่ยประโยคนั้นเป็นของพี่เติร์ก ยามที่มันช์หันไปเห็นคนที่เดินดุ่ม ๆ ตรงมาทางนี้

 

"พี่เติร์ก หวัดดี"

 

        มันช์ตกใจคูณสองที่ไม่ยักกะรู้ว่า เดือนเอกดนตรีจะรู้จักพี่เติร์กด้วย

 

"มึงมายุ่งอะไรกับเด็กกู"

 

กึก

 

        กายร้อนวูบวาบ หัวใจก็เกิดอาการสั่นหวั่นไหว ไม่คิดว่าประโยคแสนธรรมดาจะมีอิทธิพลต่อหัวใจโดยตรงได้ถึงเพียงนี้  มันช์หลบตาพี่เติร์กแต่มองหน้าโฟล์คที่มองมาอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปหาพี่เติร์กด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม

 

"เด็กพี่? เขาเป็นแฟนพี่หรอวะ?" ดูจากท่าทางแล้ว โฟล์คคงไม่ได้แค่รู้จักพี่เติร์กผิวเผิน แต่น่าจะรู้จักมาสักระยะแล้ว ถึงพูดจาสนิทสนมกันขนาดนั้น

 

"เปล่า กูหมายถึงมึงน่ะมายุ่งอะไรกับเด็กในเอกกู"

 

       ความรู้สึกใจเต้นแรงในตอนแรกสลายหายวับในฉับพลัน ยามที่พี่เติร์กขยายความกับประโยคต่อมา มันช์อุตส่าห์คิดว่าพี่เติร์กคงมีใจให้ แต่สุดท้าย มันช์ก็แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ



"เป็นเจ้าของเอกเหรอ กูจะยุ่งกับใครไม่ได้เลยหรือไงวะพี่เติร์ก?"



"เออ ที่มึงเข้าใจน่ะถูกแล้ว ฉะนั้นอย่ายุ่งกับคนในเอกกู"



"โคตรกั๊ก! เบื่อ ไปล่ะ ไว้ค่อยไปป่วนที่เอก"

 

"มึงเรียนศิลปกรรมรึไง ทำไมต้องมา"

 

"ไม่ได้เรียน แต่พี่กูเรียนเว้ย"

 

        ประโยคส่งท้าย คือการเฉลยให้ความสงสัยได้คลาย พอโฟล์คเดินหายไปจากลานสายตา มันช์ถามพี่เติร์ก

 

"โฟล์คเป็นน้องของพี่คนไหนหรอครับ?" มันช์ถามพี่เติร์ก

 

"ไอ้ป๋อ"

 

"อ๋อ" อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ทำไมโฟล์คถึงสามารถคุยเล่นกับพี่เติร์กได้อย่างไม่เกรงกลัว

 

"สนิทกัน เพราะเจอมันตั้งแต่มันยังไม่เข้ามาเรียนที่นี่" พอพี่เติร์กบอกอย่างนั้น มันช์ถึงพยักหน้าเอออออย่างเข้าใจ

 

"แล้วพี่มาทำไมหรอครับ?" เมื่อเรื่องที่คาใจได้คำตอบ มันช์จึงถามคนที่อยู่ดี ๆ ก็เดินมาหลังเวที

 

"ไม่มีอะไร แค่มาดูความเรียบร้อย ไปละ"

 

     มาไม่ถึงห้านาที พี่เติร์กจะกลับแล้ว?



"ห๊ะ!" มันช์ยืนงงที่พี่เติร์กตอบแบบนั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม  มันช์เกาศรีษะแกรก  ๆ ก้าวยาว ๆ ไปหาขิงและดาวที่ยืนอยู่อีกที่

 

"เป็นอะไร?" มันช์ถามทันทีที่เห็นดาวหน้าบึ้งเป็นตูด

 

"งอนพี่เติร์ก อะไรวะ เดินผ่านหน้าพวกกูไปเฉยเลย แล้วทักมึงคนเดียว?" ดาวบอกด้วยอาการหงุดหงิด มันช์รู้ว่าเธอไม่ได้งอนจริงจังหรอก แต่ลึก ๆ ก็คงแอบน้อยใจที่คนที่เธออุตส่าห์ยกให้เป็นพี่ชาย ไม่ทักทายกันสักคำ



"มึงชอบพี่เติร์กหรอดาว ดูมึงสังเกตเขา" มันช์ถามดาวที่ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้สังเกตการณ์ เฝ้าจับตามองพี่เติร์กอยู่ตลอด

 

"กูไม่ได้ชอบพี่เติร์ก แต่กูชอบดูเวลาที่พี่เติร์กอยู่กับมึง"

 

กึก



      มันช์รู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดดาว มันไม่ใช่รู้สึกไม่ดี แต่มันรู้สึกดีมาก ๆ ต่างหาก

 

"กูว่าพี่เติร์กสนใจมึงนะ"


 

    ราวกับเท้าไม่ติดพื้น มันช์รู้สึกตัวลอย วูบหวิวที่ดาวบอกมาอย่างนั้น

 

"ไม่ม้างงงง" มันช์รีบปฏิเสธอย่างถ่อมตัว และข่มอาการดีใจไว้ข้างใน เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นแค่การคาดเดาจากคนอื่น ไม่ได้ออกมาจากปากพี่เติร์กเองสักหน่อย ดังนั้น มันช์ก็ไม่อยากดีใจเก้อ




"ก็ไม่รู้ว่ะ เอ้ ว่าแต่พี่เติร์กถือดอกกุหลาบมาทำไม กูไม่เห็นแกจะให้ใครเลยสักคน?"



"จริงเหรอ?" มันช์ไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่เติร์กถือดอกกุหลาบติดมือมาด้วย อาจเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นในความสัมพันธ์ระหว่างพี่โฟล์คกับพี่เติร์ก ดึงความสนใจมันช์ได้มากกว่า



"อืมสิ เอ้!! หรือพี่เติร์กถือดอกกุหลาบมาให้มึงน้า แต่คงเขิน เลยไม่กล้าให้"



"มึงนี่ เพ้อนะดาว ไร้สาระ" มันช์บอกดาวยามที่หญิงสาวยิ้มกว้างพลางเอาไหล่มาถูแขน มันช์ส่ายหน้าระอาเพื่อน ก่อนจะเบนความสนใจไปหาขิง แต่เพียงแค่มันช์หันไปก็ชะงัก ยามที่เห็นขิงทำหน้าไม่พอใจ พอมันช์จะเอ่ยปากถามว่าเป็นอะไร ขิงก็เดินหนีไปทางอื่น

.

.

.

.

"วันนี้ เอกมึงอย่างฮาอะ"



"หรอวะ กูน่ะ อายฉิบหาย" มันช์บอกแบงค์



     ตอนนี้ ทั้งสองมานั่งดื่มกันที่ร้านเดิม หลังจากวันนี้ ที่ทางมหา ฯ ลัยได้จัดกิจกรรมเฟรชชีเดย์และผลประกาศก็เป็นไปตามคาดที่เอกศิลปกรรมไม่ได้สักรางวัล แต่ไม่มีใครเสียใจ เพราะนั่น ก็คือวัตถุประสงค์หลักของรุ่นพี่ ที่เน้นความฮา การันตีได้จากเสียงหัวเราะที่ดังลั่นหอประชุม



"เชื่อกู พรุ่งนี้ มึงดังแน่ ขนาดคนที่นั่งข้าง ๆ กู แม่งพูดถึงแต่มึง"



"จริงหรอวะ"



"จริง"



     ยอมรับว่าก่อนขึ้นเวที พวกมันช์ค่อนข้างกดดัน แต่พอได้แสดงออกแบบนั้น รู้สึกโล่งเหมือนได้ปลดปล่อยความกลัวและแสดงความกล้าออกมา จนถึงตอนนี้ มันช์คิดว่า ถ้าจะให้เต้นท่ารั่ว ๆ ฮา ๆ ที่โรงอาหารเขาก็ไม่อายแล้ว



      มันช์หัวเราะ ก่อนจะกวาดตามองร้านที่คึกคักและเต็มไปด้วยนักศึกษา และเท่าที่มันช์มาหลายครั้ง ไม่เคยมีโต๊ะว่างให้เห็นเลย



"เฮ้ย นายคนที่เป็นดาวโจ๊กนี่"



    มันช์ชะงักยามที่มีคนไม่รู้จักมาทัก และมาขอชนแก้วด้วย มันช์ยื่นแก้วไปชนตามมารยาท และนักศึกษาต่างสาขาคนนั้นก็ชื่นชมไม่ขาดปาก หลังจากที่เขาที่เดินกลับไปนั่งแล้ว แบงค์ก็ทำหน้าทำนองว่า เป็นไงล่ะ เชื่อกูหรือยัง?



"บอกแล้วว่ามึงต้องดัง"



     มันช์เงียบ ไม่เถียงเพื่อน เพราะเขาก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีคนชมชอบ เพราะสถานะที่ตัวเองเป็นนั้น ไม่ใช่ เดือนเอก แต่มันช์ คือ ดาวโจ๊ก



"อ้าว ไอ้น้องปีหนึ่งนี่" เสียงดังมาก่อนจะปรากฏตัว มันช์จึงหันไปดูว่าใครเรียกเขาแบบนั้น



"อ้าวสวัสดีครับพี่ป๋อ พี่เติร์ก" มันช์ยกมือไหว้ ทักทายอย่างแปลกใจที่เห็นพี่ ๆ เดินมาในร้านเหล้าแค่สองคน โดยปกติ ที่เคยเห็น พวกพี่ชอบมากันเป็นหมู่คณะ



"มาแค่สองคน?" ป๋อถามมันช์พลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย



"ครับ" ฟากมันช์รับคำ ก่อนจะหันไปเหลือบมองพี่เติร์กที่ยืนอยู่ข้างหลัง



"พี่ป๋อมาดื่มเหมือนกันหรอครับ"



"เออ ก่อนหน้าก็กินกันมาแล้วล่ะ แต่พวกเพื่อนคนอื่นแม่งจะไปต่อกับพวกพี่เต็นที่ร้านหน้ามอ พี่ไม่ค่อยชอบร้านนั้น มีเรื่องกันบ่อย เลยมาที่นี่"



"อ้อครับ"



"นั่งด้วยดิ" มันช์เห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่เอกซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จึงไม่ขัดศรัทธา รีบเชื้อเชิญให้พี่เติร์ก พี่ป๋อ ได้นั่ง



"ได้ครับ" 



      เมื่อรุ่นพี่ปีสามจับจองที่นั่งกันได้เรียบร้อย มันช์ก็แนะนำแบงค์ให้พี่ทั้งสองได้รู้จัก



      พี่ป๋อกวักมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่ม  กระทั่งพนักงานคล้อยหลังไป พี่ป๋อหันมามองเติร์กที่จ้องเพื่อนมันช์ตาไม่กระพริบ



"สัดเติร์ก จ้องน้องแบบนั้น เดี๋ยวมันก็กลัวหรอก" ป๋อทักเพื่อน จนมันช์ที่มัวแต่ก้มหน้า ก้มตาดื่ม ชำเลืองมองพี่เติร์กที่เป็นอย่างที่พี่ป๋อว่าไว้จริง ๆ



"แบงค์?" เติร์กเปรยออกมาเหมือนพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ



"ครับ" แบงค์นึกว่าพี่เขาเรียกจึงขานรับพลางยิ้มมุมปาก



     ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเป็นปม เติร์กไม่ชอบเลยเวลาที่เจออะไรทำให้สมองต้องทำงานหนักในการหาคำตอบ ยามนี้ ใบหน้าของเติร์กเต็มไปด้วยคำถาม



"ทำไมหน้าโคตรคุ้นเลยวะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน" เติร์กถาม



"พี่เติร์กจำได้ โอ้ยสัด เจ็บ!" แบงค์เบิกตาโพลงราวกับดีใจที่พี่เติร์กจำได้ แต่ทว่า เพียงแค่แบงค์จะพูดความจริง มันช์ก็กระทืบเท้าเพื่อนเต็มแรง



     มันช์หลิ่วตาหาเพื่อน ฟากเติร์กไม่ได้สังเกตและเพราะยังคาใจจึงถามต่อ



"จบจากที่ไหนมา?"



"อ้าว เฮีย มานี่ไม่บอกกูเลยนะ"



    มันช์พรูลมหายใจออกมาทางปาก ยามที่มีคนมากู้สถานการณ์ไว้ได้ทัน ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมใจเงยหน้าไปมองคนมาใหม่



"แล้วทำไมกูต้องรายงานมึงวะ มึงเป็นพ่อกูหรือไง ไอ้โฟล์ค" โฟล์คยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพี่เติร์กและพี่ชายตัวเอง ก่อนจะชะงัก เมื่อหันไปเจอมันช์ โฟล์คยิ้มกว้างทันที



"นั่งด้วย" มันช์ตกใจยามที่โฟล์คทิ้งตัวลงมานั่งเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกัน



     'สนิทกันตั้งแต่ตอนไหนวะ'



      มันช์พูดในใจ ไม่คิดว่า โฟล์คจะทำตัวเนียนได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง มันช์ก็เพิ่งเจอโฟล์ควันนี้ วันแรก




"มึงไปนั่งกับเพื่อนมึงสิวะ" ป๋อดุน้องชาย ยามที่กวาดสายตาไปปะทะกับพวกเพื่อนโฟล์คที่บางคนก็คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี



"ไม่เอา โต๊ะนี้ มีคนน่าสนใจกว่า" โฟล์คยิ้มพลางยักคิ้วยียวน ในขณะที่ยังนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับมันช์ จนเจ้าของเก้าอี้ในตอนแรกต้องยอมกระเถิบจนจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว



"ไอ้โฟล์ค มึงกลับไปนั่งโต๊ะมึง เดี๋ยวนี้!" พี่เติร์กบอกเสียงเข้ม แต่โฟล์คก็ไม่กลัว ยังคงงอแง ทำตัวเป็นเด็กขี้ฟ้อง



"เนี่ย เฮียดูเพื่อนเฮียดิ โคตรกั๊กคนในเอกเลยว่ะ กูขอเบอร์ไอ้คนนี้ แม่งห้ามกูเฉยเลยอะ" โฟล์คทำหน้างอพลางบ่นให้พี่ชายตัวเองฟัง ทั้งยังชี้นิ้วมาที่มันช์ สื่อเป็นนัย ๆ ให้รู้ว่า 'ไอ้คนนี้' ที่โฟล์คว่า ก็คือ มันช์นั่นแหละ ส่วนป๋อยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยักไหล่อย่างไม่แคร์



"ฟ้องกูก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี เพราะกูเข้าข้างเพื่อนกู"



"เอ้อออ สัดเฮียจำไว้เลยนะ กูจะไปฟ้องพี่ที่เอก ว่าต่อจากนี้ ห้ามเด็กศิลปกรรมไปจีบเอกดนตรีเด็ดขาด"



    เนื่องจากสองสาขานี้ เป็นดั่งสาขาแห่งพันธมิตรที่ซี้กันมาทุกรุ่น ดังนั้น คนที่เรียนทั้งสองสาขานี้ จึงรู้กันดีว่าการแซวแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก



    ตอนนี้ คนที่เคยเป็นเจ้าของโต๊ะกลับกลายเป็นคนเด๋อด๋ามองหน้ากันอย่างงง ๆ  เมื่อบทสนทนามีแต่เรื่องโฟล์คกับเรื่องพี่เติร์ก



"รำคาญน้องมึงฉิบหาย ไล่มันไปไกล ๆ ดิ้ ไอ้ป๋อ" เติร์กว่าอย่างนั้น ก่อนจะลุกพรวดแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำ



"โฟล์ค มึงจะกลับดี ๆ หรืออยากกลับไปพร้อมรอยตีนกู" ป๋อเลิกคิ้วมองน้องชาย



"เฮียถามจริงเหอะ กูน้องเฮียปะเนี่ย แม่ง!" โฟล์คลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิด หมุนตัวกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง ปล่อยให้มันช์และแบงค์นั่งทำตาปริบ ๆ


   ..............................................

พี่เติร์กกำลังจะเผยตัวตนออกมาแล้วค่ะ แล้วระวังจะหลงรักพี่แกนะคะ
:z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :impress2: :impress2: :impress2:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2019 22:04:51 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่เติร์กเริ่มหึงออกนอกหน้า

แต่นะ...มันต้องมีเหตุการณ์อะไรในอดีตแน่ ๆ เลย   ทำไมจำไม่ได้แค่คุ้น ๆ หน้าเนี่ย

สงสัยต้องมีอุบัติเหตุที่ทำให้สมองกระทบกระเทือน ความทรงจำหล่นหายไปบางช่วงหรือเปล่าหว่า?

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่เตริ์กหน้ามึนอ่ะ 555  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อิพี่โคตรกั๊กอ่ะ
จัดให้หนักกว่านี้เลยโฟลค เราเชียร์
อยากเห็นคนดิ้นๆๆๆ
 :hao7:
แล้วเหมือนเพิ่งจำแบงค์ได้
แสดงว่าความทรงจำเกี่ยวกับน้องมันช์นี่หายไปไหนอ่า
โหง่ยยยยย อยากอ่านต่อ
กดไลค์ด้วยบวกรัวๆ ขอบคุณ
 :mew1:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง







"ไว้ว่าง ๆ มึงก็มานั่งเล่นที่เอกกูได้นะ ไอ้แบงค์"

"โอเคครับพี่ ไว้ว่าง ๆ ผมจะไปนะ"


     พอเหล้าเข้าปาก ความสนิทสนมก็เริ่มเพิ่มขึ้น จนตอนนี้ เด็กนิเทศน์อย่างแบงค์กำลังชวนพี่ป๋อคุยอย่างออกรสชาติ และโฟล์คก็เพิ่งเดินเมากลับไปยังโต๊ะของตัวเองหลังจากที่นั่งป่วนประสาทพี่เติร์กอยู่นานสองนาน


      ในตอนแรกที่มานั่งดื่มที่นี่ ความจริงมันช์อยากเมาจึงนัดแบงค์มาดื่ม เพราะอย่างน้อยพรุ่งนี้วันเสาร์เขาก็นอนตื่นสายได้ แต่กลายเป็นว่าตั้งแต่มีพี่เติร์กและพี่ป๋อมาขอนั่งร่วมโต๊ะ มันช์ก็ได้แต่จิบเบียร์ไม่กล้ากินเมามาย แต่ดูเหมือนว่าพี่เติร์กกับพี่ป๋อจะซัดไม่ยั้ง ครู่หนึ่ง มันช์เหลือบมองพี่เติร์กที่เงียบผิดปกติจึงเอ่ยถาม


"พี่เติร์กเมาแล้วเหรอครับ?"

"กูเมาไม่เมาแล้วจะทำไม?" มันช์ชะงักมองคนที่ตอบเสียงแข็งเหมือนยียวน


    'ถามดี ๆ ทำไมต้องตอบกวนประสาทกันด้วย'


"ก็แค่อยากรู้นี่ครับ"


"แค่อยากรู้?  กูก็นึกว่า มึงถามเพราะเป็นห่วงกู"



    พี่เติร์กตอบแบบนั้น ทำให้มันช์และแบงค์ต่างมองหน้ากันว่า พี่เติร์กต้องการจะสื่ออะไร


"ก็เป็นห่วงด้วย กลัวพี่กลับบ้านไม่ได้ ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" มันช์รีบลุกไปเข้าห้องน้ำ เพราะใจเต้นแรงเกินไป จนมันช์ไม่กล้าสู้หน้า เมื่อเห็นสายตาพี่เติร์กที่จ้องมองจนกลัวหลุดพิรุธ


     มันช์ไม่ได้เข้าห้องน้ำ เขาแค่เดินมาหลบมุมทำใจ ยิ่งได้อยู่ใกล้ มันช์ก็ยิ่งชอบพี่เติร์กมากขึ้นทุกวี่วัน มันช์ยืนพิงกำแพงครุ่นคิดเรื่องตัวเองสักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ 


"อ้าวไอ้แบงค์ พี่ป๋ออะ" มันช์ถาม ยามที่เดินมาที่โต๊ะก็ไม่พบพี่ป๋อ เห็นแต่พี่เติร์กนอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

"พี่เขาบอกเพื่อนมีเรื่องหน้ามอ เลยไปช่วย"

"ห้ะ? จริงดิ แล้วพี่เติร์กอะ ไม่ไปหรอ?"


"แล้วมึงเห็นสภาพไหมละ?"
   

   แบงค์เชิดหน้าให้ดูสภาพอีกฝ่ายที่ฟุบหลับราวกับคนตาย


"แล้วพี่เขาจะกลับยังไงวะ?"


    แบงค์ยิ้มกรุ้มกริ่มมองเพื่อน


"โอกาสมาถึงแล้ว  มึงควรพาเขาขึ้นห้อง"

"บ้า"

"กูพูดจริง พี่เติร์กยังไม่มีแฟน แอบถามให้แล้ว ลุยเลยเพื่อน"


"พี่เติร์กครับ พี่เติร์ก" มันช์ทั้งเรียก ทั้งเขย่าแขน แต่พี่เติร์กก็แค่ส่งเสียงครางในลำคอ มันช์ชำเลืองมองเพื่อน ก่อนจะนั่งนิ่งว่าเขาควรจะทำอย่างไร ระหว่างพาพี่เติร์กกลับบ้าน หรือพาขึ้นห้องของเขาเองที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเหล้า
.
.
.
.

"ยิ้มเชี่ยอะไร?" มันช์ถาม หลังจากที่แบกพี่เติร์กขึ้นห้องจนหอบแฮ่ก ๆ มันช์และแบงค์ทั้งเหนื่อย ทั้งร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งสองหยุดพักตั้งหลักอยู่หน้าบานประตูห้องพัก


"เปล้าา!!" แบงค์เสียงสูงพลางอมยิ้มที่เห็นเพื่อนได้ใกล้คนที่ชอบอีกก้าว


"เหนื่อยฉิบ"


     เมื่อเรียกพลังกลับคืนมาได้ ทั้งสองก็ประคองพี่เติร์กที่เดินโซซัด โซเซเข้ามาในห้องของมันช์


"ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับมึง โชคดีนะไอ้มันช์" แบงค์ส่งยิ้มล้อเลียน ก่อนจะแยกไปห้องตัวเอง


     มันช์ด่าเพื่อนไม่ออกเสียง ทิ้งตัวลงนั่งสักพัก ก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบตัวพี่เติร์กลวก ๆ ก่อนจะไปอาบน้ำให้คลายร้อนลงบ้าง


     ผ่านไประยะหนึ่ง ถึงเดินออกมาจากห้องน้ำมองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง รู้ราว


    เหมือนความฝัน ไม่คิดว่า คนที่มันช์แอบชอบจะมาอยู่ในห้องเดียวกัน มันช์มองพี่เติร์กที่เมาหมดสภาพ ผุดรอยยิ้มบางเบา และไล้มือไปตามโครงหน้าของพี่เติร์ก มันช์ชักมือกลับด้วยอาการตื่นเต้นที่พี่เติร์กได้อยู่กับเขาตอนนี้ มันพิเศษอย่างเหลือเชื่อ มันช์ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้กลับมาเจอพี่เติร์กอีกครั้ง เขาน้ำตาคลอเพราะตื้นตันใจที่ได้อยู่ใกช้กับพี่เติรฺก มันช์โน้มตัวไปเรียกอีกฝ่าย


"พี่เติร์กครับ พี่เติร์ก" เมื่อเรียกแล้วไม่ตื่น มันช์ก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบใช้หลังมือปาดหยาดน้ำใสไล่ออกไป


"ผมดีใจว่ะพี่"



     มันช์ยื่นมือสั่น ๆ ไปจับมือพี่เติร์ก เขาได้สัมผัสตัวเป็น ๆ ของพี่เติร์กอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่า นับวัน ๆ  คนที่เคยห่างหายกันไปนานจะได้มีวันกลับมาพบกันอีกแถมยังใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อย ๆ


       แหละ  ตั้งแต่ที่มันช์ผิดหวังจากพี่เติร์ก เขาไม่เคยมีแฟนอีกเลย ดังนั้น การจูบ การกอดในเชิงรักใคร่ มันช์แทบไม่เคยได้รู้จัก


        ดังนั้น การได้อยู่กับคนที่มันช์ชอบตอนนี้ มันช์ก็อยากลอง


        'ผมอยากจูบพี่'



       มันช์รู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ และมันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลอง ยามที่พี่เติร์กไม่รู้สึกตัว มันช์ตื่นเต้นเหลือเกินที่คิดจะขโมยจูบอีกฝ่าย นั่งมองริมฝีปากที่เผยอนิด ๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนลึก ผ่อนลมหายใจออกมา


       มันช์ไม่รู้หรอกว่า จูบ ต้องทำยังไง แต่การฉวยโอกาสตอนพี่เขาเผลอได้ลองบทเรียนใหม่มันก็ดีเหมือนกัน วินาทีนั้น มันช์ก้มลงไปประทับจูบบนริมฝีปากอุ่น ๆ ของอีกฝ่าย

 

ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก 


       มันช์ใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ยามที่ได้จูบปากพี่เติร์กครั้งแรก แม้สัมผัสบางเบา แต่แค่นี้ก็ทำเขาติดใจ


"ผมแม่งขี้ขลาดไม่เคยเปลี่ยนเลย ผมได้แค่เก่งแต่ลับหลัง"


     มันช์รู้สึกดีมากตอนที่ริมฝีปากของตัวเองได้แตะปากอีกฝ่าย เสมือนได้ดื่มน้ำมหัศจรรย์ เพราะหลังจากประทับริมฝีปากลงบนปากอีกฝ่ายนั้น มันทำให้มันช์รู้สึกวูบวาบทั่วกาย คล้ายร่างกายได้ผลิตสารแห่งความสุข มันช์ผุดรอยยิ้มกว้างอย่างคนตกอยู่ในห้วงของความรัก



      มันช์ติดใจในความนุ่มหยุ่น อุ่น ๆ จากริมฝีปากของคนที่เขารัก มันช์อยากสัมผัสอีกจึงก้มลงไปจูบอีกครั้ง คราวนี้ เขาลองใช้ลิ้นเลียริมฝีปากและพยายามจะสอดเข้าไปข้างในโพรงปากอีกฝ่ายแต่ไม่เป็นผล มันช์กลัวพี่เติร์กจะรู้สึกตัวเสียก่อน จึงผละมามองคนที่นอนนิ่งราวกับเป็นตุ๊กตาประดับเตียง



       'ได้แค่นี้ ก็มากเกินพอแล้วล่ะ'

     
        มันช์พูดคนเดียว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลับบนเตียงเดียวกัน

 
        จวนเคลิ้มหลับ มันช์กลับได้ยินเสียงปึงปัง เขารีบเด้งตัวลุกมานั่งอย่างงัวเงีย


ชู่ววววววววว์


        เสียงน้ำไหลจากที่ไหนสักแห่ง มันช์รีบลุกไปเปิดไฟก็ต้องตกใจ



"เชี่ยเอ้ย พี่เติร์ก" มันช์ตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ เมื่อเห็นพี่เติร์กยืนฉี่รดตู้เสื้อผ้า มือหนึ่งยันบานตู้เสื้อผ้า มือหนึ่งจับน้องชายของตัวเอง


        มันช์รีบลุกไปประคองอีกฝ่ายที่ยืนโอนเอน เหมือนดอกหญ้าที่ลู่ไปตามแรงลม มันช์ต้องรีบสอดมือเข้าไปสวมกอดเพื่อรับน้ำหนักกันอีกฝ่ายร่วงลงพื้น ก่อนจะพาร่างพี่เติร์กมานั่งปลายเตียง และรีบวิ่งไปหาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดปัสสาวะที่เจิ่งนองพื้น


      ภายใต้ความหล่อ ดูเท่แสนเท่ บัดนี้ หายไปในพริบตา มันช์บ่นพึมพำลำพังยามที่พี่เติร์กนอนสิ้นสภาพแผ่หราบนเตียง
.
.
.
.
"กูมาอยู่นี่ได้ไงวะ?"


      ในยามสิบเอ็ดโมงของวันใหม่ เติร์กลืมตามองเพดาน ก่อนจะพลิกตัวตะแคงข้าง แล้วตกใจเห็นมันช์นั่งที่พื้นพิงตู้เสื้อผ้า



"ก็เพราะพี่เมามากไง เมื่อคืนพี่ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม?" มันช์ต่อว่า ยามที่หลังจากเมื่อคืนที่มันช์ทำความสะอาดพื้นจากคนที่ฉี่เรี่ยราด มันช์ก็ต้องมานอนที่พื้นข้างเตียง เพราะพี่เติร์กนอนกินที่จนเขาไม่สามารถหลับบนเตียงได้


"ทำอะไร? กูได้มึงแล้วหรอ?'


"จะบ้าเหรอพี่ มะ...ไม่ใช่" มันช์หน้าแดงหลุบตาลงต่ำก่อนจะว่าพี่เติร์กกลับอีกหน


"พี่ฉี่รดตู้เสื้อผ้าผม"


"ห๊ะ!" เติร์กตาโต เหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน


"มันคือเรื่องจริง แล้วผมต้องมานั่งเช็ดแทบไม่ได้หลับได้นอน"


"พูดแบบนี้จะให้กูไถ่โทษ?"


"เปล่าสักหน่อย ก็แค่บ่น" มันช์หน้างอ มองพี่เติร์กที่ค่อย ๆ หย่อนขาลงจากเตียง โน้มตัวมาหามันช์ที่เงยหน้ามอง



"เดี๋ยวพาไปเลี้ยงหนัง กินบุฟเฟต์ พอใจรึยัง?"


"เลี้ยงจริงหรอ?" คนที่อยากกินของฟรีตาโตทันที


"อืมถ้าสบายใจแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อย กูจะอาบน้ำ" เติร์กเห็นหน้ามันช์ดูเปลี่ยนไปจากตอนแรกก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

"ผมไม่มีผืนใหม่ มีแต่ของผม"

"เออก็เอาของมึงมาใช้นั่นแหละ"


 "แต่..." มันช์หน้าแดงที่เมื่อรู้ว่าพี่เติร์กจะใช้ผ้าขนหนูผืนเดียวกัน


"อย่าเรื่องมากได้ไหม กูปวดหัว"  เติร์กดุมันช์จนอีกฝ่ายหน้างอ ก่อนจะลุกขึ้นยืนไปคว้าผ้าขนหนูที่ตากไว้ที่ระเบียง เอามันมาให้พี่เติร์ก
.
.
.
.
      มันช์มองพี่เติร์กที่อาบน้ำเสร็จ ใส่เสื้อผ้าตัวเดิม

"พี่โอเคใช่ไหม?" มันช์ถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าพี่เติร์กหน้าซีด และสภาพเหมือนยังไม่ใช่คนปกติดี

"โอเค เรื่องอะไร?"


"พี่ยังแฮงค์รึเปล่า?"


"ก็นิดนึง"
     

       มันช์ยืนนิ่งนึกคำพูดที่แบงค์บอก ก่อนจะยื่นข้อเสนอ
 

"พี่จะนอนพักก่อนไหม แล้วตอนเย็น ๆ ค่อยกลับ?" มันช์เห็นว่าไหน ๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุดไม่ได้มีเรียนอยู่แล้ว มันช์จึงเสี่ยงที่จะถาม


"ไม่เป็นไร กูเกรงใจมึง" เติร์กยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่ประตูสวมรองเท้าผ้าใบสีเหลืองมัสตาร์ด


"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมอยากให้พี่อยู่"


     คนที่กำลังเหยียบส้นร้องเท้าผ้าใบชะงัก เหลียวมองมันช์ที่ยืนเหงื่อแตกอยู่ข้างหลัง


"ถ้างั้น ขอลงไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน เผื่อจะดีขึ้น"


"ได้ครับ" มันช์พยักหน้า ก่อนจะยื่นคีย์การ์ดไปให้พี่เขา


"แล้วไม่ลงไปด้วยกัน?" เติร์กถามยามที่มันช์ยื่นคีย์การ์ดให้ ฟากมันช์เงียบเม้มปากที่แน่น ก่อนจะพยักหนัารับ


"ไปด้วยก็ได้พี่"


     คนที่สวมร้องเท้าแตะตกใจ ยังไม่ทันออกนอกห้อง พี่เติร์กล็อคคอ โน้มหน้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมอายใจอุ่น ๆ เป่ารดกันใกล้และกระซิบบอก


"เรื่องที่กูเมาเรื้อนเมื่อคืนห้ามบอกใคร เข้าใจหรือเปล่า?"


      มันช์มองริมฝีปากอีกฝ่ายที่ขยับตามคำพูด ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ


"รู้น่า พี่ก็อย่าลืมเลี้ยงข้าวผมด้วย"


"โอเค"

      มันช์ปล่อยให้พี่เติร์กเดินนำไปก่อนจะก้าวตามหลังด้วยรอยยิ้ม วันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งที่มันช์จะประทับลงไปในความทรงจำว่าเขากับพี่เติร์กได้อยู่ด้วยกัน ภายใต้ห้องเดียวกันและมันช์ได้จูบพี่เติร์กเป็นครั้งแรก
.
.
.
.
"เข้าไปได้เลยครับ น้อง ๆ"


       หลังจากที่รับน้องผ่านมาได้ไม่นาน ก็ได้เวลาอันสมควรในการจัดเฟรชชี ไนท์ เพื่อเลี้ยงต้อนรับน้องเฟรชชี่ทุกคน พวกรุ่นพี่เลือกร้านเหล้าขนาดกลาง ๆ ตัวร้านมีเพียงชั้นเดียว แต่สามารถนั่งได้ทั้งโซนด้านในห้องแอร์และด้านนอก ในส่วนของปีหนึ่ง รุ่นพี่จะเป็นคนจัดโต๊ะให้นั่งคละกันกับพวกรุ่นพี่ปีอื่น โดยการมางานมีธีมการแต่งกายที่กำหนดคอนเซ็ปท์เป็น มนต์รักลูกทุ่ง ในเวลานี้ จึงเห็นทุกคนแต่งกายอย่างไม่มีใครยอมใคร ด้วยสีสันฉูดฉาด ใส่ชุดที่สีจัดตัดกันอย่างแสบทรวง บ้างก็มาลายดอก บ้างก็มาลายตาราง
 

     และตอนนี้ ตอนที่พวกมันช์ลงมาจากแท็กซี่กับพวกเพื่อน ๆ ก็แอบมองชุดไป ขำไป เพราะไม่มีใครยอมกันเลย ทั้งดาวที่มาเป็นทองกวาว แต่งชุดเดรสลายดอกใหญ่สีส้มแปร๊ดตัดกับลายดอกใหญ่สีม่วงแกมน้ำเงิน ใส่ถุงน่องสีเขียว ส่วนภุชงค์มาในเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขาบานสีแดง แก้วมาในชุดเดรสสีเหลือง คาดเข็มขัดเส้นเล็กสีม่วง เกล้าผม ยกสูง ตีโป่ง ขิง ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กับกางเกงผ้าขาบานสีน้ำเงิน ปิดท้ายที่มันช์ ที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายตารางเล็กสีขาว-ดำ กางเกงสีเหลือง ซึ่งต้องบอกเลยว่าถ้าใจไม่กล้า ใส่ชุดนี้เดินออกจากบ้านมาไม่ได้จริง ๆ  ตอนนี้ พวกมันช์เดินผ่านจุดตรวจบัตรเข้างานที่มีรุ่นพี่ปีสองยืนคุมอยู่


"เดี๋ยวเมาก็ลืมความอายแล้วมึง"

"กูก็ว่าอย่างนั้น"


     พี่ปีสองคนหนึ่ง พากลุ่มพวกมันช์มานั่งจับจองกันด้านในที่บนโต๊ะมีพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และชุดน้ำอัดลมมารองรับไว้ตรงกลางโต๊ะเรียบร้อย


      ภายในร้าน ประดับตกแต่งด้วยสายรุ้งหลากสี ไหนจะธงราวสีชมพู เขียว ส้ม ม่วง แดง ห้อยทั่วร้าน บางมุมมีใช้ไฟประดับเป็นไฟนีออน แอล อีดี ให้บรรยากาศดูคึกคัก และสนุกสนาน


"น้อง ๆ มาชนแก้วกันหน่อยสิคร้าบ"


      พวกมันช์นั่งดื่มไม่ถึงชั่วโมง กลุ่มพี่เติร์กก็เดินเข้ามา และคนที่โดดเด่นเกินใครก็ คือพี่เติร์กที่มันช์ยังยอมใจ ในการแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีเขียวสะท้อนแสงตัวโคร่ง กับกางเกงผ้าขาเต่อสีเขียวขี้ม้า สวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อคอนเวิร์สสีดำ แต่งตัวแบบนั้นทำไมถึงยังดูดีได้  คนที่ชื่นชมรุ่นพี่ปีสามกำลังนั่งก้มลงมองสารรูปตัวเองตอนนี้

     
      มัวแต่ก้มมองสภาพตัวเองเพื่อเปรียบเทียบอีกฝ่าย โดยไม่รู้เลยว่าพี่เติร์กมายืนค้ำหัวแล้ว มันช์สะดุ้งเฮือกตอนที่พี่เติร์กเอาแก้วเย็นเจี๊ยบมานาบแก้มและอมยิ้ม


"พี่แกล้งผมทำไม" มันช์ถลึงตามอง


"กูชนแก้วทุกคนแล้วยังไม่ได้ชนมึง"


      มันช์ยกแก้วที่วางอยู่ตรงหน้ามาชนกับแก้วของพี่เติร์ก


"มึงแต่งตัวน่ารักดีนะ"


    มันช์เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่าเขาใช้อะไรมอง เสื้อลายสก็อตกับกางเกงสีเหลืองสดเนี่ยนะ? มันช์กลอกตาไปมา คาดว่าอีกฝ่ายคงประชด


"เฮ้ย ไปไอ้เติร์ก เรายังต้องไปชนแก้วกับโต๊ะอื่นอีก ไปแล้วน้อง" หลังจากนั้น พวกพี่ปีสามก็หายไป และมีพี่ปีสองเดินมาวนเวียนชนแก้ว


"ขิงไหวไหมนั่น ทำไมหน้าแดงเร็วจัง"


     ขิงที่นั่งข้าง ๆ พลางมองหน้ามันช์ที่ส่งสายตามาอย่างห่วงใย


"ไหวแหละ"

"ก็ขิงไปตามใจพี่โต๋ทำไม เขาชนก็กินอยู่ได้ ไม่ต้องกินบ้างก็ได้" มันช์บอกขิงด้วยความเป็นห่วง

"เออมึง นาน ๆ มาทีจะบ่นไอ้ขิงทำไม?" ภุชงค์บอกเพื่อนที่เห็นมันช์ทำตัวราวกับพ่อหวงลูก


      จากนั้น แก้ว ก็ห้ามเพื่อนให้หยุดเถียง เมื่อรุ่นพี่ปีสองเดินขึ้นไปบนเวทีเล็กที่ยกระดับความสูงของพื้นเวทีไม่ได้สูงรัก พี่อุ้ยแนะนำตัวและพูดถึงการจัดงานว่าจะมีการแสดงของรุ่นพี่แต่ละชั้นปีที่ออกมาเป็นตัวแทนให้น้อง ๆ ได้รับชมกัน เริ่มด้วยพี่ปีสองที่มีการแสดงฝ่ายหญิงของกลุ่มพี่ส้มที่ถูกเรียกชื่อแก้งว่า 'ป๊อป แองเจิ้ล'


~รักเจ้าเอ๋ยไม่เคยได้เจอเลยข้องใจ เขาคนไหนคนไหนจะนำความรักมา
เขาคนไหนจะคอยมามองและจ้องตา แล้วพาให้เคลิ้มไป~
.
.
.
~หัวใจนี้อยากรู้ อยากรู้ รักเอย รักเอยรัก อยู่ไหน
ฉันคนนี้อยากรู้ อยากรู้ รักเอยอยู่หนใด~



       น้องเฟรชชี่ปรบมือให้กับการแสดงของรุ่นพี่สาว สาว สาว ที่แสดงจนจบ ตอนนี้ก็เริ่มมาที่กลุ่มพี่ผู้ชาย ปีสอง


~เจ็บดวงใจ เพราะคนใจร้าย
ทำลายรักเรา เสียจนแหลกราน
โอ้ความรัก ที่สุดแสนหวาน
ต้องกับร้าวราน เพราะมีมารผจญ
สุดปัญญา เพราะว่าผมจน
ต้องจากหน้ามน เหมือนคนสิ้นใจ
.
.
.
สิบหมื่น สิบหมื่น สิบหมื่น แหมยิ้มระรื่น คงกลืนลงคอ
คุณพ่อ ครับผมแย่ คุณแม่ ครับผมจน
สิบหมื่น ผมเหลือทน ไม่ขอดิ้นรนให้คุณขายลูกกิน ~


      เมื่อความเมาเล็กน้อยบวกจังหวะเพลงที่น่าโยกย้ายส่ายสะโพก หลายคนจึงลุกขึ้นเต้น บ้างก็ยืนปรบมือไปตามจังหวะกันอย่างสนุกสนาน จนจบเพลงทั้งร้านก็ส่งเสียงโห่ กรี้ด กร้าด ทิ้งท้าย ก่อนจะได้เวลาที่รุ่นพี่ปีสามขึ้นมาร้องเพลง เพียงแค่เห็นกลุ่มพี่เติร์กขึ้นมาบนเวที มันช์สนใจอยากรู้ว่าพี่เติร์กจะร้องเพลงอะไร กลุ่มพี่เติร์กได้เพื่อนผู้หญิงมาเป็นหางเครื่องให้ พี่ป๋อมีกีตาร์เป็นพร็อพประกอบ ส่วนพี่เติร์กและพี่โต๋จับไมค์คู่ที่ผูกไว้ด้วยผ้าสามสี


"เฮ้ยมึง พี่เติร์กร้องเพลงได้ด้วยหรอวะ" ดาวถามอย่างสงสัย


"ไม่แปลก ใคร ๆ ก็ร้องเพลงได้ แต่จะร้องเพราะไหมนั่นมันอีกเรื่อง"


"เออก็จริง" ตอนนี้น้องปีหนึ่ง กำลังตั้งใจชมการแสดงของอดีตพี่ว้ากว่าจะน่าสนใจมากแค่ไหน


"ไหนใครโสด ขอเสียงหน่อย" เติร์กถามพลางกวาดสายตามองน้องเฟรชชี่ที่ส่งเสี้ยงกรี้ดกร้าด เติร์กยิ้มละมุน ก่อนบอก


"ผมขอมอบเพลงนี้สำหรับคนโสดทุกคน"


ตะดื้ด ตื้อ ตือ ตื้อ ตื้ด

~เป็นโสดทำไม
อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง
ไม่คิดจะหาคู่ควง
เดี๋ยวจะล่วงพ้นวัยไปเปล่า
เกิดมาเดียวดาย
จะตายเพราะความเหงาเศร้า
แต่งงานกันเสียเถิดเรา
อยู่ว่างเปล่าไม่ดีอะไร~


"กรี้ดดดดด"

"อร้ายพี่เติร์ก"

"หล่อมากค่าา"


    ในขณะที่ดนตรียังคงบรรเลง หางเครื่องก็เต้นไปตามจังหวะ หมุนตัวจนกระโปรงบานพลิ้วอย่างสวยสด งดงาม
.
.

~เป็นโสดทำไม
กลุ้มใจในยามร้อนรน
ควรหาคนรักสักคน
ไว้เปรอปรนช่วยพัดวีให้
เมื่อเข้าหน้าฝน
มีคนคู่เคียงชิดใกล้
หน้าหนาวกระแซะเข้าไป
กอดกันให้ผ้าห่มอิจฉา~




     หลังจากที่พี่เติร์กร้องจบบรรดาผู้หญิงก็ส่งเสียงกรี้ดดังมากเป็นพิเศษ  จากนั้น พี่ป๋อแย่งไมค์ไปเคาะไมค์สองสามที


"โดยปกติ รุ่นพี่จะต้องร้องเล่นเพลงเดียว แต่วันนี้พี่เติร์กขอสองคร้าบ"


"วู้ววววว"


"เพลงนี้ พี่เติร์กอยากร้องเป็นพิเศษ เพราะเขาอยากมอบให้น้องงงงงงงง....โอ้ย"


        ราวกับมุกตลกคาเฟ่ที่ไม่รู้พี่เติร์กไปสรรหาถาดมาจากไหน เขาตีลงบนกลางกระหม่อมพี่ป๋อดังป๊าบจนน้อง ๆ เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ข้างล่างหัวเราะลั่น


"สัดเจ็บจริง ไม่มีสแตนด์อินเลย เอาล่ะ เรามารื่นรมย์กันกับเพลงต่อไปดีกว่าครับ" พี่ป๋อตัดบทก่อนที่เสียงดนตรีจะดังขึ้น




~หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง
เปิดโอกาส ให้คุณครอบครอง
มาจับมาจอง หัวใจผมได้~



     มันช์ไม่นึกเลยว่า คนสมัยใหม่อย่างพี่เติร์กจะหยิบเพลงระดับราชาเพลงลูกทุ่งอย่างสุรพล สมบัติเจริญ มาทั้งสองบทเพลง มันช์พอคุ้นหูเพราะแม่เปิดฟังอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาตั้งใจฟังความหมายจริง ๆ ยามที่พี่เติร์กนำมันมาร้อง เขารู้สึกใจสั่นแปลก ๆ มันช์นั่งมองพี่เติร์กร้องเพลงไปเรื่อย ๆ พี่เติร์กไม่ได้ร้องเพลงเพราะจนตราตรึงหัวใจ แต่สิ่งที่มันช์นั่งเงียบจนไม่อาจละสายตาไปไหน นั่นเป็นเพราะรอยยิ้มหวานของพี่เติร์กมากกว่า



~หากคุณมาช้า คนอื่นเขาคว้า
ใจผมไปครอง ถ้าหากคุณพลาด
การเป็นเจ้าของ แล้วคุณจะต้อง เสียดาย~

.

   แทบไม่ได้ยินเสียงพี่เติร์กร้อง เพราะรุ่นน้อง รุ่นพี่ต่างผิวปาก ส่งเสียงโห่แซว รวมถึงกรี๊ดสนั่นดังจนกลบเสียงเจ้าตัว เมื่อพี่เติร์กร้องเพลงจบ ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือ และต่อท้ายด้วยการส่งเสียงตะโกน

แปะ แปะ แปะ


"อ้อยยยยยย หลงเสน่ห์พี่แล้วค่ะ"

"น่าร้ากกกก"

"ฮร้ายยยยย เท่ค่า"

"ฮิ้ววววว"

"สัดเติร์กขี้อ่อย"



      มันช์มองพี่เติร์กตอนเดินลงจากเวที ครู่หนึ่ง เขาเผลอประสานสายตามองกับพี่เติร์กที่ยิ้มและยักคิ้วมาให้ มันช์รีบยกแก้วดื่มอำพรางความเขินอาย  แต่เนื่องจากโต๊ะของมันช์เป็นทางผ่าน พี่เติร์กจึงแวะมาหามันช์ แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็ขโมยแก้วมันช์ไปยกดื่มหน้าตาเฉย


"เฮ้ยพี่นั่นแก้วผมนะ"มันช์บ่นเสียงดัง ที่พี่เติร์กฉวยแก้วไปดื่ม และตอนที่ร่างสูงสบตามองมันช์ตอนวางแก้วลงบนโต๊ะ เติร์กโน้มตัวไปใกล้มันช์แล้วบอก


"มันช์" พี่เติร์กไม่ได้สนใจในสิ่งที่มันช์ต่อว่าไปก่อนหน้าเลย อยู่ดี ๆ เขาก็กลับเรียกชื่อมันช์ขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย


"อะ...อะไรครับ?"


"หัวใจกูว่าง"


     เติร์กตอบก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้มันช์นั่งหัวใจเต้นแรงเกินไปจนรู้สึกกลัวหัวใจวายกับคำพูดแค่ไม่กี่คำ




.............................


มันช์ต้องไปฝึกความด้านมาจากอิพี่เติร์กนะคะ :o8: :o8: :o8: :o8:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2019 00:57:31 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...แบบนี้แสดงว่า  อิพี่เติร์กออกตัวแรงว่าสนใจมันซ์นะเนี่ย  อิอิ  (ป.ล. เพื่อนสนิทก็รู้กันหมดแหละนะ)

ว่าแต่...ตอนอิพี่เมาเรื้อนเนี่ย  เมาจริงหรือแกล้งเมาหว่า?

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หมดกัน..อิพี่เติร์ก  เมา-ไม่-ฉี่    :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อยากได้แบบอิพี่เติร์กต้องไปบนวัดไหนนนนนนนน  :hao5:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
พี่เติร์กมาแรง. ชอบจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
โหง่ยยยยย
หัวใจผมว่างแบบนี้ จัดเลยครับมันช์อย่าช้า
+1 ขอบคุณ
 :hao7:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

สนุก หวังว่าจะไม่ดราม่าปวดใจ ฮื่ออ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 9   ที่แท้ก็หวง







"นั่งด้วยได้ไหม"


         มันช์ชำเลืองมองพี่เต็นที่ยืนหัวโต๊ะและถาม มันช์พยักหน้ายิ้ม ๆ อย่างยินดี เพราะโต๊ะเขาตอนนี้เหลือเพียงดาวที่นั่งอยู่ ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ หนีไปชนแก้วกับโต๊ะเพื่อนปีหนึ่งกลุ่มอื่นบ้าง รุ่นพี่บ้าง มีแต่มันช์ที่ไม่ยอมลุกไปไหน เพราะมัวแต่กระดกเหล้าราวกับน้ำเปล่า เพราะตื่นเต้นไม่หายหลังจากได้ยินพี่เติร์กพูดเช่นนั้น


         ใคร่ครวญถึงถ้อยคำอีกฝ่าย พักหลัง ๆ  พี่เติร์กชอบพูดจากำกวมชวนให้มันช์คิดไปไกล แม้ว่าหลายครั้ง มันช์อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแต่อีกใจก็มักคัดค้านให้มันช์เจียมเนื้อ เจียมตัว คงเป็นเพราะลึก ๆ แล้ว มันช์ก็ยังกลัวเจ็บหนัก


"เป็นไงบ้าง งานเริ่มเยอะแล้วสิ" เต็นถาม มันช์จึงดึงสติกลับมาต่อบทสนทนาพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง

"ครับพี่ ก็เยอะ แต่ก็ทำงานทันอยู่ครับ"

"บริหารเวลาดี ๆ นะ พี่รู้ว่า พวกน้อง ๆ จะเป็นกัน พอใกล้กำหนดส่งงานแล้วเพิ่งมาทำ"

"ฮ่า ๆ จริงเลยครับ พี่เต็นรู้เพราะเคยเป็นมาก่อนใช่ไหม?"

"ใช่ครับ พี่ถึงรู้ดีไง"

"ฮ่า ๆ พี่เต็นตลกอะ" มันช์หลุดหัวเราะ ในความเป็นจริง เขาชอบคุยกับพี่เต็น เพราะตั้งแต่ที่พบเจอรุ่นพี่หลากชั้นปี พี่เต็นเป็นคนสุภาพที่สุดในเอกศิลปกรรม แถมยังดูเหมือนพี่ชายที่แสนดีที่มันช์อยากขอคำปรึกษาอยู่เสมอ


"มันช์"


"ครับ" มันช์ขานรับพลางยิ้มเสียงหวานที่เห็นพี่เต็นมองมาด้วยแววตาแปลก ๆ


"แล้วนี่แฟนมันช์เรียนที่ไหน รุ่นเดียวกันหรือเปล่า?" เต็นถามพลางยกแก้วขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าสบาย ๆ


"ผมไม่มีแฟนหรอกครับพี่ ผมว่าผมเคยบอกพี่ไปแล้วนะ"


"หือ จริงหรอ? สงสัยคงลืม หน้าตาแบบนี้ยังไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ?" เต็นเอียงคอมองอย่างสงสัย


"แหะ ๆ พี่เต็นครับ ผมอายจัง ไม่อยากบอกความจริงเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีแฟนเลยสักคน"


"ถามจริง? ไม่อยากจะเชื่อ"


"เชื่อเถอะพี่ ผมคงไม่มีดวงด้านความรักมั้ง" มันช์บอกเสียงเศร้าคล้ายตัดพ้อชีวิตรักของตัวเองจนเต็นแอบขำ


"ไม่หรอก พี่ว่ายังไม่ใช่เวลาของมันช์มากกว่า เดี๋ยวก็มา"


"สาธุครับพี่"


      เต็นมองมันช์ที่ทำตัวเหมือนเด็กก็แอบอมยิ้ม ก่อนจะชนแก้วมันช์และเป็นฝ่ายชวนคุยต่ออย่างสนุกสนาน คุยไปพลางชนแก้วไปจนมันช์เริ่มเมา มันช์ส่งสายตาหวานเยิ้มและเอื้อนเอ่ยเสียงเบาว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เต็นสังเกตอาการมันช์ว่าเริ่มไม่ปกติจึงอาสาไปเป็นเพื่อน พาเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวร้าน ในระหว่างที่เต็นยืนรอ เขาเหลือบเห็นรุ่นน้องบางคู่ แอบมาบอกความในใจก็ยืนยิ้ม


     ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจวบจนปีสี่ เขาเห็นคนในเอกเดียวกัน คบกัน รักกัน จนเขามองเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว


"ไหวไหม" เต็นละสายตาจากคู่รักหลากชั้นปีที่ยืนพลอดรักกันบ้าง บอกความในใจกันบ้าง และตรงปรี่ไปหามันช์ที่เดินตัวอ่อน โอนเอนเหมือนร่างไร้กระดูก


       มันช์ส่ายหน้า มือไม้ปัดป่ายจนได้ที่ยึด คว้าแขนเต็นไปเกาะแล้วซบลงตรงต้นแขน


"เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง" เต็นบอกอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ได้เฉลียวใจว่ามันช์คอแข็งหรือเปล่า เห็นคุยสนุกหน่อย ก็เลยดื่มไป-ชนไป จนมันช์กลายสภาพเป็นแบบนี้


     ในขณะที่เต็นประคองร่างมันช์กลับไปนั่งที่โต๊ะ ถึงระหว่างประตูทางเข้าไปในร้าน เขาก็ได้ยินเสียงเรียก


"ไอ้เต็น มานี่เร็ว ๆ พี่โบ้แวะมาเยี่ยมจะกลับแล้ว" เต็นทอดสายตามองไปยังโต๊ะปีสี่ที่นั่งกันราวยี่สิบคนรวมกลุ่มตั้งใจฟังพี่โบ้ที่จบไปแล้วสามปีกลับมาเยี่ยมเยียนรุ่นน้อง และแน่นอนว่า พวกเต็นเรียนชั้นปีที่สี่ ใกล้จบแบบนี้ การขอคำแนะนำเรื่องการทำงานจากรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรรับฟังไว้


"แปปนึงได้ไหม กูขอไปส่งน้องเขาก่อน"


"ไม่ได้ พี่โบ้จะกลับแล้ว มัวแต่จีบเด็กอยู่ได้ อนาคตมึงอะสนใจหน่อยสิวะ พี่โบ้จะแนะนำบริษัทที่ฝึกงานให้ มึงจะเอาไหม ไอ้เต็น" เพื่อนของเต็นตะโกนเสียงดัง จนพี่โบ้มองตามและกวักมือเรียก ฟากเต็นชะงักเท้าครู่หนึ่ง


      เต็นกดสายตามองมันช์ที่เกาะแขนเขาแน่นหนึบดั่งตีนตุ๊กแก เขาไม่สามารถทิ้งมันช์ไว้ได้ เต็นจึงพาไปนั่งที่โต๊ะปีสี่ด้วยเพื่อตัดปัญหา เต็นก้าวได้อย่างเชื่องช้า เนื่องจากต้องคอยดูแลคนเมาด้วย


"พี่เต็นคร้าบบบ"


"ครับผม" เต็นตอบพลางกดสายตาลงมองหน้ามันช์ที่ช้อนตามองและยิ้มหวาน เต็นใช้หลังมือซับเม็ดเหงื่อเกาะพราวบนหน้าผากของมันช์


"ผมอยู่หนายยยอ่า"


"เดี๋ยวพี่จะพามันช์ไปนั่งที่โต๊ะพี่ก่อนนะ"


"ได้คร้าบ"


"เมาแล้วขี้อ้อนเหรอเรา?"


"อื้อ"  มันช์กอดรัดแขนเต็นแนบแน่น เต็นยิ้มมุมปากพลางสั่นหน้าน้อย ๆ กับอาการของเด็กขี้อ้อน เต็นโอบไหล่ อีกมือหนึ่งก็จับแขนมันช์เพื่อประคอง


     แต่ทันใดนั้น


หมับ!


"ไอ้เต็น กูจะพามันช์กลับไปที่โต๊ะเอง" เต็นมองเติร์กที่จับต้นแขนมันช์แล้วเอ่ยอาสา


"เดี๋ยวกูพาน้องไปนั่งที่โต๊ะกูก่อนได้" เต็นบอกอย่างใจเย็น


"กูไม่โอเค มันช์มันเมามากแถมเพื่อนมึงนั่งเป็นฝูง กูไม่ไว้ใจเพื่อนมึง"


"เพื่อนกูก็รุ่นพี่มึง"


"แต่มึงคงจำได้นะเต็น ว่าเฟรชชี ไนท์ปีที่แล้ว เพื่อนมึงไม่ใช่เหรอที่พอเห็นน้องผู้หญิงเมาแล้วจะเอาเขาให้ได้ ถ้าพวกกูไม่ไปเห็นที่ห้องน้ำก่อน น้องผู้หญิงคนนั้นก็คงโดนไปแล้ว"


      เต็นเงียบ มันเป็นเรื่องจริงที่เติร์กเตือนสติให้นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นปีของเขาคนหนึ่งเคยคิดข่มขืนน้องผู้หญิงปีหนึ่งจริง ๆ แต่ทำไม่สำเร็จเพราะพวกเติร์กไปเห็นเสียก่อน


      เต็นมองมันช์ที่เมาจนไม่ได้สติ ก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะมันเป็นความผิดเขาเอง เต็นเอ่ยขอบใจเติร์ก ก่อนจะยอมปล่อยแขนมันช์ให้เติร์กประคองกลับไปนั่งอย่างรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เป็นเขาในการทำหน้าที่นั้น



"หนักฉิบ" เติร์กสบถที่ลากร่างราวกับไร้วิญญาณมาถึงโต๊ะของมันช์ที่บัดนี้กลายเป็นโต๊ะของกลุ่มอดีตพี่ว้ากเพราะยึดที่นั่งน้องเฟรชชี่ไปโดยอัตโนมัติ ยามนี้ ไม่เหลือใครนั่งอยู่ ดาวพาแก้วไปอ้วกที่ห้องน้ำ ส่วนภุชงค์ก็เดินไปตามขิงที่โดนพี่ปีสองกรอกเหล้าเข้าปากจนเมาไม่รู้เรื่อง


"อื้อออ" มันช์เริ่มโอนเอน คอพับ คออ่อนพิงไหล่เติร์ก


"อะแฮ่ม อะแฮ่ม" ป๋อยิ้มกรุ้มกริ่มมองเพื่อนที่แม้มันจะเดินมาอย่างหอบเหนื่อยที่แบกมันช์มา แต่พอทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะ เติร์กก็ดูแลมันช์เป็นอย่างดี ทั้งรีบหากระดาษทิชชูซับหน้ามันช์ที่ชื้นเหงื่อ ไหนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของมันช์เพื่อระบายความร้อนให้



"ตีนใครติดคอ ไอ้ป๋อ" เติร์กถาม แต่ไม่ได้มองหน้าเพื่อน เขามัวแต่ง่วนกับการดูแลคนเมา


"ไม่มีตีนใครติดคอหรอก มีแต่ความรักอันแสนหวานต่างหากที่ติดคอ ฮิ้วววววว"


"เป็นอะไรมากไหม ไอ้ป๋อ?" เติร์กเงยหน้าถามป๋อ


"มึงต่างหาก เป็นอะไรมากไหม? เฮอะ!.. ไอ้โต๋แตะปากเพื่อนรักมึงทีซิ"


      เติร์กมองหน้าเพื่อนสองคนที่รับ-ส่งมุกกัน ฟากโต๋ที่นั่งใกล้เติร์กมากกว่าป๋อจึงยื่นมือไปแตะริมฝีปากเติร์กตามคำสั่งเพื่อนก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับป๋อ


"อุ้ย! คนอะไรปากแข็งเป็นบ้า"


"ฮ่า ๆ "


"สัด หุบปากเลยพวกมึง" เติร์กตอบเสียงเข้ม เขาไม่มีอารมณ์เล่นหรือหยอกล้อกับเพื่อน เนื่องจากอารมณ์ไม่ดีอยู่ที่มันช์เมาไม่รู้เรื่อง


"อื้ออออ"


"ถ้ารู้ตัวว่าคออ่อน ใครใช้ให้แดกเยอะวะ" เติร์กด่าด้วยความกรุ่นโกรธและไม่พอใจที่มันช์ดื่มไม่รู้จักลิมิตตัวเอง


      และดูสภาพมันช์ตอนนี้สิ เติร์กอยากหาผ้ามาคลุมหน้าคลุมตาเหลือเกิน ใครสั่งใครสอนให้ทำตาหวานฉ่ำ หนำซ้ำยังยิ้มยั่วยวนชวนให้คนที่พบเห็นเผลอใจละลายได้ทั้งนั้น


"อื้ม อย่าว่าผมน้าา" คนดุเด็กชะงักงัน ยามที่มันช์พลิกตัวและสอดมือเข้ามากอดเอวเติร์กพลางเบียดตัวซุกซบหน้าลงบนอกกว้างเหมือนต้องการไออุ่น


"เฮ้อ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย เมาแบบนี้จะกลับบ้านยังไง ห้ะ!" เติร์กยังบ่นรุ่นน้องต่อเนื่อง


"ก็มึงไง ไปส่งน้องมัน" ป๋อบอก


      พอเพื่อนว่าดังนั้น เติร์กก้มหน้ามองมันช์ที่ซบอก เติร์กตบแก้มเนียนเบา ๆ เพื่อเรียกสติ


"มันช์ มึงลุกเดี๋ยวนี้ กูจะพามึงไปส่งที่ห้อง"


      มันช์ส่งเสียงครางงอแงพลางปรือตามองทั้งยังยิ้มหวาน ก่อนจะยกมือวางลงบนกรอบหน้าคมของพี่เติร์ก


"ทำไมพี่เติร์กต้องดุด้วยล่าา" มันช์ตอบเสียงยานคางพลางเลื่อนมือลงจากใบหน้าหล่อและใช้นิ้วจิ้มไปที่อกแกร่งหลายที ก่อนจะขยุ้มคอเสื้อพี่เติร์กแล้วถูใบหน้าไปมา


"โอ้ย น้องมันช์ของพี่เติร์ก น่ารักจริงโว้ย" ป๋อยังแซวไม่หยุดหย่อน เมื่อได้เห็นพฤติกรรมของคนเมารั่วแล้วดูตลกดี มันช์จะรู้ไหมว่าพอเวลาเมานี่แทบเป็นคนละคน


"ผมเป็นของพี่แล้วเหรอ? พี่ไม่โกหกผมใช่ม้ายย?" เติร์กกลอกตา ถอนหายใจยาว ยามที่มันช์ได้ยินป๋อพูดแล้วเอามาตีความมั่วไปหมด



"โอ้ยยยย น้องมันช์ พี่เติร์กแพ้น้องแล้วครับ หยุดอ้อนได้แล้ว" โต๋ตะโกนแซวต่อ แต่มันช์ก็ยังไม่รู้ตัวว่าโดนหยอกล้อ กลับหัวเราะลากเสียง


"แพ้จริงเหรอ? พี่เติร์ก เอิ้ก เอิ้ก"



"ไอ้มันช์มึงหุบปากเป็นไหมวะ เมาแล้วพูดมาก"


     เพื่อน ๆ แอบอมยิ้มเมื่อเห็นเติร์กหน้าแดงจัด ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ ที่ผิวแดงราวกับลูกมะเขือเทศนั่นเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือความรักส่งผลกระทบให้มันเป็นอย่างนั้นกันแน่


"ไม่มาวววว"


"มึงเมาไอ้มันช์ เฮ้ยพวกมึง กูต้องกลับก่อนแล้วว่ะ ฝากดูแลความเรียบร้อยและดูแลเด็กปีหนึ่งให้กลับบ้าน ปลอดภัยทุกคนด้วย"


"สัด ที่แท้ก็หวง"


"หวงห่าอะไร กูจะตบกระโหลกมันอยู่เนี่ย เมาอะไรขนาดนี้วะ"


      เพื่อนรู้ดีว่า เติร์กทั้งหวง ทั้งห่วง แต่ก็ไม่อยากจะแซวเพื่อยั่วโมโหมันอีก


"เออ ๆ รีบพามันช์กลับบ้านไปซะ เดี๋ยวพวกรุ่นน้องที่เหลือพวกกูดูแลเอง" ป๋อตอบจริงจัง เพราะเหนื่อยจะแซว


      เติร์กพยักหน้าแกน ๆ และลากมันช์ออกมานอกร้านได้จนกระทั่งถึงริมฟุตบาทก็วางร่างเล็กให้นั่งพิงต้นไม้เพื่อรอแท็กซี่


"มึงนี่นะ กูไม่รู้จะด่ามึงยังไง" เติร์กนั่งยอง ๆ เทน้ำเปล่าจากขวดมาล้างหน้าล้างตามันช์ หวังจะช่วยให้อีกฝ่ายสดชื่นหรือสร่างเมาได้บ้าง


"อื้อออออ เย็นอ่า"


"ดี มึงจะได้สร่าง เวลามึงเมา มึงยั่วแบบนี้ทุกครั้งไหมเนี่ย" เติร์กถามอย่างสงสัย เพราะยามที่มันช์เมา แม่งใจกล้า หน้าด้านเป็นพิเศษ แถมถึงเนื้อ ถึงตัวได้ง่ายเหลือเกิน เติร์กไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามีคนพามันไปทำมิดีมิร้าย มันก็คงสมยอมไปโดยไม่รู้ตัวแน่ ๆ


"ยั่ว ผมยั่วพี่เติร์กงาย อย่าว่าผมซิ ไม่ว่าผมน้า"


      มันช์บิดตัวแถมส่ายหน้าไปมาเร็ว ๆ จนเติร์กกลัวอีกฝ่ายจะมึนหัว เขายึดไหล่มันช์ให้หยุดดิ้น ฟากมันช์ปรือตามองด้วยสายตาหวานฉ่ำ แถมยังยกมือมาลูบริมฝีปากเติร์กและหัวเราะออกมาเหมือนชอบใจ ฟากเติร์กโดนฤทธิ์ออดอ้อนเข้าไปถึงกับมือไม้อ่อนปล่อยมือออกจากไหล่และอีกฝ่ายก็ซุกหน้าลงซอกคอของเติร์ก


"มันช์ กูไม่โอเคจริง ๆ ที่มึงเมารั่วแบบนี้"


       เติร์กบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแถมใบหน้าไร้แววล้อเล่น เขาหงุดหงิดใจที่มันช์เมาไม่ได้สติเช่นนี้ เติร์กไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าไม่ใช่เติร์กแล้วเป็นคนอื่นมาพบเจอ มันจะเกิดอะไรขึ้น


"อื้ออออ โอเคนะ โอเค"


    บอกจบก็สัมผัสถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดตรงซอกคอ ยิ่งทำให้เติร์กตัวร้อนวูบวาบ ไหนจะตอนที่ริมฝีปากของมันช์ดันอยู่ไม่สุก ขยับปากไปมา ถูไถไล้ตรงซอกคอของเขา แต่ไม่นานหรอก เพราะทันใดนั้น


"ไอ้มันช์!!!!!"


    เติร์กตะโกนเสียงดังลั่น ยามที่มันช์ผละออกจากซอกคอเขาแล้วอ้วกใส่ขากางเกงเติร์กจนไม่เหลือชิ้นดี
.
.
.
.
"กูกลับมาได้ไงวะ เฮ้ยพี่เติร์ก" มันช์บ่นพึมพำ แต่พอสายตาเหลือบเห็นว่าเขากำลังนอนหนุนตักใครบางคนอยู่ ก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งและพบว่าคน ๆ นั้น คือ พี่เติร์ก


    ทำไมมันช์ถึงนอนหนุนตักพี่เติร์กได้ แล้วทำไมพี่เติร์กถึงมาอยู่ในห้องเขาตอนนี้? และมันช์ได้เสียกับพี่เติร์กแล้วหรือเปล่า?




"ยังมีหน้ามาถาม มึงเมาไม่พอ มึงอ้วกใส่กางเกงกูด้วย"

 
     มันช์ชะงัก หน้าร้อนเห่อยามที่รู้ตัวว่าทำตัวเปิ่นเป๋อ เรื่องเมื่อคืนมันช์จำได้ลาง ๆ แค่ตอนที่คุยกับพี่เต็น จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกแล้ว มันช์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เมื่อคืนเผลอทำอะไรลงไปบ้าง


"ก็หายกันกับวันที่พี่ฉี่รดตู้เสื้อผ้าผม" มันช์เถียงกลับกลบความอาย


"ยังจะมาเถียงอีก มึงไม่เห็นใจกูเลยหรือไง? กูไม่มีกางเกงใส่กลับบ้าน มันยังไม่แห้ง" มันช์เงียบ มองพี่เติร์กที่ทั้งตัว มีแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวที่สวมอยู่ มันช์แอบมองดวงตาคมโตสีช็อคโกแลต เลื่อนไล่สายตามายังใบหน้าหล่อ จนมาหยุดตรงที่ริมฝีปากสีธรรมชาติ


     'ทำไม ผมถึงมองว่าพี่หล่อได้ทุกองศาจริง ๆ วะ คนบ้าอะไร ขนาดเพิ่งตื่นนอน หน้ายังใสกิ๊ง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงกลับดูเซอร์และเท่ได้'


"ผมขอโทษ" หยุดความคิดอวยอีกฝ่าย แล้วก้มหน้าบอกขอโทษอย่างรู้สึกผิด


"ต่อจากนี้มึงห้ามเมาแบบนี้อีก" เติร์กดุและจ้องมันช์ด้วยสายตาแข็งกร้าว มันช์หน้างอก่อนว่าเสียงเบา


"แล้วทำไมผมต้องเชื่อพี่ด้วย"


"เพราะมึงเมาแล้วเที่ยวไปหอมแก้มคนอื่นไง" เติร์กบอกหน้านิ่ง


"เฮ้ย!" มันช์ใจหายวาบ ยามที่ได้รู้วีรกรรมของตัวเองจากปากของคนอื่น มันช์พยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก


'เชี่ยเอ้ย อายว่ะ'


"เออ ทีนี้รู้รึยัง ว่าทำไมถึงไม่ควรเมาอีก" เมื่อพี่เติร์กว่าจบ มันช์อายจนยกมือปิดหน้าปิดตาตัวเอง เขาเมาเรื้อนได้ขนาดนั้นจริง ๆ หรอ


"พี่เติร์กผมหอมแก้มทุกคนจริง ๆ เหรอ?"


"ใช่สิ ทั้ง ไอ้ป๋อ ไอ้โต๋ เพื่อนมึงที่ชื่อขิงก็ด้วย" เติร์กอธิบาย จนมันช์เบะปากจะร้องไห้


"พี่หลอกผมแน่ ๆ" มันช์สั่นหน้ารัว เขาพยายามไม่เชื่อ เพราะมันช์รับตัวเองไม่ได้ที่ทำอะไรทุเรศแบบนั้น แล้วคราวนี้ ถ้าไปเจอพวกพี่ที่เอกเขาจะทำหน้าอย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งอายเสียเหลือเกิน


"กูไม่ได้หลอก ยังดีนะที่ไอ้ป๋อเห็นว่ามึงเป็นรุ่นน้องเลยยับยั้ง ชั่งใจได้ ถ้าไม่งั้น มึงเสร็จไอ้ป๋อแน่ รายนั้นแม่งเอาหมด"


     มันช์น้ำตารื้น ยกสองมือกอดเข่าตัวเอง และฟุบหน้าลงกับเข่า ส่ายหน้ารัว บอกตัวเองว่าจะไม่เมาแบบนี้อีกแล้ว


     แต่แล้วมันช์ชะงัก ก่อนชำเลืองมองพี่เติร์กที่ยังคงทำหน้าตาไม่สบอารมณ์


"ผมหอมแก้มทุกคน เออะ เอ่อ แล้วพี่?"



"จะเหลือเหรอ? มึงหอมแก้มกูตั้งหลายที ที่สำคัญมึงจะจูบกูด้วย"


"เฮ้ย!!"


"เออ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไม่ทันได้จูบ มึงอ้วกซะก่อน"


    คราวนี้ มันช์หน้าแดงกว่าเดิม เขาใจกล้าหน้าด้านไปจูบพี่เติร์กด้วยเหรอวะ มันช์ไม่สนแล้วกับอาการหนักหัว รวมทั้ง สมองตื้อของตัวเอง เขาขอไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำลำพังยังดีกว่ามาเผชิญหน้ากับคนที่มันช์แอบชอบและหอมแก้มพี่เติร์กไปแล้วด้วย


"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ ไม่ไหว"


    ฟากเติร์กพยักหน้ารับ พอรุ่นน้องผลุบหายไปในห้องน้ำ เติร์กยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แผนโกหกของเขาได้ผลแม้จะมีความจริงปนอยู่บ้างแต่มันก็เพียงน้อยนิด ให้มันช์เข้าใจผิดแบบนั้นล่ะดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ต้องเมามายและทำท่ายั่วยวนใส่ใครอีก
.
.
.
.
หลายวันต่อมา


"ดีใจได้มึง เป็นหลานรหัส"


      ลุงรหัสอย่างพี่ป๋อพูดอมยิ้ม หลังจากที่รู้ว่าหลานตัวเองคือใคร ยามนี้ สายรหัสของมันช์ ไล่ตั้งแต่ พี่รหัสอย่างพี่อุ้ย ลุงรหัสอย่างพี่ป๋อ และปู่รหัสอย่างพี่โจ เพิ่งมีเวลาว่างตรงกัน ทั้ง ๆ ที่ได้มีการจับสายรหัสกันไปตั้งแต่ช่วงรับรุ่นแล้ว


     และในเวลานี้ บรรดารุ่นน้อง รุ่นพี่กำลังมานั่งสังสรรค์กินกันที่ร้านหมูกระทะบุฟเฟ่ต์แถวมอ ซึ่งวันนี้ พี่โจได้พาแฟนมากินด้วย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ฝ้ายปีสี่ศิลปกรรม


"กินเลย ๆ  อย่าเกรงใจ"


"ครับ" ตอนนี้ ทุกคนพร้อมสวาปาม นั่งเฝ้าเนื้อย่างบนเตาให้สุกอย่างใจจด ใจจ่อ ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ มันช์ชะงัก ตอนที่ได้ยินเสียงพี่ป๋อตะโกนด้วยรอยยิ้ม


"ไอ้เติร์กทางนี้"



    มันช์เหลียวหลังมองก็เห็นพี่เติร์กตรงดิ่งมาทางนี้ มันช์หันกลับมาถามพี่อุ้ยที่นั่งข้างๆ


"พี่เติร์กไม่ใช่สายเรานี่ครับ"


"กับคนนี้ ทุกคนยอมคร้าบ" พี่อุ้ยว่าอย่างเริงร่า ดูเหมือนว่า พี่เติร์กจะเป็นที่รักของคนในเอกพอสมควร


"ขอโทษว่ะ มาช้าไปหน่อย"

 
    มันช์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่มาทีหลังแล้วนั่งตรงหัวโต๊ะ


"นั่งหัวโต๊ะไม่ได้หมายความว่าจะจ่ายนะพี่โจ" เติร์กพูดดักคอรุ่นพี่ปีสี่


"แหม่ ร้อนตัวเว้ย"


   พี่เติร์กยักไหล่ก่อนจะหันมาหามันช์ทำหน้าตกใจ


"อ้าวมึงมาด้วยเหรอ?"


"ผมอยู่สายนี่ ถ้ามาก็เป็นเรื่องปกติ พี่ต่างหาก มาทำไม?"


"มาส่องเด็ก" เติร์กว่าหน้านิ่ง แต่มันช์กลับเงียบ เพราะเถียงสู้ไม่ได้ ฟากเติร์กใช้ตะเกียบคีบหมูในจานเพื่อนเข้าปาก


"อ้าว สัดปิ้งเองสิมึง แย่งกูอีกละ" ป๋อบ่นเพื่อน

"ชิ้นเดียว ทำบ่น"


      จากนั้น พี่อุ้ยก็เปิดบทสนทนาไร้สาระตามประสาผู้ชาย อย่างเช่น เรื่องการลงความเห็นว่าสาวเอกไหนในมหา ฯ ลัยสวยที่สุด ต่อมาก็นินทาบรรดาพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เอก ก่อนจะวกมาถึงเรื่องความรัก


"แล้วนี่ มึงมีแฟนรึยัง?" มันช์ชะงักที่ไม่คิดว่าพี่ป๋อจะโยนคำถามมาให้ เพราะก่อนหน้าก็เห็นพวกพี่ ๆ คุยแต่เรื่องของรุ่นพี่เองเป็นส่วนมาก


      แม้ว่าคำที่พี่เติร์กว่าเขาหอมแก้มพี่ป๋อยังติดอยู่ในหัวสมอง แต่พอพี่ป๋อทำตัวปกติ ไม่ได้พูดแซวอะไร มันช์จึงทำตัวเนียนต่อไป เพราะจะว่าไป ตั้งแต่หลังจบงานเลี้ยงน้องเฟรชชีในค่ำคืนนั้น ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องส่วนใหญ่ต่างเมาเรื้อนกันทั้งนั้น เรื่องของคืนเฟรชชีไนท์ จึงไม่ค่อยมีใครจะจดจำอะไรได้ มันช์จึงโล่งใจที่เรื่องน่าอายของเขาไม่มีใครเอามาแซวหรือพูดถึง



"ไม่มีครับพี่ โสดร้อยเปอร์เซ็น"


"อย่างนี้เพื่อนกูก็จีบได้ดิ" พี่ป๋อบอก


"เพื่อนพี่คนไหน ผมต้องดูหน้าตาก่อนว่าผ่านไหม?" มันช์แซวกลับทำอย่างกับว่าตัวเองหล่อเลือกได้


"โห ผ่านเสียยิ่งกว่าผ่าน เพราะมันเป็นถึงเดือนค...แค่ก แค่ก ไอ้สัดเติร์กยัดมาได้ แม่งไม่สุก ไอ้เชี่ย"


"เพราะกูรำคาญเสียงมึงไง เวลานี้ คือ เวลาแดก ไม่ใช่เวลามานั่งจับคู่" เติร์กบอกป๋อ


"ไอ้เติร์กครับ มึง.ร้..อน" ป๋อเถียงกลับเพราะเคืองที่เพื่อนยัดเนื้อหมูไม่สุกเข้าปาก แต่ดูเหมือนแม่งรู้ทัน


"พี่ฝ้ายอยากฟังเรื่องของพี่โจล่าสุดไหม ที่วันนั้น..." เติร์กหันหน้าไปหาพี่ฝ้ายทันที


"ไอ้เติร์ก ได้โปรด อย่าสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวกู"

"โจมีความลับกับฝ้ายหรอ?"


      นั่นไง โจหันไปด่ารุ่นน้องไม่ออกเสียง และมันก็น่าแปลกจริง ๆ ที่เวลาอยู่ในวงสนทนา ผู้หญิงก็มักชอบเชื่อเพื่อนแฟนมากกว่า เชื่อแฟนตัวเอง


"เปล่าเลย โจไม่มีความลับอะไรทั้งนั้น" โจถอนหายใจยาว พอโจพูดความจริง ฝ้ายกลับไม่เชื่อ แต่พอโจโกหก ฝ้ายกลับเชื่อนักหนา


"แต่โจมีพิรุธ" พี่ฝ้ายเชิดหน้างอน


"ไอ้สัดเติร์ก มึงช่วยเคลียร์ด่วนเลย แฟนกูเชื่อมึงแล้วเนี่ย" เติร์กขำที่พี่โจเหงื่อแตก


"พี่ฝ้าย ผมล้อเล่น พี่โจไม่ได้มีกิ๊กหรอกครับ มีแค่ลงอ่างวันนั้นวันเดียว มันไม่เหมือนกันหรอกเนอะ"


"ไอ้เชี่ยเติร์ก" โจถลึงตามองน้อง


"โจ!!!" ฝ้ายวางตะเกียบเสียงดัง ฟากโจหน้าซีดเป็นไก่ต้ม


"ฝ้ายครับ ไม่มีอะไรจริง ๆ เชื่อไอ้เติร์กออกลูกเป็นควายแล้ว ฝ้าย" โจกลืนน้ำลายเอื้อก ๆ หน้าเสียที่แฟนสาวงอนตุ้บป่อง หันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่นึกสนใจแฟนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ


"พี่ติดหนี้ผมอยู่นะ สามพันห้า ค่า...." เติร์กยังไม่สลดกับการสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวผู้อื่น


"กูไหว้ล่ะมึง ได้โปรด" พี่โจพนมมือเหนือหัว จนเติร์กหลุดขำรีบแก้สถานการณ์ก่อนบานปลายไปกันใหญ่



"ฮ่า ๆ พี่ฝ้ายผมพูดเล่น พี่โจรักพี่จะตาย ขนาดพวกผมชวนไปเตะบอลตั้งหลายรอบแกยังไม่ไปเลย แกบอกว่าต้องนอนดูซีรีส์เกาหลีกับแฟน ไม่อยากให้พี่ฝ้ายนอนดูอยู่คนเดียว พี่ฝ้ายไม่เคยสังเกตบ้างเลยเหรอ?" พอเติร์กว่าอย่างนั้น ฝ้ายหน้าแดง เพราะถ้านึกย้อนกลับไป โจแทบอยู่กับฝ้ายตลอดเวลา เธอจึงหายงอนอย่างไว แล้วหันไปยิ้มหวานให้แฟนตัวเอง

     มันช์นั่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจึงบ่นขมุบขมิบที่พี่เติร์กโรคจิตไปแกล้งคู่รักให้ทะเลาะกันแบบนั้น



"คนบ้าอะไรวะโคตรโรคจิต อ้ะเจ็บนะ" มันช์สะดุ้งตอนที่พี่เติร์กชะโงกตัวและใช้ตะเกียบตีหน้าผากมันช์


"ปากมึงนี่ไวตลอด คิดก่อนพูดบ้าง"


"พี่ได้ยิน?" มันช์หน้างอพลางลูบหน้าผากป้อย ๆ


"เออ"

"แล้วพี่ตีผมทำไม? ผมไม่ได้ว่าพี่สักหน่อย"


"อย่ามาโกหก กูมองมึงอยู่" มันช์เงียบ หลุบตาลงต่ำก่อนจะยัดอะไรก็ได้ที่มีอยู่ในจานเข้าปากแล้วเสมองไปทางอื่น


"อ้าว ๆ กิน ๆ ชืดหมดแล้ว" ป๋อขัดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้า บ้างก็ลุกไปตักเนื้อมาเติม บ้างก็ลุกไปตักของหวาน กินกันจนกระทั่ง ครบกำหนดเวลา รุ่นพี่ทั้งหลายก็เตรียมแยกย้ายกลับบ้าน


"ไอ้เติร์กฝากน้องด้วย"


"ห้ะ!" มันช์ยืนงงยามที่พี่รหัสและลุงรหัสรวมใจมัดมือชกบอกให้พี่เติร์กไปส่ง ทั้ง ๆ ที่พี่เติร์กไม่ใช่สายรหัสของมันช์สักหน่อย


    'โอ้โห ทั้งพี่และลุงรหัสรักกูจริง ๆ ถีบหัวส่งกูเลยซะงั้น'


"มันช์กลับกับไอ้เติร์กนะ ปลอดภัยหายห่วง พวกกูกลับก่อน ไปละ" ป๋อบอกพลางโบกมือลา มันช์ก็ได้แต่ทำหน้าเหราหรากลับไป


"อ่า อะครับพี่" มันช์ตอบรับอย่างงง ๆ พอพวกพี่ป๋อ พี่อุ้ยลับตาไปไกล มันช์หันมาหาพี่เติร์กที่นั่งอยู่บนรถเวสป้าสีเขียวขี้ม้า


"พี่ แยกกันเลยก็ได้ สวัสดีครับพี่"


"มึงกลัวกูปล้ำรึไง?" เติร์กมองเด็กเด๋อที่ทำตัวป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ก็เลยถาม


"เปล่าสักหน่อย"


"แล้วเล่นตัวทำไม หรือเป็นเพราะไม่ได้อยู่สายรหัสเดียวกัน กูเลยทำแทนไม่ได้?" เติร์กถาม มันช์มองคนพูดยียวนพลางลอบถอนหายใจ ก่อนจะต่อปากต่อคำกลับไป


"ก็จริงอย่างที่พี่พูด มันทำแทนกันไม่ได้"


"เถียงตลอด น่าตบปากจริง ๆ"


"ทำตัวป่าเถื่อน เอะอะก็ใช้กำลัง"


"ก็แค่กับมึงคนเดียวล่ะ ที่กูอยากใช้กำลัง"


"นู้น ไปค่ายมวยโน่น เขามีคู่ซ้อมถ้าพี่อยากใช้กำลังมากนักน่ะ" มันช์กวนพี่เติร์กกลับอย่างไม่อยากยอมพ่ายแพ้ง่าย ๆ


"ทำไมกูต้องไป กูแค่อยากใช้กำลังกับมึง และถ้าเป็นมึงไม่ต้องไปถึงค่ายมวยหรอก จะพื้น จะเตียง หรือระเบียงก็ยังได้"


   สาบานนะว่า เราสองคนกำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่ ทำไมมันช์ขนอ่อนลุกชูชัน ใจสั่น หวั่นไหวยามที่พี่เติร์กมองมาด้วยสายตากะลิ้ม กะเหลี่ย


'ไอ้พี่เติร์ก พี่คิดเชี่ยอะไรอยู่วะเนี่ย?'



...............................................
[/b]


- อิพี่มันร้าย ฮ่า ๆ ติดตามไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่าพี่เติร์กน่าหลงรักขนาดไหน แล้วระวังตกหลุมรักพี่เติร์กแทนมันช์น้า อะแฮร่


- ตอนนี้ก็เท่าเทียมกันแล้วโนะ อีกคนฉี่รดตู้เสื้อผ้า อีกคนอ้วกใส่ขากางเกง แสดงธาตุแท้ให้เห็นกันตั้งแต่ตอนแรกไปเลย เวลาเป็นแฟนกันจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมาก ฮ่าๆๆ แต่จะได้เป็นแฟนกันไหมก็ต้องมาช่วยลุ้นกันล่ะค่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2019 20:59:49 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่.....มันชัดเจนขนาดนี้แล้วนะ  นุ้งมันซ์อย่ามัวแต่มโนด้านลบ หัดมโนด้านบวกด้านเข้าข้างตัวเองบ้าง  อิอิ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ช่างหยอดนะพี่เติร์ก   :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :m20:

อีพี่ออกนอกเรื่องตลอด

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ยอมเลยว่ะพี่เติร์ก มุกหยอดเด็กของพี่นี่มันเฉียบจริงๆ :laugh:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1


บทที่ 10  ยังไม่ถึงเวลา










"ขอบคุณนะครับพี่" มันช์เอ่ย ยามที่พี่เติร์กมาส่งมันช์ถึงหน้าหอโดยสวัสดิภาพ ในขณะที่มันช์หมุนตัวเดินขึ้นตึกก็ได้ยินเสียงไล่ตามหลัง


"รอด้วย"


      ขายาวที่ก้าว หยุดชะงักงัน หันหลังมองคนที่มาส่งลงจากรถมอเตอร์ไซค์และปรี่มาหา


"พี่จะไปไหน?" มันช์ถามพี่เติร์กที่อยู่ดี ๆ ก็เดินตามมาไม่ยอมกลับบ้าน


"นอนห้องมึงไง"


"ห๊ะ! แล้วใครบอกจะให้พี่นอน?" มันช์ถามอย่างตกใจ เขาไปตกลงไปกับพี่เติร์กตอนไหนว่าจะให้นอนค้างด้วย มันช์มองหน้าพี่เติร์กที่ยืนรอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พอสนิทกันหน่อย ความเกรงใจก็ดูเหมือนไม่ค่อยหลงเหลือ



"กูไม่นอนก็ได้ พอดีกูแค่ทะเลาะกับแม่มา เลยไม่อยากกลับบ้าน แต่ไม่เป็นไร กูเข้าใจมึง" เติร์กว่าจบก็เดินกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง แต่เดินไปได้แค่สองก้าวเท่านั้น เสียงตะโกนก็ทำเติร์กชะงัก


"พี่จะนอนก็นอน แค่ถามไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" มันช์เปลี่ยนใจทันทีที่ได้รู้เรื่องอันน่าสงสารของพี่เติร์ก ถ้าการที่มันช์จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำให้พี่เติร์กสบายใจ มันช์ก็ยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจ



"พี่อาบน้ำก่อนเลย" มันช์บอกตอนที่ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องพร้อมวางสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย


     ยอมรับว่าตั้งแต่บังเอิญเจอกันที่ร้านเหล้าคราวก่อน มันช์กับพี่เติร์กก็สนิทกันมากขึ้น กำแพงที่ต่างฝ่าย ต่างมีไว้เพื่อปกป้องตัวเองก็ดูเหมือนจะพังทลายลงไปโดยอัตโนมัติ



"มึงอาบก่อนเถอะ กูรอได้" พี่เติร์กบอก มันช์จึงไม่ขัด คว้าผ้าขนหนูพร้อมเสื้อผ้าใส่นอนคืนนี้เข้าไปในห้องน้ำด้วย



       หลังจากที่ มันช์อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ เขาเดินออกมายื่นผ้าขนหนูของตัวเองไปให้พี่เติร์กที่นั่งรออยู่


"หืม มึงใช้ผ้าอะไรเปียกขนาดนี้วะ" เติร์กถามตอนที่มันช์ยื่นผ้าเช็ดตัวเปียกโชก เสมือนทำหล่นในห้องน้ำ


"อ้าวพี่ ผมใช้ผ้าเช็ดตัวหลังอาบน้ำเสร็จ มันก็ต้องเปียกไหมวะ ถามอะไรแปลก ๆ ถ้างั้นก็ไม่ต้องใช้" มันช์ชักผ้ากลับ แต่เติร์กยึดผ้าไว้แน่น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วอมยิ้ม


"ถ้ามึงรับได้ที่กูเดินออกมาแล้วไม่ใส่อะไรเลย กูก็โอเคนะ"


     มันช์ชะงัก แล้วใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าว เมื่อพอพี่เติร์กพูดจบ มันช์ดันจินตนาการไปไหนต่อไหน มันช์หลุบตาลงต่ำปล่อยผ้าจากมือ แล้วให้พี่้เติร์กเดินเข้าห้องน้ำด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ


     ในระหว่างที่พี่เติร์กอาบน้ำอยู่นั้น มันช์นั่งใจเต้นแรงอยู่ที่ปลายเตียง โดยปกติแล้ว การที่พี่เติร์กจะมานอนค้างที่นี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้น เพราะใครคนใดคนหนึ่งเมา ดังนั้นเวลานอนด้วยกันจึงไม่ต้องเกร็งอะไรอยู่แล้ว แต่คราวนี้มันต่างออกไป มันช์ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกันกับพี่เติร์กในสภาพที่สติสัมปชัญญะครบถ้วน แล้วอย่างนี้มันช์จะทำอย่างไรดี เขากลัวความลับแตก หากพี่เติร์กจับพิรุธได้

 
     ดังนั้น วันนี้ มันช์ได้คำตอบว่าเขาควรใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ละลายความอายสักหน่อย ตอนนอนด้วยกันจะได้ไม่ต้องเขินอาย มันช์พาตัวเองออกจากห้องไปเคาะประตูห้องแบงค์ที่อยู่ติดกัน


      มันช์ยืนถอนหายใจยาวเมื่อได้ออกมาอยู่ข้างนอกห้อง เขาเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องแสร้งแสดงละครทำตัวเหมือนว่าพี่เติร์กและมันช์เป็นแค่รุ่นพี่-รุ่นน้องกัน ทั้ง ๆ ที่ใจมันช์คิดไปไกลกว่านั้น


"อ้าว ว่าไงมึง" แบงค์เบิกตาโตอย่างประหลาดใจที่เห็นเพื่อนมาเคาะประตู ก่อนจะเบี่ยงตัวให้มันช์เดินเข้ามาด้านใน


"มึงมีเบียร์ไหม? ขอหน่อย" มองเพื่อนยืนกัดปาก ทำท่าลุกลี้ ลุกลน



"มีแค่สองกระป๋อง ทำไมมึงอยากกินเหรอ กินห้องกูเลยดิ"


"เปล่ากูจะกินกับพี่เติร์ก วันนี้ พี่เติร์กมานอนห้องกูว่ะ" มันช์บอก


      เพียงได้ยินคำตอบของเพื่อน ฟากแบงค์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนแซว



"ง่อวววววว์ อย่างนี้นี่เอง จะเมาแล้วอ่อยว่างั้น?"


"พ่องมึงสิ กูแค่อยากกินให้มันหลับ ๆ ไป คือ มึงเข้าใจกูไหม? ที่ผ่านมา เวลาพี่เขามานอนห้องกู คือ ไม่เขาหรือกูก็เมาไง แต่พอวันนี้ ไม่มีใครเมาแล้วต้องอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน กูกลัวว่าเขาจะจับได้ว่ากูชอบเขา" มันช์บอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง



"กูว่าก็ดี ถ้างั้น ลุยเลย บอกพี่เติร์กไปเลยว่า มึงชอบเขา" แบงค์บอกอย่างกระตือรือร้น เชียร์เพื่อนเต็มที่



"มึงก็พูดง่าย แต่มันทำไม่ง่ายแบบนั้น มึงเข้าใจไหมว่ากูกลัว กูไม่กล้า และกูก็ยังไม่พร้อมจะเสียใจตอนนี้ด้วย" มันช์บอกก่อนจะกัดเล็บตัวเองพลางครุ่นคิดไปด้วย


      แบงค์ส่ายหน้าพลางถอนหายใจเสียงดัง ก่อนตอบ



"มึงนี่หลายทีแล้วนะไอ้มันช์ เมื่อไหร่มึงจะมั่นใจตัวเองวะ มึงหน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี ขอแค่เปิดใจ ทำตัวให้กล้า ๆ หน่อย มัวแต่กลัวแล้วเมื่อไหร่จะมีแฟน ขืนเป็นแบบนี้ หมาก็คาบไปแดกพอดี"


      แบงค์เป็นเพื่อนกับมันช์มานาน ย่อมรู้ดีว่า มันช์เป็นคนอย่างไร และมีข้อดีในตัวมากแค่ไหน แต่มันช์มักไม่ค่อยนำมันออกมาใช้ เพราะชอบไม่มั่นใจตัวเองอยู่เสมอ


"มึงอย่าว่ากูสิวะ"



"ไม่ได้ ต้องว่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่ เอาอย่างนี้ไหม ? ให้กูไปนั่งที่ห้องมึงด้วย ทำเนียนนั่งกินเบียร์ด้วยกันไปเลย"


"ไม่เอา กูอยากอยู่กับพี่เติร์กสองคน อีกอย่าง เขาทะเลาะกับแม่มาด้วย กูอยากให้กำลังใจเขา" มันช์บอกตามตรง จนแบงค์เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้



"ปากบอกอายไม่กล้าบอกชอบพี่เขา แต่ในใจนี่อยากได้เขาจนตัวสั่นเลยนะกูว่า"


"ปากหมานะ ไอ้เชี่ยแบงค์"



   มันช์ว่าเพื่อน ก่อนจะเดินไปหยุดเท้าและย่อตัวลงเพื่อเปิดตู้เย็นขนาดเล็กคว้าเบียร์ที่มีมาสองกระกระป๋อง


"กูพูดเรื่องจริง" แบงค์บอก แต่มันช์ไม่อยากเถียงให้เสียเวลายืดยาว เพราะเขากลัวว่าพี่เติร์กจะออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอเขา มันช์จึงร่ำลาเพื่อน


"กูไปก่อน เดี๋ยวซื้อมาใช้คืนนะ"


"เออ ๆ ไม่ต้อง รีไป ถ้าคืนนี้ได้กันก็บอกกูด้วย"


"ได้เชี่ยอะไร ทะลึ่ง" มันช์ด่าเพื่อนแต่ก็เขินจนหน้าแดง แล้วรีบดิ่งไปห้องของเขา



        มันช์ยืนถอนหายใจยาว ก่อนจะเปิดประตู เข้าไปเห็นพี่เติร์กนั่งหน้าเข้มอยู่ที่ปลายเตียง


"ไปไหนมาวะ?"


"ไปขโมยเบียร์ห้องไอ้แบงค์มาน่ะพี่" มันช์มองพี่เติร์กที่ตอนนี้ยังไม่ใส่สวมเสื้อผ้ามีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่างเอาไว้เท่านั้น


"แล้วทำไมพี่ไม่แต่งตัว"


"ก็จะขอยืมเสื้อผ้ามึงไง แต่มึงไม่อยู่ เลยไม่กล้ารื้อ" มันช์เอียงคอมองอย่างแปลกใจ นึกยังไงอยู่ดี ๆ พี่เติร์กก็เกิดจะมามีมารยาทดีกับเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น


    มันช์วางกระป๋องเบียร์บนเตียงข้างตัวพี่เติร์ก ก่อนจะเดินไปค้นเสื้อผ้ามาให้ร่างสูงได้สวมใส่


"แต่ผมไม่มีกางเกงในให้พี่ยืมหรอกนะ"


"ไม่เป็นไร กูไม่ใส่ก็ได้ แต่มึงอย่าแอบดูของกูแล้วกัน"


"ทำไมต้องแอบดู ไม่ได้อยากเห็นขนาดนั้น" มันช์เบะปากบอก


"อย่าให้รู้ทีหลังแล้วกัน ว่าแอบมองจนเก็บเอาไปฝัน" ก็รู้นะว่าพี่เติร์กชอบกวนประสาทตามประสา แต่มันช์กลับขำไม่ออก เพราะใจสั่นเกินต้านทานเมื่อดันจินตนาการร่างกายอีกฝ่ายเสียซะละเอียดยิบ มันช์หลบสายตาด้วยความเขินอาย


"บ้า ผมไม่ใช่พวกโรคจิต"



       บางที มันช์ก็อยากลอกเลียนแบบพฤติกรรมความหน้าด้านมาจากพี่เติร์กได้บ้างเหมือนกัน ในขณะที่ มันช์เห็นพี่เติร์กสวมเสื้อของมันช์และทำท่าจะปลดผ้าเช็ดตัว มันช์จึงรีบเอ่ย


"นี่เบียร์ของพี่นะ ผมรอตรงระเบียง"




      เดินออกมามองวิวตรงระเบียง มันช์ผุดรอยยิ้มที่วันนี้ อากาศดี มีสายลมพัดผ่านเบา ๆ  ไม่อบอ้าวเช่นทุกที มันช์กระดกเบียร์ไปสองอึก พี่เติร์กก็เดินออกมา


"นึกไงอยากกินเบียร์?" เติร์กถามอย่างประหลาดใจ


"อยากเมาจนหลับ"


"กระป๋องเดียวคงไม่ช่วยอะไร"


"ก็ยังดีกว่าไม่ได้กิน"


"มึงดูแปลก ๆ นะไอ้มันช์"



    ฟากมันช์ยืนเงียบไปไม่ตอบ


   ก็จะให้มันช์ทำอย่างไรได้ เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้อยู่กับพี่เติร์กสองต่อสองในสภาวะปกติแถมอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ มันช์จึงกลัวเหลือเกินว่าพี่เติร์กจะล่วงรู้ความลับในใจของเขา


"พี่ทะเลาะกับแม่เรื่องอะไรมาเหรอ ?" มันช์รีบถามขัดความเงียบ ส่วนหนึ่ง มันช์ก็อยากรู้ถึงความเป็นมาเป็นไปว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เติร์กถึงทะเลาะกับแม่ได้


"เปล่า ไม่ได้ทะเลาะ" เติร์กตอบหน้านิ่งก่อนยกเบียร์ขึ้นดื่ม ฟากมันช์หันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงุนงง


"อ้าวแล้วไหนตอนแรก พี่บอกว่าทะเลาะ"


    ใบหน้าหล่อคมผุดรอยยิ้ม ก่อนบอกความจริง


"มึงนี่เชื่อคนง่ายเนอะ กูพูดเล่น"


    พี่เติร์กว่าด้วยท่วงท่าที่สบาย ๆ แต่มันช์กลับเสียใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายโกหกกัน


"พี่ โกหกผมแบบนี้ได้ไงวะ" มันช์ว่าพี่เติร์กเสียงดัง ก่อนจะเดินหงุดหงิดเข้าไปด้านในห้อง ปล่อยให้เติร์กยืนมองตามหลังด้วยใบหน้าเหวอ


     ทุกทีก็แหย่กัน เล่นกันเป็นเรื่องปกติ แต่เหตุการณ์ตอนนี้ ทำเติร์กยืนงงเป็นไก่ตาแตก ที่ไม่รู้ว่ามันช์เป็นอะไรทำไมถึงต้องไม่พอใจมากขนาดนั้น เติร์กยืนคิดอะไรบางอย่างก่อนเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มันช์ที่มือกำกระป๋องเบียร์แน่น




"มึงโกรธกูเหรอ?"


"......"

   
     มันช์เงียบ รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์โกรธหรือไม่พอใจพี่เติร์ก แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อมันช์ก็ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันช์เป็นห่วงพี่เติร์กเลยเสียความรู้สึกที่พี่เติร์กต้องทำลายความรู้สึกเป็นห่วงกันด้วยการลวงหลอกกันเล่น ๆ แบบนี้



"กูขอโทษแล้วกันที่โกหก" เติร์กว่าพลางมองรุ่นน้องที่นั่งนิ่ง


"แล้วพี่จะโกหกเพื่ออะไร?" มันช์ถามอย่างไม่เข้าใจว่าพี่เติร์กต้องการอะไรกันแน่



"เพื่อกูจะได้ลองอยู่กับมึงสองคนไง ถ้ากูพูดความจริงไปตั้งแต่แรก มึงคงไล่กูกลับบ้าน"


    มันช์ชะงักอย่างไม่รู้ว่า การที่พี่เติร์กใช้คำพูดแบบนั้น มันจะเป็นสิ่งเดียวกับที่มันช์ตีความหรือไม่ มันช์ก้มหน้ากัดปากอย่างครุ่นคิด



"เงียบทำไม? มึงยังโกรธกูอยู่เหรอ?" เติร์กถาม


     สาเหตุที่มันช์นิ่งเงียบ ไม่ใช่ว่าเขาโกรธพี่เติร์ก แต่ที่เงียบเพราะมันช์กำลังนั่งหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในรูปประโยคก่อนหน้านั้นต่างหาก แต่ดูเหมือนว่าเติร์กจะยังคงเข้าใจผิดคิดว่า รุ่นน้องโกรธเคืองกันไม่หาย


"กูต้องง้อยังไง? ให้มึงหายโกรธ?"



     มันช์มองคนที่ถามออกมาตรง ๆ ครู่หนึ่งเขาเหลือบมองพี่เติร์กที่เหมือนต้องการหาทางออกให้กับเรื่องนี้ มันช์ถอนหายใจ ก่อนยิ้มบางเบา


"ผมไม่ได้โกรธหรอกพี่เติร์ก ช่างมันเถอะ"


"แน่ใจ?"


"อื้ม"


"มึงง่วงนอนรึยัง?" เติร์กถามเพื่อความแน่ใจ เมื่อเห็นมันช์ดูเหมือนง่วงงุน


"ตอนนี้ พี่ไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ?"


"มึงเมาหรอวะ มันช์?" เติร์กย้ำถามอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ ในเมื่อเติร์กถามอีกอย่างกลับได้คำตอบอีกอย่าง



"เปล่าสักหน่อย ทำไม? ผมเหมือนคนเมาเหรอ?"


"เออดิ อยู่ดี ๆ มึงก็ไม่ตอบคำถามกู แล้วถามอะไรก็ไม่รู้"


"อ้าว ก็พอดีนึกขึ้นได้เลยถามไง"



"ตลกมึงว่ะ มึงดูมึน ๆ นะ อืม กูไม่มีแฟน" เติร์กตอบคำถามรุ่นน้องที่ดูเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว



       มันช์ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ชื้นเหงื่อทั้งยังหมุนกระป๋องเบียร์ไปมาอย่างตื่นเต้น


"แล้วพี่ชอบคนแบบไหน?"


"มึงถามทำไม?"


"เอ้าก็ถามไถ่ตามประสาพี่น้องไง" มันช์บอกปัด ทั้ง ๆ ที่รู้ดีแก่ใจว่าถามไปเพื่ออะไร


     'ก็แค่อยากรู้ไงล่ะ ว่า คนที่พี่ชอบ ใกล้เคียงกับคนอย่างผมบ้างหรือเปล่า?'


"ก็ไม่รู้ว่าชอบคนแบบไหน แต่ถ้าความรู้สึกมันบอกว่าใช่ก็ใช่ กูไม่รู้จะอธิบายให้มึงเห็นภาพยังไง"


"อ่าห้ะ แล้วตอนนี้ พี่เติร์กเจอคนที่ใช่รึยัง?" มันช์ถามทั้ง ๆ ที่ใจสั่น นี่มันช์พยายามรวบรวมความกล้าตามคำบอกเพื่อนทุกอย่าง



"ไม่บอก"


"โห! อะไรกันวะ แค่นี้ก็บอกน้องไม่ได้" มันช์อุตส่าห์ใจกล้าถามคำถามที่ชวนใจเต้นแรง  แต่พี่เติร์กกลับยียวน กวนประสาทไม่ยอมเอ่ยออกมาว่ามีคนในใจแล้วหรือยัง



"มันยังไม่ถึงเวลา"


"....."


"แต่ถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ กูจะบอกมึงเป็นคนแรก"



   แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็ฉวยกระป๋องเบียร์ของมันช์ไปจากมือและผุดลุกขึ้นยืน ก้าวยาว ๆ เดินไปทิ้งเบียร์สองกระป๋องที่ถังขยะเล็ก ปล่อยให้มันช์นั่งมองแผ่นหลังกว้าง


     'และถ้าเวลานั้นมาถึง ผมต้องเตรียมใจแล้วใช่ไหม พี่เติร์ก'

 

.......................................

 :-[ :o8: :-[ :-[ :-[ :o8: :o8: :-[
-     อิพี่เติร์กน่ารัก 

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมไม่ทำตามที่แบงค์แนะนำฮะเจ้ามันซ์

อิพี่เติร์กอุตส่าห์ขนอ้อยมาเป็นไร่แล้วนะนั่น  ยังไม่เข้าใจอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อิพี่ขนอ้อยมาตรงหน้าแต่บอกยังไม่ถึงเวลา
อ้าว น้องก็นอยด์ดิ
เชียร์โฟลค์ดีก่า
+1
 :mew1:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 11  มึงไม่คิด แต่กูคิด















"นึกไงดูหนังแนวแอบรักเพื่อนสนิท"


    มันช์มองคนทำหน้าหงุดหงิด ก่อนตอบ



"ก็ดูทีเซอร์แล้วน่าสนุก"



    ตั้งแต่เรื่องคืนที่พี่เติร์กมานอนค้าง ก็ผ่านมาแล้วหลายวันที่มันช์คิดไม่ตกกับคำพูดที่ยังติดค้างอยู่ในใจ แม้ว่าอยากรู้แค่ไหน แต่ปากกลับไม่กล้าถามในสิ่งที่สงสัย ลึก ๆ แล้วมันช์ยังคงกลัวในคำตอบ



    วันนี้ เป็นวันที่พี่เติร์กพามาเลี้ยงตามสัญญา และมันช์ก็ยังคงต้องเล่นละครตบตาสร้างสถานะระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้องอีกเช่นเคย  โดย มันช์จัดทั้งบุฟเฟ่ต์และไอศกรีมจนอิ่มหนำ เสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งรอภาพยนตร์ฉาย



"กูนึกว่ามึงชอบขิง" เติร์กถามจบก็ดูดน้ำซาสี่


"ไม่ได้ชอบนะพี่เติร์ก ขิงเป็นเพื่อนผมจริง ๆ" มันช์รีบแก้ เพราะกลัวว่าพี่เติร์กจะเข้าใจผิด


"แน่ใจนะ" เติร์กถามอย่างไม่อยากเชื่อ


"แน่ใจสิพี่" มันช์ตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเปื้อนยิ้ม มันช์รีบหลบตา พี่เติร์กจะรู้ไหมว่า รอยยิ้มของพี่เติร์กช่างชุบชีวิตมันช์ให้มีชีวามากกว่าเดิม



"เออ พี่เติร์ก พี่ป๋อบอกผมว่าพี่เคยเป็นเดือนคณะ?" มันช์เปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกไม่ชอบสายตาพี่เติร์กที่มองมาแปลก ๆ ส่วนหนึ่งที่มันช์ถามก็เพราะอยากรู้ประวัติส่วนตัวของคนที่ชอบด้วย


     พี่เติร์กเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเนือย ๆ


"ไม่เห็นบอกเลย" มันช์บอก


"แล้วทำไมกูต้องบอกเรื่องส่วนตัวให้มึงฟัง เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" เติร์กบอกออกไปตรง ๆ

 
   มันช์ชะงักที่พี่เติร์กพูดกระแทกใจอย่างจัง จะว่าไป พี่เติร์กก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกที่จะพูดอย่างนั้น



"ขอโทษครับที่ถาม"



"ขอโทษทำไม มึงไม่ได้ทำอะไรผิดและที่กูพูด ก็แค่อธิบายให้มึงเข้าใจเฉย ๆ"


"......"



"มึงเป็นคนคิดมากเหรอ? มันช์" เติร์กถามรุ่นน้องที่ดูเงียบไปนิดแถมใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเครียดขึงขัง ดูเหมือนเวลาที่เติร์กพูดตรง ๆ  มันช์ดูน้อยใจง่ายเป็นพิเศษ



"......."



      มันช์ยังคงเงียบกริบ ก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง


"พี่เติร์ก หนังเข้าแล้ว รีบไปเหอะ"


      เติร์กมองคนเฉไฉ ก่อนจะดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองบ้าง ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ  ทั้งสองจึงรีบลุกจากที่นั่งเพื่อเดินเข้าโรงภาพยนตร์ ถึงที่นั่ง มันช์นั่งฝั่งซ้ายมือของพี่เติร์ก เขาวางเครื่องดื่มตรงที่วางแก้วและป๊อปคอร์นไว้บนตัก จ้วงกินอย่างเพลิดเพลิน

 


      มันช์ชอบนั่งกินป๊อปคอร์นพร้อมดูหนังไปด้วยเพื่ออรรถรส โดยเฉพาะการกินป๊อปคอร์นรสเค็มผสมรสหวาน ยิ่งทำให้มันช์หยิบเพลินจนไม่สนคนข้าง ๆ แต่อย่างใด กระทั่ง หนังฉายไปราวสามสิบนาที มันช์ที่นั่งหยิบป๊อปคอร์นจนเหลือครึ่งกล่องก็ชะงักมือ ตอนที่ พี่เติร์กหันมาถาม


"ไม่คิดจะชวนกูกินบ้างเลยเหรอ?"


     มันช์ลืมตัวจริง ๆ เขามัวแต่กินไม่พูด ไม่จา และการที่พี่เติร์กพูดออกมาเช่นนั้น ยิ่งทำให้มันช์รู้สึกผิดไปใหญ่


"ขอโทษที่ลืมชวน ก็ผมชอบกินอะ แต่ยังเหลืออยู่นะ พี่เติร์ก"


     มันช์ว่าก่อนจะเอียงกล่องไปให้พี่เติร์กหยิบสะดวกมือ เติร์กล้วงหยิบป๊อปคอร์นที่มันช์ยกจากตักมาวางตรงพนักแขน และกลายเป็นว่าตอนนี้ ต่างฝ่ายต่างสลับกันจ้วงป๊อปคอร์นอย่างเพลิดเพลิน


       มันช์ทอดสายตามองไปยังหน้าจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ในจังหวะที่มือก็ล้วงป๊อปคอร์นไปด้วย แต่มันช์สะดุ้งสุดตัว เมื่อเขาล้วงไปจับมือพี่เติร์กเต็ม ๆ 


"เป็นอะไรวะมันช์ สะดุ้งอะไรขนาดนั้น" เติร์กถามอย่างจับผิด เพราะหลายครั้งที่เติร์กแอบมองมันช์ เขารู้สึกว่าวันนี้มันช์ดูแปลก ๆ
 


"เปล่านี่ ผมไม่ได้เป็นอะไร" มันช์ตอบเสียงสั่น เขาไม่ชอบเลย การที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมอะไรไม่ได้




      ในขณะที่มันช์พูดจบ เขาหลับตาปี๋ทันที ปลายนิ้วจิกลงบนพนักวางแขนบุผ้ากำมะหยี่สีแดง ฝ่ามือชื้นเหงื่อแถมใจเต้นแรงราวกับขึ้นรถไฟเหาะ ยามที่พี่เติร์กขยับใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้คล้ายจะจูบ มันช์เผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง และวินาทีนั้น เติร์กจับท่อนแขนแล้วเอ่ย



"มันช์"


       เมื่อพี่เติร์กเรียกสติให้มันช์ลืมตามามองคนข้างกายที่สุดท้ายก็ไม่ได้จูบ


"อะ...อะไรพี่" มันช์ตอบรับและเสียเซล์ฟนิดหน่อยที่เผลอเข้าใจผิดคิดว่าพี่เติร์กจะจูบ แต่เปล่าเลย มันช์หน้าร้อนผ่าวยามที่มองอีกฝ่ายเลียริมฝีปากที่แห้งผาก


"มึงแอบคิดอะไรกับกูหรือเปล่า?"


"เฮ้ย บ้าไม่ได้คิด"


      แต่เพราะมันช์ตกใจเกินกว่าจะตั้งรับ มันช์จึงรีบตอบปฏิเสธไป ทั้ง ๆ ที่มันช์ควรตอบรับว่าใช่ให้มันรู้ดำ รู้แดงกันไป


"มึงไม่คิด แต่กูคิด"


"......"  มันช์นั่งอึ้งอย่างคนมึนเบลอ และประโยคสุดท้ายก็เฉลยทุกสิ่ง


กูคิดว่ากูชอบมึงว่ะ มันช์"

 
"กูชอบมึงว่ะ มันช์"


"กูชอบมึงว่ะ มันช์" 


     ราวกับเสียงเอคโค่ก้องอยู่ในโสตประสาท และนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป มันช์ดูหนังไม่รู้เรื่องอีกเลย
.
.
.
.
"ใจเย็น ๆ  มึงร้องไห้ทำไมวะ อย่าบอกนะ ว่ามึงบอกชอบพี่เติร์กแล้วเขาไม่ชอบมึงน่ะ"


      แบงค์รู้เรื่องจากการรายงานของเพื่อนแล้วว่ามันช์ไปดูหนังกับพี่เติร์ก และแบงค์ก็ได้แต่นั่งภาวนาขอให้มันช์ได้บอกความในใจและสมหวัง แต่หลายชั่วโมงคล้อยหลัง แบงค์กลับตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนยืนน้ำตาไหลอยู่หลังบานประตู แบงค์รีบลากเพื่อนเข้ามาปลอบประโลมในห้อง



"มึง กูดีใจว่ะมึง ฮือ พี่เติร์กชอบกู"


    และสุดท้าย มันช์หยุดร้องไห้พร้อมรวบรวมสติบอกคำสำคัญกับเพื่อน


"มึงว่าอะไรนะ"


"พี่เติร์กชอบกู ไอ้แบงค์ พี่เติร์กชอบกู!"


 
       แบงค์งงเป็นไก่ตาแตก ที่เห็นเพื่อนร้องไห้แต่พอได้ยินสิ่งที่มันช์เล่า นั่นมันคือข่าวดีชัด ๆ



"ไอ้ห่า แล้วมึงจะร้องไห้เพื่อ??"


"ก็พี่เติร์ก คือ รักครั้งแรกของกู อีกอย่าง ใครจะคิดว่าคนที่ทำให้กูผิดหวัง จะมาชอบกูในวันนี้ กูไม่เคยคิด มันเหมือนฝันเลยว่ะ มึง"



      แบงค์เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมันช์ถึงหลั่งน้ำตา มันไม่ใช่น้ำตาที่มาจากความเสียใจ แต่มันคือน้ำตาจากความตื้นตันใจต่างหากที่ได้รู้ว่าคนที่เราแอบรักมีปฏิกิริยาตอบกลับในแบบเดียวกัน



"กูเข้าใจความรู้สึกมึงแล้ว จากนี้ เอาไงต่อ บอกพี่เติร์กเลยไหมว่ามึง คือ เด็กที่ให้ลูกอมคนนั้น"


    มันช์ส่ายหน้าน้อย ๆ


"ยัง กูอยากรู้ว่า เวลาพี่เติร์กจะจีบกูแบบไหน"


"มึงจะสื่อว่า ยังไงมึงก็คบกับพี่เติร์กแน่ ๆ แต่อยากรู้ว่า พี่เติร์กจะจีบมึงยังไง ยังงั้นน่ะเหรอ?"


     มันช์ช้อนตามองเพื่อนอย่างเขิน ๆ ที่แบงค์รู้ทัน มันช์ยิ้มพลางตอบอ้อมแอ้ม


"อะ..อื้ม"


"เหยยยด เล่นตัวสัดอะ เพื่อนกู"



"ก็กูอยากเป็นคนที่โดนพี่เติร์กจีบบ้าง"
   มันช์ก้มหน้าเก็บความอายพลางบอกเสียงแผ่ว

.
.
.
.
'ตอนนี้มึงอาจจะยังไม่ชอบกู แต่ให้โอกาสกูได้ลอง'

 

      ประโยคสุดท้ายที่พี่เติร์กบอกก่อนจะส่งมันช์ขึ้นรถแท็กซี่ หลังจากที่แยกย้ายกันในวันดูหนังนั่นก็ผ่านมาแล้วสองวันเต็ม ๆ แต่คำ ๆ นั้น มันยังติดอยู่ในหัวมันช์จนสลัดออกไปไม่ได้



   

       ทุกอย่างช่างตรงข้าม กับในอดีต จากคนที่เคยเป็นผู้ไม่ได้โดนเลือก ในวันนี้มันช์กลับได้เป็นผู้เลือก

 

"พี่ซื้อนมมาฝากครับ"  มันช์สลัดความคิดถึงพี่เติร์กออกไป มองนมกล่องรสช็อคโกแลตที่วางลงบนโต๊ะ สลับกับมองพี่เต็น ซึ่งตอนนี้ ที่ซุ้มมีแค่มันช์กับดาวที่นั่งอยู่



       มันช์มองพี่เต็นที่ส่งยิ้มละมุนให้

 

"ขอบคุณครับ แต่พี่ซื้อมาฝากผมทำไมเหรอ?"

 

"ก็อยากให้เป็นพิเศษ"



     มันช์แอบเหลือบมองดาวเบิกตาโต แสร้งยกมือปิดปากได้อย่างน่าหมั่นไส้ แต่เพราะพี่เต็นหันหลังให้ดาว เขาถึงไม่เห็นว่าเพื่อนแอบล้อเลียนอยู่

 

"อ่าครับ" มันช์รู้สึกทะแม่ง ๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะเงียบเสียง และแล้วพี่เต็นก็มองหน้าดาวด้วยรอยยิ้มละมุน



"พี่ขอคุยกับมันช์แปปนึงได้ไหมครับ?" แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่การที่พี่เต็นหันไปหาดาวเหมือนสื่อความนัยคล้ายไล่ วินาทีนั้น ดาวพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปจากซุ้มทำทีไปเข้าห้องน้ำ

 

      เต็นทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะ ล้วงกระเป๋ากางเกง กดสายตามองจากที่สูงลงมาหามันช์ที่นั่งตรงม้านั่ง

 

"มันช์ ถ้ามีผู้ชายมาชอบมันช์โอเคไหม?"

 

"ผมไม่ได้รังเกียจครับ แต่ผมจะบอกยังไงดีอะ คือ ผม...."



       มันช์มั่นใจว่ารอบนี้เขาคงไม่ได้คิดไปเองเกี่ยวกับความรู้สึกอีกฝ่าย เมื่อพี่เต็นพูดจาคล้ายคนรู้สึกดีกับมันช์เป็นพิเศษ

 



"พี่รู้สึกดีกับมันช์นะ ถ้าพี่จะขอคุยมากกว่าพี่น้อ..."



       เต็นว่าพลางเอื้อมมือจะไปแตะไหล่รุ่นน้อง แต่วินาทีนั้น เติร์กถลามานั่งเบียดมันช์จนมันช์ต้องกระเถิบตัวไถลไปอีกข้างหนึ่ง เต็นจึงชะงักมือค้างกลางอากาศมองหน้าผู้มาใหม่

 

"มาทำอะไรแต่เช้าวะเต็น มึงมีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ?" เติร์กเหลือบมองเต็นที่นั่งอยู่ในที่สูงกว่า

 

"มึงก็มีเรียนบ่าย" เต็นย้อนถามกลับ

 

"กูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับมันช์" ฟังเติร์กให้คำตอบ เต็นเลิกคิ้วขึ้นสูง

 

"เหมือนเราจะใจตรงกัน" เต็นยิ้ม ฟากเติร์กหรี่ตามองเต็น แต่ไม่ได้พูดอะไร เติร์กกลับเลือกที่จะหันไปหามันช์แล้วยิ้มกว้าง

 

"ไปโรงอาหารกันมันช์"

 

     มันช์ยิ้มแห้ง ๆ เพราะทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า

 

"เอ่อ พี่เต็นไปโรงอาหารด้วยกันไหมครับ?" ถ้าไม่ชวนพี่เต็นไปด้วยก็คงจะน่าเกลียดไปสักหน่อย เมื่อพี่เต็นก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย



"มันช์กูชวนมึงคนเดียว" เติร์กดุมันช์ที่ทำตัวดีไม่เข้าเรื่อง

 

"ไปด้วยกันเยอะ ๆ ก็ดีออก พี่เติร์ก" มันช์ยิ้มบอกเติร์กที่นั่งทำหน้าเซ็ง

 

"ไปครับ พี่ก็หิวอยู่พอดี" เต็นตอบรับ ก่อนแต้มยิ้มบนใบหน้า

 

"เดี๋ยวผมเดินไปตามดาวก่อนนะครับ" มันช์บอกรุ่นพี่ทั้งสอง

 

"อืม"

 

       จังหวะที่มันช์ลุกไปตามเพื่อน เขาได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามหลัง

 

"มันช์"

 

"อ่าห๊ะ" มันช์หันหลังไปเจอพี่เติร์กเดินตามมาหน้าเข้ม

 

"เต็นมาคุยอะไร?" เติร์กถาม

 

"อ่า แล้วพี่เต็นล่ะ" มันช์เปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้พี่เติร์กรู้ความจริงของอีกคน

 

"กูให้ไปจองโต๊ะ อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามกู"





     ไม่เคยเห็นพี่เติร์กทำน้ำเสียงจริงจังเท่านี้มาก่อน มันช์กลัวจึงตอบโกหก

 



"ไม่มีอะไร พี่เต็นแค่ถามว่างานเยอะไหม มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า? แล้วทำไมพี่เติร์กกล้าใช้พี่เต็นแบบนั้นล่ะ เขาเป็นรุ่นพี่ พี่นะ"

 

"แล้วไง ไอ้เต็นเป็นพี่ชายกู"


.....................................




อ้ากกกกกก! พี่เติร์ก ^^

เคยบอกมันช์แล้วไม่ใช่หรอ ? ลูก ว่าให้ด้านแบบอิพี่เติร์กมันบ้าง อิอิ


พี่เต็นคนดี แต่เป็นผู้ที่น่าสงสาร 
 
  :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2019 20:55:44 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าววววววว  เต็น เติร์ก  เป็นพี่น้องกันซะงั้น

ป.ล. การแอบรักนี้ย้อนไปถึงสมัยเด็กน้อยกินอมยิ้มเลยเหรอนั่น   มั่นคงดีแท้

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อุ่ย...ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย    :z6:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตอนแรกคิดว่าเต็นเป็นลูกพี่ลูกน้อง แบบญาติใกล้ๆ กัน ไรงี้
แต่ชื่อ ต.เต่าเหมือนกัน พี่ชายก็โอล่ะ
พี่เต็นโอปป้า แสนดีแค่ไหนก็มีสิทธิ์แค่พระรอง
พี่เติร์กจีบเลย จีบๆๆๆ
 :mew1:

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อ้าว ศึกสายเลือดซะงั้น

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

บทที่ 12  คนนี้ ห้ามจีบ













 

"ห้ะ!"

 

       มันช์ไม่แน่ใจว่าปีนี้เป็นปีทองด้านความรักของเขาหรือเปล่า? นอกจากคนที่ชอบจะชอบกลับแล้ว มันช์ยังมีคนมาชื่นชอบมากมาย หลังจากที่ไม่ได้รับความสนใจมาแสนนาน

 

"ไอ้เต็น คือ พี่ชายแท้ ๆ ทำไม? แปลกใจ เพราะกูหล่อกว่าใช่ไหม?"



"อืม พี่หล่อกว่ามาก" มันช์ประชดก่อนจะโดนพี่เติร์กเขกหัว จังหวะนั้น ดาวหันมาเห็นพอดี ก็แอบยิ้มมุมปาก





"ดาว ไปกินข้าวกัน"

 

     ดาวพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปหาลุงรหัสของตัวเองและยิ้มกว้าง



"สวัสดีค่า ลุงรหัส"



"ครับ น้องดาว"

 

"พูดกับผู้หญิงนี่เพราะเชียวนะพี่เติร์ก" มันช์แซวพี่เติร์กที่อีกฝ่ายก็แค่ยักคิ้วยียวน



"ธรรมดา"



      มันช์เบะปาก ก่อนจะโดนพี่เติร์กลากไปทางเดินที่ไปโรงอาหาร เดินมาได้ครึ่งทาง จู่ ๆ เติร์กก็โน้มหน้าลงมาใกล้ซอกคอของมันช์ทำจมูกฟุดฟิด ท่ามกลางสายตาของดาวที่ยืนตาโตตกใจ มันช์หดคอ และรีบถอยห่าง

 

"พี่เป็นบ้าอะไร? มาใกล้ผมทำไม?" มันช์รีบบอกพลันเหลือบมองดาวที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม

 

"มึงใช้น้ำหอมตั้งแต่เมื่อไหร่?" มันช์ชะงัก ก่อนตอบบ่ายเบี่ยง

 

"กะ...ก็ใช้นานแล้วไง"

 

"ไม่จริง มึงเพิ่งซื้อ ตอนกูไปนอนที่ห้อง ไม่เห็นเจอ แถมก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้กลิ่นมาจากตัวมึงสักหน" เติร์กถามย้ำอย่างจริงจัง เพราะวันนี้ มันช์ดูแปลกไป ทั้ง การแต่งกาย ทรงผมที่ดูจัดเซ็ทรงอย่างประณีตผิดปกติ หนำซ้ำยังมีอากัปกิริยาที่ดูไม่ใช่ตัวมันช์อย่างแต่ก่อน



     มันช์ยืนกัดปาก เขาอยากจะบ้าตาย พี่เติร์กกลายเป็นสุนัขตำรวจตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงมาจับผิด ดมกลิ่นเสียละเอียดขนาดนี้ มันช์หลบตาและยังเบี่ยงประเด็น



"รีบเดินเถอะน่า พี่เติร์กผมหิว"



"มึงเป็นอะไร?"

 

"ไม่ได้เป็นอะไรนี่?" มันช์ถามพี่เติร์ก

 

"ดูมึงไม่เป็นตัวเอง"



 "เปล่า" มันช์ตอบเสียงสูง



"มึง เขินนี่หว่า มันช์"

 

"เขินบ้าบออะไร มั่วแล้วพี่" มันช์ตอบและรีบลากแขนดาวให้เดินห่างออกไปไกล



"มีอะไรที่กูยังไม่รู้?" ดาวถามทันทีที่ได้ยินทั้งสองพูดจาแปลก ๆ กันมาตลอดทาง



"ไม่มี" มันช์บอกแต่ไม่สบตาเพื่อน

 

"แน่ใจ มึงมีพิรุธ แล้วดูมึงสิมันช์ น่าเกลียดมาก ปล่อยให้พี่เติร์กเดินรั้งท้ายแบบนั้น กูว่าเราควรเดินรอเขาหน่อย"

 

"ไม่ต้อง"

 

         ดาวโคลงศรีษะอย่างฉงน เธอจึงเป็นฝ่ายชะลอฝีเท้า จนพี่เติร์กไล่ตามมาทัน และได้ทีถาม

 

"พี่เติร์กชอบมันช์เหรอคะ?" เมื่อพี่เติร์กเดินมาประชิดตัว ดาวก็ยิงคำถามที่สงสัยทันที



"ใช่ครับ"

 

      มันช์หันขวับไปหาคนที่ตอบรับหน้าตาเฉย เพียงเท่านั้น ดาวหลุดกรี๊ดระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร จนคนที่เดินสวนมาต่างตกใจราวกับว่าเธอเจองูเลื้อยผ่านหน้า

 

"เป็นไง ไอ้มันช์ คำทำนายของกูโคตรแม่น" ดาวตบบ่าเพื่อนก่อนจะยกยิ้มกว้าง และวิ่งทิ้งห่างไปไกลอย่างตั้งใจให้มันช์กับพี่เติร์กได้อยู่กันสองต่อสอง ฟากมันช์เห็นดาวไปไกลไม่รอ เขาพยายามเร่งฝีเท้าตาม แต่ทันใดนั้น เติร์กยึดข้อมือมันช์ไว้

 

หมับ!

 

   มันช์สะดุ้ง สะบัดมือพี่เติร์กออก

 



"มึงรังเกียจกูขนาดนั้นเลยเหรอ มันช์" มันช์หันไปเห็นพี่เติร์กที่แววตาดูสลดลง มันช์เป็นกังวลกลัวว่าอีกฝ่ายจะตีความผิดไปกันใหญ่

 

"เปล่านะพี่ คือ..."

 

"คือ?"

 

"ผมไม่ชินที่พอรู้ว่าพี่จะเอ่อ..จีบผม"

 

"มึงเขิน?"

 

"ไม่รู้" มันช์ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นอะไร พอตั้งแต่พี่เติร์กบอกชอบกัน มันช์รู้สึกประหม่าอย่างไม่มีเหตุผล



      มันช์เม้มปาก เดินตัวเกร็งแถมใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ  แล้วจู่ ๆ เติร์กล็อกคอมันช์ไปใกล้ แล้วเอียงหน้ามาพูดด้วย



"มันช์ เป็นมึงแบบที่มึงเป็นแหละ กูชอบ"



      มันช์หน้าร้อนฉ่า ยามที่หันไปเห็นพี่เติร์กในระยะลมหายใจเป่ารดกัน รอยยิ้มพี่เติร์กสดใสราวกับพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า มันช์เสหน้าไปทางอื่น ปัดมือพี่เติร์กออกจากลำคอ และปรี่ไปยังที่นั่ง ที่พี่เต็นนั่งคอยอยู่



"มึงสั่งรึยัง?" เติร์กถามเต็น

 

"ยัง มึงไปสั่งก่อน"

 

     เติร์กพยักหน้า ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งกลางหลังมันช์ให้ก้าวขาสักที



"ไปด้วยกัน" เติร์กบอกย้ำ ตอนที่มันช์หยุดเท้า เขาจึงจับต้นแขนมันช์บังคับให้เดินไปด้วย



     มันช์เงียบพลันลอบมองใบหน้าด้านข้างของพี่เติร์กแล้วแอบอมยิ้ม ก่อนจะปลีกไปสั่งข้าวมันไก่ ในขณะที่เติร์กสั่งก๋วยจั๊บ เมื่อคนพี่ได้รับอาหารก่อนก็เดินไปยังร้านข้าวมันไก่เพื่อรอมันช์ที่ยังไม่ได้สั่งเนื่องจากคนต่อคิวเยอะ



       จนกระทั่ง ถึงคิวของมันช์ สั่งอาหารเสร็จสรรพได้จานข้าวมันไก่มาถือ เติร์กก็จ่ายเงินให้



"ขอบคุณนะพี่เติร์ก" มันช์ตอบเสียงแผ่ว นึกดีใจที่พี่เติร์กใส่ใจกัน



"อืม"

 

      หลังจากทุกคนมานั่งกันครบและจัดการอาหารกันไปได้สักพัก เต็นเผลอสบตามันช์ที่เงยหน้ามามองกันพอดี เขาจึงได้ทีถามรุ่นน้อง



"มันช์ครับ เรื่องที่พี่คุยค้างไว้"



"เอ่อ ครับ" มันช์ชะงักเหล่มองพี่เติร์กที่เงยหน้ามาจากจานตรงหน้า



"มึงมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับมันช์ก็พูดมาเลย ไม่ต้องทำลับลม คมใน" เติร์กถามเต็นตรง ๆ เพราะหลังจากนี้ เติร์กไม่มีทางให้พี่ชายได้มีโอกาสคุยกับมันช์สองต่อสองอีกเป็นแน่

 

"เรื่องส่วนตัว"



"มันช์ เต็นคุยอะไรกับมึง บอกกูได้ไหม" พอพี่เติร์กหันมาถามมันช์ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น แต่น้ำเสียงดูอบอุ่นก็ยิ่งทำให้มันช์ใจเต้นแรง  แต่มันช์ไม่กล้าบอกด้วยตัวเอง และเขากำลังรู้สึกกดดัน



"กูสนใจมันช์" เต็นสงสารมันช์ที่ทำหน้าเหมือนคนกลืนไม่เข้า คายไม่ออก จึงยอมบอกเรื่องส่วนตัวให้น้องชายได้รับรู้

 

"คะ...แค่กแค่ก" ดาวสำลักข้าวทันทีที่ได้ยินเรื่องราวไม่คาดฝัน นอกจากจะได้รู้ข่าวว่าพี่เติร์กชอบมันช์แล้ว ยังมีเรื่องของพี่เต็นอีกด้วย

 



"มึงจะจีบน้องเขา?" เติร์กถามเพื่อความแน่ใจ คำว่าสนใจก็คงหมายถึงต้องการจะเรียนรู้อีกฝ่ายมากขึ้นสินะ

 

"ทำนองนั้น"

 

       ดาวทำตัวไม่ถูกที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์รักสามเส้าครั้งนี้ แต่ถ้าถามว่าอยากลุกหนีไหม บอกเลยว่าไม่ เรื่องแบบนี้ ต้องเงี่ยหูฟังอย่างอยากรู้ อยากเห็น

 

"มึงคงไม่คิดจะแข่งกับน้องมึงหรอกนะ เต็น" เต็นที่กำลังตักข้าวชะงัก เงยหน้ามองน้องชายที่พูดออกมาตรง ๆ

 

     ไม่ต้องบอกว่าชอบ เต็นก็เข้าใจ เขายิ้มมุมปากพลันเหลือบมองมันช์ที่นั่งด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

 

"เอ่อ พี่ ๆ ครับ ผมว่าเรื่องแบบนี้ มันแข่งกันไม่.ไ..ด" คนกลางอย่างมันช์พยายามอธิบาย เพราะเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองดีเด่อะไรพอที่จะมีสองคนมาแย่งเขา แต่มันช์ยังพูดไม่จบ

 

"แต่มันเป็นสิทธิ์ของมันช์ที่จะเลือกใครก็ได้" เต็นตอบยิ้ม ๆ  ส่วนเติร์กยังไม่ทันตอบ เสียงขิงก็แทรกขึ้น



"สวัสดีครับพี่เต็น พี่เติร์ก"

 

     ขิงที่มาใหม่ยืนอยู่ด้านหลังมันช์ก็ทักทายรุ่นพี่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง มันช์หายใจอย่างโล่งอกที่มีคนมาช่วยกอบกู้สถานการณ์



"พี่ครับ ผมไปก่อนนะ" มันช์ส่งสายตาไปหาดาวทำนองว่าให้รีบลุกไปเถอะ

 

       กว่าจะเดินถึงห้องเรียน มันช์มีความรู้สึกดีใจปนเครียด พอดาวถามจี้เรื่องของสองคนนั้น มันช์ก็ไม่ตอบเพราะอยู่ในระหว่างการคิดและการตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องราวของพี่เต็น เห็นที มันช์คงต้องหาเวลานัดพี่เต็นมาเจอเพื่อบอกความจริงเสียแล้ว



      เมื่อทั้งสามถึงห้องเรียนและในระหว่างที่อาจารย์ยังไม่มา ดาวก็ไม่มีเก็บงำความลับ เธอทำหน้าที่เป็นโทรโข่งบอกเพื่อนในกลุ่มให้ได้รู้ทันทีว่า พี่เต็นและพี่เติร์กชอบมันช์ และที่สำคัญดันเป็นพี่-น้องแท้ ๆ กันเสียด้วย

 

"ไม่น่าเชื่อว่าพี่เต็นกับพี่เติร์กเป็นพี่น้องกัน"



"อืม จริง คนละสไตล์เลย"



"เหยดดดดดด ศึกสายเลือด"



"พี่เต็นอบอุ่น พี่เติร์กก็โคตรเท่ คบสองเลยมึง"



"มึง กูไม่ตลก และกูไม่ชอบคบซ้อน" มันช์บอกและทันใดนั้น ขิงที่นั่งข้าง ๆ ก็เอื้อมไปวางมือลงบนมือมันช์ที่วางบนหน้าขา

 

"ดีใจด้วยนะมันช์" มันช์มองขิงที่แววตาสลด ยังไม่ทันได้พูดอะไร อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้อง และทำให้นักศึกษาที่นั่งจับกลุ่มคุยก่อนหน้า วงแตกและกลับไปนั่งยังที่ของตัวเองอย่างน่าเสียดายที่ยังเสวนาไม่ทันจบดี

.

.

.

.

"มึงดูหนังเรื่องแอบรักเพื่อนสนิทรึยัง?"

 

"ยัง" มันช์ตอบดาว ถึงแม้ว่า มันช์จะดูหนังเรื่องนั้นแล้วจริง ๆ ก็ตาม ทว่า ตั้งแต่โดนบอกชอบไปในคราวก่อน มันช์ก็ไม่มีสมาธิในการดูหนังจนจบ

 

"ถ้างั้น พรุ่งนี้ คาบบ่ายไม่มีเรียนไปดูกัน" ดาวเสนอเพื่อน ๆ

 

"เอาสิ" ภุงชงค์บอก

 

"โอเคไหม ขิง" ดาวถามขิง ขิงพยักหน้า ก่อนตอบอ้อมแอ้ม

 

"ถ้าเราพาพุชไปด้วยได้ไหม?"

 

"ขิงเป็นแฟนพุชแล้วเหรอ?" มันช์ถาม เพราะมันช์เคยบอกขิงแล้วว่า ถ้าคิดจะคบใครให้บอกกันก่อน และอย่าหลอกหรือให้ความหวังกับแบงค์ เพราะถึงอย่างไร แบงค์ก็เป็นเพื่อนรักของมันช์ที่เขาก็ต้องรักษาความรู้สึกของมันด้วย



"ยังหรอก มันช์ ขิงแค่คุยเฉย ๆ" ขิงยิ้ม



"อย่าลืมทำตามที่บอกนะขิง เรื่องนี้ เราซีเรียส"



"ครับ"



 

    จังหวะที่กลุ่มของมันช์ เดินลงมาจากชั้นสองของอาคารเรียนนั้น มันช์ชะงักงันตอนที่เห็นกลุ่มพี่เติร์กนับสิบคนนั่งเหมือนดักรอใครอยู่ตรงทางขึ้น-ลงบันได

 

"พวกพี่เติร์กนี่เท่ดีอะ" แก้วบอกทันทีที่เห็นพวกรุ่นพี่นั่งกันเต็มพื้นที่



"เท่อะไร กูว่าเถื่อน นั่งกันแบบนี้ กูเป็นผู้หญิงก็ไม่กล้าเดินผ่านหรอก" มันช์ตอบตามจริง เมื่อเห็นแก็งค์พี่เติร์กนั่งเต็มสองฝั่งระหว่างทางขึ้น-ลงบันไดในอาคาร ทั้งยังส่งเสียงดังโวยวายและหัวเราะกันลั่น

 

   ในขณะที่มันช์จำต้องเดินผ่านทางนี้ เขาเปลี่ยนตำแหน่งการเดิน ด้วยการหลบมาอยู่ข้างภุชงค์หวังให้เพื่อนบัง เพื่อหลบหน้าใครบางคน แต่เหมือนไม่เป็นผล

 

"หลานรหัสกูเป็นอะไร หนีหนี้เหรอครับ?" มันช์จิ๊ปากขัดใจเบา ๆ ตอนที่พี่ป๋อสังเกตเห็นจนต้องเอ่ยแซว จังหวะนั้น มันช์หันไปประสานสายตากับพี่เติร์กที่นั่งกอดอกยิ้ม ๆ

 

"แถวนี้แม่งเถื่อน" มันช์ว่าหน้านิ่ง

 

"อ้าว ไอ้เติร์ก สั่งสอนเด็กมึงหน่อย พูดจาลามปามว่ะ" ป๋อบอกเพื่อน มันช์หันไปมองพี่ป๋อที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม การที่เขาพูดแบบนี้ แสดงว่าพี่ป๋อต้องรู้เรื่องแล้วแน่ ๆ 

 

"วู้ววววววว" เสียงโห่ร้องพร้อมเสียงผิวปากผสมผสานกันดังลั่น จนนักศึกษากลุ่มอื่นที่กำลังจะเดินลงอาคารเรียนนี้ ต้องเบี่ยงไปใช้ทางลงอีกฝั่ง อย่างว่า เด็กศิลปกรรมนั่งเต็มพื้นที่ ปิดทางขึ้น-ลง ใครเล่าจะกล้าเดินผ่าน

 

"อ้าว เด็กของเติร์ก อะไรยังไงกันครับ? แถลงการณ์ซิเพื่อน" เมื่อเพื่อนพี่เติร์กแซว แถมส่งสายตาล้อเลียน มันช์อยากเดินหนีไปให้พ้น ๆ แต่ทำไม่ได้

 

      ฟากเติร์กไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งอมยิ้ม ก่อนจะดีดตัวลงจากที่นั่งตรงบันได แล้วเดินมาหากลุ่มมันช์ที่โดนดักไม่ให้ออกจากอาคาร

 

"จะไปไหน?" เติร์กถามมันช์

 

"กลับห้องครับพี่" มันช์ตอบแต่ไม่ได้มองหน้า





"โอเค เดี๋ยวไปส่ง"

 

"ใจแม่งได้"



"ดูแลดีเกิ้นนน"

 



    เสียงแซวดังจนมันช์หน้าแดงแต่แล้วก็มีเสียงเข้มดังขึ้น

 

"โวยวายอะไรกัน"

 

"อ้าว สวัสดีครับอาจารย์มาโนช" นักศึกษาทุกคนพร้อมใจกันยกมือไหว้อาจารย์ประจำเอกที่สอนวิชาแอนิเมชั่นและวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก ที่ระดับปีหนึ่งอย่างพวกมันช์ยังไม่มีเรียนวิชาพวกนี้ ต้องเป็นปีสูงกว่าถึงจะได้เรียน จึงทำให้พวกมันช์ไม่คุ้นเคย ผิดกับกลุ่มเติร์กที่สนิทสนมคุ้นเคยกับอาจารย์เป็นอย่างดี

 

"อาจารย์ ไอ้เติร์กมันมีแฟนใหม่แล้วนะ" พี่ป๋อโพล่งขึ้นมา มันช์และเพื่อน ๆ ยืนอึ้ง ที่เห็นพวกพี่คุยกับอาจารย์เสมือนเพื่อนซี้

 

"ในเอกหรือ?" อาจารย์มาโนชถาม



"ใช่ครับ อาจารย์"



"คนไหนล่ะ?" อาจารย์มาโนชว่า ฟากเติร์กยิ้ม ๆ และตอบผู้ใหญ่ด้วยน้ำเสียงสุภาพ

 

"ป๋อก็พูดมั่ว อาจารย์ จะเป็นแฟนได้ยังไงกันครับ ในเมื่อเขายังไม่รับรักผมเลย ใช่ไหม? น้องมันช์"

 

กึก

 

     'ไอ้เชี่ยพี่เติร์ก มึงจะโยนมาให้กูแบบนี้ไม่ได้'

 

     พอสายตาพี่เติร์กพยักเพยิดมาทางคนที่โดนพาดพิง อาจารย์มาโนชก็หันมาตามสายตาของอีกฝ่าย จนมันช์ยืนเงียบ





"อาจารย์อยากบอกเด็กปีหนึ่งทุกคนว่า ถ้าจะมีแฟนอาจารย์ไม่ห้ามนะ แต่เพื่ออนาคตที่ดี อาจารย์ขอแนะนำว่าให้เอาต่างคณะ จำไว้ล่ะ อาจารย์ไปก่อนมีสอน"

 

"โห...อาจารย์ ไม่ให้กำลังใจกันเลย"

 

"อาจารย์พวกผมปะเนี่ย ต้องเชียร์ลูกศิษย์สิครับ"

     

   จนกระทั่ง อาจารย์เดินดุ่ม ๆ ไม่สนใจใคร มันช์แอบขำที่อาจารย์ยังตบมุกกับนักศึกษาทิ้งท้าย ในขณะที่มันช์เห็นรุ่นพี่ยืนบ่นอย่างไม่จริงจังนัก เขาจึงสบโอกาสสะกิดเพื่อน ๆ และเอ่ย





"พี่ ๆ พวกผมไปแล้วครับ"





    มันช์ยกมือไหว้รุ่นพี่ แล้วครู่หนึ่ง หางตาเขาเห็นพี่เติร์กยกนิ้วชี้ขึ้นจรดปากเหมือนปรามเพื่อนห้ามแซวอีก แล้วเดินตามกลุ่มมันช์มา ถึงบริเวณแถวห้องน้ำ ดาว ภุชงค์ และแก้วแยกย้ายไป เหลือขิงที่หันมาบอกมันช์ ในขณะที่เติร์กยืนอยู่ด้วย





"เดี๋ยวนี้ ขิงเดินกลับบ้านกับมันช์ไม่ได้แล้วใช่ไหม?" ขิงถาม ฟากมันช์ชะงัก

 

"ได้สิ"

 

"ไม่เป็นไรหรอก พี่เติร์กจะไปส่งมันช์นี่ ขิงกลับก่อนนะ" มันช์เงียบมองขิงที่โบกมือบายบายแล้วเดินหน้าเศร้า ๆ เหมือนคนน้อยใจ ฟากเติร์กเหลือบมองมันช์ครู่หนึ่ง ก่อนบอก

 

"ไอ้มันช์ รอแป๊ปนึง"

 

"พี่จะไปทำธุระเหรอ? ถ้างั้นไปเลย ผมจะได้กลับกับขิง" มันช์รีบบอกพี่เติร์ก เพราะรู้สึกผิดที่ต้องทิ้งขิงให้เดินกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว



"บอกให้รอก็รอ ยืนรอตรงห้องน้ำ เดี๋ยวมา"

 

   พี่เติร์กว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินคว้ามอเตอร์ไซค์คู่ใจไปไหนก็ไม่รู้ ปล่อยให้มันช์ยืนรอตรงห้องน้ำ มันช์จึงเดินไปนั่งพักที่โต๊ะม้าหินข้างห้องน้ำ แหละไม่นานที่พี่เติร์กเดินกลับมาหาด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

"ปะ เดี๋ยวไปส่ง"

 

"พี่ไปไหนมา?"



"ไปส่งขิง"



     มันช์ทำหน้างงที่พี่เติร์กไปส่งขิงแล้วปล่อยให้เขายืนรอทำไมไม่ไปพร้อมกันเสียตั้งแต่ทีแรก





"ทำไมพี่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายด้วย ปล่อยผมกลับกับขิงตั้งแต่ตอนแรกก็จบ"

 

"กูอยากอยู่กับมึงสองคน"

 

กึก

 

  มันช์หน้าร้อนฉ่า ที่พี่เติร์กพูดตรงจนคนที่โดนรุกหนักอยู่บ่อย ๆ เข้าชักเขิน

 

"กูเห็นมึงทำหน้าไม่สบายใจ คงไม่อยากปล่อยให้ขิงกลับคนเดียว กูเลยไปส่งให้ไง" เติร์กอธิบายยามที่เห็นมันช์เงียบกริบ

 

     มันช์มองพี่เติร์กที่ว่ามาอย่างซื่อ ๆ แล้วใจพองโตที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายแอบใส่ใจรายละเอียดกัน มันช์เงียบไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าใจเต้นแรงเกินทัดทาน ในขณะที่มันช์กำลังเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของอีกฝ่าย แต่พี่เติร์กกลับจับแขนให้เดินตรงมาทางเท้า

 

"อ้าว แล้วพี่ไม่เอามอเตอร์ไซค์ไปส่งผม?"

 

"ก็ถ้าเดิน กูจะได้อยู่กับมึงนานหน่อย"  เติร์กบอกพลางส่งยิ้มให้แล้วเดินเคียงข้างเป็นเพื่อนร่วมทาง

 



    มันช์เงียบเพราะไม่อยากถามอะไรให้เขินไปมากกว่านี้ ในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านตึกเอกดนตรีนั้น เสียงเครื่องดนตรีสากล พวกเครื่องเป่าก็ดังลอดออกมา ช่วยทำลายความเงียบได้เป็นอย่างดี  ทั้งสองยังคงเดินเคียงข้างกันไปเรื่อย ๆ ในจังหวะนั้น

 

"อ้าวพี่เติร์ก หวัดดี" มันช์และเติร์กมองโฟล์คที่เดินถือถุงลูกชิ้นทอดมาพร้อมจิ้มกินไปด้วย ฟากโฟล์คมองมันช์สลับกับมองพี่เติร์ก

 

"เออมันช์วันที่อยู่ร้านเหล้ามึงบอกจะให้เบอร์กู" มันช์ชะงักตอนที่โฟลค์ทวงสิทธิ์เมื่อครั้งในอดีต

 

"ไม่ต้องให้" เติร์กบอกมันช์ ฟากโฟล์กเอียงคอมองพลางเคี้ยวลูกชิ้นจนแก้มตุ่ย ตั้งแต่รู้การหวงก้างของเพื่อนพี่ชาย  โฟล์คก็ไม่ได้คิดจะจีบมันช์แต่อย่างใด เขาก็แค่อยากเป็นเพื่อนด้วยก็เท่านั้น





"โห อย่ากั๊กเด็กในเอกดิพี่ ปล่อยให้รู้จักคนนอกเอกบ้าง เข้าใจคำว่า คนมันต้องมีสังคมไหม?"



     โฟล์คบอกพลางยิ้มแซวเพื่อนพี่ชาย และเหมือนว่ามันช์จะไม่มีโอกาสได้หาข้อแก้ตัว เพราะพอมันช์จะอ้าปากพี่เติร์กก็ย้ำคำให้โฟล์คได้เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง

 

"ไม่จำเป็น เจอมึงก็ดี กูฝากบอกคนในเอกมึงด้วย ถ้าใครเห็นมันช์และสนใจ บอกไปเลยว่า คนนี้ ห้ามจีบ"






.........................................
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2019 22:17:00 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...มันซ์เอ๋ย  อิพี่เติร์กมันแสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้ว  จะยังมัวไม่กล้าทำไมหล่ะ  ทั้ง ๆ ที่แอบรักเขามานานแสนนานอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด