พิมพ์หน้านี้ - *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: rinyriny ที่ 05-02-2019 21:50:28

หัวข้อ: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-02-2019 21:50:28
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*************************************




.
.
.
หัวข้อ: *น้องเฟรชชี่ที่พี่รัก* - บทนำ - [5 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-02-2019 21:51:43
บทนำ


 

"ผมถามว่าพวกคุณคือใคร?"

 

"ศิลปกรรมครับ / ค่ะ"  น้องเฟรชชี่ร่วมร้อยชีวิตก้มหน้พลางตะโกนเสียงดังจนกึกก้อง

 

       เป็นธรรมดาของน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย ที่เปิดเทอมมาก็ต้องมีเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง และตอนนี้ น้องใหม่ในสาขาศิลปกรรม (ออกแบบนิเทศศิลป์) ที่มาด้วยชุดแต่งกายถูกระเบียบ ห้อยป้ายชื่อเพื่อเข้าร่วมรับน้องกำลังถูกรุ่นพี่ปีสูงตะคอกด้วยสาเหตุที่มารวมกันหน้าลานศิลปกรรมช้ากว่าเวลาที่รุ่นพี่นัดไว้

 

"ไม่ได้ยิน!!!"  รุ่นพี่ปีสูงที่กอดอกเดินไปเดินมาตรงหน้าแถวตะคอกเสียงดังลั่น

 

"ศิลปกรรมครับ/ค่ะ" น้องใหม่ตะเบ็งเสียงดังขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ ที่เด็กปีหนึ่งรู้เกี่ยวกับรุ่นพี่มีเพียงว่า รุ่นพี่แต่ละปีทำหน้าที่อะไร แต่ที่น้องปีหนึ่งคงจดจำได้ขึ้นใจ คงจะเป็นรุ่นพี่ปีสาม หรือพี่ว้ากที่กำลังยืนจ้องด้วยสายตาถมึงทึงอยู่

 

   นักศึกษาปีหนึ่งไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองส่วนหนึ่งคงมาจากความกลัวเพราะตอนนี้ รุ่นพี่ทุกชั้นปียืนล้อมเด็กปีหนึ่งที่นั่งเรียงแถวกันด้วยสายตากดดัน

 

"พวกคุณมีเสียงกันแค่นี้เหรอวะ? ห๊ะ!"

 

"ศิลปกรรมครับ/ค่ะ"

 

"ลุกขึ้น บอกว่าลุกขึ้น เฮ้ย!!" เด็กปีหนึ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงลุกพรวด

 

      ยามนี้ เวลาห้าโมงครึ่งที่น้อง ๆ ทุกคนยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะถูกรุ่นพี่กักตัวไว้ กิจกรรมรับน้องที่ทุกคนกำลังโดนอยู่เป็นกิจกรรมภายในเอกที่รุ่นพี่ทำกันมารุ่นต่อรุ่น

 

      ในขณะที่น้องปีหนึ่งยังคงก้มหน้า รุ่นพี่ปีสองเดินมายื่นข้าวกล่องให้ตรงหัวแถว และเป็นรุ่นพี่ปีสามที่เอ่ยขึ้น

 

"คุณจะทำยังไงก็ได้ ให้ข้าวหนึ่งกล่องนี้ ได้กินทุกคน"

 

      ผู้หญิงที่อยู่แถวแรกรับช้อนพร้อมข้าวกล่องมาเปิดดูเป็นข้าวกระเพราไก่-ไข่ดาว  เธอตักข้าวคำเล็กเข้าปากก่อนจะส่งให้คนต่อไป โดยรุ่นพี่ก็ยืนจ้องมองไม่ไปไหน

   

   ตอนนี้ข้าวกล่องถูกเวียนมาถึงแถวที่ห้าแล้ว แต่ข้าวก็ยังเหลือครึ่งกล่อง ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า ข้าวจะเหลือพอถึงแถวสุดท้ายหรือไม่

 

    น้องปีหนึ่งต้องจัดการตามความเหมาะสม ซึ่งบางคนก็อาจกินข้าวนับเม็ดได้

 

   เมื่อเวียนมาถึงแถวสุดท้าย คนท้ายแถวกำลังตัดข้าวเข้าปากก็หมดกล่องพอดี

 

"กินอิ่มกันแล้ว ก็นั่งลง" พี่ว้ากบอก

 

"ต่อไป อย่าลืมออกมาแนะนำตัว"

 

    และแล้วการแนะนำตัวที่พวกพี่ ๆ ให้ไปซักซ้อมมาก็เริ่มแล้ววันนี้ พวกพี่อยากให้แนะนำตัวพร้อมท่าเต้น เพื่อจะได้ให้เพื่อน ๆ จำได้แม่นยำ  โดยเริ่มจากผู้หญิงที่อยู่แถวหน้า ก็เต้นแนวคิกขุ อาโนเนะกันบ้าง เถื่อนบ้าง เต้นสไตล์เกาหลีบ้างก็แล้วแต่ความถนัด ความชอบที่ใส่ความเป็นตัวเอง

 

    แต่ที่ฮือฮา ดูออกจากสายตาและเสียงครางฮั่มๆเบา ๆ เห็นจะเป็นผู้ชายหน้าตาจัดว่าดีมาก เขาหน้าหวานเหมือนผู้หญิง  ผิวขาว  ตัวเล็ก เดินออกมาจากแถว

 

"สวัสดีครับ ผมชื่อ ขิง กรรณพลครับ" ขิงยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นาน จนรุ่นพี่บอกให้เต้นสักที ขิงยังอายและไม่กล้าพอที่ต้องมาเต้นละลายพฤติกรรมท่ามกลางคนนับร้อย

 

"เฮ้ย จะเต้นไม่เต้นวะ รออยู่นานแล้ว" เสียงพี่ว้ากตะโกนจนขิงจะร้องไห้ และแล้วทันใดนั้น

 

"ปีหนึ่งลุก จับซ่อมทั้งชั้นปี เพื่อนคุณเต้นไม่ได้"

 

      เสียงตะคอกดังจนทำให้เด็กปีหนึ่งทุกคนลุกพรวด แต่ไม่ทันที่รุ่นพี่จะออกคำสั่ง มีน้องใหม่เดินผ่ากลางดงออกมายืนข้างขิง

 

"ใครใช้ให้เดินออกมา" เด็กหนุ่มมองหน้าพี่ว้ากอย่างไม่เข้าใจว่าทำไม ภายนอกพวกพี่เขาถึงดูเหมือน ๆ กัน ทั้งผมยาว แถมไว้หนวดรุงรัง มีเพียงคนที่ถามเด็กหนุ่มเท่านั้น ที่แม้จะเป็นกลุ่มพี่ว้าก แต่หน้าตาน่ากลัวน้อยที่สุด พี่เขาผมยาวเป็นลอนระดับคาง มีหนวดแต่ไม่ได้รุงรังขนาดปิดหน้าปิดตา แต่ยอมรับว่า ยามที่ตะคอกและมองมาด้วยแววตาดุดันก็พาลเอาขนลุก ขนพองไปเหมือนกัน

 

"ผมจะออกมาเต้นกับเพื่อนครับ" เด็กหนุ่มหลุบตาลงต่ำพลางบอกพี่ว้าก ก่อนจะหันไปกระซิบกับขิง

 

   ทันใดนั้น ขิงเอ่ยแนะนำตัวเองอีกครั้ง ตามด้วย เด็กหนุ่มคนใหม่ที่ตัดสินใจเดินฉีกออกมาช่วยเพื่อน

 

"ผมชื่อมันช์ อาณัชครับ"

 

     แนะนำตัวกันเสร็จ ขิงก็เป็นฝ่ายร้องเพลงลูกทุ่งจังหวะโจ๊ะ ๆ ตบมือเปาะแปะไปด้วย ปล่อยให้มันช์ วันแมน โชว์ ด้วยการเต้นแนะนำตัว มันช์เต้นหน้านิ่ง ด้วยท่าดึงดาว ดมกาว และตบท้ายด้วยท่าแอ่นหลัง แกว่งแขน แต่หน้านิ่ง จนรุ่นพี่ส่วนใหญ่ที่เก๊กขรึม ถึงกับหลุดฮา แต่ก็เม้มปากไว้แน่น

 
    จบการแสดง รุ่นพี่ต้องยอมปล่อยตัวให้เด็กทั้งสองกลับไปนั่งเพื่อให้คนอื่นมาแนะนำตัวจนครบทุกคน

 

"จากนี้ ถ้าพวกผมบอกบอกโค๊ดว่า พ่อมา พวกคุณต้องวิ่งออกจากลานนี้ ให้ไวที่สุด เข้าใจไหม?"

 
"เข้าใจครับ"
 

"พ่อมา!!"

 
   ทันใดนั้น เด็กปีหนึ่งลุกวิ่งไม่คิดชีวิตแยกย้ายหายไปจากลานเอกศิลปกรรมภายในเวลาไม่กี่นาที เหลือไว้แต่พวกรุ่นพี่ปีสูงที่ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะพวกรุ่นพี่เกือบร้อยชีวิตต้องมานั่งประชุมงานกันต่อ

 

"ได้ตัวจี้ดแล้วหนึ่ง"

 

"มันชื่ออะไรนะ?"

 

"มันช์"


 
"อืม กวนตีนดี กูชอบ"

 

   และแล้ว เสียงพี่ว้ากสองคนที่พูดคุยกันเบา ๆ ก็หยุดลง ก่อนจะลุกไปคุยเรื่องรับน้องอีกซุ้มที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

.

.

.

.

 "ขอบคุณที่ช่วยเรานะมันช์

   

   ตอนที่เด็กปีหนึ่งถูกปล่อยตัว ให้แยกย้ายกลับบ้าน ขิงเลือกที่จะวิ่งตามมันช์จนพ้นคณะของตัวเอง เด็กหนุ่มก็เรียกชื่อเพื่อน ท่ามกลางความมืดของท้องฟ้า ได้แสงสว่างรำไรจากไฟถนนช่วยให้ทั้งสองพอมองเห็นทางเดินอยู่บ้าง

 

"อืม ไม่เป็นไร"

 

"เราชื่อขิงนะ"

 

"รู้ ป้ายชื่อก็มีบอก" ขิงหน้ามุ่ยอย่างงอน ๆ ก่อนจะหันมายิ้มมุมปาก

 

"นี่มันช์มาเรียน ได้เพื่อนใหม่รึยัง?"

 

"ยัง"

 

"เราก็ยัง ถ้างั้น เราขอเป็นเพื่อนกับมันช์ได้ไหม?"

 

     มันช์เหล่มองคนหน้าตาดีจัดมาขอเป็นเพื่อน ตั้งแต่เล่าเรียนมาตั้งแต่ประถม มัธยม ตลอดจนเข้าสู่ระดับมหาฯลัย เขาเพิ่งได้มีเพื่อนหน้าตาดีเทียบเท่าดาราก็ตอนนี้  มันช์มองคนที่ยิ้มกว้างจนโชว์รอยบุ๋มลึกข้างแก้ม จะดูอย่างไรก็น่ารัก เป็นหน้าตาที่มันช์เห็นแล้วรู้สึกโกรธไม่ลง

 

"ได้ดิ"

 

"ขอบใจนะ แล้วนี่มันช์บ้านอยู่แถวไหน?"

 

"ตอนนี้ เรามาเช่าหอซอยข้าง ๆ มหาลัย"

 

"อยู่กับเพื่อนเหรอ?" ขิงถามอย่างสงสัย

 

"คนเดียว แต่เพื่อนก็อยู่ห้องข้างกัน"

 

"เพื่อนจากโรงเรียนเก่าเหรอ?"

 

"อืมใช่ ขิงไม่มี?"

 

"เราไม่มีเลยครับ" ขิงบอกเสียงเศร้า ๆ การเข้าสู่มหาวิทยาลัย ก็เหมือนกับการเข้าสู่โลกใหม่ ได้เจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ และอะไรอีกหลายอย่าง และแน่นอนว่าช่วงแรกที่ยังไม่รู้จักใคร ขิงจึงรู้สึกโดดเดี่ยว เดียวดาย แต่พอขิงเห็นมันช์ตอนที่เขามาช่วยเหลือกัน ขิงยอมรับว่าอยากได้มันช์มาเป็นเพื่อน แม้หน้าตาจะติดกวน ๆ หน่อย แต่พอได้คุย มันช์เป็นคนที่น่ารักและจริงใจมาก ๆ

 

     จากนั้น ทั้งสองก็แลกเปลี่ยนเรื่องคุยมากมาย ทั้งประวัติส่วนตัว ความชอบ ตลอดจน ถึงเป้าหมายในชีวิต คุยกันเพลินจนทั้งสองเดินมาถึงหน้าปากซอยข้างมหาฯ ลัย

 

"เจอกันพรุ่งนี้ ขิง"

 

"อืม คุยกับมันช์สนุกมากเลย ขอบคุณนะที่เป็นเพื่อนกัน"

 

"อืม" มันช์ส่งยิ้มให้ ในขณะที่มันช์กำลังเดินเข้าซอยไปหน่อย เพื่อไปยังจุดขึ้นวินมอเตอร์ไซค์

 

"เดี๋ยว มันช์"

 

   มันช์เลิกคิ้วขึ้นสูง

 

"ถ่ายรูปกัน"

 
    มันช์ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ แต่ก็เลือกที่จะถามแทนการปฏิเสธ เพื่อถนอมน้ำใจ



"ถ่ายทำไม.."

 

"มันช์เป็นเพื่อนมหาลัยคนแรกของเรา" มันช์เห็นแววตาอ้อน ๆ ของขิงก็ยอมใจอ่อน

 

    คนบ้าอะไรวะ โคตรน่ารักเลย

 

   ขิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้มันช์และบอกให้อีกฝ่ายย่อตัวลงมาหน่อย ในขณะที่ทั้งสองยืนใกล้กันและถ่ายในภาพครึ่งตัว

 

"ขออีเมล์ได้ไหม?"

 

"อืม"  มันช์ไม่ลังเลที่จะให้อีเมล์เขากับขิง

 

"เดี๋ยวทักเอ็มไปหานะ"

 

"อือ"

 

   ในระหว่างที่กำลังเดินไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์นั้น มันช์กดโทรหาเพื่อน

 

"ฮัลโหล ไอ้แบงค์ กลับหอรึยัง"

 

[กลับแล้ว เพิ่งถึง]

 

"เจอกันร้านข้าวไข่เจียวใกล้หอ กูหิว"

 

[กูมั่นใจว่าไม่ใช่แค่กินข้าว? มีเรื่องเล่าชัวร์]

 

"สัด รู้ดี"

 

[เกริ่นมาก่อน ถ้าน่าสนใจจะไปแดกด้วย]

 
"เล่นตัวจริง เออ ๆ  ถ้ากูจำไม่ผิด กูว่า กูเจอคนที่ชอบ]

 
[หัวข้อน่าสนใจ โอเคเจอกัน]

 

    หลังจากที่วางสาย มันช์ลูบหน้าตัวเองแรง ๆ ก่อนจะขึ้นซ้อนพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปร้านข้าวไข่เจียว

 
 
...............................
หัวข้อ: Re: *น้องเฟรชชี่ที่พี่รัก* - บทนำ - [5 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 06-02-2019 05:25:56
 :-[ อั๊ยยะ...  :-[. เปิดมาก็ปิ๊งกันแล้วววว  :impress2:  น่ารักน่าเอ็นดู  :hao3:
หัวข้อ: Re: *~น้องเฟรชชี่ที่พี่รัก~* -1 เสน่ห์แรง - [6 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 06-02-2019 20:23:27
บทที่ 1 เสน่ห์แรง





"ไปกินข้าวกัน"

"ไปดิ" มันช์บอกขิง


      แม้จะใช้เวลาไม่นานนักที่ได้รู้จักกัน แต่เพราะการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ที่ต้องโดนทำโทษรวมถึงร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกัน จึงเกิดความกลมเกลียวกลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และนั่นก็ทำให้มันช์และขิงสนิทกันเร็วกว่าที่คิดไว้ ที่สำคัญ มันช์ยังได้เพื่อนใหม่เพิ่มเข้ามาในกลุ่มด้วย อย่าง แก้ว ดาว และภุชงค์

       ถึงแม้ว่า ในตอนแรก มันช์ไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องเพราะมันทำให้เขาทั้งเครียด ทั้งกลับบ้านดึก ไหนจะโดนกดดันอีกมากมาย แต่พอเห็นผลลัพธ์ว่าได้พบเพื่อนใหม่และซี้กันอย่างง่ายดาย มันช์ก็ลบความคิดร้าย ๆ เหล่านั้นทิ้ง


       หลังเรียนเสร็จ มันช์เดินคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน กระทั่ง มาถึงที่โรงอาหาร เพียงแค่พวกมันช์เดินเข้ามาด้านใน ทุกสายตาของนักศึกษามากมาย ต่างก็จ้องมองกลุ่มมันช์เป็นสายตาเดียว ซึ่งแน่นอนล่ะว่า เปอร์เซ็นต์ในการถูกมองมากที่สุดคงจะเป็นคนใกล้ตัวของมันช์นั่นเอง


"มีแต่คนมองขิงทั้งนั้นเลย"

"ไม่ใช่หรอก เขาก็มองทุกคนแหละ อ้ะ เจอโต๊ะว่างแล้ว" ขิงยิ้ม ก่อนจะสะกิดเพื่อน ๆ เมื่อได้เจอที่นั่งว่าง

   ทุกคนเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง แต่ขิงบอกเพื่อน ๆ ให้ไปหาซื้อข้าวกันก่อน ส่วนตัวเองจะเป็นฝ่ายนั่งจองโต๊ะให้  ไม่นานที่เพื่อน ๆ ทะยอยกลับมานั่ง ก็เห็นเด็กนักศึกษาหนุ่มสวมเนคไทแต่งตัวถูกระเบียบนั่งคุยกับขิง

"นี่อยู่ศิลปกรรมหรอ?" ขิงพยักหน้า

"อื้ม แล้วพุช"

"เราเอกออกแบบฯ อุตน่ะ เราไปก่อนนะ ไว้โทรหา" นักศึกษาต่างคณะ เห็นเพื่อนของชิวมานั่งกันจนเต็มโต๊ะ

"ใครหรอ?" มันช์ถามขิงอย่างสงสัย เพราะเห็นตอนแรกขิงบอกกับมันช์ว่าไม่มีเพื่อนมาเรียนที่นี่ด้วย

"อ้อ เขามาขอเบอร์เราน่ะ"

"อื้ออออหืม นี่เปิดเทอมไม่เท่าไหร่ เสน่ห์แรงขนาดนี้" แก้วถามตาโต
   

"ไม่หรอก เดี๋ยวเราขอไปซื้อข้าวบ้างนะ" คนที่เฝ้าโต๊ะบอกอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะลุกไปหาอะไรกินของตัวเองบ้าง


    ในระหว่างที่ขิงเดินกลับมา มันช์เงยหน้ามองขิงที่มีคนเดินตามหลังพร้อมถือถาดเสิร์ฟน้ำ


"ขอบคุณนะครับ" ขิงหันไปบอกหนุ่มนิรนาม ที่ดูทรงแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ เพราะไม่ผูกเนกไท

"ได้ครับ ไว้พี่โทรไปนะ" ชายหนุ่มส่งยิ้มแล้วเดินไป

   เพื่อน ๆ ต่างอึ้ง ที่ภายในวันเดียว มีหนุ่มมาเกี้ยวถึงสองคน

    ขิงตั้งใจซื้อน้ำมาฝากเพื่อนทุกคน เขาจึงยืนแจกจ่ายให้เพื่อนครบทั้งโต๊ะ



"โห..อิจฉาขิงว่ะ" ดาวแซวพลางสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก

"อิจฉาทำไม? ดาวก็สวยนะ เดี๋ยวก็มีคนมาจีบ"

"สมพรปาก สาธุ" ดาวว่าอย่างนั้น และในขณะเดียวกันนั้น


"น้องขิงคร้าบบบ" ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันไปตามเสียงสูงก็พบพี่อุ้ย รุ่นพี่ปีสองที่แวะมาทักทายกลุ่มของขิง


     ขิงตักมะกะโรนีเข้าปากก็ชะงัก เงยหน้ามองพี่อุ้ย


"ครับพี่"

"พี่ซื้อช็อคโกแลตมาฝาก เย็นนี้ รับน้องน่าจะหนักเก็บไว้กินรองท้องนะ"

"ขอบคุณครับ"

"นั่งกันทั้งกลุ่ม ซื้อมาคนเดียว" มันช์บ่นขมุบขมิบ แต่ไม่วาย รุ่นพี่ยังได้ยิน

"ไอ้มันช์ อย่าเผลอปากไวในเอก รู้ตัวไหมว่าเอ็งโดนหมายหัวอยู่" มันช์หุบปากฉับ แต่เพราะมันช์รู้ดีว่าพวกพี่ปีสองใจดีและเข้าขากันมากกว่าพวกพี่ปีสาม มันช์ถึงกล้าแซวอะไรได้

"หมายหัว? ผมทำอะไรผิด" มันช์ถามอย่างงงๆ

"คิดเอาเอง" ตอนหันมาตอบมันช์นี่ทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่พอหันไปตอบขิง มันช์ล่ะแทบอยากอ้วกใส่ ส่งสายตาพราวระยับ จนขิงยังต้องหลบตา แต่ก็อย่างว่า ขิงก็ดูเป็นผู้ชายที่คล้ายผู้หญิงมากเกินไป ใครเห็นก็คงอยากจะแซว อยากจะอยู่ใกล้

"พี่ไปก่อนนะคร้าบ เจอกันเย็นนี้"

"ครับพี่อุ้ย" ขิงยิ้มหวาน ก่อนจะตักมะกะโรนีกินต่อ

     มันช์ที่ยังทำหน้าสงสัยเหมือนมีอะไรคาใจกับคำถามที่พี่อุ้ยทิ้งไว้ให้คิด จึงทำให้ดาวที่เห็นหน้าเพื่อนฉงน งงงวย จึงช่วยหาคำตอบให้

"มึงไม่ต้องงงหรอกมันช์ ที่พี่เขาพูดแบบนั้น สงสัยคงเพราะความเป็นสุภาพบุรุษปกป้องขิงไงคะ มึง" พอแก้วบอกอย่างนั้น มันช์เหล่มองหน้าขิง ที่ขิงก็ทำได้แต่ยิ้มมุมปาก ก้มหน้ากินข้าวไปอย่างเรื่อย ๆ
.
.
.
.
"ทำไมจำนวนไม่เท่าเมื่อวาน?" พี่ว้ากตะโกนถามเสียงดังลั่น

"......"

"เฮ้ย! ผมถาม เงียบทำไมวะ" พี่ว้ากตวาดทั้งยังเดินวนเวียนไปมาตรงหน้าแถว ส่วนรุ่นพี่ปีสองได้แค่ยืนกระจายกันมองรุ่นน้องอยู่ห่าง ๆ

"เพื่อนคุณหายไปไหน?"

"......"

"ลุกขึ้น เร็ว ๆ สิวะ"

"นั่งม้า ปฏิบัติ"


    เด็กปีหนึ่งลุกพรวดจนฝุ่นคลุ้ง กอดคอ ย่อตัวกันพลางก้มหน้า พวกพี่ว้ากยังเดินผ่านไปผ่านมา กอดอกมองรุ่นน้องที่ตอนนี้ หน้าดำ หน้าแดง เคร่งเครียด

     
     เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การนั่งม้ายังคงดำเนินต่อไป จนน้องปีหนึ่งบางคนก็เริ่มขาสั่นคล้ายจะทนไม่ไหว และทันใดนั้นเอง


"ขอโทษครับ" มันช์รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามายืนก้มหัวตรงหน้าแถว

"ปีหนึ่ง พอ"  พี่ว้ากหน้าโหดตัดทรงสกินเฮดตะโกนบอก เด็กปีหนึ่งทุกคนจึงหยุดและกลับมายืนยืดตัวตรงตามเดิม

"ไปไหนมา?" มันช์เงียบ เมื่อเป็นพี่ว้ากอีกคนหันมาถาม เพราะยามนี้ เขาต้องประจันหน้ากับรุ่นพี่ปีสามที่ยืนทำหน้าถมึงทึง จนได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว

"ผมไปเข้าห้องน้ำมาครับ" มันช์ตอบตามจริง เขารีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสีย ไม่แน่ใจว่าใช่ส้มตำครกเมื่อกลางวันหรือเปล่า และเพราะปวดหนักมากจึงบอกใครไม่ทัน แต่ไม่คิดว่า พอจัดการธุระเสร็จ วิ่งมาหน้าลานศิลปกรรมจะพบว่าเพื่อนมันช์ทั้งชั้นปีจะถูกโดนลงโทษเพราะเขาเป็นต้นเหตุ


"แล้วตั้งนานทำไมไม่เข้า"

"พี่จะลงโทษอะไรก็บอกมาเลยดีกว่าครับ" มันช์สวนกลับ ยามนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจจะยืนอยู่กับพี่ว้ากตรงนี้นาน ๆ

"ทำไมไม่ตอบคำถาม"

"ขอโทษครับ ผมแค่คิดว่า เพื่อนไม่ผิดยังโดนทำโทษ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ผิดเต็มประตูอย่างผมจะไม่โดนล่ะครับ"

"ยอกย้อนหรอก ห้ะ!"

"เปล่าครับ"

"ไปเลย ลุก-นั่ง หนึ่งร้อยปฏิบัติ"


   มันช์พยักหน้า ก่อนจะย่อตัวลงและยืดตัวขึ้นไปตามจังหวะการนับของตัวเองอย่างเสียงดัง ฟังชัด


"หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก"

"ดัง ดัง" พี่ว้ากตะโกนใส่

"เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม"

ฟึ่บ

   ทันใดนั้น มันช์ทรุดตัวลงกุมท้องตัวเองและทำตามที่รุ่นพี่บอกไม่ไหว

"ทำไมอ่อนแอจังวะ ห้ะ!!"


     มันช์ตัวงอเป็นกุ้ง กุมท้องด้วยความจุก เสียด ทั้งยังปวดบิด หน่วงหนึบ ก่อนจะพยายามฝืนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วมองหน้าพี่ว้ากคนที่ด่าอย่างเสียความรู้สึก มันช์ไม่พูดพร่ำ ทำเพลง หมุนตัวเดินไป จนกระทั่งเด็กปีหนึ่งทุกคนตกใจ ที่เห็นแผ่นหลังเพื่อนค่อย ๆ ไกลตาออกไปเรื่อย ๆ


    รุ่นพี่ผู้หญิงปีสองรีบวิ่งตามมันช์ และทันใดนั้น ขิงก็วิ่งออกมาจากแถว


"ผมขอไปดูเพื่อนครับ" ขิงไม่ได้รอคำตอบ เขาวิ่งไปหามันช์ทันที จากนั้น ดาว แก้ว ภุชงค์วิ่งตามไป จนกลายเป็นอุปาทานหมู่ เพื่อนปีหนึ่งทั้งระดับชั้นก็วิ่งกรูกันไปตามมันช์ทั้งหมด


"ใครสั่งให้พวกคุณไป!"


    ไม่มีใครตอบคำพี่ว้าก จนกระทั่งเด็กปีหนึ่งหายไปจากลานสายตา




"น้องมันช์คะ กินยาธาตุน้ำขาวหน่อยนะ เผื่อช่วยได้"

      มันช์ที่มานั่งหลบมุมกุมท้องตัวเองตรงตีนบันไดขึ้นตึกอีกฝั่ง เงยหน้าขึ้นมาตกใจที่นอกจากจะเห็นพี่ปีสอง เขายังเห็นกลุ่มเขารวมไปถึงปีหนึ่งทั้งชั้นมายืนล้อมบริเวณที่เขานั่ง

"ไหวไหม?"

"เป็นอะไรมากหรือเปล่า?"

"มึงโอเคนะ"

      ทุกคนถามไถ่อย่างจริงใจ แถมไม่มีใครคิดว่าเขาสำออยหรืออ่อนแอเหมือนพี่ว้ากคนนั้น

      มันช์รับยาน้ำสีขาวขวดเล็กเท่าฝ่ามือมากระดกกิน

"ขอบคุณครับพี่"

"ไหวไหม ไม่ไหวกลับบ้านนะ"


      มันช์อยากตอบว่าไม่ไหว แต่เพราะเห็นถึงความห่วงใยของเพื่อนทั้งชั้นปีมายืนกันอยู่ตรงนี้ เขาจึงต้องลุกไปโดยมีขิงและภุงชงค์คอยพยุง ประกบข้าง

     จนกระทั่งกลับไปยังลานรับน้อง รุ่นพี่ปีสองก็กรูเข้ามาหา โดยการกระทำทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้สายตาดุดันจากรุ่นพี่ปีสามนับสามสิบชีวิต


"ยังไม่มีใครตอบผม ว่าใครสั่งให้ไป ห้ะ!"

    เป็นดาวที่ยกมือ ก่อนตอบ

"ไม่มีใครสั่งค่ะ แต่เพราะพี่สอนให้เรารักกัน สามัคคีและช่วยเหลือกัน ถ้างั้น การที่พวกหนูเห็นเพื่อนไม่สบาย และอยากจะไปช่วยเพื่อน หนูสามารถทำได้ใช่ไหมคะ"

"......"

    พี่ว้ากเงียบ ก่อนจะมีเสียงแทรกขึ้นอีกครั้ง

"แต่พวกคุณคงลืมไปว่า ควรเคารพรุ่นพี่คุณด้วย ใช่ไหม?" พี่ว้ากที่มันช์มองว่าหน้าตาโหดน้อยที่สุดกำลังจ้องมันช์สลับกับมองดาว

"......" เด็กปีหนึ่งเงียบกริบ เถียงไม่ออก

"ปีหนึ่งปีนี้ แม่งไม่ได้เรื่อง ห่วย!!"

"ห่วย!!"

"ไอ้ห่วย!!" พี่ว้ากทั้งหมดตะโกนกรอกหูน้องปีหนึ่ง จนน้องผู้หญิงถึงกับสะดุ้งและร้องไห้ และในขณะเดียวกัน เด็กปีสองร่วมห้าสิบชีวิตที่อยู่ตรงลานศิลปกรรม กำลังรวมตัวกัน และทันใดนั้น เด็กปีสองกอดคอ ลุก-นั่ง โดยที่พี่ว้ากไม่ได้สั่งแต่อย่างใด


"ใครสั่งให้พวกมึงทำ ห้ะ!!" พี่ว้ากหันไปด่าน้องปีสองที่กล้าขัดคำสั่ง

"สิบสี่ สิบห้า สิบหก" เด็กปีสองไม่มีใครตอบ เขายังคงทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ

"ได้ ถ้าอยากทำก็ทำไปจนกว่ากูจะบอกให้มึงพอ"


   เมื่อพี่ว้ากยืนกอดอกมองรุ่นน้องปีสองลุกนั่งและนับตัวเลขกันเสียงดังฟังชัด ยามนี้ น้องปีหนึ่งหันไปมองรุ่นพี่ปีสองที่ยังคงลุก-นั่งอย่างรู้สึกผิด และเป็นขิงที่ทำก่อน จากนั้น น้องใหม่ทุกคน ยกเว้นมันช์ก็ทำตามกันอย่างพร้อมเพรียง

   ไม่นานนัก

"พอ ๆ กลับบ้านไปซะ ผมไม่อยากเห็นหน้าพวกคุณ กลับไป้!!'

    น้องเฟรชชี่และพี่ปีสองหยุด เมื่อพี่ว้ากสั่ง จากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน

   มันช์มีขิงคอยพยุง ส่วนดาว ภุชงค์และแก้วก็ตามประกบไม่ห่าง เขาเดินได้เชื่องช้ากว่าเดิม เพราะยังปวดท้องไม่หาย

หมับ

    มันช์ตกใจ เมื่อหันไปเห็นรุ่นพี่ปีสูง เหลือบมองผ่านไหล่ก็เห็นรถยนต์ของรุ่นพี่จอดเทียบฟุตบาท เปิดไฟกระพริบ

"พี่ไปส่ง"

"ไม่เป็นไรครับ" มันช์ยิ้มและจ้องหน้าพี่เขาอยู่นาน อาจเป็นเพราะพี่เขาไม่ได้มีบทบาทรับน้องมากนัก จึงไม่ค่อยคุ้นตา มันช์พยายามดึงแขนออกจากการจับของรุ่นพี่

"เลยเวลารับน้องแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะถืออภิสิทธิ์"

"ให้พี่เขาไปส่งเถอะ เดินกว่าจะถึงห้องมึง" ดาวแนะนำ

"ขิงเห็นด้วยนะมันช์"

"อืมจริง กูก็เห็นด้วย" เมื่อเพื่อน ๆ คะยั้น คะยอ มันช์จึงพยักหน้าและเดินไปขึ้นรถของพี่ปีสูง


"ขอโทษนะครับ พี่ชื่อ..?"

"เต็น ปีสี่ เอ่อขอโทษทีมีรุ่นน้องติดมาด้วย"

"ครับ" เมื่อพี่เต็นเปิดประตูรถข้างหลัง มันช์ตกใจ เมื่อคนที่เห็นเป็นพี่ว้ากคนที่เพิ่งตะคอกใส่เขาเมื่อกี้นี้ และนอกจากคนขับ คนที่อยู่ในรถ คือ กลุ่มพี่ว้ากทั้งหมด


"พี่เต็นครับ ผมกลับบ้านเองดีกว่า"

"ขึ้นรถเถอะมันช์ แปปเดียว"

    มันช์กัดปากก่อนจะสอดตัวไปนั่งหน้ารถที่มีรุ่นพี่สองคนนั่งอยู่ก่อน
 

     มันช์นั่งตัวแทบติดประตู และไม่ได้คุยกับใคร เขารู้สึกอึดอัดและกดดันที่หางตารู้สึกเหมือนว่าพี่ว้ากคนนั้นจ้องมองเขาอยู่

"พี่จอดตรงนี้ครับ"


    กว่าจะถึงปลายทาง มันช่างทรมานเหลือเกิน และมันช์รู้สึกโล่งใจยามที่ได้เอ่ยปากบอกว่าถึงแล้ว


"ทำไมไม่ไปป้ายรถเมล์?" เต็นถามอย่างสงสัยเมื่อรุ่นน้องให้จอดแค่ซอยที่ทะลุถนนใหญ่

"ผมอยู่หอข้างซอยนี่"

"อืมเหรอ มันช์เดินไหวนะ"

"ไหวอยู่ครับ"

"โอเคครับ"

     มันช์พยักหน้า ก่อนจะยกมือไหว้พี่ทุกคน รวมถึงพี่ว้ากที่ไม่แม้แต่จะรับไหว้ กระทั่ง มันช์ลงรถไปแล้ว เสียงจากคนหลังรถก็ดังขึ้น

"มึง คิดจะจีบน้องมันเหรอ?"

"แล้วมึงจะทำไม?" เต็นหันไปถามเติร์ก รุ่นน้องปีสาม

"ก็ไม่ทำไม แค่ถามดู" สิ้นเสียงนั้น สายตาทุกคู่กำลังมองอย่างลุ้น ๆ ว่าเด็กปีหนึ่งคนนั้นมันจะเดินกลับถึงห้องหรือไม่
.
.
.
.

     การรับน้องยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ความสนิทสนมระหว่างเพื่อนก็มีมากขึ้นทุกที ยามนี้ มันช์ ดาว แด้ว ภุชงค์และขิง กำลังเดินออกมาจากห้องเรียน ที่วันนี้เรียกวิชานอกสาขา ขณะที่เขาเดินลงบันไดออกมาจากอาคาร

"ขิง"

"อ้าว พุช เรียนตึกนี่เหรอ?" ขิงยิ้มกว้างให้พุชที่เดินมากับเพื่อน ๆ

"ใช่ ๆ" พุชหันไปบอกเพื่อนให้เดินไปก่อนจากนั้นเขาถึงหันมาคุยกับขิงต่อ

"ขิงไปไหน?"

"กำลังจะไปเดินตลาดนัดน่ะ"

"อื้มขอไปด้วยได้ไหม?" พุชถามเพราะเขาอยากมีโอกาสได้อยู่กับขิงตัวเป็น ๆ เพราะตั้งแต่ได้เบอร์โทร ก็ได้แต่คุยกันทางโทรศัพท์ ไม่มีโอกาสได้เจอกันสักที

"มันช์ว่าไง" ขิงถามแล้วยกมือไปเกาะแขน ฟากพุชเอียงคอมองการกระทำของคนที่เขากำลังจีบ

"แล้วแต่สิ เพื่อนขิงไม่ใช่เพื่อนเราสักหน่อย" มันช์ว่าตามที่เห็น ส่วนเพื่อน ๆ คนอื่นเริ่มรอไม่ไหวจึงบอกขิงว่าจะเดินไปตลาดนัดก่อน ส่วนมันช์ที่พอจะเดินตาม ขิงก็จับไม่ปล่อย

"พุชไปด้วยก็ได้ แต่เมื่อกี้ พุชบอกว่ามีเรียน"

"เรามารอก่อนเวลา พอเดินได้ยี่สิบนาที"

"อื้ม" ขิงว่า ก่อนจะดึงแขนมันช์ให้เดินตาม ส่วนพุชก็ทำได้แค่มอง ฟากมันช์ไม่ได้สนิทกับเพื่อนต่างคณะของขิง จึงรู้สึกอึดอัดที่จะเดินร่วมด้วย

"ขิงเดินกับเพื่อนเถอะ เราขอแยกไปซื้อเฉาก๊วยก่อน อยากกิน"

"งั้นไปเจอกันตรงที่นัดพวกดาวเลยนะมันช์"

"อื้อ"

   มันช์ว่าอย่างนั้น ก่อนจะแยกไปซื้อเฉาก๊วยที่อยู่ต้นทางตลาดนัด

"เฉาก๊วยแก้วนึงและก็ลอดช่องแก้วนึงครับ" จากตอนแรกอยากกินแค่เฉาก๊วย แต่พอเห็นลอดช่องก็น้ำลายสอ จึงโลภมากสั่งกินสองอย่างคนเดียวซะเลย

   เมื่อแม่ค้าทำให้และกำลังยื่นให้มันช์

"ของผมได้หรือยังครับ?" แม่ค้าชะงักพลางยิ้มแหย ๆ ถ้ามันช์เดาไม่ผิดลูกค้าที่เพิ่งเดินกลับมาคงสั่งเอาไว้ก่อนและเดินไปดูของร้านอื่น

"ให้เขาก่อนก็ได้ครับ" มันช์บอก เพราะเขาไม่ได้รีบร้อนจะไปไหนอยู่แล้ว

"ขอบคุณครับ"

"ไม่เป็นไรค..." ในขณะที่มันช์จะหันไปยิ้มให้คนข้าง ๆ ที่ตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพก็ชะงักเมื่อคนที่เห็นนั้นเป็นใคร

"ของกูได้ยัง ไอ้เติร์ก" พี่ว้ากอีกคนผ่านเข้ามาถาม มันช์หันหน้ากลับมามองแม่ค้าดังเดิม


     เมื่อหางตาเห็นพี่เขาเดินไป มันช์ก็ลอบถอนหายใจ ยืนรอลอดช่องกับเฉาก๊วย จนกระทั่งได้แล้วเขากำลังเดินไปหาเพื่อน

      มันช์ไม่ได้แวะร้านไหนอีก เขาเดินไปเรื่อยๆ แต่ก็เดินได้ยากลำบาก เมื่อเด็กนักศึกษาชาย-หญิงต่างมาช็อปปิ้งกันจนมีพื้นที่ว่างระหว่างทางเดินช่างน้อยนิด

ปึก!
   
     มันช์ถลาไปข้างหน้า จนน้ำกะทิลอดช่องกระฉอกออกมา แต่ดีที่ไม่เปรอะเสื้อของเขา


"ขอโทษครับ" มันช์ได้ยินเสียงคนข้างหลังเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะได้ยินเขาด่าเพื่อน "ไอ้สัดป๋อ มึงจะดันหาห่าอะไร เห็นไหมว่าข้างหน้าแม่งเดินไม่ได้"

      มันก็จริงอย่างที่คนข้างหลังบอกเพราะคนข้างหน้ามันช์กระดื้บได้ทีละนิดอย่างกับหนอน มันช์หันไปหาเพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่แล้วก็ชะงักอีกรอบ เมื่อเจอพี่ว้ากคนเดิม

'จะซวยอะไรขนาดนี้วะไอ้มันช์เอ้ย'

     กว่าจะเดินเบียดออกมาได้ มันช์ต้องใช้เวลาใกล้ชิดกับพี่ว้ากอยู่นาน จนมาเจอะพวกกลุ่มเพื่อนเขาพอดี

"ได้มาแค่นี้" ดาวชี้แก้วลอดช่องและเฉาก๊วย แต่เมื่อมองในมือของดาวก็แทบชะงัก มีถุงขนมเต็มไม้ เต็มมือ  ส่วนของในมือขิงมีแค่ขนมแพนเค้กลายการ์ตูน

"อร่อยไหมอะ เฉาก๊วย"

"ก็อร่อยดีนะ"

"ขอลองได้ไหม?"

"อื้อ"

     มันช์ยื่นแก้วให้ขิงดูด ก่อนจะยกยิ้มหน้าบาน

"สดชื่นจัง" ขิงยิ้ม มันช์ยิ้ม ก่อนจะโดนขัด

"นี่เพื่อนหรือแฟนคะ แหมดูแลกันดี"

"ดาวมึงอย่าเพ้อ" มันช์บอกอย่างนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้าเอกศิลปกรรม เพื่อว่าจะไปหาที่นั่งกินขนม นมเนย ที่ซื้อมา
.
.
.
.       
"ปีหนึ่งรวม"

     ยังไม่ทันได้กินขนมที่ซื้อมา พวกมันช์และเด็กปีหนึ่งก็ต้องทิ้งข้าวของทั้งหมดไปกองไว้รวมกันที่พื้นข้างทางเดิน ก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบไปลานศิลปกรรมหน้าตาตื่น


     ตอนนี้ พี่ว้ากมองปีหนึ่งด้วยสายตาวาวโรจน์ ก่อนจะเอ่ยให้เด็กปีหนึ่งนับจำนวนอีกครั้ง

    เมื่อตัวเลขตรงกับเมื่อวาน พี่ว้ากที่นั่งอยู่บนโต๊ะในซุ้ม ก็ถามเสียงนิ่ง

"พวกคุณปีอะไร"

"ปีหนึ่งครับ"

"แล้วพวกผมปีอะไร?"

"ปีสามครับ"

"มีคนไม่ไหว้พวกผม"

      มันช์ชะงักกึก เหมือนคนมีความผิดติดตัว การที่พี่ว้ากพูดแบบนั้น เหมือนจงใจจะหาเรื่องกัน เพราะตอนที่เจอกันที่ตลาดนัด มันช์ก็ไม่ได้ยกมือไหว้

"ใครรู้ตัว" มันช์ชะงักอีกรอบเมื่อพี่ว้ากคนนั้นหันมาประสานสายตากัน

     มันช์ยกมือยอมรับผิด

"ลุกขึ้น"

     มันช์ลุกขึ้นยืนพลางก้มหน้า

"คุณคิดว่าผมควรลงโทษอะไรดี?"

"ก็แล้วแต่พี่ครับ"

"แน่ใจ?" พี่ว้ากถาม มันช์พยักหน้า

"ถ้าผมให้กินฉี่ คุณก็จะกิน?"

"ก็ถ้าผมเถียงว่าไม่กิน พี่ก็จะใช้คำถามเดิมอีกว่า พวกผมปีอะไร พวกพี่ปีอะไร?" พี่ว้ากที่นั่งอยู่กระโดดลงมาจากซุ้ม เดินแทรกเด็กคนอื่นที่นั่งอยู่เข้ามาในแถว และกระชากข้อมือมันช์สุดแรงเพื่อลากออกมานอกแถว

"โอเค งั้นรอ ผมลงโทษคุณแน่ แค่ให้คุณยืนทำใจตรงนี้ก่อน"

     หลังจากนั้น มันช์ก็ยืนตามที่พี่สั่ง แต่น่าแปลกที่พี่ว้ากคนนั้นกลับไม่ได้ทำโทษอะไร นอกไปจากการให้มันช์ยืนหัวโด่มองเพื่อนที่นั่งโดนด่าอยู่เท่านั้น...


...........................


เสน่ห์แรงไม่แพ้กันเลย ฮ่าๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: *~น้องเฟรชชี่ที่พี่รัก~* -1 เสน่ห์แรง - [6 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 07-02-2019 07:56:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~น้องเฟรชชี่ที่พี่รัก~* -1 เสน่ห์แรง - [6 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 07-02-2019 13:33:07
เด๋วๆ ตอนแรกที่น้องมันช์บอกเจอคนที่ชอบ
คนนั้นคือใครอ่ะ
ใครๆๆๆๆๆๆ
อยากวู้ววววววว
 :hao7:

อิพี่ว้ากเติร์กนี่โหดไปไหน
เฮียชอบน้องจริงดิ ว้ากใส่งี้จะกล้าชอบอยู่มั้ย
 :hao5:

ปล. จริงๆ รับน้องเฟรชชี่เราไม่เคยเจอพี่วินัยใช้กูมึงกับน้องเลย
มีแต่คุณกับผม หรือพี่กับน้อง
จะกูมึงคือรู้จักกันแล้ว กินเหล้าเมาด้วยกันแล้ว หรือเป็นส่วนตัวกันแล้วไรงี้มากกว่า
พอมีกูมึงในประชุมเชียร์ เลยแหม่งๆ อ่ะ
ไม่โกรธเค้านะ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -2 คนที่ชอบ- [8 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 07-02-2019 20:16:25
บทที่ 2 คนที่ชอบ




"ไอ้มันช์มึงนำดิ๊"

      ภุชงค์กระทุ้งสีข้างเพื่อน ก่อนจะหันรี หันขวางมองรุ่นพี่ที่นั่งประจำซุ้มของแต่ละกลุ่ม ในเวลานี้ คือการเข้าสู่ช่วงแห่งการตามล่าหาลายเซ็นรุ่นพี่ในแต่ละชัั้นปีให้ได้มากที่สุด


      ซึ่งแน่นอนว่า การจะขอลายเซ็นจากรุ่นพี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะแต่ละคนก็คิดสรรหาวิธีแกล้งที่แตกต่างกันไป มีตั้งแต่เต้นบ้าบอ ร้องเพลง ไปจนถึงการเล่นพิเรนทร์ เช่นตอนนี้ ที่มีเด็กปีหนึ่งผู้หญิงสี่คน โดนใช้ไปเต้นที่โรงอาหาร โดยรุ่นพี่ที่เอกยืนมองอยู่ฝั่งตรงข้าม

      ถือว่าเป็นกิจกรรมที่พวกมันช์มองว่ามันสนุกแต่ก็แอบแฝงความกดดันในเวลาเดียวกัน เหมือนตอนนี้ ที่กลุ่มของมันช์ยืนละล้า ละลังยามที่กลุ่มเขาได้ลายเซ็นมาทุกคน ยกเว้นกลุ่มพี่ว้าก

   
"โห รักกูมาก" มันช์ด่าภุชงค์ เพราะถ้าเขาไม่มีปัญหากับพี่ว้ากมันก็คงจะทำให้เขาใจกล้ามากกว่านี้ มันช์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันช์ไปทำอะไรให้ มันช์ถึงโดนพี่ว้ากทั้งด่า ทั้งตะคอกใส่อยู่เสมอ

"ขิงนำเองมันช์" ขิงบอกยามที่เห็นเพื่อนเงียบกัน

"เออ พวกมึง เอาขิงเป็นแบบอย่างสิวะ" มันช์ยิ้มเดินตามขิงที่นำไปหาแก๊งพี่ว้ากที่นั่งหน้าเข้มกันอยู่ในซุ้มไม้

"พวกผมมาขอลายเซ็นครับ" ขิงยื่นสมุดลายเซ็น แต่พี่ว้ากก็พูดขึ้น

"มีอะไรมาแลก"

"พี่อยากได้อะไรครับ"

"เบอร์น้องขิงคร้าบบบบ" การพูดหยอกล้อไม่เคยหลุดรอดมาจากปากพี่ปีสาม แต่มันมาจากพี่อุ้ย ปีสอง ที่ไม่ได้เกรงกลัวอำนาจและสายตาของรุ่นพี่ปีสามเลยสักนิดเดียว

      ฟากขิงยิ้มหน้าแดง ที่โดนรุ่นพี่ปีสองตะโกนแทรก จนพี่ปีสามตะโกนด่ารุ่นน้องปีสองให้เงียบ และจู่ ๆ พี่ว้ากก็โพล่งขึ้น

"เมื่อกี้พูดอะไรนะ ห้ะ?"

"ผมเปล่านะครับ" ขิงยกสองมือระดับไหล่พลางส่ายหน้า พี่ว้ากก็กระโดดลงมาจากซุ้ม และเดินผ่านตัวขิงไป จนมาหยุดตรงหน้ามันช์

"ผมว่าคุณ" มันช์เบิกตาโพลง เมื่อพี่ปีสามคนเดิม ใช้นิ้วจิ้มกลางอกมันช์แรงๆ

"คุณ-พูด-อะ-ไร?" มันช์กัดปากมองหน้าพี่ว้ากที่เน้นเสียงหนัก ทั้ง ๆ ที่ดวงตาเริ่มแดงก่ำ

"หน้าม่อ" มันช์บอกเสียงเบา ก่อนจะก้มหน้าลง

"คุณอยู่ปีอะไร?" พี่ว้ากถามต่อ ยิ่งทำให้มันช์รู้สึกกดดัน ไม่ใช่เรื่องของการถูกถามซ้ำ ๆ  แต่มันยังรวมไปถึงการเห็นรุ่นพี่ตามซุ้มต่าง ๆ หันมามองมันช์อย่างสนใจ ใคร่รู้


"ปีหนึ่งครับ"

"แล้วพวกผมปีอะไร?"

 "....." มันช์เงียบ คนที่เคยกวนตีนกลับกวนตีนไม่ลง

"ผมถาม ตอบ!" เสียงเติร์กตวาดดังลั่นทั่วบริเวณ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ในซุ้ม ยังตกใจ

"....."

"ผมเพื่อนเล่นคุณเหรอ? ห๊ะ!!"


' ไอ้มันช์มึงอย่าร้องนะ'

      มันช์สะกดจิตบอกตัวเอง เพราะตอนนี้ มันช์กำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายตารุ่นพี่นับร้อย แม้ใจจะอยากตอบออกไปแต่เขารู้ดีว่าถ้าตอบต้องหลุดเสียงสั่นแน่ ๆ มันช์อดกลั้นไม่ได้จริง ๆ เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่กลับหมุนตัววิ่งไปที่ห้องน้ำขณะที่เพื่อน ๆ ทุกคนกำลังจะวิ่งตาม

"ใครตามไป ผมไม่ให้ลายเซ็น"

     ทุกคนชะงักเท้าพลางหันไปหากลุ่มพี่ว้ากที่กำลังคิดวิธีที่จะทำให้น้องปีหนึ่งกลุ่มนี้ได้ลายเซ็น พวกดาว ขิง ภุชงค์ แก้ว ต่างมองหน้ากันไปมา และเป็นดาวที่ยกมือขึ้น

"หนูไม่เอาลายเซ็นค่ะ" ดาวออกตัว แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้ง

"แต่ถ้าไป มันจะโดนหนักกว่าเดิมและผมจะไม่ให้ลายเซ็นมันด้วย"

    ดาวหยุดเท้า มองหน้าพี่ว้ากที่พูดออกมาอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี เธอเดินข่มความโกรธกลับมายืนตรงจุดเดิม และปรากฏว่า พวกดาวกลับได้ลายเซ็นพี่ว้ากคนนี้มาอย่างง่ายดาย

"ฝากบอกน้องคนนั้นด้วยว่า พรุ่งนี้ ต้องมาเอาลายเซ็นกับผม"

    เพื่อน ๆ ของมันช์พยักหน้ารับทราบ ก่อนจะวิ่งแจ้นไปตามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

     เมื่อเด็กปีหนึ่งกลุ่มนั้นเดินลับตาไปจนไม่เหลือใครสักคน ป๋อเพื่อนสนิทเติร์กก็ถามเพื่อนตัวเองเสียงเบา


"มึงเล่นแรงไปรึเปล่าวะ"


"กูแสดงมากไป?" เติร์กเลิกคิ้วขึ้นสูงหันไปหาเพื่อน ก็ในเมื่อเขารับหน้าที่เป็นพี่ว้าก เขาก็ต้องแสดงให้สมบทบาทที่สุด

"ไอ้สัด นี่ยังไม่รู้ตัวอีก?"

"แล้วจะให้กูทำไง กูง้อน้องไม่ได้ มึงก็รู้" เติร์กว่าอย่างนั้นเพราะหน้าที่ก็ค้ำคออยู่

"เออเดี๋ยวกูให้ปีสองไปดู"

"อือ"

      จังหวะที่ป๋อจะไปบอกน้องปีสองให้ไปช่วยดูน้องเฟรชชี่ หางตาของเติร์กเห็นพี่เต็น ปีสี่เดินไปทางห้องน้ำ

"ไอ้เต็น"

"อะไร?"

"มึงจะไปไหน?" เติร์กถาม ฟากเต็นมองเหมือนสงสัยว่าทำไม ช่วงนี้ เติร์กต้องถามทุกครั้งที่เขาขยับตัว

"......" เต็นไม่ตอบ แล้วเดินไป

"สัดเต็น แม่ง!"
.
.
.
.
"ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ"

"ใจเย็นมึง" ดาวนั่งปลอบเพื่อนที่ยามนี้ มันช์นัางตาแดง ในดวงตาคู่นั้น ได้ฉายแววชัดถึงอาการตัดพ้อ และการเสียความรู้สึกปะปนกันไปหมด

"กูไม่รับน้องแล้วนะพรุ่งนี้"

"ใจเย็นก่อนนะมันช์" ขิงว่าพลางเอื้อมมือไปแตะไหล่


"น้องครับ" เพื่อน ๆ ที่ปลอบกันอยู่ตรงม้าหินข้างห้องน้ำ หยุดมองรุ่นพี่ปีสี่ที่เดินมายืนค้ำหัว

"เป็นอะไรมากไหม?"

"ไม่ครับ"

"พี่ขอโทษแทนพวกน้องปีสามด้วยครับ"  เต็นว่าพลางยื่นกระดาษทิชชูเปียกให้มันช์ ฟากมันช์เอ่ยขอบคุณก่อนจะรับมาซับหน้าซับตา

      สาเหตุที่เต็นออกมา เพราะเต็นไม่อยากให้รุ่นน้องเสียความรู้สึกหรือมีอาการเกลียดการรับน้องจนนำไปฟ้องอาจารย์ หรือแม้แต่ทางมหาฯลัย เขาถึงต้องมาคอยดูแล ถามไถ่ หวังให้น้องใจเย็นลงและให้อภัยกับเรื่องรุ่นพี่ที่ด่าได้

"....."


"พี่ให้มันช์กลับบ้านก่อน เดี๋ยวพี่จะเดินไปบอกกับพวกปีสามเอง"

"ก็ดีนะมันช์ กลับไปพักให้สบายใจก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่" ขิงว่า พลางเอื้อมไปจับมือมันช์ มันช์ก้มมองมือที่ขิงจับไว้ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนคนอื่น ๆ

"กระเป๋าผมอยู่ที่เอกครับ"

"เดี๋ยวขิงไปหยิบให้" ขิงเอ่ยอย่างใจเย็น

    มันช์พยักหน้าและนั่งรอ ก่อนที่เพื่อน ๆ จะกลับไปร่วมกิจกรรมตามเดิม เหลือเพียงพี่เต็นคนเดียวที่นั่งเป็นเพื่อนเงียบ ๆ 

"ใครให้คุณกลับบ้าน?" แต่แล้วมันช์ก็สะดุ้งเฮือก ยามที่หันไปเห็นพี่ว้ากคนเดิมเดินกอดอกมาพร้อมขิง

"กูอนุญาตเอง" มันช์แค่นั่งเงียบ ๆ ก็มีคนแย้งแทนให้

"แต่กูไม่อนุญาต"

"แต่กูเป็นรุ่นพี่มึง ไอ้เติร์ก" มันช์เหลือบมองพี่เต็นสลับกับพี่ว้ากอีกคนที่กำลังเถียงกันอย่างมีปากเสียง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปคุยกันไกล ๆ

    มันช์ถอนหายใจ ถ้าทนไม่ไหว มันช์คิดว่าก็ควรพอเท่านี้ก่อน วินาทีนั้น มันช์ตัดสินใจเดินกึ่งวิ่งกลับบ้าน

หมับ

      มันช์ชะงักเท้า เมื่อโดนจับเข้าที่ต้นแขน หันกลับไปดูก็พบว่า เป็นพี่เต็น


"พี่เคลียร์ให้แล้ว อย่าคิดมาก พรุ่งนี้กลับมารับน้องนะ"

"ขะ...ขอบคุณครับ"

    มันช์มองหน้ารุ่นพี่คนนี้ที่เอ่ยด้วยวาจาสุภาพแถมดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด มันช์ตอบออกไปก่อน แต่ถามว่า จะมาไหม เขาก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ในขณะที่มันช์เดินแยกมาคนเดียวแล้วนั้น เขาก็รีบโทรหาเพื่อน

"ฮือออออ ไอ้แบงค์"

[เฮ้ย มันช์มีอะไรวะ ทำไมมึงเสียงสั่น ร้องไห้เหรอ?]

"พี่เติร์กตะคอกใส่กู"

[จริงดิ]

"กูไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นพี่เขา ทำไมกูต้องเจอพี่เขาด้วย"

[สรุปใช่ ใช่ไหม?]

"อืมใช่ ตอนแรกกูก็ไม่แน่ใจ เพราะพี่เขาดูเปลี่ยนไป ทั้ง ทรงผม รูปร่าง หน้าตา แต่พอกูสังเกตดี ๆ บวกกับมีคนเรียกชื่อ กูถึงมั่นใจว่าเป็นพี่เขา"

[พี่เขาจำมึงได้ไหม?]

"ไม่น่าจะจำได้ มึงกูไม่อยากเจอพี่เขาแล้ว"

[ใจเย็น ๆ สิวะ มึงเรียนที่นี่ จะหนีเขาไปได้ยังไง?]

"กูกลัวจริง ๆ นะมึง กูกลัวว่าจะเผลอชอบพี่เขาอีกครั้ง"


[ชอบก็ชอบสิวะ]

"ไม่ กูจะไม่มีวันชอบเขา กูจะฝืนความรู้สึกของตัวกูเองให้ได้"

[ก็ถ้ามึงฝืนความรู้สึกได้จริง เจอหน้าพี่เขาอีกครั้ง แล้วมึงจะกลัวอะไร?]

"......"

[เพราะมึงยังแคร์พี่เขาอยู่ไง และที่มึงกลัว เพราะมึงก็ไม่มั่นใจในตัวเองไงว่าจะฝืนความรู้สึกได้จริงไหม]

"ไม่ ยังไงกูก็จะพยายามไม่ชอบพี่เขา กูจะอยู่ห่างเขาให้ไกลที่สุด มึงจำคำพูดกูไว้นะ" มันช์ยังเถียงกลับ ไม่ต่างกับเด็กที่อยากเอาชนะ

[เหอะ กูรู้จักนิสัยมึงดี มึงจำคำพูดกูไว้เหมือนกัน ไอ้มันช์ ถ้าเวลาผ่านไป มึงจะไม่คิดอย่างนั้น เชื่อกู]

     มันช์เงียบก่อนจะตัดบท วางสายจากเพื่อนไปแล้วเดินปล่อยความคิดให้ไหลออกมาเรื่อย ๆ ยามเดินลำพัง

    'กูก็กลัวว่าสิ่งที่มึงพูด แม่งจะเป็นจริงเข้าสักวัน'

.
.
.
.
"มันช์ดีขึ้นรึยัง?"

    เมื่อมันช์เดินเข้ามานั่งในห้องเรียนที่มีกลุ่มเพื่อนของเขานั่งรออยู่ก่อน มันช์กวาดตามองเพื่อน ๆ รอบห้อง ทุกคนมองมาแล้วส่งยิ้มให้เหมือนเป็นกำลังใจก็พอรู้สึกดีได้บ้าง

"อืมก็ดีมั้ง" มันช์ละสายตาจากเพื่อนร่วมห้อง หันมามองคนที่รอคำตอบ ฟากเพื่อนในกลุ่มก็ตบไหล่

"แล้วเรื่องรับน้อง?" ภุชงค์ถาม

"กูคงไม่เข้าแล้วว่ะ"

"ถ้างั้นกูก็ไม่เข้าด้วย" มันช์ตกใจ เมื่ออยู่ดี ๆ ดาวก็ตอบกลับมาหนักแน่น

"เราด้วยมันช์" ขิงบอกยิ้ม ๆ


   เมื่อมีคนที่หนึ่ง คนที่สองก็ตามมาและดูเหมือนว่าทั้งกลุ่มจะยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้ามันช์ไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง จากนี้ พวกเขาก็จะไม่เข้าเหมือนกัน

    ในขณะที่ มันช์นั่งลังเลในการตัดสินใจ ดาวก็แทรกขึ้น

"เอ๊ะ คู่นี้ยังไงกัน มีจับมง จับมือกันด้วย" มันช์ดึงมือออกแล้วมองดาวแซวพลางส่งสายตาล้อเลียน

"ดาวอย่าแซวสิ มันช์ก็เป็นเพื่อนพวกเรา ขิงก็แค่เป็นห่วง" ขิงยิ้มอ่อนพลางเหลือบมองมันช์ที่ไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าที่เครียดตอนเดินเข้ามาในห้องเรียนก็ดูผ่อนคลายขึ้น

"มันช์ อยู่ด้วยกันก่อนนะ" มันช์ก้มมองมือขิงที่จับอยู่เหนือข้อศอก

"เดี๋ยวดูอีกที"

     มันช์ยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน เพราะเขาขอดูอารมณ์ตัวเองอีกที และสมองก็ต้องสลัดความคิดเรื่องการรับน้องไปก่อน เมื่ออาจารย์ดำรงค์ธรรมที่สอนวิชา ประวัติศาสตร์ศิลปะได้เดินเข้ามาในห้องเรียน


     จบคาบเรียน พวกมันช์และเพื่อน ๆ ก็ลงมากินข้าวเที่ยงกันที่โรงอาหาร ขณะที่พวกมันช์กำลังหาที่นั่งก็เจอะกลุ่มพี่ว้ากโต๊ะหนึ่ง และมันช์ดันไปประสานสายตากับพี่ว้ากคนนั้นพอดี

"เราไปหาที่นั่งด้านในเหอะ" มันช์บอกเพราะยังไม่พร้อมจะเจอะหน้าคนที่ตวาดเขาเมื่อวาน

"มันช์ ๆ  พี่เขาลุกแล้ว" มันช์หันตามขิงที่สะกิดก่อนจะเอื้อมมาจับแขนมันช์เดินนำไป

"มาทำไม?"

"ผมเห็นพี่กำลังจะลุกครับ เลยจะมานั่งต่อ" ขิงบอกแล้วก้มหน้า

"แล้วใครบอกว่าผมจะไป?" เติร์กถามขิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฟากขิงชะงัก กวาดตามองรุ่นพี่ปีสามหกถึงเจ็ดคนที่นั่งมองขิงด้วยสายตาน่ากลัว

"ไปหาที่อื่นเหอะ ขิง" มันช์ที่ไม่อยากมีเรื่องกับรุ่นพี่จึงคว้ามือขิงแล้วเดินไป

"พวกผมเป็นรุ่นพี่พวกคุณ ทำไมจะนั่งโต๊ะเดียวกันไม่ได้ หรือว่ากลัว?" เป็นพี่คนอื่นที่ไม่ใช่พี่เติร์กว่าออกมา มันช์มองอย่างสำรวจ นั่งกันแน่นขนาดนี้ แล้วจะยัดพวกเขาไปนั่งด้วยได้ไง

"แต่พวกพี่ก็นั่งกันเต็มแล้วนี่ครับ"

"คุณก็ต้องหาทางนั่งให้ได้ นี่คือ คำสั่ง"

    มันช์มองเพื่อนคนอื่น ๆ

"กูไม่นั่งนะ พวกมึงนั่งเถอะ"

"แต่ถ้ามันช์ไปคนเดียว ก็เท่ากับว่ามันช์กำลังตั้งท่าจะเป็นศัตรูกับพี่เขานะ" ขิงกระซิบบอก

"ช่างมัน เจอกันคาบบ่าย" มันช์เดินหนีไปแล้ว ฟากขิงมองหน้าเพื่อนคนอื่น ๆ ก่อนจะพยักหน้าแล้วฝากวางกระเป๋า

"น้องคนนั้นไปไหน?" พี่เติร์กถามเสียงเข้มทำให้ขิงสะดุ้ง

"เอ่อะ คือ"

"ถ้าผมเห็นว่าเขาไม่กลับมานั่งที่นี่ ตอนเย็นพวกคุณโดนลงโทษ"

       น้องปีหนึ่งพยักหน้ารับทราบ และเป็นขิงที่เอ่ย

"พวกภุชงค์ไปซื้อข้าวกันเถอะ เดี๋ยวขิงไปตามเอง" ขิงบอกเพื่อนก่อนจะวิ่งไปตามมันช์ แต่เพราะไม่ระวัง ขิงจึงชนเข้ากับร่างสูงอย่างจัง

"ขอโทษครับ"

"อ้าว พุช"

"ขิง"

"รีบไปไหน?"

"คือ ขิงไปตามเพื่อน ขอโทษนะเสื้อเลอะเลย" ขิงลูบน้ำที่กระฉอกออกมาโดนเสื้อพุชเล็กน้อย

"ไม่เป็นไร" พุชว่าอย่างใจเย็น ทั้งที่ยามนี้ ชานมที่เขาถืออยู่ในมือได้หกรดใส่เสื้อนักศึกษา

"ขิงไปก่อนนะ"

"ไปด้วยดิ" ขิงมองหน้าพุช ก่อนจะเห็นพุชฝากแก้วน้ำกับเพื่อน

"ไม่เห็นจำเป็นต้องมาเลย"

"ก็เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย พอเราทัก ขิงก็บอกไม่ว่างตลอด"

"จริง ช่วงนี้เรารับน้องอะ" ขิงบอกพร้อมทำหน้าร้อนรน เมื่อพุชเดินกึ่งวิ่งไล่ตามมาติด ๆ

  ขิงกวาดสายตามองในโรงอาหารทุกร้าน กระทั่งเจอมันช์ที่ยืนรับข้าวกล่องจากร้านอาหาร นั่นแสดงว่า มันช์คงจะไปหาที่กินข้าวที่ไม่ใช่โรงอาหารแน่ ๆ

   ขิงรีบเดินไปแตะไหล่

"มันช์"

"ขิง ทำไมหน้าตาเลิ่กลักขนาดนั้น"

"มันช์ต้องไปกินข้าวกับเรานะ ไม่งั้น พวกพี่เขาจะทำโทษเราอีกแล้ว"

     มันช์ถอนหายใจ ก่อนจะชูถุงข้าวที่เขาซื้อแบบใส่กล่องกลับบ้าน

"ไม่ เราจะหาที่กินที่อื่นน่ะ"

"มันช์ช่วยพวกเราเถอะนะ ไม่งั้นพวกเราะจะโดนทำโทษ"

"จริงจังขนาดนั้นเลยหรอ ขิง?" พุชถาม ฟากมันช์มองเพื่อนต่างคณะของขิง

"ไปก็ได้ เราหิวข้าวแล้วล่ะ" มันช์บอก

"ขอบคุณนะ" ขิงยิ้มแล้วเอือมมื้อไปจับมือมันช์ที่หิ้วถึงพลากสติก ฟากพุชมองตามมือ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองหน้าขิงอย่างมีคำถาม

    พุชยังคงเดินไปกับขิง เพราะอยากจะมีเวลาอยู่ด้วยกัน การคุยแค่เพียงข้อความนั้น มันไม่ช่วยให้ความสัมพันธ์ได้พัฒนาเท่าไหร่ พอจะชวนออกมาข้างนอก ขิงก็ตัดบทไม่ว่างตลอด แม้ว่าพุชจะออกตัวว่าจีบ แต่ขิงก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์คงไว้แค่เพื่อนอยู่ดี


     พุชเดินมาถึงโต๊ะของขิง แต่เขาแปลกใจที่มีทั้งเพื่อนของขิงและมีรุ่นพี่ปีสูงนั่งอยู่ด้วย ก่อนจะใกล้ถึงโต๊ะ พุชกระซิบถาม

"พวกรุ่นพี่นี่เหรอที่บอกว่าจะทำโทษ"

"ใช่ พุช"

"เอองั้นเราไปแล้วนะ"

"ขอบคุณนะ พุช"

"เดี๋ยว" มันช์ พุช และขิง หันไปตามเสียงรุ่นพี่ปีสูง ที่ตะโกนเสียงดัง ขนาดโต๊ะรอบข้างยังหันมามอง

"คุณไม่ใช่ปีหนึ่งเอกผม"

    มันช์เลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยว่า ทำไมพี่ว้ากถึงจำได้ ว่า ใครใช่ หรือ ไม่ใช่ เด็กปีหนึ่งเอกศิลปกรรม

"ใช่ครับ ผมอยู่เอกอื่น"

"เอกอะไร?"

"ออกแบบฯ อุต"


  พุชลอบกลืนน้ำลาย เมื่อเขาเคยได้ยินรุ่นพี่บอกว่า เอกเขากับเอกศิลปกรรมไม่ถูกกัน

   ขิงและมันช์ยังไม่นั่ง เพราะทำตัวไม่ถูกที่เห็นพวกรุ่นพี่ส่งสายตาแบบนั้น


"เฮ้ย ไอ้พุช" ทันใดนั้น รุ่นพี่ราวสี่ถึงห้าคนเดินมากอดคอรุ่นน้อง

"มีอะไรกันวะ?" พุชหันไปหารุ่นพี่ด้วยรอยยิ้มเจื่อน  แต่ฟากรุ่นพี่มองพุชแค่แวบเดียว แล้วตวัดสายตาวาวโรจน์ไปมองพวกนักศึกษาต่างสาขา

"ไม่มีครับพี่ ผมแค่มาส่งเพื่อน"

"แล้วไป นึกว่ามี ถ้ามีก็บอก กูพร้อมช่วย" รุ่นพี่ของพุชเน้นเสียงเข้ม  ส่วนตัวพุชเองไม่เคยได้มีโอกาสสนิทสนมกับรุ่นพี่มาก่อน แต่การที่อยู่ดี ๆ รุ่นพี่เดินมาหาพุชแล้วว่าอย่างเป็นกันเองนั้น มันก็ทำให้พุชรู้ว่ารุ่นพี่คงอยากมีเรื่องเสียเต็มแก่

"ไปก่อนนะ ขิง"

"อื้ม ๆ " ขิงยิ้มแห้ง ก่อนจะเดินไป

    เมื่อนักศึกษาต่างคณะไม่อยู่แล้ว สายตาทุกคนจึงหันกลับไปหาขิง และมันช์ ทั้งสองยังคงเก้ ๆ กัง ๆ เพราะยามนี้ เห็นสภาพแต่ละคนก็ดูทุลักทุเล ทั้ง ภุชงค์ที่ต้องยืนถือจานกินข้าว ส่วนแก้วกับดาวต้องนั่งตักกัน

"นั่งสิ" มันช์และขิงมองหน้ากัน ในทำนองที่เข้าใจกันสองคนว่าจะให้นั่งตรงไหนในเมื่อพวกพี่ยึดที่นั่งกันหมดแล้ว

"ก็มันไม่ที่ให้นั่งนี่ครับ"

"ก็ต้องหาทางนั่งให้ได้ หรือ คุณอยากจะนั่งตักผม?"   มันช์ชะงักกึก เหลือบมองหน้าพี่เติร์กที่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองมาอย่างมีคำถาม มันช์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ  และผ่อนลมหายใจออกมา และทันใดนั้น มันช์ทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะ ค้ำหัวพวกรุ่นพี่ปีสูงทุกคน พอมันช์เห็นพี่เติร์กกำลังจะอ้าปาก


"พี่บอกเองให้หาทางนั่งให้ได้" คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงกว่ากดสายตาลงต่ำมองหน้าพี่เติร์ก ทันใดนั้น เติร์กลุกพรวดทำให้ภุชงค์ที่ยืนกินข้าวแทบสำลักอย่างกลัวว่ารุ่นพี่กับรุ่นน้องจะมีเรื่องกันอีก

"หึหึ" มันช์ชะงักยามที่ได้ยินเสียงหัวเราะอันน่ากลัวมาจากพี่เติร์ก เขาเดินกระแทกไหล่มันช์ก่อนที่รุ่นพี่ปีสามคนอื่น ๆ จะลุกกันไปทั้งโต๊ะ ทำให้มันช์กระเถิบตัวลงมานั่งตรงที่นั่งพลางลอบถอนหายใจออกมา




......................................................

 :mew2: :mew3: :mew3:

ตามที่คุณ Januarysky บอกมาถูกต้องเลยค่ะ เป็นความผิดของเราเองเลยค่ะที่เบลอและสับสนกับช่วงเวลาความสนิทของรุ่นพี่เอง 5555 พยายามนึกย้อนเหตุการณ์ของตัวเองไปด้วยก็จริงอย่างที่คุณว่า เราจึงกลับไปแก้ใหม่ทั้งหมด ขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยติติงมาค่ะ
หัวข้อ: Re: *~น้องเฟรชชี่ที่พี่รัก~* -2 คนที่ชอบ- [8 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-02-2019 21:21:59
ติดตามจ้า สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -2 คนที่ชอบ- [8 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-02-2019 10:36:41
นึกว่ามันช์แอบชอบขิง..แต่พี่เดาผิดนี่นา  :hao3:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -2 คนที่ชอบ- [8 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 08-02-2019 11:29:45
น้องเล่นนั่งบนโต๊ะนี่ถึงกับอึ้งล่ะซิ อิพี่เติร์ก 555
ชอบมันช์ๆๆๆ
สู้ต่อไปครัช สู้ต่อไป
 :hao7:
ไอ้พี่ก็ปากแข็งเกิ๊น
แอบมีใจกับน้องแล้วก็บอกมาเถอะ
เชียร์พี่เต็นแสนดี คปด. ดีก่า
อยากเห็นคนดิ้นๆๆๆ
 :hao3:

ปล. ขอบคุณที่ใส่ใจเม้นต์จ้า
 :L2:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -3 ผมรักพี่เติร์ก- [9 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-02-2019 19:18:34

บทที่ 3 ผมรักพี่เติร์ก





.
"เกร็งจนแดกไม่ลง" ภุชงค์โพล่งขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มเพื่อน ๆ

"จะโหดไปไหน?" ดาวเสริม

"มันช์เท่มากเลย ตอนที่บอกแบบนั้น ดูสิพวกพี่เขายอมลุกไปหมดเลยอะ" ขิงไม่ได้สนใจประโยคที่ภุชงค์และดาวกล่าวมา แต่กลับชื่นชมตัวมันช์แถมยิ้มกว้างจนโชว์รอยบุ๋มลึกข้างแก้มพร้อมชูนิ้วโป้งให้

"ไม่ใช่เพราะเราหรอกขิง พี่เขาจะลุกตั้งนานแล้วล่ะ"

"แต่เราก็เชื่อว่าเป็นเพราะมันช์นั่นแหละ"  ขิงว่าอย่างนั้น พลางตักข้าวเข้าปาก

"แล้วเด็กออกแบบ ฯ อุตนี่ชอบขิงจริงเหรอ?" มันช์เปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้เพื่อนคุยเรื่องพี่เติร์กอีก ยิ่งคุยมันช์ก็ยิ่งนึกถึงคนใจร้ายที่คอยแต่จะหาเรื่องด่า หาเรื่องทำโทษมันช์ได้ทุกวี่ ทุกวัน

"อืม" ขิงตอบอ้อมแอ้มแต่ไม่ได้สบตาคนถาม

"เสน่ห์แรงว่ะ มีทั้งคนในเอก นอกเอกจีบกันให้เพียบ แต่น่าแปลกตรงที่มีแต่ผู้ชายมาชอบ" ดาวถามขึ้นอย่างสงสัย

"ไอ้ดาว ก็มึงดูขิงสิ ตัวเล็ก แถมหน้าหวานซะขนาดนั้น ถ้ามีนม ผมยาวอีกหน่อย มันก็เหมือนผู้หญิงล่ะกูว่า" ภุชงค์ว่าจบก็เหล่มองขิงที่เจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มมุมปาก


"แต่ขิงก็ชอบผู้ชายใช่ปะ เพราะดูไม่ได้อิดออดเวลาผู้ชายมาจีบ"

"อื้ม เราชอบผู้ชาย รังเกียจหรือเปล่า?" ขิงว่าพร้อมหันไปกวาดตามองเพื่อนทุกคน จนดาวรีบยกมือพร้อมสั่นหน้ารัว

"บ้า ใครจะรังเกียจ นี่มันสมัยไหนแล้ว แค่ถามให้หายสงสัยเฉย ๆ อย่าคิดมากน่ะขิง" ขิงพยักหน้าน้อยๆ พลางหันไปหามันช์ที่ตักข้าวกินไม่พูดไม่จา

"เราอยากรู้ แล้วมันช์ล่ะชอบผู้ชายหรือเปล่า?"

       มันช์ชะงัก ยามที่ขิงโยนคำถามนี้มาให้ ถ้าพูดตามความจริง ก็ยอมรับว่าบอกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะตั้งแต่โตมาและเริ่มมีความรัก เขาก็ไม่ได้คลั่งไคล้หรือชอบผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ นอกจาก....พี่เติร์ก

"ทำไมเงียบ?" มันช์มองดาวที่เอ่ยออกมา

"ก็ไม่รู้ คงแล้วแต่สถานการณ์มั้ง"

"อย่างนี้ก็ได้เหรอวะมันช์?" เป็นแก้วที่ว่า

"เออ อย่าถามมากน่า" มันช์พยายามบ่ายเบี่ยง


      มันช์มองหน้าแก้วและดาวที่แกล้งทำท่าป้องปากกระซิบกระซาบกันเหมือนนินทาก็นึกระอา ตั้งแต่เรียนมัธยมมา มันช์ไม่มีเคยมีเพื่อนผู้หญิง เพิ่งจะมีก็ตอนเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย ที่ได้เจอแก้วและดาว แต่ก็ไม่ได้ดูอึดอัดอะไร เพราะทั้งสองคนมีนิสัยห้าว เหมือนผู้ชาย แถมคำพูด คำจายังทะลึ่ง ตึงตัง ติดเรทสิบแปดบวกเสมอ ๆ จนผู้ชายอย่างมันช์บางทีก็อายแทน
.
.
.
.
       แหละสุดท้ายมันช์ก็โดนลากมารับน้องตอนเย็นอีกตามเคย มันช์ไม่อยากให้เพื่อนต้องถูกลงโทษไปด้วยทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด จึงยอมมาเข้าร่วมกิจกรรมดังเดิม แต่วันนี้ รุ่นพี่ปีสองแค่เรียกคุยเพื่อบอกว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่รุ่นน้องต้องล่าลายเซ็นรุ่นพี่ให้ได้มากที่สุด


"เฮ้อ!" มันช์ลอบถอนหายใจทันทีที่พอรุ่นพี่ว่าจบก็แยกย้ายให้น้องใหม่ไปขอลายเซ็นจากรุ่นพี่หลากชั้นปีที่นั่งอยู่ประจำซุ้ม และที่มันช์ทำหน้าเหนื่อยหน่ายนั้นเป็นเพราะการที่เขารู้ข่าวมาจากเพื่อนแล้วว่าเขาต้องขอลายเซ็นพี่เติร์ก ถ้ามันช์ไม่ทำตาม พี่เติร์กก็จะใช้อำนาจในทางที่ผิดสั่งเพื่อนเขาให้โดนลงโทษไปด้วย
 

"ให้ขิงไปด้วยไหม?" ขิงถามเพราะสังเกตเห็นสีหน้ามันช์ที่ดูอึดอัดอย่างไรชอบกล ขิงจึงเป็นห่วง เพราะกลัวว่ามันช์จะโดนกลั่นแกล้งให้เสียความรู้สึกอีก

      ประโยคนั้นทำให้มันช์ส่งรอยยิ้มละมุนไปหาคนที่คอยถามไถ่ เป็นห่วง เป็นใยมันช์เสมอ

"ไม่เป็นไร ขิงอยู่กับพวกดาวแหละ เราไปซุ้มพี่ว้ากก่อน" มันช์ยิ้มพลางตบไหล่ขิงเบา ๆ


        ในขณะที่มันช์เดินดุ่ม ๆ มาหากลุ่มพี่ว้ากที่นั่งอยู่ รุ่นพี่ปีอื่น ๆ ที่นั่งกันตามซุ้มต่าง ๆ พลันเหลือบมองราวกับลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นน้องคนนี้อีก


       ใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ยามที่สองขาพาตัวเองมาใกล้ซุ้มรุ่นพี่ปีสาม จนกระทั่ง เท้าหยุดลงตรงหน้าซุ้ม กวาดตามองรุ่นพี่ราวหกถึงเจ็ดคนที่นั่งอยู่ มันช์ละสายตาแล้วตัดสินใจพูดขึ้น


"ผมขอลายเซ็นหน่อยครับ พี่เติร์ก"

     เติร์กที่นั่งบนโต๊ะในซุ้ม เงยหน้าจากแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยลายมือหวัดเต็มแผ่นพลางเอียงคอมอง

"ลายเซ็น ผมมีมูลค่านะ"


"...." มันช์ตัดสินใจเงียบ เพราะไม่รู้ว่าควรคำตอบแบบใดถึงจะถูกใจพี่เติร์ก

"ถ้าอยากได้ ก็ต้องทำอะไรให้มันสมน้ำ สมเนื้อหน่อย"

"พี่อยากให้ผมทำอะไรครับ?" มันช์ถามออกไป แต่ในใจชักเริ่มกังวล เพราะพอเห็นแววตาอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนพี่เติร์กจะรู้ตัวว่าเขาเป็นต่อ

"มึงเห็นตึกเขียวนั่นไหม?" เติร์กชี้นิ้วไปทางข้างหลังของเอกศิลปกรรม มันช์หันหลังไปดู นั่นคือ อาคารเรียนสีเขียวที่ด้านข้างของตัวตึกจะเป็นที่นั่งพักผ่อนและมีบ่อน้ำเล็ก ๆ


      แม้ว่าความห่างของตึกเขียวกับลานศิลปกรรมจะไม่ไกลกันมาก แต่ใช่ว่าจะเดินเท้าสิบก้าวก็ถึง มันช์ชักกลัววว่าพี่เติร์กจะแกล้งอะไรรุนแรงหรือเปล่า?


"เห็นครับ"

"ไปยืนตรงนั้น" เติร์กบอกหน้านิ่ง ก่อนจะผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"แล้วตะโกนดัง ๆ ว่ารักผม"


กึก

      แค่คำนี้คำเดียว ทำให้มันช์เข้าใจทุกอย่าง เพราะมันมาถึงแล้วกับช่วงเวลาเอาคืน ที่ผ่านมา ที่พี่เติร์กยังไม่ลงโทษมันช์รุนแรง เพราะพี่เติร์กแค่สะสมความแค้นแล้วรอสบโอกาส เพื่อเอาคืนมันช์หนัก ๆ


       มันช์ยังคงยืนอึ้ง ด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี หนำซ้ำหัวใจก็เต้นรัวเร็วราวกับมีใครมากระหน่ำตีกลองอยู่ภายใน ..

"ถ้าผมทำ พี่จะให้ลายเซ็นใช่ไหมครับ?" มันช์ถามทั้ง ๆ ที่ไม่กล้าสบตา มือของเขาที่ประสานกันไว้ข้างหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ


"อืม" เติร์กตอบหน้านิ่ง


      ทันใดนั้น มันช์ยื่นสมุดลายเซ็นไปให้กับมือพี่เติร์ก แล้วหมุนตัวไปทางอาคารเรียนสีเขียว ตลอดการก้าวเดินไป มันช์สัมผัสได้ว่าทั้งเอกศิลปกรรมกำลังเพ่งมองเขาเหมือนรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ


"อย่าร้องนะไอ้มันช์ มึงต้องสู้" มันช์พึมพำกับตัวเองเมื่อเดินพ้นลานศิลปกรรม  แม้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว แต่มันช์กลับยังเห็นนักศึกษาหลายกลุ่มนั่งใต้ตึกกันเต็มทุกโต๊ะ

"เชี่ย คนเยอะชิบ!" มันช์สบถยามมองไปรอบ ๆ ที่ตัวเองหยุดยืนอยู่บริเวณที่นั่งพักริมบ่อน้ำ


"เฮ้ย!! ผมรออยู่"

      ยังไม่ทันได้พักให้ทำใจ พี่เติร์กที่ยืนอยู่อีกฟากป้องปากตะโกนมา นั่นจึงยิ่งทำให้คนในเอกศิลปกรรมบางกลุ่มที่กำลังทำอย่างอื่นหันมามองมันช์เป็นสายตาเดียว


"พี่แม่งกวนตีนว่ะ...โอ้ย ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ" มันช์บ่นออกมาเสียงดัง เขาเริ่มกลืนน้ำลายได้ยากลำบาก ใบหน้าและลำตัวเริ่มมีเหงื่อผุดซึม อัตราการเต้นของหัวใจก็รุนแรงจนน่ากลัว คิดแล้วไม่มีผิด ว่าพี่เติร์กต้องหาวิธีกลั่นแกล้งเขาให้อับอายสายตาชาวบ้าน


    นาทีนี้ สายตาของเด็กหนุ่มยังมองไปยังตำแหน่งคนที่ยืนรอฟังประโยคนั้นอยู่


    มันช์ลอบถอนหายใจ และปลอบใจตัวเองว่า ถ้ามัวแต่อายก็ไม่ได้ทำอะไรพอดี เพราะมันช์ยืนเสียเวลานานสองนาน จนมันช์คิดว่า ต้องทำตอนนี้ มันจะได้จบ ๆ ไปเสียที


    'เอาล่ะไอ้มันช์ สู้เว้ย!!'

สาม
สอง
หนึ่ง


"ผมรักพี่เติร์กครับ!!"


       สิ้นเสียงตะโกน นักศึกษาต่างสาขาที่นั่งใต้ตึกหันมามองมันช์เป็นตาเดียว ฟากรุ่นพี่-รุ่นน้องในเอกศิลปกรรมเองก็ชะงักและเงียบกริบ เหมือนเฝ้ารอดูปฏิกิริยาหลังจากนี้



"ไม่ได้ยิน!!" เติร์กตะโกนดังลั่น


       มันช์กุมมือและบีบนิ้วตัวเองที่ชื้นเหงื่อ ตอนนี้มันช์หน้าชาเมื่อมีนักศึกษาหญิงกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านหน้าเขาแล้วอมยิ้ม มันช์รู้ว่าพี่เติร์กกวนประสาท เพราะมันช์ตะโกนจนคอแทบแตก แม้จะอยู่ไกลขนาดนั้น แต่มันช์เชื่อว่าพี่เติร์กได้ยินแน่นอน


"ผมรักพี่เติร์กครับ!!" มันช์แหกปากอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาหลุดกระแอมไอ เพราะรู้สึกแสบคอ


"ใครรักผมนะ?" มันช์มองคนที่ป้องปากตะโกนกลับมา ตอนนี้ มันช์อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี


"ไอ้พี่เติร์ก แม่งกวนตีนว่ะ จะเอาให้ได้ใช่ไหมวะ?"


     ตอนนี้มันช์หน้าแดงก่ำ และอายจัดเมื่อผู้หญิงมองมายิ้ม ๆ อีกทั้งยังกระซิบกระซาบกัน มันช์เลิกให้ความสนใจแก่คนรอบข้าง แล้วโฟกัสสายตาไปข้างหน้าตรงจุดที่ร่างสูงยืนอยู่ มันช์พยายามสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะพรูลมหายใจออกมา


"มันช์รักพี่เติร์กครับ"


 
   พอมันช์พูดจบประโยค ทันใดนั้น...เสียงดังอื้ออึงทั่วเอกศิลปกรรม


"วู้วววววววววว วี้ด วี้ววววววววว"

"เหยดดดดดดด"


    และดูเหมือนว่า มันคงเป็นสัญญาณแห่งอุปาทานหมู่ เพราะพอเสียงวี้ดวิ้วดังมาจากลานศิลปกรรม เสียงใต้ตึกที่เป็นพวกผู้หญิงก็กรี้ดกร้าด เกรียวกราวไปตาม ๆ กัน


     มันช์ก้มหน้า ก้าวฉับ ๆ กลับไปยังเอกของตัวเอง ตอนนี้ มันช์รู้สึกตัวเองตาร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้ที่พี่เติร์กแกล้งเขาได้อย่างเจ็บแสบ จนกระทั่ง ขายาวพาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงซุ้มของพี่เติร์ก มันช์เงยหน้ามอง พร้อมยื่นมือไปรอรับสมุดลายเซ็น ครู่หนึ่ง มันช์แอบเห็นรุ่นพี่คนอื่น ๆ กลั้นยิ้ม ผิดกลับพี่เติร์กที่ใบหน้ายังคงไว้ซึ่งความนิ่งและชาเฉย แต่ทว่า พี่เติร์กกลับยื่นกระดาษที่ถูกพับจนเล็กกว่าฝ่ามือมาให้ไม่ใช่สมุดลายเซ็นมันช์เอียงคอมองหน้าพี่เติร์กด้วยความสงสัย


"แล้วสมุดผมล่ะครับ"


    เติร์กไม่ตอบแต่ส่งสายตาพยัดเพยิดไปที่กระดาษ มันช์คลี่กระดาษออกมาดูก็พบข้อความที่เขียนด้วยลายมืออย่างกับไก่เขี่ย


   'โอ้โห นี่ใช้มือเขียนหรอวะ? กูจะอ่านออกไหมล่ะนั่น?'


      มันช์พยายามยืนแกะภาษาที่พี่เติร์กเขียนจนอ่านออกว่ามันเป็นอีเมลของพี่เติร์ก


"นี่อีเมล์ผม แอด MSN มา แล้วผมจะคืนสมุดให้"


"พี่โกงนี่ครับ" มันช์ว่ากลับ


"คุณจะเอาไหม? สมุด"


     'คิดว่าเป็นรุ่นพี่จะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอวะ'

    มันช์คิดในใจพลางขยำกระดาษและกำมันไว้ในมือแน่น จะเถียงกลับก็กลัวจะไม่ได้สมุดคืนอีก เขาจึงจำใจเดินกลับไปนั่งกับเพื่อน ๆ  ด้วยความโกรธจัด ที่สุดท้าย พี่เติร์กแม่งก็เจ้าเล่ห์จริง ๆ


    'คนอะไรวะ แม่งไม่รักษาสัญญา'


   
"ไอ้สัด แผนสูง" ป๋อกระทุ้งสีข้างเพื่อน เมื่อมั่นใจว่ามันช์เดินไปไกลจนไม่น่าจะได้ยินบทสนทนาที่ไม่ต่างกับการนินทา

"แผนสูงเชี่ยอะไร? กูแค่อยากแกล้ง หมั่นไส้มัน"


"ใช่ป้าวววววววว" ป๋อแซวเสียงสูง แต่เติร์กก็ยังคงหน้ามึนไม่สนใจ


"สัดป๋อ อย่าเพิ่งแซวมัน เดี๋ยวมาดเข้มหลุดหมด ดูซิ หูไอ้เติร์กแดงหมดแล้ว" โต๋รีบบอกเพื่อน เพราะต้องรักษาภาพพจน์ความเป็นพี่ว้ากแสนโหดก่อนจะต้องเฉลยในภายหลัง


"เออไม่แซวก็ได้วะ รับรุ่นเมื่อไหร่ กูจะแฉให้เละ"


    เติร์กไม่ตอบ แค่ชูนิ้วกลางแล้วละสายตาจากเด็กปีหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองสมุดลายเซ็นของมันช์ ที่เปิดค้างไว้ที่หน้าแรกของสมุด


ผม ชื่อ อาณัช  อคิณนุกุล
ชื่อเล่น มันช์
เกิด 11 พฤศจิกายน
นักศึกษาปีหนึ่งเอกศิลปกรรม
ผมหวังจะเป็นรุ่นน้องที่ดี และขอบคุณรุ่นพี่ที่ให้ลายเซ็นผมนะครับ
"รุ่นพี่คนไหนเขียนให้ผมเป็นคนสุดท้าย ผมจะขออนุญาตเลี้ยงข้าวที่โรงอาหารครับ:-)



"กูน่าจะเป็นคนสุดท้าย?....หรือเปล่าวะ?" คนที่อ่านจบก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจ

.
.
.
.

"ทำไมขิงไม่อยู่หอ" หลังจากที่รุ่นพี่ปล่อยตัว มันช์กับขิงก็เดินกลับบ้านด้วยกัน และเพราะรู้ว่าบ้านขิงอยู่ไหน จึงถามอย่างสงสัยว่าขิงไม่เหนื่อยบ้างหรอที่ต้องเหนื่อยเดินทาง นั่งรถกลับบ้านไกล ๆ ขนาดมันช์อยู่แค่หอใกล้ ๆ มหา ฯ ลัย ยังรู้สึกง่วงทุกวันที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาเรียนเลย
 
"ก็ว่าจะลองดูไปสักระยะก่อน ถ้าเหนื่อยมากก็ว่าจะหาห้องเช่านั่นแหละ"

"อ่อ"

"อาจจะมีวันหนึ่งที่ขิงจะขอลองนอนห้องมันช์ได้ไหม? เพื่อจะดูเวลาตื่นน่ะ"

"ได้ดิ" มันช์ยิ้มมองหน้าขิงที่ก้มหน้าพลางเม้มปากแน่น


ปรื้น ปรื้น


   คุย ๆกัน อยู่ก็มีเสียงแตรรถยนต์ดังมาในระยะประชิดตัว ทั้งสองจึงหันริมถนนในมหาฯลัยเห็นรุ่นพี่ปีสองขับรถยนต์มาเทียบฟุตบาท


"น้องปีหนึ่งนี่ ให้พี่ไปส่งปากทางไหมครับ?"


"ครับ / ไม่เป็นไรครับ" มันช์หันไปหาขิงที่กลับตอบปฏิเสธรุ่นพี่


"ทำไมล่ะ"


"เราเกรงใจพี่เขา" ขิงบอกมันช์ ก่อนจะรีบก้มหน้าไปบอกรุ่นพี่ที่อยู่ในรถ พร้อมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะยืดตัวตรงกลับมาคุยกับมันช์ที่เดินอยู่ข้าง ๆ


"มันช์เมื่อยหรอ?"

"เปล่าก็แค่สงสัย" มันช์มองขิงที่ฉายแววตาเศร้า ก่อนจะหลุดยิ้ม มันช์ไม่เคยเจอะใครที่รู้สึกหน้าตาน่ารักเท่านี้มาก่อน ปากนิด จมูกหน่อย คิ้วเข้มแต่ไม่หนารับกับใบหน้ารูปไข่  ขิงดูดีจนบอกได้ไม่ระคายปากว่าช่างสมบูรณ์แบบ จนไร้ที่ติ ผิวพรรณก็เนียนละเอียด จนมันช์ถึงกับต้องก้มลงมองสภาพตัวเองอย่างเปรียบเทียบว่าทำไมตัวเขากับขิง ถึงช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว


"เราแค่อยากคุยกับมันช์แบบสองคนน่ะ"
 
        มันช์เอียงคอมองขิงอย่างสงสัยว่าทำไมคำพูดคำจาของขิงมันดูทะแม่ง ๆ


"ขิงมีแฟนรึยัง?" ขิงหันขวับมองมันช์ด้วยรอยยิ้มพลางส่ายหน้า

"มันช์ล่ะ"

"ไม่มีเหมือนกัน"

"ขิงมีคนชอบเยอะ ไม่ลองหาสักคนล่ะ"

"เยอะเหรอ เราว่าไม่เยอะหรอก" ขิงตอบยิ้ม ๆ พลางเบนสายตาหนีไปอีกทาง

"เยอะนะถ้าเทียบกับเรา เรานี่ไม่มีใครมองเลยสักคน" มันช์บอกอย่างนั้น ขิงขำก่อนจะตีไหล่

"ไม่จริงอะ มันช์รู้ไหม ตอนที่มันช์ตะโกนบอกรักพี่ปีสามน่ะ หลังจากนั้น เราเห็นมีแต่คนมองมันช์ทั้งนั้นเลย เราว่ามันช์ดูเท่มาก มันเหมือนคนตะโกนบอกรักแฟนอะ มันดูโรแมนติกมากเลย"


"หึ โรแมนติก"  มันช์ยิ้มเจื่อน ๆ พลางคิดไปถึงคำที่ขิงว่า โรแมนติกตรงไหน... ให้มองอย่างไรมันก็คนที่หาเรื่องแกล้งมันช์ให้อับอายมากกว่า


"ช่างเถอะ" มันช์พูดตัดบทตอนที่ทั้งสองเดินมาถึงปากซอย เพื่อแยกกลับบ้านใครบ้านมัน


"กลับบ้านดี ๆ นะ ขิง"


"อื้ม" ขิงโบกมือลา ด้วยรอยยิ้มเหมือนคนเสียดายที่ต้องแยกย้ายกัน


    มันช์ที่กำลังจะเดินข้าซอยขางมหาฯลัย หันไปมองแผ่นหลังคนตัวเล็กกว่า ก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเส้นทางเดินไปหาขิงที่จะเดินไปป้ายรถเมล์


"อ้าว มันช์ ไปไหนเหรอ?" ขิงแปลกใจที่เห็นมันช์มาตบไหล่


"ไม่ได้จะไปไหน แต่มาส่ง"


"ขอบคุณนะ" ขิงยิ้มกว้าง ก่อนที่ทั้งสองจะคุยกันต่อ แต่ไม่นาน มันช์ได้ยินเสียงคุยโหวกโหวกเสียงดัง พอหันไปถึงเห็นกลุ่มพวกรุ่นพี่ปีสองและปีสามเอกศิลปกรรม เดินมาสิบกว่าคน และหนึ่งในนั่นมีพี่เติร์กอยู่ด้วย


"อ้าวน้องมันช์ของ...พี่..."


     มันช์หันไปหาพี่อุ้ยที่พูดไม่จบประโยคก่อนจะยกมือไหว้พวกรุ่นพี่ทั้งกลุ่ม


"พวกพี่ไปไหนกันครับ" มันช์ถามพี่อุ้ย เพราะรุ่นพี่ปีสองยังพอจะคุยด้วย เล่นได้ เพราะใบหน้าดูยิ้มแย้มกว่าพวกรุ่นพี่ปีสามเป็นไหน ๆ


"กินเหล้าครับ"


      มันช์ยิ้มพยักหน้า อุ้ยละสายตาจากมันช์หันไปหาขิงทั้งยังทำตาหวานเชื่อมใส่


"แล้วนี่ยืนทำอะไรกัน"

"ผมมาส่งขิงขึ้นรถกลับบ้านครับ" มันช์ตอบพี่อุ้ย แต่จังหวะนั้น สายตาเขาดันไปประทะสายตากับพี่เติร์กที่ยืนอยู่ข้างหลังสุดของกลุ่มจ้องมองมาทางเขาเหมือนกัน


"เป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ  ดีแบบนี้ แอบคิดไม่ซื่อกับเพื่อนหรือเปล่า" มันช์ยิ้มและรีบตอบกลับ


 "เปล่าครับพี่"


"เออแซวเฉยๆ ไปละ" ทั้งมันช์และขิง ต่างยกมือไหว้พวกรุ่นพี่อีกครั้ง เมื่อรุ่นพี่กลุ่มใหญ่พ้นจากลานสายตา รถประจำทางสายที่ผ่านบ้านของขิงก็มาจอดตรงป้ายรถเมล์พอดี


"ขิงไปก่อนนะ"


"อื้อ โชคดี ขิง"


      เมื่อไม่เหลือใครแล้วตรงนี้ มันช์ก็หวนไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ตอนที่สบตากับพี่เติร์กแล้วก็พาลหงุดหงิดใจไม่หาย

'พี่เขาเกลียดกูหรือเปล่าวะ ขนาดไม่ใช่เวลารับน้อง แม่งมองกูอย่างกับจะกินเลือด กินเนื้อ'


.................................................


อีพี่คะ พี่จะแกล้งน้องแบบนี้ ไม่ได้ น้องมันใจบ่ดีเน้อ 555

ฝากเนื้อฝากตัวกับนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
:z1: :z1: :z1: :mew3: :mew3: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -3 ผมรักพี่เติร์ก- [9 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-02-2019 21:15:55
เริ่มเห็นเค้าลาง..งงงงงง    :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -3 ผมรักพี่เติร์ก- [9 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 10-02-2019 14:47:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -3 ผมรักพี่เติร์ก- [9 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 10-02-2019 15:39:54
ถึงเวลาเมื่อไหร่เล่นตัวกลับเยอะๆเลยนะน้องมันช์ หมั่นไส้อิพี่มัน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -3 ผมรักพี่เติร์ก- [9 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 10-02-2019 15:53:44
แค่เห็นชื้อล็อกอินrinny.  ก็เข้ามาอ่านแล้วค่ะ
สนุกอีกเช่นเคยค่ะ. ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -3 ผมรักพี่เติร์ก- [9 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-02-2019 21:08:34
 :pig4: :pig4: :pig4:


นุ้งมันซ์ตามพี่เติร์กมาเรียนเหรอจ๊ะ

สองคนนี้ต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่ ๆ ว่าแต่...อิพี่เติร์กจำน้องได้หรือเปล่าหนอ?
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -3 ผมรักพี่เติร์ก- [9 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-02-2019 09:54:04
:pig4: :pig4: :pig4:


นุ้งมันซ์ตามพี่เติร์กมาเรียนเหรอจ๊ะ

สองคนนี้ต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่ ๆ ว่าแต่...อิพี่เติร์กจำน้องได้หรือเปล่าหนอ?

คิดแบบนี้เหมือนกัน
นี่จิ้นประมาณน้องแอบรักอยู่เงียบๆ พอถึงวันจบมีใจกล้ามอบกุหลาบให้พี่แต่โดนโห่ป่าราบจนน้องวิ่งหนีไรงี้
 :mew3:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -4 ดีใจที่ได้รู้จัก- [11 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 11-02-2019 21:53:23
บทที่ 4 ดีใจที่ได้รู้จัก





"ขิง"

"อ้าว พุช"


      ขิงที่เดินดุ่ม ๆ บนทางเท้า ไม่สนใจใคร กำลังมุ่งหน้าไปยังเอกของตัวเองสะดุ้งตกใจ ตอนที่พุชตะโกนเรียกชื่อขิงใกล้ ๆ


"วิ่งตามเกือบไม่ทัน" พุชบอก

    ขิงหันไปยิ้มให้พุชที่เดินไป หอบไป


"หายใจก่อน พุช"

"ขิงเป็นไงบ้าง?"

"ก็สบายดีนะ อีกอย่างเราใกล้จะว่างแล้วล่ะ" ขิงบอกชัดเจนเพราะรู้ว่าพุชต้องการคำตอบอะไร

"อย่างนี้เราก็พอจะเจอกันได้แล้วสิ" พุชที่เดินขนาบข้างมาด้วยกัน ถามขิงด้วยน้ำเสียงมีความหวัง


      ขิงมองคนที่สูงกว่าขิงเป็นสิบเซ็นต์ด้วยแววตาอ่อนโยน พุชเป็นคนที่หน้าตาจัดว่าดีทีเดียว เขาเป็นผู้ชายหน้าเข้มแต่ผิวขาวจั๊วะอย่างกับลูกคนจีน แต่พอเคยถามถึงเชื้อสาย พุชก็บอกว่าตัวเองเป็นคนไทยแท้ ส่วนลักษณะนิสัย ขิงมองว่าพุชเป็นผู้ชายเรียบร้อยเกินไป เขาพูดน้อย และไม่ค่อยมีมุกตลกเวลาสนทนากันเท่าไหร่ บางครั้ง บางคราวจึงทำให้ขิงรู้สึกเบื่อ


"อืม"

"โอเค ถ้าขิงว่าง เราไปดูหนังกัน"


      ขิงยิ้มพยักหน้า และจังหวะที่ทั้งสองเดินจะแยกตรงเอกของพุชที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน


"อ้าวพุช สอยใครมาด้วยวะนั่น" ขิงหันไปตามเสียงแซวจากรุ่นพี่ของพุชที่นั่งตรงโต๊ะม้าหินกว่าสิบคน ขิงไม่ชอบรุ่นพี่ของพุชเพราะการพูดการจาที่ไม่รื่นหู


"แค่เพื่อนครับพี่" พุชยิ้มเจื่อน ๆ โดยปกติเอกของพุชก็มีรุ่นพี่ที่ดีมากมาย แต่ขิงดันโชคร้ายเจอะรุ่นพี่กลุ่มนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มที่นิสัยไม่ดีและชอบคอยหาเรื่องคนอื่น

"แค่เพื่อนเหรอ? อย่างนี้พวกกูก็เอาได้ดิใช่ใหม?" ทั้งขิงและพุชอึ้งไปตาม ๆ กัน เมื่อรุ่นพี่พูดจาไม่ให้เกียรติกัน  ถ้าขิงรู้ว่าการเลือกเข้าทางด้านหลังเอก ต้องเจอกับรุ่นพี่เอกนี้ ต่อไป ขิงจะไม่เดินผ่านอีกแล้ว


"ขิง แยกกันเลยก็ได้ เราขอโทษนะที่พวกรุ่นพี่เอกเราพูดจาไม่ดีกับขิง" ขิงมองพุชที่พูดจาสุภาพกว่ารุ่นพี่เป็นไหน ๆ น่าเสียดายที่พุชดันเจอรุ่นพี่แย่ ๆ ผิดกับขิงที่ส่วนใหญ่มีแต่รุ่นพี่น่ารักทั้งนั้น

"ไม่เป็นไรพุช เราโอเค"


   เมื่อพุชข้ามถนนระหว่างคณะเดินไปหารุ่นพี่กลุ่มนั้น ฟากขิงก้มหน้า ก้มตา รีบเดินเลี้ยวซ้าย ผ่านตรงห้องน้ำ แต่ขิงเหวอ เมื่อชนเข้ากับร่างสูงอย่างจัง


"อึ้ย! ขอโทษครับ" ขิงเงยหน้าก็พบกับพี่เติร์กที่จ้องมองมาอย่างไร้รอยยิ้ม ทั้ง ๆ ที่ขิงยิ้มให้แล้วแท้ ๆ

"คุณน่ะ รอผมก่อน"

    ขิงพยักหน้ารับและกำลังจะตอบกลับ ว่า 'ได้ครับ'


"ทำไมผมต้องรอด้วยครับ" ขิงไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่เติร์กไม่ได้คุยกับตัวเอง ทว่า เขาคุยกับคนอื่น และพอได้ยินเสียงบุคคลที่สามตอบ ขิงจึงหันหลังไปดูถึงรู้ว่าคนที่พี่เติร์กคุยด้วยนั้นเป็นมันช์


"ถ้าไม่อยากได้สมุดลายเซ็น ก็ไม่ต้องรอ!"


     คนกลางอย่างขิง มองหน้ามันช์สลับกับพี่เติร์กไปมา ก่อนจะหันหลังกลับเร่งฝีเท้าเดินไปหามันช์ แต่ยังไม่ทันอ้าปากทักทายเพื่อนสนิท


"ผมจะคุยกับคนที่ชื่อมันช์ คุณน่ะกลับไปก่อน"  ขิงชะงักกึก ที่พี่เติร์กเอ่ยปากไล่กันตรง ๆ ขิงเอี้ยวตัวไปมองคนที่ยืนมองมาด้วยสายตาเย็นชา


     จังหวะที่ขิงวกสายตากลับมามองหน้ามันช์ มันช์ถึงรู้ว่า อีกฝ่ายดูเป็นห่วง มันช์จึงยิ้มกว้างแทนคำตอบพร้อมบีบไหล่ขิงทำนองจะบอกว่าเขาไม่เป็นไร

     เมื่อขิงเดินคอตกเข้าเอกไป ทางพี่เติร์กก็ผลุบหายไปในห้องน้ำเช่นเดียวกัน


      มันช์ยืนรอพี่เติร์กอย่างไม่รู้เลยว่า พี่เติร์กจะคิดวางแผนอะไรมาทำให้เขาอับอายอีกหรือเปล่า?


      ทว่า มันช์รอไม่นาน ก็พบพี่เติร์กเดินออกมาล้างมือตรงอ่างล้างหน้า มันช์ยังคงจ้องมองทุกอากัปกิริยาของพี่เติร์กที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระจกเงา และในจังหวะที่แอบมอง มันช์เห็นพี่เติร์กใช้ปากงับยางรัดผม แล้วใช้สองมือรวบผมครึ่งบนเพื่อจะมัดกระจุกที่จับอยู่ มันช์ยืนมองตาไม่กระพริบ  ดูเหมือนว่าพี่เติร์กลุคนี้ดูผ่อนคลายกว่าตอนที่เอาแต่ว้ากใส่ มันช์ใจกระตุก เขาไม่เคยเห็นพี่เติร์กมัดผมมาก่อน ส่วนใหญ่ก็เห็นปล่อยผม ไม่ก็ทัดหูบ้างบางวัน แต่ตอนนี้ พี่ว้ากยืนมัดจุกยกสูงแบบลวก ๆ พอพี่เติร์กหันมาประสานสายตากัน มันช์มองว่าพี่เติร์กดูหล่อ เท่และมีสไตล์จนคนที่แอบรักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งหลงรัก หลงใหลไปกันใหญ่


"มองอะไร? คุณอยากโดนลงโทษอีกหรือไง ห้ะ!!"

 
"เปล่าครับ ผมแค่มองเพราะพี่หล่อ" มันช์ชะงัก ตะครุบปากตัวเองไว้ไม่ทัน ตอนที่เขาเผลอหลุดปากตอบออกไปแบบนั้น


      แหละทั้ง ๆ ที่เป็นคนชมอีกฝ่ายเองแท้ ๆ แต่มันช์กลับอายจนหน้าร้อนเห่อ ผิดกับพี่เติร์กที่ยืนหน้านิ่ง ไม่ได้ดูเขินอาย หรือไม่เขาก็อาจโดนคนชื่นชมจนชินแล้วก็เป็นได้


       มันช์เห็นพี่เติร์กเดินนำไปจึงก้าวเท้าขยับตาม มันช์รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยามที่ได้อยู่กับพี่เติร์กสองคน และมันช์ก็ไม่รู้สึกกลัวหรืออึดอัดเท่ากับตอนที่เห็นพี่เติร์กอยู่ในเอก


"คุณต้องขอลายเซ็นใครอีกหรือเปล่า?" พี่เติร์กโพล่งทำลายความเงียบ และแม้น้ำเสียงของพี่เติร์กจะดูอ่อนโยนกว่าตอนแรก แต่เขาก็ยังถามด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้ม


"ไม่แล้วครับ" มันช์ตอบพี่เติร์ก



"ผมเป็นคนสุดท้าย?" มันช์หันไปหาพี่เติร์กที่ถามแต่ไม่ได้มองหน้า


"ครับ"


"ถ้างั้นก็ทำตามที่เขียนด้วย!"


      หลังจากที่พี่เติร์กพูดจบ เขาเร่งฝีเท้าจนเดินทิ้งห่างมันช์ไปไกล จนตอนนี้ สภาพที่เห็น มันช์แทบไม่ต่างกับคนใช้ที่ต้องวิ่งตามเจ้านายอย่างไรอย่างนั้นเลย


       แม้ยังงง ๆ ว่าพี่เขาพูดถึงอะไร  แต่มันช์ก็ไม่อยากถามออกไปให้โดนด่าอีก มันช์จึงสาวเท้ายาว ๆ ตามไปเอาสมุดลายเซ็นที่ซุ้มพี่เติร์ก เอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินกลับมาหาบรรดาเพื่อน ๆ

"พี่เขาหาเรื่องมึงอีกหรือเปล่า?" ดาวถามเพราะขิงเดินมาบอกเรื่องที่มันช์โดนกักตัวตรงหน้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว


     มันช์ส่ายหน้า  ก่อนจะนึกถึงคำพูดของพี่เติร์ก จนหวนให้ตัวเองก้มมองสมุดลายเซ็นเพื่อหาสิ่งที่ตัวเองเขียน


"รุ่นพี่คนไหนเขียนให้ผมเป็นคนสุดท้าย ผมจะขออนุญาตเลี้ยงข้าวที่โรงอาหารครับ:-)


       มันช์นั่งเม้มปากเงียบ มองข้อความเดิมซ้ำ ๆ


'เป็นคนเห็นแก่กินด้วยหรอวะ'


       สิ้นการทวนข้อความนั้นในใจ มันช์ก็ชะงักงัน ไม่คิดว่าคนสุดท้ายจะเป็นพี่เติร์ก และเมื่อคิดได้ภายหลังว่าถ้าเลี้ยงข้าว มันช์ต้องไปกินข้าวกับพี่เติร์กสองคน ถ้าถึงเวลานั้นจริง ๆ มันช์จะทำอย่างไรที่ได้กินข้าวกับคนที่แอบชอบ


      มันช์สลัดความคิดนี้ทิ้งไปก่อนจะพลิกดูลายเซ็นไปทีละหน้าที่มีรุ่นพี่หลากชั้นปี เขียนไว้ แม้ตาจะมองสมุดแต่ก็เงี่ยหูฟังบทสนทนาของเพื่อน ๆ ไปด้วย


"กูเพิ่งเคยเห็นพี่เติร์กมัดผม โคตรเท่เลยว่ะ นี่ถ้าแกจะยิ้มสักหน่อย กูว่าสาวกรี้ดตาย" มันช์ได้ยินดาวบอก จึงหันไปมองพี่เติร์กที่นั่งในซุ้มประจำ และจังหวะที่มันช์มองเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เติร์กนั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะ เขากำลังผุดรอยยิ้มกว้างและหัวเราะอย่างสนุกสนานกับก๊วนเพื่อนของเขา


     มันช์ใจสั่นเมื่อได้แอบมองคนที่ชอบ เหตุการณ์ตอนนี้ แทบไม่ต่างจากสมัยก่อนเลย มันช์เหลียวมองคนที่ยังมีรอยยิ้มประดับหน้า เวลาที่พี่เติร์กยิ้มเขาดูมีเสน่ห์ และหล่อขึ้นเป็นกอง

     แม้ว่า รอยยิ้มนั้นจะอยู่ภายใต้ไรหนวดจาง ๆ แต่มันไม่ได้ช่วยให้ความดูดีลดลงเลย เพราะใบหน้าของพี่เติร์กนั้นดูใสกิ๊ง แม้พี่เติร์กไม่ใช่คนผิวขาวจัด แต่ก็ดูผิวพรรณสะอาด สะอ้าน น่ามอง ยิ่งโดยเฉพาะวันไหนที่พี่เติร์กใส่ชุดไปรเวทมาเรียน อย่างเสื้อยืด-กางเกงยีนส์ขาเดฟขาดเข่า มันช์ว่าพี่เขาโคตรดูดี มีสไตล์คนหนึ่งเลย


      'หลงชื่นชมพี่เติร์กไม่หยุดขนาดนี้ เมื่อไหร่กูจะทำใจจากเขาได้วะ'



     มันช์ลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดทิ้ง หันกลับมามองสมุดลายเซ็นของตัวเองที่ตอนนี้พลิกมาถึงหน้าที่มีลายเซ็นของพี่เติร์กพอดี


"มันช์เป็นอะไร หน้าแดงขนาดนั้น ร้อนเหรอ?" ขิงถาม


"ห้ะ! อื้ม ร้อนอะ ในซุ้มไม่มีลมผ่านเลย" มันช์รีบปิดสมุดลายเซ็น


"มึงป่วยหรือเปล่าวะ ทำไมกูรู้สึกว่าอากาศก็เย็นดีออก"


"เออว่ะน่าจะใช่ เดี๋ยวค่อยหายากิน ตอนนี้ ขึ้นเรียนเถอะ คาบนี้ อาจารย์ดุด้วย เลทสิบห้านาทีล็อกประตูเลยนะ" มันช์เปลี่ยนเรื่องอย่างไว


    ทุกคนเห็นด้วยเมื่อนึกขึ้นได้ รีบเก็บข้าวของเพื่อขึ้นเรียน


    ยามนี้ คนที่เอ่ยปากบอกเพื่อนให้รีบเข้าชั้นเรียน แต่กลับเดินช้ากว่าคนอื่น เพราะมัวแต่คิดถึงข้อความที่พี่เติร์กเขียนไว้ในสมุดลายเซ็น


'ดีใจที่ได้รู้จัก'

TERK


    คำสุดแสนจะธรรมดา แต่พอรู้ว่ามาจากคนที่มันช์แอบชอบ มันก็ทำให้มันช์ตัวลอยได้เหมือนกัน


'ไอ้แบงค์ กูเชื่อมึงแล้วว่ะ'

.
.
.

"ปีหนึ่งรวม" คนที่กำลังหัวเราะลงมาจากตึกร้อยปี หลังจากที่เพิ่งเรียนเสร็จต้องรีบวิ่งไปลานศิลปกรรมทันที 

    รุ่นพี่ปีสองเรียกรวมเพื่อต้องการคุยเรื่องสำคัญ โดยวันนี้ไม่ได้มีการลงโทษหรือให้ทำกิจกรรมอะไรนอกไปจากการคุยเรื่องกิจกรรมเฟรชชี่ เดย์ของทางมหาลัยที่จะจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ รุ่นพี่จึงขอความร่วมมือจากน้องใหม่ทุกคนช่วยกันโหวตหาเด็กปีหนึ่งที่สมควรเป็นดาว-เดือน และดาวโจ๊ก เพื่อเป็นตัวแทนของเอกศิลปกรรมประจำปีนี้


     เมื่อบอกความต้องการจนจบ ก็ถึงเวลาที่เด็กปีหนึ่งต้องเสนอชื่อเพื่อนร่วมชั้นปี

"น้องขิง น้องขิง น้องขิง" พี่อุ้ย ปีสองยกมือบอก จากนั้น รุ่นพี่ปีสองคนอื่น ๆ ก็ส่งสายตาหวานเยิ้ม จนขิงต้องหลุบตาลงต่ำอย่างเขินอาย


"มีใครจะโหวตเพื่อนคนอื่นอีกไหมคะ ถ้าไม่มีจะได้ให้น้องขิงเป็นเดือนเลย"

"โหวตมันช์ค่ะ" ดาวยกมือขึ้นบอก

"ไอ้ดาว แม่งพูดทำไมวะ" มันช์งึมงำคนเดียว เพราะเขาไม่สามารถด่าดาวได้ตอนนี้ เนื่องจากเขากับดาวนั่งกันคนละแถว


"โอเค มีใครเสนอชื่อเพื่อนคนอื่นอีกไหมคะ ถ้าไม่มี จะได้ให้ลงคะแนนแค่มันช์กับขิงนะคะ"

"ครับ/ค่ะ"


 "โอเคค่ะ ไหนใครเลือกน้องขิง"

    มันช์ยกมือขึ้นสูงพลางกวาดตามองคนที่ยกมือโหวตให้ขิง แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าขิงชนะแน่นอน จนกระทั่งรุ่นพี่นับคะแนนจนจบ มันช์เห็นพี่เขาจดใส่กระดาษเท่าฝ่ามือ ก่อนจะเอ่ยถามคนที่ต้องการโหวตให้มันช์


     ไม่ต้องรอให้รุ่นพี่นับ มันช์กะจากสายตาก็ยังรู้แล้วว่า ขิงชนะขาดลอย


"น้องขิงหกสิบสี่ น้องมั้นช์ สามสิบเก้าค่ะ"
 
   แต่แล้วเสียงฮือฮาดังขึ้น เมื่อมีรุ่นพี่ปีสี่คนหนึ่งยกมือ
   
"ไม่ใช่สามสิบเก้าแต่เป็นสี่สิบนะ"

     มันช์ชะงัก รู้สึกตัวเองหน้าร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อเห็นพี่เต็นยกมือขึ้นบอกแถมยังส่งสายตาฉายชัดว่ารู้สึกดีกับมันช์ จนเขาทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดว่า คนอย่างพี่เขาจะกล้าทำอะไรเปิดเผยได้ขนาดนี้ มันช์ยิ้มแห้ง ๆ และรู้สึกได้ทันทีว่าไม่กี่วินาทีจากนี้ โดนแซวแน่ ๆ แล้วมันก็จริงอย่างที่คิด

"น้องมันช์ แพ้คะแนนไม่เป็นไร เพราะชนะใจพี่เต็นไปเลย ฮิ้ววว" พี่อุ้ย ปีสองอย่างคงหาเรื่องแซวมันช์ จนมันช์ได้แต่เกาแก้มตัวเองแก้เขิน


"เขาคุยเรื่องทางการ มึงหัดรู้จักกาละเทศะซะบ้าง หยุดแซวได้แล้ว รำคาญ" มันช์หุบยิ้มแทบไม่ทัน ยามที่พี่เติร์กเดินผ่ากลางแถวพวกรุ่นพี่ปีสองเพื่อมาตะโกนด่าพี่อุ้ยเสียงดังลั่น จนพี่อุ้ยปีสองหน้าเสีย

     ทางฝั่งพี่ผู้หญิงปีสองที่นับคะแนนไปก่อนหน้า ต้องรีบแก้สถานการณ์


"โอเค ถ้างั้นเดือนเอกเป็นน้องขิง เหลือดาวเอกกับดาวโจ๊กนะคะ"


"ไอ้คนที่แพ้คะแนนน่ะ ก็ให้มันเป็นดาวโจ๊กไปเลย" มันช์มองพี่เติร์กที่เสนอบอก ทุกคนก็ดูเหมือนจะเห็นด้วย  จากนั้น จึงเหลือแค่เพียงดาวเอก โดยไม่นาน ทุกคนก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าดาวเอกนั้น คือ ดาว


     เมื่อได้ตัวแทนการประกวดดาว - เดือนนักศึกษาปีหนึ่ง รุ่นพี่จึงปล่อยตัวให้น้องใหม่แยกย้ายไปเข้าเรียนในคาบต่อไป


"ไอ้แบงค์" มันช์โบกมือทักทายเพื่อนสนิทสมัยมัธยม เพราะวิชานี้ เป็นวิชาเลือกที่ต้องเรียนรวมกับนักศึกษาต่างสาขา และมันช์ก็เพิ่งรู้ว่า เขาได้เรียนรวมกับแบงค์ มันช์จึงเดินนำพวกขิงเพื่อจะพาไปแนะนำให้รู้จักกัน

     แต่หลังจากที่แนะนำเพื่อนเสร็จเรียบร้อย มันช์ถึงกับส่ายหน้าน้อย ๆ ยามที่เห็นแบงค์มองขิงตาค้าง เขาตบกระโหลกเพื่อนเรียกสติ


"กระพริบตาบ้างก็ได้"

"สัดมันช์" แบงค์ชักสีหน้าใส่เพื่อน ก่อนจะลูบหัวไล่ลงมาลูบหลังคอตัวเอง

"สงสัยความหน้าตาดีของขิงจะเป็นปัญหาแล้วมั้ง ทำเพื่อนเราช็อคไปเลย"

"มันช์อะ" ขิงหลุดหัวเราะพลางตีแขนมันช์


"มึงนั่งไหนวะ" แบงค์ถาม ฟากมันช์ชี้ที่นั่งฝั่งขวาของห้องเรียน ส่วนตัวแบงค์นั่งกับเพื่อนใหม่ที่นั่งตรงกลางห้องฝั่งซ้าย


"งั้นกูไปนั่งกับพวกเพื่อนกูก่อนนะ"

"โอเค เฮ้ย ไอ้แบงค์"

"ว่าไง?" 


"เย็นนี้  กินเบียร์กัน"


"จัดไป"
.
.
.
.
.
"คิดถึงพวกไอ้นิวเลยว่ะ" แบงค์เปรยออกมายามที่ตอนนี้ ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในร้านเหล้าหลังมอ บรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยนักศึกษานั่งเต็มร้านก็พาลให้หวนคิดถึงเพื่อนสมัยมัธยมในกลุ่มที่ตอนนี้ได้เดินทางไปเรียนมหาฯลัยที่ต่างจังหวัดกันแทบทุกคน


"อืม ไม่รู้ว่าพวกมันจะกลับมากรุงเทพเมื่อไหร่"


"ไว้ว่าง ๆ เรานั่งรถไฟไปหามันกันไหม? ชิล ๆ"


"ก็ดีว่ะ เดี๋ยวไว้ถามพวกมันกันอีกที"


"เออตกลง"

       มันช์กระดกเบียร์ไปหลายอึก คนตรงข้ามก็ถามเรื่องที่ไม่ได้ปะติด ประต่อกับเรื่องก่อนหน้าเลยสักนิด


"ไอ้มันช์ เพื่อนใหม่มึง ที่ชื่อขิงน่ะ" แบงค์ถามเพราะเขาค่อนข้างสนใจเพื่อนใหม่ของมันช์มากทีเดียว เขาอยากรู้ประวัติของคนที่ชื่อขิงมากกว่านี้


"ถามทำไมวะ มึงชอบขิง?" มันช์ถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  เพราะตอนสมัยเรียนมอปลาย ไม่เคยเห็นแบงค์มีรสนิยมชอบผู้ชายเลยสักนิด


"ก็ชอบนะ ผู้ชายห่าอะไรน่ารักอย่างกับผู้หญิง"


"แต่ตอนมอปลายมึงไม่ได้ชอบผู้ชาย?"


"กูได้หมด"


     เมื่อได้ยินแบงค์บอกดังนั้น มันช์จึงพยักหน้าแล้วตอบ

"ขิงโสด จีบได้"


       มันช์ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มต่อ ยามนี้ เพลงในจังหวะสนุก ๆ ตอนแรก ถูกเปลี่ยนเป็นเพลงที่มีทำนองดนตรีช้า ๆ  เสมือนเปิดเพลงคั่นเวลาให้วงดนตรีสดจัดเสียงแอนด์ซาวน์ให้เรียบร้อย

"แต่กูว่าขิงชอบมึง" มันช์ละสายตาจากนักดนตรีโฟลค์ซองที่นั่งอยู่บนเวที หันมามองเพื่อนที่ตั้งคำถามจริงจังแต่แฝงด้วยรอยยิ้มมุมปาก

"ตอนแรกกูก็คิดแบบมึง แต่คิดไป คิดมากูว่าไม่ใช่ ขิงแค่เป็นคนเฟรนด์ลี่กับทุกคนเท่านั้นเอง"


"หรอวะ?"


"อืม อีกอย่าง ขิงมีคนชอบเยอะแยะจะตายไป เขาจะมาสนใจอะไรกับคนอย่างกู"


"มึงนี่อีกแล้ว ชอบไม่มั่นใจตัวเอง หน้าตามึงก็ดี หัดรู้ตัวซะบ้าง"


"เออนั่นแหละ"

"อะแล้วถ้าสมมติ ขิงชอบมึงจริง ๆ  มึงจะชอบขิงไหม?"

     มันช์นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบ

"ไม่"

"มีคนน่ารักอยู่ใกล้ ๆ แถมมาเกาะแกะมึงขนาดนั้น มึงไม่หวั่นไหวเลยเหรอ?"


"ไม่ว่ะ" มันช์ยังยืนยันคำเดิม ตอนที่แบงค์ถามมันก็ทำให้มันช์ได้ลองกลับมาคุยกับตัวเองจริง ๆ จัง ๆ จนได้คำตอบที่แน่ชัดว่า เขารู้สึกดีกับขิงในฐานะเพื่อนเท่านั้น แต่ในขณะที่คิด เสียงเครื่องมือสื่อสารของมันช์ก็แผดเสียงร้องดังจนต้องรีบรับสาย

"ครับ ขิง"

[มันช์อยู่ไหน? เสียงดังจัง]

"มากินเบียร์แถวห้อง"

[อ้อ พรุ่งนี้ ขิงไปนอนห้องมันช์ได้ไหม]

"ได้สิ"

[ขอบคุณนะ]

"อื้ม"

    แม้ว่ามันช์จะวางสายไปแล้ว แต่พอเหลือบเห็นสายตาล้อเลียนของเพื่อน ก็ส่ายหน้าระอา


"ตายยากว่ะ นินทาปุ๊ป โทรมาปั๊บ ขิงโทรมามีอะไรวะ?"

"มึงนี่จุ้นจ้านเนอะ"

"กูสนใจเรื่องเพื่อน ไม่ได้หรอ?"

"สนใจกับเสือก นี่คล้ายกันมากเลยนะ"

"สัดมันช์"


    เมื่อเพื่อนด่าทั้งยังปาน้ำแข็งก้อนเล็กใส่ มันช์ก็หัวเราะก่อนจะตอบตามจริง เพราะระหว่างแบงค์กับมันช์ ไม่เคยมีความลับต่อกันอยู่แล้ว


"ขิงจะมานอนห้องกูพรุ่งนี้"


"เหยยยยยด"

"สัดอย่าแซว"


"เออกูจะดูคนที่ปากว่าไม่หวั่นไหว ถ้านอนเตียงเดียวกันจะเป็นยังไงวะ"


"ก็ไม่รู้สึกอะไร" มันช์สวนกลับทันควันพลางยักไหล่อย่างไม่แคร์ และนั่นเองจึงทำให้แบงค์นึกขึ้นได้ว่า เพราะอะไรทำไมมันช์มันถึงไม่หวั่นไหวกับใครอื่นเลย

"อ้ออออออ กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงตอบได้มั่นใจขนาดนั้น เพราะมึงยังลืมพี่เติร์กไม่ได้"


    มันช์ชะงักกึก พอเป็นเรื่องพี่เติร์กมันช์ถึงกับไปไม่เป็น เขาไม่สามารถเถียงเพื่อนเรื่องนี้ได้จริง ๆ แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าแบงค์มันจะวกมาคุยเรื่องพี่เติร์ก


     มันช์นั่งเม้มปาก เงียบกริบ เพราะในตอนแรกที่เล่าเรื่องพี่เติร์กให้แบงค์ฟัง ตอนนั้น เขาดันปากดีไว้มาก แถมบอกเพื่อนอย่างมั่นใจว่าจะไม่มีวันสนใจพี่เติร์กอีกครั้งแน่ ๆ แต่พอได้พูดคุย ได้อยู่ใกล้  ได้เจอหน้าพี่เขาทุกวัน ความรู้สึกที่อยากจะเลิกชอบเขานั้น กลับสลายหายไปในพริบตา


"ไอ้สัดเงียบ เป็นไงล่ะมึง ปากดีนัก"


"........" อยากจะเถียงกลับ แต่ก็หาเหตุผลที่ดีไม่ได้เลยจริง ๆ มันช์เสตามองไปทางอื่น เพราะตอนนี้รู้สึกละอายใจที่ทำไม่ได้อย่างปากว่า

"เฮ้อ ไอ้มันช์รู้ตัวหรือเปล่าว่ามึงเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ? รู้ทั้งรู้ ว่า ตัวเองยังชอบพี่เขา แต่ก็ทำมาเป็นบอกว่ากูไม่เอา กูไม่แคร์พี่เขาแล้วเพื่ออะไรวะ"


"สัดแบงค์อย่าด่ากูดีวะ" มันช์ตอบอย่างเคือง ๆ เพราะรู้ว่าจิตใจเขาไม่เข้มแข็งพอ และมันดันอ่อนแอ อ่อนไหวกับแค่พี่เติร์กคนเดียวเท่านั้น


           พยายามจะทำใจ ตัดใจจากพี่เติร์กเป็นร้อยครั้ง พันครั้ง ก็ไม่เคยทำได้เลยสักที


"กูไม่ได้ด่า กูพูดความจริง ตอนนี้ มึงโสด ฉะนั้น ถ้ามึงยังทำใจจากพี่เติร์กไม่ได้ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ลองจีบพี่เขาอีกสักครั้ง แล้วถ้าหนนี้ จีบไม่ติดอีก กูนี่แหละจะเป็นคนทำให้มึงตัดใจจากพี่เติร์กให้ได้"


"เออ" มันช์ตอบ แต่ลึก ๆ มันช์ก็ยังกลัวว่า ถ้ารอบนี้ จีบไม่ติดจริง ๆ หัวใจของมันช์จะพัง ยับเยินขนาดไหน


"กูขอถามอีกครั้ง ตอนนี้มึงชอบพี่เติร์กอยู่ไหม?" แบงค์ถามจี้ ยามนี้เพื่อนรักของมันช์ถามด้วยน้ำเสียงไร้แววล้อเล่นหรือยียวนกวนประสาท แบงค์ถามมันช์เสมือนให้มันช์ถามใจตัวเองอีกที ว่า หากจะบอกคำตอบต่อจากนี้ ต้องเป็นคำตอบที่ตรงกับหัวใจ ไม่ใช่คำโกหก


         มันช์เงียบก่อนจะพยักหน้า


"เออ กูยังชอบพี่เติร์ก"

"ถ้างั้นก็ลุย ส่วนเรื่องของขิง ถ้ามึงไม่ชอบ กูจีบนะ"

"อืม ก็เรื่องของมึง"

"ช่วยแนะนำกูให้ขิงหน่อยแล้วกัน"


"เออ"

..............................................

1. จะเสกคาถามหานิยม ให้พี่เติร์กทั้งรักทั้งหลง น้องมันช์โอมเพี้ยง  555

2. คุณ Warin ขอบคุณนะคะที่ยังจำได้ อิอิ

 :mew3: :mew3: :hao6: :hao6: :hao6:
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
[/b]
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -4 ดีใจที่ได้รู้จัก- [11 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-02-2019 22:48:55
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -4 ดีใจที่ได้รู้จัก- [11 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-02-2019 22:49:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...แบบนี้ก็แสดงว่า  อิพี่เติร์กน่าจะจำน้องมันซ์ได้ใช่ป่ะ?

เพียงแต่ว่ามันซ์เคยจีบเติร์กเมื่อครั้งอดีตแล้วเหรอ?  แต่ทำไมยังทำเหมือนไม่รู้จักกันหล่ะ?
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -4 ดีใจที่ได้รู้จัก- [11 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-02-2019 23:23:24
แบงค์ขิงอ่อ??? ดูพุชจะไม่โอเค   :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -4 ดีใจที่ได้รู้จัก- [11 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 12-02-2019 12:55:11
จีบเลยๆๆๆ
เด๋วอิพี่เติร์กจะจีบเราก่อน ยอมไม่ได้
น้องมันช์ต้องลุยก่อน สู้ๆ
 :hao7:
ขิงไม่เป็นไร ไม่ต้องช้ำใจไปนะ โอ๋ๆ
เชียร์แบงก์ดีก่า
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -5 คงไม่เกลียดผมนะ- [13 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 13-02-2019 20:49:22

บทที่ 5 คงไม่เกลียดผมนะ









"ระวังสะดุดนะขิง" มันช์ที่เดินเกาะไหล่ขิงเอ่ย


    ยามเย็นวันนี้ น้องเฟรชชี่ทุกคณะ ได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องใหญ่ ภายในมหาวิทยาลัยซึ่งแต่ละสาขาก็จะรับผิดชอบการจัดกิจกรรมนี้ไปของใครของมัน เช่นเดียวกับสาขาศิลปกรรมที่น้องใหม่ทุกคนตอนนี้ค่อย ๆ เดินก้าวเท้าสั้น ๆ เข้าฐานด้วยการมีผ้าปิดตา เกาะไหล่ต่อ ๆ กันเป็นทางยาวเหมือนขบวนรถไฟ โดยมีรุ่นพี่ยืนบอกเส้นทางให้เป็นระยะ ๆ


    หนุ่ม-สาว เฟรชชี่นับร้อยเดินเท้าเปล่าท่ามกลางเสียงฮือฮาดังเซ็งแซ่ทั่วบริเวณ


"นั่งลง และมุดหัวค่ะ มุดหัว" ทุกคนทำตามที่รุ่นพี่บอก ย่อตัวลง คุกเข่าเตรียมคลานเข้าอุโมงค์ใบไม้ที่รุ่นพี่ทำไว้ให้ จากนั้น เด็กปีหนึ่งสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงกรี้ดของเพื่อนผู้หญิงคนด้านหน้า ๆ ก่อนที่เธอจะตะโกนมาว่า น้ำเย็นมาก ซึ่งจุดนี้ ทุกคนต้องผ่านสายน้ำเย็นยะเยือกมาพร้อมน้ำแข็งก้อนร่วงกราวลงมา เมื่อรับความเย็นจี๊ดถึงหัวกันครบทุกคน หัวแถวโผล่พ้นอุโมงค์ใบไม้ก็ลุกขึ้นยืนและยังคงเดินทางสู่ฐานต่อไป แม้น้องปีหนึ่งทุกคนจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะมองไม่เห็นเส้นทางว่าต้องเดินไปไหน แต่มีรุ่นพี่คอยบอกเส้นทางตลอดการเดินเท้าของน้องใหม่ ทว่า เดินไปได้ไม่ไกล ขบวนแถวก็ชะลอตัว


     ตอนนี้ น้องปีหนึ่งเริ่มรู้แล้วว่า ทำไมขบวนแถวถึงหยุดลง เพราะตลอดทางจากเสียงสองฝั่ง มีแต่พวกรุ่นพี่พูดระบายความในใจออกมา และไม่ใช่แค่การบอกความในใจ แต่ยังรวมไปถึงการปะแป้ง ทาหน้าทาตา ตามประสาของกิจกรรมอันสนุกสนาน ทุกการย่างก้าวของน้องนักศึกษาปีหนึ่ง มักจะได้ยินคำพูดในทำนองเดียวกันจากปากกรุ่นพี่ นั่นคือ ยินดีที่ได้มีน้องมาร่วมเรียนสาขาเดียวกัน  รุ่นพี่พร้อมช่วยเสมอ...


       มันช์ผ่านรุ่นพี่ปะแป้งมาหลายสิบมือ และในจังหวะที่มันช์หยุดเท้าตรงที่รุ่นพี่คนหนึ่ง เขาโดนปะแป้ง ก่อนจะโดนจับล็อคปลายคางแล้วใช้ปากกาหรือไม่ก็คงลิปสติกเขียนบนใบหน้า จนกระทั่งแล้วเสร็จ มือหนาก็ปล่อยคางมันช์ และเขาก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลเอ่ย


"รู้ตัวไหมว่า มึงน่ารัก" มันช์ใจกระตุก ร่างกายก็ร้อนวูบวาบ นั่นเป็นเพราะไม่ใช่แค่คำพูดเปล่า ๆ แต่พี่คนนั้น ยังวางมือลงบนกลางกลุ่มผมแล้วโยกเบา  ๆ มันช์พยายามพินิจพิจารณาเสียงนั้นให้ถี่ถ้วนว่าพอคุ้นหูบ้างหรือเปล่า แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก


     ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าใคร มันช์โดนดันหลังให้เดินต่อไป แล้วก็ยังได้ยินเสียงรุ่นพี่คนอื่น ๆ พูดมาจนถึงปลายทาง


      ตอนนี้ น้องเฟรชชี่กำลังถูกสั่งให้นั่งลง โดยไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของสาขา ทุกคนหันซ้าย หันขวา เพราะยังไม่มีรุ่นพี่มาเปิดตา แต่แล้วจู่ ๆ เสียงตะโกนก็ดังขึ้น


โค๊ดหนึ่ง โค๊ดสอง สาม สี่...
     
      เสียงบูมจากรุ่นพี่นับร้อยชีวิตร่วมใจกันตะเบ็งเสียงชื่อเอกศิลปกรรมจนดังกึกก้องกังวานและทรงพลังอำนาจอย่างน่าขนลุก

   
       เมื่อสิ้นเสียงบูมและเสียงปรบมือ น้องปีหนึ่งบางคนถึงกับร้องไห้ด้วยความขนลุกและตื้นตันใจ จากนั้น รุ่นพี่บอกให้ทุกคนเปิดตา เพียงแกะผ้าที่ปิดตาออกรุ่นน้องที่นั่งกันเต็มลานศิลปกรรมในเวลาโพล้เพล้กวาดตามองแสงเทียนประดับรอบบริเวณ


"พวกคุณ คือ ศิลปกรรมแล้ว"
 

     รุ่นพี่ผู้หญิงที่เห็นน้องปีหนึ่งร้องไห้รีบหากระดาษทิชชูไปให้พวกเธอซับน้ำตา และจากนั้น มันช์เห็นพี่เต็น ซึ่งเป็นตัวแทนของรุ่นพี่ปีสี่ได้ออกมาพูด


"พวกน้องคือศิลปกรรมเต็มตัวแล้วนะครับ จากนี้ก็จะเป็นการเข้าสู่การเรียนอย่างจริงจังแล้ว สาเหตุที่พวกพี่ได้จัดกิจกรรมนี้ ก็เพื่อต้องการให้รุ่นน้องทุกคนได้ละลายพฤติกรรม และฝึกให้เราอยู่ร่วมกันและเคารพกัน อะไรที่พวกพี่เคยทำไม่ดีลงไป ทั้งการพูดจารุนแรงจนบางคนถึงกับไม่ชอบหรือเกลียดชังพวกพี่ต้องขอโทษด้วยนะครับ พี่แค่อยากเพิ่มความกลมเกลียวและสนิทสนมมากขึ้น จากนี้ น้อง ๆ คนไหน สงสัยอะไร สามารถถามรุ่นพี่ได้ทุกชั้นปีเลยนะครับ"


     เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อพี่เต็นกล่าวจบได้อย่างมีสาระ ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีรุ่นพี่ที่เรียนจบจากสถาบันนี้ไปแล้วสองปี เดินออกมาแนะนำตัว ก่อนจะเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ร่วมงานกับเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ให้รุ่นน้องได้ฟัง


"พี่จบไปแล้ว แต่อยากมาบอกน้อง ๆ ด้วยความหวังดีนะ ระหว่างที่เรียนขอให้น้องแบ่งเวลาเรียน และเวลาฝึกพัฒนาตัวเองเพิ่มเติม น้องต้องยอมอดทนกับความยากลำบาก และในเวลาเดียวกันก็อย่าลืมที่จะเก็บความทรงจำดี ๆ ระหว่างเรียนเอาไว้ให้เยอะที่สุด เพราะพอเข้าสู่ชีวิตแห่งการทำงาน ไม่ได้สนุกอย่างที่น้องคิด มันจะเต็มไปด้วยความกดดัน การแข่งขัน การเอาใจลูกค้าเพื่อนำมาซึ่งรายได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราสามารถเอาความชอบบวกกับการหาเงินได้ มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว น้องหลายคนอาจสงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการรับน้อง พี่อยากให้รู้ว่า การจัดกิจกรรมรับน้อง ลึก ๆ แล้วก็เพื่อให้เราได้รู้จักกัน รักกัน เพราะยามที่เราเรียนจบไป สิ่งสำคัญที่เราทุกคนต้องมี นั่นคือ เรื่องของคอนเนคชั่น หากเรามีคอนเนคชั่นบวกกับมีฝีมือที่ดี เราจะไม่มีวันอับจนหนทางแน่นอนครับ เชื่อพี่"


      เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ยามที่รุ่นพี่คนนี้เอ่ยจบ น้องเฟรชชี่ที่ยังใหม่สำหรับการเข้าสู่รั้วมหาฯลัยก็ได้แต่เอออออย่างเชื่อฟัง เมื่อได้พูดเรื่องจริงจังไปจนหมด ก็มาถึงที่พี่อุ้ย ปีสองเปิดประเด็นความไร้สาระอีกเช่นเคย


"ที่ผ่านมาเราเครียดกันมามาก และก็รู้ว่า คงมีน้องปีหนึ่งแอบไปร้องไห้ แอบด่ารุ่นพี่บ้างก็เข้าใจ ไหน ๆ ก็ถึงช่วงเวลาของพวกน้องปีหนึ่งแล้ว ไหนลองบอกซิว่าอยากให้เอาคืนรุ่นพี่คนไหนบอกมาได้เลย" สิ้นเสียงพี่อุ้ย น้องปีหนึ่งหลายคนคงอยากยกมือเต็มแก่ ติดตรงที่ยังไม่กล้าพอ และแล้วก็มีสาวนั่งหน้าแถวยกมือขึ้นสุดแขน


"พี่เติร์กค่ะ"

       มันช์แอบตกใจที่เห็นดาวใจกล้า เลือกชื่อ พี่เติร์กมา

"เอาแล้วไง ไอ้พี่ว้าก รุ่นน้องเกลียดมึงกันหมดแล้ว"


      พอน้องปีหนึ่งเสนอชื่อตามที่พี่ปีสองบอก รุ่นพี่ที่ยืนอยู่หน้าแถวส่งเสียงโห่แซว ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อ เติร์ก ล้อเลียนเป็นเสียงเอคโค่



"ไหนใครเรียกพี่เติร์กครับ?" เติร์กถามพลาดกวาดตามองน้องปีหนึ่งทุกคนด้วยรอยยิ้มหวาน ทำให้เด็กปีหนึ่งผู้หญิงกรี้ดกร้าด เกรียวกราว ยามที่เห็นใบหน้าพี่ว้ากตอนนี้ เกลี้ยงเกลา ไร้หนวดเครา ยิ่งเผยให้เห็นความใสบนใบหน้าเด่นชัด แม้ว่าผมจะยังไว้ทรงเดิม แต่พี่เติร์กดูหน้าเด็กและมีเสน่ห์ขึ้นมาก มันช์ที่แอบจ้องมองอยู่ชะงักกึก เขาใจสั่นทันทียามที่เห็นพี่เติร์กหันมามองทางนี้
   

"ไอ้เชี่ย พอเป็นเสียงผู้หญิงเรียกชื่อมึงล่ะพูดจาซะเพราะเชียว ไหน น้องดาวลุกสิครับ" พี่ป๋อบอก

     
"อยากให้พี่เติร์กทำอะไร" พี่อุ้ยถาม


"บอกรักเพื่อนหนูค่ะ"
 

   เติร์กเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางมองหน้าน้องผู้หญิง


"บอกรักหนูง่ายกว่ามั้ง พี่ว่า" เติร์กยิ้มหวาน


"อร้ายยยยยยยยยย"


"พี่เติร์กร้ายกาจ"


"ไอ้เชี่ย ได้โอกาส"


"เรื่องเชี่ย ๆ ฉลาดนัก"


      เสียงกรี้ดพร้อมโห่แซวดังทั่งลานศิลปกรรม ตอนนี้ดาวหัวเราะแบบเขิน ๆ เมื่อโดนพี่เติร์กสวนกลับ พออายม้วนต้วนเป็นพิธี เมื่อตั้งสติได้ก็บอกพี่เติร์กอีกครั้ง

"แต่หนูอยากฟินอะค่ะ พี่ช่วยบอกรักมันช์หน่อยได้ไหมคะ?"


      สิ้นเสียงคำขอร้องของดาว รุ่นพี่ปีสูงต่าง ๆ ที่ยืนกอดอกกันหน้าแถว แซวกันยกใหญ่


"วู้ววววววววววว"


"ฮิ้วววววววว"


"เหยดดดด"


"เชดดดดดโด้ววววววว"


"ฮ่า ๆ ๆ  กรรมตามสนองแล้วเมิ้งงงงงง ไอ้เติร์ก"


    ฟากเติร์กชะงัก ไม่ต่างกับคนที่โดนเอ่ยชื่อขึ้นมา

    อยากจะด่าดาวเหลือเกินว่า ไม่คิดจะถงจะถามความสมัครใจกันสักคำเลยหรืออย่างไร


"อ้าวน้องมันช์ลุกขึ้นหน่อยคร้าบบบ" พี่อุ้ยทัก จนมันช์ต้องลุกขึ้น


    ตอนนี้ มีรุ่นพี่รายล้อมเป็นวงกลม ยืนมองคนที่ยืนอยู่หน้าแถวสามคน


"กูว่าบอกรักแบบที่น้องมันช์เคยโดนมันธรรมดาไปว่ะ" มันช์มองเพื่อนสนิทพี่เติร์กบอกอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะพูดอีกครั้ง

"เล่นละครดีกว่า ให้น้องดาวเดินมาบอกชอบพี่เติร์ก แล้วพี่เติร์กไม่รับรัก เพราะมีคนในใจแล้ว คือ น้องมันช์"


"อร้ายยยยยย"


"ว้าววววว"


"วี้ดวิ้ววว" เสียงผิวปาก เสียง โห่ร้องปะปนกันมั่วไปหมด


"ไม่เล่นเว้ย" เติร์กสั่นศรีษะพลางยกมือบอก


"สัดอย่าหยิ่ง เป็นละครปิดท้ายกิจกรรมรับรุ่น ไหนใครอยากดูบ้างครับ"


    พี่ป๋อเอ่ยยามที่เพื่อนเกิดนึกหัวแข็ง ทางแก้ทางเดียว คือ ต้องหาเสียงข้างมากเพื่อสร้างความกดดันให้มันยอมแพ้พ่ายไปเอง และแล้ว เติร์กก็ถอนหายใจยามที่น้องปีหนึ่งยกมือขึ้นกันหมด


    ตระเตรียมกันเรียบร้อย พี่อุ้ยเริ่มนับถอยหลัง

     สาม สอง หนึ่ง

     สิ้นเสียงนับ ดาวที่ยืนหันหลังให้มันช์และพี่เติร์ก หมุนตัวกลับมาส่งรอยยิ้มให้พี่เติร์ก ก่อนจะเดินไปใกล้และฉวยมือเติร์กไปจับจนเจ้าตัวยังตกใจ ไม่คิดว่าสาวน้อยนางนี้จะเล่นใหญ่ รัชดาลัย เธียร์เตอร์ขนาดนี้


"พี่เติร์กคะ ดาวชอบพี่เติร์กนะคะ เราพอจะมีโอกาสได้เป็นแฟนกันไหมคะ?"

       สองมือเติร์กที่ถูกหญิงสาวรวบไว้แล้วยกขึ้นมาระดับอก ช้อนตามองอย่างคนมีความหวัง ทันใดนั้น เติร์กผุดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ก่อนจะดึงมือดาวออกพลางลูบเรือนผมหญิงสาว จนคนที่นั่ง และยืนดูอยู่ต่างส่งเสียงครางอื้อออออกันออกมาเบา ๆ


"พี่ขอโทษนะครับดาว แต่พี่มีคนในใจแล้วล่ะ"


"คะ ใครคะ?" ดาวชะงัก ก่อนหลุบตาลงพร้อมบอกเสียงเศร้า


     ฟากมันช์มองเพื่อนก็ได้แต่กลั้นขำ ไม่รู้ว่าเพื่อนไปแอบเรียนการแสดงมาจากไหน
 

     'มึงนี่อยู่เอกศิลปกรรมหรือเอกการแสดงวะดาว เล่นละครเก่งใช้ได้'
 



ฟึ่บ!

      เพราะมัวแต่สนใจเพื่อน มันช์ถึงสะดุ้ง ตกใจ ตอนที่พี่เติร์ก เลื่อนมือลงมาสอดปลายนิ้วเพื่อประสานมือเข้าหากัน


"มันช์ครับ พี่รักมันช์"


     ทันใดนั้น มันช์หันไปสบตากับพี่เติร์กที่ส่งยิ้มอบอุ่น แล้วจ้องมองมาอย่างมีความหมาย มันช์ใจกระตุก ขนอ่อนลุกชูชัน หลบตาจ้าละหวั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนปรบมือให้


"ฮิ้ววววววว อร้ายยยยยย"


"คือดีงามมมมม"


"มีความอินค่า"


"โอ้ย นี่เล่นละครหรือความจริงวะ"


"ตีบทแตกกระจุย กระจายมากจ้า"


    มันช์รีบปล่อยมือจากพี่เติร์กก่อนที่จะโค้มศรีษะขอบคุณ เป็นการปิดท้ายที่เรียกเสียงฮือฮาได้ดี จากนั้นรุ่นพี่ก็เอ่ยเข้าสู่พิธีการผูกข้อไม้ ข้อมือ โดยตัวแทนของพี่ปีสองได้นำจี้รุ่น พร้อมสายสิญจน์มาแจกให้น้องปีหนึ่งแต่ละคน


"เอาล่ะคะที่พี่แจกไปน้องจะให้พี่คนไหนผูกข้อมือให้ก็ได้นะคะ แยกย้ายได้เลยค่ะ


    พอบอกอย่างนั้นรุ่นน้องปีหนึ่งลุกขึ้นต่างแยกย้าย ไปหารุ่นพี่ที่ตัวเองชื่นชอบตามซุ้มต่าง ๆ ที่เขาไปนั่งตามซุ้มประจำของใคร ซุ้มมัน


"ฮามึงวะ มันช์ แค่พี่เติร์กจับมือมึงทำไมต้องทำหน้าช็อคขนาดนั้น" ดาวแซว

"ก็ตกใจ มึงนั่นแหละดาว เล่นพิเรนทร์เอากูเข้าไปเอี่ยวด้วยเฉยเลย"


"เอ้า ก็กูฟินนี่หว่า มึงไม่รู้อะไร คราวก่อน ตอนที่มึงโดนแกล้งให้บอกรักพี่เติร์ก กูเห็นเขายิ้มด้วย ยิ้มแบบเหมือนโดนแฟนบอกรักเลยอะมึง แต่เหมือนเพิ่งนึกได้มั้งว่าหลุดยิ้มตอนเป็นพี่ว้าก แกเลยเก็กขรึมต่อ และวันนั้นนั้นแหละ กูถึงรู้ว่าพี่เติร์กไม่ใช่คนน่ากลัวอะไร แต่น่ารักมาก ๆ เลยต่างหาก"


   ทำไมการที่ดาวเอาเรื่องนี้มาบอกเขาถึงใจสั่น หวั่นไหวได้ขนาดนี้ มันช์สลัดความคิดทิ้งเป็นจังหวะเดียวกับที่ขิงเดินมาพอดี


"เราไปหาพี่ปีสี่กันเถอะ"


       ทั้งกลุ่มเดินไปหาพี่ปีสี่เพื่อขอให้ผูกข้อมือ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เสียงเรียกชื่อขิงก็ดังมาแต่ไกล จนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับขิงไปแล้ว

       ตอนนี้ มันช์ให้พี่ปีสี่สองคนผูกเสร็จแล้ว ก็มาถึงตาพี่เต็นบ้าง


"พี่ขอให้มันช์ตั้งใจเรียนนะครับ แต่ก็อย่าลืมเติมความสนุกให้ชีวิตละ เรียนเครียดมากไปก็ไม่ดีมันจะกดดันตัวเองเกินไป บริหารเวลานะครับ มันช์"


"ขอบคุณครับ พี่เต็น" มันช์ยิ้ม


"มีอะไรปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่องนะ"


"ทุกเรื่องจริงเหรอครับ?" มันช์หยอกกลับ ฟากพี่เต็นยิ้มมุมปากก่อนพูดมาโดยที่มันช์ก็ไม่คาดคิด


"ได้สิ แม้กระทั่งเรื่องหัวใจ"


        มันช์ชะงัก ก่อนยิ้มพยักหน้า


"ครับ พี่เต็น"


"มีเบอร์พี่หรือยัง?"


"อะแฮ่ม ๆ จีบเด็กกันใหญ่เลยวุ้ยยยย"


     มันช์เห็นพี่เต็นหันไปด่าเพื่อน ก่อนจะหันมารอคำตอบของมันช์ เมื่อมันช์ส่ายหน้า ทันใดนั้น พี่เต็นก็ขอโทรศัพท์มือถือของมันช์ไปบันทึกเบอร์


"มันช์ไปโต๊ะพี่ปีสองกันเขาเรียกพวกเรา" ขิงพูดขัด ก่อนที่มันช์จะยกมือไหว้พี่เต็นและขอตัว

"ผมไปก่อนนะครับพี่เต็น"

"ว่าง ๆ ก็โทรมานะ" เต็นยิ้ม

"ครับพี่เต็น"


     พอไปหาพี่ปีสองเสร็จ ขิงโดนรั้งตัวให้อยู่ต่อ มันช์จึงเดินแยกออกมาก่อนจะก้มลงมองสายสิญจน์ในมือที่เหลือแค่สองเส้น  มันช์ไม่รู้จะให้ใครผูกดี จังหวะนั้น มันช์สะดุ้งเมื่อโดนดาวล็อคแขนลากไปยังซุ้มของอดีตพี่ว้าก


"จะพากูไปไหน?"


"ไปหาพี่เติร์ก กูว่ากูชอบพี่เติร์กเข้าแล้วว่ะ แกนิสัยน่ารักดี" ดาวบอกแล้วมองหน้าเพื่อน


"ชอบแบบแฟนน่ะเหรอ?"


"ชอบแบบพี่ชายเว้ย"


   มันช์เงียบ ก่อนจะเดินตามแรงฉุดของเพื่อน

    ปีสามมองหน้าเด็กมาใหม่ ทั้งดาวและมันช์



"น้องดาวววววว" พี่โต๋แซวยามที่น้องดาวมาถึง หลังจากที่ดาวได้ร่วมแสดงละคร เธอก็ได้รับคะแนนนิยมมีคนชมชอบเธอเพิ่มมากขึ้น เพราะดาวเริ่มแสดงศักยภาพแห่งความกวนประสาทออกมาให้เห็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


"ขาาา พี่ผูกข้อมือให้ดาวหน่อยค่ะ" ดาวปรี่ไปหาพี่โต๋ ส่วนมันช์ เดินไปหาพี่ป๋อ ครู่หนึ่ง มันช์เห็นพี่เติร์กเหล่มองเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร


"กูขอให้มึง ได้ความรู้ ได้เพื่อน ได้ประสบการณ์จากที่นี่ไปเยอะ ๆ นะ"


"ขอบคุณครับ"


"อ้อ แล้วกูขอ......" ป๋อยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนชำเลืองมองพี่เติร์กที่มันช์ก็เอียงคอมอง


"ขอให้ได้แฟนจากที่นี่ไปด้วย"

    มันช์ยิ้มขำ

"อันนี้ ผมขอให้สมพรปากเลยพี่"


"ได้แน่นอนมึง ฮ่าๆ"


     มันช์ยกมือไหว้ที่พี่ป๋อผูกเสร็จ ชั่วอึดใจ เขาทำใจกล้ายื่นสายสิญจน์เส้นสุดท้ายให้พี่เติร์ก


"ผูกให้ผมหน่อยครับ"

     ฟากเติร์กที่นั่งหลังพิงเสาซุ้มอยู่ชะงัก ยามที่เห็นอีกฝ่ายยื่นสายสิญจน์ให้


"ขอข้างนี้ครับ" มันช์ยิ้มยื่นข้อมือขวา ฟากเติร์กไม่ได้พูดอะไร เขาผูกสายสิญจน์ข้างที่มีแต่นาฬิกาข้อมือที่มันใส่อยู่


    ไม่มีคำอวยพร ไม่มีคำแนะนำอะไรออกมาจากปากพี่เติร์กที่มันช์ก็เฝ้ารอให้อีกฝ่ายพูด จนกระทั่ง พี่เติร์กผูกเสร็จ เขาก็ยังไม่เอื้อนเอ่ย จนกระทั่ง มันช์ยกมือไหว้ขอบคุณ กำลังจะหันหลังกลับ แต่พี่เติร์กก็พูดขึ้น


"ขอโทษ"

    มันช์มองหน้าพี่เติร์กที่มีแค่แสงไฟสีส้มสลัวตกกระทบโครงหน้า เนื่องจากยามนี้ มันก็มืดมากแล้ว


"อะไรนะครับ?" มันช์เอียงคอถาม

"ขอโทษที่เล่นแรง เรื่องที่ผมให้คุณไปตะโกนบอกรักที่ตึกเขียว"


    พอพี่เติร์กบอกเหตุการณ์น่าอายในวันนั้น มันช์ก็ยิ้มมุมปาก


"ไม่เป็นไรครับ"


"แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผมเคยทำไม่ดีกับคุณ"


"ผมเข้าใจและลืมเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้วครับ พี่เติร์ก"  มันช์บอกและยืนมองคนตรงหน้า โดยลืมไปด้วยซ้ำว่ามีเพื่อนพี่เขานั่งอยู่

    และเป็นครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มชัด ๆ ของพี่เติร์ก


"อืม ผมก็หวังว่าคุณ..." มันช์เห็นพี่เติร์กเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนสบตากันอีกครั้ง


"คงไม่เกลียดผมนะ"



      มันช์ไม่สามารถจ้องตาพี่เติร์กกลับได้จริง ๆ เขาทำได้แค่หลุบตาลงมองลำคออีกฝ่ายด้วยความอายปนสงสัย ว่าคนอย่างพี่เติร์กนะเหรอ จะกลัวมันช์เกลียดด้วย


"ผมไม่มีทางเกลียดพี่หรอกครับ" มันช์ตอบกลับ ก่อนจะขอตัวกลับไปที่กลุ่มของตัวเอง


    เมื่อมันช์เดินกลับมา เจ้าตัวก้มมองสายสิญจน์ที่พี่เติร์กผูกอยู่บนข้อมือขวา เพราะมันเป็นข้างเดียวกับที่พี่เติร์กจับมือเขาก่อนหน้า
 
     จังหวะที่มันช์เดินมาถึงซุ้มของตัวเอง เขาทอดสายตาไปยังซุ้มปีสามอีกครั้ง


     มันช์นั่งยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะนึกถึงประโยคที่พี่เติร์กบอก


    'ผมจะเกลียดพี่ได้ยังไง ขนาดพี่เคยทำให้ผมเสียใจ ผมก็ยังตกหลุมรักพี่ได้อีกครั้งเลย'

    'พี่เติร์ก จักรวรรดิ'




   ..........................................




         **หวาน ๆ รับสัปดาห์แห่งความรัก (นี่คือหวานแล้ว? 555) สุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้าค่ะ :man1: :man1: :man1:

         **เรื่องนี้ เขียนแบบค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ของคนสองคน หากดูเนิบช้าไป คนเขียนขออภัยจากใจด้วยนะคะ สำหรับใครที่ติดตามกันอยู่ อยากให้ติดตามกันต่อไป เผลอ ๆ อาจเปลี่ยนใจไปหลงรักพี่เติร์กแทนมันช์ก็ได้ค่ะ

         **คุณ DrSlump ส่วนเรื่องอดีตอยากบอกมากแต่ก็กลัวจะไม่ลุ้นกันค่ะ ติดตามกันไปน้า  >__<

หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -5 คงไม่เกลียดผมนะ- [13 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-02-2019 21:15:11
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -5 คงไม่เกลียดผมนะ- [13 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-02-2019 22:59:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

'ผมจะเกลียดพี่ได้ยังไง ขนาดพี่เคยทำให้ผมเสียใจ ผมก็ยังตกหลุมรักพี่ได้อีกครั้งเลย'

    'พี่เติร์ก จักรวรรดิ'


โอยยยยยยย  เจอประโยคนี้เข้าไป   ต่อมเผือกต่อมอยากรู้ทำงานอย่างหนักหน่วงเลย
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -5 คงไม่เกลียดผมนะ- [13 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-02-2019 21:33:32
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -6 ชิดใกล้- [15 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 15-02-2019 21:59:10

บทที่ 6 ชิดใกล้







"ขอโทษนะขิง เรามีแต่ผ้าขนหนูผืนเล็ก  เราไม่มีผืนใหญ่สำรองไว้เลย" มันช์บอกขิง ยามที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันในห้องพักของมันช์ หลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องที่มหาฯลัย



"ไม่เป็นไร ขิงเอามาหมดแล้ว" ขิงบอก



    ตอนนี้ สภาพทั้งคู่ดูไม่ได้ ทั้งหน้าที่โดนปะแป้ง ขีดเขียนอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ไหนจะสภาพเนื้อตัวและเสื้อผ้าที่สกปรกเพราะคลุกดินโคลน



"ขิงไปอาบน้ำก่อนเถอะ"



    ขิงพยักหน้า ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงกระเป๋าเป้ หยิบผ้าขนหนูออกมา



     ช่วงที่ขิงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มันช์ก้าวยาว ๆ ไปทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะขนาดเล็ก กดปุ่มตรงซีพียู เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรอเครื่องประมวลผล เมื่อภาพพื้นหลังเดสก์ท็อปลายกราฟิกสีขาว-ดำปรากฏตรงหน้าจอ มันช์ต่ออินเทอร์เน็ตและเปิดโปรแกรม MSN เลื่อนดูชื่อใครบางคนที่แอดไปหาเมื่อหลายวันก่อน แม้ว่า มันช์จะทักไปตั้งแต่วันนั้น และเฝ้ารอให้พี่เติร์กทักกลับ แต่ไม่มีประโยคใด ๆ ตอบกลับมา  ทั้ง ๆ ที่มันช์แอบเห็นพี่เติร์กออนเอ็มอยู่บ่อย ๆ



ตือ..ดือ..ดึ๊ง



    เหล่มองหน้าต่างกระพริบ ๆ ที่เด้งขึ้นมาด้านล่างของหน้าจอ



'อย่าลืมเลยเรื่องแนะนำกูกับขิง'



    มันช์หลุดหัวเราะทันทีเพียงเขาออนไลน์ เจ้าเพื่อนตัวดีอย่างไอ้แบงค์ก็ทักแชทมาเร็วไว รีบตอบกลับไปไม่ให้มันรอนาน ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนข้อความส่วนตัว เมื่อนึกอะไรขึ้นได้



'รักเขา แต่เขาไม่เคยรู้'



     มันช์เติมอิโมติคอนรูปอมยิ้มสีเหลืองพร้อมหัวใจสีแดง 2 ดวง ไว้ตรงหัวและท้ายประโยค



     จังหวะที่เปลี่ยนสเตตัสเสร็จ ขิงเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี มันช์รีบปิดคอมฯ หันไปหาขิงที่เดินออกมาเพียงผ้าขนหนูพันช่วงล่างไว้หมิ่นเหม่ และพาดผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่บ่า มันช์ก็รู้นะว่าขิงก็เป็นผู้ชายเหมือน ๆ กัน แต่ผิวกายที่ขาวอมชมพูขนาดนั้น ก็ทำให้มันช์ประหม่า ไม่กล้ามอง เขาลุกพรวดไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำอย่างเร็วไว



    จนกระทั่ง มันช์อาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาก็เห็นว่าขิงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียง  มันช์เดินไปยังตู้เสื้อผ้าหาเสื้อกล้ามและกางเกงสวมใส่สบาย ๆ ก่อนจะปีนขึ้นเตียงไปนั่งฝั่งชิดกำแพง ขิงจึงกระเถิบตัวไปหามันช์ เมื่อผมตัวเองเริ่มหมาด ขิงคว้าผ้าผืนเล็กของมันช์แล้วถือวิสาสะไปเช็ดผมให้ 



      มันช์ชะงักเมื่อจู่ ๆ ผ้าขนหนูก็ถูกวางลงบนศีรษะ มันช์หันไปหาขิงที่นั่งคุกเข่าแล้วยิ้ม



"ผมไม่แห้งจะนอนแบบนี้เหรอ?"



"เราเช็ดเองได้"



"ให้ขิงเช็ดเถอะ"



     มันช์สบตามองคนที่เช็ดผมให้อย่างเบามือ ก่อนจะเสมองไปทางอื่น ขิงยังคงเช็ดผมอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ แล้วจู่ ๆ ขิงเกยเข่าวางบนหน้าขาของมันช์ โน้มตัวเข้าไปจนใบหน้าของขิงใกล้ริมฝีปากอีกฝ่าย



    มันช์ผงะ เบนหน้าหนีตอนที่ขิงทำเหมือนจะจูบกัน มันช์รวบมือขิงทั้งสองข้างไว้ ก่อนจะดึงผ้าขนหนูมาเช็ดเอง



"ขอบคุณนะขิง เราเช็ดเองดีกว่า" มันช์ทำทีเป็นแกล้งโง่กับสิ่งที่ขิงจะทำก่อนหน้า เขาเลือกตัดบทด้วยการดึงผ้าไปจากมือของขิงเพื่อเช็ดผมเอง  ทำให้อีกฝ่ายหน้าเสียก่อนจะขยับตัวออกห่าง



"ขอโทษนะ ถ้าขิงทำให้มันช์ไม่สบายใจ ขิงกลับบ้านก็ได้"



     พอขิงทำท่าจะลุก มันช์ฉวยข้อมือขิงไว้



"เปล่า คือเราแค่ไม่อยากให้ขิงต้องทำอะไรให้เราเกินความจำเป็นน่ะ"



      ขิงก้มหน้าอย่างคนน้อยใจ ฟาดมันช์เม้มปากแน่น เขาไม่อยากให้บรรยากาศอึดอัดไปมากกว่านี้



"ขิง ถามอะไรหน่อยสิ ขิงมีคนคุยหลายคนแบบนี้ รู้สึกพิเศษกับใครบ้างหรือยัง?"



       ขิงส่ายหน้าก่อนช้อนตามองมันช์ที่เอียงคอและใช้มือเดียวเช็ดผม



"ถ้าขิงบอกว่า ขิงรู้สึกพิเศษกับมันช์ล่ะ มันช์จะรู้สึกพิเศษกับขิงบ้างไหม?"



      มันช์ชะงักพลางนิ่งเงียบไปอึดใจ เขาไม่รู้ว่าขิงพูดเล่นหรือพูดจริง



"เฮ้ยขิง ไม่เอาน่า อย่าอำกันดิ เราเป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว" พอมันช์ตอบอย่างนั้น ขิงก็ได้แต่กลั้วหัวเราะ



"ขิงแค่หยอกเล่นน่า มันช์เชื่อด้วยเหรอ?" มันช์ลอบถอนหายใจ แล้วตอบว่า




"นั่นสินะ"



"ขิงยังไม่ได้คบใครครับ คนที่คุยก็ยังไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร"



"อย่างนี้ เพื่อนเราก็จีบได้ใช่ไหม?"  มันช์รีบบอกให้ขิงรู้ตามสัญญาของเพื่อน



"ใคร?"



"คนที่เคยเจอตอนเรียนร่วม" ขิงนั่งนึกก่อนจะพยักหน้ายิ้ม



"......"



"จะลองคุยไหม? ให้เบอร์มันได้หรือเปล่า?"



"มันช์คิดว่าไง" หลายต่อหลายครั้งที่มีคนอื่นมาแสดงความสนใจกับตัวขิง ขิงมักย้อนถามมันช์ตลอดจนมันช์สงสัย แต่ก็ไม่เคยได้ถามออกไป



"แล้วแต่ขิงสิ"



"ให้ก็ได้ครับ เพื่อนมันช์ชื่ออะไรนะ"



"แบงค์"



"ครับ"



"แต่เราขออย่างเดียว  ถ้าขิงไม่ชอบเพื่อนเราก็บอกมันตรง ๆ อย่าให้ความหวังมันนะ"



"ได้เลย" 



"นอนเถอะ"



"แต่ผมมันช์ยังไม่แห้ง"



"มันหมาด ๆ แล้วล่ะ เราอยากนอนแล้ว ง่วง"



      เนื่องจากวันนี้ ทั้งสองเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องจนเหนื่อย มันช์ทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าฝาผนัง มันช์เพิ่งรู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่ยอมจ่ายค่าห้องแพงขึ้นเพื่อให้ได้เตียงขนาดห้าฟุต แทนเตียงขนาดสามจุดห้าฟุต

 

      แม้ปากบอกง่วง แต่สุดท้ายก็ยังไม่หลับเพราะมัวคิดถึงพี่เติร์ก แล้วจู่ ๆ คนที่คิดถึงใครอีกคนก็สะดุ้ง เมื่อคนข้างกายดึงแขนไปล็อคกอดแน่น มันช์เอี้ยวตัวมามองขิง



"ขิงติดหมอนข้างน่ะ ขอกอดแขนมันช์ได้ไหม?"



      มันช์ก้มมองแขนของตัวเองที่ขิงเกาะหนึบแน่นอย่างกับปลิง มันช์พยักหน้าเพราะอย่างน้อยก็ดีกว่ากอดกาย แม้ว่าจะเริ่มอึดอัดใจที่ขิงทำตัวเกินเพื่อน



       การกระทำของขิงทำให้มันช์ลังเลว่าควรเชียร์แบงค์ดีหรือไม่ แต่ถ้ากันท่าไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็เท่ากับว่าแบงค์จะไม่มีโอกาสได้ลองพิสูจน์ตัวเองเลย มันช์ถอนหายใจยามที่ขิงนอนซบแขนเขาไม่ปล่อย

.

.

.

.



       หลังจากที่ขิงไปนอนห้องมันช์เมื่อคืน ทั้งสองก็ทำตัวตามปกติ จนกระทั่ง ได้เวลาเลิกเรียนวิชาออกแบบพื้นฐาน  เพื่อน ๆ แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนมันช์ที่ปกติจะเดินกลับบ้านกับขิงทุกวัน วันนี้ก็แปลกใจที่ขิงบอกว่าจะมีคนมารับ



"รอกลับกับใครอะ?" มันช์ถามยามที่เขาทำธุระส่วนตัวเสร็จ ขิงก็ยังยืนอยู่ที่เดิม



"พุชอะครับ เขาจะพาขิงไปดูหนัง" ขิงบอกมันช์



"ขิงตกลงคบเขาแล้วหรอ?"

 

"เปล่านะ มันช์"



"ขิง คงไม่ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับเราใช่ไหม เรื่องไอ้แบงค์?" มันช์สนิทกับแบงค์มานาน ถ้าเขาจะแนะนำใครให้เพื่อนสักคน คน ๆ นั้นก็ต้องเป็นคนที่ดี และไม่ทำให้เพื่อนรักของเขาเสียใจ



"ก็เพื่อนมันช์ยังไม่โทรมา ขิงก็ยังไม่รู้นี่ว่า เขาสนใจขิงจริงหรือเปล่า?"



     มันช์จะว่าขิงก็ว่าได้ไม่เต็มปาก ในเมื่อความจริงแล้ว ขิงก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกคุยกับใครก็ได้

 

"เราเองแหละที่ยังไม่ได้ให้เบอร์ขิงกับมัน  ถ้างั้น เราจะได้รีบบอกมันเลยว่าให้โทร แล้วคนชื่อพุชอยู่ไหนล่ะ"



"พุชกำลังเดินลงมาจากตึกครับ"



"ถ้างั้นเดี๋ยวเรายืนรอเป็นเพื่อน"  มันช์บอกยามที่อยู่ตรงข้ามเอกของพุช และเห็นรุ่นพี่ของเอกพุชนั่งกันเต็มพื้นที่และบางกลุ่มก็นั่งมองขิงกันตาวาว ถ้าขืนขิงยืนอยู่คนเดียวก็คงไม่วายโดนแทะโลมอีก

 

"มันช์เป็นคนดีจัง"

 

"ก็เราจำได้ที่ขิงบอกว่ารุ่นพี่คณะนี้ ปากหมา พูดจาไม่ให้เกียรติ"

 

"มันช์น่ารัก จำเรื่องที่ขิงบอกได้ด้วย"



"ก็ขิงเป็นเพื่อนเรา" มันช์ยิ้ม ก่อนบอก

 

"ขิง" เสียงตะโกนของพุชทำให้ขิงละสายตาจากมันช์หันไปมองพุช ก่อนเจ้าของชื่อจะโบกมือทักทาย แล้วหันมาหามันช์อีกครั้ง อีกทั้งยังรวบมือมันช์ไปจับและเอ่ย

 

"ขอบคุณที่ยืนรอเป็นเพื่อน ขิงไปก่อนนะ"

 

"อื้ม" มันช์ยิ้มให้พลันเหลือบมองอีกฝ่ายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองมาหน้าบูดบึ้ง

     

     หลังจากที่ ยืนมองขิงเดินไปกับผู้ชายคนนั้นอย่างปลอดภัย ก็ได้เวลากลับห้องของตัวเอง จังหวะที่เดินมาเรื่อย ๆ จนใกล้ผ่านตึกเอกดนตรีแล้วนั้น



ปรี้น ปรี้น...



    ได้ยินเสียงบีบแตร มันช์จึงหันหลังไปดู แต่แล้วเขาชะงัก ยามที่เห็นพี่เติร์กขี่รถมอเตอร์ไซค์ โดยไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค

 

"อ้าวพี่ วันนี้ไม่อยู่ดึกหรอครับ?" มันช์ยกมือไหว้พร้อมเอ่ยถาม โดยปกติ มันช์เห็นรุ่นพี่ปีสูงเกือบทุกคนอยู่จนดึกดื่น ส่วนมากมักกลับหลังหนึ่งทุ่มแทบทั้งนั้น

 

"นี่จะไปไหน?" พี่เติร์กไม่ยอมตอบคำถามของมันช์แต่เลือกที่จะย้อนถามจนมันช์เอียงคอมอง  ก่อนจะบอกเหตุผลของตัวเอง

 

"กลับห้องครับ"

 

"ขึ้นมา เดี๋ยวไปส่ง"

 

     มันช์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เวสป้าสีเขียวทหารฉาบสีด้านของตัวรถที่ดูเท่และคลาสสิค



"รถพี่สวยจัง เท่าไหร่อะครับ" มันช์ถาม แม้ไม่ใช่คนเล่นรถ แต่ในสายตาของคนธรรมดาอย่างเขายังมองว่าดูดี มีสไตล์เลย



"แสนต้น ๆ"



"เชี่ยยยยย!" มันช์สบถ

 

"ด่าผมทำไม?" เติร์กเหลียวมอง ก่อนหันกลับไปมองทางถนนข้างหน้า






"ผมไม่ได้ด่าพี่ครับ ผมแค่อุทาน" มันช์รีบบอกรัว



"แล้วไป"




     อุตส่าห์หาเรื่องชวนคุย แต่พอสบถแบบนั้น มันช์รู้เลยว่าความปากไวทำพิษ จึงคิดว่าการนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปเงียบ ๆ แหละดีแล้ว ดีหน่อยที่นั่งอยู่ข้างหลัง พี่เติร์กจะได้ไม่รู้ว่าเขากำลังมีสีหน้าแบบไหน เพราะในเวลานี้ มันช์นั่งอมยิ้มจนปวดแก้มไปหมด



     และแล้ว คนที่นั่งซ้อนหลังชะงักงัน ยามที่สายลมพัดผ่าน จนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ทั้งจากกายและเส้นผมของคนข้างหน้าที่ลอยมาเตะจมูก




'พี่เติร์กตัวหอมจัง'



   กลิ่นน้ำหอมที่มาจากตัวพี่เติร์กช่างให้ความผ่อนคลาย สดชื่น เหมือนเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ ๆ มันช์หลับตาพริ้มนั่งยิ้มดีใจไม่คิดไม่ฝันจะได้ชิดใกล้พี่เติร์กขนาดนี้  ถ้าเป็นไปได้  มันช์ก็อยากเอาหน้าซบหลังอีกฝ่ายแล้วสวมกอดจากด้านหลังพร้อมตะโกนบอกกว่าผมชอบพี่ดัง ๆ



    แต่ทั้งหมด ทั้งมวลมันก็เป็นได้แค่ฝัน เพราะเอาเข้าจริง ๆ มันช์ก็แอบกลัวผิดหวังเหมือนกัน



"ถึงแล้ว"

 

"ห้ะ ถึงแล้ว?" มันช์เบิกตาโต เมื่อเห็นว่า พี่เติร์กจอดตรงจุดทางเชื่อมที่สามารถทะลุซอยหอพักมันช์

 

"อืม มัวแต่นึกถึงใครอยู่?" พี่เติร์กหันมาถาม ฟาดมันช์รีบลงรถ



'ก็นึกถึงพี่นั่นแหละ' มันช์พูดในใจ ไม่คิดว่าการมัวแต่พินิจพิจารณาตัวตนของอีกฝ่าย จะทำให้เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้

 

"ขอบคุณครับพี่"

 

"อืม"



"อ้าวพี่เติร์กจะไปไหนครับ?" จากคนที่เอ่ยคำร่ำลาพร้อมขอบคุณในน้ำใจ ต้องถามออกไปอีกครั้งด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพี่เติร์กหันหัวรถไปทางเดิมที่เพิ่งขับผ่านมา



"กลับเอก"



        มันช์ยืนฉงนงงงวย ในตอนแรก เขานึกว่าพี่เติร์กจะกลับบ้านแล้วเห็นเป็นทางผ่านจึงให้มันช์ติดรถมาด้วย



"อ้าว พี่ไม่ได้จะกลับบ้านหรอกเหรอครับ?"



      มันช์เห็นพี่เติร์กมองหน้ามันช์นิ่ง ๆ ก่อนตอบ



"เปล่า ตั้งใจมาส่ง"




     จากนั้น พี่เติร์กก็ออกรถไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมามองอีกเลย

.

.

.

.

มึงกูทนไม่ไหวแล้วว่ะ" เพียงแค่มันช์เห็นหน้าแบงค์ที่เดินเข้ามานั่งในห้องพร้อมถือกระป๋องเบียร์เข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะระบายความรู้สึก



"อะไรวะ?"



"ก็เรื่องพี่เติร์ก"



"ทำไม"



"กูทรมานจะตายอยู่แล้ว เวลาที่กูต้องทำเป็นเหมือนไม่ชอบ ไม่สนใจเวลาที่อยู่ใกล้พี่เขา" มันช์บอกกับเพื่อนอย่างไม่เหลือฟอร์ม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องแสดงออกทุกอย่างอย่างตรงกันข้ามกับความรู้สึกจริงๆ ข้างใน



"พี่เติร์กไม่เอะใจอะไรเกี่ยวกับชื่อมึงหรือตัวมึงเลยเหรอวะ?"




   มันช์ส่ายหน้า ก่อนจะดึงสลักด้านบนกระป๋องเบียร์ เพื่อดื่ม



"ไม่เลยว่ะ"



"แล้วมึงรู้เรื่องส่วนตัวพี่เติร์กบ้างหรือเปล่าว่าตอนนี้ พี่เขามีแฟนรึยัง?"



"กูไม่รู้" มันช์บอกแบงค์ที่ดูออกว่า มันก็พยายามช่วยเพื่อน ทั้ง การให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาปัญหาหัวใจอย่างเต็มที่



"ถ้างั้นก่อนจะคิดมากไปกันใหญ่ ลองสืบก่อนว่าพี่เขามีแฟนรึยัง? บางที นี่แหละคือคำตอบ"



"คำตอบ? ยังไง?" มันช์เอียงคอมองเพื่อน



"ก็ถ้ามีแฟน มึงก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวพี่เขา แต่ถ้าพี่เติร์กโสด โอกาสมึงมาถึงแล้ว ก็อย่าลังเลที่จะลุย"



"อืม" มันช์พยักหน้าเนือย ๆ ก่อนจะกระดกเบียร์ขึ้นดื่ม แต่แล้วเขาแทบสำลักเบียร์ยามที่แบงค์ถามคำถามถัดมา



"แล้วเรื่องกูกับขิง?"



       พอวกมาเรื่องของขิง มันช์ลำบากใจเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ที่ขิงทำท่าจะจูบเขาตอนเช็ดผมให้ ไหนจะตอนกอดแขน นี่ยังไม่นับรวมตอนที่ขิงวางมือตรงเป้ากางเกงของมันช์เกือบทั้งคืน จนมันช์นอนไม่หลับ พอดึงมือออกก็ได้ยินเสียงครางงอแงอย่างกับคนขี้เซา แล้วก็วางมือไว้ที่เดิม มันช์จึงพยายามมองในแง่ดีว่า คนหลับมันจะไปรู้เรื่องอะไร มือไม้เลยปัดป่ายไปเรื่อย



"ได้เบอร์มาแล้ว มึงก็ไปสานต่อเองเลย" มันช์บอกแค่เรื่องที่ควรบอก ส่วนเรื่องการกระทำแปลก ๆ ของขิงกับเขา มันช์ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวก่อน



"ขอบใจ" แบงค์ตบไหล่มันช์



"แต่มึงอย่าเพิ่งถลำลึกนะไอ้แบงค์" มันช์บอกอย่างกลัวเพื่อนจะเสียใจ จึงต้องเตือนมันกราย ๆ เผื่อมันจะเอะใจกับประโยคที่มันช์บอกบ้าง



"ทำไมวะ?"



"ก็ขิงมีคนจีบเยอะ ถ้าพูดกันตรง ๆ มึงมีคู่แข่งมาก"



"ไม่ลองก็ไม่รู้"



"อืม แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูเข้าข้างมึงมากกว่าขิง มึงมั่นใจได้ว่า กูก็จะไม่มีวันทำให้มึงเจ็บ" มันช์บอกจากความรู้สึก เพราะความจริง มันช์กับแบงค์ก็เป็นเพื่อนสนิทมาก็หลายปี และรู้ใจกันเกือบทุกเรื่อง



"ขอบใจมึงมากว่ะ มันช์ กูจะลองคุยดู ถ้าไม่เวิร์คก็ถอย"



"อืม คิดได้อย่างนั้น ก็ดี"



"เออ กูขอลองโทรหาขิงก่อน" มันช์เห็นแบงค์ยิ้มกว้างก่อนจะยื่นกระป๋องเบียร์มาชนก็ฝืนยิ้มไป จนกระทั่ง อีกฝ่ายผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียง มันช์ลอบถอนหายใจยาว ก่อนจะรู้สึกถึงใจเต้นแรงยามที่สมองดันไปนึกถึงประโยคทิ้งท้ายตอนที่พี่เติร์กขี่รถมอเตอร์ไซค์มาส่งเมื่อช่วงเย็น



      'พี่เติร์ก แม่งไม่น่าพูดแบบนั้นเลย คำพูดของพี่ ทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองแล้วว่าพี่มีใจให้ผม'





............................................

:mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:



หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -6 ชิดใกล้- [15 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-02-2019 22:53:17
ขิงนี่ยังไง??  :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -6 ชิดใกล้- [15 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-02-2019 01:42:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย...อยากรู้เรื่องในอดีตของมันซ์กับพี่เติร์ก

ป.ล. ดูทรงแล้ว   พี่เติร์กน่าจะจำมันซ์ได้แหละ  แต่...ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเยี่ยงนี้
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -6 ชิดใกล้- [15 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-02-2019 05:23:38
เข้มข้ยขึ้นมาก  รักสามเส้าไหม. ขิง มัน  พี่เติร์ก
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -7 โคตรกั๊ก- [17 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 17-02-2019 21:55:44
บทที่ 7 โคตรกั๊ก









"ดาว วันนี้มึงสวยนะ ขิงก็ดูดี"

   

       และแล้ววันเฟรชชี เดย์ก็มาถึง



       ตอนนี้ มันช์ชมดาวที่วันนี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ เธอถักเปียสองข้างเลียนแบบพจมานถือชะลอมมาเป็นพร็อพ ส่วนขิงแต่งตัวดูดีดุจคุณชายจุฑาเทพ เซ็ตผมเรียบแป้ สวมเสื้อสีขาว ใส่สายเอี้ยมคาดเอว กางเกงสีเทาพอดีตัว ดูเหมือนหลุดมาจากสมัยยุคพีเรียด

 

"มึงก็หล่อ มันช์" ดาวบอก แต่มันช์กลอกตายามที่เพื่อนประชด ประชัน เพราะสภาพดาวโจ๊กอย่างมันช์ ต้องมาแต่งตัวดั่งคนใช้ ชุดที่ใส่ ก็สมนาคุณจากรุ่นพี่ที่เตรียมมาให้ ทั้ง เสื้อเชิ้ตสีเหลืองที่ซีดราวกับผ้าขี้ริ้ว กางเกงยีนส์ขาสั้น เหนือเข่าที่ขาดรุ่งริ่ง ไหนจะรองเท้าช้างดาวน์ หนำซ้ำยังพ่วงมาด้วยอุปกรณ์เสริมอย่างกระป๋องนมข้นหลายกระป๋องห้อยท้ายคล้ายช้างที่มีแผ่นซีดีติดอยู่ที่ก้นอย่างไรอย่างนั้น

 

"มึงอยู่เฉย ๆ เถอะ ไอ้ดาว" ดาวบิดตัวไปมาอย่างยียวน จนมันช์สั่นหน้าเบา ๆ ครู่หนึ่ง มันช์หันไปเจอะขิงที่ยืนนิ่ง สีหน้าดูประหม่า มันช์เดินไปแตะไหล่

 

"ตื่นเต้นหรอขิง" มันช์ถามเพราะตอนนี้ พวกเขาอยู่ด้านหลังเวทีกับพวกดาว -เดือน และดาวโจ๊กสาขาอื่น ๆ ที่ยืนซ้อมบทและเตรียมการซ้อมเหมือนกลัวหลงลืม

 

"อื้ม มันช์เป็นกำลังใจให้ขิงด้วยนะ" ขิงเอื้อมไปจับมือมันช์ ก่อนผุดรอยยิ้ม

 

"ได้สิ"

 

"เตรียมตัวเถอะ ตอนนี้นิเทศน์ไปแล้ว ต่อไปก็เราแล้วนะ" ดาวเดินมาบอก เพื่อนทั้งสองที่ยืนให้กำลังใจกัน

 

"อื้ม"

 

     เมื่อคิวของเอกศิลปกรรม ใกล้เข้ามา ดาว มันช์ ขิงก็ยิ่งตื่นเต้นกันใหญ่ที่ต้องออกไปโชว์การแสดงหน้าเวที เพราะไม่รู้ว่าจะได้รับเสียงเชียร์หรือเสียงโห่ไล่กันแน่

 

     ไม่นาน ก็ถึงรอบการแสดงของเอกศิลปกรรม โดยรุ่นพี่กำชับไว้ตั้งแต่ตอนซักซ้อมแล้วว่า ไม่หวังรางวัล เพราะจุดเด่นของศิลปกรรมเน้นสร้างสรรค์ความฮาเท่านั้นก็พอ

 

     เมื่อเพลงจังหวะโจ๊ะ ๆ สไตล์ลูกทุ่งดังขึ้น



~มาทำไมให้อายบ้านนา นวลน้อง~



         ดาว มันช์ และขิง ยืนท้าวสะเอว บิดสะโพกไปทางเดียวกัน ก่อนที่ทุกคนจะพร้อมใจเต้นท่ารั่ว ฮา หน้านิ่งอย่างไม่หลงเหลือความอาย

 

~ไปหาข้างหน้าดีกว่าคนสวย~

 

       ทั้งห้องประชุมส่งเสียงกรี้ด ผิวปาก รวมไปถึงเสียงหัวเราะลั่นโถงประชุมที่ไม่มีใครคาดคิดว่า เดือนและดาวของศิลปกรรมจะร่วมเน้นสร้างเสียงฮากับเขาด้วย เพราะโดยปกติ ดาวและเดือนที่ขึ้นมาโชว์การแสดงจะเน้นร้องเพลงและเล่นกีต้าร์มากกว่าจะร่วมวงกับดาวโจ๊ก



        มันช์ ดาว และขิง ยิ่งฮึกเหิม ยามที่เห็นรุ่นพี่ปีสูงเอกศิลปกรรมทุกชั้นปีที่ยอมโดดเรียนมาส่งเสียงเชียร์พร้อมให้กำลังใจกับรุ่นน้องกันเต็มหน้าเวที

 

        กระทั่ง เต้นจนจบเพลง ทั้งสามมายืนรวมตัวกัน เพื่อรับดอกกุหลาบจากหลากหลายสาขาวิชาที่ชื่นชอบการแสดงของพวกเขา

 

"วี้ดวิ้ววววว ฮิ้วววว"



"ขอเสียงปรบมือให้กับการแสดงของน้องเฟรชชี่สาขาศิลปกรรมด้วยครับ แหม่...นับว่าเป็นอีกหนึ่งสาขาที่คงเส้นคงวากับคอนเซ็ปความฮาไม่เคยเปลี่ยนแปลงจริง ๆ สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกปีเลยนะครับเนี่ย"

 

       หลังจากนั้น พิธีกรยังคงพูดต่อตามบทสคริปต์อีกนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยให้เอกศิลปกรรมเดินลงจากเวที แล้วเชิญนิติศาสตร์ขึ้นมาแสดงเป็นลำดับถัดไป



        พวกมันช์ ดาว ขิง นั่งหลังเวทีด้วยความหอบเหนื่อย แต่ทั้งสามก็เริ่มอาย ๆ เมื่อเด็กรุ่นเดียวกัน ทั้งมอง ทั้งยิ้ม บ้างก็เดินมาชื่นชมกันใหญ่

 

"ชอบนายเต้นว่ะ ชื่ออะไร? เราชื่อโฟล์ค อยู่เอกดนตรี" และแล้ว มันช์ก็ตกใจ ที่มีคนปรี่เข้ามาทักทายมันช์เสียงดัง



"เอ่อ เราชื่อมันช์" มันช์ปั้นหน้าไม่ถูกได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ

 

"เจ๋งว่ะ เต้นไม่ห่วงหล่อ ห่วงสวยกันเลย อะ ดื่มน้ำก่อน"

 

     มันช์ชะงัก ตอนที่อีกฝ่ายยื่นขวดน้ำดื่มมาให้เขาเพียงคนเดียว  มันช์เหลือบมองดาวที่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้ ก่อนที่ดาวจะลากขิงหนีออกไป เหมือนอยากให้มันช์ได้ความเป็นส่วนตัว

 

"ขอบใจ"

 

"ไม่เป็นไร เออ เราขอเบอร์หน่อยดิ อยากรู้จักอะ?"

 

"กูไม่ให้ มีอะไรไหม?" มันช์มั่นใจว่าเขายังไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่เสียงที่เอ่ยประโยคนั้นเป็นของพี่เติร์ก ยามที่มันช์หันไปเห็นคนที่เดินดุ่ม ๆ ตรงมาทางนี้

 

"พี่เติร์ก หวัดดี"

 

        มันช์ตกใจคูณสองที่ไม่ยักกะรู้ว่า เดือนเอกดนตรีจะรู้จักพี่เติร์กด้วย

 

"มึงมายุ่งอะไรกับเด็กกู"

 

กึก

 

        กายร้อนวูบวาบ หัวใจก็เกิดอาการสั่นหวั่นไหว ไม่คิดว่าประโยคแสนธรรมดาจะมีอิทธิพลต่อหัวใจโดยตรงได้ถึงเพียงนี้  มันช์หลบตาพี่เติร์กแต่มองหน้าโฟล์คที่มองมาอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปหาพี่เติร์กด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม

 

"เด็กพี่? เขาเป็นแฟนพี่หรอวะ?" ดูจากท่าทางแล้ว โฟล์คคงไม่ได้แค่รู้จักพี่เติร์กผิวเผิน แต่น่าจะรู้จักมาสักระยะแล้ว ถึงพูดจาสนิทสนมกันขนาดนั้น

 

"เปล่า กูหมายถึงมึงน่ะมายุ่งอะไรกับเด็กในเอกกู"

 

       ความรู้สึกใจเต้นแรงในตอนแรกสลายหายวับในฉับพลัน ยามที่พี่เติร์กขยายความกับประโยคต่อมา มันช์อุตส่าห์คิดว่าพี่เติร์กคงมีใจให้ แต่สุดท้าย มันช์ก็แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ



"เป็นเจ้าของเอกเหรอ กูจะยุ่งกับใครไม่ได้เลยหรือไงวะพี่เติร์ก?"



"เออ ที่มึงเข้าใจน่ะถูกแล้ว ฉะนั้นอย่ายุ่งกับคนในเอกกู"



"โคตรกั๊ก! เบื่อ ไปล่ะ ไว้ค่อยไปป่วนที่เอก"

 

"มึงเรียนศิลปกรรมรึไง ทำไมต้องมา"

 

"ไม่ได้เรียน แต่พี่กูเรียนเว้ย"

 

        ประโยคส่งท้าย คือการเฉลยให้ความสงสัยได้คลาย พอโฟล์คเดินหายไปจากลานสายตา มันช์ถามพี่เติร์ก

 

"โฟล์คเป็นน้องของพี่คนไหนหรอครับ?" มันช์ถามพี่เติร์ก

 

"ไอ้ป๋อ"

 

"อ๋อ" อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ทำไมโฟล์คถึงสามารถคุยเล่นกับพี่เติร์กได้อย่างไม่เกรงกลัว

 

"สนิทกัน เพราะเจอมันตั้งแต่มันยังไม่เข้ามาเรียนที่นี่" พอพี่เติร์กบอกอย่างนั้น มันช์ถึงพยักหน้าเอออออย่างเข้าใจ

 

"แล้วพี่มาทำไมหรอครับ?" เมื่อเรื่องที่คาใจได้คำตอบ มันช์จึงถามคนที่อยู่ดี ๆ ก็เดินมาหลังเวที

 

"ไม่มีอะไร แค่มาดูความเรียบร้อย ไปละ"

 

     มาไม่ถึงห้านาที พี่เติร์กจะกลับแล้ว?



"ห๊ะ!" มันช์ยืนงงที่พี่เติร์กตอบแบบนั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม  มันช์เกาศรีษะแกรก  ๆ ก้าวยาว ๆ ไปหาขิงและดาวที่ยืนอยู่อีกที่

 

"เป็นอะไร?" มันช์ถามทันทีที่เห็นดาวหน้าบึ้งเป็นตูด

 

"งอนพี่เติร์ก อะไรวะ เดินผ่านหน้าพวกกูไปเฉยเลย แล้วทักมึงคนเดียว?" ดาวบอกด้วยอาการหงุดหงิด มันช์รู้ว่าเธอไม่ได้งอนจริงจังหรอก แต่ลึก ๆ ก็คงแอบน้อยใจที่คนที่เธออุตส่าห์ยกให้เป็นพี่ชาย ไม่ทักทายกันสักคำ



"มึงชอบพี่เติร์กหรอดาว ดูมึงสังเกตเขา" มันช์ถามดาวที่ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้สังเกตการณ์ เฝ้าจับตามองพี่เติร์กอยู่ตลอด

 

"กูไม่ได้ชอบพี่เติร์ก แต่กูชอบดูเวลาที่พี่เติร์กอยู่กับมึง"

 

กึก



      มันช์รู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดดาว มันไม่ใช่รู้สึกไม่ดี แต่มันรู้สึกดีมาก ๆ ต่างหาก

 

"กูว่าพี่เติร์กสนใจมึงนะ"


 

    ราวกับเท้าไม่ติดพื้น มันช์รู้สึกตัวลอย วูบหวิวที่ดาวบอกมาอย่างนั้น

 

"ไม่ม้างงงง" มันช์รีบปฏิเสธอย่างถ่อมตัว และข่มอาการดีใจไว้ข้างใน เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นแค่การคาดเดาจากคนอื่น ไม่ได้ออกมาจากปากพี่เติร์กเองสักหน่อย ดังนั้น มันช์ก็ไม่อยากดีใจเก้อ




"ก็ไม่รู้ว่ะ เอ้ ว่าแต่พี่เติร์กถือดอกกุหลาบมาทำไม กูไม่เห็นแกจะให้ใครเลยสักคน?"



"จริงเหรอ?" มันช์ไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่เติร์กถือดอกกุหลาบติดมือมาด้วย อาจเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นในความสัมพันธ์ระหว่างพี่โฟล์คกับพี่เติร์ก ดึงความสนใจมันช์ได้มากกว่า



"อืมสิ เอ้!! หรือพี่เติร์กถือดอกกุหลาบมาให้มึงน้า แต่คงเขิน เลยไม่กล้าให้"



"มึงนี่ เพ้อนะดาว ไร้สาระ" มันช์บอกดาวยามที่หญิงสาวยิ้มกว้างพลางเอาไหล่มาถูแขน มันช์ส่ายหน้าระอาเพื่อน ก่อนจะเบนความสนใจไปหาขิง แต่เพียงแค่มันช์หันไปก็ชะงัก ยามที่เห็นขิงทำหน้าไม่พอใจ พอมันช์จะเอ่ยปากถามว่าเป็นอะไร ขิงก็เดินหนีไปทางอื่น

.

.

.

.

"วันนี้ เอกมึงอย่างฮาอะ"



"หรอวะ กูน่ะ อายฉิบหาย" มันช์บอกแบงค์



     ตอนนี้ ทั้งสองมานั่งดื่มกันที่ร้านเดิม หลังจากวันนี้ ที่ทางมหา ฯ ลัยได้จัดกิจกรรมเฟรชชีเดย์และผลประกาศก็เป็นไปตามคาดที่เอกศิลปกรรมไม่ได้สักรางวัล แต่ไม่มีใครเสียใจ เพราะนั่น ก็คือวัตถุประสงค์หลักของรุ่นพี่ ที่เน้นความฮา การันตีได้จากเสียงหัวเราะที่ดังลั่นหอประชุม



"เชื่อกู พรุ่งนี้ มึงดังแน่ ขนาดคนที่นั่งข้าง ๆ กู แม่งพูดถึงแต่มึง"



"จริงหรอวะ"



"จริง"



     ยอมรับว่าก่อนขึ้นเวที พวกมันช์ค่อนข้างกดดัน แต่พอได้แสดงออกแบบนั้น รู้สึกโล่งเหมือนได้ปลดปล่อยความกลัวและแสดงความกล้าออกมา จนถึงตอนนี้ มันช์คิดว่า ถ้าจะให้เต้นท่ารั่ว ๆ ฮา ๆ ที่โรงอาหารเขาก็ไม่อายแล้ว



      มันช์หัวเราะ ก่อนจะกวาดตามองร้านที่คึกคักและเต็มไปด้วยนักศึกษา และเท่าที่มันช์มาหลายครั้ง ไม่เคยมีโต๊ะว่างให้เห็นเลย



"เฮ้ย นายคนที่เป็นดาวโจ๊กนี่"



    มันช์ชะงักยามที่มีคนไม่รู้จักมาทัก และมาขอชนแก้วด้วย มันช์ยื่นแก้วไปชนตามมารยาท และนักศึกษาต่างสาขาคนนั้นก็ชื่นชมไม่ขาดปาก หลังจากที่เขาที่เดินกลับไปนั่งแล้ว แบงค์ก็ทำหน้าทำนองว่า เป็นไงล่ะ เชื่อกูหรือยัง?



"บอกแล้วว่ามึงต้องดัง"



     มันช์เงียบ ไม่เถียงเพื่อน เพราะเขาก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีคนชมชอบ เพราะสถานะที่ตัวเองเป็นนั้น ไม่ใช่ เดือนเอก แต่มันช์ คือ ดาวโจ๊ก



"อ้าว ไอ้น้องปีหนึ่งนี่" เสียงดังมาก่อนจะปรากฏตัว มันช์จึงหันไปดูว่าใครเรียกเขาแบบนั้น



"อ้าวสวัสดีครับพี่ป๋อ พี่เติร์ก" มันช์ยกมือไหว้ ทักทายอย่างแปลกใจที่เห็นพี่ ๆ เดินมาในร้านเหล้าแค่สองคน โดยปกติ ที่เคยเห็น พวกพี่ชอบมากันเป็นหมู่คณะ



"มาแค่สองคน?" ป๋อถามมันช์พลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย



"ครับ" ฟากมันช์รับคำ ก่อนจะหันไปเหลือบมองพี่เติร์กที่ยืนอยู่ข้างหลัง



"พี่ป๋อมาดื่มเหมือนกันหรอครับ"



"เออ ก่อนหน้าก็กินกันมาแล้วล่ะ แต่พวกเพื่อนคนอื่นแม่งจะไปต่อกับพวกพี่เต็นที่ร้านหน้ามอ พี่ไม่ค่อยชอบร้านนั้น มีเรื่องกันบ่อย เลยมาที่นี่"



"อ้อครับ"



"นั่งด้วยดิ" มันช์เห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่เอกซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จึงไม่ขัดศรัทธา รีบเชื้อเชิญให้พี่เติร์ก พี่ป๋อ ได้นั่ง



"ได้ครับ" 



      เมื่อรุ่นพี่ปีสามจับจองที่นั่งกันได้เรียบร้อย มันช์ก็แนะนำแบงค์ให้พี่ทั้งสองได้รู้จัก



      พี่ป๋อกวักมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่ม  กระทั่งพนักงานคล้อยหลังไป พี่ป๋อหันมามองเติร์กที่จ้องเพื่อนมันช์ตาไม่กระพริบ



"สัดเติร์ก จ้องน้องแบบนั้น เดี๋ยวมันก็กลัวหรอก" ป๋อทักเพื่อน จนมันช์ที่มัวแต่ก้มหน้า ก้มตาดื่ม ชำเลืองมองพี่เติร์กที่เป็นอย่างที่พี่ป๋อว่าไว้จริง ๆ



"แบงค์?" เติร์กเปรยออกมาเหมือนพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ



"ครับ" แบงค์นึกว่าพี่เขาเรียกจึงขานรับพลางยิ้มมุมปาก



     ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเป็นปม เติร์กไม่ชอบเลยเวลาที่เจออะไรทำให้สมองต้องทำงานหนักในการหาคำตอบ ยามนี้ ใบหน้าของเติร์กเต็มไปด้วยคำถาม



"ทำไมหน้าโคตรคุ้นเลยวะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน" เติร์กถาม



"พี่เติร์กจำได้ โอ้ยสัด เจ็บ!" แบงค์เบิกตาโพลงราวกับดีใจที่พี่เติร์กจำได้ แต่ทว่า เพียงแค่แบงค์จะพูดความจริง มันช์ก็กระทืบเท้าเพื่อนเต็มแรง



     มันช์หลิ่วตาหาเพื่อน ฟากเติร์กไม่ได้สังเกตและเพราะยังคาใจจึงถามต่อ



"จบจากที่ไหนมา?"



"อ้าว เฮีย มานี่ไม่บอกกูเลยนะ"



    มันช์พรูลมหายใจออกมาทางปาก ยามที่มีคนมากู้สถานการณ์ไว้ได้ทัน ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมใจเงยหน้าไปมองคนมาใหม่



"แล้วทำไมกูต้องรายงานมึงวะ มึงเป็นพ่อกูหรือไง ไอ้โฟล์ค" โฟล์คยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพี่เติร์กและพี่ชายตัวเอง ก่อนจะชะงัก เมื่อหันไปเจอมันช์ โฟล์คยิ้มกว้างทันที



"นั่งด้วย" มันช์ตกใจยามที่โฟล์คทิ้งตัวลงมานั่งเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกัน



     'สนิทกันตั้งแต่ตอนไหนวะ'



      มันช์พูดในใจ ไม่คิดว่า โฟล์คจะทำตัวเนียนได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง มันช์ก็เพิ่งเจอโฟล์ควันนี้ วันแรก




"มึงไปนั่งกับเพื่อนมึงสิวะ" ป๋อดุน้องชาย ยามที่กวาดสายตาไปปะทะกับพวกเพื่อนโฟล์คที่บางคนก็คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี



"ไม่เอา โต๊ะนี้ มีคนน่าสนใจกว่า" โฟล์คยิ้มพลางยักคิ้วยียวน ในขณะที่ยังนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับมันช์ จนเจ้าของเก้าอี้ในตอนแรกต้องยอมกระเถิบจนจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว



"ไอ้โฟล์ค มึงกลับไปนั่งโต๊ะมึง เดี๋ยวนี้!" พี่เติร์กบอกเสียงเข้ม แต่โฟล์คก็ไม่กลัว ยังคงงอแง ทำตัวเป็นเด็กขี้ฟ้อง



"เนี่ย เฮียดูเพื่อนเฮียดิ โคตรกั๊กคนในเอกเลยว่ะ กูขอเบอร์ไอ้คนนี้ แม่งห้ามกูเฉยเลยอะ" โฟล์คทำหน้างอพลางบ่นให้พี่ชายตัวเองฟัง ทั้งยังชี้นิ้วมาที่มันช์ สื่อเป็นนัย ๆ ให้รู้ว่า 'ไอ้คนนี้' ที่โฟล์คว่า ก็คือ มันช์นั่นแหละ ส่วนป๋อยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยักไหล่อย่างไม่แคร์



"ฟ้องกูก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี เพราะกูเข้าข้างเพื่อนกู"



"เอ้อออ สัดเฮียจำไว้เลยนะ กูจะไปฟ้องพี่ที่เอก ว่าต่อจากนี้ ห้ามเด็กศิลปกรรมไปจีบเอกดนตรีเด็ดขาด"



    เนื่องจากสองสาขานี้ เป็นดั่งสาขาแห่งพันธมิตรที่ซี้กันมาทุกรุ่น ดังนั้น คนที่เรียนทั้งสองสาขานี้ จึงรู้กันดีว่าการแซวแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก



    ตอนนี้ คนที่เคยเป็นเจ้าของโต๊ะกลับกลายเป็นคนเด๋อด๋ามองหน้ากันอย่างงง ๆ  เมื่อบทสนทนามีแต่เรื่องโฟล์คกับเรื่องพี่เติร์ก



"รำคาญน้องมึงฉิบหาย ไล่มันไปไกล ๆ ดิ้ ไอ้ป๋อ" เติร์กว่าอย่างนั้น ก่อนจะลุกพรวดแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำ



"โฟล์ค มึงจะกลับดี ๆ หรืออยากกลับไปพร้อมรอยตีนกู" ป๋อเลิกคิ้วมองน้องชาย



"เฮียถามจริงเหอะ กูน้องเฮียปะเนี่ย แม่ง!" โฟล์คลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิด หมุนตัวกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง ปล่อยให้มันช์และแบงค์นั่งทำตาปริบ ๆ


   ..............................................

พี่เติร์กกำลังจะเผยตัวตนออกมาแล้วค่ะ แล้วระวังจะหลงรักพี่แกนะคะ :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :impress2: :impress2: :impress2:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -7 โคตรกั๊ก- [17 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-02-2019 22:16:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่เติร์กเริ่มหึงออกนอกหน้า

แต่นะ...มันต้องมีเหตุการณ์อะไรในอดีตแน่ ๆ เลย   ทำไมจำไม่ได้แค่คุ้น ๆ หน้าเนี่ย

สงสัยต้องมีอุบัติเหตุที่ทำให้สมองกระทบกระเทือน ความทรงจำหล่นหายไปบางช่วงหรือเปล่าหว่า?
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -7 โคตรกั๊ก- [17 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-02-2019 22:48:36
พี่เตริ์กหน้ามึนอ่ะ 555  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -7 โคตรกั๊ก- [17 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-02-2019 01:37:29
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -7 โคตรกั๊ก- [17 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 18-02-2019 10:09:35
อิพี่โคตรกั๊กอ่ะ
จัดให้หนักกว่านี้เลยโฟลค เราเชียร์
อยากเห็นคนดิ้นๆๆๆ
 :hao7:
แล้วเหมือนเพิ่งจำแบงค์ได้
แสดงว่าความทรงจำเกี่ยวกับน้องมันช์นี่หายไปไหนอ่า
โหง่ยยยยย อยากอ่านต่อ
กดไลค์ด้วยบวกรัวๆ ขอบคุณ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง- [20 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 20-02-2019 21:05:23
บทที่ 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง







"ไว้ว่าง ๆ มึงก็มานั่งเล่นที่เอกกูได้นะ ไอ้แบงค์"

"โอเคครับพี่ ไว้ว่าง ๆ ผมจะไปนะ"


     พอเหล้าเข้าปาก ความสนิทสนมก็เริ่มเพิ่มขึ้น จนตอนนี้ เด็กนิเทศน์อย่างแบงค์กำลังชวนพี่ป๋อคุยอย่างออกรสชาติ และโฟล์คก็เพิ่งเดินเมากลับไปยังโต๊ะของตัวเองหลังจากที่นั่งป่วนประสาทพี่เติร์กอยู่นานสองนาน


      ในตอนแรกที่มานั่งดื่มที่นี่ ความจริงมันช์อยากเมาจึงนัดแบงค์มาดื่ม เพราะอย่างน้อยพรุ่งนี้วันเสาร์เขาก็นอนตื่นสายได้ แต่กลายเป็นว่าตั้งแต่มีพี่เติร์กและพี่ป๋อมาขอนั่งร่วมโต๊ะ มันช์ก็ได้แต่จิบเบียร์ไม่กล้ากินเมามาย แต่ดูเหมือนว่าพี่เติร์กกับพี่ป๋อจะซัดไม่ยั้ง ครู่หนึ่ง มันช์เหลือบมองพี่เติร์กที่เงียบผิดปกติจึงเอ่ยถาม


"พี่เติร์กเมาแล้วเหรอครับ?"

"กูเมาไม่เมาแล้วจะทำไม?" มันช์ชะงักมองคนที่ตอบเสียงแข็งเหมือนยียวน


    'ถามดี ๆ ทำไมต้องตอบกวนประสาทกันด้วย'


"ก็แค่อยากรู้นี่ครับ"


"แค่อยากรู้?  กูก็นึกว่า มึงถามเพราะเป็นห่วงกู"



    พี่เติร์กตอบแบบนั้น ทำให้มันช์และแบงค์ต่างมองหน้ากันว่า พี่เติร์กต้องการจะสื่ออะไร


"ก็เป็นห่วงด้วย กลัวพี่กลับบ้านไม่ได้ ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" มันช์รีบลุกไปเข้าห้องน้ำ เพราะใจเต้นแรงเกินไป จนมันช์ไม่กล้าสู้หน้า เมื่อเห็นสายตาพี่เติร์กที่จ้องมองจนกลัวหลุดพิรุธ


     มันช์ไม่ได้เข้าห้องน้ำ เขาแค่เดินมาหลบมุมทำใจ ยิ่งได้อยู่ใกล้ มันช์ก็ยิ่งชอบพี่เติร์กมากขึ้นทุกวี่วัน มันช์ยืนพิงกำแพงครุ่นคิดเรื่องตัวเองสักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ 


"อ้าวไอ้แบงค์ พี่ป๋ออะ" มันช์ถาม ยามที่เดินมาที่โต๊ะก็ไม่พบพี่ป๋อ เห็นแต่พี่เติร์กนอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

"พี่เขาบอกเพื่อนมีเรื่องหน้ามอ เลยไปช่วย"

"ห้ะ? จริงดิ แล้วพี่เติร์กอะ ไม่ไปหรอ?"


"แล้วมึงเห็นสภาพไหมละ?"
   

   แบงค์เชิดหน้าให้ดูสภาพอีกฝ่ายที่ฟุบหลับราวกับคนตาย


"แล้วพี่เขาจะกลับยังไงวะ?"


    แบงค์ยิ้มกรุ้มกริ่มมองเพื่อน


"โอกาสมาถึงแล้ว  มึงควรพาเขาขึ้นห้อง"

"บ้า"

"กูพูดจริง พี่เติร์กยังไม่มีแฟน แอบถามให้แล้ว ลุยเลยเพื่อน"


"พี่เติร์กครับ พี่เติร์ก" มันช์ทั้งเรียก ทั้งเขย่าแขน แต่พี่เติร์กก็แค่ส่งเสียงครางในลำคอ มันช์ชำเลืองมองเพื่อน ก่อนจะนั่งนิ่งว่าเขาควรจะทำอย่างไร ระหว่างพาพี่เติร์กกลับบ้าน หรือพาขึ้นห้องของเขาเองที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเหล้า
.
.
.
.

"ยิ้มเชี่ยอะไร?" มันช์ถาม หลังจากที่แบกพี่เติร์กขึ้นห้องจนหอบแฮ่ก ๆ มันช์และแบงค์ทั้งเหนื่อย ทั้งร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งสองหยุดพักตั้งหลักอยู่หน้าบานประตูห้องพัก


"เปล้าา!!" แบงค์เสียงสูงพลางอมยิ้มที่เห็นเพื่อนได้ใกล้คนที่ชอบอีกก้าว


"เหนื่อยฉิบ"


     เมื่อเรียกพลังกลับคืนมาได้ ทั้งสองก็ประคองพี่เติร์กที่เดินโซซัด โซเซเข้ามาในห้องของมันช์


"ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับมึง โชคดีนะไอ้มันช์" แบงค์ส่งยิ้มล้อเลียน ก่อนจะแยกไปห้องตัวเอง


     มันช์ด่าเพื่อนไม่ออกเสียง ทิ้งตัวลงนั่งสักพัก ก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบตัวพี่เติร์กลวก ๆ ก่อนจะไปอาบน้ำให้คลายร้อนลงบ้าง


     ผ่านไประยะหนึ่ง ถึงเดินออกมาจากห้องน้ำมองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง รู้ราว


    เหมือนความฝัน ไม่คิดว่า คนที่มันช์แอบชอบจะมาอยู่ในห้องเดียวกัน มันช์มองพี่เติร์กที่เมาหมดสภาพ ผุดรอยยิ้มบางเบา และไล้มือไปตามโครงหน้าของพี่เติร์ก มันช์ชักมือกลับด้วยอาการตื่นเต้นที่พี่เติร์กได้อยู่กับเขาตอนนี้ มันพิเศษอย่างเหลือเชื่อ มันช์ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้กลับมาเจอพี่เติร์กอีกครั้ง เขาน้ำตาคลอเพราะตื้นตันใจที่ได้อยู่ใกช้กับพี่เติรฺก มันช์โน้มตัวไปเรียกอีกฝ่าย


"พี่เติร์กครับ พี่เติร์ก" เมื่อเรียกแล้วไม่ตื่น มันช์ก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบใช้หลังมือปาดหยาดน้ำใสไล่ออกไป


"ผมดีใจว่ะพี่"



     มันช์ยื่นมือสั่น ๆ ไปจับมือพี่เติร์ก เขาได้สัมผัสตัวเป็น ๆ ของพี่เติร์กอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่า นับวัน ๆ  คนที่เคยห่างหายกันไปนานจะได้มีวันกลับมาพบกันอีกแถมยังใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อย ๆ


       แหละ  ตั้งแต่ที่มันช์ผิดหวังจากพี่เติร์ก เขาไม่เคยมีแฟนอีกเลย ดังนั้น การจูบ การกอดในเชิงรักใคร่ มันช์แทบไม่เคยได้รู้จัก


        ดังนั้น การได้อยู่กับคนที่มันช์ชอบตอนนี้ มันช์ก็อยากลอง


        'ผมอยากจูบพี่'



       มันช์รู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ และมันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลอง ยามที่พี่เติร์กไม่รู้สึกตัว มันช์ตื่นเต้นเหลือเกินที่คิดจะขโมยจูบอีกฝ่าย นั่งมองริมฝีปากที่เผยอนิด ๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนลึก ผ่อนลมหายใจออกมา


       มันช์ไม่รู้หรอกว่า จูบ ต้องทำยังไง แต่การฉวยโอกาสตอนพี่เขาเผลอได้ลองบทเรียนใหม่มันก็ดีเหมือนกัน วินาทีนั้น มันช์ก้มลงไปประทับจูบบนริมฝีปากอุ่น ๆ ของอีกฝ่าย

 

ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก 


       มันช์ใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ยามที่ได้จูบปากพี่เติร์กครั้งแรก แม้สัมผัสบางเบา แต่แค่นี้ก็ทำเขาติดใจ


"ผมแม่งขี้ขลาดไม่เคยเปลี่ยนเลย ผมได้แค่เก่งแต่ลับหลัง"


     มันช์รู้สึกดีมากตอนที่ริมฝีปากของตัวเองได้แตะปากอีกฝ่าย เสมือนได้ดื่มน้ำมหัศจรรย์ เพราะหลังจากประทับริมฝีปากลงบนปากอีกฝ่ายนั้น มันทำให้มันช์รู้สึกวูบวาบทั่วกาย คล้ายร่างกายได้ผลิตสารแห่งความสุข มันช์ผุดรอยยิ้มกว้างอย่างคนตกอยู่ในห้วงของความรัก



      มันช์ติดใจในความนุ่มหยุ่น อุ่น ๆ จากริมฝีปากของคนที่เขารัก มันช์อยากสัมผัสอีกจึงก้มลงไปจูบอีกครั้ง คราวนี้ เขาลองใช้ลิ้นเลียริมฝีปากและพยายามจะสอดเข้าไปข้างในโพรงปากอีกฝ่ายแต่ไม่เป็นผล มันช์กลัวพี่เติร์กจะรู้สึกตัวเสียก่อน จึงผละมามองคนที่นอนนิ่งราวกับเป็นตุ๊กตาประดับเตียง



       'ได้แค่นี้ ก็มากเกินพอแล้วล่ะ'

     
        มันช์พูดคนเดียว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลับบนเตียงเดียวกัน

 
        จวนเคลิ้มหลับ มันช์กลับได้ยินเสียงปึงปัง เขารีบเด้งตัวลุกมานั่งอย่างงัวเงีย


ชู่ววววววววว์


        เสียงน้ำไหลจากที่ไหนสักแห่ง มันช์รีบลุกไปเปิดไฟก็ต้องตกใจ



"เชี่ยเอ้ย พี่เติร์ก" มันช์ตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ เมื่อเห็นพี่เติร์กยืนฉี่รดตู้เสื้อผ้า มือหนึ่งยันบานตู้เสื้อผ้า มือหนึ่งจับน้องชายของตัวเอง


        มันช์รีบลุกไปประคองอีกฝ่ายที่ยืนโอนเอน เหมือนดอกหญ้าที่ลู่ไปตามแรงลม มันช์ต้องรีบสอดมือเข้าไปสวมกอดเพื่อรับน้ำหนักกันอีกฝ่ายร่วงลงพื้น ก่อนจะพาร่างพี่เติร์กมานั่งปลายเตียง และรีบวิ่งไปหาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดปัสสาวะที่เจิ่งนองพื้น


      ภายใต้ความหล่อ ดูเท่แสนเท่ บัดนี้ หายไปในพริบตา มันช์บ่นพึมพำลำพังยามที่พี่เติร์กนอนสิ้นสภาพแผ่หราบนเตียง
.
.
.
.
"กูมาอยู่นี่ได้ไงวะ?"


      ในยามสิบเอ็ดโมงของวันใหม่ เติร์กลืมตามองเพดาน ก่อนจะพลิกตัวตะแคงข้าง แล้วตกใจเห็นมันช์นั่งที่พื้นพิงตู้เสื้อผ้า



"ก็เพราะพี่เมามากไง เมื่อคืนพี่ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม?" มันช์ต่อว่า ยามที่หลังจากเมื่อคืนที่มันช์ทำความสะอาดพื้นจากคนที่ฉี่เรี่ยราด มันช์ก็ต้องมานอนที่พื้นข้างเตียง เพราะพี่เติร์กนอนกินที่จนเขาไม่สามารถหลับบนเตียงได้


"ทำอะไร? กูได้มึงแล้วหรอ?'


"จะบ้าเหรอพี่ มะ...ไม่ใช่" มันช์หน้าแดงหลุบตาลงต่ำก่อนจะว่าพี่เติร์กกลับอีกหน


"พี่ฉี่รดตู้เสื้อผ้าผม"


"ห๊ะ!" เติร์กตาโต เหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน


"มันคือเรื่องจริง แล้วผมต้องมานั่งเช็ดแทบไม่ได้หลับได้นอน"


"พูดแบบนี้จะให้กูไถ่โทษ?"


"เปล่าสักหน่อย ก็แค่บ่น" มันช์หน้างอ มองพี่เติร์กที่ค่อย ๆ หย่อนขาลงจากเตียง โน้มตัวมาหามันช์ที่เงยหน้ามอง



"เดี๋ยวพาไปเลี้ยงหนัง กินบุฟเฟต์ พอใจรึยัง?"


"เลี้ยงจริงหรอ?" คนที่อยากกินของฟรีตาโตทันที


"อืมถ้าสบายใจแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อย กูจะอาบน้ำ" เติร์กเห็นหน้ามันช์ดูเปลี่ยนไปจากตอนแรกก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

"ผมไม่มีผืนใหม่ มีแต่ของผม"

"เออก็เอาของมึงมาใช้นั่นแหละ"


 "แต่..." มันช์หน้าแดงที่เมื่อรู้ว่าพี่เติร์กจะใช้ผ้าขนหนูผืนเดียวกัน


"อย่าเรื่องมากได้ไหม กูปวดหัว"  เติร์กดุมันช์จนอีกฝ่ายหน้างอ ก่อนจะลุกขึ้นยืนไปคว้าผ้าขนหนูที่ตากไว้ที่ระเบียง เอามันมาให้พี่เติร์ก
.
.
.
.
      มันช์มองพี่เติร์กที่อาบน้ำเสร็จ ใส่เสื้อผ้าตัวเดิม

"พี่โอเคใช่ไหม?" มันช์ถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าพี่เติร์กหน้าซีด และสภาพเหมือนยังไม่ใช่คนปกติดี

"โอเค เรื่องอะไร?"


"พี่ยังแฮงค์รึเปล่า?"


"ก็นิดนึง"
     

       มันช์ยืนนิ่งนึกคำพูดที่แบงค์บอก ก่อนจะยื่นข้อเสนอ
 

"พี่จะนอนพักก่อนไหม แล้วตอนเย็น ๆ ค่อยกลับ?" มันช์เห็นว่าไหน ๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุดไม่ได้มีเรียนอยู่แล้ว มันช์จึงเสี่ยงที่จะถาม


"ไม่เป็นไร กูเกรงใจมึง" เติร์กยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่ประตูสวมรองเท้าผ้าใบสีเหลืองมัสตาร์ด


"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมอยากให้พี่อยู่"


     คนที่กำลังเหยียบส้นร้องเท้าผ้าใบชะงัก เหลียวมองมันช์ที่ยืนเหงื่อแตกอยู่ข้างหลัง


"ถ้างั้น ขอลงไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน เผื่อจะดีขึ้น"


"ได้ครับ" มันช์พยักหน้า ก่อนจะยื่นคีย์การ์ดไปให้พี่เขา


"แล้วไม่ลงไปด้วยกัน?" เติร์กถามยามที่มันช์ยื่นคีย์การ์ดให้ ฟากมันช์เงียบเม้มปากที่แน่น ก่อนจะพยักหนัารับ


"ไปด้วยก็ได้พี่"


     คนที่สวมร้องเท้าแตะตกใจ ยังไม่ทันออกนอกห้อง พี่เติร์กล็อคคอ โน้มหน้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมอายใจอุ่น ๆ เป่ารดกันใกล้และกระซิบบอก


"เรื่องที่กูเมาเรื้อนเมื่อคืนห้ามบอกใคร เข้าใจหรือเปล่า?"


      มันช์มองริมฝีปากอีกฝ่ายที่ขยับตามคำพูด ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ


"รู้น่า พี่ก็อย่าลืมเลี้ยงข้าวผมด้วย"


"โอเค"

      มันช์ปล่อยให้พี่เติร์กเดินนำไปก่อนจะก้าวตามหลังด้วยรอยยิ้ม วันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งที่มันช์จะประทับลงไปในความทรงจำว่าเขากับพี่เติร์กได้อยู่ด้วยกัน ภายใต้ห้องเดียวกันและมันช์ได้จูบพี่เติร์กเป็นครั้งแรก
.
.
.
.
"เข้าไปได้เลยครับ น้อง ๆ"


       หลังจากที่รับน้องผ่านมาได้ไม่นาน ก็ได้เวลาอันสมควรในการจัดเฟรชชี ไนท์ เพื่อเลี้ยงต้อนรับน้องเฟรชชี่ทุกคน พวกรุ่นพี่เลือกร้านเหล้าขนาดกลาง ๆ ตัวร้านมีเพียงชั้นเดียว แต่สามารถนั่งได้ทั้งโซนด้านในห้องแอร์และด้านนอก ในส่วนของปีหนึ่ง รุ่นพี่จะเป็นคนจัดโต๊ะให้นั่งคละกันกับพวกรุ่นพี่ปีอื่น โดยการมางานมีธีมการแต่งกายที่กำหนดคอนเซ็ปท์เป็น มนต์รักลูกทุ่ง ในเวลานี้ จึงเห็นทุกคนแต่งกายอย่างไม่มีใครยอมใคร ด้วยสีสันฉูดฉาด ใส่ชุดที่สีจัดตัดกันอย่างแสบทรวง บ้างก็มาลายดอก บ้างก็มาลายตาราง
 

     และตอนนี้ ตอนที่พวกมันช์ลงมาจากแท็กซี่กับพวกเพื่อน ๆ ก็แอบมองชุดไป ขำไป เพราะไม่มีใครยอมกันเลย ทั้งดาวที่มาเป็นทองกวาว แต่งชุดเดรสลายดอกใหญ่สีส้มแปร๊ดตัดกับลายดอกใหญ่สีม่วงแกมน้ำเงิน ใส่ถุงน่องสีเขียว ส่วนภุชงค์มาในเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขาบานสีแดง แก้วมาในชุดเดรสสีเหลือง คาดเข็มขัดเส้นเล็กสีม่วง เกล้าผม ยกสูง ตีโป่ง ขิง ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กับกางเกงผ้าขาบานสีน้ำเงิน ปิดท้ายที่มันช์ ที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายตารางเล็กสีขาว-ดำ กางเกงสีเหลือง ซึ่งต้องบอกเลยว่าถ้าใจไม่กล้า ใส่ชุดนี้เดินออกจากบ้านมาไม่ได้จริง ๆ  ตอนนี้ พวกมันช์เดินผ่านจุดตรวจบัตรเข้างานที่มีรุ่นพี่ปีสองยืนคุมอยู่


"เดี๋ยวเมาก็ลืมความอายแล้วมึง"

"กูก็ว่าอย่างนั้น"


     พี่ปีสองคนหนึ่ง พากลุ่มพวกมันช์มานั่งจับจองกันด้านในที่บนโต๊ะมีพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และชุดน้ำอัดลมมารองรับไว้ตรงกลางโต๊ะเรียบร้อย


      ภายในร้าน ประดับตกแต่งด้วยสายรุ้งหลากสี ไหนจะธงราวสีชมพู เขียว ส้ม ม่วง แดง ห้อยทั่วร้าน บางมุมมีใช้ไฟประดับเป็นไฟนีออน แอล อีดี ให้บรรยากาศดูคึกคัก และสนุกสนาน


"น้อง ๆ มาชนแก้วกันหน่อยสิคร้าบ"


      พวกมันช์นั่งดื่มไม่ถึงชั่วโมง กลุ่มพี่เติร์กก็เดินเข้ามา และคนที่โดดเด่นเกินใครก็ คือพี่เติร์กที่มันช์ยังยอมใจ ในการแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีเขียวสะท้อนแสงตัวโคร่ง กับกางเกงผ้าขาเต่อสีเขียวขี้ม้า สวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อคอนเวิร์สสีดำ แต่งตัวแบบนั้นทำไมถึงยังดูดีได้  คนที่ชื่นชมรุ่นพี่ปีสามกำลังนั่งก้มลงมองสารรูปตัวเองตอนนี้

     
      มัวแต่ก้มมองสภาพตัวเองเพื่อเปรียบเทียบอีกฝ่าย โดยไม่รู้เลยว่าพี่เติร์กมายืนค้ำหัวแล้ว มันช์สะดุ้งเฮือกตอนที่พี่เติร์กเอาแก้วเย็นเจี๊ยบมานาบแก้มและอมยิ้ม


"พี่แกล้งผมทำไม" มันช์ถลึงตามอง


"กูชนแก้วทุกคนแล้วยังไม่ได้ชนมึง"


      มันช์ยกแก้วที่วางอยู่ตรงหน้ามาชนกับแก้วของพี่เติร์ก


"มึงแต่งตัวน่ารักดีนะ"


    มันช์เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่าเขาใช้อะไรมอง เสื้อลายสก็อตกับกางเกงสีเหลืองสดเนี่ยนะ? มันช์กลอกตาไปมา คาดว่าอีกฝ่ายคงประชด


"เฮ้ย ไปไอ้เติร์ก เรายังต้องไปชนแก้วกับโต๊ะอื่นอีก ไปแล้วน้อง" หลังจากนั้น พวกพี่ปีสามก็หายไป และมีพี่ปีสองเดินมาวนเวียนชนแก้ว


"ขิงไหวไหมนั่น ทำไมหน้าแดงเร็วจัง"


     ขิงที่นั่งข้าง ๆ พลางมองหน้ามันช์ที่ส่งสายตามาอย่างห่วงใย


"ไหวแหละ"

"ก็ขิงไปตามใจพี่โต๋ทำไม เขาชนก็กินอยู่ได้ ไม่ต้องกินบ้างก็ได้" มันช์บอกขิงด้วยความเป็นห่วง

"เออมึง นาน ๆ มาทีจะบ่นไอ้ขิงทำไม?" ภุชงค์บอกเพื่อนที่เห็นมันช์ทำตัวราวกับพ่อหวงลูก


      จากนั้น แก้ว ก็ห้ามเพื่อนให้หยุดเถียง เมื่อรุ่นพี่ปีสองเดินขึ้นไปบนเวทีเล็กที่ยกระดับความสูงของพื้นเวทีไม่ได้สูงรัก พี่อุ้ยแนะนำตัวและพูดถึงการจัดงานว่าจะมีการแสดงของรุ่นพี่แต่ละชั้นปีที่ออกมาเป็นตัวแทนให้น้อง ๆ ได้รับชมกัน เริ่มด้วยพี่ปีสองที่มีการแสดงฝ่ายหญิงของกลุ่มพี่ส้มที่ถูกเรียกชื่อแก้งว่า 'ป๊อป แองเจิ้ล'


~รักเจ้าเอ๋ยไม่เคยได้เจอเลยข้องใจ เขาคนไหนคนไหนจะนำความรักมา
เขาคนไหนจะคอยมามองและจ้องตา แล้วพาให้เคลิ้มไป~
.
.
.
~หัวใจนี้อยากรู้ อยากรู้ รักเอย รักเอยรัก อยู่ไหน
ฉันคนนี้อยากรู้ อยากรู้ รักเอยอยู่หนใด~



       น้องเฟรชชี่ปรบมือให้กับการแสดงของรุ่นพี่สาว สาว สาว ที่แสดงจนจบ ตอนนี้ก็เริ่มมาที่กลุ่มพี่ผู้ชาย ปีสอง


~เจ็บดวงใจ เพราะคนใจร้าย
ทำลายรักเรา เสียจนแหลกราน
โอ้ความรัก ที่สุดแสนหวาน
ต้องกับร้าวราน เพราะมีมารผจญ
สุดปัญญา เพราะว่าผมจน
ต้องจากหน้ามน เหมือนคนสิ้นใจ
.
.
.
สิบหมื่น สิบหมื่น สิบหมื่น แหมยิ้มระรื่น คงกลืนลงคอ
คุณพ่อ ครับผมแย่ คุณแม่ ครับผมจน
สิบหมื่น ผมเหลือทน ไม่ขอดิ้นรนให้คุณขายลูกกิน ~


      เมื่อความเมาเล็กน้อยบวกจังหวะเพลงที่น่าโยกย้ายส่ายสะโพก หลายคนจึงลุกขึ้นเต้น บ้างก็ยืนปรบมือไปตามจังหวะกันอย่างสนุกสนาน จนจบเพลงทั้งร้านก็ส่งเสียงโห่ กรี้ด กร้าด ทิ้งท้าย ก่อนจะได้เวลาที่รุ่นพี่ปีสามขึ้นมาร้องเพลง เพียงแค่เห็นกลุ่มพี่เติร์กขึ้นมาบนเวที มันช์สนใจอยากรู้ว่าพี่เติร์กจะร้องเพลงอะไร กลุ่มพี่เติร์กได้เพื่อนผู้หญิงมาเป็นหางเครื่องให้ พี่ป๋อมีกีตาร์เป็นพร็อพประกอบ ส่วนพี่เติร์กและพี่โต๋จับไมค์คู่ที่ผูกไว้ด้วยผ้าสามสี


"เฮ้ยมึง พี่เติร์กร้องเพลงได้ด้วยหรอวะ" ดาวถามอย่างสงสัย


"ไม่แปลก ใคร ๆ ก็ร้องเพลงได้ แต่จะร้องเพราะไหมนั่นมันอีกเรื่อง"


"เออก็จริง" ตอนนี้น้องปีหนึ่ง กำลังตั้งใจชมการแสดงของอดีตพี่ว้ากว่าจะน่าสนใจมากแค่ไหน


"ไหนใครโสด ขอเสียงหน่อย" เติร์กถามพลางกวาดสายตามองน้องเฟรชชี่ที่ส่งเสี้ยงกรี้ดกร้าด เติร์กยิ้มละมุน ก่อนบอก


"ผมขอมอบเพลงนี้สำหรับคนโสดทุกคน"


ตะดื้ด ตื้อ ตือ ตื้อ ตื้ด

~เป็นโสดทำไม
อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง
ไม่คิดจะหาคู่ควง
เดี๋ยวจะล่วงพ้นวัยไปเปล่า
เกิดมาเดียวดาย
จะตายเพราะความเหงาเศร้า
แต่งงานกันเสียเถิดเรา
อยู่ว่างเปล่าไม่ดีอะไร~


"กรี้ดดดดด"

"อร้ายพี่เติร์ก"

"หล่อมากค่าา"


    ในขณะที่ดนตรียังคงบรรเลง หางเครื่องก็เต้นไปตามจังหวะ หมุนตัวจนกระโปรงบานพลิ้วอย่างสวยสด งดงาม
.
.

~เป็นโสดทำไม
กลุ้มใจในยามร้อนรน
ควรหาคนรักสักคน
ไว้เปรอปรนช่วยพัดวีให้
เมื่อเข้าหน้าฝน
มีคนคู่เคียงชิดใกล้
หน้าหนาวกระแซะเข้าไป
กอดกันให้ผ้าห่มอิจฉา~




     หลังจากที่พี่เติร์กร้องจบบรรดาผู้หญิงก็ส่งเสียงกรี้ดดังมากเป็นพิเศษ  จากนั้น พี่ป๋อแย่งไมค์ไปเคาะไมค์สองสามที


"โดยปกติ รุ่นพี่จะต้องร้องเล่นเพลงเดียว แต่วันนี้พี่เติร์กขอสองคร้าบ"


"วู้ววววว"


"เพลงนี้ พี่เติร์กอยากร้องเป็นพิเศษ เพราะเขาอยากมอบให้น้องงงงงงงง....โอ้ย"


        ราวกับมุกตลกคาเฟ่ที่ไม่รู้พี่เติร์กไปสรรหาถาดมาจากไหน เขาตีลงบนกลางกระหม่อมพี่ป๋อดังป๊าบจนน้อง ๆ เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ข้างล่างหัวเราะลั่น


"สัดเจ็บจริง ไม่มีสแตนด์อินเลย เอาล่ะ เรามารื่นรมย์กันกับเพลงต่อไปดีกว่าครับ" พี่ป๋อตัดบทก่อนที่เสียงดนตรีจะดังขึ้น




~หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง
เปิดโอกาส ให้คุณครอบครอง
มาจับมาจอง หัวใจผมได้~



     มันช์ไม่นึกเลยว่า คนสมัยใหม่อย่างพี่เติร์กจะหยิบเพลงระดับราชาเพลงลูกทุ่งอย่างสุรพล สมบัติเจริญ มาทั้งสองบทเพลง มันช์พอคุ้นหูเพราะแม่เปิดฟังอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาตั้งใจฟังความหมายจริง ๆ ยามที่พี่เติร์กนำมันมาร้อง เขารู้สึกใจสั่นแปลก ๆ มันช์นั่งมองพี่เติร์กร้องเพลงไปเรื่อย ๆ พี่เติร์กไม่ได้ร้องเพลงเพราะจนตราตรึงหัวใจ แต่สิ่งที่มันช์นั่งเงียบจนไม่อาจละสายตาไปไหน นั่นเป็นเพราะรอยยิ้มหวานของพี่เติร์กมากกว่า



~หากคุณมาช้า คนอื่นเขาคว้า
ใจผมไปครอง ถ้าหากคุณพลาด
การเป็นเจ้าของ แล้วคุณจะต้อง เสียดาย~

.

   แทบไม่ได้ยินเสียงพี่เติร์กร้อง เพราะรุ่นน้อง รุ่นพี่ต่างผิวปาก ส่งเสียงโห่แซว รวมถึงกรี๊ดสนั่นดังจนกลบเสียงเจ้าตัว เมื่อพี่เติร์กร้องเพลงจบ ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือ และต่อท้ายด้วยการส่งเสียงตะโกน

แปะ แปะ แปะ


"อ้อยยยยยย หลงเสน่ห์พี่แล้วค่ะ"

"น่าร้ากกกก"

"ฮร้ายยยยย เท่ค่า"

"ฮิ้ววววว"

"สัดเติร์กขี้อ่อย"



      มันช์มองพี่เติร์กตอนเดินลงจากเวที ครู่หนึ่ง เขาเผลอประสานสายตามองกับพี่เติร์กที่ยิ้มและยักคิ้วมาให้ มันช์รีบยกแก้วดื่มอำพรางความเขินอาย  แต่เนื่องจากโต๊ะของมันช์เป็นทางผ่าน พี่เติร์กจึงแวะมาหามันช์ แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็ขโมยแก้วมันช์ไปยกดื่มหน้าตาเฉย


"เฮ้ยพี่นั่นแก้วผมนะ"มันช์บ่นเสียงดัง ที่พี่เติร์กฉวยแก้วไปดื่ม และตอนที่ร่างสูงสบตามองมันช์ตอนวางแก้วลงบนโต๊ะ เติร์กโน้มตัวไปใกล้มันช์แล้วบอก


"มันช์" พี่เติร์กไม่ได้สนใจในสิ่งที่มันช์ต่อว่าไปก่อนหน้าเลย อยู่ดี ๆ เขาก็กลับเรียกชื่อมันช์ขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย


"อะ...อะไรครับ?"


"หัวใจกูว่าง"


     เติร์กตอบก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้มันช์นั่งหัวใจเต้นแรงเกินไปจนรู้สึกกลัวหัวใจวายกับคำพูดแค่ไม่กี่คำ




.............................


มันช์ต้องไปฝึกความด้านมาจากอิพี่เติร์กนะคะ :o8: :o8: :o8: :o8:

หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง- [20 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-02-2019 22:12:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...แบบนี้แสดงว่า  อิพี่เติร์กออกตัวแรงว่าสนใจมันซ์นะเนี่ย  อิอิ  (ป.ล. เพื่อนสนิทก็รู้กันหมดแหละนะ)

ว่าแต่...ตอนอิพี่เมาเรื้อนเนี่ย  เมาจริงหรือแกล้งเมาหว่า?
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง- [20 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-02-2019 22:43:26
หมดกัน..อิพี่เติร์ก  เมา-ไม่-ฉี่    :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง- [20 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 20-02-2019 23:26:41
อยากได้แบบอิพี่เติร์กต้องไปบนวัดไหนนนนนนนน  :hao5:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง- [20 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-02-2019 06:00:24
พี่เติร์กมาแรง. ชอบจ้า
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง- [20 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-02-2019 10:31:28
โหง่ยยยยย
หัวใจผมว่างแบบนี้ จัดเลยครับมันช์อย่าช้า
+1 ขอบคุณ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 8 หัวใจผมว่าง จะมีใครบ้างจับจอง- [20 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-02-2019 21:46:26
 :L2: :pig4:

สนุก หวังว่าจะไม่ดราม่าปวดใจ ฮื่ออ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 9 ที่แท้ก็หวง - [22 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-02-2019 20:21:48
บทที่ 9   ที่แท้ก็หวง







"นั่งด้วยได้ไหม"


         มันช์ชำเลืองมองพี่เต็นที่ยืนหัวโต๊ะและถาม มันช์พยักหน้ายิ้ม ๆ อย่างยินดี เพราะโต๊ะเขาตอนนี้เหลือเพียงดาวที่นั่งอยู่ ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ หนีไปชนแก้วกับโต๊ะเพื่อนปีหนึ่งกลุ่มอื่นบ้าง รุ่นพี่บ้าง มีแต่มันช์ที่ไม่ยอมลุกไปไหน เพราะมัวแต่กระดกเหล้าราวกับน้ำเปล่า เพราะตื่นเต้นไม่หายหลังจากได้ยินพี่เติร์กพูดเช่นนั้น


         ใคร่ครวญถึงถ้อยคำอีกฝ่าย พักหลัง ๆ  พี่เติร์กชอบพูดจากำกวมชวนให้มันช์คิดไปไกล แม้ว่าหลายครั้ง มันช์อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแต่อีกใจก็มักคัดค้านให้มันช์เจียมเนื้อ เจียมตัว คงเป็นเพราะลึก ๆ แล้ว มันช์ก็ยังกลัวเจ็บหนัก


"เป็นไงบ้าง งานเริ่มเยอะแล้วสิ" เต็นถาม มันช์จึงดึงสติกลับมาต่อบทสนทนาพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง

"ครับพี่ ก็เยอะ แต่ก็ทำงานทันอยู่ครับ"

"บริหารเวลาดี ๆ นะ พี่รู้ว่า พวกน้อง ๆ จะเป็นกัน พอใกล้กำหนดส่งงานแล้วเพิ่งมาทำ"

"ฮ่า ๆ จริงเลยครับ พี่เต็นรู้เพราะเคยเป็นมาก่อนใช่ไหม?"

"ใช่ครับ พี่ถึงรู้ดีไง"

"ฮ่า ๆ พี่เต็นตลกอะ" มันช์หลุดหัวเราะ ในความเป็นจริง เขาชอบคุยกับพี่เต็น เพราะตั้งแต่ที่พบเจอรุ่นพี่หลากชั้นปี พี่เต็นเป็นคนสุภาพที่สุดในเอกศิลปกรรม แถมยังดูเหมือนพี่ชายที่แสนดีที่มันช์อยากขอคำปรึกษาอยู่เสมอ


"มันช์"


"ครับ" มันช์ขานรับพลางยิ้มเสียงหวานที่เห็นพี่เต็นมองมาด้วยแววตาแปลก ๆ


"แล้วนี่แฟนมันช์เรียนที่ไหน รุ่นเดียวกันหรือเปล่า?" เต็นถามพลางยกแก้วขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าสบาย ๆ


"ผมไม่มีแฟนหรอกครับพี่ ผมว่าผมเคยบอกพี่ไปแล้วนะ"


"หือ จริงหรอ? สงสัยคงลืม หน้าตาแบบนี้ยังไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ?" เต็นเอียงคอมองอย่างสงสัย


"แหะ ๆ พี่เต็นครับ ผมอายจัง ไม่อยากบอกความจริงเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีแฟนเลยสักคน"


"ถามจริง? ไม่อยากจะเชื่อ"


"เชื่อเถอะพี่ ผมคงไม่มีดวงด้านความรักมั้ง" มันช์บอกเสียงเศร้าคล้ายตัดพ้อชีวิตรักของตัวเองจนเต็นแอบขำ


"ไม่หรอก พี่ว่ายังไม่ใช่เวลาของมันช์มากกว่า เดี๋ยวก็มา"


"สาธุครับพี่"


      เต็นมองมันช์ที่ทำตัวเหมือนเด็กก็แอบอมยิ้ม ก่อนจะชนแก้วมันช์และเป็นฝ่ายชวนคุยต่ออย่างสนุกสนาน คุยไปพลางชนแก้วไปจนมันช์เริ่มเมา มันช์ส่งสายตาหวานเยิ้มและเอื้อนเอ่ยเสียงเบาว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เต็นสังเกตอาการมันช์ว่าเริ่มไม่ปกติจึงอาสาไปเป็นเพื่อน พาเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวร้าน ในระหว่างที่เต็นยืนรอ เขาเหลือบเห็นรุ่นน้องบางคู่ แอบมาบอกความในใจก็ยืนยิ้ม


     ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจวบจนปีสี่ เขาเห็นคนในเอกเดียวกัน คบกัน รักกัน จนเขามองเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว


"ไหวไหม" เต็นละสายตาจากคู่รักหลากชั้นปีที่ยืนพลอดรักกันบ้าง บอกความในใจกันบ้าง และตรงปรี่ไปหามันช์ที่เดินตัวอ่อน โอนเอนเหมือนร่างไร้กระดูก


       มันช์ส่ายหน้า มือไม้ปัดป่ายจนได้ที่ยึด คว้าแขนเต็นไปเกาะแล้วซบลงตรงต้นแขน


"เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง" เต็นบอกอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ได้เฉลียวใจว่ามันช์คอแข็งหรือเปล่า เห็นคุยสนุกหน่อย ก็เลยดื่มไป-ชนไป จนมันช์กลายสภาพเป็นแบบนี้


     ในขณะที่เต็นประคองร่างมันช์กลับไปนั่งที่โต๊ะ ถึงระหว่างประตูทางเข้าไปในร้าน เขาก็ได้ยินเสียงเรียก


"ไอ้เต็น มานี่เร็ว ๆ พี่โบ้แวะมาเยี่ยมจะกลับแล้ว" เต็นทอดสายตามองไปยังโต๊ะปีสี่ที่นั่งกันราวยี่สิบคนรวมกลุ่มตั้งใจฟังพี่โบ้ที่จบไปแล้วสามปีกลับมาเยี่ยมเยียนรุ่นน้อง และแน่นอนว่า พวกเต็นเรียนชั้นปีที่สี่ ใกล้จบแบบนี้ การขอคำแนะนำเรื่องการทำงานจากรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรรับฟังไว้


"แปปนึงได้ไหม กูขอไปส่งน้องเขาก่อน"


"ไม่ได้ พี่โบ้จะกลับแล้ว มัวแต่จีบเด็กอยู่ได้ อนาคตมึงอะสนใจหน่อยสิวะ พี่โบ้จะแนะนำบริษัทที่ฝึกงานให้ มึงจะเอาไหม ไอ้เต็น" เพื่อนของเต็นตะโกนเสียงดัง จนพี่โบ้มองตามและกวักมือเรียก ฟากเต็นชะงักเท้าครู่หนึ่ง


      เต็นกดสายตามองมันช์ที่เกาะแขนเขาแน่นหนึบดั่งตีนตุ๊กแก เขาไม่สามารถทิ้งมันช์ไว้ได้ เต็นจึงพาไปนั่งที่โต๊ะปีสี่ด้วยเพื่อตัดปัญหา เต็นก้าวได้อย่างเชื่องช้า เนื่องจากต้องคอยดูแลคนเมาด้วย


"พี่เต็นคร้าบบบ"


"ครับผม" เต็นตอบพลางกดสายตาลงมองหน้ามันช์ที่ช้อนตามองและยิ้มหวาน เต็นใช้หลังมือซับเม็ดเหงื่อเกาะพราวบนหน้าผากของมันช์


"ผมอยู่หนายยยอ่า"


"เดี๋ยวพี่จะพามันช์ไปนั่งที่โต๊ะพี่ก่อนนะ"


"ได้คร้าบ"


"เมาแล้วขี้อ้อนเหรอเรา?"


"อื้อ"  มันช์กอดรัดแขนเต็นแนบแน่น เต็นยิ้มมุมปากพลางสั่นหน้าน้อย ๆ กับอาการของเด็กขี้อ้อน เต็นโอบไหล่ อีกมือหนึ่งก็จับแขนมันช์เพื่อประคอง


     แต่ทันใดนั้น


หมับ!


"ไอ้เต็น กูจะพามันช์กลับไปที่โต๊ะเอง" เต็นมองเติร์กที่จับต้นแขนมันช์แล้วเอ่ยอาสา


"เดี๋ยวกูพาน้องไปนั่งที่โต๊ะกูก่อนได้" เต็นบอกอย่างใจเย็น


"กูไม่โอเค มันช์มันเมามากแถมเพื่อนมึงนั่งเป็นฝูง กูไม่ไว้ใจเพื่อนมึง"


"เพื่อนกูก็รุ่นพี่มึง"


"แต่มึงคงจำได้นะเต็น ว่าเฟรชชี ไนท์ปีที่แล้ว เพื่อนมึงไม่ใช่เหรอที่พอเห็นน้องผู้หญิงเมาแล้วจะเอาเขาให้ได้ ถ้าพวกกูไม่ไปเห็นที่ห้องน้ำก่อน น้องผู้หญิงคนนั้นก็คงโดนไปแล้ว"


      เต็นเงียบ มันเป็นเรื่องจริงที่เติร์กเตือนสติให้นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นปีของเขาคนหนึ่งเคยคิดข่มขืนน้องผู้หญิงปีหนึ่งจริง ๆ แต่ทำไม่สำเร็จเพราะพวกเติร์กไปเห็นเสียก่อน


      เต็นมองมันช์ที่เมาจนไม่ได้สติ ก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะมันเป็นความผิดเขาเอง เต็นเอ่ยขอบใจเติร์ก ก่อนจะยอมปล่อยแขนมันช์ให้เติร์กประคองกลับไปนั่งอย่างรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เป็นเขาในการทำหน้าที่นั้น



"หนักฉิบ" เติร์กสบถที่ลากร่างราวกับไร้วิญญาณมาถึงโต๊ะของมันช์ที่บัดนี้กลายเป็นโต๊ะของกลุ่มอดีตพี่ว้ากเพราะยึดที่นั่งน้องเฟรชชี่ไปโดยอัตโนมัติ ยามนี้ ไม่เหลือใครนั่งอยู่ ดาวพาแก้วไปอ้วกที่ห้องน้ำ ส่วนภุชงค์ก็เดินไปตามขิงที่โดนพี่ปีสองกรอกเหล้าเข้าปากจนเมาไม่รู้เรื่อง


"อื้อออ" มันช์เริ่มโอนเอน คอพับ คออ่อนพิงไหล่เติร์ก


"อะแฮ่ม อะแฮ่ม" ป๋อยิ้มกรุ้มกริ่มมองเพื่อนที่แม้มันจะเดินมาอย่างหอบเหนื่อยที่แบกมันช์มา แต่พอทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะ เติร์กก็ดูแลมันช์เป็นอย่างดี ทั้งรีบหากระดาษทิชชูซับหน้ามันช์ที่ชื้นเหงื่อ ไหนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของมันช์เพื่อระบายความร้อนให้



"ตีนใครติดคอ ไอ้ป๋อ" เติร์กถาม แต่ไม่ได้มองหน้าเพื่อน เขามัวแต่ง่วนกับการดูแลคนเมา


"ไม่มีตีนใครติดคอหรอก มีแต่ความรักอันแสนหวานต่างหากที่ติดคอ ฮิ้วววววว"


"เป็นอะไรมากไหม ไอ้ป๋อ?" เติร์กเงยหน้าถามป๋อ


"มึงต่างหาก เป็นอะไรมากไหม? เฮอะ!.. ไอ้โต๋แตะปากเพื่อนรักมึงทีซิ"


      เติร์กมองหน้าเพื่อนสองคนที่รับ-ส่งมุกกัน ฟากโต๋ที่นั่งใกล้เติร์กมากกว่าป๋อจึงยื่นมือไปแตะริมฝีปากเติร์กตามคำสั่งเพื่อนก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับป๋อ


"อุ้ย! คนอะไรปากแข็งเป็นบ้า"


"ฮ่า ๆ "


"สัด หุบปากเลยพวกมึง" เติร์กตอบเสียงเข้ม เขาไม่มีอารมณ์เล่นหรือหยอกล้อกับเพื่อน เนื่องจากอารมณ์ไม่ดีอยู่ที่มันช์เมาไม่รู้เรื่อง


"อื้ออออ"


"ถ้ารู้ตัวว่าคออ่อน ใครใช้ให้แดกเยอะวะ" เติร์กด่าด้วยความกรุ่นโกรธและไม่พอใจที่มันช์ดื่มไม่รู้จักลิมิตตัวเอง


      และดูสภาพมันช์ตอนนี้สิ เติร์กอยากหาผ้ามาคลุมหน้าคลุมตาเหลือเกิน ใครสั่งใครสอนให้ทำตาหวานฉ่ำ หนำซ้ำยังยิ้มยั่วยวนชวนให้คนที่พบเห็นเผลอใจละลายได้ทั้งนั้น


"อื้ม อย่าว่าผมน้าา" คนดุเด็กชะงักงัน ยามที่มันช์พลิกตัวและสอดมือเข้ามากอดเอวเติร์กพลางเบียดตัวซุกซบหน้าลงบนอกกว้างเหมือนต้องการไออุ่น


"เฮ้อ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย เมาแบบนี้จะกลับบ้านยังไง ห้ะ!" เติร์กยังบ่นรุ่นน้องต่อเนื่อง


"ก็มึงไง ไปส่งน้องมัน" ป๋อบอก


      พอเพื่อนว่าดังนั้น เติร์กก้มหน้ามองมันช์ที่ซบอก เติร์กตบแก้มเนียนเบา ๆ เพื่อเรียกสติ


"มันช์ มึงลุกเดี๋ยวนี้ กูจะพามึงไปส่งที่ห้อง"


      มันช์ส่งเสียงครางงอแงพลางปรือตามองทั้งยังยิ้มหวาน ก่อนจะยกมือวางลงบนกรอบหน้าคมของพี่เติร์ก


"ทำไมพี่เติร์กต้องดุด้วยล่าา" มันช์ตอบเสียงยานคางพลางเลื่อนมือลงจากใบหน้าหล่อและใช้นิ้วจิ้มไปที่อกแกร่งหลายที ก่อนจะขยุ้มคอเสื้อพี่เติร์กแล้วถูใบหน้าไปมา


"โอ้ย น้องมันช์ของพี่เติร์ก น่ารักจริงโว้ย" ป๋อยังแซวไม่หยุดหย่อน เมื่อได้เห็นพฤติกรรมของคนเมารั่วแล้วดูตลกดี มันช์จะรู้ไหมว่าพอเวลาเมานี่แทบเป็นคนละคน


"ผมเป็นของพี่แล้วเหรอ? พี่ไม่โกหกผมใช่ม้ายย?" เติร์กกลอกตา ถอนหายใจยาว ยามที่มันช์ได้ยินป๋อพูดแล้วเอามาตีความมั่วไปหมด



"โอ้ยยยย น้องมันช์ พี่เติร์กแพ้น้องแล้วครับ หยุดอ้อนได้แล้ว" โต๋ตะโกนแซวต่อ แต่มันช์ก็ยังไม่รู้ตัวว่าโดนหยอกล้อ กลับหัวเราะลากเสียง


"แพ้จริงเหรอ? พี่เติร์ก เอิ้ก เอิ้ก"



"ไอ้มันช์มึงหุบปากเป็นไหมวะ เมาแล้วพูดมาก"


     เพื่อน ๆ แอบอมยิ้มเมื่อเห็นเติร์กหน้าแดงจัด ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ ที่ผิวแดงราวกับลูกมะเขือเทศนั่นเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือความรักส่งผลกระทบให้มันเป็นอย่างนั้นกันแน่


"ไม่มาวววว"


"มึงเมาไอ้มันช์ เฮ้ยพวกมึง กูต้องกลับก่อนแล้วว่ะ ฝากดูแลความเรียบร้อยและดูแลเด็กปีหนึ่งให้กลับบ้าน ปลอดภัยทุกคนด้วย"


"สัด ที่แท้ก็หวง"


"หวงห่าอะไร กูจะตบกระโหลกมันอยู่เนี่ย เมาอะไรขนาดนี้วะ"


      เพื่อนรู้ดีว่า เติร์กทั้งหวง ทั้งห่วง แต่ก็ไม่อยากจะแซวเพื่อยั่วโมโหมันอีก


"เออ ๆ รีบพามันช์กลับบ้านไปซะ เดี๋ยวพวกรุ่นน้องที่เหลือพวกกูดูแลเอง" ป๋อตอบจริงจัง เพราะเหนื่อยจะแซว


      เติร์กพยักหน้าแกน ๆ และลากมันช์ออกมานอกร้านได้จนกระทั่งถึงริมฟุตบาทก็วางร่างเล็กให้นั่งพิงต้นไม้เพื่อรอแท็กซี่


"มึงนี่นะ กูไม่รู้จะด่ามึงยังไง" เติร์กนั่งยอง ๆ เทน้ำเปล่าจากขวดมาล้างหน้าล้างตามันช์ หวังจะช่วยให้อีกฝ่ายสดชื่นหรือสร่างเมาได้บ้าง


"อื้อออออ เย็นอ่า"


"ดี มึงจะได้สร่าง เวลามึงเมา มึงยั่วแบบนี้ทุกครั้งไหมเนี่ย" เติร์กถามอย่างสงสัย เพราะยามที่มันช์เมา แม่งใจกล้า หน้าด้านเป็นพิเศษ แถมถึงเนื้อ ถึงตัวได้ง่ายเหลือเกิน เติร์กไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามีคนพามันไปทำมิดีมิร้าย มันก็คงสมยอมไปโดยไม่รู้ตัวแน่ ๆ


"ยั่ว ผมยั่วพี่เติร์กงาย อย่าว่าผมซิ ไม่ว่าผมน้า"


      มันช์บิดตัวแถมส่ายหน้าไปมาเร็ว ๆ จนเติร์กกลัวอีกฝ่ายจะมึนหัว เขายึดไหล่มันช์ให้หยุดดิ้น ฟากมันช์ปรือตามองด้วยสายตาหวานฉ่ำ แถมยังยกมือมาลูบริมฝีปากเติร์กและหัวเราะออกมาเหมือนชอบใจ ฟากเติร์กโดนฤทธิ์ออดอ้อนเข้าไปถึงกับมือไม้อ่อนปล่อยมือออกจากไหล่และอีกฝ่ายก็ซุกหน้าลงซอกคอของเติร์ก


"มันช์ กูไม่โอเคจริง ๆ ที่มึงเมารั่วแบบนี้"


       เติร์กบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแถมใบหน้าไร้แววล้อเล่น เขาหงุดหงิดใจที่มันช์เมาไม่ได้สติเช่นนี้ เติร์กไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าไม่ใช่เติร์กแล้วเป็นคนอื่นมาพบเจอ มันจะเกิดอะไรขึ้น


"อื้ออออ โอเคนะ โอเค"


    บอกจบก็สัมผัสถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดตรงซอกคอ ยิ่งทำให้เติร์กตัวร้อนวูบวาบ ไหนจะตอนที่ริมฝีปากของมันช์ดันอยู่ไม่สุก ขยับปากไปมา ถูไถไล้ตรงซอกคอของเขา แต่ไม่นานหรอก เพราะทันใดนั้น


"ไอ้มันช์!!!!!"


    เติร์กตะโกนเสียงดังลั่น ยามที่มันช์ผละออกจากซอกคอเขาแล้วอ้วกใส่ขากางเกงเติร์กจนไม่เหลือชิ้นดี
.
.
.
.
"กูกลับมาได้ไงวะ เฮ้ยพี่เติร์ก" มันช์บ่นพึมพำ แต่พอสายตาเหลือบเห็นว่าเขากำลังนอนหนุนตักใครบางคนอยู่ ก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งและพบว่าคน ๆ นั้น คือ พี่เติร์ก


    ทำไมมันช์ถึงนอนหนุนตักพี่เติร์กได้ แล้วทำไมพี่เติร์กถึงมาอยู่ในห้องเขาตอนนี้? และมันช์ได้เสียกับพี่เติร์กแล้วหรือเปล่า?




"ยังมีหน้ามาถาม มึงเมาไม่พอ มึงอ้วกใส่กางเกงกูด้วย"

 
     มันช์ชะงัก หน้าร้อนเห่อยามที่รู้ตัวว่าทำตัวเปิ่นเป๋อ เรื่องเมื่อคืนมันช์จำได้ลาง ๆ แค่ตอนที่คุยกับพี่เต็น จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกแล้ว มันช์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เมื่อคืนเผลอทำอะไรลงไปบ้าง


"ก็หายกันกับวันที่พี่ฉี่รดตู้เสื้อผ้าผม" มันช์เถียงกลับกลบความอาย


"ยังจะมาเถียงอีก มึงไม่เห็นใจกูเลยหรือไง? กูไม่มีกางเกงใส่กลับบ้าน มันยังไม่แห้ง" มันช์เงียบ มองพี่เติร์กที่ทั้งตัว มีแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวที่สวมอยู่ มันช์แอบมองดวงตาคมโตสีช็อคโกแลต เลื่อนไล่สายตามายังใบหน้าหล่อ จนมาหยุดตรงที่ริมฝีปากสีธรรมชาติ


     'ทำไม ผมถึงมองว่าพี่หล่อได้ทุกองศาจริง ๆ วะ คนบ้าอะไร ขนาดเพิ่งตื่นนอน หน้ายังใสกิ๊ง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงกลับดูเซอร์และเท่ได้'


"ผมขอโทษ" หยุดความคิดอวยอีกฝ่าย แล้วก้มหน้าบอกขอโทษอย่างรู้สึกผิด


"ต่อจากนี้มึงห้ามเมาแบบนี้อีก" เติร์กดุและจ้องมันช์ด้วยสายตาแข็งกร้าว มันช์หน้างอก่อนว่าเสียงเบา


"แล้วทำไมผมต้องเชื่อพี่ด้วย"


"เพราะมึงเมาแล้วเที่ยวไปหอมแก้มคนอื่นไง" เติร์กบอกหน้านิ่ง


"เฮ้ย!" มันช์ใจหายวาบ ยามที่ได้รู้วีรกรรมของตัวเองจากปากของคนอื่น มันช์พยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก


'เชี่ยเอ้ย อายว่ะ'


"เออ ทีนี้รู้รึยัง ว่าทำไมถึงไม่ควรเมาอีก" เมื่อพี่เติร์กว่าจบ มันช์อายจนยกมือปิดหน้าปิดตาตัวเอง เขาเมาเรื้อนได้ขนาดนั้นจริง ๆ หรอ


"พี่เติร์กผมหอมแก้มทุกคนจริง ๆ เหรอ?"


"ใช่สิ ทั้ง ไอ้ป๋อ ไอ้โต๋ เพื่อนมึงที่ชื่อขิงก็ด้วย" เติร์กอธิบาย จนมันช์เบะปากจะร้องไห้


"พี่หลอกผมแน่ ๆ" มันช์สั่นหน้ารัว เขาพยายามไม่เชื่อ เพราะมันช์รับตัวเองไม่ได้ที่ทำอะไรทุเรศแบบนั้น แล้วคราวนี้ ถ้าไปเจอพวกพี่ที่เอกเขาจะทำหน้าอย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งอายเสียเหลือเกิน


"กูไม่ได้หลอก ยังดีนะที่ไอ้ป๋อเห็นว่ามึงเป็นรุ่นน้องเลยยับยั้ง ชั่งใจได้ ถ้าไม่งั้น มึงเสร็จไอ้ป๋อแน่ รายนั้นแม่งเอาหมด"


     มันช์น้ำตารื้น ยกสองมือกอดเข่าตัวเอง และฟุบหน้าลงกับเข่า ส่ายหน้ารัว บอกตัวเองว่าจะไม่เมาแบบนี้อีกแล้ว


     แต่แล้วมันช์ชะงัก ก่อนชำเลืองมองพี่เติร์กที่ยังคงทำหน้าตาไม่สบอารมณ์


"ผมหอมแก้มทุกคน เออะ เอ่อ แล้วพี่?"



"จะเหลือเหรอ? มึงหอมแก้มกูตั้งหลายที ที่สำคัญมึงจะจูบกูด้วย"


"เฮ้ย!!"


"เออ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไม่ทันได้จูบ มึงอ้วกซะก่อน"


    คราวนี้ มันช์หน้าแดงกว่าเดิม เขาใจกล้าหน้าด้านไปจูบพี่เติร์กด้วยเหรอวะ มันช์ไม่สนแล้วกับอาการหนักหัว รวมทั้ง สมองตื้อของตัวเอง เขาขอไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำลำพังยังดีกว่ามาเผชิญหน้ากับคนที่มันช์แอบชอบและหอมแก้มพี่เติร์กไปแล้วด้วย


"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ ไม่ไหว"


    ฟากเติร์กพยักหน้ารับ พอรุ่นน้องผลุบหายไปในห้องน้ำ เติร์กยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แผนโกหกของเขาได้ผลแม้จะมีความจริงปนอยู่บ้างแต่มันก็เพียงน้อยนิด ให้มันช์เข้าใจผิดแบบนั้นล่ะดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ต้องเมามายและทำท่ายั่วยวนใส่ใครอีก
.
.
.
.
หลายวันต่อมา


"ดีใจได้มึง เป็นหลานรหัส"


      ลุงรหัสอย่างพี่ป๋อพูดอมยิ้ม หลังจากที่รู้ว่าหลานตัวเองคือใคร ยามนี้ สายรหัสของมันช์ ไล่ตั้งแต่ พี่รหัสอย่างพี่อุ้ย ลุงรหัสอย่างพี่ป๋อ และปู่รหัสอย่างพี่โจ เพิ่งมีเวลาว่างตรงกัน ทั้ง ๆ ที่ได้มีการจับสายรหัสกันไปตั้งแต่ช่วงรับรุ่นแล้ว


     และในเวลานี้ บรรดารุ่นน้อง รุ่นพี่กำลังมานั่งสังสรรค์กินกันที่ร้านหมูกระทะบุฟเฟ่ต์แถวมอ ซึ่งวันนี้ พี่โจได้พาแฟนมากินด้วย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ฝ้ายปีสี่ศิลปกรรม


"กินเลย ๆ  อย่าเกรงใจ"


"ครับ" ตอนนี้ ทุกคนพร้อมสวาปาม นั่งเฝ้าเนื้อย่างบนเตาให้สุกอย่างใจจด ใจจ่อ ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ มันช์ชะงัก ตอนที่ได้ยินเสียงพี่ป๋อตะโกนด้วยรอยยิ้ม


"ไอ้เติร์กทางนี้"



    มันช์เหลียวหลังมองก็เห็นพี่เติร์กตรงดิ่งมาทางนี้ มันช์หันกลับมาถามพี่อุ้ยที่นั่งข้างๆ


"พี่เติร์กไม่ใช่สายเรานี่ครับ"


"กับคนนี้ ทุกคนยอมคร้าบ" พี่อุ้ยว่าอย่างเริงร่า ดูเหมือนว่า พี่เติร์กจะเป็นที่รักของคนในเอกพอสมควร


"ขอโทษว่ะ มาช้าไปหน่อย"

 
    มันช์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่มาทีหลังแล้วนั่งตรงหัวโต๊ะ


"นั่งหัวโต๊ะไม่ได้หมายความว่าจะจ่ายนะพี่โจ" เติร์กพูดดักคอรุ่นพี่ปีสี่


"แหม่ ร้อนตัวเว้ย"


   พี่เติร์กยักไหล่ก่อนจะหันมาหามันช์ทำหน้าตกใจ


"อ้าวมึงมาด้วยเหรอ?"


"ผมอยู่สายนี่ ถ้ามาก็เป็นเรื่องปกติ พี่ต่างหาก มาทำไม?"


"มาส่องเด็ก" เติร์กว่าหน้านิ่ง แต่มันช์กลับเงียบ เพราะเถียงสู้ไม่ได้ ฟากเติร์กใช้ตะเกียบคีบหมูในจานเพื่อนเข้าปาก


"อ้าว สัดปิ้งเองสิมึง แย่งกูอีกละ" ป๋อบ่นเพื่อน

"ชิ้นเดียว ทำบ่น"


      จากนั้น พี่อุ้ยก็เปิดบทสนทนาไร้สาระตามประสาผู้ชาย อย่างเช่น เรื่องการลงความเห็นว่าสาวเอกไหนในมหา ฯ ลัยสวยที่สุด ต่อมาก็นินทาบรรดาพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เอก ก่อนจะวกมาถึงเรื่องความรัก


"แล้วนี่ มึงมีแฟนรึยัง?" มันช์ชะงักที่ไม่คิดว่าพี่ป๋อจะโยนคำถามมาให้ เพราะก่อนหน้าก็เห็นพวกพี่ ๆ คุยแต่เรื่องของรุ่นพี่เองเป็นส่วนมาก


      แม้ว่าคำที่พี่เติร์กว่าเขาหอมแก้มพี่ป๋อยังติดอยู่ในหัวสมอง แต่พอพี่ป๋อทำตัวปกติ ไม่ได้พูดแซวอะไร มันช์จึงทำตัวเนียนต่อไป เพราะจะว่าไป ตั้งแต่หลังจบงานเลี้ยงน้องเฟรชชีในค่ำคืนนั้น ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องส่วนใหญ่ต่างเมาเรื้อนกันทั้งนั้น เรื่องของคืนเฟรชชีไนท์ จึงไม่ค่อยมีใครจะจดจำอะไรได้ มันช์จึงโล่งใจที่เรื่องน่าอายของเขาไม่มีใครเอามาแซวหรือพูดถึง



"ไม่มีครับพี่ โสดร้อยเปอร์เซ็น"


"อย่างนี้เพื่อนกูก็จีบได้ดิ" พี่ป๋อบอก


"เพื่อนพี่คนไหน ผมต้องดูหน้าตาก่อนว่าผ่านไหม?" มันช์แซวกลับทำอย่างกับว่าตัวเองหล่อเลือกได้


"โห ผ่านเสียยิ่งกว่าผ่าน เพราะมันเป็นถึงเดือนค...แค่ก แค่ก ไอ้สัดเติร์กยัดมาได้ แม่งไม่สุก ไอ้เชี่ย"


"เพราะกูรำคาญเสียงมึงไง เวลานี้ คือ เวลาแดก ไม่ใช่เวลามานั่งจับคู่" เติร์กบอกป๋อ


"ไอ้เติร์กครับ มึง.ร้..อน" ป๋อเถียงกลับเพราะเคืองที่เพื่อนยัดเนื้อหมูไม่สุกเข้าปาก แต่ดูเหมือนแม่งรู้ทัน


"พี่ฝ้ายอยากฟังเรื่องของพี่โจล่าสุดไหม ที่วันนั้น..." เติร์กหันหน้าไปหาพี่ฝ้ายทันที


"ไอ้เติร์ก ได้โปรด อย่าสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวกู"

"โจมีความลับกับฝ้ายหรอ?"


      นั่นไง โจหันไปด่ารุ่นน้องไม่ออกเสียง และมันก็น่าแปลกจริง ๆ ที่เวลาอยู่ในวงสนทนา ผู้หญิงก็มักชอบเชื่อเพื่อนแฟนมากกว่า เชื่อแฟนตัวเอง


"เปล่าเลย โจไม่มีความลับอะไรทั้งนั้น" โจถอนหายใจยาว พอโจพูดความจริง ฝ้ายกลับไม่เชื่อ แต่พอโจโกหก ฝ้ายกลับเชื่อนักหนา


"แต่โจมีพิรุธ" พี่ฝ้ายเชิดหน้างอน


"ไอ้สัดเติร์ก มึงช่วยเคลียร์ด่วนเลย แฟนกูเชื่อมึงแล้วเนี่ย" เติร์กขำที่พี่โจเหงื่อแตก


"พี่ฝ้าย ผมล้อเล่น พี่โจไม่ได้มีกิ๊กหรอกครับ มีแค่ลงอ่างวันนั้นวันเดียว มันไม่เหมือนกันหรอกเนอะ"


"ไอ้เชี่ยเติร์ก" โจถลึงตามองน้อง


"โจ!!!" ฝ้ายวางตะเกียบเสียงดัง ฟากโจหน้าซีดเป็นไก่ต้ม


"ฝ้ายครับ ไม่มีอะไรจริง ๆ เชื่อไอ้เติร์กออกลูกเป็นควายแล้ว ฝ้าย" โจกลืนน้ำลายเอื้อก ๆ หน้าเสียที่แฟนสาวงอนตุ้บป่อง หันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่นึกสนใจแฟนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ


"พี่ติดหนี้ผมอยู่นะ สามพันห้า ค่า...." เติร์กยังไม่สลดกับการสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวผู้อื่น


"กูไหว้ล่ะมึง ได้โปรด" พี่โจพนมมือเหนือหัว จนเติร์กหลุดขำรีบแก้สถานการณ์ก่อนบานปลายไปกันใหญ่



"ฮ่า ๆ พี่ฝ้ายผมพูดเล่น พี่โจรักพี่จะตาย ขนาดพวกผมชวนไปเตะบอลตั้งหลายรอบแกยังไม่ไปเลย แกบอกว่าต้องนอนดูซีรีส์เกาหลีกับแฟน ไม่อยากให้พี่ฝ้ายนอนดูอยู่คนเดียว พี่ฝ้ายไม่เคยสังเกตบ้างเลยเหรอ?" พอเติร์กว่าอย่างนั้น ฝ้ายหน้าแดง เพราะถ้านึกย้อนกลับไป โจแทบอยู่กับฝ้ายตลอดเวลา เธอจึงหายงอนอย่างไว แล้วหันไปยิ้มหวานให้แฟนตัวเอง

     มันช์นั่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจึงบ่นขมุบขมิบที่พี่เติร์กโรคจิตไปแกล้งคู่รักให้ทะเลาะกันแบบนั้น



"คนบ้าอะไรวะโคตรโรคจิต อ้ะเจ็บนะ" มันช์สะดุ้งตอนที่พี่เติร์กชะโงกตัวและใช้ตะเกียบตีหน้าผากมันช์


"ปากมึงนี่ไวตลอด คิดก่อนพูดบ้าง"


"พี่ได้ยิน?" มันช์หน้างอพลางลูบหน้าผากป้อย ๆ


"เออ"

"แล้วพี่ตีผมทำไม? ผมไม่ได้ว่าพี่สักหน่อย"


"อย่ามาโกหก กูมองมึงอยู่" มันช์เงียบ หลุบตาลงต่ำก่อนจะยัดอะไรก็ได้ที่มีอยู่ในจานเข้าปากแล้วเสมองไปทางอื่น


"อ้าว ๆ กิน ๆ ชืดหมดแล้ว" ป๋อขัดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้า บ้างก็ลุกไปตักเนื้อมาเติม บ้างก็ลุกไปตักของหวาน กินกันจนกระทั่ง ครบกำหนดเวลา รุ่นพี่ทั้งหลายก็เตรียมแยกย้ายกลับบ้าน


"ไอ้เติร์กฝากน้องด้วย"


"ห้ะ!" มันช์ยืนงงยามที่พี่รหัสและลุงรหัสรวมใจมัดมือชกบอกให้พี่เติร์กไปส่ง ทั้ง ๆ ที่พี่เติร์กไม่ใช่สายรหัสของมันช์สักหน่อย


    'โอ้โห ทั้งพี่และลุงรหัสรักกูจริง ๆ ถีบหัวส่งกูเลยซะงั้น'


"มันช์กลับกับไอ้เติร์กนะ ปลอดภัยหายห่วง พวกกูกลับก่อน ไปละ" ป๋อบอกพลางโบกมือลา มันช์ก็ได้แต่ทำหน้าเหราหรากลับไป


"อ่า อะครับพี่" มันช์ตอบรับอย่างงง ๆ พอพวกพี่ป๋อ พี่อุ้ยลับตาไปไกล มันช์หันมาหาพี่เติร์กที่นั่งอยู่บนรถเวสป้าสีเขียวขี้ม้า


"พี่ แยกกันเลยก็ได้ สวัสดีครับพี่"


"มึงกลัวกูปล้ำรึไง?" เติร์กมองเด็กเด๋อที่ทำตัวป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ก็เลยถาม


"เปล่าสักหน่อย"


"แล้วเล่นตัวทำไม หรือเป็นเพราะไม่ได้อยู่สายรหัสเดียวกัน กูเลยทำแทนไม่ได้?" เติร์กถาม มันช์มองคนพูดยียวนพลางลอบถอนหายใจ ก่อนจะต่อปากต่อคำกลับไป


"ก็จริงอย่างที่พี่พูด มันทำแทนกันไม่ได้"


"เถียงตลอด น่าตบปากจริง ๆ"


"ทำตัวป่าเถื่อน เอะอะก็ใช้กำลัง"


"ก็แค่กับมึงคนเดียวล่ะ ที่กูอยากใช้กำลัง"


"นู้น ไปค่ายมวยโน่น เขามีคู่ซ้อมถ้าพี่อยากใช้กำลังมากนักน่ะ" มันช์กวนพี่เติร์กกลับอย่างไม่อยากยอมพ่ายแพ้ง่าย ๆ


"ทำไมกูต้องไป กูแค่อยากใช้กำลังกับมึง และถ้าเป็นมึงไม่ต้องไปถึงค่ายมวยหรอก จะพื้น จะเตียง หรือระเบียงก็ยังได้"


   สาบานนะว่า เราสองคนกำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่ ทำไมมันช์ขนอ่อนลุกชูชัน ใจสั่น หวั่นไหวยามที่พี่เติร์กมองมาด้วยสายตากะลิ้ม กะเหลี่ย


'ไอ้พี่เติร์ก พี่คิดเชี่ยอะไรอยู่วะเนี่ย?'



...............................................
[/b]


- อิพี่มันร้าย ฮ่า ๆ ติดตามไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่าพี่เติร์กน่าหลงรักขนาดไหน แล้วระวังตกหลุมรักพี่เติร์กแทนมันช์น้า อะแฮร่


- ตอนนี้ก็เท่าเทียมกันแล้วโนะ อีกคนฉี่รดตู้เสื้อผ้า อีกคนอ้วกใส่ขากางเกง แสดงธาตุแท้ให้เห็นกันตั้งแต่ตอนแรกไปเลย เวลาเป็นแฟนกันจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมาก ฮ่าๆๆ แต่จะได้เป็นแฟนกันไหมก็ต้องมาช่วยลุ้นกันล่ะค่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 9 ที่แท้ก็หวง - [22 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-02-2019 20:48:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่.....มันชัดเจนขนาดนี้แล้วนะ  นุ้งมันซ์อย่ามัวแต่มโนด้านลบ หัดมโนด้านบวกด้านเข้าข้างตัวเองบ้าง  อิอิ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 9 ที่แท้ก็หวง - [22 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-02-2019 21:33:18
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 9 ที่แท้ก็หวง - [22 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-02-2019 21:36:59
ช่างหยอดนะพี่เติร์ก   :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 9 ที่แท้ก็หวง - [22 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-02-2019 22:20:32
 :m20:

อีพี่ออกนอกเรื่องตลอด
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 9 ที่แท้ก็หวง - [22 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 22-02-2019 22:21:08
ยอมเลยว่ะพี่เติร์ก มุกหยอดเด็กของพี่นี่มันเฉียบจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 10 ยังไม่ถึงเวลา - [24 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-02-2019 00:29:36


บทที่ 10  ยังไม่ถึงเวลา










"ขอบคุณนะครับพี่" มันช์เอ่ย ยามที่พี่เติร์กมาส่งมันช์ถึงหน้าหอโดยสวัสดิภาพ ในขณะที่มันช์หมุนตัวเดินขึ้นตึกก็ได้ยินเสียงไล่ตามหลัง


"รอด้วย"


      ขายาวที่ก้าว หยุดชะงักงัน หันหลังมองคนที่มาส่งลงจากรถมอเตอร์ไซค์และปรี่มาหา


"พี่จะไปไหน?" มันช์ถามพี่เติร์กที่อยู่ดี ๆ ก็เดินตามมาไม่ยอมกลับบ้าน


"นอนห้องมึงไง"


"ห๊ะ! แล้วใครบอกจะให้พี่นอน?" มันช์ถามอย่างตกใจ เขาไปตกลงไปกับพี่เติร์กตอนไหนว่าจะให้นอนค้างด้วย มันช์มองหน้าพี่เติร์กที่ยืนรอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พอสนิทกันหน่อย ความเกรงใจก็ดูเหมือนไม่ค่อยหลงเหลือ



"กูไม่นอนก็ได้ พอดีกูแค่ทะเลาะกับแม่มา เลยไม่อยากกลับบ้าน แต่ไม่เป็นไร กูเข้าใจมึง" เติร์กว่าจบก็เดินกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง แต่เดินไปได้แค่สองก้าวเท่านั้น เสียงตะโกนก็ทำเติร์กชะงัก


"พี่จะนอนก็นอน แค่ถามไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" มันช์เปลี่ยนใจทันทีที่ได้รู้เรื่องอันน่าสงสารของพี่เติร์ก ถ้าการที่มันช์จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำให้พี่เติร์กสบายใจ มันช์ก็ยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจ



"พี่อาบน้ำก่อนเลย" มันช์บอกตอนที่ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องพร้อมวางสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย


     ยอมรับว่าตั้งแต่บังเอิญเจอกันที่ร้านเหล้าคราวก่อน มันช์กับพี่เติร์กก็สนิทกันมากขึ้น กำแพงที่ต่างฝ่าย ต่างมีไว้เพื่อปกป้องตัวเองก็ดูเหมือนจะพังทลายลงไปโดยอัตโนมัติ



"มึงอาบก่อนเถอะ กูรอได้" พี่เติร์กบอก มันช์จึงไม่ขัด คว้าผ้าขนหนูพร้อมเสื้อผ้าใส่นอนคืนนี้เข้าไปในห้องน้ำด้วย



       หลังจากที่ มันช์อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ เขาเดินออกมายื่นผ้าขนหนูของตัวเองไปให้พี่เติร์กที่นั่งรออยู่


"หืม มึงใช้ผ้าอะไรเปียกขนาดนี้วะ" เติร์กถามตอนที่มันช์ยื่นผ้าเช็ดตัวเปียกโชก เสมือนทำหล่นในห้องน้ำ


"อ้าวพี่ ผมใช้ผ้าเช็ดตัวหลังอาบน้ำเสร็จ มันก็ต้องเปียกไหมวะ ถามอะไรแปลก ๆ ถ้างั้นก็ไม่ต้องใช้" มันช์ชักผ้ากลับ แต่เติร์กยึดผ้าไว้แน่น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วอมยิ้ม


"ถ้ามึงรับได้ที่กูเดินออกมาแล้วไม่ใส่อะไรเลย กูก็โอเคนะ"


     มันช์ชะงัก แล้วใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าว เมื่อพอพี่เติร์กพูดจบ มันช์ดันจินตนาการไปไหนต่อไหน มันช์หลุบตาลงต่ำปล่อยผ้าจากมือ แล้วให้พี่้เติร์กเดินเข้าห้องน้ำด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ


     ในระหว่างที่พี่เติร์กอาบน้ำอยู่นั้น มันช์นั่งใจเต้นแรงอยู่ที่ปลายเตียง โดยปกติแล้ว การที่พี่เติร์กจะมานอนค้างที่นี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้น เพราะใครคนใดคนหนึ่งเมา ดังนั้นเวลานอนด้วยกันจึงไม่ต้องเกร็งอะไรอยู่แล้ว แต่คราวนี้มันต่างออกไป มันช์ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกันกับพี่เติร์กในสภาพที่สติสัมปชัญญะครบถ้วน แล้วอย่างนี้มันช์จะทำอย่างไรดี เขากลัวความลับแตก หากพี่เติร์กจับพิรุธได้

 
     ดังนั้น วันนี้ มันช์ได้คำตอบว่าเขาควรใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ละลายความอายสักหน่อย ตอนนอนด้วยกันจะได้ไม่ต้องเขินอาย มันช์พาตัวเองออกจากห้องไปเคาะประตูห้องแบงค์ที่อยู่ติดกัน


      มันช์ยืนถอนหายใจยาวเมื่อได้ออกมาอยู่ข้างนอกห้อง เขาเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องแสร้งแสดงละครทำตัวเหมือนว่าพี่เติร์กและมันช์เป็นแค่รุ่นพี่-รุ่นน้องกัน ทั้ง ๆ ที่ใจมันช์คิดไปไกลกว่านั้น


"อ้าว ว่าไงมึง" แบงค์เบิกตาโตอย่างประหลาดใจที่เห็นเพื่อนมาเคาะประตู ก่อนจะเบี่ยงตัวให้มันช์เดินเข้ามาด้านใน


"มึงมีเบียร์ไหม? ขอหน่อย" มองเพื่อนยืนกัดปาก ทำท่าลุกลี้ ลุกลน



"มีแค่สองกระป๋อง ทำไมมึงอยากกินเหรอ กินห้องกูเลยดิ"


"เปล่ากูจะกินกับพี่เติร์ก วันนี้ พี่เติร์กมานอนห้องกูว่ะ" มันช์บอก


      เพียงได้ยินคำตอบของเพื่อน ฟากแบงค์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนแซว



"ง่อวววววว์ อย่างนี้นี่เอง จะเมาแล้วอ่อยว่างั้น?"


"พ่องมึงสิ กูแค่อยากกินให้มันหลับ ๆ ไป คือ มึงเข้าใจกูไหม? ที่ผ่านมา เวลาพี่เขามานอนห้องกู คือ ไม่เขาหรือกูก็เมาไง แต่พอวันนี้ ไม่มีใครเมาแล้วต้องอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน กูกลัวว่าเขาจะจับได้ว่ากูชอบเขา" มันช์บอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง



"กูว่าก็ดี ถ้างั้น ลุยเลย บอกพี่เติร์กไปเลยว่า มึงชอบเขา" แบงค์บอกอย่างกระตือรือร้น เชียร์เพื่อนเต็มที่



"มึงก็พูดง่าย แต่มันทำไม่ง่ายแบบนั้น มึงเข้าใจไหมว่ากูกลัว กูไม่กล้า และกูก็ยังไม่พร้อมจะเสียใจตอนนี้ด้วย" มันช์บอกก่อนจะกัดเล็บตัวเองพลางครุ่นคิดไปด้วย


      แบงค์ส่ายหน้าพลางถอนหายใจเสียงดัง ก่อนตอบ



"มึงนี่หลายทีแล้วนะไอ้มันช์ เมื่อไหร่มึงจะมั่นใจตัวเองวะ มึงหน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี ขอแค่เปิดใจ ทำตัวให้กล้า ๆ หน่อย มัวแต่กลัวแล้วเมื่อไหร่จะมีแฟน ขืนเป็นแบบนี้ หมาก็คาบไปแดกพอดี"


      แบงค์เป็นเพื่อนกับมันช์มานาน ย่อมรู้ดีว่า มันช์เป็นคนอย่างไร และมีข้อดีในตัวมากแค่ไหน แต่มันช์มักไม่ค่อยนำมันออกมาใช้ เพราะชอบไม่มั่นใจตัวเองอยู่เสมอ


"มึงอย่าว่ากูสิวะ"



"ไม่ได้ ต้องว่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่ เอาอย่างนี้ไหม ? ให้กูไปนั่งที่ห้องมึงด้วย ทำเนียนนั่งกินเบียร์ด้วยกันไปเลย"


"ไม่เอา กูอยากอยู่กับพี่เติร์กสองคน อีกอย่าง เขาทะเลาะกับแม่มาด้วย กูอยากให้กำลังใจเขา" มันช์บอกตามตรง จนแบงค์เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้



"ปากบอกอายไม่กล้าบอกชอบพี่เขา แต่ในใจนี่อยากได้เขาจนตัวสั่นเลยนะกูว่า"


"ปากหมานะ ไอ้เชี่ยแบงค์"



   มันช์ว่าเพื่อน ก่อนจะเดินไปหยุดเท้าและย่อตัวลงเพื่อเปิดตู้เย็นขนาดเล็กคว้าเบียร์ที่มีมาสองกระกระป๋อง


"กูพูดเรื่องจริง" แบงค์บอก แต่มันช์ไม่อยากเถียงให้เสียเวลายืดยาว เพราะเขากลัวว่าพี่เติร์กจะออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอเขา มันช์จึงร่ำลาเพื่อน


"กูไปก่อน เดี๋ยวซื้อมาใช้คืนนะ"


"เออ ๆ ไม่ต้อง รีไป ถ้าคืนนี้ได้กันก็บอกกูด้วย"


"ได้เชี่ยอะไร ทะลึ่ง" มันช์ด่าเพื่อนแต่ก็เขินจนหน้าแดง แล้วรีบดิ่งไปห้องของเขา



        มันช์ยืนถอนหายใจยาว ก่อนจะเปิดประตู เข้าไปเห็นพี่เติร์กนั่งหน้าเข้มอยู่ที่ปลายเตียง


"ไปไหนมาวะ?"


"ไปขโมยเบียร์ห้องไอ้แบงค์มาน่ะพี่" มันช์มองพี่เติร์กที่ตอนนี้ยังไม่ใส่สวมเสื้อผ้ามีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่างเอาไว้เท่านั้น


"แล้วทำไมพี่ไม่แต่งตัว"


"ก็จะขอยืมเสื้อผ้ามึงไง แต่มึงไม่อยู่ เลยไม่กล้ารื้อ" มันช์เอียงคอมองอย่างแปลกใจ นึกยังไงอยู่ดี ๆ พี่เติร์กก็เกิดจะมามีมารยาทดีกับเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น


    มันช์วางกระป๋องเบียร์บนเตียงข้างตัวพี่เติร์ก ก่อนจะเดินไปค้นเสื้อผ้ามาให้ร่างสูงได้สวมใส่


"แต่ผมไม่มีกางเกงในให้พี่ยืมหรอกนะ"


"ไม่เป็นไร กูไม่ใส่ก็ได้ แต่มึงอย่าแอบดูของกูแล้วกัน"


"ทำไมต้องแอบดู ไม่ได้อยากเห็นขนาดนั้น" มันช์เบะปากบอก


"อย่าให้รู้ทีหลังแล้วกัน ว่าแอบมองจนเก็บเอาไปฝัน" ก็รู้นะว่าพี่เติร์กชอบกวนประสาทตามประสา แต่มันช์กลับขำไม่ออก เพราะใจสั่นเกินต้านทานเมื่อดันจินตนาการร่างกายอีกฝ่ายเสียซะละเอียดยิบ มันช์หลบสายตาด้วยความเขินอาย


"บ้า ผมไม่ใช่พวกโรคจิต"



       บางที มันช์ก็อยากลอกเลียนแบบพฤติกรรมความหน้าด้านมาจากพี่เติร์กได้บ้างเหมือนกัน ในขณะที่ มันช์เห็นพี่เติร์กสวมเสื้อของมันช์และทำท่าจะปลดผ้าเช็ดตัว มันช์จึงรีบเอ่ย


"นี่เบียร์ของพี่นะ ผมรอตรงระเบียง"




      เดินออกมามองวิวตรงระเบียง มันช์ผุดรอยยิ้มที่วันนี้ อากาศดี มีสายลมพัดผ่านเบา ๆ  ไม่อบอ้าวเช่นทุกที มันช์กระดกเบียร์ไปสองอึก พี่เติร์กก็เดินออกมา


"นึกไงอยากกินเบียร์?" เติร์กถามอย่างประหลาดใจ


"อยากเมาจนหลับ"


"กระป๋องเดียวคงไม่ช่วยอะไร"


"ก็ยังดีกว่าไม่ได้กิน"


"มึงดูแปลก ๆ นะไอ้มันช์"



    ฟากมันช์ยืนเงียบไปไม่ตอบ


   ก็จะให้มันช์ทำอย่างไรได้ เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้อยู่กับพี่เติร์กสองต่อสองในสภาวะปกติแถมอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ มันช์จึงกลัวเหลือเกินว่าพี่เติร์กจะล่วงรู้ความลับในใจของเขา


"พี่ทะเลาะกับแม่เรื่องอะไรมาเหรอ ?" มันช์รีบถามขัดความเงียบ ส่วนหนึ่ง มันช์ก็อยากรู้ถึงความเป็นมาเป็นไปว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เติร์กถึงทะเลาะกับแม่ได้


"เปล่า ไม่ได้ทะเลาะ" เติร์กตอบหน้านิ่งก่อนยกเบียร์ขึ้นดื่ม ฟากมันช์หันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงุนงง


"อ้าวแล้วไหนตอนแรก พี่บอกว่าทะเลาะ"


    ใบหน้าหล่อคมผุดรอยยิ้ม ก่อนบอกความจริง


"มึงนี่เชื่อคนง่ายเนอะ กูพูดเล่น"


    พี่เติร์กว่าด้วยท่วงท่าที่สบาย ๆ แต่มันช์กลับเสียใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายโกหกกัน


"พี่ โกหกผมแบบนี้ได้ไงวะ" มันช์ว่าพี่เติร์กเสียงดัง ก่อนจะเดินหงุดหงิดเข้าไปด้านในห้อง ปล่อยให้เติร์กยืนมองตามหลังด้วยใบหน้าเหวอ


     ทุกทีก็แหย่กัน เล่นกันเป็นเรื่องปกติ แต่เหตุการณ์ตอนนี้ ทำเติร์กยืนงงเป็นไก่ตาแตก ที่ไม่รู้ว่ามันช์เป็นอะไรทำไมถึงต้องไม่พอใจมากขนาดนั้น เติร์กยืนคิดอะไรบางอย่างก่อนเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มันช์ที่มือกำกระป๋องเบียร์แน่น




"มึงโกรธกูเหรอ?"


"......"

   
     มันช์เงียบ รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์โกรธหรือไม่พอใจพี่เติร์ก แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อมันช์ก็ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันช์เป็นห่วงพี่เติร์กเลยเสียความรู้สึกที่พี่เติร์กต้องทำลายความรู้สึกเป็นห่วงกันด้วยการลวงหลอกกันเล่น ๆ แบบนี้



"กูขอโทษแล้วกันที่โกหก" เติร์กว่าพลางมองรุ่นน้องที่นั่งนิ่ง


"แล้วพี่จะโกหกเพื่ออะไร?" มันช์ถามอย่างไม่เข้าใจว่าพี่เติร์กต้องการอะไรกันแน่



"เพื่อกูจะได้ลองอยู่กับมึงสองคนไง ถ้ากูพูดความจริงไปตั้งแต่แรก มึงคงไล่กูกลับบ้าน"


    มันช์ชะงักอย่างไม่รู้ว่า การที่พี่เติร์กใช้คำพูดแบบนั้น มันจะเป็นสิ่งเดียวกับที่มันช์ตีความหรือไม่ มันช์ก้มหน้ากัดปากอย่างครุ่นคิด



"เงียบทำไม? มึงยังโกรธกูอยู่เหรอ?" เติร์กถาม


     สาเหตุที่มันช์นิ่งเงียบ ไม่ใช่ว่าเขาโกรธพี่เติร์ก แต่ที่เงียบเพราะมันช์กำลังนั่งหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในรูปประโยคก่อนหน้านั้นต่างหาก แต่ดูเหมือนว่าเติร์กจะยังคงเข้าใจผิดคิดว่า รุ่นน้องโกรธเคืองกันไม่หาย


"กูต้องง้อยังไง? ให้มึงหายโกรธ?"



     มันช์มองคนที่ถามออกมาตรง ๆ ครู่หนึ่งเขาเหลือบมองพี่เติร์กที่เหมือนต้องการหาทางออกให้กับเรื่องนี้ มันช์ถอนหายใจ ก่อนยิ้มบางเบา


"ผมไม่ได้โกรธหรอกพี่เติร์ก ช่างมันเถอะ"


"แน่ใจ?"


"อื้ม"


"มึงง่วงนอนรึยัง?" เติร์กถามเพื่อความแน่ใจ เมื่อเห็นมันช์ดูเหมือนง่วงงุน


"ตอนนี้ พี่ไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ?"


"มึงเมาหรอวะ มันช์?" เติร์กย้ำถามอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ ในเมื่อเติร์กถามอีกอย่างกลับได้คำตอบอีกอย่าง



"เปล่าสักหน่อย ทำไม? ผมเหมือนคนเมาเหรอ?"


"เออดิ อยู่ดี ๆ มึงก็ไม่ตอบคำถามกู แล้วถามอะไรก็ไม่รู้"


"อ้าว ก็พอดีนึกขึ้นได้เลยถามไง"



"ตลกมึงว่ะ มึงดูมึน ๆ นะ อืม กูไม่มีแฟน" เติร์กตอบคำถามรุ่นน้องที่ดูเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว



       มันช์ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ชื้นเหงื่อทั้งยังหมุนกระป๋องเบียร์ไปมาอย่างตื่นเต้น


"แล้วพี่ชอบคนแบบไหน?"


"มึงถามทำไม?"


"เอ้าก็ถามไถ่ตามประสาพี่น้องไง" มันช์บอกปัด ทั้ง ๆ ที่รู้ดีแก่ใจว่าถามไปเพื่ออะไร


     'ก็แค่อยากรู้ไงล่ะ ว่า คนที่พี่ชอบ ใกล้เคียงกับคนอย่างผมบ้างหรือเปล่า?'


"ก็ไม่รู้ว่าชอบคนแบบไหน แต่ถ้าความรู้สึกมันบอกว่าใช่ก็ใช่ กูไม่รู้จะอธิบายให้มึงเห็นภาพยังไง"


"อ่าห้ะ แล้วตอนนี้ พี่เติร์กเจอคนที่ใช่รึยัง?" มันช์ถามทั้ง ๆ ที่ใจสั่น นี่มันช์พยายามรวบรวมความกล้าตามคำบอกเพื่อนทุกอย่าง



"ไม่บอก"


"โห! อะไรกันวะ แค่นี้ก็บอกน้องไม่ได้" มันช์อุตส่าห์ใจกล้าถามคำถามที่ชวนใจเต้นแรง  แต่พี่เติร์กกลับยียวน กวนประสาทไม่ยอมเอ่ยออกมาว่ามีคนในใจแล้วหรือยัง



"มันยังไม่ถึงเวลา"


"....."


"แต่ถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ กูจะบอกมึงเป็นคนแรก"



   แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็ฉวยกระป๋องเบียร์ของมันช์ไปจากมือและผุดลุกขึ้นยืน ก้าวยาว ๆ เดินไปทิ้งเบียร์สองกระป๋องที่ถังขยะเล็ก ปล่อยให้มันช์นั่งมองแผ่นหลังกว้าง


     'และถ้าเวลานั้นมาถึง ผมต้องเตรียมใจแล้วใช่ไหม พี่เติร์ก'

 

.......................................

 :-[ :o8: :-[ :-[ :-[ :o8: :o8: :-[
-     อิพี่เติร์กน่ารัก 
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 10 ยังไม่ถึงเวลา - [24 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-02-2019 01:40:28
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมไม่ทำตามที่แบงค์แนะนำฮะเจ้ามันซ์

อิพี่เติร์กอุตส่าห์ขนอ้อยมาเป็นไร่แล้วนะนั่น  ยังไม่เข้าใจอีก
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 10 ยังไม่ถึงเวลา - [24 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 24-02-2019 07:04:15
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 10 ยังไม่ถึงเวลา - [24 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-02-2019 09:46:35
อิพี่ขนอ้อยมาตรงหน้าแต่บอกยังไม่ถึงเวลา
อ้าว น้องก็นอยด์ดิ
เชียร์โฟลค์ดีก่า
+1
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -11 มึงไม่คิด แต่กูคิด - [27 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 27-02-2019 20:33:39
บทที่ 11  มึงไม่คิด แต่กูคิด















"นึกไงดูหนังแนวแอบรักเพื่อนสนิท"


    มันช์มองคนทำหน้าหงุดหงิด ก่อนตอบ



"ก็ดูทีเซอร์แล้วน่าสนุก"



    ตั้งแต่เรื่องคืนที่พี่เติร์กมานอนค้าง ก็ผ่านมาแล้วหลายวันที่มันช์คิดไม่ตกกับคำพูดที่ยังติดค้างอยู่ในใจ แม้ว่าอยากรู้แค่ไหน แต่ปากกลับไม่กล้าถามในสิ่งที่สงสัย ลึก ๆ แล้วมันช์ยังคงกลัวในคำตอบ



    วันนี้ เป็นวันที่พี่เติร์กพามาเลี้ยงตามสัญญา และมันช์ก็ยังคงต้องเล่นละครตบตาสร้างสถานะระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้องอีกเช่นเคย  โดย มันช์จัดทั้งบุฟเฟ่ต์และไอศกรีมจนอิ่มหนำ เสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งรอภาพยนตร์ฉาย



"กูนึกว่ามึงชอบขิง" เติร์กถามจบก็ดูดน้ำซาสี่


"ไม่ได้ชอบนะพี่เติร์ก ขิงเป็นเพื่อนผมจริง ๆ" มันช์รีบแก้ เพราะกลัวว่าพี่เติร์กจะเข้าใจผิด


"แน่ใจนะ" เติร์กถามอย่างไม่อยากเชื่อ


"แน่ใจสิพี่" มันช์ตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเปื้อนยิ้ม มันช์รีบหลบตา พี่เติร์กจะรู้ไหมว่า รอยยิ้มของพี่เติร์กช่างชุบชีวิตมันช์ให้มีชีวามากกว่าเดิม



"เออ พี่เติร์ก พี่ป๋อบอกผมว่าพี่เคยเป็นเดือนคณะ?" มันช์เปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกไม่ชอบสายตาพี่เติร์กที่มองมาแปลก ๆ ส่วนหนึ่งที่มันช์ถามก็เพราะอยากรู้ประวัติส่วนตัวของคนที่ชอบด้วย


     พี่เติร์กเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเนือย ๆ


"ไม่เห็นบอกเลย" มันช์บอก


"แล้วทำไมกูต้องบอกเรื่องส่วนตัวให้มึงฟัง เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" เติร์กบอกออกไปตรง ๆ

 
   มันช์ชะงักที่พี่เติร์กพูดกระแทกใจอย่างจัง จะว่าไป พี่เติร์กก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกที่จะพูดอย่างนั้น



"ขอโทษครับที่ถาม"



"ขอโทษทำไม มึงไม่ได้ทำอะไรผิดและที่กูพูด ก็แค่อธิบายให้มึงเข้าใจเฉย ๆ"


"......"



"มึงเป็นคนคิดมากเหรอ? มันช์" เติร์กถามรุ่นน้องที่ดูเงียบไปนิดแถมใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเครียดขึงขัง ดูเหมือนเวลาที่เติร์กพูดตรง ๆ  มันช์ดูน้อยใจง่ายเป็นพิเศษ



"......."



      มันช์ยังคงเงียบกริบ ก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง


"พี่เติร์ก หนังเข้าแล้ว รีบไปเหอะ"


      เติร์กมองคนเฉไฉ ก่อนจะดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองบ้าง ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ  ทั้งสองจึงรีบลุกจากที่นั่งเพื่อเดินเข้าโรงภาพยนตร์ ถึงที่นั่ง มันช์นั่งฝั่งซ้ายมือของพี่เติร์ก เขาวางเครื่องดื่มตรงที่วางแก้วและป๊อปคอร์นไว้บนตัก จ้วงกินอย่างเพลิดเพลิน

 


      มันช์ชอบนั่งกินป๊อปคอร์นพร้อมดูหนังไปด้วยเพื่ออรรถรส โดยเฉพาะการกินป๊อปคอร์นรสเค็มผสมรสหวาน ยิ่งทำให้มันช์หยิบเพลินจนไม่สนคนข้าง ๆ แต่อย่างใด กระทั่ง หนังฉายไปราวสามสิบนาที มันช์ที่นั่งหยิบป๊อปคอร์นจนเหลือครึ่งกล่องก็ชะงักมือ ตอนที่ พี่เติร์กหันมาถาม


"ไม่คิดจะชวนกูกินบ้างเลยเหรอ?"


     มันช์ลืมตัวจริง ๆ เขามัวแต่กินไม่พูด ไม่จา และการที่พี่เติร์กพูดออกมาเช่นนั้น ยิ่งทำให้มันช์รู้สึกผิดไปใหญ่


"ขอโทษที่ลืมชวน ก็ผมชอบกินอะ แต่ยังเหลืออยู่นะ พี่เติร์ก"


     มันช์ว่าก่อนจะเอียงกล่องไปให้พี่เติร์กหยิบสะดวกมือ เติร์กล้วงหยิบป๊อปคอร์นที่มันช์ยกจากตักมาวางตรงพนักแขน และกลายเป็นว่าตอนนี้ ต่างฝ่ายต่างสลับกันจ้วงป๊อปคอร์นอย่างเพลิดเพลิน


       มันช์ทอดสายตามองไปยังหน้าจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ในจังหวะที่มือก็ล้วงป๊อปคอร์นไปด้วย แต่มันช์สะดุ้งสุดตัว เมื่อเขาล้วงไปจับมือพี่เติร์กเต็ม ๆ 


"เป็นอะไรวะมันช์ สะดุ้งอะไรขนาดนั้น" เติร์กถามอย่างจับผิด เพราะหลายครั้งที่เติร์กแอบมองมันช์ เขารู้สึกว่าวันนี้มันช์ดูแปลก ๆ
 


"เปล่านี่ ผมไม่ได้เป็นอะไร" มันช์ตอบเสียงสั่น เขาไม่ชอบเลย การที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมอะไรไม่ได้




      ในขณะที่มันช์พูดจบ เขาหลับตาปี๋ทันที ปลายนิ้วจิกลงบนพนักวางแขนบุผ้ากำมะหยี่สีแดง ฝ่ามือชื้นเหงื่อแถมใจเต้นแรงราวกับขึ้นรถไฟเหาะ ยามที่พี่เติร์กขยับใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้คล้ายจะจูบ มันช์เผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง และวินาทีนั้น เติร์กจับท่อนแขนแล้วเอ่ย



"มันช์"


       เมื่อพี่เติร์กเรียกสติให้มันช์ลืมตามามองคนข้างกายที่สุดท้ายก็ไม่ได้จูบ


"อะ...อะไรพี่" มันช์ตอบรับและเสียเซล์ฟนิดหน่อยที่เผลอเข้าใจผิดคิดว่าพี่เติร์กจะจูบ แต่เปล่าเลย มันช์หน้าร้อนผ่าวยามที่มองอีกฝ่ายเลียริมฝีปากที่แห้งผาก


"มึงแอบคิดอะไรกับกูหรือเปล่า?"


"เฮ้ย บ้าไม่ได้คิด"


      แต่เพราะมันช์ตกใจเกินกว่าจะตั้งรับ มันช์จึงรีบตอบปฏิเสธไป ทั้ง ๆ ที่มันช์ควรตอบรับว่าใช่ให้มันรู้ดำ รู้แดงกันไป


"มึงไม่คิด แต่กูคิด"


"......"  มันช์นั่งอึ้งอย่างคนมึนเบลอ และประโยคสุดท้ายก็เฉลยทุกสิ่ง


กูคิดว่ากูชอบมึงว่ะ มันช์"

 
"กูชอบมึงว่ะ มันช์"


"กูชอบมึงว่ะ มันช์" 


     ราวกับเสียงเอคโค่ก้องอยู่ในโสตประสาท และนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป มันช์ดูหนังไม่รู้เรื่องอีกเลย
.
.
.
.
"ใจเย็น ๆ  มึงร้องไห้ทำไมวะ อย่าบอกนะ ว่ามึงบอกชอบพี่เติร์กแล้วเขาไม่ชอบมึงน่ะ"


      แบงค์รู้เรื่องจากการรายงานของเพื่อนแล้วว่ามันช์ไปดูหนังกับพี่เติร์ก และแบงค์ก็ได้แต่นั่งภาวนาขอให้มันช์ได้บอกความในใจและสมหวัง แต่หลายชั่วโมงคล้อยหลัง แบงค์กลับตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนยืนน้ำตาไหลอยู่หลังบานประตู แบงค์รีบลากเพื่อนเข้ามาปลอบประโลมในห้อง



"มึง กูดีใจว่ะมึง ฮือ พี่เติร์กชอบกู"


    และสุดท้าย มันช์หยุดร้องไห้พร้อมรวบรวมสติบอกคำสำคัญกับเพื่อน


"มึงว่าอะไรนะ"


"พี่เติร์กชอบกู ไอ้แบงค์ พี่เติร์กชอบกู!"


 
       แบงค์งงเป็นไก่ตาแตก ที่เห็นเพื่อนร้องไห้แต่พอได้ยินสิ่งที่มันช์เล่า นั่นมันคือข่าวดีชัด ๆ



"ไอ้ห่า แล้วมึงจะร้องไห้เพื่อ??"


"ก็พี่เติร์ก คือ รักครั้งแรกของกู อีกอย่าง ใครจะคิดว่าคนที่ทำให้กูผิดหวัง จะมาชอบกูในวันนี้ กูไม่เคยคิด มันเหมือนฝันเลยว่ะ มึง"



      แบงค์เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมันช์ถึงหลั่งน้ำตา มันไม่ใช่น้ำตาที่มาจากความเสียใจ แต่มันคือน้ำตาจากความตื้นตันใจต่างหากที่ได้รู้ว่าคนที่เราแอบรักมีปฏิกิริยาตอบกลับในแบบเดียวกัน



"กูเข้าใจความรู้สึกมึงแล้ว จากนี้ เอาไงต่อ บอกพี่เติร์กเลยไหมว่ามึง คือ เด็กที่ให้ลูกอมคนนั้น"


    มันช์ส่ายหน้าน้อย ๆ


"ยัง กูอยากรู้ว่า เวลาพี่เติร์กจะจีบกูแบบไหน"


"มึงจะสื่อว่า ยังไงมึงก็คบกับพี่เติร์กแน่ ๆ แต่อยากรู้ว่า พี่เติร์กจะจีบมึงยังไง ยังงั้นน่ะเหรอ?"


     มันช์ช้อนตามองเพื่อนอย่างเขิน ๆ ที่แบงค์รู้ทัน มันช์ยิ้มพลางตอบอ้อมแอ้ม


"อะ..อื้ม"


"เหยยยด เล่นตัวสัดอะ เพื่อนกู"



"ก็กูอยากเป็นคนที่โดนพี่เติร์กจีบบ้าง"
   มันช์ก้มหน้าเก็บความอายพลางบอกเสียงแผ่ว

.
.
.
.
'ตอนนี้มึงอาจจะยังไม่ชอบกู แต่ให้โอกาสกูได้ลอง'

 

      ประโยคสุดท้ายที่พี่เติร์กบอกก่อนจะส่งมันช์ขึ้นรถแท็กซี่ หลังจากที่แยกย้ายกันในวันดูหนังนั่นก็ผ่านมาแล้วสองวันเต็ม ๆ แต่คำ ๆ นั้น มันยังติดอยู่ในหัวมันช์จนสลัดออกไปไม่ได้



   

       ทุกอย่างช่างตรงข้าม กับในอดีต จากคนที่เคยเป็นผู้ไม่ได้โดนเลือก ในวันนี้มันช์กลับได้เป็นผู้เลือก

 

"พี่ซื้อนมมาฝากครับ"  มันช์สลัดความคิดถึงพี่เติร์กออกไป มองนมกล่องรสช็อคโกแลตที่วางลงบนโต๊ะ สลับกับมองพี่เต็น ซึ่งตอนนี้ ที่ซุ้มมีแค่มันช์กับดาวที่นั่งอยู่



       มันช์มองพี่เต็นที่ส่งยิ้มละมุนให้

 

"ขอบคุณครับ แต่พี่ซื้อมาฝากผมทำไมเหรอ?"

 

"ก็อยากให้เป็นพิเศษ"



     มันช์แอบเหลือบมองดาวเบิกตาโต แสร้งยกมือปิดปากได้อย่างน่าหมั่นไส้ แต่เพราะพี่เต็นหันหลังให้ดาว เขาถึงไม่เห็นว่าเพื่อนแอบล้อเลียนอยู่

 

"อ่าครับ" มันช์รู้สึกทะแม่ง ๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะเงียบเสียง และแล้วพี่เต็นก็มองหน้าดาวด้วยรอยยิ้มละมุน



"พี่ขอคุยกับมันช์แปปนึงได้ไหมครับ?" แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่การที่พี่เต็นหันไปหาดาวเหมือนสื่อความนัยคล้ายไล่ วินาทีนั้น ดาวพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปจากซุ้มทำทีไปเข้าห้องน้ำ

 

      เต็นทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะ ล้วงกระเป๋ากางเกง กดสายตามองจากที่สูงลงมาหามันช์ที่นั่งตรงม้านั่ง

 

"มันช์ ถ้ามีผู้ชายมาชอบมันช์โอเคไหม?"

 

"ผมไม่ได้รังเกียจครับ แต่ผมจะบอกยังไงดีอะ คือ ผม...."



       มันช์มั่นใจว่ารอบนี้เขาคงไม่ได้คิดไปเองเกี่ยวกับความรู้สึกอีกฝ่าย เมื่อพี่เต็นพูดจาคล้ายคนรู้สึกดีกับมันช์เป็นพิเศษ

 



"พี่รู้สึกดีกับมันช์นะ ถ้าพี่จะขอคุยมากกว่าพี่น้อ..."



       เต็นว่าพลางเอื้อมมือจะไปแตะไหล่รุ่นน้อง แต่วินาทีนั้น เติร์กถลามานั่งเบียดมันช์จนมันช์ต้องกระเถิบตัวไถลไปอีกข้างหนึ่ง เต็นจึงชะงักมือค้างกลางอากาศมองหน้าผู้มาใหม่

 

"มาทำอะไรแต่เช้าวะเต็น มึงมีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ?" เติร์กเหลือบมองเต็นที่นั่งอยู่ในที่สูงกว่า

 

"มึงก็มีเรียนบ่าย" เต็นย้อนถามกลับ

 

"กูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับมันช์" ฟังเติร์กให้คำตอบ เต็นเลิกคิ้วขึ้นสูง

 

"เหมือนเราจะใจตรงกัน" เต็นยิ้ม ฟากเติร์กหรี่ตามองเต็น แต่ไม่ได้พูดอะไร เติร์กกลับเลือกที่จะหันไปหามันช์แล้วยิ้มกว้าง

 

"ไปโรงอาหารกันมันช์"

 

     มันช์ยิ้มแห้ง ๆ เพราะทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า

 

"เอ่อ พี่เต็นไปโรงอาหารด้วยกันไหมครับ?" ถ้าไม่ชวนพี่เต็นไปด้วยก็คงจะน่าเกลียดไปสักหน่อย เมื่อพี่เต็นก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย



"มันช์กูชวนมึงคนเดียว" เติร์กดุมันช์ที่ทำตัวดีไม่เข้าเรื่อง

 

"ไปด้วยกันเยอะ ๆ ก็ดีออก พี่เติร์ก" มันช์ยิ้มบอกเติร์กที่นั่งทำหน้าเซ็ง

 

"ไปครับ พี่ก็หิวอยู่พอดี" เต็นตอบรับ ก่อนแต้มยิ้มบนใบหน้า

 

"เดี๋ยวผมเดินไปตามดาวก่อนนะครับ" มันช์บอกรุ่นพี่ทั้งสอง

 

"อืม"

 

       จังหวะที่มันช์ลุกไปตามเพื่อน เขาได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามหลัง

 

"มันช์"

 

"อ่าห๊ะ" มันช์หันหลังไปเจอพี่เติร์กเดินตามมาหน้าเข้ม

 

"เต็นมาคุยอะไร?" เติร์กถาม

 

"อ่า แล้วพี่เต็นล่ะ" มันช์เปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้พี่เติร์กรู้ความจริงของอีกคน

 

"กูให้ไปจองโต๊ะ อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามกู"





     ไม่เคยเห็นพี่เติร์กทำน้ำเสียงจริงจังเท่านี้มาก่อน มันช์กลัวจึงตอบโกหก

 



"ไม่มีอะไร พี่เต็นแค่ถามว่างานเยอะไหม มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า? แล้วทำไมพี่เติร์กกล้าใช้พี่เต็นแบบนั้นล่ะ เขาเป็นรุ่นพี่ พี่นะ"

 

"แล้วไง ไอ้เต็นเป็นพี่ชายกู"


.....................................




อ้ากกกกกก! พี่เติร์ก ^^

เคยบอกมันช์แล้วไม่ใช่หรอ ? ลูก ว่าให้ด้านแบบอิพี่เติร์กมันบ้าง อิอิ


พี่เต็นคนดี แต่เป็นผู้ที่น่าสงสาร 
   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 11 มึงไม่คิด แต่กูคิด - [27 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-02-2019 21:04:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าววววววว  เต็น เติร์ก  เป็นพี่น้องกันซะงั้น

ป.ล. การแอบรักนี้ย้อนไปถึงสมัยเด็กน้อยกินอมยิ้มเลยเหรอนั่น   มั่นคงดีแท้
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 11 มึงไม่คิด แต่กูคิด - [27 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-02-2019 21:40:09
อุ่ย...ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย    :z6:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 11 มึงไม่คิด แต่กูคิด - [27 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 28-02-2019 07:06:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 11 มึงไม่คิด แต่กูคิด - [27 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 28-02-2019 10:42:44
ตอนแรกคิดว่าเต็นเป็นลูกพี่ลูกน้อง แบบญาติใกล้ๆ กัน ไรงี้
แต่ชื่อ ต.เต่าเหมือนกัน พี่ชายก็โอล่ะ
พี่เต็นโอปป้า แสนดีแค่ไหนก็มีสิทธิ์แค่พระรอง
พี่เติร์กจีบเลย จีบๆๆๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 11 มึงไม่คิด แต่กูคิด - [27 กพ.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 01-03-2019 12:47:04
อ้าว ศึกสายเลือดซะงั้น
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 12 คนนี้ ห้ามจีบ - [2 มีค.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 02-03-2019 22:12:32

บทที่ 12  คนนี้ ห้ามจีบ













 

"ห้ะ!"

 

       มันช์ไม่แน่ใจว่าปีนี้เป็นปีทองด้านความรักของเขาหรือเปล่า? นอกจากคนที่ชอบจะชอบกลับแล้ว มันช์ยังมีคนมาชื่นชอบมากมาย หลังจากที่ไม่ได้รับความสนใจมาแสนนาน

 

"ไอ้เต็น คือ พี่ชายแท้ ๆ ทำไม? แปลกใจ เพราะกูหล่อกว่าใช่ไหม?"



"อืม พี่หล่อกว่ามาก" มันช์ประชดก่อนจะโดนพี่เติร์กเขกหัว จังหวะนั้น ดาวหันมาเห็นพอดี ก็แอบยิ้มมุมปาก





"ดาว ไปกินข้าวกัน"

 

     ดาวพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปหาลุงรหัสของตัวเองและยิ้มกว้าง



"สวัสดีค่า ลุงรหัส"



"ครับ น้องดาว"

 

"พูดกับผู้หญิงนี่เพราะเชียวนะพี่เติร์ก" มันช์แซวพี่เติร์กที่อีกฝ่ายก็แค่ยักคิ้วยียวน



"ธรรมดา"



      มันช์เบะปาก ก่อนจะโดนพี่เติร์กลากไปทางเดินที่ไปโรงอาหาร เดินมาได้ครึ่งทาง จู่ ๆ เติร์กก็โน้มหน้าลงมาใกล้ซอกคอของมันช์ทำจมูกฟุดฟิด ท่ามกลางสายตาของดาวที่ยืนตาโตตกใจ มันช์หดคอ และรีบถอยห่าง

 

"พี่เป็นบ้าอะไร? มาใกล้ผมทำไม?" มันช์รีบบอกพลันเหลือบมองดาวที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม

 

"มึงใช้น้ำหอมตั้งแต่เมื่อไหร่?" มันช์ชะงัก ก่อนตอบบ่ายเบี่ยง

 

"กะ...ก็ใช้นานแล้วไง"

 

"ไม่จริง มึงเพิ่งซื้อ ตอนกูไปนอนที่ห้อง ไม่เห็นเจอ แถมก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้กลิ่นมาจากตัวมึงสักหน" เติร์กถามย้ำอย่างจริงจัง เพราะวันนี้ มันช์ดูแปลกไป ทั้ง การแต่งกาย ทรงผมที่ดูจัดเซ็ทรงอย่างประณีตผิดปกติ หนำซ้ำยังมีอากัปกิริยาที่ดูไม่ใช่ตัวมันช์อย่างแต่ก่อน



     มันช์ยืนกัดปาก เขาอยากจะบ้าตาย พี่เติร์กกลายเป็นสุนัขตำรวจตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงมาจับผิด ดมกลิ่นเสียละเอียดขนาดนี้ มันช์หลบตาและยังเบี่ยงประเด็น



"รีบเดินเถอะน่า พี่เติร์กผมหิว"



"มึงเป็นอะไร?"

 

"ไม่ได้เป็นอะไรนี่?" มันช์ถามพี่เติร์ก

 

"ดูมึงไม่เป็นตัวเอง"



 "เปล่า" มันช์ตอบเสียงสูง



"มึง เขินนี่หว่า มันช์"

 

"เขินบ้าบออะไร มั่วแล้วพี่" มันช์ตอบและรีบลากแขนดาวให้เดินห่างออกไปไกล



"มีอะไรที่กูยังไม่รู้?" ดาวถามทันทีที่ได้ยินทั้งสองพูดจาแปลก ๆ กันมาตลอดทาง



"ไม่มี" มันช์บอกแต่ไม่สบตาเพื่อน

 

"แน่ใจ มึงมีพิรุธ แล้วดูมึงสิมันช์ น่าเกลียดมาก ปล่อยให้พี่เติร์กเดินรั้งท้ายแบบนั้น กูว่าเราควรเดินรอเขาหน่อย"

 

"ไม่ต้อง"

 

         ดาวโคลงศรีษะอย่างฉงน เธอจึงเป็นฝ่ายชะลอฝีเท้า จนพี่เติร์กไล่ตามมาทัน และได้ทีถาม

 

"พี่เติร์กชอบมันช์เหรอคะ?" เมื่อพี่เติร์กเดินมาประชิดตัว ดาวก็ยิงคำถามที่สงสัยทันที



"ใช่ครับ"

 

      มันช์หันขวับไปหาคนที่ตอบรับหน้าตาเฉย เพียงเท่านั้น ดาวหลุดกรี๊ดระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร จนคนที่เดินสวนมาต่างตกใจราวกับว่าเธอเจองูเลื้อยผ่านหน้า

 

"เป็นไง ไอ้มันช์ คำทำนายของกูโคตรแม่น" ดาวตบบ่าเพื่อนก่อนจะยกยิ้มกว้าง และวิ่งทิ้งห่างไปไกลอย่างตั้งใจให้มันช์กับพี่เติร์กได้อยู่กันสองต่อสอง ฟากมันช์เห็นดาวไปไกลไม่รอ เขาพยายามเร่งฝีเท้าตาม แต่ทันใดนั้น เติร์กยึดข้อมือมันช์ไว้

 

หมับ!

 

   มันช์สะดุ้ง สะบัดมือพี่เติร์กออก

 



"มึงรังเกียจกูขนาดนั้นเลยเหรอ มันช์" มันช์หันไปเห็นพี่เติร์กที่แววตาดูสลดลง มันช์เป็นกังวลกลัวว่าอีกฝ่ายจะตีความผิดไปกันใหญ่

 

"เปล่านะพี่ คือ..."

 

"คือ?"

 

"ผมไม่ชินที่พอรู้ว่าพี่จะเอ่อ..จีบผม"

 

"มึงเขิน?"

 

"ไม่รู้" มันช์ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นอะไร พอตั้งแต่พี่เติร์กบอกชอบกัน มันช์รู้สึกประหม่าอย่างไม่มีเหตุผล



      มันช์เม้มปาก เดินตัวเกร็งแถมใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ  แล้วจู่ ๆ เติร์กล็อกคอมันช์ไปใกล้ แล้วเอียงหน้ามาพูดด้วย



"มันช์ เป็นมึงแบบที่มึงเป็นแหละ กูชอบ"



      มันช์หน้าร้อนฉ่า ยามที่หันไปเห็นพี่เติร์กในระยะลมหายใจเป่ารดกัน รอยยิ้มพี่เติร์กสดใสราวกับพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า มันช์เสหน้าไปทางอื่น ปัดมือพี่เติร์กออกจากลำคอ และปรี่ไปยังที่นั่ง ที่พี่เต็นนั่งคอยอยู่



"มึงสั่งรึยัง?" เติร์กถามเต็น

 

"ยัง มึงไปสั่งก่อน"

 

     เติร์กพยักหน้า ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งกลางหลังมันช์ให้ก้าวขาสักที



"ไปด้วยกัน" เติร์กบอกย้ำ ตอนที่มันช์หยุดเท้า เขาจึงจับต้นแขนมันช์บังคับให้เดินไปด้วย



     มันช์เงียบพลันลอบมองใบหน้าด้านข้างของพี่เติร์กแล้วแอบอมยิ้ม ก่อนจะปลีกไปสั่งข้าวมันไก่ ในขณะที่เติร์กสั่งก๋วยจั๊บ เมื่อคนพี่ได้รับอาหารก่อนก็เดินไปยังร้านข้าวมันไก่เพื่อรอมันช์ที่ยังไม่ได้สั่งเนื่องจากคนต่อคิวเยอะ



       จนกระทั่ง ถึงคิวของมันช์ สั่งอาหารเสร็จสรรพได้จานข้าวมันไก่มาถือ เติร์กก็จ่ายเงินให้



"ขอบคุณนะพี่เติร์ก" มันช์ตอบเสียงแผ่ว นึกดีใจที่พี่เติร์กใส่ใจกัน



"อืม"

 

      หลังจากทุกคนมานั่งกันครบและจัดการอาหารกันไปได้สักพัก เต็นเผลอสบตามันช์ที่เงยหน้ามามองกันพอดี เขาจึงได้ทีถามรุ่นน้อง



"มันช์ครับ เรื่องที่พี่คุยค้างไว้"



"เอ่อ ครับ" มันช์ชะงักเหล่มองพี่เติร์กที่เงยหน้ามาจากจานตรงหน้า



"มึงมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับมันช์ก็พูดมาเลย ไม่ต้องทำลับลม คมใน" เติร์กถามเต็นตรง ๆ เพราะหลังจากนี้ เติร์กไม่มีทางให้พี่ชายได้มีโอกาสคุยกับมันช์สองต่อสองอีกเป็นแน่

 

"เรื่องส่วนตัว"



"มันช์ เต็นคุยอะไรกับมึง บอกกูได้ไหม" พอพี่เติร์กหันมาถามมันช์ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น แต่น้ำเสียงดูอบอุ่นก็ยิ่งทำให้มันช์ใจเต้นแรง  แต่มันช์ไม่กล้าบอกด้วยตัวเอง และเขากำลังรู้สึกกดดัน



"กูสนใจมันช์" เต็นสงสารมันช์ที่ทำหน้าเหมือนคนกลืนไม่เข้า คายไม่ออก จึงยอมบอกเรื่องส่วนตัวให้น้องชายได้รับรู้

 

"คะ...แค่กแค่ก" ดาวสำลักข้าวทันทีที่ได้ยินเรื่องราวไม่คาดฝัน นอกจากจะได้รู้ข่าวว่าพี่เติร์กชอบมันช์แล้ว ยังมีเรื่องของพี่เต็นอีกด้วย

 



"มึงจะจีบน้องเขา?" เติร์กถามเพื่อความแน่ใจ คำว่าสนใจก็คงหมายถึงต้องการจะเรียนรู้อีกฝ่ายมากขึ้นสินะ

 

"ทำนองนั้น"

 

       ดาวทำตัวไม่ถูกที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์รักสามเส้าครั้งนี้ แต่ถ้าถามว่าอยากลุกหนีไหม บอกเลยว่าไม่ เรื่องแบบนี้ ต้องเงี่ยหูฟังอย่างอยากรู้ อยากเห็น

 

"มึงคงไม่คิดจะแข่งกับน้องมึงหรอกนะ เต็น" เต็นที่กำลังตักข้าวชะงัก เงยหน้ามองน้องชายที่พูดออกมาตรง ๆ

 

     ไม่ต้องบอกว่าชอบ เต็นก็เข้าใจ เขายิ้มมุมปากพลันเหลือบมองมันช์ที่นั่งด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

 

"เอ่อ พี่ ๆ ครับ ผมว่าเรื่องแบบนี้ มันแข่งกันไม่.ไ..ด" คนกลางอย่างมันช์พยายามอธิบาย เพราะเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองดีเด่อะไรพอที่จะมีสองคนมาแย่งเขา แต่มันช์ยังพูดไม่จบ

 

"แต่มันเป็นสิทธิ์ของมันช์ที่จะเลือกใครก็ได้" เต็นตอบยิ้ม ๆ  ส่วนเติร์กยังไม่ทันตอบ เสียงขิงก็แทรกขึ้น



"สวัสดีครับพี่เต็น พี่เติร์ก"

 

     ขิงที่มาใหม่ยืนอยู่ด้านหลังมันช์ก็ทักทายรุ่นพี่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง มันช์หายใจอย่างโล่งอกที่มีคนมาช่วยกอบกู้สถานการณ์



"พี่ครับ ผมไปก่อนนะ" มันช์ส่งสายตาไปหาดาวทำนองว่าให้รีบลุกไปเถอะ

 

       กว่าจะเดินถึงห้องเรียน มันช์มีความรู้สึกดีใจปนเครียด พอดาวถามจี้เรื่องของสองคนนั้น มันช์ก็ไม่ตอบเพราะอยู่ในระหว่างการคิดและการตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องราวของพี่เต็น เห็นที มันช์คงต้องหาเวลานัดพี่เต็นมาเจอเพื่อบอกความจริงเสียแล้ว



      เมื่อทั้งสามถึงห้องเรียนและในระหว่างที่อาจารย์ยังไม่มา ดาวก็ไม่มีเก็บงำความลับ เธอทำหน้าที่เป็นโทรโข่งบอกเพื่อนในกลุ่มให้ได้รู้ทันทีว่า พี่เต็นและพี่เติร์กชอบมันช์ และที่สำคัญดันเป็นพี่-น้องแท้ ๆ กันเสียด้วย

 

"ไม่น่าเชื่อว่าพี่เต็นกับพี่เติร์กเป็นพี่น้องกัน"



"อืม จริง คนละสไตล์เลย"



"เหยดดดดดด ศึกสายเลือด"



"พี่เต็นอบอุ่น พี่เติร์กก็โคตรเท่ คบสองเลยมึง"



"มึง กูไม่ตลก และกูไม่ชอบคบซ้อน" มันช์บอกและทันใดนั้น ขิงที่นั่งข้าง ๆ ก็เอื้อมไปวางมือลงบนมือมันช์ที่วางบนหน้าขา

 

"ดีใจด้วยนะมันช์" มันช์มองขิงที่แววตาสลด ยังไม่ทันได้พูดอะไร อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้อง และทำให้นักศึกษาที่นั่งจับกลุ่มคุยก่อนหน้า วงแตกและกลับไปนั่งยังที่ของตัวเองอย่างน่าเสียดายที่ยังเสวนาไม่ทันจบดี

.

.

.

.

"มึงดูหนังเรื่องแอบรักเพื่อนสนิทรึยัง?"

 

"ยัง" มันช์ตอบดาว ถึงแม้ว่า มันช์จะดูหนังเรื่องนั้นแล้วจริง ๆ ก็ตาม ทว่า ตั้งแต่โดนบอกชอบไปในคราวก่อน มันช์ก็ไม่มีสมาธิในการดูหนังจนจบ

 

"ถ้างั้น พรุ่งนี้ คาบบ่ายไม่มีเรียนไปดูกัน" ดาวเสนอเพื่อน ๆ

 

"เอาสิ" ภุงชงค์บอก

 

"โอเคไหม ขิง" ดาวถามขิง ขิงพยักหน้า ก่อนตอบอ้อมแอ้ม

 

"ถ้าเราพาพุชไปด้วยได้ไหม?"

 

"ขิงเป็นแฟนพุชแล้วเหรอ?" มันช์ถาม เพราะมันช์เคยบอกขิงแล้วว่า ถ้าคิดจะคบใครให้บอกกันก่อน และอย่าหลอกหรือให้ความหวังกับแบงค์ เพราะถึงอย่างไร แบงค์ก็เป็นเพื่อนรักของมันช์ที่เขาก็ต้องรักษาความรู้สึกของมันด้วย



"ยังหรอก มันช์ ขิงแค่คุยเฉย ๆ" ขิงยิ้ม



"อย่าลืมทำตามที่บอกนะขิง เรื่องนี้ เราซีเรียส"



"ครับ"



 

    จังหวะที่กลุ่มของมันช์ เดินลงมาจากชั้นสองของอาคารเรียนนั้น มันช์ชะงักงันตอนที่เห็นกลุ่มพี่เติร์กนับสิบคนนั่งเหมือนดักรอใครอยู่ตรงทางขึ้น-ลงบันได

 

"พวกพี่เติร์กนี่เท่ดีอะ" แก้วบอกทันทีที่เห็นพวกรุ่นพี่นั่งกันเต็มพื้นที่



"เท่อะไร กูว่าเถื่อน นั่งกันแบบนี้ กูเป็นผู้หญิงก็ไม่กล้าเดินผ่านหรอก" มันช์ตอบตามจริง เมื่อเห็นแก็งค์พี่เติร์กนั่งเต็มสองฝั่งระหว่างทางขึ้น-ลงบันไดในอาคาร ทั้งยังส่งเสียงดังโวยวายและหัวเราะกันลั่น

 

   ในขณะที่มันช์จำต้องเดินผ่านทางนี้ เขาเปลี่ยนตำแหน่งการเดิน ด้วยการหลบมาอยู่ข้างภุชงค์หวังให้เพื่อนบัง เพื่อหลบหน้าใครบางคน แต่เหมือนไม่เป็นผล

 

"หลานรหัสกูเป็นอะไร หนีหนี้เหรอครับ?" มันช์จิ๊ปากขัดใจเบา ๆ ตอนที่พี่ป๋อสังเกตเห็นจนต้องเอ่ยแซว จังหวะนั้น มันช์หันไปประสานสายตากับพี่เติร์กที่นั่งกอดอกยิ้ม ๆ

 

"แถวนี้แม่งเถื่อน" มันช์ว่าหน้านิ่ง

 

"อ้าว ไอ้เติร์ก สั่งสอนเด็กมึงหน่อย พูดจาลามปามว่ะ" ป๋อบอกเพื่อน มันช์หันไปมองพี่ป๋อที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม การที่เขาพูดแบบนี้ แสดงว่าพี่ป๋อต้องรู้เรื่องแล้วแน่ ๆ 

 

"วู้ววววววว" เสียงโห่ร้องพร้อมเสียงผิวปากผสมผสานกันดังลั่น จนนักศึกษากลุ่มอื่นที่กำลังจะเดินลงอาคารเรียนนี้ ต้องเบี่ยงไปใช้ทางลงอีกฝั่ง อย่างว่า เด็กศิลปกรรมนั่งเต็มพื้นที่ ปิดทางขึ้น-ลง ใครเล่าจะกล้าเดินผ่าน

 

"อ้าว เด็กของเติร์ก อะไรยังไงกันครับ? แถลงการณ์ซิเพื่อน" เมื่อเพื่อนพี่เติร์กแซว แถมส่งสายตาล้อเลียน มันช์อยากเดินหนีไปให้พ้น ๆ แต่ทำไม่ได้

 

      ฟากเติร์กไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งอมยิ้ม ก่อนจะดีดตัวลงจากที่นั่งตรงบันได แล้วเดินมาหากลุ่มมันช์ที่โดนดักไม่ให้ออกจากอาคาร

 

"จะไปไหน?" เติร์กถามมันช์

 

"กลับห้องครับพี่" มันช์ตอบแต่ไม่ได้มองหน้า





"โอเค เดี๋ยวไปส่ง"

 

"ใจแม่งได้"



"ดูแลดีเกิ้นนน"

 



    เสียงแซวดังจนมันช์หน้าแดงแต่แล้วก็มีเสียงเข้มดังขึ้น

 

"โวยวายอะไรกัน"

 

"อ้าว สวัสดีครับอาจารย์มาโนช" นักศึกษาทุกคนพร้อมใจกันยกมือไหว้อาจารย์ประจำเอกที่สอนวิชาแอนิเมชั่นและวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก ที่ระดับปีหนึ่งอย่างพวกมันช์ยังไม่มีเรียนวิชาพวกนี้ ต้องเป็นปีสูงกว่าถึงจะได้เรียน จึงทำให้พวกมันช์ไม่คุ้นเคย ผิดกับกลุ่มเติร์กที่สนิทสนมคุ้นเคยกับอาจารย์เป็นอย่างดี

 

"อาจารย์ ไอ้เติร์กมันมีแฟนใหม่แล้วนะ" พี่ป๋อโพล่งขึ้นมา มันช์และเพื่อน ๆ ยืนอึ้ง ที่เห็นพวกพี่คุยกับอาจารย์เสมือนเพื่อนซี้

 

"ในเอกหรือ?" อาจารย์มาโนชถาม



"ใช่ครับ อาจารย์"



"คนไหนล่ะ?" อาจารย์มาโนชว่า ฟากเติร์กยิ้ม ๆ และตอบผู้ใหญ่ด้วยน้ำเสียงสุภาพ

 

"ป๋อก็พูดมั่ว อาจารย์ จะเป็นแฟนได้ยังไงกันครับ ในเมื่อเขายังไม่รับรักผมเลย ใช่ไหม? น้องมันช์"

 

กึก

 

     'ไอ้เชี่ยพี่เติร์ก มึงจะโยนมาให้กูแบบนี้ไม่ได้'

 

     พอสายตาพี่เติร์กพยักเพยิดมาทางคนที่โดนพาดพิง อาจารย์มาโนชก็หันมาตามสายตาของอีกฝ่าย จนมันช์ยืนเงียบ





"อาจารย์อยากบอกเด็กปีหนึ่งทุกคนว่า ถ้าจะมีแฟนอาจารย์ไม่ห้ามนะ แต่เพื่ออนาคตที่ดี อาจารย์ขอแนะนำว่าให้เอาต่างคณะ จำไว้ล่ะ อาจารย์ไปก่อนมีสอน"

 

"โห...อาจารย์ ไม่ให้กำลังใจกันเลย"

 

"อาจารย์พวกผมปะเนี่ย ต้องเชียร์ลูกศิษย์สิครับ"

     

   จนกระทั่ง อาจารย์เดินดุ่ม ๆ ไม่สนใจใคร มันช์แอบขำที่อาจารย์ยังตบมุกกับนักศึกษาทิ้งท้าย ในขณะที่มันช์เห็นรุ่นพี่ยืนบ่นอย่างไม่จริงจังนัก เขาจึงสบโอกาสสะกิดเพื่อน ๆ และเอ่ย





"พี่ ๆ พวกผมไปแล้วครับ"





    มันช์ยกมือไหว้รุ่นพี่ แล้วครู่หนึ่ง หางตาเขาเห็นพี่เติร์กยกนิ้วชี้ขึ้นจรดปากเหมือนปรามเพื่อนห้ามแซวอีก แล้วเดินตามกลุ่มมันช์มา ถึงบริเวณแถวห้องน้ำ ดาว ภุชงค์ และแก้วแยกย้ายไป เหลือขิงที่หันมาบอกมันช์ ในขณะที่เติร์กยืนอยู่ด้วย





"เดี๋ยวนี้ ขิงเดินกลับบ้านกับมันช์ไม่ได้แล้วใช่ไหม?" ขิงถาม ฟากมันช์ชะงัก

 

"ได้สิ"

 

"ไม่เป็นไรหรอก พี่เติร์กจะไปส่งมันช์นี่ ขิงกลับก่อนนะ" มันช์เงียบมองขิงที่โบกมือบายบายแล้วเดินหน้าเศร้า ๆ เหมือนคนน้อยใจ ฟากเติร์กเหลือบมองมันช์ครู่หนึ่ง ก่อนบอก

 

"ไอ้มันช์ รอแป๊ปนึง"

 

"พี่จะไปทำธุระเหรอ? ถ้างั้นไปเลย ผมจะได้กลับกับขิง" มันช์รีบบอกพี่เติร์ก เพราะรู้สึกผิดที่ต้องทิ้งขิงให้เดินกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว



"บอกให้รอก็รอ ยืนรอตรงห้องน้ำ เดี๋ยวมา"

 

   พี่เติร์กว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินคว้ามอเตอร์ไซค์คู่ใจไปไหนก็ไม่รู้ ปล่อยให้มันช์ยืนรอตรงห้องน้ำ มันช์จึงเดินไปนั่งพักที่โต๊ะม้าหินข้างห้องน้ำ แหละไม่นานที่พี่เติร์กเดินกลับมาหาด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

"ปะ เดี๋ยวไปส่ง"

 

"พี่ไปไหนมา?"



"ไปส่งขิง"



     มันช์ทำหน้างงที่พี่เติร์กไปส่งขิงแล้วปล่อยให้เขายืนรอทำไมไม่ไปพร้อมกันเสียตั้งแต่ทีแรก





"ทำไมพี่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายด้วย ปล่อยผมกลับกับขิงตั้งแต่ตอนแรกก็จบ"

 

"กูอยากอยู่กับมึงสองคน"

 

กึก

 

  มันช์หน้าร้อนฉ่า ที่พี่เติร์กพูดตรงจนคนที่โดนรุกหนักอยู่บ่อย ๆ เข้าชักเขิน

 

"กูเห็นมึงทำหน้าไม่สบายใจ คงไม่อยากปล่อยให้ขิงกลับคนเดียว กูเลยไปส่งให้ไง" เติร์กอธิบายยามที่เห็นมันช์เงียบกริบ

 

     มันช์มองพี่เติร์กที่ว่ามาอย่างซื่อ ๆ แล้วใจพองโตที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายแอบใส่ใจรายละเอียดกัน มันช์เงียบไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าใจเต้นแรงเกินทัดทาน ในขณะที่มันช์กำลังเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของอีกฝ่าย แต่พี่เติร์กกลับจับแขนให้เดินตรงมาทางเท้า

 

"อ้าว แล้วพี่ไม่เอามอเตอร์ไซค์ไปส่งผม?"

 

"ก็ถ้าเดิน กูจะได้อยู่กับมึงนานหน่อย"  เติร์กบอกพลางส่งยิ้มให้แล้วเดินเคียงข้างเป็นเพื่อนร่วมทาง

 



    มันช์เงียบเพราะไม่อยากถามอะไรให้เขินไปมากกว่านี้ ในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านตึกเอกดนตรีนั้น เสียงเครื่องดนตรีสากล พวกเครื่องเป่าก็ดังลอดออกมา ช่วยทำลายความเงียบได้เป็นอย่างดี  ทั้งสองยังคงเดินเคียงข้างกันไปเรื่อย ๆ ในจังหวะนั้น

 

"อ้าวพี่เติร์ก หวัดดี" มันช์และเติร์กมองโฟล์คที่เดินถือถุงลูกชิ้นทอดมาพร้อมจิ้มกินไปด้วย ฟากโฟล์คมองมันช์สลับกับมองพี่เติร์ก

 

"เออมันช์วันที่อยู่ร้านเหล้ามึงบอกจะให้เบอร์กู" มันช์ชะงักตอนที่โฟลค์ทวงสิทธิ์เมื่อครั้งในอดีต

 

"ไม่ต้องให้" เติร์กบอกมันช์ ฟากโฟล์กเอียงคอมองพลางเคี้ยวลูกชิ้นจนแก้มตุ่ย ตั้งแต่รู้การหวงก้างของเพื่อนพี่ชาย  โฟล์คก็ไม่ได้คิดจะจีบมันช์แต่อย่างใด เขาก็แค่อยากเป็นเพื่อนด้วยก็เท่านั้น





"โห อย่ากั๊กเด็กในเอกดิพี่ ปล่อยให้รู้จักคนนอกเอกบ้าง เข้าใจคำว่า คนมันต้องมีสังคมไหม?"



     โฟล์คบอกพลางยิ้มแซวเพื่อนพี่ชาย และเหมือนว่ามันช์จะไม่มีโอกาสได้หาข้อแก้ตัว เพราะพอมันช์จะอ้าปากพี่เติร์กก็ย้ำคำให้โฟล์คได้เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง

 

"ไม่จำเป็น เจอมึงก็ดี กูฝากบอกคนในเอกมึงด้วย ถ้าใครเห็นมันช์และสนใจ บอกไปเลยว่า คนนี้ ห้ามจีบ"






.........................................
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมชม
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 12 คนนี้ ห้ามจีบ - [2 มีค.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-03-2019 00:21:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...มันซ์เอ๋ย  อิพี่เติร์กมันแสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้ว  จะยังมัวไม่กล้าทำไมหล่ะ  ทั้ง ๆ ที่แอบรักเขามานานแสนนานอ่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 12 คนนี้ ห้ามจีบ - [2 มีค.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-03-2019 13:04:50
พี่เติร์กมาแรง..แซงทุกโค้ง   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 12 คนนี้ ห้ามจีบ - [2 มีค.62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 03-03-2019 19:53:18
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 13 ว่าที่ 'แฟน' - [5 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-03-2019 21:43:50
 

บทที่ 13  ว่าที่ 'แฟน'









 

"โห จริงอย่างที่เขาลือ เอกนี้แม่งกินกันเอง ไม่ปล่อยให้หลุดรอดมาเอกอื่นเลยนะพี่เติร์ก"

 

   เติร์กยิ้มก่อนจะแย่งไม้เสียบไปจิ้มลูกชิ้นที่โฟล์คถืออยู่ในมือ

 

"เข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว กูไปก่อน ไม่อยากเสียเวลาไร้สาระ"



"ไอ้พี่เติร์ก..."

 

 

     ฟากโฟล์คบ่นตามหลัง แต่เติร์กไม่สนใจ เมื่อทั้งสองเดินห่างจากตึกเอกดนตรีรวมถึงเสียงเครื่องเป่าที่เบาลง

 

 

"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พี่เติร์ก"

 

"ขอโทษ ก็รู้ว่ามึงยังไม่ใช่แฟนกู แต่อย่างน้อย กูก็ต้องตัดคู่แข่งออกไปไหม?" มันช์มองพี่เติร์กที่ตอบตรงและชัดถ้อย ชัดคำ จนมันช์สบถเบา ๆ

 

"แต่มัน....โว้ย พี่อะ"

 

"ทำไม? มึงเขิน?" เติร์กถาม

 

"บางเรื่องพี่ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้นะ" มันช์บอกพลางบ่นขมุบขมิบ

 

"ก็กูพูดความจริง"

 

"แต่ผม....เขิน"  สุดท้ายมันช์ก็ยอมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเบาแสนเบา ฟากพี่เติร์กพอได้ยินก็หลุดหัวเราะ

 

"ถ้าอย่างนั้น มึงคงต้องเขินบ่อยหน่อย เพราะถ้ากูพูดกับมึงมันเป็นความจริงทั้งนั้น"





   เติร์กยิ้มเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ แปลกประหลาด จากนั้น เติร์กจึงเปลี่ยนเรื่องถามในสิ่งที่เขาอยากรู้

 

"มึงเกิดวันที่เท่าไหร่?"

 

"เกิดใกล้กับพี่ สิบสองพฤศจิกา" มันช์บอกแล้วรีบตะครุบปากตัวเอง



"มึงพูดว่าอะไรนะ?" เติร์กได้ยินไม่ถนัด จึงถามออกไปให้แน่ชัดอีกครั้ง



"เปล่า ๆ พี่เกิดเมื่อไหร่ครับ?"



"กูเกิดสิบเอ็ดพฤศจิกา" เติร์กว่าจบ มันช์ตาโต รีบโกหกทำเป็นไม่รู้

 

"เฮ้ย ไม่น่าเชื่อ โคตรบังเอิญเลยพี่ที่เราเกิดใกล้กัน"

 

"มึงคิดอย่างนั้นเหรอ? บางทีสิ่งที่เราเจอกันอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้นะ" เติร์กตอบเสียงราบเรียบ

 

"ก็คงงั้นมั้งพี่" มันช์ตอบพลางหวนนึกถึงเรื่องอดีตที่ทั้งสองเคยได้เจอกัน



" ว่าแต่  พี่ถามวันเกิดผมทำไม?"



"ถามเรื่องส่วนตัวว่าที่แฟนไม่ได้เหรอ?"




    เติร์กตอบพลางผุดรอยยิ้มทรงเสน่ห์  ฟากมันช์แปลกใจว่าทำไมพี่เติร์กถึงพูดออกมาได้โดยไม่มีความเขินอาย สำหรับมันช์แล้ว เพียงบอกว่า ผมก็ชอบพี่เหมือนกัน ยังไม่กล้าเลย

 

"พี่ตอบมั่นใจขนาดนี้ และถ้าผมไม่เลือกพี่ล่ะ"

 

"อย่างมากก็เสียใจ" เติร์กว่าตามตรง จนมันช์สบตามองอีกฝ่าย ก่อนจะเบนหน้าไปทางอื่นอย่างใจสั่น



"....."

 

"ไม่ต้องกังวล มึงมีสิทธิ์จะไม่ชอบกู แต่ขอให้กูได้ลองทำอะไรเพื่อมึงดูก่อน"

 

     มันช์ชอบพี่เติร์กที่เป็นคนชัดเจน ผิดกับมันช์ ที่อยากแสดงความชัดเจนแต่ใจเสาะเกินกว่า ปากจะลั่นวาจาออกไป



"พี่เติร์กครับ"

 

"อืม"

 

"ผม...ผม" ทำไมมันช์ถึงขี้ขลาดได้ถึงเพียงนี้  เพียงแค่จะเอ่ยเรื่องสำคัญกลับใจสั่น ประหม่า เหงื่อแตกเพราะกลัว



"มีอะไรพูดมาเลยมันช์" เติร์กย้ำ

 

"เอ่อะ คือ พี่บอกเพื่อนพี่แล้วเหรอ เรื่องที่พี่...เอิ่ม...ชอบผม" จากที่อยากบอกว่า ผมก็ชอบพี่เติร์กเหมือนกัน แต่พอจะพูดกลับบิดเบือนประโยคเป็นอย่างอื่น  มันช์ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ชื้นเหงื่อ บางทีมันช์คงต้องขอความกล้าได้ กล้าเสี่ยงแบบพี่เติร์กบ้างก็คงจะดี

 

"อืม"

 

"พี่บอกทำไม?" มันช์ถาม ฟากเติร์กเอียงคอมอง

 

"มันเป็นเรื่องต้องห้ามบอกเหรอ? หรือมึงไม่ชอบ?"

 

"ก็ไม่เชิง แต่ผมเพิ่งเป็นน้องใหม่ พอเจอรุ่นพี่จีบ แล้วพี่คนอื่น ๆ รู้ ผมไม่ค่อยชิน"

 



"เดี๋ยวพอมึงขึ้นปีสองมึงจะเข้าใจ เพราะเด็กปีหนึ่งที่เข้ามาทุกปีก็โดนรุ่นพี่จีบกันทั้งนั้น เหมือนเป็นของแปลกใหม่สำหรับพวกปีสูงมั้ง"

 

"แสดงว่าตอนที่พี่อยู่ปีหนึ่งก็โดนเหรอ"

 

"จะเหลือเหรอ?" มันช์เห็นอีกฝ่ายตอบอย่างมั่นใจยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็น ว่าสมัยที่พี่เติร์กเรียนชั้นปีหนึ่งจะเสน่ห์แรงมากแค่ไหน ?

 

"ผมก็ลืมไปพี่เติร์กเป็นถึงเดือนคณะ คงมีคนเข้าหามากอยู่"

 

"ก็พอตัว" มันช์ถึงกับเบะปาก กลอกตามองบนที่อีกฝ่ายตอบเสมือนหลงตัวเอง แต่เอาเถอะ มันช์ให้อภัยพี่เติร์กก็หล่อจริง ๆ นี่นา



"แล้วช่วงที่พี่เป็นเดือนคณะ เคยมีดาวคณะอื่นมาจีบไหม?" มันช์ถามต่อ



      แม้ว่า มันช์ใจสั่นทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่น่าแปลก ที่มันช์เลือกจะชะลอฝีเท้าและเดินอย่างไม่เร่งรีบ มันช์มีคำถาม อยากถาม อยากคุยมากมาย และที่สำคัญมันช์อยากให้เวลาเดินช้าลงเหลือเกิน

 

"ก็มีนะ แต่แค่คุยกัน ไม่เคยคบ"

 

"ทำไมล่ะพี่"

 

"ไม่รู้ ตอนนั้นคงไม่ถูกใจมั้ง แต่ตอนนี้ กูเริ่มอยากมีแฟนเป็นดาวแล้วล่ะ" มันช์ชะงัก บอกชอบกูอยู่แท้ ๆ แต่อยากมีแฟนเป็นดาวแล้วซะอย่างนั้น ก็อย่างว่า ตามภาพจำของคนส่วนใหญ่ สาวสวย ก็ต้องคู่กับหนุ่มหล่อ เฉกเช่นดาวก็ควรที่จะเคียงคู่กับเดือน นั่นสิ

 

"เดือนต้องคู่กับดาว ก็เหมาะสมกันดี" มันช์ประชด แต่อีกฝ่าย กลับยิ้มแป้น มันช์ก็ชักใจเสีย



"มึงคิดอย่างนั้นเหรอ?"

 

"ใช่สิพี่"  มันช์เสริมด้วยความรู้สึกเจ็บจี้ด บางครั้ง บางคราวก็หงุดหงิดตัวเองที่ชอบผลักไสคนที่ชอบให้ไปหาคนอื่นอยู่เสมอ

 

"ถ้างั้นเราคบกันเลยไหม?" มันช์ชะงักมองหน้าพี่เติร์ก

 

"...."

 

   จู่ ๆ เติร์กขยับตัวเพื่อไปล็อคคอคนที่เดินอยู่ข้างกัน  ทั้งยังยื่นหน้าไปใกล้พร้อมส่งรอยยิ้มพราวเสน่ห์

 

"เดือนคณะปีสามขอคบกับดาวโจ๊กปีหนึ่ง ได้ไหม? น้องมันช์"

   

    มันช์ขบริมฝีปากเข้าหากัน หลุบตาลงต่ำด้วยใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อเห็นรอยยิ้มพี่เติร์กอันทรงเสน่ห์และชวนหลงใหล ไหนจะการตั้งใจพูดจาหวาน ๆ เพื่อกวนประสาทกัน

 

"เสี่ยวว่ะ พี่"

 

"แต่ก็ทำคนเขินได้" เติร์กยิ้มมุมปาก ก่อนจะผลักศรีษะมันช์เบา ๆ จนมันช์หันมาชกไหล่อีกฝ่ายแก้เก้อ

 

"ไม่ได้เขินเว้ย"

 

"หึ ๆ"

 

 
 

   เวลาความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊ปเดียว มันช์เดินมาถึงปากซอยห้องพักของตัวเองแล้ว  มันช์มองหน้าพี่เติร์กที่ยืนมองด้วยรอยยิ้ม

 

"กลับดี ๆ"

 

"ครับ อย่างนี้ พี่ก็ต้องเดินกลับไปเอามอเตอร์ไซค์ที่เอกอีกอะดิ" มันช์ชวนคุยเพื่อเพิ่มเวลาแห่งความสุขให้ตัวเองอีกสักหน่อย

 

"อืม ก็ต้องกลับอยู่แล้ว งานยังไม่เสร็จ"

 

"อ้าวจริงดิ พี่ไม่น่าเสียเวลามาส่งผมเลย"

 

"ไม่เป็นไร กูอยากอยู่กับมึงด้วย"

 

    มันช์เงียบ มองหน้าพี่เติร์กทั้ง ๆ ที่ใบหน้าร้อนฉ่า

 

"นั่นผมไปก่อนนะ"

 

"อืม" เติร์กยิ้ม แต่จังหวะที่มันช์หมุนตัว

 

"มันช์"

 

"ครับ?"

 

"มึงกลับไปทำอะไร?"

 

"ก็คงหาข้าวกินก่อนขึ้นห้อง จากนั้น คงอาบน้ำแล้วก็นอน เพราะวันนี้ไม่มีการบ้านต้องทำ"

 

      มันช์มองพี่เติร์กที่ยิ้มก่อนจะเงียบไปอึดใจ

 

"กินคนเดียว?"

 

"อื้มม"

 

"ถ้างั้น เรากินข้าวด้วยกันก่อนไหม ? " มันช์แอบเห็นพี่เติร์กหน้าแดงและเบนหน้าหนีไปทางร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน

 

"พี่ไม่รีบกลับไปทำงานที่เอกเหรอ ?"

 

"ก็รีบ แต่กู..." มันช์เห็นพี่เติร์กเว้นวรรคก่อนตอบพร้อมยกมือลูบท้ายทอย

 

"อยากอยู่กับมึงต่ออีกหน่อย ได้ไหมวะ?"

.

.

.

.

      วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การเรียนของนักศึกษาปีหนึ่งก็เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที และในช่วงบ่ายของตารางเรียนเด็กปีหนึ่งที่ไม่มีการเรียน การสอน  ยามนี้ น้องเฟรชชี่จึงต่างจับจองที่นั่งตามซุ้มที่แต่ละกลุ่มได้เป็นเจ้าของ เพื่อนั่งวาดรูปที่อาจารย์ให้ฝึกวาดจากแผ่นชีทที่แจกให้

 

      ในขณะเดียวกัน ฟากมันช์กำลังมีสมาธิมุ่งมั่นในการทำงาน สายตาจ้องแผ่นกระดาษปอนด์ที่ร่างเส้นเป็นภาพสถาปัตยกรรมต่างประเทศ ผ่านไปสักพัก มันช์เงยหน้ามาจากแผ่นกระดาษ ทอดสายตามองไปยังซุ้มพี่ปีสามก็เห็นพี่เติร์กมองมาจนปะทะสายตากัน จากนั้น มันช์หลุบตาลงมามองกระดาษดังเดิม

 

   

'~ตะดื้ด ตื้ด ตื้ด ตะดืด ดืด~'

 

'~สาวบางโพ นั่นโก้จริง ๆ~'



       อยู่ดี ๆ ก็มีคนร้องเพลงขึ้นมา ทำให้พวกมันช์เงยหน้ามองว่าใครเป็นคนร้อง แม้ไม่รู้ว่าใครเริ่มเป็นคนแรก แต่มันช์เห็นมีทั้งซุ้มปีสองและปีสามพร้อมใจร้องเพลงกันอย่างสมัครสมานสามัคคี



'~ยิ้มมีเสน่ห์ เก๋เกินมองข้าม ถามใครดูได้ สวยไปทุกสิ่ง..~'

 

        เสียงเพลงดังขึ้น เพราะพวกรุ่นพี่เห็นนักศึกษาสาวสวยต่างสาขากลุ่มหนึ่งย่างกราย เดินผ่านเข้ามาด้วยการแต่งกายที่ชวนล่อสายตาทั้งเสื้อและกระโปรงที่รัด ฟิตตึงเปรี๊ยะ ก็ไม่แปลกที่จะเป็นอาหารตาให้พวกรุ่นพี่ผู้ชายทั้งเอกศิลปกรรม ซึ่งกลุ่มผู้หญิงที่เผลอเดินผ่านเพราะเป็นทางลัดไปอีกตึกได้ใกล้กว่าถึงกับชะงักงันยามที่โดนแซวท่ามกลางสายตานับร้อย หญิงสาวเหล่านั้นต่างละล้าละลัง ประหม่าอย่างเห็นได้ชัด



"บอกแล้วไม่มีผู้หญิงคนไหนแม่งกล้าผ่าน ดูแซวสิ" แก้วบอก ขำๆ



"ทำไมเวลากูเดินผ่านไม่มีใครแซวกูแบบนี้เลย" ดาวบอกมันช์ตอบ

 

"มึงมันไม่ใช่ผู้หญิง ดาว" มันช์บอก ดาวทำหน้างอ

 



"พวกผมไม่มีรถคันใหญ่ มีแค่มอเตอร์ไซค์สนใจไหมครับ ฮิ้ววววว"



     มันช์มองพวกพี่ ๆ ที่ชอบใจได้ทีแซวสาวอย่างต่อเนื่อง

 

"ฮิ้วววว"

 

"เถื่อนแต่จริงใจไม่รู้ว่าสาวบีอีจะสนใจผู้ชายบ้าน ๆ แบบนี้บ้างไหม"

 

    ราวกับตลกคาเฟ่รับมุกส่งมุกกันเป็นว่าเล่นจนพวกเธอก้มหน้าเขินแล้วงึมงำกับเพื่อน ๆ ผลักไหล่กันไปมา และเร่งฝีเท้าให้เดินพ้นเอกไว ๆ

 

"กูอายแทนว่ะ"

 

"มึง พวกเราเลือกเรียนสาขากันถูกแล้วใช่ไหมวะ"

 

"นั่นดิมึง ฮ่า ๆ ๆ"

 

       ในขณะที่มันช์เห็นพวกรุ่นพี่แซวสาวสาขาอื่นจนเธออายม้วนต้วน มันช์อมยิ้ม ก่อนจะลุกออกจากซุ้มที่นั่ง บิดขี้เกียจ ยกแขน ยืดเหยียดก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ

 

     คนที่ทำธุระเสร็จออกมาตกใจเห็นพี่เติร์กเดินมายืนยิ้มพลางกอดอกพิงอ่างล้างหน้า





"พี่เติร์ก มาเข้าห้องน้ำเหรอ?"

 

"เปล่า กูตั้งใจมาหา งานเป็นไงบ้าง" เติร์กถาม ฟากมันช์ใจเต้นแรงที่ได้ยินแบบนั้น




 
>>>>>>>>>>>> ต่อด้านล่าง <<<<<<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 13 ว่าที่ 'แฟน' - [5 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-03-2019 21:47:49
      แม้ว่าตอนที่มันช์ทำงาน พี่เติร์กจะไม่เข้ามายุ่งหรือก้าวก่าย แต่พอได้ยินในสิ่งที่ถาม แสดงว่า พี่เติร์กก็แอบมอง แอบห่วงมันช์อยู่ห่าง ๆ

 

"ใกล้เสร็จแล้ว พี่"

 

"เก่งมาก" ทำไมพอเป็นพี่เติร์กชม มันช์ถึงหัวใจฟูฟ่องขนาดนี้กันนะ

 

"ขอบคุณครับพี่ เออ ปกติพวกพี่แซวกันเถื่อนแบบนี้เลยเหรอ? อย่างนี้ ใครจะกล้าผ่านวะ?" มันช์ถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ในสาขานี้ ไม่เคยมีวันไหนที่พวกรุ่นพี่จะสงบปาก สงบคำกันได้

 

"เพราะแซวแบบนี้น่ะแหละ พวกกูได้หญิงกันเป็นว่าเล่น" เติร์กบอก



"พวกกู? พี่หมายถึงว่า พี่เคยแซว เคยได้แบบนี้ เหมือนกัน?" ในเมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น กลับทำให้มันช์ไม่ชอบใจถามเสียงแข็งกลับไปด้วยความไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องหงุดหงิด ต้องรู้สึกไม่พอใจพี่เติร์กด้วย

 

"ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ ไม่แล้ว"

 

"อ้าวทำไมล่ะ พี่" มันช์ถามทั้งที่ใจเต้นแรงกับการกลัวในคำตอบ แหละตอนนี้ทั้งสองยังคุยกันที่ห้องน้ำ และเป็นมันช์เองที่ยังไม่ก้าวขาเดินไปไหน เพราะคุยตรงนี้สะดวกใจมากกว่าที่จะคุยในเอกแล้วถูกบรรดารุ่นพี่แซว



"จีบมึงแล้วไง จะให้กูยังแซว ยังเอาคนอื่นหรือไง ?"

 

     มันช์หน้าแดงและร้อนเห่อตอนที่พี่เติร์กว่าอย่างนั้นแล้วยิ้มเดินมาตบไหล่ข้างขวา

 

"กูไม่มั่วหรอกมันช์ ไม่ต้องห่วง กูเดินไปก่อน มึงคงไม่ชอบเวลามีคนแซวถ้าจะเดินกับกู ตั้งใจทำงานด้วย จะได้เสร็จเร็ว ๆ" พี่เติร์กยิ้มหวาน ปล่อยให้มันช์ยืนเขินใจสั่นไม่หาย โดนจีบทุกวันแบบนี้ จะให้มันช์ชินได้อย่างไร ดังนั้น มันช์จึงยังไม่พร้อมที่จะเดินเข้าเอกตอนนี้ เขาจึงเดินสมองเบลอไปยังซุ้มขายเครื่องดื่ม

 

"คาปูชิโน่เย็นแก้วนึง แล้วก็ขนมปังเนยนมสี่แผ่น เนยพริกเผาหมูหยองสองแผ่นครับ" มันช์สั่งเสร็จก็ยืนรอ ในขณะที่หัวสมองนึกถึงใครบางคน



"อ้าว มันช์" คนที่เหม่อนึกถึงพี่เติร์กกับคำพูดเมื่อสักครู่ก็ใจสั่น แต่แล้ว มันช์ก็หยุดความคิดชั่วขณะหนึ่ง หันไปเห็นโฟล์คที่เดินมาพร้อมเพื่อนของเขาสองคน

 

"วันนี้ ไม่มีไอ้พี่ขี้หวงมายืนเฝ้าเหรอ?' มันช์มองหน้าคนต่างสาขาอย่างแปลกใจ ตั้งแต่มันช์เกิดมา โฟลค์เป็นคนเดียวจริง ๆ ที่รู้สึกว่าเพิ่งรู้จักวันเดียวก็สนิทสนมเหมือนคบกันราวสิบปิ ทั้ง ๆ  ที่เจอโฟล์คแค่สามครั้งเท่านั้น

 

"ใคร?" มันช์ตอบ ยามที่โฟล์คยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยปากสั่งเครื่องดื่มสมูทตี้

 

"ก็ไอ้พี่เติร์กไง เขาชอบมึง ไม่ใช่เหรอ?"



"ห้ะ? หรอ? ไม่ใช่มั้ง" มันช์ทำเนียนอย่างไม่อยากตอบ เพราะเขาเขินเวลามีคนมาถามเรื่องความสัมพันธ์



"เหอะ..ทำเป็นแอ๊บ กูรู้นะ มึงก็ชอบพี่เติร์กด้วย" โฟล์คบอก แต่มันช์ยังนิ่ง ทั้ง ๆ ที่ข้างในกายและใจวูบวาบ ปั่นป่วนแปลก ๆ เมื่อถูกจับได้

 

"หือ ก็ชอบแบบรุ่นพี่ไง พี่เติร์กเท่ดี"

 

"อื้มมมมมมเหรอ? โอเค รุ่นพี่ก็รุ่นพี่ ถ้างั้น รอกูด้วยมันช์ ว่าจะเข้าเอกมึงสักหน่อย" มันช์ไม่เข้าใจทำไมโฟล์คต้องมาอยากเข้าเอกพร้อมมันช์ด้วย แต่มันช์ก็พยักหน้ารับอย่างไม่อยากมีปัญหา

 

 

   เมื่อทุกคนได้ของตามสั่ง มันช์เดินกลับมาพร้อมโฟล์คแค่สองคน ส่วนเพื่อนของโฟล์คก็กลับไปที่เอกดนตรี

 

   แหละพอมันช์เดินถึงโต๊ะของตัวเอง เขากลับถูกโฟล์คดึงชายเสื้อลากไปหาพี่ชายของโฟล์คที่ซุ้มปีสาม มันช์รีบวางกาแฟและขนมปังแค่ถาดเดียว ส่วนอีกถาดโฟล์คถือเป็นพร็อพประกอบการเดินไปเป็นที่เรียบร้อย

 

"มาทำไม ไอ้เด็กเอกดนตรีคนนั้นน่ะ" พี่อุ้ยปีสองแซว เพราะรู้จักกับน้องชายพี่รหัสของตัวเองเป็นอย่างดี และเพียงเสียงพี่อุ้ยตะโกนอดีตพี่ว้ากทั้งแก็งค์หันขวับ

 

   มันช์หันไปมองโฟล์คที่แม่งยิ้มร่าเริงเฉยเลย แสดงว่าโฟล์คน่าจะสนิทสนมกับพวกบรรดาพี่ ๆ เอกนี้พอสมควร ทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กปีหนึ่ง แต่กลับเดินเข้าออกอย่างไม่มีประหม่าหรือเขินอายใด  ๆ ทั้งสิ้น



"มึงอยากตายหรือโฟล์ค กวนตีนกูแบบนี้"  เติร์กตอบหน้าตาย ฟากโฟล์ครีบเดินไปหลบหลังพี่ชาย

 

 "เฮีย ปกป้องกูด้วยดิ เพื่อนเฮียแม่งเอาแต่ใช้กำลัง" โฟล์คบอก

 

"กูรู้โฟล์คว่ามึงเป็นพวกชอบเสพติดความเจ็บปวด วันไหนไม่โดนด่า โดนเตะจะนอนไม่หลับ"

 

"อ้าว ก็พี่เติร์กกวนตีนกูก่อน กูไม่ยอมแพ้หรอก"

 

"มึงนี่เด็กจังวะ ไอ้โฟล์ค" พี่เติร์กว่า ครู่หนึ่งเขาเหล่มองมันช์ที่ยืนเงียบ



"แล้วมึงพาไอ้มันช์มาซุ้มกูทำไม"

 

"เอามายั่วพี่เติร์กไง"

 

"ไร้สาระโฟล์ค มันช์มันทำงานอยู่" เติร์กดุโฟล์ค ก่อนจะหันไปหามันช์

 

"มึงกลับไปทำงานต่อเถอะ มันช์" เติร์กบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง



     การที่อีกฝ่ายแสดงความจริงใจอย่างเปิดเผย แถมดูเป็นห่วงเป็นใย มันช์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ เขายืนอุ่นวาบในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

 

"อุ้ย ห่วงจ้างงงง" โฟล์คยังยียวนไม่มีกลัวรุ่นพี่

 

"มึงก็วอนตีนไอ้เติร์กเนอะ" ป๋อด่าน้องชายตัวเอง ก่อนจะดึงถาดขนมปังที่โฟล์คถืออยู่ในมือ กำลังใช้มือหยิบกิน



"เฮีย อย่า!" โฟล์คห้ามเสียงดังจนมันช์ยังตกใจ



"กูพี่มึง ทำไมกูจะแดกไม่ได้" ป๋อบอกโฟล์คอย่างหงุดหงิด

 

"แดกไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ของเฮียไง มันของพี่เติร์ก"

 

       เจ้าของขนมปังตัวจริง ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ มองคนที่พูดเป็นตุ เป็นตะ ก่อนจะสะกิดโฟล์ค พลางคิดในใจ



       'ของพี่เติร์กเชี่ยอะไรล่ะ ขนมปังถาดนั้น ของกูชัด ๆ เงินกูทั้งนั้นที่จ่ายไป'

 



"ของกู โฟล์ค" มันช์บอกโฟล์คและรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ในซุ้มก็ได้ยินกันแทบทุกคน

 

"อันนั้นกูรู้ ว่าของมึง แต่มึงบอกกูเองนี่ ว่า มึงซื้อให้พี่เติร์ก"

 

     'กูบอกตอนไหนวะ?'



       มันช์ยืนงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อโฟล์คพูดแบบนั้นออกมา แต่ถ้ามันช์จะบอกความจริงก็คงสายไปเสียแล้ว เมื่อสีหน้า พี่เติร์กตอนนี้ แสดงออกว่าดีใจสุด ๆ





"อูยยยยย รู้ใจกันด้วย" มันช์มองหน้าพี่ป๋อที่แซวได้ แซวดี ไม่แปลกใจเลยที่โฟล์คมันเหมือนใคร




"ขอบใจนะมันช์ แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูชอบขนมปังน้ำพริกเผา-หมูหยอง" เติร์กถามด้วยสีหน้าที่แตกต่างจากตอนแรก

 

   'คือจะบอกอย่างไรดีล่ะครับพี่ ว่ากูไม่รู้เลยพี่เติร์ก เพราะกูไม่ได้ซื้อมาให้พี่เลยสักนิด กูจะซื้อมากินเองต่างหาก แต่โฟล์คแม่งกวนประสาทก็เท่านั้น'

 

     หากมันช์จะปฏิเสธว่าไม่ใช่ของพี่เติร์กก็ดูจะหักหน้าไปหน่อย



"ไม่รู้หรอกพี่ แต่เดาว่า พี่น่าจะชอบ"

 

"รู้ใจกันไปหมดทุกอย่างขนาดนี้ เป็นแฟนกันเลยเถอะพวกมึง" ป๋อยังคงว่าต่อ จนมันช์เขินที่เห็นสายตารุ่นพี่นับสิบมองมาด้วยสายตาล้อเลียน

 

"ผมไปก่อนนะครับ งานยังไม่เสร็จ" มันช์ทนไม่ไหว รีบหาเรื่องหนี

 

  เพียงแค่มันช์หันหลัง ยกขาเตรียมก้าวเดิน เสียงของรุ่นพี่ก็รั้งให้ชะงัก จนต้องหันไปกลับไปอีกครั้ง



"มันช์"

 

"ครับ"

 

"พอเป็นมึงซื้อ ทำไมมันอร่อยจังวะ"

 

 

      มันช์ยิ้มให้พี่เติร์กและรีบเดินดุ่ม ๆ กลับซุ้มของตัวเอง เพียงไม่นาน เสียงโห่ฮิ้วก็ดังขึ้นอีกระลอก



      มันช์คิดในใจระหว่างเดินกลับไป



       'ขอโทษนะพี่เติร์ก ที่แม้ว่าครั้งนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจซื้อให้พี่ แต่ครั้งหน้า ผมจะไม่พลาด เพราะอย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าพี่ชอบขนมปังปิ้งหน้าอะไร'

.

.

.

.


        ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แบงค์ยังคงมุ่งหน้าจีบขิงอย่างต่อเนื่อง เขาโทรคุยกับขิงทุกวัน เป็นเวลาหลายสัปดาห์ แม้แบงค์จะเฝ้าตามจีบเทียวไล้ เทียวขื่อ ทั้งโฉบไปที่เอกศิลปกรรมเพื่อส่งขิงกลับบ้าน บางวันก็มีโอกาสได้กินข้าวเย็นด้วยกัน  แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่คืบหน้า ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเพื่อนกันเท่านั้น จนกระทั่ง วันนี้ แบงค์เพิ่งได้โอกาสพิเศษที่ขิงยอมตกลงมาเจอกันนอกเหนือจากที่มหาฯลัยด้วยการมาดูหนังและเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า



      แบงค์ทำครบตามกิจกรรมที่ขิงต้องการ ทั้งกินข้าว กินไอศกรีม มาจนถึงการเฝ้ารอดูหนังที่ขิงเป็นคนเลือก  ซึ่งทั้งหมด ทั้งมวลที่แบงค์ตัดสินใจพาขิงมาเที่ยวนั้น เขายอมทุบกระปุกใช้เงินเก็บส่วนตัวที่มี ไม่ได้ขอจากพ่อแม่เลยสักบาท แหละในระหว่างที่นั่งรอภาพยนตร์ฉาย ทั้งสองหาเรื่องคุยกันได้มากมาย และเป็นแบงค์ที่สร้างเสียงหัวเราะให้ขิงได้ไม่หยุดหย่อนจนขิงต้องขอพักเบรก แต่ไม่นาน ขิงก็หาจังหวะวกเข้าเรื่องที่อยากรู้



 

"ได้ข่าวว่าพี่เติร์กชอบมันช์ แล้วมันช์ชอบพี่เติร์กหรือเปล่า? แบงค์รู้ไหม?"

 

    แบงค์ไม่ใช่คนปากโป้งเรื่องเพื่อนสนิท ดังนั้น ถึงต่อให้เป็นคนที่แบงค์ชอบแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันได้ล่วงรู้เรื่องส่วนตัวของเพื่อนรัก

 

"ไม่แน่ใจ ไม่เห็นมันพูดอะไรเลย ทำไมหรอขิง?"

 

"เปล่าหรอกแค่เห็นช่วงนี้มันช์กับพี่เติร์กกลับบ้านด้วยกันบ่อย ๆ ถ้ามันช์ไม่ชอบ มันช์ก็ไม่น่าจะยอมไปกับพี่เติร์กได้"



"เราไม่รู้จริง ๆ มันอาจจะลองศึกษาดูใจก่อนมั้งว่าใช่หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็จะได้รีบถอนตัว"

 

"อืม" ขิงตอบเสียงเศร้า



"ดูเหมือนขิงไม่อยากให้มันช์คบกับพี่เติร์ก"



"เปล่านะ แบงค์ เราไม่เคยคิดอย่างนั้น ก็แค่ถามดูน่ะ" ขิงบอก



"อ้อ อืม"

 

 

    หลังจากนั้น ทั้งสองคุยฆ่าเวลาไปอีกสักพักก็ได้ฤกษ์เดินเข้าโรงหนังไปด้วยกัน โดยแบงค์เลือกที่นั่งแถว A แถวที่นั่งที่ขิงบอกว่าชอบที่สุดเพราะได้ความเป็นส่วนตัว  เมื่อทั้งสองจัดแจงนั่งกันได้เรียบร้อย ภาพยนตร์ก็เริ่มฉาย



"อุ้ย"

 

"อ้าว ขิง" แบงค์ที่ตั้งใจดูหนังไปจวนกลางเรื่อง ได้ยินเสียงขลุกขลักจนต้องหันไปดูก็เห็นสภาพป๊อปคอร์นหกใส่ตักขิงจนเลอะเทอะ แบงค์รีบช่วยขิงเก็บและโกยใส่กล่องป๊อปคอร์นดังเดิม

 

"ไม่อยากกินก็บอก ถึงกับทิ้งขว้างกันเลยเหรอ?" แบงค์เล่นมุก ส่วนขิงก็ยิ้มมุมปาก

 

"ก็ไม่มีคนป้อน กินเองเลยหก" แบงค์ชะงักที่นึกว่าอีกฝ่ายจะเขินอายแล้วตอบบ่ายเบี่ยงที่ทำตัวซุ่มซ่าม แต่ผิดคาดตรงที่ขิงเลือกใช้คำตอบคล้ายทอดสะพาน แบงค์มองขิงที่กัดริมฝีปากล่างพลางยกยิ้ม



      ขิงยังคงจ้องมองคนที่มีน้ำใจเก็บป็อปคอร์นที่หกให้จนเรียบร้อย และทันใดนั้น ขิงคว้าป๊อปคอร์นไปจ่อตรงริมฝีปากอีกฝ่าย

 

"โห เอาของหล่นให้เรากินเหรอ?" แบงค์แซวอย่างยิ้ม ๆ

 

"ก็ไม่ได้หล่นพื้นสักหน่อย แค่หล่นบนตักเราเองนะ" ขิงว่าเสียงแผ่ว แบงค์อมยิ้มก่อนจะอ้าปากรับป๊อปคอร์นที่ขิงป้อน

 

    แม้ยังไม่รู้ว่าขิงคิดกับแบงค์อย่างไร แต่ถ้าอีกฝ่ายแสดงออกเด่นชัดว่าไม่รังเกียจ นั่นก็เป็นสัญญาณที่ดี

 

   เมื่อแบงค์เคี้ยวป๊อปคอร์นเสร็จ เขาได้ที ตอบแทนด้วยการป้อนอีกฝ่ายคืน

 

"ก็ไม่ได้หล่นพื้นสักหน่อย ไม่กล้ากินเหรอ" แบงค์ยอกย้อน  ฟากขิงยิ้มให้ก่อนจะจับข้อมือของแบงค์ข้างที่ถือ อ้าปากรับป๊อปคอร์นที่ขิงไม่ได้งับแค่ป๊อปคอร์นแต่เขากลับงับปลายนิ้วของแบงค์ก่อนจะดูดปลายนิ้วอย่างหยอกเย้า จนแบงค์นั่งอึ้งด้วยอาการใจเต้นแรงที่ไม่คิดว่าขิงจะทำแบบนั้น

 



    แบงค์นั่งมองการกระทำอีกฝ่าย ถ้าเขาเดาไม่ผิด เหมือนว่า ขิงก็เล่นด้วย แบงค์ดึงนิ้วมือออกจากริมฝีปากอันชุ่มด้วยน้ำหวาน เขายิ้มมุมปากที่เห็นขิงจ้องตากันอย่างเชื้อเชิญ แบงค์ตัดสินใจโน้มหน้าไปใกล้อีกฝ่ายเพื่อดูปฏิกิริยา พอเห็นว่าขิงไม่หนี เขาตัดสินใจประกบริมฝีปากลงบนกลีบปากบาง แบงค์ขบเม้มริมฝีปากล่าง ก่อนจะใช้เรียวลิ้นเลียวนรอบริมฝีปากบางอย่างชอบใจ แต่ยังไม่ทันไร ขิงก็ดันออก

 

"ไม่ดูหนังหรือไง?"

 

 "ขอโทษ พอดี มีสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า" แบงค์บอก ขิงยิ้มขวยเขิน ก่อนจะหยิกหลังมือแบงค์

 

"ดูหนังได้แล้วแบงค์  เราเสียดายเงิน" ขิงดุ ก่อนจะละสายตาจากแบงค์หันไปดูหนังอย่างตั้งใจ ฟากแบงค์ทำตามคำสั่งพลางอมยิ้มไปตลอดทั้งเรื่อง

.

.

.

.

"เดี๋ยวเราขอไปดูเสื้อที่ร้านนั้นหน่อยนะ" ขิงบอกพร้อมชี้ไปที่ร้านดังตั้งอยู่ในห้าง

 

"ได้สิ" แบงค์เดินตามขิงเข้าไปในตัวร้านที่ละลานตาไปด้วยเสื้อผ้าหลากแบบ ในระหว่างที่แบงค์เดินตามหลัง

 

"อ้าว พุชมากับใครเหรอ?"

 

     แบงค์มองคนที่ขิงทักเดินวนอยู่ตรงแผนกเสื้อเชิ้ต  ฟากพุชเงยหน้าจากการจับเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน มองขิงที่ส่งยิ้มให้ พุชมองหน้าขิงสลับกับผู้ชายร่างสูงอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้า

 

"เรามากับพี่ชายน่ะ เขาลองเสื้ออยู่"

 

"อ้อ พุช นี่แบงค์เพื่อนเราเอง ส่วนแบงค์ครับนี่ พุชเพื่อนที่มหาฯ ลัย"

 

       ทั้งสองมองหน้ากันโดยไร้รอยยิ้มประดับหน้า การที่ทั้งสองต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ทั้งสองต้องรู้จักกันทั้ง ๆ ที่ใจไม่ได้ปรารถนานั้น มันช่างลำบากใจแค่ไหน



    โชคยังดี ตรงที่พี่ชายของพุชเดินมาหาน้องชายเสียก่อน นั่นจึงทำให้พุชไม่ต้องฝืนปั้นหน้ายิ้ม พุชหันไปหาขิงก่อนบอก



"ไว้คืนนี้ เราโทรหานะขิง"

 

"อื้ม"

 

        เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินคล้อยหลังไป ไม่ถึงสิบวินาที

 

"แค่เพื่อนจริง ๆ หรือมาจีบขิงเหมือนกัน"

 

"แค่เพื่อนกันน่ะแบงค์"

 

"จริงเหรอ?" แบงค์ถามย้ำ ฟากขิงก็ยังยิ้มกว้างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

"จริงสิ เราไม่โกหกหรอก เดี๋ยวเราขอเดินดูเสื้อผ้าแปปนึงนะ"

 

"ครับ"

 

     ถ้าขิงบอกว่า แค่เพื่อน แบงค์ก็จะเชื่อใจโดยไม่รบเร้า เซ้าซี้ เขาแค่เดินตามขิงดูเสื้อผ้า และเตรียมทำคะแนน หวังให้สักวันหนึ่ง ขิงจะตอบตกลงเป็นแฟนกัน



    วันนี้ เป็นอีกวันที่ใช้เวลาคุ้มค่า เพราะยามนี้ แบงค์นั่งรถแท็กซี่มาส่งขิงถึงปากทางหมู่บ้าน และในขณะะที่ขิงกำลังจะก้าวลงจากรถ



"วันนี้ เราสนุกมากเลย ขอบคุณที่เลี้ยงทุกอย่างเลยนะ แบงค์"

 

"ครับ"

 

     จนกระทั่งรถแท็กซี่เคลื่อนตัวไป แบงค์ก็ลอบถอนหายใจ แล้วนึกถึงเรื่องเมื่อเย็น เพียงแค่เห็นผู้ชายคนนั้น แบงค์ก็หงุดหงิดใจขึ้นมา แบงค์กำลังรู้ตัวเองว่า เขารู้สึกดีกับขิงมากกว่าเดิม....





................................................


ส่งความน่ารักให้จุใจค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอานค่ะ
 :hao7: :hao7: :hao7: :z1: :z1: :z1: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 13 ว่าที่ 'แฟน' - [5 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-03-2019 22:36:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...ขิงนี่ยังไงนะ

ดูก็รู้ว่าชอบมันซ์ และก็ยังไม่เลิกชอบด้วย

กับแบงค์และพุช  นี่คือศึกษาดูใจ หรือ แค่บริหารเสน่ห์?
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- 13 ว่าที่ 'แฟน' - [5 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-03-2019 08:48:40
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 14 อ่อยหรือเปล่า? - [9 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-03-2019 18:39:55

บทที่ 14  อ่อยหรือเปล่า?










 

 

 

 

 

 

 

 

"กินเอ็มเคแล้วกันนะ" พี่เต็นถาม

 

"ก็ได้ครับ"

 

     ในวันหยุดสุดสัปดาห์  มันช์นัดพี่เต็นออกมาเดินเล่น รวมถึงดูภาพยนตร์ด้วยกัน ภายใต้กิจกรรมเหล่านั้น ส่วนหนึ่ง มันช์ต้องการบอกความจริงกับพี่เต็นด้วยว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกอย่างไร

 

"พี่เลี้ยงผมแต่ของแพง ๆ ทั้งนั้นเลย ผมเกรงใจ" มันช์บอกเพราะตั้งแต่มาถึงที่ห้างสรรพสินค้า พี่เต็นดูแลมันช์เป็นอย่างดี พอบอกหิว พี่เต็นก็สรรหาแต่ของกินราคาแพง ๆ รวมถึงมื้อเย็นนี้ก็ยังกินของดีอีก จนมันช์รู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก

 

"ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่อยากเลี้ยง"

 

"แต่..."

 

"มันช์เป็นคนขี้เกรงใจใช่ไหม? ไม่ต้องกังวลนะ พี่เต็มใจ" เต็นแต้มยิ้มละมุนบนใบหน้าทั้งยังวางมือลงบนกลางกลุ่มผม

 

"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่กับพี่เติร์กเป็นพี่-น้องกันจริง ๆ" มันช์ตอบในสิ่งที่คิด จะว่าไป พี่เต็นกับพี่เติร์กมีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งหน้าตาก็ดูดีคนละแบบ รวมไปถึงนิสัยใจคอที่พี่เต็นดูอ่อนโยน สุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ส่วนพี่เติร์กแม้จะมีความจริงใจ ตรงไป ตรงมา แต่ก็กวนประสาทจนน่าปวดหัว

 

"ทำไม?"

 

"ก็พี่เต็นดูนิ่ง ๆ ใจเย็น สุขุม ผิดกับพี่เติร์กที่ชอบกวนตีนผมเป็นที่หนึ่ง" มันช์บ่น แต่พี่เต็นกลับยิ้มขำ

 

"แล้วมันช์ชอบแบบไหน?"

 

 

กึก

 

     เจอคำถามที่จู่โจมอย่างจัง มันช์ถึงกับชะงักงันไปครู่หนึ่ง



"เงียบเลยเหรอ? ฮึ"

 

"พี่เต็น คือ..." มันช์กัดปาก ก้มหน้าลงมองเท้าที่กำลังก้าวไปร้านสุกี้

 

"โอเคครับ พี่ให้เวลามันช์คิด" มันช์ยิ้มยามที่พี่เต็นบอกก่อนชวนคุยเรื่องอื่น

 

"แล้วพี่เต็นเคยทะเลาะกับพี่เติร์กบ้างไหมครับ?"

 

"ช่วงวัยรุ่นก็ทะเลาะกันบ่อย จะต่อยกันก็หลายครั้ง แต่พอรู้ว่าต่างฝ่ายต่างจะปะทะกันพี่ก็เลี่ยงตัดบทหนีไปเลยดีกว่า"

 

"ก็ผู้ชายกันทั้งคู่อะเนอะ"

 

"ครับ"

 

 

         ในระหว่างที่ทั้งสองยังคุยกันต่อเนื่องจนกระทั่งเข้าร้านสุกี้ จู่ ๆ เต็นขอตัวไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก และบอกทิ้งท้ายให้มันช์สั่งได้ไม่ต้องรอ มันช์จึงพยายามเลือกราคามาเป็นอันดับแรก อันไหนถูกมันช์จิ้มอันนั้น เพราะมันช์กลัวว่าพี่เต็นจะหาว่ามาหลอกกิน หากรู้ความจริงว่ามันช์ก็ไม่ได้ชอบพี่เขาแบบนั้น

 

        มันช์สั่งไปไม่กี่อย่าง พี่เต็นก็กลับเข้ามา

 

"สั่งเยอะไหม?"

 

"ไม่ครับ"

 

"สั่งเป็ดย่างหรือเปล่า?"

 

"เปล่าครับ"

 

"ทำไมล่ะ"

 

"คือมันแพงครับพี่ ผมเกรงใจ"

 

"เฮ้อ มันช์" เต็นส่ายหน้าระอา ก่อนจะโบกไม้โบกมือเรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่ม จนกระทั่งพนักงานคล้อยหลังไป ทั้งสองสนทนาได้ไม่นาน ใครบางคนก็เดินมาหยุดตรงหัวโต๊ะพร้อมพนักงานที่กำลังทยอยเสิร์ฟอาหาร

 

 

"พี่เติร์ก พี่มาได้ไง?" ราวกับเห็นผี มันช์ที่กำลังคุยกับพี่เต็นอย่างออกรสชาติก็ชะงักและตกใจที่เห็นพี่เติร์กตัวเป็น ๆ มายืนค้ำหัวส่งสายตาอ่านไม่ออกมาทางนี้

 

 

    ฟากเต็นลอบถอนหายใจพลันเหลือบไปมองน้องชายและถาม

 

"มึงควรให้เกียรติกูบ้าง เติร์ก"

 

"กูแค่ผ่านมา" เติร์กบอก ฟากเต็นแค่นยิ้ม

 

"มั่นใจนะ ว่าแค่ผ่านมาจริง ๆ" เต็นย้ำ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเติร์กตั้งใจมาหาใคร เพราะก่อนหน้านี้ คนที่เต็นคุยโทรศัพท์ด้วยก็น้องชายนั่นแหละที่ถามซักไซร้ว่าอยู่ร้านไหน อยู่กับมันช์ใช่หรือเปล่า?

 

 

"เออ กูกลับก่อนก็ได้"

 

 

      เมื่อพี่เติร์กลับตาไป มันช์ใจหายที่เห็นสายตาพี่เติร์กมีความเสียใจซ่อนอยู่ เพียงแค่มองนัยน์ตาคู่นั้นก็รู้แล้วว่า มันช์จะต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร เขาจะไม่ยอมเสียเวลาไปมากกว่านี้ หากกินอิ่มเมื่อไหร่ มันช์คงต้องหาทางตัดสินใจบอกพี่เต็นให้ได้รู้

.

.

.

.

'ขอโทษนะครับ พี่เต็น ถ้าผมจะบอกว่า ผมรู้สึกดีกับพี่เต็นแบบพี่ชาย'

 


'พี่ยังไม่ทันได้จีบเต็มที่ก็โดนปฏิเสธแล้วเหรอ?'

 

 

      มันช์ยังคงเครียดไม่หายที่ได้เห็นสีหน้าของพี่เต็นตอนที่มันช์พูดความจริงเรื่องความสัมพันธ์ มันช์ตัดสินใจบอกตรง ๆ เพราะไม่อยากปล่อยเวลาให้ยืดยาวไปกว่านี้ ขืนไม่รีบทำอะไร ดีไม่ดี พี่เต็นอาจจะกลายเป็นเกลียดมันช์ไปเลยก็ได้

 

     

 

      สองขาก้าวขยับไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า มันช์ยังคงคิดมากเรื่องพี่เต็นวนเวียนอยู่ในหัวสมองไม่รู้จบ แม้ปากบอกว่าไม่ชอบพี่เต็นแบบแฟน แต่ลึก ๆ แล้วมันช์ก็กลัวพี่เต็นจะเกลียดกัน มันช์เดินเนือย ๆ มาจนถึงหน้าหอก็เบิกตาโพลงตกใจ เมื่อเห็นคนคุ้นตานั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์พ่นควันบุหรี่ลอยวนบนอากาศพลางเงยหน้ามองตึกสูงสี่ชั้นอย่างกับพระเอกมิวสิคเพลงเศร้า

 

"พี่เติร์ก"

 

     มันช์เรียกรุ่นพี่ เติร์กละสายตา ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงโคนต้นไม้แล้วยิ้มอ่อน

 

"เป็นไงบ้าง?"

 

"พี่มาทำไม?"

 

"มารอกินข้าวด้วย"

 

   มันช์ชะงัก ตั้งแต่ที่พี่เติร์กไปเจอะมันช์ที่ห้าง จนถึงป่านนี้ ก็ผ่านมาแล้วร่วมสามชั่วโมงกว่า มันช์ไม่คิดว่า พี่เติร์กจะรอกัน หนำซ้ำ ยังลงทุนถ่อมาหาเขาถึงที่นี้



"พี่มารอผม?"

 

"อืมใช่" 

 

"แต่ผมคงได้แค่นั่งเป็นเพื่อนนะพี่เติร์ก เพราะผมอิ่มแล้ว" มันช์บอกความจริง ถึงแม้ว่า ท้องตึง หนังตาหย่อน แต่สำหรับพี่เติร์ก มันช์ยอมไปนั่งมองอีกฝ่ายกินอย่างเดียวก็ยังได้

 

 

"ไม่เป็นไร"

 

"แล้วพี่มาหาผมถึงนี้ บ้านพี่อยู่ไหนอะ?" มันช์ถามเพราะไม่รู้ว่า พี่เติร์กยังอยู่บ้านหลังเดิมสมัยตอนที่พี่เขาเรียนอยู่สมัยมัธยมหรือเปล่า?

 

 

"ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ไหม อย่าถามมาก กูหิว" มองคนมัดมือชก จับต้นแขนลากให้เดินตามแรงนำก็มุ่ยหน้าก่อนจะเดินไปอย่างว่าง่าย

 

 

    ยามนี้ มันช์นั่งมองคนซัดข้าวมันไก่เป็นจานที่สอง พี่เติร์กคงหิวมากจริง ๆ มันช์นั่งมองพี่เติร์กด้วยรอยยิ้มกว้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เติร์กเงยหน้าขึ้นมา มันช์จึงหุบยิ้มแล้วรีบตั้งคำถาม

 

 

"พี่บ้าหรือเปล่า? ทำไมไม่กินข้าวแถวบ้าน ต้องถ่อมากินถึงนี่"

 

     มันช์ก็รู้นะว่า ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่พี่เติร์กกำลังจีบมันช์อยู่ แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คน ๆ หนึ่งยอมบึ่งมอเตอร์ไซค์ ฝ่าฝุ่น ฝ่าการจราจรอันแสนสาหัส บนเส้นทางยาวหลายสิบกิโล เพื่อมานั่งกินข้าวกับมันช์ในเวลาไม่กี่นาที

 

"มึงลองชอบใครสักคนดูสิ แล้วมึงจะรู้เหตุผล"




     มันช์เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนส่งยิ้มให้ แล้วตอบคำถามในใจที่มันช์เองก็รู้เพียงลำพัง

 

'เหตุผลที่ว่า คือการได้เห็นหน้าเขาทุกวัน แม้ว่ามันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ยังดี ใช่ไหมครับ? พี่เติร์ก'

.

.

.

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

"มันช์ อยู่ไหม?"

 

       ขิงยืนเคาะประตูอยู่หลายรอบ ตอนนี้ เขายืนหนาวสั่นเพราะเสื้อผ้าเปียกชุ่มจากการเดินตากฝนมา เรื่องของเรื่อง คือ วันนี้ พวกขิงมีเรียนแค่ช่วงเช้า พอตกบ่าย เพื่อน ๆ ก็แยกย้ายกันไป รวมถึงขิงเองก็ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้ากับพุช ทั้ง กินข้าว ดูหนัง รวมถึงเล่นเกมคีบตุ๊กตาที่วันนี้พุชเป็นเจ้ามื้อทั้งหมด เนื่องจากขิงเองมานึกขึ้นได้ภายหลัง ว่าเขาฝากกระเป๋าสตางค์ไว้กับมันช์ พอถึงเวลากลับบ้าน ขิงจึงขอเงินค่ารถพุชเพื่อมาหามันช์หวังจะมาขอกระเป๋าสตางค์คืน แม้พุชยืนกรานจะมาส่ง แต่ขิงบ่ายเบี่ยงว่าจะมาเอง แต่ใครจะรู้ว่าการเดินจากปากซอยมาถึงหอเพื่อน ฝนจะมาตกกลางคันจนทำให้ตัวเปียกแบบนี้

 

"อ้าว ขิง" แบงค์เปิดประตูเพื่อออกมาดูว่าใครมาหาเพื่อนเขา เนื่องจากได้ยินเสียงแว่ว ๆ ในตอนแรก

 

"แบงค์ อยู่นี่เหรอ?" ขิงเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เพราะแบงค์ไม่เคยบอกว่าพักที่ไหน จนกระทั่ง ขิงนึกขึ้นได้ เมื่อหวนไปนึกถึงคำที่มันช์เคยบอกว่ามีเพื่อนอยู่หอเดียวกัน

 

"ใช่ ขิงมาหามันช์เหรอครับ?"

 

"อื้ม เราลืมกระเป๋าสตางค์ไว้กับมันช์"



"มันคงไปเที่ยวมั้ง ขิงเข้ามาห้องเราก่อน ดูสภาพขิงเปียกทั้งตัวแบบนั้น อาบน้ำก่อนเถอะ" แบงค์บอกอย่างเป็นห่วง ฟากขิงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินก้มหน้า ก้มตาเดินเข้าห้องพักของอีกฝ่าย

 

"ขอโทษนะแบงค์ที่มารบกวน"

 

"ไม่เป็นไร เราเต็มใจ" แบงค์บอกยามที่ยื่นผ้าขนหนูผืนที่ยังไม่ได้ใช้

 

"ถ้าอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ เดี๋ยวเราไปส่งนะ" แบงค์บอก

 

     ขิงพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป แต่เวลาผ่านไปไม่นานนัก เสียงตะโกนกรีดร้องดังขึ้น จนคนที่กึ่งนั่ง กึ่งนอนบนเตียงลุกพรวด

 

"ขิงเป็นอะไร?" แบงค์บอกพร้อมเอาหูแนบบานประตูห้องน้ำอย่างเป็นกังวลที่ได้ยินเสียงขิงไม่สู้ดีนัก

 

"จิ้งจกตกมาใส่หลังเรา แบงค์ เรากลัวจิ้งจก มาไล่ไปหน่อยได้ไหม?" ขิงตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

 

"โอเค ๆ ขิงเปิดประตูให้เราหน่อย"

 

    ไม่นาน ประตูถูกเปิดออกกว้าง และในตอนแรก แบงค์ที่จินตนาการว่า ขิงคงพันผ้าขนหนูปิดของสงวนไว้เรียบร้อย แต่เปล่าเลย สายตาของแบงค์ที่เห็นขิงนาทีนี้ คือ เนื้อตัวเปล่าเปลือย ชวนให้แบงค์ขนลุกชูชัน ใจสั่นรัว เมื่อแบงค์ได้เห็นผิวขาวอมชมพูที่มีหยดน้ำเกาะพราวระยับ หนำซ้ำยังเห็นสายตาของขิงดูเชื้อเชิญ ยิ่งใจกระตุกที่รู้สึกถึงความยั่วยวนชวนแบงค์ตบะแตก แบงค์ต้องทนข่มใจละสายตาจากการเห็นร่างเปลือยกระตุ้นราคะนั้น เขาลอบกลืนน้ำลายเดินผ่านขิงไปกวาดตามองสอดส่องดูจิ้งจกจนทั่วทั้งผนังและเพดานห้องน้ำ

 

"ไม่เห็นมีเลยขิง"

 

"แต่เมื่อกี้ เราเห็นจริง ๆ นะแบงค์" แบงค์ชะงัก ไม่กล้าขยับตัวตอนที่ขิงเดินมายืนซ้อนหลัง เกาะแขนแล้วบอก

 

     'อ่อยกูหรือเปล่าวะแบบนี้'

 

      เมื่อเห็นขิงให้ท่า แบงค์ก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจทันทีว่า การที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาควรทำอย่างไร ระหว่าง ข่มใจ หรือปล่อยให้ทุกอย่างพาไปเอง

 

"เอ่อ ขิงตาฝาดหรือเปล่า?" พอแบงค์หันไป คราวนี้เป็นขิงที่จู่ ๆ ก็วางมือลงบนเป้ากางเกงของแบงค์แล้วกดสายตาลงต่ำด้วยรอยยิ้มมุมปาก

 

"ทำไมของแบงค์มัน..."

 

"ขิงโป๊แบบนี้ ใครเห็นก็ต้องมีอารมณ์ไหม?" แบงค์ว่าตามตรงแล้วอยู่ดี ๆ ขิงก็หลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือที่จับแกนกลางลำตัวของแบงค์ขึ้นมารั้งคออีกฝ่ายให้โน้มตัวลงต่ำแล้วจุมพิตเบา ๆ



"เราทำให้นะแบงค์"



    สิ้นเสียงคำบอก ขิงไม่ได้รอคำตอบก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า ดึงกางเกงบอลลง ก่อนที่ขิงจะลูบไล้แก่นกายแข็งจัดทั้งยังร้อนผ่าว ขิงกำแก่นกายนั้นหลวม ๆ ก่อนจะรูดขึ้น รูดลงจนแบงค์ต้องกัดปากกลั้นเสียงคราง แต่ไม่นานเท่าไหร่ ที่แบงค์ทนไม่ไหว เผลอเผยอริมฝีปาก ปล่อยเสียงครางกระเส่ายามที่ส่วนปลายร้อนผ่าวของแบงค์ถูเข้ากับกลีบปากนุ่มนิ่ม จากนั้น เรียวลิ้นของขิงได้แตะลงบนแก่นกายไล่เลียไปตามความยาว ก่อนที่ขิงจะตวัดปลายลิ้นเลียวนส่วนปลายสีสดที่มีน้ำรสปร่าซึมออกมา ยิ่งทำให้แบงค์ใจเต้นแรงด้วยความเสียวกระสัน





"ขิง อ่าห์"



 

     ยามที่แบงค์เรียกชื่อ ขิงเงยหน้าสบตามองอีกฝ่ายที่หน้าแดงจัดแถมเม็ดเหงื่อผุดพราวบนใบหน้า ขิงยกยิ้มชอบใจก่อนจะตัดสินใจอ้าปากรับแท่งร้อนสอดลึกเข้าไปในโพรงปากอุ่น ๆ ของตัวเอง


 

     ภายในห้องน้ำที่เคยเย็นชุุ่มฉ่ำจากสายน้ำ ยามนี้กำลังร้อนระอุจากบทออรัลเซ็กซ์คนที่นั่งคุกเข่ากำลังสนุกกับการได้ลิ้มลองไอศกรีมแท่งโปรดที่ดุนดันเข้ากับกระพุ้งแก้ม

 



      แบงค์กดสายตาลงต่ำ มองคนที่ห่อริมฝีปากแน่นกว่าเก่า เพื่อกลืนกินแท่งร้อนของเขาอย่างช้า ๆ แบงค์ยืนปลายเท้าจิกเกร็ง เพราะความเสียววูบวาบแผ่ซ่านทั่วร่างกาย จนทำให้เขาเผลอยึดท้ายทอยอีกฝ่าย ดันให้ลึกขึ้นจนลึกถึงคอหอย



       จากนั้น คนที่ยอมยืนนิ่งมาแสนนาน ก็เป็นฝ่ายคุมเกมส์เองด้วยการเริ่มขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะเปลี่ยนจังหวะที่แรงและถี่กระชั้นกว่าเดิม ยิ่งทำให้ส่วนใหญ่โตที่อยู่ในโพรงปากนุ่มชื้น ปวดหนึบ จนสักพัก แท่งร้อนในปากกระตุก ก่อนที่แบงค์จะปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นเข้าไปในโพรงปากอุ่นของคนตัวเล็ก




 “แค่กๆๆ”



          ทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ ขิงสำลักหน้าดำ หน้าแดง ไม่คิดว่าแบงค์จะปล่อยของเหลวใส่ปากของขิง เพียงแค่เห็นดวงตาแดงก่ำตวัดขึ้นมอง ทันใดนั้น แบงค์รีบย่อตัวลงไปกอดร่างเล็กและสอดปลายลิ้นกวาดไล่ของเหลวสีขุ่นที่อยู่ในโพรงปากอีกฝ่ายเก็บกวาดจนไม่เหลือ ก่อนจะผละออกมาเช็ดของเหลวที่ไหลเลอะมาตรงขอบปากจนถึงคาง



"ขอโทษนะ คือ.เรา.."



"แบงค์ชอบไหม?" ขิงไม่ได้สนใจในสิ่งที่แบงค์จะขอโทษ แต่ขิงอยากรู้ในสิ่งที่เขาทำให้แบงค์มากกว่า





"อืมชอบมาก ขิงให้เราทำให้ไหม?" แบงค์ถามยามที่เห็นแก่นกายของขิงแข็งขึ้น



"ไม่เป็นไร แบงค์ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวขิงขออาบน้ำต่อ"



"แน่ใจนะว่าจะไม่ให้เราช่วย"



"อื้ม"




       เมื่อได้รับคำตอบ แบงค์ไม่เซ้าซี้ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สวมกางเกงบอลแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป





    จนกระทั่งขิงเดินออกมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของแบงค์ ขิงก็เดินมานั่งบนเตียงมองหน้าคนที่นอนรออยู่

 



"แบงค์ ถ้าเราขอยืมเงินกลับบ้านก่อนได้ไหม?"

 

"ได้สิ เอาเท่าไหร่ ห้าร้อยพอไหม?"

 

"พอครับ" ขิงบอก แบงค์ลุกไปเปิดกระเป๋าสตางค์คว้าธนบัตรสีม่วงยื่นให้ขิง

 

"ไม่ต้องคืนหรอก เราให้ และถ้าไอ้มันช์มา เราจะบอกเรื่องกระเป๋าสตางค์ให้นะ"

 

"ไม่ต้องนะ เรื่องนั้น เดี๋ยวเราบอกเอง"

 

    แบงค์ตามใจขิง และในขณะที่ขิงสวมรองเท้าจะเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ขิงก็หยุดชะงักและหันหลังไปมองคนที่เดินมาในระยะประชิด



"แบงค์ ถ้าเราเปลี่ยนใจขอนอนค้างคืนนี้ด้วยได้ไหม?"

 

     แบงค์ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาว

 

"ได้สิ"

 

"แต่แบงค์ห้ามทำอะไรเรานะ"

 

      ได้ยินดังนั้น แบงค์ก็ขำ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น ขิงเองต่างหากที่เป็นฝ่ายออรัล เซ็กส์ให้เขาก่อนแท้ ๆ

 

"อืม ถ้าขิงขอ เราก็ไม่ทำหรอก"

 

     แบงค์บอก แล้วจู่ ๆ ขิงก็โผเข้ากอดพลางซบอกจนแบงค์ชะงัก จากนั้น แบงค์แต้มรอยยิ้มบนใบหน้าพลางยืนลูบผมอีกฝ่ายที่เปียกชื้น









.........................................


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
 
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 14 อ่อยหรือเปล่า? - [9 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-03-2019 19:20:16
 :L2: :pig4:

ขิงเป็นคนยังไงนะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 14 อ่อยหรือเปล่า? - [9 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-03-2019 19:33:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยขิง  ฉันเดาอารมณ์แกจากพฤติกรรมไม่ถูกเลย

สรุปอะไรยังไง?  บริหารเสน่ห์เฉย ๆ หรือเก็บไม้เป็นงานอดิเรก?
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 14 อ่อยหรือเปล่า? - [9 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-03-2019 21:40:13
ขิงน่ากลัวอ่ะ    :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 15 เมื่อไหร่พี่จะกลับมา- [10 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 10-03-2019 21:54:14
บทที่ 15  เมื่อไหร่พี่จะกลับมา













ซ่า ซ่า





     ยามนี้ในเวลาหกโมงกว่า เด็กปีหนึ่งจำใจต้องนั่งทำงานในอาคารเรียนเพียงเพราะติดฝนที่ตกหนักมากว่าชั่วโมงและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด บรรยากาศสีเทา ยิ่งทำให้คนที่เพิ่งเจอะเรื่องแย่ ๆ มายิ่งอารมณ์ไม่ดีกว่าเก่า จะเรียกว่ามันคือวันซวยของมันช์ก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะลืมเอางานมาส่งอาจารย์จนโดนหักคะแนนไปครึ่งหนึ่ง วันนี้ทั้งวัน มันช์ก็โดนอาจารย์ต่อว่าที่เอาแต่นั่งเหม่อจนตอบคำถามไม่ได้



       คนที่นั่งเหม่อลอยมองแผ่นกระดาษเปล่ามาได้นานสองนานเนื่องจากสมองไม่แล่นเลยไม่รู้ว่าจะเริ่มร่างภาพจากตรงไหนก่อนดี



       มันช์เริ่มตระหนักว่า ที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ สาเหตุคงไม่พ้นคนต้นเรื่องอย่างพี่เติร์กที่เขาไม่อยู่เพราะไปทัศนศึกษาและถ่ายภาพที่ต่างจังหวัด ครั้นจะโทรไปหา มันช์ก็ไม่กล้ากวนอย่างกลัวอีกว่าฝ่ายจะยุ่ง

 

"อยากกลับบ้านแล้วว่ะ" มันช์มองดาวที่บ่น ก่อนจะละสายตาจากดาว ภุชงค์ และแก้วที่ลุกหนีเดินห่างออกไปดูสายฝนด้านนอกตัวอาคาร กดสายตาลงจ้องมองแผ่นกระดาษสีขาวว่างเปล่าแผ่นเดิมอีกครั้ง



      'แค่ไม่เจอหน้าพี่เติร์กแค่สองวัน กูเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ?'



 

"มันช์เป็นอะไรหรือเปล่า?" ขิงถาม ยามที่ยังนั่งอยู่ข้าง ๆ มันช์ ไม่ได้เดินตามพวกดาวไปด้วย

 

"ห้ะ! เปล่า" มันช์บอกขิงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

"มันช์เหงาเพราะพี่เติร์กไปถ่ายภาพที่ต่างจังหวัดใช่ไหม ?"

 

"......"





"มันช์ชอบพี่เติร์กใช่ไหม?"

 

"ก็ยัง..." มันช์อยากตบปากตัวเองที่ตอบแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อความเป็นจริงมันช์รู้อยู่แก่ใจว่าเขา ปลาบปลื้มพี่เติร์กมากแค่ไหน

 

"จริงเหรอ ถ้างั้นขิงพอมีโอกาสใช่ไหม?" มันช์หันขวับทันทีที่สิ้นเสียงประโยคนั้น

 

"หมายความว่าไง?"

 

"ขิงชอบพี่เติร์ก ขิงว่าพี่เติร์กเป็นคนเท่ จริงใจ และอบอุ่นดีด้วย" ขิงว่าด้วยรอยยิ้มสดใส จนมันช์ใจกระตุก ในกายเขาวูบหวิวแปลก ๆ มันช์เสตามองไปทางอื่น เหมือนกลัวขิงจะเห็นพิรุธ ก่อนจะวกสายตามาหาขิงแล้วตอบเสียงเข้ม

 

"แล้วเพื่อนเราล่ะ ขิงไม่ชอบแบงค์ใช่ไหม? ถ้างั้น เราจะได้บอกมัน"

 

"ขิงแค่ล้อเล่นน่ะมันช์ ขิงแค่อยากรู้...." ขิงเงียบไปนิด ก่อนมองมาด้วยแววตาที่ดูเหมือนไม่พอใจ

 

"มันช์ไม่หึงขิงบ้างเลยเหรอ?"

 

"หึง? ขิงหมายความว่าไง?" มันช์ค่อนข้างงุนงงกับคำถามแปลกประหลาด ทำไมมันช์ต้องหึงขิงล่ะ ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน นอกไปซะจาก...

 

"ไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้ามันช์ชอบหรือไม่ชอบพี่เติร์กบอกขิงด้วยนะ" ขิงยิ้มมุมปากก่อนจะวางมือลงบนหลังมือของมันช์แล้วบีบกระชับเบา ๆ

 

 

      มันช์เหนื่อยจะถาม จะอยากรู้เหตุผลอะไรในตอนนี้ เพราะช่วงนี้ เขาก็มีเรื่องให้เครียดมากเหลือเกิน มันช์ไม่สามารถเค้นความคิดหรือสรรสร้างจินตนาการได้แล้วจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สาวเท้าเดินออกไปตรงหน้าต่างมองสายฝนที่ดูเบาบางกว่าตอนแรก

 

"เรากลับบ้านดีกว่า ฝนซาแล้ว"

 

"ขิงกลับด้วยนะ"

 

"อืม"

 

     มันช์ยังคงทำตัวปกติ และสลัดความคิดกับคำพูดแปลก ๆ ของขิง ก่อนจะเดินไปหาพวกดาว

 

"เฮ้ย กูกลับบ้านก่อนนะ"

 

"มึงจะตากฝนไปเลยเหรอ?"



"อืม ฝนตกปรอย ๆ แล้วล่ะ"



"เออ ๆ เจอกันพรุ่งนี้"

 

       มือหนึ่งแบกกระดาน ส่วนมืออีกข้างจับกระชับสายกระเป๋าผ้าขึ้นบ่าเพื่อก้าวเดินออกจากตึกร้อยปี ในระหว่างที่ผ่านห้องพักอาจารย์ พี่เต็นเดินเปิดประตูกระจกใสออกมาพอดี

 

"สวัสดีครับ พี่เต็น" เต็นหันไปหารุ่นน้องที่ทักด้วยรอยยิ้ม

 

"นี่สองคนจะกลับบ้านกันเหรอ?"

 

"ใช่ครับ"

 

"พี่กำลังจะกลับบ้านพอดี ติดรถไปนะ เดี๋ยวแวะไปส่ง"

 

"ก็ได้ครับ"

 

     ทั้งสองวิ่งฝ่าฝนที่ตกปรอย ๆ ตามพี่เต็นไปยังรถยนต์สีดำที่จอดไม่ไกล มันช์รีบกระโดดไปนั่งหน้า ส่วนขิงนั่งหลังคนขับ  น่าแปลก ที่การนั่งในรถยนต์ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เอนหลังพิงเบาะได้อย่างสะดวกสบายนั้น กลับไม่รู้สึกดีและอบอุ่นเท่านั่งซ้อนรถเวสป้าของพี่เติร์กเลย

 

"เป็นอะไรหรือเปล่า มันช์"

 

"เปล่าครับ พี่เต็น" มันช์ตอบด้วยเสียงละมุนยามที่พี่เต็นมองมาอย่างเป็นห่วง

 

"ทำไมมันช์ไม่บอกพี่เต็นไปล่ะครับ ว่ามันช์คิดถึงพี่เติร์กน่ะ"



        มันช์สบตาขิงผ่านกระจกมองหลัง มันช์ไม่รู้ว่าขิงจะพูดให้มันได้อะไร มันช์ไม่ตอบพี่เต็น เขาแค่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ด้วยความรู้สึกวูบหวิวในหัวใจอย่างไม่มีเหตุผล

 

 

'ผมคิดถึงพี่ว่ะ พี่เติร์ก'

 



     สองวันแล้วที่พี่เติร์กไม่ติดต่อมาหากัน ทั้ง ๆ ที่ป่านนี้ พวกพี่เติร์กและรุ่นพี่ปีสามคงถึงจังหวัดอยุธยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จู่ ๆ  มันช์ก็เกิดอาการน้อยใจ ไม่รู้ว่า ป่านนี้ พี่เติร์กจะเป็นอย่างไร เขาคงกำลังถ่ายรูปกับเพื่อนอย่างสนุกสนานอยู่แน่ ๆ





     มันช์ลอบถอนหายใจยาว ก็ตอนที่รถยนต์แล่นมาถึงปากทางจะทะลุถนนใหญ่ ขิงเอ่ยขอบคุณและลงรถไปแล้ว เช่นเดียวกับมันช์ที่กำลังจะเปิดประตู แต่กลับโดนพี่เต็นฉุดข้อมือไว้



"ขอคุยด้วยหน่อยสิ"

 

"มีอะไรครับ พี่เต็น"

 

"คิดถึงเติร์กจริง ๆ สินะ"

 

   มันช์เงียบกริบพลันเหลือบไปมองหน้าพี่เต็นอีกครั้ง และไม่รู้เป็นอะไร ทำไมแค่พี่เต็นถามมาเช่นนั้น มันช์อยากร้องไห้

 

"ใช่ครับ"

 

"พี่ไม่น่าถาม เจ็บจัง"

 

"พี่เต็นไม่โกรธผมเลยเหรอครับที่ผมไม่ได้ชอบพี่"

 

"พี่จะโกรธทำไมครับ มันช์มีสิทธิ์ที่จะไม่เลือกพี่ พี่ก็แค่ยอมรับความจริง" เต็นแต้มยิ้มบนใบหน้า

 

"พี่เต็นเป็นคนดีจังครับ" มันช์บอกด้วยแววตาสั่นระริก การได้เห็นพี่เต็นก็ยิ่งทำให้เขาคิดถึงพี่เติร์ก

 

"พี่ไม่ใช่คนดีหรอก แต่มันช์ไม่เลือกพี่ จะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะครับ ฮึ" แม้จะไม่ได้ศึกษาดูใจกันนานเท่าไหร่นัก แต่เต็นก็พอจะจับนิสัยมันช์ได้ว่า รุ่นน้องเป็นคนคิดมาก



      แม้ภายนอกดูร่าเริง สดใส แต่เต็นเชื่อว่า ภายในลึก ๆ มันช์คงกักเก็บอะไรไว้มากน่าดู เต็นวางมือลงบนกลางศรีษะของมันช์พลางโยกไปมาช้า ๆ



"ผมขอโทษนะครับ"

 

"เอาน่า อย่าพูดเรื่องนี้เลย แล้วชอบอะไรในตัวเติร์กล่ะ" พอเจอพี่เต็นถามตรงๆ มันช์ก็เงียบไปสักพักก่อนชำเลืองมอง



 

"ไม่บอกได้ไหมครับ"

 

"ก็ได้ และเติร์กรู้เรื่องนี้ยัง?" เต็นถาม ฟากมันช์ส่ายหน่า

 

"บอกมันซะนะ มันคงดีใจมาก"

 

"ครับ"

 

"มันช์"

 

"ครับ?"

 

"พี่ไม่ได้เป็นแฟน แต่พี่ขอเป็นพี่ชายมันช์ได้ไหม?"

 

"ได้สิครับ"

 

"ถ้างั้น มีอะไรอึดอัดใจอยากระบายก็เล่ามานะ พี่พร้อมฟังเสมอ"

 

"จริงเหรอครับ?" มันช์ถาม

 

"จริงครับ"

 

"ถ้างั้นผมขอโทษจริง ๆ นะพี่ที่ผมชอบพี่แบบนั้นไม่ได้ เพราะความจริง ผมชอบพี่เติร์กตั้งแต่ผมเรียนอยู่มัธยมแล้วครับ"

 

     เต็นนั่งอึ้งเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะผุดรอยยิ้มบางเบา

 

"ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ มันช์"

.

.

.

.

     ในวันต่อมา

 

      พวกเพื่อน ๆ มันช์นัดกันมาทำงานที่เอกศิลปกรรม เพราะวันนี้ไม่มีเรียน และจนป่านนี้ มันช์ก็ยังเหงาหงอยไม่สนุกสนานเหมือนเคย แม้เพื่อนจะสรรหาเรื่องเฮฮามาคุย แต่มันช์กลับไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเลยสักนิด



       การไม่ได้เจอหน้าพี่เติร์กมาหลายวัน หนำซ้ำยังไม่ได้คุยกันสักคำ ยิ่งทำให้คนเจอปัญหามาหนัก ๆ  รู้สึกโดดเดี่ยวดั่งคนไร้ที่พึ่ง

 

       และยิ่งเวลานี้ ภายใต้บรรยากาศอึมครึม ท้องฟ้าขมุกขมัว เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน จากสภาพแวดล้อมยิ่งทำให้มันช์จิตใจห่อเหี่ยวกว่าเดิม เขาไม่มีแม้แต่กะจิตกะใจจะทำงาน แต่เหนืออื่นใด มันช์ต้องดึงสปิริตออกมาใช้และบอกตัวเองให้ตั้งใจทำงาน เพราะผลงานชิ้นที่เขาทำจะเป็นตัวชี้วัดเลยว่าเขาจะได้เกรดดีหรือไม่



       มันช์พยายามตั้งสติ มีสมาธิจดจ่อกับงานที่อาจารย์ให้หัวข้อว่า ความรัก  มันช์ไม่สนใจคนรอบข้าง แม้เพื่อนชวนคุยก็ไม่ตอบ จนกระทั่งผ่านไปได้หลายชั่วโมงกว่า ที่มันช์มุ่งมั่นจนทำงานเสร็จ เขาผุดรอยยิ้มบางเบาพลางถอนหายใจ ที่ได้เห็นผลงานตัวเองลงสีโปสเตอร์เสร็จเรียบร้อย มันช์เดินไปเทน้ำ ล้างแก้ว พู่กัน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ห้องน้ำ แต่ไม่นานเลย ฝนที่ตั้งเค้าทำท่าจะตกก่อนหน้า ตอนนี้ ฝนเทกระหน่ำลงมาจนมันช์รีบวิ่งฝ่าฝนเพื่อกลับไปเอาผลงานตัวเองที่ซุ้ม แต่พอเดินใกล้เข้ามา เขาเห็นขิงนั่งยอง ๆ ก้มหยิบผลงานของใครก็ไม่รู้ตรงพื้นที่ปูอิฐตัวหนอน พอถึงตรงจุดเกิดเหตุ มันช์ถึงรู้ว่าผลงานที่ขิงถืออยู่มันคือของใคร



"มันช์ ขิงขอโทษ" ขิงบอกทำท่าจะร้องไห้ มันช์รีบปรี่ไปคว้าภาพในมือขิง ภาพที่เขาวาดเสร็จเปียกน้ำจนพังเละไม่เป็นท่า

 

"ขิงจะช่วยเก็บงานมันช์เพื่อหลบฝน แต่มันปลิวหล่นลงพื้นเลยเป็นแบบนี้"

 

      มันช์เงียบพลางมองผลงานของตัวเองที่กว่าจะ คิดคอนเซ็ปท์ ร่างภาพ ลงสี ก็ใช้เวลาร่วมเจ็ดชั่วโมงกว่าจะสำเร็จลุล่วง



   'ทำไมช่วงนี้กูซวยจังวะ'

 

    มันช์มองหน้าขิงที่เบะปากจะร้องไห้ เขาลอบถอนหายใจ

 

"ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเราทำใหม่"

 

"มันช์ไปไหน?" ขิงถามตอนที่อยู่กันแค่สองคน ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ หลบฝนขึ้นตึกไปตั้งนานแล้ว

 

"กลับบ้าน"

 

"แต่ฝนตกหนักนะ"

 

"ไม่เป็นไร" มันช์บอกอย่างเซ็ง ๆ เพราะไม่มีอารมณ์จะเจอหน้าใครทั้งนั้น มันช์เก็บของลงกระเป๋าผ้าของตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากซุ้ม ขิงวิ่งตามอย่างไม่กลัวตัวเปียก



"มันช์โกรธขิงใช่ไหม?"

 

"ไม่ได้โกรธ เรารู้ว่าขิงไม่ได้ตั้งใจ แต่เราต้องรีบกลับบ้านไปทำงานใหม่"

 

"มันช์ ขิงขอโทษ"

 

"ไม่ต้องขอโทษหรอก ขิงอย่ามาตากฝนเลยเดี๋ยวไม่สบาย"

 

      มันช์ยิ้มให้เพื่อนที่ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด แถมจับมือมันช์แน่น จนเขาต้องดึงมือออกจากการเกาะกุมมือลูบผมขิง ก่อนจะลากขิงพาไปส่งที่อาคารเรียนเพื่อหลบฝน ส่วนตัวเองก็วิ่งฝ่าฝน จนพ้นเอกศิลปกรรมมาได้ มันช์ปล่อยโฮทันที

 

"ฮือ ทำไมกูต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย"

 

      มันช์หลั่งน้ำตาด้วยความท้อใจ เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำผลงานนี้ออกมาให้ดีที่สุดและที่สำคัญงานส่งพรุ่งนี้ ตอนเก้าโมงเช้าด้วย  แล้วนี่มันช์ต้องมานั่งทำงานใหม่จะเสร็จตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย



     ช่วงนี้ ดูเหมือนอะไร ๆ ก็ไม่ค่อยเป็นใจ ยามนี้ มันช์หมดไฟ หมดแรงบันดาลใจในการทำงานแล้ว คนที่ไม่กลัวป่วยและไม่สนใจใครแล้วว่าคนอื่นจะมองอย่างไรที่มาเดินตากฝนเหมือนคนบ้า  เขาเดินดุ่ม ๆ ยกมือไล่ปาดทั้งน้ำตาและน้ำฝน จนกระทั่ง เดินผ่านเอกดนตรี

 

 

ฟึ่บ

 

 

     มันช์สะดุ้งยามที่มีคนกระชากแขน พอเขาหันไปถึงเห็นว่าเป็นโฟล์คที่ยืนกางร่มบังฝนให้

 

"มึงเป็นบ้าอะไรวะ มาเดินตากฝนเป็นพระเอกมิวสิคแบบนี้ ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำไงวะ?"





      มันช์ชะงัก ตอนที่โฟล์คตะโกนว่าเสียงดัง ไม่คิดว่า คนที่รู้จักกันไม่นาน จะมีท่าทีเป็นห่วงกันขนาดนี้

 

"มึงรู้ได้ไงว่าเป็นกู"

 

"มึงแหกตาดู ฝนตกแบบนี้ มีใครเขาเดินตากฝนกันวะ กูยืนสูบบุหรี่แล้วเพื่อนกูชี้ให้ดู พอกูหันมามองถึงรู้ว่าเป็นมึง" โฟล์คบอกยามที่มองคนสภาพเปียกปอน ชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝน อีกทั้ง ยังยืนเนื้อตัวหนาวสั่น ...

 

"....."   มันช์เงียบยืนเช็ดน้ำมูกที่ไหลมาพร้อมกับน้ำตาในตอนแรก

 

"มันช์"

 

      มันช์ชะงัก ตอนที่เห็นโฟล์คบีบต้นแขนอย่างแรงจนมันช์เจ็บ มันช์เบี่ยงหน้าหนีทันทีตอนที่โฟล์คยื่นมือมาจะเช็ดหน้าให้เขา แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสถึงผิวหน้า โฟล์คชักมือกลับไปเสียก่อน

 

"มึงร้องไห้?" โฟล์คเอียงคอถามคนที่ตาแดงก่ำ

 

"เปล่ากูไม่ได้ร้อง กูไปก่อน ต้องรีบกลับไปทำงาน"



"ให้กูเดินไปเป็นเพื่อนมึงไหม?" มันช์ชะงัก ยามที่ชำเลืองมองต้นแขนตัวเองที่โฟล์คคลายแรงบีบลง แถมสายตาของอีกฝ่ายก็ฉายชัดถึงความเป็นห่วง



"ขอบใจมึงมากนะ แต่กูกลับเองได้"

 

"ถ้างั้น มึงเอาร่มกูไป"

 

"แล้วมึงจะกลับเอกยังไง มึงข้ามฝั่งมา"

 

"เอกกูอยู่แค่นี้ คงเปียกไม่มาก เอาไปเถอะ"

 

"ขอบใจนะโฟล์ค"

 

"เออ รีบวิ่งเลยมึง" โฟล์คบอกอย่างยิ้ม ๆ

 

     มันช์บอกอย่างซาบซึ้งใจจริง ๆ เพราะในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีซ่อนอยู่ มันช์ถือร่มพร้อมกระชับกระเป๋าวิ่งฝ่าฝนไป

 

     เมื่อถึงห้องของตัวเอง มันช์รีบแก้ผ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยนํ้า ยืนตัวหนาวสั่นเพราะเปียกปอนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขารีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เพื่อหวังจะชำระร่างกายให้สะอาด ยามนี้ ร่างกายที่เย็นชื้นจากสายฝน กำลังยืนรับสายน้ำจากฝักบัว มันช์ไม่อยากเป็นคนขี้แย แต่เวลานี้ มันช์ไม่ไหวจริง ๆ เขารู้สึกอ่อนแอและท้อแท้ ในขณะที่มันช์ยืนหลั่งน้ำตา ด้วยความเครียดเรื่องงานที่ต้องทำใหม่ทั้งหมด

 

'ผมเครียดว่ะพี่ เมื่อไหร่พี่จะกลับมานะ พี่เติร์ก ฮืออออ'

 

    มันช์เครียดเกินกว่าจะอยู่ได้เพียงลำพัง ณ เวลานี้ เขาต้องการกำลังใจจากใครสักคน และคน ๆ นั้นก็คือ พี่เติร์ก...

 

 

 

 
...............................................



สงสารใครดีน้า  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ขอบคุณทุกคนจากใจที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ

 
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 15 เมื่อไหร่พี่จะกลับมา- [10 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-03-2019 23:11:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า...สงสารมันซ์  ทำอะไร ๆ ก็ซวยไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 15 เมื่อไหร่พี่จะกลับมา- [10 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-03-2019 23:11:28
นังขิงเริ่มชัดเจน..หางโผล่แล้ว   :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 15 เมื่อไหร่พี่จะกลับมา- [10 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 11-03-2019 16:55:43
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 15 เมื่อไหร่พี่จะกลับมา- [10 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 12-03-2019 08:23:39
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 16 กำลังใจ - [13 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 13-03-2019 21:34:10
 

 

บทที่ 16 กำลังใจ


 

 

 

   

 

      คนที่อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ หย่อนกายลงนั่งที่พื้นวางกระดาษปอนด์ ดินสอสองบี พร้อมสีโปสเตอร์ลงบนโต๊ะญี่ปุ่น ตอนนี้ มันช์กินอะไรไม่ลง เขาได้แต่นั่งจุมปุ๊กอย่างนึกอะไรไม่ออก หลังมือกำลังปาดไล่น้ำตาอย่างลวก ๆ

 



     พอก้าวเข้าสู่รั้วมหา ฯ ลัย สังคม การเรียน ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทำให้มันช์ต้องโตมากขึ้น แต่พอเจอปัญหาที่ไม่ทันรับมือ เด็กหนุ่มจึงหาทางออกไม่ได้และเครียดมากกว่าปกติ สิบห้านาทีผ่านไปที่มันช์ยังไม่ได้จับดินสอร่างภาพใด ๆ แต่แล้วท่ามกลางความเงียบในห้องสี่เหลี่ยมก็มีเสียงเคาะประตูขัดขึ้น

 

 

     เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผ่อนออกมาช้า ๆ แล้วกลืนก้อนน้ำตาลงไป อย่างคิดว่า คนหลังบานประตูนั้น คือเพื่อนสนิทของเขา

 

      มันช์ไม่อยากให้แบงค์รู้ว่า เขาร้องไห้ เจ้าตัวจึงฝืนยิ้มเปิดประตูต้อนรับ

 



"เกิดอะไรขึ้น มันช์? โฟล์คโทรหากูบอกมึงร้องไห้"

 

       ยังไม่ทันได้ทักทาย มันช์ชะงัก เบิกตาโพลงเมื่อเห็นคนตรงหน้า ซึ่งไม่ใช่คนที่มันช์คิดในตอนแรก

 

      ราวกับได้พบบ่อน้ำท่ามกลางทะเลทราย มันช์ปล่อยโฮ เมื่อคนตรงหน้าคือคนที่มันช์ต้องการที่สุด

 

 

"ฮืออออ พี่เติร์ก"

 

 

      มันช์โผเข้ากอดรุ่นพี่จนเติร์กตกใจ เพราะสิ่งที่เขาได้รับ ไม่ใช่คำพูดแต่เป็นการกระทำด้วยการที่มันช์พุ่งเข้ามากอดเต็มแรง จนแรงกระแทกจากการโถมตัว ทำให้กระเป๋ากล้องที่สะพายไหลตกลงมายังข้อแขน เสียงสะอื้นของอีกฝ่ายทำให้เติร์กใจกระตุก ไหนจะแรงกอดรัดที่เติร์กหายใจแทบไม่ออก

 



      'มันเรื่องอะไรที่ทำให้มึงร้องไห้ได้ขนาดนี้วะ มันช์'

 

       แม้ว่าเติร์กจะเดินทางมาเหนื่อย ๆ แต่การเห็นคนที่ชอบ ร้องไห้จนเปลือกตาบวมจนน่ากลัวก็ชักเป็นห่วง สองมือหนาลูบหลังรุ่นน้อง ก่อนจะกอดกระชับกลับเอียงหน้าไปแอบจูบซับกลางกลุ่มผมเบา ๆ

 

 

      อีกคนคลายกังวลและดีใจที่ได้พบหน้า ส่วนอีกคนเมื่อได้เห็นหน้าคนที่รักก็หายเหนื่อย

 

"ฮืออ พี่เติร์ก" มันช์ยังคงบ่นงึมงำพลางหลั่งน้ำตาอย่างทนไม่ไหว



 

       ตอนนี้ มันช์เข้าใจแล้ว ว่าการได้มีใครสักคนอยู่ด้วยกันในเวลาที่เครียด หรือท้อแท้ใจนั้นมันดีแค่ไหน เช่นตอนนี้ ที่มันช์ยังคงกอดรัดเติร์กราวกับกลัวว่าเติร์กจะหายไป เพียงได้ซุกซบอยู่ในอ้อมกอดรุ่นพี่ ความอบอุ่นแผ่ซ่านก็ส่งมาถึงร่างกายของมันช์ กลิ่นกายอีกฝ่ายทำให้มันช์สัมผัสได้ว่ายังมีใครอีกคนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ

 

"เข้าห้องก่อนไหม?" เติร์กดันไหล่มันช์ออกแล้วกดสายตามองเด็กหนุ่มที่ดวงตาเรียวกลับเคลือบน้ำตาจนเติร์กใช้ปลายนิ้วโป้งเช็ดใต้ดวงตาคู่นั้นให้

 

 

      สิ้นประโยคคำถาม มันช์พาพี่เติร์กเข้ามาในห้อง ในขณะที่รุ่นพี่เดินไปวางสัมภาระ มากมายและกระเป๋ากล้องที่ข้างโต๊ะกระจก เติร์กหันกลับมามองหลักฐานที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักก็สงสารรุ่นน้อง จึงดึงไหล่มันช์ให้นั่งลงริมเตียงเพื่อคุยกันถึงปัญหา

 

 

"ไหนเล่าให้กูฟังซฺิ เครียดอะไร" เติร์กถาม

 

"งานผมพังอะพี่เติร์ก และผมต้องเริ่มทำใหม่หมดเลย ฮึกฮืออออ และผมต้องส่งพรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้าด้วย"

 

"แล้วมึงก็ประชดตัวเองด้วยการเดินตากฝน" เติร์กเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางถามอย่างสงสัย

 

"เปล่า แค่ผมเครียดอะพี่"

 

"ตอนนี้กี่โมง"

 

"สองทุ่ม" มันช์บอก

 

"มีเวลาทำถมเถ"

 

"แต่พี่ไม่เข้าใจ ผมไม่มีอารมณ์ทำแล้ว"

 

"ถ้าให้คิดงานใหม่ตอนนี้ คิดออกไหม?"

 

      มันช์ส่ายหน้า

 

"แล้วมึงกินข้าวรึยัง?"

 

     มันช์ส่ายหน้าเป็นรอบที่สอง

 

"ถ้างั้น เราไปกินข้าวกันก่อน แล้วค่อยกลับมาลุยงาน" เติร์กยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองรุ่นน้องที่นั่งขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เติร์กโยกศรีษะน้องเบา ๆ ก่อนเปลี่ยนเรื่อง

 

"กูซื้อโรตีสายไหมมาฝากมึงด้วยนะ เพื่อนกูบอกว่าเจ้านี้อร่อย " เติร์กยิ้มกว้างและยังคงไล่เช็ดน้ำตาเด็กหนุ่มที่เติร์กแอบสงสัยว่ามันช์ร้องไห้นานเท่าไหร่แล้วถึงตาบวมได้ขนาดนี้

 

 

    เพียงได้เห็นพี่เติร์กมันช์ก็อุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงตามใจรุ่นพี่ลงไปกินข้าว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้า มันช์ไม่ได้อยากอาหารสักนิด

 

 

     มันช์พาพี่เติร์กมากินร้านสเต็กราคานักศึกษา ที่มีพวกน้ำแข็งใส และน้ำปั่นมากมายให้เลือกสรร ทั้งสองสั่งอาหารมื้อหนักจัดเต็ม สิ่งที่มันช์สังเกตได้อยู่หนึ่งอย่าง คือ พี่เติร์กเป็นคนกินจุ แต่กลับไม่อ้วนเลยสักนิด รูปร่างของรุ่นพี่ดูสมส่วน ไม่มีไขมันส่วนเกิน แต่น่าแปลกที่มันช์กอดแล้วอบอุ่นทั้งกายและหัวใจอย่างไม่มีเหตุผล มันช์ที่จัดการสเต็กหมูพริกไทยดำจนอิ่ม ก็สั่งน้ำแข็งใสขนมปังน้ำแดงกินต่อ เติร์กชำเลืองมองมันช์ที่ยังคงนั่งหน้าเครียดก็เอ่ยปลอบใจ

   

"ไม่ต้องเครียด มองว่าการทำซ้ำ คือ การได้ฝึกฝีมือ"

 

"ฝึกอะไรล่ะพี่เติร์ก ผมท้อนะ งานนี้ไม่ใช่ทำนาทีสองนาทีก็เสร็จนะพี่ ผมทำเกือบทั้งวัน"

 

"อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ สิ"

 

"พี่ก็พูดได้นี่ครับ พี่ลองมาเป็นผมสิ" มันช์เถียง

 

"แล้วมึงรู้ได้ไงว่าการที่กูเรียนมาถึงปีสาม จะไม่เจอแบบที่มึงเคยเจอฮะมันช์?" มันช์เงียบกริบ ตอนที่พี่เติร์กย้อนกลับ

 

 

"บางทีถ้ามึงได้ลองทำใหม่อีกครั้ง หยิบจับไอเดียเก่ามาผสมไอเดียใหม่ ลองประยุกต์ไป ๆ มา ๆ อาจกลายเป็นผลงานที่ดีกว่ารอบแรกก็ได้"

 

"...."

 

"ถ้ามึงกลัวไม่ทันก็ไม่ต้องนอน"

 

"โห พี่เติร์ก ผมตายพอดี"

 

"มันช์ ถ้ามึงชอบหรือรักอะไรสักอย่าง ต่อให้อดหลับ อดนอนสองวันติด กูเชื่อว่ามึงก็สู้ "

 

"...."

 

"มึงลากเก้าอี้มานั่งนี่มา" คนที่นั่งตรงข้ามพี่เติร์กในตอนแรก ก็รีบยกเก้าอี้ไปนั่งข้างพี่เติร์กตามคำสั่ง

 

ฟึ่บ

 

    มันช์ตกใจเมื่อพอทิ้งตัวลงนั่งไม่ทันไร พี่เติร์กดึงมือมันช์ไปบีบกระชับแล้วเอ่ย

 

"ฟังกูนะมันช์ อย่ายอมแพ้ เพราะถ้ามึงไม่ยอมแพ้ กูก็จะไม่ยอมแพ้เหมือนกัน"

 

     มันช์สบตามองพี่เติร์ก โดยไม่พูดอะไร

 

"...."

 

"กูจะไม่นอนเป็นเพื่อนมึง โอเคไหม?"

 

 

     มันช์น้ำตารื้นขึ้นมา แล้วว่า

 

"พี่แม่ง" ฟังเด็กสบถก็อดอมยิ้มไม่ได้ เติร์กใช้กระดาษทิชชูซับน้ำตาให้

 

"มึงขี้แงจังวะ"

 

"ก็พี่เติร์กน่ะ พูดบ้าอะไรวะ"

 

"เอ้า!! ก็ปลอบมึงอยู่ไง"

 

         มันช์ก้มหน้ามองน้ำแข็งใสที่ตอนนี้ละลายกลายเป็นน้ำด้วยใบหน้าแดงก่ำ



 

        'ผมโคตรโชคดีเลย ที่ได้พบเจอพี่อีกครั้งนะ พี่เติร์ก'

 



"พี่เติร์ก"

 

"หืม ว่าไง"

 

      มันช์รู้แล้วว่า การห่างกันระหว่างมันช์และพี่เติร์ก มันทำให้บ่มเพาะความคิดถึงไว้มากแค่ไหน

 

"ตอนพี่ไม่อยู่อะ"

 

"อืม"

 

    มันช์ก้มหน้า อายเกินกว่าจะบอกและสบตาไปด้วย

 

"ผมคิดถึงพี่"

 

    เติร์กยิ้มกว้างยิ่งกระชับมือมันช์แน่น

 

"แล้วไงต่อ"

 

"ตอนนี้ เราเป็นแฟนกันเถอะนะพี่เติร์ก"

 

    เติร์กกลั้วหัวเราะเสียงดัง กับคำที่มันช์บอกออกมา มันเหมือนว่ามันช์ตามจีบเติร์กมากกว่าที่เขาได้ตามจีบมันช์เสียอีก

 

"ได้สิ" เติร์กยิ้ม แล้วจู่ ๆ เติร์กดึงร่างรุ่นน้องมากอดจนจมอก

 

 

"พี่เติร์ก นี่ไม่ได้อยู่ห้อง ผมอายนะเว้ย" มันช์ผละ ทั้งยังว่าตาเขียว

 

"มึงอายก็ดีกว่ามึงเครียด ถูกไหม?"

 

        ไม่มีคำไหนเลยที่เวลาพี่เติร์กพูดมา มันจะไม่กระแทกใจของมันช์ มันช์ถึงเงียบเพราะเถียงไม่ได้

 

"หายเครียดรึยัง?"

 

        มันช์พยักหน้า

 

"โอเค เดี๋ยวเรียกพนักงานเก็บเงินเลย"

.

.

.

.

"พี่มาถึงกรุงเทพกี่โมง" มันช์ถามตอนที่พี่เติร์กอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย แล้วตอนนี้ คนที่รู้สึกสบายตัวขึ้นก็กึ่งนั่ง กึ่งนอนอยู่บนเตียงสายตาจดจ่อไปที่ช่องมองภาพหน้าจอ LCD จากตัวกล้อง DSLR

 

"จำไม่ได้ว่ะ พอรถบัสจอดส่งที่มอ กูก็ดิ่งมาหามึงเลย"

 

"พี่ไม่เหนื่อยเหรอ?" มันช์บอกตอนที่มือก็สเก็ตภาพคร่าว ๆ ไปด้วย

 

"เหนื่อย แต่กูเป็นห่วงมึงมากกว่า" พี่เติร์กตอบตรง จนมันช์ใจสั่น

 

"แล้วกี่..."

 

"มันช์ถ้ามึงยังชวนกูคุยแบบนี้งานมึงจะไม่เสร็จ"

 

       คนที่พูดตรง ๆ แต่ไม่รู้ว่าไปกระทบใจคนขี้น้อยใจหรือเปล่า เติร์กถึงเห็นว่ามันช์สีหน้าเปลี่ยนไป เขาวางกล้องตัวใหญ่ลงบนเตียง ส่ายหน้าน้อย ๆ ผุดลุกขึ้นยืนเพื่อเดินมานั่งที่พื้นข้าง ๆ คนที่นั่งวาดภาพอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่น

 



"กูเพิ่งรู้ว่าช่วงที่กูไม่อยู่ เป็นช่วงที่มึงเครียดพอดี"

 

"....."

 

       มันช์ชะงักมือทันทีเพื่อรอฟังพี่เติร์ก

 

"กูขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหามึงเลย กูถ่ายรูปทั้งวัน แล้วพอตกดึกพวกเพื่อนมันก็นั่งกินเบียร์ คุยเรื่องภาพที่ถ่ายบ้าง คุยเรื่องเรียนบ้าง กูก็เลย...."

 

"ไม่เป็นไรครับพี่เติร์ก" บางทีมันช์ก็ไม่ควรงอแงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะการที่พี่เติร์กยอมพูดความจริง แสดงว่าเขาก็ยังคงสังเกตและใส่ใจ

 

"ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้ว ถ้าวันไหนเราไม่ได้เจอกัน กูจะพยายามโทรหามึงบ่อย ๆ นะ"

 

"ได้ครับ พี่เติร์ก

 

"กูไม่กวนแล้ว มึงทำงานเถอะ"

 

      มันช์จะร้องไห้อีกรอบแล้ว ตอนที่พี่เติร์กพูดตรง ๆ ไม่มีถ้อยคำหวาน ๆ แต่มันช์กลับซาบซึ้งใจ และไม่รู้ว่ามันช์ขอมากไปไหม จู่ ๆ เขาก็อยากให้พี่เติร์กนั่งข้างกันตรงนี้ มากกว่าที่พี่เติร์กจะไปนอนอยู่บนเตียงนั่น



"พี่เติร์ก ผมอยากกินโรตีสายไหม"

 

"เอ้า ใครห้าม ก็ไปเอามาสิ กูซื้อมาให้แล้วน่ะ"

 

"พี่เติร์กทำให้ผมหน่อยสิ" มันช์ช้อนตามองคนที่นั่งหน้านิ่ง

 

"ตอบกูหน่อย อาการนี้ คือ ขี้เกียจ หรือ ขี้อ้อน?"

 

       คนที่ใฝ่ฝันอยากมีแฟนเป็นคนหวาน โรแมนติกชะงักงันทันที ตอนที่พี่เติร์กตอบเช่นนั้น อารมณ์อยากทำตัวน่ารักกับแฟนหายไปทันที

 

"พี่แม่ง หมดอารมณ์เลย"

 



     เติร์กมองคนนั่งหน้ามุ่ย ก็อมยิ้ม ก่อนจะลุกไปคว้าถุงโรตี สายไหม เปิดปากถุง แล้วบรรจงแผ่แป้ง เตรียมไส้ นั่งทำเพื่อให้แฟนของตัวเองได้กินตามคำร้องขอ

 

 

"อ้าปาก"

 

 

    มันช์นั่งกลั้นยิ้มพลางเหล่มองคนที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ กับการม้วนโรตีสายไหมให้ มันช์งับโรตีสายไหมที่พี่เติร์กป้อนให้แล้วรู้สึกใจวูบวาบ

 

"อร่อยจัง" 

 

"กูให้กินแค่อันเดียวนะ แล้วรีบทำงานได้แล้ว"

 

"ครับ"

 

      ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า? แต่แค่มีพี่เติร์กนั่งอยู่ในห้องเดียวกัน มันช์ไอเดียโลดแล่น สามารถสร้างจินตนาการ ทำงานได้อย่างลื่นไหล

 

     แล้วจู่ ๆ คนที่เคี้ยวโรตีจนหมดปาก ก็วางดินสอ มองหน้าพี่เติร์ก ก่อนจะตัดสินใจบอกทุกอย่างหลังผ่านความว้าเหว่และความท้อแท้ใจมา



      ถ้าไม่พูดตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสพูดตอนไหนอีก

 



"พี่เติร์กรู้ไหม เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำผมเครียด ท้อแท้มากเลย มันเหมือนผมตัวคนเดียว ผมรู้สึกเคว้งคว้างยังไงไม่รู้"

 

"....." เติร์กนั่งฟังมันช์บอกเล่าอย่างเงียบ ๆ

 

"และถ้าไม่มีเรื่องงานพัง ผมจะไม่มีวันรู้เลยว่าผมต้องการพี่มากแค่ไหน ผมอยากมีพี่คอยให้คำปรึกษา คอยคุย คอยปลอบกันอยู่ข้าง ๆ ผมแบบตอนนี้ เพราะการมีพี่อยู่ ผมมีกำลังใจมากขึ้นจริง ๆ นะ" เติร์กนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า ยามได้ยินมันช์ยอมพูดความจริงและความในใจให้เขาฟังจนหมดเปลือก

 

     และพอได้เห็นการกลับมาของอีกฝ่าย มันทำให้มันช์ได้ปลดล็อคความในใจลึก ๆ รวมไปถึงอะไรหลาย ๆอย่าง จนมันช์ไม่มีลังเล ดึงคอเสื้อยืดพี่เติร์กเข้ามาประกบจูบกัน

 

     แต่คนที่ยังอ่อนหัดทางด้านการสัมผัสแบบคู่รัก ก็ทำได้เพียงริมฝีปากแตะกัน เป็นฝ่ายรุกเขาก่อนแท้ ๆ แต่ครั้นจะให้จูบยาวต่อเนื่องกลับไปต่อไม่ถูก ยามนี้ ที่มันช์จูบไปก่อนหน้าจึงแทบไม่ต่างกับจูบแบบประถม

 

     ไม่ถึงนาที มันช์ผละออก หลุบตาลงต่ำ กัดริมฝีปากสั่น ๆ ฟากเติร์กทำหน้าอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนละมุน

 



"ผละออกทำไม กลับมานี่เลย" เติร์กว่าแล้วทันใดนั้น เติร์กก็รั้งคออีกฝ่ายให้เข้าไปใกล้เพื่อจูบต่อ



 

    เติร์กไม่รีบร้อน เขาบรรจงจูบอย่างช้าๆ และอ้อยอิ่ง จากนั้น เติร์กค่อย ๆ ใช้ปลายลิ้นเล่นเลียริมฝีปากของรุ่นน้อง ก่อนจะเริ่มรุกหนัก ทั้งยังจูบแรงขึ้นและนานขึ้น จนคนที่ประสบการณ์น้อยอย่างมันช์ชักติดใจในรอยจูบ เพราะสัมผัสได้ถึงพลังและการเติมกำลังใจให้มันช์มีแรงทำงานคืนนี้ได้อีกมากโข





...................................................

 :mew1: :mew1: :mew1:

ง่าาาา พี่เติร์ก
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 16 กำลังใจ - [13 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-03-2019 22:19:37
เอ้า!!!!จุดพลุฉลอง.....งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 16 กำลังใจ - [13 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-03-2019 00:05:51
 :-[
ดดดดดดดดดดดีต่อใจทั้งคู่

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 16 กำลังใจ - [13 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-03-2019 00:31:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย...บทจะไวไฟก็ไวซะปานจรวด  อิอิ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 16 กำลังใจ - [13 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-03-2019 02:42:45
ดีใจ  หวานมาก  ฉลองจ้า  เป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 16 กำลังใจ - [13 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 14-03-2019 10:01:39
เป็นแฟนกันแว้ววววว
กำลังใจมาพร้อมจูบบบบบบบบ
มันช์ไม่ร้องแล้วนะ
+1 ฮึบๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 17 กูคบใคร กูชัดเจนเสมอ - [15 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 15-03-2019 19:44:08
     

บทที่ 17 กูคบใคร กูชัดเจนเสมอ





 


"มันช์ ๆ ตื่นไปอาบน้ำ" เสียงนาฬิกาปลุกดังปี้ป ปี้ป ทำให้เติร์กสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมาปลุกแฟนตัวเอง ทั้งเขย่า และตบหน้าเบา ๆ มันช์ก็ยังไม่ลุกและขี้เซาไม่หาย



"อื้ออ" มันช์ง่วงงัวเงียจนไม่อยากจะลุกจากเตียง เนื่องจากมันช์ง่วงที่นอนไปได้ชั่วโมงเดียว และไม่น่าเชื่อว่า พี่เติร์กจะอยู่เป็นเพื่อนไม่นอนจริง ๆ



"ไอ้มันช์ อย่างอแง"



"อื้อ พี่เติร์กอย่าดุสิ" เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นทั้ง ๆ ที่เปลือกตาปิดสนิท



   คนที่นอนน้อยไม่ต่างจากรุ่นน้อง นั่งมองหน้ามันช์ก่อนจะยกยิ้ม



"ง่วงใช่ไหม?" เติร์กรู้ดีว่ามันช์ต้องงอแง เพราะในสมัยเขาเรียนปีหนึ่งก็เป็นไม่ต่างกัน เขาจึงเรียกแฟนตัวเองเร็วกว่าเวลาที่ควรจะตื่น



    และพอเห็นแฟนยังไม่ลุก เติร์กก็ย้ำ



"แน่ใจนะว่าจะไม่ลุก?"



   เมื่อเติร์กไม่ได้รับการตอบรับ เขาจึงวางมือลงบนหน้าท้องของเด็กหนุ่มก่อนจะลูบไล้ช้า ๆ ไปยังหว่างขาและค่อย ๆ เข้าใกล้จุดสำคัญ



"ถ้ามึงยังไม่ตื่น กูจะ...."



"อื้อ  ลุกแล้ว ๆ"



   อีกนิดเดียวมือหนาจะถึงแก่นกลางลำตัวอยู่แล้วเชียว มันช์ผุดลุกจนเติร์กขำ



"อ้าว ทีงี้ลุกเร็วเชียว กูยังไม่ทันได้ทำอะไรมึ...ง"



"พี่เติร์กทำไมพี่ชอบแกล้งผมวะ?"



"ใครบอกว่ากูแกล้ง กูเอาจริง!"



"เบื่อพี่ชอบแกล้งผม" มันช์หน้างอลุกขึ้นไปคว้าผ้าขนหนูก่อนเข้าห้องน้ำ แต่มันช์แอบใจสั่นทุกครั้งเมื่อนึกถึงจูบเมื่อคืนที่กว่าจะถอนริมฝีปากออกจากกัน ก็ใช้เวลานานอยู่ ยังดีที่มันช์มีงานต้องทำ เพราะถ้าไม่มีงานเป็นข้ออ้าง มีสิทธิ์ว่า เมื่อคืนมันช์อาจโดนพรากความบริสุทธิ์ไปแล้วก็ได้

 

"แล้ววันนี้ พี่มีเรียนกี่โมง" มันช์ถามตอนที่เจ้าตัวกำลังยืนผูกเนกไท

 

"ไม่มีเรียน เพราะอาจารย์ให้หยุดทำรูปส่ง"

 

"อ้อ ถ้างั้นเดี๋ยวถึงปากซอยก็แยกกันเลยก็ได้"

 

"แยกทำไมก็ไปด้วยกัน" เติร์กบอกตอนที่นั่งปลายเตียงมองแฟนตัวเองยืนจ้องตรงหน้ากระจกเงา

 

"พี่จะไปทำไม กลับไปพักผ่อนเถอะ"

 

"ไปให้กำลังใจแฟนไง ไม่ได้เหรอ?"



กึก



     มันช์ใจเต้นแรงตอนที่พี่เติร์กเป็นฝ่ายเอ่ยถึงสถานะนั้นก่อน มันช์หลบตา ก้มหน้าคว้าผลงานตัวเองเตรียมออกไปส่ง แล้วสุดท้ายก็เอ่ยคำออกมา



"ขอบคุณนะพี่ ที่ยอมเป็นแฟนผม"





        เติร์กเลิกคิ้วมอง ทำไมมันช์ต้องใช้คำที่ดูเหมือนว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าเขา ทั้ง ๆ ที่เติร์กเป็นฝ่ายชอบมันช์ก่อนแท้ ๆ

.

.

.

.

     มันช์มีความสุขเป็นพิเศษ แม้ว่าเช้านี้ เขาจะต้องเดินเท้าเข้ามหาฯ ลัย เพราะโดยปกติทุกเช้า เขาจะเลือกใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ แต่เพราะวันนี้ มีพี่เติร์กเดินเคียงข้างกัน มันช์จึงเดินอมยิ้มมาตลอดทาง รุ่นน้องแอบมองรุ่นพี่ที่แม้ดวงตาจะดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ใบหน้าคนหล่อยังประดับด้วยรอยยิ้ม  จนกระทั่ง มันช์และเติร์กเดินผ่านในอาคารของตึกเขียว เพื่อจะทะลุไปยังเอกศิลปกรรม เติร์กตกใจตอนมีคนเรียกชื่อเขา



      มันช์หันตามเสียงหวานแหลม ก็พบผู้หญิงผมยาวสีดำขลับ มีผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าสวยคมดุจไทยแท้ ราวกับนางในวรรณคดีไทย เธอสวยจนมันช์ยังยืนมองไม่กระพริบตา จึงแอบเหล่มองพี่เติร์กบ้างว่าอีกฝ่ายจะเกิดปฏิกิริยาอย่างไร ผลปรากฎว่า พี่เติร์กยิ้มหน้าบานจนน่าหมั่นไส้ จู่ ๆ มันช์ก็นึกไม่ชอบใจว่าทำไมพี่เติร์กต้องยิ้มกว้างขนาดนั้นด้วย



     'เห็นผู้หญิงสวยเป็นไม่ได้เลยนะ'





"เติร์ก เป็นไงบ้าง แพรไม่ค่อยเห็นหน้าเลย"



"เราก็อยู่เอกนะแพร ไม่ได้ไปไหน" ยืนมองรุ่นพี่ตอบเสียงอบอุ่น ผิดกับมันช์ที่พอเวลาพูดคุยกันไม่มีความละมุนให้กันสักนิด



"อ๋อ แล้วนี่เติร์กมีเรียนเช้าเหรอ..."



"เปล่าหรอก เราไม่มีเรียน เราแค่พาแฟนมาส่งงาน"



     หญิงสาวที่ทักทายเติร์กถึงกับไปไม่เป็นตอนที่ได้ยิน เธอชำเลืองมองมันช์ก่อนยิ้มแหย ๆ



"ขอโทษนะแพร เราขอตัวก่อน เดี๋ยวน้องเขาส่งงานไม่ทัน"



    เติร์กเอ่ยจบจับต้นแขนมันช์เดินผ่านหญิงสาวจนความรู้สึกของมันช์ที่ห่อเหี่ยวในตอนแรกกลับเบ่งบานราวกับดอกไม้รอรับแสงตะวันและสายน้ำ ถึงแม้ว่าในใจจะดีใจจนสุดโต่ง แต่ลึก ๆ ก็ยังมีคำถามชวนสงสัย



"ใครเหรอ? พี่เติร์ก"



"แพรเรียนนาฏศิลป์เคยจีบกู แต่กูไม่ได้คบเพราะไม่ได้ชอบ สุดท้ายก็เลยเป็นแค่เพื่อน ส่วนมึงก็ไม่ต้องหึงนะ" เติร์กพูดดักคอมันช์ทุกทาง จนคนที่ยังไม่ได้มีคำถามต่อก็ฉงน



"ใครจะหึงพี่วะบ้า"



     เติร์กอมยิ้มพลันเหลือบมองคนที่เสมองไปทางอื่น



"ไม่หึงก็ไม่หึงครับ แต่หน้ามึง เมื่อกี้ คือ แบบถ้ามีมีดคงพร้อมฆ่า"

 

"...."



     มันช์เดินไปอย่างเงียบเชียบ แล้วจู่ ๆ เขาตกใจตอนพี่เติร์กวาดแขนมาล็อกคอและหันมามองหน้า



"มันช์ กูคบใคร กูชัดเจนเสมอ ฉะนั้น เชื่อใจกู โอเคไหม?"



      มันช์ไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ



"มีอะไรพูดกันตรง ๆ อย่าเก็บงำเอาไว้ มึงชอบ ไม่ชอบ หรือไม่พอใจอะไรบอกกู เพราะถ้าเก็บไว้นานจนถึงวันที่มันระเบิด กูกลัวว่ามันยากที่จะต่อกันติดเหมือนเดิม กูถึงเตือนไว้ก่อน ว่านี้ คือข้อตกลงระหว่างเรา เข้าใจไหม มันช์"



"ครับ"



"ครับ ๆ น่ะ ไม่ใช่ครับแต่ปาก เชื่อกูด้วย"



"พี่ชอบดุผมจัง"



"ไม่ได้ดุ แค่บอกไว้ เพราะกูอยากคบกับมึงไปนาน ๆ"



     มันช์เงียบกริบ แต่ใจเต้นรุนแรงตอนที่พี่เติร์กพูดจบ จู่ ๆ รุ่นพี่ก็ยกมือลูบหัวแล้วแอบเลื่อนหน้ามาจุมพิตข้างขมับไว ๆ ไม่ทันให้มันช์ได้หันไปด่า พี่เติร์กก็ยืดตัวตรงตบบ่ามันช์สองสามที อวยพรให้มันช์โชคดีกับการส่งงานให้อาจารย์

.

.

.

.

"อะไรยังไง? ทำไมมาพร้อมพี่เติร์ก" การที่ดาวส่งสายตากรุ้มกริ่มแถมถามมาแบบนี้ มันช์มั่นใจว่า ดาวต้องเห็นพี่เติร์กแอบจูบเขาแน่ ๆ แต่โชคดีหน่อยที่เพื่อนคนอื่นนั่งหันหลัง ส่วนรุ่นพี่ปีอื่นก็ยังไม่มีใครมารวมตัวที่ซุ้มเพราะมันยังเช้าอยู่

 

"พี่เขาไปนอนห้องกู" มันช์บอกดาว

 

"จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง" ภุชงค์บอก

 

"อย่าบอกนะว่า" ดาวหรี่ตามองเพื่อน

 

"กูเป็นแฟนกับพี่เติร์กแล้ว" มันช์ตอบเสียงแผ่วพลางก้มหน้าที่ร้อนผ่าว

 



     ทันทีที่มันช์พูดจบ ทุกคนส่งเสียงแซวแล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจทั้งซุ้ม ยกเว้นขิงเพียงคนเดียว ที่กระแทกกระดานวาดรูปตรงข้างที่นั่ง ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

.

.

.

.

      และแล้ว มันช์ส่งงานได้เป็นที่เรียบร้อยก็โล่งใจ ขึ้นเรียนวิชาต่อไปได้อย่างไม่มีอะไรให้กังวล จนกระทั่ง เสร็จสิ้นวิชาในรอบเช้า มันช์และพวกเพื่อน ๆ เดินไปที่โรงอาหาร มันช์จึงขอแวะไปหาพี่เติร์กก่อน เนื่องจากรุ่นพี่ตะโกนเรียกเสียงดัง มันช์เดินไปยังซุ้มพี่ปีสองที่พี่เติร์กนั่งอยู่



 

"เป็นไง ส่งงานทันไหม?"

 

"ทันสิครับ" มันช์บอก แต่เติร์กหรี่ตามองแฟนที่หน้าแดงก่ำ แถมดวงตาดูสู้แสงไม่ไหว วินาทีนั้น มันช์ตกใจตอนที่พี่เติร์กรั้งร่างมันช์ไปแทรกกลางหว่างขาและใช้มือเแตะตรงหน้าผาก

 

"มึงไม่สบายหรือเปล่า? มันช์" มันช์เม้มปากส่ายหน้าอย่างเขินอายที่สภาพเขาตอนนี้ถูกพี่เติร์กประคองเอวไว้หลวม ๆ ท่ามกลางสายตาทุกคนที่นั่งอยู่ที่ซุ้ม

 

"อะไรกันคร้าบพี่เติร์ก อย่าบอกนะว่าเกิดคู่รัก-คู่ใหม่ขึ้น" พี่อุ้ยแซวตามสไตล์ที่เห็นสองคนนี้ใกล้ชิดกันมากกว่าทุกครั้ง

 

"อืมใช่ มันช์เป็นแฟนกู"

 

"อร้ายยยยยยยย วิ้วววววว"

 

"คู่รักศิลปกรรมคู่ที่สิบห้าค่า"





"ดีนะที่พวกรุ่นพี่ปีสามไม่มีใครมากัน ไม่งั้นเสียงแซวคงดังไปถึงหน้ามอแน่ ๆ" รุ่นพี่ผู้หญิงปีสองอีกคนบอก

 

"ก็ถ้างั้น พรุ่งนี้ช่วยป่าวประกาศให้รู้กันทั้งเอกด้วยนะ จะได้ให้รู้กันทั่ว"



"พี่เติร์ก พี่ช่วยอายหน่อยครับพี่"

 

"กูลืมคำนั้นนานแล้ว ไปก่อนล่ะ แฟนกูไม่สบาย"

 

"อร้ายยยยยยยย เปิดเผยยยย"

 

"โอย!...บอกพี่ป๋อแน่"

 

"เกลียดคนมีความรัก"

 

       มันช์หน้าแดงทันที เพราะมันเป็นครั้งแรกที่พี่เติร์กพูดเต็มปาก เต็มคำ

 

"พี่ผมอายว่ะ"

 

"ถึงจุด ๆ นี้ มึงต้องยอมรับมันแล้วล่ะ"



"แล้วพี่จะไปไหน?"



"พามึงไปกินข้าวที่โรงอาหารไง มึงต้องกินข้าวเพื่อจะได้กินยาดักไว้กันป่วยนะ"



"...."



"มันช์ มึงหน้าซีดมากว่ะ" จากคนที่แค่เดินขนาบข้าง เลื่อนมือมาโอบเอวเพื่อประคอง แล้วโฉบแวะข้างทาง เดินไปนั่งตรงม้าหินเพื่อเช็คดูอาการ  ฟากมันช์ไม่ตอบอะไร ได้แต่นั่งมองพี่เติร์ก



"มึงน่าจะเรียนไม่ไหวแล้ว พักตรงนี้ก่อน กูจะเดินไปบอกพวกเพื่อนมึงให้ว่าจะโดดคาบบ่าย"



"พี่เติร์ก" จู่ ๆ มันช์ก็จับมือคนที่ลุกขึ้นยืน



"พี่อย่าทิ้งผม ไปด้วยกันสิ"



    เติร์กมองหน้ามันช์ก่อนจะยกยิ้ม



"มึงป่วยแล้วขี้อ้อนเหรอ?"



       มันช์ย่นจมูก ก่อนเบือนหน้าหนีแล้วลุกขึ้นเดินไปกับพี่เติร์ก หลังจากที่มันช์บอกเพื่อนก็แยกย้าย และตกลงกันแล้วว่าจะซื้อข้าวขึ้นไปกินที่ห้องกัน แต่เพราะเดินกลับบ้านคงเหนื่อย และเติร์กก็ไม่ได้เอารถมา เจ้าตัวเลยกะจะอาศัยรถคนอื่นด้วยการไปหาโฟล์คที่เอกดนตรี

 

"อ้าว พี่เติร์ก"  โฟล์คทักท่ามกลางรุ่นพี่ รุ่นน้องที่นั่งรวมตัวนับสิบ



"ไม่เจอนานนะ ไอ้เติร์ก" มันช์มองพี่เติร์กที่ดูสนิทสนมกับเด็กเอกดนตรีอยู่เหมือนกัน

 

"อืม กูยุ่ง"

 

"ยุ่งเชี่ยอะไร กูเห็นไอ้ป๋อมาม่อหญิงเอกกูทุกเย็น"

 

"ไม่เสือกสักเรื่องสิ ต้าร์"

 

"สัดเติร์ก"

 

           เติร์กยักไหล่ไม่สนใจ จนกระทั่งเติร์กเหลียวมองโฟล์ค



 

"โฟล์คขับรถไปส่งกูหลังมอบ้างดิ"



"ห้าร้อย"



"กวนตีนอีกที กูถีบมึงนะ"



"ใจร้าย"

 

"เร็ว ๆ โฟล์ค แฟนกูไม่สบาย" ทั้งโฟล์คและคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ หน้าอึ้งไปตาม ๆ กัน





"โอ้ยยย พี่เติร์ก พี่ไม่ได้อยากให้กูไปส่งแล้วล่ะ พี่แค่จะอวดว่าพี่เป็นแฟนกับไอ้มันช์แล้วใช่ไหม?"

 

"ก็ทำนองนั้น เร็ว ๆ มันช์มันจะยืนไม่ไหวแล้ว" โฟล์คดีดตัวลงจากโต๊ะตัวยาว และทั้งสามเดินลาจากเอกดนตรี เสียงรุ่นพี่ก็ดังขึ้น

 

"ไอ้เติร์ก อย่างนี้ เพื่อนกูที่ชอบมึงก็อกหักแล้วสิวะ" ได้ยินเสียงพวกรุ่นพี่เอกดนตรีตะโกนไล่ตามหลัง เติร์กตะโกนกลับไปอย่างไม่สนใจ

 

"เออ อกหักดีกว่ารักไม่เป็น ฝากบอกด้วย'

 .

.

.

.

"นอนพักก่อน ถ้ายังไม่หายจะพาไปหาหมอ"



"ครับ"





     มันช์รู้สึกหน้าร้อน กายร้อนเหมือนมีไข้รุม ๆ แต่เขาก็ยังยิ้มได้ เมื่อได้รับกำลังใจจากคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง ฟากเติร์ก ถึงแม้จะง่วงและเพลียเพราะแทบไม่ได้นอนตั้งแต่กลับมาจากการถ่ายรูป แต่เติร์กก็อดทน ดูแลคนที่ร่างกายอ่อนแอกว่า



"พักผ่อนซะ"



"พี่เติร์ก"

 

"อะไร"



"พี่จำคนที่เคยให้ฮาร์ทบีทพี่ได้ไหม?"




"........"



"คน ๆ นั้น คือ ผมเองพี่เติร์ก"

.

.

.

.

         ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า มีคนทั้งโกรธ ทั้งไม่พอใจ เมื่อได้รู้ว่ามันช์ตกลงคบกับพี่เติร์ก ขิงฮึดฮัดเดินมาเข้าห้องน้ำ แต่ขิงไม่คิดว่า เขาจะเจอรุ่นพี่ต่างคณะยืนล้างมืออยู่



"ขิง"



"พี่พีท"



"มาเข้าห้องน้ำเหรอ?"



"ครับ"



       ขิงที่หงุดหงิดก่อนหน้าก็อยากหาที่ระบาย และทันใดนั้น มือเรียวก็เดินไปลูบไล้ตรงแผงอกอีกฝ่าย



"ผมเบื่อจังครับ อยากหาอะไรทำสนุก ๆ"



       พีทยิ้มมุมปาก ก่อนใช้ปลายนิ้วโป้งบดคลึงริมฝีปาก คนที่เพิ่งใช้วาจายั่วยวนเขา



"พี่พอมีเวลาสิบห้านาที ก่อนขึ้นเรียน" พีทยิ้มและก้มลงกระซิบบอกข้างหู



"ก็ได้ครับ"



        ใบหน้าขาวใสแต้มรอยยิ้มหวานฉ่ำ ก่อนจะจูงมือพี่พีทไปยังห้องน้ำด้านในสุด....



       









............................................. 

** อ๋อยยยย! ช่วงอวยพระเอก พี่เติร์กน่ารักจัง นอกจากจะเป็นคนชัดเจนแล้วก็ขี้อวดแฟนเนอะ...
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
 ** ขิงเพลา ๆ หน่อยลูก
[/b]

หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 17 กูคบใคร กูชัดเจนเสมอ - [15 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-03-2019 21:32:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปว่า  อิขิงแรดเงียบจ้า
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 17 กูคบใคร กูชัดเจนเสมอ - [15 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-03-2019 21:41:07
ชัดเจนแบบเน้...เพ่ชอบ...บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ    o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 17 กูคบใคร กูชัดเจนเสมอ - [15 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-03-2019 21:48:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 17 กูคบใคร กูชัดเจนเสมอ - [15 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 18-03-2019 10:18:25
ชัดเจนๆๆ ชอบๆๆๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง - [19 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 19-03-2019 19:11:59
 


     

บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง







 

 

 

     เปรี้ยงงง!

 

"ฮืออออ" 



       หกโมงครึ่งที่เด็กมอสามยืนร้องไห้เพียงลำพังอยู่ที่โรงเรียน วันนี้ มันช์ไม่ยอมกลับบ้านแม้จะผ่านเวลาเลิกเรียนมาหลายชั่วโมง เหตุเพราะมันช์ทะเลาะกับแม่อย่างหนักและไม่รู้จะไปสิงสถิตที่ไหน จึงนั่งร้องไห้หลบทำใจอยู่ตรงม้าหิน แต่นั่งได้ไม่นาน จากฝนโปรยปรายก็ตกลงมากระหน่ำ จนมันช์ต้องวิ่งหากำบังเพื่อหลบฝน จนบัดนี้อยู่ใต้กันสาด



         มันช์แหงนมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ดำทะมึน ไร้ความสดใสเช่นเดียวกับชีวิตเขาในตอนนี้ มันช์ยืนร้องไห้ได้ไม่นาน เขาได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบแอ่งน้ำตื้นบนถนน จึงเหล่มองก็พบรุ่นพี่คนหนึ่งวิ่งมาหลบฝนอยู่ใกล้ ๆ มันช์รีบปาดน้ำตาเพราะไม่อยากให้ใครมองว่า ขี้แย



        ครู่หนึ่ง มันช์เหลือบมองเส้นผมสีดำที่เปียกลู่จนแนบกรอบหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเห็นรุ่นพี่คนนั้นก้มหน้าพร้อมยกมือสะบัดไล่น้ำฝนออกจากศรีษะ มันช์มองตั้งแต่หัวจรดเท้าที่รุ่นพี่ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กเหมือนลูกหมาตกน้ำ เสื้อนักเรียนตัวใหญ่เปียกแนบไปกับลำตัว ในทุกการกระทำที่ดูธรรมดาทั่วไป แต่ทำไมพอเป็นคนนี้ทำถึงดูมีเสน่ห์เหลือหลาย





        คนที่มองรุ่นพี่ไม่ละสายตา เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันมาและเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ ๆ



"แค่ฝนตก ทำไมต้องร้องไห้ กลัวฟ้าร้องเหรอ? ไอ้ตัวเล็ก" มันช์หลบตาจากการเห็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของรุ่นพี่คนนั้น และมันช์ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขารู้



"ร้องไห้บ้าอะไร ไม่ใช่สักหน่อย?"



       มันช์ว่าอย่างเคือง ๆ  เขาไม่พอใจที่นอกจากจะทะเลาะกับแม่แล้วยังต้องมาเจอคนกวนประสาทกันอีก และดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องสนุกของพี่คนนั้น พอรู้ว่ามันช์ไม่ชอบใจ เขาก็หัวเราะแข่งกับเสียงฝน และก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนท่อนแขนของทั้งสองถูกัน



"ปากดี ไอ้ตัวเล็ก"





       มันช์ชักสีหน้าพลางคิดในใจ ที่อีกฝ่ายมาว่าเขาตัวเล็ก ทั้ง ๆ ที่เตี้ยกว่าพี่เขาไม่กี่เซ็นต์หรอก



      แม้จะรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรก แต่พอได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองท่ามกลางฝนตก มันช์กลับใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าเพราะหน้าตาที่หล่อเหลา หรือความเป็นมิตร การชวนคุยของอีกฝ่ายจึงทำให้มันช์รู้สึกประทับใจในการพบหน้ากันครั้งแรก



"เรียนมอสาม?" เติร์กถาม เพราะเห็นจากจุดเล็กสามจุดที่ปักอยู่ตรงปกเสื้ออีกฝ่าย



"อืม" มันช์พยักหน้าแกน ๆ ก่อนจะลูบแขนเพราะเริ่มหนาว



"แล้วชื่ออะไร?"



"ทำไมผมต้องบอกพี่"



"เล่นตัวว่างั้น?" รุ่นพี่คนนั้นถาม แต่มันช์ก็ยังยืนเงียบ จนกระทั่งมีเสียงเล็ดลอดผ่านสายฝน



"อ้าวไอ้เติร์ก กูเอาร่มมาให้"



       มันช์มองไปตามเสียงที่เห็นเพื่อนของรุ่นพี่คนนั้นยืนกางร่มกลางสายฝนพร้อมในมือถือร่มอีกคัน



       มันช์เห็นพี่คนนั้นก้าวยาว ๆ ไปรับร่มในมือเพื่อน เขากางร่มและหมุนตัวมาหามันช์ ก่อนจะจับข้อมือมันช์ให้เดินเข้าไปอยู่ใต้ร่มคันเดียวกันแต่มันช์ตกใจจึงสะบัดมือออก



       รุ่นพี่ยืนนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจยัดร่มใส่ไว้ในมือของมันช์ให้ถือเอง



"เอาไป ไอ้ตัวเล็ก"



"ให้ผมทำไม"



"กลับบ้าน มืดแล้ว อันตราย ฝนน่าจะไม่หยุดตกง่าย ๆ"



      มันช์เห็นการบอกอย่างเป็นห่วงพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ ยิ่งทำให้มันช์หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ได้สนิทสนมกัน แต่เขากลับแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ และตอนนี้ พี่คนนั้นวิ่งไปหาเพื่อนที่กางร่มอีกคันเรียบร้อยแล้ว



"พี่ชื่อเติร์ก เรียนอยู่มอห้าทับเก้า ไปล่ะ ไอ้ตัวเล็ก"



"ไอ้เติร์ก นั่นร่มกู" มันช์เห็นเพื่อนของรุ่นพี่คนนั้น บ่นออกมาอย่างอารมณ์เสีย



"เออ เดี๋ยวกูซื้อคืนให้"



     แม้ความมืดมิดของท้องฟ้าคืบคลานเข้ามาจนไม่สามารถเห็นหน้าพี่เขาได้ชัด แต่น่าแปลกที่มันช์กลับจดจำรายละเอียดบนใบหน้าหน้าพี่คนนั้นได้ชัดเจน

.

.
.
.
"พี่ครับ เพื่อนผมฝากมาให้"





     เติร์กมองหน้าเด็กหนุ่มที่มารอดักอยู่แถวลานม้าหินหลังโรงเรียนและยื่นซองที่บรรจุลูกอมเม็ดหัวใจมาให้



"แล้วทำไมเพื่อนน้องไม่เอามาให้เอง"



"เพื่อนผมเป็นคนขี้อาย"



"เพื่อนน้องชื่ออะไร?"



"มันช์ครับ"



"แล้วเอามาให้ทำไม?"



"เพื่อนผมชอบพี่" เติร์กเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มที่ยิ้มกว้าง เขารับไว้ ทั้งที่ในใจมีคำถาม



"ฝากบอกเขาด้วยว่าขอบคุณ"



      ตั้งแต่ได้เห็นพี่เติร์กเป็นสุภาพบุรุษยอมเสียสละร่ม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน นับตั้งแต่วันนั้น มันช์จึงตัดสินใจเดินหน้าจีบพี่เติร์กด้วยการให้ลูกอมรูปหัวใจเป็นสื่อแทนความในใจ และทุกวันมันช์ไม่เคยไปเอง เขากลับใช้เพื่อนให้เอาไปให้ เวียนทุกคนจนครบ



        เป็นเวลาเดือนกว่า ๆ ที่มันช์ให้ลูกอมพี่เติร์กมาได้สักระยะ จนมาวันหนึ่ง พี่เติร์กได้ให้ช็อคโกแลตมาหนึ่งกล่อง พร้อมแปะโน๊ตสีเหลืองที่ระบุตัวเลขกำกับไว้เก้าตัว



        ในวันนั้นมันช์ใจเต้นแรง หน้าแดงอย่างไม่คิด ไม่ฝันว่า สุดท้ายพี่เติร์กจะยอมให้เบอร์ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรก มันช์เคยขอแล้วพี่้เขาไม่ยอมให้ แต่แล้ว คนที่ยังไม่เคยมั่นใจในตัวเอง ก็ไม่กล้าโทรจนผ่านไปแล้วสามวัน



"วันนี้ พี่เขาถามว่าทำไมมึงไม่โทรไป" แบงค์ถามมันช์ ตอนที่วันนี้ มันช์ยังฝากเพื่อนเอาฮาร์ทบีทไปให้อีกรอบ





"กูไม่กล้า"  มันช์ตอบเพื่อน



"มึงกลัวอะไรวะ"



"กูกลัวพี่เขาไม่ชอบกู"



"แต่มึงให้ลูกอมเขามาจะสองเดือนแล้วเพิ่งจะมากลัวเนี่ยนะ? กูถามจริงมึงกลัวอะไรวะ?"



      มันช์เงียบ ลึก ๆ เขาก็กลัวผิดหวัง เนื่องจากพี่เติร์กมีคนเข้ามาจีบเยอะแยะ และแต่ละรายก็หน้าตาดีแทบทั้งนั้น มันช์รู้ตัวเองดีว่า เขาไม่ได้โดดเด่นอะไร เลยคิดไปเองว่าเป็นแบบนี้นี่แหละสบายใจดี หากจะเป็นแค่คนแอบชอบ แอบรักอย่างนี้ แถมที่สำคัญตอนนั้น เขาก็ไม่แน่ใจว่า พี่เติร์กมีรสนิยมชอบชายรักชายหรือไม่



"โอเค กูไม่เซ้าซี้ ขอแค่คำเดียว  ตอนนี้มึงจะหยุดหรือจะสู้ต่อ" แบงค์ถาม มันช์เงียบอยู่นานก่อนจะพยักหน้า



"ถ้างั้นกูบังคับให้มึงโทรหาพี่เขาวันนี้ กูขอนอนค้างบ้านมึงจะยืนกดดันมึงเอง"

.

.

.

.

"สวัสดีครับ ขอสายพี่เติร์กครับ"



[พูดอยู่]



     มันช์ใจเต้นแรงตอนที่ปลายสายบอกว่าเขาคือเจ้าของชื่อ มันช์ยืนเหงื่อแตก และหันไปหาแบงค์ที่ยืนกดดันด้วยสายตา



     ยามนี้ มันช์ยืนคุยอยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหาพี่เติร์กผ่านโทรศัพท์บ้านของเขา และกว่ามันช์จะได้โทรหาพี่เติร์กเขาต้องผ่านการยืนรอต่อคิวมาแล้วมากกว่าห้าคนขึ้นไป



"อะ เอ่อ  ผะผม...คือคนที่ให้ลูกอมพี่นะครับ"



[คนที่ให้ลูกอมพี่ไม่ใช่ผู้หญิงเหรอ?] มันช์ใจเสีย ตอนที่พี่เติร์กตอบกลับเช่นนั้น



"พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายใช่ไหมครับ ผมขอโทษนะค..."



     มันช์เตรียมจะวาง เพราะเขารู้ตัวแล้วว่าพี่เติร์กคงไม่ชอบ แต่ทันใดนั้น



[แล้วใครบอก? คิดเองอีกแล้ว มันช์]



      มันช์เงียบ ใจสั่นที่ได้ยินตอนที่พี่เติร์กเรียกชื่อเขา

 

[แล้วโทรมาหาทำไม?]



"......"  มันช์เงียบใจสั่นรุนแรงจนยังไม่ทันอ้าปาก



[ถ้าไม่บอกเหตุผลจะวางสายแล้วนะ]



"ผะ....ผมชอบพี่ครับ"





         ฝั่งมันช์เงียบ แต่ได้ยินเสียปลายสายดัฝตะกุก ตะกัก คล้ายคนดักฟังโทรศัพท์



[ทีอย่างนี้กล้าบอก แต่พออยากเห็นหน้าทำไมไม่มาเจอ]



"คือผม....ผม"



[นี่ชอบกันจริงป่ะเนี่ย]



"ผมไม่ใช่คนหน้าตาดี ผมกลัวว่าพี่จะไม่ชอบผม"



[แล้วนึกยังไง มันช์ถึงมาชอบพี่ล่ะครับ?]  มันช์เงียบ เมื่อพี่เติร์กเปลี่ยนเรื่อง ส่วนตัว มันช์ไม่กล้าบอกว่าที่ชอบ สาเหตุเป็นเพราะพี่เติร์ก คือ คนที่ให้ร่มคันนั้น



    และในขณะที่มันช์เงียบนาน ก็มีเสียงเคาะกระจกจากข้างนอกตู้โทรศัพท์



"น้องคะ พี่มีเรื่องด่วนช่วยรีบคุย ได้ไหมคะ" มันช์ลนลาน ตกใจที่ผู้หญิงส่งเสียงดุใส่ มันช์รีบวางหูโทรศัพท์ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา และมันช์ก็โดนแบงค์ด่าไปโดยปริยาย



        จากวันนั้น มันช์ก็นัดเวลาโทรหาและคุยโทรศัพท์กับพี่เติร์กอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนกระทั่ง วันหนึ่ง วันที่ทั้งสองตัดสินใจนัดกัน



       ปลายทาง คือ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง



       มันช์เดินทางมาก่อนเวลา เพราะตื่นเต้น แต่เวลาผ่านไปแล้วสองชั่วโมง มันช์ชะเง้อคอมองจนเหนื่อย ก็ยังไร้วี่แววว่าพี่เติร์กจะมา มันช์เดินวนจนทั่วสวนสาธารณะเพื่อหาตู้โทรศัพท์ในการจะโทรหา จนกระทั่ง มันช์โทรไปยังเบอร์โทรศัพท์บ้านพี่เติร์กอีกครั้ง ปลายสายคือเสียงผู้หญิงวัยกลางคนรับสายและบอกว่า พี่เติร์กไปติวหนังสือที่บ้านแฟนสาว ทันทีที่ได้ยินการบอกมาอย่างนั้น มันช์เสียใจ ไม่รู้ว่าพี่เติร์กต้องการอะไรที่หลอกเขามาตามนัดและสุดท้ายตัวเองก็เบี้ยว ที่สำคัญทำไมไม่บอกความจริงว่าตัวเองมีแฟนแล้ว มันช์เดินกลับบ้านไปอย่างไร้วิญญาณ ใจสั่น วูบหวิวมาตลอดทาง เพราะไม่คิดว่า เขาจะอกหักไวขนาดนี้ จากจุดนั้นเองที่ทำให้มันช์เลือกตัดขาดจากพี่เติร์ก ไม่ส่งลูกอมให้ ไปจนถึงไม่ติดต่อหาพี่เติร์กอีกเลย จวบจนกระทั่ง มันช์ได้มาพบเจอพี่เติร์กที่มหาฯ ลัย คนที่ปากบอกว่าไม่มีวันสนใจคนที่หลอกลวงกันก็พลันมลายหายไปทันทีที่ได้เห็นหน้าผู้ชายที่ให้ร่มเขาในอดีตวันนั้น และการกระทำทุกอย่างที่แลดูใส่ใจกัน มันช์จึงใจอ่อนคล้ายขี้ผึ้งลนไฟอีกครั้ง

.

.

.

.

"แล้วทำไมมึงไม่มาตามนัด"



      เมื่อมันช์หายป่วย ร่างกายกลับมาแข็งแรง คนที่ยังมีคำถามค้างคาก็ชวนมันช์คุยถึงเรื่องในอดีตให้กระจ่างกันอีกครั้ง



     มันช์งงเมื่อได้ยินคนที่เติร์กพูดมาเช่นนั้น พี่เติร์กเองต่างหากไม่ใช่หรือ ที่ไม่มาหาเขาตามนัด



"พี่เองต่างหากที่ทิ้งผม?"



"วันที่เรานัดกัน กูกำลังออกจากบ้าน แม่กูบอกว่า มึงโทรมาให้กูเปลี่ยนไปหาที่ห้างแทน กูไปห้าง เดินวนจนทั่ว รอตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนห้าโมงเย็นมึงก็ไม่มา จะโทรหาที่บ้านมึงก็ไม่ได้ เพราะกูก็เลินเล่อเองลืมขอเบอร์โทรศัพท์มึงไว้"





     มันช์อึ้ง ที่ได้ยินถ้อยคำที่ต่างกันสิ้นเชิง



"ไม่จริงนะพี่เติร์ก ผมก็รอพี่เหมือนกัน ผมรอที่สวนสาธารณะและพอผมโทรไปแม่พี่บอกว่าพี่ไปติวหนังสือกับแฟน"



    ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ ทั้งสองต่างก็รำลึกความหลัง และพอได้รู้ความจริงจากปากของกันและกัน ทำให้ได้รู้ว่าที่ผ่านมานั้น สถานการณ์ได้บิดเบี้ยวเพียงเพราะใครบางคนจงใจแยกมันช์และพี่เติร์กให้ห่างจากกัน



        เติร์กเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแม่เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองเข้าใจผิด



"เอ้ะ แต่ทำไม พอผมบอกว่า ผมคือคนนั้น พี่ดูไม่ตกใจ"



        เติร์กยิ้ม



"เอาจริง ๆ ปะ กูน่ะจำหน้ามึงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แค่คลับคล้าย คลับคลา แต่พอเห็นชื่อและนามสกุลมึงที่เขียนในสมุดลายเส้นวันนั้น ถึงรู้ว่ามึงคือใคร?" เติร์กเหมือนคนสมองปลาทอง บางเรื่องก็จดจำได้แม่น แต่บางเรื่องเขาก็หลงลืมมันได้อย่างง่ายดาย



"พี่หมายความว่าไง?"



"มึงคงลืมว่ามึงเป็นคนบอกกูเองว่าเรียนห้องอะไร และมันประจวบเหมาะกับที่เพื่อนกูมีน้องชายและเรียนห้องเดียวกับมึงพอดี กูเลยหลอกถามตารางเรียน ชื่อจริงมึงกับน้องชายเพื่อน เพื่อที่กูจะไปคุยเรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไมมึงปล่อยให้กูรอที่ห้าง แต่ก่อนหน้าวันที่กูตั้งใจจะไปเคลียร์ปัญหา กูดันเห็นมึงยืนจูบใครก็ไม่รู้ใต้ต้นไม้ข้างห้องน้ำ"



         มันช์เงียบ ตอนที่เขานึกขึ้นได้



"แต่ผมยังไม่ทันได้จูบเขานะพี่ คือ ตอนนั้น เพื่อนผมหวังดี เห็นผมเสียใจจากพี่ มันเลยแนะนำรุ่นพี่คนหนึ่งมาให้ แต่ผมไม่ได้ชอบเขา เลยนัดกันไปคุย แต่พี่เขาโกรธหรือไม่ก็คงรู้สึกเสียหน้า พี่เขาไม่พอใจเลยทำแบบนั้น แต่ผมขัดขืนนะ"



"จริงเหรอวะ?"



"จริง ๆ พี่เติร์ก นึกเรื่องวันนั้น ผมยังกลัวเลย อะไรกันก็ไม่ชอบ ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนั้นด้วยแถมอยู่ในโรงเรียนแท้ ๆ แต่พี่คนนั้นยังกล้า"



       เติร์กเงียบ ทำไมเหตุการณ์ทุกอย่างตอนนััน ถึงช่างไม่เป็นใจจนทำให้เขาทั้งสองได้แยกย้ายกันไปตามทาง แต่มันก็น่าแปลกที่สุดท้าย โลกก็เหวี่ยงให้เขาได้มาพบเจอกันอีกครั้ง



      เติร์กอาจมีความคิดที่แตกต่างจากมันช์อยู่หลายอย่าง เติร์กไม่ได้สนใจว่ามันช์จะเป็นคนที่เคยเจอกันมาก่อน หรือ จะเป็นคนใหม่ที่เติร์กไม่เคยรู้จัก มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาจีบมันช์ในปัจุบัน เขาชอบมันช์ที่มันช์เป็นมันช์อย่างทุกวันนี้ต่างหาก แต่มันอาจเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยที่เข้ามาในชีวิตของเขาให้ประหลาดใจว่า เขาโชคดีที่ได้เจอะคนที่เคยรัก เคยชอบพอมาก่อนก็เท่านั้น



     เติร์กยิ้มและดึงร่างมันช์เข้ามากอดโดยไม่พูดอะไร แต่เป็นมันช์เองที่ยังเป็นเจ้าหนูจำไม สงสัยไปทุกเรื่อง



"เออ แล้วถ้าพี่เติร์กรู้ว่าผมคือใคร? ทำไมไม่บอกผม ปล่อยให้มันผ่านมานานขนาดนี้ได้ยังไง"



"สนใจอดีตทำไม ในเมื่อเราสองคนก็ไม่มีใครสมหวัง"



     จากที่ถกเถียงจวนเกือบจะทะเลาะ สุดท้ายก็กลายเป็นลงเอยที่การจูบ คนที่เลือกให้การสัมผัสเป็นการยุติสงครามทางวาจาทั้งหมด กำลังสอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปาก ต้อนกวาดน้ำหวานจนทั่ว ก่อนจะผละมาเล่นริมฝีปากทั้งบนและล่างอย่างหยอกเย้า



"ช่างมันเถอะ มันช์ อดีตจะเป็นยังไง ช่างมัน จำไว้ว่า ปัจจุบัน มึง คือ แฟนกู และเป็นคนที่กูอยากใช้ชีวิตร่วมด้วยมากที่สุด"

.

.

.

.

      วันนี้ วันศุกร์เป็นวันที่พวกมันช์นัดกันไปกินหมูกระทะ เพื่อบรรเทาความเครียดกันสักหน่อย และในระหว่างที่เดินลงมาจากตึกร้อยปี มันช์ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปากลุงรหัส เมื่อเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ มันช์เห็นพี่เติร์กนั่งพิงเสาในซุ้มมองมายิ้ม ๆ เขากวาดตามองทั่วซุ้ม วันนี้ซุ้มของพี่เติร์ก มีพวกรุ่นพี่เกือบทุกชั้นปีนั่งอัดแน่นกันเต็มซุ้ม พอเห็นอะไรบางอย่างถึงเข้าใจ



"เบียร์ไหม?" พี่ป๋อยื่นแก้วพลาสติกให้



"พี่นี่มันสถานศึกษานะ" มันช์ถามอย่างสงสัย



"ไม่ใช่เวลาเรียนแล้วมึง" ป๋อบอก มันช์ก้มดูเวลาที่นาฬิการู้หรอกว่าเวลานี้มันหกโมงเย็นแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในมหา ฯ ลัยอยู่ดี



 "กูดื่มเพื่อจินตนาการ" เติร์กบอก มันช์มองหน้าทันที มีด้วยหรอวะ ดื่มเพื่อจินตนาการ  แล้วพี่โต๋ก็เสริมต่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก่อนเริ่มทำงาน พวกเขาจะบิ้วอารมณ์ด้วยการดื่มเบียร์ แต่ไม่ถึงกับเมา เอาแค่พอได้ที่ จากนั้นก็ทำงานยันเช้า



"แล้วนี่ มึงจะไปไหน?"



"ผมจะไปกินหมูกระทะ"



"ไม่ชวน" มันช์เลิกคิ้วมองพี่เติร์ก



"ก็ผมไปกินกับเพื่อน"



"กูก็พูดไปแบบนั้นแหละ" แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็ดึงมันช์ไปนั่งข้าง ๆ ลูบหัวโดยไม่พูดอะไร จนมันช์อายที่เห็นพวกพี่คนอื่น ๆ เตรียมแซว



"พี่เมาไหมเนี่ย?"



"เมาบ้าอะไร เพิ่งกินไปสองแก้ว กินเสร็จให้กูไปรับที่ร้านไหม?"



"มะ...ไม่ต้อง"



  แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็อมยิ้ม ก่อนพูดเสียงดังกว่าเก่า



"ถ้ามึงบอกไม่ กูจะไป เพราะกูรู้ลึก ๆ มึงคิดยังไง?" เติร์กยิ้ม ก่อนจะยกมือประคองใบหน้าของมันช์พลางใช้ปลายนิ้วลูบวนบนแก้มอีกฝ่าย



"สัดเติร์ก บ้านมึงผลิตน้ำตาลเหรอ?"



"โอ้ย ไปรักกันไกล ๆ"



"สัดเบียร์กูหวานเลย"



"พี่แม่ง อย่าแกล้งผมดิ ผมไปกินหมูกระทะแล้ว" มันช์ว่าอย่างอาย ๆ ก่อนที่เติร์กจะลุกตามแล้วเดินกอดคอมันช์



"พี่เติร์กเป็นอะไรเนี่ย วันนี้ทำตัวรุ่มร่ามว่ะ"



"น้อง ๆ ครับ พี่ขอพามันช์ไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะครับ"



"แหนะ ลุงรหัสคะ จะทำมิดี มิร้ายเพื่อนหนูเหรอ?"



"เวลาแค่นี้ไม่พอหรอกครับ"



        เติร์กอมยิ้ม ก่อนลากมันช์ไปเข้าห้องน้ำและปล่อยให้เพื่อน ๆ นั่งรอกัน เวลามีน้อยเติร์กจึงรีบดึงมันช์มาใกล้ แอบจูบที่เปลือกตา ประทับริมฝีปากไล่ไปเรื่อยจนถึงริมฝีปากที่คุ้นเคย เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ทั้งสองห่างกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีงานต้องทำรวมถึงเวลาที่ต้องมีส่วนตัว เติร์กจูบด้วยความคิดถึง แม้ว่าอยากทำอะไรต่อมิอะไรมากกว่านี้ นานกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่เพื่อนมันช์รออยู่



"ระวังตัวด้วย กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ"



"พี่ผมโตแล้วน่า ห่วงอย่างกับพ่อ"



"กับมึง กูเป็นให้ได้หมด เพื่อน พี่ แฟน แด๊ดดี้ สามี คู่ชีวิต"



"พูดบ้าอะไร ทะลึ่งว่ะพี่" มันช์ว่าหน้าแดง ส่วนเติร์กก็หัวเราะก่อนจะโยกศรีษะมันช์เบา ๆ



    มันช์เห็นพี่เติร์กยิ้ม แต่กลับทำหน้ากระอักกระอ่วน เขาเงียบ ก่อนพูดอะไรออกมา



"มันช์บางทีมึงก็หัวอ่อนไปนะ การคบคนด้วยความจริงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่กับบางคนอย่าทุ่มใจมากเกินไป ระวังไว้บ้างก็ดีนะ"



"พี่เติร์กพูดถึงอะไร ผมงง"



"สัญญากับกูได้ไหม? ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น มึงจะเชื่อใจและไว้ใจกู"



"......"



"สัญญาไหมมันช์"



"อื้ม สัญญาครับ"




"ไปกินหมูกระทะเหอะมึง กินเผื่อกูด้วยล่ะ" พี่เติร์กจูบตรงหว่างคิ้ว ไล่จนถึงปลายจมูก



 

        มันช์มองคนที่เดินออกไปก่อนก็ยิ้มไม่หุบ มันช์ชอบพี่เติร์กที่ไม่เคยก้าวก่ายช่วงเวลาของกันและกัน เขาไว้ใจ ให้เกียรติและไม่ตามติดแจหรือแม้แต่หึงหวงกันอย่างไร้สาระ ทั้งหมดที่กล่าวมา มีแต่มันช์เองทั้งนั้น ที่งี่เง่าใส่พี่เติร์กตลอด





"อิจฉามึงเลยว่ะ ได้แฟนโคตรดี อยากได้อย่างพี่เติร์กบ้างจัง" ดาวบอก



"ไม่ขนาดนั้นหรอก มันก็ธรรมดาทั่วไปไหมวะ?" มันช์บอกอย่างถ่อมตัว



"มึงไม่รู้อะไร ยังมีอีกเยอะนะคนที่ปากบอกรัก ๆ แต่พอการกระทำแม่งตรงกันข้าม บางคนก็มีแฟนนะ แต่กั๊กความสัมพันธ์ บางคนก็คบซ้อน คบเผื่อเลือกมากมาย กูผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ มันช์เชื่อกูเถอะว่ามีของดีแบบนี้ รักษาไว้ดี ๆ ล่ะ"

 

"อื้ม ขอบใจวะดาว"



"นั่นสิ พอดาวพูดมา ขิงก็อิจฉาเหมือนกันเลย" มันช์หันไปมองขิงที่อยู่ ๆ ก็โพล่งขึ้นมา แต่คำว่าอิจฉาที่ขิงและดาวพูดช่างให้ความรู้สึกที่แตกต่าง

 

 

 

 

 

.................................................

*อัพเดท >แก้ไขคำผิดตามคอมเมนท์ คุณ warin * ขอบคุณมากเลยที่ช่วยดูให้นะคะ

พบกับตอนต่อไปในชื่อตอนที่ว่า ระเริงรักในวันฝนตกค่ะ อิอิ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew3: :mew3:

 
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง - [19 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-03-2019 19:47:50
กลัวขิงงงงงง ฮื่อออ

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง - [19 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-03-2019 20:38:43
ขอบคุณค่ะ
ทำไม่ดีไม่ร้าย-------)ทำมิดีมิร้าย
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง - [19 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-03-2019 21:03:05
มันซ์..โปรดระวัง ขิง...งงงงงงงงงง   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง - [19 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2019 21:53:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

อินังขิงจะมาไม้ไหนต่อ?

ส่วนอิพี่เติร์ก  เอ่ยมาแบบนั้นหมายความว่าไง?

หรือฮีแกมองออกว่าอินังขิงคิดจะทำอะไร? เลยวางแผนซ้อนกลับ?
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง - [19 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 20-03-2019 10:33:42
จังหวะตอนนั้มันไม่ให้
แต่ตอนนี้ และตอนต่อๆ ไปก็หวานกันล่ะ
+1 พี่เติร์กรักน้องจริง
 :hao7:

แอบเพลียกับขิง เริ่มรุนแรงอย่างโจ่งแจ้งเกิน
มะเอามาม่าได้ป่าว
 :mew2:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง - [19 มีค.62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-03-2019 09:27:08
หวังว่าแบงค์จะยังไม่ได้รักขิงจนเกินไปนะ ไม่อยากให้แบงค์เจ็บเพราะขิงจนเกินไป ส่วนพี่เติร์กคงจะรู้ ๆ อะไรมาบ้างแน่ ๆถึงเตือนแบบนั้น
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก - [24 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-03-2019 22:22:12
 

 

บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก









"ฉิบ!!"



      ในเวลายามเย็นวันนี้ มันช์เดินกลับบ้านกับพี่เติร์กด้วยกันเพราะรุ่นพี่จะไปนอนค้างที่ห้อง แต่ขิงดันขออาศัยกลับบ้านด้วย จึงทำให้ระหว่างการเดินทาง มีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ส่วนคนเดินตามหลังอย่างเติร์กได้แต่มองเพื่อนสองคนเดินด้วยกัน เติร์กเข้าใจดีว่ามันช์ค่อนข้างแคร์ขิง อาจเป็นเพราะขิงดูน่ารัก น่าทะนุถนอม จนบางครั้งบางคราวชวนน่าปกป้อง เพราะขิงมักทำตัวให้มันช์เป็นห่วง สังเกตจากทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน มันช์จะต้องเสริมเรื่องขิงระหว่างบทสนทนาเสมอ



 เปรี้ยง!



       ฟ้าแลบแปลบปลาบ ทั้งเสียงฟ้าร้องคำรามดังน่ากลัวจนมันช์และขิงสะดุ้งจนยกมือปิดหู มันช์หันมาบอกพี่เติร์กให้เดินไว ๆ เพราะเริ่มกลัวว่าฝนจะตกก่อนถึงห้อง จวบจนมาถึงปากซอย ฝนก็ตกลงมากระหน่ำ ทั้งสามหลบฝนตรงศาลารอรถ



"อีกนิดก็ถึงหอ จะลุยไหม มันช์?" เติร์กถาม มันช์ทำหน้าลังเล ก่อนก้มมองร่มในมือที่มันอาจหลบฝนได้แต่คงไม่ทั้งหมด แต่มันช์ตัดสินใจพยักหน้า กำลังจะหันไปลาขิง แต่อีกฝ่ายกลับยึดข้อมือมันช์



"ขิงไปด้วยได้ไหม? มันช์"



"....."



"ขิงยังไม่อยากกลับตอนนี้ กลัวรถติดครับ"



      มันช์หันไปหาพี่เติร์กเหมือนขอความเห็น ฟากเติร์กยิ้มมุมปาก และพยักหน้า



"ขอบคุณนะ"

 

      ทั้งสามยอมวิ่งฝ่าหยดฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาเป็นสาย จนถึงห้อง มันช์ก็ขอตัวอาบน้ำก่อนปล่อยให้ขิงอยู่กับพี่เติร์กสองต่อสอง ในขณะที่ขิงนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวบนเตียง เติร์กชำเลืองมองขิง ก่อนจะเดินออกไปยืนมองฝนตรงระเบียง เขากำซองบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงแน่น อยากสูบแต่เกรงใจเจ้าของห้องก็ว่าจะให้มันช์ออกมาก่อนค่อยขออนุญาต คนที่ยืนนิ่งเนิ่นนาน

 

"อ้ะ พี่เติร์กครับ พี่เติร์ก" เติร์กเดินเข้าไปข้างใน เห็นขิงเต้นเร่า ๆ แปลกประหลาด

 

"อะไร?"

 

"แมงมุมครับ แมงมุมอยู่ในเสื้อ"

 

    เติร์กยืนมองสักพักก่อนจะเดินไปตบเบา ๆ ทั่วแผ่นหลัง เพื่อไล่หาสัตว์เจ้าปัญหา

 



"พี่ครับมันอยู่ในเสื้อ ผมกลัว"

 

      เติร์กเงียบ ก่อนจะยอมสอดมือเข้าไปในเสื้อ สัมผัสแผ่นหลังที่เปียกชื้นแล้วลูบหลังจนทั่ว ก่อนดึงมือออก

 

"ไม่เห็นมีเลย โกหกหรื...อ"

 

"พี่เติร์กผมอาบน้ำเสร็จแล้วนะ"

 

      มันช์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินออกมาในจังหวะที่เหมาะเจาะพอดี ตอนที่พี่เติร์กดึงมือออกจากการล้วงเข้าไปในเสื้อขิง เติร์กหันไปยิ้มมุมปากและเดินไปหาคนที่หน้าบึ้ง เติร์กรู้ดีว่า มันช์คงงอน เขาจึงเดินไปใกล้แกล้งสูดดมกลิ่นกายแถวซอกคอแฟน

 

"หือออ...หอม"

 

"พี่ทำบ้าอะไร?" มันช์หดคอ มองพี่เติร์กสลับกับมองขิงที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง แล้วทันใดนั้น เติร์กดึงท้ายทอยมันช์มาจูบต่อหน้า ต่อตาขิง เติร์กบดเบียดริมฝีปากเข้าหากันและผละมาลูบแก้มมันช์ พลันเหลือบมองขิง

 

"ขิง ตัวเปียกแบบนี้ ไปอาบน้ำสิ จะได้สดชื่น" เติร์กบอก ฟากขิงตอบเสียงนอบน้อม

 

"ไม่เป็นไรครับ พี่อาบก่อนเถอะครับ ผมยังไม่อยากอาบตอนนี้"

 

"คือพี่อยากอยู่กับมันช์สองคนน่ะ ถ้าขิงไม่อาบน้ำ จะกลับบ้านเลยไหม"



กึก



    ขิงยืนอึ้งที่อยู่ ๆ พี่เติร์กก็ไล่กลับอย่างไร้ความเมตตา ปราณี



 

"พี่เติร์ก พี่พูดแรงไปนะ" มันช์ดุพี่เติร์กที่อีกฝ่ายใช้คำพูดไม่ถนอมน้ำใจขิงสักนิด

 

      คนนอกอย่างขิงได้แต่ยืนเม้มปากแน่น ทำตัวไม่ถูก มันช์พลันเหลือบเห็นขิงทำหน้าจะร้องไห้ เขาจึงเดินไปหาขิง

 

"ขิง อย่าคิดมากกับคำพูดพี่เติร์กนะ เขาล้อเล่น"

 

"มันช์ กูไม่ได้ล้อเล่น"

 

     มันช์ตวัดสายตาดุ ๆ ไปหาพี่เติร์กที่ทำไมพี่เติร์กต้องพูดชวนบรรยากาศเสีย ก่อนที่มันช์จะยิ้มแล้วบอก

 

"ขิงไม่อาบน้ำก็ไม่เป็นไร แต่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้นะ ของเราน่ะไปหยิบในตู้เสื้อผ้าเลย  ฝนตกแบบนี้ เดี๋ยวเราต้มมาม่ากินร้อน ๆ กันดีกว่า"

 

    มันช์ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้น ต้มน้ำร้อนรอเวลา และในขณะที่ตระเตรียมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยทั้งสาม เทผงปรุงรสจากซองไปพร้อม ๆ กัน ส่วนขิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่มันช์แนะนำ ในขณะที่ทุกการกระทำล้วนตกอยู่ในสายตาของเติร์กทั้งหมด

 

"มันช์ กูลงไปข้างล่างนะ" เติร์กบอก เพราะอึดอัด แต่ครั้นจะพูดอะไรไปอีกก็เกรงใจเจ้าของห้อง

 

"ไปไหน? ฝนตกอยู่นะพี่เติร์ก"

 

"......." เติร์กไม่ยอมตอบแฟน เขาแค่เดินออกไป ทำให้มันช์ใจไม่ดี ไม่รู้ว่าพี่เติร์กงอนกันหรือเปล่า ? ที่มันช์เลือกโอ๋ขิงมากกว่าการทำความเข้าใจในตัวพี่เติร์ก

 

"รีบขึ้นมานะครับ เดี๋ยวมาม่าอืด" มันช์บอกแฟนด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ หลังจากพ้นตา  ขิงพุ่งถลามากอด



"ขิงเป็นอะไร?"

     

"พี่เติร์กไม่ชอบขิงแน่เลย มันช์"

 

"ไม่หรอก คิดมากน่า" มันช์ชะงักมือพลางลูบหลังขิงช้า ๆ

 

"จริง ๆ นะ มันช์ แค่ขิงมาขออาศัยแปปเดียว มันหนักหนามากเลยเหรอ เขาถึงต้องพูดจากับขิงแบบนั้น" ขิงกัดปากสั่น ๆ จนมันช์มองด้วยแววตาเศร้า ไม่คิดว่า ขิงจะยึดถือในทุกคำพูดของพี่เติร์ก

 

"อย่าสนใจเลยนะ มากินมาม่ากันเถอะ น้ำเดือดแล้ว"





"มันช์" คนที่กำลังกดน้ำร้อนเติมลงถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชะงักตอนที่ขิงมาจับข้อมือ



"ว่า?"

 

"ตอนที่มันช์จูบกับพี่เติร์กเมื่อกี้ มันเป็นยังไงเหรอ?"

 

      มันช์หน้าแดง ตอนที่ขิงถามเรื่องนั้น พอนึกก็เหมือนกับเป็นตัวกระตุ้นให้ใจเต้นแรงอีกครั้ง

 

 "เขินเหรอมันช์ หน้าแดงมากเลย"

 

    มันช์ก้มหน้า จับถ้วยบะหมี่พลิกไปมา

 

"ขิงอยากมีคนมาจูบขิงแบบนี้บ้าง" ขิงยังเป็นฝ่ายพูดคนเดียว จนกระทั่ง มันช์สงสัยกับคำบอกล่าสุด

 

"หือ? ขิงไม่เคย" มันช์เอียงคอถาม คนอย่างขิงน่าจะผ่านการคบแฟนมานับร้อยเห็นจะได้ ก็ขิงทั้งหน้าตาดี น่ารัก นิสัยก็ว่านอนสอนง่าย ใครเห็น ใครก็รัก

 

"อื้ม ทำไมมันน่าอายมากเลยใช่ไหม?" ขิงเม้มปาก พลางก้มหน้า

 

"เฮ้ย ไม่นะ ไม่เลย เราแค่สงสัย"

 

"ขิงอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ขิงขอลองจูบมันช์สักครั้งได้ไหม?"

 

"ไม่ได้หรอก เรามีแฟนแล้ว"



"ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่เติร์กไม่ได้อยู่ตรงนี้สักหน่อย มันช์แค่สอนขิงเอง ขิงอยากรู้"



"ไม่ได้ ขิง เราไม่อยากให้พี่เติร์กโกรธ" มันช์ยังยืนหยัดคำเดิม



"แต่ตอนนี้ เราอยู่กันแค่สองคน ถ้าขิงไม่พูด มันช์ไม่พูด ใครจะรู้จริงไหม? แค่ครั้งเดียวเองนะมันช์"

 

       การคะยั้น คะยอและพูดโน้มน้าวจิตใจ ทำให้มันช์เริ่มโลเล ยิ่งโดยเฉพาะคำว่า แค่ครั้งเดียว ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก มันปรากฎขึ้นมาในใจ มันช์นั่งนิ่งครุ่นคิด ถ้าคิดว่าการจูบกันเหมือนเล่นละคร พวกดารานักแสดงยังทำกันได้เลย ก็ลองทำแบบนั้นก็ได้มั้ง



      มันช์เงียบ ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาทางปาก เขาแค่เอื้อมมือไปแตะไหล่ขิง เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ แต่ยังไม่ทันได้จูบเพราะมันช์เริ่มไม่โอเคที่ทำแบบนี้ แต่วินาทีนั้น ขิงเองที่จู่โจมเคลื่อนริมฝีปากมาประทับจูบกัน จนมันช์ตกใจ และยังไม่ทันเท่าไหร่ เสียงกึกกักตรงประตูหน้าห้องก็ดังและถูกเปิดออกกว้าง



"มึงทำอะไรวะ มันช์"

 

เฮือกกก!

 

  มันช์ตกใจสุดขีด ผละออกห่าง

 

"ทำไม มันช์ถึงไม่ล็อคประตู" นั่นคือสิ่งที่ขิงบอกมันช์เสียงแผ่ว ๆ แล้วทำหน้าจะร้องไห้



    มันช์ลุกพรวดไปหาพี่เติร์กที่ทำหน้าน่ากลัว



"พี่เติร์กมาม่าเสร็จพอดีเลย มากินด้วยกันนะ" มันช์จับข้อแขนพี่เติร์กแต่พี่เติร์กกลับบิดข้อมือออกแล้วพุ่งไปหาขิง ก่อนจะฉุดมือขิงให้ลุกขึ้น แม้การกระทำจะนุ่มนวลไม่ใช่การกระชาก ลากถู แต่สายตาใครเห็นก็ดูออกว่าไม่พอใจแค่ไหน

 

"พี่ลงไปดูเมื่อกี้ ฝนซาแล้ว ขิงกลับเลยก็ได้นะ" เติร์กบอกขิงพลันเหลือบมองมันช์ที่ยืนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า ก้มหน้า กัดปากแน่น

 

"ผมไม่มีร่มครับ"

 

      เติร์กเงียบ ก่อนจะผละไปหาของบางอย่าง เขากลับมาพร้อมร่มที่เดินมายัดมันใส่มือขิง พร้อมเงินจำนวนห้าร้อย

 

"พี่มีร่มครับ และพี่ให้เงินขึ้นแท็กซี่ด้วย กลับเหอะ ดึกดื่นอันตราย"

 

"พี่เติร์กไล่ขิงแบบนั้นได้ยังไง" มันช์ก็รู้นะว่าตัวเองผิด แต่เขาคิดว่ามันดูใจร้ายไปหน่อย ถ้าจะไล่ขิงกลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่ฝนยังไม่หยุด เพราะมันช์เพิ่งได้ยินเสียงฟ้าร้องโครมครามดังสนั่นไปเมื่อสักครู่



 

"มึงไม่มีสิทธิ์มาเถียงกู ตอนนี้ คนนอกควรกลับไป เพื่อที่กูจะได้เคลียร์เรื่องของเรา"

 

      ขิงชะงักตอนที่พี่เติร์กเน้นหนักกับคำพูดนั้น





"ถ้างั้น เดี๋ยวเราเดินไปส่งนะ ขิง" มันช์ลำบากใจ เพราะอีกคนก็เพื่อน อีกคนก็แฟน และส่วนหนึ่งมันช์ก็สงสารขิงที่ตอนนี้ร้องไห้ออกมาแล้ว

 

"มันช์อย่าให้กูพูดซ้ำ"

 



"ขอโทษนะ ขิง" มันช์มองเพื่อนด้วยแววตารู้สึกผิด ฟากขิงหันไปหาพี่เติร์ก

 

"ที่พี่เติร์กเห็น มันไม่มีอะไรจริง ๆ นะครับ แค่..." ขิงกำลังแก้ตัว

 

"ขอบคุณที่อธิบายครับ แต่ขิงไปเถอะ ปัญหานี้ เดี๋ยวพี่เคลียร์กับแฟนพี่เองดีกว่า"


 

       ทั้งสองไม่ได้เดินไปส่งขิงจริง ๆ ทิ้งให้ขิงเดินลงข้างล่างไปโดยที่ฝนยังตก ฟากเติร์กตวัดสายตาไปหามันช์ที่ยืนบีบอุ้งมือที่ประสานกันจนบิดเบี้ยว ก่อนจะเดินออกไปยืนตรงระเบียงเพื่อสูบบุหรี่โดยไม่สนใจเจ้าของห้องแล้ว  ส่วนตัวมันช์เองก็เดินไปเปิดประตูที่กั้นกลางระหว่างพื้นที่ระเบียงกับพื้นที่ด้านใน เขายอมให้ฝนสาด เพียงเพราะอยากแอบมองพี่เติร์กอยู่ตรงนี้



       มันช์รู้ว่าตอนนี้ เขามีความผิดติดตัว แต่เขาเองก็ไม่กล้าและไม่รู้จะต้องเริ่มอย่างไรดี มันช์อาจคิดน้อยไปหน่อย อย่างแต่ก่อน มันช์เคยอาบน้ำกับแบงค์หรือเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ทำมาแล้ว แต่มันช์ลืมนึกไปว่า สมัยก่อนเขาไม่ได้มีแฟนเช่นตอนนี้


       มันช์รู้สึกอิหลักอิเหลื่อ ทำตัวไม่ถูก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าและออกช้า ๆ ตัดสินใจขยับเท้าก้าวไปหาเพื่อและยืนซ้อนหลังพี่เติร์ก เอื้อมไปจับมือรุ่นพี่พลางเอนศรีษะซบไหล่กว้าง



"ผมขอโทษครับ พี่เติร์ก..."

 

"บอกกูได้ไหม? ทำไมกูต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นวะ มันช์?"

 

     พี่เติร์กน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าตอนแรก เขาไม่มีอาละวาดหรือตวาดแต่อย่างใด

 

"ขิงเห็นพี่กับผมจูบกันเลยอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ก็เลย..."

 

"แค่เหตุผลก็ไร้สาระแล้ว มึงก็เชื่อว่าขิงไม่เคยจูบคนอื่น ? และมึงก็ทำตามคำขอขิงง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่มึงก็มีแฟนแล้วอย่างงั้นเหรอ?"

 

"....." มันช์ยืนสะอึก ไปต่อไม่ถูกได้แต่บีบมือพี่เติร์กแน่น

 

"มันช์ กูไม่อยู่แค่สิบนาที มึงยังทำแบบนี้...แล้วถ้า...."

 

"พี่เติร์ก ผมขอโทษนะ ผมขอโทษ ผมไม่ได้คิดอะไรกับขิงจริง ๆ นะครับ" มันช์กลัวพี่เติร์กจะโกรธจนพาลเลิกกัน เขาสวมกอดพี่เติร์กจากด้านหลังแล้วย้ำซ้ำ ๆ





"กูยังเชื่อใจมึงได้ไหม?"

 

"ได้ครับ พี่เติร์กได้ ผมสัญญามันจะไม่เกิดขึ้นอีก"

 

"โอเค ครั้งนี้กูให้อภัยเพราะกูเชื่อใจมึง แต่กูไม่เชื่อใจเพื่อนมึง"

 

"ทำไมพี่เติร์กถึงพูดแบบนั้น"



"กูเหนื่อยจะตอบว่ะ มันช์" มันช์ยิ่งรู้สึกแย่ที่ได้ยินอย่างนั้น เขาไม่น่าพลาดทำเรื่องราวไม่ดีเลย



"ถ้างั้น เราไปกินมาม่ากันเถอะนะพี่ ผมทำไว้แล้วนะ"



 

      มันช์ยิ้มตอนที่พี่เติร์กบอกให้มันช์เข้าไปก่อน และเดี๋ยวเขาจะเดินตามเข้าไป มันช์รีบเดินเข้ามานั่งตรงโต๊ะญี่ปุ่นและรอไม่นานพี่เติร์กก็เดินเข้ามานั่งที่พื้นด้วย



      มันช์ยื่นถ้วยมาม่าไปให้พี่เติร์ก ต่างฝ่ายต่างกิน แม้ว่ามันช์จะชวนคุย แต่พี่เติร์กก็ถามคำ ตอบคำ จนมันช์เครียด เพราะไม่รู้จะหาทางยังไงทำให้พี่เติร์กอารมณ์ดีขึ้นได้



"ผมป้อนนะพี่" มันช์ใช้ส้อมม้วนเส้นมาม่าและยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย แต่พี่เติร์กกลับตอบแค่ว่า



"ไม่เป็นไร กูมีมือ กินเองได้" มันช์ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขากินไปได้ครึ่งถ้วยก็รู้สึกไม่อยากอาหาร มันช์น้ำตารื้นรู้สึกไม่ดีที่ผ่านไปแล้วเป็นชั่วโมงพี่เติร์กยังตึงใส่กัน ก็รู้ว่าผิด แต่มันช์ก็ยอมทิ้งขิงกลับบ้านคนเดียว ทั้ง ๆ ที่ไม่สบายใจไม่รู้ขิงจะเป็นอะไรหรือเปล่า มันช์อึดอัดและลำบากใจจนหลั่งน้ำตาและเอ่ย





"ผมขอโทษไปแล้ว ทำไมพี่เติร์กยังโกรธกันอีก ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเครียดนะที่พี่เป็นแบบนี้"



    ฟากเติร์กเงยหน้ามองคนที่ระเบิดความรู้สึกออกมาพร้อมหลั่งน้ำตาจนเติร์กตกใจ เติร์กลุกไปนั่งข้างมันช์แล้วกอดมันแน่น ๆ



"กูเพิ่งรู้ว่ากูได้ลูก ไม่ใช่แฟน ขี้แงเป็นที่หนึ่งเลยมึงเนี่ย!!"



"ก็พี่แม่ง!.. ผมแคร์พี่นะ แคร์พี่มาก พี่อย่าเป็นแบบนี้สิวะ ผมขอโทษ ผมรู้ ผมผิดแต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับขิงจริง ๆ" มันช์บอกในอ้อมกอดพี่เติร์ก พูดวนแต่เรื่องเดิม ๆ เพราะเครียดที่พี่เติร์กแสดงท่าทีเหินห่าง



"เพราะมึง คือ คนที่กูแคร์เหมือนกันไง มันช์"



     มันช์เอื้อมมือไปกอดกลับกระชับแน่น



"ผมรักพี่นะ พี่เติร์ก"



    เติร์กตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าคนที่ชอบเขินอาย จะกล้าบอกรักเขา เติร์กจูบมันช์เบา ๆ ก่อนผละมาด้วยรอยยิ้มละมุน



"กูไปอาบน้ำก่อน"

 



       หลังจากพี่เติร์กอาบน้ำเสร็จ มันช์รีบไปประคบประหงม นั่งเป่าผมให้พี่เติร์กใช้มือสอดเข้ากลุ่มผมขยี้เบา ๆ แล้วปล่อยให้ลมพัดผ่าน รอเวลาให้ผมแห้ง และชะโงกหน้าไปจูบแก้มพี่เติร์กแผ่วเบา



"หายโกรธผมนะพี่"



"กูไม่ได้โกรธมึงแล้ว"



"จริงนะ"


"....."

     
           เมื่ออีกฝ่ายเงียบ มันช์หน้าเสียและในระหว่างที่ทั้งสองนั่งเป่าผมกันอยู่หน้าพัดลม





'อร้าย'



'เชี่ยเอ้ย'



'โห่ อะไรวะ'

 

ไฟดับ

 



        ไม่มีใครรู้ว่าการที่ฝนตกลงมาอย่างหนักจนทัศนียภาพด้านนอกพร่าเลือน จะส่งผลต่อการให้ไฟดับทั้งซอยหรือเปล่า?  มันช์รีบลุกคลำควานไปคว้าไฟฉายกระบอกเล็กในลิ้นชักมาส่องหาเทียนไขที่ไม่รู้ว่าไปเก็บซุกไว้ไหน?



       ในห้องและด้านนอกมีเพียงแสงไฟสลัว มันช์หาเทียนไขเจอจึงขอไฟแช็คจากพี่เติร์กจุดไฟจนได้แสงสว่าง เขานำไปปักตรงโต๊ะญี่ปุ่น และที่ระเบียงด้านนอก ยามนี้ รอบบริเวณมีเพียงแสงสว่างรำไรจากแสงเทียนบ้าง แสงของไฟฉายบ้าง เสมือนเราได้เห็นแสงดาวจำลองเคลื่อนต่ำลงมาเสมอตัว

 

      และตอนนี้ต่างฝ่ายต่างไม่มีอะไรให้ทำ เติร์กจึงขอมันช์ไปสูบบุหรี่อีกมวน แต่มันช์ก็เดินตามไปยืนเกาะลูกกรงเหล็ดดัดที่กั้นตรงระเบียง มองคนข้างกายด้วยแสงสว่างไม่มากนัก



"พี่หายโกรธผมชัวร์นะ" มันช์บอกตอนที่ดึงมือพี่เติร์กข้างที่ไม่ได้คีบบุหรี่มาวางทาบลงบนใบหน้า



"มันก็มีไม่กี่อย่างหรอกที่จะทำให้กูหายโกรธได้ร้อยเปอร์เซ็นต์"

 

"พี่บอกมาสิ ผมทำได้ ผมอยากให้พี่หายโกรธผมร้อยเปอร์เซ็นต์"



"แน่ใจ?"



"ครับ"

 

"หลับตาสิ"

 

          เพียงแค่มันช์หลับตา เขาตกใจ ตอนที่สัมผัสได้ถึงริมฝีปากอีกฝ่ายแตะลงบนกลีบปากของเขาจนมันช์ได้กลิ่นนิโคตินจาง ๆ ที่ติดอยู่ริมฝีปากและลมหายใจอีกฝ่าย พี่เติร์กดูดดึงริมฝีปาก ก่อนจะสอดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปาก  ผสานเสียงจูบหวาน ๆ และแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางอื้ออึง ทั้งสองจูบกันตรงระเบียงท่ามกลางเสียงซ่า ซ่า ของสายฝน



        ตอนนี้ มันช์และเติร์กต่างจูบดูดดื่มอย่างไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น เพราะบรรยากาศทุกอย่างเป็นใจ เติร์กผละออกมาและบอก



"มันช์ กูยังไม่ง่วง ไฟก็มาดับ ถ้ากูขอมี..." เติร์กบอกพร้อมจูบแก้มสองข้าง และไล่มายังปลายจมูก



      แค่คำบอกนั้น มันช์ก็รู้ความหมาย เขาใจเต้นตุบ ๆ เพราะไม่เคยมีเซ็กซ์มาก่อน แถมมันช์กำลังจะได้ร่วมรักกับคนที่มันช์แอบรักมานาน ทุกอย่างมันประดัง ประเดเข้ามาในหัว จนทำให้มันช์ประหม่า หวั่นใจ และอาย มันช์คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าจะออกมาดีไหม คนที่ประสบการณ์เรื่องเซ็กซ์เป็นศูนย์จะทำให้พี่เติร์กประทับใจได้หรือเปล่า แต่เพราะมันช์ก็รักพี่เติร์กจึงคิดว่าเวลานี้มันก็สมควร



"อืม"

.

.

.

.

 



"ฮื่อพี่เติร์ก สะ....เสียว.."





            มันช์ส่ายสะบัดหน้าไปมาบนเตียงกว้าง เมื่อมือใหญ่ล้วงเข้าไปใต้กางเกง กอบกุมส่วนอ่อนไหวที่แข็งขืนเอาไว้เต็มมือ จากนั้นก็รูดรั้งมันช้า ๆ แต่แทบขาดใจ ไม่เคยมีมือใครได้มาแตะของมันช์มาก่อน ยามนี้ แท่งร้อนกำลังถูกมือหนาของพี่เติร์กกำมันไว้แน่นจนมันช์บิดเบ้ใบหน้าด้วยความเสียว ไม่ว่ามือพี่เติร์กจะแตะ จะต้องส่วนไหน ก็ทำให้มันช์เสียววูบวาบไปได้ทุกที่ ยามนี้ เรียวขาบีบเข้าหากันแน่น ขยับถูไถอย่างหวังระบายความใคร่ที่ถูกรุ่นพี่กำลังปลุกปั่น

   หมับ



 “เฮ้ย! พี่เติร์ก”



            ทันใดนั้น มันช์ตกใจอีกครั้ง เมื่อถูกพลิกให้นอนคว่ำ และถูกพี่เติร์กดึงสะโพกให้ยกขึ้นสูง บังคับให้ชันเข่า จนทำให้ช่องทางคับแคบปรากฏแก่สายตาชัดเจนเสียยิ่งกว่านอนอ้าขาท่าปกติ คนที่มีความอายจากการไร้เดียงสาทางด้านเซ็กซ์อยู่แล้วก็ยิ่งอายกว่าเก่า


"พี่เติร์ก..มะไม่เอาท่านี้ได้ไหม!"

          มันช์อายมาก และเสมือนว่าการส่งคำขอร้องออกไปจะไม่เป็นผล เพราะ

เฮือก!



           สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนลายกราฟิกจนยับยู่ เมื่อรู้สึกถึงความร้อนชื้นที่ปาดเลียเข้าที่ประตูรัก ก่อนที่ปลายลิ้นพี่เติร์กจะ ตวัดเลียรอบ ๆ จนมันช์เผลอหลุดเสียงครางเพราะความเสียวกระสันแล่นปราดทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า



            มันช์พยายามห้าม แต่คนข้างหลังไม่ฟัง ทั้งยังดันปลายลิ้นเข้าไปด้านใน จนเขาดิ้นพล่าน ส่ายสะบัดหน้าไปมา หอบหายใจจนตัวโยนเพราะความเสียวสะท้านที่ได้รับ เรียวขาแยกออกกว้างด้วยตัวเอง สะโพกเล็กก็ขยับสะโพกรับลิ้นร้อนอย่างน่าไม่อาย




            เขาไม่คาดคิดว่าพี่เติร์กจะยอมเลียตรงนั้น และยังไม่ทันเท่าไหร่ มันช์สะดุ้งสุดตัว เมื่อนิ้วเรียวกำลังสอดลึกเข้ามาจนสุดความยาว ใบหน้าแนบลงกับเตียงนอน สองมือก็ยิ่งขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น




            เติร์กขยับปลายนิ้วเนิบนาบ ก่อนจะเพิ่มจังหวะหนักหน่วง ได้ยินเสียงครวญครางของคนใต้ร่างที่ทำให้เขาแทบทนไม่ไหว เติร์กพรมจูบตามแนวกระดูกสันหลัง มองคนที่สะดุ้งทุกครั้งที่แตะริมฝีปาก



“พี่...พอ...พอแล้ว.มันเสียว.”





           ได้ยินมันช์เอ่ยแบบนี้ทีไร หัวใจเติร์กก็ฟู่ฟ่องพร้อมรอยยิ้มประดับหน้า เขายังคงปรนเปรอทุกอย่างหวังให้อีกฝ่ายพึงพอใจ แต่ไม่นาน คล้ายความอดทนได้พังทลาย เมื่อแรงปรารถนาทะลุถึงเพดานความทนทาน เหลือไว้แค่ความอิสระของร่างกายที่ปล่อยไปตามหัวใจให้นำทาง


     เติร์กรวบเอวอีกฝ่าย จับแท่งร้อนของตัวเองที่แข็งจัดดันเข้าสู่โพรงสวาทอันอ่อนนุ่มที่กำลังตอดรัดของเขาอย่างบ้าคลั่ง ของหวานอันล่อตา ล่อใจชวนให้พร้อมล่วงล้ำเข้าไปให้ไวที่สุด แม้ใจอยากจะกระแทกกระทั้นให้สุดแรง แต่หากทำเช่นนั้นก็เกรงว่าจากประทับใจจะกลายเป็นกลัวและขยาดไปอีกตลอดกาล



  พั่บ พั่บ พั่บ

          ความคิดมาก ความกลัวในตอนแรกของมันช์สลายหายไปทันทีที่ได้รับความเสียว ซาบซ่านแผ่ซ่านมาพร้อมกับความสุข และการเล้าโลมจากฝ่ามือใหญ่ ไหนจะริมฝีปากอุ่น ๆ ที่เชี่ยวชาญด้านการเล้าโลมจนคนที่ตัวแข็งดั่งหินในตอนแรกกลับผ่อนคลาย เมื่อร่างกายได้ถูกล่วงล้ำเข้ามาเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่ง



          ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใดที่จะระเริงรักในวันที่ฝนตกและไฟดับ จนร่างทั้งสองชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ  ท่ามกลางแสงไฟจากเทียนไขที่ชวนสร้างความโรแมนติก เติมความหวานให้บรรยากาศแห่งการสุขสมของทั้งสองต่างสุขสันต์จากการรุนรานในพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน ผ่านการกระแทก กระทั้น รุกล้ำเข้าสู่ภายใน

 

        ทั้งเจ็บและจุก แต่สุขและประทับใจ

 

 

"อ้ะ อ้าาาา พี่เติร์ก อ่าห์"



"มันช์ ซี้ดดดดอ่าห์!!"



          และแล้ว ทั้งสองก็ถึงปลายทางของอารมณ์  เติร์กถอนแก่นกายออก ก่อนจะกอดมันช์จากด้านหลัง พรมจูบกลางแผ่นหลังไล่ขึ้นไปยังลาดไหล่ และจับมันช์พลิกมาเพื่อจูบแก้มเบา ๆ และเปลือกตาทั้งสองข้าง

 



"กูชอบนะ เวลามีอะไรกับมึง"

 

ฉ่าา



         มันช์หน้าร้อนผ่าวยามที่อีกฝ่ายชมออกมา ทั้ง ๆ ที่มันช์ก็ไม่ประสีประสา แต่พี่เติร์กก็ยังชอบและสุขสมในการร่วมรักครั้งนี้ มันช์อมยิ้มก่อนบอก



"ผมก็ด้วย"

 

"เจ็บไหมมันช์"

 

"ก็นิด ๆ นะพี่"

 

         เติร์กลูบวนแก้มก้นก่อนจะไล้ไปยังร่องรักของมันช์ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงติดกังวล

 

"ของมึงบวม"

 

"พี่ไม่ควรพูดไหมวะ" มันช์ว่าและชกอกพี่เติร์กเบา ๆ แต่เติร์กกลับขำและฉวยข้อมือข้างที่ชกยกขึ้นมาจูบหลังมือ แล้วยิ้มมุมปาก

 

"กูเป็นห่วง"



"ทำไมพี่เก่งจัง ทำบ่อยเหรอ?" คนขี้เขินเปลี่ยนเรื่องบวกกับความสงสัย เขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เติร์กถึงสามารถรู้จังหวะการสอดใส่ได้อย่างดีว่าจังหวะไหนควรรุก จังหวะไหนควรถอย

 

"ถามทำไมให้ทะเลาะ" เติร์กถามเพราะรู้ดีว่า ถ้าตอบออกไป มิวายได้บ้านพัง



       ถามเพราะอยากรู้ แต่ความจริงก็ไม่ได้อยากฟังความจริงนักหรอก..

 

"ก็..."

 

"มันช์ วันนี้ มึงชอบไหม กูทำให้มึงถูกใจหรือเปล่า ?"



"ผมชอบครับพี่"



"อืม จำไว้แค่นั้นแล้วไม่ต้องถามอะไรอีก จากนี้ ไม่ว่าเซ็กซ์หรือเรื่องอะไร กูจะถนอมมึงและดูแลมึงให้ดีที่สุด เข้าใจไหม?"





        ตอนนี้ มันช์รู้สึกดีที่อีกฝ่ายไม่เคยลดละเรื่องความชัดเจนต่อกัน



       พี่เติร์กเป็นคนเสมอต้น เสมอปลายเสมอ



"ครับ"



"ไปอาบน้ำเหอะ เริ่มร้อนว่ะ"

 

"ครับ"

 

      และแล้วพอรุ่นน้องลุกขึ้นถึงเพิ่งรู้ว่าช่วงล่างคงระบมแล้วแน่ ๆ มันช์คิดในใจ ในขณะที่ก้าวเชื่องช้ากว่าทุกที



      ไม่เป็นไร ทำต่อไป เดี๋ยวก็ชิน ...(หรือเปล่าวะ?)

 





..........................................



หวานแหววท่ามกลางไฟดับ วู้ววววววว!  :z3: :z1: :haun4:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า อ่านหมดจริง ๆ เป็นกำลังใจมาก ๆ ค่ะ

[/b]
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก - [24 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-03-2019 23:42:31
มันซ์จะทันอิขิงไหมเนี่ย..ยยยยยย ขิงเล็งมันซ์จริงๆหรือแอบหวังพี่เติร์กอ่ะ   :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก - [24 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-03-2019 00:07:45
มันซ์ ตอนเปิดเรื่องเหมือนจะฉลาด เป็นตัวของตัวเอง ตอนนี้กลายเป็นบุคลิกที่ขี้อาย ขี้เกรงใจ ขี้ขลาด ดูไม่มีอะไรเลย

มันซ์ กับ แบงค์ เพื่อนกันพอกันไม่ทันคนทั้งคู่

พี่เติกร์ก ถ้ารู้อะไรเรื่องขิงแล้วไม่อธิบายเรื่องก็คงวิ่งเขาดราม่าไป

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก - [24 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-03-2019 01:26:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิขิง  อิแรดเงียบ  ทำเป็นใสซื่อ  ทั้ง ๆ ที่เก็บมาแล้วหลายไม้ 
นี่ตั้งใจจะเก็บมันซ์หล่ะสินะ  ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเขาคบกันเป็นแฟนแล้ว 
ก็ยังจะแย่งอีก  เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก - [24 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-03-2019 10:25:40
ช่วงนี้ดวงจะชงน้องมันช์หรือพี่เติร์กหว่า
สู้ๆ

หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก - [24 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-03-2019 12:00:40
โอ๊ยยยยยย ขำมันช์มีอย่างที่ไหน ทำต่อไป เดี๋ยวก็ชิน(หรือเปล่าว่ะ)ด้วยอ่ะ โธ่ลูกน่าเอ็นดู
แต่ก็อยากให้มันช์ใจแข็งกับขิงนิดนึงจริง ๆ กลัวเหลือเกินว่าขิงจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 20 เรื่องของเรา - [27 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 27-03-2019 20:49:49
บทที่ 20 เรื่องของเรา







"พี่เติร์กอยู่ไหน? ทำไมไม่เห็นที่เอก"

 

      มันช์โทรหาคนรัก หลังจากรู้ว่าผลงานตัวเองหายไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า เรื่องของเรื่อง คือ ดาวเข้าไปหาอาจารย์ดำรงค์ธรรมเพื่อสอบถามงานเพิ่มเติม แต่อาจารย์ภาวินีตะโกนถามเธอว่าทำไมอาณัชไม่ส่งงาน ได้ยินดังนั้น ดาวรีบบอกอาจารย์ถึงความจริง เพราะดาวเป็นคนเดินไปส่งงานพร้อมมันช์ด้วยกัน พอเรียกมันช์มาค้นงานตัวเองกลับไม่เจอ อาจารย์จึงไม่สามารถให้คะแนนได้ ดังนั้น หากมันช์ยืนยันว่านำมาส่งแล้วจริง ๆ ก็ต้องหาผลงานมาส่งให้ได้ภายในวันนี้ก่อนหนึ่งทุ่มครึ่ง

 

     และช่วงนี้ เป็นช่วงเวลาสอบมิดเทอม ทำให้ทุกคนต่างยุ่งกับการทำงานของตัวเอง มันช์และพี่เติร์กเองจึงไม่ได้นอนค้างด้วยกันมาหลายสัปดาห์ การเจอหน้าที่เอกก็ทำได้แค่ทักทายกันด้วยรอยยิ้ม

 

[กูส่งงานหมดแล้ว วันนี้ไม่มีเรียนเลยไม่มา]  เติร์กบอกอย่างนั้น แต่ความจริง เขากำลังเดินเข้ามหา ฯ ลัย เพราะตั้งใจจะมาเซอร์ไพร์สคนรัก แต่คนที่ก้าวเท้าไวฉับ ๆ ตกใจเมื่อได้ยินเสียงแฟนสั่นเครือ



"พี่เติร์ก"



[มันช์ มึงเป็นอะไร?]

 

"งานผมหาย ทั้ง ๆ ที่ผมส่งอาจารย์แล้ว ผมจำได้"

 

[แล้วบอกอาจารย์รึยัง?]

 

"บอกแล้ว อาจารย์บอกถ้าทำแล้วจริง ๆ ต้องเอาผลงานมายืนยัน อาจารย์จะช่วยผม เขายอมให้ถึงแค่ทุ่มครึ่งอะพี่ ถ้าไม่เจอก็จะไม่ได้คะแนน ผมหาทั่วซุ้ม เดินทั่วเอกเลย ดูตามต้นไม้ก็ไม่มีพี่เติร์ก"

 

[ใจเย็น ๆ มึงอยู่ไหน? ตอนนี้]

 

"ผมอยู่เอกครับพี่ ผมยังไม่กลับห้อง พี่เติร์ก ฮืออออ ทำไงดีผมหาจนทั่วแล้ว" มันช์บอกอย่างเครียด ๆ ไม่ใช่ว่าไม่หา แต่เขาค้นหากับพวกเพื่อนจนทั่ว เขาใช้เวลาหาตั้งแต่สองโมงกว่า จนกระทั่งห้าโมงครึ่งก็ยังไม่เจอ จนพวกเพื่อนมันช์กลับไปแล้ว เหลือเขาลำพัง ก็มายืนคิดหนักตรงต้นไม้ข้างห้องน้ำ



[มึงอย่าเพิ่งว่าง] คนที่เป็นห่วงเป็นใยแฟนบอกและวิ่งมาตั้งแต่ทางเข้าหน้ามหาลัย



 

"พี่เติร์กทำไมผมต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย มันไม่ใช่ความผิดผมเลยพี่ ฮืออออ"

 

[มันช์ ตั้งสติ ถ้าทำใหม่ทันไหม?]



"ไม่ทันพี่ ยังไงก็ไม่ทัน พี่เติร์กอยู่ไหนเหรอ? พี่มาหาผมได้ไหม? ผมอยากเจอพี่"

 

      มันช์ยืนกัดเล็บ ๆ เดินวนไป วนมา เพราะหาทางออกไม่ได้ และวันนี้ที่เอกศิลปกรรม ผู้คนก็บางตากว่าทุกที เพราะไม่มีพวกรุ่นพี่ปีสามและรุ่นพี่ปีสี่อยู่

 

 

[หันหลังมา]

 

     เติร์กว่าจบ มันช์ชะงักก่อนจะหันหลังไปเห็นพี่เติร์กที่ยืนในสภาพเหงื่อเต็มตัว เสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวเปียกเหงื่อเป็นวงกว้าง พี่เติร์กยืนเหนื่อยหอบ แต่มันช์ก็วิ่งไปโผกอด

 

"พี่เติร์กช่วยผมด้วย"

 

      เติร์กชะงัก โดยปกติ มันช์ไม่ค่อยแสดงความรักในที่สาธารณะ แต่การที่วิ่งมากอดโดยไม่แคร์สายตาใครแสดงว่ามันช์คงไม่ไหวจริง ๆ

 

"มันช์ ปล่อยกูก่อน กูเหงื่อท่วมตัวแบบนี้"

 

"ช่างมันแล้วพี่ ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย"





     เติร์กโอบร่างที่ผอมกว่าแนบแน่น เขารัดมันช์ด้วยวงแขนทั้งสองข้าง แล้วลูบหลังมันช์เบา ๆ



"มึงหาจนทั่วแล้วเหรอ?"

 

"ใช่ครับพี่ผมหาหมดแล้ว"

 

"แน่ใจ ลองดูตามถึงขยะหรือยัง?"

 

"แล้วมันจะไปอยู่ที่นั่นได้ไง?"

 

"มึงหาแล้วหรอ?"

 

"ยังครับ" มันช์ว่าเสียงแผ่ว

 

"ถ้ายังไม่หาจะรู้ได้ไงว่ามีหรือไม่มี ลองหาดูก่อน เดี๋ยวกูช่วย"

 

"แต่..."

 

"ขยะมีกี่ถังหามันให้หมด"

 

"แต่..."

 

"หยุดพูดและไปหาได้แล้วครับ มันช์'" เติร์กดุพลันลูบผมมันช์และจุมพิตกลางกระหม่อมเติมกำลังใจให้ไปลุยต่อ

 

    ตอนนี้ทั้งสองซื้อถุงมือพลาสติกที่ร้านขายของชำและเริ่มจากถังขยะที่ใกล้เอกศิลปกรรมที่สุดจากนั้นค่อยไล่ไปเรื่อย ๆ นักศึกษาที่เดินผ่านไป ผ่านมา มองอย่างสงสัยระคนแปลกใจว่าทำไมสองคนนี้คุ้ยขยะทำไมกัน

 

    ใช้เวลาในการคุ้ยถังขยะที่เอกศิลปกรรมจนทั่วก็ไม่พบ ใกล้กันนั้นเป็นตึกเขียว ทั้งสองปรี่ไปค้นทุกถังก็ไม่เจอ จนกระทั่ง ทั้งสองเดินมาถึงเอกดนตรี



 

      เด็กเอกดนตรีคละชั้นปีที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวยาวสีขาวราวสิบคนกำลังนั่งร้องเพลง บ้างก็เล่นกีต้าร์ บ้างก็นั่งเป่าเมโลเดียน แต่พอเห็นพี่เติร์กเดินดุ่ม ๆ เข้าไป ทุกคนหยุดเสียงและต่างมองเติร์กเป็นสายตาเดียว 



"ว่าจะแซวสักหน่อย แต่เห็นหน้าบึ้งเป็นตูดหมากูไปไม่เป็นเลย เป็นอะไรมาวะ เติร์ก" มันช์คาดว่าเขาน่าจะเป็นรุ่นพี่ถึงเรียกพี่เติร์กโดยไร้คำว่าพี่นำหน้า



"แฟนกูงานหาย มึงพอจะเห็นใครดูมีพิรุธมาทิ้งขยะแถวนี้ไหม?"

 

"ไม่ว่ะ ใครจะเอางานแฟนมึงมาทิ้งวะ มึงพูดอย่างกับว่าแฟนมึงโดนแกล้งอย่างนั้นน่ะ" มันช์เหลือบมองพี่เติร์กที่พูดเช่นนั้น ก่อนจะขอตัวไปหางานตัวเองตามถังขยะต่อ

 

"......." เติร์กหน้าเครียด มองมันช์ที่เดินดุ่ม ๆ ไปก่อน



"ไอ้เติร์ก กูไม่ชินเลยว่ะที่เห็นมึงเครียดมากขนาดนี้ คนนี้มึงคงรักน่าดู" ต้าร์เอ่ย ยามที่เห็นเพื่อนซี้ต่างสาขา หน้าเครียดขึงจนคิ้วขมวดกันเป็นปมแน่น



"......."  เติร์กไม่ตอบ สายตาของเขายังคงมองมันช์ที่เดินไปเดินมาเครียด ๆ

 

"อ้าว พี่เติร์ก ลมอะไรหอบพี่มาได้วะ?" โฟล์คเห็นพี่เติร์กยืนคุยกับพี่ต้าร์ก็เอ่ยแซว แต่พอเห็นพี่เติร์กตวัดสายตาดุ ๆ มองมา โฟล์คหุบยิ้มทันที

 

"ไอดอลมึง วันนี้อารมณ์ไม่ดีวะ" ต้าร์รุ่นพี่ของโฟล์คเอ่ยย้ำ

 

"อ้าวเกิดอะไรขึ้นกับไอดอลกู พี่เติร์กบอกกูมา?"

 

"มันช์งานหาย และมันต้องส่งอาจารย์วันนี้" โฟล์คชะงัก และหันไปตามสายตาพยักเพยิดของรุ่นพี่ ก่อนจะพุ่งไปหามันช์ทันที

 

"มึงโอเคไหมวะมันช์" โฟล์คถามตอนวางมือลงบนหัวไหล่มันช์ เขาตกใจที่มันช์ตาแดงก่ำ ฟากมันช์มองมาและส่ายหน้าช้า ๆ

 

"กี่โมงแล้ววะ?" มันช์ถามต่อ

 

"ทุ่มนึง"



"เชี่ยเอ้ย จะไม่ทันอยู่แล้ว"

 

   มันช์ว่าเสียงสั่น จวนถึงเส้นตาย มันช์ก็ยังไม่เจองานของตัวเอง จนตอนนี้ เติร์กขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ไหว้วานพวกเด็กเอกดนตรีมารวมพลช่วยกันหาถังขยะที่อยู่ในบริเวณนี้



เวลา 19.19 น.





"มันช์ใช่ของมึงหรือเปล่า?"





     เติร์กชูผลงานขนาดราว ๆ สิบห้านิ้วถูกติดบนแผ่นพีพีบอร์ดสีดำ ที่เขาพบตรงข้างถังขยะทางเดินเชื่อมไปยังหอประชุมคณะ  มันช์มองผลงานของตัวเองที่อยู่บนแผ่นกระดาษก่อนจะพยักหน้ารัว



     แม้ว่าผลงานจะดูสกปรก แต่อย่างน้อยก็เป็นหลักฐานยืนยัน เหลือไม่ถึงสิบนาที มันช์รีบยกมือไหว้ขอบคุณนักศึกษาเอกดนตรีทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งมีน้ำใจช่วยกันหาเต็มที่ ยามนี้ ทั้งสองวิ่งไปห้องอาจารย์ เพียงเปิดประตูกระจกใสเข้าไป กายก็ประทะเข้ากับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกดีขึ้นคล้ายเติมพลังจากที่เหนื่อยมาก่อนหน้า



    มันช์ถลาไปหาอาจารย์ภาวินีที่โต๊ะ ซึ่งเธอกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน มันช์ยื่นผลงานทั้งที่ยังหอบแฮก ๆ

 

"ทำไมยังไม่กลับบ้าน จักรวรรดิ" อาจารย์ภาวินีมองมันช์ครู่หนึ่งพลันเหลือบมองคนข้างกายและถาม มันช์สังเกตว่าอาจารย์ดูน่าจะสนิทสนมกับพี่เติร์กพอสมควร



"ผมมาช่วยน้องหางานครับ" เติร์กยิ้มรับ



"อ้อ แล้วไหนล่ะงาน" อาจารย์ภาวินีถามมันช์

 

      มันช์ยื่นผลงานที่มันไม่สวยงามเหมือนเดิมให้อาจารย์

 

"เธอรู้ใช่ไหม อาณัช ว่าเธออาจไม่ได้คะแนนอย่างที่ควรจะเป็น เพราะอาจารย์ยอมให้เธอส่งงานเกินเวลา"

 

"ครับ"

 

"วางไว้ที่กองนั้นแหละ"

 

"ขอบคุณนะครับอาจารย์" มันช์ขอบคุณซ้ำ ๆ ที่อาจารย์ยังมีเมตตาและเห็นใจให้ส่งงานเกินเวลา หากเป็นอาจารย์ที่สอนอีกวิชาหนึ่ง ป่านนี้ มันช์คงไม่มีโอกาสเช่นนี้แน่ ๆ

 

"ผมขอบคุณมากครับที่อาจารย์ยอมช่วยน้อง" เติร์กพนมมือไหว้ขอบคุณอาจารย์ภาวินีเช่นกัน

 

     อาจารย์ยิ้ม ก่อนตอบ

 

"ไป ๆ กลับบ้าน ๆ พักผ่อนไม่ต้องเครียด"

 



     ทั้งสองร่ำลาอาจารย์เสร็จก็รีบไปทำความสะอาด ล้างไม้ ล้างมือ ล้างหน้า ล้างตาที่ห้องน้ำ ก่อนจะรีบกลับห้องเพราะเริ่มรำคาญตัวที่เหนียวเหนอะหนะ

 

    เพียงประตูห้องปิดลง มันช์สวมกอดพี่เติร์กจากด้านหลังทันที



      มันช์รักผู้ชายคนนี้

 



"ขอบคุณนะพี่เติร์ก ถ้าวันนี้ผมไม่ได้พี่ ผมแย่แน่ พี่ไม่เคยทิ้งผมเลยจริง ๆ"

 

       เติร์กยิ้มมุมปากก่อนเอี้ยวตัวไปหาคนที่ยามนี้หายเครียดเป็นปลิดทิ้ง



"แต่ตอนนี้กูจะทิ้งมึงแล้วล่ะ เหม็นเหงื่อ เหม็นกลิ่นขยะจะตายอยู่แล้ว ไปอาบน้ำ เลยมันช์"

 

       มันช์พยักหน้าและยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจที่ได้ส่งงาน แม้คะแนนจะได้น้อยแค่ไหนก็ยังดีกว่าไม่ได้เลยและทันใดนั้น มันช์จับมือพี่เติร์ก

 



"ก็เหม็นทั้งคู่ ถ้างั้นอาบน้ำด้วยกันเลยนะ" มันช์บอก ฟากเติร์กกดสายตาลงมองมือที่มันช์จับแน่นไม่ปล่อย พลางเลิกคิ้วขึ้นสูงและสบตามองดวงตาเปี่ยมรักคู่นั้น



"มึงอย่าพูดแบบนี้บ่อย ๆ เพราะกูจะคิดว่าอ่อย"

 

      มันช์ช้อนตามองพี่เติร์กอย่างเขิน ๆ ก่อนชำเลืองมองไปทางอื่นแล้วบอก



"เออ ก็อ่อยนั่นแหละ"

 

"หืออ เดี๋ยวนี้แฟนกูอัพเลเวลว่ะ หน้าด้านขึ้นนะมึงเนี่ย!" เติร์กหัวเราะร่วน ก่อนจะยึดท้ายทอยมันช์มารับจูบกัน และพอผละ มันช์ก็สวนกลับ



"ก็แค่พี่คนเดียว ที่ผมอยากทำแบบนี้" มันช์เห็นพี่เติร์กยิ้มกว้างจนคนที่เหนื่อยหางานมาทั้งวันก็มีกำลังใจ



       มันช์อมยิ้มก่อนจูบแก้มพี่เติร์กหนึ่งทีและจับมือพี่เติร์กเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน เพราะมันช์เตรียมใจไว้แล้วว่า เขาจะจัดรางวัลชุดใหญ่มอบให้คนดีของมันช์ที่คอยเคียงข้างกันยามสุขและทุกข์เสมอ...

.

.

.

.

"อยากกินไอศกรีมของแบงค์บ้าง"



"แท่งไหน แท่งที่ถืออยู่ หรือ แท่ง..?" แบงค์แกล้งแซวพลางกดสายลงต่ำ ฟากขิงกัดปากพลางเบนหน้าหนี



"พูดอะไรน่ะแบงค์ ทะลึ่ง"



         แบงค์กลั้วหัวเราะ ยามที่เห็นขิงหันหน้าหนี ตอนนี้ แบงค์มีความสุขเหลือเกิน เพราะอาทิตย์หน้าก็ปิดเทอมแล้ว ส่วนอีกเรื่องนั่นคือ ความสัมพันธ์ของเขาและขิงก็เหมือนจะพัฒนามากขึ้น เพราะไม่กี่วันก่อน ขิงก็เพิ่งมีเซ็กซ์กับแบงค์ไปเป็นที่เรียบร้อย ยามนี้ แบงค์จึงไม่ต่างกับการตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก ...



        ยามเย็นนี้ ทั้งสองจึงเดินคุยกันหวานแหววกันจนมาถึงลานม้าหินใกล้ห้องน้ำ เป็นจังหวะเดียวกับที่แบงค์เห็นขิงกินไอศกรีมไม่ระมัดระวัง แบงค์อมยิ้ม ก่อนถาม

 

"ปากเลอะ"

 

"เช็ดให้หน่อย" ขิงว่าอย่างยิ้ม ๆ พลางยื่นหน้าไปใกล้ ฟากแบงค์เลิกคิ้วมองแล้วถาม

 

"เช็ดด้วยอะไร? มือหรือลิ้น"


 

"แบงค์คิดว่าเช็ดด้วยอะไรที่สะอาดที่สุด ก็เอาอันนั้นแหละ" ขิงบอก ฟากแบงค์หัวเราะร่วน ก่อนจะทิ้งไอศกรีมโคนที่เหลือ และลากขิงไปยืนหลบหลังต้นหูกวางเพื่อเป็นกำบัง เมื่อได้ที่ มือข้างหนึ่งยันต้นไม้ ส่วนมืออีกข้างแบงค์เชยคางขิงขึ้นเพื่อรับจูบร้อน ๆ

 

"นี่มันมหา ฯ ลัยให้เกียรติสถาบันหน่อยโว้ยยย" แบงค์ชะงักหันไปพบกลุ่มนักศึกษาราวสี่ห้าคนที่แบงค์ไม่รู้จัก แต่พอกวาดสายตามองจนครบ เขาพบผู้ชายที่เคยทักขิงที่ร้านเสื้อผ้ารวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

 

"เสือก" แบงค์ด่า

 

"ไอ้สัด มึงว่าใครวะ?" พวกนั้นปรี่เข้ามา แต่พุชยกมือห้ามและพยายามรั้งพวกรุ่นพี่ไว้ และในขณะเดียวกัน พุชหันไปหาขิงด้วยแววตาเสียใจสุด ๆ  พุชยืนนิ่งกำมือแน่น เมื่อเห็นขิงจูบกับคนนั้น



     ที่แท้ พุชก็เป็นแค่ของเล่นที่ขิงไว้เล่นยามเบื่อใช่ไหม พุชไม่คิดว่าขิงจะหลอกล่อเขาให้ตกหลุมรัก การจูบ การสัมผัสของขิงคงไม่มีค่าอะไร ขิงคงมองว่ามันคือทางผ่านแห่งการมีเซ็กซ์ ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยสินะ

     

"แฟนขิง?" พุชถามด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เขากลัวในคำตอบ แต่ก็ต้องการความจริง

 

"เพื่อนครับ" ขิงตอบชัดถ้อย ชัดคำแล้ววิ่งไปเกาะแขนพุช ฟากแบงค์ตอนนี้ ไม่ต่างกับหมาหัวเน่า เพราะเขายืนตัวคนเดียวไร้พรรคพวก

 

"แล้วที่ผ่านมา เรื่องของเรา มันคืออะไรล่ะ ขิง" แบงค์ย้อนถามทันที เขาเสียใจที่ได้ยินขิงตอบแบบไม่ไตร่ตรองสักนิด ฟากขิงก้มหน้าไม่ตอบ ยิ่งทำให้ความสุขก่อนหน้าของแบงค์นั้นพลันมลายหายไปจนหมดสิ้น



    แบงค์เจ็บปวดที่ได้เห็นคนที่เขาคิดว่า เป็นแฟนกัน เดินจากไปหาผู้ชายอีกคน แสดงว่า ทั้งหมดนั้น แบงค์คงคิดไปเอง



    ขิงก็แค่คนเจ้าชู้คนหนึ่ง ที่ไม่จริงจังกับใคร แสดงว่า ทั้งแบงค์และผู้ชายคนนั้น ต่างตกอยู่ในวังวนแห่งความโง่เขลาด้วยกันทั้งสิ้น





"อ้อ กูจำได้แล้วว่ะพุช เด็กมึงนี่หว่า ทำไมมามั่วอยู่กับไอ้เหี้ยนี้ล่ะ ให้กูจัดการไหม? กูคันตีนอยากกระทืบคนพอดี เห็นหน้าแล้วหมั่นไส้" พุชไม่ได้อยากมีเรื่องแต่อย่างใด เพราะเวลานี้ เขาเสียใจเกินกว่าจะเพิ่มเรื่องให้ตัวเอง



 

"ไม่ต้องหรอกครับ ผมขอไม่ไปกินเหล้ากับพวกพี่แล้วนะครับ ผมขอตัวก่อน สวัสดีครับ" พุชต้องกล้ำกลืน ฝืนทนใจเย็น เขาขอบตาร้อนผ่าว รีบร่ำลารุ่นพี่และแยกตัวไป  ส่วนขิงละล้าละลังมองแบงค์สลับกับพุช ก่อนที่สุดท้าย ขิงจะวิ่งตามพุชไป

 

    เจ็บปวดสุด ๆ กับการได้เห็นขิงไม่สนใจความรู้สึกของแบงค์เลยสักนิด แบงค์ตัวชาวาบ กำหมัดแน่น และหน้าร้อนผ่าว เมื่อได้รู้ว่า ตัวเขาเองนั้นโดนหลอกให้รัก และ นับจากวินาทีนี้ แบงค์อกหักโดยสมบูรณ์



     แบงค์อยากร้องไห้ เขาอึดอัดกับการความรู้สึกที่มันปั่นป่วนในอกจวนจะระเบิด แต่การแสดงความอ่อนแอออกไปผ่านการร้องไห้ มันไม่ใช่สิ่งที่คนนอกควรเห็น แบงค์สูดลมหายใจเข้าและออกช้า ๆ หวังจะเดินผ่าน แต่เจอะพวกนั้นขวางทางไว้ และผลักไหล่เต็มแรง

 

"มึงจะไปไหน กูยังเคลียร์ไม่จบ เมื่อกี้ มึงด่าใคร? ห้ะ?"

 

"ใครได้ยิน  กูก็ด่าคนนั้น"

 

ผัวะ!

 

       เพราะไม่ทันตั้งรับ แบงค์โดนชกเข้าที่ใบหน้า ก่อนจะชาวาบทั่วร่างเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงอัดจากฝ่าเท้าที่พุ่งมากระแทกหลังอย่างแรงจนแบงค์ถลาไปข้างหน้าและล้มลงกับพื้น นาทีนี้ พวกมันได้เปรียบทันที วิ่งมารุมกระทืบซ้ำ แบงค์ได้แต่นอนขดตัว ยกมือกุมศรีษะ ป้องกันส่วนที่สำคัญที่สุดไว้ แบงค์ไม่สามารถสู้ได้ เขาทำได้แค่ต้องปกป้องตัวเองให้บาดเจ็บน้อยที่สุด เพราะเขาโดนรุมทำร้ายทั้งเตะ ต่อยหลายทีจนเจ็บและจุก



"เฮ้ย ทำอะไรน่ะ" ลุงพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนผ่านมาเห็นจึงวิ่งมาพร้อมคว้ากระบองที่เหน็บไว้ที่เอวง้างจะฟาดกลุ่มนักศึกษาที่รุมเตะต่อยและทำร้ายร่างกายคนไม่มีทางสู้ เพราะเสียงของลุงพนักงานรักษาความปลอดภัยทำให้พวกนักศึกษาที่รุมกระทืบกลุ่มนั้นสลายหายไปคนละทิศละทาง

 

"ไหวไหม?"

 

      แบงค์ส่ายหน้า เขาทั้งเจ็บและชาจนลุกไม่ไหว ต้องให้ลุงรปภ.ช่วยพยุง สภาพของแบงค์ตอนนี้ ย่ำแย่ ทั้งใบหน้าบวมปูด ปากแตก คิ้วแตก เขาก้มหน้าก็เห็นเลือดตัวเองหยดติ๋ง ๆ ลงสู่พื้น



"เกิดอะไรขึ้นครับ ลุง"

 

"ไอ้เด็กนี้โดนรุมกระทืบน่ะสิ ไม่พ้นเขม่นกันตามเคย"

 

"เดี๋ยวผมพาไปโรงพยาบาลก็ได้ครับ ใกล้แค่นี้เอง น้องทนไหวนะ?" ตอนนี้แบงค์ได้แต่พยักหน้าเออออ เขาไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไรนอกจากร่างกายตัวเองที่เจ็บหนัก แล้วจู่ ๆ แบงค์คว้ามือพี่คนนั้นมาแตะลงบนกระเป๋ากางเกงเขา และพูดเสียงแผ่ว

 

"ช่วยหยิบโทรศัพท์และโทรหาเพื่อนผมที่เมมชื่อว่ามันช์ให้หน่อยครับ" แบงค์บอกขณะที่เดินตัวงอไปตามแรงนำของพลเมืองดีที่ตอนนี้ รุมช่วยมันช์กันมากมายหลายคน



      แบงค์ไม่กล้าสู้หน้า เขาได้แต่ก้มหน้าเพราะอายสภาพตัวเองที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด และร่องรอยฟกช้ำ



"พวกมึง เจอกันบ้านไอ้โจนะ กูไปส่งน้องเขาก่อน"


"เร็ว ๆ ด้วยล่ะ ไอ้เต็น"

.

.

.

.

"พุชมันไม่มีอะไรจริง ๆ นะ" ขิงเดินตามและพยายามง้อพุชด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบาย แต่พุชยังคงสาวเท้าไว ๆ เพราะไม่อยากฟังเหตุผลอะไรอีก

 

"ขิง อย่าเพิ่งยุ่งกับเราเถอะ ขอร้อง" ยามนี้ พุชต้องการอยู่คนเดียวเพื่อเยียวยาหัวใจตัวเองมากกว่าจะฟังคำหวานที่ลวงหลอก

 

"แต่เขาเป็นเพื่อนเราจริง ๆ นะพุช"

 

"ขิงเลิกโกหกกันสักทีได้ไหม? เราเจ็บแล้ว พอได้แล้วขิง เราโง่เองที่หลงเชื่อว่าที่ผ่านมา เราคือแฟนกัน"

 

"พุช คือ เรา..."

 

"สนุกไหมที่ได้ปั่นหัวคนแบบนี้น่ะ การที่ขิงคบซ้อนอยู่ตอนนี้ มันไม่ดีกับใครทั้งนั้น"

 

"เราไม่ได้คบซ้อน ตอนนี้ เราไม่มีแฟน เราก็มีสิทธิ์จะคุยกับใครก็ได้"

 

"เหอะ! การที่ขิงตอบมาแบบนี้ เราเข้าใจแล้วล่ะว่าเรื่องของเรามันไม่มีความหมายกับขิงเลย"
พุชจุกอก ตอนที่ได้ยินขิงสวนกลับมาเช่นนั้น คนที่วาดฝันว่าขิงจะจริงจังกับความสัมพันธ์ของกันและกัน ได้แต่เจ็บปวดอย่างทรมาน พุชไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ เขาบอกออกมาด้วยสภาพน้ำตาไหล หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ชวนจดจำ ตอนที่ขิงจูบกัน สัมผัสกัน และต่างฝ่าย ต่างออรัล เซ็กซ์ให้กันและกัน ประหนึ่งว่า การกระทำเหล่านั้นไม่ต่างจากคู่รักที่จะทำให้กัน  แต่มันไม่ใช่เลย การสัมผัสที่พุชนึกว่าเต็มไปด้วยรักแท้จริง มันไม่ใช่รัก มันก็แค่ตัณหาสนองความใคร่ของขิงเท่านั้นเอง

 

"...."

 

"จากนี้ไป เราอย่าเจอกันอีกเลยนะ เราไม่ไหวแล้วว่ะ"

 

"เราจะเป็นแฟนกับพุช"

 

"พอเถอะกับคำโกหก เราเจ็บมากพอแล้วขิง"

 

"จริง ๆ นะ เราพูดจริง ๆ" ขิงจับมือพุชแต่พุชสะบัดออก

 

"ขอร้องล่ะ เราอยากอยู่คนเดียว อย่าตามเรามาอีก" พุชอดรนทนไม่ไหว หันไปผลักขิงสุดแรงจนคนร่างเล็กล้มลงก้นจ้ำเบ้า พุชวิ่งหนีไปทำใจและภาวนาว่าชีวิตนี้ เขาขอไม่เจอคนแบบขิงอีก



 

........................................



* เอาจริง ๆ ขิงนี่เจอแต่ผู้ชายดี และจริงใจทั้งนั้นเลยนะคะเนี่ย :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

* ชอบคำเปรียบเปรยของ คุณ DrSlump มากค่ะ...เอาซะเห็นภาพเลย แจ่มมากค่ะ 555

ขอบคุณทุกคนมากเลยที่เข้ามาอ่าน มาคอมเมนต์และชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ  :mew1: :mew1:

[/b]
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 20 เรื่องของเรา - [27 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-03-2019 21:36:45
มันซ์น้อยโดนแกล้งอีกแล้ว..วววว    :hao5: :hao5: :hao5:   
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 20 เรื่องของเรา - [27 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-03-2019 22:20:50
 :sad4:

สงสารแบงค์
สุดท้ายแล้วขิงคงไม่เหลือใคร

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 20 เรื่องของเรา - [27 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-03-2019 22:57:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย...อยากให้อิพี่เติร์กกระชากหน้ากากอิขิงออกมา แล้วเอาไปประจานหน้าเสาธงที่สุด

ตรูเดาว่าอิขิงนี่แหละ  ตัวการที่เอางานของมันซ์ไปทิ้ง

ฉะนั้นอิพี่เติร์กต้องหาวงจรปิดที่เป็นหลักฐานมาแฉมันให้ได้นะ  ฮึ่ย  รมณ์เสีย
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 20 เรื่องของเรา - [27 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-03-2019 09:28:48
คาดว่าคนที่เอางานของมันช์ไปทิ้งคงเป็นขิงชัวร์ เราว่าเรื่องของขิงคงยังไม่จบแค่นี้แน่ ๆ
แบงค์ดีแล้วที่รู้ตอนนี้ ถ้านานกว่านี้คงเจ็บมากกว่านี้แน่ ๆ เลยเจ็บตอนนี้ดีกว่าถล้ำลึกไปมากกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 20 เรื่องของเรา - [27 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 28-03-2019 09:52:49
ขอให้ผ่านไปได้นะมันช์
โดยเฉพาะมรสุมที่มาจากขิง
พี่เติร์กรู้อะไรก็ช่วยไขความจริงแบบชัดๆ ซะที ไม่งั้นน้องก็ใจอ่อนหรือหลงกลคนอย่างขิงอยู่ร่ำไป
+1 ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 20 เรื่องของเรา - [27 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 28-03-2019 19:57:56
มีตบๆ ขิงนิสัยไม่ดี
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่21 ก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย - [30 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 30-03-2019 19:18:11
บทที่ 21 ก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย







.

.

.

     เวลาผ่านไป ร่างกายของแบงค์แข็งแรง และแผลก็ดีขึ้น หลงเหลือไว้ซึ่งรอยแผลเป็นที่ผ่านการเย็บตรงหางคิ้วมากว่ายี่สิบเข็ม รวมถึงแผลส่วนต่าง ๆ ที่รอการจางหายไปตามกาลเวลา แม้ว่า ภายนอกของแบงค์จะดูร่าเริง สดใส แต่ข้างในของเขายังคงเจ็บปวด ทุกคืนที่แบงค์นอนหลับตา เขายังคงเสียใจและคิดถึงขิงอยู่เสมอ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น ขิงไม่มาเยี่ยมหรือดูแลแบงค์อีกเลย



ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

      คนที่ยืนรอเพื่อนมาเปิดประตูลอบถอนใจ เพราะสั่งใจตัวเองไว้ว่าให้ลืมขิง แต่ยิ่งสั่งใจให้ลืมมากเท่าไหร่ เหมือนยิ่งบีบบังคับให้เขาคิดถึงขิงมากเท่านั้น



      เพียงประตูถูกเปิดออก แบงค์เลิกคิ้วขึ้นมองพี่เติร์กที่สวมแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว  แบงค์ผุดรอยยิ้มบางเบาก่อนถาม



"สวัสดีครับพี่เติร์ก ผมมาขัดจังหวะพี่หรือเปล่า ?"

 

      เติร์กอมยิ้มพลันเหลียวมองไปหาคนที่นอนคลุมผ้าห่มถึงคออยู่บนเตียง

 

"ไม่หรอก เสร็จทั้งคู่พอดี"

 

"ไอ้พี่เติร์กพูดอะไรวะ อายนะเว้ย" มันช์บอกตอนที่ปาหมอนลงกลางหลังพี่เติร์ก

 

"เข้ามาสิ / เชี่ยแบงค์อย่าเพิ่งเข้ามา"



       อีกคนเชิญชวน อีกคนร้องห้ามจนแบงค์อมยิ้ม ก่อนจะเดินไปหามันช์แล้วกระชากผ้าห่มเพื่อนเพื่อแกล้ง แต่ใครจะคิดว่า มันช์จะนอนด้วยสภาพเปล่าเปลือย ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น



"เฮ้ย!!"



"ไอ้เชี่ยแบงค์"



"พี่เติร์ก ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูของเมียพี่นะ" แบงค์ว่าก่อนเบนหน้าหนีแล้วรีบโยนผ้าห่มไปให้เพื่อนคลุมตัว อันที่จริง แบงค์เห็นของมันช์จนชินตา แต่พอมันช์มีแฟนเป็นตัว เป็นตน เขาก็ควรให้เกียรติพี่เติร์ก





"กับมึง กูไม่หวง"



     

      ฟากแบงค์อมยิ้ม ก่อนจะเห็นมันช์รีบลุกไปสวมเสื้อผ้า แบงค์ตาโตตอนที่ทั้งแผ่นหลัง ลำคอ มีแต่ร่องรอยสีกุหลาบเต็มไปหมด เห็นแบบนี้ แบงค์ถึงกับอดแซวไม่ได้





"พี่ทำรอยแสดงเจ้าของกันขนาดนี้ กะไม่ให้ใครมองเพื่อนผมเลยหรอ?"

 

"มันก็ควรเป็นอย่างนั้นไหม? มันช์มีแฟนแล้ว" เติร์กตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ

 

"ขี้หวงจังครับ พี่เติร์ก"

 

"ไม่เถียง" เติร์กตอบชัดถ้อย ชัดคำจนมันช์อาย และรุ่นพี่ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อปล่อยให้เพื่อนได้มีเวลาคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว





"ติดผัวนะมึง"



"ตะ..ติดเชี่ยไรวะ บ้า!"

 

"เหอะ"



"เอาเรื่องมึงเถอะ เป็นไงบ้าง"  มันช์ถามย้ำถึงความคืบหน้าเพราะช่วงที่แบงค์เข้าโรงพยาบาลหลังจากโดนกระทืบมา มันช์รู้มาจากแบงค์ว่า เขาเลิกคุยกับขิงแล้ว แต่แบงค์ไม่ได้ลงรายละเอียดลึก ๆ ว่า สาเหตุเพราะอะไร ?



"ขิงหลอกกูว่ะ มันช์ กูโง่เองที่ดูคนไม่ออกว่า ขิงไม่จริงใจ"

 

"มึงว่าอะไรนะแบงค์" มันช์ที่ไม่รู้ด้านชีวิตรักของขิง ก็ถามซ้ำอย่างสงสัย มันจะเป็นอย่างแบงค์กล่าวหาจริง ๆ เหรอ? มันช์ไม่อยากจะเชื่อเลย



"ก่อนที่กูจะโดนกระทืบ กูเจอผู้ชายที่ชื่อพุช และเขาถามขิงว่ากูคือแฟนขิงเหรอ ? ขิงไม่ตอบและเลือกง้อผู้ชายที่ชื่อพุชมากกว่ากู



         มันช์เงียบครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา มีบ้างที่ตะหงิดใจในการกระทำของขิง แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร ไม่มองในแง่ร้าย เพราะคิดว่าอย่างน้อย ขิงคือเพื่อนสนิทในกลุ่ม ขิงคงไม่ใช่คนไม่ดี



"สรุป ขิงเป็นคนไม่ดีจริง ๆ เหรอวะ?" มันช์ยังคงคาใจ เพราะหากเป็นอย่างที่แบงค์พูดไว้ ขิงคงเล่นละครตบตาเก่งใช้ได้



"เรื่องนิสัย กูไม่รู้ แต่ถ้าเรื่องความรักกูว่าขิงมั่วว่ะ"



"ถ้ากูพูดอะไรไป มึงสัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธกู"



"อะไร?"



     มันข์นิ่งไปนิดก่อนถาม



"มึงเคยจูบขิงไหม?"



"เคย มากกว่าจูบก็ทำมาแล้ว ถามทำไมวะ?" แบงค์บอกแค่นั้น มันช์เม้มปากแน่นและเอ่ย



"ขิงขอลองจูบกู กูก็โง่เหมือนมึงเลย ลืมนึกไปว่า มึงจีบขิงอยู่ กูน่าจะพูดให้ขิงไปจูบมึงนี่หว่า กูขอโทษนะ กูไม่ได้คิดจะแทงข้างหลังมึง"



"มึงไม่ต้องขอโทษ กูว่า เราต่างก็ถูกขิงใช้มารยาหลอกว่ะ เราตามขิงไม่ทันหรอก แต่ทำไมขิงต้องอ้างว่าขอลองจูบมึงด้วยวะ ถ้าขิงไม่ได้แอบชอบมึง"



     มันช์เงียบนั่งประมวลผลถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ  ที่ขิงเคยพูดจาชวนคิดไกล ทั้ง การมาขอนอนค้างที่ห้อง การถึงเนื้อถึงตัวมากเกินปกติ ไหนจะขอจูบ ทั้งหมด ทั้งมวล ขิงใช้ความเป็นเพื่อนเพื่อได้มีโอกาสแทรกแซงความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนอย่างนั้นเหรอ ? ยิ่งคิดมันช์ยิ่งปวดหัวจนต้องบอกเพื่อน



"แล้วขิงจะทำแบบนั้นทำไม เพราะขิงก็รู้อยู่แล้วว่ากูคบกับพี่เติร์ก ยิ่งนึกยิ่งไม่เข้าใจว่ะ"



"กูไม่รู้ว่ะ เดาพฤติกรรมคนแบบนี้ไม่ออกเหมือนกัน ช่างแม่งเหอะ คิดไปก็ปวดหัว เอาเป็นว่าจากนี้ มึงระวังขิงให้ดี ส่วนกูก็คงขอเวลาทำใจหน่อยว่ะ"

 

"แบงค์กูขอโทษ"

 

"ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก เลิกคุยเรื่องขิงเหอะ"



"แล้วนี้มึงจะไปไหนวะแต่งตัวซะหล่อเชียว" มันช์ถาม หลังจากที่มันช์หันมาเบนความสนใจเรื่องอื่นที่นอกจากขิงบ้าง

 

"ไปงานวันเกิดเพื่อนที่มหา ฯ ลัย"

 

"อย่าเมามากนะแบงค์ กูเป็นห่วง ถ้าไม่ไหวบอกกู เดี๋ยวกูให้พี่เติร์กไปรับ"

 

"ไม่เป็นไรหรอก มึงอยู่กับผัวไปเถอะ"



"สัดแบงค์" มันช์มุ่ยหน้าด่าเพื่อน ลึก ๆ มันช์ก็ยังสงสารแบงค์ เพราะเชื่อว่าแบงค์คงทุ่มใจให้ขิงไปมาก และเวลานี่ เขาก็คงยังทำใจได้ไม่เต็มร้อย



"ไปละ ๆ กูอยากไปกินเหล้าย้อมใจหน่อย"



        ช่วงที่แบงค์ลาเป็นจังหวะที่พี่เติร์กออกมาจากห้องน้ำพอดี จนกระทั่ง แบงค์เดินออกจากห้องของมันช์ไป มันช์นั่งมองคนรักที่แต่งตัวเสร็จและมานั่งข้าง ๆ เขาก็ถาม





"พี่เติร์ก ผมถามหน่อยสิ พี่ว่าขิงเป็นคนยังไงเหรอ?"



 "แล้วมึงคิดว่าไง?"



"ก็คิดว่าดี แต่เมื่อกี้ แบงค์มาบอกว่าขิงเจ้าชู้ แอบคบหลายคน ผมเลยไม่แน่ใจว่า แค่เรื่องความรักอย่างเดียวที่แย่รึเปล่า ? เพราะตอนเป็นเพื่อนกันผมว่าขิงก็ดีนะ"



"พูดยาก แต่กูจะเล่าสิ่งที่กูเจอให้มึงฟังแล้วกัน มันมีวันหนึ่งที่กูกอดคอมึงจะหอมแก้มมึงมั้ง กูเห็นขิงเบะปาก บ่อยครั้งขิงก็เก็บสีหน้าไม่อยู่เวลากูอยู่กับมึง"



"จริงเหรอ?"



"อืม แล้วมึงจำได้ไหม ตอนที่กูเคยถามมึงเรื่องขิงว่า ขิงไม่เคยจูบจริงเหรอ? กูไม่เชื่อ เพราะกูเคยเห็นขิงจูบกับเด็กเอกดนตรีที่หลังห้องน้ำ"



        ราวกับใครฟาดหัวจนมึนงงไปหมด มันช์นั่งอึ้ง เพราะไม่เคยคิดว่า ขิงจะเป็นคนเช่นนี้



"ผมไม่อยากจะเชื่อ มันจริงหรอวะพี่ที่คนใกล้ตัวผมจะเสแสร้งได้ขนาดนั้นน่ะ ผมดูไม่ออกเลยจริง ๆ นะ"



"มึงไม่ผิดหรอก คนเรามันซับซ้อนกว่าที่คิด ยิ่งคนใกล้ชิด เรายิ่งไว้ใจ เลยไม่รู้ไงว่าคนใกล้ตัวจะทำกันได้  ของแบบนี้ต้องอาศัยประสบการณ์และเรียนรู้คนไปเรื่อย ๆ จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึงว่ะ"

 

 "แล้วถ้าพี่มองออก ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าขิงเป็นคนยังไง?" มันช์เริ่มใช้อารมณ์ เขาหงุดหงิดที่แฟนไม่ยอมเล่าในสิ่งที่เขารู้มาก่อนหน้า

 

"กูอยากบอกมึงอยู่ แต่ตอนที่กูลองบอกมึงอ้อม ๆ กูเห็นปฏิกิริยามึงดูไม่เชื่อกู มึงยึดมั่นในความคิดตัวเอง ถ้ากูบอกไป กูมั่นใจได้เลยว่า มึงจะมองว่ากูใส่ร้ายขิง กูเลยไม่พูด และคิดว่า สักวัน มึงคงเรียนรู้ด้วยตัวเอง"



"พี่ว่าผมดื้อเหรอ ? อีกอย่างพี่เป็นแฟนผมนะ ทำไมพี่ต้องให้ผมกลายเป็นคนโง่ด้วยล่ะ"



"เปล่ามันช์ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ในสถานการณ์ตอนนั้น ถ้ากูขืนพูดไป กูว่าเราทะเลาะกันแน่  เพราะมึงเอนเอียงไปทางขิงมากกว่า มันช์ เราอย่าทะเลาะกันเรื่องคนอื่นเลยนะ แค่เรื่องเราก็มากพอแล้ว"



"ไม่ได้ พี่เติร์กว่าผมอ้ะ อื้ออออ ไอ้อี้เอิ๊ก"



    ยังไม่ทันได้หาเรื่องทะเลาะต่อ พี่เติร์กก็จูบปิดปากข้อหาพูดมาก และเพื่อลดการทะเลาะในภายหลัง หากมันช์หายงอแง และใจเย็นลงอีกนิด เติร์กก็จะอธิบายให้มันช์ได้เข้าใจมากกว่าเดิม



.

.

.

.

"สุขสันต์วันเกิดเว้ย"



แกร๊ง แกร๊ง



       เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงที่แบงค์อยู่ร้านเหล้าเพื่อสังสรรค์เนื่องในงานวันเกิดเพื่อน และตอนนี้ แบงค์เมาและเริ่มพูดมาก เขาเดินวนชนแก้วเพื่อน ๆ  รอบโต๊ะ  และความเมานี้เอง จึงทำให้เขากล้ามากขึ้น เดินหยอดคำหวานโต๊ะอื่นไปทั่ว



     และไหน ๆ เขาได้ความโสดคืนกลับมาอีกครั้ง แบงค์จะทำอะไรก็ได้ และคืนนี้ แบงค์อยากสนุกด้วยการลองอะไรใหม่ ๆ เขาบอกกับตัวเองเอาไว้อยากลองวัน ไนท์ แสตนด์กับใครสักคน และยามนี้ คนที่เมากรึ่มเดินถือแก้วมาพิงพนังตรงแถวห้องน้ำยืนหาเหยื่อเพื่อสานสัมพันธ์แก้เหงา จนกระทั่ง มีเหยื่อมาติดกับจากการถูกจ้องตาเป็นเวลานาน



"ชื่ออะไรครับ" คนที่ดูน่าจะอายุน้อยกว่าแบงค์ราวสอง สามปี ส่งตาหวานและเดินเข้ามาทักก่อน



"แบงค์ครับ"



"เนขอเลี้ยงเครื่องดื่มแก้วนึงนะครับ"



       แบงค์ยิ้มก่อนตอบ



"ผมไม่เอาเครื่องดื่มครับ ผมแค่อยาก...." แบงค์ว่าพลางยกแก้วเย็น ๆ ที่หยดน้ำเกาะพราวรอบแก้วนาบคออีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนแขนมาโอบรอบคอแล้วจูบใบหู



"เซ็กซ์"



      ชายหนุ่มอีกคนยกยิ้ม



"เจอกันหน้าร้านนะ"



     แบงค์ยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง ก่อนที่คนที่เพิ่งรู้จักกันจะทำสัญญาด้วยการจูบหนักหน่วง ก่อนจะผละและแยกย้ายกันไปที่โต๊ะใคร โต๊ะมัน และเมื่อถึงเวลา แบงค์ร่ำลาเพื่อนและเดินออกมาหน้าร้าน เขาเมาเดินเซไปกระแทกไหล่กับคนที่สวนตรงด้านนอกร้าน



"ขอโทษครับ"



"ไม่เป็นไร เอ้...น้องคนนั้น?"



"เรารู้จักกันเหรอครับ?" แบงค์สบตามองคนถามด้วยสายตาหวานฉ่ำ



"ก็ไม่เชิง วันนั้.น.."



     เต็นยังพูดไม่จบ เขาตกใจ เมื่อคนที่เสวนาอยู่ดี ๆ โดนคนแปลกหน้าจากไหนก็ไม่รู้ วิ่งมาผลักไหล่จนแบงค์เซถลา เต็นรีบคว้ามือน้องเขาไว้กันล้ม



"ไอ้สัด มึงจูบแฟนกูเหรอ?"



    เต็นตกใจตอนที่ได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากคนอื่น นี่มันอะไรกัน? ทำไมน้องคนนี้ ถึงชอบสร้างเรื่องจังนะ



     ฟากแบงค์เหลือบมองคนที่นัดกันในตอนแรก หลบหลังคนที่กำลังต่อว่า ปากบอกโสด บอกไม่มีแฟน แบงค์ก็เลยชวนมีเซ็กซ์ด้วย  แต่ใครจะคาดคิดเล่าว่าคนนี้ จะโกหกเก่งไม่ต่างจากขิง



     ประสบการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งผ่านมาได้ชวนหลอกหลอนแบงค์จนน่าขนลุก



"เออ"



ผัวะ



    เต็นที่ยืนอยู่ข้างแบงค์ยืนเหวอ เมื่ออีกฝ่ายโดนชกเข้าโหนกแก้ม เต็นต้องทำอะไรสักอย่างก่อนเรื่องจะบานปลายใหญ่โต ในขณะที่อีกคนจะวิ่งไปชกอีกหมัด เต็นตะโกนสุดเสียงให้หยุดและรีบแทรกกลางระหว่างทั้งสองเพื่อห้ามจนโดนลูกหลงจากการศอกเข้ากลางหลัง



"หยุด คนนี้แฟนผมเอง"



    เสียงดังลั่น ประจวบเหมาะกับการ์ดวิ่งมาห้ามสถานการณ์ และจับแยกกัน แม้ว่าจะไม่มีเรื่องชกต่อยต่อ แต่ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นแฟนกับคนที่แบงค์จูบด้วยก็ด่ากลับด้วยความโกรธ



"ทีหลัง มึงหัดดูแลแฟนตัวเองบ้างอย่าปล่อยให้ออกมาร่านแบบนี้"



     ผู้ชายคนนั้น ชี้หน้าคาดโทษแบงค์และเต็นก่อนจะเดินหนีไปพร้อมการ์ดที่ยังยืนจ้องเขม็ง



     เต็นถอนหายใจมองหน้าคนที่เขาเคยช่วยไว้



"ทำแบบนี้ ทำไม?"



"ผมทำอะไร?" แบงค์ตอบเสียงยานคาง ก่อนจะสบถเบา ๆ พลางยกมือลูบแก้มด้วยความเจ็บและชา

 

"ก็ทำตัวมั่วไง"



   แล้วจู่ ๆ แบงค์ก็หัวเราะพลางยิ้มเยาะ ปรี่ไปโอบรอบลำคออีกฝ่าย แล้วบอก



"แล้วคุณสนใจอยากมีเซ็กซ์กับคนมั่วอย่างผมไหมล่ะ?"   

 

    จากตอนแรกแบงค์อยากมีเซ็กซ์กับอีกคน แต่มันผิดแผนไปหน่อยตรงที่คู่นอนชั่วคราวที่เล็งไว้ดันมีแฟนแล้ว  แต่ไม่เป็นไร แบงค์ยอมรับว่าคนตรงหน้าก็ดูดีใช่เล่น เห็นทีคงต้องลองกันสักตั้ง

.

.

.
.
     เที่ยงวันถัดมา คนที่พลิกตัวไป-มาบนเตียงนอนนุ่ม ส่งเสียงร้องครางอื้ออึง ก่อนจะปรือตามามองรอบห้อง น่าแปลกที่แบงค์ตื่นขึ้นมาโดยไร้อาการแฮงค์หรือปวดหัว



"ไอ้เชี่ย ห้องใครวะ?" คนที่กวาดตามองห้องทาสีขาวล้วน ตัดกับโต๊ะ ตู้ เก้าอี้ที่เป็นงานไม้ เขารีบผุดลุกขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่านี่มันคือที่ไหน  แต่พอแบงค์ลุกขึ้น เขารู้สึกเจ็บและเสียดช่วงล่างแปลก ๆ แบงค์เดินไปตรงผ้าม่านสีขาวเนื้อบางเบา แหวกผ้าม่านออกดูด้านนอก เห็นบ้านฝั่งตรงข้ามมากมายที่เขาไม่คุ้นตา แบงค์ขยับเท้าบนพื้นไม้ปาร์เกต์ เดินไปทีละก้าวจนถึงประตูห้องนอนและเปิดประตูออกกว้าง เลี้ยวขวาเพื่อลงบันไดไม้ไปทีละขั้น



     

       เสียงไม้ลั่นดังเอี้ยดอ๊าดทุกขณะที่ขยับเท้า จนกระทั่งถึงครัว  แบงค์เห็นแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าที่มีแต่รอยข่วนแดงเป็นทางยาวเต็มหลัง แบงค์รู้สึกไม่ชอบใจที่ได้เห็นพวกร่องรอยเหล่านั้น มันเหมือนเป็นสัญญาณเตือนแบงค์บางอย่าง



"ขอโทษนะครับ ผมมาอยู่นี่ได้ไง?"



      แบงค์ถามทำลายความเงียบ พื้นที่บ้านส่วนใหญ่เป็นการใช้วัสดุจากไม้ และบ้านกว้างใหญ่นี้ น่าแปลกที่แบงค์ไม่เห็นมีใครอาศัยอยู่นอกจากเขาคนนั้น





"จำไม่ได้เลยเหรอ ?" คราวนี้ คนที่ถูกถามไม่ได้แค่เหลียวหน้ามอง เขาหันมาทั้งตัว ยิ่งทำให้แบงค์ตกใจ เมื่อตรงแผงอกกว้าง มีแต่รอยจ้ำกระจายไปทั่ว



"ก็พอได้นิดหน่อย รู้แค่ว่า ผมเมา" แบงค์รู้สึกคอแห้ง อยู่ ๆ เขาก็กลืนน้ำลายได้ยากลำบาก เมื่อเห็นหลักฐานที่ชวนให้แบงค์สงสัยว่าร่องรอยที่ประดับบนตัวอีกฝ่ายทำไมมันดูสดใหม่ เหมือนมีใครเพิ่งทำมาสด ๆ ร้อน ๆ 





"พี่ทำข้าวต้มหมูไว้ให้ครับ ส่วนจะกินน้ำอะไร แบงค์หยิบในตู้เย็นได้เลยนะ หรือถ้าแบงค์อยากกินอะไรที่ไม่ใช่ข้าวต้ม สั่...ง." เต็นบอกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น



"หยุดพูดเถอะครับ"



     แบงค์หงุดหงิดใจกับสิ่งที่เห็นตามตัวอีกฝ่าย ไหนจะความเป็นสุภาพบุรุษเกินจำเป็นที่ดูไม่ต่างกับการสร้างภาพ ลวงโลกขึ้น



      แบงค์ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนเช่นนั้นจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจกับคำถามที่บุรุษนิรนามถาม สิ่งที่แบงค์อยากรู้ตอนนี้ คือ 





"เมื่อคืน เรามีเซ็กซ์กันหรอครับ?" แบงค์ถามตรงประเด็น จนเต็นชะงักงัน เขาเงียบไปนานก่อนตอบ



"ใช่ เรามีเซ็กซ์กัน"



"ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณพูดจริงหรือโกหก"



"พี่ไม่จำเป็นต้องโกหก"



"ผมหรือคุณที่...." เพียงแค่เห็นสายตาอีกฝ่ายมองมาที่ช่วงล่างของแบงค์เขาก็เข้าใจในความหมาย



      แบงค์พยายามปลอบใจตัวเองว่าคงไม่ใช่เรื่องจริง แต่พอความปวดหน่วงหนึบตรงช่วงล่างแล่นปราดทันทีที่นึก รวมถึงสายตาคู่นั้นมองมาอย่างแฝงความนัย แบงค์คงต้องยอมรับว่ามันคือความจริงเสียแล้ว



      คนที่เคยแต่รุกล้ำอาณาเขตคนอื่น กำลังยืนเงียบ เมื่อรู้ว่าตัวเองได้ถูกรุกล้ำอาณาเขตคืนบ้าง



"ใส่ถุงไหม?" แบงค์ถาม ฟากเต็นพยักหน้า และทันใดนั้น แบงค์สบถ  ก่อนจะรีบวิ่งไปบนห้อง คุ้ยขยะถังเล็กพบถุงยางอนามัยสองชิ้นที่ถูกรัดปลายไว้แน่นหนา อยู่ในถังขยะนั้นจริง ๆ  แบงค์สบถพลางขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิง





     เมื่อวาน กับวันนี้ ช่างแตกต่างกัน แบงค์ไม่ได้รู้สึกดีที่เขาเพิ่งผ่านการมีเซ็กซ์มากับใครก็ไม่รู้ แบงค์รีบล้างหน้า ล้างตา คว้าของสำคัญทุกอย่างเพื่อกลับบ้าน เพราะทนรับสภาพตัวเองไม่ไหว เมื่อคิดได้ ก็รู้ว่าตัวเองไม่น่าเมาเช่นนี้

     



      ในระหว่างที่สองเท้าแตะถึงพื้นบ้าน แบงค์ได้ยินเสียงคนเถียงกันวอแว 





"พี่เติร์กไม่เห็นบอกผมเลยว่าพี่มีบ้านกว้างขนาดนี้ มาทนนอนห้องรูหนูกับผมอยู่ได้"



"ก่อนหน้านี้ก็อยู่แค่คอนโด กูเพิ่งย้ายมาเช่ากับไอ้เต็น เอาไว้กินเหล้า ทำงาน อีกอย่าง กูไปนอนกับมึงเพราะมันมีมึงไง ไม่มีกูก็ไม่อยากไปหรอก"



"พี่แม่งชอบพูดให้ผมเขินว่ะ"



     ตลอดบทสนทนาแบงค์ได้ยินทุกอย่างถึงการเอ่ยชื่อคุ้นเคย ยิ่งทำให้เขาแปลกใจทำไมมันถึงเป็นเรื่องบังเอิญได้ขนาดนี้ เมื่อตัวเขาเดินพ้นผนัง ฟากมันช์ตกใจที่เห็นเพื่อนรักอยู่ในบ้านหลังนี้



"เอ้ย ไอ้แบงค์ มึงอยู่นี่ได้ไง"



     แบงค์หันไปสบตากับผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี และเป็นแบงค์เองที่ละสายตาก่อน ส่วนเต็นที่หันไปให้คำตอบรุ่นน้อง



"เมื่อคืนพี่ไปกินเหล้า เจอน้องเขาเมา เลยพามาค้างที่นี่ เขาเป็นเพื่อนมันช์เหรอครับ ?"



"ใช่ครับ ไอ้แบงค์อะเพื่อนรักผมเลย เอ้! หรือว่านี่คือพรหมลิขิต ? ตอนแบงค์โดนกระทืบพี่ก็ช่วยมัน เมื่อคืนมันเมาพี่ก็ช่วยมันไว้อีก พี่เต็นของผมนี่เทวดาประจำตัวแบงค์ชัด ๆ เลยนะครับ"



     มันช์แซวเพื่อน จนเต็นอมยิ้ม ผิดกับแบงค์ที่เขาไม่ขำด้วย



"แล้วสรุปเมื่อคืนพี่เต็นแค่พาเพื่อนผมมานอนอย่างเดียวจริงหรือครับ ทำไมตัวพี่มีแต่รอย โอ้ย! พี่เติร์กตีผมทำไมวะ?"



"ใครสั่ง ใครสอนให้ยุ่งเรื่องคนอื่น ไม่ต้องถามมากเลยมันช์"



"พี่ว่าผมต่อหน้าคนอื่นเลยเหรอ?"



      มันช์น้อยใจที่คนรักดุต่อหน้าคนอื่น ฟากเต็นยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเติร์กโอบกอดมันช์และพร่ำขอโทษ  ส่วนเต็นไม่คิดว่าน้องชายจะกลับบ้านเร็วกว่าที่คิดไว้ เพราะในตอนแรกเติร์กบอกว่า จะกลับวันนี้ช่วงค่ำ ๆ เขาจึงไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อย



"ไหนว่ากลับมืดไง นี่เพิ่งบ่ายโมงเอง"



"กูไม่รู้จะไปไหน ? ก็เลยพามันช์มานั่งเล่นที่นี่" เติร์กตอบ



"ผมกลับก่อนนะครับ" แบงค์รีบตัดบท เดินออกจากพื้นที่ตรงนี้ แต่มันช์กลับดึงแขนเสื้อเพื่อนไว้



"อ้าวอยู่ด้วยกันก่อนดิ ไหน ๆ ก็มาอยู่นี่แล้ว"



"ไม่ดีกว่า"



"รังเกียจพี่เหรอครับ?" เต็นถาม แบงค์ชะงักพลันเหลือบมองคนที่ยืนนิ่ง



"ผมปวดหัว"



"ถ้างั้น ก็นอนก่อนดิ เดี๋ยวกูปลุกก็ได้ ยังไงมึงก็ต้องกลับพร้อมกู"



"มันช์ กูอยากกลับบ้านเว้ย!"



      ทุกคนเงียบกริบตอนที่แบงค์ตะโกน  แบงค์ขอโทษเพื่อนก่อนจะรีบปรี่ไปสวมรองเท้าผ้าใบที่ถอดไว้ตรงประตูหน้าบ้าน ฟากเต็นวิ่งตามไปจับข้อมือ



"เป็นอะไร?"



"คุณน่ะเป็นอะไร? ผมโคตรจะไม่ชอบที่คุณแสดงเลยว่ะ มันก็แค่วันไนท์ไหมวะ? คุณไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี มาดูแลผมขนาดนี้ก็ได้"



"หืม? แล้วทำไมพี่ต้องเสแสร้งครับ" เต็นถามกลับอย่างไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายดูคิดอคติ



"ก็หวังเซ็กซ์ไง คุณอยากได้อีกใช่ไหมล่ะ คุณจำไว้นะ เราก็แค่คู่นอนชั่วคราว จากนี้ ก็ลืมมันไปซะ "



      เต็นยิ้มมุมปาก และเอื้อมมือไปบีบกระชับที่มืออุ่น ๆ แต่แบงค์สะบัดออก



"เราเริ่มต้นกันแบบข้ามขั้นไปหน่อย แต่จากนี้ เราค่อย ๆ กลับมาทำความรู้จักกันทีละนิดก็ไม่เสียหาย" เต็นไม่รู้ว่าแบงค์ไปเจอเรื่องราวอะไรมา ถึงได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนี้ เขาจึงพยายามพูดให้แบงค์รู้ว่า การวันไนท์ แสตนด์ มันแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยก็จริง แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีโอกาสพัฒนา เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล



"อย่าเลยครับ ก็แค่เซ็กซ์คืนเดียวไม่ใช่รัก"



"มันก็จริง ตอนนี้ พี่ไม่ได้รักแบงค์ แต่อนาคตใครจะรู้ ถ้าแบงค์ลองให้โอกาสพี่ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์"



"ไม่มีทาง คุณลืมไปเถอะ ถือซะว่า เราได้ระบายความใคร่ และจากวันนี้เราไม่รู้จักกัน"





     เต็นใจกระตุก ผุดรอยยิ้มบางเบารับคำพูดที่หนักแน่น แบงค์ไม่ผิดที่จะคิดอย่างนั้น เพราะเราต่างพบกันแค่วันเดียว ยังไม่ถึงขั้นผูกพันกันมากมาย ก็ไม่แปลกอะไร หากแบงค์จะไม่มีวันเชื่อว่า การวันไนท์แสตนด์จะได้พบคนที่จริงจัง จริงใจในความสัมพันธ์จนสามารถเป็นแฟนกันต่อได้



       แม้เต็นจะเสียดายโอกาส แต่ไม่เป็นไร ถ้าอีกฝ่ายจะยึดมั่นขนาดนั้น เต็นก็ยากจะเปลี่ยนแปลงความคิดอีกฝ่าย



"ถ้าแบงค์ต้องการแบบนั้น พี่ก็โอเค โชคดีนะครับแบงค์"



"ขอบคุณครับ"



"เดี๋ยวก่อน แบงค์"



"อะไรครับ?"



"ถ้าแบงค์จะลืมเรื่องเมื่อคืนก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้จำชื่อพี่ไว้ พี่ชื่อเต็น ยินดีที่ได้รู้จักครับ"



     แบงค์มองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินพ้นประตูรั้วบ้านแล้วลอบถอนใจ จะคิดมากทำไม มันก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่ควรจบลงไปแล้วในเมื่อวาน



      เวลานี้ แบงค์ไม่สามารถเชื่อใจใครได้อีกว่าการกระทำแบบไหน คือ จริงใจหรือเสแสร้ง หลังจากที่ขิงได้กระทำให้เขาเข็ดหลาบและฝังลึกลงในความทรงจำ



    บางที มันอาจยังไม่ถึงเวลาที่แบงค์สมควรจะมีความรักครั้งใหม่ก็ได้



    แบงค์คิดเช่นนั้น...



.
....................................

 :hao3: :mew1:

โถแบงค์ พี่เต็นเขาดีจริง ๆ เขาไม่ได้เสแสร้งน้า ก็เข้าใจอะนะคนเคยเจ็บมา
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่21 ก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย - [30 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2019 20:42:28
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...แบงค์เอ๋ย

ไม่อยากสานต่อเพราะไม่อยากตกเป็นเบี้ยล่างหรือเปล่า?  อิอิ  เก๊าล้องเล่ง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่21 ก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย - [30 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-03-2019 21:51:58
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่21 ก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย - [30 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-03-2019 22:41:36
น่าๆ แบงค์ใจเย็น เผื่อพี่เค้าอยากดูแลน๊าา
 :กอด1:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 22 ที่รัก - [2 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 02-04-2019 20:53:03

บทที่ 22 ที่รัก









"มันช์ที่โทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุย มีอะไรหรอ?"




     แม้จะอยู่ในช่วงปิดเทอม แต่มันช์อึดอัดใจ ทนรอให้เปิดเทอมไม่ไหว จึงนัดให้ขิงมาหาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อคุยเรื่องสำคัญ ทั้งสองนั่งคุยกันในร้านไอศกรีม โดยระหว่างนี้ พี่เติร์กก็เดินรอเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก
 



     มันช์โกรธที่ขิงผิดคำสัญญา ทั้งที่เคยทำข้อตกลงระหว่างกัน ว่าอย่าทำให้แบงค์ผิดหวัง


"ขิง หลอกแบงค์ทำไม? เราเคยคุยกันไว้ว่าไง?"


      ขิงเงียบ เพราะไม่คิดว่า มันช์จะรู้เรื่องนี้ และก็คิดไม่ถึงว่ามันช์จะหวง ห่วงเพื่อนถึงขั้นลงทุนนัดมาเจอขิงเพื่อต่อว่าขิงโดยเฉพาะ


"ทำไมไม่ตอบ" มันช์ถามเสียงแข็ง


"ขิงบอกไปแล้ว ว่าไม่ชอบ แต่แบงค์ไม่พอใจ เลยคิดจะข่มขืนขิง" ขิงตอบออกมาอย่างหน้าไม่อาย ฟากมันช์เสียใจที่ไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่มันช์มอบความจริงใจในความเป็นเพื่อนกันจะทำกันแบบนี้


"ขิง พูดความจริงกับเราเถอะ เรารู้ขิง เรารู้ว่าไอ้แบงค์ไม่ใช่คนแบบนั้น"


"......"


"ขิง เราเสียใจว่ะ ขิงทำกับเราแบบนี้ได้ไง ขิงไม่สนคำพูดเราเลย ขิงผิดสัญญา"


"ทำไมขิงจะไม่สน ขิงแคร์มันช์มาก แต่มันช์ก็ผิดสัญญาเหมือนกันนั่นแหละ"



"เราทำอะไรผิด?" มันช์ถาม


"มันช์บอกว่า มันช์จะดูแลขิง แต่พอมันช์มีพี่เติร์ก  มันช์ไม่เคยสนใจขิงเลย มันช์ห่างไป ทำไมล่ะมันช์"




       มันช์นั่งอึ้ง เมื่อเห็นขิงปล่อยโฮออกมา มันช์ไม่รู้แล้วว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือหลอก


"ขิงแยกแยะสิ เราก็ยังเหมือนเดิม เป็นห่วงขิงเหมือนเดิม แต่เรามีแฟน เราก็ต้องให้เวลาแฟนด้วยไหม?"


"แล้วทำไม ไม่ใช่ขิงล่ะ ทำไมถึงไม่ใช่ขิงที่จะเป็นแฟนมันช์นะ"



"เพราะเราไม่ได้ชอบขิงแบบแฟนไง  แต่เราเป็นเพื่อนกันได้" มันช์ตอบเสียงแผ่ว จากที่เข้มแข็งดุดันในตอนแรก ก็อ่อนโยนลงเมื่อเห็นน้ำตาของคู่สนทนาที่นั่งอยู่ตรงข้าม


"แล้วมันช์จะเสียใจ มันช์ไปกับพี่เติร์กไม่รอดหรอก  ขิงเตือนด้วยความหวังดี ทำไม ขิงจะดูไม่ออกว่า พี่เติร์ก เจ้าชู้ขนาดไหน? มันช์อย่าลืมสิว่าพี่เติร์กหน้าตาดีจะตาย ขิงเห็นพี่เติร์กเดินกับผู้หญิงหน้าตาสวยอยู่บ่อย ๆ และผู้หญิงที่ว่าก็เป็นแฟนเก่าพี่เติร์ก ชื่อพี่กวาง มองยังไงก็ดูเหมาะสม ระวังถ่านไฟเก่าไว้ให้ดีแล้วกัน"


    มันช์นั่งมองขิงปาดน้ำตา แล้วลุกหนีไปเฉย ๆ มันช์ไม่รั้งเพื่อน เขาแค่ปล่อยให้ขิงเดินไป ส่วนตัวเองก็มานั่งกัดปากครุ่นคิดเรื่องที่ขิงพูดทิ้งท้าย มันช์ไม่รู้ว่า ขิงต้องการอะไรกันแน่ แต่ในแววตาคู่นั้น สิ่งหนึ่งมันสะท้อนถึงความเสียใจออกมาจริง ๆ สองกำปั้นน้อย ๆ ทุบลงบนโต๊ะเบา ๆ เขาไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร



"เกิดอะไรขึ้น? กูเห็นขิงร้องไห้"


     มันช์มองพี่เติร์ก พินิจพิจารณาคนรักในสไตล์ที่คุ้นตา ทั้งการแต่งกายที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตด้านนอกทับเสื้อกล้ามสีขาวข้างใน กับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ ใบหน้าดูดีที่เคยรับกับผมยาวเลยคางจนมัดรวบได้ เวลานี้ พี่เติร์กดูใบหน้าหล่อเหลาและสะอาดสะอ้านกว่าเดิม เมื่อพี่เขาตัดผมหยิกลอนใหญ่ ไม่เป็นทรงเหลือความสั้นระดับติ่งหู แต่ยังคงไว้ซึ่งความเท่ มีเสน่ห์เหลือล้น


     คน ๆ นี้น่ะเหรอ จะเจ้าชู้ จะแอบควงคนอื่นทั้งที่คบกับมันช์



    แม้ว่าจะไม่เชื่อ แต่ต้องยอมรับว่าขิงทำให้ความมั่นใจมันช์สั่นคลอนเหมือนกัน


    มันช์นั่งมองคนที่เอื้อมมือมาแตะหลังมือเขา


"พี่เติร์กครับ ถ้ามีคนหน้าตาดีกว่าผมมาก ๆ รวยกว่าผมมาก ๆ ไม่งี่เง่าเหมือนผม มาชอบพี่ตอนนี้ พี่จะชอบไหมครับ?"



"ขิงพูดอะไรกับมึง?" เติร์กตกใจตอนที่อยู่ดี ๆ มันช์ก็มาถามโต้ง ๆ  การถามแบบนี้ ไม่พ้นโดนเป่าหูเป็นแน่


"พี่ตอบผมสิ"



"ทำไมกูต้องชอบคนอื่นในเมื่อกูมีมึง"


"....."



"มันช์ ถ้ากูอยากคบคนที่เพอร์เฟกท์ขนาดนั้น กูคงไม่เลือกจีบมึงตั้งแต่แรก"


"....."


"กูชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่าจะหาคนสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง มันอึดอัด มึงเข้าใจไหม?"
เติร์กผุดรอยยิ้มแล้วบีบกระชับมือคนตรงข้าม



"แฟนเก่าพี่ชื่อกวางใช่ไหม ?" มันช์ต้องการรู้ให้หมด เพื่อความสบายใจถึงที่สุด มันช์อยากรู้ว่าสิ่งที่ขิงพูดเป็นความจริงไหม เขาจึงถามเรื่องอื่นต่อ



"มึงรู้ได้ไง?"



         มันช์อึ้ง ตอนที่พี่เติร์กเบิกตาโต นั่นแสดงว่า แฟนเก่าพี่เติร์กเป็นชื่อเดียวกับที่ขิงเอ่ย แสดงว่าที่ขิงพูดเรื่องนี้มันเป็นความจริง


"ไม่สำคัญที่ผมจะรู้มาจากไหน แต่มันเป็นเรื่องจริงที่พี่มีแฟนชื่อกวาง ใช่ไหมล่ะ?"



"มันช์ กูเคยบอกว่าอะไร? อย่าพูดเรื่องอดีตจำได้ไหม ?"



"แล้วทำไมพี่ถึงไม่ตอบ ถ้าพี่ไม่มีอะไรคาใจ"



"กูไม่อยากทะเลาะกับมึงไงมันช์"



"ถ้างั้นก็ตอบผมสิครับ" เติร์กถอนหายใจ



"อืม เขาเรียนที่นี่ เป็นรุ่นน้องกูปีนึง เลิกกันมาได้สักพัก จบนะ"



"ตอนนี้ พี่ยังคุยกับเขาอยู่ไหม?"



    เติร์กเงียบพลางทอดถอนใจก่อนตอบ


"ถ้าเจอหน้าก็ทักกัน แต่กูไม่ได้คิดอะไรกับกวางแล้ว มันช์ กูไม่โอเคที่มึงถามถึงแฟนเก่าแบบนี้"


"ผมแตะต้องเขาไม่ได้เลยเหรอครับ?"


"ไม่ใช่ แต่ตอนนี้ คนที่กูคบคือมึงไง มึงจะพูดถึงคนเก่าให้ทะเลาะกันทำไม? มันช์"


"เพราะพี่คือคนแรกของผมไงครับ และผมไม่เคยรักใครนอกจากพี่ ผมถึง อยากรู้อดีตพี่ไงครับ ว่าผมพอจะดีสู้คนเก่า ๆ พี่ได้ไหม? ช่างมันเถอะครับ"


"มันช์! กลับมาคุยกันก่อน อย่าเป็นแบบนี้"



     มันช์เงียบแล้วลุกไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ฟากเติร์กสบถที่อยู่ดี ๆ ทำไมเรื่องถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนมาเจอขิง ทุกอย่างก็ราบรื่น



     จวบจนถึงบ้านของเติร์ก ทั้งสองยังเงียบงันใส่กัน ระหว่างที่รอพี่เติร์กอาบน้ำ  มันช์ออกมานั่งรับลมอยู่ตรงเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวหน้าบ้าน มันช์นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งเรื่องที่คิดนั้น ก็ล้วนเป็นเรื่องพี่เติร์กทั้งสิ้น



"เป็นอะไรไป มันช์ ทะเลาะกับเติร์กเหรอ?" ตั้งแต่เห็นทั้งสองเดินเข้าบ้านมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง เต็นก็พอจะเดาสถานการณ์ได้ เขาเป็นห่วงมันช์จึงเดินมาถามไถ่เป็นห่วง


"พี่เต็น พี่เคยเห็นแฟนเก่าพี่เติร์กที่ชื่อพี่กวางไหมครับ?"


"หือ ถามทำไมครับ?"


     มันช์มองหน้าพี่เต็นที่ดูกระอักกระอ่วนจะตอบ แต่สุดท้ายเต็นก็คงสงสาร ถึงยอมเผยความจริงออกมาจนได้


"เคยครับ กวางอายุน้อยกว่าเติร์ก ตอนที่พวกเขาคบกัน เติร์กเรียนอยู่ปีสอง คบสักพักก็เลิกกัน พี่ว่า มันช์อย่าสนใจเรื่องแฟนเก่าเติร์กเลย มันจบไปแล้ว ตอนนี้ เติร์กรักมันช์จะตาย คนนอกอย่างพี่ยังดูออกเลยนะ"



"ถ้าเลิกก็ควรจบ ไม่ควรไปเจอกันไหมครับ?"



"เติร์กบอกเหรอ ว่าไปเจอ?"


     มันช์ส่ายหน้า และบอก


"เปล่าครับ เพื่อนผมเห็น"



"พี่เข้าใจนะว่ามันช์มีสิทธ์เลือกฟังความเห็นคนอื่น แต่มันช์ก็ต้องดูด้วยว่าการที่เขาพูดอะไรมา มันมีความจริงมาก น้อยแค่ไหน ที่สำคัญ..." เต็นเว้นวรรคและบอกรุ่นน้องที่กำลังนั่งกลั้นน้ำตาจนตาแดงและจมูกแดงก่ำ


"มันช์ต้องดูจุดประสงค์ว่าเขาบอกเพราะหวังดี หรือบอกเพราะอะไร?" เต็นตกใจตอนที่อยู่ ๆ มันช์เอนศรีษะมาพิงไหล่


"แต่เพราะผมรักพี่เติร์กมากยังไงล่ะครับ ผมถึงคิดมากและกลัวจะสู้แฟนเก่าพี่เติร์กไม่ได้"


"แล้วทำไมต้องเอาตัวเราไปเปรียบเทียบครับ"



"ก็พี่เติร์กคือรักแรกของผม แต่ผมไม่ใช่คนแรกของเขา พี่เขามีแฟนมาเยอะ ผมก็กลัวที่จะ..."



"มันช์คิดทุกเรื่องแบบนี้ มันช์ก็จะเอามันมาเป็นประเด็นในการทะเลาะกันได้หมด บางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องรู้ ปล่อยผ่านบ้างก็ดีนนะ"


"แต่....."


"พี่เป็นพี่ชายมัน พี่บอกได้เลยครับว่า เติร์กรักมันช์แน่นอน แม้เราจะไม่ค่อยคุยกันเรื่องความรัก แต่พี่มั่นใจว่าน้องชายพี่รักเดียวใจเดียว ถ้าเติร์กตัดสินใจคบใครแล้ว เขาจะไม่มองคนอื่น"


"......"


"มันช์เชื่อพี่นะครับ"


    เต็นบอกทั้งยังวาดมือไปลูบต้นแขนอีกฝ่ายเบา ๆ ฟากมันช์พอได้ฟังแบบนี้ ความเครียดก็ทุเลาลง


"ครับ ผมเชื่อพี่ ผมจะไปง้อพี่เติร์ก"



"ดีครับ มันช์ควรลดอาการคิดมากลงบ้างนะ"



"ครับ ๆ ผมถามเรื่องพี่บ้างสิ พี่กับแบงค์ ไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ เหรอ?" เต็นยิ้มและบอก


"เรื่องพี่ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวเติร์กจะสงสัยว่าทำไมมันช์ยังไม่ขึ้นไปอาบน้ำ"



  มันช์ยิ้มรับพลางพยักหน้า ฟากเต็นก็โยกศรีษะเด็กหนุ่มเบา ๆ ในขณะที่ทั้งสองลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันหลังกลับจะเข้าบ้าน เต็นและมันช์ต่างตกใจเมื่อเห็นเติร์กยืนจ้องมองอยู่ และไม่รู้ว่ามายืนตรงนี้เนิ่นนานเท่าไหร่


"พะ...พี่เติร์ก"


"กูมาตามไปอาบน้ำ"


"อ่าครับ"


  มันช์หน้าหงอย เดินตามพี่เติร์กต้อย ๆ เพื่อไปอาบน้ำ

.
.
.
.
    คนที่อาบน้ำเสร็จ เดินเข้ามาในห้องนอน ก็พบแต่ความมืดมิดที่พี่เติร์กปิดไฟนอนโดยไม่รอ เมื่อได้ฟังคำปรึกษาจากพี่เต็นแล้ว มันช์คิดว่า เวลานี้ เขาควรเป็นฝ่ายง้อคนรักโดยไม่มีข้อแม้



"พี่เติร์ก ช่วงนี้ปิดเทอม เราไปเที่ยวทะเลกันไหม?" มันช์ถามท่ามกลางความเงียบและความมืด มือเย็น ๆ ก็สวมกอดพี่เติร์กจากด้านหลัง แม้ภายในห้องจะเงียบงัน แต่มันช์รู้ว่าพี่เติร์กยังไม่หลับแน่นอน



"โกรธผมเหรอ?" มันช์ย้ำถาม ตอนที่คนรักไม่หือ ไม่อือ กลับมา



"คิดว่ากูควรโกรธเรื่องอะไร"



"เรื่องที่ผมคุยกับพี่เต็นไหม?"




"ก็ส่วนหนึ่ง"


"แล้วอีกส่วน"


"มึงเชื่อคนอื่นมากกว่ากู"


"พี่เติร์ก ผมผิดเอง ผมขอโทษนะครับ" มันช์ว่าพลางจูบหลังคอพี่เติร์ก พร้อมใช้มือลูบไล้ไปทุกส่วนของร่างกายที่มันช์หลงใหล ใคร่ปรารถนา


"คำพูดกูไม่มีความหมายเลยเหรอ? มึงถึงเชื่อคำคนอื่นตลอด กูบอกให้ไว้ใจกู ทั้ง ๆ ที่มาจากปากกูเอง มึงก็ยังไม่เชื่อ ทำไมวะมันช์"


      พี่เติร์กพูดแต่เขายังคงหันหลังให้มันช์ไม่ยอมหันมาพูดกันดี ๆ ฟากมันช์จึงสวมกอดไม่ปล่อย และใช้ริมฝีปากขบเม้ม พรมจูบไล้ไล่จากลำคอไปยังใบหู


"ผมจะเชื่อพี่ ผมไม่งี่เง่าแล้ว ดีกันนะ พี่เติร์ก" มันช์ว่าก่อนจะชะโงกตัวไปจูบแก้มอีกฝ่ายแล้วสบตามองคนที่ยังคงทำหน้าบึ้งตึง



"เฮ้อ!!..."


"ไม่เอานะ ไม่ถอนหายใจแบบนี้ ผมขอโทษครับพี่เติร์ก" มันช์ว่าเสียงอ้อน เมื่อได้ยินพี่เติร์กหลุดถอนหายใจเสียงดังออกมา



"ไอ้ดื้อ" เติร์กบ่น แต่มันช์อมยิ้มเมื่อสุ้มเสียงนั่นดูอ่อนโยนลง มันช์แนบใบหน้าลงแผ่นหลังอุ่น ๆ



"ไม่ดื้อแล้ว ผมไม่ดื้อ เราไปคลายเครียดกันที่ทะเลนะพี่เติร์ก นะที่รักของผม"




     เติร์กใจกระตุก ตอนที่อีกฝ่ายป้อนคำหวาน และมันช์ไม่เรียกเปล่ากลับขยับใบหน้าขึ้นจากเดิม และใช้ปลายลิ้นเลียวนตั้งแต่ติ่งหูไปจนใบหู



"อยากไปไหน? ก็เลือกที่พักมา เดี๋ยวกูจ่ายให้"


"เย้! รักพี่เติร์กที่สุดเลย ที่รักของผม"



ฟอด


     มันช์หอมแก้มพี่เติร์กเต็มปอด มันช์รู้แล้วว่าเขาจะพยายามไม่วู่วาม และใช้อารมณ์ให้น้อยลงกว่าเดิม
.
.
.
.
"โอ้ยยยยย เห็นอย่างนี้หายเหนื่อยเลย" หลังจากที่มันช์ชวนพี่เติร์กว่าอยากมาทะเล สัปดาห์ถัดมา มันช์ก็ได้มาสมใจอยาก โดยมันช์ดึงแบงค์มาด้วยกัน หวังให้มันหายเครียดเรื่องขิง แต่ดูเหมือนว่า คนที่หายเครียดเรื่องขิงจะเปลี่ยนมาเป็นเรื่องพี่เต็นแทน เนื่องจาก แบงค์ไม่รู้ว่า มีพี่เต็นมาด้วย เนื่องจากมันช์ไม่ได้บอกก่อน



"อืม ดีแล้ว เดี๋ยวถึงที่พักก็ค่อยว่ากัน ว่าจะไปไหนอะไร ยังไง?"



   ตอนนี้ ทุกคนเออออและกำลังนั่งรอรถของโรงแรมเพื่อมารับไปยังที่พัก ตอนนี้ ทุกคนนั่งรอราวสิบห้านาที ก็แบกกระเป๋าขึ้นบ่าเดินตามพนักงานโรงแรมไปยังรถที่จอดไว้พร้อมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติรายอื่น ๆ ที่ก็เดินตามมาด้วยกัน กว่าสิบห้านาทีที่รถยนต์ได้ผ่านเส้นทางทั้งชันและคดเคี้ยวขึ้นไปตามไหล่เขา จนตอนนี้ ทุกคนเดินลงจากรถเพื่อเช็คอินก่อนเข้าพัก



    ในขณะที่ทั้งสี่คนรอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหนึ่งได้เช็คอินก่อน ทุกคนยืนมองวิวของโรงแรมจากระเบียงมุมสูงที่สามารถมองเห็นทะเล ภูเขาได้แบบพาโนรามา แม้จะมีลมแดดพัดผ่านชวนเหนียวเหนอะหนะและร้อนตัวอยู่สักหน่อย แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคในการมาเที่ยวทะเลแต่อย่างใด ขอแค่ได้พัก อาบน้ำ อาบท่าให้ชื่นใจก็พร้อมใจจะลงไปเหยียบย่ำผืนทรายละเอียดและเล่นน้ำทะเลให้สมกับการรอคอย



    มันช์ตื่นเต้นจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เขาเขย่าแขนพี่เติร์กและชี้นิ้วให้พี่เติร์กดูเกาะ ๆ หนึ่งที่ไกลสุดลูกหู ลูกตา



"สวยอะ ที่รัก"



กึก


     มันช์ลืมตัว นึกว่าอยู่กันสองคน เขาเม้มปากแน่นแล้วหันไปทำตาหยี หน้าแหย ๆ ใส่พี่เติร์กที่กลั้นขำแล้วดึงมันช์มาใกล้เพื่อโอบเอว



"โอ้ย! หมั่นไส้ อยากถีบคนมีความรัก"  แบงค์ทำเป็นพูดเสียงดัง เขาเบะปากใส่เพื่อน



"พี่เติร์กไปเช็คอินกันเถอะ อยากเข้าห้องแล้วอะ"



    มันช์หน้าชาและแดงแปร๊ดเพราะอาย เขาเกาคอแก้เก้อ ก่อนจะเกาะแขนคนรักดึงไปตรงที่พนักงานนั่งรอรับลูกค้า  เมื่อทั้งสี่เช็คอินเรียบร้อย จังหวะที่ทุกคนกำลังเดินตามพนักงานไปถึงครึ่งทาง แบงค์ที่เงียบอยู่นาน ตัดสินใจแทรก


"เดี๋ยว มันช์ ทำไมมีกุญแจสองดอก เราไม่ได้นอนบังกะโลกันเหรอวะ?"


   มันช์มองกุญแจที่ถืออยู่ในมือพี่เติร์กก็ทักบ้าง


"เออ พี่เติร์ก สรุปเรานอนห้องแบบไหน โฮเทล รูม หรือบังกะโล?" มันช์ถามคนรัก เพราะถ้าเป็นบังกะโลห้องก็ใหญ่โตจนสามารถนอนรวมกันได้ เขาจะให้กุญแจมาสองดอกทำไม

"อ้อ สงสัยกูเบลอตอนจองห้องกูคงกดประเภทห้องผิด เอาน่าแบงค์ ก็แค่นอนแยกกัน"


    แบงค์เงียบ ก่อนเรียกพนักงานที่เดินนำอยู่เพื่อสอบถาม



"ขอโทษนะครับพี่ ตอนนี้เราสามารถอัพเกรดห้องเป็นบังกะโลได้ไหมครับ ?"



"ทางเราขอเช็คจากระบบก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวเราจะโทรมาแจ้งให้ทางลูกค้าอีกที"


"ขอบคุณครับ"



"เพื่อนกูกลายเป็นคนเรื่องมากตอนไหนวะ" มันช์บ่น แบงค์ที่เดินตามหลัง ถีบเข้าที่ข้อพับด้านหลังเข่า จนมันช์ขาอ่อน เสียหลักจะล้มแต่เติร์กมือไวประคองแขนมันช์ได้ทัน


"ไอ้เชี่ยแบงค์แกล้งกูทำไมวะ"


"มึงด่ากู"


"เอ้าก็จริง แค่นอนแยกกัน ทำไมจะต้องวุ่นวายด้วย เรื่องมาก"


"ถ้างั้น มึงก็นอนกับกูสิมันช์" แบงค์เอ่ย แต่มันช์ยังไม่ทันเอ่ย พี่เติร์กก็โพล่ง


"ไม่ได้ นี่คือทริปฮันนีมูนของกู" กลายเป็นว่าแบงค์ไม่มีคนเข้าข้าง เพราะพี่เติร์กก็รีบแย้งทันที ทันใด ทำให้แบงค์เบะปากอย่างเซ็ง ๆ



"ใช่ พี่เติร์กพูดถูก" มันช์เสริมพี่เติร์ก



"เพื่อนกูแรดฉิบหาย" แบงค์บ่นพึมพำ ยามที่มันช์ก็รีบเออออรับคำคนรักของมัน  เดี๋ยวนี้ ดูมันช์มันไม่ค่อยอายเวลาพี่เติร์กพูดเรื่องความรักของทั้งสอง


    ในขณะที่มีคนหัวเสียเดินบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ยังมี อีกคนที่แอบมองมาตลอดก็ลอบถอนหายใจ ก่อนบอกทุกคน



"แบงค์ไม่ต้องกังวลนะครับ พี่จะเดินไปถามพนักงานที่ฟรอนท์ว่ามีห้องว่างไหม พี่จะจองเพิ่ม จะได้ไม่ต้องเถียงกัน"



    เต็นไม่อยากให้การมาเที่ยวรอบนี้หมดสนุก เขาจึงยอมจ่ายเพิ่มเพื่อตัดรำคาญ จังหวะนั้น เต็นหมุนตัวหันหลังกลับไปทางเดิมที่มา ก็เป็นจังหวะที่พนักงานพามาถึงหน้าห้องพอดี


"ไอ้แบงค์ กูถามจริงเหอะ ทำไม มึงต้องทำตัวรังเกียจพี่เต็นขนาดนั้นด้วยวะ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมา ก็พี่เต็นนั่นแหละ ที่คอยช่วยมึงจากอันตรายได้หวุดหวิดทุกครั้ง แทนที่จะดีกับเขา เสือกทำตัวรังเกียจเขาเหมือนเขาเป็นแมลงสาบอย่างนั้นน่ะ"


    เติร์กไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้น แต่การที่แบงค์ต้องทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้น เติร์กก็แอบส่ายหน้าระอา นี่ยังไม่ได้เที่ยวกันถึงไหนเลย ก็จะชวนสร้างบรรยากาศให้กร่อยกันเสียแล้ว เติร์กไม่อยากให้คนรักไม่สบายใจจึงพูดบ้าง



"มึงนอนกับมันช์ก็ได้ เดี๋ยวกูนอนกับเต็นเอง" เติร์กว่าจบ ก็ฝากกระเป๋ากับคนรัก และจะเดินตามพี่ชายไป ในขณะนั้นเอง แบงค์ชักรู้สึกแย่ที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนและสร้างปัญหาใหญ่โต


     แบงค์ทิ้งกระเป๋าไว้หน้าห้อง และวิ่งตามพี่เติร์กไป


"พี่เติร์กครับ เดี๋ยวผมบอกเขาเอง พี่ไปเก็บกระเป๋าเหอะ ไอ้มันช์ด่าผมจนหูชา มันงอแงอยากอยู่กับพี่แล้ว" แบงค์บอก ฟากเติร์กพยักหน้ารับ และเจ้าตัวก็วิ่งไปหาพี่เต็นที่นั่งเจรจากับพนักงานของโรงแรมอยู่


"สรุปจะจองเพิ่มหนึ่งห้อง สองคืนนะคะ"


"ครับ"


"แต่ก่อนอื่น ต้องแจ้งให้คุณลูกค้าทราบว่า  ทางเราไม่มีห้องติดกันแล้วนะคะ ห้องที่คุณลูกค้าทำการจองใหม่นี้จะอยู่คนละชั้นเลยค่ะ"


"ไม่เป็นไรครับ/ ไม่เอาแล้วครับ" เต็นหันหลังไปมองคนที่มาใหม่



"ขอโทษที่ทำให้วุ่นวาย พอดี ผมจะนอนกับเขาแหละครับ" แบงค์บอกพนักงานรีเซ็ปชั่น


   เต็นเอียงคอมองแบงค์ที่ยืนค้ำหัวอยู่


"แน่ใจนะ แบงค์"


"แน่ใจครับ"



    ทั้งสองขอโทษพนักงานอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับห้องไปยังทางเดินที่สองข้างทางประดับประดาไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ทั้งต้นเฟื่องฟ้าเอย ต้นลีลาวดีเอย มองไปนาน ๆ ก็เพลินตาดี และเมื่อถึงห้องพัก เพียงประตูห้องนอนเปิดออกกว้าง ทั้งสองก็สัมผัสได้ถึงความสดชื่น เมื่อลมเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากายหนาและใบหน้า แบงค์ถอดรองเท้า เตรียมจะวิ่งไปนอนแผ่หราบนเตียงชะงัก เมื่อเห็นว่าเป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ ไม่ใช่เตียงคู่


"พี่นอนโซฟาได้นะ" เต็นบอกทันทีที่เห็นแบงค์เก็บสีหน้าไม่อยู่ตอนเห็นเตียงขนาดคิงไซส์


"ไม่ต้องหรอกคุณ แค่คุณนอนห่าง ๆ ผมก็พอ"


"เลิกเรียกคุณได้ไหม?" เต็นบอกเสียงเศร้าตอนที่หย่อนกายลงนั่งบนเตียงข้างคนที่นั่งเอามือลูบเตียงกว้าง



    แบงค์เงียบมองหน้าคนที่ลำบากใจ เขาไม่ตอบ แต่กลับลุกไปคุ้ยเสื้อผ้าในกระเป๋า เพื่อจะพกเข้าห้องน้ำ เมื่อได้เสื้อผ้าชุดใหม่ แบงค์เดินไปคว้าผ้าขนหนูที่ถูกพับเป็นรูปช้างติดตัวไปด้วย ในจังหวะนั้น



"ผมร้อน ขออาบน้ำก่อนนะครับ พี่เต็น"



    คนที่นั่งหน้าซึมในตอนแรก แอบผุดรอยยิ้มกว้าง ตอนที่ได้ยินแบบนั้น เต็นพยักหน้าพร้อมตอบรับ และแบงค์ก็เดินหน้านิ่งผลุบหายเข้าห้องน้ำไป...



...............................................
.
อร้ายยยย  :mew1: :mew1::o8: :o8: :o8:
[/b]
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 22 ที่รัก - [2 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-04-2019 21:47:44
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 22 ที่รัก - [2 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2019 22:36:43
 :pig4: :pig4: :pig4:


ดีนะที่แบงค์คิดได้ว่าจะทำให้งานกร่อย

ขอให้เคลียร์ความรู้สึกกันได้เถอะนะ

ให้แบงค์ได้มีคู่กับเขาบ้าง ถึงแม้จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างก็เหอะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 22 ที่รัก - [2 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-04-2019 09:28:42
ขอให้ความรักของมันช์กับพี่เติร์กมั่นคง แข็งแกร่งไปเรื่อยๆ นะ
ตอนนี้ขอชูป้ายไฟเชียร์แบงก์กับพี่เต็น
อร๊าย ๆๆๆๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 22 ที่รัก - [2 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-04-2019 10:34:24
สงสารแบงค์นะ พลาดท่าเพราะเมา เมาก็เพราะผิดหวังความรัก
ได้แต่หวังว่าพี่เต็นจะรักจริง ไม่หลอกแบงค์
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 22 ที่รัก - [2 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-04-2019 10:35:46
ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ได้กันเพราะเมาซะเท่าไหร่สงสารแบงค์นะ
พลาดท่าเพราะเมา เมาก็เพราะผิดหวังความรัก
ได้แต่หวังว่าพี่เต็นจะรักจริง ไม่หลอกแบงค์
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 22 ที่รัก - [2 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 04-04-2019 10:34:14
ได้กันๆอีกๆ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 23 ให้โอกาสพี่นะ - [5 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-04-2019 21:47:28
บทที่ 23 ให้โอกาสพี่นะ






 

   และในคืนแรกทุกคนไม่ได้ทำอะไร นอกจากมานั่งตั้งวงกินเบียร์ที่ระเบียงห้องพักของเติร์ก ทั้งสี่คนก็แลกเปลี่ยนเรื่องวนกันไป ตั้งแต่เรื่องมีสาระจนเรื่องที่หาสาระอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่ง...

 

 

"พี่ ๆ ครับ ผมมีคำถาม ถ้าพรุ่งนี้เช้า พี่รู้ตัวว่าจะตาย พี่จะทำอะไรกันบ้าง?" มันช์ถามเสียจนเสียงหัวเราะก่อนหน้า ชะงักงันทันที

 

"หืม คำถามยากจังครับ? ไม่ตอบได้ไหม?"  เต็นบอก

 

"ตอบเถอะนะ ผมอยากรู้ เอาผมก่อนก็ได้ ผมจะขอโทษทุกคนที่ผมเคยทำไม่ดีไว้ผมจะอยู่กับพ่อแม่ และคนรักของผมทุกคนในวันนั้น" มันช์ว่า และมองไปทางเติร์ก ฟากเติร์กแต้มยิ้มบนใบหน้า และดึงมือเรียวของมันช์มาวางบนตัก

 

 

"พี่ขอลอกคำตอบครับ"

 

"โห พี่เต็นครับ ไม่ตอบให้มันแตกต่างหน่อยเหรอ?"

 

"ไม่ครับ" เต็นยิ้ม

 

"พี่เติร์กล่ะ"

 

"กูเหมือนมึง เพิ่มเติม คือ กูคงแก้ผ้าเที่ยวทะเล ทำอะไรที่สุดโต่ง หรืออะไรก็ได้ที่กูไม่เคยทำในชีวิตมาก่อน" เติร์กตอบหน้าเรียบเฉย ส่วนมันช์ก็อมยิ้มเออออก่อนหันไปหาแบงค์

 

"มึงอะ แบงค์"

 

"ถ้าไหน ๆ จะตายแล้ว กูคงไม่สนอะไร โทรบอกรักคนในครอบครัวเสร็จ ก็คงมีเซ็กซ์กับคนที่กูรักทั้งวัน ทั้งคืนว่ะ" แบงค์บอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง และคนที่นั่งมองแบงค์มาตลอด ก็วางกระป๋องเบียร์ลงโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางเบา

 

 

"เซ็กซ์ที่ว่านั้น กับพี่หรือครับ?"

 

 

"หืออออ นี่ใช่พี่เต็นที่ผมรู้จักไหมเนี่ย? ไม่คุ้นเลยแฮะ นี่ผมเขินแทนแบงค์เลยนะครับ" มันช์แซวรุ่นพี่ แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ถูกพาดพิงกำลังโกรธเคือง

 

 

"แต่กูไม่เขินและไม่ขำว่ะ มันช์ กูกลับห้องก่อนนะ" แบงค์เหลือบมองพี่เต็นที่หุบยิ้มแทบไม่ทัน เขาลุกขึ้นเดินหนีไปดื้อ ๆ ส่วนเต็นก็ทำหน้าหนักใจ มองน้องชายสลับกับรุ่นน้อง

 

 

"พี่ขอโทษนะครับ ทำให้เสียบรรยากาศจนได้"

 

    คู่รักต่างวัยรู้สึกเศร้าแทน เมื่อเห็นหน้าพี่เต็นดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งมันช์และเติร์กต่างอยากรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าคนช่วยเหลือกันแน่ ๆ

 

"พี่เต็นไม่ผิดหรอกครับ แต่พี่เข้าหามันผิดจังหวะไปหน่อย" มันช์บอก

 

"ยังไงครับ?" เต็นงง จึงถาม เพราะแน่นอนว่า การรู้จักของทั้งสองก่อนหน้านั้นค่อนข้างผิวเผิน

 

 

"เพื่อนผมเพิ่งอกหักมาครับ"

 


    เต็นเงียบเชียบลงทันตา เขาไม่รู้มาก่อนว่า แบงค์เพิ่งผิดหวังจากความรัก  และแล้วความรู้สึกผิดก็ยิ่งก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อหวนนึกถึงคราวที่เต็นและแบงค์กำลังมีเซ็กซ์กัน ถ้าเต็นอดทน อดกลั้นต่อการถูกยั่วยวนจากคนเมาได้สักหน่อย เรื่องราวระหว่างเขาสองคนคงดีกว่านี้

 

     และแล้ว เต็นก็ประติดประต่อเรื่องราวเอง

 

     'อย่าบอกนะว่า การที่แบงค์ยอมมีอะไรกับเขาในคืนนั้น นั่นเกิดจากการที่อีกฝ่ายประชดรัก'

 

"เฮ้อ! ไม่น่าล่ะ พี่จะไปขอโทษแบงค์นะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนกร่อย"

 

"อย่ากังวลพวกผมเลยครับพี่ ส่วนเรื่องความรู้สึกไอ้แบงค์ช่วงนี้มันเปราะบางง่าย พี่ไปเคลียร์กับแบงค์เถอะครับ"

 

"ขอโทษนะ"

 

"พี่เต็นครับ"

 

       เต็นหันหลังไปหารุ่นน้องเอียงคอมองอย่างมีคำถาม

 

"พี่ชอบแบงค์จริง ๆ ใช่ไหมครับ?" มันช์สังเกตท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสอง จนทนไม่ไหวต้องตัดสินใจถาม





"เอ่อะ ก็ทำนองนั้นครับ" เต็นยิ้มเขิน ๆ พลางเกาคอแก้เก้อ

 

"ถ้าพี่สนใจแบงค์จริง ๆ ผมเชียร์เต็มที่และอยากให้เป็นพี่นะที่เข้ามาดูแลความรู้สึกมัน"

 

"ครับ"

 

 

     เต็นเดินมาถึงหน้าห้องพลางลอบถอนหายใจ มองบานประตูทึบอยู่เนิ่นนาน เพราะไม่กล้าเคาะ สักพักใหญ่ ๆ ที่เต็นตัดสินใจยกกำปั้นทุบประตูไม้เบา ๆ ไม่นาน แบงค์ก็เปิดประตู เต็นเดินตามหลังแบงค์ไปเงียบ ๆ จนสุดท้าย เขาก็เอ่ยอย่างไม่รีรอ

 

"เรื่องเมื่อกี้ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แบงค์รู้สึกไม่ดี พี่ขอโทษนะครับ"

 

"ช่างมันเหอะ ผมง่วงขอนอนก่อน" แบงค์พูดห้วน ๆ ราวกับมะนาวไม่มีน้ำ ทั้งยังเดินหนี ปีนขึ้นเตียง ทิ้งให้เต็นยืนค้างกลางห้อง ไปต่อไม่ถูก  ดูเหมือนว่า ยามนี้ เต็นจะทำอะไรก็ผิด จะชวนคุยให้สนุกสนานเพียงใด ดูแลอีกฝ่าย ประคบประหงม ดั่งไข่ในหินมากเท่าไหร่ ก็เหมือนสูญเปล่า

 

'ถ้าชอบน้องเขาจริง อดทนไว้นะ สักวันน้องเขาคงเห็นสิ่งที่เราทำ ไอ้เต็น'

 



      เต็นเดินไปล้างหน้า ล้างตาเพิ่ม จากที่ก่อนหน้าอาบน้ำมาแล้วหนหนึ่ง คนที่จัดการธุระตัวเองเสร็จ ก็หยุดชะงัก เมื่อแบงค์นอนกลางเตียง เขาเดินเงียบ ๆ ไปหย่อนกายลงนั่งที่โซฟาตรงปลายตีนเตียง และทิ้งตัวลงนอน แม้จะไม่ง่วง แต่ต้องข่มตาหลับ เพื่อเติมแรงง้อคนที่สนใจในวันพรุ่งนี้

 

      ตกกลางดึก แบงค์ที่ตื่นขึ้นมาเพราะปวดฉี่ เขาลุกไปเปิดไฟและเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเขาทำธุระเสร็จก็พบว่า พี่เต็นนอนขดตัวอยู่ที่โซฟา ดูอย่างไรก็มองออกว่า นอนได้ยากลำบาก แถมไม่มีผ้าห่มคลุมตัวอีกต่างหาก ขืนนอนตากแอร์อย่างนี้ก็หนาวแย่

 

       แบงค์ยืนนิ่ง ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขากำลังหาทางออกให้อีกฝ่าย ครั้นจะปลุกให้ไปนอนบนเตียงด้วยกันก็ใช่เรื่อง คนกำลังเข้าสู่ช่วงนิทราอย่างสบายเช่นนั้น แบงค์จึงเดินไปอีกสองสามก้าว คว้าผ้าห่มสีขาวของโรงแรมผืนหนาหนัก มาคลุมตัวให้พี่เต็น ส่วนตัวเองก็ใช้ผ้าฝ้ายผืนบางที่พกติดตัวมาห่มแทน ซึ่งมันก็ช่วยกันหนาวได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น

.

.

.

.

      ในวันต่อมา หลังจากที่กินอาหารเช้ากันเสร็จ นั่งเล่นที่ห้องกันชิล ๆ อีกสักหน่อย บ่ายคล้อย ทั้งสี่คนเลือกเช่ามอเตอร์ไซค์กันสองคันเพื่อจะได้ขับเที่ยวให้ทั่วจนหนำใจ

 

"ผมขี่เอง" จะไม่มีเรื่องให้ชวนทะเลาะเลย ถ้าร้านเช่ามอเตอร์ไซค์มีรถเหลือมากกว่านี้ พอเหลือแค่สองคันสุดท้าย คนที่ไม่อยากเป็นคนนั่งซ้อนท้าย ก็ยืนกรานจะเป็นคนขี่ให้ได้ จนเต็นได้แต่ลอบถอนหายใจ เพราะไม่อยากขัดหรือเถียงให้ทะเลาะกันเป็นเรื่องบานปลายอีก

 

 

"แบงค์มั่นใจนะว่าจะขี่บนถนนแบบนี้ได้" เต็นย้ำเพราะห่วงทั้งสุขภาพตัวเองและคนขับขี่ เนื่องจากถนนชันและขรุขระ หนำซ้ำยังเป็นถนนไต่ขึ้นเขาที่ชวนน่ากลัว หากขับขี่ไม่ชำนาญอาจล้มกลางทางได้

 

"ถ้าพี่ไม่ไว้ใจ จะเดินก็ได้นะ" แบงค์ย้ำ เต็นจึงเดินเงียบ ๆ ไปซ้อนท้ายคนที่มั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์

 

   เวลานี้ รถมอเตอร์ไซค์ของน้องชายออกตัว มุ่งหน้าไปก่อนได้สักพัก ส่วนรถของแบงค์ก็เพิ่งไล่ตามไป ขับขี่มาได้สักระยะ จนเมื่อถึงทางโค้งลงไหล่เขา

 

โครม

 

 

"โอ้ย สัดเอ้ย!" แบงค์เสียหลักตอนสุนัขตัดหน้าและเป็นจังหวะเลี้ยวโค้งพอดี ตอนนี้ ทั้งรถ ทั้งคนขับไถลไปตามถนนกว่าห้าสิบเมตร ส่วนเต็นที่เป็นคนซ้อน กลิ้ง กระเด็นลงข้างทาง

 

     เต็นรีบลุกไปดูโดยไม่ห่วงตัวเอง ฟากแบงค์กัดปากกลั้นความเจ็บเมื่อมองแผลทั้งแขนและขาข้างขวา ที่ผิวหนังครูดไปกับพื้นถนนจนเป็นรอยถลอกทางยาวและเลือดไหลซิบ ๆ

 

 

"แบงค์เป็นอะไรมากไหม?"

 

    แบงค์สบถด้วยความเจ็บ ก่อนจะสะบัดมือพี่เต็นที่กำลังสอดมือเข้าใต้รักแร้เพื่อพยุงขึ้น

 

"อย่ามายุ่ง"

 
 

"แบงค์เจ็บอยู่ ก็ให้พี่ดูแลสิครับ"    เต็นตอบกลับด้วยเสียงดุ ๆ เขาเป็นห่วงแบงค์เพราะพบแผลหลายที่

 

   เต็นรีบวิ่งกลับไปคว้าน้ำขวดเล็กจากในกระเป๋าผ้าที่พกมาด้วยแต่ร่วงอยู่กลางถนน เขาหมุนฝาขวด เทน้ำลงแผลเพื่อจะทำความสะอาดแผลให้แบงค์ แต่เทไม่ทันเท่าไหร่ แบงค์ปัดมือเต็นออกจนขวดน้ำที่เต็นถือหลุดจากมือกลิ้งหลุน ๆ ไปตามพื้นดิน

 

 

"ก็บอกแล้วว่า อย่ามายุ่ง ไม่ได้ยินหรือไงวะ"

 

    แบงค์หงุดหงิดที่ตัวเองรถล้มไม่พอ ยังมีคนมาวุ่นวาย ประคบประหงมจนน่ารำคาญ แบงค์ยันกายอย่างดื้อรั้น ดึงดันจะลุกขึ้นเอง แต่กว่าจะทรงตัว โดยไม่มีคนช่วย เขาก็เจ็บจนน้ำตาไหล

 

 

"แบงค์ ทำไมต้องทำตัวเข้มแข็ง ทั้งที่จริง ก็อ่อนแออยู่ ให้พี่ดูแลมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ ?" แม้เต็นจะไม่พอใจแค่ไหน แต่น้ำเสียงก็ยังคงเรียบเฉย ไม่ได้ดูน่ากลัวสักนิด

 

 

"ผมเป็นผู้ชายดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องมาทำเหมือนผมเป็นสาวร่างบางได้ไหมวะ หรือถ้าคิดจะทำดีเพื่ออยากเอาผมอีกล่ะก็ ไม่มีทาง เลิกเล่นละครได้แล้ว"

 

   เต็นสบตาแบงค์ด้วยความเสียใจอย่างหนัก ทำไมการที่เขามอบความหวังดี จริงใจให้อีกฝ่าย กลับถูกต่อว่า และดูถูกดูแคลนจนไม่เหลือชิ้นดี

 

 

"ทำไมแบงค์คิดแบบนี้ ที่พี่ช่วยแบงค์ พี่ไม่ได้มองว่าแบงค์เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่พี่มองว่าแบงค์คือคนที่บาดเจ็บ และพี่ก็เป็นห่วง พี่เสียใจนะที่แบงค์ดูถูกความหวังดีของพี่แบบนี้ ถ้างั้นแบงค์จะทำอะไรก็ทำเลย พี่จะไม่ยุ่งแล้วครับ" เต็นตัดพ้อแล้วลุกขึ้นเดินช้า ๆ ไปยกมอเตอร์ไซค์ขึ้นแล้วจูงลงเขาไป ปล่อยให้แบงค์สบถไม่เป็นภาษา

 

 

[เออว่าไง มึง]

 

"มึงมารับกูหน่อยมันช์ กูกับพี่เต็นรถล้ม" หลังจากทะเลาะกัน แบงค์ก็โทรหามันช์ทันที

 

[เฮ้ย! มึงรถล้มตรงไหนวะแบงค์ กูจะให้พี่เติร์กขับย้อนไป] มันช์ถามเสียงร้อนรน

 

"ก่อนจะลงถนนใหญ่"

 

 

[เออ ๆ มึงกับพี่เต็นรอกูก่อนนะ อย่าไปไหน]

 

"อืม"

 

     เมื่อแบงค์วางสาย เขาลอบถอนหายใจที่อีกฝ่ายเดินไปไม่รอ แบงค์ไม่รู้เป็นอะไร ยิ่งอีกฝ่ายดูแลและทะนุถนอมแบงค์ดีมากเท่าไหร่ แบงค์กลับนึกไม่ชอบใจมากเท่านั้น เขาสบถออกมาเสียงดัง ก่อนจะเดินกระเผลก ๆ เขย่งคล้ายกระต่ายขาเดียว

 

"เชี่ย โธ่เว้ย!!'

 

   แบงค์หงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่สนใจกันจริง ๆ และแม้ว่าแบงค์พยายามเดินเร็วเร่งตามคนข้างหน้า แต่มันก็ไวไปกว่านี้ไม่ได้

 

   

"พี่เต็น รอผมด้วย"

 

   แม้จะตะโกนบอก แต่พี่เต็นยังคงเดินต่อไม่รอกันสักนิด

 

"พี่เต็น ไอ้มันช์จะมารับเรา พี่ไม่ต้องเดินแล้ว หยุดสักทีได้ไหมวะ?"

 

 

    เหมือนอีกฝ่ายทำหูทวนลม ยิ่งเพิ่มระดับความหงุดหงิดใจสำหรับคนที่ด่าว่าเขาไปก่อนหน้า ต้องยอมลดอีโก้ลง

 

 

"พี่เต็น ผมขอโทษที่ปฏิเสธความหวังดีของพี่ แต่พี่ช่วยหยุดได้ไหมครับ ผมเจ็บ ผมเดินไม่ไหวแล้ว"

 

   ทันใดนั้น คนที่เดินนำหน้าไปไกลก็หยุดเท้า แล้วหันหลังมามองโดยที่ยังประคองรถอยู่

 

   เต็นตั้งขาตั้งรถมอเตอร์ไซค์และพักรถ ก่อนจะเดินกลับมาหาแบงค์เพื่อประคองตัวคนเจ็บกว่า

 

 

"ก็ทำตัวเป็นเด็กดีได้นี่ครับ" เต็นบอก แบงค์เสมองไปทางอื่นอย่างเซ็ง ๆ ทั้งสองยืนรอมันช์ขับย้อนมารับ แบงค์ที่วกสายตากลับมามองคนข้าง ๆ ก็พบแผลถลอกของอีกฝ่าย เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเห็นแก่ตัวที่นึกถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง

 

 

"พี่ก็มีแผลเหมือนกัน"

 

"ห่วงพี่ด้วยเหรอครับ?" เต็นยิ้มอย่างกระตืนรือร้นที่เห็นอีกฝ่ายถามกลับ

 

"ไม่ได้ห่วง ผมถามเป็นมารยาทครับ"

 

"เฮ้อ! ทำไมชอบพูดจาทำร้ายน้ำใจกันจังครับ"

 

 

     แบงค์มองหน้าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนน้อยใจก็ทำได้แค่เงียบ เพราะไม่รู้จะต้องตอบอย่างไรให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่รอไม่นานนัก รถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนก็บึ่งมาหายังจุดนัดพบ

 

"เชี่ย! แบงค์แผลมึง" มันช์ทำหน้าตกใจ เมื่อเห็นแผลของเพื่อนมีเลือดซึมออกมา

 

 

"เออไกลหัวใจ พาไปร้านยาหน่อย"

 

 

"ไม่ได้นะ แบบนี้ กูว่าไปคลีนิคเถอะมึง" คนที่บึ้งตึงตอนแรกแอบยิ้ม เมื่อเห็นเพื่อนร้อนรนอย่างเป็นห่วง

 

"ขอบใจที่เป็นห่วง แต่กูไม่เอาหรอก บนเกาะแบบนี้ แค่ค่ากิน ค่ารถยังแพงหูฉี่ ค่ารักษากูไม่ต้องขายตัวเลยหรอวะ กูไม่ได้เผื่อตังค์มาหาหมอหรอกนะ ใครจะคิดว่ามาเที่ยวทะเล ต้องเจ็บตัววะ พี่หัวเราะอะไรครับ?" แบงค์ตอบเพื่อน แต่พอได้ยินเสียงคนหลุดหัวเราะจึงหันไปหาคนที่ยืนอมยิ้มแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

 

"เปล่าครับ"

 

"เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่ว่าหัวเราะ"

 

"ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ แบงค์ไปคลีนิคเถอะครับ เดี๋ยวพี่จ่ายให้"

 

"ไม่ต้องมายุ่ง แล้วทำไมต้องหัวเราะ เห็นผมเป็นตัวตลกเหรอไงวะ?"

 

"เฮ้อ เปล่าครับ พี่ไม่ได้มองแบงค์เป็นตัวตลก พี่แค่นึกคำที่แบงค์บอกขายตัว แล้วจินตนาการว่า ถ้าแบงค์มาขายตัวกับพี่แล้วอ้อนขอเงินพี่จ่ายค่าหมอจะเป็นยังไงนะ ก็แค่นั้น"




กึก

 

   ครู่หนึ่ง แบงค์เกิดอาการใจเต้นรุนแรง จนเขาหน้าแดงก่ำ และพอหันไปทางเพื่อนก็พบสายตาล้อเลียนมองมา แต่พอแบงค์จะด่ากลับ เต็นก็รีบท้วง

 

 

"เรารีบไปกันเถอะครับ พี่กลัวแผลแบงค์จะอักเสบกว่านี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินครับ บอกว่าจ่ายก็จะจ่ายให้"

 

 

         จัดการบาดแผลและค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ทั้งสี่ก็เดินออกมาจากคลีนีค เต็นมีผ้าพันแผลนิดหน่อยแค่ช่วงฝ่ามือและแขน ส่วนแบงค์เต็มไปด้วยผ้าก๊อตที่ถูกพันทั้งแขน และขา มือหนาก็ยังถือถุงยามาด้วย เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่ายโดยรวมของเต็นและแบงค์ก็ล่อไปสี่พันกว่า ซึ่งพี่เต็นยืนกรานเสียงแข็งเลยว่าจะออกให้ทั้งหมด ยิ่งทำให้แบงค์รู้สึกผิดปนไม่เข้าใจว่า พี่เต็นดีโอเว่อร์ไปหรือเปล่า ? แม้แผลรถล้มจะถูกรักษาเรียบร้อย แต่ทุกคนยังเป็นห่วงแบงค์อยากให้พักที่ห้อง ไม่ต้องไปทะเล แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้เพื่อนกร่อย แบงค์ตัดสินใจมาด้วยและนั่งรอเพื่อนเล่นน้ำที่ชายหาด

 




        แก็งค์ต่างวัย เดินก้าวยาว ๆ ไปยังเวิ้งชายหาดเล็ก ๆ ที่ไร้ผู้คน ซึ่งมีโขดหินสูงโผล่ขึ้นมากมายแทรกตัวตามชายหาด ราวกับพบความลับแห่งใหม่ที่ไม่มีใครค้นพบ เพราะพื้นที่แห่งนี้ มีแต่สี่คนได้จับจองเป็นเจ้าของ

 

 

       เมื่อแบงค์พร่ำบอกซ้ำ ๆ  ว่าไม่ต้องเป็นห่วง มันช์และเติร์กคลายความกังวลใจจึงลงไปเล่นน้ำทะเลทันที ทิ้งให้แบงค์และเต็นนั่งรออยู่บนผ้าลายฮาวายผืนบางที่มาปูรองนั่ง

 

       เต็นยิ้มนั่งมองคนหน้าบึ้งตึง คล้ายกำลังตั้งเกราะกำแพงสูงเพื่อบังเต็นไว้ให้ห่าง ถึงอย่างไร เต็นจะลองสู้ดูสักตั้ง กับการปีนข้ามกำแพงไปหาคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

        เต็นดึงสลักเปิดกระป๋องน้ำอัดลม ใส่หลอดดูดแล้วยื่นไปให้แบงค์ ฟากแบงค์นิ่งไปนิด พลางมองพี่เต็นก่อนถาม

 

 

"พี่ทำแบบนี้กับทุกคนที่วันไนท์เลยเหรอ?"

 

"ไหนว่าบอกให้พี่ลืมเรื่องนี้ไงครับ!"

 

กึก

 

    แบงค์เงียบทันที่ที่โดนสวนกลับ พูดมาแบบนี้ ไม่ต่างกับกลืนน้ำลายตัวเอง



"พี่ไม่เคยวันไนท์กับใคร ยกเว้นแบงค์ แบงค์เป็นคนแรกที่พี่ทำแบบนั้นครับ"

 

 

     แบงค์ใจกระตุก รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เขาเบนหน้าหนีไปทางอื่นและเงียบงัน เหลือไว้เพียงเสียงคลื่นทะเลซัดสาด และเสียงของเพื่อนรักที่ตะโกนด่าแฟนตัวเองอยู่ไกลกลางทะเลนั้น

 

 

"ผมขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บด้วยนะครับ"

 

 

"ไม่เป็นไร แผลพี่น้อยกว่าแบงค์อีกครับ"




    เมื่อเห็นอีกฝ่ายผุดรอยยิ้มละมุน ละไม แบงค์ก้มหน้า และเอ่ย

 

"ผมขอไปเดินเล่นก่อนนะ"

 

 

"ให้พี่ไปด้วยนะ"

 

"อย่าเลยครับ ผมอยากเดินเล่นคนเดียว"

 

    แบงค์ตอบ ผุดลุกขึ้นและเดินกระเผลก ๆ ไปจนถึงโขดหินใหญ่ เขาเดินไปพิงหิน แหงนมองท้องฟ้าอันปลอดโปร่ง แดดจ้าจนแสงแยงตา เขาค่อย ๆ หลับตาลงพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ในขณะที่สมองคิดอยู่ไม่กี่เรื่อง เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังจนคนที่กำลังเคลิ้มไปกับสายลมทะเลอ่อน ๆ กดสายตามองโทรศัพท์ที่เพิ่งล้วงออกมาจากกระเป๋า

 

"ฮัลโหล"

 

[แบงค์ นี่ขิงนะ]

 

 

   แบงค์ชะงักแบงค์แปลกใจว่าทำไมขิงถึงใช้เบอร์อื่นโทรมา เพราะถ้าเป็นเบอร์ของขิงเอง แบงค์จำได้ขึ้นใจ

 

"โทรมาทำไม?"

 

[แบงค์บอกมันช์หรอครับ เรื่องระหว่างเราน่ะ ทำไมถึงต้องเอาเรื่องเราไปพูดด้วย เรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่เราเคลียร์กันเองได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปเล่าให้มันช์ฟังแบบนี้"

 

"เราเล่าแล้วจะทำไม?"

 

[เราไม่อยากให้มันช์เครียด หวังว่าแบงค์คงเข้าใจเรานะ]

 

"อย่าบอกนะว่าขิงชอบมันช์ แต่ไอ้มันช์มีพี่เติ..."

 

ตื้ดด!

 

    ขิงไม่รอฟังแบงค์ให้พูดจบก็ตัดสายอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยให้ปลายสายนั่งกำโทรศัพท์แน่นด้วยความเจ็บใจ

 

"ขิงโทรมาว่ากู เพื่อปกป้องมันช์เนี่ยนะ!"

 

     หากที่ผ่านมา ขิงชอบมันช์มาตลอด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ขิงจะปล่อยเนื้อ ปล่อยตัวยอมมีเซ็กซ์กับเขาทำไม

 

"เฮ้อ!" แบงค์ถอนหายใจยาว เขาอุตส่าห์ทำใจได้แล้ว เพียงขิงโทรมาโดยเฉพาะการโทรมาเพื่อปกป้องใครอีกคนอย่างออกนอกหน้า ยิ่งได้ยินก็ยิ่งเจ็บปวด แบงค์คงทำได้แค่เงียบเข้าไว้ เพราะไม่อยากสร้างเรื่องเพิ่มให้คนที่รักกันดีอย่าง มันช์และพี่เติร์กต้องมาทะเลาะกันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก

 

"แบงค์ครับ พวกนั้นจะกลับห้องไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำของโรงแรมต่อ เรากลับกันเลยนะ"

 

"ครับ" แบงค์ขยับเท้า เต็นโผเข้าประคอง พอเห็นอีกฝ่ายอ้าปาก

 

"ค่อยด่าพี่ตอนแบงค์แข็งแรงแล้ว โอเคไหม?" แบงค์หุบปากฉับ และไม่พูดอะไรอีก

 

     เมื่อถึงห้อง คนที่อยากลงไปนั่งเล่นที่สระว่ายน้ำชักเดินไม่ไหว สงสัยใช้แรงขามากเกินไป ตอนนี้ แบงค์ถึงเจ็บ ชา และตึงบริเวณแผล จึงกลายเป็นว่า แบงค์ต้องมานั่งสงบเสงี่ยม เจียมตัวอยู่ริมระเบียง โดยมีเต็นคอยเฝ้า คอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ไม่ไปไหน  คนที่นึกถึงแต่ตัวเองเหลือบมองแผลบนตัวขออีกฝ่าย จะว่าไป แบงค์เห็นพี่เต็นทำหน้าเหยเกอยู่ตลอด จนนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี่ที่เขาบ่นพี่เต็นเรื่องขี่มอเตอร์ไซค์ช้าอย่างกับเต่าคลาน ต้นเหตุที่แท้จริงคืออะไร

 

"หือ แบงค์มองพี่ทำไมครับ?"




"ก่อนหน้าที่พี่ขี่มอตอร์ไซค์ พี่เจ็บแผลใช่ไหม? ทำไมถึงไม่บอกผม" แบงค์ว่าเสียงเข้ม




"บอกแล้วได้อะไรครับ แบงค์ก็ไม่ได้ห่วงพี่อยู่ดี"

 

 

"พี่ทำดีกับผมเพื่ออะไร? ผมไม่เข้าใจ พี่ควรเลิกสนใจผมจะดีกว่านะ"

 

"พี่อยากแก้ตัวครับ"

 

"แก้ตัว?" แบงค์ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ

 

 

"ใช่ครับ แก้ตัวกับเรื่องที่ผ่านมา แบงค์จำได้ไหมที่พี่บอกว่าครั้งแรกเราเจอกันด้วยสถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่คราวนี้ พี่จะขอแก้ตัวด้วยการเริ่มต้นใหม่"

 

     แบงค์มองพี่เต็นเงียบ ๆ แล้วจู่ ๆ คนที่ยืนพิงระเบียงก็ปรี่มาประชิดตัวคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ และใช้มือข้างที่ไร้แผลแตะลงบนสันกรามอีกฝ่าย จนแบงค์เงยหน้ามาสบตา ก่อนหลุบตาลงต่ำมองแผลตัวเอง

 

"พี่อยากรู้จักแบงค์ให้มากกว่านี้ อยากทำความเข้าใจตัวแบงค์ให้มากกว่านี้ พี่จะจีบแบงค์ครับ "

 

"อย่าดีกว่าครับ"

 

"อย่าเพิ่งปิดกั้นโอกาสกันสิ ขอโอกาสพี่อีกครั้ง รับรองว่า พี่จะดูแลทั้งแผลกายและแผลใจของแบงค์ที่มีคนเคยทำร้ายให้หายดี" เต็นว่าก่อนจะย่อตัวลงนั่งตรงหน้าของแบงค์ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือของรุ่นน้องทั้งสองข้าง

 

"ให้โอกาสพี่นะครับ แบงค์" เต็นช้อนตามองพลางยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้มลงจูบหลังมือแบงค์ที่เขากุมไว้อยู่






.....................................

 
พี่เต็นละมุนจังคะ ? :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 23 ให้โอกาสพี่นะ - [5 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-04-2019 22:04:23
 :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 23 ให้โอกาสพี่นะ - [5 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2019 23:55:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนเริ่มเรื่องแรก ๆ ไอ้เราก็นึกว่าอินังขิงเนี่ยต้องเป็นนายเอกแน่เลย

แต่พอเรื่องราวเปิดเผยมากขึ้น  กลายเป็นอินังขิงเนี่ย นางอิจฉา ตัวร้าย และอื่น ๆ ที่ไม่ดีนี่เอง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 23 ให้โอกาสพี่นะ - [5 เมย.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-04-2019 10:39:51
แบงค์เปิดใจหน่อยก็ดีนะ ถึงตอนแรกเจอกันได้ไม่ดีแต่ต่อไปอาจจะดีขึ้นก็ได้
แต่บางทีเราก็รู้สึกรำคาญพี่เต็นที่คอยตามแบงค์ตลอดเหมือนกันไม่รู้ทำไม
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 24 แฟนเก่า - [9 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-04-2019 21:49:36
 

บทที่ 24 แฟนเก่า

 


 

 

       แบงค์นั่งมองคนที่ทำดีใส่จนน่าใจหาย เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปวางมือหนาลงบนราวระเบียงทอดสายตามองท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล พร้อมเกาะน้อย ใหญ่ที่อยู่ไกลลิบ พลางกวาดสายตามองรอบๆ บริเวณจนบรรจบที่พระอาทิตย์ฝั่งขวามือกำลังลาลับขอบฟ้า

 

 

"วิวสวยดีนะครับ พี่เต็น ว่าไหม?" แบงค์หันไปเอ่ยถาม ฟากเต็นแปลกใจเพราะมีไม่บ่อยนักที่แบงค์จะชวนคุยก่อน เขายิ้มดีใจ แม้จะตอบไม่ตรงคำถาม แต่ก็ดูมีแนวโน้มที่ดีอยู่บ้าง

 

"ใช่..ครับ"

 

"ตอนนี้ ถ้าพี่จะเข้าไป.ก่.."

 

"ไม่ครับ พี่จะอยู่ด้วย"

 

     เต็นว่าเช่นนั้นและลากเก้าอี้จากที่วางชิดติดผนัง ยกมาวางใกล้ราวระเบียง แล้วนั่งดูวิวกับแบงค์ ไปอย่างเงียบ ๆ แค่ร่างกายได้อยู่รายล้อมธรรมชาติ มันก็ให้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบ ครู่หนึ่งเต็นชำเลืองมองคนข้าง ๆ  เผลอตกใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายน้ำตาคลอ เต็นเม้มปากแน่น ตัดสินใจวางมือหนาลงบนหลังมืออีกฝ่าย แล้วอยู่ ๆ แบงค์ก็เอียงตัวแล้วซบใบหน้าลงบนไหล่แข็งแกร่งโดยไร้เสียงการสนทนาของกันและกัน

 

      ถัดมายังอีกด้านหนึ่ง ในสระว่ายน้ำ เติร์กเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลิน ผิดกับมันช์ที่ยืนนิ่งงันเกาะขอบสระ

 

"เป็นอะไรมันช์  ไม่เล่นแล้วเหรอ?" เติร์กเดินต้านแรงน้ำไปหาแฟนตัวเองที่ยืนนิ่งนานกว่าสิบนาที

 

"คือ....."

 

     เติร์กยังคงยืนซ้อนหลัง แล้วจู่  ๆ มันช์หันหลังกลับมากระซิบบอกข้างหูพี่เติร์ก

 

"ฮ่า ๆ" เติร์กหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น เมื่อรู้เหตุผลว่าทำไมแฟนของเขาถึงยืนนิ่ง

 

"ขำอะไรวะ พี่เติร์ก"

 

"ให้กูช่วยไหม?"

 

       มันช์หน้ำงอง้ำอย่างงอน ๆ เขาเบี่ยงตัวหลบตอนที่พี่เติร์กอ้าแขนเตรียมกอดและพูดคำชวนเขิน สาเหตุที่มันช์ยืนนิ่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ มันช์เห็นคู่รักชาวต่างชาติสองคนยืนจูบปากกัน หนำซ้ำยังนัวเนีย มือไม้ลูบไล้ทั่วตัว ไม่แคร์สายตาคนอื่นที่อยู่ในสระว่ายน้ำ ไม่รู้ว่าเพราะเห็นภาพชัดเต็มสองตาจนไปกระตุ้นฮอร์โมนภายในหรือเปล่าถึงทำให้แก่นกายช่วงล่างที่เคยอ่อนปวกเปียกกลับแข็งขืน





"ไม่ต้...อ.ง เล..อื้อออ" คนที่กำลังบ่นแฟน กลับเสียงหายไปในลำคอ เมื่อพี่เติร์กยึดท้ายทอยแล้วตะโบมจูบไม่รีรอ เติร์กขยับเท้าจนคนที่โดนจูบก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังชิดขอบสระ แม้จะไม่เหลือใครอยู่ ณ ตรงนี้ แต่เพราะเป็นพื้นที่เปิดอาจมีใครผ่านไป ผ่านมาได้

 

       คนที่ต้องการให้แก่นกายสงบลงกลับหมดหนทางเพราะถูกปลุกเร้าจากคนรัก มันช์ยิ่งอายเข้าไปใหญ่ เมื่อกางเกงว่ายน้ำที่เขาสวมใส่พบแกนกายโป่งนูนจนเห็นได้ชัด ทั้งสองยังคงจูบกันกลางพื้นที่สาธารณะ โดยริมฝีปากประกบเข้าหากันอย่างไม่ลดละ มือหนาคนรักลามไล่มาลูบตรงเป้ากางเกง ยิ่งทวีความกำหนัดจนยากที่จะสงบลงได้ในเวลานี้

 

      ดูท่าจะไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อมือเติร์กเริ่มลวนลามลูบคลำแก่นกายของรุ่นน้อง ก่อนจะใช้มือหนาล้วงเข้าไปในขอบกางเกงเพื่อสัมผัส แต่มันช์รีบผลักอกพี่เติร์กให้หยุดพลางช้อนตามองคนพี่ที่ทำหน้าเหมือนถูกขัดใจ

 

"พี่เติร์ก! ผมไม่ไหวแล้วอะ ไปต่อที่ห้องได้ไหม?"

 

"ฮ่า ๆ แล้วรออะไรล่ะ"

 

      เติร์กตกใจที่แฟนขอกันตรง ๆ  และแล้วเสียงหัวเราะก็หยุดลงตามด้วยร่างกายเปียกโชกของทั้งสองที่รีบปีนบันไดขึ้นจากสระว่ายน้ำ คว้าผ้าขนหนูมาปิดของสงวน ที่กำลังขยายขนาดพองโตเต็มที่ เพื่อเดินไปยังห้องพักของตัวเองให้ไวที่สุด

.

.

.

.

        ถึงช่วงเวลาสวาท ที่ไม่ต้องมีใครบอกว่าจากนี้ต้องทำอะไรต่อ จูบร้อนระอุก็ยังคงดูดดื่มหนักหน่วงต่อเนื่อง ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วผิวกาย ลูบไล้คลึงเคล้าไม่ว่างเว้น

 

"อื้ออออ อ้ะ...อ้าาา ลึก จะ....จัง พี่"

 

       ดั่งฉากอีโรติกที่ถูกย้อมแสงสีให้เหลือเพียงสีขาว ดำ เทา เมื่อตอนนี้ ทั้งสองอยู่ในห้องอันมืดมิดเพราะปิดไฟร่วมรักกัน ภายใต้แสงอันน้อยนิดจากด้านนอกที่ส่อง ลอดผ่านร่องผ่าม่านจนเห็นเป็นแสงเงาตกกระทบตามส่วนเว้า ส่วนโค้งของร่างกายชวนยั่วเย้า เร่าร้อนจนอยากกลืนกินให้อิ่มหนำ



         แม้จะไม่เห็นใบหน้าคนรักที่ชัดนัก แต่ภาพตรงหน้าก็ชวนสยิว วาบหวิวหัวใจ เมื่อคนตรงหน้าเติร์ก แยกท่อนขาเรียวอ้าออกกว้าง คร่อมทับอยู่เหนือตักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่ม สองมือหนากดสะโพกสอบลงจนแนบสนิท ยามที่ความร้อนรุนแรงดุนดันผ่านช่องทางคับแคบ กดเข้ามาช้าๆ จนมันเข้ามาลึกถึงที่สุด  ยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์ของมันช์พุ่งพล่านไปหมด เมื่อมือหนาไล่สีข้าง ส่วนปลายลิ้นแตะเลียที่ใบหู ก่อนที่พี่เติร์กจะระดมจูบทั่วทุกตารางนิ้วของร่างกายไม่ให้เว้นว่าง





"อื้มมมมม มันช์" เติร์กครางเสียงแหบห้าว

 

         มันช์ซุกหน้าลงบนลาดไหล่กว้าง ยามที่คนข้างล่างเด้งรับบั้นท้ายที่กำลังโยกไหวอยู่ข้างบนด้วยรสรักอันถึงใจ มือหนาบีบเค้นก้นกลมหนัก ๆ ก่อนที่เติร์กจะเลื่อนริมฝีปากไปดูดเลียและขบงับตุ่มไตสีสวย

 

"อื้ออออ เสียวอะครับพี่ อ้ะ อ้าห์"

 

"อื้มมมมมม"  สิ้นเสียงครางต่ำในลำคอ เติร์กใช้เรียวลิ้นชื้นแฉะแตะลงบนตุ่มไตอีกข้างอย่างหยอกเย้า จังหวะรักจากเนิบช้าแปรเปลี่ยนเป็นรัวเร็ว กระแทกกระทั้นไม่ยั้ง มันช์ฝังใบหน้าลงบนลาดไหล่ ก่อนที่จะขบกัดหัวไหล่คนรัก จนขึ้นเป็นรอยฟัน คล้ายคนต้องการระบายความเจ็บปวดหน่วงหนึบภายใน แต่แท้จริงแล้ว ลึก ๆ มันช์ก็สุขสันต์ ซาบซ่านทั่วกายกับรสรักอันสุดหฤหรรษ์นี้

 

        ฉากรักของทั้งสองดำเนินไปอย่างดุเด็ด เผ็ดมันส์ มันเร่าร้อนดังเพลิงกำลังเผาไหม้

 

"อ้ะ อ้าา ผะ..ผมจะเสร็จแล้ว"

 

          ได้ยินดังนั้น เติร์กที่กำแกนกายของรุ่นน้องก่อนหน้า รีบเร่งมือขยับรูดรั้งแท่งร้อนรุ่นน้องเร็วไว้ ไม่นาน สัญญาณแห่งการบ่งบอกว่าคนข้างบนพุ่งทะยานถึงความสุขสมสุดยอดก็ปลดปล่อยของเหลวออกมาเต็มหลังมือของเติร์ก เติร์กไม่รอเวลา อุ้มคนที่คร่อมทับบนตักก่อนหน้าไปวางร่างรุ่นน้องลงบนเตียง จับมันช์พลิกตัวหันหลัง มือหนายึดเอวคนรักก่อนจะยกสะโพกขึ้นสูงจนลอยเด่นค้างกลางอากาศและรีบแทรกแกนกายกดส่วนหัวเข้าไปยังร่องรักจนสุด เติร์กได้จังหวะกดกระแทกอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนครั้งสุดท้าย เขาทิ่มทะลวงภายในตอกย้ำอย่างรุนแรง และไม่นาน ก็ถึงทีของเติร์กที่พุ่งน้ำรักออกไปอย่างสุดกลั้น

 

         เสียงหอบหายใจดังก้องสะท้อนทั่วห้อง มันช์โดนจับพลิกตัวนอนแผ่นหราบนเตียง เขาซุกซบหน้ากับบ่าแข็งแรง ฟังเสียงเต้นรุนแรงของหัวใจคนรัก สองมือเลื่อนไปกอดรอบแผ่นหลังกว้างที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อโซมกาย แต่ไม่มีใครคิดจะรังเกียจกันและกัน เติร์กพรบจูบลาดไหล่มันช์ ก่อนจะใช้มือหนาปาดเม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากรุ่นน้อง

 

"กูรักมึงนะ"

 

     มันช์ชะงัก เพราะไม่คิดว่าพี่เติร์กจะบอกรักกัน และมันช์ก็ไม่เคยคาดหวังว่าพี่เติร์กจะบอก การได้ยินคำนี้ จึงไม่ต่างกับมีน้ำทิพย์ชโลมใจให้ชุ่มฉ่ำสร้างชีวิตให้มีชีวามากขึ้น

 

"ฮื่ออออ...ครั้งแรกที่พี่บอกผม"

 

"ถึงกูจะไม่พูด แต่ก็รู้สึกแบบนั้นเสมอ" มันช์ยิ้มตอนที่พี่เติร์กว่าพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เขาขยับใบหน้าไปตามคนที่เอียงคอหนีหลบตา และชะโงกไปจูบปากพี่เติร์ก



"ครับ ผมรักพี่เติร์กเหมือนกัน"

 

"อื้อ"

 

      ทั้งสองตระกองกอดกันอย่างเหนื่อยล้า โดยที่ยังไม่ลุกไปไหน เผื่อมีโอกาสได้เริ่มบทรักกันใหม่ในรอบที่สอง

.

.

.

.

    หลังจาก เปิดเทอมมาได้เกือบเดือน รุ่นพี่ปีสี่ศิลปกรรมก็ไปฝึกงานจนไม่เห็นหน้า ค่าตา แล้วจู่ ๆ มันช์ก็คิดถึงพี่เต็นขึ้นมา จนต้องโพล่งบอกแฟนตัวเองที่เดินข้าง ๆ ระหว่างทางไปเอารถเวสป้าของพี่เติร์ก เพื่อกลับหอของมันช์

 

"คิดถึงพี่เต็นจัง ไม่รู้เป็นไงบ้าง"

 

"บอกคิดถึงชายอื่นต่อหน้ากูเลยนะ"

 

"ผมรักพี่เต็นแบบพี่ชายนะครับ อย่ามาเคืองผมสิ พี่เติร์ก" มันช์มุ่ยหน้า จนเติร์กกลั้วหัวเราะ ก่อนดึงแก้มมันช์จนยืดเหมือนเยลลี่

 

"กูล้อเล่นครับ กูเชื่อใจมึง ไอ้ดื้อ"

 

"ที่รักของผม น่ารักที่สุดว่ะ" มันช์ยิ้มแป้น แกว่งมือพี่เติร์กที่กุมกันไว้ไป-มา แต่แล้วมันช์ก็ชะงัก เมื่อเจอะผู้หญิงหน้าตาสะสวยส่งยิ้มหวานที่ยืนขวางทางอยู่

 

"พี่เติร์กคะ"

 

    เติร์กชะงัก เมื่อเห็นแฟนเก่า อยู่ต่อหน้าแฟนใหม่ เขาก็รู้ว่าการเรียนที่มหาฯลัยเดียวกัน มันอาจมีโอกาสเจอกันบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่า มันจะบังเอิญเจอในช่วงเวลานี้

 

 

"ครับ"

 

"ไม่เจอนานเลยตั้งแต่วันนั้น พี่เติร์กสบายดีไหมคะ ?"

 

"อืม สบายดีครับ"

 

"กวางคิดถึงพี่เติร์กเหมือนกันนะคะ และกวางมาตอบคำถามตามที่พี่บอกค่ะ"

 

       มันช์หันไปมองพี่เติร์กที่ยืนนิ่งเงียบงัน

 

 "กวางพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ"

 

"เรื่องของเราในจดหมายที่พี่เติร์กเขียนระบายมาให้กวางไงคะ?"

 

"พี่คุยกับเขาให้รู้เรื่องนะครับ ผมขอตัว"

 

"มันช์ อย่า...ไ....ป..."

 

 

 

 

     มันช์สะบัดมือออกจากการจับมือกัน เพื่อเดินหนีไปสงบสติอารมณ์ที่ห้องน้ำ เพราะทนไม่ได้ที่ต้องเห็นหน้าแฟนเก่าที่หน้าตาสะสวย หนำซ้ำยังหุ่นดี มีหน้าอก หน้าใจที่น่ามอง ดูอย่างไรก็ชวนให้มันช์คิดมาก เมื่อหันกลับมามองตัวเอง....

 

 

"จดหมายอะไร?"

 

         เมื่อมันช์เดินไป เติร์กถามกวางทันที เพราะอยากเห็นหลักฐานที่แฟนเก่าพูดถึง ทางฝั่งของกวางหยิบจดหมายออกมาจากในกระเป๋าแบรนด์เนมหรูหรายื่นให้แก่อดีตคนรัก

 

        เติร์กคลี่จดหมาย เปิดอ่านข้อความด้านใน

 

‘พี่ยังรักและคิดถึงกวางนะ ถ้ากวางไม่มีใคร เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะครับ

 พี่รอกวางเสมอ"

 

        ข้อความชวนหวานเลี่ยนขนาดนั้น ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ฝีมือเติร์กที่จะคิดและเขียนแน่ ๆ

 

"พี่ไม่ได้เขียน"

 

      เติร์กไม่รีรอตอบ และไม่ได้ตั้งใจจะหักหน้าอีกฝ่าย แต่ถ้าเขาขืนพูดถนอมน้ำใจก็ไม่ต่างกับการให้ความหวังกวาง จนเธออาจหลงระเริงไปกับมัน



     

"ถ้าพี่เติร์กไม่เขียนแล้วใครจะเขียนคะ ? ไม่เห็นต้องโกหกกันเลยค่ะ" กวางบอกและทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

 

 

"กวางพี่จะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อตอนนี้พี่มีแฟนแล้ว"

 

"จริงหรอคะ? ใครกัน? กวางไม่เคยเห็นพี่เติร์กเดินกับผู้หญิงคนไหนเลยค่ะ" หญิงสาวรุ่นน้องเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่เบื้องหลังใบหน้าที่ฉาบด้วยความแปลกใจนั้น ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น

 

"ก็คนเมื่อกี้ไงครับ"

 

      กวางเผลอหลุดตาโต  เธออาการออกชัดเจน จนเก็บสีหน้าไม่อยู่เพราะไม่คิดไม่ฝันว่า อดีตคนรักของเธอ จะชื่นชอบเพศเดียวกัน

 

    'พี่เติร์กเป็นเกย์เหรอ ไม่จริงอะ'

 


"พี่เติร์ก เปลี่ยนรสนิยมตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? กวางไม่ยักรู้ว่า พี่จะหันมาชอบ..."

 

 

"พี่ไม่จำเป็นต้องบอกกวาง ว่าพี่มีรสนิยมแบบไหน และพี่ไม่ได้สนว่าน้องเขาจะเป็นใคร มาจากไหน? พี่แค่รู้สึกดีและมีความสุขที่ได้อยู่กับเขาก็เท่านั้น"

 

 

     กวางชะงักงัน เธอสบตามองพี่เติร์กที่การเจอกันคราวนี้ เขาดูชัดเจน และไม่ปราณีในการรักษาน้ำใจกัน หญิงสาวมองมือหนาอีกฝ่ายที่ขยำกระดาษแผ่นนั้นอย่างไร้เยื่อใย เธออุตส่าห์ดีใจที่ได้เห็นถ้อยคำจดหมายเชิงถวิลหากันและกัน แต่พอรู้ความจริงว่า พี่เติร์กไม่รู้ไม่เห็นนั้น ยิ่งทำให้กวางแปลกใจไม่น้อย

 

 

"โอเคค่ะ กวางเข้าใจแล้ว ส่วนจดหมาย.ถ้าไม่ใช่พี่เขียนแล้วใครเขียนมาให้กวางคะ? เพื่อนพี่เหรอ?"

 

"พี่ต้องถามก่อนว่าใครเป็นคนเอามาให้กวางครับ?"

 

"ผู้ชายขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ ค่ะ"  เติร์กยืนคิดพลางนิ่งเงียบก่อนจะตอบแฟนเก่า

 

"เอาเป็นว่าอย่าสนใจเลยก็แค่จดหมายไร้สาระ พี่ไปก่อนนะ"

 

"เดี๋ยวค่ะ ถ้ากวางเครียดกวางยังโทรปรึกษาพี่เติร์กเหมือนแต่ก่อนได้ไหม"

 

      เติร์กยังไม่ตอบคำถามคนตรงหน้า เขาแค่กวาดสายตามองไปทางห้องน้ำ ก่อนจะวกสายตากลับมาหาหญิงสาวร่างเล็กแล้วบอก

 

 "อย่าดีกว่า พี่กลัวแฟนพี่เข้าใจผิดครับ"

 

"แม้แต่สถานะพี่ชายก็เป็นให้กวางไม่ได้หรอคะ"

 

"พี่ต้องไปก่อน แฟนพี่รอนานแล้ว กวาง"

 

       เติร์กก้าวไว ๆ ไปหาคนรักที่หลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำ

 

"หึงกูเหรอ?"  แค่เห็นคนที่ยืนพิงอ่างล้างหน้าในห้องน้ำหน้าเครียด เติร์กก็ไม่รีรอที่จะถาม

 

"คนนี้ใช่ไหมครับ ที่ชื่อพี่กวาง?"

 

"ใช่ แต่ไม่ต้องห่วงนะเขารู้ว่ามึงคือแฟนกู และกูกับกวางก็จบกันแล้ว"



"แล้วที่เขาอ้างถึงจดหมาย"

 

"คงมีการเข้าใจกันผิด เพราะกูไม่ได้เขียน กูไม่แน่ใจว่ามีใครพยายามสร้างเรื่องให้เราทะเลาะกันหรือเปล่า?"

 

"ใครจะลงทุนทำแบบนั้นวะ พี่?"  มันช์ยังคลางแคลงและไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เติร์กถึงพูดกำกวม จะว่าไป มันช์ไม่ใช่คนเด่นดังอะไร จะมีคนพยายามแทรกกลางเพื่อสร้างความร้าวฉานด้วยการยุยงให้แตกแยก ปั่นป่วนไปทำไมกัน



      อีกส่วนหนึ่งที่มันช์อยากถามและอยากรู้ นั่นคือ เนื้อในจดหมายมันถูกเขียนไว้ว่าอย่างไร แต่การที่แฟนเก่ามาอ้างถึงจดหมาย อย่างไรเสียก็คงไม่พ้นเรื่องอดีตความรักและความทรงจำอันหวานชื่น

 

"ไม่รู้" เติร์กยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด ครั้นจะบอกสิ่งที่ตัวเองคิดในใจว่าใครทำ ก็ไม่ต่างกับการใส่ร้ายป้ายสี

 

       เติร์กมองหน้ามันช์พลางถอนหายใจก่อนตอบคนรักอีกครั้ง

 

"ไม่ต้องกังวล กูไม่มีทางกลับไปหากวางแน่ ไว้ใจกูนะ"

 

"ผมจะพยายามครับ" มันช์เดินออกจากห้องน้ำด้วยสีหน้าหนักใจ ทำไมมันช์รู้สึกว่าช่วงนี้ความรักของเขาพักหลัง ๆ มาถึงเจอแต่อุปสรรค ที่ชวนให้ความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักสั่นคลอนลงได้ทุกเมื่อ

.

.

.

.

"พี่เติร์ก ฮือออออ ฮึก ฮืออออ”

 

           ตอนนี้ เติร์กร้อนใจ เมื่อปลายสายร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง หลังจากที่มันช์โดนตามตัวให้กลับบ้านด่วน เมื่อทางบ้านบอกข่าวว่าพี่สาวของเขาประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์จนเสียชีวิต เติร์กแอบกังวล เป็นห่วงแฟนตัวเอง เพราะช่วงนี้ มันช์เจอะปัญหาประดัง ประเดเข้ามาพร้อมกัน จนเติร์กกลัวว่ามันช์จะรับมือไม่ไหว

 

“ให้กูไปหาไหม?”

 

[อย่าเพิ่งเลยครับ ตอนนี้ ที่บ้านผมยุ่งวุ่นวายไปหมด]

 

      มันช์ว่าอย่างนั้น ตอนนี้ มันช์ยังช็อคกับการรู้ว่าพี่สาวได้จากไป คนที่ไม่เคยนึกเลยว่า การตายของเธอจะมาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้

 

"ผมอยากกอดพี่มาก ๆ"

 

[มันช์อย่าพูดแบบนี้ กูยิ่งเป็นห่วง มึงไหวแน่นะ] เติร์กเสียงแผ่ว เขากังวลและค่อนข้างเป็นห่วงมันช์ เพราะตลอดเวลาที่คบกัน เขารู้ดีว่า มันช์มีนิสัยอย่างไร

 

“ไหวครับ ฮือออ ผะผมโอเค พี่ไม่ต้องห่วง ฮืออ”

 

[ยิ่งร้องไห้แบบนี้ นี่เหรอบอกไม่ให้กูเป็นห่วง ฮึ! คืนนี้มานอนกับกูนะ]

 

"อยากแต่นอนไม่ได้ครับ พี่แค่นี้ก่อนนะ แม่เรียกแล้ว"

 

[อืม]

 

   เติร์กกังวลใจ เมื่อการสูญเสียคนรักในครอบครัว ทำให้มันช์ยิ่งอยู่ในสภาพจิตใจอ่อนแอ และยิ่งเขาไม่อยู่ด้วยแล้วก็คงได้แต่ส่งกำลังใจผ่านเสียงตามสาย

.

.

.

.

      ผ่านมาแล้วสามวันที่งานศพของพี่มิลค์ พี่สาวมันช์เนืองแน่นด้วยบรรดาญาติ ๆ เพื่อนร่วมงาน เพื่อนจากประถม มัธยม มหาฯลัยของเธอ ส่วนเพื่อน ๆ ของมันช์ที่พอสะดวกก็มาช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ทั้งเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหารให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานศพ แม้วันนี้ จะเป็นวันแรกที่เติร์กได้มาร่วมงาน แต่เขาต้องแสร้งทำทีเป็นได้แค่รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพราะยังไม่สามารถแสดงตัวหรือเปิดเผยว่าเป็นคู่รักกันได้มากนัก

 

      ความโศกเศร้าเข้าปกคลุมทั่วบริเวณจนบรรยากาศยิ่งสลด หดหู่ มันช์วุ่น ๆ กับงานไม่ได้หยุด บ้างก็ไปคุยกับญาติที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน บ้างก็ต้องไปคุยกับเพื่อนพี่สาว หรือไม่ก็เตรียมพื้นที่จัดหาความสะดวกให้แขกคนอื่น ๆ ลำพังแค่มันช์จะปลีกคุยกับเติร์กแค่สองสามคำยังไม่มีเวลาเดินโฉบมาได้เลย เติร์กจึงทำได้แค่จ้องมองคนรักเดินไปเดินมา จนกระทั่ง พิธีสวดพระอภิธรรมศพเสร็จสิ้น แขกทยอยกลับบ้าน จังหวะนี้ มันช์ที่ลาเพื่อนพี่สาวเสร็จ ประสานสายตากับพี่เติร์กที่จ้องมองมาพอดี จึงปรี่ไปหาเพื่อนัดแนะพบกันที่ห้องน้ำของวัด เมื่อทั้งสองเดินย่องเข้ามาห้องน้ำด้านในสุด มันช์โผกอดพี่เติร์กสุดแรงปรารถนาและเอ่ย

 

“พรุ่งนี้วันเผา พี่มาด้วยนะ”

 

“ได้ มึงร้องไห้ทุกวันเลยเหรอ? ตามึงบวมมากเลย"

 

          มันช์พยักหน้าน้อย ๆ ในอ้อมกอดอุ่น ๆ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้กอดรัด ไม่ได้รับกลิ่นกายอันแสนคุ้นเคยจากพี่เติร์กแบบนี้ 

 

"เข้มแข็งนะมันช์” เติร์กดันไหล่รุ่นน้องออก พลางลูบใต้ตาที่ยังคงเอ่อล้นด้วยน้ำตา เขามองหน้าคนรัก ก็ยิ่งใจกระตุก รู้สึกสงสาร การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยไม่ทันตั้งตัว เป็นอย่างไร เติร์กย่อมรู้ดี

 

"อื้ม ผมจะพยายาม ผมรักพี่นะ"

 

      เติร์กยิ้มหวาน พลางจูบเปลือกตา และใช้ปลายนิ้วไล้เบา ๆ อีกครั้ง

 

"กูโคตรคิดถึงมึง ไว้มึงพร้อมเมื่อไหร่ เรากลับมานอนด้วยกันนะ"

 

“ครับ ผมอยากนอนกอดพี่ทุกวันเลย”

 

“เหมือนกัน"

 

      น่าเสียดายที่ทั้งสองไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ในช่วงเวลานี้ หากผ่านพ้นพิธีงานศพไป เติร์กก็หวังว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น

.

.

.

.

      และแล้ววันที่จะต้องส่งพี่สาวไปยังดินแดนใดสักแห่งที่ไม่ใช่โลกเดิมก็เดินทางมาถึง มันช์ยืนอยู่บนเมรุร้องไห้อย่างหนักต่อหน้าโลงศพ พลันเหลือบมองรูปขาวดำของพี่สาวแสนรัก รูปของพี่มิลค์ที่ถูกเลือกมาตั้งประดับไว้ ก็ยังคงเป็นรูปภาพที่เธอมีรอยยิ้มสดใสที่สุด หวังจะเอาไว้ให้เห็นเป็นช่วงเวลาสุดท้าย

 

       เฝ้ามองรูปพี่สาวเนิ่นนาน ก่อนจะทอดสายตาเหม่อมองโลงศพพี่สาว มันช์ลูบโลงศพทั้งน้ำตา ก่อนจะยกมือปาดหยาดน้ำใส ๆ ออกจากตา เดินก้มหน้าลงมาจากเมรุ มันช์ยืนนิ่งพลันกวาดสายตาทั่วบริเวณพื้นที่นี้อีกครั้ง สอดส่องจนทั่วก็ยิ่งปวดใจ แต่มันช์ต้องกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจเอาไว้ เมื่อไม่พบคนรักยืนอยู่ตรงนี้เลย

 

          มันช์ได้แต่ยืนภาวนาในใจว่าพี่เติร์กคงกำลังเดินทางมาและเขาคงไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงเวลาที่มันช์จิตใจอ่อนแอ





..............................................

แก้ไขคำผิดตามคุณ warin บอกแล้วนะคะ ขอบคุณมากเลยที่่ช่วยดู

*และขอบคุณคนอ่านที่อ่านมาจนถึงตอนนี้และยังเดินทางมาด้วยกันนะคะ

จะจบแล้วค่ะ
:mew1: :mew1: :mew1:

 
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 24 แฟนเก่า - [9 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-04-2019 23:52:24
ขอบคุณค่ะ
ชะโลมใจ---->ชโลมใจ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 24 แฟนเก่า - [9 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-04-2019 00:32:17
สงสารน้อง   :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 24 แฟนเก่า - [9 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-04-2019 01:28:10
สงสารมันช์จัง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 24 แฟนเก่า - [9 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-04-2019 21:49:35
มันช์เข้มแข็งนะ เชื่อใจพี่เติร์กมากๆหน่อยแล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ขิงนี่คือเจ้ากรรมนายเวรของมันช์จริงๆ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 24 แฟนเก่า - [9 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-04-2019 12:01:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

เกิดอะไรกับอิพี่เติร์กถึงไม่มาตามสัญญา

น้องมันยิ่งเป็นคนคิดมากด้วย

ต้องมีใครทำอะไรแน่ ๆ ใช่อิขิงป่าว อิตัวร้าย

หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 25 ทิ้ง - [15 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 15-04-2019 14:43:47
บทที่ 25 ทิ้ง

 

 





   

 

      ถัดมา อีกด้านหนึ่ง เติร์กแต่งตัวสุภาพและดูดีกว่าทุกวัน เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คสีดำ กำลังเดินออกจากบ้านเช่าที่วันนี้เต็นไม่อยู่ เพราะมีเหตุให้ไปช่วยงานพวกพี่ ๆ ที่บริษัทที่เต็นฝึกงานพอดี 

 

 

      เพียงปิดประตูรั้วบ้านไม้สีเขียวอ่อน เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ส่งสัญญาณดังขึ้นมา เติร์กคว้าและกดรับสาย ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายปลายสายก็แทรกขึ้นไม่เป็นภาษา

 

[พี่เติร์ก ฮือออออ ช่วยกวางด้วยค่ะ]

 

 

      เสียงตื่นตระหนกผสมเสียงร้องไห้สะอื้น ทำให้เติร์กต้องหยุดเท้าเพื่อฟังให้แน่ชัด

 

"เป็นอะไรกวาง"

 

[ฮึกกกก พี่เติร์กมารับกวางได้ไหม? กวางไม่กล้าจะลุกไปไหนเลยค่ะ ฮืออออ กวางโป๋หมดเลย มาช่วยกวางด้วย]

 



     เติร์กนิ่งเงียบ



 

"กวางโทรบอกเพื่อนกวางสิ พี่ไม่สะดวก"

 

[กวางโทรแล้วค่ะ พวกเธอปิดเครื่อง บางคนก็มาไม่ได้ พี่เติร์กคะ กวางไม่ได้แกล้งจริง ๆ นะคะ ได้โปรด! ช่วยกวางในฐานะแฟนเก่าไม่ได้เหรอคะ?]

 

 

      เติร์กโลเลด้วยน้ำเสียงของกวางที่ดูหวาดกลัวจริง ๆ แต่แล้ว เติร์กได้ยินเสียงตะกุกตะกักจากปลายสาย ต่อมาก็เป็นเสียงผู้หญิงแก่ ๆ พูดไวและลนลานอย่างเห็นได้ชัด



[เอ้อ! ฮัลโหล ใครน่ะ มารับไอ้หนูคนนี้หน่อยเร็ว ๆ น้องมันโดนใครข่มขืนเปล่าก็ไม่รู้ เร็ว ๆ มาเดี๋ยวนี้!]



       เติร์กนิ่งงัน เพราะไม่รู้ว่าคนที่เติร์กคุยด้วยเป็นใคร ครั้นจะถามกลับไปว่า แล้วทำไม ป้าไม่พาน้องคนนั้นไปส่งเอง ก็ดูจะยอกย้อนและเป็นเด็กก้าวร้าวไปสักหน่อย เติร์กถอนหายใจยาวอยู่หลายครั้ง เขาจะเต็มใจช่วย หากบัดนี้ เติร์กไม่ได้มีนัดไว้กับใครอีกคน เติร์กหนักใจ เหมือนสถานการณ์ได้ถูกสร้างมาให้เขาต้องเลือกระหว่างแฟนเก่ากับแฟนใหม่ เติร์กก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะตัดสินใจตอบรับกวางและโทรหามันช์

 



"มันช์"



 

[พี่อยู่ไหนครับ? ไม่ถึงชั่วโมงจะเผาแล้วนะ]



 

"พอดีกูติดธุระนิดหน่อย" เติร์กตอบไม่เต็มเสียง เพราะรู้สึกผิด อันที่จริง เขาไม่อยากโกหกมันช์เลย



 

[พี่มาไม่ได้เหรอ?] มันช์อุตส่าห์แวบมารับโทรศัพท์ด้านนอก ทั้ง ๆ  ที่จังหวะนี้ เขาต้องเตรียมตัวยืนสแตนบายด์ รอแจกของชำร่วยแก่แขกเหรื่อแล้ว



 

"ไปได้สิ แต่คงไม่ทันเผา อาจไปรับมึงมานอนกับกูแทน รอกูนะ มันช์"



 

[จริงเหรอ? กะ... ก็ได้ครับพี่]

.

.

.

.

"เดี๋ยวมึงพากวางไปหาตำรวจนะ ส่วนกูจะไปหามันช์" หลังจากตอบรับ เพื่อความสบายใจ เติร์กพาป๋อมาเป็นพยานหลักฐานว่าเขาบริสุทธิ์ใจและไม่ได้มีอะไรกับกวางมากไปกว่าพี่-น้องกันจริง ๆ



 

"อืม ได้"



 

"ขอบใจว่ะ มึง" เติร์กซาบซึ้งที่ป๋อยอมมาเป็นเพื่อน และจะเป็นธุระให้ทุกอย่าง



     ทั้งสองกำลังเดินเข้าตึกสามชั้นอันรกร้างแห่งหนึ่งที่อยู่สุดซอยถนน ที่ตรงนี้รอบด้านมีพงหญ้าขึ้นสูง เติร์กไม่แน่ใจว่าใครกันมาปล่อยเธอถึงชานเมืองขนาดนี้ เมื่อเดินไปถึงชั้นสองที่มีแต่เศษซากปรักหักพังจากการโดนทุบ มีเศษปูน ไม้ กระจายกลาดเกลื่อน ตรงมุมหนึ่งของเสาที่มีรอยทุบแตก มีหญิงสาวนั่งอยู่บ้านผ้าสีขาวที่เปรอะเปื้อนด้วยฝุ่นปูไว้ เธอหันหลัง ฟุบหน้าลงกอดเข่า โดยตอนนี้ ไร้พลเมืองดีอย่างป้าแก่ ๆ  ที่ได้คุยกับเติร์กก่อนหน้า ตอนนี้ ทั้งเติร์ก ทั้งป๋อ ต่างเบิกตาโพลง ตกใจที่เห็นกวางอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ครู่หนึ่ง ป๋อหลับตา หันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่คิดว่าแฟนเก่าเติร์กจะพูดความจริง ป๋อขอตัวไปรอชั้นล่างของตึกรกร้าง เพื่อให้เติร์กได้เคลียร์ธุระกับแฟนเก่า  โชคดีที่เติร์กเชื่อคำกวางจึงหยิบเสื้อผ้าของเขาเอามาเผื่อ  เติร์กดึงเสื้อยืดสีดำตัวใหญ่ออกจากกระเป๋า ถือไปให้ไปหญิงสาวที่นั่งบนพื้นตัวสั่นดั่งลูกนกหลงรัง

 



"พะ...พี่เติร์กคะ กวางกลัว ฮึกกกก...กวางไม่รู้เลยว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฮือออออ"



 

"เมื่อคืน กวางไปร้านเหล้ามารึเปล่า?"



 

"ฮืออออ ไปค่ะ แต่กวางสาบานได้ ว่าไม่เมาแน่นอนเพราะกวางดื่มไปแค่สามแก้วเองค่ะ ฮึกฮือออ" กวางเกาะแขนเติร์กตลอดที่พูด ดูเหมือนเธอต้องการที่พึ่ง แม้แต่จะสวมใส่เสื้อผ้า กวางก็ไม่ปล่อยมือเติร์กไปไหน เติร์กนั่งนิ่งก่อนจะพยุงกวางขึ้นมา



 

"เดี๋ยวกวางไปกับเพื่อนพี่นะ" เติร์กบอก



 

"เป็นพี่เติร์กไม่ได้เหรอคะ? กวางกลัวจริง ๆ" เธอบอก ฟากเติร์กมองหญิงสาวที่แลดูหวาดกลัวผู้ชายทุกคนที่จะเข้ามาอยู่ใกล้เธอ



 

"แต่พี่มีธุระด่วน กวาง"



 

"ฮือออ พี่เติร์ก อยู่เป็นเพื่อนกวางนะ กวางเครียดจริง ๆ พี่รู้ไหมคะว่ากวางโดนแอบถ่ายด้วย"



 

     เติร์กชะงัก สบตามองหญิงสาวที่ส่งสายตาพยักเพยิดไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เธอนั่ง มีกระเป๋าของเธอที่วางทับกระดาษขนาดเอสี่

 



"รูปที่อยู่ในเครื่อง ยังมีมือถืออีกหลายเครื่องที่ถ่ายเก็บไว้ ถ้าไม่อยากให้รูปถูกส่งต่อ อย่าแจ้งตำรวจ"



 

     เติร์กหยิบกระดาษนั้นมาอ่านพลางเงียบงัน เขาขยำกระดาษ ก่อนจะไปคว้าเครื่องมือสื่อสารเข้าคลังรูปภาพตามที่กวางบอกเล่าก็ปรากฎรูปโป๋เปลือยของกวางที่นอนแยกขากว้างและเห็นศรีษะผู้ชายอยู่ตรงกลางระหว่างขาพอดิบพอดี ฟากเติร์กสบถ เขาไม่น่าก้าวขามายุ่งตั้งแต่แรกเลย





"แต่ยังไง กวางก็ต้องแจ้งความ อย่าไปเชื่อคำในกระดาษ"



 

"ไม่ค่ะ พี่เติร์กกวางอายอะ ฮืออออออ"

 



"กวางจะกลัวมันทำไม ก็แค่ขู่" เติร์กโมโหบอกกวางเผลอกระชากข้อมือกวางให้ลุกขึ้นจนเธอร้องโอดโอย เขาไม่ได้อ่อนโยนเพราะเติร์กอยากให้ธุระจบไว ๆ เพราะต้องไปหามันช์ตามนัด แต่พอเธอลุกตามแรงกระชาก กวางโผกอดเติร์กทันทีและร้องไห้หนัก



"แล้วถ้ามันปล่อยรูปจริง ๆ ล่ะคะ พี่เติร์ก กวางเป็นผู้หญิง กวางกลัวนะ ฮืออออ ขอเถอะนะ"



 

     เติร์กยืนนิ่ง เมื่อกวางปล่อยโฮ สะอึก สะอื้นร่ำไห้ สองมือก็ยังกอดเอวแน่น ฟากเติร์กลอบถอนหายใจยาว ก่อนตัดสินใจจะพากวางไปส่งที่บ้านแทนสถานีตำรวจ

.

.

.

.

     ในขณะเดินทางพาเธอมาส่ง เติร์กก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือตลอด ทั้งยังเหลือบมองกวางเป็นระยะ ๆ ซึ่งเธอแลดูหวาดกลัว  และร้องไห้ไม่หยุด จนเติร์กต้องกำชับว่ากวางจะมีป๋ออยู่เป็นเพื่อนทั้งคืน และย้ำนัก ย้ำหนาว่า ป๋อเป็นเพื่อนรักเติร์กที่ไว้ใจได้ กวางจึงค่อย ๆ คลายความหวาดกลัวต่อเพื่อนพี่เติร์ก





      กระทั่ง รถแท็กซี่หยุดลงตรงหน้าหอพักของกวางที่เติร์กก็เพิ่งรู้ตอนที่กวางบอกปลายทางว่าจะไปไหน ว่าที่อยู่ใหม่ของกวาง คือ หอพักที่อยู่ถัดไปจากซอยที่มันช์อยู่แค่สองซอยเท่านั้น

 



"ป๋อ กูฝากมึงด้วยนะ" เติร์กบอกตอนที่ลงจากรถแท็กซี่ ป๋อพยักหน้าและเดินห่าง ๆ กวาง เพราะเธอยังดูกลัว ๆ ผู้ชายทุกคนยกเว้นเติร์ก เมื่อตบปากรับคำกันแล้ว เตรียมแยกย้าย กวางก็โผกอด

 



"ขอบคุณนะคะ พี่เติร์กดีกับกวางมากจริง ๆ ค่ะ"

 



"อืม กวางปล่อยพี่เถอะ เราไม่ใช่แฟนกัน ทำแบบนี้ พี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่"



 

"ขอโทษค่ะ" หญิงสาวปล่อยมือและก้าวถอยออกห่าง เดินไปหาพี่ป๋อที่ยืนสุบบุหรี่อยู่ไม่ไกล



 

     จังหวะที่ยืนคุยกับกวางตรงหน้าหอพักเสร็จสิ้นแล้ว เติร์กหมุนตัวเดินกลับออกมาจากซอย พร้อมเอาหูแนบโทรศัพท์มือถือด้วย ในขณะนั้น เติร์กชะงักเท้า ตอนที่เงยหน้ามาจากมือที่กำลังนับเงินในกระเป๋า แล้วพบแฟนตัวเองเดินมากับขิงตรงทางแยก

 



"มันช์"

 

"นี่คือธุระด่วนของพี่เหรอครับ?" มันช์ถามทันทีที่พบหน้า ในตอนแรกมันช์ก็ไม่เห็นหรอก เขาแค่เดินสอดส่อง แลซ้าย แลขวามองหาร้านข้าวเพื่อจะหาอะไรกินร้องท้อง เพราะตั้งแต่เช้า มันช์วุ่นจนไม่ได้แตะข้าวสักเม็ด ผนวกกับพี่เติร์กไม่มาตามนัด และขิงจะขอมานอนค้างคืนด้วย จึงตัดสินใจกลับมาหาข้าวกินแถวหอ แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้พบอะไรเด็ด ๆ แบบนี้

 



"มันช์กูขอโทษ ฟังกูอธิบายก่อน"

 

"ฟังพี่อธิบายว่ากอดกับแฟนเก่ามันดียังไงน่ะเหรอครับ?"

       

 "......"





         ฟากมันช์เมื่อเห็นพี่เติร์กเงียบไปนานก็ยิ่งเสียใจ สุดท้ายคนที่เคยผูกพันกันอย่างพี่เติร์กกับแฟนเก่าก็คงตัดกันไม่ขาดสินะ

 

 

"มึงใจเย็น ๆ ให้กูได้ลองอธิบาย"

 

"ไม่ต้องอธิบาย ผมก็เข้าใจ ไปกันเถอะขิง"

 

"งั้นกูขอคุยกับขิงก่อนแป๊ปนึง"

 

"พี่จะคุยกับขิงทำไม?"

 

 

     เติร์กกำหมัดแน่นพลางกัดฟันกรอด และมองหน้าขิงด้วยความไม่พอใจ เดินปรี่ไปผลักไหล่ขิงจนล้มลงบนพื้นถนนที่ผู้คนเดินผ่านต่างชะงักและรีบเดินอย่างไว 

 

 

"มึงใช่ไหม? ที่วางแผนให้กูกับมันช์ทะเลาะกัน"

 

"เปล่านะครับพี่เติร์ก ผมจะทำแบบนั้นทำไม ผมไม่รู้เรื่องนะครับ"

 



"มันจะไม่บังเอิญไปหน่อยหรอวะ ที่แฟนเก่ากูได้รับจดหมายขอคืนดี กับจดหมายข่มขู่ ในเวลาใกล้เคียงกัน ที่สำคัญ ลายมือคนเขียนมันเหมือนกันชัด ๆ มึงวางแผนใช่ไหม? ตอบกูมา ขิง!!" เติร์กชี้หน้าด่าคนที่ถูกประคองจากคนรักของเขาให้ลุกขึ้นยืน ในเมื่อเติร์กได้อ่านจดหมายทั้งสองฉบับ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ลายมือที่เขียนนั้น มันคือคนเดียวกันชัด ๆ

 

 

"ผมจะรู้ได้ไง? ว่าแฟนเก่าพี่คือคนไหนและจดหมายอะไรครับ ผมไม่รู้เรื่อง ฮือ... มันช์ ขิงไม่ได้ทำจริง ๆ นะ" ขิงละล่ำ ละลักบอกพลางเกาะแขนมันช์รีบแก้ตัว ฟากเติร์กกระชากแขนขิงให้ห่างจากตัวแฟนของเขา

 



"พอได้แล้วครับพี่เติร์ก" มันช์ว่าเสียงเรียบพลางน้ำตาคลอ ตอนสบตามองพี่เติร์ก

 

"โอเคได้ ถ้างั้นเรากลับบ้านกัน" เติร์กก็อยากจะสงบสติอารมณ์ลงก่อน เขาว่าพลางเลื่อนมือไปจับมือมันช์กำลังจะเดิน ทว่า มันช์สะบัดออก แล้วเอ่ยเสียงเข้ม

 



"ไม่ครับ คืนนี้ ขิงจะนอนห้องผม"

 

"แต่มันช์ กูไม่อยากที่จะ..."

 



"ในเวลาที่ผมเครียดและไม่เหลือใคร คนที่ควรอยู่ข้าง ๆ ผมควรเป็นพี่ไม่ใช่หรอวะ"

 



"มันช์มึงควรฟังกูนะ และมึงควรไว้ใ..."

 



"พี่เอาแต่พูดว่าให้ไว้ใจ ๆ แล้วการกระทำพี่มันน่าเชื่อใจ ไว้ใจได้อีกหรอวะ ไปเถอะขิง"



 

"มันช์อย่าเพิ่งไป ถ้าไม่อยากฟังกู ก็ขอให้เ...ร..."



 

"เห้ย! พี่เติร์ก แค่พี่ผมตาย แม่งก็เครียดพอแล้ว จะหยุดพล่ามได้รึยัง!"

 



กึก

 

 

     เติร์กชะงักกึก เขาไม่เคยเจอมันช์พูดจาแรง ๆ แบบนี้มาก่อน เติร์กสบตาขิงที่หลุบตาลงต่ำ พลางกวาดสายตาเห็นเด็กหอ พ่อค้า แม่ค้า มองมาทางนี้ ก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ฟากเติร์กจ้องมองมันช์ที่ไม่สนใจ เดินจากไปพร้อมกับใครอีกคน

 



"สัดเอ้ย!"

 

 

      เติร์กสบถอย่างหงุดหงิด เสยผมขึ้นลวก ๆ ร้อยวัน พันปีไม่ยักจะพบเจอกวางบ่อยและถี่จนสร้างเรื่องให้เขาได้มากขนาดนี้ เติร์กตัดสินใจ เดินไปง้อมันช์อีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือ การตอบประชด ประชันอันน่าปวดใจ

 



"ถ้าขืนพี่ยังตามมา ผมอาจทำกับขิงมากกว่าที่พี่ทำกับพี่กวาง"


.

.

.

.

"โอเคไหม มันช์"

 

 

      มันช์มองหน้าขิง เขาไม่ได้พิสวาทขิงอะไรมากมาย แต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรให้ชวนสร้างปัญหาเพิ่ม เขาได้แต่เงียบ แต่พอขิงเริ่มมาเกาะแกะมากขึ้น มันช์บอก

 



"ขิง อย่าเพิ่งยุ่งกับเราตอนนี้ได้ไหม? ขิงจะไปนอนก่อนก็ได้"

 



 "ขิงขอโทษครับ ขิงแค่เป็นห่วงมันช์เท่านั้นเอง"

 

 "ขอบใจ แต่ขอเราอยู่คนเดียวก่อน"

 

 

       มันช์ถอนหายใจ เหลือบมองคนที่มาขออาศัยนอนด้วย เนื่องจากขิงบอกว่าครอบครัวขิงไปต่างจังหวัดแล้วลืมทิ้งกุญแจบ้านไว้กับลูก ครั้นจะให้นอนห้องแบงค์ก็จะชวนปวดใจกันไปอีก



 

      เพียงแค่หยุดคิดเรื่องอื่น เรื่องพี่เติร์กก็ผุดเข้ามาในสมอง มันช์รู้สึกวาบหวิวในอกทุกครั้งที่นึกถึงพี่เติร์กกับแฟนเก่าของเขายืนกอดกัน  ความสัมพันธ์ที่ดูรู้ว่าที่ผ่านมา คงผูกพันกันน่าดู



 

     คนที่มีนิสัยคิดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้เห็นภาพชวนปวดใจอย่างนั้น ก็พาลจินตนาการเพิ่มไปต่าง ๆ นานา ว่าแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งสองแอบไปทำอะไรกันมามากกว่าการกอดกันหรือเปล่า?    ยิ่งคิดก็ยิ่งเพลิน จนคิดไปถึงตัวเขาเอง ว่าแล้วความรักแบบผู้ชายรักกันมันจะไปตลอดรอดฝั่งเหรอ? หากเทียบกับแฟนเก่าของพี่เติร์ก ที่ทั้งสาว สวย ดูอย่างไรก็เหมาะสมกันมากกว่า

 



      มันช์สะบัดศรีษะสลัดไล่ความคิดแย่ ๆ ทิ้ง ก่อนจะลุกไปคว้าผ้าขนหนูเพื่อนจะเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย แต่คนที่ลอบมองมันช์มาตลอดว่านั่งเหม่อมานานสองนาน ก็ลุกพรวดและกึ่งเดิน-กึ่งวิ่ง ไปสวมกอดมันช์จากด้านหลังทั้งยังเอียงหน้าซบแผ่นหลังอุ่น ๆ

 

 

"ขิงไม่ชอบเห็นมันช์เครียดแบบนี้เลย จากนี้ ขิงจะเป็นคนปลอบใจมันช์เองนะ"


.

.

.

.

         หลายวันแล้วที่ เติร์กมาดักง้อมันช์ช่วงเลิกเรียนแต่มันช์หลบหน้ามาตลอด โทรไปก็ไม่รับสาย ไปหาที่หอก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่ามันช์ไปนอนที่ไหน? เติร์กปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้เลยขอร้องและเตีัยมกับดาวไว้วันนี้ ช่วยพามันช์ไปรอแถวห้องน้ำคนเดียวก่อน เพราะเขารู้ดีว่าถ้าไม่นัดแนะกันก่อน ขิงก็ตามติดมันช์อีก คนที่แอบซุ่มอยู่ในห้องน้ำ เห็นดาวเดินมาส่งซิกส์ เจ้าตัวถึงเดินไปเห็นมันช์อยู่คนเดียว

 

 

"มันช์ วันนี้ไปนอนบ้านกูนะ" เมื่อเห็นทางสะดวก เติร์กเดินไปจับมือมันช์ที่ยืนหันหลัง เจ้าตัวตกใจเผลอสะบัดมือ แล้วหันไปมองก็พบพี่เติร์กยืนมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

 

"วางแผนกับดาวใช่ไหม?" มันช์ถามอย่างรู้ทันทีว่านี่คือแผนการของเพื่อน

 

"ไม่งั้นมึงก็หลบหน้าตลอด"

 

"จะคุยอะไร?"

 

"เรื่องของเรา"

 

"กับแฟนเก่าพี่?"

 

"มึงมีสิทธิ์คิดแบบนั้นได้ แต่ภาพที่มึงเห็นมันไม่มีอะไรจริง ๆ กูนึกว่ามึงจะไว้ใจและเชื่อใจกูมากกว่านี้"

 

 

 "เอะอะ ๆ  ก็บอกให้ไว้ใจ แล้วการกระทำพี่มันน่าให้ไว้ใจตรงไหนวะ พี่เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด นี่ไง ผมเห็นหลักฐานเต็มตาเลย กอดกันโจ่งแจ้งขนาดนี้ ในที่ลับจะขนาดไหนวะ?"

 

"ไอ้มันช์ กูไม่เคยคิดนอกใจมึงเลยสักนิด ชักจะไปกั...น...."

 

 

"ผมเหนื่อยแล้ว เราเลิกกันเหอะว่ะ"

 



กึก



 

     เติร์กมองหน้ามันช์ด้วยความเจ็บปวด เติร์กรู้ดีว่าการเป็นแฟนกัน เมื่อเดินทางมาถึงจุด ๆ หนึ่ง มันจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดาจะหวังให้มันราบรื่นโดยไร้การทะเลาะกันก็คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากความรักของเขาสองคนนั้นมาจากต่างความคิด ต่างที่มา จึงไม่ง่ายที่กว่าจะปรับความเข้าใจให้เข้ากันประหนึ่งเป็นเหมือนคน ๆ เดียวกัน แต่เติร์กไม่คิดว่า มันช์จะไม่ฟังเหตุผลอะไร และแก้ปัญหาด้วยวิธีง่าย ๆ เช่นนี้



 

"มึงพูดออกมาได้ยังไงวะมันช์"

 

 

      มันช์ไม่ตอบแต่เดินหนี เติร์กคว้าไหล่มันช์ให้หันมาสบตากัน

 



"มันช์อย่าหนี มีอะไรเคลียร์กันให้จบตรงนี้"

 

 

"แต่ผมไม่มีอารมณ์!"

 



"มันช์!! คุยกันให้รู้เรื่อง!!"



 

"ผมจะไปหาเพื่อนผมแล้ว"



 

"เพื่อนมึงน่ะใคร? ขิง? งั้นสิ"

 



"ใช่"

 

 

 

"ขิงมันตอแหล มึงยังนับมันเป็นเพื่อนอีกเหรอ!" เติร์กหมดความอดทน เขาเหลืออดกับคนพรรค์นั้น จนต้องด่าลั่นลานกว้าง

 

"ผมไม่เคยคิดเลยว่ะว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้" มันช์เบิกตาโพลงอย่างประหลาดใจ มีน้อยมากที่จะได้ยินพี่เติร์กด่าคนอื่นด้วยการใช้คำพูดแรง ๆ แถมตวาดเสียงดังขนาดนี้

 

"คนแบบนี้น่ะ แบบไหน?"

 

 

"ก็คนเหี้ยไง!"

 



    เติร์กยืนหน้าชาด้วยความเสียใจและเจ็บปวด ที่มันช์ยอมด่าเขาเพื่อปกป้องและแก้ตัวให้ใครอีกคนอย่างหน้าตาเฉย เติร์กเงยหน้ามองมันช์อีกครั้ง



 

"แต่ก็เป็นคนเดียวกับที่รักมึง"

 

กึก

 

      ครู่หนึ่ง มันช์สบตาพี่เติร์กที่ดวงตาแดงก่ำ เขาเบือนหน้าหนี และไม่พูดอะไร จนเป็นฝ่ายเติร์กเองที่ย้ำอีกครั้ง

 

 

"แล้วกูไม่เลิก กูจะให้มึงกลับไปคิดอีกครั้ง" เติร์กลดความอารมณ์ร้อน และหันมาพูดกับมันช์ดี ๆ

 

 

"ผมคิดแล้วครับ" มันช์หลั่งน้ำตา ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่เติร์กและระบายความในใจอีกครั้ง

 

 

"ว่าการที่พี่ทิ้งผมในวันที่ผมอ่อนแอที่สุด เพื่อกลับไปหาแฟนเก่า แม่งเจ็บแค่ไหน"

 

 

..............................................

 
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เขียนมาก็หลายเรื่อง โดยส่วนตัวคิดว่านี่ดราม่าเบาสุดแล้วค่ะ มาอยู่เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ไปด้วยกันนะคะ และสุขสันต์วันสงกรานต์จ้า

ขอบคุณค่ะ

   
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 25 ทิ้ง - [15 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-04-2019 14:53:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิขิง  อิเลว  ขอให้แกไม่มีความสุข

ถึงขั้นพาคนไปข่มขืนกวาง

แกมันต้องโดนรุมโทรม

แต่...แกอาจจะชอบก็ได้นะ  อิร่าน

ป.ล. ตั้งแต่อ่านนิยายมา  ไม่เคยเกลียดใครเท่าแกเลย  อิขิง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 25 ทิ้ง - [15 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-04-2019 15:25:47
 :m15:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 25 ทิ้ง - [15 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-04-2019 19:42:42
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 25 ทิ้ง - [15 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-04-2019 21:44:00
 :katai1:
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 25 ทิ้ง - [15 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-04-2019 00:20:39
มันช์แกก็บ้าไม่ฟังพี่เขาเลย ก็เข้าใจว่าโกรธและเสียใจแต่แม่งเรื่องมันแค่นิดเดียวเองแค่กอดนะโว้ยไม่ใช่จูบกันให้เห็นเสียหน่อย คนเลิกกันเป็นเพื่อนกันได้ก็มีนะ ฟังพี่เขาหน่อยอย่าเอาแต่อารมณ์มากนักเลยมันดูงี่เง่าว่ะ เดี๋ยวจะมารู้ความจริงที่หลังมาขอโทษมีเขาก็เสียความรู้สึกไปแล้ว
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*-บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-04-2019 17:03:58

บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก














    เมื่ออีกคนเป็นไฟคอยแผดเผาทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า อีกคนควรเป็นสายน้ำชโลมใจ





    ตอนที่ได้ยิน บอกตามตรงว่า เติร์กโกรธและเสียความรู้สึกมากกับคำที่คนรักเอ่ยออกมา แต่เติร์กพยายามทำความเข้าใจในตัวมันช์ให้มากที่สุดและคิดว่ารุ่นน้องก็คงน้อยใจจนพาลที่เติร์กไม่ยอมไปตามนัดเหมือนกัน

     

     ในความจริงของชีวิตคู่รัก ถ้าเติร์กเอาแต่ประชดกลับ มีหวังชีวิตคู่คงพังพินาศ





"กูรู้มึงใช้อารมณ์และกำลังประชดกูอยู่ กูให้เวลามึงอีกหนึ่งสัปดาห์ให้กลับไปคิดนะมันช์ ถ้าหลังจากนั้น มึงยังยืนยันคำเดิมว่าจะเลิกกับกู กูจะปล่อยมึงไป"





      เติร์กบอกหนักแน่น เขาอยากให้อีกฝ่ายได้กลับไปทบทวนตอนอยู่คนเดียว เพราะถ้าเวลาผ่านไปแล้วมันช์ยังยืนยันคำเดิม ก็คงสมควรแก่เวลาที่ทั้งสองคงต้องเลิกกันจริง ๆ




       จู่ ๆ ใจมันช์ก็เกิดวูบหวิวหวั่นไหว ตอนที่พี่เติร์กพูดเช่นนั้น แต่ความน้อยใจและการใช้อารมณ์นำโดยไม่ผ่านการไตร่ตรอง ส่งผลให้มันช์พูดไม่คิด



"ยืนยันคำเดิมตั้งแต่ตอนนี้ครับ"



"ไอ้มันช์!!"





        เติร์กตะโกนดังลั่น ตอนที่มันช์ไม่ยอมหยุดประชดประชัน เติร์กพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ แต่อีกฝ่ายเอาแต่ยั่วโมโห กวนประสาทกัน เติร์กรู้ว่าวันนี้ มันช์ยังใช้อารมณ์ หากยิ่งเถียง รังแต่จะทำให้เสียประสาทเปล่า ๆ เติร์กจึงเก็บอารมณ์โกรธไว้ไม่ระบายลงที่แฟนปรี่กลับซุ้ม หายใจฮึดฮัดรุนแรง ทอดสายตามองคนรักที่เพิ่งเดินมาถึงอีกฟากฝั่งซุ้มกำลังนั่งคุยกับพวกขิง เติร์กเจ็บใจ เพราะอุตส่าห์พร่ำบอกแล้วว่ามีอะไรให้คุยกัน พยายามปรับความเข้าใจกัน แต่มันช์ไม่ยอมจบปัญหา ปล่อยให้เติร์กหงุดหงิดว้าวุ่นใจ เขาทนไม่ไหว กระโดดลงจากซุ้มคว้าโค้กขวดแก้ว ปาอัดลงกับพื้นอย่างแรง



เพล้ง!



       เสียงหัวเราะ เฮฮาบันเทิงก่อนหน้าในซุ้มอื่น ๆ เปลี่ยนเป็นเงียบสงัด





"เฮ้ย ใจเย็นเติร์ก" ป๋อและโต๋ถลาลงจากซุ้มมาจับแขน จับไหล่เพื่อนที่ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าเติร์กกำลังอารมณ์ร้อน







"เติร์กใจเย็นก่อน เกิดอะไรขึ้นวะ?"



"...." แม้ทุกคนจะถามไถ่เติร์ก แต่เขากลับไม่ตอบเอาแต่เงียบ สายตาโกรธขึ้งคล้ายคนถูกผีเข้า เติร์กกำมือแน่นจนเส้นเลือดขึ้นปูดโปน





"เอ้ย! ไอ้สัดเติร์กเลือดไหล" คงเป็นเพราะเศษแก้วแตกกระเด็นโดนตอนเหวี่ยงขวดฟาดลงกับพื้นอย่างแรง ทว่า เติร์กไม่รู้สึกเจ็บใด ๆ แม้ว่าเพื่อนจะตะโกนมาเช่นนั้น เขาเพียงแค่เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือ จังหวะเดินผ่านซุ้มมันช์ เขาประสานสายตากับคนรัก แล้วรู้สึกเจ็บอย่างทรมานคล้ายคนโดนฆ่าอย่างเลือดเย็น เมื่อเห็นมันช์มองโดยไร้การสนใจใยดี



      เติร์กยังคงมองมันช์ไม่วางตา และเมื่อทั้งสองยังคงสบตากัน เติร์กขยับปากช้า ๆ โดยไร้เสียง



"กู-รัก-มึง-เสมอ"

.

.

.
.



      หลังจากที่คู่รักต่างวัยทะเลาะกันก็ผ่านมาแล้วสามวัน ที่มันช์กับเติร์กห่างกันโดยสมบูรณ์ มันเหมือนกับว่าทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงจำลองเหตุการณ์การเลิกกันกราย ๆ ยามนี้ คนปากดีกลับรู้สึกหวิว จิตใจห่อเหี่ยวแปลก ๆ ยามที่พี่เติร์กไม่โทรหา ไม่ง้อกันจริง ๆ และมันช์หงุดหงิดใจทุกครั้งที่เห็นพี่เติร์กเดินกับผู้หญิงแปลกหน้า ครั้นจะไปกระชากแขนถามว่าทำไมต้องเดินกับผู้หญิงคนอื่นไปทั่วด้วยก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตัวเองสร้างปัญหาก่อนเองแท้ ๆ



      ตอนนี้  มันช์แอบมานั่งคนเดียวตรงม้าหินแถวห้องน้ำพลางเหม่อลอยเป็นระยะ และถามตัวเองในใจอยู่บ่อยครั้งว่า การบอกเลิกในวันนั้น มันช์อยากเลิกกับพี่เติร์กจริง ๆ หรือเปล่า? มันช์คิดไม่ตก แถมตอนนี้ก็เริ่มคิดถึงพี่เติร์กมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มันช์เผลอน้ำตาคลอ รีบฟุบหน้าลงบนโต๊ะม้าหิน แล้วปล่อยให้น้ำตาเม็ดโตร่วงไหลมาเรื่อย ๆ


"น้องมันช์ใช่ไหมคะ?"


      มันช์ชะงัก สูดน้ำมูกขึ้นจนดังฟืดฟาด ส่ายหน้าไป-มาเพื่อเช็ดน้ำตากับท่อนแขน แล้วเงยหน้าในสภาพตาแดง จมูกแดงพลางเบิกตาโต เมื่อคนที่เรียกเขาคือแฟนเก่าของพี่เติร์ก เบื้องหลังที่ยืนอยู่กับเธอ คือเพื่อนของเธอสองคน
 

"มีอะไรหรือเปล่าครับ?" มันช์ไม่ได้ตอบคำถามพี่กวาง เพราะตอนนี้ แม้แต่หน้าเขายังไม่อยากมอง ใครจะทนคุยกับแฟนเก่าของคนรักในปัจจุบันลง


"พี่ขอคุยด้วยหน่อยค่ะ พอจะมีเวลาไหมคะ?"


"ไม่มีครับ"

   
     กวางเห็นแฟนพี่เติร์กตัดบท ซ้ำยังตอบแบบหยิ่ง ๆ เธอลอบถอนหายใจ จะสะสางปัญหาให้ได้อย่างไรหากแฟนพี่เติร์กเอาแต่เป็นแบบนี้

"น้องมันช์ พี่คุยเรื่องพี่เติร์กไม่นานหรอกค่ะ"


"พี่จะมาบอกว่า พี่เติร์กรักพี่มากแค่ไหน? หรือจะมาบอกว่า พี่กำลังจะกลับไปคบกันอย่างนี้เหรอครับ"



      กวางมองหน้ามันช์ที่พูดจาประชด ประชันพลางลอบถอนใจอีกครั้ง เธอก็เข้าใจอยู่หรอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของความรักระหว่างแฟนเก่ากับแฟนใหม่จะให้มาคุยกันปกติหรือลงรอยกันก็คงทำได้ยาก กวางก็คงได้แต่ทำใจและท่องถึงสิ่งที่ต้องการทำดีกับพี่เติร์กในฐานะคนรักเก่าและคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอในยามคับขัน


      ตอบตามจริง ถ้าพี่เติร์กดูมีท่าทีสนใจ อยากกลับมาคบกับเธอสักหน่อย กวางจะไม่ช่วยให้ทั้งสองคืนดีกันแน่ ๆ แต่เพราะเธอรู้ว่าพี่เติร์กเป็นคนอย่างไร หนำซ้ำ อีกฝ่ายก็ดูรักพี่เติร์กไม่ต่างกัน เพียงแต่เด็กคนนี้ติดจะหึงหวงมากจนไม่ลืมหู ลืมตา เธอถึงต้องมาเป็นฝ่ายช่วยปรับความเข้าใจให้ทั้งสองย่นระยะห่าง และกลับมาชิดใกล้กันดังเดิม




"พี่จะมาบอกว่า พี่เติร์กรักน้องมันช์มากแค่ไหนต่างหากค่ะ"



กึก

   
     มันช์ใจกระตุก เผลอกัดปาก แล้วเบนหน้าหนี กลัวอีกฝ่ายจะจับพิรุธได้ว่าเขามีปฏิกิริยาต่างจากเดิม มันช์รู้สึกกระอักกระอ่วน ปั่นป่วนในอกอย่างบอกบอกไม่ถูก เมื่อเห็นคนอื่นต้องมาก้าวก่ายเรื่องความรักระหว่างเขากับพี่เติร์ก


"พี่รู้เรื่องแล้วค่ะที่น้องมันช์เข้าใจพี่กับพี่เติร์กผิด" มันช์เงยหน้ามอง


"พี่เติร์กฟ้องเหรอครับ?"


"ไม่ใช่เลยค่ะ พี่เติร์กไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้ามันช์คบกับพี่เติร์กไปสักพัก น้องมันช์จะรู้ข้อดีของพี่เติร์กว่านอกจากจะเป็นคนชัดเจนแล้ว เวลาพี่เติร์กคบใคร เขาให้เกียรติแฟนทุกคน พี่เติร์กไม่เคยพูดร้ายหรือว่าแฟนตัวเองแรง ๆ ต่อหน้าคนอื่นค่ะ"



กึก


       คำพูดที่อีกฝ่ายพูดมาทำให้มันช์ยืนหน้าชา รู้สึกเหมือนถูกตบหน้ากลางสี่แยก  การที่พี่กวางพูดเช่นนั้น ยิ่งทำให้มันช์รู้สึกแย่ เสมือนว่ามันช์ละเลยไม่เคยใส่ใจแฟนตัวเองหรือรู้เลยเหรอว่าพี่เติร์กเป็นคนเช่นไร หากเทียบกับพี่กวางแล้ว เธอช่างดูรู้ดี รู้ใจ รู้นิสัยพี่เติร์กไปเสียทุกอย่าง


"พี่ป๋อเป็นห่วงพี่เติร์กมากค่ะ ถึงขอให้พี่ช่วยมาอธิบายให้มันช์ฟัง พี่ป๋อรู้เพราะพี่เติร์กเมาถึงหลุดพูด มันช์รู้ไหมว่า ช่วงนี้พี่เติร์กกินเหล้าทุกคืน เมาทุกวัน เขาเสียใจมากนะ ขนาดเลิกกับพี่เขายังไม่เคยร้องไห้เลย แต่กับมันช์..."



"พี่ป๋อบอกว่า พี่เติร์กร้องไห้หนักเลยค่ะ"



"...."



"พี่ไม่รู้ว่ามันช์กับพี่เติร์กทะเลาะเรื่องอะไรกัน แต่เขาแย่มากนะ ถ้ามันช์คิดจะทำอะไรอยู่ตอนนี้ พี่ขอเถอะค่ะ คิดให้ดี ๆ พี่เติร์กรักมันช์มากจริง ๆ"


"แล้วพี่มาบอกผมทำไมครับ?" มันช์พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่ถ้าถามข้างในใจนั้น เขารู้สึกทรมานอยากร้องไห้เต็มที



"พี่ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครทะเลาะกัน ตอนที่พี่ได้รับจดหมาย ยอมรับนะว่าพี่ดีใจมากจนอยากได้พี่เติร์กกลับคืนมา แต่พอพี่เติร์กบอกว่าเขามีแฟนแล้ว และสีหน้าดูไม่สนใจหนำซ้ำยังรำคาญพี่ พี่ก็รู้แล้วว่าถ้าพี่ได้พี่เติร์กมาจริง ๆ คบกันไปก็ไม่มีความสุขอยู่ดี"



"....." มันช์ยืนนิ่งเหมือนคนสงบใจ แต่ข้างในร้อมรุ่ม ร้อนรนเหลือเกิน



"พี่กับพี่เติร์กไม่มีทางเกินเลยแน่นอนค่ะ เรื่องที่พี่จะบอกก็มีเท่านี้ พี่ไปก่อนนะคะ"



      กวางได้ตอบแทนบุญคุณพี่เติร์ก เรื่องที่เขาได้ช่วยเธอวันก่อนแล้วก็โล่งใจ ทางฝั่งมันช์มองพี่กวางส่งยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเดินไปหาเพื่อนเธอที่รออยู่ไม่ไกล


      ได้ยินการเล่าสรรพคุณของพี่เติร์กมาจากปากแฟนเก่าก็ยิ่งเจ็บและรู้สึกผิดว่าทำไม มันช์ต้องปล่อยให้คนอื่นมาคอยบอก คอยชี้แนะว่าคนรักของมันช์เป็นคนดีอย่างไรด้วย


    "ทำไม ผมถึงเป็นแฟนที่แย่อย่างนี้วะ พี่เติร์ก"

.
.
.
.
        กาลเวลายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับตัวเติร์กเองแล้ว เขาพูดคำไหน คำนั้น ถ้าเขาให้เวลามันช์ก็คือให้เวลา ระหว่างนี้ เติร์กจึงไม่ได้ง้อ หรือพูดคุยกับมันช์สักคำ แต่เขาก็ยังมีเรื่องคาใจจนต้องสะสางสักหน่อย ยามเย็นวันนี้ จึงเป็นเวลาเหมาะเจาะที่เติร์กจะตามขิงกลับบ้าน หลังจากที่ได้สายสืบจากหลานรหัสอย่างดาวบอกว่า มันช์กลับบ้านไปกับเพื่อนต่างคณะแล้ว (ซึ่งเติร์กเดาว่าคงเป็นแบงค์)



      เติร์กตามขิงมาถึงบ้าน เพราะเขาอยากรู้พื้นเพของคนนี้ว่าเพราะอะไรทำไมถึงมีนิสัยยุแยง และสร้างความร้าวฉานให้ความรัก ความสัมพันธ์ของเติร์กต้องสะบั้นลงด้วย



      สองเท้าก้าวไวฉับ ๆ แต่ก็ต้องพยายามหาที่กำบังหลบตามเสาไฟฟ้าเป็นระยะ ๆ เติร์กตามขิงเข้ามาในซอยทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง เขานึกว่าถึงบ้านขิงแล้ว แต่เปล่าเลย ซอยทาวน์เฮ้าส์นี้เป็นแค่ถนนลาดยางเชื่อมผ่านสู่การลัดเลาะเข้าซอยเล็ก เติร์กหยุดเท้าเพื่อทิ้งช่วงห่างก่อนจะกึ่งเดิน กึ่งวิ่งตามต่อ เข้าซอยเล็กเพื่อทะลุไปอีกซอยหนึ่ง เติร์กมองเห็นแผ่นหลังขิงไกล ๆ ที่เดินเลี้ยวขวา พอเติร์กวิ่งตามไปพบสะพานไม้แคบ ๆ เป็นทางเดินทอดยาวจนสุดสายตา เติร์กเห็นสองข้างทางเป็นบ้านไม้ปรักหักพัง ฝาบ้านมีพวกโปสเตอร์ซีดและขาดแปะซ้อนทับกัน บ้างก็มาจากยาสระผม บ้างก็ผงซักฟอกหรือไม่ก็เป็นการโปรโมทเพลงเก่า  ๆ มาปิด มีบ้างที่บางจุดจะมีสีสเปรย์สีขาวหรือแดง พ่นข้อความอะไรก็ไม่รู้



       หน้าบ้านของทุกคนส่วนใหญ่ที่เติร์กเห็นจะมีทั้งลังกระดาษ ทั้งตระกร้าเก่าซีดวางซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ สภาพไม่สวยหรูแถมดูทรุดโทรม เติร์กต้องหยุดเท้า เขาไม่สามารถสะกดรอยต่อไปได้ เพราะมีคนนั่งหน้าบ้านหลังหนึ่งมองมาด้วยสายตาทำนองว่า มึงเป็นใคร เข้ามายุ่งถิ่นกูทำไม ? ทำให้เติร์กต้องล่าถอยออกมาหลังจากที่เห็นขิงเดินเข้าบ้านไม้ทรุดโทรมหลังที่สามที่อยู่ติดกัน



     คนที่หันหลังเตรียมกลับบ้าน เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้แล้วว่า สภาพที่ขิงอยู่เป็นอย่างไร



   โครมม!


    เคร้ง!
 


 
"อีขิง ทำไมวันนี้ มึงหาเงินมาไม่ได้! ห้ะ"


"แม่!! ก็หามาได้แค่นี้จะเอาแค่ไหน? ลำพังแค่ขิงเรียนก็จะลำบากอยู่แล้วนะ"


"มึงไม่สิทธิ์จะเถียง กูเป็นแม่มึงนะ อีขิง!! มึงต้องไปหาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้"



      เสียงตะโกนเถียง ด่ากันไปมาดังจนเติร์กต้องหยุดแล้วยืนเบี่ยงตัวหลบ เติร์กชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนชี้หน้า ด่าขิงฉอด ๆ ยังดูไม่แก่เท่าไหร่ถ้าให้เดาอายุก็คงสามสิบหกสามสิบเจ็ดเห็นจะได้? เธอดูใบหน้าแดงก่ำ มีสภาพเหมือนคนมึนเมาสวมใส่เสื้อแขนกุดกับผ้าถุงมีลายสีม่วงแดง



"แม่! ขิงเหนื่อยแล้วนะ"


ผัวะ


โครม


    สายตาที่มองลอดผ่านช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างลังกระดาษกับตระกร้าวางซ้อนจนสูงตกใจ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นตบขิง แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้ชายร่างใหญ่ตัวดำเมี่ยมดุจถ่าน ปรี่มาถีบขิงจนก้นจ้ำเบ้า แล้วตะโกนเร่า ๆ ไม่หยุด


"มึงนี่ลูกเนรคุณชัด ๆ ไปหาเงินมาให้แม่มึงสิวะ ไป๊!!!!"


     เติร์กมองผู้ชายที่ด่าขิงเสร็จก็โอบรอบคอคนที่อ้างว่าเป็นแม่แล้วละเหี่ยใจ ละสายตาไปมองคนที่นั่งชันเข่าตรงแคร่เล็ก ๆ หน้าบ้านของเขาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด เห็นภาพชัดที่สุด แต่กลับไม่มีทีท่าเดือดเนื้อ ร้อนใจ หรือคิดจะเข้าไปช่วย เขาทำเหมือนชินชาหรือไม่มันก็คงเป็นเรื่องปกติสำหรับการทะเลาะ โหวกเหวกโวยวายเช่นนี้



"ไม่ ขิงเหนื่อยแล้ว"
   


"ถ้างั้น มึงออกไปจากบ้านกูเลยอีขิง !!"


"เอออ ไปก็ได้ ก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอกบ้านนี้ ฮืออออออ" ขิงลุกมาตั้งหลักได้แล้วก็ยืนร้องไห้พลางปาดน้ำตาลวก ๆ



     คนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รู้สึกจุกอก อึดอัดข้างในแปลก ๆ จากความโกรธเกลียดขิงที่คิดทำลายความรักระหว่างเติร์กกับมันช์พลันสงสารขึ้นมาในบัดดล



      จังหวะที่เติร์กเห็นขิงเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทันใดนั้น


หมับ!



"พะ...พี่เติร์ก!!"



"ยังไม่ต้องพูดอะไร กูมีเรื่องจะคุยกับมึง"


"ปล่อยผมนะ ปล่อยผม"
.
.
.
.

"กินข้าวก่อน มึงคงหิว"




"สมเพชผมสินะ" ขิงว่าเสียงเข้ม ตอนนี้ พี่เติร์กพามาที่บ้านของเจ้าตัว พี่เติร์กดูแลขิงอย่างดี ทั้งทำความสะอาดบาดแผล รวมถึงทำแผลที่มีรอยช้ำนิดหน่อยตรงมุมปาก ความจริง ขิงไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ พยายามจะหาทางไปที่อื่น แต่ก็ถูกพี่เติร์กลากมาถึงที่นี่ และยังมีพี่เต็นที่เพิ่งกลับบ้านและซื้อข้าว หมูแดงมาให้หลังจากที่พี่เติร์กฝากซื้อ



"แม่มึงทำร้ายร่างกายมึงบ่อยไหม?" ถ้าเป็นก่อนการเห็นเหตุการณ์นั้น ขิงพูดอะไรไม่เข้าหู เติร์กคงด่ากลับ แต่พอหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายโดนแม่ไล่ตะเพิด เติร์กสงสารและเห็นใจมากกว่า



"ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งห่วงผมหรอกครับ"



"มึงพูดดี ๆ หน่อย ความจริง กูไม่จำเป็นต้องช่วยมึงด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่มึงเป็นคนสร้างปัญหาระหว่างกูกับมันช์ ทำไมกูจะไม่รู้"



"ก็ไม่ได้บอกให้ช่วย"



"ขิงครับ น้ำกระเจี๊ยบแถวที่ฝึกงานพี่ เขาว่าอร่อย ลองชิมสิครับ" เต็นเดินมาวางแก้วน้ำดื่มลงบนโต๊ะกระจก ฟากขิงทอดสายตาละห้อยพลางเม้มปากแน่น ก่อนขอบคุณพี่เต็นที่ยืนยิ้ม แล้วเดินหายไป เหลือไว้เพียงขิงกับเติร์กดังเดิม



"เพราะมึงเก็บกดจากครอบครัวมึงใช่ไหม? มึงถึงเป็นแบบนี้"



    ขิงชะงัก น้ำตาร่วงเผาะ คนตัวเล็กรีบแหงนหน้าขึ้นเพดานเพื่อหลบสายตาที่กำลังสั่นไหว



"มึงคิดว่าคนในครอบครัวไม่รักมึง? มึงเลยต้องการความรักจากคนอื่น?"




         มันก็แค่การคาดเดาของเติร์กเอง ที่คิดว่า คงเป็นเพราะครอบครัวของขิงที่ไม่ได้แสดงออกถึงการมอบความรัก ความใส่ใจให้กันหรือเปล่า ถึงทำให้ขิงกลายเป็นคนแบบนี้


       ไม่นึกเลยว่าคนเราจะยอมเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนนิสัยไม่ดี เพียงเพราะการอยากเป็นที่รักของใครคนใด คนหนึ่ง


       คนที่โดนแทงใจดำชะงัก ขิงลุกขึ้นพรวดแล้วร้องไห้ฟูมฟาย ตะโกนว่าปาว ๆ



"ใช่ รู้อย่างนี้แล้ว พี่ก็ยกมันช์ให้ผมสิ"


"กูยกให้ได้ ถ้ามันช์รักมึง!"



กึก


      ในดวงตาที่พร่าเลือนด้วยหยดน้ำตาแห่งความอัดอั้นผนวกกับความสิ้นหวังนั้น  ลึก ๆ แล้วยังมีความโลภ อยากได้ อยากมีซ่อนไว้อยู่
 


"....."


"แต่กูมั่นใจว่าตอนนี้ มันช์ยังรักกูอยู่"


"....."



"ถ้ามึงทำทุกอย่างเพื่อจะแย่งมันช์ไปจากกู วันหนึ่ง มึงอาจทำสำเร็จ แต่สักพัก มึงจะคบแบบไม่มีความสุข และไม่นานมึงจะเลิกกัน มึงเข้าใจคำว่า 'แย่ง' ไหม? ขิง ถ้ามันเป็นของ ๆ มึงจริง มึงจะไม่ต้องแย่งให้เหนื่อย"


"....."

"ส่วนที่ผ่านมา ที่กูเคยเกลียด เคยไม่ชอบมึง กูขอโทษว่ะขิง กูไม่รู้ว่า ครอบคร...."


"หยุดเถอะครับ ผมไม่ได้ต้องการความสงสารจากพี่ ขอตัว" ขิงบอกทั้ง ๆ ที่ยังน้ำตาอาบแก้ม


"มึงจะกลับบ้านเหรอ? นอนค้างที่นี่ไหม?" เติร์กถามอย่างเป็นห่วง คนตัวเล็ก ๆ ไร้ทางสู้แบบนี้จะหนีออกจากบ้านไปไหนได้


"พี่ไม่ต้องมายุ่ง ผมจะไปอยู่ไหนมันก็เรื่องของผม"



     ในเมื่อเติร์กเห็นความจริงของชีวิตคน ๆ หนึ่ง เขาจึงไม่โกรธที่อีกฝ่ายจะดึงดันคิดอคติต่อกัน เติร์กจึงไม่คิดจะยื่นไม้บรรทัดของเขาเข้าไปวัดมาตรฐานของขิงอีก มีเพียงคำพูดธรรมดาที่บอกหวังให้ขิงคิดได้



"ขิง ถ้าเหนื่อยก็พอนะ" เติร์กแตะไหล่ ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบแบงค์ร้อยออกมาสามใบยัดใส่มือขิง


      ขิงดึงดันจะไม่รับ แต่เติร์กรีบรุนหลังขิงออกจากบ้าน ถ้าหากขิงอยากจะไป เติร์กก็ให้ไป แม้ภายนอก ขิงจะทำตัวเข้มแข็งแค่ไหน ข้างในคงอ่อนแออยู่ไม่น้อย






................................................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-04-2019 18:01:20
 :o12:

เศร้านะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-04-2019 18:29:48
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-04-2019 19:19:56
 :L3:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2019 20:16:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะว่าอย่างไรดี

ถึงคนเราจะอยู่ในสถานการณ์ครอบครัวแบบนั้น   แต่เราก็เป็นคนคิดดีทำดีได้ไม่ใช่เหรอ?

แต่สิ่งที่ขิงกระทำ  ก็เข้าใจและเห็นใจและสมเพช

แต่ถามว่าเกลียดไหม?  ก็ยังเกลียดและไม่เสวนาด้วยแน่ ๆ  ต่างคนต่างอยู่และไม่ยื่นมือช่วยเหลือใด ๆ น่าจะดีที่สุด
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-04-2019 14:49:35
ขิงคงขาดความอบอุ่น ต้องการความรักจากคนอื่น แต่ก็ไม่ควรทำแบบนี้ รอคนที่รักขิงจริง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-04-2019 16:02:36
สงสารนะแต่ที่ขิงทำไปมันก็ไม่ถูกอ่ะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 26 อยากเป็นที่รัก- [21 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Somm ที่ 25-04-2019 20:53:20
รำคาญมันช์อ่ะพูดตรงๆ ใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมดยกเว้นแฟนของตัวเอง ถ้านี่เป็นเติร์กเลิกไปแล้วนะเพราะนีไม่ใช่ครั้งแรกอ่ะที่มันช์ไม่เชื่อแฟนตัวเองต้องให้คนอื่นมาพูดถึงจะคิดได้ ไม่เคยเก็บเรื่องที่ผ่านๆมามาเป็นบทเรียนเลย แล้วชีวิตคู่มันจะเป็นยังไงอ่ะต่อไปต้องให้คนอื่นมาพูดเตือนตลอดเวลาเลยหรอ แรกๆดูเหมือนเป็นคนมีเหตุผลนะแต่ทำไมหลังๆถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ เรื่องขิงก็เหมือนกันคนอื่นก็บอกแล้วนะว่านิสัยยังไงแต่ก็ยังเฉยๆทำไมโลกสวยจัง ส่วนขิงอยากเป็นที่รักของใครสักคน?มีคนเยอะแยะที่พร้อมจะรักขิงจริงๆแต่ขิงก็ยังเลือกที่จะทำลายชีวิตคู่ของคนอื่น พอเป็นแบบนี้สงสารไม่ลงจริงๆเพราะขิงเป็นคนที่จะเลือกทำแบบนี้เอง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [28 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-04-2019 21:39:42
บทที่  27 ไว้ใจ (ตอนจบ)

















ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง!...



      เสียงกดกริ่งดังต่อเนื่องราวกับถูกฉายวนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มันช์ยืนรอพี่เติร์กอยู่หน้าบ้านยามดึกดื่น ยามที่ลมเย็น ๆ พัดพามาประทะผิวกายให้คนที่ยืนรอมาสักพักต้องลูบไล้แขนตัวเองเพราะหนาวและไล่ยุงไปด้วยในตัว


      ปลายนิ้วกำลังวางลงบนปุ่มกริ่งอีกครั้ง ยังไม่ทันทิ้งน้ำหนักของปลายนิ้ว พี่เติร์กก็เดินออกมา


"มานานรึยัง?"


      คนที่รู้สึกผิดหน้าจ๋อยในตอนแรกกลับผุดรอยยิ้มกว้าง เพราะไม่คิดว่าพี่เติร์กจะเป็นฝ่ายทักทายก่อน


"ก็สักพักครับ ผมกดกริ่งตั้งหลายครั้ง พี่ไม่ได้ยินเหรอ?"



"กูใส่หูฟังนอนฟังเพลงอยู่แต่ที่กูเห็นว่ามีคนยืนหน้าบ้าน เพราะกูเดินลงมาจะหาอะไรกินข้างล่าง"



      มันช์ใจกระตุกที่พี่เติร์กพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา เหมือนว่าก่อนหน้าเราไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกัน และไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร? เพียงแค่เห็นหน้าคนรักดวงตาก็ร้อนผ่าว น้ำตาเริ่มคลอหน่วยจนมันช์หลุบตาหนี แต่ยังคงต่อบทสนทนาไม่ให้ขาดช่วง ก็ไหน ๆ พี่เติร์กจะยอมชวนคุยก่อน มันช์ก็ไม่ควรพลาดโอกาสนี้



"พี่จะไม่เปิดประตูให้ผมหน่อยเหรอครับ?"



     เติร์กมองเด็กหนุ่มที่ยืนหน้าหงอยคล้ายคนแบกความรู้สึกผิดไว้เต็มบ่า หนำซ้ำสุ้มเสียงแผ่วเบา เศร้าสร้อยนั้นก็เล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากสั่น ๆ เติร์กจ้องมองริมฝีปากที่เติร์กเคยจูบเป็นประจำ กำลังขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เติร์กเปิดประตูรั้วให้มันช์เดินเข้ามา ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ริมฝีปากช่างเจื้อยแจ้ว เจรจาและที่ผ่านการบดจูบดูดดื่มหนัก ๆ มานักต่อนักนั้นจะมาพูดเรื่องใด



       ประตูปิดลงแล้ว ยังไม่ทันที่เติร์กจะถามถึงสิ่งสำคัญ มันช์ก็สวมกอดเติร์กจนไม่ทันตั้งตัว และตามด้วยน้ำเสียงเหมือนคนไม่มั่นใจ



"พี่เติร์ก ผมขอโทษ"


"....."


"ผมแม่งเป็นแฟนที่แย่ว่ะ ชอบเอาแต่ใจ ใช้อารมณ์ ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ต้องคอยให้พี่ตามใจผมทุกอย่าง พอพี่ไม่เป็นดังใจที่ผมต้องการ ผมก็งี่เง่าใส่ จนลืมคิดไปว่าที่ผ่านมา พี่รักผมแค่ไหน ตามใจผมมากแค่ไหน? ผมขอโทษจริง ๆ นะพี่เติร์ก พี่อย่าโกรธผม อย่าเลิกกับผมเลย ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าผมมีแฟนที่โคตรดี จากนี้ ผมจะพยายามใช้เหตุผลให้มากขึ้น จะไม่งอนอะไรไร้สาระอีกต่อไปแล้ว ผมขอโอกาสนะพี่เติร์ก นะครับพี่" มันช์พูดยาวเป็นหางว่าว เพราะกลัวจริง ๆ กลัวว่าพี่เติร์กจะหนีไปหาคนใหม่เสียก่อน



       มันช์ยังคงอ่อนหัดในเรื่องรัก เพราะมันช์ไม่เคยมีแฟนจริง ๆ จังมาก่อน จึงคิดว่า การคบใครนั้น แค่คำว่ารักกันมันก็น่าจะเพียงพอ แต่เปล่าเลย การคบกันไม่ใช่แค่ความรัก แต่มันยังรวมไปถึงการปรับตัวเพื่อขยับความเข้าใจให้เข้าหากันและพร้อมยินยอมรับในข้อเสียของอีกฝ่ายได้ด้วย   ซึ่งเขาต้องพยายามทำความเข้าใจอีกมาก ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวเขาเองและพี่เติร์กจะได้รักกันไปนาน ๆ  จากนี้ เมื่อมีปัญหาอะไรเข้ามา มันช์จะพยายามผ่านไปให้ได้ด้วยกัน และจะเคลียร์ปัญหาให้จบไม่ทิ้งข้ามวัน ข้ามคืน เพื่อไม่ให้ทั้งคู่จมอยู่กับความทุกข์เนิ่นนานเกินไป เพราะยิ่งนาน อาจยิ่งสั่งสมจนมันอาจกลายเป็นปัญหา ทำให้ถึงจุดแตกหักกันได้



       เติร์กมองคนที่จมลึกอยู่ในอ้อมกอดของเขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดออกมาจริง ๆ มือหนาที่เคยทิ้งไว้ข้างลำตัวกำลังจะยกขึ้นกอดกระชับกลับแต่เติร์กก็ทำได้แค่จับหัวไหล่และดันออกห่าง



      แม้ว่า มันช์จะเคยปาระเบิดแห่งอารมณ์ใส่เติร์กไว้ก่อนหน้า จนเสียความรู้สึกไปมาก แต่สุดท้ายเติร์กก็ให้อภัย เพื่อลองให้โอกาสมันช์อีกสักครั้ง ฉะนั้น ในเวลานี้ เติร์กจึงหายโกรธ เขาไม่ได้เล่นตัวแต่อยากแกล้งรุ่นน้องสักหน่อย เขามองมันช์หน้านิ่งแล้วเอ่ย



"พูดง่าย กูไม่หายโกรธ!"


"โถ!...พี่เติร์กนะครับ ผมขอโทษ กลับมารักกันเถอะนะ ขอให้ผมได้แก้ตัวอีกครั้ง ผมไม่เคยได้ลองใช้ชีวิตคู่มาก่อน ผมเลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรบ้าง แต่พอมันมีปัญหา ผมรู้แล้วว่าผมต้องแก้ที่ตรงไหน ผมไม่เอาแล้วพี่เติร์ก ผมไม่อยากมีใครเป็นที่รักนอกจากพี่อีกแล้ว" เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองบกพร่องทางด้านความสัมพันธ์ก็เกือบสายไป  การใช้อารมณ์และเอาแต่วู่วามกือบทำให้มันช์พลาดรักสุดแสนจะมีค่านี้ไป



"ถ้าจะพูดแค่ขอโทษ กูคงไม่ยกโทษให้ง่าย ๆ"
.
.
.
.
พั่บ พั่บ


"อ้ะ อ้าาาา พี่เติร์ก ผมเสียว"


"อะไรนะ ไม่ค่อยได้ยิน อืมมมม"

 
       มันช์อยากจะด่าใจแทบขาดว่ายังจะมีหน้ามากวนประสาท แต่เพราะมีความเสียวกระสันซาบซ่านไปทั้งทรวง จึงไม่มีอารมณ์มานั่งสนกับคำยียวน เพราะหัวใจกำลังทำงานหนักที่คนหนึ่งกำลังกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปราณี



"อ้ะ ไอ้พี่เติร์ก ลึกไป อื้อออออ เสียว อูยยยซี้ดดดด!"



       ได้ยินเสียงครางกระเส่าพร่ำบอกถึงความรู้สึกยามร่วมรัก เติร์กกระหยิ่มยิ้มย่องชอบใจ เขาโน้มตัวไปกดจูบที่ปากหนัก ๆ จนเสียงดังจ๊วบจ๊าบ ในขณะที่สะโพกเขากำลังขยับเข้ามาไม่หยุด เสียงของการบดจูบผสานไปกับเสียงของร่างกายเสียดสีกันดังก้องไปทั้งห้องนอน มันช์จ้องมองเรือนกายแข็งแกร่งที่ขยับเข้าออกคล้ายคลื่นซัดเข้าฝั่ง มองใบหน้าชื้นเหงื่อ และแววตากระหายรัก  ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นเพราะ...พี่เติร์กยังคงต้องการเขา


     มันช์ดีใจที่พี่เติร์กยังเหมือนเดิม อีกครั้งที่มันช์เรียกเสียงพร่าขยับตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อโอบรอบคออีกฝ่าย



"ระรัก...พี่ อ้ะ..."



     ใบหน้าหล่อผุดรอยยิ้มกึ่งอบอุ่นกึ่งหื่นจนนึกขำ ยามนี้ มันช์อยู่ในท่านอนหงาย มองพี่เติร์กที่กดแก่นกายเข้าไปจนสุด ส่วนเติร์กเองก็มองสีหน้าทรมานปนสุขสมของคนใต้ร่างก็แอบยิ้ม สองมือประคองช่วงบั้นท้าย เพื่อกระชับเข้าหาตัว ใบหน้าหล่อเหลากดเข้าที่ซีกแก้ม จนลมหายใจร้อนผ่าวปะทะเข้าที่ผิวหน้า จากนั้น เติร์กกระหน่ำไม่ยั้ง ยิ่งทำให้มันช์ทำได้แค่กอดลำคอแกร่งมั่น ครวญครางข้างหู ฟังเสียงหน้าขาที่กระทบเข้าหากัน ในขณะที่อุณหภูมิในห้องก็ยิ่งร้อนระอุด้วยไฟราคะ และก่อนที่ทั้งสองจะไปถึงฝั่งฝัน มันช์ซบหน้าลงกับบ่ากว้างของคนรัก


      การร่วมรักกันครั้งนี้ไม่ต่างกับเป็นการง้อผสมผสานไปกับการพัฒนาความสัมพันธ์เพื่อเติมความรักให้กัน  คนที่นอนตะแคงข้างฝังใบหน้าลงตรงหัวไหล่ แถมเกาะแขนเติร์กแน่นก็เอาแต่พูดว่า ดีใจที่ได้กลับมาคบกันเหมือนเดิม จนเติร์กต้องหลุดยิ้มคนที่ทำตัวเหมือนเด็กลัลล้ายามได้ของที่ต้องการ



     เติร์กจูบกลางกลุ่มผมเบา ๆ แล้วบอก


"มันช์"


"ฮะ?"



"มึงสัญญากับกูได้ไหม? ไม่ว่าเราจะทะเลาะกันมากแค่ไหน? จะงอนจนไม่พูดกัน แต่สิ่งเดียวที่เราไม่ควรทำและห้ามพูดเด็ดขาด คือ เลิกกันเถอะ" เติร์กว่าจบพลางลูบไรผมที่ชื้นเหงื่อ เขารู้ดีว่ามันช์ยังเด็ก แถมงอแงเป็นที่หนึ่ง เขาจึงให้โอกาสคนรักได้ปรับตัวด้วยการพยายามย้ำบอกให้เข้าใจ


       น่าแปลกที่พอเป็นมันช์  เขาก็พร้อมยอมศิโรราบได้โดยง่าย

 


         มันช์รู้สึกผิดจับใจ ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะคนที่สร้างเรื่องทั้งหมด ทั้งมวลก็เขาเองทั้งนั้น และในน้ำเสียงพี่เติร์กที่จริงจังเสียจนทำให้มันช์กลัวว่าถ้าทำผิดซ้ำสอง พี่เติร์กคงตัดขาดอย่างไร้เยื่อใยแน่ ๆ 


"อ่าห้ะ!"


"ตอนที่มึงบอกคำนั้นออกมา กูเสียใจนะ เพราะมันรุนแรงสำหรับกู ฉะนั้น ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีก"



"ครับ ๆ ขอโทษจริง ๆนะพี่ มันจะไม่มีครั้งที่สองครับ" มันช์เอ่ยจากใจ



"อื้อ หวังว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้มึงโตขึ้นนะ ถ้ามึงอยากคบกูไปนาน ๆ ก็ต้องไว้ใจและเคารพซึ่งกันและกัน"


"ครับ"




      เติร์กเห็นมันช์รับปากอย่างไว เลยไม่รู้ว่าแค่รับไปอย่างนั้นแล้วเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรือเปล่าจึงต้องกำชับอีกครั้ง



"มึงนี่หลายที อย่าครับแต่ปาก ครับแล้วเข้าใจ ทำตามด้วยรู้ไหม? เพราะมึงยังมีอีกเรื่องที่ไม่รู้?!"



"จริง ๆ พี่ ทำตามแน่นอน แล้วเรื่องอะไรอีกครับที่ผมยังไม่รู้?"



"แม่กูยังไม่รู้ว่า กูมีแฟนเป็นผู้ชาย ฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่หนักกว่านี้ จะหนีปัญหาแล้วทิ้งกูไปอีกไหม?"


       ได้ยินดังนั้น มันช์ใจตกไปที่ตาตุ่ม เขาหน้าซีดขาวเหมือนแผ่นกระดาษ แต่เพราะสัญญาแล้วว่า จะเข้าใจ จะไม่งอแง และจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง มันก็ควรต้องสู้สักตั้ง


"ไม่แล้วครับ" คิดได้แล้วก็ตอบกลับ แม้จะน้ำเสียงไม่หนะกแน่



"กูเชื่อมึง"


"ผมก็เหมือนกัน อย่าทิ้งกันนะพี่ ผมรักพี่ รักมากจริง ๆ นะที่รักของผม"



จุ๊บ

.
.
.
.

"ขิงอาบน้ำให้นะ"


"ดีครับ พี่เหนื่อย ทำให้พี่สบายหน่อย"


"ครับผม"


"คืนนี้ นอนกับพี่นะ พี่บวกเพิ่ม"


"ครับ"



      ในเวลาสองสามทุ่ม ขิงกำลังปรนนิบัติผู้ชายวัยสามสิบกลาง ๆ ที่หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาเอาการ แต่ติดจะหุ่นหมีไปหน่อย ภายในอ่างอาบน้ำของห้องพักโรงแรมระดับสี่ดาวแห่งหนึ่ง ขิงได้ร่วมหลับนอนกับผู้ชายคนนี้มาเกือบจะสิบครั้งแล้ว เขาพบผู้ชายคนนี้จากการที่เพื่อนสมัยมัธยมแนะนำมาให้ตอนพาไปนั่งกินข้าวกัน โดยกำชับว่าถ้านอนกับผู้ชายคนนี้ ขิงจะได้เงินดีกว่าผู้ชายคนอื่น ที่ขิงเคยร่วมหลับนอนมา ไหน ๆ คนที่เคยผ่านผู้ชายมามากหน้าหลายตา ถ้าจะได้เงินเยอะกว่าคนก่อนหน้าที่จ่ายให้มันก็น่าสนใจ



        จากคนเงอะ ๆ งะ ๆ ไร้เดียงสา และไม่เคยชอบกับการทำอะไรแบบนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปที่ขิงทำมันบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ก็ทำให้เขารู้วิธีเอาอก เอาใจ รวมไปถึง การปรนนิบัติท่วงท่าแบบไหน เค้นคลึงส่วนใดบ้างถึงจะถูกใจแขก


        ขิงทำมาตั้งแต่อยู่มอห้า และทุกครั้งที่ขิงทำ เขาไม่เคยมีความสุข ต้องฝืนปั้นหน้ายิ้มให้กับคนที่ร่วมหลับนอนทุกคนก็เพราะเงินตัวเดียว เงินที่นำมาซึ่งความสุขและบันดาลสิ่งของให้กับเขาและแม่ของเขา จะว่าไป มันก็วินวินทั้งสองฝ่าย แขกได้เซ็กซ์ที่ถูกใจ ขิงได้รายได้เข้ากระเป๋า


"อื้มมมม ดีจังขิง"


    จุ๊บ!



    ขิงจูบที่หลังใบหูที่เปียกชื้นของอีกฝ่าย ในขณะที่มือกำลังคว้าขวดสบู่เหลวขนาดเล็กมาเทใส่มือ



"ขิงดีใจนะที่เห็นพี่ชอบ"



"แล้วเรียนเป็นไงบ้าง"



"ก็ดีครับพี่โจ้"



"แล้วตอนนี้ หาแฟนได้รึยัง?" คนที่เคยได้ยินขิงบอกก่อนหน้าว่าโสด เขาจึงอยากรู้ว่า ตอนนี้ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง



"ยังครับ"



"ไม่น่าเชื่อ! ไม่มีเพื่อน ๆ มาหวั่นไหวบ้างเลยเหรอ? ขิงน่ารัก น่าฟัดขนาดนี้ หรือขิงตั้งสเปกไว้สูงหรือเปล่า?" ขิงเงียบงัน มือที่ลูบไล้สบู่เหลวบริเวณแผ่นหลังพี่โจ้ชะงัก เมื่อนึกถึงมันช์ ขิงกำมือแน่น แล้วจู่ ๆ น้ำตารื้นขึ้นมา เขารีบหัวเราะกลบเกลื่อน


"เราคุยเรื่องอื่นกันไหมครับ ขิงอยู่กับพี่โจ้แท้ ๆ จะคุยเรื่องคนอื่นทำไมกัน"


"ก็ได้ครับ ขิงนวดบ่าให้พี่หน่อยสิ"


"ครับ"


     ขิงขยับมือน้อย ๆ มาทิ้งน้ำหนักบีบลงไปที่บริเวณบ่าหวังจะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงก่อนหน้าได้คลายลงบ้าง


'ทำหน้าแบบนั้น ? เครียดเหรอ? เป็นอะไร ปวดหัว หรือปวดตรงไหน ให้เรานวดไหมขิง'



      ในขณะที่ขิงกำลังนวดบ่าให้แขก แต่กลับมีภาพใครอีกคนซ้อนทับมาพร้อมประโยคเป็นห่วง ขิงนึกถึงประโยคหนึ่งที่มันช์เคยพูดกับขิง ยามที่มันช์เห็นขิงนั่งหน้าเครียดอยู่ที่ซุ้ม ในตอนนั้น ขิงเครียดเรื่องที่บ้าน และอยากเลิกอาชีพขายบริการ แต่เพราะแม่ของขิงกับพ่อเลี้ยงที่ติดเหล้า และการพนันอย่างหนักทำให้ขิงไม่สามารถหยุดงานนี้ได้


    งานที่ได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ พอจะทำให้แม่และไอ้ชั่วนั้นได้ผลาญเงินเป็นว่าเล่น



     ในตอนนั้น ขิงแค่พยักหน้า มันช์ก็ลุกมานวดให้จริง ๆ ยิ่งทำให้ขิงหลงรักมันช์ ที่อีกฝ่ายใส่ใจความรู้สึกคนอื่น มันช์เป็นคนเดียวที่เข้ามาหาขิงในยามที่ลำบาก โดดเดี่ยว ไม่มีใคร นับตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกัน วันที่ขิงต้องออกไปแนะนำตัวด้วยท่าตลก ๆ มันช์ก็ออกมาช่วยและแก้สถานการณ์ให้ ไหนจะวันที่ขิงป่วย ไม่สบาย มันช์ก็เป็นคนแรก ๆ ที่ถามไถ่และวิ่งไปหาซื้อยาแก้ปวด ลดไข้มาให้ ทั้งหมด ทั้งมวลจึงส่งผลให้ขิงประทับใจจนอยากได้มันช์มาเป็นของตัวเองเพียงผู้เดียว


 
"ขิง ขิง"


"หาาาครับ"


"พี่เรียกตั้งนาน เหม่อลอยถึงใคร?"



"ไม่มีครับ พี่โจ้"


"มา ๆ พี่ถูสบู่ให้ขิงบ้าง"



"ครับ"


     จากนั้น โจ้ก็ขยับตัวหันหลังกลับมานั่งประจันหน้ากันในอ่างอาบน้ำ และแล้วทั้งสองก็ช่วยกันอาบน้ำ โดยต่อกันที่บทเซ็กซ์อีกไม่รู้กี่รอบ




     รุ่งเช้าในขณะที่ขิงตื่นขึ้นมา เขายืดแขน เหยียดขาบิดขี้เกียจบนเตียงนอน มือไม้ป่ายแปะไปที่ข้าง ๆ ลำตัวแต่กลับไม่พบคนข้างกายที่นอนอยู่ ขิงลืมตาแล้วกวาดตาสอดส่องจนทั่ว จนสายตาพลันหยุดชะงัก ตอนที่เห็นเงินเป็นปึก ๆ วางตรงโต๊ะหัวเตียง


     พี่โจ้คงมีงานด่วนอีกตามเคย


     ขิงเดินทอดน่องไปห้องน้ำอย่างเชื่องช้า พลันคิดถึงมันช์


       คนที่ขิงแอบรักเขา หวังให้เขาเข้ามาอยู่เคียงข้างในสถานะคู่รัก แต่เขารักขิงได้แค่เพื่อนเท่านั้น


      ใช่...มันช์ไม่เคยรักขิงแบบคู่รักเลย...



"เฮ้อ!"


     คนที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ แต่งตัวเรียบร้อย ก็เดินออกจากโรงแรม มาถึงริมถนน เพื่อรอเรียกแท็กซี่จะกลับห้องเช่ารายวันที่ขิงยอมจ่ายแพงกว่าปกติ เพียงเพราะเขายังหาห้องเช่าที่ไม่ถูกใจ หลังจากยื่นคำขาดกับแม่ไปแล้วว่าจะไม่กลับบ้านซอมซ่อหลังนั้น แต่ก็ดีเหมือนกัน ขิงจะได้มีเงินเก็บและเลิกใช้เซ็กซ์แลกเงินสักที



     ในระหว่างที่รอรถ ขิงได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง พอเห็นเป็นมันช์เขาตาโตตกใจ



"ครับ มันช์!"


[ขิง ทำไมไม่มาเรียน ลืมเหรอว่าวิชานี้ ขิงขาดเรียนไม่ได้แล้ว] ขิงชะงัก คนที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจกันแต่ก็ยังจำได้ว่าขิงขาดเรียนวิชานี้หลายครั้งจนจะครบกำหนดแล้ว คนที่ยิ้มดีใจกำลังหุบรอยยิ้มลงเมื่อมีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาแล้วมาจอดเลียบใกล้ ๆ


"น้อง ๆ"



"ครับ" ขิงบอกมันช์ให้ถือสายรอ ก่อนตอบรับคนที่จอดมอเตอร์ไซค์เพื่อทักด้วยความเข้าใจว่า เขาคงมาถามทาง


"น้องรู้จักคนชื่อโจ้ไหม?"


    ขิงพยักหน้ากลับไป และทันใดนั้น เขาเห็นคนยกกระป๋องเท่าแก้วน้ำขึ้นมาสาดใส่



"อ้ายยยยยยยย"



    ขิงรู้สึกเหมือนเนื้อหนังละลายไปกับสายน้ำที่ถูกสาด ขิงปวดแสบ ปวดร้อนจนได้แต่กรีดร้องโหยหวน



[ขิง เกิดอะไรขึ้น ขิงได้ยินไหม ยังอยู่ในสายรึเปล่า?]



   เสียงกรีดร้องคล้ายคนเจ็บปวดอย่างทรมาน ทำให้มันช์ตกใจที่ได้ยินเสียงนั้น เสียงเหมือนคนตกอยู่ในนรก...



***50%***



ช่วงนี้งานเข้าเป็นพิเศษ เลยรีบเอามาลงให้ก่อนส่วนหนึ่งค่ะ หวังว่าถ้าโล่งแล้วจะรีบเอามาลงให้จบโดยไวนะคะ

ขอบคุณค่ะ








หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [28 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-04-2019 22:01:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอ้...ถึงจะเกลียดขิง  แต่นางก็ไม่น่าโดนหนักขนาดนี้นะ  โดนน้ำกรดสาดเนี่ย
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [28 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-04-2019 12:55:32
อ่าว...สงสารขิงอ่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [28 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-05-2019 00:30:25
ถึงจะไม่ชอบขิงแต่แบบนี้หนักไปเปล่า แล้วขิงจะอยู่ยังไงต่อไปล่ะ มันเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยนะ ถ้าจะเป็นอย่างนี้ให้ขิงตายเลยดีกว่าเราว่า
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [28 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-05-2019 21:27:14
โดนหนักเลยขิงเอ้ย  :a5:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [5 พค..62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-05-2019 21:39:18
บทที่  27 ไว้ใจ (2) ตอนจบ





      เวลาผ่านไปสามเดือนที่ขิงเงียบหายไปซะเฉย ๆ เพื่อนในกลุ่ม รวมถึงตัวมันช์เองยังไม่เข้าใจว่าทำไมขิงถึงพักการเรียนโดยไม่ยอมบอกกันก่อน เรื่องใหญ่แบบนี้ พวกเขาควรจะรู้ก่อนอาจารย์ด้วยซ้ำ

 

 

 

       แม้จะสงสัยใคร่รู้ ก็ดูเหมือนไม่ช่วยอะไร เพราะมันช์ไม่สามารถติดต่อขิงได้เลย หลายครั้งหลายคราวที่ติดต่อไปแต่ไร้วี่แววตอบกลับจนถอดใจ ไหนจะกลัวพี่เติร์กเคืองใส่ เหตุเพราะยุ่งวุ่นวายเรื่องคนอื่นมากเกินไป ในเวลานี้ มันช์จึงไม่ได้สนใจเรื่องขิงแล้ว สิ่งที่เขาสนใจคือคนรักที่เดินอยู่ข้าง ๆ กำลังจะไปเดินเล่นที่ตลาดนัดของเสื้อผ้าและของกินขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานศึกษา

 

 

      ในขณะที่มันช์และเติร์กกำลังเดินออกจากมหาฯ ลัย รุ่นน้องเกิดปวดเบา ขอแวะทำธุระในห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อน เดินไปถึงโถฉี่เตรียมระบายของเสีย ในระหว่างนั้น เขาได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องน้ำก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่ง เสร็จธุระ หมุนตัวหันหลังกลับไปอ่างล้างหน้า ถึงกับผงะเมื่อเห็นผู้ชายที่กำลังลดแมสก์ปิดหน้าลงหน้าเหวอะ ถ้าจะเปรียบเทียบก็คงไม่ต่างกับตัวละครในหนังเฟรดดี้ ครูเกอร์  มันช์รู้ตัวว่าเสียมารยาทที่แสดงอาการตกใจชัดเจนแบบนั้น แต่สิ่งที่มันช์แปลกใจ ทำไมอีกฝ่ายชะงักและถอยหลังกรูด และทำท่าทางกลัวมันช์มากอย่างกับเห็นผี


 

 

     พออีกฝ่ายหันหลังลนลานจนเดินชนขอบประตู มันช์มองแผ่นหลังคนตัวเล็กกว่า แม้หน้าจะผิดรูปไปบ้าง แต่ช่วงแขน ขา ยังคงผิวพรรณเนียนละเอียด ขาวผ่อง มันช์เพ่งมองให้ดีอีกครั้งกับบุคลิกท่าทางและการเดินที่คุ้นเคยนั้น



"ขิง? ขิงใช่ไหม?"

     

     มันช์ปรี่ไปฉวยข้อมือเล็ก แต่อีกฝ่ายสะบัดมือออก

 

"ไม่ใช่ ปล่อยนะมันช์"

 

"ถ้าไม่ใช่รู้จักชื่อเราได้ไง ใช่ขิง...ขิงจริง ๆ ด้วย  เกิดอะไรขึ้น บอกเรามาดิวะ?" มันช์ถามคนที่ใบหน้าเสียโฉม

 

 


     ขิงน้ำตาไหล เบือนหน้าหนีมันช์ด้วยความอาย จะให้กล้าสู้หน้าได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้ มันไม่เหมือนก่อน หลังจากที่โดนน้ำกรดสาด ใบหน้าเรื่อยไปจนถึงลำคอของขิงย่ำแย่ ตาซ้ายมัวมองไม่ค่อยเห็น ส่วนใบหน้านั้นเสียโฉม ผิวหน้าไหม้จากน้ำกรดกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ใบหน้าผิดรูปร่างจนขิงต้องใส่แมสก์เพื่อปิดบังอำพราง ครั้นจะทำศัลยกรรมก็ต้องใช้หมอมือดี ใช้เวลา รวมไปถึงเงินเป็นจำนวนมาก และมันก็คงไม่ใช่แค่การผ่าตัดครั้งเดียวที่จะทำให้ใบหน้าของขิงกลับมาเข้ารูปเข้ารอย ดูเป็นปกติเหมือนเดิมได้

 

 

     ขิงรู้ว่า คนที่จ้างคนมาทำร้าย คงหนีไม่พ้นภรรยาของพี่โจ้  และขิงก็รู้ว่า ชายหนุ่มคนนั้นคงโยนความผิดให้เขาแล้วแน่ ๆ เพราะพอขิงโทรไป พี่โจ้ก็ตัดบทด้วยการพูดว่า จะโอนเงินจำนวนหนึ่งแค่นั้นก็ขาดการติดต่อไปโดยปริยาย


 

   

"ปล่อย แม่ขิงรออยู่" ขิงเค้นเสียงเพื่อโกหก

 
 



     'ทำไม มันช์ต้องมาเห็นขิงในสภาพนี้ด้วย'



"ทำไมดร็อปไม่บอก เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม?" มันช์ยัำกึ่งน้อยใจ แต่ขิงก็ยังเงียบ

 

 

"...."




"ขิง"


"มันช์ ปล่อยขิงเถอะ"


"ทำไม? ขิงไม่บอกว่าเป็นอะไร?"

 

 

"ขิงไม่จำเป็นต้องบอกอะไรกับมันช์อีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่รักกันก็อย่ามาถามไถ่แบบคนห่วงใยกันอีก"


 

       ขิงพูดจนมันช์ชะงัก หากเขาดึงดันจะรั้ง ก็ไม่ต่างกับให้ความหวัง ถ้ามันทำให้ขิงสบายใจ มันช์จะทำ ในเวลานี้  มันช์จึงปล่อยแขน ไม่รั้งให้อีกฝ่ายอึดอัดอีก

.

.

.

.

Kingkha narak Archanaiiyasin

Wed 10/12/2014 8:37 PM

Sent Items

To: Arnutch (arnutchhandsome1234อย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com)

 

 

ถึงมันช์

ที่ผ่านมา ขิงไม่เคยพูด และคิดว่าจะไม่พูดด้วย แต่พอวันที่ขิงเจอเรื่องร้ายกับตัวเอง ขิงตัดสินใจจะพูดความจริง ที่มันช์เคยได้ยินมาตลอด ขิงชอบมันช์ ชอบมาตลอดไม่เคยเปลี่ยน การที่ขิงชอบมันช์ มันทำให้ขิงอยากได้มันช์จนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันช์มา ทั้งเรื่องการสร้างเรื่องแฟนเก่าพี่เติร์ก การจัดฉากให้พี่เติร์กไปหาแฟน แล้วโกหกว่าจะปล่อยภาพ สร้างเรื่องว่าเธอถูกข่มขืน ที่ขิงทำเพราะหวังให้มันช์หันมามองกันบ้าง มีคนมาชอบขิงมากมาย แต่ขิงไม่เคยสนใจ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะขิงรักมันช์ไง รักจนไม่คิดสนใครหน้าไหน แต่มันช์ก็ไม่เคยคิดสนใจกัน ขิงขอบคุณที่มันช์ทำเพื่อขิงสำหรับที่ผ่านมา แต่จะดีกว่านี้ ถ้ามันช์ไม่ชอบกันก็อย่าติดต่อมาอีก อย่ามาสมเพชเวทนา จากนี้ ขิงจะไปในที่ดี ๆ ที่ ๆ ไม่มีมันช์อีก

ขิง

 


 

   ตั้งแต่ที่เจอขิงวันนั้นก็ผ่านมาแล้วสองวัน แล้วตอนนี้ มันช์เพิ่งได้รับอีเมล์จากขิง เขาเปิดอ่านข้อความที่อัดแน่นด้วยตัวอักษรยาวเป็นพรืด กระทั่งอ่านจนจบ แต่สายตาของมันช์ยังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งแผ่นหลังของมันช์นั่งพิงแผงอกของพี่เติร์กที่นั่งซ้อนหลังบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน


"เฮ้อ! รักแรง หวงแรงนะมัน"

 

"....."

 

"เงียบทำไม? คิดถึงขิงเหรอ?"

 

 

"เปล่าครับ พี่ว่าขิงเขียนมาแบบนี้ ขิงจะฆ่าตัวตายไหม?"

 

"ไม่รู้ว่ะ"

 

 

"พี่เติร์กไม่เห็นตอนที่ผมเห็นขิง" มันช์พูดจบก็นั่งนึกไปถึงใบหน้าน่ากลัวที่ยังติดตา อยู่ยามนึกถึง

 

"ทำไม?"

 

 

"พี่เคยดู เฟรดดี้ ครูเกอร์ไหมอะ หน้าขิงเละแบบนั้นเลย"


 

"หือออ?"

 

    มันช์เอี้ยวตัวไปมองคนรัก แล้วบอกย้ำ

 

"จริง ๆ นะพี่ ผมงงมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับขิง เหมือนคนโดนน้ำร้อนลวก หรือไม่ก็ถูกน้ำกรดสาร ผมเห็นแล้วโคตรสงสารขิง"




     เติร์กรวบเอวรุ่นน้องไว้หลวม ๆ แล้วบอก

 

 

"สงสารได้ไม่ว่า แต่อย่าสงสารจนตัวเองลำบาก สุดท้ายชีวิตคนเราก็ต้องก้าวต่อไป ปล่อยขิงเถอะ มันช์"

 

    มันช์เกือบเถียงกลับแล้วว่าทำไมพี่เติร์กใจร้ายจัง ถึงไม่มีจิตใจจะเป็นห่วงคนอื่นบ้าง แต่พอตั้งสติได้ รีบตะครุบปากตัวเอง เพราะที่พี่เติร์กพูดก็ไม่ใช่เรื่องผิด และมันช์จะไม่เอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นประเด็นในการทะเลาะอีกแล้ว เขาจึงหยุดเงียบเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นคงดีกว่า ดังนั้น มันช์จึงเอี้ยวใบหน้าซุกซบลงที่ซอกคออีกฝ่าย

 

"ครับ ผมเชื่อ ไม่เถียงแล้ว"

 

 

"อื้อออดี ปิดคอมฯ เลิกคิดมากแล้วนอนซะ"

 

"ครับผม"

.

.

.

.

     ระยะเวลาสี่เดือนของแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร หากมีความสุขเวลาก็อาจผ่านไปไวหน่อย แต่พอคนจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ การผ่านไปแต่ละวันอาจดูเนิบช้า ราวกับว่าตกอยู่ในนรก


 

      ตั้งแต่ขิงเกิดเรื่อง หลังจากมีพลเมืองดีพาไปส่งโรงพยาบาลและพักฟื้นจนสภาพบาดแผลอยู่ในระยะปลอดภัย ขิงกลับไปหาแม่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับทำให้เขาเสียใจกว่าเก่า เมื่อแม่ไม่นึกสงสาร หนำซ้ำยังตวาดและไล่ส่งเหมือนหมู เหมือนหมา ยามนี้ ขิงจึงจำต้องย้ายมาพักอาศัยชั่วคราวกับป้าที่มีครอบครัวอยู่แล้วจึงทำให้ขิงค่อนข้างอึดอัด ที่ทำอะไรก็ดูเหมือนเป็นส่วนเกินไปเสียทุกอย่าง

 

 

 

      เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ขิงรู้ว่า 'อยากตาย' มันเป็นความคิดที่ชัดเจนขึ้นทุกที ในเมื่อคนที่เรารักไม่รักเรา ขิงจะอยู่ไปเพื่ออะไร

 

      เวลาสี่ทุ่ม สองเท้าก้าวออกจากริมฟุตบาท เท้าแตะพื้นถนนจนเกือบถึงเลนส์กลาง ขิงพร้อมปลิดชีพตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย เดินถึงกลางถนน ขิงหลับตาลงทันทีที่เห็นแสงหน้ารถยนต์สว่างวาบ ในขณะเดียวกัน รถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง เพิ่งเห็นเงาดำตอนที่รถเริ่มเคลื่อนใกล้ คนขับเปิดไฟสูงพร้อมบีบแตรลากเสียงยาว แต่เงาดำนั้นไม่ไหวติง

 

 
    'ตายไปซะได้ก็ดี'

 

 

    ขิงไม่สนแล้วเรื่องบุญ-บาปว่าการฆ่าตัวตายจะตกนรกหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ แม้จะอยู่บนโลกเขาก็เหมือนตกนรกอยู่ดี

 

 

    เอี้ยดดดดดดดดดดดดดด!

 


      คนขับแท็กซี่เบรคตัวโก่ง ไม่คิดว่า ทั้งเปิดไฟสูง ทั้งบีบแตร คนข้ามถนนจะยืนอยู่เฉยจนสุดท้ายคนขับหักหลบ แต่ไม่พ้น เฉี่ยวชนคนจนล้มลงกับพื้น คนขับแท็กซี่เบรคให้รถหยุดทันที จนผู้โดยสารอย่างพุชหัวโขกกับเบาะหลังคนขับ

 

 

 

"อะไรอะพี่ แมวตัดหน้ารถเหรอ?" คนที่มัวแต่นั่งก้มหน้าเล่นมือถือจึงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

"เออแมว น้อง ๆ พี่ไม่คิดค่ารถแล้ว ลงก่อน พี่ต้องคืนรถ"

 

 

"พี่ไล่ผมกลางทางเลยเหรอ?" พุชงงที่อยู่ดี ๆ พอเบรครถปุ๊ป คนขับก็ไล่พุชปั๊ป

 

 

"เออใช่ จะลงไม่ลงวะ" พุชตกใจตอนที่เห็นอีกฝ่ายชักมีดที่เหน็บเอวเอามาขู่ จนพุชลงมาจากรถแต่มิวายจดจำทะเบียนรถเตรียมแจ้งความเอาผิด แต่พอพุชลงมาอยู่บนริมถนน เขาตกใจ เมื่อเห็นคนนั่งอยู่กลางถนนที่ตอนนี้ไม่มีรถแล่นผ่านมาสักคัน

 

    แม่งชนแล้วหนี

 

 

     พุชรีบโทรเรียกรถพยาบาลและวิ่งไปหาผู้บาดเจ็บ แต่พอผู้ชายคนนั้นเงยหน้า พุชทำหน้าเหวอ หงายหลังจนก้นจ้ำเบ้า ก่อนรีบถามกลับไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่

 

 

"เป็นอะไรมากไหมครับ เดินไหวรึเปล่า?"

 

    พุชมองคนที่หลุบตาและพยายามจะกระถดตัวหนีอย่างหวาดกลัว

 

 

 

"ผมจะมาช่วย ไม่ได้มาทำร้ายหนีทำไม?" พอเขาหนี พุชก็ขยับไปอีก

 

 

      ทำไมหน้าแย่ขนาดนั้นวะ



 

    ฟากขิงรู้สึกไม่ดี ทำไมเขาถึงต้องมาเจอคนรู้จัก ยามที่เขาน่าเกลียด น่ากลัวแบบนี้ แล้วทำไมขิงถึงไม่ตาย ทำไมต้องแค่บาดเจ็บด้วย

 

 

 

    ขิงพยายามขยับขาขวาเพื่อยืดเหยียด แต่คิดว่าขาคงไม่หัก แต่หัวเข่าข้างซ้ายกลับมีเลือดไหลออกมาก

 

หมับ!

 

 

    มือเย็น ๆ วางลงบนหลังมือของขิงทำให้ขิงชะงักแล้วรีบสะบัดมือ ก่อนที่น้ำตาจะไหล


 

   ...ถ้าพุชได้รู้ว่าคนที่ช่วยอยู่เป็นใครก็คงมีแต่สมน้ำหน้า...

 


"อย่าช่วยเราเลย ปล่อยให้เราตายเถอะนะ" เสียงสั่น ๆ เหมือนคนร้องไห้ เค้นออกมาอย่างแผ่วเบา ทำพุชชะงัก เขาจดจ้องมองคนตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้ พุชเงียบไม่พูดอะไร พินิพิจารณาอย่างละเอียดและช้า ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้ว จู่ ๆ สายตาพุชเหลือบไปเห็นท่อนแขนตอนที่แขนเสื้อถลกขึ้นพบปานแดงตรงหลังแขนข้างขวา

 

"ขิง!"

 

     ขิงเบิกตาโพลง ส่ายหน้ารัว



"ขิงเกิดอะไรขึ้น?" พุชใจหายวาบ เขาเผลอกดน้ำหนักบีบแขนข้างที่มีปานสุดแรง เขาตกใจ ทำไมของถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

 

    ถึงแม้ว่าในอดีตขิงจะทำพุชเจ็บปวด แต่การเห็นขิงในสภาพแบบนี้ พุชสงสารมากกว่าจะอาฆาตมาดร้าย เขาอยากรู้เหตุผลและความเป็นไปว่าทำไม ขิงถึงอยู่ในจุดที่ตกต่ำเช่นนี้


"ขิง"



"ปล่อยเราได้ไหม อย่ามายุ่ง เราอยากตาย" เสียงตอบพลางสะอื้นเบา ๆ ผ่านเข้าโสตประสาทพุช ถ้อยคำตัดพ้อชีวิตมาพร้อม เสียงชวนสงสารจนพุชบีบกระชับมือขิงอย่างไม่สนอดีต

 

 

"ขิง เราจะอยู่กับขิงไม่ไปไหน? โอเคไหม?"



"เราเลวกับพุชมาก แต่พุชมาทำแบบนี้ทำไม ปล่อยเราเถอะ" ขิงไม่เข้าใจ เขาเคยหลอกพุช ทำไม่ดีกับพุชมาตั้งมากมาย แต่พุชก็ยังกลับมาทำดีด้วย นั่นเพื่ออะไรกัน ?


 

 

"เราไม่รู้ขิง เราไม่รู้ รู้แค่ว่าขิงจะโอเคขึ้นนะ เชื่อเราเถอะ" พุชไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกแบบใดกับขิง รู้แค่เพียงตอนนี้ เขาอยากดูแลให้ขิงหายดี อยากมีขิงมาอยู่ใกล้ ๆ ก็พอ  พุชตัดสินใจนั่งอยู่กับขิงจนกระทั่งรถพยาบาลมา ทั้งที่สองมือยังคงจับมือขิงอยู่ไม่ปล่อย และในระหว่างนั้น

 

"......." ขิงนั่งมองหน้าคนที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป พลันนึกถึงเรื่องความรักของเราสองคน


 

      อันที่จริง ขิงกับพุชก็คงไม่ต่าง

 

 

     ...รักคนที่เขาไม่รักเรา...

 

      สำหรับพุช เขาไม่เคยได้รับความรักที่แท้จริงจากขิง แต่บัดนี้ก็ยังยืนยันจะอาสาดูแลขิงในฐานะอะไร ขิงไม่อาจรู้ได้ แต่เขายังอุตส่าห์มีแก่ใจทำดีต่อกันทั้ง ๆ ที่ขิงออกจะร้ายใส่ตั้งมากมาย แต่พุชไม่เคยโกรธแค้นจนคิดอยากจะเอาคืน ผิดกับขิงที่แอบรักมันช์ แต่พอไม่ได้เขามาครอบครอง ก็ทำตัวเป็นเด็กไม่ได้ของดั่งใจ นึกโวยวาย  ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา แม้จะต้องแก่งแย่งก็ยอม ทั้ง ๆ สุดท้ายแล้ว ขิงทำไปเท่าไหร่ สิ่งที่ได้กลับมา นั่นคือความสูญเปล่า...

 

 

       ขิงร้องไห้ไม่หยุดเมื่อมือของพุชยังจับกันไว้ไม่ปล่อย

 

      ทำไม ขิงถึงโง่อย่างนี้ ทำไมขิงถึงมองข้ามคนดี ๆ อย่างพุชไปได้ ขิงปล่อยโฮออกมา จนพุชเบิกตาโตรีบลูบหลังปลอบใจด้วยความเข้าใจผิดคิดว่า ขิงคงเจ็บแผลที่โดนรถเฉี่ยวชน

 

 

      พุชเห็นขิงแบบนี้แล้ว ความโกรธในอดีตของพุชมันทุเลาลง และตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องจริงถึงความรู้สึกเขา

 

 

"ขิงอย่าคิดฆ่าตัวตายอีก เราขอ...อยู่กับเรานะ"




    'ขิงมีอะไรดี?'

 

    คำถามแรกตอนที่วิ่งเข้ามาในหัวสมอง แต่แล้วก็ถูกลบทิ้งด้วยความรู้สึกโอนอ่อนอย่างสงสารและเห็นใจ คนที่เคยดูดีหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก ใครเห็น ใครก็รัก ยามนี้ กลับกลายเป็นอีกคน ทว่า พุชกลับไม่นึกรังเกียจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอดีตที่ทั้งสองเคยเชื่อมสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือเปล่าก็ไม่อาจคาดเดาได้



      พุชเคยพยายามตัดใจมาหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้สักที เอาแต่เฝ้าคิดถึงคนตัวเล็กคนนี้

 

      คนที่เป็นรักแรกของพุช และแม้ว่ามันจะมีความเจ็บปวดมากกว่าความสุข แต่พุชก็ยังยินดีที่จะอยู่กับรักแรก คนที่เคยทำให้เขาผิดหวัง

.

.

.

.
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-05-2019 21:42:13
 
ต่อ--





         นับตั้งแต่วันที่ขิงส่งอีเมล์มาวันนั้น จนบัดนี้ ขิงก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีการตอบกลับมาอีก มันช์ก็ไม่อยากเซ้าซี้ในเมื่อขิงบอกอย่าให้ความหวัง เขาก็ไม่มีการส่งข้อความอะไรไปหาเช่นเดียวกัน

    ...ชีวิตคนเราก็ต้องก้าวต่อไป...



     ไม่ว่าหลังจากนี้ชีวิตขิงจะเป็นอย่างไร มันช์ก็คงต้องปล่อยให้เขาไปตามทางของเขาเอง

 

 

จุ๊บ


   คนที่นอนข้างกาย ผงกศรีษะมาจุ๊บข้างขมับมันช์ เมื่อรู้ว่ามันช์ตื่นลืมตาแล้วเพียงแต่ยังนอนขดตัวอย่างคนขี้เกียจอยู่บนเตียงกว้าง

 

 

"วันนี้พิสวาทผมเหรอ ?" มันช์ถามพี่เติร์กอย่างแปลกใจ เพราะโดยปกติ ไม่มีเสียหรอกที่พี่เติร์กจะมาหวานด้วยการจูบหรือหอมทุกเช้า อย่างที่คู่อื่นเขาทำกัน

 

"ก็พิสวาทอยู่ทุกวัน" เติร์กตอบหน้าตาย แต่มันช์เหล่มอง ก่อนพลิกตัวหันมาหาแล้ววาดแขน พาดขาไปวางก่ายเกยบนลำตัวคนรักราวกับหมอนข้าง

 

"พูดดีจังครับพี่เติร์ก" มันช์ว่าพลางซุกซบศรีษะบนแผงอกแถมกอดรัดเสียแนบแน่น

 

"รีบไปอาบน้ำ เต็นรออยู่"

 

       ได้ยินดังนั้น มันช์ผงกศีรษะขึ้นมาสบตามมองอย่างงุนงง



"รอ? ไปไหนกัน ไม่เห็นมีใครบอกผม?"

 

"วันเกิดเต็น มันจะชวนไปเดินเล่นแล้วก็ไหว้พระแถวสนามหลวง ตกดึกหน่อยก็คงจะหาร้านนั่งกินดื่มแถวข้าวสาร"

 

 "เหรอ ดี ๆ ผมชวนไอ้แบงค์ด้วยนะ"

 

 

    มันช์เลิกคิ้วขึ้น ตอนที่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ประดับอยู่บนริมฝีปากคนรัก

 

"หึ ป่านนี้ เพื่อนมึงอยู่หน้าบ้านกูแล้วมั้ง!"

 

 

    ไอ้เพื่อนทรยศ!!

 

   เดี๋ยวนี้ ไม่คิดจะเล่าอะไรให้ฟังเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ ...

 

 

    มันช์ขมุบขมิบปากลำพังบ่นเพื่อนที่มีอะไรคืบหน้าก็ไม่คิดจะมาอัพเดทให้ฟังกันบ้าง หรือไอ้แบงค์มันอาย

 



    คนที่มัวแต่คิดเรื่องเพื่อนชะงักพลางเห็นสายตาผู้เป็นพี่จ้องมองไม่วางตา

 

 

"พี่มองอะไร?"

 

"มองแฟนตัวเองไม่ได้?"

 

"ได้ แต่มันแปลก!" มันช์ว่าอย่างอยากรู้ แต่พี่เติร์กก็ยังเงียบ แล้ว จู่ ๆ เติร์กก็วางมือหนาลงบนกลางศรีษะมันช์แล้วโยกเบา ๆ ก่อนผุดลุดขึ้นนั่ง

 

 

"ไม่มีอะไร ไปอาบน้ำเถอะ!"

 

"พี่เติร์กบอกผมมาก่อน"

 

 

    เจอเด็กรบเร้า เขย่าแขนแรง ๆ เติร์กก็อมยิ้มพลางส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนโน้มตัวไปล็อคคอมันช์แล้วฟัดแก้มมันทั้งสองข้าง

 

 

"ก็แค่มองแล้วคิดว่า มึงทั้งขี้งอน ขี้หึง ขี้ดื้อ แต่ทำไมกูถึงรักมึงมากขนาดนี้"


 

    มันช์ชะงัก พลางกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนเบือนหน้าหนีแล้วเป็นฝ่ายลุกพรวดพราดไปคว้าผ้าขนหนู ปกติก็ไม่เคยเขินหรอก ชอบซะอีกที่พี่เติร์กบอกความในใจ แต่เพราะไม่ค่อยเห็นพี่เติร์กพูดจริงจังทั้งยังมีนัยตามุ่งมั่น เลยทำให้มันช์ไปต่อไม่ถูก นึกอยากเขกกะโหลกตัวเองกับเรื่องราวในอดีตว่าเพราะใช้อารมณ์มากเกินไปจนเกือบพลาดท่าเสียคนดี ๆ ไปแล้ว..

 

.

.

.

.

     ผ่านไปแล้วสามชั่วโมงที่สี่คนได้เดินเที่ยวด้วย กินด้วย ไหว้พระด้วยอย่างหนำใจ ในเวลานี้ มันช์อมยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนเดินนำหน้า โดยมีพี่เต็นคอยพะเน้าพะนออยู่ข้าง ๆ โดยก่อนหน้านี้ที่เจอกัน มันช์เฉ่งเพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว โทษฐานไม่ยอมบอกความคืบหน้าถึงความสัมพันธ์ ปากแบงค์บอกไม่สนใจ แต่ก็ไม่รู้ทำไม แบงค์ถึงยอมมาตามคำชวนหรือเห็นว่าเป็นวันสำคัญของพี่เต็นกันนะ?

 

   

    คนที่ตั้งคำถามในหัวสมอง สะดุ้งจนอุทาน เมื่อพี่เติร์กเอาน้ำขวดเย็นเจี๊ยบมาแนบที่ลำคอ

 

 

"คิดอะไรอยู่ หน้ามึงจริงจังมาก"

 

"อ้อ ไม่มีอะไรหรอกน่า" มันช์ตอบขณะที่สายตากวาดมองใบหน้าคนรักที่เหงื่อเม็ดโตผุดพรายเกาะทั่วใบหน้าไล่มาถึงลำคอ มันช์ก้มหน้าควานหากระดาษทิชชูในกระเป๋าพาดอกหวังเอาใจคนรักท่ามกลางอากาศร้อนในเมืองไทย มันช์ดึงมันออกมาซับใบหน้า แต่ ทว่า เติร์กผงะและถอยหนี

 

 

"จะทำอะไร กูไม่ได้ง่อย"

 

 

     มันช์ชะงัก ชักมือกลับ มันช์อุตส่าห์ตั้งใจจะทำให้ ไหนกลับโดนต่อว่าไปซะได้

 

 

 

"โห! พี่เติร์ก พี่จะฟีลโรแมนติกหน่อยไม่ได้เหรอไง?"

 

 

 

"อ้าว ก็กูพูดความจริง"

 

 

 

    มันช์กัดปากอย่างน้อยใจ ดูสิ คู่ข้างหน้าเพิ่งรู้จักไม่นาน ความสัมพันธ์ของคู่นั้นยังดูหวานแหวกว่ามันช์อีก มันช์เหล่มองพลางทำหน้าเซ็ง แล้ว จู่ ๆ คนที่กำลังร่วมทางเดินไปหาร้านกาแฟ ขนมอร่อย ๆ แถวถนนพระอาทิตย์ ก็หยุดเท้า เมื่อเติร์กรั้งแขนมันช์ไว้ จนตอนนี้ ฟากเต็นกับแบงค์เดินห่างไปไกลโขแล้ว

 

 

 

    เติร์กสอดประสานปลายนิ้วเข้ากับมือเรียวของอีกฝ่าย แล้วเอ่ย

 

 

"มันช์ กูถามจริง หลังจากที่เราดีกัน มึงไว้ใจกูจริง ๆ แล้วใช่ไหม?" คนที่กำลังเคืองคนรักก่อนหน้าที่ไม่คิดจะมีมุมหวานหรือความโรแมนติกในสายเลือดเอาซะบ้างก็ตกใจ เมื่อจู่ ๆ พี่เติร์กก็ถามคำถามด้วยสีหน้าจริงจัง

 

   

 

       คนที่อยากตอบกวนประสาทก็หุบปากฉับ คิดว่า เวลานี้ไม่สมควรล้อเล่น มันช์แต้มยิ้ม

 

 

 

"ครับ จากนี้ ผมไว้ใจพี่"

 

 

 

"มึงไว้ใจจริงใช่ไหม?"

 

 

"ครับ"

 

 

"ถ้างั้นลองหลับตาหน่อย กูจะพามึงไปร้านกาแฟให้ได้อย่างปลอดภัย"

 

 

     มันช์นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก็ยอมรับว่าไว้ใจขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แต่ครั้นจะมาให้เดินหลับตาบนทางเท้าแบบนี้ก็ยังหวั่นใจ แต่เมื่อมันช์หันไปจะถามกลับ เขาเห็นสายตามุ่งมั่นเอาจริง จนคนที่กลัวก่อนหน้าเริ่มใจชื้น

 

 

     พี่เติร์กไม่ได้ล้อเล่น เขาต้องการพิสูจน์ว่าถ้ามันช์ไว้ใจจริง ๆ ก็แล้วจะกลัวอะไร

 

 

    มันช์เห็นความมุ่นมั่นฉายชัดออกมาจึงพยักหน้ารับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

 

"ครับ ผมหลับตาแล้วพี่อย่าปล่อยผมนะ"

 

 

    การได้มีพี่เติร์กอยู่ข้าง ๆ คนที่เป็นทุกอย่าง ทั้งที่ปรึกษา เพื่อน พี่ชาย แม้กระทั่งคนรัก ยอมให้โอกาสกับคนงี่เง่าขนาดนี้ จะต้องกลัวอะไรอีก

 

 

"กูไม่เคยคิดจะปล่อย"

 

      คำธรรมดาแต่ทำให้ใจมันช์มีพลัง ถ้าคิดว่ามันคือเกมส์วัดใจ มันช์ก็คิดว่าไม่เห็นจะเป็นอะไร ในเมื่อทุกวันที่ใช้ชีวิตก็ไม่ต่างกับเกมส์ที่ต้องเล่นผ่านด่านที่ยากขึ้นอยู่แล้ว มันช์อมยิ้มก่อนจะหลับตากระชับมือพี่เติร์กแน่น แม้ก้าวแรกจะทำให้เขากลัวในการขยับเท้า เขายังทรงตัวได้ไม่ดี แต่มือพี่เติร์กที่จับไว้นีhก็คอยกระตุกเตือนบ่อย ๆ

 

 

    ในระหว่างทางเดินบนฟุตบาท หากมันช์เหยียบโดนอิฐกระเดิด พี่เติร์กจะรวบเอวมันช์แล้เบี่ยงหลบให้ขยับเท้าตาม คนที่กลัวในตอนแรกก็คลายกังวล เมื่อพี่เติร์กดูแลดีอย่างปากให้สัญญา

 

      เมื่อเห็นความจริงจังในทุกการกระทำ วินาทีนี้ มันช์จึงวางใจ และวางทุกอย่างไว้ที่พี่เติร์กหมดแล้ว มันช์แค่ปล่อยไปตามหัวใจ ตามสัญชาติญานและตามแต่ความต้องการของอีกฝ่าย คนที่เชื่อมั่นพี่เติร์กมากขึ้น ก็หยุดเท้าตอนพี่เติร์กบอกให้หยุด

 
"หยุดทำไม ไหนว่าจะพาผมไปถึงร้าน" มันช์ลืมตาขึ้นมามองคนรักอย่างสงสัย เมื่อเห็นพี่เติร์กเดินมาได้ครึ่งทางก็หยุดเสียก่อน

 

"กูเชื่อแล้วว่ามึงไว้ใจกูจริง ๆ"

 

 

   โดยปกติคนคิดมากอย่างมันช์ ในระหว่างเดินทาง เขาคงถามนู้นนี่นั้นหรือไม่ก็บ่นอย่างหวาดระแวง แต่หนนี้ มันช์ไม่บ่นสักคำ

 

    มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย เติร์กคว้าดอกกุหลาบหนึ่งดอกยื่นไปตรงหน้ามันช์ ฟากรุ่นน้องโคลงศรีษะมองอย่างฉงนใจ ว่าพี่เติร์กไปแอบซื้อมาตอนไหน?

 

  ตอนที่ไหว้พระที่วัดใด วัดหนึ่ง? หรือตอนที่มันช์เข้าห้องน้ำ แต่แล้วมันช์ก็หยุดคิด เพราะไม่ว่าจะซื้อตอนไหน ตอนนี้ ดอกกุหลาบมันมาอยู่ในมือของเขาแล้ว

 

 

   ส่วนใบหน้าของคนให้เปื้อนยิ้ม เมื่อเห็นคนรักเขินและหน้าแดงก่ำดั่งผลเชอร์รี่ เติร์กทำอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเป็น แต่เพราะหลังจากดีกัน เติร์กเห็นว่ามันช์บ่นน้อยใจอยู่บ่อย ๆ เรื่องการทำตัวแข็งทื่อ ไม่นุ่มนวล อ่อนหวาน แถมบางครั้งก็พูดจาไม่รื่นหู ถ้ามันไม่ฝืนตัวเองจนเกินไป เติร์กก็อยากลองทำอะไรสักอย่างที่พิเศษเพื่อคนรักของเขาได้ประทับใจบ้าง ก่อนหน้านั้น เติร์กจึงแอบเข้าห้องน้ำไปหาปากกามานั่งเขียนตัวอักษรลงบนกลีบกุหลาบอย่างบรรจงหวังว่ามันจะโรแมนติกได้บ้าง


 
    มันช์ใจเต้นตึกตักไม่มีหยุดพักจนกลัวว่าหัวใจจะทำงานหนักเกินไป เพราะไม่คิดว่าพี่เติร์กจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย ยามที่เห็นดอกกุหลาบสีแดงสดธรรมดาหนึ่งดอก

 

      ทุกกลีบกุหลาบด้านนอกนั้นปรากฎคำว่า ...รัก...   

 

     มันช์ยืนมองดอกกุหลาบนี้ด้วยความตื้นตัน พี่เติร์กไม่เคยมุมหวาน แต่เขาพยายามจะทำ และทันใดนั้น มันช์ได้ยินเสียงนุ่มนวลใกล้หู แต่ทว่ามันกลับชัดเจนไม่มีขาดห้วง

 

 

"พี่รักน้องมันช์นะครับ"

 

 

 

       มันช์ชะงักพลันสบตามองคนที่ก้าวถอยหลังกลับไปขยับตัวตรงตามเดิม

 

"ห้ะ เมื่อกี้ พี่พูดว่าอะไรนะ ?" มันช์ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เมื่อครู่มีใครเข้าสิงพี่เติร์กหรือเปล่า คนที่เอาแต่ดุด่าว่ากล่าว กำลังพูดจาหวานหู แถมตอนนี้ยังยืนหน้าแดง หูแดง เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะลากแขนมันช์ให้รีบก้าวไว ๆ เพราะกลัวคนอื่นจะรอนาน
 

"พลาดแล้วพลาดเลย ไม่ต้องถามซ้ำ" เติร์กตอบพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ฟากมันช์ใจเต้นแรง แถมยิ้มไม่หุบ

 

 

"ใช่พี่เติร์กที่ผมรู้จักไหมอะ พี่อ่อนโยนแบบนี้ได้ด้วยเหรอ? โคตรละมุนเลย" มันช์แซวแฟนตัวเองที่เดินนำหน้าไม่รอ

 

"แล้วทำเป็นไม่ได้ยินนะมึง!"
 

       แบบนี้สิ พี่เติร์กตัวจริง  แต่มันช์กลับไม่สนใจ ยิ้มแป้น เพราะกำลังมีความสุข เดินดมดอกกุหลาบตลอดทาง



"ก็ไม่คุ้นความอ่อนโยนของพี่นี่หว่า เรียกผมว่าน้องด้วย? โอ้ย! น้องมันช์ก็รักพี่เติร์กนะ" มันช์แซวกลับ จนคนโดนล้อเลียน ก็ตวัดสายตาดุ ๆ มองแฟน แต่ไม่พูดอะไร และวกสายตากลับมองทางด้านหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางหวนกลับไปคิดถึงวันวานกับทุกกิจกรรมที่เคยได้ทำร่วมกัน



 ... รู้สึกดีทุกครั้งที่นึกถึง..



      เติร์กดีใจที่มันช์เข้ามาเป็นเฟรชชี่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และดีใจที่ย้อนไปในวันนั้น เติร์กตัดสินใจกล้าลุย กล้าจีบจนได้มันช์มาครอบครอง....

 
    น้องเฟรชชี่ที่เติร์กรักสุดใจ เติร์กจะรักและคอยดูแลความสัมพันธ์ที่จากนี้ จะไม่ใช่แค่รักในวัยเรียน แต่จะเป็นรักที่เติมความเข้าใจให้กัน เพื่อนำไปสู่รักแห่งการเป็นผู้ใหญ่ที่เติบโตขึ้นไปด้วยกันในอีกหลาย ๆ ปีต่อไป...

 
.............................................


The END

จบเรื่องแต่ความสัมพันธ์ของพวกยังดำเนินต่อไป

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ดีใจมากจริง ๆ เรายังมีนิยายเรื่องอื่นให้เลือกชม เลือกอ่านกันนะคะ

ไปเลือกหยิบมาสักเรื่อง ชิมลางกันได้ค่ะ


ขอบคุณทั้งคนเมนท์ และคนอ่าน ตื้นตันจริง ๆ ค่ะ
นิยายเก่าของ rinyriny

1. นิยาย ..*ขอผมได้รัก*..
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0


2. นิยาย ||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0

3. นิยาย +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0

4. นิยาย  ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.30

5 นิยาย *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67267.0
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-05-2019 22:03:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-05-2019 22:08:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-05-2019 12:51:29
 o13 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 12-05-2019 00:48:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-05-2019 06:01:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 14-05-2019 07:25:10
สงสารขิงจัง ขอบคุณค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 16-05-2019 00:58:17
สนุกมากครับ สุดท้ายก็สงสารขิงจัง
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-05-2019 13:42:26
 o13
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~* -2 คนที่ชอบ- [8 กพ.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 28-01-2021 02:50:32

"ไอ้เต็น"

"อะไร?"

"มึงจะไปไหน?" เติร์กถาม ฟากเต็นมองเหมือนสงสัยว่าทำไม ช่วงนี้ เติร์กต้องถามทุกครั้งที่เขาขยับตัว

มึงก็ปีสามทำไมพูดกับพี่ปีสี่แบบนี้วะ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 19 ระเริงรักในวันฝนตก - [24 มีค.62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 28-01-2021 12:30:04

 "ขิงอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ขิงขอลองจูบมันช์สักครั้งได้ไหม?"
 
นังขิงนี่เจ้าเล่ห์แต่โง่นะ เคะเหมือนกันเอามาตีฉิ่งกันเหรอ
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 24 แฟนเก่า - [9 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 28-01-2021 18:49:11

"ใครจะลงทุนทำแบบนั้นวะ พี่?"  มันช์ยังคลางแคลงและไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เติร์กถึงพูดกำกวม จะว่าไป มันช์ไม่ใช่คนเด่นดังอะไร จะมีคนพยายามแทรกกลางเพื่อสร้างความร้าวฉานด้วยการยุยงให้แตกแยก ปั่นป่วนไปทำไมกัน
ไม่ชอบนายเอกเลย โง่ หูเบา คิดมาก ไม่มีความอดกลั้น เชื่อว่าไปกันไม่รอดถ้ายังใช้นิสัยแบบนี้ ระแวงกันไปตลอด อย่างมากให้ปีครึ่ง เลิกกันชัวร์
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ- [28 เมย.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 28-01-2021 19:10:50
จากนี้ ผมจะพยายามใช้เหตุผลให้มากขึ้น จะไม่งอนอะไรไร้สาระอีกต่อไปแล้ว ผมขอโอกาสนะพี่เติร์ก นะครับพี่
ไม่เชื่อคนอย่างนี้หรอก
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 30-01-2021 21:36:27
 :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 01-02-2021 02:51:12
น่ารักทั้งเรื่อง  แต่ปวดหัวกับมันซ์ นิดนึง  555
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 17-05-2021 20:39:28
ปวดหัวกับมันซ  ทั้งเรื่องเลยครับ
สงสารขิงนะ  ตอนแรก้ข้าใจว่า ชอบพี่เติร์ก  TT
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 17-06-2021 00:14:04
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ
แต่แอบไม่ชอบนิสัยมันส์เลย
ส่วนขิงเราก็ไม่ชอบนางนะ
แต่เราว่านางโดนอะไรแบบนั้นแรงไปอ่ะ สงสารเลย
หัวข้อ: Re: *~ น้องเฟรชชีที่พี่รัก ~*- บทที่ 27 ไว้ใจ-||จบแล้ว|| [5 พค.62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 22-06-2021 20:32:14
สนุกมากๆเลยครับ

ให้ทั่งความสนุกและข้อคิดอะไรหลายอย่างเลย
ชอบมากๆเลยครับ
 :impress2: