บทที่ 9 ที่แท้ก็หวง
"นั่งด้วยได้ไหม"
มันช์ชำเลืองมองพี่เต็นที่ยืนหัวโต๊ะและถาม มันช์พยักหน้ายิ้ม ๆ อย่างยินดี เพราะโต๊ะเขาตอนนี้เหลือเพียงดาวที่นั่งอยู่ ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ หนีไปชนแก้วกับโต๊ะเพื่อนปีหนึ่งกลุ่มอื่นบ้าง รุ่นพี่บ้าง มีแต่มันช์ที่ไม่ยอมลุกไปไหน เพราะมัวแต่กระดกเหล้าราวกับน้ำเปล่า เพราะตื่นเต้นไม่หายหลังจากได้ยินพี่เติร์กพูดเช่นนั้น
ใคร่ครวญถึงถ้อยคำอีกฝ่าย พักหลัง ๆ พี่เติร์กชอบพูดจากำกวมชวนให้มันช์คิดไปไกล แม้ว่าหลายครั้ง มันช์อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแต่อีกใจก็มักคัดค้านให้มันช์เจียมเนื้อ เจียมตัว คงเป็นเพราะลึก ๆ แล้ว มันช์ก็ยังกลัวเจ็บหนัก
"เป็นไงบ้าง งานเริ่มเยอะแล้วสิ" เต็นถาม มันช์จึงดึงสติกลับมาต่อบทสนทนาพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
"ครับพี่ ก็เยอะ แต่ก็ทำงานทันอยู่ครับ"
"บริหารเวลาดี ๆ นะ พี่รู้ว่า พวกน้อง ๆ จะเป็นกัน พอใกล้กำหนดส่งงานแล้วเพิ่งมาทำ"
"ฮ่า ๆ จริงเลยครับ พี่เต็นรู้เพราะเคยเป็นมาก่อนใช่ไหม?"
"ใช่ครับ พี่ถึงรู้ดีไง"
"ฮ่า ๆ พี่เต็นตลกอะ" มันช์หลุดหัวเราะ ในความเป็นจริง เขาชอบคุยกับพี่เต็น เพราะตั้งแต่ที่พบเจอรุ่นพี่หลากชั้นปี พี่เต็นเป็นคนสุภาพที่สุดในเอกศิลปกรรม แถมยังดูเหมือนพี่ชายที่แสนดีที่มันช์อยากขอคำปรึกษาอยู่เสมอ
"มันช์"
"ครับ" มันช์ขานรับพลางยิ้มเสียงหวานที่เห็นพี่เต็นมองมาด้วยแววตาแปลก ๆ
"แล้วนี่แฟนมันช์เรียนที่ไหน รุ่นเดียวกันหรือเปล่า?" เต็นถามพลางยกแก้วขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าสบาย ๆ
"ผมไม่มีแฟนหรอกครับพี่ ผมว่าผมเคยบอกพี่ไปแล้วนะ"
"หือ จริงหรอ? สงสัยคงลืม หน้าตาแบบนี้ยังไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ?" เต็นเอียงคอมองอย่างสงสัย
"แหะ ๆ พี่เต็นครับ ผมอายจัง ไม่อยากบอกความจริงเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีแฟนเลยสักคน"
"ถามจริง? ไม่อยากจะเชื่อ"
"เชื่อเถอะพี่ ผมคงไม่มีดวงด้านความรักมั้ง" มันช์บอกเสียงเศร้าคล้ายตัดพ้อชีวิตรักของตัวเองจนเต็นแอบขำ
"ไม่หรอก พี่ว่ายังไม่ใช่เวลาของมันช์มากกว่า เดี๋ยวก็มา"
"สาธุครับพี่"
เต็นมองมันช์ที่ทำตัวเหมือนเด็กก็แอบอมยิ้ม ก่อนจะชนแก้วมันช์และเป็นฝ่ายชวนคุยต่ออย่างสนุกสนาน คุยไปพลางชนแก้วไปจนมันช์เริ่มเมา มันช์ส่งสายตาหวานเยิ้มและเอื้อนเอ่ยเสียงเบาว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เต็นสังเกตอาการมันช์ว่าเริ่มไม่ปกติจึงอาสาไปเป็นเพื่อน พาเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวร้าน ในระหว่างที่เต็นยืนรอ เขาเหลือบเห็นรุ่นน้องบางคู่ แอบมาบอกความในใจก็ยืนยิ้ม
ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจวบจนปีสี่ เขาเห็นคนในเอกเดียวกัน คบกัน รักกัน จนเขามองเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
"ไหวไหม" เต็นละสายตาจากคู่รักหลากชั้นปีที่ยืนพลอดรักกันบ้าง บอกความในใจกันบ้าง และตรงปรี่ไปหามันช์ที่เดินตัวอ่อน โอนเอนเหมือนร่างไร้กระดูก
มันช์ส่ายหน้า มือไม้ปัดป่ายจนได้ที่ยึด คว้าแขนเต็นไปเกาะแล้วซบลงตรงต้นแขน
"เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง" เต็นบอกอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ได้เฉลียวใจว่ามันช์คอแข็งหรือเปล่า เห็นคุยสนุกหน่อย ก็เลยดื่มไป-ชนไป จนมันช์กลายสภาพเป็นแบบนี้
ในขณะที่เต็นประคองร่างมันช์กลับไปนั่งที่โต๊ะ ถึงระหว่างประตูทางเข้าไปในร้าน เขาก็ได้ยินเสียงเรียก
"ไอ้เต็น มานี่เร็ว ๆ พี่โบ้แวะมาเยี่ยมจะกลับแล้ว" เต็นทอดสายตามองไปยังโต๊ะปีสี่ที่นั่งกันราวยี่สิบคนรวมกลุ่มตั้งใจฟังพี่โบ้ที่จบไปแล้วสามปีกลับมาเยี่ยมเยียนรุ่นน้อง และแน่นอนว่า พวกเต็นเรียนชั้นปีที่สี่ ใกล้จบแบบนี้ การขอคำแนะนำเรื่องการทำงานจากรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรรับฟังไว้
"แปปนึงได้ไหม กูขอไปส่งน้องเขาก่อน"
"ไม่ได้ พี่โบ้จะกลับแล้ว มัวแต่จีบเด็กอยู่ได้ อนาคตมึงอะสนใจหน่อยสิวะ พี่โบ้จะแนะนำบริษัทที่ฝึกงานให้ มึงจะเอาไหม ไอ้เต็น" เพื่อนของเต็นตะโกนเสียงดัง จนพี่โบ้มองตามและกวักมือเรียก ฟากเต็นชะงักเท้าครู่หนึ่ง
เต็นกดสายตามองมันช์ที่เกาะแขนเขาแน่นหนึบดั่งตีนตุ๊กแก เขาไม่สามารถทิ้งมันช์ไว้ได้ เต็นจึงพาไปนั่งที่โต๊ะปีสี่ด้วยเพื่อตัดปัญหา เต็นก้าวได้อย่างเชื่องช้า เนื่องจากต้องคอยดูแลคนเมาด้วย
"พี่เต็นคร้าบบบ"
"ครับผม" เต็นตอบพลางกดสายตาลงมองหน้ามันช์ที่ช้อนตามองและยิ้มหวาน เต็นใช้หลังมือซับเม็ดเหงื่อเกาะพราวบนหน้าผากของมันช์
"ผมอยู่หนายยยอ่า"
"เดี๋ยวพี่จะพามันช์ไปนั่งที่โต๊ะพี่ก่อนนะ"
"ได้คร้าบ"
"เมาแล้วขี้อ้อนเหรอเรา?"
"อื้อ" มันช์กอดรัดแขนเต็นแนบแน่น เต็นยิ้มมุมปากพลางสั่นหน้าน้อย ๆ กับอาการของเด็กขี้อ้อน เต็นโอบไหล่ อีกมือหนึ่งก็จับแขนมันช์เพื่อประคอง
แต่ทันใดนั้น
หมับ!
"ไอ้เต็น กูจะพามันช์กลับไปที่โต๊ะเอง" เต็นมองเติร์กที่จับต้นแขนมันช์แล้วเอ่ยอาสา
"เดี๋ยวกูพาน้องไปนั่งที่โต๊ะกูก่อนได้" เต็นบอกอย่างใจเย็น
"กูไม่โอเค มันช์มันเมามากแถมเพื่อนมึงนั่งเป็นฝูง กูไม่ไว้ใจเพื่อนมึง"
"เพื่อนกูก็รุ่นพี่มึง"
"แต่มึงคงจำได้นะเต็น ว่าเฟรชชี ไนท์ปีที่แล้ว เพื่อนมึงไม่ใช่เหรอที่พอเห็นน้องผู้หญิงเมาแล้วจะเอาเขาให้ได้ ถ้าพวกกูไม่ไปเห็นที่ห้องน้ำก่อน น้องผู้หญิงคนนั้นก็คงโดนไปแล้ว"
เต็นเงียบ มันเป็นเรื่องจริงที่เติร์กเตือนสติให้นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นปีของเขาคนหนึ่งเคยคิดข่มขืนน้องผู้หญิงปีหนึ่งจริง ๆ แต่ทำไม่สำเร็จเพราะพวกเติร์กไปเห็นเสียก่อน
เต็นมองมันช์ที่เมาจนไม่ได้สติ ก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะมันเป็นความผิดเขาเอง เต็นเอ่ยขอบใจเติร์ก ก่อนจะยอมปล่อยแขนมันช์ให้เติร์กประคองกลับไปนั่งอย่างรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เป็นเขาในการทำหน้าที่นั้น
"หนักฉิบ" เติร์กสบถที่ลากร่างราวกับไร้วิญญาณมาถึงโต๊ะของมันช์ที่บัดนี้กลายเป็นโต๊ะของกลุ่มอดีตพี่ว้ากเพราะยึดที่นั่งน้องเฟรชชี่ไปโดยอัตโนมัติ ยามนี้ ไม่เหลือใครนั่งอยู่ ดาวพาแก้วไปอ้วกที่ห้องน้ำ ส่วนภุชงค์ก็เดินไปตามขิงที่โดนพี่ปีสองกรอกเหล้าเข้าปากจนเมาไม่รู้เรื่อง
"อื้อออ" มันช์เริ่มโอนเอน คอพับ คออ่อนพิงไหล่เติร์ก
"อะแฮ่ม อะแฮ่ม" ป๋อยิ้มกรุ้มกริ่มมองเพื่อนที่แม้มันจะเดินมาอย่างหอบเหนื่อยที่แบกมันช์มา แต่พอทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะ เติร์กก็ดูแลมันช์เป็นอย่างดี ทั้งรีบหากระดาษทิชชูซับหน้ามันช์ที่ชื้นเหงื่อ ไหนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของมันช์เพื่อระบายความร้อนให้
"ตีนใครติดคอ ไอ้ป๋อ" เติร์กถาม แต่ไม่ได้มองหน้าเพื่อน เขามัวแต่ง่วนกับการดูแลคนเมา
"ไม่มีตีนใครติดคอหรอก มีแต่ความรักอันแสนหวานต่างหากที่ติดคอ ฮิ้วววววว"
"เป็นอะไรมากไหม ไอ้ป๋อ?" เติร์กเงยหน้าถามป๋อ
"มึงต่างหาก เป็นอะไรมากไหม? เฮอะ!.. ไอ้โต๋แตะปากเพื่อนรักมึงทีซิ"
เติร์กมองหน้าเพื่อนสองคนที่รับ-ส่งมุกกัน ฟากโต๋ที่นั่งใกล้เติร์กมากกว่าป๋อจึงยื่นมือไปแตะริมฝีปากเติร์กตามคำสั่งเพื่อนก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับป๋อ
"อุ้ย! คนอะไรปากแข็งเป็นบ้า"
"ฮ่า ๆ "
"สัด หุบปากเลยพวกมึง" เติร์กตอบเสียงเข้ม เขาไม่มีอารมณ์เล่นหรือหยอกล้อกับเพื่อน เนื่องจากอารมณ์ไม่ดีอยู่ที่มันช์เมาไม่รู้เรื่อง
"อื้ออออ"
"ถ้ารู้ตัวว่าคออ่อน ใครใช้ให้แดกเยอะวะ" เติร์กด่าด้วยความกรุ่นโกรธและไม่พอใจที่มันช์ดื่มไม่รู้จักลิมิตตัวเอง
และดูสภาพมันช์ตอนนี้สิ เติร์กอยากหาผ้ามาคลุมหน้าคลุมตาเหลือเกิน ใครสั่งใครสอนให้ทำตาหวานฉ่ำ หนำซ้ำยังยิ้มยั่วยวนชวนให้คนที่พบเห็นเผลอใจละลายได้ทั้งนั้น
"อื้ม อย่าว่าผมน้าา" คนดุเด็กชะงักงัน ยามที่มันช์พลิกตัวและสอดมือเข้ามากอดเอวเติร์กพลางเบียดตัวซุกซบหน้าลงบนอกกว้างเหมือนต้องการไออุ่น
"เฮ้อ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย เมาแบบนี้จะกลับบ้านยังไง ห้ะ!" เติร์กยังบ่นรุ่นน้องต่อเนื่อง
"ก็มึงไง ไปส่งน้องมัน" ป๋อบอก
พอเพื่อนว่าดังนั้น เติร์กก้มหน้ามองมันช์ที่ซบอก เติร์กตบแก้มเนียนเบา ๆ เพื่อเรียกสติ
"มันช์ มึงลุกเดี๋ยวนี้ กูจะพามึงไปส่งที่ห้อง"
มันช์ส่งเสียงครางงอแงพลางปรือตามองทั้งยังยิ้มหวาน ก่อนจะยกมือวางลงบนกรอบหน้าคมของพี่เติร์ก
"ทำไมพี่เติร์กต้องดุด้วยล่าา" มันช์ตอบเสียงยานคางพลางเลื่อนมือลงจากใบหน้าหล่อและใช้นิ้วจิ้มไปที่อกแกร่งหลายที ก่อนจะขยุ้มคอเสื้อพี่เติร์กแล้วถูใบหน้าไปมา
"โอ้ย น้องมันช์ของพี่เติร์ก น่ารักจริงโว้ย" ป๋อยังแซวไม่หยุดหย่อน เมื่อได้เห็นพฤติกรรมของคนเมารั่วแล้วดูตลกดี มันช์จะรู้ไหมว่าพอเวลาเมานี่แทบเป็นคนละคน
"ผมเป็นของพี่แล้วเหรอ? พี่ไม่โกหกผมใช่ม้ายย?" เติร์กกลอกตา ถอนหายใจยาว ยามที่มันช์ได้ยินป๋อพูดแล้วเอามาตีความมั่วไปหมด
"โอ้ยยยย น้องมันช์ พี่เติร์กแพ้น้องแล้วครับ หยุดอ้อนได้แล้ว" โต๋ตะโกนแซวต่อ แต่มันช์ก็ยังไม่รู้ตัวว่าโดนหยอกล้อ กลับหัวเราะลากเสียง
"แพ้จริงเหรอ? พี่เติร์ก เอิ้ก เอิ้ก"
"ไอ้มันช์มึงหุบปากเป็นไหมวะ เมาแล้วพูดมาก"
เพื่อน ๆ แอบอมยิ้มเมื่อเห็นเติร์กหน้าแดงจัด ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ ที่ผิวแดงราวกับลูกมะเขือเทศนั่นเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือความรักส่งผลกระทบให้มันเป็นอย่างนั้นกันแน่
"ไม่มาวววว"
"มึงเมาไอ้มันช์ เฮ้ยพวกมึง กูต้องกลับก่อนแล้วว่ะ ฝากดูแลความเรียบร้อยและดูแลเด็กปีหนึ่งให้กลับบ้าน ปลอดภัยทุกคนด้วย"
"สัด ที่แท้ก็หวง"
"หวงห่าอะไร กูจะตบกระโหลกมันอยู่เนี่ย เมาอะไรขนาดนี้วะ"
เพื่อนรู้ดีว่า เติร์กทั้งหวง ทั้งห่วง แต่ก็ไม่อยากจะแซวเพื่อยั่วโมโหมันอีก
"เออ ๆ รีบพามันช์กลับบ้านไปซะ เดี๋ยวพวกรุ่นน้องที่เหลือพวกกูดูแลเอง" ป๋อตอบจริงจัง เพราะเหนื่อยจะแซว
เติร์กพยักหน้าแกน ๆ และลากมันช์ออกมานอกร้านได้จนกระทั่งถึงริมฟุตบาทก็วางร่างเล็กให้นั่งพิงต้นไม้เพื่อรอแท็กซี่
"มึงนี่นะ กูไม่รู้จะด่ามึงยังไง" เติร์กนั่งยอง ๆ เทน้ำเปล่าจากขวดมาล้างหน้าล้างตามันช์ หวังจะช่วยให้อีกฝ่ายสดชื่นหรือสร่างเมาได้บ้าง
"อื้อออออ เย็นอ่า"
"ดี มึงจะได้สร่าง เวลามึงเมา มึงยั่วแบบนี้ทุกครั้งไหมเนี่ย" เติร์กถามอย่างสงสัย เพราะยามที่มันช์เมา แม่งใจกล้า หน้าด้านเป็นพิเศษ แถมถึงเนื้อ ถึงตัวได้ง่ายเหลือเกิน เติร์กไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามีคนพามันไปทำมิดีมิร้าย มันก็คงสมยอมไปโดยไม่รู้ตัวแน่ ๆ
"ยั่ว ผมยั่วพี่เติร์กงาย อย่าว่าผมซิ ไม่ว่าผมน้า"
มันช์บิดตัวแถมส่ายหน้าไปมาเร็ว ๆ จนเติร์กกลัวอีกฝ่ายจะมึนหัว เขายึดไหล่มันช์ให้หยุดดิ้น ฟากมันช์ปรือตามองด้วยสายตาหวานฉ่ำ แถมยังยกมือมาลูบริมฝีปากเติร์กและหัวเราะออกมาเหมือนชอบใจ ฟากเติร์กโดนฤทธิ์ออดอ้อนเข้าไปถึงกับมือไม้อ่อนปล่อยมือออกจากไหล่และอีกฝ่ายก็ซุกหน้าลงซอกคอของเติร์ก
"มันช์ กูไม่โอเคจริง ๆ ที่มึงเมารั่วแบบนี้"
เติร์กบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแถมใบหน้าไร้แววล้อเล่น เขาหงุดหงิดใจที่มันช์เมาไม่ได้สติเช่นนี้ เติร์กไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าไม่ใช่เติร์กแล้วเป็นคนอื่นมาพบเจอ มันจะเกิดอะไรขึ้น
"อื้ออออ โอเคนะ โอเค"
บอกจบก็สัมผัสถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดตรงซอกคอ ยิ่งทำให้เติร์กตัวร้อนวูบวาบ ไหนจะตอนที่ริมฝีปากของมันช์ดันอยู่ไม่สุก ขยับปากไปมา ถูไถไล้ตรงซอกคอของเขา แต่ไม่นานหรอก เพราะทันใดนั้น
"ไอ้มันช์!!!!!"
เติร์กตะโกนเสียงดังลั่น ยามที่มันช์ผละออกจากซอกคอเขาแล้วอ้วกใส่ขากางเกงเติร์กจนไม่เหลือชิ้นดี
.
.
.
.
"กูกลับมาได้ไงวะ เฮ้ยพี่เติร์ก" มันช์บ่นพึมพำ แต่พอสายตาเหลือบเห็นว่าเขากำลังนอนหนุนตักใครบางคนอยู่ ก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งและพบว่าคน ๆ นั้น คือ พี่เติร์ก
ทำไมมันช์ถึงนอนหนุนตักพี่เติร์กได้ แล้วทำไมพี่เติร์กถึงมาอยู่ในห้องเขาตอนนี้? และมันช์ได้เสียกับพี่เติร์กแล้วหรือเปล่า?
"ยังมีหน้ามาถาม มึงเมาไม่พอ มึงอ้วกใส่กางเกงกูด้วย"
มันช์ชะงัก หน้าร้อนเห่อยามที่รู้ตัวว่าทำตัวเปิ่นเป๋อ เรื่องเมื่อคืนมันช์จำได้ลาง ๆ แค่ตอนที่คุยกับพี่เต็น จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกแล้ว มันช์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เมื่อคืนเผลอทำอะไรลงไปบ้าง
"ก็หายกันกับวันที่พี่ฉี่รดตู้เสื้อผ้าผม" มันช์เถียงกลับกลบความอาย
"ยังจะมาเถียงอีก มึงไม่เห็นใจกูเลยหรือไง? กูไม่มีกางเกงใส่กลับบ้าน มันยังไม่แห้ง" มันช์เงียบ มองพี่เติร์กที่ทั้งตัว มีแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวที่สวมอยู่ มันช์แอบมองดวงตาคมโตสีช็อคโกแลต เลื่อนไล่สายตามายังใบหน้าหล่อ จนมาหยุดตรงที่ริมฝีปากสีธรรมชาติ
'ทำไม ผมถึงมองว่าพี่หล่อได้ทุกองศาจริง ๆ วะ คนบ้าอะไร ขนาดเพิ่งตื่นนอน หน้ายังใสกิ๊ง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงกลับดูเซอร์และเท่ได้'
"ผมขอโทษ" หยุดความคิดอวยอีกฝ่าย แล้วก้มหน้าบอกขอโทษอย่างรู้สึกผิด
"ต่อจากนี้มึงห้ามเมาแบบนี้อีก" เติร์กดุและจ้องมันช์ด้วยสายตาแข็งกร้าว มันช์หน้างอก่อนว่าเสียงเบา
"แล้วทำไมผมต้องเชื่อพี่ด้วย"
"เพราะมึงเมาแล้วเที่ยวไปหอมแก้มคนอื่นไง" เติร์กบอกหน้านิ่ง
"เฮ้ย!" มันช์ใจหายวาบ ยามที่ได้รู้วีรกรรมของตัวเองจากปากของคนอื่น มันช์พยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
'เชี่ยเอ้ย อายว่ะ'
"เออ ทีนี้รู้รึยัง ว่าทำไมถึงไม่ควรเมาอีก" เมื่อพี่เติร์กว่าจบ มันช์อายจนยกมือปิดหน้าปิดตาตัวเอง เขาเมาเรื้อนได้ขนาดนั้นจริง ๆ หรอ
"พี่เติร์กผมหอมแก้มทุกคนจริง ๆ เหรอ?"
"ใช่สิ ทั้ง ไอ้ป๋อ ไอ้โต๋ เพื่อนมึงที่ชื่อขิงก็ด้วย" เติร์กอธิบาย จนมันช์เบะปากจะร้องไห้
"พี่หลอกผมแน่ ๆ" มันช์สั่นหน้ารัว เขาพยายามไม่เชื่อ เพราะมันช์รับตัวเองไม่ได้ที่ทำอะไรทุเรศแบบนั้น แล้วคราวนี้ ถ้าไปเจอพวกพี่ที่เอกเขาจะทำหน้าอย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งอายเสียเหลือเกิน
"กูไม่ได้หลอก ยังดีนะที่ไอ้ป๋อเห็นว่ามึงเป็นรุ่นน้องเลยยับยั้ง ชั่งใจได้ ถ้าไม่งั้น มึงเสร็จไอ้ป๋อแน่ รายนั้นแม่งเอาหมด"
มันช์น้ำตารื้น ยกสองมือกอดเข่าตัวเอง และฟุบหน้าลงกับเข่า ส่ายหน้ารัว บอกตัวเองว่าจะไม่เมาแบบนี้อีกแล้ว
แต่แล้วมันช์ชะงัก ก่อนชำเลืองมองพี่เติร์กที่ยังคงทำหน้าตาไม่สบอารมณ์
"ผมหอมแก้มทุกคน เออะ เอ่อ แล้วพี่?"
"จะเหลือเหรอ? มึงหอมแก้มกูตั้งหลายที ที่สำคัญมึงจะจูบกูด้วย"
"เฮ้ย!!"
"เออ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไม่ทันได้จูบ มึงอ้วกซะก่อน"
คราวนี้ มันช์หน้าแดงกว่าเดิม เขาใจกล้าหน้าด้านไปจูบพี่เติร์กด้วยเหรอวะ มันช์ไม่สนแล้วกับอาการหนักหัว รวมทั้ง สมองตื้อของตัวเอง เขาขอไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำลำพังยังดีกว่ามาเผชิญหน้ากับคนที่มันช์แอบชอบและหอมแก้มพี่เติร์กไปแล้วด้วย
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ ไม่ไหว"
ฟากเติร์กพยักหน้ารับ พอรุ่นน้องผลุบหายไปในห้องน้ำ เติร์กยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แผนโกหกของเขาได้ผลแม้จะมีความจริงปนอยู่บ้างแต่มันก็เพียงน้อยนิด ให้มันช์เข้าใจผิดแบบนั้นล่ะดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ต้องเมามายและทำท่ายั่วยวนใส่ใครอีก
.
.
.
.
หลายวันต่อมา
"ดีใจได้มึง เป็นหลานรหัส"
ลุงรหัสอย่างพี่ป๋อพูดอมยิ้ม หลังจากที่รู้ว่าหลานตัวเองคือใคร ยามนี้ สายรหัสของมันช์ ไล่ตั้งแต่ พี่รหัสอย่างพี่อุ้ย ลุงรหัสอย่างพี่ป๋อ และปู่รหัสอย่างพี่โจ เพิ่งมีเวลาว่างตรงกัน ทั้ง ๆ ที่ได้มีการจับสายรหัสกันไปตั้งแต่ช่วงรับรุ่นแล้ว
และในเวลานี้ บรรดารุ่นน้อง รุ่นพี่กำลังมานั่งสังสรรค์กินกันที่ร้านหมูกระทะบุฟเฟ่ต์แถวมอ ซึ่งวันนี้ พี่โจได้พาแฟนมากินด้วย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ฝ้ายปีสี่ศิลปกรรม
"กินเลย ๆ อย่าเกรงใจ"
"ครับ" ตอนนี้ ทุกคนพร้อมสวาปาม นั่งเฝ้าเนื้อย่างบนเตาให้สุกอย่างใจจด ใจจ่อ ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ มันช์ชะงัก ตอนที่ได้ยินเสียงพี่ป๋อตะโกนด้วยรอยยิ้ม
"ไอ้เติร์กทางนี้"
มันช์เหลียวหลังมองก็เห็นพี่เติร์กตรงดิ่งมาทางนี้ มันช์หันกลับมาถามพี่อุ้ยที่นั่งข้างๆ
"พี่เติร์กไม่ใช่สายเรานี่ครับ"
"กับคนนี้ ทุกคนยอมคร้าบ" พี่อุ้ยว่าอย่างเริงร่า ดูเหมือนว่า พี่เติร์กจะเป็นที่รักของคนในเอกพอสมควร
"ขอโทษว่ะ มาช้าไปหน่อย"
มันช์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่มาทีหลังแล้วนั่งตรงหัวโต๊ะ
"นั่งหัวโต๊ะไม่ได้หมายความว่าจะจ่ายนะพี่โจ" เติร์กพูดดักคอรุ่นพี่ปีสี่
"แหม่ ร้อนตัวเว้ย"
พี่เติร์กยักไหล่ก่อนจะหันมาหามันช์ทำหน้าตกใจ
"อ้าวมึงมาด้วยเหรอ?"
"ผมอยู่สายนี่ ถ้ามาก็เป็นเรื่องปกติ พี่ต่างหาก มาทำไม?"
"มาส่องเด็ก" เติร์กว่าหน้านิ่ง แต่มันช์กลับเงียบ เพราะเถียงสู้ไม่ได้ ฟากเติร์กใช้ตะเกียบคีบหมูในจานเพื่อนเข้าปาก
"อ้าว สัดปิ้งเองสิมึง แย่งกูอีกละ" ป๋อบ่นเพื่อน
"ชิ้นเดียว ทำบ่น"
จากนั้น พี่อุ้ยก็เปิดบทสนทนาไร้สาระตามประสาผู้ชาย อย่างเช่น เรื่องการลงความเห็นว่าสาวเอกไหนในมหา ฯ ลัยสวยที่สุด ต่อมาก็นินทาบรรดาพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เอก ก่อนจะวกมาถึงเรื่องความรัก
"แล้วนี่ มึงมีแฟนรึยัง?" มันช์ชะงักที่ไม่คิดว่าพี่ป๋อจะโยนคำถามมาให้ เพราะก่อนหน้าก็เห็นพวกพี่ ๆ คุยแต่เรื่องของรุ่นพี่เองเป็นส่วนมาก
แม้ว่าคำที่พี่เติร์กว่าเขาหอมแก้มพี่ป๋อยังติดอยู่ในหัวสมอง แต่พอพี่ป๋อทำตัวปกติ ไม่ได้พูดแซวอะไร มันช์จึงทำตัวเนียนต่อไป เพราะจะว่าไป ตั้งแต่หลังจบงานเลี้ยงน้องเฟรชชีในค่ำคืนนั้น ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องส่วนใหญ่ต่างเมาเรื้อนกันทั้งนั้น เรื่องของคืนเฟรชชีไนท์ จึงไม่ค่อยมีใครจะจดจำอะไรได้ มันช์จึงโล่งใจที่เรื่องน่าอายของเขาไม่มีใครเอามาแซวหรือพูดถึง
"ไม่มีครับพี่ โสดร้อยเปอร์เซ็น"
"อย่างนี้เพื่อนกูก็จีบได้ดิ" พี่ป๋อบอก
"เพื่อนพี่คนไหน ผมต้องดูหน้าตาก่อนว่าผ่านไหม?" มันช์แซวกลับทำอย่างกับว่าตัวเองหล่อเลือกได้
"โห ผ่านเสียยิ่งกว่าผ่าน เพราะมันเป็นถึงเดือนค...แค่ก แค่ก ไอ้สัดเติร์กยัดมาได้ แม่งไม่สุก ไอ้เชี่ย"
"เพราะกูรำคาญเสียงมึงไง เวลานี้ คือ เวลาแดก ไม่ใช่เวลามานั่งจับคู่" เติร์กบอกป๋อ
"ไอ้เติร์กครับ มึง.ร้..อน" ป๋อเถียงกลับเพราะเคืองที่เพื่อนยัดเนื้อหมูไม่สุกเข้าปาก แต่ดูเหมือนแม่งรู้ทัน
"พี่ฝ้ายอยากฟังเรื่องของพี่โจล่าสุดไหม ที่วันนั้น..." เติร์กหันหน้าไปหาพี่ฝ้ายทันที
"ไอ้เติร์ก ได้โปรด อย่าสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวกู"
"โจมีความลับกับฝ้ายหรอ?"
นั่นไง โจหันไปด่ารุ่นน้องไม่ออกเสียง และมันก็น่าแปลกจริง ๆ ที่เวลาอยู่ในวงสนทนา ผู้หญิงก็มักชอบเชื่อเพื่อนแฟนมากกว่า เชื่อแฟนตัวเอง
"เปล่าเลย โจไม่มีความลับอะไรทั้งนั้น" โจถอนหายใจยาว พอโจพูดความจริง ฝ้ายกลับไม่เชื่อ แต่พอโจโกหก ฝ้ายกลับเชื่อนักหนา
"แต่โจมีพิรุธ" พี่ฝ้ายเชิดหน้างอน
"ไอ้สัดเติร์ก มึงช่วยเคลียร์ด่วนเลย แฟนกูเชื่อมึงแล้วเนี่ย" เติร์กขำที่พี่โจเหงื่อแตก
"พี่ฝ้าย ผมล้อเล่น พี่โจไม่ได้มีกิ๊กหรอกครับ มีแค่ลงอ่างวันนั้นวันเดียว มันไม่เหมือนกันหรอกเนอะ"
"ไอ้เชี่ยเติร์ก" โจถลึงตามองน้อง
"โจ!!!" ฝ้ายวางตะเกียบเสียงดัง ฟากโจหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
"ฝ้ายครับ ไม่มีอะไรจริง ๆ เชื่อไอ้เติร์กออกลูกเป็นควายแล้ว ฝ้าย" โจกลืนน้ำลายเอื้อก ๆ หน้าเสียที่แฟนสาวงอนตุ้บป่อง หันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่นึกสนใจแฟนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"พี่ติดหนี้ผมอยู่นะ สามพันห้า ค่า...." เติร์กยังไม่สลดกับการสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวผู้อื่น
"กูไหว้ล่ะมึง ได้โปรด" พี่โจพนมมือเหนือหัว จนเติร์กหลุดขำรีบแก้สถานการณ์ก่อนบานปลายไปกันใหญ่
"ฮ่า ๆ พี่ฝ้ายผมพูดเล่น พี่โจรักพี่จะตาย ขนาดพวกผมชวนไปเตะบอลตั้งหลายรอบแกยังไม่ไปเลย แกบอกว่าต้องนอนดูซีรีส์เกาหลีกับแฟน ไม่อยากให้พี่ฝ้ายนอนดูอยู่คนเดียว พี่ฝ้ายไม่เคยสังเกตบ้างเลยเหรอ?" พอเติร์กว่าอย่างนั้น ฝ้ายหน้าแดง เพราะถ้านึกย้อนกลับไป โจแทบอยู่กับฝ้ายตลอดเวลา เธอจึงหายงอนอย่างไว แล้วหันไปยิ้มหวานให้แฟนตัวเอง
มันช์นั่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจึงบ่นขมุบขมิบที่พี่เติร์กโรคจิตไปแกล้งคู่รักให้ทะเลาะกันแบบนั้น
"คนบ้าอะไรวะโคตรโรคจิต อ้ะเจ็บนะ" มันช์สะดุ้งตอนที่พี่เติร์กชะโงกตัวและใช้ตะเกียบตีหน้าผากมันช์
"ปากมึงนี่ไวตลอด คิดก่อนพูดบ้าง"
"พี่ได้ยิน?" มันช์หน้างอพลางลูบหน้าผากป้อย ๆ
"เออ"
"แล้วพี่ตีผมทำไม? ผมไม่ได้ว่าพี่สักหน่อย"
"อย่ามาโกหก กูมองมึงอยู่" มันช์เงียบ หลุบตาลงต่ำก่อนจะยัดอะไรก็ได้ที่มีอยู่ในจานเข้าปากแล้วเสมองไปทางอื่น
"อ้าว ๆ กิน ๆ ชืดหมดแล้ว" ป๋อขัดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้า บ้างก็ลุกไปตักเนื้อมาเติม บ้างก็ลุกไปตักของหวาน กินกันจนกระทั่ง ครบกำหนดเวลา รุ่นพี่ทั้งหลายก็เตรียมแยกย้ายกลับบ้าน
"ไอ้เติร์กฝากน้องด้วย"
"ห้ะ!" มันช์ยืนงงยามที่พี่รหัสและลุงรหัสรวมใจมัดมือชกบอกให้พี่เติร์กไปส่ง ทั้ง ๆ ที่พี่เติร์กไม่ใช่สายรหัสของมันช์สักหน่อย
'โอ้โห ทั้งพี่และลุงรหัสรักกูจริง ๆ ถีบหัวส่งกูเลยซะงั้น'"มันช์กลับกับไอ้เติร์กนะ ปลอดภัยหายห่วง พวกกูกลับก่อน ไปละ" ป๋อบอกพลางโบกมือลา มันช์ก็ได้แต่ทำหน้าเหราหรากลับไป
"อ่า อะครับพี่" มันช์ตอบรับอย่างงง ๆ พอพวกพี่ป๋อ พี่อุ้ยลับตาไปไกล มันช์หันมาหาพี่เติร์กที่นั่งอยู่บนรถเวสป้าสีเขียวขี้ม้า
"พี่ แยกกันเลยก็ได้ สวัสดีครับพี่"
"มึงกลัวกูปล้ำรึไง?" เติร์กมองเด็กเด๋อที่ทำตัวป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ก็เลยถาม
"เปล่าสักหน่อย"
"แล้วเล่นตัวทำไม หรือเป็นเพราะไม่ได้อยู่สายรหัสเดียวกัน กูเลยทำแทนไม่ได้?" เติร์กถาม มันช์มองคนพูดยียวนพลางลอบถอนหายใจ ก่อนจะต่อปากต่อคำกลับไป
"ก็จริงอย่างที่พี่พูด มันทำแทนกันไม่ได้"
"เถียงตลอด น่าตบปากจริง ๆ"
"ทำตัวป่าเถื่อน เอะอะก็ใช้กำลัง"
"ก็แค่กับมึงคนเดียวล่ะ ที่กูอยากใช้กำลัง"
"นู้น ไปค่ายมวยโน่น เขามีคู่ซ้อมถ้าพี่อยากใช้กำลังมากนักน่ะ" มันช์กวนพี่เติร์กกลับอย่างไม่อยากยอมพ่ายแพ้ง่าย ๆ
"ทำไมกูต้องไป กูแค่อยากใช้กำลังกับมึง และถ้าเป็นมึงไม่ต้องไปถึงค่ายมวยหรอก จะพื้น จะเตียง หรือระเบียงก็ยังได้"
สาบานนะว่า เราสองคนกำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่ ทำไมมันช์ขนอ่อนลุกชูชัน ใจสั่น หวั่นไหวยามที่พี่เติร์กมองมาด้วยสายตากะลิ้ม กะเหลี่ย
'ไอ้พี่เติร์ก พี่คิดเชี่ยอะไรอยู่วะเนี่ย?'
...............................................
[/b]
- อิพี่มันร้าย ฮ่า ๆ ติดตามไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่าพี่เติร์กน่าหลงรักขนาดไหน แล้วระวังตกหลุมรักพี่เติร์กแทนมันช์น้า อะแฮร่
- ตอนนี้ก็เท่าเทียมกันแล้วโนะ อีกคนฉี่รดตู้เสื้อผ้า อีกคนอ้วกใส่ขากางเกง แสดงธาตุแท้ให้เห็นกันตั้งแต่ตอนแรกไปเลย เวลาเป็นแฟนกันจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมาก ฮ่าๆๆ แต่จะได้เป็นแฟนกันไหมก็ต้องมาช่วยลุ้นกันล่ะค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ