say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “4”❖ ❖ ❖ ต่อค่ะ 70% ❖ ❖ ❖
ในที่สุดก็ถึงวันประกวดดาวเดือน ซึ่งตรงกับวันเสาร์ และเป็นวันที่ทางมหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเฟรชชี่เดย์ เฟรชชี่ไนท์ด้วย ในตอนกลางวันนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของแต่ละคณะจะเข้าร่วมกิจกรรมฐานต่าง ๆ วนไปคณะอื่น ๆ ส่วนในตอนเย็นไปจนค่ำมืด จะมีการประกวดดาวเดือนที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของงานวันนี้ แล้วก็จะมีการแสดงดนตรีจากวงดนตรีในมหาวิทยาลัย แล้วก็นักร้องที่ทางมหาวิทยาลัยเชิญมา
สายน้ำตื่นขึ้นมาตอนเกือบเก้าโมง การได้พักยาวตั้งแต่เมื่อวานจนมาถึงตอนนี้ทำให้เขารู้สึกสดชื่น ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้า อ่อนเพลียก็ดีขึ้น พร้อมสำหรับการประกวดในค่ำคืนนี้แล้ว ทางทีมงานนัดเหล่าดาวเดือนของแต่ละคณะตอนเที่ยง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประกวดในตอนค่ำ
ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด สายน้ำเลยไม่เร่งรีบเท่าไหร่ พยายามที่จะทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป แต่ดูเหมือนว่ายิ่งใกล้เวลาเข้าไปเท่าไหร่ หัวใจของสายน้ำก็เต้นแรงขึ้นเท่านั้น
"สายน้ำ มาแล้วเหรอลูก” แซนดี้ที่หันมาเห็นก็รีบเอ่ยทักทันที
“พี่แซนดี้ สวัสดีครับ” สายน้ำยกมือไหว้สวัสดี “สวัสดีครับพี่แวนดี้”
“จ๊ะลูก” แวนดี้เองก็ยิ้มทัก “กินอะไรมาหรือยัง มากินข้าวก่อนมา”
“ครับผม”
สายน้ำเดินเข้าไปหารุ่นพี่ทั้งสองคนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามแซนดี้แวนดี้ พลางรับข้าวกล่องมาเปิด เพื่อจัดการกับมื้อกลางวันที่ทางกองประกวดดาวเดือนเตรียมเอาไว้ให้
“แล้วผมต้องทำอะไรก่อนไหมครับ” สายน้ำเอ่ยถามรุ่นพี่ในคณะทั้งสองคน
“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ไปเตรียมตัวแต่งหน้า ทำผม หลังจากนั้นไปรออยู่ในห้องหลังเวที ส่วนก่อนแสดงความสามารถพิเศษ พี่จะพาเรากับน้ำรินไปที่ห้องชมรม” แวนดี้ว่า
สายน้ำนั่งฟังกำหนดการคร่าว ๆ จากรุ่นพี่ทั้งสองคน ช่วงประมาณห้าโมงเย็นจะเริ่มการประกวดดาวเดือน โดยให้เหล่าดาวเดือนแต่ละคณะออกมาเดินโชว์ตัวก่อนหนึ่งรอบ ร่วมกันร้องเพลงที่ฝึกซ้อมกันมาตลอด เดินโชว์ตัวอีกครั้ง
“พอเสร็จตรงนี้ก็ถึงรอบการแสดงความสามารถพิเศษ แต่ก่อนจะถึงรอบนี้จะมีวงดนตรีขึ้นมาเล่นก่อนสามสี่เพลง ให้เวลาพวกเรา ๆ เตรียมตัวกัน แล้วก็จะเป็นรอบโหวตขวัญใจมหาชน เอาคะแนนจากผลโหวตรอบนี้มารวมกับยอดกดไลท์ กดแชร์ในเพจเฟซบุ๊ก”
“แล้วก็คัดเลือกดาวเดือนห้าคนสุดท้ายมารอบตอบคำถามก่อนจะประกาศผลรางวัล”
“แค่ฟังผมก็ชักจะตื่นเต้นแล้วสิครับ” สายน้ำพูด ยิ่งใกล้เวลาก็ยิ่งตื่นเต้นไปหมด
“น้ำรินด้วยค่ะ กลัวจะทำการแสดงออกมาได้ไม่ดีจังค่ะ” ใบหน้าของหญิงสาวแสดงถึงความกังวลได้อย่างชัดเจน
“สายน้ำ น้ำริน” แซนดี้เรียกทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะ ทำมันออกมาให้เต็มที่ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นยังไง พวกพี่ก็ภูมิใจในตัวพวกหนูนะ”
“ใช่แล้วล่ะ แค่ทำให้เต็มที่ก็พอ แพ้ชนะก็ช่างมันเถอะ”
“ครับ / ค่ะ” ทั้งสายน้ำแล้วก็น้ำรินรับคำ
หลังจากกินข้าวเสร็จแซนดี้แวนดี้ก็พาสายน้ำกับน้ำรินไปยังห้องแต่งตัว แวนดี้พาน้ำรินไปห้องแต่งตัวของผู้หญิง ส่วนแซนดี้มากับสายน้ำ ทั้งคู่เอ่ยทักทายคนในห้องอย่างคุ้นเคย รุ่นพี่ที่จบไปแล้วและมาช่วยแต่งหน้าทำผมให้เรียกสายน้ำเข้าไปหา เพื่อแต่งหน้าทำผม
กว่าจะเรียบร้อยก็เกือบเย็น โชคดีที่ห้องนี้เป็นห้องแอร์เหงื่อเลยไม่มี ไม่อย่างนั้นที่แต่งกันไปคงไม่มีประโยชน์อะไร สายน้ำหยิบเนคไทมาสวมคอเอาไว้หลวม ๆ เอาไว้จะขึ้นบนเวทีค่อยแต่งตัวให้เรียบร้อยอีกที รุ่นพี่เรียกไปเติมแป้ง เติมหน้าจนสายน้ำรู้สึกว่าหน้าของเขาหนักแล้วก็เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง
ยิ่งพอใกล้เวลาประกวดสายน้ำก็ยิ่งตื่นเต้น ขนาดทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่เดือนคณะปีที่แล้วก็ยังไม่หายตื่นเต้น เริ่มกังวลไปสารพัดอย่าง นึกอยากให้ใครบางคนอยู่ด้วยกันที่นี่เผื่อจะช่วยให้สายน้ำรู้สึกดีขึ้น
“สายน้ำ” เสียงเรียกชื่อ ดึงสายตาของสายน้ำให้หันไปมองก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นเพื่อน ๆ ในกลุ่มกำลังเดินเข้ามาหา
“โฮ... หล่อไม่ใช่เล่นนะเราเนี่ย” มะนาวเอ่ยทักเมื่อเดินเข้ามาใกล้ เห็นคนที่แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ
“เออว่ะ มึงนี่ก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย” แบงก์เองก็เห็นด้วย “พอแต่งหน้า ทำผมเลยยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่”
ปกติสายน้ำก็เป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แต่พอมาแต่งหน้า เซ็ตผม แต่งตัวเนี้ยบ ๆ แบบนี้ก็ยิ่งเสริมให้อีกฝ่ายดูดีมากขึ้นไปอีก
“ตื่นเต้นไหมวะ” ตั้มถามเพราะสีหน้าของเพื่อนแม้จะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่สุด
สายน้ำรีบพยักหน้ารับทันทีกับถามของตั้ม “มาก ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่เท่าไหร่หรอก แต่เอาจริง ๆ ก็ตื่นเต้นว่ะ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ตามพี่กรพูดแล้วก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่”
“เอาน่ามึง มึงทำได้อยู่แล้ว เดี๋ยวพวกกูต้องออกไปแล้วว่ะ ขอเข้ามาได้แค่แปบเดียว ว่าจะแวะไปดูน้ำรินด้วย” แบงก์พูด “สู้ ๆ นะมึง กูเชียร์อยู่หน้าเวทีนะ”
“เออ สู้ ๆ นะมึง มึงทำได้กูเชื่อ” ตั้มตบไหล่เพื่อนเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
มะนาวกับเบลเองก็พูดให้กำลังใจเขาเหมือนกัน ก่อนที่จะพากันเดินออกจากห้องเตรียมตัวไป พอได้ความเชื่อมั่น เชื่อใจจากเพื่อน ๆ มาบ้างก็ทำให้จิตใจของสายน้ำสงบขึ้น
“พี่กร” สายน้ำเอ่ยเรียกรุ่นพี่ปีสองที่เคยยืนอยู่ในตำแหน่งที่เขายืนในตอนนี้ อีกฝ่ายแวะมาหาแล้วก็ดูความเรียบร้อย จริง ๆ แล้วช่วงที่สายน้ำกับน้ำรินซ้อมเพื่อเตรียมประกวดกรกับบาร์บี้ก็แวะมาหาบ่อย ๆ แต่เพราะทั้งคู่ไม่ถนัดเรื่องรำเลยทำเพียงแค่แวะมาให้กำลังใจแล้วก็ซื้อของกิน ซื้อขนมมาให้ แต่ตอนซ้อมกับกองประกวดทั้งสองคนก็แวะมาช่วยดู ช่วยสอนตลอด
“อ่ะน้ำ จิบสักหน่อย” อีกฝ่ายส่งน้ำเปล่าเย็น ๆ ให้ “หายตื่นเต้นบ้างหรือยังเรา”
สายน้ำยิ้มแหย พยักหน้ารับ “ก็นิดหนึ่งครับ เหมือนจะเริ่มทำใจได้”
กรหัวเราะกับคำพูดของรุ่นน้อง ยกมือตบไหล่เบา ๆ เชิงให้กำลังใจ อยู่ยืนคุย ให้คำแนะนำสายน้ำอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งถึงเวลา
“สู้ ๆ นะเรา ทำให้เต็มที่พอ ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ไม่ต้องสนใจ”
“ครับพี่ ขอบคุณนะครับ” สายน้ำยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่ เดินไปรวมแถวกับเพื่อนเดือนคณะอื่น ๆ ก่อนจะเดินเรียงออกจากห้องไป เจอกับแถวของดาวคณะเดินมาพอดี
น้ำรินเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ สายน้ำ เจ้าตัวส่งยิ้มมาให้ ใบหน้าที่แต่งเติมและผมที่ดัดลอนอ่อน ๆ ช่วยขับให้ใบหน้าของน้ำรินสวยหวานกว่าเดิม
“วันนี้น้ำรินสวยมาก” สายน้ำอดที่จะเอ่ยชมไม่ได้
“สายน้ำเองก็หล่อเหมือนกันนั่นแหละ” น้ำรินพูด “เรายังตื่นเต้นอยู่เลย”
“เหมือนกัน” สายน้ำกำมือแล้วยกขึ้นยื่นไปตรงหน้าน้ำริน “มาพยายามด้วยกันนะ”
“จ๊ะ!” น้ำรินเองก็ยกกำปั้นขึ้นมาชนกับกำปั้นของสายน้ำ สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วระบายออกมา ก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกไปพร้อม ๆ กัน
เหล่าผู้เข้าประกวดดาวเดือนเดินโชว์ตัวหนึ่งรอบตามที่พิธีกรประกาศเรียกชื่อ สายน้ำหลับตาลงเพื่อทำสมาธิ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วเดินออกไปข้างหน้าคู่กับน้ำรินเมื่อได้ยินเสียงประกาศชื่อคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สายน้ำได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขากับน้ำริน พอหันไปมองก็เห็นเพื่อน ๆ ในคณะโบกมือ เป่าปากให้อยู่บริเวณใกล้ ๆ หน้าเวที นั่นเลยทำให้สายน้ำหลุดยิ้มออกมาได้ และดูเหมือนว่าสาว ๆ ที่อยู่ใกล้เวทีเห็นรอยยิ้มของสายน้ำก็พากันส่งเสียงเรียกไม่หยุด
ทั้งสายน้ำและน้ำรินเดินกลับไปที่จุดของตัวเอง การแสดงต่อไปคือพวกเขาเหล่าผู้เข้าประกวดดาวเดือนทั้งหมดจะร่วมร้องเพลง มีท่าเต้นประกอบเป็นภาษามือ ซึ่งกว่าจะทำกันได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ หลังจากการแสดงรวมจบลงทุกคนก็ทยอยเดินลงจากเวทีไป
ระหว่างรอรอบการแสดงพิเศษก็มีวงดนตรีของทางมหาวิทยาลัยขึ้นมาแสดง สายน้ำกับน้ำรินหลังจากที่ลงจากเวทีได้ก็รีบเดินไปหาแซนดี้แวนดี้ที่ยืนรออยู่แล้วทันที พวกเขาทั้งสองคนรีบไปเปลี่ยนชุดสำหรับการแสดงโดยมีรุ่นพี่มาช่วยแต่งตัวด้วยเพราะชุดของพวกเขานั้นแต่งค่อนข้างยาก
สายน้ำแต่งกายยืนเครื่อง
1 ในลักษณะของตัวยักษ์ตามแบบในละคร เสื้อหรือฉลอง เป็นเสื้อแขนยาวสีเขียวตามลักษณะของสีกายของรามสูร ปักด้วยดิ้นและเลื่อมทั้งตัว สับเพลายาวถึงน่องสีเขียวขลิบแดง ทับด้วยผ้านุ่มหรือพระภูษา จะใช้เป็นผ้ายก
2สีแดง นิยมใช้ผ้าที่ยกด้วยดอกสีเงิน (ยกเงิน) แล้วยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ของชุดอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าปิดก้น ห้อยข้าง รัดสะเอว ห้อยหน้า เข็มขัด อินทรธนู ทับทรวง สังวาล และพวกกำไลข้อเท้า กำลังข้อมือ
ส่วนน้ำรินเองก็แต่งกายยืนเครื่องเช่นเดียวกัน สวมเสื้อนางในแขนยาวสีน้ำเงิน ผ้านุ่งเป็นผ้ายกจีบหน้า ผ้าห่มนางหรือสไบทิ้งตัวไปด้านหลังยาวถึงน่อง เครื่องประดับอย่างพวกเข็มขัด ทับทรวง สะอิ้ง ทองกร กรองศอ ปะวะหล่ำ กำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า
“โอ๊ยตาย... สวยหล่อทั้งคู่เลยลูก” รุ่นพี่ที่มาช่วยพวกเขาแต่งตัวร้องบอกทำหน้าปราบปลื้มเมื่อเห็นทั้งสองคน “น้ำรินแต่งหน้าแบบนี้แล้วสวยมากลูก นี่ถ้าเอาชฎามาสวมอีกอย่างจะเลิศมากเลย”
“จริง สวยหล่อมากทั้งคู่เลย มา ๆ พี่ถ่ายรูปให้ มายืนข้างกันเร็ว ๆ” บาร์บี้เรียกทั้งสองคนให้มายืนใกล้กันก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “กร ๆ เอากล้องมาถ่ายรูปน้องเร็ว ๆ”
กรเองที่ได้ยินเพื่อนเรียกก็หันมามองก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาเพื่อถ่ายรูปของคนทั้งคู่ “น้ำรินสวยจริง ๆ เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ” น้ำรินได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่ที่เอ่ยชมไม่หยุดปาก
“สายน้ำก็หล่อ รับรองว่าถ้ารำเสร็จแล้วถอดเศียรออกมานะ คนกรี๊ดลั่นแน่นอนเลยลูก” แวนดี้กลัวสายน้ำจะน้อยใจรีบเอ่ยชมทันที มีแซนดี้เป็นลูกคู่พยักหน้ารับหงึกหงัก
"อุ้ย! เขาเริ่มรอบแสดงความสามารถพิเศษแล้ว ไปลูกสายน้ำ น้ำรินไปไหว้ขอพรพ่อแก่ก่อนเร็วลูก เดี๋ยวไม่ทัน” แซนดี้ที่ได้ยินเสียงพิธีกรประกาศเรียกตัวแทนประกวดดาวเดือนขึ้นโชว์ความสามารถพิเศษหันมาร้องบอกรุ่นน้องทั้งสองคนที่ยืนให้บาร์บี้กับกรถ่ายรูป
แซนดี้แวนดี้หันไปหยิบพานดอกไม้ ธูป เทียนมาถือ ก่อนจะเร่งพาทั้งสองคนไปที่ห้องชมรมนาฏศิลป์เพื่อไปไหว้ขอพรให้การแสดงผ่านไปได้ด้วยดี และขอยืมเศียรยักษ์และชฎาให้สายน้ำกับน้ำรินสวมรำ โชคดีที่ห้องชมรมอยู่ไม่ไกลจากอาคารหอประชุมที่ใช้ประกวด เดินไม่นานก็ถึง ที่ห้องชมรมยังพอมีคนอยู่บ้างเพราะแวนดี้ได้แจ้งเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“มาทางนี้เลยจ้า” พวกเขาทุกคนเดินตามรุ่นพี่ในชมรมนาฏศิลป์ไป
ภายในห้องชมรมค่อนข้างกว้าง ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกเอาไว้ดูตอนซ้อมรำ ส่วนอีกด้านหนึ่งมีแท่นคล้ายกับปะรำพิธีที่สายน้ำเห็นในวันไหว้ครูวางอยู่ มีเศียรครูวางเรียงลำดับตามที่เคยเห็น สายน้ำกับน้ำรินนั่งลงตรงหน้าชั้นวางนั้นในมือถือพานที่มีดอกไม้ พวงมาลัย ธูป และเทียน
“ไหว้ขอพรกับพ่อแก่นะ ขอให้การแสดงผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าหากลืมท่า จำท่าไม่ได้ก็ขอให้พ่อแก่ช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”
สายน้ำและน้ำรินทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่ ไหว้ขอพรกับเศียรพ่อแก่ที่เปรียบเสมือครูนาฏศิลป์ หลังจากที่ไหว้พ่อแก่เสร็จรุ่นพี่ก็ให้ทั้งคู่ยกมือไหว้เศียรและชฎาที่ตัวเองจะต้องสวม น้ำรินนั่งให้รุ่นพี่สวมชฎาให้เพราะจะต้องยึดกับผมให้เรียบร้อย ส่วนสายน้ำก็ถือเศียรยักษ์เอาไว้ ค่อยสวมตอนใกล้แสดง
“ขอบคุณมากนะครับ” สายน้ำเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ในชมรมนาฏศิลป์ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินกลับมาที่หอประชุมตามเดิม
“ว่าไง ถึงคณะไหนแล้วอ่ะ เหลืออีกกี่คณะถึง” แซนดี้เดินไปถามบาร์บี้ที่รออยู่ที่หอประชุม
“ตอนนี้คณะบริหารแล้ว ต่อไปก็คณะนิเทศแล้วก็คณะเราแล้วล่ะ” บาร์บี้หันมาตอบ ก่อนจะยกมือไหว้แล้วเอ่ยทักคนที่เพิ่งเดินมาถึงให้คนอื่นหันไปมองแล้วยกมือไหว้ตาม “พี่หินผา พี่แก้ม สวัสดีค่ะ”
หินผากับแก้มรับไหว้รุ่นน้องทุกคน “พวกพี่แวะมาดูจ๊ะ เป็นยังไงบ้างเรียบร้อยดีใช่ไหม ใกล้ถึงเวลาของคณะเราหรือยัง”
“ใกล้แล้วค่ะ คณะเราต่อจากนิเทศค่ะ นี่น้อง ๆ ก็แต่งตัวกันเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” แซนดี้หันไปมองคำถามของแก้ม
รุ่นพี่ปีสี่ทั้งสองคนหันมามองน้องปีหนึ่งที่นั่งรอเวลาอยู่กันคนละมุมเพราะต่างฝ่ายอยากตั้งสมาธิก่อนขึ้นแสดง
“ทำไมนั่งแยกกันแบบนั้นล่ะ” หินผาอดที่จะถามไม่ได้
“ทำสมาธิกันค่ะ บอกตื่นเต้นตั้งแต่มาถึงห้องแต่งตัว รอบเดินโชว์ รอบร้องเพลง แต่ก็ทำได้ดีกันทุกรอบ แต่ก็ยังตื่นเต้นกันอยู่แบบนั้นแหละค่ะ เลยนั่งแยกกันทำสมาธิก่อน” แวนดี้ตอบ
"ออ... เดี๋ยวเราไปดูน้ำรินหน่อยแล้วกัน หินก็ไปดูสายน้ำนะ” แก้มรับคำรุ่นน้องก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน
หินผาพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหาสายน้ำที่นั่งหลับตาอยู่ก่อนจะเอ่ยทัก “ว่าไงเรา”
คนโดนทักสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมอง เจ้าตัวกระพริบตาปริบ ๆ อย่างต้องการปรับสายตา สายน้ำก้มหัวเป็นเชิงทักทาย “พี่หินผา สวัสดีครับ”
“ได้ข่าวว่าตื่นเต้นเหรอ” หินผาถาม พลางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ กัน
“ครับ ตื่นเต้นครับ ตอนนี้ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนแรกอีก แค่เดิน กับร้องเพลงยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ผมจะขึ้นไปรำแล้ว ตื่นเต้น กลัวจำท่าผิด”
“ถ้าพี่จะบอกว่าไม่ต้องตื่นเต้นไปก็คงไม่ได้ เพราะพี่ก็เข้าใจเราอยู่เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง”
“ตอนที่พี่ขึ้นรำตื่นเต้นมากไหมครับ” สายน้ำถามด้วยความสนใจ เผื่ออีกฝ่ายจะมีวิธีช่วยให้หายตื่นเต้นได้บ้าง
หินผาพยักหน้ากับคำถามของรุ่นน้อง “ตื่นเต้นสิ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะตื่นเต้นมากหรือตื่นเต้นน้อย หรือไม่ตื่นเต้นเลย ยังไงเราก็ต้องขึ้นไปบนเวทีอยู่ดี พี่ก็เลยคิดว่าพี่แค่ต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะจำท่าผิดหรือยังไงก็ต้องทำออกมาให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”
“ผมก็คิดแบบนั้นแหละครับ แต่มันก็ตื่นเต้นอยู่ดี” สายน้ำตอบเสียงเบา “พยายามตั้งสมาธิตามที่พี่กรบอกแล้วแต่ก็ช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่เลย”
คนฟังหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของรุ่นน้อง ใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางยิ้มแหย ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ขลาดกลัวทำให้คนมองยิ้ม เอ็นดูปนตลกกับท่าทางนั้น หินผาวางมือบนผมที่ถูกเซ็ตเอาไว้ของสายน้ำให้คนโดนวางมือทับหยุดชะงักเหมือนลืมวิธีหายใจ เผลอนั่งเกร็งตัว
“พี่เชื่อว่าเราทำได้ และจะทำได้ดีด้วย” หินผาพูดลูบผมอีกฝ่ายเบา ๆ “แค่ทำให้เต็มที่ที่สุด ให้สุดความสามารถของเรา ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไงพี่เชื่อว่าทุกคนจะชื่นชมและภูมิใจในตัวเรานะ อาการตื่นเต้นคงห้ามไม่ได้ แต่อย่าให้ความตื่นเต้นมาทำให้เรากังวลจนทำได้ไม่เต็มที่”
“ค ครับ...” สายน้ำพยักหน้าหงึกหงัก “ผมจะพยายามครับ”
“ดีมาก ทำให้เต็มที่ก็พอ”
“ครับ”
มือของหินผาละออกไปแล้วแต่สายน้ำยังรู้สึกอุ่น ๆ ร้อน ๆ ที่หัวตัวเองอยู่เลย อยากจะยกมือขึ้นไปวางทับบนผมตัวเองตรงตำแหน่งที่หินผาวางมือแต่ก็ไม่กล้า แอบกัดปากตัวเองกลั้นยิ้ม กลั้นเขินแต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ดีหรือเปล่า กลัวจะเผลอหน้าแดงแสดงอาการออกไปว่าดีใจที่อีกคนลูบผมแบบนี้
แต่ดูเหมือนหินผาจะไม่ได้สนใจท่าทางของสายน้ำนักเพราะเจ้าตัวก้มหน้ารื้อกระเป๋าสะพายที่คาดอยู่บนอกตัวเองก่อนจะหยิบช็อกโกแลตออกมาจากในกระเป๋า ฉีกซองออกแล้วหยิบช็อกโกแลตที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีทองส่งมาให้
“ครับ” สายน้ำทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ
“ช็อกโกแลตไง เอาไปสิ” หินผาวางช็อกโกแลตที่เขาถืออยู่บนมือของสายน้ำ “กินช็อกโกแลตสิ มันช่วยให้ดีขึ้นนะ”
“ขอบคุณครับ” สายน้ำขอบคุณ หันมองคนที่ยกช็อกโกแลตให้ อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เขากิน สายน้ำจึงแกะช็อกโกแลตออกมากิน
“อร่อยไหม”
“ครับ อร่อยครับ”
“แลกกันนะ”
“ครับ” ทำหน้างงอีกรอบกับคำพูดของหินผา
“พี่ให้ช็อกโกแลตแล้ว แลกกันกับจะทำการแสดงนี้ให้เต็มที่ โอเคไหม”
สายน้ำหลุดยิ้มออกมา มีใครบ้างแลกช็อกโกแลตกับการแสดงแบบคนตรงหน้านี้ “ครับ แบบนั้นก็ได้ แต่ผมขออะไรเพิ่มอีกอย่างได้ไหม”
“หือ... อะไรล่ะ”
สายน้ำชี้นิ้วไปที่ช็อกโกแลตในมือหินผา “ถ้าพี่คิดว่าผมทำได้เต็มที่แล้ว ผมขอช็อกโกแลตเพิ่ม”
“ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเลย ทำให้เต็มที่ก็พอ”
“แน่นอนครับ” สายน้ำยิ้ม น่าแปลกทีเดียว เขาเพียงแค่คุยกับหินผาไม่กี่ประโยคก็รู้สึกดีขึ้น หายตื่นเต้นขึ้นเยอะเลย
“พี่จะรอดูนะ พี่ไม่กวนละเราทำสมาธิต่อเถอะ เดี๋ยวนิเทศคงใกล้แสดงจบแล้วล่ะ” หินผาลุกขึ้นยืน วางมือบนผมของสายน้ำอีกรอบก่อนจะเดินแยกออกไป
สายน้ำใช้มือข้างที่ว่างยกขึ้นจับผมตัวเอง ตำแหน่งที่หินผาเพิ่งวางมือไป ก้มหน้าลงก่อนจะปล่อยให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะรีบสะบัดหน้าเพื่อปัดไล่ความรู้สึกต่าง ๆ ออกไป เตรียมสมาธิให้พร้อมสำหรับการแสดงที่จะถึง
“สายน้ำ น้ำริน ป่ะเตรียมตัว ได้เวลาแล้วล่ะ” แซนดี้เอ่ยเรียกทั้งสองคน
สายน้ำสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะผ่อนออกมา ลุกเดินไปหารุ่นพี่ที่ยืนรออยู่ สายน้ำกับน้ำรินเดินตามรุ่นพี่ไปยังข้างหลังเวทีเพื่อรอขึ้นเวทีเป็นลำดับต่อไป แซนดี้กับแวนดี้ช่วยดูเครื่องแต่งกายของพวกเขาว่าเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง รีบเติมหน้าจัดชุดให้ สายน้ำสวมเศียรยักษ์ที่ถือเอาไว้ตลอด
“เอาละครับ ลำดับต่อไปของการแสดงรอบความสามารถพิเศษ... โอ้... ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ธรรมดาครับ คณะนี้เขามาคู่กัน แสดงด้วยกันครับ” เสียงของพิธีกรที่อยู่บนเวทีพูดแนะนำการแสดงถัดไป
“ใช่แล้วค่ะ เรียกว่าแตกต่างจากการแสดงของคณะอื่น ๆ แน่นอนค่ะ”
“เราไปชมการแสดงจากตัวแทนดาวเดือนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์กันเลยดีกว่าครับ!”
“การแสดงรำในชุดเมขลา รามสูรค่ะ!”
“สู้ ๆ นะ พวกพี่เอาใจช่วยนะ แพ้ชนะไม่สำคัญ ทำให้เต็มที่พอลูก!” รุ่นพี่ต่างพากันให้กำลังใจเมื่อได้ยินเสียงประกาศเรียก
สายน้ำกับน้ำรินรับคำ ทั้งคู่ยกมือไหว้ขอพรอีกรอบตอนก่อนขึ้นเวที สายน้ำสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อีกสองรอบเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง เขาจะพยายามให้ถึงที่สุด ทำให้เต็มที่ที่สุด เพื่อไม่ให้ตัวเองผิดหวัง และไม่ให้คนที่คอยเป็นกำลังใจให้เขาต้องผิดหวังด้วย
ที่สำคัญ... สายน้ำจะต้องทำการแสดงนี้ให้ดีที่สุด เพื่อช็อกโกแลตจากใครบางคน
ใครบางคนที่แค่พูดก็ทำให้จิตใจของสายน้ำสงบลง...
[1] แต่งกายยืนเครื่อง คือ การแต่งกายชนิดเต็มรูปแบบ ซึ่งเลียนแบบมาจากเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ คำว่า “ยืนเครื่อง” เป็นคำโบราณที่ใช้เรียกตัวละครเอกที่แต่งกายด้วยเครื่องละครครบชุดเพียงคนเดียว
[2] ผ้ายก คือ ผ้าที่มีการทอโดยการเพิ่มลวดลายในเนื้อผ้าให้พิเศษขึ้น ทำให้เป็นลวดลายนูนขึ้นจากผืนผ้า ถ้าทอยกด้วยไหมจะเรียก ยกไหม ถ้าทอยกด้วยเส้นทองจะเรียก ยกทอง ถ้าทอยกด้วยเส้นเงินจะเรียก ยกเงิน
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
รอบนี้อัปช้าหน่อย เพราะตอนนี้แต่งยากมากเลยค่ะ
รายละเอียดค่อนข้างเยอะ หาข้อมูลค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย
แต่งนิยายเรื่องนี้คือต้องอยู่หน้าคอมฯ อย่างเดียวไม่งั้นแต่งไม่ได้เลย แต่งไป เปิดข้อมูลดูไป
ทั้งเว็บไซต์ ทั้งวีดิโอ ทั้งวิจัย คือเยอะไปหมดเลยค่ะ
แต่งยากจริง ๆ เลย
ฟางก็หวังว่าทุกคนจะชอบ อ่านแล้วเข้าใจ อย่างน้อยก็ขอให้เข้าใจบ้างก็พอค่ะ
ไม่แน่ใจว่าคำหรือประโยคที่มันแปร่ง ๆ หรือเปล่า เพราะความรู้ด้านนี้ไม่มีจริง ๆ
อาศัยสอบถาม กับ อ่าน คิด วิเคราะห์ เอา บางส่วน บางช่วง บางตอน เลยอาจจะแปลก ๆ ไปบ้างนะคะ
ต้องขอโทษไว้ก่อนเลยค่ะ แล้วก็สามารถให้ข้อมูลฟางเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
ถ้าหากมีข้อมูลส่วนไหนที่ฟางใส่ลงไปแล้วมันผิด
เนี่ย... มันแต่งยากขนาดนี้อ่ะ
ฟางขออย่างเดียวค่ะ
ขอคอมเมนต์ กำลังใจหน่อยเนอะ ขอแค่นี้แหละค่ะ
ขอบคุณนะคะ
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ