ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙  (อ่าน 47862 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2020 15:50:43 โดย Thichadad3938 »

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


ภุชงค์เล่นแสง ๐๐


ณ แคว้นการเวก



องค์สิงห์เจ้าหลวงผู้ปกครองแคว้นการเวกทรงมีโอรสสององค์ อันได้แก่ องค์สิน รัชทายาทสืบบัลลังค์ที่เกิดจากพระชายาเมียตบเมียแต่งออกหน้าออกตา แลเจ้าน้อยแสงแรก โอรสองค์เล็กที่เกิดจากนางสนมต่ำศักดิ์ผู้เป็นที่รัก เจ้าแสงแรกแม้นจักเป็นเจ้าน้อย เกิดมามียศฐา บรรดาศักดิ์เป็นถึงโอรสองค์เล็กของเจ้าหลวงแคว้นการเวก หากแต่ชีวิตในวังหลวงหาได้มีความสุข แม้นจักสุขกาย แต่หาได้สบายใจไม่ พระชายา แลพระเชษฐาต่างมารดาทรงจงเกลียด จงชังเจ้าแสงแรก แม้นเป็นเจ้าน้อย แต่กลับถูกปฏิบัติราวข้าหลวงก้นครัว

“มาเสนอหน้ากระไรตรงนี้ ใยจึงมิไปขลุกอยู่ในห้องเครื่องที่ของเจ้า”พระชายาศสาตรัสกระทบกระทั่งเมื่อทรงเสด็จศาลาริมสระหลวง แลพบโอรสอีกองค์ของพระภัสดา

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะพระชายา หม่อมฉันเพียงแต่มารอข้าหลวงเก็บไหลบัวไปทำสำรับพระกายาหารเย็นพระเจ้าค่ะ”

“หึ ไสหัวไปรอที่อื่นเสีย ข้ามิใคร่เห็นหน้าตาอัปลักษณ์ของเจ้า”เพราะดวงพักตร์ที่ถอดแบบแม่ของมันมานั้น ทำให้ทุกคราที่ทอดพระเนตรจึงเจ็บพระทัยราวกับถูกหนามยอก

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์งุด หมอบกราบชายาของพระบิดา ก่อนจักหมอบคลานออกจากศาลาริมสระหลวง

“ข้าชังมันนัก แม่มันตายตกไปแล้วก็ยังมีลูกมันมาเป็นหนามยอกอกข้า”กัดพระทนต์ตรัสอย่างแค้นเคือง แม้นจักเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ พักตร์งดงามราวนางอัปสร เปี่ยมไปด้วยรูป แลทรัพย์ยังมิอาจจักสู้นางข้าหลวงก้นครัวที่ได้พระทัยของเจ้าหลวงไปครอง


.

.

.



“เจ้าน้อย ประเดี๋ยวยี่สุนทำให้พระเจ้าค่ะ”ยี่ส่นบ่าวคนสนิททูล แลยื้อแย่งไหลบัวในพระหัตถ์ของเจ้าน้อย

“เช่นนั้นเจ้าทำไหลบัว ข้าจักไปขูดมะพร้าวทำกะทิ”

“โธ่ เจ้าน้อย ทรงประทับเฉยๆ มิได้หรือพระเจ้าค่ะ ให้ข้าหลวงทำก็ได้นี่พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่ทำเอง เอาเถิดช่วยๆ กันจักได้แล้วไวๆ”ตรัสแล้วก็คว้ามะพร้าวแก่ที่ถูกผ่าครึ่งคว่ำลงบนคมกระต่าย แลออกแรงขูด

“ใยทรงดื้อเช่นนี้พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ เอาน่ายี่สุ่น เร่งมือเข้า เจ้าทำปลาให้ข้าทีเถิด”แย้มพระโอฐษ์ตรัสกับบ่าวคนสนิท ก่อนจักหันมารับสั่งงานกับข้าหลวงสาว

“เพคะ”



เจ้าแสงนำมะพร้าวขูดที่ได้มาผสมน้ำคั้นจนได้น้ำกะทิสีขาวข้นส่งกลิ่นหอมหวาน กรองด้วยผ้าขาวบางก่อนจักน้ำหัวกะทิที่ได้ไปเคี่ยวกับเครื่องแกงที่ชงโคคนสนิทเป็นคนทำจนงวด ใส่เนื้อปลา แลไหลบัวลงไปต้มต่อมินานก็ได้แกงไหลบัวขึ้นสำรับพระกาหารหารเย็นถวายให้พระบิดา พระชายา แลองค์รัชทายาท

“ทูลเจ้าน้อย หม่อมฉันตำน้ำพริกแล้วแล้วเพคะ”

“เยี่ยงนั้นจัดใส่สำรับ แลเอาผักที่ข้าแกะสลักใส่สำรับไปด้วย”

“เพคะ”

“ทูลเจ้าน้อย ขนมพระพายแล้วแล้วเพคะ”

“เยี่ยงนั้นเอากะทิหยอด แลเอาขึ้นสำรับเลยหนา”

“เพคะ”

“ขอบใจพวกเจ้าหนา”เมื่อสำรับพระกายาหารแล้วหมด เจ้าแสงแรกจึงได้ดำเนินนำขบวนข้าหลวงยกสำรับไปที่ตำหนักหลวง



.

.

.



“ทูลเสด็จพ่อ พระชายา แลองค์รัชทายาท สำรับพระกายาหารเย็นแล้วแล้วพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบทูลความ ก่อนที่นางข้าหลวงห้องเครื่องจักนำสำรับถวาย

“แลเจ้าเล่าเจ้าแสง ใยจึงมิมีสำรับของเจ้า”

“หม่อมฉันจักกลับไปกินที่ตำหนักพระเจ้าค่ะ”

“ใยจึงมิมากินกับพ่อเล่าลูก”

“ให้มันกลับไปกินที่ตำหนักก็ดีแล้วเพคะ หากต้องร่วมสำรับกับมันน้องคงสำรอกออกมาเป็นแน่”

“ศสาให้มันน้อยๆ หน่อยเถิด เจ้าแสงเป็นลูกของข้า ใยจึงกล้าพูดเช่นนี้”องค์สิงห์ตรัสอย่างมิพอพระทัย

“ก็น้องพูดจริงนี่เพคะ เห็นหน้ามันน้องก็ใคร่สำรอกแล้ว”

“ข้าหลวง”

“เพคะ”

“ยกสำรับของข้าไปที่ตำหนักเจ้าแสง”

“ฝ่าบาท”พระชายาศสาหวีดพระสุรเสียงมิพอพระทัย

“ข้าจักไปกินกับลูกข้า”

“เสด็จพ่อ”เจ้าแสงครางเสียงแผ่ว

“ไปเถิดเจ้าแสง”ทรงลุก แลดำเนินออกจากตำหนักหลวงทันที

“ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า”ตวาด แลคว้าผักเคียงปาใส่เจ้าแสงจนยี่สุ่น ชงโคต้องถลามาบังนายตนไว้ ก่อนจักพยุงให้ออกจากสนามอารมณ์แห่งนี้

“ไปเถิดพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อย”


.

.

.



“เสด็จพ่อ ทำเช่นนี้จักดีหรือพระเจ้าค่ะ”

“ช่างเถิดเจ้าแสง”

“...”เมื่อทรงตรัสเช่นนี้คงจักแย้งกระไรมิได้

“เมื่อสามวันก่อนพ่อได้รับสานส์จากภุมริกาว่า อีกราวสามวันขบวนเสด็จของเจ้าหลวงภุมรินจักมาถึงแคว้นเรา”

“ทรงมาทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“จักทรงมาทำกระไรเล่า หากมิใช่พี่เจ้าไปก่อเรื่อง ก่อราวเข้า ครานี้คงถึงคราวสิ้นการเวก”ตรัสอย่างท้อแท้ องค์รัชทายาท โอรสองค์โตหาเรื่องหาราวมิเว้นแต่ละวัน แลครานี้เจ้าหลวงต่างแคว้นทรงเสด็จมาถึงแคว้นเช่นนี้ เรื่องคงใหญ่มิน้อย ดีมิดีคงถึงคราวสิ้นช่ื่อการเวกเป็นแน่

“เสด็จพ่อ”

“เอาเถิด อย่างไรเสียก็ต้องเตรียมการต้อนรับให้สมฐานะพระองค์”

“เช่นนั้นลูกจักเตรียมการต้อนรับพระราชอาคันตุกะของเสด็จพ่ออย่างดีพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้ามากเจ้าแสง”แม้นหน้าที่ดูแลเรื่องภายในวังหลวงจักเป็นของพระชายา หากแต่ที่การเวกนี้เจ้าแสงล้วนเป็นคนจัดการทั้งสิ้น แต่หาได้มีอำนาจบารมีไม่


.

.

.



“อีกมิถึงครึ่งวันขบวนเสด็จขององค์ภุมริน แลคณะคงจักถึงวังหลวง”

“.....”

“...ครานี้การเวกคงราบเป็นหน้ากลอง สมใจเจ้าหรือยังเจ้าสิน!!”

“เสด็จพ่อ ใยเราจักต้องกลัวมันหัวหดเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ภุมริกาได้ชื่อว่าเป็นแคว้นที่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่ง แลเจ้ายังกล้าไปทำเรื่องระยำกับเจ้าน้อยบัวงาม แก้วตาขององค์ภุมรินท่าน...แลไหนจักศศิมณฑล เจ้าคิดว่าทั้งองค์ภุมริน แลองค์จันทร์จักปล่อยการเวกให้รอดปลอดภัยเยี่ยงนั้นหรือ เช่นนี้เจ้าก็บอกข้าเถิดว่าเหตุใดเราจึงต้องกลัวหัวหดเช่นนี้!!”องค์สิงห์บริภาษองค์รัชทายาทตนด้วยความกริ้วโกรธ ก่อนจักเสด็จออกจากตำหนักทรงงานกลับตำหนักหลวง


.

.

.



“เสด็จพ่อ ลูกขอเข้าเฝ้าได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เสียงหวานของโอรสองค์เล็กดังขึ้นหน้าพระทวารห้องโถงตำหนักหลวง

“เจ้าแสงเข้ามาเถิดลูก”พระสุรเสียงอ่อนลง

“กราบเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ไหว้พระเถิดเจ้า”

“ลูกเข้าห้องเครื่องทำขนมลืมกลืนมาถวายเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“......”

“เสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“หืม”

“ลูกได้ยินมาว่าวันนี้ขบวนเสด็จจากแคว้นภุมริกาจักมาถึงที่วังหลวง จึงได้จัดเตรียมกายาหารคาวหวานไว้ต้อนรับอาคันตุกะหลายอย่างเทียวพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนาเจ้าแสง เหนื่อยเจ้าแล้วแล”

“มิได้พระเจ้าค่ะ กระไรที่ลูกช่วยได้ลูกก็เต็มใจจักช่วยพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่างเหมือนมารดาของเจ้านัก เสียดายที่นางมิมีโอกาสได้อยู่เคียงข้างข้า มองดูเจ้าเติบโตอย่างงดงาม”

“.....”

“ประจบประแจงเก่งได้แม่เจ้านักหนาเจ้าแสง”สุรเสียงหวานของพระชายาศสา ดังขัดบทสนทนาของสองพ่อลูก

“ถวายพระพรพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบสตรีผู้เป็นชายาของบิดาตน




องค์สิงห์นั้นเดิมทีรักใคร่อยู่กับนางข้าหลวงห้องเครื่องตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งการเวก หากแต่ถูกบังคับให้ตบแต่งกับบุตรีของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ด้วยเรื่องการเมือง จนมีองค์รัชทายาท นั่นก็คือ องค์สิน จากนั้นจึงได้แต่งตั้งหญิงอันเป็นที่รักขึ้นเป็นสนมเอกเป็นรองมารดาเจ้าสินแค่ขั้นเดียวเท่านั้น มินานนางข้าหลวงห้องเครื่องก็ให้กำเนิดโอรสให้องค์สิงห์ แต่หาได้สมชายชาตรีไม่ เมื่อเจ้าแสงมีอายุได้เพียงขวบเศษมารดาก็เสียชีวิตลง เนื่องจาก ร่างกายอ่อนแอจากการคลอดบุตร เจ็บออดๆ แอดๆ มาร่วมปีจึงได้สิ้นใจทิ้งลูก ทิ้งผัว มีข่าวลือว่านางถูกลอบวางยาพิษจากพระชายา แต่ก็หาได้มีใครกล้าพูดไม่ เนื่องด้วย รักตัวกลัวตายกัน องค์สิงห์รักใคร่เอ็นดูเจ้าแสงเป็นอย่างมาก ทรงเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน เป็นโซ่ทองคล้องใจของพระองค์กับนางอันเป็นที่รัก เป็นสิ่งมีค่าที่นางทิ้งไว้ให้พระองค์ องค์สิงห์จึงดูแล รักใคร่เจ้าแสงมาก แต่นั่นก็ทำให้พระชายา แลองค์รัชทายาทมิใคร่ชอบใจเจ้าแสง หาเรื่องกลั่นแกล้ง เจ้าแสงหรือก็แสนดีถูกรังแกเยี่ยงไรก็มิปากฟ้องบิดา อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตน ทั้งวังหลวงกว้างใหญ่เจ้าแสงมีสหายอยู่สองคน หรือก็คือคนสนิทที่คอยรับใช้ดูแลตนนั่นแล

“จักไปห้องเครื่องทำกายาหารต้อนรับอาคันตุกะของฝ่าบาทมิใช่หรือ แลใยยังจักมานั่งเสนอหน้าอยู่นี่”

“...ยะ เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวพระเจ้าค่ะ กราบลาเสด็จพ่อ ทูลลาพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักค่อยๆ คลานเข้าออกไป

“คงจักถนัดงานก้นครัวเหมือนแม่มัน ต่ำ”บริภาษตามหลังร่างอรชร

“...ข้าก็มิรู้เหมือนกันว่าปากของเจ้ากับเวจสิ่งใดจักสกปรกกว่ากัน”เมื่อลับร่างเจ้าแสง องค์สิงห์จึงหันมาตรัสกับชายา พลางเสด็จหนีไปที่อื่น

“ฝ่าบาท!!!”กรีดร้องอย่างคับแค้นใจ


.

.

.




เจ้าแสงขลุกอยู่ในห้องเครื่องรังสรรค์พระกายาหารคาวหวานเพื่อต้อนรับอาคันตุกะต่างบ้านต่างเมืองเสียจนเหงื่อไหลตามกรอบพระพักตร์หวาน

“ซับพระเสโทสักหน่อยหนาพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”ชงโค คนสนิททูลพลางใช้ซับพระพักตร์ที่อบบุหงารำไปจนหอมซับตามพระพักตร์งาม

“ขอบใจจ้ะชงโค”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ทูลเจ้าน้อย ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น คนสนิทอีกคนของเจ้าน้อยแสงรีบรี่เข้ามาทูลนายตน

“ยี่สุ่นวิ่งเข้ามาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ประเดี๋ยวชนข้าวของเสียหายเข้าดอก ดีมิดีจักเจ็บตัวเอาหนา”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นรีบมาทูลความแก่เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“ว่ามาเถิด”

“ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”

“...เยี่ยงนั้น พวกเจ้าก็เร่งมือกันหน่อยเถิด ประเดี๋ยวคณะอาคันตุกะที่มาเยือนท่านจักรอเอา”

“เพคะเจ้าน้อย”เหล่าข้าหลวงห้องเครื่องรับพระบัญชา พลางเร่งมือ


.

.

.



 “กระไรกัน ป่านนี้แล้วสำรับยังมิแล้วอีกหรือ”พระชายาเสด็จมาห้องเครื่อง ทำเอาเจ้าแสง แลเหล่าข้าหลวงต้องวางมือจากงานตรงหน้าแลรุดหมอบกราบ

“ใกล้แล้วแล้วพระเจ้าค่ะพระชายา”

“ชักช้านัก...แลก็มิต้องพาสารรูปมอมๆ ของเจ้าออกไปให้คณะอาคันตุกะทอดพระเนตรเสียล่ะ ไว้พระพักตร์เจ้าหลวง แลข้าเสียด้วย”

“...พระเจ้าค่ะ”

“....”สะบัดพระพักตร์ สาวพระบาทออกจากห้องเครื่องอย่างรังเกียจรังงอน

“เจ้าน้อย มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ”

“ข้ามิเป็นไรดอก เร่งมือเข้าเถิด”


.

.

.



“สำรับแล้วหมดแล้ว เจ้าน้อยทรงเสด็จกลับตำหนักพักผ่อนเถิดเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมพวกฉันจักทำที่เหลือเองหนาเพคะ”

“...เยี่ยงนั้นรบกวนพวกเจ้าแล้วหนา”

“มิได้เพคะ”

“เจ้าน้อยเสด็จกลับตำหนักเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉัน แลยี่สุ่นจักเตรียมอ่างทรงลอยดอกมัลลิกาหอมๆ ให้”ชงโคว่า

“จ้ะๆ...เยี่ยงนั้นข้าไปก่อนหนา”

“เพคะเจ้าน้อย”หมอบกราบ ส่วนเจ้าแสงก็เสด็จกลับตำหนักตนโดยมีคนสนิททั้งสองขนาบข้างมิห่าง


.

.

.



“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ทรงเสด็จมาเยือนถึงการเวก”องค์สิงห์ตรัสพร้อมค้อมพระเศียรให้องค์ภุมริน

“มิได้ๆ..หากแต่พระองค์คงจักทราบแล้วว่าหม่อมฉันมาเยือนการเวกด้วยสาเหตุใด”

“...พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”

“หึ..ดีพ่ะย่ะค่ะ”

“..ทรงมาเหนื่อยๆ พักผ่อนก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเตรียมตำหนักรับรองให้แล้ว ทรงพักสรงน้ำให้คลายเหนื่อยเสียก่อนค่อยเสด็จรับพระกายาหารเย็นด้วยกันเถิดพ่ะย่ะค่ะจักได้พูดคุยกัน”

“ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้น...”

“หม่อมฉันได้เตรียมตำหนักรับรองให้พระองค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ...หากแต่คงจักต้องให้องค์รัชทายาทภุชงค์พักตำหนักเดียวกับองค์ภุมริน แลองค์จันทร์พำนักอยู่ตำหนักข้างเคียงพ่ะย่ะค่ะ”ยังมิทันที่องค์สิงห์จักตรัสจบ องค์รัชทายาทสินก็ตรัสแทรกขึ้นอย่างไรมารยาท

“เจ้าว่ากระไรเจ้าสิน ก็ข้า...”

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันจัดเตรียมไว้แล้วก็ตามนี้เถิด หวังว่าองค์ภุมรินจักมิว่ากันหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“มิเป็นไร ข้าพักกับเจ้าภุชงค์ได้ อันที่จริงจักให้พวกข้าพักตำหนักเดียวกันทั้งสามคนก็ย่อมได้ มิได้มีปัญหาอันใด”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ..ตามนี้เหมาะสมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้น...ขอบใจพวกท่านมากที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”


.

.

.



ค่ำนี้มีเพียงองค์สิงห์ พระชายา แลองค์สินเท่านั้นที่ร่วมต้อนมื้อกายาหารรับอาคันตุกะทั้งสามพระองค์

“ตามสบายหนาพ่ะย่ะค่ะ”องค์สิงห์ตรัสเมื่อข้าหลวงนำสำรับถวายแด่อาคันตุกะทั้งสามพระองค์แล้ว

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”พูดคุยกันเพียงมิกี่คำก็เริ่มเสวยพระกายาหาร องค์สิงห์เหลือบพระเนตรขึ้นมองก็เห็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ดูท่าจักพอพระทัยสำรับพระกายาหารอยู่มิน้อยเลย

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ สำรับถูกพระโอษฐ์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“พ่ะย่ะค่ะ รสมือแม่ครัวของการเวกเป็นเลิศนัก”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ แต่สำรับทั้งหมดนี่หาใช่ฝีมือแม่ครัวห้องเครื่องไม่”

“.....”

“หากแต่เป็นฝีมือเจ้าแสงแรก บุตรคนเล็กของหม่อมฉัน เจ้าน้อยแห่งการเวกพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าน้อยแสงแรกหรือพ่ะย่ะค่ะ..จริงสิ ตั้งแต่มา ข้ายังมิเห็นหน้าค่าตาของเจ้าน้อยแสงแรกเลยหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“ต้องขออภัยองค์ภุมริน ที่เสียมารยาทพ่ะย่ะค่ะ...หากแต่เจ้าแสงลงครัวทำสำรับถวายตั้งแต่บ่าย หม่อมฉันจึงได้ให้ลูกไปพักพ่ะย่ะค่ะ หากแต่วันพรุ่งหม่อมฉันจักพาเจ้าแสงมากราบพระองค์แน่พ่ะย่ะค่ะ”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพียงใคร่อยากรู้จักเจ้าน้อยเพียงเท่านั้น”


.

.

.



“องค์รัชทายาท”เจ้าแสง แลคนสนิททั้งสองทรุดหมอบกราบองค์รัชทายาทที่ดำเนินมาดักหน้า ขณะที่นาย แลบ่าวทั้งสามกำลังมุ่งหน้าไปที่สวนพฤกษา

“จักไปไหนหรือเจ้าแสง”พระสุรเสียงอ่อนโยนผิดแผกไปจากเดิมทำเอาเจ้าแสงชะงัก

“...หม่อมฉันจักไปเก็บดอกแก้วมาลอยน้ำฝนพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ....”

“.....”

“เจ้าแสง..หากพี่จักวานกระไรน้องสักหน่อยจักได้หรือไม่”เจ้าแสงนิ่งชะงัก ตั้งแต่เกิดมามิมีสักคราที่องค์รัชทายาทจักนับญาติกับเจ้าแสงว่าเป็นพี่เป็นน้อง หากแต่บัดนี้กลับแทนตนเองว่าพี่

“พ พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าแคว้นเรามีอาคันตุกะมาเยือน”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากมิใช่เจ้าที่มีสายเลือดของเสด็จพ่อ พี่ก็มิไว้ใจใคร”

“จักให้หม่อมฉันทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่วยนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ เจ้าหลวงแคว้นศศิมณฑลที่ตำหนักรับรองหน่อยเถิด พี่นำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์ภุมริน แลองค์รัชทายาทภุมริกาด้วยตนเองมาแล้ว หากแต่เสด็จพ่อมีรับสั่งให้พี่เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เช่นนั้นขอแรงน้องนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ท่านทีเถิด”

“.....”

“..ได้หรือไม่เจ้าแสง”พระสุรเสียงเข้มบีบบังคับกลายๆ

“พระเจ้าค่ะ”

“ดี...เอาสำรับน้ำจัณฑ์ให้เจ้าน้อยเสียสิ”รับสั่งองค์รักษ์ประจำพระองค์ให้นำพานทองเหลืองบรรจุกา แลจอกน้ำจัณฑ์ให้เจ้าแสง

“ประเดี๋ยว พวกเจ้าจักแห่ตามไปเพื่อการใด...มิต้องตาม เกรงพระทัยองค์จันทร์ท่านบ้างเถิด วังหลวงหรือก็มีทหารยาม แลข้าหลวงเดินกันให้ควั่ก มิมีใครกล้าทำกระไรเจ้าน้อยดอก”

“..ตะ แต่”

“ข้าบอกว่ามิต้องตามเยี่ยงไรเล่า ขัดรับสั่งข้าใคร่อยากถูกโบยหรืออย่างไร”ตวาดจนชงโค แลยี่สุ่นตัวลีบ ตัวสั่น

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ..ชงโค แลยี่สุ่นไปเก็บดอกแก้ว แลกลับไปรอข้าที่ตำหนัก”

“เจ้าน้อย..”

“..ไปเถิด มิเป็นไร”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักคลานเข้าออกไป

“เยี่ยงนั้น หม่อมฉันขอตัวหนาพระเจ้าค่ะ”

“ไปเถิด ขอบใจเจ้ามากหนาเจ้าแสง...ปรนนิบัติองค์จันทร์ท่านให้ดีล่ะ”

“.....”เจ้าแสงนิ่งงันอย่างสงสัยในคำตรัสนั้น

“ไปเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักประคองพาสำรับน้ำจัณฑ์ไปทางตำหนักรับรอง

“.....ขอบใจหนาเจ้าแสง...ที่ช่วยข้าแก้แค้นพวกมัน ฮึๆ ฮ่าๆๆๆ”

มันคงจักมิมีกระไร หากในกาน้ำจัณฑ์นั้นมิได้ผสมหญ้าเสน่ห์ลงไป ครานี้ละนอกเสียจากจักทำให้เจ้าบัวงามเจ็บช้ำน้ำใจแล้ว ยังได้ทำลายเจ้าแสงน้องนอกไส้ที่พระองค์ แลมารดาเกลียดแสนเกลียดอีก


.

.

.



“แปลกเสียจริง...ใยจึงมิมีองครักษ์ คอยอารักขาเจ้าหลวงท่านเลยหนา รอบตำหนักรับรองมีเพียงกลุ่มควันคบเพลิงลอยกรุ่น แลทหารยามที่มีอยู่บางตาเท่านั้น เจ้าแสงกระชับผ้าคลุมไหล่ให้มิดชิด ก่อนจักก้าวเข้าไปใกล้พระทวาร

“ทูลฝ่าบาท องค์สินให้หม่อมฉันนำสำรับน้ำจัณฑ์มาถวายพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ย

“...เอาเข้ามา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงผลักบานประตูให้เปิดออกก่อนจักประคองพานสำรับน้ำจัณฑ์เข้าไปในห้องบรรทม หมอบกราบอ่อนช้อยมิให้ขายหน้าเสด็จพ่อ แลแคว้นการเวก

“ปิดประตูด้วยสิเจ้า ประเดี๋ยวมดแมงก็เข้ามากันพอดี”

“...พระเจ้าค่ะ”

“องค์สินให้เจ้านำสำรับน้ำจัณฑ์มาให้ข้าเยี่ยงนั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“อืม..เยี่ยงนั้นเจ้าก็รินให้ข้าทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”


.

.

.



ปั่ก!!



“ฮึก..อึก”

“..ฝะ ฝ่าบาทเป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ”

“อึก..ร้อน อ่า ขะ ข้า ระ ร้อน”

“ระ ร้อนหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหันรีหันขวางก่อนจักคว้าพัดหางนกยูงบนโต๊ะเครื่องพระสุคนธ์มาพัดให้ชายสูงศักดิ์

“อ่า..ฮึก”

“เป็นเช่นไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“...ในน้ำจัณฑ์มีกระไร”พระสุรเสียงตรัสกระท่อนกระแท่น

“..หา..”

“..เจ้า..ใส่กระไร..ในน้ำจัณฑ์!!”

“มิได้พระเจ้าค่ะ!!”

“ฮึก..”

“หม่อมฉันมิรู้เรื่องว่าในน้ำจัณฑ์มีกระไร”เจ้าแสงส่ายหน้าพลางกระถดกายหนี เมื่อชายสูงศักดิ์ทรงลุกจากพระแท่นบรรทมดำเนินมาที่ตน

“อ่า..”

“อ๊ะ”พระหัตถ์ร้อนคว้าที่ต้นแขนนุ่มทั้งสองข้าง ก่อนจักคว้าร่างบางลากไปที่พระแท่นบรรทม เหวี่ยงร่างแน่งน้อยลงบนพระยี่ภู่

“อั่ก...”เจ้าแสงกุมท้องด้วยความจุก หากแต่มิทันได้ตั้งตัวก็ถูกพระวรกายกำยำคร่อมเสียแล้ว พระหัตถ์จับตรึงข้อหัตถ์เล็กไว้กับพระยี่ภู่

“จะ จักทรงทำกระไร ปล่อยหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”

“..ฮึก..”

“อ๊ะ...”เจ้าแสงหวีดร้องเมื่อถูกทึ้งผ้าคลุมไหล่ แลผ้าแถบที่นุ่งอยู่ออกจากตะกรุมตะกราม หน้าอกถูกบีบเค้นเสียเป็นรอยแดง เจ้าแสงที่มิเคยต้องมือชายใดได้แต่นอนไร้เรี่ยวแรงให้ชายสูงศักดิ์ย่ำยี

“มะ อื้อ...”ริมฝีปากนุ่มที่ร้องห้ามปรามถูกพระโอษฐ์ร้อนครอบครอง ดูดดึง พลางสอดพระชิวหาพลิกพลิ้ว ทรงบีบเค้นกายขาวเสียจนช้ำ

“อ่า...”







ตอนแรกๆ อาจจะซ้ำกับในบัวหลงจันทร์นะคะ เผื่อคนที่ไม่เคยอ่านบัวหลงจันทร์ จะได้ไม่ต้องไปย้อนอ่าน แต่ถ้าอยากรู้ปมต้นเรื่องก็คงต้องย้อนไปอ่าน แหะๆ ขอบคุณทุกคนที่รอติดตามค่ะ


ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรื่องของภุชงค์กับเจ้าแสงแยกมาเป็นเรื่องของตัวเอง :mew3: รออ่านเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ รอตอนหน้าจ้า :pig4:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
มารอเจ้าน้อยแสงแรกกับแฝดพี่ภุชงค์ ค่ะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มารอติดตามจ้า

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1






ภุชงค์เล่นแสง ๐๒



“อ่า...”พระสุรเสียงพร่าครางเครือในพระศอ พระหัตถ์ปัดป่ายไปทั่วร่างนุ่มนิ่มทิ้งรอยพระองคุลี พระนาสิกซุกไซร้เม็ดบัวสีหวาน สูดดมกลิ่นดอกแก้วที่เจือติดฉวีขาว ชิวหาร้อนแตะลงบนจุกเล็กดูดดึงราวทารก

“ฮึก ฮือ ปล่อยหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”หัตถ์เล็กปัดป้องตนเองจากสัมผัสจาบจ้วง

“อืม”หากแต่ชายผู้สูงศักดิ์เพลานี้พักตร์มืด เนตรมัวจนมิอาจรู้ผิดชอบชั่วดี จิตสำนึกรู้เพียงว่าจักต้องสัมผัส แลเป็นเจ้าข้าวเจ้าของร่างบอบบาง หอมกรุ่นกลิ่นแก้วใต้ร่างตนให้มากกว่านี้

“ฮือ ได้โปรดเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าเสียงปล่อยเสียงไห้โฮ เมื่อผ้าโจงผืนงามถูกดึงออกจากเรียวขาตน ฝ่าพระหัตถ์ร้อนชื้นพระเสโทลูบไล้ซอกขาขาว แลก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มกลีบแก้วพลางบีบเค้นด้วยความหลงใหล ขยับพระวรกายลงฝังพักตร์กับกึ่งกลางหว่างขาเรียว พระนาสิกสูดกลิ่นหอม แลแตะพระชิวหาลงบนเกสรยอดแก้วที่สั่นระริก กลืนกลิ่นโดยมิสนเสียงร่ำไห้ของน้องแม้แต่น้อย

“อ่า”ขบกัดหน้าขาขาวทิ้งรอยแดง พระดรรชนีกร้านลูบไล้กลีบแก้วบอบบางด้านหลังที่ปิดสนิท ถมพระเขฬะใส่พระดรรชนีองค์เองก่อนจักดุนดันก้านพระดรรชนียาวให้ชำแรกเข้าไปในกลีบแก้ว

“อ๊า”เจ้าแสงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด กลีบแก้วบอบบางที่มิเคยถูกภมรภู่เชยชม ถูกก้านพระองคุลียาวชำเราจนช้ำ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม ในขณะที่พระโอษฐ์ก็แทะเล็มเม็ดบัวช้ำมิหยุด

“อืม หวานนัก”ตรัสพระสุรเสียงพร่า ถอนพระองคุลีออกจากกลีบแก้วชอกช้ำ ยันพระวรกายขึ้นประทับแก้ผ้าโจงขององค์เองออก เจ้าแสงทอดพระเนตรเห็นทางหนีทีไล่ จึงออกแรงผลักพระอุระกว้างออก ก่อนจักยันกายลุกวิ่งโซซัดโซเซไปยังพระทวาร หากแต่นกน้อยปีกหักจักไวสู้นายพรานคลั่งได้อย่างไร พระกรแกร่งรวบร่างบางจากด้านหลังเหวี่ยงน้องน้อยไปติดบานพระทวาร ก่อนจักตามไปทาบทับ พระวรกายสูงกำยำกักขังร่างเล็กไว้ในอ้อมพระกร พระหัตถ์จับยึดพักตร์งามนองน้ำตาไว้มั่นก่อนจักบดพระโอษฐ์เคล้าคลึงกลีบป่ากอิ่มจนปริแตกได้รสเลือด

“อึก อือ แค่กๆ”หัตถ์น้อยทุบตีพระอุระแกร่ง เมื่อคนด้านบนถอนพระโอษฐ์ออกเจ้าแสงก็สำลักอากาศจนพักตร์ดำ พักตร์แดง

“อืม”จิกกลุ่มผมหนานุ่มจนเจ้าแสงพักตร์หงาย โอษฐ์ร้อนแนบลงบนซอกคอขาวชื้นเสโท

“อ๊ะ อื้อ อะ อ๊า”เจ้าแสงหวีดร้องอีกครา เมื่อถูกอุ้มขึ้นเรียวขาทั้งสองข้างถูกจับให้เกาะเกี่ยวพระกฤษฎีสอบ พระขนองเล็กพิงบานพระทวาร รับรู้ได้ถึงความร้อนระอุของสิ่งที่หวาดกลัวที่กลีบแก้วช้ำของตน ก่อนดวงเนตรงามจักหลับแน่น เมื่อกลีบแก้วถูกล่วงล้ำ

นชาเล็กจิกอังสะกว้างจนได้เลือด ทั้งจิก ทั้งข่วนจนเพลานี้ทั้งคนกระทำ แลคนถูกกระทำชอกช้ำมิต่างกัน

“อืม”พักตร์งามซบลงบนลาดอังสะเล็ก พระโอษฐ์แนบจูบฉวีขาว ในขณะที่พระกฤษฎีก็ขยับเสียดสีเข้าออก พระกรทั้งสองข้างโอบกอดประคองกฤษฎีบาง

“อึ๊ อือ”เจ้าแสงกลั้นสุรเสียงหวาน กายบางโยกคลอนจากแรงกระแทกกระทั้น หยาดโลหิตจากแผลปริขาดกลายเป็นตัวช่วยชั้นดีของทั้งคู่ เสโทไหลอาบสองพระวรกายจนชุ่มโชก

“อืม อ่า”ลำพังฤทธิ์หญ้าเสน่ห์มิได้ทำให้ชายสูงศักดิ์ลุ่มหลงมัวเมาได้เท่ากลิ่นแก้วหอมหวานจากกายบาง พักตร์งามเงยขึ้นจากลาดอังสะเล็ก สบพระเนตรกับนัยน์ตาหวานชุ่มน้ำ แนบพระโอษฐ์เคล้าคลึงป้อนจุมพิตหวานร้อนเร่าให้น้องน้อย

“อะ อ๊ะ”เจ้าแสงหลับเนตรแน่นเมื่อเกสรดอแก้วฉีดพ่นนน้ำหวานออกมาเต็มพระอุทรแกร่งต็มไปด้วยกล้ามพระมังสา

“อื้ม”ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อถูกน้ำหวานอุ่นร้อนรินรดพระอุทร ก็โอบกฤษฎีบางให้แนบชิดยิ่งขึ้น แลออกแรงกระทั้นเร็วขึ้น เจ้าแสงผวากอดรอบพระศอจิกเกร็งปลายเท้าแน่น นัยน์เนตรที่หลับ เบิกโพล่งเมื่อพิษภุชงค์สาดรดกลีบแก้วช้ำ แม้ไม่ประสา หากแต่ตามสัญชาตญาณก็ย่อมรู้ได้ว่ากระไรเป็นกระไร เหล็กในร้อนระอุถูกถอนออกจากกลีบแก้วช้ำ ทรงอุ้มกระเตงร่างอ่อนแรงไปยังพระแท่นบรรทม พระหัตถ์ดันขาเรียวจนชิดอุระขาว ชำแรกเหล็กในเข้าไปอีกคราเรียกเสียงหวีดร้องสั่นเครือ

“อื้อ”เจ้าแสงจิกทึ้งผ้าบรรจถรณ์จนแทบขาดคาหัตถ์ ร่างอรชรถูกพระวรกายกำยำทาบทับเสียจนมิด เรียวขาขาวของเจ้าแสงถูกจับพาดพระพหุ พระกรกำยำท้าวคร่อมกฤษฎีบาง โน้มพักตร์จูบหอมทั่วดวงพักตร์หวาน ปลายพระดรรชนีเกี่ยวพันปลายเกศานุ่มชื้นเสโทหอมกลิ่นแก้วขึ้นสูดดม พระโสณีสาวเข้าออก โอษฐ์ร้อนครอบลงบนจุกเล็กดูดดึงปาดเลียจนเจ้าแสงหน้าม้าน เงาของสองร่างไหวโยกล้อแสงเทียนอยู่บนผนัง หยอกเย้ากันทั้งราตรี



.

.

.



“ฮึก อ่ะ อ๊ะ...อ๊า”เป็นเพลาย่ำรุ่งแล้ว หากแต่เจ้าแสงก็ยังมิอาจหลุดออกจากวงพระกรของชายสูงศักดิ์ได้ ดวงเนตรงามหลับแน่นทุกคราที่พระโอษฐ์ร้อนขบกัดมอบรอยช้ำให้ติดผิวกายขาว ช่องทางช้ำถูกย่ำยี บดขยี้เสียจนแทบไร้ความรู้สึก เรียวขาไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างถูกรั้งให้เกาะเกี่ยวพระกฤษฎีสอบ แรงกระทั้นทำให้ร่างบอบบางของเจ้าแสงไถลขึ้นลง แผ่นหลังบางเสียดสีกับพระบรรจถรณ์จนแดงระเรื่อ หัตถ์เล็กจิกกำผ้าคลุมพระองค์จนแทบขาดติดหัตถ์

“อ่า...อืม”พระสุรเสียงคำรามฮึ่มในพระศอ พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอหอม พระชิวหาปาดเลียเม็ดเหงื่อที่ผุดตามผิวเนื้อนุ่ม พระกรกอดรัดร่างข้างใต้แนบพระวรกาย

“ฮึก อ่ะ อ๊ะ อ๊ะ พะ พอแล้ว อื้อ อ๊ะ อ๊าาาา”เจ้าแสงเกร็งกระตุก น้ำตาร้อนไหลอาบปรางซีด สะอื้นเสียงแผ่ว

“อึก..อ่ะ อาาาา”พระพักตร์งามเหยเก พระโสณีสอบกระตุกบดแนบกายบาง หยาดธารระลอกสุดท้ายสาดซัดใส่เจ้าแสงจนเอ่อล้น หยดไหลลงบนคลุมพระบรรทมปะปนกับโลหิตสีคล้ำ

“ฮึก...ฮือ”สะอื้นไห้ สิ้นแล้วศักดิ์ศรีเจ้าน้อยแห่งการเวก ถูกย่ำยีจนบอบช้ำทั้งกาย แลใจ



.

.

.



ปัง!!!



“เจ้าแสง!!!”



พระสุรเสียงที่ลั่นชื่อตนออกมาทำให้เจ้าแสงสะดุ้ง ดวงเนตรงามบวมช้ำแห้งผากค่อยๆ ปรือขึ้น เมื่อตื่นเต็มตาน้ำตาก็รื้นจนไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดรุมเร้าเสียจนขยับมิได้ แม้จักเปล่งเสียงขานรับยังมิมีเรี่ยวแรง กายบอบช้ำถูกคลุมพระองค์คลุมมาถึงอก ปกปิดยอดถันแดงช้ำอย่างหมิ่นเหม่ กฤษฎีบางถูกท่อนพระกรหนักกอดก่าย ชายสูงศักดิ์บรรทมมิได้สติ พระพักตร์งามซีดเซียว พระวรกายร้อนอย่างให้รู้ว่าจับไข้มิต่างจากเจ้าแสง



พลั่ก!!!



พระบาทขององค์สิงห์กระแทกเข้าที่พระปรัศว์ของหนุ่มรุ่นลูก จนกลิ้งตกพระแท่นบรรทม พระวรกายกำยำล่อนจ้อนเดือนร้อนยี่สุ่น ชงโคต้องหาผ้าผ่อนมาคลุมพระวรกายกันอุจาดตา

“เจ้าแสงลูกพ่อ..โธ่ คนดีของพ่อ”องค์สิงห์ค่อยๆ ประคองลูกรักเข้าในวงพระกร พระหัตถ์สั่นระริกมิกล้าแตะต้องราวกับกลัวลูกน้อยจักแตกสลาย

“สะ..เด็จ..พ่อ ฮึก”ริมฝีปากบางแห้งแตกซีดเซียวเบะออก เสียงหวานแหบแห้งแทบมิได้ยิน

“ชู่ว มิเป็นไร มิเป็นไรหนาลูก พ่ออยู่นี่แล้วหนาคนดี มิต้องกลัวหนาเจ้า”

“ฮึก..ลูก..เจ็บ..พระ..เจ้า..ค่ะ..ฮึก”

“นิ่งเสียลูก มิไห้หนาเจ้า...ชงโคตามหมอหลวงไปที่ตำหนักเจ้าน้อย ส่วนยี่สุ่นตามข้า แลเจ้าน้อยกลับตำหนัก”

“พระเจ้าค่ะ”

“พะเจ้าค่ะ”



องค์สิงห์จัดคลุมพระองค์ให้มิดชิดก่อนจักช้อนร่างลูกขึ้นแนบพระอุระอย่างทะนุถนอม พระโอษฐ์กดที่หน้าผากร้อนผ่าวเบาๆ อย่างปลอบโยน

“เกิดกระไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากตำหนักรับรองที่จัดไว้ให้ชามาดาของตน ก็รีบรุดมาทันที

“.....”องค์สิงห์ทำเพียงจ้องพระพักตร์เจ้าหลวงต่างแคว้น ก่อนจักอุ้มลูกออกไปโดยมิกล่าวอันใด

“เกิดกระไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ข้าก็มิรู้เช่นกัน เข้าไปดูเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ภุชงค์!!!!”

“เจ้าภุชงค์”

“ภุชงค์ลูก เกิดกระไรขึ้น”



องค์ภุมริน แลองค์จันทร์ที่ก้าวพระบาทเข้ามาในห้องบรรทมของตำหนักรับรองก็ตกพระทัย รีบสาวพระบาทไปช่วยกันพยุง ’องค์รัชทายาทภุชงค์’ ที่นอนกองอยู่บนพื้นมีผ้าคลุมตั้งแต่พระเศียรลงมาถึงข้อพระบาท โผล่มาให้เห็นเพียงนิ้วพระบาท

“เกิดกระไรขึ้นลูก”เจ้าหลวงสองแคว้นช่วยกันพยุงองค์รัชทายาทขึ้นนอนบนพระยี่ภู่

“...ลูกถูกวางยาพ่ะย่ะค่ะ”

“หา..วางยาหรือเจ้า”

“...พ่ะย่ะค่ะ”

“เป็นอย่างที่คิดไว้พ่ะย่ะค่ะ”

“..ไอ้สิน!!”ตรัสพระสุรเสียงลอดไรพระทนต์



.

.

.



“เสด็จพ่อว่าองค์สินคิดการใดอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเข้ามาในตำหนักรับรองที่การเวกจัดเตรียมไว้ให้ก็เอ่ยปากตรัสถามบิดา

“นั่นสิ แยกองค์จันทร์ออกไปเช่นนี้คิดการใดอยู่”

“หากแต่คงเป็นเรื่องมิดีเป็นแน่”

“พ่อเองก็คิดเช่นเจ้า เจ้าภุชงค์”

“เห็นทีเราคงต้องบอกองค์จันทร์ให้ระวังองค์เองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม”

.

.

.

“เช่นนั้นองค์จันทร์เสด็จมาพักตำหนักเดียวกับเสด็จพ่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักไปอยู่ตำหนักนั้นแทนองค์จันทร์เองพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้หารือกันแล้ว เจ้าภุชงค์ก็เสนอตัวสลับตำหนักกับภัสดาน้อง

“มันอันตรายเกินไปหรือไม่เจ้าภุชงค์”องค์จันทร์ปราม

“หากแต่มิทำเช่นนี้เราคงจักมิรู้ว่าองค์สินคิดการใดอยู่ หม่อมฉันคิดว่าคงไม่ร้ายแรงดอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะดูท่าองค์สิงห์จักเกรงพระทัยเสด็จพ่ออยู่มาก”

“.....”

“.....”

“มิต้องห่วงหม่อมฉันหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ระวังองค์เองด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

.

.

.



เมื่อพระกายาหารค่ำแล้วเสร็จ องค์จันทร์ แลเจ้าภุชงค์ก็ลอบสลับตำหนักกันอย่างมิให้คนของการเวกได้รู้ตัวทัน เจ้าภุชงค์ทรงเข้าประทับอยู่ในห้องบรรทม โดยมีรับสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์ แลทหารติดตาม คอยอารักขาอยู่ห่างๆ เพื่อมิเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น



.

.

.



ทางด้านชงโค แลยี่หุบ เมื่อเพลาผ่านไปนานโข หากแต่ผู้เป็นนายยังมิเสด็จกลับตำหนักก็รีบรุดออกไปตาม แต่เมื่อเปิดบานประตูตำหนักออกไปกลับพบทหารสี่นายยืนเฝ้าอยู่

“จักไปไหนหรือ”

“ข้าจักไปตามเจ้าน้อย นานแล้วยังมิเสด็จกลับตำหนัก”

“หากแต่องค์รัชทายาทมีรับสั่งห้ามมิให้พวกเจ้าออกนอกตำหนักเป็นอันขาด”

“หา...หากแต่นี่ก็ดึกโขแล้ว ข้าจักไปตามเจ้าน้อย”

“มิได้”

“ถอยไปประเดี๋ยวนี้หนา”

“กลับเข้าไปเสีย”

“ข้ามิเข้าไป เจ้านั่นแลที่จักต้องถอยไป”

“..ข้ามิอยากใช้กำลังกับพวกเจ้าดอกหนา กลับเข้าไปเสียเถิด”

“.....”

“หากมิอยากเจ็บตัวก็เข้าไปเสีย”

“อ๊ะ”สิ้นเสียงข่มขู่ร่างบางทั้งสองก็ถูกผลักเข้าไปในตำหนักเสียจนล้มจ้ำเบ้า



ปัง



ประตูตำหนักถูกปิด แลลงกลอนจากด้านนอก เป็นอันว่าชงโค แลยี่สุ่นถูกขังไว้ในตำหนักเสียแล้ว กว่าที่ประตูตำหนักจักเปิดออกก็ย่ำรุ่ง เมื่อออกจากตำหนักได้คนสนิททั้งสองก็เร่งฝีเท้าไปที่ตำหนักหลวงเข้าเฝ้าเจ้าหลวงทูลความทันที องค์สิงห์เมื่อได้ฟังความจากคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงก็รุดออกจากตำหนักเสด็จไปยังตำหนักรับรองทันที พระพักตร์ขึงขัง ทรงกริ้วเสียจนแม้แต่พระชายายังมิกล้าปาก ทำได้เพียงส่งสายพระเนตรเชือดเฉือนให้ยี่สุ่น แลชงโค เจ้าตัวน้อยทั้งสองหลบพระเนตรพลางวิ่งตามเจ้าหลวงไปติดๆ



.

.

.



เพี๊ยะ!!!



พระหัตถ์ของเจ้าหลวงการเวกฟาดกระทบพระปรางขององค์รัชทายาทตนมิออมแรงจนพระพักตร์งามหัน

“ฝ่าบาท!!!”พระชายาหวีดร้องพระสุรเสียงแหลม พลางรุดมาดูโอรสตน หัตถ์บางประคองพักตร์ลูกอย่างทะนุถนอม

“เสด็จพ่อตบหม่อมฉันหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เออ!!! เจ้าทำได้อย่างไรเจ้าสิน เจ้าแสงเป็นน้องเจ้าหนา!! ใยจึงส่งน้องไปให้ชายอื่นย่ำยีเยี่ยงนี้!!!!!”

“มันมิใช่น้องหม่อมฉัน!!!! หม่อมฉันเกลียดมัน ก็สมแล้วที่โดนย่ำยีเสียจนย่อยยับเช่นนี้ สมแล้ว!!!!!”



เพี๊ยะ!!!



“กรี๊ด...ฝ่าบาท หยุดประเดี๋ยวนี้หนาเพคะ”

“เจ้านั่นแลหยุด!!! ให้ท้ายลูกเสียจนเสียคน หากข้าจัดการเจ้าสินแล้วแล้ว เจ้าจักเป็นรายต่อไป!!!”ชี้หน้าพระชายาตรัสพระสุรเสียงเข้ม

“เสด็จแม่มิเกี่ยว ข้าทำของข้าเองหากเสด็จพ่อจักลงอาญาข้าจักรับไว้คนเดียว!!”ดึงมารดาไปหลบหลัง

“ได้!!”

“เจ้าสิน..ฝ่าบาทจักทำกระไรเพคะ!!”

“เยี่ยงนั้นข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเสีย!!!”

“กระไรหนาเพคะ...มิได้หนาเพคะ หม่อมฉันมิให้ลูกไป!!”

“หุบปากเจ้าเสีย ข้ารำคาญเต็มทน”

“.....”

“ข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเหนือ ไปปราบโจรเสีย หากปราบโจรได้เมื่อใด จึงค่อยกลับมา!!!”

“...มิได้!!! ข้ามิให้ไป!!”พระชายาหวีดร้องน้ำพระเนตรไหลอาบดวงหน้างาม

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าสินหมอบกราบรับบัญชาบิดา

“เจ้าสิน!!!...มิไปหนาลูก ฮือออออ แม่มิให้ไปหนาลูก เจ้าสิน”

“.....”

“.....”

“ฮือออออออ”



.

.

.



“เจ้าน้อยเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”ชงโคค่อยๆ ประคองหัตถ์เล็กขึ้นจับ ใช้ผ้าชุบน้ำลอยดอกแก้วหอมกรุ่นเช็ดเบาๆ ไปตามแขนเรียว หลังจากที่เจ้าหลวงอุ้มเจ้าน้อยกลับตำหนักแล้วยี่สุ่น ชงโคก็ช่วยกันเช็ดพระวรกายบอบช้ำให้คนเป็นนายเสียจนสะอาดแล้ว จึงตามหมอหลวงมาตรวจอาการ

“...ชงโค”พระสุรเสียงหวานแหบแห้ง พระเนตรงามปิดสนิท

“เสวยน้ำหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”พยักหน้าน้อยๆ หากแต่ยังมิลืมพระเนตร

“ยี่สุ่นมาช่วยข้าประคองเจ้าน้อยที”

“อืม..”ยี่สุ่นละมือจากงานมาช่วยชงโคประคองร่างบางของเจ้าแสงขึ้น

“อึก..”แม้คนสนิททั้งสองจักเบามือ แลระมัดระวังเพียงใดเจ้าแสงก็แสดงสีพระพักตร์เหยเก เจ็บปวดออกมา

“ค่อยๆ เสวยหนาพระเจ้าค่ะ”ประคองขันเงินทองเหลืองใบเล็กชิดติดโอษฐ์แห้งผาก บรรจงป้อนน้ำนายเหนือหัว

“พ พอแล้วเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าน้อยพักผ่อนก่อนหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวยี่สุ่นจักปลุกพระองค์ขึ้นมาเสวยพระกายาหาร แลพระโอสถเองพระเจ้าค่ะ”

“...ขอบใจหนา”ตรัสเสียงแผ่ว

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

.

.



“.....”

“.....”

“.....”

“.....”

สามเจ้าหลวง หนึ่งองค์รัชทายาทประทับในท้องพระโรง บรรยากาศมาคุ จนเหล่าข้าหลวงมิกล้าเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าภุชงค์แม้จักยังจับไข้ แลพระวรกายไร้เรี่ยวแรงก็ยังต้องมาตามรับสั่งองค์สิงห์

“...ว่าการของท่านมาก่อนเถิดองค์ภุมริน องค์จันทร์ จัดการเรื่องที่โอรสหม่อมฉันไปทำเรื่องไว้ให้แล้วเสร็จ หม่อมฉันจักได้จัดการเรื่องที่โอรสของพระองค์ทำร้ายโอรสข้า”

“คราแรกที่ข้ามาก็ด้วยเรื่องใหญ่ร้ายแรงที่รัชทายาทของท่านก่อไว้ องค์สินติดสินบนขุนนางแคว้นศศิมณฑลให้คนปลอมเข้าวังหวังวางยาเจ้าบัวงามลูกข้า!!!”เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่ลูกน้อยถูกรังแกองค์ภุมรินก็กริ้วเสียจนพระพักตร์ขึงขัง

“.....”

“องค์สินให้คนลอบเข้าวังปลอมเป็นหมอหลวงวางยาเจ้าบัวหากเจ้าบัวมิเฉลียวฉลาดป่านนี้หม่อมฉันก็คงจักเสียทั้งเมีย แลลูกไปแล้ว”เป็นคราวองค์จันทร์ตรัสบ้าง

“..หา...เจ้าน้อยบัวงาม...ทรงครรภ์หรือ”

“ก็ใช่หนาสิ...ทำคนท้องคนไส้ได้ลงคอก็ต้องถามแลว่าโอรสของท่านจิตใจทำด้วยกระไร!!!!”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”ขยับพระวรกายลงจากตั่งคุกพระพระชานุตรงหน้าองค์ภุมริน

“องค์สิงห์ หาดีทำไม่พ่ะย่ะค่ะ ลุกขึ้นเถิด อย่าถึงกระนี้เลย”องค์ภุมรินตรงเข้าประคององค์สิงห์ขึ้น

“หม่อมฉันกราบขออภัยแทนโอรสมิได้ความของหม่อมฉันด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“...เอาเถิด ครานี้เจ้าบัวงามมิได้เป็นกระไร หม่อมฉันจักมิเอาความ แลให้พระองค์กำราบโอรสด้วยตนเอง หากแต่มีคราหน้าคงจักมิว่าหากข้าลงไม้ลงมือด้วยตนเอง”

“หม่อมฉันมีรับสั่งให้เจ้าสินไปปราบโจรที่ชายแดนเป็นการลงโทษแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สามพระองค์ลอบมองพระพักตร์กัน เจ้าหลวงทรงส่งรัชทายาทองค์เดียวของแคว้นไปชายแดนเยี่ยงนี้ ก็เท่ากับเอาชีวิตลูกไปแขวนไว้บนเส้ยด้าย

“สุดแล้วแต่พระองค์เถิดพ่ะย่ะค่ะ...หากแต่ข้ามีเรื่องจักขอ”

“..เรื่องใดพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องเจ้าภุชงค์กับเจ้าน้อยแสง...ข้าใคร่ขอเจ้าน้อยให้เป็นชายาของภุชงค์พ่ะย่ะค่ะ”

“หึ...โอรสของพระองค์ย่ำยีโอรสหม่อมฉันเสียจนย่อยยับเช่นนี้ จักให้ข้ายกลูกให้โอรสพระองค์ได้อย่างไร”

“...หากแต่นั่นเป็นเพราะข้าถูกพิษหญ้าเสน่ห์ จึงได้หักหาญน้ำใจเจ้าน้อยเยี่ยงนั้น”องค์รัชทายาทภุชงค์ตรัสด้วยพระสุรเสียงแหบแห้ง

“.....”เมื่อได้ฟังก็ตรัสมิออก มิใช่ความผิดรัชทายาทภุชงค์ หากเป็นเจ้าสินลูกตน พระทัยคนเป็นพ่อรวดร้าวยิ่งนัก

“.....”

“ให้เจ้าภุชงค์ได้รับผิดชอบเถิดพ่ะย่ะค่ะ...ปล่อยไว้เจ้าน้อยจักเสื่อมเกียรติหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“.....”

“หม่อมฉันให้สัตย์สาบานว่าจักดูแลเจ้าน้อยให้เหมือนที่พระองค์ดูแล”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้องค์สิงห์

“..มิได้...อย่าทำกับเจ้าแสงเช่นที่ข้าทำเลยหนา...”

“.....”

“..ข้าเป็นพ่อที่มิได้ความ..หาปกป้องลูกตนได้ไม่ กี่ปีแล้วที่ข้าปล่อยให้เจ้าแสงถูกรังแก...เช่นนั้นอย่าทำกับเจ้าแสงเยี่ยงข้า..”

“...อย่าได้กังวลไปพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลเจ้าน้อยให้สมเกียรติ จักปกป้องดูแลมิให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจ...จักทะนุถนอมแก้วตาของพระองค์เป็นอย่างดี”

“.....”

“.....”

“.....หากท่านให้สัตย์สาบานเช่นนั้น ข้าก็ขอฝากแก้วตาของข้าไว้ในมือท่าน...อยู่ที่นี่เจ้าแสงคงจักลำบากกว่าเดิมเป็นแน่”ทรงส่งเจ้าสินไปชายแดนเยี่ยงนี้ แน่นอนพระชายาคงจักหันมาเล่นงานเจ้าแสงแทนเป็นแน่

“อย่าได้กังวลพ่ะย่ะค่ะ..กษัตริย์ตรัสแล้วมิคืนคำ”

“..ขอบใจหนา”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“...ข้าใคร่อยากขอให้เจ้าแสงหายเจ็บ แลแข็งแรงกว่านี้ก่อนค่อยเดินทางกลับพร้อมพวกท่านจักได้หรือไม่”

“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ...”

“..แลข้าก็ใคร่อยากให้เจ้าแสง แลองค์ภุชงค์ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือตามธรรมเนียมของการเวกจักได้หรือไม่”

“ยินดีพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสตอบพลางแย้มพระสรวลน้อยๆ



.

.

.



“พักผ่อนเสียหนาเจ้าภุชงค์ พ่อ แลองค์จันทร์จักอยู่ที่ตำหนักนู้น มีกระไรก็ให้เจ้าขันธ์ไปตามพ่อก็แล้วกันหนาลูก”

“พ่ะย่ะค่ะ”



เมื่อองค์ภุมริน แลองค์จันทร์เสด็จออกจากห้องบรรทมแล้ว องค์ภุชงค์ก็ทอดพระวรกายลงนอนบนพระแท่นบรรทม พระกรยกขึ้นก่ายพระนลาฏ ดวงพระเนตรคมหลับพริ้มหากแต่ในพระทัยเอาแต่คิดถึงเรื่องคืนนั้น ผิวกายนุ่มเนียน หอมกลิ่นดอกแก้ว ไหนจักเสียงครางครวญหวานพระกรรณนั้นอีก เกศาดำสลวยแผ่กระจายเต็มพระเขนย ดวงหน้างามเปรอะน้ำตา ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ครวญครางอ้อนวอนให้ปล่อยตน หยาดเหงื่อรสหวานละมุนที่ติดผิวขาว

“...เฮ้อ”ลืมพระเนตรพลางถอนพระทัย คงจักเป็นเพราะพิษไข้เป็นแน่ที่ทำให้พระองค์เอาแต่คิดถึงร่างน้อยในคืนเร่าร้อนเช่นนี้



.

.

.



เพลาผ่านไปหลายวัน อาการบอบช้ำของเจ้าแสงก็ค่อยๆ ทุเลา จนสามารถลุกขึ้นเดินเหินได้ หากแต่ก็ยังมิถนัดนัก

“ชงโค ยี่สุ่น”พระสุรเสียงหวานตรัสเรียกคนสนิททั้งสอง

“พระเจ้าค่ะ เจ้าน้อย”

“ทรงใคร่อยากได้กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากไปเดินสูดอากาศที่สวนพฤกษานัก อยู่แต่ในตำหนักช่างอุดอู้”

“...หากแต่พระวรกายเจ้าน้อ...”

“ข้าทุเลามากแล้วยี่สุ่น พาข้าไปเถิดหนา...ยี่สุ่น ชงโคพาข้าไปหนา”พระสุรเสียงออดอ้อนเช่นนี้บ่าวเยี่ยงยี่สุ่น ชงโคจักทำเยี่ยงไรได้

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”



ยี่สุ่น แลชงโคประคองร่างบางอรชรของเจ้าน้อยเข้ามาที่สวนพฤกษา เจ้าแสงค่อยๆ ระบายยิ้มอย่างพึงพระทัย ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านทำให้รู้สึกสดชื่นจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ใครอยากได้ดอกแก้วหรือไม่พระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักไปเก็บมาถวาย”

“เอาสิเจ้า...หากแต่เก็บมามิต้องมากดอกหนา”

“พระเจ้าค่ะ”รับพระบัญชาก่อนจักวิ่งไปที่ต้นดอกแก้วที่ปลูกเป็นแนวยาว บรรจงเด็ดดอกแก้วสีขาวนวลกลิ่นหอมมิให้ช้ำ

“...เจ้าน้อย”เจ้าแสงผินพระพักตร์ตามเสียงของชงโคคนสนิท แลก็ต้องพระพักตร์เจื่อนเมื่อพบเจอใครอีกคนเข้า ตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่องก็มิได้พบหน้าค่าตากันอีก เท้าเล็กขยับถอยหนีจนชงโคต้องขยับตามไปประคองร่างน้อย

“...เจ้าน้อย...”เจ้าภุชงค์ขยับพระบาทก้าวตามน้องน้อยที่ถดกายถอยหนี

“...”

“...ข้า...”

“ฮึก...ยี่สุ่น ชงโค พะ พาข้ากลับตำหนัก ข้าจักกลับตำหนัก”พระสุรเสียงหวานสั่นเครือ พระหัตถ์เล็กกอดเกี่ยวแขนเรียวของคนสนิทไว้แน่น

“เจ้าน้อย...ชงโค”ยี่สุ่นวิ่งกลับมาหานายตนพร้อมดอกแก้วสีขาวนวล

“พาข้ากลับตำหนัก...”พระสุรเสียงหวานตรัสแผ่วๆ ดวงหน้างามก้มเสียจนคางชิดอก

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”คนสนิททั้งสองรับคำก่อนจักจูงนายเหนือหัวออกจากสวนพฤกษา เมื่อต้องผ่านองค์รัชทายาทภุมริกาก็ค้อมศีรษะลงต่ำ ยามที่น้องน้อยก้าวผ่านพระวรกายกลิ่นหอมของดอกแก้วก็ลอยขึ้นแตะพระนาสิก เจ้าภุชงค์หันพระวรกายตาม สูดกลิ่นกายละมุนเข้าลึก ทอดพระเนตรตามจนร่างน้อยลับสายพระเนตรไป

“หืม...”ดวงพระเนตรทอดเห็นช่อดอกแก้วสีขาวนวลตัดกับหญ้าสีเขียว ตรงอยู่ที่ปลายพระบาท พระหัตถ์ใหญ่เอื้อมหยิบช่อดอกไม้หอมขึ้น

“...ดอกแก้วเยี่ยงนั้นฤา”ตรัสพลางยกช่อดอกแก้วขึ้นจรดพระนาสิก กลิ่นหอมของดอกแก้วนี้เป็นกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นที่ติดพระนาสิกมิห่าง ในคืนที่พระองค์ทำร้ายเจ้าแสงจนชอกช้ำ



กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผิวกายขาวผ่อง

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนกลุ่มผมยาวแผ่สลายเต็มพระเขนย

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าคลุมไหล่สีขาวนวล

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าแถบสีหวาน

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าโจงสีมอคราม

กลิ่นนี้.....กลิ่นของเจ้าแสง





“               เต็งแต้วแก้วกาหลง             บานบุษบงส่งกลิ่นอาย

หอมอยู่ไม่รู้หาย                                  คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู ”



(  ต้นเต็ง ต้นแต้ว ต้นแก้ว และต้นกาหลง ต่างก็มีดอกบานหอม อบอวนไม่รู้หายเหมือนกลิ่นผ้าของน้อง )





กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศ บทเห่ชมไม้




ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
  :กอด1: :pig4:ได้รู้คำราชาศัพท์เพิ่มภาษาสลวยดีค่ะ+1

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
มีเรื่องของตัวเองแล้วน้าภุชงค์  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตามจ้า ตามทุกภาค  o13

ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
มาเเล้วจ้าาา ตามมาแล้ว รวมกันทางนี้เเล้วนะ มาต่อไวๆนัา จุ๊บๆ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ได้อ่านเรื่องของภุชงค์เจ้าแสงแล้ววว รอหนาเจ้าาา
ชอบภาษามากค่ะ ภาษาสละสลวยมากเลย
 :กอด1:

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1






ภุชงค์เล่นแสง ๐๓



หลังจากที่อาการเจ็บป่วยทุเทาลงมาก เจ้าแสงก็ใคร่อยากลงห้องเครื่อง หากแต่บ่าวคนสนิททั้งสองหาได้ยอมไม่ จึงทำได้เพียงแกะสลักผลหมากรากไม้อยู่แต่ในตำหนัก

“ยี่สุ่น...”พระสุรเสียงหวานเอ่ยเรียกคนสนิท หัตถ์ก็จับมีดแกะสลักคว้านเนื้อผลอัมพวาไปด้วย

“พระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวเจ้าเอาผลอุลิดที่ข้าแกะแล้วไปให้ห้องเครื่องนำถวายเสด็จพ่อ แลพระราชอาคันตุกะให้ข้าด้วยหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากทรงแกะผลอัมพวาแล้วแล้ว ทรงพักผ่อนก่อนเถิดหนาพระเจ้าค่ะ เพิ่งจักหายประชวรพักให้มากเถิดหนาพระเจ้าค่ะ”ชงโคทูล

“จ้ะ...ไว้ข้าแกะผลอัมพวาแล้วแล้วข้าจักพักหนา”

“พระเจ้าค่ะ”



.

.

.

ภายในท้องพระโรง แคว้นการเวก



“ทูลฝ่าบาท ยี่สุ่นบ่าวคนสนิทของเจ้าน้อยแสงแรกขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามากราบทูลองค์สิงห์ขณะร่วมเสวยพระกายาหารกับพระราชอาคันตุกะทั้งสาม โดยไร้เงาพระชายา

“ยี่สุ่นหรือ ให้เข้ามา”

“เพคะ”

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกให้บ่าวนำผลอุลิดแกะสลักมาถวายพระองค์ แลพระราชอาคันตุกะทั้งสามพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นประคองพานทองบรรจุผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะสลักอย่างงดงามเดินเข่าเข้ามาในท้องพระโรง ก่อนจักวางพานทองลง แลหมอบกราบชายสูงศักดิ์ทั้งสี่

“ขอบใจหนายี่สุ่น บอกเจ้าแสงให้ข้าด้วยว่าขอบใจมาก”

“พระเจ้าค่ะ”

“...หากมิมีกระไรแล้วก็กลับไปดูแลเจ้าแสงเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ประเดี๋ยวก่อน”เจ้าภุชงค์ตรัสขึ้น ขณะที่ยี่สุ่นค่อยๆ คลานถอยหลังออกจากท้องพระโรง

“พระเจ้าค่ะ?”ยี่สุนหยุด แลหมอบกราบรับพระบัญชา

“...ข้าฝากช่อดอกแก้วนี้ไปให้เจ้าน้อยแสงแรก นายของเจ้าด้วย”ตรัสพลางส่งช่อดอกแก้วขนาดเท่าฝ่ามือให้พ่อขันธ์องครักษ์ส่วนพระองค์นำไปให้ยี่สุ่น ทรงเสด็จไปที่สวนพฤกษาทุกวันเพื่อเก็บช่อดอกแก้ว หวังว่าจักได้มอบให้น้องน้อยสักช่อ หากแต่เจ้าแสงแรก แลบ่าวทั้งสองกลับมิยอมออกจากตำหนักในเสียเลย จนมีโอกาสในวันนี้ที่ได้พบบ่าวคนสนิทของเจ้าแสง มิได้ให้กับหัตถ์ฝากบ่าวไปก็ยังดีกว่าปล่อยให้ดอกไม้หอมเหี่ยวแห้งเฉกเช่นทุกวัน น่าสงสารทั้งดอกไม้...แลพระทัยองค์ภุชงค์เอง

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับช่อดอกแก้วมาถือประคองแผ่วเบาราวกับกลัวช้ำ

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



“ยี่สุ่น เจ้าไปสวนพฤกษามาหรือ ข้ากำลังใคร่อยากได้ดอกแก้วอยู่เทียว มิได้ไปสวนพฤกษาก็หลายวันแล้ว”เจ้าแสงตรัสขณะรับช่อดอกแก้วมาจากบ่าวคนสนิท หัตถ์เล็กยกช่อดอกไม้หอมขึ้นจรดพระนาสิกโด่งรั้น พระโอษฐ์จิ้มลิ้มแย้มออกมาอย่างพึงใจ

“มิได้พระเจ้าค่ะ...ยี่สุ่นมิได้ไปสวนพฤกษา”

“อ้าว..แลดอกแก้วนี่เล่า”

“องค์ภุชงค์ รัชทายาทภุมริกาท่านประทานให้พระเจ้าค่ะ”สิ้นความจากยี่สุ่นเจ้าแสงก็ชะงักงัน ค่อยๆ วางดอกแก้วลงบนตักตน แม้แต่ชงโคที่แกะฟักทองอยู่ก็หยุดหัตถ์วางมีดลง

“...งั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ...ทรงรับสั่งให้ยี่สุ่นนำช่อดอกแก้วมาถวายเจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“..อื้ม”พยักพระพักตร์น้อยๆ ก่อนจักจับมีดแกะมะละกอต่อ

“.....”

“.....”ยี่สุ่น แลชงโคเงียบลอบมองหน้ากัน สลับกับลอบมองเจ้าน้อยที่ก้มหน้าก้มตาใช้มีดคว้านเนื้อผลอัมพวาต่อ

“ยี่สุ่น”พระสุรเสียง

“พะ พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นลนลานคลานเข่าเข้าไปรอรับพระบัญชา

“...เอาดอกแก้วไปลอยใส่ขันน้ำให้ข้าทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นจัดการนำดอกแก้วที่องค์ภุชงค์ประทานให้ไปลอยใส่ขันน้ำทองเหลืองใบเล็ก ก่อนจักนำมาตั้งไว้บนโต๊ะพระสุคนธ์

“...”

“เรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



“ผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะงามนักพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัส ฝีมือการแกะผลหมารากไม้ของว่าที่สุณิสาพระองค์ช่างงดงามนัก

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าแสงเก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนนัก อีกทั้งยังมีรสมือทำกับข้าวดีทีเดียว”

“พ่ะย่ะค่ะ คราก่อนที่ได้ลิ้มรสมือเจ้าน้อย รสดีเสียจนหม่อมฉันติดใจทีเดียว”

“ฮ่าๆๆ หากเจ้าแสงไปอยู่ภุมริกา พระองค์คงจักได้เสวยจนเบื่อเป็นแน่...หากแต่ข้านี่สิเล่าคงจักมิมีโอกาสได้กินอีก”

“...ตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพ่ะย่ะค่ะองค์สิงห์”

 “หึหึหึ”

“มิต้องกังวลพระทัยไปดอกพ่ะย่ะค่ะ..หม่อมฉันจักพาเจ้าน้อยกลับมาเยี่ยมพระองค์บ่อยๆ เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ขอบใจหนาองค์ภุชงค์”

“...แลพระองค์ทรงตรัสกับเจ้าน้อยเรื่องตบแต่งกับเจ้าภุชงค์แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”

“..ยังดอก หากแต่วันนี้แล ข้าจักเข้าไปพูดคุยกับเจ้าแสง”องค์สิงห์ตรัส



.

​.

.



“เสด็จพ่อ...มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ มาหาลูกถึงตำหนัก เหตุใดมิให้ข้าหลวงมาบอกลูกเล่าพระเจ้าค่ะ ลูกจักได้ไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลวง”เจ้าแสงกล่าวขณะนั่งพับเพียบอยู่แทบพระบาทองค์สิงห์

“มิต้องดอก เจ้าเพิ่งจักหายป่วยให้พ่อมาหานั่นแลดีแล้ว”องค์สิงห์ตรัสพลางลูบศีรษะบุตรด้วยความเอ็นดู

“ลูกมิเป็นกระไรแล้วพระเจ้าค่ะ ทุเลาขึ้นมากแล้ว”

“...เจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ใช่ว่าพ่อมิเสียใจที่เจ้าถูกย่ำยี พ่อเป็นพ่อที่แย่นักที่ปล่อยให้เจ้าถูกทำร้ายทั้งๆ ที่อยู่ในวังหลวง”

“..เสด็จพ่อ..มิได้พระเจ้าค่ะ..”

“พ่อปกป้องเจ้ามิได้ ทั้งๆ ที่อยู่ในรั้วเดียวกัน”

“.....”เจ้าแสงซบดวงหน้างามลงบนพระชานุของบิดา ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ ไหลเอื่อยออกมา

“ขอโทษหนาลูก”องค์สิงห์ลูบผมลูกเบาๆ ปลอบประโลม

“มิได้พระเจ้าค่ะ ฮึก..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“พ่อก็มิอยากทำเช่นนี้ แต่จักปล่อยให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีมิได้”

“.....”

“องค์ภุชงค์จักต้องรับผิดชอบเจ้า”

“เสด็จพ่อ...”เจ้าแสงส่ายพักตร์

“พ่อเชื่อว่าองค์ภุชงค์เป็นคนดี เขาจักดูแลแก้วตาดวงใจของพ่อได้เป็นอย่างดีเป็นแน่”

“...ฮึก”

“ใช่ว่าพ่ออยากขับไสเจ้า หากแต่พ่อจักปล่อยให้เจ้าเสื่อมเกียรติเยี่ยงนี้มิได้”

“ลูกมิสน อึก ลูกอยู่แต่ในตำหนักมิออกไปไหนอีกเลยก็ได้ทั้งชีวิต..ฮึก”

“มิได้เจ้าแสง มิได้ดอก...อภิเษกกับองค์ภุชงค์หนาลูก”

“ฮือออ”

“อย่าไห้ลูกจ๋า พ่อใจมิดีเลยเจ้า...หากเจ้าสินกลับมาครานี้เจ้าจักต้องลำบากเป็นแน่ องค์ภุชงค์จักปกป้องลูกได้ดีกว่าพ่อ ภุมริกาจักปกป้องลูกได้ดีกว่าการเวกเป็นแน่แท้”

“ฮึก..ฮึก..ฮือออ”

“เจ้าปฏิเสธมิได้ มิได้หนาลูก...หากเจ้าได้อยู่ใต้ร่มเงาของภุมริกาพ่อคงนอนตายตาหลับ”

“มิเอา..มิตรัสเช่นนี้หนาพระเจ้าค่ะ ฮึก...อย่าตรัสเช่นนี้ ลูกใจมิดี ฮือออ”

“.....”องค์สิงห์โน้มพระวรกายโอบร่างแน่งน้อยของลูกไว้ในอ้อมกอด

“..ฮือออ”

“.....”

“ฮึก...”

“...อีกเจ็ดวัน พ่อจักจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้เจ้า แลองค์ภุชงค์เตรียมตัวหนาลูก”

“ฮึก...ลูกปฏิเสธมิได้ใช่หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ฮึก..”

“.....เจ้าแสงแรก”

“ฮึก..พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



เจ็ดวันผ่านไป ช่างเร็วยิ่งนัก เจ้าแสงแรกตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง...หากแต่จักเรียกตื่นคงมิได้ ต้องบอกว่าเจ้าน้อยการเวกยังมิได้บรรทมเลยเสียมากกว่า บ่าวคนสนิททั้งสองประคองแขนเรียวของคนเป็นนายคนละข้าง ลูบแป้งร่ำกลิ่นหอมไปตามผิวนุ่มเบาๆ มิให้ระคายเคือง แตะน้ำปรุงตามแอ่งชีพจร

“เจ้าน้อย..”

“หืม”

“ใยจึงทำพระพักตร์เศร้าเยี่ยงนั้นเล่าพระเจ้าค่ะ..”

“...ข้าควรมีความสุขหรือ ยี่สุ่น ชงโค”

“โถ เจ้าน้อยของบ่าว”ชงโค แลยี่สุ่นเข้ากอดเจ้าน้อยคนละข้างเมื่อเห็นว่าคนเป็นนายนั้นร่ำไห้น้ำตาไหลอาบปรางนวล

“.....”เจ้าแสงมิตรัสใดๆ ลูบบางลูบหัวบ่าวทั้งสองที่เข้ากอดปลอบ

“มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักอยู่เคียงข้างเจ้าน้อยมิไปไหนเป็นแน่”

“ชงโคก็ด้วยพระเจ้าค่ะ จักอยู่รับใช้เจ้าน้อยจนกว่าชีวิตจักหาไม่”

“..ขอบใจ...ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“.....”



.

​.

.



ภายในท้องพระโรง วังหลวง แคว้นการเวก คลาคล่ำไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ องค์สิงห์ประทับบนตั่งทองตรงกลางตระหง่าน เยี่ยงซ้าย แลขวาเป็นองค์ภุมริน แลองค์จันทร์ ถัดจากองค์ภุมรินเป็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ประทับอยู่บนตั่งที่เล็กกว่า ส่วนขุนนางก็นั่งหมอบกราบขนาบสองสองทางเดินตรงกลางท้องพระโรงที่ถูกปูด้วยพรมหนานุ่มสีทอง ไร้เงาพระชายา มารดาแคว้น

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกเสด็จมาถึงท้องพระโรงแล้วเพคะ”

“อืม...” ทรงครางรับในพระศอ



เจ้าแสงเดินเข้าในท้องพระโรง ดวงหน้างามก้มต่ำมิมองใคร มีชงโคประคอง ส่วนยี่สุ่นก็เดินนำหน้าโปรยกลีบดอกไม้ตามทางเดินให้เท้าเล็กเหยียบย่ำ องค์รัชทายาทภุมริกาทอดพระเนตรร่างแน่งน้อยมิวางพระเนตร วันนี้เจ้าแสงช่างงดงามนัก เสื้อแขนกระบอกแขนยาวคอตั้งสีเหลืองไหล แลผ้าโจงสีครามปีกเลื่อมทอง ที่เอวคอดคาดเข็มขัดทองฝังทับทิม ผมยาวสลวยหอมกรุ่นกลิ่นดอกแก้วถูกมวยไว้ที่ท้ายทอย เสียบดอกแก้วประดับทั่วมวยผม

“เจ้าแสง...”

“ถวายพระพรเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ.....ถวายพระพรเจ้าหลวงทั้งสองพระองค์”คลานเข่าประทับพับเพียบหน้าตั่งทอง หมอบกราบบิดา แลเจ้าหลวงทั้งสองแคว้น

“หึหึหึ น่าเอ็นดูนักพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัสกับองค์สิงห์ น่าเอ็นดูเฉกเช่นเจ้าบัวงาม เห็นทีเจ้าชมนาดคงชอบใจอยู่มิน้อยเลย

“หึหึหึ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”องค์สิงห์แย้มพระสรวลรับ

“...ถวายพระพรองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้ หากแต่มิยอมสบตา

“ไหว้พระเถิดเจ้า”ยื่นพระหัตถ์ไปรับไหว้น้องน้อย

“.....”เจ้าแสงพักตร์แดง ค่อยๆ ดึงหัตถ์ตนออกจากหัตถ์ใหญ่อย่างนุ่มนวล

“นี่ก็ได้ฤกษ์งาม ยามดีแล้ว หม่อมฉันองค์ภุมรินเจ้าหลวงแคว้นภุมริกา ใคร่ขอเจ้าน้อยแสงแรกเจ้าน้อยแคว้นการเวกไปเป็นชายาคู่ขวัญเจ้าภุชงค์ โอรสของหม่อมฉัน รัชทายาทภุมริกาจักได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“...ทรงให้เกียรติเช่นนี้หม่อมฉันจักปฏิเสธได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอให้วางพระทัย ภุมริกาจักดูแล ให้เกียรติเจ้าน้อยเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้ หม่อมฉันมิได้เตรียมสินสอดทองหมั้นมา หากแต่เมื่อกลับภุมริกาแล้วจักส่งเรือมาอย่างสมเกียรติเจ้าน้อยเป็นแน่”

“มิได้ๆ ขอเพียงภุมริกาดูแล ให้เกียรติเจ้าแสงตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ เพียงเท่านี้หม่อมฉันก็พอใจแล”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“...ในวันนี้หม่อมฉันมีเพียงธำมรงค์ประจำตำแหน่งรัชทายาทภุมริกาติดกายมา จึงใคร่ขอองค์สิงห์ หม่อมฉันจักใช้ธำมรงค์นี้หมั้นหมายเจ้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางถอดพระธำมรงค์ประจำตำแหน่งวางลงบนพานทองให้เจ้าขันธ์ องครักษ์ประจำพระองค์นำถวายเจ้าหลวงการเวก

“หากองค์รัชทายาทใช้ธำมรงค์ประจำตำแหน่งหมั้นหมายเจ้าแสงโอรสข้า ข้าก็จักขอใช้ธำมรงค์เพทาย ธำมรงค์ของต้นตระกูลข้าเป็นของหมั้นแก่องค์ภุชงค์”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ธำมรงค์เพทายนั้นมีค่ามากนัก”

“..เหมาะแล้ว กับคนที่จักมาดูแลเจ้าแสงต่อจากข้า อย่าได้ปฏิเสธเลยหนา”

“.....”

“.....”

“...ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“.....”

“...ทูลฝ่าบาททั้ง 4 พระองค์ แลเจ้าน้อยแสงแรก บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดี หม่อมฉันขอประทานราชานุญาติดำเนินพิธีพ่ะย่ะค่ะ”

“เชิญเถิดท่านโหรหลวง”

เจ้าน้อยแสงแรกเสตาหลบเมื่อพระวรกายกำยำขององค์รัชทายาทภุมริกาประทับพับเพียบข้างตน กลิ่นบุรุษเพศทำเอาเจ้าแสงหายพระทัยสะดุด ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นเข้าสู่พระทัยดวงน้อย

“กราบองค์สิงห์ พระสัสสุระของเจ้าเสียเจ้าภุชงค์”องค์ภุมรินตรัสพร้อมรอยพระสรวล ทอดพระเนตรเห็นว่าที่สุณิสาปรางแดงระเรื่อดังลูกตำลึงแล้วก็นึกเอ็นดู แลทรงดำริว่าเจ้าชมนาดเมียรักก็คงเอ็นดูสุณิสาคนนี้มิน้อยไปกว่าตน

“พ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบเจ้าหลวงการเวก

“ข้าฝากแก้วตาข้าด้วยหนาเจ้าภุชงค์”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลทะนุถนอมแก้วตาพระองค์ดังดวงใจตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

“ธำมรงค์ประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าภุชงค์คงจักใหญ่เกินองคุลีของเจ้าน้อยแสงแรก ดังนั้นข้าจักประทานสร้อยพระศอให้เจ้าน้อยไว้ใส่ธำมรงค์”

“.....ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”สุรเสียงหวานตรัสพลางหมอบกราบเจ้าหลวงภุมริกา

“.....”เจ้าภุชงค์รับสร้อยพระศอทองคำเส้นยาวจากบิดา ร้อยธำมรงค์ของตนลงไป

“.....”

“...ขอประทานอภัยหนาเจ้า”ตรัสพลางโน้มพระวรกายเข้าใกล้เจ้าแสง พระหัตถ์อ้อมไปติดตะขอสร้อยให้น้อง แอบสูดกลิ่นแก้วหอมกรุ่นที่ติดกายปากเข้าเต็มพระปับผาสะ

“.....”เจ้าแสงเสพระเนตรหลบเมื่อพระวรกายกำยำโน้มเข้าใกล้คล้ายโอบกอดตน กลิ่นบุรุษเพศ แลความร้อนจากพระวรกายองค์รัชทายาทต่างแคว้นทำเอาพระทัยดวงน้อยไหวแกว่ง

“.....”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้

“...”เจ้าภุชงค์ยกพระหัตถ์รองหัตถ์เล็กรับไหว้

“เจ้าแสงสวมธำมรงค์ให้พี่เขาเสียลูก”องค์สิงห์ตรัส

“...พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหยิบพระธำมรงค์ต้นตระกูลของบิดาจากพานทองที่ข้าหลวงสาวนำถวาย หัตถ์อีกข้างประคองหัตถ์ซ้ายขององค์ภุชงค์ขึ้น ค่อยๆ บรรจงสวมธำมรงค์เพทายลงบนพระอนามิกาจนสุด

“ขอบน้ำใจหนาเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



เมื่อเสร็จสิ้นพิธี บัดนี้เจ้าแสงก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมายขององค์รัชทายาทภุมริกาแล้ว แลวันพรุ่งก็ต้องเดินทางไปภุมริกา

“ยี่สุ่น...เจ้าเก็บเครื่องพระสุคนธ์หนา ประเดี๋ยวข้าจักเก็บอาภรณ์ของเจ้าน้อย”ชงโคว่าพลางเร่งพับผ้าใส่หีบ

“อืม...ประเดี๋ยวข้าจักเก็บเครื่องพระสุคนธ์เอง”

“.....”เจ้าแสงประทับพับเพียบอยู่บนพระแท่นบรรทม ทอดพระเนตรคนสนิททั้งสองที่เร่งเก็บข้าวเก็บของ วันพรุ่งก็ต้องไปอยู่ภุมริกาแล้ว จักเป็นเช่นไรหนอ หัตถ์เล็กยกจับพระธำมรงค์ที่ห้อยอยู่กลางอกตนเบาๆ พลางหวนนึกถึงเจ้าของธำมรงค์ หากแม้นมิได้เกิดเรื่องอัปยศระหว่างตน แลองค์รัชทายาทภุมริกาขึ้นคงจักดีกว่านี้ องค์ภุชงค์รูปงามทั้งกายา วาจา แลพระทัย หากมิได้เกิดเรื่องอดสูในคืนนั้นเจ้าแสงคงมีพระทัยปฏิพัทธ์ต่อองค์ภุชงค์ได้มิยาก



.

​.

.



“เร่งเก็บข้าวของเข้า ข้าใคร่อยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว ป่านนี้ชมนาดของข้าคงชะเง้อรอจนคอยาวเป็นแน่”สิ้นสุรเสียงบิดา เจ้าภุชงค์ก็แย้มพระสรวล

“พระทัยเย็นเถิดพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ใจพ่อหรือใคร่อยากกลับมันเสียคืนนี้ หากมิใช่ว่าจักต้องให้เจ้าน้อยแสงแรกเตรียมตัวเสียก่อน”

“.....”เจ้าภุชงค์มิได้ตอบโต้ พระโอษฐ์แย้มพระสรวล ทอดพระเนตรธำมรงค์เพทายขอพระสัสสุระที่อยู่บนพระอนามิกาข้างซ้าย ไฉนเลยจักใคร่คิดว่ามาต่างบ้านต่างเมืองครานี้จักได้ชายารูปงามกลับไปกกกอด แลชายาที่ได้มาก็ถูกพระทัยมิน้อยเลย ทั้งกิริยามารยาทอ่อนน้อม นุ่มนวล วาจาอ่อนโยนเสนาะพระกรรณ อีกทั้งรูปโฉมงดงามตรึงพระทัย



.

​.

.



“เดินทางปลอดภัยหนาพ่ะย่ะค่ะ..หม่อมฉันฝากเจ้าแสงแรกแก้วตาของหม่อมฉันด้วย”องค์สิงห์ตรัส ขณะที่กอดปลอบลูกน้อยที่สะอื้นอยู่ในอ้อมพระกร

“หาได้กังวลไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“...เช่นนั้นหม่อมฉันก็อุ่นใจ...เจ้าแสงดูแลตัวเองหนาลูก พ่อรักเจ้าหนา”

“ฮึก..เสด็จพ่อ..ฮือออ”เสียงสะอื้นของเจ้าแสงช่างน่าสงสารนัก องค์ภุชงค์ใคร่อยากจักดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอดปลอบให้คลายทุกข์นัก

“นิ่งเสีย เจ้าไห้เยี่ยงนี้พ่อใจมิดีเลยหนาลูก”

“..ฮึก..ดะ ดูแล...อึก..องค์เอง...ด้วยหนาพระเจ้าค่ะ..ฮึก...ฮือออ”

“มิต้องห่วงพ่อดอกหนาลูก”กดพระนาสิกหอมศีรษะลูก

“ฮึก...”

“ไปเถิดเจ้าทั้งสามพระองค์ทรงคอยนานแล้วหนา”

“ฮึก..ละ...ลูกลาหนาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบแทบพระบาทบิดา

“รักษาเนื้อรักษาตัวหนาเจ้า”

“ฮึก....”เจ้าแสงเสด็จออกจากท้องพระโรง หัตถ์เล็กปาดป้ายเช็ดน้ำตาตน มีคนสนิททั้งสองขนาบข้าง เมื่อเสด็จมาถึงขบวนเสด็จกลับภุมริกาก็หยุดยืนนิ่งเห็นเพียงม้า แลเกวียนเสบียงเท่านั้น หาได้มีเกี้ยวไม่ แลจักไปอย่างไร

“ขบวนขามามีเพียงม้า แลเกวียนเสบียง หาได้มีเกี้ยวมาไม่...เจ้าน้อยสะดวกนั่งม้าหรือไม่”เจ้าภุชงค์ตรัสถามน้องน้อย ดวงหน้างามซีดเซียวหากแต่ดวงตาโศกแดงระเรื่อ

“...หม่อมฉันขี่ม้ามิเป็นพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่ว

“เช่นนั้นเจ้าน้อยประทับเจ้าดำกับข้า ส่วนคนสนิททั้งสองนั่งไปกับเกวียนเสบียง...เจ้าสองคนสะดวกหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันสองคนนั่งเกวียนเสบียงได้ หากแต่เจ้าน้อย..”

“อย่าได้กังวลไป ข้าจักดูแลนายเจ้าอย่างดี”

“อ๊ะ”เมื่อตรัสจบก็ทรงจับเข้าที่กฤษฎีบางของเจ้าแสง ออกแรงยกร่างแน่งน้อยขึ้นนั่งพาดข้างบนหลังอาชาตัวโตสีดำเงา ก่อนจักเหวี่ยงพระวรกายขึ้นซ้อนหลังน้อง พระกรเอื้อมจับบังเหียนกักเจ้าแสงไว้ในอ้อมพระกร เจ้าน้อยการเวกตกพระทัยเบิกพระเนตรกว้าง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยออก

“มิต้องกลัวหนา..ข้ากอดไว้เยี่ยงนี้มิตกลงไปแน่”

“.....”เจ้าแสงก้มหน้างุด มิรู้จักวางไม้วางหัตถ์ไว้ที่ใด จึงวางลงกำผ้าโจงบนตัก

“จับบังเหียนไว้ก็ได้”กระซิบที่ริมกรรณเล็ก

“.....”หัตถ์เล็กสั่นน้อยๆ ค่อยเลื่อนไปจับสายบังเหียน

“จับตรงนี้”กุมหัตถ์นุ่มประคองมิแน่น หากแต่ก็มิหลวม

“ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์ชิดพระอุระ ปล่อยให้องค์ภุชงค์กกกอดไว้ในอ้อมพระกร แลกอบกุมหัตถ์ตน

“เจ้าสองคนรีบเข้าเถิดประเดี๋ยวจักเลยฤกษ์เดินทาง”เจ้าขันธ์ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาเอ่ยปากเรียกบ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าน้อยแสงแรกที่ยืนอ้าปากค้างมองนายตนถูกอุ้มขึ้นหลังอาชาคู่พระทัยขององค์รัชทายาท

“....”

“....”กุลีกุจรขึ้นเกวียนขนเสบียง

ขบวนเสด็จออกเดินทางไปยังภุมริกา ผ่านมาได้ครึ่งวัน แสงแดดเริ่มแรงขึ้น พระเสโทผุดขึ้นบนพระนลาฏขาวของเจ้าแสง

“ร้อนหรือไม่เจ้าน้อย”กระซิบถาม

“..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“..ขออภัยหนา”หยิบซับพระพักตร์ที่เหน็บตรงชายพกขึ้นซับหยาดเสโทของน้องน้อย ก่อนจักใช้ผ้าคลุมไหล่ของเจ้าแสงคลุมลงบนศีรษะเล็กจับชายผ้าด้านหนึ่งพาดอังสะแคบ

“.....”

“เอาผ้าคลุมไว้จักได้มิร้อน..แลซับพระพักตร์นี่ก็เก็บไว้ซับเสโทหนา”ตรัสพระสุรเสียงอ่อนโยน เจ้าแสงน้อยผินพักตร์หันกลับมามองพระพักตร์งามขององค์รัชทายาทที่ควบม้าไปตามแนวป่าช้าๆ

“..ขอประทานอภัยหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่วก่อนจักใช้ซับพระพักตร์ในหัตถ์ซับหยดพระเสโทที่หางพระขนงขององค์ภุชงค์แผ่วเบา กลิ่นแก้วจากหัตถ์ขาวทำเอาองค์ภุชงค์แย้มพระสรวลน้อยๆ ให้เจ้าแสงปรางแดง

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“...”

“...”ต่างฝ่ายต่างเงียบ หากแต่หาใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดไม่ สายลม แสงแดดในพนาราวกับค่อยๆ หล่อหลอมความรู้สึกให้เป็นหนึ่งเดียว





มันจะเป็นเหุการณ์เดียวกับในบัวหลงจันทร์นะคะ หลังจากเจ้าแสงเข้าไปอยู่ในวังหลวงภุมริการถึงจะเป็นเหตุการณ์ใหม่

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เรื่องเจ้าแสงต้องน่ารักไม่แพ้เจ้าบัวแน่ๆ ภุชงค์สู้เค้าาาา

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บรรยากาศอบอวลหอมกลิ่นความรักเชียว :pig3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอดพ้นจากแม่เลี้ยงสักที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
อยากให้ถึงวังไวๆๆ อิอิ

ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :o8: :o8: มาไวๆหนาาาาคนเขียน

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สารภาพว่ายังดองเจ้าบัวไว้อยู่ แต่มาให้กำลังใจภุชงค์ก่อน555

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
เจ้าภุชงค์ดูแลเจ้าน้อยดีๆน๊า  :man1:
ไปอยู่ต่างบ้านเมืองตัวคนเดียว น่าเป็นห่วง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เจ้าแสงจากบ้านเกิดแล้วววว เจ้าภุชงค์ต้องดูแลน้องดีๆนะะ  :กอด1:
อยากอ่านตอนเข้าวังแล้ววว รอค่าาา

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1






ภุชงค์เล่นแสง ๐๔



หลังจากเดินทางมาทั้งวัน จักหยุดพักก็เพียงเสวยกายาหาร เพลานี้อาทิตย์ใกล้ลับฟ้าเต็มทีแล้ว ขบวนเสด็จจึงเร่งควบม้าให้ไวขึ้นเพื่อให้ถึงที่ตั้งกระโจมที่เหล่าข้าหลวงล่วงหน้าไปจัดเตรียมให้ก่อนฟ้าจักมืด ราตรีจักมาเยือน

“ขออภัยหนาเจ้าน้อย”ตรัสพลางรวบเอวน้อยให้แนบพระวรกายก่อนจักควบม้าให้ไวขึ้น

“อ๊ะ”เจ้าแสงที่ยังมิหายตกใจ เมื่ออาชาทะยานเร็วขึ้นหัตถ์เล็กก็ผวาจับฉลองพระองค์ตรงพระอุระขององค์รัชทายาท เบียดกายเข้าหา ซบพักตร์กับอุระอุ่นอย่างหวาดกลัว

กุบกับๆ



.

​.

.



 “...ถึงกระโจมที่พักแล้วเจ้าน้อย”แม้อาชาจักหยุดนิ่งแล้ว เจ้าแสงก็ยังคงมิรู้ตัว พักตร์งามซุกซบอุระอุ่นมิห่าง

“....”

“..เจ้าน้อย”

“พ พระเจ้าค่ะ”

“...ถึงกระโจมที่พักแล้วเจ้า”กระซิบบอกอีกคราเจ้าแสงจึงได้เอาพักตร์ออกจากอุระกว้าง กวาดพระเนตรไปรอบๆ เห็นกระโจมหลายหลัง มีทหารยามเดินถือคบเพลิงตรวจตราหลายนาย

“..ขะ ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร...”ตรัสก่อนจักเหวี่ยงพระวรกายลงจากหลังอาชา เมื่อพระบาทยืนมั่นคงแล้วจึงจับเข้าที่เอวบางออกแรงยกน้องน้อยลงจากหลังม้า

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้

“...เจ้าน้อย”

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคที่เห็นนายตนก็รีบวิ่งจากเกวียนเสบียงมาประกบขนาบข้างเจ้าแสงทันที

“เจ้าสองคนพาเจ้าน้อยไปสรงน้ำก่อนเถิด ประเดี๋ยวค่ำมืดแล้วอากาศจักเย็น”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบองค์รัชทายาทต่างแคว้น ก่อนจักประคองร่างแน่งน้อยของนายตนเข้ากระโจม ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยกระโจมของฝ่าบาททั้งสามพระองค์



เมื่อยี่สุ่น แลชงโคพานายตนเข้ามาในกระโจมที่พักแล้ว ก็ประคองเจ้าน้อยไปประทับที่ตั่งไม้ แลทรุดลงนั่งขนาบข้าง บ่าวทั้งสองออกแรงบีบนวดปลีน่องเล็กคนละข้างให้เจ้าน้อยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ มิเคยนั่งอาชามาก่อน ทรงรู้สึกอย่างไรพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นทูลถามอย่างใคร่รู้ แม้จักอยู่ในเกวียนขนเสบียงแต่ก็พยายามชะเง้อคอดูนายตน ถึงจักเห็นเพียงพระขนองขององค์ภุชงค์ก็เถิดหนา

“..ก็...สนุกดีหนา..ข้ามิเคยนั่งมาก่อน หาได้น่ากลัวอย่างที่คิดไม่”เจ้าแสงตรัสตอบอ้อมแอ้ม

“สนุกหรือพระเจ้าค่ะ มิน่ากลัวสักน้อยเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

“ก็...น่ากลัวบ้างตอนที่อาชาวิ่งเร็วๆ”

“.....”

“.....”

“..แต่องค์รัชทายาทท่านก็ค่อยตรัสปลอบว่ามิต้องกลัว...ก็...มิได้น่ากลัวนัก”พระสุรเสียงแผ่วจนแทบมิได้ความ หากแต่บ่าวทั้งสองที่เอียงหูฟังกลับได้ยินชัดเจน

“ทรงตรัสปลอบเจ้าน้อยมาตลอดทางเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

“..อะ..อืม”

“งื้อออ”

“งื้อออ”

“ป เป็นกระไรกันยี่สุ่น ชงโค”เจ้าแสงสะดุ้งน้อยๆ เมื่อคนสนิททั้งสองพากันกัดปากตนเองเปล่งเสียงประหลาดออกมาให้ได้ยิน

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”

“หม่อมฉันสองคนเพียงเขินอายแทนเจ้าน้อยก็เท่านั้น”ชงโคว่า

“ข เขินอายแทนข้าหรือ...พวกเจ้านี่ก็หนา”พระปรางแดงก่ำ หัตถ์น้อยตีเปาะแปะที่แขนคนสนิททั้งสองไปคนละที

“คิก..หม่อมฉันว่าสรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวมืดแล้วอากาศจักเย็นเอา แลจักประชวรเอาได้”ยี่สุ่นว่า

“อื้ม”



หนึ่งนาย สองบ่าวผลัดผ้านุ่งเอาผ้าคลุมไหล่พันกายมิดชิด ก่อนจักพากันไปที่ลำธารด้านหลังกระโจม ยี่สุ่น แลชงโคถือตะเกียงคนละดวงขนาบข้างเจ้าแสงไปตามทาง

“อากาศเย็นนัก รีบสรงเถิดพระเจ้าค่ะ นี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย”บ่าวทั้งสองคนช่วยกันขึงผ้ากับต้นไม้บดบังนายตนจากสายตาผู้อื่น

“อื้ม”เจ้าแสงปลดผ้าคลุมไหล่ออกเผยให้เห็นลาดไหล่เนียน บ่าวทั้งสองก็เช่นกัน ทั้งสามพากันลงน้ำ ยี่สุ่น แลชงโคช่วยกันถูล้างคราบไคลตามพระวรกายขาว อีกทั้งยังใช้ผลมะกรูดสางพระเกศาให้สะอาดหมดจด

“พวกเจ้าก็อาบเถิด ประเดี๋ยวจักป่วยไข้เอา”

“เจ้าน้อยจักขึ้นก่อนหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ยังดีกว่า หากขึ้นจากน้ำคงหนาวเป็นแน่ ข้าแช่น้ำรอจักดีกว่า”

“พระเจ้าค่ะ”มิใช่เป็นเพียงนายบ่าว หากแต่เป็นสหายที่เห็นกันมาตั้งแต่จำความได้จึงได้สนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก

“เจ้าขันธ์”พระสุรเสียงทุ้มตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่คุกเข่าก้มหน้ารอรับพระบัญชา

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าออกไปก่อน แลอย่าให้ใครเข้ามาบริเวณลำธารเด็ดขาด”

“พ่ะย่ะค่ะ”





องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเงาน้องน้อยผ่านผ้าที่ขึงกั้น ก่อนจักประทับยืนเฝ้ามิให้ใครผ่านไปทางลำธาร จนกระทั่ง นาย บ่าวทั้งสามขึ้นจากลำธาร ยี่สุ่น ชงโคช่วยกันเก็บผ้าที่ขึง ก่อนจักรีบประกบนายตนกลับกระโจม

“อ๊ะ”ทั้งสามสะดุ้ง เมื่อเห็นองค์รัชทายาทภุมริกาทรงประทับยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในเงามืด อีกทั้งยังเปลือยท่อนบน นุ่งเพียงโจงกระเบนสีดำเขม่าเท่านั้น

“เอ่อ...สรงน้ำแล้วแล้วหรือเจ้าน้อย”

“พ พระเจ้าค่ะ...ทรง...มาประทับยืนกระไรตรงนี้พระเจ้าค่ะ”

“อ อ่อ...ข้า...ข้ามา..มา...มาเดินเล่น มิมีกระไรดอก รีบเข้ากระโจมเถิด เพิ่งขึ้นจากน้ำโดนลมมากๆ จักประชวรได้”

“...พระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยแสงแรกก้มพักตร์ลง ทรุดตัวลงหมายจักหมอบกราบ

“มิต้องดอก...รีบเข้ากระโจมเถิด”ประคองต้นแขนนุ่มไว้

“...พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าขันธ์ๆ”ลับหลังเจ้าน้อยแสงแรก แลบ่าว องค์ภุชงค์ก็ร้องเรียกหาองครักษ์คนสนิท

“พ่ะย่ะค่ะองค์ภุชงค์...มีกระไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”วิ่งหน้าตั้งมาคุกเข่าพนมมือรับพระบัญชา

“ไปหาดอกแก้วมาให้ข้า”

“หา..ในป่านี่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เออ..ไปหาดอกแก้วมาให้ข้า”

“เอ่อ..พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเจ้าขันธ์ตามหาดอกแก้วแทบจักพลิกผืนป่า องครักษ์หนุ่มก็กลับมาพร้อมดอกแก้วสีขาวนวล ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเต็มตะกร้าหวายขนาดย่อม เจ้าขันธ์เอาผ้าชุบน้ำรองก้นตะกร้าก่อนจักเอาดอกไม้บอบบางวางจนเต็มพื้นที่ แลใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดคลุม

“ได้มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”นำตะกร้าหวายถวายนายเหนือหัว

“ขอบใจ”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“...ไอ้ขันธ์”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“นี่เอ็งประชดข้าฤา”ตรัสถามเมื่อทอดพระเนตรดอกแก้วในตะกร้าหวาย

“มิได้ มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เอ็งเก็บมาเพียงนี้หมดป่าแล้วกระมัง”

“...เจ้าน้อยแสงแรกจักได้ทราบอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะว่าพระองค์ทรงเอ็นดูเจ้าน้อยมากเพียงใด”

“.....”

“.....”

“เอ็งพูดดี...รอดไปก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”



.

​.

.



“เจ้าน้อย...”

“.....”

“เจ้าน้อยแสงแรก”

“พระสุรเสียงองค์ภุชงค์นี่พระเจ้าค่ะ”ชงโคที่ถวายงานบีบนวดปลีน่องเล็กทูลความ

“นั่นสิพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นที่กำลังจัดที่นอนหมอนมุ้งเอ่ยสำทับ

“เจ้าไปรับหน้าพระองค์ที่เถิดชงโค”เจ้าแสงตรัส

“..ถวายพระพรพระเจ้าค่ะองค์รัชทายาท”ชงโคออกไปหน้ากระโจมหมอบกราบชายสูงศักดิ์

“เจ้าน้อยเล่า...เจ้า...”

“ชงโคพระเจ้าค่ะ..ทูลองค์รัชทายาท เจ้าน้อยประทับอยู่ข้างในพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นข้าขอเข้าไปพบหน่อยหนาชงโค”ตรัสจบก็ดำเนินเข้ากระโจมทันทีมิรอให้ชงโคได้ทันห้ามปราม

“อ๊ะ..องค์รัชทายาท”ชงโครีบรุดลุกขึ้นตามหลังไปติด

“อ๊ะ”เจ้าแสงที่เห็นองค์รัชทายาทเข้ามาในกระโจมตนก็ตกพระทัย ลนลานคว้าผ้าคลุมไหล่สีหวานขึ้นคลุมอังสะบาง ปกปิดความขาวนวลเนียนให้พ้นจากสายพระเนตร

“..ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท”

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ...ทรงเข้ามาหาหม่อมฉันถึงกระโจมมีอันใดหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าจักมาบอกว่าข้าหลวงเตรียมสำรับแล้วแล้ว ออกไปกินเถิด เดินทางมาเหนื่อย อีกทั้งเมื่อกลางวัน เจ้ายังกินไปเพียงเล็กน้อยเยี่ยงแมวดม คงจักหิวแล้วกระมัง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หากแต่ให้ข้าหลวงมาตามก็ได้พระเจ้าค่ะ มิต้องลำบากมาด้วยพระองค์เองดอก”

“ลำบากที่ใดกันเจ้า ไปเถิด ข้าจักพาไป ข้างนอกมืดแล้ว”ยื่นพระหัตถ์ให้น้องน้อย

“.....”เจ้าแสงลอบทอดพระเนตรบ่าวทั้งสองของตน ก็เห็นว่าทั้งคู่หมอบกราบก้มหน้าหลบตาเป็นพัลวัน

“.....”

“..ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”วางหัตถ์ตนลงบนพระหัตถ์ใหญ่

                อยู่กลางป่าเช่นนี้ องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้ตั้งสำรับรอบกองไฟ เจ้านายทั้งสี่พระองค์ประทับบนเสื่อที่ปูรอบกองไฟ มีสำรับตั้งให้ ส่วนเหล่าข้าหลวงต่างก็หมอบพับเพียบรอรับพระบัญชาอยู่มิห่าง

“มาแล้วหรือเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสขึ้นเมื่อทอดพระเนตรเห็นสุนิสาที่เข้ามาพร้อมโอรสองค์โต

“ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันชักช้าพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบอ้อนช้อย

“มิเป็นไรๆ มาแล้วก็ลงมือเสวยเถิด”เมื่อตรัสเช่นนั้น องค์จันทร์ แลเจ้าภุชงค์จึงลงมือจัดการสำรับของตน เจ้าแสงลอบมองพระองค์นั้น พระองค์นี้คนละที

“...เป็นกระไรไปเจ้า”องค์ภุชงค์ที่ประทับข้างๆ เอียงพักตร์มากระซิบถาม

“มิได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าปฏิเสธก่อนจักลงมือเสวยสำรับของตน

“กินเยอะๆ หนาเจ้า ประเดี๋ยวกลับถึงภุมริกาแล้ว ข้าจักให้แม่ครัวห้องเครื่องทำสำรับอาหารพื้นเมืองของภุมริกาให้”องค์ภุชงค์ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์อบอุ่นให้

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้

“...ประเดี๋ยวรับของคาวแล้ว กินผลไม้ล้างปากเสียหน่อยหนา ข้าให้เจ้าขันธ์ไปเก็บผลไม้ป่ามา รสหวานหอมนัก”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลหากเสวยแล้วแล้วไปเดินชมจันทร์กันดีหรือไม่เจ้าน้อย จักได้มิอึดอัดท้อง”องค์ภุชงค์ว่าพลางใช้พระองคุลีเกลี่ยเม็ดข้าวที่ติดปรางขาวออกให้

“อ๊ะ..ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์หลบ น่าอายนัก

“หึหึหึ...มิเป็นไรดอก น่าเอ็นดูนัก”

“.....”เจ้าแสงปรางแดงก่ำ

“แลว่าอย่างไร หากอิ่มแล้วจักไปเดินชมจันทร์กับข้าหรือไม่”

“...พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



“ราตรีนี้ จันทร์ดวงโตนัก ว่าหรือไม่เจ้าน้อย”

“พระเจ้าค่ะ...ราตรีนี้จันทร์ดวงโต แลสว่างนัก”

“เจ้าขันธ์”ทรงตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่คอยรับใช้อยู่ห่างๆ

“พ่ะย่ะค่ะ”หมอบคลานนำตะกร้าดอกแก้วถวาย

“ดอกแก้วตะกร้านี้ ข้าให้เจ้าขันธ์ไปเก็บมาตั้งแต่เย็นแล้ว....ข้าให้เจ้าหนา”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ประนมหัตถ์ไหว้คนพี่

“มิเป็นไรดอก”ยื่นพระหัตถ์เข้ารับไหว้หัตถ์เล็ก

“...”เจ้าแสงค่อยๆ ดึงหัตถ์ตน ออกจากพระหัตถ์อุ่น ดวงหน้างามแดงระเรื่อ รับตะกร้าดอกแก้วหอมกรุ่นมาคล้องพระกรเรียวเล็กของตน



.

.

.



๑ วันถัดมา



ขบวนเสด็จหยุดลงที่หน้าตำหนักหลวง องค์ภุมริน แลองค์จันทร์รีบลงจากหลังอาชาดำเนินเข้าหาเมียรักที่ยืนรอด้วยความคิดถึง

“เจ้าชมนาด”คว้าเจ้าชมนาดเข้ากอดแนบพระอุระ

“เสด็จพี่...เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดประคองพักตร์พระภัสดาขึ้น

“คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

“หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์พระเจ้าค่ะ...ทรงหิวหรือไม่พระเจ้าค่ะ มาเหนื่อยๆ หม่อมฉันจักให้ข้าหลวงเตรียมสำรับให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ....”

“เยี่ยงนั้นไปสรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้จ้ะ...หากแต่น้องต้องสรงให้พี่หนา”

“พระเจ้าค่ะ...”

“เสด็จแม่ ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ที่ทอดพระเนตรบิดามารดาพูดคุยกับแล้วแล้วจึงเข้าหมอบกราบเจ้าชมนาด

“เจ้าภุชงค์ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”เข้ากอดโอรสองค์โต ลูบเศียร ลูบพักตร์

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ มิเจ็บมิไข้”

“ดีแล้วลูก เอ๊ะ แลนั่นใครกัน”นัยน์ตากวางเหลือบไปเห็นร่างบางที่หมอบกราบอยู่หลังโอรสองค์โตจึงตรัสถามขึ้น

“ถะ ถวายพระพรพระชายาภุมริกาพระเจ้าค่ะ”

“.....”เจ้าชมนาดพยักพักตร์ หากแต่ก็ยังสงสัยใคร่รู้

“เสด็จแม่...นี่เจ้าน้อยแสงแรก เจ้าน้อยแคว้นการเวกพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าน้อยแคว้นการเวกหรือ...”

“พ่ะย่ะค่ะ...หากเรื่องเป็นมาเยี่ยงไรลูกขอทูลความคราหลังพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็ได้ลูก...เอาไว้ก่อน เจ้าไปพักก่อนเถิด แลค่ำนี้ค่อยมาร่วมเสวยกับพ่อ แลแม่ที่ตำหนักหลวงหนา”ตรัส แลประคองพักตร์งามของโอรสองค์โตขึ้นหอมปราง

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบมารดา เจ้าแสงเมื่อทอดเนตรเห็นดังนั้นจึงหมอบกราบตาม

“เจ้าบัวงามมาให้พ่อกอดให้คลายคิดถึงหน่อยเถิดลูก”องค์ภุมรินตรัส ตั้งแต่มาถึงตำหนักหลวงเจ้าบัวงามของพ่อก็ถลาเข้ากอดเจ้าหลวงศศิมณฑล จนป่านนี้ยังซุกอยู่ในอุระกว้างมิห่าง ให้องค์จันทร์กอดหอมคลอเคลีย

“พระเจ้าค่ะ”ผละออกจากพระภัสดา เข้าหมอบกราบบิดา

“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”กอดลูกน้อยแนบพระอุระ

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ เหนื่อยหรือไม่”

“ได้เห็นหน้าแม่เจ้าพ่อก็หายเหนื่อยแล้ว”

“คิกๆ พระเจ้าค่ะ”

“แยกย้ายกันไปสรงน้ำท่าก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวค่ำนี้สำรับแล้วแล้วแม่จักให้ข้าหลวงไปตามที่ตำหนัก”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”



.

.

.



ภายในตำหนักหลวงวันนี้ดูคึกคักกว่าปกติ เนื่องว่า มีเจ้านายหลายพระองค์ร่วมเสวยมื้อค่ำด้วยกัน องค์ภุมริน แลพระมารดาชมนาดทรงประทับอยู่บนตั่งทอง ขนาบข้างด้วยองค์รัชทายาทภุชงค์ เจ้าแสงแรกถูกจัดให้นั่งอยู่บนตั่งเล็กถัดจากเจ้าภุชงค์ ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นองค์จันทร์ แลเจ้าบัวที่ประทับอยู่บนตั่งตัวใหญ่ด้วยกัน

“กินได้หรือไม่เจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสถาม

“...พระเจ้าค่ะ อาหารภุมริการสเลิศนักพระเจ้าค่ะ”

“โปรดก็ดีแล้ว”ทรงตรัสอย่างพระทัยดี

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ

“กินมากๆ หนาเจ้า”เจ้าภุชงค์ว่า

“...พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามลอบมองเจ้าน้อยการเวกด้วยความแปลกพระทัย แลระแวดระวัง แม้จักเพิ่งเคยพบ หากแต่เป็นคนของการเวกแล้วไซร้ ระวังไว้ก่อนเป็นดี



.

.

.



หลังจากมื้อค่ำแล้วแล้ว เจ้าภุชงค์ก็เสด็จไปส่งเจ้าน้อยแสงแรกกลับตำหนักรับรอง โดยที่องค์ภุมรินจักเป็นผู้แถลงแจงความให้เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามกระจ่างด้วยองค์เอง

“เรื่องมันเป็นมาอย่างไรพระจ้าค่ะเสด็จพี่”

“...ตัวต้นเหตุก็ไอ้สินนั่นแล”

“อีกแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดตรัสพลางชักสีหน้าเอือมระอา

“ใยจึงผูกใจเจ็บได้ขนาดนี้พระเจ้าค่ะ บัวมิเข้าใจเสียเลย”

“หึ...มันก็คงเสียหน้ากระมัง”

“แลเหตุใดเจ้าน้อยแสงแรกจึงได้ตามกลับมาบ้านเมืองเราเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ก็ไอ้สินมัน.....”



.

.

.



“คุณพระช่วย...เลวชาตินัก”เจ้าชมนาดยกหัตถ์ทาบอุระตน

“เยี่ยงนี้เจ้าน้อยแสงแรกก็น่าสงสารหนาสิพระเจ้าค่ะ”

“นั่นแลลูก หากยังอยู่ที่การเวก ไอ้สินกลับมาคงลำบากเป็นแน่ แลอีกอย่างเจ้าภุชงค์แม้จักมิได้ตั้งใจให้เกิด หากแต่ก็ต้องรับผิดชอบ”

“เสด็จแม่!!!”อยู่เจ้าบัวงามก็แผดพระสุรเสียงขึ้นมาจนบิดา มารดา แลภัสดาสะดุ้งเฮือก

“กระไรเจ้าบัวงาม แม่ตกอกตกใจหมด”เจ้าชมนาดยกหัตถ์ทาบอกเป็นครั้งที่เท่าใดของวันแล้วก็มิอาจทราบ

“...ก็ที่ท่านยายทูลเสด็จแม่อย่างไรเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ที่แม่เฒ่าทูลหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“นั่นสิเจ้า!!!”

“กระไรกันเจ้าชมนาด เจ้าบัวงาม”

“...หลังจากที่พระองค์เสด็จไปการเวก แม่เฒ่าก็ขอเข้าเฝ้าหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ”

“ท่านว่าอย่างไรเจ้า”

“ท่านว่า...บัวหลงจันทร์ไปแล้ว...ก็ถึงคราวภุชงค์เล่นแสง”

“...ภุชงค์เล่นแสงหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าภุชงค์”

“ท่านยาย ท่านทูลว่า ภุชงค์เล่นแสงหรือพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ที่กลับจากไปส่งดำเนินเข้ามาในตำหนักทันได้ยินที่มารดาตรัสพอดี

“...ใช่จ้ะ ท่านว่า ภุชงค์เล่นแสง”

“.....”เจ้าภุชงค์มิตรัสตอบ หากแต่พระโอษฐ์แย้มน้อยๆ

“เจ้าโปรดเจ้าน้อยเยี่ยงนั้นหรือเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสถามโอรสองค์โต

“...ลูกมิเคยโปรดใครมาก่อน หากแต่กับเจ้าน้อยแสงแรกนั้น...ลูกก็มิอาจทราบได้ว่าโปรดเจ้าน้อยหรือไม่”

“.....”

“หากแต่ ลูกรู้สึกอยากดูแล ทะนุถนอมน้อง มิใคร่ชอบใจเสียเลยพ่ะย่ะค่ะ ยามเห็นน้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ...”

“.....”พ่อ แลแม่ลอบมองพักตร์กัน

“แลจักตบแต่งกับเมื่อใดพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวตรัสถาม

“พี่ใคร่อยากให้เจ้าน้อยเต็มใจ แลพร้อมใจแต่ง หาใช่เพราะสถานการณ์บังคับไม่”

“.....”

“ลูกมิใคร่บังคับเจ้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“เอาเถิดๆ ค่อยว่ากันก็ยังมิสายดอก”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“วันนี้ค่ำแล้ว แยกย้ายกันพักผ่อนก่อนเถิด วันพรุ่งค่อยว่ากัน”

“นั่นสิ เจ้าบัวกำลังท้องไส้ รีบเข้านอนเถิดลูก”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“เยี่ยงนั้นลูกทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์

“ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”องค์จันทร์

“ลูกทูลลาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงาม

“จ้ะ”



.

.

.



ภายในตำหนักรับรอง เจ้าน้อยแสงแรกนั่งพับเพียบอยู่บนพระยี่ภู่ หัตถ์เล็กประนมอยู่กลางอกสวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน ส่วนบ่าวทั้งสองก็ปัดที่หลับ ที่นอนอยู่ข้างพระแท่นบรรทม

“ชงโค ยี่สุ่น...ข้าสวดมนต์แล้วแล้วนอนเถิด”เจ้าแสงตรัสพลางเอนกายลงนอน

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นจัดคลุมพระองค์ให้คนเป็นนายจนถึงอุระบาง ปลดพระสูตรลูกไม้โปร่งแสงลงจากเสาพระแท่นบรรทมทั้งสี่มุม

เจ้าแสงพลิกพระวรกายตะแคงข้าง พักตร์งามหนุนหัตถ์ตนก่อนจักหวนนึกถึงเมื่อหัวค่ำ องค์รัชทายาททรงเสด็จมาส่งตนถึงในตำหนัก หน้าห้องบรรทม

“ขอบพระทัยที่เมตตามาส่งหม่อมฉันถึงตำหนักพระเจ้าค่ะ”ประนมมือไหว้เจ้าภุชงค์

“มิเป็นไรดอก”ยื่นพระหัตถ์มารับไหว้น้องน้อย

“.....”

“วันพรุ่งหลังมื้อเช้า ข้าจักพาเจ้าชมรอบวังหลวง แลสวนพฤกษา”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ค่ำนี้ก็นอนพักผ่อนมากๆ หนา เดินทางมาเหนื่อยๆ”

“...พระเจ้าค่ะ”

“หลับให้สนิท ฝันดีหนาเจ้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...พระองค์ก็...ทรงพระสุบินดีหนาพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ เยี่ยงนั้นคงจักต้องฝันถึงเจ้าแล้วแล”

“.....”ก้มพักตร์หลบสายพระเนตร

“...ข้าไปก่อนหนา ขาดเหลือกระไรก็บอกข้าจักหามาให้เจ้าทุกอย่าง”จับหัตถ์บางขึ้นเบาๆ พระอังคุฐลูบคลึงหลังหัตถ์นิ่ม

“พระเจ้าค่ะ”ค่อยๆ ดึงหัตถ์ตนออก

“ข้าไปหนา”ตรัสก่อนจักดำเนินออกจากตำหนักรับรอง จับจ้องเจ้าน้อยคู่หมายพระเนตรละห้อย



.

.

.



วันรุ่งขึ้น ณ สวนพฤกษา

“ภุชงค์...”เจ้าบัวงามตรัสทักพระเชษฐา

“เจ้าบัวงาม”ดำเนินเข้าช่วยสายหยุดประคองคนเป็นน้อง

“มาทำกระไรที่สวนพฤกษาแต่เช้าหรือพระเจ้าค่ะ”

“แลน้องเล่า มาทำกระไรที่สวนพฤกษาแต่เช้ากัน”

“บัวมาเก็บดอกบัวไปถวายองค์จันทร์ท่านพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ”

“แลภุชงค์เล่าพระเจ้าค่ะ ยังมิตอบน้องเลยว่ามาทำกระไร”ปกติองค์รัชทายาทมิเคยเสด็จสวนพฤกษาตั้งแต่ย่ำรุ่งเช่นนี้ดอก

“...พี่...พี่มาเก็บดอกแก้ว”

“ดอกแก้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“เก็บไปทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“...พี่มาเก็บไปให้เจ้าน้อยแสงแรก”

“ทรงเสด็จสวนพฤกษาตั้งแต่ย่ำรุ่งเพื่อเก็บดอกแก้วไปให้เจ้าน้อยแสงแรก.....”เจ้าบัวหรี่พระเนตรจับผิดพระเชษฐา

“.....”

“ใยจึงมองพี่เช่นนี้เล่าน้อง”

“ทรงชอบพอเจ้าน้อยหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ภุชงค์”

“...พี่ชอบพอเจ้าน้อยแสงแรก”

“.....”

“เจ้าน้อยแสงแรกมิเหมือนองค์สินดอกหนาเจ้าบัว...เจ้าน้อยน่าสงสารนัก”

“ทรงชอบพอเจ้าน้อย เพราะ สงสารหรือพระเจ้าค่ะ”

“...พี่ชอบพอเจ้าน้อย แต่หาใช่เพราะความสงสารไม่”

“.....เอาเถิดพระเจ้าค่ะ บัวมิยุ่งดอก”เจ้าบัวงามตรัส

“...เยี่ยงนั้นพี่เก็บดอกบัวให้หนาเจ้า กำลังท้องกำลังไส้มิดีใกล้น้ำ ใกล้ท่า ตกลงไปจักอันตราย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”



เจ้าน้อยทั้งสามแคว้นต่างร่วมรับพระกายาหารเช้าร่วมกัน แลเมื่อหลังพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว ก็ถึงเพลาที่เจ้าน้อยแสงแรกจักต้องแนะนำองค์เองอย่างเป็นทางการกับพระชายาชมนาด พระมารดาของพระคู่หมายแล้ว

“ถวายพระพรพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมีนามว่าแสงแรก...มีฐานันดรเป็นเจ้าน้อยแค้วนการเวกพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบหน้าตั่งทอง

“เจ้าน้อยการเวก...โอรสต่างมารดากับองค์สิน?”

“...พระเจ้าค่ะ มารดาหม่อมฉันเป็นสนมเอกในองค์สิงห์พระเจ้าค่ะ”

“...”เจ้าชมนาดพยักพระพักตร์น้อยๆ

“...”

“...เจ้าภุชงค์”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”องค์รัชทายาทขานรับคำพระมารดาหนักแน่น

“ใคร่อยากจักให้มีพิธีอภิเษกเมื่อใด”แม้ลูกจักบอกแล้วว่ามิใคร่จักบังคับใจเจ้าน้อยต่างเมือง หากแต่เจ้าชมนาดก็ใคร่อยากถามให้ได้ความอีกคราพร้อมหน้าทั้งสองคน

“...”เจ้าแสงที่หมอบกราบอยู่ถึงกับหายพระทัยสะดุด แลก้มพักตร์ลงต่ำกว่าเดิม

“...ลูกมิใคร่ฝืนใจเจ้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“...”

“ลูกใคร่อยากให้เจ้าน้อยเต็มใจอภิเษกกับลูก มิใคร่บังคับฝืนใจพ่ะย่ะค่ะ”

“...จักรอไปก่อนเยี่ยงนั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“...ว่าอย่างไรเจ้าน้อยแสงแรก”

“หม่อมฉัน...มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”

“...ยังมิใคร่แต่งกันตอนนี้สิหนา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ตามใจเจ้าทั้งสองเถิด...หากพร้อมใจใคร่แต่งกันเมื่อใด ก็ให้มาบอกข้าก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ พระมารดา”







ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รีบรักกันไว ๆ นะ เจ้าแสงน้อง

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อยากให้แต่งงานแล้วว สงสารเสด็จพี่ภุชงค์หนาเจ้า
อย่าให้พี่รอนานหน้าเจ้าแสงน้อย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด