ภุชงค์เล่นแสง ๐๕
หลังจากที่เจ้าบัวงาม แลพระภัสดาได้เดินทางกลับแคว้นศศิมณฑลไปแล้วนั้น พระมารดาชมนาดก็มีรับสั่งให้เจ้าน้อยจากการเวกเข้าเฝ้าทุกวัน เพื่อร่ำเรียนเรื่องการบ้านการเรือน แม้นฝีมือการบ้านการเรือนของเจ้าน้อยแสงแรกจักเป็นเลิศ หากแต่เรื่องการเรือนของคนเป็นเมียยังต้องรู้อีกมาก ไหนจักกลยุทธ์วิธีมัดใจผัวอีกมากที่จักต้องรู้ ไหนจักมารยาอีกร้อยเล่มเกวียณอีกเล่า
“กินโอสถถ้วยนี่เสียเจ้าแสง”เจ้าชมนาดทรงประทานโอสถของแม่เฒ่าให้ว่าที่สุนิสา ชงโคคลานไปรับพานโอสถจากคนสนิทพระมารดามาถวายให้เจ้าน้อย
“โอสถกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”เป็นยี่สุ่นที่ออกปากถามแทนนายตน
“ยี่สุ่น”เจ้าแสงเอ็ดใส่คนสนิทเบาๆ
“มิเป็นไรดอกเจ้าแสง...เจ้าคงจักเคยได้ยินชื่อเสียงแม่เฒ่าแห่งภุมริกามาบ้างกระมัง”เจ้าชมนาดที่ประทับนั่งอิงหมอนขิด สะบัดพัดจีนในมือไปมาเบาๆ ตรัสขึ้น
“พระเจ้าค่ะ”ก้มพักตร์ตอบ
“โอสถตรงหน้าเจ้าเป็นโอสถที่ทำให้ข้า แลเจ้าบัวงามตั้งครรภ์ได้ เจ้าจักมาเป็นสุนิสาภุมริกา เป็นชายาองค์รัชทายาท เป็นเมียเจ้าภุชงค์ก็ต้องกินโอสถนี่”
“...”
“กินเข้าไปเถิด มิใช่ยาพิษกระไร”
“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงประคองถ้วยโอสถขึ้นดื่ม ดวงพักตร์งามเหยเกเพราะรสชาติขมฝาดของโอสถกลิ่นฉุน
“นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจักต้องกินโอสถของแม่เฒ่าทุกวัน เข้าใจหรือไม่เจ้าแสงแรก”
“พระเจ้าค่ะ”
“ดีแล้ว แลวันพรุ่งก็มาหาข้าที่ตำหนักหลวงจักได้กรองมาลัยถวายตำหนักศาสน์กัน”
“พระเจ้าค่ะ พระมารดา”
“นั่นเจ้าภุชงค์นี่”พระมารดาชมนาดตรัส พลางทอดพระเนตรโอรสองค์โตที่กำลังดำเนินมาทางศาลาริมสระหลวงพร้อมองครักษ์คนสนิท แลข้าหลวงรับใช้
“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”หมอบกราบมารดา แลเข้ากอดกฤษฎีบางออดอ้อนราววิฬารตัวโต
“หึหึหึ ออดอ้อนเป็นเจ้าบัวงามเชียว เจ้านาคของแม่”หัตถ์บางลูบเกศาหนาอย่างเอ็นดู
“กำลังทำกระไรกันหรือพ่ะย่ะค่ะ”ผละออกจากมารดา แลประทับลงข้างเจ้าแสงแรก
“แม่ให้เจ้าแสงกินโอสถของแม่เฒ่า”
“โอสถแม่เฒ่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“จ้ะ”องค์ภุชงค์ทรงทอดพระเนตรคราบโอสถที่เหลือติดถ้วยสลับกับดวงพักตร์งามของเจ้าแสง
“มีกระไรหรือเจ้า”เจ้าชมนาดตรัสถาม
“มิมีพ่ะย่ะค่ะ”
“เพลานี่ก็แดดร่มลมตกแล้ว เจ้าพาเจ้าแสงไปเดินเล่นเถิดลูก ประเดี๋ยวพ่อเจ้าคงกลับจากว่าราชการแล้ว แม่จักไปรอพระองค์ที่ตำหนักหลวง”ตรัส แลลุกออกจากตั่งตัวโต
“พ่ะย่ะค่ะ”
“กราบทูลลาพระมารดาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบพระมารดาต่างแคว้น
“ทูลลาเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เยี่ยงนั้น เจ้าใคร่อยากทำกระไรหรือเจ้าแสง”ทรงตรัสถามขึ้นเมื่อเจ้าชมนาดดำเนินออกจากศาลาริมสระหลวง
“หม่อมฉันใคร่อยากลงห้องเครื่องพระเจ้าค่ะ”
“ห้องเครื่องหรือเจ้า”
“พระเจ้าค่ะ หากแต่มิได้ ก็มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ”
“ใยจักมิได้เล่า แลลงเครื่องเช่นนี้จักทำกระไรหรือ”
“หม่อมฉันคิดว่าจักทำขนมถวายเจ้าหลวง พระมารดา แลพระองค์พระเจ้าค่ะ”
“ขนมฝีมือเจ้าหรือ คงรสเลิศมิมีใครเทียม พี่อดใจรอกินมิไหวแล้ว”มิตรัสเปล่า ประคองหัตถ์ขาวขึ้นกอบกุม พลางส่งพระเนตรเชื่อมหวานให้เจ้าน้อยต่างแคว้นหน้าม้าน
“ป ปล่อยเถิดพระเจ้าค่ะ”ค่อยๆ ดึงหัตถ์ตนออกจากหัตถ์อุ่นขององค์รัชทายาทคู่หมาย
“เยี่ยงนั้นเราไปห้องเครื่องกันเถิด ประเดี๋ยวจักเย็นย่ำเอาได้”
“เอ๊ะ เราหรือพระเจ้าค่ะ”
“ใช่ พี่ แลเจ้าเช่นไรเล่า”
“จักทรงลงห้องเครื่องกับหม่อมฉันหรือพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ”
“ไปเถิด”
.
.
.
แม้นจักลงห้องเครื่องกับเจ้าน้อยการเวก หากแต่ก็มิมีผู้ใดกล้าใช้งานองค์รัชทายาทให้หยิบจับกระไร องค์ภุชงค์จึงทำได้เพียงประทับทอดพระเนตรเจ้าแสงขูดพระพร้าวคั้นกะทิ มิวางพระเนตร น้องน้อยผลัดผ้าผ่อนเป็นผ้าแถบคาดอกสีหวานเพื่อคลายความร้อนจากห้องเครื่องที่อบอ้าว พระวรกายบอบบางประทับหันข้างอยู่บนกระต่ายขูดมะพร้าว สองหัตถ์ประคองมะพร้าวผ่าครึ่งคว่ำลงบนคมกระต่ายออกแรงขูดให้ได้พระพร้าวฝอยสีขาวนวล พระวรกายบางโยกคลอนตามแรงขูด หยาดเหงื่อที่ไหลจากกรอบพักตร์งามลงมาที่ลำคอระหง ก่อนจะหายเข้าไปในร่องผ้าแถบตรงแผ่นอกบาง ทำเอาชายสูงศักดิ์ลอบกลืนพระเขฬะกับภาพที่ทอดพระเนตรตรงหน้า ดีหนาที่พระองค์รับสั่งให้เหล่าองครักษ์ แลข้าหลวงรับใช้ที่ติดตามรออยู่ด้านนอกห้องเครื่องเพื่อมิให้เกะกะเจ้าแสงแรก เจ้าแสงแรกในเพลาที่เย้ายวนเช่นนี้จักให้ชายใดเห็นมิได้ดอก พระเนตรคมจับจ้องเม็ดเหงื่อที่กลิ้งอยู่บนผิวขาวนวลมิวางตา ทอดพระเนตรตามว่ามันจักกลิ้งไปที่ใด แลสุดท้ายมันก็กลิ้งไหลลงขอบผ้าแถบชื้นของน้องน้อยทุกครา
“เจ้าแสงแรก”
“พระเจ้าค่ะ องค์รัชทายาท”
“มา พี่เช็ดเหงื่อให้หนาเจ้า”ตรัส แลลุกจากที่ประทับ ใช้ซับพระพักตร์ซับหยาดเสโทชื้นที่พักตร์งาม ลำคอระหง แลเนินอกบาง
“ฝ ฝ่าบาท หม่อมฉันซับเองได้พระเจ้าค่ะ”
“มือเจ้าเปรอะมะพร้าวเยี่ยงนี้จักซับเองได้อย่างไรเล่า”ตรัสพลางลากซับพระพักตรไปตามเนินอกบาง แอบใช้ปลายพระองคุลีสัมผัสเนินเนื้อนุ่มแผ่วเบาทิ้งความร้อนรุ่มให้ติดผิวบาง
“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันซับให้เจ้าน้อยเองก็ได้พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นโพล่งอาสาขึ้น
“มิต้องดอก เจ้าทำงานของเจ้าไปเถิด”เหลือบพระเนตรมองคนสนิทของเจ้าน้อยการเวก ก่อนจักตรัสพระสุรเสียงเรียบต่างจากที่ตรัสกับแสงแรกมากโข
“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันทำให้เจ้าน้อยได้พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นยังคงกระตืนรือร้นที่จักเป็นคนซับพระเสโทให้คนเป็นนาย
“มิต้องยุ่งจักได้ไหม ทำงานของเจ้าไป ข้าจักซับเสโทให้เจ้าแสงเอง”ตรัสพระสุรเสียงเข้มขึ้น
“ต แต่...โอ๊ะ”ยังมิทันที่ยี่สุ่นจักได้ค้านอีกครา พระองคุลีแข็งก็ดีดลงบนหน้าผากเล็กเสียงดังลั่นห้องเครื่อง ยี่สุ่นกุมหน้าผากตนแน่น ริมฝีปากเบะออก น้ำตาคลออย่างน่าสงสาร
“ฝ่าบาท”เจ้าแสงทิ้งมะพร้าวในหัตถ์ แลรุดเข้าดูอาการคนสนิท
“เจ้าน้อย”
“เป็นอย่างไรบ้างยี่สุ่น”
“เจ็บพระเจ้าค่ะ”เอ่ยอ้อนคนเป็นนาย
“โถ มิเป็นไรหนา ประเดี๋ยวข้าจักหายูกยามาทาให้”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
“ฝ่าบาท”
“ห หืม”
“คราหลัง อย่าตียี่สุ่นเช่นนี้อีกได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ หากมิใคร่พอพระทัยก็ลงที่หม่อมฉันเถิด”เจ้าแสงก้มพักตร์หลบตาชายหนุ่ม ตรัสสุรเสียงแผ่ว
“พี่มิได้ตีบ่าวเจ้าหนาเจ้าแสง”ตรัสปฏิเสธ สาบานให้ตายเถิดทรงลงแรงเพียงน้อยนิด หากแต่เจ้าบ่าวหน้าขาวนี่ช่างสำออยนัก แลดูท่าน้องน้อยจักเข้าข้างบ่าวมากกว่าพระองค์ที่เป็นพระคู่หมั้นเสียอีก
“เจ็บพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”ปากว่าเจ็บ หากแต่สายตากลับซุกซนขัดแย้งกัน
“มิเป็นไรหนาเจ้า”ชงโคว่าพลางลูบหัวยี่สุ่นไปมา
“...”ทรงยืนนิ่งทอดพระเนตรบ่าวหน้าขาวออดอ้อนน้องน้อย เจ้าบ่าวรักยมนี่กระไร คิดจักเอาคืนระองค์แทนเจ้าแสงแรกหรือ
“ทำขนมต่อเถิดจักได้แล้วไวๆ ข้าจักได้หายูกยามาให้”
“พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”
“เจ้าแสง”ตรัสเรียกน้องน้อย เมื่อมิได้รับความสนใจ
“ทูลฝ่าบาท ทรงประทับรอก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ อีกมินานขนมก็แล้วแล้ว หรือ จักทรงกลับไปประทับรอที่ตำหนักก็ได้หนาพระเจ้าค่ะ”แปลได้ว่าทรงอยู่เฉยๆ หรือไม่ก็กลับตำหนักไปเถิดพระเจ้าค่ะ
“...เยี่ยงนั้นพี่จักนั่งคอยเงียบๆ ก็แล้วกันหนาเจ้า”ถอยกลับไปประทับที่เดิมอย่างช้ำใจ
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ”แย้มสรวลให้น้องน้อยบางๆ พระเนตรเหลือบมองบ่าวรักยมสองคนที่หัวร่อคิกคัก ผิดกับอาการเจ็บปวดเกินจริงเมื่อครู่ หนอย ฝากไว้ก่อนเถิดเจ้ารักยม
ทางด้านยี่สุ่น ชงโคเมื่อได้กลั่นแกล้งองค์รัชทายาทต่างแคว้นก็หัวร่อคิกคักอย่างได้ใจ บ่าวทั้งสองช่วยคนเป็นเจ้านายทำขนมพร้อมทั้งออดอ้อนให้เจ้าน้อยเอ็นดูจนขนมถูกจัดเรียงลงบนสำรับพร้อมถวายแก่เจ้านายองค์อื่น
“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ ขนมแล้วแล้ว ทรงกลับตำหนักสรงน้ำ ผลัดผ้าก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ ข้าก็เหนียวตัวเต็มที”
“ประเดี๋ยวยี่สุ่น แลชงโคจักเตรียมอ่างสรงลอยดอกแก้วให้ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”...ดี องค์ภุชงค์ทรงตอบอยู่ในพระทัย กลิ่นแก้วที่มาจากกายเจ้าแสง รัญจวนพระทัยพระองค์ยิ่งนัก
“ดีเจ้า”เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์ให้บ่าวคนสนิททั้งสอง หากแต่กลับทำให้พระเนตรขององค์รัชทายาทพร่ามัวไปหมด
“พระเจ้าค่ะ”
“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวกลับตำหนักก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงผินพักตร์กลับมาตรัสกับองค์ภุชงค์
“จ้ะ”
“เยี่ยงนั้น หม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะ”
“หากสรงน้ำ ผลัดผ้าแล้วแล้ว ก็ไปกินขนมด้วยกันที่ตำหนักหลวงหนาเจ้า จักได้เข้าเฝ้า เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ด้วยกัน”
“พระเจ้าค่ะ”
.
.
.
จ๋อม
บ่าวชงโค แลยี่สุ่นกวักน้ำในอ่างไม้รดลงบนพระฉวีขาวผ่องของเจ้าน้อยแสงแรก ป้ายขมิ้นชันบดละเอียดถูวนบนพระฉวีของเจ้าแสง ใช้มะกรูดรูดเกศายาวของเจ้าน้อยจนสะอาดปราศจากกลิ่นในห้องเครื่อง
“แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อย”ชงโคกราบทูล
“จ้ะ”เจ้าแสงพยักพักตร์ให้ ชงโคจึงได้ใช้ผ้าพันพระวรกายให้คนเป็นนาย ก่อนบ่าวทั้งสองจักค่อยๆ ประคองเจ้าน้อยออกจากฉากกั้น ยี่สุ่นใช้ผ้าอีกผืนซับหยดน้ำจากพระวรกายขาวจนแห้ง จึงได้เริ่มลงเครื่องประทินผิว ยี่สุ่นแตะแป้งร่ำ แลตามด้วยน้ำลงบนพักตร์งามของเจ้าแสง ก่อนจักลงสีผึ้งบนโอษฐ์บาง
“แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้นแต่งพระวรกายเลยหนาพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ”
“ทรงใส่ผ้าแถบสีกระไรดีพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นถามยามเปิดหีบผ้าของเจ้าน้อย
“จักต้องเข้าเฝ้าเจ้าหลวง แลพระชายา เอาสีอ่อนหน่อยก็แล้วกันเจ้า”เจ้าแสงตรัส
“พระเจ้าค่ะ...ผืนนี้ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นว่าพลางถวายผ้าแถบสีขาวปักลายดอกไม้เล็กๆ ทั่วผืนให้คนเป็นนายทอดพระเนตร
“อืม เอาผืนนี้แล”เจ้าแสงพยักพักตร์พอพระทัย ก่อนจักให้บ่าวคนสนิทแต่งองค์ให้
“หากทรงใส่ผ้าแถบผืนนี้ เช่นนั้นเอาผ้าโจงผืนนี้ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ชงโคถามพลางถวายผ้าโจงสีมอครามให้คนเป็นนาย
“จ้ะ”
.
.
.
“ทูลเจ้าหลวง พระชายา แลองค์รัชทายาท เจ้าน้อยแสงแรกขอเข้าเฝ้าเพคะ”
“ให้เจ้าน้อยเข้ามา”องค์ภุมรินตรัส
“พวกเจ้าไปยกขนมที่เจ้าแสงทำมาที”เจ้าชมนาดหันไปสั่งข้าหลวงที่คอยรับใช้
“เพคะ”
มินานเกินรอ เจ้าแสงแรก แลบ่าวคนสนิททั้งสองก็เข้ามาในโถงตำหนักหลวง ร่างบางทั้งสามคลานเข่าเข้ามาหมอบกราบเจ้าหลวง พระชายา แลองค์รัชทายาท
“ถวายพระพรเจ้าหลวง พระชายา แลองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบอ่อนช้อย แลทูลความ
“ไหว้พระเถิดเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัส ทรงเอ็นดูสุนิสาออกหน้าออกตา
“อยู่ภุมริกามาก็ได้หลายวันแล้ว เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”เจ้าชมนาดตรัสถามสาระทุกข์สุขดิบสุนิสา มิเช่นนั้นประเดี๋ยวจักกลายเป็นแม่ผัวใจร้ายไป
“ดีพระเจ้าค่ะ มิมีกระไรขาดกระไรเกิน...ขอบพระทัยเจ้าหลวง แลพระชายาที่เมตตาหม่อมฉัน แลบ่าวคนสนิทพระเจ้าค่ะ”
“เจ้าน้อยมาที่ภุมริกาในฐานะคู่หมั้น คู่หมายองค์รัชทายาท ข้าผู้เป็นมารดาย่อมต้องต้อนรับเจ้าน้อยอย่างสมเกียรติ”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหมอบกราบอีกครา
“เอาเถิด ข้าหลวงยกสำรับขนมที่เจ้าน้อยลงห้องเครื่องมาแล้ว เสวยเถิด”เจ้าชมนาดตรัส เมื่อข้าหลวงสาวทยอยยกพานทองบรรจุขนมที่แสงแรกลงมือทำเข้ามาในโถงตำหนักหลวง
“ขนมรสมือเจ้าแสง คงเลิศล้ำนัก เจ้าภุชงค์จึงได้กินไปยิ้มไปมิหุบเช่นนี้”เจ้าชมนาดตรัสเย้าเมื่อทอดพระเนตรโอรสองค์โตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามได้ลิ้มรสขนมหวาน
“...”เจ้าแสงเหลือบเนตรมองสองแม่ลูกภุมริกาสนทนากัน
“ขนมรสมือเจ้าแสงรสเลิศนักพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ เห็นทีลูกคงไปไหนมิรอดเป็นแน่”ตรัสกับคนเป็นแม่ หากแต่พระเนตรกลับจดจ้องคนงามที่ก้มพักตร์มองตักตนงุด แต่กระนั้นก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็นรอยริ้วแดงที่พาดผ่านใบหูเล็ก
.
.
.
เจ้าแสงแรก แลบ่าวทั้งสองอยู่ที่ภุมริกาจนคุ้นชินกับวังหลวงภุมริกา องค์รัชทายาทภุชงค์ทรงเสด็จมาหาเจ้าแสงแรกทุกเช้า ก่อนจักเสด็จไปทรงงานกับเจ้าหลวงภุมริน แลตอนเย็นก็จักเสด็จมาเสวยพระกายาหารเย็นกับเจ้าน้อยบ้าง เสด็จมารับเจ้าน้อยไปเสวยพร้อมเจ้าหลวง แลพระชายาที่ตำหนัหลวงบ้าง แลในช่วงกลางวันเจ้าแสงจักฝึกการบ้าน การเรือนอยู่ตำหนัก หรือไม่พระชายาท่านก็ทรงเรียกหาเพื่อสอนกลยุทธ์มัดใจผัว เช่นวันนี้
“ทูลเจ้าน้อยแสงแรก พระชายาชมนาดทรงเรียกหาเพคะ”
“จ้ะ”เจ้าแสงตรัสรับคำกล่าวทูลของนางข้าหลวง ก่อนจักวางเข็มกรองมาลัยลงบนพานทอง พระวรกายบอบบางขยับเขยื้อน เยื้องก้าวอย่างสำรวม รักษากิริยาจนข้าหลวงสาวจากตำหนักหลวงชื่นชมอยู่ในใจ นายบ่าวทั้งสามตามข้าหลวงสาวมาที่ตำหนักหลวง
“ทูลพรายาชมนาด เจ้าแสงแรกมาแล้วเพคะ”
“เข้ามาเถิด”
“ถวายพระพรพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหมอบกราบแทบพระบาทบาง
“ไหว้พระเถิดเจ้า”เจ้าชมนาดลูบเกศานุ่มเบาๆ เมื่อได้รู้จักมากขึ้น อคติที่เจ้าแสงเป็นเจ้น้อยการเวก แลน้องเจ้าสินก็ค่อยๆ จางหายไป โดยมีความเอ็นดูเข้ามาแทนที่ เพลาที่ผ่านมาเจ้าแสงได้พิสูจน์แล้วว่าหาได้เป็นเช่นเชษฐาไม่
“พระชายาทรงมีกระไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสอย่างอ่อนน้อม
“วันนี้ข้าจักสอนเจ้าเรื่องการครองเรือน ทำเช่นไรจึงจักมัดใจผัวให้อยู่กับตัวได้”
“พ พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงรับคำ พักตร์แดงระเรื่อ ทั้งชีวิตที่ผ่านมาหาได้เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้ไม่
“...หน้าตา ผิวพรรณเจ้างามสมกับเป็นเชื้อ เป็นหน่อเจ้า หากแต่กลับจืดชืด”หัตถ์บางช้อนหนุมนของว่าที่สุนิสาขึ้นทอดพระเนตรดวงพักตร์หวาน
“...”เจ้าแสงแรกพักตร์จืดเจื่อน เมื่อถูกมารดาของคู่หมายว่าให้เช่นนั้น
“พวกเจ้าไปเอาเครื่องประทินผิวของข้ามาประเดี๋ยวนี้”เจ้าชมนาดสั่งข้าหลวงรับใช้ ก่อนจักปล่อยพักตร์เจ้าแสง
“เพคะ พระชายา”ข้าหลวงสาวคลานถอยหลังออกไปยกพานทองบรรจุเครื่องประทินผิวของพระชายามา
“หน้าตางดงามเช่นนี้ แต่งเติมอีกสักน้อย คงเอาเจ้าภุชงค์อยู่หมัด”
เมื่อได้เครื่องประทินผิวมาพระชายามารดาองค์รัชทายาทก็หยิบแป้งร่ำวางลงบนฝ่าพระหัตถ์ ปลายองคุลีเรียวบดเม็ดแป้งจนแตกละเอียดเป็นผง แลจึงค่อยๆ ใช้ปลายองคุลีไล้เบาๆ ที่พักตร์เจ้าแสง ก่อนจึงแตะน้ำลอยดอกมัลลิกาตามเบาๆ เจ้าชมนาดแตะน้ำลูบลงบนขนงค์เรียวของเจ้าแสงให้ได้รูป แตะน้ำที่กลีบโอษฐ์บาง แลยื่นแผ่นชาดให้เจ้าแสงแนบโอษฐ์เม้มให้สีชาดติดโอษฐ์บาง
“ลงชาดอีกครั้งเจ้าแสง ยังอ่อนไป”
“...พระเจ้าค่ะ”
“ดี”ทอดพระเนตรพักตร์งามของว่าที่สุนิสาที่มีสีสันขึ้นอย่างพอพระทัย
“...”เจ้าแสงมิปาก เมื่อได้ยินพระชายาภุมริกาตรัสเช่นนั้น
“ส่วนเกศาของเจ้า ยาวสลวยอยู่แล้ว...รวบบ้าง ปล่อยบ้างก็พอ เช่นนั้นวันนี้ข้าจักรวบเกศาให้ก็แล้วกัน หันหลัง”
“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงขยับกายหันหลังให้พระชายาชมนาด หัตถ์เรียวรวบเกศาหนามวยไว้ที่ท้ายทอยของเจ้าแสง แลปักยึดด้วยปิ่นรัตนา
“งามนัก”เชยพักตร์เจ้าแสงขึ้นทอดพระเนตร เจ้าชมนาดมีรอยสรวลบางแต้มอยู่ที่โอษฐ์
“ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้นก็รออยู่ที่นี่ก็แล้วกันหนา ประเดี๋ยวเจ้าภุชงค์ก็จักมาแล้ว”
“พระเจ้าค่ะ”
พระชายาชมนาด แลเจ้าน้อยแสงแรกทรงพูดคุย สนทนาพาทีกันอยู่จวบจนเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทกลับเข้ามาในตำหนักหลวง เจ้าภุชงค์ทอดพระเนตรแผ่นหลังเล็กของผู้ที่นั่งหมอบสนทนากับมารดาตนอย่างแปลกพระทัย ผู้ใดกันหนาได้รับราชานุญาตจากพระชายาชมนาดให้เข้าเฝ้าได้ถึงตำหนัหลวง
“มาแล้วหรือพระเจ้าค่ะเสด็จพี่ เจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสขึ้นเมื่อภัสดา แลโอรสองค์โตดำเนินเข้ามาในโถงตำหนักหลวง
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
“ถวายพระพรเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบผู้มาใหม่ทั้งสอง ทำเอาเจ้าภุชงค์ชะงักค้างเมื่อได้ทอดพระเนตรน้องน้อยคู่หมาย ดวงพักตร์งามที่ติดตรึงพระทัย ยามนี้งามเสียจนเจ้าภุชงค์ละสายพระเนตรมิได้ ไหนจักเกศาหนาที่ถูกรวบเป็นมวยตรงท้ายทอยขาว เผยลำคอระหง แลลาดไหล่ขาวผ่องรับกับสร้อยทองร้อยแหวนประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทของตนอีก
“ไหว้พระเถิดเจ้าแสง”องค์ภุมรินทอดพระเนตร แลก็รู้ได้ว่าเป็นฝีมือเจ้าชมนาดเมียรัก
“เป็นกระไรไปเจ้าภุชงค์ ใยจึงได้จ้องน้องมิวางตาเช่นนี้”เจ้าชมนาดตรัสขึ้น ในขณะที่เจ้าแสงก้มพักตร์หลบสายพระเนตรองค์รัชทายาทงุด
“เจ้าแสงแรกงามเสียจนลูกละสายตามิได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
“ปากหวานดังพ่อเจ้ามิมีผิด”เจ้าชมนาดว่า
“หึหึหึ พี่ก็ปากหวานกับเมียผู้เดียวแลเจ้า”องค์ภุมรินตรัส ก่อนจักวาดวงพระกรโอบรอบกฤษฎีบางของเมีย
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ปากหวานกับเมียผู้เดียวแล”คำว่าเมียที่ออกมาจากโอษฐ์องค์รัชทายาททำเอาพักตร์เจ้าน้อยการเวกแดงก่ำ หัตถ์เล็กจิกผ้าโจงของตนแน่น
“หึหึหึ เอาล่ะๆ สองพ่อลูก...อีกสักพักกว่าจักถึงเพลากายาหารเย็น เจ้าภุชงค์พาน้องไปเดินเล่นที่สวนพฤกษาก่อนไปลูก อุดอู้อยู่ในตำหนักมาทั้งวันแล้ว”เจ้าชมนาดตรัส หากแท้จริงแล้วใคร่อยากอยู่กับผัวสองคน
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่...ไปเถิดเจ้าแสง ส่วนเจ้ารักเจ้ายมมิต้องไป ข้าใคร่ไปกับเจ้าแสงแรกสองคนเท่านั้น”
“ต แต่”ยี่สุ่นใคร่อยากจักค้าน
“มิเป็นไรยี่สุ่นเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกันหนา”เจ้าแสงตรัสขึ้นเมื่อคนสนิทเริ่มงอแง
“พระเจ้าค่ะ”รับพระบัญชาเสียงหงอย
“หึหึหึ ไปเถิดเจ้าแสงแรก มา พี่ประคองหนาเจ้า”องค์ภุชงค์สรวลในพระศอ แลเข้าประคองร่างแน่งน้อยของเจ้าแสง
“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเดินเองได้พระเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นจับแขนพี่ไว้หนาเจ้า”
“พระเจ้าค่ะ”หัตถ์เล็กวางลงบนท่อนพระกรแกร่งที่ยื่นมาให้ตนจับ ความร้อนจากพระฉวีของเจ้าภุชงค์ทำเอาเจ้าแสงพักตร์แดงระเรื่อ ไหนจักกลิ่นบุรุษเพศร้อนแรงนี่อีก เจ้าแสงหน้าจักมืดเอา
“เสด็จพี่ เสด็จเข้าห้องบรรทมเถิดพระเจ้าค่ะ ทรงงานมาเหนื่อยๆ น้องจักปรนนิบัติ”เมื่อโอรสองค์โต แลว่าที่สุนิสาออกจากตำหนักหลวงไปแล้วเจ้าชมนาดจึงหันมาชวนผัวเข้าห้อง
“จ้ะ”
“พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวน้องจักนวดให้หนาพระเจ้าค่ะ”
“จ้าาาา”