ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙  (อ่าน 47867 ครั้ง)

ออฟไลน์ roseladiie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิ่งอ่านยาวมารวดเดียวเลยค่ะ 555
ชอบอ่านแนวนี้มากๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

อยากทราบว่าจะมีเรื่องของเจ้าน้อยธาราสลิลแยกไหมค้า หรือว่าเป็นคู่รองในเรื่องนี้เลย

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
เค้าเรียกใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ ผลกรรมเลยตกอยู่กับตัวเพราะการทำสิ่งไม่ดีและไม่ถูกต้อง อยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น  :ling2:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ chiraphat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนหน้าต่อ

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
ภุชงค์เล่นแสง ๒๓


ครืน ครืน

ราตรีนี้ท้องฟ้าคำรามเสียงดังโครมคราม นภาแดงก่ำจนน่ากลัว ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล เห็นทีคืนนี้คงจักตกหนักเป็นแน่ โชคดีนักที่องค์สิงห์ แลครอบครัวศศิมณฑลเดินทางกลับแคว้นไปแล้วเมื่อสามวันก่อน มิเช่นนั้นเจอฝนฟ้าเช่นนี้คงจักเดินทางลำบากเป็นแน่ เจ้าแสงแรกให้นมลูกพลางกวาดเนตรมองนภาแดงก่ำนอกพระบัญชร

“องค์ภุชงค์” เจ้าแสงแรกผินพักตร์มาเรียกพระภัสดาที่กล่อมเจ้าตัวน้อยคนโตอยู่

“หืม” องค์ภุชงค์ขานรับ แลเงยพักตร์ขึ้นมองเมีย

“ดูท่าคืนนี้ฝนคงจักตกหนัก ฟ้าแดงก่ำเสียจนน่ากลัวเชียวพระเจ้าค่ะ”

“อืม นั่นสิ” องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรนภาแดงก่ำที่นอกพระบัญชร แลคล้อยตามเมีย

“เราเอาลูกนอนบนพระแท่นบรรทมด้วยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“...” หากเอาลูกนอนบนพระแท่นบรรทมด้วยก็ต้องเอาลูกนอนตรงกลางหนาสิ เช่นนั้นพระองค์จักนอนกอดเมียได้อย่างไร

“หนาพระเจ้าค่ะ...ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นห่วงลูก กลัวลูกจักตกใจเสียงฟ้าเสียงฝน” ตรัสออดอ้อนพลางเอื้อมหัตถ์ไปลูบพระเพลาของพระภัสดาท่าน

“ก็ได้ ๆ” องค์ภุชงค์ยอมพยักพักตร์

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลออกมา แลก้มลงจรดพระนาสิกกับปรางนุ่มของลูก



เป็นอันว่าองค์ภุชงค์ต้องขนเจ้ารพิ แลเจ้ารวิที่นอนอยู่ในแปลขึ้นนอนบนพระแท่นบรรทมที่เจ้าแสงแรกเรียกข้าหลวงมาปูผ้ารองให้ เจ้าด้วงน้อยสองคนนอนเรียงกันอยู่บนผ้าผืนหนา โดยที่เจ้ารวียังเข้าเต้ามารดาอยู่

“ปิดหน้าต่างให้มิดชิดหนา” เจ้าแสงแรกรับสั่งกับข้าหลวงรับใช้

“เพคะ” ข้าหลวงสาวรับพระบัญชา แลไล่ปิดบานพระบัญชรให้มิดชิด

“ฝ่าบาท เอาผ้ามาห่มให้ลูกด้วยหนาพระเจ้าค่ะ เอาของเจ้ารวีมาด้วย” เจ้าแสงแรกสั่ง

“จ้ะ ๆ” คนเป็นพ่อหอบผ้าอ้อมของลูก ๆ ทั้งสามมามากองไว้บนพระแท่นบรรทม ก่อนจักคลี่ผ้าอ้อมห่มให้เจ้ารพิ แลเจ้ารวิ นัยน์ตากวางของเจ้าสองพี่น้องปรือปรอย คนเป็นพ่อจึงได้วางพระหัตถ์ลงบนอุระเล็ก แลตบเบา ๆ กล่อมลูก ส่วนเจ้าแสงแรกนั้น เมื่อเจ้ารวีอิ่มแล้ว จึงได้ประคองลูกขึ้นพาดอังสะของตน หัตถ์บางลูบแผ่นหลังเล็กไปมา มินานเสียงเรอเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นข้างพระกรรณ เรียกรอยสรวลเอ็นดูจากมารดา เจ้าแสงแรกใช้ปลายพระดรรชนีพันผ้าอ้อมชุบ แลจุ่มลงในน้ำต้มสุก ก่อนจักล้วงดรรชนีเข้าไปกวาดคราบน้ำนมในปากลูกเบา ๆ เจ้ารวีน้อยขย้อนเล็กน้อย แลเบะโอษฐ์เตรียมแผดเสียงไห้ หากแต่เจ้าแสงแรกก็รีบโยกกายเบา ๆ ปลอบลูก พระโอษฐ์กดจูบที่ปรางนิ่มของลูกแผ่วเบา ได้สักพักเจ้ารวีก็เข้านิทราตามพระเชษฐาทั้งสอง



เจ้าแสงแรกประคองเจ้าตัวน้อยคนสุดท้องลงนอนข้างเจ้ารวิ คว้าผ้าอ้อมผืนนิ่มมาคลี่ แลคลุมปิดกระหม่อมลูก ๆ ทั้งสามคนไว้ เพราะกลัวว่าความเย็นจากฝนที่โปรยปรายลงมาจักทำให้ลูกมิสบายเอาได้ เมื่อจัดที่จัดทางได้แล้วก็ถึงเพลานอนของพ่อ แลแม่

“ทรงพระสุบินดีหนาพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท” เจ้าแสงแรงตรัส แลแย้มสรวลหวานให้พระภัสดา

“จ้ะ เจ้าก็เช่นกันหนา” องค์ภุชงค์ตรัส แลสรวลตอบเมีย



ดวงเนตรของสองผัวเมียปิดลง รีบนิทราก่อนเป็นดี มิรู้ว่าคืนนี้เจ้าตัวน้อยทั้งสามจักตื่นขึ้นมาไห้โยเยหิวนมอีกเมื่อใด เช่นนั้นรีบนอนก่อนเป็นดีที่สุด



.

.

.



เสียงฟ้าร้องดังโครมคราม สายฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว แม่ปิ่นที่นอนหลับอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหู

“แม่ปิ่น ตื่นเถิด...แม่ปิ่น องค์ภุชงค์ท่านรอให้แม่ไปเข้าเฝ้าอยู่หนา”

“ฝ่าบาท” แม่ปิ่นตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากเตียงนอน แม่ปิ่นมิได้ถูกมัดติดกับเตียงนอนแล้ว หากแต่กลับถูกล่ามด้วยตรวนเส้นใหญ่แทน แลสายตรวนก็ยาวพอให้แม่ปิ่นเดินไปมาได้ หากแต่ก็สุดแค่บานประตูหอนอนเท่านั้น ท่านรองเจ้ากรมนาล่ามแม่ปิ่นไว้รอวันที่จักส่งบุตรีวิปลาสผู้นี้กลับไปอยู่ที่ชานเมืองกับผู้เป็นยายตามเดิม

“องค์ภุชงค์ท่านรอแม่ปิ่นอยู่หนา รีบตามมาเสียล่ะ” นางโหงพรายในคราบนางข้าหลวงเอ่ย แลหายวับเข้าไปในกำแพงหอนอน

“ฝ่าบาท ๆ ฝ่าบาทเพคะ” แม่ปิ่นเดินไปที่ประตูหอนอนหวังจักออกไปเพื่อพบชายอันเป็นที่รัก



แกร๊ก แกร๊ก



หากแต่ประตูหอนอนกลับถูกลั่นดานไว้จากด้านนอก ขังแม่ปิ่นเอาไว้ แม้จักล่ามตรวนไว้แล้วก็ตาม แม่ปิ่นทุบประตูหอนอนปึงปังเท่าใดประตูก็มิเปิดออก

“ปล่อยข้า ข้าจักออกไปหาองค์ภุชงค์ผัวข้า!” แม่ปิ่นกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น ไยพวกมันจักต้องกีดกันข้า แลองค์ภุชงค์ท่าน เมื่อทุบประตูมิได้ผล แม่ปิ่นจึงใช้เล็บขูดข่วนบานประตูไม้เนื้อหนาจนเป็นรอย เพราะเสียงฝน แลเสียงฟ้าที่ดังสนั่นคนในเรือนจึงมิได้ยินกรีดร้องอาละวาดของแม่ปิ่น



ครืด ครืด ครืด ครืด



เสียงจิกเล็บขูดบานประตูคลอเคล้ากับเสียงฝนที่เทกระหน่ำลงมา เล็บบางทนความแข็งของเนื้อไม้มิไหวจึงอ้าออกโลหิตไหลซึมลงมา หากแต่แม่ปิ่นหาได้เจ็บปวดไม่ ยิ่งออกแรงจิกเล็บกับเนื้อไม้ เล็บก็ยิ่งอ้าออกจวนจักหลุดอยู่รอมร่อ

“อีชั่ว มึงแย่งผัวกู กูจักสาปแช่งมึง ฮะฮ่า ๆ ๆ ฝ่าบาทเพคะ ฮึก ฮือออ ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ พวกมันกักขังหม่อมฉัน ฮึก พวกมันกีดกันมิให้หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าพระองค์ ฮือออ อีพระชายาชั่ว เป็นเพราะมึง อีฉิบหาย กูขอให้มึงตาย ให้ลูกมึงตาย ฮะฮ่า ๆ ๆ ฮึก องค์ภุชงค์ ฮือ หม่อมฉันคิดถึงพระองค์เหลือเกินเพคะ ฮือออ” แม่ปิ่นทรุดกายลงนั่งกอดเข่าสะอื้นไห้สลับกับหัวร่อออกมา



รุ่งขึ้น

อีแดงรีบขึ้นเรือนใหญ่มาตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง ความจริงคุณท่านให้มันนอนเฝ้าคุณปิ่นเธอ หากแต่ใครเล่าจักอยากนอนกับคนบ้า มันจึงได้แอบหนีลงไปนอนที่เรือนบ่าว พอเช้าจึงขึ้นมาที่หอนอนคุณปิ่นเธอ



แกร๊ก แอ๊ด



อีแดงปลดไม้ที่ลั่นดานไว้ออก แลผลักบานประตูเข้าไป แต่ภาพคนเป็นนายที่มันเห็นก็ทำเอามันหวีดร้องด้วยความตกใจ คุณปิ่นเธอนั่งกอดเข่าจ้องบานประตูตาค้าง ที่มือของเธอมีเลือกแห้งเปรอะทั้งสองมือ สภาพเล็บอ้าออกดูน่ากลัว

“ฝ่าบาทเพคะ” แม่ปิ่นเมื่อเห็นบานประตูเปิดออกก็พุ่งตัวออกไปทันที หากแต่ก็ติดตรวนที่ล่ามขาไว้ทำให้ล้มกระแทกพื้นเสียงดังไปทั้งเรือน

“คุณปิ่นเจ้าขา” อีแดงรีบเข้าไปประคองคนเป็นนาย คุณปิ่นเธอตั้งท้องอ่อน ๆ อยู่ล้มแรงเช่นนี้...

“อึก” แม่ปิ่นขดตัวกอดท้องตนด้วยความเจ็บปวด

“คุณปิ่น! ช่วยด้วย ใครก็ได้ตามหมอที ช่วยด้วย” เลือดสีแดงไหลซึมจนเปียกซิ่นที่แม่ปิ่นนุ่งเป็นวงกว้าง



เช้านั้นเรือนท่านรองเจ้ากรมนาวุ่นวายโกลาหลไปทั้งเรือน คุณหญิงท่านเป็นลมแล้วเป็นลมอีก สุดท้ายเมื่อท่านหมอมาถึงเด็กในท้องของแม่ปิ่นก็สิ้นบุญไปเสียแล้ว หมอท่านจ่ายยาขับเลือดให้อีแดงต้มให้นายมันกินขับก้อนเลือดที่ค้างอยู่ในท้องออก ส่วนท่านรองเจ้ากรมนาใครก็เข้าหน้ามิติดทั้งนั้น



.

.

.





สามคืนต่อมา ดวงจันทร์ส่องสว่างสมกับเป็นคืนข้างขึ้น ท่านรองเจ้ากรมนาให้อีแดงนำทางไปหาไอ้พ่อหมอไสยที่มันทำให้บุตรีของท่านกลายเป็นคนวิปลาส นอกจากอีแดงแล้วท่านรองเจ้ากรมนายังพาบ่าวชายไปด้วยอีกร่วมสิบคน เรือแจวลำเล็กสี่ลำล่องไปตามคลองไปที่อีกฟากคลองอันเป็นที่ตั้งของเรือนหมอไสย มินานเรือแจวลำเล็กลอยมาเทียบท่าที่ฝั่งป่าช้ารกร้าง บ่าวชายก้าวขึ้นฝั่ง แลผูกเรือไว้กับตอไม้ริมท่าน้ำ

“ถึงแล้วขอรับคุณท่าน”



ท่านรองเจ้ากรมนาก้าวลงจากเรือ ท่านปรายตามองอีแดงที่ตัวสั่นงก ๆ ก่อนจักพยักหน้าให้บ่าวชายที่ติดตามมาลากบ่าวคนสนิทของบุตรีออกมา

“มึงพากูไปที่เรือนของไอ้หมออัปรีย์นั่น”

“จ จ เจ้าค่ะ ฮึก” อีแดงก้าวขาสั่น ๆ ไปตามทางที่มันเคยพาคุณกิ่งเธอมา



ท่านรองเจ้ากรมนาเดินตามอีแดงจนมาหยุดอยู่ที่หน้ากระท่อมของหมอไสย ดวงตาของขุนนางวัยกลางคนกวาดมองเรือนตรงหน้าด้วยโทสะที่โหมในใจ

“มึงเข้าไปอีแดง”

“จ เจ้าค่ะคุณท่าน”



อีแดงยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเอง ก่อนจักค่อย ๆ เดินขึ้นเรือนของหมอไสยไปเงียบ ๆ มันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แลตะโกนเรียกพ่อหมอ

“พ่อหมออยู่หรือไม่จ๊ะ พ่อหมอ”

“...”

“พ่อหมอ”

“เข้ามา แลก็เข้ามากันให้หมดนั่นแล หึหึหึ” เสียงพ่อหมอที่ดังออกมาจากกระท่อมทำเอาอีแดงรีบหันไปมองคุณท่านของมันทันที ท่านรองเจ้ากรมนาจึงได้ก้าวเท้าขึ้นมาบนเรือนของพ่อหมอไสย



ปัง



บ่าวชายคนสนิทของท่านรองเจ้ากรมนาถีบบานประตูเข้าไปอย่างแรง ภายในเรือน พ่อหมอไสยนั่งสมาธิอยู่หน้าโต๊ะหมู่ที่มิได้ใช้บูชาพุทธคุณหากแต่ตั้งไว้เพื่อบูชาเวทย์ไสยมนต์ดำต่างหาก

“มึงรู้หรือว่ากูจักมา” ท่านรองเจ้ากรมนาเอ่ยถาม

“หึหึหึ รู้สิ ท่านรองเจ้ากรมนา อ่อ มิใช่สิ ท่านพ่อตา ฮะฮ่า ๆ ๆ”

“มึง!!”

“คุณหนูปิ่นเมียข้าเป็นอย่างไรบ้างเล่า มิได้เจอเสียตั้งเป็นสิบวันแล้ว ให้อีโหงพรายไปตาม ก็มิยอมมา” หมอไสยว่าก่อนจักหลับตาพึมพำท่องมนต์ มือก็นับลูกประคำไปด้วย



ท่านรองเจ้ากรมนามิยอมให้เสียเพาไปมากกว่านี้ เท้าหนากระแทกเข้าที่ใบหน้าของหมอไสยจนหงายหลังตึง เลือดสีแดงไหลกบปาก

“มึง” พ่อหมอลุกขึ้นมาชี้หน้าท่านรองเจ้ากรมนา ก่อนจักเรียกนางโหงพรายออกมา ปากก็ท่องมนต์ควบคุมนางโหงพรายให้จัดการท่านรองเจ้ากรมนา แลบ่าวชายอีกนับสิบ แต่ดูเหมือนพ่อหมอคงจักลืมอีแดงไปแล้วกระมัง อีแดงซุกตัวเข้ากับซอกโต๊ะบูชามนต์ดำ มันเอามืออุดปากตัวเองกลั้นเสียงไห้ ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นคุณท่าน แลพวกบ่าวชายยกมือกุมคอตัวเองหน้าเขียว อีแดงมองอย่างมิรู้จักทำกระไรดี หากคุณท่าน แลบ่าวพวกนี้ตายไป ศพต่อไปจักเป็นใครได้หากมิใช่มัน สุดท้ายมันก็ตัดสินใจละทิ้งความอับอายถอดซิ่นของตัวออก ย่องเข้าไปด้านหลังหมอไสย หากแต่ยังมิทันที่มันจักได้ทำการอย่างที่มันคิด พ่อหมอไสยก็หันมา แลตบเข้าที่หน้าของมันจนล้มคว่ำ พ่อหมอไสยตามมาคร่อมอีแดง ฝ่ามือหนากดบีบไปที่คอของอีแดง อีแดงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเหลือกขึ้น ใบหน้าเขียวคล้ำ หากแต่คงเป็นโชคของมันกระมังที่มันดิ้น แลเข่าไปกระแทกเข้าที่กล่องดวงใจของพ่อหมอไสยเข้า

“อั่ก” พ่อหมอไสยทรุดลงบนตัวของอีแดง

“อึก” อีแดงรีบโกยอากาศเข้าปอด มันตะเกียกตะกายคลานหนีให้ห่างจากพ่อหมอไสย

“อีเวรนี่!” พ่อหมอไสยคว้าข้อเท้าของอีแดงไว้

“อึก ปล่อยกู ปล่อย” อีแดงถีบขาไปมาจนโดนเข้าที่หน้าของพ่อหมอไสย มือที่กำข้อเท้าอีแดงไว้จึงหลุดออก อีแดงรีบคลานไปคว้าผ้าซิ่นของมันมา แลครอบลงบนหัวของพ่อหมอไสยทันที

“อ๊ากกกกก อีชั่ว!” พ่อหมอไสยกรีดร้องคำรามเสียงดัง มนต์ที่ควบคุมนางโหงพรายให้ทำร้ายท่านรองเจ้ากรมนา แลบ่าวชายคลายลงทันที



กลุ่มควันสีดำลอยขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ แลพุ่งเข้าใส่พ่อหมอไสยท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนแสบแก้วหู มนต์ดำที่มันทำใส่ผู้อื่น คงจักย้อนเข้าตัวแล้วเป็นแน่ ท่านรองเจ้ากรมนา แลบ่าวชายนอนไอขลุกขลักเกลื่อนพื้นเรือนหมอไสย ส่วนตัวพ่อหมอไสยนั้นนิ่งไปเสียแล้ว อีแดงเห็นดังนั้นจึงดึงซิ่นของมันที่ครอบหัวพ่อหมอไสยอยู่ออก

“กรี๊ด” อีแดงกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อภาพที่มันเห็นคือพ่อหมอไสยนอนหงาย ตาเบิกโพลง ปากอ้าค้าง แลมีเลือดไหลซึมออกจากทวารทั้งเจ็ด อีแดงลนลานรีบนุ่งซิ่นของตัวเอง ก่อนจักคลานไปหาท่านรองเจ้ากรมนา

“ค คุณท่านเจ้าขา ฮึก คุณท่าน” อีแดงประคองคนเป็นนายขึ้น ท่านรองเจ้ากรมนาหอบหายใจพลางยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง บ่าวชายที่เหลือก็พากันค่อย ๆ ลุกขึ้น บ้างประคองเพื่อน บ้างให้เพื่อนประคอง

“มันตายหรือยัง” ท่านรองเจ้ากรมนาเอ่ยถามพลางพยักพเยิดหน้าไปทางพ่อหมอไสยที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น บ่าวคนสนิทของท่านจึงได้เดินเข้าไปใกล้ ๆ ร่างพ่อหมอไสย แลใช้เท้าเขี่ย ทว่าพ่อหมอไสยก็ยังนิ่งมิไหวติงใด ๆ มันจึงได้ใช้มืออังที่ใต้จมูกของพ่อหมอไสย

“ยังหายใจอยู่ขอรับคุณท่าน หากแต่รวยรินนัก”

“ดี...เผาเรือนมันซะ เผามันทั้งเป็นนี่แล ให้สมกับที่มันทำให้ลูกกูตายทั้งเป็น!”



รุ่งขึ้นชาวบ้านร้านตลาดก็พูดกันปากต่อปากไปทั่วคลุ้งน้ำย่านนี้ว่าจู่ ๆ เรือนพ่อหมอคง หมอไสยผู้มีชื่อเสียงถูกไฟไหม้จนมอดทั้งหลัง พบศพในกองขี้เถ้า หากแต่ก็ดูมิออกว่าเป็นใคร เพราะศพนั้นไหม้ดำเป็นตอตะโกจนดูมิออกว่าเป็นผู้ใด แต่ชาวบ้านก็พูดกันไปว่าคงจักเป็นศพของพ่อหมอไสยนั่นแล หากมิใช่ท่านหมอไสยผู้เลื่องชื่อแล้วจักเป็นใครไปได้อีก มิเพียงสิ้นพ่อหมอคงเพียงเท่านั้นมนต์ดำยาแฝดใด ๆ ที่พ่อหมอทำให้ผู้อื่นก็สูญสลายหายไปเช่นกัน อย่างอีน้อย เมื่อมนต์ดำยาแฝดที่พ่อหมอทำให้คลายลง มันก็ถูกคุณหลวงท่านเฆี่ยนเสียจนหลังแทบขาด อีกทั้งยังขายมันให้ตลาดทาสอีกต่างหาก ครอบครัวคุณหลวงท่านจึงได้กลับมารักใคร่กันเช่นเดิม ส่วนแม่กิ่งนั้น...

“กรี๊ด อ้วก ค่อก” หลังจากที่ท่านรองเจ้ากรมนาท่านพาบ่าวไปบุกเรือนพ่อหมอไสย คุณหญิงท่านก็พาบุตรีมาที่วัดพร้อมบ่าวอีกหลายคนทันที คุณหญิงท่านขอความเมตตานิมนต์พระผู้ใหญ่ท่านให้มาช่วยบุตรีของตน

“จับนางให้มั่น แลรดน้ำมนต์ลงกระหม่อมนาง อย่าหยุด” หลวงตาท่านสั่ง แลยืนดูอยู่ห่าง ๆ บ่าวจากเรือนคุณหญิงถึงห้าคนช่วยกันยึดแขน ยึดขา แลกดตัวของแม่กิ่งไว้มิให้ดิ้น ส่วนอีกสองคนก็ช่วยกันตักน้ำมนต์รดลงกระหม่อมของคุณหนูกิ่งเธอ

“กรี๊ด อ่อก อ้วก” แม่กิ่งกรีดร้องดิ้นทุรนทุราย แลอาเจียนออกมาเป็นของเน่าของเสียสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง

“ฮึก ฮือ แม่กิ่งลูกแม่” คุณหญิงท่านร้องห่มร้องไห้จนตาปูดบวม มีบ่าวคนสนิทคอยพัดวีให้

“กรี๊ดดดด อ่อก ค่อก” แม่กิ่งหวีดออกมาเสียงดังจนนกแตกรัง อาเจียนออกมาจนลำคอเกร็ง ก่อนจักหมดสติไป

“แม่กิ่ง ๆ แม่กิ่งลูกแม่” คุณหญิงท่านรีบปรี่เข้าไปประคองลูก

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนองหนาคุณหญิง” หลวงตาท่านว่า ก่อนจักเดินกลับกุฏิไป

“ฮึก แม่กิ่ง”



หลังจากที่แม่กิ่งฟื้นขึ้นมาก็มิพูดมิจา ดวงตาเหม่อลอย จำใครมิได้ทั้งนั้น แม้แต่ตัวเอง หากแต่ก็ยังโชคดีที่แม่กิ่งมิได้อาละวาดคลุ้มคลั่งเช่นแต่ก่อน เพลานี้แม่กิ่งราวกับมีเพียงร่างไร้วิญญาณเท่านั้น

“น้องกับลูกไปก่อนหนาเจ้าคะคุณพี่” คุณหญิงท่านว่าเสียงสั่นเครือ พลางยกผ้าซับน้ำตาตนเองเบา ๆ

“ไปเถิด แลพี่จักไปเยี่ยมคุณหญิง แลลูกบ่อย ๆ ก็แล้วกันหนา”

“เจ้าค่ะ น้องลาหนาเจ้าคะ”

“อื้ม”



คุณหญิงท่านพาบุตรีคนเดียวของจนเองกลับไปอยู่บ้านพ่อ แม่คุณหญิงที่ชานเมือง เพื่อเลี่ยงคำนินทาว่าร้ายจากชาวบ้าน แลเพื่อให้แม่กิ่งได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ



.

.

.



ราตรีที่ผ่านมาฝนเทกระหน่ำตกลงมาทั้งคืน ทำให้อรุณนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม แลอากาศยังเย็นจนหนาวอีกต่างหาก เจ้าแสงแรกเอาผ้าอ้อมห่อลูกทั้งสามคนหนาหลายชั้นจนกลายเป็นก้อนดักแด้

“เอ๊ะ” หลังจากที่ให้นมเจ้าตัวน้อยครบทุกคนแล้ว เจ้าแสงแรกก็มีเพลาสำรวจลูกน้อยทั้งสาม แลสายพระเนตรของมารดาก็ไปสะดุดเข้ากับรอยแหว่งของผมเจ้ารวีที่เป็นหย่อมเล็ก ๆ เจ้าแสงแรกจึงได้วางเจ้าคนน้องลง แลอุ้มเจ้าคนพี่อีกสองคนมาสำรวจบ้าง ปรากฏว่าเจ้าตัวน้อยทั้งสามคนมีร่องรอยผมแหว่งเป็นหย่อม ๆ เช่นกัน แต่ดูแล้วเจ้ารพิจักมีน้อยกว่าน้องทั้งสองคนอยู่บ้าง

“ยี่สุ่น ชงโค ผ้าอ้อมกินผมลูกข้า!” เจ้าแสงแรกตรัสออกมาพลางเบะโอษฐ์ พระพักตร์งามบึ้งตึง ปลายพระดรรชนีลูบที่รอยแหว่งบนหัวลูกแผ่วเบา

“พระเจ้าค่ะพระชายา” บ่าวคนสนิททั้งสองรีบคลานเข้ามาหาคนเป็นนายทันทีที่ได้ยินพระสุรเสียงร้อง

“ผ้าอ้อมกินผมลูกข้า พวกเจ้าดูสิ ผมลูกข้าแหว่งหมดแล้ว” เจ้าแสงแรกตรัส พลางประคองร่างเล็กจ้อยของเจ้ารวีให้บ่าวคนสนิททั้งสองได้ดูรอยแหว่งบนหัวกลม

“จักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่น แลชงโคมีสีหน้ากังวลตามคนเป็นนาย

“...เตรียมตัว ข้าจักไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ชมนาด”

“พระเจ้าค่ะ”



จากนั้นนายบ่าวทั้งสามก็กระเตงเจ้าดักแด้น้อยทั้งสามไปยังตำหนักหลวงที่พระชายาชมนาดท่านประทับอยู่

“ทูลพระชายาชมนาด พระชายาแสงแรก แลพระนัดดาขอเข้าเฝ้าเพคะ” ข้าหลวงเฝ้าบานพระทวารกราบทูล

“ให้สุณิสา แลนัดดาข้าเข้ามา” เจ้าชมนาดตรัส พลางคว้าผ้าสีหวานมาคลุมอังสะบางของพระองค์

“ถวายพระพรเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส แลคลานเข่าเข้าหาพระสัสสุ

“มิต้องมากพิธีดอกลูก แลหอบลูกหอบเต้ามาหาแม่แต่เช้ามีกระไรหรือเจ้า”

“เสด็จแม่ ดูผมเจ้าตัวน้อยทั้งสามคนของหม่อมฉันสิพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเบะโอษฐ์ แลยื่นเจ้ารวีในอ้อมพระกรให้พระสัสสุทอดพระเนตรรอยแหว่งบนหัวกลมของลูก

“หืม” เจ้าชมนาดก้มลงทอดพระเนตรรอยแหว่งบนเศียรของนัดดาตัวน้อย

“ผ้าอ้อมกินผมลูกหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ”

“เป็นทุกคนเลยหรือลูก”

“พระเจ้าค่ะ เจ้ารพิดูจักน้อยหน่อย หากแต่เจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั้นถูกผ้าอ้อมกินเป็นวงเกือบเท่าลูกมะนาวเชียว จักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ”

“ใจเย็น ๆ ก่อนหนาเจ้าแสงแรก เพลานี้เจ้าตัวน้อยทั้งสามของเจ้ายังเล็กนัก รากผมยังอ่อนอยู่ เมื่อเสียดสีกับผ้าอ้อมจึงหลุดร่วงได้ง่าย ประเดี๋ยวพอโตกว่าอีกสักหน่อย ผมที่แหว่งไปก็จักขึ้นใหม่ มิต้องกังวลหนา”

“พระเจ้าค่ะ” ได้ยินที่พระสัสสุท่านตรัสแล้วก็ค่อยสบายพระทัยขึ้นมาหน่อย

“แลนี่ห่อผ้าอ้อมมาจนข้านึกว่าดักแด้ หึหึหึ” เจ้าชมนาดตรัสเย้า แลรับเจ้ารพิ แลเจ้ารวิมานอนเล่นบนตั่ง

“เมื่อคืนฝนตก เช้านี้อากาศเย็นชื้น หม่อมฉันกลัวว่าลูกจักป่วยจึงได้ห่อผ้าอ้อมให้เสียหลายชั้นพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้วเจ้า” พระชายาชมนาดหยอกเย้ากับก้อนดักแด้ทั้งสามอยู่ครู่ใหญ่ เจ้าแสงแรกจึงได้หอบลูกกลับตำหนัก



ระหว่างทางกลับตำหนักเจ้าแสงแรกก็พาลูกทั้งสามแวะสวนพฤกษาก่อน เจ้าตัวน้อยทั้งสามที่เริ่มจักมองเห็นได้ชัดแล้ว กวาดสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความสนอกสนใจ

“แม่พามาสูดอากาศเดี๋ยวเดียวเท่านั้นหนาลูก” เจ้าแสงแรกกระซิบบอกเจ้าตัวน้อยในอ้อมพระกร แลเหลือบพระเนตรมองเจ้ารพิ แลเจ้ารวิที่ยี่สุ่น แลชงโคอุ้มอยู่

“แม่พามาเที่ยวเดี๋ยวเดียวหนาลูก” เจ้าแสงแรกตรัส แลเอื้อมพระดรรชนีไปเขี่ยปรางนิ่มของเจ้ารพ แลเจ้ารวิ เจ้ายี่สุ่น แลชงโคหัวร่อคิกคักเบา ๆ ก่อนจักแอบแตะปลายจมูกหอมพระปรางของเจ้านายน้อย



เจ้าแสงแรก แลบ่าวคนสนิทพาเจ้าดักแด้น้อยทั้งสามเดินเล่นในสวนพฤกษาได้ครู่เดียวก็พากันกลับตำหนักองค์รัชทายาท

“พาลูกไปไหนมาหรือเจ้า” องค์ภุชงค์ตรัสถามเมีย พลางดำเนินเข้าไปรับเจ้ารพิ แลเจ้ารวิมาจากเจ้าบ่าวรักยม

“หม่อมฉันพาลูกไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่มาพระเจ้าค่”

“ไยจึงพาลูกไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ท่านแต่เช้าเช่นนี้เล่า มีกระไรหรือเจ้าแสง”

“ฝ่าบาทก็ทอดพระเนตรที่ผมลูกดูสิพระเจ้าค่ะ"

“หืม” องค์ภุชงค์เปิดผ้าอ้อมเจ้ารวิออก ก็ทอดพระเนตรเห็นรอยแหว่งที่เหนือใบหูของเจ้ารวิ เปิดผ้าอ้อมดูเจ้ารพิก็พบรอยแหว่งเช่นเดียวกัน แลเมื่อเจ้าแสงแรกเปิดผ้าอ้อมของเจ้ารวีออก คนเป็นพ่อก็พระทัยเสีย พระเนตรเบิกกว้าง มิได้สังเกตมาก่อนเลยว่าลูก ๆ มีรอยแหว่งเป็นหย่อม ๆ ที่ผมเช่นนี้

“เจ้ารวี คนงามของพ่อ...เกิดกระไรขึ้นเจ้าแสง ไยผมลูกจึงได้แหว่งเช่นนี้เล่า” องค์ภุชงค์ยื่นหัตถ์ไปแย่งเจ้าคนน้องออกจากอ้อมแขนของเมีย

“ผ้าอ้อมกินผมลูกพระเจ้าค่ะ หากแต่เสด็จแม่ท่านว่าประเดี๋ยวพอลูกโตกว่านี้ ผมก็จักขึ้นใหม่เองพระเจ้าค่ะ”

“โธ่ เจ้ารวิ เจ้ารวีคนงามของพ่อ ยังดีที่ผมเจ้ารพิแหว่งไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

“พระเจ้าค่ะ”



สองผัวเมียใช้เพลาในตอนเช้าหยอกเย้าลูกน้อยทั้งสามด้วยความรักใคร่ เจ้าแสงแรกคลี่ผ้าอ้อมที่ห่อตัวลูกไว้ออก แลจับเจ้าตัวน้อยทั้งสามนอนคว่ำ เจ้ารพิพยายามเงยหน้าขึ้น คอเล็กตั้งขึ้นได้ครู่เดียว ก่อนจักฟุบลงไป ส่วนเจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั้นทั้งพ่อ แลแม่ก็พยายามลุ้นเจ้าตัวน้อยให้ตั้งคอตามพี่คนโต แลมิเพียงคนเป็นพ่อ แลแม่เท่านั้นที่ลุ้น ข้าหลวงรับใช้คนสนิทก็ลุ้นตามเสียจนตัวโก่ง

“เก่งมาก” องค์ภุชงค์ตรัส แลคว้าเจ้ารพิขึ้นมาฟัดปรางจนลูกหน้าโย้

“เบาหน่อยเถิดพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส กลัวเหลือเกินว่าลูกจักไห้เอาได้

“ฮะฮ่า ๆ ๆ” องค์ภุชงค์สรวล แลแอบอ้าโอษฐ์งับปรางกลมของลูกตอนที่เมียเผลอ

“แอะ แอ้” เจ้ารพิส่งเสียงอ้อแอ้ประท้วงเบา ๆ



เสด็จแม่!! เสด็จพ่อท่านจักกินปรางข้าแล้ว



.

.

.



สามวันถัดมา พระชายาชมนาดท่านก็เรียกสุณิสาให้เข้าเฝ้าที่ตำหนัก แม่สามีบอกเล่าเรื่องของบุตรีของรองเจ้ากรมนาให้สะใภ้รับรู้ว่าเพลานี้หญิงสาววิปลาสจนจำแม้แต่ตนเองมิได้

"หม่อมฉันอโหสิกรรมให้นางพระเจ้าค่ะ แลก็ขอให้นางอโหสิกรรมให้หม่อมฉันด้วย" เจ้าแสงแรกตรัสกับพระสัสสุ แลกระชับลูกน้อยในอ้อมกอดแน่น

"อย่าคิดมากไปเลยหนาเจ้าแสง มันเป็นเวรกรรมที่ก่อ นางก็ต้องรับผลกรรมนั้น" เจ้าชมนาดตรัสปลอบสุณิสา

"...พระเจ้าค่ะ" เจ้าแสงแรกตรัสตอบสุรเสียงแผ่ว

"หากลูกมิสบายใจ เช่นนั้นวันพระใหญ่ที่จักถึงนี้ ออกไปวัดนอกวังหลวงทำบุญให้นางดีหรือไม่ลูก"

"ดีพระเจ้าค่ะเสด็จแม่" เจ้าแสงแรกตรัส แลสรวลให้พระสัสสุ

"เช่นนั้นแม่จักให้ข้าหลวงตระเตรียมของทำบุญให้หนาลูก"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"



.

.

.



เมื่อถึงวันพระใหญ่เจ้านายภุมริกาทั้งเจ็ดพระองค์ก็ตั้งขบวนเสด็จไปยังวัดนอกวังหลวง แลนี่ก็เป็นครั้งแรกของพระนัดดาทั้งสามพระองค์ที่ได้เสด็จออกนอกวัง นอกจากทำบุญเพื่อให้เจ้าแสงแรกสบายพระทัยแล้ว ยังถือโอกาสให้พระคุณเจ้าที่องค์ภุมรินท่านนับถือผูกข้อไม้ข้อมือให้เจ้ารพิ เจ้ารวิ แลเจ้ารวีด้วย

"ข้าขออโหสิกรรมให้เจ้าหนาแม่กิ่ง แลข้าก็หวังว่าเจ้าจักอโหสิกรรมให้ข้าเช่นกัน" เจ้าแสงแรกตรัสระหว่างกรวดน้ำลงที่ใต้ต้นลีลาวดีต้นใหญ่ในวัด

"เจ้าแสงแรกแล้วหรือยังลูก" เจ้าชมนาดตรัสเรียกสุณิสา

"แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ" เจ้าแสงแรกตรัสตอบ ก่อนจักลุกขึ้นดำเนินไปหาพระสัสสุ

"แม่ว่าจักพาเจ้าตัวน้อยทั้งสามแวะตลาดใกล้วังหลวงก่อนกลับเจ้าว่าดีหรือไม่ลูก" เจ้าชมนาดตรัสถาม

"ดีพระเจ้าค่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่ภุมริกาหม่อมฉันยังมิเคยเดินตลาดของภุมริกาเลย" เจ้าแสงแรกดวงเนตรเป็นประกาย

"เช่นนั้นก็ไปกันเถิดลูก ประเดี๋ยวแดดจักแรง"

"พระเจ้าค่ะ"



แลวันนั้นชาวบ้านร้านตลาดก็ได้ชื่นชมความงามของพระชายาขององค์รัชทายาท แลพระโอรสแฝดทั้งสามเป็นครั้งแรก เป็นที่กล่าวถึงความงามของเมีย แลลูกขององค์ภุชงค์ไปเป็นเดือน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



ภุชงค์เล่นแสง ๒๔



วัน แลเพลาผ่านไป พระนัดดาน้อยทั้งสามพระองค์ก็เติบโตขึ้นจนเพลานี้ พากันคลานหนียี่สุ่น แลชงโค วุ่นวายเสียยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้ง แลพระเกศาที่แหว่งเพราะถูกผ้าอ้อมกินนั้นก็ขึ้นจนเต็มแล้ว

“ฮือ องค์รพิอย่าคลานไปใกล้น้ำใกล้ท่าพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นตามมิทันแล้วหนา” ยี่สุ่นว่าพลางรีบคลานตามเจ้านายน้อยไปติด มือบางจับช้อนที่ใต้พระกัจฉะ แลยกร่างเล็กขึ้น ขาเล็กเป็นปล้อง ๆ ดีดสะบัดไปมา แม้พระโอรสน้อยของพระชายาแสงแรกท่านจักมีพระชนมายุเพียง ๗ เดือน หากแต่น้ำหนักของเจ้านายน้อยนั้นก็ทำเอายี่สุ่นแขนสั่นทีเดียว

“กรี๊ด” เจ้ารพิกรีดร้อง ดิ้นไปมา ก่อนจักอ้าโอษฐ์สรวลสุรเสียงใส

“ฮึบ ประเดี๋ยวหล่นหนาพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นว่าพลางประคับประคองพระโอรสน้อยกลับมาที่ตั่งที่พระชายาท่านประทับอยู่

“ซนกระไรให้ยี่สุ่นเหนื่อยอีกเล่าลูก” เจ้าแสงแรกตรัสพลางสรวลน้อย ๆ ให้โรสองค์โต

“หามิได้พระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นรีบส่ายหน้า

“ชงโค” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลน้อย ๆ ก่อนจักตรัสเรียกชงโคที่นั่งเล่นกับเจ้ารวิ โดยมีเจ้ารวีนั่งซบท้องอยู่

“พระเจ้าค่ะ”

“นั่นเจ้ารวีนั่งหลับแล้วใช่หรือไม่”

“จริงด้วยพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยรวีบรรทมแล้ว” ชงโคก้มลงมองเจ้าน้อยคนงามที่ตอนนี้ซบหน้าท้องของชงโค นัยน์ตากวางหลับพริ้ม โอษฐ์เล็กอ้าหวอจนเห็นฟันกระต่ายที่เพิ่งขึ้นสองซี่ด้านหน้ารำไร

“ส่งเจ้ารวีมาให้ข้าเถิด”

“พระเจ้าค่ะ” ชงโคพยักหน้าให้ข้าหลวงสาวคนหนึ่งมาดูแลเจ้าน้อยรวิแทน ก่อนจักอุ้มเจ้าน้อยรวีไปส่งให้คนเป็นแม่



เจ้ารวี เมื่อรอดตายจากตอนประสูติมาได้ก็มิมีกระไรให้ต้องกังวลมากนัก นอกเสียจากรูปร่างที่ดูจักเล็ก แลผอมกว่าพี่ ๆ ทั้งสองอยู่หน่อย หากแต่ก็แข็งแรงดี

“เจ้ารพิ เจ้ารวิมิง่วงหรือลูก ช้ากว่านี้จักนอนทับตะวันเอาได้หนาลูก” เจ้าแสงแรกรับเจ้ารวีเข้ามากอด แลตรัสกับโอรสน้อยอีกสองคน

“เจ้าน้อยรวิ พระเนตรเริ่มปรือแล้วพระเจ้าค่ะ หากแต่องค์รพินั้นยังคึก มิมีแววที่จักง่วงเลยพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นว่าพลางคลานตามองค์รพิที่คลานไปทั่วศาลาริมสระหลวง

“เช่นนั้น ชงโคกล่อมเจ้ารวิทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“ส่วนเจ้ารพิหากเขามิยอมนอนก็ปล่อยไปแล้วกัน” เจ้าแสงแรกก็มิรู้จักทำอย่างไรให้ลูกนอน จักให้บังคับลูกก็ใช่เรื่อง ดังนั้น ปล่อยให้เล่นไปก็แล้วกัน คนเป็นแม่วางเจ้ารวีลงบนผ้าผืนนุ่มที่ข้าหลวงปูให้ ก่อนจักรับเจ้ารวิเข้ามากล่อม แลวางลงข้าง ๆ เจ้ารวี



กลายเป็นว่าราตรีนี้เจ้ารพิชิงเข้านิทราก่อนน้อง ๆ อีกสองคน โอษฐ์เล็กอ้าหวอจนคนเป็นพ่ออดมิได้ที่จักแหย่พระดรรชนีเข้าปากลูก

“ฝ่าบาทประเดี๋ยวลูกก็ตื่นดอกพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเอ็ดพระภัสดาเบา ๆ โอษฐ์เอ็ดผัว มือก็ประคองเจ้าคนกลางเข้าเต้า

“โธ่ เจ้าแสงก็ดูสิ เจ้ารพิตอนนอนนั้นน่ารังแกน้อยเสียเมื่อใด” องค์ภุชงค์ตรัส

“หึหึหึ ฝ่าบาทปล่อยเจ้ารพินอน แลมากล่อมเจ้ารวีให้หม่อมฉันทีเถิดพระเจ้าค่ะ...นั่น เจ้ารวีจักคลานหนีแล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสพลางเร่งให้พระภัสดาไปคว้าเอาเจ้าตัวน้อยที่พลิกตัวตั้งท่าจักคลาน

“เจ้ารวี” องค์ภุชงค์รีบคว้าตัวเจ้าคนเล็กขึ้น เมื่อเจ้าตัวน้อยคลานตุบตับจวนเกือบจักตกพระแท่นบรรทม

“แอ๊ะ” เจ้ารวีส่งเสียงอ้อแอ้ เมื่อถูกอุ้มจนตัวลอย

“ซนหนาเจ้า กินนมแล้วไยจึงมินอนอีก หืม” องค์ภุชงค์ท่านตรัสกับลูก หากจักถามว่าพระองค์รักลูกคนใดที่สุด พระองค์ตอบได้เลยว่ารักทุกคนเท่ากันมิมีลำเอียง หากแต่จักถามว่าห่วงใครที่สุด ก็ตอบได้เต็มคำว่า พระองค์ห่วงเจ้ารวีที่สุด นั่นก็เป็นเพราะฝังพระทัยที่ตอนเกิดเจ้าตัวน้อยหยุดหายใจไป



เจ้ารวียกแขนดันพระอุระบิดาไว้ องค์ภุชงค์ประคองลูกด้วยท่อนพระกร ส่วนพระหัตถ์อีกข้างก็ประคองแผ่นหลังเล็กไว้ นัยน์ตากวางสองคู่จ้องกันนิ่ง หากแต่ก็เป็นคนเป็นพ่อที่ยอมละสายตาไปก่อน เมื่อเจ้าตัวน้อยเบะโอษฐ์ ส่งเสียงสะอื้น

“ชู่ว ๆ เจ้ารวีมิไห้หนาลูก โอ๋ ๆ” องค์ภุชงค์ท่านรีบอุ้มลูกออกห่างเจ้าแสงแรกเกรงว่าเมียจักได้ยินเสียงสะอื้นของลูก ดำเนินโยกพระวรกายเบา ๆ ปลอบ

“ฮึก แอะ” เจ้ารวีที่ถูกกดศีรษะให้ซบกับพระอังสะกว้างสะอื้นเบา ๆ นัยน์ตากวางคลอน้ำ โอษฐ์เล็กบะคว่ำ

“โอ๋ ๆ คนดีของพ่อ” องค์ภุชงค์พาลูกดำเนินรอบห้องบรรทม พระหัตถ์ลูบแผ่นหลังเล็กปลอบประโลมเจ้าตัวน้อย มินานเจ้ารวีคนดีก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

“ฝ่าบาทลูกหลับแล้วหรือยังพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกที่เอาเจ้ารวิลงเปลแล้ว ผินพักตร์มาถามพระภัสดา

“หลับแล้วเจ้า”

“เช่นนั้นพาลูกลงเปลเถิดพระเจ้าค่ะ” เมื่อเมียว่าดังนั้น องค์รัชทายาทท่านก็ดำเนินไปที่เปล แลประคองเจ้าคนเล็กลงนอน จัดแจงห่มผ้า แลจับก้อนผ้ายัดนุ่นใส่ในอ้อมกอดของเจ้ารวี

“ลูกหลับแล้ว เช่นนั้นเราก็ไปนอนกันเถิด” องค์ภุชงค์ท่านตรัส แลโอบกฤษฎีเล็กของเมีย

“พระเจ้าค่ะ”



.

.

.



พระโอรสน้อยขององค์ภุชงค์โตวันโตคืน เพลานี้เจ้าตัวน้อยตั้งสามเริ่มจักตั้งไข่กันแล้ว เจ้ารวีคว้าผมของยี่สุ่น แลยึดไว้เพื่อให้องค์เองทรงตัวยืน

“อ โอ๊ย ฮือ เจ้าน้อย ยี่สุ่นเจ็บพระเจ้าค่ะ ฮือ” ยี่สุ่นเจ็บเสียจนน้ำตาเล็ด พยายามแกะหัตถ์เล็กที่กำเส้นผมของตนอยู่ออก

“เจ้ารวี ปล่อยผมยี่สุ่นเดี๋ยวนี้หนาลูก” เจ้าแสงแรกเอ็ดลูกทันที

“มะ มะ” เจ้ารวียืนด้วยขาสั่น ๆ ของตนเอง แลโต้ตอบมารดาด้วยความฉงนว่าเหตุใดจึงถูกมารดาเอ็ดเอาได้

“ปล่อยผมของยี่สุ่นหนาลูก” เจ้าแสงแรกยื่นหัตถ์ลงมาช่วยแกะมือของเจ้ารวีออกจากผมของยี่สุ่น

“มะ มะ” กว่าจักแกะมือของเจ้ารวีออกได้ ผมเผ้าของยี่สุ่นก็ยุ่งเหยิงเป็นรังนก

“ไหนตั้งไข่ให้แม่ดูสิลูก” เจ้าแสงแรกหยอกเย้าลูก พระชายาท่านประคองมือลูกให้ลุกขึ้นตั้งไข่ เจ้ารวีก้าวขาสั่น ๆ ขององค์เองดำเนินไปข้างหน้า โดยมีคนเป็นแม่คอยจับพระหัตถ์ไว้

“มา มะ” เจ้ารวีหยุดดำเนิน แลส่งพระสุรเสียงประท้วงทันทีที่คนเป็นแม่ปล่อยพระหัตถ์ออก

“เดินมาลูก อีกนิดเดียวเอง” เจ้าแสงแรกเมื่อลูกดำเนินเข้ามาอยู่ในระยะที่พระองค์จักคว้าลูกได้ทัน หากลูกล้ม ก็ปล่อยพระหัตถ์ออก

“แอะ มะ มะ” เจ้ารวีมิกล้าก้าวขาเดิน ได้แต่ยืนขาสั่นหงึกหงัก โอนไปเอนมา

“มาเร็วเจ้ารวี” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลหลอกล่อลูก

“ฮึก มะ” เจ้ารวีเบะโอษฐ์ นัยน์ตากวางคลอน้ำ ยกขาจักก้าวไปข้างหน้า หากแต่ก็เสียสมดุลจนล้มก้นจ้ำเบ้า หากแต่ก็มิได้แรงนักเพราะคนเป็นแม่คว้าเอาไว้ทัน

“มิเจ็บ ๆ ชู่ว” เจ้าแสงแรกตกพระทัยที่ลูกล้มไปต่อหน้าต่อตา หากแต่ก็แย้มสรวล แลปลอบลูกสุรเสียงหวาน

“ฮึก ฮือ” เจ้ารวีมิได้เจ็บมากนักเพราะล้มมิแรง หากแต่ตกพระทัยมากกว่าจึงได้ไห้จ้า

“ชู่ว ๆ มิไห้หนาคนดี” เจ้าแสงแรกอุ้มลูกแนบพระอุระปลอบ

“มะ มะ ฮือ” เจ้ารวีแตะที่ก้นตนเอง แลส่งสุรเสียงฟ้องมารดา

“โอ๋ มิเจ็บดอก” เจ้าแสงปลอบ แลลูบก้นกลมของลูกเบา ๆ

“ฮึก”

“ทูลพระชายาแสงแรก เจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทท่านว่าราชการแล้วแล้วพระเจ้าค่ะ กำลังเสด็จมาที่ตำหนักพระเจ้าค่ะ” เจ้าทองม้าเร็วที่พระชายาชมนาดท่านประทานให้กราบทูล

“เช่นนั้นให้ข้าหลวงไปเตรียมสำรับพระกายาหารว่างมาให้ท่านทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”



ในขณะที่เจ้ารวี แลเจ้ารวิยังทำได้เพียงตั้งไข่ล้ม เจ้ารพิกลับก้าวขาเดินได้โดยมิต้องมีใครคอยประคองแล้ว หากแต่ก็ก้าวเดินได้เพียงสามถึงสี่ก้าวเท่านั้นก็ล้มลง

“อู้หู้ องค์รพิเก่งมาก ๆ พระเจ้าค่ะ” ชงโคเอ่ยชมพลางตบมือให้เจ้านายน้อยเปาะแปะ

“ฮะ ๆ ๆ” เจ้ารพิอ้าโอษฐ์สรวล แลโก้งโค้งยันตัวลุกขึ้นยืนอีกครา ขาเล็กก้าวดำเนินไปข้างหน้าไปสองก้าวก็ล้มลง

“เก่งแล้วพระเจ้าค่ะ” ชงโคว่าพลางโน้มตัวกอดเจ้านายน้อยเบา ๆ



รอมินานองค์รัชทายาทภุชงค์ท่านก็เสด็จกลับตำหนักมาพร้อมด้วยเจ้าหลวงภุมริน แลพระชายาชมนาด เจ้ารวิที่กำลังตั้งไข่ เมื่อเห็นบิดาดำเนินเข้ามาในตำหนักก็ทิ้งตัวลงนั่ง แลคลานตุบตับมาเกาะพระบาททันที

“รวิคนดี” องค์ภุชงค์ช้อนเจ้าคนกลางขึ้นอุ้มแนบพระอุระ พระนาสิกหอมปรางนุ่มฟอดใหญ่

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ เสด็จแม่” เจ้าแสงแรกวางเจ้ารวีลง แลหมอบกราบพระสัสสุ แลพระสัสสุระ

“ไหว้พระเถิดเจ้า” องค์ภุมรินท่านตรัสอย่างเมตตา

“นั่นเจ้ารพิ เดินได้แล้วหรือลูก” เจ้าชมนาดตรัสถาม เมื่อทอดพระเนตรเห็นนัดดาองค์โตก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าได้สอง สามก้าวก่อนจักล้มลงในอ้อมแขนของชงโค

“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่ เจ้ารพินั้นเริ่มจักก้าวเดินได้แล้ว หากแต่เดินได้เพียงมิกี่ก้าวก็ล้มแล้วพระเจ้าค่ะ ส่วนเจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั่นเพิ่งจักตั้งไข่ได้พระเจ้าค่ะ”

“เก่งจริงเชียวหลายย่า แลนั่นเจ้ารวีเป็นกระไรไปเล่า” พระชายาชมนาดท่านตรัส แลดำเนินเข้ามาหาหลาน พระดรรชนีเกลี่ยหยาดน้ำตาที่เกาะอยู่บนแพขนตาหนาออก

“ฮึก มะ มะ” เจ้ารวีเมื่อเห็นคนเป็นย่าดำเนินเข้ามาก็บีบน้ำตาอ้อน โอษฐ์เล็กเบะคว่ำ

“โอ๋ เป็นกระไรไปลูก หืม บอกย่าสิ” เจ้าชมนาดยื่นหัตถ์ไปช้อนหลานขึ้นอุ้ม

“เจ้าตัวน้อยหัดเดินพระเจ้าค่ะ หากแต่ล้มก้นจ้ำเบ้าก็เลยไห้”

“โธ่ คนเก่ง” เจ้ารวีซบอังสะบางของผู้เป็นย่าอย่างออดอ้อน

“เจ้ารพิเดินมาหาปู่นี่มาเจ้า” องค์ภุมรินประทับลงบนตั่ง ก่อนจักกวักพระหัตถ์เรียกเจ้ารพิ

“อะ อา” เจ้ารพิก้าวขาสั่น ๆ มาหาพระอัยยิกา กว่าจักเดินมาถึงอ้อมพระกรของปู่ก็ล้มไปเสียหลายครา

“เก่งมาก” ตรัสชม แลช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นนั่งบนพระเพลา

“ยี่สุ่น ชงโค”

“พระเจ้าค่ะ”

“ใกล้ได้เพลากินข้าวของเจ้าตัวเล็กทั้งสามคนแล้ว สั่งข้าหลวงให้เตรียมสำรับให้ลูกข้าที” เจ้าแสงแรกรับสั่ง

“พระเจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทรับคำ แลสั่งให้ข้าหลวงนำสำรับถวายเจ้านายน้อยทั้งสาม



สำรับของพระนัดดาน้อยวันนี้ คือ ฟักเหลืองนึ่งบดจนเละ องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดเป็นผู้อาสาป้อนข้าวหลานในมื้อนี้

“อ้า อ้าม” เจ้าชมนาดตักฟักเหลืองพอดีคำป้อนใส่ปากเจ้ารวี แลเจ้ารวิ ก่อนจักหอมกระหม่อมหลานคนละทีอย่างรักใคร่

“น้องกินแล้ว รพิกินบ้าง อ้าม” องค์ภุมรินตรัสพลางตักฟักเหลืองบดป้อนนัดดาองค์โต

“อ้า อะ อะ” เจ้ารพิก้าโอษฐ์รับฟักเหลืองจากพระอัยยิกา ก่อนที่หัตถ์เล็ก ๆ นั่นจักคว้าเข้าที่เนื้อฟักเหลืองเสียจนเต็มหัตถ์ แลปลิ้นออกมาตามร่องพระองคุลี หัตถ์เล็กที่เต็มไปด้วยฟักเหลืองบดยื่นออกไปจนติดพระโอษฐ์ขององค์ภุมริน

“ก กระไรเจ้ารพิ” องค์ภุมรินขยับพระพักตร์หนี แลตรัสถามเจ้าตัวน้อยสุรเสียงกระท่อนกระแท่น

“อะ อ้า อะ” เจ้ารพิขมวดขนง พยายามยัดหัตถ์องค์เองเข้าไปในพระโอษฐ์ของพระอัยยิกา

“เสด็จพี่หลานจักป้อนแหนะพระเจ้าค่ะ” เจ้าชมนาดตรัส

“อ้า อ้า” เจ้ารพิแบหัตถ์ออก แลตีแปะ ๆ ลงบนพระโอษฐ์ของพระอัยยิกา จนฟักเหลืองบดเปรอะเปื้อนพระพักตร์

“เจ้ารพิ” เจ้าแสงแรกเอ็ดลูกเบา ๆ ด้วยความเกรงพระทัยพระสัสสุระ

“มิเป็นไร ๆ” องค์ภุมรินตรัส แลยอมอ้าโอษฐ์เสวยฟักเหลืองบดที่หลานพยายามป้อนให้ แม้สีพระพักตร์จักดูเหยเกก็ตาม

“ชงโค ล้างมือให้เจ้ารพิทีเถิด” เจ้าแสงแรกรับสั่งกับบ่าวคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ” ชงโครับพระบัญชา แลยกอ่างทองเหลืองไปตรงหน้าพระพักตร์ขององค์รพิ โดยมียี่สุ่นช่วยประคองหัตถ์เล็กของเจ้ารพิจุ่มลงในอ่าง ล้างคราบฟักเหลืองออกจนเกลี้ยงก่อนจักซับด้วยผ้าแห้งอีกครา



.

.

.



วันเพลาผ่านไปจวบจน เจ้าตัวน้อยทั้งสามมีพระชนมายุครบ ๑ ปีบริบูรณ์ ทางวังหลวงภุมรินกาจึงมีงานพิธีศาสน์ แลงานฉลอง เจ้าบัวงาม แลครอบครัวศศิมณฑลมิสามารถมาร่วมพิธีได้ เนื่องจากเจ้าบัวงามนั้นทรงครรภ์ทายาทคนที่สองขององค์จันทร์ท่านจึงมิสะดวกเดินทางนัก ส่วนเจ้าหลวงสิงห์ผู้เป็นตานั้นกลับเสด็จมาถึงภุมริกาตั้งแต่ ห้าวันก่อนจักถึงวันงาน ครานี้คนเป็นตาหอบแก้วแหวนเงินทองมามอบให้หลานทั้งสามมากมิแพ้ตอนเกิดเลยทีเดียว



แลในเพลานี้พระนัดดาทั้งสามก็วิ่งได้กันแล้ว ยี่สุ่น แลชงโค รวมไปถึงนางข้าหลวงรับใช้คนสนิทต่างก็วิ่งวุ่นตามเจ้านายน้อย ราวกับจับปูใส่กระด้ง

“ฮะ ๆ ฮ่า” เสียงสรวลเล็ก ๆ ดังไปทั่วสวนพฤกษา ชงโควิ่งไล่จับองค์รพิเสียจนหน้ามืด

“องค์รพิพระเจ้าค่ะ ชงโคจักเป็นลมแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”

“ฮะ ฮ่า ๆ อ๊ะ” องค์รพิวิ่งตุบตับไปข้างหน้าก่อนจักร้องขึ้น เมื่อถูกช้อนพระกัจฉะจนตัวลอย

“พ่อขันธ์” ชงโคหยุดวิ่ง แลเอ่ยเรียกคนที่ช้อนตัวพระโอรสน้อยขึ้นอุ้ม

“เลิกเล่นได้แล้วหนาพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อท่านให้มาตามแล้ว...ใกล้จักถึงเพลาแล้ว องค์ภุชงค์ท่านให้มาพาพระโอรสน้อยทั้งสามไปสรงน้ำ แลเตรียมองค์สำหรับพิธีศาสน์” พ่อขันธ์กราบทูลพระโอรสน้อย ก่อนจักหันมากล่าวกับชงโค

“อ อืม เช่นนั้นส่งองค์รพิมาเถิด ข้าจักพาพระองค์ท่านไปสรงน้ำ” ชงโคว่าพลางยื่นมือไปรับพระโอรสน้อย

“อื้อ โค โค” องค์รพิน้อยยื่นหัตถ์ แลโถมพระวรกายใส่ชงโคจนร่างบางซวนเซ

“ระวังหน่อย ประเดี๋ยวก็ทำองค์รพิท่านหล่นดอก” พ่อขันธ์รีบเข้ามาช่วยตวัดแขนประคองหลังของชงโคไว้

“ข ขอบน้ำใจจ้ะ” ชงโคหลบสายตาพ่อขันธ์ แลตอบเสียงแผ่ว ปรางนวลแดงระเรื่อ

“เช่นนั้นก็ไปเถิดประเดี๋ยวจักสายเอาได้” พ่อขันธ์เห็นดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ แลกล่าวขึ้น

“จ้ะ” ชงโคกระชับพระวรกายขององค์รพิ แลเดินออกมา เจอกับยี่สุ่นเข้าก็เขินเสียยิ่งกว่าเดิม เมื่อสหายสนิทยิ้มล้อตัวเองเข้าให้

“กลับตำหนักกันเถิดพระเจ้าค่ะเจ้าน้อยรวิ เจ้าน้อยรวี อยู่ตรงนี้นาน ๆ ประเดี๋ยวมดจักกัดเอาได้” ยี่สุ่นว่าเย้าสหายตน แลจูงพระหัตถ์เจ้าน้อยคนงานทั้งสองคนละข้าง พาดำเนินเตาะแตะกลับตำหนัก

“อื้อ” เจ้ารพิที่เห็นน้องทั้งสองเดินเองก็ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนชงโค

“จักลงดำเนินเองหรือพระเจ้าค่ะ” ชงโคทูลถาม แลย่อตัวลงวางองค์รพิท่านลงยืน ก่อนจักจับจูงพระหัตถ์เล็กดำเนินกลับตำหนัก



.

.

.



พิธีศาสน์เริ่มขึ้นตามฤกษ์ยามที่แม่เฒ่าเป็นผู้หามาให้ พระโอรสน้อยทั้งสามประทับอยู่บนพระเพลาของพ่อ แลแม่ เจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั่งพนมหัตถ์เรียบร้อยอยู่บนพระเพลาบิดาตามที่มารดาท่านสอน ส่วนเจ้ารพินั้นนั่งอยู่บนพระเพลาของมารดา

“ขวบหนึ่งแล้ว เป็นเด็กดีหนาลูกแม่” เจ้าแสงแรกกระซิบข้างกรรณเล็กของโอรสองค์โต

“มะ มะ” เจ้ารพิเงยพักตร์ขึ้นสรวลหวานให้มารดา แลเอนกายซบอุระบาง

“อ้อนกระไรแม่ หืม เจ้ารพิ” องค์ภุชงค์ที่ทอดพระเนตรเห็นก็ตรัสถามเข้า

“พะ พะ อื้อ” เจ้ารพิส่งสุรเสียงคุยเป็นตุเป็นตะ

“หึหึหึ” องค์ภุชงค์สรวลน้อย ๆ อย่างเอ็นดูลูก ก่อนจักก้มพักตร์ลงหอมกระหม่อมเจ้าคนงามทั้งสองแทนด้วยความมันเขี้ยวลูก



หลังจากจบพิธีศาสน์ก็ถึงเพลาอวยพรให้พระโอรสน้อยทั้งสาม เจ้าหลวงหลายแคว้นมิได้มามือเปล่า นำของขึ้นชื่อจากแคว้นตนมามอบเป็นของขวัญให้พระนัดดาแห่งภุมริกา ของที่นำมามิเพียงแต่เป็นของขวัญของนัดดาน้อยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นของขวัญเชื่อมไมตรีอีกด้วย

“ขอให้พระนัดดาน้อยทั้งสามมีพลานามัยแข็งแรง โตวันโตคืนหนาเพคะ” พระชายาแคว้นชลาศัยตรัสอวยพร

“ขอบน้ำใจชลาศัยมากหนาที่ให้เกียรติมาร่วมพิธีในวันนี้” องค์ภุมรินตรัส

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทของชลาศัยตรัสตอบ

“ห หาว” เจ้ารวีน้อยหาววอดออกมาจนเสียงดัง เรียกสุรเสียงสรวลจากผู้ใหญ่ได้ดี

“ง่วงเสียแล้ว” องค์สิงห์ตรัส แลยกหัตถ์เกลี่ยปรางกลมของหลานเบา ๆ

“เช่นนั้นให้เจ้าตัวน้อยไปนอนกลางวันก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวค่ำนี้ค่อยมาอวยพรก็ยังมิสาย...เจ้าแสง พาลูกกลับตำหนักไปนอนก่อนเถิดเจ้า” เจ้าชมนาดตรัส เมื่อทอดพระเนตรเห็นว่านัดดาน้อยนั่นใคร่หลับเสียจนตาเชื่อมไปหมดแล้ว

“พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่” เจ้าแสงแรกก้มพักตร์รับพระบัญชาของพระสัสสุ แลพยักพักตร์ให้ข้าหลวงคนสนิทอุ้มลูกทั้งสามกลับตำหนัก



หลังจากเจ้าแสงแรกพาลูกกลับตำหนักได้มินาน องค์ภุชงค์ท่านก็เสด็จกลับตำหนักตามเมีย แลลูกไป ห่างเมีย แลลูกมิค่อยจักได้

“หลับหมดแล้วหรือ” องค์ภุชงค์ตรัสถามเมีย

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกผินพักตร์มาตรัสตอบ แลไกวเปลลูกเบา ๆ

“หากลูกหลับสนิทแล้วเจ้าก็มาพักผ่อนเถิด” วันนี้นอกจากเจ้าตัวน้อยทั้งสามจักต้องตื่นแต่เช้าแล้ว คนเป็นแม่นั้นยิ่งตื่นเช้ากว่า

“พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทก็เช่นกัน พักผ่อนกับหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส พลางดำเนินมาหาพระภัสดา

“จ้ะ” องค์ภุชงค์โอบกฤษฎีเล็กของเมียไว้ แลประคองให้เมียนั่งลงบนพระแท่นบรรทม

“สรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสถามพระภัสดา

“ก็ดีหนาเจ้า จักได้สบายตัว” องค์ภุชงค์พยักพักตร์เห็นด้วยกับเมีย

“เช่นนั้นหม่อมฉันจักให้ข้าหลวงเตรียมอ่างสรงให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”



เจ้าแสงแรกรับสั่งให้ข้าหลวงเตรียมอ่างสรง มินานก็แล้วเสร็จ คนเป็นเมียจึงได้ถวายการปรนนิบัติ หัตถ์เล็กบรรจงถอดฉลองพระองค์ของพระภัสดาออก

“อ๊ะ ฝ่าบาท” เจ้าแสงแรกสะดุ้งน้อย ๆ

“พี่ช่วยถอดหนา” องค์ภุชงค์ตรัส หลังจากใช้พระดรรชนีเขี่ยกระดุมเสื้อผ้าไหมคอตั้งของเจ้าแสงจนหลุดออก สาบเสื้อทิ้งตัวลง เผยให้เห็นแผ่นอกขาวผ่อง ตัดกับยอดถันบวมช้ำจากน้ำมือเจ้าแฝดสาม แลคนเป็นพ่อ



สองผัวเมียก้าวขาลงในอ่างสรง พาเรือนร่างเปลือยเปล่าลงแช่ในน้ำ เจ้าแสงแรกเกล้าผมสูงเผยลาดอังสะขาวเนียนน่าซุกซบ

“ไยจึงทอดพระเนตรหม่อมฉันเช่นนี้เล่าพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกอดที่จักตรัสถามมิได้ เมื่อเงยพักตร์ขึ้นมาพบสายพระเนตรของพระภัสดาที่จ้องมามิวางตา

“ก็เจ้างามออกปานนี้ พี่จึงอดมิได้ที่จักจ้อง” องค์ภุชงค์ตรัสเย้าหยอก ป้อนคำหวาน

“ลูกสามแล้วหนาพระเจ้าค่ะ พระโอษฐ์หวานเป็นเด็กแรกรุ่นไปได้” เจ้าแสงแรกตรัสอย่างเอียงอาย

“ลูกสามแล้วอย่างไร เมียงามมิสร่างเช่นนี้จักมิให้เอ่ยชมได้อย่างไร”

“...” เจ้าแสงแรกเอนกายซบพระอุระกว้างหลบหลีกสายพระเนตรที่จ้องมองมา

“เพลาผ่านไปเพียงเดียวเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยของเราก็ขวบหนึ่งเสียแล้ว” องค์ภุชงค์ท่านตรัสเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นว่าเมียเขินอายเสียจนตัวแดงไปหมด

“นั่นสิพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันยังจำความรู้สึกตอนลูกเกิดได้ชัดเจนอยู่เลย” เจ้าแสงแรกตรัส ยิ่งนึกย้อนไปถึงคราที่เจ้ารวีหยุดหายใจไปนั้น เจ้าแสงก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมา

“มิเป็นกระไรหนา ลูกมิได้เป็นกระไรแล้ว” องค์ภุชงค์ตรัส แลลูบแผ่นหลังบางของเมียปลอบประโลม

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ แลกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบพระกฤษฎีสอบของพระภัสดาท่าน



สองผัวเมียสรงน้ำด้วยกันมินานก็พากันขึ้นจากอ่างสรง เจ้าแสงแรกปรนนิบัติพระภัสดาเป็นอย่างดี ก่อนจักดำเนินไปดูลูกทั้งสามในเปล เจ้าตัวน้อยทั้งสามยังคงหลับสนิทคนเป็นแม่ก็อุ่นใจ

“มาพักเถิดเจ้า” องค์ภุชงค์กวักพระหัตถ์เรียกเมีย

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกดำเนินไปที่พระแท่นบรรทม แลล้มตัวลงนอนข้างพระภัสดา

“พี่รักเจ้าหนา เจ้าแสง” องค์ภุชงค์ท่านยกหัตถ์ขึ้นแตะปรางนวลของเมีย แลตรัสสุรเสียงหวาน

“ไยจึงมาบอกรักหม่อมฉันเช่นนี้เล่าพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกปรางแดงระเรื่อ

“ก็พี่รักเจ้า จึงใคร่อยากบอก”

“...หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ” ดวงเนตรสองคู่สบกันหวานเชื่อม แลแย้มสรวลให้กัน

“...” องค์ภุชงค์ท่านจับมือเมียขึ้นจูบหอม ก่อนจักดึงรั้งเจ้าคนงามเข้ามากอด พระโอษฐ์อุ่นพรมจูบทั่วดวงพักตร์งาม เจ้าแสงแรกโอนอ่อนให้พระภัสดาท่านเอาแต่พระทัย

“รัก ๆ ๆ ข้ารักเจ้า” องค์ภุชงค์กระซิบข้างกรรณขาว

“หม่อมฉันรู้แล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเขินอายเสียจนพระพักตร์ร้อนฉ่าไปหมด



จักต้องขอบคุณผู้ใดกัน ขอบคุณฟ้า ขอบคุณน้ำ ขอบคุณพระพรหมท่าน หรือ จักต้องขอบคุณองค์สินกัน ที่ส่งเจ้าแสงแรกมาให้พระองค์





- จบบริบูรณ์ -




ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว สนุกมากๆค่ะ

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จบได้ละมุนและสวยงาม
ประทับใจในความหวานและใส่ใจขององค์ภุชงค์
ดีงามต่อใจมาก
ขอบคุณนักเขียนมากกก

 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :o8: :o8: :o8: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
สนุกมากกก ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบแล้ว น่ารักไม่แพ้เรื่องบัวหลงจันทร์
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ชอบค่ะ ติดตามตั้งแต่คู่พ่อแม่ จนมาถึงคู่ของลูกๆ สนุกดีชอบนิยายพิเรียดแบบนี้มาก รอติดตามว่าจะมีคู่หลานๆหรือป่าวนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ Nobodylove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ Freezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักมากเลยครับ
ผมชอบสำนวนในการแต่ง
เพิ่งอ่านเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรก
คงต้องกลับไปอ่าน เรื่องขององค์บัวงาม  คงน่ารักไม่แพ้กัน
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวน่ารักแบบนี้มานะครับ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
 o13 สนุกน่ารักมาก ๆ .......... ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด