พิมพ์หน้านี้ - ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Thichadad3938 ที่ 11-01-2019 09:35:07

หัวข้อ: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 11-01-2019 09:35:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๑ ๑๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 11-01-2019 09:37:12


ภุชงค์เล่นแสง ๐๐


ณ แคว้นการเวก



องค์สิงห์เจ้าหลวงผู้ปกครองแคว้นการเวกทรงมีโอรสสององค์ อันได้แก่ องค์สิน รัชทายาทสืบบัลลังค์ที่เกิดจากพระชายาเมียตบเมียแต่งออกหน้าออกตา แลเจ้าน้อยแสงแรก โอรสองค์เล็กที่เกิดจากนางสนมต่ำศักดิ์ผู้เป็นที่รัก เจ้าแสงแรกแม้นจักเป็นเจ้าน้อย เกิดมามียศฐา บรรดาศักดิ์เป็นถึงโอรสองค์เล็กของเจ้าหลวงแคว้นการเวก หากแต่ชีวิตในวังหลวงหาได้มีความสุข แม้นจักสุขกาย แต่หาได้สบายใจไม่ พระชายา แลพระเชษฐาต่างมารดาทรงจงเกลียด จงชังเจ้าแสงแรก แม้นเป็นเจ้าน้อย แต่กลับถูกปฏิบัติราวข้าหลวงก้นครัว

“มาเสนอหน้ากระไรตรงนี้ ใยจึงมิไปขลุกอยู่ในห้องเครื่องที่ของเจ้า”พระชายาศสาตรัสกระทบกระทั่งเมื่อทรงเสด็จศาลาริมสระหลวง แลพบโอรสอีกองค์ของพระภัสดา

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะพระชายา หม่อมฉันเพียงแต่มารอข้าหลวงเก็บไหลบัวไปทำสำรับพระกายาหารเย็นพระเจ้าค่ะ”

“หึ ไสหัวไปรอที่อื่นเสีย ข้ามิใคร่เห็นหน้าตาอัปลักษณ์ของเจ้า”เพราะดวงพักตร์ที่ถอดแบบแม่ของมันมานั้น ทำให้ทุกคราที่ทอดพระเนตรจึงเจ็บพระทัยราวกับถูกหนามยอก

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์งุด หมอบกราบชายาของพระบิดา ก่อนจักหมอบคลานออกจากศาลาริมสระหลวง

“ข้าชังมันนัก แม่มันตายตกไปแล้วก็ยังมีลูกมันมาเป็นหนามยอกอกข้า”กัดพระทนต์ตรัสอย่างแค้นเคือง แม้นจักเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ พักตร์งดงามราวนางอัปสร เปี่ยมไปด้วยรูป แลทรัพย์ยังมิอาจจักสู้นางข้าหลวงก้นครัวที่ได้พระทัยของเจ้าหลวงไปครอง


.

.

.



“เจ้าน้อย ประเดี๋ยวยี่สุนทำให้พระเจ้าค่ะ”ยี่ส่นบ่าวคนสนิททูล แลยื้อแย่งไหลบัวในพระหัตถ์ของเจ้าน้อย

“เช่นนั้นเจ้าทำไหลบัว ข้าจักไปขูดมะพร้าวทำกะทิ”

“โธ่ เจ้าน้อย ทรงประทับเฉยๆ มิได้หรือพระเจ้าค่ะ ให้ข้าหลวงทำก็ได้นี่พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่ทำเอง เอาเถิดช่วยๆ กันจักได้แล้วไวๆ”ตรัสแล้วก็คว้ามะพร้าวแก่ที่ถูกผ่าครึ่งคว่ำลงบนคมกระต่าย แลออกแรงขูด

“ใยทรงดื้อเช่นนี้พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ เอาน่ายี่สุ่น เร่งมือเข้า เจ้าทำปลาให้ข้าทีเถิด”แย้มพระโอฐษ์ตรัสกับบ่าวคนสนิท ก่อนจักหันมารับสั่งงานกับข้าหลวงสาว

“เพคะ”



เจ้าแสงนำมะพร้าวขูดที่ได้มาผสมน้ำคั้นจนได้น้ำกะทิสีขาวข้นส่งกลิ่นหอมหวาน กรองด้วยผ้าขาวบางก่อนจักน้ำหัวกะทิที่ได้ไปเคี่ยวกับเครื่องแกงที่ชงโคคนสนิทเป็นคนทำจนงวด ใส่เนื้อปลา แลไหลบัวลงไปต้มต่อมินานก็ได้แกงไหลบัวขึ้นสำรับพระกาหารหารเย็นถวายให้พระบิดา พระชายา แลองค์รัชทายาท

“ทูลเจ้าน้อย หม่อมฉันตำน้ำพริกแล้วแล้วเพคะ”

“เยี่ยงนั้นจัดใส่สำรับ แลเอาผักที่ข้าแกะสลักใส่สำรับไปด้วย”

“เพคะ”

“ทูลเจ้าน้อย ขนมพระพายแล้วแล้วเพคะ”

“เยี่ยงนั้นเอากะทิหยอด แลเอาขึ้นสำรับเลยหนา”

“เพคะ”

“ขอบใจพวกเจ้าหนา”เมื่อสำรับพระกายาหารแล้วหมด เจ้าแสงแรกจึงได้ดำเนินนำขบวนข้าหลวงยกสำรับไปที่ตำหนักหลวง



.

.

.



“ทูลเสด็จพ่อ พระชายา แลองค์รัชทายาท สำรับพระกายาหารเย็นแล้วแล้วพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบทูลความ ก่อนที่นางข้าหลวงห้องเครื่องจักนำสำรับถวาย

“แลเจ้าเล่าเจ้าแสง ใยจึงมิมีสำรับของเจ้า”

“หม่อมฉันจักกลับไปกินที่ตำหนักพระเจ้าค่ะ”

“ใยจึงมิมากินกับพ่อเล่าลูก”

“ให้มันกลับไปกินที่ตำหนักก็ดีแล้วเพคะ หากต้องร่วมสำรับกับมันน้องคงสำรอกออกมาเป็นแน่”

“ศสาให้มันน้อยๆ หน่อยเถิด เจ้าแสงเป็นลูกของข้า ใยจึงกล้าพูดเช่นนี้”องค์สิงห์ตรัสอย่างมิพอพระทัย

“ก็น้องพูดจริงนี่เพคะ เห็นหน้ามันน้องก็ใคร่สำรอกแล้ว”

“ข้าหลวง”

“เพคะ”

“ยกสำรับของข้าไปที่ตำหนักเจ้าแสง”

“ฝ่าบาท”พระชายาศสาหวีดพระสุรเสียงมิพอพระทัย

“ข้าจักไปกินกับลูกข้า”

“เสด็จพ่อ”เจ้าแสงครางเสียงแผ่ว

“ไปเถิดเจ้าแสง”ทรงลุก แลดำเนินออกจากตำหนักหลวงทันที

“ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า”ตวาด แลคว้าผักเคียงปาใส่เจ้าแสงจนยี่สุ่น ชงโคต้องถลามาบังนายตนไว้ ก่อนจักพยุงให้ออกจากสนามอารมณ์แห่งนี้

“ไปเถิดพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อย”


.

.

.



“เสด็จพ่อ ทำเช่นนี้จักดีหรือพระเจ้าค่ะ”

“ช่างเถิดเจ้าแสง”

“...”เมื่อทรงตรัสเช่นนี้คงจักแย้งกระไรมิได้

“เมื่อสามวันก่อนพ่อได้รับสานส์จากภุมริกาว่า อีกราวสามวันขบวนเสด็จของเจ้าหลวงภุมรินจักมาถึงแคว้นเรา”

“ทรงมาทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“จักทรงมาทำกระไรเล่า หากมิใช่พี่เจ้าไปก่อเรื่อง ก่อราวเข้า ครานี้คงถึงคราวสิ้นการเวก”ตรัสอย่างท้อแท้ องค์รัชทายาท โอรสองค์โตหาเรื่องหาราวมิเว้นแต่ละวัน แลครานี้เจ้าหลวงต่างแคว้นทรงเสด็จมาถึงแคว้นเช่นนี้ เรื่องคงใหญ่มิน้อย ดีมิดีคงถึงคราวสิ้นช่ื่อการเวกเป็นแน่

“เสด็จพ่อ”

“เอาเถิด อย่างไรเสียก็ต้องเตรียมการต้อนรับให้สมฐานะพระองค์”

“เช่นนั้นลูกจักเตรียมการต้อนรับพระราชอาคันตุกะของเสด็จพ่ออย่างดีพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้ามากเจ้าแสง”แม้นหน้าที่ดูแลเรื่องภายในวังหลวงจักเป็นของพระชายา หากแต่ที่การเวกนี้เจ้าแสงล้วนเป็นคนจัดการทั้งสิ้น แต่หาได้มีอำนาจบารมีไม่


.

.

.



“อีกมิถึงครึ่งวันขบวนเสด็จขององค์ภุมริน แลคณะคงจักถึงวังหลวง”

“.....”

“...ครานี้การเวกคงราบเป็นหน้ากลอง สมใจเจ้าหรือยังเจ้าสิน!!”

“เสด็จพ่อ ใยเราจักต้องกลัวมันหัวหดเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ภุมริกาได้ชื่อว่าเป็นแคว้นที่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่ง แลเจ้ายังกล้าไปทำเรื่องระยำกับเจ้าน้อยบัวงาม แก้วตาขององค์ภุมรินท่าน...แลไหนจักศศิมณฑล เจ้าคิดว่าทั้งองค์ภุมริน แลองค์จันทร์จักปล่อยการเวกให้รอดปลอดภัยเยี่ยงนั้นหรือ เช่นนี้เจ้าก็บอกข้าเถิดว่าเหตุใดเราจึงต้องกลัวหัวหดเช่นนี้!!”องค์สิงห์บริภาษองค์รัชทายาทตนด้วยความกริ้วโกรธ ก่อนจักเสด็จออกจากตำหนักทรงงานกลับตำหนักหลวง


.

.

.



“เสด็จพ่อ ลูกขอเข้าเฝ้าได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เสียงหวานของโอรสองค์เล็กดังขึ้นหน้าพระทวารห้องโถงตำหนักหลวง

“เจ้าแสงเข้ามาเถิดลูก”พระสุรเสียงอ่อนลง

“กราบเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ไหว้พระเถิดเจ้า”

“ลูกเข้าห้องเครื่องทำขนมลืมกลืนมาถวายเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“......”

“เสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“หืม”

“ลูกได้ยินมาว่าวันนี้ขบวนเสด็จจากแคว้นภุมริกาจักมาถึงที่วังหลวง จึงได้จัดเตรียมกายาหารคาวหวานไว้ต้อนรับอาคันตุกะหลายอย่างเทียวพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนาเจ้าแสง เหนื่อยเจ้าแล้วแล”

“มิได้พระเจ้าค่ะ กระไรที่ลูกช่วยได้ลูกก็เต็มใจจักช่วยพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่างเหมือนมารดาของเจ้านัก เสียดายที่นางมิมีโอกาสได้อยู่เคียงข้างข้า มองดูเจ้าเติบโตอย่างงดงาม”

“.....”

“ประจบประแจงเก่งได้แม่เจ้านักหนาเจ้าแสง”สุรเสียงหวานของพระชายาศสา ดังขัดบทสนทนาของสองพ่อลูก

“ถวายพระพรพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบสตรีผู้เป็นชายาของบิดาตน




องค์สิงห์นั้นเดิมทีรักใคร่อยู่กับนางข้าหลวงห้องเครื่องตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งการเวก หากแต่ถูกบังคับให้ตบแต่งกับบุตรีของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ด้วยเรื่องการเมือง จนมีองค์รัชทายาท นั่นก็คือ องค์สิน จากนั้นจึงได้แต่งตั้งหญิงอันเป็นที่รักขึ้นเป็นสนมเอกเป็นรองมารดาเจ้าสินแค่ขั้นเดียวเท่านั้น มินานนางข้าหลวงห้องเครื่องก็ให้กำเนิดโอรสให้องค์สิงห์ แต่หาได้สมชายชาตรีไม่ เมื่อเจ้าแสงมีอายุได้เพียงขวบเศษมารดาก็เสียชีวิตลง เนื่องจาก ร่างกายอ่อนแอจากการคลอดบุตร เจ็บออดๆ แอดๆ มาร่วมปีจึงได้สิ้นใจทิ้งลูก ทิ้งผัว มีข่าวลือว่านางถูกลอบวางยาพิษจากพระชายา แต่ก็หาได้มีใครกล้าพูดไม่ เนื่องด้วย รักตัวกลัวตายกัน องค์สิงห์รักใคร่เอ็นดูเจ้าแสงเป็นอย่างมาก ทรงเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน เป็นโซ่ทองคล้องใจของพระองค์กับนางอันเป็นที่รัก เป็นสิ่งมีค่าที่นางทิ้งไว้ให้พระองค์ องค์สิงห์จึงดูแล รักใคร่เจ้าแสงมาก แต่นั่นก็ทำให้พระชายา แลองค์รัชทายาทมิใคร่ชอบใจเจ้าแสง หาเรื่องกลั่นแกล้ง เจ้าแสงหรือก็แสนดีถูกรังแกเยี่ยงไรก็มิปากฟ้องบิดา อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตน ทั้งวังหลวงกว้างใหญ่เจ้าแสงมีสหายอยู่สองคน หรือก็คือคนสนิทที่คอยรับใช้ดูแลตนนั่นแล

“จักไปห้องเครื่องทำกายาหารต้อนรับอาคันตุกะของฝ่าบาทมิใช่หรือ แลใยยังจักมานั่งเสนอหน้าอยู่นี่”

“...ยะ เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวพระเจ้าค่ะ กราบลาเสด็จพ่อ ทูลลาพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักค่อยๆ คลานเข้าออกไป

“คงจักถนัดงานก้นครัวเหมือนแม่มัน ต่ำ”บริภาษตามหลังร่างอรชร

“...ข้าก็มิรู้เหมือนกันว่าปากของเจ้ากับเวจสิ่งใดจักสกปรกกว่ากัน”เมื่อลับร่างเจ้าแสง องค์สิงห์จึงหันมาตรัสกับชายา พลางเสด็จหนีไปที่อื่น

“ฝ่าบาท!!!”กรีดร้องอย่างคับแค้นใจ


.

.

.




เจ้าแสงขลุกอยู่ในห้องเครื่องรังสรรค์พระกายาหารคาวหวานเพื่อต้อนรับอาคันตุกะต่างบ้านต่างเมืองเสียจนเหงื่อไหลตามกรอบพระพักตร์หวาน

“ซับพระเสโทสักหน่อยหนาพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”ชงโค คนสนิททูลพลางใช้ซับพระพักตร์ที่อบบุหงารำไปจนหอมซับตามพระพักตร์งาม

“ขอบใจจ้ะชงโค”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ทูลเจ้าน้อย ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น คนสนิทอีกคนของเจ้าน้อยแสงรีบรี่เข้ามาทูลนายตน

“ยี่สุ่นวิ่งเข้ามาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ประเดี๋ยวชนข้าวของเสียหายเข้าดอก ดีมิดีจักเจ็บตัวเอาหนา”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นรีบมาทูลความแก่เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“ว่ามาเถิด”

“ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”

“...เยี่ยงนั้น พวกเจ้าก็เร่งมือกันหน่อยเถิด ประเดี๋ยวคณะอาคันตุกะที่มาเยือนท่านจักรอเอา”

“เพคะเจ้าน้อย”เหล่าข้าหลวงห้องเครื่องรับพระบัญชา พลางเร่งมือ


.

.

.



 “กระไรกัน ป่านนี้แล้วสำรับยังมิแล้วอีกหรือ”พระชายาเสด็จมาห้องเครื่อง ทำเอาเจ้าแสง แลเหล่าข้าหลวงต้องวางมือจากงานตรงหน้าแลรุดหมอบกราบ

“ใกล้แล้วแล้วพระเจ้าค่ะพระชายา”

“ชักช้านัก...แลก็มิต้องพาสารรูปมอมๆ ของเจ้าออกไปให้คณะอาคันตุกะทอดพระเนตรเสียล่ะ ไว้พระพักตร์เจ้าหลวง แลข้าเสียด้วย”

“...พระเจ้าค่ะ”

“....”สะบัดพระพักตร์ สาวพระบาทออกจากห้องเครื่องอย่างรังเกียจรังงอน

“เจ้าน้อย มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ”

“ข้ามิเป็นไรดอก เร่งมือเข้าเถิด”


.

.

.



“สำรับแล้วหมดแล้ว เจ้าน้อยทรงเสด็จกลับตำหนักพักผ่อนเถิดเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมพวกฉันจักทำที่เหลือเองหนาเพคะ”

“...เยี่ยงนั้นรบกวนพวกเจ้าแล้วหนา”

“มิได้เพคะ”

“เจ้าน้อยเสด็จกลับตำหนักเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉัน แลยี่สุ่นจักเตรียมอ่างทรงลอยดอกมัลลิกาหอมๆ ให้”ชงโคว่า

“จ้ะๆ...เยี่ยงนั้นข้าไปก่อนหนา”

“เพคะเจ้าน้อย”หมอบกราบ ส่วนเจ้าแสงก็เสด็จกลับตำหนักตนโดยมีคนสนิททั้งสองขนาบข้างมิห่าง


.

.

.



“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ทรงเสด็จมาเยือนถึงการเวก”องค์สิงห์ตรัสพร้อมค้อมพระเศียรให้องค์ภุมริน

“มิได้ๆ..หากแต่พระองค์คงจักทราบแล้วว่าหม่อมฉันมาเยือนการเวกด้วยสาเหตุใด”

“...พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”

“หึ..ดีพ่ะย่ะค่ะ”

“..ทรงมาเหนื่อยๆ พักผ่อนก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเตรียมตำหนักรับรองให้แล้ว ทรงพักสรงน้ำให้คลายเหนื่อยเสียก่อนค่อยเสด็จรับพระกายาหารเย็นด้วยกันเถิดพ่ะย่ะค่ะจักได้พูดคุยกัน”

“ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้น...”

“หม่อมฉันได้เตรียมตำหนักรับรองให้พระองค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ...หากแต่คงจักต้องให้องค์รัชทายาทภุชงค์พักตำหนักเดียวกับองค์ภุมริน แลองค์จันทร์พำนักอยู่ตำหนักข้างเคียงพ่ะย่ะค่ะ”ยังมิทันที่องค์สิงห์จักตรัสจบ องค์รัชทายาทสินก็ตรัสแทรกขึ้นอย่างไรมารยาท

“เจ้าว่ากระไรเจ้าสิน ก็ข้า...”

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันจัดเตรียมไว้แล้วก็ตามนี้เถิด หวังว่าองค์ภุมรินจักมิว่ากันหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“มิเป็นไร ข้าพักกับเจ้าภุชงค์ได้ อันที่จริงจักให้พวกข้าพักตำหนักเดียวกันทั้งสามคนก็ย่อมได้ มิได้มีปัญหาอันใด”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ..ตามนี้เหมาะสมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้น...ขอบใจพวกท่านมากที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”


.

.

.



ค่ำนี้มีเพียงองค์สิงห์ พระชายา แลองค์สินเท่านั้นที่ร่วมต้อนมื้อกายาหารรับอาคันตุกะทั้งสามพระองค์

“ตามสบายหนาพ่ะย่ะค่ะ”องค์สิงห์ตรัสเมื่อข้าหลวงนำสำรับถวายแด่อาคันตุกะทั้งสามพระองค์แล้ว

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”พูดคุยกันเพียงมิกี่คำก็เริ่มเสวยพระกายาหาร องค์สิงห์เหลือบพระเนตรขึ้นมองก็เห็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ดูท่าจักพอพระทัยสำรับพระกายาหารอยู่มิน้อยเลย

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ สำรับถูกพระโอษฐ์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“พ่ะย่ะค่ะ รสมือแม่ครัวของการเวกเป็นเลิศนัก”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ แต่สำรับทั้งหมดนี่หาใช่ฝีมือแม่ครัวห้องเครื่องไม่”

“.....”

“หากแต่เป็นฝีมือเจ้าแสงแรก บุตรคนเล็กของหม่อมฉัน เจ้าน้อยแห่งการเวกพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าน้อยแสงแรกหรือพ่ะย่ะค่ะ..จริงสิ ตั้งแต่มา ข้ายังมิเห็นหน้าค่าตาของเจ้าน้อยแสงแรกเลยหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“ต้องขออภัยองค์ภุมริน ที่เสียมารยาทพ่ะย่ะค่ะ...หากแต่เจ้าแสงลงครัวทำสำรับถวายตั้งแต่บ่าย หม่อมฉันจึงได้ให้ลูกไปพักพ่ะย่ะค่ะ หากแต่วันพรุ่งหม่อมฉันจักพาเจ้าแสงมากราบพระองค์แน่พ่ะย่ะค่ะ”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพียงใคร่อยากรู้จักเจ้าน้อยเพียงเท่านั้น”


.

.

.



“องค์รัชทายาท”เจ้าแสง แลคนสนิททั้งสองทรุดหมอบกราบองค์รัชทายาทที่ดำเนินมาดักหน้า ขณะที่นาย แลบ่าวทั้งสามกำลังมุ่งหน้าไปที่สวนพฤกษา

“จักไปไหนหรือเจ้าแสง”พระสุรเสียงอ่อนโยนผิดแผกไปจากเดิมทำเอาเจ้าแสงชะงัก

“...หม่อมฉันจักไปเก็บดอกแก้วมาลอยน้ำฝนพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ....”

“.....”

“เจ้าแสง..หากพี่จักวานกระไรน้องสักหน่อยจักได้หรือไม่”เจ้าแสงนิ่งชะงัก ตั้งแต่เกิดมามิมีสักคราที่องค์รัชทายาทจักนับญาติกับเจ้าแสงว่าเป็นพี่เป็นน้อง หากแต่บัดนี้กลับแทนตนเองว่าพี่

“พ พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าแคว้นเรามีอาคันตุกะมาเยือน”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากมิใช่เจ้าที่มีสายเลือดของเสด็จพ่อ พี่ก็มิไว้ใจใคร”

“จักให้หม่อมฉันทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่วยนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ เจ้าหลวงแคว้นศศิมณฑลที่ตำหนักรับรองหน่อยเถิด พี่นำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์ภุมริน แลองค์รัชทายาทภุมริกาด้วยตนเองมาแล้ว หากแต่เสด็จพ่อมีรับสั่งให้พี่เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เช่นนั้นขอแรงน้องนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ท่านทีเถิด”

“.....”

“..ได้หรือไม่เจ้าแสง”พระสุรเสียงเข้มบีบบังคับกลายๆ

“พระเจ้าค่ะ”

“ดี...เอาสำรับน้ำจัณฑ์ให้เจ้าน้อยเสียสิ”รับสั่งองค์รักษ์ประจำพระองค์ให้นำพานทองเหลืองบรรจุกา แลจอกน้ำจัณฑ์ให้เจ้าแสง

“ประเดี๋ยว พวกเจ้าจักแห่ตามไปเพื่อการใด...มิต้องตาม เกรงพระทัยองค์จันทร์ท่านบ้างเถิด วังหลวงหรือก็มีทหารยาม แลข้าหลวงเดินกันให้ควั่ก มิมีใครกล้าทำกระไรเจ้าน้อยดอก”

“..ตะ แต่”

“ข้าบอกว่ามิต้องตามเยี่ยงไรเล่า ขัดรับสั่งข้าใคร่อยากถูกโบยหรืออย่างไร”ตวาดจนชงโค แลยี่สุ่นตัวลีบ ตัวสั่น

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ..ชงโค แลยี่สุ่นไปเก็บดอกแก้ว แลกลับไปรอข้าที่ตำหนัก”

“เจ้าน้อย..”

“..ไปเถิด มิเป็นไร”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักคลานเข้าออกไป

“เยี่ยงนั้น หม่อมฉันขอตัวหนาพระเจ้าค่ะ”

“ไปเถิด ขอบใจเจ้ามากหนาเจ้าแสง...ปรนนิบัติองค์จันทร์ท่านให้ดีล่ะ”

“.....”เจ้าแสงนิ่งงันอย่างสงสัยในคำตรัสนั้น

“ไปเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักประคองพาสำรับน้ำจัณฑ์ไปทางตำหนักรับรอง

“.....ขอบใจหนาเจ้าแสง...ที่ช่วยข้าแก้แค้นพวกมัน ฮึๆ ฮ่าๆๆๆ”

มันคงจักมิมีกระไร หากในกาน้ำจัณฑ์นั้นมิได้ผสมหญ้าเสน่ห์ลงไป ครานี้ละนอกเสียจากจักทำให้เจ้าบัวงามเจ็บช้ำน้ำใจแล้ว ยังได้ทำลายเจ้าแสงน้องนอกไส้ที่พระองค์ แลมารดาเกลียดแสนเกลียดอีก


.

.

.



“แปลกเสียจริง...ใยจึงมิมีองครักษ์ คอยอารักขาเจ้าหลวงท่านเลยหนา รอบตำหนักรับรองมีเพียงกลุ่มควันคบเพลิงลอยกรุ่น แลทหารยามที่มีอยู่บางตาเท่านั้น เจ้าแสงกระชับผ้าคลุมไหล่ให้มิดชิด ก่อนจักก้าวเข้าไปใกล้พระทวาร

“ทูลฝ่าบาท องค์สินให้หม่อมฉันนำสำรับน้ำจัณฑ์มาถวายพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ย

“...เอาเข้ามา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงผลักบานประตูให้เปิดออกก่อนจักประคองพานสำรับน้ำจัณฑ์เข้าไปในห้องบรรทม หมอบกราบอ่อนช้อยมิให้ขายหน้าเสด็จพ่อ แลแคว้นการเวก

“ปิดประตูด้วยสิเจ้า ประเดี๋ยวมดแมงก็เข้ามากันพอดี”

“...พระเจ้าค่ะ”

“องค์สินให้เจ้านำสำรับน้ำจัณฑ์มาให้ข้าเยี่ยงนั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“อืม..เยี่ยงนั้นเจ้าก็รินให้ข้าทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”


.

.

.



ปั่ก!!



“ฮึก..อึก”

“..ฝะ ฝ่าบาทเป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ”

“อึก..ร้อน อ่า ขะ ข้า ระ ร้อน”

“ระ ร้อนหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหันรีหันขวางก่อนจักคว้าพัดหางนกยูงบนโต๊ะเครื่องพระสุคนธ์มาพัดให้ชายสูงศักดิ์

“อ่า..ฮึก”

“เป็นเช่นไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“...ในน้ำจัณฑ์มีกระไร”พระสุรเสียงตรัสกระท่อนกระแท่น

“..หา..”

“..เจ้า..ใส่กระไร..ในน้ำจัณฑ์!!”

“มิได้พระเจ้าค่ะ!!”

“ฮึก..”

“หม่อมฉันมิรู้เรื่องว่าในน้ำจัณฑ์มีกระไร”เจ้าแสงส่ายหน้าพลางกระถดกายหนี เมื่อชายสูงศักดิ์ทรงลุกจากพระแท่นบรรทมดำเนินมาที่ตน

“อ่า..”

“อ๊ะ”พระหัตถ์ร้อนคว้าที่ต้นแขนนุ่มทั้งสองข้าง ก่อนจักคว้าร่างบางลากไปที่พระแท่นบรรทม เหวี่ยงร่างแน่งน้อยลงบนพระยี่ภู่

“อั่ก...”เจ้าแสงกุมท้องด้วยความจุก หากแต่มิทันได้ตั้งตัวก็ถูกพระวรกายกำยำคร่อมเสียแล้ว พระหัตถ์จับตรึงข้อหัตถ์เล็กไว้กับพระยี่ภู่

“จะ จักทรงทำกระไร ปล่อยหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”

“..ฮึก..”

“อ๊ะ...”เจ้าแสงหวีดร้องเมื่อถูกทึ้งผ้าคลุมไหล่ แลผ้าแถบที่นุ่งอยู่ออกจากตะกรุมตะกราม หน้าอกถูกบีบเค้นเสียเป็นรอยแดง เจ้าแสงที่มิเคยต้องมือชายใดได้แต่นอนไร้เรี่ยวแรงให้ชายสูงศักดิ์ย่ำยี

“มะ อื้อ...”ริมฝีปากนุ่มที่ร้องห้ามปรามถูกพระโอษฐ์ร้อนครอบครอง ดูดดึง พลางสอดพระชิวหาพลิกพลิ้ว ทรงบีบเค้นกายขาวเสียจนช้ำ

“อ่า...”







ตอนแรกๆ อาจจะซ้ำกับในบัวหลงจันทร์นะคะ เผื่อคนที่ไม่เคยอ่านบัวหลงจันทร์ จะได้ไม่ต้องไปย้อนอ่าน แต่ถ้าอยากรู้ปมต้นเรื่องก็คงต้องย้อนไปอ่าน แหะๆ ขอบคุณทุกคนที่รอติดตามค่ะ

หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๑ ๑๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 11-01-2019 11:10:53
เรื่องของภุชงค์กับเจ้าแสงแยกมาเป็นเรื่องของตัวเอง :mew3: รออ่านเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ รอตอนหน้าจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๑ ๑๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 11-01-2019 11:24:43
มารอเจ้าน้อยแสงแรกกับแฝดพี่ภุชงค์ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๑ ๑๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-01-2019 12:36:38
มารอค่ะ :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๑ ๑๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-01-2019 16:32:32
มารอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 14-01-2019 12:50:51






ภุชงค์เล่นแสง ๐๒



“อ่า...”พระสุรเสียงพร่าครางเครือในพระศอ พระหัตถ์ปัดป่ายไปทั่วร่างนุ่มนิ่มทิ้งรอยพระองคุลี พระนาสิกซุกไซร้เม็ดบัวสีหวาน สูดดมกลิ่นดอกแก้วที่เจือติดฉวีขาว ชิวหาร้อนแตะลงบนจุกเล็กดูดดึงราวทารก

“ฮึก ฮือ ปล่อยหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”หัตถ์เล็กปัดป้องตนเองจากสัมผัสจาบจ้วง

“อืม”หากแต่ชายผู้สูงศักดิ์เพลานี้พักตร์มืด เนตรมัวจนมิอาจรู้ผิดชอบชั่วดี จิตสำนึกรู้เพียงว่าจักต้องสัมผัส แลเป็นเจ้าข้าวเจ้าของร่างบอบบาง หอมกรุ่นกลิ่นแก้วใต้ร่างตนให้มากกว่านี้

“ฮือ ได้โปรดเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าเสียงปล่อยเสียงไห้โฮ เมื่อผ้าโจงผืนงามถูกดึงออกจากเรียวขาตน ฝ่าพระหัตถ์ร้อนชื้นพระเสโทลูบไล้ซอกขาขาว แลก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มกลีบแก้วพลางบีบเค้นด้วยความหลงใหล ขยับพระวรกายลงฝังพักตร์กับกึ่งกลางหว่างขาเรียว พระนาสิกสูดกลิ่นหอม แลแตะพระชิวหาลงบนเกสรยอดแก้วที่สั่นระริก กลืนกลิ่นโดยมิสนเสียงร่ำไห้ของน้องแม้แต่น้อย

“อ่า”ขบกัดหน้าขาขาวทิ้งรอยแดง พระดรรชนีกร้านลูบไล้กลีบแก้วบอบบางด้านหลังที่ปิดสนิท ถมพระเขฬะใส่พระดรรชนีองค์เองก่อนจักดุนดันก้านพระดรรชนียาวให้ชำแรกเข้าไปในกลีบแก้ว

“อ๊า”เจ้าแสงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด กลีบแก้วบอบบางที่มิเคยถูกภมรภู่เชยชม ถูกก้านพระองคุลียาวชำเราจนช้ำ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม ในขณะที่พระโอษฐ์ก็แทะเล็มเม็ดบัวช้ำมิหยุด

“อืม หวานนัก”ตรัสพระสุรเสียงพร่า ถอนพระองคุลีออกจากกลีบแก้วชอกช้ำ ยันพระวรกายขึ้นประทับแก้ผ้าโจงขององค์เองออก เจ้าแสงทอดพระเนตรเห็นทางหนีทีไล่ จึงออกแรงผลักพระอุระกว้างออก ก่อนจักยันกายลุกวิ่งโซซัดโซเซไปยังพระทวาร หากแต่นกน้อยปีกหักจักไวสู้นายพรานคลั่งได้อย่างไร พระกรแกร่งรวบร่างบางจากด้านหลังเหวี่ยงน้องน้อยไปติดบานพระทวาร ก่อนจักตามไปทาบทับ พระวรกายสูงกำยำกักขังร่างเล็กไว้ในอ้อมพระกร พระหัตถ์จับยึดพักตร์งามนองน้ำตาไว้มั่นก่อนจักบดพระโอษฐ์เคล้าคลึงกลีบป่ากอิ่มจนปริแตกได้รสเลือด

“อึก อือ แค่กๆ”หัตถ์น้อยทุบตีพระอุระแกร่ง เมื่อคนด้านบนถอนพระโอษฐ์ออกเจ้าแสงก็สำลักอากาศจนพักตร์ดำ พักตร์แดง

“อืม”จิกกลุ่มผมหนานุ่มจนเจ้าแสงพักตร์หงาย โอษฐ์ร้อนแนบลงบนซอกคอขาวชื้นเสโท

“อ๊ะ อื้อ อะ อ๊า”เจ้าแสงหวีดร้องอีกครา เมื่อถูกอุ้มขึ้นเรียวขาทั้งสองข้างถูกจับให้เกาะเกี่ยวพระกฤษฎีสอบ พระขนองเล็กพิงบานพระทวาร รับรู้ได้ถึงความร้อนระอุของสิ่งที่หวาดกลัวที่กลีบแก้วช้ำของตน ก่อนดวงเนตรงามจักหลับแน่น เมื่อกลีบแก้วถูกล่วงล้ำ

นชาเล็กจิกอังสะกว้างจนได้เลือด ทั้งจิก ทั้งข่วนจนเพลานี้ทั้งคนกระทำ แลคนถูกกระทำชอกช้ำมิต่างกัน

“อืม”พักตร์งามซบลงบนลาดอังสะเล็ก พระโอษฐ์แนบจูบฉวีขาว ในขณะที่พระกฤษฎีก็ขยับเสียดสีเข้าออก พระกรทั้งสองข้างโอบกอดประคองกฤษฎีบาง

“อึ๊ อือ”เจ้าแสงกลั้นสุรเสียงหวาน กายบางโยกคลอนจากแรงกระแทกกระทั้น หยาดโลหิตจากแผลปริขาดกลายเป็นตัวช่วยชั้นดีของทั้งคู่ เสโทไหลอาบสองพระวรกายจนชุ่มโชก

“อืม อ่า”ลำพังฤทธิ์หญ้าเสน่ห์มิได้ทำให้ชายสูงศักดิ์ลุ่มหลงมัวเมาได้เท่ากลิ่นแก้วหอมหวานจากกายบาง พักตร์งามเงยขึ้นจากลาดอังสะเล็ก สบพระเนตรกับนัยน์ตาหวานชุ่มน้ำ แนบพระโอษฐ์เคล้าคลึงป้อนจุมพิตหวานร้อนเร่าให้น้องน้อย

“อะ อ๊ะ”เจ้าแสงหลับเนตรแน่นเมื่อเกสรดอแก้วฉีดพ่นนน้ำหวานออกมาเต็มพระอุทรแกร่งต็มไปด้วยกล้ามพระมังสา

“อื้ม”ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อถูกน้ำหวานอุ่นร้อนรินรดพระอุทร ก็โอบกฤษฎีบางให้แนบชิดยิ่งขึ้น แลออกแรงกระทั้นเร็วขึ้น เจ้าแสงผวากอดรอบพระศอจิกเกร็งปลายเท้าแน่น นัยน์เนตรที่หลับ เบิกโพล่งเมื่อพิษภุชงค์สาดรดกลีบแก้วช้ำ แม้ไม่ประสา หากแต่ตามสัญชาตญาณก็ย่อมรู้ได้ว่ากระไรเป็นกระไร เหล็กในร้อนระอุถูกถอนออกจากกลีบแก้วช้ำ ทรงอุ้มกระเตงร่างอ่อนแรงไปยังพระแท่นบรรทม พระหัตถ์ดันขาเรียวจนชิดอุระขาว ชำแรกเหล็กในเข้าไปอีกคราเรียกเสียงหวีดร้องสั่นเครือ

“อื้อ”เจ้าแสงจิกทึ้งผ้าบรรจถรณ์จนแทบขาดคาหัตถ์ ร่างอรชรถูกพระวรกายกำยำทาบทับเสียจนมิด เรียวขาขาวของเจ้าแสงถูกจับพาดพระพหุ พระกรกำยำท้าวคร่อมกฤษฎีบาง โน้มพักตร์จูบหอมทั่วดวงพักตร์หวาน ปลายพระดรรชนีเกี่ยวพันปลายเกศานุ่มชื้นเสโทหอมกลิ่นแก้วขึ้นสูดดม พระโสณีสาวเข้าออก โอษฐ์ร้อนครอบลงบนจุกเล็กดูดดึงปาดเลียจนเจ้าแสงหน้าม้าน เงาของสองร่างไหวโยกล้อแสงเทียนอยู่บนผนัง หยอกเย้ากันทั้งราตรี



.

.

.



“ฮึก อ่ะ อ๊ะ...อ๊า”เป็นเพลาย่ำรุ่งแล้ว หากแต่เจ้าแสงก็ยังมิอาจหลุดออกจากวงพระกรของชายสูงศักดิ์ได้ ดวงเนตรงามหลับแน่นทุกคราที่พระโอษฐ์ร้อนขบกัดมอบรอยช้ำให้ติดผิวกายขาว ช่องทางช้ำถูกย่ำยี บดขยี้เสียจนแทบไร้ความรู้สึก เรียวขาไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างถูกรั้งให้เกาะเกี่ยวพระกฤษฎีสอบ แรงกระทั้นทำให้ร่างบอบบางของเจ้าแสงไถลขึ้นลง แผ่นหลังบางเสียดสีกับพระบรรจถรณ์จนแดงระเรื่อ หัตถ์เล็กจิกกำผ้าคลุมพระองค์จนแทบขาดติดหัตถ์

“อ่า...อืม”พระสุรเสียงคำรามฮึ่มในพระศอ พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอหอม พระชิวหาปาดเลียเม็ดเหงื่อที่ผุดตามผิวเนื้อนุ่ม พระกรกอดรัดร่างข้างใต้แนบพระวรกาย

“ฮึก อ่ะ อ๊ะ อ๊ะ พะ พอแล้ว อื้อ อ๊ะ อ๊าาาา”เจ้าแสงเกร็งกระตุก น้ำตาร้อนไหลอาบปรางซีด สะอื้นเสียงแผ่ว

“อึก..อ่ะ อาาาา”พระพักตร์งามเหยเก พระโสณีสอบกระตุกบดแนบกายบาง หยาดธารระลอกสุดท้ายสาดซัดใส่เจ้าแสงจนเอ่อล้น หยดไหลลงบนคลุมพระบรรทมปะปนกับโลหิตสีคล้ำ

“ฮึก...ฮือ”สะอื้นไห้ สิ้นแล้วศักดิ์ศรีเจ้าน้อยแห่งการเวก ถูกย่ำยีจนบอบช้ำทั้งกาย แลใจ



.

.

.



ปัง!!!



“เจ้าแสง!!!”



พระสุรเสียงที่ลั่นชื่อตนออกมาทำให้เจ้าแสงสะดุ้ง ดวงเนตรงามบวมช้ำแห้งผากค่อยๆ ปรือขึ้น เมื่อตื่นเต็มตาน้ำตาก็รื้นจนไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดรุมเร้าเสียจนขยับมิได้ แม้จักเปล่งเสียงขานรับยังมิมีเรี่ยวแรง กายบอบช้ำถูกคลุมพระองค์คลุมมาถึงอก ปกปิดยอดถันแดงช้ำอย่างหมิ่นเหม่ กฤษฎีบางถูกท่อนพระกรหนักกอดก่าย ชายสูงศักดิ์บรรทมมิได้สติ พระพักตร์งามซีดเซียว พระวรกายร้อนอย่างให้รู้ว่าจับไข้มิต่างจากเจ้าแสง



พลั่ก!!!



พระบาทขององค์สิงห์กระแทกเข้าที่พระปรัศว์ของหนุ่มรุ่นลูก จนกลิ้งตกพระแท่นบรรทม พระวรกายกำยำล่อนจ้อนเดือนร้อนยี่สุ่น ชงโคต้องหาผ้าผ่อนมาคลุมพระวรกายกันอุจาดตา

“เจ้าแสงลูกพ่อ..โธ่ คนดีของพ่อ”องค์สิงห์ค่อยๆ ประคองลูกรักเข้าในวงพระกร พระหัตถ์สั่นระริกมิกล้าแตะต้องราวกับกลัวลูกน้อยจักแตกสลาย

“สะ..เด็จ..พ่อ ฮึก”ริมฝีปากบางแห้งแตกซีดเซียวเบะออก เสียงหวานแหบแห้งแทบมิได้ยิน

“ชู่ว มิเป็นไร มิเป็นไรหนาลูก พ่ออยู่นี่แล้วหนาคนดี มิต้องกลัวหนาเจ้า”

“ฮึก..ลูก..เจ็บ..พระ..เจ้า..ค่ะ..ฮึก”

“นิ่งเสียลูก มิไห้หนาเจ้า...ชงโคตามหมอหลวงไปที่ตำหนักเจ้าน้อย ส่วนยี่สุ่นตามข้า แลเจ้าน้อยกลับตำหนัก”

“พระเจ้าค่ะ”

“พะเจ้าค่ะ”



องค์สิงห์จัดคลุมพระองค์ให้มิดชิดก่อนจักช้อนร่างลูกขึ้นแนบพระอุระอย่างทะนุถนอม พระโอษฐ์กดที่หน้าผากร้อนผ่าวเบาๆ อย่างปลอบโยน

“เกิดกระไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากตำหนักรับรองที่จัดไว้ให้ชามาดาของตน ก็รีบรุดมาทันที

“.....”องค์สิงห์ทำเพียงจ้องพระพักตร์เจ้าหลวงต่างแคว้น ก่อนจักอุ้มลูกออกไปโดยมิกล่าวอันใด

“เกิดกระไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ข้าก็มิรู้เช่นกัน เข้าไปดูเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ภุชงค์!!!!”

“เจ้าภุชงค์”

“ภุชงค์ลูก เกิดกระไรขึ้น”



องค์ภุมริน แลองค์จันทร์ที่ก้าวพระบาทเข้ามาในห้องบรรทมของตำหนักรับรองก็ตกพระทัย รีบสาวพระบาทไปช่วยกันพยุง ’องค์รัชทายาทภุชงค์’ ที่นอนกองอยู่บนพื้นมีผ้าคลุมตั้งแต่พระเศียรลงมาถึงข้อพระบาท โผล่มาให้เห็นเพียงนิ้วพระบาท

“เกิดกระไรขึ้นลูก”เจ้าหลวงสองแคว้นช่วยกันพยุงองค์รัชทายาทขึ้นนอนบนพระยี่ภู่

“...ลูกถูกวางยาพ่ะย่ะค่ะ”

“หา..วางยาหรือเจ้า”

“...พ่ะย่ะค่ะ”

“เป็นอย่างที่คิดไว้พ่ะย่ะค่ะ”

“..ไอ้สิน!!”ตรัสพระสุรเสียงลอดไรพระทนต์



.

.

.



“เสด็จพ่อว่าองค์สินคิดการใดอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเข้ามาในตำหนักรับรองที่การเวกจัดเตรียมไว้ให้ก็เอ่ยปากตรัสถามบิดา

“นั่นสิ แยกองค์จันทร์ออกไปเช่นนี้คิดการใดอยู่”

“หากแต่คงเป็นเรื่องมิดีเป็นแน่”

“พ่อเองก็คิดเช่นเจ้า เจ้าภุชงค์”

“เห็นทีเราคงต้องบอกองค์จันทร์ให้ระวังองค์เองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม”

.

.

.

“เช่นนั้นองค์จันทร์เสด็จมาพักตำหนักเดียวกับเสด็จพ่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักไปอยู่ตำหนักนั้นแทนองค์จันทร์เองพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้หารือกันแล้ว เจ้าภุชงค์ก็เสนอตัวสลับตำหนักกับภัสดาน้อง

“มันอันตรายเกินไปหรือไม่เจ้าภุชงค์”องค์จันทร์ปราม

“หากแต่มิทำเช่นนี้เราคงจักมิรู้ว่าองค์สินคิดการใดอยู่ หม่อมฉันคิดว่าคงไม่ร้ายแรงดอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะดูท่าองค์สิงห์จักเกรงพระทัยเสด็จพ่ออยู่มาก”

“.....”

“.....”

“มิต้องห่วงหม่อมฉันหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ระวังองค์เองด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

.

.

.



เมื่อพระกายาหารค่ำแล้วเสร็จ องค์จันทร์ แลเจ้าภุชงค์ก็ลอบสลับตำหนักกันอย่างมิให้คนของการเวกได้รู้ตัวทัน เจ้าภุชงค์ทรงเข้าประทับอยู่ในห้องบรรทม โดยมีรับสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์ แลทหารติดตาม คอยอารักขาอยู่ห่างๆ เพื่อมิเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น



.

.

.



ทางด้านชงโค แลยี่หุบ เมื่อเพลาผ่านไปนานโข หากแต่ผู้เป็นนายยังมิเสด็จกลับตำหนักก็รีบรุดออกไปตาม แต่เมื่อเปิดบานประตูตำหนักออกไปกลับพบทหารสี่นายยืนเฝ้าอยู่

“จักไปไหนหรือ”

“ข้าจักไปตามเจ้าน้อย นานแล้วยังมิเสด็จกลับตำหนัก”

“หากแต่องค์รัชทายาทมีรับสั่งห้ามมิให้พวกเจ้าออกนอกตำหนักเป็นอันขาด”

“หา...หากแต่นี่ก็ดึกโขแล้ว ข้าจักไปตามเจ้าน้อย”

“มิได้”

“ถอยไปประเดี๋ยวนี้หนา”

“กลับเข้าไปเสีย”

“ข้ามิเข้าไป เจ้านั่นแลที่จักต้องถอยไป”

“..ข้ามิอยากใช้กำลังกับพวกเจ้าดอกหนา กลับเข้าไปเสียเถิด”

“.....”

“หากมิอยากเจ็บตัวก็เข้าไปเสีย”

“อ๊ะ”สิ้นเสียงข่มขู่ร่างบางทั้งสองก็ถูกผลักเข้าไปในตำหนักเสียจนล้มจ้ำเบ้า



ปัง



ประตูตำหนักถูกปิด แลลงกลอนจากด้านนอก เป็นอันว่าชงโค แลยี่สุ่นถูกขังไว้ในตำหนักเสียแล้ว กว่าที่ประตูตำหนักจักเปิดออกก็ย่ำรุ่ง เมื่อออกจากตำหนักได้คนสนิททั้งสองก็เร่งฝีเท้าไปที่ตำหนักหลวงเข้าเฝ้าเจ้าหลวงทูลความทันที องค์สิงห์เมื่อได้ฟังความจากคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงก็รุดออกจากตำหนักเสด็จไปยังตำหนักรับรองทันที พระพักตร์ขึงขัง ทรงกริ้วเสียจนแม้แต่พระชายายังมิกล้าปาก ทำได้เพียงส่งสายพระเนตรเชือดเฉือนให้ยี่สุ่น แลชงโค เจ้าตัวน้อยทั้งสองหลบพระเนตรพลางวิ่งตามเจ้าหลวงไปติดๆ



.

.

.



เพี๊ยะ!!!



พระหัตถ์ของเจ้าหลวงการเวกฟาดกระทบพระปรางขององค์รัชทายาทตนมิออมแรงจนพระพักตร์งามหัน

“ฝ่าบาท!!!”พระชายาหวีดร้องพระสุรเสียงแหลม พลางรุดมาดูโอรสตน หัตถ์บางประคองพักตร์ลูกอย่างทะนุถนอม

“เสด็จพ่อตบหม่อมฉันหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เออ!!! เจ้าทำได้อย่างไรเจ้าสิน เจ้าแสงเป็นน้องเจ้าหนา!! ใยจึงส่งน้องไปให้ชายอื่นย่ำยีเยี่ยงนี้!!!!!”

“มันมิใช่น้องหม่อมฉัน!!!! หม่อมฉันเกลียดมัน ก็สมแล้วที่โดนย่ำยีเสียจนย่อยยับเช่นนี้ สมแล้ว!!!!!”



เพี๊ยะ!!!



“กรี๊ด...ฝ่าบาท หยุดประเดี๋ยวนี้หนาเพคะ”

“เจ้านั่นแลหยุด!!! ให้ท้ายลูกเสียจนเสียคน หากข้าจัดการเจ้าสินแล้วแล้ว เจ้าจักเป็นรายต่อไป!!!”ชี้หน้าพระชายาตรัสพระสุรเสียงเข้ม

“เสด็จแม่มิเกี่ยว ข้าทำของข้าเองหากเสด็จพ่อจักลงอาญาข้าจักรับไว้คนเดียว!!”ดึงมารดาไปหลบหลัง

“ได้!!”

“เจ้าสิน..ฝ่าบาทจักทำกระไรเพคะ!!”

“เยี่ยงนั้นข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเสีย!!!”

“กระไรหนาเพคะ...มิได้หนาเพคะ หม่อมฉันมิให้ลูกไป!!”

“หุบปากเจ้าเสีย ข้ารำคาญเต็มทน”

“.....”

“ข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเหนือ ไปปราบโจรเสีย หากปราบโจรได้เมื่อใด จึงค่อยกลับมา!!!”

“...มิได้!!! ข้ามิให้ไป!!”พระชายาหวีดร้องน้ำพระเนตรไหลอาบดวงหน้างาม

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าสินหมอบกราบรับบัญชาบิดา

“เจ้าสิน!!!...มิไปหนาลูก ฮือออออ แม่มิให้ไปหนาลูก เจ้าสิน”

“.....”

“.....”

“ฮือออออออ”



.

.

.



“เจ้าน้อยเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”ชงโคค่อยๆ ประคองหัตถ์เล็กขึ้นจับ ใช้ผ้าชุบน้ำลอยดอกแก้วหอมกรุ่นเช็ดเบาๆ ไปตามแขนเรียว หลังจากที่เจ้าหลวงอุ้มเจ้าน้อยกลับตำหนักแล้วยี่สุ่น ชงโคก็ช่วยกันเช็ดพระวรกายบอบช้ำให้คนเป็นนายเสียจนสะอาดแล้ว จึงตามหมอหลวงมาตรวจอาการ

“...ชงโค”พระสุรเสียงหวานแหบแห้ง พระเนตรงามปิดสนิท

“เสวยน้ำหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”พยักหน้าน้อยๆ หากแต่ยังมิลืมพระเนตร

“ยี่สุ่นมาช่วยข้าประคองเจ้าน้อยที”

“อืม..”ยี่สุ่นละมือจากงานมาช่วยชงโคประคองร่างบางของเจ้าแสงขึ้น

“อึก..”แม้คนสนิททั้งสองจักเบามือ แลระมัดระวังเพียงใดเจ้าแสงก็แสดงสีพระพักตร์เหยเก เจ็บปวดออกมา

“ค่อยๆ เสวยหนาพระเจ้าค่ะ”ประคองขันเงินทองเหลืองใบเล็กชิดติดโอษฐ์แห้งผาก บรรจงป้อนน้ำนายเหนือหัว

“พ พอแล้วเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าน้อยพักผ่อนก่อนหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวยี่สุ่นจักปลุกพระองค์ขึ้นมาเสวยพระกายาหาร แลพระโอสถเองพระเจ้าค่ะ”

“...ขอบใจหนา”ตรัสเสียงแผ่ว

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

.

.



“.....”

“.....”

“.....”

“.....”

สามเจ้าหลวง หนึ่งองค์รัชทายาทประทับในท้องพระโรง บรรยากาศมาคุ จนเหล่าข้าหลวงมิกล้าเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าภุชงค์แม้จักยังจับไข้ แลพระวรกายไร้เรี่ยวแรงก็ยังต้องมาตามรับสั่งองค์สิงห์

“...ว่าการของท่านมาก่อนเถิดองค์ภุมริน องค์จันทร์ จัดการเรื่องที่โอรสหม่อมฉันไปทำเรื่องไว้ให้แล้วเสร็จ หม่อมฉันจักได้จัดการเรื่องที่โอรสของพระองค์ทำร้ายโอรสข้า”

“คราแรกที่ข้ามาก็ด้วยเรื่องใหญ่ร้ายแรงที่รัชทายาทของท่านก่อไว้ องค์สินติดสินบนขุนนางแคว้นศศิมณฑลให้คนปลอมเข้าวังหวังวางยาเจ้าบัวงามลูกข้า!!!”เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่ลูกน้อยถูกรังแกองค์ภุมรินก็กริ้วเสียจนพระพักตร์ขึงขัง

“.....”

“องค์สินให้คนลอบเข้าวังปลอมเป็นหมอหลวงวางยาเจ้าบัวหากเจ้าบัวมิเฉลียวฉลาดป่านนี้หม่อมฉันก็คงจักเสียทั้งเมีย แลลูกไปแล้ว”เป็นคราวองค์จันทร์ตรัสบ้าง

“..หา...เจ้าน้อยบัวงาม...ทรงครรภ์หรือ”

“ก็ใช่หนาสิ...ทำคนท้องคนไส้ได้ลงคอก็ต้องถามแลว่าโอรสของท่านจิตใจทำด้วยกระไร!!!!”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”ขยับพระวรกายลงจากตั่งคุกพระพระชานุตรงหน้าองค์ภุมริน

“องค์สิงห์ หาดีทำไม่พ่ะย่ะค่ะ ลุกขึ้นเถิด อย่าถึงกระนี้เลย”องค์ภุมรินตรงเข้าประคององค์สิงห์ขึ้น

“หม่อมฉันกราบขออภัยแทนโอรสมิได้ความของหม่อมฉันด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“...เอาเถิด ครานี้เจ้าบัวงามมิได้เป็นกระไร หม่อมฉันจักมิเอาความ แลให้พระองค์กำราบโอรสด้วยตนเอง หากแต่มีคราหน้าคงจักมิว่าหากข้าลงไม้ลงมือด้วยตนเอง”

“หม่อมฉันมีรับสั่งให้เจ้าสินไปปราบโจรที่ชายแดนเป็นการลงโทษแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สามพระองค์ลอบมองพระพักตร์กัน เจ้าหลวงทรงส่งรัชทายาทองค์เดียวของแคว้นไปชายแดนเยี่ยงนี้ ก็เท่ากับเอาชีวิตลูกไปแขวนไว้บนเส้ยด้าย

“สุดแล้วแต่พระองค์เถิดพ่ะย่ะค่ะ...หากแต่ข้ามีเรื่องจักขอ”

“..เรื่องใดพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องเจ้าภุชงค์กับเจ้าน้อยแสง...ข้าใคร่ขอเจ้าน้อยให้เป็นชายาของภุชงค์พ่ะย่ะค่ะ”

“หึ...โอรสของพระองค์ย่ำยีโอรสหม่อมฉันเสียจนย่อยยับเช่นนี้ จักให้ข้ายกลูกให้โอรสพระองค์ได้อย่างไร”

“...หากแต่นั่นเป็นเพราะข้าถูกพิษหญ้าเสน่ห์ จึงได้หักหาญน้ำใจเจ้าน้อยเยี่ยงนั้น”องค์รัชทายาทภุชงค์ตรัสด้วยพระสุรเสียงแหบแห้ง

“.....”เมื่อได้ฟังก็ตรัสมิออก มิใช่ความผิดรัชทายาทภุชงค์ หากเป็นเจ้าสินลูกตน พระทัยคนเป็นพ่อรวดร้าวยิ่งนัก

“.....”

“ให้เจ้าภุชงค์ได้รับผิดชอบเถิดพ่ะย่ะค่ะ...ปล่อยไว้เจ้าน้อยจักเสื่อมเกียรติหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“.....”

“หม่อมฉันให้สัตย์สาบานว่าจักดูแลเจ้าน้อยให้เหมือนที่พระองค์ดูแล”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้องค์สิงห์

“..มิได้...อย่าทำกับเจ้าแสงเช่นที่ข้าทำเลยหนา...”

“.....”

“..ข้าเป็นพ่อที่มิได้ความ..หาปกป้องลูกตนได้ไม่ กี่ปีแล้วที่ข้าปล่อยให้เจ้าแสงถูกรังแก...เช่นนั้นอย่าทำกับเจ้าแสงเยี่ยงข้า..”

“...อย่าได้กังวลไปพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลเจ้าน้อยให้สมเกียรติ จักปกป้องดูแลมิให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจ...จักทะนุถนอมแก้วตาของพระองค์เป็นอย่างดี”

“.....”

“.....”

“.....หากท่านให้สัตย์สาบานเช่นนั้น ข้าก็ขอฝากแก้วตาของข้าไว้ในมือท่าน...อยู่ที่นี่เจ้าแสงคงจักลำบากกว่าเดิมเป็นแน่”ทรงส่งเจ้าสินไปชายแดนเยี่ยงนี้ แน่นอนพระชายาคงจักหันมาเล่นงานเจ้าแสงแทนเป็นแน่

“อย่าได้กังวลพ่ะย่ะค่ะ..กษัตริย์ตรัสแล้วมิคืนคำ”

“..ขอบใจหนา”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“...ข้าใคร่อยากขอให้เจ้าแสงหายเจ็บ แลแข็งแรงกว่านี้ก่อนค่อยเดินทางกลับพร้อมพวกท่านจักได้หรือไม่”

“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ...”

“..แลข้าก็ใคร่อยากให้เจ้าแสง แลองค์ภุชงค์ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือตามธรรมเนียมของการเวกจักได้หรือไม่”

“ยินดีพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสตอบพลางแย้มพระสรวลน้อยๆ



.

.

.



“พักผ่อนเสียหนาเจ้าภุชงค์ พ่อ แลองค์จันทร์จักอยู่ที่ตำหนักนู้น มีกระไรก็ให้เจ้าขันธ์ไปตามพ่อก็แล้วกันหนาลูก”

“พ่ะย่ะค่ะ”



เมื่อองค์ภุมริน แลองค์จันทร์เสด็จออกจากห้องบรรทมแล้ว องค์ภุชงค์ก็ทอดพระวรกายลงนอนบนพระแท่นบรรทม พระกรยกขึ้นก่ายพระนลาฏ ดวงพระเนตรคมหลับพริ้มหากแต่ในพระทัยเอาแต่คิดถึงเรื่องคืนนั้น ผิวกายนุ่มเนียน หอมกลิ่นดอกแก้ว ไหนจักเสียงครางครวญหวานพระกรรณนั้นอีก เกศาดำสลวยแผ่กระจายเต็มพระเขนย ดวงหน้างามเปรอะน้ำตา ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ครวญครางอ้อนวอนให้ปล่อยตน หยาดเหงื่อรสหวานละมุนที่ติดผิวขาว

“...เฮ้อ”ลืมพระเนตรพลางถอนพระทัย คงจักเป็นเพราะพิษไข้เป็นแน่ที่ทำให้พระองค์เอาแต่คิดถึงร่างน้อยในคืนเร่าร้อนเช่นนี้



.

.

.



เพลาผ่านไปหลายวัน อาการบอบช้ำของเจ้าแสงก็ค่อยๆ ทุเลา จนสามารถลุกขึ้นเดินเหินได้ หากแต่ก็ยังมิถนัดนัก

“ชงโค ยี่สุ่น”พระสุรเสียงหวานตรัสเรียกคนสนิททั้งสอง

“พระเจ้าค่ะ เจ้าน้อย”

“ทรงใคร่อยากได้กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากไปเดินสูดอากาศที่สวนพฤกษานัก อยู่แต่ในตำหนักช่างอุดอู้”

“...หากแต่พระวรกายเจ้าน้อ...”

“ข้าทุเลามากแล้วยี่สุ่น พาข้าไปเถิดหนา...ยี่สุ่น ชงโคพาข้าไปหนา”พระสุรเสียงออดอ้อนเช่นนี้บ่าวเยี่ยงยี่สุ่น ชงโคจักทำเยี่ยงไรได้

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”



ยี่สุ่น แลชงโคประคองร่างบางอรชรของเจ้าน้อยเข้ามาที่สวนพฤกษา เจ้าแสงค่อยๆ ระบายยิ้มอย่างพึงพระทัย ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านทำให้รู้สึกสดชื่นจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ใครอยากได้ดอกแก้วหรือไม่พระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักไปเก็บมาถวาย”

“เอาสิเจ้า...หากแต่เก็บมามิต้องมากดอกหนา”

“พระเจ้าค่ะ”รับพระบัญชาก่อนจักวิ่งไปที่ต้นดอกแก้วที่ปลูกเป็นแนวยาว บรรจงเด็ดดอกแก้วสีขาวนวลกลิ่นหอมมิให้ช้ำ

“...เจ้าน้อย”เจ้าแสงผินพระพักตร์ตามเสียงของชงโคคนสนิท แลก็ต้องพระพักตร์เจื่อนเมื่อพบเจอใครอีกคนเข้า ตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่องก็มิได้พบหน้าค่าตากันอีก เท้าเล็กขยับถอยหนีจนชงโคต้องขยับตามไปประคองร่างน้อย

“...เจ้าน้อย...”เจ้าภุชงค์ขยับพระบาทก้าวตามน้องน้อยที่ถดกายถอยหนี

“...”

“...ข้า...”

“ฮึก...ยี่สุ่น ชงโค พะ พาข้ากลับตำหนัก ข้าจักกลับตำหนัก”พระสุรเสียงหวานสั่นเครือ พระหัตถ์เล็กกอดเกี่ยวแขนเรียวของคนสนิทไว้แน่น

“เจ้าน้อย...ชงโค”ยี่สุ่นวิ่งกลับมาหานายตนพร้อมดอกแก้วสีขาวนวล

“พาข้ากลับตำหนัก...”พระสุรเสียงหวานตรัสแผ่วๆ ดวงหน้างามก้มเสียจนคางชิดอก

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”คนสนิททั้งสองรับคำก่อนจักจูงนายเหนือหัวออกจากสวนพฤกษา เมื่อต้องผ่านองค์รัชทายาทภุมริกาก็ค้อมศีรษะลงต่ำ ยามที่น้องน้อยก้าวผ่านพระวรกายกลิ่นหอมของดอกแก้วก็ลอยขึ้นแตะพระนาสิก เจ้าภุชงค์หันพระวรกายตาม สูดกลิ่นกายละมุนเข้าลึก ทอดพระเนตรตามจนร่างน้อยลับสายพระเนตรไป

“หืม...”ดวงพระเนตรทอดเห็นช่อดอกแก้วสีขาวนวลตัดกับหญ้าสีเขียว ตรงอยู่ที่ปลายพระบาท พระหัตถ์ใหญ่เอื้อมหยิบช่อดอกไม้หอมขึ้น

“...ดอกแก้วเยี่ยงนั้นฤา”ตรัสพลางยกช่อดอกแก้วขึ้นจรดพระนาสิก กลิ่นหอมของดอกแก้วนี้เป็นกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นที่ติดพระนาสิกมิห่าง ในคืนที่พระองค์ทำร้ายเจ้าแสงจนชอกช้ำ



กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผิวกายขาวผ่อง

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนกลุ่มผมยาวแผ่สลายเต็มพระเขนย

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าคลุมไหล่สีขาวนวล

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าแถบสีหวาน

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าโจงสีมอคราม

กลิ่นนี้.....กลิ่นของเจ้าแสง





“               เต็งแต้วแก้วกาหลง             บานบุษบงส่งกลิ่นอาย

หอมอยู่ไม่รู้หาย                                  คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู ”



(  ต้นเต็ง ต้นแต้ว ต้นแก้ว และต้นกาหลง ต่างก็มีดอกบานหอม อบอวนไม่รู้หายเหมือนกลิ่นผ้าของน้อง )





กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศ บทเห่ชมไม้



หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 14-01-2019 13:43:45
รอเจิมฮะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-01-2019 15:44:35
  :กอด1: :pig4:ได้รู้คำราชาศัพท์เพิ่มภาษาสลวยดีค่ะ+1
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 14-01-2019 16:03:03
มีเรื่องของตัวเองแล้วน้าภุชงค์  o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-01-2019 16:40:40
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 14-01-2019 17:47:46
ตามจ้า ตามทุกภาค  o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 14-01-2019 19:31:52
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 15-01-2019 00:33:37
มาเเล้วจ้าาา ตามมาแล้ว รวมกันทางนี้เเล้วนะ มาต่อไวๆนัา จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-01-2019 08:10:40
ได้อ่านเรื่องของภุชงค์เจ้าแสงแล้ววว รอหนาเจ้าาา
ชอบภาษามากค่ะ ภาษาสละสลวยมากเลย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๑๔.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 21-01-2019 09:07:52






ภุชงค์เล่นแสง ๐๓



หลังจากที่อาการเจ็บป่วยทุเทาลงมาก เจ้าแสงก็ใคร่อยากลงห้องเครื่อง หากแต่บ่าวคนสนิททั้งสองหาได้ยอมไม่ จึงทำได้เพียงแกะสลักผลหมากรากไม้อยู่แต่ในตำหนัก

“ยี่สุ่น...”พระสุรเสียงหวานเอ่ยเรียกคนสนิท หัตถ์ก็จับมีดแกะสลักคว้านเนื้อผลอัมพวาไปด้วย

“พระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวเจ้าเอาผลอุลิดที่ข้าแกะแล้วไปให้ห้องเครื่องนำถวายเสด็จพ่อ แลพระราชอาคันตุกะให้ข้าด้วยหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากทรงแกะผลอัมพวาแล้วแล้ว ทรงพักผ่อนก่อนเถิดหนาพระเจ้าค่ะ เพิ่งจักหายประชวรพักให้มากเถิดหนาพระเจ้าค่ะ”ชงโคทูล

“จ้ะ...ไว้ข้าแกะผลอัมพวาแล้วแล้วข้าจักพักหนา”

“พระเจ้าค่ะ”



.

.

.

ภายในท้องพระโรง แคว้นการเวก



“ทูลฝ่าบาท ยี่สุ่นบ่าวคนสนิทของเจ้าน้อยแสงแรกขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามากราบทูลองค์สิงห์ขณะร่วมเสวยพระกายาหารกับพระราชอาคันตุกะทั้งสาม โดยไร้เงาพระชายา

“ยี่สุ่นหรือ ให้เข้ามา”

“เพคะ”

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกให้บ่าวนำผลอุลิดแกะสลักมาถวายพระองค์ แลพระราชอาคันตุกะทั้งสามพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นประคองพานทองบรรจุผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะสลักอย่างงดงามเดินเข่าเข้ามาในท้องพระโรง ก่อนจักวางพานทองลง แลหมอบกราบชายสูงศักดิ์ทั้งสี่

“ขอบใจหนายี่สุ่น บอกเจ้าแสงให้ข้าด้วยว่าขอบใจมาก”

“พระเจ้าค่ะ”

“...หากมิมีกระไรแล้วก็กลับไปดูแลเจ้าแสงเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ประเดี๋ยวก่อน”เจ้าภุชงค์ตรัสขึ้น ขณะที่ยี่สุ่นค่อยๆ คลานถอยหลังออกจากท้องพระโรง

“พระเจ้าค่ะ?”ยี่สุนหยุด แลหมอบกราบรับพระบัญชา

“...ข้าฝากช่อดอกแก้วนี้ไปให้เจ้าน้อยแสงแรก นายของเจ้าด้วย”ตรัสพลางส่งช่อดอกแก้วขนาดเท่าฝ่ามือให้พ่อขันธ์องครักษ์ส่วนพระองค์นำไปให้ยี่สุ่น ทรงเสด็จไปที่สวนพฤกษาทุกวันเพื่อเก็บช่อดอกแก้ว หวังว่าจักได้มอบให้น้องน้อยสักช่อ หากแต่เจ้าแสงแรก แลบ่าวทั้งสองกลับมิยอมออกจากตำหนักในเสียเลย จนมีโอกาสในวันนี้ที่ได้พบบ่าวคนสนิทของเจ้าแสง มิได้ให้กับหัตถ์ฝากบ่าวไปก็ยังดีกว่าปล่อยให้ดอกไม้หอมเหี่ยวแห้งเฉกเช่นทุกวัน น่าสงสารทั้งดอกไม้...แลพระทัยองค์ภุชงค์เอง

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับช่อดอกแก้วมาถือประคองแผ่วเบาราวกับกลัวช้ำ

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



“ยี่สุ่น เจ้าไปสวนพฤกษามาหรือ ข้ากำลังใคร่อยากได้ดอกแก้วอยู่เทียว มิได้ไปสวนพฤกษาก็หลายวันแล้ว”เจ้าแสงตรัสขณะรับช่อดอกแก้วมาจากบ่าวคนสนิท หัตถ์เล็กยกช่อดอกไม้หอมขึ้นจรดพระนาสิกโด่งรั้น พระโอษฐ์จิ้มลิ้มแย้มออกมาอย่างพึงใจ

“มิได้พระเจ้าค่ะ...ยี่สุ่นมิได้ไปสวนพฤกษา”

“อ้าว..แลดอกแก้วนี่เล่า”

“องค์ภุชงค์ รัชทายาทภุมริกาท่านประทานให้พระเจ้าค่ะ”สิ้นความจากยี่สุ่นเจ้าแสงก็ชะงักงัน ค่อยๆ วางดอกแก้วลงบนตักตน แม้แต่ชงโคที่แกะฟักทองอยู่ก็หยุดหัตถ์วางมีดลง

“...งั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ...ทรงรับสั่งให้ยี่สุ่นนำช่อดอกแก้วมาถวายเจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“..อื้ม”พยักพระพักตร์น้อยๆ ก่อนจักจับมีดแกะมะละกอต่อ

“.....”

“.....”ยี่สุ่น แลชงโคเงียบลอบมองหน้ากัน สลับกับลอบมองเจ้าน้อยที่ก้มหน้าก้มตาใช้มีดคว้านเนื้อผลอัมพวาต่อ

“ยี่สุ่น”พระสุรเสียง

“พะ พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นลนลานคลานเข่าเข้าไปรอรับพระบัญชา

“...เอาดอกแก้วไปลอยใส่ขันน้ำให้ข้าทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นจัดการนำดอกแก้วที่องค์ภุชงค์ประทานให้ไปลอยใส่ขันน้ำทองเหลืองใบเล็ก ก่อนจักนำมาตั้งไว้บนโต๊ะพระสุคนธ์

“...”

“เรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



“ผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะงามนักพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัส ฝีมือการแกะผลหมารากไม้ของว่าที่สุณิสาพระองค์ช่างงดงามนัก

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าแสงเก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนนัก อีกทั้งยังมีรสมือทำกับข้าวดีทีเดียว”

“พ่ะย่ะค่ะ คราก่อนที่ได้ลิ้มรสมือเจ้าน้อย รสดีเสียจนหม่อมฉันติดใจทีเดียว”

“ฮ่าๆๆ หากเจ้าแสงไปอยู่ภุมริกา พระองค์คงจักได้เสวยจนเบื่อเป็นแน่...หากแต่ข้านี่สิเล่าคงจักมิมีโอกาสได้กินอีก”

“...ตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพ่ะย่ะค่ะองค์สิงห์”

 “หึหึหึ”

“มิต้องกังวลพระทัยไปดอกพ่ะย่ะค่ะ..หม่อมฉันจักพาเจ้าน้อยกลับมาเยี่ยมพระองค์บ่อยๆ เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ขอบใจหนาองค์ภุชงค์”

“...แลพระองค์ทรงตรัสกับเจ้าน้อยเรื่องตบแต่งกับเจ้าภุชงค์แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”

“..ยังดอก หากแต่วันนี้แล ข้าจักเข้าไปพูดคุยกับเจ้าแสง”องค์สิงห์ตรัส



.

​.

.



“เสด็จพ่อ...มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ มาหาลูกถึงตำหนัก เหตุใดมิให้ข้าหลวงมาบอกลูกเล่าพระเจ้าค่ะ ลูกจักได้ไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลวง”เจ้าแสงกล่าวขณะนั่งพับเพียบอยู่แทบพระบาทองค์สิงห์

“มิต้องดอก เจ้าเพิ่งจักหายป่วยให้พ่อมาหานั่นแลดีแล้ว”องค์สิงห์ตรัสพลางลูบศีรษะบุตรด้วยความเอ็นดู

“ลูกมิเป็นกระไรแล้วพระเจ้าค่ะ ทุเลาขึ้นมากแล้ว”

“...เจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ใช่ว่าพ่อมิเสียใจที่เจ้าถูกย่ำยี พ่อเป็นพ่อที่แย่นักที่ปล่อยให้เจ้าถูกทำร้ายทั้งๆ ที่อยู่ในวังหลวง”

“..เสด็จพ่อ..มิได้พระเจ้าค่ะ..”

“พ่อปกป้องเจ้ามิได้ ทั้งๆ ที่อยู่ในรั้วเดียวกัน”

“.....”เจ้าแสงซบดวงหน้างามลงบนพระชานุของบิดา ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ ไหลเอื่อยออกมา

“ขอโทษหนาลูก”องค์สิงห์ลูบผมลูกเบาๆ ปลอบประโลม

“มิได้พระเจ้าค่ะ ฮึก..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“พ่อก็มิอยากทำเช่นนี้ แต่จักปล่อยให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีมิได้”

“.....”

“องค์ภุชงค์จักต้องรับผิดชอบเจ้า”

“เสด็จพ่อ...”เจ้าแสงส่ายพักตร์

“พ่อเชื่อว่าองค์ภุชงค์เป็นคนดี เขาจักดูแลแก้วตาดวงใจของพ่อได้เป็นอย่างดีเป็นแน่”

“...ฮึก”

“ใช่ว่าพ่ออยากขับไสเจ้า หากแต่พ่อจักปล่อยให้เจ้าเสื่อมเกียรติเยี่ยงนี้มิได้”

“ลูกมิสน อึก ลูกอยู่แต่ในตำหนักมิออกไปไหนอีกเลยก็ได้ทั้งชีวิต..ฮึก”

“มิได้เจ้าแสง มิได้ดอก...อภิเษกกับองค์ภุชงค์หนาลูก”

“ฮือออ”

“อย่าไห้ลูกจ๋า พ่อใจมิดีเลยเจ้า...หากเจ้าสินกลับมาครานี้เจ้าจักต้องลำบากเป็นแน่ องค์ภุชงค์จักปกป้องลูกได้ดีกว่าพ่อ ภุมริกาจักปกป้องลูกได้ดีกว่าการเวกเป็นแน่แท้”

“ฮึก..ฮึก..ฮือออ”

“เจ้าปฏิเสธมิได้ มิได้หนาลูก...หากเจ้าได้อยู่ใต้ร่มเงาของภุมริกาพ่อคงนอนตายตาหลับ”

“มิเอา..มิตรัสเช่นนี้หนาพระเจ้าค่ะ ฮึก...อย่าตรัสเช่นนี้ ลูกใจมิดี ฮือออ”

“.....”องค์สิงห์โน้มพระวรกายโอบร่างแน่งน้อยของลูกไว้ในอ้อมกอด

“..ฮือออ”

“.....”

“ฮึก...”

“...อีกเจ็ดวัน พ่อจักจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้เจ้า แลองค์ภุชงค์เตรียมตัวหนาลูก”

“ฮึก...ลูกปฏิเสธมิได้ใช่หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ฮึก..”

“.....เจ้าแสงแรก”

“ฮึก..พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



เจ็ดวันผ่านไป ช่างเร็วยิ่งนัก เจ้าแสงแรกตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง...หากแต่จักเรียกตื่นคงมิได้ ต้องบอกว่าเจ้าน้อยการเวกยังมิได้บรรทมเลยเสียมากกว่า บ่าวคนสนิททั้งสองประคองแขนเรียวของคนเป็นนายคนละข้าง ลูบแป้งร่ำกลิ่นหอมไปตามผิวนุ่มเบาๆ มิให้ระคายเคือง แตะน้ำปรุงตามแอ่งชีพจร

“เจ้าน้อย..”

“หืม”

“ใยจึงทำพระพักตร์เศร้าเยี่ยงนั้นเล่าพระเจ้าค่ะ..”

“...ข้าควรมีความสุขหรือ ยี่สุ่น ชงโค”

“โถ เจ้าน้อยของบ่าว”ชงโค แลยี่สุ่นเข้ากอดเจ้าน้อยคนละข้างเมื่อเห็นว่าคนเป็นนายนั้นร่ำไห้น้ำตาไหลอาบปรางนวล

“.....”เจ้าแสงมิตรัสใดๆ ลูบบางลูบหัวบ่าวทั้งสองที่เข้ากอดปลอบ

“มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักอยู่เคียงข้างเจ้าน้อยมิไปไหนเป็นแน่”

“ชงโคก็ด้วยพระเจ้าค่ะ จักอยู่รับใช้เจ้าน้อยจนกว่าชีวิตจักหาไม่”

“..ขอบใจ...ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“.....”



.

​.

.



ภายในท้องพระโรง วังหลวง แคว้นการเวก คลาคล่ำไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ องค์สิงห์ประทับบนตั่งทองตรงกลางตระหง่าน เยี่ยงซ้าย แลขวาเป็นองค์ภุมริน แลองค์จันทร์ ถัดจากองค์ภุมรินเป็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ประทับอยู่บนตั่งที่เล็กกว่า ส่วนขุนนางก็นั่งหมอบกราบขนาบสองสองทางเดินตรงกลางท้องพระโรงที่ถูกปูด้วยพรมหนานุ่มสีทอง ไร้เงาพระชายา มารดาแคว้น

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกเสด็จมาถึงท้องพระโรงแล้วเพคะ”

“อืม...” ทรงครางรับในพระศอ



เจ้าแสงเดินเข้าในท้องพระโรง ดวงหน้างามก้มต่ำมิมองใคร มีชงโคประคอง ส่วนยี่สุ่นก็เดินนำหน้าโปรยกลีบดอกไม้ตามทางเดินให้เท้าเล็กเหยียบย่ำ องค์รัชทายาทภุมริกาทอดพระเนตรร่างแน่งน้อยมิวางพระเนตร วันนี้เจ้าแสงช่างงดงามนัก เสื้อแขนกระบอกแขนยาวคอตั้งสีเหลืองไหล แลผ้าโจงสีครามปีกเลื่อมทอง ที่เอวคอดคาดเข็มขัดทองฝังทับทิม ผมยาวสลวยหอมกรุ่นกลิ่นดอกแก้วถูกมวยไว้ที่ท้ายทอย เสียบดอกแก้วประดับทั่วมวยผม

“เจ้าแสง...”

“ถวายพระพรเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ.....ถวายพระพรเจ้าหลวงทั้งสองพระองค์”คลานเข่าประทับพับเพียบหน้าตั่งทอง หมอบกราบบิดา แลเจ้าหลวงทั้งสองแคว้น

“หึหึหึ น่าเอ็นดูนักพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัสกับองค์สิงห์ น่าเอ็นดูเฉกเช่นเจ้าบัวงาม เห็นทีเจ้าชมนาดคงชอบใจอยู่มิน้อยเลย

“หึหึหึ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”องค์สิงห์แย้มพระสรวลรับ

“...ถวายพระพรองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้ หากแต่มิยอมสบตา

“ไหว้พระเถิดเจ้า”ยื่นพระหัตถ์ไปรับไหว้น้องน้อย

“.....”เจ้าแสงพักตร์แดง ค่อยๆ ดึงหัตถ์ตนออกจากหัตถ์ใหญ่อย่างนุ่มนวล

“นี่ก็ได้ฤกษ์งาม ยามดีแล้ว หม่อมฉันองค์ภุมรินเจ้าหลวงแคว้นภุมริกา ใคร่ขอเจ้าน้อยแสงแรกเจ้าน้อยแคว้นการเวกไปเป็นชายาคู่ขวัญเจ้าภุชงค์ โอรสของหม่อมฉัน รัชทายาทภุมริกาจักได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“...ทรงให้เกียรติเช่นนี้หม่อมฉันจักปฏิเสธได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอให้วางพระทัย ภุมริกาจักดูแล ให้เกียรติเจ้าน้อยเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้ หม่อมฉันมิได้เตรียมสินสอดทองหมั้นมา หากแต่เมื่อกลับภุมริกาแล้วจักส่งเรือมาอย่างสมเกียรติเจ้าน้อยเป็นแน่”

“มิได้ๆ ขอเพียงภุมริกาดูแล ให้เกียรติเจ้าแสงตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ เพียงเท่านี้หม่อมฉันก็พอใจแล”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“...ในวันนี้หม่อมฉันมีเพียงธำมรงค์ประจำตำแหน่งรัชทายาทภุมริกาติดกายมา จึงใคร่ขอองค์สิงห์ หม่อมฉันจักใช้ธำมรงค์นี้หมั้นหมายเจ้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางถอดพระธำมรงค์ประจำตำแหน่งวางลงบนพานทองให้เจ้าขันธ์ องครักษ์ประจำพระองค์นำถวายเจ้าหลวงการเวก

“หากองค์รัชทายาทใช้ธำมรงค์ประจำตำแหน่งหมั้นหมายเจ้าแสงโอรสข้า ข้าก็จักขอใช้ธำมรงค์เพทาย ธำมรงค์ของต้นตระกูลข้าเป็นของหมั้นแก่องค์ภุชงค์”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ธำมรงค์เพทายนั้นมีค่ามากนัก”

“..เหมาะแล้ว กับคนที่จักมาดูแลเจ้าแสงต่อจากข้า อย่าได้ปฏิเสธเลยหนา”

“.....”

“.....”

“...ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“.....”

“...ทูลฝ่าบาททั้ง 4 พระองค์ แลเจ้าน้อยแสงแรก บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดี หม่อมฉันขอประทานราชานุญาติดำเนินพิธีพ่ะย่ะค่ะ”

“เชิญเถิดท่านโหรหลวง”

เจ้าน้อยแสงแรกเสตาหลบเมื่อพระวรกายกำยำขององค์รัชทายาทภุมริกาประทับพับเพียบข้างตน กลิ่นบุรุษเพศทำเอาเจ้าแสงหายพระทัยสะดุด ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นเข้าสู่พระทัยดวงน้อย

“กราบองค์สิงห์ พระสัสสุระของเจ้าเสียเจ้าภุชงค์”องค์ภุมรินตรัสพร้อมรอยพระสรวล ทอดพระเนตรเห็นว่าที่สุณิสาปรางแดงระเรื่อดังลูกตำลึงแล้วก็นึกเอ็นดู แลทรงดำริว่าเจ้าชมนาดเมียรักก็คงเอ็นดูสุณิสาคนนี้มิน้อยไปกว่าตน

“พ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบเจ้าหลวงการเวก

“ข้าฝากแก้วตาข้าด้วยหนาเจ้าภุชงค์”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลทะนุถนอมแก้วตาพระองค์ดังดวงใจตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

“ธำมรงค์ประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าภุชงค์คงจักใหญ่เกินองคุลีของเจ้าน้อยแสงแรก ดังนั้นข้าจักประทานสร้อยพระศอให้เจ้าน้อยไว้ใส่ธำมรงค์”

“.....ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”สุรเสียงหวานตรัสพลางหมอบกราบเจ้าหลวงภุมริกา

“.....”เจ้าภุชงค์รับสร้อยพระศอทองคำเส้นยาวจากบิดา ร้อยธำมรงค์ของตนลงไป

“.....”

“...ขอประทานอภัยหนาเจ้า”ตรัสพลางโน้มพระวรกายเข้าใกล้เจ้าแสง พระหัตถ์อ้อมไปติดตะขอสร้อยให้น้อง แอบสูดกลิ่นแก้วหอมกรุ่นที่ติดกายปากเข้าเต็มพระปับผาสะ

“.....”เจ้าแสงเสพระเนตรหลบเมื่อพระวรกายกำยำโน้มเข้าใกล้คล้ายโอบกอดตน กลิ่นบุรุษเพศ แลความร้อนจากพระวรกายองค์รัชทายาทต่างแคว้นทำเอาพระทัยดวงน้อยไหวแกว่ง

“.....”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้

“...”เจ้าภุชงค์ยกพระหัตถ์รองหัตถ์เล็กรับไหว้

“เจ้าแสงสวมธำมรงค์ให้พี่เขาเสียลูก”องค์สิงห์ตรัส

“...พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหยิบพระธำมรงค์ต้นตระกูลของบิดาจากพานทองที่ข้าหลวงสาวนำถวาย หัตถ์อีกข้างประคองหัตถ์ซ้ายขององค์ภุชงค์ขึ้น ค่อยๆ บรรจงสวมธำมรงค์เพทายลงบนพระอนามิกาจนสุด

“ขอบน้ำใจหนาเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



เมื่อเสร็จสิ้นพิธี บัดนี้เจ้าแสงก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมายขององค์รัชทายาทภุมริกาแล้ว แลวันพรุ่งก็ต้องเดินทางไปภุมริกา

“ยี่สุ่น...เจ้าเก็บเครื่องพระสุคนธ์หนา ประเดี๋ยวข้าจักเก็บอาภรณ์ของเจ้าน้อย”ชงโคว่าพลางเร่งพับผ้าใส่หีบ

“อืม...ประเดี๋ยวข้าจักเก็บเครื่องพระสุคนธ์เอง”

“.....”เจ้าแสงประทับพับเพียบอยู่บนพระแท่นบรรทม ทอดพระเนตรคนสนิททั้งสองที่เร่งเก็บข้าวเก็บของ วันพรุ่งก็ต้องไปอยู่ภุมริกาแล้ว จักเป็นเช่นไรหนอ หัตถ์เล็กยกจับพระธำมรงค์ที่ห้อยอยู่กลางอกตนเบาๆ พลางหวนนึกถึงเจ้าของธำมรงค์ หากแม้นมิได้เกิดเรื่องอัปยศระหว่างตน แลองค์รัชทายาทภุมริกาขึ้นคงจักดีกว่านี้ องค์ภุชงค์รูปงามทั้งกายา วาจา แลพระทัย หากมิได้เกิดเรื่องอดสูในคืนนั้นเจ้าแสงคงมีพระทัยปฏิพัทธ์ต่อองค์ภุชงค์ได้มิยาก



.

​.

.



“เร่งเก็บข้าวของเข้า ข้าใคร่อยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว ป่านนี้ชมนาดของข้าคงชะเง้อรอจนคอยาวเป็นแน่”สิ้นสุรเสียงบิดา เจ้าภุชงค์ก็แย้มพระสรวล

“พระทัยเย็นเถิดพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ใจพ่อหรือใคร่อยากกลับมันเสียคืนนี้ หากมิใช่ว่าจักต้องให้เจ้าน้อยแสงแรกเตรียมตัวเสียก่อน”

“.....”เจ้าภุชงค์มิได้ตอบโต้ พระโอษฐ์แย้มพระสรวล ทอดพระเนตรธำมรงค์เพทายขอพระสัสสุระที่อยู่บนพระอนามิกาข้างซ้าย ไฉนเลยจักใคร่คิดว่ามาต่างบ้านต่างเมืองครานี้จักได้ชายารูปงามกลับไปกกกอด แลชายาที่ได้มาก็ถูกพระทัยมิน้อยเลย ทั้งกิริยามารยาทอ่อนน้อม นุ่มนวล วาจาอ่อนโยนเสนาะพระกรรณ อีกทั้งรูปโฉมงดงามตรึงพระทัย



.

​.

.



“เดินทางปลอดภัยหนาพ่ะย่ะค่ะ..หม่อมฉันฝากเจ้าแสงแรกแก้วตาของหม่อมฉันด้วย”องค์สิงห์ตรัส ขณะที่กอดปลอบลูกน้อยที่สะอื้นอยู่ในอ้อมพระกร

“หาได้กังวลไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“...เช่นนั้นหม่อมฉันก็อุ่นใจ...เจ้าแสงดูแลตัวเองหนาลูก พ่อรักเจ้าหนา”

“ฮึก..เสด็จพ่อ..ฮือออ”เสียงสะอื้นของเจ้าแสงช่างน่าสงสารนัก องค์ภุชงค์ใคร่อยากจักดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอดปลอบให้คลายทุกข์นัก

“นิ่งเสีย เจ้าไห้เยี่ยงนี้พ่อใจมิดีเลยหนาลูก”

“..ฮึก..ดะ ดูแล...อึก..องค์เอง...ด้วยหนาพระเจ้าค่ะ..ฮึก...ฮือออ”

“มิต้องห่วงพ่อดอกหนาลูก”กดพระนาสิกหอมศีรษะลูก

“ฮึก...”

“ไปเถิดเจ้าทั้งสามพระองค์ทรงคอยนานแล้วหนา”

“ฮึก..ละ...ลูกลาหนาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบแทบพระบาทบิดา

“รักษาเนื้อรักษาตัวหนาเจ้า”

“ฮึก....”เจ้าแสงเสด็จออกจากท้องพระโรง หัตถ์เล็กปาดป้ายเช็ดน้ำตาตน มีคนสนิททั้งสองขนาบข้าง เมื่อเสด็จมาถึงขบวนเสด็จกลับภุมริกาก็หยุดยืนนิ่งเห็นเพียงม้า แลเกวียนเสบียงเท่านั้น หาได้มีเกี้ยวไม่ แลจักไปอย่างไร

“ขบวนขามามีเพียงม้า แลเกวียนเสบียง หาได้มีเกี้ยวมาไม่...เจ้าน้อยสะดวกนั่งม้าหรือไม่”เจ้าภุชงค์ตรัสถามน้องน้อย ดวงหน้างามซีดเซียวหากแต่ดวงตาโศกแดงระเรื่อ

“...หม่อมฉันขี่ม้ามิเป็นพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่ว

“เช่นนั้นเจ้าน้อยประทับเจ้าดำกับข้า ส่วนคนสนิททั้งสองนั่งไปกับเกวียนเสบียง...เจ้าสองคนสะดวกหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันสองคนนั่งเกวียนเสบียงได้ หากแต่เจ้าน้อย..”

“อย่าได้กังวลไป ข้าจักดูแลนายเจ้าอย่างดี”

“อ๊ะ”เมื่อตรัสจบก็ทรงจับเข้าที่กฤษฎีบางของเจ้าแสง ออกแรงยกร่างแน่งน้อยขึ้นนั่งพาดข้างบนหลังอาชาตัวโตสีดำเงา ก่อนจักเหวี่ยงพระวรกายขึ้นซ้อนหลังน้อง พระกรเอื้อมจับบังเหียนกักเจ้าแสงไว้ในอ้อมพระกร เจ้าน้อยการเวกตกพระทัยเบิกพระเนตรกว้าง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยออก

“มิต้องกลัวหนา..ข้ากอดไว้เยี่ยงนี้มิตกลงไปแน่”

“.....”เจ้าแสงก้มหน้างุด มิรู้จักวางไม้วางหัตถ์ไว้ที่ใด จึงวางลงกำผ้าโจงบนตัก

“จับบังเหียนไว้ก็ได้”กระซิบที่ริมกรรณเล็ก

“.....”หัตถ์เล็กสั่นน้อยๆ ค่อยเลื่อนไปจับสายบังเหียน

“จับตรงนี้”กุมหัตถ์นุ่มประคองมิแน่น หากแต่ก็มิหลวม

“ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์ชิดพระอุระ ปล่อยให้องค์ภุชงค์กกกอดไว้ในอ้อมพระกร แลกอบกุมหัตถ์ตน

“เจ้าสองคนรีบเข้าเถิดประเดี๋ยวจักเลยฤกษ์เดินทาง”เจ้าขันธ์ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาเอ่ยปากเรียกบ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าน้อยแสงแรกที่ยืนอ้าปากค้างมองนายตนถูกอุ้มขึ้นหลังอาชาคู่พระทัยขององค์รัชทายาท

“....”

“....”กุลีกุจรขึ้นเกวียนขนเสบียง

ขบวนเสด็จออกเดินทางไปยังภุมริกา ผ่านมาได้ครึ่งวัน แสงแดดเริ่มแรงขึ้น พระเสโทผุดขึ้นบนพระนลาฏขาวของเจ้าแสง

“ร้อนหรือไม่เจ้าน้อย”กระซิบถาม

“..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“..ขออภัยหนา”หยิบซับพระพักตร์ที่เหน็บตรงชายพกขึ้นซับหยาดเสโทของน้องน้อย ก่อนจักใช้ผ้าคลุมไหล่ของเจ้าแสงคลุมลงบนศีรษะเล็กจับชายผ้าด้านหนึ่งพาดอังสะแคบ

“.....”

“เอาผ้าคลุมไว้จักได้มิร้อน..แลซับพระพักตร์นี่ก็เก็บไว้ซับเสโทหนา”ตรัสพระสุรเสียงอ่อนโยน เจ้าแสงน้อยผินพักตร์หันกลับมามองพระพักตร์งามขององค์รัชทายาทที่ควบม้าไปตามแนวป่าช้าๆ

“..ขอประทานอภัยหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่วก่อนจักใช้ซับพระพักตร์ในหัตถ์ซับหยดพระเสโทที่หางพระขนงขององค์ภุชงค์แผ่วเบา กลิ่นแก้วจากหัตถ์ขาวทำเอาองค์ภุชงค์แย้มพระสรวลน้อยๆ ให้เจ้าแสงปรางแดง

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“...”

“...”ต่างฝ่ายต่างเงียบ หากแต่หาใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดไม่ สายลม แสงแดดในพนาราวกับค่อยๆ หล่อหลอมความรู้สึกให้เป็นหนึ่งเดียว





มันจะเป็นเหุการณ์เดียวกับในบัวหลงจันทร์นะคะ หลังจากเจ้าแสงเข้าไปอยู่ในวังหลวงภุมริการถึงจะเป็นเหตุการณ์ใหม่
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-01-2019 10:53:59
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 21-01-2019 12:11:34
เรื่องเจ้าแสงต้องน่ารักไม่แพ้เจ้าบัวแน่ๆ ภุชงค์สู้เค้าาาา
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-01-2019 14:17:07
บรรยากาศอบอวลหอมกลิ่นความรักเชียว :pig3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-01-2019 17:32:07
รอดพ้นจากแม่เลี้ยงสักที
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-01-2019 19:12:50
อยากให้ถึงวังไวๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 22-01-2019 01:39:00
 :o8: :o8: มาไวๆหนาาาาคนเขียน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 22-01-2019 18:08:00
สารภาพว่ายังดองเจ้าบัวไว้อยู่ แต่มาให้กำลังใจภุชงค์ก่อน555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 22-01-2019 21:48:15
เจ้าภุชงค์ดูแลเจ้าน้อยดีๆน๊า  :man1:
ไปอยู่ต่างบ้านเมืองตัวคนเดียว น่าเป็นห่วง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-01-2019 09:41:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๒๑.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-01-2019 15:34:42
เจ้าแสงจากบ้านเกิดแล้วววว เจ้าภุชงค์ต้องดูแลน้องดีๆนะะ  :กอด1:
อยากอ่านตอนเข้าวังแล้ววว รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๘.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 28-01-2019 11:07:17






ภุชงค์เล่นแสง ๐๔



หลังจากเดินทางมาทั้งวัน จักหยุดพักก็เพียงเสวยกายาหาร เพลานี้อาทิตย์ใกล้ลับฟ้าเต็มทีแล้ว ขบวนเสด็จจึงเร่งควบม้าให้ไวขึ้นเพื่อให้ถึงที่ตั้งกระโจมที่เหล่าข้าหลวงล่วงหน้าไปจัดเตรียมให้ก่อนฟ้าจักมืด ราตรีจักมาเยือน

“ขออภัยหนาเจ้าน้อย”ตรัสพลางรวบเอวน้อยให้แนบพระวรกายก่อนจักควบม้าให้ไวขึ้น

“อ๊ะ”เจ้าแสงที่ยังมิหายตกใจ เมื่ออาชาทะยานเร็วขึ้นหัตถ์เล็กก็ผวาจับฉลองพระองค์ตรงพระอุระขององค์รัชทายาท เบียดกายเข้าหา ซบพักตร์กับอุระอุ่นอย่างหวาดกลัว

กุบกับๆ



.

​.

.



 “...ถึงกระโจมที่พักแล้วเจ้าน้อย”แม้อาชาจักหยุดนิ่งแล้ว เจ้าแสงก็ยังคงมิรู้ตัว พักตร์งามซุกซบอุระอุ่นมิห่าง

“....”

“..เจ้าน้อย”

“พ พระเจ้าค่ะ”

“...ถึงกระโจมที่พักแล้วเจ้า”กระซิบบอกอีกคราเจ้าแสงจึงได้เอาพักตร์ออกจากอุระกว้าง กวาดพระเนตรไปรอบๆ เห็นกระโจมหลายหลัง มีทหารยามเดินถือคบเพลิงตรวจตราหลายนาย

“..ขะ ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร...”ตรัสก่อนจักเหวี่ยงพระวรกายลงจากหลังอาชา เมื่อพระบาทยืนมั่นคงแล้วจึงจับเข้าที่เอวบางออกแรงยกน้องน้อยลงจากหลังม้า

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้

“...เจ้าน้อย”

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคที่เห็นนายตนก็รีบวิ่งจากเกวียนเสบียงมาประกบขนาบข้างเจ้าแสงทันที

“เจ้าสองคนพาเจ้าน้อยไปสรงน้ำก่อนเถิด ประเดี๋ยวค่ำมืดแล้วอากาศจักเย็น”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบองค์รัชทายาทต่างแคว้น ก่อนจักประคองร่างแน่งน้อยของนายตนเข้ากระโจม ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยกระโจมของฝ่าบาททั้งสามพระองค์



เมื่อยี่สุ่น แลชงโคพานายตนเข้ามาในกระโจมที่พักแล้ว ก็ประคองเจ้าน้อยไปประทับที่ตั่งไม้ แลทรุดลงนั่งขนาบข้าง บ่าวทั้งสองออกแรงบีบนวดปลีน่องเล็กคนละข้างให้เจ้าน้อยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ มิเคยนั่งอาชามาก่อน ทรงรู้สึกอย่างไรพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นทูลถามอย่างใคร่รู้ แม้จักอยู่ในเกวียนขนเสบียงแต่ก็พยายามชะเง้อคอดูนายตน ถึงจักเห็นเพียงพระขนองขององค์ภุชงค์ก็เถิดหนา

“..ก็...สนุกดีหนา..ข้ามิเคยนั่งมาก่อน หาได้น่ากลัวอย่างที่คิดไม่”เจ้าแสงตรัสตอบอ้อมแอ้ม

“สนุกหรือพระเจ้าค่ะ มิน่ากลัวสักน้อยเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

“ก็...น่ากลัวบ้างตอนที่อาชาวิ่งเร็วๆ”

“.....”

“.....”

“..แต่องค์รัชทายาทท่านก็ค่อยตรัสปลอบว่ามิต้องกลัว...ก็...มิได้น่ากลัวนัก”พระสุรเสียงแผ่วจนแทบมิได้ความ หากแต่บ่าวทั้งสองที่เอียงหูฟังกลับได้ยินชัดเจน

“ทรงตรัสปลอบเจ้าน้อยมาตลอดทางเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

“..อะ..อืม”

“งื้อออ”

“งื้อออ”

“ป เป็นกระไรกันยี่สุ่น ชงโค”เจ้าแสงสะดุ้งน้อยๆ เมื่อคนสนิททั้งสองพากันกัดปากตนเองเปล่งเสียงประหลาดออกมาให้ได้ยิน

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”

“หม่อมฉันสองคนเพียงเขินอายแทนเจ้าน้อยก็เท่านั้น”ชงโคว่า

“ข เขินอายแทนข้าหรือ...พวกเจ้านี่ก็หนา”พระปรางแดงก่ำ หัตถ์น้อยตีเปาะแปะที่แขนคนสนิททั้งสองไปคนละที

“คิก..หม่อมฉันว่าสรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวมืดแล้วอากาศจักเย็นเอา แลจักประชวรเอาได้”ยี่สุ่นว่า

“อื้ม”



หนึ่งนาย สองบ่าวผลัดผ้านุ่งเอาผ้าคลุมไหล่พันกายมิดชิด ก่อนจักพากันไปที่ลำธารด้านหลังกระโจม ยี่สุ่น แลชงโคถือตะเกียงคนละดวงขนาบข้างเจ้าแสงไปตามทาง

“อากาศเย็นนัก รีบสรงเถิดพระเจ้าค่ะ นี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย”บ่าวทั้งสองคนช่วยกันขึงผ้ากับต้นไม้บดบังนายตนจากสายตาผู้อื่น

“อื้ม”เจ้าแสงปลดผ้าคลุมไหล่ออกเผยให้เห็นลาดไหล่เนียน บ่าวทั้งสองก็เช่นกัน ทั้งสามพากันลงน้ำ ยี่สุ่น แลชงโคช่วยกันถูล้างคราบไคลตามพระวรกายขาว อีกทั้งยังใช้ผลมะกรูดสางพระเกศาให้สะอาดหมดจด

“พวกเจ้าก็อาบเถิด ประเดี๋ยวจักป่วยไข้เอา”

“เจ้าน้อยจักขึ้นก่อนหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ยังดีกว่า หากขึ้นจากน้ำคงหนาวเป็นแน่ ข้าแช่น้ำรอจักดีกว่า”

“พระเจ้าค่ะ”มิใช่เป็นเพียงนายบ่าว หากแต่เป็นสหายที่เห็นกันมาตั้งแต่จำความได้จึงได้สนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก

“เจ้าขันธ์”พระสุรเสียงทุ้มตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่คุกเข่าก้มหน้ารอรับพระบัญชา

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าออกไปก่อน แลอย่าให้ใครเข้ามาบริเวณลำธารเด็ดขาด”

“พ่ะย่ะค่ะ”





องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเงาน้องน้อยผ่านผ้าที่ขึงกั้น ก่อนจักประทับยืนเฝ้ามิให้ใครผ่านไปทางลำธาร จนกระทั่ง นาย บ่าวทั้งสามขึ้นจากลำธาร ยี่สุ่น ชงโคช่วยกันเก็บผ้าที่ขึง ก่อนจักรีบประกบนายตนกลับกระโจม

“อ๊ะ”ทั้งสามสะดุ้ง เมื่อเห็นองค์รัชทายาทภุมริกาทรงประทับยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในเงามืด อีกทั้งยังเปลือยท่อนบน นุ่งเพียงโจงกระเบนสีดำเขม่าเท่านั้น

“เอ่อ...สรงน้ำแล้วแล้วหรือเจ้าน้อย”

“พ พระเจ้าค่ะ...ทรง...มาประทับยืนกระไรตรงนี้พระเจ้าค่ะ”

“อ อ่อ...ข้า...ข้ามา..มา...มาเดินเล่น มิมีกระไรดอก รีบเข้ากระโจมเถิด เพิ่งขึ้นจากน้ำโดนลมมากๆ จักประชวรได้”

“...พระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยแสงแรกก้มพักตร์ลง ทรุดตัวลงหมายจักหมอบกราบ

“มิต้องดอก...รีบเข้ากระโจมเถิด”ประคองต้นแขนนุ่มไว้

“...พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าขันธ์ๆ”ลับหลังเจ้าน้อยแสงแรก แลบ่าว องค์ภุชงค์ก็ร้องเรียกหาองครักษ์คนสนิท

“พ่ะย่ะค่ะองค์ภุชงค์...มีกระไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”วิ่งหน้าตั้งมาคุกเข่าพนมมือรับพระบัญชา

“ไปหาดอกแก้วมาให้ข้า”

“หา..ในป่านี่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เออ..ไปหาดอกแก้วมาให้ข้า”

“เอ่อ..พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเจ้าขันธ์ตามหาดอกแก้วแทบจักพลิกผืนป่า องครักษ์หนุ่มก็กลับมาพร้อมดอกแก้วสีขาวนวล ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเต็มตะกร้าหวายขนาดย่อม เจ้าขันธ์เอาผ้าชุบน้ำรองก้นตะกร้าก่อนจักเอาดอกไม้บอบบางวางจนเต็มพื้นที่ แลใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดคลุม

“ได้มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”นำตะกร้าหวายถวายนายเหนือหัว

“ขอบใจ”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“...ไอ้ขันธ์”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“นี่เอ็งประชดข้าฤา”ตรัสถามเมื่อทอดพระเนตรดอกแก้วในตะกร้าหวาย

“มิได้ มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เอ็งเก็บมาเพียงนี้หมดป่าแล้วกระมัง”

“...เจ้าน้อยแสงแรกจักได้ทราบอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะว่าพระองค์ทรงเอ็นดูเจ้าน้อยมากเพียงใด”

“.....”

“.....”

“เอ็งพูดดี...รอดไปก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”



.

​.

.



“เจ้าน้อย...”

“.....”

“เจ้าน้อยแสงแรก”

“พระสุรเสียงองค์ภุชงค์นี่พระเจ้าค่ะ”ชงโคที่ถวายงานบีบนวดปลีน่องเล็กทูลความ

“นั่นสิพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นที่กำลังจัดที่นอนหมอนมุ้งเอ่ยสำทับ

“เจ้าไปรับหน้าพระองค์ที่เถิดชงโค”เจ้าแสงตรัส

“..ถวายพระพรพระเจ้าค่ะองค์รัชทายาท”ชงโคออกไปหน้ากระโจมหมอบกราบชายสูงศักดิ์

“เจ้าน้อยเล่า...เจ้า...”

“ชงโคพระเจ้าค่ะ..ทูลองค์รัชทายาท เจ้าน้อยประทับอยู่ข้างในพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นข้าขอเข้าไปพบหน่อยหนาชงโค”ตรัสจบก็ดำเนินเข้ากระโจมทันทีมิรอให้ชงโคได้ทันห้ามปราม

“อ๊ะ..องค์รัชทายาท”ชงโครีบรุดลุกขึ้นตามหลังไปติด

“อ๊ะ”เจ้าแสงที่เห็นองค์รัชทายาทเข้ามาในกระโจมตนก็ตกพระทัย ลนลานคว้าผ้าคลุมไหล่สีหวานขึ้นคลุมอังสะบาง ปกปิดความขาวนวลเนียนให้พ้นจากสายพระเนตร

“..ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท”

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ...ทรงเข้ามาหาหม่อมฉันถึงกระโจมมีอันใดหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าจักมาบอกว่าข้าหลวงเตรียมสำรับแล้วแล้ว ออกไปกินเถิด เดินทางมาเหนื่อย อีกทั้งเมื่อกลางวัน เจ้ายังกินไปเพียงเล็กน้อยเยี่ยงแมวดม คงจักหิวแล้วกระมัง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หากแต่ให้ข้าหลวงมาตามก็ได้พระเจ้าค่ะ มิต้องลำบากมาด้วยพระองค์เองดอก”

“ลำบากที่ใดกันเจ้า ไปเถิด ข้าจักพาไป ข้างนอกมืดแล้ว”ยื่นพระหัตถ์ให้น้องน้อย

“.....”เจ้าแสงลอบทอดพระเนตรบ่าวทั้งสองของตน ก็เห็นว่าทั้งคู่หมอบกราบก้มหน้าหลบตาเป็นพัลวัน

“.....”

“..ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”วางหัตถ์ตนลงบนพระหัตถ์ใหญ่

                อยู่กลางป่าเช่นนี้ องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้ตั้งสำรับรอบกองไฟ เจ้านายทั้งสี่พระองค์ประทับบนเสื่อที่ปูรอบกองไฟ มีสำรับตั้งให้ ส่วนเหล่าข้าหลวงต่างก็หมอบพับเพียบรอรับพระบัญชาอยู่มิห่าง

“มาแล้วหรือเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสขึ้นเมื่อทอดพระเนตรเห็นสุนิสาที่เข้ามาพร้อมโอรสองค์โต

“ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันชักช้าพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบอ้อนช้อย

“มิเป็นไรๆ มาแล้วก็ลงมือเสวยเถิด”เมื่อตรัสเช่นนั้น องค์จันทร์ แลเจ้าภุชงค์จึงลงมือจัดการสำรับของตน เจ้าแสงลอบมองพระองค์นั้น พระองค์นี้คนละที

“...เป็นกระไรไปเจ้า”องค์ภุชงค์ที่ประทับข้างๆ เอียงพักตร์มากระซิบถาม

“มิได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าปฏิเสธก่อนจักลงมือเสวยสำรับของตน

“กินเยอะๆ หนาเจ้า ประเดี๋ยวกลับถึงภุมริกาแล้ว ข้าจักให้แม่ครัวห้องเครื่องทำสำรับอาหารพื้นเมืองของภุมริกาให้”องค์ภุชงค์ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์อบอุ่นให้

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมหัตถ์ไหว้

“...ประเดี๋ยวรับของคาวแล้ว กินผลไม้ล้างปากเสียหน่อยหนา ข้าให้เจ้าขันธ์ไปเก็บผลไม้ป่ามา รสหวานหอมนัก”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลหากเสวยแล้วแล้วไปเดินชมจันทร์กันดีหรือไม่เจ้าน้อย จักได้มิอึดอัดท้อง”องค์ภุชงค์ว่าพลางใช้พระองคุลีเกลี่ยเม็ดข้าวที่ติดปรางขาวออกให้

“อ๊ะ..ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์หลบ น่าอายนัก

“หึหึหึ...มิเป็นไรดอก น่าเอ็นดูนัก”

“.....”เจ้าแสงปรางแดงก่ำ

“แลว่าอย่างไร หากอิ่มแล้วจักไปเดินชมจันทร์กับข้าหรือไม่”

“...พระเจ้าค่ะ”



.

​.

.



“ราตรีนี้ จันทร์ดวงโตนัก ว่าหรือไม่เจ้าน้อย”

“พระเจ้าค่ะ...ราตรีนี้จันทร์ดวงโต แลสว่างนัก”

“เจ้าขันธ์”ทรงตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่คอยรับใช้อยู่ห่างๆ

“พ่ะย่ะค่ะ”หมอบคลานนำตะกร้าดอกแก้วถวาย

“ดอกแก้วตะกร้านี้ ข้าให้เจ้าขันธ์ไปเก็บมาตั้งแต่เย็นแล้ว....ข้าให้เจ้าหนา”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ประนมหัตถ์ไหว้คนพี่

“มิเป็นไรดอก”ยื่นพระหัตถ์เข้ารับไหว้หัตถ์เล็ก

“...”เจ้าแสงค่อยๆ ดึงหัตถ์ตน ออกจากพระหัตถ์อุ่น ดวงหน้างามแดงระเรื่อ รับตะกร้าดอกแก้วหอมกรุ่นมาคล้องพระกรเรียวเล็กของตน



.

.

.



๑ วันถัดมา



ขบวนเสด็จหยุดลงที่หน้าตำหนักหลวง องค์ภุมริน แลองค์จันทร์รีบลงจากหลังอาชาดำเนินเข้าหาเมียรักที่ยืนรอด้วยความคิดถึง

“เจ้าชมนาด”คว้าเจ้าชมนาดเข้ากอดแนบพระอุระ

“เสด็จพี่...เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดประคองพักตร์พระภัสดาขึ้น

“คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

“หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์พระเจ้าค่ะ...ทรงหิวหรือไม่พระเจ้าค่ะ มาเหนื่อยๆ หม่อมฉันจักให้ข้าหลวงเตรียมสำรับให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ....”

“เยี่ยงนั้นไปสรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้จ้ะ...หากแต่น้องต้องสรงให้พี่หนา”

“พระเจ้าค่ะ...”

“เสด็จแม่ ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ที่ทอดพระเนตรบิดามารดาพูดคุยกับแล้วแล้วจึงเข้าหมอบกราบเจ้าชมนาด

“เจ้าภุชงค์ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”เข้ากอดโอรสองค์โต ลูบเศียร ลูบพักตร์

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ มิเจ็บมิไข้”

“ดีแล้วลูก เอ๊ะ แลนั่นใครกัน”นัยน์ตากวางเหลือบไปเห็นร่างบางที่หมอบกราบอยู่หลังโอรสองค์โตจึงตรัสถามขึ้น

“ถะ ถวายพระพรพระชายาภุมริกาพระเจ้าค่ะ”

“.....”เจ้าชมนาดพยักพักตร์ หากแต่ก็ยังสงสัยใคร่รู้

“เสด็จแม่...นี่เจ้าน้อยแสงแรก เจ้าน้อยแคว้นการเวกพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าน้อยแคว้นการเวกหรือ...”

“พ่ะย่ะค่ะ...หากเรื่องเป็นมาเยี่ยงไรลูกขอทูลความคราหลังพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็ได้ลูก...เอาไว้ก่อน เจ้าไปพักก่อนเถิด แลค่ำนี้ค่อยมาร่วมเสวยกับพ่อ แลแม่ที่ตำหนักหลวงหนา”ตรัส แลประคองพักตร์งามของโอรสองค์โตขึ้นหอมปราง

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบมารดา เจ้าแสงเมื่อทอดเนตรเห็นดังนั้นจึงหมอบกราบตาม

“เจ้าบัวงามมาให้พ่อกอดให้คลายคิดถึงหน่อยเถิดลูก”องค์ภุมรินตรัส ตั้งแต่มาถึงตำหนักหลวงเจ้าบัวงามของพ่อก็ถลาเข้ากอดเจ้าหลวงศศิมณฑล จนป่านนี้ยังซุกอยู่ในอุระกว้างมิห่าง ให้องค์จันทร์กอดหอมคลอเคลีย

“พระเจ้าค่ะ”ผละออกจากพระภัสดา เข้าหมอบกราบบิดา

“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”กอดลูกน้อยแนบพระอุระ

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ เหนื่อยหรือไม่”

“ได้เห็นหน้าแม่เจ้าพ่อก็หายเหนื่อยแล้ว”

“คิกๆ พระเจ้าค่ะ”

“แยกย้ายกันไปสรงน้ำท่าก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวค่ำนี้สำรับแล้วแล้วแม่จักให้ข้าหลวงไปตามที่ตำหนัก”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”



.

.

.



ภายในตำหนักหลวงวันนี้ดูคึกคักกว่าปกติ เนื่องว่า มีเจ้านายหลายพระองค์ร่วมเสวยมื้อค่ำด้วยกัน องค์ภุมริน แลพระมารดาชมนาดทรงประทับอยู่บนตั่งทอง ขนาบข้างด้วยองค์รัชทายาทภุชงค์ เจ้าแสงแรกถูกจัดให้นั่งอยู่บนตั่งเล็กถัดจากเจ้าภุชงค์ ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นองค์จันทร์ แลเจ้าบัวที่ประทับอยู่บนตั่งตัวใหญ่ด้วยกัน

“กินได้หรือไม่เจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสถาม

“...พระเจ้าค่ะ อาหารภุมริการสเลิศนักพระเจ้าค่ะ”

“โปรดก็ดีแล้ว”ทรงตรัสอย่างพระทัยดี

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ

“กินมากๆ หนาเจ้า”เจ้าภุชงค์ว่า

“...พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามลอบมองเจ้าน้อยการเวกด้วยความแปลกพระทัย แลระแวดระวัง แม้จักเพิ่งเคยพบ หากแต่เป็นคนของการเวกแล้วไซร้ ระวังไว้ก่อนเป็นดี



.

.

.



หลังจากมื้อค่ำแล้วแล้ว เจ้าภุชงค์ก็เสด็จไปส่งเจ้าน้อยแสงแรกกลับตำหนักรับรอง โดยที่องค์ภุมรินจักเป็นผู้แถลงแจงความให้เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามกระจ่างด้วยองค์เอง

“เรื่องมันเป็นมาอย่างไรพระจ้าค่ะเสด็จพี่”

“...ตัวต้นเหตุก็ไอ้สินนั่นแล”

“อีกแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดตรัสพลางชักสีหน้าเอือมระอา

“ใยจึงผูกใจเจ็บได้ขนาดนี้พระเจ้าค่ะ บัวมิเข้าใจเสียเลย”

“หึ...มันก็คงเสียหน้ากระมัง”

“แลเหตุใดเจ้าน้อยแสงแรกจึงได้ตามกลับมาบ้านเมืองเราเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ก็ไอ้สินมัน.....”



.

.

.



“คุณพระช่วย...เลวชาตินัก”เจ้าชมนาดยกหัตถ์ทาบอุระตน

“เยี่ยงนี้เจ้าน้อยแสงแรกก็น่าสงสารหนาสิพระเจ้าค่ะ”

“นั่นแลลูก หากยังอยู่ที่การเวก ไอ้สินกลับมาคงลำบากเป็นแน่ แลอีกอย่างเจ้าภุชงค์แม้จักมิได้ตั้งใจให้เกิด หากแต่ก็ต้องรับผิดชอบ”

“เสด็จแม่!!!”อยู่เจ้าบัวงามก็แผดพระสุรเสียงขึ้นมาจนบิดา มารดา แลภัสดาสะดุ้งเฮือก

“กระไรเจ้าบัวงาม แม่ตกอกตกใจหมด”เจ้าชมนาดยกหัตถ์ทาบอกเป็นครั้งที่เท่าใดของวันแล้วก็มิอาจทราบ

“...ก็ที่ท่านยายทูลเสด็จแม่อย่างไรเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ที่แม่เฒ่าทูลหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“นั่นสิเจ้า!!!”

“กระไรกันเจ้าชมนาด เจ้าบัวงาม”

“...หลังจากที่พระองค์เสด็จไปการเวก แม่เฒ่าก็ขอเข้าเฝ้าหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ”

“ท่านว่าอย่างไรเจ้า”

“ท่านว่า...บัวหลงจันทร์ไปแล้ว...ก็ถึงคราวภุชงค์เล่นแสง”

“...ภุชงค์เล่นแสงหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าภุชงค์”

“ท่านยาย ท่านทูลว่า ภุชงค์เล่นแสงหรือพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ที่กลับจากไปส่งดำเนินเข้ามาในตำหนักทันได้ยินที่มารดาตรัสพอดี

“...ใช่จ้ะ ท่านว่า ภุชงค์เล่นแสง”

“.....”เจ้าภุชงค์มิตรัสตอบ หากแต่พระโอษฐ์แย้มน้อยๆ

“เจ้าโปรดเจ้าน้อยเยี่ยงนั้นหรือเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสถามโอรสองค์โต

“...ลูกมิเคยโปรดใครมาก่อน หากแต่กับเจ้าน้อยแสงแรกนั้น...ลูกก็มิอาจทราบได้ว่าโปรดเจ้าน้อยหรือไม่”

“.....”

“หากแต่ ลูกรู้สึกอยากดูแล ทะนุถนอมน้อง มิใคร่ชอบใจเสียเลยพ่ะย่ะค่ะ ยามเห็นน้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ...”

“.....”พ่อ แลแม่ลอบมองพักตร์กัน

“แลจักตบแต่งกับเมื่อใดพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวตรัสถาม

“พี่ใคร่อยากให้เจ้าน้อยเต็มใจ แลพร้อมใจแต่ง หาใช่เพราะสถานการณ์บังคับไม่”

“.....”

“ลูกมิใคร่บังคับเจ้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“เอาเถิดๆ ค่อยว่ากันก็ยังมิสายดอก”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“วันนี้ค่ำแล้ว แยกย้ายกันพักผ่อนก่อนเถิด วันพรุ่งค่อยว่ากัน”

“นั่นสิ เจ้าบัวกำลังท้องไส้ รีบเข้านอนเถิดลูก”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“เยี่ยงนั้นลูกทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์

“ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”องค์จันทร์

“ลูกทูลลาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงาม

“จ้ะ”



.

.

.



ภายในตำหนักรับรอง เจ้าน้อยแสงแรกนั่งพับเพียบอยู่บนพระยี่ภู่ หัตถ์เล็กประนมอยู่กลางอกสวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน ส่วนบ่าวทั้งสองก็ปัดที่หลับ ที่นอนอยู่ข้างพระแท่นบรรทม

“ชงโค ยี่สุ่น...ข้าสวดมนต์แล้วแล้วนอนเถิด”เจ้าแสงตรัสพลางเอนกายลงนอน

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นจัดคลุมพระองค์ให้คนเป็นนายจนถึงอุระบาง ปลดพระสูตรลูกไม้โปร่งแสงลงจากเสาพระแท่นบรรทมทั้งสี่มุม

เจ้าแสงพลิกพระวรกายตะแคงข้าง พักตร์งามหนุนหัตถ์ตนก่อนจักหวนนึกถึงเมื่อหัวค่ำ องค์รัชทายาททรงเสด็จมาส่งตนถึงในตำหนัก หน้าห้องบรรทม

“ขอบพระทัยที่เมตตามาส่งหม่อมฉันถึงตำหนักพระเจ้าค่ะ”ประนมมือไหว้เจ้าภุชงค์

“มิเป็นไรดอก”ยื่นพระหัตถ์มารับไหว้น้องน้อย

“.....”

“วันพรุ่งหลังมื้อเช้า ข้าจักพาเจ้าชมรอบวังหลวง แลสวนพฤกษา”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ค่ำนี้ก็นอนพักผ่อนมากๆ หนา เดินทางมาเหนื่อยๆ”

“...พระเจ้าค่ะ”

“หลับให้สนิท ฝันดีหนาเจ้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...พระองค์ก็...ทรงพระสุบินดีหนาพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ เยี่ยงนั้นคงจักต้องฝันถึงเจ้าแล้วแล”

“.....”ก้มพักตร์หลบสายพระเนตร

“...ข้าไปก่อนหนา ขาดเหลือกระไรก็บอกข้าจักหามาให้เจ้าทุกอย่าง”จับหัตถ์บางขึ้นเบาๆ พระอังคุฐลูบคลึงหลังหัตถ์นิ่ม

“พระเจ้าค่ะ”ค่อยๆ ดึงหัตถ์ตนออก

“ข้าไปหนา”ตรัสก่อนจักดำเนินออกจากตำหนักรับรอง จับจ้องเจ้าน้อยคู่หมายพระเนตรละห้อย



.

.

.



วันรุ่งขึ้น ณ สวนพฤกษา

“ภุชงค์...”เจ้าบัวงามตรัสทักพระเชษฐา

“เจ้าบัวงาม”ดำเนินเข้าช่วยสายหยุดประคองคนเป็นน้อง

“มาทำกระไรที่สวนพฤกษาแต่เช้าหรือพระเจ้าค่ะ”

“แลน้องเล่า มาทำกระไรที่สวนพฤกษาแต่เช้ากัน”

“บัวมาเก็บดอกบัวไปถวายองค์จันทร์ท่านพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ”

“แลภุชงค์เล่าพระเจ้าค่ะ ยังมิตอบน้องเลยว่ามาทำกระไร”ปกติองค์รัชทายาทมิเคยเสด็จสวนพฤกษาตั้งแต่ย่ำรุ่งเช่นนี้ดอก

“...พี่...พี่มาเก็บดอกแก้ว”

“ดอกแก้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“เก็บไปทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“...พี่มาเก็บไปให้เจ้าน้อยแสงแรก”

“ทรงเสด็จสวนพฤกษาตั้งแต่ย่ำรุ่งเพื่อเก็บดอกแก้วไปให้เจ้าน้อยแสงแรก.....”เจ้าบัวหรี่พระเนตรจับผิดพระเชษฐา

“.....”

“ใยจึงมองพี่เช่นนี้เล่าน้อง”

“ทรงชอบพอเจ้าน้อยหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ภุชงค์”

“...พี่ชอบพอเจ้าน้อยแสงแรก”

“.....”

“เจ้าน้อยแสงแรกมิเหมือนองค์สินดอกหนาเจ้าบัว...เจ้าน้อยน่าสงสารนัก”

“ทรงชอบพอเจ้าน้อย เพราะ สงสารหรือพระเจ้าค่ะ”

“...พี่ชอบพอเจ้าน้อย แต่หาใช่เพราะความสงสารไม่”

“.....เอาเถิดพระเจ้าค่ะ บัวมิยุ่งดอก”เจ้าบัวงามตรัส

“...เยี่ยงนั้นพี่เก็บดอกบัวให้หนาเจ้า กำลังท้องกำลังไส้มิดีใกล้น้ำ ใกล้ท่า ตกลงไปจักอันตราย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”



เจ้าน้อยทั้งสามแคว้นต่างร่วมรับพระกายาหารเช้าร่วมกัน แลเมื่อหลังพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว ก็ถึงเพลาที่เจ้าน้อยแสงแรกจักต้องแนะนำองค์เองอย่างเป็นทางการกับพระชายาชมนาด พระมารดาของพระคู่หมายแล้ว

“ถวายพระพรพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมีนามว่าแสงแรก...มีฐานันดรเป็นเจ้าน้อยแค้วนการเวกพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบหน้าตั่งทอง

“เจ้าน้อยการเวก...โอรสต่างมารดากับองค์สิน?”

“...พระเจ้าค่ะ มารดาหม่อมฉันเป็นสนมเอกในองค์สิงห์พระเจ้าค่ะ”

“...”เจ้าชมนาดพยักพระพักตร์น้อยๆ

“...”

“...เจ้าภุชงค์”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”องค์รัชทายาทขานรับคำพระมารดาหนักแน่น

“ใคร่อยากจักให้มีพิธีอภิเษกเมื่อใด”แม้ลูกจักบอกแล้วว่ามิใคร่จักบังคับใจเจ้าน้อยต่างเมือง หากแต่เจ้าชมนาดก็ใคร่อยากถามให้ได้ความอีกคราพร้อมหน้าทั้งสองคน

“...”เจ้าแสงที่หมอบกราบอยู่ถึงกับหายพระทัยสะดุด แลก้มพักตร์ลงต่ำกว่าเดิม

“...ลูกมิใคร่ฝืนใจเจ้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“...”

“ลูกใคร่อยากให้เจ้าน้อยเต็มใจอภิเษกกับลูก มิใคร่บังคับฝืนใจพ่ะย่ะค่ะ”

“...จักรอไปก่อนเยี่ยงนั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“...ว่าอย่างไรเจ้าน้อยแสงแรก”

“หม่อมฉัน...มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”

“...ยังมิใคร่แต่งกันตอนนี้สิหนา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ตามใจเจ้าทั้งสองเถิด...หากพร้อมใจใคร่แต่งกันเมื่อใด ก็ให้มาบอกข้าก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ พระมารดา”






หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๘.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-01-2019 15:14:21
รีบรักกันไว ๆ นะ เจ้าแสงน้อง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๘.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 28-01-2019 18:29:33
อยากให้แต่งงานแล้วว สงสารเสด็จพี่ภุชงค์หนาเจ้า
อย่าให้พี่รอนานหน้าเจ้าแสงน้อย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๘.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-01-2019 22:08:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๘.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-01-2019 23:52:08
ตามมาจากเรื่องนั้น รอๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๘.๑.๖๒ หน้า ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-01-2019 00:59:22
รีบๆแต่งได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-02-2019 09:29:46


ภุชงค์เล่นแสง ๐๕


หลังจากที่เจ้าบัวงาม แลพระภัสดาได้เดินทางกลับแคว้นศศิมณฑลไปแล้วนั้น พระมารดาชมนาดก็มีรับสั่งให้เจ้าน้อยจากการเวกเข้าเฝ้าทุกวัน เพื่อร่ำเรียนเรื่องการบ้านการเรือน แม้นฝีมือการบ้านการเรือนของเจ้าน้อยแสงแรกจักเป็นเลิศ หากแต่เรื่องการเรือนของคนเป็นเมียยังต้องรู้อีกมาก ไหนจักกลยุทธ์วิธีมัดใจผัวอีกมากที่จักต้องรู้ ไหนจักมารยาอีกร้อยเล่มเกวียณอีกเล่า

“กินโอสถถ้วยนี่เสียเจ้าแสง”เจ้าชมนาดทรงประทานโอสถของแม่เฒ่าให้ว่าที่สุนิสา ชงโคคลานไปรับพานโอสถจากคนสนิทพระมารดามาถวายให้เจ้าน้อย

“โอสถกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”เป็นยี่สุ่นที่ออกปากถามแทนนายตน

“ยี่สุ่น”เจ้าแสงเอ็ดใส่คนสนิทเบาๆ

“มิเป็นไรดอกเจ้าแสง...เจ้าคงจักเคยได้ยินชื่อเสียงแม่เฒ่าแห่งภุมริกามาบ้างกระมัง”เจ้าชมนาดที่ประทับนั่งอิงหมอนขิด สะบัดพัดจีนในมือไปมาเบาๆ ตรัสขึ้น

“พระเจ้าค่ะ”ก้มพักตร์ตอบ

“โอสถตรงหน้าเจ้าเป็นโอสถที่ทำให้ข้า แลเจ้าบัวงามตั้งครรภ์ได้ เจ้าจักมาเป็นสุนิสาภุมริกา เป็นชายาองค์รัชทายาท เป็นเมียเจ้าภุชงค์ก็ต้องกินโอสถนี่”

“...”

“กินเข้าไปเถิด มิใช่ยาพิษกระไร”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงประคองถ้วยโอสถขึ้นดื่ม ดวงพักตร์งามเหยเกเพราะรสชาติขมฝาดของโอสถกลิ่นฉุน

“นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจักต้องกินโอสถของแม่เฒ่าทุกวัน เข้าใจหรือไม่เจ้าแสงแรก”

“พระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้ว แลวันพรุ่งก็มาหาข้าที่ตำหนักหลวงจักได้กรองมาลัยถวายตำหนักศาสน์กัน”

“พระเจ้าค่ะ พระมารดา”

“นั่นเจ้าภุชงค์นี่”พระมารดาชมนาดตรัส พลางทอดพระเนตรโอรสองค์โตที่กำลังดำเนินมาทางศาลาริมสระหลวงพร้อมองครักษ์คนสนิท แลข้าหลวงรับใช้

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”หมอบกราบมารดา แลเข้ากอดกฤษฎีบางออดอ้อนราววิฬารตัวโต

“หึหึหึ ออดอ้อนเป็นเจ้าบัวงามเชียว เจ้านาคของแม่”หัตถ์บางลูบเกศาหนาอย่างเอ็นดู

“กำลังทำกระไรกันหรือพ่ะย่ะค่ะ”ผละออกจากมารดา แลประทับลงข้างเจ้าแสงแรก

“แม่ให้เจ้าแสงกินโอสถของแม่เฒ่า”

“โอสถแม่เฒ่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“จ้ะ”องค์ภุชงค์ทรงทอดพระเนตรคราบโอสถที่เหลือติดถ้วยสลับกับดวงพักตร์งามของเจ้าแสง

“มีกระไรหรือเจ้า”เจ้าชมนาดตรัสถาม

“มิมีพ่ะย่ะค่ะ”

“เพลานี่ก็แดดร่มลมตกแล้ว เจ้าพาเจ้าแสงไปเดินเล่นเถิดลูก ประเดี๋ยวพ่อเจ้าคงกลับจากว่าราชการแล้ว แม่จักไปรอพระองค์ที่ตำหนักหลวง”ตรัส แลลุกออกจากตั่งตัวโต

“พ่ะย่ะค่ะ”

“กราบทูลลาพระมารดาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบพระมารดาต่างแคว้น

“ทูลลาเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้น เจ้าใคร่อยากทำกระไรหรือเจ้าแสง”ทรงตรัสถามขึ้นเมื่อเจ้าชมนาดดำเนินออกจากศาลาริมสระหลวง

“หม่อมฉันใคร่อยากลงห้องเครื่องพระเจ้าค่ะ”

“ห้องเครื่องหรือเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ หากแต่มิได้ ก็มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ”

“ใยจักมิได้เล่า แลลงเครื่องเช่นนี้จักทำกระไรหรือ”

“หม่อมฉันคิดว่าจักทำขนมถวายเจ้าหลวง พระมารดา แลพระองค์พระเจ้าค่ะ”

“ขนมฝีมือเจ้าหรือ คงรสเลิศมิมีใครเทียม พี่อดใจรอกินมิไหวแล้ว”มิตรัสเปล่า ประคองหัตถ์ขาวขึ้นกอบกุม พลางส่งพระเนตรเชื่อมหวานให้เจ้าน้อยต่างแคว้นหน้าม้าน

“ป ปล่อยเถิดพระเจ้าค่ะ”ค่อยๆ ดึงหัตถ์ตนออกจากหัตถ์อุ่นขององค์รัชทายาทคู่หมาย

“เยี่ยงนั้นเราไปห้องเครื่องกันเถิด ประเดี๋ยวจักเย็นย่ำเอาได้”

“เอ๊ะ เราหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่ พี่ แลเจ้าเช่นไรเล่า”

“จักทรงลงห้องเครื่องกับหม่อมฉันหรือพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“ไปเถิด”


.
.
.


แม้นจักลงห้องเครื่องกับเจ้าน้อยการเวก หากแต่ก็มิมีผู้ใดกล้าใช้งานองค์รัชทายาทให้หยิบจับกระไร องค์ภุชงค์จึงทำได้เพียงประทับทอดพระเนตรเจ้าแสงขูดพระพร้าวคั้นกะทิ มิวางพระเนตร น้องน้อยผลัดผ้าผ่อนเป็นผ้าแถบคาดอกสีหวานเพื่อคลายความร้อนจากห้องเครื่องที่อบอ้าว พระวรกายบอบบางประทับหันข้างอยู่บนกระต่ายขูดมะพร้าว สองหัตถ์ประคองมะพร้าวผ่าครึ่งคว่ำลงบนคมกระต่ายออกแรงขูดให้ได้พระพร้าวฝอยสีขาวนวล พระวรกายบางโยกคลอนตามแรงขูด หยาดเหงื่อที่ไหลจากกรอบพักตร์งามลงมาที่ลำคอระหง ก่อนจะหายเข้าไปในร่องผ้าแถบตรงแผ่นอกบาง ทำเอาชายสูงศักดิ์ลอบกลืนพระเขฬะกับภาพที่ทอดพระเนตรตรงหน้า ดีหนาที่พระองค์รับสั่งให้เหล่าองครักษ์ แลข้าหลวงรับใช้ที่ติดตามรออยู่ด้านนอกห้องเครื่องเพื่อมิให้เกะกะเจ้าแสงแรก เจ้าแสงแรกในเพลาที่เย้ายวนเช่นนี้จักให้ชายใดเห็นมิได้ดอก พระเนตรคมจับจ้องเม็ดเหงื่อที่กลิ้งอยู่บนผิวขาวนวลมิวางตา ทอดพระเนตรตามว่ามันจักกลิ้งไปที่ใด แลสุดท้ายมันก็กลิ้งไหลลงขอบผ้าแถบชื้นของน้องน้อยทุกครา

“เจ้าแสงแรก”

“พระเจ้าค่ะ องค์รัชทายาท”

“มา พี่เช็ดเหงื่อให้หนาเจ้า”ตรัส แลลุกจากที่ประทับ ใช้ซับพระพักตร์ซับหยาดเสโทชื้นที่พักตร์งาม ลำคอระหง แลเนินอกบาง

“ฝ ฝ่าบาท หม่อมฉันซับเองได้พระเจ้าค่ะ”

“มือเจ้าเปรอะมะพร้าวเยี่ยงนี้จักซับเองได้อย่างไรเล่า”ตรัสพลางลากซับพระพักตรไปตามเนินอกบาง แอบใช้ปลายพระองคุลีสัมผัสเนินเนื้อนุ่มแผ่วเบาทิ้งความร้อนรุ่มให้ติดผิวบาง

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันซับให้เจ้าน้อยเองก็ได้พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นโพล่งอาสาขึ้น

“มิต้องดอก เจ้าทำงานของเจ้าไปเถิด”เหลือบพระเนตรมองคนสนิทของเจ้าน้อยการเวก ก่อนจักตรัสพระสุรเสียงเรียบต่างจากที่ตรัสกับแสงแรกมากโข

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันทำให้เจ้าน้อยได้พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นยังคงกระตืนรือร้นที่จักเป็นคนซับพระเสโทให้คนเป็นนาย

“มิต้องยุ่งจักได้ไหม ทำงานของเจ้าไป ข้าจักซับเสโทให้เจ้าแสงเอง”ตรัสพระสุรเสียงเข้มขึ้น

“ต แต่...โอ๊ะ”ยังมิทันที่ยี่สุ่นจักได้ค้านอีกครา พระองคุลีแข็งก็ดีดลงบนหน้าผากเล็กเสียงดังลั่นห้องเครื่อง ยี่สุ่นกุมหน้าผากตนแน่น ริมฝีปากเบะออก น้ำตาคลออย่างน่าสงสาร

“ฝ่าบาท”เจ้าแสงทิ้งมะพร้าวในหัตถ์ แลรุดเข้าดูอาการคนสนิท

“เจ้าน้อย”

“เป็นอย่างไรบ้างยี่สุ่น”

“เจ็บพระเจ้าค่ะ”เอ่ยอ้อนคนเป็นนาย

“โถ มิเป็นไรหนา ประเดี๋ยวข้าจักหายูกยามาทาให้”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ฝ่าบาท”

“ห หืม”

“คราหลัง อย่าตียี่สุ่นเช่นนี้อีกได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ หากมิใคร่พอพระทัยก็ลงที่หม่อมฉันเถิด”เจ้าแสงก้มพักตร์หลบตาชายหนุ่ม ตรัสสุรเสียงแผ่ว

“พี่มิได้ตีบ่าวเจ้าหนาเจ้าแสง”ตรัสปฏิเสธ สาบานให้ตายเถิดทรงลงแรงเพียงน้อยนิด หากแต่เจ้าบ่าวหน้าขาวนี่ช่างสำออยนัก แลดูท่าน้องน้อยจักเข้าข้างบ่าวมากกว่าพระองค์ที่เป็นพระคู่หมั้นเสียอีก

“เจ็บพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”ปากว่าเจ็บ หากแต่สายตากลับซุกซนขัดแย้งกัน

“มิเป็นไรหนาเจ้า”ชงโคว่าพลางลูบหัวยี่สุ่นไปมา

“...”ทรงยืนนิ่งทอดพระเนตรบ่าวหน้าขาวออดอ้อนน้องน้อย เจ้าบ่าวรักยมนี่กระไร คิดจักเอาคืนระองค์แทนเจ้าแสงแรกหรือ

“ทำขนมต่อเถิดจักได้แล้วไวๆ ข้าจักได้หายูกยามาให้”

“พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”

“เจ้าแสง”ตรัสเรียกน้องน้อย เมื่อมิได้รับความสนใจ

“ทูลฝ่าบาท ทรงประทับรอก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ อีกมินานขนมก็แล้วแล้ว หรือ จักทรงกลับไปประทับรอที่ตำหนักก็ได้หนาพระเจ้าค่ะ”แปลได้ว่าทรงอยู่เฉยๆ หรือไม่ก็กลับตำหนักไปเถิดพระเจ้าค่ะ

“...เยี่ยงนั้นพี่จักนั่งคอยเงียบๆ ก็แล้วกันหนาเจ้า”ถอยกลับไปประทับที่เดิมอย่างช้ำใจ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”แย้มสรวลให้น้องน้อยบางๆ พระเนตรเหลือบมองบ่าวรักยมสองคนที่หัวร่อคิกคัก ผิดกับอาการเจ็บปวดเกินจริงเมื่อครู่ หนอย ฝากไว้ก่อนเถิดเจ้ารักยม



   ทางด้านยี่สุ่น ชงโคเมื่อได้กลั่นแกล้งองค์รัชทายาทต่างแคว้นก็หัวร่อคิกคักอย่างได้ใจ บ่าวทั้งสองช่วยคนเป็นเจ้านายทำขนมพร้อมทั้งออดอ้อนให้เจ้าน้อยเอ็นดูจนขนมถูกจัดเรียงลงบนสำรับพร้อมถวายแก่เจ้านายองค์อื่น

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ ขนมแล้วแล้ว ทรงกลับตำหนักสรงน้ำ ผลัดผ้าก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ ข้าก็เหนียวตัวเต็มที”

“ประเดี๋ยวยี่สุ่น แลชงโคจักเตรียมอ่างสรงลอยดอกแก้วให้ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”...ดี องค์ภุชงค์ทรงตอบอยู่ในพระทัย กลิ่นแก้วที่มาจากกายเจ้าแสง รัญจวนพระทัยพระองค์ยิ่งนัก

“ดีเจ้า”เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์ให้บ่าวคนสนิททั้งสอง หากแต่กลับทำให้พระเนตรขององค์รัชทายาทพร่ามัวไปหมด

“พระเจ้าค่ะ”

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวกลับตำหนักก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงผินพักตร์กลับมาตรัสกับองค์ภุชงค์

“จ้ะ”

“เยี่ยงนั้น หม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะ”

“หากสรงน้ำ ผลัดผ้าแล้วแล้ว ก็ไปกินขนมด้วยกันที่ตำหนักหลวงหนาเจ้า จักได้เข้าเฝ้า เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ด้วยกัน”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


จ๋อม



บ่าวชงโค แลยี่สุ่นกวักน้ำในอ่างไม้รดลงบนพระฉวีขาวผ่องของเจ้าน้อยแสงแรก ป้ายขมิ้นชันบดละเอียดถูวนบนพระฉวีของเจ้าแสง ใช้มะกรูดรูดเกศายาวของเจ้าน้อยจนสะอาดปราศจากกลิ่นในห้องเครื่อง

“แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อย”ชงโคกราบทูล

“จ้ะ”เจ้าแสงพยักพักตร์ให้ ชงโคจึงได้ใช้ผ้าพันพระวรกายให้คนเป็นนาย ก่อนบ่าวทั้งสองจักค่อยๆ ประคองเจ้าน้อยออกจากฉากกั้น ยี่สุ่นใช้ผ้าอีกผืนซับหยดน้ำจากพระวรกายขาวจนแห้ง จึงได้เริ่มลงเครื่องประทินผิว ยี่สุ่นแตะแป้งร่ำ แลตามด้วยน้ำลงบนพักตร์งามของเจ้าแสง ก่อนจักลงสีผึ้งบนโอษฐ์บาง

“แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นแต่งพระวรกายเลยหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“ทรงใส่ผ้าแถบสีกระไรดีพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นถามยามเปิดหีบผ้าของเจ้าน้อย

“จักต้องเข้าเฝ้าเจ้าหลวง แลพระชายา เอาสีอ่อนหน่อยก็แล้วกันเจ้า”เจ้าแสงตรัส

“พระเจ้าค่ะ...ผืนนี้ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นว่าพลางถวายผ้าแถบสีขาวปักลายดอกไม้เล็กๆ ทั่วผืนให้คนเป็นนายทอดพระเนตร

“อืม เอาผืนนี้แล”เจ้าแสงพยักพักตร์พอพระทัย ก่อนจักให้บ่าวคนสนิทแต่งองค์ให้

“หากทรงใส่ผ้าแถบผืนนี้ เช่นนั้นเอาผ้าโจงผืนนี้ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ชงโคถามพลางถวายผ้าโจงสีมอครามให้คนเป็นนาย

“จ้ะ”



.
.
.



“ทูลเจ้าหลวง พระชายา แลองค์รัชทายาท เจ้าน้อยแสงแรกขอเข้าเฝ้าเพคะ”

“ให้เจ้าน้อยเข้ามา”องค์ภุมรินตรัส

“พวกเจ้าไปยกขนมที่เจ้าแสงทำมาที”เจ้าชมนาดหันไปสั่งข้าหลวงที่คอยรับใช้

“เพคะ”



มินานเกินรอ เจ้าแสงแรก แลบ่าวคนสนิททั้งสองก็เข้ามาในโถงตำหนักหลวง ร่างบางทั้งสามคลานเข่าเข้ามาหมอบกราบเจ้าหลวง พระชายา แลองค์รัชทายาท

“ถวายพระพรเจ้าหลวง พระชายา แลองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบอ่อนช้อย แลทูลความ

“ไหว้พระเถิดเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัส ทรงเอ็นดูสุนิสาออกหน้าออกตา

“อยู่ภุมริกามาก็ได้หลายวันแล้ว เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”เจ้าชมนาดตรัสถามสาระทุกข์สุขดิบสุนิสา มิเช่นนั้นประเดี๋ยวจักกลายเป็นแม่ผัวใจร้ายไป

“ดีพระเจ้าค่ะ มิมีกระไรขาดกระไรเกิน...ขอบพระทัยเจ้าหลวง แลพระชายาที่เมตตาหม่อมฉัน แลบ่าวคนสนิทพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าน้อยมาที่ภุมริกาในฐานะคู่หมั้น คู่หมายองค์รัชทายาท ข้าผู้เป็นมารดาย่อมต้องต้อนรับเจ้าน้อยอย่างสมเกียรติ”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหมอบกราบอีกครา

“เอาเถิด ข้าหลวงยกสำรับขนมที่เจ้าน้อยลงห้องเครื่องมาแล้ว เสวยเถิด”เจ้าชมนาดตรัส เมื่อข้าหลวงสาวทยอยยกพานทองบรรจุขนมที่แสงแรกลงมือทำเข้ามาในโถงตำหนักหลวง

“ขนมรสมือเจ้าแสง คงเลิศล้ำนัก เจ้าภุชงค์จึงได้กินไปยิ้มไปมิหุบเช่นนี้”เจ้าชมนาดตรัสเย้าเมื่อทอดพระเนตรโอรสองค์โตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามได้ลิ้มรสขนมหวาน

“...”เจ้าแสงเหลือบเนตรมองสองแม่ลูกภุมริกาสนทนากัน

“ขนมรสมือเจ้าแสงรสเลิศนักพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ เห็นทีลูกคงไปไหนมิรอดเป็นแน่”ตรัสกับคนเป็นแม่ หากแต่พระเนตรกลับจดจ้องคนงามที่ก้มพักตร์มองตักตนงุด แต่กระนั้นก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็นรอยริ้วแดงที่พาดผ่านใบหูเล็ก


.
.
.


เจ้าแสงแรก แลบ่าวทั้งสองอยู่ที่ภุมริกาจนคุ้นชินกับวังหลวงภุมริกา องค์รัชทายาทภุชงค์ทรงเสด็จมาหาเจ้าแสงแรกทุกเช้า ก่อนจักเสด็จไปทรงงานกับเจ้าหลวงภุมริน แลตอนเย็นก็จักเสด็จมาเสวยพระกายาหารเย็นกับเจ้าน้อยบ้าง เสด็จมารับเจ้าน้อยไปเสวยพร้อมเจ้าหลวง แลพระชายาที่ตำหนัหลวงบ้าง แลในช่วงกลางวันเจ้าแสงจักฝึกการบ้าน การเรือนอยู่ตำหนัก หรือไม่พระชายาท่านก็ทรงเรียกหาเพื่อสอนกลยุทธ์มัดใจผัว เช่นวันนี้

“ทูลเจ้าน้อยแสงแรก พระชายาชมนาดทรงเรียกหาเพคะ”

“จ้ะ”เจ้าแสงตรัสรับคำกล่าวทูลของนางข้าหลวง ก่อนจักวางเข็มกรองมาลัยลงบนพานทอง พระวรกายบอบบางขยับเขยื้อน เยื้องก้าวอย่างสำรวม รักษากิริยาจนข้าหลวงสาวจากตำหนักหลวงชื่นชมอยู่ในใจ นายบ่าวทั้งสามตามข้าหลวงสาวมาที่ตำหนักหลวง

“ทูลพรายาชมนาด เจ้าแสงแรกมาแล้วเพคะ”

“เข้ามาเถิด”

“ถวายพระพรพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหมอบกราบแทบพระบาทบาง

“ไหว้พระเถิดเจ้า”เจ้าชมนาดลูบเกศานุ่มเบาๆ เมื่อได้รู้จักมากขึ้น อคติที่เจ้าแสงเป็นเจ้น้อยการเวก แลน้องเจ้าสินก็ค่อยๆ จางหายไป โดยมีความเอ็นดูเข้ามาแทนที่ เพลาที่ผ่านมาเจ้าแสงได้พิสูจน์แล้วว่าหาได้เป็นเช่นเชษฐาไม่

“พระชายาทรงมีกระไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสอย่างอ่อนน้อม

“วันนี้ข้าจักสอนเจ้าเรื่องการครองเรือน ทำเช่นไรจึงจักมัดใจผัวให้อยู่กับตัวได้”

“พ พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงรับคำ พักตร์แดงระเรื่อ ทั้งชีวิตที่ผ่านมาหาได้เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้ไม่

“...หน้าตา ผิวพรรณเจ้างามสมกับเป็นเชื้อ เป็นหน่อเจ้า หากแต่กลับจืดชืด”หัตถ์บางช้อนหนุมนของว่าที่สุนิสาขึ้นทอดพระเนตรดวงพักตร์หวาน

“...”เจ้าแสงแรกพักตร์จืดเจื่อน เมื่อถูกมารดาของคู่หมายว่าให้เช่นนั้น

“พวกเจ้าไปเอาเครื่องประทินผิวของข้ามาประเดี๋ยวนี้”เจ้าชมนาดสั่งข้าหลวงรับใช้ ก่อนจักปล่อยพักตร์เจ้าแสง

“เพคะ พระชายา”ข้าหลวงสาวคลานถอยหลังออกไปยกพานทองบรรจุเครื่องประทินผิวของพระชายามา

“หน้าตางดงามเช่นนี้ แต่งเติมอีกสักน้อย คงเอาเจ้าภุชงค์อยู่หมัด”



เมื่อได้เครื่องประทินผิวมาพระชายามารดาองค์รัชทายาทก็หยิบแป้งร่ำวางลงบนฝ่าพระหัตถ์ ปลายองคุลีเรียวบดเม็ดแป้งจนแตกละเอียดเป็นผง แลจึงค่อยๆ ใช้ปลายองคุลีไล้เบาๆ ที่พักตร์เจ้าแสง ก่อนจึงแตะน้ำลอยดอกมัลลิกาตามเบาๆ เจ้าชมนาดแตะน้ำลูบลงบนขนงค์เรียวของเจ้าแสงให้ได้รูป แตะน้ำที่กลีบโอษฐ์บาง แลยื่นแผ่นชาดให้เจ้าแสงแนบโอษฐ์เม้มให้สีชาดติดโอษฐ์บาง

“ลงชาดอีกครั้งเจ้าแสง ยังอ่อนไป”

“...พระเจ้าค่ะ”

“ดี”ทอดพระเนตรพักตร์งามของว่าที่สุนิสาที่มีสีสันขึ้นอย่างพอพระทัย

“...”เจ้าแสงมิปาก เมื่อได้ยินพระชายาภุมริกาตรัสเช่นนั้น

“ส่วนเกศาของเจ้า ยาวสลวยอยู่แล้ว...รวบบ้าง ปล่อยบ้างก็พอ เช่นนั้นวันนี้ข้าจักรวบเกศาให้ก็แล้วกัน หันหลัง”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงขยับกายหันหลังให้พระชายาชมนาด หัตถ์เรียวรวบเกศาหนามวยไว้ที่ท้ายทอยของเจ้าแสง แลปักยึดด้วยปิ่นรัตนา

“งามนัก”เชยพักตร์เจ้าแสงขึ้นทอดพระเนตร เจ้าชมนาดมีรอยสรวลบางแต้มอยู่ที่โอษฐ์

“ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นก็รออยู่ที่นี่ก็แล้วกันหนา ประเดี๋ยวเจ้าภุชงค์ก็จักมาแล้ว”

“พระเจ้าค่ะ”




พระชายาชมนาด แลเจ้าน้อยแสงแรกทรงพูดคุย สนทนาพาทีกันอยู่จวบจนเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทกลับเข้ามาในตำหนักหลวง เจ้าภุชงค์ทอดพระเนตรแผ่นหลังเล็กของผู้ที่นั่งหมอบสนทนากับมารดาตนอย่างแปลกพระทัย ผู้ใดกันหนาได้รับราชานุญาตจากพระชายาชมนาดให้เข้าเฝ้าได้ถึงตำหนัหลวง

“มาแล้วหรือพระเจ้าค่ะเสด็จพี่ เจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสขึ้นเมื่อภัสดา แลโอรสองค์โตดำเนินเข้ามาในโถงตำหนักหลวง

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“ถวายพระพรเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบผู้มาใหม่ทั้งสอง ทำเอาเจ้าภุชงค์ชะงักค้างเมื่อได้ทอดพระเนตรน้องน้อยคู่หมาย ดวงพักตร์งามที่ติดตรึงพระทัย ยามนี้งามเสียจนเจ้าภุชงค์ละสายพระเนตรมิได้ ไหนจักเกศาหนาที่ถูกรวบเป็นมวยตรงท้ายทอยขาว เผยลำคอระหง แลลาดไหล่ขาวผ่องรับกับสร้อยทองร้อยแหวนประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทของตนอีก

“ไหว้พระเถิดเจ้าแสง”องค์ภุมรินทอดพระเนตร แลก็รู้ได้ว่าเป็นฝีมือเจ้าชมนาดเมียรัก

“เป็นกระไรไปเจ้าภุชงค์ ใยจึงได้จ้องน้องมิวางตาเช่นนี้”เจ้าชมนาดตรัสขึ้น ในขณะที่เจ้าแสงก้มพักตร์หลบสายพระเนตรองค์รัชทายาทงุด

“เจ้าแสงแรกงามเสียจนลูกละสายตามิได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“ปากหวานดังพ่อเจ้ามิมีผิด”เจ้าชมนาดว่า

“หึหึหึ พี่ก็ปากหวานกับเมียผู้เดียวแลเจ้า”องค์ภุมรินตรัส ก่อนจักวาดวงพระกรโอบรอบกฤษฎีบางของเมีย

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ปากหวานกับเมียผู้เดียวแล”คำว่าเมียที่ออกมาจากโอษฐ์องค์รัชทายาททำเอาพักตร์เจ้าน้อยการเวกแดงก่ำ หัตถ์เล็กจิกผ้าโจงของตนแน่น

“หึหึหึ เอาล่ะๆ สองพ่อลูก...อีกสักพักกว่าจักถึงเพลากายาหารเย็น เจ้าภุชงค์พาน้องไปเดินเล่นที่สวนพฤกษาก่อนไปลูก อุดอู้อยู่ในตำหนักมาทั้งวันแล้ว”เจ้าชมนาดตรัส หากแท้จริงแล้วใคร่อยากอยู่กับผัวสองคน

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่...ไปเถิดเจ้าแสง ส่วนเจ้ารักเจ้ายมมิต้องไป ข้าใคร่ไปกับเจ้าแสงแรกสองคนเท่านั้น”

“ต แต่”ยี่สุ่นใคร่อยากจักค้าน

“มิเป็นไรยี่สุ่นเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกันหนา”เจ้าแสงตรัสขึ้นเมื่อคนสนิทเริ่มงอแง

“พระเจ้าค่ะ”รับพระบัญชาเสียงหงอย

“หึหึหึ ไปเถิดเจ้าแสงแรก มา พี่ประคองหนาเจ้า”องค์ภุชงค์สรวลในพระศอ แลเข้าประคองร่างแน่งน้อยของเจ้าแสง

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเดินเองได้พระเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นจับแขนพี่ไว้หนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”หัตถ์เล็กวางลงบนท่อนพระกรแกร่งที่ยื่นมาให้ตนจับ ความร้อนจากพระฉวีของเจ้าภุชงค์ทำเอาเจ้าแสงพักตร์แดงระเรื่อ ไหนจักกลิ่นบุรุษเพศร้อนแรงนี่อีก เจ้าแสงหน้าจักมืดเอา

“เสด็จพี่ เสด็จเข้าห้องบรรทมเถิดพระเจ้าค่ะ ทรงงานมาเหนื่อยๆ น้องจักปรนนิบัติ”เมื่อโอรสองค์โต แลว่าที่สุนิสาออกจากตำหนักหลวงไปแล้วเจ้าชมนาดจึงหันมาชวนผัวเข้าห้อง

“จ้ะ”

“พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวน้องจักนวดให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้าาาา”













หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 15-02-2019 10:07:46
 :jul1: รอนานมากกกกกก คิดถึงเจ้าแสงงง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-02-2019 11:53:24
ท่าขูดมะพร้าวก็มา
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-02-2019 13:41:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-02-2019 14:15:48
ไปเรียกเขารักยมอีก 5555555555555555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-02-2019 16:02:04
ตลกภุชงค์ เรียกชงโคกับยี่สุ่นว่ารักยม 55555555555555555
ถ้าเจ้าน้อยรู้เดะโกรธนะ ตลกก 555555555555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-02-2019 16:53:19
จ้าาาา รักยมเนอะ 5555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-02-2019 07:08:54
มีรัก ยมด้วย5555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 10-03-2019 21:12:21
เพิ่งเห็นว่าอัพพ เจ้าน้อยสวยจนละสายตามิได้เลยหรือเจ้าคะ
หยอดเมียเก่งจริงจริ๊งงงง อยากให้แต่งกันแล้วหนาาา หวานอบอวน
ขำที่เรียกเจ้ารักเจ้ายมให้ได้ยิน  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 10-03-2019 21:34:35
เจ้าชมนาถยังแซ่บไม่เปลี่ยนเลยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-03-2019 23:14:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 11-03-2019 00:03:24
สนุกมากๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-03-2019 00:14:22
ไปไหนไม่รอด 555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-03-2019 01:00:02
แซ่บมากนะคุณแม่
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-03-2019 09:50:30
สอนวิธีมัดใจผัวให้ลูกสะใภ้
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 30-03-2019 20:22:32
รอน้าาาา
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-04-2019 22:34:22
ตามมาจากบัวหลงจันทร์ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๑๐๐% ๘.๓.๖๒ หน้า ๒ ต่อกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 04-04-2019 23:14:16
น้องน่าร้ากกกกกก ภาษาก็สวย สนุกมากค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 08-04-2019 19:45:28




ภุชงค์เล่นแสง ๐๖



องค์รัชทายาทภุมริกาจับจูงหัตถ์เล็กของเจ้าน้อยการเวกดำเนินไปยังสวนพฤกษา กลิ่นดอกแก้วหอมกรุ่นลอยแตะพระนาสิกโด่งของเจ้าภุชงค์ มิอาจทราบได้ว่ากลิ่นหอมนั้นมาจากพุ่มดอกแก้วในสวนพฤกษา หรือ จากฉวีนุ่มๆ ของเจ้าแสงแรกกันแน่

“ร้อนหรือไม่เจ้าแสง”ทรงตรัสถามน้องน้อย พลางยกหลังพระหัตถ์แตะแผ่วเบาบนนลาฏขาว

“มิร้อนพระเจ้าค่ะ สวนพฤกษาของภุมริกาช่างร่มรื่นนัก”เจ้าแสงตรัสพลางยกโอษฐ์สรวลบางๆ ให้องค์รัชทายาทคู่หมาย

“ยิ้มของเจ้าช่างงามกระไรเช่นนี้หนาเจ้าแสง”งามเสียจนพระเนตรองค์ภุชงค์พร่ามัว พระหัตถ์ที่ซับเสโทบนนลาฏขาวเลื่อนลงมาสัมผัสปรางนุ่ม

“...”เจ้าแสงหลุบเนตรลงหลบสายพระเนตรองค์ภุชงค์

“ใคร่อยากได้ดอกแก้วหรือไม่ ข้าจักเก็บให้”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิบังอาจใช้พระองค์ดอกพระเจ้าค่ะ”

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้นเล่า หากเจ้าใคร่อยากได้กระไรขอให้บอกเถิด พี่จักหามาให้ทุกสิ่ง”

“...”

“แม้นเจ้าใคร่อยากได้ดาวเดือน พี่ก็จักไปหามาให้เจ้าให้จนได้”

“ฝ่าบาท...หม่อมฉันมิต้องการสิ่งใดพระเจ้าค่ะ...เจ้าหลวง พระชายา แลพระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉันมากแล้ว”

“หากแต่พี่ใคร่อยากให้ มิใช่เพราะรู้สึกผิดต่อเจ้า หากแต่เจ้าสมควรได้รับในฐานะชายาของพี่”

“ฝ่าบาท...มิต้องยกหม่อมฉันเป็นชายาดอกพระเจ้าค่ะ แค่สนมก็กรุณามากแล้ว ตำแหน่งชายาของพระองค์นั้นคู่ควรกับคนที่พระองค์รักมากกว่...”

“ก็เจ้าอย่างไรเล่า คู่ควรที่สุดแล้ว...พี่ว่าเช่นนี้เจ้าคงจักเข้าใจใช่หรือไม่ ว่าพี่หมายความว่าอย่างไร”ยังมิทันที่เจ้าแสงแรกจักได้ตรัสจบ องค์ภุชงค์ก็แทรกขึ้น พระหัตถ์ดึงร่างบอบบางเข้ามากกกอดไว้หลวมๆ

“...”

“พี่รู้...ว่าเจ้าก็รู้ว่าพี่รู้สึกอย่างไรต่ิเจ้า อย่าใจร้ายกับพี่นักเลยหนาเจ้าแสง”ซบพักตร์ลงบนลาดอังสะเล็กอย่างออดอ้อน

“หม่อมฉันมิกล้าใจร้ายกับพระองค์ดอกพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้วเจ้า...หากเจ้าใจร้ายกับพี่ ใจพี่คงจักขาดเป็นแน่”กดพระนาสิกกับเกศานุ่ม

“...”เจ้าน้อยการเวกหลับเนตรลงข่มความเขินอายที่ร้อนวูบวาบบนพักตร์

.

.

.



วันนี้พระชายาชมนาดท่านทรงเรียกหาเจ้าน้อยแสงแรกดังเช่นทุกวัน บทเรียนตระเตรียมความพร้อมในการเป็นเมียถูกถ่ายทอดให้เจ้าแสงทุกบท จักเหลือก็เพียงบทเรียนสำคัญตำรากามสูตรฉบับเจ้าชมนาด ที่จักถ่ายทอดให้เจ้าแสงแรกในวันนี้

"อุ่น"พระชายาชมนาดตรัสเรียกคนสนิทที่คอยถวายการรับใช้

"เพคะพระชายา"อุ่นหมอบกราบรับพระบัญชา

"ให้ห้องเครื่องเตรียมกล้วยให้ข้าสักหวี"

"เพคะ"



"แลให้ข้าหลวงไปตามเจ้าแสงแรกให้ข้าหรือยัง"

"ตามแล้วเพคะ"

"ทูลพระชายา เจ้าน้อยแสงแรกขอประทานนุญาตขอเข้าเฝ้าเพคะ"พูดมิทันขาดคำเจ้าแสงแรก แลบ่าวคนสนิททั้งสองก็มาถึง

"ให้เจ้าแสงแรกเข้ามา"

"ถวายพระพรพระชายาพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงนำบ่าวทั้งสองหมอบกราบพระชายาชมนาดอย่างอ้อนช้อยนอบน้อม

"ไหว้พระเถิดเจ้า"เจ้าชมนาดตรัส หัตถ์เล็กสะบัดพัดจีนในมือเบาๆ

"พระเจ้าค่ะ"

"รอประเดี๋ยวหนา ข้าให้ข้าหลวงไปเตรียมของอยู่"

"พระเจ้าค่ะ"

แม่ผัว แลลูกสะใภ้พูดคุยกันระหว่างรอของที่พระชายาทรงมีรับสั่งให้เตรียม

"ทูลพระชายาชมนาด ห้องเครื่องนำกล้วยน้ำว้าถวายตามรับสั่งเพคะ"

"เอาเข้ามา"

"เพคะ"

เมื่อกล้วยน้ำว้าที่พระชายาทรงรับสั่งให้นำถวายมาพร้อมแล้ว เจ้าชมนาดจึงได้รับสั่งให้ข้าหลวง แลบ่าวของเจ้าแสงออกจากห้องให้หมด แลปิดพระทวารลงกลอนแน่นหนา ภายในห้องเหลือเพียงแม่ผัว แลลูกสะใภ้

"เอาล่ะเจ้าแสง มาเริ่มบทเรียนกันเลยเถิด ประเดี๋ยวจักไม่ทันเจ้าหลวง แลเจ้าภุชงค์เสด็จกลับมา"

"พระเจ้าค่ะ หากแต่วันนี้พระองค์จักสอนกระไรหรือพระเจ้าค่ะ"

"เจ้าแสง"

"พระเจ้าค่ะ"

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในการครองเรือนคือเรื่องใด"

"...หามิได้พระเจ้าค่ะ"

"ต่อให้เจ้าแสนดี มีรสมือในการปรุงอาหารเลิศล้ำแค่ไหน หากแต่เมื่อบกพร่องเรื่องนี้ก็มัดใจผัวมิได้ดอกหนา"

"เรื่องใดหรือพระเจ้าค่ะ"

"เป็นพระชายาเคียงข้างเจ้าหลวงบนตั่งทอง แลเป็นคณิกาล่มเมืองบนพระแท่นบรรทม"

"..."เจ้าแสงอ้าโอษฐ์ค้าง ปรางนุ่มแดงระเรื่อร้อนวูบวาบ

"หึหึหึ"เจ้าชมนาดสรวลด้วยความเอ็นดู

"..."เจ้าแสงอ้าๆ หุบๆ โอษฐ์ ดวงพักตร์แดงก่ำ

"หายเขินอายหรือยัง หากหายแล้วข้าจักได้ถ่ายทอดวิชาให้เสียที"

"พะ พะ พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงก้มพักตร์งุดตรัสทูลสุรเสียงแผ่ว หัตถ์เล็กขยุ้มผ้าโจงบนพระเพลาแน่น

"จำเอาไว้หนาว่าเพลาที่เจ้าตั้งครรภ์นั้น เป็นเพลาที่เจ้าจักมิสามารถถวายงานรับใช้ภัสดาบนพระแท่นบรรทมได้ แลกว่าจักให้กำเนิดลูก แลกว่าจักอยู่ไฟแล้ว กินเวลานานเป็นปี ผู้ชายห่างหายเรื่องแบบนี้ได้มินานดอก หากมีไอ้อีคนใดมิรักตัวกลัวตายยั่วยวนเข้า มิยากเลยที่พระองค์จักโอนอ่อนตามมันผู้นั้น แต่หาก​มิโอนอ่อนตาม ก็ย่อมน่าสงสารที่จักต้องอดทนอดกลั้นเป็นปีเช่นนั้น"

"..."

"ดังนั้น เราจึงต้องเรียนรู้ที่จักปรนนิบัติผัว แม้นจักให้จนสุดทางมิได้ หากแต่ก็ต้องทำให้พระองค์อยู่ในกำมือเรา ไปไหนมิรอด"

"พะ พระเจ้าค่ะ"

"เห็นกล้วยในพานนั่นหรือไม่"

"พระเจ้าค่ะ"

"เด็ดออกมาให้ข้าลูกหนึ่ง"

"พระเจ้าค่ะ"เด็ดกล้วยน้ำว้าลูกโตสีเหลืองนวลส่งให้พระชายาชมนาด

"..."เจ้าชมนาดรับกล้วยมาจากเจ้าน้อยแสงแรก แลปอกเปลือกออกครึ่งลูก ก่อนจักส่งให้เจ้าแสง

"..."หัตถ์เล็กรับกล้วยลูกโตจากแม่ผัวมาถือไว้ รอพระบัญชาว่าจักรับสั่งให้ทำกระไรกับกล้วยลูกนี้

"เพลาที่ตั้งครรภ์มิสามารถใช้ร่างกายปรนนิบัติพระภัสดาได้ ก็ใช้ปากของเรานั่นแลปรนนิบัติ"

"หะ ห๊า"

"ตกใจไปไย เจ้าบัวงามก็ผ่านบทเรียนนี้มาแล้ว เห็นหรือไม่เล่าว่าองค์จันทร์ทรงหลงเจ้าบัวเสียยิ่งกว่ากระไรดี"ตรัสด้วยความภาคภูมิพระทัย

"พะ พระเจ้าค่ะ"

"เอาล่ะ เสียเพลามามากแล้วเริ่มกันเสียที"

"..."

"ค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นเลียเบาๆ ก่อน"

"พะ พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงประคองกล้วยลูกโตสีเหลืองนวลด้วยสองมือ ก่อนจักค่อยๆ ใช้ปลายชิวหาเล็กไล้เลียเนื้อกล้วยเบาๆ รับรสหวานละมุน

"ดี อย่างนั้นแล ทีนี้ค่อยๆอมเข้าไป"

"อึก"เจ้าแสงส่งกล้วยเข้าปากตน ดูดดุนเบาๆ ตามที่พระชายาท่านตรัสกำกับทุกกระบวนท่า

"ดี ค่อยเป็นค่อยไปเช่นนั้นแล อย่าลืมช้อนตามองเจ้าภุชงค์เสียด้วย ยั่วยวนน้อยๆ อย่ามากเกินจักมิงาม"

"อึก...งับ"

"ตาเถร!!"เจ้าชมนาดสะดุ้งโหยง ยกหัตถ์ทาบอุระ เมื่อเจ้าแสงแรกกัดเต็มแรงลงบนกล้วยลูกโตจนหายไปเสียเกือบครึ่งลูก เจ้าแสงเมื่อได้ยินแม่ผัวร้องสะดุ้งตกพระทัยก็รีบเคี้ยว แลกลืนกล้วยลงคอ

"พะ พระชายา"

"อย่าได้ไปกัดของลูกข้าเช่นนี้เชียวหนา ตายละ ข้าจักเป็นลม"ตรัสเอ็ด แลยกยาหอมขึ้นจรดพระนาสิก หัตถ์ก็สะบัดพัดรัวๆ มิอยากจักคิดหากเจ้าแสงไปกัดของเจ้าภุชงค์เช่นที่กัดกล้วย เจ้าชมนาดคงมิต้องอุ้มลูกเจ้าภุชงค์ตลอดชีวิต

สองแม่ผัว ลูกสะใภ้ถ่ายทอดกามสูตรอยู่นานจนหมดกล้วยไปเป็นหวี เจ้าแสงกินกล้วยเสียจนจุกท้อง



ก๊อกๆๆ



"ทูลพระชายา ฝ่าบาททรงงานแล้วแล้วกำลังเสด็จกลับตำหนักหลวงเพคะ"นางข้าหลวงเฝ้าหน้าทวารกล่าวทูล

"ฝ่าบาท แลเจ้าภุชงค์ทรงงานแล้วแล้ว เช่นนั้นวันนี้ก็พอเท่านี้แล"

"พระเจ้าค่ะ"
"เจ้าก็กลับตำหนักไปอาบน้ำผลัดผ้าเถิด"

"เช่นนั้นหม่อมฉันกราบทูลลาพระเจ้าค่ะ"

"..."พยักพักตร์รับ



เจ้าน้อยแสงแรกเสด็จกลับตำหนักตนพร้อมบ่าวคนสนิททั้งสอง ดวงพักตร์แดงซ่านในเศียรเวียนคิดถึงแต่บทเรียนที่แม่ผัวถ่ายทอดให้เมื่อครู่

"ค่ำนี้จักทรงรับสำรับเป็นกระไรดีพระเจ้าค่ะ ทรงใคร่อยากเสวยกระไรเป็นพิเศษหรือไม่ ชงโคจักไปบอกให้ห้องเครื่องเตรียมให้เจ้าน้อยเองพระเจ้าค่ะ"

"ค่ำนี้ข้ามิรับสำรับ"เจ้าแสงตรัสพระสุรเสียงแผ่ว

"ไยจึงมิรับสำรับเล่าพระเจ้าค่ะ"

"ข้าอิ่มกล้วย"ตรัสแล้วก็ดำเนินหนีบ่าวคนสนิททั้งสองเข้าตำหนักไปอย่างมิรีรอ




หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 08-04-2019 22:15:57
เอ็นดูเจ้าแสง น้องอิ่มกล้วยแล้ว  :hao7: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 08-04-2019 22:17:10
แม่สามีสอนอะไรลูกสะใภ้เนี่ย 55555555555
เจ้าแสงตลกก อิ่มกล้วยยย เอ็นดู
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-04-2019 00:34:04
อิ่มกล้วย 5555555555555 เอ็นดู
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: jajomjun ที่ 09-04-2019 02:15:24
 :m15: :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-04-2019 07:13:03
เล่นซะกล้วยหมดหวีเลยเหรอเจ้าแสง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2019 09:28:23
เขิน~
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 09-04-2019 11:39:44
ตายแล้ววววว อิ่มกล้วยเลย 5555555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-04-2019 15:05:37
 :o8: เอ็นดูเจ้าแสง ทรงอิ่มกล้วยจนไม่รับข้าวเย็น  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-04-2019 09:06:14
อิ่มกล้วย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 10-04-2019 10:33:56
โอ๊ยย ขำ เจ้าแสงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-04-2019 22:04:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-04-2019 02:33:53
 :mew3: :mew3: แม่สามีเข้าใจสอนวิชานะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-04-2019 07:29:44
ตอนท้องเรื่องนี้คือสำคัญเลย มันต้องอีบ่าวที่มักใหญ่ใฝ่สูง อยากเลื่อนขั้นคอยเสียแน่นอน คุณแม่สามีสอนดีค่ะ เพราะเจ้าแสงคงไม่เหมือนเจ้าบัวงามที่จะทันคน เจ้าบัวงามจะแอบร้ายเล็กๆ พอสะใจคนอ่าน o18
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-04-2019 17:26:26
กล้วยหนึ่งหวีเต็มๆๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๕๐% ๘.๔.๖๒ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 13-04-2019 00:01:22
ลุ้นๆ ให้แต่งงานกันไวๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 01-05-2019 13:30:01



- ภุชงค์เล่นแสง ๐๖ ครึ่งหลัง -



"ข้าอิ่มกล้วย"ตรัสแล้วก็ดำเนินหนีบ่าวคนสนิททั้งสองเข้าตำหนักไปอย่างมิรีรอ

"อิิ่มกล้วยหรือ ยี่สุ่นเจ้าน้อยท่านทรงไปเสวยกล้วยที่ใดมา ตำหนักพระชายาชมนาดหรือเจ้า"ชงโคเอ่ยถามด้วยคามฉงน

"นั่นสิชงโค"

"เช่นนั้นรีบไปเตรียมอ่างสรงให้เจ้าน้อยก่อนเถิด เมื่อครู่ข้าได้กลิ่นกล้วยจากพระวรกายเจ้านม้อย"

"เช่นนั้นข้าจักไปเตรียมอ่างสรงให้เจ้าน้อย เจ้าก็ไปเตรียมฉลองพระองค์ให้เจ้าน้อยก็แล้วกันหนา"

"อื้ม"บ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าน้อยแสงแรกต่างแยกย้ายกันไปเตรียมถวายงานรับใช้เจ้านายตน

จ๋อม

"ทรงไปทำกระไรที่ตำหนักพระชายาชมนาดหรือพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย เหตุใดพระวรกายจึงมีกลิ่นกล้วยคลุ้งเช่นนี้"ชงโคเอ่ยถาม ยามลูบไล้ทำความสะอาดพระฉวีขาวของคนเป็นนาย

"มิมีอันใดดอก"เจ้าแสงก้มพักตร์ตรัสตอบคนสนิท

"พระเจ้าค่ะ"

.

.

.

ค่ำนี้เมื่อเจ้าแสงปฏิเสธที่จักร่วมมื้อกายาหารกับเจ้านายภุมริกา เมื่อเสวยกายาหารแล้วแล้วองค์รัชายาทที่ห่วงคู่หมั้นคนงามสุดหัวใจก็เสด็จมาที่ตำหนักรับรองของเจ้าน้อยแสงแรกทันที

"ทูลเจ้าน้อยแสงแรกองค์ภุชงค์เสด็จมาหาเพคะ"ข้าหลวงหน้าทวารกราบทูลความแก่เจ้าน้อยต่างแคว้น

"องค์ภุชงค์มาพระเจ้าค่ะ"ชงโคที่บีบนวดปลีน่องเล็กกราบทูล

"จักให้หม่อมฉันไปเชิญพระองค์เข้ามาหรือไม่พระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นเอ่ยถามคนเป็นนาย

"อืม ไปกราบทูลพระองค์ให้เข้ามาเถิด"แจ้งแสงตรัส แลลุกขึ้นประทับให้เรียบร้อย ภูษาสีหวานถูกคว้ามาคลุมอังสะบาง

"เจ้าแสง"

"ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ"

"เหตุใดค่ำนี้ น้องจึงมิรับกายาหารเย็นเล่า เจ็บป่วยที่ใดฤา"มิตรัสเปล่าลูบคลำแขนเรียวไปมา

"หามิได้พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัสตอบ

"แลใยจึงมิกินข้าวเล่า"

"หม่อมฉัน...."

"ว่าอย่างไร"

"..."

"รู้สึกมิดีตรงไหนก็บอกพี่เถิด"

"หม่อมฉันเพียงแต่อิ่มกล้วยก็เท่านั้นพระเจ้าค่ะ"

"กล้วยหรือ"

"แลไปกินที่ใดมา"

"ที่ตำหนักพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ"

"ตำหนักเสด็จแม่?"

"พระเจ้าค่ะ"

"ช่างเถิด หากแต่กินแค่กล้วย กลางดึกกลางดื่นเจ้าจักมิหิวดอกหรือ"

"มิหิวดอกพระเจ้าค่ะ แลฝ่าบาทเสด็จมาหาหม่อมฉันถึงตำหนักมีเรื่องอันใดหรือพระเจ้าค่ะ"

"คิดถึง"กระซิบพระสุรเสียงพร่าริมกรรณเล็ก

"..."เจ้าแสงแรกปรางแดงซ่าน

"ไปเดินเล่นที่สวนพฤกษากับพี่หนา"

"...พระเจ้าค่ะ"

“เช่นนั้นก็ไปกันเถิดประเดี๋ยวค่ำกว่านี้อากาศจักเย็น เจ้าจักมสบายเอาได้”

“พระเจ้าค่ะ”

ทรงเสด็จสวนพฤกษาโดยมีองครักษ์คนสนิท ยี่สุ่น แลชงโคตามเสด็จห่างๆ เจ้าภุชงค์ถือโอกาสกุมหัตถ์นุ่มของน้องน้อย จับจูงไปตามทาง กลิ่นดอกชมนาดหอมคลุ้งไปทัวทั้งสวนพฤกษา

"กลิ่นดอกชมนาด"เจ้าแสงพึมพำ

"เสด็จพ่อท่านทรงปลูกให้เสด็จแม่ชมนาด ดอกไม้ในสวนพฤกษาของภุมริกามากกว่าครึ่งจึงเป็นดอกชมนาด"

"...พระเจ้าค่ะ"

"หากแต่เมื่อใดที่เจ้าตกปากรับคำจักตบแต่งกับพี่ เมื่อนั้นพี่จักปลูกดอกแก้วให้เจ้า...ครึ่งสวนพฤกษาของภุมริกาจักเป็นดอกแก้ว"

"ฝ่าบาท"

"หากแต่พี่มิบังคับรวบรัดเจ้าดอกหนา แม้พี่จักใคร่ตบแต่งเจ้าเป็นเมียใจแทบขาดก็ตาม"

"ฝ่าบาท...ขอบพระทัยที่เมตตาหม่อมฉัน แลขอประทานอภัยด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันทำพระองค์ทุกข์พระทัย"เจ้าแสงแรกกราบลงบนพระอุระกว้าง

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้น"เจ้าภุชงค์ถือโอกาสโอบอังสะเล็กกกกอดร่างแน่งน้อยให้ซบอุระตน

"...”เจ้าแสงยกกรเรียวเสลาของตนโอบรอบพระกฤษฎีสอบหลวมๆ หากแต่นั่นก็ทำให้พระทัยองค์ภุชงค์แกว่งไกวราวยอดไผ่ลู่ลม

“เจ้าแสง”โอบกระชับร่างบางแนบพระอุระจนแน่น

“ขอเพลาหม่อมฉันสักน้อยหนาพระเจ้าค่ะ หากถึงเพลานั้นเมื่อใด หม่อมฉันจักกราบทูลพระองค์ด้วยตนเอง”

“พี่รอเจ้าได้คนดี ทั้งชีวิตพี่ก็จักรอเจ้า”เอียงพักตร์จูบแผ่วเบาที่ปรางนวล

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“...”

“...”

ทั้งสองพระองค์โอบกอดกันท่ามกลางแสงจันทร์อยู่ครู่ใหญ่จึงได้ผละออกจากกัน องค์ภุชงค์ทรงจับปอยเกศานุ่มที่ร่วงระดวงพักตร์งามทัดกรรณเล็ก

"ค่ำแล้ว กลับตำหนักกันเถิด ประเดี๋ยวน้ำค้างจักแรง แลจักป่วยไข้เอาได้"เจ้าภุชงค์ตรัส

"พระเจ้าค่ะ"





องค์รัชทายาทภุมริกาทรงดำเนินมาส่งเจ้าน้อยการเวกจนถึงตำหนักที่ประทับ พระหัตถ์อุ่นประคองหัตถ์บางทั้งสองข้างขึ้นกอบกุม

"นอนหลับฝันดีหนาเจ้า อย่าได้มีฝันร้ายใดมาแผ่วพานให้เจ้าหวาดกลัว แลทุกข์ใจเลย"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"..."

"...หม่อมฉันก็ขอให้ฝ่าบาทบรรทมสนิททรงพระสุบินดีหนาพระเจ้าค่ะ"

"พี่คงจักฝันดีหากได้เจ้าไปนอนกอด"

"..."เจ้าแสงหน้าม้าน"

"หึหึหึ พี่ไปแล้วหนาคนดี"

"กราบทูลลาพระเจ้าค่ะ"กราบลงบนพระอุระกว้าง

"จ้ะ"ยกพระหัตถ์ลูบเกศานุ่ม พระทัยหรือทรงอยากจูบหอมน้องน้อยเสียให้สมกับที่ทำตัวน่ารังแกเช่นนี้





เมื่อองค์ภุชงค์เสด็จกลับตำหนักไปแล้ว เจ้าแสง แลบ่าวทั้งสองก็เข้าตำหนัก ยี่สุ่น แลชงโคจัดแจงพระแท่นบรรทมให้คนเป็นนาย เจ้าแสงคลานขึ้นพระยี่ภู่พับเพียบ หลับเนตร ประนมมือขึ้นเพื่อสวดมนต์ก่อนบรรทม

"สวดมนต์แล้วแล้วก็นอนกันเถิด"เจ้าแสงตรัส เมื่อลืมเนตรขึ้น หัตถ์ที่ประนมอยู่กลางอุระวางลงบนพระเพลา

"พระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นขานรับ ก่อนจักจัดแจงห่มผ้าให้คนเป็นนาย เจ้าแสงพลิกพระวรกายนอนตะแคงข้าง พักตร์งามหนุนหัตถ์ตัวเองไว้ นัยน์ตางามหลับลง โอษฐ์บางยกขึ้นระบายสรวลน้อยๆ คืนนี้คงจักหลับฝันดีดังที่คนพี่อวยพร





"รอหม่อมฉันสักน้อยหนาพระเจ้าค่ะ อีกมินานแล้ว"
[/b][/i]







หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-05-2019 14:59:21
รอไปพร้อมกัน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-05-2019 15:14:35
 :z2: เจ้าพี่รอไปก่อนนะเพคะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-05-2019 16:13:49
รอก่อนนะจ๊ะ ตอนนี้น้องน้อยเข้าอบรมการเป็นเมียที่แสนแซ่บอยู่  :katai3:
  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 01-05-2019 16:45:28
รอๆๆ อย่าให้พี่รอนานนะเจ้าแสงงง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-05-2019 21:52:47
อย่าให้พี่เค้ารอนานนะเจ้าน้อย เดี๋ยวอกแตกตาย :laugh:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-05-2019 06:50:02
อย่าให้รอนานจนเกินไปนะเจ้าแสง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-05-2019 16:29:27
เชื่อน้องว่าจะไม่นาน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๑๐๐% ๑.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-05-2019 03:38:06
 :o8:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๕๐% ๓.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 03-05-2019 21:45:52


ภุชงค์เล่นแสง ๐๗





เป็นเพลาหลายวันแล้วที่เจ้าแสงจักต้องเสด็จไปเสวยกล้วยที่ตำหนักพระชายาชมนาด เจ้าน้อยการเวกทรงเสวยกล้วยจนแค่ได้กลิ่นเจ้าแสงก็เบือนพักตร์หนีแล้ว วันนี้พระชายาชมนาดมิได้เรียกเจ้าแสงเข้าเฝ้า เนื่องจากทรงต้องเตรียมขบวนเสด็จไปศศิมณฑล เมื่อค่ำวานนี้มีสาน์สจากองค์จันทร์มาส่งเนื้อความว่า เจ้าน้อยบัวงามนั้นทรงให้ประสูติกาลเจ้าน้อยพเยียแล้ว ดังนั้นทั้งองค์ภุมริน พระชายาชมนาด แลองค์ภุชงค์จึงได้รีบตระเตรียมการเพื่อเสด็จไปยังศศิมณฑลในวันมะรืนนี้

"ยี่สุ่น"ทรงตรัสเรียกบ่าวคนสนิท นัยน์ตาหวานทรงเพ่งพิศไปที่ดอกมัลลิกาสีขาวหอมกรุ่น หัตถ์บางหยิบดอกไม้กลิ่นหอมกรองใส่เข็มเล่มยาว

"พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย"ยี่สุ่นละมือจากมาลัยพวงโตที่กำลังกรอง แลหันมาหมอบรับคำสั่งผู้เป็นนาย

"มัลลิกาในพานใกล้หมดแล้ว เจ้าไปเก็บมาให้ข้าเพิ่มอีกสักน้อยเถิด มิต้องเก็บมามากหนา ประเดี๋ยวจักใช้มิหมด เสียดายแย่"

"พระเจ้าค่ะ"

"ส่วนเจ้าชงโค"

"พระเจ้าค่ะ"

"ไปเก็บจำปีมาให้ข้าทีเถิด ไปกับยี่สุ่นนั่นแล"

"แลผู้ใดจักอยู่รับใช้พระองค์เล่าพระเจ้าค่ะ"

"มิต้องดอก เพลานี้ข้ายังมิใคร่อยากได้กระไร"

"พระเจ้าค่ะ"

"ไปเถิด"





บ่าวยี่สุ่น แลชงโคพากันไปที่สวนพฤกษาเพื่อเก็บดอกไม้ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย คล้อยหลังบ่าวทั้งไปมินาน ก็มีผู้มาเยือนเจ้าแสง

"ทำกระไรอยู่หรือเจ้า"

"ฝ่าบาท ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงวางเข็มกรองมาลัยในมือลงบนพนทอง แลขยับกายหมอบกราบผู้มาใหม่

"ไหว้พระเถิดเจ้า"องค์ภุชงค์ยื่นหัตถ์ไปประคองหัตถ์น้องน้อยเพื่อรับไหว้

"พระเจ้าค่ะ"

"แลทำกระไรอยู่หรือ"

"กรองมาลัยพระเจ้าค่ะ"

"เยี่ยงนั้นหรือ พี่จักมาชวนเจ้าไปที่น้ำตกท้ายวังหลวงเสียหน่อย"

"หากแต่หม่อมฉันยังกรองมาลัยมิแล้วพระเจ้าค่ะ"

"ให้บ่าวทำแทนเถิด แลเจ้าไปกับพี่หนา"

"..."

"หนาเจ้าแสง ประเดี๋ยวพี่จักให้เจ้าขันธ์อยู่รอบอกกล่าวแก่บ่าวของน้องเอง"

"...พระเ้จาค่ะ หากแต่เพลานี้หม่อมฉันนุ่งเพียงผ้าแถบ"

"น้ำตกท้ายวังหลวง ใช่ว่าจักเป็นที่ที่มีใครกล้าเข้ามาเดินเพ่นพ่าน ที่นั่นจักมีเพียงพี่ แลเจ้า มิต้องกังวลไปดอก"

"พระเจ้าค่ะ"

"เยี่ยงนั้นก็ไปกันเถิด ประเดี๋ยวจักเย็นย่ำเอาเสียก่อน"

"พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงรับคำ แลคว้าผ้าคลุมอังสะผืนบางขึ้น คลี่คลุมไหลาตนให้มิดชิด



.

.

.



"อ้าว"

"อ้าว"

บ่าวยี่สุ่น แลชงโคต้องอุทานออกมาเมื่อกลับมาที่ตำหนักแล้วมิพบเจ้าน้อยแสงแรก จักพบก็เพียงองครักษ์ประจำพระองค์ขององค์รัชทายาท

"องค์ภุชงค์ท่านทรงพาเจ้าน้อยแสงแรกไปประพาสที่น้ำตกท้ายวังหลวง แลมีรับสั่งให้พวกเจ้าสองคนกรองมาลัยแทนเจ้าน้อย"

"ล แลท่านมิไปอารักขาองค์รัชทายาทท่านหรือ"

"ทรงใคร่อยากไปเพียงสองพระองค์ หาได้มีใครติดตามไม่"

"แต่..."

"ไปกรองมาลัยเถิด ประเดี๋ยวก็ทรงกลับมาแล้ว"

"หากแต่ฟ้าครึ้มเช่นนี้ มินานฝนคงตกลงมา"

"...มิต้องห่วงดอก ที่น้ำตกท้ายวังหลวงมีกระท่อมหลบฝนอยู่"กระท่อมที่ทรงโปรดให้สร้างเมื่อสามวันก่อน...

"แต่..."

"ข้าขี้เกียจจักตอบคำถามเจ้าสองคนแล้ว ไปกรองมาลัยไป"

"..."

"..."บ่าวยี่สุ่น แลชงโคหน้างอคอหัก หากแต่ก็หยิบเข็มมากรองมาลัยต่อ



.

.

.





"งามนักพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัสเมื่อได้ทอดพระเนตรม่านน้ำตกที่ไหลกระทบโขดหิน เจ้าน้อยก้นครัวเช่นเจ้าแสงมิเคยได้ก้าวเท้าออกจากวังหลวงแม้เพียงก้าวเดียว ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่แต่ในรั้วในวัง ไปได้ไกลที่สุดก็เพียงสุสานหลวงท้ายวัง ไปเพื่อเยี่ยมหลุมศพมารดาของตน เช่นนั้นจึงมิเคยได้ออกประพาสเช่นนี้

"งาม...หากแต่ก็สู้เจ้ามิได้ดอกเจ้าแสง"ตรัสเกี้ยวพาราสี

"..."เจ้าแสงปรางแดงระเร่ื่อ ก้มพักตร์หลบสายพระเนตรอย่างเอียงอาย แสร้งเดินหนีไปหลุดพระวรกายข้างโขดหิน หัตถ์เล็กกวักน้ำขึ้นรดพระกรเรียว โอษฐ์บางแย้มสรวลทำเอาองค์รัชทายาทหนุามเนตรพร่า

"น้ำเย็นหรือไม่"องค์ภุชงค์ดำเนินไปประทับข้างเจ้าน้อยแสงแรก พลางตรัสถาม

"เย็นพระเจ้าค่ะ"ผินพักตร์มาตรัส

"หากเจ้าโปรดพี่ก็ดีใจ"

"...ขอบพระทัยหนาพระเจ้าค่ะ"

""จ้ะ"



เจ้าน้อยแสงแรกทรงประทับเล่นน้ำอยู่นาน รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืด อีกทั้งยังมีเม็ดฝนโปรยปรายมิขาดสาย ลมพายุพัดแรงเสียจนเจ้าแสงต้องจับผ้าคลุมอังสะไว้แน่น

"เห็นทีพายุคงมา ให้กลับวังหลวงเพลานี้คงมิทัน เช่นนั้นเข้าไปหลบฝนที่กระท่อมก่อนเถิด"

"พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงรับคำ แลดำเนินตามแรงจับจูงขององค์ภุชงค์ไปที่กระท่อมหลังเล็ก ภายในมีเครื่องนอนอยู่หนึ่งที่ แลเทียนไขพร้อนตะบันไฟ

"น้องนั่งรอบนฟูกนั่นก่อนหนา ประเดี๋ยวพี่จักจุดเทียนก่อน"ตรัส แลหันไปตะบันไฟจุดเทียนไข ใช้เวลมินานเทียนไขก็สว่างวาบขึ้น พอจักเห็นภายในกระท่อมลางๆ

"เห็นทีวันนี้คงจักต้องค้างที่กระท่อมนี่"องค์ภุชงค์ตรัส แลดำเนินมาประทับข้างเจ้าแสงแรก

"เช่นนั้นจักทำเช่นไรดีพระเจ้าค่ะ"

"คงจักต้องค้างที่นี่"

"..."

"มิต้องกังวลดอกหนาเจ้าแสง"

"พระเจ้าค่ะ อ๊ะ"เจ้าแสงสะดุ้งตัวโยน เมื่อจู่ๆ ฟ้าก็ร้องครื้นเสียงดัง

"ชู่ว พี่อยู่นี่่เจ้า มิต้องกลัวหนา"องค์ภุชงค์ถือโอกาสโอบร่างแน่งน้อยแนบพระอุระ พระหัตถ์อุ่นปาดน้ำฝนออกจากพักตร์นวล



ครื้น



ทั้งสองพระองค์ติดฝนอยู่ในกระท่อมจวบจนฟ้ามืดสนิท ดวงสุริยาลาลับฟ้า แทนที่ด้วยศศิธรดวงโต ฝนที่ตกหนักเริ่มซาลงหากแต่ก็ยังโปรยปรายลงมาไม่หยุด

"หนาวหรือเจ้า"ทรงตรัสถามเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างแน่งน้อยที่ทรงกอดอยู่สั่นเทา อีกทั้งเนื้อตัวยังเย็นเฉียบ

"พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงพยักพักตร์ กระชับผ้าคลุมอังสะผืนบางให้มิดชิด

"..."องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรดังนั้นจึงได้ผละกอดจากเจ้าแสง แลถอดฉลองพระองค์ออก

"ฝ่าบาท"เจ้าแสงเบือนสายพระเนตรหนีทันควัน

"หนาวเนื้อ ก็ต้องห่มเนื้อจึงจักหายหนาว"ตรัสแล้วก็รวบน้องขึ้นนั่งบนพระเพลา พระกรกกกอดเจ้าเนื้อเย็นเต็มวงพระกร

"...ฝ่าบาท"เจ้าแสงครางใส่สุรเสียงสั่น พระฉวีขององค์ภุชงค์อุ่นจนร้อน กลิ่นบุรุษเพศร้อนผ่าวทำเอาเจ้าแสงแรกพักตร์แดงก่ำ แลยิ่งเกร็งพระวรกายมากขึ้น เมื่อพระนาสิกโด่งพ่นลมหายใจร้อนรดฉวีนุ่มของตน ปลายพระนาสิกไล้ไปตามอังสามน กดพระโอษฐ์แนบฉวีนุ่มที เจ้าแสงก็สะดุ้งที เมื่อเป็นดังนี้ คนพี่ก็สนุกใหญ่ แกล้งน้องจนแดงไปตัว พระนาสิกไล้ขึ้นไปตามลำศอขาวหอมกรุ่นกลิ่นดอกแก้ว แลครานี้ดูท่าองค์รัชทายาทจักมิเล่นแล้ว พระโอษฐ์ร้อนดูดดึงฉวีน้องจนแดงระเรื่อ พระหัตถ์ลูบไล้ขนองบางผ่านผ้าแถบสีหวาน

"เจ้าแสง"

"อื้อ ฝ่าบาท"เจ้าแสงยกหัตถ์ดันอังสะกว้างไว้ หายพระทัยหอบถี่ ภายในร้อนรุ่มเสียจนต้องยกเรียวขาขึ้นเสียดสีกันระบายความอึดอัด องคุลีเรียวยาวราวลำเทียนจิกนชาลงบนพระฉวีร้อนผ่าวขององค์ภุชงค์ยามที่พระชิวหาปาดเลียไปตามลำศอ

"ฮึก อื้อ ฝ่าบาท อ๊ะ"เจ้าแสงน้ำตาคลอ ก่อนจักเบิกเนตรกว้างเมื่อถูกเหวี่ยงลงบนฝูกบาง คงจักเจ็บกว่านี้ หากมิมีฝ่าพระหัตถ์ขององค์ภุชงค์รอง

"หืมมม"องค์ภุชงค์วางหัตถ์ลงเต้าแบนเล็ก นวดคลึงจนจุกสีหวานแข็งชูชัน ซุกไซ้พระพักตร์งามราวรุกขเทวดาหยอกเย้าจุกสีหวานของเจ้าแสงผ่านผ้าแถบสีหวาน

"ฝ ฝ่าบาท"สุรเสียงหวานสั่นเครือ เรียกให้องค์ภุชงค์เงยพักตร์ขึ้นมาทอดพระเนตรน้องน้อยใต้พระวรกาย เจ้าแสงแรกพักตร์แดงก่ำ นัยน์เนตรงามคลอน้ำ เนื้อตัวสั่นระริก

"เจ้าแสง พี่...พี่ขอโทษหนาเจ้า ขอโทษหนาคนดี"ทรงตรัส แลลูบพักตร์นวลเบาๆ ก่อนจักผละออก

"ฝ่าบาท"แต่เป็นเจ้าแสงเองที่มิยอมให้องค์รัชทายาทผละออกไป พระกรเล็กโอบรอบพระศอขององค์ภุชงค์ให้ทรงโน้มพักตร์ลงมา โอษฐ์นิ่มแนบลงบนพระโอษฐ์ขององค์ภุชงค์ แลการทำเช่นนี้ก็มิต่างจากการโยนเทียนไขติดไฟลงบนกองใบไม้แห้ง ไฟรักลุกโชนท่ามกลางสายฝนโปรยปราย คืนนี้เจ้าแสงแรกจักลองวิชาที่พระชายาชมนาดสั่งสอนมาร่วมเดือน...

"อึก อื้อ"องค์ภุชงค์ป้อนจูบให้น้องน้อย ดูดดึงกลีบโอษฐ์นิ่มหยุ่น พระชิวหากวาดไล้ตามแนวทนต์ขาว เกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าจนพระเขฬะซึมเปรอะรอบขอบโอษฐ์ หัตถ์อุ่นเลื่อนมาวางลงบนเต้าแบนเล็ก ปลดปมผ้าแถบให้คลี่คลาย เผยให้เห็นจุกนมสีทับทิมชูชันท้าทายให้งูยักษืเยี่ยงพระองค์รังแก

"อืม"ถอนจูบออก ซุกไซ้พระโอษฐ์สร้างรอยรักลงบนลำศอขาว แลลาดอังสะเนียน ไต่ต่ำลงไปจนถึงจุกสีหวาน อดมิได้ที่จักส่งพระชิวหาไปทักทาย เต้าหนึ่งถูกดูดดึงราวขนมหวานเลิศรส อีกเต้าถูกนวดคลึงจนขึ้นรอยพระองคุลี หากแต่ก็มิปล่อยให้เต้าใดเต้าหนึ่งน้อยใจ ทรงนวดคลึงสลับดูดดุนสองเต้าอย่างมิให้ได้น้อยใจกัน

"อื้อ ฝ่าบาท"เจ้าแสงยกหัตถ์ปิดโอษฐ์ตนกลั้นสุรเสียงครางเครือของตน

"ให้พี่ได้ฟังเสียงหวานของเจ้าเถิดหนาคนดี"ตรัส แลจับหัตถ์เล็กที่ปิดโอษฐ์บางขึ้นจูบหอม ทรงปลดผ้าโจงของเจ้าแสงออกเรียวขาขาวผ่องน่าสัมผัสประจักษ์แก่สายพระเนตร ยอดเกสรดอกแก้วแดงระเรื่อแข็งขืน

"อ๊ะ"เจ้าแสงสะดุ้งยามถูกคนพี่จับเรียวขาขาวของตนแยกออกกว้าง แลแทรกพระวรกายเข้ามาทาบทับ แกนกลางความเป็นชายร้อนผ่าวสัมผัสเสียดสีกับเกสรดอกแก้ว ทรงปลดผ้าโจงของพระองค์ออกเมื่อใดเจ้าแสงก็มิอาจทราบได้ พระหัตถ์ร้อนจบต้องเจ้าแสงไปทั่วทั้งกาย แม้แต่ส่วนที่เจ้าแสงเองมิเคยล่วงล้ำ พระองค์ก็ทิ้งสัมผัสร้อนผ่าวไว้ให้เจ้าแสงวาบวาม

"เจ้าแสงๆ เจ้าแสงของพี่"ทรงครางเครือสุรเสียงพร่าในพระศอ แลทรงขบพระทนต์แน่นยามหัตถ์นุ่มของเจ้าแสงปัดป่ายอย่างไม่ประสีประสาไปตามพระวรกายแกร่ง

"อื้อ อ๊ะ อ๊ะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงเบิกเนตรโพล่ง กระถดพระโสณีหนีองคุลียาวที่สอดแทรกผ่านกลับแก้วเข้ามา

"ชู่ว เจ้าแสง"

"อื้อ"ซบพักตร์งามลงบนอุระกว้างชื้นพระเสโท จากหนึ่งเป็นสอง จากสงเป็นสาม องคุลียาวทั้งสามสอดแทรกบิดวนสร้างความทรมานรัญจวนให้เจ้าแสงจนต้องปล่อยเสียงครางเครือจนคอแห้ง

"เจ้าแสง"

"เจ้าขา ฝ่าบาท"

"ให้พี่รักเจ้าหนาคนดี"ตรัสกระซิบชิดโอษฐ์บางแดงช้ำ

"พระเจ้าค่ะ อ๊าาา"ตรัสมิทันได้จบความดี แกนกลางภุชงค์ก็บดแทรกเข้ามาจนกลีบแก้วช้ำ เจ้าแสงเกร็งพระวรกาย เรียวขาทั้งสองข้างแยกออกกว้างรับองค์รัชทายาทให้ล่วงล้ำเข้ามาลึกมากขึ้น ความจุกเสียดแล่นมาก่อกวนให้มิสบายกาย องค์ภุชงค์แม้นจักอยากรังแกน้องน้อยเพียงใด หากแต่ก็มิผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพระองค์เอง ว่าจักมิทำให้เจ้าแสงเจ็บช้ำ แม้นจักเลี่ยงมิได้ หากแต่เจ้าแสงจักต้องเจ็บให้น้อยที่สุด

"อ่าา เจ้าแสง"พระกฤษฎีสอบค่อยๆ ขยับอย่างพระทัยเย็น บทรักของทั้งสองพระองค์ดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เสียงหอบครางเครือ เคล้าเสียงฝนโปรยปราย แลเสียงจิ้งหรีดเรไรคล้ายเสียงดนตรีกลางป่าเขาลำเนาไพร่






หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๕๐% ๓.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Rhapsody-PT ที่ 03-05-2019 22:30:46
คราวนี้มาต่อเร็ว ดีใจมาก นึกว่าตาฝาดหรือฝันไป
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๕๐% ๓.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 03-05-2019 23:06:03
วี้ดดดดดดดดด เจ้าแสงงงงงงงงงงง ยอมเสด็จพี่แล้วหรืออออ  :oo1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๕๐% ๓.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 04-05-2019 01:43:18
องค์รัชทายาท แผนสูงนะ
นี่มันเตรียมการไว้แล้วชัดๆ  :o8:
สร้างกระท่อมรอ หลอกล่อเจ้าแสงมาจัดการซะงั้น
ได้กินเจ้าแสงอีก สมใจแล้วมั้ย 5555
 :-[
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๕๐% ๓.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-05-2019 07:13:36
เจ้าแสงใจอ่อนแล้ว  :impress3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๕๐% ๓.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-05-2019 08:50:04
สร้างกระท่อมไว้ แผนสูงมาก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๕๐% ๓.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 04-05-2019 18:03:44


ภุชงค์เล่นแสง ๐๗ ครึ่งหลัง


.

.

.



"ท่านองครักษ์"

"ว่าอย่างไรเจ้าบ่าวรัก ยม"

"พวกข้าหาใช่รัก ยมไม่!!"

"ว่าอย่างไร..."ทำหน้าเบื่อหน่าย แลเลิกคิ้วถามบ่าวตัวเล็กทั้งสองของคู่หมายองค์รัชทายาท

"ข้ายี่สุ่น"ยี่สุ่นว่าหน้างอ

"ข้าชงโค"ชงโคตอบอย่างมิใคร่พอใจ

"เอาล่ะๆ ว่าอย่างไรเจ้ายี่สุ่น เจ้าชงโค"กอดอดพลางจ้องดวงหน้าจิ้มลิ้มของทั้งคู่

"ฝนตกฟ้าร้องเช่นนี้ ท่านจักมิไปตามองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยของข้าหน่อยหรือ"ชงโคว่าอย่างอย่างมีน้ำโห

"นั่นสิ มืดค่ำป่านนี้แล้ว เจ้าน้อยของข้าจักเป็นเช่นไรบ้างก็มิรู้"ยี่สุ่นรีบเสริม
"จักกังวลไปไย องค์ภุชงค์ท่านทรงอยู่ทั้งคน เจ้าน้อยแสงแรกมิเป็นอันใดดอกหนา"
"หากแต่ข้าเป็นห่วงนายข้า"
"ท่านมิห่วงนายท่านบ้างหรืออย่างไร"

"..."องครักษ์ส่วนพระองค์ องค์รัชทายาทมิตอบหากแต่ยักคิ้วยียวนใส่บ่าวทั้งสองจนหน้าหงิกงอ



.

.

.



ทางฝากเจ้านายทั้งสองที่บ่าวกำลังเป็นห่วง ทรงประทัับอยูjในกระท่อมกลางป่า ริมน้ำตก ฝนหยุดแล้ว หากแต่อากาศก็ยังคงหนาวเย็น มืดค่ำเช่นนี้จึงมีเพียงแสงสว่างรำไรจากเทียนไขที่จุดไว้เท่านั้น องค์ภุชงค์ทรงกกกอดปกป้องน้องน้อยจากความหนาวเย็น เจ้าแสงแรกซบพักตร์อิงแอบแนบชิดกับพระอุระกว้าง รอยสัมผัสร้อนผ่าวยังติดแนบฉวีนุ่ม

"ฝ่าบาทเจ้าขา"ตรัสเรียกสวามี คงจักเรียกได้เต็มปากแล้ว แม้นจักยังมิได้ตบแต่ง หากแต่ก็มีสัมพันธ์ฉันผัวเมียมามากกว่าหนึ่งครั้ง

"หืม ว่าอย่างไรเจ้า"ทรงสางเกศาน้องปลอบประโลม

"เรื่องคืนนี้ อย่าเพิ่งทูลแก่พระชายาชมนาดได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ"

"ไยจึงมิให้พี่ทูลเสด็จแม่ท่านเล่า"เชยหนุมนขึ้น พระขนงเข้มขมวดมุ่น

"อีกมิกี่ชั่วยามอาทิตย์ก็ขึ้นวันใหม่แล้ว แลวันถัดไปก็ต้องเสด็จไปศศิมณฑล"

"แล้วอย่างไร"

"หม่อมฉันใคร่อยากให้กลับมาจากศศิมณฑลก่อน ค่อยบอกพระชายาท่านได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ"

"..."
"หากกลับมาจากศศิมณฑลแล้ว...หม่อมฉันจักไปเข้าเฝ้ากราบทูลพระชายาท่านด้วยตัวเอง"

"..."

"...ว่าหม่อมฉันพร้อม"

"..."
"ที่จักตบแต่งกับพระองค์แล้วพระเจ้าค่ะ"

"แจ้งแสง"ทรงรวบร่างบางเข้ากกกอดแนบพระอุระ  มิคิดว่าเจ้าแสงแรกจักยอมให้พระองค์เร็วเยี่ยงนี้ พระนาสิกกดหอมนลาฎขาว เจ้าแสงพาดกรเล็กโอบรอบพระขนององค์ภุชงค์

"..."

"เจ้าแสงแรก"

"เจ้าขา"

"ไยจึงยอมให้พี่เร็วเช่นนี้เล่าเจ้า"

"มิดีหรือพระเจ้าค่ะ"

"ดี ดีมากๆ หากแต่พี่เพียงใคร่รู้"
"ข้าวสุกเช่นหม่อมฉัน จักช้า จักเร็วอย่างไรก็ต้องตบแต่งกับพระองค์"
"..."

"มิมีประโยชน์ที่จักดึงเพลาไว้ยืดเยื้อ"

"คนดีของพี่"

"หม่อมฉันใคร่ขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ"

"ได้ทุกอย่าง หากพี่หาให้เจ้าได้ พี่จักให้ทุกอย่าง"

"...อย่าทิ้งขว้างหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ"ตรัส แลช้อนนัยน์ตางามทอดพระเนตรพักตร์ของสวามี น้ำตาร้อนๆ ไหลจากหางพระเนตรหยดลงบนปรางขาว เพราะเป็นเจ้าน้อยที่เกิดจากนางห้องเครื่อง แม้นจักเป็นโอรสที่เจ้าหลวงทรงรักเพียงใด หากแต่ก็ถูกรังแกให้เจ็บช้ำนับครั้งมิถ้วน ทั้งชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นเจ้าน้อยการเวกถูกทิ้งขว้างจนบอบช้ำ

"จักมิมีวันนั้น จักมิมีวันที่พี่จักทิ้งขว้างเจ้า เจ้าแสง อย่ากังวลไปเลยหนาคนดี"ลูบขนองเปลือยปลอบน้องน้อย พระโอษฐ์ก็พรมจูบที่เกศานุ่ม

"อ อย่าทิ้งขว้างหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ​"
"มิทิ้งดอก คนดี"

"อึก ฮึก"

"มิไห้หนาเจ้า จับไข้แล้วกระมงจึงได้โยเยเยี่ยงนี้"ตรัสเย้า

"ฮึก อึก"

"นอนเถิด ประเดี๋ยวก็เช้าแล้ว"ทรงปลอบเจ้าแสงจนเคลิ้มหลับไป องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรดวงพักตร์งามของเจ้าแสง องคุลีไล้แผ่วเบาที่ปรางซีด โอษฐืนิ่มที่พระองค์ดูดดุนมาค่อนคืนแดงช้ำ ฉวีนุ่มร้อนผ่าว

"พี่มิทิ้งเจ้าดอก เจ้าแสง"

"..."

"พี่จักทิ้งดวงใจของตนเองได้อย่างไรเจ้า"



.

.

.


รุ่งเช้า เมื่อแสงสุริยาสาดส่องให้ความสว่างสองพระองค์ก็พากันกลับเข้าวังหลวง องค์ภุชงค์กอดกฤษฎีเล็กประคองเมียให้เดินไปตามทาง

"ไหวหรือไม่เจ้าแสง"
"พระเจ้าค่ะ"แม้จักเจ็บขัด แต่ก็อดทนก้าวบาทตามแรงประคับประคอง

"หากถึงตำหนักแล้วพี่จักให้หมอหลวงมาดูเจ้าหนา"

"มิต้องดอกพระเจ้าค่ะ"

"อย่าดื้อ ให้หมอท่านดูหน่อยเถิดหนา"

"...พระเจ้าค่ะ"



.

.

.


"เจ้าน้อย"

"เจ้าน้อย"สองบ่าวรีบกุลีกุจรวิ่งมาหาคนเป็นนายที่ถูกประคับประคองอยู่ในอ้อมพระกรองค์รัชทายาท

"ยี่สุ่น ชงโค หน้าหน้าพระพักตร์องค์รัชทายาทก็สำรวมหน่อยเถิด"เจ้าแสงเอ็ดบ่าวของตน

"ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ"

"มิเป็นไรดอกเจ้าแสง พี่มิถือโทษโกรธบ่าวน้องดอก"

"มิได้พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักติดเป็นนิสัย"

"ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ"ทูลเสียงอ่อย

"หม่อมฉันสองคนเพียงแค่ห่วงเจ้าน้อยมากเกินไปพระเจ้าค่ะ"

"ใช่พระเจ้าค่ะ ทรงหายไปทั้งคืน หม่อมฉันสองคนนอนมิหลับเลยหนาพระเจ้าค่ะ

"ข้ามิได้เป็นกระไรดอก เพียงแต่ติดฝนจนกลับวังหลวงมิได้ก็เท่านั้น มิมีกระไรดอก อย่ากังวลไปเลย"

"กระนั้นก็เถิดพระเจ้าค่ะ"

"โธ่ ขอบใจเจ้าสองคนหนายี่สุ่น ชงโค"
"พระเจ้าค่ะ"

"พวกเจ้าสองคนไปเตรียมน้ำท่าให้เจ้าแสงสรงเถิด ประเดี๋ยวข้าจักตามหมอหลวงมาดูเจ้าแสงให้"

"ทรงเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ"บ่าวคนสนิทถามอย่างกังวล

"ข้าเพียงแต่จับไข้เล็กน้อยเท่านั้นมิมีกระไรดอก"

"เจ้าเข้าตำหนักเถิดเจ้าแสง ประเดี๋ยวพี่จักมารับเจ้าไปรับกายาหารเช้าที่ตำหนักหลวง"

"พระเจ้าค่ะ"



.

.

.


"เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหายไปไหนหรือเจ้าภุชงค์ แม่ไปหาที่ตำหนักใยจึงมิอยู่ ค่ำมืดปานนั้นแล้ว เจ้าออกไปที่ใด"เจ้าชมนาดตรัสถามโอรสองค์โต หลังจากที่เสวยพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว

"...ทูลเสด็จแม่ ลูกพาเจ้าแสงไปที่น้ำตกท้ายวังหลวง แลติดฝนพ่ะย่ะค่ะ จึงได้ค้างคืนที่กระท่อม"กราบทูลความแก่มารดา ในขณะที่เจ้าแสงก้มพักตร์ บีบมือตนอย่างเป็นกังวล

"กระท่อม?"

"คือ ลูกใหเจ้าขันธ์มันเกณฑ์คนไปสร้างเมื่อสามวันก่อนพ่ะย่ะค่ะ"เจ้าแสงถึงกับเผลอเงยพักตร์ขึ้น ทรงให้คนไปสร้างกระท่อมเมื่อสามวันก่อนหรือ

"อ่อ..."เจ้าชมนาดแสร้งพยักพักตร์ นัยน์ตากวางเหลือบสบกับพระเนตรองค์ภุมริน

"แลเป็นเยี่ยงไรเล่า"

"มิมีกระไรพ่ะย่ะค่ะ ลูก แลน้องเพียงแต่ใช้กระท่อมหลบฝนก็เท่านั้น"

"งั้นดอกหรือ"

"พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่"



ทรงทอดพระเนตรอาการเจ้าน้อยแสงแรกแล้วคงจักมิใช่แค่ค้างคืนกระมัง หากแต่พระองค์จักมิออกโอษฐ์ถามดอกหนา ใคร่บอกเมื่อใด ก็บอกเถิด โตๆ กันแล้ว ถึงจักดำริเช่นนั้น นัยน์ตากวางของพระมารดาภุมริกาก็ลอบสำรวจว่าที่สุณิสาตน เช้านี้อุ่นทูลความแก่พระองค์ว่าเจ้าภุชงค์ให้หมอหลวงไปดูอาการเจ้าน้อยแสงแรกถึงตำหนัก ได้ความว่าเจ้าน้อยถูกฝนจึงจบไข้ หากแต่ด้วยสายพระเนตรที่ผ่านมาหลายร้อน หลายหนาวแล้ว ที่จับไข้คงจักมิใช่เพียงถูกฝนเป็นแน่

หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 04-05-2019 19:37:32
สมใจองค์ภุชงค์สุดๆ
วางแผนเดียวได้ทั้งกินน้อง
ได้ทั้งน้องพร้อมแต่งด้วยเลย
คุ้มสุดๆไปเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 04-05-2019 20:57:21
ฝนของพระโอรสพระองค์ไงเพคะ ตกใส่เจ้าแสงแรกห่าใหญ่ๆๆเลย  :z1:
สงสารปนฮากะรัก-ยมของเจ้าน้อยจริงๆ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 04-05-2019 22:30:48
วางแผนสร้างกระท่อมไว้ล่วงหน้า ทรงล้ำมากพะยะค่ะ  o7
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 04-05-2019 22:43:47
ฝนเป็นใจสินะเนี่ยย รอตอนงานแต่งเลยยย  :impress2:
ชอบท่านองครักษ์เรียกว่ารักยม 55555555 เอ็นดู  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-05-2019 01:25:36
สร้างกระท่อมเหมือนรู้ล่วงหน้า :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 05-05-2019 08:10:56
ร้ายจริงนะภุชงค์ คึๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-05-2019 09:16:49
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-05-2019 13:59:50
เจ้าแสงแรกโดนน้ำฝนของเสด็จพี่ จับไข้เลยจ้า o18
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๔.๕.๖๒ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: yoyothaka ที่ 06-05-2019 18:17:34
ขอบคุณนักเขียนนะคะ ที่มาต่อให้ได้อ่านกันสมใจอย่างรวดเร็ว...ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๕๐% ๖.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 06-05-2019 21:55:52


ภุชงค์เล่นแสง ๐๘




"ลูกพระองค์กี่คนๆ ก็ไปผิดผีกันที่น้ำตกท้ายวังหลวง มันน่าปิดทิ้งเสียนี่กระไร ถึงขนาดให้คนไปสร้างกระท่อม หม่อมฉันว่ามิใช่เพียงแค่หลบฝนกระมังพระเจ้าค่ะ"เจ้าชมนาดตรัส พลางสะบัดพัดเร็วๆ คลายความร้อนอกร้อนใจ

"โถ่ เจ้าชมนาด ใจเย็นก่อนหนาน้อง"

"จักเย็นได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ เจ้าภุชงค์ล่วงเกินเจ้าแสงทั้งๆ ที่ยังมิได้ตบแต่งเช่นนี้ จักให้น้องเย็นได้อย่างไร"

"เจ้าแสงจักได้ปลงใจตบแต่งกับลูกเราเร็วๆ อย่างไรเล่าเจ้า"

"เสด็จพี่ ทรงว่าเช่นนั้นได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ"ค้อนพระภัสดาตาเขียว

"ใจเย็นๆ ก่อนหนาคนดี...อุ่นๆ"โอบร่างน้อยแนบอุระ เอาอกเอาใจ

"เพคะ ฝ่าบาท"

"ไปห้องเครื่องนำพระกายาหารว่างถวายพระชายาทีเถิด"

"เพคะ ฝ่าบาท"

"ใจเย็นก่อนหนาเจ้า"

"..."



.

.

.




วันรุ่งขึ้น เมื่อฟ้าสว่างดีแล้ว ขบวนเสด็จของเจ้านายจากภุมริกาก็เคลื่อนออกจากวังหลวงภุมริกา มีปลายทางที่วังหลวงศศิมณฑล องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดทรงประทับบนเกี้ยวตัวใหญ่ ถัดมาจึงเป็นเกี้ยวขององค์รัชทายาทภุชงค์ ปิดท้ายขบวนด้วยเกี้ยวของเจ้าน้อยแสงแรก บ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงก็อยู่ในเกี้ยวกับคนเป็นนาย ยี่สุ่น แลชงโคนั่งปรนนิบัติคนเป็นนายแทบพระบาทขาว เจ้าน้อยทรงจับไข้ตั้งแต่กลับมาจากประพาสน้ำตกกับองค์รัชทายาท เพลาจักนั่ง จักยืนก็ขัดยอกไปหมด หากแต่ทรงตรัสว่าเพียงแค่ครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะพิษไข้

"ทรงใคร่อยากได้กระไรหรือไม่พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย"ชงโคเอ่ยถามคนเป็นนายที่ประทับอิงหมอนขิด พลางบีบนวดปลีน่องเล็กคลายความเมื่อยขบให้ นัยน์เนตรงามหลับพริ้ม หัตถ์ข้างหนึ่งวางเท้าบนหมอนขิดสามเหลี่ยม อีกข้างยกยาหอมจ่อพระนาสิกพระองค์เอง

"หากมิสบายพระวรกาย ทรงรีบพวกหม่อมฉันเลยหนาพระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นว่าพลางสะบัดพัดจีนคลายร้อนให้คนเป็นนาย

"มิต้องกังวลไปดอก ข้ามิเป็นกระไร ขอบใจพวกเจ้ามากหนา"

"มิได้พระเจ้าค่ะ"

"มิได้พระเจ้าค่ะ"

"..."เจ้าแสงสรวลบางๆ ให้บ่าวคนสนิททั้งสอง ก่อนจักหลับเนตร แลเคลิ้มหลับไป



.

.

.




ขบวนเสด็จค่อยๆ หยุดลงก่อนที่พระวิสูตรในเกี้ยวของเจ้าแสงจักถูกเปิดออกด้วยพระหัตถ์ขององค์ภุชงค์ ทรงทอดพระเนตรน้องน้อยที่หลับซบพระเขนยแล้วสรวลบางๆ

"เจ้าบ่าวรัก ยม เจ้าสองคนไปพักเถิด ประเดี๋ยวข้าจักพาเจ้าแสงเข้ากระโจมเอง"ทรงตรัส ยี่สุ่น แลชงโคหน้างอเหตุใดไฉนเลยใครๆ ก็เรียกข้าสองคนว่ารัก ยม พวกข้าหาใช่รัก ยมไม่!!

"หากแต่..."

"ข้ามิใคร่ปลุกเจ้าแสง แลพวกเจ้าสองคนก็คงอุ้มเจ้าแสงไปที่กระโจมมิไหวดอกกระมัง"

"...พระเจ้าค่ะ"ตอบเสียงอ่อย

"พระเจ้าค่ะ"หมอบกราบองค์รัชทายาท แลหมอบคลานออกจากเกี้ยวไป





เมื่อบ่าวคนสนิททั้งสองของน้องน้อยออกไปจากเกี้ยวแล้ว องค์ภุชงค์ก็ผินพักตร์กลับไปให้ความสนพระทัยกับคู่หมายที่หลับพริ้มมิรู้เรื่อง รู้ราว องคุลียาวไล้แผ่วเบาไปตามปรางเนียนผ่อง ทรงช้อนร่างบางของเจ้าแสงขึ้นแนบพระอุระ ทรงอุ้มน้องน้อยไปส่งที่กระโจมที่พัก

"เจ้าสองคนไปเตรียมขนม น้ำชามาให้เจ้าแสงไป ประเดี๋ยวนายเจ้าตื่นขึ้นมาจักได้มีกระไรรองท้อง"

"เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักอยู่เฝ้าเจ้าน้อย แลให้ยี่สุ่นไปเตรียมพระกายาหารว่างให้เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ"

"พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักไปเตรียมสำรับ แลให้ยี่สุ่นอย..."

"ไปทั้งคู่นั่นแล ข้าจักอยู่กับเจ้าแสงเอง"

"..."

"..."

"จักให้ข้าบอกเจ้าแสงหรือไม่ว่าเจ้าสองคนขัดคำสั่งข้า"

"ไปแล้วพระเจ้าค่ะ"

"พระเจ้าค่ะ"





ลับหลังบ่าวทั้งสององค์ภุชงค์ก็วางน้องลงบนพระยี่ภู่บนแคร่ที่ใช้แทนพระแท่นบรรทม คลี่ผ้าคลุมพระองค์ห่มให้ หากแต่เจ้าแสงกลับขยับกาย แลลืมเนตรขึ้น

"พี่ทำเจ้าตื่นหรือเจ้าแสง"ตรัสพระสุรเสียงอ่อน

"ฝ่าบาท ที่นี่..."

"ที่นี่กระโจมที่พัก พี่อุ้มเจ้าลงมาจากเกี้ยว"

"ตายจริง เหตุใดจึงมิปลุกหม่อมฉันเล่าพระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ มิเป็นไรดอก แลเป็นเยี่ยงไรบ้าง หืม ยังเจ็บยังปวดที่ใดอยู่อีกหรือไม่ บอกพี่เถิด"

"มิเจ็บ มิปวดแล้วพระเจ้าค่ะ มีเพียงอาการเคล็ดขัดยอกเล็กน้อยเท่านั้น"เจ้าแสงตรัสแล้วขยับเศียรจากพระเขนย ไปซบลงบนพระเพลาองค์ภุชงค์

"หึหึหึ อ้อนเยี่ยงนี้จักเอากระไรเจ้า"ทรงลูบเกศาเจ้าแสงอย่างเอ็นดู หลังจากที่มีกระไรกันที่น้ำตกคืนก่อนเจ้าแสงก็ดูเปิดพระทัยให้องค์ภุชงค์ แลออดอ้อนราวคนละคน หากแต่ก็เป็นเพียงแค่ตอนอยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้น ต่อหน้าคนอื่นเจ้าแสงก็วางตัวราวเช่นแต่ก่อน

"หามิได้พระเจ้าค่ะ"

"..."ทรงแย้มสรวล แลโน้มพักตร์ลงแตะพระนาสิกกับปรางเจ้าแสงแรก ทรงตกหลุมรักเจ้าแสงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถอนพระองค์มิขึ้นแล้ว



.

.

.



เมื่อบ่าวทั้งสองกลับมาที่กระโจม องค์ภุชงค์จึงได้เสด็จไปทรงพักผ่อนที่กระโจมของพระองค์ เจ้าแสงเสวยพระกายาหารว่างที่บ่าวทั้งสองนำมาถวาย นั่งคุยเล่นกับบ่าวคนสนิทได้ครู่ใหญ่ บ่าวทั้งสองจึงได้ทูลขอให้ไปสรงน้ำก่อนที่จักมืดค่ำเสียก่อน

"เจ้าน้อย พระเจ้าค่ะ"

"หืม"

"ทรงไปสรงน้ำกันก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักค่ำมืดเสียก่อน"ยี่สุ่นว่า

"ก็ได้เจ้า"เจ้าแสงพยักพักตร์เห็นด้วย





หนึ่งนาย สองบ่าวผลัดผ้านุ่งเอาผ้าคลุมไหล่พันกายมิดชิด ก่อนจักพากันไปที่ลำธารด้านหลังกระโจม ยี่สุ่น แลชงโคถือตะเกียงคนละดวงขนาบข้างเจ้าแสงไปตามทาง บ่าวทั้งสองคนช่วยกันขึงผ้ากับต้นไม้บดบังนายตนจากสายตาผู้อื่นเช่นที่เคยทำ

“...”เจ้าแสงปลดผ้าคลุมไหล่ออกเผยให้เห็นลาดไหล่เนียน บ่าวทั้งสองก็เช่นกัน ทั้งสามพากันลงน้ำ ยี่สุ่น แลชงโคช่วยกันถูล้างคราบไคลตามพระวรกายขาว อีกทั้งยังใช้ผลมะกรูดสางพระเกศาให้สะอาดหมดจด ปรนนิบัติคนเป็นนายก่อนจึงจักค่อยจัดการตนเอง





ป๊อก 





เปลือกลูกไม้ถูกปามาโดนอังสาบางของเจ้าน้อยการเวก ในตอนที่บ่าวทั้งสองละสายตาจากผู้เป็นนาย ผู้ใดกันช่างบังอาจ เจ้าแสงกวาดเนตรมอง ก่อนจักเห็น​พระวรกายสูงใหญ่คุ้นตาหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่มิไกลจากริมลำธาร จึงได้ผินพักตร์กลับมาแสร้งทำมิรู้มิชี้

“ข้าอาบแล้วแล้ว จักขึ้นไปรอตรงโขดหินตรงนั้น พวกเจ้าก็รีบอาบเถิด ประเดี๋ยวจักป่วยไข้เอา”เจ้าแสงตรัสพลางกระชับผ้านุ่งมัดปมให้แน่น พระวรกายบางขึ้นจากน้ำ

“เจ้าน้อยจักขึ้นแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“อื้ม”

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโครับคำ แลรีบจัดการกับตนเอง เจ้าแสงเห็นดังนั้นก็รีบสาวเท้าไปที่หลังต้นไม้ใหญ่ที่ว่า เมื่อเข้าไปใกล้​​ก็ถูกพระกรแกร่งรวบกายเข้าไปกอด

​"ฝ่าบาท"เจ้าแสงพลิกกายไปประจันหน้ากับผู้บุกรุก องค์ภุชงค์เปลือยท่อนบนเผยพระอุระกว้าง ทรงนุ่งเพียงผ้าโจงสีดำเขม่า

"อาบน้ำแล้วหรือเจ้า หอมนัก"

"..."เจ้าแสงก้มพักตร์เอียงอาย

"ขอพี่จูบ ขอพี่หอมให้ชื่นใจหน่อยได้หรือไม่เจ้า"ตรัส หากแต่มิรอฟังคำตอบ ทรงกดพระโอษฐ์อุ่นลงบนลาดอังสะเย็น แตะไล้ไปจนถึงซอกศอขาว

"อื้อ ฝ่าบาท"เจ้าแสงผวาเกาะพระอุระแน่น นชาเล็กจิกลงบนฉวีขาวจนเกิดรอยนชาเล็กๆ พักตร์งามเงยเชิดให้อีกคนพรมจูบได้ถนัดถนี่ขึ้น

"อื้ม"พระโอษฐ์อุ่นเบียดแนบกับกลีบโอษฐ์นิ่ม เคล้าคลึงหยอกเย้าปลายชิวหา หัตถ์ใหญ่ประคองพักตร์งามให้เอียงรับจูบหวานๆ จากพระองค์

"อึก อื้อ"เจ้าแสงยกกรโอฐรอบพระศอองค์ภุชงค์ ในขณะที่องค์ภุชงค์กกกอดรอบกฤษฎีบางผ่านผ้านุ่งเปียกชื้น หากแต่ก็ชื่นใจกันได้มินานเจ้าบ่าวรัก ยมก็อาบน้ำแล้วแล้ว

"เจ้าน้อย"

"เจ้าน้อย อยู่ที่ใดพระเจ้าค่ะ"

"เจ้าน้อย ทรงอยู่แถวนี้หรือไม่พระเจ้าค่ะ"

"เจ้าน้อยแสงแรก"





เสียงเรียกของบ่าวทั้งสองทำเอาเจ้านายทั้งสองผละออกจากกันราวกับต้องไฟ เจ้าแสงรีบผลักอุระกว้างออก หัตถ์เล็กสางเกศาตนให้เรียบร้อย ขยับผ้านุ่งให้เข้าที่เข้าทาง

"ฝ ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องไปแล้วหนาพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัส

"จ้ะ ฟอดดด"มิวายโน้มพักตร์ไปหอมปรางนิ่มฟอดใหญ่

"อื้อ ฝ่าบาท"เจ้าแสงรีบผลักองค์ภุชงค์ให้หลบหลังต้นไม้ใหญ่ ก่อนจักออกไปหาบ่าวทั้งสอง

"ข ข้าอยู่นี่"

"ทรงไปทำกระไรตรงนั้นหรือพระเจ้าค่ะ"

"ข ข้า...ข้าก็เดินมาเรื่อยๆ มิมีกระไร"

"เยี่ยงนั้นกลับกระโจมกันเถิดพระเจา้ค่ะ ประเดี๋ยวไข้จักกลับ"

"จ้ะ รีบไปเถิด ข้าก็เริ่มหนาวแล้ว"เจ้าแสงตรัส แลเหลือบมองหลังต้นไม้ใหญ่ที่มีใครอีกคนหลบอยู่

"พระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นว่าก่อนจักเอาผ้าคลุมอังสะ คลุมอังสาให้คนเป็นนาย



.

.

.





หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๕๐% ๖.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-05-2019 00:29:25
เจอฝนลูกใหญ่เลยเพคะ555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๕๐% ๖.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2019 08:21:23
ยังไม่ได้แต่งกันเลยนะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๕๐% ๖.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-05-2019 09:11:07
ขำเจ้ารัก-เจ้ายมประจำตัวเจ้าน้อย ต้องจัดหาคู่ให้ทั้งสองนางเลยจะได้ไม่มาขัดจังหวะอีก  :m20:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๕๐% ๖.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 07-05-2019 11:17:43
 :laugh: o18 o18
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๕๐% ๖.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-05-2019 11:28:51
แหมจ้า
เชื่อแล้วว่าถอนตัวไม่ขึ้น :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๗.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 07-05-2019 17:40:43


ภุชงค์เล่นแสง ตอนที่ ๐๘  ครึ่งหลัง


.

.

.





“เจ้าภุชงค์”พระชายาชมนาดตรัสเรียกโอรสองค์โต เพลานี้เจ้านายทั้งสี่กำลังรับพระกายาหารค่ำอยู่ที่ลานกว้างหน้ากระโจมที่ประทับ ใกล้กับกองไฟ เจ้าภุชงค์ของเจ้าชมนาดประทับรับสำรับข้างเจ้าน้อยแสงแรก หากแต่ทรงประทับแนบชิดเบียดเจ้าแสงแรกจนแทบจักกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“ไยจึงไปนั่งเบียดน้องเช่นนั้นเล่าลูก ขยับออกมาหน่อยเถิด ประเดี๋ยวน้องจักอึดอัดเอา”

“พ่ะย่ะค่ะ”ยอมขยับออกมา หากแต่ก็ยังแนบชิดเนื้อแนบเนื้อ

“...”เจ้าชมนาดเหลือบเนตรสบกับพระเนตรองค์ภุมริน ยามพระองค์เลื่อนพระหัตถ์มาแตะที่หลังกฤษฎีบางแผ่วเบา อาการของโอรสพระองค์ทรงออกชัดเจนตั้งแต่กลับมาจากกระท่อมที่น้ำตกท้ายวังหลวง มีพิรุธเช่นนี้ยังจักคิดโป้ปดมารดาเจ้าอีกหรือ เจ้านาคน้อย!!!

“ใจเย็นก่อนเถิดหนาเจ้าชมนาด ประเดี๋ยวกลับจากเยี่ยมหลานแล้ว ค่อยจัดการก็ยังมิสายดอก”องค์ภุมรินทรงตรัสกระซิบริมกรรณขาวของเมีย

“...พระเจ้าค่ะ”ก็ขอให้มิสายไปดังที่พระองค์ตรัสก็แล้วกันหนาพระเจ้าค่ะ

“เจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท”ผินพักตร์ไปหาพระสวามีที่ตรัสเรียกพระสุรเสียงเบา

“ประเดี๋ยวกินแล้วแล้ว ไปเดินเล่นแถวนี้หน่อยดีหรือไม่เจ้า” “...พระเจ้าค่ะ”

แลเมื่อเจ้านายทั้งสี่รับสำรับพระกายาหารค่ำแล้วแล้ว องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดก็เข้าพักผ่อนในกระโจมที่พัก ส่วนองค์ภุชงค์ แลเจ้าน้อยแสงแรกก็ทรงดำเนินเล่นรอบๆ โดยมีองรักษ์คนสนิทอย่างเจ้าขันธ์ตามห่างๆ บ่าวยี่สุ่น แลชงโคถูกองค์ภุชงค์สั่งให้เตรียมที่หลับที่นอนรอเจ้าแสงอยู่ที่กระโจมที่พัก หาได้ตามมาด้วยไม่

“ฝ่าบาท”เจ้าแสงร้องค้าน หัตถ์เล็กยกดันอุระกว้างไว้ เมื่อถูกดันกายแนบกับต้นไม้ใหญ่

“จ๋า เมื่อเย็นพี่ยังชื่นใจเจ้าได้มิเต็มปอดเลยหนา”

“อย่าพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักมีใครมาเห็นเข้า”

“มิมีใครมาดอก พี่ให้เจ้าขันธ์มันเฝ้าไว้แล้ว”ตรัส แลรวบกฤษฎีบางมากอดเต็มวงพระกร พระพักตรซุกไซ้ซอกศอขาว หอมกรุ่นของเจ้าแสง ทิ้งรอยสัมผัสร้อนผ่าวบนฉวีนุ่มหยุ่น พระกรข้างหนึ่งกอดรัดกฤษฎีบาง อีกข้างวางทาบเคล้นคลึงอกแบนราบ องคุลีบีบบี้ยอดอกที่ชูชันดันเนื้อผ้าจนนูนขึ้นมา

“อื้อ ฝ่าบาท”เจ้าแสงไล่ตะครุบหัตถ์ใหญ่ที่ขย้ำขยี้อกตน เมื่อจับข้างที่บีบเคล้นอกตนออก อีกข้างก็ขย้ำคลึงโสณีอิ่ม เมื่อปัดหัตถ์ที่คลึงโสณีตนออก อีกข้างก็วกกลับมาที่อกแบนจนเจ้าแสงอ่อนใจ

“ฝ ฝ่าบาท พ พอแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงร้องปราม หากแต่ก็เผลอครางเครือกระเส่า

“คืนนี้พี่จักไปหาหนาเจ้า”ตรัสทั้งๆ ที่ยังซุกพักตร์กับซอกศอขาวของน้อง

“ฝ ฝ่าบาท จักมาไอย่างไรพระเจ้าค่ะ ในกระโจมหม่อมฉันมีทั้งยี่สุ่น ทั้งชงโค”เจ้าแสงตรัสอย่างตื่นตระหนก มิเพียงแค่ตรัส จักต้องทรงทำจริงเป็นแน่

“เยี่ยงนั้น พี่จักไปรับเจ้ามาที่กระโจมพี่แทน”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หากทำเช่นนั้นจักต้องมีผู้พบเห็นเป็นแน่”

“มิต้องกังวลไปดอกเจ้า”

“...”

จุ๊บ

“รอพี่หนาคนดี คืนนี้พี่จักไปหา”แตะโอษฐ์จุมพิตน้อง แลตรัสให้คำมั่นว่าคืนนี้จักต้องได้อยู่ด้วยกัน

“ฝ ฝ่าบาท”

ฟอด

หาได้ฟังไม่กอดหอมดอมดมฉวีนิ่มมิห่าง เวียนจูบเสียจนผิวน้องช้ำระเรื่อ เจ้าแสงคล้องกรตนกับพระศอแกร่ง ยินยอมให้องค์รัชทายาทเชยชมกายตน

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงระทดระทวยอยู่ในอ้อมพระกร

“หืม”ดอมดมปรางนุ่ม

“พ พอก่อนพระเจ้าค่ะ หายมานานแล้ว ประเดี๋ยวจักมีคนสงสัยเอาได้”

“จ้ะ”กดจูบผิวนิ่มซ้ำๆ ก่อนจักผละออก หากเป็นไปได้ทรงใคร่อยากกอดหอมเจ้าแสงตลอดเพลา จักมิปล่อยเนื้อนวลให้ห่างกายเลยเทียว

“ก กลับกระโจมกัยเถิดพระเจ้าค่ะ”

ทั้งสองพระองค์จับจูงกันกลับมาที่กระโจมที่พัก องค์ภุชงค์ทรงมาส่งเจ้าน้อยแสงแรกที่กระโจมที่พัก บ่าวยี่สุ่น แลชงโครีบมารับนายตนกลับเข้ากระโจม เจ้าแสงเมื่อกลับเข้ามาในกระโจมที่พักก็ให้บ่าวคนสนิท ล้างหัตถ์ แลบาทให้ ก่อนจักพากันสวดมนต์ก่อนนอน เมื่อสวดมนต์แล้วแล้วบ่าวทั้งสองก็พาคนเป็นนายนอนลงบนพระยี่ภู่ที่ตระเตรียมไว้ ห่มผ้าคลุมพระองคให้ถึงอุระบาง

“นอนเถิดยี่สุ่น ชงโค”

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

หนึ่งนาย สองบ่าวเข้าสู่ห้วงนิทรา ผ่านไปค่อนคืน ผู้บุกรุกสูงศักดิ์ก็พาพระวรกายสูงใหญ่เข้ามาในกระโจมที่พักของเจ้าน้อยการเวก ทรงก้าวข้ามบ่าวทั้งสองที่นอนอยู่ข้างพระแท่นบรรทมของน้องน้อย

“อื้อ ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงลืมเนตรตื่นมาด้วยความตกพระทัย เมื่อรู้สึกได้ว่าถูกช้อนกายขึ้นแนบพระอุระกว้าง

“ชู่ววว พี่บอกแล้วอย่างไรว่าคืนนี้พี่จักมารับเจ้าไปนอนด้วย”

“...”เจ้าแสงแรกตรัสมิออก ทำได้เพียงยกกรขึ้นคล้องพระศอแกร่ง

“...”องค์ภุชงค์แตะพระนาสิกลงบนนลาฏขาว แลออกแรงอุ้มเจ้าแสงออกจากกระโจมที่พัก ไปยังกระโจมที่ประทับของตน

ลับหลังเจ้านายทั้งสอง บ่าวยี่สุ่น แลชงโคที่หลับตาพริ้มอยู่ในห้วงนิทราก็ลืมตาโพลง นิ้วเล็กสะกิดกันไปมา องค์ภุชงค์ทรงลักพาเจ้าน้อยแสงแรกออกจากกระโจมที่พักไปอย่างอุกอาจกลางค่ำกลางคืน

“จักทำอย่างไรดีชงโค”

“เราทำกระไรได้ด้วยหรือยี่สุ่น”

“หากแต่ทรงลักพาตัวเจ้าน้อยไปกลางค่ำกลางคืน เช่นนี้...“

“...ข ข้าก็มิอยากจักคิดเช่นนี้”

“...” “หากแต่ เจ้ามิเห็นอาการของเจ้าน้อยหรือ”

“...” “...จ เจ้าคิดว่า คืนนั้นทรงหลบฝนเพียงอย่างเดียวหรือยี่สุ่น”

“...”

“...”

“ฮือออ เจ้าน้อย”

“ฮึก เจ้าน้อย”



.

.

.




องค์ภุชงค์ทรงอุ้มเจ้าน้อยแสงแรกกลับมาที่กระโจมที่พักของพระองค์เอง เจ้าแสงเหลือบเนตรมองรอบๆ ระหว่างที่ทรงอุ้มตนไปที่กระโจมที่ประทับ องครักษ์ แลทหารยามที่ประทับตามจุดต่างๆ รอบที่ประทับต่างคุกเข่าก้มหน้าชิดอก มิมีผู้ใดกล้าเงยหน้าขึ้นมองสักคน

“มิต้องกังวล พี่มิให้พวกมันได้ยลโฉมเจ้าดอก”ก้มพักตร์ลงมาตรัสกับน้องน้อยในอ้อมพระกร

“...”เจ้าแสงซบพักตร์กับอุระกว้าง หลบสายพระเนตรที่มองมา ทรงดำเนินเข้ามาในกระโจมที่ประทับ โดยมีองครักษ์คนสนิทเปิด แลปิดกระโจมให้ แต่กระนั้นพ่อขันธ์ก็หาได้เงยหน้ามองเจ้านายทั้งคู่ไม่

องค์ภุชงค์ทรงวางเจ้าน้อยแสงแรกลงบนพระยี่ภู่ แลทาบทับพระวรกายตามลงไป พระกรแกร่งกกกอดน้องน้อไว้ในอ้อมอุระ พระนาสิกแตะหอมพักตร์งามตั้งแต่ขมับขาว ลงมาที่ปรางนุ่ม แลโอษฐ์นิ่ม ขบเม้มกลีบโอษฐ์น้องดูดดึงจนโอษฐ์บางบวมช้ำ หัตถ์ใหญ่คลี่ปมผ้าแถบสีขาวให้คลายออก เผยฉวีขาวราวมะพร้าวกะทิ แลจุกนมสีทับทิมล่อให้องค์ภุชงค์ก้มพักตร์ลงไปฉกชิวหาตวัดเลีย

“ฝ ฝ่าบาท อื้อ”เจ้าแสงกลั้นสุรเสียงหวาน มิกล้าเสียงดังกลัวว่าผู้คนนอกกระโจมจักรู้ว่าทรงทำกระไรกัน

“หือ...”ทรงปลดเปลื้องผ้าโจงของเจ้าแสง คลี่ออกเป็นซิ่น จับเรียวขาเล็กแยกออกชันตั้งฉากกับพระยี่ภู่ เลิกผ้าโจงให้ไปกองอยู่ที่กฤษฎีบาง ทรงขยับพระวรกายแทรกตรงกลางขาเรียว โน้มพระวรกายคร่อมร่างบอบบางไว้

“อ่ะ อือ”เจ้าแสงยกหัตถ์ขึ้นปิดโอษฐ์กลั้นเสียงร้อง

“ปลดผ้าโจงให้พี่ทีเจ้า”กระซิบ พลางเลียขอบกรรณขาว ดูดดุนผิวอ่อนจนแดงระเรื่อ เจ้าแสงเลื่อนหัตถ์ไปคลายปมผ้าโจงขององค์ภุชงค์ เผยให้เห็นนาคยักษ์ชูคอข่มกลีบแก้วของเจ้าแสง หัตถ์บางแตะลงบนส่วนร้อนผ่าวลูบไล้ไปมาราวกับจักปลอบให้มันสงบ หากแต่นั่นยิ่งทำให้มันโกรธเกรี้ยวผงกคอพร้อมจักพ่นพิษรินรดใส่กลีบแก้วของเจ้าแสง  ปลายองคุลีลูบไล้โจนจ้วงใส่กลีบแก้วสีระเรื่อให้พร้อมรองรับนาคยักษ์เกเร

“อ๊าาา”เจ้าแสงรีบตะครุบโอษฐ์ตน ยามที่องค์ภุชงค์ดันกายเข้มาในกลีบแก้วของตนจนสะท้านเฮือก ทรงคว้าเรียวขาของเจ้าแสงแรกไปเกาะเกี่ยวพระโสณีสอบ ขยับไสพระวรกายเข้าหาร่างนุ่มนิ่มจนสั่นโยน เงาสองร่างกอดรัดสาดส่องอยู่บนผ้ากระโจมไหวโยกล้อเปลียวเทียน ทั่วทั้งกายเจ้าแสงมิมีตรงไหนที่มิถูกชิวหาร้อนปาดเลีย จุกนมถูกดูดดึงจนแดงช้ำ บวมเป่ง พอๆ กับโอษฐ์นิ่มที่ถูกบดจูบคลึงเคล้ามิว่างเว้น เจ้าแสงโอบรอบพระศอแน่น เชิดพักตร์ครางเครือเสียงแผ่ว พักตร์งามเหยเกทรมานปนรัญจวน ยามถูกนาคายักษ์กระทุ้งรังแก ใคร่อยากกรีดร้องครางเครือให้สุดเสียง หากแต่ทำได้เพียงครางเครือเสียงกระเส่าในลำพระศอเท่านั้น กลีบแก้วถูกนาคายักษ์รังแกจนชอกช้ำ มินานนาคาเกเรก็พ่นพิษสาดรดใส่กลีบดอกแก้วช้ำ

“อืม”องค์ภุชงค์กัดพระทนต์แน่น หัตถ์ดึงกฤษฎีบางของคนที่อยู่ใต้พระวรกายเข้าหาตัว สาดพิษร้อนใส่น้องน้อยจนเจ้าแสงสะท้านสั่นไปทั้งตัว ผ้าโจงที่นุ่งกองยับยู่อยู่บนอุทรขาว

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงตรัส แลประคองปรางขององค์ภุชงค์ไว้

“หือ”เอียงพักตร์จูบลงบนหัตถ์เล็ก

“ค ครั้งเดียวหนาพระเจ้าค่ะ หม หม่อมฉันมิไหวแล้ว”ตรัสสุรเสียงสั่น

“...”มิตรัสตอบ นัยน์เนตรยังคงทอประกายไฟรักให้เจ้าแสงผวา

“ห หนาพระเจ้าค่ะ”ออดอ้อน ซบพักตร์กับอุระชื้นเสโท

“...”

“...”

“...จ้ะ”ยอมให้แต่โดยดี สะกดกลั้นกามารมณ์ที่คุกรุ่น ถอนนาคายักษ์ออกจากกลีบแก้ว พิษนาคไหลย้อนเปรอะพระยี่ภู่จนเจ้าแสงพักตร์ม้าน
















หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๗.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 07-05-2019 20:09:40
กลับมาอัพถี่ๆแบบนี่น่ารักจังค่ะ
ตามมาตั้งแต่เรื่องเจ้าชมนาดจ๋าแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๗.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 07-05-2019 23:20:10
ภุชงงงงงงงงงค์ กลางป่ากลางเขา พ่อแม่ก็มาด้วย ใจเย็นก๊อนนนน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๗.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-05-2019 00:04:47
ขุ่นแม่ทำยังไงดีคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๗.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 08-05-2019 00:17:49
ตลกบ่าวรักยมมม หวงเจ้าแสงมาก น่าหาคู่ให้จริงๆ น่ารักดี อิอิ
เจ้าแสงยอมแล้วเอาใหญ่เลยนะท่านภุชงค์  :hao7: จักตบแต่งได้แล้วหนา
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๑๐๐% ครึ่งหลัง ๗.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-05-2019 02:02:53
เดี๋ยวก็ท้องก่อนแต่งหรอก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๘.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 08-05-2019 17:10:34



ภุชงค์เล่นแสง ๐๙


เมื่อรุ่งสางยามฟ้าสว่าง ควันสีขาวขุ่นจากกองไฟที่จุดเมื่อราตรีที่ผ่านมา ดวงสุริยาลอยต่ำอยู่ที่เชิงเขา องค์ภุชงค์ก็อุ้มน้องน้อยกลับมาส่งที่กระโจม บ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงนอนกอดกันแน่นมรู้เรื่องรู้ราว เจ้าแสงถูกวางลงบนพระยี่ภู่แผ่วเบา หัตถ์เล้กคว้าผ้าคลุมพระองค์ขึ้นห่มถึงอุระตน

“พี่ไปก่อนหนาเจ้า”ตรัส แลแตะพระนาสิกกับบลาฎขาว

“พระเจ้าค่ะ”



เมื่อองค์รัชทายาทเสด็จออกจากกระโจมไป เจ้าแสงก็หลับเนตรลงเข้าสู่ห้วงนิทรา ราตรีที่ผ่านมาแม้นจักถูกรังแกเพียงครั้งเดียว หากแต่การนอนให้องค์รัชทายาทหนุ่มกกกอดเวียนจูบก็หาทำให้เจ้าแสงหลับลงไม่ เมื่อได้กลับมาที่รกะโจมตนจึงบรรทมไปด้วยความอ่อนเพลีย จวบจนตะวันสาดแสงสีทอง บ่าวทั้งสองตื่นขึ้น หากแต่ลังเลอยู่ว่าจักปลุกคนเป็นนายเช่นไรดี

“ปลุกเจ้น้อยเถิดชงโค ประเดี๋ยวจักสายเอา นี่ก็ใกล้จักได้เพลารับพระกายาหารเช้าแล้ว”

“อ อืม”ชงพยักหน้ารับ แลคลานเข่าเข้าไปปลุกคนเป้นนาย

“เจ้าน้อย”

“...”

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“อ อือ”

“ตื่นได้แล้วพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยจักไปรับพระกายาหารเช้ามิทันหนาพระเจ้าค่ะ”

“อ อืม”เจ้าแสงค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นโดยมีบ่าวทั้งสองช่วยประคอง

“ทรงล้างพักตร์ก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นยกอ่างน้ำลอยดอกแก้วมาถวายคนเป้นนาย

“ข้าใคร่อยากอาบน้ำ”

“เช้าๆ เยี่ยงนี้อากาศหนาวเย็น จักดีหรือพระเจ้าค่ะ”

“อ อืม ข้าเหนียวตัว ใคร่อยากล้างคราบไคล พวกเจ้าไปเตรียมข้าว เตรียมของเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”



เมื่อเตรียมข้าวของแล้วแล้ว นายบ่าวทั้งสามก็พากันไปที่ลำธาร ยี่สุ่น แลชงโคขึงผ้ากั้นให้คนเป็นนาย เตรียมจักลงน้ำไปปรนนิบัติเช่นเคยหากแต่ก็ถูกปฏิเสธ

“พวกเจ้ามิต้องลงดอก ข้าจักลงไปคนเดียว”

“หากแต่...”

“อยู่บนฝั่งรอนี่แล”

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”




เมื่อขัดคนเป้นนายมิได้ ก็จำต้องรออยู่บนฝั่ง เจ้าแสงก้าวลงน้ำเย็นเฉียบอย่างพระทัยเย็น กวาดเนตรซ้าย แลขวาเมื่อมิมีผู้ใดก็สอดหัตถ์เข้าใต้ผ้านุ่ง แตะองคุลีล้วงเข้าไปในกลีบแก้วของตน

“อึก อือ”ล้วงควานเอาพิษนาคที่หลงเหลืออยู่ออก ครางเครือเสียงแผ่วเมื่อความแสบสันมาเยือน เมื่อล้วงออกจนสะอาดหมดจดแล้ว จึงได้ขึ้นจากน้ำ


.
.
.


เจ้าแสง แลบ่าวคนสนิททั้งสองรีบเร่งดำเนินมาที่ลานกลาง เมื่อเจ้านายอีกสามพระองค์ทรงประทับรอเพื่อรับพระกายาหารเช้า เมื่อมาถึงก็หมอบกราบขอประทานอภัย

“กราบขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันชักช้านัก”

“มิเป็นไรดอก มาแล้วก็มากินข้าว กินปลาเถิดเจ้า”องค์ภุมรินตรัสอย่างมิถือสา หาความ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”



เจ้านายทั้งสี่เมื่อรับพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว ขบวนเสด็จก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่วังหลวงศศิมณฑลต่อทันที ขบวนเสด็จเคลื่อนไปตามแนวป่าจวบจนเย็นย่ำก็มาถึงหน้าวังหลวงศศิมณฑล

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะองค์ภุมริน เจ้าชมนาด”พระมารดาศศิธรตรัสพลางแย้มสรวลอย่างยินดีที่เจ้านายจากภุมริกามาเยือน

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่ศศิธร”

“มาเหนื่อยๆ ทรงเสด็จไปพักผ่อนที่ตำหนักรับรองก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ...เอ๊ะ แลนั่นผู้ใดกันหรือพระเจ้าค่ะ”ตรัสถามเมื่อทอดพระเนตรเห็นเจ้าแสงแรกที่อยู่หลังองค์ภุชงค์

“อ่อ นี่เจ้าน้อยแสงแรก เจ้าน้อยแคว้นการเวก คู่หมายเจ้าภุชงค์”

“เอ๊ะ”พระมารดาศศิธรมีสีพระพักตร์เคลือบแคลงพระทัย การเวกหรือจักผูกมิตรเป็นทองแผ่นเดียวกับภุมริกา

“หึหึหึ ประเดี๋ยว หม่อมฉันจักเล่าให้ฟังหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดกระซิบบอก

“อ๊ะ..พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่เห็นหน้าเจ้าบัว แลหลานเสียแล้วสิ”องค์ภุมรินตรัส

“เจ้าบัวงาม เพลานี้กำลังให้นมลูกอยู่ที่ตำหนักหลวงพ่ะย่ะค่ะ หากแล้วแล้วหม่อมฉันจักพาลูก แลเมียไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลวงพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”องค์จันทร์กราบทูลพระสัสสุระ

“อืม”



.
.
.



ทางด้านเจ้าบัวงาม เมื่อให้นมลูกแล้วแล้วก็รีบเสด็จไปที่ตำหนักรับรองทันที โดยมีองค์จันทร์กระเตงลูกตามมามิห่าง เจ้าบัวงามยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ ดีพระทัยที่บิดา มารดา แลเชษฐาเสด็จมาเยี่ยมเยือน

“ค่อยๆ เถิดเจ้าบัวงาม เพิ่งจักคลอดลูกหนาน้อง”องค์จันทร์ตรัสกับเมียที่แทบจักวิ่งไปที่ตำหนักรับรองอยู่แล้ว

“หม่อมฉันดีใจพระเจ้าค่ะ ใคร่อยากเจอเสด็พ่อ เสด็จแม่ไวๆ”

“กระนั้นก็เถิด ค่อยๆ เดิน”ตรัสพลางกระชับเจ้าพเยียในอ้อมกอดให้ซบอุระอุ่น

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามตรัสพลางดำเนินมาเกาะพระกรแกร่งของพระภัสดา

“หึหึหึ”

“เสด็จพ่อ”เจ้าบัวงามโผเข้ากอดบิดาด้วยความคิดถึง

“เจ้าบัวงามลูกพ่อ”องค์ภุมรินกอดหอมลูกอย่างรักใคร่

“เสด็จแม่”ผละออกจากอ้อมอุระบิดา แลโผเข้ากอดมารดา

“เจ้าบัวงาม เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”เจ้าชมนาดกอดโอรสองค์เล็ก แลลูเกศานุ่มไปมา

“ลูกคิดถึงเสด็จแม่เหลือเกินพระเจ้าค่ะ...แลยิ่งตอนให้กำเนิดเจ้าพเยียลูกยิ่งคิดถึงเสด็จแม่”

“โถ ลูกแม่...ไหน หลานยาย มาให้ยายอุ้มหน่อยเถิด”ผละกอดจากลูก แลถามหาหลานน้อย

“เจ้าพเยียพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ชมนาด”องค์จันทร์ส่งลูกน้อยในอ้อมอุระให้พระมารดาของเมียรัก

“หลานยาย น่าชังนัก”เจ้าชมนาดรับร่างน้อยของหลานมาโอบอุ้ม พระนาสิกโด่งรั้นแตะลงบนปรางย่นของหลาน

“แอ๊ะ แอ้”เจ้าพเยียอ้าโอษฐ์หาว ส่งเสียงอ้อแอ้ให้คนเป็นยาย

“เจ้าชมนาดขอพี่อุ้มหลานบ้างเถิดเจ้า”องค์ภุมรินตรัส ใคร่อยากอุ้มหลานพระทัยจักขาดแล้ว

“ประเดี๋ยวเถิดพระเจ้าค่ะ น้องเพิ่งจักได้อุ้มหลานครู่เดียวเอง”เจ้าชมนาดมิยอม

“โธ่ เจ้าชมนาด”

“เห็นเสด็จพ่อ เสด็จแม่ท่านแย่งกันอุ้มหลานเช่นนี้ เห็นทีเราคงจักต้องรีบมีหลานให้ท่านเสียแล้วกระมังเจ้าแสง”องค์ภุชงค์กระซิบตรัสกับเจ้าแสง

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงหน้าแดงม้าน ก้มพักตร์หลบสายพระเนตร


.
.
.



วันถัดมา ณ วังหลวงศศิมณฑล ได้มีพิธีรับขวัญเจ้าน้อยพเยียโอรสองค์แรกของเจ้าหลวงจันทร์ แลพระชายาบัวงาม เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี พิธีรับขวัญเจ้าน้อยศศิมณฑลก็เริ่มขึ้น บายศรีปากชามหนึ่งคู่ เครื่องเซ่นไหว้ถูกจัดเตรียมอย่างดี ผู้ทำพิธีในพิธีวันนี้ก็เป็นศิษย์ของแม่เฒ่าจากภุมริกาที่องค์ภุมรินมีพระบัญชาให้มาอยู่ที่ศศิมณฑล ตลอดพิธีรับขวัญ เจ้าพเยียน้อยมิร้องงอแงให้เสียงานสักแอะ เป็นที่เอ็นดูแก่พระอัยกะ พระอัยกี แลพระอัยยิกาอย่างพระมารดาศศิธร

"เลี้ยงง่ายจนน่าเอ็นดูนักหลานย่า"พระมารดาศศิมณฑลตรัสกับหลานในอ้อมพระกร

"นั่นสิพระเจ้าค่ะ หลานของเราช่างน่าเกลียดน่าชังนัก"เจ้าชมนาดตรัส หัตถ์เล็กประคองมือน้อยของหลานขึ้นจูบหอม


แลเมื่อหมอทำพิธีป้อนน้ำให้เจ้าน้อยเสวย ๕ ช้อนแล้ว เจ้าพเยียก็เผยรอยสรวลน่ารักน่าชัง กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งไปทั่วท้องพระโรง ตอกย้ำเรื่องที่เจ้าน้อยประสูติพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้ให้เหล่าอาคันตุกะที่มาร่วมพิธีประจักษ์ว่าเป็นเรื่องจริง


.



.



.






เมื่อเสร็จสิ้นพิธีรับขวัญเจ้าพเยีย เจ้าบัวงามก็ถูกพระมารดาศศิธร แลมารดาอย่างเจ้าชมนาดพาเข้ากระโจมอยู่ไฟ กลิ่นสมุนไพรคลุ้งไปทั้งตำหนักหลวง เจ้าบัวงามประทับอยู่ในกระโจมอยู่ไฟ มีข้าหลวงสาวสองนางค่อยบีบนวดให้ ส่วนพระมารดาทั้งสองแคว้นก็ประทับสนทนากันอยู่ที่ตั่งหลังใหญ่ใกล้กระโจม ในเพลานี้เจ้าพเยียกำลังนอนอยู่ในห้องบรรทมหลังเจ้าบัวงามให้นม มีพระอัยกะอย่างองค์ภุมริน แลพระบิดาอย่างองค์จันทร์ประทับเฝ้ามิห่างด้วยความหลงลูก หลงหลาน

"อื้อ แอะ"ร่างน้อยขยับกายบิดเล็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้

"เจ้าพเยีย"องค์จันทร์ปรี่เข้ามาดูลูก หากแต่ก็ถูกขัดด้วยพระสัสสุระ

"หลบไปเสีย ข้าจักอุ้มหลานเอง เจ้าเพิ่งจักเคยมีลูกคงทำมิเป็นดอก ดูข้าไว้ แลจำไปทำตามเสีย"องค์ภุมรินตรัสพลางช้อนร่างน้อยของหลานรักขึ้นพาดพระอังสะ พระหัตถ์ตบก้นกลมเบาๆ ปลอบประโลม แลเหมือนจักเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอย เจ้าพเยียหลานรักสะลึมสะลือเงยพักตร์ขึ้นมา แต่คอที่ยังมิแข็งทำให้พักตร์จิ้มลิ้มฟุบกระแทกกับพระอังสะของพระอัยกะ

"อึก แงงงง~"เสียงเล็กแผดลั่น

"เสด็จพ่อ เจ้าพเยียเป็นกระไรพ่ะย่ะค่ะ"องค์จันทร์ถลาเข้าลูบแผ่นหลังเล็กของลูกน้อยปลอบให้หยุด หากแต่เจ้าพเยียน้อยกลับร้องจ้าเสียจนหน้าดำหน้าแดง

"....."องค์ภุมรินตรัสมิออก เมื่อเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง พยายามเขย่าโยกปลอบหลานน้อยให้หยุดร้อง

"แงงงงงงง~ อึก แงงงงงงง~"

"ขอหม่อมฉันอุ้มลูกหน่อยหนาพ่ะย่ะค่ะ"องค์จันทร์รับลูกมาจากพระสัสสุระ โอบประคองลูกไว้แนบอก

"แงงงงงงง~ อึก ฮึก"โอษฐ์เป็นกระจับเบะสะอื้นฮักๆ

"เสด็จพี่ องค์จันทร์ เกิดกระไรขึ้นพระเจ้าค่ะ"เจ้าชมนาดก้าวบาทเข้ามาในห้องบรรทม ปราดเข้าไปดูหลาน

"เจ้าชมนาด...อีกแล้วเจ้า"

"อีกแล้วกระไรพระเจ้าค่ะ...เอ๊ะ!"เจ้าชมนาดกวาดเนตรสำรวจหลานที่สะอื้นฮักๆ อยู่กับพระอุระบิดา ก่อนจะพบรอยแดงระเรื่อบนหน้าผากเล็ก

"แหะๆๆ"องค์ภุมรินทรงสรวลแห้งๆ เมื่อเมียรักตวัดนัยน์ตากวางใส่

"เสด็จพี่!"

"จ๋าาาา~"


องค์ภุมรินประทับข้างเจ้าชมนาด พระกรแกร่งกกกอดกฤษฎีบาง เอาอกเอาใจให้เมียหายจากอาการโกรธเคืองที่ทำหลานเจ้บตัว โธ่ ตาหาได้ตั้งใจทำเจ้าเจ็บตัวไม่ เจ้าพเยียน้อย


.
.
.


วันนี้เจ้าบัวงามต้องเข้ากระโจมสมุนไพรเพื่ออยู่ไฟดังเช่นวันที่ผ่านๆ มา องค์ภุมริน องค์ภุชงค์ แลองค์จันทร์ก็ประทับที่ตำหนักทรงงานหารือเกี่ยวการบ้านการเมือง หน้าที่เลี้ยงดูเจ้าพเยียจึงตกเป็นของพระมารดาศศิธร พระชายาชมนาด แลเจ้าน้อยแสงแรกที่เจ้าชมนาดหอบหิ้วมาด้วย

"ใคร่อยากอุ้มหลานหรือไม่เจ้าแสง"พระชายาชมนาดตรัสถามว่าที่สุณิสา

"ได้หรือพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเกรงว่าจักทำเจ้าน้อยระคายเอาได้"เจ้าแสงว่า หากแต่นัยน์ตาหวานกลับจ้องร่างเล็กของทารกน้อยมิวางตา



"มิเป็นไรดอก มาเถิด หัดเอาไว้ประเดี๋ยวมีลูกมีเต้าเป็นของตัวเองจักได้คุ้นมือ"

"...พะ พระเจ้าค่ะ"คลานเข่าเข้าไปหาพระมารดาชมนาดที่ประทับอยู่บนตั่งข้างพระมารดาศศิธร

"ขึ้นมานั่งข้างข้านี่"

"..."เจ้าแสงช้อนเนตรมองพระมารดาชมนาด จักให้ขึ้นนั่งบนตั่งตีตนเสมอพระองค์หนาหรือ

"ขึ้นมาเถิด มิเป็นไรดอก ข้ามิถือ"

"...เช่นนั้น หม่อมฉันขอประทานนุญาตหนาพระเจ้าค่ะ"ตรัสแลกราบลงบนพระเพลาเจ้าชมนาด ก่อนจักลุกขึ้นประทับข้างพระวรกายเล็กอย่างสำรวม

"แอ๊ะ แอะ"เจ้าพเยียส่งเสียงอ้อแอ้ นัยน์ตาคมเฉี่ยวที่ถอดแบบองค์จันทร์มากระพริบปริบๆ เจ้าแสงประคองร่างเล็กนุ่มนิ่มของเจ้าพเยียอย่างทะนุถนอมแนบอกตัว เจ้าพเยียน้อยเนตรปรือปรอย โอษฐ์เล็กอ้าหาววอดใหญ่จนผู้ใหญ่เอ็นดู เจ้าแสงแรกอดมิได้ก้มพักตร์แตะปลายพระนาสิกบนนลาฎเล็กแผ่วเบา ครั้นเมื่อปลายนาสิกสัมผัสฉวีบอบบางของทารกน้อย กลิ่นมวลดอกไม้หอมหวานจากเจ้าพเยียก็คลุ้งไปทั้งห้องบรรทม

“ดูท่าเจ้าพเยียจักโปรดเจ้าน้อยแสงแรกหนาพระเจ้าค่ะเจ้าชมนาด"พระมารดาศศิธรตรัสเมื่อหลานตัวน้อยปล่อยกลิ่นดอกไม้หอมหวานคลุ้ง

"นั่นหนาสิพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่ศศิ"

"..."เจ้าแสงแรกเงยพักตร์แย้มสรวลให้พระมารดาทั้งสองแคว้น ก่อนจักหันไปแย้มสรวลให้คนสนิททั้งสองที่หมอบอยู่มิไกล ชงโค แลยี่สุ่นยิ้มกว้างตอบนายตน

"เจ้าน้อยพเยียน่าเกลียดน่าชังนักพระเจ้าค่ะพระมารดา"เจ้าแสงตรัส หัตถ์เรียวตบก้นเล็กเบาๆ ขับกล่อมทารกน้อยให้หลับใหล

"...เจ้าน้อยแสงแรกช่างน่าเอ็นดูนักพระเจ้าค่ะ...ผิดกับเชษฐานัก"พระมารดาศศิธรเอนพระวรกายตรัสกระซิบที่ริมกรรณเจ้าชมนาด

"นั่นสิพระเจ้าค่ะ..."

"เสด็จแม่"

"อ้าว เจ้าภุชงค์ หารือแล้วแล้วหรือลูก"เจ้าชมนาดตรัสเมื่อโอรสองค์โตก้าวบาทเข้ามาในห้องบรรทม

"องค์จันทร์ แลเสด็จพ่อท่านยังหารือกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ ลูกจึงปลีกตัวออกมาก่อน"

“เช่นนั้นดอกหรือ...เยี่ยงนั้นลูกอยู่เลี้ยงหลานเป็นเพื่อนเจ้าแสงทีหนา ประเดี๋ยวแม่ แลพระมารดาศศิธรจักไปยืดเส้นยืดสายที่สวนพฤกษาสักหน่อย"เจ้าชมนาดตรัส

"พ่ะย่ะค่ะ"

"ไปเดินให้คลายเมื่อยขบกันสักหน่อยเถิดพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่ศศิ"

"จ้ะ"พระมารดาทั้งสองเสด็จออกจากห้องบรรทมพร้อมคนสนิท เหลือเพียงเจ้าภุชงค์ เจ้าแสง แลบ่าวคนสนิท

"เจ้าพเยียหลับอยู่หรือเจ้าแสง"

"พระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยเพิ่งจักบรรทมไปเมื่อครู่เองพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัสตอบ หากแต่ก็มิยอมสบเนตรของเจ้าภุชงค์ นัยน์ตาหวานจับจ้องเพียงดวงพักตร์ของทารกน้อยในอ้อมกอด

"พี่ใคร่อยากอุ้มหลานเสียจริง"

"เจ้าน้อยเพิ่งจักบรรทม หม่อมฉันเกรงว่าหากเปลี่ยนมือจักสะดุ้งตื่นเอาได้พระเจ้าค่ะ"

"เยี่งนั้นหรือ..."

"พระเจ้าค่ะ"

"เช่นนั้น"เจ้าภุชงค์ขยับพระวรกายไปอยู่ด้านหลังเจ้าแสง พระกรแกร่งโอบร่างน้องน้อยไว้แนบพระอุระ หัตถ์อุ่นประคองซ้อนทับมือบางที่โอบอุ้มร่างเล็กของหลานเอาไว้

"...ฝะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงสะดุ้งจนเจ้าพเยียสะดุ้งตาม หากแต่มิได้ตื่นจากฝันหวาน

"เช่นนี้พี่ก็จักได้อุ้มหลาน หลานก็มิต้องตืนขึ้นมาไห้งอแง"...แลยังได้กอดเจ้าอีกด้วย

"....."เจ้าแสงเกร็งมิกล้าขยับวรกาย ไอร้อนจากพระอุระกว้าง แลกลิ่นอายบุรุษเพศทำเอาพักตร์งามแดงระเรื่อ

"เจ้าพเยียน่าเอ็นดูนัก"ตรัสชมหลาน หากแต่เนตรมิได้จับจ้องไปที่หลานเลยแม้แต่น้อย พระเนตรทอดมองดวงพักตร์งามของเจ้าน้อยการเวก

"..."

"งามนัก"ขยับพักตร์กระซิบที่ริมกรรณเล็ก สูดกลิ่นแก้วเข้าเต็มพระปับผาสะ

"จะ เจ้าน้อยพเยียงามได้เสด็จพี่บัวเป็นแน่พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัสตอบ

"มิใช่..."

"..."

"...เจ้าต่างหาก...งามจับใจนัก"มิตรัสเปล่า ไล้ปลายพระนาสิกกับขอบกรรณเจ้าแสง

"...ฝะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงก้มพักตร์ พระทัยสั่นระรัวคล้ายจักเป็นลม ประคองสติตนโอบอุ้มทารกน้อยไว้มั่น ความร้อนจากพระกรของคนที่โอบกอดตนทางด้านหลังทำเอาแขนเรียวสั่นน้อยๆ

"หึหึหึ"สรวลน้อยๆ ในพระศอ ทรงวางพระหนุบนลาดอังสะเล็กสูดกลิ่นแก้ว พลางทอดพระเนตรหลาน แลเนินอุระเนียนขาวผ่องที่โผล่พ้นขอบผ้าแถบมาให้ยล
ชงโค แลยี่สุ่นที่หมอบอยู่ริมห้องบรรทมลอบมองหน้ากันเลิกลั่ก องค์รัชทายาทภุชงค์ทรงกกกอดเจ้าน้อยของตน โดยใช้เจ้าน้อยพเยียเป็นข้ออ้าง...



.

.

.



"ฝะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงตรัสขึ้นเมื่อถูกองค์รัชทายาทกกกอดมาหลายชั่วครู่

"หืม..."

"หม่อมฉันว่าทรงเอาเจ้าน้อยพเยียลงเปลเถิดพระเจ้าค่ะ อุ้มไว้เยี่ยงนี้จักบรรทมได้มินาน"

"ก็ได้เจ้า"จำพระทัยปล่อยร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่น แม้จักเสียดายเหลือแสน ประคองเจ้าแสงที่โอบอุ้มหลานไปส่งที่เปล เจ้าแสงค่อยๆ วางทารกน้อยลงในเปล ก่อนจักไกวเบาๆ ขับกล่อมเจ้าพเยียให้หลับใหลต่อเนื่อง

"..."เจ้าแสงส่งให้ข้าหลวงไกวเปลต่อ แลดำเนินมายังตั่งที่ตนประทับตอนแรก

"อุ้มเจ้าพเยียไว้นานเช่นนี้ แขนเจ้าคงจักเมื่อยขบ"ดำเนินมาประทับข้างกายแนบชิดเจ้าแสง จนคนน้องต้องกระถดกายออกห่าง

"มิได้พระเจ้าค่ะ"

"ส่งแขนมาเถิด พี่จักนวดให้"

"มิได้พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันให้ชงโค แลยี่สุ่นนวดให้พระเจ้าค่ะ"

"มาเถิดเจ้าแสง ให้พี่ทำเถิดหนา"มิตรัสเปล่า คว้าแขนเรียวขึ้นวางบนพระเพลา พระหัตถ์แนบลงบนผิวนุ่มขาวผ่องออกแรงลูบไล้ บีบนวดเบาๆ จนเจ้าแสงหน้าม้าน

"ฝ ฝ่าบาท พ พอแล้วพระเจ้าค่ะ"

"ชู่ว นิ่งเสีย...เจ้าสองคน"ตรัสปรามน้องน้อยพระสุรเสียงอ่อนโยน ก่อนจักหันไปสั่งงานชงโค แลยี่สุ่น

"พระเจ้าค่ะ"

"พระเจ้าค่ะ"หมอบกราบรับพระบัญชา

"ไปห้องเครื่องนำของว่าง แลน้ำชาถวายนายเจ้าทีเถิด"

"พระเจ้าค่ะ เยี่ยงนั้นชงโคจักไปห้องเครื่องนำพระกายาหารว่างถวาย"

"ประเดี๋ยวยี่สุ่นจักอยู่รับใช้เจ้าน้อ..."

"มิต้องดอก...ไปทั้งคู่นั่นแล"เจ้าภุชงค์ตรัสพลางทอดพระเนตรจดจ้องบ่าวสองคนเขม็ง

"เอ่อ พระเจ้าค่ะ"หมอบกราบก่อนจักคลานเข่าออกไป ภายในห้องบรรทมเหลือเพียงเจ้านายทั้งสอง เจ้าพเยียที่กำลังหลับใหล แลข้าหลวงสาวที่ก้มหน้าไกวเปลเจ้าน้อยอยู่คนละฝากห้อง

"เจ้าแสง"

"พระเจ้าค่ะ"

"ฝ ฝ่าบาท"เจ้าแสงช้อนตามองพระพักตร์งามคมคล้ามขององค์รัชทายาท เจ้าภุชงค์เชยหนุมนของน้องขึ้น โน้มพักตร์เข้าใกล้ เจ้าแสงหลุบเนตรหลบ กลั้นหายใจเมื่อพระโอษฐ์อุ่นแนบคลึงลงบนกลีบโอษฐ์นุ่มหยุ่นของตน เจ้าภุชงค์ทำเพียงคลึงเคล้าโอษฐ์น้องมิลุกล้ำ ก่อนจักถอนออก กดจูบที่นลาฎขาว เจ้าแสงรีบผละออกจากพระวรกายเจ้าภุชงค์ราวกับต้องของร้อน

"คิดถึง ตั้งแต่มาศศิมณฑล พี่ก็หาได้จูบหอมเจ้าได้ไม่"

"หมะ หม่อมฉัน...หม่อมฉัน..."เจ้าแสงก้มพักตร์หนุชิดอก ตรัสอึกๆ อักๆ

"ทูลฝ่าบาทพระกายาหารว่างมาแล้วพระเจ้าค่ะ"

"...กินขนมสักหน่อยหนาเจ้าแสง"

"พ พระเจ้าค่ะ"






หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๘.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-05-2019 17:34:37
นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอาเนอะเจ้าภุชงค์
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๘.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2019 01:20:02
นิดหน่อยก็เอาเนาะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๘.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-05-2019 12:39:29
อะไรจะหื่นขนาดนั้น เก็บทุกช็อตเอาทุกเม็ด รีบแต่งเลย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๘.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 14-05-2019 23:55:14
องค์ภุชงค์ แอบตอดเล็กติดร้อยตลอดเลย หวานเชียวค่ะ  รอตอนหน้านะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๘.๕.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-05-2019 13:50:39
เอาใหญ่เลยนะเพคะเสด็จพี่  :impress2:
เจ้าพเยียชอบเจ้าแสงมากแน่ๆ น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 02-06-2019 19:45:00


ภุชงค์เล่นแสง ๑๐




องค์ภุมริน แลลูก เมียทรงประทับที่ศศิมณฑลอยู่หลายวัน จึงได้ฤกษ์กลับภุมริกาเสียที โดยวันนี้หลังจากรับพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว จักทรงเสด็จกลับภุมริกา

"เอาไว้พาหลานไปหาพ่อ แลแม่ที่ภุมริกาบ้างหนาเจ้าบัวงาม องค์จันทร์"องค์ภุมรินตรัส แลก้มพักตร์ลงหอมหลานที่นอนอยู่ในวงพระกร

"แอ๊ะ แอ้"เจ้าพเยียยกหัตถ์ขยี้กรรณ ขยี้เนตรตนเองไปมา โอษฐ์เล็กหาววอดอย่างน่าเอ็นดู ข้อพระบาทเล็กทั้งถูกสวมด้วยกำไลทองที่คนเป็นตานำมาให้

"ฮะๆๆ ใคร่อยากไปภุมริกาใช่หรือไม่ เจ้าพเยีย"ตรัเย้าเจ้าตัวน้อย

"เสด็จพี่หลานเพิ่งจักได้สิบวันเองหนาพระเจ้าค่ะ จักไปรู้เรื่องกระไร...แลขอน้องอุ้มหลานบ้างเถิดพระเจ้าค่ะ พระองค์ทรงอุ้มหลานพระองค์ตั้งแต่เช้าแล้วหนาพระเ้จาค่ะ"เจ้าชมนาดว่า

"จ้ะๆ...เจ้าพเยีย ให้ยายเจ้าอุ้มหน่อยหนา หืม"

"แอ๊ะ"

"มาๆๆ ใคร่อยากให้ยายอุ้มใช่หรือไม่เจ้า"เจ้าชมนาดรับเจ้าตัวน้อยมาจากพระภัสดา ประคองหลานให้ซบอุระบางของตน

"แอะ แอะ"

"โถ หลานยายน่าชังเสียนี่กระไร"เจ้าชมนาดตรัส แลหอมปรางนุ่มของหลานแผ่วเบา ระมัดระวังมิให้เจ้าตัวน้อยระคายเคือง

"หากลูกเราเป็นแมวป่านนี้คงจักเฉามือตายแล้วเป็นแน่"องค์จันทร์กระซิบตรัสกับเมียรัก

"คิกๆ ฝ่าบาท"เจ้าบัวสรวลคิกคัก ตั้งแต่มาจวนจักกลับอยู่แล้ว บิดา แลมารดาตนแย่งกันอุ้มหลานเสียจน ลูกน้อยของเจ้าบัวงามติดมือเสียแล้ว





หลังจากรับพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว เจ้านายจากภุมริกา แลเจ้าน้อยการเวกก็เดินทางกลับภุมริกา ตั้งแต่ประทับอยู่ที่ภุมริกา องค์ภุชงค์ก็หาได้มีโอกาสเข้าหาเจ้าน้อยแสงแรกไม่ แลในขากลับนี้ พระชายาชมนาดก็เรียกหาเจ้าแสง แลทรงจับตามองมิให้คลาดสายตาแม้แต่น้อย ทำเอาองค์ภุชงค์มิมีแม้แต่โอกาสจักจับหัตถ์เจ้าแสง กระทั่งกลับมถึงวังหลวง งานราฎษร์ งานหลวงที่ทิ้งไปตอนเสด็จไปหาเจ้าบัวงามที่ศศิมณฑลก็ล้นหลามจนเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทเวียนเศียร ฎีกามากมายถูกกองเต็มตำหนักทรงงาน แลเมื่อองค์รัชทายาททรงงานหนักจนมิมีเพลาว่างเยี่ยงนี้ เจ้าแสงจึงยังคงมิได้เปิดโอษฐ์บอกพระชายาชมนาดท่านถึงเรื่องตบแต่งกับองค์ภุชงค์ องค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยทรงพบพักตร์กันเพียงเพลารับพระกายาหารค่ำที่ ตำหนักหลวง

"ยี่สุ่น"

"พระเจ้าค่ะ เจ้าน้อย"

"เติมข้าวให้ข้าที"เจ้าแสงตรัสเมื่อข้าวที่ข้าหลวงห้องเครื่องใส่มาในสำรับน้อยจนมิอิ่มท้อง

"กระไรหนาพระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นถามคนเป็นนายอีกครั้ง ปกติหรือทรงเสวยเยี่ยงแมวดม ข้าวในสำรับที่ข้าหลวงใส่มาให้ทรงเสวยเหลือเสียด้วยซ้ำ ไยวันนี้จึงได้รับสั่งให้เติมข้าว

"เติมข้าวให้ข้าที ข้ามิอิ่ม...วันนี้ข้าหลวงห้องเครื่องให้ข้าวข้าน้อยนัก"ทรงตรัส

"...พระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นรับพระบัญชา แลเติมข้าวให้เจ้าน้อยตามรับสั่ง

"เอาอีก"เจ้าแสงตรัสเมื่อยี่สุ่นตักข้าวให้พระองค์เพียงทัพพีเดียว แลทำท่าจักปิดฝาหม้อ

"..."ยี่สุ่น แลชงโคลอบมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

"เอาอีกยี่สุ่น"

"พระเจ้าค่ะ"คดข้าวให้คนเป็นนายไปอีกเต็มทัพพี







เจ้านายทั้งสามจากภุมริกาทรงเสวยแล้วแล้ว หากแต่เพลานี้กำลังประทับจ้องเจ้าน้อยต่างแคว้นที่ยังเสวยมิแล้ว ทั้งๆ ที่เพลาปกติจักเสวยแล้วเป็นคนแรก

"เจ้าแสง"

"พระเจ้าค่ะ พระชายา"เจ้าแสงหยุดมือที่กำลังเสวย แลหมอบรับพระบัญชา

"...กินมากเช่นนี้ ประเดี๋ยวจักรับผลหมากรากไม้มิไหวเอาหนา"

"หม่อมฉันยังมิอิ่มพระเจ้าค่ะ ยังรับผลหมากรากไม้ได้อยู่พระเจ้าค่ะ"เมื่อได้ฟังเจ้าแสงตรัส เจ้าชมนาดก็เหลือบเนตรสบกับพระภัสดา

"เช่นนั้นก็กินมากๆ หนา"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"



.

.

.



เจ้าน้อยแสงแรกทรงเสวยกายาหารมากขึ้นจนผิดสังเกต ทำให้มีข้าหลวงปากพล่อยเอาไปลือเสียๆ หายๆ ว่าเจ้าน้อยคู่หมายขององค์รัชทายาททรงถูกผีปอบ ผีป่าสิงสู่ครั้งที่เดินทางไปศศิมณฑล

“เจ้ามิเห็นดอกหรือ ก่อนจักเสด็จไปศศิมณฑลทรงเสวยราวกับแมวดม”

“...”

 “หากแต่เมื่อกลับมาจากศศิมณฑลก็ทรงเสวยมากเสียจนผิดวิสัย”

“...หากแต่จักทรงถูกผีปอบ ผีป่าสิงจริงหรือ”

“เชื่อข้าเถิด ทรงถูกผีสิงเป็นแน่”

“ตายจริง”



.

.

.



ข้าหลวงปากพล่อยลือกันสนุกปาก มินานก็แพร่ไปทั้งวังหลวง แลลือกันจนเข้ากรรณเจ้าน้อยแสงแรก เจ้าแสงเมื่อได้ยินเสียงลือว่าตนเป็นผีปอบ ผีป่าก็เสียใจจนร่ำไห้สะอึกสะอื้น ขังตัวเองอยู่ในตำหนักมิยอมออกมาพบปะผู้คน แลมิยอมให้ใครเข้าพบ จักมีเพียงบ่าวคนสนิททั้งสองเท่านั้นที่เข้าหน้าคนเป็นนายติด เจ้าน้อยแสงแรกนอกจากจักกินมากจนผิดวิสัยแล้ว อารมณ์ก็ยังมิคงที่อีกด้วย ประเดี๋ยวก็ไห้ ประเดี๋ยวก็โกรธเกรี้ยว จนแม้แต่บ่าวคนสนิททั้งสองยังมิเข้าพระทัย นั่นยิ่งทำให้มีคนเชื่อข่าวลือที่เจ้าแสงถูกผีสิงมากขึ้น



ทางด้านองค์ภุชงค์ เมื่อน้องน้อยคู่หมายมิได้เข้าร่วมเสวยพระกายาหารค่ำด้วยมาหลายวันแล้ว เจ้าแสงเพียงส่งข้าหลวงมากราบทูลเพียงว่าประชวรจึงมิได้มาร่วมเสวยพระกายาหารค่ำด้วยที่ตำหนักหลวงเท่านั้น แลเมื่อนานวันเข้าองคภุชงค์จึงได้มาหาเจ้าแสงถึงตำหนัก แต่กระนั้นเจ้าแสงก็ยังมิยอมออกมาพบ แลมิยอมให้พระองค์เข้าพบ

“เจ้าแสง ออกมาหาพี่หน่อยเถิด หากเจ้ามิออกมาก็ให้พี่เข้าไปหาแทนเถิด”ทรงตรัสอยู่หน้าบานทวารห้องบรรทมน้องน้อย

“ฮึก ทรงกลับไปเถิดพระเจ้าค่ะ หม หม่อมฉันมิใคร่อยากพบใคร”เจ้าแสงตรัสสุรเสียงหวานปนสะอื้น

“เจ้าแสง หากน้องมิเปิดพี่จักพังเข้าไปแล้วหนา”เสียงหวานปนสะอื้นของน้อง ยิ่งทำให้คนเป็นพี่ร้อนพระทัย

“ฮึก หม่อมฉันมิอยากพบใคร ฮือ”

“เจ้าแสง เปิดประตูให้พี่หนา”ตรัสพลางทุบบานพระทวารห้องบรรทมของเจ้าน้อยแสงแรก



ปังๆๆๆ



“เจ้าภุชงค์”

“เสด็จแม่”

มิใช่เพียงองค์ภุชงค์ที่เสด็จมาถึงตำหนักรับรองของเจ้าน้อยแสงแรก หากเพลานี้พระชายาชมนาด แลเจ้าหลวงภุมรินก็เส็จมาที่ตำหนักของว่าที่สุณิสา เอาลูกเขามาแล้ว แลยังรับปากพ่อเขาเสียดิบดีว่าจักดูแลให้ดี ก็ต้องทำให้ได้ดังที่ลั่นวาจาไว้ กษัตริย์ตรัสแล้วมิคืนคำ

“น้องเป็นกระไรไปลูก”เจ้าชมนาดตรัสถามโอรสองค์โต กังวลมิน้อย ทรงเอ็นดูเจ้าแสงเหมือนลูก เหมือนหลาน เมื่อเจ้าแสงเจ็บไข้มิยอมออกจากตำหนักเช่นนี้จึงอดเป็นกังวลมิได้

“เจ้าแสงมิยอมออกจากห้องบรรทมพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“เจ้าแสง เปิดประตูให้พวกข้าหน่อยเถิด เป็นกระไรไปเจ้า ไยจึงขังตัวเองไว้ในตำหนักเช่นนี้”พระชายาชมนาดตรัสสุรเสียงอ่อน

“ฮือออ พระชายา ฮึกๆๆ”

“เจ้าแสงเปิดประตูออกมาเถิดหนาเจ้า”

“ฮึกๆๆ”เจ้าแสงมิตรัสตอบหากแต่สะอื้นฮักๆ หากแต่ชั่วครู่บานพระทวารก็เปิดออก บ่าวชงโคโผล่หน้ามาหมอบกราบเจ้านายทั้งสาม ดวงหน้าจิ้มลิ้มเปรอะน้ำหูน้ำตา

“เจ้าแสง”เจ้านายทั้งสามพระองค์รีบรุดเข้าไปในห้องบรรทมของเจ้าน้อยแสงแรก แลสภาพของเจ้าน้อยที่ทอดพระเนตรเห็นก็ทำเอานิ่งงันทั้งพ่อ แม่ แลลูก เจ้าน้อยแสงเสวยข้าวทั้งน้ำตา สะอื้นไห้หน้าซีดหน้าเซียวทั้งๆ ที่ข้าวเต็มปาก โอษฐ์เล็กเคี้ยวหยับๆ นัยน์เนตรงามแดงระเรื่อบวมช้ำ น่าสงสาร

“ฮึก”

“เจ้าแสงแรก”องค์ภุชงค์ดำเนินเข้าประทับข้างน้องน้อย ทรงรั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอดปลอบ พระหัตถ์ลูบเกศายาวไปมา

“ไยจึงมีสภาพเช่นนี้เล่าเจ้าแสงแรก”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก หม หม่อมฉันเป็นผีปอบ ผ ผีป่า ฮือออ”

“พูดกระไรออกมาเจ้าแสง เหลวไหลใหญ่แล้วเจ้า”

“ฮึกๆๆ เขาว่ากันว่า หม หม่อมฉัน เป็นผี ฮึกๆๆ ฮือออ”

“ใคร...ผู้ใดมันกล้าพูดเหลวไหลเช่นนี้ มิกลัวหัวหลุดออกจากบ่าหรือกระไร”

“ฮึก บ่าวไพร่มันลือกันทั้งวังหลวงเลยพระเจ้าค่ะ พระชายา”ยี่สุ่นตอบแทนคนเป็นนายที่ตอนนี้สะอื้นฮักๆ อยู่กับพระอุระองค์รัชทายาท

“อึก พวกมันลือกันว่าเจ้าน้อยแสงแรกถูกผีปอบ ผีป่าสิง ฮือออ”ชงโคเสริม

“บังอาจนัก ใครมันช่างกล้าปากพล่อยกุเรื่องชั่วๆ เช่นนี้ในวังหลวง”เจ้าชมนาดกริ้วจนพักตร์แดง

“พระชายาทรงช่วยเจ้าน้อยของหม่อมฉันด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคหมอบกราบแทบพระบาทพระชายาชมนาด

“มิต้องกังวลไปดอก ข้ามิปล่อยไอ้อีปากพล่อยพวกนั้นไว้แน่”เจ้าชมนาดวางหัตถ์ลงบนศีรษะบ่าวทั้งสองก่อนจักตรัสสุรเสียงเรียบ บังอาจนัก กล้าดีอย่างไรจึงได้มาใส่ร้ายสุณิสาข้า

“ฮึก ฮือ”เสียงไห้ของหนึ่งนาย สองบ่าวดังระงมทั้งห้องบรรทม แลนั่นก็ทำให้เกิดข่าวลือใหม่ขึ้นอีกว่าเจ้าหลวง แลพระชายาชมนาดทรงทราบแล้วว่าเจ้าน้อยแสงแรกถูกผีปอบ ผีป่าสิงสู่จึงได้ขับไล่เจ้าน้อย แลบ่าวคนสนิททั้งสองให้กลับการเวก

“หยุดไห้ก่อนหนาเจ้าแสง ประเดี๋ยวจักประชวรเอาได้”องค์ภุชงค์ตรัส แลแตะโอษฐ์กับนลาฎขาว

“ฮึก ฝ ฝ่าบาท หม หม่อมฉัน ฮึก จัก อึก อ้วกกก”เจ้าแสงอาเจียนออกมา เปรอะทั้งตัวเอง แลองค์รัชทายาท

“เจ้าแสง”องค์รัชทายาทหาได้รังเกียจน้องไม่ ประคองเจ้าแสงไว้มิปล่อย

“พวกเจ้าสองคนผลัดผ้าผ่อนให้เจ้าแสงก่อนเถิด หากแล้วแล้วพานายเจ้าไปหาข้าที่ตำหนักหลวง”เจ้าชมนาดตรัส

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าภุชงค์ กลับไปรอน้องที่ตำหนักกับแม่”

“หากแต่...”ใคร่อยากจักอยู่กับน้อง

“กลับกับแม่ ไปผลัดผ้าใหม่เสียก่อนเถิดลูก”ตรัสสุรเสียงนิ่ง

“เชื่อแม่เจ้าเถิดเจ้าภุชงค์”องค์ภุมรินตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ”ตรัสอย่างจำยอม



.

.

.



หลังจากเจ้านายภุมริกาทั้งสาม กลับตำหนักหลวงไปแล้วยี่สุ่น แลชงโคก็พาร่างอ่อนปวกเปียกของเจ้าแสงแรกไปสรงน้ำ ล้างคราบไคลอาเจียนที่เปรอะพระวรกาย เจ้าแสงแรกเมื่อได้สรงน้ำก็มีอาการดีขึ้น อาการเวียนเศียรใคร่อาเจียนเมื่อครู่ทุเลาลงจนพักตร์ซีดเซียวเริ่มมีเลือดฟาด

“จักทรงใส่ผ้าแถบสีกระไรดีพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นถามพลางเลือกผ้าแถบในหีบให้คนเป็นนายอย่างเอาอกเอาใจ

“สีเมฆคราม”เจ้าแสงตรัส ขณะประทับให้ชงโคแต้มน้ำปรุงตามแอ่งชีพจรให้

“สีเมฆครามหรือพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นถามอย่างสงสัย ปกติเจ้าน้อยจักโปรดผ้าแถบสีอ่อน ไยวันนี้จึงเลือกสีเมฆคราม

“อืม”

“พระเจ้าค่ะ”



เจ้าน้อยแสงแรกเสด็จตำหนักหลวงพร้อมบ่าวคนสนิททั้งสองหลังจากที่มิได้ออกจากตำหนักมาหลายวัน บรรดาข้าหลวงต่างก็มองเจ้าน้อยต่างแคว้น วันนี้ทรงดูผิดหูผิดตานัก ด้วยผ้าแถบสีเมฆคราม แลผ้าโจงสีดินแดงตัดกับพระฉวีขาว พักตร์งามเรียบนิ่งผิดกับเพลาปกติที่มักจักมีรอยสรวลบางๆ แต้มอยู่บนพระโอษฐ์ เจ้าแสงแรกเมินสายตาของเหล่าข้าหลวง แลก้าวบาทไปยังตำหนักหลวง

“ทูลเจ้าหลวง แลพระชายา เจ้าน้อยแสงแรกขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงหน้าบานทวารกราบทูลนายเหนือหัว

“ให้เจ้าแสงเข้ามา”

“เพคะ”



ยามที่เจ้าแสงก้าวบาทเข้ามาในท้องพระโรงตำหนักหลวง องค์ภุชงค์ก็ปรี่เข้ามาประคองร่างน้อยของคู่หมายทันที มีรับสั่งให้ข้าหลวงออกไปให้หมด จักเหลือก็เพียงองครักษ์คนสนิทของเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาท คนสนิทของพระชายาชมนาด แลบ่าวทั้งสองของเจ้าน้อยแสงแรก

“ถวายพระพรเจ้าหลวง แลพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ

"เล่าล่ะ ไหนเล่าให้ข้าฟังทีว่ามันเกิดกระไรขึ้น เหตุใดจึงได้มีข่าวลือบ้าๆ นั่นในวังหลวง"องค์ภุมรินตรัสอย่างพระทัยดี เจ้าแสงจึงได้เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อผัว แลแม่ผัวฟังด้วยสุรเสียงสั่นเครือ องค์ภุชงค์เมื่อได้ฟังก็ขบพระทนต์แน่น กอดน้องประคองพักตร์งามให้ซบอุระอุ่น พระหัตถ์ลูบเกศายาวปลอบประโลม

"ฮึก หมะ หม่อมฉัน ฮึก"

"ชู่ว นิ่งเสียหนาคนดี มิต้องไห้แล้ว"องค์ภุชงค์ตรัสปลอบน้องน้อยในอ้อมพระกร

"อุ่น"

"เพคะ พระชายา"

"ไปสืบหามาว่าไอ้อีผู้ใดมันปากพล่อย กุเรื่องชั่ว ใส่ร้ายสุณิสาของข้า"

"เพคะ"คนสนิทพระชายาชมนาดหมอบกราบเจ้านาย แลคลานออกจากห้องโถงในตำหนัหหลวงทำตามรับสั่ง

"นิ่งเสียเจ้าแสงแรก ข้าจักมิปล่อยให้ผู้ใดมารังแกเจ้าดอก"พระชายาชมนาดตรัส

"ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หมะ หม่อมฉันอ่อนแอนัก กราบขอประทานอภัยพระชายาพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงผละออกจากอ้อมพระอุระองค์รัชทายาท แลคลานเข้าหมอบกราบพระบาทพระมารดาของคู่หมาย

"นิ่งเสียลูก"ทรงวางพระหัตถ์ลงบนเศียรเจ้าแสงแรก แลลูกแผ่วเบา

"ฮึก ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"



.

.

.



"นี่ๆๆ เจ้ารู้เรื่องหรือไม่"ข้าหลวงสาววิ่งเข้ามากระซิบกับเพื่อนข้าหลวงด้วยกัน

"กระไรกัน"

"ก็เจ้าน้อยแสงแรกหนาสิ"

"เจ้าน้อยหรือ"

"ก็เรื่องที่พระองค์ถูกผีปอบ ผีป่าเข้าสิง"

"ตายล่ะ สรุปแล้วเป็นเรื่องบจริงดอกหรือ"

"ก็จริงหนาสิ แลเพลานี้เจ้าหลวง พระชายาชมนด แลองค์รัชทายาททรงรู้เรื่องแล้วว่าเจ้าน้อยทรงถูกผีเข้าสิง"

"หา จริงหรือ"

"จริง เมื่อคืนวานทั้งสามพระองค์ทรงเสด็จไปที่ตำหนักรับรองของเจ้าน้อย บ่าวรับใช้ที่ตำหนักรับรองลือกันให้ทั่ว ว่าเจ้าน้อยทรงถูกขับไล่ให้กลับการเวก"

"หา กระนั้นเลยหรือ ไหนว่าทรงเป็นคู่หมายองค์ภุชงค์"

"โธ่ ใครเล่าจักอยากได้สะใภ้ที่เป็นผีปอบ ผีป่า นังบ่าวรับใช้มันว่าเจ้าน้อย แลบ่าวคนสนิทร่ำไห้กันแสงเสียดังลั่นตำหนักรับรอง"

"...น่าสงสารเจ้าน้อยเสียจริง"

"หากแต่ข้านึกแล้วขนลุก ดีมิดี หากทรงอยู่ที่ภุมริกาต่อ มิทรงลุกขึ้นมาไล่ควักไส้พวกเราเสวยดอกหรือ"

"..."

"เอ้า เป็นกระไรไปเล่า ไยจึงเงียบเป็นเป่าสากเช่นนี้"ว่าเพื่อนข้าหลวงที่นั่งหน้าซีด ตาเบิกกว้างจ้องเขม็งไปทางด้านหลังของตน

"..."

"กระไรของเอ็ง"หันกลับไปมองข้างหลังตนจึงได้แจ้งใจว่าเพื่อนข้าหลวงนั้นสะพรึงกลัวกระไร

"..."

"เฮือก พ พระชายาชมนาด"

"อุ่น ลากมันสองนไปที่ตำหนักหลวง"

"เพคะพระชายา"









หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 02-06-2019 23:21:27
เจ้าแสงท้องแล้วใช่มั้ยยยย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-06-2019 23:46:58
อาการแปลกๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 03-06-2019 00:11:54
เจ้าแสง หนูจะท้องก่อนแต่ง มิได้ลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 03-06-2019 00:44:03
จะมีน้องแล้ววแน่ๆเลยย น่ารักๆๆ รออ่านๆนะคะ ชอบมากเลยค่ะ  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2019 01:01:31
ท้องแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 03-06-2019 01:02:20
ท้องแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-06-2019 01:12:46
เขาท้องไม่ได้เป็นผี!!!!!
ปากคนพวกนี้  :m16:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๒.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 03-06-2019 08:06:39
ท้องจ้า
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 03-06-2019 14:50:38


 

 

ภุชงค์เล่นแสง ๑๑

 

อุ่น แลข้าหลวงรับใช้พระชายาชมนาดช่วยกันลากบ่าวปากพล่อยทั้งสองไปยังตำหนักหลวง พระชายาชมนาดท่านทรงดำเนินนำด้วยพระพักตร์นิ่งเรียบยากจักคาดเดาอารมณ์ ข้อพระหัตถ์เล็กขยับสะบัดพัดจีนเบาๆ

“ฮึก พ พระชายาเพคะ”

“หุบปากพล่อยๆ เหม็นกลิ่นมูลสัตว์ของเจ้าเสีย”เจ้าชมนาดตรัสสุรเสียงนิ่ง

“ฮึก ฮือ”

“หากข้าได้ยินเสียงของเจ้า ข้าจักให้ข้าหลวงเอามูลม้ายัดปากเจ้า”

“...”นางข้าหลวงทั้งสองรีบมืออุดปากตน น้ำตาไหลนองหน้า



เมื่อมาถึงตำหนักหลวงเจ้าชมนาดก็ดำเนินเข้าไปประทับข้างเจ้าหลวงภุมรินที่ประทับรออยู่ก่อนแล้ว มิใช่เพียงแค่เจ้าหลวง แลพระชายาเท่านั้น ภายในท้องพระโรงตำหนักหลวงยังมีองค์รัชทายาทภุชงค์ แลเจ้าน้อยแสงแรกประทับอยู่ด้วย

“พวกเจ้าหนาหรือที่เป็นต้นตอกุเรื่องชั่วใส่ร้ายแสงแรกสุณิสาของข้า”องค์ภุมรินตรัสขึ้น เมื่อนางข้าหลวงทั้งสองถูกโยนลงต่อหน้าพระพักตร์

“ม มิใช่หนาเพคะ เจ้าหลวง หม หม่อมฉันมิใช่ผู้กุเรื่องใส่ร้ายเจ้าน้อยแสงแรก”

“หากมิใช่เจ้าทั้งสองเป็นผู้กุเรื่องชั่วขึ้น แลผู้ใดมันทำ”

“ฮึก หมะ หม่อมฉันฟังมาจากนางข้าหลวงในตำหนักรับรองของเจ้าน้อยแสงแรกอีกทอดหนึ่งเพคะ”

“...”

“ฮึก น นางเป็นผู้เอาเรื่องที่เจ้าน้อยถูกผีป่า ผีปอบ ม มาเล่าให้พวกข้าหลวงห้องเครื่องฟัง แล พ พวกมันก็เอาไปพูดต่อจนเรื่องเจ้าน้อยแสงแรกเป็นผีปอบ แลถูกขับไล่กลับการเวกแพร่ไปทั้งวังหลวงเพคะ”ก้มหน้าสะอึกสะอื้นกราบทูล

“แม้นจักมิใช่ผู้กุเรื่องชั่วขึ้นมา หากแต่ก็เอาไปพูดนินทาเจ้านายเช่นนี้ก็จักต้องอาญาเช่นกัน”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก พ พระชายา หม หม่อมฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”

“อุ่น”

“เพคะ”

“ไปเอาตัวอีคนกุเรื่องมาที่นี่”

“เพคะพระชายา”

“ฮึกๆ ฮือ”

“เงียบเสีย ข้ารำคาญเต็มทน”เจ้าชมนาดตรัส

“ใจเย็นก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”เจ้าภุชงค์กราบทูลมารดา

“แม่เย็นมิไหวดอกหนาเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสกับโอรสองค์โต พลางสะบัดพัดจีนในหัตถ์ให้คลายความร้อนพระทัย



รอมินานข้าหลวงรับใช้ในตำหนักรับรองของเจ้าแสงแรกก็ถูกลากตัวมาที่ท้องพระโรงตำหนักหลวง ข้าหลวงสาวหมอบกราบเจ้านายเหนือหัว

“ถวายพระพรเพคะ ทรงเรียกหาหม่อมฉัน มีกระไรหรือเพคะ”

“เจ้าหนาหรือ”

“เพคะ?”

“เจ้าหนาหรือที่เป็นคนกุเรื่องใส่ร้ายสุณิสาข้า”

“ห หา มิใช่หนาเพคะ หามิได้”

“จักมิใช่เจ้าได้อย่างไร ก็นางข้าหลวงสองคนนี้บอกข้าว่าเจ้าเป็นผู้กุเรื่องเจ้าแสงแรกเป็นผีปอบ ผีป่า แลพูดไปทั่ววังหลวง”

 “มิได้เพคะ หม หม่อมฉัน...อีจวง ม มึง”หันไปเอาเรื่องเพื่อนข้าหลวงด้วยกัน

“หยุดประเดี๋ยวนี้หนา ต่อหน้าพระพักตร์เจ้าหลวง แลเจ้านายเหนือหัวไยจึงมีกิริยาต่ำทรามเช่นนี้”อุ่นตวาด

“ฮึก ป ประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ฮึก”

“เช่นนี้ก็เท่ากับว่าเจ้ายอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าเจ้าเป็นผู้กุข่าวใส่ร้ายเจ้าแสงแรก”องค์ภุมรินตรัสถาม แม้จักมีพระพักตร์ แลพระสุรเสียงเรียบนิ่ง หากแต่เจ้าชมนาดคู่ชีวิตย่อมรู้ดีว่าเพลานี้ทรงกริ้วมากเพียงใด

“ฮึก หม่อมฉันสิ้นคิด ปากพล่อย หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ อภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”

“หากได้รับใช้ใกล้ชิดเจ้านาย แลปากรั่วเช่นนี้ก็ไปไกลหูไกลตาข้าเถิด”

“ฮึก พระชายา”

“อุ่น เอายาพิษกรอกปากมันทั้งสาม แลขับไล่ให้ไปทำงานที่คอกม้า เก็บมูลม้าคงจักเหมาะกับมันกว่าการรับใช้ใกล้ชิดสุณิสาข้า”

“โฮ พระชายา เมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ”

“จ เจ้าหลวง เมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ”มิพูดอย่างเดียว คลานเข้ามาหมายจักกอดพระบาทเจ้าหลวงขอความเมตตา



พรึ่บ



“อ๊ะ อ โอ๊ย ฮึก พระชายาเพคะ ฮึก ฮือ”หากแต่ยังมิทันที่มือสกปรกของนางข้าหลวงรับใช้จักได้สัมผัสพระฉวีที่หลังพระบาทของเจ้าหลวงภุมริน พระบาทบางของเจ้าชมนาดก็เหยียบลงบนมือของนางข้าหลวงรับใช้เต็มแรง

“อย่าได้คิดจักแตะต้องภัสดาข้า”ทรงตรัสรอดไรพระทนต์พลางกดพระบาทลงบนหลังมือข้าหลวงสาวที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด

“ฮึก พระชายา ฮือ”

“ยาพิษนี้มิทำให้เจ้าถึงตายดอก หากแต่มันจักกัดกินเสียงของเจ้า ปากพล่อยเช่นนี้ก็มิควรพูดอีกตลอดชีวิต!”

“ฮึก ฮือออ พระชายา พระชายาเพคะ”

“ฮึก ฮือออ”

“ฮึก เจ้าน้อยแสงแรก เจ้าน้อยเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ”คลานเข้าหาเจ้าน้อยต่างเมืองหมายขอความเมตตา หากแต่ก็ถูกยี่สุ่น แลชงโคขวางไว้มิให้เข้าใกล้นายตน

“...”เจ้าแสงแรกสงสารนางข้าหลวงทั้งสามจับใจ ผินพักตร์ไปจักตรัสกับพระชายาชมนาด

“เจ้าภุชงค์”หากแต่พระชายาท่านก็ทรงตรัสขึ้นมาก่อน

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“พาเจ้าแสงกลับตำหนักไปก่อนเถิดลูก น้องคงเหนื่อยแย่แล้ว หน้าหรือซีดเซียวจนไร้สีเลือดแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“...”เจ้าแสงถึงกลับกลืนคำพูดที่จักตรัสลงพระศอไปทั้งหมด แลขยับพระวรกายลูกตามแรงประคับประคองขององค์รัชทายาทคู่หมาย

“ฮึ”ยี่สุ่น แลชงโคทำเสียงขึ้นจมูกใส่นางข้าหลวงที่ร้องไห้ฟูมฟาย ก่อนจักตามคนเป็นนายออกไปจากท้องพระโรงตำหนักหลวง



หลังจากที่องค์ภุชงค์พาเจ้าน้อยแสงแรกออกจากท้องพระโรงตำหนักหลวงไปแล้ว พระชายาชมนาดก็พยักพักตร์ให้ข้าหลวงคนสนิทนำยาพิษกรอกปากนางข้าหลวงปากพล่อยทั้งสามที่กลัวจนตาเหลือกตาลาน แต่ละคนพยายามมิกลืนยาหากแต่ก็ต้องมีบ้างที่ไหลลงคอไปจนสำลักหน้าดำหน้าแดง



เคร้ง



“ถ้วยยาถูกทิ้งลงพื้นพร้อมกับร่างของนางข้าหลวงทั้งสามที่ดิ้นพล่าน สองมือกอบกุมลำคอตน รสขมปร่าที่ติดปลายลิ้น แลกลิ่นฉุนยิ่งทำให้นางข้าหลวงทั้งสามกลัวจนชักดิ้นชักงอ เจ้าชมนาดทอดพระเนตรสภาพนางข้าหลวงปากพล่อย แลยกมุมโอษฐ์ขึ้น พระกรเล็กกอดคล้องพระกรแกร่งของพระภัสดาทอดพระเนตรอาญาที่นางข้าหลวงได้รับอย่างอารมณ์ดี ยาพิษที่ว่าหาได้มีจริงไม่ ก็แค่ยาต้มที่ผสมพิษชวนชมอ่อนๆ เท่านั้นหาได้ถึงตาย หรือ ร้ายแรงไม่ หึ!









หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: yoyothaka ที่ 03-06-2019 15:39:11
ขอบคุณนักเขียน มาต่อให้อ่านอย่างรวดเร็ว...เอาใจช่วยเจ้าแสงนะคะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-06-2019 15:42:38
ปากยื่นปากยาว ปากไม่มีหูรูดโดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว  o3
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 03-06-2019 16:41:40
เจ้าชมนาดโหดมาก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 03-06-2019 23:56:23
ต้องโดนสะบ้าง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-06-2019 00:25:50
ต้องเจอแบบนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 04-06-2019 03:02:21
แม่ก้อคือแม่ค่ะ #พระชายาชมนาถ  o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-06-2019 15:32:01
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-06-2019 00:49:07
เด็ดขาดมากค่าเจ้าชม
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-06-2019 09:23:18
เด็ดขาดมากสมแล้วที่เป็นพระชายา
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-06-2019 11:53:17
สมน้ำหน้าพวกปากพล่อย!
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 08-06-2019 17:18:28
รอตอนต่อไป  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 09-06-2019 02:10:55
ขอบคุณที่มาต่อให้อ่านนะคะ ร้อนแรงมาก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๕๐% ๓.๖.๖๒ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-06-2019 16:05:15
ปรบมือให้เจ้าชมนาด เจ้าแสงแรกควรดูพระมารดาเป็นตัวอย่างนะ เพราะต่อไปก็ต้องปกครองคนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 29-06-2019 23:43:03


ภุชงค์เล่นแสง ๑๑ ครึ่งหลัง


หลังจากที่มารดาออกพระบัญชาให้พาเจ้าแสงแรกกลับตำหนักเพื่อพักผ่อนองค์ภุชงค์จึงได้ประคองเมียรักกลับตำหนักรับรองพร้อมบ่าวรักยม แลพ่อขันธ์องครักษ์ประจำพระองค์

"ฝ่าบาท"

"หืม ว่าอย่างไรเจ้า"

"หม่อมฉันยังมิใคร่กลับตำหนักพระเจ้า"

"แลเช่นนั้น น้องใคร่อยากไปที่ใด บอกพี่เถิด พี่จักพาไป"องค์ภุชงค์ตรัส แลจับเกศานุ่มทัดกรรณเล็ก

"หม่อมฉันใคร่อยากไปนั่งที่ศาลาริมสระหลวงพระเจ้าค่ะ"

"ได้สิเจ้า ประเดี๋ยวพี่พาไปหนาคนดี"ตรัสเอาอกเอาใจ

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"จ้ะ เช่นนั้นพี่จักให้บ่าวรักยะ...บ่าวชงโคยี่สุ่นไปห้องเครื่องเอาผลหมากรากไม้มาให้น้องดีหรือไม่"

"พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันใคร่อยากกินมะดันจิ้มเกลือพระเจ้าค่ะ"

"ได้ยินหรือไม่ยี่สุ่น ชงโค เจ้าแสงใคร่อยากกินมะดันจิ้มเกลือ เจ้าสองคนไปห้องเครื่องนำมะดันถวายเจ้าน้อยเสีย"

"พระเจ้าค่ะ"

"...เอาน้ำขิงร้อนๆ ด้วยหนาเจ้า"เจ้าแสงตรัสกับบ่าวคนสนิท

"พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย"

"ไปรอที่ศาลาริมสระหลวงเถิดน้อง"

"พระเจ้าค่ะ"


.

.

.


ทั้งสองพระองค์ดำเนินไปรอบ่าวท้้งสองที่ศาลาริมสระหลวง พร้อมด้วยองครักษ์ประจำพระวรกายองค์รัชทายาท องค์ภุชงค์ประคองน้องน้อยให้ประทับอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์ลูบปรางนวลแผ่วเบา สงสารน้องน้อยคนดีจับพระทัยที่ถูกใส่ร้ายจากนังข้าหลงฃปาดพล่อยพวกนั้น

"โธ่ คนดีของพี่"

"หม่อมฉันกลัวเหลือเกินพระเจ้าค่ะ ว่าพระองค์จักชัง จักเลิกรักหม่อมฉัน เพราะ หม่อมฉันเป็นผีปอบ ผีป่า"เจ้าแสงแรกตรัส แลยกหัตถ์ทาบวางบนพระหัตถ์องค์ภุชงค์ เอียงปรางแนบซบกับหัตถ์อุ่นอย่างออดอ้อน

"ว่ากระไรเช่นนั่น พี่รักเจ้ามากหนาเจ้าแสงแรก พี่จักชัง จักเลิกรักเจ้าได้อย่างไร"

"หม่อมฉันหาได้มีกระไรคู่ควรพระองค์ไม่"

"ไยน้องจึงดูถูกดูแคลนตัวเองเช่นนี้เจ้าแสงแรก"

"..."

"พี่รักเจ้า เพราะ เจ้าคือเจ้า รักที่ตัว แลหัวใจเจ้า เช่นนี้มีกระไรที่น้องมิคู่ควรกับพี่"

"ฝ่าบาท..."

"อย่าดูแคลนตนเองเช่นนี้อีก หากพี่ได้ยินเจ้าดูแคลนตนเช่นนี้อีกพี่จักกริ้วเจ้า"

"หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ"ประนมหัตถ์กราบลงบนอุระกว้าง องค์ภุชงค์จึงได้ถือโอกาสตระกองกอดน้องน้อย องคุลียาวสางเกศานุ่มให้เจ้าแสงเบาๆ มินานบ่าวยี่สุ่น แลชงโคก็ยกพานทองบรรจุมะดัน แลเกลือบดละเอียด พร้อมกาน้ำขิงร้อนๆเข้ามาในศาลาริมสระกลวง

"ทูลองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยผลมะดัน แลน้ำขิงร้อนๆ มาแล้วพระเจ้าค่ะ"

"ขอบใจหนาเจ้ายี่สุ่นเจ้าชงโค"ผละออกจากอ้อมพระอุระ
"มิได้พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย"เจ้าแสงแรกหยิบผลมะดันดิบจิ้มลงบนเกลือป่น แลกัดกรวมๆ รสชาติเปรี้ยวฝาดตัดรสเค็มของเกลือทำเอาเจ้าแสงแรกยกมุมโอษฐ์อย่างพึงพระทัย มะดันลูกแล้วลูกเล่าถูกจิ้มเกลือ แลส่งเข้าโอษฐ์จิ้มลิ้มจนพร่องไปเสียครึ่งพาน

"อร่อยมากหรือเจ้า"องค์ภุชงค์ตรัสถาม เมื่อทอดพระเนตรน้องน้อยกินอย่างเอ็ดอร่อย

"พระเจ้าค่ะ ลองเสวยดูหนาพระเจ้าค่ะ"เจ้าน้อยแสงแรกตรัส แลหยิบมะดันดิบลูกใหม่จิ้มเกลือปัอนองค์รัชทายาท องค์ภุชงค์อ้าโอษฐ์กัดมะดันที่น้องป้อนหากแต่เมื่อเนื้อมะดันสัมผัสถูกพระชิวหา พระโลมาทั่วทั้งพระวรกายก็ลุกซู่ รสชาติเปรี้ยวฝาดทำเอาองค์พักคร์เหยเก

"คิกๆ ฝ่าบาท"เจ้าแสงยกหัตถ์ปิดโอษฐ์หัวร่อแผ่วเบา

"เปรี้ยวเสียจนเข็ดฟัน กินเข้าไปได้อย่างไรเจ้าแสง"ตรัสถาม พระเขฬะเอ่อจนท่วนโพรงพระโอษฐ์

"หม่อมฉันกินได้พระเจ้าค่ะ ใคร่อยากกินแต่ของเปรี้ยวๆ"เจ้าแสงตรัส แลหยิบเอาซับพระพักตร์ที่เหน็บตรงชายพกขึ้นซับที่มุมพระโอษฐ์ของภัสดา องค์ภุชงค์คว้าหัตะ์เมียขึ้นจูบหอม พระทนต์ขบเย้าองคุลีเรียว

"กินเปรี้ยวก็ต้องเอาหวานล้างปาก"ตรัส พระเนตรจดจ้องจนเจ้าแสงหน้าม้าน

"ฝ่าบาท"เจ้าแสงหลุบเนตรมองตักตน

"หึหึหึ กินต่อเถิด พี่มิกวนเจ้าแล้ว"ยอมปล่อยหัตถ์เจ้าแสงให้เป็นอิสระ


.

.

.


หลังจากวันที่พระชายาชมนาดลงอาญาข้าหลวงปากพล่อยพวกนั้น ก็มีรับสั่งให้เจ้าแสงแรกเข้าเฝ้าเช่นเดิม ทรงสั่งสอนเรื่องการเป็นเมียที่ดีทั้งบนพระแท่นบรรทม แลเบื้องหน้าว่าต้องทำเช่นไร

"เจ้าแสงแรก เป็นกระไรไปเจ้า"วางเข็มร้อยมาลัยลงบนพานทอง แลผินพักตร์ไปหาว่าที่สุณิสา เจ้าแสงแรกยกหัตถ์ขึ้นปิดโอษฐ์ตน เมื่อรู้สึกพะอืดพะอม แลยังเวียนเศียรจสเนตรพร่า

"...หม หม่อมฉันเวียนเศียร แลพะอีดพะอมนักพระเจ้าค่ะ ฮึก"

"ตายล่ะ จักอาเจียนหรือไม่"

"อึก พ พระเจ้าค่ะ ฮึก"

"ช้าอยู่ไย เอากระโถนให้เจ้าน้อยเสียสิ"ตรัสเอ็ดข้าหลวง
"เพคะๆ"กุลีกุจรถวายกระโถนให้เจ้าน้อยต่างแคว้น ยี่สุ่นรีบนำกระโถนรองใต้หนุคนเป็นนาย เจ้าแสงยกหัตถ์ทาบอุระตน แลขย้อนสำรอกใส่กระโถนยกใหญ่

"เป็นเช่นไรบ้างเจ้า"เจ้าชมนาดดำเนินจากตั่งที่ประทับ เข้าดูอาการว่าที่สุณิสา คลี่พัดจีนประจำพระองค์สะบัดพัดให้เจ้าแสงแรกที่หลับเนตร หอบหายใจถี่ๆ

"อึก"ร่างบางซวนเซ แลฟุ่บหน้าหมดสติ

"เจ้าแสงแรก เจ้าแสง! ไปตามหมอหลวงมาประเดี๋ยว
นี้!"ประคองเจ้าแสงให้พิงอุระตน ยี่สุ่น แลชงโคกุลีกุจรบีบนวดปรนนิบัติคนเป็นนาย

"เพคะ"ข้าหลวงสาวรับพระบัญชาจากพระชายา แลรีบวิ่งออกจากตำหนักหลวงไปยังสำนักหมอหลวง



.

.

.


"..."หมอหลวงที่ถูกตามมาตำหนักหลวง แตะนิ้วลงบนข้อพระหัตถ์ของเจ้าน้อยต่างแคว้น แลขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าไปมา หมอหลวงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นลูบอกตัวเอง แลลองแตะนิ้ววัดชีพจรเจ้าน้อยอีกครา แต่ผลที่ได้ก็เป็นเช่นเดิม จึงได้ถอยออกมา แลให้หมอหลวงอีกสองคนที่ถูกตามมาเช่นกันเข้าผลัดกันตรวจ หมอหลวงทั้งสามลอบมองหน้ากันเลิ่กลั่ก กระซิบกระซาบ แลยกมือลูกหน้าลูบอกตัวเองก่อนจักลองอีกครา

"ตกลงว่าเจ้าแสงแรกเป็รกระไร ไยท่านทั้งสามจึงได้ทำหน้าเยี่ยงเห็นผี"หมอหลวงทั้งสามสะดุ้งเฮือกใจหล่นไปอยู่นรกขุมที่ลึกที่สุด เมื่อพระชายาชมนาดทรงโพล่งถามขึ้น

"ขะ ขะ ข ขอให้หม่อมฉันได้ตรวจอีกคราหนาพ่ะย่ะค่ะ"หมอบกราบทูลพระชายาคนงาม

"เช่นนั้นก็รีบเข้าเถิด"

"พ่ะย่ะค่ะ"หมอหลวงทั้งสามขมักเขม้นตรวจเจ้าน้อยต่างแคว้นอีกครา ทั้งๆ ที่เหงื่อตกจนไหลเต็มกรอบหน้า

"ว่าอย่างไร"ตรัสถามเมื่อหมอหลวงทั้งสามหมอบกราบตัวสั่นงก

"ทูลพระชายา หม่อมฉันสามคนสมควรตาย ฮึก สมควรตาย"

"กระไร! เจ้าแสงเป็นกระไร"

"ค คือ ช ชีพจร ข ของเจ้าน้อย ต เต้นเร็ว ค คล้าย ต ตั้ง ค..."

"โอ๊ย! พูดตะกุกตะกักเช่นนี้ ข้าหาได้ฟ้งรู้ความไม่!"

"ข ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ"

"มีกระไรกันเจ้าชมนาด ไยจึงเอ็ดหมอหลวงท่านเช่นนั้น แลนั่นเจ้าแสงแรกเป็นกระไรไป"องค์ภุมริน แลองค์รัชทายาทที่เพิ่งกลับจากทรงงานตรัสถามขึ้น

"เสด็จพี่ เจ้าแสงแรกจู่ๆ ก็บอกว่าเวียนเศียร พะอืดพะอมพระเจ้าค่ะ พอสำรอกแล้วก็หมดสติไป น้องจึงได้ตามหมอหลวงท่านมาตรวจ หากแต่ก็พูดจาตะกุกตะกักฟังมิรู้ความ"

"เจ้าแสง"องค์ภุชงค์รีบรุดเข้าดูอาการเมีย พระหัตถ์แนบลงบนปรางซีด

"เอาล่ะๆ หมอหลวงว่าอย่างไร เจ้าแสงแรกเป็นกระไร"

"ทูลฝ่าบาท ช ชีพจรของเจ้าน้อยแสงแรก ต เต้นเร็ว ค คล้ายกับว่า ต ตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ"หมอบกราบทูลความตัวสั่น น้ำตาแทบจักไหล ถึงคราวหัวขาดก็ครานี้แล เจ้าน้อยยังมิได้ตบแต่งกับองค์รัชทายาท แลจักตั้งครรภ์ได้เช่นไร

"เหลวไหล!!"เจ้าชมนาดตวาด แลผุดลุกชี้หน้าหมอหลวง

"เฮือก ฮึก หม่อมฉันสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ"

"เจ้าแสงแรกจักท้องได้อย่างไร หาได้ตบแต่งกับเจ้าภุชงค์แล้วไม่!!"

"...ส เสด็จแม่"เจ้าภุชงค์ตรัสขึ้น แลผละออกจากเมียมาประคองร่างบอบบางของมารดา

"...ท่านหมอออกไปก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าจักเรียกหาอีกครา"องค์ภุมรินตรัส

"ข ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"หมอบกราบ แลลนลานคลานออกจากท้องพระโรง

"พวกเจ้าออกไปให้หมด...ยี่สุ่น ชงโคพวกเจ้าอยู่ก่อน"ข้าหลวงถูกไล่ออกจากตำหนักหลวง จักเหลือเพียงคนสนิทเท่านั้น

"เสด็จพ่อ เสด็จแม่ คือลูกมีเรื่องจักสารภาพพ่ะย่ะค่ะ"

"...กระไรเจ้าภุชงค์ อย่าบอกแม่หนาว่า..."เจ้าชมสาดยังมิทันได้ฟังที่ลูกจักตรัสก็กวักหัตถ์เรียกหายาหอมยาดมเตรียมเสียแล้ว อุ่นรีบยัดหลอดยาหอมใสหัตถ์คนเป็นนาย

"ล ลูกได้เสีย ป เป็นผัวเมียกับเจ้าแสงแรกแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ทรุดพระวรกายกอดกฤษฎีมารดาแน่น ซบพักตร์กับอุทรแบนราบ

"..."

"ตั้งแต่คราวที่ไปน้ำตกท้ายวังหลวง"

"...ล แลหลังจากนั้น"ตรัสถามโอรสองค์โต แลยกยาหอมขึ้นสูดเฮือกใหญ่

"ท ที่กระโจมกลางป่า คราที่ไปเยี่ยมเจ้าบัวงามที่ศศิมณฑลพ่ะย่ะค่ะ"

"ชมนาด!"องค์ภุมรินรีบเข้าประคองหลังเมีย เมื่อเจ้าชมนาดทำท่าจักหงายหลัง

"อ อุ่น"

"เพคะ"

"ป ไปเอา หว หวายมาให้ข้า"

"เสด็จแม่"ครางใส่มารดาสุรเสียงอ่อย

"เจ้าชมนาด"องค์ภุมรินตรัสเรียกเมียรัก เจ้าชมนาดหาได้เคยตีลูกไม่

"ไปเอาหวายมาให้ข้าประเดี๋ยวนี้!"




หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 30-06-2019 00:16:03
โดรแล้วไหมล่ะ เจ้าภุชงค์
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 30-06-2019 00:46:52
เจ้าภุชงค์จะโดนหวายซะแล้ว รังแกน้องไว้เยอะ  :z13: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-06-2019 01:13:13
โดนแล้วเจ้าภุชงค์
โตแล้วก็โดนได้  :ling2:
แต่ค่อยๆพูดกันก้ดีกว่าหนาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-06-2019 01:46:31
น่องลายแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 30-06-2019 02:05:04
สมควรโดนแล้วอ่ะ
นี่มองว่าองค์ภุชงค์นี่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
ไม่ให้เกียรติเจ้าแสงจริงๆ
ท้องก่อนแต่งให้น้องอายไปอีก
ควรโดนเยอะๆให้ทำอะไรคิดถึงผลบ้าง
แต่เอาจริงๆ นี่ก็ชอบทีเค้าได้กัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-06-2019 08:12:35
โดนแม่ลงหวายล่ะทีนี้ รีบจัดงานแต่งเลย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 30-06-2019 08:26:16
แม่กริ้วเเล้ววว
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 30-06-2019 08:29:24
เจ้าชมนาดโหดมาก
เจ้าภุชงค์รีบขอน้องแต่งงานได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-06-2019 08:51:12
รอๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-06-2019 12:10:04
เอาแล้วๆๆๆๆ ภุชงค์โดนแน่
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-06-2019 14:00:43
ตาย ตาย ตาย นั้นหวายเลยหนาเจ้าภุชงค์
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-06-2019 19:25:09
โดนแม่หวดหนักแน่เจ้าภูชงค์
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๑๐๐% ๒๙.๖.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 03-07-2019 10:33:27
โดนเลย5555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 03-07-2019 11:54:17






ภุชงค์เล่นแสง ๑๒




เมื่อได้รับพระบัญชาจากคนเป็นนายอุ่นก็อิดออดมิใคร่อยากทำตามเสียเท่าใด ตั้งแต่เล็กจนโตพระชายาท่านหาได้เคยตีลูกไม่ ไม่ว่าจักเป็นองค์รัชทายทภุชงค์ หรือ เจ้าน้อยบัวงาม หยิบหวายใส่พานคลานเชื้องช้ามาถวาย เจ้าชมนาดปรายเนตรมอง หากแต่ก็ไม่ได้เร่งเร้า หรือ เกรี้ยวโกรธ

“เสด็จแม่”เจ้าภุชงค์กอดรอบกฤษฎีมารดามิปล่อย พักตร์งามถูไถอุทรแบนราบออดอ้อน หากแต่คนเป็นแม่มิพระทัยอ่อนให้

“...แม่ตี เพราะเจ้ามิให้เกียรติน้อง ทำเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าภุชงค์ น้องเป็นลูกมีพ่อ มีแม่เป็นถึงเจ้าน้อยการเวก ไยจึงทำราวกับน้องมิมีเกียรติให้รักษาเยี่ยงนี้”เจ้าชมนาดตรัสสุรเสียงสั่นเครือ

“ลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกมิยับยั้งชั่งใจ ทำลายเกียรติน้อง มิคิดหน้าคิดหลัง เสด็จแม่ตีลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“...”

“...”

 “หันหลัง”ตรัสกับลูก

“พ่ะย่ะค่ะ”ปล่อยหัตถ์จากกฤษฎีบางของมารดา แลคุกเข่าหันหลังรอรับหวาย





ฟึ่บ เพี๊ยะ



ฟึ่บ เพี๊ยะ



ฟึ่บ เพี๊ยะ



ฟึ่บ เพี๊ยะ



ฟึ่บ เพี๊ยะ





เจ้าชมนาดเงื้อกรสะบัดหวายลงบนขนองกว้างของลูกหลายทีติดกัน จนคนเป็นพ่ออย่างองค์ภุมรินต้องเข้ามากุมหัตถ์เมียไว้ให้หยุด เมื่อดวงพักตร์งามของเจ้าชนาดนองไปด้วยน้ำตา

“ฮึก...”สะอื้น ทิ้งหวายลงพื้น แลทิ้งพระวรกายให้พระภัสดากอดปลอบ

“เสด็จแม่ อย่ากรรแสงเลยหนาพ่ะย่ะค่ะ ลูกขอประทานอภัย เสด็จแม่หยุดกรรแสงเถิด ลูกช่างบาปหนายิ่งนัก”องค์ภุชงค์พระเนตรแดงก่ำ คลานมากราบแทบพระบาทคนเป็นแม่

“ฮึก...ฮือ”เจ้าชมนาดทรุดพระวรกายลงกอดโอรสองค์โต ตีลูกให้เจ็บกายเท่าใด หากแต่พระทัยคนเป็นแม่นั้นเจ็บยิ่งกว่า

“ลูกขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าภุชงค์โอบประคองร่างของมารดาไว้แนบอุระตน

“ฮึก...แลเป็นเช่นนี้แล้ว จักทำเยี่ยงไรต่อไป”เจ้าชมนาดประคองพักตร์ลูกด้วยสองหัตถ์ ก่อนจักตรัสถาม

“ลูกคงต้องขอรบกวนเสด็จแม่ ให้จัดเตรียมพิธีให้ลูก แลเจ้าแสงพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัส

“...”

“อึก อือ”เจ้าแสงแรกส่งพระสุรเสียงครางเครือในลำพระศอยามได้สติ ดวงเนตรหวานปรือปรอย ยกหัตถ์กุมขมัยตน

“เจ้าน้อย ฟื้นแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโครีบกุลีกุจรเข้าหาคนเป็นนาย หลังจากอ้าปากค้างอยู่นานสองนานตั้งแต่ได้ยินว่ามีเจ้านายน้อยๆ อยู่ในครรภ์เจ้าน้อยแสงแรก ยี่สุ่นทูลถามพลางยกยาหอมส่ายใต้พรนาสิกโด่งรั้น

“อืม...ยี่สุ่น ที่นี่”

“ที่นี่ท้องพระโรงตำหนักหลวงอย่างไรเล่าพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยเวียนเศีนร แลหมดสติไปจำได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”บ่าวคนสนิทตอบ

“ทรงเป็นเช่นไรบ้างพระเจ้าค่ะ ใคร่อยากได้กระไรหรือไม่ชงโคจักไปหามาให้”บ่าวคนสนิทว่าอย่าเอาพระทัย

“ข้ามิใคร่อยากได้กระไร”

“เจ้าแสงแรก ฟื้นแล้วหรือเจ้า”องค์ภุชงค์ผละออกจากมารดา แลดำเนินมาหาเมียรักเมื่อได้ยินเสียงน้องน้อยพูดคุยแผ่วเบากับบ่าวคนสนิท

“ฝ่าบาท”เจ้าแสงขยับวรกายลุกขึ้น โดยมีภัสดา แลบ่าวคนสนิททั้งสองช่วยประคอง

“ค่อยๆ หนาคนดี”องค์ภุชงค์ตรัส

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ อ๊ะ...ถวายพระพรเจ้าหลวงพระเจ้าค่ะ”ขบัยวรกายจักหมอบกราบเจ้าหลวงภุริน

“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าแสง พักก่อนเถิด”ตรัสอย่างพระทัยดี ทรงเอ็นดูเจ้าแสงแรกราวลูกในอกอยู่แล้ว แลยิ่งเจ้าแสงตั้งครรภ์นัดดาของพระองค์อีก องค์ภุมรินยิ่งเอ็นดูเจ้าแสงแรกเข้าไปใหญ่

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์

“เจ้าแสงแรก เจ้าหมดสติไป แม่จึงเรียกหมอหลวงท่านมาตรวจ”เจ้าชมนาดปาดน้ำตาบนพักตร์ตน ก่อนจักผินพักตร์มาตรัสกับสุณิสา

“...พระเจ้าค่ะ”...พระชายาท่านแทนองค์เองกับเจ้าแสงว่าแม่หรือ? เจ้าแสงดำริอย่างแปลกพระทัย

“จักให้แม่บอก หรือ เจ้าจักบอกน้องเองเจ้าภุชงค์”

“...”เจ้าภุชงค์เงียบ แลพยักพักตร์บอกมารดาว่าจักเป็นผู้บอกกล่าวแก่เจ้าแสงแรกเอง

“หม่อมฉันเป็นกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสถาม เมื่อเจ้าหลวง พระชายา แลองค์รัชทายาทนิ่งเงียบไป แม้แต่บ่าวคนสนิททั้งสองอย่างยี่สุ่น แลชงโคยังก้มหน้าหลบเนตรคนเป็นนาย

“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์ตรัสเรียกน้องน้อย หัตถ์อุ่นประคองปรางนวลไว้ พระอังคุฐลูบแผ่วเบาบนฉวีเนียน

“พระเจ้าค่ะ”ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมพระทัยเจ้าน้อยการเวก

“...พี่รักเจ้าหนาคนดี”

“...”เจ้าแสงขบกลีบโอษฐ์ตนอย่างเป็นกังวล

“ในท้องเจ้า...มีลูกของเราอยู่แล้วหนา”องค์ภุชงค์ตรัส แลจ้องพักตร์ชายาตนนิ่ง

“...ว่าอย่างไรหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยแสงแรกพระพักตร์เสีย ตรัสถามสุรเสียงสั่น

“เจ้าท้อง...ท้องลูกของเรา”

“...”เจ้าแสงแรกนิ่งค้าง นัยน์เนตรงามแดงก่ำคลอน้ำ

“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์พระทัยเสียเมื่อได้ทอดพระเนตรอาการของเจ้าแสง

“ท ท้อง...ท ท้อง ท ทั้งๆ ที่ ย ยัง มิ ได้ ตบ ต แต่ง”เนตรหวานเลื่อนลอย น้ำตาร้อนๆ กลิ้งออกจากดวงเนตร ลวกปรางซีดเซียว

“เจ้าแสง คนดี”องค์ภุชงค์รีบรั้งร่างแน่งน้อยเข้าซบพระอุระ หัตถ์ลูบขนองเล็กปลอบ

“...ฮึก...ฮึก”เจ้าแสงแรกสะอื้น น้ำตาร่วงเผาะๆ หัตถ์บางยกขึ้นวางบนอุทรตน ดีพระทัยที่รู้ว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของตน แลคนรักอยู่ในอุทร เสียพระทัยที่ท้องก่อนจักได้ตบแต่ง หากแต่จักโทษใครได้ สมยอมให้เขาเองทั้งนั้น หากจักอับอายก็เป็นเพราะผลจากการกระทำของตนเอง

“มิเป็นไรๆ มิเป็นไรหนาคนดี เป็นเรื่องดีแล้วที่ลูกมาเกิด”กดจูบที่ขมับอุ่น

“ฮึก...ฮึก...ฮือ ห หากแต่ หม่อมฉัน ฮึก ล แลพระองค์ ฮึก ย ยัง มิ ด ได้ ตบ ต แต่ง ต ตาม ประเพ ณ ณี...ฮึก”

“ใครว่า...”องค์ภุชงค์ตรัส สร้างความฉงนให้บิดา มารดา เมีย แลบ่าวคนสนิท

“...ฮึก พระเจ้าค่ะ?”เจ้าแสงแรกผละออกจากอุระภัสดา สบเนตรอย่างฉงน

“ใครว่า ว่าพี่ แลเจ้ายังมิได้ตบแต่ง”องค์ภุชงค์ตรัส แลแย้มสรวล ปาดน้ำตาที่ไหลเปรอะปรางขาวออกให้

“...”

“ที่การเวก พี่ แลเจ้าได้เข้าพิธีผูกข้อไม้ ข้อมือ แลกธำมรงค์กันแล้วเช่นไรเล่า”พระหัตถ์แตะลงบนธำมรงค์ประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทที่คล้องอยู่บนศอระหงของเจ้าแสงแรก แลยกพระหัตถ์องค์เองขึ้นให้เจ้าแสงทอดพระเนตรธำมรงค์ของเจ้าหลวงสิงห์ผู้เป็นบิดา

“...”

“...ต่อหน้าพระพักตร์เจ้าหลวงภุมรินบิดาพี่ แลต่อหน้าพระพักตร์เจ้าหลวงสิงห์บิดาเจ้า”แย้มสรวลให้น้องน้อยที่หยุดกรรแสงแล้ว หากแต่ยังสะอื้นฮั่กๆ อยู่

“นั่นหนาสิ”เจ้าหลวงภุมรินตรัส แลแย้มสรวลให้โอรสองค์โต แลสุณิสา พระหัตถ์ก็ยังลูบขนองปลอบเมียอยู่

“หยุดไห้หนาคนดี ป่านนี้ลูกคงจักร้องโยเยตามแม่จนหน้าเบี้ยวบูดแล้วกระมัง”ตรัสเย้าพลางโยกพระวรกายปลอบ

“ฮึก อย่าว่าลูกหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกปรางแดงซ่าน

“กระไรกัน มิทันไรก็รักลูกมากกว่าพี่แล้วหรือเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสเย้าแหย่

“แลพระองค์มิรักลูกหรือพระเจ้าค่ะ”ช้อนเนตรตรัสถาม

“หึหึหึ จักมิรักได้อย่างไร ก็รักแม่ของลูกออกปานนี้”

“...”เจ้าแสงแรกปรางแดงก่ำ ซบพักตร์กับอังสะกว้างหลบสายพระเนตรเจ้าชู้นั้น

“เสด็จพี่”เจ้าชมนาดตรัสเรียกภัสดา

“จ๋า”

“...น้องว่า น้องไปสั่งงานข้าหลวงก่อนดีกว่าพระเจ้าค่ะ”เจ้าภุชงค์ แลเจ้าแสงแรกคงจักลืมบิดา แลมารดาไปชั่วขณะ

“เช่นนั้นพี่ไปด้วยก็แล้วกันหนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”สองผัวเมียประคับประคองกันออกจากท้องพระโรง รับสั่งให้บ่าวออกไปให้หมด ปล่อยให้โอรส แลสุณิสาอยู่กันลำพัง



.

.

.



หลังจากที่บิดา มารดา แลข้าหลวงคนสนิทพากันออกไปจนหมด เหลือเพียงตน แลน้องน้อย องค์ภุชงค์จึงได้ปลอบขวัญเมียรักอีกครา กดนาสิก แลโอษฐ์ทั่วทั้งพักตร์ของเจ้าแสง กลีบโอษฐ์แดงถูกจูบจนช้ำ

“อือ ฝ่าบาท”เจ้าแสงยกหัตถ์ทาบลงพระอุระอุ่น ลูบเบาๆ แลเงยพักตร์รับจุมพิตที่พระภัสดาประทานให้

“...อืม”พระกรแกร่งโอบรัดรอบกฤษฎีบางแผ่วเบา ส่วนหัตถ์อีกข้างก็ยกแนบปรางนวลประคองดวงพักตร์งามให้รับจูบหวานๆ จากรพระองค์

“อึก อืม”ชิวหาเล็กถูกไล่ต้อนในโพรงปากเล็กจนเขฬะใสไหลเลอะขอบโอษฐ์

“จุ๊บๆๆ”จุมพิตบนกลีบโอษฐ์ช้ำซ้ำๆ หยอกเย้า

“อื้อ”เจ้าแสงยกหัตถ์ทุบลงบนพระขนองกว้างให้หยุด เอียงพักตร์หนีโอษฐ์ร้อนที่ป้อนจุมพิตให้จนแทบสำลัก

“อ โอ๊ย”องค์ภุชงค์สะดุ้งตัวโยน เมื่อถูกน้องน้อยทุบขนอง

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงตกพระทัยพักตร์เสีย เมื่อทอดพรเนตรเห็นสีพระพักตร์เจ็บปวดจากภัสดา

“โอย เจ้าแสง พี่เจ็บเจ้า”ได้ทีจึงรีบออดอ้อนเมีย

“เป็นระไรไปพระเจ้าค่ะ ขอหม่อมฉันดูหน่อยเถิด”เจ้าแสงตรัส

“เจ็บที่หลังจ้ะ”ตรัส แลถอดฉลองพระองค์ออกให้เมียดูริ้วรอยแผลจากหวายของมารดา

“ตายจริง ไปถูกกระไรมาพระเจ้าค่ะ”ตรัส แลแตะดรรชนีเรียวลงบนริ้วแดงแผ่วเบา

“...”จักให้บอกได้อย่างไรว่าถูกแม่ตี

“ฝ่าบาท...ไปถูกกระไรมาพระเจ้าค่ะ”

“...แม่ตี”ตรัสเสียงแผ่ว

“กระไรหนาพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิค่อยจักได้ยินเท่าใด ตรัสดังกว่านี้หน่อยเถิด”

“ถูกแม่ตี...”

“...”เจ้าแสงแรกตรัสมิออก พระภัสดาถูกมารดาตีดอกหรือ ปีนี้ทรงมีอายุเท่าใดกัน

“ถูกแม่ตี เพราะทำเจ้าท้อง”

“...ฝ่าบาท”เมื่อรู้สาเหตุพักตร์งามก็แดงก่ำด้วยความอับอาย

“เจ้าจักตีพี่อีกคนหรือไม่ เจ้าแสง”วางพักตร์บนอังสะบาง แอบหอมดอมดมฉวีนุ่มหยุ่นของคนงาม

“...มิตีดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักกล้าตีพระองค์ได้อย่างไรกัน”

“น่ารัก”ตรัสชม

“ฝ่าบาท”

 “จ๋า”ขานรับ พลางไซร้อังสะบาง แลซอกศอหอมกรุ่น

“หม หม่อมฉันใคร่อยากกลับตำหนักแล้วพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“อื้อ จ้ะแล้ว ก็ปล่อยหม่อมฉันเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ฟอดๆๆ”

“อื้อ”

“หึหึหึ ไปเจ้า”ยอมปล่อยร่างหอมกรุ่นออกจากอ้อมพระกร

“ค่ำนี้ทรงอยู่เสวยกายาหารเย็นกับหม่อมฉันที่ตำหนักหนาพระเจ้าค่ะ”กอดพระกรภัสดาออดอ้อน ตั้งแต่ตั้งครรภ์เจ้าแสงแรกก็ช่างออดช่างอ้อนจนองค์ภุชงค์พระทัยละลาย

“จ้ะ”



 .

.

.

 

 

“เจ้าน้อยค่อยๆ หนาพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคประกบคนเป็นนายซ้ายขวา กางแขนหน้าหลังกันคนเป็นนายจักล้มให้ได้เจ็บตัว แลเจ้านายน้อยๆ ในพระครรภ์จักเป็นกระไรไป

“ยี่สุ่น ชงโค พอเถิด ยิ่งพวกเจ้าทำเช่นนี้ข้ายิ่งเวียนเศียร”เจ้าแสงแรกตรัส แลยกยาหอมขึ้นจ่อพระนาสิก เพลานี้เจ้าน้อยแสงแรกกำลังเสด็จไปตำหนักหลวงเพื่อเข้าเฝ้าพระสัสสุ

“พวกหม่อมฉันสองคนกลัว่าเจ้าน้อยจักล้มนี่พระเจ้าค่ะ”ชงโคว่าหน้าหงอย

“มิเป็นไรดอก ขอบใจเจ้าสองคนมากหนา”เจ้าแสงตรัส แลแย้มสรวลให้บ่าวคนสนิททั้งสอง



หนึ่งนาย สองบ่าวเข้าเฝ้าพระมารดาแห่งภุมริกาตามปกติ หากแต่ที่ไม่ปกติ คือ วันนี้พระมารดาชมนาดท่านดำเนินมารับเจ้าแสงแรกถึงหน้าตำหนักหลวง แม้จักกริ้วที่โอรสองค์โตมิให้เกียรติ แลย่ำยีเจ้าน้อยต่างแคว้นก่อนพิธีตบแต่งตามประเพณีภุมริกา จนท้องไส้ หากแต่ก็ปฏิเสธมิได้ว่าดีพระทัยเหลือเกินที่จักมีหลานอีกคนให้ได้อุ้มชู

“ถวายพระพรพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตั้งท่าจักทรุดกายลงหมอบกราบ หากแต่พระชายาท่านกลับรั้งไว้เสียก่อน

“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าแสงกลับท้องกำลังไส้ลุกๆ นั่งๆ ประเดี๋ยวก็เป็นลมกันพอดี”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า แพ้ท้องบ้างหรือไม่”ตรัสถาม แลประคองสุณิสาเข้าตำหนัก

“ทูลพระชายา อาการแพ้ท้องมีบ้างเล็กน้อยตอนเช้าตรู่พระเจ้าค่ะ นอกจากนั้นยังมิมี จักมีก็เพียง...หม่อมฉันกินได้เยอะกว่าเดิมมากนักพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงทูลความแด่พระสัสสุ

“ดีแล้วเจ้า กินมากๆ หนา หลานแม่จักได้โตวันโตคืน”

“พระเจ้าค่ะ”



วันนี้เจ้าชมนาดมิได้ให้เจ้าแสงเรียนการบ้านการเรือนอันใด ที่เจ้าแสงมาเข้าเฝ้าวันนี้ก็เพียงแค่สนทนาพูดคุย แลจิบน้ำชากันเท่านั้น

“เจ้าแสงแรก”

“พระเจ้าค่ะ พระชายา”

“พระชายากระไรกัน อีกมิกี่วันเจ้าก็ต้องเข้าพิธีศาสน์ ตบแต่งเป็นเมียเจ้าภุชงค์แล้ว ก็มิต่างกระไรกับเป็นลูกข้าอีกคน เรียกข้าว่าแม่ตามเจ้าภุชงค์เถิด หากเจ้ามิรังเกียจที่มีข้าเป็นแม่”เจ้าชมนาดตรัส แลจิบพระสุธารสชาไปพลาง

“หามิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักรังเกียจเสด็จแม่ได้อย่างไร”

“หึหึหึ”เจ้าชมนาดสรวลแผ่วเบา พยักพักตร์อย่างพึงพระทัยที่เจ้าแสงแรกยอมเรียกพระองค์ว่าแม่ตามเจ้าภุชงค์

“...”

“...ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี ดีมากเสียจนจักกลายเป็นจุดอ่อนของเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสอย่างจริงจัง

“...”เจ้าแสงก้มพักตร์นิ่ง รู้ดีว่าตนอ่อนแอเพียงใด ยากนักที่จะเคียงข้างองค์รัชทายาทโดยมิมีอุปสรรค

“ที่แม่พูดหาได้ตำหนิเจ้าไม่”เจ้าชมนาดตรัส แลวางหัตถ์ลงบนกระหม่อมของสุณิสา

“พระเจ้าค่ะ”

“ร้ายบ้างให้ถูกที่ ถูกเพลา ถูกเรื่อง”

“...”นิ่งฟังที่พระสัสสุสั่งสอน

“เข้าใจหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”

“แม้เจ้าจักหัวอ่อน แลดูอ่อนแอ แต่หาใช่คนโง่ไม่”

“...”

“แม่เชื่อว่าเจ้าฉลาดพอที่จักเอาตัวรอดได้”

“พระเจ้าค่ะ”

“เอาล่ะ พอเรื่องนี้ไว้ก่อนเถิด ประเดี๋ยวหลานย่าจักกังวลเอาได้”เจ้าชมนาดตรัส แลพาสุณิสาเปลี่ยนเรื่องสนทนา









หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-07-2019 13:13:48
ไม่มีดราม่าแล้วแหละเนาะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-07-2019 16:11:27
คุณแม่พูดให้ระวังหรืออย่าให้น้องยอมคนพวกนั้น
แต่คุณแม่ก็จัดการไปแล้วเรียบร้อย  o18
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-07-2019 18:34:11
ชอบพระชายาชมนาดก็ตรงนี้ ร้ายให้ถูกที่ถูกเวลานะ เจ้าบัวงามคงได้ส่วนนี้ของแม่ไปเต็มๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 03-07-2019 22:37:12
เจ้าชมนาดตอนเป็นแม่ยายดูเข้มงวดมาก
องค์ภุงชงค์อ้อนเจ้าแสงน่ารักก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-07-2019 12:05:41
ใช่เลยมันต้องมีร้ายบ้างหากมีใครมาระราน o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 05-07-2019 15:06:25
สนุกอ่า ต้องไปตามอ่านเรื่องเจ้าบัวบ้างละ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๑๐๐% ๐๓.๗.๖๒ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: palm_rawinda ที่ 15-07-2019 17:58:31
 :hao5:  :impress2:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 29-07-2019 17:07:28


ภุชงค์เล่นแสง ๑๓



พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทภุมริกา แลเจ้าน้อยการเวกจักมีขึ้นในวันขึ้นสามค่ำเดือนเก้า หรือ ก็คือวันพรุ่ง แลเพลานี้เจ้าหลวงศศิมณฑล แลพระชายาบัวงามก็เสด็จมาประทับที่ภุมริกา เพื่อเข้าร่วมพิธีพร้อมเจ้าพเยียน้อยหลานรักของตา แลยาย

“เจ้าพเยีย ขี้เซาจริงหลานตา เหมือนแม่เจ้าตอนเกิดมิมีผิด”องค์ภุมรินตรัสกับนัดดาตัวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมพระกร

“หึหึหึ ตอนเจ้าบัวงามเกิดขี้เซามากหรือพ่ะย่ะค่ะ”องค์จันทร์สรวล แลตรัสถามพระสัสสุระ

“มากมิมากก็ให้ดูเจ้าพเยียเอาเองเถิด ถอดแบบแม่มาทุกกระเบียดนิ้วเชียว หึหึหึ”ตรัส แลบีบปรางกลมของเจ้าตัวน้อยเบาๆ จนโอษฐ์เล็กยู่

“หึหึหึ...เห็นเช่นนี้แล้ว ใคร่อยากมีลูกเป็นของตัวเองบ้างหรือไม่เจ้าภุชงค์”องค์จันทร์ตรัสถาม

“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หากแต่มินานดอกลูกหม่อมฉันคงจักโตไล่ทันเจ้าพเยียเป็นแน่”

“หึหึหึ”

 



แม้เพลานี้เจ้าแสงจักตั้งท้องแล้ว หากแต่ก็หาได้มีใครรู้ไม่ นอกเสียจากบ่าวคนสนิท แลเจ้านายภุมริกาทั้งสามพระองค์ แม้แต่องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามยังมิทราบเสียด้วยซ้ำ เพื่อมิให้เจ้าแสงแรกเสื่อมเกียรติ

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าแสง สบายดีใช่หรือไม่”เจ้าบัวงามตรัสถามคนเป็นน้อง

“สบายดีพระเจ้าค่ะ แลพี่บัวเล่า สบายดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสถามกลับ

“สบายดี หากแต่เลี้ยงลูกเล็กมันเหนื่อย แม้เจ้าพเยียจักไม่ได้เลี้ยงยากเลี้ยงเย็นกระไร หากแต่ก็เหนื่อยอยู่ดีนั่นแล ไหนจักต้องให้นม ไหนจักต้องตื่นมาดูลูกตอนกลางค่ำ กลางคืนอีก ให้พวกนางข้าหลวงดูให้มันก็ได้อยู่ดอก หากแต่ข้าใคร่อยากดูลูกเองเสียมากกว่า”

“...”

“เหนื่อย แต่ก็มีความสุขหนา”

“...”เจ้าแสงมิตรัส หากแต่แย้มสรวลตามคนเป็นพี่

“ไว้เจ้ามีลูกบ้าง เจ้าจักเข้าใจข้า”

“...พระเจ้าค่ะ”ก้มพักตร์ซ่อนปรางแดงระเรื่อ หัตถ์เล็กแอบยกขึ้นลูบครรภ์ตน หากลูกเกิดคงจักเหนื่อยเช่นพี่บัวเป็นแน่ ดำริองค์เดียว แลแย้มสรวลบางๆ

 

.

.

.

 

 

รุ่งอรุณวันงานพิธี เจ้าน้อยแสงแรกตื่นบรรทมตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง นั้นก็เพราะวันนี้เจ้าน้อยการเวกจักต้องเข้าพิธีศาสน์กับองค์รัชทายาทแห่งภุมริกา เจ้าน้อยการเวกประทับอยู่หน้าคันฉ่อง มีบ่าวคนสนิททั้งสองช่วยแต่งองค์ให้ หัตถ์บางวางลงบนอุทรแบนราบของตน ตั้งแต่ได้ทราบว่ามีลูกน้อยอยู่ในครรภ์ หัตถ์ของเจ้าแสงก็มักจักวางทาบอยู่ที่อุทรตนเสมอ

“ทรงงามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นทูล ยิ่งมีองค์รัชทายาทตัวน้อยอยู่ในพระครรภ์ เจ้าน้อยก็ยิ่งงามผุดผาด น่ามอง

“...ขอบใจหนายี่สุ่น”เจ้าน้อยตรัสตอบบ่าวคนสนิท แลแย้มกลีบโอษฐ์ให้น้อยๆ

“องค์รัชทายาทจักต้องพระเนตรค้างกับความงามของเจ้าน้อยเป็นแน่พระเจ้าค่ะ”ชงโคว่าสำทับ

“ก็ว่าไปนั่น ชงโค”ตรัสเบาๆ

“หม่อมฉันพูดจริง มิปดหนาพระเจ้าค่ะ ทรงงามราวกับนางอัปสรก็มิปาน”ว่าพลางสางเกศาให้คนเป็นนาย

“หึหึหึ”เจ้าแสงก้มพักตร์สรวลเบาๆ หัตถ์ลูบอุทรตนไปมา

“ทูลเจ้าน้อย พระชายาชมนาดเสด็จเพคะ”ข้าหลวงหน้าบานทวารส่งเสียงกราบทูลความแก่เจ้าน้อยแสงแรก

“ให้ท่านเข้ามาเถิด...ถวายพระพรพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าแสง แลบ่าวทั้งสองขยับกายให้สำรวม แลหมอบกราบเมื่อพระสัสสุก้าวบาทเข้ามาในห้องบรรทม

“ไหว้พระเถิดเจ้า เป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“ใกล้แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสทูล

“ไยปากซีดเช่นนี้เล่า...เติมชาดอีก”เจ้าชมนาดตรัส แลสั่งให้ยี่สุ่นลงชาดให้สุณิสาเพิ่ม

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับพระบัญชา แลแตะน้ำลงบนกลีบโอษฐ์ของเจ้าน้อย แลเอาชาดแตะลงบนโอษฐ์บาง เจ้าแสงเม้มโอษฐ์เบาๆ ซับสีชาด

“ดี เช่นนี้ถึงจักดูมีสีสันน่ามองหน่อย”ตรัสอย่างพึงพระทัย

“...”

“งามนัก เช่นนี้เจ้าภุชงค์คงจักไปไหนมิรอดแล้ว”

“...”เจ้าแสงปรางแดงซ่านด้วยความเขินอาย

“หึหึหึ ไปเถิด ประเดี๋ยวก็จักได้เพลาแล้ว”สรวลอย่างเอ็นดู

“พระเจ้าค่ะ”

 

.

.

.

 

“เป็นกระไรไปเจ้าภุชงค์”เจ้าหลวงภุมรินตรัสกับโอรสองค์โตที่มีทีท่ากระสับกระส่ายอยู่มิสุข

“ลูกกังวลใจพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”องค์ภุชงค์ตรัสกับบิดา วันนี้ทรงสวมใส่ฉลองพระองค์สีงาช้างรูปรามราวกับรุกขเทวดา

“กังวลเรื่องอันใดกันเล่า”

“ลูกดูงามหรือยังพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ เจ้าแสงจักพึงใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“โธ่ วันนี้ลูกพ่องามนัก อย่าได้กังวลใจไป หากเจ้าแสงได้พบเข้าคงจักเขินอายจนหน้าม้าน”

“กระนั้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“แน่ละ ก็เจ้าลูกพ่อนี่ เช่นนั้นก็ต้องงามเช่นพ่อ ฮะฮ่าๆๆๆ”

“หึหึหึ พ่ะย่ะค่ะ”

“ตรัสกระไรกันอยู่หรือพระเจ้าค่ะ สุรเสียงสรวลดังออกไปถึงนอกตำหนักเทียว”เจ้าบัวงามที่อุ้มลูกน้อยเข้ามาตรัสถามพระบิดา แลพระเชษฐา

“เจ้าบัวงาม...เจ้าพเยียหลานตา มา ให้ตาอุ้มหน่อยเถิด”องค์ภุมรินยื่นหัตถ์ไปรับหลานจากโอรสองค์เล็ก

“ยินดีด้วยหนาพระเจ้าค่ะภุชงค์”เจ้าบัวงามตรัส แลสวมกอดพระเชษฐา

“ขอบใจหนาน้อง”กอดร่างแน่งน้อยตอบ

“ลูกพ่อทั้งสองคนเติบใหญ่จนออกเหย้า ออกเรือน มีหลานให้พออุ้มกันหมดแล้วน่าภูมิใจแท้ๆ”องค์ภุมรินตรัสอย่างยินดี แต่เจ้าบัวงามที่ได้ฟังกลับขมวดขนงบางจนเป็นปม

“มีหลานให้เสด็จพ่ออุ้มหมดแล้วหรือพระเจ้าค่ะ ลูกมีเจ้าพเยีย แลภุชงค์...”เจ้าบัวงามผละออกจากอ้อมอุระของพระเชษฐา

“...”

“...”มีพิรุธทั้งพ่อ แลพี่ชาย
“เสด็จพ่อตรัสราวกับว่าภุชงค์มีลูกให้เสด็จพ่ออุ้มแล้วอย่างนั้นแลพระเจ้าค่ะ”

“...”

“...”

“...นี่ คงจักมิใช่ว่า...เจ้าแสงแรก”

“...”องค์ภุมรินหลบเนตรโอรสองค์เล็ก แสร้งทำเป็นหยอกเย้านัดดาตัวน้อยในอ้อมพระกร

“...”ส่วนเจ้าบ่าวของวันนี้ก็กวาดพระเนตรไปมาไม่สบเนตรน้อง

“ภุชงค์...เจ้าแสงแรกตั้งครรภ์หรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวกระซิบถาม

“...”

“...”

“ภุชงค์”

“จ้ะ เจ้าแสงแรกตั้งครรภ์แล้ว”

“ท้องก่อนแต่งหรือพระเจ้าค่ะ ภุชงค์ไยจึงทำเช่นนี้พระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางเบิกกว้าง โอษฐ์บางอ้าเผยอ

“พี่ขอโทษเจ้า อย่าดุนักเลยเสด็จแม่ท่านก็ลงหวายพี่จนสำนึกแล้วเจ้า”ตรัสกับน้อง

“สมควรให้เสด็จแม่ท่านตีแล้วพระเจ้าค่ะ”ค้อนพระเชษฐาไปหนึ่งที

“จ้ะๆๆ พี่สมควรโดนแม่ตีแล้ว มาเจ้าพเยียขอลุงอุ้มหน่อยหนาเจ้า...เสด็จพ่อ ขอลูกอุ้มหลานหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ลูบหัว ลูบไหล่น้อง ก่อนจักกรับเจ้าตัวน้อยจากพระบิดามาอุ้มแนบพระอุระ พระนาสิกแตะลงบนปรางกลม โยกพระวรกายแผ่วเบา หากลูกข้า แลเจ้าแสงเกิดมาจักได้อุ้มลูกคล่อง ดำริองค์เดียว แลแย้มสรวลเต็มพักตร์

“เจ้าภุชงค์”

“เสด็จแม่”องค์ภุชงค์เงยพักตร์ขึ้นเมื่อมารดาเรียกหา

“ใกล้จักได้เพลาพิธีศาสน์แล้ว ไปเถิดลูก ประเดี๋ยวจักเลยฤกษ์เอาได้”พระชายาชมนาดตรัสกับโอรสองค์โต

“พ่ะย่ะค่ะ”แย้มสรวลให้มารดา แลส่งนัดดาตัวน้อยคืนให้คนเป็นแม่ เจ้าบัวงามรับลูกน้อยมาอุ้มแนบอุระตนก่อนจักดำเนินตามบิดา มารดา แลเชษฐาออกจากตำหนักหลวง ป่านนี้องค์จันทร์คงจักรออยู่ที่ท้องพระโรงแล้วเป็นแน่

 

.

.

.

 

เจ้านายภุมริกา เจ้านายศศิมณฑล เหล่าอาคันตุกะที่ให้เกียรติมาร่วมพิธีในวันนี้ หรือแม้แต่เจ้าหลวงการเวกบิดาของเจ้าแสงแรกประทับอยู่ที่ท้องพระโรง จวบจนใกล้ถึงฤกษ์เจ้าน้อยแสงแรกจึงได้เสด็จมาที่ท้องพระโรงพร้อมบ่าวคนสนิททั้งสอง องค์ภุชงค์เมื่อได้ทอดพระเนตรน้องน้อยก็ยกมุมโอษฐ์อย่างพึงพระทัย เจ้าแสงแรกงดงามนัก แม้จักมิได้งามสะดุดเนตรเยี่ยงบุตรีขุนนางที่เคยพบเห็น หากแต่กลับงดงาม อ่อนหวานอย่างที่มองได้มิรู้เบื่อ เจ้าแสงแรกเมื่อเข้ามาในท้องพระโรงแล้วก็หมอบคลานกราบเจ้าหลวงภุมริน พระชายาชมนาด เจ้าหลวงสิงห์ผู้เป็นบิดา องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงาม ก่อนจักกราบองค์ภุชงค์เป็นคนสุดท้าย เจ้าน้อยการเวกก้มพักตร์ซ่อนปรางแดงระเรื่อ วันนี้องค์ภุชงค์งามจับตานัก เมื่อถึงฤกษ์ยามที่พระชายาชมนาดท่านหามา พิธีศาสน์จึงเริ่มขึ้นบ่าวสาวตักข้าวปลาอาหารใส่บาตรให้พระคุณเจ้าที่นิมนต์มาจากวัดใหญ่ใกล้วังหลวง

“ฝ่าบาท...”เจ้าแสงแรกช้อนเนตรมองพระพักตร์องค์รัชทายาทที่แย้มสรวลมาให้ เมื่อองค์ภุชงค์จับหัตถ์เจ้าน้อยให้จับที่คอทัพพี

“โบราณท่านว่าเพลาตักบาตรหากผู้ใดจับที่คอทัพพี ผู้นั้นจักเป็นใหญ่ในบ้าน...”ก้มพักตร์กระซิบข้างกรรณขาว

“...”เจ้าแสงปรางแดงระเรื่อ

“พี่ยอมให้เจ้าเป็นใหญ่เหนือพี่หนา แค่เจ้า...คนเดียวเท่านั้น”กดพระโอษฐ์ที่ขมับน้องก่อนจักประคับประคองทัพพีตักข้าวใส่บาตรให้พระคุณเจ้าท่าน ก่อนจักให้พระท่านมัดสายสิญจน์ ผูกดวง เจิมนลาฏ พร้อมพรมน้ำมนต์ แลสวดให้ศีลให้พร พิธีศาสน์จึงเป็นอันเสร็จสิ้น

“บัดนี้พิธีศาสน์ก็เสร็จสิ้นไปแล้ว เยี่ยงนั้นข้ากระหม่อมเจ้าหลวงภุมรินแห่งภุมริกาจักขอแต่งตั้งเจ้าน้อยแสงแรกแห่งแคว้นการเวกเป็นชายาของเจ้าภุชงค์ รัชทายาทสืบบัลลังก์ของข้ากระหม่อมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”องค์ภุมรินตรัส แลเปิดกรวยบายศรีสู่ขวัญ เป็นอันว่าบัดนี้เจ้าแสงแรกเป็นชายาขององค์รัชทายาทอย่างเต็มตัวแล้ว เจ้าแสงแรกช้อนเนตรมองพักตร์งามขององค์ภุชงค์ก่อนจักหมอบกราบแนบพระเพลา องค์ภุชงค์วางหัตถ์ลูบเศียรชายาตนแผ่วเบาก่อนจักโน้มพักตร์กดนาสิกกับกระหม่อมเจ้าแสงแรก





หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-07-2019 17:37:24
เค้าแต่งกันแล้ว อีกไม่นานก็จะมีตัวเล็กออกมาให้ชื่นชมแล้ว
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2019 00:59:25
ไม่น่ามีดราม่าแล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 30-07-2019 15:18:51
แต่งงานกันแล้ววว รอชมเจ้าตัวเล็กกก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-07-2019 19:03:05
โดนแม่ตี
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-07-2019 22:36:09
รอดมือน้องไปอีกคน :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-07-2019 11:30:12
ละมุน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 31-07-2019 13:11:00
สมกับที่รอมานาน
และจะรอต่อไป
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๕๐% ๒๙.๗.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 03-08-2019 23:13:25
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 05-08-2019 14:55:05



ภุชงค์เล่นแสง ๑๓ ๑๐๐%



เมื่อแล้วสิ้นพิธีศาสน์ในช่วงเช้า เจ้านาย แลอาคันตุกะที่มาร่วมพิธีก็กลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ตำหนักรับรองที่ทางภุมริกาจัดเตรียมไว้ให้

“เสด็จพ่อ”เจ้าแสงแรกโผเข้ากอดบิดาตนด้วยความคิดถึง องค์สิงห์เสด็จเยือนภุมริกาแต่เพียงองค์เดียว หาได้มีพระชายาติดตามมาด้วยไม่

“เจ้าแสง เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก สุขกายสบายใจหรือไม่คนดีของพ่อ”กอดลูกแนบอุระ พรมโอษฐ์จูบหอมขมับขาว
“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ แลเสด็จพ่อเป็นเช่นไรบ้างพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสสุรเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเนตร

“พ่อสบายดี มิไห้หนาลูก”หากแต่ยิ่งปลอบก็คล้ายยิ่งยุ เจ้าแสงร้องไห้กอดบิดาราวกับเด็กตัวน้อยๆ

“ฮึก...ฮือ”

“ชู่วว นิ่งเสียคนดี”ผละอ้อมกอดออก แลประคองพักตร์งามของลูกด้วยสองหัตถ์ ดรรชนีเกลี่ยคราบน้ำตาบนปรางขาวให้แผ่วเบา

“ฮึก...”เจ้าแสงเอียงพักตร์ซบกับฝ่าพระหัตถ์คนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน

“หึหึหึ นิ่งเสีย น้ำตานองหน้าหมดแล้ว ประเดี๋ยวจักมิงามเอาหนา”

“ฮึก พระเจ้าค่ะ”

“...รับพระกายาหารกันก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันให้ข้าหลวงตระเตรียมไว้แล้ว ประเดี๋ยวจักชืดเสียก่อน”เจ้าชมนาดตรัสขึ้น ทำให้สองพ่อลูกการเวกผละออกจากกัน



.
.
.



สำรับกายาหารคาวหวานหน้าตางามเลิศถูกยกถวายเจ้านายภายในท้องพระโรงตำหนักหลวง หากแต่เมื่อข้าหลวงเปิดฝาแกงในสำรับ องค์รัชทายาทเจ้าบ่าวของวันนี้ก็มีสีพระพักตร์ผะอืดผะอม ก่อนจักสำรอกออกมาให้ตกพระทัย เจ้าแสงถลาเข้าประคองภัสดา

“ฝ่าบาท...เป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ”หัตถ์เล็กลูบขนองกว้างไปมา

“พี่เหม็นแกงเจ้า”ตรัส แลคว้าฝามาปิดถ้วยแกง

“เหม็นหรือพระเจ้าค่ะ...ยี่สุ่นข้าขอยาหอมทีเถิด”เจ้าแสงโน้มพักตร์ดมที่สำรับ แต่หาได้กลิ่นเหม็นดังที่พระภัสดาว่าไม่ มีเพียงกลิ่นหอมของเครื่องแกง แลกะทิเสียมากกว่า

“อึก”องค์ภุชงค์ทุบอุระตนพลางสูดยาหอมในหัตถ์เมียเสียเฮือกใหญ่

“ฝ่าบาท หาได้มีกลิ่นเหม็นไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสพลางลูบพักตร์งาม

“...”

“...”ในขณะที่เจ้าแสง แลเจ้าหลวงการเวกตกพระทัยกับอาการของเจ้าภุชงค์ หากแต่สามพ่อ แม่ แลลูกภุมริกากลับประทับนิ่ง นัดดาในครรภ์เจ้าแสงแรกจักฆ่าบิดาทางอ้อมแล้วอย่างไรเล่า อาการเช่นนี้มันช่างคุ้นเคยยิ่งนัก

“องค์ภุชงค์เป็นเช่นไรบ้าง ตามหมอหลวงดีหรือไม่”เจ้าการเวกตรัส

“มิต้องดอกพระเจ้าค่ะ เจ้าภุชงค์มิได้เป็นกระไรมากดอก เป็นเพียงอาการปกติเท่านั้น”เจ้าชมนาดตรัส อย่างไรเสียก็ต้องทูลเจ้าหลวงการเวกว่ารัชทายาทของพระองค์ทำโอรสองค์เล็กของเจ้าหลวงการเวกตั้งครรภ์ก่อนตบแต่ง หากจักให้ปิดพระเนตร พระกรรณพระองค์ หรือ จักให้พระองค์รู้เองภายหลังก็คงมิงาม

“ปกติหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสถาม หากแต่มือก็ยังคงปรนนิบัติพระภัสดา

“...เจ้าภุชงค์แค่เพียงแต่แพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรกก็เท่านั้นพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดตรัส แลก้มพักตร์ลง

“...”เจ้าแสงแรกปรางแดงก่ำอย่างเขินอาย ผิดกับผู้เป็นบิดาที่นิ่งงันราวรูปสลัก

“...องค์รัชทายาทแพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรกหรือพ่ะย่ะค่ะ”ตรัสถามเจ้านายภุมริกา

“พระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันในฐานะแม่องเจ้าภุชงค์จักต้องกราบขอขมาเจ้าหลวงสิงห์ด้วยที่โอรสหม่อมฉันมิรู้จักยับยั้งชั่งใจ ทำเรื่องงามหน้าหมิ่นเกียรติโอรสของพระองค์”เจ้าชมนาดตรัส แลพนมหัตถ์ไหว้เจ้าหลวงต่างแคว้น

“...”

“เสด็จพ่อ”เจ้าแสงตรัสสุรเสียงอ่อย อับอายเหลือเกินที่จักต้องให้บิดามารับรู้ว่าตนชิงสุกก่อนห่าม ท้องก่อนแต่ง

“...”

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันขอกราบประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะที่ทำให้เจ้าแสงแรกเสื่อมเกียรติ ทั้งๆ ที่ให้สัญญาเป็นหมั่นเป็นเหมาะกับพระองค์แล้วว่าจักรัก แลให้เกียรติน้อง...”องค์ภุชงค์ประคองพระวรกายตนหมอบกราบแทบพระบาทพระสัสสุระ

“...”

“หม่อมฉันมิมีกระไรจักแก้ต่าง...”

“เสด็จพ่อ...ลูกก็ผิดพระเจ้าค่ะ ที่มิห้ามปราม แลเห็นดีคล้อยตามองค์ภุชงค์”เจ้าแสงกราบแนบพระบาทบิดา

“...เอาเถิด อย่างไรเสียตอนนี้ก็ตบแต่งกันแล้ว แลหลานพ่อก็มาเกิดแล้วก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย”องค์สิงห์ตรัสพลางประคองบุตรเขย แลโอรสตนให้เงยพักตร์ขึ้น



แม้ว่าองค์สิงห์จักมิได้โกรธเคืองกระไรที่องค์ภุชงค์ทำเจ้าแสงแรกท้องก่อนตบก่อนแต่งตามประเพณี หากแต่เจ้าชมนาด แลองค์ภุมรินก็รับสั่งให้ข้าหลวงตระเตรียมมาลัยพวงงาม พร้อมน้ำล้างพระบาทให้องค์รัชทายาทภุมริกา แลเจ้าน้อยการเวกได้กราบขอขมา แลล้างพระบาทให้เจ้าหลวงการเวก เสร็จจากนี้เจ้าบัวงาม แลองค์จันทร์จึงขอพาลูกกลับตำหนักในก่อน เนื่องจาก เจ้าพเยียน้อยร้องงอแงหิวนม เจ้านายที่เหลือจึงแยกย้ายกันพักผ่อน เพื่อรอร่วมงานพิธีฉลองในค่ำนี้

“ไปพักก่อนเถิดลูก เจ้าภุชงค์พาน้องไปพักก่อนเถิดกำลังท้องกำลังไส้”เจ้าชมนาดตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่...เช่นนั้นหม่อมฉันขอพาเจ้าแสงแรกไปพักก่อน ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบ แลประคองเมียออกจากโถงตำหนัหลวงกลับตำหนักพร้อมด้วยบ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าแสง

“เชิญพักผ่อนก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ค่ำนี้ยังจักต้องร่วมงานพิธีฉลองอีก”องค์ภุมรินตรัสกับเจ้าหลวงการเวก

“พ่ะย่ะค่ะ”



.
.
.



“เหนื่อยหรือไม่เจ้าแสง”ตรัสถามพลางไล้ปรางนวลแผ่วเบา

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิเหนื่อยดอก”แสงตรัส แลแย้มสรวลให้พระภัสดา

“...แลเจ้าเล่าลูกพ่อ เหนื่อยหรือไม่คนดี”ย่อพระวรกายลงไปตรัสกับอุทรแบนราบของเจ้าแสง

“...ฝ่าบาท”ปรางขาวแดงระเรื่ออย่างเขินอาย

“นอนพักก่อนหนาคนดี ประเดี๋ยวค่ำนี้ก็ต้องเข้าร่วมงานฉลองอีกจักได้มิเหนื่อยมาก”

“พระเจ้าค่ะ”



องค์ภุชงค์ช่วยชายาหมาดๆ ของพระองค์ปลดสร้อยพระศอ เครื่องเงิน เครื่องทองออกอย่างเต็มพระทัย พระหัตถ์ปลดเสื้อแขนกระบอกคอตั้งของเจ้าแสงแรก ยามสาบเสื้อทิ้งตัวแยกออกจากกัน ปลายพระองคุลีก็ถือโอกาสลูบไล้ผิวเนื้อนุ่มหยุ่นของเจ้าแสง

“ฝ่าบาท...”เจ้าแสงแรกตะครุบหัตถ์พระภัสดาไว้ พลางหลบเนตร ดวงพักตร์งามแดงระเรื่อ

“...”โอบกายบางแนบพระอุระแผ่วเบา มิให้น้องน้อยระคายเคือง พระหัตถ์ถอดปราการที่ปกปิดฉวีขาวออก เจ้าแสงแรกเปลือยท่อนบนอยู่ในอ้อมพระกรพระภัสดา ถูกตระกองกอด แลจูบซับลาดไหล่เนียนแผ่วเบา

“ฝ่าบาท...ปล่อยหม่อมฉันก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส เขินอายมิน้อยที่จักต้องมาเปลือยให้พระภัสดากกกอดเยี่ยงนี้

“...ประเดี๋ยวพี่เลือกผ้าแถบให้หนาเจ้า”ยอมปล่อยร่างแน่งน้อยแต่โดยดี พระหัตถ์ลูบปรางขาว แลตรัสสุรเสียงอ่อน องค์ภุชงค์ผละออกจากร่างหอมกรุ่น แลดำเนินไปเปิดหีบผ้าของเมีย บุหงารำไปกลิ่นดอกแก้วที่ใช้อบผ้าลอยขึ้นแตะพระนาสิกให้สูดดม ปลายพระองคุลีไล้เนื้อผ้านิ่มในหีบแผ่วเบา ก่อนจักเลือกผ้าแถบสีขาวขาบปักลายดอกแก้วเล็กๆ ทั่วผืนขึ้นมา

“...”เจ้าแสงแรกประทับยืน สองกรเรียวเสลากอดอุระเปลือยของตนไว้แน่น ปกปิดเต้ากระเปราะให้พ้นสายพระเนตรคม

“ใส่ผ้าแถบผืนนี้หนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”

“มา พี่ใส่ให้”ตรัส แลคลี่ผ้าแถบสีหวานออก

“หม่อมฉันทำเองได้พระเจ้าค่ะ”ก้าวบาทถอยหลังหนีคนพี่

“ให้พี่ช่วยเถิดหนาคนดี”มิฟังคำปฏิเสธจับกรเรียวที่กอดอุระบางออกเผยให้เห็นยอดอกสีหวานตั้งชัน องค์ภุชงค์ประทับลงบนพระแท่นบรรทม จับน้องน้อยให้ยืนอยู่ระหว่างพระเพลาหันพักตร์เข้าหาพระองค์ ทำให้พรักตร์งามขององค์รัชทายาทอยู่เสมอแผ่นอกขาวประทับยอดปทุมสีหวานของชายาคนงาม นั่นยิ่งทำให้เจ้าแสงแรกเขินอายหน้าม้านจนใคร่อยากจักกลั้นใจตาย

“...ฝ่าบาท”ประท้วงสุรเสียงสั่นเครือเมื่อปลายพระนาสิกของพระภัสดาแตะเย้าวนรอบฐานบัวสีอ่อน กดพระโอษฐ์ที่แผ่นอกบาง ก่อนจักซบพักตร์กับอกเมียนิ่ง

“มาคนดี พี่ใส่ผ้าแถบให้หนา”ตัดพระทัยผละออกจากกายหอมหวาน แลพันผ้าแถบให้เมียอย่างที่ควรจะเป็นเสียตั้งแต่แรก เมื่อเหน็บปมผ้าแถบแล้วแล้ว พระหัตถ์ใหญ่ก็เลื่อนลงที่ผ้าโจงผืนงาม

“ฝ่าบาท...หม่อมฉันผลัดผ้าโจงเองพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกคว้าหัตถ์พระภัสดาไว้แน่น

“...”ช้อนเนตรสบนัยน์ตาหวานเว้าวอนของเจ้าแสง

“หนาพระเจ้าค่ะ...ฝ่าบาท...เมตตาหม่อมฉันเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสปรางแดงก่ำราวลูกตำลึงสุก

“ก็ได้ๆ พี่จักยอมให้เจ้าผลัดผ้าเอง”ยอมให้เมื่อทอดพระเนตรนัยน์ตาหวานคลอน้ำ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ประนมมือไหว้ผัวที่ยังมีเมตตาอยู่บ้าง เจ้าแสงผละออกจากพระวรกายสูงใหญ่ ดำเนินหลบเข้าหลังฉากกั้นปลดผ้าโจงที่ใช้ในพิธีศาสน์ออก แลสวมใส่ผ้าโจงผืนใหม่เนื้อนิ่มแทน เมื่อเจ้าน้อยการเวกดำเนินออกจากหลังฉากกกั้นก็ถึงกับผงะหน้าม้าน พระภัสดาที่เมื่อครู่อยู่ในฉลองพระองค์ในพิธีศาสน์ บัดนี้ทรงเปลือยล่อนจ้อนไร้อาภรณ์บนพระวรกายกำยำ

“หึ”เหลือบเนตรเห็นอาการชายาตนแล้วก็สรวลในลำศอ พระหัตถ์คว้าผ้าโจงมาพันรอบกฤษฎีสอบ ก่อนจักดำเนินไปช้อนอุ้มร่างบางของเมียขึ้นแนบอุระ

“อ๊ะ ฝ่าบาท”เจ้าแสงแรกผวาคว้าพระศอกอดแน่น

“พี่อุ้มหนาเจ้า หน้าแดงหน้าดำเยี่ยงนี้ พี่กลัวว่าเจ้าจักเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน”ตรัสหยอกเย้า เจ้าแสงใคร่อยากจักเป็นลมไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดตามที่พระภัสดาตรัสจักได้มิต้องมาทนเขินอายจนหน้ามืดเยี่ยงนี้

“...”เมื่อองค์ภุชงค์ท่านวางตนลงบนพระยี่ภู่ เจ้าแสงแรกก็คว้าผ้าแพรคลุมพระองค์ขึ้นคลุมเศียรตน

“ฮะฮ่าๆๆ ทำกระไรนั่นเจ้าแสง ประเดี๋ยวก็ขาดใจตายดอก พี่มิใคร่อยากเป็นม่ายดอกหนา”ตรัสเย้า แลดึงผ้าแพรออกจากเศียรเจ้าแสง

“...”เจ้าแสงแสร้งหลับเนตรมิรับรู้กระไรแล้ว หากแต่ปรางเนียนยังมีริ้วแดงก่ำพาดประทับ

“หึหึหึ พี่มิแกล้งแลวเจ้า พักเถิดหนาคนดี”กอดน้องจากด้านหลัง ซุกนาสิกกับเกศายาว แลหลับเนตรลงพร้อมรอยยิ้มสรวล



.
.
.



งานพิธีฉลองในตอนค่ำมีอาคันตุกะหลากหลายแคว้นเข้าร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง พระภัสดา แลเหล่าเจ้าหลวงต่างแยกออกไปพบปะสนทนาการบ้านการเมืองกัน ส่วนชายาก็ประทับพูดคุยกันอีกทาง เจ้าแสงแรกประทับทอดพระเนตรนางรำที่ทำการรำถวายพระเนตรมิกระพริบ หัตถ์ก็คว้าผลหมากรากไม้แช่อิ่มเข้าพระโอษฐ์เคี้ยวกรวมๆ สลับกับยกจอกน้ำขิงขึ้นจิบ อาการแพ้ท้องของเจ้าแสงเห็นทีจักมีเพียงบรรทมบ่อยขึ้น เสวยมากขึ้นส่วนอาการวิงเวียนเศียร อาเจียนนั้นไปตกอยู่ที่องค์ภุชงค์เสียหมด

“ชงโค ยี่สุ่น”

“พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”

“ข้าใคร่เข้าเวจ”ตรัส แลเช็ดหัตถ์กับผ้าขาวที่บ่าวคนสนิทนำถวายให้

“ประเดี๋ยวยี่สุ่น แลชงโคพาไปหนาพระเจ้าค่ะ”สองบ่าวประคองพระกรคนเป็นนายให้ลุกขึ้น

“เสด็จแม่ หม่อมฉันขอตัวสักประเดี๋ยวหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระสัสสุ

“จ้ะ...ยี่สุ่น ชงโคดูแลสุณิสาข้าให้ดีหนา”เจ้าชมนาดแย้มสรวลให้สุณิสา ก่อนจักรับสั่งกับบ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงแรก

“พระเจ้าค่ะพระชายาชมนาด”



.
.
.



เมื่อคนเป็นนายเข้าเวจเรียบร้อยแล้ว บ่าวทั้งสองก็ประกบขนาบข้างประคองคนเป็นนายกลับเข้าท้องพระโรง หากแต่ถูกขัดขวางเสียก่อน

“...”เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรเจ้าน้อยแคว้นชลาศัยที่ก้าวมาดักหน้าพร้อมบ่าวคนสนิทที่ก้มหน้าก้มตามิกล้ามองพักตร์เจ้าน้อยการเวก หรือ ชายาของรัชทายาทภุมริกา

“...นี่หนาหรือ คนที่องค์ภุชงค์ท่านเอาเป็นชายา”กวาดเนตรมองเจ้าแสงตั้งแต่เศียรจรดบาท จนยี่สุ่น แลชงโคชักสีหน้าโกรธเคืองแทนคนเป็นนาย หากแต่เจ้าแสงแรกยังคงนิ่ง

“...”

“เจ้าดีกว่าข้าที่ตรงใดกัน ไยองค์ภุชงค์จึงได้เลือกเจ้าเป็นชายา!!”พักตร์จิ้มลิ้มของเจ้าน้อยชลาศัยบูดบึ้ง หากเป็นน้องนุ่งคงจักนึกเอ็นดูพักตร์รั้นๆ นั้นมิน้อย หากแต่กิริยาก็คงต้องอบรมกันเสียใหม่

“...แลข้ามิมีตรงที่ใดหรือเจ้าน้อยสลิล ไยองค์ภุชงค์ท่านจักเลือกข้ามิได้”เจ้าแสงตรัสกลับไปเรียบนิ่ง สุรเสียงยังคงความอ่อนหวานหาได้มีอารมณ์โกรธเคืองเจืออยู่ไม่

“มิดี! มิดีๆๆๆ!!!”ตรัสอย่างเอาแต่พระทัย เนตรงามคลอน้ำ โอษฐ์จิ้มลิ้มเบะออก

“พระทัยเย็นก่อนเถิด”เจ้าแสงแรกปลอบ

“ฮึก...เพราะเจ้า!!”ตวาดใส่เจ้าแสง

“...ข้าทำกระไรให้ท่านโกรธเคืองหรือ”เจ้าแสงตรัสถามอย่างฉงน

“เพราะเจ้า ฮึก เจ้าแย่งองค์ภุชงค์ไปจากข้า...ทำให้ข้าต้องตบแต่งกับเจ้าหลวงพาฬ ฮึก”

“...”เจ้าหลวงพาฬ ผู้ครองแคว้นศารทูล

“ฮึกๆๆ...เพราะเจ้า”สะอื้นไห้ราวกับเด็กตัวน้อยๆ

“หยุดไห้ก่อนเถิด”เจ้าแสงขยับพระวรกายเข้าใกล้เจ้าน้อยสลิล วางหัตถ์ลูบอังสะบางปลอบ

“หึหึหึ อย่าไปสนพระทัยเด็กดื้อ เอาแต่ใจไปเลยพระชายาแสงแรก”สุรเสียงทุ้มต่ำของผู้มาใหม่ทำเอาเจ้าน้อยสลิลกัดโอษฐ์ตัว
เองกลั้นสะอื้นทันควันทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลนองพักตร์ขาว

“เจ้าหลวงพาฬ ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหมอบกราบผู้มาใหม่ ดวงพักตร์งาม หากแต่พระเนตรดุคมกริบก็ทำเอาเจ้าแสงแรกมิกล้าสบเนตรด้วย

“มิต้องมากพิธีดอก”ตรัสก่อนจักผินพักตร์ไปหาเจ้าน้อยสลิลคู่หมาย พระเนตรคมดุราวเหยี่ยวป่าจดจ้องจนคนตัวเล็กสั่นสะท้านด้วยความกลัว

“...อึก ฮึก อ๊ะ”เจ้าน้อยสลิลหลุดสุรเสียงร้องเมื่อพระหัตถ์ร้อนกอบกุมพาหุเล็กแน่น

“เด็กดื้อจักต้องถูกลงทัณฑ์!! เป็นคู่หมายข้า แต่กลับร้องร่ำหาชายอื่น!!”ตรัสพระสุรเสียงลอดไรพระทนต์ ก่อนจักฉุดกระชากร่างแน่งน้อยให้ปลิวตามพระองค์ไป

“ไม่...ปล่อยข้า ฮึก”เจ้าน้อยตัวขาวขืนพระวรกายออกจากหัตถ์ของเจ้าหลวงคู่หมาย หากแต่ก็มิเป็นผล

“เจ้าน้อยสลิ...”เจ้าแสงหุบโอษฐ์ฉับเมื่อเจ้าหลวงพาฬแห่งศารทูลผินพักตร์มาจ้องตนด้วยสายพระเนตรว่างเปล่า จักสงสารก็แต่เจ้าน้อยสลิล







หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-08-2019 15:33:02
แกล้งเก่งเหลือเกิน
วันต่อมาแพ้หนักกว่านี้จะขำให้ 555555555555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-08-2019 21:35:28
ดีมากค่ะแพ้ท้องแทนเมีย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-08-2019 22:13:32
แพ้ท้องแทนเมียยย  :hao6: รักเมียมากแน่ๆ สามีดีเด่น
อยากอ่านอีกคู่เลยย เคะดูเด็กน้อยน่ารัก เมะก็ดูโหดมาก จะเขียนมั้ยค้าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 06-08-2019 20:11:00
มีโมเมนท์นี้ด้วยเหรอ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 06-08-2019 20:13:00
มีโมเมนท์นี้ด้วยเหรอ
 

:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-08-2019 01:07:34
มีคู่ใหม่โผล่มา~
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-08-2019 11:06:55
ได้อีกคู่ อีกเรื่องแล้วซินะ เจ้าน้อยสลิลกับเจ้าหลวงแห่งศารทูล
เหมือนจะมาแบบจำเลยรักหรือเปล่านะ น่าสนอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-08-2019 17:51:04
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 07-08-2019 19:07:53
สองคนนั้นว่ารักเมียหลงเมียแล้ว
เจอแพ้ท้องแทนเมียไปทีต้องรักและหลงขั้นสุดแล้วล่ะ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๑๐๐% ๐๕.๘.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 07-08-2019 19:38:37
มีอีกคู่ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 17-09-2019 11:54:09
มาแล้ว ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีเรา Rewrite ชมนาดอยู่เลยไม่ได้มาอัพเลย ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ

Thichadad <3
[/b]
[/color]





   ภุชงค์เล่นแสง ๑๔





   หลังจากที่เจ้าหลวงพาฬฉุดกระชากเจ้าน้อยสลิลออกไปแล้ว ยี่สุ่น แลชงโคก็ประคองคนเป็นนายกลับที่ประทับ

   "ไปไหนมาหรือเจ้าแสงแรก"พระภัสดาท่านประทับรออยู่แล้ว

   "หารือกับเจ้าหลวงท่านแล้วแล้วหรือพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงแรกตรัสถาม

   "แล้วแล้วเจ้า แต่ถึงมิแล้วก็ต้องแล้ว"ตรัสพร้อมรยสรวล

   "..."เจ้าแสงเลิกขนง เอียงศออย่างฉงน

   "วันนี้พี่เป็นเจ้าบ่าวหนา จักทิ้งเมียให้เหงาได้อย่างไรกัน"

   "หม่อมฉันหาได้เหงาไม่พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงหลบเนตรตรัสตอบพระภัสดา

   "น้องมิเหงา แต่พี่เหงาหนา"ตรัส แลรวบกฤษฎีบางเข้าแนบพระวรกาย

   "หึหึหึ"กดพระนาสิกที่ขมับขาว





   .

   .

   .





   หลังจากวันพิธีศาสน์ แลวันสถาปนาเจ้าแสงแรกเป็นชายาขององค์รัชทายาท สามวันถัดมาจึงถึงฤกษ์งามยามดีที่จักมีพิธีร่วมหอขององค์รัชทายาท แลพระชายาองค์ใหม่ เมื่อถึงฤกษ์องค์ภุชงค์จึงได้เข้าประทับรอเจ้าแสงแรกอยู่ในห้องหอ เพียงมินานขบวนเกี้ยวเจ้าแสงแรกก็มาเทียบที่หน้าตำหนัก

   "ทูลองค์รัชทาาท พระชายาแสงแรกเสด็จแล้วเพคะ"ข้าหลวงหน้าบานพระทวารกราบทูล

   "..."องค์ภุชงค์แย้มสรวล พระทัยเต้นตึกตัก ทอดพระเนตรบานพระทวารมิวางเนตร เมื่อบานทวารเปิดออกก็ปรากฎร่างบางของเมียรัก คืนนี้เจ้าแสงแรกสวมผ้าแถบผืนบางสีขาวปลอด แลผ้าโจงกระเบนสีมอครามขับฉวีขาวให้ผ่องน่าจับต้อง

   "ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท"หมอบกราบพระภัสดาอ่อนช้อย

   "ไหว้พระเถิดเจ้า"เข้าประคองเจ้าแสงให้ลุกขึ้น โอบร่างบางให้ประทับลงบนพระแท่นบรรทม

   "..."เจ้าแสงแรกขัดเขิน พักตร์แดงระเรื่อ

   "คืนนี้ เราจักทำกระไรกันดีเจ้า"องค์ภุชงค์ตรัสถาม

   "ท ทำกระไรพระเจ้าค่ะ"

   "พี่รู้ๆ เจ้ากำลังท้องลูกของเรา คืนนี้เราคงมิได้เข้าหอกันเช่นคนอื่น"องค์ภุชงค์ตรัส ฝ่าพระหัตถ์แนบปรางนุ่มเกลี่ยไล้แผ่วเบา กดจูบที่อังสะหอมกรุ่น กอดเจ้าแสงแรกแนบพระอุระ พักตร์งามซุกไซร้ซอกศอขาว แต้มโอษฐ์พรมจูบฉวีนุ่ม

   "ฝ่าบาท"สงสารพระภัสดามิน้อย หากแต่ท้องเช่นนี้คงจักถวายงานรับใช้พระองค์มิได้





   "จำเอาไว้หนาว่าเพลาที่เจ้าตั้งครรภ์นั้น จักเป็นเพลาที่เจ้ามิสามารถถวายงานรับใช้ภัสดาบนพระแท่นบรรทมได้ แลกว่าจักให้กำเนิดลูก แลกว่าจักอยู่ไฟแล้ว กินเวลานานเป็นปี ผู้ชายห่างหายเรื่องแบบนี้ได้มินานดอก หากมีไอ้อีคนใดมิรักตัวกลัวตายยั่วยวนเข้า มิยากเลยที่พระองค์จักโอนอ่อนตามมันผู้นั้น แต่หาก​มิโอนอ่อนตาม ก็ย่อมน่าสงสารที่จักต้องอดทนอดกลั้นเป็นปีเช่นนั้น"

   "..."

   "ดังนั้น เราจึงต้องเรียนรู้ที่จักปรนนิบัติผัว แม้นจักให้จนสุดทางมิได้ หากแต่ก็ต้องทำให้พระองค์อยู่ในกำมือเรา ไปไหนมิรอด"





   "เจ้าแสง"องค์ภุชงค์รีบผละออกจากร่างหอมกรุ่น เมื่อหัตถ์เล็กของเจ้าแสงแรกวางลงบนกึ่งกลางความเป็นชายของพระองค์ผ่านพระภูษา

   "แม้นจักให้พระองค์ร่วมรักด้วยมิได้ หากแต่ให้หม่อมฉันปรนนิบัติหนาพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัส พลางเอนกายแนบพระอุระกว้าง พักตร์งามแนบซบพระอังสะกว้าง หัตถ์ก็ปลดแก้ผ้าโจงของพระภัสดา

   "เจ้าแสงแรก"องค์ภุชงค์ขบพระทนต์แน่น ยามหัตถ์นุ่มโอบอุ้มส่วนร้อนผ่าวของพระองค์ เจ้าแสงนวดคลึงตามที่พระสัสสุได้สอนทุกกระเบียดนิ้ว

   "ฝ่าบาท"จูบซับตามกรอบพักตร์ของพระภัสดา แทะเล็มด้วยชิวหาชื้น จนมาหยุดอยู่ที่พระโอษฐ์ขององค์ภุชงค์แนบโอษฐ์ตนเคล้าคลึง ฝ่าพระหัตถ์ประคองพักตร์งามของชายาตนบดพระโอษฐ์ป้อนจุมพิตร้อนให้ ดูดดึงกลีบโอษฐ์เจ้าแสงแรกจนช้ำระเรื่อ ชิวหาร้อนสอดเคล้าพลิกพริ้วราวมัจฉา

   "พ พอก่อนพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงผละจุมพิตออก ตรัสพลางเบี่ยงพักตร์หนีโอษฐ์ร้อนที่ตามมา องค์ภุชงค์จึงได้แนบพระโอษฐ์ที่ลาดอังสาเล็กแทน สูดกลิ่นแก้วหอมหวาน พระหัตถ์ปลดผ้าแถบผืนบางออกให้พ้นเรือนร่างขาวของเมีย ลูบไล้ฉวีนุ่มอย่างหลงใหล

   "เมียข้าไยจึงงามเช่นนี้หนา"ตรัสพึมพำ ทำเอาเจ้าแสงแรกพักตร์ม้านด้วยความเขินอาย หากแต่ก็ต้องข่มความอายไว้ในอุระตน ผลักพระภัสดาออกเบาๆ จนองค์ภุชงค์เลิกพระขนงอย่างสงสัย

   "ให้หม่อมฉันปรนนิบัติพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ"ตรัส แลลงไปนั่งคุกพระชงค์ตรงหน้าพระพักตร์ หัตถ์เล็กกำส่วนร้อนผ่าวที่แสนจักภาคภูมิพระทัยขององค์ภุชงค์ ลูบขึ้น แลลงแผ่วเบา ก่อนจักจรดโอษฐ์ลงที่ส่วนปลาย เนตรงามหลับลงพลางนึกถึงบทเรียนที่พระสัสสุเคยสอนสั่ง เคยทำกับกล้วยเช่นไร คืนนี้จึงจำมาใช้ปรนนิบัติพระภัสดาทุกกระบวนท่า





   .

   .

   .





   รุ่งอรุณมาเยือน แสงแห่งวันใหม่สาดส่องไปทั่วทั้งวังหลวง เจ้าแสงแรกลืมเนตรขึ้น เมื่อหลุดออกจากห้วงนิทรา ขยับกายเตรียมจักลุกจากพระแท่นบรรทม หากแต่ท่อนพระกรหนักที่พาดยู่ที่กฤษฎีบางทำให้เจ้าแสงแรกมิสามารถลุกได้ เมื่อเป็นดังนั้นภาพราตรีเร่าร้อนที่ผ่านมาก็ผุดเข้ามาในห้วงดำริ ปรางเนียนแดงระเรื่อ



   "เจ้าแสง อ่า น้อง อ อืม"องค์ภุชงค์ครางเครืออย่างสุขสม พระหัตถ์ใหญ่เกร็งสางเกศานุ่มแผ่วเบา แม้แรงอารมณ์จักพุ่งทะยานขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วก็ตาม

   "ด ดี หรือ ม ไม่พระเจ้าค่ะ"ตรัสถามพลางช้อนเนตรมองพระพักตร์งามของพระภัสดาที่แดงก่ำ หยาดพระเสโทไหลตามกรอบพักตตร์หยดลงบนพระอุระ

   "ดี ดีมากจ้า อื้ม"หลับเนตร เงยพักตร์คำรามสุรเสียงต่ำ





   เจ้าแสงอับอายจนแทบอยากจักแทรกแผ่นดินหนี หากแต่เมื่อนึกถึงพระพักตร์ของพระภัสดาที่เจือความสุขสม โอษฐ์เล็กก็แย้มน้อยๆ อย่างพึงพระทัย เจ้าแสงแรกค่อยๆ จับพระกรของพระภัสดาออกจากกฤษฎีตน เรียวขาเล็กวาดลงวางบนพื้นก่อนจักลุกขึ้น หัตถ์เล็กประคองครรภ์ตนไปที่พระทวาร ผลักออกแผ่วเบา

   "เจ้าน้อ เอ้ย พระชายา ตื่นบรรทมแล้วหรือพระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นที่ตื่นแต่เช้ามาเฝ้าบานพระทวารห้องหอของคนเป็นนายรีบถลาเข้ามาพร้อมชงโค

   "เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ"ชงโคถามพลางประคองหัตถ์คนเป็นนาย

   "มิเป็นไร ยี่สุ่นเตรียมอ่างสรงให้ข้าทีเถิด ส่วนชงโคไปห้องเครื่องเตรียมสำรับให้ข้า แลองค์ภุชงค์ทีหนา"เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์สรวลให้คนสนิททั้งสอง ก่อนจักสั่งงาน

   "พระเจ้าค่ะ"

   "ใคร่อยากเสวยกระไรเป้นพิเศษหรือไม่พระเจ้าค่ะ"ชงโคทูลถามคนเป็นนนาย

   "ข้าใคร่อยากได้มะดันสดกับเกลือ"เจ้าแสงแรกว่า มิใช่ว่าใคร่อยากเอง หากแต่เอามาถวายพระภัสดาต่างหาก องค์ภุชงค์แพ้ท้องแทนเจ้าแสงมาหลายวันแล้ว หากได้เสวยผลมะดันวันนี้คงจักช่วยให้มิใคร่อาเจียนมากนัก

   "พระเจ้าค่ะ"



   อ่อก อ้วก



   ยังมิทันไรเสียงอาเจียนขององค์ภุชงค์ก็ดังออกมาจากห้องหอ

   "ประเดี๋ยวข้าจักเข้าไปดูองค์ภุชงค์ก่อน"เจ้าแสงตรัส

   "พระเจ้าค่ะ"



   อ่อก อ้วก



   องค์ภุชงค์ประทับอยู่บนพระแท่นบรรทม ในหัตถ์ถือบ้วนพระโอษฐ์รองใต้หนุ

   "ฝ่าบาท เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงประทับลงข้างพระภัสดา หัตถ์ข้างหนึ่งประคองครรภ์ตน อีกข้างลูบขนองกว้างไปมา

   "อึก อ่อก"องค์ภุชงค์สำรอกจนพระศอเกร็ง สูดพระปัสสาสะเข้าลึกๆ

   "บ้วนพระโอษฐ์ก่อนหนาพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงแรกรินพระสุธารสในคันโทให้พระภัสดาบ้วนพระโอษฐ์ องค์ภุชงค์บ้วนโอษฐ์แล้วแล้วก็เอนพระวรกายลงนอนหนุนตักเมีย ซุกพักตร์กับอุทรเจ้าแสง

   "..."จับหัตถ์เจ้าแสงมากุมแนบพระอุระ

   "เป็นเยี่ยงไรบ้างพรเจ้าค่ะ"หัตถ์ข้างที่มิได้ถูกพระภัสดากอด ยกสางพระเกศาดกหนาให้

   "ลูกช่างใจร้ายนัก รังแกพ่อเช่นได้เยี่ยงไร"ตรัสทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมเนตร แม้จักตัดพ้อลูกน้อยในครรภ์เจ้าแสงแรก หากแต่พระโอษฐ์กลับแนบจูบที่ครรภ์เจ้าแสงแผ่วเบา

“อย่าว่าลูกเลยหนาพระเจ้าค่ะ ลูกคงมิตั้งใจดอก”เจ้าแสงตรัส แลแย้มรวลน้อยๆ

“มิทันไรรักลูกมากกว่าพี่แล้วหรือเจ้า”องค์ภุชงค์ลืมเนตรขึ้นสบกับนัยน์ตาหวานของเมียรัก

“ตรัสกระไรเช่นนั้นพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสอย่างเป็นกังวล

"แลจริงหรือไม่"องค์ภุชงค์ตรัสถาม

"หม่อมฉันรักลูก แลก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ หากจักให้เลือกว่ารักใครมากกว่ากัน หม่อมฉันคงเลือกมิได้ ฝ่าบาทดปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงแรกขมวดขนงอย่างเปนกังวล

"ชู่ว เจ้าแสงแรก พี่พูดเล่นดอกเจ้า มิได้จริงจังกระไร อย่ากังวลไปเลยหนา"องค์ภุชงค์ลุกขึ้นจากตักของเมีย แลดึงร่างแน่งน้อยเข้ากอดปลอบ พระหัตถ์ลูบเกศานุ่มแผ่วเบา

"หม่อมฉันรักลูก แลก็รักพระองค์ด้วยหนาพระเจ้าค่ะ หาใช่มิรัก"เจ้าแสงแรกยกกรเรียวของตนกอดรอบพระกฤษฎีสอบของภัสดา

"พี่รู้แล้วๆ เจ้า"ตรัส แลกดจูบที่นลาฏเนียน



สองผัวเมียข้าวใหม่ปลามันนั่งกอดกันบนพระแท่นบรรทม พูดคุยเรื่องลูกในครรภ์ แลเรื่องจิปาถะ องค์ภุชงค์หยอกเย้าให้คนเป็นเมียสรวลสุรเสียงใสน่าเอ็นดู อยู่ได้ครู่หนึ่งยี่สุ่นก็เตรียมอ่างสรงแล้ว

“สรงน้ำก่อนหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวสรงแล้วแล้วสำรับคงแล้วพอดี”เจ้าแสงแรกทูลพระภัสดา

“จ้ะ เจ้าก็สรงพร้อมพี่เลยหนา”องค์ภุชงค์ท่านตรัส

“ห หากแต่”เจ้าแสงแรกพักตร์ม้าน จักให้ลงสรงกับพระภัสดาหนาหรือ

“ไปเถิด ประเดี๋ยวจักได้กินข้าวกัน ลูกหิวแย่แล้วกระมัง”มิยอมให้เจ้าแสงปฏิเสธ

“...”เมื่อพระภัสดาเอาแต่พระทัยเยี่ยงนี้ แลคนเป็นเมียจักมีปากมีเสียงอย่างไรได้

“ยี่สุ่นเจ้าออกไปก่อนเถิด”องค์ภุชงค์ตรัส

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ แลคลานออกไปแต่โดยดี

“เจ้าแสงไปเถิดเจ้า”องค์ภุชงค์ประคองร่างแน่งน้อยให้ลุกจากพระแท่นบรรทม



.

.

.



องค์ภุชงค์ประทับซ้อนหลังคนเป็นเมีย พระหัตถ์ข้างหนึ่งวักน้ำรดลงบนลาดอังสาเนียน อีกข้างลูบไล้ครรภ์แบนไปมา เจ้าแสงแรกประทับนิ่งให้พระภัสดาลูบคลำกายตน

“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์ตรัสกระซิบที่หลังกรรณเล็ก

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกขานรับสุรเสียงแผ่ว

“เรามาตั้งชื่อลูกกันดีหรือไม่”พระภัสดาตรัสถาม

“ชื่อลูกหรือพระเจ้าค่ะ หากแต่หม่อมฉันเพิ่งจักท้องได้มิถึงสองเดือนดีเลยหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกผินพักตร์ไปตอบพระภัสดา

“มิเห็นจักเป็นกระไรเลยนี่เจ้า ตั้งไว้รอลูกก็ได้”องค์ภุชงค์ประคองอังสะบางของเจ้าแสงให้หันมาหาพระองค์

“แลพระองค์ดำริไว้หรือไม่พระเจ้าค่ะว่าใคร่อยากตั้งชื่อลูกว่ากระไร”เจ้าแสงตรัสถามพระภัสดา เนตรงามเป็นประกายน่าเอ็นดูเสียจนองค์ภุชงค์ท่านอดมิได้ที่จักโน้มพักตร์เข้าหอมปรางชื้นฟอดใหญ่

“หึหึหึ ให้ลูกชื่อว่า...”ตรัสค้างไว้

“...”

“เจ้ารพิดีหรือไม่ ดวงตะวันที่ให้แสงแรกของวัน”นามนี้พระองค์ได้มาจากชื่อแสงแรกของเมีย

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกแย้มสรวลหวาน โปรดนามที่พระภัสดาตั้งให้ลูกมิน้อยเลย

“น้องตั้งให้ลูกอีกชื่อหนึ่งสิเจ้า ใคร่อยากตั้งชื่อลูกว่ากระไรหรือ”องค์ภุชงค์ตรัสถาม

“อืม”เจ้าแสงแรกเอียงศอคิดนามของลูก เปิดโอกาสให้องค์ภุชงค์ซุกพระพักตร์ดอมดมกลิ่นแก้วหอมจากซอกศอขาว

“...”พระภัสดาประทับโอษฐ์อุ่นจุมพิตที่ฉวีขาว

“เจ้ารวิพระเจ้าค่ะ จักได้คล้องกับเจ้ารพิ”เจ้าแสงแรกตรัส

“ดี เช่นนั้นก็ต้องมีคนที่สองให้พี่แล้วหนา”เมื่อพระภัสดาตรัสจบเจ้าแสงแรกจึงได้นึกขึ้นได้

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงแรกยกมือดันพระโอษฐ์ที่แตะแต้มฉวีขาวของตนออกอย่างเขอะเขิน

“หึหึหึ”สรวลในพระศอ แลโน้มพักตร์ไปขบติ่งหูนิ่มของคนเป็นเมียเบาๆ หยอกเย้า

“อ๊ะ ฝ ฝ่าบาท รีบขึ้นจากน้ำเถิดพระเจ้าค่ะ ม หม่อมฉัน แลลูกหิวแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงยกหัตถ์ดันพระอุระของพระภัสดา แลเอียงพักตร์แดงระเรื่อของตนหลบ

“จ้ะๆ”ยอมปล่อยน้องน้อยแต่โดยดี องค์ภุชงค์ขึ้นจากอ่างสรง แลคว้าพระภูษามาพันพระกฤษฎีสอบขงพระองค์กันอุจาดตา ก่อนจักช้อนอุ้มร่างผอมบางของเจ้าแสงแรกขึ้นจากอ่างสรง วางเจ้าแสงลงแผ่วเบามิให้กระเทือนแม้แต่ปลายนชา เจ้าแสงแรกยกกรกอดตนแน่นระหว่างรอพระภัสดาคลี่พระภูษาคลุมพระวรกายให้

“หนาวหรือเจ้าแสง”พระภัสดาตรัสถามพลางใช้พระภูษาซับน้ำตามฉวีนุ่มให้คนเป็นเมีย

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบ

“...”ได้ยินดังนั้นจึงเร่งพระหัตถ์เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เมีย

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงตรัสเรียกพระภัสดาที่ปรนนิบัติตนอยู่ ทั้งที่ตนควรจักเป็นฝ่ายปรนนิบัติพระองค์เสียมากกว่า

“หืม”

“ให้ยี่สุ่นเข้ามาทำให้หม่อมฉันเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส

“ให้พี่ทำให้ก็ได้ มิเป็นกระไรดอก”องค์ภุชงค์ตรัสพลางนุ่งผ้าแถบให้คนเป็นเมีย หากแต่พยายามอยู่ครู่ใหญ่แก้แล้วแก้อีกก็ยังดูมิงาม

“ฝ ฝ่าบาท”

“พี่ยอมแพ้ เรียกยี่สุ่นมานุ่งให้เถิด”องค์ภุชงค์ยอมละพระหัตถ์ออกจากผ้าแถบสีหวานของเจ้าแสง นุ่งมันก็นุ่งได้อยู่ หากแต่ดูมิงาม พันซ้ายก็บูด พันขวาก็เบี้ยว

“พระเจ้าค่ะ ยี่สุ่น”เจ้าแสงสรวลน้อยๆ แลตรัสเรียกคนสนิทของตน

“พระเจ้าค่ะ พระชายา”ยี่สุ่นขานรับ

“เข้ามาหาข้าหน่อยเจ้า”เจ้าแสงแรกตรัส

“พระเจ้าค่ะ”ขานรับ แลหมอบคลานเข้ามาในห้องบรรทม

“นุ่งผ้าให้ข้าทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”คลานเข้าไปนุ่งผ้าให้คนเป็นนาย เพียงครู่เดียวยี่สุ่นก็นุ่งผ้าให้เจ้าแสงแล้ว อีกทั้งยังดูประณีต แลงามกว่าที่องค์ภุชงค์นุ่งให้เมียโข

“ขอบใจหนา”เจ้าแสงแรกตรัส แลแย้มสรวลให้คนสนิท

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันแต่งองค์ให้หนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสบอก ยี่สุ่นเมื่อได้ยินคนเป็นนายตรัสก็หมอบคลานออกจากห้องบรรทม

“เอาสิเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัส

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกลงมือแต่งองค์ให้พระภัสดาอย่างตั้งพระทัย



.

.

.



เมื่อเจ้านายทั้งสองพระองค์สรงน้ำ แลแต่งองค์แล้วแล้วชงโค แลยี่สุ่นก็ยกสำรับพระกายาหารเช้าถวาย องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรสำรับ แลเมื่อเห็นว่ามีมะดัน แลเกลือนป่นอยู่บนสำรับก็ยื่นพระหัตถ์ไปคว้าทันที หากแต่เจ้าแสงแรกกลับไวกว่า หัตถ์เล็กเอื้อมไปจับพระหัตถ์ของพระภัสดาไว้ แลดึงกลับมากุมไว้บนตักตน องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรพักตร์งามของเมียอย่างฉงน

“เสวยข้าวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ ค่อยเสวยมะดัน ประเดี๋ยวจักปวดพระอุทร”เจ้าแสงทูลพลางลูบพระหัตถ์ปลอบพระทัย

“...”องค์ภุชงค์เงียบนิ่งมอตรัสตอบ เพียงแค่เห็นผลมะดันพระเขฬะของพระองค์ก็สอแล้ว

“หนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงออดอ้อน

“จ้ะ”ยอมพระทัยอ่อนให้เมีย

“เช่นนั้นหม่อมฉันป้อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสเอาพระทัย

“จ้ะ”

เจ้าแสงแรกป้อนข้าวพระภัสดา สลับกับตักข้าวใส่ปากตน สองผัวเมียเสวยข้าวถ้วยเดียวกันจนหมด เจ้าแสงแรกจึงอนุญาตให้องค์ภุชงค์เสวยมะดันจิ้มเกลือได้

“เป็นอย่างไรพะรเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสถาม แลใช้ซับพระพักตร์ซับพระโอษฐ์ให้พระภัสดา

“ผลมะดันนี่ช่วยพี่ได้มากทีเดียว”องค์ภุชงค์ตรัส แลเคี้ยวเนื้อมะดันกรวมๆ จนเจ้าแสงแรกยกโอษฐ์แย้มสรรวลให้พระภัสดา

“แต่กระนั้นก็อย่าเสวยมากจนเกินไปหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักเสาะท้องเอาได้”เจ้าแสงตรัสอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“จ้ะ”



.

.

.



หลังจากผ่านพ้นคืนเข้าหอไปแล้ว พระชายาแสงแรก แลบ่าวคนสนิททั้งสองก็ย้ายข้าวของเข้าไปอยู่ในตำหนักขององค์รัชทายาทผู้เป็นพระภัสดา ทุกเช้าเจ้าแสงแรกจักตื่นขึ้นมาปรนนิบัติองค์ภุชงค์ด้วยตนเองทุกอย่าง

“วันนี้พี่จักรีบกลับมารับสำรับกลางวันกับน้องหาเจ้าแสง”องค์ภุชงค์ตรัสบอกเมียที่กำลังจัดปกฉลองพระองค์ของพระองค์ให้

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน แลลูกจักรอพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทใคร่อยากเสวยกระไรเป็นพิเศษหรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบ

“พี่ใคร่อยากกินกระไรเปรี้ยวๆ น้องเลือกให้พี่ทีหนา”องค์ภุชงค์ท่านว่า

“พระเจ้าค่ะ เช่นนั้นหม่อมฉันจักลงห้องเครื่อง แลทำสำรับถวายพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”

“หากจักลงห้องเครื่องก็ดูแลตนเองดีๆ หนา ไปนั่งกำกับอย่างเดียวก็พอกระมัง ปล่อยให้บ่าวไพร่ทำจักดีกว่า”พระภัสดาท่านตรัสอย่างเป็นห่วง

“หม่อมฉันทำได้พระเจ้าค่ะ ใคร่อยากทำให้ฝ่าบาทเสวยด้วยตนเอง”เจ้าแสงแรกทูล

“เช่นนั้นก็ตามใจเถิดเจ้า”พระภัสดาแย้มสรวล แลดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอด

“เสด็จไปที่ท้องพระโรงได้แล้วพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักสายเอาได้”เจ้าแสงแรกตรัสพลางดันพระภัสดาออกเบาๆ

“จ้ะ เช่นนั้นพี่ไปก่อนหนาคนดี”ตรัส แลหอมกลุ่มเกศานุ่ม

“พระเจ้าค่ะ”

“ไอ้ขันธ์ยกพานมะดันของข้ามาด้วย”องค์รัชทายาทรับสั่งองครักษ์คนสนิทของพระองค์ แลก้าวพระบาทออกจากตำหนักของตน

“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิทรับพระบัญชา แลยกพานทองที่เต็มไปด้วยผลมะดันสีเขียวดูแล้วก็น่าจักเปรี้ยวเสียจนเข็ดฟันตามคนเป็นนายไป

“ยี่สุ่น ชงโค”เจ้าแสงแรกตรัสเรียกคนสนิททั้งสอง เมื่อพระภัสดาท่านเสด็จไปจนลับสายตาแล้ว

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“ไปห้องเครื่องกันเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 17-09-2019 22:02:30
เจ้าแสงใช้เคล็ดลับจากแม่ผัวได้ดีมากเพคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-09-2019 00:56:09
มาต่อแล้ว~
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-09-2019 01:37:55
ท้องแฝดป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-09-2019 03:01:44
 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 18-09-2019 15:05:07
เหมือนจะช้าเดินเรื่องน่ะครับภาคนี้
แต่ก็ขอบคุณมากครับที่มาต่อใ้้ห้

 :mew1: :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 18-09-2019 15:06:17
เหมือนจะเดินเรื่องช้าน่ะครับภาคนี้
แต่ก็ขอบคุณมากครับที่มาต่อใ้้ห้

 :mew1: :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-09-2019 14:35:09
เจ้าแสงแรก o13 เมียที่ดี
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๐๒.๑๐.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 02-10-2019 09:38:11


ภุชงค์เล่นแสง ๑๕



แม้เจ้าแสงแรกจักตรัสว่าจักลงห้องเครื่องทำพระกายาหารถวายพระภัสดา เจ้านายภุมริกา แลเจ้านายศศิมณฑลหากแต่เมื่อได้ลงไปจริงๆ แล้ว กลับทำได้เพียงปรุงรสพระกายาหาร แลคอยกำกับบ่าวไพร่ว่าให้ทำอย่างไร

“ข้าทำได้ แค่นี้มิเป็นกระไรดอก”เจ้าแสงแรกตรัส

“มิได้เพคะ เพลานี้กำลังทรงครรภ์ แลยิ่งครรภ์อ่อนๆ แบบนี้ยิ่งต้องระวังให้มากหนาเพคะ”ยี่สุ่นกระซิบกราบทูลข้างๆ พระกรรณขาว

“กระนั้นก็เถิดยี่สุ่น ให้ข้าได้ทำกระไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ยังดี”

“เช่นนั้น พระชายาแกะสลักผักเคียงดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ส่วนเครื่องแกงก็ให้บ่าวมันตำเถิดพระเจ้าค่ะ”ชงโคกราบทูลอ้อนวอน องค์รัชทายาทรักเจ้าน้อยแสงแรกมากเพียงใด ใครๆ ก็รู้กันทั่วทั้งวังหลวง หากปล่อยให้พระชายาขององค์รัชทายาทเป็นกระไรไปแม้เพียงปลายก้อยองค์ภุชงค์คงมิปล่อยไว้เป็นแน่

“ก็ได้จ้ะ”พระชายาขององค์รัชทายาททอดพระเนตรสีหน้าลำบากใจของบ่าวคนสนิทแล้ว ก็พยักพักตร์ยอม

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นเสียหน่อยที่พระชายาท่านมิดื้อดึง

“เช่นนั้นยี่สุ่นก็ยกผักเคียงมาให้ข้าทีเถิด”เจ้าแสงรับสั่งกับบ่าวคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับพระบัญชาแล้วยกตะกร้าผักเคียงถวายพระชายา เจ้าแสงแรกบรรจงเลือกผักเคียงมาแกะสลัก
...



   เมื่อถึงเพลารับพระกายาหารกลางวัน เจ้าแสงแรกก็เสด็จนำขบวนข้าหลวงห้องเครื่องไปที่ท้องพระโรงตำหนักหลวง มียี่สุ่น แลชงโคประกบซ้ายขวาคอยประคองมิห่าง

“มิต้องตามประกบข้าเยี่ยงนี้ดอกยี่สุ่น ชงโค”เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงอ่อนพระทัย

“หม่อมฉันสองคนกลัวพระชายาจักล้มนี่พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคโอดครวญ

“ข้าจักล้มเพราะเจ้าสองคนล้อมหน้าล้อมหลังนี่แล ข้ามิเป็นกระไร พวกเจ้าวางใจเถิด”เจ้าแสงตรัส

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”บ่าวคนสนิททั้งสองหน้าหงอย

“หึหึหึ มิเป็นกระไร”เจ้าแสงแรกสรวลน้อยๆ แลยกหัตถ์ขึ้นลูบศีรษะของบ่าวคนสนิททั้งสอง ยี่สุ่น แลชงโคฉีกยิ้มหวานประจบประแจงคนเป็นนาย
   


   เมื่อเข้ามาในท้องพระโรงแล้วเจ้าแสงแรกก็ยอบกายลงหมอบกราบเจ้านายทุกพระองค์ที่ประทับอยู่ในท้องพระโรง องค์ภุชงค์ลุกออกจากที่ประทับเข้าประคองเมียให้ค่อยๆ ลุกขึ้น

“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าแสงแรก กำลังท้องกำลังไส้ ประเดี๋ยวจักสะดุดล้มเอาได้”เจ้าชมนาดตรัสกับสุณิสาอย่างเมตตา

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส ก่อนจักดำเนินตามแรงประคองของพระภัสดาไปประทับที่ตั่งทอง

“ได้ยินเจ้าภุชงค์ว่าว่าเจ้าลงห้องเครื่องเช่นนั้นหรือเจ้าแสง”เจ้าชมนาดตรัสถาม

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบ

“แม่มิห้ามหากเจ้าใคร่อยากลงห้องเครื่องทำกระไรเล็กๆ น้อยๆ หากแต่งานหนักๆ ก็ให้บ่าวมันทำเถิด”

“พระเจ้าค่ะ สำรับมื้อนี้หม่อมฉันก็มิได้ลงมือทำกระไรมาก เพียงแค่ปรุงรส แลแกะสลักผักเคียงเท่านั้นพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระสัสสุ

“ดีแล้ว เพลานี้ครรภ์ของเจ้ายังอ่อนอยู่ ต้องระวังให้มาก”เจ้าชมนาดสั่งสอน

“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าแสงแรกสรวลบางๆ รับคำสอนของพระสัสสุ

“เยี่ยงนั้นก็กินข้าวกันเถิด หลานปู่หิวแล้วกระมัง”องค์ภุมรินตรัส เจ้าแสงแรกก้มพักตร์งุดซ่อนรอยแดงบนปรางนวล

“หึหึหึ”องค์ภุชงค์สรวลอย่างชอบพระทัย พลางเปิดสำรับพระกายาหารออก

“ฮึก อุ๊บ”ยามกลิ่นอาหารลอยขึ้นแตะพระนาสิก องค์รัชทายาทก็มีสีพระพักตร์ผะอืดผะอม
 
“ฝ่าบาท”เจ้าแสงครางเรียกพระภัสดาอย่างเป็นกังวล

“เหม็น”องค์ภุชงค์ตรัส พลางใช้พระหัตถ์ดันสำรับออกห่างจากพระองค์

“เหม็นหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสถาม

“พี่เหม็นแกงเจ้า กลิ่นแรงนัก”องค์ภุชงค์ตรัสพลางชี้ไปที่ถ้วยแกงที่เจ้าแสงแรกเป็นคนทำ แลปรุงรส

“ฝ่าบาทเหม็นแกงที่หม่อมฉันทำหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส แลกัดกลีบโอษฐ์ตนกลั้นก้อนสะอื้น แม้จักรู้ดีว่าพระภัสดาแพ้ท้องแทนตัวเอง หากแต่อารมณ์คนท้องก็อดน้อยพระทัยมิได้

“เจ้าแสงแรก”องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเห็นพักตร์เศร้าสร้อยของเมียก็พระทัยเสีย เจ้าตัวน้อยในครรภ์ของเจ้าแสงก็ขยันรังแกพ่อเสียเหลือเกินหนาลูก

“ยี่สุ่นยกแกงในสำรับองค์ภุชงค์มาให้ข้า”เจ้าแสงแรกมิตรัสตอบพระภัสดา หากแต่สั่งให้บ่าวคนสนิทยกถ้วยแกงที่ตนทำออกจากสำรับของพระภัสดา

“หากพระองค์เสวยมิได้ก็มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระภัสดา

“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์กลัวเหลือเกินว่าเมียจักน้อยใจ

“มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทเสวยเถิด”เจ้าแสงแรกทูล แลแย้มสรวลบางๆ ให้พระภัสดา

“...”เมื่อเห็นว่าเมียมิได้สนใจตัวแล้ว องค์ภุชงค์จึงยอมละสายพระเนตรออกจากดวงพักตร์หวาน แลเสวยสำรับของพระองค์บ้าง หากแต่ก็เหลือบเนตรมองเมียเป็นระยะๆ เจ้าแสงแรกดูจักเจริญอาหารแกงสองถ้วยทั้งในสำรับของเจ้าแสง แลถ้วยที่ยกไปจากสำรับของพระองค์เจ้าแสงกินมิมีเหลือ โอษฐ์จิ้มลิ้มเคี้ยวข้าวหงุบหงับน่าเอ็นดู ส่วนองค์ภุชงค์นั้นเสวยพระกายาหารในสำรับได้เพียงครึ่งก็ต้องยอมรามือ เพราะหากฝืนกินลงไปอีกคงจักอาเจียนออกมาหมดเป็นแน่ พระองค์จึงได้หันไปเสวยผลอัมพวาดิบสีขาวที่ดูสี แลได้กลิ่นก็เปรี้ยวเสียจนเข็ดฟันแล้ว

“ภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสเรียกโอรสองค์โตของพระองค์

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”องค์ภุชงค์วางผลอัมพวาฝานในพระหัตถ์ลง แลผินพักตร์ไปรับคำพระมารดา

“กินผลอัมพวามากๆ เช่นนี้ ประเดี๋ยวก็เสาะท้องดอกลูก”

“ทูลเสด็จแม่ ช่วงนี้ลูกแพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรก ได้กลิ่นกระไรก็เหม็นไปเสียทุกอย่าง กับข้าวกับปลาก็หากินได้อย่างแต่ก่อนไม่ มีเพียงผลอัมพวาดิบ ผลมะดัน แลผลหมากรสเปรี้ยวเข็ดฟันเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ที่ลูกพอจักกินได้มากหน่อย”

“โถ ถูกลูกรังแกเสียแล้วไหมล่ะเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสเย้า

“ยอมพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัสพร้อมสรวลเต็มดวงพักตร์

“...”เจ้าแสงพักตร์แดงระเรื่อ

“หึหึหึ”องค์ภุมริน แลเจ้าชมนาดสรวล แลส่ายพักตร์เบาๆ

“ดีหนาที่ตอนเจ้าท้องเจ้าพเยีย ลูกมิรังแกพี่เช่นนี้”องค์จันทร์ตรัสกระซิบข้างกรรณขาวของเมีย

“หึหึหึ ลูกคงจักสงสารพระองค์ แลหม่อมฉันกระมังพระเจ้าค่ะ เพียงแค่ต้องห่างกันยามพระองค์เสด็จไปการเวกก็แทบจักขาดใจแล้ว”เจ้าบัวงามตรัส

“เจ้าพเยียลูกพ่อเป็นเด็กดีจริงเชียว ประเดี๋ยวพ่อทำน้องให้หนาลูก”องค์จันทร์โน้มพักตร์ลงไปรัสกับเจ้าตัวน้อยที่ซบปรางกลมกับอังสะมารดา จ้องมองมาที่พระพักตร์บิดาตาแป๋ว

“ฝ่าบาท ตรัสเยี่ยงนี้กับลูกได้เช่นไรพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามเอ็ดพระภัสดาสุรเสียงแผ่ว เกรงว่าบิดา มารดาจักได้ยินเข้า

“แหะๆ”ได้ยินมารดาท่านเอ็ดบิดาแล้วเจ้าพเยียน้อยก็อ้าโอษฐ์สรวล เผยให้เห็นเหงือกสีแดงสด

“หึหึหึ ใคร่อยากได้น้องใช่หรือไม่ลูก”องค์จันทร์ตรัสเย้าลูกน้อยในอ้อมอุระเมีย เจ้าตัวน้อยก็คึกดีดตัวไปมาจนคนเป็นแม่แทบจักจับไว้มิอยู่

“เจ้าพเยียแม่จักสู้แรงเจ้ามิไหวแล้วหนาลูก”เจ้าบัวงามกอดลูกแน่นขึ้น

“หึหึหึ มาพ่ออุ้มดีกว่าหนาเจ้า”องค์จันทร์ตรัส แลช้อนเจ้าตัวน้อยมาอุ้มเอง

“แอ๊ะๆ”เจ้าพเยียส่งสุรเสียงอ้อแอ้ พ่นเขฬะใส่บิดาจนฟองฟ่อด

“เจ้าลูกวิฬาร”องค์จันทร์เย้าเจ้าตัวน้อยในอ้อมพระกรของพระองค์

“แอ๊ แอ๊ะๆ กรี๊ด แหะๆ”เจ้าพเยียคึกตอบรับพระบิดาสุรเสียงดัง จนตา แลยายต้องผินพักร์มาทอดพระเนตรเจ้าตัวน้อย

“คึกกระไรเล่านั่น”เจ้าชมนาดตรัสถาม

“ชู่ว”องค์จันทร์แตะพระดรรชนีที่โอษฐ์เล็กเยิ้มเขฬะใส

“กรี๊ด แหะๆๆ”หากแต่ยิ่งทำเจ้าพเยียน้อยก็ยิ่งสรวล แลกรีดร้องอารมณ์ดี

“ชู่ววว”

“กรี๊ด”

 “หึหึหึ”ผู้ใหญ่ในท้องพระโรงได้แต่สรวลให้เจ้าตัวน้อยอย่างเอ็นดู เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรนัดดาตัวน้อย แลแย้มสรวลกว้าง หัตถ์บางก็ลูบครรภ์ตนไปมา ใคร่อยากให้เจ้าตัวน้อยของตนเองออกมาส่งเสียงหัวเราะน่าเอ็นดูแบบนี้เสียแล้วสิ

“ใคร่อยากให้ลูกออกมาเร็วเสียแล้วสิเจ้า พี่ใคร่อยากได้ยินเสียงลูกหัวร่อเช่นนี้บ้าง”องค์ภุชงค์ผินพักตร์มาตรัสกับเมียรัก

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์หวานให้พระภัสดา
...



หลายวันผ่านไป ดูท่าแค่กลั่นแกล้งให้บิดาแพ้ท้องแทนมารดาคงจักยังมิสาแก่ใจเจ้าตัวน้อย เพลานี้จึงได้แกล้งให้องค์ภุชงค์แพ้กลิ่นแก้วของเจ้าแสงแรก หากเข้าใกล้เมียคราใดเป็นได้อาเจียนเสียจนพักตร์ดำพักตร์แดง ส่วนเจ้าแสงแรกก็น้องอกน้อยใจร้องห่มร้องไห้ จนเจ้าชมนาดต้องปลอบสุณิสาจ้าละหวั่น

“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกสะอื้นกับอุระบางของพระสัสสุ เนตรงามแดงช้ำ

“ชู่ว นิ่งเสียเจ้าแสงแรก นิ่งเสียลูก”เจ้าชมนาดกอดปลอบสุณิสาอย่างอ่อนพระทัย หัตถ์บางลูบอังสะมนไปมา

“ฮึก ส เสด็จ แม่ ฮึก”

“พี่เขาก็แค่แพ้ท้องแทนเจ้า มินานก็หาย มิไห้หนาลูก”

“ฮึก องค์ ภ ภุชงค์ ท ทอดพระเนตรหน้า ม หม่อมฉัน ล แล้วก็อาเจียน ฮึก ฮือ”เจ้าแสงแรกตรัสเคล้าเสียงสะอื้น ฟ้องพระสัสสุ

“ชู่ว มิเป็นกระไรหนาลูก ประเดี๋ยวแม่จักตีพี่เขาให้ดีหรือไม่”เจ้าชมนาดลูบเกศานุ่มปลอบประโลม

“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกซุกพักตร์กับอุระบางของพระสัสสุ

“เจ้าแสงแรกหยุดไห้เถิดประเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยในท้องเจ้าจักมิสบายเอาได้หนา”เจ้าบัวงามตรัสหลอกล่อ

“ฮึก ฮึก”เจ้าแสงแรกพยายามกลั้นสะอื้น ดวงพักตร์ขาวซีดเซียว ดวงเนตร แลปลายนาสิกโด่งรั้นแดงระเรื่อน่าสงสาร

“ฮึก”เจ้าพเยียเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเจ้าแสงแรกก็เบะโอษฐ์ น้ำตาคลอ เนตรคมกวาดมองคนนู้นที คนนี้ที

“ชู่ว พเยียไปเดินเล่นกับพ่อดีว่าหนาลูก”องค์จันทร์ยื่นพระหัตถ์ไปหาลูกน้อย เจ้าบัวงามจึงได้ส่งเจ้าตัวเล็กให้พระภัสดาอุ้มแนบพระอุระ แลพาลูกดำเนินออกจากตำหนักขององค์รัชทายาท

“ฮึก อึก อ องค์ภุชงค์ ห เห็นหน้าหม่อมฉัน ล แลอาเจียนเช่นนี้ ห เห็นทีหม่อมฉัน ค คงต้องแยก ต ตำหนักแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกลั้นสะอื้น แลตรัสกระท่อนกระแท่น

“จักแยกตำหนักเช่นนั้นหรือลูก”เจ้าชมนาดตรัสถามอย่างเป็นกังวล พลางใช้พระหัตถ์บางปาดน้ำตาให้สุณิสา เจ้าแสงแรกเพิ่งจักย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักของเจ้าภุชงค์ได้มิกี่วัน จักแยกตำหนักเสียแล้ว

“ฮึก พระเจ้าค่ะ อ องค์ภุชงค์ พ แพ้ท้องแทนหม่อมฉันเช่นนี้ ค คงอยู่ด้วยกันมิได้ อ เอาไว้องค์ภุชงค์ท่านหายแพ้ท้องเมื่อใด ม หม่อมฉัน ค ค่อยย้ายกลับมาก็ได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส

“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าหนา”เจ้าชมนาดตรัส แลรั้งร่างแน่งน้อยของสุณิสาเข้ามากอด

“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกกอดพระกฤษฎีบางของพระสัสสุแน่น

“...”เจ้าบัวงามยกหัตถ์ลูบเกศาของเจ้าแสงปลอบด้วยอีกคน
...



   ด้านองค์ภุชงค์ก็แย่มิแพ้คนเป็นเมีย เพลานี้องค์รัชทายาทแห่งภุมริกาหมดสภาพเสียจนดูมิได้ องค์ภุชงค์ทรงบรรทมอยู่บนพระแท่นบรรทม มีพ่อขันธ์องครักษ์ส่วนพระองค์คอยถือยาหอมจ่อที่ใต้พระนาสิกให้

“เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”พ่อขันธ์ทูลถามคนเป็นนาย

“กูจักตายแล้วไอ้ขันธ์”องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงแผ่ว

“ทำพระทัยดีๆ ไว้หนาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ยังมิได้เห็นพระพักตร์องค์รัชทายาทน้อยเลยหนาพ่ะย่ะค่ะ”คนสนิทกราบทูล

“...”ลืมเนตรขึ้น แลเหลือบมองคนสนิทด้วยหางพระเนตร

“กูมิตายง่ายๆ ดอก แลนี่เจ้าแสงไปไหนเสีย”องค์ภุชงค์ตรัสหาเมียรัก แม้ว่าจักอยู่ใกล้เมีย แลอาเจียนเสียพระกรรณดับ หากแต่ก็ยังใคร่อยากเห็นเจ้าแสงแรกในคลองจักษุตลอดเพลา

“พระชายาเสด็จไปที่ตำหนักรับรองที่เคยประทับพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ส่วนพระองค์กราบทูล

“เมียกูไปทำกระไรที่นั่น”ตรัสถามองครักษ์คนสนิท

“พระชายาท่านจักกลับไปประทับที่ตำหนักรับรอง จนกว่าฝ่าบาทจักหายแพ้ท้องแทนพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”สิ้นเสียงองครักษ์คนสนิท องค์ภุชงค์ก็หันพักตร์ขวับไปหาพ่อขันธ์ทันที

“เอ็งว่ากระไรหนา”

“ทูลฝ่าบาท พระชายาท่านเก็บข้าวของย้ายไปประทับที่ตำหนักรับรองหลังเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
...



   องค์ภุชงค์หอบสังขารร่อแร่ของพระองค์ เสด็จไปหาคนเป็นเมียถึงตำหนักรับรอง พระหัตถ์ถือยาหอมจ่อที่พระนาสิกตนมิห่าง
“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์เกาะบานพระทวารตรัสเรียกเมียสุรเสียงอ่อน

“...”หากแต่ภายในตำหนักรับรองกลับเงียบกริบ มิมีเสียงกระไรตอบกลับมา

“เจ้าแสงแรก ตอบพี่หน่อยเถิดเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสขึ้นอีกอย่างร้อนพระทัย

“ฝ่าบาทกลับไปพักผ่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบกลับมา หากแต่ก็ยังมิยอมเปิดบานพระทวารให้พระภัสดา

“เจ้าแสงเปิดประตูให้พี่เข้าไปเห็นหน้าเจ้าเสียหน่อยเถิดหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทเห็นหน้าหม่อมฉัน ประเดี๋ยวจักอาเจียนเอาได้อีก กลับไปพักผ่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระภัสดาสุรเสียงสั่นเครือ

“เจ้าแสง”

“กลับไปก่อนหนาพระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส

“...”องค์ภุชงค์เมื่อได้รับฟังดังนั้นก็พักตร์นิ่ง อ้าโอษฐ์ค้าง



“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”
“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”
“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”



   แลเมื่อใดเจ้าตัวน้อยในครรภ์เจ้าแสงแรกจักเมตตาหยุดรังแกพ่อกันเล่า หากพระองค์ต้องแพ้ท้องแทนเมียไปจนลูกคลอดจักทำอย่างไร มิขาดพระทัยตายกันก่อนจักได้เห็นหน้าลูกหรืออย่างไร

“เสด็จแม่”สุรเสียงทุ้มครางเครือเรียกมารดา ก่อนจักผละออกจากบานพระทวาร แลเสด็จไปยังตำหนักหลวง

“ฝ่าบาท”พ่อขันธ์วิ่งตามคนเป็นนายขาแทบขวิด ประเดี๋ยวก็วิ่งไปหาเมีย ประเดี๋ยวก็วิ่งไปหาแม่
...



   องค์ภุชงค์เสด็จไปที่ตำหนักหลวง อันเป็นที่ประทับของบิดา แลมารดา เจ้าชมนาดที่กำลังบีบนวดปรนนิบัติพระภัสดาตกพระทัยจนสะดุ้งตัวโยน

“เสด็จแม่”

“กระไรกันเจ้าภุชงค์ แม่เจ้าตกอกตกใจจนตัวโยนหมดแล้ว”บิดาท่านตรัส พลางลูบพระขนองปลอบพระทัยมารดา

“เจ้าแสงแยกตำหนักกับลูก”

“แม่รู้แล้ว”

“เสด็จแม่ทราบแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ แลเหตุใดเสด็จแม่มิห้ามเจ้าแสงให้ลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ภุชงค์”องค์ภุมรินปรามโอรสองค์โต

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์หมอบกราบบิดา แลมารดา

“เพลานี้น้องกำลังท้องกำลังไส้ก็ตามใจน้องหน่อยเถิด แลอีกอย่างเจ้าแพ้ท้องเหม็นกลิ่นเจ้าแสงแรกเช่นนี้ เมียน้อยใจจนไห้ตาปูดตาบวม หากต้องมาอาเจียนให้เมียเห็นทุกวันเจ้าแสงแรกมิช้ำใจตายพอดีหรือลูก”เจ้าชมนาดตรัส

“...”องคภุชงค์ตรัสมิออก เป็นความจริงดังที่มารดาตรัสทุกประการ

“เอาไว้เจ้าหายแพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรก แลค่อยให้น้องกลับไปอยู่ตำหนักเจ้าเช่นเดิมจักดีกว่าหนาลูก”

“แลเมื่อใดเจ้าตัวน้อยในครรภ์เจ้าแสงจักเลิกรังแกลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ เป็นพ่อคนแล้วหนาเจ้าภุชงค์ ไยจึงงอแงเป็นเด็กเช่นนี้”องค์ภุมรินตรัสกลั้วพระสรวล



   แลหลังจากที่เจ้าแสงแรกแยกตำหนักไป เจ้าคนงามก็เลี่ยงหลบพระภัสดาของตนเอง มิยอมให้พบพักตร์ แม้แต่แขนก็ยังมิยอมให้พระภัสดาได้ทอดพระเนตร มิรู้ว่ากลัวพระองค์จักแพ้กลิ่นตนเอง หรือ เป็นเจ้าแสงแรกเองที่มิใคร่อยากเห็นพักตร์องค์ภุชงค์ ดำริ แลก็ถอนพระทัย คิดถึงเมียพระทัยจักขาดอยู่แล้ว เจ้าตัวน้อยหนาเจ้าตัวน้อย มิเห็นใจพ่อเลยหนาลูก!



หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 02-10-2019 16:42:12
โดนลูกแกล้งซะแล้วเจ้าภุชงค์  :laugh:
จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีน้า
อดเจอเมียไปอีก 555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 02-10-2019 21:26:38
โดนลูกแกล้งง ทำไมลูกแกล้งพ่อแบบนั้นล่ะเจ้าหนู  :laugh: :laugh:
เจ้าแสงแรกงอนเลยย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 02-10-2019 22:07:01
สงสารพ่อหน่อยลูก 555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 03-10-2019 09:37:56
หนูแกล้งพ่อตะไม 55  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 03-10-2019 12:22:49
สงสารภุชงค์แลเอ็นดูเจ้าแสง
รู้ทั้งรู้แต่อดน้อยใจไม่ได้
โอ๋ๆน๊าา  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 03-10-2019 13:15:10
พ่อรังแกแม่ก่อนนี้

ลูกรักเลยช่วยแม่เอาคืน

5555555
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๐๐% ๑๗.๙.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 06-11-2019 11:55:02
คิดถึงจังเลยครับ เจ้าแสง
เมื่อไหร่ เมื่อไหรจะมาซะที
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๗๐% ๐๖.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 06-11-2019 13:23:19



ภุชงค์เล่นแสง ๑๖



เจ้าแสงแรกกรองมาลัยอยู่ที่ตำหนักรับรองของตนเอง โดยมีพระสัสสุ แลพระชายาบัวงามมาประทับเป็นเพื่อน พระชายาขององค์ภุชงค์กรองดอกไม้ใส่เข็มสลับกับคว้าขนมหวานใส่พระโอษฐ์เคี้ยวหยับๆ ตั้งแต่ทรงครรภ์เจ้าแสงแรกก็ยังมิเคยแพ้ท้องเลย จักมีก็เพียงแต่เสวยมากกว่าเดิมจนเพลานี้พระวรกายผอมบางนั้น มีน้ำมีนวลขึ้นจนงามผุดผาด เมียงามขึ้นขนาดนี้ หากแต่องค์ภุชงค์ทำได้เพียงแค่แอบทอดพระเนตรอยู่ห่างๆ!!! ตั้งแต่คราที่พระองค์แพ้กลิ่นแก้วของเจ้าแสงแรก เมียก็น้อยอกน้อยใจมิยอมให้พระองค์ได้เข้าใกล้ หลายวันเข้าแล้วที่องค์รัชทายาทท่านซุ่มแอบทอดพระเนตรเมียองค์เอง

แลเมื่อองค์รัชทายาทท่านทนคิดถึงเมียมิไหว จึงได้ลอบเข้าตำหนักรับรองของชายาองค์เองในยามวิกาล ฝ่าบาทท่านปีนพระบัญชรห้องบรรทมของเมียลับๆ ล่อๆ บ่าวคนสนิทของเจ้าแสงทั้งสองคนนอนกอดก่ายกัน หลับสนิทอยู่ข้างพระแท่นบรรทม องค์ภุชงค์ก้าวพระบาทย่องไปยังพระแท่นบรรทมที่เมียรักนอนตะแคงอยู่ ค่อยๆ สอดพระวรกายเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเมียนอนซ้อนหลังเมีย ท้าวพระกรกับพระยี่ภู่ ทอดพระเนตรดวงพักตร์งามของเมียด้วยความคิดถึง โน้มพักตร์ลงแตะพระนาสิกลงบนพาหุของเจ้าแสงสูดกลิ่นแก้วของเมีย แลนิ่งไป ครานี้ได้กลิ่นแล้วมิยักจักคลื่นไส้อาเจียน พระโอษฐ์บางแย้มกว้างเสียจนแทบจักถึงพระกรรณ ก่อนจักกดพระนาสิกบนพาหุนุ่มไล่มาที่ซอกคอขาวหอมกรุ่นกลิ่นแก้วที่โปรดปาน

ฟอด

ฟอด

สูดเข้าไปเต็มพระปับผาสะ แลก็แย้มสรวลอย่างดีพระทัย หายเคืองพ่อแล้วหรือลูกรัก ดำริในพระทัย แลลากพระนาสิกดอมดมกลิ่นแก้วหอมกรุ่นที่เจืออยู่บนฉวีนุ่ม พระหัตถ์อุ่นวางทาบลูบไล้อุทรของเจ้าแสงไปมา

“อ อื้อ” เจ้าแสงแรกปรือเนตรตื่นจากนิทรา ขนงบางขมวดมุ่น เมื่อสัมผัสน่ารำคาญไต่ตอมที่ฉวีตน เจ้าแสงแรกผินพักตร์กลับไปมองด้านหลังต้นเหตุความน่ารำคาญพระเนตรขวาง

“...เจ้าแสง” องค์ภุชงค์กลืนพระเขฬะ มิเคยเห็นสายตาเช่นนี้จากเมียมาก่อน

“ฝ่าบาท มาได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสถามสุรเสียงแหบ นัยน์ตางามหลับลง ง่วงเสียจนลืมเนตรมิขึ้น พลิกพระวรกายกลับมาซุกซบพระอุระอุ่น

“พี่คิดถึงเจ้า” องค์ภุชงค์กอดรัดร่างมีน้ำมีนวลของเมียแน่น กดพระโอษฐ์กับนลาฎขาวแนบแน่น

“พระองค์มิเหม็นหม่อมฉันแล้วหรือพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสอย่างน้อยพระทัย จนพระภัสดาท่านต้องลูบเกศานุ่มปลอบ

“มิเหม็นแล้วเจ้า มิเหม็นแล้ว ลูกคงเลิกแกล้งพี่แล้วกระมัง”


“...”

“พี่คิดถึงเจ้าใจจักขาดอยู่แล้วรู้หรือไม่” องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงออดอ้อน

“...หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสกับพระอุระของพระภัสดาสุรเสียงอู้อี้ กรเรียวกอดพระกฤษฎีสอบของพระภัสดาแน่น แม้จักน้อยพระทัยจนหลบหน้าหลบตาพระภัสดา หากแต่ลึกๆ แล้วก็คิดถึงพระองค์มิน้อยเลย

“คิดถึง แลไยจึงหลบหน้าหลบตาหนีพี่เยี่ยงนี้เล่า” องค์ภุชงค์ตรัสถาม พลางไล้ข้อพระองคุลีไปตามปรางนุ่มนิ่มของเมีย

“...ก็พระองค์เหม็นหม่อมฉัน...ฮึก” อารมณ์คนท้องอ่อนไหว น้อยพระทัยพระภัสดาจนกลั้นออกมาเป็นน้ำตาร้อนๆ ที่คลอจวนไหลหยด

“ชู่ว พี่ผิดเอง พี่ผิดเองเจ้า” องค์ภุชงค์กอดเมียเข้าแนบพระอุระ หัตถ์อุ่นลูบขนองบางปลอบ

“ฮึก” เจ้าแสงสะอื้น ก่อนจักทุบกำปั้นลงบนพระขนองของพระภัสดาเต็มแรง

“อั่ก พ พี่ขอโทษหนาเจ้า มิไห้หนาคนดี” องค์ภุชงค์พระขนองแอ่นไปด้านหน้าตามแรงทุบของเมีย หากแต่ก็ยังตรัสปลอบเจ้าแสงแรก แลลูบเกศานุ่มไปมาจนคนท้องเคลิ้มหลับ



.
.
.



อรุณนี้ยี่สุ่น แลชงโคตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง บ่าวสองคนเก็บที่หลับที่นอน เปิดบานพระบัญชร ทำกิจวัตรตามปกติ โดยมิได้สังเกตุเลยว่าบนพระแท่นบรรทมที่คลุมพระวิสูตรโปร่งแสงนั้นมิได้มีเพียงพระชายาท่านบรรทมอยู่

"ตะวันขึ้นแล้ว ยี่สุ่นเจ้าไปปลุกพระชายาท่านเถิด ประเดี๋ยวตรงนี้ข้าทำเอง"ชงโคว่าขณะเตรียมอ่างสรงให้คนเป็นนาย มือเล็กขยุ้มกลีบดอกไม้นุ่มโปรยลงในน้ำอุ่น

"อื้ม"ยี่สุ่นละมือจากอ่างสรง แลเดินเข้าไปรวบพระวิสูตรโปร่งแสงที่คลุมพระแท่นบรรทมอยู่ ก่อนบ่าวตัวน้อยจักเบิกตาโพล่ง เมื่อบนพระแท่นบรรทมนั้นมิได้มีเพียงพระชายาแสงแรก

"ช ชงโค"ยี่สุ่นกระซิบเรียกสหาย

"..."

"ช ชงโค"

"กระไร..."ชงโคละมือมาตามเสียงเรียกของสหาย หากแต่เมื่อเห็นองค์รัชทายาทที่บรรทมกอดก่ายพระชายาท่านก็กลืนคำถาม แลความสงสัยลงคอไป

"..."

"..."บ่าวคนสนิทขของพระชายาทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างมิรู้ว่าจักทำอย่างไรดี

"จ จักทำกระไรดีชงโค"

"ปลุกท่านดีรือไม่ยี่สุ่น"

"ข้าก็มิรู้"บ่าวทั้งสองกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างพระแท่นบรรทม

"อ อือ"เจ้าแสงแรกที่ได้ยินเสียงรบกวนอยู่ข้างพระแท่นบรรทมจึงได้ลืมพระเนตรตื่นขึ้น จึงได้เห็นบ่าวคนสนิททั้งสองของตนเองกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างพระแท่นบรรทม

"พระชายาตื่นบรรทมแล้วหรือพระเจ้าค่ะ"ชงโคทูลถามคนเป็นนาย

"อ๊ะ"เจ้าแสงแรกขยับพระวรกาย หากแต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยพระกรแกร่งของพระภัสดา จึงได้รู้ตัวว่าเพลานี้ตนเองถูกองค์ภุชงค์ท่านกกกอดจากด้านหลัง ปรางขาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

"..."

"..."ยี่สุ่น แลชงโคก้มหน้างุด เจ้าแสงแรกพยายามปลดพระกรขององค์ภุชงค์ที่กอดรัดกฤษฎีของพระองค์ออก หากแต่พระภัสดาหาได้ยอมปล่อยไม่ ยิ่งแกะยิ่งรัด

"พ พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด"เจ้าแสงรับสั่ง

"พ พระเจ้าค่ะ ม หม่อมฉันเตรียมอ่างสรงให้แล้วหนาพระเจ้าค่ะ"ชงโคทูล

"อ อืม ขอบน้ำใจหนา"

"ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักลงห้องเครื่องไปดูสำรับพระกายาหารเช้าให้หนาพระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นกราบทูล

"จ จ้ะ"เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ให้คนสนิท



หลังจากที่คนสนิททั้งสองออกจากห้องบรรทมไปแล้ว เจ้าแสงแรกก็เขย่าพระกรของพระภัสดาไปมา หากแต่องค์ภุชงค์ท่านก็มิยอมตื่น เจ้าแสงแรกจึงได้ผินพักตร์กลับไปทอดพระเนตรคนที่กอดพระองค์จากด้านหลัง จึงได้เห็นว่าพระภัสดาท่านแย้มสรวลออกมาทั้งๆ ที่พระเนตรยังหลับสนิท

“ฝ่าบาทตื่นแล้วไยจึงมิปล่อยหม่อมฉันเล่าพระเจ้าค่ะ”

“พี่มิอยากตื่นเอาเสียเลย ได้นอนกอดเจ้าเช่นนี้ ฝันดีนัก”องค์ภุชงค์ตรัส

“ใช่ว่าจักได้กอดเพียงคืนเดียวเสียเมื่อไหร่พระเจ้าค่ะ ตื่นเถิด เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านคงรอรับพระกายาหารเช้าอยู่”เจ้าแสงแกรพลิกพระวรกายเข้าซุกพระอุระอุ่นของพระภัสดา แลตรัสสุรเสียงหวาน

“หึหึหึ”องค์ภุชงค์ลืมเนตรขึ้น สรวลออกมาสุรเสียงแผ่ว แลยกพระหัตถ์ขึ้นบีบปลายนาสิกโด่งรั้นของเจ้าแสงเบาๆ หยอกล้อ

“ลุกเถิดพระเจ้าค่ะ ชงโคเตรียมอ่างสรงให้แล้ว ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักช่วยถูพระขนองให้พระองค์เอง”เจ้าแสงแรกตรัส

“จริงหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าแสง”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ ปรนนิบัติผัวเป็นหน้าที่ของเมีย”



.
.
.



จ๋อม


เจ้าแสงแรกลงมาแช่น้ำในอ่างสรงกับพระภัสดา หัตถ์เล็กลากใยบวบไปตามขนองกว้างลงแรงเพียงหน่อยเดียว กลัวว่าหากลงแรงมากกว่านี้ฉวีขาวของพระภัสดาจักถลอกเอาได้ ก่อนจักกวักน้ำล้างคราบไคลออก

“ประเดี๋ยวหม่อมฉันนวดให้หนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงวางใยบวบลง แลออกแรงบีบนวดคลายความเกร็งขึงบนพระอังสะกว้างให้พระภัสดา

“อืม...”องค์ภุชงค์หลับเนตรพริ้มรับสัมผัส

“เป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“สบายตัวเหลือเกินเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสตอบ

“ฝ่าบาทปวดเมื่อยที่ตรงใดอีกหรือไม่พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักนวดให้”เจ้าแสงแรกตรัสถาม

“ตรงนี้เจ้า ปวดเหลือเกินช่วยพี่ทีหนาคนดี”องค์ภุชงค์ตรัสก่อนจักพลิกพระวรกายหันกลับมาหาเมีย แลบังคับฝ่าหัตถ์นุ่มให้ลากผ่านพระอุระอุ่น ลงมาที่พระอุทรที่อุดมไปด้วยกล้ามพระมังสา ก่อนจักมาหยุดอยู่ที่นาคยักษ์ลูกรักของพระภัสดาท่าน

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงพักตร์ม้าน ปรางนวลแดงระเรื่อ จักก้มพักตร์หลบสายพระเนตรที่ทอดมองมาก็เจอกับนาคยัก์ มิรู้จักเอาสายตาไปวางไว้ที่ไหนดี จึงได้โขกพระนลาฏกับพระอุระของพระภัสดา ก่อนจักอ้าโอษฐ์งับพระถันขององค์ภุชงค์จนท่านสะดุ้ง

“อ โอ๊ย เจ้าแสงพี่เจ็บหนา”ร้องโอยโอย แลโน้มพักตร์ลงซุกซอกคอหอมของเมีย พระหัตถ์อีกข้างที่ว่างกอบกุมก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อกลีบแก้วไว้ บีบเคล้นจนเป็นรอยพระองคุลี

“ฝ่าบาทรีบเข้าเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านจักรอนาน”

“จ้ะ...”องค์ภุชงค์พยักพักตร์ หัตถ์ที่กอบกุบเคล้นคลึงก้อนเนื้อนุ่มเลื่อนขึ้นมาประคองกฤษฎีบาง ก่อนจักก้มพักตร์ลงฉกชิมยอดถันสีหวานระเรื่อ พระหัตถ์อีกข้างบังคับหัตถ์เจ้าแสงให้เร่งเร้าเจ้านาคยักษ์ลูกรักให้คายพิษ

“อ๊ะ ฝ่าบาท”เจ้าแสงเชิดพักตร์ครางเครือ

“อ่า เจ้าแสง อั่ก อืม”องค์ภุชงค์ท่านพ่นพิษออกมาผสมปนเปกับน้ำในอ่าง องค์รัชทายาทหอมหายพระทัย พระนาสิกโด่งคลอเคลียปรางชื้นของคนเป็นเมีย

“ล ล้างตัวเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัส ก่อนจักผละออกจากพระภัสดา



.
.
.



หลังจากที่สรงน้ำ แลแต่งองค์แล้วแล้ว องค์ภุชงค์ก็พาเมียเสด็จไปยังตำหนักหลวงเพื่อรับพระกายาหารเช้ากับองค์ภุมริน พระชายาชมนาด แลครอบครัวศศิมณฑล พระภัสดาท่านประคองเจ้าแสงมิยอมให้ห่างกายแม้แต่น้อย

“ถวายพระพรเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ถวายพระพรเสด็จพ่อ เสด็จแม่ องค์จันทร์ แลพี่บัวพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบ

“หายแพ้กลิ่นเจ้าแสงแล้วหรือเจ้าภุชงค์”พระชายาชมนาดท่านตรัสถามโอรสองค์โต

“ลูกหายแพ้กลิ่นแก้วของเจ้าแสงแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด้จแม่”

“ให้มันจริงหนา มิใช่วันนี้หาย วันพรุ่งโดนลูกแกล้งกลับมาเหม็นเจ้าแสงอีกหนา”องค์ภุมรินตรัสเย้า

“เจ้าตัวน้อยเป็นเด็กดีคงมิแกล้งลูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”องค์ภุชงค์ตรัสพร้อมแย้มสรวลเต็มดวงพักตร์

“หึหึหึ เอาเถิด กินข้าวก่อนเถิด ประเดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง”เจ้าชมนาดตรัส พระองค์อื่นจึงได้เริ่มเสวยสำรับขององค์เอง เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรสำรับเช้านี้อย่างพึงพระทัย ก่อนจักผินพักตร์ไปหาพระภัสดา

“เสวยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท”

“พี่กินได้เจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสตอบ

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ก่อนจักลงมือเสวยสำรับขององค์เอง ตั้งแต่ตั้งครรภ์เจ้าแสงแรกก็เจริญอาหารมากขึ้นจนร่างผอมบางนั้นอิ่มเอิบมีน้ำมีนวล จับที่ตรงใดก็นุ่มก็นิ่มไปเสียหมด



หลังมื้อพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว ฝ่ายผัวก็ต้องเข้าหารือกับขุนน้ำขุนนางในท้องพระโรงตำหนักทรงงาน ส่วนฝ่ายเมียก็เสด็จประทับที่ศาลาริมสระหลวง เจ้าแสงแรกประทับอิงหมอนขิด พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูบครรภ์ที่นูนขึ้นเล็กน้อยของตนไปมา ส่วนอีกข้างก็คว้าผลอัมพวาดิบใส่โอษฐ์เคี้ยวกรวมๆ พระมารดาชมนาด แลพระชายาบัวงามประทับอิงหมอนขิดสนทนากันตามประสาแม่ลูก ส่วนเจ้าพเยียนั้นทอดกายนอนเอกเขนกหนุนพระเพลาของมารดา สายลมเย็นๆ ที่พัดมาเอื่อยๆ ทำเอาดวงเนตรคมที่ถอดแบบมาจากองค์จันทร์ปรือปรอย ยิ่งสัมผัสจากพระหัตถ์ของมารดาที่ลูบอุทรกลมไปมาก็ทำให้เจ้าตัวน้อยเคลิบเคลิ้ม

“ง่วงเสียแล้วหลานยาย”เจ้าชมนาดตรัส แลประคองเท้าเล็กของหลานขึ้นลูบเบาๆ จนกระพรวนจากกำไลข้อพระบาทกระทบเบาๆ ให้เกิดเสียง

“หึหึหึ หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน”เจ้าบัวงามตรัส หากแต่สายพระเนตรที่ทอดมองไปยังลูกน้อยกลับฉายแววอ่อนโยน ระคนเอ็นดู ก่อนที่จักออกมาประทับที่ศาลาริมสะหลวงเจ้าบัวงามก็ให้นมลูกจนอิ่มแล้วจึงได้ออกมา

“อุ้มลูกนอนดีๆ เถิดบัวงาม”เจ้าชมนาดตรัส

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามพยักพักตร์ แลช้อนลูกน้อยขึ้นแนบอุระ เจ้าพเยียลืมเนตรขึ้นมองเพียงครู่ก่อนจัก ปิดเนตรลงยามมารดาท่านตบพระหัตถ์ลงบนก้นกลมของตนขับกล่อม พักตร์จิ้มลิ้มซบลงบนพระอุระอุ่น กลิ่นหอมหวานที่คุ้นเคยจากมารดาทำเอาเจ้าพเยียเข้าสู่ห้วงนิทราในเวลามินาน

“เจ้าน้อยน่าเอ็นดูนักพระเจ้าค่ะ เสวยก็ง่าย บรรทมก็ง่าย เลี้ยงง่ายเลี้ยงดายนัก”เจ้าแสงแรกตรัส

“หึหึหึ เด็กอายุเท่านี้ก็เลี้ยงง่ายเช่นนี้แล รอโตกว่านี้ก่อนเถิด”

“หม่อมฉันใคร่อยากเจอหน้าลูกเสียแล้วสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส ทอดพระเนตรเจ้าน้อยพเยียแล้วก็ใคร่อยากเห็นหน้าลูกของตนบ้าง

“อีกมินานดอก เพลานี้ก็เลี้ยงเจ้าพเยียไปก่อนแล้วกันหนา”เจ้าบัวงามตรัส แลแย้มสรวลให้พี่สะใภ้

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแย้มสรวลตอบ

“อุ่น”พระชายาชมนาดตรัสเรียกคนสนิท

“เพคะ”

“ไปเอาผ้ามาปูให้เจ้าพเยียนอนทีเถิด เจ้าบัวงามอุ้มไว้เช่นนี้คงจักเมื่อยแย่แล้ว อีกอย่างอุ้มเช่นนี้เจ้าพเยียคงจักนอนได้มินาน

“เพคะ”



อุ่นรับพระบัญชาจากคนเป็นนาย แลถ่ายทอดให้ข้าหลวงอีกคราหนึ่ง มินานข้าหลวงสาวสองนางก็หอบหิ้วผ้าเนื้อนุ่มหลายผืนมาปูซ้อนกันบนตั่งข้างเจ้าบัวงาม เมื่อแล้วแล้วเจ้าบัวจึงไว้วางลูกลงนอนบนผ้านุ่มๆ เจ้าตัวน้อยผวาดิ้นก่อนจักนิ่งสงบ เมื่อคนเป็นยายลูบอกเล็กเบาๆ



















หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๗๐% ๐๖.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 06-11-2019 15:59:01
มาแล้ววว น่ารักกก รออยู่ตลอดเลยค่าาา
อยากเห็นหน้าเจ้าหนูแล้ววว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๗๐% ๐๖.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-11-2019 10:03:28
น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๗๐% ๐๖.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 07-11-2019 12:42:27
เราก็ใคร่อยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเหมือนกัน  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๗๐% ๐๖.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-11-2019 00:39:28
แสบน่าดูเลยเจ้าตัวเล็ก
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๗๐% ๐๖.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-11-2019 22:20:21
รีบๆคลอดได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๗๐% ๐๖.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 09-11-2019 13:56:09
น่ารัก น่าชัง เสียยิ่งกระไร
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๑๐๐% ๑๑.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 11-11-2019 17:31:53



ภุชงค์เล่นแสง ๑๖ ครึ่งหลัง




อุ่นรับพระบัญชาจากคนเป็นนาย แลถ่ายทอดให้ข้าหลวงอีกคราหนึ่ง มินานข้าหลวงสาวสองนางก็หอบหิ้วผ้าเนื้อนุ่มหลายผืนมาปูซ้อนกันบนตั่งข้างเจ้าบัวงาม เมื่อแล้วแล้วเจ้าบัวจึงไว้วางลูกลงนอนบนผ้านุ่มๆ เจ้าตัวน้อยผวาดิ้นก่อนจักนิ่งสงบ เมื่อคนเป็นยายลูบอกเล็กเบาๆ กล่อม แลใช้ผ้าอ้อมห่มให้


.
.
.


หลังจากเข้าหารือรับฏีกาจากขุนนางที่ตำหนักทรงงานกับบิดาแล้วแล้ว องค์ภุชงค์ก็มีรับสั่งให้ข้าหลวงขนข้าว ขนของของเจ้าแสงแรกกลับตำหนักของพระองค์ ก่อนที่ตัวขององค์ภุชงค์เองจักเสด็จไปที่ศาลาริมสระหลวงที่องค์ภุมริน แลองค์จันทร์ท่านล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

“ภุชงค์ไปไหนมาลูก”พระชายาชมนาดตรัสถาม เมื่อองค์ภุชงค์ดำเนินเข้ามาในศาลาริมสระหลวง

“ลูกไปจัดการย้ายข้าวย้ายของของเจ้าแสงกลับตำหนักมาพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“หึหึหึ”เจ้าชมนาดสรวลสุรเสียงแผ่วในพระศอ ห่างเมียมาหลายคืนคงจักคิดถึงมากสิท่าเจ้านาคน้อย

“...”องค์ภุชงค์แย้มสรวลกว้างเต็มดวงพักตร์ให้มารดา แลดำเนินไปประทับเคียงข้างเจ้าแสงแรกเมียรัก

“ฝ่าบาท เหนื่อยหรือไม่พระเจ้าค่ะ...ยี่สุ่นนำพระธารสลอยดอกมัลลิกาถวายองค์ภุชงค์ท่านทีเถิด”เจ้าแสงแรกตรัสถามพระภัสดา หัตถ์บางหยิบซับพระพักตร์ขึ้นซับหยาดพระเสโทบนนลาฏขาว ก่อนจักตรัสรับสั่งกับคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับพระบัญชา แลรินพระสุธารสลอยดอกมัลลิกาใส่ขันทองเหลืองใบเล็กถวายองค์ภุชงค์ท่าน

“แค่เห็นหน้าเจ้าพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว...ขอบน้ำใจหนายี่สุ่น”องค์ภุชงค์ตรัสกับเมีย แลรับขันพระสุธารสมาจากบ่าวรักยมขึ้นเสวย

“มิได้พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นว่าก่อนจักคลานถอยออกไปนั่งหมอบที่เดิม

“ฝ่าบาท อย่ากวนลูกสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามตรัสกับพระภัสดาที่เดี๋ยวก็ลูบแก้มกลมของลูก ประเดี๋ยวก็จับมือเล็กขึ้นหอม ประเดี๋ยวก็ประคองเท้าของเจ้าพเยียขึ้นจูบจนกระพรวนที่ทองที่เจ้าตัวน้อยสวมใส่ดังกังวาน

“มิตื่นดอก นอนหลับอุตุเป็นลูกหมูเช่นนี้ หึหึหึ”องค์จันทร์ตรัสก่อนจักโน้มพักตร์หอมพุงกลมๆ ของลูกฟอดใหญ่ พักตร์กลมแป้นของเจ้าน้อยพเยียบิดเบี้ยว โอษฐ์เล็กเบะคว่ำ

“หงึ ฮึก แอะ”เนตรคมปรือขึ้น หยาดพระอัสสุชลกลั้นออกมาคลอนัยน์ตา

“ฝ่าบาท...ชู่ว พเยียแม่อยู่นี่เจ้า แม่อยู่นี่”เจ้าบัวงามเอ็ดพระภัสดา หัตถ์บางตีลงบนพระอุระกว้างมิเบานัก ก่อนจักโน้มพระวรกายไปให้ลูกเห็นพักตร์ ตรัสสุรเสียงนุ่มปลอบประโลมเจ้าตัวน้อย คนเป็นแม่ปาดคราบน้ำตาบนปรางนุ่มแผ่วเบา

“พเยีย มาให้พ่ออุ้มหนาลูก”องค์จันทร์ขยับเบียดเมีย ก่อนจักตรัสกับลูกสุรเสียงอ่อนหวาน

“ฮึก”เจ้าตัวน้อยดีดแข้งดีดขาไปมาจนเสียงกระพรวนทองดังไปทั่วศาลาริมสระหลวง

“พ่ออุ้มหนาคนดี”องค์จันทร์สอดพระหัตถ์ช้อนแผ่นหลังเล็กของลูกขึ้น ยกลูกน้อยแนบพระอุระอุ่น เจ้าพเยียยัดกำปั้นเข้าโอษฐ์อมเสียจนชุ่มพระเขฬะใส เจ้าบัวงามส่ายพักตร์ แลใช้ผ้าอ้อมเช็ดคราบน้ำลายให้ลูก

“มิเอามือเข้าปากหนาลูก”

“แอะ”เจ้าพเยียส่งสุรเสียงอ้อแอ้ เป็นที่น่าเอ็นดู

“องค์จันทร์ขอหม่อมฉันอุ้มเจ้าพเยียหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัสบอกพระภัสดาของอนุชา

“ประเดี๋ยวก่อน ข้าเพิ่งจักได้อุ้มลูก ยังมิทันจักได้ชื่นใจเลย”คนเป็นพ่อตรัส มิยอมส่งเจ้าตัวน้อยให้ง่ายๆ

“โธ่ พระองค์เป็นพ่อจักอุ้มเมื่อใดก็ได้ ประเดี๋ยวพระองค์ แลเจ้าบัวกลับศศิมณฑลหม่อมฉันก็มิได้เล่นกับหลานแล้ว”องค์ภุชงค์โอดครวญ

“ใคร่อยากให้ลุงเจ้าอุ้มหรือไม่ลูก”องค์จันทร์มิตรัสตอบองค์ภุชงค์ หากแต่เอียงพักตร์ซบลงบนศีรษะทุยของเจ้าพเยีย แลตรัสถามลูกแทน

“แอะ แอ๊ะ”

“กระไรหนา มิอยากไปหรือลูก ได้เจ้าได้ พ่อมิบังคับหนา”องค์จันทร์ตรัสกับโอรสของพระองค์เป็นตุเป็นตะ

“ฝ่าบาท อย่าแกล้งภุชงค์สิพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามตีแปะลงบนพระพาหุของพระภัสดา แลตรัสสุรเสียงอ่อน

“ก็ได้ๆ”องค์จันทร์ถอนพระทัย ยอมส่งเจ้าพเยียให้องค์ภุชงค์ท่านอุ้ม

“หึหึหึ เจ้าพเยียหลานลุง”องค์ภุชงค์ประคองร่างเล็กนุ่มนิ่มของหลานมาอุ้มแนบพระอุระ พระนาสิกกดลงบนปรางกลมนิ่มหอมกลิ่นน้ำนม

“อื้อ”เจ้าพเยียครางใส่ด้วยความรำคาญ ไยพวกผู้ใหญ่จึงโปรดปรานการฟัดแก้มของข้านักหนา นัยน์ตาคมเหลือบมองเจ้าแสงแรก เจ้าตัวน้อยยกกำปั้นเล็กใส่โอษฐ์แลอมจนชุ่มน้ำลายใส นัยน์ตาคมจับจ้องที่เจ้าแสงมิวางตา

“หืม มองกระไรเจ้าพเยีย มองท่านน้าแสงแรกหรือ”องค์ภุชงค์ตรัสถามหลานรัก

“ฝ่าบาทหม่อมฉันขออุ้มเจ้าน้อยบ้างสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสกับพระภัสดา นัยน์ตาหวานเป็นประกาย องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเห็นจึงได้ยอมส่งเจ้าตัวน้อยให้เมียอุ้ม

“แอะ แอ๊”เจ้าพเยียน้อยส่งสุรเสียงอ้อแอ้ ดีดแข้งดีดขาจนฝ่าเท้าป้อมๆ ถีบเข้ากลางพระอุระคนเป็นลุง

“อั่ก”กลางคืนถูกเมียทุบพระขนอง กลางวันถูกหลานถีบพระอุระ น่าสงสารแท้องค์ภุชงค์

“อะ แอ๊ะ”เจ้าพเยียน้อยจ้องเจ้าแสงแรกที่โอบอุ้มตนเองเนตรใสแจ๋ว โอษฐ์จิ้มลิ้มแย้มสรวลจนเนตรปิด กลิ่นบุปผาหอมกรุ่นลอยระรวยรอบศาลาริมสระหลวง

“เจ้าพเยียแม่จักน้อยใจแล้วหนาเจ้า อยู่กับแม่มิเห็นจักดีใจจนกลิ่นบุปผาระรวยเช่นอยู่กับท่านน้าแสงแรก”เจ้าบัวงามตัดพ้อเจ้าตัวน้อยที่ตอนนี้หาได้สนพระทัยมารดาไม่ ยื่นหัตถ์กลมชุ่มพระเขฬะไปแตะปรางนวลของเจ้าแสงแรก

“จ๊ะเอ๋”เจ้าแสงแรกส่งสุรเสียงหยอกเย้าเจ้าตัวน้อย

“อ๊ะ ฮะๆๆ”เจ้าพเยียหัวเราะออกมาจนพ่อแม่ แลตายายเลิกพระขนง เด็กตัวเท่านี้หัวเราะเป็นแล้วหรืออย่างไร

“ฮะๆๆ จ๊ะเอ๋”เจ้าแสงแรกสรวลอย่างอารมณ์ดี ลูกตนเองยังอยู่ในท้อง เช่นนั้นก็เล่นกับลูกคนอื่นก่อนก็แล้วกัน

“คิกๆๆ กรี๊ดดดด”เจ้าพเยียสรวล แลดีดตัวจนเจ้าแสงแรกแทบจักเอามิอยู่ องค์ภุชงค์จึงได้ขยับเข้าซ้อนหลังคนเป็นเมีย ช่วยประคองตัวน้อยที่คึกคัก องค์ภุชงค์คอยระวังมิให้เท้าของเจ้าพเยียโดนครรภ์ของเจ้าแสงแรก

“ใจเย็นๆ เจ้าพเยีย ประเดี๋ยวก็โดนน้องเข้าให้ดอกเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัส พลางบีบปรางนิ่มของหลานจนพักตร์กลมแป้นบู้บี้อย่างหมั่นเขี้ยว

“เจ้าแสง ขอแม่อุ้มเจ้าพเยียบ้างสิเจ้า”เจ้าชมนาดตรัสกับสุณิสา

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสอย่างเสียดาย ก้มพักตร์ลงหอมปรางกลมก่อนจักส่งเจ้าตัวน้อยให้พระภัสดาท่านอุ้มไปถวายให้พระมารดาชมนาด เจ้าพเยียขมวดขนงพักตร์ยุ่ง

“แอะ แอ๊ะ”ส่งเสียงอ้อแอ้ ถูกเปลี่ยนมือบ่อยจนงุนงง

“พเยียหลานยาย ว่าอย่างไรคนดี”เจ้าชมนาดรับหลานมาหยอกเย้า พระนาสิกกดที่ฉวีนิ่มของเจ้าตัวน้อยสูดกลิ่นหอมไปทั้งตัว

“ประเดี๋ยวตาให้ข้าหลวงสานปลาตะเพียนให้เจ้าดีหรือไม่ เจ้าพเยีย”องค์ภุมรินตรัสเอาใจหลาน

“แอะ”

“ใคร่อยากได้ใช่หรือไม่ หืม...อุ่น”องค์ภุมรินตรัสกับหลาน ก่อนจักผินพักตร์ไปตรัสเรียกคนสนิทของเมีย

“เพคะ ฝ่าบาท”อุ่นหมอบกราบรอรับพระบัญชาจากคนเป็นนาย

“บอกข้าหลวงสานปลาตะเพียนให้หลานข้าทีเถิด เอาพวงใหญ่ๆ เลยหนา”

“เพคะ”

“ขอปลาตะเพียนเงิน ปลาตะเพียนทองหนาพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”องค์จันทร์ตรัสเย้าพระสัสสุระ

“หึหึหึ ได้ยินหรือไม่อุ่น ชามาดาของข้าใคร่อยากได้ตะเพียนเงิน ตะเพียนทอง”

“เอ่อ...”

“เอาด้ายเงิน ด้ายทองสานไปด้วย”องค์ภุมรินรับสั่งอย่างมิยอม เพียงแค่นี้พระองค์ให้หลานได้

“หึหึหึ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าพเยียกราบเสด็จตาท่านหรือยังลูก”องค์จันทร์สรวลในพระศอ เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามลอบสบเนตรกันก่อนจักส่ายพักตร์ไปมาอย่างอ่อนพระทัย


.
.
.


เจ็ดวันถัดมา องค์จันทร์จึงได้ฤกษ์พาเมีย แลลูกกลับศศิมณฑล เจ้าบัวงามอุ้มลูกเข้าเต้า จักต้องให้เจ้าพเยียกินนมให้อิ่มเสียก่อนจึงจักออกเดินทางได้

“อิ่มหรือยังลูก”เจ้าบัวงามตรัสถามเจ้าตัวน้อยที่หยุดออกแรงดูดดึงยอถันของมารดาแล้ว หากแต่ก็ยังมิยอมคายจุกนมออก

“...”เจ้าพเยียจ้องเนตรมารดานิ่ง

“...”เจ้าบัวงามลองเชิงด้วยการใช้พระดรรชนีดันปรางกลมของเจ้าพเยียออกจากยอดถันของพระองค์

“ฮื่อ”เจ้าพเยียเมื่อจุกนมของมารดากำลังจักหลุดออกจากโอษฐ์ก็รีบมุดพักตร์ดูดดึงยอดถันมารดาตะกรุมตะกราม น้ำนมเต็มโอษฐ์ หากแต่กลับมิยอมกลืนน้ำนมจึงไหลออกมาตามมุมโอษฐ์เหนียวเหนอะ

“เจ้าพเยีย อิ่มแล้วก็พอเถิดลูก จักได้ออกเดินทางกันสักที มิคิดถึงเสด็จย่าท่านหรือเจ้า”เจ้าบัวงามตรัสกับลูก ก่อนจักกลั้นพระทัยดันลูกออกจนจุกนมหลุดออกจากโอษฐ์จิ้มลิ้ม เจ้าพเยียเบิกเนตรกว้าง โอษฐ์จิ้มลิ้มอ้าออก น้ำนมที่อมไว้ไหลอาบหนุมนจนเปรอะทั้งแม่ แลลูก

“แงงงงง ฮึก แงงงงงง”เจ้าตัวน้อยหวีดร้องสุรเสียงดังลั่นห้องบรรทม พักตร์กลมแป้นบิดเบี้ยว แลแดงก่ำ ร้อนถึงองค์จันทร์ผู้เป็นพ่อต้องรีบรุดเข้ามาดูสงครามระหว่างแม่ แลลูก

“เกิดกระไรขึ้น”องค์จันทร์ตรัสถามเจ้าบัวงามที่นั่งเปลือยท่อนบนกอดลูกไว้แนบอก

“ก็ลูกพระองค์หนาสิพระเจ้าค่ะ กินนมอิ่มแล้วก็มิยอมปล่อยยอดถันของหม่อมฉัน เอาออกก็ร้อง แลเช่นนี้จักได้เดินทางกลับศศิมณฑลกันเมื่อใด”เจ้าบัวงามส่งเจ้าตัวน้อยให้พระภัสดา แลถือโอกาสฟ้องเสียเลย

“เอาแต่ใจใหญ่แล้วหนาเจ้าพเยีย”องค์จันทร์เอ็ดลูกอย่างมิจริงจังนัก

“ฮึก ฮึก”เจ้าพเยียบีบเนตรสะอื้นน้ำตาเม็ดโตหยดเผาะๆ

“ไปอาบน้ำใหม่เสียทั้งแม่ แลลูกเลยหนา เหนียวคราบน้ำนมไปหมดแล้ว”




   กว่าจักออกเดินทางได้แดดก็เริ่มแรงเสียแล้ว องค์ภุมริน เจ้าชมนาด องค์ภุชงค์แลเจ้าแสงแรก ออกมาส่งครอบครัวศศิมณฑลอย่างพร้อมเพรียง

“เดินทางปลอดภัยหนาลูก ประเดี๋ยวแม่ แลพ่อจักไปเยี่ยมเจ้าที่ศศิมณฑลบ้าง”เจ้าชมนาดตรัสพลางลูบเกศาของเจ้าบัวงามไปมา

“พระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่รักษาองค์เองด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“เช่นนั้นลูกลาก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามตรัส แลขึ้นเกี้ยวตามหลังพระภัสดาที่อุ้มลูกขึ้นไปก่อนแล้ว ก่อนที่ขบวนเสด็จกลับศศิมณฑลจักเคลื่อนออกจากวังหลวงภุมริกา หากแต่มิทันที่เจ้านายทั้งสี่พระองค์จักได้เสด็จกลับเข้าตำหนัก เกี้ยวเสด็จของผู้มาใหม่ก็มาเทียบที่หน้าตำหนักหลวง

“ผู้ใดมากัน”เจ้าชมนาดตรัสพึมพำ หากแต่เมื่อผู้ที่อยู่ในเกี้ยวเสด็จออกมาก็สร้างความฉงนให้เจ้านายภุมริกายิ่งกว่าเดิม


“เจ้าน้อยธาราสลิล...มาทำกระไรที่ภุมริกากัน”
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๑๐๐% ๑๑.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-11-2019 20:25:00
เจ้าน้อยยย คู่ใหม่จะมาแล้วแน่ๆเลยยย
พเยียน่ารักมากเลยยย  :impress2:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๑๐๐% ๑๑.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-11-2019 08:25:28
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๑๐๐% ๑๑.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 12-11-2019 15:05:22
หนี มาอย่างนี้ หนีว่าที่ภัสดามา แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๕๐% ๑๓.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 13-11-2019 12:55:41



ภุชงค์เล่นแสง ๑๗

   


เจ้านายภุมริกาทั้งสี่ประทับอยู่ที่ท้องพระโรง พร้อมด้วยอาคันตุกะจากแคว้นชลาศัย หลังจากที่เมื่อวานขบวนเสด็จของเจ้าน้อยธาราสลิลมาเทียบที่หน้าวังหลวง ก็เกิดความสงสัยขึ้นภายในพระทัยของเจ้าบ้านอย่างภุมริกา หากแต่ก็ต้องต้อนรับอาคันตุกะเสียก่อนค่อยไต่ถามสาเหตุของการมาเยือน แลวันนี้เจ้านายทุกพระองค์จึงได้มาประทับอยู่ที่ท้องพระโรงตำหนักหลวง

“กราบถวายพระพรเจ้าหลวงภุมริน พระชายาชมนาด แลองค์รัชทายาทภุชงค์พระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยธาราสลิลหมอบกกราบเจ้านายแคว้นภุมริกาที่ประทับอยู่บนตั่งทอง ปรายเนตรมองเจ้าแสงแรก แลทำเป็นมิสนพระทัย

“อืม แลเสด็จมาถึงภุมริกาด้วยตัวคนเดียวเช่นนี้มีเรื่องกระไรหรือเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสถาม

“...ฮึก หม่อมฉันมิมีที่ไปแล้วพระเจ้าค่ะ จึงได้บากหน้าที่ภุมริกา ฮึก ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยธาราสลิลสะอื้นไห้ออกมา

“เกิดกระไรขึ้นเจ้าน้อย พระทัยเย็นก่อนเถิด”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก เสด็จพ่อจักให้หม่อมฉันตบแต่งเป็นชายาขององค์พาฬพยัคฆ์ ฮือออ หม่อมฉันมิใคร่อยากตบแต่งกับชายดุร้ายผู้นั้น”ธาราสลิลตรัสเคล้าเสียงสะอื้น

“แลเจ้าจักให้ภุมริกาช่วยอย่างไรเล่าเจ้าน้อยธาราสลิล”องค์ภุมรินตรัสถามขึ้น

“อึก อ องค์ภุชงค์ได้โปรด ฮึก รับหม่อมฉันเป็นสนมด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ”สิ้นสุรเสียงของเจ้าน้อยธาราสลิล องค์ภุมริน เจ้าชมนาด แลองค์ภุชงค์ก็เบิกเนตรกว้าง ในขณะที่เจ้าแสงแรกกำหัตถ์แน่น รู้สึกหายพระทัยมิทั่วพระอุทรขึ้นมาทันใด

“เจ้าน้อยธาราสลิลตรัสกระไรออกมารู้ตัวหรือไม่”เมื่อหาสุรเสียงขององค์เองเจอ องค์ภุชงค์ก็ตรัสถามเจ้าน้อยต่างแคว้นทันที อยู่ดีมิว่าดีโยนฟืนติดไฟใส่หลังคาบ้านข้าแล้วไหมล่ะ เจ้าน้อยสลิล

“ฮึก รู้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันถึงได้ยอมทิ้งศักดิ์ศรีบากหน้ามาขอถวายตัวเป็นสนมให้พระองค์”

“...”

“ฮึก ให้หม่อมฉันเป็นเพียงสนมของพระองค์ยังดีเสียกว่าให้หม่อมฉันตบแต่งเป็นชายาของบุรุษดุร้ายผู้นั้น!!!”

“...ทูลเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ หม่อมฉันรู้สึกมิค่อยจักดีขอตัวกลับตำหนักก่อนได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลขึ้นท่ามกลางสุรเสียงสะอื้นไห้ของเจ้าน้อยธาราสลิล

“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์ครางชื่อเมียในพระศอสุรเสียงแผ่ว แต่เมียหาได้สนใจไม่

“ให้แม่ตามหมอหลวงหรือไม่ลูก”เจ้าชมนาดตรัสถาม

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันขอกลับไปพักที่ตำหนักก็พอแล้ว”

“เช่นนั้นก็ไปเถิดลูก เอาไว้แล้วแล้วแม่จักไปหาหนา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบพระสัสสุระ แลพระสัสสุก่อนจักดำเนินออกจากท้องพระโรงโดยมีคนสนิททั้งสองคอยประคอง ส่วนองค์ภุชงค์นั้นทำได้เพียงมองตามเมียพระเนตรละห้อย




   หลังจากที่เจ้าแสงออกจากท้องพระโรงไปแล้ว องค์ภุชงค์ก็ละสายพระเนตรออกจากเจ้าแสง แลผินพักตร์กลับมาที่เจ้าน้อยสลิลที่ประทับไห้สะอึกสะอื้นอยู่

“ข้าคงจักช่วยเจ้ามิได้ดอกหนาเจ้าน้อยธาราสลิล”

“ฮึก ฮือ ฝ่าบาท”เจ้าธาราสลิลสะอื้นไห้จนตัวสั่น

“ข้ารักเจ้าแสง รักมาก รักแต่เพียงผู้เดียว ข้าคงจักทำร้ายใจเจ้าแสงด้วยการรับเจ้าเป็นสนมมิได้ดอก”

“ฮึก ฮึก ฮือออ”เจ้าธาราสลิลฟุบหมอบกับพื้นท้องพระโรงร่ำไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ความหวังสุดท้ายถูกดับลงอย่างมิเหลือเยื่อใย

“พระทัยเย็นก่อนเถิดเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัส

“องค์พาฬพยัคฒ์แม้จักเลื่องชื่อความดุร้าย หากแต่พระองค์คงมิร้ายกับเจ้าผู้เป็นเมียดอก”เจ้าชมนาดตรัส แลลุกจากตั่งทองดำเนินไปหาเจ้าน้อยธาราสลิล พระชายาชมนาดประทับลงข้างร่างเล็กที่สั่นโยนด้วยแรงสะอื้น พระหัตถ์บางลูบเกศานุ่มปลอบ

“ฮึก ฮึก มิจริง อ องค์พาฬ ก เกลียดหม่อมฉันเข้าไส้ แลจักมาดีกับหม่อมฉันได้อย่างไร ฮึก ฮือ”เจ้าธาราสลิลตรัสค้าน

“หากองค์พาฬเกลียดเจ้า พระองค์คงมิยอมตบแต่งเจ้าเป็นชายาดอก”

“ฮึก ฮือออ”เจ้าธาราสลิลส่ายพักตร์ไปมา สะอึกสะอื้นแทบขาดพระทัย

“เอาเถิด แม้เจ้าภุชงค์จักรับเจ้าเป็นสนมมิได้ หากแต่เจ้าก็อยู่ที่ภุมริกานี้ไปจนกว่าจักสบายใจขึ้นก็แล้วกันหนา ข้าจักต้อนรับอย่างดี”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก ฮึก ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ล แล ม หม่อมฉันก็ ต ต้อง ข ขอประทาน อ อภัยด้วยหนา พ พระเจ้าค่ะ ท ที่มาสร้าง ค ความ ฮึก เดือดร้อน ฮือออ”เจ้าธาราสลิลตรัสเคล้าสุรเสียงสะอื้นจนฟังขาดห้วงมิเป็นคำ

“มิเป็นไรๆ หยุดไห้ แลกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักก่อนเถิด แลเย็นนี้ก็มารับสำรับที่ตำหนักหลวงด้วยกันหนา”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าธาราสลิลหมอบกราบแทบพระเพลาของพระชายาชมนาด แลหมอบกราบเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาท ก่อนจักกลับตำหนักรับรองที่ภุมริกาจัดเตรียมไว้ให้พร้อมกับเจ้าฝันคนสนิท

“เฮ้อ”ลับหลังเจ้าน้อยธาราสลิลสองพ่อลูกภุมริกาก็ถอนพระทัยออกมาเสียเฮือกใหญ่

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ลูกขอตัวก่อนหนาพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัสกับบิดา แลมารดา

“รีบไปง้อเจ้าแสงเถิดลูก แลประเดี๋ยวใกล้ๆ เพลารับสำรับเย็นแม่จักไปหาเจ้าแสงที่ตำหนัก”เจ้าชมนาดตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ”



.
.
.




   ทางด้านเจ้าแสงแรกที่ออกจากตำหนักหลวงพร้อมคนสนิททั้งสอง แลพ่อขันธ์องครักษ์คนสนิทของพระภัสดาแล้วก็ดำเนินกลับตำหนักที่ประทับ หากแต่ดำเนินมาได้ครึ่งทางปลอดผู้คนแล้ว พระชายาขององค์รัชทายาทก็หยุดดำเนิน แลผินพักตร์มาหาองครักษ์คนสนิทของพระภัสดา

“พ่อขันธ์”

“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”พ่อขันธ์คุกเข้าลงรอรับพระบัญชา

“พ่อขันธ์พอจักช่วยกระไรข้าสักอย่างจักได้หรือไม่”เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงหวาน

“เอ่อ...พ่ะย่ะค่ะ”เหตุใดหางตาขวาของพ่อขันธ์จึงได้กระตุกเป็นเจ้าเข้าเยี่ยงนี้

“ส่งสาส์นไปยังศารทูลให้องค์พาฬพยัคฆ์มารับคู่หมายของพระองค์กลับไปที

“...”

“ทำให้ข้าได้ใช้หรือไม่”แม้พระชายาท่านจักใช้พระสุรเสียงหวานอ่อนโยนเสนาะหูเช่นเดิม หากแต่พ่อขันธ์กลับรู้สึกเกรงพระทัยจนต้องยอมตกปากรับคำพระชายาท่าน

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบน้ำใจหนาพ่อขันธ์...แลอย่าบอกใครเล่า”

“...พ่ะย่ะค่ะ”

“เอาล่ะ ยี่สุ่น ชงโคกลับตำหนักกันเถิด ข้าอยากพักแล้ว”เจ้าแสงแรกตรัส

“พระเจ้าค่ะ”




   เมื่อกลับมาถึงตำหนักขององค์รัชทายาท พระชายาท่านก็ให้พ่อขันธ์กลับไปรับใช้องค์ภุชงค์

“พ่อขันธ์ส่งข้าเท่านี้ก็พอ”เจ้าแสงแรกตรัส พร้อมแย้มสรวลบางๆ ให้

“พ่ะย่ะค่ะ”

“แลอย่าลืมจัดการให้ข้าหนา”

“...พ่ะย่ะค่ะ”พ่อขันธ์ก้มหน้ารับพระบัญชาของพระชายา

“ไปเถิด”

“หม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”




   เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรแผ่นหลังกว้างขององครักษ์คนสนิทของพระภัสดาไปจนลับสายพระเนตรจึงได้ดำเนินเข้าตำหนัก

“พระชายาพระเจ้าค่ะ”เมื่อเข้ามาในห้องบรรทมแล้ว ชงโคก็เอ่ยปากเรียกคนเป็นนายทันที

“หืม มีกระไรหรือชงโค”เจ้าแสงแรกเลิกพระขนง พลางคว้ามะเฟืองฝานเข้าโอษฐ์

“พระองค์ให้พ่อขันธ์ส่งสาส์นไปยังองค์พาฬพยัคฆ์เช่นนั้นจักมิเป็นการชักศึกเข้าบ้านให้เจ้าน้อยสลิลหรือพระเจ้าค่ะ”

“ชักศึกเข้าบ้านกระไร องค์พาฬท่านเป็นว่าที่พระภัสดาของเน้อยสลิล หาใช่ศัตรูไม่ แลอีกอย่าง...”

“...”

“...บ้านเจ้าน้อยสลิล หาใช่บ้านข้าไม่”จักมาว่าข้าร้ายมิได้ดอกหนา




   เสด็จแม่ชมนาดท่านตรัสว่าให้ข้าร้ายให้ถูกที่ ถูกเพลา แลถูกเรื่อง เช่นนั้นเรื่องที่เจ้าน้อยธาราสลิลมาเสนอขอถวายตัวเป็นสนมของพระถัสดา ในเพลาที่ข้าตั้งครรภ์ ณ วังหลวงภุมริกาที่มีข้าเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทก็ถูกต้องทั้งสามประการแล้วนี่ ข้าหาได้ทำกระไรผิดไม่ หึ! เสด็จแม่ชมนาดจักต้องภูมิพระทัยในตัวข้า



.
.
.



“ไยจึงไปนานนักเจ้าขันธ์ ข้าให้ไปส่งเจ้าแสงแรกที่ตำหนักแค่นี้”องค์ภุชงค์ตรัสถามทันทีที่องครักษ์คนสนิทกลับมา

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”พ่อขันธ์คุกเข่าก้มพักตร์อย่างลุแก่โทษ หากแต่ในใจนั้นกลับบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก็ไปส่งสาส์นให้ศารทูลตามพระบัญชาของเมียพระองค์อย่างไรเล่า สงสารก็แต่เจ้าน้อยธาราสลิล พระชายาแสงแรกหรือ เห็นคราแรกนึกว่าจักอ่อนแอ แลไร้พิษ ไร้สง หากแต่เพลานี้จักต้องคิดใหม่เสียแล้ว

“ช่างเถิดๆ ข้าจักกลับตำหนักไปหาเจ้าแสงแรกก่อน ค่อยไปรับฎีกากับเสด็จพ่อที่ตำหนักทรงงาน”องค์ภุชงค์ตรัสกับองครักษ์คนสนิท แลเสด็จกลับตำหนักที่ประทับ หากแต่เมื่อกลับไปถึงตำหนักแล้วเจ้าบ่าวรัก ยมกลับทูลพระองค์ว่าเจ้าแสงแรกนอนกลางวันไปแล้เสียนี่

“ทูลฝ่าบาท พระชายาท่านเพ่งจักบรรทมไปเมื่อครู่นี่เองพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นกระไร พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าใคร่อยากอยู่กับเจ้าแสงตามลำพัง”องค์ภุชงค์ท่านตรัส ก่อนที่คนสนิทของเจ้าแสงแรกทั้งสองจักหมอบกราบ แลคลานออกจากห้องบรรทม



   เมื่ออยู่ตามลำพังกับเมียสองคน องค์ภุชงค์จึงได้ก้าวขึ้นพระแท่นบรรทม สอดพระวรกายเข้าไปในคลุมพระองค์ผืนเดียวกับเจ้าแสง พระกรแกร่งโอบร่างหอมกรุ่นเข้ามาแนบพระอุระ

“อือ ฝ่าบาท”เจ้าแสงแรกสะดุ้งตื่น เนตรงามปรือขึ้นมองพระภัสดา

“ชู่ว พี่ทำเจ้าตื่นหรือ ขอโทษหนาคนดี”องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงอ่อน

“มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเพิ่งจักเคลิ้มหลับเท่านั้น”เจ้าแสงแรกตรัสตอบ แลขืนกายออกจากอ้อมพระกรแกร่ง

“เจ้าแสง โกรธเคืองกระไรพี่หรือเจ้า ไยจึงมิยอมให้พี่กอดเล่า”องค์ภุชงค์มิยอมปล่อย กลับรั้งเจ้าแสงแรกเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม

“พระองค์ยังจักถามอีกหรือพระเจ้าค่ะ ว่าหม่อมฉันเคืองใจเรื่องใด ตบแต่งได้มิเท่าใด หมอข้าวยังมิทันดำ ก็มีคนมาถวายตัวให้พระองค์เสียแล้ว”เจ้าแสงแรกตัดพ้อ

“โธ่ พี่ปฏิเสธไปแล้วเจ้า รักเจ้าออกปานนี้ รักเจ้าคนเดียว แลจักรับผู้อื่นมาเป็นสนมได้อย่างไร”องค์ภุชงค์ตรัสออดอ้อน

“...”

“พี่รักเจ้าคนเดียวเจ้าแสง”

“แลมิรักลูกหรือพระเจ้าค่ะ”

“รักเจ้า รักทั้งเจ้า ทั้งลูกเลยหนา”

“...แลเจ้าน้อยสลิลเล่าพระเจ้าค่ะ”

“เสด็จแม่ท่านให้เจ้าน้อยอยู่ที่ภุมริกาจนกว่าจักสบายพระทัย”

“แลหากเจ้าน้อยอยู่ที่ภุมริกาตลอดไปเล่าพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยสลิลมิมีใจใคร่อยากตบแต่งกับองค์พาฬย่อมมิใคร่อยากกลับชลาศัยให้องค์ชลัลบีบบังคับให้ตบแต่งเป็นชายาองค์พาฬ แลหากจักให้กลับศารทูลยิ่งเป็นไปมิได้”

“...”องค์ภุชงค์ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตรัสมิออก

“...ช่างเถิดพระเจ้าค่ะ”หากแต่มิเป็นกระไรดอก มิเกินสิบวันองค์พาฬจักต้องเสด็จมารับเจ้าน้อยธาราสลิลกลับไปแน่

“จ้ะ เช่นนั้นเจ้านอนต่อดีหรือไม่ ประเดี๋ยวพี่ก็จักต้องไปทรงงานกับเสด็จพ่อท่านแล้ว”องค์ภุชงค์รีบปัดเรื่องของเจ้าน้อยธาราสลิลให้พ้นตัว

“พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทกล่อมหม่อมฉันให้หลับก่อน แลค่อยไปได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ได้สิเจ้า พี่จักกล่อมเจ้าให้หลับสนิทก่อน แลค่อยไปหนา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์ให้พระภัสดา แลหลับเนตรพริ้ม มินานเจ้าคนท้องก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย





หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๕๐% ๑๓.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 13-11-2019 13:40:40
 :katai3: เริ่ดมาก​ เจ้าแสง​ นอกจากเสด็จ​แม่แล้ว​ อิบ่าวคนอ่านก็ภูมิใจ​ในตัวเจ้าแสงด้วยเพคะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๕๐% ๑๓.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 13-11-2019 17:47:00
ดีมากเจ้าเเสง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๕๐% ๑๓.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-11-2019 00:16:33
เจ้าแสงงงงงงงงงงงไม่ธรรมดาๆๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๐๐% ๑๔.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 14-11-2019 14:42:52

ภุชงค์เล่นแสง ๑๗ ครึ่งหลัง



ห้าวันถัดมา

เจ้าน้อยธาราสลิลประทับอยู่ที่ภุมริกาได้ห้าวันแล้ว โดยเจ้าน้อยธาราสลิลนั้นได้การต้อนรับจากภุมริกาเป็นอย่างดี แลวันนี้หลังจากที่รับสำรับระกายาหารเช้าแล้วแล้วเจ้าน้อยสลิลก็ดำเนินเล่นพร้อมคนสนิทอย่างเจ้าฝัน

“เจ้าน้อยธาราสลิล” ดำเนินมาจนถึงสวนพฤกษาของวังหลวงภุมริกา ก็พบเข้ากับพระชายาแสงแรก

“...พระชายาแสงแรก” เจ้าสลิลหลบเนตรมิกล้าสู้พักตร์เจ้าแสงด้วยความอับอาย

“เป็นอย่างไรบ้างหรือพระเจ้าค่ะ ประทับอยู่ที่ภุมริกาขาดเหลือกระไรหรือไม่” เจ้าแสงแรกตรัสถามสุรเสียงหวาน พลางแย้มสรวลให้เจ้าน้อยธาราสลิล

“มิได้ ภุมริกาต้อนรับข้าดีนัก” เจ้าน้อยสลิลตรัส

“เช่นนั้นหรือพระเจ้าค่ะ อืม หากข้าใคร่อยากจักเชิญเจ้าน้อยธาราสลิลประทับรับลมเล่นด้วยกันที่ศาลาริมสระหลวงนี่ เจ้าน้อยจักรังเกียจหรือไม่”

“ข ข้า...อ อืม ได้ เจ้านำไปเสียสิ”



ภายในศาลาริมสระหลวงเจ้าแสงแรก แลเจ้าน้อยธาราสลิลประทับอยู่บนตั่งมีบ่าวคนสนิทคอยถวายงานรับใช้ใกล้ชิด ชงโคถวายขนมหวาน แลน้ำขิงให้คนเป็นนายมิขาด ส่วนยี่สุ่นนั้นบีบนวดปลีน่องเรียวเอาพระทัย ผิดกับเจ้าน้อยธาราสลิลที่ประทับก้มพักตร์ด้วยความรู้สึกอึดอัด มิกล้าสู้หน้า หน้าด้านมาขอถวายตัวให้ผัวเขาถึงที่ แลจักให้มานั่งรับขนมหวานหน้าชื่นตาบานก็กระไรอยู่

“เจ้าน้อยธาราสลิลขนมรสชาติมิถูกพระทัยหรือ ไยจึงมิแตะกระไรเลยเล่า” เจ้าแสงแรกตรัสถาม

“มิได้ ข้าเพียงแต่ยังอิ่มอยู่ก็เท่านั้น” เจ้าธาราสลิลตรัส

“เช่นนั้นดอกหรือ” เจ้าแสงแรกพยักพักตร์น้อยๆ แลสรวลบางๆ ให้เจ้าธาราสลิล

“...มิโกรธเคืองข้าหรือ” เจ้าธาราสลิลเงยพักตร์ขึ้นสบเนตรกับเจ้าแสงแรกที่มีรอยสรวลระบายเต็มดวงพักตร์

“พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด” เจ้าแสงแรกตรัสให้ข้าหลวงรับใช้ออกไปก่อน เหลือเพียงคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงแรก แลคนสนิทของเจ้าน้อยธาราสลิล

“...”

“คราแรกข้าก็เคืองหนา มิมีผู้ใดดีใจที่มีคนมาเสนอตัวให้ผัวตนเองดอก” เจ้าแสงแรกตรัส

“...” เจ้าธาราสลิลพักตร์ม้านด้วยความอับอาย

“หากแต่เพลานี้ข้ามิโกรธแล้ว เจ้าน้อยสบายพระทัยได้” ...อีกมินานภัสดาของเจ้าคงจักปรี่มารับถึงวังหลวงภุมริกา หากข้าโกรธเคืองเจ้าอีก คงน่าสงสารแย่

“ข ข้าขออภัยหนา ทั้งเรื่องที่ข้าทำกิริยามิดีใส่เจ้าในวันงานอภิเษกของเจ้า แลเรื่องที่ข้าจักถวายตัวให้องค์ภุชงค์” เจ้าธาราสลิลตรัสอัสสุชลคลอนัยน์ตางาม ก่อนจักหยดลงบนปรางนวล

“อย่าไห้เลยหนาข้ามิโกรธเคืองเจ้าน้อยแล้ว”

“ข ขอบน้ำใจหนา”

“ทูลเจ้าน้อยธาราสลิล องค์ภุมรินมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าเพคะ” ข้าหลวงสาวนางหนึ่งหมอบคลานเข้ามาในศาลาริมสระหลวง แลกราบทูลความแก่เจ้าน้อยต่างแคว้น

“ฝ่าบาทท่านมีเรื่องกระไรหรือ” เจ้าธาราสลิลปาดคราบอัสสุชลบนปรางของตน แตรัสถามนางข้าหลวง

“มิทราบเพคะ”

“อ อืม...ข้าขอตัวก่อนหนาเจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกแย้มสรวล แลก้มพักตร์น้อยๆ ให้เจ้าธาราสลิล


.
.
.


เจ้าธาราสลิลดำเนินตามข้าหลวงสาวไปยังท้องพระโรงตำหนักหลวงภุมริกาพร้อมบ่าวคนสนิท หากแต่เมื่อก้าวเข้าไปในท้องพระโรงแล้วก็แทบจักหยุดหายพระทัย ร่างบางสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวกับสายพระเนตรคมที่ทอดมายังตน

“ธาราสลิล ข้ามารับเจ้ากลับศารทูลแล้วทูนหัว”

“อ องค์ พ พาฬ ฮึก” เจ้าธาราสลิลตรัสออกมาตะกุกตะกัก ก่อนจักซวนเซล้มลงในอ้อมแขนของบ่าวคนสนิท

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ” เจ้าฝัน

“หึ” องค์พาฬเค้นสุรเสียงในพระศอ เห็นหน้าผัวเท่านี้ถึงกับหน้ามืดเชียวหรือ ธาราสลิล

“ฮึก ม ไม่” เจ้าสลิลกอดแขนบ่าวคนสนิทแน่น

“หม่อมฉันคงต้องขออภัยองค์ภุมริน แลพระชายาชมนาด หากแต่ธาราสลิลดูท่าจักป่วยเสียแล้ว หม่อมฉันขอเสียมารยาทพาน้องกลับตำหนักไปพักก่อนหนาพ่ะย่ะค่ะ” องค์พาฬตรัสกับเจ้าแคว้นภุมริกา

“ให้ข้าตามหมอหลวงหรือไม่” พระชายาชมนาดตรัสถาม

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักรักษาเอง” องค์พาฬตรัส แลลุกจากตั่งที่ประทับมายังเจ้าสลิลที่นั่งกองอยู่กับพื้น

“ฮึก จ เจ้าฝัน” เจ้าสลิลครางเรียกคนสนิทสุรเสียงสั่น

“หึ สำออยนักเมียข้า” องค์พาฬกระซิบลอดไรพระทนต์ข้างกรรณขาวของเจ้าสลิล ก่อนจักกระชากร่างบางออกจากอ้อมกอดเจ้าฝันจนทั้งนายทั้งบ่าวสะดุ้งเฮือก

“ฮึก ฮือ” เจ้าสลิลสะอื้นไห้ตัวสั่นในอ้อมพระกรของเจ้าหลวงศารทูล

“นำทางข้าไปยังตำหนักของนายเจ้าประเดี๋ยวนี้” ช้อนอุ้มเจ้าสลิลขึ้น แลผินพักตร์ไปตรัสกับเจ้าฝันสุรเสียงเข้ม

“...ค ค คือ” เจ้าฝันอึกอัก หากกลับตำหนักอยู่ในที่ลับตาคนเช่นนั้นเจ้าน้อยสลิลจักต้องช้ำเป็นแน่

“ไป” กดพระสุรเสียงลอดไรพระทนต์

“ฮึก ทาง น นี้ ฮึก พ พระเจ้าค่ะ” เจ้าฝันกลืนก้อนสะอื้นด้วยความหวาดกลัว แลนำเจ้าหลวงศารทูลที่อุ้มนายตนไว้ไปยังตำหนักรับรอง


.
.
.


เมื่อถึงตำหนักรับรองของเจ้าสลิล องค์พาฬก็อุ้มเจ้าสลิลเข้าไปในห้องบรรทม เจ้าฝันรีบตามคนเป็นนายเข้าไปติดๆ หากแต่องค์พาฬกลับหยุดพระบาท แลผินไปพักตร์ไปหาองครักษ์คนสนิท เพียงแค่สบพระเนตรคนเป็นนาย พ่อขุนก็จัดการลากเจ้าฝันออกจากห้องบรรทม แลปิดประตูลงกลอนให้คนเป็นนายมิดชิด

“หึ” เมื่อได้อยู่ตามลำพังกันสองพระองค์ องค์พาฬจึงโยนเจ้าสลิลลงบนพระแท่นบรรทมโครมใหญ่ เจ้าสลิลแม้จักจุกมิน้อย หากแต่ก็ตะเกียกตะกายคลานหนีว่าที่พระภัสดา

“อ๊ะ” ข้อพระบาทขาวถูกกำรอบ แลลากกลับมาอยู่ภายใต้พระวรกายกำยำขององค์พาฬ

“หน้าด้านนัก เป็นชายาดีๆ มิเอา แต่เร่มาเสนอตัวเป็นน้อยเขา แลเป็นอย่างไรเล่า เขาเอาเจ้าหรือไม่” องค์พาฬตรัสเยาะพร้อมรอยสรวล หากแต่ในพระทัยนั้นกลับเดือดดาลจนใคร่อยากจักบีบคอเจ้าสลิลให้หักนัก

“ฮึก ฮือออ”

“ไร้ค่าเสียจริงหนาธาราสลิล”

“ฮึก แล้วอย่างไร ให้ข้าไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีมากกว่านี้ข้าก็จักทำ ขอเพียงมิต้องเป็นเมียท่านก็พอแล้ว!! ให้ข้าเป็นสนมปลายแถวขององค์ภุชงค์ยังดีเสียกว่า” เจ้าธาราสลิลโกรธเคืองจนเผลอประชดประชันออกไป หากมีสติสักน้อยคงจักตระหนักถึงผลที่จักตามมาได้

“ดี! ดียิ่ง ใคร่อยากเป็นสนมของเจ้าภุชงค์จนตัวสั่น เจ้าคงจักรักปักใจเจ้าภุชงค์มิน้อยเลยใช่หรือไม่”

“เป็นดังที่ท่านตรัส”

“เช่นนั้นข้าจักทำให้เจ้าเป็นเมียข้าที่นี่!! ที่ภุมริกาบ้านของชายที่เจ้ารักปักใจ ดีหรือไม่!!” องค์พาฬตวาดสุรเสียงดังจนเจ้าสลิลแทบจักหยุดหายพระทัย

“อ อย่าหนา ป ปล่อยข้า” เจ้าสลิลกรีดร้องดิ้นรนขัดขืนหัตถ์ใหญ่ที่กำลังฉุดกระชากปลดเปลื้องอาภรณ์ตนอยู่ พระหัตถ์ร้อนบีบจับฉวีขาวจนช้ำเป็นรอยพระหัตถ์ ทุกพื้นที่บนร่างกายของเจ้าสลิลเป็นของข้า ของข้าแต่เพียงผู้เดียว

“ร้องดังๆ สิเจ้า เอาให้ดังไปถึงตำหนักเจ้าภุชงค์ไปเลยหนา” องค์พาฬตรัส แลทิ้งพระวรกายทาบทับกายเปลือยขาวโพลนของเจ้าธาราสลิล พระพักตร์งามซุกไซร้ซอกคอหอม พระทนต์ครูดกัดจนฉวีนุ่มช้ำห้อพระโลหิต พระหัตถ์ทั้งสองข้างบีบเคล้นยอดอกสีอ่อนระเรื่อจนเจ้าสลิลอัสสุชลไหลอาบปรางขาว มิว่าองค์พาฬจักจับต้องที่ใดบนร่างกายเจ้าสลิลล้วนทิ้งรอยช้ำ แลความเจ็บปวดให้ติดตรึง

“ฮึก ฮือออ ม หม่อมฉัน จ เจ็บ” เจ้าสลิลหมดเรี่ยวแรงที่จักสู้ กรเรียวทั้งสองข้างอ่อนแรงตกลงข้างลำตัว สะอื้นไห้จนสุรเสียงแหบ

“เป็นเด็กดี แลอย่าทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้อีกจำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้” องค์พาฬบีบปรางขาวแน่น ก่อนจักตรัสสุรเสียงเหี้ยมชิดติดโอษฐ์ช้ำของเจ้าสลิล

“ฮึก”

“จำเอาไว้ให้ดี ว่าเจ้าเป็นเมียข้า อย่าได้เร่ทำตัวไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้อีก มิเช่นนั้นข้าจักทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย แลแม้เจ้าจักตายไปแล้ว ข้าก็จักกักขังวิญญาณเจ้าไปชั่วกัปชั่วกัลป์” เจ้าหลวงศารทูลตรัส แลกระแทกพระโอษฐ์บดเบียดกลีบโอษฐ์นุ่มจนได้เลือด

“ฮึก อื้อ” เจ้าสลิลหลับเนตรแน่นรับความเจ็บปวด


.
.
.


ทางด้านเจ้าแสงแรก หลังจากที่เจ้าน้อยธาราสลิลเสด็จไปตามคำเชิญของเจ้าหลวงภุมริน เจ้าตัวก็ยังคงประทับรับขนมหวานอยู่ที่ศาลาริมสระหลวง

“เจ้ายี่สุ่น” แสงแรกตรัสเรียกคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากรู้ว่าเสด็จพ่อท่านเรียกเจ้าน้อยสลิลไปเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอันใด”

“ยี่สุ่นจักไปสืบมาให้พระเจ้าค่ะ” คนเป็นนายตรัสเพียงเท่านั้นยี่สุ่นก็เข้าใจได้

“ดี รีบไปรีบมา แลอย่าให้ใครสงสัยเจ้าเล่า”

“พระเจ้าค่ะ พระชายาเชื่อมือยี่สุ่นได้” ยี่สุ่นยิ้มซุกซน

“ดีมาก ไปเถิด ข้าจักรออยู่ที่นี่”

“พระเจ้าค่ะ”



รอเพียงมินานเจ้ายี่สุ่นก็กลับมาที่ศาลาริมสระหลวง บ่าวตัวน้อยคลานเข่าเข้าหาคนเป็นนาย แลยืดตัวกระซิบข้างพระกรรณของเจ้าแสงแรกรายงานสิ่งที่ได้รับรู้มา

“ทูลพระชายา เจ้าหลวงศารทูลเสด็จมาถึงภุมริกาแล้ว องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้เจ้าน้อยธาราสลิลเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ”

“เสด็จมาแล้วหรือ” เจ้าแสงแรกเลิกพระขนงขึ้นอย่างแปลกพระทัย

“พระเจ้าค่ะ”

“ไวแท้ นี่เพิ่งจักห้าวันเองหนา ข้านึกว่าจักนานกว่านี้เสียอีก” เจ้าแสงแรกพึมพำ หากแต่ยิ่งไวก็ยิ่งดี

“ทำกระไรอยู่หรือเจ้าแสงแรก” เจ้าแสงแรกหลุดออกจากห้วงความคิด เมื่อได้ยินสุรเสียงของผู้มาใหม่ตรัสทักขึ้น

“ฝ่าบาท”

“ว่าอย่างไร ทำกระไรอยู่เจ้า” องค์ภุชงค์ตรัสถาม หลังจากที่ดำเนินมาประทับบนตั่งตัวเดียวกับเมีย

“หม่อมฉันมานั่งจิบน้ำขิง แลรับลมเล่นพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสทูลพระภัสดา

“เยี่ยงนั้นหรือ” องค์ภุชงค์แย้มสรวล ขยับเข้าตระกองกอดเมียรักจากด้านหลัง แลแตะพระนาสิกกับขมับขาวของน้องน้อยอย่างรักใคร่

“ชงโคเอาขนมหวาน แลพระสุธารสชาถวายฝ่าบาทท่านทีเถิด” เจ้าแสงแรกทิ้งกายพิงพระอุระอุ่น แย้มสรวลตอบพระภัสดา แลตรัสให้คนสนิทนำพระกายาหารว่างถวายองค์รัชทายาท

“พระเจ้าค่ะ”

“ลูกพ่อ เป็นอย่างไรบ้างเจ้า วันนี้เจ้าเป็นเด็กดีหรือไม่” องค์ภุชงค์วางหัตถ์ลงบนครรภ์นูนเป็นลูกแตงของเจ้าแสง แลตรัสสุรเสียงอ่อนกับลูกน้อย

“ลูกเป็นเด็กดีพระเจ้าค่ะ มิงอแงให้หม่อมฉันลำบากเลย” เจ้าแสงแรกตรัส แลสรวลอย่างเอ็นดูเจ้าตัวน้อยในครรภ์

“จริงหรือ เก่งมากเด็กดี พ่อแทบจักรอวันที่เจ้าลืมตาดูโลกมิไหวแล้ว”

“อีกมินานดอกพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส

“อีกนานหรือไม่กว่าลูกจักดิ้น” องค์ภุชงค์ตรัสถาม

“หมอหลวงท่านว่ามินานพระเจ้าค่ะ เพลานี้หม่อมฉันก็ตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว ประเดี๋ยวเดือนที่ห้าที่หก ลูกก็ดิ้นแล้วพระเจ้าค่ะ”

“หากลูกดิ้นแล้ว เจ้าต้องบอกพี่ทันทีหนารู้หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักบอกพระองค์เป็นคนแรก”

“หึหึหึ” องค์ภุชงค์บรรจงจูบที่ปรางนุ่มของเมียอย่างรักใคร่ ข้าหลวงสาวที่คอยรับใช้ต่างอายม้วนต้วนเมื่อองค์รัชทายาทท่านแสดงความรักกับพระชายา







หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๐๐% ๑๔.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 14-11-2019 18:17:17
สงสารเจ้าน้อยธาราสลิล องค์พยัคฆ์แอบซึนใช่มั้ย รักเค้าแต่ร้ายใส่เค้า
เจ้าแสงก็มิเบา เจ้าชมนาดต้องถูกใจ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๐๐% ๑๔.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-11-2019 00:52:28
องค์พาฬดุจางงงงงง
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๐๐% ๑๔.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-11-2019 06:49:38
ไม่ธรรมดา!
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๐๐% ๑๔.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-11-2019 10:34:44
 :pig4: เจ้าแสงก็มีพิษสงนะจ๊ะ อย่ามารังแกกัน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๐๐% ๑๔.๑๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 13-12-2019 14:50:36

ก่อนจะไปอ่าน รบกวนนักอ่าน อ่านที่เราจะอธิบายสักนิด บางคนจะสงสัยว่าทำไมจู่ๆ น้องแสงที่อ่อนหวาน อ่อนแอถึงร้ายขึ้นมา นั่นก็เพราะคุณแม่ชมนาดท่านสั่ง ท่านสอน ท่านปั้นสะใภ้มากับมือ แล้วอีกอย่างน้องแสงตอนอยู่การเวก คือ โดนรังแกมาตลอด ถึงจะยอมโดนรังแก แต่จริงๆ แล้วน้องเก็บกด แม่น้องมาก่อน แต่ต้องเป็นรอง ดดนรังแก ต่างๆ นานา ดังนั้น น้องจะไม่ยอมให้ผัวมีรองเด็ดขาด แล้วยิ่งแม่ผัวคอยหนุนแบบนี้ น้องจะร้าย ร้าย ร้ายยยยยยยย~

 

ภุชงค์เล่นแสง ๑๘


 

องค์พาฬยังมิได้พาเจ้าน้อยสลิลกลับศารทูลในทันที เนื่องจากจู่ๆ เจ้าน้อยธาราสลิลก็จับไข้ ประชวรเสียจนต้องพักรักษาอยู่ที่ภุมริกาต่ออีกห้าวัน เมื่ออาการทุเลาจึงได้เพลากลับศารทูล ซึ่งก็คือวันพรุ่ง

“เจ้าแสงแรก” เจ้าชมนาดตรัสเรียกสุณิสาของพระองค์ วันนี้หลังจากที่องค์ภุมริน แลองค์ภุชงค์ออกว่าราชการที่ท้องพระโรง พระชายาชมนาดท่านจึงมีรับสั่งให้สุณิสาของพระองค์เข้าเฝ้าที่ตำหนักหลวง

“พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่” เจ้าแสงแรกผละมือออกจากครรภ์นูนของตน แลผินพักตร์ไปหาแม่ผัว

“แม่จักไปเยี่ยมเจ้าน้อยสลิล เจ้าก็ไปด้วยกันหนาลูก” เจ้าชมนาดตรัส

“พระเจ้าค่ะ เช่นนั้นหม่อมฉันจักให้ข้าหลวงเตรียมพระกายาหารว่างไปด้วยดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเสนอ

“แม่ให้คนเตรียมแล้วเจ้า” เจ้าชมนาดตรัสตอบ แลแย้มสรวลให้สุณิสา

“พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นไปกันเลยเถิด” เจ้าชมนาดตรัส แลลุกขึ้นจากตั่ง

 

ยี่สุ่น แลชงโคประคองคนเป็นนายลุกขึ้น เจ้าแสงแรกดำเนินช้าๆ ประคองครรภ์ตนไปเกาะพระกรของพระสัสสุ ก่อนจักดำเนินไปด้วยกัน

 

ณ ตำหนักรับรองของเจ้าน้อยธาราสลิล

“ทูลองค์พาฬ พระชายาชมนาด แลพระชายาแสงแรกเสด็จมาเยี่ยมเจ้าน้อยธาราสลิลพ่ะย่ะค่ะ” พ่อขุนองครักษ์คนสนิทของเจ้าหลวงศารทูลกราบทูลคนเป็นนาย

“...ให้พระชายาท่านรอประเดี๋ยว” องค์พาฬเงยพักตร์ขึ้นจากซอกคอขาวของเจ้าสลิล ตรัสบอกองครักษ์คนสนิท ก่อนจักซุกพักตร์พรมจูบฉวีนุ่มต่อ พระกรแกร่งกอดรัดร่างแน่งน้อยแน่น

“พ่ะย่ะค่ะ”

“...ปล่อยหม่อมฉันได้แล้ว” เจ้าสลิลตรัสสุรเสียงแผ่ว พลางดันพระพักตร์ขององค์พาฬออกจากซอกศอของตน

 

.

.

.

 

เพลาผ่านไปครู่ใหญ่จนสองแม่ผัว ลูกสะใภ้ลอบมองพักตร์กัน เหตุใดจึงเงียบหายไปเลย เจ้าแสงแรกยิ้มแหยให้พระสัสสุ เจ้าชมนาดยกพัดขึ้นสะบัดใส่ตนเอง แลเผื่อแผ่ไปยังลูกสะใภ้

“เสด็จแม่ องค์พาฬท่านจักให้เราเข้าพบเจ้าน้อยหรือไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเอนกายกระซิบของพระกรรณของเจ้าชมนาด

“แม่ว่า...”

“ทูลพระชายาชมนาด แลพระชายาแสงแรก เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ยังมิทันที่เจ้าชมนาดจักได้ตรัส องครักษ์คนสนิทขององค์พาฬก็กราบทูลเชิญเสียก่อน เจ้าชมนาด แลเจ้าแสงแรกจึงเสด็จเข้าตำหนักรับรองเพื่อเยี่ยมเจ้าน้อยธาราสลิล

“ถวายพระพรพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ” เจ้าน้อยธาราสลิลหมอบกราบมารดาแห่งภุมริกา

“ถวายพระพร องค์พาฬพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันต้องกราบขออภัยที่มิสามารถหมอบกราบพระองค์ได้หนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกพนมหัตถ์ไหว้เจ้าหลวงต่างแคว้น มิสามารถหมอบกราบได้เนื่องจากติดครรภ์

“มิเป็นกระไร...ทูลพระชายาชมนาด หม่อมฉันขอตัวก่อนหนาพ่ะย่ะค่ะ” องค์พาฬพยักพักตร์มิถือสา ก่อนจักผินพักตร์มาตรัสกับเจ้าชมนาด

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าชมนาดค้อมเศียรให้เจ้าหลวงต่างแคว้นน้อย รอจนท่านเสด็จออกไปแล้วจึงได้ประทับพูดคุยกับเจ้าธาราสลิลให้เป็นเรื่องเป็นราว

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง เจ้าน้อยธาราสลิล” เจ้าชมนาดตรัสถามด้วยความห่วงใย

“ทุเลามากแล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าธาราสลิลตรัสตอบ แลแย้มสรวลให้พระชายาชมนาดท่าน

“ดีแล้วเจ้า ประเดี๋ยวพรุ่งเดินทางจักได้มิลำบาก” เจ้าชมนาดตรัส แลลูบเกศาเจ้าสลิลแผ่วเบา จนเจ้าน้อยต่างแคว้นอัสสุชลคลอนัยน์ตา

“ข ขอบพระทัยหนาพระเจ้าค่ะ แลหม่อมฉันต้องกราบขอประทานอภัยที่มาสร้างความลำบากพระทัยให้ทางภุมริกาหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าธาราสลิลตรัส แลก้มลงกราบบนพระเพลาเล็ก

“มิเป็นกระไร มิต้องคิดมากหนา”

“ข ข้าก็ต้องขออภัยเจ้าอีกคราหนาเจ้าแสง”

“มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลให้เจ้าน้อยสลิลบางๆ

 

ทั้งสามพระองค์อยู่พูดคุยรับพระกายาหารว่างด้วยกันอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งองค์พาฬท่านกลับมาที่ตำหนักรับรองของเจ้าน้อยธาราสลิลแล้ว เจ้าชมนาด แลเจ้าแสงแรกจึงได้ขอตัวกลับตำหนักองค์เอง หากแต่ตอนที่ดำเนินสวนกับองค์พาฬนั้น เจ้าชมนาดมิวายตรัสกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองพระองค์

“หากรัก ก็ถนอมเสียหน่อยเถิดพระเจ้าค่ะ เขาจักได้รู้ว่ารัก”

“...” องค์พาฬก้มพักตร์ลงเล็กน้อย หากแต่ก็มิได้ตรัสกระไรตอบ

 

.

.

.

 

หลังกลับจากตำหนักรับรองของเจ้าน้อยธาราสลิล เจ้าชมนาดเสด็จมาส่งสุณิสาที่ตำหนักก่อนจักเสด็จกลับตำหนักหลวง

“ไปซนที่ไหนมาเจ้า” องค์ภุชงค์ตรัสถาม ยามเสด็จออกมารับเจ้าแสงแรกที่หน้าตำหนัก

“หม่อมฉันหาได้ซนไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสแย้ง พลางดำเนินเข้าไปในวงพระกรของพระภัสดา

“จริงหรือ” พระภัสดาตรัสถาม แลโอบกฤษฎีกลม จรดพระนาสิกที่ขมับขาวอย่างรักใครร่

“จริงพระเจ้าค่ะ ไปกับเสด็จแม่ท่านจักซนได้อย่างไร”

“หึหึหึ”

“ฝ่าบาทกลับมานานแล้วหรือพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสถามพระภัสดา พลางดึงซับพระพักตร์ออกจากชายพกมาซับหยาดเสโทบนพักตร์งามขององค์ภุชงค์

“นานจนรู้ว่าเมียหนีไปเล่นซนนอกตำหนักนั่นแล” องค์ภุชงค์ตรัสเย้าแหย่

“หม่อมฉันไปเยี่ยมเจ้าน้อยธาราสลิลกับเสด็จแม่ท่าน หาได้ไปเล่นซนไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกพักตร์งอ หยิกพระกรของพระภัสดาจนท่านต้องสูดโอษฐ์

“ซี๊ด...ยอมแล้วเจ้า ยอมแล้ว” องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงออดอ้อน เจ้าแสงจึงได้ยอมปล่อยมือ พระหัตถ์ใหญ่ละออกจากกฤษฎีกลม แลยกลูบรอยแดงจากน้ำมือเมียไปมา

“...” เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรรอยแดงบนพระกรขาวของพระภัสดา แลก็รู้สึกผิด ตั้งแต่มีครรภ์อารมณ์ก็มิสงบดังเดิม หงุดหงิดงุ่นง่านให้รำคาญตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

“ชู่ว ไห้ทำไมเล่า...คนดี” องค์ภุชงค์รั้งเมียเข้ามากอดแนบพระอุระ ก่อนจักประคองร่างนุ่มนิ่มให้เข้าไปในตำหนัก

“ฮึก ม หม่อมฉันทำพระองค์เจ็บ” เจ้าแสงแรกน้ำตาคลอ

“พี่มิเจ็บเลยเจ้า มิต้องคิดมากหนา” องค์ภุชงค์ปลอบเมียสุรเสียงอ่อน

“อึก จริงหนาพระเจ้าค่ะ”

“จริงเจ้า...มิไห้หนาคนดี ประเดี๋ยวลูกก็งอแงตามดอก”

“พ พระเจ้าค่ะ”

“เก่งมาก” ตรัสชม แลแตะพระนาสิกหอมขมับเมียฟอดใหญ่

 

.

.

.

 

สองเดือนผ่านไป

ครรภ์ของเจ้าแสงแรกมีอายุหกเดือนกว่าแล้ว ขนาดของครรภ์ขยายใหญ่เสียยิ่งกว่าเจ้าชมนาดตอนตั้งครรภ์ลูกแฝดเสียอีก ดังนั้น ทั้งพระภัสดา พระสัสสุ แลบ่าวคนสนิททั้งสองต่างก็ประคบประหงมเจ้าแสงแรกราวกับไข่ในหิน เจ้าแสงจำได้แม่นว่าองค์ภุชงค์ท่านดีพระทัยมากเพียงใด

 

.

.

.

 

“เป็นกระไรไปหรือพระเจ้าค่ะ พระชายา” ชงโคเอ่ยถามคนเป็นนาย เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ

“มิรู้สิชงโค ข้าเพิ่งจักกินข้าวไป หากแต่ในท้องมันรู้สึกหวิวๆ ราวกับมีลมอยู่ในท้อง หรือไม่ก็ราวกับท้องร้อง บอกมิถูกเช่นกัน” เจ้าแสงตรัสกับคนสนิท ในพระทัยนึกห่วงลูกในครรภ์ขึ้นมาทันที

“ตามหมอหลวงดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นกราบทูล

“เจ้าเป็นกระไรหรือเจ้าแสง ไยจึงต้องตามหมอหลวง” องค์ภุชงค์ที่เพิ่งกลับจากว่าราชการ มาทันได้ยินที่บ่าวคนสนิทของเมียกราบทูลพอดี

“พระชายารู้สึกมิสบายท้องพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจึงจักไปตามหมอหลวง”

“เช่นนั้นก็รีบไปเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”

 

รอมินานหมอหลวงสองท่านก็เร่งรีบเข้ามาที่ตำหนักในขององค์รัชทายาท แลพระชายา หมอหลวงท่านจับๆ คลำๆ ชีพจรของเจ้าแสงแรก

“พระวรกาย แลครรภ์ของพระชายามิได้มีกระไรผิดปกติหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“แลที่ข้ารู้สึกแปลกๆ ในครรภ์เล่า มันเป็นเพราะกระไรหรือท่านหมอ” เจ้าแสงแรกตรัสถาม

“ทูลพระชายา เพลานี้พระองค์ก็ทรงครรภ์ได้สี่เดือน จวนจักห้าเดือนแล้ว อาการที่พระองค์รู้สึกแปลกๆ ในครรภ์นั้น เป็นเพราะองค์รัชทายาทในครรภ์กำลังดิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

“ม หมายความว่าที่เจ้าแสงรู้สึกแปลกๆ ในครรภ์นั่นเป็นเพราะลูกของข้าดิ้นแล้วงั้นหรือ” องค์ภุชงค์ตรัสถาม สุรเสียงสั่นเล็กน้อย

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าแสง...นี่พ่อเองหนาลูก” องค์ภุชงค์คว้าเมียเข้ากอด พระหัตถ์อุ่นลูบคลำบนครรภ์เมียทักทายลูกน้อยแผ่วเบาทะนุถนอม พระพักตร์งามโน้มลงกระซิบกับครรภ์โตๆ

 

.

.

.

 

ปึก


ปึก


ปึก

 

“อ โอย” แรงถีบจากเจ้าตัวน้อยในครรภ์ทำเอาเจ้าแสงแรกพักตร์เหยเก องค์ภุชงค์ที่เอาพระพักตร์แนบครรภ์โตของเมียรีบผละออก

“อย่าถีบแม่เจ้าแรงนักสิลูก” คนเป็นพ่อตรัสสุรเสียงอ่อน พลางลูบครรภ์ใหญ่ไปมาปลอบเจ้าตัวน้อย

“ดิ้นเก่งเยี่ยงนี้คงจักซนน่าดูเลยหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส แลแย้มสรวลอย่างยินดีที่ลูกในครรภ์มีพลานามัยแข็งแรง

“เสด็จแม่ท่านว่าท้องใหญ่เช่นนี้คงมิพ้นแฝดเป็นแน่” องค์ภุชงค์ตรัสอย่างยินดี คราแรกที่ลูกดิ้น

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกก็ยินดีเช่นพระภัสดา หากลูกน้อยจักมาทีเดียวถึงสองคน

“เจ้ารพิ เจ้ารวิ อย่าดิ้นแรงนักหนาลูก แม่เจ้าจักเจ็บเอาได้” องค์ภุชงค์ตรัส แลพรมจูบทั่วครรภ์ใหญ่

“ลูกดิ้นแรง นั่นก็แปลว่าลูกแข็งแรง หากเป็นเช่นนั้นก็มิเป็นกระไรดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันยินดี” เจ้าแสงแรกตรัส

“พี่มิชอบใจที่เห็นเจ้าเจ็บปวด...ถึงจักเป็นลูกก็เถิด พี่มิยอมให้มาทำเมียพี่เจ็บดอกหนา” องค์ภุชงค์ตรัส

“...พระโอษฐ์หวานเหลือเกินหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงเอียงอาย ปรางนวลแดงระเรื่อ ยามถูกพระภัสดาเกี้ยวด้วยถ้อยคำหวาน

“ชิมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ยังมิรู้อีกหรือว่าหวานหรือไม่หวาน” องค์ภุชงค์ตรัสถาม ก่อนจักบรรจงจูบลงบนกลีบปากนุ่มย้ำจนเจ้าแสงสรวลร่า

“ฮื้อ ฝ่าบาท พอแล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัส แลดันพระพักตร์งามของพระภัสดาออกห่าง

 

ก๊อก ๆ ๆ

 

“ทูลฝ่าบาท พระชายาชมนาดให้มาตามองค์รัชทายาท แลพระชายาแสงแรกให้ไปรับสำรับที่ตำหนักหลวงเพคะ”

“อืม ประเดี๋ยวข้าจักตามไป” องค์ภุชงค์ตรัสบอกข้าหลวงสาวที่กราบทูลอีกฝากของบานพระทวาร

“เพคะ”

“ประเดี๋ยวพี่ตามยี่สุ่น ชงโคมาแต่งกายให้หนาน้อง”

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงพยักพักตร์ แลขยับกายเล็กน้อยให้คลายเมื่อยขบ หัตถ์บางลูบครรภ์กลมโตของตนไปมาด้วยความเคยชิน ส่วนดวงเนตรงามมองตามพระขนองกว้างของผัว องค์ภุชงค์ท่านดำเนินไปเปิดบานพระทวารเรียกหาคนสนิทของเมีย

“เจ้ารัก เจ้ายม” เจ้าแสงแรกขนงกระตุก เมื่อได้ยินพระภัสดาท่านเรียกขานคนสนิททั้งสอง

“พระเจ้าค่าาาา”

“พระเจ้าค่าาาา” ยี่สุ่น แลชงโคขานรับคนเป็นนายเสียงยานคาง จนเจ้าแสงแรกที่ได้ยินหลุดสรวลออกมา

“ไปแต่งองค์ให้เจ้าแสงที ข้าจักพาเมียไปรับสำรับที่ตำหนักหลวง”

“พระเจ้าค่าาาา”

“พระเจ้าค่าาาา”

“นุ่งผ้าแถบสีกระไรดีพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นถามคนเป็นนาย

“ไปเขาเฝ้าเจ้าหลวง แลพระชายาท่านเอาสีที่มิฉูดฉาดก็แล้วกัน” เจ้าแสงแรกตรัส

“เช่นนั้นนุ่งผ้าแถบสีกลีบบัว แลผ้าโจงสีมอครามดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ” ชงโคว่าพลางรื้อผ้าในหีบออกมาให้คนเป็นนายเลือก

“อืม เอาผ้าแถบสีกลีบบัว แลผ้าโจงสีเม็ดมะปรางดีกว่าเจ้า” เจ้าแสงตรัส

“พระเจ้าค่ะ”

 

ยี่สุ่น แลชงโคช่วยกันนุ่งผ้าโจงให้คนเป็นนาย เนื่องจากครรภ์ที่มีขนาดใหญ่โตของเจ้าแสงแรก ทำให้ต้องนุ่งผ้าโจงไว้เหนือครรภ์ สองหัตถ์ช้อนประคองครรภ์ตนอย่างทนุถนอม

“ประเดี๋ยวชงโคไปเอาผ้าคลุมพระอังสะมาให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ” เมื่อคนเป็นนายพยักพักตร์ให้ ชงโคก็คลานไปเปิดหีบผ้าหยิบผ้าคลุมระอังสะเนื้อนิ่มสีเดียวกับผ้าแถบที่เจ้าแสงแรกนุ่งออกมา

“มา พี่คลุมให้หนาเจ้า” องค์ภุชงค์ที่ประทับรอเมียแต่งองค์ ดำเนินมารับผ้าคลุมจากมือของชงโค ก่อนจักคลี่ห่มลงบนไล่ของเมีย

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“หากแล้วแล้ว ก็ไปกันเถิดเจ้า ประเดี๋ยวเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านจักรอนาน”

“พระเจ้าค่ะ”

 

.

.

.

 

สองผัวเมียประคับประคองกันเข้ามาในท้องพระโรง เจ้าแสงแรกทำได้เพียงพนมหัตถ์ไหว้บิดา แลมารดาของสามี มิสามารถหมอบกราบได้เพราะติดครรภ์

“เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก” พระชายาชมนาดตรัสถามสุณิสาของพระองค์ ดูจากครรภ์ที่ใหญ่เกินหน้าเกินตาคนท้องแรกเช่นนี้ มิแคล้วคงจักได้หลานแฝดเป็นแน่

“หม่อมฉันสบายดีพระเจ้าค่ะเสด็จแม่ เจ้าตัวน้อยในครรภ์นอกเสียจากดิ้นเก่งกันแล้ว ก็มิได้งอแงอันใดเลยพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ดีแล้วเจ้า ดิ้นเก่ง แสดงว่าแข็งแรง” องค์ภุมรินตรัส แลสรวลอย่างยินดี อีกมินานก็จักได้อุ้มหลานแล้ว แลมาก็มาที่เดียวถึงสองคน

“พระเจ้าค่ะ”

“เอาล่ะ รับสำรับกันก่อนเถิด ประเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยจักหิวเอา” เมื่อเจ้าชมนาดตรัสเช่นนั้น ข้าหลวงจึงได้ยกสำรับขึ้นถวายเจ้านายทั้งสี่พระองค์

“เสวยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ ฝาบาท” เจ้าแสงแรกเอียงพักตร์กระซิบถามพระภัสดา

“ได้เจ้า ลูกเลิกรังแกพี่แล้ว เพลานี้พี่กินได้ทุกอย่างแล” เมื่อเข้าสู่เดือนที่ห้า ที่หกอาการแพ้ท้องแทนเมียขององค์ภุชงค์ก็หายไป

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลบางๆ ให้พระภัสดา แลลงมือเสวยสำรับของตนเอง

 

.

.

.

 

วันรุ่งขึ้นเจ้าแสงแรกประทับอยู่ในตำหนักมิได้ออกไปไหน จึงชวนบ่าวคนสนิททั้งสองแกะสลักผักเคียง แลผลหมากรากไม้ถวายพ่อ แลแม่ของพระภัสดา

“เหตุใดป่านนี้แล้ว องค์ภุชงค์ท่านยังมิกลับตำหนักอีกหนา วันนี้มีฎีกามากหรืออย่างไร” เจ้าแสงแรกตรัสขึ้นบ่าวทั้งสองจึงได้วางมีดแกะสลักลง

“ทูลพระชายา หม่อมฉันได้ยินว่าเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทท่านทรงว่าราชการแล้วตั้งนานแล้วหนาเพคะ” ข้าหลวงสาวที่คอยรับใช้เจ้าแสงกราบทูลขึ้น

“จริงหรือ”

“เพคะ เมื่อครู่ที่หม่อมฉันไปเอาผลหมากที่ห้องเครื่อง เห็นข้าหลวงตำหนักหลวงกำลังเตรียมพระกายาหารว่าง แสดงว่าฝ่าบาทท่านกลับตำหนักหลวงแล้วเพคะ”

“แลเพลานี้องค์รัชทายาทท่านอยู่ที่ใด...เจ้าทอง” เจ้าแสงแรกตรัสด้วยความสงสัย ก่อนจักตรัสเรียกข้าหลวงที่พระชายาชมนาดท่านประทานให้เป็น ‘ม้าเร็ว’ ของเจ้าแสงแรก

“พระเจ้าค่ะ”

“ไปดูทีเถิดว่าเพลานี้องค์รัชทายาทท่านอยู่ทีใด ไยจึงยังมิกลับตำหนัก” เจ้าแสงแรกรับสั่ง แลวางมีดแกะสลักลง หมดอารมณ์จักทำต่อเสียแล้ว

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าทองรีบออกจากตำหนักไปทำตามรับสั่งที่มันได้รับ ตำแหน่งม้าเร็วนั้น มีหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้แก่คนเป็นนาย หากคนเป็นนายใคร่รู้กระไรมันก็ต้องไปสืบเสาะหามาทูลนายให้จงได้

 

เจ้าแสงแรกรอม้าเร็วของพระองค์อยู่ที่ตำหนักมินานนัก เจ้าทองก็รีบกลับเข้ามากราบทูลความแก่คนเป็นนาย

“ทูลพระชายา องค์รัชทายาทท่านว่าราชการแล้วแล้วพระเจ้าค่ะ หากแต่เพลานี้มีบุตรีของรองเจ้ากรมนา๑ สหายเก่าขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ”

“แลเพลานี้ ฝ่าบาทท่านอยู่ที่ใด”

“เพลานี้องค์รัชทายาท แลคุณหนูกิ่งอยู่ที่ลานหน้าตำหนักทรงงานพระเจ้าค่ะ”

“ขอบน้ำใจเจ้ามากหนาเจ้าทอง”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ยี่สุ่น ชงโค”

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“เตรียมตัว...ข้าจักพาลูกในท้องออกไปเดินเล่นเสียหน่อย” เจ้าแสงแรกตรัส แลลุกขึ้นจากตั่ง

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

 

.

.

.

 

ณ ศาลาหน้าตำหนักทรงงาน

บุตรีของรองเจ้ากรมนาขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทเยี่ยงนี้ หากให้เข้าเฝ้าในตำหนักมิดชิด เกรงว่าจักมีข่าวลือเพี้ยนออกไปให้ได้ปวดเศียร องค์รัชทายาทจึงมีรับสั่งให้แม่กิ่งเข้าเฝ้าที่ศาลาหน้าตำหนักทรงงาน ในที่โล่งแจ้งเช่นนี้ คงมีหูมีตามากมายเห็นว่าองค์รัชทายาท แลบุตรีเฃรองเจ้ากรมนานั้นมีระยะห่างกันมากเพียงใด แม้ใจของแม่กิ่งจักใคร่อยากเข้าเฝ้าพระองค์ใกล้ๆ ก็ตาม

“ฝ่าบาททรงเกษมสำราญดีใช่หรือไม่เพคะ” แม่กิ่งบุตรีรองเจ้ากรมนา ทูลถามองค์รัชทายาท เดิมทีนางอยู่ที่เมืองหลวงภุมริกา เป็นสหายร่วมเล่นกับเจ้าน้อยบัวงาม หากแต่ก็พยายามเข้าหาองค์รัชทายาท จนได้เป็นสหายกลายๆ ขององค์ภุชงค์ท่าน

“ดี ดีมาก”

“หม่อมฉันย้ายไปอยู่ชานเมืองเสียเป็นปีกว่าเกือบสองปี ครานี้ได้กลับมาเยี่ยมเยือนเมืองหลวงจึงรีบท่านพ่อเข้าวังมาเข้าเฝ้าพระองค์เพคะ เสียดายนักที่เจ้าน้อยบัวงามท่านอภิเษกเป็นชายาของเจ้าหลวงศศิมณฑลไปเสียแล้ว” แม่กิ่งว่าน้ำเสียงเจือความเศร้าเสียดาย หากเจ้าบัวงามมาได้ยินเข้าคงจักเบะโอษฐ์ แลกรอกดวงเนตรจนตากลับไปหลังท้ายทอยเสียกระมัง

 

แม้จักกล่าวว่าแม่กิ่งเป็นสหายของเจ้าน้อยบัวงาม หากแต่เมื่อไปถามเอาความกับเจ้าบัว เจ้าตัวคงได้แหวกลับมาเป็นแน่ว่า

“ข้าหนาหรือ เป็นสหายสนิทของนาง มิรู้ตัวมาก่อนเลยหนานี่”

ในแวดวงสหายร่วมเล่นของเจ้าน้อยบัวงาม คงมิใครมิรู้ว่าแม่กิ่งนั้นใช้เจ้าน้อยท่านเป็นสะพานทอดให้ตนข้ามไปหาองค์รัชทายาทต่างหาก ด้วยเหตุนี้เจ้าบัวงามจึงมิใคร่จักชอบบุตรีของรองเจ้ากรมนาผู้นี้นัก แลเมื่อเจ้าบัวงามทำกิริยาชังใส่แม่กิ่ง เจ้าตัวก็มักจักก้มหน้าน้ำตาคลอ ทำตัวน่ารักสงสารราวเจ้าบัวงามเป็นเด็กผีเกเรรังแกนาง ออดอ้อนให้องค์ภุชงค์ท่านปลอบใจอยู่เรื่อย

“หึหึหึ เจ้าบัวงามเพลานี้มีลูกให้เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านอุ้มแล้วล่ะ หลานข้าน่าเอ็นดูนัก” องค์ภุชงค์ตรัส แลแย้มสรวลเมื่อนึกถึงเจ้าตัวน้อยหลานรัก

“คิกๆ เจ้าน้อยบัวงามท่านมีทายาทให้เจ้าหลวง แลพระชายาท่านแล้ว แลพระองค์เล่าเพคะเมื่อใดจักมีบ้าง” แม่กิ่งเอ่ยเย้า แลก้มหน้าเอียงอาย ซ่อนแก้มแดงระเรื่อของตน

มีแล้วเจ้า อีกมินานก็คลอดแล้ว เป็นแฝดเสียด้วยหนา หึหึหึ” องค์ภุชงค์ตรัสอย่างโอ้อวด

“พ เพคะ” แม่กิ่งหน้าซีด หากแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ อาจจะได้ยินผิดเพี้ยนก็เป็นได้

“ข้าบอกว่าข้ามีลูกแล้ว ลูกแฝด อีกมินานเจ้าแสงแรกก็จักคลอดแล้ว”

“จ เจ้าแสงแรก ใครหรือ พ เพคะ” แม่กิ่งทูลถาม มือบางสั่นระริกขยุ้มผ้าซิ่นผืนงามของตนแน่น

“เจ้าแสงแรก เป็นชายาของข้า”

“ช ชายา พ พระองค์...”

“เจ้ามิได้อยู่เมืองหลวงเสียเป็นปี สองปีคงจักมิได้ยินข่าวคราว”

 

แม้จักย้ายไปอยู่ชานเมือง หากแต่ข่าวคราวเรื่องเจ้าน้อย แลองค์รัชทายาทท่านก็เข้าหูมาบ้าง หากแต่ตอนนั้นนางมิได้คิดจักสนใจ คิดเพียงว่าคงเป็นข่าวเก่าตอนเจ้าน้อยบัวงามอภิเษกกระมัง ข่าวจากเมืองหลวงส่งกันปากต่อปากกว่าจักถึงชานเมืองเนื้อความก็เหลืออยู่น้อยนิด มีแต่น้ำนางจึงมิคิดใส่ใจ

“...”

“แลนี่จักย้ายกลับมาอยู่เมืองหลวงเลย หรือ เพียงกลับมาเยี่ยมเยียนบิดาเจ้ากันเล่า”

“หม่อมฉันกลับมาเยี่ยมเยียนท่านพ่อเพคะ หากแต่จักกลับมาอยู่เมืองหลวงถาวรหรือไม่คงจักต้องรอก่อน” ...รอข้าจับท่านได้ก่อน เพลานั้นข้าจักย้ายกลับมาอยู่ที่วังหลวงแห่งนี้ถาวรเสียเลย

“อืมๆ”

“ทูลฝ่าบาท พระชายาแสงแรกกำลังเสด็จมาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทขององค์รัชทายาทเข้ามากราบทูลคนเป็นนาย รอมินานขบวนเสด็จของพระชายาแสงแรกก็มาหยุดที่ศาลาหน้าตำหนักทรงงาน

“เจ้าแสงแรก กำลังท้องกำลังไส้ไยจึงเดินมาไกลถึงเพียงนี้” องค์ภุชงค์ลุกจากตั่งเข้าประคองร่างอวบของเมีย

“หม่อมฉันพาลูกเดินเล่นเพลินไปหน่อยพระเจ้าค่ะ รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่ตำหนักหลวงแห่งนี้แล้ว” เจ้าแสงกราบทูลพระภัสดา เดินมาเพลินหรือ มิมีทาง เมื่อได้รับสาน์สจากเจ้าทอง เจ้าแสงแรกก็จ้ำมาที่ตำหนักทรงงานด้วยความเร็ว เท่าที่ครรภ์โตๆ นี่จักเอื้ออำนวย

“ค่อยๆ นั่งหนาเจ้า” องค์ภุชงค์ประคองเมียรักให้นั่งลงบนตั่ง

“พระเจ้าค่ะ ตายจริง ฝ่าบาทกำลังมีแขกหรือพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเสียมารยาทนัก” เจ้าแสงแรกแสร้งทำราวกับว่าเพิ่งจักเห็นแม่กิ่ง

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้น นี่ แม่กิ่งสหายเก่าของเจ้าบัวงามเพิ่งจักกลับมาจากชานเมืองจึงมาเยี่ยมเยียน”

“...” เจ้าแสงแรกจ้องตาแม่กิ่งนิ่ง ก่อนจักค่อยๆ แย้มโอษฐ์ให้อ่อนหวาน

“ถวายพระพรเพคะ พระชายา” แม่กิ่งก้มกราบเจ้าแสงแรกพอเป็นพิธี

“จ้ะ” เห็นทีกระไรๆ ที่เสด็จแม่ชมนาดท่านสอนสั่งมา คงจักได้ขุดออกมาใช้เร็วๆ นี้แน่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-12-2019 14:52:13
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 13-12-2019 19:12:20
มีแต่คนมาเสนอตัวให้น้า องค์ภุชงค์
ร้ายนัก เจ้าแสงอย่าไปยอมลู๊กก
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-12-2019 23:07:36
รอๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-12-2019 07:48:59
องค์ภุชงค์เสน่ห์แรงนะเนี่ย แต่เจ้าแสงแรกเอาอยู่แน่นอน ท่านแม่ชมนาดฝึกมากับมือ
แยากอ่านคู่องค์พาฬกับเจ้าน้อยสลิลมากก ว่าแล้วว่าต้องซึนนน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-12-2019 11:32:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-12-2019 00:43:24
คุณแม่ 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 30-12-2019 17:07:48
สงสัยเจ้าแสงต้องได้ใช้แน่ๆ


 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๐๐% ๑๓.๑๒.๖๒ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-12-2019 09:28:49
ในเมื่อมีคนอยากได้สามีเรา เจ้าแสงแรกก็จัดให้ซะหน่อยให้หายอยากไปเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 23-01-2020 11:07:51

 
ภุชงค์เล่นแสง ๑๙

 

เจ้าแสงแรกเมื่อทรงครรภ์แก่ใกล้มีประสูติกาลก็มิค่อยจักออกจากตำหนักไปไหน โดยทุกวันพระภัสดาท่านจักออกไปทรงงาน แลรีบกลับมาอยู่กับเมีย พระสัสสุ แลระสัสสุระก็เสด็จมาเยี่ยมเยียนสุณิสาบ่อย ๆ

"ทรงงานแล้วแล้วหรือพระเจ้าค่ะ" เจ้าแสงแรกตรัสขึ้นเมื่อพระภัสดาท่านกลับเข้าตำหนักมา

"แล้วแล้วเจ้า เป็นอย่างไรบ้างเจ้ารพิ แลเจ้ารวิดื้อหรือไม่" องค์ภุชงค์ดำเนินเข้าไปโอบร่างอวบของเมีย แลตรัสถามอย่างห่วงใย

"ลูกมิดื้อเลยพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัส พลางย้มสรวล

“ดีแล้ว อีกมินานก็จักได้เจอกันแล้วหนาลูก” คนเป็นพ่อโน้มพักตร์ลงไปตรัสกับครรภ์กลมโตของเมีย

 

สองผัวเมียพูดคุยหยอกเย้าลูกน้อยในครรภ์ได้มิเท่าไหร่ ข้าหลวงหน้าบานพระทวารก็คลานเข่าเข้ามากราบทูลความแก่องค์รัชทายาท แลพระชายาแสงแรก

“ทูลองค์รัชทายาท แม่นางกิ่งขอเข้าเฝ้าเพคะ” สิ้นเสียงนางข้าหลวงสาว เจ้าแสงแรกก็หุบยิ้มลงฉับ ดวงเนตรงามจ้องพระพักตร์ของพระภัสดานิ่งจนองค์ภุชงค์พระเสโทตก

“พระสหายของพระองค์นางนี้ ขยันมาเข้าเฝ้าเสียจริงหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงเย็น

“...”

“จักให้นางเข้าเฝ้าหรือไม่พระเจ้าค่ะ” คนเป็นเมียตรัสถาม แลละสายพระเนตรออกจากพระพักตร์ของพระภัสดา หัตถ์บางหยิบผ้าผืนนุ่มมาเย็บตุ๊กตาให้ลูกในครรภ์ต่อ

“หากเจ้ามิใคร่จักชอบใจ เยี่ยงนั้นพี่จักให้ข้าหลวงไปแจ้งแก่นางว่าพี่มิสะดวกจักให้นางเข้าเฝ้าดีหรือไม่” องค์ภุชงค์ตรัสเอาใจเมีย

“แล้วแต่พระองค์เถิดพระเจ้าค่ะ”

“...ไปแจ้งแก่แม่กิ่งว่าข้ามิว่าง” องค์ภุชงค์ตรัสรับสั่งกับข้าหลวง

“เพคะ” ข้าหลวงสาวรับพระบัญชา แลคลานออกห้องบรรทมไปแจ้งแก่บุตรีของรองเจ้ากรมนา

“ไหน เย็บกระไรให้ลูกอยู่หรือ” เมื่อข้าหลวงสาวออกจากห้องบรรทมไปแล้ว องค์ภุชงค์ก็ขยับเข้าโอบกอดร่างนุ่มนิ่มอวบอิ่มของเมีย พระเนตรจดจ้องผ้าเนื้อนิ่มในหัตถ์ของเมีย

“หม่อมฉันกำลังปักผ้าพระเจ้าค่ะ จักเอามายัดนุ่นทำตุ๊กตาผ้าให้ลูก”

“เช่นนั้นก็ต้องทำสองตัวหนาสิ”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักทำให้ลูกคนละตัว”

“ทูลองค์รัชทายาท แม่นางกิ่งฝากสาส์นมาทูลพระองค์ว่าวันหน้าจักมาเข้าเฝ้าใหม่เพคะ แลยังฝากแกงรัญจวนมาถวายด้วยเพคะ”

“...” เจ้าแสงแรกที่ได้ฟังก็พระพักตร์นิ่ง

“เจ้าแสง” องค์ภุชงค์ครางเรียกเมียสุรเสียงอ่อน

“มิมีกระไรพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงส่ายพักตรต์ปฏิเสธ แลปักผ้าในหัตถ์ต่อ คนเป็นแม่บรรจงปักลายดอกไม้เล็ก ๆ ลงบนผ้าเนื้อนิ่ม เมื่อปักแล้วแล้วค่อยเอานุ่นยัด

“...” องค์ภุชงค์มิกล้าตรัสกระไรกลัวเมียจักเคืองใจเอาได้ จึงทำได้เพียงประทับคลอเคลียอยู่ข้าง ๆ มิห่าง พระนาสิกแตะดอมดมที่ลาดอังสะขาว

“...พวกเจ้าออกไปกันก่อนเถิด” เจ้าแสงแรกตรัสกับข้าหลวงรับใช้ เมื่อพระภัสดาท่านเริ่มจักรุ่มร่ามเข้าไปทุกทีแล้ว

“พระเจ้าค่ะ”

“เพคะ”

 

ข้าหลวงรับใช้ทยอยกันออกจากห้องบรรทมของคนเป็นนาย เจ้าแสงแรกวางเข็ม แลผ้าลงบนพาน ก่อนจักหันมาดันพระพักตร์ของพระภัสดาออก

“...กังวลกระไรหรือเจ้า” องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเมียด้วยความฉงน ก่อนจักประคองหัตถ์บางขึ้นจูบแผ่วเบา

“...”

“กังวลเรื่องแม่กิ่งหรือ”

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ยอมรับง่ายดาย

“โธ่ เจ้าแสงแรก จักกังวลไปไยเจ้า”

“เป็นเมีย มีแม่หญิงไปมาหาสู่ผัวจักมิให้กังวลเลยหรือพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเชื่อพระทัยพระองค์ หากแต่แม่กิ่งเล่า ที่นางเทียวไปเทียวมาเข้าเฝ้าพระองค์อยู่ทุกวันนี้ มิใช่นางหวังกระไรดอกหรือพระเจ้าค่ะ” เมื่อได้พูดเจ้าแสงแรกก็ระบายความในพระทัยออกมาจนสิ้น อารมณ์คนท้องร้อนขึ้นจนพระภัสดาท่านต้องรั้งร่างอวบอิ่มเข้ามากอดปลอบ

“ใจเย็น ๆ ก่อนหนาคนดี” องค์ภุชงค์ตรัสปลอบ แลลูบเกศานุ่มลื่นแผ่วเบา

“ฮึก” เพียงแค่ปล่อยสุรเสียงสะอื้น อ้อมกอดของพระภัสดาก็กระชับโอบร่างเมียแน่น

“ชู่ว มิไห้หนาเจ้าแสง”

“หม่อมฉันเป็นลูกสนม รู้ซึ้งเห็นชาติดีว่ามันเจ็บปวดเพียงใด มิใช่เพียงเมีย หากแต่คนเป็นลูกก็ย่อมเจ็บปวดเช่นกัน ฮึก”

“...”

“หม่อมฉันมิอยากเจ็บปวด แลมิอยากให้ลูกเจ็บปวด”

“จักมิมีใครต้องเจ็บปวดทั้งนั้น ทั้งเจ้า แลลูก”

“...ฮึก”

“เจ้าแสง พี่รักเจ้า จักมีเจ้าเป็นเมียคนเดียวเท่านั้น หากพี่ผิดคำสาบานขอให้...”

“อย่าหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงรีบผละออกจากอ้อมอุระของพระภัสดา แลยกหัตถ์ขึ้นปืดพระโอษฐ์ท่านไว้มิให้ตรัสออกมา

“...”

“อย่าสาบานเลย...หม่อมฉันเชื่อแล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัส

“อย่ากังวลไปลยหนาเจ้า พี่รักเจ้ามากขนาดนี้จักไปมีใจให้ผู้อื่นได้อย่างไรกัน”

 

.

.

.

 

เป็นเพลาหลายวันแล้วที่องค์รัชทายาทท่านมิให้แม่นางกิ่งเข้าเฝ้า บุตรีท่านรองเจ้ากรมนาร้อนใจเป็นยิ่งนัก มือบางกำแน่นจนเล็บคมจิกลงไปบนเนื้อนุ่ม เมื่อนึกได้ว่าจักต้องเป็นพระชายาแสงแรกเป็นแน่ที่มิให้นางเข้าเฝ้าองค์ภุชงค์ท่าน

“มิได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล มิได้ด้วยกลก็ต้องเอาด้วยมนต์ดำนี่แหละวะ” นางเชิดหน้าขึ้น แลยิ้มเหี้ยม

 

ตกกลางดึกเงียบสงัด บิดา มารดา แลบรรดาเมียของบิดาต่างเข้าหอนอนกันหมดแล้ว ภายในเรือนใหญ่มืดสลัวมีเพียงแสงจากคบเพลิงเท่านั้น แม่กิ่ง แลบ่าวคนสนิทลอบลงจากเรือน หญิงสาวยกผ้าคลุมไหล่ขึ้นปิดศีรษะ แลพันหน้าพันตามิให้ใครจำได้ สองนายบ่าวเดินลัดไปทางท่าน้ำท้ายเรือน บ่าวคนสนิทของแม่กิ่งก้าวเท้าลงเรือที่เตรียมไว้ มันส่งมือให้คนเป็นนายจับ เมื่อแม่กิ่งก้าวขึ้นบนเรือ แลนั่งลงเรียบร้อยแล้วมันจึงได้แกะเชือกที่ผูกเรือไว้กับเสาท่าน้ำออก สองนายบ่าวพายเรือไปยังฝั่งตรงข้ามท่ามกลางความมืดมิดของคุ้งน้ำ มินานเท่าใดนักเรือพายของสองนายบ่าวก็มาหยุดอยู่ที่ท่าน้ำร้างผู้คน

“ที่นี่แน่รึวะ อีแดง” แม่กิ่งเอ่ยถามบ่าวคนสนิท ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจ

“แน่เจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทยืนยันขันแข็ง

“...” ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็อย่าได้กลัวไป ปลอบใจตนแล้วจึงก้าวเท้าลงจากเรือ โดยมีบ่าวคอยประคอง อีแดงลงจากเรือตามคนเป็นนาย ผูกเชือกมัดเรือไว้กับเสาท่าน้ำแล้วพาคนเป็นนายไปยังกระท่อมที่ซ่อนอยู่ในป่าข้างหน้า

“ถึงแล้วเจ้าค่ะ” อีแดงบอกคนเป็นนาย

 

แม่กิ่งกวาดสายตามองเรือนเล็ก ๆ หลังคามุงใบจากตรงหน้า แลขนหัวลุกขึ้นมา รอบ ๆ ตัวเรือนมืดมิด มีเพียงแสงสลัวจากเทียนในกระท่อมเล็ดลอดออกมาเท่านั้น

“นี่หนาหรือ เรือนพ่อหมอคุณไสยอันเลื่องชือ”

“เจ้าค่ะ เป็นที่นี่แน่ บ่าวถามคนรู้จักมาจนแม่นยำแล้ว” พ่อหมอคุณไสยที่ว่าเก่งกาจเลื่องชือนัก ในหมู่บ่าวไพร่ลือกันจนหนาหูว่าพ่อหมอนั้นเก่งกาจเรื่องเสน่ห์ยาแฝดที่สุดในละแวกนี้แล้ว อีแดงมันฟังคนรู้จักสาธยายความเก่งกาจของพ่อหมอมาว่า

 

‘อีน้อยบ่าวในเรือนเดียวกับข้ามันหมายตาคุณหลวงเจ้าของเรือนไว้ เพียงมาหาพ่อหมอให้ช่วยทำเสน่ห์ยาแผดให้ รุ่งขึ้นมันก็ตกเป็นเมียคุณหลวงท่าน อีกทั้งคุณหลวงยังลุ่มหลงมันจนลืมลูกลืมเมียในเรือนใหญ่ไปเสียสิ้น หากแต่ก็ต้องจ่ายค่าครูกันหนักเสียหน่อยหนา”

 

“เยี่ยงนั้นก็เข้าไปกันเถิด ข้าเสียเวลามามากพอแล้ว” เมื่อนึกถึงพระพักตร์ของพระชายาแสงแรกยามร่ำไห้ที่องค์ภุชงค์ลุ่มหลงตน แม่กิ่งก็มิกลัวกระไรอีก เท้าขาวก้าวฉับ ๆ ไปยังเรือนตรงหน้าจนอีแดงต้องรีบสาวเท้าตาม

“ผู้ใดมา” เสียงแหบแห้งของชายแก่ดังขึ้น ทำเอาสองนายบ่าวขยับเข้าหากันด้วยความกลัว

“...พ่อหมอคงใช่หรือไม่” แม่กิ่งตะโกนถามเสียงสั่น

“เอ็งเป็นใคร มีเรื่องอันใดกับข้า”

“ข้าจักมาขอความช่วยเหลือจากพ่อหมอสักหน่อย”

“หึหึหึ...จักให้ข้าทำเสน่ห์ยาแฝดให้เอ็งหรือ”

“พ่อหมอรู้ได้อย่างไร”

“กลิ่นราคะจากตัวเอ็งมันคลุ้งเสียจนคาวไปหมดแล้ว ฮะ ๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะแหบแห้งยิ่งทำให้แม่กิ่งหนาวสั่นด้วยความกลัว

“ล แลจักทำให้ข้าหรือไม่ หากมิทำข้าจักได้ไปหาพ่อหมอคนอื่น” ทำเป็นปากเก่ง อย่างไรเสียนางก็อยากให้พ่อหมอผู้เก่งกาจเลื่องชือผู้นี้เป็นคนทำเสน่ห์ให้นาง มิใช่คนอื่น

“หึ เข้ามา” สิ้นเสียงพ่อหมอสองนายบ่าวก็หันมองหน้ากันก่อนแม่กิ่งจักพยักเพยิดหน้าให้คนเป็นบ่าวนำไป

“เข้ามาคนเดียว อีบ่าวของเอ็งมิต้องให้มันเข้ามา”

“เหตุใดบ่าวของข้าจึงเข้าไปด้วยมิได้”

“พิธีนี้มันต้องทำตามลำพัง หากเอ็งเรื่องมากนักก็กลับไปเสีย ข้าชักจักรำคาญแล้ว” เสียงของพ่อหมอเริ่มจักมิพอใจเสียแล้ว แมม่กิ่งจึงได้จำยอมให้อีแดงรออยู่ด้านนอก แลเข้าไปในก่อท่อมคนเดียว เมื่อก้าวเข้ามาในกระท่อมอันมืดสลัวแล้ว แม่กิ่งก็ยกมือลูบแขนเรียวของตนไปมา กลิ่นอับชื่นทำเอาบุตรีของท่านรองเจ้ากรมนาคลื่นเหียน จู่ ๆ ก็มีลมปริศนาพัดบานประตูจนปิดสนิทแน่นหนา แม่กิ่งตกใจจนตาเหลือกหากแต่เสียงของพ่อหมอที่เรียกให้ไปนั่งตรงหน้าก็ทำให้แม่กิ่งทำใจให้สงบ แลก้าวเข้าไปนั่งลงตรงหน้าพ่อหมอช้า ๆ อีแดงที่อยู่นอกกระท่อมรีบหมอบคุดคู้ด้วยความกลัว ด้านนอกกระท่อมมืดมิดมิมีแม้แต่แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา มันทั้งหนาว ทั้งกลัว

 

.

.

.

 

“เอ็งจักให้ข้าทำเสน่ห์ใส่ผู้ใด” พ่อหมอเอ่ยถามพลางเคี้ยวหมากหยับ ๆ

“...เป็นชายผู้หนึ่ง” แม่กิ่งเอ่ย ก้มหน้ามิยอมสบตาพ่อหมอ

“หึหึหึ ถุย” พ่อหมอบ้วนน้ำหมากลงกระโถนใบเก่า

“ข้ามีเพลาเกิดของเขามาด้วย” แม่กิ่งว่า แลหยิบเศษใบลานแผ่นเล็กที่เหน็บไว้ตรงชายพกยื่นให้พ่อหมอ เพลาประสูติขององค์ภุชงค์นั้นนางจ้างวานใหนางข้าหลวงในวังไปสืบเสาะมาให้

“...” พ่อหมอรับมาดูก่อนจักเบิกตาโพล่ง มือเหี่ยวสั่นระริก ฤกษ์ยามเพลาเกิดของชายที่อีนังคุณหนูให้มามีอำนาจ บารมี ดวงใหญ่ จนพ่อหมอผู้เก่งกาจเลื่องชือมิกล้าแตะต้อง หากทำมนต์ดำคุณไสยใส่เจ้าของฤกษ์เกิดผู้นี้ ของคงจักย้อนกลับมาเข้าตัวพ่อหมอเองเป็นแน่

“ข้าคงทำให้มิได้” พ่อหมอบอกปัด ต่อให้นังคุณหนูนี่ไปหาหมอคุณไสยทั่วทั้งแคว้นก็มิมีใครทำให้ดอก

“เหตุใดจึงมิทำให้ข้า หากพ่อหมอทำให้ข้าจักให้ทุกอย่างที่พ่อหมอต้องการ เงินทองเท่าใดข้ามิเกี่ยง” แม่กิ่งว่าอย่างร้อนใจ

“...” พ่อหมอลอบมองนักคุณหนูตรงหน้าตน ร่างอวบอิ่มขาวนวลของสาววัยแรกแย้มมันน่าลิ้มลองเนื้อหวาน ๆ ให้กระชุ่มกระชวยเสียจริง ไหนจักเงินทองมากมายที่จักได้จากนังคุณหนูโง่นี่อีก

“ว่าอย่างไร ข้ายอมทุกอย่าง”

“...ก็ได้”

“จริงหรือ” แม่กิ่งดีใจจนมิรู้จักพูดอย่างไร วาดภาพฝันว่าองค์ภุชงค์จักลุ่มหลงตนแล้ว ก็มิกลัวกระไรทั้งนั้น ว่าจักต้องเสียกระไรไปบ้าง

“จริง...ถอดผ้าคลุมไหล่ของเอ็งออก” พ่อหมอสั่ง แลคายหมากทิ้งลงในกระโถนคว้าจอกเหล้าขึ้นกระดกล้างปาก

“ไยข้าจึงต้องถอดผ้าออก” แม่กิ่งกำผ้าคลุมไหล่ของตนแน่น

“หากมิทำตามที่ข้าสั่ง ข้าก็มิทำให้เอ็ง” พ่อหมอขู่เสียงแข็ง แม่กิ่งจึงต้องจำยอมปลดผ้าคลุมไหล่ของตนออก พ่อหมอเฒ่าจดจ้องร่างอวบอิ่มตรงหน้าตาเป็นมัน เต้าอวบแทบจักล้นออกจากผ้าแถบ เนื้อนวล ขาวเนียน น่าจับต้อง

“...” แม่กิ่งเบือนหน้าหนีพ่อหมอเฒ่าอย่างรังเกียจ

 

พ่อหมอไสยหยิบท่อนไม้รูปลึงค์ขึ้นมาถือ ปากเหี่ยวดำคล้ำพึมพำท่องมนต์ดำ พลางชโลมน้ำมันว่านดอกทองกลิ่นหอมอวนลงบนลึงค์ไม้ ก่อนจักนำท่อนไม้เคลือบน้ำมันว่านดอกทองถูวนไปตามร่างกายท่อนบนของแม่กิ่ง มือเหี่ยวกระตุกชายผ้าแถบของหญิงสาวออก

“อ๊ะ” แม่กิ่งสะดุ้งตะครุบผ้าแถบของตน นี่มันพิธีกระไรกันไยบุตรีรองเจ้ากรมอย่างนางจักต้องมาเปลืองเนื้อเปลืองตัวเช่นนี้ หากแต่ยังมิทันจักได้ขัดขืน สายลมวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างอวบอิ่มของแม่กิ่ง ดวงตาคู่งามเลื่อนลอยราวกับวิญญาณมิอยู่กับร่าง อากาศเย็นบาดผิวกายในยามค่ำคืน แปรเปลี่ยนเป็นร้อนวูบวาบ

“ทีนี้ถอดผ้าซิ่นของเอ็งออก” พ่อหมอไสยออกคำสั่ง แลแสยะยิ้มเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นแกะผ้าซิ่นของตนออก ผ้าผืนงามร่วงหล่นลงมากองที่ข้อเท้าขาวเปิดเผยร่างขาวนวล อวบอิ่มให้พ่อหมอไสยเชยชม พ่อหมอไสยใช้ลึงค์ไม้ชุ่มน้ำมันถูไปทั่วตัวของแม่กิ่ง พ่อหมอไสยวางลึงค์ไม้ลงบนพาน ก่อนจักใช้ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ นวดเฟ้นร่างอวบอิ่มของแม่กิ่ง

“อ๊ะ” หญิงสาวร้องคราวเครือ ดวงตาเลื่อนลอยราวกับมิมีวิญญาณ ความร้อนรุ่มจากฝ่ามือของพ่อหมอไสยทำเอาร่างอวบแทบหมดเรี่ยวแรง

“...” พ่อหมอไสยพึมพำบทสวดมิเป็นภาษาก่อนจักเป่าลมแรง ๆ ไล่เนินสาวของแม่กิ่ง

“เฮือก...องค์...ภุ...ชงค์” แม่กิ่งสะดุ้งสุดตัว น้ำเสียงเลื่อนลอยพึมพำพระนามของชายที่หมายปอง

“หึหึหึ” พ่อหมอไสยหัวเราะอย่างพึงพอใจ มนต์ดำบังตาที่ตนร่ายใส่แม่กิ่งนั้น ส่งผลให้แม่กิ่งมองเห็นพ่อหมอไสยเป็นองค์ภุชงค์

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ” แม่กิ่งกระโจนขึ้นคร่อมพ่อหมอไสย นางใคร่อยากตกเป็นขององค์ภุชงค์ใจจักขาดแล้ว ร่างสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตะกรุมตะกราม พ่อหมอไสยเหวี่ยงร่างอวบอิ่มลงนอนบนพื้นไม้เย็นเฉียบ แลขึ้นคร่อมจับเรียวขาขาวอ้าออก

“มึงมันใฝ่สูง มิเจียมตน กูก็ช่วยมึงได้เท่านี้แล” พ่อหมอว่าก่อนจักลงมือพรากความบริสุทธิ์ไปจากบุตรีท่านรองเจ้ากรมนา

“อ๊า ฝ่าบาท”

 

.

.

.

 

เพลาเช้ามืดใกล้รุ่งสาง อีแดงสะดุ้งตื่น เมื่อบานประตุกระท่อมพ่อหมอไสยผู้เลื่องชื่อเปิดออก นายของมันเดินเลื่อนลอยออกมา หากแต่ริมฝีปากกลับแต่งแต้มรอยยิ้ม

“คุณกิ่งเจ้าขา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” อีแดงมันรีบลุกขึ้นคลานเข่าไปถามไถ่คนเป็นนาย

“คิก ๆ ๆ อีแดง กูมีความสุขเหลือเกิน องค์ภุชงค์ท่านเป็นของกูแล้ว คิก ๆ ๆ เมื่อคืนท่านรัก ท่านหลงกูเสียยิ่งกว่ากระไร อีพระชายาแพศยานั่น มินานมันจักต้องถูกเฉดหัวออกจากวังหลวงพร้อมไอ้มารหัวขนในท้องมันนั่นแล คิก ๆ ๆ” แม่กิ่งว่า

“เมื่อคืนหรือเจ้าคะ?” เมื่อคืนอีแดงเผลอหลับไปเมื่อใดก็มิรู้ มารู้ตัวตื่นก็เมื่อครู่นี้เอง แลเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดกระไรขึ้นบ้างหนา

“ใช่ เมื่อคืน คิก ๆ ๆ” แม่กิ่งหัวเราะราวกับคนสติมิดี

“เอ่อ บ่าวว่าเรากลับเรือนกันก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ประเดี๋ยวฟ้าสว่างแล้วจักมีคนเห็นเอา” อีแดงพูดกับนายมันที่ยืนยิ้มเลื่อนลอย พลางหัวเราะคิกคัก

“คิก ๆ ๆ ฝ่าบาท” อีแดงมิรู้จักทำอย่างไรได้แต่ประคองคนเป็นนายให้ออกเดิน มันจักต้องรีบพาคุณกิ่งเธอกลับเรือนก่อนที่ฟ้าจักสาง

 

.

.

.

 

หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% (ต่อ) ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 23-01-2020 11:08:34

(ต่อ)

.

.

.





ณ ตำหนักใน ที่ประทับขององค์รัชทายาท แลพระชายาแสงแรก
 

อรุณนี้พระชายาแสงแรกท่านเจ็บท้อง องค์รัชทายาทจึงมีรับสั่งให้หมอหลวงเข้าเฝ้าตรวจดูพระอาการของพระชายาท่าน

“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ ไยเจ้าแสงแรกจึงได้เจ็บท้องขึ้นมาเยี่ยงนี้” องค์ภุชงค์ตรัสถามหมอหลวงอย่างเป็นกังวล

“ทูลองค์รัชทายาท ที่พระชายาท่านเจ็บพระครรภ์ เป็นการเจ็บเตือนพ่ะย่ะค่ะ”

“หมายความว่า...”

“อีกมินานพระชายาท่านจักมีประสูติกาลแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักเตรียมตำหนักประสูติกาลให้พร้อมพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงท่านกราบทูล

“ดี ขอบน้ำใจท่านหมอมากหนา”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงท่านหมอบกราบก่อนจักออกจากห้องบรรทมไป

“ใคร่อยากออกมาเจอหน้ากันแล้วหรือเจ้ารพิ เจ้ารวิ” องค์ภุชงค์ก้มพักตร์ตรัสกับครรภ์ใหญ่โตของเจ้าแสง พระหัตถ์อุ่นลูบปลอบลูกน้อยที่ดิ้นขลุกขลักจนผิวเนื้อบนครรภ์ของเจ้าแสงแรกขึ้นเป็นรูปเท้าน้อย ๆ

“อ โอย” เจ้าแสงแรกกัดกลีบโอษฐ์ตนเมื่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์ดิ้นถีบครรภ์มารดาจนรู้สึกจุก

“ชู่ววว เบาหน่อยเถิดเจ้าตัวดี แม่เจ้าเจ็บหมดแล้วหนา” เอ็ดลูก พลางเคาะพระดรรชนีลงบนครรภ์กลมเบา ๆ

“ทูลองค์รัชทายาท แลพระชายาแสงแรก เจ้าหลวง แลพระชายาชมนาดเสด็จพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นคลานเข่าเข้ามากราบทูลนายทั้งสอง

“ให้ทั้งสองพระองค์ท่านข้ามาเถิด” เจ้าแสงแรกตรัส

“พระเจ้าค่ะ”

“กราบเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส พลางพนมหัตถ์ไหว้พระสัสสุระ แลพระสัสสุ

“ไหว้พระเถิดลูก เป็นอย่างไรบ้างเจ้าแสง เจ็บท้องหรือลูก” เจ้าชมนาดตรัสถามสุณิสาสุรเสียงอ่อน หัตถ์บางลูบเกศานุ่มปลอบ

“หมอหลวงท่านว่าเจ็บเตือนพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกกราบทูล

“เห็นทีเจ้าตัวน้อยคงจักอยากออกมาแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ” องค์ภุชงค์ตรัสพลางสรวลเต็มดวงพักตร์

“หึหึหึ อีกมิกี่วันก็จักได้เป็นพ่อ แม่คนแล้วหนา” องค์ภุมรินตรัส มิใช่เพียงองค์ภุชงค์ แลเจ้าแสงแรกดอกที่จักได้เป็นพ่อ แลแม่คน พระองค์ แลเจ้าชมนาดก็จักได้เป็นปู่ แลย่าเช่นกัน

“ทูลองค์รัชทายาท แม่กิ่งบุตรีรองเจ้ากรมนาขอเข้าเฝ้าเพคะ” ข้าหลวงสาวกราบทูลอยู่หน้าบานพระทวาร

“...” เจ้าแสงแรกเหลือบมองพระพักตร์ของพระภัสดา ก่อนจักหันไปตีสีพักตร์น่าสงสารใส่พระสัสสุ

“แม่กิ่งบุตรีท่านรองเจ้ากรมนา ไยจึงต้องมาขอเข้าเฝ้าเจ้าภุชงค์” เจ้าชมนาดตรัสถามโอรสของพระองค์ทันทีที่เห็นสีพักตร์สลดของสุณิสาคนโปรดของพระองค์ คนเป็นแม่ผัวโอบร่างอวบอิ่มเข้ามาตระกองกอด พระหัตถ์บางลูบเกศานุ่มปลอบ

“เสด็จแม่ ลูกมิได้คิดกระไรกับนางหนาพ่ะย่ะค่ะ” องค์ภุชงค์ตรัส เห็นนัยน์ตากวางลุกวาวของมารดาก็ทราบแล้วว่าทรงดำริกระไรอยู่

“เจ้ามิคิด แลนางเล่าคิดหรือไม่”

“...”

“หึ บุตรีขุนนางพวกนี้นี่ก็ช่างกระไร ออกกฎใหม่มิให้บุตรีขุนนางเข้าวังเสียก็ดีกระมัง”

“ใจเย็น ๆ ก่อนหนาเจ้าชมนาด”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ พระทัยเย็นก่อนเถิด นี่ลูกก็ปฏิเสธมิให้นางเข้าเฝ้าไปก็หลายคราแล้ว...ไปแจ้งแก่แม่กิ่งทีว่าข้ามิสะดวกจักให้เข้าเฝ้า” องค์ภุชงค์ตรัสแก้ต่างกับมารดา แลผินพักตร์ไปตรัสรับสั่งกับข้าหลวงสาว

“เพคะ”

 

.

.

.

 

“แม่กิ่ง” ข้าหลวงสาวนำความจากองค์รัชทายาทท่านไปแจ้งแก่บุตรีขุนนางที่ยืนหันหลังให้

“ว่าอย่างไร องค์ภุชงค์เล่า” แม่กิ่งรีบผินกายกลับมาทันที ดวงตางามกวาดหาองค์รัชทายาท แต่พรองค์ท่านหาได้เสด็จมาไม่

“องค์ภุชงค์ท่านมีรับสั่งว่ามิสะดวกจักให้เจ้าเข้าเฝ้า เพลานี้พระชายาแสงแรกท่านมีครรภ์แก่จวนจักมีประสูติกาลแล้ว องค์รัชทายาทท่านจึงมิใคร่ห่างจากพระชายาท่าน” ข้าหลวงสาวแจ้ง

“...” แม่กิ่งกำมือแน่น ไยจึงปฏิเสธมิมาพบนางทั้ง ๆ ที่ คืนที่ผ่นมาพระองค์ยังตระกองกอดมอบความรักให้นางอยู่เลย แม่กิ่งผินกายก้าวเท้าออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว จักต้องเป็นเพราะพระชายาแพศยาเป็นแน่ที่มิยอมให้องค์ภุชงค์ท่านมาหานาง

 

บุตรีรองเจ้ากรมนา เดินฟึดฟัดออกจากวังหลวง ไปที่ท่าน้ำ หมายจักนั่งเรือกลับเรือน หากแต่เมื่อก้าวเท้าพ้นบานพระทวารวังหลวงที่มีทหารเฝ้าแน่นหนา ก็มีข้าหลวงสาวตามมาเรียกนาง

“ประเดี๋ยวก่อนแม่”

“มีกระไร” แม่กิ่งเอ่ยถามเสียงห้วน

“องค์รัชทายาทท่านให้แม่ไปพบที่ตำหนัก” เพียงได้สดับสิ่งที่ข้าหลวงสาวกล่าว แม่กิ่งก็เผยรอยยิ้มเต็มดวงหน้า

“เช่นนั้นเจ้าก็นำไป” แม่กิ่งเดินตามข้าหลวงสาว ทั้ง ๆ ที่ทางที่ไปนั้นหาใช่วังหลวงไม่ แม่กิ่งเดินเท้าอย่างมิรู้จักเหน็ดจักเหนื่อยมาจนถึงกระท่อมของพ่อหมอไสย

“เอ็งไปได้แล้วนังโหงพราย” พ่อหมอเอ่ยกับข้าหลวงสาวที่ล่อหลอกแม่กิ่งมา ข้าหลวงสาว หรือแท้จริงแล้วก็คือผีโหงพรายที่พ่อหมอเลี้ยงไว้

“ฝ่าบาท ถวายพระพรเพคะ” แม่กิ่งหมอบกราบพ่อหมอไสย ดวงตางามเลื่อนลอยโดนมนต์ดำของพ่อหมอไสยเข้าให้อีกแล้ว

“ห่างเอ็งเพียงค่อนวัน ข้าก็คิดถึงเอ็งเสียแล้ว หึหึหึ” พ่อหมอไสยว่าพลางรั้งร่างอวบอิ่มขึ้นมากอด

“หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์เพคะ” แม่กิ่งว่าอย่างเขินอาย

“หึหึหึ” พ่อหมอประคองบุตรีรองเจ้ากรมนาเข้ากระท่อม ระเริงรักกันจนตะวันลับขอบฟ้า

 

แม่กิ่งออกจากกระท่อมพ่อหมอพร้อมรอยยิ้มเลื่อนลอย สองเท้าเดินจากกระท่อมกลางป่าช้ากลับเรือนตนตามที่โดนยาสั่งของหมอไสย

“แม่กิ่งนั่นเจ้าไปที่ใดมา ไยจึงกลับเรือนมามืดค่ำเอาป่านนี้” มารดาเอ่ยถามบุตรี เป็นสาวเป็นนางกลับเรือนค่ำ ๆ มืด ๆ ประเดี๋ยวก็ได้เป็นขี้ปากชาวบ้านชาวช่องกันพอดี

“ลูกไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทท่านที่วังหลวงมาเจ้าค่ะ”

“ไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทที่วังหลวง แลไยจึงกลับมาค่ำมืดเช่นนี้”

“คิก ๆ ๆ” แม่กิ่งมิตอบ หากแต่ส่งเสียงหัวร่อเขินอายออกมา

“...” คนเป็นแม่กวาดสายตามองบุตรีด้วยความเคลือบแคลงใจ แม่กิ่งที่อยู่ตรงหน้านางนั้นราวกับมิใช่บุตรีคนเดิมของนาง

“คิก ๆ ๆ”

“แลเจ้ากลับมาอย่างไร อีแดงมันมิได้ไปด้วยนี่”

“องค์รัชทายาทท่านให้เรือหลวงมาส่งลูกที่ท่าน้ำข้างเรือนเจ้าค่ะ”

“เรือหลวงมาส่งที่ท่าน้ำข้างเรือน?” อีจวงพึมพำอย่างงุนงง เรือหลวงจักมาส่งคุณกิ่งเธอที่ท่าน้ำข้างเรือนได้อย่างไร ในเมื่ออีจวงมันเห็นคุณกิ่งเธอเดินมาจากทางป่าหลังเรือน

“ลูกขอตัวไปพักก่อนหนาเจ้าคะ” แม่กิ่งว่าพลางเดินเข้าหอนอนของตน ทิ้งให้มารดามองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

 

.

.

.

 
สามวันถัดมา ณ ตำหนักประสูติกาล

 

พระชายาแสงแรกที่เจ็บครรภ์เตือนอยู่หลายวัน ก็ถึงฤกษ์ให้ประสูติกาลเสียที ช่วงยามสี่พระชายาแสงแรกท่านก็เจ็บท้อง น้ำคร่ำไหลนองจนต้องเปิดตำหนักประสูติกาล ดีที่ตำหนักประสูติกาลถูกตระเตรียมไว้จนพร้อม

“ฮึก โอ๊ย” เจ้าแสงแรกนอนครวญครางสุรเสียงแผ่ว ครรภ์ใหญ่แข็งเสียจนกดแทบมิลง

“พระทัยเย็นหนาเพคะพระชายา สูดพระปัสสาสะลึก ๆ เพคะ” หมอตำแยเฒ่ากราบทูล

“ฮึก ฟู่” เจ้าแสงแรกทำตามที่หมอตำแยบอก

“อดทนไว้หนาเจ้าแสง ประเดี๋ยวก็จักได้เห็นหน้าลูกแล้ว” องค์ภุชงค์ตรัสปลอบเมีย พระวรกายกำยำประทับเป็นหลักให้เมียได้พิง พระหัตถ์ข้างหนึ่งถือซับพระพักตร์ คอยซับหยาดเหงื่อตามกรอบพักตร์งาม

“ฝ่าบาท อึก ม หม่อฉัน จ เจ็บพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงกระท่อนกระแท่น

“ทนหน่อยหนาคนดี” องค์ภุชงค์ตรัสปลอบเมีย พลางพรมจูบที่ขมับชื้นเสโท

“เอาล่ะ หากหม่อมฉันทูลว่าให้เบ่ง พระองค์ก็เบ่งเลยหนาเพคะ” หมอตำแยเฒ่ากราบทูล

“ฮึก...จ้ะ” เจ้าแสงแรกพยักพักตร์

“เอ้า เบ่งเพคะ”

“อื้อ” เจ้าแสงแรกออกแรงเบ่ง หัตถ์บางดึงผ้าที่ห้อยลงจากขื่อ

“อีกเพคะ”

“ฮึก แฮ่ก ๆ อื้อออ” เจ้าแสงแรกทิ้งตัวพิงพระภัสดาก่อนจักสูดพระปัสสาสะ แลออกแรงเบ่งอีกครา

“อีกครั้งเพคะพระชายา”

“ฮึก ฮือ แฮ่กๆๆ อื้อออ”

“คนดีทนหน่อยหนา อีกครั้งหนาคนเก่ง”

“อ อึก อื้อ อ๊า อื้อ” เจ้าแสงแรกเบ่งสุดแรงจนพักตร์งามแดงก่ำ

 

.

.

.

 

“ฮึก อื้อออ”

“เจ้าแสง” องค์ภุชงค์ตรัสเรียกอย่างเป็นกังวลเมื่อคนเป็นเมียเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว เพลานี้ฟ้าเริ่มสางแล้ว หากแต่เจ้าแสงแรกก็ยังมิได้ให้ประสูติกาลแต่อย่างใด

“ฮึก แฮ่ก ๆ ๆ”

“เบ่งเพคะ”

“ฮื้ออออ อื้ออออออ”

“ออกแล้ว หม่อมฉันเห็นพระเศียรองค์รัชทายาทแล้วเพคะ เบ่งสุดแรงอีกครั้งเพคะ”

“อึก อื้อ อ๊า อึก อื้อ” เจ้าแสงแรกสูดพระปัสสาสะ แลเบ่งสุดแรง เจ้าตัวน้อยตัวเล็กราวกับลูกวิฬาร นิ่งเงียบไร้เสียงร้องไห้จ้าจนพ่อ แลแม่พระทัยเสีย หมอตำแยเฒ่ารีบตัดสายพระนาภี แลใช้ผ้าเช็ดตามเนื้อตัวแดงก่ำ หากแต่พระโอรสน้อยก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง

 

เพี๊ยะ

 

เพี๊ยะ

 

หมอตำแยเฒ่าหน้าเสีย มือเหี่ยวข้างหนึ่งประคองอุระเล็กของโอรสน้อยให้คว่ำ ส่วนอีกข้างออกแรงฟาดลงบนก้นเหี่ยว ๆ ของโอรสน้อย

 

เพี๊ยะ

 

เพี๊ยะ

 

โอรสน้อยยังคงนิ่งมิไหวติง จนเจ้าแสงแรกปล่อยโฮออกมาทั้ง ๆ ที่ยังเจ็บครรภ์อยู่มิหาย หมอตำแยเฒ่าน้ำตาคลอ วางร่างโอรสน้อยลงบนห่อผ้า แลส่งให้มารดา เจ้าแสงแรกยื่นกรสั่นเทาไปรับลูกมากอดแนบอุระ โดยมีพระภัสดาท่านช่วยประคับประคอง สองผัวเมียอัสสุชลไหลอาบปราง ดวงเนตรทอดมองพักตร์ซีดเซียวของโอรสตนด้วยความโศกเศร้า

 

แหมะ

 

แหมะ

 

“ฮึก อ อุแว้ อุแว้” หยาดอัสสุชลของพ่อ แลแม่ไหลรวมกันจนยากจักแยกว่าของใครเป็นของใครหยดลงบนปรางเหี่ยวของโอรสน้อย ทันใดนั้นราวกับมีปาฏิหาริย์ เจ้าตัวน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่จนสำลัก หวีดร้องออกมา เสียงแรกของชีวิตใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับแสงตะวันของวันใหม่ คนเป็นพ่อ แลแม่ชะงักก่อนจักปล่อยโฮสะอึกสะอื้นออกมาด้วยความยินดี

“ฮึก แม่ใจหายหมดเลยลูก ฮึก โอ๊ย” เจ้าแสงแรกตรัสเคล้าเสียงสะอื้น ความเจ็บที่ครรภ์เริ่มรุนแรงขึ้นจนหมอตำแยต้องรีบรับโอรสน้อยในห่อผ้าส่งต่อให้ข้าหลวงสาวดูแลต่อ มือเหี่ยวคลำครรภ์ใหญ่ของพระชายา แลร้องบอกอย่างตื่นตระหนก

“ย ยังมีทารกในครรภ์พระชายาเพคะ”

“ฮึก โอย”

“เบ่งเพคะ”

“อื้ออออ แฮ่ก ๆ ฮึก อื้อออออ”

 

.

.

.

 

“ฮึก แฮ่ก ๆ อื้อออ”

“อีกครั้งเพคะพระชายา”

“ฮึก ฮือ แฮ่กๆๆ อื้อออ”

“ทนหน่อยหนาเจ้าแสง”

“อ อึก อื้อ อ๊า อื้อ”

 

ครานี้มิได้ยากลำบากเช่นเจ้าตัวน้อยคนแรก เจ้าตัวน้อยคนที่สองออกมาตัวใหญ่ แลอุดมสมบูรณ์กว่าเจ้าคนน้องที่ออกมาก่อนอยู่ประมาณหนึ่ง อีกทั้งยังแข็งแรง หวีดร้องสุรเสียงดังลั่นตำหนักประสูติกาลให้คนเป็นพ่อ แลแม่พระทัยชื้น หมอตำแยเฒ่าตัดสายพระนาภี จัดการล้างพระวรกายให้พระโอรสน้อย จับวางในห่อผ้า แลส่งให้ข้าหลวงสาวที่รอรับ

“อุแว้ อุแว้” เจ้าตัวน้อยคนพี่ถูกโอบอุ้มไปนอนข้างเจ้าตัวน้อยคนน้องที่สะลึมสะลือ มีข้าหลวงคอยดูมิให้คลาดสายตา

“ฮึก อึก โอย ย ไย ข้ายังเจ็บท้องอยู่เล่าแม่หมอ” เจ้าแสงแรกตรัสถามสุรเสียงกระท่อนกระแท่น

“ทูลพระชายายังมีทารกในพระครรภ์เพคะ” หมอตำแยทูลอย่างตื่นแต้น แฝดสามเชียวหรือ

“ก กระไรหนา” องค์ภุชงค์ตรัสอย่างมิใคร่อยากักเชื่อ

“เอาล่ะ หากหม่อมฉันทูลให้เบ่งก็เบ่งเลยหนาเพคะ”

“ฮึก อือ”

“เอ้า เบ่งเพคะ”

“อ อื้ออออ”

“อีกครั้งเพคะ หม่อมฉันเห็นพระเศียรของโอรสน้อยแล้ว”

“อึก อื้อออออออออ”

“อีกเพคะ”

“อื้อออออออออ”

“อ ออกแล้วเพคะ”

“อื้ออออออออ”

“อุแว้ อุแว้ อุแว้” เจ้าคนที่สองว่าตัวใหญ่แล้ว เจ้าพี่คนโตที่ออกมาลืมตาดูโลกคนสุดท้ายนั้นใหญ่ยิ่งกว่า เสียงเล็กร้องลั่น

“พระโอรสแฝดสามเพคะ” หมอตำแยทูล มือเหี่ยวปาดเหงื่อบนหน้าผากตนเอง

“ไปทูลแก่เจ้าหลวง แลพระชายาชมนาดว่าท่านได้นัดดาแฝดสาม” องค์ภุชงค์ตรัสรับสั่งกับข้าหลวงสาวพร้อมรอยสรวล พระกรแกร่งโอบประคองร่างอ่อนแรงของเมียไว้ในอ้อมอุระ

“เพคะ” ข้าหลวงสาวหมอบกราบรับพระบัญชาก่อนจักคลานเข่าออกไปทูลความแก่เจ้าหลวง แลพระชายาชมนาดที่รออยู่ที่ตำหนักหลวง

“เจ้าแสง” องค์ภุชงค์กระซิบเรียกเมีย เมื่อเจ้าแสงแรกหลับเนตรลง

“หม่อมฉันมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าแสง ๆ” องค์ภุชงค์เขย่าร่างเมียเบา ๆ เมื่อเจ้าแสงแรกหมดสติทิ้งตัวลงซบพระภัสดา

 

 

 

 



หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 23-01-2020 13:10:05
เจ้าแสงงงงงง
แฝดสามเลยหรอลู๊กกกกกกก
โอ๊ยย อกอิแม่จะแตกนึกว่าเจ้าคนแรกไม่รอดซะแล้วลูกเอ๊ย
ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกน้าา
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 23-01-2020 16:14:55


ป๊าดดด....คลอดทีเดียวคุ้มเลย

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-01-2020 19:06:54
แฝดสามเลยยยยยยยยย องค์ภุงชงค์ไม่เบานะเพคะะะ
ปลอดภัยทั้งสามคนเลยย
ตัวร้ายจะใส่ความองค์ภุชงค์ว่าได้เสียกันแล้วมั้ยเนี่ย กลัวใจจจ
อยากเห็นตอนเลี้ยงลูกก จะเลี้ยงทันมั้ยเพคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 23-01-2020 19:28:28
โอรสน้อยมาแล้วว แฝดสามกันเลยทีเดียวว :mc4: :mc4:
แม่กิ่งทำตัวเองแท้ๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 23-01-2020 22:42:57
เหนื่อยแทนเจ้าแสงแรกเลย  แฝดสามเลยนะ  มาคราวนี้ได้หลานเพิ่มอีกสามคน  ฉลองตรุษจีนเลย  เตรียมซองแดงแจกหลานหลาน  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-01-2020 09:36:25
แฝดสาม!
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-01-2020 02:53:07
สนุกกันล่ะทีนี้ แฝดสาม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๐๐% ๒๓.๐๑.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-01-2020 10:23:20
แฝดสามทำได้ไงเนี่ยองค์ภุชงค์ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๑๐๐% ๑.๐๓.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-02-2020 20:26:10

 
 

ภุชงค์เล่นแสง ๒๐

 

เจ้าแสงแรกรู้สึกตัวอีกคราก็กลับมาอยู่ที่ตำหนักในขององค์รัชทายาทแล้ว ฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว คบเพลิงถูกจุดให้ความสว่างแทนที่แสงอาทิตย์ เนตรงามปรือปรอย พระวรกายอ่อนล้า หากแต่เมื่อนึกถึงลูกน้อยทั้งสาม คนเป็นแม่ก็รีบลุกขึ้น

“อ๊ะ” เจ้าแสงแรกเจ็บแผลจนต้องนิ่วพักตร์

“ค่อย ๆ ลุกเถิดเจ้าแสงแรก” องค์ภุชงค์ตรัส แลเข้าประคองเมีย

“ฝ่าบาท ลูกเล่าพระเจ้าค่ะ” ภาพเจ้าตัวน้อยที่มิยอมหายใจติดตาเสียจนเจ้าแสงแรกหหวาดกลัวว่าระหว่างที่ตนมิได้สติ เจ้าตัวน้อยจักเป็นกระไรไปอีก

“ใจเย็น ๆ ก่อนหนาน้อง” องค์ภุชงค์ตรัสปลอบเมีย ก่อนจักมีรับสั่งให้ยี่สุ่น แลชงโคไปนำโอรสน้อยทั้งสามมาเข้าเฝ้ามารดา

“ลูกมิได้เป็นกระไรใช่หรือไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสอย่างเป็นกังวล

“ลูกมิได้ป็นกระไรเจ้า เจ้าตัวน้อยของเราปลอดภัยดีแล้ว”

 

องค์รัชทายาท แลพระชายารอมินานบ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงแรก แลข้าหลวงนางหนึ่งก็โอบประคองโอรสน้อยในองค์ภุชงค์ แลพระชายาแสงแรกมาที่ห้องบรรทม

“ลูกแม่” เจ้าแสงแรกรับเจ้าตัวเล็กจ้อยเข้ามาในอ้อมพระกร ใช่ว่ามิรักลูกอีกสองคน หากแต่เจ้าตัวเล็กนี่น่ากังวลกว่าพี่ทั้งสองนัก ดวงพักตร์แดงในห่อผ้าเนื้อนิ่มดูมีสีเลือดมากกว่าตอนที่เกิดมาก ทำให้คนเป็นแม่พระทัยชื้นขึ้น

“เจ้าคนพี่สองคนชื่อ ‘เจ้ารพิ’ แล ‘เจ้ารวิ’ ตามที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก เหลือเพียงเจ้าตัวน้อยนี่แลที่พี่รอเจ้าตื่นมาตั้งชื่อลูกด้วยกัน” องค์ภุชงค์ตรัส พลางลูบปรางนิ่มของลูกอีกสองคนที่นอนอยู่บนพระยี่ภู่อย่างเอ็นดู

“รพิ รวิ เยี่ยงนั้นให้เจ้าคนน้องชื่อ ‘เจ้ารวี’ ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสถามพระภัสดา

“ดี เยี่ยงนั้นเจ้าตัวน้อยจักมีนามว่ารวี เจ้าน้อยรวี”

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกสรวลตอบ

 

คนเป็นพ่อ แลแม่พากันชื่นชมลูกน้อยทั้งสามได้มินานปู่ แลย่าก็ตามมาสมทบ องค์ภุมรินโอบประคองเจ้ารพินัดดาองค์โตอย่างรักใคร่ ส่วนเจ้าชมนาดเมื่อได้ฟังว่าเกือบจักเสียเจ้ารวีตัวน้อยไป นัยน์ตากวางก็คลอไปด้วยอัสสุชล คนเป็นย่าโอบประคองร่างเล็กจ้อยด้วยความทนุถนอม ส่วนเจ้ารวิก็นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมอุระมารดา

 

พระชายาแสงแรกได้ให้ประสูติกาลพระโอรสในองค์รัชทายาทภุชงค์ทั้งสิ้นสามพระองค์ โดยมีฐานันดรที่พระอัยกาประทานให้ คือ ‘องค์รัชทายาทลำดับที่สองของภุมริกา องค์รพิ’ ‘เจ้าน้อยรวิ’ แล’ ‘เจ้าน้อยรวี’ ซึ่งทางภุมริกานั้นได้ส่งสาส์นด่วนไปยังการเวก ศศิมณฑล แลแคว้นอื่น ๆ เรื่องพระชายาแสงแรกมีประสูติกาลแล้ว โดยจักมีพิธีรับขวัญพระนัดดาทั้งสามขององค์ภุมรินขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า

“เจ้ารวิ มาให้ปู่อุ้มหน่อยหนาลูก” องค์ภุมรินส่งเจ้ารพิคืนคนเป็นพ่อ แลรับร่างเล็กของเจ้ารวิมาโอบประคองแนบพระอุระ เจ้าตัวน้อยทั้งสามมีหน้าตาคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน หากแต่เจ้ารพิจักดูคมคายกว่าน้องอีกสองคนอยู่มาก ในขณะที่เจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั้นมีหน้าตาคล้ายคลึงกันราวกับแกะ หากแต่ก็แยกได้มิยาก เนื่องจากเจ้ารวีนั้นมีขนาดตัวเล็กกว่าคนพี่ มิทราบเช่นกันว่าในอนาคตจักโตทันพี่ ๆ หรือไม่

 

คราแรกองค์ภุชงค์ท่านมิกล้าอุ้มลูก เนื่องจากกลัวจักทำลูกตกหล่น จึงได้พระมารดาชมนาดท่านช่วยสอนว่าจักต้องโอบอุ้มประคองลูกอย่างไร

“มีลูกตั้งสามคนก็หัดอุ้มลูกไว้เสียให้คล่อง จักได้ช่วยเมียเลี้ยงลูก” พระมารดาท่านตรัส

 

ปู่ แลย่าอยู่เอ็นดูหลานได้พักใหญ่ ๆ เจ้ารพิน้อยก็ร้องหิวนม องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดจึงเสด้จกลับตำหนักหลวงมาก่อน ให้สุณิสา แลนัดดาน้อยได้พักผ่อน

“มีน้ำนมหรือไม่เจ้าแสง” องค์ภุชงค์ตรัสถามเจ้าแสงแรกที่อุ้มโอรสองค์โตเข้าเต้า

“ยังมิมีน้ำนมไหลออกมาเลยพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกพักตร์เสีย ไยจึงมิมีน้ำนมออกมาให้ลูกกินหนา แลมีเจ้าตัวน้อยตั้งสามคนชียว

“แอะ อุแว้ อุแว้” เจ้ารพิตัวน้อยหวีดร้องทันทีที่พยายามดูดดึงยอดถันมารดาแล้ว แต่กลับมิมีน้ำนมไหลออกมาให้ดื่มกิน

“ชู่ว ๆ เจ้ารพิ...จักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท” เจ้าแสงแรกเขย่าร่างเล็กในอ้อมพระกรเบา ๆ ปลอบ ก่อนจักผินพักตร์ไปตรัสถามพระภัสดาท่าน

“ให้พี่ตามแม่นมดีหรือไม่เจ้า”

“หากแต่หม่อมฉันก็เจ็บคัดที่ยอดถัน แต่ไยน้ำนมมิไหลออกมาให้ลูกกิน”

“เช่นนั้นให้พี่ช่วยหนาเจ้า” องค์ภุชงค์รับเจ้ารพิที่สะอื้นไห้กับอุระมารดามาวางบนพระยี่ภู่ด้านข้าง ก่อนจักโน้มพักตร์ลงกวาดพระชิวหารอบยอดถันแดงของเมีย

“อ๊ะ ฝ่าบาท” เจ้าแสงแรกสะดุ้งตกพระทัย สองหัตถ์จิกพระอังสะกว้างแน่น

“...” องค์ภุชงค์กวาดพระชิวหาไล้เลียยอดถันช้ำ ก่อนจักออกแรงดูดดึงเบา ๆ ท่ามกลางเสียงไห้ของเจ้ารพิ แลเจ้ารวิที่เบ้โอษฐ์จักร้องตามพระเชษฐา

“ฮึก ฝ ฝ่าบาท อื้อ”

“...น้ำนมออกแล้วเจ้า” องค์ภุชงค์ตั้งหน้าตั้งตาดูดดึงยอดถันเมียจนกรทั่ง พระชิวหารับรู้ถึงรสชาติหวานมัน แลกลิ่นคาวที่ขึ้นพระนาสิก องค์ภุชงค์ผละออกมาตรัสกับเมียที่ปรางแดงก่ำ

“อุแว้ อุแว้”

“เจ้ารพิ” เสียงไห้ของลูกเรียกสติของเจ้าแสงให้กลับมา องค์ภุชงค์ใช้ผ้าชุบน้ำต้มเช็ดยอดถันช้ำ แลช้อนร่างเล็กของเจ้ารพิส่งให้เมีย ก่อนที่พระองค์จักช้อนเจ้ารวิขึ้นปลอบ ส่วนเจ้ารวีนั้นนอนหลับอุตุมิสนพระเชษฐาทั้งสองที่แข่งกันไห้

“ชู่ว กินนมหนาลูก มิไห้หนาคนดี” เจ้าแสงแรกประคอลลูกเข้าเต้าอีกครา โอษฐ์เล็กอ้าออกราวนกกระจอกที่รออาหารจากมารดา เมื่อยอดถันของมารดาเข้ามาอยู่ในปากก็ออกแรงดูดดึง ครานี้มีน้ำนมไหลออกมาให้ดื่มกิน จึงได้เงียบเสียงไห้ลง

“เจ้ารวิคนดี ไห้ตามพี่เจ้าหรือลูก หึหึหึ” องค์ภุชงค์สรวลน้อย ๆ อย่างเอ็นดูลูก พระนาสิกแตะที่ปรางแดงของลูกแผ่วเบา สายพระเนตรเหลือบมองเจ้ารวีเป็นระยะ เจ้าตัวน้อยน้องเล็กหลับอุตุมิสนใคร

 

เจ้าแสงแรกให้นมเจ้ารพิแล้วแล้ว ก็ประคองเจ้ารวิเข้าเต้าต่อ โดยพระภัสดาท่านรับเจ้ารพิไปกล่อมนอน มินานเจ้าแสงแรกก็ให้นมโอรสคนที่สองแล้วแล้ว ก็ถึงตาโอรสน้อยองค์เล็ก เจ้ารวีน้อยมิยอมกินนมโดยง่ายเช่นพระเชษฐาทั้งสอง แม้เจ้าแสงแรกจักป้อนยอดถันให้ เจ้าตัวน้อยก็มิยอมดูด

“กินนมหนาลูก” มารดาตรัส แลใช้พระดรรชนีเขี่ยโอษฐ์เล็กไปมา คล้ายว่าจักรำคาญเจ้ารวีจึงได้ยอมดูดดึงยอดถันมารดากลืนกินน้ำนมเข้าท้อง หากแต่กินไปได้มิเท่าใด เจ้ารวีก็หยุดดูดเสียแล้ว

“ไยจึงกินน้อยเยี่ยงนี้เล่าลูก เช่นนี้จักโตทันพี่ ๆ เขาได้อย่างไร” องค์ภุชงค์ตรัสอย่างเป็นกังวล

“กินอีกสักหน่อยให้แม่ชื่นใจเถิดหนาลูก” เจ้าแสงแรกตรัสกับเจ้าตัวน้อย สุรเสียงเป็นกังวล คล้ายจักฟังรู้เรื่องเจ้ารวีจึงดูดดึงยอดถันมารดาต่อ หากแต่ก็กินนมไปอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจึงได้หลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา

 

.

.

.

 

สามวันถัดมาหลังจากให้นมลูกแล้ว เจ้าแสงแรกก็จักต้องเข้ากระโจมอยู่ไฟตามที่พระสัสสุท่านตระเตรียมไว้ให้ ส่วนลูกน้อยทั้งสามจักอยู่ในการดูแลของบ่าวคนสนิททั้งสองของพระชายาแสงแรก แลข้าหลวงในตำหนัก อีกทั้งคนเป็นพ่อที่เมื่อทรงงานแล้วแล้วก็จักรีบกลับตำหนักมาหาลูกหาเมีย

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท” ยี่สุ่น แลชงโคหมอบกราบพระภัสดาของคนเป็นนาย

“มิต้องมาพิธีเจ้ารัก เจ้ายม ลูกข้าหลับหรือ” องค์ภุชงค์ตรัสถามหาโอรสน้อยทั้งสามของพระองค์ เจ้ารัก เจ้ายมทั้งสองชินเสียแล้วที่ถูกเรียกเช่นนี้

“พระโอรสน้อยทั้งสามบรรทมอยู่ในเปลพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นกราบทูล คนเป็นพ่อสาวพระบาทไปหยุดอยู่ข้างเปลนอนทั้งสาม เจ้าลูกหนูตัวแดงทั้งสามนอนหลับอุตุน่าเอ็นดูจนพระทัยองค์ภุชงค์เต้นแรง ยิ่งเจ้ารวีนอนดิ้นยกกำปั้นขึ้นถูตาตนเอง แลหลับต่อคนเป็นพ่อยิ่งแย้มพระโอษฐ์สรวลกว้าง

 

องค์ภุชงค์ล้างหัตถ์องค์เองกับน้ำลอยดอกมัลลิกา แลเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ก่อนจักแตะปลายพระดรรชนีลงบนปลายนาสิกเล็กของเจ้ารพิ เจ้ารวิ แลเจ้ารวี

“หึหึหึ” สรวลด้วยความเอ็นดู ประคองกำปั้นเล็กของลูกขึ้นหอมเรียงคน หากแต่คงจักหอมแรงเกินไปกระมังเจ้ารวิจึงได้ปรือเนตร เบะโอษฐ์ ส่งเสียงสะอื้นไห้ เมื่อถูกปลุกจากนิทรา

“แอะ แงงงง”

“ชู่ว ๆ โอ๋ เจ้ารวิลูกพ่อ” องค์ภุชงค์ลนลาน ช้อนประคองเจ้าตัวเล็กจ้อยในห่อผ้าขึ้นแนบพระอุระ พระหัตถ์ประคองคอลูกไว้ คอยระวังมิให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยองค์ภุมริน

“แงงงงง แงงงงง” เจ้ารวิอ้าโอษฐ์ส่งเสียงร้องจนเห็นเหงือกสีแดงสด

“ชู่ว ๆ คนดีของพ่อ” องค์ภุชงค์แตะพระนาสิกกับนลาฏเล็ก โยกพระวรกายเบา ๆ ปลอบเจ้าตัวน้อย เจ้ารวิน้ำตาคลอสะอื้นอยู่กับพระอุระอุ่น

“อึก ฮึก”

“โอ๋ ๆ เจ้าลูกกระต่ายน้อย” องค์ภุชงค์ก้มลงทอดพระเนตรลูกน้อย เจ้ารวิคนงามดูดปากตนเองเบา ๆ คล้ายจักหิวนม

“จุบ จุบ”

“ทนก่อนหนาลูก ประเดี๋ยวแม่เจ้าก็กลับมาจากอยู่ไฟแล้ว” องค์ภุชงค์ตรัสปลอบลูก พระพักตร์งามฉายแววกังวลด้วยกลัวว่าลูกจักไห้ขึ้นมาอีก มิใคร่ชอบพระทัยเสียเลยเวลาลูกไห้

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยรวีตื่นบรรทมแล้วพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นที่ชะโงกหน้าไปมองพระโอรสน้อยในเปลกราบทูลคนเป็นพ่อ เมื่อเห็นว่าเจ้าน้อยรวีน้องเล็กนั้นลืมเนตรตื่นแล้ว หากแต่ก็มิได้ส่งเสียงร้องงอแงแต่อย่างใด

“เจ้ารวี ตื่นแล้วหรือลูก” องค์ภุชงค์เรียกให้ชงโคมาเฝ้าเจ้ารวิที่นอนอยู่บนพระแท่นบรรทม แลดำเนินไปชะโงกพักตร์ดูเจ้ารวีในเปล

“ฮึก แงงงง” ตื่นมามิร้อง หากแต่เมื่อบิดาสัมผัสที่ปรางนิ่ม เจ้าตัวน้อยก็สะดุ้ง เบะโอษฐ์จนพักตร์เล็กยับย่น แลหวีดเสียงร้องไห้ออกมา ปลุกเจ้ารพิให้ตื่นขึ้นมาตามน้อง

“แงงงงง” ครานี้สองพี่น้องแข่งกันไห้จ้า องค์ภุชงค์ช้อนเจ้ารวีขึ้นปลอบ ส่วนเจ้ารพินั้นได้ยี่สุ่นอุ้มปลอบแทน เจ้ารวิเมื่อได้ยินเสียงพรเชษฐา แลพระอนุชาหวีดไห้ก็กระสับกระส่าย โอษฐ์จิ้มลิ้มเบะออกจนชงโคต้องช้อนพระวรกายเล็กแนบอกเขย่าโยกแผ่วเบาปลอบ

 

มิทันที่เจ้าตัวน้อยทั้งสามจักได้โยเยไปมากกว่านี้ คนเป็นแม่ก็กลับมาจากอยู่ไฟ เจ้าแสงแรกมาพร้อมกับพระสัสสุ พระวรกายอวบอิ่มชุ่มไปด้วยพระเสโท แลคลุ้งกลิ่นสมุนไพร

“ไยเจ้าตัวน้อยจึงไห้พร้มกันเช่นนี้เล่าพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสถามพระภัสดาที่อุ้มเจ้ารวีปลอบให้ลูกหยุดไห้

“ลูกคงจักตกใจกระมังที่พี่ไปจับแก้มเข้าให้ พอเจ้าคนน้องไห้ เจ้าคนพี่ทั้งสองก็ไห้ตาม”

“โถ” เจ้าแสงแรกลูบหลังลูกเบา ๆ นัยน์ตาหวานกวาดมองลูกน้อยทั้งสามอย่างสำรวจ

“เจ้ารวิก็ดูท่าจักหิวนมแล้วกระมัง ดูดปากตนเองจุบจับเชียว” องค์ภุชงค์ตรัสกับเมียอย่างเอ็นดู

“เช่นนั้น หม่อมฉันไปอาบน้ำผลัดผ้าก่อนหนาพระเจ้าค่ะ จักได้มาให้นมลูก ฝ่าบาทดูลูกก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ” องค์ภุชงค์พยักพักตร์ คงมิมีกระไรต้องกังวล พระชายาชมนาดท่านก็มาช่วยดูหลานให้อีกแรงแล้ว

 

พระชายาชมนาดรับเจ้ารพิมาจากยี่สุ่น อุ้มนัดดาแนบอุระบาง โยกพรวรกายเบา ๆ ปลอบ พระดรรชนีเรียวปาดคราบน้ำตาบนปรางนิ่มแผ่วเบา

“อึก แอะ”

“โอ๋ หลานย่า ตกใจหรือลูก” เจ้าชมนาดตรัสกับนัดดาตัวน้อย เจ้าชงโคอุ้มเจ้าน้อยรวิไปหาพระชายาชมนาดท่านพลางประคองพระวรกายเล็กให้คนเป็นย่าหยอกล้อกับนัดดาคนรอง

“แอะ แอะ”

“หิวนมหรือเจ้ารวิ” เจ้าชมนาดโยกเจ้ารพิคนพี่ในอ้อมพระกรเบา ๆ แลหยอกเย้าเจ้ารวิคนน้องไปพร้อมกัน

“อ๊ะ” ก่อนจักผินพระพักตร์ไปทอดพระเนตรโอรสตน เมื่อองค์ภุชงค์ท่านสะดุ้งส่งพระสุรเสียงร้องออกมา เพราะสัมผัสร้อนชื้นที่ซึมอยู่บริเวณพระอุทรแกร่ง

“กระไร เจ้าภุชงค์”

“เจ้ารวีฉี่รดลูกเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่” องค์ภุชงค์ตรัสบอกมารดา พระโอษฐ์เผยรอยยิ้มกว้าง หาได้โกรธเคืองลูกน้อยไม่ พระนาสิกแตะลงบนปรางนุ่มนิ่ม แลเรียกยี่สุ่นให้มาอุ้มเจ้ารวีต่อ

“เจ้ายมมาอุ้มลูกข้าที...ประเดี๋ยวพ่อไปเปลี่ยนเสื้อก่อนหนาคนดี” ตรัสบอกเจ้ายี่สุ่น แลกระซิบสุรเสียงอ่อนโยนที่รืมกรรณเล็กของเจ้าตัวน้อย

 “เจ้ายมมาอุ้มลูกข้าที...ประเดี๋ยวพ่อไปเปลี่ยนเสื้อก่อนหนาคนดี” ตรัสบอกเจ้ายี่สุ่น แลกระซิบสุรเสียงอ่อนโยนที่ริมกรรณเล็กของเจ้าตัวน้อย

“พระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นคลานเข่ามารับเจ้าน้อยรวีต่อจากพระบิดา บ่าวคนสนิทของเจ้าแสงแรกวางร่างเล็กลงบนผ้าเนื้อนิ่มที่ปูซ้อนอยู่บนพระแท่นบรรทม ก่อนจักจัดการแก้ผ้าอ้อมเปียกชื้น แลใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกบนฉวีนิ่ม ซับให้แห้ง มิให้เจ้าน้อยท่านระคายเคืองพระฉวี จึงได้ผ้าอ้อมผืนใหม่ให้

“แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยรวีของยี่สุ่น” ยี่สุ่นว่าหยอกเย้าเจ้านายตัวน้อย มือเล็กประคองพระบาทเท่าฝาหอยขึ้นหอมอย่างรักใคร่ ยี่สุ่น แลชงโครักพระชายาแสงแรกมากเท่าใด บ่าวทั้งสองคนก็รักเจ้านายน้อย ๆ ทั้งสามมากเท่านั้น

“แอะ แอะ” เจ้ารวีน้อยส่งเสียงอ้อแอ้แผ่วเบา



มินานเจ้าแสงแรกก็สรงน้ำ ผลัดอาภรณ์ใหม่แล้ว พร้อมที่จักให้นมลูก พระชายาแสงแรกประทับอยู่บนพระแท่นบรรทม พิงพระเขนยไว้ก่อนจักรับเจ้ารวิมาจากชงโค

“ไหน ใครร้องไห้หิวนมกันหนา” พระสุรเสียงหวานตรัสหยอกเย้าเจ้าตัวน้อย พระหัตถ์บางประคองลูกเข้าเต้า เจ้ารวิเมื่อได้ยอดถันมารดามาอยู่ในปากแล้วก็ออกแรงดูดรีดน้ำนมทันที ปรางนิ่มเหี่ยวเริ่มเต่งตึงมีน้ำมีนวลขึ้นทุกวัน ๆ

“ค่อย ๆ กินก็ได้เจ้ารวิ ประเดี๋ยวก็สำลักกันพอดี” เจ้าชมนาดตรัสด้วยความเอ็นดู

“หึหึหึ” เจ้าแสงแรงแย้มสรวลเบา ๆ เอ็นดูลูกจนใคร่อยากจักฟัดให้ช้ำ

“เจ้ารวิได้กินนมแล้วนี่เอง มิน่าเงียบเชียว” องค์ภุชงค์ที่ผลัดฉลองพระองค์แล้ว ตรัสเย้าโอรสคนรองที่นอนกินนมอยู่ในอ้อมพระกรมารดา เจ้าแสงแรกเงยพักตร์ขึ้นแย้มโอษฐ์ให้พระภัสดาที่ดำเนินมาประทับข้าง ๆ



เจ้ารวิตัวน้อยกินนมไปได้มินานก็อิ่ม เจ้าแสงแรกจึงได้ส่งลูกให้พระภัสดา องค์ภุชงค์รับลูกมาอุ้มพาดพระอังสะด้วยความทุลักทุเล พระหัตถ์ใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็กเบา ๆ ให้ลูกเรอ

“อึก” เจ้ารวิส่งเสียงเรอออกมาเบา ๆ หากแต่มิได้มาเพียงเสียง สัมผัสร้อนชื้นบริเวณพระอังสะกว้าง ทำเอาองค์ภุชงค์เหลือบพระเนตรมองเจ้าตัวน้อยที่เอาปรางพาดพระอังสะของพระองค์ โอษฐ์จิ้มลิ้มยกน้อย ๆ คล้ายกับกำลังยิ้มให้บิดา

“เจ้ารวิพ่อเพิ่งจักเปลี่ยนเสื้อมาหนาลูก” องค์ภุชงค์ตรัสโอดครวญ



.

.

.



วันถัดมา เจ้าบัวงาม แลลูกผัวก็มาถึงที่ภุมริกา ครานี้พ่อเหม แลสายหยุดคนงามก็พาบุตรคนเดียวอย่างยาเยียมาด้วย พระชายาชมนาดท่านดูท่าว่าจักเอ็นดูยาเยียคนงามมิแพ้นัดดาของพระองค์เลย

“ยาเยีย ดูสิ ตัวแค่นี้ยิ้มหวานเสียจนน่าเอ็นดู โตขึ้นจักต้องงามมิแพ้มารดาเป็นแน่” พระชายาชมนาดตรัสกับทารกน้อยในอ้อมพระกรของพระองค์ คนเป็นอย่างสายหยุดได้แต่ยิ้มรับความเมตตาของพระชายาท่านที่ประทานให้

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” สายหยุดหมอบกราบพระชายาท่านที่เอ็นดูเจ้าหนูยาเยีย

“น่าเกลียดน่าชังเสียจริง” เจ้าบัวพึมพำขณะทอดพระเนตรโอรสทั้งสามของพระเชษฐาที่นอนเรียงกัน คราแรกที่องค์จันทร์ท่านแจ้งว่าได้รับสาส์นจากภุมริกาว่าเจ้าแสงแรกให้ประสูติกาลโอรสของภุชงค์ท่านเป็นแฝดสาม เจ้าบัวงามก็ดีพระทัย แลใคร่อยากมาเห็นหลานแทบจักทันที หากแต่ก็ต้องรอตระเตรียมขบวนให้พร้อม เนื่องจากมีเจ้านตัวน้อยอย่างเจ้าพเยีย แลเจ้ายาเยียร่วมเดินทางด้วย

“...อะ” เจ้ารวีขยับกายเล็กน้อย ก่อนเปลือกตาสีมุกจักเปิดขึ้น องค์ภุชงค์รีบสาวพระบาทเข้ามาหาลูก แต่กลับถูกคนเป็นน้องกางแขนขวางไว้

“บัวขออุ้มหลานพระเจ้าค่ะ” เจ้าบัวงามรีบตรัส ก่อนจักค่อย ๆ ช้อนร่างเล็กขึ้นแนบอุระ

“...”

“เจ้าคนนี้หนาหรือที่ซนจนทำเอาตกอกตกใจกันไปทั้งภุมริกา” เจ้าบัวงามตรัส แลแตะพระนาสิกลงบนนลาฏขาวอย่างรักใคร่ ตั้งแต่มาถึงภุมริกาเจ้าบัวงามยังมิได้ยินเสียงหลานร้องให้ได้ยินสักแอะ

“หึหึหึ รวีตื่นแล้วหรือลูก” องค์ภุชงค์ตรัสถามลูกน้อยในอ้อมกอดของเจ้าบัวงาม พระสุรเสียงอ่อนโยน เหลือบพระนตรมองลูกน้อยอีกสองคนก็เห็นว่าเจ้ารพิ แลเจ้ารวิยังมิตื่นจากห้วงนิทรา

“...” เจ้าตัวน้อยอ้าปากหาววอดน่าเอ็นดู

“เจ้าพเยียมาดูน้องเร็วลูก” เจ้าบัวงามตรัสเรียกโอรสของตนเอง องค์จันทร์ผู้เป็นพ่อจึงได้อุ้มลูกไปหาเมีย เจ้าพเยียทอดพระเนตรมองน้องในอ้อมกอดมารดา ก่อนจักเบะโอษฐ์ไห้จ้าออกมาด้วยความหวงแม่ ทำเอาคนเป็นแม่ต้องส่งหลานตัวน้อยให้พระเชษฐาก่อนจักอุ้มลูกตนขึ้นมาโอ๋

“แงงงง” เจ้าพเยียกอดศอมารดาแน่น เจ้าน้อยคนงามสะอื้นฮั่ก ๆ

“โอ๋ ชู่ว ๆ มิไห้หนาลูก” เอาบัวงามกอดลูกแนบอุระแน่น โยกพระวรกายเบา ๆ ปลอบ

“ฮึก อึก” เจ้าพเยียไห้สะอึกสะอื้นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจักเคลิ้มหลับคาอุระมารดา

“งอแงเช่นนี้คงจักง่วงนอนเป็นแน่” เจ้าบัวงามตรัสสุรเสียงแผ่ว พระนาสิกแตะที่ขมับขาวของลูก พระหัตถ์บางลูบแผ่นหลังเล็กของลูกกล่อม เมื่อเจ้าตัวน้อยหลับสนิทแล้ว เจ้าบัวงามจึได้วางลูกลงบนพระยี่ภู่ แลใช้ผ้าอ้อมผืนบางห่มให้ลูก

“ฟี้ ๆ” เจ้าพเยียหลับสนิทส่งเสียงกรนเล็ก ๆ ให้ผู้ใหญ่เอ็นดู

“องค์จันทร์ดูลูกหนาพระเจ้าค่ะ บัวขอไปดูหลานก่อน” เจ้าบัวงามตรัส แลทิ้งลูกให้พระภัสดาท่านดู ก่อนที่ตัวเองจักดำเนินออกจากห้องบรรทม ไปหาเจ้าตัวน้อยทั้งสามที่ห้องบรรทมของพระเชษฐา

“จ้ะ” องค์จันทร์พยักพระพักตร์ ทอดพระเนตรตามหลังเมียไป ก่อนจักหันกลับมาทอดพระเนตรเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับอุตุอยู่บนพระยี่ภู่



เจ้าบัวงามดำเนินมาที่ห้องบรรทมของพระเชษฐา ที่เพลานี้กลายเป็นห้องเลี้ยงเจ้าตัวน้อยทั้งสามไปเสียแล้ว เมื่อก้าวพระบาทเข้าไปก็พบคนเป็นมารดาอย่างเจ้าแสงกำลังอุ้มลูกเข้าเต้าให้นมเจ้าตัวน้อย

“ตื่นกันหมดแล้วหรือพระเจ้าค่ะ” เจ้าบัวงามตรัสถามพระเชษฐา

“หึหึหึ ตื่นกันหมดแล้ว” องค์ภุชงค์ตรัสตอบอนุชา

“แลเจ้าคนที่กินนมแม่อยู่นี่คนไหนกันพระเจ้าค่ะ” เจ้าบัวงามแยกหลานมิค่อยจักออก ที่พอจักแยกได้ก็เจ้ารพิที่หน้าตาได้บิดามา ส่วนเจ้าตัวน้อยที่พระเชษฐากำลังลูบขนองปลอบไปมา กับเจ้าคนที่กำลังกินนมแม่นั้น คนใดเจ้ารวิ คนใดเจ้ารวีกัน

“เจ้าคนที่กินนมแม่อยู่ นั่นเจ้ารวี ส่วนเจ้าคนนี้เจ้ารวิ” พระเชษฐาตรัส

“เช่นนั้นน้องขออุ้มหลานหน่อยพระเจ้าค่ะ” เจ้าบัวงามตรัส แลอุ้มเจ้ารวิขึ้นแนบอุระ เมื่อครู่ยังอุ้มหลานได้มิทันไร ลูกก็งอแงเข้าเสียก่อน

“แอะ แอะ” เจ้ารวิส่งเสียงอ้อทักทายพระอนุชาของบิดา

“ว่าอย่างไรหลานอา น่าเกลียดน่าชังนัก”



.

.

.



วันงานพิธีองค์ภุชงค์ แลเจ้าแสงแรกต้องตื่นบรรทมตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง มาตระเตรียมพระองค์ เจ้าแสงแรกที่ต้องตื่นกลางดึกมาให้นมลูก เมื่อต้องตื่นเช้าแบบนี้ก็ลืมเนตรแทบมิขึ้น ยิ่งมีลูกตั้งสามคนยิ่งวุ่นวายนัก พระชายาขององค์รัชทายาทอุ้มลูกเข้าเต้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องพระสุคนธ์ให้บ่าวคนสนิทสางพระเกศา แลลงเครื่องพระสุคนธ์ให้ เปลือกเนตรสีอ่อนหลับพริ้ม ขณะที่พระหัตถ์ก็ตบก้นเล็กของลูกเบา ๆ ขับกล่อม

“เจ้ารพิหลับแล้ว เจ้าอุ้มลูกข้าไปนอนที่เปลที” เจ้าแสงแรกรับสั่งกับข้าหลวงรับใช้ ก่อนจักส่งลูกน้อยให้ข้าหลวงสาวอุ้มไปนอนที่เปล เมื่อให้นมลูกแล้วแล้ว เจ้าแสงแรกก็ต้องรีบแต่งองค์ให้แล้วก่อนจักถึงพิธีรับขวัญลูกน้อยทั้งสาม



เมื่อฟ้าสางใกล้ถึงฤกษ์พิธีรับขวัญโอรสขององค์รัชทายาทแห่งภุมริกา พระชายาชมนาดจึงได้เสด็จไปตามโอรส แลสุณิสาถึงห้องบรรทม

"แล้วกันหรือยังลูกใกล้จักถึงเพลาแล้วหนาเจ้า"

"แล้วแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่" องค์ภุชงค์ตรัสตอบมารดา

"เยี่ยงนั้นก็ไปกันเถิด" พระชายาชมนาดท่านท่าน แลอุ้มนัดดาคนโตอย่างเจ้ารพิออกไป โดยมีองค์ภุชงค์อุ้มเจ้ารวี แลเจ้าแสงแรกอุ้มเจ้ารวิตามออกไปที่ท้องพระโรง









 

 

หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๖๐% ๑๕.๐๒.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 16-02-2020 00:24:52
 :pig2: มารับขวัญหลานแฝด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๖๐% ๑๕.๐๒.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-02-2020 03:01:16
ความลูกแฝด
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๖๐% ๑๕.๐๒.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-02-2020 09:59:03
รอๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๖๐% ๑๕.๐๒.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 17-02-2020 20:40:30
เลี้ยงกันสนุกเลยทีเดียววว องค์ภุงชงค์สามีแห่งชาติ ลูกฉี่ใส่ก็ชอบใจ อิอิ อบอุ่นๆ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๓.๐๓.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 23-03-2020 17:53:59
ภุชงค์เล่นแสง ๒๑



เมื่อพระชายาชมนาด พร้อมโอรส แลสุณิสามาถึงท้องพระโรง องค์ภุมรินก็รีบยื่นพระกรขอเจ้ารวีจากอ้อมอุระบิดามาอุ้มทันที

“รวีหลานปู่” ประคองร่างนุ่มนิ่มให้ซบพระอังสะ โดยคอยระวังมิให้เจ้าตัวน้อยยกคอขึ้น พระนาสิกกดที่ปรางนิ่มสูดกลิ่นหอม

“แอะ” โอษฐ์จิ้มลิ้มเบะ จนคนเป็นปู่รีบโยกตัวหลานเบา ๆ

“โอ๋ รวีคนดี” เจ้ารวีเบะโอษฐ์ ปรางกลมวางบนพระอังสะของพระอัยกา

“เจ้าแสง”

“เสด็จพ่อ” เจ้าแสงแรกส่งเจ้ารวิให้พระภัสดาท่านอุ้มลูกต่อ แลดำเนินเข้าไปหมอบกราบบิดาทันที

“ไหว้พระเถิดเจ้า” องค์สิงห์ตรัส แลดึงลูกเข้ามากอดด้วยความคิดถึง

“เสด็จพ่อเป็นเยี่ยงไรพระเจ้าค่ะ”

“พ่อสบายดี แลเจ้าเล่า”

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้วเจ้า ดีแล้ว...ไหน ให้พอดูหลานหน่อยเถิด” กอดลูกจนหายคิดถึงแล้วก็ถามหาเจ้านัดดาตัวน้อยทั้งสาม

“พระเจ้าค่ะ”

“ใคร่อยากอุ้มหลานหรือไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าชมนาดตรัสถามองค์สิงห์

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าคนนี้เป็นพี่คนโตพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ มีนามว่าเจ้ารพิ ส่วนเจ้าคนที่องค์ภุชงค์ท่านอุ้มอยู่เป็นคนรอง มีนามว่าเจ้ารวิ แลเจ้าคนที่องค์ภุมรินท่านอุ้มอยู่นั้น เป็นน้องเล็กสุด มีนามว่าเจ้ารวีพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส

“รพิ รวิ รวี เจ้าดวงอาทิตย์น้อยของตา” องค์สิงห์อัสสุชลคลอพระเนตร มิคิดว่าชาตินี้จักได้ทันเห็นลูกของเจ้าแสงแรก พระหัตถ์ของคนเป็นตาประคองเท้าเล็กของนัดดาองค์โตขึ้นลูบไล้ด้วยความทะนุถนอม



คนเป็นตาเมื่อได้รับสาส์นว่าได้หลานถึงสามคน ก็ได้ตระเตรียมกำไลข้อเท้าทองคำแท้มาให้หลานคนละคู่ แลแก้วแหวนเงินทองอีกหีบใหญ่มารับขวัญหลาน เจ้าหลวงการเวกรับร่างเล็กจ้อยจากพระชายาชมนาด

“แอะ แอะ” เจ้ารพิ เมื่อถูกเปลี่ยนมือก็ส่งเสียงอ้อแอ้ โอษฐ์เล็กเบะออก หากแต่อ้อมพระกรอุ่นจากพระอัยกาที่ขยับโยกปลอบประโลม ก็ทำให้เจ้าตัวน้อยนิ่ง

“เจ้ารพิหลานตา” พระนาสิกกดลงบนนลาฎเล็ก องค์สิงห์ชื่นชมเจ้าตัวน้อยทั้งสามได้มิเท่าใด ก็ถึงเพลาฤกษ์พิธี



ผู้ทำพิธีให้ครานี้เป็นศิษย์เอกของแม่เฒ่า พิธีรับขวัญทารกทั้งสามถูกปฏิบัติเฉกเช่นพิธีรับขวัญองค์รัชทายาทภุชงค์ แลเจ้าน้อยบัวงามมิมีผิดเพี้ยน เมื่อพิธีรับขวัญโอรสขององค์รัชทายาทภุชงค์แล้วสิ้น ก็ถึงเพลาที่เหล่าอาคันตุกะจากหลากหลายแคว้น แลเหล่าขุนนางจักได้ยลโฉมเจ้านายน้อยทั้งสาม

“นัดดาองค์โตของข้ามีนามว่า รพิ ดำรงยศเป็นองค์รัชทายาทลำดับที่สองแห่งภุมริกา นัดดาองค์รองมีนามว่า รวิ แลนัดดาองค์เล็กมีนามว่า รวี ดำรงยศเป็นเจ้าน้อยแห่งภุมริกา” องค์ภุมรินตรัสพร้อมรอยสรวล

“หน้าตาน่าเอ็นดูนักพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าหลวงแคว้นหนึ่งตรัสขึ้น

“หึหึหึ” องค์สิงห์สรวลพลางโยกเจ้ารพิในอ้อมพระกรไปมา

“องค์ภุมริน แลองค์สิงห์คงจักหลงหลานน่าดูเลยหนาพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าหลวงพระองค์เดิมตรัสเย้า

“น่าเกลียดน่าชังเช่นนี้จักมิหลงได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” องค์สิงห์ตรัส

“อย่าว่าแต่ปู่ แต่ตาเลย คนเป็นพ่อเช่นเจ้าภุชงค์นั่นก็หลงลูกมิแพ้กันเลยเชียว” องค์ภุมรินตรัส ก่อนจักก้มพักตร์ลงหอมนลาฎขาวของเจ้ารวี

“ฮะฮ่า ๆ ๆ” เสียงสรวลดังก้องท้องพระโรง เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ก็ร่วมผสมโรงหัวร่อกับประโยคหยอกเย้าของเหล่าเจ้านายไปด้วย คงจักมีก็เพียงบุตรีของรองเจ้ากรมนาที่ขบเคี้ยวฟันตนเองด้วยความเคียดแค้น มือบางจิกกำผ้าซิ่นผืนงามของตนเองจนแทบจักขาดคามือ ดวงตาแข็งจดจ้องที่ทารกน้อยทั้งสาม

“แอะ แอะ แงงง” เจ้ารวีกระสับกระส่ายอยู่ในอ้อมพระกรของพระอัยกาโอษฐ์จิ้มลิ้มเบะออกจนน่าสงสาร เจ้าคนพี่ทั้งสอง เมื่อได้ยินเสียงน้องร้องก็กระสับกระส่ายเบะโอษฐ์จักไห้ตามน้อง

“โอ๋ เจ้ารวีของปู่” องค์ภุมรินโยกหลานเบา ๆ ปลอบประโลมให้เจ้าตัวน้อยนิ่ง

“คงจักหิวนมแล้วกระมังพระเจ้าค่ะ” พระชายาชมนาดตรัส

“โอ๋ ๆ เช่นนั้นกลับตำหนักไปกินนมนอนก่อนก็แล้วกันหนาลูก” องค์ภุมรินตรัส ก่อนจักส่งร่างเล็กจ้อยของนัดดาตัวน้อยให้บ่าวยี่สุ่น

“เช่นนั้นหม่อมฉันขอราชานุญาตลูกทั้งสามกลับตำหนักก่อนหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส ก่อนจักหมอบกราบบิดา พระสัสสุ แลพระสัสสุระ

“พาลูกกลับไปพักก่อนเถิดเจ้า ประเดี๋ยวแม่แล้วจากตรงนี้แล้ว แม่จักแวะไปหาที่ตำหนัก” เจ้าชมนาดตรัส

“พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่ชมนาด”



เจ้าแสงแรกดำเนินนำขบวนข้าหลวงที่อุ้มเจ้าตัวน้อยทั้งสามกลับตำหนักออกจากท้องพระโรง ส่วนพระภัสดาอย่างองค์ภุชงค์นั่นอยู่สนทนากับเหล่าอาคันตุกะเชื้อพระวงศ์ที่ให้เกียรติมาร่วมพิธีรับขวัญของโอรสองค์เองอีกครู่ใหญ่ จึงได้ขอตัวกลับตำหนักไปดูลูก แลเมีย แม่กิ่งสบโอกาสจึงได้รีบกล่าวกับบิดา

“เจ้าคุณพ่อ ลูกขอตัวประเดี๋ยวนะเจ้าคะ” มิรอให้บิดาตอบกระไรกลับมาก็รีบลุกออกจากท้องพระโรงทันที



บุตรีของรองเจ้ากรมนารีบสาวเท้าตามองค์รัชทายาทออกจากท้องพระโรงด้วยความร้อนใจ มนต์ดำของหมอไสยทำเอาความงดงามแรกแย้มของหญิงสาวเหือดหาย เหลือเพียงร่องรอยหมองคล้ำมิมีชีวิตชีวา ร่างกายที่เคยสะอาดสะอ้าน เพลานี้กลับทรุดโทรมมีกลิ่นมิน่าพิศวาส

“ฝ ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ”

“แม่กิ่ง มาด้วยหรือ”

“เพคะ” แม่กิ่งน้ำตาคลอด้วยความน้อยเนื้อต่ำ ภาพที่พระองค์หยอกเย้าไอ้มารหัวขนทั้งสามทำเอาแม่กิ่งเจ็บปวดใจมิน้อยเลย ไหนจักอีพระชายาหน้าด้านที่มันล่อหลอกให้พระองค์หลงมัน

“แลมีกระไรหรือ”

“ฮึก ไยจึงตรัสเยี่ยงนี้เล่าเพคะ”

“...”

“ไยจึงตรัสวาจาห่างเหินกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้”

“เจ้าพูดกระไรแม่กิ่ง” องค์ภุชงค์ขมวดขนงเป็นปม แม่คนนี้กล่าวกระไรเลอะเลือนนัก

“ฮึก พระองค์ตรัสราวกับมิเคยอิงแอบแนบชิดกับหม่อมฉันมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนพระองค์เพิ่งจักกกกอดมอบความรักเร่าร้อนให้หม่อมฉันทั้งคืน!” แม่กิ่งกล่าวด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว

“บังอาจ!!” องค์ภุชงค์ตวาดพระสุรเสียงดังลั่น

“ฮึก ฮือ” แม่กิ่งสะอึกสะอื้นจนตัวโยน

“กล่าววาจาเลอะเลือนเช่นนี้ ใคร่อยากต้องอาญาใช่หรือไม่” องค์ภุชงค์กริ้วจนพระหัตถ์สั่น พระองค์เห็นว่าแม่กิ่งเคยเป็นสหายร่วมเล่นกับอนุชาอย่างเจ้าบัวงาม จึงมีเมตตาดีด้วย แต่หากแม่กิ่งพูดจาเลอะเลือนมิเกรงกลัวอาญาเช่นนี้ เห็นทีคงมิต้องไว้หน้ากันแล้วกระมัง

“ภุชงค์”

“เจ้าบัวงาม” องค์ภุชงค์ผินพักตร์ไปหาอนุชาที่เพิ่งจักดำเนินเข้ามา ก่อนจักอ้าพระกรรับน้องน้อยเข้ามายืนเคียงข้าง

“มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ” เจ้าบัวงามที่กำลังพาลูกกลับตำหนัก บังเอิญมาได้ยินเข้าพอดี จึงได้ให้ข้าหลวงสาวอุ้มเจ้าพเยียกลับไปก่อน แลดำเนินเข้ามาหาพระเชษฐา

“ก็แม่นางกิ่งหนาสิ กล่าววาจาเลอะเลือนอันใดก็มิรู้” องค์ภุชงค์ตรัสอย่างมีน้ำโห หากมีผู้ใดได้ยิน แลเอาไปพูดต่อจนเข้าหูเจ้าแสงแรกขึ้นมา พระองค์จักมิเก็บนังคนนี้ไว้เป็นเสี้ยนหนามเป็นแน่

“ฮึก เจ้าน้อยบัวงามช่วยหม่อมฉันด้วยหนาเพคะ” แม่กิ่งร่ำไห้ คลานเข้าไปเกาะพระบาทขาวของพระชายาศศิมณฑล

“จักให้ข้าช่วยอันใด”

“ฮึก องค์ภุชงค์พระทัยร้ายกับหม่อมฉันนัก องค์ภุชงค์กกกอดอิงแอบแนบชิดหม่อมฉันแล้ว หากแต่กลับทำเหมือนมิเคยได้ใกล้ชิดกันมาก่อน”

“ข้ามิเคยอิงแอบแนบชิดเจ้า หากกล่าววาจาพล่อย ๆ เช่นนี้อีก ข้าจักสั่งให้ทหารตบปากเจ้าร้อยที!” องค์ภุชงค์ตรัสพระสุรเสียงลอดไรพระทนต์ เมื่อแม่กิ่งยังมิหยุดพ่นวาจาพล่อย ๆ

“ฮือ”

“ปากพล่อยเช่นนี้ลงหวายสัก ๒๐ ทีให้เข็ดหลาบก่อนเสียดีกระมังพระเจ้าค่ะ” เจ้าบัวงามตรัสพระสุรเสียงเย็น

“ฮึก ไยจึงตรัสเช่นนี้เล่าเพคะเจ้าน้อย ฮึก หม่อมฉันเป็นสหายสนิทของพระองค์หนาเพคะ”

“เจ้าหนาหรือสหายสนิทของข้า วิปลาสไปแล้วกระมังจึงได้กล้าแอบอ้างเช่นนี้” เจ้าบัวงามเลิกพระขนง

“ฮึก”

“กลับตำหนักไปดูลูก ดูเมียเถิดพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“ส่วนเจ้า ภุชงค์ท่านเมตตาเจ้าแล้ว อย่าได้ทำตัววิปลาส แลมาเสนอให้พวกข้าเห็นอีก” เจ้าบัวงามตรัส แลดึงพระบาทออกจากการเกาะกุมของแม่กิ่ง ก่อนจักดำเนินตามพระเชษฐาไป

“อึก ฮึก ฮือ” แม่กิ่งดวงตาแข็งค้าง จดจ้องพระขนองของสองพี่น้องด้วยความเคียดแค้น



.

.

.



เมื่อกลับมาถึงตำหนักที่ประทับ องค์ภุชงค์ก็รีบตรงดิ่งไปหาเมีย แลลูกในห้องบรรทมทันที หวังไว้ว่าหน้าลูก แลเมียจักทำให้อารมณ์ขุ่นหมองหายไป

“ฝ่าบาท” เจ้าแสงแรกตรัสเรียกพระภัสดาทันทีที่ พระองค์ท่านก้าวเข้ามาในห้องบรรทม

“...” องค์ภุชงค์มิตรัสกระไร หากแต่ดำเนินไปประทับเคียงร่างบาง

“เป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกสังเกตุได้ถึงความขุ่นหมอง แลพระพักตร์ที่เรียบตึงผิดปกติของพระภัสดา หัตถ์ข้างหนึ่งโอบประคองลูกน้อยเข้าเต้า ส่วนอีกข้างลูบพระปรางขาวแผ่วเบา

“มิมีกระไรเจ้า มิต้องคิดมากหนา ก็แค่เรื่องมิเป็นเรื่อง ช่างมันเถิด” องค์ภุชงค์ตรัส พลางเอียงปรางแนบกับหัตถ์เมีย พระหัตถ์อุ่นกุมกอบกุมหัตถ์น้องน้อยแน่น ก่อนจักยกมากดจูบหนักแน่น

“...” เจ้าแสงแรกมิใคร่อยากจักเชื่อ สีพระพักตร์ฉายแววกังวล จนพระภัสดาท่านแย้มสรวลออกมาน้อย ๆ องค์ภุชงค์เอียงพักตร์กดพระนาสิกกับปรางนุ่มของเมีย สูดกลิ่นแก้วหอมกรุ่นที่คุ้นเคยจนชื่นพระทัย

“ลูกหลับแล้วเอาลงนอนในเปลเถิดเจ้า” ตรัสกระซิบข้างกรรณขาว

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ ก่อนจักกระชับร่างน้อยโยกกล่อมไปมาให้ลูกหลับสนิทดีจึงได้วางลงในเปล ไกวอีกประเดี๋ยวจึงได้ผินพักตร์ไปรับสั่งกับข้าหลวงรับใช้ใกล้ชิด

“พวกเจ้าออกไปก่อน หากมีกระไรข้าจักเรียกใช้เอง” เจ้าแสงแรกตรัส

“พระเจ้าค่ะ”

“เพคะ”



เมื่อข้าหลวงรับใช้ออกไปกันหมดแล้ว เจ้าแสงแรกจึงได้ดำเนินมาหาพระภัสดาท่านที่พระแท่นบรรทม องค์ภุชงค์ดึงร่างอวบอิ่มของเมียให้นั่งลงบนพระเพลา เจ้าแสงแรกยกกรโอบรอบพระศอแกร่ง

“มีกระไร บอกหม่อมฉันมิได้หรือพระเจ้าค่ะ”

“...เมื่อครู่พี่ออกจากท้องพระโรงจักกลับมาหาเจ้า แลลูก บังเอิญพบกับแม่กิ่งเข้า...” องค์ภุชงค์ท่านเล่าให้เมียฟังทุกคำมิมีตกหล่น พระกรแกร่งโอบกอดรอบกฤษฎีของเจ้าแสง แลลูบไล้แผ่วเบาปลอบประโลมเมีย

“...”

“พี่สาบานว่าพี่มิได้ทำเฉกเช่นที่นางกล่าว” จับหัตถ์เมียขึ้นจูบหอม

“หม่อมฉันเชื่อพระองค์พระเจ้าค่ะ อยู่กับหม่อมฉัน แลลูกแทบจักตลอดเพลาจักมีเพลาที่ไหนไปอิงแอบแนบชิดนาง”

“เจ้าแสงคนดี” ซบพระพักตร์กับอุระแบนของเมียอย่างโล่งพระทัย ในขณะที่เจ้าแสงแรกลูบหลังพระศอของพระภัสดาไปมา พลางครุ่นคิดถึงวิธีกำจัดเสี้ยนหนามมิให้มันยื่นมาตำมือตำเท้าตน แลลูกได้ หรือจักต้องปรึกษาเสด็จแม่ชมนาดกันนะ



.

.

.



หากแต่เจ้าแสงแรกยังมิทันได้เข้าเฝ้าพระสัสสุ เรื่องที่แม่กิ่งปากพล่อยพูดจามิรู้ความ ป้ายสีองค์รัชทายาทก็ถึงพระเนตร พระกรรณพระมารดาชมนาด

“เหิมเกริมนัก...แลเรื่องนี้ถึงหูเจ้าแสงแรกแล้วหรือยัง” พระสุรเสียงหวานตรัสรอดไรพระทนต์

“ทูลพระชายาชมนาด เพลานี้พระชายาแสงแรกท่านทราบเรื่องแล้วเพคะ องค์รัชทายาทท่านเป็นคนตรัสด้วยพระองค์เองเพคะ” ข้าหลวงที่เจ้าชมนาดส่งไปให้เป็นหูเป็นตาให้ กราบทูล

“หึหึหึ กลัวเมียใช่เล่นหนาเจ้าภุชงค์” อดมิได้ที่จักตรัสเย้าคนเป็นลูก

“...”

“ฝ่าบาท แลองค์รัชทายาทยังทรงงานอยู่ที่ตำหนักทรงงานใช่หรือไม่”

“เพคะ”

“เช่นนั้น ข้าไปหาลูกสะใภ้ แลหลานเสียหน่อยดีกว่า”



พระชายาชมนาดเสด็จไปที่ตำหนักที่ประทับของโอรสองค์โต พร้อมข้าหลวงคนสนิท เมื่อมาถึงตำหนักของแม่ลูกอ่อน ก็เจอกับเจ้าบัวงามที่พาลูกมาขลุกอยู่กับพี่สะใภ้

“เสด็จแม่” เจ้าบัวงามปล่อยเจ้าพเยียให้นั่งเล่นกับสายหยุด แลยาเยียคนงาม แลดำเนินเข้ามาประคองมารดา

“มาอยู่นี่นี่เอง แลภัสดาเจ้าเล่า”

“องค์จันทร์เสด็จไปหารือกับเสด็จพ่อ แลเสด็จพี่ภุชงค์พระเจ้าค่ะ”

“อืม ๆ”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่ชมนาด” เจ้าแสงแรกตรัส หากแต่ยังลุกหมอบกราบพระสัสสุมิได้ เนื่องจากกำลังให้นมเจ้าตัวน้อยอยู่

“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าแสง เป็นอย่างไรบ้างลูก”

“เริ่มจักชินกับการมีเจ้าตัวน้อยทั้งสามแล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส แลแย้มสรวลให้พระสัสสุ

“วันนี้แม่มิได้มาเยี่ยมเจ้า แลลูกเพียงอย่างเดียว หากแต่จักมาพูดคุยเรื่องบุตรีรองเจ้ากรมนานางนั้นด้วย”

“...” เจ้าแสงแรกค่อย ๆ หุบยิ้มลง เมื่อพระสัสสุตรัสถึงหญิงไร้ยางอายนางนั้น



เมื่อเจ้าแสงแรกให้นมลูกแล้วแล้วก็ปล่อยให้ยี่สุ่น แลชงโคเป็นผู้ดูแลเจ้าตัวน้อยทั้งสาม ส่วนเจ้าบัวงามก็ฝากลูกไว้กับสายหยุด แลร่วมพูดคุยกับมารดา แลพี่สะใภ้ หากแต่ยังมิทันจักได้อ้าโอษฐ์สนทนากัน ข้าหลวงสาวก็คลานเข่าเข้ามากราบทูลความเสียก่อน

“ทูลพระชายาชมนาด แม่เฒ่าท่านขอเข้าเฝ้าเพคะ”

“เพลานี้แม่เฒ่าท่านอยู่ที่ใด”

“เพลานี้แม่เฒ่าท่านรออยู่ที่ท้องพระโรงตำหนักองค์รัชทายาทเพคะ”

“เช่นนั้นให้แม่เฒ่าท่านรอประเดี๋ยว ข้า แลลูก ๆ จักตามไป”

“เพคะ” ข้าหลวงสาวคลานเข่าออกไป

“ยี่สุ่น ชงโค” เจ้าแสงแรกตรัสเรียกคนสนิททั้งสองสุรเสียงแผ่ว เพราะกลัวลูกจักสะดุ้งตื่น

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ” คนสนิททั้งสองหมอบกราบรอรับพระบัญชาจากคนเป็นนาย

“ข้าฝากองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยทั้งสองสักประเดี๋ยวหนา” เจ้าแสงแรกตรัส

“พระเจ้าค่ะ”



บ่าวคนสนิททั้งสอง แลข้าหลวงรับใช้ใกล้ชิดต่างรู้ดีว่าพระชายาแสงแรกนั้นหวงลูกน้อยทั้งสามเพียงใด นอกจากเจ้านายท่านแล้ว ก็มีเพียงบ่าวคนสนิทอย่างยี่สุ่น ชงโค แลข้าหลวงรับใช้ใกล้ชิดมิกี่คนเท่านั้น ที่พระองค์จักยอมให้เข้าใกล้ลูก ๆ

“ประเดี๋ยวแม่มาหนาลูก” เจ้าแสงแรกขยับผ้าอ้อมให้ลูกทั้งสามก่อนจักตามพระสัสสุออกไป



.

.

.



“ถวายพระพรเพคะ พระชายาชมนาด พระชายาบัวงาม แลพระชาแสงแรก” แม่เฒ่ายกมือเหี่ยวสั่น ๆ ขึ้นไหว้พระชายาทั้งสาม

“มิต้องมากพิธีดอกจ้ะ แลแม่เฒ่ามีกระไรหรือจ๊ะ จึงได้ขอเข้าเฝ้าข้า” เจ้าชมนาดดำเนินเข้าไปประคองหญิงชราให้นั่งลงบนตั่งไม้ตัวเล็ก ก่อนจักดำเนินไปประทับบนตั่งทองตัวใหญ่ ส่วนเจ้าบัวงาม แลเจ้าแสงแรกก็ประทับตั่งตัวเดียวกัน ที่อยู่เยี้อง ๆ ต่ำกว่าตั่งที่เจ้าชมนาดประทับ

“กลัวแม่เฒ่าหรือเจ้าแสง มิต้องกลัวไปดอก วันนี้แม่เฒ่าท่านคงจักมาเตือนกระไรเป็นแน่” เจ้าบัวงามตรัสกระซิบกับพระเชษฐภคินี

“...พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกที่เกาะพระกรอนุชาของพระภัสดาแน่น ตรัสตอบสุรเสียงแผ่ว หากแต่ก็ยังเบียดกายเข้าหาเจ้าบัวงาม

“...หม่อมฉันมาเข้าเฝ้า...กราบทูลพระชายาเพคะ”

“เรื่องกระไรหรือแม่เฒ่า”

“...สัตว์นรกเล่นสกปรก หวังใช้คุณไสยมนต์ดำให้องค์รัชทายาทลุ่มหลง”



เจ้าชมนาดเมื่อได้รับฟังที่แม่เฒ่าท่านทูลก็ขบกรามแน่น พระพักตร์งามเรียบตึง พระหัตถ์กำแน่นทันทีที่รู้ว่ามีผู้คิดร้ายกับโอรสของพระองค์ มิต่างกับเจ้าแสงแรก จากที่เบียดกายเข้าหาเจ้าบัวงามด้วยความหวาดกลัว หากแต่เมื่อได้ฟังที่แม่เฒ่าท่านทูล เจ้าแสงแรกก็ผละจากพระกรของเจ้าบัวงาม

“อีกิ่งใช่หรือไม่เจ้าคะ แม่เฒ่า” สุรเสียงเย็นเฉียบตรัสขึ้น พระชายาชมนาด แลเจ้าบัวงามหันพระพักตร์ขวับไปมองเจ้าแสงแรกทันที

“เพคะ...บุตรีรองเจ้ากรมนาคิดชั่วเล่นสกปรกทำคุณไสยมนต์ดำ หวังให้องค์ภุชงค์ลุ่มหลง...”

“...”

“...”

“...”

“หากแต่อย่าได้กังวลไปเพคะ ดวงชะตาขององค์ภุชงค์มากบุญ มากบารมี มิทางที่ผู้ใดจักทำของต่ำใส่ได้”

“ถึงกระนั้นก็เถิด ข้าก็มิคิดเว้นอาญานังคนคิดชั่วดอกหนา” เจ้าชมนาดตรัส

“หนามยอก ก็ต้องเอาหนามบ่ง...” เจ้าแสงแรกตรัสขึ้น

“หึหึหึ ถูกต้องเพคะ หนามยอก ก็ต้องเอาหนามบ่ง” แม่เฒ่าหวีดเสียงหัวร่อออกมาชอบอกชอบใจ

“ท่านจัดการนางได้หรือไม่เจ้าคะ” เจ้าแสงแรกตรัสถามแม่เฒ่า

“แน่นอนเพคะ ในแผ่นดินนี้ จักมีผู้ใดเก่งกาจไสยเวทย์เท่าหม่อมฉัน หึหึหึ”

“ใคร่อยากทำของมนต์ดำใส่ผัวข้า เช่นนั้นก็ทำของมนต์ดำใส่นางดีหรือไม่เจ้าคะ” เจ้าแสงแรกตรัสถามแม่เฒ่า

“ฮิ ๆ ๆ ๆ พระชายาแสงแรกประสงค์ให้นางถึงตายหรือไม่เพคะ” แม่เฒ่าหัวร่อเสียงเล็กแหลมเสียดแทงแก้วหู

“ข้ามิประสงค์ให้นางถึงตาย หากแต่ข้าต้องการให้นางวิปลาส”

“ง่ายดายนัก เพลานี้นางก็ใกล้จักวิปลาส เพราะมนต์ดำที่ไอ้หมอไสยมันหลอกทำให้นางแล้วเพคะ”

“ข้าต้องการให้นางวิปลาส จนจำมิได้แม้กระทั่งว่าตนเองเป็นใคร”

“ฮิ ๆ ๆ สุณิสาของพระองค์มิได้อ่อนแอ เคี้ยวง่ายเลยหนาเพคะ” แม่เฒ่ากราบทูลพระชายาชมนาด

“หึหึหึ แน่นอน แม่เฒ่า ข้าสอนมากับมือ” เจ้าชมนาดตรัสพร้อมสรวลมุมพระโอษฐ์ ทอดพระเนตรสุณิสาด้วยความภาคภูมิพระทัย



.

.

.



พระชายาชมนาด แลพระชายาบัวงามเสด็จกลับมาที่ห้องบรรทมพร้อมเจ้าแสงแรก เจ้ารพิก็ตื่นขึ้นพอดี แต่ก็มิได้ร้องโยเยแต่อย่างใด ส่วนเจ้ารวิกับเจ้ารวีนั้นยังนอนอุตุอยู่ในห้วงนิทรา

“เจ้ารพิของย่า มาให้ย่าอุ้มหนาเจ้า” เจ้าชมนาดดำเนินไปตรัสกับนัดดาองค์โตที่ข้างเปล ก่อนจักหันไปล้างพระหัตถ์กับอ่างน้ำที่ข้าหลวงสาวถือมารอไว้ แลเช็ดหัตถ์กับผ้าสะอาด หากแต่เมื่อผินพระวรกายกลับมาหานัดดาตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลกลับไปเจอ

“โอ๋ เจ้ารพิ ไยจึงจ้ำม้ำเช่นนี้ หืม” เจ้าบัวงามที่ชิงล้างหัตถ์ก่อนมารดา คว้าตัวหลานไปอุ้มก่อนตรัสเย้าเจ้าตัวน้อย

“เจ้าบัวงาม” เจ้าชมนาดตรัสเรียกโอรสองค์เล็กของตนที่แย่งหลานไปอุ้ม

“แอะ แอะ” เจ้ารพิแลบลิ้นเล่นน้ำลายจนเปรอะปรางกลมขาว โอษฐ์เล็กแย้มยิ้มจนเห็นเหงือกสีแดงสด

“ฮื่อ ไยจึงน่าชังเช่นนี้หนา” เจ้าบัวงามหาได้สนใจมารดาไม่ หยอกเย้าหลานต่อ

“แอะ เอิ้ก ๆ” เจ้ารพิหัวรอเอิ้กอ้าก

“อ๊ะ เจ้ารวิตื่นแล้ว” เจ้าชมนาดเหลือบไปทอดพระเนตรเห็นนัดดาองค์รองจึงได้ปรี่เข้าไปเกาะขอบเปล เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงแก้วสีนิลที่ทอดแบบมาจากองค์ภุชงค์ปรือปรอยงัวเงีย

“...”

“ตื่นแล้วหรือเจ้าให้ย่าอุ้มหนาคนดี” เจ้าชมนาดสอดพระหัตถ์ช้อนแผ่นหลังเล็กของหลานขึ้นแนบอุระ เจ้ารวิตัวอ่อนซบอังสะของพระอัยยิกาจนพระทัยคนเป็นย่าอ่อนระทวย



เจ้าแสงแรกแย้มสรวลบาง ๆ เห็นแม่ผัว แลน้องผัวเอ็นดูลูกก็ชื่นพระทัย พระบาทบางก้าวไปหยุดอยู่ที่ข้างเปลของเจ้ารวี ข้าหลวงสาวที่ไกวเปลให้เจ้าน้อยอยู่จึงได้ละมือ แลคลานถอยออกมา พระชายาแสงแรกประคองเท้าเล็กของลูกขึ้นกุมแผ่วเบา ลูบไล้ซึมซับผิวนุ่มนิ่มก่อนจักขยับผ้าอ้อมผืนบางให้คลุมตัวลูก

“แอะ แอะ” เสียงร้องอ้อแอ้ของเจ้ารพิดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนเป็นแม่ให้ผินพักตร์กลับไปมอง

“เจ้ารพิคงจักหิวนมอีกแล้วกระมังเจ้าแสง” เจ้าบัวงามตรัส แลแตะพระดรรชนีที่มุมโอษฐ์จิ้มลิ้มถี่ ๆ อย่างหยอกล้อ

“แอะ แอ้” เจ้ารพิอ้าโอษฐ์จนเขฬะไหลซึมเปรอะปรางกลม

“น่าเอ็นดูนัก” คนเป็นอาตรัสพลางใช้ปลายพระนาสิกเกลี่ยผิวนุ่มไปมา

“เอาหลานกินนมก่อนเถิดเจ้าบัวงาม”

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าบัวงามยอมส่งเจ้าตัวน้อยให้ยี่สุ่น เจ้าแสงแรกดำเนินนำบ่าวคนสนิทไปที่พระแท่นบรรทม ชงโคลากฉากโปรงแสงฉลุลายงดงามมากั้น

“ผ้าชุบน้ำต้มพระเจ้าค่ะ” ชงโคยกพานใส่ผ้าถวายคนเป็นนาย

“ขอบใจหนา” เจ้าแสงแรกปลดผ้าแถบของตนออก ใช้ผ้าเปียกหมาดเช็ดรอบเม็ดบัวสีช้ำ แลทั่วเต้ากระเปาะ

“แอะ แอะ” เจ้ารพิส่งเสียงอ้อแอ้

“แม่รู้แล้วเจ้า มิต้องประท้วง” เจ้าแสงแรกตรัส ก่อนจักรับเจ้าตัวน้อยจากยี่สุ่นมาเข้าเต้า โอษฐ์เล็กงับยอดถันของมารดา แลดูดดึงรีดน้ำนม

“ค่อย ๆ กิน” เจ้าแสงแรกตรัส พลางลูบแผ่นหลังเล็กปลอบ



กรุ๊งกริ๊ง ๆ



เจ้ารพิขยับแข้งขยับขาจนกระพรวนข้อพระบาทส่งเสียงกังวาน เรียกความสนใจจากเจ้าพเยียได้เป็นอย่างดี เจ้าน้อยแคว้นศศิมณฑลผละจากยาเยียคนงาม แลคลานตุบตับตามหาที่มาของเสียงกระพรวน

“พเยียจักไปไหนลูก แม่อยู่นี่” เจ้าบัวงามตรัสถามเจ้าตัวน้อยของตนเองที่คลานผ่านหน้าไป

“แอะ แอ้” เจ้าพเยียหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงมารดา ส่งสุรเสียงอ้อแอ้ตอบมารดา ดรรชนีเล็กป้อมชี้ไปทั่ว

“มาหาแม่มาลูกมา” เจ้าบัวงามยื่นพระกรไปหาลูก

“อื้อ” เจ้าตัวน้อยนั่งทับขาตัวเองพลางชี้ดรรชนีป้อม ๆ ไปทางเสียงกระพรวนของเจ้ารพิ

“...” เจ้าบัวงามดำเนินไปอุ้มเจ้าตัวน้อย

“อื้อ” เจ้าพเยียดิ้นไปมา

“เจ้าพเยียมาเล่นกับน้องกับยายมาลูกมา” เจ้าชมนาดตรัสพลางประทับลงบนตั่ง ขยับพระกรเล็กน้อยให้เจ้าพเยียให้ทอดพระเนตรเห็นน้องน้อยในห่อผ้าสีหวาน

“น้องน่ารักน่าชังหรือไม่เจ้า” เจ้าบัวงามจับลูกนั่งลงบนพระเพลา ก่อนจักประคองหัตถ์เล็กของเจ้าพเยียวางลงบนเท้าเล็กของเจ้ารวิ

“...” เจ้าพเยียจับ ๆ กำ ๆ เท้าเล็กของน้องไปมา

“จับเบา ๆ หนาลูกประเดี๋ยวน้องจักเจ็บ”

“คิก ๆ”



เจ้าพเยียอยู่เล่นกับเจ้ารวิได้ครู่หนึ่งน้องก้ต้องไปเข้าเต้ากินนม คนเป็นพี่จึงได้เล่นกับเจ้ารพิแทน เล่นไปเล่นมาตาก็ปรือลง ๆ แทบจักปิด หากแต่คนเป็นพี่ก็ยังห่วงเล่นกับน้องจึงพยายามฝืนไว้ แต่ก็มิอาจจักฝืนไหว จึงได้ทิ้งตัวลงในอ้อมพระอุระของมารดาเข้าสู่ห้วงนิทราทั้ง ๆ ที่หัตถ์ยังคงจับเท้าเล็กของเจ้ารพิไว้

“ทูลพระชายาชมนาด แลพระชายาบัวงามองค์ภุมริน องค์จันทร์ แลองค์ภุชงค์ทรงงานแล้วแล้ว กำลังเสด็จกลับตำหนักเพคะ”

“เยี่ยงนั้นลูกพาเจ้าพเยียกลับตำหนักก่อนดีกว่าพระเจ้าค่ะเสด็จแม่” เจ้าบัวงามตรัส

“พาลูกกลับไปนอนเถิดเจ้า ประเดี๋ยวถึงเวลาสำรับเย็นแล้ว แม่จักให้ข้าหลวงไปตาม”

“พระเจ้าค่ะ” รับคำมารดาแล้ว เจ้าบัวงาม แลสายหยุดก็หอบลูกหอบเต้ากลับตำหนักไปรอรับพระภัสดา



เจ้าชมนาดอยู่เล่นกับหลานอีกครู่ใหญ่จึงได้ส่งเจ้ารพิให้ข้าหลวงรับใช้ดูแลต่อ ส่วนพระองค์ก็ดำเนินไปหาสุณิสาที่กำลังให้นมเจ้ารวีน้องเล็กที่เพิ่งจักตื่น

“แม่กลับตำหนักก่อนหนาเจ้าแสง ประเดี๋ยวค่ำนี้แม่จักแวะมาหาใหม่”

“พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”



เจ้าชมนาดเสด็จกลับตำหนักหลวงพร้อมบ่าวคนสนิท แลขบวนข้าหลวงรับใช้ ระหว่างทางก็สวนกับโอรสองค์โตอย่างองค์รัชทายาทภุชงค์

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“ไหว้พระเถิดเจ้า”

“เสด็จแม่ จักกลับตำหนักหลวงแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“จ้ะ”

“ให้ลูกไปส่งหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“มิต้องดอก ไปช่วยเมียเลี้ยงลูกเถิด ตื่นพร้อมกันสามคนเยี่ยงนี้ เจ้าแสงแรกคงจักหัวหมุนน่าดู” เจ้าชมนาดตรัสเย้า

“หึหึหึ พ่ะย่ะค่ะ”









หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๓.๐๓.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 23-03-2020 19:41:33
 o13
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๓.๐๓.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-03-2020 00:49:30
นังกิ่งเตรียมตัวตาย!
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๓.๐๓.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-03-2020 02:14:21
ไม่ธรรมดาจริงๆ สะใภ้บ้านนี้
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๓.๐๓.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 28-03-2020 18:31:07
เจ้าแสงไม่ยอมคน เก่งมาก!
เด็กๆน่ารักมากกกก ลูกๆเต็มไปหมดเลยย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๐๗.๐๕.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 07-05-2020 17:43:24
คำเตือน : เนื้อหาบางส่วนในตอนนี้มีความรุนแรง มีพฤติกรรมที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ

ไม่เหมาะสำหรับนักอ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ
[/b]





ภุชงค์เล่นแสง ๒๒



แรม ๑๕ ค่ำ คืนเดือนมืด ไร้แสงจันทร์สาดส่องในยามค่ำคืน มารดาของแม่กิ่งลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อถ่ายเบา เห็นแสงเทียนลอดออกจากห้องของบุตรีจึงได้สาวเท้าเข้าไปหวังจักเอ็ดให้สักที ดึกดื่นค่อนคืนเยี่ยงนี้เหตุใดจึงยังมิหลับมินอน หากแต่เมื่อคุณหญิงท่านผลักบานประตูจนแง้มออก เสียงสวดพึมพำด้วยภาษาแปลกประหลาดก็ดังลอดออกมา ทำเอาผู้เป็นแม่ขนหัวลุกตั้ง แลยิ่งมีเสียงลมหวีดหวิวคล้ายเสียงร้องครวญครางหวีดแหลมท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้ คุณหญิงก็เกิดอาการหวาดกลัวจนตัวสั่น ลนลานรีบวิ่งกลับเข้าหอนอนของตนเอง ปิดประตูลงกลอน ลั่นดานจนแน่นหนา ก่อนจักกระโจนขึ้นคลุมโปงจนผู้เป็นสามีสะดุ้งตื่น

“กระไรกันคุณหญิง” ท่านรองเจ้ากรมนาเอ็ดภรรยาด้วยความหงุดหงิดที่ถูกปลุกกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้

“ค คุณพี่เจ้าคะ” คุณหญิงเบียดกายเข้าหาสามี

“เป็นกระไร เกิดกระไรขึ้น” ท่านรองเจ้ากรมนาจับไหล่ภรรยาให้ลุกขึ้นมาพูดจากันให้รู้ความ

“ฮึก ม เมื่อครู่น้องลุกไปเวจเห็นแสงเทียนลอดออกมาจากหอนอนของแม่กิ่ง จึงจักเข้าไปไถ่ถามว่าเหตุใดจึงยังมินอน ต แต่ก็ได้ยินเสียง ม แม่กิ่งเจ้าค่ะ ม แม่กิ่งสวดกระไรก็มิรู้เจ้าค่ะ น่ากลัวนัก น น้องกลัวเจ้าค่ะคุณพี่” คุณหญิงเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“สวดหรือ แม่กิ่งสวดกระไร” แม้ช่วงนี้บุตรีของตนจักมีท่าทีแปลกประหลาดผิดหูผิดตา หากแต่คนเป็นพ่อก็มิอยากจักหาเรื่องจับผิดจึงได้ปล่อยผ่าน

“จ เจ้าค่ะ เฮือก ค คุณพี่ จักไปไหนเจ้าคะ” คุณหญิงรีบคว้าแขนของสามีไว้แน่น

“ก็จักไปดูแม่กิ่งหนาสิ”

“ฮึก คุณพี่อิฉันไปด้วยเจ้าค่ะ” คุณหญิงแม้จักกลัวจนขนหัวลุก แต่ก็ยอมตามผู้เป็นสามีไป ดีกว่าอยู่คนเดียว



ท่านรองเจ้ากรมนาเดินถือตะเกียงตรงไปที่หอนอนของบุตรี โดยมีภรรยาเกาะแขนมิห่าง ประตูหอนอนของแม่กิ่งที่แง้มไว้ถูกผลักเข้าไปเต็มแรง พลันกลิ่นเหม็นเน่าเคล้ากลิ่นอับก็ตีเข้าหน้าของท่านรองเจ้ากรมนา แลคุณหญิงจนต้องยกมือขึ้นปิดจมูก เหม็นจนแทบจักสำรอกออกมา

“แม่กิ่ง นี่เจ้าทำกระไร” ท่านรองเจ้ากรมนาตวาดเสียงดัง ในขณะที่คุณหญิงน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว แม่กิ่งที่เห็นตรงหน้าราวกับมิใช่บุตรีคนเดิมของนาง ผมเผ้าที่เคยเรียงตัวสยายเต็มแผ่นหลัง บัดนี้พันกันยุ่งเหยิง แลขาดแหว่งเป็นกระจุก ดวงหน้างดงามที่ได้มาจากมารดาก็ซีดโทรม ดวงตาลึกโบ๋ราวกับผีตายซาก เนื้อตัวที่เคยสะอาดสะอ้านก็มีกลิ่นเหม็นราวซากศพ เบื้องหน้าหญิงสาวมีตุ๊กตาดินเหนียวที่ปั้นเป็นรูปคนสองตัวถูกพันด้วยผ้าสีตุ่นเขรอะไปด้วยคราบสกปรกสีน้ำตาลส่งกลิ่นเหม็น ข้างกันนั้นมีถ้วยดินเผาใส่เศษผมเป็นกระจุก ๆ แลเศษเล็บดูน่ากลัว

“เจ้าคุณพ่อ” แม่กิ่งเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ ก่อนจักยกยิ้มกว้าง

“น นี่ เจ้ากำลังทำกระไร” ท่านรองเจ้ากรมนาเอ่ยถามเสียงสั่น ภาพบุตรีที่เห็นตรงหน้าช่างน่าขนหัวลุกยิ่งนัก

“...ลูกก็กำลังทำให้องค์ภุชงค์ท่านรัก ท่านหลงลูกอย่างไรเล่าเจ้าค่ะ คิก ๆ ๆ” แม่กิ่งว่าพลางหวีดเสียงหัวร่อแหลมบาดแก้วหู หญิงสาวเลิกสนใจบิดา มารดาที่ยืนเบิกตากว้างคาบานประตูหอนอน แลยกมือข้างหนึ่งขึ้นกัดเล็บตนเอง ฟันคมกัดลึกจนเข้าเนื้อ เลือดสีแดงไหลซึมออกมา แต่แม่กิ่งหาได้มีท่าทีเจ็บปวดไม่ มืออีกข้างก็ยกขึ้นทึ้งเส้นผมของตนเองจนหลุดออกมาเป็นกระจุก ปากที่เปรอะเปื้อนคราบเลือดของตนเองก็พึมพำภาษาประหลาด

“ก กรี๊ด” ผู้เป็นมารดาทนเห็นสภาพของบุตรีมิไหว หวีดร้องออกมา แลเป็นลมล้มพับไป

“คุณหญิง ๆ ๆ” ท่านรองเจ้ากรมนาประคองร่างผู้เป็นเมียไว้ พลางตบแก้มเบา ๆ เรียกสติ

“ฮิ ๆ ๆ ๆ” แม่กิ่งหัวร่อเสียงแหลมยามเอามือเปื้อนเลือดปาดป้ายไปที่ตุ๊กตาดินเหนียวสองตัวที่ประกบกันด้วยผ้าสกปรก



.

.

.



จ๋อม



“แอะ แอ๊ะ”

“ฝ่าบาท ระวังน้ำเข้าตาลูกหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกที่อุ้มเจ้ารวีอยู่ตรัสกับพระภัสดาด้วยความกังวล

“จ้ะ ๆ พี่จักระวัง” ภุชงค์ตรัสพลางวักน้ำรดลงบนกลุ่มผมน้อย ๆ ของเจ้ารพิ

“อิ๊ แอะ แอ้”

“ภุชงค์ทำดี ๆ หนาลูก” เจ้าชมนาดที่อุ้มเจ้ารวิอยู่ตรัสสำทับอีกครา เมื่อทอดพระเนตรท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของโอรส

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”



วันนี้องค์ภุมริน แลองค์ภุชงค์มิได้ว่าราชการ คนเป็นพ่อจึงนึกคึกขอเมียเป็นผู้อาบน้ำให้ลูก ๆ ด้วยพระองค์เอง โดยมีเจ้าหลวงภุมริน แลพระชายาชมนาดมาคอยให้กำลังใจชิดติดขอบอ่าง

“แอะ แอ๊ะ ฮึก” เจ้ารพิร้องอ้อแอ้ กำปั้นเล็กปัดป่ายไปมา

“ไหวหรือไม่เจ้าภุชงค์”

“ไหวพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ” กว่าจักอาบน้ำให้ลูกครบสามคน องค์ภุชงค์ก็เปียกโชกราวกับเป็นคนอาบเสียเอง

“ฝ่าบาท พระองค์ไปผลัดผ้าก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักประชวรเอาได้” เจ้าแสงแรกตรัสพลางรับเจ้ารวีที่ห่อด้วยผ้าผืนนุ่มมาโอบอุ้ม

“จ้ะ”

“เยี่ยงนั้น หม่อมฉันพาลูกไปเช็ดตัวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวลูกจักมิสบายเอา”

“จ้ะ ประเดี๋ยวพี่มาหนา”

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลให้พระภัสดา ก่อนจักอุ้มเจ้าตัวน้อยคนน้องไปรวมกับเจ้าตัวตัวน้อยคนพี่ทั้งสองคน

“แล้วแล้วหรือเจ้ารวี มายาทาสมุนไพรให้หนา” เจ้าชมนาดที่ผูกปมผ้าอ้อมให้เจ้ารวิแล้วแล้วตรัส ช้อนเจ้าตัวน้อยตัวหอมฉุยส่งให้คนเป็นปู่ แลผินพระวรกายมารับเจ้าคนน้องจากสุณิสา



พระชายาชมนาดค่อย ๆ วางหลานลงบนผ้าขาวที่ปูอยู่บนพระยี่ภู่ มือเล็กคลี่ผ้าออกเผย เจ้ารวีดีดแข้งดีดขาไปมา เจ้าชมนาดใช้ลูกประคบลูกเล็กจิ้มสมุนไพรในถ้วย แลบรรจงทารอบสะดือเล็กของหลานอย่างเบามือ



ฟอด



“ชื่นใจจริงเชียวหลานย่า” กดพระนาสิกบนปรางนุ่ม ก่อนจักรับผ้าอ้อมมาจากสุณิสา คนเป็นย่าใส่ผ้าอ้อมให้หลานด้วยความคล่องแคล่ว

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นกระไรดอก แม่ใคร่อยากทำให้หลาน” เจ้าชมนาดตรัส แลลูบเกศาของเจ้าแสงเบา ๆ

“...” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลให้พระสัสสุ แลเอียงพักตร์ซบพระอังสะเล็กอย่างออดอ้อน เพราะมารดาจากไปตั้งแต่ยังเล็กจึงมิมีโอกาสได้ออดอ้อนมารดาเหมือนคนอื่นเขา เมื่อพระสัสสุท่านรัก แลเอ็นดูขนาดนี้เจ้าแสงแรกจึงใคร่อยากออดอ้อนพระองค์ท่านให้สมกับที่โหยหาความอบอุ่นจากมารดา

“หึหึหึ ข้าว่าเจ้าบัวงามช่างออดช่างอ้อนแล้วหนา แต่เจ้ากลับยิ่งกว่า” เจ้าชมนาดตรัสอย่างเอ็นดู

“เป็นเพราะเสด็จแม่ชมนาดเมตตาหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงใคร่อยากออดอ้อนพระองค์พระเจ้าค่ะ”

“อ้อนกระไรกันอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ ขอหม่อมฉันอ้อนด้วยคนหนา” องค์ภุชงค์ที่ผลัดผ้าเรียบร้อยแล้ว ดำเนินเข้ามารวบทั้งมารดา แลเมียเข้าไปกอด

“อื้อ เจ้าภุชงค์เล่นกระไรเป็นเด็กไปได้ลูก” เจ้าชมนาดเอ็ดลูก หากแต่พระโอษฐ์กลับแย้มสรวลกว้าง

“แอะ แอะ” เจ้ารวีที่ถูกลืมส่งเสียงอ้อแอ้ประท้วงออกมา

“โอ๋ คนดีของย่า มา ย่าอุ้มหนาลูก”

“ไปกันได้แล้วกระมัง ประเดี๋ยวแดดจักแรงเสียก่อน” องค์ภุมรินตรัส

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าชมนาดพยักพักตร์ แลคว้าผ้าอ้อมมาคลุมหัวหลาน



ที่วันนี้เจ้าตัวน้อยเจ้าแสงแรก แลองค์ภุชงค์จับลูกน้อยทั้งสามอาบน้ำเสียจนตัวหอมฉุย ก็เพราะวันนี้ทั้งคู่จักพาลูกน้อยทั้งสามออกนอกตำหนักเป็นครั้งแรก โดยคนเป็นพ่อ แลแม่จักพาลูกไปเดินเล่นที่สวนพฤกษารับแดดอ่อน ๆ ยามเช้า เมื่อองค์ภุมริน และเจ้าชมนาดทราบเข้าก็ขอตามมาด้วย กลายเป็นว่าอรุณนี้ครอบครัวภุมริกาพากันเสด็จสวนพฤกษาทั้งครอบครัว



องค์ภุมรินอุ้มเจ้าน้อยรวิแนบพระอุระ ปรางกลมของทารกน้อยพาดอยู่บนพระอังสะกว้างของผู้เป็นปู่ เช่นเดียวกับเจ้ารวีที่เจ้าชมนาดอุ้มอยู่

“เจ้ารพิ ขี้เซาจริงลูก” องค์ภุชงค์ตรัส เมื่อเจ้าน้องเล็กอ้าปากหาววอดออกมา ดวงเนตรกลมปรือปรอย ปรางกลมแนบเบียดกับอังสะของมารดา

“หึหึหึ” เจ้าแสงแรกสรวลด้วยความเอ็นดูลูกน้อย

“หึหึหึ” องค์ภุชงค์สรวลน้อย ๆ ก่อนจักกดพระนาสิกเบา ๆ ที่นลาฎของเจ้ารพิ



เมื่อมาถึงศาลาริมสระหลวงก็พบองค์สิงห์ท่านประทับยืนรอท่าอยู่แล้ว เจ้าแสงแรกดำเนินเข้าหาบิดาตนเองพร้อมรอยสรวล องค์สิงห์ยกหัตถ์ลูบเกศาคนเป็นลูกก่อนจักขออุ้มหลานบ้าง เจ้าแสงแรกจึงส่งเจ้ารพิให้ผู้เป็นพ่อได้เชยชมหลาน

“รพิน้อยของตา” องค์สิงห์ประคองหลานลงนอนในอ้อมพระกร พระเนตรเป็นประกาย พระทัยขององค์สิงห์พองโตเต้นระรัวยามที่เจ้าตัวน้อย ยกโอษฐ์แย้มสรวลให้

“เสด็จพ่อ เจ้ารพิยิ้มให้พระองค์ด้วยพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส

“หึหึหึ ชอบให้ตาอุ้มหรือเจ้า” องค์สิงห์ตรัสเย้า พระหัตถ์ประคองมือน้อย ๆ ของหลานขึ้นจูบกลางฝ่ามือเล็ก



ทั้งแปดพระองค์ประทับอยู่ศาลาริมสระหลวงได้มินาน องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามก็หอบลูกมาสมทบด้วย เจ้าบัวงามหมอบกราบบิดา มารดา แลเจ้าหลวงการเวกพร้อมบ่นกระปอดกระแปดว่ามิยอมบอกตนว่าจักพาหลาน ๆ ออกมาที่ศาลาริมสระหลวง

“หากหม่อมฉันมิไปที่ตำหนักของภุชงค์ก็คงมิรู้ว่าพาหลานออกจากตำหนักเป็นคราแรก”

“โธ่ พี่ขอโทษหนาเจ้าบัวงาม พี่เองก็ตื่นเต้นจนลืมไปเสียสนิท มิโกรธพี่หนาคนดี” องค์ภุชงค์ตรัสง้ออนุชา

“พระเจ้าค่ะ ๆ บัวมิเคืองดอก”

“น่ารักน่าชังนักน้องพี่” ตรัสกับอนุชา

“พเยียยังมิตื่นดีอีกหรือลูก ไปเล่นกับน้องหรือไม่” เจ้าบัวงามตรัสถามเจ้าตัวน้อยที่ซบพระอุระของบิดานิ่ง กรเล็กป้อมกอดเจ้าตัวยัดนุ่นแน่นอย่างหวงแหน

“...ใคร่อยากไปเล่นกับน้องหรือไม่ลูก” องค์จันทร์กระซิบถามลูกน้อยในอ้อมพระอุระ พระนาสิกกดลงบนกระหม่อมเล็กอย่างรักใคร่

“อื้อ” เจ้าตัวน้อยขยับไถตัวลงจากพระเพลาของบิดา ฝากเจ้าก้อนนุ่นไว้กับบิดา แลคลานตุบตับไปหาพระอัยยิกา เจ้าภุชงค์รีบคว้าตัวหลานขึ้นอุ้มทันทีด้วยความมันเขี้ยว

“พเยีย ขอลุงอุ้มหน่อยเจ้า”

“อื้อ” เจ้าพเยียดิ้นปัดแข้ง ปัดขาไปมา สุดท้ายก็ถูกพระปิตุลารวบเข้าไปในอ้อมพระอุระอยู่ดี

“เล่นกับลุงก่อน ค่อยไปเล่นกับน้องดีหรือไม่” องค์ภุชงค์ตรัสถามหลานรัก หากแต่หน้าตาของเจ้าพเยียนั้นกลับบอกพระองค์ว่า มิดี!

“...หงึ”

“ฮะฮ่า ๆ ๆ ฟอด” องค์ภุชงค์สรวลด้วยความเอ้นดูเจ้าตัวกลม กดพระนาสิกกับปรางนิ่มฟอดใหญ่ ก่อนจักอุ้มหลานไปคุกพระชานุตรงหน้าเจ้าชมนาด

“เจ้าพเยียใคร่อยากเล่นกับน้องหรือลูก หืม” เจ้าชมนาดตรัส แลโน้มพักตร์ลงมากดพระนาสิกกับนลาฎของหลาน

“ยะ ยะ” เจ้าพเยียตรัสอ้อแอ้จนคนเป็นยายหลงแล้ว หลงอีก

“มาให้ยายกอดทีหนา” เจ้าชมนาดส่งเจ้ารวีคืนคนเป็นพ่อ แลรับเอาเจ้าพเยียมากอด



องค์ภุชงค์ประคองลูกลงนอนในอ้อมพระกร แลเบี่ยงพระวรกายให้เจ้าพเยียได้เห็นน้องชัด ๆ เจ้าพเยียจ้องน้องตามิกะพริบ หัตถ์เล็กยื่นไปแตะตัวนิ่ม ๆ ของเจ้ารวีแล้วก็สรวลออกมาอย่างชอบพระทัย เรียกรอยสรวลจากผู้หลัก ผู้ใหญ่ แลรอยยิ้มเอ็นดูจากเหล่าข้าหลวงรับใช้ได้มากโข วังหลวงที่มีแต่เจ้านายน้อย ๆ มันมีชีวิตชีวาเช่นนี้เอง



พอสายหน่อยแดดเริ่มออก ก็ต้องพาเด็ก ๆ กลับเข้าตำหนัก เจ้าแสงแรกให้นมลูกทั้งสามจนแล้วแล้ว ก็ต้องปลีกตัวไปเข้ากระโจมอยู่ไฟ

“ฝ่าบาท ประเดี๋ยวหม่อมฉันมา ฝากลูกด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ” องค์ภุชงค์ตรัส พระองค์เอาลูกนอนด้วยกันบนพระยี่ภู่ มิยอมเอาลูกลงเปล เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรพระภัสดา แลกังวลพระทัยน้อย ๆ

“ให้ยี่สุ่น แลชงโคอยู่รับใช้พระองค์ที่นี่ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ เผื่อลูกตื่นมาโยเยพร้อมกันจักได้มีคนช่วยพระองค์”

“มิเป็นกระไร ลูกพึ่งจักนอนคงยังมิตื่นเร็ว ๆ นี้ดอก เจ้าไปเถิด เอายี่สุ่น แลชงโคไปดูแลเจ้าด้วย มิต้องห่วงหนา พี่จักดูแลลูกอย่างดี” องค์ภุชงค์ตรัส แลรวบตัวเมียเข้ามากอด พลางหอมนลาฎขาวฟอดใหญ่

“...พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกยอมตัดพระทัย รีบไปรีบกลับก็แล้วกัน



เมื่อเมียออกจากห้องบรรทมไปแล้ว องค์ภุชงค์ก็พาพระองค์เองไปทอดพระวรกายลงนอนข้างเจ้าตัวน้อยทั้งสาม พระดรรชนีเรียวแตะลงบนปลายนาสิกของเจ้ารพิเบา ๆ แลแย้มสรวลองค์เดียว ลูกข้าช่างน่าชังนัก! กวนโอรสองค์โตแล้ว ก็ขยับไปกวนเจ้ารวีน้อยที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างพี่ทั้งสอง พระหัตถ์คนเป็นพ่อช้อนเท้าเล็กนุ่มนิ่มขึ้นจูบหอม ดำริไปถึงตอนเจ้าตัวเล็กนี่เกิดแลพระทัยหาย องค์ภุชงค์สัญญากับองค์เองเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจักมิยอมให้ลูกเป็นกระไรไปเป็นอันขาดมิว่าจักเป็นเจ้าคนใดก็ตาม

“งึ งือ” เจ้ารวีครางเล็กน้อย แลหลับต่อ องค์ภุชงค์จึงค่อย ๆ วางเท้าเล็กลง ก่อนจักเบนเป้าหมายไปหาเจ้ารวิ เจ้าตัวน้อยคนกลางนอนหงายกางแข้งกางขา

“ไยจึงนอนกางแข้งกางขาเช่นนี้เล่าลูก” องค์ภุชงค์ขมวดพระขนง แลจับขาเล็กให้หุบ หากแต่เมื่อปล่อยพระหัตถ์ออกเจ้ารวิก็กางขาเช่นเดิม คนเป็นพ่อก็จับขาลูกหุบอีก คนลูกก็กางขาออกอีก องค์ภุชงค์พยายามจับขาของเจ้ารวิให้หุบ จนกระทั่งเจ้าตัวน้อยรำคาญหวีดเสียงร้องจนคนเป็นพ่อสะดุ้งร้อนรนคว้าเจ้าตัวน้อยแนบพระอุระปลอบ

“แงงงง”

“ชู่ว ๆ พ่อขอโทษเจ้า” องค์ภุชงค์โยกกายปลอบเจ้ารวิ พระเนตรก็คอยเหลือบมองเจ้ารพิ แลเจ้ารวีที่นอนอยู่บนพระแท่นบรรทม ภาวนาให้ลูกน้อยอีกสองคนมิตื่นขึ้นมา

“ฮึก อึก” เจ้ารวิสะอื้นเสียงแผ่ว แลเคลิ้มหลับไปอีกครา

“...” องค์ภุชงค์ลอบถอนพระทัย เมื่อเจ้ารวิหลับลงอีกครา แลเจ้ารพิ แลเจ้ารวีก็ยังมิตื่นขึ้นมา



คนเป็นพ่อเอนพระวรกายลงนอนข้างลูกน้อยอีกสองคนโดยมีเจ้ารวินอนซบอยู่บนพระอุระกว้าง ครานี้องค์ภุชงค์มิกล้ากวนลูกอีกแล้ว พระหัตถ์ข้างหนึ่งกอดเจ้ารวิไว้มิให้ตกจากอุระ ส่วนอีกข้างก็คว้าผ้าอ้อมมาปัดรอบ ๆ ตัวลูกทั้งสามรอเมียกลับมา



.

.

.



หลังจากราตรีที่ท่านรองเจ้ากรมนา แลคุณหญิงไปพบบุตรีทำพิธีประหลาดในหอนอนของตนเอง แม่กิ่งก็ถูกกักบริเวณมิให้ออกไปไหน มาไหน ซ้ำยังต้องมีบ่าวคอยเฝ้าตลอดเพลามิให้หญิงสาวลุกขึ้นมาทำกระไรประหลาด ๆ ได้อีก หากแต่แม่กิ่งก็ยังคงพึมพำบทสวดแปลกประหลาดตลอดเพลาจนบ่าวในเรือนเกี่ยงกันมาเฝ้าคุณหนูของบ้าน

“...” อีแดงลอบมองนายมัน แลค่อย ๆ แกะผ้าที่พันนิ้วมือของแม่กิ่งไว้ มันทาสมุนไพรลงบนแผลของนาย ก่อนจักพันผ้าให้ใหม่ หากแต่จู่ ๆ นายของมันก็หวีดเสียงหัวร่อออกมาจนมันตกใจตาค้าง หัวใจหล่นไปอยู่ใต้ถุน อีเพื่อนบ่าวที่มาเฝ้าคุณกิ่งเธอเป็นเพื่อนมันก็วิ่งหนีแตกกระเจิงออกไป ทิ้งมันให้เผชิญกับความวิปลาสของนายมันคนเดียว

“...” แม่กิ่งนอนพึมพำบทสวดประหลาดมิสนใจกระไรทั้งนั้น ดวงตาแข็งค้างจดจ้องเพดานมิกะพริบ

“...” อีแดงลอบมองนายมัน แลค่อย ๆ แกะผ้าที่พันนิ้วมือของแม่กิ่งไว้ มันทาสมุนไพรลงบนแผลของนาย ก่อนจักพันผ้าให้ใหม่ หากแต่จู่ ๆ นายของมันก็หวีดเสียงหัวร่อออกมาจนมันตกใจตาค้าง หัวใจหล่นไปอยู่ใต้ถุน อีเพื่อนบ่าวที่มาเฝ้าคุณกิ่งเธอเป็นเพื่อนมันก็วิ่งหนีแตกกระเจิงออกไป ทิ้งมันให้เผชิญกับความวิปลาสของนายมันคนเดียว

“กรี๊ด ฮะฮ่า ๆ ๆ องค์ภุชงค์เพคะ องค์ภุชงค์ ฮะฮ่า ๆ ๆ”

“...ฮึก ค คุณกิ่ง” อีแดงสะอื้นไห้ด้วยความหวาดกลัว

“มึง!! มึงจักมาแย่งองค์ภุชงค์ท่านไปจากกูใช่หรือไม่!! ถุย” แม่กิ่งหันขวับมาถลึงตาใส่บ่าวคนสนิท แลตวาดใส่ ดวงตาของหญิงสาวแข็งค้าง แดงก่ำจนเหมือนผีห่าเข้าสิง แม่กิ่งถุยน้ำลายใส่หน้าของอีแดง แลลุกขึ้นถีบบ่าวของตนจนกระเด็นติดกำแพง ก่อนจักวิ่งเตลิดออกมาจากหอนอน

“ค ใครก็ได้ ช ช่วยกูจับคุณกิ่ง ท ที คุณกิ่งเธอหนีไปแล้ว” อีแดงตะโกนกระท่อนกระแท่นให้คนช่วย มือมันกุมท้องตัวเองด้วยความเจ็บจุก กว่ามันจักลุกขึ้นตะโกนให้คนช่วยได้ คุณกิ่งเธอก็วิ่งลงจากเรือนไปแล้ว



หญิงสาววิ่งลงจากเรือนไปที่ป่าท้ายเรือนหวังจักไปยังวังหลวง หรือก็คือเรือนของหมอผีเฒ่า ผ้าผ่อนที่นุ่งมาหลุดลุ่ยกลางทางจนบัดนี้ บุตรีของท่านรองเจ้ากรมนาเนื้อตัวล่อนจ้อน บ่าวชายที่วิ่งตามต่างมิกล้าเข้าไปจับคุณหนูของเรือนด้วยเกรงโทษจากท่านเจ้าเรือน พวกมันทำได้เพียงวิ่งต้อนคุณกิ่งเธอเข้ามาในวงล้อมของบ่าว แลพากันล้อมมิให้คนเป็นนายเตลิดไปไหนได้ ส่วนอีแดงมันรีบให้คนไปตามท่านรองเจ้ากรมนาท่านโดยด่วน

“พวกมึง!!! กล้าดียังไงมาขวางกู!!! หลีกบัดเดี๋ยวนี้”

“...” พวกบ่าวมองหน้ากันไปมา หากแต่ก็มิกล้าเปิดวงล้อมให้คุณกิ่งเธอ รอท่านรองเจ้ากรมนาท่านมาจัดการบุตรีของตัวเองเถิด

“หลีกไป!!! กูจักไปหาองค์ภุชงค์ผัวกู!!!”

“ม แม่กิ่ง ฮือ แม่กิ่งลูกแม่” คุณหญิงท่านวิ่งตามมาหน้าตาตื่น หลังจากที่บ่าวมันไปปลุก คุณหญิงเพียงแค่เผลองีบไปเพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้น คาดมิถึงว่าจักเกิดเรื่องได้

“ปล่อยกู!!!”

“อีแดง มึงรีบเอาผ้าไปคลุมลูกกู” คุณหญิงแทบเป็นลมเมื่อเห็นบุตรีเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ในวงล้อมของบ่าวผู้ชาย

“จ เจ้าค่ะ” อีแดงมุดเข้าไปในวงล้อม แลเอาผ้าคลุมร่างนายของมัน หากแต่แม่กิ่งกลับยกขาถีบอีแดงเสียกระเด็น ซ้ำยังกระชากผ้าที่มันเอาคลุมให้ออก

“แม่กิ่ง ไยจึงทำเช่นนี้เล่าลูก” คุณหญิงโอนเอนไปมาให้บ่าวมันได้ประคอง

“ปล่อยกู กูจักไปหาองค์ภุชงค์ผัวกู”

“แม่กิ่งอย่าพูดเช่นนั้นลูก” คุณหญิงกล่าวเคล้าสะอื้น หากมีคนนอกมาได้ยินเข้า มิได้คอขาดกันทั้งเรือนหรือที่แอบอ้างองค์รัชทายาทท่านเยี่ยงนี้

“ท่านเป็นผัวกู ไยกูจักพูดมิได้!!!” สติวิปลาสลืมเลือนแม้กระทั่งมารดา

“แม่กิ่ง ไยพูดกับแม่เช่นนี้”

“ปล่อยกู กูจักไปหาผัวกู องค์ภุชงค์เพคะ รอเมียก่อนหนา เมียจักรีบไปหา ฮิ ๆ ๆ ๆ”



กว่าจักจับแม่กิ่งกลับเข้าเรือนได้ก็ต้องรอท่านรองเจ้ากรมนาท่านมา คนเป็นพอกลั้นใจยอมให้บ่าวชายมันแตะต้องตัวบุตรี พวกบ่าวเอาผ้าคลุมร่างเปลือยเปล่าของคุณหนู แลช่วยกันอุ้มขึ้นเรือน ครานี้ท่านรองเจ้ากรมนาสั่งให้อีแดงมัดแม่กิ่งกับเตียงนอน มิให้หนีได้อีก

“คุณพี่เจ้าคะ ไยจึงต้องมัดลูกเป็นหมูเป็นหมาเยี่ยงนี้” คุณหญิงร้อนใจนักที่เห็นสามีมัดลูกเยี่ยงนี้

“แลจักให้มันแก้ผ้าแก้ผ่อนลงไปให้พวกบ่าวมันไล่จับอีกหรือ แค่นี้ข้าก็มิรู้จักเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว” ท่านรองเจ้ากรมนาตวาดภรรยาเสียงดัง

“ฮึก”

“ข้ามิน่าให้มันกลับมาเลย ให้มันไปอยู่ชานเมืองกับแม่หล่อนก็ดีอยู่แล้ว” ท่านรองเจ้ากรมนาตวาด แลเดินหนีคุณหญิงท่านไป

“ฮึก ฮือ”



อีแดงกล้า ๆ กลัว ๆ มิใคร่อยากจักเข้าใกล้คนเป็นนาย หากแต่มันที่เป็นบ่าวคนสนิทจำเป็นต้องทำ อิแดงประคองสำรับเข้าไปให้คุณกิ่งเธอ

“อีผินมึงไปช่วยกูป้อนข้าวคุณกิ่งเธอที” อีแดงสั่งอีผิน

“ต แต่”

“ทำไม มึงรังเกียจคุณกิ่งเธอหรือ มึงจักไปดี ๆ หรือจักต้องให้กูเรียนคุณหญิงท่านก่อน”

“...จ้ะ พี่แดง” อีผินน้ำตาคลอ หากแต่ก็ต้องกล้ำกลืนทำตามที่อีแดงสั่ง



เมื่อครั้งคุณกิ่งเธอยังเล็ก อีแดงมันพยายามเอาอกเอาใจคุณกิ่งเธอจน คุณหนูของบ้านเลือกให้มันเป็นบ่าวคนสนิท อีแดงดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้รับใช้คุณหนู มิต้องไปเป็นบ่าวก้นครัว ทำงานงก ๆ สบายกว่าเป็นไหน ๆ หากแต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ วันหนึ่งคุณหนูของมันก็เกิดวิปลาสขึ้นมา แล้วกรรมจักไปตกที่ใครหากมิใช่อีแดงบ่าวคนสนิท!

“คุณกิ่งเจ้าขา อีแดงเอาสำรับมาให้เจ้าค่ะ ทานข้าวหนาเจ้าคะ” อีแดงมันว่า พลางพยักหน้าให้อีผินช่วยกันประคองคนเป็นนายขึ้น

“...” คุณกิ่งเธอเหม่อลอย ดวงตาลึกโหล ดวงหน้างามซูบโทรม ปากก็พึมพำกระไรมิได้ศัพท์

“ทานข้าวหนาเจ้าคะ” อีแดงว่าพลางเอาข้าวจ่อที่ปากคนเป็นนาย

“อึก” หากแต่เมื่อแม่กิ่งได้กลิ่นกับข้าวที่อีแดงยกมาให้ก็มีอาการพะอืดพะอม

“ค คุณกิ่งเป็นกระไรไปเจ้าคะ” อีแดงตัวสั่นด้วยความกลัว มิรู้ว่าวันนี้นายมันจะวิปลาสกระไรขึ้นมาอีก

“อึก อ่อก” แม่กิ่งสำรอกใส่บ่าวคนสนิท

“ว้าย” อีแดงผละออกมามิทันโดนสำรอกของนายมันรดเข้าเต็ม ๆ ตัว

“พ พี่แดง ประเดี๋ยวข้าไปเรียนคุณหญิงท่านก่อนหนาจ้ะ ว่าคุณกิ่งเธอมิสบาย” อีผินว่า แลวิ่งออกจากหอนอนคุณกิ่งเธอไป ทิ้งอีแดงไว้

“อ อีผิน อีผิน” อีแดงตะโกนไล่ตามอีผิน แต่อีผินก็หาได้หยุดไม่ อีแดงฟึดฟัดด้วยความหงุดหงิด



คุณหญิงท่านให้คนไปตามท่านรองเจ้ากรมนา แลหมอมาตรวจดูอาการของบุตรีด้วยความกังวล สองสามีภรรยารอหมอท่านด้วยใจจดใจจ่อ แค่บุตรีวิปลาสก็ทุกข์ใจมากพอแล้ว อย่าให้แม่กิ่งเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นกระไรไปอีกเลย

“ท่านหมอ ๆ บุตรีของข้าเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ” คุณหญิงรีบลุกจากตั่งไปหาท่านหมอทันทีที่ก้าวขาออกจากหอนอนแม่กิ่ง

“ท่านรองเจ้ากรมนา คุณหญิง...”

“ว่าอย่างไร แม่กิ่งเป็นอย่างไรบ้าง”

“แม่กิ่งเธอ...”

“กระไร ลูกข้าเป็นกระไรก็พูดมาสิ” คุณหญิงทนมิไหวตวาดเข้าให้

“แม่กิ่งเธอท้อง”

“...”

“...” สองสามีภรรยาเบิกตากว้างนิ่งงันมิขยับ

“ข้าตรวจดีแล้ว แลข้ามั่นใจว่าตรวจมิผิดแน่ แม่กิ่งนางท้อง”

“ม มิจริง ฮึก อึก” คุณหญิงเป็นลมหงายหลังตึงให้บ่าวมันวิ่งมาพัดมาวี



หลังจากที่คุณหญิงท่านฟื้นแล้ว กรรมจักไปตกที่ใครถ้ามิใช่อีแดงบ่าวคนสนิท อีแดงถูกลากมากองอยู่แทบเท้าท่านรองเจ้ากรมนา

“มึงบอกกูมาอีแดง ว่าอีลูกทรพีของกูมันท้องกับผู้ใด!”

“ฮึก บ บ่าวมิทราบเจ้าค่ะ”

“มึงจักมิรู้ได้อย่างไร มึงเป็นบ่าวคนสนิทของมัน อยู่กับมันตลอดเพลา”

“ฮึก ๆ ช ช่วงหลังมานี่ บ บ่าวมิได้อยู่กับคุณกิ่งเธอตลอดเพลาเช่นเมื่อก่อนเจ้าค่ะ”

“...”

“ต แต่ บ บ่าวได้ยินคุณกิ่งเธอว่าเธอมีสัมพันธ์กับ อ องค์ภุชงค์เพคะ”

“หุบปากมึงประเดี๋ยวนี้” ท่านรองเจ้ากรมนาตวาดอีบ่าวชั้นต่ำเสียงดัง กล้าพูดออกมาได้อย่างไร หากมีใครมาได้ยินเข้ามิคอขาดกันทั้งเรือนหรือ

“ฮ ฮึก”

“มึงรู้กระไร มึงคายออกมาให้หมดบัดเดี๋ยวนี้”

“...ฮึก อึก”

“มึงจักพูดดี ๆ หรือ มึงจักให้กูทรมานมึงก่อนหาอีแดง”

“ฮึก บ บ่าว...”



เพี๊ย



อีแดงกลอกตาล่อกแล่ก มันจักพูดออกไปดีหรือไม่ หากพูดออกไปแล้ว มิใช่เพียงคุณกิ่งที่จักแย่ มันก็จะตายเอาที่ยุแยงคนเป็นนายให้ไปหาไอ้หมอผีเฒ่านั่น หากแต่ยังมิทันได้คิดกระไรไปมากกว่านี้ มันก็ถูกฝ่ามือของท่านรองเจ้ากรมนาตบเข้าที่หน้าจนเลือดกบปาก

“อีเวร มึงจักพูดหรือไม่”

“ฮึก บ บ่าวพูดแล้วเจ้าค่ะ ฮือ” อีแดงกุมปากตัวเองสะอื้นไห้ตัวสั่นด้วยความกลัว

“...”

“ค คุณกิ่งเธอให้บ่าวไป ห หาพ่อหมอไสยที่เก่งกาจมีวิชามาให้ บ บ่าวจึงไปหามาให้เธอตามคำสั่ง”

“...”

“คุณกิ่งเธอให้บ่าวพาไปหาหมอไสยที่กระท่อมท้ายป่าช้าที่คุ้งน้ำฝั่งโน้น เธอไปให้พ่อหมอทำเสน่ห์ยาแฝดใส่ อ องค์ภุชงค์ท่าน ฮึก ฮือ ค คุณกิ่งเธอให้บ่าวรออยู่นอกเรือน บ บ่าวมิทราบว่าพ่อหมอทำพิธีกระไรให้คุณกิ่งเธอ”

“...”

“หลังจากนั้น บ บ่าวก็มิทราบแล้วเจ้าค่ะ บ บ่าวติดตามคุณกิ่งเธอไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ฮือ”

“...”

“หลังจากนั้นคุณกิ่ง ธ เธอก็มิให้บ่าวตามเธอไปอีก เธอมักจักออกไปข้างนอกคนเดียว เมื่อบ่าวถาม คุณกิ่งเธอก็บอกแต่เพียงว่าเธอไปเข้าเฝ้าองค์ภุชงค์เจ้าค่ะ ฮือ บ บ่าวทราบแค่นี้เจ้าค่ะ บ่าวทราบแค่นี้จริง ๆ เจ้าค่ะ”

“...”

“ส่วนเรื่องเด็กในท้องของคุณกิ่ง ฮึก ฮือ บ่าวมิทราบจริง ๆ เจ้าค่ะ ว่าใครเป็นพ่อ ฮือ”



เมื่อได้ฟังคุณหญิงท่านก็ปล่อยโฮ แลเป็นลมล้มตึงไปอีกรอบ ส่วนท่านรองเจ้ากรมนาเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากอีแดงก็โกรธจนตัวสั่น แลลงไม้ลงมือกับอีแดงจนสะบักสะบอมดูมิได้

“อั่ก ฮือ คุณท่านเจ้าขา เมตตาบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” อีแดงนอนขดรับเท้าจากนายใหญ่ของเรือน

“ฮึก ฮือ มิจริง ฮือ แม่กิ่งลูกแม่ ไยจึงทำเช่นนี้ ฮือ” คุณหญิงท่านร่ำไห้ขาดสติโดยมีบ่าวคนสนิทคอยบีบนวดให้



.

.

.



















หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๐๗.๐๕.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: roseladiie ที่ 07-05-2020 20:37:31
เพิ่งอ่านยาวมารวดเดียวเลยค่ะ 555
ชอบอ่านแนวนี้มากๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

อยากทราบว่าจะมีเรื่องของเจ้าน้อยธาราสลิลแยกไหมค้า หรือว่าเป็นคู่รองในเรื่องนี้เลย
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๐๗.๐๕.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 07-05-2020 21:01:09
เค้าเรียกใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ ผลกรรมเลยตกอยู่กับตัวเพราะการทำสิ่งไม่ดีและไม่ถูกต้อง อยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัว
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๐๗.๐๕.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-05-2020 01:49:11
ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น  :ling2:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๐๗.๐๕.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-05-2020 09:41:51
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๐๗.๐๕.๖๓ หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: chiraphat ที่ 09-05-2020 14:01:25
รอตอนหน้าต่อ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๑๙.๐๖.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 19-06-2020 12:14:07
ภุชงค์เล่นแสง ๒๓


ครืน ครืน

ราตรีนี้ท้องฟ้าคำรามเสียงดังโครมคราม นภาแดงก่ำจนน่ากลัว ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล เห็นทีคืนนี้คงจักตกหนักเป็นแน่ โชคดีนักที่องค์สิงห์ แลครอบครัวศศิมณฑลเดินทางกลับแคว้นไปแล้วเมื่อสามวันก่อน มิเช่นนั้นเจอฝนฟ้าเช่นนี้คงจักเดินทางลำบากเป็นแน่ เจ้าแสงแรกให้นมลูกพลางกวาดเนตรมองนภาแดงก่ำนอกพระบัญชร

“องค์ภุชงค์” เจ้าแสงแรกผินพักตร์มาเรียกพระภัสดาที่กล่อมเจ้าตัวน้อยคนโตอยู่

“หืม” องค์ภุชงค์ขานรับ แลเงยพักตร์ขึ้นมองเมีย

“ดูท่าคืนนี้ฝนคงจักตกหนัก ฟ้าแดงก่ำเสียจนน่ากลัวเชียวพระเจ้าค่ะ”

“อืม นั่นสิ” องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรนภาแดงก่ำที่นอกพระบัญชร แลคล้อยตามเมีย

“เราเอาลูกนอนบนพระแท่นบรรทมด้วยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“...” หากเอาลูกนอนบนพระแท่นบรรทมด้วยก็ต้องเอาลูกนอนตรงกลางหนาสิ เช่นนั้นพระองค์จักนอนกอดเมียได้อย่างไร

“หนาพระเจ้าค่ะ...ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นห่วงลูก กลัวลูกจักตกใจเสียงฟ้าเสียงฝน” ตรัสออดอ้อนพลางเอื้อมหัตถ์ไปลูบพระเพลาของพระภัสดาท่าน

“ก็ได้ ๆ” องค์ภุชงค์ยอมพยักพักตร์

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลออกมา แลก้มลงจรดพระนาสิกกับปรางนุ่มของลูก



เป็นอันว่าองค์ภุชงค์ต้องขนเจ้ารพิ แลเจ้ารวิที่นอนอยู่ในแปลขึ้นนอนบนพระแท่นบรรทมที่เจ้าแสงแรกเรียกข้าหลวงมาปูผ้ารองให้ เจ้าด้วงน้อยสองคนนอนเรียงกันอยู่บนผ้าผืนหนา โดยที่เจ้ารวียังเข้าเต้ามารดาอยู่

“ปิดหน้าต่างให้มิดชิดหนา” เจ้าแสงแรกรับสั่งกับข้าหลวงรับใช้

“เพคะ” ข้าหลวงสาวรับพระบัญชา แลไล่ปิดบานพระบัญชรให้มิดชิด

“ฝ่าบาท เอาผ้ามาห่มให้ลูกด้วยหนาพระเจ้าค่ะ เอาของเจ้ารวีมาด้วย” เจ้าแสงแรกสั่ง

“จ้ะ ๆ” คนเป็นพ่อหอบผ้าอ้อมของลูก ๆ ทั้งสามมามากองไว้บนพระแท่นบรรทม ก่อนจักคลี่ผ้าอ้อมห่มให้เจ้ารพิ แลเจ้ารวิ นัยน์ตากวางของเจ้าสองพี่น้องปรือปรอย คนเป็นพ่อจึงได้วางพระหัตถ์ลงบนอุระเล็ก แลตบเบา ๆ กล่อมลูก ส่วนเจ้าแสงแรกนั้น เมื่อเจ้ารวีอิ่มแล้ว จึงได้ประคองลูกขึ้นพาดอังสะของตน หัตถ์บางลูบแผ่นหลังเล็กไปมา มินานเสียงเรอเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นข้างพระกรรณ เรียกรอยสรวลเอ็นดูจากมารดา เจ้าแสงแรกใช้ปลายพระดรรชนีพันผ้าอ้อมชุบ แลจุ่มลงในน้ำต้มสุก ก่อนจักล้วงดรรชนีเข้าไปกวาดคราบน้ำนมในปากลูกเบา ๆ เจ้ารวีน้อยขย้อนเล็กน้อย แลเบะโอษฐ์เตรียมแผดเสียงไห้ หากแต่เจ้าแสงแรกก็รีบโยกกายเบา ๆ ปลอบลูก พระโอษฐ์กดจูบที่ปรางนิ่มของลูกแผ่วเบา ได้สักพักเจ้ารวีก็เข้านิทราตามพระเชษฐาทั้งสอง



เจ้าแสงแรกประคองเจ้าตัวน้อยคนสุดท้องลงนอนข้างเจ้ารวิ คว้าผ้าอ้อมผืนนิ่มมาคลี่ แลคลุมปิดกระหม่อมลูก ๆ ทั้งสามคนไว้ เพราะกลัวว่าความเย็นจากฝนที่โปรยปรายลงมาจักทำให้ลูกมิสบายเอาได้ เมื่อจัดที่จัดทางได้แล้วก็ถึงเพลานอนของพ่อ แลแม่

“ทรงพระสุบินดีหนาพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท” เจ้าแสงแรงตรัส แลแย้มสรวลหวานให้พระภัสดา

“จ้ะ เจ้าก็เช่นกันหนา” องค์ภุชงค์ตรัส แลสรวลตอบเมีย



ดวงเนตรของสองผัวเมียปิดลง รีบนิทราก่อนเป็นดี มิรู้ว่าคืนนี้เจ้าตัวน้อยทั้งสามจักตื่นขึ้นมาไห้โยเยหิวนมอีกเมื่อใด เช่นนั้นรีบนอนก่อนเป็นดีที่สุด



.

.

.



เสียงฟ้าร้องดังโครมคราม สายฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว แม่ปิ่นที่นอนหลับอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหู

“แม่ปิ่น ตื่นเถิด...แม่ปิ่น องค์ภุชงค์ท่านรอให้แม่ไปเข้าเฝ้าอยู่หนา”

“ฝ่าบาท” แม่ปิ่นตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากเตียงนอน แม่ปิ่นมิได้ถูกมัดติดกับเตียงนอนแล้ว หากแต่กลับถูกล่ามด้วยตรวนเส้นใหญ่แทน แลสายตรวนก็ยาวพอให้แม่ปิ่นเดินไปมาได้ หากแต่ก็สุดแค่บานประตูหอนอนเท่านั้น ท่านรองเจ้ากรมนาล่ามแม่ปิ่นไว้รอวันที่จักส่งบุตรีวิปลาสผู้นี้กลับไปอยู่ที่ชานเมืองกับผู้เป็นยายตามเดิม

“องค์ภุชงค์ท่านรอแม่ปิ่นอยู่หนา รีบตามมาเสียล่ะ” นางโหงพรายในคราบนางข้าหลวงเอ่ย แลหายวับเข้าไปในกำแพงหอนอน

“ฝ่าบาท ๆ ฝ่าบาทเพคะ” แม่ปิ่นเดินไปที่ประตูหอนอนหวังจักออกไปเพื่อพบชายอันเป็นที่รัก



แกร๊ก แกร๊ก



หากแต่ประตูหอนอนกลับถูกลั่นดานไว้จากด้านนอก ขังแม่ปิ่นเอาไว้ แม้จักล่ามตรวนไว้แล้วก็ตาม แม่ปิ่นทุบประตูหอนอนปึงปังเท่าใดประตูก็มิเปิดออก

“ปล่อยข้า ข้าจักออกไปหาองค์ภุชงค์ผัวข้า!” แม่ปิ่นกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น ไยพวกมันจักต้องกีดกันข้า แลองค์ภุชงค์ท่าน เมื่อทุบประตูมิได้ผล แม่ปิ่นจึงใช้เล็บขูดข่วนบานประตูไม้เนื้อหนาจนเป็นรอย เพราะเสียงฝน แลเสียงฟ้าที่ดังสนั่นคนในเรือนจึงมิได้ยินกรีดร้องอาละวาดของแม่ปิ่น



ครืด ครืด ครืด ครืด



เสียงจิกเล็บขูดบานประตูคลอเคล้ากับเสียงฝนที่เทกระหน่ำลงมา เล็บบางทนความแข็งของเนื้อไม้มิไหวจึงอ้าออกโลหิตไหลซึมลงมา หากแต่แม่ปิ่นหาได้เจ็บปวดไม่ ยิ่งออกแรงจิกเล็บกับเนื้อไม้ เล็บก็ยิ่งอ้าออกจวนจักหลุดอยู่รอมร่อ

“อีชั่ว มึงแย่งผัวกู กูจักสาปแช่งมึง ฮะฮ่า ๆ ๆ ฝ่าบาทเพคะ ฮึก ฮือออ ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ พวกมันกักขังหม่อมฉัน ฮึก พวกมันกีดกันมิให้หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าพระองค์ ฮือออ อีพระชายาชั่ว เป็นเพราะมึง อีฉิบหาย กูขอให้มึงตาย ให้ลูกมึงตาย ฮะฮ่า ๆ ๆ ฮึก องค์ภุชงค์ ฮือ หม่อมฉันคิดถึงพระองค์เหลือเกินเพคะ ฮือออ” แม่ปิ่นทรุดกายลงนั่งกอดเข่าสะอื้นไห้สลับกับหัวร่อออกมา



รุ่งขึ้น

อีแดงรีบขึ้นเรือนใหญ่มาตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง ความจริงคุณท่านให้มันนอนเฝ้าคุณปิ่นเธอ หากแต่ใครเล่าจักอยากนอนกับคนบ้า มันจึงได้แอบหนีลงไปนอนที่เรือนบ่าว พอเช้าจึงขึ้นมาที่หอนอนคุณปิ่นเธอ



แกร๊ก แอ๊ด



อีแดงปลดไม้ที่ลั่นดานไว้ออก แลผลักบานประตูเข้าไป แต่ภาพคนเป็นนายที่มันเห็นก็ทำเอามันหวีดร้องด้วยความตกใจ คุณปิ่นเธอนั่งกอดเข่าจ้องบานประตูตาค้าง ที่มือของเธอมีเลือกแห้งเปรอะทั้งสองมือ สภาพเล็บอ้าออกดูน่ากลัว

“ฝ่าบาทเพคะ” แม่ปิ่นเมื่อเห็นบานประตูเปิดออกก็พุ่งตัวออกไปทันที หากแต่ก็ติดตรวนที่ล่ามขาไว้ทำให้ล้มกระแทกพื้นเสียงดังไปทั้งเรือน

“คุณปิ่นเจ้าขา” อีแดงรีบเข้าไปประคองคนเป็นนาย คุณปิ่นเธอตั้งท้องอ่อน ๆ อยู่ล้มแรงเช่นนี้...

“อึก” แม่ปิ่นขดตัวกอดท้องตนด้วยความเจ็บปวด

“คุณปิ่น! ช่วยด้วย ใครก็ได้ตามหมอที ช่วยด้วย” เลือดสีแดงไหลซึมจนเปียกซิ่นที่แม่ปิ่นนุ่งเป็นวงกว้าง



เช้านั้นเรือนท่านรองเจ้ากรมนาวุ่นวายโกลาหลไปทั้งเรือน คุณหญิงท่านเป็นลมแล้วเป็นลมอีก สุดท้ายเมื่อท่านหมอมาถึงเด็กในท้องของแม่ปิ่นก็สิ้นบุญไปเสียแล้ว หมอท่านจ่ายยาขับเลือดให้อีแดงต้มให้นายมันกินขับก้อนเลือดที่ค้างอยู่ในท้องออก ส่วนท่านรองเจ้ากรมนาใครก็เข้าหน้ามิติดทั้งนั้น



.

.

.





สามคืนต่อมา ดวงจันทร์ส่องสว่างสมกับเป็นคืนข้างขึ้น ท่านรองเจ้ากรมนาให้อีแดงนำทางไปหาไอ้พ่อหมอไสยที่มันทำให้บุตรีของท่านกลายเป็นคนวิปลาส นอกจากอีแดงแล้วท่านรองเจ้ากรมนายังพาบ่าวชายไปด้วยอีกร่วมสิบคน เรือแจวลำเล็กสี่ลำล่องไปตามคลองไปที่อีกฟากคลองอันเป็นที่ตั้งของเรือนหมอไสย มินานเรือแจวลำเล็กลอยมาเทียบท่าที่ฝั่งป่าช้ารกร้าง บ่าวชายก้าวขึ้นฝั่ง แลผูกเรือไว้กับตอไม้ริมท่าน้ำ

“ถึงแล้วขอรับคุณท่าน”



ท่านรองเจ้ากรมนาก้าวลงจากเรือ ท่านปรายตามองอีแดงที่ตัวสั่นงก ๆ ก่อนจักพยักหน้าให้บ่าวชายที่ติดตามมาลากบ่าวคนสนิทของบุตรีออกมา

“มึงพากูไปที่เรือนของไอ้หมออัปรีย์นั่น”

“จ จ เจ้าค่ะ ฮึก” อีแดงก้าวขาสั่น ๆ ไปตามทางที่มันเคยพาคุณกิ่งเธอมา



ท่านรองเจ้ากรมนาเดินตามอีแดงจนมาหยุดอยู่ที่หน้ากระท่อมของหมอไสย ดวงตาของขุนนางวัยกลางคนกวาดมองเรือนตรงหน้าด้วยโทสะที่โหมในใจ

“มึงเข้าไปอีแดง”

“จ เจ้าค่ะคุณท่าน”



อีแดงยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเอง ก่อนจักค่อย ๆ เดินขึ้นเรือนของหมอไสยไปเงียบ ๆ มันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แลตะโกนเรียกพ่อหมอ

“พ่อหมออยู่หรือไม่จ๊ะ พ่อหมอ”

“...”

“พ่อหมอ”

“เข้ามา แลก็เข้ามากันให้หมดนั่นแล หึหึหึ” เสียงพ่อหมอที่ดังออกมาจากกระท่อมทำเอาอีแดงรีบหันไปมองคุณท่านของมันทันที ท่านรองเจ้ากรมนาจึงได้ก้าวเท้าขึ้นมาบนเรือนของพ่อหมอไสย



ปัง



บ่าวชายคนสนิทของท่านรองเจ้ากรมนาถีบบานประตูเข้าไปอย่างแรง ภายในเรือน พ่อหมอไสยนั่งสมาธิอยู่หน้าโต๊ะหมู่ที่มิได้ใช้บูชาพุทธคุณหากแต่ตั้งไว้เพื่อบูชาเวทย์ไสยมนต์ดำต่างหาก

“มึงรู้หรือว่ากูจักมา” ท่านรองเจ้ากรมนาเอ่ยถาม

“หึหึหึ รู้สิ ท่านรองเจ้ากรมนา อ่อ มิใช่สิ ท่านพ่อตา ฮะฮ่า ๆ ๆ”

“มึง!!”

“คุณหนูปิ่นเมียข้าเป็นอย่างไรบ้างเล่า มิได้เจอเสียตั้งเป็นสิบวันแล้ว ให้อีโหงพรายไปตาม ก็มิยอมมา” หมอไสยว่าก่อนจักหลับตาพึมพำท่องมนต์ มือก็นับลูกประคำไปด้วย



ท่านรองเจ้ากรมนามิยอมให้เสียเพาไปมากกว่านี้ เท้าหนากระแทกเข้าที่ใบหน้าของหมอไสยจนหงายหลังตึง เลือดสีแดงไหลกบปาก

“มึง” พ่อหมอลุกขึ้นมาชี้หน้าท่านรองเจ้ากรมนา ก่อนจักเรียกนางโหงพรายออกมา ปากก็ท่องมนต์ควบคุมนางโหงพรายให้จัดการท่านรองเจ้ากรมนา แลบ่าวชายอีกนับสิบ แต่ดูเหมือนพ่อหมอคงจักลืมอีแดงไปแล้วกระมัง อีแดงซุกตัวเข้ากับซอกโต๊ะบูชามนต์ดำ มันเอามืออุดปากตัวเองกลั้นเสียงไห้ ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นคุณท่าน แลพวกบ่าวชายยกมือกุมคอตัวเองหน้าเขียว อีแดงมองอย่างมิรู้จักทำกระไรดี หากคุณท่าน แลบ่าวพวกนี้ตายไป ศพต่อไปจักเป็นใครได้หากมิใช่มัน สุดท้ายมันก็ตัดสินใจละทิ้งความอับอายถอดซิ่นของตัวออก ย่องเข้าไปด้านหลังหมอไสย หากแต่ยังมิทันที่มันจักได้ทำการอย่างที่มันคิด พ่อหมอไสยก็หันมา แลตบเข้าที่หน้าของมันจนล้มคว่ำ พ่อหมอไสยตามมาคร่อมอีแดง ฝ่ามือหนากดบีบไปที่คอของอีแดง อีแดงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเหลือกขึ้น ใบหน้าเขียวคล้ำ หากแต่คงเป็นโชคของมันกระมังที่มันดิ้น แลเข่าไปกระแทกเข้าที่กล่องดวงใจของพ่อหมอไสยเข้า

“อั่ก” พ่อหมอไสยทรุดลงบนตัวของอีแดง

“อึก” อีแดงรีบโกยอากาศเข้าปอด มันตะเกียกตะกายคลานหนีให้ห่างจากพ่อหมอไสย

“อีเวรนี่!” พ่อหมอไสยคว้าข้อเท้าของอีแดงไว้

“อึก ปล่อยกู ปล่อย” อีแดงถีบขาไปมาจนโดนเข้าที่หน้าของพ่อหมอไสย มือที่กำข้อเท้าอีแดงไว้จึงหลุดออก อีแดงรีบคลานไปคว้าผ้าซิ่นของมันมา แลครอบลงบนหัวของพ่อหมอไสยทันที

“อ๊ากกกกก อีชั่ว!” พ่อหมอไสยกรีดร้องคำรามเสียงดัง มนต์ที่ควบคุมนางโหงพรายให้ทำร้ายท่านรองเจ้ากรมนา แลบ่าวชายคลายลงทันที



กลุ่มควันสีดำลอยขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ แลพุ่งเข้าใส่พ่อหมอไสยท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนแสบแก้วหู มนต์ดำที่มันทำใส่ผู้อื่น คงจักย้อนเข้าตัวแล้วเป็นแน่ ท่านรองเจ้ากรมนา แลบ่าวชายนอนไอขลุกขลักเกลื่อนพื้นเรือนหมอไสย ส่วนตัวพ่อหมอไสยนั้นนิ่งไปเสียแล้ว อีแดงเห็นดังนั้นจึงดึงซิ่นของมันที่ครอบหัวพ่อหมอไสยอยู่ออก

“กรี๊ด” อีแดงกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อภาพที่มันเห็นคือพ่อหมอไสยนอนหงาย ตาเบิกโพลง ปากอ้าค้าง แลมีเลือดไหลซึมออกจากทวารทั้งเจ็ด อีแดงลนลานรีบนุ่งซิ่นของตัวเอง ก่อนจักคลานไปหาท่านรองเจ้ากรมนา

“ค คุณท่านเจ้าขา ฮึก คุณท่าน” อีแดงประคองคนเป็นนายขึ้น ท่านรองเจ้ากรมนาหอบหายใจพลางยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง บ่าวชายที่เหลือก็พากันค่อย ๆ ลุกขึ้น บ้างประคองเพื่อน บ้างให้เพื่อนประคอง

“มันตายหรือยัง” ท่านรองเจ้ากรมนาเอ่ยถามพลางพยักพเยิดหน้าไปทางพ่อหมอไสยที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น บ่าวคนสนิทของท่านจึงได้เดินเข้าไปใกล้ ๆ ร่างพ่อหมอไสย แลใช้เท้าเขี่ย ทว่าพ่อหมอไสยก็ยังนิ่งมิไหวติงใด ๆ มันจึงได้ใช้มืออังที่ใต้จมูกของพ่อหมอไสย

“ยังหายใจอยู่ขอรับคุณท่าน หากแต่รวยรินนัก”

“ดี...เผาเรือนมันซะ เผามันทั้งเป็นนี่แล ให้สมกับที่มันทำให้ลูกกูตายทั้งเป็น!”



รุ่งขึ้นชาวบ้านร้านตลาดก็พูดกันปากต่อปากไปทั่วคลุ้งน้ำย่านนี้ว่าจู่ ๆ เรือนพ่อหมอคง หมอไสยผู้มีชื่อเสียงถูกไฟไหม้จนมอดทั้งหลัง พบศพในกองขี้เถ้า หากแต่ก็ดูมิออกว่าเป็นใคร เพราะศพนั้นไหม้ดำเป็นตอตะโกจนดูมิออกว่าเป็นผู้ใด แต่ชาวบ้านก็พูดกันไปว่าคงจักเป็นศพของพ่อหมอไสยนั่นแล หากมิใช่ท่านหมอไสยผู้เลื่องชื่อแล้วจักเป็นใครไปได้อีก มิเพียงสิ้นพ่อหมอคงเพียงเท่านั้นมนต์ดำยาแฝดใด ๆ ที่พ่อหมอทำให้ผู้อื่นก็สูญสลายหายไปเช่นกัน อย่างอีน้อย เมื่อมนต์ดำยาแฝดที่พ่อหมอทำให้คลายลง มันก็ถูกคุณหลวงท่านเฆี่ยนเสียจนหลังแทบขาด อีกทั้งยังขายมันให้ตลาดทาสอีกต่างหาก ครอบครัวคุณหลวงท่านจึงได้กลับมารักใคร่กันเช่นเดิม ส่วนแม่กิ่งนั้น...

“กรี๊ด อ้วก ค่อก” หลังจากที่ท่านรองเจ้ากรมนาท่านพาบ่าวไปบุกเรือนพ่อหมอไสย คุณหญิงท่านก็พาบุตรีมาที่วัดพร้อมบ่าวอีกหลายคนทันที คุณหญิงท่านขอความเมตตานิมนต์พระผู้ใหญ่ท่านให้มาช่วยบุตรีของตน

“จับนางให้มั่น แลรดน้ำมนต์ลงกระหม่อมนาง อย่าหยุด” หลวงตาท่านสั่ง แลยืนดูอยู่ห่าง ๆ บ่าวจากเรือนคุณหญิงถึงห้าคนช่วยกันยึดแขน ยึดขา แลกดตัวของแม่กิ่งไว้มิให้ดิ้น ส่วนอีกสองคนก็ช่วยกันตักน้ำมนต์รดลงกระหม่อมของคุณหนูกิ่งเธอ

“กรี๊ด อ่อก อ้วก” แม่กิ่งกรีดร้องดิ้นทุรนทุราย แลอาเจียนออกมาเป็นของเน่าของเสียสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง

“ฮึก ฮือ แม่กิ่งลูกแม่” คุณหญิงท่านร้องห่มร้องไห้จนตาปูดบวม มีบ่าวคนสนิทคอยพัดวีให้

“กรี๊ดดดด อ่อก ค่อก” แม่กิ่งหวีดออกมาเสียงดังจนนกแตกรัง อาเจียนออกมาจนลำคอเกร็ง ก่อนจักหมดสติไป

“แม่กิ่ง ๆ แม่กิ่งลูกแม่” คุณหญิงท่านรีบปรี่เข้าไปประคองลูก

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนองหนาคุณหญิง” หลวงตาท่านว่า ก่อนจักเดินกลับกุฏิไป

“ฮึก แม่กิ่ง”



หลังจากที่แม่กิ่งฟื้นขึ้นมาก็มิพูดมิจา ดวงตาเหม่อลอย จำใครมิได้ทั้งนั้น แม้แต่ตัวเอง หากแต่ก็ยังโชคดีที่แม่กิ่งมิได้อาละวาดคลุ้มคลั่งเช่นแต่ก่อน เพลานี้แม่กิ่งราวกับมีเพียงร่างไร้วิญญาณเท่านั้น

“น้องกับลูกไปก่อนหนาเจ้าคะคุณพี่” คุณหญิงท่านว่าเสียงสั่นเครือ พลางยกผ้าซับน้ำตาตนเองเบา ๆ

“ไปเถิด แลพี่จักไปเยี่ยมคุณหญิง แลลูกบ่อย ๆ ก็แล้วกันหนา”

“เจ้าค่ะ น้องลาหนาเจ้าคะ”

“อื้ม”



คุณหญิงท่านพาบุตรีคนเดียวของจนเองกลับไปอยู่บ้านพ่อ แม่คุณหญิงที่ชานเมือง เพื่อเลี่ยงคำนินทาว่าร้ายจากชาวบ้าน แลเพื่อให้แม่กิ่งได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ



.

.

.



ราตรีที่ผ่านมาฝนเทกระหน่ำตกลงมาทั้งคืน ทำให้อรุณนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม แลอากาศยังเย็นจนหนาวอีกต่างหาก เจ้าแสงแรกเอาผ้าอ้อมห่อลูกทั้งสามคนหนาหลายชั้นจนกลายเป็นก้อนดักแด้

“เอ๊ะ” หลังจากที่ให้นมเจ้าตัวน้อยครบทุกคนแล้ว เจ้าแสงแรกก็มีเพลาสำรวจลูกน้อยทั้งสาม แลสายพระเนตรของมารดาก็ไปสะดุดเข้ากับรอยแหว่งของผมเจ้ารวีที่เป็นหย่อมเล็ก ๆ เจ้าแสงแรกจึงได้วางเจ้าคนน้องลง แลอุ้มเจ้าคนพี่อีกสองคนมาสำรวจบ้าง ปรากฏว่าเจ้าตัวน้อยทั้งสามคนมีร่องรอยผมแหว่งเป็นหย่อม ๆ เช่นกัน แต่ดูแล้วเจ้ารพิจักมีน้อยกว่าน้องทั้งสองคนอยู่บ้าง

“ยี่สุ่น ชงโค ผ้าอ้อมกินผมลูกข้า!” เจ้าแสงแรกตรัสออกมาพลางเบะโอษฐ์ พระพักตร์งามบึ้งตึง ปลายพระดรรชนีลูบที่รอยแหว่งบนหัวลูกแผ่วเบา

“พระเจ้าค่ะพระชายา” บ่าวคนสนิททั้งสองรีบคลานเข้ามาหาคนเป็นนายทันทีที่ได้ยินพระสุรเสียงร้อง

“ผ้าอ้อมกินผมลูกข้า พวกเจ้าดูสิ ผมลูกข้าแหว่งหมดแล้ว” เจ้าแสงแรกตรัส พลางประคองร่างเล็กจ้อยของเจ้ารวีให้บ่าวคนสนิททั้งสองได้ดูรอยแหว่งบนหัวกลม

“จักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่น แลชงโคมีสีหน้ากังวลตามคนเป็นนาย

“...เตรียมตัว ข้าจักไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ชมนาด”

“พระเจ้าค่ะ”



จากนั้นนายบ่าวทั้งสามก็กระเตงเจ้าดักแด้น้อยทั้งสามไปยังตำหนักหลวงที่พระชายาชมนาดท่านประทับอยู่

“ทูลพระชายาชมนาด พระชายาแสงแรก แลพระนัดดาขอเข้าเฝ้าเพคะ” ข้าหลวงเฝ้าบานพระทวารกราบทูล

“ให้สุณิสา แลนัดดาข้าเข้ามา” เจ้าชมนาดตรัส พลางคว้าผ้าสีหวานมาคลุมอังสะบางของพระองค์

“ถวายพระพรเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส แลคลานเข่าเข้าหาพระสัสสุ

“มิต้องมากพิธีดอกลูก แลหอบลูกหอบเต้ามาหาแม่แต่เช้ามีกระไรหรือเจ้า”

“เสด็จแม่ ดูผมเจ้าตัวน้อยทั้งสามคนของหม่อมฉันสิพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเบะโอษฐ์ แลยื่นเจ้ารวีในอ้อมพระกรให้พระสัสสุทอดพระเนตรรอยแหว่งบนหัวกลมของลูก

“หืม” เจ้าชมนาดก้มลงทอดพระเนตรรอยแหว่งบนเศียรของนัดดาตัวน้อย

“ผ้าอ้อมกินผมลูกหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ”

“เป็นทุกคนเลยหรือลูก”

“พระเจ้าค่ะ เจ้ารพิดูจักน้อยหน่อย หากแต่เจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั้นถูกผ้าอ้อมกินเป็นวงเกือบเท่าลูกมะนาวเชียว จักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ”

“ใจเย็น ๆ ก่อนหนาเจ้าแสงแรก เพลานี้เจ้าตัวน้อยทั้งสามของเจ้ายังเล็กนัก รากผมยังอ่อนอยู่ เมื่อเสียดสีกับผ้าอ้อมจึงหลุดร่วงได้ง่าย ประเดี๋ยวพอโตกว่าอีกสักหน่อย ผมที่แหว่งไปก็จักขึ้นใหม่ มิต้องกังวลหนา”

“พระเจ้าค่ะ” ได้ยินที่พระสัสสุท่านตรัสแล้วก็ค่อยสบายพระทัยขึ้นมาหน่อย

“แลนี่ห่อผ้าอ้อมมาจนข้านึกว่าดักแด้ หึหึหึ” เจ้าชมนาดตรัสเย้า แลรับเจ้ารพิ แลเจ้ารวิมานอนเล่นบนตั่ง

“เมื่อคืนฝนตก เช้านี้อากาศเย็นชื้น หม่อมฉันกลัวว่าลูกจักป่วยจึงได้ห่อผ้าอ้อมให้เสียหลายชั้นพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้วเจ้า” พระชายาชมนาดหยอกเย้ากับก้อนดักแด้ทั้งสามอยู่ครู่ใหญ่ เจ้าแสงแรกจึงได้หอบลูกกลับตำหนัก



ระหว่างทางกลับตำหนักเจ้าแสงแรกก็พาลูกทั้งสามแวะสวนพฤกษาก่อน เจ้าตัวน้อยทั้งสามที่เริ่มจักมองเห็นได้ชัดแล้ว กวาดสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความสนอกสนใจ

“แม่พามาสูดอากาศเดี๋ยวเดียวเท่านั้นหนาลูก” เจ้าแสงแรกกระซิบบอกเจ้าตัวน้อยในอ้อมพระกร แลเหลือบพระเนตรมองเจ้ารพิ แลเจ้ารวิที่ยี่สุ่น แลชงโคอุ้มอยู่

“แม่พามาเที่ยวเดี๋ยวเดียวหนาลูก” เจ้าแสงแรกตรัส แลเอื้อมพระดรรชนีไปเขี่ยปรางนิ่มของเจ้ารพ แลเจ้ารวิ เจ้ายี่สุ่น แลชงโคหัวร่อคิกคักเบา ๆ ก่อนจักแอบแตะปลายจมูกหอมพระปรางของเจ้านายน้อย



เจ้าแสงแรก แลบ่าวคนสนิทพาเจ้าดักแด้น้อยทั้งสามเดินเล่นในสวนพฤกษาได้ครู่เดียวก็พากันกลับตำหนักองค์รัชทายาท

“พาลูกไปไหนมาหรือเจ้า” องค์ภุชงค์ตรัสถามเมีย พลางดำเนินเข้าไปรับเจ้ารพิ แลเจ้ารวิมาจากเจ้าบ่าวรักยม

“หม่อมฉันพาลูกไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่มาพระเจ้าค่”

“ไยจึงพาลูกไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ท่านแต่เช้าเช่นนี้เล่า มีกระไรหรือเจ้าแสง”

“ฝ่าบาทก็ทอดพระเนตรที่ผมลูกดูสิพระเจ้าค่ะ"

“หืม” องค์ภุชงค์เปิดผ้าอ้อมเจ้ารวิออก ก็ทอดพระเนตรเห็นรอยแหว่งที่เหนือใบหูของเจ้ารวิ เปิดผ้าอ้อมดูเจ้ารพิก็พบรอยแหว่งเช่นเดียวกัน แลเมื่อเจ้าแสงแรกเปิดผ้าอ้อมของเจ้ารวีออก คนเป็นพ่อก็พระทัยเสีย พระเนตรเบิกกว้าง มิได้สังเกตมาก่อนเลยว่าลูก ๆ มีรอยแหว่งเป็นหย่อม ๆ ที่ผมเช่นนี้

“เจ้ารวี คนงามของพ่อ...เกิดกระไรขึ้นเจ้าแสง ไยผมลูกจึงได้แหว่งเช่นนี้เล่า” องค์ภุชงค์ยื่นหัตถ์ไปแย่งเจ้าคนน้องออกจากอ้อมแขนของเมีย

“ผ้าอ้อมกินผมลูกพระเจ้าค่ะ หากแต่เสด็จแม่ท่านว่าประเดี๋ยวพอลูกโตกว่านี้ ผมก็จักขึ้นใหม่เองพระเจ้าค่ะ”

“โธ่ เจ้ารวิ เจ้ารวีคนงามของพ่อ ยังดีที่ผมเจ้ารพิแหว่งไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

“พระเจ้าค่ะ”



สองผัวเมียใช้เพลาในตอนเช้าหยอกเย้าลูกน้อยทั้งสามด้วยความรักใคร่ เจ้าแสงแรกคลี่ผ้าอ้อมที่ห่อตัวลูกไว้ออก แลจับเจ้าตัวน้อยทั้งสามนอนคว่ำ เจ้ารพิพยายามเงยหน้าขึ้น คอเล็กตั้งขึ้นได้ครู่เดียว ก่อนจักฟุบลงไป ส่วนเจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั้นทั้งพ่อ แลแม่ก็พยายามลุ้นเจ้าตัวน้อยให้ตั้งคอตามพี่คนโต แลมิเพียงคนเป็นพ่อ แลแม่เท่านั้นที่ลุ้น ข้าหลวงรับใช้คนสนิทก็ลุ้นตามเสียจนตัวโก่ง

“เก่งมาก” องค์ภุชงค์ตรัส แลคว้าเจ้ารพิขึ้นมาฟัดปรางจนลูกหน้าโย้

“เบาหน่อยเถิดพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส กลัวเหลือเกินว่าลูกจักไห้เอาได้

“ฮะฮ่า ๆ ๆ” องค์ภุชงค์สรวล แลแอบอ้าโอษฐ์งับปรางกลมของลูกตอนที่เมียเผลอ

“แอะ แอ้” เจ้ารพิส่งเสียงอ้อแอ้ประท้วงเบา ๆ



เสด็จแม่!! เสด็จพ่อท่านจักกินปรางข้าแล้ว



.

.

.



สามวันถัดมา พระชายาชมนาดท่านก็เรียกสุณิสาให้เข้าเฝ้าที่ตำหนัก แม่สามีบอกเล่าเรื่องของบุตรีของรองเจ้ากรมนาให้สะใภ้รับรู้ว่าเพลานี้หญิงสาววิปลาสจนจำแม้แต่ตนเองมิได้

"หม่อมฉันอโหสิกรรมให้นางพระเจ้าค่ะ แลก็ขอให้นางอโหสิกรรมให้หม่อมฉันด้วย" เจ้าแสงแรกตรัสกับพระสัสสุ แลกระชับลูกน้อยในอ้อมกอดแน่น

"อย่าคิดมากไปเลยหนาเจ้าแสง มันเป็นเวรกรรมที่ก่อ นางก็ต้องรับผลกรรมนั้น" เจ้าชมนาดตรัสปลอบสุณิสา

"...พระเจ้าค่ะ" เจ้าแสงแรกตรัสตอบสุรเสียงแผ่ว

"หากลูกมิสบายใจ เช่นนั้นวันพระใหญ่ที่จักถึงนี้ ออกไปวัดนอกวังหลวงทำบุญให้นางดีหรือไม่ลูก"

"ดีพระเจ้าค่ะเสด็จแม่" เจ้าแสงแรกตรัส แลสรวลให้พระสัสสุ

"เช่นนั้นแม่จักให้ข้าหลวงตระเตรียมของทำบุญให้หนาลูก"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"



.

.

.



เมื่อถึงวันพระใหญ่เจ้านายภุมริกาทั้งเจ็ดพระองค์ก็ตั้งขบวนเสด็จไปยังวัดนอกวังหลวง แลนี่ก็เป็นครั้งแรกของพระนัดดาทั้งสามพระองค์ที่ได้เสด็จออกนอกวัง นอกจากทำบุญเพื่อให้เจ้าแสงแรกสบายพระทัยแล้ว ยังถือโอกาสให้พระคุณเจ้าที่องค์ภุมรินท่านนับถือผูกข้อไม้ข้อมือให้เจ้ารพิ เจ้ารวิ แลเจ้ารวีด้วย

"ข้าขออโหสิกรรมให้เจ้าหนาแม่กิ่ง แลข้าก็หวังว่าเจ้าจักอโหสิกรรมให้ข้าเช่นกัน" เจ้าแสงแรกตรัสระหว่างกรวดน้ำลงที่ใต้ต้นลีลาวดีต้นใหญ่ในวัด

"เจ้าแสงแรกแล้วหรือยังลูก" เจ้าชมนาดตรัสเรียกสุณิสา

"แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ" เจ้าแสงแรกตรัสตอบ ก่อนจักลุกขึ้นดำเนินไปหาพระสัสสุ

"แม่ว่าจักพาเจ้าตัวน้อยทั้งสามแวะตลาดใกล้วังหลวงก่อนกลับเจ้าว่าดีหรือไม่ลูก" เจ้าชมนาดตรัสถาม

"ดีพระเจ้าค่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่ภุมริกาหม่อมฉันยังมิเคยเดินตลาดของภุมริกาเลย" เจ้าแสงแรกดวงเนตรเป็นประกาย

"เช่นนั้นก็ไปกันเถิดลูก ประเดี๋ยวแดดจักแรง"

"พระเจ้าค่ะ"



แลวันนั้นชาวบ้านร้านตลาดก็ได้ชื่นชมความงามของพระชายาขององค์รัชทายาท แลพระโอรสแฝดทั้งสามเป็นครั้งแรก เป็นที่กล่าวถึงความงามของเมีย แลลูกขององค์ภุชงค์ไปเป็นเดือน
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๑๙.๐๖.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-06-2020 20:10:06
มาแล้ว~
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 07-07-2020 15:51:21



ภุชงค์เล่นแสง ๒๔



วัน แลเพลาผ่านไป พระนัดดาน้อยทั้งสามพระองค์ก็เติบโตขึ้นจนเพลานี้ พากันคลานหนียี่สุ่น แลชงโค วุ่นวายเสียยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้ง แลพระเกศาที่แหว่งเพราะถูกผ้าอ้อมกินนั้นก็ขึ้นจนเต็มแล้ว

“ฮือ องค์รพิอย่าคลานไปใกล้น้ำใกล้ท่าพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นตามมิทันแล้วหนา” ยี่สุ่นว่าพลางรีบคลานตามเจ้านายน้อยไปติด มือบางจับช้อนที่ใต้พระกัจฉะ แลยกร่างเล็กขึ้น ขาเล็กเป็นปล้อง ๆ ดีดสะบัดไปมา แม้พระโอรสน้อยของพระชายาแสงแรกท่านจักมีพระชนมายุเพียง ๗ เดือน หากแต่น้ำหนักของเจ้านายน้อยนั้นก็ทำเอายี่สุ่นแขนสั่นทีเดียว

“กรี๊ด” เจ้ารพิกรีดร้อง ดิ้นไปมา ก่อนจักอ้าโอษฐ์สรวลสุรเสียงใส

“ฮึบ ประเดี๋ยวหล่นหนาพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นว่าพลางประคับประคองพระโอรสน้อยกลับมาที่ตั่งที่พระชายาท่านประทับอยู่

“ซนกระไรให้ยี่สุ่นเหนื่อยอีกเล่าลูก” เจ้าแสงแรกตรัสพลางสรวลน้อย ๆ ให้โรสองค์โต

“หามิได้พระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นรีบส่ายหน้า

“ชงโค” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลน้อย ๆ ก่อนจักตรัสเรียกชงโคที่นั่งเล่นกับเจ้ารวิ โดยมีเจ้ารวีนั่งซบท้องอยู่

“พระเจ้าค่ะ”

“นั่นเจ้ารวีนั่งหลับแล้วใช่หรือไม่”

“จริงด้วยพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยรวีบรรทมแล้ว” ชงโคก้มลงมองเจ้าน้อยคนงามที่ตอนนี้ซบหน้าท้องของชงโค นัยน์ตากวางหลับพริ้ม โอษฐ์เล็กอ้าหวอจนเห็นฟันกระต่ายที่เพิ่งขึ้นสองซี่ด้านหน้ารำไร

“ส่งเจ้ารวีมาให้ข้าเถิด”

“พระเจ้าค่ะ” ชงโคพยักหน้าให้ข้าหลวงสาวคนหนึ่งมาดูแลเจ้าน้อยรวิแทน ก่อนจักอุ้มเจ้าน้อยรวีไปส่งให้คนเป็นแม่



เจ้ารวี เมื่อรอดตายจากตอนประสูติมาได้ก็มิมีกระไรให้ต้องกังวลมากนัก นอกเสียจากรูปร่างที่ดูจักเล็ก แลผอมกว่าพี่ ๆ ทั้งสองอยู่หน่อย หากแต่ก็แข็งแรงดี

“เจ้ารพิ เจ้ารวิมิง่วงหรือลูก ช้ากว่านี้จักนอนทับตะวันเอาได้หนาลูก” เจ้าแสงแรกรับเจ้ารวีเข้ามากอด แลตรัสกับโอรสน้อยอีกสองคน

“เจ้าน้อยรวิ พระเนตรเริ่มปรือแล้วพระเจ้าค่ะ หากแต่องค์รพินั้นยังคึก มิมีแววที่จักง่วงเลยพระเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นว่าพลางคลานตามองค์รพิที่คลานไปทั่วศาลาริมสระหลวง

“เช่นนั้น ชงโคกล่อมเจ้ารวิทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“ส่วนเจ้ารพิหากเขามิยอมนอนก็ปล่อยไปแล้วกัน” เจ้าแสงแรกก็มิรู้จักทำอย่างไรให้ลูกนอน จักให้บังคับลูกก็ใช่เรื่อง ดังนั้น ปล่อยให้เล่นไปก็แล้วกัน คนเป็นแม่วางเจ้ารวีลงบนผ้าผืนนุ่มที่ข้าหลวงปูให้ ก่อนจักรับเจ้ารวิเข้ามากล่อม แลวางลงข้าง ๆ เจ้ารวี



กลายเป็นว่าราตรีนี้เจ้ารพิชิงเข้านิทราก่อนน้อง ๆ อีกสองคน โอษฐ์เล็กอ้าหวอจนคนเป็นพ่ออดมิได้ที่จักแหย่พระดรรชนีเข้าปากลูก

“ฝ่าบาทประเดี๋ยวลูกก็ตื่นดอกพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเอ็ดพระภัสดาเบา ๆ โอษฐ์เอ็ดผัว มือก็ประคองเจ้าคนกลางเข้าเต้า

“โธ่ เจ้าแสงก็ดูสิ เจ้ารพิตอนนอนนั้นน่ารังแกน้อยเสียเมื่อใด” องค์ภุชงค์ตรัส

“หึหึหึ ฝ่าบาทปล่อยเจ้ารพินอน แลมากล่อมเจ้ารวีให้หม่อมฉันทีเถิดพระเจ้าค่ะ...นั่น เจ้ารวีจักคลานหนีแล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสพลางเร่งให้พระภัสดาไปคว้าเอาเจ้าตัวน้อยที่พลิกตัวตั้งท่าจักคลาน

“เจ้ารวี” องค์ภุชงค์รีบคว้าตัวเจ้าคนเล็กขึ้น เมื่อเจ้าตัวน้อยคลานตุบตับจวนเกือบจักตกพระแท่นบรรทม

“แอ๊ะ” เจ้ารวีส่งเสียงอ้อแอ้ เมื่อถูกอุ้มจนตัวลอย

“ซนหนาเจ้า กินนมแล้วไยจึงมินอนอีก หืม” องค์ภุชงค์ท่านตรัสกับลูก หากจักถามว่าพระองค์รักลูกคนใดที่สุด พระองค์ตอบได้เลยว่ารักทุกคนเท่ากันมิมีลำเอียง หากแต่จักถามว่าห่วงใครที่สุด ก็ตอบได้เต็มคำว่า พระองค์ห่วงเจ้ารวีที่สุด นั่นก็เป็นเพราะฝังพระทัยที่ตอนเกิดเจ้าตัวน้อยหยุดหายใจไป



เจ้ารวียกแขนดันพระอุระบิดาไว้ องค์ภุชงค์ประคองลูกด้วยท่อนพระกร ส่วนพระหัตถ์อีกข้างก็ประคองแผ่นหลังเล็กไว้ นัยน์ตากวางสองคู่จ้องกันนิ่ง หากแต่ก็เป็นคนเป็นพ่อที่ยอมละสายตาไปก่อน เมื่อเจ้าตัวน้อยเบะโอษฐ์ ส่งเสียงสะอื้น

“ชู่ว ๆ เจ้ารวีมิไห้หนาลูก โอ๋ ๆ” องค์ภุชงค์ท่านรีบอุ้มลูกออกห่างเจ้าแสงแรกเกรงว่าเมียจักได้ยินเสียงสะอื้นของลูก ดำเนินโยกพระวรกายเบา ๆ ปลอบ

“ฮึก แอะ” เจ้ารวีที่ถูกกดศีรษะให้ซบกับพระอังสะกว้างสะอื้นเบา ๆ นัยน์ตากวางคลอน้ำ โอษฐ์เล็กบะคว่ำ

“โอ๋ ๆ คนดีของพ่อ” องค์ภุชงค์พาลูกดำเนินรอบห้องบรรทม พระหัตถ์ลูบแผ่นหลังเล็กปลอบประโลมเจ้าตัวน้อย มินานเจ้ารวีคนดีก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

“ฝ่าบาทลูกหลับแล้วหรือยังพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกที่เอาเจ้ารวิลงเปลแล้ว ผินพักตร์มาถามพระภัสดา

“หลับแล้วเจ้า”

“เช่นนั้นพาลูกลงเปลเถิดพระเจ้าค่ะ” เมื่อเมียว่าดังนั้น องค์รัชทายาทท่านก็ดำเนินไปที่เปล แลประคองเจ้าคนเล็กลงนอน จัดแจงห่มผ้า แลจับก้อนผ้ายัดนุ่นใส่ในอ้อมกอดของเจ้ารวี

“ลูกหลับแล้ว เช่นนั้นเราก็ไปนอนกันเถิด” องค์ภุชงค์ท่านตรัส แลโอบกฤษฎีเล็กของเมีย

“พระเจ้าค่ะ”



.

.

.



พระโอรสน้อยขององค์ภุชงค์โตวันโตคืน เพลานี้เจ้าตัวน้อยตั้งสามเริ่มจักตั้งไข่กันแล้ว เจ้ารวีคว้าผมของยี่สุ่น แลยึดไว้เพื่อให้องค์เองทรงตัวยืน

“อ โอ๊ย ฮือ เจ้าน้อย ยี่สุ่นเจ็บพระเจ้าค่ะ ฮือ” ยี่สุ่นเจ็บเสียจนน้ำตาเล็ด พยายามแกะหัตถ์เล็กที่กำเส้นผมของตนอยู่ออก

“เจ้ารวี ปล่อยผมยี่สุ่นเดี๋ยวนี้หนาลูก” เจ้าแสงแรกเอ็ดลูกทันที

“มะ มะ” เจ้ารวียืนด้วยขาสั่น ๆ ของตนเอง แลโต้ตอบมารดาด้วยความฉงนว่าเหตุใดจึงถูกมารดาเอ็ดเอาได้

“ปล่อยผมของยี่สุ่นหนาลูก” เจ้าแสงแรกยื่นหัตถ์ลงมาช่วยแกะมือของเจ้ารวีออกจากผมของยี่สุ่น

“มะ มะ” กว่าจักแกะมือของเจ้ารวีออกได้ ผมเผ้าของยี่สุ่นก็ยุ่งเหยิงเป็นรังนก

“ไหนตั้งไข่ให้แม่ดูสิลูก” เจ้าแสงแรกหยอกเย้าลูก พระชายาท่านประคองมือลูกให้ลุกขึ้นตั้งไข่ เจ้ารวีก้าวขาสั่น ๆ ขององค์เองดำเนินไปข้างหน้า โดยมีคนเป็นแม่คอยจับพระหัตถ์ไว้

“มา มะ” เจ้ารวีหยุดดำเนิน แลส่งพระสุรเสียงประท้วงทันทีที่คนเป็นแม่ปล่อยพระหัตถ์ออก

“เดินมาลูก อีกนิดเดียวเอง” เจ้าแสงแรกเมื่อลูกดำเนินเข้ามาอยู่ในระยะที่พระองค์จักคว้าลูกได้ทัน หากลูกล้ม ก็ปล่อยพระหัตถ์ออก

“แอะ มะ มะ” เจ้ารวีมิกล้าก้าวขาเดิน ได้แต่ยืนขาสั่นหงึกหงัก โอนไปเอนมา

“มาเร็วเจ้ารวี” เจ้าแสงแรกแย้มสรวลหลอกล่อลูก

“ฮึก มะ” เจ้ารวีเบะโอษฐ์ นัยน์ตากวางคลอน้ำ ยกขาจักก้าวไปข้างหน้า หากแต่ก็เสียสมดุลจนล้มก้นจ้ำเบ้า หากแต่ก็มิได้แรงนักเพราะคนเป็นแม่คว้าเอาไว้ทัน

“มิเจ็บ ๆ ชู่ว” เจ้าแสงแรกตกพระทัยที่ลูกล้มไปต่อหน้าต่อตา หากแต่ก็แย้มสรวล แลปลอบลูกสุรเสียงหวาน

“ฮึก ฮือ” เจ้ารวีมิได้เจ็บมากนักเพราะล้มมิแรง หากแต่ตกพระทัยมากกว่าจึงได้ไห้จ้า

“ชู่ว ๆ มิไห้หนาคนดี” เจ้าแสงแรกอุ้มลูกแนบพระอุระปลอบ

“มะ มะ ฮือ” เจ้ารวีแตะที่ก้นตนเอง แลส่งสุรเสียงฟ้องมารดา

“โอ๋ มิเจ็บดอก” เจ้าแสงปลอบ แลลูบก้นกลมของลูกเบา ๆ

“ฮึก”

“ทูลพระชายาแสงแรก เจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทท่านว่าราชการแล้วแล้วพระเจ้าค่ะ กำลังเสด็จมาที่ตำหนักพระเจ้าค่ะ” เจ้าทองม้าเร็วที่พระชายาชมนาดท่านประทานให้กราบทูล

“เช่นนั้นให้ข้าหลวงไปเตรียมสำรับพระกายาหารว่างมาให้ท่านทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”



ในขณะที่เจ้ารวี แลเจ้ารวิยังทำได้เพียงตั้งไข่ล้ม เจ้ารพิกลับก้าวขาเดินได้โดยมิต้องมีใครคอยประคองแล้ว หากแต่ก็ก้าวเดินได้เพียงสามถึงสี่ก้าวเท่านั้นก็ล้มลง

“อู้หู้ องค์รพิเก่งมาก ๆ พระเจ้าค่ะ” ชงโคเอ่ยชมพลางตบมือให้เจ้านายน้อยเปาะแปะ

“ฮะ ๆ ๆ” เจ้ารพิอ้าโอษฐ์สรวล แลโก้งโค้งยันตัวลุกขึ้นยืนอีกครา ขาเล็กก้าวดำเนินไปข้างหน้าไปสองก้าวก็ล้มลง

“เก่งแล้วพระเจ้าค่ะ” ชงโคว่าพลางโน้มตัวกอดเจ้านายน้อยเบา ๆ



รอมินานองค์รัชทายาทภุชงค์ท่านก็เสด็จกลับตำหนักมาพร้อมด้วยเจ้าหลวงภุมริน แลพระชายาชมนาด เจ้ารวิที่กำลังตั้งไข่ เมื่อเห็นบิดาดำเนินเข้ามาในตำหนักก็ทิ้งตัวลงนั่ง แลคลานตุบตับมาเกาะพระบาททันที

“รวิคนดี” องค์ภุชงค์ช้อนเจ้าคนกลางขึ้นอุ้มแนบพระอุระ พระนาสิกหอมปรางนุ่มฟอดใหญ่

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ เสด็จแม่” เจ้าแสงแรกวางเจ้ารวีลง แลหมอบกราบพระสัสสุ แลพระสัสสุระ

“ไหว้พระเถิดเจ้า” องค์ภุมรินท่านตรัสอย่างเมตตา

“นั่นเจ้ารพิ เดินได้แล้วหรือลูก” เจ้าชมนาดตรัสถาม เมื่อทอดพระเนตรเห็นนัดดาองค์โตก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าได้สอง สามก้าวก่อนจักล้มลงในอ้อมแขนของชงโค

“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่ เจ้ารพินั้นเริ่มจักก้าวเดินได้แล้ว หากแต่เดินได้เพียงมิกี่ก้าวก็ล้มแล้วพระเจ้าค่ะ ส่วนเจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั่นเพิ่งจักตั้งไข่ได้พระเจ้าค่ะ”

“เก่งจริงเชียวหลายย่า แลนั่นเจ้ารวีเป็นกระไรไปเล่า” พระชายาชมนาดท่านตรัส แลดำเนินเข้ามาหาหลาน พระดรรชนีเกลี่ยหยาดน้ำตาที่เกาะอยู่บนแพขนตาหนาออก

“ฮึก มะ มะ” เจ้ารวีเมื่อเห็นคนเป็นย่าดำเนินเข้ามาก็บีบน้ำตาอ้อน โอษฐ์เล็กเบะคว่ำ

“โอ๋ เป็นกระไรไปลูก หืม บอกย่าสิ” เจ้าชมนาดยื่นหัตถ์ไปช้อนหลานขึ้นอุ้ม

“เจ้าตัวน้อยหัดเดินพระเจ้าค่ะ หากแต่ล้มก้นจ้ำเบ้าก็เลยไห้”

“โธ่ คนเก่ง” เจ้ารวีซบอังสะบางของผู้เป็นย่าอย่างออดอ้อน

“เจ้ารพิเดินมาหาปู่นี่มาเจ้า” องค์ภุมรินประทับลงบนตั่ง ก่อนจักกวักพระหัตถ์เรียกเจ้ารพิ

“อะ อา” เจ้ารพิก้าวขาสั่น ๆ มาหาพระอัยยิกา กว่าจักเดินมาถึงอ้อมพระกรของปู่ก็ล้มไปเสียหลายครา

“เก่งมาก” ตรัสชม แลช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นนั่งบนพระเพลา

“ยี่สุ่น ชงโค”

“พระเจ้าค่ะ”

“ใกล้ได้เพลากินข้าวของเจ้าตัวเล็กทั้งสามคนแล้ว สั่งข้าหลวงให้เตรียมสำรับให้ลูกข้าที” เจ้าแสงแรกรับสั่ง

“พระเจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทรับคำ แลสั่งให้ข้าหลวงนำสำรับถวายเจ้านายน้อยทั้งสาม



สำรับของพระนัดดาน้อยวันนี้ คือ ฟักเหลืองนึ่งบดจนเละ องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดเป็นผู้อาสาป้อนข้าวหลานในมื้อนี้

“อ้า อ้าม” เจ้าชมนาดตักฟักเหลืองพอดีคำป้อนใส่ปากเจ้ารวี แลเจ้ารวิ ก่อนจักหอมกระหม่อมหลานคนละทีอย่างรักใคร่

“น้องกินแล้ว รพิกินบ้าง อ้าม” องค์ภุมรินตรัสพลางตักฟักเหลืองบดป้อนนัดดาองค์โต

“อ้า อะ อะ” เจ้ารพิก้าโอษฐ์รับฟักเหลืองจากพระอัยยิกา ก่อนที่หัตถ์เล็ก ๆ นั่นจักคว้าเข้าที่เนื้อฟักเหลืองเสียจนเต็มหัตถ์ แลปลิ้นออกมาตามร่องพระองคุลี หัตถ์เล็กที่เต็มไปด้วยฟักเหลืองบดยื่นออกไปจนติดพระโอษฐ์ขององค์ภุมริน

“ก กระไรเจ้ารพิ” องค์ภุมรินขยับพระพักตร์หนี แลตรัสถามเจ้าตัวน้อยสุรเสียงกระท่อนกระแท่น

“อะ อ้า อะ” เจ้ารพิขมวดขนง พยายามยัดหัตถ์องค์เองเข้าไปในพระโอษฐ์ของพระอัยยิกา

“เสด็จพี่หลานจักป้อนแหนะพระเจ้าค่ะ” เจ้าชมนาดตรัส

“อ้า อ้า” เจ้ารพิแบหัตถ์ออก แลตีแปะ ๆ ลงบนพระโอษฐ์ของพระอัยยิกา จนฟักเหลืองบดเปรอะเปื้อนพระพักตร์

“เจ้ารพิ” เจ้าแสงแรกเอ็ดลูกเบา ๆ ด้วยความเกรงพระทัยพระสัสสุระ

“มิเป็นไร ๆ” องค์ภุมรินตรัส แลยอมอ้าโอษฐ์เสวยฟักเหลืองบดที่หลานพยายามป้อนให้ แม้สีพระพักตร์จักดูเหยเกก็ตาม

“ชงโค ล้างมือให้เจ้ารพิทีเถิด” เจ้าแสงแรกรับสั่งกับบ่าวคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ” ชงโครับพระบัญชา แลยกอ่างทองเหลืองไปตรงหน้าพระพักตร์ขององค์รพิ โดยมียี่สุ่นช่วยประคองหัตถ์เล็กของเจ้ารพิจุ่มลงในอ่าง ล้างคราบฟักเหลืองออกจนเกลี้ยงก่อนจักซับด้วยผ้าแห้งอีกครา



.

.

.



วันเพลาผ่านไปจวบจน เจ้าตัวน้อยทั้งสามมีพระชนมายุครบ ๑ ปีบริบูรณ์ ทางวังหลวงภุมรินกาจึงมีงานพิธีศาสน์ แลงานฉลอง เจ้าบัวงาม แลครอบครัวศศิมณฑลมิสามารถมาร่วมพิธีได้ เนื่องจากเจ้าบัวงามนั้นทรงครรภ์ทายาทคนที่สองขององค์จันทร์ท่านจึงมิสะดวกเดินทางนัก ส่วนเจ้าหลวงสิงห์ผู้เป็นตานั้นกลับเสด็จมาถึงภุมริกาตั้งแต่ ห้าวันก่อนจักถึงวันงาน ครานี้คนเป็นตาหอบแก้วแหวนเงินทองมามอบให้หลานทั้งสามมากมิแพ้ตอนเกิดเลยทีเดียว



แลในเพลานี้พระนัดดาทั้งสามก็วิ่งได้กันแล้ว ยี่สุ่น แลชงโค รวมไปถึงนางข้าหลวงรับใช้คนสนิทต่างก็วิ่งวุ่นตามเจ้านายน้อย ราวกับจับปูใส่กระด้ง

“ฮะ ๆ ฮ่า” เสียงสรวลเล็ก ๆ ดังไปทั่วสวนพฤกษา ชงโควิ่งไล่จับองค์รพิเสียจนหน้ามืด

“องค์รพิพระเจ้าค่ะ ชงโคจักเป็นลมแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”

“ฮะ ฮ่า ๆ อ๊ะ” องค์รพิวิ่งตุบตับไปข้างหน้าก่อนจักร้องขึ้น เมื่อถูกช้อนพระกัจฉะจนตัวลอย

“พ่อขันธ์” ชงโคหยุดวิ่ง แลเอ่ยเรียกคนที่ช้อนตัวพระโอรสน้อยขึ้นอุ้ม

“เลิกเล่นได้แล้วหนาพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อท่านให้มาตามแล้ว...ใกล้จักถึงเพลาแล้ว องค์ภุชงค์ท่านให้มาพาพระโอรสน้อยทั้งสามไปสรงน้ำ แลเตรียมองค์สำหรับพิธีศาสน์” พ่อขันธ์กราบทูลพระโอรสน้อย ก่อนจักหันมากล่าวกับชงโค

“อ อืม เช่นนั้นส่งองค์รพิมาเถิด ข้าจักพาพระองค์ท่านไปสรงน้ำ” ชงโคว่าพลางยื่นมือไปรับพระโอรสน้อย

“อื้อ โค โค” องค์รพิน้อยยื่นหัตถ์ แลโถมพระวรกายใส่ชงโคจนร่างบางซวนเซ

“ระวังหน่อย ประเดี๋ยวก็ทำองค์รพิท่านหล่นดอก” พ่อขันธ์รีบเข้ามาช่วยตวัดแขนประคองหลังของชงโคไว้

“ข ขอบน้ำใจจ้ะ” ชงโคหลบสายตาพ่อขันธ์ แลตอบเสียงแผ่ว ปรางนวลแดงระเรื่อ

“เช่นนั้นก็ไปเถิดประเดี๋ยวจักสายเอาได้” พ่อขันธ์เห็นดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ แลกล่าวขึ้น

“จ้ะ” ชงโคกระชับพระวรกายขององค์รพิ แลเดินออกมา เจอกับยี่สุ่นเข้าก็เขินเสียยิ่งกว่าเดิม เมื่อสหายสนิทยิ้มล้อตัวเองเข้าให้

“กลับตำหนักกันเถิดพระเจ้าค่ะเจ้าน้อยรวิ เจ้าน้อยรวี อยู่ตรงนี้นาน ๆ ประเดี๋ยวมดจักกัดเอาได้” ยี่สุ่นว่าเย้าสหายตน แลจูงพระหัตถ์เจ้าน้อยคนงานทั้งสองคนละข้าง พาดำเนินเตาะแตะกลับตำหนัก

“อื้อ” เจ้ารพิที่เห็นน้องทั้งสองเดินเองก็ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนชงโค

“จักลงดำเนินเองหรือพระเจ้าค่ะ” ชงโคทูลถาม แลย่อตัวลงวางองค์รพิท่านลงยืน ก่อนจักจับจูงพระหัตถ์เล็กดำเนินกลับตำหนัก



.

.

.



พิธีศาสน์เริ่มขึ้นตามฤกษ์ยามที่แม่เฒ่าเป็นผู้หามาให้ พระโอรสน้อยทั้งสามประทับอยู่บนพระเพลาของพ่อ แลแม่ เจ้ารวิ แลเจ้ารวีนั่งพนมหัตถ์เรียบร้อยอยู่บนพระเพลาบิดาตามที่มารดาท่านสอน ส่วนเจ้ารพินั้นนั่งอยู่บนพระเพลาของมารดา

“ขวบหนึ่งแล้ว เป็นเด็กดีหนาลูกแม่” เจ้าแสงแรกกระซิบข้างกรรณเล็กของโอรสองค์โต

“มะ มะ” เจ้ารพิเงยพักตร์ขึ้นสรวลหวานให้มารดา แลเอนกายซบอุระบาง

“อ้อนกระไรแม่ หืม เจ้ารพิ” องค์ภุชงค์ที่ทอดพระเนตรเห็นก็ตรัสถามเข้า

“พะ พะ อื้อ” เจ้ารพิส่งสุรเสียงคุยเป็นตุเป็นตะ

“หึหึหึ” องค์ภุชงค์สรวลน้อย ๆ อย่างเอ็นดูลูก ก่อนจักก้มพักตร์ลงหอมกระหม่อมเจ้าคนงามทั้งสองแทนด้วยความมันเขี้ยวลูก



หลังจากจบพิธีศาสน์ก็ถึงเพลาอวยพรให้พระโอรสน้อยทั้งสาม เจ้าหลวงหลายแคว้นมิได้มามือเปล่า นำของขึ้นชื่อจากแคว้นตนมามอบเป็นของขวัญให้พระนัดดาแห่งภุมริกา ของที่นำมามิเพียงแต่เป็นของขวัญของนัดดาน้อยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นของขวัญเชื่อมไมตรีอีกด้วย

“ขอให้พระนัดดาน้อยทั้งสามมีพลานามัยแข็งแรง โตวันโตคืนหนาเพคะ” พระชายาแคว้นชลาศัยตรัสอวยพร

“ขอบน้ำใจชลาศัยมากหนาที่ให้เกียรติมาร่วมพิธีในวันนี้” องค์ภุมรินตรัส

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทของชลาศัยตรัสตอบ

“ห หาว” เจ้ารวีน้อยหาววอดออกมาจนเสียงดัง เรียกสุรเสียงสรวลจากผู้ใหญ่ได้ดี

“ง่วงเสียแล้ว” องค์สิงห์ตรัส แลยกหัตถ์เกลี่ยปรางกลมของหลานเบา ๆ

“เช่นนั้นให้เจ้าตัวน้อยไปนอนกลางวันก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวค่ำนี้ค่อยมาอวยพรก็ยังมิสาย...เจ้าแสง พาลูกกลับตำหนักไปนอนก่อนเถิดเจ้า” เจ้าชมนาดตรัส เมื่อทอดพระเนตรเห็นว่านัดดาน้อยนั่นใคร่หลับเสียจนตาเชื่อมไปหมดแล้ว

“พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่” เจ้าแสงแรกก้มพักตร์รับพระบัญชาของพระสัสสุ แลพยักพักตร์ให้ข้าหลวงคนสนิทอุ้มลูกทั้งสามกลับตำหนัก



หลังจากเจ้าแสงแรกพาลูกกลับตำหนักได้มินาน องค์ภุชงค์ท่านก็เสด็จกลับตำหนักตามเมีย แลลูกไป ห่างเมีย แลลูกมิค่อยจักได้

“หลับหมดแล้วหรือ” องค์ภุชงค์ตรัสถามเมีย

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกผินพักตร์มาตรัสตอบ แลไกวเปลลูกเบา ๆ

“หากลูกหลับสนิทแล้วเจ้าก็มาพักผ่อนเถิด” วันนี้นอกจากเจ้าตัวน้อยทั้งสามจักต้องตื่นแต่เช้าแล้ว คนเป็นแม่นั้นยิ่งตื่นเช้ากว่า

“พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทก็เช่นกัน พักผ่อนกับหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส พลางดำเนินมาหาพระภัสดา

“จ้ะ” องค์ภุชงค์โอบกฤษฎีเล็กของเมียไว้ แลประคองให้เมียนั่งลงบนพระแท่นบรรทม

“สรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัสถามพระภัสดา

“ก็ดีหนาเจ้า จักได้สบายตัว” องค์ภุชงค์พยักพักตร์เห็นด้วยกับเมีย

“เช่นนั้นหม่อมฉันจักให้ข้าหลวงเตรียมอ่างสรงให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”



เจ้าแสงแรกรับสั่งให้ข้าหลวงเตรียมอ่างสรง มินานก็แล้วเสร็จ คนเป็นเมียจึงได้ถวายการปรนนิบัติ หัตถ์เล็กบรรจงถอดฉลองพระองค์ของพระภัสดาออก

“อ๊ะ ฝ่าบาท” เจ้าแสงแรกสะดุ้งน้อย ๆ

“พี่ช่วยถอดหนา” องค์ภุชงค์ตรัส หลังจากใช้พระดรรชนีเขี่ยกระดุมเสื้อผ้าไหมคอตั้งของเจ้าแสงจนหลุดออก สาบเสื้อทิ้งตัวลง เผยให้เห็นแผ่นอกขาวผ่อง ตัดกับยอดถันบวมช้ำจากน้ำมือเจ้าแฝดสาม แลคนเป็นพ่อ



สองผัวเมียก้าวขาลงในอ่างสรง พาเรือนร่างเปลือยเปล่าลงแช่ในน้ำ เจ้าแสงแรกเกล้าผมสูงเผยลาดอังสะขาวเนียนน่าซุกซบ

“ไยจึงทอดพระเนตรหม่อมฉันเช่นนี้เล่าพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกอดที่จักตรัสถามมิได้ เมื่อเงยพักตร์ขึ้นมาพบสายพระเนตรของพระภัสดาที่จ้องมามิวางตา

“ก็เจ้างามออกปานนี้ พี่จึงอดมิได้ที่จักจ้อง” องค์ภุชงค์ตรัสเย้าหยอก ป้อนคำหวาน

“ลูกสามแล้วหนาพระเจ้าค่ะ พระโอษฐ์หวานเป็นเด็กแรกรุ่นไปได้” เจ้าแสงแรกตรัสอย่างเอียงอาย

“ลูกสามแล้วอย่างไร เมียงามมิสร่างเช่นนี้จักมิให้เอ่ยชมได้อย่างไร”

“...” เจ้าแสงแรกเอนกายซบพระอุระกว้างหลบหลีกสายพระเนตรที่จ้องมองมา

“เพลาผ่านไปเพียงเดียวเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยของเราก็ขวบหนึ่งเสียแล้ว” องค์ภุชงค์ท่านตรัสเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นว่าเมียเขินอายเสียจนตัวแดงไปหมด

“นั่นสิพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันยังจำความรู้สึกตอนลูกเกิดได้ชัดเจนอยู่เลย” เจ้าแสงแรกตรัส ยิ่งนึกย้อนไปถึงคราที่เจ้ารวีหยุดหายใจไปนั้น เจ้าแสงก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมา

“มิเป็นกระไรหนา ลูกมิได้เป็นกระไรแล้ว” องค์ภุชงค์ตรัส แลลูบแผ่นหลังบางของเมียปลอบประโลม

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ แลกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบพระกฤษฎีสอบของพระภัสดาท่าน



สองผัวเมียสรงน้ำด้วยกันมินานก็พากันขึ้นจากอ่างสรง เจ้าแสงแรกปรนนิบัติพระภัสดาเป็นอย่างดี ก่อนจักดำเนินไปดูลูกทั้งสามในเปล เจ้าตัวน้อยทั้งสามยังคงหลับสนิทคนเป็นแม่ก็อุ่นใจ

“มาพักเถิดเจ้า” องค์ภุชงค์กวักพระหัตถ์เรียกเมีย

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกดำเนินไปที่พระแท่นบรรทม แลล้มตัวลงนอนข้างพระภัสดา

“พี่รักเจ้าหนา เจ้าแสง” องค์ภุชงค์ท่านยกหัตถ์ขึ้นแตะปรางนวลของเมีย แลตรัสสุรเสียงหวาน

“ไยจึงมาบอกรักหม่อมฉันเช่นนี้เล่าพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกปรางแดงระเรื่อ

“ก็พี่รักเจ้า จึงใคร่อยากบอก”

“...หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ” ดวงเนตรสองคู่สบกันหวานเชื่อม แลแย้มสรวลให้กัน

“...” องค์ภุชงค์ท่านจับมือเมียขึ้นจูบหอม ก่อนจักดึงรั้งเจ้าคนงามเข้ามากอด พระโอษฐ์อุ่นพรมจูบทั่วดวงพักตร์งาม เจ้าแสงแรกโอนอ่อนให้พระภัสดาท่านเอาแต่พระทัย

“รัก ๆ ๆ ข้ารักเจ้า” องค์ภุชงค์กระซิบข้างกรรณขาว

“หม่อมฉันรู้แล้วพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกเขินอายเสียจนพระพักตร์ร้อนฉ่าไปหมด



จักต้องขอบคุณผู้ใดกัน ขอบคุณฟ้า ขอบคุณน้ำ ขอบคุณพระพรหมท่าน หรือ จักต้องขอบคุณองค์สินกัน ที่ส่งเจ้าแสงแรกมาให้พระองค์





- จบบริบูรณ์ -



หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-07-2020 23:33:11
จบแล้ว สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 11-07-2020 09:02:20
จบได้ละมุนและสวยงาม
ประทับใจในความหวานและใส่ใจขององค์ภุชงค์
ดีงามต่อใจมาก
ขอบคุณนักเขียนมากกก

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 14-07-2020 13:40:01
 :o8: :o8: :o8: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
สนุกมากกก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 14-07-2020 16:32:59
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-07-2020 16:38:06
จบแล้ว น่ารักไม่แพ้เรื่องบัวหลงจันทร์
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 29-07-2020 19:24:48
ชอบค่ะ ติดตามตั้งแต่คู่พ่อแม่ จนมาถึงคู่ของลูกๆ สนุกดีชอบนิยายพิเรียดแบบนี้มาก รอติดตามว่าจะมีคู่หลานๆหรือป่าวนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 23-11-2020 21:48:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 25-11-2020 22:13:39
น่ารักมากเลยครับ
ผมชอบสำนวนในการแต่ง
เพิ่งอ่านเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรก
คงต้องกลับไปอ่าน เรื่องขององค์บัวงาม  คงน่ารักไม่แพ้กัน
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวน่ารักแบบนี้มานะครับ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-12-2020 21:59:35
 o13 สนุกน่ารักมาก ๆ .......... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 19-09-2021 22:45:04
 :-[