อู่ซ่อมรัก. 8
“น่ารักมากเลยว่ะ อยากได้เบอร์”
“มึงก็ไปขอสิ”
“กูไม่กล้าว่ะ”
“งั้นก็แดกแห้วไป”
โดนเพื่อนพูดใส่หน้าแบบนั้นแล้วมิ่งก็ได้แต่ทำหน้าเศร้า
“มึงไปขอให้หน่อยไม่ได้เหรอวะ”
“มึงนี่น่ารำคาญจริง เออ ๆ เดี๋ยวกูขอให้”
เพื่อนเดินไปขอเบอร์นักเรียนสาวมัธยมที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนหญิงล้วนและเธอก็มองมาที่คนที่ยืนรออยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์แล้วก็ส่งยิ้มให้
“เขาบอกว่าแน่จริงไปขอเอง”
เพื่อนเดินกลับมาบอก และเมื่อโดนท้าทายแบบนั้นมิ่งก็ต้องข่มความอาย ฝากรถมอเตอร์ไซค์ไว้กับเพื่อนแล้วก็เดินไปหาสาวมัธยมที่เล็งไว้ด้วยท่าทางเขิน ๆ
“อยากได้เบอร์ทำไมไม่มาขอเองล่ะ”
“ก็ไม่รู้ กลัวมีแฟนแล้ว”
“แล้วถ้ามีแล้วจะทำยังไง”
โดนถามแบบนั้นแล้วเธอก็หัวเราะและมองหน้ามิ่งโดยไม่หลบสายตา
“พี่กล้าจีบหนูมั้ยล่ะ”
“กล้าสิ ไม่กล้าจะเดินมาหาเหรอ”
“แต่พี่ให้เพื่อนมาถามหนูก่อนไม่ใช่เหรอ”
ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แล้วมิ่งก็ได้แต่ยิ้มอย่างเขิน ๆ ก่อนจะถามเธอเพื่อความมั่นใจ
“ตกลงมีแฟนหรือยัง”
“ก็ว่าจะมี”
“เหรอ งั้นก็โอเค เป็นแฟนกันเถอะ พี่ชื่อมิ่งนะ คนที่จะมาเป็นแฟนพี่ในอนาคตที่น่ารัก ๆ คนนี้ชื่ออะไรเหรอ”
กล้าพูดและเธอก็หัวเราะกับมุกที่ใช้จีบของมิ่ง
“พิม”
“ชื่อน่ารัก สมแล้วแหละที่จะมาเป็นแฟนกัน”
“พูดตอนไหนว่าจะเป็น”
“เดี๋ยวอีกหน่อยก็เป็นไง”
ส่งยิ้มให้กัน และเธอก็ยอมให้เบอร์โทรมา ความรักในวัยรุ่นร้อนแรง และรวดเร็ว เห็นหน้า คุยกันไม่กี่คำ สานสัมพันธ์ด้วยการโทรคุยกันและมารับมาส่งกัน เราสองคนก็เป็นแบบนั้น จีบกันอย่างรวดเร็ว คบกันง่าย ๆ และพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว
“มันไวไฟ เห็นซ้อนท้ายกันไปซ้อนท้ายกันมา เดี๋ยวก็มีลูกทันใช้แหละคอยดูเถอะ”
โดนชาวบ้านในละแวกบ้านนินทาไม่หยุดแล้วในเวลาไม่นานก็เป็นจริงอย่างที่ชาวบ้านว่า
“เอ็งว่าอะไรนะไอ้มิ่ง”
“แฟนมิ่ง...ท้อง”
“โว้ย ไอ้ลูกเวร แม่ส่งให้ไปเรียนหนังสือ เสือกไปทำผู้หญิงท้อง”
โดนแม่ด่า และมิ่งก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะทำเรื่องที่ผิดพลาดลงไปแล้วจริง ๆ
“พ่อแม่ผู้หญิงเขาจะเอาเรื่องมั้ย อยู่ดี ๆ ก็หาเรื่องติดคุก ถ้าเขาเอาเรื่องขึ้นมา แม่จะเอาปัญญาที่ไหนไปประกันตัวให้ ข้าอยากจะบ้า ลูกหนอลูกทำไมถึงได้เป็นแบบนี้”
โดนแม่ด่าไม่หยุด หาเรื่องให้แม่กลุ้มใจและแม่ก็ได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความเครียด
“ทำยังไงดีล่ะแม่”
“จะทำยังไงล่ะ ข้าก็ต้องไปแต่งให้เอ็งน่ะสิ เวรกรรมจริง ๆ ทำไมเอ็งเป็นคนแบบนี้วะไอ้มิ่ง มีลูกทันใช้ทั้งที่ยังเรียนไม่จบ เออ ให้มันได้อย่างนี้”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ไปตกลงกับครอบครัวของพิมให้จนได้ ไม่ใช่การแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีแต่เป็นพิธี ผูกข้อมือให้กันแล้วก็มาอยู่ด้วยกันแค่นั้น
“คลอดแล้วพิมจะกลับไปเรียนต่อ”
“ได้สิพิม”
รับปากเอาไว้แบบนั้น และหลังจากคลอดลูกไม่นานเมื่อกลับไปเรียนต่อเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป
“อยากไปเที่ยวโว้ย”
เธอหงุดหงิดโมโหเมื่อเรียนเสร็จแล้วต้องกลับมานั่งเลี้ยงลูก ทั้งที่อยู่ในวัยอยากเที่ยวแต่ก็ไม่ได้เที่ยว
“เอาไปเลี้ยงบ้างสิ อุ้มบ้าง ไม่ใช่ให้แต่พิมเลี้ยงอยู่คนเดียว”
โดนยัดเยียดขวดนมใส่มือให้และมิ่งก็อุ้มลูกที่ถูกส่งให้อย่างทุลักทุเล เพิ่งสำนึกได้ในตอนนี้ว่าอายุยังน้อยเกินกว่าจะรับผิดชอบชีวิตของลูกที่เกิดมาได้
“พิมจะเข้ามหา’ลัย”
เธอบอกแบบนั้นและมิ่งก็ได้แต่พยักหน้ารับ
“แล้วพิมจะกลับไปอยู่ที่บ้านเหรอ”
เอ่ยถามด้วยความสงสัยแล้วเธอก็มองหน้ามิ่งด้วยสายตาที่แสดงออกว่าไม่พอใจ
“พี่คิดว่าชีวิตพิมเป็นแบบนี้เพราะใคร พี่ไม่คิดจะรับผิดชอบบ้างเลยเหรอ”
เข้าใจแล้ว เข้าใจดีทุกอย่าง การลาออกมาหางานทำคือสิ่งที่ทำได้และมิ่งก็เลือกที่จะลาออกมาเพื่อหาเงินเลี้ยงลูกและทำงานหาเงินส่งพิมเรียน
“ดีจริง ๆ พ่อแม่ไม่ทันได้เลี้ยงดู ก็มาเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกซะแล้วให้มันได้อย่างนี้”
มีหลายครั้งที่ถูกแม่ด่าและมิ่งก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ
“แม่ อย่าพูดแบบนั้นเลย เดี๋ยวพิมได้ยินจะเสียใจ”
“เออ เสียใจไปเลย เมียเอ็งมันดีนักหนา จานชามไม่ล้าง งานบ้านอะไรก็ไม่หยิบไม่จับสักอย่าง เอาแต่แต่งตัวสวยไปวัน ๆ”
ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด ใช้ชีวิตอย่างผิดพลาดและอยู่กันด้วยความผิดพลาด แต่ถึงจะอยู่กันอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด ทะเลาะกันบ้างแต่ก็พยายามอยู่ด้วยกันให้ได้ เธอไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยังมีใจเลี้ยงลูกดูแลลูก แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนใกล้ถึงจุดสิ้นสุดเต็มที
“พี่ติดทหาร”
บอกให้เธอรู้และจับมือของเธอเอาไว้แน่น
“แล้วพิมล่ะ จะให้พิมทำยังไง”
“พิมก็อยู่ที่นี่ไง พี่ไปสองปีเองนะ เดี๋ยวก็กลับมา”
วันที่ต้องถูกส่งเข้าไปฝึกผลัดแรก เธอส่งลูกให้กอดและมิ่งก็กอดทั้งลูกทั้งเมียเอาไว้และร้องไห้
“รอนะพิม”
บอกให้เธอรอ และเธอก็สัญญากับมิ่งเอาไว้ว่าจะรอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เธอก็ไม่ได้มาหามิ่งที่ค่ายทหารอีก
“แม่ไม่อยากให้เอ็งเสียใจ”
วันหนึ่งหลังจากเข้าฝึกได้ไม่นาน เธอก็ไม่มาอีกแล้ว มีเพียงลูกสาวตัวน้อยของมิ่งเท่านั้นที่ยังอยู่
“เมียเอ็งมันอายุแค่นั้น จะไปเอาอะไรกับมันล่ะ ปล่อยมันไปเถอะ ถือว่าไม่ใช่คู่กัน”
มันอาจจะเป็นคำพูดง่าย ๆ แต่ทำยากมาก ทำอะไรไม่ได้ จะไปตามก็ไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างนั้น ทุกวันที่ผ่านไปมิ่งต้องอดทนอยู่กับความเสียใจ กว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวันช่างยากลำบาก ต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นจนปลดประจำการและออกมาทำงาน มิ่งเจ็บปวดจากความเสียใจจนไม่อยากรักไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครอีกแล้ว
เราสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเลยมาหลายปีและมิ่งก็มองผู้หญิงที่เคยสัญญาว่าจะอยู่รอแต่เธอก็ผิดสัญญา
พิมดูสวยขึ้นตามวัย หน้าตาผิวพรรณ การแต่งตัวดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
“พิม”
“พิมขอห้าหมื่น”
เธอแทบไม่มองหน้ามิ่งด้วยซ้ำ เจอหน้ากันก็พูดเรื่องเงินที่ต้องการทันที
“พี่มีให้ก่อนสองหมื่น เอาไปก่อนได้มั้ย แล้วที่เหลือพี่จะหามาให้ พิมก็รู้พี่ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น”
“ก็เพราะรู้ไง พิมถึงจะเอาห้าหมื่น”
“พิมทำแบบนี้ทำไม”
“พี่ไม่ต้องอยากรู้หรอก พี่มีหรือเปล่า ถ้าไม่มี พิมจะเอาลูกไปอยู่ด้วย”
ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมและเอาแต่ข่มขู่ว่าจะเอาลูกไปอยู่ด้วยอย่างเดียว
“น้องผู้หญิงก็ยอมให้หน่อย น้องผู้ชายก็หาเงินเพิ่มอีกหน่อย สุดท้ายความสุขของลูกก็สำคัญเรื่องแค่นี้ตกลงกันไม่ได้เลยเหรอ”
คนที่ช่วยไกล่เกลี่ยให้คือตำรวจที่อยู่พอเป็นพิธีและไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเพียงแค่ให้รับรู้กันเท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น
“พิมจะเอาห้าหมื่น”
เธอยังยืนยันคำเดิมและมิ่งก็ถอนใจยาวและลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เดี๋ยวผมขอไปคุยกับแม่ผมก่อนนะครับ”
เดินออกจากห้องมาหาแม่ที่นั่งรออยู่ข้างนอกและแม่ก็รีบถาม
“มันว่ายังไง ยอมมั้ย”
“ยังไงพิมก็จะเอาห้าหมื่นให้ได้”
“แบบนี้มันข่มขู่กันชัด ๆ มันจะเอาไปตั้งตัวกับผัวใหม่มันน่ะสิ”
จะยังไงก็ช่างเถอะ มิ่งไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว
“โอเค ให้เขาเขียนสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวด้วยอีก สามหมื่นที่เหลือผมจะจัดการให้เอง”
ง่ายดายแค่นั้น และมิ่งก็มองหน้าคุณทัศนัยด้วยความตกใจ
“คุณทัศ!”
“ตกลงตามนี้ได้เลย เดี๋ยวผมเข้าไปด้วย จัดการให้จบไปซะ”
คุณทัศนัยส่งยิ้มให้และดึงแขนให้มิ่งเดินตามเข้าไปในห้องที่ใช้ไกล่เกลี่ยเจรจาด้วย เธอมองหน้าของมิ่งด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญา ยอมจบง่าย ๆ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการและคุณทัศนัยก็พามิ่งกลับบ้าน
“คุณทัศ ผมจะหาเงินสามหมื่นมาคืน แต่ผมขอผ่อนใช้ให้เป็นรายเดือนได้หรือเปล่าครับ”
เงินสามหมื่นอาจไม่ได้มากมายสำหรับคุณทัศนัย แต่สำหรับมิ่ง ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากเกินกว่าจะหามาคืนให้หมดได้ในคราวเดียว
“เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้ ช่างมิ่งอยู่พักผ่อนกับลูกที่บ้านก่อนเถอะ กลับไปทำงานที่อู่วันไหนเราค่อยคุยกันอีกทีนะ”
“ขอบคุณครับ คุณทัศ”
มิ่งยกมือไหว้คนที่กำลังจะขึ้นรถกลับ คุณทัศนัยไม่ได้ถามหรือพูดอะไรให้อึดอัดใจ ปล่อยให้มิ่งได้มีเวลาอยู่กับลูก อยู่กับครอบครัวและช่วยแก้ปัญหาที่ทำให้มิ่งทุกข์ใจจนแล้วเสร็จถึงกลับมาทำงาน
TBC.