อู่ซ่อมรัก. 11
“ช่างมิ่งจะกลับบ้านวันไหนอย่าลืมบอกผมนะ ผมจะได้เอาของไปฝากหนูพิมพาด้วย”
สิ้นเดือนแล้วและคุณทัศนัยก็มารับเงินที่มิ่งบอกว่าจะขอผ่อนชำระคืนให้เป็นรายเดือน คิดว่าคุณทัศนัยจะลืมเรื่องที่เคยคุยกันเอาไว้แล้วซะอีกแต่เมื่อถูกถามแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ลืม
“คงจะเป็นวันเสาร์นี้ครับ”
“วันเสาร์ผมว่างพอดี ให้ผมมารับช่างมิ่งกี่โมงดีล่ะ”
คงจะเลี่ยงไม่ได้และมิ่งก็นึกถึงเวลาที่จะออกเดินทาง
“เย็น ๆ ครับ ประมาณสี่โมงเย็น มีรถเข้ามาใหม่ด้วย ถ้างานไม่เร่งมากก็น่าจะทำเสร็จก่อนครับ”
คุณทัศนัยพยักหน้ารับและชวนคุยเรื่องอื่น ๆ ด้วย
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ได้มานั่งคุยด้วยแบบนี้หรอก ช่างมิ่งคงจะเดินหนีผมไปไหนต่อไหนแล้ว”
ได้ทีก็พูดจาหยอกล้อจนมิ่งนึกอายและเมินหน้าหนีไปอีกทาง
“ก็ผมไม่รู้จะคุยอะไรนี่ครับ”
หาข้ออ้างให้กับตัวเองและคุณทัศนัยก็มองหน้าของมิ่งแบบยิ้ม ๆ
“แล้วตอนนี้รู้หรือยังว่าจะคุยอะไร”
แกล้งถามไปอีกนิด และมิ่งก็หันมามองหน้าของคุณทัศนัยก่อนจะหรุบสายตาลงมองที่มือของตัวเอง
“ก็ยังไม่รู้จะคุยอะไรอยู่ดีแหละครับ”
น่ารัก...
จนถึงตอนนี้มิ่งก็ยังบอกว่าไม่รู้จะคุยอะไรด้วยแต่อย่างน้อยก็ยอมนั่งอยู่เพื่อฟังสิ่งที่คุณทัศนัยพูดด้วยและไม่เดินหนีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“เราก็นั่งอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ และไม่ต้องคุยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็ได้นะ”
“ไม่ดีหรอกครับ”
มิ่งรีบปฏิเสธทันทีและคุณทัศนัยก็มองหน้าของมิ่งที่หันมาทำหน้าจริงจังใส่
“เดี๋ยวคนไม่รู้เขาจะหาว่าคนใบ้สองคนกำลังคุยกัน”
+++
ไม่รู้ว่านั่นเรียกว่ามุกตลกหรือเปล่า แต่คุณทัศนัยที่เพิ่งจะขับรถกลับจากอู่ก็ยังนึกขำไม่หายกับการพูดเล่นของมิ่งเป็นครั้งแรก ถือว่ามีพัฒนาการดีขึ้นจากเมื่อก่อน จากที่เคยวิ่งหนีทุกครั้งที่เจอหน้า ตอนนี้ไม่วิ่งหนีแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยพูดด้วยมากนัก เพิ่งจะมีวันนี้ที่ทำให้ประหลาดใจด้วยการพูดจาล้อเล่นเป็นครั้งแรก
น่ารักดี...
ไม่ใช่หน้าตาแต่รวมถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง นิสัยใจคอ การแสดงออก ความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักให้เกียรติผู้อื่น และมีมารยาท ทุกสิ่งที่มิ่งเป็นดูเหมือนจะถูกใจคุณทัศนัยไปหมดทุกอย่าง
“เมื่อไหร่จะยอมเข้าใจสักทีนะว่าที่หาข้ออ้างมาหาบ่อย ๆ นี่มาจีบ”
คุณทัศนัยได้แต่บ่นกับตัวเอง และเมื่อนึกถึงหน้าตานิ่ง ๆ ของมิ่งแล้วก็ทำให้หัวเราะไม่หยุด
“เดี๋ยวนี้รู้จักมีมุกตลกด้วย อย่างน้อยก็ถือว่ามีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนแล้วกันล่ะนะ”
+++
“พ่อมาแล้ว พ่อมาหาพิมพาแล้ว”
เด็กหญิงพิมพากระโดดโลดเต้นไปมาเมื่อเห็นว่ารถของใครเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน มิ่งเดินลงจากรถมาอุ้มลูกที่ยืนรอ หอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึงและเด็กหญิงพิมพาก็กอดคอพ่อเอาไว้
“สวัสดีพ่อหรือยัง”
“สวัสดีจ้ะ พ่อมิ่งมาแล้ว พ่อมิ่งมาแล้ว”
เด็กหญิงพิมพาพูดไม่หยุด และหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อพ่อมาหา
“พิมพาสวัสดีคุณทัศหรือยัง”
“สวัสดีจ้ะคุณทัศ”
เด็กหญิงพิมพายกมือไหว้คนที่มากับพ่อ และคุณทัศนัยก็รับไหว้และจับมือของเด็กหญิงพิมพาเขย่าเล่นเบา ๆ
“สวัสดีครับ หนูพิมพาเรียกว่าลุงทัศก็ได้จ้ะ”
“ลุงทัศ สวัสดีจ้ะ”
โดนคุณทัศนัยตีสนิทไปแล้ว และทั้งมิ่งและคุณทัศนัยก็ยกมือไหว้แม่ที่มายืนรอพร้อมเด็กหญิงพิมพา
“สวัสดีจ้ะคุณ มาเหนื่อย ๆ กินอะไรกันมาหรือยัง”
“ยังเลยแม่ แล้วพ่อไปไหนล่ะ”
มิ่งเอ่ยถามและแม่ก็บอกเรื่องที่พ่อไม่อยู่บ้าน
“พ่อเอ็งไปช่วยงานที่วัด คืนนี้ที่วัดมีงาน เดี๋ยวมืด ๆ เอ็งก็พาคุณเขาไปเที่ยวงานสิ”
พยักหน้ารับและมิ่งก็ปล่อยเด็กหญิงพิมพาที่อุ้มอยู่ลง เพื่อไปช่วยคุณทัศนัยหิ้วของที่อยู่ท้ายรถเข้าบ้าน
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยล่ะคุณ”
“พวกของใช้เด็กครับ อุปกรณ์การเรียนแล้วก็เสื้อผ้า”
“คุณทัศซื้อมาฝากพิมพาน่ะแม่”
“ซื้อมาทำไมเยอะแยะล่ะคุณ เกรงใจ ที่มีอยู่ก็พอใช้ได้อยู่ พิมพามันก็ไม่ได้ใช้อะไรเยอะแยะ”
เพราะว่าเจ้านายของลูกชายเมตตาซื้อของมาฝาก แม่ของมิ่งเลยยิ่งเกรงใจและไม่รู้จะขอบคุณยังไง
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี เห็นว่าเหมาะกับหนูพิมพาก็เลยซื้อมาฝาก เด็กจะได้มีกำลังใจในการเรียนครับ”
คุณทัศนัยมีเหตุผลในการซื้อของ แต่สิ่งที่คุณทัศนัยทำให้ลูกสาวและครอบครัวของมิ่งก็ที่ทำให้ยิ่งรู้สึกเกรงใจ
“หนูลองดูซิ หนูพิมพาชอบอันไหน”
วางถุงที่มีทั้งสมุดวาดภาพระบายสี อุปกรณ์การเรียนให้เลือกและเด็กหญิงพิมพาก็ได้แต่มองแต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้คุณทัศนัยที่กำลังเปิดถุงและกล่องเพื่อให้เด็กหญิงพิมพาดูของที่ซื้อมาฝาก
“หนูพิมพาไม่ชอบของที่ลุงทัศซื้อมาฝากเหรอครับ”
เด็กหญิงพิมพาไม่ตอบแต่แอบอยู่หลังพ่อ และมีท่าทีเขินอายอย่างเห็นได้ชัด สายตามองไปที่ของที่อยู่ในถุงแต่ยังไม่กล้าจะเข้าไปดูและคุณทัศนัยก็มองหน้ามิ่งเพื่อขอความช่วยเหลือ
“หนูพิมพาดูท่าจะไม่ชอบของที่ผมซื้อมาฝากแน่เลย”
แกล้งทำเป็นตัดพ้อ และมิ่งก็ลองหยิบสมุดระบายสีที่คุณทัศนัยส่งให้มาเปิดให้เด็กหญิงพิมพาดู
“อันนี้คุณทัศซื้อมาฝากพิมพา หนูขอบคุณหรือยัง”
เด็กหญิงพิมพาค่อย ๆ ยื่นมือมารับของที่พ่อส่งให้และมองคุณทัศนัยด้วยความเขินอาย ปกติไม่ค่อยมีคนแปลกหน้ามาที่บ้าน เธอจำได้ว่าลุงทัศนัยเคยมากับพ่อของเธอเมื่อครั้งก่อน และดีใจที่ลุงทัศนัยใจดีซื้อของมาฝาก
“ขอบคุณจ้ะ”
เด็กหญิงพิมพาค่อย ๆ เปิดสมุดระบายสีหน้าอื่น ๆ และยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าในสมุดเป็นรูปเจ้าหญิงแบบที่ชอบ
“มันขี้อายจ้ะคุณ อย่าไปถือสาพิมพามันเลยนะ”
แม่ของมิ่งที่นั่งอยู่ด้วยส่งยิ้มให้คุณทัศนัย และคุณทัศนัยก็ยิ้มรับ
“เด็ก ๆ ก็แบบนี้แหละครับ เดี๋ยวเจอหน้ากันบ่อย ๆ ก็ชินเอง”
หมายความว่ายังไงที่ว่าเจอหน้ากันบ่อย ๆ แล้วจะชิน มิ่งมองคุณทัศนัยด้วยความสงสัยและคุณทัศนัยก็ไม่ยอมอธิบายแต่เริ่มตีสนิทเด็กหญิงพิมพาด้วยของเล่นที่ซื้อมาให้
“อันนี้ตุ๊กตาเจ้าหญิง หนูพิมพาชอบมั้ยครับ”
ยื่นตุ๊กตาส่งให้และเด็กหญิงพิมพาก็รับเอาไว้
“ขอบคุณหรือยัง”
“ขอบคุณจ้ะ”
เด็กหญิงพิมพาเป็นเด็กว่าง่าย นอกจากสมุดระบายสี และตุ๊กตาก็ยังมีของอื่น ๆ ด้วยที่ลุงทัศนัยซื้อมาฝาก
“เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะ มาเหนื่อย ๆ จะได้อาบน้ำอาบท่าแล้วกินข้าวกินปลากัน”
แม่ลุกขึ้นเดินเข้าครัวไปแล้ว และมิ่งก็มองคุณทัศนัยและเด็กหญิงพิมพาที่เริ่มพูดคุยกันอย่างสนิทสนมในเวลาไม่นาน ดูเหมือนเด็กหญิงพิมพาจะชอบของที่คุณทัศนัยซื้อมาฝากไม่น้อยและคุณทัศนัยก็ดูจะเข้ากับเด็กหญิงพิมพาได้ไม่ยาก
“เรามาระบายสีเจ้าหญิงกันดีมั้ยครับ”
เด็กหญิงพิมพาวางสมุดระบายสีลงและคุณทัศนัยก็แกะกล่องสีไม้มาวางและเริ่มช่วยกันระบายสี คุณทัศนัยเป็นคนอ่อนโยนและใจดี สิ่งที่ทำให้เห็นมันทำให้มิ่งยิ่งรู้สึกบางอย่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในอนาคตถ้าจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ก็อยากได้คนที่รักพิมพาได้เหมือนที่มิ่งรัก และคุณทัศนัยคือคนที่ทำให้มิ่งรู้สึกหวั่นไหวในเวลานี้ แต่ก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่คุณทัศนัยจะมาคิดอะไรกับมิ่งแบบจริงจัง
+++
“ผมลืมเอาเสื้อผ้ามาอีกแล้ว ทำยังไงดี”
คุณทัศนัยบอกให้มิ่งรับรู้และทำหน้าอ้อนจนมิ่งรู้สึกว่าไม่ควรจะมองหน้าของคุณทัศนัยให้มากไปกว่านี้
“พอจะมีเสื้อตัวใหญ่ ๆ ที่คุณทัศใส่ได้อยู่ครับ ผมจะหาไว้ให้เป็นพวกเสื้อยืดแต่มันเก่าหน่อย คุณทัศพอจะใส่ได้หรือเปล่าครับ”
คุณทัศนัยพยักหน้ารับและส่งยิ้มให้มิ่งที่กำลังจะไปหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน มิ่งรู้ว่ายังไงคุณทัศนัยก็ต้องค้างด้วยแน่ ๆ และคงไม่มีทางเลี่ยงได้ คืนนี้ที่วัดมีงานและแม่ก็บอกให้ชวนคุณทัศนัยไปเที่ยวงานด้วย
“หนูให้ลุงทัศ”
เด็กหญิงพิมพาพับกระดาษเป็นรูปหัวใจและส่งให้ลุงทัศที่กำลังคุยกับพ่อ
“สวยจังเลย หัวใจสีชมพูด้วย”
คุณทัศนัยรับกระดาษที่เด็กหญิงพิมพาพับให้และเอ่ยปากชม และมิ่งก็รู้สึกดีที่คุณทัศนัยสนิทสนมกับลูกได้อย่างรวดเร็ว
มองแล้วก็เริ่มรู้สึกบางอย่างขึ้นมาอีกแล้ว แต่มิ่งไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึกอะไรมากไปกว่านี้ สะบัดหัวไล่ความคิดแปลก ๆ ของตัวเอง และเดินไปหาเสื้อผาให้คุณทัศนัยเพื่อผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำ
คุณทัศนัยมองตามคนที่เดินไปแล้วและอมยิ้ม ตลอดการเดินทางตั้งแต่อยู่ในรถเราสองคนแทบจะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน อยู่ด้วยกันเงียบ ๆ และฟังเพลงที่เปิดในรถ แต่ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยกันก็ทำให้มีความสุขได้ยิ่งได้มาเล่นได้มาอยู่กับเด็กหญิงพิมพายิ่งมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชีวิตแบบที่เคยต้องการมาตลอด ดูเหมือนจะใกล้เป็นจริงมากขึ้นทุกที
+++
เสียงเพลงดังอึกทึกในงานวัดและผู้คนในหมู่บ้านมากมายก็มาเที่ยวงานประจำปีที่จัดขึ้น สายตาของคนในหมู่บ้านหลายคนมองมาที่มิ่งและคุณทัศนัย มีบางคนเข้ามาทักทายและสาวน้อยสาวใหญ่บางคนก็เมียงมองคนแปลกอย่างคุณทัศนัยอยู่ตลอดเวลา
“เจ้านายเหรอมิ่ง หล่อดีนะ เจ้านายมีเมียหรือยังล่ะ”
มีบางคนกระซิบถาม บางคนก็ถามตรง ๆ แบบไม่เกรงใจกันและมิ่งก็ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง
“มีลูกแล้วครับ”
คุณทัศนัยไม่ได้ตอบว่ามีครอบครัวแล้วหรือยัง แต่ตอบว่ามีลูกแล้ว และคนที่มาถามบางคนก็บ่นว่าเสียดาย
วันนี้คุณทัศนัยแต่งตัวต่างจากทุกวัน สวมเสื้อยืดที่มีลวดลายการ์ตูนอยู่ตรงหน้าอกและยังใส่กางเกงขายาวตัวเดิม ดูแปลกตาแต่ก็ดูเข้าถึงง่าย ไม่ได้ดูมีฟอร์มเหมือนก่อนหน้านี้
“ที่เขาทักกันเพราะเห็นจุดเด่นลายการ์ตูนที่เสื้อผมแน่เลย”
คุณทัศนัยพูดแบบยิ้ม ๆ และมิ่งก็เผลอมองตามและหัวเราะออกมา ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้พูดคุยกันส่วนหนึ่งก็มาจากภาพลักษณ์ของคุณทัศนัยที่มิ่งชินตา แต่คุณทัศนัยที่เดินหิ้วถุงขนมสายไหมและเดินอยู่กับมิ่งในตอนนี้เข้าถึงง่ายและทำให้สบายใจจนสามารถพูดคุยด้วยได้มากขึ้น
“พ่อมิ่ง พิมพาอยากเล่นม้าหมุน”
เด็กหญิงพิมพาชี้ไปที่เครื่องเล่นที่มีเด็กหลายคนมาเล่นกับผู้ปกครองและมิ่งก็มองหน้าคุณทัศนัยเพื่อขอความคิดเห็น
“รอพิมพาเล่นม้าหมุน คุณทัศจะเบื่อหรือเปล่าครับ”
เอ่ยถามด้วยความเกรงใจและคุณทัศนัยก็ทำให้มิ่งหัวเราะได้
“ผมก็อยากเล่นม้าหมุนเหมือนกันนะช่างมิ่ง ทำยังไงดี”
ไม่คิดว่าคุณทัศนัยจะตอบแบบนี้ และมิ่งก็ต้องพยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะมากเกินไป เดินเลี่ยงไปซื้อตั๋วให้ลูกสาว ยืนรอไม่นานเมื่อหมดรอบเด็กหญิงพิมพาก็ได้เล่นม้าหมุนสมใจและมิ่งกับคุณทัศนัยก็ยืนมองเด็กหญิงพิมพาที่อยู่บนเครื่องเล่นม้าหมุนและยิ้มอย่างมีความสุข นาน ๆ ทีจะมีโอกาสได้พาลูกมาเที่ยว และคุณทัศนัยที่กำลังมองเด็กหญิงพิมพาก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต
“ลูกช่างมิ่งน่ารักมากเลยนะ”
คุณทัศนัยบอกสิ่งที่คิดและมิ่งก็หันมามองหน้าคุณทัศนัย
“ตอนที่ลูกผมอายุเท่านี้ ก็คงน่ารักมากเหมือนหนูพิมพา”
+++
เด็กหญิงพิมพาหลับไปแล้ว คนที่อุ้มเด็กหญิงพิมพาไม่ใช่มิ่งแต่เป็นคุณทัศนัย เป็นครั้งแรกที่เราได้ใช้เวลาด้วยกัน คุณทัศนัยดูสนุกและชื่นชอบงานวัดที่ได้มาเที่ยวด้วยกันกับมิ่ง
“ช่างมิ่งอ่านใบเซียมซีที่ได้มาจากวัดหรือยัง”
ก่อนจะเดินออกจากงานวัด มิ่งพาคุณทัศนัยไปเสี่ยงเซียมซี และคุณทัศนัยก็ถามมิ่งที่เดินมาที่รถด้วยกัน
“อ่านแล้วครับ”
“เป็นยังไงบ้าง ดีมั้ย”
“ก็...ไม่ได้แย่ครับ แล้วคุณทัศได้ใบดีหรือเปล่าครับ ถ้าได้ใบไม่ดีเขาให้เสียบไว้ที่ฐานพระไม่ต้องเอากลับ”
แนะนำสิ่งที่ควรทำและคุณทัศนัยก็ส่งใบเซียมซีที่เสี่ยงได้ให้มิ่งอ่าน
“เซียมซีวัดนี้ผมว่าแม่นดีนะ”
อ่านข้อความในใบเซียมซีที่คุณทัศนัยส่งให้และมิ่งก็มองคนที่พูดไปยิ้มไปด้วยความสงสัย
“แม่นเหรอครับ”
“อือ แม่นมาก”
อ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่และมิ่งก็ส่งใบเซียมซีคืนให้กับคุณทัศนัย
“แม่นจนน่าตกใจเชียวล่ะ”
“ยังไงเหรอครับ”
“ก็...”
คุณทัศนัยส่งยิ้มหวานให้กับคนที่มองมาแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อบอกบางอย่างให้มิ่งรู้
“เขาว่าผมจะได้รักใคร่ผูกพันกับคนเป็นม่ายที่มีลูกติด”
แค่ได้ฟังและได้เห็นแววตาของคุณทัศนัยที่มองมา มิ่งก็รู้สึกว่าไม่มีความสามารถในการต้านทานสายตาของคุณทัศนัยได้อีกต่อไปแล้ว
“ตรงกับช่างมิ่งมั้ย”
โดนถามและมิ่งก็ได้แต่เมินหน้าหนีและไม่ยอมตอบให้ตรงคำถาม
“เอ่อ...ผม...ผมก็...ไม่รู้เหมือนกันครับ”
TBC.