อู่ซ่อมรัก. 12
คุณทัศนัยแวะมารับเงินที่มิ่งผ่อนใช้คืนให้ทุกสิ้นเดือนเป็นประจำหลังจากที่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ มิ่งก็กล้าคุยกับคุณทัศนัยมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว
“ผมยังค้างเงินคุณทัศอยู่อีกสองหมื่นนะครับ”
คุณทัศนัยพยักหน้ารับและส่งยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง พักนี้มิ่งรู้สึกเหมือนไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกอยากจะมองหน้าคุณทัศนัยแบบนี้ทุกวัน
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ มีแล้วค่อยให้ก็ได้ ผมไม่ได้รีบร้อนอะไร”
“ไม่ได้ครับ เป็นหนี้ก็ต้องใช้”
“ถ้าช่างมิ่งใช้หนี้ผมหมดเร็ว ๆ แล้วผมจะหาข้ออ้างอะไรมาหาช่างมิ่งดีล่ะ”
“ผม...”
ไม่รู้จะตอบยังไงและคุณทัศนัยก็ตอบให้โดยที่มิ่งไม่ต้องคิดอีก
“คงเอาแต่คอยหลบหน้าผมเหมือนที่ผ่านมาแน่เลย”
มิ่งคิดตามที่คุณทัศนัยพูด ถ้าใช้หนี้หมดแล้ว และถ้าคุณทัศนัยไม่ต้องเข้ามาที่อู่เพื่อมารับเงิน แล้วเราจะมีเหตุผลอะไรให้คุยกันอีก
ปกติคุณทัศนัยมาติดต่อธุระกับเฮียและพี่พัฒน์เป็นหลักแล้วถ้าใช้หนี้หมดต่อไปเราจะคุยกันอีกยังไง
“ผมไม่ได้หลบนะครับ”
“แต่ก็ไม่ได้อยากเจอ”
รู้สึกเหมือนโดนตัดพ้อ และมิ่งก็เผลอมองหน้าของคุณทัศนัยที่แสดงความรู้สึกบางอย่างออกมาให้มิ่งเห็น
“ทำให้ช่างมิ่งเสียเวลามาเยอะแล้ว เดี๋ยวผมคงต้องกลับก่อนแล้วกันนะ”
คุณทัศนัยลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับและมิ่งก็รีบเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวค่อยกลับไม่ได้เหรอครับ”
อยู่ ๆ ก็พูดเรื่องที่ไม่สมควรพูดและมิ่งก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ด้วยความตกใจ
“ช่างมิ่งว่ายังไงนะ”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรจริง ๆ”
รีบปฏิเสธทันทีและคุณทัศนัยก็ทำหน้าเศร้า
“ผมนึกว่าจะชวนให้อยู่ต่ออีกหน่อยซะอีก”
ใจจริงอยากให้อยู่ต่ออีกหน่อยแต่ไม่กล้าบอกออกไปตรง ๆ และคุณทัศนัยก็กลับลงมานั่งข้างมิ่งอีกครั้ง
“ผมอยู่คุยกับช่างมิ่งต่ออีกหน่อยได้ใช่มั้ย”
มิ่งไม่ตอบแต่มองหน้าของคุณทัศนัยและค่อย ๆ พยักหน้ารับอย่างช้า ๆ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเผลอแสดงสีหน้าและแววตายังไงออกมาให้คุณทัศนัยเห็น
“ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มชินกับการที่ได้เจอช่างมิ่งแบบนี้บ่อย ๆ แล้วนะ ถึงเวลาถ้าผมไม่ได้มาก็จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แล้วช่างมิ่งล่ะถ้าเราไม่ได้เจอกันจะนึกถึงผมบ้างหรือเปล่า”
มิ่งไม่รู้จะตอบยังไง จะบอกไปตามความจริงว่ารู้สึกไม่ต่างกันก็กลัวจะถูกมองไม่ดี ทั้งที่ในใจก็คิดแบบที่คุณทัศนัยคิด
“ผมก็ทำงานไปตามปกติแหละครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
บอกให้รับรู้และคุณทัศนัยก็ทำหน้าเศร้าตอนที่มองหน้ามิ่ง และไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญ
“เดี๋ยวช่วงสองเดือนข้างหน้าผมจะยุ่งมากจนไม่มีเวลาแวะมาที่อู่ ผมเลยต้องคุยกับช่างมิ่งตุนเอาไว้ก่อน เผื่อเวลาที่ไม่ได้เจอก็แล้วกัน”
+++
สิ้นเดือนแล้ว และคุณทัศนัยก็ไม่ได้มาที่อู่จริง ๆ อย่างที่เคยบอกเอาไว้ มิ่งรู้ว่าคุณทัศนัยคงจะยุ่งกับงานมาก ปกติจะมารับเงินที่ผ่อนจ่ายให้เป็นประจำทุกสิ้นเดือนแต่วันนี้คงไม่ได้มา
ทั้งที่ทุกสิ้นเดือนเป็นช่วงเวลาที่รอคอยที่จะได้เจอหน้ากันไปแล้ว แค่ได้คุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่ได้ใช้เวลาร่วมกันก็ทำให้รู้สึกดีจนอยากจะเจอทุกวัน มิ่งยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าทำไมแต่ละวันถึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า มีบางครั้งที่สายตามองไปที่รถที่เข้ามาที่จอดที่อู่ และไม่รู้ว่าทำไมถึงหวังให้รถที่เข้ามาเป็นรถของคุณทัศนัยทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
“เฮ่อ”
เผลอถอนหายใจจนเต๋อที่วันนี้มาเป็นผู้ช่วยต้องถามด้วยความสงสัย
“มึงถอนใจรอบที่เท่าไหร่แล้ววะ เป็นห่าอะไร ถอนใจอยู่ได้น่ารำคาญ”
เพิ่งรู้ว่าตัวเองถอนใจหลายครั้งจนน่ารำคาญและเต๋อก็มองหน้าของมิ่งและเริ่มอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
“คนที่อยากเจอไม่มาล่ะสิ”
โดนแซวอีกแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเต๋อหมายถึงใคร
“พูดห่าอะไรของมึง กูไม่ได้อยากเจอใครซะหน่อย”
พยายามแก้ตัวแต่ก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเป้าโจมตีในการล้อเลียนของเต๋อไม่หยุด
“คุณทัศเนี่ย ไม่ธรรมดานะ ทำให้คนแถวนี้ใจลอยคิดถึงได้”
“ไอ้เต๋อ มึงหยุดพูดจาเพ้อเจ้อเถอะ คุณทัศมาเกี่ยวอะไรด้วยวะ”
ถึงจะพยายามทำเป็นสนใจอยู่กับงาน และด่าเต๋อไปอีกครั้งแต่ดูเหมือนคนโดนด่าจะไม่เคยสำนึก
“ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวสิ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่หว่า ทำเป็นโมโหไปได้”
เพิ่งรู้ว่าตัวเองโมโหเพราะเรื่องที่โดนล้อและมิ่งก็เมินหน้าหนีและทำเป็นสนใจกับการตรวจเช็กเครื่องยนต์ของรถที่เข้ามาใหม่
“สวัสดีครับ คุณทัศมาพอดีเลย มีคนกำลังคิดถึงอยู่พอดีเลยครับ”
เต๋อกำลังพูดอยู่กับใครสักคนและมิ่งก็รีบหันไปมองหาคนที่เต๋อ พูดด้วย
“ไหนว่าไม่มีอะไรไงวะ”
เสียรู้เข้าให้แล้วและมิ่งก็ถือประแจเดินหนีไปทันที
“คิดว่ากูไม่รู้หรือไง ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เต๋อหัวเราะด้วยความสนุกที่ได้แกล้งมิ่งได้ และช่างวินัยก็โผล่หน้าขึ้นมาจากใต้ท้องรถ
“เรื่องของคนอื่นนี่ขยันยุ่งจังเลยนะ”
“ช่างนัย!”
ตกใจเพราะคนที่โผล่หน้าขึ้นมานั่งคุยด้วยและช่างวินัยก็มองหน้าเต๋อแบบยิ้ม ๆ
“ถ้าเต๋อขยันสนใจเรื่องของพี่เหมือนที่ขยันสนใจเรื่องของคนอื่นบ้างก็คงดี”
“แล้วทำไมผมต้องขยันสนใจเรื่องของช่างนัยด้วยล่ะ”
ต่อปากต่อคำกับช่างวินัยไม่หยุดและช่างวินัยก็มองหน้าเต๋อและหัวเราะเสียงเบา
“เรียกตัวเองว่ายังไงนะ”
“ผม....”
“อะไรนะ”
“เต๋อ”
“นึกว่าลืมไปแล้วว่าตกลงกับพี่ไว้ยังไง”
“แล้วพี่นัยจะทำไม”
“ก็ไม่ทำไม เต๋อทำอะไรพี่ก็ว่าดีหมดแหละ แม้กระทั่งไปหาเรื่องกวนให้ไอ้มิ่งโมโห พี่ก็ต้องบอกว่าดีใช่มั้ย”
แกล้งประชดไปเล็กน้อยและเต๋อก็ทำหน้ายุ่งตอนที่โดนต่อว่า
“ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดเลยดีกว่า”
“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้”
“แล้วพี่นัยรู้อะไรล่ะ”
“ก็รู้ว่ามีใบสั่งให้เต๋อมาเช็กอาการไอ้มิ่งไง”
“รู้แล้วยังจะพูดให้รำคาญอีกทำไมวะ”
เต๋อบ่นพึมพำให้ช่างวินัยได้ยินและช่างวินัยก็มองมาและหัวเราะเมื่อเห็นเต๋อทำหน้างอเพราะถูกขัดใจ
“พี่แค่จะชมว่าเต๋อเก่งไง”
“เก่งอะไรวะ ก็เห็นอยู่ว่าประชด”
เต๋อยังบ่นไม่หยุดและช่างวินัยก็ต้องรีบพูดเอาใจคนที่กำลังทำหน้ามุ่ย
“เต๋อของพี่นัยเก่งที่สุดแหละ ถ้าเต๋อของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ จริงมั้ยจ๊ะ”
หยอกล้อกันพอให้ชื่นใจและเต๋อก็เริ่มยิ้มออกมาได้แล้ว
“แบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย”
“ใช่มั้ยล่ะ งั้นเดี๋ยวเลิกงานเต๋อไปคุยกับพี่ที่บ้านต่อเลยดีกว่านะ”
ถึงจะบอกว่าชวนกันไปคุยที่บ้านแต่ช่างวินัยก็มองหน้าเต๋อแบบรู้กัน
“แล้วถ้าไม่ไปล่ะ”
ตั้งแง่ใส่คนที่มองมาแบบมีเลศนัยและช่างวินัยก็ส่งยิ้มหวานให้และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พูดบางอย่างพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ก็จะอุ้มเต๋อไปบ้านพี่เอง ตัวออกจะเบาอุ้มง่าย ไม่ต้องห่วงพี่อุ้มเต๋อได้สบาย”
TBC.