อู่ซ่อมรัก. 15
“ให้พี่ไปส่งมั้ยน้อง”
“มึงไปไกล ๆ เลยไอ้ห่าเต๋อนัดแล้วไม่เป็นนัด”
ไอ้เต๋อเป็นคนกวนตีน นัดกันไว้แล้วว่าจะมาเล่นตะกร้อด้วยกันแต่ก็ผิดนัด แล้วยังจะมีหน้าขี่มอเตอร์ไซค์มาเทียบและพูดจาบ้า ๆ บอ ๆ ให้ได้ยินตอนที่มิ่งกำลังเดินกลับอู่อีก
“จะโกรธอะไรกูนักหนาวะ กูเพิ่งเลิกเรียนมึงก็เห็น”
“กูเห็นแล้ว ไม่ได้ตาบอด”
“อ่ะ งอนกูอีก เรียนเสร็จกูก็ขี่รถมาเลยนี่ไง”
“มาตอนที่เขาเลิกเล่นกันหมดแล้วเนี่ยนะ”
มิ่งยังบ่นไม่หยุด และเต๋อก็ง้อด้วยการชวนให้ขึ้นมาซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์
“ป่ะ ไปกับกูเถอะ อย่างอนกูเลย กูมาถึงก็ขี่รถไปที่สนามแต่คนกลับกันหมดแล้วจะให้กูทำยังไง เนี่ยกูก็ขี่วนมาหามึงยังไม่พอใจอีกเหรอ”
ทำเหมือนกำลังง้อแฟนและมิ่งก็ไล่ให้คนที่ขี่รถมาจอดเทียบรีบไปให้ไกล ๆ
“มึงจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับกูหรอก”
“งอนกูอิ๊ก กับแฟนกูยังไม่ง้อขนาดนี้เลยนะ”
“กับช่างนัยน่ะเหรอ”
มิ่งแกล้งถามและเต๋อก็รีบโวยวายกลบเกลื่อน
“มึงเอาอะไรมาพูด ช่างนัยก็ส่วนช่างนัยสิเกี่ยวอะไรกับกูด้วยล่ะ”
“อ่อ ไม่เกี่ยวสินะ ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว”
มิ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่รู้ว่าเต๋อกับช่างวินัยทำอะไรกันเมื่อวันก่อน
“มึงนั่นแหละ อย่าทำเป็นงอนไปหน่อยเลยวะ”
เต๋อรีบพูดเบี่ยงประเด็นอย่างรวดเร็วและมิ่งก็รีบตอบกลับทันที
“งอนห่าอะไร มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย”
ด่าคนที่ยังขี่รถมอเตอร์ไซค์เทียบอยู่ข้าง ๆ และถึงแม้จะพูดจาบ้าบอแค่ไหนแต่เต๋อก็รู้สึกผิดจริง ๆ
“มิ่ง...”
“อะไร”
“เปล่าไม่มีอะไร”
“เปล่าอะไรของมึง เป็นอะไรก็พูดมาเหอะ”
“ก็มึงไม่ยอมกลับบ้านกับกู เนี่ยกูอุตส่าห์ขี่รถวนมารับก็งอนกูอีก”
ไอ้เต๋อคงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ และมิ่งก็หยุดเดินและยอมไปด้วยแล้ว กำลังจะขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์แต่ก็ได้ยินเสียงแตรรถที่ขับสวนมา
“ช่างมิ่ง”
มองแล้วก็เห็นว่าเป็นคุณทัศนัย
“ตรงทางเข้าอู่มีสระขุด ผมไปหาแล้วแต่ไม่เจอ สระอยู่ตรงไหนพอรู้บ้างมั้ย”
และเต๋อที่กำลังจะตอบแต่ก็ช้ากว่าคุณทัศนัย
“ช่างมิ่งพาผมไปหน่อยสิ เดี๋ยวขากลับผมมาส่ง”
ดักคอไม่ให้ปฏิเสธได้ และเต๋อก็ยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากและรีบพูดเสริมเพื่อให้มิ่งปฏิเสธไม่ได้
“ช่างมิ่งรู้จักดีเลยครับคุณทัศ ผมเห็นช่างมิ่งไปตกปลาแถวนั้นบ่อย ๆ”
ถึงจะพอรู้ว่าสระอยู่ตรงไหนแต่ก็ไม่เคยไปตกปลาบ่อย ๆ อย่างที่เต๋อพูดและคุณทัศนัยก็ปลดล็อคประตูรถและเรียกให้มิ่งขึ้นรถ
“ดีเลย รบกวนหน่อยนะช่างมิ่ง ผมไปไม่ถูกจริง ๆ พาไปหน่อย”
มองหน้าไอ้เต๋อตัวดีที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วมิ่งนึกอยากจะตบกบาลมันทันที สุดท้ายต้องยอมขึ้นรถไปกับคุณทัศนัยและก็เห็นว่าเต๋อยิ้มกว้างและโบกมือให้
“เต๋อนี่ เป็นคนร่าเริงสนุกสนานดีนะ”
“มันไม่ได้ร่าเริงหรอกครับ มันเป็นบ้า”
พูดจาในแบบที่แตกต่างออกไปและคุณทัศนัยก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ
“ผมเพิ่งรู้ว่ามิ่งพูดเล่นแบบนี้ก็เป็นด้วย”
แล้วมิ่งก็เพิ่งรู้ตัวว่าพูดจากับคุณทัศนัยในแบบที่แตกต่างออกไป
“ขอโทษครับ คุณทัศอย่าถือสาผมเลย”
“ขอโทษทำไมล่ะ ดีซะอีก ผมชอบเวลาที่มิ่งคุยกับผมแบบนี้นะ”
ไม่ว่าทำอะไรก็ดีไปหมด ไม่ว่าจะทำอะไรคุณทัศนัยก็บอกว่าชอบ และชื่นชมไปหมดทุกอย่าง แบบนี้มันทำให้คนฟังได้ใจ
“สระขุดคือตรงนั้นใช่มั้ย”
ขับรถมาไม่นานก็ถึงและมิ่งก็นึกสงสัย คุณทัศนัยบอกว่ามาไม่ถูกแต่ก็ขับรถมาจอดหน้าทางเข้าสระได้ถูกต้องโดยไม่ถามทางเลยสักคำ
“ลงไปกันเถอะ”
ชวนให้ลงมาด้วยกันและมิ่งก็ยอมตามลงมา
“คุณทัศครับไหนว่า...”
“ผมไม่แน่ใจว่าใช่ที่นี่หรือเปล่า โชคดีที่มาถูก”
มิ่งไม่เข้าใจสิ่งที่คุณทัศนัยพูด ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจและเดินตามคุณทัศนัยมาที่สะพาน คุณทัศนัยหยุดยืนนิ่ง ๆ และมองเลยไปที่สระน้ำ ลมเย็น ๆ พัดเอื่อย แสงจากพระอาทิตย์ยามเย็นที่ใกล้ลับขอบฟ้าทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมิ่งก็มายืนอยู่ข้าง ๆ คุณทัศนัยบนสะพาน
“อากาศดีมากเลยนะ”
คุณทัศนัยชวนคุยและมิ่งก็ตอบรับ
“ครับ ลมเย็นดี”
“มาตกปลาแถวนี้บ่อยเหรอ”
“ก็มาบ้างครับ ถ้าวันไหนว่าง ๆ”
“วันหลังชวนผมมาบ้างสิ”
อยู่ดี ๆ ก็ชวนคุยเรื่องตกปลา มิ่งไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณทัศนัยพามาที่นี่ทำไมและยังชวนพูดคุยด้วยเรื่องทั่วไปอีกด้วย
“เราไม่ค่อยมีเวลาคุยกันแบบส่วนตัวในบรรยากาศดี ๆ แบบนี้เลยนะ มิ่งก็ยุ่งผมก็ยุ่ง มีเวลาได้คุยกันบ้างแบบนี้ก็ดี”
มิ่งยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ลมเย็น ๆ ช่วยให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันและคุณทัศนัยก็หันมามองคนที่อยู่ข้างกัน
“อยู่ด้วยกันแบบนี้เรื่อย ๆ ก็ดีนะ”
มิ่งไม่ตอบแต่ยิ้มออกมา และหลับตาลงสูดหายใจรับความสดชื่นจากลมเย็น ๆ ที่พัดผ่าน
“มิ่ง...”
ได้ยินเสียงเรียกและมิ่งก็ลืมตาขึ้นมอง
“รู้มั้ยว่าผมอยากใช้เวลาร่วมกับมิ่งบ้าง ไม่ใช่แค่เจอหน้ากันที่อู่อย่างเดียว”
นั่นคงเป็นเหตุผลจริง ๆ ที่คุณทัศนัยพามาที่นี่ ตอนนี้มิ่งเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว
“ทำไมล่ะครับ”
คุณทัศนัยส่งยิ้มอ่อนโยนให้ รอยยิ้มที่มาพร้อมกับสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกที่มีให้มิ่งมาตลอดอย่างชัดเจน
“ก็ผมกลัวมิ่งจะลืม ว่าผมเคยบอกเอาไว้ว่าอยากใช้เวลาร่วมกัน”
แบบนี้มันเรียกว่าจีบชัด ๆ ไม่ได้อ่อนหัดจนไม่รู้ว่าการพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง พอรู้ว่าคุณทัศนัยมีใจให้ แต่ไม่คิดว่าจะจริงจังมากขนาดนี้
“มิ่งมองใครอยู่บ้างหรือเปล่าช่วงนี้”
จะบอกว่าไม่ได้มองก็คงไม่ได้ เพราะคนที่คุณทัศนัยถามถึงก็ยืนอยู่ด้วยกันในเวลานี้
“ผม ช่วงนี้ก็ทำงานครับ ไม่ได้คิดอะไร”
“งั้นลองคิดดูบ้างก็ดีนะ”
มิ่งไม่รู้จะตอบยังไง คุณทัศนัยค่อย ๆ ดึงมือของมิ่งมากุมเอาไว้และมิ่งก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้แสดงออกว่าไม่พอใจและคุณทัศนัยก็บอกสิ่งที่อยากจะพูดให้มิ่งรับรู้
“ผมคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้วนะ ถ้ามิ่งไม่ติดขัดอะไร ผมก็อยากให้ลองคิดเรื่องของเราดู”
TBC.