Chapter 7 : หนูไม่อยากรู้
เมื่อคืนนุ่มนิ่มหลับไปทั้งที่ยังคุยกับพี่เชนไม่จบ รอคนลามกเข้าห้องน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงจนง่วง คุยกันอยู่อีกไม่กี่ประโยคน้องก็หลับใส่ ตื่นเช้ามาเลยเห็นข้อความในไลน์ที่อีกฝ่ายส่งมาตอนเกือบๆตีสามบอกว่าน้องเป็นเด็กไม่ดีแอบชิงหลับไปก่อน นุ่มนิ่มเบะปากใส่โทรศัพท์แล้วส่งสติ๊กเกอร์โคนี่แยกเขี้ยวกลับไป
คนตัวเล็กวางโทรศัพท์ไว้บนเตียงและรีบไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ตื่นสายกว่าทุกวันเกือบชั่วโมงแน่ะ ถ้าลงไปข้างล่างช้ากว่านี้กลัวว่าจะโดนคุณยายดุเอา
นุ่มนิ่มเดินผ่านห้องรับแขกเห็นคุณยายนั่งอยู่ แต่ไม่ได้อยู่คนเดียวยังมีผู้หญิงวัยกลางคนแปลกหน้าอยู่ด้วย นุ่มนิ่มไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน
สงสัยจะเป็นเพื่อนคุณยายมาเยี่ยมจากที่อื่นล่ะมั้ง
กำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกไปอยู่แล้วเชียว นุ่มนิ่มหิว กำลังจะไปชงไมโลดื่มในครัว แต่สองขาต้องชะงักเมื่อได้ยินชื่อของตนเองในบทสนทนาด้วย
“ฉันเลี้ยงเจ้านิ่มมาตั้งหลายปีนะคุณนาย ถ้าจะบอกว่าไม่รักไม่ผูกพันก็คงไม่ใช่ ฉันคงทำตามที่คุณนายขอไม่ได้หรอก”
นุ่มนิ่มได้ยินคุณยายพูด แต่ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร คุณนายคนนั้นเป็นใครแล้วเกี่ยวอะไรกับน้องล่ะ ทำไมถึงต้องพูดถึงน้องด้วย
“แต่ฉันถือว่าเป็นญาติเพียงคนเดียวของนุ่มนิ่มที่ยังเหลืออยู่นะคะ ตัวฉันอาจจะไม่ใช่สายเลือดโดยตรง แต่ลูกสาวของฉันยังไงก็เป็นพี่สาวพ่อเดียวกัน ให้เด็กอยู่กับพี่น้องยังไงก็ดีอยู่กับคนอื่นไม่ใช่เหรอคะ”
นุ่มนิ่มชะเง้อมองเข้าไปภายในห้อง รู้ว่าเสียมารยาทแต่อยากรู้ว่าคุณยายกับคนแปลกหน้าคุยอะไรกัน
จากมุมนี้มองไม่เห็นหน้าของเพื่อนคุณยาย เพราะนั่งหันหลังอยู่ แต่สีหน้าของคุณยายนุ่มนิ่มเห็นชัดว่าดูเครียดๆยังไงบอกไม่ถูก
“ยังไงฉันก็ต้องถามความเห็นเจ้านิ่มก่อน ถ้าแกไม่อยากไปฉันก็คงจะบังคับไม่ได้” คุณยายว่า นุ่มนิ่มยิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิมเสียอีก
คุณยายจะให้น้องไปไหน แล้วสรุปว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ท่าทางดูไม่น่าไว้ใจเลย
“นุ่มนิ่มอยากไปแน่ค่ะ อยู่กรุงเทพสบายกว่าอยู่ต่างจังหวัดตั้งเยอะ หลานของคุณยายจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นยังไงล่ะคะ ไม่ดีเหรอ”
คุณป้าที่นุ่มนิ่มไม่รู้จักเริ่มเสียงดังใส่คุณยายแล้ว ไม่ชอบเลย ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นใส่คุณยายด้วย นิสัยไม่ดี
“ยังไงรอให้ฉันคุยกับเจ้านิ่มก่อนแล้วกันนะคุณนาย ถ้าจะมาเร่งรัดเอาคำตอบภายในวันนี้พรุ่งนี้คงไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับมาเอาคำตอบในอีกสองวันค่ะ หวังว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจนะคะคุณยายประไพ”
ผู้หญิงแปลกหน้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยกมือไหว้คุณยายก่อนจะเดินออกมาจากห้องรับแขก นุ่มนิ่มรีบหาที่หลบ รอจนเธอขับรถออกไปถึงเดินเข้ามาหาคุณยายในห้อง
นุ่มนิ่มไม่เคยเห็นคุณยายเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย น้องเป็นห่วงเลยนั่งลงข้างๆคุณยายแล้วกอดเอวไว้
“คนเมื่อกี้ใครเหรอคะคุณยาย ?” ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมองพร้อมทั้งถาม คุณยายลูบผมหลานสาว กำลังเรียบเรียงคำพูดว่าจะเริ่มยังไงดี
“เจ้านิ่มเคยเห็นคุณน้าเขาไหม” คุณยายถาม
“ไม่รู้จักค่ะ” นุ่มนิ่มส่ายหน้า ไม่รู้จักจริงๆนี่นา แม้แต่หน้ายังไม่เคยเห็นเลย
คุณยายมองใบหน้าของเจ้าตัวแสบ ถึงนุ่มนิ่มเพิ่งจะมาอยู่กับคุณยายได้แค่สองปี แต่ก็รักและผูกพันไม่ต่างจากหลานแท้ๆ พอคิดว่านุ่มนิ่มจะต้องจากไปจากอ้อมอกคุณยายก็รู้สึกใจหายแล้ว
“น้าเขาชื่อน้ำทิพย์ เป็นภรรยาเก่าของคุณพ่อเรา” คุณยายบอก นุ่มนิ่มขมวดคิ้ว พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่คุณยายพูด
“ภรรยาเก่าของคุณพ่อ ก่อนที่คุณพ่อจะมาแต่งงานกับคุณแม่ของหนูเหรอ ?” นุ่มนิ่มพอจะรู้ว่าก่อนที่คุณพ่อจะมาแต่งงานกับคุณแม่ เคยแต่งงานมาก่อนแล้ว คุณพ่อบอกว่าน้องมีพี่สาวหนึ่งคนที่เกิดจากภรรยาเก่าของคุณพ่อ แต่นุ่มนิ่มไม่เคยเห็นหน้าหรอก
แล้วทำไมคุณน้าที่ชื่อน้ำทิพย์ต้องมาหาคุณยายด้วย ไม่เคยรู้จักกันเสียหน่อย
“ทำไมคุณน้าถึงมาที่บ้านเรา หรือว่ามีธุระกับคุณยาย”
“คุณน้าเขามาคุยกับยายเรื่องของเจ้านิ่ม” คุณยายบอกด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าจนนุ่มนิ่มเห็นแล้วไม่มีความสุขไปด้วย
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เจ้านิ่มอยากไปอยู่กับพี่สาวไหม ลูกสาวอีกคนของคุณพ่อเราน่ะ”
“หนูไม่ไป!” นุ่มนิ่มร้องเสียงดัง ผละออกมาจากอ้อมกอดของคุณยาย คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมหนูต้องไปอยู่กับคนอื่น หนูไม่ไปนะ คุณยายขา หนูไม่รู้จักเขา” คนตัวเล็กเบะปากเหมือนจะร้องไห้ อยู่ๆคุณยายก็ถามราวกับว่าอยากให้น้องไปอยู่กับคนอื่น นุ่มนิ่มไม่อยากไป ยิ่งกับคนแปลกหน้ายิ่งแล้วใหญ่ ไม่เห็นจะอยากไปอยู่ด้วยสักนิด
คุณยายรวบเจ้าตัวเล็กมากอดไว้ มือเหี่ยวย่นลูบแผ่นหลังบางแผ่วเบา เห็นหลานจะร้องไห้แล้วคุณยายคิดอยากจะปฏิเสธน้ำทิพย์ไปเสียให้จบๆ เพราะถ้าไปอยู่กับฝ่ายนั้นหลานสาวของคุณยายคงจะไม่มีความสุข
“น้าทิพย์อยากให้เจ้านิ่มไปอยู่ด้วยเลยมาขอกับยาย แต่ยายไมได้ตอบตกลงหรอกนะ ต้องถามความสมัครใจของเจ้านิ่มก่อนถูกไหมล่ะ”
นุ่มนิ่มพยักหน้าอยู่กับอกของคุณยาย แขนเล็กกระชับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“หนูไม่อยากไปอยู่กับคนอื่น คุณยายบอกคุณน้าได้ไหมคะว่าหนูไม่ไป” นุ่มนิ่มบอกอู้อี้ สูดน้ำมูกเพราะร้องไห้ออกมาจนได้
คุณยายประไพตัดสินใจทันทีในตอนนั้น ว่าถึงยังไงก็จะไม่บังคับหลานเด็ดขาด ในเมื่อนุ่มนิ่มไม่อยากไปคุณยายก็จะบอกฝ่ายนั้นไปตามตรง
“อย่าร้องไห้ ยายจะบอกน้าทิพย์ให้ว่าหลานของยายไม่อยากไป” คุณยายลูบหัวลูบหลังปลอบ อีกสองวันข้างหน้าเมื่อน้ำทิพย์มาที่นี่อีกครั้ง คุณยายมีคำตอบให้สำหรับเธอแล้ว
คนที่ไม่เคยรู้จักกัน เป็นแค่ภรรยาเก่าของคุณพ่อนุ่มนิ่ม อยู่ๆก็โผล่มาจะมาเอาหลานของคุณยายไปเลี้ยง มองยังไงก็ไม่บริสุทธิ์ใจ คุณยายรู้ว่าฝ่ายนั้นมีบางอย่างแอบแฝง เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สืบจนรู้ว่าลูกของอดีตสามีอยู่กับคุณยายและมาขอร้องจะเอาไปให้ได้
คุณยายคิดว่าจะลองปรึกษาเรื่องนี้กับเชน เพราะการตัดสินใจสำหรับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะในทางไหนแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และอาจจะมีผลต่อนุ่มนิ่มในอนาคต
…
พี่เชนมาแปลกเพราะวันนี้โทรมาแต่เย็นเลย นุ่มนิ่มกำลังนั่งเล่นอยู่ที่หลังบ้านพี่เขาก็วิดีโอคอลมา นิ้วเล็กกดรับแล้วยิ้มหวานให้คนในกล้อง
‘ตัวเล็กทำอะไรอยู่คะ ?’ เสียงของพี่เชนเวลาคุยโทรศัพท์ชวนเขินทุกครั้ง ไหนจะใบหน้าหล่อๆที่เซ็ตผมขึ้นอย่างเป็นทางการอีก คงจะเพิ่งเลิกงานกลับมา
“นั่งเล่นอยู่ค่ะ” นุ่มนิ่มวางโทรศัพท์พิงไว้กับหนังสือที่หยิบออกมาอ่านด้วย พี่เชนอยู่ในห้องนอนแต่นั่งที่โต๊ะทำงาน เพราะข้างหลังมองเห็นเตียงกว้างกับผนังห้องบางส่วน
คิดถึงพี่เขาจังเลย ยิ่งเห็นหน้ายิ่งคิดถึง ได้คุยกันแค่ผ่านโทรศัพท์แบบนี้ไม่ได้ทำให้นุ่มนิ่มหายคิดถึงพี่เท่าไหร่เลย เมื่อไหร่จะถึงเดือนหน้าสักทีนะ พี่เชนจะได้มาหาน้อง
‘หนูเก็บของหรือยังคะ พวกเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัว’ อยู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้น สีหน้าจริงจังเชียว นุ่มนิ่มขมวดคิ้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“เก็บของทำไมคะ ?”
‘คุณยายบอกหนูหรือยังว่าจะให้หนูย้ายมาอยู่กับพี่’ นุ่มนิ่มอึ้งไปแล้ว ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ คุณยายไม่เห็นบอกน้องเลยว่าจะให้ย้ายไปอยู่กับพี่เชน วันนี้คุยกันแค่เรื่องคุณน้าที่ชื่อน้ำทิพย์ คุณยายบอกว่าจะปฏิเสธให้ว่านุ่มนิ่มจะไม่ไปอยู่ด้วย
แต่เรื่องที่จะต้องไปอยู่กับพี่เชน สาบานได้ว่าน้องยังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
‘ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้’ พี่เชนหัวเราะ ก่อนจะเฉลยให้ฟัง
‘วันนี้คุณยายโทรมาคุยกับพี่เรื่องภรรยาเก่าของคุณพ่อหนู ถึงคุณยายจะปฏิเสธไปแต่ก็คิดว่าฝ่ายนั้นคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เพื่อความปลอดภัยของหนู คุณยายเลยจะฝากให้พี่ช่วยเลี้ยงหนูชั่วคราว’ ประโยคท้ายเชนพูดติดตลก นุ่มนิ่มมองค้อนพี่เล็กน้อยที่พูดเหมือนน้องเป็นสัตว์เลี้ยง
“หนูต้องไปอยู่กับพี่เชนเหรอ” นุ่มนิ่มถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่ค่อยแน่ใจ น้องจะทำให้พี่เชนลำบากหรือเปล่านะ ถ้าไปอยู่ด้วยอาจจะกลายเป็นภาระก็ได้
‘หรือว่าหนูไม่อยากมาอยู่กับพี่ ว้า เสียดายจังเลย พี่คิดว่าจะซื้อเสื้อผ้าสวยๆไว้รอหนูเลยนะ’ นุ่มนิ่มหูผึ่งพอได้ยินคำว่าเสื้อผ้าสวยๆ น้องกำลังอยากได้ชุดใหม่อยู่พอดี พี่เชนเอามาล่อแบบนี้ก็แย่น่ะสิ จะปฏิเสธลงได้ยังไง
“คุณยายอนุญาตแล้วใช่ไหมคะ” แต่นุ่มนิ่มยังกลัวว่าพี่เชนจะขี้ตู่ไปเอง ถามซ้ำหลายรอบแล้วว่าคุณยายอนุญาตหรือยัง และพี่เขาก็ยืนยันคำตอบเดิม
‘อนุญาตแล้วค่ะ พี่จองตั๋วเครื่องบินให้หนูแล้ว พรุ่งนี้พอไปถึงสนามบินก็เอาบัตรประชาชนไปบุ๊คตั๋วได้เลยนะคะ’ ปุบปับอะไรขนาดนี้! คนตัวเล็กตกใจอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย คืนเดียวน้องจะเก็บของทันได้ยังไง แค่เสื้อผ้ากับเครื่องสำอางก็เยอะแยะไปหมดแล้ว
“พี่เชน หนูเก็บของไม่ทันนนน” นุ่มนิ่มลากเสียงยาว เริ่มคิดภาพในหัวแล้วว่าจะเริ่มเก็บของจากอะไรก่อนดี
‘เอามาแค่ของที่จำเป็นก็พอ ขาดเหลืออะไรค่อยมาซื้อเอา’ “ค่า ~ พี่เชนคนรวย จะเลี้ยงหนูเหรอ”
‘สำหรับหนูให้เลี้ยงตลอดชีวิตยังได้เลยค่ะ’ พี่เชนยังเก่งเรื่องขยันทำให้น้องเขินได้เสมอ นุ่มนิ่มเอาผมทัดหูตนเองแก้เขิน ตอนนี้แก้มน้องคงจะแดงมากแน่ๆ
แล้วพอทำให้คนอื่นเขินได้ทีไรพี่เชนจะหัวเราะแซวตลอด คนนิสัยไม่ดี!
...
“ที่ยายต้องให้เจ้านิ่มไปอยู่กับพี่เขาก็เพื่อความปลอดภัย เราไม่เคยรู้จักคุณน้ำทิพย์มาก่อน เธอนิสัยเป็นยังไงเราก็ไม่รู้ ถ้ายายปฏิเสธไปและเธอไม่พอใจก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” คุณยายบอกขณะที่ช่วยนุ่มนิ่มเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า พรุ่งนี้ต้องไปสนามบินแต่เช้าเลยต้องเก็บของให้เสร็จภายในคืนนี้
นุ่มนิ่มฟังที่คุณยายพูดก็เข้าใจ ที่คุณยายทำไปก็เพราะว่าเป็นห่วง อย่างน้อยไปอยู่กับพี่เชนน้องก็เต็มใจมากกว่าไปอยู่กับคนอื่นอยู่แล้ว
“ไปอยู่กรุงเทพก็อย่าดื้อรู้ไหม อะไรที่เราช่วยพี่เขาได้ก็ช่วย” คุณยายเริ่มบ่นยาวแล้ว นุ่มนิ่มรับคำพลางปิดกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าจนเต็ม
“ถ้าหนูไม่อยู่คุณยายต้องเหงาแน่ๆเลย” เจ้าตัวเล็กเข้ามาอ้อน ทั้งกอดทั้งหอมคุณยายจนโดนเขกหัวไปเบาๆ
“ยายจะสบายใจล่ะสิไม่ว่า ไม่มีเจ้านิ่มคอยกวน” คุณยายพูดยิ้มๆ แกล้งพูดไปแบบนั้นเองเพราะถ้าไม่มีนุ่มนิ่มบ้านหลังนี้ก็คงจะเหงาไม่น้อย
“ไม่เชื่อหรอก คุณยายรักหนูจะตาย”
“หลงตัวเองจริงๆเลย” นุ่มนิ่มแกล้งร้องโอดโอยเมื่อโดนคุณยายดึงแก้ม และคืนนั้นหลานสาวตัวแสบก็ขอไปนอนที่ห้องกับคุณยายเพื่อจะได้นอนกอดคุณยายทั้งคืน
ถึงจะบ่นว่าอึดอัดแต่คุณยายก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะกว่าจะได้นอนกอดนุ่มนิ่มอีกก็คงจะอีกนาน เผลอๆจะติดคนพี่จนไม่อยากกลับมากอดคุณยายด้วยซ้ำ
…
นุ่มนิ่มไม่เคยนั่งเครื่องบิน ประหม่าจนเผลอทำตัวเด๋อด๋าไปตั้งหลายรอบ ขนาดเข็มขัดนิรภัยบนเครื่องบินยังคาดไม่เป็นจนพี่สาวแอร์โฮสเตสต้องมาช่วยทำให้ พอขึ้นเครื่องก็หลับยาวจนมาตื่นอีกทีตอนที่ได้ยินประกาศว่าเครื่องกำลังจะลงจอด
เมื่อลงเครื่องนุ่มนิ่มโทรหาพี่เชน พี่เขาบอกว่ายืนรออยู่ตรงทางออก น้องอยากเจอพี่เชนจะแย่แล้วแต่ต้องยืนรอกระเป๋าอีกตั้งครึ่งชั่วโมง คนตัวเล็กเดินลากกระเป๋าใบใหญ่เกือบจะเท่าตัวออกมาอย่างทุลักทุเล
ใบหน้าหวานชะเง้อมองซ้ายทีขวาทีก็ไม่เจอพี่เชน แถมคนข้างหน้ายังตัวสูงบังหมด น้องเกิดมาเตี้ยก็ลำบากหน่อย
“หนูนิ่ม ทางนี้ค่ะ” เสียงคุ้นหูทำให้นุ่มนิ่มยิ้มกว้าง เห็นพี่เชนยืนอยู่ทางซ้ายมือของประตูทางออก น้องรีบลากกระเป๋าเดินเข้ามาหา อยากจะโผเข้ากอดด้วยซ้ำแต่อายคนเลยได้แต่ยกมือไหว้
พี่เชนยิ้มลูบผมน้อง อาสาช่วยลากกระเป๋าให้ตอนเดินนำมาที่รถ พี่เขาเปิดประตูรถให้และยังยกกระเป๋าไปไว้ท้ายรถให้ด้วย นุ่มนิ่มรู้สึกอย่างกับตนเองเป็นเจ้าหญิงเลยที่ถูกดูแลเป็นอย่างดี
“ตัวเล็กหิวไหมคะ” เชนถามเมื่อเข้ามานั่งข้างในรถ มองนาฬิกาแล้วเกือบเที่ยงพอดี คิดว่าน้องอาจจะหิว
“หิวซี่ ตั้งแต่เช้าหนูยังไม่ได้กินอะไรเลย” นุ่มนิ่มลูบท้องเพื่อยืนยันความหิว เมื่อเช้าก่อนขึ้นเครื่องกลัวว่าถ้าทานข้าวแล้วจะเมาเครื่องจนอ้วกเลยไม่กล้าให้มีของตกถึงท้องสักอย่าง ตอนนี้เลยหิวจนแสบท้อง
“แวะซื้อเบอร์เกอร์แล้วเอาไปกินที่ทำงานพี่ไหมคะ ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงเอง พี่ต้องกลับเข้าไปเคลียร์งานนิดหน่อย”
นุ่มนิ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย มือบางวุ่นวายกับการรวบผมยาวๆไปข้างหลัง พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นพี่เชนมองอยู่
“มองอะไรคะ”
“คิดถึงจังเลยค่ะ” เชนมองใบหน้าหวานที่เขาคิดถึงอย่างไม่วางตา วันนี้ยัยหนูก็น่ารักอีกแล้ว แต่งหน้าอ่อนๆกับลอนผมนิดหน่อยพอเป็นธรรมชาติ ยิ่งทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต
“เว่อร์แล้ว ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วันเอง” นุ่มนิ่มว่าใส่ พี่เชนเว่อร์ตลอด นับๆดูแล้วไมได้เจอกันแค่สองวันเท่านั้น ทำมาบอกคิดถึงอย่างกับไม่ได้เจอกันเป็นเดือนไปได้
“แค่ไม่กี่วันแล้วคิดถึงไม่ได้เหรอคะ หรือว่าหนูไม่คิดถึงพี่”
“ฮื่อ คิดถึงค่ะ” แล้วก็เป็นนุ่มนิ่มที่พ่ายแพ้ต่อความอ่อนโยนของอีกฝ่าย แค่พี่เชนถามด้วยน้ำเสียงกึ่งจะตัดพ้อน้องก็ใจอ่อนยวบพยักหน้าบอกว่าคิดถึงแล้ว
“อยากจูบ”
“อื้อ…”
คนขี้โกง นุ่มนิ่มบ่นพี่เขาอยู่ในใจ พี่เชนไม่ได้แค่พูดแต่กลับทำเลย มือหนาเชยคางน้องขึ้นและประทับริมฝีปากลงมา ไม่ใช่แค่ปากแตะปากเฉยๆแต่ยังสอดลิ้นเข้ามาอีกด้วย
เพราะเราเคยจูบกันหลายครั้ง นุ่มนิ่มพอจะรู้ว่าต้องทำยังไง ลิ้นเล็กๆตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัว ถึงจะไม่ค่อยเป็นงานแต่เชนก็พอใจอยู่ไม่น้อย เขาดูดดึงกลีบปากนุ่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผละออกมา พอสมใจแล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“วันนี้เหมือนจะเป็นจูบรสคาราเมลด้วยใช่ไหม” เขาถามเพราะรสชาติหวานหอมของคาราเมลยังติดที่ปลายลิ้นอยู่เลย นุ่มนิ่มเช็ดคราบน้ำใสๆที่เลอะมุมปากก่อนจะพยักหน้า
“หนูเพิ่งกินลูกอมมา อร่อยไหมคะ”
“อร่อยค่ะ หวานมาก” พี่เชนยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่รู้ว่าที่บอกว่าอร่อยหมายถึงรสชาติของลูกอมหรือว่าจูบของนุ่มนิ่มกันแน่
…
“น้องสาวพี่เชนเหรอ น่ารักมากเลยพี่ อย่างกับตุ๊กตา”
“ถึงกับลางานครึ่งวันไปรับที่สนามบิน ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้องสาวผมจะคิดว่าเป็นแฟนแล้วนะพี่”
“แฟนก็แย่ละ น้องเด็กขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันพี่เชนคงไม่รอดคุก”
นุ่มนิ่มได้ยินพี่เชนพูดคำหยาบด้วย ด่าพี่ๆผู้ชายสามคนนั้นว่าไอ้เหี้ยหรืออะไรสักอย่าง แต่ไม่ชอบเลยที่ตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้ ทำไมต้องมองกันขนาดนั้นด้วยนะ
“เลิกมองได้แล้ว น้องกลัว” เชนจับมือน้องที่ยืนหลบอยู่ข้างหลัง เขาเพิ่งรู้ว่านุ่มนิ่มตื่นคน อาจจะเป็นเพราะไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า เพื่อนร่วมงานเขาก็พากันแซวจนน้องยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่
เพื่อนของพี่เชนแยกย้ายกลับไปทำงาน นุ่มนิ่มเดินตามแรงจูงของพี่เขามาอีกทาง พี่เชนมีห้องทำงานส่วนตัวด้วย เป็นห้องที่มองเห็นวิวจากผนังด้านหนึ่งที่เป็นกระจก นุ่มนิ่มเดินสำรวจไปรอบห้องในขณะที่เจ้าของห้องทำงานถอดเสื้อตัวนอกพาดไว้กับพนักเก้าอี้
“คเชนทร์ ตรีพิสุทธิ์” เจ้าตัวเล็กก้มลงอ่านป้ายชื่อที่วางอยู่บนโต๊ะ เพิ่งรู้ว่าพี่เขาชื่อจริงว่าคเชนทร์
“ชื่อพี่เชนแปลว่าอะไรเหรอคะ ?”
“คเชนทร์แปลว่าช้างใหญ่หรือพญาช้างค่ะ” เชนตอบพลางแกะห่อแฮมเบอร์เกอร์ให้น้อง ซื้อมันฝรั่งทอดกับน้ำอัดลมมาเผื่อด้วย ส่วนมากเด็กๆจะชอบทานของพวกนี้
เมื่อก่อนหนูนาก็ชอบ แต่นานๆครั้งเขาถึงจะซื้อให้ทานสักทีเพราะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ
“มานั่งกับพี่มา” เชนตบที่ตักของตนเอง น้องเชื่อฟังเป็นอย่างดีหย่อนสะโพกลงบนต้นขาแกร่ง เขาเกยคางไว้กับไหล่เล็ก มองน้องหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปากพลางชวนคุยไปด้วย
“คุณยายบอกว่าหนูไม่อยากไปอยู่กับภรรยาเก่าของคุณพ่อเหรอคะ”
“แล้วทำไมหนูต้องอยากไปด้วย คุณน้าเป็นใครก็ไม่รู้” นุ่มนิ่มเบะปาก รู้สึกไม่ชอบคุณน้าน้ำทิพย์เลยเพราะอยู่ๆก็จะมาเอาน้องไปอยู่ด้วย ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแท้ๆ
“หนูมีพี่สาวด้วยนะ เป็นลูกของคุณพ่อกับคุณน้าที่จะพาหนูไปอยู่ด้วย แต่หนูไม่เคยเห็นหน้าหรอก” เชนฟังน้องพูดเจื้อยแจ้วอย่างเพลินๆ เขาปล่อยน้องทานไปส่วนตนเองก็ทำงานไป ถึงนุ่มนิ่มจะนั่งอยู่บนตักก็ไม่เป็นไรเพราะน้องตัวนิดเดียว
“พี่เชนว่าหนูกับพี่สาวใครจะสวยกว่ากัน” น้องเงยหน้าขึ้นถาม หัวแทบจะชนกับคางเขาอยู่แล้ว เชนตอบทั้งที่มือยังเซ็นเอกสารอยู่
“ต้องเป็นคนสวยของพี่อยู่แล้วสิคะ” เชนตอบแล้วจูบผมนุ่มเบาๆ นุ่มนิ่มยิ้มอย่างถูกใจกับคำตอบ เอนหลังพิงอกเขาพลางดูดน้ำอัดลมอึกใหญ่
“อย่าดื่มเยอะค่ะ เดี๋ยวจะปวดท้อง” เขาอดที่จะห้ามด้วยความเคยชินไม่ได้ เพราะเคยทำแบบนี้กับหนูนาตลอด
“พี่เชนบ่นเป็นคนแก่อีกแล้ว” นุ่มนิ่มส่ายหน้าไม่ฟัง ก่อนจะลุกจากตักของพี่เดินไปรอบๆห้องพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป คนตัวเล็กที่สวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนเดินสำรวจไปทั่วห้องตามประสาเด็กที่ตื่นเต้นเวลาได้มาอยู่ในสถานที่แปลกใหม่
ซนพอๆกัน เชนยิ้มพลางส่ายหน้า ยัยหนูก็ซนไปทั่วแบบนี้เหมือนกันเวลาที่เขาพามาทำงานด้วย
บ่อยครั้งเขาถึงอดคิดไม่ได้ว่านุ่มนิ่มและหนูนาเหมือนกันมากจริงๆ
…
เชนพาน้องกลับมาถึงห้องในเวลาเกือบเย็น แวะซื้อของสดเข้ามาทำอาหารเย็นด้วย น้องตื่นเต้นกับห้องของเขาเพราะไม่เคยเห็นคอนโดของจริงนอกจากในอินเทอร์เน็ต เจ้าตัวเล็กชอบใจกับชั้นลอยระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสองเป็นพิเศษ เชนจัดมุมนี้ไว้เป็นมุมพักผ่อน และตอนนี้โดนนุ่มนิ่มยึดไปแล้ว
“เบาะนุ่มม๊ากมาก” นุ่มนิ่มเอนหลังนอนแผ่ไปกับเบาะนุ่มๆบนพื้น เชนที่เพิ่งเดินเอาของไปเก็บในครัวเรียกขึ้นมาจากชั้นล่าง
“หนูลงมานี่ก่อน พี่มีของจะให้”
นุ่มนิ่มชะเง้อมองลงมาแต่ก็ไม่เห็นของที่ว่า เลยวิ่งกลับลงมาโดยลากสลิปเปอร์คู่ใหญ่ของพี่เชนลงมาด้วย น้องเห็นพี่เขาลากอะไรบางอย่างออกมาจากหลังโซฟา เมื่อกี้คลุมไว้ด้วยผ้าเลยไม่ทันได้สังเกต
“โอ๊ะ พี่หมี!” นุ่มนิ่มร้องดีใจเมื่อเห็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ น่าจะใหญ่กว่าน้องเสียอีก พี่หมีสีน้ำตาลอ่อนขนนุ่มๆเพราะลองเข้าไปกอดแล้วแทบจมหายไปทั้งตัวเลย
“ชอบไหมคะ”
“หนูชอบตุ๊กตา ขอบคุณนะคะ” น้องพยักหน้ายิ้มไม่หุบ เชนเห็นแล้วยิ้มตาม เขาคิดแล้วว่านุ่มนิ่มต้องชอบ เด็กๆมีใครบ้างที่ไม่ชอบตุ๊กตา
“จริงๆหนูชอบตุ๊กตาหมีสีขาว แต่ว่าพี่หมีตัวนี้ก็น่ารัก” สองแขนเล็กกอดตุ๊กตาขนาดใหญ่กว่าตนเองไม่ยอมปล่อย
“ตุ๊กตาหมีสีขาวมีเจ้าของแล้วค่ะ”
“พี่เชนพูดว่าอะไรนะ” นุ่มนิ่มขมวดคิ้วเพราะได้ยินไม่ชัด แต่อีกฝ่ายกลับเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวพี่เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บให้ หนูเล่นกับพี่หมีไปก่อนนะ” เชนยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปเก็บในห้องนอนบนชั้นสอง
นุ่มนิ่มปล่อยพี่หมีไว้แบบนั้นก่อนจะเริ่มเดินสำรวจชั้นล่าง ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นห้องในฝันอย่างที่เคยฝันไว้ว่าอยากจะมี
ชั้นวางทีวีตรงห้องนั่งเล่นนุ่มนิ่มเห็นมีกรอบรูปหลายรูปที่ถูกวางคว่ำเอาไว้ ด้วยความสงสัยเลยอดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาพลิกดู
มันเป็นรูปของเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักกำลังยิ้มให้กล้อง ตรงด้านข้างกรอบรูปมีบางส่วนของรูปหลุดออกมา คงจะเป็นเพราะถูกวางคว่ำไว้ นุ่มนิ่มกำลังจะดันกลับเข้าไปเหมือนเดิม คิดว่าจะตั้งกรอบรูปให้ด้วย
พี่เชนไม่ได้เรื่องเลย น้องผู้หญิงในรูปออกจะน่ารัก ทำไมถึงคว่ำรูปน้องไว้แบบนี้กันนะ
แต่เพราะสังเกตเห็นรอยปากกาจากด้านหลังของรูปที่โผล่ออกมาทำให้นุ่มนิ่มสงสัย แต่ยุ่งกับของๆคนอื่นเป็นการเสียมารยาทเลยจะวางลงที่เดิม
กำลังจะเดินผ่านไปแล้วแท้ๆ แต่มือกลับปัดโดนกรอบรูปอันเดิมจนตกลงมาแตก กรอบด้านหน้าที่เป็นกระจกแตกกระจาย นุ่มนิ่มตกใจกลัวว่าจะทำให้รูปถ่ายขาดเลยรีบหยิบขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าเศษกระจกบาดมือจนเป็นแผล
ตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือข้างหลังรูปถ่ายเห็นจากหางตา นุ่มนิ่มก้มลงอ่านมันอย่างอดไม่ได้ แค่อยากรู้ว่าพี่เชนเขียนอะไรไว้หลังรูปใบนี้
นุ่มนิ่มไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกยังไง มันแปลกๆบอกไม่ถูก เหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก เจ็บนิดหน่อยที่หัวใจแต่ก็ไม่ถึงกับร้องไห้
อาจจะเป็นความผิดหวัง หรือน้อยใจ ว่าทำไมพี่เชนถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับน้องเลย
15/10/201x
Tokyo Disneyland ครั้งที่ 2 ของหนูนา
ยัยหนูของพ่อยิ้มไม่หุบตอนที่ขบวนพาเหรดเจ้าหญิงผ่านหน้าไป ข้อความหลังรูปถ่ายเขียนไว้แบบนั้น คงจะใช่ นุ่มนิ่มอ่านไม่ผิด ถึงแม้ว่าตอนนี้ดวงตาจะพร่ามัวไปด้วยน้ำตา
คิดว่าจะไม่ร้องไห้แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาเองจนได้ นุ่มนิ่มไม่ชอบความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้เลยสักนิด
TBC.
พี่เชนเสี่ยงคุกมาหลายตอน พักมาเข้าเรื่องกันบ้าง มีใครเดาถูกมั้ยว่าหนูนาเป็นใคร
แอบเห็นมีคนเดาถูกหลายคนอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ก็เฉลยแล้วนะคะ อิอิ
#เรื่องของหนูนิ่ม