Chapter 5 : การรอคอยของหนู
“ผมน่าจะถึงกรุงเทพเย็นๆหน่อย ยังไงจะโทรบอกอีกทีแล้วกัน”
เสียงคุยโทรศัพท์ของพี่เชนปลุกให้นุ่มนิ่มตื่น อีกฝ่ายไม่ได้คุยเสียงดังแถมยังเดินไปคุยที่ระเบียงแล้วแต่น้องไม่ใช่คนหลับลึก แค่มีเสียงรบกวนหน่อยก็จะตื่นได้ง่ายๆ
คนตัวเล็กยันตัวลุกขึ้นจากเตียงทำให้ผ้าห่มร่นลงไปกองที่เอว นุ่มนิ่มบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้านเพราะยังไม่อยากตื่นเท่าไหร่ แต่จะให้นอนต่อก็ตาสว่างไปแล้ว
นุ่มนิ่มก้าวลงจากเตียงเดินมาหยุดที่ประตูระเบียงที่เปิดแง้มไว้ แอบมองแผ่นหลังกว้างของพี่เชนที่กำลังคุยโทรศัพท์
“ครับผม แล้วเจอกัน”
ท่าทางคุยไปยิ้มไปทำให้นุ่มนิ่มคิ้วขมวด อยากรู้ว่าปลายสายเป็นใครทำไมพี่เชนถึงดูมีความสุขขนาดนั้น ไหนเมื่อคืนบอกกับน้องว่าไม่มีแฟนไง
พอเห็นพี่เขาวางสายนุ่มนิ่มก็เดินเข้าไปหา เชนกำลังจะกลับเข้ามาในห้องพอดี เขาทักเมื่อเห็นว่าน้องตื่นแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอคะ พี่คุยโทรศัพท์เสียงดังทำให้หนูตื่นหรือเปล่า ?”
“พี่เชนคุยกับใคร” นุ่มนิ่มถามด้วยความอยากรู้ เชนพาน้องกลับมานั่งที่เตียงเพราะตอนเช้าอากาศเย็น เขายืนอยู่ที่ระเบียงนานๆยังรู้สึกหนาวเลย
“คุยกับเพื่อนค่ะ หนูจะนอนต่อไหม” เชนเห็นว่าน้องยังดูง่วงๆเลยถาม แต่นุ่มนิ่มส่ายหน้า
“ไม่เอา หนูตื่นแล้ว อยากจะอยู่กับพี่เชนเยอะๆ” เจ้าตัวเล็กอ้อน พอตื่นมาแล้วคิดได้ว่าพี่เขาต้องกลับกรุงเทพวันนี้นุ่มนิ่มก็ซึมลงอีก แต่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่างอแงใส่
เชนปล่อยให้น้องอ้อนเต็มที่ แขนเล็กๆกอดเขาไว้แน่นราวกับเด็กที่หวงของเล่น เชนไม่อยากเห็นน้องเศร้าเลยเปลี่ยนเรื่องชวนคุย
“ถ้าพี่มาคราวหน้าหนูอยากได้อะไรคะ เสื้อผ้าหรือว่าตุ๊กตา” ในตอนแรกเชนคิดว่าเขาคงจะได้คำตอบว่าน้องอยากได้เสื้อผ้าสวยๆหรือตุ๊กตาสักตัว
แต่คำตอบของนุ่มนิ่มกลับไม่ใช่อย่างที่คิด
“หนูไม่อยากได้อะไรเลย แค่พี่เชนมาหนูก็ดีใจแล้ว” นุ่มนิ่มเงยหน้าขึ้นมองคนพี่ บอกสิ่งที่คิดอยู่ในใจโดยไม่ปิดบัง เชนมองเห็นนัยน์ตาใสแวววาวไปด้วยน้ำตา ก่อนจะหยดลงมาตามแก้ม
นุ่มนิ่มก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบหกที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเอง รู้สึกยังไงก็แสดงออกอย่างนั้น
“ตัวเล็กของพี่ร้องไห้อีกแล้ว ไม่สวยเลยค่ะ” เชนแกล้งว่าเพราะไม่อยากเห็นน้องเศร้า คนตัวเล็กรีบเช็ดน้ำตาแล้วทุบอกกว้างไปเต็มแรง
“หนูเปล่าร้อง ฮึก” ปากบอกว่าไม่ได้ร้องไห้แต่มือเช็ดน้ำตาไม่หยุด นุ่มนิ่มสูดน้ำมูกแล้วเบะปากใส่พี่เขา
“ห้ามบอกว่าหนูไม่สวย”
“ถ้างั้นคนสวยก็หยุดร้องไห้แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวนะคะ เราจะได้ออกไปข้างนอกกัน”
“ไปไหนคะ ?” นุ่มนิ่มถามทั้งที่ยังตาแดงจมูกแดง
“ก่อนพี่จะกลับกรุงเทพ เราไปใช้เวลาส่วนตัวด้วยกันสักหน่อยดีไหม” พี่เชนพูดยิ้มๆ น้องไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็พยักหน้า
ขอแค่ได้อยู่กับพี่เชนนุ่มนิ่มก็พร้อมจะโดนจูงไปซ้ายหรือขวาโดยไม่ขัดขืน
…
ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ที่ว่าของพี่เชนคือขับรถเล่น นุ่มนิ่มชอบเพราะพี่เชนถ่ายรูปสวยๆให้ด้วย น้องยิ้มกว้างจนลืมเศร้า ยิ้มให้คนหลังกล้องที่กำลังบันทึกภาพด้วยโทรศัพท์มือถือ
ไกลจากบ้านออกมาหน่อยมีทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองสวย วันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดเลยไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาเท่าไหร่ มีแค่นุ่มนิ่มกับพี่เชนที่นั่งอยู่ในรถด้วยกันสองคน
นุ่มนิ่มคิดว่าพี่เขาจะพาลงไปถ่ายรูปกับดอกทานตะวัน น้องคิดแต่ว่าจะโพสท่ายังไงดีให้รูปออกมาสวย แต่สุดท้ายกลับไม่มีโอกาสได้ลงจากรถด้วยซ้ำเพราะพี่เขาตรึงน้องไว้กับเบาะรถก่อนจะเริ่มจูบอย่างอ่อนหวาน
ริมฝีปาก จมูก เปลือกตา หน้าผาก และสองแก้ม ไม่มีส่วนไหนที่ไม่โดนพี่เชนสัมผัส
ภายในห้องโดยสารของรถคันสวยคับแคบแต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพี่เชน นุ่มนิ่มโดนพี่เขาจูบอยู่นานหลายนาทีจนปากเจ่อ เมื่อคืนพี่เชนจูบน้องอย่างเอาแต่ใจ หลังจากนั้นค่อยกอดปลอบและขอโทษ
ครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่า แต่มันทำให้นุ่มนิ่มเสียดท้องน้อย ยิ่งตอนที่ลิ้นอุ่นเลียเบาๆไปตามรอยแยกของริมฝีปาก เล็บคมเผลอจิกลงบนหลังคอของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“อื้อ…พี่เชน” ชุดสวยถูกเลิกขึ้นมาเหนือแผ่นอกเล็ก มือหนาบีบขยำบั้นเอวขาวจนขึ้นรอยมือ ก่อนจะสอดมือเข้าใต้แผ่นหลังบางปลดตะขอเสื้อในของน้องออก
วันนี้บราของนุ่มนิ่มเป็นสีดำ เซ็กซี่กว่าทุกครั้งที่เคยเห็น
ริมฝีปากจูบตั้งแต่หน้าท้องแบนราบขึ้นมาจนถึงร่องอก นุ่มนิ่มเชิดหน้ามองเพดานรถเมื่อโพรงปากชื้นตรงเข้าดูดกลืนยอดอก ลิ้นของพี่เชนพลิกพลิ้วหยอกล้อจนเสียวไปถึงไขสันหลัง ส่วนหน้าอกอีกข้างก็ถูกนวดเฟ้นด้วยมือหนา
“หนูนิ่ม”
“ฮื่อ…” ส่งเสียงตอบรับกึ่งครางเพราะฟันคมที่ครูดกับจุกนมเล็กๆ พี่เชนดึงชุดสวยของน้องลงเหมือนเดิมแล้วเงยหน้าขึ้นมอง แกล้งพูดให้น้องเขินหน้าแดง
“นมใหญ่ขึ้นแล้วนะ ไม่ต้องทำหน้าอกแล้วค่ะ”
นุ่มนิ่มทั้งเขินและเสียวท้องอย่างบอกไม่ถูกเพราะรู้ความหมายของคำพูดนั้น ได้ยินเพื่อนคุยกันขำๆว่าหน้าอกจะใหญ่ขึ้นถ้าโดนแฟนบีบเค้นบ่อยๆ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริงเพราะยังไม่เคยมีใครมายุ่มย่ามกับหน้าอกของน้องสักคน
แต่ถ้าพี่เชนบอกว่าใหญ่ขึ้นก็คงจะใหญ่จริงๆเพราะพี่เขาเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัสมัน
“อ๊ะ…พี่จะทำอะไร” ร้องอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายถดตัวลงไปยังที่วางเท้า สองมือลูบไล้ต้นขาเนียนภายใต้ชุดกระโปรงสีชมพูหวานตัวโปรดของนุ่มนิ่ม
“พี่ทำให้นะคะ” พี่เชนรูดชั้นในของน้องออกมาคาไว้ที่ข้อพับเข่า ก่อนจะมุดหายเข้าไปใต้กระโปรงเห็นเพียงแผ่นหลังที่ขยับไหว
นุ่มนิ่มอ้าปากค้างกับภาพลามกที่เห็นตรงหน้า พี่เขามุดกระโปรงและกำลังใช้ปากทำให้ ลิ้นอุ่นๆเลียไปตามส่วนไวต่อความรู้สึกใต้ร่มผ้า
มือเล็กจิกลงกับเบาะรถ พ่นลมหายใจออกทางปากเพื่อระบายความเสียวซ่านที่แล่นไปทั้งร่างเหมือนไฟช็อต นุ่มนิ่มไม่เห็นว่าพี่เชนทำอะไรกับตรงนั้นบ้าง แต่ภาพพี่เขาขยับหัวไปมาอยู่ใต้กระโปรงมันดูหยาบโลนอย่างบอกไม่ถูก
“พี่…อ๊ะ…พี่ขา หนูเสียว” นุ่มนิ่มร้องคราง โพรงปากร้อนดูดกลืนจนสุดโคน ขยับออกมาเลียหนักๆที่ส่วนปลาย น้ำตาไหลปริ่มขอบตาจนต้องกรีดร้องในตอนที่อีกฝ่ายชมว่าของน้องเป็นสีชมพูน่ารัก
นุ่มนิ่มรู้สึกเหมือนเล่นรถไฟเหาะ มันวูบโหวง เสียววาบแต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกและตื่นเต้น
จนเมื่อที่สุดแห่งความสุขเดินทางมาถึง สะโพกกลมสั่นเล็กน้อยก่อนที่ของเหลวสีเหมือนครีมสดจะถูกฉีดพ่นออกมา นุ่มนิ่มได้ยินเสียงพี่เชนกลืนมันลงไป และยังเลียทำความสะอาดส่วนที่เลอะให้น้องด้วย
พอแกล้งน้องเสร็จยังมีหน้าเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้และถามราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้เพิ่งจะทำเรื่องลามกลงไป
“เป็นไงคะ ชอบไหม”
คนตัวเล็กมองค้อนอย่างโกรธๆ ใครจะไปหน้าไม่อายเหมือนตัวแล้วตอบว่าชอบ
ขนาดในรถยังไม่เว้นเลย คนบ้า!
…
“ไปไหนกันมาล่ะนั่นสองคนพี่น้อง”
เมื่อเดินเข้ามาในบ้านคุณยายก็ทักขึ้น นุ่มนิ่มกระตุกชายเสื้อพี่เขาให้เป็นคนตอบ เชนตอบคำถามคุณยายแต่สายตากลับไม่ละจากใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ
“พาน้องไปนั่งรถเล่นมาครับ”
นุ่มนิ่มอดเบะปากหมั่นไส้คนพี่ไม่ได้ นอกจากเพดานรถกับหัวของพี่เชนที่ขยับเข้าขยับออกอยู่ข้างล่างที่วางเท้าน้องก็ไม่เห็นว่าการนั่งรถเล่นของพี่เชนจะได้ชมวิวสวยๆตรงไหนเลย
“แล้วพ่อเชนจะกลับกี่โมง ยายเตรียมขนมกับอาหารแห้งไว้หลายอย่างให้เอากลับไปกินที่กรุงเทพ” ของฝากที่คุณยายเตรียมไว้สำหรับหลานชายมีตั้งสองถุงใหญ่ เผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนของเชนด้วย
“เดี๋ยวขึ้นไปเก็บของแล้วจะกลับเลยครับ ไม่อยากไปถึงกรุงเทพค่ำ” เชนตอบพร้อมกระชับมือเล็กไว้ข้างหลัง นุ่มนิ่มบีบมือเขากลับมา ลึกๆคงอยากจะงอแงอีกแต่อย่างน้อยก็คุยกันรู้เรื่องแล้วว่าจะโทรคุยกันทุกวัน
ทั้งได้ยินเสียงและเห็นหน้าผ่านวิดีโอคอลก็คงจะช่วยทำให้หายคิดถึงลงไปได้บ้าง
“เจ้านิ่มไปช่วยพี่เขาเก็บของหน่อยไป” คุณยายบอก แต่ถึงคุณยายไม่บอกนุ่มนิ่มก็จะขึ้นไปกับพี่เชนอยู่แล้ว ยังไม่ทันไรพี่เขาก็ดึงมือน้องให้เดินตามแล้วนั่น
จริงๆแล้วพี่เชนเก็บของเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน แค่ขึ้นมาหยิบกระเป๋าก็เสร็จแล้ว แต่คนเจ้าเล่ห์คิดจะฉวยโอกาสกับน้องจนถึงวินาทีสุดท้าย พอเข้ามาในห้องได้นุ่มนิ่มก็โดนขโมยจูบอีกแล้ว พอเป็นอิสระได้ก็ตีแขนแกร่งอย่างเขินๆ
“ปากหนูเจ็บไปหมดแล้วนะ”
“พี่อยากทำมากกว่าจูบอีก” เชนทำท่าจะล้วงมือเข้าใต้กระโปรง แต่น้องรีบห้ามไว้
“พอเลย คนลามก” ถ้าไม่ห้ามเสียบ้างพี่เชนก็จะได้ใจ แค่ในรถน้องก็ยอมให้ตั้งเยอะแล้ว จนถึงตอนนี้ยังเหนอะหนะข้างล่างไม่หายเลย
เชนเลิกแกล้งน้อง จูบหน้าผากเบาๆก่อนจะยอมผละออกมาแต่โดยดี พอต้องกลับจริงๆอดใจหายไม่ได้ เขาคงจะคิดถึงคุณยาย รวมถึงเจ้าตัวเล็กตรงหน้า
นุ่มนิ่มราวกับล่วงรู้ความคิด น้องเขย่งปลายเท้าขึ้นกดริมฝีปากเล็กๆที่ปลายคางของเชน
“หนูจะคิดถึงพี่เชนนะคะ”
“พี่ก็จะคิดถึงหนูค่ะ” เขาไม่ได้พูดเอาใจ แต่อยู่ด้วยกันหลายวันจนสนิทกันไปแล้ว เชนเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ ไม่แปลกหากกลับกรุงเทพไปแล้วเขาจะคิดถึงน้อง
คนตัวเล็กยิ้มเขิน สอดมือเข้าจับมือใหญ่เดินกลับลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง มองพี่เชนยกมือไหว้ลาคุณยายกับพี่มะลิ หอบถุงของฝากพะรุงพะรังไปหมด คุณยายกอดพี่เขาตั้งนาน ตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้ด้วย นุ่มนิ่มสงสารคุณยาย เดี๋ยวค่อยกอดปลอบคุณยายอีกทีแล้วกัน
นุ่มนิ่มเกาะประตูรถฝั่งข้างคนขับที่เชนลดกระจกลง ยื่นหัวเข้าไปในตัวรถเมื่อพี่เขากวักมือเรียก พี่เชนประเจิดประเจ้อไม่กลัวคุณยายเห็นบ้างเลย ถึงได้กดจมูกลงมาบนแก้มน้องฟอดใหญ่
พอเห็นน้องเขินก็หัวเราะชอบใจ คนนิสัยไม่ดี!
“พี่ไปก่อนนะ” พี่เชนยิ้มให้ ยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้นุ่มนิ่มใจสั่นอยู่เสมอ
“ขับรถดีๆนะคะ” มือเล็กยกขึ้นมาบ๊ายบายพร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน พี่เชนลีลาไม่ยอมไปสักที เอาแต่ชวนคุยอยู่ได้
“ถึงแล้วพี่จะโทรหา รับสายพี่ด้วยล่ะ”
“ค่า คุณพ่อ ~” นุ่มนิ่มแกล้งเรียกเพราะพี่เขาย้ำคิดย้ำทำเป็นคนแก่ บอกตั้งหลายรอบแล้วว่าพอถึงกรุงเทพจะโทรมา น้องจำได้ขึ้นใจแต่ก็ยังพูดซ้ำอีกเป็นครั้งที่ร้อย
เชนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาปกติอย่างรวดเร็ว เขาโบกมือให้น้องที่ถอยออกไปยืนกับคุณยาย ค่อยๆเลื่อนกระจกขึ้นให้ปิดสนิท มองหน้าคุณยายกับนุ่มนิ่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกรถ
ภาพสุดท้ายที่เห็นผ่านกระจกมองหลังคือนุ่มนิ่มโถมตัวเข้ากอดคุณยาย โดยที่มือของคุณยายก็ลูบหัวเจ้าตัวเล็กเช่นกัน
อ้อนเก่งเป็นที่หนึ่งเลยเจ้านุ่มนิ่ม เหมือนกันจริงๆ
เหมือนหนูนาไม่มีผิดเลย
…
คุณยายประไฟนอนอยู่บนตั่ง ยืดขาให้หลานสาวตัวน้อยบีบนวดให้ มองใบหน้าหวานที่ไม่ค่อยสดใสเหมือนเดิมแล้วอดพูดขึ้นไม่ได้
“แค่พี่เขากลับกรุงเทพถึงกับซึมเลยเหรอเจ้านิ่ม”
นุ่มนิ่มสะดุ้งเมื่อคุณยายทัก ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำหน้ายังไงอยู่ แต่พอได้ยินแบบนั้นก็รีบปั้นหน้ายิ้มแย้มทันที
“เปล่าสักหน่อยคุณยายขา หนูยิ้มแล้วนี่ไง”
ยิ้มที่ว่าของเจ้านิ่มเป็นยิ้มที่ประดิษฐ์สุดๆ คุณยายส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกลัวว่าจะไปสะกิดต่อมเจ้าตัวแสบเข้า
อาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมคุณยายจะไม่รู้ว่านุ่มนิ่มติดพี่ชายคนใหม่จนไม่อยากห่างกัน ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่อาการฟ้องอยู่ชัดๆ เดี๋ยวเผลอทำหน้าเศร้า อีกเดี๋ยวก็ถอนหายใจ
ตั้งแต่พ่อกับแม่ตายนุ่มนิ่มก็เหลือตัวคนเดียว ญาติที่เหลือก็ไม่ยอมรับ ไม่เคยมีพี่น้องกับเขา พอได้รู้จักเชนเจ้านิ่มเลยติดพี่
คนพี่เองก็เอ็นดูน้อง คุณยายเข้าใจว่าเชนคงจะคิดถึงหนูนา พอได้มาเจอกับนุ่มนิ่มเลยทำให้ความคิดถึงนั้นเบาบางลงได้บ้าง
แต่หวังว่าเชนจะไม่ลืมว่าท้ายที่สุดแล้วนุ่มนิ่มกับหนูนาไม่ใช่คนเดียวกัน คุณยายไม่อยากให้อีกฝ่ายทำดีกับน้องเพียงแค่ยังรู้สึกผิดกับเรื่องในอดีต
“พี่เชนบอกว่าถึงกรุงเทพแล้วจะโทรมาหาหนูด้วย” นุ่มนิ่มเรียกคุณยายให้หลุดจากห้วงความคิด คุณยายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เห็นเจ้านิ่มพอจะยิ้มออกเลยยิ้มตามไปด้วย
“คุณยายขา หนูมีเรื่องจะถาม” มือเล็กยังไม่หยุดนวดให้คุณยาย ปากก็พูดไปด้วย คุณยายพยักหน้าเป็นเชิงว่าอนุญาตให้ถามได้
“หนูได้ยินพี่เชนพูดถึงคนที่ชื่อนารา เขาเป็นใครเหรอคะ ?”
คุณยายประไพชะงัก ไม่ได้ตอบคำถามในทันทีแต่กลับถามกลับ
“พ่อเชนพูดถึงนาราตอนไหน”
“เมื่อคืน ตอนที่…” นุ่มนิ่มยั้งปากได้ทัน เกือบหลุดพูดออกไปแล้วว่าพี่เชนเรียกชื่อคนๆนั้นออกมาหลังจากจูบกับน้อง
“ผมขอโทษ นารา”ประโยคนั้นก้องอยู่ในหูของนุ่มนิ่มจนถึงตอนนี้ พี่เชนจูบน้องอย่างรุนแรงจนได้เลือด พอตั้งสติได้ก็รีบกอดปลอบและขอโทษ
แต่ชื่อที่เอ่ยออกมากลับเป็นชื่อของใครก็ไม่รู้
“พี่เชนพูดถึงตอนที่กำลังคุยกันอยู่ คงจะหลุดปากมั้งคะ” ตอบออกไปเท่าที่สมองจะประมวลผลคิดคำตอบทันในตอนนั้น
“คงจะเป็นเพื่อนของพ่อเชน ไม่มีอะไรหรอก” คุณยายว่า ก่อนจะบอกว่าหายเมื่อยแล้ว เรียกพี่มะลิออกมาคุยเรื่องที่ไปตลาดมาเมื่อตอนเช้าราวกับจะตัดบท
นุ่มนิ่มขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าไม่มีอะไรอย่างที่คุณยายบอก แต่ไม่รู้จะไปถามใครแล้วเหมือนกัน
เอาไว้ค่อยถามพี่เชนตอนคุยโทรศัพท์กันพี่เขาจะตอบหรือเปล่านะ
…
กลับมาถึงกรุงเทพเชนไม่ได้มุ่งตรงกลับบ้านทันที เขาขับรถออกมาแถบชานเมืองจอดเทียบที่หน้าบ้านจัดสรรหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ เมื่อกดกริ่งหน้าบ้านรอไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินออกมาเปิดประตูให้ รอยยิ้มเป็นมิตรถูกส่งมาให้เช่นเคย เชนยิ้มตอบและเดินเข้ามาในบ้านตามคำเชิญ
เขาแบ่งของฝากบางส่วนจากคุณยายให้อีกฝ่ายด้วย นำใส่ถุงวางบนโต๊ะที่ห้องรับแขก บ้านเงียบเชียบเพราะหญิงสาวอยู่บ้านเพียงคนเดียว
“เป็นยังไงบ้างคะไปเชียงใหม่มาตั้งหลายวัน สนุกไหม” เธอถามพลางยกขาไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายๆ เชนจิบน้ำก่อนจะตอบ
“ผมแค่ไปเยี่ยมคุณยายไม่ได้ไปเที่ยว”
“คุณแม่ฉันพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกแล้วค่ะ” บทสนทนาเปลี่ยนหัวข้อกะทันหัน เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายเคยมาปรึกษาหลายครั้งแล้ว เชนคิดว่าเธอแก้ปัญหาจนมันจบไปแล้วเสียอีก
“แล้วคุณบอกท่านไปว่ายังไง ?”
“ปฏิเสธน่ะสิคะ” เธอตอบทันควัน ท่าทางหัวเสียเล็กน้อย
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเด็ก อยู่ๆจะให้เอาเด็กมาเลี้ยงน่ะ ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ”
“ยังไงนั่นก็น้องคุณ…”
“เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังเป็นลูกเมียน้อยแบบนั้นเหรอคะ” เชนพูดยังไม่ทันจบดีเธอก็เหยียดริมฝีปากพูดออกมาด้วยท่าทางขยะแขยง
เชนลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเช้าคิดว่าเธอมีเรื่องสำคัญถึงได้โทรหาเขาแต่เช้า แต่พอมาถึงเรื่องที่คุยกันไม่พ้นเรื่องเดิมๆที่อีกฝ่ายยังหาทางออกไม่ได้ แต่พอเขาแนะนำเธอกลับไม่เอาด้วย
“เห็นเชนเคยพูดถึงหลานชายคนใหม่ของคุณยาย ไปเชียงใหม่คราวนี้ได้เจอกันไหมคะ” เป็นอีกครั้งที่เธอเปลี่ยนเรื่อง สีหน้าของเชนดีขึ้นมาหน่อยเพราะไม่ต้องคุยถึงเรื่องน่าอึดอัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด
“จริงๆแล้วน้องเป็นผู้หญิงน่ะ” เขายิ้มตอบ อีกฝ่ายขมวดคิ้วก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“งั้นเหรอคะ น่ารักไหม”
ยิ่งกว่าน่ารักเสียอีก เชนอยากจะตอบไปแบบนั้น ทั้งนิสัยช่างอ้อนของน้องรวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอกทำให้นุ่มนิ่มทั้งน่ารักและน่าทะนุถนอม
“อืม น่ารักมาก อ้อนเก่งตามประสาเด็กผู้หญิง”
“คุณยังชอบเด็กผู้หญิงเหมือนเดิมเลยนะ” คำพูดของเธอแฝงความนัย แต่เชนรู้ทันเสมอ เขาไม่ยอมตกหลุมพราง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายต้องสรรหาเรื่องอื่นมาพูดคุย
“ไหนๆก็มาแล้วอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะคะ ฉันว่าจะทำแกงเขียวหวานของโปรดคุณ”
เชนอยากจะปฏิเสธ แต่อีกใจก็ไม่อยากเสียมารยาท แค่ทานข้าวคงจะไม่เป็นไร สุดท้ายเลยพยักหน้าตกลง
…
คนตัวเล็กในชุดนอนกระโปรงแขนยาวสีขาวคลานขึ้นมานอนกอดตุ๊กตาบนเตียง คางเล็กเกยลงบนหัวของพี่หมีตัวโตพลางเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
สามทุ่มกว่าแล้วนะ แต่ทำไมพี่เชนถึงยังไม่โทรมาอีก ไหนบอกว่าถึงแล้วจะโทรมาทันที น้องรอตั้งหลายชั่วโมงแล้ว
จะบอกว่ายังไม่ถึงก็ไม่น่าเป็นไปได้ อย่างช้าสักทุ่มหนึ่งก็คงจะถึงแล้ว
หรือว่าพี่เชนจะยุ่งจนลืม น้องควรจะเป็นฝ่ายโทรไปก่อนดีไหม
นิ้วเล็กวางค้างไว้ที่เบอร์โทรของอีกฝ่ายแต่ยังไม่กดโทรออก นุ่มนิ่มถอนหายใจ กำลังเถียงกับตนเองว่าควรโทรหรือไม่โทรดี
ถ้าพี่เชนกำลังยุ่งจะเป็นการโทรไปกวนหรือเปล่า ลังเลจังเลย เอายังไงดีนะ
หลังจากตัดสินใจแล้วนุ่มนิ่มลองโทรดูสักหน่อย แต่รอสัญญาณอยู่นานจนสายตัดไปเองพี่เชนก็ไม่รับ
น้องล้มเลิกความตั้งใจแล้ว น่าจะยุ่งจริงๆล่ะมั้ง ถ้าว่างคงโทรกลับมาเอง ปากแดงเบะออกเล็กน้อยแต่ก็วางโทรศัพท์ลงไว้ที่ข้างหมอน
นุ่มนิ่มลูบไปตามที่ว่างข้างๆ เตียงดูกว้างไปเลยพอไม่มีพี่เชน แถมยังหนาวกว่าทุกวันด้วย
เพราะชินกับการได้นอนกอดพี่เชนมาตั้งหลายคืน พอกลับมานอนคนเดียวเลยเหงาแปลกๆ นุ่มนิ่มซุกหน้าลงกับพี่หมีเพื่อนร่วมเตียงคนใหม่ แต่กลิ่นหอมๆจากน้ำยาปรับผ้านุ่มของพี่หมีตัวโตหอมไม่เท่ากลิ่นของพี่เชนเลยสักนิด
พยายามข่มตาให้หลับแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ นุ่มนิ่มคว้าโทรศัพท์มากดเข้าไลน์ ส่งข้อความหาพี่เชนถามว่าทำอะไรอยู่
จ้องหน้าจอนานเกือบสองนาทีแต่ยังไม่ขึ้นอ่าน เป็นอันแน่นอนว่าเจ้าของเครื่องไม่ได้จับโทรศัพท์อยู่
“หนูจะนอนแล้วนะ” เสียงเบาๆพูดขึ้นท่ามกลางความมืด เสียงเข็มนาฬิกาเดินไปตามจังหวะการทำงานของมัน ราวกับจะกล่อมให้เข้าสู่ห้วงนิทรา
ดวงตากลมโตปรือปรอยเพราะเริ่มง่วง นุ่มนิ่มตัดใจแล้วว่าไม่เป็นไรหรอก เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ วันนี้พี่เชนอาจจะขับรถเหนื่อย พอถึงบ้านก็หลับไปเลย
แต่พอจะหลับจริงๆดันไม่ได้หลับเพราะหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบขึ้น ตามมาด้วยเสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้ดังกว่าปกติเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ยิน
พอเห็นว่าคนโทรเข้ามาเป็นใครนุ่มนิ่มก็ยิ้มกว้าง รีบกดรับทันที
“พี่เชน ~” ส่งเสียงอ้อนๆไปตามสายอย่างดีใจ นุ่มนิ่มได้ยินเสียงกุกกักอยู่แป๊บหนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมา
‘นอนหรือยังคะ’ “กำลังจะนอนแล้ว หนูรอตั้งนาน” นุ่มนิ่มเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำแนบโทรศัพท์กับหู ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินเสียงพี่เขา
‘ขอโทษนะคะที่ให้รอ พี่ยุ่งๆน่ะ’ น้ำเสียงจากปลายสายอ่อนโยนจนนุ่มนิ่มแอบเขิน ใบหน้าหวานซบลงกับพี่หมีซ่อนรอยยิ้มไว้แทบไม่มิด
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วพี่เชนทำ…”
'แป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพี่โทรกลับ'พี่เชนวางสายไปแล้ว ปล่อยให้น้องถือโทรศัพท์แนบหูค้างอยู่แบบนั้น ประโยคที่จะถามยังถามออกมาไม่ทันจบเลย อีกฝ่ายเร่งรีบบอกแค่นั้นและวางสาย
ก่อนที่สายจะตัดไปนุ่มนิ่มได้ยินเสียงคนเรียกพี่เชน เป็นเสียงผู้หญิง แต่จับใจความไม่ได้ว่าฝ่ายนั้นพูดอะไรต่อ
นุ่มนิ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เชนทำอะไรอยู่ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงไปอยู่ด้วยกัน
สารพัดคำถามผุดขึ้นมาในหัวแต่ไร้คำตอบ ได้แต่คิดว่าถ้าพี่เชนโทรกลับมาแล้วค่อยถาม พอถึงตอนนั้นทุกอย่างคงกระจ่าง
คนตัวเล็กนอนหงายมองเพดานห้องที่มืดสนิท พี่เชนบอกว่าจะโทรกลับมาน้องเลยฝืนนอนกลิ้งไปมาเพื่อที่จะไม่เผลอหลับ กลัวว่าถ้าพี่เขาโทรมาแล้วจะรับสายไม่ทัน
แต่ตลอดคืนนั้นโทรศัพท์ของนุ่มนิ่มไร้การโทรเข้าจากคนที่รอคอย หน้าจอมืดสนิทอยู่ข้างๆเจ้าของที่หลับไปจนถึงเช้า
TBC.
ไม่มีตอนไหนเลยที่อิพี่มันจะไม่ลวนลามน้อง /โทรหาตำหนวด
ในส่วนของปมใดๆ เดาง่ายค่ะไม่ซับซ้อน ดราม่ากรุบๆ
#เรื่องของหนูนิ่ม