Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 30266 ครั้ง)

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #60 เมื่อ31-12-2018 12:10:09 »

อ่านไปก็ซับน้ำตาไป...สงสารน้อง  :monkeysad:
ทำไมพี่ธามยังไม่ยอมออกมาปลอบน้องฟระ  :angry2:

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #61 เมื่อ31-12-2018 21:09:45 »

สงสารน้อง

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #62 เมื่อ02-01-2019 19:20:41 »

ขอให้มรสุมผ่านไปเร็วๆนะน้องฉันท์  :กอด1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #63 เมื่อ05-01-2019 00:47:40 »

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องใหม่

รู้สึกว่าสำนวนการเขียนพัฒนาขึ้นตลอด ให้ความรู้สึกลื่นไหล เล่าเรื่องเห็นภาพ อ่านสนุกขึ้นทุกเรื่องที่ตามอ่านมา

ชื่นชมค่ะ 

เรื่องนี้สนุกมาก อ่านสี่ตอนรวด เอาใจช่วยน้องฉันท์กับพี่ธาม

ออฟไลน์ @PurPle SuN@

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #64 เมื่อ05-01-2019 22:10:27 »

มาช้าไปหน่อย แต่มาแล้วนะค้าบบบบบ

เดี๋ยวย้อนอ่านก่อน จะมาคุยด้วยอีกทีนะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #65 เมื่อ07-01-2019 16:23:56 »


 :serius2:  :serius2:

เอาจริงนะตอนนี้ มันแบบใจต้องเกินคำว่าเข้มแข็ง
ความหม่นหมองที่ผ่านมาเหมือนเป็นเรื่องฝุ่นเล็กๆที่เหมือนแค่มาเกาะผิวแค่ล้างมันก็ออก
มันไม่โหดร้ายเท่ากับตอนนี้จริงๆ ต้องมารับรู้มาเจอพ่อกับแม่ตายในบ้านแบบนี้
มองไปถึงว่าแล้วจิโระคุงล่ะ เด็กคนนี้ต้องเคว้งขนาดไหน  :mew6:


แต่ฐาตินี่นะ ขอให้หลงรักน้องกวางสักทีเห้อออ จะหัวเราะให้ดังไปถึงพระจันทร์ นี่ไม่เข้าใจนิสัยของฐาติ เลยจริงๆ

นอกจากพี่และเพื่อนคนนี้ ก็ตามมาด้วยพ่อของน้องที่โกรธในตอนนี้ที่สุด

 :m16:  :m16:



ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #66 เมื่อ09-01-2019 19:39:21 »

พี่ธามมาหาน้องเถอะ สงสารน้อง
ให้เพื่อนออกหน้า เมื่อไรจะได้เจอกัน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #67 เมื่อ10-01-2019 16:01:44 »

อ่านตอนแรกไม่ชอบธามเพราะความไม่จริงจังในท่าทางไม่จริงจังนั่นไม่น่าคบหาเลยซักนิด
แต่ก็มาสะดุดความคิดที่ฉันท์บอกว่าคนอื่นชอบตัดสินฉันท์ว่าหยิ่งทั้งๆที่เพิ่งได้คุยกันแค่นาทีเดียวก็ทำให้คิดใหม่(แต่ยังไม่คิดได้)
จนมาตอนนี้ที่ธามคอยช่วยเหลือน้องด้วยความหวังดีอย่างจริงใจ(นี่ล่ะคือความจริงจังที่มองหาตอนแรก)ก็ประทับใจในตัวธามมากขึ้นและยิ่งมากขึ้นไปอีกกับการที่ยังมั่นคงทั้งๆที่มีคนอย่างฐาติคอยเป่าหูไม่เว้นวัน อันนี้คือนับถือใจเลย
นายสอบผ่านบทพระเอกในใจเราแล้วธามัน555555555

ตอนนี้เป็นตอนที่เข้าใจในตัวน้องฉันท์เพิ่มขึ้นมากโข ก็ยังสงสัยว่าคนอะไรโดนเทไปตั้งเท่าไหร่ทำไมยังนิ่งได้ขนาดนั้น
ก็เลยคิดว่าเพราะไม่ชอบก็เลยไม่เสียใจ
แต่คนเราก็ต่างกันสินะมันอยู่ที่พื้นฐานการเลี้ยงดูจริงๆ
แค่ไม่แสดงออกว่าเสียใจใช่ว่าจะไม่เสียใจ อยากดึงน้องมากอดแน่นๆจัง

เรื่องพ่อฉลองในความคิดเรานะอาจจะเพราะพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวอ่ะแล้วแบบมันจะมีอีโก้เล็กๆของคนที่ทำหน้าที่นี้อ่ะว่าปัญหาทุกอย่างเราจัดการได้อยู่แล้วไม่ต้องบอกไม่ต้องปรึกษาใคร
แต่พอมาวันนึงก็ระเบิดตูม

อืมมมมมมมมมนี่เราอินมากจริงๆนะเนี่ย

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #68 เมื่อ12-01-2019 11:12:57 »


   แวะมาดูเด็กๆ ในวันเด็ก  :กอด1:


ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
«ตอบ #69 เมื่อ12-01-2019 19:31:17 »

มารอ ❤️❤️

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่4 (30/12/2561)
« ตอบ #69 เมื่อ: 12-01-2019 19:31:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #70 เมื่อ12-01-2019 20:09:03 »

ตอนที่5

“หนูไม่ชอบพี่ทีม” ไอ้เด็กแก่นพูดทั้งที่ขนมโตเกียวเต็มปาก
“กลืนก่อนแล้วค่อยพูดก็ได้” ฐาติส่ายหน้า “มึงไม่ชอบเขาเรื่องอะไร”
เด็กแก่นกลืนขนม ยกแก้วน้ำแดงขึ้นมาดูดอึกใหญ่แล้วค่อยพูด “หนูว่าเขาขี้ประจบ คนขี้ประจบคบไม่ได้ แม่บอก”
“เขาประจบใคร”
“ลุงกับป้าไง แล้วก็กำลังประจบจิโระด้วย แต่จิโระเป็นเด็กดีรู้ทันก็เลยไม่ชอบพี่ทีม ดังนั้นการที่หนูที่เป็นเด็กดีเหมือนกันไม่ชอบพี่ทีมจึงถูกต้องแล้ว”
เป็นบทสนทนาที่จะมึนงงอะไรขนาดนี้ “มึงจะไม่ชอบเขา ไม่เห็นต้องไปอ้างเด็ก 3 ขวบ”
กวางยัดขนมโตเกียวไส้หวานทั้งชิ้นเข้าปาก เคี้ยว 2 คำก็กลืนลงคอ “เด็ก ๆอ้ะใสซื่อบริสุทธิ์ น้าไม่รู้หรือไง”
“แล้วจิโระชอบใคร”
“ก็โอนิซัง” กวางทำเสียงเล็กๆ พูดไม่ชัดทั้งญี่ปุ่นและไทยแบบจิโระ ทำให้ฐาติหัวเราะอารมณ์ดี
“แสดงว่าโอนิซังเป็นคนดีละสิ”
“ถูกต้อง ๆๆๆๆ” กวางรัวคำว่าต้องถี่ยิบ “เขาเป็นคนดีที่ถูกคนนั้นคนนี้คิดเอาเองมาตลอด”
“ยังไงของมึงอีกละเนี่ย วันนี้พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
“เนี่ย” กวางบ่น “น้าก็เหมือนกัน น้าไม่ชอบพี่ฉันท์ ทั้งที่ก็เห็นมาตลอดว่าเขาไม่ได้ทำอะไร แต่น้าก็คิดเอาเองแล้วก็ไม่ชอบเขา”
“วะไอ้นี่” แต่ก็เออ จริงของมัน ฐาติไม่ชอบหนุ่มตาโศกคนนั้น ยุให้ธามันเลิกสนใจมานับครั้งไม่ถ้วน “แต่กูไม่ได้คิดเอาเอง กูไม่ชอบคนไม่มั่นคง คบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย”
“แล้วใครมั่นคง พี่ธามละสิ”
“ใช่” โห ไอ้เด็กนี่แม่งแสบ
“น้า” กวางทำหน้าตาประจบ “ขอตังค์ซื้อขนมอีก 20 บาทได้ไหม หนูยังไม่อิ่มเลย”
...
ต้อมแวะซื้ออาหารมื้อเย็นจากซุปเปอร์มาร์เก็ตหน้าคอนโดฯ ที่จะต้องอุ่นซ้ำอีกครั้งในตอนค่ำ
6 โมงเศษ เสียงกริ่งหน้าประตูห้องก็ดังขึ้น ตามมาด้วยคนที่กดกริ่งเปิดประตูห้องเข้ามาเอง
"กลับมาแล้วหรือครับ"
"อือ" คนที่มาถึงพยักหน้า ถอดรองเท้าให้ต้อมเข้าไปเก็บไว้ในตู้ เมื่อหันมาเห็นว่าต้อมมีรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ก็ถามด้วยน้ำเสียงห้วน "ยิ้มอะไร"
ต้อมเคยชินกับน้ำเสียงนี้ "ดีใจที่พี่มา จะดื่มเบียร์เลยไหมครับ"
"ดี" มือใหญ่รูดไทค์ แล้วเอนตัวลงนั่งเหยียดขาที่โซฟาเบด กวาดตามองไปรอบหัองพักขนาด 1 ห้องนอน 60 ตารางเมตร ที่เขาเป็นคนจ่าย แต่คนที่พักอยู่ที่นี่คือต้อม
หนุ่มตาเรียวนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน แล้วส่งเบียร์ให้ จากนั้นก็บีบนวดขา
"เหนื่อยไหมครับ เดี๋ยวผมเตรียมน้ำอุ่นให้นะครับ"
"เดี๋ยวก่อน"
"ครับ"
"ไปหาน้องฉันท์ทำไม"
คนที่กำลังยิ้มหวาน ชะงักมือเพียงเสี้ยววินาที แล้วก็บีบนวดต่อ "ป้าพาลุงไปทำคีโม ฉันท์ไปทำธุระเรื่องบ้าน เด็กที่ช่วยเลี้ยงจิโระก็ไปเรียน"
"อาสาไปเอง หรือน้องฉันท์ขอให้ไป"
"ฉันท์ขอให้ไปช่วยสิครับ ผมรู้หรอกน่า ว่าพื้นที่ของผมอยู่ตรงไหน"
คนที่จิบเบียร์กระแทกเสียงในลำคอ "คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่าเธอมีเจตนาอะไรซ่อนอยู่"
ต้อมก้มหน้าซ่อนความรู้สึก ขณะที่อีกคนพูดต่อไป
"ถ้าไม่ติดประชุม ฉันต้องไปกับเขาอยู่แล้ว งานบริษัทนี่ประชุมกันทั้งวันแทบกระดิกไปไหนไม่ได้เลย ไม่ได้เจอน้องฉันท์มาหลายวันแล้ว"
"ผมจะไปเตรียมน้ำอุ่นนะครับ"
"ทำไม ฟังไม่ได้หรือไง" น้ำเสียงแข็งกระด้างที่กระแทกใส่หน้า ไม่เคยเกิดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายอยู่กับฉันท์ ต่อให้ในเวลาที่พูดถึงน้ำเสียงก็ยังอ่อนโยน
"ฟังได้ครับ ผมทราบว่าพี่เป็นห่วงฉันท์ แต่พี่ดื่มเบียร์ใกล้หมดแล้ว ไปอาบน้ำแล้วมาทานอาหารดีกว่าครับ"
ชายหนุ่มพยักหน้าส่ง ๆ เชิงไล่ให้ไปเตรียมน้ำอุ่น แล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
ในตอนที่ต้อมเปิดประตูห้องน้ำไปเตรียมน้ำอุ่น ยังได้ยินเสียงพูดคุย
"พี่เพิ่งถึงบ้าน พรุ่งนี้น้องฉันท์ต้องไปติดต่ออะไรอีกหรือเปล่า ไม่มีก็ดีแล้ว แต่ถ้าจะไปไหนบอกพี่ก็ดี เผื่อพี่ขับรถไปให้ไง งานบริษัทจะมีอะไร ตอกบัตรเข้างาน แล้วก็รอเวลาตอกบัตรเลิกงาน"
เสียงหัวเราะด้วยความสุขทำให้ต้อมเม้มริมฝีปากแน่น เผื่อความเจ็บที่หัวใจจะย้ายมาอยู่ที่ริมฝีปาก
เตรียมน้ำเสร็จ ก็ก้าวเดินออกมา คนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่หันมาชี้หน้า เชิงสั่งว่าห้ามพูดห้ามส่งเสียง ต้อมได้แต่พยักหน้า ถือผ้าขนหนูยืนรอจนกระทั่งวางสาย เขาถึงได้มาหยิบผ้าขนหนูไปจากมือ
ภาพที่หน้าจอโทรศัพท์ที่ยังสว่างอยู่เป็นภาพคู่ของธนวัฒน์และฉันท์ทัต ...
....
ฉันท์กับป้าออกไปพูดคุยกับผู้เช่าที่อพาร์ทเม้นท์ด้วยตัวเอง เริ่มจากการเดินบอกร้านซักรีดของป้าละเมียดว่าขายอพาร์ทเม้นท์หลังนี้แล้ว
ป้าละเมียดงงและตกใจไปชั่วครู่ เพราะแม้จะรู้ว่าฉันท์ต้องหาเงินใช้หนี้ของพ่อ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขายแหล่งรายได้ของตนเอง ส่วนหลานสาวป้าละเมียดหยุดมือที่กำลังทำงานรีบออกไปเรียกบรรดาแม่บ้านคนขับรถมาฟังพร้อมกัน
"ลูกค้าที่เขาส่งผ้าซัก ไม่ได้มีแค่ที่ตึกนี้ แต่ยังมีหอพักและอพาร์ทเม้นท์ใกล้เคียงอีก 2 หลังด้วย ต้องหาที่พักแถวนี้"
ในฐานะที่อยู่กันมานานฉันท์พอจะเดาใจป้าละเมียดออก "ผมจะไปคุยกับเขาดูนะฮะ ว่ามีห้องว่างไหม"
"แต่แหม ค่าห้องแพงกว่าที่นี่ทั้งนั้น"
ก็จริงอย่างที่ป้าละเมียดว่า เพราะอพาร์ทเม้นท์นี้เป็นตึกเก่า ค่าห้องจึงมีราคาถูก
"เธอก็พักที่นี่ไปก่อน" ป้าแจ่มจิตเจรจาแบบคนใจเย็น หันไปบอกกับคนอื่น ๆ ที่ขยับเข้ามาล้อมวงฟังด้วยกัน "ทุกคนเลยนะ หลังจากนี้เราจะไม่เก็บค่าเช่า แต่คิดค่าน้ำค่าไฟเหมือนเดิม พร้อมจะย้ายออกไปเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น"
"นี่แสดงว่าขายได้แพงละสิ" แม่บ้านคนหนึ่งถามขึ้น
ป้าแจ่มจิตถอนหายใจ ทำให้ป้าละเมียดเริ่มเดา "โดนกดราคามาใช่ไหม แล้วทำไมถึงขาย"
"หนี้สินไม่ใช่น้อย ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่า ฉลองเขาพูดกับพวกเจ้าหนี้ไว้แบบไหน พวกเธอก็คงเห็นแล้วว่าเมื่อตอนงานศพ มีคนหน้าตาน่ากลัวมาคุยกับเจ้าฉันท์ที่งาน อย่างเรานะเป็นหนี้ใครสักคนก็เครียดนอนไม่หลับแล้ว"
ป้าละเมียดและบรรดาแม่บ้านพยักหน้าถี่ยิบ ทั้งที่ในกลุ่มนี้ถ้าไม่เป็นหนี้ร้านค้า ก็เป็นหนี้นอกระบบ
“ญาติทางฝั่งพ่อเขาไม่ช่วยจริง ๆ หรือ”
“มันก็เกินกำลังเขาน่ะแหละ เราก็รู้กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร” บรรดาแม่บ้านต่างส่งเสียงเข้าใจกันตามประสาคนวงใน “คนที่มีอาชีพปล่อยกู้เขาให้ยืมเพราะเห็นนามสกุล แต่ถ้าพี่น้องมาช่วยใช้หนี้ให้ แล้วฉลองยังไม่หยุดเล่น ต่อให้มีอีก 10 ตลาดก็คงไม่เหลือ”
บรรดาผู้ฟังพยักหน้าเห็นด้วย
"หนี้ธนาคารฉันท์ก็ต้องไปคุยเรื่องประนอมหนี้ แต่พอพูดถึงหนี้นอกระบบ หนี้บ่อนมันก็เกินกว่าเราจะควบคุมได้"
"หนี้บ่อนเยอะมากไหม" แม่บ้านคนหนึ่งถามขึ้นบ้าง คือพอจะรู้มาบ้าง แต่ต้องการคำยืนยันไง
ป้าแจ่มจิตพยักหน้า “ก็เยอะอยู่เหมือนกัน”
"ลุงก็ป่วยอีก"
"มีค่าใช้จ่ายรออยู่ไม่น้อยเลย"
แต่ละคนพูดกันคนละประโยคสองประโยค ที่ออกไปในทางแสดงความเห็นใจ สาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่ได้พักฟรีไปจนกว่าจะย้ายออกนี่แหละ
"แล้วสรุปว่า เขาจะเริ่มมารื้อถอนที่นี่เมื่อไหร่"
"คนที่ซื้อเขาบอกมาว่า เขาจะแจ้งมาอีกครั้งครับ เพราะทางเขาเองก็ต้องไปเสนอแผนงาน แผนลงทุนอะไรของเขาเหมือนกัน"
"คือสรุปว่า จะรื้อแน่นอน แต่รื้อเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเราจะเตรียมตัวอย่างไร"
ฉันท์รับรู้ความกังวลของทุกคน "อย่างนั้นผมจะบอกกับเขาว่า ถ้าจะมารื้อเมื่อไหร่ ก็ขอให้บอกล่วงหน้าสัก 1 เดือนนะฮะ แต่ภายใน 1 เดือนนี้ ผมจะเปิดขายเลหลังพวกข้าวของเครื่องใช้ในห้องที่ไม่มีคนอยู่ ตอนที่ยกลงมา ถ้าเห็นว่าอันไหนที่ใหม่กว่าอันที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็มาเปลี่ยนเอาไปใช้ได้นะฮะ เพราะเหลือจากขายเลหลัง เราก็จะยกให้มูลนิธิไป"
ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันของบรรดาแม่บ้าน หลานสาวป้าละเมียดก็พูดขึ้นมาว่า
"ฉันท์ทำบุญใหญ่ให้พ่อกับแม่เลยนะเนี่ย"
ฉันท์พยักหน้า "เขาตายแบบนั้น และทิ้งหนี้ก้อนใหญ่ไว้ เขาก็คงเป็นทุกข์มาก ผมอยากทำให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้ติดค้างอะไรคนที่อยู่ข้างหลัง ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราทุกคนจะผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้"
บรรดาแม่บ้าน กล่าวชื่นชม สลับกับการแสดงความเป็นห่วงอยู่อีกครู่หนึ่งก็แยกย้ายกลับไป
แต่พอค่ำลงบรรดาสามีที่เป็นคนขับรถรับจ้างกลับมา บรรยากาศการพูดคุยก็เป็นไปอีกแบบ เพราะแต่ละคนเดินเข้ามาหาที่บ้านหลังเล็กของป้าแจ่มจิต แล้วล้อมวงนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน
"ที่ขายอพาร์ทเม้นท์ ก็เพราะเดือดร้อนไม่ใช่หรือไง แล้วมาลดแลกแจกแถมแบบนี้ มันดีแล้วหรือฉันท์" ลุงคนขับแท็กซี่เกรงใจ
"เข้าใจนะว่าทำบุญ แต่ทำบุญมันต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน"
"หรือมีแผนพัฒนาบ้านหลังใน"
"หลังนั้นก็ขายด้วยเหมือนกันครับ" ฉันท์บอก
ลุงคนขับแท็กซี่คิดตาม "งั้นคงขายแปลงนั้นได้มาก"
“ถามจริงเถอะ พ่อเราเขาเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่กันแน่ ถึงได้ต้องขายทุกอย่าง”
ฉันท์ส่ายหน้า ลำพังการขายอพาร์ทเม้นท์นี้ก็สามารถใช้หนี้ได้ทั้งหมดแล้ว แต่ยังมีเหตุผลอื่นอยู่อีก
 "บ้านเก่ากับที่ดินว่างเปล่าที่ไม่เคยพัฒนาอะไร คนซื้อต้องถมที่เยอะเหมือนกัน"
"ที่แปลงหลังบ้านมันมีปัญหามาตลอดตั้งแต่ปู่เพิ่มของเจ้าฉันท์ ที่เขาบอกว่าจะยกให้พ่อฉลอง” ที่เป็นลูกชายคนเล็ก “แต่สุดท้ายก็กลับแบ่งโอนให้ลุงเอก” เป็นลูกชายคนโต ซึ่งคุมกิจการทั้งหมดในปัจจุบัน “ทั้งที่แปลงบ้านพ่อฉลองเขาก็อยู่ตรงนั้น ทำให้พี่น้องทะเลาะกันมาเป็นปี ๆ เจ้าฉันท์ก็เลยอยากขายแปลงบ้านของเรา” ป้าบอกไปตามที่ฉันท์บอกกับป้าไว้เรื่องขายบ้าน
ซึ่งมันก็เป็นความจริง...แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
“เขาว่ากันว่า วิญญาณคนฆ่าตัวตายนี่ไม่ไปไหน จะวนเวียนฆ่าตัวตายอยู่ซ้ำ ๆ ไปอีกนานเท่านาน นี่ก็น่าจะยังอยู่ที่บ้านนะ” ลุงสามล้อท้วงขึ้น “ถ้าตกลงจะขายจริง ๆ ยังต้องมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ ไม่อย่างนั้นขายไม่ได้ หรือขายได้ก็อยู่ไม่ได้”
หลังจากนั้นวงสนทนาก็เปลี่ยนไปที่กรณีตัวอย่างอีกหลายเรื่อง จนลุงแท็กซี่ต้องพากลับมาที่เรื่องที่คุยค้างไว้
“ขายบ้านแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนกัน”
“คุยกันว่าจะไปลงทุนเปิดห้องแถวค้าขาย แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้น่ะ ลุงไม่สบาย แล้วมีหลานเล็กมาอีกคน” ป้าปัดผ่านไปอย่างรวดเร็วแบบมืออาชีพ “เราเกรงใจทุกคนมาก อยู่ด้วยกันมานาน และอยากขอโทษทุกคนด้วย"
"หนี้นอกระบบมันก็งี้แหละ ดอกเบี้ยโตวันโตคืน" ลุงสามล้อรู้ดี "นี่ถ้ามันรู้ว่าขายแล้ว ระวังมันจะบุกไปทวงถึงบ้านนะ"
"เออใช่" เมียคนขับสามล้อสนับสนุน
ไปๆ มาๆ การที่จะต้องพากันย้ายออกไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่น่ากังวลใจเท่ากับประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องวิญญาณและแก๊งค์ทวงหนี้
....
"อะไรนะ! มึงขายทั้งหมดนี่ไปในราคาประเมิน แม่งอย่างนี้มันไม่เรียกว่าการค้าขายแล้ว นี่มันเผาบ้านตัวเองชัดๆ" ต้อมเสียงดังใส่ฉันท์ จนกวางต้องเข้ามาอุ้มจิโระออกไปเล่นในห้องข้าง ๆ เพราะไม่อยากให้เด็กได้ยินเวลาคนทะเลาะกัน แต่ก็ต้องเผื่อไว้ด้วยถ้าเกิดเรื่องราวมันลุกลามจะได้เข้ามาห้ามได้ทัน
ทุกครั้งที่เห็นพี่ต้อมมาหาพี่ฉันท์ เขาก็คุยกันดี จนอาจเรียกได้ว่า ‘มุ้งมิ้ง’ จนทำให้น้าเข้าใจผิดว่าคิดว่า พี่ต้อมเป็นแฟนพี่ฉันท์
นี่เป็นครั้งแรกที่โมโหขนาดนี้
แต่ถึงพี่ฉันท์จะขายถูกไปจริงๆ อย่างที่ว่า แต่เขาก็ต้องมีเหตุผลของเขาไม่ใช่หรือไง ‘กวางทีมพี่ฉันท์’ ได้ยินพี่ 2 คนคุยกันเรื่องการขายอพาร์ทเม้นท์ ขายบ้านมาตลอด แต่ไม่เห็นว่าพี่ต้อมจะท้วงว่าอะไร จนกระทั่งโอนให้คนอื่นเขาไปแล้วถึงมาโวยวาย พิลึกมนุษย์!
"ราคาประเมินน่ะ มันจะต่ำกว่าที่เขาซื้อขายกันจริงมากกว่า 1 ใน 4 ยิ่งเขาจะเอาไปพัฒนาแบบนี้ยิ่งได้ราคาดีมึงไม่รู้หรือไง" แต่ที่พี่ต้อมพูดมาก็ถูกนะ
"รู้" ฉันท์ลากเสียง "แต่กูต้องรีบรวบรวมเงินไปใช้หนี้นอกของพ่อก่อน พวกเจ้าหนี้ตามไปถึงงานศพ พอมีคนเขามาเจรจาขอซื้อกูก็ไม่อยากถ่วงเวลาออกไป มึงก็เห็นว่าที่นี่มีทั้งเด็ก คนแก่ คนป่วย ถ้าเจ้าหนี้มันมาถึงบ้านจะทำยังไง อีกอย่าง คนซื้อเขาก็ไม่ได้เร่งให้คนเช่าอพาร์ทเม้นท์ต้องย้ายออกในทันทีด้วย"
ต้อมยังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง "กูไม่ได้ห่วงผู้เช่าของมึง แต่มึงค้าขายขาดทุนมหาศาล แล้วมึงคุยกับพี่ทีมหรือยัง"
พอฉันท์ส่ายหน้า ต้อมก็สงบลงในทันที
หนุ่มตี๋นั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม แล้วยื่นหน้ามาถามซ้ำ "เขาไม่รู้อะไรเลยหรือ"
ฉันท์ส่ายหน้าอีกครั้ง "กูเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นานแถมเขายังเป็นคนมีเงิน ถ้าพูดเรื่องเงินกับเขา เดี๋ยวเขาจะคิดว่าอยากได้เงินของเขา"
ดวงตายาวเรียวมองไปทางกวางที่กำลังเล่นอยู่กับจิโระ แต่ก็คอยหันมามองฉันท์กับต้อมเป็นระยะ "ก็จริงของมึง" จากนั้นก็ถามต่อ "ตกลงคือ เขาซื้อแล้ว โอนแล้ว แต่เรายังอยู่ต่อไปได้ทั้ง 2 หลังเลยน่ะหรือ"
ฉันท์พยักหน้า
"ทำไมใจดีนักวะ"
กวางกลับคิดในใจ...ทำไมพี่ต้อมมีคำถามเยอะนักวะ นี่ขนาดไม่ใช่เรื่องของตัวเองยังขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองจะขนาดไหน
เงียบไปยังไม่ถึงนาทีต้อมก็เสนอความเห็นอีก "แล้วเรื่องการาจเซลนี่มึงจัดการไปถึงไหนแล้ว กูช่วยติดต่อมูลนิธิให้นะ แต่ของให้มูลนิธิน่าจะคัดที่ดี ๆ สักหน่อย ของที่สภาพมันแย่มาก เราแจ้งกทม.มารับไปได้"
ฉันท์เห็นด้วยกับต้อมทุกอย่าง จากนั้นประเด็นก็เปลี่ยนไปที่ เรื่องการย้ายไปอยู่ห้องแถว
“มึงจะค้าขายหรือ” ต้อมหันไปมองจิโระ และห้องนอนของลุง “เอาจริงดิ”
“คุยกันกับกวางว่า จะเอาเงินไปเซ้งห้องแถวเปิดร้านขายของกัน แต่ยังไม่เป็นเรื่องเป็นราวเพราะต้องดูทำเลกันก่อน จะได้เป็นทั้งที่พักดูแลลุงกับป้าได้ แล้วก็เป็นอาชีพเราด้วย"
"ก็ดี" ต้อมเห็นด้วยกับเพื่อน "มึงน่ะมีอะไรในใจ ก็บอก ๆ ออกมาบ้าง กูจะได้ช่วยคิด"
คนตาเรียวช่วยเพื่อนจัดการทุกเรื่องอย่างจริงจังด้วยบรรยากาศ ‘มุ้งมิ้ง’ อีกครั้งจนทำให้กวางกลอกตามองบน
...
หลังจากที่เด็กแสบที่เรียกตัวเองว่า ‘กวางทีมพี่ฉันท์’ วางสายไปนานเกือบ 2 ชั่วโมง ฐาติก็รับโทรศัพท์จากฉันท์ที่โทรมาถามว่าถ้าจะเก็บของออกมาทำการาจเซลได้หรือไม่
ฐาติวางท่าว่าไม่รู้เรื่องอะไร ซักถามอีก 2-3 คำถามแล้วก็อนุญาตไป เพราะรู้ว่าธามันต้องอนุญาตอยู่แล้ว แต่ฐาติกลับไปสงสัยต้อมเพื่อนของฉันท์คนนั้นมากขึ้น จนต้องให้นักสืบประจำสำนักงานช่วยหาข้อมูลให้นิดหน่อย
รายงานที่มาวางอยู่บนโต๊ะทำงานในบ่ายวันถัดมาทำให้ฐาติต้องนัดธามันออกมาคุยกันที่ร้านอาหารช่วงค่ำ
"คุณพี่ธนวัฒน์ของพวกเราไม่ธรรมดา เขาไม่เคยธรรมดา และไม่มีวันที่จะธรรมดาไปได้" ฐาติเริ่มเรื่อง ขณะที่ส่งรายงานให้ธามัน
"เรารู้กันมาตลอดว่าเขาเลี้ยงเด็กนักเรียนหญิง ควงนักศึกษาหญิง มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย" หนุ่มตัวหนาสวมแว่น ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ "พอเบื่อก็แยกทางกันไป”
ธามันดูรูปนักศึกษาในแฟ้มรายงาน ขณะที่ฐาติเล่าเรื่องต่อ
..แน่นอนว่าต้องไม่มีเรื่องที่ฐาติเคยจัดให้ต้อมอยู่ในกลุ่มคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนของฉันท์ทัต แล้วก็นำมาเป็นข้ออ้างให้ธามันเลิกกับน้องฉันท์
"ในกลุ่มเด็กเลี้ยงของเขา มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ชาย เป็นคนที่เขาเลี้ยงแบบหลบซ่อนไว้มานานหลายปี เป็นคนที่อยู่มานานที่สุด และเช่าคอนโดฯ ห้องใหญ่ให้อยู่ตอนที่หนุ่มคนนี้เรียนอยู่ปี 4 คนผู้นั้นคือนายเจนจบ หรือต้อม เพื่อนรักของนายฉันท์ทัต เด็กนายธามันนั่นเอง"
ธามันมีสีหน้าคิดหนัก
"ในข่าวร้ายเรื่องเพื่อนรักหักหลัง ยังมีข่าวดีก็คือ ดูเหมือนว่า ต้อมนี่แหละคือคนที่สกัดผู้หญิงของคุณพี่ทีมที่พยายามจะเข้ามาหาน้องของมึง" ฐาติขยับตัวเล่าเรื่องใหม่ตั้งแต่แรก "อย่างนี้นะ ตอนที่ยังทำงานอยู่มหาวิทยาลัยเขาเลี้ยงนักศึกษาหญิงอยู่ 2 คนก่อนที่จะคบกับฉันท์ คือก็เปลี่ยน ๆ ไป พอเลิกกับคนนี้ ก็รับคนนั้นไปเรื่อยแต่จำนวนจะอยู่เท่านี้” ชัดเจนว่าไม่จริงจัง “เลี้ยงแบบถูกต้องตามหลักของเสี่ยใหญ่ เช่าคอนโดฯให้อยู่ ให้รถไว้ใช้ด้วย แต่มาถึงตอนที่น้องมึงเขาอยู่ปี 4 คุณพี่ทีมเริ่มขอนัดเดทน้องมึง แต่ตอนนั้นเขามีหญิงอยู่คนหนึ่งอยู่มหา’ลัยเดียวกันกับน้องมึงชื่อโบว์  ส่วนอีกคนอยู่มหา’ลัยเอกชนชื่อจุ๊บแจง พอโบว์รู้ว่าน้องมึงไปเที่ยวกับคุณพี่ทีม เธอก็ประกาศตัว”
“ประกาศตัวหรือ” ธามันเครียดอย่างจริงจัง
“ก็บอกกับทุกคนว่าเธอคือแฟนตัวจริงของคุณพี่ทีม”
“แต่น้องไม่เคยตอบโต้”
“ไม่เคย” และทำให้ฐาติสงสัยมาตลอด ว่าเจ้าตัวเคยรู้เรื่องอะไรบ้างไหม เคยสนใจอะไรบ้างไหม จนเมื่อเวลาผ่านไปถึงได้เข้าใจว่า เพราะปัญหาของตัวเขาเองมีมากจนไม่สนใจเรื่องไม่จริงเหล่านั้น “ว่าที่จริงข้อความโซเชี่ยลเนี่ยมึงก็รู้อยู่แล้วว่ามันมั่วมากกว่าจริง”
หนุ่มคนตัวใหญ่ลูบหน้าตัวเองแรง ๆ แล้วพยักหน้าให้ญาติผู้พี่เล่าต่อ
“โบว์มาหาน้องมึงถึงคณะ แต่ไม่เจอเพราะถูกต้อมสกัดไว้ แล้วต้อมก็บอกคุณพี่ทีม ทำให้เขาสลัดนักศึกษาหญิงคนนั้นทันที"
"รู้ได้ไงว่า ต้อมตัดเส้นทาง แล้วก็เป็นคนบอกเรื่องกับคุณทีม"
“เพราะเพื่อนของโบว์เล่าให้นักสืบของกูฟังจนหมดเปลือกน่ะสิ” สีหน้าคนรายงานตอนนี้สนุกมาก “เธอเล่าให้นักสืบฟังเป็นฉาก ๆ ว่าต้อมพาน้องมึงหลบไปทางอื่นบ้าง เข้ามาสกัดตรง ๆ กับทีมดักตบก็มี ทีนี้พอโบว์โดนเขี่ยตกกระป๋อง แล้วรู้ว่าต้อมได้ย้ายเข้าไปอยูในห้องคอนโดฯ หลังเดิมของเธอ เรื่องมันก็เลยยิ่งตื่นเต้นเร้าใจ เพราะพวกนางยกแก๊งค์ไปจัดการต้อม”
...โหดของจริงนะเนี่ย
“เรื่องที่คนอื่นไม่รู้ ทีนี้ก็เลยรู้กันหมด” ฐาติสรุป
“แต่น้องก็ยังไม่รู้เรื่องเพื่อนกับคุณทีม”
“มึงคิดว่าคนที่ปิดกั้นตัวเองแบบนั้น จะรู้เรื่องชาวบ้านไหม ขนาดพ่อของเขาทำอะไร คนรู้กันทั้งตลาด แต่เขาก็ยังไม่รู้เลย”
ถึงได้บอกว่า คนนิสัยแบบนี้บางทีก็น่ารำคาญ แต่บางทีก็น่าสงสาร
“แล้วที่มึงบอกว่าต้อมอยู่กับพี่ทีมมานานที่สุด”
“ใช่ พี่ทีมเลี้ยงคนนี้มาตั้งแต่อยู่ปี 1 แต่ไม่ได้ให้ห้องไม่ได้ให้รถใช้อย่างที่เขาให้คนอื่น เวลาจะใช้บริการก็เรียกไปโรงแรม จนกระทั่งช่วยสกัดนักศึกษาหญิงคนนั้น เขาถึงกลายมาเป็นเบอร์ 1”
ในภาษาของคนวงในเรียกเด็กแบบต้อมว่า 'ของฟรี' ซึ่งไม่ได้อยู่ในกลุ่มเด็กเลี้ยงด้วยซ้ำ
"สร้างผลงานเพื่อเลื่อนขั้นหรือ"
“มีความมุ่งมั่นและอดทน จนกูสงสัยว่าไอ้คุณพี่ทีมมันมีอะไรดีวะ นอกจากสายเปย์”
“อาจดีตรงที่เป็นสายเปย์นี่แหละ” ธามันคิด “ทำไมต้อมถึงไม่ขวางพี่ทีม ไม่หวงเพื่อน ตอนที่เขาเข้ามาหาน้องตอนที่น้องอยู่ปี 4”
“อะ อ้าว เจ้านายครับ รู้จักหลักการ ซ้อใหญ่จัดหาไหมครับ”
ธามันนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
ฐาติหัวเราะในลำคอ "ต้อมใช้หลักการนี้เพื่อประกาศตัวว่าเป็นเบอร์ 1 ควบคุมบ้านเล็กบ้านน้อยของคุณพี่ทีม ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องให้อยู่ในการดูแล หลักการนี้คุ้นใช่ไหมครับ”
“อืม” คุ้นจริงอย่างที่ว่ามา “คุณทีมรู้จักต้อมมาตั้งแต่ปี 1 เขาก็น่าจะรู้จักน้องด้วยเหมือนกัน แต่ที่เพิ่งมาจีบตอนปี 4 แสดงว่าต้องมีสาเหตุ”
“เขาอาจรู้เรื่องครอบครัวใหญ่ หรือรู้เรื่องที่ดิน หรือไม่ก็เพระรู้ว่ามึงชอบคนนี้”
“ถ้าเขารู้ว่ากูชอบน้อง เขาต้องเอาไปบอกพ่อว่ากูเป็นเกย์ แล้วยุให้พ่อลงโทษ เอาไปบอกพวกกรรมการบริหารทำให้กูเสียเครดิต”
ข้อนี้ฐาติเห็นด้วย แต่...
“ตอนนั้นมึงเดินตามน้องอยู่แค่ 2 เดือนแล้วก็ห่างกันไป แต่ถ้าเป็นตอนที่น้องอยู่มหาวิทยาลัย แล้วมึง 2 คนยังคบกันอยู่นั่นค่อยน่าเอาไปฟ้อง”
...เขาต้องการอะไรจากฉันท์ทัตกันนะ
ฐาติพักเรื่องที่ยังไม่รู้คำตอบไว้ก่อน เปลี่ยนมาพูดเรื่องที่พอจะอ้างป็นผลงานได้
"ตั้งแต่วันที่คุณพี่ทีมตอบรับว่าจะเข้ามาทำบริษัท กูก็ให้เด็กเริ่มเก็บไฟล์ประวัติของเขาแล้ว"
ธามันเลิกคิ้วสูง ฐาติกลับหัวเราะเจ้าเล่ห์
"เผื่อไว้ใช้ฟ้องร้องไง คิดเล่น ๆ ว่าถ้ามีอะไรผิดพลาด จะเอาไฟล์นี้ไปขายให้ฝ่ายตรงข้ามเขา"
คราวนี้ธามันถึงกับยิ้มได้ "มึงนี่มันแค้นฝังหุ่น"
"เขาทำพี่ณภัทรเจ็บสาหัสนะมึง พวกเราพี่น้องรวมถึงมึงด้วยต่างก็เคยถูกลงโทษเพราะเขามาแล้วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นกูต้องเอาคืน" พอเห็นว่าธามันหัวเราะได้ฐาติก็เพิ่มความจริงจังในเรื่องที่เล่า "ข้อมูลที่เก็บไว้ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ก็คือเรื่องงาน ไม่ค่อยลงเรื่องส่วนตัว” เพราะมันอาจกระทบกับบรรดารุ่นพ่อที่มีพฤติกรรมเดียวกัน ก็เลยเน้นไปที่งานเป็นหลัก “แต่พอมีข้อสงสัยเกี่ยวกับต้อมแล้วเรื่องมันกลับมาลงล็อคกับพี่ทีม กูถึงมีเล่มเอามาให้มึงเร็วขนาดนี้"
เรื่องในรายงาน มีกระดาษแผ่นเดียว แต่มีรูปหลายใบ ส่วนใหญ่คือรูปที่ถ่ายเมื่อคืนนี้
"อีกอย่างที่ใจร้อนรีบเอามาให้มึง ก็เพราะว่า เด็กมึงเขาขออนุญาตทำการาจเซล ขายพวกเครื่องนอน ที่เหลือเขาจะเอาไปบริจาค"
"ก็ให้เขาทำไป" ธามันบอก
ฐาติทำหน้าตาเหมือนจะบอกว่ารู้อยู่แล้วว่าฐาติจะตัดสินใจแบบนี้
ธามันถามต่อว่าจะขายวันไหน จากนั้นก็จดบันทึกตารางเวลาแล้วโทรหาฝ่ายกองงานก่อสร้างเพื่อนัดไปดูบ้านที่จะให้ซ่อม
ฐาติเอนหลังพิงพนัก กอดอก นั่งยิ้มมองธามันจัดการเรื่องราวต่าง ๆ จนเสร็จก็ถามขึ้นว่า
"ให้ไปด้วยไหม"
"ไม่มีมึงก็ไม่สนุก" ธามันยิ้มกว้าง หันไปยกมือสั่งเบียร์เพิ่ม

(มีต่อครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 20:13:55 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #71 เมื่อ12-01-2019 20:10:17 »

(ต่อครับ)

ทั้งฐาติและธามันย่อมต้องคุ้นเคยกับหลักการของคนที่อยู่หลังบ้าน เพราะปู่ของพวกเขาก็มีภรรยาหลายคน กลุ่มรุ่นพ่อ 3 คนจึงเป็นพี่น้องต่างมารดา และถือค่านิยมมีภรรยาหลายคนเหมือนผู้เป็นบิดาซึ่งส่งผลกระทบมาถึงคนรุ่นที่ 3 แบบเต็ม ๆ
ปัญหาระหว่างธนวัฒน์กับธามัน เกิดขึ้นเพราะการที่นายธนาเลี้ยงดูผู้หญิงหลายคน แต่ก็มีเพียงใจแม่ของธนวัฒน์คนเดียวที่มีลูก ในตอนที่ธนวัฒน์เกิด เธอคิดว่าเธอจะได้เป็นเมียแต่ง แต่เขาก็จดทะเบียนรับรองบุตรเท่านั้น จนกระทั่งเธอมารู้ว่าเขาแต่งงาน จดทะเบียนกับเยาวเรศหญิงสาวที่มีทรัพย์สินมหาศาลติดตัวมาด้วย
ธนาตัดขาดกับผู้หญิงทุกคน แต่ยังส่งเสียเลี้ยงดูเธอกับธนวัฒน์เรื่อยมา
เยาวเรศมารู้เรื่องเหล่านี้ ก็หลังจากที่งานแต่งงานผ่านพ้นไปแล้ว จึงขอให้สามีรับธนวัฒน์มาอยู่ด้วยกัน โดยให้สัญญาว่าจะส่งเสียเลี้ยงดูให้เหมือนลูกของเธอเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อเด็ก 2 คนมีความขัดแย้งเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เยาวเรศมักจะบอกธามัน 'ยอมถอย' ให้กับพี่ชายอยู่เสมอ ทำให้ธามันเก็บกดความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนธนัชพ่อของฐาติเองก็มีเมีย 5 คนหลายคนและมีลูก 6 คน แต่พี่น้องฝายฐาติไม่ได้มีการแข่งขันที่รุนแรงเคร่งเครียดแบบอีกบ้าน แต่ลูกบ้านนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่ใช้ชีวิตแบบคนในรุ่นปู่และรุ่นพ่อในทุกเรื่อง
บ้านนี้มีเพียงรัฐฐาพี่ชายแม่เดียวกันกับฐาติที่แต่งงาน นอกนั้นแล้วโสด มีทั้งที่โสดเพราะยังไม่ได้แต่งงาน และโสดสนิท
พี่รัฐฐายังเป็นคนที่เมื่อจบเนติบัณฑิตก็แยกตัวออกไปเปิดสำนักงานทนายความ โดยมีฐาติเป็นผู้ช่วย คดีความหลัก ๆ ของสำนักงานก็เป็นของ ‘บริษัทก้องเกียรติกิจการ’ นี่แหละไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่ถึงอย่างนั้น พี่น้องทั้ง 6 คนก็รักกันดี เพราะอยู่ภายใต้การดูแลของแม่ใหญ่อย่างเท่าเทียมกัน ขณะที่พี่ณภัทร พี่สาวคนโตที่ยังเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ใหญ่ก็มีอายุห่างจากน้อง ๆ ทุกคนอยู่หลายปี
เธอยังเป็นคนที่เข้าไปขอพ่อและแม่ใหญ่ด้วยตัวเอง ว่าอยากให้รับน้อง ๆ มาอยู่บ้านเดียวกัน ส่วนณกมล กับ ฐาลัส ที่เป็นน้องสาวและน้องชายลำดับสุดท้าย เป็นคนละแม่ก็จริง แต่แม่ของณกมลมีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนแม่ฐาลัสเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 2 ขวบ
อีกคนคือฐาวรา เป็นลูกของแม่รอง แต่คนนี้เกิดปีเดียวกับพี่รัฐฐา เป็นคนเดียวของตระกูลนี้ ที่รับราชการ แม่รองก็เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน
ที่บ้านนี้จึงเหลือเพียงแม่ใหญ่กับแม่ของฐาติเท่านั้น และแม่ของฐาตินี่แหละที่เป็นผู้นำในเรื่องการเชื่อฟังแม่ใหญ่
พอแม่ 2 คนไม่ขัดแย้งกัน พี่น้องบ้านนี้ก็รักกันดีไปด้วย ทั้งยังเผื่อแผ่ความรักไปถึงธามันด้วยอีกคน
ส่วนเรื่องที่พี่น้องทุกคนมองว่าธนวัฒน์เป็นศัตรูร่วมนี่มันมีสาเหตุ
ในกลุ่มรุ่นลูกของตระกูลนี้ ต่างรู้ว่าธนวัฒน์ 'ไม่ธรรมดา' เหตุการณ์ร้ายแรงหลายครั้งมักจะมีเขาเป็นสาเหตุ แล้วเขาก็คือคนที่ลอยนวล รวมถึงเหตุร้ายแรงที่สุด
ตอนนั้นพี่ณภัทรกำลังเตรียมตัวจะไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ ส่วนธามันจบม.3 กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนกัน ทั้ง 2 ครอบครัวจึงพากันไปเที่ยวที่บ้านพักชายทะเล
ดึกคืนนั้น เด็ก ๆ พากันออกไปเที่ยวกลางคืน ขาไปพี่ณภัทรเป็นคนขับ แต่ขากลับ ธนวัฒน์ที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยขออาสาเป็นคนขับรถ ระหว่างทางรถประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ ธนวัฒน์ที่เป็นคนขับบอกว่ามีรถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้า แต่ฐาติและธามัน มั่นใจว่าไม่มีรถคันไหนตัดหน้าทั้งนั้น
แต่ลักษณะการชนที่เอาฝั่งด้านข้างคนขับอัดเข้าไปเต็ม ๆ ทำให้พี่ณภัทรบาดเจ็บหนัก และมีบาดแผลที่ใบหน้า
แม่ใหญ่ลงโทษทุกคนด้วยการหักเงินเดือนคนละครึ่งเดือน  เพราะรถคันนั้นเป็นรถของณภัทรแต่กลับให้ธนวัฒน์เป็นคนขับ ทั้งในเวลานั้นมีคนอยู่ในรถตั้งหลายคนแต่กลับไม่มีใครเตือนเรื่องขับรถเร็ว
พี่ณภัทรต้องทำกายภาพ และศัลยกรรม จากนั้นก็เรียนต่อที่เมืองไทย
ส่วนธามันออกเดินทางไปเรียนต่างประเทศตามกำหนดที่วางไว้
ธนวัฒน์ขอกลับไปอยู่กับแม่ที่แท้จริงของเขา โดยอ้างว่ารู้สึกเสียใจที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ปฏิเสธที่จะทำงานในบริษัทของครอบครัว ไม่รับความช่วยเหลือใด ๆ จนกระทั่งธามันใกล้จบการศึกษาและมีกำหนดกลับประเทศ ธนวัฒน์จึงกลับมาทำงานในบริษัท
ละครฉากนี้มีความยาวหลายตอน นักแสดงเหน็ดเหนื่อยเพราะใช้เวลาหลายปี แต่เรียกคะแนนสงสารจากผู้ใหญ่ได้อย่างท่วมท้น
มันอาจดูไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่ ที่คนในรุ่นที่ 3 รวม 11 คนร่วมมือกันจัดการธนวัฒน์ แต่ถ้าย้อนกลับไปดูสิ่งที่ธนวัฒน์ทำลงไป ทุกคนเห็นว่า นี่มันยังน้อยเกินไป!
...
กวางจ้องมองคนเล่าเรื่องด้วยดวงตาใสแป๋ว "น้ามองโลกในแง่ร้าย"
ฐาติเงื้อมะเหงกค้างท่าทางหมั่นไส้อีกฝ่าย "น้อยหน่อยเหอะ กูไม่ได้ฟังเรื่องของเขาแล้วเอามาตัดสิน แต่ทุกอย่างคือเจอกับตัวเองมาทั้งนั้น"
กวางยังส่ายหน้า "ทำไมคนรวยถึงชอบทำอะไรให้มันซับซ้อน คนจนนะถ้ามีปัญหากันก็ชี้หน้าด่ากันไปเลย ไม่เคลียร์ให้จบมันก็ค้างคากันไปตลอดงี้แหละ"
ฐาติหัวเราะ "ที่จริง ไอ้เรื่องที่มันค้างคากันมาตั้งแต่เกิดอาจมาถึงตอนเคลียร์ให้จบแล้วก็ได้"
กวางตักไอศครีมคำใหญ่ใส่ปาก "พี่ธามจะจัดละสิ"
"เออ"
"งั้นน้ากับพี่ ๆน้อง ๆ ก็กำลังยืมดาบชื่อพี่ธามฆ่าคนชื่อพี่ทีม"
"วะ" ฐาติหัวเราะร่วน "ไอ้นี่มันฉลาดโว้ย แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าดาบที่ชื่อพี่ธามอะไรเนี่ยแม่งใช้งานคนอื่นคุ้มเกินราคา"
"น้า" กวางทำตาออดอ้อน "ขอไอ’ติมอีกถ้วยนะ"
...
บรรยากาศที่อพาร์ทเม้นท์มีสุขดูวุ่นวายกันมาตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อคนงานเข้ามาช่วยกันย้ายของจากห้องพักที่ไม่มีคนพักออกมาวางเรียงที่ลานจอดรถด้านหน้า
กวางหันมาถามฉันท์ “คนงานจากบริษัทที่เขาจะซื้ออพาร์ทเม้นท์น่ะหรือพี่”
“ใช่”
“ดีเหมือนกันเนอะ เสื้อยืดมีชื่อบริษัทมาด้วย”
“จะได้รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนไง แล้วเราก็กันขโมยได้ด้วย”
“จริงเหรอ” นักเรียนชี้ไปที่ไทยมุง และยังมีผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์อีกหลายคนที่พากันมาเลือกดูของ
พี่ชายของกวางเข้ามาถามฉันท์
“อันนี้ขายหมดเลยหรือ”
“ครับ”
“เบาะนอนนี่ขาย 50 บาทจริง ๆ หรือ”
“ครับ”
“มันยังดีอยู่เลยนะ” พี่ชายกวางถามซ้ำจนน้องชายต้องบอก
“เห็นว่าถูกก็ซื้อไปเหอะ เพราะของที่เหลือจากขาย พี่เขาจะยกให้มูลนิธิ”
“จริงหรือ”
“จริงดิ นี่เป็นคนย้ำคิดย้ำทำตั้งกะเมื่อไหร่เนี่ย”
ฉันท์หัวเราะ “จริง ไปเลือกเลย” หันมาบอกนักเรียน “กวางเอากระดาษไปเขียนชื่อพี่แล้วเอาไปติดไว้ที่ของนะ แล้วพอช่างยกตู้เตียงลงมาหมดแล้ว พี่ต้อมเขาจะได้เปิดให้เข้ามาเลือกซื้อของ”
“ได้เลย”
กวางวิ่งนำพี่ชายไปหาต้อมที่กำลังเดินบอกไทยมุง ว่าของที่เอาลงมาขายในวันนี้เป็นของราคาต่ำกว่าทุนที่แพงสุดคือเตียงนอนกับตู้ที่มีราคาเพียง 100 บาทนอกนั้นจะมีราคาถูกลงไปอีก แต่ก็เตือนว่า อย่าเห็นแก่ของถูกเพราะถ้าซื้อไปแล้วไม่ได้ใช้งานหรือต้องเอาไปกองทิ้งอยู่นอกบ้านอาจกลายเป็นสาเหตุที่ต้องทะเลาะกับข้างบ้านต่อไปอีก
จากนั้นก็บอกว่าของที่ขนย้ายลงมายังไม่หมด แต่จากที่เห็นในตอนนี้ถ้ามีชิ้นไหนที่ถูกใจก็บอกกันไว้ก่อนได้ จะเขียนชื่อไปติดจองให้
โต๊ะ ตู้ เตียง ผ้าม่าน ซิงค์ห้องน้ำ กลอนประตู หน้าต่าง สารพัดข้าวของที่ทยอยขนลงมา
ฉันท์เอาหน้ากากอนามัยลายแมวน้อยใส่ให้กับจิโระ “ฝุ่นเยอะ ใส่ไว้ก่อนนะ” ตามมาด้วยหมวกสีเหลืองสดใสที่คุณน้าจากญี่ปุ่นส่งมาให้
“ฮับ”
รถเข็นผลไม้เจ้าประจำผ่านมา แวะถามว่าจะเอาผลไม้อะไรไหม จิโระรีบบอก
“ซุยขะ”
“ซุยขะคืออะไรนะ” ฉันท์ถามขณะที่อุ้มน้องไปเลือกผลไม้
จิโระขมวดคิ้วจ้องมองแตงโมในตู้อยู่อึดใจแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็ทำตาโตเมื่อนึกออก “แทง-โม”
“เก่งมาก” ฉันท์ชมน้องชาย “เราจะซื้ออะไรไว้ให้พี่ต้อม กับกวางดีนะ”
“ซุยขะ แทง-โม ซุยขะ แทง-โม” จิโระชู 3 นิ้ว
“ก็ได้ เอาแตงโม 3 ชิ้นครับ กับสับปะรด แล้วก็มะม่วง”
จิโระมองปากของพี่ชายแล้วพูดตาม “ซับ-ปะ-หลด หมะ-หมวง”
“ไปนัปปุหรุ สับปะรด มังโง มะม่วง”
มือเล็ก ๆ จับใบหน้าพี่ชาย “ซับ ซับ”
“สับ”
“สับ”
“ใช่แล้ว”
2 คนพี่น้องสอนภาษาไทยกันอยู่หน้ารถเข็นผลไม้ทุกวันระหว่างรอผลไม้ ช่วยเรียกลูกค้าได้ดี จนคนขายผลไม้อารมณ์ดีแถมมะพร้าวอ่อนให้อีกลูก
“โคะโคะนัทสึ”
“มะพร้าว”
“เออ ชื่อเรียกผลไม้จะคล้ายภาษาอังกฤษนะ” ลูกค้าอีกคนตั้งข้อสังเกต “จำง่ายดี”
จิโระชอบผลไม้มาก พอดื่มน้ำมะพร้าวเสร็จก็ชี้ให้พี่ชายแกะเนื้อมะพร้าว
“เข้าบ้านไปเอาช้อนขูดดีกว่า” ฉันท์บอก แต่ก่อนที่จะอุ้มน้องเข้าบ้าน ยังหันไปบอกกับพ่อค้าว่า ตอนบ่ายถ้าของไม่หมดก็แวะมาอีกที เพราะว่ารถมูลนิธิจะมาตอนบ่าย จะได้เหมาที่เหลือให้คนงานไป จากนั้นก็อุ้มน้องกลับเข้ามาในบ้าน
“กินผลไม้กันครับ” ฉันท์บอกลุงกับป้านั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
ป้าเห็นจิโระกอดมะพร้าวอ่อนกลับมา ก็ลุกเข้าไปในครัวหยิบช้อนสั้นมาให้
“กินง่าย อยู่ง่ายจริงลูก”
“อื้ม” จิโระพยักหน้ารับคำชม
“ไม่อื้มกับคุณป้าสิ ต้องพูดว่าไงนะ”
“ฮับ”
“เก่งมาก”   
ลุงวินัยมองฉันท์ที่ป้อนมะพร้าวอ่อนให้น้องชาย
ฉันท์ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว จากคนที่ทำทุกอย่างตามที่ผู้ใหญ่บอก กลายมาเป็นคนที่เดินนำไปข้างหน้าในแบบของเขา ไม่ต้องหวือหวา แต่ขยับไปช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง เพราะคนที่เขาต้องดูแล มีทั้งเด็ก คนแก่ และคนป่วย
ฉันท์หันมามองลุง
“อย่าถอนหายใจสิฮะ กินมะม่วงดีกว่า”
แต่จิโระจิ้มสับปะรดส่งให้ลุง
“ไม่ใช่ ต้องมังโงะ มะม่วง”
จิโระหันไปรับมะม่วงจากพี่ชายแล้วส่งให้ลุง
“ขอบใจมาก”
“อื้ม ฮับ”
ป้าพูดขึ้นมา “ดีจริงที่เรามีจิโระ”
เมื่อป้อนมะพร้าวอ่อนให้น้องชายเสร็จ ฉันท์จะออกไปช่วยขายของ แต่จิโระก็ร้องตามไปด้วย
ต้อมหันมาเห็น 2 พี่น้องก็โวยวาย
“ออกมาทำไมเนี่ย กลับเข้าบ้านไปเลย ทั้งฝุ่นทั้งแดด”
“ใช่ ๆ” กวางสนับสนุน “เชื่อคุณแม่ต้อมเลยนะทั้งพี่ทั้งน้อง”
“ขอดูนิดเดียวเอง” พอฉันท์พูด จิโระก็พูดตามด้วยสำเนียงญี่ปุ่น
“ดูว นิด เดว เอง”
“อยู่กับพี่แล้วพูดเก่งจริง” ต้อมชม แล้วหันไปตอบคำถามช่างรับเหมา ที่มาขอเหมาพวกกลอนประตูหน้าต่าง และลูกบิดประตูไปทั้งหมด
ต้อมหันมาถามเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ แต่ฉันท์ก็พยักหน้าบอกให้เพื่อนจัดการไปเลย
“มึงไว้ใจกูมากเกินไปละ เกิดกูยกให้เขาเปล่า ๆ ทำไง”
ฉันท์หัวเราะ “ก็แล้วแต่มึงเลยไง ถือเสียว่าเป็นของมึงเองเลย”
หนุ่มลูกครึ่งพูดโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่อีกคนคิดมาก หันไปบอกผู้รับเหมา “มาดูของก่อนดีกว่าพี่ แล้วค่อยตกลงราคากัน”
ที่บอกว่าให้ถือเสียว่าเป็นของกูน่ะ จริงหรือเปล่า

...จบตอนที่5...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2019 08:09:21 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #72 เมื่อ12-01-2019 20:23:19 »

มาแล้วว
เดี๋ยวไปอ่านก่อนค่อยมาเมนท์

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #73 เมื่อ13-01-2019 18:19:48 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #74 เมื่อ13-01-2019 18:58:03 »

กอดๆน้องฉันท์
ตอนนี้มีน้องให้ต้องดูแลแล้ว สู้ๆนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #75 เมื่อ13-01-2019 20:13:14 »

ชอบจริงๆเรื่องที่มีเด็กเนี่ยะ5555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #76 เมื่อ13-01-2019 20:44:09 »

 :กอด1: โอ๋ๆนะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #77 เมื่อ13-01-2019 21:32:56 »


 :mew5: คนที่อยู่ให้กำลังใจรอบตัวน้อง ไว้ใจไม่ได้น้องจากเด็กกวาง จริงๆ
 
ปัญหาก็รุมเร้าไม่เลิก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #78 เมื่อ14-01-2019 00:06:04 »

หูยยยย

มันร้ายยยยยยย

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #79 เมื่อ14-01-2019 08:07:47 »

เหมือนประโยคสุดท้ายต้อมจะหมายถึงพี่ทีม ก็เอาไปเลยจ้า ปัดตัวน่ารำคาญออกไปจากตัวน้องฉันท์เร็ว ๆ พี่ธามจะได้มีที่ทางของตัวเองซะที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
« ตอบ #79 เมื่อ: 14-01-2019 08:07:47 »





ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #80 เมื่อ14-01-2019 13:15:23 »

สงสารฉันท์จริง ๆ อะไรจะรุมเร้าขนาดนั้น เป็นกำลังใจให้นะ

อ้อ มะเร็งระยะที่ 2 นี่รักษาหายได้นะลุงวินัยและทุกคนอย่าท้อ สู้ ๆ

 :mew2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #81 เมื่อ14-01-2019 14:35:35 »

ขนาดเพื่อนยังมีนอกมีใน
ฉันท์ดูคนดีๆนะลูก TT

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #82 เมื่อ15-01-2019 19:30:20 »

สนุกค่า  รออ่านตอนใหม่อยู่นะคะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #83 เมื่อ16-01-2019 09:45:12 »

พยายามจำชื่อพี่น้องฐาติอยู่ 555

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #84 เมื่อ17-01-2019 06:47:14 »

ต้อมอาจจะไม่ได้หมายถึงกลอนประตูและถ้าใช่ต้อมก็เอาไปเลยเถอะค่ะ ไอ้พี่ธีมนั่นน่ะ

ขอแผนผังเครือญาติของธามด้วยค่ะ สับสน5555555555555555555

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #85 เมื่อ17-01-2019 19:01:09 »

น้องฉันท์ต้องเข็มแข็งมากๆนะ หลายเรื่องหลายราวเหลือเกินนน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #86 เมื่อ18-01-2019 10:00:22 »


 แวะมารอเด็กๆจ้า   :L2:


ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #87 เมื่อ19-01-2019 21:59:17 »

ฉันท์มองโลกเยอะขึ้น และใส่ใจคนที่ควรได้รับ
ฉันท์ฉลาดนะ แต่ไม่ค่อยแสดงออก จนเหมือนไม่สนใจ

จิโระน่ารัก ทำพี่ฉันท์สดใสขึ้นเยอะเลย

กวางก็คือเด็กฉลาดและเซี้ยวมากค่ะ

ธามกับฐาติ วางแผนมาแน่นมาก หวังว่าจะล้มทีมได้นะ

ต้อมเป็นคนดี แต่จริงใจกับฉันท์จริงไหม
บางครั้งความรักก็ทำลายความเป็นเพื่อนได้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่5 (12/1/2562)
«ตอบ #88 เมื่อ19-01-2019 22:18:36 »

 :katai5: มารอจ้ะ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #89 เมื่อ20-01-2019 20:54:33 »

ตอนที่ 6

เมื่อรถของมูลนิธิมาถึงในตอนบ่าย ก็เหลือแต่เตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิตรวจรายการของบริจาคอีกรอบก่อน แล้วให้คนงานช่วยกันยกของบริจาคขึ้นรถ 6 ล้อ
ระหว่างนั้นรถเข็นขายผลไม้กลับมา ฉันท์จึงเหมาผลไม้ที่เหลือ และให้เงินกวางไปซื้อน้ำขวดเพื่อให้เจ้าหน้าที่และคนงานดื่มในระหว่างการเดินทางกลับ
เมื่อเห็นว่างานตรงนี้ใกล้เสร็จสิ้นต้อมก็เดินเข้ามาบอก “เย็นมากแล้ว กูพาลุงกับป้ากลับไปอาบน้ำกินข้าวที่บ้านก่อนนะ”
“ได้ ขอบใจมากนะต้อม”
“เออ ไม่เป็นไร มึงเป็นบอกให้กูจัดการเหมือนเป็นของกูเองไง”
ฉันท์กอดไหล่เพื่อน “ขอบใจมาก”
ต้อมตอบรับคำขอบใจด้วยการขยี้ผมยุ่งเพื่อนด้วยท่าทาง ‘มุ้งมิ้ง’ เหมือนเคย จากนั้นก็พาลุงกับป้าขึ้นรถกระบะคันเดิมของลุงแล้วขับออกไป
“อ้อ ใช่ ว่าจะถามอยู่ ว่าพี่ต้อมจอดรถไว้ตรงไหน ที่แท้ก็ไม่ได้เอารถมานี่เอง” กวางพูดเองตอบเอง
ฉันท์อุ้มจิโระขึ้นมา เพื่อไม่ให้ขวางทางคนทำงาน
“เวลามาที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยได้เอารถมาอยู่แล้ว เพราะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างสะดวกกว่า”
กวางหันมาเสนอความเห็น “หนูให้เบอร์พี่ชายหนูกับพี่ต้อมดีไหม เผื่อได้ลูกค้าประจำแบบอูเบอร์ไง”
“อูเบอร์มันผิดกฎหมาย” ฉันท์บอกแล้วพยักหน้าไปทางคนงานของมูลนิธิที่กำลังช่วยกันยกของขึ้นรถ “ทำงานไวมาก”
“งั้นเรียกว่าลูกค้าประจำก็ได้ ที่วินเขาก็มีแบบนี้หลายคนนะพี่ ไปรับถึงหน้าบ้านเลย” กวางเล่าเรื่องของพี่ชายไปเรื่อยแล้วพอหันมาเห็นว่าจิโระมีเหงื่อก็ถามต่อ “ร้อนไหม”
จิโระส่ายหน้า “ไม่ รอน”  นอกจากจะเป็นคำศัพท์ง่ายๆ นี่ยังเป็นคำถามที่จะถูกถามวันละอย่างน้อย 1 ครั้งมาตลอด 3 เดือน เด็กน้อยฟังรู้เรื่อง พูดเข้าใจอยู่แล้ว
“จะกลับบ้านก่อนไหมล่ะ” กวางเซ้าซี้ จะชวนกลับบ้าน จิโระเลยหันไปกอดคอพี่ชายไว้พลางส่ายหน้า
ก่อนที่คนงานจะยกตู้เสื้อผ้าใบสุดท้าย รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีขาวคันใหญ่เข้ามาจอด เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถ ฉันท์ก็ต้องทำตาโตด้วยความประหลาดใจ และดีใจ
"ใค" จิโระอายุ 3 ขวบถามขึ้น
"เจ้าของคนใหม่ของที่นี่ไง" ฉันท์บอกกับน้อง “โอนเนอร์ซัง”
รูปร่างสูงใหญ่จนผิดตา เป็นผู้ใหญ่และเป็นคนทำงานอย่างแท้จริง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายนอก จะมีผลให้ภายในใจเปลี่ยนแปลงไปด้วยไหม...

"สวัสดีครับ" ฉันท์ไหว้อีกฝ่ายก่อนทั้งไม่กล้ามองสบตา กลับมองผ่านไปที่คนที่อยู่ด้านหลัง ฐาติกับชายอีกคนท่าทางเหมือนนายช่าง "นี่จิโระครับ" จิโระยกมือไหว้ตามฉันท์
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้ายกมือรับไหว้ แล้วจับศีรษะเล็กๆ ของจิโระ "ฉันมีเรื่องที่อยากคุย...ลุงกับป้าอยู่ไหม"
"ลุงกับป้ากลับไปพักที่บ้านหลังในแล้วครับ" ฉันท์บอก ยังคงหลีกเลี่ยงการสบตาด้วยการหันไปหาแนะนำอีกคน "กวางพี่เลี้ยงของจิโระ"
ธามันรับไหว้
"แล้วหลังนี้ไม่มีคนอยู่แล้วหรือ"
“ไม่มีคนอยู่แล้วครับ ลุงไม่สบายมากเราเลยย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังท้ายซอย" ฉันท์เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
"อย่างนั้นกลับไปคุยกันต่อที่บ้านดีกว่า"
ธามันพูดจบแล้วเดินไปทันที
“เดี๋ยวครับ”
ธามันหยุดแต่ไม่ได้หันมามอง
“ผมต้องดูคนงานของมูลนิธิย้ายของ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้า แต่กลับเดินไปที่รถแล้วขับออกไป ฉันท์ยังเป็นห่วงการทำงานทางนี้รีบโทรไปบอกต้อมว่าเจ้าของบ้านคนใหม่กำลังไปที่บ้านให้ช่วยดูแลให้สักครู่หนึ่ง
เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิที่ยืนอยู่ด้วยกันได้ยินการสนทนา จึงเอารายการสิ่งของต่าง ๆ มาให้ฉันท์เซ็นชื่อรับรองก่อน ส่วนป้าละเมียดร้านซักรีดที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก็อาสาว่าจะดูแลต่อ
ที่ผ่านมาป้าละเมียดก็เป็นคนที่คอยช่วยดูแลทุกคนอยู่แล้ว มาถึงตอนนี้ป้ายิ่งดีกว่าเดิมเพราะฉันท์ช่วยหาห้องเช่าห้องใหม่ให้ เป็นห้องชั้นล่างของอพาร์ทเม้นท์อีกหลังที่มีค่าเช่าแพงกว่า แต่ฉันท์ขอช่วยจ่ายส่วนเกินให้ ป้าละเมียดกับหลานสาวก็เลยถือเป็นข้อตกลงร่วมที่จะมาช่วยจัดการเรื่องซักรีด และช่วยดูแลอพาร์ทเม้นท์ให้ในระหว่างนี้

ตัวบ้านที่ฉันท์พักอยู่ไม่ได้กว้างขวาง ห้องนอนที่พ่อกับแม่เคยอยู่ตอนนี้เป็นห้องว่าง ไม่มีเครื่องเรือนสักชิ้น ตามคำแนะนำที่ว่ามีคนฆ่าตัวตายในห้องนี้ คนที่ฆ่าตัวตายจะยังอยู่ที่นี่ จึงควรนำของใช้ของเขาทั้งหมดไปเผาไม่ควรเอาไปบริจาค และจุดธูปบอกให้ไปสู่สุคติ
    ฉันท์ จิโระ และกวางนอนห้องเดียวกันที่ห้องเดิมของฉันท์ ส่วนลุงกับป้าใช้ห้องนอนเล็กที่ชั้นล่าง
ที่ไม่มีใครไปนอนห้องใหญ่ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะฉันท์นอนห้องเดิม จิโระขอนอนห้องเดียวกับฉันท์ กวางก็เลยนอนห้องเดียวกันไปโดยปริยาย
ส่วนลุงกับป้าไม่อยากขึ้นบันได อีกอย่างก็คือความรู้สึกที่ว่า ตนเองไม่ใช่เจ้าของบ้านจะให้ไปนอนห้องใหญ่กว่าเจ้าของบ้านได้อย่างไร
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ป้าก็ให้ลุงไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองมาเตรียมน้ำผัก พอลุงอาบน้ำเสร็จก็ออกมาดื่มได้พอดี ส่วนป้าเปลี่ยนไปอาบน้ำ
ต้อมหุงข้าว และเตรียมกับข้าวรอไว้ ระหว่างนั้นฉันท์โทรศัพท์เข้ามาบอก ว่าเจ้าของบ้านคนใหม่กำลังไปที่บ้าน ลุงกับป้าก็เลยพากันออกมานั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน
เมื่อรถคันใหญ่จอดที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มตัวใหญ่ 3 คนลงมาจากรถและถือข้าวของมากมายลงมาด้วย
กระเช้าผลไม้ ถุงขนม และช่อดอกไม้
ธามันยังเหมือนเดิม เมื่อเข้ามาในเขตบ้านก็ยกมือไหว้ลุงกับป้าทันที
“คุณลุงคุณป้าสบายดีไหมครับ”
“ก็เรื่อย ๆ น่ะแหละจ้ะ” ป้ารับไหว้
“ของฝากครับ”
ลุงกับป้ารับของมา แต่ก็ยังวางไว้ที่แคร่ไม้หน้าบ้านนั่นเอง ส่วนธามันหันไปแนะนำอีก 2 คนที่มาด้วยกัน คือฐาติ และนายช่าง จากนั้นก็ขอโทษที่ไม่ได้มางานศพพ่อกับแม่ของฉันท์ก่อนหน้านี้
ผู้ใหญ่ทั้ง 2 คนพยักหน้า “เจอกับเจ้าฉันท์แล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“ไม่ต้องคิดมาก ถึงตัวไม่อยู่ แต่ก็ส่งคนมาคอยดูแลอยู่ตลอดแล้วนี่” ลุงชี้ไปที่ฐาติที่หัวเราะเก้อๆ “ขอบคุณที่ช่วยดูแลกันอยู่ห่าง ๆ มาตลอด”
ป้าหันไปมองหน้าสามีที่ท่าทางจะรู้อะไรหลายอย่าง แต่บางเรื่องควรเก็บไว้ซักถามกันส่วนตัว
“กับฐาตินี่คุ้นเคยกันดี” ป้าบอก “มาดูห้องให้ธามันอยู่นานหลายปี”
“ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว” ลุงชม
ป้าช่วยเสริม “ธามเองก็เหมือนกัน ไม่กี่ปีก็เปลี่ยนไปจากวัยรุ่น กลายเป็นผู้ใหญ่ แต่ทางนี้ยังดูเหมือนเด็กมัธยมอยู่เหมือนเดิม"
   จากนั้นลุงก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องของธามันเมื่อหลายปีก่อน และแม้ว่าป้าจะชวนเข้าไปคุยกันต่อในบ้าน แต่ธามันยังไม่ยอมขยับไปไหนรอจนกระทั่งรถคันเล็กของฉันท์เข้ามาจอดต่อท้ายรถของธามัน ชายหนุ่มถึงได้ถอดรองเท้าและเดินเข้าบ้าน ส่วนอีก 2 คนช่วยกันถือของเดินตามมา
พอฉันท์จอดรถ กวางก็รีบวิ่งลงมาจากรถก่อน ทั่งวิ่งผ่านทุกคนตรงเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมน้ำดื่มให้แขก แต่จากหน้าต่างห้องครัวยังมองเห็นต้อมที่เดินเลี่ยงมากดโทรศัพท์ ในใจก็อยากรู้ว่าเขาโทรหาใคร แต่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสได้ฟังผู้ใหญ่คุยกัน ก็เลยรีบยกน้ำดื่มออกมาให้แขกก่อน
จากนั้นก็นั่งพิงกรอบประตูครัวฟังเขาคุยกัน
รีบมาก รีบสุด ๆ เพื่อที่จะมาฟังเจ้าของบ้านคนใหม่คุยกับลุงกับป้า
มื้อนี้ต้อมเตรียมอาหารไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างวางอยู่บนโต๊ะ แต่พอทั้งหมดเดินตามกันเข้ามาในบ้าน ฉันท์ก็เดินต่อเข้ามาในครัวแล้วเตรียมทำหมูทอดเพิ่มอีกอย่าง จากนั้นก็ใช้กวางไปซื้อข้าวกล้องหุงสำเร็จมาเพิ่ม
กวางทำท่าไม่ค่อยอยากไปสักเท่าไหร่ เพราะอยากฟังเขาคุยกัน
“เพราะเป็นพี่ฉันท์นะเนี่ย ถึงได้ไป” กวางบ่นกะปอดกะแปด แล้วรีบวิ่งออกทางประตูครัววนกลับไปทางหน้าบ้านขี่จักรยานไปตลาดอย่างรวดเร็ว
บทสนทนาจนถึงตอนนี้ก็ยังดูไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไหร่ เพราะธามันยังคงสอบถามเรื่องอาการป่วยของลุง การรักษาพยาบาล และสุขภาพของป้า จนกระทั่งกวางกลับมาจากตลาดเรื่องราวถึงได้มาถึงตอนที่เกี่ยวกับการซื้อขายอพาร์ทเม้่นท์และบ้าน รวมถึงการขอให้ทุกคนอยู่ด้วยกันไปก่อน
“เดิมผมตั้งใจจะซื้ออพาร์ทเม้นท์มาทำโครงการคอนโดฯ แต่ก็อย่างที่ทราบว่า ผมชอบอิสระไม่อยากอยู่บ้าน” ตอนนั้นถึงได้ออกจากบ้านมาอยู่อพาร์ทเม้นท์ “พอรู้ว่าที่นี่มีปัญหาหลายเรื่อง ผมก็เลยอยากได้บ้านนี้ด้วย แต่ถ้าอยู่คนเดียว ก็คงไม่เรียกว่าบ้าน” ธามันกำลังขอร้องลุงกับป้า “ตอนนั้นลุงกับป้ารู้ว่าผมมีปัญหาแต่ก็ไม่ได้ไล่ผมไป ซึ่งถ้าทำอย่างนั้น ผมก็คงไม่ได้เป็นธามันอย่างวันนี้ แล้วในวันนี้ที่ผมพอจะมีกำลังที่ดูแลลุงกับป้าได้ ก็ขอให้ผมได้ตอบแทนความเมตตานั้นบ้าง กรุณาอย่าย้ายออกเลยนะครับ"
กวางที่แอบฟังเขาคุยกันจากมุมเสาได้ฟังประโยคนี้ยังต้องเคลิ้ม แล้วป้าแจ่มจิตจะเหลือรึ
“ปัญหาในตอนนั้นมันยังอยู่หรือไง” ลุงถามขึ้น
“ครับ”
ลุงกับป้ารู้ว่าธามันเป็นคนรวย แต่ครอบครัวของเขาก็คงมีปัญหาอยู่มากพอตัว ถึงได้คิดแต่จะออกจากบ้านอยู่ตลอดเวลา
ที่จริงลุงกับป้าก็ไม่ได้อยากย้ายไปไหนตามประสาคนที่ดูแลที่นี่มาตลอด เมื่อธามันขอให้อยู่ต่อ ทั้ง 2 คนรวมถึงกวางจึงหันมามองฉันท์ที่กำลังวางจานหมูทอดบนโต๊ะกินข้าว
ธามันก็หันมามองฉันท์เหมือนกัน
สีหน้าของฉันท์ตอนที่พยักหน้ายอมรับว่าจะไม่ย้ายออกไป ดูไม่ค่อยแน่ใจอย่างชัดเจน จากนั้นธามันจึงขออนุญาตให้นายช่างสำรวจบ้านเพื่อวางแผนซ่อมแซม
ต้อมหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง
“แต่ตอนนี้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เปลี่ยนมาคุยกันต่อที่โต๊ะอาหารได้ไหมครับ ปล่อยให้ฉันท์พานายช่างดูบ้าน”
ฉันท์เดินไปหานายช่างบอกว่าจะพาไปดูบ้าน ทำให้จิโระวิ่งตามพี่ชายมาด้วย
“เดี๋ยวสิ จิโระต้องกินข้าวแล้วนะ” กวางบอก
“ไม่” จิโระจับชายเสื้อของพี่ชายไว้แน่น ร้องขอให้พาไปด้วย
“ไม่ได้ไปข้างนอก เดินวน ๆ อยู่ในบ้านนี่แหละ” ฉันท์ยกน้องขึ้นมาอุ้ม จิโระก็เลยกอดคอพี่ชายไว้แน่น
“โอนี”
“ก็ได้ ไปด้วยกันนะ” ฉันท์พาน้องไปเดินดูบ้านด้วยกัน
กวางรีบเอาถ้วยข้าวของจิโระมาเก็บในตู้แล้วเดินตามฉันท์ไปด้วยอีกคน
“ร้องตามไปซะทุกที่เหอะ” เด็กนักเรียนทำบ่น “ยาแปะยี่ห้อจิโระใช้ดีใช้ทน”
จิโระชะโงกหน้ามามองกวาง “ยา แปะ”
“ยาแปะยี่ห้อจิโระ”
“จิโระ ไม่ไจ้ ยาแปะ”
“จิโระน่ะแหละยาแปะ”
“ไม่”
“จิโระ”
มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากโต๊ะอาหาร กวางที่กำลังทะเลาะกับเด็ก 3 ขวบเงียบทันที
ฉันท์หันมามองคนที่โต๊ะอาหาร
ฐาติหันไปบอกลุงกับป้า “ขอโทษครับพอดีผมเจ็บคอน่ะครับ”
บทสนทนาที่โต๊ะก็ไม่มีอะไรมาก เพราะลุงกับป้าค่อนข้างเกรงใจเจ้าของบ้านคนใหม่ ก็ถามไถ่ว่าชอบกินอะไร อยากให้เตรียมอะไรให้เป็นพิเศษหรือไม่ จะได้เตรียมไว้
แต่ดูไปแล้ว เจ้าของบ้านคนใหม่น่าจะชอบหมูทอด เพราะเห็นกินอยู่อย่างเดียว
เกือบครึ่งชั่วโมง การสำรวจบ้านจึงเสร็จสิ้น ทั้ง 4 คนกินอาหารเสร็จแล้วก็ย้ายที่มานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกด้านหน้า กวางก็เลยเก็บโต๊ะอาหารและทำความสะอาด
นายช่างกลับมาสรุปให้ธามันฟังว่าจะต้องซ่อมอะไรบ้าง และขออนุญาตให้คนงานก่อสร้างพักที่บ้านหลังเดิมของลุงกับป้าที่ข้างอพาร์ทเม้นท์
"ดีแล้ว" ป้าแจ่มจิตบอก "บอกให้เขาพักกันตามสบายเลยนะ ว่าแต่บ้านมันไม่หลังเล็กเกินไปหรือ"
“อยู่ได้ครับเพราะช่วงแรกยังเป็นช่วงรื้อถอน แล้วก็จะปรับที่ มีคนงานไม่มาก” 
ลุงถามธามันด้วยความกังวล "ถามจริงๆ ธามกล้านอนห้องใหญ่ของพ่อกับแม่เขาหรือ เขาฆ่าตัวตายที่ห้องนั้นนะ" ถึงจะทำบุญ ทำทุกอย่างที่พระและทุกคนแนะนำมาแล้วก็เถอะ
ธามันส่ายหน้า "ผมไม่ได้คิดร้ายอะไรนี่ครับ"
...ผมกลับมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าผมมีความจริงใจต่อชิรายูกิ ได้โปรดให้โอกาสผมด้วยนะครับ...
"มันก็จริง" ลุงบอก "เราเองก็ทำบุญ ใส่บาตรอยู่ตลอด" ลุงพูดแล้วถอนหายใจยาว
ป้าหันไปจับมือฉันท์ไว้ แต่พูดกับธามัน "อยู่ด้วยกันหลายคนมันก็อุ่นใจดี แต่ที่บ้านของธามเขาไม่ว่าอะไรหรือ ซื้อบ้านเราไปแล้ว แต่ยังให้เราอยู่ด้วย"
"ผมขอให้อยู่ด้วยกันต่างหาก ถ้าผมมาซื้อบ้านแล้วทำให้ลุงกับป้าต้องไปอยู่ลำบาก พ่อกับแม่ของฉันท์คงไม่ให้ผมนอนสบายอยู่ในบ้านนี้แน่ ๆ"
กวางหลุดหัวเราะร่วน เมื่อเห็นตลกหน้าตายของธามัน พาให้ทุกคนหัวเราะตามไปด้วย
เว้นแต่ฐาติที่หางตากระตุก
...มันใช่เวลาไหม ขำให้ตายไปเลย ไอ้เด็กแก่น!
ธามันยังมีเรื่องที่ต้องขออนุญาตอีกหลายเรื่อง “ต้องขออนุญาตกั้นรั้วรอบบ้านกับแปลงสวนนะครับ ผมจะให้พวกแผนกทำสวนเขาเอาคนงานมาตัดแต่งกิ่ง แล้วก็ปรับพื้นที่ แต่จะให้มาวันเสาร์-อาทิตย์หลังจากที่ซ่อมบ้านเสร็จแล้ว จะได้ไม่รบกวน”
“แล้วเขานอนที่ไหนกัน” ป้าถามด้วยความเป็นห่วง เพราะบ้านเล็ก ๆ หลังนั้นไม่น่าจะพอให้คนงานพักอาศัยได้มากกว่า 5 คน
“ฝ่ายทำสวนเขาเช้าไปเย็นกลับครับเพราะบางคนเขามีงานประจำอยู่ ส่วนบ้านตรงอพาร์ทเม้นท์จะเป็นพวกคนงานก่อสร้างครับ”
“เมื่อก่อนพ่อของฉันท์เขาก็เคยว่าจ้างคนงานมาทำสวน แต่พอเลิกกับแม่เขา ก็เลิกจ้างไป” ป้าบอก
และก่อนที่ป้าจะเริ่มการเล่าเรื่องในอดีต กวางก็ขัดขึ้น
“ป้าจ๋า เย็นมากแล้วนะจ๊ะ”
ป้าหันมาค้อนเด็กรู้ทัน ส่วนธามันก็รีบบอก “ถ้าไม่เตือนผมก็จะลืมเรื่องงานเลี้ยงค่ำนี้ไปแล้วเหมือนกัน”
“เห็นป้ะ หนูน่ะมีประโยชน์”
“ป้า ป้ะ ปะ” จิโระพยายามเลียนแบบสำนวนของกวาง
“กวาง เรานี่มันชอบนำน้องพูดเพี้ยน” ป้าหันมาดุเด็ก ๆ แล้วหันไปออกตัวกับเจ้าของใหม่ “ออกจะวุ่นวายไปสักหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ” แบบนี้แหละที่เรียกว่าครอบครัว “วันนี้ต้องขอโทษที่ต้องกลับก่อนนะครับ แล้วจะมาทานอาหารฝีมือคุณป้าอีกแน่นอนครับ”
ผิดละ หมูทอดที่กินน่ะ พี่ฉันท์เป็นคนทำ ใคร ๆก็รู้ จริงป้ะ
ธามันให้สัญญาเป็นข้อที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่กวางยกมือขอพูดอีกประโยค
“ว่าไง” ป้าหันมา “มีความเห็นทุกเรื่องสิเราเนี่ย”
“ป้าไม่ได้ทำกับข้าวมานานแล้ว”
“เราทำหรือไง” ธามันถาม
กวางชี้ไปที่ฉันท์ “เปล่า วันนี้พี่ต้อมเป็นคนทำ แต่วันอื่นพี่ฉันท์จะทำ วันนี้พี่ฉันท์ทำหมูทอด หนูเป็นคนช่วยแล้วก็เลี้ยงน้อง”
ไม่รู้ว่าเจตนาหรือลืมจริง แต่พอเห็นพี่ฉันท์ที่ไม่พูดท้วงว่าความจริงคืออะไรแล้วรู้สึกอยากพูดแทนเขา อยากบอกว่าความจริงคืออะไร
หนูรู้ว่าเสียมารยาทที่ขัดผู้ใหญ่ แต่เพราะเขาคือแฟนเก่าของพี่ฉันท์...มีอะไรบางอย่างที่บอกว่าหนูควรพูด
ป้าพยักหน้าไปทางฉันท์กำลังอุ้มจิโระอยู่
“เห็นอยู่ว่าฉันท์อุ้มจิโระอยู่ตลอดก็ยังจะกล้าบอกว่าเราเลี้ยงน้องนะเรา”
“ก็แหม...”
“กวางขยันมากครับ” ฉันท์รอมชอม
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ยังมีรถเบนซ์สีดำคันใหญ่เข้ามาเข้ามาจอดหน้าบ้าน คนที่ลงมาจากรถคือธนวัฒน์
ชายหนุ่มทำความเคารพผู้ใหญ่ทั้ง 2 แล้วหันมารับไหว้ฉันท์กับน้อง จากนั้นก็หันไปหาธามัน
บรรยากาศเปลี่ยนไปเมื่อ 2 คนนี้ยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งที่ธนวัฒน์กำลังยิ้มกว้างทักทาย
"ทำไมถึงมาเจอกับธามที่นี่" ธนวัฒน์หันไปบอกกับลุงและป้ารวมถึงฉันท์ "ธามเป็นน้องชายผมเอง"
ทั้ง 3 คนมีสีหน้าประหลาดใจมาก
"ธามมีธุระอะไรที่นี่หรือ"
"ธามเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์คนใหม่ รวมถึงบ้านนี้ด้วย" ฐาติเป็นคนตอบ
"อ้อ ที่บอกว่าจะซื้อเอามาทำคอนโดฯ ใหม่ใช่ไหม" ธนวัฒน์แสดงความเป็นผู้รู้ ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ซึ่งแปลกมากที่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าธามันซื้ออพาร์ทเม้นท์และบ้านของฉันท์
คนฟังที่นึกสงสัยหันไปมองหน้ากัน แต่คนอวดก็ยังคงอวดต่อไป ว่าธามันเป็นผู้จัดการโครงการใหม่ของบริษัท เล่าว่าโครงการนี้กรรมการบริหารไม่ค่อยให้การสนับสนุนมากนัก แต่ในฐานะพี่ชายก็ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับน้องชายมาตลอด
จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยคำพูดที่เป็นการแสดงความปรารถนาดี "ต้องบอกว่า นี่เป็นโครงการวัดดวงของธามเลยนะครับ ถ้าผลงานออกมาดี คณะกรรมการบริหารพอใจเขาก็จะได้รับการยอมรับจากทุกคนในบริษัท แต่ถ้าผลออกมาในทางตรงข้าม ต่อให้ผมสนับสนุนอย่างไรธามก็คงจะอยู่ยากสักหน่อย"
ธนวัฒน์คิดหวังทำคะแนนว่า ตนเองเป็นผู้บริหารที่อยู่ในระดับสูงกว่าน้องชาย และให้กำลังใจธามันในการสร้างผลงาน แต่สำหรับลุงกับป้าที่เห็นคนมามาก รู้สึกเห็นใจธามันมากกว่าเดิม
“พี่น้องกันยิ่งควรต้องช่วยกัน”
พี่น้องที่แตกแยก ขัดขวาง ใส่ร้ายกันเอง มีแต่เดินหน้าไปสู่ความสูญเสีย
เป็นความเห็นแบบผู้ใหญ่ที่ธนวัฒน์ยิ้มรับ และให้คำมั่นว่าจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว จากนั้นก็แสดงความเป็นห่วงเรื่องบ้าน "ธามซื้อบ้านแล้วอย่างนี้ ทุกคนจะย้ายไปอยู่ที่ไหนกันครับ"
"ไม่ได้ไปไหนหรอก" ลุงตอบ "ผมป่วย ป้าเขาก็เหนื่อยมาก แล้วเราเองก็หาโรงเรียนให้จิโระใกล้ ๆ นี่ ก็เลยขอธามเขาอยู่ต่ออีกหน่อย"
ธนวัฒน์หันไปมองหน้าธามัน แต่ถามลุง "นี่ขายบ้านไปโดยที่ยังไม่ได้เตรียมว่าจะย้ายไปไหนเลยหรือ”
“เรื่องมันปุบปับน่ะ”
"อ้อ ครับ" ธนวัฒน์ยิ้มกว้างทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่รู้แล้วว่าลุงอารมณ์ไม่ค่อยดีเมื่อพูดเรื่องนี้ จึงหันมาหาน้องชาย "จะกลับแล้วไม่ใช่หรือ คุณลุงไม่สบายต้องนอนพักมาก ๆ"
ธามัน ฐาติ และนายช่างไหว้ลาลุงกับป้าอีกครั้ง แล้วหันหลังกลับออกมา
พอรถคันใหญ่เคลื่อนออกไป ต้อมก็สะกิดข้อศอกฉันท์ “กูก็กลับเลยดีกว่าว่ะ”
“อ้าว”
ฉันท์ได้พูดแค่นั้นเพราะเพื่อนหันไปไหว้ลาลุงกับป้า และธนวัฒน์
“หนูเรียกมอ’ไซค์พี่ชายมารับพี่ให้นะ” กวางรีบบอกก่อนที่ต้อมจะกลับออกไป
ต้อมพยักหน้าตอบรับ กวางก็ขอโทรศัพท์ของต้อมนั่นแหละมาโทร แล้วบอกว่านั่นเป็นเบอร์พี่ชาย ถ้าจะให้ไปรับ-ส่งใกล้ ๆ ก็เรียกใช้ได้
ขณะที่กวางชวนต้อมคุยระหว่างรอรถมอเตอร์ไซค์พี่ชาย คนอื่นๆ พากันเดินกลับเข้าไปในบ้านไปพูดคุยกันต่อ
ฉันท์เข้าไปในครัว เตรียมน้ำมาให้ธนวัฒน์ จากนั้นก็กลับเข้าไปอุ่นอาหารเย็นให้จิโระ ข้าวผัดหมูสับแบบง่าย ๆ ที่ทำให้จิโระถือช้อนส้อมนั่งรอที่โต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย
กวางที่ส่งต้อมขึ้นรถพี่ชายไปแล้วเดินกลับเข้าบ้านแล้วมองคนที่อยู่ในครัว สลับกับคนที่กำลังคุยอวดกับลุงและป้า เกี่ยวกับประวัติครอบครัวและโครงการคอนโดฯ ของธามัน
กวางมีเรื่องที่อยากรู้...เอ่อ สงสัยเยอะมาก
ที่จริงก็สงสัยมาตลอดแหละ ว่าทำไมพี่ฉันท์ไม่เห็นเหมือนคนอื่นที่เวลาแฟนมาหาจะทำตัวติดกับแฟนตลอดเวลา
แต่คนนี้เขาจะแยกมาอยู่กับน้อง หรือไม่ก็ไปทำนั่นนี่ตลอด
กวางถึงได้เถียงน้ามาตลอดไง ว่าที่เห็นว่าคบกันน่ะ แท้จริงแล้วไม่ใช่หรอก แต่พูดทีไร น้าก็ว่ายังเด็กอยู่ทุกครั้งไป
“2 คนเป็นพี่น้องกันจริงหรือ” นั่นคือประโยคบอกเล่า ไม่ใช่คำถาม “ตอนที่เจอทีแรกก็ว่าดูคุ้น ไม่คิดว่าจะเป็นพี่น้องกัน”
ธนวัฒน์ตอบตามตรง เพราะนี่เป็นหัวข้อที่เรียกคะแนนสงสารได้อย่างท่วมท้นมาตลอด “คนละแม่กันครับ ตอนผมเกิดก็ใช้นามสกุลเดียวกับธาม แต่มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นผมก็เลยเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแม่ครับ”
“โอ้....”
เพราะป้าทำเสียงแปลก ๆ ธนวัฒน์เลยรีบอธิบายต่อ “เปลี่ยนตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กน่ะครับ ไม่ใช่เพราะผมไปทำผิดอะไร”
“อ้อ แล้วไป” ป้าหัวเราะเก้อ ๆ “คิดว่าหนีอะไรมา”
“ไม่ใช่ครับ”
“ส่วนธามก็ใช้นามสกุลพ่อ พี่น้องใช้คนละนามสกุลมันก็แปลกอยู่เหมือนกัน”
ธนวัฒน์เดินหน้าแสดงความจริงใจต่อไป “หลังจากที่ผมเกิดได้ไม่นาน พ่อก็ไปแต่งงานกับแม่ของธามน่ะครับ”
“เรื่องของผู้ใหญ่ เขาก็มีเหตุผลของเขา แต่เราพี่น้องรักกันดีก็พอแล้ว ยิ่งถ้าการทำงานมันต้องแข่งขันกันขนาดนี้ พี่น้องยิ่งต้องให้กำลังใจกัน”
“ครับ ในชั้นลูก ๆ ของ 3 บ้าน ก็มีแต่ผมคนเดียวที่ไม่ได้ใช้นามสกุลก้องเกียรติมนตรี เรียนจบก็ไปทำงานอยู่มหาวิทยาลัย เพราะไม่แน่ใจว่าคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไร จนกระทั่งธามใกล้จะเรียนจบ พ่อก็ให้คนมาเรียกผมไปคุยเรื่องงานที่บริษัท อยากให้ผมช่วยสนับสนุนธาม เขาเป็นคนเก่งก็จริง แต่ไปอยู่เมืองนอกนานหลายปี ไม่มีพรรคพวกทางนี้ คนทำงานใหญ่ต้องมีพรรคพวก”
“มันก็จริง” ลุงหมายถึงประโยคสุดท้าย
“อย่างฉันท์กับจิโระนี่ก็คนละพ่อ แต่ก็เข้ากันได้ดี” ป้าเล่าไปเรื่อยๆ “2 คนพี่น้องนี่ห่างกันได้แป๊บเดียวก็ตามหากันแล้ว”
“ป้า” ลุงเรียกภรรยา “จะ 2 ทุ่มครึ่งแล้ว”
ป้านึกขึ้นได้ ทั้งรู้สึกขอบใจสามีที่ตัดบทเรื่องนี้สักที “เออจริง มัวแต่คุยเพลิน”
“ผมช่วยพาคุณลุงไปพักเองครับ” ธนวัฒน์อาสาพยุงลุงไปห้องน้ำ จากนั้นก็พาเข้านอนที่ห้องนอนชั้นล่าง
ฉันท์หันมาถามจิโระว่าง่วงหรือยัง “เนะมุอิ ง่วงนอนไหม”
น้องชายส่ายหน้า “ไม่ ฮับ”
กวางมาสะกิดถาม “พี่ฉันท์สอนหนูพูดภาษาญี่ปุ่นมั่งสิ”
“พี่ก็ได้เป็นคำ ๆ แบบเด็ก ๆ เหมือนกันน่ะแหละ”
“แม่พี่ไม่ได้พูดภาษาญี่ปุ่นกับพี่หรือ” เมื่อกี้นี้ได้ยินว่าพูดเรื่องนี้กันนิดหน่อย แต่กวางอยากรู้มากกว่านั้น
“ตอนเด็ก ๆ โอกาซัง แม่พี่น่ะเขายังพูดไทยไม่เก่ง เขาก็สอนไทยคำญี่ปุ่นคำแบบนี้แหละ แล้วพอเขาคุ้น ก็ไม่ค่อยได้พูดแล้ว ยกเว้นแต่ตอนที่นึกภาษาไทยไม่ทันก็พูดภาษาญี่ปุ่นมาเป็นชุด ฟังไม่รู้เรื่องสักคำ” ฉันท์พูดแล้วหัวเราะ
เข้าใจละ “พี่ก็เลยสอนจิโระแบบเดียวกัน”
“แต่จิโระเพิ่ง 3 ขวบสอนง่ายยิ่งช่างพูดแบบนี้ด้วยนะ เดี๋ยวพอเข้าโรงเรียนก็พูดไทยคล่องแล้ว”
กวางไม่เห็นด้วยกับตรงประโยคแรกสักเท่าไหร่ “3 ขวบพูดได้ประมาณนี้ หนูว่าพูดไม่เก่งหรอก” ยิ่งถ้ามาเทียบกับหนูนะ หนูนำหน้าจิโระไปไกลหลายกิโลละพี่ “แต่เขาจำเก่ง 3 ขวบ รู้เยอะ ทำอะไรเองได้ตั้งเยอะ” อันนี้หนูยอมรับว่าหนูสู้จิโระอายุ 3 ขวบไม่ได้

ฉันท์อุ่นนมสดก่อนนอนให้จิโระเสร็จ ธนวัฒน์ก็ออกมาจากห้องนอนของลุงพอดี
“จิโระดื่มนมหรือ”
“ฮับ”
“ขอพี่คุยกับพี่ฉันท์สักครู่ได้ไหม”
จิโระหันมามองตามพี่ชายที่ลุกขึ้นมาแตะไหล่กวางเชิงบอกให้ช่วยดูน้อง
...
โครงการคอนโดฯของธามันเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขและเดินหน้าไปด้วยการก้าวข้ามอุปสรรคไปทีละเรื่อง ไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะต้องการให้โครงการนี้เป็นบททดสอบความสามารถ หลังจากที่นำเสนอโครงการต่อกรรมการชุดเล็กได้ 3 เดือน ชายหนุ่มก็เสนอตัวว่าจะขอลงทุนช่วงแรกด้วยการใช้เงินส่วนตัว แต่ขอเครดิตชื่อบริษัทเพื่อทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารเพิ่มเติม เพราะเป็นโครงการแบบมีจำนวนยูนิตไม่มากนัก มีอาคารเพียงหลังเดียวกับอาคารจอดรถที่เชื่อมต่อกัน ขนาดของห้องกว้างขวางกว่าคอนโดฯหลายแห่งในละแวกเดียวกัน ซึ่งผิดไปจากทุกโครงการของบริษัทก้องเกียรติกิจการ
และที่ธนวัฒน์บอกว่า พ่อขอให้มาช่วยสนับสนุนการทำงานของน้องชายนั้น แท้จริงแล้วเขาไม่เคยสนับสนุนการทำงานของธามัน
สิ่งที่ธนวัฒน์ทำมาตลอดก็คือ การหาเหตุปัดโครงการนี้ไปจากโต๊ะประชุมอยู่บ่อย ๆ ตอนแรกก็บอกว่าโครงการไม่มีความคืบหน้า ต่อมาก็บอกว่า โครงการไม่มีที่ตั้งที่ชัดเจน
ธนุส-กรรมการบริหารของบริษัท ลูกชายคนโตของธนดล-ประธานบริษัท รู้ทันการกระทำของธนวัฒน์มาตลอด ทั้งเคยคุยกับธามันเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก
มีเรื่องในวงเล็บตรงนี้อยู่เล็กน้อย เกี่ยวกับความลับที่พี่น้องร่วมปู่คนเดียวกันคู่นี้ทำความตกลงกันไว้ 
มันเป็นความลับแบบที่ทุกคนรู้กันว่า ‘พี่ธนุสเขาช่วยธาม’ แต่ช่วยแบบไหน ไม่เคยมีใครกล้าถามพี่ใหญ่กันสักคน
รู้แต่ว่า บางทีพี่ธนุสก็พยักหน้ายอมให้ธนวัฒน์เอาแฟ้มรายงานของธามันกลับไป แต่บางครั้งก็แค่กระแอมเบา ๆ เลขาฯ ของที่ประชุมก็ต้องรีบเอากลับมาวางไว้บนโต๊ะประชุมเหมือนเดิม
ธนวัฒน์เองก็มีความเกรงใจพี่ชายคนนี้อยู่มาก ถ้าธนุสมีสีหน้าเรียบเฉย ถ้อยคำโฆษณาของชายหนุ่มก็จะออกไปในทำนองที่ว่า
‘ธามต้องการพิสูจน์ความสามารถว่าทำได้มากกว่าเรียนหนังสือ ลำพังสร้างบ้านหลังหนึ่งยังต้องใช้คนมากมาย นี่เขาพยายามที่จะทำเองตามลำพัง เตรียมงานมาหลายเดือนยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก...ผมว่า เราไม่ควรกดดันการทำงานของเขานะครับ คอยให้กำลังใจและมองอยู่ห่าง ๆ ก็พอ’ 
มันเป็นคำพูดสวยงามที่มีความหมายคือ ‘อย่าเสียเวลาให้กับโครงการของธามัน’
แต่ถ้าธนุสเปิดแฟ้มรายงานนั้น ก็แปลว่าทุกคนต้องอ่านแฟ้มเช่นกัน...จบนะ
ในกลุ่มของพี่น้องรุ่นที่ 3 ที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 10 คนธนวัฒน์คือคนที่อีก 9 คนรู้กันเป็นอย่างดีว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2019 20:57:37 โดย MyTeaMeJive »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด