Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 30256 ครั้ง)

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #270 เมื่อ19-07-2019 03:11:45 »

 :mew6:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #271 เมื่อ19-07-2019 18:57:11 »

ตอนจบ...

คำขอของฉันท์ที่อยากให้ชีวิตหลังจากนี้ดำเนินไปช้าๆ ไม่ค่อยจะเป็นไปตามที่ขอสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่จิโระตื่นแล้ว ตำรวจก็ต้องมาสอบปากคำ ฉันท์จึงต้องขอคุยกับตำรวจและนักสังคมสงเคราะห์ก่อนว่าตั้งใจจะบอกกับน้องว่าอย่างไร จากนั้นคุณตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบจึงมาพร้อมกับนักสังคมสงเคราะห์ และมีฉันท์ฟังอยู่ด้วย
จิโระเล่าว่า พี่สาวของฮันซามุซังที่มาคุยกับโอนีเมื่อหลายวันก่อน มารับที่บ้านจุ๊บแจง บอกว่าฮันซามุซังไม่อยู่พี่สาวก็เลยมารับกลับบ้าน แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลเพราะจิโระอยากกลับบ้านพร้อมกับโอนี พี่สาวจึงชวนกินขนมอยู่ด้วยกันในรถ
พี่สาวใจดี ชวนคุยว่า จิโระช่วยโอนีทำอะไรบ้าง เพราะเห็นโอนีทำงานยุ่งอยู่ตลอดเวลา จิโระก็เล่าไปว่า ก็แค่ช่วยล้างผัก ปอกกระเทียมอยู่ในครัวหลังร้าน ไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะว่ายังตัวเล็ก แต่ได้ยินโอนีกับฮันซามุคุยกันว่าอาจต้องจ้างคนงานเพิ่ม
จิโระเป็นเด็กช่างพูด และพยายามเล่าทุกอย่างที่รู้ให้ผู้ใหญ่ฟัง
หลังจากการพูดคุย ฉันท์ให้กวางอยู่กับจิโระ ส่วนตนเองเดินตามออกมายืนคุยที่ชั้นล่างของโรงพยาบาล ทั้ง 2 คนชมว่าจิโระเป็นเด็กฉลาดเกินอายุ อาจเพราะเขาพบเจอเรื่องราวมามาก ส่วนเรื่องที่จะไม่บอกว่าเขาถูกผู้ใหญ่วางยานอนหลับ แต่จะสอนเรื่องให้เพิ่มความระมัดระวังในการกินอาหารให้มากกว่าเดิมนั้นเห็นด้วย
จากนั้นตำรวจก็บอกความคืบหน้าในเรื่องของคดี “จากที่คุยกับแพทย์และจิโระ เรื่องนี้ค่อนข้างไปทางทำร้ายร่างกายเพราะว่าจิโระไม่ได้มีอาการหนัก และไม่แสดงอาการข้างเคียง”
ฉันท์พยักหน้ารับรู้ แต่ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร ทั้ง 2 คนจึงบอกว่าเมื่อทำสำนวนเสร็จจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็กลับไป
หนุ่มตัวเล็กเดินขึ้นบันไดช้า ๆ จนถึงชั้นผู้ป่วยพิเศษเด็ก แล้วนั่งอยู่ที่โซฟาใกล้กับห้องพักพยาบาล จนกระทั่งกวางกับจิโระเดินมาเรียก
“โอนี โลง ปัย เดิน เลน ที ซา หนัม ได้ไหม”
    ฉันท์พยักหน้า ตามใจเดินจูงมือน้องชายลงไปเดินเล่นที่สนามอยู่เกือบ 1 ชั่วโมงจึงกลับขึ้นมาที่ห้อง เมื่อแพทย์มาตรวจเห็นว่าจิโระฟื้นตัวได้เร็วก็บอกว่าคืนนี้นอนที่โรงพยาบาลอีก 1 คืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน
เมื่อธามันรู้ว่าจิโระจะออกจากโรงพยาบาลก็รีบลางาน แต่ฉันท์บอกว่าสามารถจัดการเองได้ ทั้งในช่วงเย็นจะกลับไปเตรียมของที่ร้านเพื่อเปิดร้านในเช้าวันถัดไป
ธามันรับรู้และยอมทำตามที่ฉันท์บอก แต่ขอนอนเฝ้าทั้ง 2 คนอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนคืนก่อน ๆ เช้าก็ไปทำงาน แต่พอ 10 โมงก็กลับมาอีกรอบ พร้อมด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ของทั้งคู่
“จิโระ เปลี่ยนเสื้อกัน จะได้กลับบ้าน”
พอฮันซามุซังบอก จิโระก็ลุกขึ้นยืนให้เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ให้ทันที
“ฝ่ายการเงินยังไม่โทรขึ้นมาบอกค่าใช้จ่ายเลยฮะ”
“พี่จัดการแล้ว”
ฉันท์ไหว้ขอบคุณ แต่ธามันรับไหว้ด้วยการดึงมากอดไว้ แล้วจูบหน้าผาก ทำให้จิโระหัวเราะคิกคัก
ฉันท์แก้เก้อด้วยการบิดเนื้อที่เอวหนาไปครั้งหนึ่งแล้วหันไปเก็บของในห้องพัก
“เจบ เจบ” จิโระล้อเลียน
“เจ็บสิ” ธามันทำหน้าตาหน้าสงสารขณะที่ใส่เสื้อให้จิโระ 
“เจบ เจบ”
ฉันท์ทำหน้าตาขึงขังใส่น้อง แต่เวลานี้มีฮันซามุซังที่มักตามใจอยู่เสมอ ให้ดุอย่างไรก็ยังหัวเราะมีความสุข ทั้งเดินมาลาแพทย์ พยาบาลด้วยตนเอง ไม่ยอมนั่งรถเข็น
ฉันท์ควรดีใจที่น้องแข็งแรงและร่าเริงเหมือนเดิม แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ
ความกลัวว่าน้องจะหายไป ใช่ว่าจะลบล้างไปได้ง่าย ๆ
หลังจากที่พาจิโระกลับมาบ้าน ก็กลับไปที่ร้าน เขียนป้ายรับคนงานเพิ่มอีก 2 คน แล้วมาเตรียมข้าวต้มขายรอบเย็นวันนี้
ระหว่างที่กำลังเตรียมของอยู่ ธามันก็ถือหม้อดินใส่ขนมหวานของวันนี้เข้ามาที่ร้าน
“ขนมหวานวันนี้ลอดช่องน้ำกะทิ ป้าทำน้ำกะทิไว้เยอะ บอกว่าให้มาซื้อเผือกที่ตลาดเอามาต้มแป๊บเดียวก็เสร็จ”
ฉันท์พยักหน้า มองตามพี่ที่เดินไปหยิบโถแก้วสำหรับใส่ขนมหวาน “ยกให้พี่จัดการนะฮะ อย่าลืมสั่งน้ำแข็งป่น”
“ได้เลย”
ธามันหยิบกระดาษ ปากกามาเตรียมจดของที่ต้องสั่งเพิ่ม ไม่ลืมที่จะถามน้องว่า จะสั่งของเพิ่มด้วยหรือไม่ จากนั้นก็โทรศัพท์เรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างมารับไปซื้อของ
คืนที่เกิดเรื่องมัวแต่วุ่นวายก็เลยไม่ได้โทรไปยกเลิกของสด เมื่อร้านค้าเอาของมาส่งฉันท์จึงบอกให้ เขียวกับสม เด็กลูกจ้างทั้ง 2 คนที่ร้านรับไว้แล้วเก็บของทั้งหมดใส่ในตู้แช่ ส่วนผักสดอย่างต้นหอมผักชี ฉันท์ให้เอาไปแจกร้านข้าง ๆ รอวันที่จะเปิดร้านค่อยสั่งของใหม่ มาขายให้ลูกค้า
และตั้งแต่ตอนที่แพทย์บอกให้จิโระออกจากโรงพยาบาลได้ ฉันท์ก็โทรมาบอกทั้ง 2 คนให้เตรียมเปิดร้าน
ร้านข้าวต้มที่ปิดไปนานหลายวัน เปิดร้านตั้งแต่ 4 โมงครึ่ง และปิดร้านก่อนเวลาเพราะของหมดเหมือนเคย ตอนที่ฉันท์กำลังทำบัญชี ส่วนพี่กำลังเก็บของปิดร้าน ฉันท์ก็ได้ลูกจ้างเพิ่มมาอีก 2 คน คนหนึ่งชื่อเพ้งเคยทำงานคาร์แคร์ แต่เจ้าของคาร์แคร์เลิกกิจการไปแล้ว ก็เลยต้องมาหางานทำใหม่ และคนนี้มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของกวาง ส่วนอีกคนชื่อเอ๋ซึ่งออกสาวมากหน่อย
“มีห้องพักที่ชั้น 3 และ 4 เขียวกับสมเขาอยู่ที่ชั้น 3 แล้ว เพ้งกับเอ๋จะย้ายมาอยู่ที่นี่ หรือจะไปกลับก็ได้ ถ้าจะมาอยู่พรุ่งนี้พี่จะไปซื้อพวกที่นอน ตู้เสื้อผ้ามาให้”
เพ้งมีที่พักอยู่ในชุมชนหลังตลาดอยู่แล้ว ไม่ได้อะไรมากมายกับการเดินทาง แต่เอ๋ยังไม่ตัดสินใจ
“เอ๋อยู่ชั้น 4 สิ ส่วนเพ้ง ถ้าวันไหนจะนอนนี่ ก็มานอนห้องกูได้” เขียวเสนอ เพราะอยากได้เพื่อนร่วมงานเพิ่ม
ทั้ง 2 คนตกลงตามนั้น และอยู่ช่วยเก็บของจนเสร็จก็กลับไป
ฉันท์ปิดร้าน ทั้งย้ำให้คนที่นอนเฝ้าหน้าร้าน ว่าให้ล็อกกุญแจให้ดี
ระหว่างที่เดินกลับมาที่รถฉันท์ก็พยายามนึก “ลืมอะไรหรือเปล่านะ เตรียมเงินจ่ายค่าของที่ค้างไว้แล้ว แล้วยังมีอะไรอีก”
พี่ช่วยนึก “ประกันสังคมของคนงาน”
“อ้อ ใช่” น้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกไว้ก่อน “ดีเหมือนกัน ที่ได้คนงานคนไทยทั้งหมด”
“ระวังเรื่องเบิกล่วงหน้าแล้วหนีหายไว้สักนิดก็ดี” พี่เตือน
“ยังมีอีกเรื่อง” น้องบอก “ต้องติดกล้องวงจรปิดในร้านด้วยนะฮะ”
“ได้ครับ” พี่รับทราบคำสั่ง
เมื่อกลับมาถึงบ้านจิโระยังไม่อมนอน เพราะเชื่อว่าพี่ชายต้องกลับมาถึงบ้านก่อน 3 ทุ่มครึ่งเหมือนเคย แต่วันนี้กลับมาถึงก็เกือบ 4 ทุ่มแล้ว
“โอนี ช้า”
“วันนี้มีลูกจ้างมาใหม่อีก 2 คนก็เลยต้องคุยกันนาน” ฉันท์อุ้มจิโระเดินเข้าบ้าน แล้วบอกกับกวางว่าเพ้งที่มาสมัครงานในวันนี้เป็นญาติกับกวาง
“อ๋อ...” กวางลากเสียงยาวแล้วเล่าประวัติของเพ้งให้ฟังจนกระทั่งฉันท์จะพาจิโระไปนอน กวางก็ยังเล่าอยู่จนป้าแซว
“นี่เรากำลังช่วยรับรองให้เพ้งได้งานทำหรือต้องตกงานกันแน่”
“ได้งานสิป้า” กวางบอก
...
จิโระที่รอพี่อยู่นาน หลับไปในทันทีที่หัวถึงหมอน ทำให้คืนนี้ไม่ต้องมีนิทานก่อนนอน ดังนั้นตอนที่ฉันท์กลับมาที่ห้องนอน พี่จึงเพิ่งจะออกจากห้องน้ำ เมื่อเดินสวนกันพี่ก้มลงหอมแก้มทำให้โดนผลักที่เอวเบา ๆ
“ดุจัง”
น้องทำหน้ายู่รีบเข้าไปอาบน้ำสระผม พอออกมาก็เห็นว่าพี่กำลังนั่งทำงานอยู่บนที่นอน
“บอกแล้วว่าไม่ต้องหยุดงานก็ได้” น้องเช็ดผม แล้วใช้ไดร์เป่าผมอีกรอบ เสร็จแล้วก็เดินมานอนอยู่ข้างๆ
พี่ปิดโน๊ตบุ๊คปิดไฟแล้วเลื่อนตัวลงนอน น้องก็ขยับมานอนหนุนแขน
“พี่ฮะ”
“อืม” พี่ขยับตัวหอมหน้าผาก
“พรุ่งนี้จะไปถอนแจ้งความ ไม่เรียกค่าชดเชยหรือค่ารักษาอะไรจากเขาด้วย แล้วก็จะสอนทั้ง 4 คนให้ทำข้าวต้มและช่วยกันดูแล คุมร้าน เผื่อถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกจะได้ไม่ต้องปิดร้าน”
“ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่กี่วัน อย่าเพิ่งปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเลย”
“ฮะ”
“ชิรายูกิ”
“ฮะ”
“คิดอะไรอยู่”
“ก็คิดไปเรื่อยน่ะฮะ”
“จะไปไหน” นี่เป็นการคาดเดา ที่จู่ ๆ พี่ก็นึกถึงคำนี้ขึ้นมา ไม่ได้มีที่มาที่ไปอะไรทั้งสิ้น
น้องขยับตัวซุกหน้ากับอกพี่
“ไม่ว่าจะไปไหน ก็ต้องไปด้วยกัน”
“ผม...รู้สึกตัวว่าเป็นพี่ที่ไม่ดี ยังทำได้ไม่ดีพอ”
“พี่เองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน” มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบาง “ชิรายูกิรู้สึกตัวว่าดูแลจิโระได้ไม่ดีพอจึงจะพาจิโระไปที่ไหนสักที่ พี่เองก็คิดว่าพี่ดูแลชิรายูกิได้ไม่ดีพอเหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่ยังคิดไม่ออกว่าจะพาชิรายูกิไปไหน รู้แต่ว่าพี่จะไม่ยอมปล่อยมือ”
“ไม่ได้จะปล่อยมือสักหน่อย แต่คิดขึ้นมาว่า อยากพาจิโระไปญี่ปุ่น”
พี่จับมือผอมขึ้นมาจูบที่ปลายนิ้ว “ได้ ไปญี่ปุ่นกัน”
“พี่หยุดงานบ่อยเกินไปแล้ว”
“อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ถ้ามีอินเทอร์เน็ต”
น้องหัวเราะทั้งน้ำตา ดร.ธามันนี่เอาแต่ใจมาก แล้วก็ดื้อสุด ๆ ไปเลย

ฉันท์ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำขอโทษ หรือว่าขอบใจจากณภัทร เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำลงไปคือความผิด แต่การที่เธอเงียบหายไปหลังจากนั้น ทำให้คิดว่าการไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
...
ในวันหนึ่งขณะที่ฉันท์กำลังเตรียมเปิดร้าน ก็พบว่ามีเพื่อนเก่ามายืนรออยู่
“ฉันท์”
ฉันท์นิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจ “วิพุธ”
วิพุธในวันนี้ดูแตกต่างจากสมัยเรียนมัธยมอย่างสิ้นเชิง
แม้ในวันก่อนจะจากกันด้วยการทิ้งแผลไว้ในใจ แต่เมื่อมาพบเจอกันอีกครั้ง ฉันท์ก็ไม่ได้รู้สึกว่ายังติดค้างต่อกัน ตรงข้ามกับวิพุธที่ดูอึกอักลังเลอยู่ตลอดเวลาทั้งที่เป็นฝ่ายมารอ
“เราขับรถผ่านร้านอยู่ทุกวัน แต่เพิ่งรู้ว่าเป็นร้านของฉันท์ วันนี้ก็เลยแวะมา...หา”
ฉันท์ยิ้มรับ “สบายดีไหม”
“สบายดี แล้วฉันท์ล่ะ”
“ดีมาก”
“เรา...อยากบอกกับฉันท์ว่าเราขอโทษ”
ฉันท์รับคำขอโทษนั้น “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ยังมีอะไรอีกมากมายให้ต้องเจอ เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ดีกว่า”
แต่วิพุธยังมีเรื่องที่อยากบอกอีก “เรา แยกกับแก้วตาตั้งแต่ตอนที่จบม.6 แล้วก็ไม่ได้คบกับใครอีกเลย เราคิดถึง...”
“อีกครู่ร้านก็จะเปิดแล้ว กินข้าวต้มก่อนไหม” ฉันท์บอกรายการอาหาร
“ฉันท์ คือเรา...”
ฉันท์ยิ้มจนตาเป็นประกาย “จำพี่คนที่มารับเราหน้าโรงเรียน แล้วก็ที่โรงเรียนกวดวิชาได้ไหม”
วิพุธทำตาโตเมื่อนึกออก “ไม่อยากเชื่อเลย พี่คนนั้นน่ะนะ”
คนตัวเล็กยิ้มกว้าง จนวิพุธต้องถอนหายใจ “มิน่า...แต่ก็ดีใจด้วย”
ฉันท์ชวนให้วิพุธกินข้าวต้มก่อน
“เราคิดว่าฉันท์ทำไปเพราะประชด บางทีก็สงสัยว่าตอนนี้ฉันท์เป็นไงบ้าง”
“เราไม่ได้ประชด พี่เขาดูแลเราดีมาก”
ฉันท์ยิ้มกว้าง ขณะที่วิพุธชี้ไปรอบร้านข้าวต้ม เชิงถามว่า ‘ร้านข้าวต้มนี่น่ะหรือ ที่เรียกว่าดูแลดี’
“วิพุธ เราเป็นผู้ชาย เราไม่ต้องการให้ใครมาหาเลี้ยง ร้านข้าวต้มคือความฝันของเรา เราอยากทำร้าน พี่เขาก็ให้เงินมาซื้อห้องแถว ให้เงินมาลงทุน หาช่างมาทำร้านให้ สอนเราทำบัญชี สอนเราเรื่องการดูแลลูกน้องในร้าน แล้วก็อะไรอีกหลายอย่าง เลิกงานก็ยังมาช่วยเราขายของ ตามใจกันขนาดนี้ ดีไหมล่ะ”
ฉันท์ทัตคนที่วิพุธรู้จัก เป็นคุณหนูที่อยู่ในหอคอยงาช้าง ไม่เคยต้องทำอะไรเอง ไม่เคยรู้เลยว่าชอบค้าขาย แต่หากว่าในวันนี้ฉันท์ได้ทำในสิ่งที่ต้องการโดยมีคนรักสนับสนุนเต็มที่แบบนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ผู้ชายคนนั้นดีจริง
“สั่งข้าวต้มได้หรือยัง” ฉันท์ถามอีกครั้ง
วิพุธสั่งข้าวต้ม กับเครื่องดื่มแล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะด้านใน
5 โมงเย็นเปิดร้าน ลูกค้าทยอยเข้าร้าน วิพุธมองดูพ่อครัวและเจ้าของร้านที่มีรอยยิ้มกว้างต้อนรับลูกค้าตลอดเวลา
จากที่เห็น สรุปได้ว่านี่คือความสุขของฉันท์ทัต อย่างแท้จริง
ข้าวต้มถ้วยใหญ่ต่อด้วยขนมหวานผ่านไป วิพุธก็เรียกเก็บเงิน แต่ฉันท์เดินมาบอก “วันนี้เราเลี้ยง”
“อย่าเลย”
“เอาไว้ครั้งต่อไป ที่วิพุธมากินข้าวต้มอีก เราจะคิดเงิน”
วิพุธให้สัญญาว่าจะกลับมากินข้าวต้มอีกอย่างแน่นอน
ที่ตลกก็คือประมาณ 6 โมงเย็นเศษพี่ก็กลับมาร้าน ถือว่าเป็นการกลับมาร้านเร็วกว่าปกติ ทั้งยังมาในแบบที่พร้อมสำหรับการทำงาน เสื้อทำงานแขนยาวพับถึงศอกเรียบร้อย พอมาถึงก็เดินดุ่มไปหลังร้าน กลับมาอีกทีคือใส่ผ้ากันเปื้อนมาแล้ว
“พี่ กินข้าวก่อนไหมฮะ”
พี่ส่ายหน้า แต่ไม่ยอมพูด ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ พอมองไปทางลูกน้องทั้ง 4 คนตั้งแต่ในร้านไปจนถึงคนที่อยู่ในครัวต่างก็หลบตากันวูบ
ฉันท์อมยิ้ม “ลูกน้องโทรไปรายงานละสิ”
พี่ก้มหน้าก้มตา รับใบรายการที่ลูกค้าสั่งมาส่งให้น้องแล้วเดินไปคิดเงินอีกโต๊ะ เสร็จแล้วก็เดินมาช่วยที่หน้าเตา
ไม่พูดไม่จา...
วันนี้ร้านปิดก่อน 3 ทุ่มเล็กน้อยเพราะมีลูกจ้างเพิ่มขึ้น เตรียมของเพิ่มขึ้น แต่ฉันท์ก็ต้องใช้เวลาในการทำบัญชีนานขึ้น
2 คนในครัวล้างถ้วยชามเสร็จแล้ว 2 คนที่เก็บโต๊ะ ล้างพื้นก็เสร็จแล้ว ก็กลับขึ้นไปห้องพัก แต่ฉันท์ยังมองบัญชี แล้วเงยหน้าขึ้นมองพี่
“รายรับเยอะขึ้นนะ แต่พอมาหักทุนของวันนี้ เหลือเท่าเดิม” จากนั้นก็หัวเราะ “ค้าขายเก่งเหลือเชื่อเลยฉันท์ทัต”
พี่ถอนหายใจยังไม่ทันจะพูดอะไร ทั้ง 2 คนก็ต้องหันกลับไปมองเพ้ง คนงานที่เพิ่งกลับขึ้นห้องไปไม่ถึง 10 นาทีแต่ตอนนี้ถือหมอนและผ้าห่มเดินผ่านทั้ง 2 คนไปยกเตียงผ้าใบออกมากางเตรียมจะนอน
“คืนนี้ผมอยู่เวรรับของที่รถเข็นเอามาส่งตอนตี 3 ครึ่ง” ญาติผู้พี่ของกวางพูดพลางยักคิ้วข้างหนึ่ง
“อ้อ ขอโทษที” ฉันท์เก็บของเก็บเงินใส่กล่องล็อคกุญแจเรียบร้อย แล้วเดินตามพี่ออกมา เพ้งก็ตามมาปิดประตูและล็อคกุญแจจากด้านใน
น้องส่งกล่องเงินให้พี่เป็นคนถือ ส่วนตัวเองถือสมุดบัญชี
พอเข้ามาอยู่ในรถน้องก็พูดขึ้น “วันนี้วิพุธมา”
พี่ส่งเสียงฮึอีกครั้ง ทำให้น้องต้องอมยิ้มจนเจ็บแก้ม “เขาบอกว่า ขับรถผ่านร้านแล้วเห็น ก็เลยแวะมาหา มาขอโทษ”
คนขับรถหน้าตาบึ้งตึงไม่แสดงความเห็น
“ถามว่าสบายดีไหม ผมบอกว่าสบายดี พี่ดูแลผมเป็นอย่างดี ผมอยากทำร้านข้าวต้ม ก็ให้เงินมาทำร้าน คอยสอนทุกเรื่อง ดูแลเป็นอย่างดี” ฉันท์มองคนที่ยังทำหน้าเรียบตึงอยู่เหมือนเดิม “ที่จริงผมก็อยากจะคุยอวดอีกสักหน่อยแต่ใกล้จะ 5 โมงเย็นต้องเปิดร้านก็เลยชวนเขากินข้าวต้มก่อน”
พี่ส่งเสียงฮึอีกครั้ง
น้องเอียงคอมอง “ที่รีบกลับมาไม่ใช่เรื่องนี้หรือฮะ” ไม่ตอบ “งั้นเรื่องอะไรล่ะ”
สำหรับคนที่พูดไม่เก่งอย่างฉันท์ พูดคนเดียวได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเยอะแล้ว ดังนั้นแม้จะรู้สึกสนุกที่พี่ออกอาการหึงหวง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ได้แต่ยิ้มขำไปจนถึงบ้าน
วันนี้กลับมาถึงบ้านดึกเกินไปจริง ๆ เพราะว่ากวางพาจิโระเข้าห้องนอนไปแล้ว แต่พอเห็นพี่ชายเปิดประตูห้องเข้ามาดูก็ลืมตาลุกขึ้นนั่ง
“จิโระ พี่กลับมาแล้ว”
“โอนี กลับบ้านดึก มั่ก”
“ใช่” พี่ชายจับน้องลงนอน แล้วกระชับผ้าห่ม “วันนี้พี่ทำบัญชีเสร็จช้าน่ะ”
“ป้าบ่อก ว่า ต่อ ปัย โอนี จะ กลับ ช้า แบ่บ นี่ ถุก วัน”
“ไม่ทุกวันหรอก ถ้าขายหมดเร็ว ทำบัญชีเสร็จเร็ว ก็ได้กลับบ้านเร็ว”
“จิโระ หยักไปชู่ ช่วยโอนี แต มั่ย มี คัย พาไป”
“จิโระ มีหน้าที่สำคัญที่บ้านหลายอย่างแล้ว ทั้งดูแลลุงกับป้า ทำขนมอีก” พี่ชายลูบผมน้องเบาๆ เพื่อกล่อมให้หลับ “ถ้าไปช่วยที่ร้านตอนเย็นอีก จะเหนื่อยเกินไป”
“จิโระ มั่ย เนือย”
“โอนีดูที่ร้าน จิโระดูที่บ้านไง แบ่งกัน แล้วจิโระก็ต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนด้วย”
2 พี่น้องหันไปมองคนที่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาดู
“อาบน้ำเสร็จแล้วหรือฮะ”
พี่พยักหน้าเดินเข้ามาหา “คุยอะไรกัน ดึกแล้ว โอนีต้องตื่นเช้าไปเตรียมของที่ร้านนะ”
“จิโระ หยักไป ช่วยโอนีที่ร้าน”
“ตอนเย็นน่ะหรือ”
จิโระพยักหน้า
“แล้วใครจะดูแลลุงกับป้าล่ะ การดูแลลุงกับป้า ก็เป็นการช่วยโอนีทำงานเหมือนกัน”
ดูท่าพี่ธามจะพูดเร็วเกินไป ต้องอธิบายซ้ำ “พี่เองก็ช่วยอะไรโอนีไม่ได้มากเพราะทำงานกว่าจะมาถึงร้านก็ 3 ทุ่ม 4 ทุ่มแล้ว โอนีต้องดูแลทุกคนที่บ้านนี้ แล้วก็ต้องทำงานด้วยแต่โอนีมีคนเดียวต้องทำไงดี” เด็กน้อยทำปากยื่น แสดงว่าคิดตามที่พี่พูดทันแล้ว “ก็ต้องมีจิโระมาช่วยใช่ไหม ไม่อย่างนั้นโอนีก็จะต้องห่วงลุงกับป้าที่บ้านตลอด จิโระเป็นคนสำคัญมากนะ”
“จิโระ หยัก ยู กับ โอนี”
“โอนีก็อยากอยู่กับจิโระ โอนี” พี่ชายบอก
บรรยากาศใกล้จะซึ้ง แต่จิโระหันไปฟ้องฮันซามุซัง “โอนี บ่อกว่า จิโระต้องเตรียมไปโรงเรียน”
“นั่นยิ่งดีเลย เรียนหนังสือ เขียนหนังสือให้เก่ง คิดเลขเก่ง ๆ จะได้มาช่วยโอนีทำบัญชี”
จิโระหัวเราะคิก “โอนี บอก ทำบัญชีช้า”
“ใช่” มือใหญ่ลูบผมเส้นบาง “โอนีทำบัญชีเสร็จช้ามาก คิดแล้วคิดอีก ทำให้จิโระต้องรอโอนีกลับมาเลยทำให้นอนดึกทั้ง 2 คน ตอนนี้โอนีได้นอนนิดเดียว ก็ต้องไปร้านอีกแล้ว”
จิโระหลับตาลงทันที “จิโระ นอนแล่ว โอนี ปัยนอน”
พี่ชายก้มลงจูบหน้าผากน้องชาย “หลับฝันดีนะครับ”
แต่พออกมามาหน้าห้อง ฉันท์ก็แยกไปอาบน้ำ ขณะที่พี่ลงไปทำงานอีกครู่หนึ่งก็กลับขึ้นมา แทรกตัวลงนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
น้องพลิกกลับมาหาแล้วขยับตัวนอนหนุนแขน
มือใหญ่เกลี่ยแก้มใส แล้วช้อนคางให้เงยหน้าขึ้นมารับจูบ 
ยิ่งน้องตามใจ พี่ก็ยิ่งเอาแต่ใจ
ยิ่งน้องอ่อนไหว พี่ก็ยิ่งรุกไล่
ไอร้อนจากผิวกาย เจือปนอยู่ในเสียงหอบหายใจแผ่วเบา
“พี่...รักผมไหม”
พี่ตอบด้วยจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปาก มือใหญ่บีบเคล้นยอดอกบาง เลื่อนลงมาหาแก่นกายอุ่น
“พี่...” น้องครางขยับสะโพกรับมือ “จูบผม”
ไม่ต้องให้สั่งซ้ำ พี่จูบย้ำ บอกรักน้องชัดเจนมากกว่าคำพูดใด ๆ
...
หลังจากนั้นวิพุธก็แวะมาซื้อข้าวต้มที่ร้านอีกหลายครั้ง แต่ไม่เคยเจอพี่เลยสักครั้ง และพี่ก็จะขึงหน้าเรียบตึงไม่พูดไม่จานานเป็นชั่วโมงเสียทุกครั้งไป
สายสืบเขาดีจริง ๆ
“พี่จะหึงทำไมกัน” น้องถาม
พี่ทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่า เรื่องแค่นี้ทำไมต้องถาม จนน้องต้องดึงเสื้อให้หันมาคุยกัน
“พี่เป็นแบบนี้ทุกครั้งผมเริ่มไม่ตลกแล้วนะ”
“อ้อ...” พี่ลากเสียงพลางพยักหน้า
“ตอนแรกผมก็คิดว่าตลกดี แต่พี่งอนนานขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่สบายใจ”
พี่ก็รู้ตัวอยู่เหมือนกันว่างอนไม่มีเหตุผล รู้ทั้งรู้ แต่ก็งอน ก็ยังคิดมาก 
ภาพของน้องในตอนที่นั่งอยู่ข้างกัน แต่ดวงตาเหม่อมองไปไกลยังติดตา
ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน แต่พอได้ยินว่าแฟนเก่าของน้องมาที่ร้าน ใจมันก็ร้อนด้วยไฟของความระแวง เพราะเขาคือรักแรก เป็นถ่านไฟเก่าที่อาจหวนคืนมา
“พี่...ผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะเชื่อใจ”
“ชิรายูกิรักเขา”
“ไม่ใช่นะ ผมรักพี่”
“ทั้งที่เขาทำไม่ดี แต่เพราะชิรายูกิรักเขา พอเขากลับมาก็พูดดี”
“ก็เพราะว่าเรื่องมันนานแล้วไง แยกจากกันไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกันไปตลอดชีวิตสักหน่อย”
“อ้อ...”
“ผมรักพี่ ผมอยู่กับพี่ตรงนี้ ผมไม่ได้ไปหาเขาสักหน่อย”
“พี่คิดอยู่ตลอดว่า พี่คือคนที่พาปัญหามาให้ชิรายูกิ ทั้งแม่ทั้งพี่สาวก็ทำร้ายชิรายูกิกับจิโระ” คนตัวใหญ่พูดแล้วนั่งลงบนเตียง หันหน้าหนีไปทางอื่น
น้องจับไหล่พี่ให้หันมามอง
“แต่พี่ก็พาพวกเราก็ผ่านทุกอย่างไปด้วยกันไงฮะ”
“ทั้งคุณทีม แม่ พี่ณภัทร ธารา”
“เพราะพี่ช่วยพวกเราไงฮะ ถ้าไม่มีพี่ ผมก็คงไม่มาถึงวันนี้”
“ถึงไม่มีพี่ ชิรายูกิก็ทำได้อยู่แล้ว”
“ไม่นะฮะ ผมทำไม่ได้” จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลพราก “เพราะว่าเป็นพี่ ผม ถึงทำได้ พี่สำคัญกับผมมากนะฮะ”
พี่หันมากอดคนที่กำลังร้องไห้
“พี่โทษตัวเองว่าเอาปัญหามาให้ผม แล้วผมล่ะ ถ้าไม่มีผม พี่ก็คงเป็นกรรมการบริหารของบริษัทไปแล้ว”
พี่จูบแก้ม “ถ้าไม่มีชิรายูกิ พี่ก็จะไม่กลับมาเมืองไทย”
น้องดันไหล่พี่เบา ๆ เพื่อเว้นช่องว่าง
...แบบนี้มันก็เกินไปสักหน่อย
“ผมรู้ว่าพี่ดื้อ แต่ถึงขนาดที่คิดว่าจะไม่กลับมานี่...ถ้าพี่โกรธผม พี่ก็จะไปแล้วไม่กลับมาหรือเปล่า”
เอาละสิ เจอคนคิดมากตัวจริงเข้าไป ทำไงล่ะทีนี้
“พี่...”
“เออ เลิกหึงก็ได้” มัวแต่หึงจนลืมไปเลยว่า ชิรายูกิเป็นคนที่สนใจความรู้สึกของคนรอบตัวมากขนาดไหน
“หึงหน่อย ๆ ก็ดีนะ ภูมิใจดีว่าพี่หึง แต่งอนไม่พูดด้วยเป็นชั่วโมงนี่ผมชักเครียด”
พี่หันไปมองนาฬิกาเห็นว่าดึกมากแล้ว น้องได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปเตรียมของ จึงดึงมือให้นอนก่อน แล้วตัวเองเดินไปปิดไฟ แล้วกลับมานอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
“นอนเถอะ”
“พี่...”
“พี่หึงเพราะพี่รู้ตัวว่าคนนั้นเขาดีกว่าพี่”
“วิพุธน่ะนะดีกว่า ยังมีใครที่ไหนที่ดีกว่าพี่อีกหรือฮะ”
แม้จะอยู่ในความมืดสลัว แต่ก็ยังเห็นคนที่นอนหนุนแขนอย่างชัดเจน
“ชิรายูกิ เรานี่มัน...” พี่ก้มลงจูบที่ปลายจมูก
“ผมรักพี่นะฮะ อ้อ ผมรักพี่คนเดียว ไม่มีคนอื่น”
พี่ยิ้มกว้างกอดฟัดน้องจนต้องเตือนกันว่าดึกมากแล้ว
“เดี๋ยวตอนตี 4 พี่ต้องไปช่วยผมที่ร้านเลยนะ แบบนี้น่ะ”
“ได้เลย” พี่บอกแล้วหอมแก้มใสแรง ๆ อีกครั้ง

พอมาคิดอีกที คนที่ทำงานหนักมากก็คือพี่ เพราะทั้งงานบริษัท และงานที่ร้าน แถมช่วงนี้กำลังปรับปรุงสวนเตรียมพื้นที่เพื่อปลูกบ้านในสวนตามแบบที่น้องเป็นคนเลือกจากแบบบ้านและสวนมากกว่า 10 แบบที่พี่เขียนมา
คือถ้าไม่เลือกออกมาสักแบบหนึ่ง ก็คาดว่าพี่จะเขียนไปเรื่อย ๆ
ตกลงกันว่า บ้านหลังใหม่ จะอยู่บนเนื้อที่ทางฝั่งซ้าย เยื้องไปทางด้านหลังของบ้านหลังเดิม เพราะเราจะไม่รื้อบ้านออก แต่จะปรับให้เป็นที่ทำงาน
เป็นทั้งที่ทำงานของพี่ และเป็นครัวทำขนมหวานไปส่งที่ร้าน และที่เก็บผลไม้จากสวน...ที่คาดว่าอีก 2 ปีถึงจะสวยงามพอให้เอาไปวางขายได้
นี่ไม่นับรวมงานรีโนเวทห้องคอนโดฯ ของน้องที่ยังไม่มีผู้เช่า
ดร.ธามันใช้เวลา 24 ชั่วโมงได้อย่างคุ้มค่า
วันเสาร์หลังขายรอบเช้าเสร็จ ฉันท์จดรายการของที่ต้องซื้อเพิ่มระหว่างรอร้านข้าวสารมาส่งของ พี่กลับเดินเข้าร้านมาก่อน
“อ้าว ไปเล่นกอล์ฟไม่ใช่หรือฮะ”
พี่พยักหน้า “มีคนมาบอกขายห้องแถว 2 ห้อง ที่เมืองนนท์ไปดูกันไหมใกล้ ๆ เผื่อรีโนเวทได้”
น้องยิ้มกว้างลุกไปทำน้ำเย็นมาให้พี่ “อันนี้ดีกว่าไม่ต้องลงทุน มีญาติทางฝั่งสะใภ้คนโตของลุงเอก เขาอยากได้ช่างไปทำสำนักงาน”
“ก็ต้องทำตามที่เขาสั่งน่ะสิ”
น้องพยักหน้า
“งั้นไม่ทำ”
“อ้าว...”
“งานแบบนั้นปวดหัวมาก ทำคนเดียวไม่ได้ แนะนำให้เขาไปว่าจ้างบริษัทรับเหมาออกแบบเลยดีกว่า”
“โห...” เชื่อเขาเลยจริงๆ
“จริง ยิ่งเป็นคนรู้จักกันแบบนี้ มีอยู่ 2 ทางคือเราขาดทุน กับไม่คุยกันหลังจากนี้”
น้องได้แต่กะพริบตา
ถ้าเป็นช่างคนอื่นผลลัพธ์คงไม่รุนแรงขนาดนี้
“งั้นพี่พอจะแนะนำช่างให้ได้ไหมฮะ”
พี่ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็เอากระดาษจดชื่อและเบอร์โทรศัพท์ช่างรับเหมา 2 รายมาให้เลือก แต่พอฉันท์เอาไปส่งให้พี่เอื้อย พี่สาวก็ถาม
“ทำไมผัวแกไม่ทำเองล่ะ”
“เขาไม่มีคนงานก่อสร้าง ที่ร้านเนี่ยเขาออกแบบเอง ใช้ช่างของบริษัท” เป็นบริษัทย่อยที่แยกออกมาเพื่อรับงานที่มีขนาดเล็กลง “เสียแต่ค่าวัสดุก่อสร้าง แต่อันนี้งานนอก ถ้าใช้ช่างของบริษัทจะค่อนข้างแพงกลัวจะผิดใจกัน ก็เลยแนะนำเจ้าอื่น”
“คิดว่าจะได้ราคาพิเศษ”
ฉันท์ส่ายหน้า “ตอนที่จะทำร้านข้าวต้ม ตอนแรกผมไม่รู้ก็รีบบอกเขาก่อนเลยว่าผมจ่ายทั้งหมดเองนะ แต่พอเขาบอกราคามา ก็นั่นแหละ รบกวนเขาเหมือนเดิม”
“เขาจ่ายครึ่งหนึ่งเหมือนเดิม”
พี่สาวรู้ทัน น้องชายก็ยอมรับตามตรง
“อย่างนี้พี่คิดว่าเขาจะไปเจรจากับฝ่ายบริการลูกค้า เพื่อขอราคาพิเศษให้ญาติของญาติของญาติเราไหม”
“เออ จริง” ขนาดงานตัวเองเขายังจ่ายเต็ม “แต่ถ้าไม่เอาราคาญาติ เอาราคาปกตินี่ประมาณเท่าไหร่”
ฉันท์บอกไปตามประสบการณ์ตรง “เขาจะดูว่างานพี่เร่งมากไหม ถ้าเร่งมากเขาต้องเพิ่มคนงาน แล้วแต่ละคนไม่ใช่ค่าจ้างขั้นต่ำ ของเขามากกว่า 500 บางคนวันละ 1,000 ก็มีแล้วแต่งาน แล้วมีคนคุมงาน มีค่าวัสดุคิดทุกอย่างที่จะต้องใช้ แต่เขาจะบวกเพิ่มอีกเท่าไหร่นี่ไม่รู้”
“ตอนทำที่ร้านเจ้าฉันท์มันเท่าไหร่”
ฉันท์บอกราคาไป พี่สาวทำตาโตร้องเสียงดัง “โหย แกร๊ แพงกว่าผู้รับเหมาแถวนี้เกือบ 3 เท่าแน่ะ”
“ก็ถึงบอกไง ว่าผมกลัวว่าจะมาทะเลาะกันทีหลัง”
“ถึงพี่จะคิดว่าต้องซ่อมห้องแถวทั้งหลัง ทำทุกชั้น ทุกอย่าง แต่ราคานี้ก็เอาเรื่อง”
“ตอนแรกที่คุยกันผมอยากทำร้านข้าวต้มเล็ก ๆ พี่ก็รู้ ว่าร้านค้าถ้าทำสวยมาก ลูกค้าก็ไม่เข้าเพราะเขากลัวว่าของที่ขายจะแพง พี่ธามเขาก็ไปเขียนแบบ ไปคุยกับช่าง แล้วดูตอนที่ทำเสร็จพี่เห็นตอนที่เขาทำเสร็จแล้วไหม”
“เออ เห็น สวยดี”
“พี่เอื้อยฮะ”

(มีต่อครับ)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #272 เมื่อ19-07-2019 19:05:55 »

(ต่อครับ)

พี่สาวหัวเราะที่ได้แกล้งน้องชาย “ก็เพราะเขาเห็น เขาชอบ เขาถึงได้แนะนำกันมาไง” พี่เอื้อยเคาะโต๊ะทำงาน “เอางี้ พี่จะบอกกับเขาไปตามที่เจ้าฉันท์บอกมา เอา 2 เบอร์นี้ให้เขาไปด้วย แต่ถ้าเขาสู้ ก็ตามนี้”
ฉันท์รีบยกมือ “เดี๋ยวนะพี่ นี่เป็นการจ้างบริษัทรับเหมาในเครือ มารับเหมาตกแต่งบริษัท ไม่ใช่การจ้างพี่ธามนะ”
“ที่ร้านกับที่บ้านเจ้าฉันท์นี่คุณธามเขาทำเองใช่ไหม”
“ใช่ แต่อันนี้เขาทำเองอยู่เอง มันไม่เหมือนกับงานของญาติของญาติของญาตินะพี่”
“แกพูดเหมือนไม่อยากให้จ้างผัวแกมาทำ”
“เขาไม่ทำอยู่แล้ว” ฉันท์ทำปากยื่น ที่เห็นว่าขยันทำงาน ก็เพราะมันเป็นงานที่เขาเลือกเอง แต่งานที่เริ่มต้นด้วยคำว่าไม่แบบนี้ มันจะไปต่อได้ยากสักหน่อย
“พี่ว่า ที่จริงเขาอยากให้คุณธามเป็นคนทำเพราะอยากอวด ไม่ใช่ว่าจ้างบริษัทยักษ์ใหญ่นั่นมาทำ”
“ถ้าให้บริษัทเขาทำงานกันไป แล้วให้พี่ธามแวะไปดูบ้าง จะพอไหวไหมพี่”
“มันก็...” พี่เอื้อยไม่แน่ใจ “ถ้าจะเอาแค่อยากอวด ว่ามีญาติเก่ง หล่อ และรวยก็คงได้แหละ”
ฉันท์หัวเราะ ทำให้พี่สาวหัวเราะตามไปด้วย แล้วสรุปว่า จะกลับไปถามทางนั้นก่อนว่า ตกลงหรือไม่
ปรากฏว่าญาติทางฝั่งนั้นเขายังคงยืนยันที่จะให้ธามันรับงานนี้เช่นเดิม ธามันก็รับงานมาทำโดยมานั่งเขียนแบบอยู่ที่ชั้นลอยของร้าน ในช่วงหลังบ่าย 3
ชั้นลอยนี้ เดิมตั้งใจให้เป็นที่เลี้ยงจิโระในตอนกลางวัน ห้องนี้จึงทำไว้อย่างดี มีกระจกหน้าต่างบานใหญ่แบบเลื่อนเปิด-ปิด กับมีตู้เก็บของเล่น เครื่องนอนกลางวัน อินเตอร์คอม เครื่องปรับอากาศ กับมีโต๊ะทำงาน ที่เป็นโต๊ะไม้แบบเดียวกับโต๊ะในร้าน แต่ว่าตัวใหญ่กว่า 
ต้องโทษที่เป็นคนทำงานไว พี่แก้แบบอยู่ไม่ถึงอาทิตย์ ก็ส่งแบบให้ฝ่ายช่างไปทำงานต่อ จากนั้นพี่ก็แวะไปดูแค่วันละครั้งก่อน 5 โมงเย็นที่เป็นเวลาเลิกงาน  แล้วก็ถือโอกาสกลับมาร้านข้าวต้มช่วยน้องขายของ
ฉันท์รู้สึกชื่นชมการบริหารเวลาของพี่ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะนานกว่า 1 เดือนแล้วที่พี่ไม่ได้ไปงานเลี้ยงตอนหัวค่ำ ไม่ได้พบกับลูกค้าที่สนามกอล์ฟ ไม่ไปดูโครงการทั้งต่างจังหวัดและที่ต่างประเทศ
“มันจะไม่ดีกับงานพี่นะฮะ”
พี่นิ่งไปครู่หนึ่ง “เขายังไม่ได้ขอโทษ ไม่ลาออกก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“อ้อ...” เข้าใจละ “ผมไม่ได้ลืมที่เขาทำร้ายจิโระหรอกนะฮะ แต่คิดว่า เขาเป็นคนละคนกัน คนที่ทำร้ายคือคนหนึ่ง แต่ถ้าพี่เกเรคนที่จะลำบากใจคือพ่อกับแม่ของพี่นะฮะ”
พี่ทำเสียงฮึแบบที่ไม่ได้ยินมาหลายวันอีกครั้ง ทำให้น้องหัวเราะขำ “อะไรเนี่ย พูดนิดพูดหน่อยก็งอนอีกละ”
“พอเดินเข้าบริษัทแล้วเห็นเขาทำท่าไม่ทุกข์ร้อน แล้วทำให้อารมณ์เสีย”
“พี่ไม่คิดหรือฮะ ว่าการที่เขาทำท่าไม่ทุกข์ร้อนแล้วเราอารมณ์เสีย มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้น”
“เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก” พี่อธิบาย “ธาราน่ะรู้สึกผิด แต่ไม่กล้ามาที่นี่คนเดียว เคยไปชวนฐาติให้พามา แต่ฐาติก็ไม่กล้ามาสู้หน้าน้องแล้วเหมือนกัน แล้วพอจะไปหาคุณทีมก็โดนด่ากลับมา”
ฉันท์หัวเราะเมื่อนึกถึงภาพตอนทั้ง 2 คนโดนธนวัฒน์ดุ
“แล้วทำไมพี่ไม่พามา”
“ก็...” พี่ยักไหล่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ต้องทิ้งเวลาให้สำนึกผิดอีกนิด”
“ก็เป็นเสียอย่างนี้ แล้วอีกคนล่ะฮะ”
คนนี้พี่ส่ายหน้าก่อนที่จะตอบ “เขาไม่คิดว่าที่ทำไปมันผิด ไม่ว่าจะเรื่องของคุณโจ และจิโระ เหมือนในสมองของเขามันไม่มีส่วนที่เรียกว่าจริยธรรม ตอนนี้คุณทีมกำลังบีบให้เขาขายหุ้นที่ถือไว้ คิดว่าไม่เกิน 1 อาทิตย์ก็คงจะขายแล้ว”
“คุณฐาติก็ช่วยด้วยใช่ไหม”
พี่ยอมรับ “ทำไมถึงคิดว่าเขาจะช่วยกัน”
“พวกเขามีลูกน้อง คุณทีมมีความแค้นฝังลึก ส่วนคุณฐาติมีความต้องการไถ่ความผิด พวกเขาอาจร่วมมือกันเรื่องคุณณภัทร”
ถ้าณภัทรขายหุ้นให้กับธนวัฒน์ จะทำให้เธอเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ 3 ที่ไม่มีหุ้นในบริษัท และจะทำให้ธนวัฒน์ถือหุ้นเท่ากับธนุสพี่ชายใหญ่ของครอบครัว
ขายหุ้นก็ได้เงิน ณภัทรไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่เธอกำลังทำให้ทุกคนในครอบครัวเสียหน้า!
“แล้วพวกผู้ใหญ่ว่าไงฮะ”
“ลุงธนดลเขาก็ไม่ค่อยพอใจพี่ณภัทรที่มาชักจูงให้ธาราไปทำอย่างนั้น แต่คิดว่าหลังจากนี้เขาคงเจรจาซื้อคืนหุ้นจากคุณทีมมาบางส่วนเพื่อให้บ้านใหญ่ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเหมือนเดิม”
“พี่ทีมโขกราคาแน่ ๆ”
พี่ยักคิ้ว ยิ้มเหยียด เป็นสีหน้าที่บ่งบอกว่า จะทำเช่นนั้นเหมือนกันหากมีโอกาส
...
วันนี้ลุงกับป้าไปหาหมอที่โรงพยาบาล ฉันท์จ้างหลานสาวคนหนึ่งของป้าละเมียดร้านซักรีดให้ไปช่วยดูแลที่โรงพยาบาล ส่วนจิโระต้องมาอยู่ที่ร้านตั้งแต่เช้า
หลัง 9 โมงเช้า เก็บร้านช่วงเช้าเสร็จ 2 คนพี่น้องก็ขึ้นไปนอนหลับอยู่ที่ชั้นลอย พอสัก 11 โมงคนงานก็ทยอยกันลงมาช่วยเตรียมมื้อเที่ยง เสร็จแล้วก็ทำขนมหวาน 3 อย่าง สาคูเปียก ครองแครงน้ำกะทิ กับกล้วยบวชชี
ระหว่างที่ทำ เอ๋เดินไปเขียนรายการขนมหวานขึ้นกระดานไว้ ฉันท์ร้องบอกว่าให้แกะป้ายที่บอกขายคอนโดฯ แถวพญาไทออกไปด้วย
“ขายได้แล้วหรือพี่”
“ที่ไปโอนเมื่อวานไง ลืมบอกให้เอาออก”
“โห พี่นี่จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด” เพ้งชื่นชม
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงดี แต่ที่ขายได้ก็เพราะพี่ธามเขามาซ่อม มาตกแต่งจนน่าอยู่ ก่อนที่จะมีรายรับจะต้องมีรายจ่ายก่อนเสมอ”
เพ้งพูดต่อขณะที่ผสมแป้งทำตัวครองแครง “ได้ยินแถวบ้านคุยกันว่า พี่ธามไปทำออฟฟิศให้ญาติทางพี่เอื้อย ยังทำไม่ทันจะเสร็จเลย ก็พากันชมว่าสวยแล้ว”
“จริงหรือ” ฉันท์หัวเราะ หันมาบอกกับจิโระที่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันว่าทุกคนชมว่าฮันซามุเก่งมาก 
จิโระเห็นด้วย “ฮันซามุซัง ทำนั่น นี ไม ยุด ทำ ลาย หยั่ง”
บ่าย 2 โมงเศษหลานสาวป้าละเมียดมาบอกว่า ส่งลุงกับป้าเข้าบ้านแล้ว แต่กวางกลับขอกลับช้าเพราะต้องทำงานกลุ่มอยู่ที่โรงเรียน ดังนั้นก่อนที่จะถึง 5 โมงเย็นเพียงเล็กน้อย ต้อมก็กระหืดกระหอบมาถึงร้าน แต่ก็เป็นไปตามคาดเพราะจิโระไม่ยอมกลับบ้านกับต้อม
“งั้นจิโระขึ้นไปเล่นในห้องข้างบนดีไหม” ต้อมชวน
จิโระงอแงจนเปิดร้าน 5 โมงเย็น แล้วเห็นว่าลูกค้าเยอะมาก ถึงได้ยอมขึ้นไปเล่นคนเดียวอยู่บนห้อง
 5 โมงครึ่งธามันจึงมาถึง ก็ไม่สามารถพาจิโระกลับบ้านได้เหมือนกัน รอจนเกือบ 6 โมงกวางกลับมา จิโระจึงหมดข้ออ้างที่จะไม่กลับบ้าน
จิโระกับกวางคล้อยหลังไปได้ไม่ถึง 5 นาที ธนวัฒน์ ก็มาพร้อมกับธนา เยาวเรศ และธารา
แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่โต๊ะเต็ม ฉันท์จึงหันไปบอกต้อมว่าจัดโต๊ะในห้องชั้นลอยให้กับทั้ง 4 คน
เอ๋ขึ้นมาช่วยต้อมจัดโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของธามัน เปลี่ยนเป็นโต๊ะอาหาร
เยาวเรศมองไปรอบห้องแล้วถาม
“ห้องนี้เป็นห้องพักกลางวันหรือ”
ต้อมบอกตามที่เห็น “ตอนกลางวันคุณธามเอางานมาทำที่นี่แล้วก็เลี้ยงน้องไปด้วยครับ ส่วนฉันท์ทำขนมอยู่ข้างล่าง”
เยาวเรศหันไปมองหน้ากับธาราไม่ได้พูดอะไรต่อ เมื่อนั่งลงต้อมบอกรายการอาหาร ทั้ง 4 คนก็สั่งอาหารและเครื่องดื่ม ต้อมบอกว่ามีอินเตอร์คอมอยู่ใกล้ประตู หากต้องการอะไร ให้กดเรียกหรือสั่งได้เลย เพราะมีอินเตอร์คอมอีกตัวอยู่ตรงฉันท์ที่หน้าร้าน และมีอีกตัวอยู่ในครัว
เอ๋จัดเครื่องดื่มขึ้นมาให้ก่อน แล้วก็กลับลงไปปล่อยให้ทั้ง 4 คนอยู่ตามลำพังที่ห้องชั้นลอย
“ห้องข้างบนนี่ทำอะไร” เยาวเรศถาม
“เป็นห้องเก็บของกับห้องพักคนงานน่ะครับ” ธนวัฒน์ตอบ
เยาวเรศนั่งมองลูกชายกับชายหนุ่มอีกคนที่ช่วยกันขายของแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่
“แม่ไม่ได้เลี้ยงธามให้ต้องมาลำบากขายข้าวต้มทีละถ้วย ในห้องแถวหน้าตลาด ต้องอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ นั่นแล้วก็ต้องมาเลี้ยงเด็กแบบนี้”
ธาราพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าคนที่มีศักดิ์เป็นอาสะใภ้ “หนูกำลังจะพูดอยู่เชียว ว่าพี่ธามดูมีความสุขดีจัง”
“ธารา” น้ำเสียงของอาสะใภ้ไม่ค่อยเห็นด้วย
“หนูเชื่อมาตลอดว่าพี่ธามเขาไม่ชอบสังคม เพราะเขาไม่ค่อยยิ้ม เวลาไปงานเลี้ยงหรือต้องดูแลลูกค้า เขาก็ค่อนข้างนิ่ง แต่พอมาถึงตอนนี้ หนูถึงเพิ่งรู้ว่าเขาชอบแบบนี้มากกว่า หรืออาจเพราะว่าเขาอยู่กับคนที่รักเขาในแบบที่เขาเป็น”
“เธอพูดอย่างกับเคยมีแฟน”
ธาราหัวเราะเมื่อหันมาหาอาสะใภ้ “หนูไม่เคยมีแฟน แต่ก็พอจะเห็นอยู่ว่า เวลาคนมีความรักแล้วจะเปลี่ยนไป ที่จริงตั้งแต่ตอนที่หนูอยู่ในรถตู้กับจิโระวันนั้น ฟังเรื่องที่จิโระเล่าถึงพี่ชายของเขากับฮันซามุซังแล้วก็คิดว่า แบบนี้เองพี่ธามถึงได้รักเขา”
ต้อมยกถาดข้าวต้ม 4 ถ้วย พร้อมไข่ลวก 4 ฟองขึ้นมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
ธนวัฒน์มองไข่ลวกแล้วพูดขึ้น “พ่อต้องคุมคลอเรสเตอรอล”
ต้อมเก็บไข่ลวกคืนมา 1 ฟองแล้วมองดูข้าวต้มปลาของพ่อลังเลว่าจะเก็บคืนไปดีไหม
“พ่อกินปลาทะเลได้” ธนวัฒน์บอก
ต้อมพยักหน้า แต่ก็ลงมาบอกธามกับฉันท์ จากนั้นฉันท์ก็ปล่อยให้ธามดูแลหน้าร้าน
“ข้าวต้มอร่อยมาก” พ่อชมไม่หยุด “มิน่าเขาถึงคิดเปิดร้าน ฝีมือดีจริงๆ”
ธาราช่วยเสริม “ข้าวต้มซี่โครงหมูของเขาก็อร่อยนะคะ ทีแรกยังคิดว่าต้องแทะแบบเล้งเสียอีก”
2 คนอาหลานอร่อยกับข้าวต้มมื้อนี้มาก เยาวเรศเองก็เห็นว่าข้าวต้มกุ้งของเธออร่อย เธอไม่ได้ดูถูกอาชีพนี้ ใครคนอื่นจะทำอะไรก็ช่างเขา เธอไม่มีความเห็น แต่ลูกชายคนเดียวของเธอต้องมายืนอยู่หน้าเตาแบบนี้มันยากที่จะทำใจ
ก็เหมือนกับเรื่องที่เขาเลือกแฟน เลือกที่จะออกจากบ้าน
ถ้าเป็นคนอื่น หรือต่อให้เป็นธนวัฒน์เธอไม่มีความเห็น แต่พอเป็นธามเธอกลับไม่เห็นด้วย
ต้อมยกของหวานขึ้นมาเสิร์ฟ ปรากฏว่าเป็นสาคูใส่น้ำเชื่อม กับน้ำแข็งป่น 2 ถ้วย อีก 2 ถ้วยเป็นกล้วยบวชชีกับครองแครงน้ำกะทิ
พ่อมองดูของหวานแล้วยิ้ม “ของพ่อต้องเป็นน้ำเชื่อมนี่แน่ๆ”
ธาราเกี่ยงกล้วยบวชชีให้ธนวัฒน์ “หนูเลือกครองแครงนะคะ ไม่ได้กินนานมากแล้ว”
“ก็เธอกลัวอ้วน” เยาวเรศบอก
ธามันเดินขึ้นมา สวนกับต้อมที่เก็บถ้วยข้าวต้มลงไป
“อร่อยไหมครับ”
“อร่อยมาก” พ่อบอก “นี่ถ้าไม่ติดว่าค่ำแล้ว พ่อจะต้องขออีกถ้วยแน่ๆ”
“แล้วคลอเรสเตอรอลพ่อ เป็นไงบ้าง”
“เกินอยู่นิดหน่อย บังเอิญว่าวันก่อนที่จะไปตรวจพ่อดื่มไปหลายแก้ว”
ธามันส่ายหน้า เดาได้ว่าคงไม่ได้เกินแค่นิดหน่อย
“ตัวเล็ก...จิโระกลับไปนานแล้วหรือ” ธาราถามบ้าง
“กลับไปก่อนที่จะมาได้ไม่กี่นาที วันนี้พี่พามาส่งไว้ที่นี่ตั้งแต่ 7 โมงเช้า”
“ยังไงกันล่ะ นี่เราต้องทำไปเสียทุกอย่างเลยหรือธาม” เยาวเรศซัก
“แน่นอนสิครับ ถ้าไม่ใช่ผมทำแล้วจะให้ใครทำ” ธามันทำเป็นอวด “น้องต้องออกมาเตรียมของตั้งแต่ตี 4 จะให้พาจิโระออกมาด้วยได้ยังไง”
“ธาม เล่าดี ๆ” พ่อดุ
“วันนี้ลุงกับป้าเขาไปโรงพยาบาลกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ส่วนเจ้ากวางพี่เลี้ยงเขาก็ต้องไปเรียน ผมกับจิโระ 2 คนก็เลยออกมาพร้อมกัน ผมมากินข้าวเช้าก่อนไปทำงาน แล้วจิโระก็อยู่กับพี่เขาจนกวางเลิกเรียนมารับกลับบ้าน” นี่แหละ ดีที่สุดแล้ว
“ถ้าลุงกับป้าอยู่ จิโระก็อยู่บ้านใช่ไหม”
“ก็ไม่แน่หรอก เขาติดพี่ชายมาก ถ้ารู้ว่ากวางหรือผมจะมาร้านก็ชอบขอตามออกมาด้วย”
“เขามีกันอยู่ 2 คนพี่น้องนี่นา” ธาราเหลือบตามองพี่ชายแล้วบอกตามตรง “พี่ธาม ขอหนูคุยกับฉันท์ทัตได้ไหม”
ธามันชะเง้อมองลงไปที่หน้าร้าน เห็นว่ายังมีลูกค้าอยู่ก็กดอินเตอร์คอมบอกให้เขียวมาช่วยต้อมดูหน้าร้าน ระหว่างที่ฉันท์ขึ้นมาข้างบนนี้
เมื่อฉันท์ขึ้นมา ธาราก็ลุกมาหาแล้วบอกว่าขอโทษและขอบคุณที่ถอนแจ้งความ ฉันท์ก็ตอบรับทันที “ครับ”
ลำพังคำพูดคำเดียวอาจให้ความหมายที่คลุมเครือ แต่ฉันท์มีรอยยิ้มจริงใจ ที่มันชัดเจนว่าเขาไม่ได้เก็บมาคิด
ง่ายเสียจนธาราต้องถามย้ำ “เธอไม่โกรธแล้วหรือ”
“คุณเป็นน้องของพี่” แปลว่าถ้าไม่ใช่น้องของพี่เรื่องนี้จะต้องยืดเยื้ออีกนาน “ข้าวต้มอร่อยไหมครับ”
พ่อเป็นคนตอบ “อร่อยมาก”
ฉันท์ยิ้มและไม่ได้ตอบคำถามอื่น ๆ ที่ตามมาหลังจากนั้น ปล่อยให้ธามันเป็นคนตอบ พอมีลูกค้าเข้าร้านก็ขอตัวลงไปที่หน้าร้าน
แม่พูดขึ้น “เขายิ้มก็จริง แต่เขายังโกรธอยู่”
ธามหันไปถามแม่ “ถ้ามีคนมาวางยาผม ขังผมไว้ในรถ แม่จะยกโทษให้ง่าย ๆไหม” แม่ไม่ยอมปล่อยคนนั้นให้ผ่านไปง่าย ๆ อยู่แล้ว
“บุคลิกเขาแปลก ๆ ดูเหมือนเป็นคนหัวอ่อน พูดง่าย แต่ที่จริงไม่ใช่เลย ดูตอนที่อาละวาดใส่ธามที่โรงพักวันนั้นสิ”
“แต่สุดท้ายเขาก็ไปถอนแจ้งความใช่ไหมละครับ” ธนวัฒน์ช่วยตอบ จากนั้นก็ลุกขึ้น “เสร็จเรื่องแล้วก็กลับกันเถอะครับ”
   ที่หน้าร้าน พี่ชายเลิกงานก็แวะมาที่เอาข้าวต้มไปให้ลุง แต่ในฐานะคนกันเองต้องรอให้ฉันท์ทำให้ลูกค้าก่อน
“รอเดี๋ยวนะพี่” ฉันท์บอก
“ไม่เป็นไร เจ้าฉันท์ขายของก่อนเหอะ พ่อเขารอได้” พี่ชายบอกแล้วคว้าผ้าไปเช็ดโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไป
“พี่ครับ พี่แย่งงานผมแล้ว” เอ๋ทำหน้างอ ทำให้พี่ชายหัวเราะ
ธามเดินนำอีก 4 คนลงมาจากชั้นลอย พอเห็นพี่ชายอยู่ก็ยกมือไหว้
พี่ชายรับไหว้แล้วหันไปไหว้พ่อกับแม่ของธามด้วย แต่พอเห็นธาราอยู่ในกลุ่มก็หันไปมองหน้าฉันท์แต่ไม่ได้พูดอะไร เดินสวนเข้าไปทางหลังร้านเพื่อล้างมือ
“คุ้น ๆ นะ” เยาวเรศทัก
“พี่ชายของฉันท์ คนที่เจอที่โรงพักไง” พ่อบอก
“เขาเป็นครูหรือ” เพราะพี่ชายใส่เครื่องแบบสีกากี
“แม่ นั่นเข็มรูปสิงห์เขาอยู่กระทรวงมหาดไทย ถ้าเป็นครู ต้องเป็นเข็มเสมาธรรมจักร”
เยาวเรศยักไหล่ เพราะไม่ได้ให้ความสนใจถึงขนาดนั้น
ธนาหันไปบอกกับฉันท์ “เราจะกลับแล้ว”
ทั้งฉันท์และต้อม ต่างพูดขอบคุณ และยกมือไหว้พร้อมกัน
ธารามีอายุมากกว่า 2 หนุ่มก็รับไหว้ตามไปด้วย แต่ธนวัฒน์ที่เดินตามหลังออกมา หยุดถามต้อม
“เอารถมาหรือเปล่า”
ต้อมหันไปมองเยาวเรศกับธาราที่หยุดฟัง ก่อนที่จะหันมาตอบธนวัฒน์ “เปล่าครับ”
“เอาไว้ที่ทำงานหรือที่คอนโดฯ”
ต้อมลดเสียงเบาลง “คอนโดฯ ครับ ผมนั่งมอ’ไซค์วินมา” เพราะจะรีบมารับจิโระกลับบ้าน ก่อนที่จะเปิดร้านรอบบ่าย
ธนวัฒน์พยักหน้า “เดี๋ยวกลับมารับ”
คนพูดพูดจบก็เดินไป แต่ต้อมยังมีสีหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เป็นอะไร”
ต้อมหันมากระซิบกับเพื่อน “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาจะมารับกูเนี่ย”
ฉันท์หัวเราะ “ดีใจละสิ”
“เออ” ต้อมบอก
เพื่อนสนิทคุยกันแต่ก็ทำงานไปด้วย ส่วนพี่ชายเดินออกมาจากหลังร้านพร้อมกับกล้วยบวชชีใส่กล่องพลาสติกกลม
“กล้วยที่สวนหรือเจ้าฉันท์”
“มีทั้งที่สวนแล้วก็ที่เอามาส่งน่ะพี่ นี่ผมทำเมื่อบ่ายแล้วตักแบ่งไว้ก่อน พี่ให้ลุงใส่บาตรตอนเช้าได้นะ”
พี่ชายบอกขอบใจ แล้วส่งเงินค่าอาหาร
เพ้งเอากระดาษจดรายการอาหารของลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน มาส่งให้แล้วบอก
“พี่เขาคงไม่อยากเจอญาติพี่ธาม เข้าไปล้างมือที่หลังร้านเสร็จแล้วก็มาถามผมว่าทำงานเป็นไงบ้าง พอหันมาเห็นว่าเขากลับไปกันแล้วถึงได้เดินออกมา”
ฉันท์เอียงตัวกระซิบกับต้อมขณะที่พยักหน้าไปทางธามัน “นิสัยคล้ายกันเลยว่าไหม”
เพื่อความปลอดภัย...ต้อมเลือกที่จะหัวเราะไว้ก่อน
ธามันอธิบายสั้น ๆ “ถ้าเขามีปัญหากับพี่ เขาก็ต้องมาเคลียร์กับพี่ ไม่ใช่ไปลงคนที่อ่อนแอที่สุด”
เพ้งสนับสนุนคำพูดของธามัน
ฉันท์กับต้อมปล่อยให้เขาคุยกันไป พอเครื่องทะเลหมดก็บอกให้เอ๋มายกหม้อที่หมดแล้วเข้าไปให้สมที่หลังครัว
“มึงกินข้าวเลยไหม เดี๋ยวพี่ทีมมารับ”
ต้อมพยักหน้า “กูจะไปเจียวไข่ กับผัดผักไว้ให้มึงเลยแล้วกัน”
“เฮ้ย” ธามันลืมตัวหันไปเฮ้ยกับต้อม “นั่นมันหน้าที่พี่”
ต้อมหันมาทำตาโตใส่เพื่อน “เดี๋ยวนี้มึงลามปามใช้คุณธามทำกับข้าวเลยหรือ”
“ทำอร่อยด้วย เดี๋ยวทำให้กิน” ธามันอวด “พี่ทำยำไข่เจียวกรอบอร่อยนะ ชิรายูกิเพิ่งสอนเมื่อวาน”
ฉันท์พยักหน้า “พี่ทำมื้อค่ำเลยก็ได้ นี่เครื่องข้าวต้มไก่ก็หมดแล้ว เหลือซี่โครงหมูไม่ถึง 5 ถ้วย”
เอ๋เข้ามาเก็บของหน้าร้านลูกค้ากลุ่มสุดท้าย 2 คนก็เดินเข้ามา
“เหลือแต่ซี่โครงหมูนะครับ”
ลูกค้าพยักหน้า แล้วสั่งอาหาร “นี่ขนาดมาเร็วกว่าเมื่อวาน ยังได้กินถ้วยสุดท้าย”
“เธอน่าจะเตรียมของเพิ่มนะ”
ลูกค้าอีกโต๊ะถามว่ายังพอมีอีก 2 ถุงหรือไม่ ฉันท์บอกว่ามี พอทำชุดนี้เสร็จก็ยกหน้าร้านให้เอ๋กับเพ้งเก็บของ ส่วนตัวเองเดินมาคิดเงินค่าข้าวต้มแล้วมานั่งจดรายการของที่จะสั่งซื้อ และกลายเป็นกินข้าวพร้อมกับต้อมและพี่
ธนวัฒน์มารับต้อมตอน 2 ทุ่มเศษขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันเก็บร้าน ล้างพื้นทำความสะอาด
ลูกน้องทั้ง 4 คนทำงานพอเริ่มแบ่งงานกันลงตัวทำให้งานเสร็จอย่างรวดเร็ว 3 หนุ่มขอออกไปซื้อเหล้ามากินที่ห้องชั้นบน ทำให้แต่เอ๋ที่ต้องอยู่เวรเฝ้าร้านคืนนี้บ่น
“เพ้งนะ ทีแรกก็ทำเป็นอยากกลับไปนอนที่บ้าน แต่พอได้คืนสองคืนก็บอกว่านอนห้องนี้สบายกว่า เพราะเงียบ แต่ที่จริงเพราะว่ามีเพื่อนกินเหล้าต่างหาก”
“แล้วเรากินไหม” ธามันถาม
“กิน” เอ๋ยอมรับ “แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ได้กินเยอะอะไร กลัวตื่นไม่ทันตี 4”
เวลาทำงานเอ๋ไม่ค่อยคุย แต่ตอนนี้กลับคุยได้เรื่อย ๆ จน 3 หนุ่มกลับมา ฉันท์ก็บอกทั้ง 4 คน ว่าถ้าทำงานด้วยกันครบ 3 เดือนจะไปทำเรื่องประกันสังคมให้ ส่วนถ้าจะหยุดงานไปเที่ยว หรือจะลาป่วย มีธุระไปไหนก็บอกกันได้
“ต่อให้จะลาออก ได้งานใหม่ก็บอกกัน อย่าหายไปเฉย ๆ เพราะคนเห็นกันอยู่ทุกวัน อยู่ดี ๆ มาหายไปมันเป็นห่วง”
ทำบัญชีเสร็จ เก็บร้าน เดินกลับมาขึ้นรถคันเล็กของฉันท์เพื่อกลับบ้าน
ในตอนที่พี่ขับรถผ่านที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอพาร์ทเม้นท์มีสุข
ฉันท์มองที่ดินโล่งล้อมรอบไปด้วยแนวแผงเล็กกั้นสูง ติดป้าย ที่มีข้อความบอกว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของก้องเกียรติกิจการ...
“คิดว่าตอนนี้ชีวิตช้าลงหรือยัง” พี่ถาม
น้องยอมรับ “ผมว่าผมเหมาะกับชีวิตที่ไหลไปช้า ๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้นแบบนี้มากกว่า”
พี่หัวเราะ “มันก็ต้องมีช่วงเร่ง ช่วงที่มันสะดุดบ้าง เป็นการบริหารหัวใจ”
“อันนั้นก็เข้าใจอยู่หรอกฮะ แต่พอเวลาที่มีอะไรเข้ามา มักจะมาทีละหลายเรื่อง เหมือนพายุ จัดการไม่ทัน” น้องคิดถึงคนที่เคยสอนให้จัดการปัญหาต่างๆ ไปทีละเรื่อง “คุณฐาติเป็นไงบ้างฮะ”
“ก็ดี”
น้องหันมามอง “ทำไมคำตอบสั้นจัง ทะเลาะกันหรือฮะ”
“ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก มันเองก็วางตัวไม่ถูกเพราะพี่ณภัทรเป็นพี่สาวพ่อเดียวกัน แต่มันก็เหมือนพี่น่ะ พอรู้เรื่องคุณโจ รู้ว่าเขาหลบหนีความผิดยังไง ก็รู้สึกไม่สนิทใจ" ทั้งยังระแวงว่าเขาจะทำร้ายน้อง แล้วสุดท้ายเขาก็ลงมือจริง ๆ
“แล้วฐาติก็คบหาอยู่กับอลิซ ทำให้พี่ณภัทรพูดไปทั่วว่า เป็นเพราะเขาเป็นคนแนะนำ”
“ก็มันเป็นความจริง”
“เป็นความจริงครึ่งหนึ่ง” พี่บอก “ฐาติมันจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ก็ได้ แต่ที่เข้ามาเพราะมันไม่พอใจที่พี่ไม่ได้ค้านคุณทีม คุณทีมเองก็ไม่ได้เล่นงานพี่ในที่ประชุมหนักเหมือนก่อน ถึงต่อมาจะรู้ความจริง ก็กลายเป็นว่าอลิซเขามีความจำเป็นที่จะต้องแต่งงาน”
น้องรีบยกมือ “ไม่ต้องเล่านะฮะ”
พี่หัวเราะเบา ๆ “ชีวิตคนมันซับซ้อน มีเรื่องที่ผิดไปจากที่เราวางแผนไว้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา”
รถมาจอดหน้าบ้าน
“แต่ผมเชื่อว่า กวางจะมีความสุขมากกว่าเดิม มีความรักแบบเท่าเทียมกัน แล้วก็ไม่ต้องหลบซ่อนใครอีก”
“แน่นอน”
 น้องลงไปเปิดประตูให้พี่ถอยรถเข้าไปจอด ยืนรอพี่เดินมาหาเพื่อที่เดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน
“ผมไม่ได้มีแผนอะไรมากมายนัก อยากแค่อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดเท่านั้นเอง”
พี่ส่ายหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ “พี่ว่าชิรายูกิมีแผนจะทำอะไรอีกเยอะแยะเลยนะ” มือใหญ่ชี้ไปรอบ ๆ “บ้าน สวน ร้าน รีโนเวทคอนโดฯ อ้อ เรายังไม่ได้ไปญี่ปุ่นกันเลย”
“ฮันซามุซังฮะ”
“ครับ”
“คนละเรื่องกันฮะ”
“ก็มันคือความจริง”
พอน้องส่งค้อนให้ พี่ก็ประคองกอดเอวพาเข้าบ้าน
“ปะ ดึกมากแล้ว จิโระคุงรออยู่”
...จบ...
บทส่งท้าย

โอซากาเดือนกุมภาพันธ์มีหิมะตกประปราย 2 คนที่เดินจับมือไปด้วยกันช้า ๆ 
“ชิรายูกิ แปลว่าหิมะสีขาว แต่ที่บ้านเกิดของแม่ในโอซากา มีหิมะตกไม่มากนัก พอสาย ๆ ก็ละลายหมด”
เหมือนทุกเรื่องราวในชีวิตที่เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งก็จะผ่านไป
“ตุ๊กตาหิมะที่ปั้นขึ้นมาในปีนี้ไม่ใช่ตุ๊กตาหิมะตัวเดิมที่ปั้นขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว และหิมะในปีหน้าก็จะเป็นอีกตัวหนึ่ง พอคิดแบบนี้แล้วมันเศร้าจัง”
“แล้วชิรายูกิยังเหมือนเดิมไหม” คนที่อยู่ข้างกันหันมาถาม
“ไม่นะ ผมในปีที่แล้วเป็นคนละคนกับปีนี้ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันทำให้ผมก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ผมในวันนี้เป็นคนละคนกับเมื่อปีที่แล้ว ฮันซามุซังก็เหมือนกัน”
ฮันซามุซังถอนหายใจ เบ้ปาก จนคนที่ตัวเล็กกว่าหัวเราะ
“ตอนฟังที่ชิรายูกิพูด ไม่รู้สึกว่าแก่ แต่พอพูดถึงพี่ทำไมถึงรู้สึกว่าพี่แก่มาก”
“ถ้าฮันซามุแก่ ผมก็แก่ด้วยแหละ”
ท่ามกลางหิมะขาวโพลน ทั้งคู่นั่งลงที่เก้าอี้ริมแม่น้ำ มองผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง
พี่จับมือน้องซุกในเสื้อตัวหนา “ชีวิตที่ไหลไปช้า ๆ เป็นอย่างนี้เอง”
ถ้าน้องไม่ใช้วิธี ‘บังคับ’ ด้วยการบอกว่าโทรนัดครอบครัวที่ญี่ปุ่นไว้แล้วว่าจะมาหา พี่ก็คงไม่ได้หยุดงานมาพักผ่อน
และเพราะว่าตั้งแต่มาถึงก็มีหิมะตกปรอย ๆ แบบนี้ทุกวันทำให้คุณยายไม่อนุญาตให้จิโระออกมาข้างนอก จนกว่าหิมะจะหยุดตก แต่กลับแนะนำให้ทั้ง 2 คนออกมาดูหิมะตกที่ริมแม่น้ำ
“หิมะที่อเมริกาสวยเหมือนที่นี่ไหม”
พี่ละสายตาจากทิวทัศน์รอบ ๆ มาอยู่ที่คนที่นั่งข้างกัน “ไม่หรอก”
“เพราะคนเยอะหรือฮะ”
“เพราะตอนนั้นไม่มีน้อง” แล้วก็มีชีวิตที่รีบเร่ง แข่งขันอยู่ตลอด จนไม่มีเวลาได้นั่งชมความงามแบบในเวลานี้
“คราวหน้าไปฮอกไกโดกันไหมฮะ อยากไปที่ที่มีหิมะหนา ๆ”
พี่ก้มลงจูบหน้าผากคนที่เสนอสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป
“แต่ถ้าอยากดูซากุระต้องเป็นเดือนมีนาคม”
ชิรายูกิเปลี่ยนไปจริงๆ ไม่ได้เป็นหิมะที่ให้ความรู้สึกหม่นหมอง แต่เป็นหิมะที่ให้ความรู้สึกกระตือรือร้น รอคอยช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังมาเยือน
“ไอชิเตะรุโยะ รักนะ ซึตโตะ โซบะ นิ อิไต้ อยากอยู่ข้างกันตลอดไป”
คนถูกบอกรักกะพริบตากลมโต “ไปหัดมาจากไหนเนี่ย ตกใจเลย”
“คำตอบล่ะ”
“ตกลงครับ ตกลงมาตั้งนานแล้ว”
“ก็ถามไง เผื่อคำตอบจะเปลี่ยน”
“ไม่เปลี่ยน ไอชิเตะรุโยะ”

...จบ...
พล็อตเรื่องนี้เกิดขึ้นจากตอนที่เราไปเที่ยวด้วยกัน ตอนขึ้นโครงเรื่องขนาด A4 ทั้งการดำเนินเรื่อง และตอนจบจะ So Onion แต่พอมาเขียน แล้วนึกถึงตอนไปเที่ยวด้วยกัน ความ So Onion มันก็จางลงไป...เยอะมาก
ขอบคุณที่กรุณาติดตามและให้คำแนะนำนะครับ
พบกันใหม่ เมื่อเคลียร์งานเสร็จ และเขียนเรื่องใหม่จบ
ใช่ครับ ยังเขียนเรื่องอยู่ แวะไปคุยกันได้ที่เฟซบุ๊กเพจนะครับ
น้ำชา

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #273 เมื่อ19-07-2019 20:17:40 »

ตื่นเต้น ลุ้น เครียด ขำ ยิ่ม เศร้า หัวเราะ.. เรื่องนี้มีครบรสเลย ถึงเรื่องจะค่อยๆเปนค่อยๆไป แต่ก็สนุกน่าติดตามมากๆค่ะ ชอบกวางอยากเห็นน้องมีความสุข สงสารต้อมแต่คิดว่าคงยิ้มได้จากนี้ ^^ น้องกับพี่ก็น่ารัก อยู่กันแบบเข้าอกเข้าใจมาก ที่สำคัญจิโระน่ารักมากกกกก ชอบภาษาไทยแบบเจแปนสไตล์มากค่า

ที่สำคัญคือขอบคุณคนแต่งที่อฝแต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านกันและจะเป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปคร่า ^^

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #274 เมื่อ19-07-2019 21:03:05 »

เป็นภาพจำที่ดีค่ะ เริ่มต้นด้วยรักและจบลงด้วยรัก

ฉันท์น่ารักเสมอ และยิ่งออกอาการมากขึ้น ตอนมีพี่
ตอนอยู่กับพี่ น้องเป็นตัวเอง เปิดเผยตัวตนมากขึ้น
มีความขี้เล่น ช่างอ้อน และเอาใจเก่ง ทำตัวน่าเอ็นดูได้ดี
ดูได้จากตอนที่ขำธามหึง และชอบที่ธามหึง
และถึงจะชอบ แต่ก็แอบเครียดที่พี่งอนนาน 5555

ธามทำได้ดีมาก เป็นตัวเอง มีความชัดเจน
ไม่ว่าจะกับน้อง หรือกับครอบครัว ญาติ
กับน้อง ธามทุ่มเท ดูแล เอาใจใส่ ไม่ทิ้ง
เข้าใจในสิ่งที่น้องทำ และใจเย็นกับน้องมาก
ส่วนครอบครัวกับญาติ ก็เข้าสถานการณ์ที่บีบคั้นนะ
ไม่แปลกที่ธามจะไม่ต้องรอให้ยอมรับ แค่รับรู้ก็พอ

เอ็นดูกวาง แต่น้องกำลังโต ยังต้องเจออะไรอีกมาก
ดีที่ฐาติมาเจอ และมาเคลียร์ให้มันจบ ไม่ค้างคา
ต่างคนต่างจะได้แยกย้าย และไปต่อ

ทีมมีความเปลี่ยนไป มารับต้อม คือจะเปิดใจหรือเปล่านะ

จิโระน่ารักมากค่ะ มีความน่าเอ็นดู มีความงอแง
และเป็นเด็กน้อยที่ฉลาดคิด ฉลาดพูด เข้าใจกับสิ่งที่ต้องทำ

ถึงก่อนหน้านี้จะดูไม่ค่อยมั่นคง ฉันท์อาจจะปิดตัวมาก
แต่ตอนนี้ความเรียบเรื่อยก็ดีขึ้น อารมณ์ ความรู้สึกก็ชัดเจน
ทั้งธาม ทั้งฉันท์ ได้บอกกันให้รู้ ทำความเข้าใจกัน
ชอบโมเมนท์แบบนี้มากค่ะ ตอนที่เค้าอยู่ด้วยกัน คุยกัน สวีทกัน
มันดูเป็นครอบครัว คนรัก และกำลังใจสำคัญ

ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้
ยังไม่อยากให้จบเลย ยังอยากเห็นจิโระเข้าโรงเรียน
ยังอยากเห็นกวางมีคนมาจีบ และเห็นพี่กับน้องไปสวีทกันทุกทริป
ขอตอนพิเศษอีกนิดก็ได้นะคะ 55555

ขอบคุณอีกครั้ง และเป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ


ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #275 เมื่อ19-07-2019 21:54:03 »

คุณนักเขียนคะ

คุณออกแบบตัวละครได้มีมิติดีมาก​
ไม่แบน​ สมเหตุสมผล​ ยกเว้นตอนแรก​ ตอนนั้นถ้าไม่ติดว่าลงมาหลายตอนแล้ว  เราอาจเลิกอ่านได้​ เพราะพระเอกนายเอกดูการ์ตูน​ปนนิยายไปหน่อย

คือนายเอกเหมือนเกิดผิดยุค​ ผิดที่​
แต่พอผ่านสัก​1​ ถึง​ 2​ บท​ ความเข้มข้นจึงบังเกิด​ ทำให้เราติดตามแล้วรอจนถึงบทส่งท้าย

ขอบคุณ​สำหรับงานเขียนชิ้นนี้​ อ่านแล้วนึกถึงงานของ​ คุณปิยะพร​ ศักดิ์เกษม​ อย่าง​ ดอกไม้ในป่าหนาว​ ที่ตอนนี้จำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว​ แต่จำความหนืดๆ​ ช่วงต้น​ที่ปูเรื่อง​ อ่านแล้วจะอึดอัดๆ​ แต่สุดท้ายสนุกดี​ อาศัยอ่านหัว​ กลาง​ ท้าย​ พอเช็คว่าดีถึงกลับมาอ่านตั้งแต่ต้น​จนจบใหม่ ไม่งั้นคงเลิกอ่านเหมือนกัน555

แต่ที่จะบอกคือ​ เราคิดว่ามันดีระดับนั้น​จริงๆ

และถ้ามีการโหวตรางวัลตัวละครที่มีมิติที่สุด​ เราจะโหวตให้เรื่องนี้และคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2019 22:02:07 โดย pktherabbit »

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #276 เมื่อ19-07-2019 22:40:28 »

กำลังใจของกันและกัน

จิโระอยากช่วยพี่คือน่ารัก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #277 เมื่อ19-07-2019 23:13:08 »

มันหลากหลายอารมณ์​ความรู้สึก​มากเหวี่ยง​ไป​เหวี่ยง​มาจนไม่รู้ตะเอาตอนไหนมาระบาย​ ได้แต่ดีใจที่ทุกคนมีความสุข

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #278 เมื่อ19-07-2019 23:57:30 »

เป็นเรื่องที่ตัวละครเพียบ เรื่องราวครอบครัวมีความสลับซับซ้อน บางครั้งบางตอนมีงง
มีความสมจริงในมุมความรู้สึก ที่ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรไปก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมา

เป็นอีกเรื่องชอบมาก
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #279 เมื่อ20-07-2019 07:30:50 »

 :L2: ขอบคุณคนเขียนที่มีนิยายดี ๆ มาให้อ่าน

มีความสบับซับซ้อนตามสไตล์ของคนเขียน แต่ก็สนุก

และจะรอเรื่องต่อไปครับ

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
« ตอบ #279 เมื่อ: 20-07-2019 07:30:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #280 เมื่อ20-07-2019 14:35:01 »

ตรึงใจสุดๆ

รักทุกตัวระคร

จะมีภาคต่อของจิโระใหม

น้องน้อยต้องเติบโตมาเป็นสุภาพบุรุษที่สมบูรณ์

ทั้งร่างกายและจิตใจแน่ๆ

คุณธรรม จริยธรรม มนุษยธรรม น้องต้องเป็น คนดีมากๆแน่เลย

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #281 เมื่อ20-07-2019 18:37:09 »

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ  :pig4:
เอ็นดูจิโระ อยากไปช่วยเลี้ยงน้องเลยทีเดียว

ติดตามกันมาจนถึงตอนสุดท้าย รู้สึกใจหายเหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้คุณน้ำชา เขียนเรื่องต่อไปนะคะ
รอติดตามค่า :กอด1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #282 เมื่อ20-07-2019 19:01:37 »

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ :pig4: :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #283 เมื่อ21-07-2019 03:19:35 »

คือดีมาก  :hao5: :hao5:
เห็นเขาอยุ่ด้วยกันทำอะไรด้วยกัน มันก็แค่นี้แหละ  :hao5:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #284 เมื่อ21-07-2019 12:37:29 »

จบแล้วววววววววว
จิโระน่ารักมากๆ เป็นเด็กดีจริงๆ ตัวแค่นี้ รู้จักอยากแบ่งเบาภาระโอนีแล้ว
ชอบตอนพี่ธามหึง น่ารักดี ไม่คิดว่าพี่ธามจะมีมุมแบบนี้ด้วยนะเนี่ย อิอิ


ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะคุณไจฟ์น้องที  :pig4:
จะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ  :3123:  :3123:  :3123:

ออฟไลน์ ayo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #285 เมื่อ22-07-2019 15:33:17 »

แอบอ่านงานมาทุกเรื่องเลยค่ะ แล้วก็นับว่าเป็นนักเขียนในดวงใจ
ไม่มีอะไรอ่านก็วนๆอ่านเรื่องเก่าๆไป บางวันที่เหนื่อยงานก็ได้ยิ้มกับงานเขียนของคุณนี่แหละ^_^
พอเห็นเรื่อยนี้ในห้องจบแล้วก็ไม่ลังเลที่จะกดอ่าน
แรกๆยอมรับว่าขมวดคิ้วใส่หนู ชิรายูกิของพี่ธามันมากหน่อย เพราะไม่ค่อยปลื้มที่ไม่มีใจแต่ก็ไม่ปฏิเสธไปตรง
แต่พอพี่กลับมาแล้วน้องดีขึ้น มันน่ารักอ่านไปก็ยิ้มไป
ครอบครัวพี่ธามันนี่น่าปวดหัว ครอบครัวชิรายูกิก็น่าหมั่นไส้ มีเจ้ากวางที่บางทีก็อยากมอบโล่ห์ขอบใจนะกวางที่พุดแทนใจพี่ให้
สนุกมากค่ะ ก็ยังคงชื่นชอบงานเขียนของคุณเสมอ ต่อไปจะคอมเม้นให้มากขึ้นนะคะเพื่อเป็นกำลังใจ
สุดท้ายนี้ก็ยังอยากรู้ว่าต้อมจะสมหวังในรักข้างเดียวไหม..... :mew3:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #286 เมื่อ22-07-2019 15:54:25 »

 :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #287 เมื่อ23-07-2019 22:37:07 »

ชอบฮันซามุซัง
ชอบโอนี
รักจิโร๊ะ
กเอ็นดูวาง  นางน่าสงสาร
แต่ดีแล้วที่ไม่ได้คู่ฐาติ 
กวางควรจะได้คนดีกว่านี้

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่าน


ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #288 เมื่อ25-07-2019 10:26:07 »


:katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1: ก็ใจหายนะกับการที่มาถึงตอนจบของเรื่อง

ความรับผิดชอบที่น้องต้องแบกรับมามันสาหัสนะ แต่มาตอนท้ายสัมผัสได้ว่าชีวิตน้องมีความสุขที่แท้จริง จริงๆแล้ว

จิโระก็เป็นเด็กดีมาก สมกับที่น้องดูแลมา

กวางก็เชื่อฟังและไม่ทำตัวมีปัญหา สมกับที่น้องไว้วางใจ

ทุกๆคนที่น้องคอยเอาใจใส่ ทุกคนไม่สร้างปัญหาให้เลย

และแน่นอน ที่น้องผ่านมาได้ขนาดนี้ก็ต้องยอมรับในความรักความมั่นคงของพี่

และยิ่งได้มาอยู่ด้วยกันความเอาใจใส่กันและกันที่ต่างคนมอบให้กันมันทำให้ที่ผ่านมากลายเป็นอุปสรรคเล็กๆไปเลย

ขอบคุณทั้งคุณไจฟ์และน้ำชาจ้าที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านตลอดๆ

 :pig4:  :pig4:





ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
«ตอบ #289 เมื่อ25-07-2019 19:11:25 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนจบ (19/7/2562)
« ตอบ #289 เมื่อ: 25-07-2019 19:11:25 »





ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: Kiss the Snow
«ตอบ #290 เมื่อ14-08-2019 14:06:40 »

ทำไมรู้สึกหลายปมยังไม่คลาย

แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหล่ะมั๊งเนอะ

รักทั้งคู่ ขอบคุณมากนะครับ  :L2: :pig4:

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: Kiss the Snow
«ตอบ #291 เมื่อ15-08-2019 13:43:57 »

เรื่องดีที่มีกวางกับจิโระ ถึงตอนหลังๆจะสงสารกวางมากๆก็เถอะ ความสดใสมันสู่ความหม่นของชีวิตฉันท์ไม่ได้เลย เฮ้ออออออออ
เรื่องนี้มันเรียบง่ายเพราะเล่าผ่านมุมมองที่เรียบๆเรื่อยๆ
ขอบคุณคนเขียนมากๆน้าาาา ไอเลิ้บบบบ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
Re: Kiss the Snow
«ตอบ #292 เมื่อ16-04-2020 12:06:58 »

 :pig4:

ออฟไลน์ psyche

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow
«ตอบ #293 เมื่อ11-09-2020 04:03:03 »

ไม่ว่ากี่ปีๆ นิยาย  ไจฟ์ ที ก็ยังสนุกเหมือนเดิม
ห่างจากนิยายไปทำงานหนักมา 2-3 ปีได้ 
พอกลับมาอ่านนิยาย ต้องหาชื่อ ไจฟ์ ที คนแรก
สนุก ครบรส เหมือนเดิมค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด