Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 30226 ครั้ง)

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #150 เมื่อ10-03-2019 00:54:59 »

เดินเข้ามาว่ากันอย่างนี้ก็ได้เหรอ แต่คงเป็นคนจากในมหาลัยมั้ย?
ดร.ธามันคือวางแผนเก่งมาก สมกับเป็นนักลงทุน 5555555555555

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #151 เมื่อ10-03-2019 12:56:58 »

ตอนนี้พี่ธามมันน่ารัก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #152 เมื่อ10-03-2019 13:20:15 »

ใครล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #153 เมื่อ18-03-2019 14:50:07 »



ตอนนี้มันแลดูเป็นครอบครัวแบบพ่อ แม่ ลูก ที่อบอุ๊นอบอุ่นอ่ะ   :mew1:  :mew1:

แต่น้องมั่นคงกับพี่น่าดูเลยนะทั้งๆที่พี่เค้าห่างไปนาน

เอาเถ่อะต่อไปเราก็จะได้เห็นคนพี่ทำคะแนนต่อไปล่ะ





ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #154 เมื่อ18-03-2019 16:48:17 »

รอ

อยู่

นะ

จ๊ะ

หาย

ไป

ใหน

รอ

ดู

ว่า

ใคร

มัน

กล้า

มา

ว่า

ฉันท์


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #155 เมื่อ18-03-2019 17:04:39 »

มารอจ้ะมารอ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #156 เมื่อ18-03-2019 22:36:13 »

ชอบมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวเลย
แต่ช่วงแรกข้อมูลเยอะมาก 555 อ่านไปขมวดคิ้วไป จำไม่เก่งค่ะ
ตอนนี้เข้าใจทุกอย่างแล้ว รอตอนต่อไปนะคะ แบบว่ากำลังมันส์เลยค่ะ  :hao7:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ himecrazy

  • Alon€ In th€ DarK
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #157 เมื่อ20-03-2019 02:52:32 »

 :pig4:  ไม่ค่อยได้ัเข้าเล้ามาเท่าไหร่ แต่เข้ามาก็มาอ่านเรื่องนี้เลย  ชอบค่ะ โดยเฉพาะน้องจิโระ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #158 เมื่อ22-03-2019 10:27:52 »



จิโระจังงงงง


พี่มารอแล้วววววววว  :mew1:





ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #159 เมื่อ22-03-2019 19:07:19 »

ตอนที่ 10

ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หน้าร้านกิ๊ฟช็อป ที่ฉันท์ จิโระ กวาง และธามันกำลังยืนมองตุ๊กตาตัวใหญ่อยู่ด้วยกัน มีหญิงสาว 3 คนตรงเข้ามาทัก
“ฉันท์ทัต”
“ครับ” ฉันท์หันไปมองด้วยสีหน้าสงสัย
“เธอคือคนที่มีหน้าตาตรงข้ามกับพฤติกรรมอย่างที่เขาว่าจริง ๆ”
ฉันท์เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้ว่า ‘ใคร’ คือคนที่ทำให้หญิงสาวคนนี้เข้ามาพูดประโยคแบบนี้กับตนเองในที่สาธารณะ
เรื่องที่มีคนพูดว่าหน้าตากับนิสัยไปคนละทางก็มีอยู่บ่อย ๆ แต่พอเป็นผู้หญิง และเป็นคนแปลกหน้าพูดแบบนี้ ก็คิดว่า ถ้าต้นเรื่องไม่ใช่พี่ทีมก็คือพี่ธาม
แต่เพราะพี่ธามยืนอยู่ตรงนี้ ฉันท์ก็เลยคิดว่าคืออีกคนหนึ่ง
ดวงตาสวยหันไปมองทางอื่น ขณะที่หญิงสาวเข้ามายืนอยู่ด้านหน้า
    “เธอเป็นอะไรกับคุณทีม”
...ใช่จริง ๆ
ฉันท์หันมาหาหญิงสาวขณะที่ยกยิ้มมุมปาก แล้วเดินจูงจิโระเดินไปดูของที่ร้านต่อไป แต่หญิงสาวอีก 2 คนเดินเข้ามาดักหน้า ทำให้กลายเป็นว่าพวกเธอ 3 คนกำลังล้อมฉันท์อยู่
“นี่ ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง”
“โดยมารยาทคุณทั้ง 3 คนควรแนะนำตัวเองก่อนที่จะถามชื่อคนอื่น” ธามันแทรกเข้ามา “พวกคุณเองก็เป็นคนที่...เอ่อ หน้าตากับนิสัยไปทางเดียวกัน คือแย่มากพอ ๆ กัน และถ้าคุณไม่หยุดแสดงนิสัยแย่มากแบบนี้ ผมจะเรียกตำรวจ”
แน่นอนว่าในยุคที่ใคร ๆ ก็เป็นผู้สื่อข่าวได้ จะมีใครบางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพ
“พี่สาวครับ ผมว่าภายใน 2 นาทีถัดจากนี้พี่สาวจะต้องดังมากแน่ ๆ” กวางชี้ไปที่คนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป
“นี่...” ทั้ง 3 คนหันมามองหน้ากันจากนั้นก็เดินหนีไปอีกทาง
ฉันท์หันมาถามจิโระว่าหิวหรือยัง จากนั้นหันไปถามกวาง ว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่นไหม
...หนูเปลี่ยนอารมณ์ตามพี่ฉันท์ไม่ทันบอกตามตรง ก็เลยพยักหน้าไปก่อน
“ไปกินอาหารญี่ปุ่นกันนะฮะ” ฉันท์หันมาถามธามันเป็นคนสุดท้าย
ฉันท์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงทั้ง 3 คนและไม่พูดถึงธนวัฒน์ คนที่เป็นสาเหตุ
สิ่งที่อยู่ในความสนใจก็คือจิโระ ธามันและกวางเท่านั้น เมื่อกินมื้อเที่ยงเสร็จก็ไปรับกางเกงของธามันจากนั้นก็กลับบ้าน
แต่ยิ่งฉันท์ทำเป็นไม่สนใจ ทั้งธามันและกวางกลับยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะกวาง
...
‘SOS!! มีหญิงมาดักตบพี่ฉันท์ที่ห้าง ถามว่าพี่ฉันท์เป็นอะไรกับคุณทีม’

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทั้งหมดช่วยกันถือของเข้าไปในบ้าน ส่วนลุงเพิ่งนอนหลับไปได้ครู่หนึ่ง ป้าก็เลยฝากให้ช่วยดูลุง เพราะจะไปช่วยงานงานที่บ้านญาติ
“มีคนมาว่าขนมกล้วย ขนมตาลไว้ เลยจะไปช่วยเขาสักหน่อย” ป้าหันมาบอกกวาง “พาน้องไปอาบน้ำแล้วจะได้นอน”
แต่พอป้าคล้อยหลังออกไปธามันก็ชวนฉันท์ไปคุยในสวนหลังบ้าน
ฉันท์เดินตามธามันเข้าไปในสวนโดยดี
ตั้งแต่ธามันย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน สวนหลังบ้านที่รกครึ้มก็สะอาดกว่าเดิมจนผิดตา เพราะคนงานกำจัดวัชพืช และย้ายต้นไม้ที่แห้งตายออกไป ตอนนี้สวนผลไม้ของพ่อจึงเหลือเพียงมะม่วง ชมพู่ แล้วก็ฝรั่งเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น
ธามันเดินนำไปที่แคร่ไม้ตัวใหม่ที่คนงานเพิ่งยกเข้ามาเมื่อวันก่อน
“เคยบอกพี่ทีมหรือเปล่า”
ฉันท์เหลือบตามองคนถามแล้วส่ายหน้า
“เขาควรจะรู้ว่าคนของเขามารบกวนชิรายูกิ”
“แต่ถ้าทำแบบนั้น มันอาจทำให้เขาเข้าใจผิดมากขึ้น”
คนที่กำลังไม่สบายใจต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม
“ในส่วนที่มันเกี่ยวกับพี่ทีม ผมก็พูดกับเขาไปแล้วหลายครั้ง แต่ถ้าผู้หญิงของเขายังคิดอย่างนี้อยู่อีก ก็ควรกลับไปแก้ที่พี่ทีม แต่จะให้ผมพูดเหมือนเดิมทุกครั้งที่เจอ ผมก็คิดว่ามันออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย”
ธามันมองสีหน้าคนพูดคำว่าน่าเบื่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
...ชิรายูกิไม่พอใจพี่ทีม และก็ไม่อยากพูดถึง แต่เมื่อพี่ถาม เขาก็ตอบ และพยายามที่จะตอบโดยไม่แสดงความรู้สึกออกมา ในแง่หนึ่งมันก็ดีที่เขาไม่เอะอะโวยวาย แต่สำหรับในครอบครัวที่เก็บงำปัญหาต่างๆ ไว้กับตัว ครอบครัวที่มีใครบางคนฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ไม่น่าไว้ใจ จะว่าบังคับกันหรือสอดรู้เรื่องของเขาก็ได้ แต่จะต้องให้เขาพูดความรู้สึกออกมาบ้าง...
“เพราะไม่ได้คิดอะไร ก็เลยไม่สนใจ แต่ถ้าเกิดเขาเตรียมน้ำกรดหรือใช้อาวุธขึ้นมานั่นก็อันตรายมากเลยนะ”
“แบบนั้นแสดงว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าผมจะต้องไปที่นั่น” ความเป็นห่วงของธามันทำให้ฉันท์ยิ้มได้ “ขอบคุณที่พี่เป็นห่วงนะฮะ ผมจะระมัดระวังกว่าเดิม แต่ผมจะไม่ยอมเก็บตัวอยู่กับบ้านเพราะผู้หญิงของพี่ทีมแน่ๆ เขาไม่ได้...” เขาไม่ได้สำคัญกับผมขนาดนั้น ฉันท์ไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่ดวงตาที่มองพี่บอกแบบนั้น
ให้ตายเถอะมันแบบ...โคตรชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก
พี่กำมือขึ้นมาป้องปากกันเสียงกระแอม “พี่รับรองว่า พี่จะไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้กับชิรายูกิอย่างแน่นอน”
ฉันท์หัวเราะเสียงใส “พูดขึ้นมาแล้วก็ทำให้นึกขึ้นได้ ว่าเรากำลังจะเปิดร้านข้าวต้มกัน จะมีแฟนคลับพี่ทีมตามไปถามหาผมที่ร้านไหม”
ธามันเหยียดมุมปากแทนคำตอบว่า ‘ก็ลองดู’
การที่ตัวห่างจากกันนานหลายปีแล้วกลับมาพบกันอีกครั้ง แม้จะมีความกังวลแฝงตัวอยู่ แต่กลับทำให้ต่างฝ่ายต่างอ่านภาษาที่อยู่ในสีหน้า แววตา แม้กระทั่งการขยับมือของอีกฝ่ายได้ดี
“ชิรายูกิรู้เรื่องพี่ทีมมานานแล้วหรือ”
“ก็ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยน่ะแหละฮะ” ถ้าเป็นคนอื่น หรือแม้แต่เพื่อนชวนคุยประเด็นนี้ฉันท์มักไม่ค่อยแสดงความเห็นแต่เพราะเป็นธามันฉันท์รู้สึกวางใจทำให้เมื่อถามก็ตอบได้เรื่อย ๆ
เรื่อย ๆแบบต้องถามถึงจะบอกออกมาน่ะ
“แสดงว่ารู้จักพี่ทีมมานานแล้วหรือ” ทำไมไม่รู้เรื่องคุณทีมกับต้อม
“ก็รู้ว่าอาจารย์บรรณารักษ์ของหอสมุดกลางคนหนึ่งเลี้ยงนักศึกษาน่ะฮะ เรื่องกอสซิปแบบนี้มีอยู่ทั่วไป แต่ผมไม่ได้สนใจ ตอนนั้นมันแบบลอยๆ”
“อาการเหมือนตอนอยู่กับพี่ไหม”
“ผมโดนติดเครื่องหมายไร้หัวใจอยู่ที่หน้าผากนี่” มือสวยชี้ที่หน้าผาก “ในช่วงเวลาหนึ่งผมคิดว่าเพราะผมไม่เชื่อเรื่องความรัก ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องเลิกกันไปอยู่ดี ไม่ว่าจะเริ่มต้นแบบไหน ไม่ว่าจะทำยังไงผลสุดท้ายมันก็เหมือนเดิม ผมบอกทุกคนว่าผมไม่พร้อม แล้วพอสุดท้ายผมก็คือคนที่โดนต่อว่า แต่ตอนที่เรียนปี 4 หลังจากที่พี่ทีมทักผมในห้องสมุด แล้วก็แนะนำหนังสือหลายเล่มให้อ่าน จนถึงในงานศพของพ่อกับแม่ แล้วเห็นคุณฐาติเดินเข้ามา ผมก็เริ่มสงสัยตัวเอง แล้วพอได้เจอกับพี่อีกครั้ง ผมก็รู้แล้วว่า ผมคิดอะไรอยู่”
ธามันยักคิ้วข้างเดียวท่าทางเจ้าชู้สุด ๆ จนฉันท์เก้อ
“คนอื่นเขาจริงจังนะ”
“ก็ดีแล้วนี่ พี่รักคนจริงจัง”
ดวงตากลมโตมองพี่ ใบหน้าแดงเรื่อ
“พี่รักชิรายูกิ” ธามันพูดย้ำ “นี่ถ้าไม่มีกวาง กับจิโระแอบมองมาจากในบ้าน พี่จูบชิรายูกิไปแล้วจริง ๆ นะ”
ฉันท์ใช้หลังมือปิดปากแล้วหัวเราะเสียงดัง
“อ้าว คนอื่นเขาจริงจังนะ” พี่เลียนแบบคำพูด “หัวเราะอะไรนักหนา”
ฉันท์ส่ายหน้า ลุกขึ้นยืน “อย่างนั้นก็กลับเข้าบ้านกันดีกว่าฮะ จิโระจะได้นอนกลางวันสักที”
แต่ปรากฏว่าวันนี้จิโระไม่ได้นอนในกล่อง แต่ขอนอนเบาะเด็กแล้วอ้อนให้พี่ชายนอนกล่อม
“คงหวงพี่น่ะแหละ” หนูรู้เพราะหนูแอบดูอยู่ เอ้ย ไม่ใช่ เพราะหนูเป็นเอฟซีพี่ฉันท์

ตอนที่ป้ากลับมาปรากฏว่าเห็นฉันท์นอนหลับอยู่ข้างๆ จิโระ ขณะที่ธามันนั่งเขียนงานอยู่ที่โต๊ะ และกวางกำลังถูบ้านอยู่ที่ชั้นบน
“ถึงว่าทำไมบ้านเงียบจริง”
พอป้าทักขึ้นมา ฉันท์ก็เลยตื่นนอนลุกขึ้นมานั่งงง ๆ แล้วรีบมารับขนมที่มือป้าเข้าไปในครัว
“ขนมกล้วย กับขนมตาล ชอบขนมหวานไหม” ป้าถามคนที่เงยหน้าจากงานขึ้นมามองตามคนที่เข้าไปในครัว
“กินได้ครับ”
ฉันท์ที่กำลังจะแกะขนมใส่จาน เหลือบตามองพี่แล้วหันไปเสียบกระติกน้ำร้อน จากนั้นก็รีบไปเข้าห้องน้ำ
“ดูรีบ ดูลุกลนนะวันนี้” ป้าเดาขำ ๆ “คงเก้อเพราะเผลอหลับไปข้างน้อง ฉันท์ไม่เคยนอนกลางวันเลยนะ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนก็ไม่นอนแล้ว ครูอนุบาลบอกเพื่อนนอนฉันท์ก็นอน แต่นอนมองเพดาน นอนเล่นตุ๊กตาผ้าอยู่คนเดียว”
ขณะที่ป้าเล่าเรื่องของฉันท์ในวัยเด็กให้ธามันฟัง ฉันท์ที่ออกมาจากห้องน้ำก็มาชงชาให้พี่ แล้วถามว่ามื้อเย็นอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม
ธามันกำลังจะส่ายหน้า แต่ก็นึกขึ้นมาได้  “ต้มอะไรสักอย่างที่ใส่ปลาสลิดน่ะ”
“น้ำข้นหรือน้ำใสฮะ” ฉันท์ถามยิ้มๆ
“น้ำใส แต่ใส่พริกเผา กับพริกขี้หนูสดด้วยนะ แบบนี้เขาเรียกน้ำใสหรือเปล่า”
ไม่มีใครตอบว่าที่ถูกเรียกว่าน้ำใสหรือน้ำข้น และชื่อของอาหารที่ธามันพูดมาคืออะไร
แต่ถึงจะไม่บอกอะไร ความใส่ใจของน้องก็ทำให้พี่ยิ้มกว้าง
กวางมาจากไหนไม่รู้แต่มายืนเตรียมพร้อมอยู่หลังฉันท์ ส่งกระดาษให้จดว่าจะต้องซื้อของอะไรบ้าง
ระหว่างที่ฉันท์ให้ไปจดรายการที่จะต้องซื้อของ ธามันก็ลุกไปหยิบเงินมาให้กวาง แต่ฉันท์รีบท้วงไว้ “ที่พี่ให้มายังมีเหลืออยู่อีกตั้งเยอะเลยฮะ”
แต่กวางรีบหันไปยกมือไหว้อย่างสวยงามแล้วรับแบงค์พันมาจากธามัน
...ถ้าครูส่งหนูไปประกวดมารยาทงามตอนรับเงิน หนูต้องได้รางวัลอันดับ 1 ของประเทศไทยอย่างแน่นยอน หนูมั่นใจ..
“พี่ดื่มเบียร์หรือเปล่าครับ” กวางถาม
ธามันหันมามองหน้าฉันท์
“สีเขียว เอามาแพคเดียวก็พอ” ฉันท์บอก
“ยังไม่ 5 โมงเย็นเลยไม่ใช่หรือ” ธามันท้วงแล้วนึกขึ้นได้ว่า ซื้อร้านทั่วไปก็ได้ “แพคเดียวก็พอ”
แล้วพอกวางขี่รถจักรยานออกไปซื้อของ ป้าได้ยินเสียงลุงตื่นแล้ว จึงเข้าไปดูในห้อง
“พี่ทำอะไรอยู่ฮะ” ตั้งแต่กลับเข้าบ้านมาก็เห็นว่าธามันขีดเขียนงานนี้จนหลับไปข้างจิโระ ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ยังเห็นว่าเขียนอยู่
ธามันยิ้มไม่เปิดปาก
“ยิ้มแบบนี้แปลว่าอะไร ผมอยากรู้นะ”
“เดี๋ยวก็ได้รู้”
ฉันท์ที่กำลังจะก้าวไปหาหยุดชะงักเท้าแล้วส่ายหน้า “เดี๋ยวก็ได้รู้ใช่ไหม”
“ใช่”
“งั้นฝากดูน้องก่อนนะฮะ ผมจะเอาผ้าที่กวางรีดเสร็จแล้วขึ้นไปเก็บ”
ธามันยกมือเป็นสัญลักษณ์โอเค จากนั้นก็หันไปเขียนงานต่อ
“กินขนมกับดื่มชาด้วยนะฮะ”
“ครับผม”
พอกลับลงมาอีกครั้งธามันก็จัดการของว่างมื้อบ่ายหมดตามที่รับปากไว้จริง ๆ ฉันท์เก็บถ้วยชามไปล้างแล้วเดินมาขยับผ้าห่มให้จิโระ
“วันนี้กว่าจะได้นอนก็บ่ายจัดแล้ว ถ้า 5 โมงยังไม่ตื่นคงต้องปลุก”
แต่ปรากฏว่า หลังจากที่กวางกลับมาจากซื้อของที่ตลาดได้ไม่ถึง 10 นาทีจิโระก็ตื่นนอนแล้วลุกขึ้นนั่งทันที
“โอนี”
“คำแรกที่ตื่นนอนของเขาหล่ะ” กวางบอกแล้วเดินเข้ามาหาน้อง “โอนีแกะหัวหอมอยู่ จิโระไปห้องน้ำกับกวางนะ”
จิโระชะเง้อมองเข้าไปในครัว
“ไปล้างหน้า ไปฉี่ก่อน แล้วมากินขนมตาล”
เด็กน้อยว่าง่ายจูงมือไปกับกวางเสร็จแล้วก็ปีนเก้าอี้ขึ้นไปกินขนมและมองดูฉันท์เตรียมทำกับข้าว
บ้านอื่นเขาคงไม่ต้องเตรียมทำกับข้าวมื้อเย็นกันตั้งแต่ 4 โมงครึ่ง แต่เพราะบ้านนี้มีคนป่วยและฉันท์อยากให้น้องกินมื้อเย็นเสร็จก่อน 6 โมงเย็นจึงเตรียมอาหารเร็ว
“กินเสร็จแล้วออกไปขี่รถจักรยานกับคุณปู่ คุณย่านะ”
“ฮับ” จิโระรับคำ แต่พอกินเสร็จก็เดินมาหาธามัน “ฮันซามุซัง ไปขี่จัก กะ ยัน กัน”
“ฮันซามุซังทำงานอยู่ครับ” ฉันท์บอก
จิโระหันมามองหน้าพี่ชายแล้วก็หันไปมองหน้าธามัน
“จิโระคุง เดี๋ยวโอนีเตรียมของเสร็จจะออกไปเดินเล่นด้วยนะ”
จิโระยิ้มแป้นพยักหน้า แล้วออกไปขี่จักรยานรอพี่ชาย อีกไม่ถึง 10 นาทีถัดมาฉันท์ก็เดินตามออกมา จากนั้นก็เป็นธามัน
“อ้าว ทำงานเสร็จแล้วหรือ” ฉันท์หันมาถาม
“ยังหรอก ก็เห็นว่าออกมาอยู่นอกบ้านกันหมด ก็เลยอยากออกมาด้วย”
...
หนูยังไม่ได้เล่าใช่ไหมว่าตั้งแต่ตอนที่ฉันท์นอนอยู่ข้างๆ จิโระ แล้วพี่ธามที่กำลังขีดเขียนอะไรลงในกระดาษน่ะ เขาทำงานแบบมองพี่ฉันท์ 1 นาที แล้วก็เขียนงาน 1 นาที จนหนูคิดว่าเขากำลังวาดรูปพี่ฉันท์อยู่ แต่ไม่ใช่เลยเขาเขียนอย่างอื่น
แล้วพอเขาเดินตามออกมาหน้าบ้านตอนนี้นะ เขาก็ยืนมองพี่ฉันท์ตาหวานเชื่อม แล้วพอพี่ฉันท์หันไปมองเขาก็จะทำเป็นหันไปมองจิโระบ้าง มองลุงกับป้าบ้าง พอพี่ฉันท์หันไปทางอื่นเขาก็จะหันมามองพี่ฉันท์
มองจนหนูสงสัยว่า ตอนกลางคืนที่เขานอนอยู่ที่หน้าเตียงเนี่ย เขาก็เอาแต่มองพี่ฉันท์แบบนี้ตลอดคืนด้วยหรือเปล่า
หนูรู้ว่าน้าไม่เคยมีอาการแบบนี้
เพราะงี้หนูถึงได้เล่าอย่างเดียว ไม่ถามความเห็นไง เพราะถามไปน้าก็ไม่เข้าใจหรอก
...
เมื่ออาหารเย็นผ่านไป ทุกคนก็ขยับมารวมกันนั่งดูซีรีส์พร้อมหน้ากันหน้าโทรทัศน์
ตอนที่ลุงกับป้าอยู่กัน 2 คนมักเปิดวิทยุฟังเพลงสมัยป้ายังสาว ไม่ค่อยดูโทรทัศน์แต่พอมีจิโระก็เปลี่ยนมาเปิดโทรทัศน์ช่วงหลังอาหารเย็น ดูการ์ตูนหรือซีรีส์สำหรับเด็ก เพื่อให้จิโระฟังภาษาอังกฤษและภาษาไทย
ธามันดูโทรทัศน์อยู่ได้ไม่ถึง 5 นาทีก็มองหน้าจอโทรศัพท์จากนั้นก็ลุกออกไปคุยโทรศัพท์ที่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งก็มีรถจักรยานยนต์มาจอด ฉันท์ลุกมาดูเห็นว่า เป็นน้อยหน่าลูกน้องคนหนึ่งของฐาติที่จะไปกับฉันท์เวลาที่เอาเงินไปใช้เจ้าหนี้ แต่ตอนนี้เขาเอาดอกไม้มาส่งให้ธามัน
เมื่อน้อยหน่าออกรถกลับออกไป ธามันก็หันมาหาคนที่ยืนมองมาจากในบ้านแล้วยกดอกไม้ขึ้นสูง
ฉันท์เดินยิ้มเขิน ๆ ลงมาหา
แต่ธามันส่งม้วนกระดาษที่เขียนมาทั้งบ่ายให้ก่อน
“แบบสวน และบ้านของชิรายูกิ”
กระดาษนี้มี 2 แผ่น เป็นแบบร่างคร่าว ๆ ประกอบไปด้วยภาพวาด และข้อความ
แผ่นแรกคือบ้านหลังเดิม บนเนื้อที่เดิม แต่ที่แตกต่างก็คือการกั้นแผงรั้วกับพื้นที่ที่เป็นสวน และการวางแปลนสวนผลไม้ ทั้งมะม่วง ชมพู่ กล้วย ขนุน สารพัดไม้ยืนต้นตามที่คนเขียนจะนึกออก 
ส่วนอีกแผ่น คือภาพแบบแปลนที่ใช้พื้นที่ทั้งหมด โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น
ชั้นนอกหรือลานจอดรถที่ด้านหน้าซึ่งเป็นจุดที่ยืนอยู่ในเวลานี้  บ้านพักคนงาน และสวน
ลึกเข้าไปอีกชั้นคือบ้านพัก 3 หลังที่ปลูกล้อมสระบัวที่มีศาลาอยู่ริมน้ำจากสระบัวมีลำคลองเล็กๆ เชื่อมต่อผ่านประตูน้ำออกไปยังสวนผลไม้ ทอดตัวลดเลี้ยวไปรอบสวน
“ชอบไหม”
ฉันท์พยักหน้า
“อันนี้เพิ่งเขียนคร่าว ๆ แก้ไขได้ตลอดนะ ต่อให้นายช่างส่งงานแล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นก็ยังแก้ไขได้” คนเขียนแบบให้ความมั่นใจ “ถ้าคุณลุงที่บ้านใหญ่เขาไม่ขายที่ตรงนี้ให้ เราก็จะทำบ้านนี้ตามแบบแรก แต่ถ้าเขาขายพี่จะค่อย ๆ ทำแบบที่ 2 มันอาจนานหน่อย เพราะเราจะต้องขุดบ่อกับปลูกบ้านหลังที่อยู่ด้านในสุดก่อน พอเราย้ายไปก็ค่อยรื้อหลังนี้ แล้วปลูกอีก 2 หลัง ให้ลุงกับป้า แล้วก็จิโระได้”
ฉันท์เงยหน้ามองพี่ ที่คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ส่งช่อดอกไม้ให้ “ขอให้พี่ได้อยู่กับชิรายูกิ สัญญาว่าจะไม่ไปไหน จะอยู่ด้วยกัน ดูแลชิรายูกิตลอดไป”
นี่เป็นช่วงเวลาที่ดี และฉันท์ก็ไม่อยากทำลายมันด้วยการไม่พูดอะไรเลย แต่ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะพูดอะไรดี รู้แต่ว่าหัวใจเต้นแรงมาก และก็กำลังร้องไห้ ตอนที่รับช่อดอกไม้มาแล้วหยดน้ำตาตกกระทบกลีบกุหลาบสีแดงยังกังวลว่าจะเป็นสัญญาณอะไรที่ไม่ดีหรือเปล่า แต่ธามันยังไม่จบพิธีการง่าย ๆ เพราะชายหนุ่มหยิบกล่องใบเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เปิดกล่องให้ฉันท์มองดูก่อน ในนั้นมีกำไลหางช้างประดับด้วยเงินอยู่ 1 วง
“สวยจัง แล้วของพี่ละฮะ”
ธามัน สวมกำไลให้ฉันท์
“ตอนแรกก็คิดว่าจะใส่เหมือนกัน แต่ตอนที่ลองใส่กำไลแล้วเขียนงาน ปรากฎว่ามันกระแทกโต๊ะ ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ก็เลยสั่งมาอันเดียว”
“แล้ว ทำไมถึงเลือกแบบนี้”
“ก็ช้างไง หนักแน่นดี”
ฉันท์หัวเราะอารมณ์ดี ไม่อยากเชื่อว่าดร.ธามัน จะสนใจเครื่องรางของขลัง
“ตอนแรกอยากได้กำไลมงคล แล้วมีคนแนะนำกำไลหางช้าง พี่ก็เลยคิดว่าดีเหมือนกันหนักแน่นมั่นคง แต่พอไปหาข้อมูลก็ได้รู้ว่า กำไลหางช้างช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายออกไปได้”
“ขอบคุณมากฮะ” ฉันท์เงยหน้ามองพี่ “กวางกับจิโระกำลังมองเราอยู่ใช่ไหมฮะ”
ธามันพยักหน้า “ยังมีลุงกับป้า แล้วเจ้าน้อยหน่าลูกน้องฐาติด้วย”
ฉันท์ยิ้มยิงฟัน “พี่ฝากคุณฐาติซื้อดอกไม้กับกำไลหรือฮะ”
“เปล่า พี่โทรไปสั่งจองกับช่าง แล้วให้เขาประดับเงินเพิ่มเติม พอทำเสร็จก็ให้เขาส่งของมาให้ที่สำนักงานทนายความ พี่ก็เลยให้ฐาติช่วยสั่งดอกไม้ให้ด้วย จะขอเป็นแฟนกันทั้งทีก็ควรมีสัญลักษณ์บางอย่างกันสักหน่อย”
“งั้นเราควรหันไปโบกมือให้น้อยหน่า แล้วก็เข้าบ้านไปรายงานผลให้อีก 4 คนฟังใช่ไหมฮะ”
ธามันเห็นด้วยอยู่แล้ว หันไปโบกมือบอกกับน้อยหน่า จากนั้นก็จูงมือฉันท์เดินเข้ามาในบ้าน จิโระตรงเข้ามาจับข้อมือข้างที่มีกำไล
“สวย จัง”
ธามันยักคิ้ว
ลุงกวักมือเรียกฉันท์ให้เข้าไปหา พอได้เห็นกำไลใกล้ๆ ก็หันมาถามธามัน “ช่างทำพิธีมาถูกต้องหรือเปล่า”
“ถูกต้องครับ”
เพราะไม่ใช่นักสะสม จึงต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับกำไลนี้อีกเล็กน้อย ทำให้ได้รู้ว่าต้องมีขั้นตอนของพิธีการ และการขอขมาก่อน
“ผมหาข้อมูลมาพักใหญ่ ๆ แล้วแต่ไม่มีวันว่างพอที่จะไปสุรินทร์เลยครับ จนพี่ชายคนหนึ่งเขาจะไปสุรินทร์ก็เลยให้เขาช่วยดูให้ แล้วก็โทรไปสั่งจองน่ะครับ”
“ต้องรอนานเลยสิ”
“นานครับ”
ลุงเดาต่อ “แสดงว่าจองไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะย้ายมาละสิ”
“ครับ” ที่ฐาติบอกว่าธามันคือนักวางแผนมันคือเรื่องจริง
ฉันท์เปลี่ยนมาเล่นโดมิโน่กับจิโระ ขณะที่ฟังลุงกับธามันคุยกัน
ฟังไปฟังมาชักเริ่มกังวล
เข้าใจว่าควรใส่กำไลที่พี่ให้มาไว้ตลอดเวลา แต่ถ้าต้องทำงานบ้านโดยที่ใส่กำไลนี้ไว้ด้วย คงไม่ดีสักเท่าไหร่
เดี๋ยวคืนนี้ค่อยถามพี่แล้วกันว่าขอใส่กล่องไว้ได้ไหม
*-*-*
ในห้องประชุมช่วงเช้าวันนี้คือการพูดคุยกันในกลุ่มครอบครัวเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ในย่านรังสิตซึ่งบริษัทเพิ่งชนะการประมูลทรัพย์สินที่ถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาดมาได้เมื่อวันก่อน
ถึงหัวข้อจะบอกว่าเป็นการประชุมคร่าว ๆ แต่ทุกอย่างในห้องนี้เป็นเรื่องจริงจังมาก
และถึงจะบอกว่าเพิ่งประมูลได้ แต่ในฐานะบริษัทใหญ่ ย่อมมีแผนการทำงานล่วงหน้ามาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าร่วมการประมูลแล้วว่า ‘ถ้าก้องเกียรติกิจการ’ ชนะการประมูล แล้วจะจัดการที่ดินแปลงนี้อย่างไร
และเนื่องจากพื้นที่นี้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงงาน ที่สำคัญคือยังมีคอนโดฯ ใกล้เคียงกันอีกหลายแห่งที่ขายไม่หมด ทำให้ต้องหาจุดขายเพิ่มเติม
ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ที่จอดรถ ที่ไหนก็มีเหมือนกัน
ระหว่างที่ฟังพี่ชายพี่สาวช่วยกันระดมความเห็น ว่าโครงการนี้จะสร้างความแตกต่างจากโครงการอื่นอย่างไรบ้าง ธามันมองภาพตำแหน่งที่ตั้งของคอนโดฯ สภาพแวดล้อม แล้วนึกถึงความฝันของน้อง
“ทำแคนทีนเล็ก ๆ ที่ส่วนหนึ่งของโรงจอดรถชั้นล่างของอาคารด้านหน้าดีไหมครับ” จากหางตาเห็นว่าทุกคนในห้องหันมาฟัง “ตรงนี้มีทั้งโรงงาน และมหาวิทยาลัย ประกอบกับห้องพักในอาคารหน้าจะเป็นห้องสตูดิโอ คนงานของเราเองก็มีเป็นร้อย แทนที่เราจะให้เขากระจัดกระจายกันไป เราทำแคนทีนเล็กๆ ที่นี่ เปิดเป็นรอบเช้า เที่ยง และค่ำ มีทั้งอาหารถาด และอาหารตามสั่ง เน้นไปที่ราคาถูกและเร็ว”
“จากคอนโดฯ มันจะกลายเป็นหอพักน่ะสิ” ธนวัฒน์โต้แย้ง ความคิดนี้ไม่ต่างอะไรกับแคนทีนในมหาวิทยาลัย “เรามีส่วนที่เป็นร้านอาหาร ร้านค้าอยู่แล้วทุกตึก จะมาทำแคนทีนตัดรายได้ลูกค้าของเราเองทำไม”
ธามันยิ้มแบบพระเอกผู้มีคุณธรรม “ลูกค้าที่มีทางเลือก เขาก็เลือกในสิ่งที่เขาต้องการ ถ้าเขาไม่เลือกแคนทีน แต่จะเลือกร้านค้าอื่น ๆ นั่นก็ดีแล้วนี่ครับ แต่ผมกำลังนึกถึงกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนทำงานแบบที่แชร์ค่าเช่าห้องกัน และก็แม่บ้าน คนงานของเราเอง ผมว่ามันได้บรรยากาศแบบที่เป็นกันเอง เราเองก็ได้ดูแลพนักงานของเราด้วย”
“ลูกค้าเขาอาจไม่ชอบที่ต้องมากินอาหารในห้องเดียวกับพนักงานคอนโดฯ ก็ได้นะ” ธนวัฒน์กำลังโต้แย้งแบบถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ
“ห้องอาหารกลางจะเป็นโรงพยาบาล ศาล หรือที่ไหนเขาก็กินด้วยกัน แต่เขามักจะแบ่งห้องให้เจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหน้าที่ได้สิทธิ์ก่อน แต่ของเราเปลี่ยนเป็นให้ลูกค้าได้สิทธิ์พิเศษกว่าพนักงานสิ” ณภัทรพี่สาวคนโตของบ้านกลาง หรือครอบครัวใหญ่มากของฐาติ มาเข้าร่วมประชุมด้วย เธอแสดงความเห็นสนับสนุนธามันก่อนที่ธนวัฒน์จะแทรกเข้ามาอีก
ธารา น้องสาวคนเล็กของบ้านใหญ่ช่วยเสริม “แคนทีนต้องปิดซ่อมเป็นระยะด้วยเพราะมันคือส่วนกลางที่เราใช้งานกันตลอด” หญิงสาวหันมาถามความเห็นคนเริ่มต้น “ธามอยากให้เปิดเป็นรอบใช่ไหม แล้วถ้านักศึกษาหรือคนทำงานเอางานลงมาทำในแคนทีน เราก็ต้องขอให้เขาย้ายออกระหว่างที่เราทำความสะอาดสินะ”
ทวีพี่ชายคนที่ 3 ของธาราในฐานะเจ้าของโครงการ สังเกตเห็นสีหน้ามึนตึงของธนวัฒน์ก็สะกิดเตือนธาราไม่ให้เข้าข้างน้องชายคนเล็กสุดในห้องนี้ไว้
“พี่ขอรับฟังความเห็นก่อนนะ อันนี้ยังไม่เคาะ”
“ทราบค่ะว่ายังไม่เคาะ เพราะธารากำลังคิดว่าอยากให้มีฟิตเนส โยคะด้วย”
“อันนั้นหาลูกค้ามาลงเถอะ” พี่ชายคนรองถัดจากณภัทร บ้านกลางแนะนำ
ธามันเสนอ “แคนทีนก็ให้ร้านอาหารมาลงเหมือนกัน อาหารจะได้ไม่น่าเบื่อ”
“น่าสนุก” ทวี ปล่อยให้ทุกคนช่วยกันเสนอความเห็นอีกเกือบครึ่งชั่วโมงจึงสรุป “ทุกอย่างที่เสนอมา พี่ขอจดไว้ก่อนนะ และเหมือนเดิมคือต้องเอาไปเสนอคณะกรรมการก่อน” ที่บอกว่าคณะกรรมการ แต่แท้จริงก็คือ ธนดล ธนัช และ ธนา ผู้กุมอำนาจบริหารของก้องเกียรติกิจการนั่นเอง
และเมื่อพี่น้องส่วนใหญ่แสดงความเห็น ธนวัฒน์ก็ไม่มีความเห็น ไม่ต้องเอ่ยปากคัดค้าน เพราะยิ่งมากคนก็ยิ่งมากความ...ธามันจะเสียเวลาโดยที่ธนวัฒน์ไม่ต้องทำอะไรเลย 
เมื่อออกมาจากห้องประชุมธนวัฒน์เดินตามธามันมาจนถึงห้องทำงาน
“เรื่องแคนทีนน่ะ นายไปเอาความคิดนี้มาจากไหน” ธนวัฒน์กล่าวทันทีที่ปิดประตูห้อง
ธามันหันมามองพี่ชายร่วมบิดาเดียวกัน แล้วนึกถึงความผูกพันระหว่างฉันท์กับจิโระ
“ชิ...น้องฉันท์น่ะครับ”
“ก็คิดอยู่” ธนวัฒน์พูดเหมือนกำลังบ่นกับตัวเอง ขณะที่นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามธามัน
“ทำไมคุณทีมถึงคิดว่าน้องฉันท์ให้ไอเดียนี้กับผม”
“ฉันไม่คิดว่าเขาให้ไอเดียนายหรอก เขาจะไม่เข้ามาในพื้นที่ของนายถ้านายไม่บอกให้เขาเข้ามา” ธนวัฒน์เป็นคนที่รู้จัก ‘น้องฉันท์’ เป็นอย่างดีจริง ๆ “ที่คิดว่าน่าจะเป็นน้องฉันท์ก็เพราะมันเป็นความเรียบง่ายแบบที่แทบจะไม่มีกำไรนั่นต่างหาก”
ธนวัฒน์ชี้ไปรอบ ๆ “ที่นี่ทำอะไรเพื่อสังคมแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“แต่คุณทีมก็ค้านผม”
“ก็มันไม่ใช่แนวธุรกิจของก้องเกียรติกิจการ”
ธามันชักสงสัย “วันนี้คุณทีมมาแปลก”
“ฉันแค่อยากให้แน่ใจว่า ไอเดียของนายมาจากไหน”
ธามันพยักหน้า “น้องฉันท์”
“อืม แล้วนายรู้เรื่องที่เขาอยากเปิดร้านข้าวต้มหรือเปล่า”
“รู้ครับ เมื่อวันอาทิตย์เพิ่งไปดูร้านกันมา เดี๋ยวพอซ่อมบ้านเสร็จก็ให้ช่างชุดเดียวกันไปซ่อมร้านต่อ”
“ซ่อมบ้านยังไม่เสร็จอีกหรือ”
“ยังครับ” ธามันตอบขณะที่หันไปบอกกับเลขาฯ ว่าไม่ต้องสั่งอาหารกลางวันให้ แต่หันมาถามพี่ชายว่าจะกินอะไร ธนวัฒน์ก็ตอบว่าไม่เหมือนกัน
รอจนเลขาฯ ห่างออกไปแล้ว 2 พี่น้องถึงได้คุยกันต่อ
“บ้านไม่เคยซ่อม น้องฉันท์ซ่อมแต่อพาร์ทเม้นท์กับบ้านของลุง แต่ไม่เคยซ่อมหลังนี้เลย”
ตอนแรกซ่อมแซมแค่พอให้ธามันเข้ามาอยู่ แต่พอเข้ามาอยู่แล้วเดินดูรอบบ้าน ธามันก็เครียดหนัก เรียกช่างมาจัดการซ่อมชุดใหญ่เปลี่ยนใหม่หมดตั้งแต่หลังคา เหล็กดัด มุ้งลวด ติดฉนวนกันความร้อน ซ่อมห้องน้ำ ห้องครัว จนถึงก๊อกน้ำ งบประมาณในการซ่อมบ้านบานปลายด้วยฝีมือของธามันเอง
เมื่อเข้าในบ้านไม่มีใครได้ยินเสียงธามันบ่นสักคำ แต่ตอนที่ออกมาคุยกับนายช่างข้างนอกบ้าน ธามันจุกจิกจู้จี้จนนายช่างปาดเหงื่อ
“คิดว่าอีกนานไหมกว่าจะซ่อมบ้านเสร็จ”
“สักครึ่งเดือนครับ”
“ก็ดี” ธนวัฒน์พูดแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณทีมกังวลอะไรอยู่ครับ”

(มีต่อ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
« ตอบ #159 เมื่อ: 22-03-2019 19:07:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #160 เมื่อ22-03-2019 19:09:12 »

(ต่อครับ)

ธนวัฒน์พูดเสียงเบาลง “การที่นายย้ายไปอยู่บ้านนั้นกับน้องฉันท์ ทำให้พวกเขากำลังจับตา”
พี่ชายคนนี้ไมได้ห่วงน้องชายของตัวเอง แต่ห่วงอีกคนหนึ่งอยู่ต่างหาก “ฉันนัดคุยกับน้องฉันท์” เพื่อหวังถ่วงเวลาดึงความสนใจและแรงกดดันที่อาจเกิดขึ้นกับฉันท์ให้ห่างออกไปอีกนิด
ตอนที่กำลังคุยกันในตอนนั้น คิดว่าตนเองเหนือกว่าเพราะรู้บางสิ่งบางอย่างที่ธามันไม่รู้ แต่ในตอนที่ฉันท์กับจิโระกลับบ้านไปแล้ว มาจนถึงในห้องประชุมวันนี้ ทำให้ธนวัฒน์คิดว่า สิ่งที่รู้มันไม่ได้สำคัญเลยสักนิด เพราะในเวลาเดียวกัน ธามันก็ปิดเรื่องราวความขัดแย้งในครอบครัวไม่ให้น้องฉันท์ได้รับรู้เหมือนกัน
“เขาดูมีความสุขดีเวลาที่พูดถึงนาย”
แต่การที่ธามันมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขเวลานี้ก็ทำให้ธนวัฒน์ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก
“แต่ก้องเกียรติกิจการจะทำให้เขาไม่มีความสุข นายไม่...” พี่ชายพูดแล้วก็ถอนหายใจ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว”
“ผมทราบครับว่าผมซ่อนเขาไว้ตลอดไปไม่ได้ คุ้มครองเขาไม่ได้ตลอดเวลา แต่ผมก็อยากให้ทุกคนยอมรับเขา”
ธนวัฒน์ส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้”
“ผมจะพยายามครับ”
“แล้วนายก็ยังย้ายไปบ้านนั้นเร็วเกินไป”
“แต่มันถึงเวลาที่ผมควรต้องเข้าไป น้องอยู่ในครอบครัวใหญ่ก็จริง แต่คุณทีมก็เห็นแล้วว่า ในตอนที่พ่อของเขามีปัญหามีใครช่วยพวกเขาสักคนไหม มาถึงงานศพไม่มีใครช่วยรับเป็นเจ้าภาพแม้แต่คืนเดียว ผมไม่สามารถเป็นอีกคนที่ปล่อยเขาไว้แบบนั้น และถ้าผมไม่เข้าไปผมก็อาจกลายเป็นอีกคนที่สร้างปัญหาให้เขา เพราะผมซื้อที่ดินของเขาแล้ว”
“แต่ตอนนั้นนายดูเฉยๆ กับเขา”
“เพราะผมไม่แน่ใจเรื่องคุณทีมกับน้อง ถึงได้ส่งฐาติเข้าไปก่อน แต่หลังจากนั้นได้คุยกัน ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น”
“เข้าใจกันแล้วก็ดี” ธนวัฒน์หันออกไปมองนอกหน้าต่าง
ธนวัฒน์ไม่ได้ตัดใจ แต่เพราะไม่ต้องการเป็นอีก 1 ปัญหาในชีวิตของฉันท์ เขาอาจเป็นคนร้ายกาจกับพี่น้องของตนเอง แต่เขารักน้องฉันท์จริง ๆ
ก้องเกียรติกิจการยอมรับเรื่องการมีหลายบ้าน หรือหากจะมีประสบการณ์กับเพศเดียวกันก็ไม่ติดใจ แต่ต้องไม่ใช่การคบหาอย่างจริงจังแบบที่ธามันย้ายไปอยู่กับฉันท์ทัต
“ฉันไม่อยากแนะนำให้นายหาผู้หญิงสักคนมาบังหน้า เพราะถ้าทำอย่างนั้นน้องฉันท์ต้องเสียใจมากแน่ๆ”
ทุกคำที่เขาพูดแสดงความจริงใจ แต่กำลังทำให้น้องชายรู้สึกปวดใจ...อยู่หน่อยๆ
ธามันพูด “เมื่อเที่ยงวันอาทิตย์ ตอนที่เราเดินอยู่ในห้าง มีผู้หญิง 3 คนเข้ามาพูดกับน้องฉันท์” แค่เริ่มเรื่องธนวัฒน์ก็ขมวดคิ้ว ธามันก็เลยเปิดโทรศัพท์หารูป แล้วเลื่อนให้ดู “น้องไม่ได้โกรธ แต่ผมเชื่อว่าเขาอาย เพราะมีทั้งผม จิโระ และเจ้ากวางอยู่ด้วย ตอนที่กลับมาถึงบ้าน เขาบอกว่า เขารู้เรื่องคุณทีมอยู่แล้วก็เลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่กังวลว่าในตอนที่เปิดร้านอาจมีใครไปรบกวนที่ร้าน”
“ขอฉันคุยกับน้องฉันท์ได้ไหม” ธนวัฒน์ขออนุญาต
“ได้ แต่ผมต้องอยู่ด้วย” ธามันตอบทันที
“ทำไม ไม่มั่นใจในตัวเองหรือไง”
ธามันยกยิ้มมุมปากในแบบที่ธนวัฒน์เกลียดที่สุด “เรื่องของผมกับน้อง ไม่ต้องใช้ความมั่นใจหรอกครับ เราต่างก็รู้ใจตัวเองดี ว่าเรามีกันและกันมาตลอด แต่ที่ขออยู่ด้วยตอนที่คุยกันก็เพราะ...” ธามันชี้ไปที่นอกห้อง เห็นธาราและเลขาฯ ส่วนตัวอีก 3 คนเดินผ่านห้องทำงานไปและโบกมือทักทาย “ผมรู้ว่าคุณทีมหวังดีกับน้องตลอดมา และเรากำลังคุยเรื่องเดียวกัน”
ที่หน้าห้องทำงานของธามันไม่มีใครอีกครั้ง
“ผมรู้ว่าที่คุณทีมต้องการคุยกับน้อง ก็เพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจ ว่าน้องสนิทกับพวกเราทั้ง 2 คน หรืออาจจะ 3 เพราะรวมฐาติด้วย” ก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ผมขอบคุณมาก แต่ผมจะไม่ให้น้องมีจุดจบเหมือนคุณโจ”
ธนวัฒน์มองหน้าน้องชายด้วยความตกใจ “ธาม เรื่องโจน่ะ” สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความกังวล
“ผมขอโทษที่พูดถึงเขา” นี่คือแผลเป็นในหัวใจของพี่ชายต่างแม่คนนี้ และคือเงาหม่นสีเทาที่อยู่เบื้องหลังการกระทำหลาย ๆอย่าง
“นายรู้เรื่องเขาด้วยหรือ”
ธามันพยักหน้า “พวกเราเรียนโรงเรียนมัธยมที่เดียวกันนะครับ แล้วยิ่งตอนที่เกิดเรื่องขึ้น แม่ของผมต้องเอาเรื่องนี้มาขู่ผมอยู่แล้ว ว่าอย่าทำผิดพลาดเหมือนคุณทีม”
ธนวัฒน์เหยียดยิ้ม เขาถูกตราหน้าว่าเป็นความผิดพลาดอยู่เสมอในทุกเรื่อง แต่เขาก็ทำให้พวกก้องเกียรติมนตรีทุกคนต้องชดใช้ให้กับเขา
“ตอนแรกผมไม่ได้สนใจอะไรเลย นานหลายปีทีเดียวกว่าที่จะรู้ว่าคุณโจ...ไม่อยู่แล้ว แต่ในระหว่างนั้นผมสนิทกับอยู่กับฐาติ ต้องมาเจอเหตุบังเอิญที่ต้องทำให้ถูกลงโทษอยู่บ่อยๆ ผมก็เกลียดคุณทีมอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้นพอมาเกิดเรื่องกับพี่ณภัทร ผมก็ยิ่งไม่ชอบคุณทีม จนกระทั่งวันหนึ่งแม่รู้ว่าผมไปคอยรับส่งน้องที่หน้าโรงเรียน เขาถึงหลุดปากออกมาว่า อยากให้น้องต้องพบกับจุดจบเหมือนคุณโจหรือไง ผมถึงได้ย้อนกลับไปค้นหา ไปคิดถึงเรื่องที่มันเกิดในช่วงหลายปีมานี้ ทำให้เข้าใจได้ว่าคุณทีมทำอย่างนั้นทำไม แต่ตอนนั้นผมเลือกที่จะหนีปัญหา แล้วก็ค่อย ๆเรียนรู้ว่าผมหนีมันไปไม่ได้ ตราบใดที่ผมยังเป็นก้องเกียรติมนตรีอยู่”
“ฐาติรู้เรื่องของโจหรือเปล่า”
“ผมไม่แน่ใจเพราะไม่เคยพูดถึง ฐาติกับพี่น้องของเขาสนใจแค่เรื่องที่คุณทีมทำกับพี่ณภัทรเท่านั้น”
“แล้วนายก็เป็น 1 ในคนที่ช่วยพวกเขาจัดการกับฉันเพราะเรื่องนั้นมาตลอด”
น้องชายเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะพยักหน้ายอมรับในสิ่งที่ธนวัฒน์ก็รู้อยู่แล้ว
“ผมชอบการแข่งขันที่เท่าเทียม ผมไม่พูดเรื่องคุณโจกับใครอยู่แล้ว และผมก็ขอบคุณที่คุณทีมดูแลน้องเป็นอย่างดี”
“นายไม่คิดหรือว่าฉันจะ...”
“ผมเชื่อใจน้อง”
ธนวัฒน์ถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันเห็นน้องฉันท์ตั้งแต่เขาเรียนปี 1 ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร เพราะนักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ได้ปักชื่อนามสกุลเหมือนอยู่โรงเรียน แต่เห็นว่าเขาค่อนข้างปิดตัวเอง เขารับนัดคนอื่นก็จริง แต่มันจะแบบผ่าน ๆ ไป จนมาเห็นชื่อของเขาในบัตร เห็นนามสกุล ถึงได้ไปค้นข้อมูลดู เขาอยู่ในกลุ่มทายาทของเศรษฐีที่ดินเชียวนะ แต่พอคุยกันไปถึงได้รู้อะไรหลายอย่าง รวมถึงเรื่องของนายด้วย ยังคิดอยู่ตลอดว่า นายแยกกันไปก็ดีอยู่แล้ว”
“คุณทีมต้องการแค่ที่ดินของน้องหรือครับ”
“มันก็...” ธนวัฒน์หงายมือ “ก็อยากได้ทั้งที่ดิน ทั้งเขาน่ะแหละ แต่เขาเห็นฉันเป็นอาจารย์บรรณารักษ์ห้องสมุดมาตลอด”
นี่เป็นการเปิดใจที่เหนือความคาดหมายมาก
“ฉันชอบเขา แต่เขาไม่ได้ชอบฉัน รู้ว่าควรจะจบตั้งแต่ตอนที่เขาปฏิเสธ” ธนวัฒน์หันออกไปมองนอกห้องเห็นว่าพนักงานหลายคนกำลังทยอยกลับเข้ามาในห้องทำงาน “ฉันไม่เคยเฝ้ามองใครนานเท่าเขา ไม่เคยต้องตามจีบ และตัดใจแบบเขา สุดท้ายฉันยังต้องมาพูดกับคนที่ไม่ควรจะพูดด้วยมากที่สุดในเรื่องที่เกี่ยวกับเขาเสียอีก ที่ผ่านมาฉันยังคิดอยู่ว่านายอยากได้ที่ดินของเขา แต่พอเห็นสิ่งที่นายทำให้เขาและท่าทีของเขาเอง ฉันก็...”
ช่วงเวลาที่ธามันไม่อยู่ก็เหมือนกับนาฬิกาของฉันท์หยุดเดิน และมันเพิ่งกลับมาเดินหน้าไปอีกครั้งเมื่อธามันกลับมา
“เรื่องนัดคุยกับน้อง ผมจะนัดให้อีกทีนะครับ ช่วงนี้เขาต้องจัดการอะไรหลายอย่าง แล้วผมจะรบกวนคุณทีมเรื่องเพื่อนของเขาด้วย”
“เพื่อน”
“ครับ เพื่อนของเขาน่ะ ผมว่าเพื่อนกันเวลาทำงานแล้วจะห่างออกไปเป็นเรื่องปกติก็จริง แต่บอกให้เขาแวะมาคุยกับน้องบ้างก็ได้”
“นายรู้” ...ว่าต้อมคือคนของฉัน
“ก็เหมือนกับที่คุณทีมรู้เรื่องผมน่ะแหละครับ และคิดว่าน้องก็น่าจะรู้เหมือนกัน แต่เขาไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง”
ธนวัฒน์ไม่อยากพูดเรื่องของโจและต้อม จึงลุกขึ้นยืนเพื่อสรุปจบ
“นัดวันเวลามาแล้วกัน”
ธามันหัวเราะเบา ๆ เมื่อคิดว่า ถ้าเป็นฐาติก็คงจะแกล้งถามว่า นัดเรื่องไหน
ธนวัฒน์เดินไปเปิดประตูห้องทำงานแล้วถึงได้หันมาบอกกับธามันอย่างชัดถ้อยชัดคำ “แข่งขันกันอย่างเท่าเทียมในเรื่องงานถ้านายพลาดเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นคนแรกที่เหยียบนาย”
“ผมรู้” ธามันตอบพลางยักคิ้วในแบบที่ธนวัฒน์เกลียดที่สุดอีกครั้ง
....
ธนวัฒน์เคาะประตูเพียงครั้งเดียว ประตูห้องก็เปิดออก ชายหนุ่มดวงตายาวเรียวเปิดประตูห้องพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“คุณทีมเหนื่อยไหมครับ นั่งพักแล้วดื่มเบียร์เย็น ๆ ก่อนดีไหมครับ” ต้อมรับเสื้อสูทของธนวัฒน์ไปแขวน จากนั้นก็รีบไปหยิบเบียร์จากตู้เย็นมาส่งให้ และเมื่อธนวัฒน์นั่งลงที่โซฟาเบด ก็รีบตามเข้ามาถอดรองเท้าถุงเท้า
เป็นเวลา 4 ปีแล้วตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าห้องโรงแรมด้วยกัน จนถึงวันนี้ที่ได้อยู่ในคอนโดฯหรู หนุ่มเชื้อสายจีนดวงตายาวเรียวคนนี้ก็ยังดูแลปรนนิบัติโดยไม่ขาดตกบกพร่องเหมือนเดิม และทำให้เขากลายคนที่ธนวัฒน์มักนำไปเปรียบเทียบกับหญิงสาวคนอื่น ๆอยู่เสมอ
“วันนี้ผมซื้อหมูย่างบาร์บีคิวมาด้วย รับแกล้มเบียร์ดีไหมครับ”
ธนวัฒน์พยักหน้า มองตามคนที่เอาหมูย่างออกมาจากกล่องโฟมแล้วอุ่นในไมโครเวฟ จากนั้นก็เอามาจัดเรียงใหม่
“มานั่งคุยกันหน่อยสิ”
ดวงตายาวเรียวเหลือบมองผู้ที่ออกคำสั่ง ถือจานหมูย่างมาวางลงที่โต๊ะเล็กข้างมือของธนวัฒน์ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเล็กอีกตัว
“งานใหม่เป็นไงบ้าง”
“ก็ดีครับ”
“เข้ากับเพื่อนในที่ทำงานได้ไหม”
“พอได้ครับ”
ต้อมก้มหน้า 2 มือที่ประสานกันอยู่บนตักสั่นไหวเล็กน้อยด้วยความเครียด 
“ก็ดีแล้ว” ธนวัฒน์จิบเบียร์ “4 ปีมานี้เรามีความสุขดีหรือเปล่า”
ต้อมไม่เคยคบหาใคร และไม่เคยรู้ว่าเวลาที่ธนวัฒน์จะยุติการเลี้ยงดูใครสักคนเขาจะพูดอะไรบ้าง แต่เดาได้ว่า คำขึ้นต้นก็คงจะคล้าย ๆกับแบบนี้
“ผมมีความสุขดีครับ”
“แล้วมีคนที่ชอบหรือยัง”
ดวงตาที่ช้อนมองแดงเรื่อ ริมฝีปากเม้มสนิท
ธนวัฒน์จับที่ศีรษะเล็กรั้งเข้ามากอด จูบที่หน้าผากสวย แล้วส่งนามบัตรให้
“โครงการคอนโดฯ ใกล้ที่ทำงานของเรามีห้องชุด 2 ห้องนอน 70 ตารางเมตรที่ขายไม่หมด แวะไปดูว่าชอบไหม ถ้าชอบจะได้ให้คนงานเข้าไปตกแต่ง”
ต้อมที่เงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกทั้งดีใจและโล่งอกในเวลาเดียวกัน
“เป็นคนทำงานแล้วจะให้อยู่แบบ 40 ตารางเมตรได้ไง”
“ขอบคุณมากครับ”
“แล้วไปหาน้องฉันท์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่วันที่การาจเซลวันนั้นน่ะครับ แต่ก็โทรคุยกันเรื่อย ๆ นะครับ”
ธนวัฒน์พยักหน้า “แวะไปดูน้องฉันท์หน่อย แล้วถ้ามีคนจากก้องเกียรติกิจการไปหาเขา ก็บอกฉันด้วย”
“ผมถามได้ไหมครับ”
“จะถามอะไร”
“อยากให้ผมเอ่อ...ช่วยกันพวกเขา หรือยังไงครับ”
ธนวัฒน์ส่ายหน้า “โทรมาบอกก็พอ ที่เหลือก็แล้วแต่น้องฉันท์”
“ผมไม่ต้องคอยกันคุณธามันให้ห่างจากฉันท์ทัตหรือครับ”
“เขาอยู่บ้านเดียวกันแล้ว เราจะไปกันอะไรเขาได้อีก” ถึงจะชอบมากขนาดไหน แต่ถ้าอีกฝ่ายเลือกแล้วธนวัฒน์ก็ไม่คิดที่จะไปยื้อแย่ง บอกกับตนเองว่ายังมีคนโสดอีกมากมายที่จะไม่สร้างปัญหาให้ในเวลาที่ต้องการสลัดทิ้ง
มีโทรศัพท์เรียกเข้า ธนวัฒน์แค่เหลือบตามองหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วบอกให้ต้อมรับสาย
ทุกครั้งที่บอกให้รับสายจะหมายถึงการตัดขาดกับคนที่โทรมา ต้อมกดรับสาย ฟังอีกฝ่ายพูด จากนั้นก็บอกคนที่โทรมาด้วยประโยคที่รวบรัดชัดเจน
ธนวัฒน์จิบเบียร์ขณะที่มองต้อมคุยโทรศัพท์ จากนั้นก็บอกให้ไปเตรียมน้ำอุ่นให้ด้วย
ต้อมตัดบทคู่สนทนาแล้ววางสายในทันที
ธนวัฒน์มองตามหลังชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง รอยยิ้มอ่อนปรากฏอยู่ที่ริมฝีปาก ยกเบียร์ดื่มรวดเดียวแล้วเดินตามมาที่ห้องน้ำ

...จบตอนที่10...

มาเล่าเรื่องกำไลหางช้างกัน ที่มาเริ่มจากพี่ไจฟ์คิดถึงคำว่า เครื่องรางที่เป็นเครื่องประดับแล้วผู้ชายใส่ได้ แล้วก็มาหยุดที่กำไลเพราะผมว่านี่น่าจะเข้ากับฉันท์ทัตที่สุด แล้วเมื่อย้อนกลับไปดูเรื่องอื่น ๆที่เขียนมา ก็รู้สึกว่าฉันท์เป็นคนแรกที่ได้รับของออกแนวเครื่องรางของขลัง
อย่างชินได้ต่างหูรูปดาว แบรนด์เนม (วิบวับ โคตรอิชชี่อ้ะ)
ชุนได้ทุกอย่างที่อยากได้ เพราะพ่อรวย พี่ชายรวย ลุงทอมก็โคตรรวย
เฟื่องได้อสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์อีกมากมาย เพราะคุณพี่ดอกเตอร์แกโอนให้หมด
แล้วฟางคนซื่อได้อะไร ไม่ได้อะไรเลยนี่หว่า น้าตาลทำไมงกอย่างงี๊ๆๆๆๆ
โอเค กลับมาที่กำไลหางช้างนะ ดูเหมือนจะเป็นของที่หาซื้อได้ง่ายพิมพ์ในเว็บก็หาเจอ ทำไมของพี่ธามต้องสั่งจอง เพราะตอนที่หาข้อมูลตอนนั้น มีกำไลหางช้างที่สวยมากๆ และเอามาเป็นต้นแบบ เป็นของวัดหนึ่ง ที่เขาต้องจองน่ะสิ แต่พอจะเอารูปมาประกอบ ก็คิดว่าเราจะพูดถึงชื่อวัด จะเอารูปมาประกอบดีไหมหว่า เกิดเขาไม่ชอบใจอะไรขึ้นมา เรื่องมันจะไปกันใหญ่ ก็เลยตัดข้อความเหล่านั้นออกไป และไม่ใส่รูปครับ

น้ำชา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2019 20:14:36 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #161 เมื่อ22-03-2019 20:09:42 »

ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #162 เมื่อ22-03-2019 20:16:10 »

พี่ธามน้องฉันท์น่่ารัก  :impress2:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #163 เมื่อ22-03-2019 22:03:44 »

โล่งใจที่พี่ทีมยอมปล่อยมือจากน้องฉันท์
ดีใจกับต้อมที่ในที่สุดพี่ทีมก็เห็นความดี ความรัก ความภักดีของต้อมแล้ว
แล้วก็ปลื้มใจมากกกกกกก ที่พี่ธามกับพี่ทีมได้ปรับความเข้าใจกันซักที
สุดท้าย ฟินนนนนนน กับน้องฉันท์ด้วยนะจ้ะที่พี่ธามมาคุกเข่าขอแต่งงาน อิอิ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #164 เมื่อ22-03-2019 22:50:48 »

คุณทีมไม่ร้ายค่ะคุณ

ต้อมก็ไม่ร้ายค่ะ

งั้นคนที่ร้ายคือ

ยัยคึณนายแม่ของพี่ธาม

กับนามสกุลของพวกเขาเหรอ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #165 เมื่อ23-03-2019 05:58:08 »

โอยยยย ใจละลายมากค่ะ ชอบการแสดงออกของน้อง

เอ็นดูฉันท์มากเลยค่ะ ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ทำกับพี่คนเดียว
เค้าเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม ไม่มีตอบตกลง แต่เข้าใจได้เนาะ
ฉันท์น่ารักมาก น้องเอาใจใส่ ดูแล และเข้าใจ

ธามทำได้ดีนะรอบนี้ มีเซอร์ไพรส์ให้น้องยิ้มแก้มปริ
และพูดถึงน้อง คิดถึงน้อง เข้าใจและดูแลจิตใจได้ดี

ยกนี้ ทีมทำดี คิดดี ที่ไม่ยึดติดและไม่แย่งชิง
เห็นความจริงใจเยอะขึ้น แล้วคุยกับต้อมแบบนี้
จะออกมาดีใช่ไหม ดูอารมณ์ดี

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #166 เมื่อ23-03-2019 11:27:34 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #167 เมื่อ23-03-2019 14:22:34 »

แอบดองไว้ เดี๋ยวตามหลายตอนเลย
 :3123:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #168 เมื่อ23-03-2019 16:40:06 »



หวายยยย จำไม่ได้ว่าเผลอว่าอะไรคุณธนวัฒน์ไว้มั่ง 555555555555555


ว่าแต่อุปสรรคต่อจากนี้แลดูรุนแรงจังใส่เครื่องรางป้องกันตัวแบบนี้นี่คือป้องกันมนค์ดำ รึเปล่านี่

ว่าแต่แอบเม้าท์ช่วงตัวหนังสือสีเขียวๆ ว่าจริงๆควรหาของขลังไปฝากคอสสักหลายๆอย่างด้วย
คงดีต่อใจคอสจนต้องมีตอนพิเศษมาอีกตอนก็น่าจะดี  o18 
แล้วคีย์น้อยเรานี่ได้อะไรมั่งหว่า จำไม่ได้เลย  o22 ต้องไปรื้อความจำอีกรอบ



ขอบคุณค่ารอคอยตอนต่อไปเน้อ







ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #169 เมื่อ24-03-2019 02:22:45 »

ใครคือเดอะลาสบอสกันแน่
แม่ธามเหรอ  :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
« ตอบ #169 เมื่อ: 24-03-2019 02:22:45 »





ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #170 เมื่อ29-03-2019 20:11:17 »

รักน้องฉัน์ แต่แอบปัญใจให้กวาง :mew3:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #171 เมื่อ01-04-2019 11:28:32 »


ฮึบ - ฮึบ จะเปลี่ยนหน้ายังน๊อ


คิดถึงน้องแล้ววววววว


 :กอด1:


ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #172 เมื่อ01-04-2019 22:20:35 »

รอจิโระอยู่นะ

กับโอนนิซัง

เมื่อไรจะมา

คิดถึงพี่ธาม

คิดถึงน้องฉัน

และที่สำคัญ

รอบนี้คุณพี่ชายพี่ธามด้วยนะเออ

แต่จะให้ดี คุณนายแม่พี่ธาม

อย่าโผล่หน้าออกมาเลยจะดีที่สุด

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #173 เมื่อ03-04-2019 12:48:39 »

 :katai2-1: :L2: :L2:
 :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #174 เมื่อ04-04-2019 15:22:22 »




ก๊อกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


ไม่ได้เข้ามากดดันนักเขียนอันใด เพียงแต่อยากแวะมาบอกว่า


คิดถึงน้องงงงงงงงงงงงแล้วจ้า


เตรียมขนมกับน้ำไว้พร้อมแล้ว

ตอนต่อไปต่อให้หนักหน่วงแบบไหน แต่ขนมจะเยียวยาเราเอง

 :mew1:











ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่10 (22/3/2562)
«ตอบ #175 เมื่อ04-04-2019 18:17:01 »

คิดถึงแล้วจ้า

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่11 (6/4/2562)
«ตอบ #176 เมื่อ06-04-2019 20:16:13 »

ตอนที่ 11

ตอนที่กวางขี่รถจักรยานกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นว่าพี่ต้อมเพื่อนพี่ฉันท์กำลังปอกส้มให้ลุงกับป้าอยู่ที่แคร่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน
เด็กนักเรียนพลิกข้อมือนาฬิกาทันที จากนั้นถึงได้ยกมือไหว้ทั้ง 3 คน
“หนูมีกิจกรรม”
ป้าหันไปบอกกับต้อม ว่านี่เป็นประโยคที่กวางพูดทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้านหลัง 5 โมงครึ่ง จากนั้นก็หันมาเร่ง
“ไม่ต้องมาอ้างนั่นอ้างนี่รีบไปช่วยเจ้าฉันท์เร็ว ๆเลยใกล้จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว”
กวางรีบเข้าบ้านไปช่วยฉันท์จัดโต๊ะอาหารและเตรียมอาหารเย็นให้จิโระ
“ทัม หมั่ย กวัง จ๊า”  จิโระถาม
“ที่โรงเรียนเขามีกิจกรรม”
“กิจ กัม คือ อารัย กวัง เม ทู้ก วัน”
จิโระพูดเก่ง ถามเก่ง บางทีกวางก็เบื่อจะตอบ แต่พี่ฉันท์บอกว่าอย่าเบื่อที่จะตอบคำถามหรือคุยกับน้อง เพราะน้องจะได้พูดไทยชัดขึ้น เวลาไปโรงเรียนจะได้ใม่ถูกเพื่อล้อ
ตอนเรียนอนุบาลน่ะไม่มีใครเขาล้อเลียนกันหรอกพี่ฉันท์ ต้องรอชั้นประถมก่อนแล้วมันก็จะพัฒนาความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้ารอดสายตาครูมันก็จะท้าทายให้เราเล่นแรงขึ้น และขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดการกับเรื่องพวกนี้อย่างไร จะหนี สู้ หรือเฉย ๆ
แต่พูดไปพี่ฉันท์ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ดังนั้นกวางจึงรับหน้าที่เตรียมความพร้อมให้กับจิโระในการรับมือกับเพื่อน ๆ ที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นแบบไหน
...ไงล่าววว เจอวิชาการของกวางน้อยศิษย์พี่ฉันท์เข้าไป อึ้งละสิ
พออาหารเย็นพร้อม ฉันท์ก็เดินไปเรียกลุง ป้ากับต้อมเข้ามากินข้าวพร้อมกัน แต่พอทุกคนอิ่มแล้ว ตอนที่กำลังเก็บโต๊ะทำความสะอาด ต้อมถึงได้มากระซิบถามว่าปกติธามันจะกลับมากี่โมง
“ไม่แน่นอนหรอกสองทุ่ม สามทุ่ม บางทีก็ไปงานเลี้ยงคุยกับลูกค้ากลับมาเที่ยงคืน”
ต้อมพยักหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงระดับเดิม
“ขอกูคุยกับมึงหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ”
และประโยคแรกที่ต้อมพูดขึ้นเมื่อนั่งลงที่แคร่ใต้ต้นไม่ใหญ่หน้าบ้านก็คือ “กูรู้จักกับคุณทีม”
คิดไม่ถึงว่าฉันท์จะพยักหน้ายอมรับง่าย ๆ
“มึง ไม่ว่าอะไรหรือ”
“จะว่าอะไรล่ะ” รู้จักกันก็ดีแล้วนี่
“มึงเพิ่งรู้ว่ากูรู้จักเขา หรือรู้มานานแล้ว”
“เราควรต้องนิยามคำว่ารู้จักก่อนที่จะเคลียร์กันไหม” ฉันท์พูดทั้งยิ้มกว้าง ต้อมก็เลยเสียงดัง
“เหี้ย กูเครียดนะ มึงยังมาทำตลก”
“ก็แล้วมึงจะเครียดทำไม”
“เพราะถ้ามึงรู้ความจริง มึงอาจเกลียดกูก็ได้”
“มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยเกลียดใคร”
อันนี้จริง ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาฉันท์ทัตไม่เคยเกลียดใคร ดังนั้นต้อมจึงไม่อยากเป็นคนแรกที่ถูกเกลียด แต่ดูท่าแล้วคงต้องย้อนไปเล่าเรื่องตั้งแต่ตอนที่เรียนปี 1
“กูรู้จักคุณทีมมาตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ปี 1 กูชอบเขาแต่เขามองมึงอยู่”
ตอนนั้นธนวัฒน์ยังมองฉันท์ทัตอยู่ห่าง ๆ
ฉันท์พยักหน้า “อ๋อ”
“อ๋ออะไร”
“อ๋อ ก็คือมึงชอบเขาก่อน แล้วจีบเขาไง”
“กูจีบเขาก่อน” ต้อมยอมรับ “แต่ตอนนั้นเขามีผู้หญิงอยู่ 3 คนแล้ว” คือจำนวนจะเพิ่มขึ้น ลดลง บางช่วงเหลืออยู่คนเดียวก็มี มากถึง 4 คนก็มี
ฉันท์ทัตดูไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่
“ไม่น่าจะเรียกว่าคนรักหรือแฟน แต่น่าจะเรียกว่าเด็กเลี้ยง แล้วกูก็เป็นหนึ่งในนั้น หน้าที่หลัก ๆ ก็คือคอยกันไม่ให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ มารบกวนมึง”
ฉันท์ทัตเอียงคอเพราะมีคำถาม “แปลก ๆนะ”
“ยังไง”
“ถ้าตอนปี 1 กูยังไม่รู้จักเขาเลยนะ แล้วจะมาคอยกันเพื่ออะไร”
“ก็เอาเป็นว่าเขาสั่งแบบนั้น” ต้อมอธิบาย “กูเองก็ไม่รู้ว่าเขาเริ่มใช้ข้อบังคับนี้กับทุกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าตอนที่คุยกัน เขาบอกว่า อย่าให้มึงรู้ว่ากูเป็นอะไรกับเขา ถ้ามึงรู้เมื่อไหร่ก็คือจบทุกอย่าง”
ฉันท์ยังคงมีสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อที่ต้อมเล่ามา
“ตอนแรกก็คิดว่าเพราะเขาจะจีบมึง อยากมีภาพที่ดีกับมึง” แต่ก็ไม่เห็นว่าธนวัฒน์จะเข้าหาฉันท์สักที “จากนั้นถึงได้รู้ว่าเขาก็บอกกับผู้หญิงคนอื่นของเขาเหมือนกัน แล้วเขาก็เลิกกับคนที่จ้างเด็กแว้นมาปล่อยลมยางรถมึงที่มหาวิทยาลัยจริง ๆ”
ฉันท์นึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนเรียนปี 2 ในวันนั้นออก เพราะก็ได้ต้อมมาช่วยเปลี่ยนยางให้แล้วก็ไปที่ร้านซ่อมยางด้วยกัน
...มันไม่ใช่อุบัติเหตุ...
“แต่กูเพิ่งคุยกับเขาครั้งแรกก็ตอนปี 4 แล้วนะ”
“เพราะงั้นมึงถึงได้คิดว่าเขาไม่ได้ชอบมึงจริง ๆ ใช่ไหม”
“อืม เขาชอบกู รู้จักกู แต่อยู่กับมึงมาตั้งแต่พวกเราอยู่ปี 1” ฉันท์มักเลือกใช้ถ้อยคำที่สวยงามอยู่เสมอ ขนาดจะประชดก็ยังใช้คำสวยงาม 
“แต่เขาชอบมึงจริงๆ เวลาอยู่ด้วยกันก็มักถามถึงมึงอยู่เสมอ แล้วมาตอนที่มึงเริ่มคุยกับเขาแล้วน่ะ เวลามึงโทรมาหา เขาจะดีใจมาก”
ฉันท์ทัตโอบไหล่เพื่อนไว้
“ตอนที่เขารู้ว่าคุณธามย้ายมาอยู่กับมึงแล้ว ทีแรกเขาก็โกรธนะ จากนั้นเขาก็ดูกังวล ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้”
“เขาทำร้ายมึงหรือเปล่า” เพื่อนเป็นห่วง
“ไม่เท่าไหร่หรอก” ต้อมบอกปัด
นั่นเป็นครั้งแรกที่ธนวัฒน์ลงมืออย่างรุนแรง และกล่าวโทษที่ต้อมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย  ต้อมยอมรับความผิดนั้นแต่โดยดี แต่ไม่สามารถห้ามความน้อยใจเอาไว้ได้ในตอนที่ต้องลงไปซื้อยากลับมาทำแผลให้ตนเอง และต้องหยุดงานไป 2 วัน ทั้งหลังจากนั้นธนวัฒน์ก็ไม่ติดต่อกลับมา ต้อมเองก็ไม่กล้าโทรหา หลายวันผ่านไปก็เริ่มเก็บของในห้อง เพราะคิดว่าคงถูกบอกเลิก
แล้วเขาจะให้ผู้หญิงคนไหนของเขามาบอกให้เราเก็บของออกไปจากห้อง...
แต่แล้วธนวัฒน์ก็กลับมา “เมื่อวันก่อนเขาบอกว่าผู้หญิงของเขามาทักมึง แล้วบอกให้กูมาดูแลมึงด้วยว่าเป็นไงบ้าง”
ฉันท์ทัตยิ่งดูมีคำถามมากกว่าเดิม “ยังไงเขาก็แปลกอยู่ดี”
แต่ต้อมไม่เห็นว่าแปลก เพราะธนวัฒน์ไม่เคยจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวของเขาเอง
“ฉันท์ ที่กูมาเพราะอยากรู้ว่ามึงเป็นไงบ้าง”
“กูไม่ได้เป็นอะไร แค่สงสัยที่เขาทำอะไรแปลก ๆ” เหมือนมีความลับที่เล่าไม่ได้
“เขาชอบมึงก็ต้องอยากรู้ว่ามึงเป็นไง”
“แล้วทำไมเขาไม่มาถามเอง” ฉันท์อธิบาย “เขาอยากรู้ว่ากูรู้สึกยังไงที่คนของเขามาหาเรื่องกู แต่เขากลับให้มึงมาถาม ทั้งที่ผ่านมาเขาสั่งให้มึงรักษาความลับระหว่างมึงกับเขาไว้ แล้วมึงเองก็รักษาความลับนี้ไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ผู้หญิง 3 คนนั้นสำคัญมากเลยหรือ”
“3 คนหรือ”
ฉันท์ส่ายหน้า “น่าจะเป็นคนที่ทักคนเดียว แต่อีก 2 คนเป็นเพื่อน แต่ท่าทางก็พร้อมจะหาเรื่องมาก”
“นั่นก็พอที่จะเป็นห่วงแล้วไม่ใช่หรือ” ต้อมถามกลับ
“เป็นห่วงมากจนเปิดเผยความลับเรื่องมึง”
“เรื่องความลับของกูกับเขา กูคิดว่า น่าจะเป็นเพราะเขาเห็นว่ามันถึงเวลา ในเมื่อคุณธามย้ายมาอยู่กับมึง กูเองก็เรียนจบแล้ว”
ฉันท์มีคำถามในใจ ที่คิดว่าจะไปถามธามันในภายหลัง
“ตั้งแต่แรกมากูรู้สึกเหมือนเขาชอบมึงและกลัวว่าจะชอบมึงมากกว่าเดิม เขาถึงทำอะไรที่มันไม่เป็นเหตุเป็นผลแบบนี้”
ฉันท์ทักส่ายหน้า “ถ้ากูบอกตามตรงมึงจะโกรธกูไหม”
“บอกว่า...”
“กูไม่สนใจว่าเขาคิดกับกูยังไง ไอ้ที่กูพูดเรื่องที่สงสัยอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้เขามาบอกกับกูด้วยตัวเอง เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เวลาอยู่ด้วยกันเขาเป็นผู้ใหญ่มาก” ฉันท์ย้ำ “แต่พอเฉลยออกมา กลับกลายเป็นว่า เขาทำอะไรหลายอย่างที่มันขัดแย้งกันเอง”
เพื่อนตัวสูงไม่มีความเห็น
“อีกอย่าง กูอยากขอโทษมึงมากกว่าที่ไม่เคยสังเกตไม่ระแคะระคายอะไรเลย ทำให้มึงต้องมาฟังเขาคุยกับกู นั่นมันต้องเป็นความรู้สึกที่แย่มากแน่ ๆ”
เพื่อนแค่ยักไหล่ “ก็เจ็บเอาการ แต่พอเขาวางสายจากมึงเขามักจะอารมณ์ดี”
“ต้อม มึงนะ” ฉันท์ทัตไม่สนใจธนวัฒน์เลยสักนิด “มึงชอบเขาขนาดนี้เลยหรือ”
ต้อมพยักหน้า “แปลกใจไหม”
“แปลกใจสิ รักเขาแล้วต้องยอมตามใจเขาขนาดนี้เลยหรือ มึงทำใจได้ยังไงเวลาที่เขาไปหาคนอื่นน่ะ”
“ตอนแรกที่รู้ก็เจ็บอยู่เหมือนกัน กูก็คิดเหมือนคนอื่น ๆ นะ ว่ากูจะเป็นคนสุดท้ายของเขา แต่ก็ไม่ใช่ คิดว่าในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้า ก็ต้องไปให้สุด”
“มึงไม่ได้แข่งกีฬานะ” 
“แต่กูเริ่มนับหนึ่งไปแล้ว กูรู้แค่ว่ากูอยากได้ผู้ชายคนนี้ ก็เลยยอมทุกอย่าง” ต่อให้ไม่ได้หัวใจก็ยอม “ที่ผ่านมาเด็กของเขามีแต่ผู้หญิง มีแต่กูนี่แหละที่เป็นผู้ชาย เขาเองก็มักจะนัดให้กูไปรอเขาที่โรงแรม” อย่าหวังว่าจะไปเดินเที่ยว หรือกินข้าวพบเจอคนอื่น “เหมือนเขาแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ จนมาถึงตอนเขาเช่าคอนโดฯ ให้อยู่ให้รถไว้ใช้ กูก็เพิ่มระดับของการหลอกตัวเองว่าเป็นเมียเก็บของเขา”
    “รถนั่นเขาก็ให้มาด้วยละสิ” นิ้วมือสวยชี้ไปที่รถยุโรปคันเล็กที่จอดอยู่ที่หน้าบ้าน
“อืม”
“สัดเหอะ” อยู่ดี ๆ ฉันท์ทัตก็ด่าแบบยิ้ม ๆ “อย่างงี้มึงก็ไม่ได้ใช้เงินเดือนเลยน่ะสิ”
“ใช้สิสัด” ต้อมปาดท้ายทอยเพื่อนไปที “เขามีเด็กเลี้ยงตั้งหลายคนจ่ายให้คนละ 2 ถึง 3 หมื่นต่อเดือน เดี๋ยวคนนั้นอยากได้นั่น คนนี้อยากได้นี่” ดังนั้นต้อมจึงเลือกเป็นคนที่ไม่ได้เรียกร้องอะไร ให้ก็รับ ไม่ให้ก็ไม่เรียกร้อง ไม่สร้างความวุ่นวายใจให้ ทำให้ธนวัฒน์มีแต่ความสบายใจอยู่เสมอ และกลายเป็นคนที่อยู่กับธนวัฒน์ได้นานที่สุด
“สรุปคือมึงอยู่กับเขาเพื่ออะไร”
“ก็เพื่อให้ได้อยู่กับเขาไง” ช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมาสรุปได้แค่คำนี้จริง ๆ
ฉันท์ทัตส่ายหน้าน้ำตาซึม “มึงนะ”
“คำสารภาพของกูจบลงแล้ว ทีนี้ก็เข้าเรื่องต่อไป” ขยับตัวนั่งหลังตรง ท่าทางจริงจัง “มึงไม่ต้องกังวลเรื่องคนที่จะเข้ามาหามึงเพราะเรื่องคุณทีม”
ฉันท์ทัตเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่ง “ทำไมต้องกังวล”
“มึงไม่กลัวพวกนางมาดักตบมึงหรือไง”
คนตัวเล็กส่ายหน้า “ก็กูไม่ได้อะไรกับพี่ทีมนี่”
แต่ที่ได้ยินมาเหมือนคุณทีมจะห่วงว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะไประรานฉันท์ที่ร้านข้าวต้ม
“ไม่ได้อะไรกับเขา แต่นางพวกนั้นมันเชื่อว่ามีไง เพราะคุณทีมมักกำชับว่าห้ามมายุ่งวุ่นวายกับมึง” และต่อให้ฉันท์เรียนจบออกมาแล้ว พวกนางก็ต้องรู้จัก “หน้าจอโทรศัพท์เขา ในโทรศัพท์เขามีแต่รูปมึง ยังไงนางพวกนั้นก็ต้องกลับไปหาข้อมูลเรื่องของมึงอยู่แล้ว”
ต้อมเป็นเพื่อน รู้ทุกอย่างมาตั้งแต่แรก เวลาที่ได้ยินธนวัฒน์คุยโทรศัพท์กับฉันท์ ยังรู้สึกปวดใจ แล้วผู้หญิงเหล่านั้นจะไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไร
ต้อมส่ายหน้า “มึงเคยดูโทรศัพท์เขาบ้างไหม”
“เฮ้ย ทำได้ไง เสียมารยาท” ฉันท์ทัตตอบทันที
“แล้วเคยดูโทรศัพท์คุณธามหรือเปล่า”
คราวนี้ยิ้มแหย “อยากดูเหมือนกัน แต่ไม่เคยดูหรอก”
คุยกันอีกสักพักหันไปมองในบ้านเห็นจิโระเกาะขอบหน้าต่างมองมา ฉันท์ทัตก็เลยจะสรุปเรื่อง
“แล้ววันนี้ไม่ต้องรีบกลับไปรอเขาที่ห้องหรือไง”
ต้อมส่ายหน้า “วันนี้กูบอกว่าจะมาหามึง เขาก็เลยจะไปหาเด็กอีกคน”
“อีกคน” พอพูดออกไปแล้วให้ความรู้สึกว่าตัวเองดูโง่ชมัด
“เด็กใหม่น่ะเพิ่งได้มาสักสองอาทิตย์” เป็นช่วงที่ธนวัฒน์หายไป “เห็นว่ามีโมเดลลิ่งแนะนำมา เป็นเด็ก ม.5 หน้าตาดีอยากเป็นดารา หาเสี่ยเลี้ยง”
“เด็กจัง”
“แต่แบบนี้ไม่ผูกมัดไง อย่างมาก 2 เดือนก็จะมีเสี่ยอีกคนมารับไป”
นี่ยิ่งทำให้รู้สึกโง่กว่าเดิม “นั่นเป็นโลกที่กูไม่รู้จัก อยากเป็นดาราก็ไปเรียนการแสดงสิ”
“โอ้วววว เจ้าชายครับ” ต้อมหัวเราะเสียงดังขณะที่ลุกขึ้นยืน “เจ้าชายไม่สมควรทำความรู้จักกับโลกตอแหลทางฝั่งนี้นะครับ อยู่ในโลกที่มีแต่คุณธามกับจิโระ กับลุงป้าของเจ้าชายน่ะดีอยู่แล้ว”
ฉันท์อ้าปากเหมือนจะพูดบางอย่างแล้วเปลี่ยนใจ
“มึงจะพูดอะไร พูดมาเลยนะ กูเพื่อนมึง” ต้อมร้อนตัว
“จะบอกว่า ถ้ามึงไม่สบายใจในโลกที่มึงอยู่ มึงก็ย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับกูก็ได้ แต่มึงคงไม่มาเพราะมึงรักเขา”
ต้อมกอดไหล่เพื่อนไว้ “วันหนึ่งกูต้องมาอยู่ฝั่งเดียวกับมึงแน่นอน เด็กเลี้ยงน่ะมันมีอายุของมันเอง พอไม่สด ไม่สวยงาม เขาก็ไปหาคนใหม่ ที่มันสด แล้วก็สวยงาม”
ฉันท์ทัตยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นกูไม่อวยพรนะ อยากให้มึงมาอยู่ฝั่งเดียวกับกูเร็ว ๆ อยากให้มึงได้รับความรักที่ไม่ต้องแบ่งให้ใคร”
และในตอนที่ธามันกลับมาถึงบ้าน คำแรกที่ฉันท์ทัตบอกก็คือ “วันนี้ต้อมมาหา”
ธามันพยักหน้า พอเดินนำเข้ามาในบ้านหันไปเห็นว่ากวางยังไม่เข้านอน ก็ขอน้ำเย็น เพราะเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาว
“วันนี้ผมเพิ่งรู้เรื่องของพี่ทีมกับต้อม” ฉันท์เอียงคอมองหน้าอีกคนแล้วก็เข้าใจ “พี่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้บอกผม”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา และเราก็ต้องรู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด”
กวางหันขวับมามองหน้าธามันทันที ทำปากยื่นแล้วหันไปอ่านหนังสือต่อ
“ต้อมบอกว่าพี่ทีมให้มาคุยเรื่องที่คนของเขาเข้ามาทักผมที่ห้าง” เรื่องนั้นมีแต่ธามันกับกวางที่รู้เรื่อง
ธามันดื่มน้ำเย็นไปครึ่งก้วแล้วเรียกกวางเข้ามาหา แต่หันมาถามกับน้องตามตรง “รู้เรื่องของกวางไหม”
“ผมเห็นกวางคุยกับคุณฐาติมาตั้งนานแล้ว” ฉันท์บอก “และรู้สึกขอบคุณคุณฐาติกับพี่ด้วยที่ให้กวางมาอยู่กับผม แต่พอวันนี้พี่ทีมให้ต้อมมาหาอีกก็เลยรู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมทุกคนถึงได้เป็นห่วงผมนัก”
ธามันหันไปพยักหน้ากับกวางที่กลอกตามองบน
“ผมไม่เป็นไรจริง ๆ”
“โอเค ไว้เราคุยเรื่องนั้นทีหลัง ตอนนี้เราควรจะคุยเรื่องของคุณทีมกับต้อมและฐาติกันก่อน”
กวางไปรินน้ำเย็นอีกแก้วให้ฉันท์ เติมน้ำเย็นให้ธามันแล้วรีบนั่งลง
“บอกก่อนนะกวาง ว่านี่เป็นสิ่งที่ควรเข้าใจความเป็นฐาติ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปพูด ไปปรับเปลี่ยนอะไรเขา”
กวางพยักหน้าเข้าใจ...อันนี้เข้าใจจริงๆ เพราะพี่ธามย้ำหลายครั้งแล้ว
“ตอนที่คุณทีมเรียนมัธยม เขาเคยมีคนรักเป็นผู้ชายชื่อคุณโจ เป็นเพื่อนในห้องเรียนเดียวกัน บรรดาพี่น้องผู้ชายที่เรียนโรงเรียนเดียวกันก็เห็น แต่พวกเราทำกับเขาเหมือนเขาเป็นคนนอกของครอบครัวมาตลอด ทุกคนรู้แต่ไม่ได้คิดที่จะเอาไปพูด จนมาถึงงานเลี้ยงวันเกิดของคุณทีม เขาพาเพื่อน ๆ มาที่บ้าน ในกลุ่มนั้นมีคุณโจอยู่ด้วย”
ธามันหยุดอธิบายเพิ่มเติมกับฉันท์และกวางก่อน “ลุงธนัชพ่อของฐาติมีลูก 6 คนโดยมีพี่ณภัทรเป็นพี่สาวคนโตของบ้าน เธอดูแลน้อง ๆ ทุกคนรวมถึงพี่ด้วย ถ้าจะเปรียบเทียบแล้วเธอก็เหมือนแม่อีกคนของพวกเรา”
ทั้ง 2 คนพยักหน้า
“แล้วในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณทีม ที่เขาพาคุณโจมาด้วยเนี่ยเขากะจะเปิดตัวหรือไงครับ” กวางถาม
“ไม่รู้หรอว่าเขาคิดอะไร เพราะความที่เราหันหลังให้เขามาตลอด ไม่ชอบกันก็ไม่สนใจ เขาพาใครมาก็เรื่องของเขา”
“โคตรจะผู้ชาย” กวางทำปากยื่นอีกครั้ง
ธามันหัวเราะ จากนั้นก็เล่าต่อ “ที่จริงในงานน่ะมีเพื่อนของคุณทีมหลายคน แต่เขาแสดงออกกับคนนี้พิเศษมาก อาจเพราะยังอายุน้อย ไม่เข้าใจว่าครอบครัวที่แข่งขันกันสูงมากแบบก้องเกียรติมนตรี จะเห็นเป็นจุดอ่อนที่เอามาใช้โจมตีกันในภายหลัง”
ธามันหันไปมองคนที่หน้าซีดในทันที แล้วเอื้อมไปจับมือไว้
“ในห้องจัดเลี้ยง เขากับเพื่อนก็ร้องเพลงเล่นเกมกันไป เราคนที่ไม่ชอบกัน ก็ทำเป็นรักกันดีต่อหน้าพ่อ ๆ จากนั้นก็หลบออกมานั่งเล่นเกมกันอยู่อีกห้องหนึ่ง” คนเล่าเรื่องหันไปหากวาง “เรื่องนี้พี่กับพี่น้องหลายคนได้ยินกับหูตัวเอง คุณเพียงใจที่เป็นแม่ของคุณทีมเขาถามขึ้นมาในวงสนทนาของพวกผู้หญิงว่า เด็กผู้ชายที่อยู่กับคุณทีมน่ะเป็นใคร แล้วพี่ณภัทรเป็นคนตอบ แล้วบอกว่าได้ยินมาจากพวกคนรับใช้คุยกันอีกที จากนั้นเรื่องมันก็ตึงเครียด เมื่อมีคนพูดขึ้นมาว่าลูกชายคนโตของนายธนาเป็นเกย์”
กวางให้ความเห็น “รู้ไหม ยิ่งพี่ธามตัดรายละเอียดออกไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งชัดเจนว่ามันต้องไม่ใช่บทสนทนา หรือการแสดงความเห็นธรรมดาแน่นอน” มันต้องจิกกัดกันแบบเจ็บแสบได้เลือด แล้วมันต้องมีประโยคร้ายกาจประเภทเห็นอยู่กับตาขนาดนั้นยังจะถามให้ได้อะไร แล้วคุณเพียงใจคนนั้นต้องกลับไปเกรี้ยวกราดเอากับลูกชายแน่ ๆ
“มันไม่น่าจำสักเท่าไหร่” ยอมรับกันตามตรง “พี่เองตอนนั้นก็รู้แต่ว่าไม่ชอบคุณทีม ไม่ได้สนใจอะไร รู้แต่ว่าทุกคนน่ารำคาญ เวลาแม่พี่มาถามพี่ก็เดินหนี ไม่เข้าใจว่าจะไปยุ่งไปอยากรู้เรื่องของเขาทำไม หลังจากนั้นก็ไม่เห็นคุณโจอีก”
ผู้ฟังทั้ง 2 คนส่งเสียงอุทานอย่างเหนือความคาดหมาย
“ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็หันมาเอาใจคุณทีม ถึงขั้นหาผู้หญิงให้ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงดูผู้หญิง เขาเองก็รับไว้จนมาเป็นคุณทีมในวันนี้”
“ทั้งที่ตอนนั้นเขาเรียนมัธยมน่ะนะ” กวางถาม
“ใช่”
“แล้วพี่ถูกกดดันอะไรด้วยหรือเปล่าฮะ”
“ก็แค่ถูกเตือนว่าอย่ามีแฟนเป็นผู้ชาย อย่าทำตัวอย่างคุณทีม” มือใหญ่ที่จับมือผอมบางไว้เพิ่มน้ำหนักขึ้น “เรามีวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนกัน ตอนต่อไปนี้พี่อยากให้ฟังให้จบก่อน”
“ฮะ”
“วันหนึ่งพวกเราทั้ง 3 บ้านไปเที่ยวด้วยกัน คุณทีมขับรถของพี่ณภัทร ในรถก็มีทั้งพี่ ทั้งฐาติแล้วก็พี่ชายอีก 2 คนของฐาติอยู่ด้วย”
“เขาไม่ถูกกันนี่แล้วทำไมยอมให้ขับรถ” กวางท้วง แต่ธามันไม่ตอบ
“เราเกิดอุบัติเหตุรถเสียหลัก พี่ณภัทรที่นั่งข้างคนขับบาดเจ็บสาหัส เพราะเป็นฝั่งที่รถอัดเข้ากับต้นไม้ เขาต้องรักษาต่อเนื่องจนไปเรียนต่อไม่ได้ ส่วนคนอื่น ๆ บาดเจ็บเล็กน้อย พี่เองพออาการดีขึ้นก็ไปเรียนต่อคนเดียว”
“แบบนี้มัน...” คนเจ้าคำถามนึกคำพูดไม่ออก
“กลุ่มพี่น้องของฐาติโกรธมากเพราะรู้ว่าคุณทีมเจตนา และยังคิดแค้นคุณทีมมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ส่วนคุณทีมหลังจากวันนั้น เขาก็กลับไปอยู่บ้านเขา พอเรียนจบไปทำงานที่มหาวิทยาลัย จนพี่เรียนจบเขาถึงได้กลับมาที่บริษัท ก่อนที่พี่จะกลับมา”
ผู้ฟังถอนหายใจพร้อมกัน
“พี่เพิ่งรู้เรื่องคุณโจก็ตอนที่กลับมาเมืองไทยเมื่อ 4 ปีก่อน” มาถึงเรื่องที่เกี่ยวกับน้อง และอยากให้น้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี “แม่พี่รู้ว่าพี่หนีออกมาอยู่อพาร์ทเม้นท์ของน้อง แล้วเขาพูดถึงคุณโจขึ้นมา พี่ถึงได้รู้ว่าคุณโจไม่ได้ลาออกจากโรงเรียนหรือหนีไปไหน แต่ที่จริงแล้วเขาฆ่าตัวตาย”
คนฟังทั้ง 2 คนตกใจ ฉันท์ที่หน้าซีดอยู่แล้วซีดลงไปมากกว่าเดิม
เรื่องและภาพของพ่อกับแม่ย้อนกลับมาเตือน จนธามันต้องหยุดเล่า รอจนฉันท์พยักหน้าก็เล่าต่อ
“เราไม่รู้ และไม่มีวันเข้าใจว่าเขาต้องพบเจอกับอะไรขนาดไหน ถึงได้ฆ่าตัวตาย แต่พอมองย้อนกลับไป พี่ก็คิดว่าทุกคนรวมถึงตัวพี่เองที่ทำเกินไป ตอนนั้นคุณทีมกับคุณโจยังเป็นนักเรียนมัธยมด้วยกันทั้งคู่ ในอนาคตพวกเขาอาจพบเจอใครใหม่แล้วแยกกันไป รักตอนเรียนมัธยมมันมักจบลงแบบนั้น” มือที่จับมือน้องไว้ยังไม่คลายออก “แต่พี่ไม่อยากให้เรื่องของพี่กับชิรายูกิจบลงแบบนั้น ก็ต้องหาทางให้เราได้อยู่ด้วยกัน”
“แต่จากที่คุยกับต้อมในวันนี้ ผมว่าฝั่งพี่ทีมเขาก็ลดความแรงลงไปเยอะแล้ว เขาห่วงแค่ว่าบ้านเล็ก ๆ ของเขาจะมาทำร้ายผมหรือเปล่า ต้อมเองก็น่าสงสารเหมือนกัน” ฉันท์บอก “เหลือแต่คุณฐาติ ถ้ารู้ว่าความคิดของพี่เปลี่ยนไปก็คงจะโกรธ”
“เอาเป็นว่าเข้าใจความคิดของเขา ว่าเรื่องมันยาวนานมาหลายปี แล้วที่จริงพี่ก็เข้าข้างฐาติอยู่หน่อย ๆ ว่าคุณทีมทำเกินไป”
ทั้งที่ธามันสรุปจบแล้ว แต่กวางยังไม่อยากให้จบ
“หนูว่าน้าเขาไม่เคยลดความไม่ชอบคุณทีมลงเลยนะ เพราะตั้งแต่แรกมาน้าเขาก็อยากให้พี่ ๆ เลิกกันอยู่แล้ว ยิ่งเวลาที่เห็นคุณทีมมาที่นี่เขาก็จะแบบ...” กวางทำเสียงฮึดฮัด “ทำไมธามยังชอบฉันท์อยู่ได้นะ ดูสิ เขาคบคนอื่นไปตั้งนานแล้ว”
ฉันท์หันไปส่ายหน้ากับธามันในทันที
“ผมเปล่า”
ธามันยิ้มขำ “พี่เข้าใจ แต่อยากให้รู้ว่าต่อไปชิรายูกิอาจต้องพบเจอกับอะไร ก็ขอให้เชื่อพี่ เหมือนที่พี่เชื่อชิรายูกิ”
“ฮะ” ฉันท์ไม่สนใจยิ้มกว้างของเจ้ากวาง “แต่พี่จะคุยกับคุณฐาติยังไง”
“ไม่คุย” ธามันหันมาบอกกวาง “พี่ณภัทรมีบุญคุณกับพวกเขาทุกคน ถ้าไม่มีพี่ณภัทรพี่น้องทั้ง 6 คนก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วเรื่องคุณโจเนี่ย ถ้าไม่ได้ออกจากปากคนที่ทำเรื่องนี้เอง ฐาติก็คงไม่ยอมรับ”
ฉันท์ที่มีสีหน้าดีขึ้นเอียงคอมองธามัน “สำนวนที่ว่าศัตรูคือคนที่รู้จักเราดีที่สุดเป็นอย่างนี้เอง”
“คุณทีมน่ะศัตรู แล้วน้าก็เป็นศัตรูด้วยหรือไง” กวางถาม
“ถ้าจะเป็นก็คงจะกับพี่คนเดียวน่ะแหละ” ฉันท์รีบยกมือ “ถึงผมจะเฉื่อย แต่ผมก็รู้ตัวนะ ถ้ามีคนไม่ชอบผมน่ะ”
กวางชี้พี่ 2 คนพร้อมกับยิ้มกว้าง “รู้แล้ว 2 คนนี้มีนิสัยเหมือนกันเป๊ะก็ตรงที่ถ้าไม่ชอบ ก็จะไม่สนใจ”
“จะสนใจทำไมโลกนี้มีคนตั้งกี่ล้านล้านคน” ธามันบอกด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“อันนี้ไม่เหมือนแล้ว” ฉันท์ออกตัว “เพราะถ้าไม่ได้ชอบเขา หรือเขาไม่ได้ชอบผมก็ห่าง ๆ ออกมาดีกว่าเขาจะได้ไม่ต้องรำคาญเวลาที่มีผมอยู่ใกล้ ๆ”
“แล้วทำไมยังรับนัดคุณทีม ทั้งที่ไม่ได้ชอบเขา” ธามันแกล้งทำสีหน้าจริงจัง
“พี่อ้ะ” ฉันท์หน้าตาเหรอหรา “เคลียร์ไปแล้วไม่ใช่หรือ”
กวางหัวเราะคิกคักรีบวิ่งไปเก็บหนังสือเรียน
“เคลียร์แล้ว แต่เวลาพูดถึงเขาขึ้นมาแล้วมันทำให้อารมณ์ไม่ดี แล้วนี่เขายังให้ต้อมมาคอยเฝ้าอีก มันชักยังไงกัน ติดกล้องวงจรปิดในบ้านดีไหม” ธามันทำบ่น
กวางได้แต่แอบหัวเราะคนที่กำลังแกล้งคนรักอย่างจริงจัง
...พี่ฉันท์นี่อ่อนจริง ๆให้ตายเหอะ

(มีต่อ)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่11 (6/4/2562)
«ตอบ #177 เมื่อ06-04-2019 20:17:55 »

(ต่อครับ)

ตารางเวลาในแต่ละวันของธามันยาวนานเกินกว่าวันละ 24 ชั่วโมง ทั้ง 1 สัปดาห์ก็ดูจะมากกว่า 7 วัน
ทุกวันจะออกไปทำงานแต่เช้า มากกว่า 3 วันใน 1 สัปดาห์จะมีงานเลี้ยง งานแต่งงาน และการแสดงความยินดี เช้าเสาร์คือไปออกรอบเล่นกอล์ฟ บางครั้งมีแถมช่วงค่ำไปเล่นเทนนิส
แต่จะว่าไปเรื่องทั้งหมดทั้งมวลที่เกี่ยวกับพี่ธาม  ไอ้กวางน้อยไม่มีสิทธิ์มาบ่นอะไร เพราะตั้งแต่อาหารเช้า ยันรอเปิดประตูบ้านตอนเที่ยงคืน พี่ฉันท์ขวัญใจกวางน้อยเขาจะเป็นคนจัดการทั้งหมด
"พี่ธามนะ ไม่เคยมีความเห็นอะไรเลยนะ พี่ฉันท์ทำอะไรให้กิน ก็กินได้ทั้งหมดขนาดมีอยู่วันนึง ชงกาแฟแล้วลืมใส่น้ำตาล เขายังแค่จิบนิดนึงแล้วกินต่อ พี่ฉันท์เห็นเขาหยุดชะงักก็นึกขึ้นได้ จะชงให้ใหม่แต่พี่เขาก็บอกว่าเขากินได้"
"ที่บ้านนั้นไม่มีใครกินกาแฟหรือ" ฐาติถาม
"ไม่เลย" กวางส่ายหน้าแล้วเล่าเรื่องของคนที่บ้านต่อ "ลุงเคยกินตอนหนุ่ม ๆ แล้วก็เลิกไป พี่ฉันท์ดื่มชาตอนบ่าย ส่วนจิโระดื่มนม”
ฐาติเกาหน้าผากตัวเอง แต่ก็ปล่อยให้เจ้าเด็กนักเรียนโม้ไปกินไอศกรีมของชอบของมันต่อไป
“ตอนที่พี่ธามย้ายเข้ามานะ วันแรกพี่ฉันท์เขาก็รีดเสื้อให้ เสื้อเขาเนี๊ยบมาอยู่แล้วใช่ป้ะน้า แต่ย้ายไปย้ายมาจะยับหน่อย ๆ ไง พี่ฉันท์เอามารีดให้ แต่พอเอาไปแขวน ป้าจะเดินมาดู นี่ตรงนี้ไม่เรียบ ตรงนี้ไม่เนี๊ยบ" กวางทำท่าจิกนิ้วได้เหมือนป้าแจ่มจิตมาก
"แล้วทำไมมึงไม่ทำเอง หรือไม่ก็ส่งซักรีด"
"เหอะ" กวางทำปากยื่น "หนูได้ทำเสื้อเขาเสียหายหมดละสิไม่ว่า แต่พี่ธามมาอยู่ได้สักอาทิตย์เขาก็ส่งซักรีด ปรากฏว่านี่เลย หลานสาวคุณป้านักซักรีดแห่งซอย 72 รีดกางเกงพี่ธามดเป็นรอยขาวเลยครับ”
“รอยขาว?”
“ก็เวลาที่เราใช้ไฟแรงเกินแล้วมันจะเป็นรอยขาว ๆ ตรงจีบกางเกงน่ะสิ” กวางขมวดคิ้วมอง “น้าไม่เคยรีดผ้าแหง”
“เออ ไม่เคยหรอก”
“น้าไม่รู้หรอกว่าน้าพลาดอะไรดี ๆ ไปมากขนาดไหน”
“ขนาดนั้นเลยหรือ”
เด็กนักเรียนทำหน้าตาเหนือกว่าผู้ฟังเป็นอย่างมาก “ช่าย การทำงานบ้านได้จัดการเรื่องของทุกคนในบ้าน และของตัวเราเอง ให้ทุกคนมีเสื้อผ้าสะอาดใส่ มีอาหารอร่อยกิน คือภารกิจสำคัญของความเป็นผู้ใหญ่”
ฐาติหัวเราะเสียงดัง “มึงเป็นผู้ใหญ่แล้วละสิ”
“อะ แน่นอน หนูดูแลทุกคนเลยนะ เอ๊ะ เดี๋ยวสิ เมื่อกี้หนูเล่าเรื่องกางเกงพี่ธามใช่ไหม แล้วน้ามาชวนคุยเปลี่ยนเรื่องทำไมเนี่ย”
“อ้าว กูผิดอีก” กูเปลี่ยนเรื่องตรงไหนวะ
“ก็เออสิครับ คุยกันอยู่ 2 คนนี่นา” 
ฐาติโบกมือ “เออ กูผิดเอง มึงอยากพูดอะไรก็พูดมา” ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ นอกจากธามันแล้วก็มีเจ้าเด็กนี่แหละที่ขัดใจไม่ค่อยได้
“ดีมาก” นักเรียนตากลมหัวเราะอิอิก่อนที่จะเล่าเรื่องต่อ “พอกางเกงพี่ธามเขามีรอยช้ะ พี่ฉันท์เขาก็รีบไปห้าง ไปหาจนได้กางเกงแบบเดียวกัน แต่ร้านซักรีดในห้างเขานัดให้ไปรับของวันถัดไป หนูกับจิโระก็เลยได้ไปเดินห้างด้วย”
“อ้อ จะคุยว่าได้ไปเดินห้างกับพี่ฉันท์ว่างั้น”
“น้าอ้ะ บอกว่าอย่าขัดคอไง แต่มันจริง” หน้าตาระรื่นมาก “จิโระน่ารักนะน้า ไม่งอแงอยากได้อะไรเลย หรือเพราะที่ญี่ปุ่นมีของน่ารักมากกว่าบ้านเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ฉันท์เขาเดินจูงมือไปทางไหนก็ไป แต่ทีนี้เดิน ๆ อยู่มีผู้หญิง 3 คนเข้ามาทักถามว่าฉันท์ทัตหรือเปล่า แล้วก็พูดไม่ดีกับพี่ฉันท์ด้วย หนูกับพี่ธามก็เลยไล่ไป”
เอ๊ะ ตรงนี้ส่ง S.O.S ไปบอกน้าแล้วนี่หว่า ทำไมน้าดูเหมือนลืมไปแล้ว
คนแก่ก็เงี้ยะ...
“พี่ฉันท์ของมึงรู้จักเขาไหม”
มือเล็กๆ เคาะที่คางมน “ไม่รู้อ้ะ ไม่เห็นเขาพูดอะไรกับ 3 คนนั้น”
“แล้วเขามาทักทำไม”
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนที่กลับออกมาถึงบ้าน พี่ธามกับพี่ฉันท์ออกไปคุยกันตั้งนาน”
“ผู้หญิงหรือ อายุประมาณคนทำงานหรือนักศึกษา”
“น่าจะนักศึกษานะ อึ๋ม ๆหน่อย” กวางทำมือขยายคำว่าอึ๋ม
ฐาติรู้แล้วว่า หญิงสาวกลุ่มนี้เป็นใคร
“พี่ฉันท์ของมึงเขาคงตกใจน่ะ ตอนที่เจอกับพวกทวงหนี้เขาก็เป็นแบบนี้”
กวางมองหน้าคนที่จิบกาแฟหลังแสดงความเห็น
“อะไร”
“เปล่า เพิ่งนึกได้ว่าน้ามาเจอพี่ฉันท์ตอนงานศพ ทั้งที่แอบมองเขามาตั้งหลายปี”
“พูดให้มันดี ๆหน่อย” ไอ้เด็กนี่จู่ ๆก็พูดจาไม่เข้าหู “กูไม่ได้แอบมองเขา แต่เป็นเพราะธามจ้างให้ทำหรอก”
ไอ้เด็กนี่กลับทำหน้าตาพิกล “นั่นยิ่งแย่กว่าเดิมเสียอีก”
“ก็มันจริง ถ้าไม่ใช่เพราะธามจ้างให้ทำ เรื่องอะไรกูจะต้องไปที่อพาร์ทเม้นท์เก่า ๆ นั่น”
และเพราะไปที่นั่นถึงได้เจอกับไอ้เด็กกวนประสาทคนนี้ไง
“เหอะ น้าไม่รู้หรอกว่าอพาร์ทเม้นท์เก่า ๆ นั่นค่าห้องถูกสุดในละแวกนั้น ถึงตอนที่พ่อพี่ฉันท์มีปัญหาเรื่องเงินเขาก็ไม่คิดจะขึ้นค่าห้อง ลุงกับป้าที่เป็นคนดูแล ก็ดูแลทุกคนจริง ๆ ตอนที่พี่ฉันท์ไปบอกว่าจะขายตึกนะ ทีแรกทุกคนก็ตกใจ จากนั้นก็พากันเป็นห่วง”
“แล้วบรรดาญาติพี่น้องเขาล่ะ”
“เขาก็อยู่แถวนี้แหละ” กวางชี้ไปรอบ ๆ “จะมีก็ลุงรองที่บ้านอยู่ซอยฝั่งตรงข้ามโน้นที่เขาแวะมาหาบ้าง ส่วนคนอื่น ๆ มีแต่โทรมาเรียกให้พี่ฉันท์ไปหา เขาไม่อยากมาบ้านนี้เพราะเขากลัวผีพ่อพี่ฉันท์น่ะ” เด็กมัธยมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผู้ใหญ่อย่างเปิดเผย “ตระกูลพี่ฉันท์นี่ถ้าจะให้นินทาคงต้องเขียนแฟมิลี่ทรี”
“รู้จักแฟมิลี่ทรีกับเขาเหมือนกันนะเรา”
“น้า หนูอยู่มัธยมแล้วนะไม่รู้จักได้ไง”
“เออ เล่าต่อ”
“ก็อย่างที่รู้อะ ว่าตอนที่พ่อเขาอยู่เขาเกเร ปู่ก็กลัวว่าจะผลาญสมบัติหมดก็ไม่ยกอะไรให้เลย พวกพี่ ๆ ของเขาก็แบ่งกันไป แล้วพอเขามีปัญหาทุกคนก็หันหลังให้ ลุงรองก็ช่วยไม่ไหว เพราะเขาก็อยู่ในกลุ่มลูกเมียรองมาตั้งแต่...” กวางทำมือไม้ยุ่งเหยิง “เอาเป็นว่าพ่อของเขาเองก็ไม่ได้สมบัติ ไม่ได้กินเงินกงสีทำงานราชการจนเกษียณ บ้านที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ก็รับมรดกต่อกันมา”
..นินทา เอ่อ คุยเรื่องของฉันท์ทัตกับเจ้าเด็กนี่มา 4 ปี แต่เจ้าเด็กนี่ไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องญาติพี่น้องของฉันท์ทัตสักเท่าไหร่ บอกว่าเป็นพวกคนรวยไร้น้ำใจ ห่วงแต่เงินของตนเองจนไม่เข้ามาช่วยตอนที่ลำบาก ในทางตรงข้ามแทบจะทุกครั้งที่เจอกันเจ้าเด็กนี่มักจะพูดขอบคุณว่าถ้าไม่ได้น้าช่วยไว้ พี่ฉันท์ก็คงจะแย่กว่านี้ เวลาที่ได้ยินแล้วมันทำให้มีกำลังใจที่จะเสือก เอ่อ ช่วยธามันดูแลน้องฉันท์ของมันต่อไป
“สรุปคือลุงรองนี่เขาก็ไม่ได้ช่วยเหมือนกัน”
“ตอนงานศพ น้าเห็นพวกเขาที่มางานไหมล่ะ มาขอขมา มาฟังสวดศพ มาช่วยงานแล้วก็กลับ พ่อกับแม่หนูบอกตลอดแหละว่าคนรวยก๊กนี้แปลก กับคนอื่นไปช่วยเขาได้ เลี้ยงเขาได้ นี่คนในสายหลักของครอบครัวแท้ ๆ ถึงตอนอยู่จะเป็นยังไง แต่ตอนตายก็ต้องมาช่วยกัน แต่นี่เขาจะช่วยเป็นเจ้าภาพสักคืนยังไม่ทำ”
“เขาคงกลัวถูกโยงกับเรื่องหนี้สินของพ่อฉันท์มากกว่า” ก็เจ้าหนี้มารอตั้งแต่รดน้ำศพอย่างนั้น
“คนทำตลาดก็มีอิทธิพลในระดับหนึ่งนะน้า”
ฐาตินิ่งคิด “บางทีพ่อฉันท์กับพี่น้องเขาคงขัดแย้งกันหนัก แล้วจากที่ฟังมา ทางนี้ก็ทิฐิเอาเรื่องเก็บปัญหาทุกอย่างไว้กับตัว อย่าเพิ่งรีบไปสรุปวิจารณ์อะไรเลย เพราะเท่าที่เห็นฉันท์ก็ดูไม่มีปัญหาอะไรกับญาติพี่น้องคนอื่น ยังเข้าได้ทุกบ้านนี่นา”
กวางพยักหน้า “ช่าย วันนี้ก็เอากล้วยกับชมพู่ในสวนไปให้...ลำดับญาติยังไงดีหว่า”
“พี่ฉันท์ของมึงเรียกเขาว่ายังไงก็เรียกตามนั้นแหละ”
“งั้นก็ปู่” เล่าเยอะต้องจิบน้ำสักหน่อย “แต่พวกเขาไม่ค่อยจะมาหาพี่ฉันท์ที่บ้านกันนะ จะโทรมาบอกให้ไปหา”
“ก็พี่ฉันท์มึงเด็กกว่าเขา แล้วที่เล่า ๆ มานี่ดูแต่ละคนมีอายุแล้วทั้งนั้น”
“ก็จริง” กวางเห็นด้วย “แต่ไหน ๆ ก็นินทาแล้วนะ นินทาต่ออีกนิดเหอะ คนบ้านลุงเอกที่เป็นเจ้าของตลาดนี่น่าเพลียที่สุดแล้ว”
“คนนี้คุมมรดกส่วนใหญ่ใช่ไหม”
“ใช่ ย่าของพี่ฉันท์ก็ยังอยู่กับเขา แก่มากแล้วบางทีก็หลงลืม”
“เขาจำฉันท์ได้ไหม”
กวางเอียงคอ “บางทีก็เรียกผิดนะ เรียกยูกิ”
“ยูกิ”
“แม่พี่ฉันท์ไง พ่อเขาชื่อฉลอง แต่พี่ฉันท์เหมือนแม่มากกว่า ก็เรียกชื่อแม่”
“อ้อ เออใช่ ลืมไป” มัวแต่กำลังคิดบางอย่าง “ตลาด ตึกแถว แล้วก็บ้านเช่าหลังตลาดนั่นของเขาทั้งหมดเลยใช่ไหม”
“ใช่ มีมากกว่านี้นะ เห็นว่ามีที่ดิน มีคอนโดฯ อะไรอีกไม่รู้ รู้แต่รวยอยู่บ้านเดียว” เจ้าเด็กแสบทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ลุงเอกมีลูก 3 คนคือพี่อ้าย พี่เอื้อย แล้วก็พี่เอม แต่คนที่เป็นมือขวาของพ่อคือพี่เอื้อย เพราะพี่อ้ายเขาได้เมียเป็นเจ้าของร้านทองอยู่แถวรังสิต ก็แยกออกไป ส่วนพี่เอมได้ผัวเป็นตำรวจอยู่นครพนมก็ย้ายไปอยู่กับผัว”
“พี่เอื้อยไม่มีแฟนหรือ”
“นางเป็นมือขวาให้พ่อแม่ของนาง ทั้งคุมตลาด คุมห้องแถว ห้องเช่า คุมคนงาน คุมบัญชีให้พ่อ น้าคิดว่านางจะมองผู้ชายแบบไหน”
“มึงอย่ามาถามเรื่องเดาใจผู้หญิง นั่นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดแล้ว”
“ที่จริงก็ไม่เชิงว่านางจะทำคนเดียวหรอก เพราะลุงเอกก็ยังอยู่ ลุงแต้มที่เป็นน้องคนรองก็ยังอยู่ เขาก็มาช่วยคุมพวกคนงานในตลาดอยู่ด้วย”
คุยเรื่องครอบครัวฉันท์สมควรต้องเขียนแฟมิลี่ทรีจริง ๆ แต่ก็สรุปได้ว่าที่ผ่านมาลูกคนโตของบ้านใหญ่คุมเบ็ดเสร็จ แต่พอมาถึงรุ่นปัจจุบัน ลูกคนโตไม่ต้องการคุมตลาด จึงส่งงานให้กับน้องสาวคนรอง แต่น้องสาวคนรองกำลังคนไม่พอต้องได้แรงหนุนจากน้องชายคนที่ 2 ของพ่อ
แล้วพ่อของฉันท์อยู่ตรงไหน
“อยู่ที่ 5 เอก แต้ม ต่อ เกียรติ ฉลอง แต่ลุงต่อแยกไปทำตลาดนัดแถวกระทรวง ทำตลาดห้องแอร์ ไม่ได้มาอะไรกับตลาดนี้ คนที่ชื่อเกียรติถูกยิงตายตั้งแต่เรียน ม.3 ส่วนพ่อพี่ฉันท์ก็อย่างที่รู้กันอยู่” 
เรื่องยิงกันในวงการตลาดสดนี่มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือไงนะ
ฐาติถอนหายใจยาว ธามันรู้ตัวไหมนี่ว่าได้เมียแบบไหน
ถึงฉันท์จะดูใส และมีโลกส่วนตัวสูงแต่ก็ต้องได้นิสัยแบบนักเลงหน่อย ๆ มาบ้างละวะ
จู่ ๆ กวางก็วกมาถาม “แล้วน้ารวยป้ะ”
“ถ้ารวยจะมารับจ้างธามทำไม”
กวางหัวเราะร่วน “น่าสงสารจริง”
“ต่อไปกูต้องให้มึงเลี้ยงแล้ว”
กวางชะงักไปชั่วอึดใจแล้วพยักหน้ายิ้มกว้างไม่ได้พูดอะไร ตักไอศกรีมคำสุดท้ายแล้วบอก “งั้นวันนี้น้าเลี้ยงไอติมหนูเป็นวันสุดท้ายแล้วกันนะ”
“อ้าว เฮ้ย”
กวางยกนิ้วชี้ขึ้น “อย่าเพิ่งตกใจ เพราะตอนนี้พี่ธามให้เงินเดือนหนูตรง ๆ แล้ว น้าไม่ต้องจ่ายให้หนูละ”
ใจหายว่ะ ใจหายจริง ๆ นะ แม่งเอ้ย ธามแม่งทำงี้ได้ไงวะ แม่งต้องคุยกันเยอะว่ะงานนี้
“แล้วไปเอาเงินเขาทำไม”
“ก่อนนี้เขาก็จ่ายเงินเดือนให้หนูไม่ใช่หรือไง”
“เปล่า กูนี่ กูจ่ายเองทั้งนั้นแหละ เงินเดือนมึง ค่าเทอมกูก็จ่าย” เคยบอกไปนานแล้วไม่ใช่หรือว่าเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ ก็ส่งเงินให้กับมืออยู่ทุกเดือน หรือเด็กนี่จะเชื่อจริงจังว่าฐาติเป็นคนหน้าเงิน รับเงินค่าจ้างจากธามแล้วมาแบ่งจ่ายให้น่ะ
แม่งเอ้ย ยังมีภาพดี ๆ อยู่ในสมองของไอ้เด็กนี่บ้างไหมวะ
“แต่เดือนนี้เขาจ่ายให้หนูแล้วอ้ะ” กวางทำแก้มพอง “เขาให้ค่าใช้จ่ายในบ้านกับพี่ฉันท์ แล้วพี่ฉันท์ก็แบ่งมาจ่ายให้หนู ก็ถือว่าเขาจ่ายเหมือนกัน”
“ช่างเหอะ สรุปว่าไม่ต้องรับเงินเขาละกัน รายจ่ายธามมันเยอะแล้ว”
กวางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “พี่ธามน่ะนะ”
“เออ” มือใหญ่ตบโต๊ะ “ห้ามรับเงินจากเขา จะอะไรก็ห้ามหมด จะค่าเทอม กิจกรรม สมุด ดินสออะไรนั่นด้วย”
“น้า สมุดดินสอนั่นเบิกได้”
“ก็เออ ไม่รู้โว้ย แม่ง ธามแม่งทำงี้ได้ไงวะ แล้วนี่คิดหรือยังว่าจบมัธยมแล้วจะยังไงต่อ”
“ให้เรียนต่อหรือ”
“เรียนต่อสิ จะต่อวิชาชีพ หรือวิชาการอะไรก็เรียนเถอะ มึงจะเลี้ยงจิโระไปจนเขาเรียนจบมหาวิทยาลัยหรือไง”
“น้า” กวางเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่ง
“เออ”
“หวงเหรอ”

ตั้งแต่ธามันย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับฉันท์ทัต หน้าที่ของฐาติก็เหลือเพียงการจัดการงานด้านกฎหมายให้กับหนุ่มคนนั้นตามที่ธามันบอกให้ทำ แล้วทำไมยังนัดเจ้าเด็กนี่มานั่งนินทาพี่ธามกับพี่ฉันท์อยู่ทุกอาทิตย์เหมือนเดิมก็ไม่รู้
ฐาติไม่รู้
ไม่อยากรู้
หรือกลัวที่จะรู้ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน

....จบตอนที่ 11...

กวางนี่มันแสบจริง ๆ เนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2019 17:31:32 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
Re: Kiss the Snow ตอนที่11 (6/4/2562)
«ตอบ #178 เมื่อ06-04-2019 21:04:00 »

โอ้ยยยยย รักเด็กกวางงงง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่11 (6/4/2562)
«ตอบ #179 เมื่อ06-04-2019 21:26:11 »

มีความสุขที่ได้อ่าน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด