Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 30170 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow
« เมื่อ08-12-2018 19:01:24 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7.การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
...

Kiss the snow
ความนำ

ชิรายูกิ หิมะสีขาว

ที่หมู่บ้านห่างไกลในยามหน้าหนาวมีหิมะโปรยปรายลงมา เด็กๆ ในหมู่บ้านต่างดีใจออกมาช่วยกันปั้นตุ๊กตาหิมะไว้ที่ลานกลางหมู่บ้าน
ตุ๊กตาหิมะสีขาวตัวใหญ่ ตกแต่งด้วยผลไม้เป็นดวงตา จมูก และปาก
ตุ๊กตาหิมะ เฝ้ามองดูเด็กน้อยที่แวะมาทักทาย จนถึงวันที่หิมะตกหนักจนเด็กๆ ไม่สามารถออกจากบ้านมาทักทายตุ๊กตาหิมะได้ รอจนถึงวันที่อากาศอบอุ่นมาเยือน ตุ๊กตาหิมะก็ละลายหายไป
รอจนถึงปีหน้า พวกเขาก็จะปั้นตุ๊กตาหิมะตัวใหม่ขึ้นมา
...แต่ไม่ใช่ตัวเดิม...

ชื่อชิรายูกิเป็นชื่อในภาษาญี่ปุ่นที่มีแต่พ่อกับแม่ที่เรียกด้วยชื่อนี้ ชื่อจริงของหนุ่มคนนี้คือฉันท์ทัต วีนิตา ซึ่งทั้งครูและเพื่อน ตลอดจนญาติพี่น้อง เรียกชื่อย่อว่าฉันท์ 
การที่เป็นหนุ่มที่มีใบหน้าหวาน ทำให้ถูกทักถามว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น รอยยิ้มหวานของชิรายูกิกลายมาเป็นจุดเด่น
บ่ายวันนั้นอากาศดี พอเลิกเรียนพิเศษชิรายูกิก็ขับรถคันเล็กมาส่งแก้วตาที่เป็นเพื่อนสนิท
บ้านของแก้วตาอยู่ในซอยลึก หัวข้อสนทนาในระหว่างการเดินทางก็ยังเป็นเรื่องเดิม คือเพื่อนในห้องเรียน อาจารย์ กับการเดินทางของแก้วตาที่ไม่ได้สะดวกสบาย สุดท้ายคือเรื่องของวิพุธที่เป็นคนรักของชิรายูกิที่วันนี้ไปต่างจังหวัดกับครอบครัว ทำให้ไม่ได้ไปเรียนพิเศษด้วยกัน
ชิรายูกิจอดรถคันเล็กก่อนถึงหน้าบ้านของแก้วตาเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้บังประตู รอจนเพื่อนเดินเข้าบ้านไปแล้วชิรายูกิจึงเลื่อนรถผ่าน เพื่อที่จะไปกลับรถด้านในซอย
แต่ตอนที่ขับรถผ่านบ้าน เหลียวมองทางขวามือเพื่อมองเพื่อน ทำให้เห็นรถอีกคันที่จอดอยู่ภายในโรงรถ ดูคุ้นตาจนหัวใจเต้นแรง จนต้องจอดรถแล้วเดินกลับมาดู
วัยรุ่นชายคนหนึ่งเดินอ้อมมาจากหลังบ้าน ส่งเสียงทักทายแก้วตา แล้วหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่นอกรั้วบ้าน
ทำไม่ไม่คุยกันต่อ หัวข้อสนทนาเหล่านั้นกำลังน่าสนใจ
ทำไมวิพุธต้องทำหน้าตาตกใจ
ทำไมแก้วตาต้องเริ่มร้องไห้
ชิรายูกิเอียงคอมอง ยกยิ้มมุมปาก แล้วหันหลังเดินจากมา
จากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นคนไม่มีตัวตนในสายตาของชิรายูกิ
ต้องเป็นเพราะเหตุการณ์นั้นที่ทำให้ทุกคนเริ่มพูดกันว่า ชิรายูกิเป็นคนเย็นชา เป็นคนใจร้าย และสารพัดถ้อยคำที่จะนึกออก
แปลกที่คนถูกหลอกคือคนที่ถูกวิจารณ์
ส่วนคนหลอกลวง ได้รับการยกย่องว่ามีสิทธิ์หลอกลวง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชิรายูกิต้องร้องไห้อยู่คนเดียว เก็บข้าวของต่างๆ ที่วิพุธให้มาทิ้งถึงขยะ และลบรูปของทั้ง 2 คนออกจากโทรศัพท์
จากนั้นก็ไปเรียนด้วยสีหน้าเฉยเมย
เมื่อเวลาผ่านไป ชิรายูกิ เชื่อว่าเพราะว่าเป็นรักครั้งแรกถึงได้รู้สึกรุนแรง และฝังใจขนาดนั้น
เพียงแต่ในช่วงไม่ถึงเดือนหลังจากนั้น ยังมีอีกเรื่องที่ไม่น่าจดจำเกิดขึ้น
และเพราะว่ามันไม่น่าจดจำ มันถึงได้กลายเป็นเรื่องที่จดได้ไม่เคยลืม...
....

ธามัน อาณาจักรเทพเจ้า

ธามัน ก้องเกียรติมนตรี หรือธาม ไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่จบมัธยมปลาย แต่ตอนนี้กลับมาเยี่ยมครอบครัวนานถึง 2 เดือน ซึ่งว่าที่จริงสมควรใช้เวลา 2 เดือนนี้ท่องเที่ยวกับครอบครัวให้คุ้ม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ่ายวันหนึ่งทำให้ต้องเปลี่ยนความตั้งใจ
ตอนนั้น ธามันอยู่ที่บ้านของลุง กำลังช่วยฐาติที่เป็นญาติผู้พี่จัดโต๊ะสนาม
ฐาติเกิดก่อนธามันแต่ธามันไม่เคยเรียกฐาติว่าพี่
ตอนที่พบกับชิรายูกิครั้งแรกมีฐาติญาติผู้พี่คนนี้อยู่ในเหตุการณ์ และยังคงอยู่ในเหตุการณ์ต่อไปอีกนานหลายปี
ในวันนั้น ที่บ้านหลังข้าง ๆ มีวัยรุ่นชายอยู่คนหนึ่ง ดูใบหน้าท่าทางแล้วน่าจะเป็นนักเรียนมัธยม กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว ฐาติก็ไปตะโกนชวนเขาคุย พอหนุ่มคนนี้กลับเข้าบ้าน ฐาติก็มาเล่าว่า จริง ๆ แล้วบ้านนี้มีลูกสาวชื่อแก้วตา แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ของบ้านนี้ไม่อยู่ เมื่อวันก่อนเพิ่งมาบอกว่า ฝากดูบ้านให้ด้วยเพราะลูกสาวอยู่ตามลำพัง และในฐานะเพื่อนบ้านแสนดีทำหน้าที่ดูแลบ้านเขาและลูกสาวอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทำให้ได้รู้ว่า มีหนุ่มนักเรียนมาค้างอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อวาน
ตอนที่เล่าเรื่องสีหน้าท่าทางของฐาติดูผิดหวังอยู่หน่อย ๆ แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับว่า กำลังอกหักจากน้องสาวข้างบ้าน แต่ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังที่เด็กหญิงแก้มใสที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็ก จะกลายเป็นสาวรสจัดไปในวันนี้
ธามันกับฐาติช่วยกันจัดโต๊ะสนามได้อีกครู่หนึ่งก็มีรถญี่ปุ่นคันเล็กผ่านหน้าบ้าน ฐาติก็ชะเง้อคอยาวมองตามแก้วตานักเรียนหญิงหน้าตาน่ารักเดินเข้าบ้าน หนุ่มที่อยู่ในบ้านเดินอ้อมมาจากประตูหลังบ้าน แล้วพูดทักทายกับแก้วตา
ไม่สิ...
ถ้าแค่ทักธรรมดาก็คงไม่เท่าไหร่ แต่เพราะหนุ่มคนนั้นกอดเอวหญิงสาว แล้วจูบแก้ม.....
แต่มันเป็นภาพที่ธามันไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ ที่พบเจอในอเมริกามันมากกว่านี้ แต่เพราะเมื่อรถเล็กแล่นผ่านหน้าบ้านไปแล้วจอดอีกครั้ง คนที่ก้าวลงมาจากรถเป็นหนุ่มตัวเล็ก ผิวขาวจัด ตากลมโต จมูกโด่งกับริมฝีปากจับจีบสวย ที่ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก
แปลภาษาท่าทางแบบนี้ ในแบบที่ธามันอยากจะแปลตามใจตัวเอง มันคือประโยคที่บอกว่า ‘คนเลวย่อมคู่กับคนเลว’
หนุ่มน้อยคนนั้นกลับไปแล้ว 2 คนที่ข้างบ้านก็กลับเข้าไปแล้ว แต่ใบหน้าของหนุ่มคนนั้นยังติดตาติดใจธามัน จะตกใจหรือเย้ยหยันก็น่ามอง ธามันสนใจถึงขนาดที่ติดสินบนให้ฐาติไปถามหาว่าหนุ่มคนนั้นเป็นใคร
ฐาติผู้แสนดีรีบจดรายการสินค้าแบรนด์เนมที่อยากได้มายื่นให้ บอกว่าเป็นค่าจ้างการทำงานชิ้นนี้ รวมกับนาฬิกาที่ผู้ว่าจ้างใส่อยู่ ธามันไม่ลังเลที่จะถอดนาฬิกาส่งให้เป็นการมัดจำ งานเลี้ยงยังไม่ทันเลิก ธามันก็ได้ข้อมูลของหนุ่มคนนี้มามากเกินพอ
สายวันถัดมาธามันถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กย้ายเข้ามาอยู่ที่หอพักขนาดความสูง 5 ชั้นที่ตั้งอยู่ในซอยถัดจากบ้านของฐาติ
มีเวลาแค่ 2 เดือน ธามันต้องลุยอย่างเดียวเท่านั้น!!

.....
(มีต่อครับ)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2019 21:42:40 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #1 เมื่อ08-12-2018 19:16:41 »

Kiss the snow
ตอนที่ 1

ห่างจากปากซอย 72 ไม่ถึง 20 เมตรคือที่ตั้งของอพาร์ทเม้นท์เก่าที่มีชื่อว่า ‘มีสุข’ เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ปลูกสร้างมานานกว่า 15 ปีแล้ว แต่รูปแบบของอาคารภายนอกเหมือนหอพักรุ่นบุกเบิก จึงดูไม่ทันสมัย และใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่า ตั้งแต่การกั้นพื้นที่ด้วยรั้วโปร่งสูงแค่เอวโดยรอบบริเวณ ทิ้งพื้นที่โล่งด้านหน้าอาคารเป็นลานจอดรถ ส่วนตัวอาคารความสูง 5 ชั้น มีห้องให้พักอยู่ 40 ห้อง บันได 2 ด้าน คือ ด้านขวาสุดกับซ้ายสุดรับระเบียงยาวทอดตัวผ่านห้องพักชั้นละ 8 ห้อง จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง และไม่มีลิฟต์
ทุกห้องมีแผนผังแบบเดียวกันหมดคือขวามือของประตูคือหน้าต่างแบบบานเกร็ด ซ้อนด้วยเหล็กดัดและมุ้งลวด
ที่ต่างกันก็คือด้านในห้องพัก ที่เฉพาะชั้น 1 กับชั้นที่ 2 เป็นห้องพักโล่งแบบสตูดิโอ กับ 1 ห้องน้ำ แต่เจ้าของห้องสามารถกั้นม่านแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้เอง ส่วนชั้น 3 ถึง 5 มีการแบ่งเป็นห้องนอน 1 ห้องน้ำ แต่ห้องนอนก็มีพื้นที่เพียงพอแค่ให้วางเตียงกับตู้เสื้อผ้าได้เท่านั้น 
ที่ชั้นล่างสุดของอพาร์ทเม้นท์ ห้องหมายเลขหนึ่งเป็นห้องของป้าละเมียดกับหลานสาวที่รับจ้างซักผ้าให้กับคนทั้งอพาร์ทเม้นท์หากอยากรู้เรื่องของคนที่นี่ให้ไปถามป้าละเมียด แกรู้ดี
อีก 7 ห้องถัดไป ล้วนแต่เป็นคนขับรถรับจ้าง ทั้งสามล้อ มอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ เรียกว่าเป็นเพียงชั้นเดียวที่มีคนพักเต็ม แล้วบรรดาคนขับรถเหล่านี้ก็มักจะจอดรถของตัวเองไว้ที่หน้าห้องพัก และทุกคืนเราจะได้ยินเสียงคนร้องตะโกนบอกให้ดับเครื่องยนต์
ส่วนชั้นอื่น ๆ ของอพาร์ทเม้นท์นี้มีคนพักไม่ถึงครึ่ง
คนดูแลหอพักคือลุงนิยมกับป้าแจ่มจิต ทั้งคู่พักอยู่ที่บ้านไม้หลังเล็กความสูง 2 ชั้นปลูกห่างจากหอพักไม่ถึง 3 เมตร หรือจะเรียกให้ถูกก็คือห่างกันแค่ช่องจอดรถปิคอัพของลุงนิยม กับราวตากผ้าของป้าแจ่มจิตเท่านั้น
ทั้งสองคนเป็นญาติทางฝ่ายพ่อของฉันท์-ฉันท์ทัต วีนิตา ไม่ได้เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่ก็มีความไว้วางใจกันจนสามารถให้ทั้ง 2 คนช่วยดูแลอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ได้
ลุงนิยมเป็นผู้ชายตัวหนาหน้าดุ และพูดน้อย ส่วนป้าแจ่มจิตเป็นคนยิ้มหวาน ดังนั้นหากจะเจรจาขอผัดผ่อนค่าเช่า หรือ มีปัญหาน้ำไม่ไหล ไฟดับ กระจกหน้าต่างแตกต้องไปหาป้าแจ่มจิต เดี๋ยวป้าจะไปบอกลุงนิยมให้ไปซ่อม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วลุงจะไปซ่อมให้
ป้าแจ่มจิตยิ้มหวานสมคำเล่าลือ เมื่อถามธาม-ธามัน ก้องเกียรติมนตรี ว่า ตอนนี้เรียนหนังสือหรือทำงานอยู่ ชายหนุ่มตอบไปว่าเรียนหนังสืออยู่ ป้ามองบัตรประชาชนของธามัน แล้วมองหน้าซ้ำ มองบัตรประชาชนอีกหน เมื่อธามันพูดภาษาไทยไม่ชัด
"ผมคนไทยจริง ๆ นะ แต่บังเอิญว่าครอบครัวผมพูดหลายภาษา ไป ๆ มา ๆ เลยเอาดีไม่ได้สักภาษา"
ป้าแจ่มจิตส่ายหน้า บอกว่า ยังไงภาษาไทยก็ภาษาแม่ควรพูดให้ชัด
“นี่” ป้ามองดูธามันชัด ๆ อีกครั้ง “จะดูห้องก่อนไหม” เพราะที่นี่เป็นอพาร์ทเม้นท์เก่า ดูจากหน้าตา การแต่งกายแล้วชายหนุ่มคนนี้เหมาะกับคอนโดฯหรู มากกว่าห้องพักในตึกเก่าแบบนี้
“ดูข้างนอกนี่ก็พอครับ ผมอยากได้ห้องเงียบ ๆ”
ในฐานะคนค้าขาย ป้าแนะนำห้องที่อยู่บนชั้น 5 ให้ด้วยเหตุผลที่ว่า ชั้น 5 มีแต่พนักงานออฟฟิศพักกันอยู่แค่ 3 ห้องจาก 8 ห้องจึงมีความเป็นสัดส่วนและปลอดภัยกว่าห้องที่อยู่ชั้นล่าง
"ยังหนุ่มอยู่ เดินขึ้นบันได 5 ชั้นไหวไหม"
"ไหวครับ"
ป้าแจ่มจิตอธิบายกฎระเบียบอีกหลายอย่าง แล้วสรุปว่า ระเบียบพวกนี้มีติดอยู่ที่ข้างบันได และที่ประตูห้องพักทุกห้องอยู่แล้ว
จากนั้น ธามันก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตามลุงนิยมไปที่ห้องพัก
ลุงนิยมเปิดประตูห้องแรกติดบันไดฝั่งซ้ายสุดให้ธามันดูก่อน จากนั้นก็เปิดประตูของห้องติดกันให้เลือก ข้างในห้องไม่ได้แตกต่างกัน ที่ต่างกันก็คือติดบันได กับไม่ติดบันไดเท่านั้น
ธามันเลือกห้องหมายเลข 2 ที่ไม่ได้ติดบันได
เมื่อลุงนิยมหันมาเห็นธามันกำลังมองสายโทรศัพท์บ้านที่ห้อยอยู่ใกล้กับประตูห้องนอน ก็ถามขึ้น "จะให้เอาโทรศัพท์บ้านเสียบให้ไหม"
ธามันคิดอยู่ 2 วินาทีแล้วบอก "ไม่ต้องก็ได้ครับผมมีโทรศัพท์มือถือ"
"แล้วหมอนกับฟูกล่ะ"
"อันนี้ขอด้วยนะครับ" ธามันยิ้มประจบ "ผมไม่ชอบนอนกระดาน"
"พวกของสำรองอยู่ห้องเบอร์ 4 เดี๋ยวไปเอามาให้"
แต่ธามันก็เดินตามลุงไปช่วยยกฟูกกับหมอน เพราะถึงลุงจะตัวใหญ่ ท่าทางแข็งแรง แต่เขาเองก็ยังหนุ่มอยู่ และถามว่า ในหอพักนี้มีนักศึกษาพักอยู่เยอะไหม ลุงก็เล่าแบบประหยัดคำพูดว่า มีที่ชั้น 3 อยู่ 2 ห้องเห็นว่าเรียนมหาวิทยาลัยเปิดทำงานพิเศษที่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อเดือนก่อนมีอีกคนอยู่ที่ชั้น 4 เคยพาเพื่อนมาที่ห้องแล้วโดนข้างห้องโวยวายเรื่องที่เสียงดัง ก็เลยย้ายออกไป
"อ้าว แล้วถ้าจะกินเหล้าละครับ"
"ก็กินข้างนอก พวกคนขับรถชั้น 1 กินเหล้ากันทั้งนั้น เขายังทำได้ แล้วอยู่กันมาหลายปีไม่มีปัญหา พวกนักศึกษาแต่ละคนมาอยู่กับไม่นาน แต่มีเรื่องมาตลอด"
นั่นเป็นประโยคที่ยาวที่สุดแล้ว ที่ธามันได้ยินจากลุงนิยม
จากนั้นเมื่อลุงออกไป ชายหนุ่มก็โทรศัพท์หาฐาติให้มารับ
10 นาทีถัดมาเมื่อฐาติจอดรถหรูที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ ลุงนิยมก็เดินออกมาดูแล้วบ่นให้ได้ยิน
"ป้าพูดถูก พวกลูกคนรวยมีปัญหากับที่บ้าน"
เป็นคำบ่นที่ทำให้ฐาติหัวเราะร่วน เมื่อธามันเข้ามาอยู่ในรถ
"พวกผู้อาวุโส ประสบการณ์มาก นี่มองขาดจริงๆ ว่ามึงเป็นวัยรุ่นใจแตกหนีออกจากบ้าน"
"สัดเหอะ กูไม่ได้หนีออกจากบ้าน กูแค่มุ่งมั่น"
"มุ่งมั่นห่าอะไร มึงรู้จักน้องฉันท์แล้วหรือไง แล้วกับกูเนี่ย มึงคุยกับกู ตกลงกับกูสักคำไหม ว่าจะให้กูต้องเป็นหนังหน้าไฟให้มึง จู่ๆ ก็โทรศัพท์ให้กูมารับที่อพาร์ทเม้นท์ของน้องฉันท์ กูตกใจแทบช็อคตายมึงรู้ไหมเนี่ย" ฐาติบ่นยืดยาวเกินจริง จนคนฟังต้องรีบโบกมือ 
"ไป ๆ รีบออกรถ พากูไปดูบ้านน้องฉันท์ก่อน แล้วค่อยไปซื้อของมาใส่ห้อง"
ฐาติออกรถตามคำสั่ง แต่ก็ไม่วายบ่น "ห่าธามโคตรจะเป็นวัยรุ่นเอาแต่ใจเลยมึงน่ะ ทีแรกกูคิดว่ามึงจะไปดักเขาที่หน้าโรงเรียน แต่นี่มึงกลับมาเฝ้าเขาถึงหน้าบ้าน"
"ทีแรกกูกะว่าจะไปสมัครเป็นยามหรือคนสวนที่บ้านเขาน่ะ"
"จรวยเหอะ หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ คุณชายธาม มึงดูละครมากไปแล้ว"
"ก็รู้ว่าไม่ได้ไง แล้วจะไปรอเฝ้าหน้าโรงเรียนก็ไม่ได้ด้วย ถึงต้องใช้วิธีนี้"
ฐาติจอดรถที่หน้าบ้านที่อยู่ลึกเข้าไปท้ายซอย ห่างจากอพาร์ทเม้นท์หลายร้อยเมตร
ตัวบ้านความสูง 2 ชั้นหลังเล็กปลูกค่อนมาทางด้านหน้า และที่ทำให้ดูเป็นบ้านที่ค่อนข้างโดดเดี่ยวก็เพราะที่ดินผืนใหญ่ทางด้านหลังซึ่งเจ้าของปลูกไม้ยืนต้นไว้ห่างกัน แต่ต้นไม้เหล่านั้น ต่างสูงใหญ่ให้ร่มเงาไปทั้งพื้นที่
พื้นที่ที่ปลูกบ้าน กับแปลงที่ดินด้านหลัง ดูแปลก ๆ คล้ายแบ่งพื้นที่เป็นคนละแปลง แต่ก็เหมือนแปลงเดียวกัน เพราะไม่มีรั้วกั้น ไม้มีแนวต้นไม้
"กี่ไร่วะเนี่ย อพาร์ทเม้นท์ประมาณ 2 ไร่ก็ว่าปลูกแบบทิ้งขว้างแล้วนะ" ฐาติกวาดตามอง "บ้านหลังนี้กะดูไม่น่าจะต่ำกว่า 5 ไร่ น้องฉันท์ของมึงรวยนี่หว่า"
"บ้านที่มีคนอยู่มันต้องอย่างนี้" ธามันบอกยิ้มๆ
ฐาติเองที่ยังไม่ละสายตาจากที่ดินกว้างขวาง ถามกลับอีกคน "แล้วบ้านที่ไม่มีคนอยู่เป็นแบบไหน"
"บ้านกูไง" ธามันอธิบายต่อ "บ้านหลังใหญ่ สนามกว้าง แต่ไม่มีชีวิต"
"เขาเรียกบ้านของคนทำงาน" ฐาติหันมาเถียงด้วยประโยคมองโลกในแง่ดี "ดูบ้านแล้ว แล้วไงต่อ"
"ไปซื้อของเข้าห้องสิ"
ฐาติออกรถในทันที "แล้วมึงอยู่แค่ 2 เดือนจะซื้ออะไร พ่อคนเงินเหลือใช้"
"พวกของที่มันควรมีในห้องพักสิ อย่างแรกเลยคือผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และ ผ้าเช็ดตัว"
อีกคนหันมามองหน้า "ไม่กลับไปเอาที่บ้าน"
"ไม่ละ ขี้เกียจตอบคำถามแม่"
"แล้วที่กูต้องมาตอบคำถามแม่มึงเนี่ย มึงคิดถึงกูบ้างไหมเนี่ย"
ธามันกลั้นยิ้ม ที่อีกคนแม้จะบ่นและโวยวาย แต่สุดท้ายก็ยังตามใจอยู่เหมือนเดิม "กูแค่ไปๆ มาๆ ไม่ได้มานอนที่นี่ทุกคืน แล้วถึงกูจะกลับไปแล้ว กูก็ยังไม่คืนห้อง เพราะเดี๋ยวกูก็ต้องกลับมาอีก แต่ระหว่างนี้ กูจะให้กุญแจมึงไว้ ให้ส่งคนมาทำความสะอาดให้ด้วย"
"ตกลงมึงจ่ายค่าเช่าไปกี่เดือนวะ"
"ครึ่งปี"
"อะ จ๊าก!" ฐาติร้องตะโกน "พ่อคนเงินเหลือใช้ คราวหน้าถ้าเงินเหลือจะโยนทิ้ง ก็โยนมาทางกูได้นะ ห่าเอ้ย"
"กูไม่ได้โยนทิ้ง แต่เพราะกูมีแผนอยู่ในใจ"
"แผนจีบเด็ก ต้องลงทุนขนาดนี้เชียว" ฐาติส่ายหน้า "ห่าธาม มึงคิดอะไรของมึงวะเนี่ย ลึกลับซับซ้อน มึงทำอะไรที่มันตรงไปตรงมาอย่างชาวบ้านเขาบ้างได้ไหม"
"เอาน่า" มือใหญ่ตบไหล่คนที่กำลังขับรถ "ก็อย่างที่มึงบอกแหละ ว่าตอนนี้กูยังไม่รู้จักเขา แต่ถ้ารู้จักแล้วมีอะไรที่ไม่ใช่ กูก็หยุด"
"อ้าวสัดแล้วไหมล่ะ แค่จีบเล่น ๆ ฆ่าเวลา มึงยังลงทุนขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นรักจริงหวังแต่ง มึงจะทุ่มเทขนาดไหน มึงคงซื้อหลังติดกันกับเขาแล้วย้ายมาอยู่ใกล้กันเลยละสิท่า"
"กูไม่ได้จีบเล่นฆ่าเวลา กูแค่..." ธามันพูดยิ้ม ๆ เมื่อนึกไปถึงสีหน้าของฉันท์ และที่ดินกว้างขวางหลังบ้าน 2 ชั้นหลังนั้น "ไม่รีบร้อนในการทำความรู้จักอย่างจริงจัง"
“โหย ไม่รีบร้อน อย่างนี้ยังเรียกว่าไม่รีบร้อน” ฐาติเสียดสีด้วยคำพูดและสีหน้า "มึงเป็นคนแรกเลยนะที่แค่จะทำความรู้จักเด็กนักเรียนสักคน ต้องลงทุนขนาดนี้ คนอื่นน่ะเขาก็ไปดักหน้าโรงเรียนทั้งนั้นแหละ"
"แล้วทำไมกูต้องเหมือนใคร ไหน ๆ ก็รู้บ้าน รู้กิจการของเขาแล้วก็มารอที่นี่แหละ เพราะยังไงเขาก็ต้องกลับบ้าน"
ฐาติมองค้อนอีกฝ่าย "กูเบื่อลูกคนรวยนิสัยเสีย"
"อ้าวเฮ้ย เวลาเจอคนถูกใจมันต้องเดินหน้าทำคะแนนสิวะ จะมัวแต่ลีลายึกยักฟุตเวิร์คไปเรื่อยๆ พอดีหมดยก แพ้ทั้งที่ไม่ได้ออกหมัดได้ไงวะ"
   
ฐาติเหลือบมองญาติผู้น้อง
...ธามันมักคิดการใหญ่เพื่อให้ได้มา แล้วก็ทิ้งไปง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานหรือเรื่องของคน...ถ้าเป็นเรื่องงานมันก็ดี
กับคนอื่นที่ฐาติเคยเห็น หรือเคยได้ยินมา ฐาติคิดว่าอีกฝ่ายเขาก็โอเค เพราะว่ารู้จักชื่อเสียงของธามันมาบ้าง
แต่ถ้าเป็นเด็กคนนั้น ที่เพิ่งผิดหวังมาแล้วต้องมาเจอคนแบบธามัน ถือได้ว่าเด็กคนนี้น่าสงสารมาก...
ส่วนเรื่องที่ทำให้ธามันต้องออกจากบ้าน คือปัญหาครอบครัวที่มีความรุนแรงมาก และธามันก็ไม่ชอบให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ เว้นแต่เจ้าตัวจะพูดขึ้นมาก่อน
“ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีคอนโดฯ หรู ห้องว่างให้อยู่ตั้งมากมาย กลับต้องมาเช่าห้องพักเก่า ๆ ในอพาร์ทเม้นท์โทรม ๆ อยู่ เพื่อจีบเด็กฆ่าเวลา” ฐาติบ่นไปเรื่อยไม่รอให้ญาติผู้น้องอธิบายก็บ่นเรื่องที่ต้องซื้อของมากมายมาเข้าห้อง แต่เมื่อขนของขึ้นมาถึงชั้น 5 แล้วเห็นห้องพักกลับออกปากชื่นชม หายเหนื่อย
เพราะแม้ว่าเวลาที่ดูภายนอกจะทรุดโทรม ไม่น่าอยู่ก็จริง แต่ภายในห้องกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
"หายากนะโว้ยอพาร์ทเม้นท์ที่แบ่งห้องแบบนี้น่ะ" ฐาติวางของที่ซื้อมาไว้กลางห้องพัก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอน ลืมไปหมดแล้วว่าบ่นอะไรไว้เมื่อ 10 นาทีก่อน "รวมพื้นที่ทั้งห้องนี้ถึงจะเล็กกว่าห้องน้ำบ้านมึงก็จริง แต่ก็สะอาดมากเลยนะ มึงดูดิข้างนอกไม่แจ่ม แต่ข้างในแจ่มฝุด ๆ"
"ลุงนิยมแกคอยซ่อม แล้วก็ทำความสะอาดเป็นระยะ ทีแรกแกให้กูเลือกว่าจะเอาห้องนี้หรือห้องที่ติดบันได แต่กูเลือกห้องนี้"
ธามันบอกพลางจัดของเข้าที่ ไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จ "เขาขายเบียร์กี่โมงนะ"
"5 โมงเย็น" ฐาติบอกขณะที่ปูที่นอน จัดเสื้อผ้าเข้าตู้ แต่เมื่อเดินออกมา ก็เห็นว่าธามันยืนอยู่ที่ระเบียงด้านหน้าห้องกำลังมองลงไปที่ด้านหน้าของอพาร์ทเม้นท์ แล้วละสายตาหันกลับมามองฐาติที่เดินตามออกมา
"มึงจัดห้องเสร็จแล้วหรือ"
"เสร็จแล้วขอรับเจ้านาย เจ้านายมีอะไรให้ผู้น้อยรับใช้อีกไหมขอรับ"
"คิดว่าไม่ เดี๋ยวกูกลับบ้านไปเปลี่ยนเอารถเล็กมาคอยรับส่งน้อง แล้วคืนนี้กูนอนนี่"
ฐาติฟังแผนของธามแล้วต้องพยักหน้าให้กับตัวเอง
...ไอ้หมอนี่มันเป็นนักวางแผนจริง ๆ
"ธาม มึงชอบน้องเขาจริง ๆ หรือเปล่า"
"กูลงทุนไปขนาดนี้ มึงยังสงสัยอะไรอีกวะ"
"สงสัยสิ" ฐาติตอบตรงเสมอ "กูรู้สึกเหมือนมึงกำลังเล่นเกมอยู่ เขาเพิ่งผิดหวังมามึงก็เห็น ถ้าไม่ได้คิดจะจริงจังกับเขา ก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย"
"อะไรของมึงวะ" ธามันหันมามอง "มึงรู้จักเขาหรือไง"
"เคยเห็นตอนที่เขามาหาน้องแก้วตา เพื่อนเขาที่อยู่บ้านติดกับกูไง แล้วมึงก็มาอยู่เมืองไทยแค่ 2 เดือน ยังต้องไปนั่นไปนี่กับแม่ของมึงอีก แล้วพอมึงกลับไป..." พูดยังไม่ทันจะจบประโยคฐาติก็ยักไหล่ "เออจริงสินะแค่ 2 เดือนเขาคงยังไม่ทันจะชอบมึงหรอก"
"แล้วมึงจะรู้ว่า ไม่ต้องถึงเดือนนึง เขาก็จะลืมแฟนเก่าแล้วมาชอบกู ส่วนเรื่องหลังจากที่กูกลับไป มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลิกคบกันนี่หว่า"
เพราะรู้นิสัยกันเป็นอย่างดี รู้จักกันมาเท่ากับอายุตัว ทำให้ฐาติมั่นใจว่าธามันจะทำให้ฉันท์ชอบได้ภายในเวลาที่บอกไว้ และก็เชื่อเช่นกันว่า หลังจากนั้น ทั้ง 2 คนก็จะต่างคนต่างแยกกันไป
...ก็วัยรุ่น จะอะไรกับความรักมากมาย...
แต่เด็กคนนั้นก็ยังน่าสงสารอยู่ดี

บ่ายจัดธามันลงมาเตร็ดเตร่อยู่แถวห้องพักชั้นล่าง เพื่อทำความรู้จักกับป้าละเมียดแห่งร้านซักรีดประจำอพาร์ทเม้นท์ เรื่อยไปจนถึงบรรดาแม่บ้านกลุ่มคนขับรถสามล้อ แท็กซี่ จนเกือบห้าโมงเย็นหนุ่มนักเรียนถึงได้เดินเข้ามาที่บ้านป้าแจ่มจิต
แม้ขั้นตอนในการเข้ามาอยู่ในวงโคจรอีกคนจะดูยุ่งยากจนเกินความจำเป็น แต่เมื่อมาถึงขั้นตอนการทำความรู้จักกลับเรียบง่าย เพราะเมื่อฉันท์มาถึงก็สวัสดีลุงกับป้าที่หน้าบ้านหลังเล็กแล้วเดินเข้าไปในบ้าน โดยมีธามันเดินตามเข้าไปยิ้มทัก แล้วแนะนำตัว
"พี่ชื่อธามครับ เพิ่งมาพักวันนี้"
ฉันท์ดูงงไปชั่ววินาที ที่เห็นคนเช่าห้องพักเข้ามาแนะนำตัว  "สวัสดีครับ ฉันท์ครับ"
ป้ารีบบอก "พ่อคนนี้เขานิสัยดี เห็นเดินคุยกับทุกห้องเลย"
ธามันยิ้มกว้าง แต่อีกคนยิ้มแค่มุมปาก แล้วหันไปถามลุงกับป้าว่า จะให้ไปซื้อของอะไรที่ตลาดหรือไม่ ป้าเลยจดของที่ต้องซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาให้ ทำให้ลุงบ่น
"ฉันอยู่บ้านทั้งวันไม่ให้ไปซื้อของ พอหลานกลับมาถึงก็ใช้หลาน"
"อ้าว ก็พอดีฉันนึกขึ้นมาได้ ว่าเมื่อวานเจ้าฉันท์บอกว่าอยากกินยำทูน่าก็เลยว่าจะทำให้มื้อเย็นนี้” ป้าหันมาบอกกับหลานอีกที "คืนนี้พ่อกับแม่เขามีงาน เจ้าฉันท์กินข้าวกับป้าแล้วค่อยเข้าบ้านนะลูก"
"ฮะ"
ฉันท์ตอบป้าแล้วเดินออกมา ธามันก็เดินตามมาด้วย แล้วเร่งเท้าขึ้นมาเดินคู่กัน แม้ประโยคเริ่มต้นจะเป็นเรื่องทั่วไป เพราะฉันท์ไม่ได้พูดแนะนำอะไร
โดยทั่วไปเจ้าของบ้านเขามักจะแนะนำคนที่มาใหม่ว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง เซเว่นแถวนี้มีกี่ร้าน ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยอยู่ตรงไหน หรือร้านผลไม้ราคาถูก แต่ฉันท์ไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น เพราะดูครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ซึ่งธามันรู้ว่าฉันท์กำลังคิดอะไร
เมื่อฉันท์จ่ายเงินซื้อของตามที่ป้าจดมาให้ ธามันก็ช่วยถือถุง ฉันท์พูดขอบคุณจะยื้อถือไว้เองแต่เมื่อธามันรั้งถุงไว้ เด็กนักเรียนก็ปล่อยให้ถือ จากนั้นธามันก็ชวนแวะซื้อขนมโตเกียวจากรถเข็นข้างทาง
ธามันส่งขนมโตเกียวใส้รวมขนาดใหญ่พิเศษให้ฉันท์  "ชั่วโมงนี้พี่ยังเป็นคนแปลกหน้า แต่ถ้าน้องอยากรู้จักพี่บ้าง พี่ก็ยินดี" อย่าว่าแต่น้องนักเรียนจะไม่เข้าใจไอ้ประโยคน้ำเน่านี่เลย ธามันที่เป็นคนพูดก็ยังงงตัวเอง ว่าพูดอะไรออกไป
รู้แต่ว่ามันเชยมาก..
ธามันตั้งสติแนะนำตัวเองอีกครั้ง "ชื่อธามครับ พี่อยู่ที่กรุงเทพฯนี่แหละ แต่ตอนนี้เรียนอยู่อเมริกา พี่แวะกลับมาเยี่ยมญาติที่นี่ แล้วอีก 2 เดือนก็จะกลับไปเรียนต่อ"
นี่เป็นเรื่องที่ฉันท์รู้ตั้งแต่ตอนที่กลับมาถึงบ้านแล้ว และเข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกเครียดเพราะตนเองนิ่งเกินไป แต่เพราะยังไม่รู้ว่าควรตอบกลับกลับไปว่าอะไรก็เลยพยักหน้ารับรู้แล้วจะเดินต่อ แต่ธามันก้าวไปดักข้างหน้า
"เมื่อวันก่อน พี่เห็นน้องฉันท์ บอกตามตรงว่าพี่ชอบ ก็เลยให้เพื่อนช่วยหาให้ว่าน้องอยู่ที่ไหน พี่ก็เลยตามมา เพราะอยากรู้จัก"
หนุ่มนักเรียนมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม พี่เลยต้องรีบอธิบาย
"คือ พี่รู้ว่ามันดูแปลกๆ แต่พี่อยากทำความรู้จัก ไม่ใช่ พี่อยากให้น้องฉันท์รู้จักพี่ คือ พี่อยากขอคบกับน้องฉันท์น่ะ"
เป็นการเปิดตัวที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น จับต้นชนปลายไม่ถูก ดูเป็นมือใหม่ที่ไม่ชำนาญเรื่องความรัก แต่ธามันรู้ว่าวิธีนี้ได้ผลดีกว่าการทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ
หนุ่มนักเรียนดูตกใจ แปลกใจแบบแปลก ๆ เพราะมีอาการหน้าแดงเรื่ออยู่วูบหนึ่งแล้วก็กลับเป็นลังเล มือขาว ๆ เกาที่ต้นคอ แล้วก็ถอนหายใจ
"น้องฉันท์ ค่อย ๆ ทำความรู้จักพี่ก่อนก็ได้"
ธามันกำลังทำตัวเป็นสินค้าตัวอย่าง ประเภททดลองใช้ก่อนสักสองเดือน ไม่พอใจยินดีคืนเงิน
"ขอโทษนะฮะ ผมยังไม่พร้อม"
นี่เป็นคำตอบที่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว  "ไม่เป็นไรครับ นี่เบอร์โทรพี่ อีเมล ไอดีไลน์ อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ พร้อมเฟซบุ๊ก"  มือใหญ่ส่งกระดาษชิ้นเล็กที่เตรียมมาพร้อม "เฟซบุ๊กนี่ไม่ค่อยได้อัพเดทอะไรสักเท่าไหร่ ส่วนไอดีไลน์ คิดว่าพี่กลับไปก็คงติดต่อกันไม่ได้ แต่น้องฉันท์สามารถตรวจสอบประวัติพี่ได้ทุกอย่าง ตอบทุกคำถามครับ"
คราวนี้ฉันท์ตั้งสติได้แล้ว รับกระดาษมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ พอมาถึงก็เปิดแทปเล็ต ตรวจประวัติต่อหน้าพี่ที่นั่งตัวตรงรอตอบคำถามอย่างตั้งใจ โดยมีลุงวินัยกำลังรถน้ำต้นไม้อยู่ใกล้ ๆ
ท่าทางคงอยากรู้ว่าสองคนนี้กำลังคุยอะไรกัน
ภาพการใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ดูไม่ค่อยหวือหวาสักเท่าไหร่ ฉันท์มองรูปและวันเวลาที่โพสต์ภาพแล้วอมยิ้มเล็ก ๆ
ธามันไม่ใช่คนที่ยึดติดกับสื่อสังคมออนไลน์ เพราะนี่คือช่องทางสำหรับการเผยแพร่สิ่งที่ตนเองอยากให้คนอื่นรู้ ซึ่งมันก็จะมีหลายอย่างที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง
"เล่าเรื่องที่ไม่มีอยู่ในสื่อสังคมให้ผมฟังดีกว่าไหมฮะ"
"เรื่องไหนล่ะ" ธามันมีท่าทีกระตือรือร้น
"เวลาว่างพี่ทำอะไร" ฉันท์เจตนาตั้งคำถามปลายเปิด เพื่อให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องที่ฉันท์ไม่ได้คิดที่จะตั้งใจฟัง แค่อยากให้เขาเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ ให้วันนี้ผ่านไปโดยไม่ต้องตอบคำถามลุงกับป้า และไม่ให้วันนี้เงียบเงาจนเกินไปนัก...
....
ตอนที่เป็นเด็กมีคนบอกฉันท์อยู่บ่อยๆ ว่าเป็นคนหน้าตาดี ตอนนั้นมักยิ้มเขิน แต่พอนานไปกลับไม่รู้สึกภูมิใจ เพราะเมื่อโตขึ้นประโยคที่ตามมาหลังคำชมก็มักจะเป็นคำวิจารณ์ ว่าคนหน้าตาแบบนี้น่าจะมีนิสัยร่าเริง น่ารัก อ่อนโยน ซึ่งในความเป็นจริง ฉันท์ไม่ได้เป็นแบบนั้น
ฉันท์ยิ้มง่าย พูดเพราะ แต่ยิ้มน้อย และพูดน้อย ค่อนข้างเงียบ เก็บตัว ไม่เล่าเรื่องส่วนตัวทั้งหากจะมีใครพูดเรื่องส่วนตัวฉันท์ก็จะเดินหนี
ยกตัวอย่างเวลาที่เจอกับผู้ใหญ่ฉันท์จะยกมือไหว้ก่อน แต่ถ้าอีกฝ่ายถามว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง กินข้าวมาหรือยัง หรือเรียนชั้นไหนแล้ว ฉันท์ก็จะยิ้มด้วยองศาเดิมแล้วเดินหนี
คนที่ชมก็เลยมักมีประโยคต่อท้าย ว่าน่าเสียดายที่ค่อนข้างหยิ่ง
ฉันท์ก็เสียดายเหมือนกัน
เสียดายที่เสียเวลาไปกับคนที่ตัดสินคนอื่นภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที
เพราะฉันท์ไม่ได้หยิ่ง แต่คิดว่าคำถามแบบนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบ หรือตอบไปแล้วคนถามก็จำไม่ได้ เจอกันวันพรุ่งนี้ก็ถามอีก แล้วจะตอบไปทำไม
....
เลิกเรียนวันนี้ มีคนมารออยู่ที่หน้าโรงเรียน
ผู้ชายคนที่เข้ามาแนะนำตัวเมื่อวาน ว่าเป็นผู้เช่าห้องคนใหม่
เป็นคนที่ใบหน้าคมเข้ม จัดว่าหล่อมาก ยิ่งด้วยรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางมั่นใจ รอยยิ้มกว้างยิ่งทำให้ดึงดูดสายตามากกว่าเดิม
ผู้ชายคนนี้แปลก เพราะเพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อวานนี้ แต่กลับทำตัวสนิทสนมเหมือนรู้จักกันมานาน
ที่แปลกมากกว่าก็คือ เขาทำเหมือนกับว่า การบอกผู้ชายอีกคนว่าชอบ ขอคบหาเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ชอบก็คือชอบ ชอบแล้วก็เข้าหาทันที
คนแบบนี้ ในวันที่เขาไม่ชอบ เขาก็คงไปทันทีเหมือนกัน...

ฉันท์หยุดยืนมองคนที่กำลังโบกมือทักทายมาจากหน้าโรงเรียน
ได้ยินเสียงเพื่อน และรุ่นน้องในโรงเรียนที่หันไปถามกันว่านั่นคือใคร มารอใคร
แต่ฉันท์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตื่นเต้นไปด้วย
คงเพราะเพิ่งเกิดเรื่องที่ไม่น่าจดจำเมื่อวันก่อน และในสมองเวลานี้ก็มีเรื่องที่กำลังคิดอยู่มากมายหลายเรื่อง
สุดท้าย หนุ่มตัวผอมก็แค่เดินผ่านไป โดยที่อีกคนเดินตามมา
"น้องฉันท์ จะไปไหน พี่จอดรถไว้ตรงโน้นแน่ะ"
ฉันท์ไม่ได้มองว่ารถจอดอยู่ที่ไหน แต่กลับเดินตรงไปที่สถานีรถไฟฟ้า
"น้องฉันท์ครับ ดีกันนะ"
คนที่เดินตามมาพูดเสียงดังฟังชัด จนเพื่อนนักเรียนคนอื่นพากันอมยิ้ม
แต่ฉันท์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้น ในทางตรงข้าม ตลอดเวลา 1 วันในโรงเรียน ที่แสดงท่าทีเฉยเมยใส่คนคู่นั้น  ภายในใจยิ่งนานยิ่งเหน็ดเหนื่อย ต่อให้มีใครคนหนึ่งมายืนยิ้มกว้างอยู่ข้างหน้า และพูดนั่นนี่มากมาย ใจก็ยังเหนื่อยล้า ว่างเปล่า จนกระทั่งหันไปเห็นว่าคนคู่นั้นเดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกัน ฉันท์ถึงได้หันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า
"ไปกินไอ’ติมกันไหมครับ" คนรูปหล่อถามขึ้นทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างอยู่เช่นเดิม
ฉันท์พยักหน้าง่าย ๆ แล้วเดินตามไปที่อาคารจอดรถที่อยู่อีกฝั่งของโรงเรียน
ที่จริงก็สงสัยนะ ว่าโกรธกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ทำให้พอจะรู้ว่านี่อาจเป็นแค่การเรียกร้องความสนใจ แถมนี่ยังยืนอยู่หน้าโรงเรียน ฉันท์ก็เลยต้องคล้อยตามสถานการณ์ไปก่อน
จะว่าไปอาการที่ฉันท์เป็นอยู่ตอนนี้ ทำให้ธามันนึกเป็นห่วง ว่าหากไปพบเจอกับคนไม่ดีที่คิดฉวยโอกาส จะเกิดอะไรขึ้น เพราะหนุ่มหน้าหวานคนนี้ออกอาการไม่พูดอะไรก็จริง แต่บอกให้ไปไหนก็ไป ให้ทำอะไรก็ทำ ชวนมาร้านไอศกรีมก็มา มาถึงก็นั่งมองเมนูในมือ แต่พออีกคนชี้ชวนว่า ไอศกรีมเมนูนี้น่าทาน หนุ่มน้อยก็พยักหน้าสั่งเมนูนั้นทันที หลังจากนั้นก็หันออกไปมองข้างนอกร้าน
...อาการอกหักแบบนี้มันน่าเป็นห่วง...
"น้องฉันท์ครับ วันนี้เรียนพิเศษกี่โมง"
หนุ่มหน้าหวานมีอาการสะดุ้งเมื่ออีกคนพูดขึ้นมา จากนั้นก็มองนาฬิกาข้อมือ "อีกชั่วโมงนึง"
"งั้นทานเสร็จพี่ไปส่งแล้วรอรับกลับนะครับ"
จนกระทั่งออกมาจากร้านไอศกรีม ฉันท์ถึงได้มองอีกฝ่ายเต็มตา "พี่...ชื่ออะไรนะ"
"ธามครับ"
เมื่อวานเพิ่งแนะนำตัวไป แล้วก็ได้พูดคุยกันหลายคำเหมือนกัน
...ไม่น่าจะจำไม่ได้นะ...
"พี่ธาม อย่าเสียเวลาเลยฮะ"
"ไม่เสียเวลานี่ เพราะพี่เองก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ทั้งไม่มีแฟนด้วย ดังนั้นการมาตามน้องฉันท์จึงเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่าที่สุด" ธามันมั่นใจว่า มุกตลกฝืด ๆ นี้จะสามารถเรียกรอยยิ้มจากคนตัวเล็กได้
แต่ที่ได้มาคือยิ้มมุมปากฝืนๆ พอกัน
"พี่ธาม..."
"นะครับ พี่จะรออยู่หน้ากวดวิชา รับรองว่าเลิกเรียนออกมาจะเห็นพี่รออยู่"
....

(มีต่อครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 19:14:14 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #2 เมื่อ08-12-2018 19:18:51 »

แล้วตอนที่เลิกเรียนออกมา ธามันยังรออยู่จริงๆ
...คนนี้ก็ดีนะ...
เมื่อตามองเห็นคนที่คอยอยู่ และใจเริ่มคิดว่าคนนี้ดี รอยยิ้มก็ตามมาเอง
แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยรอยยิ้มจาง ๆ แต่สำหรับธามันแล้ว รอยยิ้มของฉันท์เปรียบเสมือนอีกก้าวที่ไปสู่เป้าหมาย แต่รอยยิ้มนั้นก็กลับหายไปอีกครั้ง เมื่อนักเรียนชายอีกคนหนึ่งเดินตามมาเรียกไว้
ก็คนที่ธามันเห็นว่าอยู่กับแก้วตาที่บ้านหลังติดกันกับบ้านฐาตินั่นแหละ
"ฉันท์ คุยกันหน่อยได้ไหม"
ฉันท์ไม่ได้หันไปมอง ทำท่าว่าไม่ได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไร ดวงตาคู่สวยยังคงมองมาที่ธามัน
นี่เป็นอาการพื้นฐานของคนที่ยังทำใจไม่ได้
จากสถานการณ์ที่รับรู้มาตลอด ธามันเดินเข้าไปรับกระเป๋านักเรียนของฉันท์แล้วก็จับมือที่เย็นเฉียบไว้ พาเดินออกมาเฉย ๆ ปล่อยให้คนที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันท์ได้แต่ยืนมองตามหลัง

หนุ่มตัวเล็กยังคงเงียบมาตลอดทาง จนกระทั่งธามันจอดรถที่หน้าบ้าน ถึงได้หันมามองหน้า
"พี่รู้จักบ้านผมด้วย"
"ก็" ธามันหงายมือ "พี่ชอบน้องฉันท์ เพื่อให้น้องฉันท์มองพี่บ้างก็เลยไปพูดกับคนนั้น ถามคนนี้มานิดหน่อย"
"งั้น...พี่รู้เรื่องคนที่เรียกผมที่หน้าโรงเรียนวันนี้หรือเปล่าฮะ"
"พอจะรู้มาบ้าง ว่าน้องฉันท์เพิ่งจะผิดหวังมา" นายธามันไม่ได้โกหกแต่อย่างใด
ฉันท์พยักหน้า "งั้น พี่ก็น่าจะเข้าใจ ว่าผมยังงง ๆ อยู่"
ธามันยิ้มอ่อนโยนแบบพี่ชายแสนดี "พี่บอกน้องฉันท์แล้ว ว่าไม่เป็นไร ระหว่างนี้พี่แค่ขอไปรับไปส่ง รับพี่ไว้พิจารณาสักคนนะครับ"
"พี่ฮะ" ฉันท์พยายามอีกครั้ง "ผมไม่อยากให้พี่เสียเวลา"
"การที่เราทำความรู้จักกัน ต่อให้สุดท้ายเราเป็นพี่น้อง หรือเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้ามีคนที่เราสามารถวางใจได้เพิ่มมาอีกคน จะเป็นเรื่องเสียเวลาได้ไง" นายธามันคนนี้ก็ช่างพยายามจีบน้องฉันท์จนใกล้จะกลายเป็นคนหน้าด้านเข้าไปทุกที
"คือ...."
"นะครับ ตอนเช้า ตอนเย็น พี่ขอขับรถรับส่งพาน้องไปกินข้าว ไปเรียนพิเศษ แล้วน้องฉันท์จะวางพี่ไว้ที่ตำแหน่งไหนก็แล้วแต่น้องฉันท์นะครับ"
ดวงตาคู่สวยยังดูลังเล แต่ก็พยักหน้าตอบรับอีกครั้ง
แต่เมื่อฉันท์จะลงจากรถ ธามันก็นัดเวลาที่จะมารับตอนเช้าอีกครั้ง
แล้วฉันท์ก็พยักหน้ารับอีกครั้งเช่นกัน

ธามันนั่งยิ้มมองตามแผ่นหลังของเด็กนักเรียนที่เดินเข้าบ้านไป
"หัวอ่อนว่าง่ายกว่าที่คิด แบบนี้จีบไม่ยาก"
เสียงหัวเราะของคนที่อยู่ในรถช่างตรงข้ามกับรอยยิ้มกว้าง และน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างสิ้นเชิง
ชายหนุ่มมองบ้านหลังเล็กในที่ดินแปลงใหญ่
ตอนแรกที่เห็นที่ดินแปลงนี้ ธามันมองเห็นที่ดินแปลงใหญ่ที่ถูกเจ้าของละทิ้ง
บ้านของฉันท์อยู่ท้ายซอยก็จริง แต่ตัวบ้านตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของถนน บ้านหลังที่อยู่ถัดขึ้นมาก็อยู่ห่างจากบ้านของฉันท์เกือบ 10 เมตร ส่วนพื้นที่หลังบ้านของฉันท์แต่ถัดจากแนวรั้วออกไปคือที่ดินว่างกับถนนที่ทอดยาว ต่อเนื่องไปสะพานข้ามคลองที่เชื่อมไปหาซอยลัดอีกฝั่งของถนน แต่ส่วนที่มองเห็นว่าเป็นที่ดินของบ้านหลังนี้คือสวนผลไม้กว้างขวาง เป็นรูปตัวยูอ้อมปิดท้ายซอยมายังอีกด้านของถนน ดังนั้นบ้านของฉันท์และบ้านหลังถัดขึ้นมาจึงไม่มีบ้านฝั่งตรงข้าม
เมื่อนั่งอยู่ในรถ ธามันมองเห็นโครงการคอนโดฯ สูงริมน้ำ ในบรรยากาสสงบเงียบ
แต่ในตอนที่หันมามองแผ่นหลังบางที่เดินเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ชายหนุ่มรู้สึกอยากรักษาบ้านหลังนี้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ให้คงอยู่ต่อไปนาน ๆ
ฉันท์เดินเข้าบ้านเห็นว่าพ่อยังดูโทรทัศน์ และแม่ยังอยู่ในครัว ภาพครอบครัวที่เห็นอยู่ทุกวันเช้าเย็น
"กินข้าวหรือยัง" พ่อทักขึ้นก่อน ส่วนแม่ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นก็เดินออกมาจากครัว เพื่อที่จะถามด้วยประโยคเดียวกัน
"ยังฮะ"
"งั้นไปล้างมือเลย โอกาซังอุ่นแกงจืดแป๊บเดียว" แม่หันกลับเข้าไปในครัวทันที เสร็จแล้วก็มานั่งเท้าคาง ถามและคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบวัน
นี่ก็เป็นภาพที่พบเห็นอยู่ทุกวันเหมือนกัน
ฉันท์มองแม่แล้วหันไปมองพ่อที่ถึงแม้ตาจะมองภาพในโทรทัศน์ โดยที่มีหนังสือพิมพ์วางอยู่บนตัก แต่อาการเอียงหน้ามาฟังแม่ลูกคุยกันทำให้ฉันท์ต้องอมยิ้ม
"ชิรายูกิ ไปเรียนพิเศษ มีเพื่อนใหม่บ้างหรือเปล่า" แม่มักบ่นที่ฉันท์ไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่เสมอ "ชิรายูกิไม่พาเพื่อนมาบ้านเลย โอกาซังเป็นห่วงนะ"
"ใกล้จะสอบกันแล้ว เลิกเรียนก็กลับบ้านไปอ่านหนังสือสอบ เดี๋ยวสอบเสร็จจะพามาเที่ยวละกัน" ฉันท์ตอบไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะชวนใครมาบ้าน
ทุกครั้งที่คิดถึงเพื่อนที่โรงเรียน ก็จะคิดไปถึง 2 คนนั้น ทั้งบางครั้งใจก็ยังคิดพาลไปว่าต้องมีเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันที่รู้เรื่องนี้แล้วช่วยกันปิดบัง
ฉันท์หลับตา ใช้ข้อมือกระแทกหน้าผากตัวเองเบาๆ ทำให้แม่ถามด้วยความเป็นห่วง
"ปวดหัวหรือ เรียนหนักใช่ไหม ไม่ต้องเครียดนะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" แม่พูดต่อเนื่องจนพ่อต้องแทรกขึ้น
"ก็โอกาซังถามนั่น ถามนี่ไม่หยุด"
"ไม่ฮะ ไม่ใช่โอกาซังหรอกฮะ คิด...เอ่อ...เพิ่งคิดได้ว่ามีรายงานต้องส่งพรุ่งนี้น่ะฮะ"
"อ้าว" ทั้งพ่อและแม่ร้องขึ้นพร้อมกันแล้วเร่งให้รีบกินข้าวแล้วไปทำรายงาน
“ถ้ามีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกได้นะ ไม่ต้องเครียด”
พ่อกับแม่ไม่ได้รู้เลยว่า ที่ลูกชายคนนี้เครียดอยู่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องรายงานหรือเรื่องสอบเลยสักนิด
“พ่อฮะ โอกาซัง พรุ่งนี้เช้ากินข้าวต้มซี่โครงหมูกันไหม”
พ่อยิ้มกว้าง “เจ้าฉันท์จะทำหรือ”
แม่แตะแขนลูกชายเบา ๆ “ชิรายูกิโชว์ฝีมือวันเสาร์ อาทิตย์ดีกว่า พรุ่งนี้โอกาซังทำเอง”
“จะใครทำพ่อก็ชอบทั้งนั้นแหละ” พ่อหัวเราะ เพราะจะแม่หรือลูกเป็นคนทำ ก็เป็นสูตรข้าวต้มสูตรเดียวกันนั่นเอง
....
เช้าวันถัดมา ธามันก็มาจอดรถรออยู่หน้าบ้านตั้งแต่เช้า พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
"วันนี้พี่ไม่มีธุระหรือฮะ" ฉันท์ถามกว้าง ๆ
"มีครับ ส่งน้องฉันท์เสร็จแล้วพี่จะต้องไปธุระกับแม่ แต่ตอนเย็นจะกลับมารับน้องฉันท์ที่โรงเรียนทันเวลาแน่นอน" ธามันใส่ท่าทางประกอบคำพูดจนฉันท์ต้องยิ้มขำ
"ไม่ต้องมารับมาส่งกันทุกวันหรอกฮะ เราเพิ่งรู้จักกันเอง"
"ไม่ได้หรอก พี่ต้องเร่งทำคะแนนสิ"
ฉันท์หันมามอง "ทำไมล่ะฮะ พี่จะรีบไปไหนหรือฮะ" ฉันท์ลืมไปแล้วว่าเมื่อวานพี่บอกอะไรไปบ้าง
"เปล่า" ธามันโกหก "ก็เมื่อวานเราเพิ่งคุยกันไง ว่าพี่ขอได้รับได้ส่ง แต่พอพี่กลับไปถึงบ้าน พี่ก็คิดว่าเราทำความรู้จักกันช้าไปนิด"
"ฮะ" ฉันท์หันไปมองนอกรถ แล้วกลับไปนั่งเงียบๆ ถามคำตอบคำเหมือนเดิม จนกระทั่งใกล้จะถึงโรงเรียน ฉันท์ก็บอกให้จอดที่หน้าร้านถ่ายเอกสาร
“ผมต้องเอารายงานไปเย็บเล่มน่ะฮะ พี่จอดส่งผมก็พอ ไม่ต้องลงไปด้วยหรอก”
“งั้นตอนเย็นพี่มารับเหมือนเดิมนะ”
“ไม่ต้องก็ได้ฮะ”
ธามันยังคงยิ้มแบบพี่ชายใจดีอีกครั้ง

วงจรชีวิตกลับมาเหมือนเดิมในตอนที่เดินเข้าห้องเรียน แล้วเห็นคนคู่นั้น
เมื่อไหร่อาการแบบนี้จะหายไปสักทีนะ ทันทีที่เห็นทั้งสมองและหัวใจก็จะรู้สึกหนัก พาลไม่รู้จะพูดจะคุยอะไร เข้าเรียนก็ได้แต่นั่งเรียนไปตามหน้าที่ บังคับตาตัวเองไม่ให้หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียก มองไม่เห็นน้ำดื่มที่คนนั้นเอามาวางไว้ให้
สักวันสมองและหัวใจจะต้องดีกว่านี้
ฉันท์เชื่ออย่างนั้น
และเมื่อเลิกเรียน เห็นธามันมายืนรออยู่ที่หน้าโรงเรียน ฉันท์ก็คลี่ยิ้มขณะที่เดินเข้าไปหา
"หิวไหมครับ"
ฉันท์ส่ายหน้า "บอกว่าไม่ต้องมารับก็ได้"
"ก็อยากมา" ธามันตอบขณะที่แย่งกระเป๋านักเรียนไปถือให้ "วันนี้กินอะไรดี"
คนตัวเล็กอมยิ้มขณะที่ยังคงส่ายหน้าอยู่เหมือนเดิม "ไม่รู้"
"แล้วทุกวันก่อนที่จะไปเรียนน้องฉันท์จะกินอะไร"
ฉันท์มองหน้าอีกคนแล้วส่ายหน้าเป็นครั้งที่สาม "พี่กินร้านนั้นไม่ได้หรอก"
"รู้ได้ไง พี่น่ะกินง่าย กินได้ทุกอย่างเลยนะ"
"จริงหรือ"
"จริงสิ"
ฉันท์ชี้ไปที่แผงข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าโรงเรียน "กินอันนั้นน่ะ"
ธามันหันไปมองตามมือ "หมูปิ้งหรือ"
"ฮื่อ" คนตัวเล็กพยักหน้า "กินแล้วก็ไปเรียน เพราะเดี๋ยวถึงบ้านก็กินอีกรอบ"
ธามันมองหมูปิ้งแล้วหันมามองฉันท์ ก็รู้อยู่หรอกว่าข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าโรงเรียน คืออาหารจานด่วนของหลาย ๆ คน เพียงแต่ใบหน้าหวาน ๆ ของฉันท์ มันไม่เข้ากับหมูปิ้งสีเข้มนี่สักเท่าไหร่
เงียบไปนาน คนที่ถูกมองจึงถามขึ้น "กินได้ไหมฮะ"
"ได้สิ" ธามันหยิบกระเป๋าสตางค์ "ซื้อไปกินในรถละกันนะ"
ขณะที่ยืนอยู่ข้างกัน คนที่ไม่อยากรับรู้ว่ามีตัวตนอยู่ก็เดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ "กินหมูปิ้งหรือฉันท์"
ฉันท์มองตรงไปข้างหน้าไม่ได้ตอบคำถาม
ข้อดีก็คือขณะที่ธามันจำหนุ่มคนนี้ได้ รวมถึงนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นั่นด้วยแต่ไม่มีวี่แววว่าหนุ่มคนนี้จะจำธามันได้เลยสักนิด
ก็แน่ละ ตอนนั้นสถานการณ์มันคือการถูกจับได้ว่าแอบกินกันลับหลัง ใครจะมีตาไปมองผู้ชมที่ยืนอยู่ข้างบ้าน
ที่จริงธามันควรดีใจที่ทั้ง 2 คนทำแบบนั้น เพราะทำให้ตนเองสามารถเข้ามาทำความรู้จักกับน้องได้ แต่เพราะทันทีที่ 2 คนนี้เดินเข้ามาทัก น้องที่กำลังอารมณ์ดีก็กลับกลายเป็นเงียบขรึมในทันที
ธามันรู้สึกไม่ชอบ 2 คนนี้อย่างจริงจัง
.*-*-*.
กวางเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม พ่อเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์วิน ส่วนแม่ขายลูกชิ้นปิ้งอยู่ใกล้กับวินแล้วก็ยังมีพี่ชายพี่สาวอีก 5 คน กวางไม่อยากโตขึ้นแล้วต้องขับรถอย่างพ่อ ส่วนเรื่องขายลูกชิ้นปิ้ง กวางชอบเฉพาะตอนเย็นที่ลูกค้ามาเข้าแถวรอซื้อของ ส่วนเวลาอื่นที่แม่นั่งเท้าคางมองลูกค้าเดินผ่านร้าน กวางไม่ชอบเลย แต่ที่ชอบมากที่สุดก็คือตอนที่พี่ฉันท์เดินผ่านร้าน ดังนั้นถ้าหลายวันผ่านไปแล้วไม่เห็นพี่ฉันท์เดินผ่านร้าน กวางจะเสนอหน้ามาหาพี่ฉันท์ที่อพาร์ทเม้นท์เสียเอง
ถ้าพี่ฉันท์อยู่ กวางก็จะถามอย่างตรงไปตรงมา
"พี่กินลูกชิ้นปิ้งไหม อยากกินผลไม้หรือเปล่า หรือจะเอาน้ำอัดลม หนูไปซื้อให้"
พี่ฉันท์คนใจดี ถึงแม้จะมีดวงตาเศร้า พูดน้อย และถึงจะไม่อยากกิน ก็จะบอกว่าอยากกิน ให้เงินให้ไปซื้อของ พอกลับมาก็แถมเงินให้อีก 5 บาทเป็นค่าเหนื่อย กวางรับเงินแน่นอนบอกเลย เพราะว่าเป็นเงินที่พี่ฉันท์ให้มา แต่ถ้าไปหาแล้วพี่ฉันท์ไม่อยู่ ลุงวินัยกับป้าแจ่มจิตจะวานให้กวางไปซื้อของน่ะหรือ
"หนูคิด 10 บาทนะ"
"อะไรของมึงวะ ทีกูคิด 10 บาท" ลุงวินัยบ่นยิ้มๆ เงื้อมะเหงก อยากเขกหัวไอ้เด็กประถมโรงเรียนกทม.คนนี้สักที
"ก็ลุงกับป้าชอบลืม พอไปซื้อมาให้ปุ๊บ หนูต้องกลับไปซื้อของอีกรอบทุกที งั้นก็คิดเลยทีเดียว จะวิ่ง 1 รอบหรือ 3 รอบหนูก็คิดราคาเดียวแหละ"
ป้าแจ่มจิตใจดี ส่งเงินให้พร้อมกับกระดาษจดของที่ต้องซื้อ "ไม่ต้องรีบนะลูก รถเยอะ อันตราย"
"จ้าาาาาาาาาาาาา" กวางรับคำ แล้วถีบรถจักรยานคันเก่งของมันไปทันที

ตั้งแต่ครั้งแรกที่กวางเจอพี่ธาม กวางก็รู้ว่าคนนี้กำลังจีบพี่ฉันท์อยู่
ก็เดินตามกันไปแบบนั้น เอาใจขนาดนั้น มองอีกคนด้วยสายตาแบบนั้น ต่อให้เป็นคนตาบอดยังรู้เลย
คนหล่อคนนี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เห็นว่ามีรถหรูไอ้แบบที่นั่งได้สองคนมารับ มาส่ง แต่เขากลับใช้รถคันเล็กคอยรับ-ส่งพี่ฉันท์ 
ได้ยินว่าพูดภาษาอังกฤษกับคนขับรถหรูคันนั้นด้วย แต่พี่ฉันท์บอกว่า พี่ธามเป็นคนไทย ไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก แล้วอีกไม่นานก็จะกลับไปเรียนต่อ
"กลับไป เขาก็ลืมพี่ฉันท์แล้ว" กวางบอกไปอย่างที่แม่บอกมา คนเราน่ะพอระยะทางห่าง ใจก็จะห่างไปด้วย
แต่ตอนที่พี่ฉันท์พยักหน้าซึม ๆ กวางก็ตบปากตัวเองที่พูดคำไม่ดี พี่ฉันท์คนใจดีรีบดึงมือไว้ ไม่ให้กวางตีปากตบเอง แล้วบอกว่า นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
“ที่แม่บอกมาก็ถูกแล้ว”
"พี่ฉันท์ชอบพี่ธามไหม"
"มันเร็วไป การที่เราจะชอบใครสักคน มันต้องเริ่มที่ความไว้ใจ"
แล้วที่เมื่อครู่ซึมไปเพราะอะไร เพราะทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะต้องไปเหมือนคนก่อนหน้านี้ แต่พี่ฉันท์ก็ยังรู้สึกดีกับเขาใช่ไหม
...กวางเป็นเด็กพี่ฉันท์นะ จะไม่รู้ว่าพี่ฉันท์เพิ่งอกหักมาได้ยังไง!

...จบตอนที่1...

สารบัญเรื่อง ตอนที่ 1 / ตอนที่ 2 / ตอนที่ 3 / ตอนที่ 4 / ตอนที่ 5 / ตอนที่ 6 / ตอนที่ 7ตอนที่ 8 / ตอนที่ 9 / ตอนที่ 10 / ตอนที่ 11 / ตอนที่ 12 / ตอนที่ 13 / ตอนที่ 14 / ตอนที่ 15 / ตอนที่ 16 / ตอนจบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2019 21:45:44 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #3 เมื่อ09-12-2018 12:53:09 »

ตามมาอ่านเรื่องใหม่
คนทำผิดก็ช่างกล้านะ ไม่อายบ้างเลย มาตื้อฉันท์อยู่ได้

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #4 เมื่อ09-12-2018 14:41:49 »

เรื่องใหม่ ดีงามค่ะ
ตามๆๆ

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #5 เมื่อ09-12-2018 20:05:22 »

ติดตามๆ

 :3123:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #6 เมื่อ10-12-2018 14:03:29 »


ว้ายยยย มาแล้วววน้องฉันท์กับพี่ธาม เปิดตัวกันอีกรอบ  :L1:  :L1:  เข้ามาเป็นเด็กพี่ฉันท์กับน้องกวางกันอีกรอบ  :กอด1:


ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #7 เมื่อ11-12-2018 16:31:31 »

ขอบคุณนะคะ 
เห็นหลายวันแล้ว  เข้ามาอ่านได้นิดหนึ่ง
มาเที่ยว หาไวไฟยาก  อ่านจบแล้วเข้ามาใหม่นะ

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #8 เมื่อ15-12-2018 08:49:23 »

 :กอด1: ไปอ่านในเด็กดีมาเเล้วก็ตามมาทวงตอนใหม่ในนี้ด้วย 5555

ออฟไลน์ Ornon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #9 เมื่อ15-12-2018 11:20:40 »

ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านในนี้ แต่ตั้งใจแวะมาช่วยดัน อยากอ่านเรื่องนี้ต่อแล้วววว

 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-12-2018 11:20:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #10 เมื่อ15-12-2018 11:21:28 »

จำได้ว่าเคยลงแล้วเงียบไป  :m16:
คราวนี้คงได้อ่านต่อสมใจ  o13

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #11 เมื่อ15-12-2018 12:02:44 »

พี่ธามห้ามทำร้ายน้องฉันท์นะคะ   :hao5:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #12 เมื่อ15-12-2018 19:52:33 »

ตอนที่ 2

ในวันที่ไม่มีเรียน และไม่มีใครอยู่บ้าน ฉันท์มักจะมาเป็นลูกมือลุงนิยมซ่อมอพาร์ทเม้นท์ เพราะที่นี่มีเรื่องให้ซ่อมได้ทุกวัน ต่อให้กลุ่มห้องพักชั้นล่างที่เป็นคนขับรถจะซ่อมเองบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วบรรดาแม่บ้านก็มักจะเรียกให้ลุงไปซ่อมพวกกลอน หรือ ก๊อกน้ำให้
ก็เรียกผ่านป้าแจ่มจิตน่ะแหละ
ถ้าเสียหายไม่มากไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมฟรี
แต่ถ้าต้องเปลี่ยนอะไหล่ ก็เสียแต่ค่าอะไหล่
ที่สำคัญคือลุงไม่ค่อยพูดอะไร บอกให้ซ่อมก็ซ่อม เสร็จแล้วก็กลับมาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้าน ต่างกับบรรดาสามีทั้งหลายที่มักจะบ่นเมีย ว่าทำไมถึงได้ทำนั่นนี่พังเสียหายอยู่ตลอด
ดังนั้นลุงนิยม จึงเป็นที่นิยมของบรรดาแม่บ้าน ทั้งในอพาร์ทเม้นท์นี้และละแวกใกล้เคียงด้วย
ส่วนธามันที่เพิ่งกลับมาหอพัก พอเห็นภาพที่ฉันท์กำลังซ่อมประตูห้องพักที่ชั้น 3 ก็รู้สึกว่าเป็นภาพที่เหนือความคาดหมาย เพราะมันไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด
เด็กนักเรียน ตัวผอม ผิวขาว ตากลม ริมฝีปากอิ่ม และมือเรียว กำลังถือไขควง ที่สำคัญคือท่าทางคล่องแคล่วนั่น
น้องฉันท์มีอะไรหลายอย่างที่ขัดกับรูปร่างหน้าตา และมีความสามารถที่เหนือกว่าความคาดหมายให้พบเห็นได้ตลอด
นี่คงเป็นส่วนหนึ่งของประโยคที่ผู้ใหญ่มักสอนเราว่า ‘ให้ค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไปอย่ารีบร้อน’
แต่ธามันรีบ!
ธามันที่เป็นชายหนุ่มตัวใหญ่ มีรูปร่างหน้าตาที่ออกจะแมนเกินร้อย ยอมรับว่ามีความสามารถในเรื่องงานช่างในระดับที่ ‘พอจะทำได้บ้าง’ แต่ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ได้ถือไขควงซ่อมอะไรสักอย่าง
รูปร่างหน้าตาไม่สามารถบ่งชี้ถึงความชำนาญได้เลย
ธามันเดินเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ "เห็นบอกว่าจะมาช่วยลุงซ่อมห้อง ยังคิดว่าจะมาเป็นลูกมือเสียอีก"
ลุงนิยมที่กำลังยืนคุยอยู่กับผู้เช่าห้องอีกคน ที่เป็นชายวัยกลางคนหันมายิ้มทักธามันแล้วก็หันไปคุยกันต่อ
ส่วนคนที่กำลังซ่อม หันมายิ้มทักแต่ไม่ได้พูดอะไร ดูห่างเหินเหมือนเคย
...หลายวันแล้วนะ น่าจะคุ้นเคยกันได้แล้ว...
เมื่อฉันท์ซ่อมประตูเสร็จ ก็เดินไปดูหน้าต่าง เช็คปลั๊กไฟให้ผู้เช่าด้วย เสร็จแล้วเก็บอุปกรณ์เครื่องมือลงกล่อง
ในความคิดของธามัน การที่ฉันท์ไม่ได้หันมาถามสักคำว่าไปไหนมา ไม่พูดอะไรสักคำ คือการที่ฉันท์กำลังคิดถึงเรื่องอื่น คนอื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ข้าง ๆ เวลานี้
จนเมื่อธามันเอื้อมมือไปช่วยถือกล่องอุปกรณ์ ฉันท์ถึงได้หันมามองหน้า แต่ก็แค่แวบเดียวก็หันไปบอกกับลุง ว่าซ่อมกลอนเสร็จแล้ว
ลุงบอกว่า ห้องที่ใช้เก็บของที่ชั้น 5 ที่ธามันพักอยู่ มีหน้าต่างบานหนึ่งที่ตัวล็อคไม่ค่อยดี
"ไหน ๆ ก็ขึ้นมาแล้ว แวะขึ้นไปดูสักนิด" ลุงบอกแล้วส่งกุญแจห้องให้ฉันท์ จากนั้นก็หันไปรับคำขอบคุณจากเจ้าของห้องที่ฉันท์เพิ่งซ่อมประตูให้
แต่เท่าที่ธามันแอบฟังบทสนทนาระหว่างลุงกับเจ้าของห้อง ลุงก็ยังคงเป็นคนที่พูดน้อย มีหน้าที่เพียงเสริมความเห็นของอีกฝ่ายเท่านั้น
เมื่อวันเวลาผ่านไปฉันท์ไม่ได้จมอยู่กับความรู้สึกผิดหวัง เพราะในเวลาที่ไม่ต้องเจอกัน ก็ยังสบายดี ไม่มีความรู้สึกอึดอัดใจ
แต่ตอนนี้ที่ไม่ได้สนใจคนที่เดินข้าง ๆ กันขึ้นมาที่ชั้น 5 ก็เพราะในสมองกำลังคิดถึงงานที่ลุงสั่งไว้ พอมาถึงหน้าห้องก็ไขกุญแจห้องเข้าไป จากนั้นก็หันไปรับกล่องเครื่องมือมาจากธามัน แล้วก็ซ่อมหน้าต่างตามที่ลุงบอก เสร็จแล้วก็สำรวจดูหน้าต่าง ประตู และปลั๊กไฟในห้อง
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เป็น 15 นาทีที่ฉันท์ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
ธามันได้แต่ยืนกอดอกมอง จนกระทั่งฉันท์เก็บอุปกรณ์ลงกล่อง
"เสร็จแล้วหรือ"
"ฮะ" ฉันท์ตอบ แต่ไม่ได้หันมามอง
"งั้น พี่ขอยืมอุปกรณ์ไปเช็คปลั๊กไฟที่ห้องได้ไหม เมื่อคืนเสียบปลั๊กชาร์ตโทรศัพท์ แล้วเหมือนปลั๊กจะไม่ค่อยดี"
คราวนี้ฉันท์หันมามอง "ผมซ่อมให้ก็ได้ฮะ"
ธามันเข้าไปแย่งถือกล่องเครื่องมือ แล้วเดินนำออกมาหยุดยืนรออยู่นอกห้อง
"รู้หรอกน่า ว่าอพาร์ทเม้นท์ของฉันท์ แต่พี่จะรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าให้น้องฉันท์มาซ่อมห้องให้พี่"
ฉันท์ส่ายหน้า "ไม่เป็นไรฮะ ผมทำได้"
ห้องของธามันอยู่ถัดมาเพียงไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มไขกุญแจห้องแล้วเบี่ยงตัวให้ฉันท์เข้าไปก่อน
"ปลั๊กไหนฮะ"
ธามชี้ไปที่ปลั๊กไฟในห้องนอน ฉันท์ก็เดินเข้าไปดู "ต้องยกไฟก่อนฮะ"
หนุ่มตัวเล็กวางกล่องเครื่องมือลง แล้วจะเดินกลับออกมายกไฟที่หน้าห้อง แต่กลับถูกกอดรวบไว้
ข้อมือขวาถูกจับกดล็อคอยู่ที่หลังเอว ดันให้คนตัวเล็กต้องแอ่นตัวขึ้นหา ส่วนมืออีกข้างที่เงื้อขึ้นจะผลักพี่ออก ก็ถูกจับไว้แล้วกดล็อคไว้ที่หลังเอวเหมือนกัน
ธามันใช้เพียงมือเดียวจับข้อมือผอมบางนั่นไว้
ส่วนอีกมือดันหลังคอให้เงยหน้าขึ้นรับริมฝีปากหนาที่บดจูบ
ฉันท์ลืมตาโพลง เม้มริมฝีปากแน่น พอจะยกเท้าขึ้นเตะ ก็กลับกลายเป็นถูกอุ้มจนตัวลอยมาถึงเตียง
มือที่กอดรัดเอว เปลี่ยนมากดข้อมือผอมไว้เหนือศีรษะ ร่างกายสูงใหญ่กดทับอยู่ครึ่งตัว ฉันท์เบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่ตามลงมาหา
แม้จะมีเสียงในลำคอที่บ่งบอกถึงการต่อต้าน แต่ฉันท์ไม่ได้ร้องโวยวาย ข่มขู่หรือร้องขอ แต่กลับร้องไห้
"ร้องไห้ทำไม"
ธามันไม่ได้คิดที่จะฉวยโอกาสมากไปกว่านี้ เพราะที่ทำลงไปก็เพราะอารมณ์ไม่ดี แบบคนที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาลกำลังถูกเมิน ก็แค่ต้องการจะแกล้งกึ่งฉวยโอกาสให้ร้องโวยวายแสดงความรู้สึกออกมาบ้าง
อยากให้เขาสนใจพี่ที่อยู่ตรงนี้
แต่ปรากฏว่าฉันท์กลับร้องไห้เงียบ ๆ  ทั้งกัดริมฝีปากแน่น
"ผมคิดว่าพี่จะเป็นคนดี"
เหมือนถูกค้อนทุบที่ศีรษะ ธามันนิ่งอึ้ง แล้วคลายมือออก แต่ยังคงคร่อมแขนกักอีกคนไว้
"น้องฉันท์"
ฉันท์หลับตาแน่น
"ลืมตาขึ้นมามองพี่" แต่เมื่อฉันท์ยังหลับตาทั้งยังส่ายหน้า น้ำเสียงของธามันก็เข้มมากขึ้น
ฉันท์ลืมตาขึ้น แต่ยังกัดปากตัวเองไว้
"มองเห็นพี่ไหม"
ฉันท์ไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้า
"ดี" ธามันคลายมือแล้วขยับตัวเบี่ยงออก
ฉันท์รีบลุกออกมาจากเตียง แต่ธามันยอมให้ออกมาเพียงแค่พ้นประตูห้องนอนก็คว้าต้นแขนไว้
"น้องฉันท์ เราต้องคุยกัน"
หนุ่มตัวเล็กหน้าไปทางอื่น ใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระปาดน้ำตา
"พี่อยากรู้ เวลาที่พี่อยู่ข้าง ๆ เวลาที่พี่พูดด้วย น้องฉันท์มองเห็นพี่บ้างไหม ได้ยินที่พี่พูดสักคำไหม"
ดวงตาที่น้องมองกลับมามีคำถาม ที่ทำให้ธามันรู้สึกปวดใจไม่ต่างกัน
"เรารู้จักกันมานานนับสัปดาห์ ถึงน้องจะไม่ไว้ใจ ยังคงมองว่าพี่เป็นคนแปลกหน้า แต่อย่างน้อยก็ควรจะหันมามองพี่บ้าง ทำให้พี่ได้รับรู้บ้าง ว่าพี่มีตัวตนอยู่ในสายตาของน้อง ไม่ใช่แค่คนที่จะพาน้องหนีจากคนที่ไม่อยากพบหน้า"
"พี่..."
"ทำไมถึงยังรักมันอยู่ ทั้งที่มันไปมีคนอื่นแล้ว พี่คือคนที่อยู่กับน้องตอนนี้ มองเห็นพี่บ้างไหม"
ฉันท์ส่ายหน้า "ผมบอกพี่ไปแล้ว ว่าผมยังไม่พร้อม"
"ไม่พร้อมที่จะคบกับพี่ หรือยังไม่พร้อมที่จะตัดใจจากมัน น้องต้องชัดเจนกับหัวใจตนเองมากกว่านี้"
"ผม ผม"
"เวลาที่มันมาอยู่ใกล้ น้องถึงหันมามองพี่ แต่เวลาอื่น พี่ไม่มีตัวตนเลยสักนิด"
"ไม่ใช่อย่างนั้น"
"ไม่พร้อม กับไม่ยอมตัดใจน่ะมันไม่เหมือนกันนะ"
"ผม ขอโทษ"
เมื่อธามันปล่อยมือ ฉันท์ก็รีบเดินออกไปจากห้อง เห็นลุงยืนอยู่ตรงบันได คิดว่าอาจได้ยินที่พูดกันเมื่อครู่ หันมาอีกที เห็นว่าธามันถือกล่องเครื่องมือเดินตามออกมา สีหน้ายังดูโกรธที่ฉันท์เดินหนี
"อย่าคุยกันตอนที่อารมณ์ยังร้อน เพราะมันจะมีแต่คำร้าย ๆ ให้กัน"  ลุงเว้นไปนิดหนึ่ง พยักหน้าไปทางระเบียง "อีกอย่าง ที่นี่มันชั้น 5"
ธามันกับฉันท์หันมามองหน้ากัน แล้วหันไปยกมือไหว้ลุง จากนั้นก็เดินตามลุงลงมาเงียบ ๆ
เมื่อลุงรับรู้ว่าธามันกับฉันท์ไม่ได้เป็นแค่ผู้เช่ากับเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ ธามันก็ถือวิสาสะจับมือของอีกคนไว้ระหว่างที่เดินลงมาชั้นล่าง
ฉันท์หันมามองหน้า 
"ขอเวลาให้พี่ได้ทำความรู้จักกับน้องฉันท์บ้างนะ” ธามันช่วยเช็ดน้ำตาให้อีกคน
มันคือความไม่พอใจที่เกิดขึ้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ที่มีจุดมุ่งหมายเพียงแค่เรียกร้องความสนใจ ไม่ได้คิดที่จะล่วงเกินไปกว่านี้ เพราะรู้ดีว่ายังเร็วเกินไป 
จากที่ธามันพูดมา ทำให้ฉันท์รู้ว่าอีกคนก็แค่น้อยใจ ไม่ได้คิดเอาเปรียบ เพราะหากคิดจะใช้กำลังบังคับก็คงทำได้ไม่ยาก
"อย่าทำอย่างเมื่อกี้อีก" ฉันท์บอก "ผมขอโทษที่ทำให้พี่รู้สึกไม่ดี แต่พี่ก็..."
"พี่ขอโทษ จะไม่ทำอีก"
ฉันท์พยักหน้า ธามันก็ย้ำคำขอโทษอีกครั้ง จนฉันท์ต้องกระตุกมือ
"พอแล้ว"
"งั้นไปกินข้าวกันไหม" ธามันรีบถามต่อทันที เพราะก็รู้เหมือนกันว่า ถ้าปล่อยให้มีช่องว่าง ฉันท์ก็จะเริ่มเงียบไปอีก
"วันนี้พ่อกับแม่อยู่บ้าน"
แปลว่า น้องต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านสินะ..
ธามันพยายามส่งสายตาบอกให้ฉันท์ชวนไปกินข้าวที่บ้าน แต่ฉันท์ยังคงลังเล จนกระทั่งลุงหันมาบอกว่าให้ไปถามป้า ว่าจะให้ไปซื้อของที่ตลาดหรือไม่
ช่วยต่อเวลาที่อยู่ใกล้กันให้นานอีกนิด ก่อนที่จะต้องพาไปส่งที่บ้านหลังท้ายซอย แต่ป้าก็บอกว่าไม่ต้องซื้ออะไร เพราะใช้เด็กกวางไปซื้อให้แล้ว
“ก็เจ้าฉันท์ต้องกลับไปกินข้าวบ้าน ป้าก็เลยให้กวางไปซื้อให้น่ะสิ เราก็กลับบ้านเถอะ พ่อกับแม่รออยู่”
ธามันรู้สึกผิดหวังอยู่หน่อย ๆ ที่วันนี้ต้องมาส่งฉันท์ที่บ้านตั้งแต่เย็น แต่พอมาถึงบ้านก็กลับยิ้มได้เพราะเมื่อจอดรถที่หน้าบ้านหลังท้ายซอยเห็นว่าพ่อกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ธามันจึงดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้วเดินตามฉันท์ลงมาด้วย
เมื่อฉันท์ไหว้พ่อ ธามันก็ไหว้ด้วย
“สวัสดีครับ ผมชื่อธามครับ”
พ่อรับไหว้แล้วชวนคุยอยู่หน้าบ้าน
“ผมเรียนอยู่อเมริกาครับ กลับมาบ้าน 2 เดือน แต่ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อย ผมก็เลยแยกมาเช่าอพาร์ทเม้นท์ของคุณอาในระหว่างนี้ครับ”
“อยู่คนเดียวหรือ”
“มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่เขาไป ๆ มา ๆ ครับ”
“อ้อ” ฉลอง พ่อของฉันท์พยักหน้า เพราะเข้าใจความคิดของวัยรุ่นในครอบครัวที่มีฐานะดี “ถ้ามีปัญหาอะไรก็คุยกับลุงวินัยเขานะ แกไม่ค่อยไปไหนหรอก หัวค่ำก็มาดื่มกับคนขับรถรับจ้าง แก้ว 2 แก้วก็ไปนอน”
คุยกันจนแม่มาเรียกให้เข้าไปในบ้าน เพราะอาหารเย็นพร้อมแล้ว
ธามันทำเป็นว่าจะขอตัวกลับ แต่มีหรือที่เจ้าบ้านจะยอม สุดท้ายก็เข้าบ้านไปกินอาหารเย็นด้วยกัน
“มีต้มยำ ผัดผัก กับปลาทอด ธามกินได้ไหม” แม่ถาม
ธามยิ้มกว้างเมื่อได้ยินสำเนียงแปร่งหูของแม่ “ผมกินได้ครับ”
เมื่ออิ่มจากอาหารคาวก็ปิดท้ายด้วยผลไม้ ที่เก็บจากในสวน
“ฝรั่งนี่จากสวนบ้านเราเอง” แม่บอก
ตอนที่ได้ยินแม่พูดว่า ‘สวนบ้านเราเอง’ มันเหมือนการไปกระทบกับความตั้งใจเดิมที่กำลังจางลงไป และทำให้รู้สึกละอายใจอยู่หน่อย ๆ
และในขณะที่เลี้ยวรถกลับออกมา ธามันก็ถามตัวเองอีกครั้ง ว่าแท้จริงแล้ว กำลังทำอะไรอยู่
และแท้จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่
เช้าวันถัดมา ธามันก็ไปจอดรถรออยู่ที่หน้าบ้านของฉันท์เหมือนเดิม
หนุ่มนักเรียนเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับฟิวเจอร์บอร์ดแบบพับ
“ทำเมื่อคืนหรือ”
“ฮะ” ฉันท์เว้นไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังคิดว่าจะพูดอะไรดี แล้วก็พูดทวนคำพูดของพี่ “ทำเมื่อคืนนี้”
“แล้วต้องพรีเซนต์ด้วย หรือแค่เอาไปวางหน้าห้อง”
“พรีเซนต์ด้วยสิฮะ ได้ตั้ง 5 คะแนน”
“ตั้ง 5 คะแนนเชียวนะ เป็นแรงจูงใจคนทำงานได้ดีมาก” ธามันทำหน้าตาเบื่อหน่ายอย่างกับต้องเป็นคนพรีเซนต์งานเสียเอง “แล้วนี่เป็นงานกลุ่มหรือเดี่ยวล่ะ”
“กลุ่ม 5 คน”
“ทำ 1 คน และคนทำคือคนพรีเซนต์”
“ฮื่อ” ฉันท์พยักหน้า
“เข้าใจความรู้สึกนี้เลย”
ฉันท์หัวเราะเบา ๆ
   หนุ่มน้อยยอมรับว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดี และก็ไม่รู้ว่าหากเป็นคนอื่น ชีวิตจะดีเหมือนกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้ไหม
ในช่วงเวลาที่ยังมึนงง มีธามันเข้ามาคอยดูแล ยอมรับว่าไม่พร้อมและหยุดเมื่อขอให้หยุด
ยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก 
ดังนั้นถึงธามันจะไม่เคยพาไปแนะนำกับที่บ้าน และฐาติเป็นญาติเพียงคนเดียวที่ฉันท์รู้จัก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
ทั้งเห็นว่าดีแล้วที่เขาไม่พาไป 
ไม่เคยรู้ว่าการที่ธามันไม่ได้พาไปรู้จักครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ของเขามันมีเหตุผลอื่นอีก
มาถึงคืนสุดท้ายที่ธามันจะพักอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ ชายหนุ่มถึงได้พูดตอนที่ฉันท์เดินมาส่งที่หน้าบ้าน
"พี่กำลังจะกลับไปอเมริกา”
น้องพยักหน้าเพราะจำได้ว่าธามันเคยบอกไว้นานแล้วว่ากลับมาบ้านช่วงวันหยุดแล้วก็จะต้องกลับไปเรียนต่อ แต่ไม่เคยบอกกำหนดวันชัดเจนว่าจะกลับไปเมื่อไหร่ และไม่คิดว่าเขาจะมาบอกในวันสุดท้ายที่จะไป
“พี่รักน้องฉันท์ ต่อให้รู้ตัวดีว่าฉันท์ไม่เคยมีความรู้สึกแบบเดียวกันให้พี่เลยสักนิด" ธามันยิ้มเศร้า "พี่เชื่อมาตลอดว่า สักวันน้องจะตอบรับความรู้สึกของพี่"
คิ้วสวยของฉันท์ขมวดแน่น ไม่เข้าใจว่า ‘การตอบรับ’ ที่ธามันพูดถึงคือการแสดงออกแบบไหน การที่ยอมตามใจอยู่เสมอจนถึงตอนนี้ การที่พาพี่เข้าบ้าน มากินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน ยังมีอะไรที่แสดงให้เห็นว่าไม่เปิดใจอีกหรือ
ท่ามกลางความทรงจำดี ๆ และรู้ว่าพี่ดูแลเอาใจใส่ มีความสม่ำเสมอ บอกว่ารัก บอกว่าหวังดี แต่การบอกว่าจะไปในวันสุดท้ายมันใช่หรือ
ฉันท์ไม่ได้พูดถ้อยคำที่อยู่ในใจเหล่านั้น
ธามันจับมือขาวของน้องไว้ "พี่จะต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว แต่อีกไม่กี่เดือนก็จะกลับมา ระหว่างนี้ฐาติจะมาดูห้อง" กลืนคำว่าหากพร้อมที่จะเปิดใจรับใครสักคนก็ขอให้คิดให้ดี เพราะไม่ได้เป็นคนใจกว้างแบบนั้น "พี่...เป็นห่วงน้องฉันท์ อย่าไปกับใครง่าย ๆ อย่าตามใจใครง่าย ๆ เพียงเพราะอยากหลบหน้าคนที่ฉันท์ไม่อยากเจอ" นิ้วมือใหญ่เกลี่ยแก้มใส แล้วก้มลงหา ริมฝีปากแตะริมฝีปากแผ่วเบาแล้วห่างออกมา "พี่รักน้องฉันท์นะครับ"
   เมื่อกลับเข้ามาถึงบ้าน ฉันท์มองดูพ่อกับแม่ที่นั่งกินผลไม้อยู่ด้วยกัน พูดคุยกัน แล้วก็หันมาให้กำลังใจลูกชายเรื่องสอบ จากนั้นก็หันไปคุยกันเรื่องภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่กำลังจะเข้าฉาย
ในตอนที่อยู่คนเดียว ฉันท์คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียน คิดถึงพ่อกับแม่ และคิดถึงธามัน
เช้าวันถัดมา ธามันมารับฉันท์แต่เช้าเหมือนเคยและจับมือกันไว้แน่นตลอดการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน
จนเมื่อธามันจอดรถก่อนที่จะถึงหน้าโรงเรียนไม่กี่เมตร ฉันท์ก็พูดขึ้น "พ่อกับแม่เรียกผมว่าชิรายูกิ" คนตัวเล็กชะโงกหน้ามาหอมแก้มของอีกคน "อย่าลืมชิรายูกินะฮะ"
แก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด แดงไปทั้งหูจนถึงคอ แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ฉันท์ก็ลงจากรถไปแล้ว ทิ้งให้ธามันต้องกลับมาทบทวนความคิด ความตั้งใจ และสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ธามันเจ้าแผนการอย่างที่ฐาติว่าไว้
จากจุดเริ่มต้นที่ความพอใจหน้าตา ท่าทีของเขาเมื่อต้องพบว่าตนเองถูกเพื่อนสนิทแย่งคนรักไป จากนั้นก็บอกกับตัวเองว่าจะจีบเล่น ๆ เพราะที่จริงแล้ว ธามันสนใจที่ดินแปลงใหญ่ของฉันท์ 
ด้วยเหตุผลของธุรกิจ จึงใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากหน่อย
มากกว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เพื่อให้คนที่เพิ่งอกหัก หันมายึดพี่ไว้แน่น
จากนั้นด้วยระยะทาง และเวลาที่ต่างกัน ความสัมพันธ์ในช่วงต่อไปจึงเป็นการลดระดับความผูกพันลงไปเรื่อย ๆ จากคนรัก กลายมาเป็นพี่น้องที่ไว้วางใจกัน เพื่อที่ในวันที่เรียนจบกลับมา เขาจะตรงเข้าหาที่ดินแปลงนั้นได้โดยง่าย
แม้ว่าในช่วง 2 เดือนมานี้จะมีปัญหาอยู่เล็กน้อย เกี่ยวกับการที่ฉันท์ไม่ยอมตัดใจจากแฟนเก่าสักที ทำให้ธามันหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
รู้ตัวอีกทีก็คือต้องการให้น้องมองแต่เราคนเดียว
ยิ่งพยายามเรียกร้องความสนใจจากน้องมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหลงรักน้องมากขึ้นกว่าเดิม
แผนการในช่วง 2 เดือนนี้จึงล้มเหลวไม่เป็นท่า ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียดายเวลา 2 เดือนที่ควรจะพยายามทำความรู้จักกับครอบครัวของน้องมากกว่านี้
ในตอนที่กลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวที่อพาร์ทเม้นท์ ธามันตัดสินใจเดินไปจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้า 1 ปี พร้อมลาลุงกับป้า และบอกว่าอีกไม่กี่เดือนจะกลับมา โดยไม่ลืมที่จะบอกว่า ฐาติญาติผู้พี่ ที่เคยพบกับลุงกับป้ามาแล้วหลายครั้ง จะเป็นคนแวะมาทำความสะอาดห้องพักเป็นระยะ
….
เด็กชายกวางนักเรียนชั้นป.6 โรงเรียนกทม.ใช้นิ้วมือเปื้อนขนมจิ้มแขนเสื้อสะอาดของคนที่ยืนอยู่ตรงชั้นล่างของบันไดหอพัก
"น้าทำ'ไร"
คนที่ถูกเรียกว่าน้าถึงกับสะดุ้ง หันมามองเด็กชายตัวเปี๊ยกที่ทำหน้าตามีแต่เครื่องหมายคำถาม
"อะไร" ฐาติทำขู่ แต่เด็กน้อยไม่เห็นจะกลัว
"ก็น้าอะ ทำ'ไรอยู่ น้ามาทำห้องแฟนพี่ฉันท์ไม่ใช่หรือ"
"ทำเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ"
"แล้วขนของลงมาด้วยทำไม"
"ธามจะคืนห้องแล้ว" ที่จริงฐาติ ถามอีกฝ่ายเรื่องคืนห้องมาหลายครั้ง แม้ธามันยังไม่ตกลง แต่ก็ถือวิสาสะทยอยเก็บของออกมาทีละเล็กทีละน้อย
เด็กน้อยทำตาแดงๆ "พี่ฉันท์โดนทิ้งอีกแล้วหรือ"
"พี่ฉันท์ของมึงต่างหากที่ทิ้งธาม เขามีแฟนใหม่แล้ว มึงไม่เห็นหรือไง"
เด็กน้อยทำหน้ามุ่ย "นั่นเพื่อนพี่ฉันท์ น้ามองยังไงว่าเขาเป็นแฟนกัน"
"มึงนี่มันใสซื่อไปไหม" ฐาติหมั่นไส้ "ภาษากายของเพื่อนกับแฟนน่ะมันต่างกัน"
กวางเกาหัวเกรียน "น้ามาจากยุคไหนอ้ะ แล้วถ้าพี่ธามรักพี่ฉันท์จริง ทำไมเขาไม่แย่งกลับมาล่ะ"
ฐาติส่ายหน้า "ลูกผู้ชาย ต้องมีศักดิ์ศรีโว้ย ห่างกันไม่กี่วันก็ควงคนใหม่แล้วแบบนี้ เขาเรียกคนโลเล"
"อ้อ.." ไอ้ตัวเล็กชี้หน้าคนที่ตัวโตกว่า "ที่แท้น้าก็คือคนที่ยุให้เขาเลิกกัน บาปนะน้า"
"วะ ไอ้นี่" ฐาติอยากเขกหัวเด็กรู้มาก "มึงต้องเรียงลำดับว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง เพราะพี่มึงเขาเปลี่ยนใจไปแล้ว จะให้อีกคนเหมือนเดิมไปเพื่ออะไร" พูดไปก็คิดว่าไอ้ตัวเล็กนี่มันจะเข้าใจอะไรไหม "เดี๋ยวโตขึ้นมา มึงก็จะเข้าใจ"
"โห ประโยคมาตรฐานนี่หว่า แม่หนูก็บอกปัดงี้เหมือนกันแหละ"
"ก็มันจริง กูอธิบายไป มึงก็นึกภาพไม่ออก แต่อีกสัก 2-3 ปี มึงก็จะเข้าใจ ความรักของวัยรุ่น ผ่านเข้ามา แล้วก็จากไป จนกว่าจะเจอคนที่ไม่อยากจากกันไปไหนไกลน่ะแหละ"
พออธิบายแบบนี้ ไอ้ตัวเล็กก็หรี่ตา "แล้วน้าเจอหรือยัง"
"เฮ่ย.." ฐาติโบกมือ ชะโงกหน้าไปมอง เห็นว่าฉันท์กับคนที่พามาเข้าไปในบ้านแล้ว ถึงได้ขนของเข้าไปใส่ในรถ เด็กน้อยเดินตามมาด้วย
ดวงตาวาวมองรถคันสวย "น้า ขอจับหน่อยได้ไหม"
ฐาติหัวเราะ "ตามสบาย อย่าให้มันเป็นรอยก็แล้วกัน ค่าทำสีมันแพง"
"โหววววว"
นิ้วมือเล็ก ๆ แตะที่รถแต่เพราะนิ้วมือเลอะขนมทำให้รถเป็นรอย จะเอาเสื้อเช็ดรอยเปื้อน แต่เสื้อที่ใส่อยู่ ก็ไม่ได้สะอาดกว่ากันสักเท่าไหร่ ดวงตากลม ๆ หันมามอง
"หนูทำเปื้อนแล้ว"
"เปื้อนแค่นี้ เช็ดก็ออกแล้ว ชื่ออะไรน่ะเรา"
"กวาง"
ฐาติหันไปรื้อของในรถ หยิบกล่องขนมออกมา "กินไหม"
กวางพยักหน้า ยกมือไหว้ขอบคุณ
"บ้านอยู่ไหน"
"อยู่ชุมชนเพิ่มพูน” ที่นั่นคือชุมชนจัดสรรขนาดใหญ่ อยู่ด้านหลังตลาดที่มีชื่อเดียวกันคือตลาดเพิ่มพูนห่างจากปากซอยนี้ไปไม่ถึง 500 เมตร แต่มีซอยแยกที่ช่วยลัดระยะทางจากซอยนี้ไปถึงชุมชน จากนั้นจึงเป็นตลาด ทำให้กวางใช้เวลาเดินทางระหว่างอพาร์ทเม้นท์กับบ้านไม่ถึง 10 นาที “พ่อหนูขับมอ'ไซค์วิน แม่ขายลูกชิ้นอยู่ปากซอยนี้" เพราะซอยนี้มีทั้งหอพักและอพาร์ทเม้นท์ 3 หลัง ถึงปากซอยนี้ไม่มีตลาด แต่ก็มีแผงลอยร้านค้าคึกคัก
"อ้อ.." ฐาติพยักหน้า ส่งเงินให้อีกร้อย "เป็นเด็กดี อย่าสูบบุหรี่ กินเหล้า เล่นยาละ"
กวางแกะกล่องขนม "ถ้าเป็นเด็กดีแล้วน้าจะให้รางวัลปะล่ะ"
"เออ เจอกันอีกเมื่อไหร่ มึงมาทวงรางวัลได้เลย"
"แล้วน้าจะมาอีกเมื่อไหร่"
"เดือนหน้า ธามจ่ายค่าห้องไว้เป็นปี แต่กูยังต้องมาดูให้อยู่ดี"
"ไหนบอกว่าจะคืนห้อง"
"จะ คืน ห้อง" ไอ้เด็กนี่ความจำมันดีว่ะ "รอให้ครบตามจำนวนเงินที่จ่ายล่วงหน้า ก็หยุดแล้ว ไม่เช่าต่อ เข้าใจไหมไอ้ตัวเปี๊ยก"
กวางพยักหน้า ยิ้มแก้มตุ่ยด้วยขนมที่เต็มแก้ม

เมื่อกลับมาถึงอเมริกา สิ่งแรกที่ทำก็คือการส่งเมลเล่าเรื่องราวการเดินทางให้ฉันท์ฟัง แนบด้วยภาพถ่าย ทีแรกก็อยากใช้ช่องทางอื่นในการสื่อสารอยู่เหมือนกัน แต่เพราะเวลาที่ต่างกัน มันอาจกลายเป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวของอีกคน จึงเลือกที่จะส่งเมล ส่งไปแล้วนั่งรออีกพักใหญ่น้องยังไม่ตอบกลับมา ก็ลุกไปทำอย่างอื่น อีกหลายชั่วโมงถัดมา จึงมีสัญญาณเรียกว่ามีเมลเข้ามา
ฉันท์ตอบกลับพร้อมภาพถ่ายของตนเองเช่นกัน
เมลฉบับต่อไปธามันส่งรูปที่ถ่ายคู่กับแม่ไปให้ดู ฉันท์ก็ตอบกลับมา แล้วแนบรูปที่ถ่ายกับแม่
เมื่ออยู่ห่างไกลกัน ทำไมถึงได้มีคำถามเพิ่มขึ้นมากมาย และมีอีกหลายเรื่องที่อยากเล่าให้ฟัง การพิมพ์เมลจากโทรศัพท์เริ่มไม่ถนัด ต้องเปลี่ยนมาพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ เพราะข้อความยาวหลายบรรทัด และภาพถ่ายอีกหลายภาพ
เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไปนานข้ามเดือนธามันก็เริ่มเรียนหนัก เหมือนกับที่ฉันท์ก็เริ่มสอบ ข้อความเริ่มสั้นลง ภาพถ่ายหายไป
ยังไม่ทันจะถึงสามเดือน ฐาติก็ส่งข้อความพร้อมภาพของฉันท์มาให้
เป็นภาพที่ทำให้ธามันต้องนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วถามตัวเอง ว่าควรหยุดเท่านี้หรือเดินต่อไป....

ฉันท์ที่ไม่รู้เรื่องภาพและข้อความที่ฐาติส่งไปให้ธามัน รู้เพียงว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จากที่ธามันเคยเล่าเรื่องราวมากมาย แต่วันหนึ่งก็กลับกลายเป็นการตอบข้อความที่สั้นกระชับ จนกระทั่งเมื่อส่งเมลไปแล้ว ต้องรออีกนานหลายวันจึงมีข้อความตอบกลับมา
และในวันหนึ่ง ฉันท์ก็หยุดส่งข้อความ ได้แต่มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดับลง แล้วผ่อนลมหายใจยาวๆ

...เป็นการเข้ามาในชีวิตและจากไปที่ช่างรวดเร็วเหมือนกับเป็นเพียงความฝัน ที่เมื่อลืมตาตื่น ก็พบว่า ยังคงใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่พบเจอในแต่ละวัน
แต่ก็ยังต้องกลับมาคุยกับตัวเองอยู่ภายในใจ
โอบกอดตัวเองไว้ในเวลาหนาว
และเดินอยู่คนเดียว เหมือนเดิม...

เวลายังคงเดินหน้าต่อไป
ฉันท์สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังได้สำเร็จ ได้เรียนในคณะที่ดี มีเพื่อนทั้งหญิงและชาย ขณะที่เพื่อนคนแรกและเพื่อนสนิทตลอดเวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัยคือต้อม เจนจบ คนที่พูดทักคำแรกว่า “นามสกุลมึงเหมือนเจ้าของตลาดเพิ่มทรัพย์เลยว่ะ”
ฉันท์ยิ้ม
“ยิ้มนี่แปลว่ามึงเป็นเจ้าของตลาดหรือเปล่า”
“เปล่า”
“ครอบครัวมึงเป็นเจ้าของตลาดหรือเปล่า”
“เปล่า”
“โอเค งั้นกูจะเป็นเพื่อนมึง”
“อ้าว ถ้ากูเป็นเจ้าของตลาด มึงจะไม่เป็นเพื่อนกับกูหรือไง”
“เออ กูกลัวผู้มีอิทธิพล”
ฉันท์พยักหน้า ขณะที่หัวเราะ “กูก็กลัวเหมือนกัน”
คนจะเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องแนะนำตัวมาก แค่มีบางเรื่องที่มันไปทางเดียวกันได้ ความแตกต่างที่เหลือมันก็ไม่เป็นปัญหา
นอกจากนี้ต้อมยังมีความสามารถพิเศษในการ ‘มองเห็น’ ว่าใครกำลังแอบชอบฉันท์อยู่ รวมถึง ‘มองเห็น’ ความแตกต่างของฉันท์จากคนอื่น ในแบบที่ฉันท์เองก็เพิ่งรู้ว่าตนเองเป็นแบบนั้น

(มีต่อครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2018 13:52:47 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #13 เมื่อ15-12-2018 19:54:01 »

(ต่อครับ)

ฉันท์ครองตำแหน่งเจ้าชายหิมะตั้งแต่สัปดาห์แรกในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยการทักทายแบบที่เรียกว่า ‘ยิ้มของเจ้าชายหิมะ’ ที่ทำให้เจ้าตัวดูหยิ่ง แต่เมื่อพูดคุยกันไปถึงได้รู้ว่า นั่นก็เป็นเพียงวิธียิ้มแบบหนึ่งในหลายร้อยแบบที่เราทุกคนต่างก็มีเหมือนกัน 
เพียงแต่ยิ้มแบบนี้ของฉันท์ช่างเป็นเอกลักษณ์
ฉันท์ยืนยันกับต้อมว่า ถูกตำหนิเรื่องรอยยิ้มแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก มีแต่เพื่อนในมหาวิทยาลัยที่กลับชอบรอยยิ้มแบบนั้น
“ออกจะเป็นเอกลักษณ์” ต้อมบอก “เวลาที่มึงยิ้มแบบนี้ มันชวนให้รู้สึกลึกลับ ร้ายกาจ”
ฉันท์หัวเราะเบา ๆ ขณะที่คิดถึงเรื่องที่ไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไหร่ก่อนหน้านี้
เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เตือนตัวเอง ว่าอย่าเชื่อคำพูดหวาน ๆ และอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ
ผ่านจากเรื่องยิ้มของเจ้าชายหิมะไป ถือว่าฉันท์มีนิสัยที่เข้ากับทุกคนได้ง่าย เพื่อนหลายคนเคยไปกินข้าวที่บ้านป้าแจ่มจิตกันมาแล้ว
ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่ฉันท์ไม่รู้ตัวเลยว่า ฐาตินำเรื่องนี้ไปบอกกับธามันอย่างไร
เทอมแรกยังไม่ผ่านไป ก็มีสาวรุ่นพี่เข้ามาสารภาพว่าชอบ ต้อมเลิกคิ้วสูงทันทีเพราะรู้ว่า ‘ไม่ใช่’
แต่ฉันท์ไม่ได้ปฏิเสธเธอ แล้วมันก็จบลงในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ เมื่อสาวรุ่นพี่บอกกับชายหนุ่มตรงไปตรงมาว่า ‘ฉันท์เป็นเจ้าชายหิมะอย่างที่ทุกคนบอกกัน’
หญิงสาวให้คำอธิบายไว้แบบนั้น ซึ่งนั่นคงเป็นเจ้าชายหิมะในแบบที่ไม่ค่อยดีนัก
แบบที่คนที่รู้จักกันแบบผิวเผินนำมาตัดสินกัน
ต่อมามีหนุ่มต่างคณะอีกคนหนึ่งมาชวนฉันท์ไปดูหนังและกินข้าว แล้วฉันท์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งคราวนี้ต้อมเห็นว่า ‘น่าจะใช่’ แต่ปรากฏว่าอีก 1 เดือนถัดมา อีกฝ่ายโทรมาขอยกเลิกนัด แล้วฉันท์มีรอยยิ้มแบบเจ้าชายหิมะปรากฏขึ้น
“เขาบอกเลิกมึงหรือ”
“คงเร็ว ๆ นี้แหละ”
“อ้าว...” ต้อมค่อนข้างผิดหวัง ไม่แน่ใจว่าผิดหวังที่หนุ่มคนนั้นจากไปเร็วมาก หรือว่าผิดหวังที่เพื่อนไม่ได้สนใจที่หนุ่มคนนั้นจากไป
แต่ฉันท์รู้ตัวว่า ไม่ได้ปฏิเสธคำสารภาพรัก แต่การแสดงออกกับคนที่มาสารภาพหลังจากนั้นต่างหากที่มันชัดเจนเสียจนเพื่อนทุกคนรู้ เพราะฉันท์ไม่เคยมีความเห็น และตามใจอีกฝ่ายอยู่เสมอ อย่างหนุ่มคนหลังสุดที่ไปกินข้าวด้วยกัน 2 ครั้ง พอวันที่ 3 ก็ปล่อยให้รออยู่ 2 ชั่วโมง ฉันท์ก็รอและไม่บ่นสักคำ หรือต่อให้เห็นต่อหน้าเวลาที่ใกล้ชิดกับผู้หญิงหรือหนุ่มคนอื่น ฉันท์ก็เฉย ไม่เคยตัดพ้อต่อว่า
แทนที่อีกฝ่ายจะมองว่าฉันท์เป็นคนดี กลับกล่าวหาว่าฉันท์ไม่มีใจ
“ถ้ามีใจให้กันบ้าง ก็น่าจะเป็นห่วงถามสักคำว่าทำไมสาย หรือไม่อยากให้ไปใกล้ชิดกับคนอื่นต่อหน้า” ชายหนุ่มคนนี้ให้เหตุผลไว้
ฉันท์เองก็เพิ่งรู้ว่าการตามใจ ที่แท้คือไม่มีใจ
“กูเป็นอย่างนั้นหรือ” ฉันท์ถามเพื่อน
“ไว้ถ้ามีคนมาจีบมึงอีก มึงก็สนใจเขาบ้างสิวะ” เมื่อเพื่อนคิดตาม ต้อมก็เตือน “แต่ถ้าไม่มีใจก็บอกเขาไปตามตรงแต่แรกดีกว่า อย่าพยักหน้ายอมรับง่าย ๆ มันทำให้เสียเวลาด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย”
“กูก็ไม่ได้อยากทำให้เขาเสียเวลา แต่เพราะกูเข้าใจความรู้สึกของคนที่ชอบใครสักคนมาก ๆจนเก็บไว้ในใจไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปบอกเขา”
“มึงเคยสารภาพรักกับใครหรือไง”
ฉันท์ส่ายหน้า เพราะไม่เคย
เพราะมัวแต่ฝังตัวเองอยู่ในความรู้สึกของตนเอง
ปล่อยวันเวลาที่ควรจะทำอะไรสักอย่างผ่านไป แล้วก็กลับมาคิดเสียดายช่วงเวลาว่างเปล่าเหล่านั้น...นั่นคือความรู้สึกที่ฉันท์เข้าใจเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังคิด ต้อมก็ยักไหล่ “บางทีมันอาจจะเป็นแค่ ชอบหน้าตาของใครคนหนึ่งแล้วก็ลองสารภาพดู ถึงจะรู้ว่านิสัยไม่เหมือนหน้าตา แต่ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
ฉันท์ดูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ “อันชอบหน้าตาน่ะโอเคนะ เข้าใจได้ ผิดหวังที่หน้าตาไม่สอดคล้องกับนิสัยจริง ๆ อันนี้ก็โดนว่าอยู่บ่อยๆ แต่ตรงประโยคที่บอกว่า ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนี่แรงไปนิดนะ”
ต้อมทำเสียงจิ๊กจั๊ก “เจ้าชายครับ โลกนี้กว้างใหญ่ ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากครับ”
คนตัวเล็กหันไปมองท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป ยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่ไม่รู้ และทำให้รู้สึกคาใจ
คนที่เข้ามาบอกว่าชอบ แล้วก็จากไปในวันที่เราแน่ใจว่าชอบเขาเหมือนกัน
หรือเขาก็เป็นอีกคน ที่จากไปเพราะผิดหวังที่หน้าตากับนิสัยของเรามันไม่ได้ไปทางเดียวกัน

ชีวิตในมหาวิทยาลัยเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ชีวิตส่วนตัวกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนฉันท์ตั้งรับไม่ทัน
ภาพที่เห็นเจนตาตั้งแต่จำความได้ ที่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเสมอ แต่มาวันหนึ่งแม่ก็กลับมาพูดว่า หย่าจากพ่อแล้ว และกำลังจะกลับไปญี่ปุ่น
"หมายความว่าไงฮะ โอกาซังหย่ากับพ่อแล้วก็กำลังจะกลับไป แล้วมาบอกผม"
"โอกาซังขอโทษที่ตัดสินใจแบบเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ แต่โอกาซังกับพ่อของชิรายูกิคุยกันมาตั้งแต่ชิรายูกิเรียนมัธยม เราพยายามปรับตัว แต่สุดท้ายเราต่างก็ฝืนใจกันต่อไปไม่ไหว โอกาซังจะขอให้ชิรายูกิไปอยู่ญี่ปุ่นด้วยกัน แต่พ่อของชิรายูกิไม่ยอม เขาจะยอมหย่าให้ก็ต่อเมื่อชิรายูกิอยู่ที่นี่กับเขา"

นั่นแสดงว่าคนที่ต้องการหย่าคือโอกาซังสินะ....

ฉันท์เลือกที่จะทำความเข้าใจความรักของพ่อกับแม่ จากมุมมองของตัวเองที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามันถูกต้องหรือไม่
จนกระทั่งในวันที่ยืนมองดูแม่ลากกระเป๋าเดินทางผ่านไปทางช่องผู้โดยสารขาออก ฉันท์จึงแน่ใจว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน
เป็นอีกครั้งที่ฉันท์หันกลับไปมองช่วงเวลาที่ว่างเปล่าที่มันเกิดขึ้น
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
ไม่รู้เลย...
แต่ถึงอย่างนั้นทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา ฉันท์ก็ยังจะคาดหวังว่าจะเห็นแม่ยืนอยู่ในครัว และพ่อกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน
หรือไม่ทั้ง 2 คนก็กำลังเดินออกกำลังกายอยู่ในสวนผลไม้หลังบ้าน
แต่ความจริงที่พบเจอ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันอยู่นั่นเอง
ภาพที่เห็นหลังจากวันนั้นก็คือ พ่อเมาหลับอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์บ้าง หรือไม่ก็จะหายไปครั้งละหลายวัน
เริ่มจากการดื่มเหล้าหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต่อไปถึงการเล่นพนัน
จนมาถึงวันที่พ่อเริ่มมีร่องรอยฟกช้ำกลับมาบ้าน และของมีค่าหลายอย่างหายไป ป้าแจ่มจิตก็ชวนให้ฉันท์ย้ายออกมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังเล็ก ข้างตึกอพาร์ทเม้นท์ แต่ฉันท์ห่วงพ่อ ก็เลยไป ๆ มา ๆ ดูแลทั้ง 2 บ้านอยู่เหมือนเดิม
"ตอนสมัยวัยรุ่นพ่อของเจ้าฉันท์ก็ทั้งเหล้า ทั้งพนัน ทั้งยาเสพติด จนอยู่เมืองไทยไม่ได้ต้องไปญี่ปุ่น ไปเจอกับแม่ของเจ้าฉันท์ถึงได้ขยันทำงานเก็บเงินพากันกลับมาเมืองไทย"
ป้าเล่าเรื่องที่พ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เพราะได้พบกับแม่ เรื่องนี้ฉันท์ได้ยินได้ฟังมาหลายครั้งพร้อมบทสรุปจากป้า ว่าความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปในทางที่ดี
พ่อที่อยู่ในความทรงจำของฉันท์ ก็เป็นอย่างนั้น
แต่ป้าบอกว่า พ่อในวันนี้ คือพ่อคนเดิมในช่วงเวลาก่อนที่จะพบกับแม่
"ที่เก็บเงินจนมีบ้าน มีอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าแบบนี้ได้ ก็เพราะแม่ของเจ้าฉันท์ พ่อเขาต้องการสร้างครอบครัวที่มั่นคง แล้วนี่ถ้าเกิดไปติดการพนันหนักขึ้น แล้วเอาบ้าน เอาอพาร์ทเม้นท์ไปจำนอง เราก็คงหมดตัว"
"บ้านเป็นชื่อฉันท์" ฉันท์บอก "แม่โอนให้ตอนก่อนที่จะไป"
"พ่อเขารู้หรือเปล่า" ป้าถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่วันที่แม่มาบอกว่าจะหย่า พ่อก็เริ่มเมาแล้ว"
"งั้นก็แสดงว่าฉลองเขาเหลือแต่อพาร์ทเม้นท์นี้สินะ"
ฉันท์บอกอีก "รถทั้ง 2 คันเป็นชื่อพ่อ"
ป้าหวังว่าผีพนันที่สิงพ่ออยู่ในเวลานี้จะไม่เอาไปหมดทั้งอพาร์ทเม้นท์และรถ แต่ลุงยังไม่ค่อยไว้ใจ 
"เราต่างก็รู้ดีว่าฉลองคนเดิมน่ะเป็นอย่างไร ดื้อรั้นและหยิ่งขนาดไหน พี่น้องของเขาเองก็...” ลุงถอนหายใจ “เจ้าฉันท์ตั้งใจเรียนให้จบแล้วก็ทำงานดีกว่า"

ฉันท์มองลุงกับป้า ขณะที่ในใจกำลังคิดว่าทำไมลุงกับป้าต้องเป็นห่วงกังวลไปไกลมากนัก
นั่นเพราะฉันท์ไม่ได้รู้จักพ่อในแง่มุมที่ลุงกับป้ารู้จัก
และเมื่อมองไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ ที่ไม่เคยรู้เลยว่าเกิดรอยร้าวตั้งแต่เมื่อไหร่ จนมารู้ตัวอีกที ก็คือทั้งสองคนหย่ากันด้วยแล้ว ฉันท์ก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออก
แต่ถ้าเรียกว่าชีวิตช่วงนี้เป็นช่วงตกต่ำ มันก็ยังไม่ถึงที่สุด
ยังคงมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นได้เรื่อย ๆ ในแต่ละวัน
ญาติฝ่ายพ่อเรียกให้ไปหาและคุยเกี่ยวกับพ่อ เพื่อที่จะย้ำว่า หากเป็นไปได้ก็ให้พ่อโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่าง ๆ มาเป็นชื่อของฉันท์ก่อนที่จะไม่เหลืออะไร
ฉันท์รู้ว่าทุกคนหวังดี และเข้าใจความกังวลของพวกเขา แต่นั่นคือพ่อ ฉันท์ไม่สามารถพูดอย่างนั้นกับพ่อได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ฉันท์หยิบหนังสือเล่มบางออกมาอ่าน ด้วยเหตุผลที่ว่า หน้าปกคือรูปการ์ตูนลายเส้นชัดเจนเรียบง่าย และนี่คือหนังสือแปลญี่ปุ่น
การเลือกหยิบหนังสือเล่มนี้ อาจมาจากความคิดถึงแม่ที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจ เรื่องราวในหนังสือ ‘8 พลัง เสกหนึ่งวันธรรมดากลายเป็นวันพิเศษ’ ไหลซึมเข้าสู่สมอง และหัวใจของฉันท์อย่างช้า ๆ

...คนที่เราได้พบเจอนั้น คือคนที่เราพบเจอเพราะเราต้องได้พบเจอ...

"ท่าทางหนังสือเล่มนี้จะสนุกมาก" คนที่นั่งข้าง ๆ เป็นหนุ่มตี๋ตาชั้นเดียวเรียวยาว ยกแขนขึ้นมาพาดพนักเก้าอี้ตัวที่ฉันท์นั่งอยู่ ทำให้คนที่กำลังจมอยู่ในหนังสือหันไปมอง
"ฮื่อ อ่านง่ายดี"
"เรียกตั้งหลายครั้ง จนมานั่งข้าง ๆ ยังไม่รู้ตัวเลย" คนที่นั่งข้าง ๆ บ่นไม่จริงจัง "หิวหรือยัง ไปหาอะไรกินแถวทองหล่อไหม"
"ทองหล่อไกลบ้านมึงไปหรือเปล่า"
"ไม่ไกลหรอก ถ้ามึงไปด้วย" ต้อมทำตาหวานเชื่อม แต่ฉันท์แค่ยิ้มไม่เปิดปาก ทั้งชี้ให้หันกลับไปมองทางด้านหลัง
"มีคนอยากไปด้วยอีกหลายคนเลย ชวนสิ"
ข้างหลังต้อมคือรุ่นน้อง ที่มีทั้งสาวและหนุ่มหวานที่กำลังส่งสายตามาให้
"อ๋า" ต้อมทำเสียงแปลก ๆ แล้วหันมาหาฉันท์ "คนเขาตั้งใจชวน กลับโยนไปให้คนอื่นเสียได้ ทำอย่างกับเราเป็นหนังสือในห้องสมุดงั้นแหละ"
ฉันท์ลุกขึ้น หยิบหนังสือมายื่นที่เค้าท์เตอร์บรรณารักษ์ ส่วนต้อมส่งยิ้มให้อาจารย์บรรณารักษ์ แล้วออกไปยืนรออยู่นอกห้องสมุด
อาจารย์ที่โต๊ะบรรณารักษ์ตอนนี้ เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ดูท่าจะมีอายุมากกว่ากันไม่กี่ปี องค์ประกอบบนใบหน้าบางอย่างชวนให้นึกถึงคนที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน
ทันทีที่ใจรู้สึกว่าคิดถึง ฉันท์ก็หันไปมองทางอื่น เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง
รู้ตัวว่าคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามมองหน้าปกหนังสือแล้วก็จับตามอง
ไม่ชอบสายตาสำรวจอาการแบบนี้เลย
แต่อาจารย์บรรณารักษ์ยังไม่ส่งหนังสือให้ จนฉันท์หันไปมอง แต่วิธีการมองของฉันท์ก็ยังคงเป็นการตวัดสายตามองผ่านไปทางอื่น
"มองคนอื่นด้วยสายตาแบบนี้ จะถูกเข้าใจผิดได้นะ"
ฉันท์ยอมรับว่าวิธีการมองแบบนี้ไม่สุภาพ "ขอโทษครับ"
"ผมเหมือนคนที่ทำให้คุณอ่านหนังสือเล่มนี้หรือไง"
ประโยคนี้ทำให้ฉันท์หันกลับไปมองอีกคนอย่างเต็มตา "ไม่หรอกครับ"
เมื่ออีกคนยิ้มที่มุมปาก ฉันท์ก็อธิบายต่อ "ตอนแรกผมคิดว่าเหมือน แต่ตอนนี้คิดว่าคุณไม่เหมือนเขาหรอก"
อาจารย์บรรณารักษ์หยิบกระดาษโน๊ตแผ่นเล็ก เขียนชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ สอดไว้ในหนังสือ
"อย่างนั้นผมก็ยังมีโอกาสสินะ" มือใหญ่ส่งหนังสือคืนมาให้ "ผมยังไม่มีใคร และผมชอบคุณ ไม่ว่าคุณจะชอบผมหรือไม่ ก็โทรมาคุยกับผมได้เสมอนะครับ"
เพราะเป็นประโยคก้ำกึ่ง ระหว่างการบอกรัก กับการขอเป็นเพื่อนคุย ฉันท์ถึงได้เลิกคิ้วขึ้นสูง อีกฝ่ายจึงอธิบายต่อ
"ผมชื่อทีม ธนวัฒน์ ผมเห็นคุณมาตั้งแต่คุณเข้าเรียน ที่จริงเราพบกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ผมเห็นว่าคุณมีคนที่คุยอยู่เรื่อย ๆ" แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เน้นคำว่าเรื่อย ๆ แต่ฉันท์ก็รู้สึกเสียดอยู่ในอก "รอจนมาถึงวันนี้ที่คุณอยู่ปี 4 ถึงมีโอกาสที่จะได้คุยกัน แต่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่คุณพูดตอบผม จะขอคบกันเลยมันก็ยังไงอยู่ เลยขอโอกาสที่ผมจะได้คุยกับคุณมากขึ้น"
"หมายถึง คุณเคยทักผมแล้วผมไม่ตอบหรือ" ฉันท์ออกจะงุนงง
ธนวัฒน์พยักหน้ายิ้ม ๆ ท่าทางอารมณ์ดี ไม่ได้ถือสาความไม่มีมารยาทของฉันท์ แต่ฉันท์ยิ่งรู้สึกผิด
"ขอโทษครับ"
"ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ คุณเหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา"
มาถึงตอนนี้ ฉันท์รู้ตัวแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องตัดบทสนทนา "ผมเป็นอย่างนั้นแหละ ขอบคุณที่มองผม แต่ผมไม่พร้อมที่จะคบกับใคร"
"เพราะคนนี้หรือ" มือใหญ่ชี้ไปที่หนังสือ
"ผมคิดอะไรหลายเรื่องครับ"
"งั้นเราก็มีเรื่องให้คุยกับหลายเรื่องสินะ" ธนวัฒน์ยิ้มกว้างเปลี่ยนคำเรียกตัวเองในทันที "พี่ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย ถ้าต้องการคนคุยด้วยก็โทรมา"
มีนักศึกษาที่เดินเข้ามาต่อแถวเพื่อยืมหนังสือ ฉันท์หันไปมองแล้วหันมายุติการสนทนาด้วยการรับหนังสือ โดยที่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
เมื่อกลับมาถึงบ้านฉันท์ถึงได้หยิบกระดาษแผ่นเล็กที่แนบอยู่ในหนังสือออกมาดู แล้วใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะ
หวังว่าจะไม่ต้องมีเหตุการณ์อะไรที่จะต้องหยิบมันออกมา
.*-*-*.
ฐาติยังคงมาทำความสะอาดห้องพักของธามันเดือนละครั้งในวันที่เลิกงานเร็ว แต่เจตนาที่จะไม่มาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะรถยนต์คันที่ใช้ประจำค่อนข้างสะดุดตาคนอื่น
เวลาเกือบ 4 ปี ตอนนี้ห้องของธามันเหลือเพียงที่นอน ตู้เสื้อผ้า กับพัดลมอีก 1 ตัว
เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าน่าจะขนงานมานั่งทำที่นี่
หรือไม่ก็ย้ายมานอนที่นี่เสียเลย
แต่พอเหลียวทองรอบห้อง...ไม่ได้ว่ะ มันอึดอัด มันเก่า มันโทรม มันทำไมไม่ลิฟท์ มันไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นส่วนตัว ยิ่งหน้าต่างบานเกร็ดแบบแฟล็ตเก่า ๆ นี่ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ
แต่ที่มาก็เพราะสงสารไอ้คนที่มันจ่ายค่าห้องให้เขาไว้นานเป็นปีแต่ได้อยู่จริงแค่ 2 เดือน แล้วก็ยังคงคอยถามถึงอีกคนอยู่ตลอด
ฐาติก็เลยต้องจำใจมาทำความสะอาดห้อง เปิดหน้าต่างห้อง เปิดพัดลมให้อากาศถ่ายเท ปัดกวาดอีกสัก 10 นาที จากนั้นก็ปิดห้อง แล้วก็ลงมาโอ้เอ้อยู่แถวบันไดชั้นล่างของตึก
ตอนแรก ๆ เด็กนักเรียนหัวเกรียนคนนั้นมันมารอ แต่หลังจากนั้นฐาติก็ต้องเป็นฝ่ายมารอ ครึ่งชั่วโมงบ้าง 1 ชั่วโมงบ้าง พอซื้อโทรศัพท์ให้ใช้ จะได้ไว้คอยถามว่าถึงไหนแล้ว แต่เด็กนักเรียนกลับปิดเครื่องเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ฝากแม่ไว้ เพราะกลัวไปทำหายที่โรงเรียน
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
อย่างวันนี้ โทรบอกกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ว่าจะมาที่ห้อง ระบุเวลาไว้ด้วย แต่ตอนนี้ก็สายไปแล้วครึ่งชั่วโมง รถจักรยานคันเดิมถึงได้เลี้ยวเข้ามาที่อพาร์ทเม้นท์
"อะไรของมึงวะเนี่ย ไปมองสาวที่ไหนอยู่ จะเอาของฝากไหม" ฐาติเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ขณะที่อีกคนจอดรถจักรยานพรืด แล้วยกมือไหว้
"โห น้าเจอหน้าก็ให้พรกันเลยนะ ไหนอะ เสื้อใหม่อะ"
เสื้อที่ธามันส่งมาให้ฐาติ และฝากมาให้กวางอีกต่อหนึ่ง
"มึงรายงานมาก่อน แล้วเสื้อถึงจะไป"
กวางเล่าเรื่องของฉันท์ในช่วงหลายวันมานี้ "พี่เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง แต่เรื่องคนที่เขาคุยด้วย ก็มีเรื่อย ๆ อย่างที่น้ารู้น่ะแหละ"
ฐาติส่ายหน้า ส่งถุงใส่เสื้อให้
"แล้วมึงไม่ได้เล่นยาแน่นะ"
"ไม่อะ เดี๋ยวอดได้ของฝาก" กวางยิ้มกว้าง
"เออดี" ฐาติบอก แล้วจะเดินผ่านไป กวางก็เรียกไว้
"น้า"
"อะไร"
"พี่ธามน่ะ เขายังตัดใจไม่ได้ใช่ไหม"
คราวนี้ฐาติถอนหายใจ "คงอย่างนั้น"
"หนูว่า พี่ฉันท์ก็เหมือนกัน"
"มึงอย่ามาเข้าข้าง ก็เห็นกันอยู่"
"เรื่องที่อยู่ในใจ มันอาจไม่เหมือนกับสิ่งที่เราเห็นก็ได้นะ"
"แหม คมนะมึง" ฐาติหมั่นไส้ เขกหัวไปที
"น้าบอกเอง ว่าอีกสัก 2-3 ปีหนูจะเข้าใจ"
"เออ ดูกันไปยาว ๆ ละกัน ชีวิตคนมันหนังเรื่องยาว ต้องดูกันไปยาว ๆ"
กวางทำปากยื่น แล้วเปลี่ยนเป็นร้องโวยวายเมื่อถูกดึงแก้ม
“เจ็บนะ”
“ทำปากยื่นปากยาวนะมึง”
กวางจับแก้มตัวเอง “น้าถามแค่เนี้ยะ”
“เออ”
“ถามแค่นี้ หนูก็ได้กำไรน่ะสิ”
ฐาติหัวเราะพลางโบกมือ “เออ เอาเหอะ นานๆ ที”
กวางยิ้มแป้น มองถุงเสื้อที่มีเสื้ออยู่หลายตัว และมีขนมอีก 1 กล่อง ตอนที่กลับมาถึงบ้าน กวางแกะเสื้อออกมาดูมีเสื้อผู้ชายตัวใหญ่อยู่ 3 ตัวสำหรับพ่อกับพี่ชาย แต่ไม่มีเสื้อตัวเล็กขนาดที่กวางจะใส่ได้ ก็เลยเอาเสื้อไปให้บรรดาคนตัวใหญ่ในบ้าน แต่เอาขนมมาแบ่งกับแม่และพี่สาว พี่สะใภ้

..จบตอนที่ 2...

พี่จ๋าขอกำลังใจเป็นรีพลายได้ไหมจ๊ะ เขียนเสร็จแล้วไม่มีใครคุยด้วยมันเหงานะจ๊ะ

MyTeaMeJive

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2018 06:59:27 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #14 เมื่อ15-12-2018 21:09:30 »

ขอบคุณค่ะ
งานเขียนของไจฟ์ที ไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว
เห็นชื่อเรื่องหลายวันแล้ว แต่ยังไม่ได้ดึงดูดพอ
แต่มาสะดุดใจตรงชื่อคนแต่ง เกือบพลาดไป

ขอบคุณที่ยังมีผลงานเขียนออกมาให้อ่านอยู่ตลอดๆ
อย่าเพิ่งท้อใจที่คนรีพลายน้อยน๊าาา
 :3123:   :L2:  :กอด1:

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #15 เมื่อ15-12-2018 21:55:53 »

อ่านจบแล้วขอเมนท์อีกรอบ

จากชื่อเรื่อง คิดว่ามาแนวแฟนตาซีเหมือนเรื่องก่อนที่จบไป
เรื่องนี้.. อ่านจบ อารมณ์แบบ เฮ้ยยย ชอบบบบ เย็นชาสินะ
ถึงเป็น เจ้าชายหิมะ  ...

มีบางช่วงบางตอน ทำให้คิดถึงคีย์น้อยของเฮียซาโต้

ดีงาม ขอบคุณอีกครั้ง  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2018 22:00:21 โดย Iammai2017 »

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #16 เมื่อ15-12-2018 22:11:18 »

แปะๆ เดี๋ยวตามให้ทันก่อน อิอิ
  :pig4:

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่ 1 (8/12/2561)
«ตอบ #17 เมื่อ16-12-2018 11:07:47 »

ตกลงว่าฐาติเป็นกามเทพหรือบ่างช่างยุ   :angry2:
ธามกับฉันท์จะเลิกกันก็เพราะฐาตินี่แหล่ะ  :m16:

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #18 เมื่อ16-12-2018 15:13:27 »

 :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #19 เมื่อ16-12-2018 20:28:57 »

แตกแยกเพราะฐาติหรือเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
« ตอบ #19 เมื่อ: 16-12-2018 20:28:57 »





ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #20 เมื่อ17-12-2018 10:04:36 »


โอ้ยยยยยยยยย เย็นชาแบบนี้ ชินเลยชินเวอร์ชั่นนี้เลย เย็นชาเก็บอารมณ์ คิดถึงเลย  :กอด1:


ว่าแต่มาตอนที่ 2 นี่ อิพี่ธามคบเพื่อผลประโยชน์ซะงั้น ใช้กลลวงมาทำให้รัก :m16:


ต้องขอบคุณอิตาฐาติที่ทำให้น้องฉันท์รู้สึกเร็วขึ้นจะได้ไม่ถลำลึกไปกับเกมส์ของอิพี่มากกว่านี้ ชิชะ


ขอแช่งให้หลงน้องหัวปักหัวปำ และน้องก็ไม่รัก ชิชะ





ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #21 เมื่อ19-12-2018 20:35:55 »


"จากที่ธามันเคยเล่าเรื่องราวมากมาย แต่วันหนึ่งก็กลับกลายเป็นการตอบข้อความที่สั้นกระชับ จนกระทั่งเมื่อส่งเมลไปแล้ว ต้องรออีกนานหลายวันจึงมีข้อความตอบกลับมา
และในวันหนึ่ง ฉันท์ก็หยุดส่งข้อความ ได้แต่มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดับลง แล้วผ่อนลมหายใจยาวๆ "

โทษใครดี.. คนส่งข่าว หรือคนรับสาส์น
กลับมาหาวันไหน น้องฉันท์มอบรอยยิ้มหิมะให้เย็นจนชาไปเลยนะ




ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #22 เมื่อ20-12-2018 15:54:52 »

รอตอนต่อไปจ้า :L1:

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #23 เมื่อ20-12-2018 18:15:37 »

มารอน้องฉันท์

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #24 เมื่อ20-12-2018 18:20:11 »

 :sad4: ธามและฉันท์ไม่เจ้าใจกันเลยเหมือนต่างคนต่างกั้นความรู้สึกยิ่งมีฐาติมาป่วนยิ่งไปกันใหญ่ รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #25 เมื่อ20-12-2018 22:40:10 »

ฉันท์อย่าไปสนใจอีตาธามันเลยลูกคนที่อยากได้ผลประโยชน์จากหนูเราต้องเป็นเจ้าชายหิมะควบคู่ไปกับราชินีหิมะด้วยไปอยู่ญี่ปุ่นกับโอก้าซังดีกว่า

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #26 เมื่อ21-12-2018 09:48:08 »


อ่านอีกรอบนี่ ไม่ธรรมดาเด้อออ น้องฉันท์เรา มีมาให้เลือกมากมายเด้อ 55555    o13  o13

เอาเลยลูก ลองเปิดใจดู อาจดีกว่ามาทุกข์ใจ  :katai3:  (นี่ขนาดไม่รู้ว่าอิตาพี่ธามแย่จริงหรือเปล่านะ 555555 )



ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #27 เมื่อ21-12-2018 15:41:31 »

เอาล่ะมีคนคล้ายธามเข้ามาอีก
ไหนจะเรื่องพ่ออีก หนูลูก  :hao5:
ต้องมีเหตุให้ได้ขายที่แน่ๆเลย  :ling2:

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #28 เมื่อ22-12-2018 14:03:29 »

น้องฉันท์ลูกกก จะมาอีกวันไหนนน รออออ

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่2 (15/12/2561)
«ตอบ #29 เมื่อ22-12-2018 14:21:18 »

 :z10: มาหาน้องฉันท์ตอนใหม่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด