Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 30207 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #90 เมื่อ20-01-2019 20:59:49 »

(ต่อครับ)

กลุ่มลูกทั้ง 4 คนของธนดล ที่ประกอบไปด้วย ธนุส ทัตพงศ์ ทวี และธารา ที่ต่างก็มีตำแหน่งหน้าที่อยู่ในบริษัท คอยให้ความช่วยเหลือธามันในทางลับตั้งแต่การเงินทุน และคนทำงาน ที่ต่างก็กำชับกันอย่างเด็ดขาดว่า ห้ามบอกใครว่ากำลังทำงานให้ธามัน
ดังนั้นที่ธามันบอกว่าได้เงินสนับสนุนจากแม่ และขายหุ้นของตัวเอง มันจึงเป็นส่วนหนึ่งของความจริงทั้งหมด
เวลาพนักงานในบริษัทจะออกไปไซด์งาน ก็บอกกว้าง ๆ ว่าไปไซด์งาน ไม่ต้องขยายความว่าไซด์งานของธามัน
แต่นี่เป็นโครงการที่ใช้เครดิตบริษัท ในวันหนึ่งธนวัฒน์ก็ต้องรู้ แต่จะให้รู้เมื่อไหร่ธามันจะบอกเอง
ที่จริงธนวัฒน์เคยเห็นธามันคุยกับพนักงานแผนกต่าง ๆ มาหลายครั้ง แต่พอมาดูในรายงานที่สรุปออกมา ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรคืบหน้า จนถึงการประชุมเมื่อ 2 วันก่อน ที่มีเอกสารแนบท้ายมาด้วย ทำให้รู้สึกถึงความผิดปกติ
...ก็ติดต่อกับน้องฉันท์อยู่ทุกวัน ถึงตอนที่ไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัด ก็จะมีต้อมคอยจับตามองอยู่
แต่ธนวัฒน์ยังเข้าข้างและคิดแทนฉันท์ทัต ว่าไม่ได้รู้เรื่องความขัดแย้ง และการแข่งขันภายในครอบครัวใหญ่ เมื่อเดือดร้อนเรื่องเงิน เขาก็ขายสมบัติที่มีอยู่เท่านั้นเอง
แน่ใจว่าต้องเป็นการเคลื่อนไหวของทางฝั่งคนที่เคยมีนามสกุลเดียวกัน จัดการแบบรวบรัดตอนที่ตามบิดาไปดูโครงการที่อินเดีย
เมื่อกลับมา และเข้าร่วมการประชุมถึงได้รู้ว่าธามันซื้อที่ดินได้แล้ว แต่ระบุว่ามีเนื้อที่ 2 ไร่ และนี่คือที่ดินของฉันท์ทัต 
แน่ใจว่าบรรดาพี่น้องทำเป็นยกย่องให้ทำหน้าที่เอาใจผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนที่กุมอำนาจทั้งในบริษัทและครอบครัวไว้ แต่แท้จริงกลับเคลื่อนไหวกันอย่างเงียบ ๆ เพื่อให้น้องชายคนโปรดของพวกเขาเดินหน้าโครงการต่อไป
ธนวัฒน์นึกดูหมิ่นพี่น้องเหล่านี้
...ความสามัคคีของพวกเขาคือภาพลวงตา
เพราะทุกคนต่างก็มีปัญหา มีจุดอ่อน จึงเลือกที่จะทำตามที่ธนุสพี่ชายคนโตของครอบครัวเห็นว่าดี
เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือเงินและมันสมองของธามัน
ธนวัฒน์จึงไม่เคยเสียเวลาโทษตนเองที่อ่อนประสบการณ์ในเชิงธุรกิจ และไม่ได้ให้เวลากับการพิจารณาข้อด้อยของตนเอง
ในทางตรงข้ามเขาคิดเข้าข้างตนเองว่าช่วงที่ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัย ธามันเองก็อยู่ต่างประเทศเหมือนกัน
เขายังคงเชื่อมั่นว่า แม้จะไม่ได้รวยและไม่มีใยปริญญายาวเป็นหางว่าอย่าธามัน แต่มีความสามารถ และมีผลงานที่เหนือกว่า
ลืมไปว่าธามันคือคนที่เรียนมาทางนี้ ฝึกงานทางนี้ เติบโตมากับธุรกิจนี้ รู้จักคนในสายงานนี้...ยิ่งจบการศึกษามาหลายสาขาก็ยิ่งทำให้รู้จักคนเยอะขึ้น

ธนวัฒน์รู้ว่าฉันท์ต้องรับภาระหนี้ต่อจากพ่อเพราะป้าหลุดปากพูดออกมาในวันหนึ่ง และพอป้ารู้ว่าฉันท์ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับธนวัฒน์ ป้าก็เลี่ยงไม่ตอบคำถาม พอจะหันไปถามฉันท์ ฉันท์ก็ยอมรับว่ามีหนี้ แต่ไม่เคยบอกจำนวนที่ชัดเจน พอให้ต้อมมาสอบถามก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าเรื่องที่รู้อยู่แล้ว
ตอนที่ทราบว่าฉันท์ขายอพาร์ทเม้นท์ให้ธามัน ก็โทรมาพูดคุยกันแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าขายจริงเพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงิน และรู้สึกเกรงใจจึงไม่เคยเล่าปัญหาของตนเองให้ฟัง
ตอนนั้นถามแค่ว่า ขายที่แล้วหรือ ฉันท์ก็ตอบว่าจริง ธนวัฒน์ก็กลับไปคิดเรื่องแผนการในลำดับต่อไปที่จะขัดขวางโครงการนี้แบบที่ตนเองจะได้หน้า และไม่ทำให้บริษัทเสียหาย
คนที่ให้มาเฝ้าน้องอยู่ห่าง ๆ รายงานให้ฟังอยู่ทุกวันว่าน้องติดต่อกับใครบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อธามันมาที่บ้าน คนที่เฝ้าน้องจะไม่รู้เรื่อง และกลายเป็นต้อมที่เป็นคนโทรไปบอกว่า ตอนนี้ธามัน ฐาติ และนายช่างมาถึงบ้านแล้ว!
เรื่องจะจัดการในบริษัท และลูกน้องของตนเองอย่างไรเอาไว้ก่อน ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือเรื่องของน้องฉันท์!
“ตกลงเรื่องหนี้ของน้องฉันท์นี่มันยังไงกัน ทำไมไม่เล่าให้พี่ฟัง”
“พี่มีงานยุ่งอยู่แล้ว เรื่องทางนี้ผมพอจะจัดการเองได้ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกฮะ”
“หนี้มากถึงขนาดที่ต้องขายอพาร์ทเม้นท์ และบ้านด้วยนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนะน้องฉันท์” แต่ธนวัฒน์เห็นเพียงการซื้อขายอพาร์ทเม้นท์ 2 ไร่นั่นเท่านั้น
“เรายังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยน่ะครับ”
“ธามซื้อทั้ง 2 แปลงเลยหรือ”
“ครับ”
“แล้วน้องฉันท์รู้จักเขาได้อย่างไร” นี่แหละคือเรื่องที่ตอนได้ยินก็ร้อนใจ พอได้เห็นกับตาตนเองก็ยิ่งไม่ชอบใจ
“เขาเคยมาพักที่อพาร์ทเม้นท์เมื่อหลายปีก่อน ก็รู้จักกันตอนนั้น”
“แล้วก็ติดต่อกันมาตลอดใช่ไหม”
ฉันท์เงียบไปนานกว่าครั้งแรก “ไม่ได้มีเหตุอะไรให้ต้องติดต่อกันนี่ครับ”
“ไม่ติดต่อกัน แล้วทำไมถึงมาซื้อที่ของน้องฉันท์”
ฉันท์ไม่ชอบน้ำเสียงและถ้อยคำที่ธนวัฒน์ใช้ จึงนิ่งเงียบ ส่วนอีกฝ่ายยิ่งพูดก็ยิ่งห้วนขึ้นเรื่อย ๆ
“วันก่อนที่พี่โทรมาถาม น้องฉันท์บอกว่าขายอพาร์ทเม้นท์ แต่พอมาวันนี้ ธามกลับมาถึงบ้านแล้ว ทั้งยังเตรียมช่างมาซ่อมบ้านด้วย ทำไมถึงได้ปิดบังพี่”
"ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องปิดบังอะไร แล้วตั้งแต่ตอนที่รู้เรื่องหนี้สิน ผมก็คิดมาตลอดว่าหลังจากการใช้หนี้แล้วเราจะทำอะไรต่อ เราต้องมีอาชีพ มีรายได้เพื่อที่จะดูแลทุกคน ผมก็คิดว่าเราต้องหาตึกแถวเพื่อค้าขาย แถวนี้ก็พอมีอยู่ แต่ก็เริ่มต้นมากกว่า 10 ล้านทั้งนั้น แล้วการค้าก็ต้องลงทุน ส่วนลุงก็ต้องทำคีโม ต้องดูแลรักษาอีกนาน พอคำนวนดูแล้ว ผลมันก็ออกมาอย่างนี้"
"ก็นั่นไง เพราะมีปัญหาไม่บอกพี่ น้องฉันท์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขายอะไรสักอย่าง หรือถ้าอยากจะเปิดร้านก็แค่บอกพี่มา”
ฉันท์ปฏิเสธทันที "ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ ที่ผ่านมาพี่ก็ช่วยเหลือพวกเรามาตลอด อีกอย่างผมก็ตกลงไปแล้ว"
"เราคบกันอยู่แท้ ๆ แต่น้องฉันท์กลับทำแบบนี้..." ธนวัฒน์ไม่ปิดความน้อยใจนี้เลยสักนิด
"ขอโทษครับ ผมรู้สึกเกรงใจ เพราะเงินไม่ใช่น้อย ๆ เลย แล้วเรื่องที่พี่บอกว่าเราคบกันอยู่นั่นน่ะ เราคุยกันหลายครั้งแล้วนะครับ"
เราไม่ได้กำลังคบกัน ฉันท์เชื่อว่าตนเองมีความชัดเจนมากพอว่าวางธนวัฒน์ไว้ที่สถานะอะไร
"ก็ได้" ธนวัฒน์ยอมถอยครึ่งก้าว แต่ก็ยังอารมณ์ไม่ค่อยดี "เราคุยกันมาตั้งนาน น้องฉันท์กลับไม่ไว้ใจให้พี่ช่วยแบ่งเบาภาระ ไม่ให้พี่ช่วยแก้ปัญหา"
ฉันท์จับมือของธนวัฒน์ให้ "พี่ช่วยดูแลพวกเราทุกคนอยู่แล้ว ทั้งที่พี่มีงานยุ่ง" หนุ่มตัวเล็กนึกได้ "ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ตั้งแต่มาถึงพี่ได้แต่ดื่มน้ำ พี่ทานอะไรมาแล้วหรือยัง”
“ยังหรอก เลิกงานก็มาหา แต่กลับมาเจอธามที่นี่ ก็เลยลืมไปเลย”
ฉันท์ก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน แต่วันนี้มีแขกเพิ่มมา 3 คน ซึ่งดูก็รู้ว่ายังกินข้าวไม่อิ่มกันทั้ง 3 คน
...ที่บอกว่าจะไปงานต่อ อาจพากันไปแวะกินอาหารก่อนไปงานก็ได้
“...น้องฉันท์” ธนวัฒน์เรียกเสียงดังกว่าเดิม “มีอะไรหรือเปล่า”
“คือ...กำลังคิดว่าจะเข้าไปเจียวไข่ให้พี่หรือจะออกไปกินที่ตลาดปากซอยกันดี น่ะครับ”
“ลุงนอนแล้ว ออกไปกินที่ตลาดก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่กลับมาส่ง”
“ครับ”
ฉันท์เดินเข้ามาบอกกวางว่าจะออกไปกินข้าวฝากให้ดูแลจิโระด้วย แล้วจะซื้อบะหมี่มาฝาก จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเงินแล้วออกไป
ป้าเดินตามมามอง แล้วหันมาบอกกับกวาง
"เจ้าฉันท์เคยคบกับธามเมื่อหลายปีก่อน”
เรื่องนี้กวาง-ทีมพี่ฉันท์รู้อยู่แล้ว “ป้าว่าพี่ทีมจะรู้ไหม”
“น่าจะรู้นะ” ก็เขาเป็นพี่น้องกันนี่ “เพราะว่าเจ้าฉันท์ขายอพาร์ทเม้นท์ให้แฟนเก่า ที่เป็นน้องชายของตัวเอง เขาถึงได้ไม่พอใจ”
กวางย่นจมูก เพราะฟังที่ป้าพูดแล้วชวนให้คิดว่าผู้ชาย 2 คนนี้เข้ามาหาพี่ฉันท์เพราะอพาร์ทเม้นท์เก่าๆ หลังนั้น
“นี่เขารู้หรือยังนะว่าพี่ธามจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน”
เท่าที่พูดกันเมื่อครู่เป็นเรื่องที่ธามันให้นายช่างมาซ่อมบ้าน แล้วทุกคนในบ้านนี้ยังไม่ต้องย้ายออก ไป
“พูดกันถึงขนาดนี้ น่าจะสรุปเอาเองได้ แล้วเรื่องอะไรในบ้านก็อย่าเที่ยวไปบอกเขาล่ะ”
กวางปีนเกลียวทันที “อย่ามาว่าหนูเลย ป้าแหละคุยกับเขาอยู่คนเดียว ถ้าเขาจะมีปัญหาก็เพราะป้าแหละ” หลานเกาจมูก “พี่ทีมนี่เขาแปลกๆ นะป้า เหมือนเขารู้ทุกอย่าง แต่หลายๆ ครั้งเขาก็ไม่รู้อะไรเลย”
ป้าหันมามองคนตั้งข้อสังเกต “หรือเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้”
กวางเห็นด้วย
ป้าคิดถึงเรื่องที่ธามันกลับมาจากต่างประเทศแล้วแทนที่จะได้อยู่บ้านตนเอง กลับต้องมาพักที่อพาร์ทเม้นท์เมื่อหลายปีก่อน รวมถึงปัญหาครอบครัวของพี่น้องต่างแม่ที่ธนวัฒน์เล่ามาก็รู้สึกเป็นห่วงหลานชายที่ต้องมาเป็นคนกลางในเรื่องนี้
“จะยังไงก็เถอะ ไม่ชอบเวลาที่ทีมทำท่า ทำเสียงแบบนี้กับเจ้าฉันท์เลย เห็นแล้วอึดอัด เมื่อกี้น่าจะให้เราตามไปด้วย”
กวางอาสาทันที “หนูขี่จักรยานตามไปก็ได้ ฟอร์มว่าไปซื้อบะหมี่ให้ป้า เสร็จแล้วรับพี่ฉันท์กลับมาเลยดีไหม”
“เออดี จัดไป”
...
"น้า ๆ ตอนที่น้ากลับไปแล้ว พี่ทีมอาละวาดใส่พี่ฉันท์ด้วยแหละ" กวางมันก็พูดเกินไป ธนวัฒน์หงุดหงิดและเสียงดัง ลีลาเยอะ แต่ไม่ใช่อาละวาดแน่นอน “เออ หรือไม่ได้อาละวาดหว่า"
"อะไรของมึงวะ ไอ้กวาง จะยังไงกันแน่" ฐาติกลั้นหัวเราะ
"ก็เห็นแต่คุณพี่ทีมเขาพูดเยอะแยะใส่พี่ฉันท์ ส่วนพี่ฉันท์ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ อดทนชะมัด" แต่ที่จริงฉันท์พูดไปหลายคำอยู่เหมือนกัน "เป็นหนูนะ ด่าคำเดียวเลย เสือก!"
"ไอ้กวางมึงด่าใคร" ทั้งที่รู้ว่ากวางกำลังด่าใคร แต่มันก็สนุกดีที่ได้กวนเด็กคนนี้
"ด่าคุณพี่เขาสิ ใครจะด่าพี่ฉันท์" กวางรู้ทัน ไม่ยอมรับมุกฐาติ
“เออ มึงอย่ามาด่ากูละกัน” ฐาติถามต่อ "แล้วเรื่องที่เขาว่าลูกพี่มึง มันเรื่องอะไร"
"เรื่องที่ขายอพาร์ทเม้นท์กับบ้านน่ะสิ จะมีเรื่องอะไรอีก วันก่อนก็มีญาติมาโวยวายกับพี่ฉันท์เหมือนกัน แต่เขาก็ตอบไปคล้ายกับที่ตอบพี่ทีม แล้วก็ปล่อยให้เขาพูดจนพอใจ พอเหนื่อยคนพวกนั้นก็กลับไป"
"แล้วลุงเป็นไง"
"ตอนนั้นลุงนอนอยู่ที่แคร่ริมคลองไม่ได้ยินอะไรหรอก พยายามกันไม่ให้ลุงรู้ เดี๋ยวจะอาการทรุด พี่ฉันท์บอก อย่าบ่น อย่าพูดอะไรให้ลุงไม่สบายใจ กลัวจะทรุด"
"มึงก็เล่นตลกให้ลุงดูสิ"
"นั่นมันหน้าที่หนูอยู่แล้ว บ้านเนี้ยะ ถ้าไม่มีหนูกับจิโระนะ ไม่มีใครได้หัวเราะกันหรอก"
ฐาติก็ยอมรับเหมือนกันว่า ในแต่ละวัน มีแต่เด็กคนนี้ที่ทำให้หัวเราะได้อย่างสบายใจ 
"อย่ามัวแต่วุ่นวายกับเรื่องของเขาจนลืมเรื่องเรียนของตัวล่ะ"
"ไม่ลืมหรอก น้าก็อย่าวุ่นวายกับเรื่องคนนั้น คนนี้จะลืมเรื่องของตัวเองด้วยละกัน" กวางย้อนให้ทันที
....
ธนวัฒน์กลับมาที่ห้องคอนโดฯ หลังสองทุ่มเหมือนเคย ต้อมไม่ได้เตรียมอาหารค่ำไว้ให้ เพราะรู้ว่าธนวัฒน์จะต้องกินมาจากที่บ้านฉันท์แล้ว
รวมถึงรู้ว่าประโยคแรกที่ธนวัฒน์พูดขึ้นมาก็คือคำถามเกี่ยวกับฉันท์
"ทำไมไม่บอกเรื่องที่น้องฉันท์ขายบ้านให้ธาม"
"ผมก็เพิ่งรู้ ฉันท์ไม่เคยบอกอะไร"
"แน่นะ" ธนวัฒน์คาดคั้น ทั้งแววตาและน้ำเสียง ช่างตรงข้ามกับเวลาที่อยู่กับฉันท์
"ครับ ฉันท์ไม่ค่อยเล่าอะไร อย่างเรื่องของคุณธาม ผมเองก็เพิ่งรู้วันนี้"
ธนวัฒน์ตวัดสายตามองผ่านต้อมแล้วไปนั่งเหยียดขาพาดโต๊ะในห้องรับแขก ต้อมส่งกระป๋องเบียร์เย็น ๆ ให้แล้วนั่งลงข้าง ๆ
"จากที่เขาคุยกัน คุณธามเคยมาตามรับตามส่งฉันท์ตอนสมัยมัธยม แล้วก็แยกกันไป พอเห็นว่ากลับมาอีกครั้งก็ยังแปลกใจ"
ธนวัฒน์จิบเบียร์ ขณะที่หันไปมองนอกหน้าต่าง
"คุณ ทราบเรื่องที่พวกเขาเคยคบกันแล้วหรือครับ"
ธนวัฒน์ตอบรับด้วยเสียงในลำคอ ทำให้ต้อมเงียบลงเพราะไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องอะไรต่อไป
ดวงตาคมของธนวัฒน์หันมามองหนุ่มตาเรียว "เธอเห็นธามเพิ่งไปที่บ้านเป็นครั้งแรกหรือ"
"ครับ"
ธนวัฒน์ยกเบียร์ขึ้นดื่ม "ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น"
ต้อมเล่าว่า ธามันไปที่อพาร์ทเม้นท์ตอนที่ต้อมพาลุงและป้ากลับมาถึงบ้านแล้ว ฉันท์โทรมาบอกว่า เจ้าของคนใหม่กำลังไปบ้าน เพราะอยากคุยกับลุงและป้า
ธามันซื้อบ้านนี้ก็จริง แต่ขอให้ทุกคนอยู่ด้วยกันไปก่อน
“ฟังดูเหมือนมีปัญหาทางบ้านเลยครับ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก จิบเบียร์อีกอึกใหญ่ แล้วลุกขึ้นเมื่อจะเดินผ่านไป ต้อมก็หันไปคว้ากอดแขนไว้
“คุณทีมครับ”
คนที่มีอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนหันมาลูบศีรษะ "มีรองเท้าแบรนด์ดังที่อยากได้อยู่ไม่ใช่หรือ"
ต้อมเงยหน้าขึ้นมองอีกคนแล้วยิ้มกว้าง
...ขอแค่คุณพอใจ
ขอแค่คุณมีความสุข
ผมก็มีความสุขอย่างที่สุดแล้ว...

...จบตอนที่6...

ต้องการแผนผังพี่น้องของฐาติจริงหรือ แปะไว้ก่อนนะฮะ
น้ำชา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2019 19:50:35 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #91 เมื่อ20-01-2019 23:05:45 »

 o13

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #92 เมื่อ20-01-2019 23:12:32 »

พี่ทีมเป็นคนที่ใคร ๆ ก็รักเนอะ 

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #93 เมื่อ21-01-2019 11:15:45 »

มาแล้วๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #94 เมื่อ21-01-2019 21:47:11 »

เหนื่อยเนาะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #95 เมื่อ22-01-2019 16:51:15 »

น้องฉันท์สู้ๆ

พี่ธามสู้ๆ

จิโรนู้ๆ

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #96 เมื่อ23-01-2019 02:20:34 »

งืมๆๆๆ ปกติอ่านนิยายของทั้ง 2 คนก็ไม่ค่อยเครียด หรือระแวงอะไรนะ อ่านชิวๆ มาตลอด
แต่เรื่องนี้นี่บอกไม่ถูกเลย แอบเกร็งนิดนิดแฮะ


ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #97 เมื่อ24-01-2019 16:34:24 »



 :katai1:  :katai1: ภาวนาให้ต้อมเป็นคนดีกว่าที่คิดไว้ หวังว่าจะรู้ว่าควรหยุดตอนไหนที่จะไม่ทำร้ายฉันท์

ส่วนคนพี่ ไม่รู้ซิก็ยังให้ความรู้สึกว่าไม่คู่ควรที่น้องจะฝากชีวิตไว้เลย

จากความชัดเจนตั้งแต่แรกจนหายไปถึงตอนนี้มันยังไม่ทำให้เรารู้สึกว่าพี่อยากกลับมาจริงจัง

แต่ว่า ลุงดูเหมือนจะรู้อะไรๆมากมายจริงๆนั่นแหล่ะ

รอตอนต่อไปค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #98 เมื่อ24-01-2019 21:49:43 »

ต้อมเป็นตัวละครที่เป็นปริศนา

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #99 เมื่อ24-01-2019 22:00:37 »

 :mew3: ทีม กวาง-น้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
« ตอบ #99 เมื่อ: 24-01-2019 22:00:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #100 เมื่อ24-01-2019 22:10:32 »

ทีมไปต่อไม่ถูกเลยสิ คนพี่กับคนน้องเค้าผูกพันกันเหนียวแน่นมาก เธอแทรกเข้ามาไม่ได้หรอกนะ

ออฟไลน์ KOWPOON

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #101 เมื่อ25-01-2019 00:39:02 »

จริงๆแล้วต้อมก็น่าสงสารนะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #102 เมื่อ25-01-2019 01:22:18 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #103 เมื่อ26-01-2019 16:35:27 »

แปะก่อน ค่อยตามเก็บ
 :L2:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #104 เมื่อ28-01-2019 03:15:39 »

ฉันท์น่าสงสารนะ คนรอบข้างเข้าหาแต่ละคน
ไม่หวังผล ก็หวังอะไรไม่รู้ แล้วต้อมอีกคน ไม่น่าเลย
ฉันท์ชัดเจนนะ ว่าไม่ได้คิดอะไร และไม่ได้คบใคร
แค่คนรู้จัก ที่คุยกันได้มากขึ้น คุ้นเคยมากขึ้น
อย่าทำเนียนเลยทีม ไม่งาม

ธามมาดูแลน้องแล้ว หวังว่าจะช่วยน้องได้จริงนะ
แถมมีหน่วยหนุนด้วย กวางเป็นเด็กฉลาด 5555

ทีมร้ายขนาดนี้ ต้อมยังยอม ก็คงร้ายพอกัน
แล้วที่พูดย้ำว่า ให้ทำเหมือนของตัวเอง คือต้องการอะไร



ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #105 เมื่อ29-01-2019 09:29:14 »

มาแปะไว้  เพิ่งจำรหัสผ่านได้ 

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #106 เมื่อ29-01-2019 11:29:55 »

หมดคำพูดกับต้อมใจนึงก็สงสารนะแต่สิ่งที่ทำกับฉันท์ไว้ก็สมควรละอ่ะ
รำคาญคนอย่างทีมอ่ะ ไม่จริงใจ เอาดีเข้าตัวอีก  :m31:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #107 เมื่อ30-01-2019 10:57:58 »



มารอจ้า  :กอด1:



ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่6 (20/1/2562)
«ตอบ #108 เมื่อ05-02-2019 08:18:40 »



         :call:  เรามานั่งรอ 




ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #109 เมื่อ05-02-2019 19:26:17 »

ตอนที่ 7

หนูรู้ว่าไม่มีใครอยากถามความเห็นของเด็ก แต่หนูอยากบอก
ตั้งแต่วันแรกที่คุณพี่ทีม-ธนวัฒน์ มาหาพี่ฉันท์ที่บ้านลุงวินัย หนูก็รายงานเรื่องของเขาให้น้าฟังมาโดยตลอด เคยบอกไปด้วยซ้ำว่าหนูไม่ค่อยชอบที่เขาประจบป้า ไม่ชอบที่เขาชอบพูดเหมือนทุกคนในโลกเป็นหนี้บุญคุณเขา
คุยเรื่องของเขาเยอะเอาการอยู่เหมือนกัน ทั้งยังค่อนไปทางที่หนูไม่ชอบเขามาก ๆ เลยด้วยแต่น้าก็ไม่เคยบอกว่าเขาเป็นใคร
เออ จริงสิ ตอนที่น้าเห็นเขามาหาพี่ฉันท์ครั้งแรก น้าดูเครียดแล้วก็บอกว่าคราวนี้พี่ธามจะต้องตัดใจจากพี่ฉันท์ให้ได้สักที
ตอนนั้นหนูไม่ได้คิดเอะใจอะไร เพราะน้าก็มักจะสนับสนุนให้พี่ธามเลิกกับพี่ฉันท์อยู่แล้ว แต่มันคนละเรื่องกับที่น้าใช้ให้หนูทำงานโดยที่ไม่ได้บอกเรื่องสำคัญกับหนู หนูไม่พอใจมาก! 
เพราะถ้าหนูเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป จะเสียหายขนาดไหน
แต่ไอ้ความไม่รู้ของหนูเนี่ย เป็นเรื่องจิ๋วไปเลยถ้ามาเทียบกับพี่ฉันท์
เขาเป็นแกนกลางของเรื่องนี้แท้ ๆ แล้วเขารู้เรื่องอะไรกับใครบ้างไหม
เหนื่อยจริง ๆ บอกเลย
...
หัวข้อธนวัฒน์กับธามเป็นพี่น้องกันอยู่ในความสนใจของบ้านท้ายซอยอยู่หลายวัน ทุกครั้งที่พูดถึงก็มักจะมีความแปลกใจว่าทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องที่ไม่ได้มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักนิด
“ตอนที่เจอกันครั้งแรกพี่ฉันท์รู้สึกคุ้น ๆ บ้างไหม”
ฉันท์นึกถึงตอนที่เจอธนวัฒน์ครั้งแรกที่ห้องสมุด “ก็รู้สึกว่าคุ้น”
“แต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นพี่น้องกัน หรือรู้จักกัน”
ฉันท์ส่ายหน้า
“หนูก็ไม่คิดเหมือนกัน แล้วเขาคนละนามสกุลจริงๆ หรือพี่”
ฉันท์เล่าเรื่องของธนวัฒน์และธามันที่พอจะรู้มาบ้าง “เขาคนละแม่กันน่ะ แล้วมีปัญหาในครอบครัว พี่ทีมก็เลยเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแม่ตั้งแต่เด็ก”
ที่จริงเรื่องของตระกูลใหญ่แบบนี้ พอจะหาประวัติอ่านเอาได้จากในกูเกิ้ล แต่หนุ่มตาโศกคนนี้กลับไม่เคยคิดที่จะไปหาอ่าน
ตอนที่พี่กลับไปอเมริกาใหม่ ๆ ก็เคยค้นข้อมูลทำให้รู้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่รวยมาก จำไม่ได้สักคนว่าใครเป็นใคร รู้แต่ว่าทุกคนคือคนที่ประสบความสำเร็จ  แล้วพอขาดการติดต่อกันไป ก็คือการปิดกั้นการรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่ไปในที่สุด
บอกตัวเองว่าถึงจะอยากรู้ความเป็นไปของพี่ แต่จะรู้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาคือคนที่เดินจากไปแล้ว...โดยที่ไม่ได้บอกลากันสักคำ...
    พอเห็นว่าฉันท์ดูซึมไปกวางก็ถามต่อ “แล้วเขาเป็นพี่น้องแบบต้องอิจฉากัน แข่งขันกันด้วยป้ะ”
“ไม่รู้สิ”
“แล้วตอนนี้พี่ทีมเปลี่ยนกลับมาใช้นามสกุลเดียวกับพ่อของเขาหรือยัง”
“ยัง”
ธนวัฒน์ นามสกุล ต่อจันทรา เหมือนแม่ของเขา ส่วนธามัน นามสกุล ก้องเกียรติมนตรี
กวางอยากถามอีกหลายเรื่อง นี่ไม่ใช่ถามเพื่อเอาไปเล่าต่อ แต่เพราะความอยากรู้ล้วน ๆ ป้าก็เดินออกมาจากห้องนอน แล้วพาเปลี่ยนเรื่องเสียนี่
“เจ้าฉันท์อยู่ตรงนี้หรือลูก ได้ยินแต่เสียงกวางมันพูดอยู่คนเดียว”
“ใครพูดคนเดียวกัน” หนูย้อน หลังจากที่ส่ายหน้าให้กับความไม่รู้ของพี่ฉันท์
“ก็เราน่ะสิที่พูดคนเดียว” ป้าจิ้มหน้าผากของกวางแบบขำ ๆ “แล้วทำไมวันนี้เลิกเรียนเร็ว”
...
กวางเรียนอยู่ม.4 แล้ว ตามตารางเลิกเรียนช้ากว่าม.ต้น แต่กิจกรรมของโรงเรียนก็เยอะขึ้น พอเลิกเรียนก็จะรีบกลับมาช่วยงานบ้าน
ทื่จริงกวางไม่ค่อยอยากจะเรียนต่อ ม.4 สักเท่าไหร่ แต่พี่ฉันท์คือคนที่บอกว่าให้เรียนต่อ เป็นคนไปซื้อใบสมัครมาให้ แล้วก็พาไปสมัครสอบ พอสอบได้กวางก็เลยได้เรียนต่อ
ง่าย ๆ แบบนี้แหละ
ส่วนน้าน่ะหรือ ไม่เห็นจะมีความเห็นว่าหนูควรเรียนต่อ หรือว่าควรทำงาน
เรื่องนี้ทั้งน้า รวมถึงพ่อกับแม่หนูพูดเหมือนกัน คือให้มาถามพี่ฉันท์ แต่พอหนูสอบได้ น้าคือคนที่ให้เงินไปจ่ายค่าธรรมเนียมและอะไรอีกมากมาย
ตรงนี้อาจจะงงนิดนึงนะ น้าจ่ายเงินแต่ให้หนูแล้วสั่งให้บอกกับพี่ฉันท์ว่า แม่เป็นคนให้เงินมา แล้วถ้าแม่ถามเรื่องเงินก็ให้บอกว่าพี่ฉันท์เป็นคนจ่าย
ตอนที่แม่มาขอบคุณพี่ฉันท์ เขาก็แค่ยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร
มีเสียงเล็ก ๆ ในหัวของหนูที่ร้องขึ้นมาว่า พี่ฉันท์รู้ๆๆๆ แต่ในเมื่อเขาไม่พูด ไม่ถาม หนูก็ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
กวางน้อยแสนดีกลายเป็นเด็กที่พูดโกหกเยอะมากก็เพราะน้านี่แหละ
ส่วนเรื่องเงินเดือนพี่ฉันท์จ่ายเหมือนเดิม น้าก็ให้เงินอยู่ทุกเดือนเหมือนกัน แต่บอกว่าเป็นค่าโทรศัพท์ ทำให้หนูไม่ต้องขอเงินแม่ ทั้งยังมีเงินให้แม่ได้เดือนละ 1 พันด้วย
แม่คุยอวดไปทั่วอย่างกับหนูให้แม่เดือนละหมื่น
หนูควรจะรู้สึกดีใจมากใช่ไหม ก็ใช่นะ หนูดีใจ แต่ไม่ได้อยู่ในระดับที่เรียกว่าดีใจมาก เพราะว่ามีชื่อของหนูอยู่ในสมุดบันทึกเล่มนั้นของพี่ฉันท์
ก็เล่มที่เขาเริ่มเขียนตั้งแต่งานศพพ่อกับแม่เขาน่ะ
เขาจะเขียนว่าวันไหนต้องทำอะไรบ้าง ไปติดต่อใคร จัดการเรื่องไหน เรื่องบ้าน เรื่องลุง เรื่องป้า เรื่องจิโระ เรื่องของญาติฝั่งพ่อเขา แล้วยังมีเรื่องของหนูเข้าไปอีก
หนูเป็นลูกจ้าง หนูคือผู้ช่วยของพี่ฉันท์  ไม่ใช่อีกหนึ่งคนที่พี่ฉันท์ต้องดูแล
ในสมุดเล่มนั้นจดเรื่องที่เขาต้องทำให้กับทุกคนรอบตัวของเขา แต่ไม่เห็นว่ามีตรงไหนที่จะเขียนว่าจะทำให้ตัวเอง ไม่มีแบบที่เขียนว่า ‘วันนี้ไม่มีนัด วันนี้วันหยุด จะไปเที่ยวละนะ’ ไม่มีเลย...
...
“กวาง เป็นอะไร” ป้าเรียก “คิดอะไรอยู่”
“คิดถึงรายงานน่ะสิ” หนูโกหก อย่าโกรธหนูนะ
“ให้พี่ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไร” กวางโบกมือ “เดี๋ยวก็คิดหัวข้อออกเองแหละ ตะกี๋ป้าถามว่าอะไรนะ”
“ถามว่าทำไมเลิกเรียนเร็ว”
“ไม่เร็วหรอก หนูก็เลิกตามปกติน่ะแหละ แต่วันนี้ไม่ได้เข้าชมรม เพราะพวกอาจารย์เขาไปงานตอนเย็นกัน”
“เออดี” ป้าเดินมาถึงครัวเห็นฉันท์กำลังเตรียมอาหารเย็น ถามว่าวันนี้มีอะไรกินบ้าง
ฉันท์ยังไม่ทันจะตอบ จิโระที่ตื่นนอนแล้วลุกขึ้นยืนในกล่องพลางร้องเรียกพี่ชาย
“โอนี”
“อ้าว ตื่นแล้ว” ฉันท์รีบล้างมือไปอุ้มน้องออกมา แต่กวางตามมารับน้องพาไปห้องน้ำ
ป้าหันไปคุยกับฉันท์ที่กลับมาทำกับข้าวต่อ “ว่าจะถามหลายครั้งแล้ว” แต่กวางอยู่ใกล้ฉันท์ตลอดทำให้ป้าไม่มีโอกาสได้ถามสักที “ตอนที่ธามมาอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เราเมื่อหลายปีก่อนน่ะ เจ้าฉันท์ออกไปกินข้าวกับเขาบ่อยไหม”
“ตอนเย็นพี่เขามารับไปเรียนพิเศษ” ฉันท์บอก “ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าโรงเรียน ไปกินในรถเกือบทุกวัน แต่ก็มีที่กินไอ’ติมบ้างเหมือนกันฮะ”
“แล้วเจ้าฉันท์รู้ไหมว่าเขาชอบกินอะไร”
ฉันท์ส่ายหน้า “ไม่รู้หรอกฮะ ผมกินอะไรเขาก็กินอย่างนั้น” หลานสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าฮะ”
“ก็จะต้องอยู่บ้านเดียวกันแล้วนี่ อยากรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ตอนนั้นที่ถามไป เขาก็บอกว่ากินอะไรก็ได้ แต่สังเกตว่ามื้อนั้น กินแต่หมูทอดน้ำปลาอยู่อย่างเดียว ยังคิดว่านั่นของโปรดเขา หรือเพราะว่าเขากินอย่างอื่นไม่ได้ ก็เลยต้องจำใจกินหมูทอด”
ฉันท์ชะงักมือที่กำลังยัดใส้หมูสับลงในหมึกกล้วย
...จำใจเลยหรือ
“เดี๋ยวถ้าเขามากินข้าวอีก เราก็ค่อยถามเขาแล้วกันนะฮะ”
“อืม...”
กวางล้างหน้าล้างตัวให้จิโระเสร็จแล้ว เด็กน้อยก็รีบวิ่งมาปีนเก้าอี้ดูพี่ชายทำกับข้าว
“อิขะ”
“หมึกหลอด”
“มึก”
“หมึก”
“มึก”
“หมึกหลอด”
“มึก ลอด”
การออกเสียงภาษาไทยของจิโระมันช่างยากเย็น ถัดจากหมึกหลอดก็ชี้ไปที่หมูบด
“มู โบะ”
“ใช่ แกงจืดหมึกยัดไส้หมูสับ ชอบไหม”
“จ้อบ” จิโระยิ้มหน้าบาน
“ชอบอะไร พูดดิ๊” กวางแกล้งน้อง แต่จิโระกลับย้อนถาม
“กวัง พูด ดิ๊”
“จิโระพูดดิ๊”
“กวัง แก้ง น้อง” จิโระหันมาฟ้อง
“โห” กวางทำปากยื่น “อย่างอื่นพูดไม่ชัด ทีฟ้องละชัดเชียะ”
“ขอบคุณ” จิโระค้อมตัวขอบคุณกวางด้วยความสุภาพ ทำให้ป้าหัวเราะเสียงดัง
“ชวนกันคุย เดี๋ยวก็พูดเก่งเอง แต่กวางอย่าสอนอะไรที่ไม่ดีกับน้องนะลูก พอเข้าโรงเรียนก็ต้องไปเรียนรู้อะไรแปลก ๆ มาจากเพื่อน นั่นก็มากเกินพอแล้ว อย่าให้ต้องมารู้จากที่บ้านอีกเลย” ป้าสอนเสร็จแล้วก็บอกว่าจะไปเรียกลุงให้ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตัว พาออกไปเดินเล่นในสวนแล้วกลับมารอกินข้าวเย็นด้วยกัน
....
ด้านหลังของลานจอดรถชั้นใต้ดินของบริษัทใหญ่ เป็นส่วนของห้องเก็บเครื่องมือช่างอาคาร และช่างซ่อมรถยนต์ของบริษัท ช่างซ่อมคนหนึ่งอัดบุหรี่เข้าปอด จากนั้นก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงกระบะทรายแล้วเดินไปดูเครื่องยนต์รถตู้ส่งของคันเก่า ถัดไปมีช่างอีก 2 คนกำลังยืนคุยกันเรื่องสั่งซื้ออะไหล่ของรถสองแถวรับ-ส่งคนงาน  มีเสียงเปิดประตูห้องเก็บของดังขึ้นทำให้ทั้ง 3 คนหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นช่างซ่อมอาคาร 2 คนถือกล่องเครื่องมือกับบันไดออกมา คนที่อยู่ด้านนอกก็หันมาทำงานต่อไป
ถัดมาอีกครู่หนึ่ง ประตูลิฟท์เปิดออก ธนวัฒน์ก้าวออกมา ช่างซ่อมอาคารรีบเข้ามารายงาน “มากันครบแล้ว รออยู่ด้านในครับนาย”
ชายหนุ่มพยักหน้าผลักเปิดประตูห้องเก็บของเข้าไปด้านใน เดินผ่านชั้นวางเครื่องมือไปจนสุดทางเจอประตูอีกบาน ยังไม่ทันจะเปิดประตูเสียงสัญญาณโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ธนวัฒน์มีสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อกดรับ แต่เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดไปได้ประโยคเดียวก็ต้องเดินถอยห่างออกมาจากประตูขณะที่สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม
....
บริษัทในเครือตระกูลของธามันแห่งนี้เป็นบริษัทใหญ่ ที่มีบริษัทย่อยแตกเครือข่ายสาขาการทำงานออกไปหลากหลาย
ภายในอาคารความสูงหลายสิบชั้น เป็นที่ตั้งของหลายบริษัทในเครือ มีพนักงานนับพันคน แต่หากต้องการหลีกเลี่ยงใครสักคน กลับยากกว่าที่คิด
ก่อนที่จะเดินเข้าห้องประชุมในช่วงเช้า ธามันก็พบว่าธนวัฒน์ก็มายืนรออยู่ที่หน้าห้องประชุมแล้ว
"รู้จักกับน้องฉันท์ตั้งแต่เมื่อไหร่"
นี่คือคำถามซึ่งธนวัฒน์รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เมื่อเริ่มต้นด้วยการทำเป็นไม่รู้ ทางนี้ก็สามารถตอบกลับไปด้วยการทำเป็นไม่รู้ได้เหมือนกัน
"ตอนที่กลับมางานบ้านฐาติเมื่อหลายปีก่อน ผมเคยไปเช่าอพาร์ทเม้นท์ของเขาอยู่"
การที่ไม่ว่าจะถามใครก็ตาม แล้วทุกคนให้คำตอบที่เหมือนกัน ทำให้ธนวัฒน์รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัย
"แล้วพอกลับไปเรียนต่อก็ยังติดต่อกันมาตลอดหรือไง”
“ไม่ได้ติดต่อแล้วครับ”
เมื่อเห็นสีหน้าพอใจของธนวัฒน์ น้องชายก็ต้องหันไปมองทางอื่น
“พวกเราคบกันมานาน น้องฉันท์ไม่เคยพูดถึงนาย”
แม้ธามันจะหันไปมองทางอื่น แต่สีหน้าแววตาที่เหมือนกินยาขมทำให้ธนวัฒน์แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นถูกต้อง จึงพูดต่อไป “จนมาเห็นนายที่บ้านของเขา ดูไปแล้ว ทุกคนดูเกรงใจ ลำบากใจที่นายไปที่นั่น”
ธนวัฒน์พอใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อธามันนิ่งเงียบ
เมื่ออีกฝ่ายแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ธนวัฒน์ก็ให้รางวัล
   “แล้วไปไงมาไงถึงได้ไปซื้อบ้านเขา"
ธนวัฒน์ชอบฉันท์ทัตคือความจริง เมื่อเห็นบ้านหลังเล็กบนที่ดินผืนใหญ่ เขาก็ต้องการบ้านหลังนั้นเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ต้องการถึงขนาดที่จะต้องลงมือไปแย่งชิงเพื่อให้ได้มา
ก็นั่นคือบ้านของน้องฉันท์ หากวันหนึ่งน้องฉันท์ใจอ่อนยอมคบหากัน จะอย่างไรก็ต้องเป็นของตนอยู่ดี
ธนวัฒน์รอได้...
ดังนั้นในตอนที่รู้ว่าฉันท์ขายอพาร์ทเม้นท์ให้ธามัน ธนวัฒน์ก็แค่บ่นนิดหน่อย แต่พอเห็นว่าขายบ้านให้ด้วย ความไม่พอใจถึงได้เพิ่มขึ้นจนถึงขั้นที่แสดงอารมณ์ไม่ดีกับฉันท์ ส่วนต้อม ที่ธนวัฒน์กำหนดไว้ว่าต้องเป็นคนที่รู้เรื่องของฉันท์ทัตมากที่สุดก็ถูก ‘ตำหนิ’ มากหน่อย
"ตอนที่คุยกันเรื่องซื้อขายอพาร์ทเม้นท์ แล้วเขาเล่าว่ากำลังมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่ไม่ได้บอกจำนวนเงินที่แน่นอน ผมก็ถามไปถึงเรื่องบ้านด้วย”
"ที่จริง นายอยากได้อพาร์ทเม้นหรือบ้านของเขากันแน่ ตามโครงการที่นายพูดมาตลอดก็คือซื้ออพาร์ทเม้นท์เก่ามาทำคอนโดฯ ไม่ใช่หรือ"
"อพาร์ทเม้นท์ครับ”
“แต่ก็ซื้อมาทั้ง 2 แปลงโดยที่ไม่ได้แตะเงินบริษัท”
ทำไมการที่ได้เกิดเป็นนายธามัน ถึงได้มีคนเห็นด้วยและสนับสนุนในทุกเรื่องที่ทำอยู่เสมอ
“โครงการแรกของผมไม่ใช่โครงการใหญ่ ก็เลยพอจะหาผู้สนับสนุนเรื่องเงินทุนได้บ้าง”
“ไปกู้มาจากไหน”
ธามันหัวเราะเบา ๆ “คุณทีมครับ จากเงื่อนไขที่คุณเป็นคนกำหนดเอง ผมจะหาแหล่งเงินกู้ได้จากที่ไหนถ้าไม่ใช่แม่ผม”
การเอ่ยถึงมารดาผู้มั่งคั่งเท่ากับการกระทืบลงไปที่ปมเขื่องในใจของธนวัฒน์
“นั่นสินะ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้ามึนตึงเรียบเฉย “แหล่งเงินกู้รายใหญ่”
“ตอนนี้แม่กลายมาเป็นเจ้าหนี้ผมแล้ว ผมก็ต้องรายงานความคืบหน้าของการทำงานกับเขาเหมือนกับที่รายงานเข้าที่ประชุมของบริษัท”
นี่ก็เป็นอีกเงื่อนไขที่ธนวัฒน์กำหนดขึ้นมา เพื่อหวังสร้างความยุ่งยากให้กับธามัน แต่เมื่อโครงการเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น นี่กลับเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ธนวัฒน์เสียเปรียบ
“หมายความว่ารายงานการทำงานให้คุณน้าเยาวเรศฟัง แต่ไม่รายงานกับทางบริษัทหรือไง” ธนวัฒน์เปลี่ยนเรื่องทันที “นายทำโครงการโดยใช้ชื่อบริษัทอยู่นะ หัดทำอะไรให้มันโปร่งใส นายต้องส่งความคืบหน้าการทำงานเป็นระยะ อย่าลืมสิ”
“ผมบอกว่า ผมรายงานกับแม่ แล้วก็รายงานเข้าที่บริษัทด้วย”
ธามันไม่เคยลืมเรื่องการส่งรายงานความคืบหน้าเป็นรายเดือนเข้าที่ประชุมเหมือนกับทุกโครงการของบริษัท แต่ที่ไม่ถึงมือกรรมการก็เพราะธนวัฒน์สรุปรายงานในเวลา 1 นาทีว่าโครงการนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แล้วเสนอแฟ้มโครงการต่อไปให้กรรมการพิจารณา
ที่จริงหากเจอสถานการณ์นี้ธามันควรใช้ความพยายามในห้องประชุมเพื่อบรรยายว่าโครงการไปถึงไหนแล้ว แต่ก็มักจะไม่ได้ทำอะไร ส่วใหญ่แล้วจะยิ้มอยู่เฉย ๆ ต่อให้ถูกตำหนิซึ่งหน้าเรื่องที่โครงการไม่ขยับไปไหน และถูกเปรียบเทียบกับโครงการอื่น ๆ ก็ตาม
เหมือนในตอนนี้ ที่ธามันกำลังยิ้ม “ที่จริงโครงการยังแทบไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยนะครับ ผมเพิ่งได้ที่ดินมา 1 แปลงเท่านั้นเอง ไม่ทราบว่าคุณทีมกำลังไม่พอใจอะไรกันแน่”
โครงการ บ้าน หรือการที่เขาไปพบกับน้องฉันท์...ชิรายูกิแล้ว
หรือทั้ง 3 อย่าง
คนที่เป็นพี่ชายถอนหายใจ 2 มือล้วงกระเป๋า หันไปมองพนักงานกองเลขาฯ ถือแฟ้มเอกสารที่จะใช้ในการประชุมเดินมาทางนี้ ค้อมตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องประชุม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไม่พอใจอะไรกันแน่ อาจเพราะฉันกำลังกังวลอยู่”
ธามันเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ฉันไม่ใช่นักธุรกิจ บวกลบต้นทุนกำไรไม่เก่งอย่างนาย แต่เพราะว่ารู้จักน้องฉันท์ตั้งแต่ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย ก็พอจะรู้ว่าครอบครัวของเขามีปัญหา การเข้าไปฉวยโอกาสซื้อที่ดินจากเขาแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์สักเท่าไหร่”
ธามันหัวเราะไม่มีเสียงเพราะถ้อยคำเหล่านี้เข้าหูของบรรดากรรมการบริหารของบริษัทรวมถึงนายธนา บิดาของเขาเองที่เดินมาถึงหน้าห้องประชุมพอดี
ทุกอย่างช่างเหมาะเจาะพอดิบพอดีไปเสียทุกอย่าง
การประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ธนวัฒน์ซักถามเรื่องที่ดินอย่างที่คาดไว้ ส่วนคนอื่นไม่มีใครถามอะไร แต่เมื่อการประชุมจบลง ธนาก็เรียกธามันให้ไปคุยกันต่อที่ห้องทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าธนวัฒน์จะต้องตามเข้าไป ‘ช่วย’ น้องชายชี้แจงกับบิดาตามแบบของคนดี
การซื้อที่ดินมาทำโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัททำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ธนาอยู่ในธุรกิจมานานรู้จักการใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อสร้างความได้เปรียบในการประมูลโครงการสำคัญ
แต่เขาเห็นว่าเป็นการแข่งขันที่เหมือนกับการชกมวย ที่นักมวยจะที่ขึ้นเวทีชกกับนักมวยในรุ่นน้ำหนักเดียวกัน เมื่อได้ยินว่าลูกชายคนเล็กฉวยโอกาสซื้อที่ดินจากคนรู้จักที่กำลังเดือดร้อนก็รู้สึกไม่สบายใจ
คนอยู่ในแวดวงธุรกิจใช่ว่าจะรู้จักแต่หาแต่ผลประโยชน์
และเพราะว่าธนาเป็นคนที่มีนิสัยแบบนี้ เขาถึงได้เป็นห่วงและดูแลธนวัฒน์กับแม่มาโดยตลอด ทั้งสนับสนุนให้ทำงานอย่างเต็มที่ไว้ใจให้ทำงานอยู่ใกล้ตัวจนทำให้ใคร ๆ ก็เชื่อว่าเขาวางใจให้ลูกชายคนโตสานต่องานในบริษัท
เขาเคยบอกกับพี่ชายทั้ง 2 คนไปว่าเขารู้สึกติดค้างแม่ลูกคู่นี้ เพราะในช่วงที่รับธนวัฒน์มาอยู่ด้วยกันก็เห็นแล้วว่า ลูกชายคนโตเข้ากับพี่น้องคนอื่นไม่ได้เลย มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นทุกคนมักชี้ไปที่ธนวัฒน์ว่าเป็นสาเหตุ
หลังจากที่ธามันไปเรียนต่อต่างประเทศ ธนวัฒน์ก็ขอกลับไปอยู่กับแม่ พอเรียนจบก็ยังไปทำงานอื่นเสียหลายปีจนกระทั่งธามันใกล้จะกลับมาถึงได้ยอมกลับมา
ธนาเชื่อว่าเป็นเพราะตนเองไม่ได้ให้ความยุติธรรมต่อธนวัฒน์กับแม่ของเขา
ทุกเรื่องในอดีต และเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ธนามักกล่าวโทษตนเองอยู่เสมอ
ในห้องทำงานของผู้เป็นบิดา ลูกชายทั้ง 2 คนนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ตกลงธามได้ที่ดินมาอย่างไร” บิดาถามขึ้น
ธามันบอกกับบิดาเหมือนกับที่บอกกับธนวัฒน์ก่อนหน้านี้
บิดาเปิดดูแฟ้มรายงานที่ธามันเสนอเข้าที่ประชุมวันนี้อีกครั้ง “ธามซื้อมาถูกมากเลยนะ”
“ผมซื้อราคาประเมิน”
แต่ราคานี้ต่ำกว่าราคาประเมิน แสดงว่าคนขายกำลังเดือดร้อนมาก
“ธาม เราทำธุรกิจก็จริง แต่การซื้อขายยังไงก็ให้มันสมน้ำสมเนื้อ ถ้าเป็นกรณีที่ขายที่ดินทำกินผืนสุดท้าย ไปกดราคาเขาแบบนี้มันก็...”
“พ่อถามลุงธนดลหรือยัง”
ตอนประชุม ธนวัฒน์เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องราคาที่ซื้อมาถูกมาก แล้วธามันบอกว่าเป็นเพราะซื้อกับเจ้าของโดยตรง กรรมการหลายคนสนับสนุนว่าดีแล้ว ประธานบริษัทอย่างลุงธนดลก็ไม่มีความเห็นอะไร แต่ธนาผู้เป็นพ่อของเขาดูไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่
“พ่อน่าจะให้คุณมิตรไปกับธามตอนที่เจรจาซื้อขายที่ดิน” ธนาบ่น “ทีมรู้จักกับเจ้าของด้วยใช่ไหม”
“ครับ” ธนวัฒน์ช่างเป็นลูกชายแสนดีรู้ใจบิดา “ตอนเรียนหนังสือเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดครับ ค่อนข้างเงียบ ต่อมาได้ข่าวว่าพ่อแม่เสียชีวิตแล้วทิ้งหนี้ก้อนใหญ่ไว้”
“เขากำลังเดือดร้อนใช่ไหม” ธนาพอจะรู้มาคร่าวๆ
ธนวัฒน์ตอบ “นอกจากหนี้ก้อนใหญ่ ยังมีน้องเล็ก 3 ขวบคนหนึ่งแล้วลุงก็เป็นมะเร็ง เขามีรายได้จากอพาร์ทเม้นท์หลังนั้นเพียงแห่งเดียว”
“ที่จริงเขายังหนุ่มอยู่ ใช้หนี้แล้วก็น่าจะมีเงินเหลือไปค้าขายได้” บิดาให้ความเห็น “แล้วนึกยังไงถึงได้ไปซื้อบ้านเขาด้วย”
“บ้านนั่น ผมจะอยู่เองครับ”
ธนามองหน้าลูกชายคนเล็กแล้วพยักหน้าช้าๆ ...อย่างนี้เอง...
“แม่เรา เขารู้เรื่องนี้ไหม”
“ยังไม่ได้บอกครับ”
แต่เชื่อเถอะภายใน 5 นาทีหลังจากที่การพูดคุยครั้งนี้จบลง คุณเยาวเรศจะต้องรู้แน่นอน
“ให้ใครออกแบบ”
“ผมทำเอง”
ธนาเลิกคิ้วมองลูกชายคนเล็กแล้วยกยิ้มมุมปากขณะที่พยักหน้าอีกครั้ง
“มีอะไรก็ไปปรึกษาคุณปกรณ์นะ ไหน ๆ เขาก็คุมโครงการคอนโดฯให้เราแล้ว”
เป็นคำอนุมัติอย่างเป็นทางการที่เป็นการส่งสัญญาณด้วยว่า ต่อจากนี้โครงการคอนโดฯของธามันจะขึ้นมาอยู่บนโต๊ะประชุมอย่างสม่ำเสมอ จะต้องไม่มีคำว่าไม่มีความคืบหน้ามาให้ได้ยินอีก
ธนวัฒน์ออกจะผิดหวังอยู่หน่อย ๆ ที่บิดาเปลี่ยนจากการตำหนิเรื่องที่ธามันไปกดราคาซื้อขายที่ดินมาจากคนที่กำลังเดือดร้อนไปเป็นเรื่องที่ธามันกำลังจะปลูกบ้านหลังใหม่
ในทางตรงข้ามบิดาค่อนข้างพอใจด้วยซ้ำเมื่อธามันบอกว่าออกแบบบ้านหลังนี้เอง
“อย่างนี้ก็ต้องแบ่งคนงานคอนโดฯ มาสร้างบ้านในเวลาเดียวกันน่ะสิครับ”
“ปกติก็ต้องหมุนคนงานอยู่แล้ว”
“แต่กรณีนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของธามนะครับ พนักงานในบริษัทอาจมองว่าธามใช้คนงานของบริษัทมาทำงานให้”
ธนาบอกให้ลูกชายคนโตใจเย็นลง “พ่อเข้าใจที่ทีมเป็นห่วงนะ”
การใช้คนงานของบริษัทมาปลูกบ้านซ่อมบ้านของผู้บริหารเป็นเรื่องกึ่งสวัสดิการกึ่งสิทธิพิเศษ เพราะเจ้าของบ้านจะต้องรับจ่ายค่าวัสดุก่อสร้าง แต่ค่าจ้างค่าแรงของคนออกแบบ พนักงาน นายช่าง คนงานก็ได้รับค่าจ้างตามปกติจากบริษัท
“ธามไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์อะไรที่มากไปกว่าคนอื่นเลย พ่อเองตอนที่ซ่อมบ้านก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน”
ธามันพูดขึ้นบ้าง “เพื่อความสบายใจ ผมจะอยู่ในฐานะลูกค้าก็ได้ครับ”
“ได้อย่างไร”
“ผมว่าดีนะครับ ผมจะได้ไม่ต้องคอยรายงานความคืบหน้าเรื่องซ่อมบ้านให้บริษัทฟังด้วย” ธามันทำหน้าตาใสซื่อ
ธนาไม่ได้อยากรู้เรื่องความคืบหน้าพวกนั้น เพียงคิดว่าเมื่อเป็นสิทธิ์ในฐานะผู้บริหารก็ควรรับไว้
ส่วนธนวัฒน์ไม่ได้สนใจอยากรู้เรื่องความคืบหน้าเหมือนกัน แต่คิดว่าถ้าสามารถสร้างความยุ่งยากให้กับธามันได้เขาก็จะทำ เพราะมาถึงขั้นนี้เขารู้แล้วว่า เยาวเรศแม่ของธามันที่เงินลูกชายมาทำโครงการ แต่ลูกชายกลับผันเงินส่วนหนึ่งไปซื้อบ้านด้วย
ธนวัฒน์คำนวนในใจ เยาวเรศเป็นคนใจอ่อน การเปลี่ยนไปเคลื่อนไหวผ่านทางเธอไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่ควรใช้วิธีนี้บ่อย เพราะเธอจะต้องเลือกปกป้องลูกชายอยู่แล้ว
ที่จริงธนวัฒน์ยังมีอีกทางที่สามารถนำมาใช้ทำลายธามันได้
แต่หนทางนั้นอาจทำให้ฉันท์ทัตต้องเดือดร้อนไปด้วย
ธนารู้ดีว่าลูกชาย 2 คนนี้มีการแข่งขันกันรุนแรง การพูดชมเชยคนหนึ่งมักทำให้อีกคนหนึ่งไม่พอใจ
แต่วิธีการแสดงออกว่าไม่พอใจของทั้ง 2 คนนี้ต่างกัน
ธนวัฒน์จะเลือกเวลาที่ตามลำพังพ่อลูกเพื่อกล่าวถ้อยคำที่เป็นการตอกย้ำโดยอ้อมว่าเขาเป็นพี่ชายที่ด้อยกว่าน้องชายในทุกๆ ทาง
ส่วนธามันมักจะเอะอะโวยวาย
แต่ตอนนี้ธนวัฒน์มีทักษะการพูดกล่าวโทษพ่อโดยอ้อมที่เชี่ยวชาญขึ้น
ส่วนธามันเก็บงำความคิด ความรู้สึก แล้วก้าวไปสู่จุดหมายอย่างเงียบ ๆ
ในฐานะพ่อ เขารู้ว่าธนวัฒน์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อหวังความสำเร็จในทางธุรกิจ
และในฐานะนักธุรกิจเขามองว่าธามันร้ายกาจกว่าพี่ชายหลายเท่า
“ไม่จำเป็นที่จะต้องขัดแย้งกัน หรือคิดระแวงแทนคนอื่นที่เราไม่รู้จักเขา” ธนามองลูกชายทั้ง 2 คน “ทุกอย่างมีกฎระเบียบอยู่แล้ว ทำไปตามนั้น”
“ถ้าอย่างนั้น...” ธามันถาม
“พ่ออยากรู้ความคืบหน้าทั้งเรื่องโครงการคอนโดฯ และบ้านของธามด้วย ต้องมีรายงานความคืบหน้ามาทุกเดือน เรื่องคอนโดฯ เอาเข้าห้องประชุม ส่วนเรื่องบ้านพ่ออยากรู้เป็นการส่วนตัว”
แต่ก่อนที่จะเลิกงานในวันนั้นเองที่ธนาก็ได้รู้ว่าบ้านของฉันท์มีเนื้อที่มากกว่าพื้นที่ที่จะใช้ก่อสร้างคอนโดฯเสียอีก ทั้งธามันก็ยังซื้อมาในราคาที่ถูกเหมือนได้เปล่า ทำให้ธนาต้องมาหาลูกชายคนเล็กถึงห้องทำงาน
แน่นอนว่าต้องมีธนวัฒน์เดินตามมาด้วย
“ธาม คิดอะไรอยู่ บ้านหลังนั้นที่ดินมากกว่า 7 ไร่เชียวนะ”
เพียงประโยคเดียวธามันก็รู้แล้วว่า พ่อได้ข้อมูลนี้มาจากใคร ถ้าธนวัฒน์พูดเรื่องนี้ขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่คุยกับบิดาหลังการประชุมช่วงเช้าเสร็จน่าจะดีกว่านี้ จะได้คุยรอบเดียวให้จบ ๆ ไป แต่การแอบบอกข้อมูลลับหลังแบบนี้ก็ไม่เสียหายสักเท่าไหร่
“ที่ดินแปลงนั้นไม่ได้มีเนื้อที่ 7 ไร่”
ธนานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แสดงว่ายังต้องการคำตอบเพิ่มเติม
“ตัวบ้านเขาจริง ๆ ประมาณ 120 ตารางวา ที่ดินส่วนที่เหลือเป็นที่ดินที่มีเงื่อนไข”
    “เงื่อนไขแบบไหน”
“ห้ามขาย”
“พ่อแม่ของเขาหรือ ก็ตายไปแล้วนี่” เมื่อถูกลูกชายคนเล็กมองหน้า คนเป็นพ่อก็รีบยกมือ “พ่อไม่ได้อยากได้ที่ตรงนั้น เพียงแต่รู้สึกสงสัยว่า ทำไมธามถึงเอาโครงการลงที่แปลงเล็กแทนที่จะเป็นแปลงใหญ่ ถึงแปลงใหญ่จะอยู่ท้ายซอยก็เถอะ” แต่ปรากฏว่าที่ดินแปลงนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ได้ยินมา“ธามคิดอะไรแปลก ๆ อยู่เสมอจนบางทีพ่อก็ตามไม่ทัน”
“ไม่ได้ซับซ้อนอะไร” นี่คือความจริง “ผมเสนอโครงการบนที่ดินแปลงเล็ก แล้วมาเจออพาร์ทเม้นท์ที่เจ้าของเขากำลังเดือดร้อน ตอนที่กำลังคุยกัน จำได้ว่าเขามีที่ดินอีกแปลงอยู่ท้ายซอย ก็เลยถามถึง ปรากฏว่าเขาขายผมก็เลยซื้อ เพราะอยากปลูกบ้านก็เท่านั้นเอง”
“ไม่ได้คิดวางแผนเรื่องบ้านไว้ก่อนหรือ”
“ผมมีแผนเรื่องที่อยากจะปลูกบ้านอยู่เองมาร่วม 20 ปีพ่อก็รู้” ใช่ธนารู้เรื่องนี้ดี “แต่บังเอิญได้บ้านที่อยู่ท้ายซอยหลังนี้”
ธนวัฒน์ไม่เชื่อคำพูดของน้องชายเลยสักนิด เพราะมีแต่ความบังเอิญซ่อนอยู่ทุกประโยค
ธามันเป็นนักวางแผน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน!
“แล้วเขาไปซื้อทาวน์เฮ้าส์อยู่หรือไง เห็นว่ามีทั้งเด็กและคนป่วย”
“ไม่ได้ย้ายไปไหน” ธามันตอบยิ้มๆ “ก็พ่อบอกเองว่ามีทั้งเด็ก และคนป่วย จะให้เขาย้ายไปได้ไง ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น”
พ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง “ตอนที่ธามไปอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ของเขา เขาดีกับธามมากเลยใช่ไหม”
ธามันพยักหน้า
“งั้นก็ดีแล้ว” พ่อลุกขึ้นยืน “ที่เหลือก็รายงานตามระเบียบบริษัทก็พอ”
“ครับ”
ธนาเป็นพ่อแบบนี้ เขามักแสดงออกว่าวางใจลูกชายคนโต แล้วควบคุมลูกชายคนเล็ก แต่แท้จริงเขาคอยจับตาลูกชายคนโต แล้วปล่อยให้ลูกชายคนเล็กทำในสิ่งที่อยากทำ
ลูกชายทั้ง 2 คนไปจนถึงภรรยา และคนอื่นในบริษัทไม่มีใครรู้ความคิดนี้ จึงมักจะพูดลับหลังว่าธนาลำเอียงและคอยสนับสนุนแต่ลูกชายคนโต
....
(มีต่อครับ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
« ตอบ #109 เมื่อ: 05-02-2019 19:26:17 »





ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #110 เมื่อ05-02-2019 19:27:36 »

(ต่อครับ)

และในค่ำวันนั้นเมื่อธามันกลับไปถึงบ้านเขาก็ต้องรายงานเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟังอีกรอบ
“ที่แม่สนับสนุนเรื่องโครงการ มันคนละเรื่องกับการที่ธามจริงจังกับเด็กคนนั้นนะ” เยาวเรศเชื่อมาตลอดว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาย-ชายเป็นแค่เรื่องสนุกแบบประเดี๋ยวประด๋าว ไม่นานลูกชายคนนี้ก็จะเปลี่ยนไปควงกับสาวสวยที่เพียบพร้อมด้วยฐานะ และมีชื่อเสียง
“อะไรทำให้แม่คิดไปไกลขนาดนั้น ผมแค่ซื้อบ้านเก่า เพราะอยากปลูกบ้านอยู่เอง”
“แม่รู้นะว่าธามต้องการจะทำอะไร”
“ผมซื้ออพาร์ทเม้นท์เก่ามาทุบทำคอนโดฯ มันก็เรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องซื้อบ้านนี่มันก็เรื่องหนึ่ง” ไม่ค่อยอยากยกพ่อมาอ้างสักเท่าไหร่ เอาไว้ถึงเวลาคับขันค่อยพูดออกมาแล้วกัน “บ้านหลังเล็กเนื้อที่ไม่เท่าไหร่ อยู่ติดสวน ถัดไปก็เป็นคลอง บรรยากาศดีมาก ผมชอบ”
“แต่เด็กนั่นกับครอบครัวยังอยู่”
การที่เรียกน้องด้วยคำนี้แสดงว่า เยาวเรศต้องรู้เรื่องที่เกี่ยวกับน้องมาแล้ว
“ครับ พ่อแม่เขาตายที่นั่น ลุงป่วย ป้าก็อายุมาก แล้วยังมีน้องชายเล็ก ๆ อีก แม่จะใจร้ายไล่เขาออกบ้านได้หรือครับ”
“แต่เราทำสัญญาซื้อขาย เราไม่ได้ทำมูลนิธิ”
เวลาที่คนเราโมโหไม่พอใจ พอโต้เถียงกันไปมักจะมีคำพูดที่ไม่น่าฟังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“ผมจะไปอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว พวกเขาอยู่ที่นั่น คอยดูแลบ้านให้ผมไงครับ”
“ก็ให้คนงานของบริษัทไปดูแลก็ได้”
“บ้านนั้นมีคนฆ่าตัวตาย ยังจะมีคนงานที่ไหนอยากไปทำครับ”
ทุกคำทุกประโยคที่เยาวเรศยกขึ้นมาเพื่อให้ลูกชายเปลี่ยนใจ กลายเป็นถูกลูกชายปัดออกไปทั้งหมด
“แล้วทำไมต้องแยกไปด้วย”
ธามันตอบคำถามกึ่งตัดพ้อของแม่ด้วยการส่ายหน้า
“แล้วจะย้ายไปเมื่อไหร่”
“เมื่อซ่อมบ้านเสร็จแล้วครับ ตอนนี้ยังไม่ไปถึงไหนเลย”
....
หกโมงแล้ว ลุงกับป้านั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกัน ขณะที่คนงานซ่อมบ้านกำลังเก็บของเตรียมกลับไปพักที่บ้านหลังเดิมที่ลุงกับป้าเคยอยู่ ฉันท์ตักแกงป่ากระดูกอ่อนใส่กล่องให้คนงานเป็นกับข้าวมื้อเย็น
“ทานแกงป่ากระดูกอ่อนได้ไหมครับ”
“ได้ครับ คุณฉันท์ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อพวกเราทุกวันอย่างนี้ได้ครับ” คนที่งานที่มีอาวุโสที่สุดบอกขอบคุณ และรับกล่องกับข้าวมื้อเย็น 
เรื่องของเรื่องคือในวันแรกที่คนงาน 5 คนมาทำงานที่เริ่มจากการซ่อมห้องนอนชั้นบนก่อน ขณะที่ฉันท์ทำอาหารกลางวันให้ทุกคนในบ้านแล้วมีคนงานคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ‘หอมก๋วยเตี๋ยวไก่’ ฉันท์ก็เลยเพิ่มปริมาณอาหารขึ้นมาอีกเท่าตัวเพื่อเลี้ยงคนงานทั้งหมด พอช่วงบ่ายหัวหน้าคนงานมาตรวจงานแล้วรู้เข้าก็เลยมาบอกขอบคุณ แต่ก็ขอว่าไม่ต้องเตรียมอาหารกลางวันให้ เพราะคนงานเหล่านี้ทำงานหนัก กินเก่งมาก หากให้ฉันท์ต้องมาเตรียมอาหารกลางวันให้อีก จะกลายเป็นภาระไป
“ไม่ได้เป็นภาระอะไรเลยนะครับ เพราะผมก็ต้องเตรียมให้ทุกคนอยู่แล้ว”
คำว่าภาระมันออกจะเกินไปในความรู้สึกของฉันท์
“ผมเข้าใจครับ เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ที่ไปทำก็มักจะเลี้ยงคนงานด้วย เพราะเมตตา คนงานจะได้ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อ แต่เขากินเก่งครับ บางทีได้แค่ครึ่งกระเพาะแต่ก็เกรงใจไม่กล้าขอเพิ่ม อีกอย่างเขาชอบอาหารที่มันรสจัดหน่อยน่ะครับ”
พอเห็นว่าฉันท์ทำท่าจะอธิบายว่า เขาก็ทำอาหารรสจัดได้ หัวหน้าคนงานก็อธิบายต่อ “อีกเรื่องคือ การทำบ้านคุณธามนี่จะพิเศษหน่อยครับ”
“ยังไงครับ”
“คุณธนา คุณพ่อของคุณธามน่ะครับ พอรู้ว่าคุณธามให้คนงานมาปรับปรุงบ้านเก่า แล้วในบ้านยังมีทั้งคนป่วย ทั้งเด็กเล็ก ก็สั่งเด็ดขาดว่าต้องระวังให้มาก อย่าทำอะไรที่เป็นการรบกวน”
“ไม่ได้รบกวนอะไรนี่ครับ”
ประโยคก่อนก็ว่าภาระ ประโยคถัดมาก็ว่ารบกวน
“นะครับ ถือเสียว่าสงสารผมเถอะ”
“งั้นถ้าผมจะทำกับข้าวมื้อเย็นเผื่อคงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“เอ่อ...เรื่องนี้”
“ถ้าผมไม่ทำอะไรให้คนงานเลย ผมก็คงโดนลุงกับป้าว่าเอาได้เหมือนกัน เพราะว่าเป็นการซ่อมบ้านฟรี ๆ”
“ไม่ฟรีนะครับ คุณธามไม่ยอมใช้สวัสดิการบริษัท คือจะอธิบายยังไงดี” หัวหน้าคนงานช่างเล่า “คุณธามเป็นผู้บริหารบริษัท กรณีจะซ่อมแซม ต่อเติม จะต้องจ่ายค่าวัสดุเอง ส่วนค่าแรงคนงานบริษัทจ่ายให้ แต่บ้านนี้ คุณธามขอเป็นผู้ว่าจ้างช่างรับเหมาของบริษัท”
“แปลว่าคุณธามจ่ายทุกอย่างเลยหรือ”
“ครับ”
ฉันท์ลดเสียงเบาลง “มีปัญหาอะไรหรือครับ”
หัวหน้าคนงานอยากบอก แต่เพราะเคยพบกับธนวัฒน์ที่บ้านนี้ จึงบอกกว้างๆ “มันเป็นเรื่องภายในกลุ่มผู้บริหารของบริษัทน่ะครับ” ก็พี่น้องและเครือญาติของธามันทั้งนั้น “คุณธามต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง”
คนหนุ่มกว่าขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ อย่างนั้นก็ถือเสียว่าพบกันครึ่งทาง ผมทำมื้อเย็นให้วันละ 1 อย่างจนกว่าจะทำบ้านเสร็จ เวลาที่คุณธามมาถาม ผมจะได้มีเรื่องไว้รายงานว่า ผมก็มีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกัน”
ขณะที่กำลังหัวเราะ หัวหน้าคนงานแอบสรุปในใจว่าทั้งธามันและฉันท์ทัตมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือการเป็นคนที่เมื่อตั้งใจว่าจะทำอะไร ก็จะพยายามทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้ได้
การซ่อมบ้านเป็นไปอย่างระมัดระวังจริง ๆ ไม่ได้เปิดเพลงเสียงดัง ไม่ตะโกนคุยกัน แบ่งงานกันทำในแต่ละห้อง เวลาที่จะต้องตอกค้อนตอกตะปูก็จะมาชะโงกหน้ามองดูว่าลุง หรือจิโระหลับอยู่หรือเปล่า ถ้าหลับอยู่ก็จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก่อน และรอวันที่ลุงต้องไปหาหมอ ถึงจะเข้ามาทาสี
ดังนั้นการซ่อมบ้านของธามันหลังนี้จึงมีความคืบหน้าไปช้ามาก ทั้งที่มีคนงานหลายคน ช้าจนกระทั่งลุงต้องออกปากว่าไม่ต้องเกรงใจ เพราะว่าลุงซ่อมอพาร์ทเม้นท์มานานกว่า 10 ปีเข้าใจเรื่องเสียงดัง เรื่องกลิ่นสี กลิ่นน้ำยาอะไรต่างๆ ขอให้ทำงานไปตามขั้นตอน
แต่เพราะคนออกคำสั่งแรกคือธามัน คนงานตอบรับคำสั่งของลุงก็จริงแต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของธามันเหมือนเดิม
เมื่อการซ่อมห้องนอนใหญ่เสร็จ ธามันก็โทรศัพท์มาหาลุง เพื่อขออนุญาตให้คนงานขนย้ายเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวเข้ามาที่บ้าน
“ธามเป็นเจ้าของบ้านนะ จะต้องมาขออนุญาตทำไม” ลุงทำเป็นพูดนั่นพูดนี่ทั้งที่ยิ้มกว้าง พอวางสายโทรศัพท์ก็มาบอกฉันท์เรื่องที่จะมีรถขนของของธามันมาที่บ้าน
การจัดห้องนอนไม่เท่าไหร่ แต่ในกลุ่มของใช้ส่วนตัวที่ยกมา ยังมีโต๊ะทำงานอีกหนึ่งตัวที่ธามันขอให้วางไว้ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง ซึ่งหมายความว่าทุกคนก็ต้องช่วยกันจัดห้องนี้กันใหม่ ป้าจึงพาจิโระออกไปเล่นอยู่ในสวน ปล่อยให้ลุงกับฉันท์ช่วยคนงานจัดบ้าน
ขณะที่กำลังยืนมองคนงานช่วยกันจัดบ้าน ลุงก็พูดขึ้น
“ที่จริงถ้าจะทำงานที่บ้าน น่าจะไปปรับปรุงบ้านหลังเดิม ตรงอพาร์ทเม้นท์น่าจะเหมาะกว่าเพราะจะได้คุมงานด้วย”
ลุงคงลืมไปว่าตอนนี้บ้านหลังนั้นมีคนงานก่อสร้างพักอยู่
“ที่ตรงนั้นต้องรื้อถอน แล้วก็ปรับพื้นที่ ระหว่างนั้นเขาถึงจะทำออฟฟิศเล็ก ๆ กับห้องตัวอย่าง คงจะย้ายออฟฟิศตอนนั้นน่ะฮะ” ฉันท์เดา
“แล้วพอคอนโดฯเสร็จ เขาก็ต้องรื้อออฟฟิศนั่นใช่ไหม”
“ครับ”
“อย่างนั้นเราก็ต้องยกโต๊ะนี่กลับมาบ้านอีกรอบ หรือทำออฟฟิศเล็ก ๆ ที่ตึกคอนโดฯเลย”
พอฉันท์ส่ายหน้าเพราะไม่รู้ ลุงก็ขมวดคิ้วแน่น “ไม่ได้คุยกันหรือ”
ฉันท์ส่ายหน้าอีกครั้ง
เมื่อคนงานทั้งกลุ่มขนย้ายและซ่อมบ้านกลับไปหมดแล้ว ฉันท์ก็ขึ้นไปทำความสะอาดห้องชั้นบนอีกรอบ ป้าเดินขึ้นมาดู
“เจ้าฉันท์ พวกเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวที่ในกระเป๋าพวกนั้นทำไง เอาออกมาดีไหมลูก”
“ผมทำเองครับ”
“ไม่เป็นไร ป้าช่วย ลุงกับจิโระหลับแล้ว”
“คงจะเหนื่อย ป้าเองก็พักก่อนก็ได้ครับ”
ป้าบอกว่าไม่เป็นไร ช่วยรื้อของใช้ส่วนตัวออกจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาจัดเรียงไว้ในห้องน้ำ และที่โต๊ะกระจกในห้องนอน ขณะที่ฉันท์เรียงเสื้อผ้าใส่ตู้ ครู่เดียวก็เสร็จอย่างที่ป้าบอก
ตอนที่กำลังกินข้าวเย็นพร้อมหน้า ป้าก็คุยกับลุง “เขาจะอยู่ได้จริง ๆ หรือบ้านเราหลังเล็กแค่นี้”
“เขาก็ให้คนงานขนของมาขนาดนี้แล้วนี่” ลุงบอก
“อาจมาพักเป็นบางวันเหมือนตอนก่อนนี้ก็ได้ หรือเฉพาะทำโครงการ เพราะเขาก็มีบ้านของเขาอยู่แล้ว”
“อืม” ลุงวินัยเป็นคนพูดน้อย “แล้วตอนที่เขามาวันนั้น ทำไมไม่ถามเขาล่ะ”
“ถามแล้วนะ” ป้าหันมาถามฉันท์ “ใช่ไหมเจ้าฉันท์ ป้าว่าป้าก็ถามเขานะ แต่เขาก็บอกแค่ว่าจะขอมาอยู่ด้วยคน ไม่ได้พูดเรื่องเวลา”
เวลาที่คุยกับลุงจะชัดเจนว่าธามันคือเจ้าของ เราคือผู้อาศัย แต่ทำไมเวลาที่คุยกับป้ามักรู้สึกว่า ธามันมาขออาศัยอยู่ด้วยทุกที
“ซ่อมบ้านแล้ว ขนของมาแล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่เขาสิ เขาเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่แล้ว” ลุงเตือน
ฉันท์เหลือบตามองลุงแล้วหันไปมองป้า
“เออ นั่นสินะ เจ้าฉันท์ขายบ้านให้เขาแล้ว ป้าก็ลืมเรื่องนี้เสียเรื่อย”
ฉันท์เอื้อมมือไปจับมือของป้าไว้
“ป้าเข้าใจลูก แต่แก่แล้วบางเรื่องก็หลงลืมไปอย่างนั้นเอง”
จิโระลงจากเก้าอี้ของตัวเองแล้วมาปีนขึ้นตักของพี่ชาย อ้อนให้กอด
“โอนี”
“นี่ก็อีกคน พาไปเข้าเรียนอนุบาลน่าจะดีกว่า เดี๋ยว 6 ขวบต้องเข้าป.1 แล้วมันจะปรับตัวไม่ทัน”
“อย่าเพิ่งเลยครับ” ฉันท์บอก
“หนูก็เข้าเรียนตอนป.1 เหมือนกันนะ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” หนูจำเป็นต้องท้วงขึ้นมา ก่อนที่ทุกคนจะพากันลืมว่าหนูก็อยู่บ้านนี้
ป้าหันมาค้อน “มันไม่เหมือนกัน เราน่ะมันรู้มาก ช่วยเหลือตัวเองได้ดี อยู่ที่ไหนกับใครเขาก็ได้”
“จิโระก็เหมือนกันแหละ ให้พี่ฉันท์สอนอยู่ที่บ้านเหมือนโฮมสคูลก็ได้นี่นา”
“โฮมสคูลเขาก็ต้องมีการวัดผลเหมือนกัน” ลุงบอก “ไม่ต้องรีบหรอก จิโระเพิ่งมาอยู่เมืองไทยได้ไม่เท่าไหร่ ให้เวลาเขาปรับตัว แล้วก็มั่นใจว่าเราจะดูแลเขาอย่างเต็มที่สำคัญกว่า”
ความเห็นของคนพูดน้อยกลายเป็นบทสรุป
3 ทุ่มลุงกับป้าเข้านอน ฉันท์ก็พาจิโระเข้านอนเหมือนกัน แต่พอน้องหลับไปแล้ว คนพี่กลับลงมานั่งดูโทรทัศน์อยู่กับกวาง ทั้งที่มักจะนอนพร้อมน้องอยู่เสมอ
เกือบ 4 ทุ่มฉันท์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นนอน ละครโทรทัศน์ที่กำลังดูอยู่ก็ไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหน หันไปทีไรก็มีแต่ฉากกินข้าว ไม่ก็นางเอกล้มลงมาทับพระเอกแล้วตกตะลึงมองหน้ากัน ฉากแบบนี้คนดูคงชอบ แต่ไม่ใช่พี่ฉันท์ เพราะเขาไม่มีสีหน้าท่าทางอะไรที่บอกว่าชอบ แต่ก็ยังดูอยู่
น่าจะดูโทรทัศน์ ไม่ใช่ดูละคร
กวางที่กำลังนอนทำการบ้านถามขึ้น “พี่ฉันท์รอพี่ธามหรือ”
ฉันท์ไม่ได้ตอบ แต่มองผ่านหน้าต่างออกไปไกล

วันถัดมาพี่ฉันท์ก็ยังมองออกไปทางหน้าบ้านอยู่บ่อย ๆ เหมือนเมื่อวันก่อน
เขาไม่พูดอะไร สีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่รู้สึกอะไร
...เจ้าชายหิมะ...เคยได้ยินพี่ต้อมเรียกพี่ฉันท์แบบนี้
พี่ฉันท์ไม่ยอมเข้านอนสักที แล้วกวางวัยรุ่นรักดีจะนอนได้ไง ที่กำลังหาวนอนอยู่ตอนนี้ก็ง่วงจริง ไม่ได้แกล้ง เหมือนตอนที่หลับไปเลยเนี่ยก็หลับจริง ตอนที่พี่ฉันท์มาปลุกให้ขึ้นไปนอนเลยรู้สึกว่าเสียฟอร์มชะมัด
“กวางขึ้นไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่จะปิดบ้านเอง”
กวางหันไปมองนาฬิกา อีกไม่ถึง 10 นาทีจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ก็เลยลุกขึ้นมาปิดบ้าน แล้วบอกพี่ฉันท์ว่า
“เที่ยงคืนแล้ว”
อยากบอกว่า พี่ธามคงไม่มาแล้วแต่ก็ไม่กล้าพูด เพราะไม่อยากให้พี่ฉันท์ผิดหวัง แต่ถึงจะไม่พูดอะไร ก็รู้ว่าพี่ฉันท์กำลังรอ และผิดหวังอยู่ดี เพราะเขาเดินตามหนูขึ้นมาที่ห้องนอน แล้วก็ยังหันไปมองนอกบ้านว่าจะมีรถเข้ามาจอดหน้าบ้านหรือเปล่า
ดังนั้น เช้าวันมาสิ่งแรกที่กวางทำเป็นสิ่งแรกเมื่อถึงโรงเรียนก็คือ...
“น้า ทำไมพี่ธามไม่กลับบ้าน”
“อ้าว อะไรของมึง กูจะรู้ไหมเล่า”
ตอนที่รับโทรศัพท์เด็กกวาง ฐาติขับรถไปศาลยังไม่พ้นปากซอยบ้านเลย เด็กนักเรียนไปถึงโรงเรียนแล้วหรือ
“น้าไม่รู้แล้วใครจะรู้”
“ก็กูไม่รู้” ฐาติขำมากกว่าโมโห “ถามอย่างกับเป็นเมียเขา”
“ใครเมียใคร น้าอย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย”
“กูไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง แล้วเดี๋ยวนะ พี่ธามของมึงไม่กลับบ้านไหน”
คำตอบนี้มีบางอย่างผิดปกติ “พี่ธามมีกี่บ้าน”
“บ้านเดียวสิ พี่ธามมึงเป็นเบบี๋ ยังอยู่กับแม่พอใจป้ะ”
กวางหัวเราะคิก “อะไรมาป้ง มาป้ะ ไม่เข้ากับน้าเลยจะ 30 อยู่วันนี้พรุ่งนี้แล้ว”
“ก็ป้ะตามมึงแหละ แล้วกูยังไม่ 30 โว้ย ถ้ากู 30 พี่ธามมึงก็ 30 เหมือนกันแหละ เพราะกูเกิดก่อนไม่กี่เดือนเอง”
“โหย หน้าตาน้าล้ำหน้าพี่ธามไปหลายป้ายรถเมล์ละ”
“ตกลงมึงจะโทรมาถามเรื่องพี่ธามไม่กลับบ้าน หรือเรื่องหน้ากูกันแน่”
“เออใช่ จะถามเรื่องไม่กลับบ้าน”
“บ้านไหน”
“ก็บ้านนี้อ้ะ บ้านพี่ฉันท์เนี่ย”
“ย้ายของเข้าไปแล้วหรือไง”
“ย้ายแล้ว เสื้อผ้า โต๊ะทำงานก็มาแล้ว แต่ตัวไม่เห็นจะมาสักที เมื่อคืนนี้พี่ฉันท์รอจนเที่ยงคืน แล้วพอพี่ฉันท์รอหนูก็เลยต้องรอไปด้วย ถ้าวันนี้หนูหลับในห้องเรียนหนูจะโทษน้า”
“อ้าว ไอ้นี่” ฐาติร้องอ้าวเป็นครั้งที่ 2 งงสิ ริจะคบเด็กแต่ไม่เคยตามความคิดเด็กทันเลยสักที “จะมาโทษอะไรกูอีก”
“แล้วจะให้หนูโทษพี่ฉันท์หรือไง ไม่มีทาง โทษพี่ธามก็ไม่ได้ด้วย เพราะถ้าพี่ฉันท์รู้เขาจะเสียใจ เพราะงั้นก็ต้องโทษน้า”
รถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านวิ่งแซงขวาไป ด้านหลังเสื้อคนขับสกรีนคำว่า ‘อะไรก็กู’ ทำให้ฐาติหัวเราะ “เออตามใจมึงเหอะ” 
“น้า พี่ธามย้ายของมาแล้ว แต่ทำไมตัวเขายังไม่มาล่ะ”
“ยังเจรจากับแม่เขาไม่ลงตัวน่ะ” ปัญหาเดียวของพี่ธามของมึง
“แม่พี่ธามไม่อยากให้พี่ธามมาอยู่กับพี่ฉันท์หรือไง”
“อันนี้ไม่รู้ว่ะ แต่เขามีลูกคนเดียว ก็คงอยากให้ธามอยู่กับเขาแหละ”
“หนูถามว่า แม่เขาไม่อยากให้พี่ธามมาอยู่กับพี่ฉันท์หรือไง ไม่ได้ถามว่าแม่เขาอยากให้พี่ธามอยู่กับเขาคืออยู่กับแม่หรือเปล่า” น้างงอะไรเนี่ย
“ก็บอกว่าไม่รู้” ทำไมน้ำเสียงมันคาดคั้นบังคับกันขนาดนี้วะ
“อ้อ เข้าใจละ แม่พี่ธามไม่รู้เรื่องพี่ฉันท์”
“อือ” ที่จริงพ่อแม่ของธามันรู้เรื่องฉันท์แล้ว
กวางถอนหายใจมาทางโทรศัพท์ “งั้น...เออน้าจะทำไงก็แล้วแต่น้าละกัน แต่ช่วยทำให้พี่ธามรู้ว่าพี่ฉันท์รออยู่ได้ป้ะ”
“ทำไง”
“ลืมไป น้าไม่ทำงานฟรี ๆนี่หว่า”
ไอ้เด็กนี่มันกำลังมองเราเป็นฐาติหน้าเงินอยู่หรือเปล่าวะ
“เอางี้ น้าจะทำไงก็แล้วแต่น้าละกัน แต่ถ้าเขามาเมื่อไหร่หนูจะให้น้าเลี้ยงข้าวหมูกรอบ”
“ห๊ะ อะไรนะ”
“ข้าวหมูกรอบ ต่อด้วยลอดช่อง แล้วก็สายไหมด้วยก็ได้”
“ใครเลี้ยง”
“น้าเลี้ยงสิ หนูยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลยนะ จะเลี้ยงน้าได้ไง”
...เฮ้อ...

...จบตอนที่7...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2019 20:16:03 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #111 เมื่อ05-02-2019 20:18:28 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #112 เมื่อ05-02-2019 21:16:53 »

ชอบกวางเด็กแสบ

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #113 เมื่อ05-02-2019 21:53:45 »

พี่ธาม น้องรออยู่  :katai5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #114 เมื่อ05-02-2019 22:16:40 »

ตามเด็กทันไหมน้า

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #115 เมื่อ05-02-2019 22:43:09 »

เอาคุณพี่ทีมออกไปที ลำไย  :katai1:


ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #116 เมื่อ05-02-2019 23:23:50 »

555 มีกวางคือดี ฮาไปหลายขุม
มีที่ไหนบอกว่าจะเลี้ยง แต่ให้เค้าจ่าย

ธามเอ้ย รีบมานะ ฉันท์จะเป็นแพนด้าแล้ว
เอ็นดูฉันท์ คือน้องสนใจคนรอบข้างนะ
แต่จะเลือกสนใจคนที่ควรสนใจ

พ่อธามก็ย้อนแย้ง จะชงพี่หรือเชียร์น้อง ก็ยำรวมมาก
ทีมคือตัวร้ายที่พ่อยังต้องระวังน่ะ คิดดูว่าขนาดไหน

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #117 เมื่อ06-02-2019 08:34:04 »


นี่ตอนแรกจัดให้อิตาทีมเป็นแค่แมงหวี่แมงวันที่มาคอยตามให้รำคาญ แต่มาตอนนี้ เยอะล่ะ

 แม้กระทั่งพ่อตัวเองยังดูออกมีปมแต่ไม่มีกึ๋นพอ ได้แต่หวัง(อีกแล้ว) จะไม่มีอะไรร้ายแรงไปมากจนถึงกับทำให้ต้องมีคนตาย

   ว่าแต่ขอลงเรือกวางเด็กพี่ฉันท์กับน้าล่ะ  :katai2-1:


 

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #118 เมื่อ06-02-2019 14:58:09 »

 :3123: :pig4:

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #119 เมื่อ06-02-2019 21:04:31 »

เอ็นดูกวาง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด