Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 30177 ครั้ง)

ออฟไลน์ @PurPle SuN@

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #120 เมื่อ10-02-2019 15:31:13 »

อ่านไปก็ลุ้นไป มันจะยังไงเนี่ยยยยย

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #121 เมื่อ12-02-2019 08:56:05 »

รักน้องฉันท์ เอ็นดูน้องกวาง   :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #122 เมื่อ14-02-2019 04:21:41 »

 :katai5:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #123 เมื่อ18-02-2019 12:24:58 »

กวางไม่ทันคนแก่เลยลูก
นายทีมนี่ร้ายจัง  :m16:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #124 เมื่อ18-02-2019 20:03:32 »

รอออ


คิดถึงจิโร๊ะแล้ว


พี่ธามน้องฉันมายัง

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #125 เมื่อ19-02-2019 10:12:33 »

มารอ  :กอด1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่7 (5/2/2562)
«ตอบ #126 เมื่อ19-02-2019 12:11:29 »

 :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #127 เมื่อ23-02-2019 17:30:49 »

ตอนที่ 8

ไฟถนนหน้าบ้านส่องสว่างตั้งแต่ 6 โมงเย็น ลุงกับป้าเดินเล่นอยู่ในสวนอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมงก็กลับเข้าบ้านไปล้างเนื้อล้างตัว ส่วนฉันท์กับจิโระเอาผลไม้ในสวนไปให้อาที่อยู่บ้านถัดขึ้นมา 2 หลัง ดังนั้นตอนที่มีรถคันใหญ่แล่นผ่านหน้าบ้านเข้าไปในซอย คนในบ้านจึงคาดเดากันว่าเจ้าของรถคันนี้น่าจะมาธุระที่บ้านฉันท์ที่อยู่ท้ายซอย 2 คนพี่น้องจึงลาอาเจ้าของบ้าน เดินจูงมือกันกลับมา
ตอนที่เห็นรถคันใหญ่จอดอยู่หน้าบ้าน มันรู้สึกอิจฉาแบบแปลกๆ
รอเขามาตั้งหลายวันต้องดีใจอยู่แล้วที่เขามา แต่ก็มีความอิจฉาเจือปนอยู่ด้วย
ชีวิตที่เป็นอิสระ รู้จักโลกกว้างใหญ่นี่มันเป็นอย่างไรนะ...
ตอนที่เดินเข้าบ้านมาแล้วเห็นเขากำลังคุยอยู่กับลุงและป้าก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้หันมาทักทาย ไม่ได้หันมามอง แต่กลับไปรับไหว้และทักทายจิโระ ทั้งบอกว่ามีตุ๊กตาแมวตัวใหญ่มาฝาก
น้องชายเงยหน้ามองพี่ชายเพื่อขออนุญาต พอพี่ชายพยักหน้าก็เดินเข้าไปรับตุ๊กตา
“ทานข้าวมาหรือยังครับ” ฉันท์ถาม
“ยัง” ธามันตอบสั้นๆ ไม่ได้หันมามองหน้าเหมือนเดิม
ฉันท์กดความรู้สึกน้อยใจ เดินเข้าครัวไปอุ่นต้มยำไก่ แล้วทำผัดพริกหยวกใส่ตับหมูเพิ่มมาอีกอย่าง จิโระอุ้มตุ๊กตาแมวเดินมาหาพี่ชาย บอกว่าอยากกินข้าวด้วย ทั้งที่เพิ่งกินไปพร้อมลุงกับป้าก่อนที่จะออกไปบ้านอา
“ตลอด ๆ” กวางทำปากยื่นแซวเด็ก
จิโระหันไปทำเสียงเลียนแบบทันที “ตอด ตอด”
“ไม่ใช่ ตะ-หลอด”
“ไม่ไจ้ ตะ-หลอด”
กวางส่ายหน้า “ตะ-หลอด”
จิโระส่ายหน้าด้วย “ตะ-หลอด”
ฉันท์แบ่งตับหมูมาทอดให้น้องชายใส่ถ้วยข้าวเล็ก ๆ พร้อมด้วยแครอทหั่นชิ้นแยกใส่ถ้วยอีกใบ จากนั้นจึงทำผัดพริกหยวกให้ธามัน
แต่ตอนที่ตักผัดพริกใส่จาน ธามันก็ลุกมานั่งรออยู่ที่โต๊ะในครัวแล้ว
“กินอะไรครับ” ยังคงให้ความสนใจพูดคุยกับน้องชายอยู่เหมือนเดิม
“ตับ มู ทอด ฮับ”
“แล้วของพี่ล่ะ”
จิโระชี้ไปจานผัดพริก “มู เผ็ด”
“ผัดพริกหยวกกับตับหมูครับ” ฉันท์บอกน้อง
“ผัด พิก ยวก กาบ ตาบ มู”
กวางขมวดคิ้ว “เพิ่งรู้ว่าภาษาไทยมันยากก็ตอนที่สอนจิโระนี่แหละ”
“กวังไม่เก่ง”
“อะระ”
“โอนี กวัง พูด ไม่ จั๊ด”
“ตัวเองแหละพูดไม่ชัด แต่เวลาฟ้องเนี่ยเก่งนัก”
“จิโระเก่ง”
“กวางเก่ง จิโระไม่เก่ง”
กวางทำปากยื่นเถียงกับจิโระ แต่พอฉันท์วางถ้วยต้มยำแล้วหันไปตักข้าวให้ธามัน การโต้เถียงก็เลยหยุดลงเพราะกวางไปรินน้ำเย็นให้ทั้งธามันและจิโระ
จิโระรอจนธามันจับช้อนส้อมก็จับช้อนของตนเอง “ขอบคุณโอนี จะทานให้อะ-หร่อย นะ-ฮับ” จากนั้นก็กินข้าวไปพร้อมกับธามัน
ลุงกับป้ากินข้าวแล้วด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ยังลุกตามมานั่งคุยที่โต๊ะกินข้าวด้วย
“ธามปีนี้อายุเท่าไหร่นะ” ป้าถามขึ้น
“27 ครับ”
...
งั้นน้าก็อายุ 27 เหมือนกัน พี่ฉันท์ 22 หนูอายุ 16 จิโระ 3 ขวบ  แต่ทำไมบางทีหนูว่าจิโระฉลาดกว่าน้าเสียอีกนะ
...
“ตอนนั้นที่กลับมาเรียนจบปริญญาตรีแล้วสินะ”
“จบแล้วครับ ผมฝึกงานอยู่กับบริษัทอสังหาฯ ทางนั้นแล้วถูกเรียกกลับมา แต่ผมขอกลับไปฝึกงานต่อแล้วก็เรียนต่อจนจบอีก 2 ใบ”
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแรงฮึดอยากเอาชนะก็คงทำไม่ได้
ฉันท์ที่ฟังเขาคุยกันรับรู้ว่าช่วงที่หายไป ธามันกำลังเรียนหนักอยู่จริง ๆ
ป้าพยักหน้า “พอจบก็ทำงานที่นี่ต่อเลย”
“ครับ”
“ป้าคิดว่าลูกคนรวยนี่จะเรียนไปเที่ยวไปเสียอีก”
ธามันยิ้ม “ที่จริงแล้วทั้งพ่อ ทั้งผมเป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
เป็นคำพูดถ่อมตนที่ทำให้เกิดเสียงหัวเราะแบบไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ธามันกล่าวย้ำว่าเป็นความจริง
“เอาเถอะ” ป้าพูดกลั้วหัวเราะ “อย่างนั้นก็ทำงานเต็มที่ไม่ต้องห่วงเรื่องที่บ้าน พวกเราจะดูแล รักษาให้เป็นอย่างดี”
“ขอบคุณครับ” ธามันบอกกับป้าแล้วหันไปหาจิโระ “อร่อยไหม”
จิโระพยักหน้า ตักข้าวคำเล็กป้อนธามัน
“ร่อย มะ”
“อร่อยครับ”
ทั้งธามันและจิโระเป็นคนที่กินข้าวเกลี้ยงจานและไม่ขอเติมข้าวเหมือนกันทั้งคู่ พอกินอิ่มก็พากันไปเดินเล่นที่หน้าบ้าน แล้วกลับเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ปกติจิโระจะติดเจ้าฉันท์มาก ไปไหนไปด้วย พอมาเจอธามกลับไปกับเขาได้” ป้าตั้งข้อสังเกต
“ติดพี่ธามหรือติดตุ๊กตาตัวใหม่ ป้าดูดี ๆ เหอะ” กวางเถียง
“เรานี่มัน” ป้าส่ายหน้าให้กับความเห็นของกวาง
ฉันท์หันไปมองกล่องของเล่นที่คุณน้าที่ญี่ปุ่นส่งมาให้ กับยังมีหนังสือและสมุดภาพภาษาญี่ปุ่น ก็เห็นว่าจิโระมักจะเทออกมานั่งเล่นอยู่ทุกวัน ตอนไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน ก็ไม่เห็นว่าจะเคยชี้บอกว่าอยากได้ตุ๊กตานุ่มนิ่มขนฟูแบบนั้น
ที่ติดธามันคงไม่ใช่เพราะตุ๊กตา ไม่ใช่ของขวัญที่เขาให้ แต่อาจเพราะเคยเห็นธามันจากภาพที่พี่ชายดูอยู่บ่อย ๆ
เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ธามันก็ไปเอาแฟ้มงานจากในรถมานั่งทำงานต่อที่โต๊ะ ลุงกับป้าดูโทรทัศน์อีกครู่หนึ่งจึงขอไปเข้านอน จิโระก็ขอให้ฉันท์พาขึ้นนอนบ้าง ทำให้เหลือแต่กวางที่อยู่กับธามัน

ในห้องนอนที่นอนด้วยกัน 3 คนเจ้าตัวเล็กนอนหนุนแขนพี่ชายที่อ่านหนังสือนิทานเล่มใหญ่ให้ฟัง
จิโระมองดูรูปในนิทานแล้วชี้ถามภาษาไทย
"โชโช ผีเสื้อ"
"ผี เจื้อ" จิโระออกเสียงตามช้า ๆ
ประตูห้องนอนเปิดออก คนที่เห็นว่านั่งทำงานอยู่เมื่อครู่เข้ามานอนอีกด้านของจิโระ ฉันท์ขยับหนังสือให้ดูด้วยกัน
เป็นนิทานที่ต้องอ่านช้ากว่าปกติหลายเท่า เพราะคนฟังตัวเล็กไม่ถนัดภาษาไทย แต่ก็ตั้งใจฟังและถามไปเรื่อย แถมพออ่านไปแล้วย่อหน้าหนึ่ง คนฟังยังขอให้อ่านให้ฟังอีกรอบ ฉันท์ก็ตามใจอ่านให้ฟังอีกรอบ จนกระทั่งจิโระขยับตัวซุกหน้ากับอกพี่แล้วหลับไป ฉันท์ก็ขยับตัวช้า ๆ เปลี่ยนหมอนข้างใบเล็กให้กอด ห่มผ้าให้น้องแล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองพี่ที่ขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองมาเหมือนกัน
มีเรื่องที่อยากถาม อยากคุยมากมาย
แต่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องราวในอดีตไม่ได้.....
"พี่...ผม ขอโทษ"
"ออกไปคุยข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวน้องตื่น" ธามันบอก แล้วลุกออกมารอที่หน้าห้อง
ฉันท์เดินตามไปยืนอยู่ข้างหน้าของพี่
"ขอโทษพี่เรื่องอะไร"
“เรื่องที่ทำให้พี่ไม่ตอบเมลผม และทำให้เราห่างกัน”
“ทั้งหมดเพราะเราห่างกัน และพี่ไม่เคยโทษชิรายูกิ”
ฉันท์เงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียกชื่อที่เคยบอกพี่ไปเมื่อนานมาแล้ว
“เพราะฉะนั้นไม่ต้องขอโทษเข้าใจไหม”
“แต่ว่า...” ฉันท์ลังเลที่จะพูดต่อ
2 มือใหญ่ประคองใบหน้าเล็ก ๆ ของฉันท์
“ในช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เวลาเปลี่ยนไป เราก็เปลี่ยนไป เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีเรื่องให้ต้องคิดและรับผิดชอบมากขึ้น”
ฉันท์จับข้อมือพี่ไว้ “พี่มีคนที่คบอยู่หรือฮะ”
“ไม่มี”
“ผมก็ไม่มี” ฉันท์รีบบอก พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มกว้าง คนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของตนเองก็เก้อเขิน “ขอโทษที่ผมพูดเร็วไป มันเป็นเพราะผมกลับมาคิดถึงเรื่องที่พี่เคยบอกกับผม ผมก็รู้สึกว่า ผมทำไม่ดีกับพี่ไว้เยอะเหมือนกัน แล้วพี่คงเจอใครที่โน่น พี่จึงเลิกกับผม”
“พี่ไม่เคยพิมพ์เมล หรือพูดคำนั้นนะ”
“ก็...”
“พี่จะถือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนที่พี่ไม่ได้อยู่ดูแลชิรายูกิ เป็นประสบการณ์ที่เราต่างก็ต้องเรียนรู้ แต่ตอนนี้พี่มาอยู่ที่นี่แล้ว พี่ให้ชิรายูกิเป็นคนตัดสินใจ ว่าเราจะคบกัน หรือเราจะเป็นแค่คนที่อยู่บ้านเดียวกัน”
ฉันท์หันไปมองทางประตูห้องนอนที่จิโระกำลังหลับสบาย
“ผมมีเรื่องที่อยากบอกกับพี่เยอะมาก”
“อย่างนั้นก็ลงไปข้างล่างเถอะ”
ฉันท์เดินตามพี่ลงไปข้างล่างด้วยความร้อนใจ และร้อนตัว เพราะมีความรู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าพี่รู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีมานี้จากฐาติ ที่เห็นว่ามาดูแลห้องพักของพี่อยู่นานหลายปี
ตอนที่ฐาติมาบอกคืนห้อง ฉันท์คิดว่าอาจเป็นเพราะธามันจะไม่กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว หรือไม่ก็แต่งงาน แต่เมื่อได้รู้ว่าธนวัฒน์กับธามันเป็นพี่น้องกัน ฉันท์ก็นึกขึ้นได้ว่าฐาติมาบอกคืนห้องหลังจากที่ธนวัฒน์มาหาได้ไม่นานนัก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันท์รู้ใจตัวเอง เหมือนกับที่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับตนเอง แต่ไม่เคยสนใจ
เว้นก็แต่พี่เพียงคนเดียวที่ทำได้แค่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
เพราะในใจมีแต่คำว่า ไม่อยากให้พี่เป็นอีกคนที่คิดเหมือนคนอื่น
...
ก็อย่างที่บอกว่าบ้านหลังนี้มันเล็ก จะคุยกันที่หน้าห้องนอน หรือลงมาคุยกันข้างล่างกวางก็ได้ยินอยู่ดี
ยกเว้นแต่ออกมานั่งคุยกันที่แคร่ไม้ใต้ต้นคูณที่ปลูกคู่กันอยู่ข้างบ้าน ต่อให้เกาะขอบหน้าต่างแอบฟังยังไงก็ไม่ได้ยิน
แย่จริง...
...
ในมุมของธามัน ช่วงเวลาที่ห่างกันไปมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จะบอกว่าไม่ได้ติดใจกับเรื่องราวเหล่านั้นมันก็ไม่ถูก โดยเฉพาะการที่ต้องรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น และเห็นภาพของคนที่แวะเวียนมาหาน้อง ที่ฐาติส่งมาให้ดูด้วยเจตนาชัดเจนว่าต้องการตอกย้ำเพื่อให้ตัดใจ และไปเริ่มต้นใหม่กับคนอื่นให้ได้เสียที
แต่ทำไม่ได้
เจ็บมาก แต่ก็ยังเป็นห่วงมาก
จะกี่คนที่เข้ามาทำความรู้จัก แต่เมื่อกลับมาอยู่ตามลำพังในที่พักก็ยังมีแต่คำถามว่าชิรายูกิสบายดีไหม มีความสุขจริงหรือ ยิ่งเมื่อกลับมาได้รับรู้เรื่องมากขึ้นก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อที่จะไม่มาหา
ลำพังเหตุผลที่ฐาติย้ำอยู่ทุกวันว่าคุณทีมกับน้องคบหากันอยู่ก็มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ต้องตัดใจ
แต่ทำไม่ได้
แม้ในตอนที่เข้ามาทำความรู้จักครั้งแรกจะมีเจตนาเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาในครอบครัว เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ทั้งที่น้องก็แสดงออกและพูดอย่างชัดเจนว่ายังไม่พร้อม
แต่ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากที่สุด คือรอยยิ้มเย็นที่ไม่เหมือนใคร
เวลา 2 เดือนทำให้เราสามารถรักใครคนหนึ่งจนหมดใจได้จริงหรือ
รักถึงขนาดที่วางเขาเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต เปลี่ยนแปลงตนเอง และวางแผนทุกอย่างเพื่อให้ถึงวันที่มีความพร้อมมากกว่านี้
คำว่าพร้อมของธามันไม่ได้เป็นแค่คำพูดเลื่อนลอย
เพราะการที่มีนามสกุลก้องเกียรติมนตรี และเติบโตอยู่ในบริษัทก้องเกียรติกิจการ การจับมือผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาในครอบครัว จะต้องถูกต่อต้านอย่างรุนแรงแน่นอน
แต่จะให้คบกันแบบหลบซ่อน รู้กันอยู่ 2 คนนั่นก็ไม่ใช่ธามัน
พี่น้องทุกคนก็รู้เรื่องที่ธามันได้ทั้งชายและหญิง ทั้งเชื่อว่า สุดท้ายธามันก็ต้องแต่งงานและมีครอบครัว เหมือนกับการที่คนรุ่นปู่และพ่อจะมีหลายบ้าน แต่สุดท้ายเขาก็จะเลือกเพียงหนึ่ง
ธามันรู้จักพวกเขาดีว่า หากเลือกคนที่พวกเขาไม่ต้องการ คน ๆ นั้นจะมีจุดจบอย่างไร
ดังนั้นหนทางเดียวที่จะได้อยู่ด้วยกันก็คือต้องเป็นคนที่มีความสามารถในระดับที่สามารถนำไปใช้ต่อรองกับครอบครัวได้
ปัญหาต่อมาก็คือ ธามันเชื่อฐาติ และเชื่อว่า ธนวัฒน์ชอบน้องจริง ๆ ถึงได้ปกปิดความรู้สึกและหลบซ่อนคนสำคัญที่สุดไว้แบบนั้น
...ก็เพื่อให้รอดพ้นจากอิทธิพลของครอบครัว
เพราะธนวัฒน์คือคนที่รู้ดีที่สุดว่าครอบครัวจะจัดการคนที่พวกเขาไม่ต้องการอย่างไร
...แล้วความรู้สึกของน้องเป็นอย่างไร...
ถึงจะบอกกับฐาติว่าใจของน้องเป็นของตนเอง แต่ในมุมหนึ่งของหัวใจก็ยังมีความกังวล
คุณทีมเป็นคนช่างเอาใจ น้องอาจยกใจให้เขาไปแล้ว
ดังนั้น ธามันจึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการพบเจอ
แต่ตอนที่ได้พบกันในครั้งแรกธามันก็เริ่มไม่ค่อยสนใจเรื่องที่บอกกับตนเอง ไม่ค่อยฟังคำเตือนของฐาติ และไม่กังวลเรื่องท่าทีของธนวัฒน์สักเท่าไหร่ ยิ่งไม่สนใจด้วยว่าพ่อกับแม่จะมีความเห็นเกี่ยวกับความรักของตนเองแบบไหน
เมื่อใกล้จะกลับไปเป็นธามันคนเดิม ก็ต้องเตือนตนเองว่าให้ช้าลง

ไม่สนใจใครเลยก็ได้ แต่ต้องสนใจความรู้สึกของน้องให้มากกว่าเดิม 
ถ้าน้องตอบว่าคบหากับคุณทีมอยู่ พร้อมที่จะแย่งชิงคืนมาหรือไม่

ฉันท์ใช้ผ้าผืนเก่าปัดฝุ่นที่แคร่ไม้ก่อนบอกให้ธามันนั่ง 
“ตอนที่เจอคุณฐาติที่วัดนี่คือพี่กลับมาแล้วใช่ไหมฮะ”
ธามันพยักหน้า
เขากลับมาเมืองไทยหลังจากที่ธนวัฒน์เข้าทำงานที่บริษัทได้ 1 เดือน พอกลับมาก็เจอกับศึกภายในบริษัทและในบ้านที่เข้ามาหาพร้อม ๆกัน จนถึงวันที่ฐาติโทรมาบอกว่ามีเจ้าหนี้ไปหาฉันท์ที่วัด ก็ต้องถามตนเองเป็นครั้งที่ร้อย ว่าพร้อมที่จะแย่งน้องมาจากพี่ชายต่างมารดาแล้วหรือยัง สามารถปกป้องเขาจากคนในครอบครัวของตนเองได้ไหม...
ธามันในเวลานั้นปากพูดว่ามั่นใจ แต่ในใจไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด
“ผมรบกวนคุณฐาติหลายอย่างเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก เขาได้ค่าจ้าง”
“เขามาดูห้องให้พี่ตลอด ทำให้ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งพี่จะกลับมา แล้วเราก็น่าจะได้คุยกัน พอมาวันหนึ่งป้าบอกว่า เขามาคืนห้อง ผมก็คิดว่าพี่คงไม่กลับมาแล้ว หรือไม่ก็แต่งงาน”
ธามันส่ายหน้า “พี่อยากมาหาตั้งแต่ตอนที่กลับมา แต่ติดที่เรื่องคุณทีม ก็เลยคิดว่าพี่ควรจัดการเรื่องของตัวเองก่อน ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ ตอนที่ฐาติมาหาชิรายูกิที่วัดตอนนั้นพี่ก็มาด้วย” แต่เพราะยังไม่แน่ใจในหลายเรื่อง “ก็ได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ จนมาถึงตอนที่เจรจาซื้อขายที่ดินก็คิดว่า ชิรายูกิไม่น่าจะเป็นอย่างที่ได้ยินมา”
ไม่น่าจะเป็นแฟนกับคุณทีม

วันนั้นฉันท์เพิ่งเจอกับกลุ่มเจ้าหนี้ของพ่อ ถ้าต้องมาเจอสถานการณ์ที่แฟนเก่าเดินเข้าศาลามาไหว้ศพพ่อกับแม่ ขณะที่แฟนใหม่นั่งอยู่ในงาน ซึ่งยังปรากฏว่าทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องกัน คนที่จะยิ่งย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมก็คือฉันท์
ที่จริงตอนที่มาถึงที่วัดธามันกำลังจะลงจากรถมาพร้อมกับฐาติอยู่แล้ว แต่สายของสำนักงานทนายความฐาติบอกว่าเห็นคนงานของบริษัทอยู่ใกล้ ๆ อาจเป็นคนที่ธนวัฒน์สั่งให้มาคอยตามดูฉันท์
“คุณทีมให้คนคอยตามน้องแล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องเจ้าหนี้” ธามันสงสัย
“อาจรู้ แต่คนแบบนั้นเดาใจยาก ว่าคิดอะไรอยู่” ฐาติตอบ “แต่ถ้าเขาให้คนงานเข้ามาช่วยน้อง พวกผู้ใหญ่ก็จะต้องรู้เรื่องที่เขาตามน้อง” คนสวมแว่นเหลียวมองซ้ายขวา “แล้วนี่กูจะเข้าไปยังไงไม่ให้คนของพี่ทีมเห็นกู”
ความเห็นของฐาติมีช่องว่างให้สงสัย
แต่ถ้าจะมองย้อนไปที่เรื่องในอดีตของธนวัฒน์
ธามันก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น!
สถานการณ์ในวันนั้น ฐาติให้สายของสำนักงานหลอกคนของธนวัฒน์ไปอีกทาง จากนั้นจึงได้เข้าไปหาฉันท์ที่ศาลาวัด เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการเรื่องราวต่าง ๆและให้นามบัตรไว้ด้วย
ส่วนธามันจำเป็นต้องกลับไปอยู่ในจุดที่คอยเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ นานหลายเดือน

“วันที่ทำการาจเซลพี่ไม่พูดกับผมเลย ถึงจะพูดกับผมแต่ก็ไม่มองหน้า จนกระทั่งรู้ว่าพี่กับพี่ทีมเป็นพี่น้องกันก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องนี้ที่ทำให้พี่ส่งคุณฐาติมาเป็นคนกลาง แล้วก็มาคิดว่า พี่คงมีครอบครัวแล้วแน่ ๆ ก็คงลำบากใจถ้าจะพบหรือพูดกับผม”
จะบอกได้อย่างไรว่า ตั้งแต่ที่การาจเซลจนมาถึงที่บ้านไม่ได้พูดอะไร ไม่กล้ามองหน้าเขาก็เพราะว่าต้อมอยู่ที่นี่
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้อมเห็นหรือได้ยิน มันจะต้องไปถึงธนวัฒน์ในที่สุด
ดังนั้นการพบกันอีกครั้งอย่างเป็นทางการมันถึงได้ออกมาเป็นความห่างเหินแบบนั้น
แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่า ถึงเวลาที่ควรจะต้องเดินหน้า ธามันก็หยุดคิดมากและสนใจเฉพาะคนที่อยู่ข้างกันในเวลานี้เท่านั้น
“พี่ยังไม่ได้แต่งงาน เพราะพี่ไม่เคยคิดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับใครนอกจากชิรายูกิ”
ฉันท์หันไปมองหน้าคนที่กล่าวประโยคหวานได้โดยที่มีเพียงรอยยิ้มอ่อน
“เอ่อ...หลายปีมานี้พี่ไม่...เอ่อ...พี่ออกจะสมบูรณ์แบบ”
“พี่ก็มีข้อบกพร่องอยู่ไม่ใช่น้อยนะ อย่างเรื่องเอาแต่ใจ แล้วก็มีปัญหาส่วนตัวอยู่มาก”
ฉันท์ไม่ได้คิดว่าธามันเป็นคนเอาแต่ใจ แต่เรื่องปัญหาส่วนตัวยอมรับว่าพอจะมองเห็นมานานแล้ว
“ไปอยู่ทางนั้นคนเดียว พี่ไม่รู้สึกเหงาหรืออยากคบใครเลยหรือฮะ”
“ยอมรับว่าตอนที่...” รู้ว่าฉันท์มีคนอื่น “เราห่างกัน พี่ก็มีนัดอยู่บ้าง แต่ไม่ได้อยากสานต่อ” ไม่น่าจะเรียกว่าการคบหา น่าเรียกว่าแค่คนที่ผ่านมาในคืนหนึ่งแล้วก็แยกย้ายกันไปเท่านั้น “แล้วชิรายูกิล่ะ”
“ผม...ไม่รู้”
ธามันยิ้ม “ตอบเหมือนเดิมเลย” ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปก็ตอบแบบนี้
“มันเหมือนผมกำลังแก้ตัว หรือกำลังปัดให้เรื่องมันผ่านไป แต่เรื่องนี้ผมไม่รู้จริง ๆ ไม่รู้ว่าเขามองเห็นอะไรในตัวผม ถึงมาบอกว่าชอบ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เพราะมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า วันหนึ่งเขาก็ต้องไปอยู่ดี พอบอกไปก็ถูกต่อว่า แล้วสุดท้ายก็เหมือนกันหมด”
“กับพี่ก็คิดแบบนี้เหมือนกันละสิ”
ฉันท์พยักหน้า ยอมรับว่าความผิดหวังและการปิดกั้นตนเองในวันเก่า ๆ กำลังย้อนกลับมาอีกครั้ง “ก็ตอนนั้นผมเพิ่งถูกทิ้งมา แล้วมาเจอพี่แค่ไม่กี่วัน หลังจากนั้นก็มามีเรื่องของพ่อกับแม่อีก ทั้งที่เห็นว่ารักกันดี แต่สุดท้ายก็ต้องจากกัน”
ดวงตาเศร้าก้มลงมองมือของตัวเอง “ตอนที่พ่อกับแม่หย่ากัน ผมก็คิดว่า มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจะมีใครหรือไม่มีใคร แต่ถ้าคนหนึ่งหมดรัก หรือคิดจะไป เพียงแค่หนึ่งในสองคนปล่อยมือ ต่อให้อีกคนหนึ่งพยายามมากมายสักเท่าไหร่ มือที่คลายออกไปแล้ว ก็ไม่สามารถกลับมาทำให้มือของเราอุ่นได้เหมือนเดิมอีกต่อไป”
ธามันจับมือผอมของน้องไว้ทั้งประกบด้วย 2 มือของตนเอง เอาวางไว้ที่หน้าขา น้องนิ่งไปเล็กน้อยเหลือบตามองมือพี่
“อุ่นเหมือนเดิมไหม”
ฉันท์ไม่ตอบ “ผมแค่อยากบอกกับพี่ว่า ผมรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ แต่อาจจะพูดไม่เก่ง หรือแสดงความรู้สึกตัวเองไม่ดีนัก ถ้าพี่จะให้เราเป็นแค่ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกัน ผมก็ยอมรับนะฮะ”
“เรื่องของเมื่อหลายปีก่อนปล่อยให้มันผ่านไป เรามาเริ่มต้นกันใหม่อีกสักครั้งดีไหม”
“แต่ผมทำไม่ดีนะฮะ ทั้งตอนที่พี่อยู่ จนถึงพี่ไป ผม...” ฉันท์ในสายตาของคนอื่นคือคนที่ไม่มั่นคง
“พี่เองก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ ปาร์ตี้ เมา ผู้หญิง ผู้ชาย ชิรายูกิโกรธไหม”
ฉันท์มีสีหน้าคาดไม่ถึง
“หน้าตาแบบนี้แปลว่าอะไร”
“ตกใจ”
“ตกใจมากเลยสินะ”
“ฮะ” ฉันท์ยังอยู่ในอาการงง “คนจบดอกเตอร์เขารู้จักปาร์ตี้ด้วยหรือฮะ”
“ก็...มีบ้าง”
“ว้าววววว ยอดไปเลย” น้ำเสียงชื่นชมสุดๆ จนธามันไม่มั่นใจในตนเอง คิดว่าน้องจะโกรธ หรือน้อยใจ แต่กลับชื่นชมเสียนี่
“ชิรายูกิ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ”
ฉันท์พยักหน้า “รู้สึกสิฮะ พี่นี่ยอดเยี่ยมสุดๆไปเลย” 
“ไม่หึง ไม่โกรธพี่บ้างเลยหรือ”
ฉันท์ส่ายหน้า “ไม่หรอกฮะ พี่ไม่รู้ตัวหรือ ว่าพี่น่ะสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แล้วพี่ก็ต้องสร้างเครือข่ายสังคมของพี่ ถ้าพี่จะคบใครผมว่าก็เหมาะสมแล้ว ผมถึงคิดว่าพี่คงจะอยู่อเมริกา หรือไม่ก็แต่งงาน”
แต่ทำไมพี่ไม่ค่อยโอเคกับการที่ชิรายูกิคบกับคนอื่นนะ
“แต่ถึงผมจะยอมรับอย่างนั้น ผมก็คิดอยู่ตลอดว่า หากพี่กลับมาแล้วพี่ไม่ได้มีใครอยู่ก็น่าจะดี แต่พอคิดอย่างนี้ทีไร ผมก็จะเถียงตัวเองทุกทีว่าเป็นไปไม่ได้ คนสมบูรณ์พร้อมเขาต้องไม่อยู่คนเดียวแน่ ๆ” สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เลิกคิด พี่คือคนที่จากไปแล้ว
“พี่ไม่ได้สมบูรณ์พร้อม ดังนั้นพี่จึงอยู่คนเดียว”
ฉันท์มีความสงสัย “ทั้งที่นั่งอยู่กับเพื่อนทั้งกลุ่ม หรือกินข้าวอยู่กับคนที่เพิ่งบอกว่าชอบเรา แต่ก็ยังรู้สึกว่าเหงาอยู่ดี”
ธามันยอมรับ
ฉันท์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เล่าเรื่องในอีกส่วนหนึ่งที่เชื่อว่าฐาติจะไม่ได้เล่าให้พี่ฟัง
“หลังจากที่พี่กลับไปได้ไม่กี่วัน เพื่อนผมคนหนึ่งแวะมากินข้าวที่บ้าน ลุงดุผมว่า อย่ามีใครเพราะความเหงา เพราะไม่ได้ส่งผลดีต่อใครเลย ผมบอกกับลุงว่าเขาเป็นเพื่อนจริง ๆ ต่อมาก็มีคนมาบอกว่าชอบ ผมก็เออ คบก็ได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ ข้างในใจมันเงียบมาก เวลาที่ลุงกับป้าถาม ผมก็บอกว่าเพื่อน แต่ละคนคุยกันได้ไม่นานเขาก็ไป” แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็มักจะถามตนเองอยู่เสมอว่า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความเหงา หรือเพราะปฏิเสธไม่เป็น หรือเพราะไม่มีหัวใจกันแน่
“ชิรายูกิ”
“ฮะ” น้องกระพริบตาหันมามอง หลังจากที่พูดในเรื่องที่ค้างคาจนหมด ชิรายูกิก็เริ่มกลับไปอยู่ในความคิดของตนเองอีกครั้ง
ธามันลูบแผ่นหลังบาง
เข้าใจ และรักในตัวตนของเขา ไม่ใช่บังคับให้เขาเป็นคนแบบที่เราต้องการ
ปัญหาของฉันท์คือการที่เขาไม่พูด ไม่ชี้แจงในเวลาที่ถูกเข้าใจผิด แสดงออกว่าเขาไม่สนใจ ทั้งที่ในใจมีแต่ความกังวล
“เรามาจากสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน พบเจออะไรมามากมาย โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ แล้วก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากมายในวันพรุ่งนี้และวันต่อ ๆไป พี่ไม่ได้ขอให้ชิรายูกิลืมเรื่องที่ผ่านมา แต่ถ้าชิรายูกิพร้อม ก็ขอให้พี่เป็น 1 ในคนที่เลือกได้ไหม”
ฉันท์คลี่ยิ้มกว้าง “ขอบคุณที่พี่กลับมา และเราได้คุยกัน แต่ว่าเวลาที่พี่พูดว่าจะเป็นทางเลือกน่ะ ผมว่ามันไม่ค่อยเข้ากับปัจจุบันสักเท่าไหร่”
ธามันเลิกคิ้วสูง ดวงตาที่สะท้อนแสงไฟ ส่องประกาย
ฉันท์ชี้ไปรอบ ๆ “ทั้งหมดนี้ ที่พี่ให้มา ผมต่างหากคือคนที่ต้องขอให้พี่รับผมไว้พิจารณา”
ประกายในดวงตาหายไปธามันหัวเราะแต่ไม่มีเสียง
เมื่อถึงวันที่ชิรายูกิรู้ความจริง ก็จะรู้เช่นกันว่าสิ่งที่พี่บอกไปนั้นถูกต้องแล้ว
    “โอนี...”
เสียงของจิโระเรียกหาพี่ชายจากในบ้าน ทำให้ฉันท์ลุกขึ้นแล้วหันไปมองหาในทันที เห็นกวางกำลังอุ้มจิโระอยู่ตรงหน้าต่าง
“โอนี”
“จิโระตื่น ร้องหาพี่ฉันท์น่ะครับ” กวางบอกท่าทางเกรงใจเพราะเห็นว่าพี่กำลังคุยกันอยูุ่่
ฉันท์รีบวิ่งกลับเข้าบ้านไปหาจิโระ แต่ไม่ลืมที่จะหันมาเรียก “พี่กลับเข้าบ้านกัน”
ธามันเดินตามมา
เรายังมีเวลาคุยกันอีกมาก
พอเข้ามาในบ้าน จิโระก็กางแขนให้พี่ชายอุ้มทันที 
“โอนี”
ธามันก้มลงหาคนที่งัวเงียอยู่ที่ไหล่ของพี่ชาย “ขอโทษนะจิโระ ที่พี่คุยกับโอนีของจิโระคุงนานไปหน่อย”
จิโระพลิกหน้าหนีไปอีกทาง
“อ้าวโดนงอนเสียแล้ว”
ฉันท์หันมาหาธามัน ยังไม่ทันจะบอกขอโทษ ชายหนุ่มก็รีบบอกขึ้นก่อน
“พาน้องไปนอนก่อนเถอะ พี่ทำงานอีกครู่ก็จะขึ้นนอนแล้วเหมือนกัน”
ธามันเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คทำงานอยู่อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็บอกกวางที่กำลังดูโทรทัศน์ว่าให้ปิดบ้าน
บ้านหลังแค่นี้เดินปิดประตู หน้าต่าง ดึงปลั๊กไฟ ไม่ถึง 2 นาทีก็เสร็จแล้ว กวางเดินมายืนรอธามันที่กำลังเก็บคอมพิวเตอร์และเอกสารใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินตามหลังขึ้นบ้าน

กวางรู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นครูแม่บ้านดูแลหอพัก
...แต่กวางไม่เคยเป็นครู และไม่เคยดูแลหอพัก...
แต่คนที่เมื่อครู่เห็นอยู่ว่าเดินเข้านอนใหญ่ของตัวเองไปแล้ว กลับเข้ามาที่ห้องนอนเล็ก ฉันท์ขยับตัวขึ้นนั่งหันมามอง แต่ธามันกลับมาพยักหน้าให้กวางย้ายที่นอน
ห๊ะ อะไรนะ!
บนเตียงคือจิโระที่นอนติดฝาผนังห้องด้านหนึ่งกับฉันท์ กวางนอนหน้าเตียงฝั่งฉันท์ แต่ธามันชี้ว่าจะนอนตรงนี้ แล้วให้กวางย้ายไปนอนปลายเตียง
กวางตกใจนิดหน่อย แต่ก็รีบทำตามคำสั่งทันที แต่ฉันท์ขยับจะค้าน ธามันก็ใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากพยักหน้าไปทางจิโระที่กำลังนอนหลับสบาย แล้วเดินเข้ามาปูที่นอนหน้าเตียง วางหมอนวางผ้าห่ม แล้วเดินกลับมาปิดไฟ
มองเห็นดวงตาของคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ธามันมานอนห้องนี้ แต่ธามันเดินเข้ามากดไหล่ให้นอนลง ทั้งห่มผ้าให้ จากนั้นก็ถึงได้นอนลงที่พื้น
....
น้าจะคิดว่ายังไงก็เรื่องของน้าเหอะ แต่ในความเห็นของหนูนะ พี่ธามน่ะทุ่มสุดตัวสุดหัวใจเพื่อพี่ฉันท์แน่นอน
พี่ฉันท์เขาก็ชอบพี่ธามอยู่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นหนูถึงชอบแบบนี้ หนูชอบเวลาที่พี่ฉันท์มีความสุข ชอบเวลาที่เขายิ้ม ชอบมากที่สุด
...
ฐาติเดินเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของ ‘ก้องเกียรติกิจการ’ ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 ตรงเข้าไปที่ห้องทำงานเล็กๆ ของธามัน โดยที่ไม่มีความจำเป็นต้องเคาะประตูห้อง
“เกือบเที่ยงสวัสดิ์ครับเจ้านาย”
ธามันเงยหน้าขึ้นมามอง “วันนี้ศาลเลิกเร็วนะ”
“คดีเช้าตกลงกันได้เร็ว เลยมีเวลาเข้ามารายงานผล”
“โทรมารายงานก็ได้” ธามันเซ็นชื่อลงท้ายจดหมายในแฟ้มหนา แล้วเลื่อนอีกแฟ้มเข้ามา ตรวจรายงานด้วยการอ่านทุกตัวอักษรเหมือนเคย
“โทรมาก็ไม่เห็นหน้ากัน ไม่เป็นการรบกวนกัน”
ธามันหัวเราะ “งั้นรอลงไปกินมื้อเที่ยง จะได้เป็นการรบกวนกันแบบเต็มรูปแบบดีไหม”
“ดีครับ”
ฐาติที่เป็นทนายความไม่เคยรู้สึกคุ้นเคยกับการรอคอยดร.ธามันอ่านเอกสารอย่างละเอียดทุกตัวอักษรก่อนเซ็นชื่อเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าจะบอกลูกความอยู่บ่อย ๆ ว่าต้องอ่านเอกสารก่อนลงลายมือชื่ออยู่เสมอก็ตาม
แต่ละเอียดขนาดนี้มันก็เกินไปนะเจ้านาย

(มีต่อครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2019 21:10:51 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #128 เมื่อ23-02-2019 17:32:42 »

(ต่อครับ)

กองเอกสารบนโต๊ะของธามันจะแยกออกเป็น 2 กองคือฉบับที่ผ่านแล้วกับกองที่ต้องให้กลับไปแก้ไข ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้ว ก็จะถือเอาออกมาให้หัวหน้ากองเลขาฯ ที่หน้าห้องทำงานไปจัดการต่อ แต่ตอนนี้พนักงานทั้งห้องต่างก็พักกลางวันกันหมดแล้ว บางคนกินข้าวอยู่ในห้องกาแฟที่อยู่ติดกับระเบียง และอีกหลายคนจะลงไปกินที่ร้านอาหารใกล้เคียง
งานบริหารงานทั่วไปแบบที่ทำอยู่ หลายหน่วยงานและบริษัทจะเรียกว่างานธุรการ ซึ่งที่นี่ก็มีส่วนที่เรียกว่าธุรการและขึ้นตรงกับธามันเหมือนกัน แต่งานที่แท้จริงของเขาครอบคลุมไปไกลกว่านั้น
ในตอนที่เดินออกมาที่หน้าลิฟท์ด้วยกัน ฐาติพยักหน้าไปทางห้องทำงานใหญ่ ก่อนแสดงความเห็น
“กูว่าบรรดาคนทำงานกองเลขาฯ ทั้งหมดคงไม่ชอบมึงสักเท่าไหร่ เพราะมึงเป๊ะมาก แต่เพราะคนแบบมึงทำให้พวกผู้ใหญ่สบายใจ ส่วนคนที่ต้องถือหนังสือที่ผ่านมือมึงออกไปติดต่อราชการ หรือบริษัทอื่นเขาจะรักมึงมาก” ฐาติหันกลับมาทางญาติผู้น้อง “กูรู้ว่ามึงไม่ได้ชอบงานตรงนี้ แต่ขอแสดงความเห็นสักนิด ว่ามึงเหมาะกับงานนี้ เข้าใจไหม”
ธามันหัวเราะ ขณะที่กดลิฟท์
ลิฟท์ทางฝั่งขวามือเลื่อนขึ้นมาหยุดแล้วเปิดออก ธนาเดินนำออกมาก่อน ตามมาด้วยธนวัฒน์และเลขาฯ ส่วนตัวที่ถือกระเป๋าเอกสารตามออกมา
ธนาเป็นฝ่ายที่ทักขึ้น “เพิ่งจะลงไปกินข้าวกันหรือ”
“ครับ” ธามันตอบ 
ขณะที่ฐาติกดลิฟท์ค้างไว้แล้วถามโดยมารยาท ว่าทานมื้อเที่ยงแล้วหรือยัง ธนาก็ตอบว่าทานเข้ามาแล้ว จากนั้นก็เดินนำกลับไปที่ห้องทำงาน
ก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดลงฐาติหันไปนินทากับธามัน แบบที่เจตนาให้ธนวัฒน์และเลขาฯ ได้ยิน
“แบบนี้ดีแล้วหรือ”
“ดีแล้ว เหมาะกับเขาดี”
ธนวัฒน์หันมามองประตูลิฟท์ที่ปิดลง
ถึงจะเป็นคำถามและคำตอบที่ไม่มีประธานในประโยค แต่ก็เดาได้ว่าหมายถึงใคร และคำตอบของธามันก็ทำให้ธนวัฒน์รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
ชายหนุ่มยักไหล่แล้วเดินตามบิดากลับไปที่ห้องทำงาน

ร้านอาหารใกล้ที่ทำงานช่วงเที่ยงช่างเป็นอะไรที่เกินคำบรรยาย ไม่ว่าจะร้านไหนก็เต็มทั้งนั้น
“มึงมีประชุมบ่ายหรือเปล่า” ฐาติหันมาถาม แต่ชี้ไปที่ร้านกาแฟ “กินกาแฟดีกว่า กูต้องการคาเฟอีนเข้มข้น”
“กูต้องประชุมบ่ายสองกับทีมออกแบบ”
“งานน้องมึงหรือไง” น้องมึงที่ฐาติพูดถึงย่อมหมายถึงฉันท์ทัตอยู่แล้ว
“เปล่าของพี่ทวีน่ะ” ทวีเป็นลูกชายคนเล็กในกลุ่มลูกชายบ้านใหญ่ผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของบริษัท
ธามันเดินตามฐาติเข้าไปในร้าน สั่งกาแฟกับเบอร์เกอร์และสลัด จ่ายเงินแล้วยืนรออาหาร จากนั้นก็เลือกที่นั่งด้านในเพื่อคุยกัน
“มึงดูแลเอกสารให้พี่ทวีด้วยหรือ”
“กูดูของพี่ทั้ง 3 คนนั่นแหละ” ก่อนนี้ดูงานทั้งในส่วนของธนัชที่เป็นบิดาของฐาติ และธนาบิดาของตนเอง แต่ตอนนี้ขยายเข้าไปถึงงานของกลุ่มบ้านใหญ่แล้ว
“สรุปคือตอนนี้ไม่มีเอกสารสำคัญของทีมไหนในก้องเกียรติกิจการที่รอดพ้นสายตา ดร.ธามัน”
ที่ฐาติพูดมาย่อมเกินเลยความจริงไปหลายเท่าตัว แต่เมื่อคู่หูเล่นใหญ่ ธามันก็เล่นตาม
“อืม”
ฐาติหัวเราะเสียงแปลกขณะที่กัดเบอร์เกอร์แซลมอนคำใหญ่
“ทำไม”
ญาติผู้พี่เคี้ยวอย่างละเอียดก่อนกลืน “ก่อนที่มึงจะมา งานที่มึงทำอยู่ลุงใหญ่ใช้คนทำงาน 5 คนแต่ตอนนี้มึงคุมคนเดียว”
“5 คนนั้นยังอยู่ กองเลขาฯ เขาก็ส่งเรื่องมาตามขั้นตอน”
ขั้นตอนอะไรเล่า ก็เห็นอยู่ว่ากองเลขาฯ ส่งงานเอกสารทั้งหมดเข้าห้องดร.ธามันแทนที่จะส่งให้ทั้ง 5 คนเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะเป็นคำสั่งที่บรรดาพี่ ๆ บ้านใหญ่เขาสั่งการมาเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นคนนี้
ฐาติหัวเราะในลำคอจากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง จนธามันต้องชี้หน้า
“ก็ได้ ไม่หัวเราะแล้ว เพราะกูเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณพี่ทีมตามติดพ่อมึงเป็นขี้ปลาทอง แล้วมึงถึงบอกว่าเขาเหมาะสม เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นได้แค่ขี้ปลาทอง ขณะที่มึงคือหมาป่าที่กำลังสร้างฝูงใหม่นี่เอง”
ธามันส่ายหน้าให้กับคำเปรียบเทียบนี้ “ฝูงใหม่ภายใต้อัลฟ่าเหนืออัลฟ่าแบบลุงธนดล แถมอัลฟ่าพวกนั้นก็ยังมีจำนวนอีกเป็นสิบ กูจะเป็นอะไรได้นอกจากเบต้า”
“อย่ามาถ่อมตัว กูรู้ว่ามึงแกล้งทำเป็นเบต้าให้ฝูงของลุงใหญ่” หมายถึงธนดล เฉพาะกลุ่มนี้ก็เหนื่อยแล้ว แล้วยังมี “ฝูงของพ่อกูกับพี่ฐวรา มาจนถึงฝูงของพ่อมึงเอง คิดตามทฤษฎีกูเอง ภายใน 1 ปีทุกคนจะรู้ว่า ที่แท้มึงคืออัลฟ่า” คนสวมแว่นทำเสียงจุ๊ๆ “เรื่องนี้ไม่ใช่โชค แต่คือฝีมือล้วนๆ นะครับ”
ภายใน 1 ปีงั้นหรือ หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้นก่อน...
ธามันโบกมือ “ตกลงมึงมาเฝ้ากูแต่ก่อนเที่ยงเพื่อจะมาอวยกันเนี่ยนะ”
“อวยเป็นงานรอง” ยิ่งอยากรู้ก็ยิ่งอยากแกล้ง “งานหลักคือจะมาบอกว่าน้องมึงเคลียร์หนี้จบแล้ว”
ตั้งแต่เจอกันที่ห้องทำงานจนมาถึงการอวยกันซึ่งหน้าไปหลายประโยค ธามันยกยิ้มก็จริง แต่หว่างคิ้วและดวงตาก็ยังมีความกังวลให้เห็นอยู่โดยตลอด จนเมื่อพูดถึงหนุ่มตาโศกคนนั้นปลดหนี้ทั้งหมด ถึงได้เห็นประกายของความยินดีปรากฏขึ้น
“ตั้งแต่ตอนที่คุยกับเจ้าหนี้ กูให้ไอ้ปราบกับไอ้เขตไปกับน้องมึงตลอด จนถึงตอนไปใช้หนี้ เขาก็จัดการหมดเรียบร้อย จะหนี้ธนาคาร หนี้บ่อน หนี้นอก หมดจดสมกับเป็นคุณหนูลูกครึ่งญี่ปุ่น”
“เกี่ยวอะไรกับลูกครึ่งญี่ปุ่น” เมื่อถามไปธามันก็นึกขึ้นมาได้ว่า ฉันท์มีนิสัยเกรงใจคนอื่นเหมือนกับแม่ของเขา
“ก็ความเคร่งครัดจนกลายเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีความสุขแบบนั้นไง” ฐาติส่ายหน้า “พวกเจ้าหนี้รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ถึงได้ให้พ่อเขากู้แบบไม่มีลิมิตแบบนั้น”
เวลาที่คุยกันแล้วฐาติพยายามจะชี้ข้อด้อยของน้องอยู่ตลอดแบบนี้มันทำให้รู้สึกอึดอัดใจ
เพราะธามันไม่เคยคิดว่านั่นเป็นข้อด้อย 
“น้องฝากมาขอบคุณมึงด้วยที่ช่วยเขาไว้หลายอย่าง”
ฐาติปัดมือ “แล้วมึงบอกเขาหรือเปล่า ว่ากูไม่ได้ช่วยฟรี”
“บอก”
“สัด” ฐาติพูดเสียงดัง “นาน ๆ ทีจะมีคนขอบคุณกู มึงก็ช่วยอวยกูสักนิดไม่ได้”
“กูไม่ต้องอวยมึง เขาก็พูดขอบคุณอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ลูกน้องมึงไม่ได้บอกหรือไง”
“บอก แต่เวลาที่พวกมันบอกมา มันคนละอารมณ์กับเวลาที่มึงบอกนี่ พวกมันบอกก็งั้น ๆ แหละ แต่เวลาที่มึงบอก มันเหมือนกับว่า เขาแสดงความขอบคุณกูด้วยความสำนึกในบุญคุณอย่างท่วมท้น”
ธามันทำหน้าตาพิกล “กูว่า กูก็พูดธรรมดานะ”
“เพราะมึงพูดเหมือนไม่ค่อยชอบ เหมือนจะหึงหน่อย ๆ เวลาที่เขาขอบใจกูไง กูก็เลยคิดว่า เขาต้องซาบซึ้งใจมากแน่ ๆ” ฐาติอารมณ์ดีมากเวลาไล่ต้อนธามัน
พอเห็นว่าฐาติพูดถึงน้องดีขึ้น ธามันก็ผ่อนคลายลง
“เล่าต่อได้หรือยัง”
“ได้” ฐาติเล่าต่อ “ไอ้ปราบมันเล่าความซื่อของเด็กมึงให้ฟังด้วย เขาถามกับเจ้าหนี้ว่า ทราบไหมว่าพ่อของเขายังติดเงินใครอีกเขาจะได้ไปใช้หนี้ให้พ่อ หรือไม่ก็รบกวนตรวจสอบอีกครั้งด้วยนะครับว่าคิดดอกเบี้ยครบแล้ว เขาใช้หนี้หมดแล้วจริง ๆ” หนุ่มสวมแว่นหัวเราะเหนื่อย ๆ ตรงข้ามกับธามันที่ดูภูมิใจอย่างออกนอกหน้า “ฝากไปสอนเขาหน่อยเหอะ ว่าอย่าได้เที่ยวไปพูดอย่างนี้กับมิจฉาชีพ จะโดนหลอกจนหมดตัว ไอ้ที่ขายที่ไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ”
“แต่ก็ไม่ได้ถูกฉวยโอกาสไม่ใช่หรือ”
“ก็เพราะเด็กกูขึงหน้าขู่อยู่ตลอดน่ะสิ” ฐาติลดเสียงลงเมื่อจะพูดต่อไป “มิน่าเขาถึงได้ไม่เคยระแวงเรื่องคุณทีมกับต้อมเลย”
ธามันตั้งข้อสังเกต “เพราะ 2 คนนั่นก็พยายามปิดด้วย”
“จะปิดยังไง ก็คนใกล้ตัว ถ้าใส่ใจ ยังไงก็ต้องเห็น”
“แต่เพราะเขาไม่ใส่ใจ”
ฐาติที่กำลังจะเถียงรู้ว่าประโยคนี้ของธามันถูกต้อง ถ้าพูดต่อตนเองจะเสียเปรียบก็เลยเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วมึงคิดจะบอกเรื่องเพื่อนของเขาไหม”
“ไม่หรอก ตราบใดที่ไม่ได้เอาเรื่องเสียหายมาให้”
มันก็จริง “แล้วตกลงที่ดินแปลงใน มึงจะปลูกบ้านอยู่เองจริงหรือ แล้วเอาแบบให้น้องดูหรือยัง”
“ยังเลย เมื่อวานกลับไปก็ดึกแล้ว จิโระเข้านอนแล้ว ถ้าตื่นขึ้นมาเขาจะร้องหาพี่ชาย”
ฐาติยก 2 มือขึ้นเตรียมพร้อมเก็บข้อมูลความเปลี่ยนแปลงอีกก้าวของดร.ธามันเต็มที่
“ขอคำอธิบายด้วยครับ”
“ปกติลุงกับป้า แล้วก็จิโระจะเข้านอนประมาณ 3 ทุ่ม แต่จิโระติดพี่มากถ้าชิ...น้องไม่ได้นอนด้วยเขาก็จะงอแงตื่นขึ้นมาเรียกหา”
“หมายความว่าพี่ชายของจิโระเขา...” สีหน้าท่าทางอยากรู้มาก
“เหี้ย คิดไปไกลแล้ว” ธามันขำให้กับความพยายามจับผิดทุกคำพูด “เวลากูกลับบ้าน เขาเป็นเจ้าของบ้านก็จะมาดูแล ถูกไหม เขาจะอุ่นกับข้าวให้”
“เขาทำเองตลอด ไม่ยอมให้เด็กกวางทำ หรือเด็กกวางไม่ยอมทำ”
“แล้วเด็กกวางบอกกับมึงว่าไง” ธามันสวนทันที สีหน้าตอนเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่งมันช่างรบกวนความสามารถในการคิด วิเคราะห์ของคู่สนทนาเป็นอย่างมาก
“มันฟ้องว่ามึงไปแย่งที่นอนของมันน่ะสิ”
“แล้วมึงจะมาตั้งคำถามให้เขาเสียหายเพื่ออะไรวะ”
“มันก็...แบบ รายละเอียดไง มันขาดรายละเอียดไปเยอะ กูประมวลผลไม่ถูก” แก้ตัวกันน้ำขุ่นมาก
ธามันส่ายหน้า จิ้มมะเขือเทศและอกไก่ในจานสลัด
“ลงทุนลงแรงไปขนาดนี้ได้แค่นอนหน้าเตียง เชื่อเขาเลยดร.ธามัน”
“ใจเย็นหน่อย ทั้งกู ทั้งเขาไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว แล้วกูก็ไม่ต้องเร่งรีบไปไหน มีเวลาอีกมากที่จะทำให้เขาเชื่อใจ”
ฐาติทำหน้าตาเหม็นเบื่อ “มึงพูดอย่างกับเขาเป็นเทวดา” แต่พอเห็นสีหน้าเรียบตึงของคู่สนทนาก็รีบแก้ไข “โอเค กูพูดผิด แค่อยากบอกว่า มึงพูดเหมือนเขาอยู่สูงกว่ามึงมากแล้วเขามีตัวเลือกเยอะแยะ แต่เอาจริง ๆ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีใครนอกจากมึง”
ธามันรวบช้อนส้อม “มึงคือคนที่บอกกับกูเองว่า เขามีคนนั้นคนนี้เข้ามาคุยอยู่ตลอด”
“แล้วมึงไม่มีหรือไง” ฐาติเถียง
“กูไม่ได้มีบุคลิกเป็นมิตรกับผู้อื่นมึงก็เห็นอยู่ ทั้งไม่ใช่สายเปย์ ไม่ชอบเอาใจใคร จะมีใครทนได้”
ฐาติพยักหน้า ธามันไม่เปย์ แต่ทุ่มหมดหน้าตักทั้งไประดมทุนมาจากแม่ จากพี่ ๆ บ้านใหญ่ ไม่ชอบเอาใจใครแต่ยอมนอนหน้าเตียงอยู่ทุกคืน
มีหนุ่มตาโศกคนนั้นเพียงคนดียวที่ธามันทำถึงขนาดนี้
รอยยิ้มและความเป็นมิตรของธามันเลือนหายไปตามวันเวลาที่ผ่านไป จนมีเพียงเวลาที่อยู่กับฉันท์เท่านั้นที่ธามันคนเดิมจะกลับมา
“เขารู้ตัวไหม ว่ามีแต่เขาคนเดียวที่มึงทุ่มเทให้ขนาดนี้”
ธามันส่ายหน้า “มันไม่ใช่เรื่องที่ควรบอก”
ข้อนี้ฐาติเห็นด้วย “ไม่ควรบอก เพราะดูเป็นการหวังผลอย่างชัดเจน เสี่ยงจะถูกเข้าใจผิดในภายหลัง”
ธามันชี้หน้า เพื่อยอมรับว่าที่ฐาติพูดมานั้นถูกต้องแล้ว
“คนนี้จริง ๆ หรือวะ”
“โหยมึง จนถึงขนาดนี้จะมาถามเพื่อ?”
“ก็เพราะขนาดนี้ไง ไปเจอคนมาค่อนโลก แต่กลับมาหาคนที่เจอกัน 2 เดือนเมื่อ 4 ปีก่อน แถมยังอาจทำให้คนที่สนับสนุนมึงตอนนี้หันหลังให้ง่าย ๆ ด้วย” ฐาติเช็ดปาก ยกแก้วกาแฟ แล้วตบท้ายด้วยน้ำเย็น “ที่บ้านมึงไม่ยอมรับเขาอยู่แล้ว”
เรื่องไม่ยอมรับนี่คุยกันมาเป็นร้อยรอบ มาจนถึงวันนี้ฐาติไม่ได้คิดให้ธามันเปลี่ยนใจ เพราะธามันกำลังพยายามทำทุกทางให้ที่บ้านไม่ต่อต้านน้องรุนแรงมากนัก
ธามันลุกออกมาก่อน ระหว่างที่เดินกลับมาด้วยกัน ก็ให้คำยืนยันกับฐาติว่าไม่ได้หลงลืมเรื่องความแค้นของฐาติและบรรดาพี่น้อง
“แต่ทุกอย่างมันต้องคิดให้ดี จะเอาแต่อารมณ์ไม่ได้ เพราะมันจะมีผลต่อการทำงานของบริษัท ต้องให้มันชัดเจนว่าเขาพ้นออกไปจากที่นี่ด้วยเหตุเฉพาะตัวจริงๆ”
ฐาติกลับกังวลแทนธามัน “กูก็ไม่ได้คิดเร่งอะไรมึงหรอกนะ แต่เพราะว่าพ่อมึงไว้ใจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ”
“กูรู้” ธามันกอดไหล่ญาติผู้พี่เดินกลับไปที่สำนักงานทนายความของพี่รัฐฐา ที่ตั้งอยู่ใกล้กัน “มึงเองก็เป็นทนายรู้ดีว่าขอบเขตมันอยู่ที่ไหน มึงไม่ลืม กูเองก็ไม่เคยลืม”
เมื่อเข้ามาในสำนักงาน บรรดาพนักงานที่ยังอยู่ในห้องครัวด้านหลังชะโงกหน้ามามอง พอเห็นว่าเป็นธามันกับฐาติก็ยกมือไหว้แล้วกลับเข้าไปในครัวเหมือนเดิม
“เด็กกวางคนนั้นเป็นเด็กดี”
ฐาติหัวเราะ “แสบชิบหาย”
“พื้นฐานเขาเป็นเด็กดี แต่เพราะเขาโตมากับสังคมแบบนั้น มันก็ต้องมีความแสบในการเอาตัวรอด แต่เพราะมาเจอมึง เจอน้องเขาถึงได้ดี”
ข้อนี้ฐาติก็พอจะรู้อยู่ สภาพแวดล้อมของกวางที่สลัมหลังตลาด คือยาเสพติด การพนัน และการวิวาท “มีอะไรหรือไงถึงพูดถึงเด็กกวาง”
“เขาไม่เด็กแล้วนะ ม.ปลายแล้ว”
“แล้ว...”
ธามันหันมามองยิ้มๆ “มึงเชื่อเรื่องที่เขาว่า ถ้าคนนี้เป็นของมึง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะเป็นของมึงเสมอไหม”
หนุ่มแว่นหัวเราะเหมือนกำลังเอาลมกระแทกหน้าอกตัวเอง
ไม่รู้ว่าแกล้งทำเป็นไม่สนใจ หรือไม่สนใจจริง ๆ แต่ธามันหันออกไปมองคนที่กำลังเดินสวนกันที่ด้านหน้าสำนักงานทนายความ
“ต่อให้พบเจอคนมากมายสักแค่ไหนถ้าเขาไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ถ้าเขาเป็นคนที่ใช่ต่อให้อยู่กันคนละซีกโลกก็จะมาพบเจอกันอยู่ดี”
ฐาติกลอกตามองบน “เขาอยู่ของเขาเฉย ๆ มึงคือคนที่ไปมาครึ่งโลกแล้วเจตนาเข้าไปหาเขา ไม่ได้บังเอิญสักหน่อย”
“นั่นสินะ ทำไมต้องทุรนทุรายอยากเจอเขานัก” ดวงตาคมหันมามองฐาติ “เวลาที่คิดถึงเขาก็ทำให้ยิ้มได้ และทั้งที่กำลังอารมณ์ไม่ดี แต่พอเขาโทรมาก็อารมณ์ดี”
   หนุ่มแว่นชี้หน้า ถึงที่พูดมาเหมือนจะพูดถึงฉันท์ แต่เพราะไอ้ดวงตาคม ๆ ที่มองมาเหมือนรู้ทันนั่นแหละที่ทำให้รู้ตัว ว่า 2 ประโยคสุดท้ายกำลังหมายถึงใคร
ไอ้หมอนี่แหละตัวร้าย!

...จบตอนที่ 8...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2019 21:18:50 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #129 เมื่อ23-02-2019 18:52:49 »

 :pig4: คิดถึง​มาก​มาย​

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
« ตอบ #129 เมื่อ: 23-02-2019 18:52:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #130 เมื่อ23-02-2019 19:34:18 »

เป็นงัยล่ะ ฐาติ


โดนพี่ธามต้อน


จนมุมล่ะซิ


เสี้ยมเรื่องน้องฉันท์


กับพี่ธามจนเขาแทบเลิกกัน


ดีที่พี่ธามไม่ไขว่เขวเหลาะแหละ


รักน้องฉันท์มั่นคง


เราไม่ยกลูกกวางคนเก๋าให้ง่ายๆหรอก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #131 เมื่อ23-02-2019 20:04:14 »

แนะๆ ใครคนนั้นของฐาติ

ผิดนิดนึง

สถานการณ์ในวันนั้น ฐาติให้สายของสำนักงานหลอกคนของฐาติ ธนวัฒน์ ไปอีกทาง จากนั้นจึงได้เข้าไปหาฉันท์ที่ศาลาวัด เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการเรื่องราวต่าง ๆและให้นามบัตรไว้ด้วย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #132 เมื่อ23-02-2019 23:48:22 »

รู้ทันกันมากเด้อสองพี่น้อง  o13

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #133 เมื่อ24-02-2019 00:24:25 »

คู่พี่ก็พูดน้อยทั้งคู่ ส่วนคู่น้าก็พูดมากทั้งคู่

ออฟไลน์ KOWPOON

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #134 เมื่อ24-02-2019 08:29:19 »

ธามันคือมือชงอันดับหนึ่ง 

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #135 เมื่อ24-02-2019 19:23:15 »

 :pig4:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #136 เมื่อ24-02-2019 23:03:26 »

สวัสดีคุณไจฟ์น้องทีค่า
เราห่างหายจากเล้าไปซะนานเลย
ช่วงนี้เด็กๆสอบกันละ ค่อยมีเวลาได้เข้ามาหน่อย

ตามอ่านจนครบ 8 ตอนรวดเดียวเลย
ชอบความมั่นคงและมุ่งมั่นของพี่ธามมากๆๆ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #137 เมื่อ26-02-2019 20:20:47 »

ฐาติเหมือนโดนเอาคืนหลายดอกแล้วไหม
ไปแหย่คนน้องเองเนาะ ช่วยไม่ได้
ทำไมธามแอบร้าย 5555

ธามเอ็นดูและรักฉันท์มาก แต่ไม่อยากกระตุกต่อมคนอื่น
ชอบความมั่นคงนี้จังเลย พยายามเพื่อน้องมากด้วย

ฉันท์น่ารักเนาะ สนใจเฉพาะเรื่อง และให้ความสำคัญกับพี่เสมอ
แต่อะไรคือไปถามเจ้าหนี้ว่ามีเงินค้างอีกไหม กลัวจ่ายไม่หมด เอ็นดู

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #138 เมื่อ27-02-2019 09:56:42 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #139 เมื่อ04-03-2019 11:17:50 »


 :laugh:  :laugh:  :laugh: ฐาติมีคนเอาคืนแล้วววววววววว  :katai3:  :katai3:  :katai3:



ว่าแต่เอ็นดูจิโระจัง  :กอด1:


รอตอนต่อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
« ตอบ #139 เมื่อ: 04-03-2019 11:17:50 »





ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #140 เมื่อ04-03-2019 12:16:49 »

โอนนี่ กับ จิโร๊ะ



มาหรือยัง



คิดถึงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #141 เมื่อ05-03-2019 05:06:49 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #142 เมื่อ07-03-2019 19:36:07 »

คิดถึงจิโระะะะะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #143 เมื่อ07-03-2019 19:51:01 »

 :katai5: รออยู่นะจ้ะ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #144 เมื่อ09-03-2019 18:40:25 »

ตอนที่ 9

เช้าวันเสาร์ ธนวัฒน์นัดฉันท์ทัตออกมาพบกันที่สวนสาธารณะที่อยู่เยื้องกับปากซอยบ้านของฉันท์ ตอนที่มาถึงก็เห็นว่าพาจิโระมาขี่รถจักรยานรออยู่ก่อนแล้ว
“มานานแล้วหรือ” ธนวัฒน์ทักทายพร้อมรับไหว้ฉันท์และจิโระ
“เพิ่งมาถึงครับ”
จิโระรินกาแฟร้อนจากกระติกน้ำส่งให้กับธนวัฒน์จากนั้นก็ส่งกล่องแซนด์วิชให้
“ขอบใจมากนะ”   
“อื้ม ฮับ”
“พี่มีงานยุ่งตลอดเลยไม่ได้มาหา น้องฉันท์กับจิโระเป็นอย่างไรบ้าง”
ฉันท์มองธนวัฒน์ด้วยความสงสัย เพราะถึงจะไม่ได้มาหา แต่ก็โทรมาหาทุกวันอย่างสม่ำเสมอ และก็มักถามเรื่องเดิม ๆ จนทำให้รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องรบกวนในใจ ดังนั้นเมื่อนัดให้ออกมาหาฉันท์จึงรับนัด และพาน้องออกมารอด้วยกัน
“พวกเราสบายดี พี่ทีมมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”
ธนวัฒน์ยอมรับ “ก็คนทำงานน่ะ ก็เลยมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ต้องคิดอยู่ตลอด”
“พี่ชอบงานที่ทำอยู่ไหมครับ”
“ชอบสิ”
แต่เพราะธนวัฒน์ตอบมาแค่ 2 คำฉันท์ที่ป้อนคำถามไป 2 ข้อติดกันก็ยิ่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายมีเรื่องไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อเพราะเกรงว่าจะเสียมารยาท เห็นนักวิ่งที่วิ่งออกกำลังกายผ่านหน้าไปก็เลยช่วยเปลี่ยนเรื่อง
“พี่เคยมาออกกำลังกายที่นี่ไหมครับ”
“ไม่เคยเลย”
ฉันท์มองธนวัฒน์แล้วหันไปมองจิโระที่กำลังวนรถจักรยานกลับมาหา
“พี่ทีมครับ มีอะไรหรือเปล่า”
ธนวัฒน์ยกมือขึ้นเพื่อที่จะแตะไหล่ของฉันท์ แต่กลับลดมือลงมาวางไว้ที่หน้าขาของตนเองเหมือนเดิม
“น้องฉันท์ยังมีแผนจะเปิดร้านอยู่หรือเปล่า”
ฉันท์พยักหน้า “ครับ คิดว่าจะเปิดร้านข้าวต้มกระดูกหมูกัน”
ธนวัฒน์ไม่สามารถนึกภาพของฉันท์ทัตที่สวมผ้ากันเปื้อน ทำข้าวต้มกระดูกหมูแล้วรับเงินจากลูกค้า
“ที่ไหน”
“ตึกแถวหน้าตลาดน่ะครับ ขายเช้ามืดกับช่วงหัวค่ำ จะได้มีเวลาพาลุงไปหาหมอแล้วก็ดูแลจิโระด้วย”
“คุยกับ...ธามหรือยัง”
ฉันท์ส่ายหน้า
“ทำไมล่ะ”
“พี่ธามเขามีงานยุ่งตลอด แล้วเขาก็ไม่ได้ถามอะไรนี่ครับ”
“แสดงว่าถ้าถามก็จะบอก”
“ครับ พี่ ๆ มีเรื่องให้ต้องคิด มีงานให้ต้องรับผิดชอบมากอยู่แล้ว ถ้าผมบอกไปโดยที่ไม่ได้ถูกถามก่อน ก็ดูจะเป็นการรบกวนมากเกินไป”
ฟังผิวเผินเหมือนฉันท์วางพี่ ๆ ทั้ง 2 คนไว้ตำแหน่งที่เท่ากัน แต่ธนวัฒน์รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่เท่ากัน
“ธามมีงานยุ่งมากเลยหรือ”
“ครับ กลับบ้านดึกทุกวัน แล้วก็ยังเอางานกลับมาทำที่บ้านเสมอด้วย วันนี้ก็ยังต้องไปพบกับลูกค้า” ฉันท์แตะนิ้วที่คางของตนเอง “ไม่แน่ใจว่าเป็นลูกค้า หรือใคร บอกแต่ว่าจะออกไปคุยงานน่ะครับ”
“เขาทุ่มเทให้กับคอนโดฯ นี้มาก”
ฉันท์ไม่แน่ใจ “คงจะเป็นอย่างนั้น”
“ธามไม่ได้เล่าอะไรเลยหรือ”
เป็นอีกครั้งที่ฉันท์ส่ายหน้า “พี่เขากลับมาดึก ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันนักหรอกครับ”
ธามันมาอยู่ที่บ้านหลังนี้หลายวันแล้ว แต่กลับไม่ค่อยได้คุยกับฉันท์งั้นหรือ
ฟังดูไม่ค่อยเหมือนธามันที่เป็นคนใจร้อนและอวดดีคนนั้นสักเท่าไหร่
“แล้วจะเริ่มทุบอพาร์ทเม้นเมื่อไหร่ เห็นย้ายออกหมดแล้วนี่”
“เห็นช่างคนที่มาซ่อมบ้านบอกว่าประมาณอาทิตย์หน้าครับ ทุบแล้วยังต้องปรับพื้นที่อีกหลายเดือน ระหว่างนี้เขาต้องหาที่กว้าง ๆ ทำที่พักคนงานให้ได้ก่อน”
“อันนี้คุยกับช่างคนที่มาซ่อมบ้านหรือ”
“ครับ”
ฉันท์มองคนที่มีสีหน้าครุ่นคิด
“เป็นห่วงพี่ธามหรือครับ”
คำถามนี้ทำให้ธนวัฒน์ยิ้มได้เป็นครั้งแรก “ธามเก่งและมีผู้ช่วยที่ดีจนไม่ต้องให้พี่มาคอยเป็นห่วงเขาหรอกน้องฉันท์”
ฉันท์ทำเหมือนจะแสดงความเห็นคัดค้านแต่ก็ไม่แน่ใจ
หลังจากที่รู้จักกันมาได้ระยะหนึ่ง ธนวัฒน์ก็เริ่มคุ้นเคยกับท่าทางแบบนี้
“กำลังจะพูดว่าอะไร”
“กำลังจะพูดว่า พี่น้องกันถ้าเป็นห่วงแล้วพูดออกไปว่าเป็นห่วง หรือให้กำลังใจกัน ก็น่าจะดีกว่าเก็บเงียบไม่ใช่หรือครับ”
“พี่กับธามไม่ได้...เป็นพี่น้องที่สนิทกันขนาดนั้น”
“อ่า...” ฉันท์ทำเสียงแปลกๆ “ขอโทษนะครับ ที่เสียมารยาทแสดงความเห็นไปโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้โกรธอะไรหรอก ธามเข้ากับพี่น้องทุกคนได้ดี ยกเว้นพี่นี่แหละ มันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ที่มีผลมาถึงเรา” เมื่อหันไปมองดวงตาของอีกฝ่ายก็รู้ได้ว่าธามันไม่ได้เล่าอะไร แต่ธนวัฒน์ก็ไม่คิดที่จะเล่าเรื่องนี้เหมือนกัน
“ได้เจอพวกทีมงานกับผู้ช่วยของธามบ้างหรือเปล่า”
“เจอแต่นายช่างคนที่มาซ่อมบ้านน่ะครับ” แล้วคุณฐาตินี่นับเป็นทีมงานของพี่ธามด้วยหรือเปล่านะ
“เขาไม่ได้นัดมาคุยงานกันที่บ้านหรือ”
ฉันท์ส่ายหน้า ไม่อยากพูดซ้ำประโยคเดิมเป็นครั้งที่ 3
“ธามทำโครงการนี้โดยที่พวกผู้บริหารมาจนถึงพ่อไม่ได้รู้อะไรเลย รู้อีกทีคือเขาซื้อที่ดินไปแล้ว”
ฉันท์เถียงในใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ใหญ่จะไม่รู้
“ตอนที่มารู้ทีหลังว่าเขาซื้อดินแปลงในด้วย พ่อถึงกับต้องเดินมาถามเขาถึงห้องทำงาน ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทำไมเอาที่ดินแปลงเล็กมาทำโครงการ แต่เอาแปลงใหญ่ไว้อยู่เอง”
ฉันท์ยังคงทำหน้าที่รับฟังอย่างตั้งใจ
“เรื่องงานในบริษัทนั่นช่างเถอะ ในฐานะที่พี่เป็นพี่ชายก็มีหน้าที่คอยจัดการเรื่องที่เขาทิ้งไว้อยู่แล้ว พี่แค่อยากบอกให้น้องฉันท์รู้ว่าธามเป็นคนที่เอาแต่ใจ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจใคร ไม่อยากอยู่บ้านก็ย้ายออกมา แทนที่จะไปฝึกงานกับบริษัทครอบครัวก็กลับไม่ทำ ดื้อรั้นจะไปฝึกงานบริษัทของรุ่นพี่ พออยากทำโครงการก็ไปขอเงินแม่เขามาทำ ไม่สนเลยว่าพ่อจะเดือดร้อน พี่เองก็ต้องคอยชี้แจงกับกรรมการคนอื่นอยู่ตลอด แล้วนี่น้องฉันท์ต้องมาอยู่บ้านเดียวกับคนเอาแต่ใจแบบนี้ มันเท่ากับเป็นการเพิ่มปัญหาเข้ามาอีก” ธนวัฒน์ส่ายหน้า “ไม่พูดแล้วดีกว่า จะยิ่งทำให้ไม่สบายใจมากกว่าเดิม แต่ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับธามก็ปรึกษาพี่ได้นะ”
หนุ่มตัวผอมรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พี่น้องคู่นี้ไม่ได้ราบรื่น
“ส่วนเรื่องที่น้องฉันท์มีแผนที่จะค้าขาย เราก็ไปคุยกับเจ้าของตึก จะเซ้งหรือเช่าก็ทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราว จะได้ปรับปรุงซ่อมแซม”
“ผม...ซื้อห้องแถวนั้นไว้แล้วครับ”
ธนวัฒน์มีท่าทีประหลาดใจ เพราะคนที่ให้คอยตามฉันท์ไม่เคยรายงานว่าฉันท์ไปดูห้องแถวที่ไหน
“แต่ยังไม่ได้ซ่อมหรือปรับปรุงร้านเลยครับ”
ร้านนั้นคนเช่าเดิมหมดสัญญาไปเป็นปี สภาพโดยทั่วไปก็เลยทั้งสกปรกและทรุดโทรม หลังจากที่ธามันโอนเงินงวดแรกมาให้ ฉันท์ก็ไปซื้อห้องแถวนี้ไว้ ตั้งใจว่าใช้หนี้หมดค่อยมาปรับปรุงซ่อมแซม และซื้อของเข้าร้าน แต่ปรากฏว่าธามันมาคุยกับลุงและป้าเรื่องที่จะย้ายเข้ามา ฉันท์ก็เลยพักความตั้งใจนี้ไว้ก่อน
“แต่เขาไม่รู้เรื่องตึกแถวใช่ไหม”
“ผมไม่แน่ใจว่าเขารู้เรื่องซื้อตึกแถวหรือเปล่า แต่ผมไม่เคยคุยเรื่องที่ผมอยากทำร้านข้าวต้ม มันดูเป็นความฝันที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรสักเท่าไหร่”
ธนวัฒน์ลูบศีรษะเล็ก ๆ “ความฝันมันไม่มีมวล ไม่มีน้ำหนัก วัดขนาดไม่ได้และเท่าที่พี่รู้ ทุกคนที่มีความฝันแล้วเดินไปตามความฝันมักเป็นคนที่มีความโดดเด่นออกมาจากคนที่ไม่มีความฝันอะไรเลย”
ฉันท์หัวเราะเบา ๆ “ผมกำลังคิดถึงตอนที่ผมยังเป็นนักศึกษาที่เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด”
ธนวัฒน์ยิ้มตามแล้วหันไปถามจิโระ “เหนื่อยหรือยัง”
พอถูกเรียก จิโระถึงเข้ามาดื่มน้ำจากนั้นก็ไปขี่จักรยานต่อ
ฉันท์มีความรู้สึกว่า การที่ธนวัฒน์นัดมาคุยในครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับตัวของฉันท์กับธามัน แต่น้ำหนักของความเป็นกังวลน่าจะเทมาทางฉันท์
และพอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร
ฉันท์กับจิโระกลับมาถึงบ้านตอนใกล้เที่ยงโดยแวะซื้อราดหน้าเข้ามาฝากทุกคนที่บ้าน พอกินอาหารกลางวันเสร็จก็อาบน้ำล้างตัวให้จิโระพาไปนอนกลางวัน
“อยากนอนกลางวันนอกกล่องไหม”
จิโระส่ายหน้า “ฮันซามุซังไป ทาม งัน ท้าง วัน เลวย รือ”
“ก็คงอย่างนั้นแหละ” ฉันท์ตบก้นน้องเบา ๆ เพื่อกล่อมนอน “คิดถึงฮันซามุซังแล้วหรือ”
น้องชายตัวน้อยส่ายหน้า “ไม่ไจ้ เวลาฮันซามุไม่อยู่ โอนี เส้า วันนี้ ตวอน เท่ คุยกับ โคนน้าน ก่อไม่ ก่อ คิด น่ะ คิด ตา หลอด”
ฉันท์หัวเราะน้องชาย “เขาเป็นอาจารย์ เวลาคุยกับเขาเราก็ต้องสุภาพสิ แล้วเราก็ต้องคิดก่อนพูดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
คิ้วบางของจิโระขมวดแน่น ถึงจะเพิ่งรู้จักภาษาไทยได้ไม่กี่เดือน แต่ก็พอจะรู้ว่า สุภาพ กับการคิดเยอะ ระวังทุกคำพูดของพี่ชายน่ะมันไม่เหมือนกัน
“วาน นี่ ฮันซามุซัง กับ ไม๊”
พี่ชายไม่ค่อยอยากให้น้องชายต้องรอ แต่ถ้าพูดแบบนั้นกับเด็กมันก็ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่
“มีอะไรจะบอกกับฮันซามุซังหรือ”
น้องชายยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้ง พลิกตัวหนีไปอีกทาง
“แน่ะ มีเรื่องปิดบังกันเสียแล้ว” ฉันท์หัวเราะอารมณ์ดี
กวางรอจนจิโระหลับไปแล้ว ถึงได้เข้ามาบอกฉันท์ว่าป้าละเมียดเอาชุดของธามันมาส่งให้แล้ว
“แต่ว่า...พี่ฉันท์มาดูก่อนเหอะ”
ฉันท์เดินตามไปดูพบว่ากางเกงผ้าเนื้อดีของธามันตัวหนึ่งมีรอยเส้นสีขาวที่เกิดจากการใช้ไฟแรงเกินไป
กวางมองสีหน้าของฉันท์ที่เริ่มซีดก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่
“ละออเอามาส่งหรือ” ละออคือหลานสาวอีกคนของป้าละเมียดที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่วัน
“ใช่พี่ นางคงเป็นคนรีดตัวนี้ด้วยแหละ ส่วนที่เหลือน่าจะเป็นป้า”
ฉันท์พับกางเกงใส่ถุง บอกกับกวางว่าจะออกไปข้างนอกฝากดูจิโระให้ด้วย จากนั้นก็ขับรถมาที่ห้างสรรพสินค้าตรงไปที่ร้านแบรนด์เดียวกับกางเกงขายาวของธามัน
“ขอสีเดียวกันขนาดเดียวกันเลยนะครับ”
หลังจากที่ได้กางเกงมาแล้วก็ต้องเอาไปซัก แต่ฉันท์ไม่กล้าถือกลับไปให้ป้าละเมียดจัดการให้แล้ว ต้องเลือกร้านที่อยู่ในชั้นใต้ดินของห้างเดียวกัน
ถึงจะเป็นกางเกงแค่ 1 ตัว แต่ก็ต้องเป็นไปตามคิว ฉันท์จึงต้องมารับกางเกงในวันพรุ่งนี้
ชายหนุ่มเก็บใบนัดรับกางเกงใส่กระเป๋าแล้วเดินถือกางเกงตัวเดิมกลับออกมา พอมาถึงบ้านก็เอาแขวนเก็บไว้ในตู้ เสร็จแล้วก็รีบมาทำกับข้าวให้ทุกคนในบ้าน
ตอนที่ธามันกลับมา ฉันท์ก็อยากทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็รอจนกระทั่งธามันกินอาหารเย็นเสร็จแล้วและออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้านอยู่กับจิโระ ถึงได้บอก
“ขอโทษด้วยนะครับ กางเกงที่ส่งไปซักรีดมีตัวหนึ่ง เสียหายจากการใช้ไฟแรง ผมไปซื้อตัวใหม่ยี่ห้อเดิมให้แล้ว แต่ร้านซักรีดนัดให้ไปรับของบ่ายวันพรุ่งนี้ครับ”
“ไปซื้อกางเกงที่ไหนหรือ”
“ที่ห้างใกล้ ๆนี่น่ะครับ”
“อย่างนั้นวันพรุ่งนี้เราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน แล้วไปรับกางเกงดีไหม”
ฉันท์ยิ้มกว้าง “ครับ” จากนั้นก็หันไปถามจิโระ “พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน”
“อื้ม ฮับ”
เดินเล่นต่ออีกครู่หนึ่ง ก็กลับเข้าบ้าน ธามันก็หันมาถามว่ากางเกงตัวไหน ฉันท์ก็เลยเดินนำขึ้นไปบนห้อง แล้วหยิบออกมาให้ดู
ธามันเห็นแล้วหัวเราะ “แค่นี้เอง”
“ไม่ได้นะครับ พี่เป็นผู้บริหารแล้ว จะให้ใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยไม่ได้”
“เรียบร้อยเป็นพิเศษเฉพาะเวลาอยู่กับผู้ใหญ่เท่านั้นแหละ”
“ก็นั่นไงครับ ผมถึงรีบไปซื้อตัวใหม่ ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ พี่คงไม่ต้องไปที่บริษัท”
“ชิรายูกิ” มือใหญ่จับศีรษะเล็ก “ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก”
“ต้องจริงจังสิครับ พี่ทุ่มเทกับการทำงานมากขนาดนี้ จะให้มีความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด”
ธามันโอบกอดคนกังวลไว้
“ทีแรกคิดว่าจะลองเปิดหาในอินเทอร์เน็ตดูว่ามีวิธีแก้ไขไหม แต่กลัวว่าจะยิ่งทำให้แย่ลง ก็เลยลองไปดูที่ร้านก่อนว่ามีไหม”
“มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกพี่อีกไหม”
ฉันท์เงยหน้ามองพี่
“สัญญาก่อนว่าจะฟังให้จบก่อนแล้วค่อยตัดสินผมนะ”
“นั่นขึ้นอยู่กับคำชี้แจง”
ฉันท์จูงมือพี่ไปนั่งข้างกันที่พื้นห้อง แล้วเล่าเรื่องที่พาจิโระออกไปหาธนวัฒน์ที่สวนสาธารณะ
ต่อให้ธามันไม่ได้แสดงสีหน้ามากมายนัก แต่การที่เขาส่ายหน้าครั้งหนึ่ง แล้วไม่ได้พูดค้านอะไรออกมา ก็ทำให้ฉันท์รู้ว่าธามันไม่พอใจ
“ตอนที่ผมพูดขึ้นมาว่า หากเขาเป็นห่วงพี่ เขาก็น่าจะบอกกับพี่เพราะว่าเป็นพี่น้องกัน แล้วเขาบอกว่าพี่ 2 คนไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ผมก็เลยรู้ตัว ว่าอาจทำให้พี่ต้องเดือดร้อน...ขอโทษนะครับ ที่ผมไม่ได้คิดอะไรให้มันรอบคอบ” แถมหลังจากนั้นธนวัฒน์ยังพูดอะไรอีกหลายคำที่ทำให้ฉันท์ต้องปิดปากให้สนิทกว่าเดิม
ธามันรั้งอีกฝ่ายเข้ามาหอมหน้าผาก “ไม่พูดคำว่าขอโทษได้ไหม เพราะพี่ไม่เคยโทษชิรายูกิ”
“แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจ”
“ถ้าเรื่องของพี่ทำให้ชิรายูกิไม่สบายใจ พี่ต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษ”
ฉันท์พยายามจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับธามัน แต่อีกฝ่ายก็กลับหอมที่ขมับอีกครั้ง
“พี่ฮะ เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำให้พี่เครียดเรื่องงานด้วยใช่ไหมฮะ”
“การแข่งขันระหว่างพี่น้องน่ะ”
นี่เป็นเรื่องที่ฉันท์เข้าใจ “ครอบครัวทางฝั่งพ่อผมก็มีปัญหาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ผมก็เลยพอจะเดาได้ว่าการแข่งขันระหว่างพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน มันจะเรื้อรังไปเรื่อย ๆ จากคนรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง” เมื่อธามันเลิกคิ้วสูง ฉันท์ก็ชี้ไปที่สวนหลังบ้าน “หลักฐานก็เห็น ๆ กันอยู่”
ธามันหัวเราะอารมณ์ดี
...นั่นสินะทุกอย่างมันเห็นกันอยู่จนไม่อยากพูดถึง จากนั้นก็พูดเรื่องร้านข้าวต้ม “พรุ่งนี้พาพี่ไปห้องแถวที่ชิรายูกิซื้อไว้ได้ไหม”
ฉันท์ยิ้มกว้าง “ได้ฮะ” ที่จริงจะพาไปตอนนี้เลยก็ยังได้ ร้านอยู่แถวหน้าปากซอยนี่เอง
“ชิรายูกิ”
“ฮะ”
“พี่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่” ฉันท์คงจะหัวเราะถ้าคนพูดไม่ได้กำลังเครียด และประหม่า คนตัวใหญ่ที่เมื่อครู่กลับมาเป็นคนมือไวอีกครั้งจู่ ๆ ก็หายใจเข้าลึก ๆ จนเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดที่ขมับแล้วหยดลงปลายคาง “พี่อยากรู้ว่า พี่เป็น...คนสำคัญของชิรายูกิหรือเปล่า”
ฉันท์พยักหน้า
“อย่างนั้นถ้าจะออกไปข้างนอก ช่วยบอกพี่หน่อยได้ไหม พี่เป็นห่วง”
มือขาวช่วยเช็ดเหงื่อที่หน้าผากพี่ รู้ว่าคำว่าออกไปข้างนอกหมายถึงอะไร “ตอนที่พี่ทีมโทรมามันหลังจากที่พี่เพิ่งออกจากบ้านไปได้ครึ่งชั่วโมง ผมเดาว่าพี่อาจกำลังขับรถ หลังจากนั้นก็ทำงาน ก็เลยไม่อยากรบกวน แล้วผมก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นพี่น้องที่ไม่ได้สนิทกัน ก็คิดเอาเองว่า เดี๋ยวค่อยบอกทีหลังก็ได้ แต่ต่อไปจะบอกทุกครั้งนะฮะ”
ธามันจับมือผอม ๆ ไว้ แต่พอเชยคางสวยขึ้นมาหา ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังนั้น
“ว่าไง” ฉันท์ลุกไปเปิดประตูทันที
กวางเอา 2 มือปิดตา “ป้าละเมียดมา”
“คงมาเรื่องกางเกงพี่น่ะ”
เพราะท่าทางแปลก ๆ ของกวางทำให้ฉันท์รู้สึกเก้อเขิน
“พี่ลงไปด้วย”
ป้าละเมียดมาขอโทษเรื่องกางเกงจริง ๆ และเสนอจะชดใช้ให้ แต่ธามันบอกว่าไม่เป็นไร “ผมได้กางเกงใหม่อีกตัวหนึ่งแล้ว ขอบคุณมากครับ”
เพราะรอยยิ้มพระเอกเต็มขั้นทำให้ป้าถึงกับยิ้มเขินกลับไป
ฉันท์ยิ้มกว้างจนดวงตาเป็นเส้นโค้งหันมาบอกกับธามัน “ป้าหลงรักพี่แล้ว ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นหลานสาวคนไหนก็จะไม่มีทางได้แตะกางเกงของพี่แน่ ๆ” 
เช้าวันอาทิตย์ฉันท์ลงมาเตรียมของใส่บาตรที่หน้าบ้าน เมื่อเข้าบ้านมาเห็นว่าธามันตื่นนอนลงมาแล้ว จึงมาทำข้าวต้ม
“วันนี้ไม่ได้ไปทำงานจะรีบตื่นนอนทำไมละฮะ”
“ไม่ได้รีบหรอก นี่ถือว่าสายมากแล้ว” นาฬิกาที่ฝาผนังบอกเวลา 6.30 น. “ปกติต้องตื่นเช้ากว่านี้นะ”
ฉันท์ยิ้มหวาน
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
ฉันท์รีบปฏิเสธบอกว่าอยากให้รอชิมข้าวต้ม “รอสักครู่นะฮะ”
แต่เพราะจิโระตื่นนอนพอดี แล้วเรียกหาพี่ชายทันที ฉันท์จึงฝากให้ธามันช่วยดูแลน้องให้ก่อน
“งั้นหนูขึ้นไปทำความสะอาดห้องแล้วก็เก็บผ้าปูที่นอนลงมาซักเลยนะ” กวางไม่รอฟังคำตอบจากฉันท์ก็รีบวิ่งนำธามันขึ้นไปหาจิโระก่อนแล้ว
ไม่ถึง 15 นาทีถัดมา จิโระที่สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมกับธามัน ลุง และป้าก็มาพร้อมกันที่โต๊ะกินข้าว
“หอมมาก” ธามันพูดชม
“อร่อยมากด้วย” ป้าบอก
จากน้ำซุปช้อนแรก มาถึงข้าวต้มและซี่โครงอ่อน พี่ยังไม่ยอมแสดงความเห็น ฉันท์ลุ้นจนเผลอกัดเล็บ
ธามันเอื้อมมือไปดึงข้อมือผอมไว้  “อร่อยมาก”
พ่อครัวดีใจมาก “ผมจะขายข้าวต้มซี่โครงอ่อนนะ”
พี่พยักหน้าสนับสนุนยิ่งเมื่อเห็นว่าพ่อครัวดีใจก็ถามต่อ “น้ำซุบคล้ายอาหารญี่ปุ่นหน่อยๆ”
“ผมใส่มิโซะ กับซอสปรุงรสสูตรของโอกาซัง” ฉันท์ยิ้มด้วยความภูมิใจ “พ่อชอบข้าวต้มของโอกาซังมาก ต่อให้กินอาทิตย์ละ 5 วันก็ยังต้องขอเติมทุกครั้ง”
“จิโระ ก่อ เติม” เด็กน้อยอวดถ้วยข้าวต้มที่พร่องไปครึ่งหนึ่ง
กวางที่กำลังมองคนที่กำลังทำตาหวานใส่พ่อครัว รู้สึกว่าถูกขัดจังหวะดูฉากรักหวานสะท้านโลกหันมาทำปากยื่นใส่น้องเล็ก “ถ้วยข้าวต้มเท่าผลส้มยังจะมาอวด”
จิโระหันมามองหน้าพี่ชาย ฉันท์ก็เลยช่วยแปล “มิกัน ส้ม”
“โถ้ย ขาว นี่ ยัย กว่า มิกัน”
ป้าแจ่มจิตโบกมือบอกว่าไม่ต้องไปสนเด็ก 2 คนเถียงกัน แล้วบอกกับธามัน “ฉันท์เคยพูดเรื่องอยากเปิดร้านอาหารกับแม่มาตั้งแต่เด็ก แต่ลุงอ้ายที่เป็นลูกคนโตของปู่เขาน่ะไม่เห็นด้วย ทีนี้เขาเป็นผู้ใหญ่ พอบอกว่าไม่เห็นด้วยคนอื่น ๆ ก็พูดตาม”
ป้าพยายามจะอธิบาย “ธามเข้าใจการสืบมรดกของตระกูลวีนิตาของเจ้าฉันท์ไหม”
ธามันส่ายหน้า ป้าที่ชอบเล่าเรื่อง ก็เลยอธิบายยาว “รุ่นเทียดเขาน่ะมีเมียหลายคนมีลูกหลายคน พอเวลาจะตายก็ยกมรดกให้กับลูกคนแรกของเมียแรก บอกให้เอาไปทำมาหากินเลี้ยงน้อง ๆ หรือจัดสรรให้ คือไอ้สมัยนั้นมันก็ไม่มีทะเบียนสมรส ไม่มีกฎหมายเรื่องสินสมรสอะไรแบบนั้นไง ถ้าพี่เป็นคนดีเขาก็แบ่งกันไป แต่บ้านนี้พี่คนโตกอดไว้จนตาย เขาถือว่าเขาเป็นคนที่ทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมา เอาไปเช่าบ้าง ขายแปลงนี้ ไปซื้ออีก 2 แปลงตรงโน้น แบบนี้ พอมาถึงทวดเขาก็สั่งเสียไว้เหมือนกับบรรพบุรุษ ทีนี้เขาจัดการแบบนี้ 2 รุ่นแล้วไง พอมาถึงปู่ของเจ้าฉันท์ที่เป็นรุ่นที่ 3 ก็มีความรู้สึกว่าทั้งหมดนี้คือของพวกเขา แต่พอป่วยหนักใกล้จะตายถึงได้แบ่ง ก็ยังคงอยู่ในกลุ่มลูกเมียแรก ส่วนฉลองพ่อของเจ้าฉันท์เขาก็ลูกเมียแรกแต่ถูกตามใจแล้วก็เกเรอยู่มาก ที่ทุกแปลงที่ปู่สั่งไว้มันถึงได้ติดเงื่อนไข ว่าถ้าอยากได้เขาจะต้องซื้อจากพี่ชายคนโต”
ลุงวินัยเองก็นับว่าเป็นลูกหลานของตระกูลนี้ และอยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้รับมรดกอะไร เพราะอยู่ในกลุ่มของเมียรอง แต่ด้วยความที่เลี้ยงพ่อของฉันท์มาตั้งแต่เล็กจึงมีความเคารพนับถือกัน เมื่อจะมาทำอพาร์ทเม้นท์ก็ชวนมาทำงานด้วย และวางใจให้ดูแลทุกอย่าง
“ถึงจะซื้อมา แต่สุดท้ายก็ต้องขายไปอยู่ดี” ฉันท์ตอบแบบไม่มีอารมณ์ขัน แล้วเปลี่ยนเรื่องไปถามจิโระว่าจะเติมไหม
จิโระที่ฟังออกเป็นบางคำสรุปจากท่าทีของพี่ชายก็รู้ว่า เรื่องที่ตอนแรกเหมือนจะดี เพราะฮันซะมุซังพูดชมพี่ชาย แต่ตอนสุดท้ายต้องไม่ดีแน่ ๆ เพราะพี่ชายไม่ได้ยิ้ม
“เจ้าฉันท์ เรานี่” ป้าดุเบาๆ
“ลูกผู้ชายน่ะ ต้องทำให้ทรัพย์สินมันงอกเงย ดูแลทุกคนให้มีความสุข”
“ตอนนี้ทุกคนก็มีความสุขนะ” ธามันหันมาถามจิโระ “มีข้าวต้มอร่อย ๆ ในมื้อเช้า ก็มีความสุขที่สุดแล้ว จริงไหม”
“อื้ม ฮับ” จิโระพยักหน้าเห็นด้วยทันที
กวางก็พลอยพยักหน้ายืนยันไปด้วย “หนูก็ได้เรียนต่อด้วย ดีสุด ๆ”
ฉันท์คลี่ยิ้มแล้วหัวเราะขำเบา ๆ

พอถึงตอนสาย จิโระกำลังหลับอยู่ ฉันท์ก็พาธามันไปดูห้องแถวที่ซื้อไว้
ห้องแถวหน้ากว้าง 3 เมตรความสูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ห่างจากปากซอยบ้านแค่ประมาณ 200 เมตร ธามันยืนเท้าเอวมองระยะห่างจากตลาดที่เป็นซอยถัดไปทางฝั่งขวามือ กับฝั่งที่เป็นปากซอยบ้านแล้วต้องผิวปากหวือ
ตรงนี้มันทำเลทองชัดๆ
ฉันท์ชี้บอก “ตลาดกับชุมชนด้านหลังเป็นกงสีของบ้านใหญ่ คุณย่าใหญ่คุมบัญชี แต่ตึกแถวนี้เป็นของพี่เอื้อยครับ”
“พี่เอื้อยเป็นลูกสาวลุงคนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ชิรายูกิจะทำร้านข้าวต้มใช่ไหม”
ฉันท์พยักหน้า ส่งหน้ากากอนามัยให้ธามันแล้วหันไปไขกุญแจเปิดประตูสแตนเลสที่ถูกสนิมกัดกินจนผุกร่อน
“ใช่ฮะ แต่นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว ตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ พอมาถึงตอนนี้ ผมขายอพาร์ทเม้นท์ให้พี่ได้ กลับไปคุยกับพี่เอื้อย เขาก็ขายให้”
ธามันไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เพราะเมื่อเปิดประตูห้องแล้วได้กลิ่นเหม็นอับพุ่งตรงเข้ามาหาทันที แต่ก็เดินตามฉันท์ขึ้นไปดูห้องต่าง ๆ ทั้ง 3 ชั้นแล้วกลับออกมาคุยกันต่อที่ด้านหน้าห้องแถว
“ถ้าจากราคาที่บอกมา แสดงว่าพี่เขาก็สนับสนุนเราอยู่เหมือนกันนะ เพราะถ้าเป็นทำเลแบบนี้ เขาปล่อยเช่าดีกว่าขายขาด แล้วนี่ยังให้ราคาถูกมากด้วย”
“ห้องนี้ไม่มีคนเช่ามานานกว่าหนึ่งปีแล้วครับ เดิมเป็นร้านขายเสื้อผ้ามือ 2 ค้างค่าเช่ามา 2 เดือนแล้วก็เก็บของทิ้งตึกไป ไม่จ่ายค่าเช่า พี่เขาก็เลยไปแจ้งความตามตัวตนเจอ ต่อมาก็ติดป้ายให้เช่า แต่พี่เขาคิดค่าเช่าแพงเดือนละ 2 หมื่น ห้องก็เลยว่างมาตลอด”
ระหว่างที่ฉันท์กำลังปิดประตูห้องแถว คนตัวใหญ่กำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกง มองร้านที่อยู่ติดกันซ้ายขวา ด้านหนึ่งเป็นร้านข้าวมันไก่ ส่วนอีกร้านเป็นร้านทำผมที่เช่าเฉพาะหน้าร้านชั้นล่าง
“ที่พี่เขาขายให้ชิรายูกิในราคาถูก ก็เพราะว่าชิรายูกิจะเอามาลงทุนทำการค้าเขาก็เลยสนับสนุน”
ป้าอาจมองเห็นความไม่ยุติธรรมอยู่ในเบื้องหลังคำสั่งของบรรพบุรุษ เพราะคิดว่าในเมื่อนี่คือสิทธิ์ที่สมควรได้แล้วทำไมยังต้องซื้อ
แต่ธามันมองเห็นเจตนาที่แฝงอยู่ในคำสั่งนั้น
“เขากังวลว่าพ่อของชิรายูกิจะเอาไปขายเสียหมด”
“พี่เอื้อยก็บอกแบบนี้แหละ ตอนที่ผมไปคุยเรื่องห้องนี้ ก็ได้คุยกันเกี่ยวกับการเก็งกำไร เขาบอกว่า ผ่านไปตรงไหนเจอที่แปลงสวย ๆ ก็ซื้อเก็บไว้เก็งกำไร นี่เขายังจ้องอยู่ว่าคอนโดฯพี่เปิดจองเมื่อไหร่ เขาจะมาจองไว้ เดี๋ยวจะให้เช่าต่อ”
“แล้วชิรายูกิจะจองด้วยไหม”
คุยกันอยู่ดี ๆ ฉันท์ก็เกรงใจกันเสียดื้อ ๆ “รอให้ลูกค้าจองทำเลที่ดี ๆ ไปก่อนดีกว่าฮะ”
ธามันหัวเราะ “งั้นต้องรออีกหลายเดือนเพื่อปรับพื้นที่ก่อน ระหว่างนี้ชิรายูกิไปคุยกับพี่เอื้อยนะ ว่าเราจะขอซื้อห้องที่เป็นร้านทำผมด้วย”
ฉันท์ทำตาโตหันไปมองร้านทำผมร้านข้าง ๆ
“ซื้อไว้ ยังไม่ต้องให้เขาย้ายออก หาที่ตั้งหน้าร้านให้เขาก่อน ทำเหมือนตอนร้านป้าละเมียดน่ะ เพราะอีกหน่อยคอนโดฯขึ้น เขาจะได้ลูกค้าเพิ่ม” มือใหญ่ชี้ไปรอบ ๆ “ตรงนี้จอแจ เราต้องหาที่จอดรถมอร์เตอร์ไซค์ให้ลูกค้า”
“ห้องนี้ทำร้าน อีกห้องทำที่จอดรถ แต่ห้องข้างบนจะว่างถึง 4 ห้องเลยนะพี่”
“ไม่ว่างหรอก เพราะชั้น 3 เป็นห้องพักคนงาน ส่วนชั้น 2 พี่จะเอาผนังออก”
“พี่ฮะ แค่ข้าวต้มเองนะฮะ ที่จริงผมเช่าแค่หน้าร้านอย่างเดียวก็พอ”
“แต่ชิรายูกิซื้อมาทั้งตึก”
“ตอนนั้นผมคิดเผื่อว่าเราจะอยู่ที่เดิมไม่ได้ ก็เลยจะพากันมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดต่างหาก”
“แต่ยังไงเราก็ต้องคิดเรื่องที่จอดรถลูกค้าด้วย รถเก๋งจอดในตลาดได้ รถมอเตอร์ไซค์จอดไกลไม่ได้”
ธามันแอบอมยิ้ม เมื่อเห็นว่าฉันท์มีสีหน้าคิดหนัก
“ลองไปคุยกับพี่สาวดูก่อน ส่วนเรื่องห้องชั้นบนของตึกหนึ่งเราเผื่อเป็นห้องเก็บของ ชั้นสามห้องพักคนงาน ส่วนอีกตึก เราเอาชั้น 2 กับชั้น 3 ให้เช่าได้ ร้านทำผมย้ายขึ้นไปชั้น 2 ก็ได้ อย่างร้านซักรีดเขาก็ต้องการดาดฟ้า”
“ผมไม่ค่อยสบายใจเวลาที่ต้องไปคุยกับเขาเรื่องให้ย้ายออกเลย” ฉันท์เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ และรู้ดีว่ามันไม่สนุกเลยสักนิด เวลาที่บอกให้คนที่ดีกับเรามาตลอดย้ายออกไปจากบ้านของเรา
“เราจะชดใช้เรื่องการยกเลิกสัญญาก่อนเวลาตามที่กฎหมายกำหนด”
“แต่คนนะฮะ ความรู้สึกผูกพันมันเอากฎหมายหรือเงินมาจัดการไม่ได้หรอก”
ธามันยอมถอยลงมาครึ่งก้าว “งั้นลองไปคุยขอซื้อจากพี่สาวก่อน ไม่ต้องให้ร้านทำผมย้ายออก ให้เขาอยู่ต่อไปจนหมดสัญญา”
“ถ้าเขาไม่มีสัญญา”
“เราก็รอจนกว่าเขาจะเลิกทำ ถึงตอนนั้น เราค่อยปรับปรุงดีไหม” ธามันมองไปรอบ ๆ ขณะที่เดินกลับมาที่ลานจอดรถในตลาด “เรื่องทำการค้า ที่จอดรถก็สำคัญนะ ร้านค้า ร้านอาหารมีอยู่ทั่วไปให้เลือก ต่อให้อร่อยขนาดไหน ถูกขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีที่จอดรถ หรือโดนล็อคล้อเข้าสักครั้ง เขาก็ไปร้านอื่นแล้ว”
เมื่อสตาร์ทรถธามันก็หันมาชวน “ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว พาพี่ไปไหว้พ่อกับแม่ได้ไหม”
ฉันท์พยักหน้า
“พี่ควรลงจากรถไปจุดธูปไหว้ท่าน ตั้งแต่ตอนที่ท่านอยู่ที่ศาลาในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะไม่พร้อมจะเจอคุณทีม ไม่รู้จะพูดอย่างไร ถ้าคุณทีมถามว่ามาทำไม กลัวได้ยินเขาประกาศว่า ชิรายูกิคือแฟนเขา”
ดวงตากลมหันมามอง
“มองแบบนี้ไม่เชื่อใช่ไหม”
“เชื่อสิ” ฉันท์พูดยิ้ม ๆ “ถึงมันจะไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่ก็ตาม” และไม่คิดว่าธามันจะสารภาพตรง ๆ แบบนี้
ตลอดทางจากร้านไปจนถึงวัด ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันมากจนกระทั่งมายืนอยู่หน้าแผ่นป้ายพ่อกับแม่ก็เห็นว่าธามันพนมมือบอกกับพ่อแม่อยู่นาน

(มีต่อครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2019 19:59:47 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่8 (23/2/2562)
«ตอบ #145 เมื่อ09-03-2019 19:00:16 »

(ต่อครับ)

แต่ตอนที่จะกลับออกมา เจอกับญาติผู้ใหญ่หลายคนที่มาทำบุญที่วัดและกำลังจะกลับ ฉันท์จึงแนะนำธามันกับทุกคน จากนั้นป้าคนหนึ่งก็ชวนให้มาร่วมงานทำบุญที่ตลาดในเดือนหน้า
ธามันรับปากว่าจะมาทำช่วยงานอย่างแน่นอน
จนกระทั่งกลับมาอยู่ในรถอีกครั้ง ธามันถึงได้ชวนคุยเรื่องร้านต่อ
“คิดไว้หรือยังว่าจะขายข้าวต้ม ราคาถ้วยละเท่าไหร่”
ฉันท์คิดอยู่วินาทีเดียว “30 บาท”
“ใส่เครื่องแบบเมื่อเช้าน่ะนะ”
ฉันท์พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ถ้วยขนาดนั้น ปริมาณหมูและเครื่องแบบนั้นน่ะนะ” ธามันไม่อยากเชื่อ
“ใช่” พี่จะถามย้ำทำไมให้ใจเสียนะ
“ชิรายูกิไม่ได้มีต้นทุนแค่ของที่เอามาทำข้าวต้มนะ ยังมีต้นทุนของที่ซื้อเข้าร้าน ทั้งถ้วยชาม โต๊ะเก้าอี้ ของที่หมดไปอย่างค่าแก๊ส ค่าน้ำ ค่าไฟ รายจ่ายประจำอย่างค่าจ้างคนงาน ประกันสังคมให้ลูกจ้าง แล้วก็พวกภาษีป้าย ภาษีอะไรอื่นๆ อีก”
“...”   
ธามันเคาะนิ้วกับพวงมาลัย ควรจัดเล็กเชอร์สัก 5 นาทีให้คนจบบริหารฯที่อยากเปิดร้านฟังดีไหมนะ
ในหลักสูตรที่เรียนมาไม่มีเรื่องนี้หรือ 
“ผมแค่อยากทำข้าวต้ม”
“ก็ทำข้าวต้มไง ไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ” แต่พี่กำลังเครียด “ถ้าจะขาย 30 ก็ต้องลดปริมาณจากเมื่อเช้าลงมาครึ่งหนึ่ง ขายแบบ 2 ราคาก็ได้ 30 กับ 50”
“โหพี่ ใครเขาจะกินข้าวต้มหมูร้านห้องแถวถ้วยละ 50 กัน”
“ถ้ามันอร่อยถูกปากเขา กินถ้วยละ 30 ไม่อิ่ม เขาก็สั่งถ้วยใหญ่” ธามันยังมีไอเดียมานำเสนอ “ลองสูตรข้าวต้มทะเล กับข้าวต้มไก่ด้วยสิ ลูกค้าจะได้มีให้เลือกหลาย ๆ อย่าง”
ฉันท์ทำแก้มพอง “ถ้วยละ 50 บาทเชียวหรือแพงจัง”
“ชิรายูกิเคยกินข้าวจานละมากกว่า 50 บาทไหม”
ฉันท์พยักหน้า
“แล้วรู้สึกว่ามันแพงไหม”
“ก็ รู้สึกว่ามันแพง แต่ก็กิน”
“เพราะอะไรล่ะ”
“เพราะอยู่กับเพื่อน เพราะไม่ได้ใช้เงินตัวเอง เพราะไม่อยากไปกินร้านที่คนเยอะ ๆ ขี้เกียจรอคิว” นิ้วสวยแตะที่คางขณะที่กำลังคิด “อ้อ...เพราะมันคือข้าวผัดปู”
“ข้าวผัดปูจานที่มีราคาแพงที่สุดที่เคยกินคือเท่าไหร่ แบบที่จ่ายเองนะ”
“250”
“อร่อยไหม”
ฉันท์พยักหน้าเร็ว ๆ “แต่นั่นเป็นปูแบบมีก้ามใหญ่ ๆ วางข้าง ๆ มาด้วยนะฮะ ไม่ใช่ข้าวต้มซี่โครงอ่อนแบบนี้”
“แล้วคิดว่าข้าวผัดปูก้ามใหญ่นั่นต้นทุนเท่าไหร่”
ฉันท์นิ่งคิดตาม ธามันก็รุกต่อ “เข้าใจนะ ว่าอยากให้คนอื่น ๆ ได้กินข้าวต้มอร่อยสูตรของแม่ แต่ถ้าอยากให้คนได้กินไปนาน ๆ เพราะเราไม่เจ๊งไปเสียก่อน ก็ต้องคำนวนราคาที่เหมาะสม”
คนตัวเล็กพยักหน้า
“ไม่ต้องเครียดหรอกน่า เดี๋ยวเราต้องซ่อมร้านกันก่อน ยังมีเวลาคำนวนเหลือเฟือ”
เงียบไปครู่หนึ่งฉันท์ก็พูดด้วยน้ำเสียงเสียงเหงาหงอย “ผมอยากทำข้าวต้มอร่อย ๆ ให้คนอื่นได้กินแล้วมีความสุขแบบเวลาที่ทุกคนในบ้านได้กิน ไม่อยากขายแพง คำนวนแค่พอให้จ่ายค่าแรงกำไรนิดหน่อยก็พอได้ไหมฮะ”
“เอางั้นหรือ”
“ของขายในร้านใกล้ตลาด จะไปตั้งราคาเหมือนในห้างได้ไง ลูกค้าแถวนี้พี่ก็เห็นอยู่ เขาไม่ใช่คนที่พร้อมจะจ่ายแพงเพื่อของอร่อย เขาต้องการของราคาถูก อิ่มและอร่อย”
“แต่ชิรายูกิมีต้นทุน มีรายจ่าย”
“ก็แค่พออยู่ได้ก็พอ เรื่องเงินหมุนน่ะผมมีพันธบัตร กับลงทุนพวกกองทุนรวมไว้ แล้วก็มีหุ้นอยู่นิดหน่อยเพราะเพิ่งลงทุนไป หรือถ้าไม่พอยังมีอยู่อีกนิดหน่อยผมไปเก็งราคาที่ดินเอาก็ได้ แต่ไม่ขายข้าวต้มแพง”
“เดี๋ยวนะ” ธามันยกมือข้างซ้ายขึ้น “กองทุนรวมกับหุ้นนี่ยังไง”
“คุณฐาติแนะนำไว้ฮะ ผมก็เลยไปคุยกับกองทุน”
ธามันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมทั้ง ๆ ที่ฐาติแสดงออกมาตลอดว่าไม่ค่อยชอบน้องสักเท่าไหร่ แต่กลับสรุปว่าน้องเป็นคนว่าง่าย บอกให้ทำอะไรก็ทำตาม
“พี่”
“อืม”
“ช่างที่ซ่อมบ้านเราน่ะ ของบริษัทพี่ใช่ไหม ถ้าให้เขามาทำที่ร้านด้วยจะแพงมากไหมครับ”
ธามันนึกถึงสภาพในร้าน “ไม่น่าจะแพงเหมือนทำบ้านและน่าจะเร็วกว่าด้วย เพราะไม่มีคนพักอยู่ ช่างจะทำงานได้เร็วกว่า”
แต่ฉันท์ยังมีคำเตือน “ห้ามพี่ช่วยผมเรื่องเงินทำร้านนะ”
ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองคนรู้ทัน
“พี่ช่วยผมหลายอย่างแล้ว แต่เรื่องร้าน ผมจะเขียนแบบคร่าว ๆ ให้พี่ดูก่อนว่าผมอยากได้แบบไหน แล้วให้พี่ช่วยดูนะฮะ”
“ชิรายูกิ จ่ายค่าแรง พี่จ่ายค่าวัสดุโอเคไหม”
ฉันท์ขยับจะค้าน พี่ก็ท้วง “แบ่งกันไง”
“ผมเอาเปรียบมากไป”
“เดี๋ยวก็จะมีพวกของใช้ในร้านอีกไง”
“ตกลงฮะ แต่เดี๋ยวนะ ผมลืมอะไรไป อ้อ” น้องนึกออกแล้ว “พี่ใช้สิทธิ์ผู้บริหารไม่ต้องเสียค่าแรงนี่”
แปลว่าน้องไม่ต้องจ่ายเงิน
“เราตกลงกันแล้วนะ ชิรายูกิ” พี่ทำเสียงเข้ม “เราตกลงกันแล้ว”
ทั้งที่ไม่ค่อยชอบข้อตกลงนี้สักเท่าไหร่ แต่น้องก็ต้องยอมรับ “พี่จ่ายเยอะไปแล้ว”
“แต่มันเป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุน เดี๋ยวก็ได้ทุนคืนมา”
น้องนิ่งคิด ถ้าต้องคืนทุนให้พี่ด้วย “ที่จริงเงินที่พี่ให้มา ยังมีอยู่อีกนะฮะ”
“เอาไปซื้อที่ดินแปลงเล็ก ๆ แล้วทำบ้านเช่ากันดีไหม” บอกแล้วเรื่องให้คิดโครงการอะไรแบบนี้ ดร.ธามันถนัดมาก

เมื่อกลับมาถึงบ้าน คราวนี้กวางอาบน้ำแต่งตัวหล่อ นั่งรออยู่กับจิโระที่หน้าบ้านแล้ว
“โอ้โห เราจะไปห้างกันตอน 11 โมง ตอนนี้ยังไม่ทันจะ 10 โมงเลยนะ”
“จิโระน่ะสิ” กวางบุ้ยปากไปที่น้องเล็กของบ้าน “พอพี่ฉันท์ออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตื่น แล้วบอกให้หนูอาบน้ำแต่งตัวเลย”
“แล้วเรากินข้าวเช้าหรือยัง”
กวางทำหน้ามุ่ย ฉันท์ก็เลยบอก “งั้นก็ไปกินข้าวก่อนเถอะ”
“โอนี ไป เท่ว กัน” จิโระบอก
“ให้กวางกินข้าวก่อน”
กวางพยักหน้าเร็ว ๆ แล้วรีบเข้าบ้านไปกินข้าวอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็คุยกันต่อ
ธามันหันมาชวนเด็กน้อย “เอาไว้เราไปเที่ยวทะเลกันดีไหม” 
ฉันท์หันมาบอกน้อง “อุมิ ทะเล”
“ไป ๆ”
“ไม่ใช่ตอนนี้ วันนี้เราจะไปห้างเอากางเกงให้ฮันซะมุซังก่อนไง”
ธามันหัวเราะ “ว่าจะถามหลายครั้งแล้ว ฮันซะมุซังที่ชิรายูกิกับจิโระพูดถึงนี่ หมายถึงพี่ใช่ไหม”
ฉันท์หน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันทีขณะที่พยักหน้า
“แปลว่าอะไร”
“ฮันซะมุ ก็ Handsome ไง”
“ชิรายูกิบอกกับน้องให้เรียกแบบนี้หรือ”
“ไม่ใช่นะ จิโระเรียกพี่แบบนี้ก่อน บางทีคำนี้ในภาษาญี่ปุ่นจะหมายถึงคนที่หล่อแบบเนี๊ยบ หรู สำอางค์ แต่ไม่แน่ใจว่าจิโระหมายความแบบนี้จริง ๆ หรือเปล่า เพราะยังมีอีกหลายคำที่เขาใช้กันเวลาจะชมผู้ชาย คนญี่ปุ่นไม่ค่อยชมเรื่องหน้าตา มักชมว่า แต่งตัวดี เท่ดี นิสัยดีแบบนั้นมากกว่า”
ธามันเลิกคิ้วสูงทั้งยิ้มล้อเลียน
“ผมไม่ได้เป็นคนชมพี่สักหน่อย จะยิ้มแบบนั้นทำไม” ทั้งที่อธิบายไปแล้วว่าไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นใช้คำนี้ แต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ดี
“แล้วชิรายูกิคิดว่าพี่ฮันซะมุไหม”
ฉันท์ส่ายหน้า “พี่น่ะ อีโอะโตะโคะ”
จิโระหันมามองหน้าพี่ชายแล้วหัวเราะคิก ทำให้ธามันต้องหันไปถาม “แปลว่าอะไร”
“ห้ามบอกนะจิโระ”
จิโระยิ่งหัวเราะเสียงดังเมื่อฉันท์อุ้มพาเดินหนีแล้วธามันตามมาแย่งจิโระไปอุ้มได้สำเร็จ เพราะทันทีที่ธามันแตะที่เอวกลม ๆ น้องเล็กก็โผมาหาเสียดื้อ ๆ
มือเล็ก ๆ ป้องข้างหูธามันขณะที่กระซิบบอกคำแปล
สายตาหวานเชื่อมที่ธามันมองมาที่คนหน้าแดงในตอนที่ฟังคำแปลจากจิโระยิ่งทำให้ฉันท์เขินหนักกว่าเดิม
นั่นเป็นคำที่ไม่เคยใช้เรียกใครมาก่อน แต่ในตอนที่ถูกถามก็กลับคิดถึงคำนี้แล้วบอกออกไปทันที พอมาถึงตอนนี้ก็เลยยิ่งทำอะไรไม่ถูก
“ขอบใจมากนะ เดี๋ยวไปถึงห้างพี่จะเลี้ยงไอติมถ้วยใหญ่ ๆ ดีไหม”
“อย่ามาสอนน้องให้ชอบสินบน รางวัลนะ” ฉันท์ท้วง
“แต่กรณีนี้สมควรได้รับรางวัลจริง ๆ นี่นา” ธามันยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย
คนตัวผอมเถียงสู้ไม่ได้จะหนีเข้าบ้าน ธามันก็อุ้มจิโระตามมา
“สู้ไม่ได้แล้วหนีด้วย”
“ใครบอก ผมจะเตรียมข้าวผัดกับซุปมื้อเที่ยงไว้ให้ลุงกับป้าต่างหาก”
“อ้อ...” ธามันหันไปพยักหน้ากับจิโระ

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันท์พาจิโระมาที่ห้างสรรพสินค้า เพราะที่ผ่านมาชายหนุ่มมักจะมาซื้อของตามลำพังที่ซูเปอร์ขนาดใหญ่ แล้วซื้อขนมมาฝากน้อง ส่วนของเล่น เสื้อผ้า และของใช้น้าผู้หญิงจะส่งมาให้ตลอด แต่จิโระที่ดูงง ๆ กับคนมากมายในห้างก็ไม่ได้ร้องว่าอยากได้อะไร พี่ชายจูงมือเดินไปทางไหนก็เดินตามไปด้วยดี จนกระทั่งมาหยุดยืนมองตุ๊กตาขนฟู แล้วหญิงสาวคนหนึ่งกับเพื่อนของเธออีก 2 คนเดินเข้ามาหาแล้วทัก
“ฉันท์ทัต”
“ครับ” ฉันท์หันไปมองด้วยสีหน้าสงสัย
“เธอคือคนที่มีหน้าตาตรงข้ามกับพฤติกรรมอย่างที่เขาว่าจริงๆ”

...จบตอนที่9...
โพสอิทแผ่นแรกของเรื่องนี้ ชิรายูกิเป็นเจ้าชายน้ำแข็งจริงๆ และธามจะเหนื่อยกว่านี้สัก 100 เท่าในการตามจีบ แต่ผมท้วงว่า บุคลิกใกล้กับชินของเมเรมากเกิน เรา (ช่างกล้าเหมารวมเนอะผมเนี่ย) ก็เลยปรับนิสัยของชิรายูกิลงมาเป็นหิมะที่อยู่ใน snow globe

ส่วนธามันที่แปลว่าอาณาจักรของเทพเจ้าอันนี้จะให้ทำมาหากินอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากก่อสร้าง  :z2:
ที่จริงอยากคุยท้ายเรื่องมาก แต่เพราะเรื่องที่อยากเล่ามักไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่อง จึงรู้สึกเกรงใจ (ร่างชิรายูกิลงแพร๊พนึง)
ขอบคุณที่ติดตามครับ
นัมจากับปาป้าไจไจ่ไจ้ไจ๊ไจ๋

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #146 เมื่อ09-03-2019 19:42:49 »

อ้าว ถึงกับงงและไปต่อไม่เป็น ผู้หญิงโผล่มาจากไหน
มาว่ากันแบบนี้ได้หรอ รู้จักกันหรอ

น่ารัก ชอบความน้องพี่ของธามกับฉันท์ เอ็นดู
ชอบที่ฉันท์เป็นตัวเองตอนอยู่กับธาม มีความงอแงเบาๆ
เปิดเผยตัวเองเยอะขึ้น และทำตัวน่าฟัดมาก

ธามยอมน้องมากเลย และก็เอ็นดูน้องมากด้วย
ชอบความเข้าใจและอ่อนให้ของธามที่มีกับน้อง

จิโระน่ารักมาก ติดทั้งฉันท์ และมีธามตามมา
ตลกกวาง ฉลาดไม่มีใครเกินล่ะคนนี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #147 เมื่อ09-03-2019 20:29:09 »

ชิรายูกิดูสดใสขึ้นมากเลย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #148 เมื่อ09-03-2019 21:37:27 »

คนพี่ก็เริ่มรุกคืบเข้าไปเป็นส่วนนึงของครอบครัวแบบเนียนๆ

คนน้องก็เริ่มเปิดใจกล้าบอกกล้าปรึกษา

จิโร๊ะจะได้มีพี่เขยที่พึ่งได้เข้ามาดูแล

กวางก็จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

ลุงกับป้าก็จะได้สบายใจหายห่วง

เพราะความมั่นคงและจริงใจ

ของพี่ธามันนั้นพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

ขอให้อุปสรรคหายไปให้หมด

โดยเฉพาะอีพวกที่เข้ามาทักและพูดจากับฉันไม่ดี

พี่ธามันต้องจัดการให้เด็ดขาดหรือ

แจ้งข้อหาหมิ่นประมาทให้พวกนางเลย

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่9 (9/3/2562)
«ตอบ #149 เมื่อ09-03-2019 23:34:08 »

ตอนนี้ชิรายูกิน่ารักม๊ากกกกกกกก
ดูสดใส มีชีวิตชีวาขึ้น แล้วก็เปิดใจให้พี่ธามมากขึ้นด้วย
อ่านไปก็ลุ้นไปว่าจะบอกพี่ธามเรื่องออกไปเจอทีมกับเรื่องซื้อตึกหรือเปล่า
กลัวพี่ธามรู้ทีหลังแล้วจะน้อยใจ อิอิ

ปล. ดีใจที่น้องระวังคำพูดกับทีมมากขึ้นด้วย
นี่ก็ชอบมาหลอกถาม+ใส่ร้ายพี่ธามกับน้อง เกลียดจริงๆ  :z6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด