#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)  (อ่าน 71234 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ 9 พฤศจิกา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ได้กลิ่นเลือดมาจากห้องนี้ และชุ้นตามกลิ่นนั้นมาาาา ปักจ้าาา  :jul1:

ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อึดอัดแทน นี่ยังดีนะคะ ที่ที่นั่งริมทางเดินยังว่าง

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คุณกฤติจะไม่ฟังหน่อยเหรอคะ :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
แงงง อยากกอดคุณกฤติแน่นๆ :กอด1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ใจแข็งจังเลยเจ้านาย ไม่สงสารเลขาบ้างเลยเหรอ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปวดใจจจจจจจ :hao5:
คุณโน้ตรีบๆเคลียร์นะคะ เพราะทางเราอยากให้ทริปเยอรมันเป็นทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ค่าาา :katai3:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
เยอรมันต้องเคลียร์!! คุณโน้ตห้ามปล่อยผ่านเด็ดขาดนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ๊ยยยคุณกฤติิพอแล้วววว แงงง สงสารคุณโน้ต  :ling3:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารทั้งคู่เลย :monkeysad:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่นะๆ...กฤติอย่าใจร้ายกับคุณโน้ตนักสิ หางลู่หูตกเป้นหมาหงอยเชียว น่าสงสาร

ออฟไลน์ praewypn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ใจอ่อนได้แล้วคุณกฤติ สงสารคุณโน๊ตต  :sad4: :mew3:

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณเจ้านายใจแข็งจังเลย

ออฟไลน์ Moonfang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วิ่งหนีหัวใจตัวเองก็มีแต่จะเจ็บเรื้อรังกว่าเดิมนะคะคุณกฤติขา แงงง ใจแข็งเหลือเกิน นายนรินทร์หงูวจนไม่รู้จะหงูวยังไงแล้ว หันมาคุยกันดีๆ เถอะนะ QAQ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
16th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์







เป็นไฟล์ทที่อึดอัดที่สุดเท่าที่เคยบินมา





หลังจากที่พวกเขามีบทสนทนาอันน่าอึดอัดนั้น หัวหน้าแผนกก็แกล้งหลับตลอดไฟล์ท แม้กระทั่งตอนที่เสิร์ฟอาหารสองรอบกฤติก็ปฏิเสธทั้งคู่ สิบกว่าชั่วโมงจนกระทั่งลงเครื่องในตอนเช้า เขามีเพียงผ้าเย็นในมือที่ได้จากแอร์ก่อนจะลงเครื่องเท่านั้น





“เดี๋ยวผมไปติดต่อรถให้”





นี่คือประโยคแรกที่นรินทร์พูดกับกฤติอีกครั้งหลังจากลงเครื่อง เลขาของหัวหน้าแผนกก็ทำหน้าที่ของตัวเองตั้งแต่ลงเครื่อง ทั้งที่เพิ่งมาเยอรมันครั้งแรก แต่เขาก็สามารถหารถและจัดการจ่ายเงินให้ทั้งตัวเองและกฤติได้อย่างดีและรวดเร็ว





เก่ง





กฤติชมอีกฝ่ายอยู่ในใจ ตอนนี้เขาอยู่ที่ที่นั่งรอรถออก จากคำบอกเล่าของพนักงานคือพวกเขาต้องรออีกประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อรอให้คนที่จองรถทั้งหมดมาเพื่อออกตามรอบ กฤตินั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้แถวยาวที่พนักพิงเป็นพลาสติกแข็งๆ มันไม่สบาย แต่เขาไม่อยากเรื่องมาก อะไรก็ได้ ขอแค่รีบๆ ไปถึงโรงแรมเพื่อนอนสักที





อันที่จริงพวกเขาควรจะจองรถขับกัน แต่เพราะกฤติไม่ชอบขับรถในต่างประเทศ และนรินทร์ที่มาด้วยกันก็ไม่มีใบขับขี่สากล พวกเขาจึงต้องอาศัยรถเช่า และแท็กซี่ในทริปนี้





“คุณ”





เสียงภาษาไทยที่ดังมาให้ได้ยินเรียกให้กฤติปรือตาขึ้นมอง นรินทร์เดินกลับมาพร้อมกับถุงและแก้วกระดาษในมือในมือ





“ผมไปซื้อโกโก้ร้อนมาให้ จิบหน่อยมั้ยคุณ”

“...”

“แซนด์วิชก็มีนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าซื้ออะไรมา แค่จิ้มอันที่น่ากินมาสองชิ้น”

“...”

“ถ้าคุณไม่อยากทานอะไร ผมดื่มสองแก้วก็ได้นะ”

“ขอบคุณครับ”





ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในความรู้สึกที่พร้อมจะกินอาหารเท่าไหร่ แต่กฤติก็รับแก้วโกโก้นั้นมา เขาบอกตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปหักหาญน้ำใจอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาเพียงแค่ไม่ชอบหน้าตาจ๋อยๆ ของนรินทร์ชะมัด





ยังไม่ทันที่จะเริ่มกิน พนักงานก็เดินมาบอกพวกเขาว่ารถพร้อมแล้ว ชายไทยสองคนจึงเดินไปขึ้นรถที่ทางบริษัทจองเอาไว้ให้ เดินทางเพียงชั่วโมงครึ่งก็ถึงโรงแรม ยังดีที่พักกันคนละห้อง เขาเลยไม่ต้องทนอึดอัดใจมากนัก อีกทั้งพวกเขาบินมาถึงที่นี่เช้าวันเสาร์ เลยไม่ต้องรีบร้อนไปเตรียมตัวเข้าประชุม ยังมีเวลาพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มทำงานในเช้าวันจันทร์




 ‘ก๊อกๆ’





ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร กฤติที่เพิ่งจะอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดคลุมเตรียมนอนเดินไปที่ประตูห้อง เพื่อพบว่านรินทร์ยืนยิ้มแห้งอยู่ตรงนั้น





“ผมคิดว่าผมจะไปเดินเล่นในเมือง คุณจะไปด้วยกันมั้ย?”

“คุณจะไปเดินเล่นตอนนี้?”  กฤติเลิกคิ้วพร้อมก้มมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า ตัวเวลาไม่เท่าไหร่ แต่อากาศ 4 องศาด้านนอกนั่นไม่น่ารักเลยจริงๆ

“ใช่ครับ”

“แถวนี้มีอะไรให้เดินด้วยหรือไง?”





พวกเขาพักอยู่ที่ละแวก Obertroubling ซึ่งเป็นละแวกที่อยู่อาศัย ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่นัก ชนบททั่วไป ส่วนบริษัทของพวกเขาตั้งอยู่ในละแวกข้างเคียงที่ชื่อว่า Neutraubling ที่ไม่มีอะไรดูยิ่งกว่า สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นที่มีอาหารสดและพวกอาหารฟาสต์ฟู๊ดขาย





“ผมว่าจะเข้าไป Regensburg”





Regensburg เป็นเมืองเก่าแก่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว กฤติไม่ได้สนใจมากนัก ไม่เคยไปเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่จำได้เพราะว่าตลอดเวลาที่คุยกับคนเยอรมันที่บริษัท ทุกคนมักจะแนะนำและพูดถึงเมืองนี้ให้ฟังอยู่เรื่อย ตัวเขาที่ไม่ได้ชอบเที่ยวไปมากกว่าทำงานจึงทำแค่ยิ้มแล้วรับปากว่าจะไปแต่โยนความคิดนั้นทิ้งไปเท่านั้น





“เชิญเลยครับ ผมจะนอน”

“ไม่ไปด้วยกันเหรอ?”

“ไม่เอาครับ ผมจะนอน”

“คุณ… ผมไม่เคยอยู่ต่างประเทศคนเดียวเลย ไปเดินเล่นด้วยกันนะครับ”





กฤติที่ตั้งใจว่าจะปฏิเสธลูกเดียวนั้น เมื่อเจออีกคนที่ทำหน้าตาหงอยลงเหมือนกับเด็กโค่งที่โโดนผู้ปกครองยึดขนมก็อดสงสารไม่ได้





จนกว่าจะรู้ตัว เขาก็ดันตอบตกลงและเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมหยิบของจำเป็นเดินตามอีกฝ่ายไปขึ้นรถไฟเสียแล้ว





รอไม่นานรถไฟเข้าเมืองก็มา พวกเขานั่งในที่นั่งคู่หนึ่ง รถไฟที่นี่ต่างจากรถไฟไทยราวฟ้ากับเหว กฤติไม่ได้ขึ้นขนส่งสาธารณะที่ไทยบ่อยมากนัก แต่เขาก็พอจะจำได้ว่าบนบีทีเอสไม่ที่เสียบปลั๊กสำหรับชาร์จแบตโทรศัพท์ในทุกที่นั่ง พร้อมทั้งเก้าอี้สบายๆ แบบที่เผลอแป๊บเดียวก็นั่งข้ามเขตเข้ามาในตัวเมืองเรียบร้อย





“คุณเคยขึ้น Flixbus ป้ะ?”

“ไม่อ่ะ”

“เอ้า แล้วที่มาตั้งหลายรอบไม่ได้ไปประเทศอื่นเลยเหรอ?”

“ไม่ครับ ผมทำงานแล้วก็กลับ”

“โหย เสียดาย”





พวกเขายืนคุยกันที่สถานีรถไฟหลักของ Regensburg ผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมาไม่ได้ให้ความรู้สึกเร่งรีบเหมือนเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แถมตัวอาคารก็ปลูกสร้างไม่ได้หรูหราแต่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ ตัวอาคารเป็นสีเหลืองแปลกตา ดูแล้วเพลินตาดีเหมือนกัน





“แล้วไอ้ฟลิกซ์อะไรนั่นมันคืออะไร?”





กฤติถามอีกคน ตอนนี้เขาห่อตัวเองอยู่ในเสื้อโค้ตตัวใหญ่กับผ้าพันคอสีกรม ให้ตายสิ ไม่เข้าใจว่าทำไมไ้อสิงโตข้างๆ ถึงได้ดูไม่หนาวเลยสักนิด ทั้งที่เขารู้สึกเหมือนขาจะแข็งอยู่รอมร่อ นรินทร์ยังคงหล่อเหมือนเดิมในเสื้อโค้ตกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล เขานึกอยากให้อีกฝ่ายหน้าตาดีน้อยลงหน่อย จะได้ไม่ต้องรู้สึกวูบโหวงในท้องเวลาที่อีกคนสบตาพร้อมส่งยิ้มให้





“รถบัสนั่งข้ามเมืองไงคุณ ถูกด้วยดีด้วยนะ ผมอ่านในพันทิปมา”





นรินทร์ทำตาเป็นประกายแบบเดียวกับตอนที่จะชวนเขาเข้ามา Regensburg นี่ กฤติรู้สึกเหมือนคิ้วตัวเองกระตุกเล็กน้อย ขออย่าให้เป็นอย่างที่สังหรณ์ใจละกัน





“คุณ! จากที่นี่เรานั่งรถไปปรากได้เลยนะ”

“ครับ”





กฤติไม่ได้สนใจอีกฝ่ายมากนัก ตอนนี้พวกเขาเดินข้ามถนนเพื่อไปยังโบสถ์ขึ้นชื่ออะไรสักอย่างที่นรินทร์พูดตลอดทางว่าอยากมา



มาถึงตอนนี้กฤติเริ่มเข้าใจว่าทำไมนรินทร์ถึงได้ดูกระตือรือร้นอยากจะมาที่นี่นัก เมืองนี้สวยมาก มีความเป็นเมืองเก่าแต่ดูน่าเดิน มีสวนสาธารณะแล้วก็ต้นไม้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ตึกรามบ้านช่องเป็นสีสันสวยงาม กฤติว่าตัวเองหลุดเข้ามาในนิทานพื้นบ้านตะวันตกเสียด้วยซ้ำ





“ไปเที่ยวกัน ไปเช้าเย็นกลับ หรือไม่ก็กลับวันพรุ่งนี้ก็ได้”





พวกเขาต่อคิวเข้าโบสถ์ ถึงแม้จะไม่ได้สนใจศิลปะอะไร แต่ว่าบรรยากาศข้างในมันก็สวยดี ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าคนสมัยก่อนสร้างสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรก็ตาม





หลังจากพวกเขาเดินอยู่ในโบสถ์กันเสร็จเรียบร้อย นรินทร์ที่ทำการบ้านสถานที่นี้มาดีเกินไปก็พาเขาข้ามแม่น้ำเก่าแก่ มันไม่มีอะไรพิเศษนอกจากเดินข้ามธรรมดา แต่ถนนหนทางที่ต่างจากประเทศไทยทำให้กฤติมองนั่นมองนี่ด้วยความสนใจ





‘แชะ’





“อ่าว โดนจับได้”





กฤติไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าอย่างไรตอนที่เห็นว่าอีกคนยกโทรศัพท์มาถ่ายเขา แต่มันคงแย่มากเพราะอีกคนหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด





“ผมแค่ดีใจที่ได้เที่ยวกับคุณ เลยอยากถ่ายเก็บไว้”

“ผมว่าเลขาไม่ต้องมีรูปหัวหน้าก็ได้”

“ถ้าหัวหน้าผมไม่ใช่คุณ ผมก็ไม่ถ่ายเก็บไว้หรอก”





กฤติพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงสีหน้าอะไร ชายหนุ่มหันหน้าไปมองวิวอีกข้างหนึ่งแทน แม่น้ำที่มองไปไกลสุดลูกหูลูกตากับบ้านเมืองสีสันสดใสทำให้ดูแปลกตาแล้วก็น่ามองไปพร้อมๆ กัน





พวกเขาเดินมาเรื่อยๆ จนถึงอาคารโบราณโอ่อ่า นรินทร์พูดแว่วๆ ให้กฤติได้ยินว่าตรงนี้คือวิหารประจำเมือง มันใหญ่โตเสียจนพวกเขาต้องเงยหน้ามองจากที่ไกลๆ ดูแตกต่างจากบรรดาสิ่งปลูกสร้างร่วมสมัยสีสันสวยงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้





“คุณหิวหรือยัง?”





กฤติมองหน้าคนถามข้างๆ





“คุณหิวแล้วเหรอ?”

“ก็นิดนึง”

“งั้นทานก็ได้”

“น่ารัก”





กฤติทำเป็นไม่ได้ยินแล้วมองไปทางอื่น แต่ถึงแม้เป็นแบบนั้น เขากลับไม่ได้ถอยหลังหนีเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น เขารู้สึกว่าตัวเองเผลอกลั้นหายใจเมื่ออีกคนยกมือขึ้นมาแตะข้างแก้ม แค่นั้นกฤติก็เกร็งไปถึงปลายเท้า





“คุณยังคงน่ารักเหมือนเคย”

“คุณก็หน้าด้านเหมือนเดิม”

“ใช่ ผมยังเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ”

“...”

“อยากจูบคุณเหมือนเดิม คิดถึงคุณเหมือนเดิม”

“...”

“ผมก็ยังรักคุณเหมือนเดิม”

“...”

“ไม่สิ ผมรักคุณมากกว่าเดิมอีก”





หน้าด้าน!





ในขณะที่สมองกำลังคิดว่าทำไมนรินทร์ถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดที่สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย แต่หัวใจของกฤติกลับเต้นรัวเร็วเหมือนกลองชุด ทั้งที่นี่ไม่ใช่การสารภาพรักครั้งแรกด้วยซ้ำ





ไม่เคยชินเลย พอเป็นนรินทร์ ไม่มีอะไรที่เขาสามารถรับมือได้เลยสักนิด





เมื่อไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร กฤติจึงเดินหนีเข้าไปในโบสถ์คนเดียว โดยไม่ได้มองไปทางด้านหลังอีก กฤติเดินไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะช่วงนี้เป็นช่วง High Season คนเลยมีอยู่ทุกมุมของโบสถ์ ตัวเขาเดินนำนรินทร์มาโดยที่ไม่ได้หันไปพูดอะไรกับอีกคน ซึ่งนรินทร์เองก็ไม่ได้กวนประสาทกฤติอีก





ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่มันก็เหงาปากเล็กน้อย





“คุณ…”





ชายหนุ่มหน้าเหวอ กฤติที่จะหันไปคุยกับผู้ร่วมทางอีกคนดันพบเพียงแต่ความว่างเปล่า มีเพียงครอบครัวชาวจีนที่น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันอยู่ด้านหลัง ถัดไปเป็นกลุ่มวัยรุ่นยุโรป ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาอยู่หลายรอบ





ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง เขาก็ไม่เจอคนที่มาด้วยกัน



หายไปไหน!?





เขาเดินวนรอบโบสถ์อยู่สองสามรอบ พยายามหาทุกที่ที่คนคนหนึ่งควรจะอยู่ แต่ไม่ว่าจะเดินอย่างไร ความจริงที่ตีแซกหน้าในตอนนี้คือเขาเป็นเพียงคนไทยคนเดียวในที่นี้เท่านั้น





นรินทร์หายไปไหน?!





กฤติใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขารู้สึกคล้ายกับเด็กที่ผู้ปกครองหายตอนที่อยู่ซุปอเปอร์มาร์เก็ตคนเดียว ใบหน้าภายใต้แว่นตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด มือที่ชื้นเหงื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ในใจหมายมั่นว่าจะส่งข้อความหาอีกคน





No Signal





เฮ็งซวย!





ชายหนุ่มใจเสีย เขาสบถในใจหลายสิบคำ คนที่มักจะควบคุมตัวเองได้ดีในทุกสถานการณ์ ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาไม่สามารถรวมรวบสติของตัวเองได้เลย ความคิดแย่ๆ มากมายไหลเข้ามาในหัว





หากนรินทร์หายไป เขาจะทำอย่างไร?



ถ้าหากเมื่อกี้เขายอมลดทิฐิแล้วบอกว่าตัวเองก็รักอีกคนเหมือนกัน ตอนนี้พวกเขาจะเดินจับมือข้างกันหรือไม่?



ทำไมเขาถึงไม่ควงแขนนรินทร์เอาไว้ให้แน่นๆ



เขาน่าจะ…





“คุณกฤติ!”





เสียงคุ้นเคยที่เรียกมาจากทางด้านหลังเรียกให้เจ้าของชื่อหันกลับไปมอง นรินทร์ที่เดินหน้าตาตื่นมาหาเขาเป็นหลักฐานชั้นดีที่ว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้มีเพียงแค่เขาประสาทไปเองคนเดียว ทั้งที่ตัโบสถ์เองก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร  ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นนรินทร์ แล้วตัวนรินทร์เองก็คงหาเขาไม่เจอเช่นเดียวกัน





“ไอ้โน้ต! ไอ้คุณโน้ต! คุณหายไปไหนมา!”





ไม่มีฉากกอดกันด้วยความรัก มีเพียงกฤติที่ถามอีกคนเสียงเขียว ความใจหายแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ครอบครัวคนจีนด้านหลังจะมองเขาอย่างไร รู้แต่ว่าตอนนี้เขาจะต้องเอาเลือดหัวอีกคนออกให้ได้





“ผมหันหลังไปถ่ายรูปแป๊บเดียว หันมาอีกทีคุณหายไปแล้ว”

“วันหลังจะถ่ายรูปก็บอกกันมั่งสิ!”





นรินทร์มองตาปริบ แต่กฤติไม่สนใจ เขายังคงระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเองต่อ





“ผมไม่คิดว่าคุณจะหายไปเลย…”

“อย่าเพิ่งเถียง!”





กฤติพูดต่อด้วยความฉุนเฉียว นรินทร์ถึงกับยอมปิดปากสนิทเมื่ออีกคนไม่ได้มีท่าทีเล่นๆ อยู่เลย เหมือนกฤติจะลืมไปแล้วว่าเขาไม่ใช่น้องนิ้งที่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้น





“คุณไม่รู้หรอกว่าผมแม่งประสาทเสียแค่ไหนตอนหาคุณไม่เจอน่ะ โบสถ์ก็ไม่ได้ใหญ่เลย ตัวคุณก็ไม่ใช่เล็กๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้หายไปเฉย”

“...”

“ต่อจากนี้ห้ามเดินห่างผมเลยนะ ไม่ว่ายังไงก็ห้าม จะถ่ายรูปทำอะไรก็บอกกันก่อน ผมรอได้อยู่แล้ว”

“กลัวผมหายเหรอคุณ”

“เออสิวะ!”





นรินทร์ถึงกับหลุดยิ้มเมื่ออีกคนพูดรัวๆ ยาวๆ ติดกันหลายประโยคทั้งที่ไม่ใช่นิสัย อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่ที่พูดคุยกันครั้งสุดท้ายวันนั้น





“ผมดีใจนะที่คุณห่วงผม”





เป็นกฤติแทนที่เงียบลง คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้างเม้มปาก ในใจมัวแต่หงุดหงิดตัวเองที่ตกใจเหมือนนรินทร์ตัวโตเป็นเด็กประถม ตอนนั้นเขาคิดแต่เพียงว่าจะให้อีกฝ่ายหายไปไม่ได้ อยากจะย้อนเวลากลับไปหยิกตัวเองเรียกสติชะมัด





 ถึงแม้จะพยายามทำหน้านิ่งแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถปิดใบหูที่เริ่มแดงของตัวเองได้





“ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“...”

“ไม่มีทางที่ผมจะทิ้งคุณไปอยู่แล้ว”





คล้ายโลกหยุดหมุน หัวใจของกฤติเต้นแรงจนคล้ายกับมันจะทะลุออกมานอกอก หัวหน้าหนุ่มเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง

 



การใจเต้นทั้งที่ครอบครองไม่ได้นี่มันทรมานหัวใจชะมัด





“คุณ…”





เสียงทุ้มของนรินทร์เรียกความสนใจของกฤติอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาออกมายืนกันหน้าโบสถ์ อากาศติดลบนั้นไม่ได้ช่วยให้กฤติรู้สึกร้อนใบหูน้อยลงเลยสักนิด





“ครับ?”

“เรื่องที่ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณไปน่ะ ผมพูดจริงนะ”





ชายคนนี้จะทำให้เขาใจเต้นแรงจนตายเลยหรือไง?





เมื่อไม่รู้ว่าตัวเองจะแก้อาการร้อนหูเพราะความไร้สาระของนรินทร์ได้อย่างไร กฤติจึงทำเพียงแค่พูดปัดออกอย่างที่ทำเป็นประจำเท่านั้น





“อย่าไร้สาระ”

“ผมพูดจริง”





ท่าทีจริงจังของนรินทร์นอกเหนือจากเรื่องงานทำให้กฤติเลือกที่จะนิ่ง อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้บ่อยมากนัก หรือไม่ก็หัวใจของเขาอาจจะเหนื่อยเกินกว่าที่จะวิ่งหนีนรินทร์อีกต่อไปแล้วก็ได้





“ตอนนั้นน่ะ อันที่จริงแล้ว...“มีคนไปเป่าหูน้องนิ้งให้พูดแบบนั้น”

“...”

“ผมจะไม่แก้ตัวให้ลูกเพราะน้องก็พูดแบบนั้นจริงๆ แต่ผมอยากขอโอกาสให้คุณฟังที่แกจะพูดหน่อย”

“...”

“ไม่ต้องฟังผมก็ได้ ฟังลูกผมหน่อยเถอะนะ”





ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ กฤติก็พ่ายแพ้ต่อผู้ชายคนนี้เสมอ





นรินทร์เลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง เขาใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ได้ว่าอะไร เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดเฟสไทม์หาลูกสาวที่น่าจะกำลังเพิ่งเลิกเรียนพิเศษทั้งหมดเสร็จแล้วรอให้เนตรมารับไปบ้านย่า





‘อากฤติ สวัสดีค่ะ’





เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงที่ชายหนุ่มเอ็นดูมาพร้อมกับใบหน้าน่ารักของเด็กประถมที่กฤติไม่ได้เจอหน้ามาหลายเดือน น้องนิ้งยังคงดูน่ารักเหมือนเดิม เพียงแต่หน้าตาของเด็กน้อยไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนกับน้องนิ้งในความทรงจำที่เขาเคยมี





“สวัสดีครับน้องนิ้ง” หัวหน้าหนุ่มรับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายมาถือไว้เองเพื่อที่จะมองหน้าคนด้านในให้ชัด “สบายดีมั้ยครับ?”

‘ไม่เลยค่ะ’ เด็กน้อยพูดตอบกลับมาทันที ‘ทุกวันนี้หนูเปิดเทอมแล้ว การบ้านเยอะมากๆ เลยค่ะ คุณพ่อก็ไม่อยู่ด้วย’

“คุณพ่อมาทำงานแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วครับ”

‘อากฤติกลับมาด้วยได้มั้ยคะ?’





ชายหนุ่มเงียบ เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบเด็กหญิงที่มองมาด้วยแววตาใสซื่อได้อย่างไร





“คงไม่ครับ อาแค่มาทำงานแป๊บเดียว บังเอิญต้องมากับคุณพ่อของหนูเท่านั้นครับ”





กฤติเลือกตอบความจริงออกไป เขาตบท้ายคำพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่คล้ายกับการบังคับกล้ามเนื้อมุมปากให้เปลี่ยนรูปเสียมากกว่า





‘อากฤติกลับมาพร้อมกับคุณพ่อนะคะ’

“...”

‘ตั้งแต่วันนั้นคุณพ่อไม่มีความสุขอีกเลยค่ะ’

“...”

‘นิ้งขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไปนะคะ นิ้งไม่ได้ตั้งใจ นิ้งไม่ได้หมยาความว่าแบบนั้น นิ้งชอบอากฤติมากๆ ชอบที่สุดในโลกเลยค่ะ’

“...”

‘อากฤติไม่โกรธนิ้งได้มั้ย? นิ้งขอโทษค่ะ’



“อากฤติไม่เคยโกรธน้องนิ้งเลยครับ อาเข้าใจ”

‘ตอนนั้นนิ้งกลัว’

“...”

‘นิ้งกลัวเพื่อนล้อ กลัวแปลกถ้าไม่ได้มีพ่อเป็นผู้ชาย แม่เป็นผู้หญิง แบบคนอื่นเขา’





เด็กหญิงยังคงพูดต่อไป ใบหน้ากลมของเด็กหญิงเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่นิ้งพยายามฮึบไว้ คุณพ่อบอกว่าคนเก่งจะต้องไม่ร้องไห้ตอนที่คุณพ่อมาปลอบไม่ได้





‘แต่ตอนนี้นิ้งไม่เอาแล้ว นิ้งแค่อยากได้คุณพ่อกับคุณแม่ที่รักกัน อยากได้คนที่คนที่คุณพ่อรัก’





เด็กหญิงพยายามสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย ใบหน้าเหยเกเหมือนคนที่แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป





‘นิ้งอยากได้อากฤติเป็นอากฤติของน้องนิ้งเหมือนเดิมได้มั้ยคะ?’





กฤติรู้สึกเหมือนมีใครมาจุดพลุเอาไว้ข้างในอก เขาร้อนที่ใบหน้ากับท้ายทอย กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้หน้าจอโทรศัพท์ก็มีน้ำหยดหนึ่งไหลลงมาเปื้อนเสียแล้ว





‘อากฤติไม่ระ.. ฮึก ร้อง.. ไม่ร้องนะ.. ฮึก คะ’





เด็กหญิงในจอเริ่มปล่อยโฮตามเมื่อเห็นว่าคนที่เธอคุยด้วยเริ่มร้องไห้ ตอนนี้เหมือนจะร้องหนักกว่าชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าเสียแล้วด้วย





‘ฮะฮึก … ถึงเพื่อนจะล้อนิ้งก็ไม่สนแล้ว ใครทำอากฤติร้องไห้นิ้งจะต่อยให้หมดเลย ฮือ!’





คำพูดใสซื่อของเด็กประถมคล้ายกับค้อนที่มาทุบกำแพงในใจเขาเสียแหลกละเอียด





เขายอมแล้ว ยอมทั้งหมดแล้ว





มันเป็นความรู้สึกเต็มตื้นเกินบรรยาย เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่บนสวรรค์หรือเปล่า มันเกินที่จะคิดและรู้สึกอะไรอีกแล้ว ทั้งหมดมีเพียงแค่ความรู้สึกอุ่นวาบบริเวณหัวใจเท่านั้น





เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับความรัก





‘ตายแล้วน้องนิ้ง!’ เสียงของผู้หญิงที่กฤติจำได้ว่าเป็นแม่ของเด็กน้อยลอดเข้ามาในสาย ‘เป็นเด็กผู้หญิงไปต่อยตีกับคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกันคะลูก?’

“...”

‘คุณแม่บอกแล้วใช่มั้ยคะว่าเวลาคุณพ่อพูดอะไรที่มันไร้สาระไม่ต้องฟังก็ได้ค่ะ ดูสิเนี่ย ติดอะไรมาก็ไม่รู้แล้ว’

“...”

‘คอยดูนะคะถ้าคุณพ่อกลับมาเมื่อไหร่นะแม่จะดุแน่นอน ทั้งสองคนนั่นแหละ ตัวพ่อโดนหนักเลย ดูสิเนี่ยชอบใช้กำลังจนลูกติดนิสัยต่อยตีมาแล้ว นี่เป็นเลขาหรือเป็นคนบ้ากำลัง น้องนิ้งอย่าไปทำตามนะคะ มันไม่ดี...’





ภาพหน้าจอหายไปเพราะคนตัวสูงด้านหลังแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือของเขาไปแล้วกดวางสาย โดยไม่ใส่ใจว่าตัวเนตรยังบ่นไม่จบหรืออะไร แต่ช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้กฤติไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาซบหน้าลงบน่ามือของตัวเองแล้วร้องไห้ออกมา ความอัดอั้นตันใจหลายปีที่ผ่านมาถูกคลายออกไปหมดแล้ว





“คุณ… ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องร้องแล้วนะ”





สัมผัสอบอุ่นบนศีรษะนั้นเดาไม่ยากเลยว่าเป็นของใคร ภายใต้อากาศติดลบของเยอรมัน มีมือที่อบอุ่นของผู้ชายที่หัวใจเขาร้องเรียกทุกวันลูบหัวเบาๆ เพียงแค่นั้นกฤติก็รู้สึกว่าหัวใจเขาแทบจะเต็มล้นไปด้วยความสุขแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน





“คุณ…”

“พอแล้วครับ”





นรินทร์พูดเบาๆ แต่หนักแน่น เขากอดหัวหน้าตัวเองไว้เหมือนตอนที่กอดลูกสาวตอนที่กำลังร้องไห้ คนตรงหน้าเขานั้นเปราะบางมากกว่าที่เคยเห็น





“ผมจะถามอีกครั้งนะคุณ”

“...”

“มาเป็นครอบครัวของผมนะครับ”





เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ของสองพ่อลูกเท่านั้น หัวใจของชายหนุ่มก็เหมือนได้รับการปลดกลอนออก





ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนโต กฤติตัวคนเดียวมาโดยตลอด ไม่มีครอบครัวให้หันหน้าไปหา ไม่มีคนรักและลูกเล็กๆ แบบที่เพื่อนวัยเดียวกันมักจะมี เขามีเพียงแค่ห้องว่างเปล่าและคู่นอนไม่ซ้ำหน้าในแต่ละสัปดาห์





เขาคิดว่าตัวเองคงจะต้องอยู่คนเดียวตลอดไป





จนกระทั่งนรินทร์เข้ามา ทำให้คำว่าครอบครัวถูกวาดขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็ปล่อยมือจากอีกฝ่ายไปเพียงเพราะไม่ต้องการให้ตัวเองเข้าไปทำลายครอบครัวที่น่ารักของอีกคน





แต่ตอนนี้ครอบครัวของนรินทร์มีที่ยืนสำหรับเขาแล้ว



ที่ที่กฤติต้องการมาตลอด





“คุณ…อยากให้ผมอยู่ในครอบครัวของคุณด้วยจริงๆ เหรอ?”

“ครับ”

“แต่ผม… ผมอาจจะทำมันพัง”

“เราก็ค่อยๆ ซ่อมไปด้วยกันไง” นรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ผมอาจจะทำให้คุณกับลูกทะเลาะกันอีก”

“เราก็เคลียร์กันไงคุณ แบบครั้งนี้ไง อันนี้ก็ซ้อมไว้ก่อน”

“แต่…”

“พอแล้วคุณ จังหวะนี้คุณต้องตกลงแล้วป่าว ผมหนาวเหมือนกันนะเนี่ย มาเล่นตัวอะไรตอนที่อากาศติดลบแบบนี้… โอ้ย!”





 นรินทร์พูดติดตลกอย่างหวังว่าอีกฝ่ายจะหยุดโทษตัวเองเสียที ซึ่งมันก็ได้ผล กฤติผละออกจากอ้อมกอดเพื่อมาฟาดฝ่ามือลงบนแขนของเขาอย่างจัง





เชี่ย เจ็บจริงนะเนี่ย





“ไอ้… ไร้สาระ”

“ครับๆ”





นรินทร์รับคำอย่างยินดี ใบหน้าของอีกฝ่ายรื่นรมย์จนกฤติเผลอยิ้มออกมาบ้าง





“ตกลงเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”





กฤติมองหน้าอีกคน รอยยิ้มกว้างของอีกคนยังประดับอยู่บนใบหน้า หากเป็นปกติเขาคงจะกลอกตาด้วยความหมั่นไส้ แต่ตอนนี้เขากลับทำเพียงแค่ตอบรับอีกคนเสียงดังหนักแน่นเท่านั้น



 

“ครับ”






วันอาทิตย์หลังจากนี้ เขาคงไม่ต้องนอนคนเดียวอีกแล้ว






-------- TBC -------







ยังไม่จบนะแก!

#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 :sad4: ซึ้งมากเลย

น้องนิ้งน่ารักมากค่ะ

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยยยยย ร้องไห้ตามอากฤตกับน้องนิ้ง
ดีใจกับอากฤตจริงๆ ที่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขสักที

พ่อโน๊ตนี่ไม่เคยทำให้คนอ่านผิดหวังเลย
ง้อเก่งงงงงง

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
 :m15: ร้องไห้เลยเราาาาาาาา
ซึ้งงงงงงงงง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนนี้ดีมากกกกกกกกกกกแปแ :sad4:

ชอบการปลดล็อคปมในใจมาก รู้สึกเหมือนเห็นคุณกฤติเลิกทรมานตัวเองแล้ว

อยากให้เขามีความสุขมากๆ  เพราะเขาสมควรได้รับมัน

ไม่มีใครควรทรมานกับโลกห่วยๆ นี้คนเดียวหรอก

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
น้องนิ้งหนูน่ารักจังเลยค่ะ

คินดีกันได้ซักทีน้า

ออฟไลน์ andreyheus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อย่า ฉันกำลังมองหาเพื่อนใหม่ ถ้าฉันสนใจคุณเขียนฉันที่นี่ - www.lovooz.com

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้องนิ้งน่ารักกกกกกกกก ตลกคุณเนตรก็คือคุณเนตร 555555555
ปล่อยวางแล้วนะคะคุณกฤติ มารักกันๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อบอุ่นละมุนละไมสุด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด