Epilogue #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
วันอาทิตย์วนกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนกับวันอื่นๆ ทั่วไป กฤติก็ยังคงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่เช้าเพื่อนั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ ชายหนุ่มนั่งมองกล่องอีเมลที่มีเรื่องด่วนเข้ามาเมื่อวันก่อนแล้วถอนหายใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจทานความเรียบร้อยต่อไป โดยไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบข้าง
“จ้ะเอ๋!”
เอ๋ที่หน้า!
กฤติคิดในใจอย่างหงุดหงิดเมื่อมีคนมาขัดขวางเวลาทำงานอันสงบสุขของเขา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร ผู้ชายที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมทำตัวมีสติเหมือนกับคนทั่วไป
นายนรินทร์คนนั้น
ผู้ชายที่กฤติมองว่าหล่อในตอนแรก กลายเป็นคนบ้าที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วด้วยความหงุดหงิดโมโห เต้นช้าลงด้วยความเหนื่อยใจ ทำให้รัก ทำให้อยากเลิกรัก ทำให้หัวใจเขาร้องไห้ และเป็นคนที่ทำแผลให้อย่างเบามือเช่นเดียวกัน
“ไม่มีอะไรทำเหรอครับ ถึงได้มารบกวนคนอื่นเขาในวันหยุดแบบนี้”
กฤติพูดโดยไม่หันไปมองคนที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลัง โดยนรินทร์เองก็เหมือนจะรู้ ชายหนุ่มไปลากเก้าอี้ใกล้ๆ มานั่งข้างเจ้าของห้องโดยไม่เสียเวลาขออนุญาต
อันที่จริงวันนี้ไม่ได้เป็นวันที่พิเศษกว่าวันอื่นนัก หลังจากที่นรินทร์ตื่นเช้ามาส่งน้องนิ้งลูกสาวคนน่ารักไปเรียนพิเศษเรียบร้อย เขาก็ขับรถมาหาคนรักที่คอนโด
กฤติเป็นคนรักของเขาแล้ว
เขาแทบจะบอกกับทุกคนบนโลกว่าวันนี้มาถึงแล้วจริงๆ หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ไร้สถานะ และความห่างเหินอันทรมานจิตใจ ตอนนี้พวกเขาเป็นคนรักกันโดยสมบูรณ์แบบแล้ว และนรินทร์บอกไว้ตรงนี้ว่าอีกกี่สิบอาเอิร์ธหรือไอ้เหี้ยภูภูมิก็จะไม่สามารถทำให้พวกเขาสองคนเลิกกันได้
เมื่อมองย้อนกลับไปมันก็ออกจะน่าประหลาดใจอยู่เหมือนกัน ใครจะไปนึกฝันว่าหัวหน้าแผนกที่พูดคุยกันบ่อยๆ เฉพาะแค่เวลาเอางานไปให้แก้ กลับกลายมาเป็นครอบครัวอีกคนหนึ่งที่ขาดหายไป
“หิวหรือยังครับ?”
เสียงที่ดังขึ้นมาดึงนรินทร์ออกจากห้วงความคิดของตัวเอง คนรักของเขาถามขึ้นมาเรียบๆ ทั้งที่ตายังคงมองงานตรงหน้าอยู่เหมือนเดิม
“หิวคุณ”
“ผมแจ้งความได้นะครับ”
“แฟนกันตำรวจไม่รับแจ้ง”
“แต่ HR รับฟังผมนะครับ”
“โหยคุณง่ะ...”
นรินทร์โอดครวญโดยที่กฤติทำเป็นไม่สนใจ แต่ใบหน้าเรียบนิ่งมีรอยยิ้มมุมปากบางๆ ปรากฏขึ้นมา ทั้งที่เป็นรอยยิ้มเบาบางแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว ลึกๆ ในใจ กฤติก็รู้สึกว่าพักหลังตัวเองยิ้มเยอะเกินไปจนรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองจะมีรอยก่อนวัยที่หางตา
ต้องโทษเลขาแล้วมั้ย ที่ดันทำให้เขาแสดงอารมณ์บ่อยเกินไปจนเป็นแบบนี้
“ตกลงหิวหรือเปล่า?” กฤติถามย้ำอีกครั้ง
“ผมกินคุณได้เหรอ?”
“...”
“โอเค ข้าวเนอะข้าว อย่าเพิ่งมองเหมือนจะฆ่ากันแบบนั้น ใจเย็นก่อนคุณ”
คุณพ่อคนเก่งยกมือขึ้นมาชูเป็นสัญลักษณ์แห่งการยอมแพ้ กับคนนี้ยอมทั้งหมดนั่นแหละ อะไรก็ยอม ยอมให้ทั้งชีวิตนั่นแหละ
“มีของสดในตู้เย็น อยากกินก็ไปทำเอง”
เจ้าของพูดแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงไปสนใจงานตัวเองต่อ โดยมีเสียงของผู้มาเยี่ยมฮัมเพลงหายไปในทางโซนครัว
หากพูดกันตามตรง กฤติไม่เคยคิดว่าเขาจะมีของสดในตู้เย็นเอาไว้ เดิมทีเขาซื้อห้องนี้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย นอนห้องตัวเองบ้างนอนที่อื่นบ้าง ทุกอย่างวางเป็นระเบียบราวกับห้องตัวอย่างจากนิตยสารแต่งบ้าน
ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เสื้อผ้าของพวกเขาสองคนกองอยู่ในตะกร้ามุมหนึ่ง มีหนังสือที่อีกคนอ่านค้างไว้วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ กับกองหนังสืออ่านเล่นของเขา อีกมุมหนึ่งมีต้นไม้เล็กๆ ที่นรินทร์ซื้อมาจากตลาดรถไฟตอนที่ไปเดินด้วยกันเดือนก่อน คงไม่ต้องบอกว่าตอนนี้ผ้าปูที่นอนของเขากลายเป็นลายคิตตี้ที่เจ้าตัวโม้หนักหนาว่าซื้อของแท้มาใส่ให้ นอกจากนั้นที่ตู้เย็นยังมีสติกเกอร์รูปฉลามที่น้องนิ้งชอบติดเอาไว้ด้วย
ดูยังไงก็ต่างจากเดิมราวฟ้ากับเหว
หากให้นิยามจริงๆ แล้วล่ะก็ กฤติรู้สึกว่าตอนนี้ห้องเขาดูเหมือนเป็น ‘บ้าน’ จริงๆ
บ้านที่ไม่ได้มีเอาไว้แค่นอน
บ้านที่มีไว้เพื่ออาศัยอยู่… กับครอบครัว
“คุณ ผมจะทำข้าวผัดหมูไข่ดาว ผมทำเผื่อคุณด้วยนะ”
เสียงตะโกนจากในห้องครัวเรียกให้กฤติหันไปมอง คนตัวโตที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีเขียวเรืองแสงพูดขึ้นมา ใบหน้าหล่อมีเหงื่อให้เห็นประปราย
“ไม่ครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
“คุณทำไม่อร่อย”
“...”
กฤติแอบอมยิ้มเมื่อเห็นอีกคนหน้าเสีย
“ล้อเล่นครับ ทำมาเถอะ เดี๋ยวผมกินด้วย ผมไม่ได้ชอบกินของอร่อยอะไรขนาดนั้น”
“...”
“ผมแค่ชอบกินข้าวกับคุณ”
นรินทร์ที่เหมือนเมื่อกี้ถูกผลักตกน้ำตายฟื้นขึ้นมาทำหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสทันที
“ผมชอบกินคุณนะ”
“...”
“อันนี้ไม่ล้อเล่นด้วย”
ไอ้บ้านี่!
เมื่อทำให้กฤติหน้าบึ้งได้อีกฝ่ายก็เหมือนจะสมความปรารถนาอะไรบางอย่างในจิตใจ นรินทร์ในผ้ากันเปื้อนเดินเข้ามาหอมแก้มเจ้าของห้องหนึ่งที (แน่นอนว่าโดนฟาดกลางหลังกลับไปดัง อัก!) ก่อนที่จะเดินร้องเพลงเสียงดังกลับเข้าไปในครัวเหมือนเดิม
กฤติถอนหายใจก่อนที่จะก้มหน้ามองงานของตัวเองเหมือนเดิม ด้วยรอยยิ้มกว้างที่ประดับอยู่บนใบหน้า เขาไม่เคยรู้สึกว่าวันอาทิตย์ที่ทั้งเขาและนรินทร์ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในบ้าน ต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเองไป มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นขนาดนี้
กฤติคิดว่าตัวเองไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
แค่เพียงมีคนที่รักนอนอยู่ข้างกันในทุกๆ วันอาทิตย์แบบนี้ต่อไปก็พอ
------- THE END -------
(ยาวมาก ข้ามได้นะคะ 555)
ในที่สุดวันอาทิตย์ของนายนรินทร์ นิ้วกลาง กับคุณกฤติก็ดำเนินมาถึงตอนจบแล้วนะคะ <333
สำหรับเรา ทุกตัวละครในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่คาแรคเตอร์ในนิยายเฉยๆ สำหรับเรา เรามองเขาเป็นคน เราเล่าเรื่องของพวกเขา ตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้มีชีวิต (และหลายตัวก็เอาต้นแบบมาจากคนที่เคยเจอในชีวิตจริง)
เราสนุกกับการเขียนนิยายเรื่องนี้มาก และหวังว่าคนอ่านจะมีความสุขในการอ่านเรื่องนี้อย่างที่เราแฮปปี้ในตอนเขียนนะคะ
จะพูดอีกครั้ง เราขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่กับเรามาเป็นเวลาเกือบ 7 เดือน
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน คอมเมนต์ ติดแท็ก หรือแม้กระทั่งทักทายในเราช่องทางส่วนตัวทุกช่องทางนะคะ เป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมจริงๆ ค่ะ (สารภาพว่าแค็ปเก็บไว้เป็นอัลบั้มเลย 555)
ตอนที่เขียนเรื่องนี้ มีหลายครั้งมากๆ ที่เราเขียนๆ ไปแล้วตัน ท้อ ด้วยปัญหาส่วนตัว ทั้งเรื่องงานและเรื่องสุขภาพ
จนบางครั้งเขียนช้าลงช้ากว่าที่ตั้งใจไว้มาก บ่อยครั้งที่มีคำผิดในนิยายจากความรีบร้อนของเรา เราต้องขอโทษทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ จะนำไปปรับปรุงตอนที่ลงเรื่องใหม่นะคะ
ขอบคุณมากจริงๆ แล้วพบกันใหม่ในเร็วๆ นี้ค่ะ
ขอให้เป็นวันที่ดีนะคะ
Baby Baphoment
8th May 2019