◑
คุ ณ ไ ม่ ต ร ง ป ก
ตอนที่ 8 : จูบ
_________
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยความงัวเงีย เขาจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่าในตอนนี้บนเตียงมีเพียงความว่างเปล่าและเงาของผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ระเบียง
ภัทรรีบอาบน้ำแต่งตัวให้แล้วเสร็จก่อนจะจัดการตารางงานของเจ้านายในทันที โน๊ตบุ้คที่นำมาด้วยกางไว้ยังโต๊ะทำงานมุมหนึ่งของห้อง สองมือพัลวันบนแป้นพิมพ์เพื่อนัดหมายและตรวจสอบกระบวนการประชุมของวันนี้
“ตื่นแล้วหรอครับ”
“ครับ”
“อรุณสวัสดิ์” อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอารมณ์ดี วางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะกลางหน้าโซฟาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เขามองตามแม้สายตาจะไม่ค่อยโฟกัสมากเท่าไหร่ เมื่อเห็นดังนั้น ภัทรจึงรีบจัดเตรียมชุดสูทสีดำสนิทไว้ยังราวแขวนเพื่อให้อีกฝ่ายได้สวมใส่ โชคดีที่พนักงานของโรงแรมนำมาให้จากร้านซักรีดตั้งแต่เมื่อคืนวาน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรีบมากนักในยามเช้า
รูมเซอร์วิสที่สั่งไว้มาถึงก่อนหน้าคีรติอาบน้ำเสร็จไม่กี่นาที เขาจัดแจงโต๊ะอาหารให้แล้วเสร็จก่อนจะหันมองคนที่เดินออกจากห้องน้ำ
“ขอบคุณครับ” คนตัวสูงเอ่ยขอบคุณเมื่อเขาเตรียมชุดไว้ให้ ภัทรยิ้มตอบก่อนจะนั่งลงยังโต๊ะทำงานที่เก่า ได้รับอีเมลชี้แจงเรื่องสถานที่และหัวข้อการประชุมฉบับอัปเดทส่งมาให้ เขาอ่านมันคร่าวๆ ก่อนจะรายงานแก่เจ้านายที่กำลังเซตผมบริเวณหน้ากระจก
คีรติปาดเจลลงบนมือเล็กน้อย ถูฝ่ามือเข้าหากันแล้วใช้นิ้วสางเส้นผมสีดำขลับไปด้านหลัง เจ้าตัวเอียงหน้าให้ได้องศาเพื่อสำรวจผมทรงใหม่ ตวัดปรอยผมที่ร่วงหล่นขึ้นอีกครั้งและขยำฝ่ามือลงไปอีกรอบ
ภัทรมองตามทุกจังหวะการเคลื่อนไหวจนคีรติหันมามองเมื่อรู้ว่าโดนจ้อง เขายืดตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่จะบอกอีกฝ่ายแต่กลับลืมมันไปจนหมด
“คือ...สักครู่นะครับ”
เสียงหัวเราะดังตามมา ภัทรไล่รายการที่เขาต้องย้ำอีกครั้งก่อนจะหันกลับมามอง
“ทางฝ่ายคอนซัลท์เขาจะชี้แจงขอบเขตและชี้แจงรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก่อน โดยจะรวมถึงปัญหาและมาตรการการแก้ไข จากนั้นจะต่อด้วยแผนการพัฒนาที่ดินในช่วงระยะยาวของโครงการครับ”
“อืม มีอะไรอีกไหม”
“คุณเล็กจะกล่าวถึงผลสำรวจปริมาณการซื้อขายในไตรมาสที่ 2 เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นช่วงหารือเกี่ยวกับแผนงานต่อไป”
“แค่นี้ใช่ไหม”
“ครับ”
“แล้วเยี่ยมชมงานของโครงการที่แล้วล่ะ ไม่ได้มีอยู่ในตารางหรอ? ผมจำได้ว่าน่าจะเป็นวันนี้”
“หลังจากประชุมเสร็จครับ ถ้ายังพอมีเวลาเหลือ” คีรติพยักหน้า นั่งลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะเริ่มทานมื้อเช้าโดยไม่ลืมจะชักชวนเขา ภัทรปฏิเสธออกไปเพราะตัวเองรองท้องด้วยขนมปังก้อนใหญ่จนอิ่มเสียก่อน
“งั้นภัทรรอผมที่ห้องรับรองแล้วกัน เลขาคุณเล็กเป็นคนประสานงานนี้ เขาคงจะรู้รายละเอียดมากกว่า”
“ได้ครับ”
ภัทรจัดแจงเอกสารและเตรียมของต่างๆวางไว้ในตอนที่รอคีรติทานมื้อเช้า ไม่นานเราทั้งคู่ก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ประชุมโดยมีรถเก๋งคันสีดำมารับที่ด้านหน้าของโรงแรม คีรติเปิดประตูและผายมือให้เขาเข้าไปก่อน จากนั้นตัวเองจึงตามมานั่งที่เบาะหลัง บนรถเงียบกริบ คนด้านข้างเลิกแขนเสื้อแล้วดูนาฬิกาก่อนจะหันมาหา
“ช่วงเช้าอาจจะเบื่อหน่อย ไว้ตอนเย็นจะพาไปดูงานแทนแล้วกันนะ”
“คุณคีจะพาภัทรไปด้วยหรอครับ?” ร่างโปร่งตกใจเล็กน้อย เพราะปกติแล้วเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากรอรับคำสั่งเพียงอย่างเดียว
“ครับ” อีกคนเว้นช่วงก่อนจะอมยิ้ม “พาไปเปิดหูเปิดตา”
/
ถึงแม้จะดีใจไม่น้อยที่ได้ยินคีรติบอกแบบนั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆ ภัทรกลับรู้สึกอยากกลับไปนั่งทำงานในห้องรับรองเสียมากกว่า
เพราะการมาเดินกับประธานบริษัทที่มีแต่คนจับจ้องทำให้เขาต้องตกเป็นเป้าสายตาไปด้วย
มือเล็กดันแว่นบ่อยครั้งจนเจ้าตัวนึกรำคาญ ขอบคุณเส้นผมที่ยาวระกรอบหน้าทำให้สามารถพรางตัวได้แนบเนียนอีกสักหน่อย เขาพยายามยืนด้านหลังพี่เล็กอยู่ตลอด ทำตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นเพราะเกรงว่าจะมีคนรู้จักผ่านเข้ามาแถวนี้
เวลาร่วมชั่วโมงที่ทำเอาใจเต้นแรงอยู่ตลอดจบลงที่ห้องโถงขนาดใหญ่พร้อมกับอาหารว่างมากหน้าหลายตา ภัทรถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่มุมหนึ่งข้างผ้าม่านสีน้ำตาลเข้ม เช็ดเหงื่อบริเวณขมับพลางพิงตัวเข้ากับกำแพงด้านข้าง
ไม่คิดเลยว่ามันจะเหนื่อยขนาดนี้
เขาปล่อยให้คีรติได้เสวนากับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาด้วยโดยทิ้งระยะห่างเอาไว้หลายช่วง พี่เล็กเข้ามาตบบ่าให้กำลังใจพลางหัวเราะปนขำก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง สงสัยจะคิดว่าเขาตื่นผู้คน อีกฝ่ายเลยไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก ภัทรมองออกไปรอบๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหยิบน้ำหวานมากินเพื่อเพิ่มพลังงานที่หายไป
“!!!”
“ขอโทษครับ”
แต่จู่ๆ เขาก็โดนรั้งแขนไว้จากใครสักคนที่อยู่ด้านหลัง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แต่มันช่างแตกต่างจากอีกคนที่ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับเอ่ยประโยคทักทายที่เขารู้สึกน่ากลัวมากที่สุดในรอบปี
“ภัทรจริงๆด้วย”
เขาไม่ตอบ สายตามองไปรอบๆด้วยความกังวลที่เก็บไว้ไม่อยู่
“มาทำอะไรที่นี่หรอ”
“ปล่อย” แขนเล็กพยายามบิดออกจากการเกาะกุม แต่ถึงอย่างนั้น
ธนกฤษก็ยังไม่ปล่อยให้เขาออกจากพันธนาการได้โดยง่าย
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” อีกคนพูดพลางจ้องหน้าเขาแล้วยิ้ม เป็นยิ้มที่ภัทรรู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง เขาแน่นิ่งไปชั่วครู่จนคนที่อยู่ด้านข้างแปลกใจ อาศัยจังหวะหนึ่งใช้แรงทั้งหมดที่มีสะบัดแขนจากมือใหญ่แล้วสาวเท้าเดินออกมาในทันที
“ภัทร!!”
คนโดนเรียกหลับตาปี๋ เอาแต่มองพื้นในตอนที่ก้าวไปให้ไกลที่สุดกับต้นเสียง และภัทรก็ต้องสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สองเมื่อแรงรั้งจากข้อมือมันเกิดขึ้นอีกครั้ง
“!!!”
“คุณเป็นอะไรไหม!?”
ภัทรหลับตานิ่ง หอบหายใจแม้จะยังไม่ลืมตาขึ้นมาเพราะเขารู้ดีว่าคนตรงหน้านั้นเป็นใคร นิ้วโป้งลูบไล้แขนเขาช้าๆเพื่อปลอบประโลม มืออีกข้างลูบหลังแผ่วเบาบ่งบอกว่าคนตัวสูงนั้นยังไม่หายไปไหน
“รู้จักกับเขาหรอ?”
ร่างโปร่งส่ายหัว นานกว่าจะลืมตาและหาเสียงของตัวเองเจอ
“ไม่ครับ ภัทรไม่รู้จักเขา เขาแค่ทักคนผิด”
เขาพูดรัวกลัวว่าอีกคนจะเข้าใจผิด คีรติพยักก้มลงมองด้วยความเป็นห่วง แม้ทุกอย่างจะกลับมาเป็นดังเก่า แต่ใจที่เต้นรัวมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“แต่เขาดู ̶”
“คุณคีครับ!” เสียงแหบแห้งรีบเอื้อนเอ่ยก่อนคำถามจะถูกส่งให้มากกว่านี้ “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ภัทรขอกลับห้องก่อนนะครับ”
เหมือนคีรติก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรต่อ อีกฝ่ายจึงได้แต่ปล่อยให้เขาเดินจากมาและไม่ลืมที่จะบอกลาเมื่อหันหลังกลับ
“เจอกันที่ห้องนะ”
“ครับ ภัทรขอไปรอที่ห้อง”
เขาบอกลาด้วยความเลื่อนลอย เพราะในหัวมีแต่ภาพผู้ชายอีกคนเข้าทาบทับภาพเจ้านายเป็นที่เรียบร้อย
ภาพของ
ธนกฤษที่ยังวนเวียนอยู่ตลอดเวลา และถ้าจะให้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงกังวลมากขนาดนี้ ภัทรก็คงจะตอบได้ว่า เท่าที่ใช้ชีวิตมาคู่ขาของเขาแต่ละคนไม่มีทางกลับมาแบบธรรมดาๆอย่างแน่นอน
/
การนับแกะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแม้จะยากลำบากสักแค่ไหน หลังมื้อเย็นจากร้านอาหารที่คีรติพาไปแล้ว ภัทรก็พยายามคัดค้านทุกอย่างที่อีกฝ่ายเสนอให้ จนตอนนี้บรรยากาศแปลกๆที่ก่อตัวขึ้นระหว่างเขาและอีกฝ่ายนั้นเพิ่มขึ้นแม้กระทั่งภัทรเองก็แทบจะไม่รู้ตัว
คนตัวสูงนิ่งเงียบตลอดหลังกลับมาที่ห้อง ไม่มีบทสนทนาใดๆระหว่างพวกเขา มีเพียงความเงียบและสายตาที่เราใช้เพื่อสนทนาโดยไม่มีเสียง มือเล็กวางทาบไว้กับหมอนไม่กล้าแม้จะขยับเพราะเจ้าของมันเพิ่งรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
เป็นเพราะเขาเองที่กังวลมากเกินไปจนเผลอทำให้คีรติหงุดหงิด
ภัทรเดาว่าน่าจะเป็นแบบนั้น
“คุณคีครับ” เสียงพูดแผ่วเบาแทรกผ่านความเงียบ รอบข้างมืดสนิทเพราะสายตายังไม่ชินไปกับมัน
“…”
“คุณนอนแล้วหรอ?” ภัทรถามย้ำเป็นรอบที่สอง ได้ยินเสียงขยับตัวดังตามมาก่อนอีกฝ่ายจะตอบกลับ
“ผมยังไม่นอน”
หลังจากคำตอบที่ได้ คนตัวเล็กก็เงียบไปเสียนาน
“ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะครับ” เขาเม้มปาก หวั่นใจกับประโยคต่อไปที่จะได้รับ
“ครับ” แต่คีรติกลับตอบเพียงแค่สั้นๆแล้วเงียบไปอีกครั้ง ภัทรเริ่มร้อนรนมากกว่าเดิม เขาไม่ใช่คนชวนคุยเก่ง เขาง้อคนไม่เป็นแต่ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องง้อคีรติ
ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะพังไม่เป็นท่า
“คุณเคยไปร้านนั้นมาก่อนหรอครับ”
“เปล่า”
“แต่อร่อยจริงๆนะครับ ภัทรทานสลัดผักไปตั้งเยอะทั้งๆที่ปกติไม่กินผักเยอะขนาดนี้ ยำแซลม่อนก็อ ̶”
“ภัทร” อีกคนขัดจังหวะประโยคยาวจนคนพูดใจเสีย เหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่ฝ่ามือจนต้องกำแน่นไว้กับหมอน
“ครับ”
“นอนได้แล้ว”
คีรติพูดเสียงแข็ง เมื่อเป็นเช่นนั้น ความลังเลใจในการจะหันหลังกลับเพื่อประชันหน้าโดยตรงก็หายไปจนหมด เหลือเพียงความกล้าเข้ามาแทนที่ในตอนที่ภัทรพลิกตัวมาอีกฝั่ง แต่สิ่งที่เห็นมีเพียงแผ่นหลังของคนที่นอนอยู่ มือเล็กค้างกลางอากาศเพราะไม่กล้าเรียกคีรติเป็นครั้งที่สอง แต่สุดท้ายเขาก็แพ้ใจตัวเองแล้วทาบทับมันมือลงไปในที่สุด
“ขอคุยด้วยหน่อยสิครับ”
คีรติเหลือบมองเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น โคมไฟหัวเตียงสว่างวาบให้ความสว่างเพียงนิดในตอนที่อีกคนหันกลับมา แสงสีส้มของมันทำเขาหยีตา รีบคว้าแว่นขึ้นมาใส่เพื่อปกปิดใบหน้าแล้วตั้งใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจให้คนที่นอนเท้าแขนได้ฟัง
“ภัทรขอโทษที่เงียบใส่คุณเมื่อตอนเย็น” เขาเม้มปากแล้วพูดต่อ “ภัทรไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะครับ ขอโทษที่ทำให้คุณหงุดหงิดไปด้วย”
ใบหน้าหล่อเหลายังเรียบเฉยและไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆจนภัทรต้องเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของคนข้างกายไว้ ช้อนตามองเพื่อออดอ้อนและนั่นก็ทำให้ใครบางคนใจอ่อนลงได้บ้าง
“รู้ไหมว่าอะไรที่ผมไม่ชอบมากที่สุด” คีรติตอบกลับมาในทันที
“...”
“การที่คุณไม่ยอมพูดและปล่อยให้ผมได้แต่ไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นทำอะไรผิด”
“คุณคี”
“หรือคุณกำลังอึดอัดกับเรื่องของเรางั้นหรอ?” สีหน้าอีกคนมีแต่คำถาม ภัทรเบือนสายตาไปด้านข้างไม่อยากเห็นความผิดหวังที่ส่งให้
“ภัทรไม่ได้อึดอัด”
“แล้วคุณเป็นอะไร”
“ภัทร...” เสียงเขาเงียบหายเมื่อข้อแก้ตัวไม่ได้ตระเตรียมไว้ตั้งแต่แรก เมื่อเป็นดังนั้น ร่างกายจึงขยับเข้าไปใกล้โดยอัตโนมัติพร้อมกับมือที่โอบรอบเอวอีกฝ่าย เขาซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่ง ฝังจมูกมนจนได้กลิ่นหอมอ่อน เอื้อนเอ่ยถ้อยคำโกหกที่ตัวเองไม่อยากจะพูดมันออกไปเลยสักนิด
ขอโทษจริงๆที่ต้องทำแบบนี้
แต่เขาไม่มีทางเลือก
“ภัทรแค่กังวลว่าตัวเองจะทำอะไรผิดพลาดไปแค่นั้นเองครับ” เขาเว้นช่วง “กังวลว่าจะทำให้งานคุณเสียไปด้วย กังวลมันหมดทุกอย่างจนเครียด”
และกังวล...กลัวว่าจะมีใครบางคนเข้ามาจนทำให้ความสัมพันธ์มันเปลี่ยนคีรติก้มลงมองคนที่กอดตัวเองแน่น แววตาเสียใจและทุกอย่างส่งผ่านมาจนสามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องย้ำอีกครั้ง กำแพงที่อยู่ในใจพังทลายลงเมื่อภัทรกำลังอ้อนเขาอย่างหนักอย่างคนรู้สึกผิด คนตัวสูงถอนหายใจก่อนจะเลื่อนมือขึ้นกอดอีกคนกลับ
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
คนที่อยู่ในอ้อมกอดขยำเสื้อเขาจากทางด้านหลัง แขนแกร่งออกแรงเพื่อกอดอีกฝ่ายได้แน่นขึ้น ลูบศีรษะเพื่อปลอบโยนก่อนภัทรจะผละตัวออก
“ขอโทษนะครับ”
“วันหลังอย่าเป็นแบบนี้อีกก็พอ” เขาตอบ สองมือยังทาบทับเข้ากับส่วนโค้งเว้าบริเวณเอว ไม่ทันได้เตรียมใจภัทรก็ค่อยๆเลื่อนตัวขึ้นแล้วให้คำมั่นสัญญา
“คราวหลังภัทรจะไม่งี่เง่าอีก”
สายตาสองคู่สบประสานพร้อมกับมือเล็กที่ทาบทับมือใหญ่ให้มันกดเข้าที่เอว ก่อนเจ้าตัวจะเลื่อนมือมาคล้องคอเขาไว้ คีรติพลิกตัวอีกฝ่ายลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว ใช้ขาแยกขาเรียวออกแล้วแทรกตัวเข้าหาจนแนบชิด ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่เพียงคืบ ลมหายใจที่รินรดร้อนผ่าวจนเป็นคีรติเองที่ทนไม่ไหว
“อืมม”
ริมฝีปากหยักที่ทาบทับสัมผัสอย่างแผ่วเบาในตอนแรก คลอเคลียอยู่ไม่ห่างพร้อมกับลิ้นร้อนที่ถูกส่งออกมาไล้เลียโดยรอบ ภัทรใช้ลิ้นตอบรับทุกจังหวะได้เป็นอย่างดีจนลืมไปว่าตัวเองกำลังเล่นเกมหัวใจอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจเพราะเจ้าของร่างใหญ่ก็ไม่คิดจะผ่อนปรนจังหวะให้เช่นกัน
ลิ้นเล็กตวัดเกาะเกี่ยวไปตามแรงอารมณ์ที่เริ่มมากขึ้น มือขยุ้มเส้นผมของคนด้านบนแล้วบังคับศีรษะให้ได้องศา คีรติใช้ฟันกัดรอบริมฝีปากบางอย่างจงใจ ครางในลำคอแผ่วเบาเมื่อการตอบรับจากอีกฝ่ายมันดีเสียจนไม่มีที่ติ
เห็นหน้าใสๆ แต่ใครจะไปรู้ว่า
จูบเก่ง
ร่างกายเราแนบชิดไปทุกสัดส่วน ความต้องการที่พยายามห้ามไว้พังทลายลงเพราะคนตัวเล็กเล็กบดเบียดร่างกายเข้าหา มือเขาลูบไล้ไปตามสัดส่วนได้รูปของอีกคนอย่างสำรวจ ภัทรบิดเร่าจากสัมผัสมือใหญ่ที่ได้รับ จูบที่มอบให้เริ่มกลายเป็นร้อนแรงเพราะไม่มีใครคิดจะยอมแพ้ให้กับรสชาติแสนหอมหวาน
มือใหญ่บีบเค้นสะโพกด้วยความใคร่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ขาเรียวตั้งชันขึ้นเพื่อต้อนรับ เขาหัวเราะในลำคอจากกิริยาที่ไม่เคยเห็นจากตัวเลขาคนโปรดก่อนจะใช้มือจับขาข้างนั้นแนบเข้าลำตัว กัดริมฝีปากล่างของคนด้านล่างก่อนจะละเลงลิ้นลงไปอีกรอบ
สงสัยของดีที่เก็บไว้ต้องงัดมาใช้ตั้งแต่ครั้งแรก
สติภัทรเริ่มเลือนรางเพราะความต้องการเขามากเกินขีดจำกัด เพียงแค่จูบบางเบาจากคนตัวสูงก็ทำให้ตัวอ่อนระทวยได้โดยง่าย สองมือที่กำแน่นเข้ากับผ้าปูที่นอนคลายออก ก่อนจะพลิกตัวคีรติให้เป็นฝ่ายนอนอยู่ด้านล่างตามสัญชาตญาณของ
นักล่าร่างเล็กยืดตัวขึ้นตรง มือเริ่มสะเปะสะปะไปจนทั่ว และก่อนที่ภัทรจะได้ทำอะไรไปมากกว่าเก่า มือใหญ่ก็จับเข้าที่มือเขาที่กำลังจะล้วงเข้าไปใต้กางเกงนอนที่สวมใส่
“!!!”
เหมือนอีกคนช่วยเรียกสติว่าตอนนี้เขาอยู่ในร่างเลขาแสนใสซื่อ ภัทรจึงได้นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น หน้าอกของคนที่คร่อมด้านบนหอบหายใจหนัก เขาใช้สองมือปิดใบหน้าไว้ก่อนจะขยับออกแต่คีรติกลับรั้งไว้พร้อมกับเอ่ยถาม
“ถ้าคุณอยากต่อ ผมก็ต่อได้” อีกฝ่ายพูดพลางลูบหลังเขาแผ่วเบา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ภัทรให้ความสำคัญมันมากเท่าไหร่ เจ้าตัวส่ายหัวทำให้คนที่นอนด้านล่างรุ้คำตอบของเรื่องบนเตียงในคืนนี้เป็นอย่างดี
“โอเคครับ”
“ภัทรไม่ได้รังเกียจคุณ”
“ผมเข้าใจ”
ไม่ใช่เพราะความร้อนรนกลัวว่าอีกฝ่ายจะถูกจับได้หรอกที่ทำให้เขาปฏิเสธ แต่เป็นสิ่งที่ภัทรลืมทำทั้งแต่ตอนที่มาถึงภูเก็ตแล้วต่างหาก
“ภัทรขอโทษนะครับ”
ขอโทษที่ทำให้คืนนี้มันจบลงแบบนี้
และขอโทษ...ที่เขาไม่ได้พกของสำคัญติดตัวมาด้วย
ของสำคัญที่เป็นไซส์ที่พอดีกับของอีกฝ่าย
คีรติจับสองมือนั้นออก บังคับให้เขานอนลงข้างกายก่อนจะกอดเอาไว้แน่น
“ไม่ยกโทษให้ได้ไหม” เขาเงียบ ไม่รู้จะต้องพูดอะไรต่อจากนั้น เพราะนอกจากความเสียดายมันยังมีความเสียใจที่คีรติก็ไม่พกมาเหมือนกันจากการค้นหาสัมภาระของอีกฝ่ายตั้งแต่วันแรก
คงเพราะไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าเขาจะมาอยู่ด้วยในสถานการณ์แบบนี้
“ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงเสียใจ” ภัทรเอ่ยตอบ รีบสูดกลิ่นหอมเข้าปอดเมื่อกอดอีกฝ่ายกลับไป
“งั้นภัทรคงต้องเสียใจมากแน่ๆ”
“...”
“เพราะทั้งหมดผมจะเก็บไว้ลงโทษคุณทีเดียว”
คนตัวเล็กเม้มปาก มองเห็นคีรติยกยิ้มชอบใจเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นดังนั้น สองมือจึงโอบรอบลำคอแกร่งก่อนจะเอื้อนเอ่ยสิ่งที่ต้องการให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“คุณคีครับ”
เพราะเขาเองนั้นได้แต่เฝ้ารอมันมาตั้งนานแล้ว
“...”
“จูบอีกรอบได้ไหมครับ”#คุณไม่ตรงปก
291118
before30october
ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะจูบ
แต่แต่งไปแต่งมา จูบก็ดีเหมือนกันเนาะ :-)