ตอนที่ 24
“พี่วิน ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ” ผมพยายามจะอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ลิ้นของผมมันก็พันกันจนจุกปากไปซะฉิบ ส่วนหนึ่งก็เพราะจำนนด้วยหลักฐานคาตาซึ่งผมก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้เลย ว่าทำไมผมกับพี่กรถึงได้อยู่ในสภาพเหมือนผัวเผลอมาเจอชู้อย่างนี้ T_T
พี่วินไม่พูดสักคำ มีเพียงตายตาโหดๆ ปนกับแววผิดหวังในตัวผมส่งมาเท่านั้นเอง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยวครับพี่” ผมร้องเรียกแล้วก็แกะมือพี่กรออกพร้อมกับ แต่แกะยากชิบหายยยยยยย จนสุดท้ายผมต้องยกตีนตัวเองขึ้นถีบตัวพี่กรออกไปนั่นแหละ พี่แกถึงได้งัวเงีย ทำท่าหนาวแอร์แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามแบบชวนให้ถีบอีกรอบ “อ้าว เหนือถอดเสื้อพี่เหรอ”
ผมไม่ว่างตอบคำถามพี่กรหรอกครับ วิ่งออกห้องตามคนเข้าใจผิดไปอย่างเร่งด่วน แต่ไม่ทันแล้วครับ พี่วินลงลิฟต์ไปแล้ว แล้วพอผมวิ่งลงบันไดไปจนถึงข้างล่างก็ไม่เจอตัวเขาแล้วครับ ตามไปที่คอนโดของพี่วินก็ไม่เจอ รอเกือบชั่วโมงก็เลยกลับมาแมนชั่นตัวเอง
ผมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านข้อความแล้วส่งไปทางไลน์ แค่เห็นว่าเขาเปิดอ่านแล้วก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อความตอบกลับมาเลยก็ตาม
วางมือถือลงข้างตัวแล้วก็มองเจ้าตัวต้นเหตุที่กำลังหลับอุตุไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ตรงขอบเตียงจะตกมิตกแหล่อยู่ละ แต่ก็ช่างแม่งพี่เถอะครับ
นั่งเครียดเงียบๆ คนเดียวอีกเกือบชั่วโมง พี่กรก็ขยับตัวแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง
“เมื่อคืนเหนือพาพี่กลับมาเหรอ ขอบใจนะ”
คนพูดไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าผมต้องเจอกับมรสุมลูกใหญ่มากกกกกกกกกกก
ผมปรายตาเคืองๆ ส่งให้เป็นการตอบสนอง แล้วก็นั่งกลุ้มต่อไป
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้ายังกะท้องผูก” พี่กรว่าพลางก็สวมเสื้อตัวเองไปด้วย
“เมื่อกี้พี่วินมาครับ” ผมบอก
“แล้ว?”
“ก็เห็นผมกับพี่นอนด้วยกัน คงเข้าใจผิดไปไหนต่อไหนอ่ะครับ ผมตามไปที่คอนโดก็ไม่เจอ”
“ปกติมันก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรือเชื่ออะไรแบบที่เห็นแค่ผิวเผินนะ แล้วมันก็รู้ดีว่าพี่ไม่ทำอะไรแฟนมันหรอก”
ดูดู๊ พูดออกมามั่นใจเหลือเกินอ่ะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเพื่อนพี่งอนแรงมากเลยนะครับ
“คือว่าเขาเห็นเรานอนถอดเสื้ออยู่ด้วยกันบนเตียงอ่ะครับ” ผมขยายความ
พี่กรนิ่งไป ก่อนจะรำลึกความจำออกมาได้ “อ๋อ เมื่อคืนพี่ลุกมากินน้ำ แล้วพี่ก็เตะโดนอะไรไม่รู้บนพื้น น้ำก็เลยหกโดนทั้งพี่ทั้งเหนืออ่ะ แต่เราหลับลึกมากนะ พี่ก็เลยถอดเสื้อให้เราด้วย พี่ก็เมาๆ อ่ะ ไม่รู้จะเอาเสื้อตัวใหม่จากไหนก็เลยนอนทั้งแบบนั้น”
แล้วทำไมตอนพี่วินมาไม่บอกวะ
“เดี๋ยวพี่อธิบายให้มันเข้าใจเองนะ”
ได้ยินอย่างนั้นผมรู้สึกโล่งขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังหน่วงๆ นะ
เอาเถอะ ผมว่าพี่กรคงจะทำให้พี่วินเข้าใจได้นะ
“แล้วทำไมเมื่อคืนถึงได้ไปเมาขนาดนั้นอ่ะพี่” พอโล่งขึ้นมาเปลาะหนึ่งก็เลยพักเรื่องของตัวเองไว้แปบ
“ก็คนไม่มีใคร ก็เหงาบ้างสิครับ มีเพื่อนก็ติดเมีย” พี่กรยักไหล่
แต่เมาแล้วโทรหาเมียเพื่อนนะพี่
“พี่ไม่ค่อยมีโชคเรื่องความรักเลย เฮ้อ” พูดแล้วก็ทำหน้าหงอยเหมือนหมามองตามเจ้าของตอนออกบ้าน
“หล่อรวยอย่างพี่เดี๋ยวก็มีครับ ดูอย่างเมื่อคืนสิ ถ้าเหนือไม่เข้าไปขัดก็คงได้ตั้งสองคนละ”
“มันเหมือนกันซะที่ไหนเล่า พี่อยากมีแฟน ไม่ได้อยากมี one night stand พี่ถือคติสงวนตัวไว้ให้คนที่เป็นแฟนพี่เท่านั้นนะครับ”
โห อบอุ่น
ฟังแล้วก็ย้อนดูตัวเอง...ได้กับพี่วินตั้งแต่คืนแรกที่เจอกันเลย
คิดถึงขึ้นมาก็เริ่มตึงๆ อีกละ
“อ่ะ พี่ไลน์บอกมันละ เดี๋ยวคงอ่าน” พี่กรว่า
ผมก็บอกแล้วเหมือนกันครับ
“เย็นๆ คงเจอมันที่ร้านอ่ะ พี่จะบอกให้อีกรอบนะ เหนือจะไปด้วยก็ได้นะ”
“ให้พี่บอกก่อนดีกว่าครับ เห็นเราไปพร้อมกันสองคนคงได้หนีไปก่อนได้ถึงตัว” ผมคิดเป็นฉากในซีรี่ย์ แต่ถ้าให้เข้าใจจากพี่กรก่อนแล้วตามมาง้อผมที่เข้าใจผิดที่ไม่ไว้ใจกันไรงี้จะดูเป็นประโยชน์กับผมมากกว่า แถมยังได้เล่นตัวพองามอีกตะหาก
หลังจากพี่กรกลับไปแล้วผมก็นั่งเครียดนอนเครียดรอเวลาไม่เป็นอันทำอะไรจนถึงเย็น แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่วินจะติดต่อผมหรือตามมาง้อแต่อย่างใด สุดท้ายกลับเป็นผมเสียเองที่เป็นฝ่ายโทรไปหา
สัญญาณรอสายดังอยู่แปบเดียวก็ถูกกดทิ้ง!
ผมน้ำตาร่วงเลยครับ ตอนนี้ถึงได้รู้ใจตัวเองลึกซึ้งว่าที่ผมรักเขาอยู่ทุกวันๆ มันมากกว่านั้นมาก มากจนผมกลัวว่าจะขาดเขาไป ผมใจจะขาดจริงๆ
ยังไม่หมดเท่านั้นครับ เมื่อมีข้อความส่งมาจากพี่วิน ข้อความนั้นทำให้ผมตัวชานิ่งแล้วก็เหมือนมีหลุมดำโผล่ขึ้นมาดูดตัวผมให้ตกลงไปในนั้น
สิบทิศ : ห่างกันสักพักนะ
ผมอยากจะโทรไปหาเขาอีกครั้ง แต่คิดแล้วว่าเขาคงไม่รับหรอก ความรู้สึกของผมตอนนี้คือทั้งเสียใจ น้อยใจแล้วก็โกรธมาก จากนั้นผมก็ปล่อยโฮร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
ผมพยายามทำหน้าให้เป็นปกติมากที่สุดตอนเดินเข้าไปในออฟฟิศ เดอะแก๊งค์ยังไม่รู้เรื่องของผมกับพี่วินครับ พวกมันยังเฮฮาจิกกัดกันเหมือนเดิม
“ช็อกโกแล็ต ขอบ้างสิ” ผมเห็นพวกมันกินกันทุกคนก็เลยทักทายไปตามเรื่อง อย่างน้อยก็เพื่อเบนความสนใจของผมเองไปจากคนที่กำลังนั่งดูแฟ้มเอกสารตรงโต๊ะประจำตำแหน่ง Brand manager นั่น
“ไปเอาสิ” พี่เอ็มบุ้ยปากไปทางพี่วิน “เขาซื้อมาฝากทุกคนอ่ะ แต่อย่างมึงคงได้อะไรอย่างอื่นที่แพงๆ พิเศษๆ กว่าพวกกูล่ะมั้ง”
“อ่อ” ผมยิ้มแหยก่อนจะทำเนียนไม่สนใจคุยเรื่องนี้ต่อซึ่งพี่เอ็มก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไร ระหว่างนั้นผมก็รอว่าพี่วินจะเรียกผมมั้ย อย่างน้อยก็ให้ไปเอาของฝากน่ะครับ
ไม่เลยครับ ไม่มีสักคำ...ตั้งแต่เริ่มงานจนถึงตอนที่เขาลุกออกไปเมื่อตอนสายๆ
ผมรู้สึกไร้ตัวตนจังเลยครับ
หรือว่าสิ่งที่ผมกลัวมาตลอดมันกำลังจะเกิดขึ้น...วันที่เราเลิกกัน
พี่วินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งในช่วงบ่าย ถึงผมจะลอบมองเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็ข่มใจอย่างที่สุดในการไม่ส่งข้อความไปหา ผมทำสำเร็จครับ...แต่ด้วยจิตใจที่บอบช้ำจริงๆ
จนถึงห้าโมงเย็น ผมเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ก็ไม่เห็นเขาแล้วครับ ในระยะของความสัมพันธ์ ผมโคตรเกลียดช่วงเวลาแบบนี้ที่สุดเลยครับ ช่วงที่มึนตึงอ้ำอึ้งทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีความสำคัญแล้วเนี่ย ใช่ครับ มันคือช่วงใกล้จะสิ้นสุดสถานภาพคู่... กี่ครั้งกี่คราวที่ผ่านมากับแฟนเก่าของผม มันมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ
ก่อนกลับผมไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จก็มายืนส่องใบหน้าอันเศร้าหมองของตัวเองตรงกระจกเหนืออ่างล้างมือ ผมคิดว่าจะไม่มีใครมาเห็นผมตอนนี้...ตอนที่น้ำตามันไหลออกมา ผมปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนั้นจนกระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามา ผมก็เลยรีบโน้มตัวลงแล้ววักน้ำล้างหน้า แต่แววตามันก็ปิดสิ่งที่อยู่ในใจได้ไม่มิดหรอกครับ แล้วสภาพน่าสลดของผมก็ฉายผ่านกระจกให้คนที่หมางเมินผมได้เห็นจนชัดตาเชียวล่ะ
คนที่เข้ามาคือพี่วินครับ เขายืนมองผม ท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นมามาใกล้ใบหน้าของผม แต่ผมไม่ได้เคลิ้มคล้อยไปกับความแปรปรวนของพี่วินหรอกนะครับ จะมาเดี๋ยวเชี่ยเดี๋ยวดีใส่ผมแบบนี้ ไม่โอเคครับ เพราะนี่ไม่ใช่ช่วงแรกๆ เหมือนตอนที่เราเจอกันและยังไม่ได้คบกันนะ ตอนนั้นเขาจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมายังไงก็เป็นเรื่องของอดีตแต่ตอนนี้เรายังถือว่าเป็นแฟนกันอยู่นะ
ถ้าเป็นตอนนั้น...ผมเกลียดเขาเข้าไส้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ไม่ใช่เกลียดแต่เป็นผิดหวังที่เขาทำกับผมแบบนี้
สิ่งที่ผมทำคือปัดมือนั้นออกไปก่อนที่มันจะสัมผัสตัวผม
กลับมาถึงโต๊ะก็เลยรีบเก็บของ ปิดคอมฯ จากนั้นก็เดินออกมาเลยโดยไม่รอใคร อารมณ์ตอนนี้คือช่างแม่งละ เลิกก็เลิกวะ ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย ผมคิดแบบนั้น...ถึงแม้ในใจจะเจ็บปวดมากก็ตาม
หลังจากใช้ชีวิตสปีดต่ำ เดินเนือยๆ จิตใจล่องลอยไปนั่นมานี่ในระหว่างเดินทางกลับ สองทุ่มครึ่งผมจึงเพิ่งจะเดินอยู่ในซอยเข้าที่พักพร้อมกับละอองฝนเบาๆ
ยังไม่ถึงกลางซอยก็มีรถมาชะลอข้างๆ
รถพี่วินครับ
แต่คนที่เลื่อนกระจกลงมาคือน้องกรรณ!
“พี่เหนือขึ้นมาบนรถสิครับ ฝนจะตกหนักแล้วนะ”
ผมอึ้ง ตั้งตัวไม่ติด ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ แต่ก็ปะติดปะต่อทุกอย่างได้ชัดเจนอย่างรวดเร็วเหมือนแสงฟ้าแลบข้างบนหัว
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ” ผมตอบไปแบบนั้นพร้อมกับลอบมองเข้าไปยังคนที่นั่งหลังพวงมาลัย
พี่วินมองตรงอย่างเดียว ไม่หันมาดูผมเลยสักนิด
“งั้นไปก่อนนะครับ” น้องกรรณยิ้มแล้วก็โบกมือลาก่อนที่รถบีเอ็มดับบลิวสีดำคันนั้นจะเคลื่อนออกไป...
ผมยืนตากละอองฝนอยู่ที่เดิมจนกระทั่งรถของพี่วินเลี้ยวหายไปถึงได้เริ่มก้าวต่ออีกครั้ง
“เหนือ” เสียงพี่กรเรียกผมออกมาจากในรถซึ่งมาจอดเทียบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“จะไปหาพี่วินเหรอครับ” ผมถามเสียงเนือยๆ
“ช่างไอ้บ้านั่นเถอะ พี่มาหาเรานั่นแหละ ขึ้นมาเร็ว เปียกหมดละ” น้ำเสียงพี่กรเป็นห่วงผมจริงๆ ครับ
“เดี๋ยวเบาะเปียก” ผมบอกอย่างเกรงใจรถหรู อีกอย่าง...ดราม่าตากฝนแบบนี้ก็สะใจตัวเองดีอยู่ “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วครับ”
“อยากให้พี่ลงไปเปียกด้วยอีกคนเหรอ” พี่กรย้อนมาแบบนี้อ่ะ
ผมลังเลแปบเดียวก็เปิดประตูขึ้นรถ เพื่อจะมาถึงแมนชั่นในอีกสามนาทีต่อมา
เข้าห้องมาได้ผมก็ไม่สนใจอะไรละครับ พี่กรจะไปอยู่มุมไหนก็ตามสบายเลย ส่วนผมทิ้งข้าวของกองกับพื้นอย่างไม่อยากใส่ใจอะไรทั้งนั้น
“อาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย” พี่กรบอกและมองผมด้วยสายตาเวทนา
ผมพยักหน้ารับอย่างอิดโรยในจิตใจก่อนจะถอดเสื้อผ้าชุ่มน้ำฝนลงตะกร้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ร้องไห้ใต้ฝักบัวจนน้ำตาหมดก๊อกก็ออกมาเห็นสภาพห้องเรียบร้อย ข้าวของที่กองไว้ตอนเข้ามาก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
“สดชื่นขึ้นรึยังครับ” รอยยิ้มของพี่กรช่างอบอุ่นเหลือเกินครับ เหมือนพี่ชายใจดีมาเพื่อปลอบผมอย่างเต็มที่
ผมนั่งลงข้างๆ พี่กร จากนั้นก็ซุกหน้าลงกับอกของเขาแล้วก็ร้องไห้โดยมีมืออุ่นๆ ลูบหัวเบาๆ นานจนกระทั่งน้ำตาขาดสายนั่นแหละ พี่กรถึงได้พูดว่า “พี่ก็ไม่เห็นด้วยนะที่เพื่อนพี่มันทำแบบนี้ น่าจะคุยกับเหนือให้รู้เรื่องก่อน”
ผมปาดน้ำตา ขยับหน้าออกจากอก “เขาคงเลือกแล้ว”
พี่กรถอนหายใจแล้วจึงบอกว่า “พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย ใจเย็นๆ แล้วค่อยคุยกับมัน บางที...” พี่กรทำท่าจะพูดต่อ แต่แล้วก็เงียบไปพร้อมๆ กับที่มีเสียงเตือนว่ามีข้อความส่งเข้ามาในไลน์ของผม
ไม่ใช่จากพี่วินหรอกครับ แต่เป็นไลน์กลุ่ม
M&M : อีเหนือออออออออออ!!!
แล้วก็ตามด้วยลิ้งค์จากทวิตเตอร์
ผมกดดูแล้วก็ได้แต่อึ้ง เรื่องที่ทำให้ร้องไห้เมื่อกี้สลายวับไปจากหัวทันที
เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!!
มันเป็นลิ้งค์คลิบของผมที่อยู่ในสภาพมึนเมายังกะโดนวางยาแล้วก็กำลังโดนใครสักคนลวนลามโดยการดูดปากและไซ้ซอกคอชนิดที่ว่าถ้าโปรดักชั่นดีๆ นี่ไม่ต่างจากหนัง AV ที่ดูๆ กันเลยล่ะครับ
คลิบยาวแค่นาทีเดียวก็เสียวตั้งแต่ขนหัวลงไปถึงขนนิ้วตีนเลยครับ
ผมจำเลย์เอาท์ของห้องนั่นได้ มันคือโรงแรมที่ผมไปปาร์ตี้กับพวกนายแบบไม่ผิดแน่ แล้วคนที่กำลังดูดปากผมที่เห็นในคลิบแค่เสี้ยวหน้านั่นก็คือโอบ
เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!!
ไม่รู้จะฟินหรือจะรังเกียจดี
“ไอ้วินมันเห็นแล้วเมื่อตอนเย็น” พี่กรพูดเบาๆ
สรุปว่าวันนั้นผมโดนวางยาจริงๆ เหรอวะ แต่ตอนได้สติก็สำรวจตัวเองแล้วว่าไม่มีอะไรมากกว่าที่เห็นในคลิบแน่ๆ ไม่งั้นผมต้องรู้สึกถึงร่องรอยความเจ็บในช่วงล่างไปแล้ว หรือว่าถ้าโดนวางยาจริง ฤทธิ์ของมันจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บด้วย? แต่พี่เอ้มกับต้าร์ก็ยืนยันว่าผมคลาดสายตาไปแค่แปบเดียว
ลิ้งค์นั้นมีบอกว่า ‘โดนนายแบบรุม 1/5’
หมายความว่านี่แค่คลิบแรกเหรอ ยังมีอีกสี่คลิบเหรอ?
เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!!
“พี่วินเห็นคลิบนี่แล้วก็เลยจะเลิกกับผมใช่มั้ยครับ” ผมถามพี่กรตรงๆ และได้รับเสียงถอนหายใจเป็นคำตอบ