พิมพ์หน้านี้ - But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: กฤช ที่ 26-10-2018 22:33:03

หัวข้อ: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 26-10-2018 22:33:03
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

หัวข้อ: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 26-10-2018 22:36:06
But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก

ตอนที่ 1

   “ใครเบี้ยวขอให้พรุ่งนี้หวยแดก” พี่เอ็มประกาศกลางออฟฟิศก่อนจะเลิกงานในเย็นวันศุกร์สิ้นเดือน ผมยิ้มแหะๆ ในใจก็คิดหาเหตุผลที่จะบอกปฏิเสธในสี่ชั่วโมงข้างหน้า...ตอนที่ทุกคนอยู่ที่ร้านแล้ว ไม่ใช่ไม่กลัวจะโดนหวยแดกอะไรนั่นหรอกเพราะไม่ได้ซื้ออยู่แล้ว แต่เพราะการกินเหล้ามันผิดศีลครับ อืม...ฟังดูเป็นคนดี แต่คงไม่มีใครเชื่อหรอก ก็สามเดือนก่อนผมไม่เคยไม่เมาทุกคืนวันศุกร์วันเสาร์ งั้นเพราะอะไรน่ะเหรอที่เปลี่ยนผมเป็นคนใหม่ หันหลังให้น้ำเมาและสถานอโคจรพวกนั้น บอกให้ก็ได้ครับ สาเหตุคือผมถังแตก ชนิดที่ว่าไม่ต้องเสียเวลาคำนวณเงินเดือนที่เพิ่งเข้าบัญชีสดๆ ร้อนๆ เมื่อเช้านี้ให้ปวดหัวเลยสักนิด
   “หลังๆ นี่มึงโนโชว์หลายรอบ” พี่เอ็มเพ่งเล็งมาที่ผม “คืนนี้ห้ามมีแอกซิเดนท์ใดๆ ทั้งสิ้น”
   ผมเม้มปากก่อนจะยิ้มแหะๆ เหมือนเดิม เอาไงดีวะ คืนนี้ปาร์ตี้วันเกิดพี่เอ็ม ไม่ไปก็น่าเกลียด ถ้าไปก็เท่ากับว่าตัวหารหายไปหนึ่ง เพราะเจ้าของวันเกิดกินฟรีตลอดงาน ไหนจะค่ารถไปกลับ เค้ก เหล้า ผับปิดแล้วยังต้องไปกินข้าวต้มอีกแหง รวมๆ แล้วคงหลายพัน แต่ถ้าไม่ไปโดนพี่เอ็มเหวี่ยงแน่ๆ ครั้นจะบอกถึงสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองที่แห้งขอดประหนึ่งบึงน้ำหน้าแล้งกลางทุ่งหญ้าสะวันนาก็คงไม่ใช่เรื่อง
    “ไม่งั้นกูโกรธ” พี่เอ็มสำทับจนผมเผลอลั่นคำพูด “ไปพี่ไป”
   พูดออกไปแล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างไรไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนหรอก แต่จะดีกว่าไหมอ่ะถ้าไปแบบไม่ต้องมาคอยกังวลถึงภาระที่จ่อมาทับถมจนแบนแต๋อย่างที่เป็นอยู่
   “สี่ทุ่ม ห้ามโนโชว์” เจ้าของวันเกิดประกาศกร้าวให้ได้ยินถ้วนทั่วอีกรอบ ก่อนจะชี้มาทางผม “โดยเฉพาะมึง ดอกเหนือ”
   เล่นเรียกชื่อจริงกันเลยนะ แต่เอ๊ะ ชื่อผมคือ ดาวเหนือ ต่างหากล่ะ แสดงว่าพี่เอ็มไม่ไว้ใจในคำมั่นของผมเมื่อตะกี้เลยสักนิด
   ไปก็ไป ไหนๆ ก็ตกปากรับคำไปแล้ว ขอเมาให้สุดให้กับชีวิตบัดซบสักวันในรอบสามเดือน คงไม่มีอะไรจะแย่กว่าเดิมนักหรอก

   ทุ่มนิดๆ ผมกลับมาถึงหน้าปากซอยที่พัก แวะสั่งผัดกระเฉดหมูกรอบที่ร้านอาหารตามสั่งร้านประจำแล้วก็เข้าไปนั่งรอที่โต๊ะ นั่งมองป้าเจ้าของร้านกำลังง่วนอยู่หน้าเตาแล้วก็พบสัจธรรมว่าชีวิตไม่สิ้นก็คงต้องดิ้นกันต่อไป พลางก็นึกปลอบตัวเองว่ายังมีคนอื่นที่โอกาสในชีวิตน้อยกว่าเรา อย่างเช่นป้าเจ้าของร้าน... ความคิดชะงักลงแค่นั้น เพราะเห็นสร้อยทองเส้นเป้งห้อยอยู่บนคอป้า
   คิดแล้วเซ็งและก็เซ็งมากขึ้นเมื่อมีไลน์เด้งขึ้นมา
   POP UP :   โอนตังให้ด้วย
   NORTH STAR :   อือ รู้แล้ว
   ผมตอบไปแค่นั้น กับข้าวที่สั่งมาวางอยู่ตรงหน้าพอดีก็เลยไม่ได้สนใจจะคุยต่อ คงเพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยผิดนัดด้วยล่ะมั้ง พี่ป๊อปก็เลยไม่ได้เซ้าซี้มากนัก ใช่แล้วครับนั่นเจ้าหนี้ผมเอง คนที่ทำให้ผมจนกรอบอยู่ตอนนี้ล่ะ หนี้ที่ว่าก็ไม่มากมายหรอกครับ สองแสนห้าเท่านั้นเอง T_T
   แต่จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เป็นสาเหตุหรอก ผมเองนั่นแหละที่ก่อเรื่องเอง หากจะเล่าถึงที่มาที่ไปของหนี้ก้อนนี้ก็คงต้องย้อนกลับไปห้าเดือนก่อนนู้น ตอนนั้นผมกับพี่ป๊อปยังคบกันดีอยู่ครับ ผมไปค้างที่คอนโดพี่เขาบ่อยๆ แต่เช้าวันหนึ่ง ผมรีบออกไปทำงาน เห็นเขายังนอนอยู่ก็เลยไม่เปิดไฟ อาศัยแสงสลัวๆ ที่ลอดเข้ามาในห้องเอา กรรมมันเกิดตอนที่ผมหยิบกระปุกครีมของตัวเองยัดใส่กระเป๋านั่นแหละ แต่ดันหยิบมาผิดครับ ที่คิดว่าเป็นกระปุกครีมกลายเป็นตลับใส่สร้อยทองสิบบาทของแม่พี่ป๊อป กว่าจะรู้ก็ตอนสายๆ ที่พี่เขาโทรมาบอกว่ากระปุกครีมยังอยู่ที่คอนโดแล้วตลับใส่ทองหายไป ผมล้วงออกมาดูก็เลยรู้ความจริง บอกกับพี่ป๊อปว่าจะเอาไปคืนในตอนเย็นวันเดียวกันนั้นแหละ แต่ความซวยก็ดันมาจิ้มเลือกผมวันนั้นพอดี ผมโดนกรีดกระเป๋า แน่นอนว่าเป็นโชคของไอ้มิจฉาชีพคนนั้น มันได้สร้อยทองสิบบาทไปด้วย
    ระหว่างผมกับพี่ป๊อป ถึงเราจะเป็นแฟนกันแต่ก็ไม่ใช่ผัวเมียที่จดทะเบียนสมรสเนอะ ทำของมีค่าขนาดนี้ของเขาหายผมก็ต้องรับผิดชอบ พี่ป๊อปก็ดีนะ เห็นใจและไม่ได้อะไรมาก ผมเสียอีกที่ร้อนรนกังวลใจ สุดท้ายก็เลยตกลงกันว่าจะผ่อนคืนพี่เขาให้ครบตามมูลค่าราคาทอง ณ ตอนนั้นที่บาทละสองหมื่นห้า
   เรื่องมันก็คงจะชิลล์ๆ ได้อยู่หรอก ถ้าหนึ่งเดือนหลังจากนั้นเราไม่เลิกกัน!
   สถานะระหว่างผมกับพี่ป๊อบจึงเป็นแฟนเก่าและยังเป็นเจ้าหนี้กับลูกหนี้กันอีกด้วย
ส่วนเราจบกันด้วยดีไหม…เหอะๆ

   ซอยที่ผมอยู่มีคอนโดหรูอยู่ด้านใน รถแต่ละคันที่เข้าออกจึงค่อนข้างหรูตามฐานะคนพัก ส่วนผมอาศัยมอ’ไซค์รับจ้างหรือไม่ก็เดินเข้าไปครับ เพราะรังนอนของผมเป็นแค่แมนชั่นค่าเช่าเดือนละไม่กี่พันตรงกลางซอยนี้เอง   
   ผมใจลอยเดินเข้าซอยด้วยสภาพเหมือนคนหมดอาลัยจนไม่ได้ยินเสียงรถที่วิ่งมาทางด้านหลังด้วยความเร็ว กว่าจะรู้ตัวไอ้รถคันนั้นก็เหยียบน้ำขังกระจายเต็มตัวผมไปหมด แล้วมันก็ไม่ได้หยุดลงมาให้ด่าได้สักแอะ ยิ่งทำให้ผมหายใจฟืดฟาดอย่างแค้นฝังหุ่นไอ้รถบีเอ็มดับบลิวสีดำคันที่เพิ่งพุ่งไปทางคอนโดหรูนั่น
   “รีบไปหาพ่องเหรอวะ” ผมตะโกนไล่หลัง ซึ่งมันก็คงไม่ได้ยินหรอก ทำไมต้องมีแอ่งน้ำตรงนี้ด้วยวะ แต่คนอื่นที่เดินนำอยู่ด้านหน้าก็ไม่โดนนี่นะ สรุปว่ากูซวยเองงั้นเหอะ แม่งงงงงงงงงงงง
   
   กลับมาถึงห้องอาบน้ำเสร็จก็อยากจะนอนให้ลืมชะตากรรมไปซะ ไม่ปงไม่ไปมันแล้ว เหนื่อยใจ นอนบนเตียงได้ไม่ถึงห้านาทีพี่เอ็มก็โทรมาตาม ทำอย่างกะถ้าผมไม่ไปแล้วงานจะล่มยังงั้นแหละ
   “เพิ่งถึงห้อง อาบน้ำเสร็จแล้ว” ผมบอก
   “เออ รีบแต่งตัว รีบไสหัวออกมา กูกำลังจะถึงร้านละ”
   วางสายแล้วนอนแช่บนเตียงอีกสิบกว่านาทีถึงจะพาตัวเองมาแต่งตัวได้ ขาดแรงบันดาลใจที่จะไปปาร์ตี้สุดๆ
   POP UP :   โอนแล้วบอกด้วย
   นี่ก็อีกคน รู้แล้วโว้ย
   NORTH STAR :   อีกชั่วโมงนึง โอนแล้วเดี๋ยวบอก
   แต่ถึงจะบอกไปแบบนั้นก็เถอะ ตอบแชทเสร็จก็เปิดแอ๊บธนาคารแล้วก็ทำธุร(เวร)กรรมเลยในทันที แต่กะจะส่งสลิปให้พี่ป๊อปในอีกชั่วโมงข้างหน้าตามที่บอก อย่างน้อยก็ยังหลอกตัวเองได้ว่าเงินจำนวนนั้นยังอยู่กับผมนานขึ้นอีกตั้งชั่วโมง
   เฮ้อ บางครั้งผมก็นึกความเป็นไปได้ของเรื่องพวกนี้ไปต่างๆ นาๆ ว่าถ้าเหตุการณ์เป็นแบบอื่นล่ะ เช่นว่า
   ถ้าวันนั้นไม่หยิบผิด
   ถ้าเรายังคบกันอยู่…
   แต่ก็ช่างเถอะ คิดไปให้ได้อะไรขึ้นมา
   ผมหยุดความคิดที่ส่อแววจะพายเรือวนในอ่างลงเท่านั้นแล้วหันมาแต่งหน้าทำผมหน้ากระจก อืม ถึงจะตกอับยังไงแต่ก็ยังโชคดีที่ทุนทรัพย์บนหน้าไม่ได้เลือนหายไปด้วย ถึงจะดูหมองๆ ราศีจางๆ ไปบ้างก็เถอะ
   เอาวะ ขอไม่คิดถึงเรื่องเงินทองของนอกกายสักคืน
   ผมตั้งประณิธานต่อหน้าตัวเองในกระจกว่า คืนนี้กูจะเมา ร่าน มั่ว ชั่ว แรด!

   ผมถึงร้านตอนสี่ทุ่มเป๊ะ อินเนอร์ตอนเดินมองหาโต๊ะคือแบบ ฉันคือซินเดอเรลล่าตอนเดินเข้างานแล้วแขกเหรื่อคนอื่นๆ ต่างก็มองมาอย่างทึ่งในออร่าที่เปล่งประกาย มันคืออินเนอร์อ่ะเนาะ แต่ความเป็นจริงก็คือไม่มีใครมาสนใจมองผมหรอก ก็รู้ตัวว่าไม่ได้โดดเด่นอะไรปานนั้น แปบเดียวก็เห็นพี่เอ็มโบกมือหย็อยๆ ที่มุมหนึ่งของร้าน พอเดินเข้าไปถึงจึงรู้ว่าทั้งโต๊ะมีกันแค่สองคน
   “คนอื่นล่ะ” ผมถาม
   พี่เอ็มเบะปากนิดนึงก่อนบอกว่า “พวกมันกำลังมา”
   ผมพยักหน้าหงึกๆ พลางรับแก้วที่พี่เอ็มชงเอาไว้มาจิบ
   “เฝ้าโต๊ะที ออกไปโทรจิกคนอื่นก่อน” ว่าแล้วพี่เอ็มก็ลุยฝูงคนออกไปเลย
   พอไม่มีคนให้คุยด้วยผมก็เลยล้วงเอามือถือขึ้นมากดเล่นไปเรื่อยอ่ะครับ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีคนทำเหล้ากระฉอกจากแก้วมาราดโดนอกผมเต็มๆ เลยครับ จังหวะที่เงยหน้าขึ้นมองเลยเห็นว่าตัวการเป็นผู้ชายหน้าตาโคตรดี แต่ก็ไม่แน่หรอก แสงสีในร้านอาจจะเปลี่ยนผีให้เป็นดาราเกาหลีขึ้นมาก็เป็นได้ เขายกมือเป็นเชิงขอโทษขอโพยแล้วก็ยิ้มให้นั่นแหละ ผมเลยกลืนคำด่าลงคอไป
   ผู้ชายคนนี้ยิ้มมีเสน่ห์ดีนะ รู้สึกอยากได้ แหะๆ เอาเถอะจะให้อภัยที่ทำน้ำกระเด็นมาโดนก็ละกัน
   ผมก็ตามประสาคนเคยเที่ยวแหละครับ แปบเดียวก็เต้นได้แล้ว ถึงแม้จะเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียวก็เหอะ จะเต้นแมนเต้นสาวยังไงผมเต้นหมดอ่ะ ไม่แคร์ว่าใครจะมองหรือไม่มอง ขี้เกียจเก๊ก มันเมื่อย และแล้วก็เป็นผมเองนี่แหละครับที่เต้นจนทำเหล้าในมือหกไปโดนคนข้างๆ เขานั่งอยู่ครับ ผมรีบขอโทษตามมารยาท แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าเจ้าทุกข์คือคนที่ทำเหล้ากระฉอกใส่ผมในตอนแรกนั่นแหละ หวังว่าเขาจะไม่คิดว่าผมเอาคืนหรอกนะ
   “ขอโทษนะ” ผมก้มลงไปบอกที่ข้างหูของเขา วูบนั้นคือได้กลิ่นน้ำหอมของเขาเต็มๆ มันกระตุ้นอารมณ์ความสนใจได้ดีจริงๆ ไม่รู้ว่ากลิ่นอะไรแต่ชอบจัง
   “ไม่เป็นไรครับ” ไม่พูดเปล่า ยกแก้วมาชนแก้วผมด้วย
   ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาก็จบแค่นั้นแหละครับ ตามมารยาทในร้านเหล้าทุกที่แหละ หรืออาจเพราะยังไม่เมาก็ไม่รู้นะ
   ไม่นานพี่เอ็มก็กลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเดอะแก๊งอีกสามคนคือ พิตต้าร์ ซาแมนธ่า และก็เอวิว ใช่ครับเป็นชื่อที่พ่อแม่พวกมันตั้งให้ตั้งแต่เกิด เชื่อมั้ย? ไม่เชื่อเนาะ ก็ถูกครับ ที่จริงพวกมันชื่อต้าร์ แมน แล้วก็เอ ส่วนพี่เอ็มนั้นมีชื่อเก๋ๆ ว่า เอ็มม่า มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละที่พวกมันไม่รู้จะแปลงชื่อให้อินเตอร์ได้ยังไง
   แก๊งเรามีกันห้าคนเท่านี้แหละครับ มาเจอกันที่ทำงาน แรกๆ ก็เขม่นกัน ไปๆ มาๆ ก็สนิทกัน ฟังจากชื่อจำแลงเปรี้ยวซ่าเมื่อกี้แล้วก็อย่าคิดว่าพวกผมจะเป็นเกย์ที่แบบว่าส๊าวสาวนะครับ พวกเราแอ๊กติ้งเก่งเว่อร์ เวลาปกติก็ทำตัวตามสบายแมนๆ ธรรมดาๆ นี่แหละครับ จะแรดจะแรงก็ดูตามสถานการณ์และฟีลลิ่ง
   “พวกมึง คนเสื้อดำที่อยู่ข้างอีเหนือหล่อจังเลยอ่ะ” พิตต้าร์บอกทุกคน “กูจองนะ”
   ซาแมนธ่ากับเอวิวกรอกตามองบนก่อนจะพร้อมใจกันพูดว่า “แรด”
   “อีนี่ วันเกิดกู มึงควรสนใจกูแมะ” พี่เอ็มเบะปาก
   “แหม กูก็มาวันเกิดมึงนี่ไงคะ เอ็มม่า” พิตต้าร์หัวเราะ “พูดไว้หลังเป่าเค้กเสร็จไง”
   ผมเชื่อเหลือเกินว่าบทสนทนาของพวกเราเข้าไปถึงหูคนที่อีพิตต้าร์มันบอกว่าจองเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะผมชำเลืองดูก็เห็นเขาทำท่ายิ้มกริ่มแปลกๆ เฮอะ สงสัยจะเสร็จอีพิตตาร์จริงๆ อีนี่มันยิ่งง่ายๆ อยู่ด้วย หมายถึงกล้าคุย กล้าจีบ กล้ายั่วกับคนแปลกหน้านะ
   “พวกเรา ชนแก้วค่า” พอชนแก้วเสร็จก็อวยพรเจ้าของวันเกิดพร้อมกัน “แฮบปี้เบิร์ธเดย์นะคะอาม่า”
   “อาม่าแม่มึงสิ” แล้วพี่เอ็มก็ด่าเรียงตัว “อีดอก”
   
   ผ่านไปชั่วโมงนึงผมก็เริ่มมึนๆ แล้วครับ พอมันมึนก็เริ่มจะเป็นไปตามที่ตั้งประณิธานไว้ก่อนออกมาคือสนุกให้สุด ร่าน มั่ว ชั่ว แรด ไม่สนใจลูกเขาผัวใคร รวมถึงคนที่อีพิตต้าร์มันหมายตาเอาไว้ด้วย ก็ช่วยไม่ได้อ่ะ ผู้ชายเขามาขอชนแก้วกับผมเองนี่ จากนั้นเขาก็ชวนคุยด้วยอ่ะ ซึ่งผมก็เออออไป บางคำก็ไม่ได้ยินหรอกเพราะเสียงเพลงดังมาก แต่ก็เห็นว่าอีพิตต้าร์มันเบะปากใส่ผมอยู่นะ เรื่องพรรค์นี้ไม่มีใครโกรธกันหรอกครับ ถือว่าผู้ชายเขาเป็นคนเลือก เพราะกูสวยไงเลยจำต้องปาดหน้าเค้ก อิอิ
   “เธอชื่อไรอ่ะ” พิตต้าร์พุ่งเข้ามาแทรกกลาง
   “วินครับ” เขาตอบ
   “ชอบเพื่อนเราเหรอ” พิตต้าร์ชง “เพื่อนเราชื่อเหนือ โสดนะ จีบได้ๆ”
   เขาแค่เผยคำตอบเป็นการหันมาพร้อมรอยยิ้ม ผมเห็นเท่านั้นก็ดึงคอเสื้อเขามาประกบปากเลยครับ ทุกอย่างดูง่ายไปหมดด้วยความเมาที่ทำให้ความกล้าความด้านมันพุ่งปรี๊ด ซึ่งคนที่ผมกำลังจูบด้วยก็ไม่ได้มีท่าทีผลักไสแต่อย่างใดนะ กลับกันเขาเอามืออีกข้างมาโอบเอวแล้วก็กระชับวงแขนเบาๆ ด้วยสิ
   ผมรู้สึกตกอยู่ในห้วงของความรักจริงๆ นะ (ใช่เหรอ)
   เหตุการณ์หลังจากนั้นมันเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยครับ มึนๆ ฟินๆ รู้สึกสนุกและปลดปล่อยเต็มที่อย่างบอกไม่ถูก สงสัยเพราะไม่ได้มาเที่ยวนาน พอพี่เอ็มเป่าเทียนวันเกิดเสร็จผมก็โดนเขาจูงมือออกมาข้างนอกร้านเลยครับ เค้กก็ไม่ทันได้กิน หันกลับไปดูอีกสี่คนที่โต๊ะก็พอจะอ่านปากพวกมันออกที่ด่าตามหลังผมว่า “ดอก”
   เอาเป็นว่าค่าเสียหายในส่วนของผมค่อยไปเคลียร์วันจันทร์นะ
   
   เป็นความรู้สึกแปลกๆ อยู่นะครับที่ตอนนี้ผมเดินจับมือกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ได้เมามากเหมือนตอนอยู่ในร้านแล้ว สงสัยตื่นเต้น แสงไฟนอกร้านสว่างพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าคนที่กำลังจะพาผมไปทำอะไรที่ไหนสักแห่ง (ให้เดานะ อิอิ) เขาโคตรหล่อและก็หุ่นดี๊ดีของจริง โมเม้นต์นี้ผมไม่สนใจแล้วครับว่าเขาจะเป็นมิจฉาชีพมาลวงไปปล้นแล้วแทงจนพรุนรึเปล่า (สุราเป็นเหตุให้ขาดสติ ทุกคนโปรดยับยั้งชั่งใจ อย่าได้ลอกเลียนแบบนะครับ) ซึ่งพอมาถึงที่รถของเขา รถอะไรไม่รู้ไม่ได้สังเกต รู้แต่ว่าสีดำ ดูหรู ดูแพง ผมก็ประมวลความคิดจนตกผลึกได้ว่าเขาไม่ใช่มิจฉาชีพแน่นอน อันที่จริงคนเมาก็ไม่ควรประมวลความคิดได้มากมายอะไรเนาะ แต่ก็นั่นแหละ ผมอยู่ในรถกับเขาแล้วเรียบร้อย
   “เที่ยวบ่อยไหมครับ เหนือ” เขาถาม
   “ไม่ค่อยครับ วันนี้มาเพราะเป็นวันเกิดเพื่อน” นี่ถ้าเขาถามสามเดือนก่อนนี้ ความจริงจะเป็นอีกแบบ แต่ผมก็คงตอบแบบที่เพิ่งบอกไปนี่แหละ ต้องคีพลุค
   “ผมก็นานๆ ที” เขาว่า ตาก็มองทางไปขับรถไป
   ให้ตายเถอะ ทำไมหล่อจัง
   “แล้ววินมากับใครครับ เมื่อกี้ไม่เห็นคุยกับใครเลย”
   “ที่จริงนัดกับเพื่อนเอาไว้ แต่เพื่อนไม่มาแล้ว”
   บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยเชื่อที่เขาพูดหรอกครับ แต่จะเป็นไรไปล่ะ ใครจะสน One night stand จะต้องการเหตุผลมากมายหรือความจริงไปทำไม ต่างคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ ผมกับเขาก็แค่คนที่เจอกันในผับแล้วก็ถูกใจกัน แค่นั้น

   ไม่นานก็มาถึงคอนโดของเขาซึ่งเรียกได้ว่าโคตรหรู คอนโดพี่ป๊อปยังไม่หรูเท่านี้เลยครับ
   “เหนือไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เขาชี้ไปทางห้องน้ำ “ผ้าเช็ดตัวแขวนอยู่ด้านใน”
   น้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังของเขาทำให้ผมรู้สึกร้อนที่แก้มขึ้นมา บางสิ่งบางอย่างมันบอกอยู่นะว่าคนๆ นี้อาจจะกลายมาเป็นคนพิเศษในอนาคต ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี ใจนึงก็หวังว่าจะเป็นอย่างที่คิด แต่อีกใจก็เหมือนจะเห็นอนาคตอีกด้านที่มันตรงกันข้ามได้รางๆ
   หยุดคิด อีคนใจง่าย รักแท้มีจริงแต่มีอยู่ที่ดาวเนปจูนนู่น
   อาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาพบเขายืนรออยู่แล้ว
   “รอที่เตียงนะ ไม่ต้องใส่เสื้อผ้า” เขาทำตาวิบวับแล้วก็หอมแก้มผม ซึ่งมันดีมาก
   ผมนอนรอที่เตียงตามที่เขาบอกนั่นแหละครับ แน่นอนว่าไม่ใส่เสื้อผ้าด้วย แอร์เย็นฉ่ำ ที่นอนสบายกับผ้าห่มอุ่นทำให้ผมเคลิ้มหลับไปแต่ก็คงไม่นานนัก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาเปิดผ้าห่มออกแล้วก็ทาบตัวลงมาทับ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาลอยห่างแค่คืบ ตาของเราประสานกันก่อนที่ริมฝีปากได้รูปของเขาจะพรมลงมา ทั้งหน้าผาก แก้ม ปาก ซอกคอ ตัวของเขายังเย็นเพราะเพิ่งอาบน้ำออกมาแต่สัมผัสที่ปะทะเรือนร่างของผมนั้นทั้งร้อนแรงและอ่อนโยนจนอาการเคลิ้มหลับของผมหายไปเป็นปลิดทิ้ง ความเจ็บปวดปนเปด้วยความวาบหวามเปลี่ยนเป็นความผ่อนคลาย ความหนักหน่วงแนบแน่นสลับกับเคลิ้มคล้อยล่องลอย ผมกับเขาต่างปรนเปรอความรู้สึกให้แก่กันอย่างไม่ยับยั้ง ทั้งหมดนั้นดำเนินอยู่เกือบชั่วโมง จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างลุล่วงในสิ่งที่ต้องการ เขานอนแผ่หลาบนเตียง ผมมองดูใบหน้าหล่อเหลาและมัดกล้ามบนร่างกายกำยำสมส่วนของเขาแล้วก็เขยิบตัวจะเข้าไปนอนลงใกล้ๆ
   “ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับไปซะ”
   หือ อะไร ยังไง ผมงง
   คนบนเตียงจ้องมองผมด้วยสายตาเย็นชาราวกับเป็นคนละคนกับตอนก่อนหน้านี้
   ถึงไม่เข้าใจถ่องแท้แต่เจอพูดขนาดนี้ก็คงไม่ด้านอยู่ต่อให้เสียศักดิ์ศรี ผมรีบแต่งตัวแล้วเปิดประตูออกมา ไม่คิดแม้จะหันหลังไปมอง
   “เดี๋ยว” เขาเรียกไว้ พอผมหันกลับไปเขาก็โยนกระเป๋าสตางค์ที่ลืมหยิบออกมาด้วยลงที่แทบเท้า จากนั้นประตูห้องก็ปิดใส่หน้าอย่างไร้เยื่อใย
   “ไอ้เหี้ย” ผมเตะประตู น้ำตาไหลลงมาทั้งงงๆ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเอามากๆ กะหรี่ยังได้ค่าจ้าง แต่ไอ้นี่เอาผมแล้วก็ไล่เหมือนผมเป็นแมลงสาบ
   ตอนลงมาถึงล็อบบี้คอนโด ผมอายจนแทบอยากจะมุดพื้นออกมา ไม่อยากสบตาใครเลยสักคน เรียกแท็กซี่ได้ก็แทบกระโจนขึ้นมาเลยครับ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็กลับมาถึงแมนชั่นของผมเพราะคอนโดหรูนั่นมันอยู่ในซอยเดียวกันซึ่งตอนแรกผมไม่ได้สังเกต คงเพราะตอนนั้นกำลังเพ้อในความหล่อของมัน และทางที่เข้ามาก็คงเป็นท้ายซอยซึ่งผมไม่ค่อยผ่านทางนั้น
   ผมกลับเข้าห้องด้วยความรู้สึกเว้าๆ แหว่งๆ อย่างประหลาด เหมือนทำบางสิ่งบางอย่างหายไปจากชีวิต ไม่ใช่วัตถุสิ่งของใดหรอกครับ แต่มันคือความเป็นคนที่ถูกย่ำยี
   TAR :   อีดอก แย่งผู้ชายของกู อีเหี้ย อีเพื่อนสารเลว กูขอแช่งให้มึงโดนเอาจนลุกไม่ขึ้น
   TAR :   ค่าเหล้ากับเค้กสองพันกูออกให้ก่อนแล้ว
   TAR :   แซ่บแค่ไหน พรุ่งนี้เม้าท์ด้วย บาย อีดอก
ผมอ่านไลน์อีพิตต้าร์แล้วก็ไม่มีอารมณ์จะคุยมากไปกว่าตอบไปว่า
NORTH STAR :   เออ กูยืนไม่ไหว แทบทรุดละเนี่ย

ผมทิ้งตัวลงบนเตียง เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งความรู้สึก ห้องสี่เหลี่ยมมืดๆ ตอนนี้ชวนให้เหงาได้อย่างประหลาด ทั้งที่ก็คือห้องของผมเอง ก่อนจะหลับตาลงผมส่งสลิปไปให้พี่ป๊อป
NORTH STAR :   โทษที โอนแต่หัวค่ำแล้ว ลืมบอก
NORTH STAR :   คิดถึงนะ…
พี่ป๊อปอ่านข้อความแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา…


   
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 26-10-2018 22:43:58
สวัสดีครับ
จะพูดว่าเพิ่งเคยลงนิยายก็ไม่ใช่ทีเดียวนะครับ
หลายปีก่อนเคยมีแอดมินท่านนึงขออนุญาตเอานิยายที่แต่งไว้เรื่องนึงมาลงไว้ที่เล้าเป็ดครับ (ชื่อเรื่องแค่มีนาย) น่าจะสิบกว่าปีแล้ว
เรื่องนั้นเป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่แต่งไว้ครับ
กลับมาคราวนี้ก็อยากฝากเรื่องใหม่ But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก ให้ได้อ่านกันครับ

ปล. ไม่ได้เล่นเวบบอร์ดนานมาก ผิดพลาดสิ่งใดขออภัยและจะปรับปรุงนะครับ
ปล. ไม่แน่ใจบางคำต้องเซนเซอร์มั้ย หยาบไปมั้ย บอกผมด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 28-10-2018 16:14:26
ตอนที่ 2

เช้าวันจันทร์ ผมจ่ายเงินสองพันให้ต้าร์แล้วก็ทำทีต้องรีบปลีกตัวไปตามเอกสารกับอีกแผนกเพื่อเลี่ยงคำถามเกี่ยวกับเรื่องในคืนวันศุกร์ที่มันคงอยากรู้เต็มแก่ เมื่อผมกลับมาแผนกของตัวเองก็เห็นทุกคนยืนรวมกลุ่มกัน
“อย่างที่ทุกคนรู้แล้วนะคะว่าพี่จะย้ายไปดูโปรเจคครีมตัวใหม่” พี่แหม่มซึ่งเป็น Brand Manager ยืนพูดอยู่กลางวง “วันนี้พี่ก็เลยพา Brand Manager คนใหม่มาแนะนำ”
ผมเพิ่งสังเกตเห็นคนแปลกหน้าก็ตอนที่เขาก้าวออกมาโชว์ตัวนั่นแหละครับ
“ไอ้เหี้ย…” ผมหลุดอุทานเบาๆ หวังว่าคงไม่มีใครได้ยินนะ ก่อนจะรีบยกกระดาษเอสี่ในมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง
“สวัสดีครับ สิบทิศนะครับ เรียกว่า วิน ก็ได้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคนครับ” คุณสิบทิศ Brand Manager คนใหม่แนะนำตัวพร้อมกับหว่านรอยยิ้มผูกมิตรไปรอบๆ
หลังจากนั้นพี่แหม่มก็ให้ทั้งแผนกซึ่งมีประมาณยี่สิบคนแนะนำตัวบ้าง ผมสังเกตว่าพี่เอ็ม ต้าร์ แมนกับเอจะจำไม่ได้ว่าไอ้หน้าหล่อคนที่ยืนอยู่นั่นคือคนเดียวกันที่ไปกับผมในคืนวันศุกร์ ซึ่งผมคิดว่าดีแล้วที่เราไม่ได้อยู่จนถึงตอนผับเลิกเปิดไฟสว่างให้พวกมันจำได้
   “คุณล่ะครับ” หัวหน้าคนใหม่ของผมเพ่งตรงมา
   “เหนือครับ” ผมตัวชาไปหมด ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นต่อ ส่วนผมนั้นไร้อำนาจใดๆ จะขัดขืนเขาได้
   ดูเหมือนเขาจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะสนใจคนถัดไป ผมรู้ดีเลยครับว่ายิ้มนั่นไม่ใช่เพียงตามมารยาทเท่านั้น มันแฝงด้วยเล่ห์อย่างอื่นอยู่ด้วย
   ทำไมผมถึงได้ซวยอย่างนี้วะ หรือว่าเบญจเพสสำหรับผมคือตอนอายุยี่สิบสาม?
   
   ตลอดทั้งวันผมไม่มีกะจิตกะใจทำงานเลยครับ ใจมันพาลคิดถึงแต่เรื่องในคืนนั้น ยิ่งโต๊ะทำงานของผมอยู่ใกล้เขามากกว่าใครยิ่งทำให้มองเห็นเขาอยู่ทุกเมื่อทุกยาม ที่เจ็บใจคือแทนที่ผมจะเหม็นขี้หน้ามันให้เข้ากระดูกเข้าไส้ แต่กลับมีภาพเรือนร่างของเขาและตอนที่เรามีอะไรกันแทรกมาตลอด นั่นทำให้ผมรู้สึกเกลียดตัวเองจับใจ
   “เหนือครับ” เขาเรียก
   “ครับ คุณสิบทิศ” ผมหลุดจากวังวนความคิดก่อนจะขานรับ
   “หาข้อมูลของครีมกับโฟมล้างหน้าให้ผมด้วย ส่งเข้าในเมลแล้ว”
   “คุณสิบทิศจะเอาเมื่อไหร่ครับ”
   “ผมเขียนบอกไว้แล้ว” พูดจบเขาก็ลุกออกไปเลยครับ ซึ่งพอผมเปิดอ่านเมลที่เขาส่งมาก็แทบลมจับ เขาลิสต์รายการที่อยากได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทเกือบสิบข้อและขอย้อนหลังห้าปี นั่นหมายความว่าวันนี้ผมไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นละ เพราะฐานข้อมูลที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์เก็บในเซอร์เวอร์ของบริษัทแค่สามปี สองปีก่อนหน้านั้นคือต้องไปค้นจากแฟ้มที่เป็นเปเปอร์ ที่สำคัญคือเขาใส่ดอกจันตรงล่างสุดว่าขอข้อมูลทั้งหมดภายในวันนี้
   ครับ…ไอ้เหี้ย!
   “อีเหนือ กูว่ามันแปลกๆ เหมือนคุณวินเขม่นมึงยังไงพิกลนะ” แมนกับเอเลื่อนเก้าอี้มากระซิบที่โต๊ะผม พอเห็นอีเมลที่เปิดหราบนหน้าจอมันทั้งสองก็รีบบาย “งานช้างแล้วมึง”
   ผมจับพนักเก้าอี้พวกมันเอาไว้ทัน “พวกมึงช่วยกูด้วยสิ”
   “กูขอเอาตัวเองให้รอดก่อนละกันนะ นู่น มึงดูกองเอกสารบนโต๊ะกู สูงยังกะเขาไกรลาศ” แมนว่า
   “เออ เดี๋ยวกูช่วยหา” เอบอกอย่างเอื้อเฟื้อ
   แต่พอเอาเข้าจริงๆ งานของเอก็วุ่นตลอดทั้งวันจนไม่ได้มาช่วยอย่างที่รับคำ แถมพอถึงตอนใกล้เลิกงานมันก็ทำหน้าแป้นมาบอกว่า “กูขอโทษ นัดกับผัวไว้ที่ฟิตเนสแล้วอ่ะ”
   ผมนี่ถอนหายใจดังเฮือก “อือ มึงไปเถอะ เดี๋ยวกูก็จะชิ่งละ พรุ่งนี้ค่อยบอกเขาละกันว่าข้อมูลเยอะขนาดนั้นวันเดียวไม่ได้หรอก นี่ตั้งแต่สั่งงานไว้ก็ยังไม่กลับมาเลย สงสัยคงจะไม่รีบอะไรขนาดนั้น”
   พูดไม่ทันขาดคำหน้าหล่อๆ ของเขาก็มานู่นละ พอเข้ามาใกล้ผมก็เห็นว่าในมือเขาถือแก้วกาแฟติดมาด้วย อย่าบอกนะว่าให้ผมหาข้อมูลมากมายขนาดนี้แล้วเขาไปนั่งกระดิกตีนชิลล์ๆ ในร้านกาแฟข้างนอกมา
   “ส่งข้อมูลให้ผมยังครับ” เขาพูดตอนเดินผ่านเข้าไปที่นั่งตัวเอง
   “ส่งให้แล้วครับ เฉพาะสามปีย้อนหลัง” ผมรายงานไปมองแก้วกาแฟของเขาไป น้ำเสียงตอนนี้คือพยายามระงับความขุ่นเคืองให้ได้มากที่สุด
   “แล้วอีกสองปีล่ะครับ”
   “บริษัทเราเก็บข้อมูลในเซอร์เวอร์แค่สามปี เก่ากว่านั้นต้องไปค้นจากแฟ้มในห้องเก็บของ” ผมบอกอย่างไม่ยี่หระ พลางก็ทำทียกนาฬิกาขึ้นดูเวลาบอกเป็นนัยๆ ว่าใกล้จะเลิกงานแล้วโว้ย “ถ้าคุณสิบทิศจะเอา ผมจะไปค้นให้วันพรุ่งนี้”
   “งั้นผมขอพรุ่งนี้เก้าโมงเช้า” เขาทำสีหน้ากวนตีนชิบหาย
   ผมได้แต่เข่นเขี้ยว จะเอาพรุ่งนี้เก้าโมง จะเอาเวลาที่ไหนมาทันกันเล่า
   “เป็นช่วงบ่ายได้ไหมครับ เก้าโมงไม่น่าจะทัน” ผมต่อรอง
“ผมต้องใช้ข้อมูลพวกนั้นตอนประชุมสิบโมงครึ่ง” น้ำเสียงเขาเหมือนจะท้าทายอยู่ในทีซึ่งผมเองก็เป็นโรคไม่ชอบให้ใครมาสบประมาทได้เสียด้วย
   ได้ครับ ไอ้เหี้ย…ผมคิดในใจ
   เป็นอันว่าคืนนั้นผมอยู่ต่อถึงสามทุ่ม แถมเบิกโอทีไม่ได้อีก เพราะกฎบริษัทคือถ้าพนักงานจะทำโอทีต้องแจ้งหัวหน้างานก่อนทุกครั้ง แล้วหัวหน้าจะพิจารณาก่อน ถ้าเห็นสมควรถึงจะเซ็นอนุญาต
   โอย ชีวิตบัดซบ ก็ได้พยายามคิดในแง่ดีว่าเขาคงต้องใช้ข้อมูลพวกนั้นจริงๆ ไม่ได้คิดจะแกล้งผมจริงๆ แต่แล้วความคิดบวกก็มีอันต้องสลายตัวลงในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อสิบโมงพี่แหม่มเดินเข้ามาในแผนกแล้วตรงไปที่โต๊ะของคุณสิบทิศร้อยจักรวาลนั่น
   “พี่เพิ่งเห็นเมลที่ส่งมาตอนบ่ายเมื่อวานว่าขอเลื่อนประชุมเป็นจันทร์หน้า”
   ผมฟังแล้วก็ขึ้นเลยครับ แบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆ แต่พนักงานต๊อกต๋อยอย่างผมจะไปมีปากมีเสียงได้ที่ไหนกันล่ะครับ ก็ได้แต่สะกดความโกรธหน้าดำหน้าแดงอยู่ตรงนั้นแหละ ยิ่งตอนก่อนที่พี่แหม่มจะกลับ แกยังทิ้งท้ายอีกว่า “อ้อ ข้อมูลย้อนหลังห้าปีพี่ส่งให้แล้วตั้งแต่เมื่อวานนะ”
   “เห็นแล้วครับ” คุณผู้ชนะสิบทิศพูดอย่างไม่แคร์สายตาผมที่เหลือบไปมองด้วยความอาฆาตเลยสักนิด
   “เหนือ ทำไมหน้าแดงอย่างนั้น ไม่สบายรึเปล่า” พี่แหม่มสังเกตเห็น
   “นิดหน่อยครับพี่ วันก่อนโดนหมาไล่ เมื่อวานก็เจอหมาตัวเดิมมันเห่าเอาครับ” ผมว่าเสียงดังพอให้เขาได้ยิน
   “ช่วงนี้หมาบ้าระบาด ระวังตัวนะ พี่ไปล่ะ”
   พี่แหม่มเดินไปนู่นแล้ว แต่ผมก็ยังพูดตามหลังไปว่า “สงสัยเหมือนกันครับว่าจะเป็นหมาบ้าจริงๆ”
   สาแก่ใจอีเหนือนัก ที่เห็นสีหน้าของเขากระตุกขึ้นมา แม้จะชั่วพริบตาก็เหอะ
   
    แคนทีนของบริษัท ตอนพักเที่ยง
   “ศุกร์นี้ไปร้านไหนดีวะ” พี่เอ็มเริ่มชวนไปเที่ยวอีกละ ขณะที่คนอื่นๆ เสนอความคิดเห็นกันผมเอาแต่งนั่งเงียบครับ ก็คงจะไม่ไปอ่ะ
   “ไปด้วยกันมั้ยมึง ออกล่าผู้ชาย” ต้าร์หัวเราะฮิฮะ
   “ไม่อ่ะ กูเหนื่อย” ผมบอกปัดกลายๆ
   “แหม ได้ผู้ชายก็คงไม่เหนื่อยแล้วมั้ง เอ๊ะ รึว่าจะเหนื่อยกว่าเดิมนะ ได้ข่าวว่าศุกร์ที่แล้วยืนไม่ไหวเลยนี่คะเพื่อนขา” แมนเป็นคนจุดชนวนให้ทั้งกลุ่มกลับมาสนใจเรื่องในคืนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีพิตต้าร์เป็นคนกระจายข่าวจากไลน์ที่ตอบมันไป
   ต้าร์รู้โลกรู้จริงๆ นะมึง
   “เล่าค่ะ ผู้ชายแซ่บมั้ย” พี่เอ็มถึงกับวางช้อนแล้วรอฟัง
   “ผู้ชายที่ไหน ไม่มี๊” ผมทำหน้ามึนไปงั้น
   “อีนี่ ก็คนที่มึงไปด้วยไงคะ ชื่ออะไรนะ” พี่เอ็มหันไปถามต้าร์
   “วิน” ต้าร์มองค้อน “กูอุตส่าห์จอง หมาคาบไปแดกซะฉิบ”
   “มึงว่ากูเป็นหมา?” ผมหันขวับ
   “เล่ามา พวกกูอยากรู้”
   “เอ่อ ก็…ก็ดี”
   “คืนเดียวจบหรือว่ายังคุยกันคะ” ต้าร์ทำท่าจ่อไมค์
   ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี คืนเดียวจบพวกมันก็จะหาว่าผมง่ายผมร่าน ถ้าโกหกว่ายังคุยกันเดี๋ยวพวกมันก็คงจะซอกแซกถามเรื่องอื่นๆ อีกแน่ๆ เอาเป็นว่ายอมให้พวกมันด่าว่าร่านก็แล้วกัน
   “อีร่าน” นั่นไง พวกมันพร้อมใจกันว่าผม
   “ใหญ่ป้ะ” ต้าร์ยังไม่ยอมจบง่ายๆ
   “อะไรใหญ่?” ผมตีหน้ามึน
   “อีดอก หัวแม่ตีนเขามั้งคะ ตอบมากูอยากรู้จะได้เอาไปจิ้น”
   ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมก็เลยเล่าแบบใส่ไข่ให้พวกมันอิจฉาเล่นซะเลย “เออ หล่อ รวย ลีลาดี อึด ใหญ่มากกกกก”
   แต่เหี้ย…ผมนึกในใจ
   “ว้าย เริ่ด” ต้าร์กรี๊ด “กูบอกมึงละ ผู้ชายคนเก่าผ่านไป คนใหม่ต้องแซ่บกว่า มึงก็เอาแต่อาลัยอาวรณ์มันอยู่นั่น”
   ต้าร์หมายถึงพี่ป๊อปครับ
   “กูไม่ได้อาลัยอาวรณ์พี่ป๊อป” กูแค่มีหนี้ที่ต้องจ่าย
   “แหม่ๆ แหม๊ กูเห็นนะ อีพี่ป๊อปยังไลน์มาหามึงอยู่”
   “เลิกกันแล้วก็ยังคุยกันได้ป่ะวะ”
   “แต่เขาทำมึงเจ็บมากนะอีเหนือ”
   “ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
   “พูดงี้หมายความว่าไง จะกลับไปคบกันว่างั้น”
   “…”
   “พวกเราคะ กูเตือน ถ้าไม่อยากเห่าเป็นหมา อย่าไปยุ่งเรื่องของมันกับพี่ป๊อปนะคะ”
   “คุยกันเฉยๆ นะ” เรื่องหนี้ล้วนๆ เลยมึง
   บทสนทนาจบลงแค่นั้นเมื่อคนที่นั่งโต๊ะข้างหลังเลื่อนเก้าอี้มาชนเก้าอี้ผม
   “อ้าว คุณวิน กินเสร็จแล้วเหรอครับ” เอถาม
   ห้ะ คุณวิน…ไอ้เหี้ยนั่น ตายๆ จะได้ยินบ้างไหมนะ
   “เรียบร้อยครับ ขอตัวนะ ผมมีประชุมบ่ายโมงตรง”
   เขาเดินผ่านโต๊ะพวกผมไปพร้อมกับยิ้มผูกมิตรให้เดอะแก๊ง แต่ทำไมผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบกับรอยยิ้มนั่นก็ไม่รู้ รู้สึกได้ว่าเขาไม่พอใจอะไรบางอย่าง พอพวกเราตั้งท่าจะคุยกันต่อ เขาก็วกกลับมา
   “เหนือครับ ผมคงจะเลิกประชุมเย็นหน่อย คุณช่วยรอผมด้วยนะ มีงานจะให้ช่วยครับ”
   อะไรอีกวะ ผมอยากจะตะโกนใส่หน้ามันจริงๆ จะแกล้งอะไรกูอีก แล้วทำไมต้องให้รอด้วย จะสั่งอะไรก็ส่งเข้าเมลสิวะ
   “เขาชอบมึงป่ะ ทำไมเรียกใช้แต่มึง” พี่เอ็มว่า “เป็นป่าววะ”
   “ไม่มั้งแก คุณวินแมนออก กูไม่สัมผัสได้ว่าเขาจะเป็นเกย์” ต้าร์ว่า
   “กูก็ว่าไม่” ผมรีบเห็นด้วย ไม่อยากให้พวกมันเห็นเค้าแล้วสืบสาวจนรู้ว่าหัวหน้าคนใหม่ก็คือคนเดียวกับผู้ชายในคืนวันศุกร์
   “แต่กูว่าเขาก็ดูคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” แมนทำท่านึก
   “ไร้สาระน่าพวกมึง แดกต่อๆ จะได้รีบกลับไปทำงาน”
   
   ห้าโมงสี่สิบห้า คนอื่นๆ ทยอยกลับไปแล้วแต่ไอ้คุณผู้ชนะสิบทิศสิบแฉกมันยังไม่โผล่หัวมาเลยครับ หรือว่าผมจะโดนแกล้งอีกแล้ว ผมจะให้เวลาถึงแค่หกโมง ถ้ามันยังไม่มาผมจะไม่สนใจอะไรละ
นั่งรอต่ออีกไม่กี่นาทีก็มีสายพี่ป๊อปโทรเข้ามา
   “ครับพี่”
   “เหนือ เดือนนี้พี่ขอเพิ่มนะ พอดีพี่ร้อนเงิน อีกอย่างถ้าเหนือผ่อนเดือนละเท่านี้มันก็ไม่หมดสักที เหลืออีกตั้งสองแสนเลยนะ” ออฟฟิศตอนนี้เงียบมาก ชนิดที่ว่าถ้าใครมายืนอยู่ใกล้ๆ ก็คงได้ยินสิ่งที่เราคุยกันแน่ๆ รวมถึงเสียงที่ลอดมาจากมือถือของผมด้วย
   “แล้วเหนือจะเอาเงินจากไหนล่ะพี่” ผมนี่ใจแป้วเลยครับ
   “พี่ขอโทษนะ” เสียงพี่ป๊อปเหมือนไม่ได้สงสารอะไรผมเท่าไหร่นัก “นี่เพิ่งจะต้นเดือนเอง พี่ก็เลยโทรมาบอกไว้ก่อน กว่าจะสิ้นเดือนก็อีกตั้งนาน พี่เองก็ร้อนเงินจริงๆ ขอโทษอีกครั้งนะ”
   “อืม แล้วจะลองหาดู” ผมพูดเสียงอ่อยก่อนจะกดวาง จากนั้นก็เอามือกุมขมับเลยครับ น้ำตามันรื้นๆ ขึ้นมาแล้วก็มีแฟ้มงานวางกระแทกลงตรงหน้า
   “ข้อมูลในแฟ้มนี้คลาดเคลื่อน คุณช่วยตรวจสอบให้ด้วย ผมต้องใช้มันพรุ่งนี้” เสียงของไอ้คุณสิบทิศครับ ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
   “พรุ่งนี้ได้ไหมครับ วันนี้เลิกงานแล้ว” ผมตอบออกไปด้วยเสียงเหนื่อยล้า
   “ผมต้องใช้พรุ่งนี้เช้า” เขาย้ำ
   ถึงจุดนี้ผมหันไปมองหน้าเขาตรงๆ แล้วครับ ความอัดอั้นตันใจมันประเดประดังเสียจริงๆ น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาก็เลยไหลเผาะๆ เอาตอนนั้นแหละ
   สะใจมึงรึยัง
   อยากจะรู้นักว่ากูเคยทำอะไรให้มึงแค้นนักหนา
   ท่าทางของเขาเหมือนคิดไม่ถึงว่าผมจะร้องไห้ แต่ก็ทำเป็นไม่มองไม่สนใจ
   “อยู่ต่อสักสองชั่วโมงนะครับเหนือ เดี๋ยวผมเซ็นโอทีให้” น้ำเสียงเขาอ่อนลง
   “รวมของเมื่อวานด้วย” ผมเช็ดน้ำตาแล้วพูดเสียงกระด้างขึ้น
   “ผมเซ็นย้อนหลังไม่ได้” เขาว่า
   “เฮอะ” อยู่กันสองคนผมก็ไม่อยากใส่หน้ากากอะไรละครับ ทำไมต้องคอยเกรงใจมันด้วย
   “เป็นหนี้อะไรตั้งสองแสน” อยู่ดีๆ เขาก็พูดขึ้นมา แสดงว่าเมื่อตะกี้คงได้ยินหมดแล้วสินะ
   “ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ผมไม่อยากเสียเวลาเล่าให้กับคนไม่สนิทฟัง ขนาดเดอะแก๊งผมยังไม่เล่าเลย
   “นั่นสิ ไม่ใช่เรื่องของผม” เขาไหวไหล่ “เห็นเครียดๆ ก็กะว่าจะช่วย สองแสนสำหรับผมมันไม่ได้มากมาย”
   ผมหูผึ่งขึ้นมาทันทีเลยครับ แต่นึกแล้วคนอย่างเขาคงจะไม่ช่วยด้วยใจบริสุทธิ์หรอก ดูหน้าก็รู้ยี่ห้อ
   หลังจากนั้นเราสองคนต่างก็ทำงานกันเงียบๆ จนผ่านไปชั่วโมงกว่าผมก็ตรวจทานและแก้ไขเสร็จ ตอนที่เอาแฟ้มไปวางตรงหน้าเขา ผมสังเกตว่าเขาปลดกระดุมสองเม็ดบนออก ดูท่าจะร้อนเพราะแอร์ปิดไปตั้งแต่ตอนหกโมง ผมเห็นผิวหนังในนั้นวับแวม ภาพคืนนั้นก็หวนกลับมาอีก แวบหนึ่งก็อยากจะลองถามเขาว่าทำแบบนั้นทำไม ที่ไล่ผมกลับในคืนนั้นน่ะ แต่คิดอีกทีก็ไม่ดีกว่าครับ
   ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร เขาก้มลงมองคอเสื้อตัวเองแล้วมองหน้าผม
   “คุณเล่าเรื่องผมให้เพื่อนคุณฟังทุกเรื่องเลยหรือ” เขาถาม
   “เรื่องอะไร”
   “หล่อ รวย ลีลาดี อึด ใหญ่อะไรนั่น ผมเป็นอย่างนั้นจริงใช่มั้ย” ท่าทางเขาดูภูมิใจอยู่นะ
   ผมหน้าร้อนซู่ขึ้นมาเลยครับ แสดงว่าเขาได้ยินทั้งหมด
   “ไม่ได้พูดสักหน่อย งานเสร็จแล้ว ขอตัว” ผมรีบกลับมาเก็บของแล้วปิดคอมฯ ที่โต๊ะ
   “ผมหิวข้าว” เขาว่า
   “เรื่องของคุณ บอกทำไม” ผมจะเดินหนีละครับ
   “ยังไม่ได้กินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพาไปกินข้าว ถือว่าเป็นค่าโอทีเมื่อวาน”
   “ไม่อ่ะ”
   “จะไปดีๆ หรือว่าอยากอยู่ดึกตลอดอาทิตย์” เขาขู่
   ผมนี่ควันออกหูเลยครับ นี่มันยอมรับแล้วใช่ไหมว่ามันแกล้งผม อยากรู้จริงๆ ว่าผมไปทำอะไรมันไว้แต่ชาติปางไหน
   
   ชั่วโมงต่อมาผมก็เลยมานั่งอยู่ในร้านอาหารในห้างกับมันสองคน ผมเอาคืนบ้างตอนที่มันบอกว่าสั่งได้เลย ผมก็เลยสั่งไปซะสิบอย่างเพลินๆ คำนวณคร่าวๆ ก็คงจะหลายพัน
   “กินหมดเหรอ” เขาทำหน้านิ่ง
   “ไม่รู้สิ ก็อยากกินทุกอย่างที่สั่งไปนั่นแหละ”
   “กินไม่หมดผมปรับนะ”
   “ก็ได้ยินแล้วนี่ว่าการเงินผมติดลบ คงไม่มีอะไรให้คุณปรับหรอก” ผมทำหน้ากวนๆ
   “ไม่เอาเงิน แต่จะเอาอย่างอื่นแทน” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
   “ทะลึ่ง” ผมแหว แต่ทำไมหน้ามันร้อนซู่ขึ้นมาได้
   “หมายถึงทำงานให้ผมโดยไม่มีโอที” เขาว่า “หรือว่าชอบแบบคืนนั้น”
   ผมเม้มปากทันที พลางนึกว่าทำไมผมถึงเสียเปรียบเขาทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้นะ เมื่ออาหารที่สั่งไปมาวางเรียงสลอนอยู่บนโต๊ะผมก็จำต้องพยายามกินให้หมด ส่วนหนึ่งก็อยากเอาชนะเขานั่นแหละ ส่วนเขากินแค่อย่างเดียวที่เขาสั่งจนหมด แต่จนแล้วจนรอดที่ผมสั่งมาผมกินไม่หมดจริงๆ
   “จะทำงานโดยไม่มีโอทีจนถึงวันศุกร์ก็แล้วกัน” ผมยอมแพ้
   “เหนื่อยนะ เลือกอีกอย่างไม่สนุกกว่าเหรอ” เขายิ้ม มันไม่ใช่ยิ้มแบบกรุ้มกริ่มอะไรนะครับ เป็นยิ้มแบบเยาะเย้ยดูถูกอ่ะครับ
   “ผมมีศักดิ์ศรีนะ อย่าหลงตัวว่าหล่อรวยแล้วจะเอาเงินฟาดหัวใครก็ได้ แล้วก็ไม่ได้อยากโดนไล่เหมือนแมลงสาบด้วย”
   “แล้วถ้าไม่ไล่ จะไปไหมล่ะ” เขาถามเหมือนหยั่งเชิง
   “เลิกเล่นเถอะ ดึกแล้ว อยากกลับไปพักแล้ว”
   เขาเรียกพนักงานมาคิดเงิน ขณะรอเงินทอนกับใบเสร็จก็มีใครบางคนตรงเข้ามาทัก
   “พี่วิน บังเอิญจัง จะกลับแล้วเหรอครับ” คนมาใหม่ยังใส่ชุดนักศึกษา รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดีจัด ดูจากลักษณะท่าทางและออร่าแล้วก็คงเป็นคนในสังคมชั้นสูงอีกคนสินะ
   “กำลังจะกลับแล้วครับ”
   “พอดีเลย กรรณขอกลับด้วยได้ไหมครับ พอดีรถกรรณเพิ่งเข้าอู่” หนุ่มนักศึกษาที่แทนตัวเองว่ากรรณหันมาทางผม เหมือนจะขออนุญาตด้วย คงนึกว่าผมกับเขาจะกลับด้วยกันล่ะมั้ง
   “กรรณไปกับพี่ก็ได้” ไอ้คุณสิบทิศยิ้มอ่อนโยน ผิดจากที่ปฏิบัติกับผมหน้าตีนเป็นหลังมือ ก่อนจะพูดกับผมว่า “กลับเองได้นะ”
   “อ้าว เพราะกรรณรึเปล่าครับ อย่างนั้นกรรณเรียกให้ที่บ้านมารับก็ได้”
   “ไม่เป็นไรหรอก คนนี้เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานพี่เท่านั้นเอง”
   “ได้ไงล่ะพี่วิน ไม่เอาดีกว่า”
   “อย่างที่คุณสิบทิศพูดแหละครับ ผมกลับเองได้” พูดเสร็จพนักงานก็กลับมาพร้อมเงินทอนและใบเสร็จ อาศัยจังหวะนั้นผมก็เลยลุกขึ้น “ขอตัวนะครับ”
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: zaneforest ที่ 28-10-2018 19:03:55
ปักหมุดเรื่องนี้เลย
นิสัยคุณสิบทิศนี่ร้ายกาจมาก
จะดราม่าเเทนเหนือละ
สู้ๆนะ คนเขียน //ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 28-10-2018 21:50:09
@zaneforest ขอบคุณจากใจครับ มีกำลังใจเขียนต่อเป็นกองเลย
เม้นท์แรกจะได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของ But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก ครับ ^_^
 :mew1:
แล้วเรามาลุ้นกันว่าคุณสิบทิศจะแกล้งอะไรเหนืออีก แล้วเหนือจะเอาคืนได้บ้างมั้ย อิอิ  :m16:

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 29-10-2018 23:35:45
ตอนที่ 3

   กว่าผมจะกลับมาถึงปากซอยที่พักก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าละ เห็นคอนโดหรูของไอ้คุณหัวหน้าตั้งตระหง่านอยู่ข้างในซอยแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาซะอย่างนั้น หงุดหงิดแทบจะทุกอย่างที่เขาทำ โดยเฉพาะตอนที่เขาเลือกไปส่งนักศึกษานั่น สงสัยจะเป็นแฟนกันล่ะมั้ง ท่าทางก็สมกันดี ป่านนี้คงไปส่งถึงสวรรค์ชั้นไหนต่อไหนแล้วล่ะ
   ซ่า!
   ผมโดนรถเหยียบน้ำโคลนกระเด็นใส่อีกแล้วครับ ที่เดิม จุดเดิม และรถบีเอ็มดับบลิวสีดำคันเดิม
   “พ่องเอ๊ย มึงอีกแล้วเหรอวะ” ผมตะโกนตามหลัง
คราวนี้รถคันนั้นจอดครับ สงสัยจะได้ยินผมโวยวายและก็คงรู้ตัวว่าได้ทำผิดลงไป
ผมเดินจ้ำอาดๆ เข้าไปหารถคันนั้นอย่างพร้อมระเบิดเต็มที่ พอเข้าไปถึงเจ้าของรถก็เลื่อนกระจกลงมา ผมก็เหวอสิครับ ก็คนในรถมันคือไอ้คุณสิบทิศนั่นเอง
   “มาทำไมแถวนี้ มาหาผมเหรอ” ดูมันพูด “ไหนว่าเลือกทำโอที”
   “ใครว่าจะทำอย่างนั้นกันล่ะ อย่ามาหลงตัวเอง นายไม่ได้มีอะไรดีขนาดนั้น” ผมแทบจะยื่นตัวเข้าไปด่ามันใกล้ๆ หู
   นายสิบทิศทำท่านึก แปบเดียวก็เดาถูก “อยู่ในซอยนี้เหรอ”
   “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ลงมาเคลียร์กันซะดีๆ เหยียบน้ำกระเด็นมาโดนเนี่ย” ผมชี้ให้เขาเห็นร่องรอยบนเสื้อผ้า
   “ขอโทษ” เขาบอกสั้นๆ
   “แค่ขอโทษเหรอ ง่ายไปมั้ย” ผมใส่เต็มที่เลยครับ โมโหมากหงุดหงิดมาก ทั้งเรื่องที่แกล้งผมที่ออฟฟิศทั้งเรื่องที่ไปกับเด็กนักศึกษานั่น
   “แล้วจะให้ทำไง” เขาถามกลับ
   ผมเองก็ตื้อไปเลยว่าจะให้เขาทำยังไง ที่จริงแค่ขอโทษก็น่าจะพอแล้วนะ จะถอดเสื้อให้เขาไปซักก็คงไม่ใช่เรื่อง “ไม่รู้โว้ย แต่นายต้องรับผิดชอบ”
   คนในรถถอนหายใจเพลียๆ ก่อนจะหันไปหยิบถุงอะไรสักอย่างที่เบาะหลัง “อ่ะ แทนคำขอโทษ ถ้ายังไม่พอใจไปคิดก่อนแล้วค่อยมาบอกผม”
   ผมรับถุงนั้นมางงๆ ก่อนจะยกขึ้นดูว่ามันคืออะไร
   สลัดผัก?   
   สลัด…สัด?
   นี่ผมโดนมันด่าอยู่รึเปล่า เงยหน้าอีกทีเขาก็ออกรถไปนู่นละครับ
   มันต้องด่าผมแน่ๆ
   ไอ้เหี้ยเอ๊ย!
   ผมเกือบจะปาถุงสลัดนั้นทิ้งละครับ ถ้าไม่นึกเสียดายขึ้นมาซะก่อน พอกลับเข้าห้องก็เลยแกะมากินจนเกลี้ยงเลยครับ (ทั้งที่ก็เพิ่งกินมาตั้งสิบอย่าง) และก็คงเพราะกินมากไปนั่นแหละครับ คืนนั้นผมก็เลยฝันร้าย ฝันว่ามีงูสีทองเลื้อยเข้ากางเกงแล้วหัวมันก็พันขึ้นมารัดที่คอผมแทบหายใจไม่ออก จนสะดุ้งตื่นตอนตีสี่นั่นแหละครับ ฝันน่ากลัวชิบหาย แต่ผมเคยอ่านมานะ ฝันร้ายความหมายมักจะดี ฝันว่างูรัดหมายถึงจะได้เจอเนื้อคู่ ยิ่งรัดสูงเท่าใดเนื้อคู่จะยิ่งรวยเท่านั้น
   สาธุ ขอให้ได้ขอให้โดน อยากจะพึ่งบุญในบัญชีของเนื้อคู่สักสองแสนเอาไปใช้หนี้พี่ป๊อปให้หมดๆ เสียที แหะๆ
   
   เพราะฝันว่างูรัดนั่นล่ะครับที่ทำให้เช้านี้ผมค่อนข้างจะอารมณ์ดี ก็แหม ผมอับเฉามาหลายเดือนแล้วนะครับ หวังว่าเบื้องบนจะพิจารณาแล้วเห็นควรแก่เวลาที่จะประทานความชุ่มชื่นมาให้ผมสักที
   “อุ๊ย คุณวิน วันนี้เสื้อสวยจังเลยครับ” เสียงพี่เอ็มฉอเลาะนายสิบทิศแว่วมาแต่ไกล พอผมหันไปดูต้นเสียงก็พบว่าอีตาสิบทิศแปดร้อยเหลี่ยมนั่นอยู่ในชุดสีเหลืองๆ ทองๆ เสื้อตัวนั้นดูก็รู้ว่าราคาแพง แถมสีโทนสว่างๆ แบบนั้นยิ่งขับให้หน้าของเขายังกับจะเปล่งแสงได้ยังงั้นแหละ
   วันนี้แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษแฮะ ผมนึกชมมันในใจ
   หล่อก็ส่วนหล่อ เหี้ยก็ส่วนเหี้ย
   พอเขานั่งลงที่โต๊ะ ผมก็สังเกตเห็นว่าเสื้อของเขามีลายเกล็ดงูจางๆ อยู่ตรงสาบแขนด้วยสิ
   สงสัยฝันเมื่อคืนจะไม่ได้หมายถึงเนื้อคู่เสียละ น่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรซะมากกว่า มิน่ารัดคอผมเจียนจะตาย นึกแล้วก็ได้แต่กรอกตาแล้วพาลไปทางนายสิบทิศว่าจะใส่เสื้อตัวนี้มาทำไมวันนี้ก็ไม่รู้ ทำลายนิมิตรหมายอันดีของผมจริงๆ
   ผมเริ่มอารมณ์บูด แต่ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีนะ
เฮอะ สงสัยจะฟินต่อเนื่องมาจากเมื่อวานกับนักศึกษานั่นแหงๆ
พักหนึ่งเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
   “มาถึงแล้วเหรอครับ… เดี๋ยวพี่ลงไปรับ”
   ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่หรอกนะ แต่พอดีว่าโต๊ะมันอยู่ใกล้กันก็เลยได้ยินเอง ว่าแต่ผมก็เริ่มสงสัยแล้วสิว่าใครมาหากันนะ นายสิบทิศถึงได้ฮัมเพลงออกไปแบบนั้น แต่ก็ช่างเถอะ อารมณ์ดีก็ดีแล้วจะได้ไม่พาลมาแกล้งผมอีก กลับดึกมาหลายวันละ วันนี้นะห้าโมงครึ่งปุ๊บเด้งปั๊บ
   ผ่านไปครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์ที่โต๊ะผมก็ดังขึ้น
   “ช่วยเอาแฟ้มบนโต๊ะของผมลงมาให้ที่ห้องรับแขกชั้นสองด้วย” เสียงของไอ้คุณสิบทิศสั่งมาตามสาย
   ผมงง นี่ผมกลายเป็นเลขาส่วนตัวของมันไปแล้วเหรอวะ ทำไมใช้กูจัง แล้วทำไมไม่หยิบไปด้วยตั้งแต่แรก แต่ถึงงั้นผมก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาอ่ะครับ
   มาถึงห้องรับแขกชั้นสองผมก็ถึงบางอ้อ สาเหตุที่เขาแต่งตัวหล่อบวกกับอารมณ์ดีออกหน้าออกตาก็คงเพราะคนที่มาหานั่นแหละ น้องนักศึกษาที่ชื่อกรรณนั่นเอง
   “สวัสดีครับพี่” น้องกรรณจำผมได้แถมยังลุกขึ้นยกมือไหว้อีก มารยาทดี แอดติจูดดีไปอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแฟนกับไอ้หัวหน้าของผมได้ ถึงแม้เสื้อผ้าหนังหน้าและความรวยจะทำให้พวกเขาดูเหมาะสมกันก็ตามทีเถอะ นึกแล้วก็อยากจะเสี้ยมให้ตีกัน อยากบอกน้องให้รู้ว่าแฟนน้องแอบนอกใจนะ เมื่อคืนวันศุกร์ที่แล้วนี่เอง
   ผมยกมือรับไหว้ ก่อนจะส่งแฟ้มให้คนที่นั่งเก๊กหล่อตรงหน้า เสร็จเรื่องแล้วผมก็หันหลังกลับ
   “เหนือ ช่วยยกน้ำมาให้แขกด้วยครับ” ไอ้คุณสิบทิศว่า
   ฮะ? ผมหันหน้ามางงๆ เขาใช้ผมเหรอ ผมไม่ใช่แม่บ้านนะเว้ย แต่จังหวะนั้นคือไม่ได้อยู่กันแค่สองคนไง ผมก็เลยจำต้องไปทำตามคำสั่งเขา
   มันจะมากเกินไปแล้วนะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย!
   “สามแก้วนะ” เขาบอกตามหลัง
ผมได้แต่ถอนหายใจ อยู่กันสองคนจะแดกทำไมตั้งสามแก้ว อีกแก้วเอามากรวดให้บรรพบุรุษมึงเหรอ
   ผมถือถาดวางแก้วน้ำสามแก้วกลับเข้ามาในห้องรับแขกแล้วก็เดินหน้าหงิกไปหาเขาก่อนเลยครับ แก้วแรกวางตรงหน้านายสิบทิศพร้อมกับที่ผมจงใจทำหน้ามีเลศนัยให้เขาเห็น มันเป็นความกวนตีนของผมครับ ให้เขาคิดไปทำนองว่าผมจุ่มส้นสูงลงไปแล้วเรียบร้อย (แต่ที่จริงไม่ได้ทำอย่างนั้นนะ) กล้าแดกไหมละมึง ส่วนอีกแก้วก็วางให้น้องกรรณตามปกติ ซึ่งน้องนิสัยดีของจริงเพราะน้องยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วย
   “อีกแก้วล่ะครับ” ผมถาม
   นายสิบทิศบุ้ยใบ้ไปทางข้างหลังพร้อมกับทำหน้าเพลียๆ ที่ผมไม่เห็นแขกอีกคน เห็นหน้าจอมบงการนั่นแล้วผมก็เลยหงุดหงิดขึ้นมาแล้วก็หันไป อีตาแขกอีกคนก็จะเดินเข้ามาประชิดทำไมก็ไม่รู้ มันทำให้ถาดในมือไปชนตัวเขาเข้าอย่างจัง
   “เฮ้ย!”
   ผมกับแขกอีกคนต่างฝ่ายต่างไล่ตะครุบแก้วน้ำที่โคลงเคลงอยู่บนถาด จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครคว้าไว้ได้ แล้วก็ทำอีท่าไหนไม่รู้ผมลงมาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนกับพื้นโดยมีแขกคนนั้นเอาแขนข้างหนึ่งกอดหลังผมเอาไว้ จังหวะนั้นคือเหมือนฉากเปิดตัวพระเอกเลยครับ ผมมองขึ้นไป เขามองลงมาสบตากัน เขาหล่อ ผิวขาว คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปากน่าจูบ ผิวดีมาก ข้างหลังเขาราวกับมีปีกเทพบุตรสีขาวกางอยู่แน่ะ
   “เป็นอะไรมั้ยครับ” คนที่เอาแขนประคองหลังผมไม่ให้ถึงพื้นเอ่ยถาม เสียงก็หล่อ
   “ขอโทษครับ ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกรัวๆ แล้วก็พยายามลุกขึ้น แต่การจะลุกขึ้นในท่านั้นมันต้องเอามือยันพื้นอ่ะครับ ผมก็ไม่ทันได้คิดกลับใช้มือข้างที่ว่างจับต้นแขนเขาเพื่อที่จะดึงตัวเองขึ้น ฟินมากครับ กล้ามเขาแข็ง แน่น และเต็มมือดีจัง พอลุกขึ้นได้ก็เลยเห็นสายตาของนายสิบทิศจ้องเขม็งมาราวกับจะพ่นแสงได้อย่างงั้นแหละ 
   “เดี๋ยวผมเอาแก้วใหม่มาให้ครับ” ผมบอก
   “ไม่เป็นไรครับ คุณไม่เปียกนะ” แขกสุดหล่อยังเป็นห่วงเป็นใยผมมากกว่าหัวหน้าผมอีก
   “ไม่ครับ คุณล่ะครับ”
   “นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ” ถึงเขาจะบอกอย่างนั้น แต่รอยน้ำเปียกกางเกงของเขาเป็นทางยาวก็ฟ้องสายตาว่าไม่ใช่นิดหน่อยนะ
   “ผมจะไปหาทิชชูมาให้นะครับ”
   “เหนือ กลับไปทำงานได้ละ” เสียงของนายสิบทิศบอกขุ่นๆ นั่นทำเอาผมไม่กล้าขัดใจ จำต้องกลับออกมาตามคำสั่ง
   แขกวีไอพีรึเปล่าวะ แต่มึงก็รับผิดชอบไปเถอะไอ้คุณหัวหน้า เสือกแกล้งผมดีนักนี่
   กลับมาที่แผนกก็เห็นพวกเดอะแก๊งสุมหัวกันที่หน้าจอคอมฯ โต๊ะพี่เอ็ม
   “ดูอะไรกันอ่ะพวกมึง” ผมยื่นหน้าเข้าไปดูบ้าง รูปที่เห็นคือรูปน้องกรรณนั่นแหละครับ
   “น้องกรรณ นายแบบครีมคนใหม่” เอบอก “หล่อ ไฮโซมากแก”
   อ่อ ผมก็เลยได้รู้ตอนนั้นแหละ ที่น้องกรรณมาวันนี้ก็คงมาคุยเรื่องงานอ่ะเนาะ
   เฮอะ นายสิบทิศนี่ก็ไม่เบาแฮะ มีแฟนเป็นนายแบบ แถมยังเรียกมาใช้งานได้อีก
   แล้วอีกคนนั่นเป็นใครกันนะ นายแบบอีกคนหรือเปล่า อยากรู้จัง

   ต้องขอบคุณน้องกรรณกับเทพบุตรอีกคนที่มาเยือนบริษัทในวันนี้ครับ เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ในตอนเช้าผมก็ไม่เห็นหน้านายสิบทิศอีกเลยจนเลิกงาน
ห้าโมงครึ่งเป๊ะ ผมรีบเก็บของ ปิดคอมฯ แล้วรีบวิ่งเข้าลิฟต์เลยครับ กลัวว่าพิรี้พิไรอ้อยอิ่งไปจะโดนคุณท่านสิบทิศกลับมาทันใช้สอยให้ทำนั่นนี่หลังเวลางานอีก รีบกลับห้องไปเลือกเสื้อผ้าที่ยังดูดีเอามาโพสต์ขายออนไลน์หาเงินใช้หนี้ดีกว่า
   กลับถึงห้อง ผมก็ขลุกอยู่กับกองเสื้อผ้าที่รื้อออกมาอย่างที่บอกแหละครับ แต่ว่าเลือกยากจัง ตัวนั้นก็เสียดาย ตัวนี้ก็ยังใส่ได้ไม่กี่ครั้งเอง ขณะที่ทำใจลำบากอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกชื่อไว้ด้วยอ่ะครับ
   “สวัสดีครับ”
   “รออยู่ข้างล่าง รีบลงมา”
   “โทรหาใครครับ โทรผิดรึเปล่าครับ”
   “จะลงมาดีๆ หรือจะให้ขึ้นไปหา”
ผมนึกออกแล้วครับ เสียงเข้มๆ ดุๆ เย็นชาๆ ป่าเถื่อน บ้าอำนาจแบบนี้มีคนเดียวแหละ ว่าแต่มันมีเบอร์ผมได้ยังไง ไม่ต้องคิดให้หนักหัวครับ มีหลายวิธีที่เขาจะได้เบอร์ผม ข้อมูลที่บริษัทเอยหรือไม่ก็เอามาจากเดอะแก๊งล่ะมั้ง
   “ไม่ลง” จะมาใช้ผมทำงานอะไรอีก นี่ไม่ได้อยู่ออฟฟิศแล้วนะ แล้วนี่ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามกางเกงบอลแล้วด้วย (แต่เตะบอลไม่เป็น) ผมกดวางแล้วก็หันมาเลือกเสื้อผ้าต่อ แปบเดียวเสียงเคาะหน้าห้องก็ดังขึ้น
   จริงดิ! ไอ้เหี้ยนั่นมันขึ้นมาได้ไงวะ รู้เบอร์ห้องผมด้วยเหรอ มันชักจะเกินไปแล้วนะ แต่พอมองผ่านตาแมวก็เห็นเป็นลุงยามของแมนชั่นยืนอยู่หน้าห้อง ผมเลยเปิดประตูออกไป
   “คุณเหนือลงไปข้างล่างเถอะครับ” ลุงยามว่า
   “ลงไปทำไมอ่ะครับ” ผมหยั่งเชิง ทั้งที่ก็รู้อยู่ละว่านายนั่นใช้ลุงให้ขึ้นมาตาม อาจจะทิปลุงด้วยมั้งเนี่ย
   “ก็แฟนคุณเหนืออุตส่าห์มาง้อนะครับ ลุงเห็นซื้อของมาให้ด้วย ถ้าคุณเหนือไม่ลงไป เขาก็จะไม่กลับนะครับ”
   “หา!” นายนั่นมันบอกว่าผมเป็นแฟนมันงั้นเหรอ จะบ้าตาย พูดแบบนี้วันหลังผมพาผู้ชาย (คนอื่น) มาที่ห้อง ลุงยามจะไม่หาว่าผมร่านเหรอ เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้าไรงี้
   เสียหายนะเว้ย นึกแล้วก็อยากจะเอาคืนบ้าง
   “ลุงลงไปบอกเขาให้รอแปบนะครับ เดี๋ยวเหนือลงไปครับ”
   รอไปเถอะมึง กูจะฟังเลดี้ กาก้ากับมารายห์ แครี่ให้ครบทุกอัลบั้มก่อนแล้วค่อยลงไป รอได้รอไปสิวะ แต่เอาเข้าจริงๆ แค่สิบกว่านาทีผมก็อยากรู้อ่ะครับว่าเขาจะรออยู่จริงๆ รึเปล่า ก็เลยแอบย่องออกจากห้องลงมาแอบมองข้างล่าง ดูซ้ายดูขวาก็ไม่เห็นเขาละครับ สงสัยจะทนไม่ไหวหนีกลับไปละ มั่นใจอย่างนั้นก็เลยเดินออกจากที่ซ่อนไปหาลุงยาม
   “ไหนอ่ะลุง ไม่เห็นมีใครเลย เขาจำผิดห้องรึเปล่า” อาศัยโอกาสนี้ป้อนข้อมูลใหม่ให้กับลุงยาม
   “กลับไปแล้วครับคุณเหนือ” ลุงยามว่า
   “คงผิดห้องแล้วล่ะครับ” ผมย้ำ
   “ไม่หรอกครับ เป็นคุณเหนือนั่นแหละ”
   ผมหน้านิ่ว ทำไมลุงยามถึงไม่เชื่อผมเลย ผมพักอยู่ที่นี่นะ ทำไมลุงเชื่อคำพูดคนอื่นล่ะครับ
   “นี่ครับ เขาฝากของไว้ให้”
   ผมรับถุงกระดาษมาสองถุง พลิกดูก็แทบอุทานออกมาว่า เหี้ย!
   ก็นายนั่นเล่นปริ้นท์รูปผมแปะติดกับถุงใบหนึ่งไว้นี่ครับ ผมก็เลยยิ้มเจื่อนๆ ให้ลุงยาม ในใจอยากจะถามลุงว่าได้สินบนกี่บาท
   “แฟนคุณเหนือน่ารักนะครับ หล่อ คุยเก่ง รีบๆ คืนดีกันเถอะเชื่อลุง” ลุงยามสาธยาย
   ผมฝืนยิ้มให้ลุง แต่ในใจนี่แบบว่า อย่าเสือกครับ อย่างนายสิบทิศนี่นะ อัธยาศัยดี คุยเก่ง ถ้ามันดีจริงลุงก็เอามันไปเป็นแฟนเลยครับ
   กลับขึ้นมาบนห้องผมก็โยนถุงพวกนั้นเข้ามุม ไม่สนใจ แต่จนแล้วจนรอดก็อยากรู้ว่าของข้างในคืออะไร ผมค่อยแกะถุงดูอ่ะครับ
ถุงที่แปะรูปผม ข้างในเป็นเสื้อยืดตัว เสื้อเชิ้ตตัว มีโน้ตแปะไว้ด้วยครับ
   ‘แทนชุดที่เปื้อนน้ำโคลนเมื่อวาน อีกตัวแถมให้’
   เสื้อสวยดีครับ แต่เขาเอาป้ายราคาออกเลยไม่รู้ว่าแพงมั้ย ลองเอามาทาบตัวแล้วก็พอดิบพอดีเลย
   “จะรับไว้ก็ละกัน”
   ส่วนอีกถุงหนึ่งที่ไม่ได้มีรูปผมแปะไว้ข้างในเป็นขนมเค้กครับ ดีนะที่ไม่เละตอนที่ผมโยนเข้ามุมห้อง ถุงนี้ก็มีโน้ตเขียนด้วยลายมือเดียวกันครับ
   ‘มีคนฝากมาให้’
   ผมงง ไม่ใช่มันแล้วจะมีใครฝากมาให้วะ แต่ช่างเถอะ ของฟรี ท่าทางน่าอร่อย เอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนดีกว่า 

   
   
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 30-10-2018 21:49:20
แวะมาอ่านกันแล้วก็หยอดกำลังใจให้คนเขียนบ้างนะครับ คนเขียนอยากได้กำลังใจ 555  :hao5:

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: tingtong ที่ 31-10-2018 22:28:29
 :mew2: ปูเสื่อรอนะครับ :mew2:
เนื้อเรื่องสนุกครับ อยากรู้ว่าวินคิดยังไงกับเหนือแล้วครับ ???
คนแต่งสู้ๆ รอติดตามครับ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 01-11-2018 03:04:02
ชอบเรื่องนี้อร๊ายยยยย  :mew2: คนเขียนสู้ๆๆนะคะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: zaneforest ที่ 01-11-2018 18:38:33
เเวะมาหยอดกำลังใจคนเขียนเบาๆ  :z13:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 01-11-2018 20:30:34
@tingtong ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ฝากติดตามด้วยนะครับ
 :mew1:
@Pe_no ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ฝากติดตามด้วยนะครับ
 :mew1:
@zaneforest ขอบคุณครับ นัมเบอร์วัน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-11-2018 21:11:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Thunder ที่ 02-11-2018 00:25:29
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 02-11-2018 21:21:48
fc_fic
 :mew1:
Thunder
 :mew1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก l ตอนที่ 3 (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 02-11-2018 21:23:36
ตอนที่ 4

   สิบโมงวันเสาร์ ผมออกจากห้องพร้อมกับถุงฟางใบใหญ่ ข้างในถุงคือเสื้อผ้าของผมที่คัดเอาไปขายอ่ะครับ บางตัวผมชอบมาก บางตัวซื้อมาก็แทบไม่ได้ใส่เลย โคตรเสียดาย แต่ทำไงได้ ชอบมากแค่ไหนก็ต้องตัดใจแล้วล่ะ
กว่าจะพาตัวเองออกมายืนรอแท็กซี่ที่หน้าแมนชั่นได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะถุงที่ผมเดี๋ยวลากเดี๋ยวแบกมาด้วยมันหนักจริงๆ แขนล้าไปหมดเลยครับ 
   รออยู่สิบกว่านาทียังไม่มีแท็กซี่ผ่านมาเลยสักคัน ผมก้มมองถุงฟางที่กองกับพื้นแล้วก็ถอดใจเอาดื้อๆ เริ่มขี้เกียจ แรงฮึดที่บ่มมาตลอดหลายวันไม่รู้หายไปไหนหมด นึกในใจว่ารออีกสิบนาทีก็จะพอละ กลับขึ้นไปนอนแล้วเก็บเสื้อผ้าไว้เป็นสมบัติของตัวเองตามเดิม
แผนกลับลำมีอันต้องพับไป เมื่อนายสิบทิศขับรถผ่านมา คงจะออกไปธุระที่ไหนสักแห่ง ตอนแรกผมไม่ได้สังเกตหรอกครับ เห็นตอนเขาลงจากรถที่จอดห่างออกไปยี่สิบเมตรได้ วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์เรียบๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูแพงอยู่ดี
   “ถึงกับต้องย้ายที่อยู่?” นายสิบทิศทำหน้าอึ้งๆ ตอนเดินมาถึง
   “ใช่ แถวนี้โรคจิตมันเยอะ” ผมพูดแบบเหม็นหน้ามันเต็มที เจอที่ทำงานก็ตั้งห้าวันต่อสัปดาห์ละ วันหยุดก็พักบ้างเหอะ ไหนจะกรุ่นๆ เรื่องความตั้งใจเอาของไปขายไม่ราบรื่นนี่อีก
   “ย้ายที่อยู่ทำไมมีถุงใบเดียว ข้างในมีแค่เสื่อผืนหมอนใบรึไง” เขาว่า
   “นายจะไปไหนก็ไปเหอะ” ผมพูดน้ำเสียงไร้เยื่อใย “มัวเสียเวลาอยู่นี่เดี๋ยวแฟนนายก็โกรธเอาหรอก” เดาว่าคงจะมีนัดกับน้องกรรณ
   “แฟน? หมายถึงใคร?” เขาเริ่มทำหน้าตึง 
   “ไม่ได้ตาบอดนะ ดูก็รู้แล้วป่ะ นายกับน้องกรรณคงไม่ใช่แค่พี่น้องธรรมดา” ผมพูดโดยไม่สนใจเขาเพราะเห็นแท็กซี่มานู่นละครับ “แต่วางใจเถอะ จะไม่บอกน้องกรรณเรื่องคืนนั้นหรอก เรื่องนอกลู่นอกทางนิดๆ หน่อยๆ เป็นปกติของคนอย่างเราๆ อยู่ละ นี่ก็ลืมๆ มันไปละ”
   ผมไม่รู้เลยครับว่าพูดจี้ใจเขาตรงไหน กว่าจะเห็นหน้ายักษ์ของนายสิบทิศก็ตอนที่ผมกำลังจะลากถุงฟางไปหาแท็กซี่นั่นล่ะครับ เขาปัดมือผมออกแล้วก็ชิงแบกถุงฟางขึ้นบ่าจากนั้นก็เดินดุ่มๆ ไปทางรถตัวเอง
   “เอามานะ” ผมดึงชายเสื้อของเขา แต่ดูจะไม่ได้ช่วยให้เขาช้าลงได้เลยครับ
   “ไม่รู้อะไรอย่ามาทำเป็นปากดี” เขาพูดขณะทิ้งถุงฟางลงกระโปรงหลังรถ
   ตอนนั้นเริ่มมีคนหันมามองแล้วครับว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนทำหน้าสงสัย เว้นก็แต่ลุงยามแหละครับที่ทำหน้ายิ้มๆ ฟินๆ โธ่ลุง มันไม่ใช่แฟนผมอย่างที่มันอ้างนะ ที่เห็นนี่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคนเป็นแฟนตามง้อกันเลยนะ
   “ขึ้นรถ” เขาสั่ง
   “ไม่” ผมจะร้องไห้อยู่แล้วครับ
   “อยากได้คืนก็ขึ้นมา ไม่งั้นจะเอาไปทิ้ง” มันว่า
   ไม่ได้นะ ถ้าขายได้หมดนั่นเกือบหมื่นเลยนะ
   ผมทั้งกลัวทั้งห่วงของก็เลยต้องขึ้นรถ ก้นยังไม่ทันได้แตะเบาะ เขาก็บึ่งรถออกมาเลยครับ หลังจากที่รีบคาดเข็มขัดได้ผมไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำเพราะดูท่าเขาจะโมโหมาก ขืนผมหลุดอะไรออกไปไม่เข้าหูมันอีกก็อาจจะซวยกว่าเดิม อย่างเช่นพาผมไปถีบลงทางเปลี่ยวให้หาทางกลับเอาเองแบบนั้น
   
ผมนั่งเงียบๆ เกือบชั่วโมงละครับ ดูเหมือนว่าเขาไม่มีจุดหมายที่จะไปด้วยซ้ำและถ้าจะมีก็คงไม่ใช่ปั๊มน้ำมันที่กำลังเลี้ยวเข้ามานี่หรอกนะ
   “แวะซื้อกาแฟเหรอ” ดูเขาจะสงบลงนิดนึง ผมก็เลยพูดด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนตอนคุยกับเพื่อนๆ
   “แวะฉี่” เขาว่า
   หายโมโหเพราะปวดฉี่?
   ผมนั่งรอตรงม้านั่งใต้ร่มไม้ แปบเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับร่องรอยการล้างหน้า ดูเขาสดชื่นขึ้นแม้จะยังทำหน้าตึงๆ เรียบๆ เหมือนโดนใครเอาตีนรีดมา
   “เปิดให้ด้วย จะเอาของ” ผมชี้ไปที่กระโปรงหลังรถ
   นายสิบทิศเดินอ้อมไปฝั่งคนขับโดนไม่สนใจที่ผมบอก ก่อนจะสั่งว่า “ขึ้นรถ”
   มีโอกาสได้ลงรถด่วนขบวนมรณะแล้ว ใครจะอยากกลับขึ้นไปอีก คราวนี้ผมไม่ยอมแล้วครับ คือถึงจุดๆ หนึ่งคนเราก็พร้อมจะเหวี่ยงทุกอย่างที่มันรุงรังชีวิตออกไปให้พ้นใช่มั้ยครับ โดยเฉพาะตอนนี้ผมไม่ใช้เหตุผลมาตัดสินเรื่องรายได้ที่จะเสียไปละครับ อารมณ์ล้วนๆ ดังนั้นถุงเสื้อผ้านั่นก็เหมือนกันถ้าจะไม่คืนมึงเอาก็เอาไปเถอะ กูไม่แคร์ละ
   “ไม่ จะกลับแท็กซี่” บอกแล้วก็เดินผ่านหน้ามันไปเลยครับ
   ไม่รู้ผีเข้าหรือผีออก นายสิบทิศดึงแขนผมจนเซกลับมาพิงรถของเขา จากนั้นก็กักตัวผมไว้ด้วยกรงแขนล่ำๆ ของมันแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก บอกตามตรงว่าถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นทำแบบเดียวกันนี้ผมคงจะรู้สึกฟินอยู่บ้างหรอก แต่นาทีนี้แม้หน้าหล่อๆ ก็ไม่ช่วยให้ผมไม่กลัวการกระทำของมันได้เลย
   “ปล่อย จะกลับเอง” ผมพูดเสียงสั่น
   “ขึ้นรถ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกจนรู้สึกถึงลมหายใจรดลงที่ข้างแก้ม
   “ไม่เอา กลัว” ผมหลับตาปี๋ ทำราวกับตัวเองบอบบางมาก แต่เอาจริงๆ ก็สู้แรงเขาไม่ไหวอยู่ดีอีกนั่นล่ะ
   “กล้าแหย่แล้วจะกลัวทำไม” พูดแล้วเขาก็เป่าลมเข้าที่หูจนผมสะดุ้งเลยครับ อีตอนที่สะดุ้งเนี่ยแหละที่ปากของผมดันสะเออะพุ่งไปจุ๊บกับตรงส่วนไหนบนหน้าเขาไม่รู้ครับ รู้ตัวว่าปากไปโดนแล้วก็เลยลืมตาขึ้นเห็นหน้าเขาอึ้งๆ สงสัยจะสตั๊น อาศัยจังหวะนี้ผมเลยผลักตัวเขาออก แต่ก็ยังไม่วายโดนคว้าแขนไว้ได้อีกรอบ
   “ไปไหน จะไปส่ง” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง
   “ไม่ไป กลัว” ผมพยายามแกะมือเขาออก ไม่รู้ว่าทากาวอะไรเอาไว้รึเปล่า เหนียวชิบหาย
   “กลัวอะไร”
   กลัวมึงนั่นแหละไอ้เหี้ย แต่จะพูดอย่างที่คิดก็กลัวมันจะเฮี้ยนขึ้นมาอีกก็เลยบอกไปว่า “ขับรถน่ากลัว”
   “ขอโทษ” นายสิบทิศคลายมือแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนผมนะ “เดี๋ยวไปส่ง”
   เหมือนอารมณ์ของเขาสงบลงปุบปับ ที่เคยฉุนเฉียวก็สลายไปในพริบตาอย่างนั้นเลย แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมคือไม่ไปครับ
   “เดี๋ยวจูบนะ”
   หือ ผมงง อะไรของมึง อยู่ๆ ก็นึกอยากจะขู่ผมด้วยวิธีนี้ซะงั้น ห้านาทีสี่สิบห้าอารมณ์เหรอมึง ซึ่งพอมองไปรอบๆ ผมก็เห็นคนในปั๊มมองมาอย่างสนใจ อ่อ นี่มันนึกว่าผมเป็นนางเอกในละครทีวีผู้เหนียมอายห่มสไบเข้านอนเหรอ ก็เลยจะบังคับให้นางเอกยอมทำตามโดยการแกล้งจูบต่อหน้าคนอื่นให้อ๊ายอายอ่ะนะ อันที่จริงผมก็อายแหละที่คนมอง แต่พอรู้ทันผมก็ด้านขึ้นมาซะงั้น กล้าจูบกูมึงก็ทำเลย เผื่อมีคนแอบถ่ายคลิบ เผลอๆ ผมจะได้กลายเป็นเน็ตไอดอลขึ้นมาบ้าง
   “เอาสิ จูบเลย” ผมท้า พอเขาไม่ทำอย่างว่าผมก็รู้สึกชนะ เชอะ!
   “เลิกเล่นได้แล้ว” เขาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วก็จับผมยัดเข้าไปจากทางนั้นนั่นแหละ จากนั้นก็ดันให้ขยับไปนั่งอีกเบาะ ก่อนที่เขาจะเข้ารถแล้วปิดประตูฉับ ไม่จบแค่นั้นนะครับ ไอ้ที่ผมท้าไว้เมื่อตะกี้น่ะ เขาทำมันในรถ ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกฟินอะไรเลยนะครับ เพราะเขาใช้ปากบดปากผมจนเจ็บไปหมด นานจนเขาพอใจและรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้ตอบสนองนั่นแหละเขาถึงถอนปากออกไป
ปากผมชาไปหมด รู้สึกคาวเลือดยังไงไม่รู้ ดูในกระจกเห็นรอยแดงๆ ด้วยครับ
ไอ้เหี้ย มันจูบผมจนปากแตกเลยเหรอเนี่ย
   “ขอโทษ” เขาพูดเหมือนสำนึกผิดหลังจากลงมือข่มขืนปากผมเสร็จแล้ว
   “ช่างเถอะ ก็แค่จูบ มากกว่านี้ก็เคยทำกันมาแล้วนี่” ใจผมนี่ร้าวไปหมดเลยครับที่ถูกย่ำยีครั้งแล้วครั้งเล่า มันไม่ได้ฟินเลยนะ เพราะอะไรก็ไม่รู้…
   เขาสตาร์ตรถแล้วก็ขับออกจากปั๊ม ป้ายโฆษณาสินค้าอะไรก็ไม่รู้เพิ่งผ่านตาไป ผมทันอ่านแค่คำชวนเชื่อที่ว่า ‘เพราะเขาคือคนที่คุณแคร์…’ ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่าข้างในมันร้อนรุ่มแปลกๆ แม้ไม่ได้รุนแรงพุ่งพล่านแต่ก็ไม่จางจนไม่รู้สึก

   สุดท้ายนายสิบทิศก็รีดข้อมูลจากผมจนได้ครับ รถหรูๆ ของเขาก็เลยมาจอดตรงหน้าตลาดนัดแถวชานเมืองที่ผมตั้งใจจะมาตั้งแผงในทีแรก
ผมลงรถด้วยอาการอึ้งๆ ที่หมกมุ่นมาตลอดทางจนพอจะได้คำตอบว่าทำไมถึงได้เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาได้ แต่ก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่าคงเพราะความตื่นเต้นเร้าใจชั่วขณะบวกกับหน้าหล่อๆ ของมันนั่นแหละ
   หยุดนะ อีเหนือ อีใจง่าย หยุดร่านหยุดเพ้อฝันได้แล้ว… แต่กรุ่นไอจางๆ ของความรู้สึกนั้นก็ยังไม่หายไปเลยสักนิด
   “ให้เอาไว้ไหนล่ะ” นายสิบทิศยกถุงฟางออกมา สีหน้าเขาอึ้งๆ อายๆ ซึ่งผมก็ว่าควรอยู่หรอก คุณชายผู้หล่อรวยขับบีเอ็มดับบลิวสุดหรูแต่เปิดประตูลงมาขายเสื้อผ้ามือสองในตลาดนัดที่คลาคล่ำไปด้วยคนหาเช้ากินค่ำซึ่งอยู่คนละระดับกับเขา
   “เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวยกไปเอง”
   “ร้านอยู่ตรงไหนล่ะ” เขาถาม
   ผมเองก็เพิ่งจะเคยมาครั้งแรกนี่แหละครับ แม้จะมีข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ตมาบ้าง แต่อาศัยถามพ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งแผงอยู่ก่อนแล้วก็เลยรู้ว่าต้องไปจ่ายค่าเช่าแผงแบบรายวันกับเจ้าของตลาดเสียก่อน จากนั้นก็เลือกเอาเลยครับจะเอาตรงไหน เพราะตลาดนี่เป็นแค่ที่โล่งๆ พื้นก็เป็นดินแดง ไม่นานก็ได้พื้นที่ครับ แค่ปูผ้ารองลงไปแล้วก็เอาเสื้อผ้ามาพับๆ กองๆ ก็เสร็จพิธี
   “นายกลับไปเถอะ” ผมนึกสงสารไอ้คุณชายขึ้นมาครามครันที่ตอนนี้คอเสื้อชุ่มเหงื่อไปหมด แถมรองเท้าผ้าใบสวยๆ ยังเปื้อนฝุ่นดินแดงๆ อีกตะหาก
   “มากเรื่องน่า” อุตส่าห์เป็นห่วง แล้วฟังที่มันพูดสิครับ
   “ตามใจ แต่ถ้าคุณหญิงแม่ของนายบังเอิญมาเจอลูกชายอยู่ในสภาพนี้ก็อย่าโยนความผิดมาให้ก็ละกัน” ผมลอบยิ้มแวบหนึ่งครับ ไม่รู้สิว่าตอนนั้นผมนึกชอบใจอะไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ก็ไม่รู้
   เพราะว่าเสื้อผ้าของผมมันสวยและเก๋ไงครับ แต่ละตัวไม่ต่ำกว่าห้าร้อยนะ พอเอามาขายถูกๆ ตัวละร้อย ร้อยห้าสิบ แปบเดียวก็เกลี้ยง เรียกว่าถูกใจวัยรุ่นแถวนั้นเลยล่ะ แต่บางโมเม้นต์ก็คิดนะว่าที่ขายได้เป็นเพราะไอ้หน้าหล่อนี่เป็นตัวเรียกลูกค้ารึเปล่า งงใช่ไหมครับ เสื้อผ้าผมเป็นเสื้อผ้าผู้ชายนะแต่ลูกค้าส่วนใหญ่ดันเป็นผู้หญิงซะงั้น ไม่รู้ซื้อไปให้แฟนหรือเอาไปใส่เอง
บอกแม่มาตรงๆ ลูก หนูอยากซื้อเสื้อหรืออยากซื้อผู้ชาย? 
   “อ่ะ” ผมไปซื้อน้ำแช่เย็นมาให้เขาแทนคำขอบคุณ
   นายสิบทิศรับไปดื่มจนหมดขวดเลยครับ ดื่มเสร็จก็มองผมนับเงินที่ขายเสื้อผ้าได้
   “แล้วก็นี่” ผมแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ ตั้งพันนึงเลยนะ
   เขามองแบ้งค์พันในมือผมปริบๆ “ให้ทำไม เอาไปใช้หนี้ไม่ใช่เหรอ”
   “เอาไปเถอะ ค่าเสียเวลาที่นายมาอยู่ด้วยทั้งวัน” ผมบอก “รู้ว่ารวย แต่ไม่อยากเอาเปรียบ”
   “ไม่เอา” เขาดันมือผมออก
   “เอาไปเถอะ” ผมยังยืนยันที่จะแบ่ง
   “ถือเป็นค่าจูบการกุศลช่วยปลดภาระคนมีหนี้ก็ละกัน” ให้ตายเถอะ มันปล่อยมุกอยู่รึเปล่าครับ แต่ทำไมคอนเทนต์มันสวนทางกับหน้านิ่งๆ แล้วทำไมผมต้องรู้สึกหน้าชาๆ
   “ถ้าอยากให้จริงๆ พาไปเลี้ยงข้าวก็ละกัน” นายสิบทิศว่า
   ได้ยินอย่างนั้นผมกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอเลยครับ หรือว่ามันจะเอาคืนตอนที่ผมล่อไปสิบเมนูวันก่อน รายได้วันนี้จะพอจ่ายเหรอวะ
   “มีปัญญาแค่ก๋วยเตี๋ยวตรงนั้นนะ” ผมชี้ไปที่ร้านรถเข็น ตัดทางความคิดก่อนที่มันจะพาขึ้นรถไปกินหรู
   “เออ”
   เย็นนั้นผมก็เลยได้ดินเนอร์กับคุณชายทายาทกี่ร้อยล้านไม่รู้ (อันที่จริงก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันรวยแค่ไหน อาจจะเป็นแค่ชนชั้นกลางที่มีตังค์หน่อยก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คือรวยกว่าผมชัวร์) ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นในตลาดนัดนั่นแหละครับ
   ผมสั่งชามที่สองแต่กินได้ครึ่งเดียวก็อิ่มแล้ว หลังจากนั้นก็นั่งเหม่อดูเส้นก๋วยเตี๋ยวในชาม
   “กินให้หมดสิ” นายสิบทิศยกมือขึ้นมาเท้าคางมองหน้าผมเหมือนกำลังพิจารณาโหงวเฮ้งอย่างนั้นล่ะ
   “อิ่มแล้ว” ผมบอกเนือยๆ
   “เครียดเรื่องหนี้?” เขาพูดเหมือนผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว
   “อือ…” ผมถอนหายใจแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองเขา คงเพราะหลายวันที่ผ่านมาเขามาอยู่ในความคิดของผมแทบจะตลอด แม้ส่วนใหญ่จะเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะเริ่มคุ้นเคยกับเขายังไงยังงั้น พอเขาจี้ตรงจุดผมก็เลยระบายออกมา “ที่ขนมาขายเนี่ย หมดแล้ว เหลือไว้ใส่ไม่กี่ตัว”
   “ขายอย่างอื่นสิ” นายสิบทิศบอก
   “ของที่พอจะขายได้ก็เสื้อผ้าพวกนั้นแหละ ตอนนี้เหลือแต่ตัว ขายดีม้ะ” ผมพูดไปงั้นเองแหละ ฟีลเหมือนคุยเล่นกับเดอะแก๊ง ไม่ได้มีเจตนาสองแง่สองง่ามอะไรเลยนะ
   “…” คนฟังไม่ตอบอะไรกลับมา เอาแต่มองจนผมคิดเองเออเอง
   “หยุดความคิดทะลึ่งนะ”
   “ยังไม่ทันได้คิดแบบนั้น” 
   “จ้ะ พ่อคุณ มองหน้าไม่บอกยี่ห้อเลยนะว่าหื่น”
   “เหรอ”
   รู้สึกว่าผมกำลังจะตกหลุมที่ตัวเองขุดเองซะอย่างนั้นก็เลยข้ามประเด็นเรื่องหน้าของเขาไปซะ “ยังไม่จนตรอกนะ” ก็ผมยังมีงานประจำทำนี่
“แสดงว่าถ้าจนตรอกก็จะทำ?” 
   อ้าว ไอ้เวรนี่ เผลอสนิทด้วยหน่อย เริ่มปากพล่อยละ
   “ล่ะมั้ง” ผมใช้น้ำเสียงยียวนนิดๆ “แต่ทาร์เก็ตจะต้องเป็นคนหล่อๆ รวยๆ นะ ครั้งละหมื่นไรงี้ ยี่สิบครั้งก็มีตังค์ใช้หนี้หมดละ”
   “ใครจะซื้อ ครั้งละหมื่น” เขาว่า ตาดูปรือๆ สงสัยกินอิ่มแล้วง่วง? “ห้าพันยังแพง”
   “น้อยไปสิ ไม่เคยอ่านข่าวเหรอ ที่ว่าพวกเน็ตไอดอลรับจ้างไปเป็นเพื่อนกินข้าวน่ะ แค่กินข้าวเองนะ”
   นายสิบทิศทำหน้าเพลียๆ กับคำพูดไร้สาระของผมเต็มที
   
ขากลับผมก็ติดรถเขากลับอ่ะแหละ ก็แหงล่ะอยู่ซอยเดียวกัน แล้วนี่ก็มืดแล้วถ้าไม่ให้ผมขึ้นรถมาด้วยมันก็ใจดำเต็มที ออกจากตลาดมาได้สักพักก็เจอกับรถติดครับ ผมสังเกตเห็นเขาท่าทางง่วงๆ เพลียๆ นะ
   “ไหวป่ะ” จะว่าไปวันนี้เขาก็ใช้แรงไปเยอะอยู่นะ โดยเฉพาะแบกถุงฟางนั่น ผมแทบจะไม่ได้ยกเลยครับ นั่นคงเป็นสาเหตุให้คุณชายผู้เคยชินกับชีวิตสุขสบายมาตั้งแต่คาบช้อนทองมาเกิดต้องเสียเหงื่อใช้แรงงานรึเปล่านะ
   “ง่วง” เขาบอกเท่านั้น
   พอการจราจรเคลื่อนไหวได้เขาก็ขับออกนอกเส้นทาง แค่ยี่สิบนาทีพวกเราก็มาถึงคาเฟ่เล็กๆ ร้านหนึ่ง สไตล์ร้านกาแฟที่คนมานั่งเล่นกันอ่ะครับ เขาสั่งชาร้อนกับเค้กแล้วหันมาถามผมว่าจะกินอะไร พอผมส่ายหน้าเขาก็เลยบอกพนักงานว่าขอชาสองที่
   แหม เราช่างต่างกันจริงๆ
   ผมชวนเขากินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เขาวนรถหรูมาพักร้านชิคๆ คูลๆ และสั่งชามาจิบ
   แต่ก่อนที่ชาจะมาเสิร์ฟเขาก็หมดสภาพไปละครับ
   ตรงที่เรานั่งเป็นโซฟายาวแชร์กับโต๊ะข้างเคียง นายสิบทิศหงายหลังแล้วก็หลับตาไปแล้ว แต่เพราะตัวเขาสูงเกินกว่าพนักพิงจะพอดีกับท้ายทอย หัวก็เลยเอนไปอีกทางที่กำลังมีคนอื่นเข้ามานั่ง
   “นาย ขยับมาทางนี้หน่อย” ผมสะกิดบอกเบาๆ
   “ฮื่อ” เขาขยับแล้วเอนหัวมาทางผมพลางก็ปรับท่านั่งให้สบายโดยการไหลตัวเองต่ำลงนิดหนึ่งแล้วก็นิ่งไป…ผมด้วยครับที่นิ่งไป เพราะนายสิบทิศกำลังเอาหัวพิงไหล่ผมอยู่ ทำหน้าเหมือนสบายเต็มที เส้นผมของเขาเหนอะเล็กน้อย แขนของเขาก็เหนียวด้วยครับคงเพราะชุ่มเหงื่อมาตลอดวัน แต่ก็ยังมีกลิ่นหอมจางๆ จากน้ำหอมที่เขาใช้อวลอยู่
   ผมไม่รู้ตัวเลยว่าอยู่เฉยๆ ให้เขาเบียดได้ยังไง รู้แค่ว่าไม่เป็นไรและกลัวตัวเองจะรบกวนการงีบของเขาเอามากๆ

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 4 (2/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-11-2018 14:36:52
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 4 (2/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-11-2018 20:57:22
กาแฟมั้ยฮะจ้าว
 :กอด1:
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 4 (2/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 07-11-2018 01:04:16
ตอนที่ 5

   “อ้าว คุณเหนือมาด้วยเหรอครับ” คนพูดไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ พ่อเทพบุตรที่ผมทำน้ำหกใส่กางเกงเมื่อวันก่อนไงครับ แต่จำได้ว่าวันนั้นผมไม่ได้แนะนำตัวเองเลยนะ
   “ครับ คุณ…?” ผมไว้เชิงนิดนึงโดยการมารยาว่าจำเขาไม่ได้พร้อมกับแอ๊กติ้งทำหน้าซื่อๆ ตาแป๋วๆ อย่างคนกำลังพยายามนึก แต่ที่จริงคืออึ้งในความหล่อ สุขุม ดูสุภาพและมารยาทดีของคนตรงหน้า
   “ลืมไปเลยว่าเรายังไม่รู้จักกัน ผมกรครับ ที่เจอกันที่ออฟฟิศคุณเหนือ” เขาแนะนำตัวเองและยืนรีรอให้ผมจำได้
   “อ๋อ จำได้แล้วครับ” ผมทำหน้านึกออก “บังเอิญจังนะครับ เอ๊ะ หรือว่านัดกันไว้ครับ” ผมชี้คนที่กำลังซบผมอยู่พลางก็พยักไหล่ให้เขารู้ตัว
   “ที่จริงก็นัดไว้ช่วงบ่ายแล้วครับ แต่มันไลน์มาเลื่อน บอกว่ามีภารกิจเร่งด่วน ไม่นึกว่าจะโผล่มาตอนค่ำๆ”
   ผมก็เลยรู้ว่าที่จริงนายสิบทิศไม่ได้นัดกับน้องกรรณอย่างที่เดาเอาไว้
แต่อย่าบอกนะว่าไอ้ภารกิจเร่งด่วนอะไรนั่นคือมาช่วยผมขายเสื้อผ้า?
   “คุณกรก็เลยรออยู่ที่ร้านนี่เหรอครับ” ผมสงสัย รอนานไปมั้ย
   “ส่วนใหญ่ถ้าไม่ติดธุระที่อื่นก็จะอยู่ทั้งวันครับ” คุณกรพูดไปยิ้มไปเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง
   “เค้กที่สั่งมาแล้วครับ” พนักงานยกมาเสิร์ฟเพิ่มอีกสามชิ้นผมเลยรีบท้วง เพราะจำได้ว่านายสิบทิศสั่งแค่ชิ้นเดียวที่มาพร้อมกับชาร้อน
   “ผมให้เอามาเองครับ” คุณกรพยักหน้าให้พนักงานเป็นสัญญาณว่าให้กลับไปทำหน้าที่อื่นต่อได้ “คุณเหนืออยากจะรับอย่างอื่นเพิ่มก็บอกผมได้เลยนะครับ”
   ใช่อย่างที่คิดรึเปล่านะ… “นี่ร้านของคุณกรเหรอครับ?”
   “เป็นหุ้นส่วนครับ” คุณกรตอบพลางเลื่อนจานเค้กมาใกล้
ผมดูแล้วก็นึกออก เค้กที่นายสิบทิศบอกว่ามีคนฝากมาให้นั่นเอง
คุณกรจีบผมป่ะเนี่ย? มีการฝากขนมมาให้ด้วย คิดแล้วก็อยากจะปลุกคนที่กำลังซบไหล่ขึ้นมาถามให้ชัดๆ
   “คุณเหนือสนิทกับไอ้วินเหรอครับ”
คุณกรสังเกตจากการที่ผมกำลังติดหนึบยังกะเป็นปาท่องโก๋กับเพื่อนของเขานั่นแหละ
ผมยังไม่ทันพูดอะไร นายสิบทิศก็เอาแก้มถูไถไหล่ผมเหมือนพยายามจะแสดงให้คุณกรเห็นอย่างนั้นแหละ เฮอะ แบบนี้ไม่ได้หลับจริงหรอก แล้วจะกันซีนผมทำไมวะ
“แค่หัวหน้ากับลูกน้องครับ”
   “เห็นทีแรกนึกว่าเป็นแฟนกันซะอีก แต่ดูท่าทางไอ้วินจะชอบลูกน้องเอามากนะครับ วันหยุดยังพาออกมาเที่ยวด้วย”
คุณกรแซ็วเหรอ?
   “บังเอิญเจอกันครับ แล้วที่ใช้ผมเป็นหมอนอยู่เนี่ยเขาคงไม่รู้ตัว ตะกี้บอกว่าง่วงแล้วก็เป็นอย่างที่คุณกรเห็นนี่แหละครับ” ผมทำไหล่ยึกยักให้นายสิบทิศเอาหน้าออกไปซะทีสิโว้ย ทำแบบนี้เดี๋ยวคุณกรเข้าใจผิด แล้วผมก็จะเสียราคากันพอดี “อีกอย่าง…คุณวินไม่ชอบคนแบบผมหรอกครับ”
   “คุณเหนือคิดว่าอย่างมันจะชอบแบบไหนเหรอครับ”
   ไอ้ผมเองก็ไม่ทันได้ยั้งคิด ก็เลยพลั้งปากออกไปอย่างที่มีคำตอบอยู่ในหัว “เขาก็ต้องชอบคนน่ารักๆ อัธยาศัยดีแบบน้องกรรณสิครับ”
   หลุดปากออกไปแล้วก็เพิ่งฉุกคิด ตายละวา ถ้าเกิดคุณกรเป็นแฟนน้องกรรณล่ะ ตายๆๆๆ เผลอพูดอะไรออกไปเนี่ยกู ยิ่งพอพูดออกไปแล้วคุณกรมีสีหน้าเจื่อนลงไปผมก็ยิ่งรู้สึกว่าหน้าผมกำลังแหกเป็นริ้วๆ ก็เลยทำทีเป็นยกแก้วชาขึ้นมาจิบแก้เก้อ
   คุณกรเหมือนจะเหลือบดูหน้านายสิบทิศแวบหนึ่ง ก่อนจะบอกด้วยเสียงในระดับที่เบากว่าเดิมเล็กน้อย “คุณเหนืออย่าพูดแบบตะกี้ให้ไอ้วินได้ยินนะครับ”
   “ขอโทษครับ ผมก็ปากไว พูดไปไม่ทันคิดว่าคุณกรกับคุณกรรณ…”
   ทีนี้คุณกรยกแก้วชาขึ้นจิบ ก่อนจะบอกว่า “ผมกับน้องกรรณไม่ได้เป็นแฟนกันครับ”
   โอย ผมมึน อะไรยังไงล่ะนี่
   นายสิบทิศไม่ได้เป็นแฟนน้องกรรณ
   คุณกรก็ไม่ได้เป็นแฟนน้องกรรณ
   “หรือว่าคุณกรกับไอ้วินเป็นแฟนกันครับ” เพราะมึนผมก็เลยเผลอเรียกนายสิบทิศว่า ‘ไอ้’ ตามอย่างที่คุณกรเรียก
   “ไปกันใหญ่แล้ว ผมกับมันก็ไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” คุณกรหัวเราะร่วน “พวกเราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันสมัยเรียนครับ”
คุณกรจิบชาพร้อมกับเหลือบสายตาไปทางอื่น ท่าทางแบบนี้มันเหมือนคนปกปิดความลับอะไรสักอย่าง
   สามคนนี้ต้องมีอะไรสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันอยู่แน่ๆ
มิน่า ตอนเช้านายสิบทิศถึงได้ฟาดงวงฟาดงาแบบนั้น
   “ชอบกินเผือกรึไง”
   ผมสะดุ้งโหยง ก้มลงมองที่ไหล่ตัวเองเห็นนายสิบทิศช้อนตาขวางขึ้นมา
   “ตื่นแล้วก็เอาหัวออกไปสิ” ผมดันหัวมันออกไป
   “ไม่งีบต่อแล้วเหรอไง” คุณกรพูดกับไอ้สิบทิศ
   “หลับไม่ลง ยุกยิกๆ อยู่นั่น” มันว่า
   อ้าวไอ้นี่ ก็แกเป็นคนมาพิงฉันเองนะ
   “ไปนอนข้างในมั้ยล่ะ” คุณกรชี้ไปที่ห้องส่วนตัว “เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนคุณเหนือเอง”
   ไปเลย ชิ้ว
   “ไม่ล่ะ ตื่นแล้ว” นายสิบทิศว่า
   เฮอะ ดูก็รู้ว่าหวงเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนจีบผมงั้นสิ ไอ้กันซีน!
   “จะกลับละ แวะมางีบเฉยๆ”
อ้าว งั้นจะถ่อเข้ามาทำไมเนี่ย อยู่ในร้านยังไม่ถึงชั่วโมงเลย แล้วผมก็รู้นะว่ามันไม่ได้งีบ มันแอบฟังอยู่ตลอด
   ไม่อยากให้ผมมีโอกาสทำความสนิทชิดเชื้อกับพี่กรว่างั้นเหอะ (แอบเรียกคุณกรว่า ‘พี่’ ในใจ)
   “ไหงงั้น ไม่ไปกินข้าวเย็นกันหน่อยเหรอ” คุณกรเหมือนจะพยายามยื้อ
   “เรากินกันแล้ว” นายสิบทิศว่า ซึ่งผมตาโพลงเลยครับกับที่มันบอกว่า ‘เรากินกันแล้ว’
   “ก่อนมานี่ แวะกินก๋วยเตี๋ยวกันมาแล้วครับ” ผมรีบแก้ต่าง
   คุณกรทำหน้าเข้าใจ ก่อนจะชักชวนผมว่า “วันหลังคุณเหนือมาที่ร้านอีกนะครับ มาคนเดียวก็ได้ ถือว่าเรารู้จักกันแล้ว เดี๋ยวผมลดให้พิเศษ”
   “กินฟรีได้มั้ยครับ” ผมยิ้มร่า พูดสัพยอกกลับไป
   “ได้แค่ลดแบบสุดๆ ครับ ถ้าจะกินฟรีต้องเป็นแฟนเจ้าของร้าน” คุณกรแซ็วกลับ
   แหนะ หยอดซะผมเขินแล้วนะ โอเคครับ ผมตกลงเป็นแฟนพี่กรครับ แค่คิดก็ฟินแล้ว ฮิฮิ
   “กลับได้ละ ยิ่งดึกยิ่งรถติด” นายสิบทิศเรียกผมเสียงแข็งเชียว
   
ขับออกมาถนนใหญ่รถก็ติดจริงๆ ครับ คราวนี้เป็นผมเองนี่แหละที่ง่วง
   “เมื่อกี้ยังดี๊ด๊าเป็นปลากระดี่ได้น้ำ ตอนนี้กลายเป็นหมาซึมไปละ” ฟังมันหาเรื่องผมสิครับ แล้วก็ขอเถอะ การพูดแดกดันแบบผสมมุกแป๊กๆ เนี่ย ไม่ได้เข้ากับหน้ามึงเลยครับ ไม่ตลก
   “อยากบ่นไรก็บ่นไป” เสียงผมยานเต็มที ของีบก่อนละ ขับรถดีๆ ล่ะมึง
   ในห้วงที่ผมกำลังสะลึมสะลือ เหมือนได้ยินนายสิบทิศพูดอยู่นะว่า “อยากกินฟรีมากนักหรือไง”
   “เออ ถ้านายไม่กันท่า ได้กินฟรีไปละ” ผมเถียง แต่รู้สึกว่าเสียงมันวนเวียนอยู่ในลำคออ่ะครับ
   “หุ้นส่วนมีตั้งหลายคน จะเอาคนไหนล่ะ” เสียงมันเหมือนลอยมาจากที่ไหนไกลๆ ซึ่งผมก็ไม่อยากจะต่อปากต่อคำละครับ ง่วงจัด
   หลายคนคงเคยหลับบนรถกันใช่มั้ยครับ มันจะไม่ได้หลับสนิทยาวๆ หรอก มันจะวูบหลับวูบตื่น เรียกว่าหลับไม่รู้สึกตัวเป็นช่วงๆ ตอนหนึ่งที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเนี่ยสงสัยจะเป็นจังหวะรถติด ผมลืมตาแต่เกือบขยับท่าอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นว่านายสิบทิศกำลังเอื้อมมือไปเอาเสื้อของเขาจากเบาะหลัง ผมรีบหลับตาลงทันทีตอนที่เขาเอาเสื้อมาคลุมให้ จากนั้นผมก็ทำทีว่ากำลังฝันดีแล้วกอดผ้าห่มผ้าคลุมไปตามเรื่อง เพื่อที่จะดึงเสื้อของเขาขึ้นมาปิดครึ่งหน้า สงสัยเพราะผมยังไม่ชินล่ะมั้งครับ กับคนที่ผมเหม็นหน้ามันจะตายแต่มันมาทำอ่อนโยนด้วย ผมก็เลยเลือกที่จะซ่อนความรู้สึกดีที่เขาทำให้ อีกอย่างผมรู้ได้เลยแหละว่าถ้าผมลืมตาขึ้นตอนนั้น ทั้งมันและผมก็คงจะเงอะงะ วางหน้ากันไม่ถูกแน่ๆ

   “เหนือ… เหนือ” นายสิบทิศเขย่าที่แขนผมเบาๆ “ถึงแล้ว”
   “ครับ” ใช่ครับผมพูดว่า ‘ครับ’ แทนที่จะเป็น ‘อือ’ หรือ ‘เออ’ แบบที่เคยพูดกับเขาในเวลาที่ไม่ใช่สถานะหัวหน้ากับลูกน้องในที่ทำงาน
   ที่จริงก็เป็นแค่คำๆ เดียวซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดด้วยซ้ำ เพราะว่าผมเคยชินคำอื่นที่มันแดกดันมากกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้ขานรับไปแบบดีๆ อย่างนั้นได้
   ผมเปิดประตูรถลงมาทั้งที่ไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่นอีก อาการตอนนี้คือง่วงๆ เพลียๆ งงๆ มึนๆ หลายอย่างปะปนกันประกอบกับอยากขึ้นไปบนห้องเพื่ออาบน้ำให้สบายตัวแล้วนอนพักร่างสักที พอจะเดินเข้าไปกดลิฟต์นั่นแหละถึงได้รู้ตัวว่าฉวยเอาเสื้อของเขาติดมือมาด้วย ยังกอดอยู่กับอกเลยครับ หันไปอีกทีเขาก็ออกรถไปละ
   “กลับดึกจังเลยนะครับ คุณเหนือ”
ลุงยามนั่นเองครับ ทำหน้าฟินๆ แบบนี้คงเห็นหมดตั้งแต่ตอนผมอยู่บนรถแล้วล่ะ
“แฟนพาไปง้อที่ไหนมาล่ะครับเนี่ย”
   ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ คือนึกคำตอบไม่ออก สมองมันตื้อๆ ได้แต่บอกไปว่า “หลายที่ครับ”
   “หลายที?”
ผมเห็นสีหน้าลุงยามยิ่งฟินหนักกว่าเดิม แต่ผมก็ไม่อยู่รอเพื่อเติมไม้เอกให้ลุงยามเข้าใจให้ถูกต้องหรอกนะเพราะว่าง่วงมาก แล้วก็…ปล่อยให้ลุงแกคิดไปแบบนั้นแหละ
   ผมก็แค่อยากให้ใครสักคนเห็นว่าผมไม่ได้โดดเดี่ยวล่ะมั้งครับ

   วันอาทิตย์ที่แสนสดใส กว่าผมจะลุกจากเตียงก็ใกล้เที่ยงละครับ ถ้าไม่หิวจนแสบท้องก็จะยังคงนอนต่อไป ก็แหม เมื่อวานเหนื่อยมากจริงๆ เนี่ยร่างยังระบมไปหมดแถมยังรู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้อีกต่างหาก
ผมฝืนพาตัวเองลงมาหาอะไรกินพร้อมกับหอบตะกร้าเสื้อผ้าลงมาใส่เครื่องซักหยอดเหรียญ จากนั้นก็กลับขึ้นมานอนดูซีรี่ย์ต่อ ผ่านไปสามชั่วโมงก็ชัดแล้วครับว่าเป็นไข้จริงๆ สงสัยติดโรคคุณชายผู้สบายมาแต่เกิดจากนายสิบทิศ ทำงานหนักนิดหน่อยก็มีอันเจ็บไข้ได้ป่วย ถุย
   อันที่จริงก็พอจะรู้สาเหตุหรอก ตากแดดขายของตลอดครึ่งวัน แถมยังไปเจอแอร์เย็นๆ ในรถของนายสิบทิศอีก
   ผมกินยาลดไข้แล้วก็นอน ตื่นอีกทีตอนสองทุ่มอาการก็ยังทรงๆ อยู่ครับ รู้สึกตัวแล้วก็อยากนอนต่ออีกนะแต่ดูเหมือนวันนี้จะนอนไปเยอะแล้วร่างกายก็เลยไม่ยอมหลับสนิท กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงจนเมื่อยท้ายทอย (เพราะนอนเยอะ) ก็เลยลุกจากเตียงเพื่อหาอะไรเบาๆ ทำ ทำทั้งที่ยังเพลียๆ นั่นแหละครับ
   เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็สะท้อนใจที่มันโล่งจากที่เคยเป็น ตอนนี้มีเสื้อผ้าแขวนอยู่ไม่กี่ชุดเองครับ ในจำนวนนั้นมีสามตัวแขวนอยู่ชิดกัน คือเสื้อเชิ้ตกับเสื้อยืดที่นายสิบทิศซื้อมาถ่ายโทษกับอีกตัวคือเสื้อเชิ้ตที่เขาเอามาคลุมให้ตอนอยู่ในรถเมื่อวานซึ่งผมซักแล้วเมื่อตอนเที่ยงนั่นแหละครับ อารมณ์แบบไม่รู้จะทำอะไรก็เลยหยิบออกมารีดสองตัว หลายตัวก็ขี้เกียจ 555
   ตัวหนึ่งเป็นเสื้อของผม อีกตัวก็คือของเขาที่จะเอาไปคืนพรุ่งนี้
   “แกล้งทำไหม้ซะดีมั้ย หึหึ” ผมพูดกับเสื้อบนที่รองรีด แต่พอนึกถึงตอนที่เขาเอามาคลุมให้ก็ใจอ่อนยวบ จิตมารสลายไปเสียฉิบ
   ระหว่างที่รีดเสื้อของเขาไปผมก็เกิดคำถามครับว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่… ตอนแรกก็ดูเหมือนไม่ชอบผม ลวงผมไปนอนด้วย (ลวงไปเหรอ?) ได้ผมแล้วก็ตะเพิดออกจากห้องเหมือนย่ำยีเล่นเพื่อแก้แค้น ซึ่งผมก็มั่นใจมากว่าไม่เคยรู้จักมันมาก่อน ไหนจะแกล้งผมในเวลางานอีก ทั้งที่ผมก็พยายามอยู่ห่างๆ มันแล้วนะ แต่ดูเหมือนมันจะพยายามเสนอหน้าเข้ามาในวงโคจรของผมเสียเหลือเกิน ซึ่งบางอย่างที่เขาทำมันก็ไม่ได้เลวร้ายนะ เรียกว่าดีด้วยซ้ำ
   สรุปว่านายสิบทิศเป็นคนลึกลับผีเข้าผีออกจริงๆ ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างเขากับพี่กรแล้วก็น้องกรรณนั่นอีก คิดแล้วปวดหัวครับ เอาเป็นว่าอยู่ห่างๆ มันเหมือนเดิมนั่นแหละดีละ

   เป็นอันว่าเมื่อคืนกว่าผมจะหลับก็ปาเข้าไปตีสองกว่า เช้านี้ก็เลยลุกไม่ไหว ไม่ใช่เพราะยังมีอาการไข้นะ แต่เพราะนอนไม่พอ
   “กูเป็นไข้ ขอลาป่วยวันนึง” ผมทำเสียงค่อกแค่กๆ ตอนโทรไปบอกต้าร์
   “เมื่อคืนไปแรดจนลุกไม่ขึ้นอีกล่ะสิ” มันตอบกลับมา
   “อีดอก กูเป็นไข้จริงๆ” ผมเนียนๆ ก็มันเป็นผลสืบเนื่องมาจากอาการไข้จริงๆ อ่ะ
   “เออ เดี๋ยวกูบอกคุณวินให้ นอนพักล่ะมึง แค่นี้นะกูติดสายลูกค้า”
   วางสายแล้วผมก็นอนต่ออีกละ กว่าจะลุกจากเตียงก็ใกล้เที่ยงเพราะหิวอีกเหมือนเดิมซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นผลสืบเนื่องมากจากอาการไข้เมื่อวานอีกนั่นแหละ
   ผมใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงบอลรองเท้าหูคีบออกมากินข้าวร้านประจำหน้าปากซอยครับ กินเสร็จแล้วก็แวะซื้อขนมที่เซเว่นใกล้ๆ ร้านตามสั่งนั่นแหละ
   “เป็นไงมึง ดีขึ้นยัง” ต้าร์โทรมาเช็กอาการ
   “ดีขึ้นละ นี่เดินออกมาหาไรกินหน้าปากซอยได้ละ” ผมบอก
   “เล่ามาค่ะ เมื่อคืนใครทำให้เพื่อนลุกไม่ขึ้นคะ” ฟังมันว่าสิครับ นี่มันคงคิดว่าเมื่อวานผมออกไปแรดกับผู้ชายมาล่ะสินะ
   “อีต้าร์ กูไม่ใช่มึงนะ” ผมพ่นพิษใส่มันทางโทรศัพท์ “ช่วยดูตัวเองด้วย แรดกว่าใครก็มึงนั่นแหละ”
   “อีนี่ ก็กูเป็นห่วง”
   เป็นห่วงหรือว่าสาระแน?
   “เหวี่ยงกูได้เบอร์นี้ก็คงหายแล้วอ่ะแหละ เทกแคร์”
   “เออ”
   แต่ก่อนที่ผมจะกดวาง ก็ได้ยินเสียงมันโวยวายเหมือนยังคุยไม่จบ
   “ก่อนออกมากินข้าว กูบอกคุณวินให้แล้วนะว่ามึงลาป่วย แต่ว่าวันนี้เขาก็เป็นไข้ว่ะ นี่เห็นว่าฝืนร่างเข้าออฟฟิศมาประชุมเช้า สงสัยบ่ายนี้จะกลับไปละ”
   “อ้อ เออ” ผมงึมงำไปตามที่มันบอก
   “กูว่ามันแปลกๆ นะ กูว่ากูมีเซนส์กูสัมผัสด้าย มึงกับคุณวินป่วยพร้อมกัน หรือว่าคนที่ทำให้มึงลุกไม่ขึ้นจนเจ็บไข้ได้ป่วยจะเป็น…”
   “อีดอก” ผมด่ามันก่อนจะชิงกดวาง ขืนพูดอะไรออกไปมากกว่านี้มีหวังปิดอีขี้เสือกต้าร์ไม่ได้แหง
   เดินเข้าซอยมานิดเดียวคนที่เพิ่งโดนพาดพิงก็ขับรถมาชะลอแล้วเลื่อนกระจกลงคุย อยู่ซอยเดียวกันก็จริงแต่บังเอิญจ๊ะเอ๋กันบ่อยไปมั้ยวะเนี่ย
   “ออกมาเดินข้างนอกได้แบบนี้ ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?” นายสิบทิศถามออกมาจากในรถ
   “อือ หายไข้ตอนสายๆ นี่แหละ” ผมสังเกตเห็นหน้าเขาอิดโรยแล้วก็แดงๆ นะครับ
   “ขึ้นมาสิ เดี๋ยวไปส่ง” เขาบอก
   ถ้าเป็นหลายวันก่อนผมคงจะเชิดหน้าไม่สนใจมันหรอกครับ แต่เห็นสภาพเขาตอนนี้แล้วก็เป็นห่วงขึ้นมาตะหงิดๆ ก็เลยว่าง่ายเปิดประตูรถขึ้นไป แค่หายใจสองสามทีก็มาถึงแมนชั่นของผมละ นายสิบทิศจอดให้ลง
   “นายไหวป่ะเนี่ย” ผมถามเพราะทนทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ครับ แล้วอันที่จริงเห็นสภาพก็รู้ละว่าเขามีไข้ แต่ขอแอ๊กติ้งหน่อย “ขอโทษนะ” ผมเอื้อมมือไปจับที่หน้าผากของเขา ตัวร้อนจี๋เลย
   “ไปโรงพยาบาลไม่ดีกว่าเหรอ”
   “กินยาไปแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
   ผมละล้าละลังไม่อยากลงจากรถ ยอมรับว่าเป็นห่วงเขา เพราะส่วนหนึ่งสาเหตุก็คงมาจากเมื่อวันเสาร์นั่นแหละ
   “ไม่ลงเหรอ”
   “ไม่ละ” ผมบอกอายๆ แต่ก็พยายามซ่อนเอาไว้ “ไปคอนโดนายเถอะ เดี๋ยวไปส่ง”
   นายสิบทิศก็ว่าง่ายจังครับ ขับรถออกมาเลย
แล้วผมก็ได้กลับมาเหยียบห้องของเขาอีกเป็นครั้งที่สองครับ
   
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 5 (7/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-11-2018 02:07:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 5 (7/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 07-11-2018 22:05:40
cavalli
 :mew1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 5 (7/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 08-11-2018 15:04:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 5 (7/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 08-11-2018 20:01:12
panpang
ขอบคุณน๊าาาาา
  :-[
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 5 (7/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 10-11-2018 01:09:59
ตอนที่ 6

   เจ้าของห้องเดินไปนั่งที่โซฟา เขาก็คงรู้แหละครับว่าผมอยากตามมาทำไม สถานการณ์จึงต่างจากครั้งแรกที่ผมเคยมาคือครั้งนี้มีแต่ความเป็นห่วงโดยบริสุทธิ์ใจจริงๆ
สิ่งแรกที่ผมมองหาคือชามใส่น้ำกับผ้าผืนเล็ก พอได้ครบแล้วกลับที่โซฟา นายสิบทิศก็นั่งเอนหลังหมดสภาพไปละครับ
“จะเช็ดตัวให้” ผมบอกพลางปลดกระดุมเสื้อของเขาออกโดยไม่รอคำอนุญาต พอปลดกระดุมออกทุกเม็ดผมก็ใจเต้นตึกตักกับกล้ามเนื้อที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า แถมยังรู้สึกคอแห้งขึ้นมาซะอย่างนั้น
โอ พระเจ้า ไม่นะอีเหนือ ห้ามคิดอกุศลตอนนี้
ผมกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอพร้อมกับยื่นผ้าหมาดน้ำไปแตะที่แก้มของเขาแล้วค่อยเช็ดจนทั่วใบหน้า แต่พอจะเริ่มเช็ดตรงช่วงคอลงไปลำตัวด้านล่าง คนที่หลับตาทรมานก็ผงกหัวขึ้นเปิดตามองการกระทำของผม
“ไหนบอกว่าหายแล้ว ทำไมหน้าแดง” เขาถาม
พอเขาพูดมาแบบนั้นผมก็ทำเป็นหันไปมองกระจกบานใหญ่ตรงผนังเพื่อสำรวจตัวเอง ทั้งที่ก็รู้นะว่าหน้าผมตอนนี้ก็คงจะแดงซ่านอย่างที่เขาเห็นนั่นแหละ แต่มันไม่ได้มาจากอาการไข้หรอกครับ เป็นเพราะเรือนร่าง มัดกล้ามกับซิกแพ๊กตรงหน้านี้มากกว่า ซึ่งภาพในกระจกก็ชวนสะท้อนใจเสียเหลือเกินครับ คือนายสิบทิศนั่งอยู่บนโซฟาส่วนผมคุกเข่าอยู่กับพื้น เขาอยู่ในชุดทำงานราคาแพง ส่วนผมใส่เสื้อกล้ามกางเกงบอลราคาถูก ยังกะคุณชายกับคนใช้ยังไงยังงั้น
“ไม่นี่” ผมหันกลับมาสนใจเขาแล้วดันหัวที่ผงกขึ้นมานั้นลงไปนอนแหงนดูเพดานตามเดิม
   “เดี๋ยว” เขายึดข้อมือผม
   “ทำไม เช็ดแรงไปเหรอ?”
   “เปล่า…”
   “น้ำเย็นไป?”
   “ไม่… จะบอกว่าผ้านั่นไว้เช็ดโต๊ะ”
   อ้าว ก็เห็นวางอยู่ก็เลยหยิบมา
   “ก็ไม่ได้เปื้อนอะไรนะ” ผมยิ้มแห้งๆ นี่ถ้านายสิบทิศมีเรี่ยวแรง ผมคงโดนเขกหัวไปละ
   “ไปหาผืนใหม่ในตู้เสื้อผ้านู่น” เขาชี้
   
ภายในตู้เสื้อผ้าค่อนข้างเป็นระเบียบ มีการแยกชนิดของชุดไม่ปะปนกัน แถมยังมีการไล่สีเสื้อผ้าจากอ่อนไปหาเข้มด้วยสิ หมอนี่เป็นประเภทเพอร์เฟคชั่นนิสต์สินะ
แหงล่ะ ก็มันรวยนี่หว่า
   ผมกวาดสายตาดูอย่างสอดรู้สอดเห็นเผื่อจะเจออะไรเด็ดๆ ที่เจ้าของซ่อนเอาไว้ เพราะผมเองชอบซ่อนของจุกจิกไว้ในตู้เสื้อผ้าครับ แล้วก็เจอจริงๆ เสียด้วย
ผมเห็นมุมหนึ่งของกรอบรูปโผล่ออกมาจากกองผ้าซึ่งอยู่ด้านในสุดของตู้ ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจนักหรอกแต่เซ็นส์บางอย่างมันสะกิดต่อมเสือกให้ทำหน้าที่ของมัน ผมก็เลยถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู เป็นรูปของนายสิบทิศกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวยมากครับ นายสิบทิศยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย ส่วนผู้หญิงแต่งหน้าจัดใส่ชุดเหมือนชุดเชียร์ลีดเดอร์หรือไม่ก็อาจจะเป็นชุดเข้าฉากเล่นละครเวทีทำนองนั้น เห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้เพราะนายสิบทิศสมัยนั้นดูหล่อกว่าตอนนี้นะ ที่จริงก็หล่อเหมือนตอนนี้นั่นแหละ…ต่างแค่แววตาในรูปนั้นช่างแวววาวมีชีวิตชีวาผิดจากปัจจุบันที่ดูขวางๆ ดุๆ เจ้าอารมณ์และมีบางอย่างเจ็บร้าวซุกซ่อนอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นสิ่งที่ผมสังเกตเห็นไกลๆ ในรูปก็คือตรามหาวิทยาลัยเดียวกับที่ผมจบมา ดูนานๆ เข้าก็ชักคุ้นหน้าผู้หญิงแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักเธอมาก่อนหรือเปล่า
   ผมกลับมาพร้อมกับผ้าผืนใหม่ เริ่มเช็ดใหม่ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอและลำตัวด้านหน้า แต่เขายังใส่เสื้ออยู่นะครับ ผมก็เลยเช็ดแขนกับหลังไม่ได้ซึ่งนายสิบทิศก็รู้จังหวะโดยไม่ต้องบอก พอผมเริ่มเช็ดเหนือเข็มขัดเขาก็ขยับตัวถอดเสื้อออก เช็ดแขนกับหลังเสร็จผมก็จะเลิกละครับ
   “ด้านล่างล่ะ” เขาท้วง
   คือผมก็รู้แหละว่ามันก็ต้องเช็ดให้ทั่วทุกซอกทุกมุมอ่ะนะ แต่ที่ไม่พูดเพราะผมเองก็อายเป็นนะครับ ให้เขาพูดเองถอดเองน่ะเหมาะแล้ว
   เฮ้อ ผมใจเต้นตึกตักอีกแล้วครับ ก็ตอนนี้นายสิบทิศแทบจะล่อนจ้อน ทั้งตัวของเขาเหลือแค่กางเกงในสีขาวตัวเดียวอ่ะครับ นายสิบทิศเองก็นะ จะนั่งอ้าขาให้ถึงร้อยแปดสิบองศาเลยหรือไง ทำเหมือนจงใจอ่อย ผมงี้เช็ดไปก็มือสั่นใจสั่น จะทำท่าแบบว่าเช็ดโดยไม่มองก็ดูจะเป็นนางเอกผู้ไม่ประสีประสาเกินไป แต่จะให้พุ่งสายตาไปที่ตรงนั้นของเขาก็ดูกระไรอยู่เนาะ เอาเป็นว่าดูบ้างทำเป็นไม่สนใจบ้างนั่นแหละ แหะๆ
   “อยากเหรอ?”
   ผมละสายตาจากเส้นขนบนขาอ่อนของเขาขึ้นมาทันที
   “บ้า! ป่วยขนาดนี้ยังจะมีอารมณ์พูดเล่น”
   “ก็เห็นจ้องซะน้ำลายยืด” เขาว่า
   ผมรีบเอามือเช็ดปากตัวเองเลยครับ
   “ไม่มีซะหน่อย” ผมค้อนแล้วก็ฟาดผ้าลงไปแต่มันดันไปโดนตรงนั้นพอดีเขาก็เลยรีบหุบขา
   “เจ็บนะ” เขาร้อง
   “โดนซะบ้าง” ว่าแล้วผมก็ทำทีไม่สนใจตรงนั้นของเขาอีกโดยการเช็ดลงไปที่หน้าแข้งครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มาปรนนิบัติเขาซะขนาดนี้นะกับคนที่ไม่ได้เป็นคนพิเศษ นี่ถึงขนาดเช็ดเท้าให้เลยนะ
   “เสร็จแล้ว” ผมยื่นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่หยิบมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวให้เขาใส่ ตอนนั้นผมก็คิดขึ้นได้ว่าที่จริงให้เขาใส่กางเกงก่อนเช็ดตัวก็ได้นี่หว่า “นอนพักซะ”
   “เหนือ” เขาเรียกผมขณะที่หลับตาลงไปแล้ว “…อย่าเพิ่งกลับนะ”

   ผ่านมาสองชั่วโมงกว่าแล้ว ผมยังอยู่ในห้องของนายสิบทิศครับ ขนมที่ซื้อมาจากเซเว่นหน้าปากซอยหมดเกลี้ยงแล้วครับ เอาถุงขนมไปทิ้งลงถังเสร็จผมก็เดินไปดูร่างที่นอนเหยียดบนโซฟา ลองเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากก็พบว่าไข้ลดแล้วแต่ก็ยังรุมๆ อยู่ ผมเลยไปเอาผ้าผืนใหม่มาเช็ดตัวให้เขาอีกรอบ เช็ดเฉพาะใบหน้า คอ แขน ขา ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในเสื้อผ้าน่ะครับ เห็นเขาทำหน้าผ่อนคลายผมก็ดีใจ รู้สึกเหมือนได้ตอบแทนที่เขาช่วยขายของวันก่อน
   “อือ…” นายสิบทิศเหมือนละเมอพูดอะไรอยู่ในคอ
   “นาย” ผมไม่กล้าเรียกเสียงดัง กลัวจะทำให้เขาตื่น
   “อือ…”
   ผมยื่นหูเข้าไปใกล้ปากเขา เผื่อจะฟังได้เป็นถ้อยเป็นคำบ้าง
…แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนฉากในละครทีวี พระเอกที่ตื่นสักพักแล้วผงกหัวขึ้นมาหอมแก้มนางเอก…
แต่นั่นมันในละครครับ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือผมสะดุ้งตกใจที่ได้ยินเขาพูดว่า “ทำอะไร เอาหัวมาใกล้ทำไม”
“อาการคงจะดีขึ้นแล้ว จะกลับละ” ผมบอกเก้อๆ
“ขอน้ำหน่อยสิ คอแห้ง” เขาบอก
ได้ครับเจ้านาย
ผมกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำเขาก็ลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วครับ ดื่มเสร็จก็พูดว่า “บอกว่าอย่าเพิ่งกลับไง”
“อยู่นานแล้ว จะกลับแล้ว” ผมบอก
“ช่วยหยิบกล่องตรงข้างเตียงให้ที”
ใช้ผมอีกละ แต่ผมก็เดินไปเอามาให้แต่โดยดี มันเป็นกล่องกระดาษที่มีฝาปิด ขนาดกว้างยาวสูงประมาณด้านละหนึ่งฟุต หนักใช้ได้อยู่นะครับ
“นั่งสิ” เขาตบเบาะตรงข้างๆ ตัวเขา
ผมวางกล่องนั้นลงไปแทนก่อนจะนั่งถัดออกมา
“เปิดดูสิ”
“อะไร ดูทำไม”
“ให้ไง”
“อะไร เครื่องเพชรเครื่องทองเหรอ” ผมกวนไปอย่างนั้นเองครับแต่ก็เปิดฝากล่องออก ข้างในเป็นเสื้อผ้าพับไว้จนเต็ม “ให้ทำไม ไม่เอา”
“ก็เอาไปขายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่อยากเห็นชีเปลือยไปนั่งทำงานที่ออฟฟิศนะ”
“เว่อร์ละ” ผมค้อน รื้อเสื้อผ้าออกมาดูสองสามตัวก็เห็นว่าเป็นแบบที่ผมชอบใส่ทั้งนั้น นี่เขาสังเกตสไตล์ของผมด้วยเหรอ
“ไม่เอาหรอก ดูก็รู้ว่าแพง”
“ไม่แพงหรอก ไม่ใช่แบรนด์เนมสักหน่อย เสื้อจากร้านเพื่อนๆ คนรู้จักทั้งนั้น ถือโอกาสอุดหนุนเขา”
“ยังไงก็ไม่เอา” ผมส่ายหน้า ปิดฝากล่อง “นายเก็บไว้ใส่เองเถอะ”
“ใส่ได้ที่ไหนล่ะ ตัวเล็กแบบนี้”
“…”
“ถือว่าตอบแทนที่มาเช็ดตัวให้” เขาอ้าง
“ไม่เอา…”
“อย่าดื้อ ไม่งั้นพี่จับปล้ำนะ”
“จะเอาแรงที่ไหนมาปล้ำฮะ” ผมส่ายหน้าใส่เขาขำๆ
เท่านั้นแหละ ตัวผมถูกจับพลิกไปนอนอยู่ด้านล่างตัวเขาทันทีเลยครับ
“จะเอามั้ย”
“ไม่เอา…”
เขากดน้ำหนักตัวลงมา หน้าสีแดงเรื่อๆ ก็เคลื่อนลงมาใกล้ด้วย
“เอาๆ เอาก็ได้” ผมหลับตาปี๋ รู้สึกสยิวไปล่วงหน้าละ
“พูดว่าไม่เอาอีกสิ” เขาท้า
“บอกว่าเอาแล้วไง”
แล้วเขาก็ค่อยปล่อยผมให้เป็นอิสระครับ
“ผู้ใหญ่ให้ของ ก็ต้องรับไว้” เขาว่า
   “นายก็ไม่ได้แก่กว่าเท่าไหร่นี่” ผมย้อน
   “เรียกนายๆ อยู่ได้”
   “จะให้เรียกคุณท่านเหรอ”
   “เรียกพี่สิ”
   “ไม่เอา ไม่เรียก ไม่ชิน”
   “พูดว่าไม่เอาอีกแล้วเหรอ” เขาทำท่าจะจบผมกดอีกแล้วครับ
   “เรียกก็ได้”
   “เรียกสิ”
“พี่วิน” ผมมองค้อน “บ้าอำนาจ”
จู๋จี๋กันเสร็จ (เรียกว่าจู๋จี๋ได้มั้ย?) ก็ถึงเวลาหน้าตึงของผมละครับ ก็เพราะพี่ป๊อปโทรเข้ามา ที่จริงผมลบเบอร์กับไลน์เขาออกจากเครื่องตั้งแต่ตอนที่เราเลิกกันแล้วล่ะเพียงแต่ไม่ได้บล็อก อาศัยจำเบอร์ได้จากประวัติการโทรเข้าโทรออกทุกเดือนเรื่องหนี้นั่นแหละครับ
ดังครั้งแรกผมไม่รับ แค่กดปิดเสียงแล้วก็วางไว้กับเบาะ
ดังครั้งที่สองครั้งที่สามผมก็ไม่รับอีกครับ
นายสิบทิศ เอ๊ย คุณพี่วินก็เริ่มทำหน้ามีเครื่องหมายคำถามละว่าทำไมไม่รับสาย ผมเห็นเขามองหน้าจอทุกครั้งเลยครับ สงสัยจะจำเบอร์ได้แล้วมั้ง
“เดี๋ยวค่อยโทรกลับ” ผมบอก
พูดไม่ทันขาดคำพี่ป๊อปก็ไลน์มาครับ
POP UP : ว่างแล้วโทรกลับหาพี่ด้วยนะ
“ใครน่ะ แฟนเหรอ” นายสิบทิศถาม
“แฟนเก่า” ผมพูดเสียงเหนื่อยอกเหนื่อยใจ
“โทรมาขอคืนดีเหรอ”
“คืนดีกับผีน่ะสิ ทวงหนี้ล่ะไม่ว่า” ผมเผลอบอกความจริงออกไป ทีนี้นายสิบทิศก็คงรู้ละ ว่าผมเป็นหนี้ใคร เท่าไหร่ เหลือแค่รายละเอียดของสาเหตุที่เป็นหนี้เท่านั้นซึ่งเขาก็ไม่ได้ซอกแซกถาม ผมก็เลยหยุดเรื่องเอาไว้เท่านั้น

พี่วิน (เรียกพี่แล้ว) เดินมาส่งผมแค่หน้าห้อง จะให้เขาลงไปส่งถึงล็อบบี้ก็คงไม่ใช่เพราะเขายังเป็นคนป่วยอยู่
ผมยกกล่องทั้งสองมือเดินออกมาไม่กี่ก้าวเขาก็เรียกผมครับ พี่วินเดินออกจากห้องมาหาแล้วก็ยื่นมือมาจับที่แก้มผมอย่างอ่อนโยน สายตาของเขาอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ขอบใจนะ เจ้าเด็กปากดี” เขาว่า
บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมคงไม่ได้เหม็นหน้านายสิบทิศอีกแล้วครับ ผมรู้สึกดีเอามากๆ ที่เขาทำแบบนั้น ไหนจะฉายาที่เรียกผมว่า ‘เจ้าเด็กปากดี’ นั่นอีก
ตลอดทางเดินจากคอนโดของพี่วินกลับมาแมนชั่นของผม ผมเฝ้าคิดถึงแต่เขา อยากจะย้อนกลับไปเคาะห้องเขาแล้วค้างคืนที่นั่นเสียให้รู้แล้วรู้แรดแต่สัญชาตญาณก็เตือนตัวเองว่าอย่า คล้ายๆ กับมีความรู้สึกไปล่วงหน้าว่าเขาจะนำพาบางอย่างที่จะทำให้ผมเจ็บปวดได้
มันคือกำแพงที่ผมสร้างขึ้นมาจากความรักครั้งก่อนใช่ไหมครับ

วันอังคาร ผมมาทำงานตามปกติได้แล้วครับ วันนี้ใส่เสื้อที่เขาซื้อมาให้ด้วยนะ คิดว่าเขาเห็นก็คงจะดีใจ แต่ตลอดทั้งวันจนถึงเลิกงานผมไม่เห็นเขาที่ออฟฟิศเลยครับ นั่นทำให้ผมร้อนรนไม่เป็นอันทำงาน โทรหาเขาก็ไม่ยอมรับสาย สติเตลิดจนพาลคิดไปว่าอาการของเขาจะทรุดหนักอาจถึงขั้นตายอย่างโดดเดี่ยวในห้องก็เป็นได้ กระทั่งหกโมงเย็นเขาถึงโทรกลับมาครับ
“พี่วินไม่เป็นไรใช่มั้ย” ผมใจคอไม่ดีเลยครับ กลัวเขาจะตอบกลับมาบอกว่านี่โทรมาจากห้องไอซียู นี่สลบไปทั้งวัน อะไรทำนองนั้น
“ไม่เป็นไร” น้ำเสียงเขาฟังดูแปลกๆ
“มาหาที่ห้องหน่อยสิ”
“ได้ๆ ไม่เกินชั่วโมงนึงก็ถึง”
ด้วยความร้อนใจผมก็เลยใช้บริการมอเตอร์ไซค์ยิงยาวเลยครับ เบ็ดเสร็จค่าโดยสารอยู่ที่สามร้อยห้าสิบ โคตรโหดแต่ก็คุ้มกับเวลาแค่เพียงครึ่งชั่วโมงที่มาถึงหน้าห้องพี่วิน
“เข้ามาสิ” พี่วินเปิดประตูให้ผม น้ำเสียงของเขาเย็นชา แต่เห็นเขาแข็งแรงดีผมก็โล่งใจละครับ
พี่วินบอกให้ผมผมนั่งที่โต๊ะรับแขก บนนั้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้ มันคือหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ครับ ใจความก็คือเจ้าหนี้เดิมของผมได้โอนสิทธิให้เขาเป็นเจ้าหนี้แทน หรือจะให้ชัดก็คือพี่วินกลายมาเป็นเจ้าหนี้ผมแทนพี่ป๊อปแล้ว
แวบหนึ่งผมคิดว่าพี่วินยินดีช่วยเหลือผมด้วยน้ำใจ แต่พอเห็นสีหน้าเฉยเมยนั้นแล้วผมรู้ได้เลยครับว่ามันไม่ใช่อย่างแน่นอน ผมตัวชาไปหมด ความรู้สึกมันเหมือนกับปราสาททรายที่สร้างเอาไว้อย่างสวยงามโดนคลื่นซัดมาจนพังสลายไม่เหลือเค้าโครง
“ทำแบบนี้ทำไม” น้ำตาผมเอ่อ
นายสิบทิศไม่ตอบคำถามแต่พูดอย่างรวบรัดว่า “ก็อย่างที่เห็น ผมจ่ายหนี้แทนคุณไปหมดแล้ว สัญญานั่นมีผลตามกฎหมาย ต่อจากนี้ไปผมคือเจ้าหนี้ของคุณ”
“นาย…”
“ถ้าเดือนไหนผัดผ่อนหรือผิดนัดจะมีดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน หรือถ้าอยากจ่ายเป็นอย่างอื่นก็บอกได้…” เขามองเสื้อผ้าที่เขาซื้อให้บนตัวผมอย่างดูถูก เขามองผมเหมือนเป็นสิ่งของเลยครับ “…ผมจะเป็นคนตีราคาในแต่ละครั้งเอง”
“ไอ้…”
“อ้อ อย่าหวังว่าผมจะให้ราคาคุณครั้งละหมื่นหรือห้าพันนะ แบบนั้นไม่คุ้ม”
“มึงมันเหี้ย กูไม่น่าเป็นห่วงมึงเลย!” ผมน้ำตาอาบแก้มเลยครับ
“ใจเย็นน่า วัวเคยค้าม้าเคยขี่ เราสองคนก็เคยทำอย่างว่ากันมาแล้วหนนึง นายก็ติดใจอยู่ไม่ใช่เหรอ เอาเป็นว่าผมจะนับรวมครั้งนั้นไว้ด้วยก็ได้นะ สักห้าร้อยดีไหม”
ผมฟิวส์ขาดละครับ
“อ๊ะๆ อย่าฉีกนะครับ ติดคุกได้นะ”
ผมปากระดาษแผ่นนั้นลงพื้นก่อนจะลุกจากอีกฟากหนึ่งของโต๊ะไปซัดกำปั้นใส่ปากมันครับ ไม่รู้ว่าหมัดผมมันเบาเกินไปหรือยังไง มันถึงดูไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด กลับยิ้มเยาะๆ ใส่ผม จากนั้นผมก็รีบวิ่งออกมาจากห้องของมันครับ


 
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 6 (10/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 10-11-2018 01:11:52
ความรู้สึกของเหนือ  o22

ใครสงสารเหนือโปรดแสดงตัวนะ  :sad11:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 6 (10/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 10-11-2018 01:43:03
อิหยังน้อ งงพี่วินเด้อ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 6 (10/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 10-11-2018 08:46:30
สรุปอะไร วินแปลกๆ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็เย็นชา. งง เหนือก็เหมือนกัน วินทำขนาดนี้ ยังจะรู้สึกดีกับมันอีก. หางานใหม่แล้วลาออกไปเหอะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 6 (10/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 10-11-2018 16:03:59
อิหยังวะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 6 (10/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 10-11-2018 21:32:58
panpang
อิหยังน้อ งงพี่วินเด้อ
อ่านจบแล้วอุทานว่า But why? ใช่ไหมครับ 555


เจเจจัง
สรุปอะไร วินแปลกๆ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็เย็นชา. งง เหนือก็เหมือนกัน วินทำขนาดนี้ ยังจะรู้สึกดีกับมันอีก. หางานใหม่แล้วลาออกไปเหอะ
พี่วินกำลังสับสนในตัวเองเน้อ อิอิ
เหนือเริ่มจากเกลียด แล้วก็ค่อยๆรักตามประสาคนใจง่ายพ่ายแพ้ความหล่อ
แต่พี่วินเนี่ยอาจจะมีพื้นเพความชิงชังเหนือมาก่อนก็ได้นะ อุ๊บบส์ พอเริ่มจะรู้สึกดีด้วย ก็ดันมีจังหวะให้ได้เอาคืน ก็เลยไม่อยากเสียโอกาสนั้นไป (ก็อุตส่าห์โปรแกรมจิตมาตั้งนาน)
เกลียดเข้าไส้ >> ไม่ได้หมายถึงเหนือคนเดียวนะ อิอิ

magic-moon
อิหยังวะ
อย่าเพิ่งด่าพี่วินนะเอาแค่อยากข่วนหน้าก็พอ (ขอปกป้องคนหล่อ) คนหล่อก็มีอดีตที่น่าเห็นใจอยู่นะครับ 555

มาเอาใจช่วยทั้งน้องเหนือและพี่วินให้ผ่านจุดเกลียดเข้าไส้ให้ไปจนถึงตอนที่ทั้งคู่รู้สึกขัดแย้งว่า but why? ไหงกลายมาเป็นรักกันเนาะ

ปล. กดอ้างอิงแล้วไม่ฟังก์ชั่นอ่ะครับ เลยต้องก๊อปข้อความมาแบบนี้เอา
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 6 (10/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 13-11-2018 23:22:55
ตอนที่ 7

วันนี้ผมมาถึงออฟฟิศแปดโมงตรง เดอะแก๊งยังไม่มีใครโผล่หัวมาเลยครับ ผมก็เลยไม่มีข้ออ้างที่จะเฉไฉไปทักทายคนอื่นจนเดินถึงโต๊ะ เลยได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพื่อเลี่ยงสายตาเย็นชาของนายสิบทิศที่นั่งประจำที่อยู่แล้ว ยังไม่ทันได้เปิดคอมพิวเตอร์เขาก็ลุกเดินมาเฉียดข้างหลัง
“ตามผมลงไปที่ห้องรับแขกชั้นสองด้วย” น้ำเสียงของเขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“ตอนนี้เลยเหรอครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติแบบที่ ‘แค่คนรู้จัก’ ในที่ทำงานคุยกัน
ไอ้คนหน้านิ่งๆ บึ้งๆ ไม่พูดซ้ำครับ ผมก็ต้องลุกตามไปโดยดีเพราะคิดแล้วคงไม่เป็นผลดีต่อตัวเองเท่าไรนักถ้าจะทำพยศกับเขา ยิ่งเดาจากเสียงขุ่นๆ นั่นแล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงแดกรังแตนเป็นมื้อเช้ามา
ผมลงลิฟต์กับเขาสองคนจนถึงชั้นสองโดยที่ไม่มีบทสนทนาใดมาทำลายความเงียบ พอเข้ามาถึงห้องรับแขกผมก็เห็นพี่กรกับน้องกรรณรออยู่
“พี่เหนือ” น้องกรรณยกมือไหว้ ยิ้มแย้มแจ่มใส
“มาคุยงานเหรอครับ” ผมรับไหว้พลางทักทาย
“ครับ” น้องกรรณตอบเท่านั้นก็ถูกนายสิบทิศพาไปห้องประชุมเล็กที่อยู่ติดกับบริเวณรับแขก
เฮอะ ไปซะได้ก็ดี ผมหมายถึงไอ้คนหน้าบูดเหมือนข้าวหมาเน่านั่นนะครับไม่ใช่น้องกรรณ มองตามหลังแล้วก็สงสัยขึ้นมานิดๆ ว่านายสิบทิศกับน้องกรรณไม่ใช่แฟนกัน แต่ทำไมลักษณะที่เขาปฏิบัติกับน้องกรรณถึงได้ดูละมุนละไมเกินกว่าคนรู้จักนัก ทีกับผมทำยังกับเป็นทาสในเรือนเบี้ย จะเฆี่ยนจะตียังไงก็ได้ 
“ทำงานยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ ขอโทษที่ให้ไอ้วินพาคุณเหนือลงมาด้วยนะครับ” พี่กรดึงความสนใจของผมกลับมาจากสองคนนั่น
“ไม่หรอกครับ” ยังไม่ได้เริ่มงานเลยครับพี่ “คุณกรก็มาคุยงานเหรอครับ”
“พี่แค่ผ่านมาทางนี้ พอรู้ว่ากรรณก็จะมาเหมือนกัน พี่ก็เลยแวะมาส่ง”
ฟังแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่แต่ผมก็เออออไป ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนี้ก็ยังคงสลับซับซ้อนสำหรับผมอยู่นั่นแหละครับ ก็เลยช่วยไม่ได้ที่ผมจะคิดว่าพี่กรมากันท่าสองคนนั้นรึเปล่า แบบว่ากันท่ากันไปมาเลยไม่ลงล็อคสักทีน่ะ
“พี่เอาเค้กมาฝากครับ” พี่กรยื่นกล่องเค้กมาให้ “ฟรีนะครับ”
ได้ยินแล้วผมก็หน้าร้อนซู่ขึ้นมา สัพยอกกลับไปว่า “ถ้าเป็นแฟนเจ้าของร้าน เหนือคงอ้วนเป็นแมวน้ำแหง”
“รับรองว่าไม่อ้วน เพราะกินเค้กแล้วมีบริการเบิร์นแคลอรี่ครับ”
หืมมมมมมม คืออะไร เบิร์นแบบไหนครับพี่กร
อีกนิดก็จะเขินจนตัวลอยละ ถ้านายสิบทิศไม่ออกจากห้องประชุมมาขวางเสียก่อน
“เหนือ ลูกค้าโทรมาตามคอนเฟิร์มออร์เดอร์ คุณช่วยกลับขึ้นไปประสานงานด้วยครับ”
“ครับ” ผมตอบทั้งที่รู้ว่าแม่งไม่จริง ลูกค้าห่าที่ไหนจะมาตามคอนเฟิร์มออร์เดอร์กับ Brand Manager นู่น ต้องเซลล์นู่น
“งั้นพี่ไม่กวนแล้ว เหนือจะได้กลับไปทำงาน”
พี่กรดูเข้าใจชีวิตพนักงานออฟฟิศดีนะครับ
“ขอบคุณนะครับ เหนือจะแบ่งให้เพื่อนๆ กินด้วย” ผมยกมือไหว้อย่างชวนเอ็นดูทั้งที่พี่กรก็คงแก่กว่าผมแค่ปีสองปีเหมือนกับนายสิบทิศ
“ไม่ต้องไหว้พี่หรอก เดี๋ยวแก่” พี่กรหัวเราะร่วน “อ้อ เสาร์นี้ที่ร้านจะมีเค้กออกใหม่สามรส เหนือไปชิมให้ได้นะ”
“ขอดูก่อนนะครับ ไม่แน่ใจว่าจะไปได้มั้ย” ผมแบ่งรับแบ่งสู้ ก็นะ ร้านอยู่ตั้งชานเมือง ถึงพอจะรู้ว่าอาจจะไม่ต้องจ่ายค่าของกิน แต่ค่าแท็กซี่ไปกลับก็คงหลายร้อย”
“งั้นพี่ขอเบอร์กับไลน์เหนือได้มั้ยครับ”
หืมมมมมม ขอเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนว่าพี่กรจีบผมชัวร์
อ่ะฮึ่ม! เสียงนายสิบทิศกระแอมครับ
“พี่กรเอาโทรศัพท์มาสิครับเหนือจะเมมให้ ส่วนไลน์ก็หาจากเบอร์โทรได้เลย” ผมแอ๊กติ้งว่าดีใจมากที่พี่กรขอเบอร์ขอไลน์ ก็ถ้าไอ้ตัวที่มันคำรามใส่ผมตะกี้จะคอยกันท่าอยู่ก็ให้มันอกแตกตายไปเลย
ว่าแต่ที่มันหน้าบูดเป็นตูดหมาตั้งแต่ตอนอยู่ข้างบนนี่คือเพราะพี่กรใช้มันให้ตามผมมาหาเหรอ?

เย็นนั้นผมรีบเคลียร์งานให้ไวที่สุดเพื่อเตรียมตัววิ่งสี่คูณร้อยไปลงลิฟต์กลับทันทีครับ ขืนโอ้เอ้อยู่เลยเวลาก็เสียวท้ายทอยว่าจะโดนแกล้งอีก
“เอ๊า อีนี่ไวจริง นัดผู้ชายไว้แหง”
ผมได้ยินพี่เอ็มเม้าท์กับเดอะแก๊งอยู่ข้างหลังแว่วๆ แต่ผมไม่หันกลับไปแก้ตัวละ วิ่งเข้าลิฟต์มาได้ก็นับว่าแต้มบุญยังมี แล้วไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามีใครบางคนทำตาขวางๆ ใส่ผมแน่นอน
   PAKORN : เลิกงานยังครับ เค้กอร่อยมั้ย
   พี่กรทักไลน์มาครับ
   NORTH STAR : เลิกแล้วครับ กำลังนั่งรถเมล์กลับห้องครับ
   NORTH STAR : ของฟรีก็ต้องอร่อยสิ คริคริ
   PAKORN : อยากกินฟรีบ่อยๆ ต้องเป็นแฟนเจ้าของร้านนะ
   PAKORN : แซ็วนะ
   ผมกำลังจะส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจให้พี่กรแต่ก็มีมารมาขัดขวางครับ
   ALWAYS WIN : ไปสนิทกับไอ้กรตั้งแต่ตอนไหน
   ด้วยความที่นิ้วไวไปนิดผมก็เลยกดเปิดอ่านครับ แต่อ่านแล้วไม่ตอบอ่ะ สวย มั่น อ่านไม่ตอบ จะทำไม
   NORTH STAR : เห็นผอมๆ งี้แต่เหนือกินเก่งนะ
   PAKORN : เติมได้ไม่อั้นครับ พี่เปย์ไหว 555
   ALWAYS WIN : ทำไมไม่ตอบ
   คือจะบล็อกไลน์มันก็คงไม่เป็นผลดีในระยะยาวเพราะยังไงก็ต้องได้คุยกันเรื่องหนี้ ผมก็เลยกดอ่านแล้วก็ไม่ตอบอีกนั่นแหละ
   
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เห็นหน้านายสิบทิศอีกเลยครับ มันไม่ได้หายไปบวชที่ไหนหรอกครับ ได้ยินว่าออกไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอกออฟฟิศทั้งสองวัน
“คืนนี้มึงต้องไปกับพวกกู” พี่เอ็มบังคับ “ไม่งั้นกูจะตัดมึงออกจากกองมรดก”
“เขี่ยมันออกไปจากวงศ์ตระกูลของเราเลยค่ะคุณหญิงแม่ขา” ต้าร์ตบมุกอย่างไว
“มรดกเชี่ยไรของมึงอีพี่เอ็ม” ผมต่อปาก
“ก็มรดกที่กูเปิดขวดแล้วแดกไม่หมดไงคะ ฝากไว้ที่ร้านมาเป็นอาทิตย์ละ” พี่เอ็มว่า
“ป่านนี้บูดแล้วมั้ง”
“ไม่รู้แหละ ยังไงมึงต้องไป เหล้ามีแล้ว หารกันแค่ค่ามิกเซอร์กับทิปเด็กเสิร์ฟไม่กี่ร้อย”
“ไปด้วยกันเถอะอีเหนือ กูก็โดนบังคับเหมือนกัน วันศุกร์ทั้งทีแทนที่จะได้อยู่กับผัว แถมพาไปด้วยก็ไม่ได้” เอบอก
“อีเอ Girl night out ค่ะ ห้ามพาผัวมา ไม่งั้นกูแย่งนะ” ต้าร์ทำหน้าทะลึ่งทะเล้น
“อีพวกนี้ กูขอให้พวกมึงมีผัวให้หมดทุกคน จะได้เข้าใจกูบ้าง”
“สาธุ กูขอหล่อรวยกระบวยใหญ่ๆ นะ” ต้าร์หัวเราะฮิฮะ
“มึงดูอีแมนมันซิเนี่ย มันสายธรรมมะ ศิษย์แม่ชีลีหมกโชว้มันยังจะไปด้วยเลย” พี่เอ็มพูดใส่หน้าผมฉอดๆ “ส่วนมึง ผัวก็ไม่มี แถมยังเป็นตัวแม่สายร่าน คิดจะเปลี่ยนใจไปเป็นนางเซียวเหล่งนึ่งกลับไปแดกนมผึ้งในสุสานโบราณรึไง”
“ทำไมแรง นี่น้องเอง น้องร่านในสายตาพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมเหวอ “เขาเอามังกรหยกมารีเมกรีรันอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง สรุปคือมึงต้องไป”
ก็ตามนั้นแหละครับ สรุปคือสี่ทุ่มผมก็มายืนอยู่หน้าร้านละ พอเข้าไปถึงที่โต๊ะผมก็อยากจะหันหลังกลับเลยจริงๆนะ ไหนพวกมันว่า Girl night out ไงวะ แล้วทำไมมีนายสิบทิศอยู่ด้วยล่ะ! แล้วทำไมพวกมึงถึงเว้นที่ว่างข้างๆ มันให้กูด้วย?

   “พวกเรา ดื่มให้กับพี่วิน เจ้ามือในคืนนี้ด้วยค่า” ต้าร์ชูแก้วขึ้นกลางโต๊ะ
   “ไหนบอกว่ามีเหล้าเหลือไง” ผมกระซิบถามพี่เอ็ม
   “ก่อนมึงมาพวกกูแดกหมดละไง” พี่เอ็มกระซิบตอบ
   “แล้วมัน… เอ่อ พี่วินมาได้ไงอ่ะ”
   “พอดีเจอที่ใต้ตึกออฟฟิศ กูก็เลยชวนมา”
   ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือก แม่งเอ๊ย เจอหน้าแล้วเหล้าในมือเหม็นขึ้นมาทันที
   “มาช้าจัง” นายสิบทิศพูดกับผมพร้อมกับยกเหล้ามาเติมให้ด้วย
   “รถติดครับพี่วิน” ผมตอแหลหน้าม่าน ก็เดอะแก๊งไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างมันกับผมนี่ครับ เลยต้องเล่นละครว่าไม่ได้เกลียดหน้ามันเลยสักนิด
   “ดื่มครับ” นายสิบทิศยกแก้วขึ้นตรงหน้า
ผมก็จำต้องชนสิครับ จิบไปนิดเดียวรู้เรื่อง ไอ้เหี้ยนี่มันแกล้งผมชัดๆ ชงเหล้าให้ผมโคตรเข้ม
“ดื่มให้หมดสิ” มันเชียร์
“หมดแก้วสิมึง จะได้เมาทันพวกกู” อีพิตต้าร์ก็พาลผสมโรงกับเขาด้วย แต่มึงดูไม่เมาเลยนะ
“แดกเข้าไป เนี่ยเหลืออีกตั้งเยอะ ไม่อยากเสียค่าทิปค่าฝาก” พี่เอ็มสำทับอีกคน
ระดับผมแล้วแค่นี้จิ๊บๆ ไม่ใช่ว่าเป็นพวกคอทองแดงหรอกนะครับ พวกนั้นคือเมายาก แต่สำหรับผมแล้วก็เมาเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละเพียงแต่กล้ากินให้มันเมาๆ ไปเลยน่ะครับ มั่นใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีเดอะแก๊งพากลับ โดยเฉพาะอีแมนที่เป็นพวกดื่มน้อย กลับทางเดียวกัน มันเน้นมาเดินจงกรมในผับ
   แป๊บเดียวก็เมาครับ ผมเป็นพวกเมาแล้วดีด เอนเนอร์จี้มาจากขุมไหนมากมายไม่รู้ เต้นๆๆๆ เต้นจนเหนื่อยแล้วบางทีก็จะมีเลื้อยด้วย คือใครอยู่ข้างผมโดนนัวเนียหมดอ่ะครับ ไม่ว่าพี่เอ็มหรืออีพิตต้าร์
   “อีดอก อย่ามาเลื้อยเดี๋ยวกูอด ผู้ชายที่กูเล็งเข้าใจผิด” ต้าร์ดันผมออกไปหาพี่เอ็ม
   “อีเหี้ย เหล้ากูหกหมด” พี่เอ็มเอามือดันอกผม “ไปหาอีต้าร์นู่น ไป๊”
   ผมโผไปหาต้าร์แล้วก็กอดมันเอาหน้าซุกอกมันครับ นัวเนียๆ แต่เอ๊ะทำไมอีต้าร์ถึงยืนอยู่กับอีเออีแมนทางนู้น แล้วนี่ใครอ่ะ เงยหน้าขึ้นดูก็แทบสร่างเมาเมื่อเห็นหน้าอึ้งๆ ของนายสิบทิศก้มมองลงมา แต่ความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่ว่าจะสร่างเมานะ ถึงแม้จะตกใจมาก ร่างกายมันผลักออกไม่ได้ในทันทีอ่ะครับ
   “อีเหนือ นั่นเจ้านายกูนะ ออกมา” พี่เอ็มพูดขำๆ
   “ทำไม พี่วินก็เจ้านายกูเหมือนกันนะ” เพราะเมานั่นแหละที่ทำให้ผมนึกสนุกต่อปากกับพวกมัน “คืนนี้กูจะเอาพี่วินกลับห้อง”
   “ว้ายแรง พี่วินอย่าตกใจนะคะ อีเหนือมันเมาแล้วร่าน” อีต้าร์พูด
   “ไม่เป็นไรครับ” นายสิบทิศหัวเราะขำๆ พลางก็กอดเอวผมไม่ให้ไหลลงไปนอนกองกับพื้น
   เฮอะ ทำมาเป็นไม่ถือสา ทำมาเป็นเฮฮาเข้ากับคนอื่นง่าย นึกแล้วผมก็อยากจะแกล้งมันบ้าง ดูซิว่าต่อหน้าเดอะแก๊งจะแสดงได้เก่งแค่ไหน ผมก็เลยนัวเนียนายสิบทิศหนักกว่าเดิมครับ ชนิดที่ว่าถ้าเป็นงูเหลือมก็คงรัดสิบทบไปแล้วล่ะ
   “ว้าย อีเหนือพอแล้วๆ” พี่เอ็มกับต้าร์รีบพากันมาง้างมือผมออก “มึงไปเลื้อยอีเอนู่นไป”
   “อีดอก ผิดผี”
    “ให้มันเลื้อยมึงนั่นแหละ มึงมีผัวแล้ว จะได้เป็นยันต์กันชู้ให้ผัวมึงไง”
   
   เพลงก่อนผับจะปิดจะเป็นเพลงช้าซึ้งๆ ส่วนใหญ่เป็นเพลงเหงาๆ อกหักรักเขาข้างเดียวทั้งนั้นแหละ ฟีลลิ่งผมก็เลยมาเต็ม คิดถึงพี่ป๊อป…
   “สร่างเมาขึ้นมาหน่อยก็คิดถึงผัวเก่าเลยนะ” อีต้าร์กระแหนะกระแหนเหมือนรู้
   “ใครว่า กูไม่ได้คิดถึงมัน” ผมกลบเกลื่อน
   “อู๊ยยยยยย เพื่อนคะ เห็นหน้ามึงก็รู้แล้วค่ะ” มันย้อน
   “กูอาจจะคิดถึงผัวใหม่ก็ได้นี่” ผมไม่ยอมลงให้
   “ผัวใหม่ที่ไหนอีกคะที่ทำให้มึงหน้าหงอยเป็นหอยหุบยังงี้”
   ยังไม่ทันได้ต่อปากต่อคำ ไฟในร้านก็สว่างเป็นสัญญาณว่าผับปิดแล้วนะ เชิญไสหัวกลับไปนอนกอดผัวที่บ้านได้ (ถ้ามีหรือจิกได้)
   “ทำไมพวกมึงไม่เมากันเลยอ่ะ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
   “จะรีบเมาไปไหนล่ะ ไปต่ออีกร้านแล้วค่อยเมา” พี่เอ็มบอก
   “อ้าว ไม่เห็นรู้เรื่อง” พอมีสติขึ้นมานิดนึงผมก็เริ่มกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย “กูคงไปไม่ไหวอ่ะ ใครแม่งชงเหล้าให้กูวะ เข้มชิบหาย มึงพากูกลับเลย”
   “ก็เจ้านายมึงไงที่ชงให้” พี่เอ็มบอก “มึงก็แดกเอาๆ ยังกะกลัวว่าเหล้ามันจะแพงขึ้น”
   “ไอ้พี่วินชงให้กูเหรอ ไอ้เหี้ยชงซะขม” คือไฟมันสว่างแล้ว ผมก็มั่นใจว่าไม่เห็นนายสิบทิศนะ ก็เลยคิดว่ามันกลับไปนานละ “ทำยังกะจะมอมกูงั้นแหละ ดีนะที่มันกลับไปละ”
   พี่เอ็มกับต้าร์เบ้ปากมองบน “อีเหนือปากหมา มึงก็นั่งบนตักเอาหลังพิงพี่เขาอยู่นั่นไง”
   หืมมมม ผมหันไปมอง
กรี๊ด พี่วินยังอยู่จริงๆด้วย ทำหน้าตึงๆ ด้วย ตายแน่เลยกู ตะกี้เรียกมันว่า ‘ไอ้เหี้ย’ ด้วย
   “สงสัยยังเมาอยู่” ไอ้เหี้ยที่ผมเรียกต่อหน้าเดอะแก๊งทำทีพูดขำๆ ไม่ถือสาหาความ
   ผมไม่รู้จะแก้เกมด้วยมุกไหนก็เลยแกล้งเมาต่อดีกว่า
   “เอาไงล่ะ ใครจะไปส่งอีเหนือ มันไปต่อไม่ไหวหรอก” เอว่า
   “ปล่อยมันนอนหน้าร้านนี่ เดี๋ยวหมามาเลียปากก็ตื่นเองนั่นล่ะ”
   อีเพื่อนเลว
   “เดี๋ยวพี่ไปส่งเหนือก็ได้ครับ” นายสิบทิศบอก
   แทนที่พวกมันจะพูดในทำนองเกรงอกเกรงใจแต่กลับพูดว่า “ฝากมันด้วยนะคะพี่วิน”
   อีเชี่ย อีเพื่อนสารเลว

   พวกมันทิ้งผมไว้ที่หน้าร้านกับนายสิบทิศครับ ผมเห็นว่าเอขอกลับก่อนเพราะแฟนโทรมาตาม อีแมนที่อิดออดๆ ถูกลากตัวไปจนได้ ส่วนผมเหรอก็เนียนๆ เมาไม่รู้เรื่องราวต่อไปเผื่อจะพ้นผิดที่ปากหมาเมื่อตะกี้ ดูเหมือนจะได้ผลด้วยสิครับ นายสิบทิศไม่เอะใจเลย
เห็นมั้ยครับว่าผมได้คะแนนแอ๊กติ้งสิบเต็ม
   เฮ้อ ทำไมผมต้องมานั่งอยู่ในรถของมันอีกแล้วก็ไม่รู้ครับ โคตรเอียน แต่ไหนๆ ก็แกล้งเมาแล้วก็เลยทำเป็นว่ามึนๆ นอนหลับตาไปสักพัก พอใกล้จะถึงหน้าปากซอยค่อยทำเป็นรู้ตัวแล้วขอลง สุดท้ายไหงกลายเป็นผมมาตื่นเอาตอนอยู่ในลิฟต์กับมันสองคนได้ล่ะ แต่ก็ยังอุ่นใจอยู่นะว่าเป็นลิฟต์เก่าๆ ของแมนชั่นผมเอง
   “กุญแจอยู่ไหนล่ะ” นายสิบทิศถามพลางก็ล้วงกระเป๋ากางเกงผม
   ว่าแต่มันรู้ได้ไงอ่ะว่าผมอยู่ห้องนี้
ภาพลุงยามข้างล่างทำหน้าฟินลอยขึ้นมาเลยครับ
   “ล้วงเองๆ” ผมดึงมือของมันออกไปให้พ้น ไม่ใช่อะไรหรอกครับ จั๊กจี๋บวกกับสยิวไงไม่รู้
   พอผมไขประตูห้องได้ปุ๊บก็นึกขึ้นได้ปั๊บว่า ชิบหายละ ลืมแอ๊กติ้ง จากนั้นผมก็โดนนายสิบทิศดันตัวเข้ามาในห้องแล้วเหวี่ยงผมลงบนเตียง
   
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 13-11-2018 23:25:13
แค่คิดถึงตอนที่แปดว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ฟินละ
จะติดเรตมั้ยเนี่ย

:hao6:
:hao7:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 14-11-2018 07:47:44
เสร็จแน่นวลลลล
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 15-11-2018 07:27:20
 :katai1: แกล้งเมาจนได้เรื่อง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-11-2018 11:45:52
 :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 15-11-2018 13:13:48
ลงเตียงแล้วไงต่อหลับใช่ไหม? :mew2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-11-2018 16:59:35
เอ้าจบตอนละหรอ เปิดมาหน้า2ไม่มีอะ ว้อยยยยยอ่านรวดเดียวกำลังเพลินเลย  เหวี่ยงลงเตียงแล้วไงต่อ อร๊ายยยยจัดไปอย่าให้เสียจร้า 5555 เอ้ย!สนุกดีหวะ เข้ามาอ่านเล่นๆไม่คาดหวังเยอะ ดันสนุกซะงั้น ติดเฉยเลย อยากอ่านต่อ ไรท์อยู่ไหน กำลังปั่นอยู่ใช่ไหม นี่รออยู่นะ 55555 เออสนุกๆ เหนือนี่คนกรุ๊ปเลือด B สินะ ใจอ่อน ขี้สงสาร เห็นอกเห็นใจ เฟรนลี่ พึ่งตัวเอง อ่อนไหว บางทีก็โลกส่วนตัวสูง ปากไม่ตรงกับใจ เดี๋ยวนะ นี่ถึงกับวิเคราะห์กรุ๊ปเลือดตัวละะครนิยายนะเหรอ พอก๊อน!! 555555 //ว่าแต่ป๊อปอัพมาเจอไอ้พี่วินได้ไงวะ ไปรู้จักมักจี่นัดโอนหนี้ตอนไหน เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เหอะ!!!! อะไรอ่ะไอ้พี่วิน ทำเป็นเย็นชา ร้ายๆใส่เขา แล้วก็มาทำตาขวางดุๆกันคนอื่น ไรอ่าาาา ค่อยดูเถอะ กรุ๊ปBจะทำให้คนหลงง่ายๆ นะจ๊ะ กับดักนี้ใครจะตกหลุมก่อนกัน รอดูจร้า รอตอนต่อไป สนุกดี
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 15-11-2018 18:31:50
งงใจกะอีพี่วิน แต่ก็คงหวงน้องเหนือแหละ แกล้งซึนไปงั้นแหละ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 15-11-2018 20:37:01
panpang
เสร็จแน่นวลลลล
เตรียมฟินได้เลยครับ
 :-[

yodrak
:katai1: แกล้งเมาจนได้เรื่อง
ไม่แกล้งเมาก็จะไม่ได้กลับห้องนะครับ โดนไอ้พี่วินแกล้งแน่ๆ

cavalli
:hao6:
 :laugh:

Pe_no
ลงเตียงแล้วไงต่อหลับใช่ไหม?  :mew2:
ต้องให้พี่วินแกล้งน้องเหนือก่อนนะครับ

blove
เอ้าจบตอนละหรอ เปิดมาหน้า2ไม่มีอะ ว้อยยยยยอ่านรวดเดียวกำลังเพลินเลย  เหวี่ยงลงเตียงแล้วไงต่อ อร๊ายยยยจัดไปอย่าให้เสียจร้า 5555 เอ้ย!สนุกดีหวะ เข้ามาอ่านเล่นๆไม่คาดหวังเยอะ ดันสนุกซะงั้น ติดเฉยเลย อยากอ่านต่อ ไรท์อยู่ไหน กำลังปั่นอยู่ใช่ไหม นี่รออยู่นะ 55555 เออสนุกๆ เหนือนี่คนกรุ๊ปเลือด B สินะ ใจอ่อน ขี้สงสาร เห็นอกเห็นใจ เฟรนลี่ พึ่งตัวเอง อ่อนไหว บางทีก็โลกส่วนตัวสูง ปากไม่ตรงกับใจ เดี๋ยวนะ นี่ถึงกับวิเคราะห์กรุ๊ปเลือดตัวละะครนิยายนะเหรอ พอก๊อน!! 555555 //ว่าแต่ป๊อปอัพมาเจอไอ้พี่วินได้ไงวะ ไปรู้จักมักจี่นัดโอนหนี้ตอนไหน เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เหอะ!!!! อะไรอ่ะไอ้พี่วิน ทำเป็นเย็นชา ร้ายๆใส่เขา แล้วก็มาทำตาขวางดุๆกันคนอื่น ไรอ่าาาา ค่อยดูเถอะ กรุ๊ปBจะทำให้คนหลงง่ายๆ นะจ๊ะ กับดักนี้ใครจะตกหลุมก่อนกัน รอดูจร้า รอตอนต่อไป สนุกดี
ขอบคุณคร้าบ คอมเมนต์น่ารักมาก มีกำลังใจปั่นตอนต่อไปเลย  :katai4:
ไม่ได้คิดถึงกรุ๊ปเลือดของเหนือนะครับ แต่ไรต์กรุ๊ป B นะ ยังงั้นให้เหนือกรุ๊ป B ด้วยเลย 5555
พี่วินรู้ว่าเหนือเป็นหนี้ในตอนที่ 2 ที่ได้ยินเหนือคุยกะพี่ป๊อปทางโทรศัพท์น่ะครับ มารู้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นหนี้แฟนเก่าในตอน 6 ที่พี่ป๊อปโทรมา (เป็นเบอร์) ถึงสามรอบจนไอ้พี่วินจำเบอร์ได้

hikkie
งงใจกะอีพี่วิน แต่ก็คงหวงน้องเหนือแหละ แกล้งซึนไปงั้นแหละ
อีพี่วินมันเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
เกลียดเขาแต่ก็ดันถอนตัวไม่ขึ้น (รึเปล่า? หรือว่าอาจจะเป็นแผนการ) เห็นคนอื่นมาวอแวเหนือก็ขู่ฟ่อๆ แต่ขอกำราบคนในอาณัติก่อน ง่ายกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 16-11-2018 13:15:49
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 17-11-2018 11:03:20
กาแฟมั้ยฮะจ้าว

 :mew1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 7 (13/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 17-11-2018 11:04:56
ตอนที่ 8

   “นาย… จะทำอะไรอ่ะ” ผมคว้าได้แต่หมอนเอามาบังตัว เหมือนนางเอกผู้บอบบางในละครทีวีมาก
   นายสิบทิศโจนขึ้นมาคร่อมผมไว้อย่างไว “นายเหรอ? แต่ลับหลังเรียกว่าไอ้เหี้ยใช่มั้ย?”
   “ขอ…ขอโทษ…” ผมตัวสั่น กลัวโดนมันต่อยปากแตก แต่อันที่จริงก็ไม่น่าจะโกรธผมมากขนาดนี้เลยนะเพราะผมก็เรียกเดอะแก๊งแบบนั้นเหมือนกัน    
   “เกลียดมากใช่ป่ะถึงได้เรียกอย่างนั้น”
ขอโทษแล้วมันก็ยังไม่จบครับ มันกระชากหมอนปลิวไปชนผนังห้องแล้วก็จับสองไหล่ผมกดลงกับเตียง
   “เจ็บนะ” ผมดิ้นสุดตัวแต่ก็ทำให้มันปล่อยมือไม่ได้
   “เกลียดมากใช่มั้ย” มันถามซ้ำ
   “เออ! ไม่ให้กูเรียกว่าไอ้เหี้ยแล้วจะให้เรียกว่าอะไรก็มึงมันเหี้ยจริงๆ” ผมเริ่มขึ้นแล้วครับ นี่ห้องผมนะมันมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้
   “ถ้ากูเหี้ยมึงก็ร่าน”
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินมันพูดแทนตัวเองว่ากู
   “กูร่านแล้วหนักหัวมึงเหรอไอ้เหี้ย” ผมสวนทันที
   “ร่านอยากโดนนักใช่มั้ย อยากโดนผัวเก่าหรือว่าไอ้กรล่ะ หรือว่ามีผัวคนใหม่แล้ว”
มันทั้งกดทั้งบีบผมเลยครับตอนนี้
   กูจะอยากร่านกับใครก็ได้ไม่เกี่ยวกับมึง” ผมสู้ตามันไม่กะพริบ
   “กับใครก็ได้งั้นเหรอ” มันพูดแล้วก็ก้มลงมาไซ้ซอกคอผมซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้รู้สึกเคลิบเคลิ้มหรือสยิวใดๆ ทั้งสิ้น ผมเจ็บครับ…เจ็บข้างในใจ
   ก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น โทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้นทำให้คนที่คร่อมอยู่บนตัวผมเสียจังหวะ ผมก็เลยผลักมันออก
   “คุณเหนือ รบกวนเบาเสียงหน่อยครับ ข้างห้องเขาโทรลงมารายงาน” เสียงลุงยามลอดมาตามสาย
   “ขอโทษครับ จะเบาเสียงทีวีนะครับ” ผมแก้ตัวแล้วก็วางสาย
   แทนที่เรื่องจะจบเท่านั้นเพราะดูนายสิบทิศมีสติขึ้นมานิดนึง แต่เปล่าเลยครับ มันดึงผมลงไปกดกับเตียงอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้จับหัวไหล่แต่เป็นเหนือข้อมือทั้งสองข้างของผม
   “พอเถอะ…พี่วิน” ผมเองก็สงบปากขึ้นมานิดหน่อยเช่นกัน
   “พี่ก็เป็นผัวเหนือนะ” เขาว่า ก่อนจะก้มลงมาบดปากผม
   ผมสะบัดหน้าหนี
   “อยากทำกับคนอื่นเหรอ” เสียงมันขุ่นขึ้นมาอีกแล้วครับ เพียงแต่ว่าไม่ได้เสียงดังจนข้างห้องสะดุ้งอย่างตะกี้ “ไอ้ป๊อปผัวเก่าหรือว่าไอ้กร หรือว่าผัวใหม่ที่พูดตอนอยู่ในผับ”
   “ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ” ผมกำหมัดแน่น
   “บอกพี่มา”
   ไอ้เหี้ย กูไม่ได้ร่านอยากไปเอากับใครก็ได้นะ ที่ผ่านมาก็มีแต่มึงคนเดียวนั่นแหละที่เอากู
   พอผมไม่ยอมพูดด้วยมันก็นิ่งมองหน้าผม
“หรือว่าอยากลดหนี้ถึงจะอยากทำกับพี่”
   นาทีนั้นคือเจ็บจี๊ดในอกเลยครับ ผมกัดกรามแน่น ขืนตาไม่ให้กะพริบเพราะไม่อย่างนั้นน้ำตาไหลออกมาแน่ๆ ให้มันไหลกลับเข้าไปข้างในนั่นแหละดีแล้ว
   “บอกสิว่าอยากได้เท่าไหร่” มันดูถูกผมสุดๆ
   “สองหมื่น” ผมรู้สึกเหมือนเป็นกะหรี่เลย ก็ถ้ามันมองผมเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นผมก็จะเป็นให้มันครับ
   “ไม่มีปัญหา แต่ต้องทำทุกอย่างให้พี่พอใจ” มันยิ้มอย่างคนชนะที่ซื้อผมได้
   “อือ แต่ขออาบน้ำก่อน”
   ผมออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับอาการแสบตาเพราะถือโอกาสร้องไห้ไปด้วย ชีวิตแม่งดราม่า ส่วนนายสิบทิศถอดเสื้อรออยู่แล้ว
ผมอิดออดนิดหน่อยตอนที่หยุดอยู่ตรงหน้าเขา การที่คนเราจะมีอะไรกับอีกคนที่เราไม่ได้มีอารมณ์อยากทำด้วยมันรู้สึกเหมือนตัวเราบางเป็นกระดาษที่พร้อมจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เลยครับ
   “จะอาบน้ำ ขอผ้าเช็ดตัวด้วย” ว่าแล้วเขาก็ลุกเข้าไปในห้องน้ำ
   ผมนอนรอบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้านั่นแหละครับ นอนไปก็คิดถึงคืนแรกที่ผมไปนอนคอนโดของเขา เหตุการณ์มันคล้ายกันไม่มีผิด…
   
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีตอนที่เขาเปิดผ้าห่มออกแล้วนอนลงข้างๆ เราต่างก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
   ผมหันไปกอดและจูบเขา มือเอื้อมขึ้นไปลูบเส้นผมที่ยังชุ่มน้ำพร้อมกับสูดกลิ่นแชมพูจางๆ เมื่อถอนปากออกผมก็ปิดไฟ แต่ถึงอย่างนั้นแสงจากภายนอกที่ส่องเข้ามาเพียงสลัวก็ยังปิดความรู้สึกไร้ค่าในดวงตาผมไม่มิด
ผมหวนคิดถึงคืนแรกนั้นขึ้นมา…ตอนนั้นผมมีความสุขที่ได้ทำกับเขา
   “เรียกชื่อพี่สิ”
   “พี่วินครับ…” ผมทำตัวเป็นกะหรี่ที่ดีต้องเอาใจคนจ้าง
   นายสิบทิศดึงผมเข้าไปกอดแล้วกดริมฝีปากลงบนหน้าผากของผม มันอ่อนโยนอย่างน่าเหลือเชื่อ… แล้วเขาก็นิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น
   “พี่วิน…”
   “หลับเถอะ”
   มือข้างหนึ่งของเขาลูบหลังของผมเหมือนจะปัดความเจ็บออกไป…เหมือนปลอบโยน สักพักเขาก็นิ่งไปพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอ
   ผมงงแต่ก็มองใบหน้าเขาในความสลัวนั้น ความรู้สึกลึกล้ำบางอย่างตรงเข้าจู่โจมผมจนซ่านขึ้นมา อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลือ อาจเป็นเพราะความใจง่ายของผม หรืออาจเป็นเพราะอ้อมแขนอ่อนโยนของเขาก็ไม่รู้ ที่ทำให้ผมหมดสิ้นความระแวงและรู้สึกว่าตัวเองมีเนื้อหนังมีหัวใจ…ไม่ใช่กระดาษ
   ผมขดตัวเองเข้าหาร่างกายที่สูงใหญ่กว่าแล้วจึงปิดตาลงพร้อมกับความวางใจ
   “ถ้านายเป็นแบบตอนนี้ได้ตลอด…ก็คงดี”

   ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็คงเกือบตีสามแต่ผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ตอนสายๆ เพราะมีบางอย่างเบียดและดันตรงบริเวณต้นขา ใช่แล้วครับ มันคือปฏิกิริยาในตอนเช้าของคนที่กำลังนอนรัดผมอยู่
   “เฮ้ นาย” ผมลองเรียกเบาๆ แต่เขาไม่ตอบสนองใดๆ ผมก็เลยค่อยๆ แงะมือเขาออกจนหลุดลุกขึ้นนั่งได้ จากนั้นก็นึกอุตริเปิดผ้าห่มออกดู ‘ปฏิกิริยาในตอนเช้า’ ของนายสิบทิศเล่นอย่างซุกซนผสมกับอยากดู มองได้ไม่ถึงนาทีร่างเปลือยเปล่าที่นอนขดอยู่ก็ดึงผ้าห่มกลับ
   “อย่าแกล้ง” เขาพูดแล้วก็นอนต่อ
   “เคยเห็นหมดแล้วหรอกน่า”
   แปลกจังครับ ทำไมอารมณ์ตอนนี้ถึงได้แบบว่าคล้ายเช้าแรกหลังคืนแต่งงานเลยอ่ะ
   เสียงไลน์เตือนเพราะมีข้อความเข้ามา ผมก็เลยหยิบมือถือขึ้นมากดอ่าน
   PAKORN : มอร์นิ่ง เจ้าดาวเหนือ พี่แบ่งเค้กไว้ให้แล้ว รีบมากินนะครับ
    คือพี่กรบอกมาขนาดนี้แล้วจะไม่ไปก็กระไรอยู่นะ
   NORTH STAR : มอร์นิ่งครับพี่ เจอกันครับ
   แล้วพี่กรก็ส่งสติ๊กเกอร์ขำๆ มาตบท้าย ผมก็เลยพลอยยิ้มอารมณ์ดีไปด้วยก่อนจะวางมือถือลงบนเตียงแล้วเข้าไปอาบน้ำทำกิจวัตรส่วนตัวเหมือนทุกเช้า ถ้าเป็นวันหยุดผมจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมงกว่านู่นแหละครับถึงได้ออกมาส่องตัวเองหน้ากระจก จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุด
   “จะไปไหนแต่เช้า” คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงตื่นแล้วครับ
   “พี่กรชวนไปกินเค้ก” ผมบอกอย่างอารมณ์ดีโดยที่ไม่ได้หันไปมองเขา
   ยังไม่ทันที่ผมจะได้หยิบเสื้อออกมาใส่ นายสิบทิศก็โฉบมารวบตัวผมจากทางด้านหลังแล้วก็อุ้มไปวางบนเตียง
   “อยากกินเค้กหรืออยากกินเจ้าของร้าน” เขาว่า
   คือผมเพิ่งจะอาบน้ำสดชื่นอารมณ์ดี ส่วนเขาก็ไม่ได้พูดกระโชก ผมก็เลยแค่ตกใจนิดหน่อยและไม่ได้ขัดขืนอะไรมากนัก “ทะลึ่ง ไปกินเค้กเฉยๆ ม้ะ พี่เขาอุตส่าห์ชวนไม่ไปก็น่าเกลียด”
ผมดันอกเขาออก
   “แล้วถ้าเจ้าของร้านให้กินอย่างอื่นที่ไม่ใช่เค้กก็จะกินด้วยใช่มั้ย” นายสิบทิศว่าพลางโน้มตัวลงมาอีก น้ำเสียงเหมือนขุ่นขึ้นมาอีกละ
   “กินสิ เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผู้ใหญ่ให้ของก็ต้องรับไว้” ผมย้อนทีเล่นทีจริง
   “งั้นก็กินตอนนี้เลย” ว่าแล้วพี่วินก็จูบปากผมแบบหื่นกระหายเลยครับ
   “เฮ้…” ผมได้แต่อู้อี้อยู่ในคอ สองมือที่พยายามดันตัวเขาออกก็โดนมือที่แรงเยอะกว่าจับกดไว้กับเตียง
   พอพี่วินถอนปากออกก็ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับมองผมด้วยสายตาซุกซนจนผมเขิน
   “พี่ก็มีหุ้นที่ร้านนั่นนะ”
   “เดี๋ยว…” ผมพูดได้คำเดียวนั่นแหละครับ ริมฝีปาก ไรเครากับลมหายใจอุ่นๆ ของเขาก็จู่โจมลงมาที่ซอกคอแล้วไล่พรมไปทั้งช่วงอกของผม
   “ผู้ใหญ่กำลังให้ของอยู่นี่ไง”
   “อือ…”
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้ทำในขณะที่ผมไม่เต็มใจ
อาจเป็นเพราะไออุ่นจากอ้อมกอดเมื่อคืนยังอบอวลอยู่
อาจเป็นเพราะท่าทีที่ดูเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของและหวงผมจากคนอื่นเต็มที
อาจเป็นเพราะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับสายตาซุกซนของเขา
หรืออาจเป็นเพราะหัวใจของผมที่เต้นเร็วรัวอยู่ในตอนนี้
ผมจึงเปิดรับทุกการกระทำของเขาอย่างเต็มใจ…

เราขลุกกันอยู่บนเตียงจนถึงเที่ยงครับ มื้อเช้าไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่ได้กินอะไรอย่างอื่นนอกจากร่างกายที่ต่างก็มอบให้แก่กัน
“หิวมั้ย” พี่วินถามขณะใช้นิ้วมือเล่นเส้นผมของผม
“นิดหน่อยครับ” ผมสบตาเขาตรงๆ มองเขาด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งหลง ผมว่าผมลืมสิ่งไม่ดีที่เขาเคยทำไว้ไปจนหมดแล้วครับ (ใจง่ายม้ะ)
“ไปหาอะไรกินกัน” พี่วินบอก
ผมยันตัวที่ระบมไปหลายส่วนขึ้นนั่ง แล้วพี่กรก็โทรเข้ามา
“รับสิ” พี่วินบอก
ผมบ่ายเบี่ยงเพราะรู้สึกเหมือนกำลังคบซ้อนยังไงพิกล แต่สุดท้ายพี่วินก็กดรับแล้วยื่นมาให้ผมคุย พอเลี่ยงไม่ได้ผมก็เลยต้องคุย แต่คนถือวิสาสะกดรับให้นี่สิดึงผมเข้าไปกอดอีกแล้ว
“พอดีเหนือ…เอ่อ” ผมพูดตะกุกตะกักเพราะพี่วินเริ่มละเลงจูบใส่เนื้อตัวผมอีกแล้ว แกล้งกันชัดๆ “เหนือสั่งซื้อของออนไลน์ไว้น่ะครับ เขากำลังจะมาส่ง…เดี๋ยวเจอกันครับพี่… เท่า…เท่านี้ก่อนนะครับ”
พอกดวางสายพี่กรได้ผมก็ทุบพี่วินไปอั๊กใหญ่ “เดี๋ยวพี่กรก็รู้หรอก ว่าทำอะไรอยู่”
“ก็ให้มันรู้ไปสิว่าเหนือกำลังทำอะไร” พี่วินยังไม่เลิกจูบตามเนื้อตัวของผม “บอกไปด้วยก็ได้ว่าทำกับใคร”
ผมเขินจนหน้าแดง บทจะโรแมนติกพี่วินก็ทำซะผมลืมภาพหน้านิ่งๆ ตาขวางๆ ไปได้จนหมด
“หวงเหรอ” ผมลองถามทีเล่นแต่อยากฟังคำตอบจริงๆ
“ไม่ได้หวง” พี่วินตอบ ทำเอาผมใจแป้วไปนิดนึง กลัวว่าจะซ้ำรอยคืนแรกที่ไล่ผมออกจากห้อง ได้แล้วก็ถีบหัวส่งอ่ะครับ
“…”
“แค่ไม่อยากให้ไปอยากกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่เค้ก”
“แค่นี้ก็อิ่มจนจุกแล้วคร้าบ”
“แต่พี่ยังไม่อิ่มเลยครับ”
แหม อ้อนขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องยอมให้อีกใช่มั้ยครับ

เป็นอันว่ากว่าผมจะมาถึงที่ร้านก็แตะสี่โมงละครับ ที่ช้าก็เพราะคนที่ดูจะอารมณ์ดีมากๆ ที่มาด้วยกันนั่นแหละ พอผมจะออกจากห้องทีไรก็หาเรื่องเกาะเกี่ยวเอาไว้อยู่หลายทีจนเห็นว่าสายมากๆ แล้วนั่นล่ะถึงได้ยอม
บอกตามตรงนะครับ ถึงตอนนี้ผมจะรู้สึกดีมากๆ กับพี่วิน แต่มันก็ยังมีส่วนหนึ่งในใจคอยบอกตัวเองให้เตรียมตั้งรับกับ ‘ไอ้เหี้ยวิน’ อยู่ดีนั่นล่ะครับ ถึงผมจะใจง่ายชอบคนหล่อ ใจอ่อนกับใครก็ตามที่ทำดีด้วย แต่ผมไม่ใช่วัยรุ่นแรกแย้มที่ไม่เคยผ่านการมีความรักมาก่อนนี่ครับ คงเปรียบได้กับแม่ม่ายล่ะมั้งนะ คือคนมีทุนเรื่องความเจ็บมาแล้ว แต่ละครั้งกำแพงก็จะหนาและสูงขึ้นตามลำดับ พูดง่ายๆ ก็คือผมดูออกว่าพี่วินคงไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับผมเท่าไหร่หรอกครับ จากคนที่เคยแกล้งเคยทำเหี้ยใส่ผมแต่ปุบปับคืนเดียวมาทำหวงทำราวกับรักผมเสียมากมายแบบนี้ ผมไม่วางใจหรอกครับ มันเหมือนเขาวางยาพิษในขนมหวานที่ยื่นมาให้ ถึงแม้จะไม่รู้ชัดว่าเขาต้องการอะไรนอกจากเซ็กส์ คนอ่านใจยากอย่างพี่วินก็ดูเป็นคนไม่น่าวางใจได้สนิทอยู่วันยังค่ำอ่ะครับ แต่ในเมื่อเขายังดีกับผม ผมก็แค่เล่นไปตามที่เขาต้องการ วิน-วินอ่ะครับ
สมัยนี้แล้วผมไม่คิดว่าการมีอะไรกันจะหมายถึงฝ่ายหนึ่งได้อีกฝ่ายหนึ่งเสีย เราต่างก็ได้ด้วยกันทั้งคู่ ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะพูดว่าเขาเป็นผัวของผมแต่มันไม่ได้หมายถึงความสัมพันธ์แบบนั้นจริงๆ หรอก ก็เขาไม่เคยพูดออกมาให้ชัดเจนเลยสักคำว่าขอคบกับผม
นี่แหละครับผมล่ะ ดาวเหนือ ผู้มีทัศนคติก้าวล้ำนำสมัย

ผมไม่ได้โทรบอกพี่กรว่ามาถึงแล้ว กะให้เจอตัวแล้วค่อยทักแบบนั้นครับ
พี่วินปลีกตัวไปหาพี่กรในห้องส่วนตัว ผมเห็นว่าข้างในร้านคนค่อนข้างแน่นก็เลยขอนั่งตรงบาร์ติดผนังกระจกที่ด้านนอกปลูกต้นโมกเป็นแนวยาวดูแล้วสบายตา ระหว่างที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นก็มีคนมานั่งข้างๆ ผมไม่ได้หันไปมองหรอกครับ จนกระทั่งถูกทัก
“เหนือ เหนือใช่ป้ะ”
คนทักผมเป็นผู้หญิงครับ ผิวขาว ผมยาว ตาโต จมูกโด่ง รูปร่างก็ดี เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูดี เน้นรูปร่างทรวดทรงอย่างคนมั่นใจ รวมๆ แล้วสวยมากเลยแหละ แต่เอ…ผมไม่ยักกะจำได้นะว่าเคยรู้จัก
“ครับ?”
“เฮ้ย จำเราได้มั้ย?”
ผมทำท่านึกไปงั้นแหละ แต่ในใจคือแบบว่าไม่อ่ะ จำไม่ได้
“มายด์”
มายด์ไหนวะ
“มายด์ ภีรณียา ที่ตอนปีสามเราเคยเรียนด้วยกันเทอมนึงไง” เธอทำหน้าลุ้นอย่างตื่นเต้นว่าผมจะจำได้มั้ย
ผมเริ่มจะนึกออกละครับว่าตอนปีสามผมมีเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับคณะอื่นที่ลงวิชาเดียวกันอยู่เทอมนึง คนที่นั่งใกล้กับผมแทบทุกครั้งก็คือมายด์นี่แหละ เราสนิทกันอยู่เทอมเดียวพอจบคลาสต่างก็แยกย้ายตามวาระอ่ะครับ 
“จำได้ละ เป็นไงสบายดีป่าว” ผมจำได้จริงๆ ละ “มาคนเดียวเหรอ”
“มาคนเดียวสิคะ ตามประสาคนโสด” มายด์พูดอย่างกับเราสนิทกันมากและสนิทกันอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยนู้นยังงั้นแหละ
“สวยแซบอย่างเธออ่ะนะโสด” ผมก็พยายามคุยไปตามเรื่อง
“เพิ่งโสด” มายด์เว้นวรรคนิดนึงก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มอย่างภูมิอกภูมิใจโดยที่ผมไม่ได้อยากรู้ “แต่ก็มีคนมาจีบแล้วจ้า รู้จักไฮโซที่ชื่อเข้าพรรษามั้ยล่ะ นั่นแหละที่ตามจีบฉันอยู่”
“อ่อ ดีจังเลยเนาะ” มีไฮโซชื่อเข้าพรรษาด้วยเหรอวะ
“แต่ก็ยังไม่ตกลงใจคบเป็นแฟนหรอกนะ ยังมีให้เลือกอีกหลายคน”
ผมมองบนแบบ… จ้า รู้ค่ะว่าสวย ชะนีขี้อวด
“เหนือ เค้ก” พี่วินกับพี่กรยกเค้กมาให้ผมครับ
ผมกับยัยชะนีขี้อวดหันไปพร้อมกัน แล้วผมก็ประหลาดใจที่เห็นพี่วินชะงักไปนิดหน่อย
“พี่วิน” มายด์ทักขึ้นก่อน “รู้จักเหนือด้วยเหรอคะ”
“ลูกน้องที่ทำงานน่ะ” พี่วินแนะนำผมในฐานะลูกน้องครับ ทำไมผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาก็ไม่รู้
มายด์ยิ้มน่ารักน่าตี ก่อนจะสังเกตเห็นใบหน้าสงสัยของผมกับพี่กรที่อยากรู้ว่าเธอกับพี่วินรู้จักกันมาก่อนอย่างไร “มายด์กับพี่วิน เราเคย…”
“รู้จักกัน” พี่วินบอกเสียงเรียบๆ
มายด์มองหน้าพี่วินแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “…ใช่ค่ะ เราเคยรู้จักกัน”


หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 18-11-2018 00:14:41
ดอกเหนือ แรด อย่างมีศักดิ์ศรี
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-11-2018 01:59:13
ว้อยยยย กำลังสนุก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ ซะงั้นอ่ะ 55555 //เหนือ ใจง่ายอย่างมีสไตล์ ไว้ลายเป็นเว้ยย เออเห็นด้วยนะ คิดเผื่อใจ ตั้งการ์ดป้องกัน คนอย่างไอ้พี่วินนี่ตัวดีเลย ผีเข้าผีออก ต้องพึงระวัง 555 //แล้วนี่ดันไปเขินตอนที่พวกเขามุ้งมิ้งกันบนเตียงอ่ะ อร๊ายยยยย >.,< ยิ้มๆมาตลอด กูมาหน้าบึ้งก็ตอนเจอหน้าชะนีมายด์นี้ละ จร้าาาาา โอ้ยยยยยย เป็นคนมั่นหน้ามากเด้อ ละอะไรเคยมีประวัติกับไอ้พี่วิน โลกกลมจั๊ง เหอะ!!! ฮึ่ม!!!!!! อย่าสนใจเหนือกินเค้กกับพี่กรไป ให้คนสวยๆคุยกันกับคนเคยรู้จักกันหน่อย เดี๋ยวจะได้เห็นหมาบ้า ตาขวางๆ 555555 ชอบๆ ยิ่งอ่านยิ่งอยากอ่านต่อ แต่รออออออออออ ปั่นเสร็จอัพเลยนะ กด F5 ฮาๆ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 18-11-2018 07:49:30
ก็ดีที่รู้ตัวว่าใจง่าย. แต่ขนาดรู้ตัว ยังทำท่าจะชอบวิน. ก็รู้ว่าวินมันไม่จริงจัง ก็ยังยอมเขาง่ายๆ บอกว่าเจอมาเยอะจนกำแพงสูง เท่าที่ดูไม่เจอกำแพงอะไรเลย  ได้กันง่ายๆ ชอบเขาง่ายๆ ดูท่าฝ่ายที่รักก่อนน่าจะเป็นเหนือนี่แหละ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 18-11-2018 13:09:39
เห็นด้วยกับเม้นบนทุกอย่าง  :z13:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-11-2018 13:23:22
……


พี่วินกับเหนือก็น่าจะเคยเจอกันมาก่อนไหมที่มหา’ลัย

เหนือเอ้ยยยย กินข้าว อย่ากินมาม่านะ


 :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:


……
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 18-11-2018 14:25:56
t2007
ดอกเหนือ แรด อย่างมีศักดิ์ศรี
ที่จริงเหนือเรียบร้อยนะ (ตรงไหน 555)

blove
ว้อยยยย กำลังสนุก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ ซะงั้นอ่ะ 55555 //เหนือ ใจง่ายอย่างมีสไตล์ ไว้ลายเป็นเว้ยย เออเห็นด้วยนะ คิดเผื่อใจ ตั้งการ์ดป้องกัน คนอย่างไอ้พี่วินนี่ตัวดีเลย ผีเข้าผีออก ต้องพึงระวัง 555 //แล้วนี่ดันไปเขินตอนที่พวกเขามุ้งมิ้งกันบนเตียงอ่ะ อร๊ายยยยย >.,< ยิ้มๆมาตลอด กูมาหน้าบึ้งก็ตอนเจอหน้าชะนีมายด์นี้ละ จร้าาาาา โอ้ยยยยยย เป็นคนมั่นหน้ามากเด้อ ละอะไรเคยมีประวัติกับไอ้พี่วิน โลกกลมจั๊ง เหอะ!!! ฮึ่ม!!!!!! อย่าสนใจเหนือกินเค้กกับพี่กรไป ให้คนสวยๆคุยกันกับคนเคยรู้จักกันหน่อย เดี๋ยวจะได้เห็นหมาบ้า ตาขวางๆ 555555 ชอบๆ ยิ่งอ่านยิ่งอยากอ่านต่อ แต่รออออออออออ ปั่นเสร็จอัพเลยนะ กด F5 ฮาๆ
จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา 5555
เป็นใครก็ต้องแพ้และยอมสยบให้กับเสน่ห์พี่วิน
ที่จริงเหนืองอน พี่วินไม่ได้บอกเป็นคำพูดให้ชัดเจน ก็เลยคิดว่าพี่วินไม่จริงจัง งั้นเล่นๆ ขำๆ ก็ด้ะ 555 แต่ก็มีเผื่อใจไว้เจ็บ
 :laugh:

เจเจจัง
ก็ดีที่รู้ตัวว่าใจง่าย. แต่ขนาดรู้ตัว ยังทำท่าจะชอบวิน. ก็รู้ว่าวินมันไม่จริงจัง ก็ยังยอมเขาง่ายๆ บอกว่าเจอมาเยอะจนกำแพงสูง เท่าที่ดูไม่เจอกำแพงอะไรเลย  ได้กันง่ายๆ ชอบเขาง่ายๆ ดูท่าฝ่ายที่รักก่อนน่าจะเป็นเหนือนี่แหละ
คือเหนือก็มีภาวะกำแพงแหละครับ เพิ่งเจ็บจากพี่ป๊อปมาไม่กี่เดือน ก็เลยโหยหา แต่พอเจอคนหล่อแบบพี่วิน กำแพงของเหนือจะบางและต่ำลง (ได้เหรอ 555) เรียกว่าพี่วินเข้ามาช่วงที่เหนือโหยหาน่ะครับ เวลาเหงาๆ หรือเมาไรงี้เหนือจะคิดถึงแฟนเก่า พอไม่มีอีพี่ป๊อปมาคลายเหงา เหนือก็จะออกแนวประชดชีวิต ร่านแม่งเลย ก็เลยเป้นจังหวะเสียบของพี่วิน บวกกับบริบทหลายๆ อย่างทำให้เหนืออ่อนไหว ทีนี้พอโดนพี่วินXXXแล้วไม่พูดจาให้ชัดเจน กำแพงก็เลยเริ่มกลับมา งอน คิดมาก แต่ทำไงได้อ่ะ ก็น่าจะทั้งรักทั้งหลงไปละ ก็เลยต้องเตรียมใจรับสภาพ เจ็บแน่นอนนนนนนน

Trystan
เห็นด้วยกับเม้นบนทุกอย่าง  :z13:
คือเหนือก็มีภาวะกำแพงแหละครับ เพิ่งเจ็บจากพี่ป๊อปมาไม่กี่เดือน ก็เลยโหยหา แต่พอเจอคนหล่อแบบพี่วิน กำแพงของเหนือจะบางและต่ำลง (ได้เหรอ 555) เรียกว่าพี่วินเข้ามาช่วงที่เหนือโหยหาน่ะครับ เวลาเหงาๆ หรือเมาไรงี้เหนือจะคิดถึงแฟนเก่า พอไม่มีอีพี่ป๊อปมาคลายเหงา เหนือก็จะออกแนวประชดชีวิต ร่านแม่งเลย ก็เลยเป้นจังหวะเสียบของพี่วิน บวกกับบริบทหลายๆ อย่างทำให้เหนืออ่อนไหว ทีนี้พอโดนพี่วินXXXแล้วไม่พูดจาให้ชัดเจน กำแพงก็เลยเริ่มกลับมา งอน คิดมาก แต่ทำไงได้อ่ะ ก็น่าจะทั้งรักทั้งหลงไปละ ก็เลยต้องเตรียมใจรับสภาพ เจ็บแน่นอนนนนนนน

Duangjai
พี่วินกับเหนือก็น่าจะเคยเจอกันมาก่อนไหมที่มหา’ลัย
เหนือเอ้ยยยย กินข้าว อย่ากินมาม่านะ
เหนือไม่รู้ตัวหรอกครับว่าทำไรไว้ อิอิ
เตรียมซดมาม่านะ 555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-11-2018 14:42:33
……

โอ้ยยยยย. โปรดเห็นแก่ที่บวกเป็ดให้ อย่าเอามาม่ารสต้มยำนะ

ขอแค่ใส่ไข่ธรมมดาๆก็พอ  อืออออ


 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 8 : หน้า 2 (17/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 22-11-2018 22:23:50
ตอนที่ 9


ผมสังเกตว่าพี่วินคนเมื่อเช้าได้ออกจากร่างไปแล้ว…ตั้งแต่ตอนที่เจอ ‘คนเคยรู้จัก’
ถ้าไม่ได้โง่หรือตาบอด เป็นใครก็ดูออกว่าพี่วินกับมายด์มีอดีตร่วมกันแหงๆ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นแฟนเก่านั่นแหละ แล้วก็คงจบไม่สวยเท่าไหร่นักไม่งั้นพี่วินคงไม่ชิงบอกว่าเป็นแค่คนรู้จักหรอก นึกแล้วก็เหมือนซีนในซีรี่ย์หลายเรื่องที่เคยดู เหมือนกันยังกะลอกมาทั้งดุ้น
บายเดอะเวย์ ผมเข้าใจพี่วินนะเพราะผมเองก็เพิ่งผ่านเรื่องระกำใจมาไม่กี่เดือนนี้เอง ผมก็เลยปล่อยให้เขามีพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่พยายามเข้าไปแทรกให้รกหูรกตา ดังนั้นตอนอยู่บนรถเราก็เลยแทบจะไม่ได้คุยกันเลยครับ พอพี่วินส่งผมถึงแมนชั่นตอนเกือบสองทุ่ม ผมจึงแค่บอกว่า “พักผ่อนเยอะๆ นะครับ” เท่านั้นจริงๆ และถึงแม้พี่วินจะออกรถไปเลยโดยไม่พูดอะไรกลับมาสักคำ ผมก็ยังเข้าใจนะครับ
แต่อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ถึงพี่วินไม่ได้เป็นอะไรกับผมโดยนิตินัย (ขอใช้คำนี้เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน) หากในทางพฤตินัยที่ผ่านมา ผมว่าผมมีสิทธิ์ที่จะขุดหาหัวเผือกในสวนเก่าของเขานะ
ก็มันอยากรู้อ่ะ ผมเลยเริ่มที่เฟซบุ๊กของพี่วินนั่นแหละครับ
“มีเฟซบุ๊กทำไมไม่เล่นเนี่ย” ผมบ่นอุบ เฟซบุ๊กพี่วินร้างยิ่งกว่าป่าช้าเพราะมีแค่สามรูปซึ่งล้วนเป็นรูปอาหารบนโต๊ะ ไม่มีคำบรรยายใดๆ ทั้งนั้น โพสต์ครั้งสุดท้ายคือเมื่อสามเดือนก่อน
อดกินเผือกกันพอดี
ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะครับ จากนั้นผมก็เลยเปิดทีวีเป็นเพื่อน กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ไม่ยักกะมีช่องไหนดึงความสนใจผมได้เลย สุดท้ายทีวีก็เป็นฝ่ายดูผมนอนฟุ้งซ่านกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง
ภาพเมื่อคืนกับเมื่อเช้าย้อนมาในความคิด มันคือความว้าวุ่นผสมกับความเหงา…
ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไลน์แล้วพิมพ์ข้อความ
   NORTH STAR : คิดถึงนะ…
   แล้วก็หยุดการกระทำของตัวเองไว้ได้ก่อนข้อความนั้นจะถูกส่งไปหาพี่ป๊อป นาทีนั้นผมเหมือนบัวที่โผล่ขึ้นจากโคลนตมแห่งความเคยชิน ตระหนักได้ว่าจะส่งไปหาเขาทำไมวะ
   NORTH STAR : คิดถึงนะ พรุ่งนี้ไปหาอะไรกินกัน
   ผมพิมพ์ใหม่แล้วส่งให้ ALWAYS WIN แต่…
   พี่วินอ่านแล้วไม่ตอบ
ผมยอมรับว่าน้อยใจ แต่พอรู้ตัวว่าเริ่มจะถลำลึกลงไปในความฟุ้งซ่านอีกแล้วก็เลยหยิกแก้มตัวเอง
“หยุดนะอีเหนือ อย่าใจง่าย อย่าคิดถึงเขา มึงมันแค่เมียขัดดอกใช้หนี้ด้วยร่างกาย เขาจะยกมึงขึ้นเป็นเมียออกสังคมทำไม” บทพูดพร่ำคนเดียวเหมือนในละครเลยเนาะ
พูดถึงหนี้ก็เริ่มเครียด ไม่รู้ว่าเมื่อเช้าจะได้ลดหนี้สองหมื่นจริงมั้ย แต่ถึงพี่วินลดให้จริงผมก็ไม่เอาหรอกครับ ตอนนั้นผมแค่พูดไปตามอารมณ์ คนอย่างผมถูกใจให้ฟรีไม่มีคิดตังค์
นอนถอนหายใจอีกสักพักก็คว้ามือถือขึ้นมาส่องเฟซบุ๊กพี่วินอีกรอบ หืมมมมมม เพิ่งมีคอมเมนต์ใต้รูปล่าสุดปรากฏขึ้นมา
   Mild Peraneeya : คิดถึงร้านนี้จัง อาหารยังอร่อยเหมือนเดิมมั้ยคะ
   ลำพังแค่ข้อความก็ทำให้ผมใจแป้วละ นี่มีไลค์จากพี่วินด้วย ผมยิ่งรู้สึกเหมือนถูกใครสาดน้ำมันท่วมตัวแล้วจุดไฟเผายังงั้นเลย นาทีนี้อารมณ์ตีกันวุ่นวายไปหมด ทั้งร้อนรน งอน น้อยใจ หึง อยากตบ แล้วก็อยากรู้ ผมเลยกดเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของมายด์จากนั้นก็ไล่อ่านย้อนไปแทบจะทุกรายการ จนในที่สุดก็ได้เบาะแสที่ประมาณสามปีก่อน
   รูปนั้นคือพี่วินกับมายด์ยังอยู่ในชุดนักศึกษา ทั้งคู่อยู่ในร้านเดียวกับที่พี่วินโพสต์เอาไว้เมื่อสามเดือนก่อน มายด์เขียนข้อความบรรยายเอาไว้ว่า ‘ดินเนอร์กับหมูอ้วนอร่อยที่สุด’
   แหวะ เหม็นสาบความรัก หมูอ้วนอะไร พี่วินก็ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหน
   ผมไล่ดูย้อนไปอีกก็มาโป๊ะเช้ะตรงที่รูปมายด์ถ่ายคู่กับพี่วินอีกรูป มีข้อความบรรยายไว้ว่า ‘กำลังใจที่ดีที่สุด ขอบคุณนะคะ’ อ่านจากคอมเมนต์ใต้รูปจึงทราบว่ามายด์เป็นนางเอกละครเวทีของมหาวิทยาลัย ถึงตรงนี้ผมก็นึกออก…รูปที่เจอในตู้เสื้อผ้าพี่วินวันนั้น ผู้หญิงที่ผมรู้สึกคุ้นก็คือมายด์นี่เอง แล้วผมก็เหมือนจะจำขึ้นมาได้เลือนรางว่าเคยไปนั่งดูละครเวทีนั่นด้วยนะ ตอนนั้นผมคงเรียนอยู่ปีหนึ่ง
   หลังจากที่ลองเขียนไทม์ไลน์ลงในกระดาษแล้วผมก็พอจะปะติดปะต่อข้อมูลได้ดังนี้
   ปีหนึ่ง : มายด์เป็นนางเอกละครเวที ตอนนั้นเป็นแฟนกับพี่วินซึ่งอยู่ปีสองหรือปีสาม
   ปีสอง : มายด์เลิกกับพี่วิน ตอนนั้นพี่วินก็น่าจะปีสามหรือปีสี่
   ปีสาม : ผมเพิ่งรู้จักกับมายด์ในคลาสเรียนภาษาอังกฤษ รู้จักกันเทอมเดียวแล้วก็แยกย้าย ส่วนพี่วินก็คงอยู่ปีสี่หรือจบการศึกษาไปแล้ว
   ปีสี่ : ผมเป็นแฟนพี่ป๊อป (ที่จริงไม่ต้องเขียนด้วยก็ได้ คนละเรื่องกัน แต่ช่างเถอะ)
   ปัจจุบัน : ผมเลิกกับพี่ป๊อปแล้วเจอพี่วิน
   ด้วยข้อมูลพวกนี้ ผมจึงไม่เคยรู้เรื่องราวของพี่วินกับมายด์มาก่อน
   โลกกลมดีแท้ๆ
   เฮอะ ว่าแต่พี่วินเถอะ ผ่านมาหลายปีแล้วยังอาลัยอาวรณ์มายด์อยู่อีกเหรอ
   ผมยังไม่ได้กดออกจากเฟซบุ๊กของมายด์แต่ปล่อยให้หน้าจอดับไปเองแล้วก็คว้าผ้าห่มมาคลุมโปง…สูดกลิ่นไอของพี่วินที่คิดว่ายังมีหลงเหลือ แล้วอยู่ๆ ก็พาลหงุดหงิดที่เขาอ่านไลน์แล้วไม่ตอบซะที
   “ไอ้พี่บ้า” ผมสะบัดผ้าห่มออกแล้วคว้ามือถือขึ้นมากดดูอีก แต่ก่อนที่จะออกจากเฟซบุ๊กของมายด์ผมก็เห็นสเตตัสล่าสุดเมื่อนาทีที่ผ่านมา
   ‘อาหารร้านเดิมจะยังอร่อยมั้ย’
   จากนั้นก็มีเพื่อนคนแรกมาคอมเมนต์ : รอบดึกเหรอ ร้านแถวไหนครับจะแวะไปเป็นเจ้ามือ
   Mild Peraneeya : มีนัดดินเนอร์พรุ่งนี้ค่า
   เพื่อนคนที่สอง : อะไรยังไงคะเพื่อน
   เพื่อนคนที่สาม : ร้านลมหวนหรือเปล่าคะ 555
   แม้จะไม่แน่ใจนักว่าโพสต์ของมายด์เกี่ยวถึงพี่วินรึเปล่าเพราะนี่ยังไม่ทันข้ามวันเลยนะ ถ่านไฟเก่าจะลุกโชติเป็นกองไฟได้เลยเหรอ สองคนนั่นจะหวนกันไวไปมั้ย ถึงอย่างนั้นผมก็รีบกลับไปดูชื่อร้านกับโลเคชั่น

   วันอาทิตย์ผมก็เลยแต่งดำอำพรางตั้งแต่หมวก แว่นตา เสื้อผ้า รองเท้า ประหนึ่งกำลังจะไปไว้อาลัยให้กับใครสักคน หากเป็นอย่างที่คิดก็คงเป็นการไว้อาลัยให้ตัวเองนี่แหละ แต่ขออย่าให้คิดถูกเลย
   ผมมาถึงร้านตั้งแต่สี่โมง ต้องมาดักรอไว้ก่อนจะได้ไม่เป็นจุดสังเกต ร้านนี้เป็นร้านอาหารธรรมดานี่แหละครับ ไม่แพง ไม่หรู อยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยที่ผมจบมา ชื่อร้านว่า ‘Come back again’ แปลว่ากลับมา (แดก) อีกครั้ง ซึ่งอาจจะแปลให้ได้ฟีลลิ่งว่าร้านลมหวนได้อยู่เหมือนกัน
   ผ่านไปสองชั่วโมง ผมยังไม่เห็นทั้งสองคนนั้นก็เลยใจชื้นขึ้นมาหน่อย คิดในใจว่าดีแล้วล่ะที่คิดไปเอง เจ้าของร้านก็ใจดีครับไม่มาเซ้าซี้อะไรเลย ปล่อยให้ผมนั่งจิบน้ำส้มกับอ่านนิตยสารชิลล์ๆ อยู่อย่างนั้นแหละ จนกระทั่งหกโมงสิบห้าผมก็เห็นมายด์เดินเข้ามาในร้าน
   คือแค่เห็นมายด์ผมก็ใจสั่นแล้วครับ…สิ่งที่คาดเอาไว้เป็นจริงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ละ แต่ที่ชวนสะดุ้งไปกว่านั้นอีกคือมายด์เดินตรงมาหาผม ทั้งที่ร้านก็กว้างพอสมควรแถมยังมีลูกค้าคนอื่นนั่งอยู่อีกตั้งหลายโต๊ะ หรือว่าชุดดำของผมจะเด่นเกินไป…
   “บังเอิญจัง” มายด์ทัก “เจอเหนืออีกละ”
   “อ้าว มายด์” ผมตอแหลแอ๊กติ้งว่าสะดุ้งตกใจ “มากินข้าวเหรอ”
   มายด์พยักหน้ายิ้มๆ
   พอสถานการณ์ออกมารูปนี้ ชุดดำทั้งตัวก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ผมก็เลยชิงบอกว่า “เสียดายจัง พอดีมีนัดที่อื่นต่อก็เลยกำลังจะกลับ ไม่งั้นคงได้คุยกัน” บอกพลางยกมือเรียกพนักงานมาคิดตังค์ค่าน้ำส้ม แต่ไหนๆ ก็ขอเลียบเคียงถามให้แน่ใจ “มายด์มากินคนเดียวเหรอ หรือนัดพี่เข้าพรรษาไว้”
   “ไม่ใช่พี่เข้าพรรษา”
   ไม่รู้ทำไมเวลาคุยเรื่องส่วนตัวมายด์ถึงแสดงออกอย่างภูมิอกภูมิใจแล้วก็พร้อมจะพ่นออกมาให้ใครๆ ได้รู้ เดาว่าคงเป็นบุคลิกคนสวยมั่นใจที่พร้อมจะประกาศให้โลกรู้ว่ากูสวยเทือกนั้นล่ะมั้ง
   “ใครอ่ะ” ผมตอแหลทำหน้าแซ็ว “ผู้ชายคนไหนน้อ”
   มายด์นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วทำท่าเม้าท์อย่างสนิทใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังจะจารกรรมข้อมูลเพื่อสนองความอยากรู้ของตัวเอง
   “ที่จริงคนนี้…” มายด์ทำท่านึกอย่างมีจริต “เหนือก็เคยคุยกับเขานะ”
   นั่นไง ชัดเลย T_T
   “เหรอๆๆ” ผมแสร้งตื่นเต้น “เคยคุยตอนไหน”
   “ก็ตั้งแต่ตอนที่เราเรียนด้วยกันแล้วนะ” มายด์ไม่ยอมบอกเป็นชื่อนาย เอ บี หรือซีอ่ะครับ แสดงว่ายังไม่อยากระบุให้คนอื่นรู้
   “ตอนปีสามเหรอ” ผมนึกไม่ออกจริงๆ นะว่าเคยคุยหรือรู้จักพี่วินตอนนั้นด้วย
   มายด์คงเห็นว่าผมนึกไม่ออกก็เลยบอกเพิ่ม “ก็คนที่ตื๊อเราตอนนั้นไง”
   ผมยังคงนึกไม่ออกแล้วก็ไม่ต้องรอให้นึกออกเพราะมายด์บอกต่อจนผมถึงกับเห็นภาพในอดีตฉายขึ้นมา
   “ตอนนั้นเราทำรายงานกลุ่ม แล้วเขาโทรมากวนมายด์หลายๆ รอบ”
   “มายด์บอกว่าเป็นแฟนเก่าที่ไม่ยอมจบ” ผมจำได้แล้ว
   “คนนั้นแหละ เราไม่อยากคุย เหนือก็บอกว่าน่ารำคาญ มายด์ก็เลยยื่นให้เหนือคุยแทน”
   ตอนนั้นผมรับมือถือของมายด์มาอย่างสุดแสนจะหงุดหงิดแล้วรัวใส่คนที่อยู่ในสาย
   “นี่คุณ ผู้หญิงเขาไม่เอาจะเซ้าซี้อีกทำไม เลิกโทรมาตอแยเพื่อนผมได้แล้วเพราะมันมีแฟนใหม่ไปละ หล่อกว่า ดีกว่าคุณร้อยเท่า จบนะ”
   คือตอนนั้นกำลังเร่งทำงานกลุ่มส่งอาจารย์กันอยู่อ่ะครับ แบบว่าจะไม่ทันอยู่ละ ผมก็เลยปรี๊ดที่มายด์เอาแต่คุยโทรศัพท์
   อย่าบอกนะว่าคนในสายนั่นคือพี่วิน
   “ดีนะเนี่ยที่ตอนนั้นแฟนเก่ามายด์ไม่อยู่แถวนั้น ไม่งั้นเราคงโดนตีน” ผมหน้าซีด ฝืนหัวเราะแหะๆ
อดีตเคยแรงและปากหมามากจริงๆ กู ซึ่งก็สืบเนื่องมาจนถึงตอนนี้
   “เขาอยู่แถวนั้นแหละ นั่งโต๊ะห่างออกไป” มายด์บอกขำๆ “พอวางสายจากเหนือ เขาก็ลุกไปเลย”
   ฟังจบผมนี่ซีดไปทั้งตัวเลยครับ มิน่าล่ะ พี่วินถึงเคยเรียกผมว่า ‘เจ้าเด็กปากดี’ แล้วคืนแรกที่ไล่ผมออกจากคอนโดก็คงเพราะ…แก้แค้น
   “ทำไมมายด์ไม่บอกเราอ่ะ ว่าเขาอยู่แถวนั้น”
   “บอกทันที่ไหนล่ะ แล้วก็ไม่นึกด้วยว่าเพื่อนจะพูดแรงขนาดนั้น” มายด์ว่าขำๆ
   แต่ผมไม่ขำนะ นึกแล้วอยากจะย้อนเวลาไปเย็บปากตัวเองจริงๆ
   “งั้นเราไปก่อนนะมายด์ ไว้เจอกัน” จ่ายเงินแล้วผมก็รีบบอก กลัวว่าโอ้เอ้อยู่ไปจะเจอพี่วิน อย่างนั้นผมคงปั้นหน้าไม่ถูกแน่ๆ

   เปิดประตูออกจากร้านได้ผมก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินออกไป กลัวคนอื่นเห็นสีหน้าของผมที่ตอนนี้มันไม่สามารถเก็บความเศร้าอย่างรุนแรงเอาไว้ได้เลย
   ครั้งนี้เจ็บกว่าตอนโดนพี่วินไล่ออกจากห้องอีกครับ ผมเหมือนคนอกหักใจสลายขั้นสุด แค่รู้ความจริงว่าที่ผ่านมาคงเป็นแผนการแก้แค้นของเขา คงจะหลอกให้ผมมีความสุขเสียก่อนแล้วค่อยฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น
   “มาที่นี่ทำไม”
   แค่ได้ยินเสียงผมก็สะดุ้งแล้วครับ ผมหนีกลับไม่ทันจริงๆ
พี่วินคว้าข้อมือผมจากทางด้านหลัง ผมกระพริบตาถี่ๆ ไม่ให้น้ำตาไหลก่อนจะหันกลับไปแสร้งทำเป็นแปลกใจ
   “มากินข้าวกับเพื่อนครับ กำลังจะกลับแล้ว”
   พี่วินมองผมนิ่งๆ เหมือนคนคิดอะไรอยู่ข้างในแต่ไม่บอกออกมา
   “เหนือมีนัดต่อ ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันครับ” ผมฝืนยิ้มให้ดูปกติที่สุดทั้งที่รู้ดีว่าความรู้สึกที่ปั่นป่วนข้างในมันปิดได้ไม่มิดเอาซะเลย
   พี่วินปล่อยมือผมอย่างง่ายดาย ก่อนที่ผมจะรีบหันหลังซ่อนหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะ
   
   ผมกลับมาถึงห้องแล้วก็ทิ้งตัวลงบนเตียง พยายามจะร้องไห้แต่น้ำตามันไม่ไหล คล้ายว่ามันเกินกว่าคำว่าเสียใจไปเยอะเหลือเกิน มันจุกมันตื้อไปหมด เป็นอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมงแล้วผมก็ลุกขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าที่พี่วินเคยให้ใส่ลงกล่อง จากนั้นก็ยกออกไปวางข้างๆ ถังขยะประจำชั้นตรงสุดทางเดิน
   “มึง กูอยากเมา” ผมโทรหาต้าร์
   “อีบ้า พรุ่งนี้ทำงาน” เสียงมันแหวออกมาจากโทรศัพท์
   “งั้นกูไปคนเดียวก็ได้” ผมตัดบท
   “อ้าวอีนี่ โดนผู้ชายเอาตีนเขี่ยมารึไง ถึงได้อยากเมา” ต้าร์หัวเราะคิกคัก “เออ เจอกันที่ร้านค่ะ เรื่องดีๆ พิตต้าร์ไม่ เรื่องชั่วร้ายโปรดนึกถึงกู”
   แล้วผมก็ออกไปทั้งที่อยู่ในชุดดำไว้อาลัยให้ตัวเองนั่นแหละครับ กว่าอีพิตต้าร์จะมาถึงผมก็แดกเหล้าคนเดียวจนเมาละ
   “เบาค่ะเบา” มันมาถึงก็แย่งแก้วเหล้าไปจากมือ “มึงต้องเล่าให้กูฟังก่อนจะเมาจนลิ้นเปลี้ย ไอ้เหี้ยคนไหนมันทำมึงเสียศูนย์ขนาดนี้คะ”
   “ก็ไอ้เหี้ยวิน หัวหน้ามึงนั่นแหละ” ผมโพล่งออกไปอย่างไม่ปิดบัง
   “พี่วินอ่ะนะ” ต้าร์ทำหน้าจับต้นชนปลายแล้วก็ร้อง “อย่าบอกนะว่าพี่วินกับอีกวินตอนวันเกิดอีพี่เอ็มคือคนเดียวกัน”
   “เออ มันนั่นแหละ แล้วมึงรู้อะไรมั้ยคืนนั้นที่กูไปกับมันอ่ะ พอมันเอากูแล้วมันก็ไล่กูกลับยังกะหมา” ผมปากรั่วสุดๆ “กูก็นึกว่าจะได้นอนบนสวรรค์สักคืน มันดันถีบกูตกลงมายังกะลูกเห็บ”
   “เล่าอีกค่ะมึง” อีต้าร์เอามือทาบอก
   “มึงรู้มั้ยที่กูไม่ออกมาเที่ยวกับพวกมึงก็เพราะกูเป็นหนี้พี่ป๊อปสองแสน แล้วไอ้เหี้ยวินมันก็ไปซื้อหนี้จากพี่ป๊อปแล้วมารีดตังค์กับกู”
   “ว้าย อีเหนือ หนี้ห่าอะไรตั้งสองแสน”
   “กูทำสร้อยทองแม่งมันหาย กูก็เลยต้องใช้หนี้ไงมึง”
   “พี่วินตั้งใจจะช่วยมึงรึเปล่า แบบว่าไม่อยากเห็นมึงกลับไปยุ่งกะผัวเก่าน่ะ”
   “เฮอะ กูยังไม่ได้จ่ายงวดแรกให้มัน แต่มึงเชื่อเถอะว่ามันเอากูเจ็บแน่”
   “เขาจะเอามึงใช้หนี้เหรอ ก็ดีนี่” มันทำตาเคลิ้ม
   “อีห่า กูหมายถึงแก้แค้น ตอนเรียนมหา’ลัยกูปากหมาใส่มัน มันคงแค้นกูมาก”
   “มึงคิดไปเองรึเปล่า ดูซีรีย์มากไปป้ะ กูเห็นเขาก็ไม่ใช่คนร้ายอะไรขนาดนั้น”
   “มึงคอยดูก็ละกัน ว่าจะเป็นอย่างที่กูพูดมั้ย เอาเหล้ากูมา กูจะแดก”
   “แค่นี้มึงก็เมาอย่างหมาแล้วนะ ลำบากกูพามึงกลับอีก” อีต้าร์มันเป็นห่วงผมใช่มั้ยครับ?
   “มึงไม่ต้องเป็นห่วง กูเรียกมึงมาแดกเป็นเพื่อน ไม่ได้ให้มึงมาลากกูกลับ” ผมกระดกเหล้าเข้าไปจนหมดแก้ว
   “แล้วยังไง มึงจะหาผัวใหม่ที่นี่แล้วให้เขาพามึงไปด้วยว่างั้น” มันแย่งแก้วเหล้าไปจากมือผมอีกรอบ
   “กูโทรหาพี่กรแล้ว เดี๋ยวเขาจะมารับกู”
   “พี่กร? เพื่อนพี่วิน?”
   “เออ อย่าถามมาก แดกเร็ว”
   “อีดอก ร้ายกาจ อีร่าน You are a bitch” มันพูดใส่หน้าผมชัดถ้อยชัดคำ
   ผมยิ้มร้ายแบบเมาๆ ตาปรือๆ ผมเคยบอกไว้ใช่มั้ยครับว่าถึงจุดๆ หนึ่งคนเราก็พร้อมจะเหวี่ยงทุกอย่างที่มันรุงรังชีวิตออกไปให้พ้น ถ้าคิดว่าพี่วินจะทำร้ายจิตใจผมได้ล่ะก็ พี่รู้จักอีเหนือคนนี้น้อยไปละ
“The bitch is back”
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Fengfang ที่ 22-11-2018 22:39:01
โอ้ววววว :laugh: เหนือที่เข้มแข็งกลับมาละ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-11-2018 22:57:57
……


ไม่เอาไม่ดีนะนังน้องเหนือ ไม่ร่าน ไม่ง่าย ไม่น่ารักนะจ้ะ

เริ่ด เชิด หยิ่ง สวยๆก้อพอแล้วมั้ง


 :really2:  :really2:  :really2:  :really2:  :really2:  :really2:  :really2:


……
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 22-11-2018 23:42:05
Fengfang
โอ้ววววว :laugh: เหนือที่เข้มแข็งกลับมาละ
หายเมาก็จะกลับไปเศร้าเหมือนเดิม (รึเปล่า) 555

Duangjai
ไม่เอาไม่ดีนะนังน้องเหนือ ไม่ร่าน ไม่ง่าย ไม่น่ารักนะจ้ะ
เริ่ด เชิด หยิ่ง สวยๆก้อพอแล้วมั้ง
พี่วินจะต้องเสียใจ ที่ทำกับเหนือยังงี้ เชิดดด
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-11-2018 00:43:31
น้องเหนือคนร่าน อิอิ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 23-11-2018 03:13:44
ดำเนินเรื่องสนุกมากๆ อ่านเพลินเลย
พี่วินมันจะแก้แค้นเหนือเพราะเหตุนี้จริงๆหรอ
หรือจะมีไรมากกว่านั้น 
อ่านไปก็มีแอบปวดใจนะ เหนือจะต้องรู้สึกก่อนแน่ๆ
เสียใจล่วงหน้าเลย พี่วินร่างเย็นชานี่ปวดใจสุดๆ


มาต่อตอนใหม่ไวๆนะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 23-11-2018 06:31:49
แค่นั้น ก็แค้นขนาดนี้เลยเหรอ. ส่วนเหนือนี่แบบ เขาทำดีด้วยหน่อย ได้กันครั้งสองครั้งก็รักเขาซะแล้ว เขาเลวใส่มากกว่าที่ดีด้วยซะอีก เป็นแบบที่วินด่าจริงๆ ร่าน ใจง่าย ภาวนาให้นางทำตัวสวยๆ เริด เชิด แต่คิดว่าคงไม่มีวันนั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-11-2018 11:17:04
เรียกตีนที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 23-11-2018 17:30:54
ต้องเข้มแข็งนะคะแม่
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-11-2018 22:49:48
“The bitch is back” โว้โว้โว้ วิ๊ดวิ้วววววว! เดี๋ยวสงสัยจะได้เห็นคนหัวร้อน 1 อัตรา เมื่อชีเหนือคัมแบ็ค ไฟลุกพรึบๆ 555555 ใจเย็นนะเหนือ ใจเย็น 555555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 23-11-2018 23:03:43
t2007
น้องเหนือคนร่าน อิอิ
เพื่อนเรียกเฉยๆจ้าาาาาา จริงๆ เหนือรักเดียวใจเดียวนะ  :-[

Kuayyai
ดำเนินเรื่องสนุกมากๆ อ่านเพลินเลย
พี่วินมันจะแก้แค้นเหนือเพราะเหตุนี้จริงๆหรอ
หรือจะมีไรมากกว่านั้น
อ่านไปก็มีแอบปวดใจนะ เหนือจะต้องรู้สึกก่อนแน่ๆ
เสียใจล่วงหน้าเลย พี่วินร่างเย็นชานี่ปวดใจสุดๆ
มาต่อตอนใหม่ไวๆนะ
ขอบคุณนะครับ ได้รับกำลังใจ 1000ea
จริงๆ พี่วินก็แค่เคืองๆ เนาะ พอสบจังหวะได้เอาคืนบ้างก็เอาซะหน่อย   :katai2-1:
คอนเฟิร์มว่าพี่วินร่างเย็นช้านี่น่ากลัวจริงๆ เดาไม่ออกว่าคิดอะไร จะระเบิดเมื่อไหร่

เจเจจัง
แค่นั้น ก็แค้นขนาดนี้เลยเหรอ. ส่วนเหนือนี่แบบ เขาทำดีด้วยหน่อย ได้กันครั้งสองครั้งก็รักเขาซะแล้ว เขาเลวใส่มากกว่าที่ดีด้วยซะอีก เป็นแบบที่วินด่าจริงๆ ร่าน ใจง่าย ภาวนาให้นางทำตัวสวยๆ เริด เชิด แต่คิดว่าคงไม่มีวันนั้นอ่ะ
จริงๆ พี่วินก็แค่เคืองๆ เนาะ พอสบจังหวะได้เอาคืนบ้างก็เอาซะหน่อย
เหนือพ่ายแพ้เสน่ห์พี่วินครับ ต้องตกเป็นทาสรักทาสสวาท เว่อร์ 555

♥lvl♀‘O’Deal2♥
เรียกตีนที่แท้ทรู
ที่จริงก็เกือบโดนตีนพี่วินนะ โดนอย่างอื่นซะก่อน 555

Pe_no
ต้องเข้มแข็งนะคะแม่
สตรองให้เธอเห็น แต่แอบร้องไห้เป็นนางเอกตอนลับหลังเธอ   :sad4:

blove
“The bitch is back” โว้โว้โว้ วิ๊ดวิ้วววววว! เดี๋ยวสงสัยจะได้เห็นคนหัวร้อน 1 อัตรา เมื่อชีเหนือคัมแบ็ค ไฟลุกพรึบๆ 555555 ใจเย็นนะเหนือ ใจเย็น 555555
คนนั้นจะต้องหัวร้อนจนทำหน้าเย็นชาไม่ไหวแน่ๆ
 :m16:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 23-11-2018 23:07:42
เอาละเด้อ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-11-2018 04:23:17
 :hao7: :hao7: :hao7:  สรุปอีพี่วินแค้นอะไรเหนืออะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 27-11-2018 20:47:13
เข้ามาบ่นว่าช่วงนี้งานเยอะจัง  :katai4:
เขียนได้วันละนิดๆ เอง  :ling1:
ตอนต่อไปน่าจะ 1-2 วันนี้เน้อ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 9 : หน้า 2 (22/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 28-11-2018 21:34:05
ตอนที่ 10


ผมสร่างเมาขึ้นมาหน่อยแล้วเพราะอีต้าร์มันชงให้แบบโคตรเจือจางเลยครับ
“จะแดกทำไมมากมาย ถ้าพี่กรมาเห็นมึงสภาพนี้ คิดเหรอว่าเขาจะเอาหมาทำเมีย” มันว่าพลางบังคับให้ผมดื่มน้ำเปล่า
   “ไม่เอาก็ช่าง กูหาเอาแถวนี้ก็ได้” ผมยื่นมือหาขวดเหล้า
   อีต้าร์ตีมือผมเพี๊ยะ “ค่ะ มึงสวยมาก ใครๆ ก็จ้องจะผสมพันธุ์”
   “อีดอก กูเพื่อนมึงนะ”
   “ก็กูเป็นเพื่อนมึงไงถึงได้ช่วยมึงแก้กรรมอยู่เนี่ย ถ้าอยากให้ผู้ชายมันรู้สึกเสียดาย เสียเซล์ฟ เสียเวลาที่หลงผิดกลับไปหาอีชะนีนั่น มึงก็ต้องทำตัวให้อยู่เหนือเกมส์ป่ะวะ แล้วพอมึงสวยสมมงมึงก็จะคอนโทรลมันได้ ถึงตอนนั้นค่อยเอาตีนเขี่ยอีพี่วินไปไกลๆ ไงคะ”
   เออ ก็จริงนะ
   “สวยแล้วก็ต้องแดกผักแดกปลาบ้างจะได้มีสมอง” มันวางน้ำเปล่าให้ผมอีกขวด “แดกซะ แล้วไปฉี่”
   “ทำไมมึงเป็นคนดีมีสาระ” ผมเหล่ตาทำนองว่าค้นหาคราบสกปรกแอบแฝงจากสิ่งดีๆ ที่มันบอก “ตอนมึงโดนแฟนเก่าทิ้งคราวก่อน มึงก็เมาเหมือนกูนี่แหละ”
   “กูถึงรู้ว่ามันไม่เวิร์คไง ยิ่งมึงฟูมฟายทำตัวไร้ค่าให้ตายโหงตายห่าเท่าไหร่ มันก็มีแต่จะสมเพชมึง” ต้าร์เชิดหน้า “จำคำกูไว้ มึงจะเมาเพราะเรื่องอะไรก็เมาได้แต่อย่าเมาเพราะเรื่องผู้ชาย”
   “เออ กูจะคอยดูตอนมึงโดนผู้ชายทิ้ง ถ้ามึงไม่เมาอย่างหมา กูให้เตะ”
   “อ้าว อีเพื่อนเวรรรรรรรรรรรร!” มันลากเสียงคำสุดท้ายยาวเหยียด
   
   กลับมาจากห้องน้ำผมก็เห็นพี่กรนั่งอยู่กับต้าร์ละครับ พอผมเข้าไปนั่งถัดจากพี่กรก็มีอีกคนตามมานั่งลงข้างๆ
   จะใครอีกล่ะครับ พี่วินนั่นแหละ ไม่รู้ใครกระเตงมันมาด้วย
   “พอดีพี่ไม่รู้ว่าร้านนี้อยู่ที่ไหนก็เลยโทรถามไอ้วิน มันก็เลยตามมาด้วย” พี่กรบอก
   พี่กรครับ พี่รู้จักกูเกิ้ลมั้ยครับ
   “เหนือดูไม่ได้เมาเหมือนตอนที่โทรหาพี่นะ” พี่กรว่า
   “เหนือดื่มแค่พอมึนๆ ครับ เมามากไม่ดี กลัวกลับไม่ถูกด้วยแหละ” บอกแล้วก็เห็นอีต้าร์เบ้ปากมองบน
   “ว้า งี้ถ้าพี่จะพาไปนอนที่บ้านก็รู้ตัวหมดสิ” พี่กรหยอก
   “งั้นเติมเหล้าเลยครับ” ผมหยอกกลับ
   “ก๋ากั่นจังนะเรา” พี่กรทำตาวิบวับพลางเอามือขยี้ตรงท้ายทอยของผม “ดื่มเยอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ไหวหรอก”
   “ก็จะลาป่วยไงครับ” ผมออเซาะโดยการเอนตัวเอาไหล่ไปชนพี่กร
   “นู่น ถามหัวหน้าเรายัง อนุมัติรึเปล่า” พี่กรดึงพี่วินเข้ามาร่วมวงสนทนา
   ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรพี่วินก็บอกก่อนเลยครับ
“ป่วยการเมือง ไม่อนุมัติ”
ผมแค่เหล่ตา ไม่แม้จะเบือนหน้าไปมอง อยากพล่ามไรก็พล่ามไปคนเดียวเถอะ
“พี่กรดื่มสักหน่อยสิครับ” ผมเลื่อนแก้วให้ “ไม่โดนมอมแน่นอน ผสมเหล้านิดเดียว”
“ไม่อยากมอมพี่เหรอ” พี่กรทำเสียงอ้อน
“ไม่รู้ตัวก็ไม่สนุกสิครับ” ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม
“จะกลับละ” พี่วินลุกพรวด
“เพิ่งมาถึงเอง รีบกลับทำไมวะ” พี่กรพูดกับพี่วิน
“นั่นสิ พี่วินยังไม่ได้ดื่มเลยนะ” ต้าร์เสริม ผมเห็นตามันวาววาบยังกะตาแมว(ขโมย) ที่จริงมันก็คงจ้องจะเคลมพี่วินอยู่เหมือนกันสินะ อีนี่มันร้าย แทนที่จะอยู่ข้างผมแต่มันดันทำให้ผมรู้สึกหวงพี่วินขึ้นมาซะฉิบ
“อยู่ต่ออีกสักพักสิครับ” ผมหันไปสนใจพี่วินบ้าง ยอมรับว่าก็ทั้งหวงก้างแล้วก็อยากเล่นเกมส์ในคราวเดียว อยากรู้เหมือนกันว่าพี่วินจะหึงหวงผมตอนออดอ้อนพี่กรบ้างมั้ย
“พรุ่งนี้พี่มีประชุมเช้า” พี่วินบอกเหมือนโดนขัดใจ ตาขวางๆ นั่นเหมือนจะยิงแสงออกมาได้เลย
“นะครับนะ อยู่อีกชั่วโมงเดียวก็ได้” ผมทำเสียงอ้อน
พี่ต้องอยู่ พี่ต้องรู้สึกแบบที่เหนือรู้สึก
   “ก็ได้ ถ้าพี่อยู่ต่อ พรุ่งนี้เหนือห้ามลางาน” พี่วินบอก
   เป็นห่วงงานหรือกลัวว่าผมจะไปต่อที่อื่นกับพี่กรจนลุกไม่ไหวกันแน่
   พอผมโอเคกับข้อตกลง พี่วินก็นั่งลงแล้วซดเหล้าแบบ…ใครกันแน่วะที่จะลางานพรุ่งนี้ คือดื่มเหมือนคนติดเหล้าแล้วอดมาเป็นแรมเดือนยังงั้นอ่ะ ได้สักสี่แก้วก็เห็นเขาเริ่มมึนครับ
   ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจทั้งที่จริงอยากจะหันไปบอกให้เบาลงบ้างก็ได้ครับพี่ ถึงผมจะทำเป็นจู๋จี๋กับพี่กรแต่ใจผมก็ยังคิดว่าพี่วินเป็นกรรมสิทธิ์ของผมอยู่นะ ก็ได้แต่ปล่อยให้อีต้าร์มันประคบประหงมพี่วินไป นึกแล้วอยากตีมืออีเพื่อนนิสัยไฮยีน่าจริงๆ ชอบฉวยโอกาสนัก
   ครึ่งชั่วโมงต่อมาพี่วินก็ฟุบกับโต๊ะไปละ
   “ปกติมันคอแข็งจะตาย ไหงวันนี้อ่อนจัง” พี่กรบ่นให้ได้ยิน “สงสัยพี่จะต้องเปลี่ยนจากไปส่งเหนือเป็นลากมันกลับคอนโดแทนละ”
   พอได้ยินเท่านั้นแหละครับ ผมปิ๊งเลย ที่แท้ก็ดื่มให้เมาหวังผลนี่เอง แล้วก็ไม่รู้ว่าเมาจริงรึเปล่า
กันซีน!
   
   “กูว่าคนที่แอ๊กติ้งเก่งไม่ได้มีแค่พวกเราแล้วว่ะ” ผมพูดกับอีต้าร์ตอนที่พี่กรหิ้วปีกพี่วินแยกออกไปแล้ว
   “ก็นึกว่ามึงตั้งใจจะเอาผัวใหม่จนลืมสังเกตผัวเก่าซะละ” ต้าร์หัวเราะคิกคัก “สรุปมึงจะเอายังไงคะ อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนงี้? ผัวใหม่ก็จะเอา ผัวเก่าก็หวงไว้กินเองงี้?”
   “ก็…” ผมไม่รู้จะตอบยังไงจริงๆ ครับ ผมรู้สึกดีกับพี่กร พี่เขาอบอุ่นใจดีอยู่ด้วยแล้วรู้สึกชุ่มชื่นสบายใจ กับพี่วินก็อย่างที่รู้กันดีครับ ถึงจะมีความคลุมเครือไม่ชัดเจน หลายครั้งเขาก็ทำให้ผมแทบทรุด แต่บางอย่างในตัวเขาก็มัดใจผมไว้ได้จริงๆ
   คนหนึ่งเหมือนน้ำเย็นในหน้าร้อน
   อีกคนก็เหมือนดวงไฟในทางมืด
   แหวะ นี่ไม่ใช่ซีรี่ย์โรแมนติกดราม่านะ
   สรุปว่าผมรู้สึกดีกับทั้งสองคนอ่ะครับ ถ้าไม่นับเรื่องที่พี่วินแอบไปกินข้าวกับแฟนเก่าผมก็คงจะให้พี่วินมีคะแนนนำพี่กรอยู่นิดนึงนะ 
   ไปๆ มาๆ ไหงกลายเป็นว่าผมไม่ได้ดราม่าฟูมฟายอย่างตอนก่อนออกมากินเหล้าก็ไม่รู้ คงเพราะได้ระบายกับอีต้าร์ไปบ้าง แล้วก็ยังมีคนลงทุนแกล้งว่าเมามากกกกกเพื่อไม่ให้ผมไปกับคนอื่น…ไอ้พี่วินบ้า ทำไมไม่ปล่อยให้ผมแรดร่านให้ถึงที่สุดวะ
   “ถ้ามึงจะไม่สนใจพี่วิน มึงก็ทำได้” อีต้าร์พูดเหมือนได้ยินสิ่งที่ผมคร่ำครวญในใจ “คนนึงหวงก้าง อีกคนก็มีข้ออ้างแรดไม่สุด อย่างนั้นกูขอดูอยู่ห่างๆ ละกัน ไม่อยากกลายเป็นหมาตอนพวกมึงหันมาจูบปากกัน”
   “หรือมึงอาจจะได้สมน้ำมะหน้ากูตอนที่ไอ้พี่วินกลับไปคบกับแฟนเก่า” ผมถอนใจอีกละ
   “รอให้ถึงตอนนั้นก่อนมั้ยล่ะค่อยแซด แต่ตอนนี้มึงควรคิดเรื่องหนี้สินป่ะคะ”
   “เรื่องนั้นกูคิดไว้ละ”
ถ้าคิดจะประชดประชันให้ได้สุดทาง ผมก็ต้องเป็นอิสระจากเครื่องมือที่พี่วินล่ามเอาไว้เป็นเมียรองบ่อน…ผมต้องใช้หนี้เขาให้หมด
   
   สวัสดีวันจันทร์ ไม่มีใครส่งสติ๊กเกอร์ไลน์รูปดอกไม้สีเหลืองมาให้ผมหรอกนะครับ ผมแค่บิ้วด์ตัวเองว่าสดชื่นสดใสราวกับดอกไม้ได้น้ำค้างพราวเกาะกลีบตลอดคืน เผื่อว่าใครบางคนจะผิดหวังที่จะได้เห็นผมห่อเหี่ยว แต่พอเดินเข้ามาในแผนกก็กลายผมเองนี่แหละที่ชักสีหน้าเซ็ง ก็คนที่ผมอยากให้เขาเห็นมันไม่อยู่ที่โต๊ะอ่ะครับ หรือว่าจะไปประชุมแล้ว? ประชุมห่าอะไรเช้าก่อนแปดโมงอีกเหรอวะ
   “แหม่ๆ อีนี่ตายยากจริง พวกกูเพิ่งเม้าท์เรื่องของมึงน้ำลายยังไม่ทันแห้งเลย” พี่เอ็มเดินนำทีมเข้ามา
   “ค่ะ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง สาธุ” ผมเบ้ปากใส่อีต้าร์ก่อนเลย เดาว่าเดอะแก๊งคงรู้เรื่องแบบละเอียดยิบเรียบร้อยละ “ต้าร์รู้ โลกรู้จริงๆ นะมึง”
   “เอ๊า จะไปว่ามันทำไม มันอุตส่าห์คาบข่าวมาบอก” พี่เอ็มยื่นแก้วกาแฟแบรนด์ดังให้ผม “พวกกูซื้อมาฝาก”
   “อีพี่เอ็ม ว่ากูเป็นหมาเหรอ” ต้าร์เท้าสะเอว
   “อีกาคาบข่าวม้ะ” พี่เอ็มตวัดสายตาฉับใส่อีต้าร์
   “ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ เป็นอีกาก็ยังดีเนาะ” แล้วต้าร์ก็หันมาพูดกับผม “จะเอาไม่เอากาแฟเนี่ย ไม่งั้นกูเอานะ”
   “ขอบคุณค่ะ อาม่า” ผมยกมือไหว้แล้วยกขึ้นดูด
   “อาม่าแม่มึงสิ” พี่เอ็มเท้าสะเอวก่อนจะร่ายใส่ผมฉอดๆ “มีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกยะ ทั้งเรื่องหนี้ เรื่องผัวเก่า ผัวใหม่ เมียเก่าของผัวใหม่ ไหนจะแอบไปแดกเหล้าคนเดียวอีก”
   “ที่อยากรู้นี่คืออยากช่วยหรือว่าอยากเสือก?” ผมกวน
“เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร กูเจอมาเยอะ อย่าให้ต้องเสียเพื่อนเลยค่ะ รอให้มึงเป็นผัวกูก่อนนะคะถึงจะยอมเสี่ยง” พี่เอ็มกลอกตา “แต่อย่างน้อยพวกกูก็จะได้รู้ไง แล้วมึงก็จะไม่โดนเซ้าซี้ให้ไปเที่ยว”
   “นึกว่าจะให้ตังค์น้องไปใช้หนี้” ผมหยอกขำๆ
   “กูคนเดียวคงไม่ แต่ถ้ารวมกันหมดสี่คนนี่คงพอถึงแสน” พี่เอ็มพูดจริงจังขึ้น “อีกครึ่งมึงก็พยายามหามาเอง”
   ฟังแล้วน้ำตาจะไหล คือพวกเราก็แค่พนักงานออฟฟิศธรรมดานี่แหละครับ จะมีรวยกว่าใครก็พี่เอ็มนี่แหละเพราะที่บ้านพอจะรวยอยู่ ทุกคนมีขีดจำกัดและมีเซฟโซนของตัวเองที่จะจุนเจือเรื่องเงินให้กับผมซึ่งถือว่าพวกมันยอมเสี่ยงอยู่นะ แม้ว่าพวกเราจะสนิทกันก็เถอะ อย่างที่พี่เอ็มบอกแหละครับ…เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร
   “ขอบใจว่ะพวกมึงแต่กูไม่เอาหรอก กูมีทางออกอยู่แล้ว” นึกแล้วผมก็ถอนใจให้กับอีกเรื่องที่จะต้องทำเพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่มาใช้หนี้
   “อีดอก ลีลา แล้วแต่มึงละกัน” พี่เอ็มมองบนถอนหายใจพรึ่ด “แล้วอีพี่วินอยู่ไหน ยังไม่มาเหรอคะ”
   “อะไร มึงจะเคลียร์แทนมันรึไง” เอผงะแต่ก็ออกปากเชียร์ “จัดมันเลยอีเจ๊”
   “อีบ้า มึงคิดว่ากูกล้าขนาดนั้นเลยเหรอไง เรื่องผู้ชายให้อีเหนือมันไปเคลียร์เองค่ะ กูแค่จะตามลายเซ็นเอกสารให้ลูกค้า” พี่เอ็มเบรกความคิดอีเอ “แต่ถ้าให้ช่วยเลียยยยย บอกมาเลยกูพร้อมแอนี่ไทม์”
   “ผัวเพื่อนม้ะอีพี่เอ็ม”
   “อีพวกนี้ เขาไม่ใช่ผัวกู” ก็พี่วินยังไม่เคยบอกเลยอ่ะครับว่าผมเป็นอะไรกับเขานอกจากลูกน้องกับลูกหนี้ ต่างคนต่างก็ฟรีสถานะ ผมจึงไม่มีสิทธิ์แปะป้าย ‘คนนี้ผัวกู’ ไว้บนหน้าผากของพี่เขา
   “ตามหาผมเหรอครับ” เสียงพี่วินดังขึ้นข้างหลังทำให้ฝูงแมลงวันห้าตัวแตกฮือ
“อ้าวพี่วิน พูดถึงก็มาพอดีเลย เอ็มจะตามลายเซ็นเอกสารที่วางบนโต๊ะเมื่อเย็นวันศุกร์น่ะครับ” พี่เอ็มเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นพร้อมเลียสุดๆ
พี่วินเดินเข้าไปที่โต๊ะแล้วเซ็นฉับเดียวจากนั้นก็หยิบเอกสารมายื่นให้พี่เอ็ม
“เหนือ ตามผมมาทางนี้หน่อยครับ” พี่วินบอกแล้วก็เดินเลี่ยงไปทางมุมพักดื่มกาแฟ ตรงนั้นยังไม่มีคนอยู่ครับ ซึ่งผมก็ต้องเดินตามพี่วินไปต้อยๆ
“ทิ้งเสื้อผ้าที่พี่ให้ทำไม”
ผมงงมาก พี่วินรู้ได้ยังไงอ่ะ อาจจะเป็นลุงยามเสนอหน้าเป็นม้าเร็วไปบอก
“ถ้าจะคุยเรื่องนี้ รอให้เลิกงานก่อนนะครับ” ผมหันหลังกลับ
“ตอนนี้แปดโมงยี่สิบ ยังเหลืออีกสิบนาที”
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ พอพี่วินเปิดประเด็นขึ้นมาผมก็เลยอดเหวี่ยงบ้างไม่ได้
“ใส่แล้วคัน” แบบนี้ใช่ไหมครับที่เขาเรียกว่าขิงก็ราข่าก็แรง
“เมื่อคืนก็ไม่ได้ใส่เสื้อของพี่นี่”
ผมหยุดคิดแวบหนึ่งก่อนจะตีความคำพูดนั้นได้ พี่วินหมายความว่าที่ผมคันไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าของเขา ผมงี้แทบจะร้องกรี๊ดๆๆ แบบนางร้ายไร้สติในละครไปละ ถ้าไม่ติดว่านี่อยู่ในออฟฟิศแล้วคนอื่นๆ ก็ทยอยมากันจนครบแล้ว
“ระหว่างพี่กับไอ้กรใครเกาได้ดีกว่ากัน”
ผมงง พี่วินคนที่สุขุมเยือกเย็นและเก็บอารมณ์ได้คนนั้นหายไปไหน หรือคนนี้เป็นฝาแฝดพี่วินมาแก้แค้น? แค่ผมเอาเสื้อผ้าไปทิ้งนั่นเหรอ หรือว่ายังเมาค้างถึงได้เอาเรื่องแนวนี้มาคุยในที่ทำงานโดยไม่แคร์ตำแหน่งหน้าที่เลยสักนิด
“แล้วระหว่างเหนือกับแฟนเก่าของพี่ พี่อยากกินข้าวกับใครมากกว่ากันล่ะครับ”
   ผมแสดงสีหน้าเจ็บร้าวให้เขาเห็น ก่อนจะถอยออกมาโดยไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสรั้งตัวเอาไว้
   
   กลับมานั่งที่โต๊ะได้ไม่ถึงนาทีต้าร์ก็ยื่นหน้ามาทำหน้าที่ของมัน
   “มึง ข่าวล่ามาเร็วเมื่อตะกี้นี้”
   “ไว้รอตอนกินข้าวได้มั้ยอ่ะ กูไม่มีอารมณ์” ผมหมายความตามนั้นจริงๆ
   “ไม่ได้ กูรู้ มึงก็ต้องรู้เดี๋ยวนี้” มันยืนยันที่จะกระจายข่าวล่าอะไรของมัน
   “อือ ว่า?”
   “ดีนะที่พวกกูไม่ได้ไปสวมวิญญาณพาวเวอร์เกิร์ลออกโรงฉะกับอีพี่วินแทนมึงอ่ะ” ต้าร์กระซิบกระซาบ
   “ไหนว่าพวกมึงจะไม่ยุ่งไง” ผมว่าเนือยๆ
   “ก็ตอนแรกสุดอ่ะ อีพี่เอ็มมันจะไปช่วยคุยให้ หมายถึงคุยดีๆ นะไม่ใช่ไปวีนอะไร ประมาณว่าถ้าไม่คิดจะเอามึงจริงก็อย่าทำแบบนี้อะไรทำนองนี้น่ะ กูกับอีเอก็เลยจะเอาด้วย ดีว่าอีแมนมันมีสติสุดมันเลยห้ามไว้ ไม่อย่างงั้นคงซวยกันยกแก๊ง”
   “ทำไม กลัวเขาจะเตะพวกมึงกระเจิงเหรอ”
   “เตะกูก็ว่าน่าจะทำได้ แต่กูหมายถึงเรื่องงานค่ะ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก
   “กลัวโดนแกล้งให้อยู่ดึกเหมือนกูเหรอ”
   “กลัวจะมากกว่านั้นอ่ะสิ เนี่ย คนทั้งแผนกเขาเพิ่งรู้กันตะกี้ว่าพี่วินอ่ะเป็นน้องของคุณพั้นช์”
   “คุณพั้นช์ พันทิศ?”
   “เออ คุณพั้นช์เจ้าของบริษัทเรานั่นแหละแก” คราวนี้อีกาคาบข่าวยกมือขึ้นป้องปาก “สู้ๆ นะมึง ขอให้มึงมีวาสนาได้ตกถังข้าวสารสองทะนานข้าวเปลือก ส่วนพวกกูขอดูห่างๆ อย่างห่วงๆ ตัวใครตัวมันเด้อ”
   ผมเคยสงสัยอยู่เหมือนกันนะครับ ทำไมพี่วินถึงมาทำงานที่นี่ ทั้งที่มันดูขัดกันชอบกล พี่วินรวย ขับรถหรู อยู่คอนโดหรู ใส่เสื้อผ้าแพงๆ จ่ายค่าข้าวมื้อเกือบหมื่นโดยไม่มีท่าทีเสียดายตังค์  แต่ทำไมถึงมาทำงานออฟฟิศเป็นมนุษย์เงินเดือน คำตอบคืออย่างนี้นี่เองครับ เพราะเป็นน้องเจ้าของบริษัทหรืออาจจะเป็นเจ้าของบริษัทด้วยก็ได้
   แล้วแบบนี้ผมจะเอาอะไรไปต้านอำนาจของพี่วินได้ล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 28-11-2018 23:49:00
โอ๊ยยยยยไม่คุยกันดีๆสักที  :mew2: คนเขียนสู้ๆๆนะคะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 29-11-2018 00:11:28
Pe_no
โอ๊ยยยยยไม่คุยกันดีๆสักที  :mew2: คนเขียนสู้ๆๆนะคะ
ทะเลาะกันบ่อยๆ แหละดี ลูกหัวปีท้ายปีนะครับ 555
เหนือก็ไม่รู้ตัวเนาะ ว่าทำพี่วินฟิวส์ขาดได้นะนี่
ขอบคุณนะครับ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 29-11-2018 01:49:12
กี๊สส สนุกเฟอร์ รอๆ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 29-11-2018 02:38:02
ขำก็ขำสงสารก็สงสาร
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-11-2018 03:41:02
หันกลับมารักตัวเอง นั่นละคือสิ่งที่จะต้านทานอำนาจไอ้พี่วิน เมื่อใดที่โนสนโนแคร์ ตั้งหน้าหาเงินมาใช้หนี้ เขาก็จะรู้สึกหงุดหงิดที่เราเมินเอง (อาจ)ทำให้เขาเสียการทรงตัวได้วะ 55555 สนุกกกกกกกก อยากอ่านต่อยาวๆ งี้ถ้าต้องรอหลายๆตอนก่อนค่อยอ่าน อย่าว่ากันนะ 55555 อ่านจบตอนนี้ก็ค้างไป รออะรอได้ แต่ใจจิขาด 555555 ง่ะ มันสนุกอ่ะ เหนือจะทำไงกับไอ้พี่วินดี ดื้อตาใสใส่แม่ง 555555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 29-11-2018 21:31:42
M_Y MILD
กี๊สส สนุกเฟอร์ รอๆ
ขอบคุณคร้าบ
ชอบใครในเรื่องมากที่สุดครับ
 :กอด1:

♥lvl♀‘O’Deal2♥
ขำก็ขำสงสารก็สงสาร
 :mew6:  :katai1:  :hao5:  :ling3: ประมาณนี้มั้ยครับ อารมณ์สลับกันไปมาในห้านาที 5555

blove
หันกลับมารักตัวเอง นั่นละคือสิ่งที่จะต้านทานอำนาจไอ้พี่วิน เมื่อใดที่โนสนโนแคร์ ตั้งหน้าหาเงินมาใช้หนี้ เขาก็จะรู้สึกหงุดหงิดที่เราเมินเอง (อาจ)ทำให้เขาเสียการทรงตัวได้วะ 55555 สนุกกกกกกกก อยากอ่านต่อยาวๆ งี้ถ้าต้องรอหลายๆตอนก่อนค่อยอ่าน อย่าว่ากันนะ 55555 อ่านจบตอนนี้ก็ค้างไป รออะรอได้ แต่ใจจิขาด 555555 ง่ะ มันสนุกอ่ะ เหนือจะทำไงกับไอ้พี่วินดี ดื้อตาใสใส่แม่ง 555555
ขอบคุณคร้าบ มาเม้นต์ทีไรมีกำลังใจมาฝากเยอะแยะเลย  :กอด1:
นาทีนี้เหนือรักตัวเองไม่ทันละ รักพี่วินไปเยอะละ เยอะจนขัดใจตัวเอง ที่มันชอบเธอ  :hao3:
อยากเขียนให้ได้วันละ 5 ตอนไปเลยเหมือนกันนะครับ  :ling1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-11-2018 21:35:02
เหนือรุกหนักๆ อย่าปล่อย วินเป็นเกรดพรีเมี่ยม
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 29-11-2018 23:00:58
t2007
เหนือรุกหนักๆ อย่าปล่อย วินเป็นเกรดพรีเมี่ยม
คอนเฟิร์มว่าพี่วินพรีเมี่ยมมากจริงๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: zaneforest ที่ 02-12-2018 05:22:49
โอ๊ย ตายเเล้ว
คนอ่านผู้นี้ก็เพิ่งได้เข้าเล้าเป็ดค่ะ เรื่องเจ้มจ้นเเล้ว
เห็นด้วยกับ คห.บนของคนเขียน พี่วินงานดี ถึงจะผีเข้าผีออกก็เถอะ จับไว้ให้เเน่นนะเหนือ
รอคนเขียนเสมอค่ะ คนเขียนก็รอคนอ่านด้วยเด้อ 5555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 03-12-2018 20:44:06
Zaneforest
โอ๊ย ตายเเล้ว
คนอ่านผู้นี้ก็เพิ่งได้เข้าเล้าเป็ดค่ะ เรื่องเจ้มจ้นเเล้ว
เห็นด้วยกับ คห.บนของคนเขียน พี่วินงานดี ถึงจะผีเข้าผีออกก็เถอะ จับไว้ให้เเน่นนะเหนือ
รอคนเขียนเสมอค่ะ คนเขียนก็รอคนอ่านด้วยเด้อ 5555
 รอตลอดน้าาาาาา แวะมาอ่านได้ตลอด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 03-12-2018 21:07:31
สงสัยกันมั้ยครับว่าทำไมไรต์ถึงเขียนให้เหนือส๊าวสาวถึงเพียงนั้น (เหนือแอ๊บแมนได้นะ)
คือไรต์ได้ดูซีรี่ย์วายมาพอสมควร อ่านนิยายวายก็หลายเล่มอยู่ เกือบทั้งหมดนั้นตัวเอกที่เป็นตัวรับจะแมนมากเว่อร์ แมนเป็นผู้ชายเลย แบบคนอื่นไม่รู้ สังคมไม่รู้ ซึ่งนั่นก็ฟินดีนะ เพราะไรต์ก็ชอบแมนๆ 555555
แต่ในความจริงแล้วเกย์สาวๆ ซึ่งมีจริตจะก้านเด่นชัดทั้งยังไม่แคร์ในการแสดงออกของตัวเองนั้นมีอยู่เกลื่อนเมืองจนถมที่นาได้หลายพันเอเคอร์ (หรืออาจเพราะไรต์สังเกตเกย์แมนไม่ออกก็ไม่รู้นะ ถ้าเขาแมนมาก)
ไรต์ในฐานะที่เป็นเกย์คนนึงจึงอยากจะเสนอความจริงอีกมุมที่หลุดจากอุดมคติความวาย ว่ายังมีเกย์แมนๆ หรือไบเซกชวลที่เขาชอบเกย์ออกสาวอยู่นะ แม้ว่าส่วนมากจะชอบแบบนุ่มนิ่มสาวนิดๆ ไม่มากเกินงาม (ถ้าสาวมากหรือแต่งหญิง ส่วนใหญ่จะไม่แสดงให้แฟนเห็น เก็บไปแรดกะเพื่อนๆ) ซึ่งจะนำตัวตนเหล่านั้นเสนอผ่านบุคลิกของเหนือ
อีกอย่างก็คืออยากเห็นเกย์สาวมีที่ยืนแบบมีสปอตไลท์ส่องในวงการเกย์บ้าง 55555555 (ในความเป็นจริงเกย์ส่วนใหญ่ก็จะชอบแมนๆ แอ๊บได้อยู่ดีนั่นแหละ)

เข้ามาเม้าท์มอย  o18
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Fengfang ที่ 03-12-2018 21:45:02
ไรท์มาต่อเถอะนะเพี้ยง :call:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 03-12-2018 22:09:14
Fengfang
ไรท์มาต่อเถอะนะเพี้ยง :call:
กะลังปั่นอยู่จ้าาาาา  :katai4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 04-12-2018 07:30:57
เพิ่งอ่านรวดเดียว อยากมุดจอลงไปสิงน้องเหนือแล้วจับไอคุณพี่วินมาเขย่าถาม เมิงต้องการอะไรวะคะ(ครับ)เอาให้ชัด
พี่วินนี่ผีเข้าผีออกคุ้มดีคุ้มร้ายเหมือนคนเป็นไบโพล่าอะ 555

ps.เป็นกำลังใจให้คนแต่ง รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-12-2018 01:06:13
mimasopu
เพิ่งอ่านรวดเดียว อยากมุดจอลงไปสิงน้องเหนือแล้วจับไอคุณพี่วินมาเขย่าถาม เมิงต้องการอะไรวะคะ(ครับ)เอาให้ชัด
พี่วินนี่ผีเข้าผีออกคุ้มดีคุ้มร้ายเหมือนคนเป็นไบโพล่าอะ 555
ps.เป็นกำลังใจให้คนแต่ง รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ

ขอบคุณคร้าบ  :mew1:
พี่วินโดนเขย่าตัวคลอนไปทีละ มีแต่คนอยากถีบที่มาแกล้งเหนือ  :hao7:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 10 : หน้า 3 (28/11/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-12-2018 01:07:46
ตอนที่ 11


   “เสาร์นี้พวกมึงว่างป่ะ” พี่เอ็มถามตอนที่พวกเรากำลังรอลิฟต์ลงไปข้างล่าง “ไปไหว้พระกัน”
   “ควรเป็นอีแมนม้ะ ที่ชวน” ต้าร์แขวะ
   “อีห้าบาป อี sin city อี silent hill” พี่เอ็มเท้าสะเอว “มึงกับกูก็คาวโลกีย์พอกันนั่นแหละ”
   “พวกมึงนี่โหวกเหวกตั้งแต่เช้ายันตะวันจะตกเลยนะคะ” เอเดินเข้ามาร่วมวง “มิน่าถึงได้ไม่มีผัว”
   “ค่า อีมีผัว อีปลีกตัวออกจากเพื่อน” พี่เอ็มกับต้าร์หันมาประสานเสียงกัน
   “เอ๊า ถ้าพวกมึงมีผัว มึงก็เลือกผัวมากกว่าเพื่อนเหมือนกันนั่นแหละ” เอเชิดหน้า
   “ก็จริงของมันนะ อาม่า” ต้าร์ว่าอย่างออกตัว
   “สรุปจะไปกันมั้ยคะ” พี่เอ็มทวนรอบวงกึ่งบังคับกลายๆ แล้วจึงหันไปเจาะจงกับเอ “ทริปนี้พาพี่โอ้ผัวมึงไปด้วยก็ได้”
   ทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก เหลือแต่ผมคนเดียวที่บอกว่า “วันเสาร์กูกลับบ้านที่ราชบุรี กลับมาอีกทีก็เย็นๆ วันอาทิตย์เลยอ่ะ”
   “ตอแหลเพราะไม่อยากไปป่ะคะ” ต้าร์ดักคอ
   “ไปด้วยกันเถอะเหนือ ทำบุญไม่ต้องใช้ตังค์ก็ได้บุญ ทำแค่บาทเดียวก็ได้บุญ” แม่ชีของเดอะแก๊งพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบชุ่มเย็น
   “มึงต้องเชื่อคำอีแมนนะ ในแก๊งเรามันใกล้เคียงกับโสดาบันที่สุดละ” พี่เอ็มว่า
   “กูไม่ได้กังวลเรื่องเงินแต่เสาร์นี้กลับบ้านจริงๆ” ผมยืนยัน
   “ตามใจ ไว้พวกกูจะทำบุญให้มึงก็ละกัน”
   “อีดอก ไม่กรวดน้ำให้กูด้วยเลยล่ะงั้น”
   เสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกเราเงียบลงทันทีเมื่อออกจากประตูเข้าตึกออฟฟิศมาเจอกับรถบีเอ็มดับบลิวสีดำเคลื่อนมาจอดเทียบ แค่เห็นกระจกรถเลื่อนลงผมก็แทบจะปั้นหน้าไม่ถูกละ นี่ในรถยังมีผู้หญิงอีกคนนั่งคู่กับพี่วินอยู่ด้วย มันรู้สึกเหมือนโดนชกแรงๆ ที่อกแบบนั้นเลย
   “ไฮ!” มายด์ยื่นหน้าระรื่นออกมาทัก
   “อ้าวมายด์” ผมต้องแอ๊กติ้งไปตามเรื่อง “เจอกันอีกแล้วเนาะ”
   “มายด์มาทำเล็บแถวนี้ พอจะกลับรถก็พังซะงั้น ตะกี้ก็เลยโทรขอความช่วยเหลือจากพี่วิน แต่นี่ก็ว่าจะไปหาอะไรกินกันน่ะ”
   ผมว่าผมเริ่มคุ้นกับวิธีพูดคุยโวของมายด์แล้วนะ ถามอย่างเดียวหรือไม่ต้องถามก็ได้ข้อมูลครบถ้วน ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง ที่สำคัญบอกให้เรารู้สึกจี๊ดๆ อยู่ฝ่ายเดียวด้วยสิ
   “อ้อ ขอให้อร่อยนะ” ผมยิ้มแห้งๆ เริ่มจะสวมหน้ากากไม่ไหว
   “ไปละ บายจ้า” แล้วกระจกก็เลื่อนขึ้นพร้อมกับรถเคลื่อนออกไปจนลับสายตา
   พี่วินไม่ได้หันมามองผมเลยครับ
   “นั่นน่ะเหรออีมายด์ ตอแล๊ตอแหล อุตส่าห์จอดรถบอกเลยเชียว ชวนเป็นมารยาทสักนิดก็ไม่มี” พี่เอ็มหันมาถามผม “นางดูมารยาอ่ะมึง”
   “แต่ว่าไม่ได้นะ นางสวยจริงอะไรจริง ไม่งั้นไอ้พี่วินไม่ยอมรีเทิร์นด้วยง่ายๆ หรอก” ต้าร์ว่า
   “สรุปคือเขารีเทิร์นกันแล้วเหรอ?” เอถาม
   “โอ๊ย น้อยไปสิคะ ชะนีทำหน้าระริกยังกะปลากระดี่ได้น้ำขนาดนั้น กูว่าพากันรีเทิร์นไปหลายโค้งแล้วค่ะ อุ๊บบบส์…” ต้าร์โพล่งออกมาก่อนจะรีบรูดซิบปาก “กูเดา กูไม่รู้จริงหรอก อาจจะกลับมาคุยกันประสาคนรู้จักอ่ะแหละเนอะ”
   “กูว่ามึงควรไปทำบุญกับพวกกู เอาสิบเก้าวัดไปเลยค่ะ” พี่เอ็มเข้ามาโอบที่เอวผมอย่างปลอบใจ
   “ถวายของเป็นคู่เสริมดวงความรักได้นะ” แมนบอก “อย่างพวกแจกันคู่ เทียนคู่ ผลไม้แพ๊กคู่ไรพวกนี้”
   “อีแมน กูก็ถวายของเป็นคู่ตามที่มึงบอกมาเป็นปีละนะ ไม่เห็นกูจะมีผัวสักที” ต้าร์หันไปแขวะ “ถวายจนหลวงพ่อท่านรู้ละว่ากูอยากมีผัวจนตัวสี้ตัวสั่น”
   “ใจเย็นๆ สิ คนที่ใช่จะมาในเวลาที่เหมาะสมนะ” แมนหัวเราะ
   “ค่า ถ้าคนที่ใช่ของกูโผล่หัวมาตอนอายุห้าสิบนู่นล่ะคะ กูอยากกินกล้วยงาช้างนะไม่ใช่มะเขือเผา”
   “เบื้องบนอาจจะลงมติให้คนบาปอย่างมึงอยู่เป็นโสดจนยานคาคานก็เป็นได้นะคะ”
   ผมก็เนียนๆ ทำเป็นเฮฮาไปแหละครับ ไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังอ่อนแอเหลือเกิน…

   เดินซึมกะทือกลับมาถึงแมนชั่นก็เกือบสองทุ่มละครับ มือข้างหนึ่งหิ้วข้าวกล่องจากร้านตามสั่งหน้าปากซอยมาด้วยซึ่งข้างในเป็นอะไรผมก็จำไม่ได้แล้วล่ะ ไม่รู้ด้วยว่าจะกินรึเปล่า มันอิ่มๆ ตื้อๆ แม้ว่าตอนเย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่าง อาการแบบนี้มันเหมือนตอนเลิกกับพี่ป๊อปไม่มีผิด…ทั้งที่ผมกับพี่วินก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ทำไมถึงได้รู้สึกมากขนาดนี้ก็ไม่รู้
   “คุณเหนือ” ลุงยามเรียกก่อนที่ผมจะเดินเลยเข้าไปกดลิฟต์
   “ครับ?”
   “อย่าหาว่าลุงยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณเหนือเลยนะ” ลุงยามถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเปิดเผย “ลุงดูกล้องวงจรปิดตรงทางเดิน เห็นคุณเหนือเอากล่องเสื้อผ้ามาทิ้งก็เลยเก็บไว้ให้” 
   “เอาทิ้งไปเถอะครับ เหนือไม่เอาแล้ว”
   “เมื่อเช้าแฟนคุณเหนือมาหา บอกว่าเมื่อคืนคุณเหนือน่าจะเมาก็เลยจะแวะรับไปส่งที่ทำงาน เขาเห็นกล่องนั้นพอดี ลุงก็เลยเอาให้เขาไป”
   “ครับ เอาคืนเขาไปก็ได้”
   ลุงยามถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ทะเลาะกันอีกแล้วล่ะสิ”
   “ที่จริงเราไม่ได้เป็นอะไรกันหรอกครับ”    
   “แน่เหรอว่าที่หน้างอเป็นหมาหงอยเนี่ยไม่ใช่เพราะคุณวิน” พูดจี้ใจผมพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย
   อีลุงยามนี่ชักจะรู้ลึกรู้จริงเกินไปละ ใต้เตียงผมมีเครื่องดักฟังอยู่รึเปล่าวะ
   “อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ลุงเอ็นดูคุณเหนือก็เลยอยากบอกว่าถ้าเจอคนที่ใช่แล้วก็อย่าปล่อยให้เขาหลุดไปง่ายๆ” ลุงยามทำสีหน้าปลงๆ “ลุงก็เคยมีแฟนอยู่คนนึง สมัยก่อนคนไม่ยอมรับเท่าตอนนี้ ต่างคนต่างก็กลัวคำพูดกลัวสายตาคนอื่นก็เลยหลบๆ ซ่อนๆ พอเขาอึดอัดก็เลยหนีไปคบผู้หญิง”
   “แล้วลุงไม่ตามเขาเหรอครับ”
   ลุงยามส่ายหน้า “ลุงไม่กล้าหรอกเพราะคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้หญิงคนนั้น… ก็เลยมานั่งเสียใจอยู่จนวันนี้”
   “เสียใจด้วยนะลุง” ฟังแล้วก็น้ำตาคลอ ทำไมถึงได้คล้ายกับเรื่องของผมจัง
   “ช่างมันเถอะ เรื่องก็ผ่านมานานละ” ลุงยามตบที่บ่าผมเบาๆ “ของที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา… แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเขาก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นของเรา”

   หลังจากเช้าวันจันทร์ผมกับพี่วินก็ไม่ได้พูดกันเลยแม้แต่คำเดียวจนถึงเย็นวันศุกร์
ผมถือว่าเป็นสัปดาห์ที่ผมอึดอัดมากจริงๆ มันเป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่เราถูกคนรู้จักละเลยหรือเวลาที่ทะเลาะกับเพื่อนแล้วไม่มีใครยอมอ่อนให้ทั้งที่ก็อยากจะกลับมาพูดคุยกันเหมือนเดิมน่ะครับ แต่เหตุการณ์ของผมกับพี่วินมันบอกในตัวอยู่แล้วว่าไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องพูดคุยกัน แล้วก็…ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาเขาก่อนด้วยล่ะ 
   “ยังไม่เสร็จอีกเหรอมึง” พี่เอ็มกับเดอะแก๊งเดินมาหาที่โต๊ะ “ให้พวกกูอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”   
   “ไม่เป็นไร กลับไปก่อนเลย พรุ่งนี้ไปไหว้พระกันแต่เช้าไม่ใช่เหรอ” ผมโบกมือไล่ 
   “อยู่ได้แน่นะ” ต้าร์ถามย้ำพลางเหล่ตาไปทางโต๊ะพี่วินซึ่งเจ้าตัวไม่อยู่ตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน
   “กูบอบบางขนาดนั้น?” ผมหัวเราะ “กูคือนางเอกสมัยใหม่ที่สู้คน เข้มแข็ง หัวรั้น จิกกัด ตบตี ด่าทอไฟแลบ แซ่บสุดในเรื่อง นางร้ายหน้าไหนเป็นอันต้องพ่ายกระเจิง”
   “แต่กูก็เห็นอีนางเอกสมัยใหม่ทุกรายแพ้ทางพระเอกหล่อๆ ทุกที น้ำเน้าน้ำเน่า”
   “เออน่า พวกมึงกลับไปเถอะ” ผมบุ้ยปากไปทางโต๊ะพี่วินก่อนจะบอกว่า “มันคงกลับไปแล้วล่ะ”
   “ตามใจ”
   
   ผมนั่งทำงานต่ออีกเกือบชั่วโมงก็เสร็จ ปิดคอมฯ แล้วก็เดินไปห้องน้ำก่อนจะกลับมากดลิฟต์ ตอนที่รอลิฟต์มารับก็เริ่มเล่นมือถือไปด้วย พอประตูเปิดก็เดินเข้าไปโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นดูอย่างอื่นเลย
   “รอด้วยครับ” เสียงอีกคนบอกจากนอกลิฟต์
   “ครับ” ผมขานรับพลางกดให้ประตูเปิดรอโดยที่ก็ยังไม่ได้เงยหน้าอีกแต่พอเขาเข้ามาอยู่ในลิฟต์เรียบร้อยนั่นแหละ กลิ่นน้ำหอมนั่นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาได้
   พี่วินยืนอยู่ข้างๆ ผม แต่เราก็ยังไม่พูดกันแม้แต่คำเดียว…
   จังหวะนั้นเหมือนเวลาเดินช้ากว่าเดิมครับเพราะยืนอึดอัดอยู่นานแล้วนานอีกแต่ลิฟต์ไม่ถึงชั้นล่างสักที จนกระทั่งพี่วินยื่นมือไปกดนั่นแหละถึงได้รู้ว่าลืมกด
ลิฟต์เลื่อนลงมาได้ชั้นเดียว ทุกอย่างก็ดับพรึ่บ!
“เชี่ย!” ผมสะดุ้งมากเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์ไฟดับแล้วติดอยู่ในลิฟต์มาก่อน
ผ่านไปหลายอึดใจอยู่เหมือนกันกว่าจะหายตระหนก แล้วจึงพบว่าตัวเองโผมาเกาะแขนทั้งยังเอาหน้าซุกหลังพี่วินได้ยังไงกันวะครับ
“เชี่ย!” ผมอุทานอีกรอบก่อนจะรีบดีดตัวออกมา
   “ไม่ตายหรอกน่า” พี่วินถอนหายใจเพลียๆ “เดี๋ยวไฟก็ติด”
   “ก็ถ้าอยู่ๆ มันหลุดลงไปกระแทกข้างล่าง ไม่ตายไหวเหรอ” คือพอได้คุยกันก็อย่างที่เห็นแหละครับ อ้าปากเป็นเถียง
   พี่วินถอนหายใจเพลียๆ อีกรอบแล้วจึงกดปุ่มฉุกเฉิน ไม่นานก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ข้างนอกได้
   “ใจเย็น เขารู้แล้วว่ามีคนติดอยู่ในลิฟต์”
   ผ่านไปสักสิบนาทีผมก็เริ่มชินกับกล่องเหล็กมืดๆ แคบๆ และเริ่มจะร้อนอบนี่ละ เห็นพี่วินนั่งลงกับพื้นก็เลยนั่งลงบ้าง
   “รู้ด้วยเหรอว่ามายด์เป็นแฟนเก่าพี่” พี่วินเริ่มคุยเหมือนไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
   ไม่เอามือถือมากดเล่นเหมือนผมล่ะ
   “อือ…เคยเห็นรูปในตู้เสื้อผ้า” ผมเม้มปาก ปิดแชทรายงานสถานการณ์ในกลุ่มไลน์เดอะแก๊ง ลังเลว่าจะพูดดีมั้ย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถาม “กลับมาคบกันเหรอ?”
   “แค่คุย” พี่วินตอบสั้นๆ แต่ไม่กระจ่างสำหรับผมนะ แต่แค่นั้นผมก็รู้ละครับว่าโอกาสที่พี่วินกับมายด์จะกลับมาคบกันมีสูงมาก ผมว่าผมรู้นะว่าพี่วินเป็นคนยังไง ถ้าไม่ก็คือไม่ แต่ลองพูดแบบกึ่งๆ แบบนี้ก็คงจะตัดไม่ขาดอยู่นั่นเอง
คงรักมันมากสินะ (ขอเรียกอีมายด์ว่า ‘มัน’ เพื่อนความไม่สุภาพกับเพศแม่)
   “ตอนนั้นขอโทษนะ…ที่พูดไม่ดี” ผมมองหน้าพี่วินอย่างสำนึกผิดจริงๆ
   “ตอนไหน มีหลายตอน” พี่วินถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
   กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว พูดซะความสำนึกผิดของผมปลิวหายไปหมด ผมได้แต่มองหน้าพี่วินเคืองๆ จากนั้นก็บอกเพิ่มเติม “สมัยเรียน ที่มายด์ยื่นมือถือให้คุย”
   “อ้อ”
   “คือตอนนั้นกำลังทำรายงานกลุ่มแล้วเหนือก็หงุดหงิดที่มายด์เอาแต่คุยโทรศัพท์ เหนือก็เลย…” นึกถึงสิ่งที่เคยทำเอาไว้แล้วก็อยากตีปากตัวเอง “เหนือไม่รู้ว่าเป็นพี่อ่ะครับ ถ้าคำพูดพวกนั้นมันทำให้พี่โกรธ เหนือก็ขอโทษ”
   พูดจบไฟก็ติด ลิฟต์กลับมาทำงานแล้วค่อยๆ เลื่อนลงไป พอประตูเปิดผมรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกครับ อาจเป็นเพราะได้คลี่ปมที่ค้างคามายาวนานหลายปีของพี่วินซึ่งผมมีส่วนร่วมอยู่ด้วย นอกจากนี้ผมยังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่วินก็คงจะจบลงแล้วด้วยเช่นกัน อย่างนั้นผมก็จะทิ้งเรื่องราวว้าวุ่นใจให้อยู่ในกล่องมืดๆ ที่เพิ่งก้าวออกมานั่นแหละครับ
   “แล้วเจอกันครับพี่” ผมหันไปยิ้มโบกมือให้พี่วิน
เรื่องของลุงยามที่เล่าให้ฟังเหมือนจะย้อนกลับมาให้ได้ทำความเข้าใจในตอนนี้…
   ‘ของที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเขาก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นของเรา’
   ผมรู้แล้วครับว่าพี่วินคงไม่ใช่คนของผม…
   “อืม เจ้าเด็กปากดี”
   ผมว่าผมทันเห็นรอยยิ้มของพี่วินแวบนึงนะ ก่อนที่เขาจะเดินแยกไปอีกทาง
   
   จากกรุงเทพฯ มาถึงทางเข้าบ้านที่ราชบุรีผมต้องนั่งรถสองต่อ รวมแล้วใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงนะครับ
   “เหนือใช่ไหมนั่น” เสียงป้าทองดังมาจากในร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีรถมอเตอร์ไซค์ของลูกค้าจอดเรียงอยู่เกือบสิบคัน “เข้ามาหลบแดดข้างในก่อนเร็ว”
   “หวัดดีครับป้า” ผมยกมือไหว้ นั่งลงปุ๊บป้าทองก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำกับลูกชิ้นลวกวางให้ตรงหน้าปั๊บ ผมเห็นสายตาลูกค้าที่มาก่อนมองอย่างเคืองๆ ด้วยแหละ แต่นี่แหละครับคืออภิสิทธิ์สำหรับลูกชายเจ้าของที่ดินที่ป้าทองเช่าเพื่อตั้งร้านขายก๋วยเตี๋ยว “ขอบคุณครับ”
   ผมกินไปก็มองออกไปทางหลังร้านซึ่งเป็นแปลงผักกะหล่ำทอดยาวไปจนถึงตัวบ้านที่เห็นอยู่ลิบๆ สายตานู่น นั่นแหละครับบ้านผม แต่อย่าเพิ่งอุทานว่าโอ้โหรวยนะครับ เรียกว่าแค่พอมีพอกินไม่อับจนเท่านั้นก็พอ แล้วก็อย่าเพิ่งบอกว่าผมน่าจะอยู่บ้านมากกว่าไปเป็นมนุษย์เงินเดือนในเมืองกรุงเลยนะ สิ่งที่ผมเป็นอยู่ผมเลือกของผมแล้วครับ
   “ตั้งแต่เข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยกลับบ้านเลยนะ” ป้าทองลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวไปก็คุยกับผมไป “ป้าเกือบจะลืมหน้าตาเราไปละ”
   “นานๆ กลับทีครับ” อันที่จริงผมกลับมาปีละห้าหกครั้งอยู่นะ แต่นั่นคงไม่บ่อยพอที่ป้าทองจะชินตา
   “มีแฟนรึยังล่ะ” จู่ๆ ป้าทองก็ยิงคำถามมาพลอยทำให้ลูกค้าคนอื่นในร้านพากันมองผมอย่างรอฟังคำตอบด้วย
   “ยังไม่มีหรอกครับ” เรื่องจริง ผมยังโสด
   “เป็นแฟนกับไอ้เด่นลูกป้ามั้ยล่ะ”
   “ป้า!” ผมแทบจะพรวดน้ำต้มยำออกมา
   “แน่ะ แซวหน่อยล่ะสำลัก” ป้าทองหัวเราะจนล้ำลายกระเด็นลงหม้อต้มน้ำก๋วยเตี๋ยว
   “มีไรแม่ เรียกเหรอ”
คนที่ชะโงกหน้ามาคงเป็นไอ้เด่นนั่นแหละ ครั้งล่าสุดที่เจอหน้ากันมันยังเด็กอยู่เลยอ่ะครับ แต่ตอนนี้น้องเด่นโตเป็นหนุ่มน้อยแล้ว คงสิบเจ็ดสิบแปดแล้วล่ะมั้ง ผิวแทนนิดๆ แต่หน้าเนียนดี ผอมไปหน่อยแต่ก็ดูมีกล้ามซุกซ่อนอยู่บ้างนะ
กรี๊ด หล่อใช้ได้นะ
“อ้าวพี่เหนือ” น้องเด่นยกมือไหว้ก่อนจะหันไปถามป้าทอง “มีไร”
“อย่าเพิ่งไปไหน รอพี่เขากินเสร็จแล้วเอ็งขับรถไปส่งพี่เขาเข้าบ้านที” ป้าทองสั่ง
น้องเด่นพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันไปสนใจกับมือถือต่อ
ผมกินเสร็จ พอจะจ่ายเงินป้าทองก็โบกมือไล่ “ไอ้เด่นรีบพาพี่เขาไปเร็ว” 
   ผมยืนกรานจะจ่ายให้ได้แต่ก็ไม่ทันอ่ะครับ น้องเด่นคว้าข้อมือผมแล้วดึงออกร้านมาตรงที่จอดมอเตอร์ไซค์ ผมรู้สึกบอบบางมากสู้แรงน้องเขาไม่ได้เลยจริงๆ
   “ขึ้นมาเลยพี่เหนือ” น้องเด่นบอกอย่างเชื้อเชิญ “กอดเอวผมได้เลยพี่”
   รู้สึกฟินดีจังเวลาที่มีผู้ชายเอาใจ 555
   “เรียนชั้นไหนแล้วล่ะ” ผมชวนคุยไปตามเรื่องแหละครับ
   “ม. หกแล้วพี่”
   “มีแฟนยังอ่ะ”
   “มีแล้ว”
   ชิ เหม็นสาบความรัก ผมเบ้ปากใส่ท้ายทอยมัน
   คุยกันได้เท่านั้นแหละครับเพราะจากร้านป้าทองมาถึงบ้านผมก็ไม่ไกลมากเมื่อน้องเด่นพาซิ่งเข้ามาซะขนาดนี้
   “อ่ะ พี่ให้” ผมยื่นตังค์ให้สองร้อย ถือว่าเป็นค่าก๋วยเตี๋ยวเมื่อกี้ละกัน
   “ไม่เอาหรอกพี่ แม่ห้ามเด็ดขาด”
ปากบอกไม่แต่ตาน้องเด่นอยากได้นะ ผมรู้
   “ป้าทองไม่รู้หรอก” ผมยัดใส่มือน้องเด่น เรียกว่าลงทุนไว้เผื่อคราวหลังใช้ให้ทำอะไรจะได้ว่าง่ายๆ อิอิ
   “ขอบคุณครับพี่ น่ารักที่สุด” น้องเด่นยกมือไหว้ “มาบ่อยๆ นะพี่”
   “เออ ขอบใจมาก”
   พอน้องเด่นซิ่งมอเตอร์ไซค์ออกไปแล้วผมก็เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาละ เฮ้อ
   
   “จำทางกลับบ้านถูกด้วยเหรอ” เสียงทักทายจากพ่อผมเองครับ
   ผมยกมือไหว้พอเป็นพิธีแล้วก็เดินผ่านแคร่ไม้ใต้ต้นมะม่วงที่พ่อกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกหมาสองตัวเข้าไปในบ้าน
   บ้านของผมก็คล้ายกับบ้านส่วนใหญ่ตามต่างจังหวัด ไม่ได้สวยแต่ร่มรื่น ไม่ได้ดูแพงหรือทันสมัยแต่ก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันนะครับ เรียกว่าสมถะมากแบบไม่เตะตาโจรอ่ะครับ แต่คงไม่มีโจรมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านผมหรอก คนทั้งตำบลรู้ดีว่าพ่อผมโหด
   ถึงตรงนี้ก็คงอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยครับว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยอยากกลับบ้านสักเท่าไหร่ เรื่องมันเริ่มตอนที่ผมเรียนปีหนึ่งเทอมสองครับ ตอนนั้นผมพาเพื่อนคนนึงกลับมาเที่ยวบ้านด้วย ที่จริงเราก็ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงศึกษาดูใจกันนะ เกือบจะตกล่องปล่องชิ้นได้เป็นแฟนคนแรกของผมละ ถ้าตอนที่เราจูบกันอยู่ในห้อง (ย้ำว่าอยู่ในห้องส่วนตัวของผม) แล้วพ่อไม่เปิดประตูผลัวะเข้ามา ว่าที่แฟนของผมโดนพ่อต่อยจนฟันโยกไปทั้งแถบ หลังจากที่กลับมากรุงเทพฯ เขาก็ไม่คุยกับผมอีกเลยครับ
   “ไม่หอบใครมาด้วยเหรอ” พ่อผมตามเข้ามากระแนะกระแหนถึงในบ้าน
   “อยากให้พาใครมาล่ะ” ผมย้อน
   “ผัวมึงไง”
   “พ่อ!”
   “เออ กูพูดผิดตรงไหน หรือว่าเปลี่ยนใจเอาเมีย”
   “ก็ถ้าเหนือจะมีผัวมันผิดมากนักเหรอ” ผมอยากกลับกรุงเทพฯ ทั้งที่เพิ่งเข้าบ้านมาได้ไม่ถึงสิบนาทีนี่ล่ะ
   “เถียงฉอดๆ เหมือนแม่มึงไม่มีผิด” เสียงพ่อดังกว่าเดิมละครับ “ก็ถ้ามึงมี…ตื๊ด…(เสียงเซนเซอร์แทนคำว่าหอสระอี) แล้วจะมีผัวกูก็ไม่ขัดโว้ย”
   “พ่อ! เราเคยคุยกันแล้วนะ” ผมยกเป้ที่เพิ่งวางกลับขึ้นบ่าละ ไม่เอาละ
   “หยุด! พี่เดชออกไปข้างนอกเลย เหนือมันก็เคยบอกแล้วว่ามันไม่ชอบผู้หญิง จะไปอะไรกับมันนัก” คนที่โผล่มาห้ามศึกคือน้ายา…แม่เลี้ยงของผมเองครับ “ออกไปเลยนะ ลูกอุตส่าห์กลับมาบ้าน”
   สิ้นคำขาดของน้ายา พ่อก็เดินออกไปข้างนอกอย่างหงุดหงิดโดยมีลูกหมาวิ่งพันแข้งพันขาตามไปด้วย
   นี่แหละครับสาเหตุที่ผมไม่ค่อยอยากกลับมาบ้าน พ่อแท้ๆ เข้าใจผมได้น้อยกว่าแม่เลี้ยงอีก กลับมาทีไรเป็นต้องทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ ทุกที นึกแล้วอยากจะมีผัวจะพามาเอาให้พ่อดูต่อหน้าให้รู้แล้วรู้แรด
   “กินอะไรมารึยังล่ะเหนือ เดี๋ยวน้าหาให้กิน” น้ายายึดเป้ผมไว้ก่อนเลยครับ กลัวว่าผมจะหนีกลับ
   “กินก๋วยเตี๋ยวป้าทองมาละครับ”
   “อย่าไปถือพ่อเอ็งเลย คงจะเครียด เมื่อเช้าเพิ่งเจอว่ากะหล่ำโดนหนอนกินซะเหี้ยนไปเกือบแปลง”
   ผมมองตามออกไปข้างนอกก็เห็นว่าพ่อเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแต่ลูกหมาสองตัววิ่งกัดกันไปมา
   “บ้านเราเลี้ยงหมาแล้วเหรอ” ผมถาม
   “พ่อเอ็งไปเก็บมาจากถนนเมื่อวาน เห็นว่ามีคนใส่กระสอบฟางมาทิ้ง” น้ายาบอก
   ผมเดินออกไปที่ประตูแล้วทำเสียงเรียกมันก็มาหาครับ หมาเด็กนี่หลอกง่ายดีจัง ตัวแรกส่ายหางดุกดิกเข้ามาเล่นเลยครับ แต่อีกตัวยืนทำคิ้วย่นตาขวางไม่ยอมเข้ามา ท่าทีไว้เชิง ขี้เก๊ก ไว้ใจคนอื่นยากแบบนั้นเห็นแล้วนึกถึงใครบางคน
   “พวกมันมีชื่อยังอ่ะครับ”
   “ยัง เหนือตั้งชื่อให้มันเลย”
   “สิบทิศ” ผมลูบหัวหมาตัวแรกพร้อมกับตั้งชื่อ ดูเหมือนมันจะชอบชื่อนะ ยิ้มร่าเชียว “ส่วนแกชื่อวิน” ผมชี้ไปที่ลูกหมาอีกตัว
   
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: FanclubPong ที่ 05-12-2018 01:32:56
อุ๊ยร้าย ปู้ชายใจหมา
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 05-12-2018 01:37:05
ชื่อน้องหมาทำไมเหนือร้ายแบบนี้ลำไยชะนีมากเลยอะเนื้อเต้นขนาดนี้อยากดีดให้หายเต้น  :beat:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-12-2018 02:27:29
55555555555555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 05-12-2018 07:47:45
ตั้งชื่อได้ดีน้องเหนือ  o13
อันที่จริงหนูควรไปทำบุญกับเพื่อนๆนะ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกแม้แต่ขึ้นลิฟต์ยังดับ(หรือไอคุณวินมันตั้งใจ)
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 05-12-2018 09:31:55
……

555 อุ้ยว้ายยยยย น้องหมาวิน ชื่อโดนใจ 555


 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:


……
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-12-2018 15:32:19
เหนือตั้งชื่อลูกหมาไพเราะจัง วิน อิอิ ไม่ได้แบบตัวคน ก็เรียกชื่อหมาวิน แล้วกัน
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-12-2018 18:38:31
FanclubPong
อุ๊ยร้าย ปู้ชายใจหมา
ตั้งชื่อให้ด้วยความรักนะ  :hao7:

ashbyipcet
ชื่อน้องหมาทำไมเหนือร้ายแบบนี้ ลำไยชะนีมากเลยอะเนื้อเต้นขนาดนี้อยากดีดให้หายเต้น  :beat:
ชะนีมันร้ายนะ 555
 :m16:

♥lvl♀‘O’Deal2♥
55555555555555
 :laugh:

mimasopu
ตั้งชื่อได้ดีน้องเหนือ  o13
อันที่จริงหนูควรไปทำบุญกับเพื่อนๆนะ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกแม้แต่ขึ้นลิฟต์ยังดับ (หรือไอคุณวินมันตั้งใจ)
ให้เดอะแก๊งกรวดน้ำให้ก็ได้ 5555555555
 :katai3:

Duangjai
555 อุ้ยว้ายยยยย น้องหมาวิน ชื่อโดนใจ 555
 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:
ตั้งชื่อให้ด้วยความรักนะ
 :mew3:

t2007
เหนือตั้งชื่อลูกหมาไพเราะจัง วิน อิอิ ไม่ได้แบบตัวคน ก็เรียกชื่อหมาวิน แล้วกัน
จะได้เอาคืนโดยการแกล้งน้องหมา 555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-12-2018 19:36:30
สนุกมากกกก  ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-12-2018 00:20:06
 :laugh:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-12-2018 03:57:11
เออนั่นละชื่อหมาวินดีแล้ว จะได้ไม่สับสน ทั้งหมาทั้งคน 5555 สตรองนะเหนือ มันก็จริงนะ 'แค่คุย' ของไอ้พี่(หมา)วินก็คืออยากคุย แอบมีความสนใจอยู่ เพราะงั้นไม่ต้องไปรั้งดึงดันเขามา เชิดไว้เหนือ เราสวยหล่อน่ารักก็อย่าได้แคร์ เชิดไว้ แต่อย่าเชิดเกินไปละเดี๋ยวคอเคล็ด 555555 แล้วอีกอย่างนะก็ได้ขอโทษสิ่งที่ติดค้างในใจไปแล้ว ยิ่งต้องลั้นล้าเดินหน้า ไอ้พี่(หมา)วินก็ช่างแม่งเถอะ ทำให้เราเจ็บปวดใจบ่อยไปละ เมินซะเถอะ หาคนคุยด้วยด่วนๆแล้วชวนไปกินข้าวเลย หึ่ยยยยย!!! 55555555 รอๆต่อไปเหนือจะเอาไงดี มาพักใจที่บ้านแปป พักให้เต็มที่นะ กะว่าจะให้สบายใจแต่พอมาเจอพ่อปากร้ายงี้ ความพักใจจะได้มีไหมเนี้ย เอาน่า พ่อลูกค่อยๆเคลียร์กันะ ใจร่มๆ 55 ^^ สนุกกกก รีบปั่นมาอัพเลย เกิดการทวง1อัตรา 55555555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 06-12-2018 12:09:05
แค่คุย ของอีพี่นี่มันถึงขั้นแล้ว ฝั่งผู้หญิงนังก็ระริกระรี้เชียวววว
อย่าไปสนใจมันเลยเหนือ ยุบยิบหัวใจหน่อย แต่เชิดไว้ เราสวย เราหยิ่ง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Fengfang ที่ 06-12-2018 22:06:16
คิดถึง :katai5:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 06-12-2018 22:08:27
ประกาศ!!!
คอมพิวเตอร์พังนะครับ
เมื่อวานยังดีๆ วันนี้เปิดมาเป็นจอดำมีแต่ลูกศรเม้าส์
 :mew5:
มีตอน 12 อยู่ครึ่งนึงด้วยอ่ะ  :ling1:

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 07-12-2018 00:46:22
ชอบมากเลยค่ะ น่าติดตามมากๆ ฮือ ชอบแนวนี้ พี่วินนี่สิบทิศหรือสิบอารมณ์คะ นอยด์เก่งงง 55555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 08-12-2018 22:12:50
ได้คอมพิวเตอร์กลับมาละนะ
ก็แค่ลงวินโดว์ใหม่  :เฮ้อ:
 
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: jagkree ที่ 09-12-2018 13:40:26
จะรอน้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 11 : หน้า 3 (5/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 11-12-2018 01:08:26
ตอนที่ 12


   NORTH STAR : อยู่ที่คอนโดมั้ยครับ
   ALWAYS WIN : ครับ
   NORTH STAR : ไปหาได้มั้ย
   ผมรู้สึกเคืองนิดหน่อยนะที่พี่วินอ่านข้อความแล้วก็เงียบไป คล้ายเขาคิดว่าผมกำลังเสนอตัวด้วยเรื่องอย่างว่า จนผมต้องพิมพ์ข้อความเพิ่มเติม...
   NORTH STAR : จะเอาเงินไปให้ เตรียมเอกสารสัญญาไว้ด้วยนะครับ
   ALWAYS WIN : ครับ
   
   ใช่ครับ ตอนนี้ผมมีเงินใช้หนี้พี่วินเต็มจำนวนละครับ หากจะถามถึงที่มาของเงินก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อเช้า...
   “พ่อ...” ผมแทบกลั้นใจตอนที่พูดต่อว่า “เหนือขอตังค์ไปใช้หนี้ได้มั้ย?”
   “หนี้อะไร เท่าไหร่?” พ่อวางช้อนส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นจิบ
   “สองแสน” ผมมองจานข้าวตัวเอง ไม่กล้ามองหน้าพ่อครับ
   แค่ก! ผมได้ยินเสียงพ่อสำลักน้ำแล้วจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะพบว่าพ่อมองหน้าผมนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร นาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในสุญญากาศก่อนจะเล่าเหตุการณ์ให้พ่อกับน้ายาฟังด้วยสีหน้าอย่างคนจนตรอกที่สุดแล้ว แต่เล่าเฉพาะที่ผมหยิบตลับใส่ทองสลับกับกระปุกครีมแล้วดันซวยถูกกรีดกระเป๋าเท่านั้นนะครับ
   “เหนือใช้เองไปแล้วห้าหมื่น” ผมมองหน้าน้ายาอย่างขอกำลังเสริม
   พ่อลุกจากโต๊ะกินข้าว เดินหายไปในห้องนอนกว่าสิบนาทีแล้วกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับวางเงินสดสองแสนห้าลงตรงหน้าผมโดยไม่เซ้าซี้เพิ่มเติม
   “คราวหลังก็ระวังหน่อย” พ่อพูดเท่านั้นแล้วก็หยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักข้าวกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   ผมมองพ่อที่ทำเป็นไม่ยี่หระกับเงินที่ให้ผมแล้วก็รู้สึกตื้อขึ้นมา ถึงเราจะทะเลาะกันบ่อยๆ แต่เวลาผมมีปัญหาขึ้นมาพ่อก็ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือสักนิด แถมยังให้เกินมาอีกตั้งห้าหมื่น...

   ผมกลับมาถึงแมนชั่นตอนห้าโมงเย็น ไลน์หาพี่วินเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัว (เหมือนเตรียมพร้อมยังไงไม่รู้) อีกเกือบชั่วโมง ดังนั้นตอนที่มาถึงคอนโดพี่วินจึงมืดแล้วครับ
เดินเข้ามาในล็อบบี้ปุ๊บสายตาก็เหลือบไปเห็นปั๊บ ขาก็พากระโดดไปแอบหลังเสาโดยอัตโนมัติ...
   พี่วินเดินออกจากลิฟต์มาพร้อมกับมายด์!
   ผมอยากจะย่องกลับทันทีเลยให้ตายสิ ดูก็รู้ว่าสองคนนั่นคงขึ้นไป ‘รีเทิร์น’ กันมา
‘ของที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเขาก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นของเรา’
ผมรู้แล้วครับว่าพี่วินไม่ใช่คนของผม... และถึงแม้ว่าผมจะตัดใจไปแล้วตั้งแต่ออกมาจากลิฟต์เมื่อเย็นวันศุกร์ แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมนึกอยากจะป่วนกับสถานการณ์แม่งนี่สักรอบ
“มายด์” ผมก้าวออกมาจากหลังเสาแล้วก็เรียกมายด์เสียงดังจนคนทั้งล็อบบี้หันมามอง “เจอกันอีกแล้ว บังเอิ๊ญบังเอิญ”
พี่วินทำหน้านิ่งๆ แต่ผมทันเห็นนะว่าตะกี้พี่เหวอไปแวบนึง
“ห้องพี่วินมีวีคเอนด์ปาร์ตี้เหรอครับ มายด์ถึงได้มาบ่อยๆ” ผมทำหน้าระรื่นก่อนจะแสร้งทำเป็นแบบว่าอุ๊บบบส์... “หรือว่าคราวก่อนๆ ไม่ใช่มายด์”
ผมสังเกตเห็นสีหน้าของมายด์สลดไปเลย
“พอดีเราต้องรีบไปแล้ว ไว้เจอกันนะเหนือ” พูดแล้วมายด์ก็เดินผ่านหน้าผมไปเลย ผิดวิสัยของนางนะ
สะใจอีเหนือจริงโว๊ย...แต่ก็คิดนะว่าผมแกล้งแรงไปมั้ย
หันกลับมาอีกทีก็เจอไอ้พี่วินยืนกอดอกทำหน้าระอาใส่ผม
“ปากดีจริงๆ นะเรา” ว่าแล้วพี่วินก็เดินกลับไปรอหน้าลิฟต์ แปลกแฮะที่ผมไม่โดนทำตาขวางใส่ แต่ช่างเถอะ โนแคร์ ยังไงพี่วินก็จะไม่มีทางทำอะไรผมได้อีกแล้วทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

เข้ามาในห้องพี่วินได้ผมก็เข้าเรื่องเลยครับ
“ขอสัญญาด้วยครับ” ผมวางเงินสดสองแสนลงบนโต๊ะ
พี่วินเดินไปหยิบเอกสารมาให้สองฉบับ ฉบับแรกคือสัญญาหนี้อีกฉบับคือเอกสารยืนยันการชำระหนี้ครบถ้วนซึ่งพี่วินเซ็นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงเอกสารจะระบุชัดเจนและเพียงพอแล้วก็เถอะ ผมก็ยังอยากจะกันพลาดโดยการถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานซึ่งพี่วินแค่ทำหน้าเพลียๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะ
รูปที่ผมถ่ายไว้คือพี่วินนั่งหน้านิ่งๆ ตรงหน้ามีกองเงินตั้งอยู่ ดูแล้วยังกะแถลงข่าวจับผู้ต้องหาขโมยตังค์พร้อมของกลางได้เลยครับ เห็นผมกลั้นขำพี่วินก็คว้ามือถือผมไปดูซึ่งก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน 555
เมื่อทำธุร(เวร)กรรมเสร็จเรียบร้อยผมก็พับเอกสารทั้งสองฉบับใส่กระเป๋าจากนั้นก็จะกลับเลยครับ อยู่นานไปก็กระอักกระอ่วนพิกล
“เดี๋ยว เจ้าดาวเหนือ”
ผมหูฝาดไปรึเปล่านะที่ได้ยินพี่วินเรียกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างนั้น พอหันไปกล่องเสื้อผ้าใบเดิมก็ถูกยัดใส่ในมือผมเรียบร้อย
“ผู้ใหญ่ให้ของก็ต้องรับไว้” ไม่พูดเปล่า อาศัยจังหวะที่ผมงงๆ พี่วินก็ยกมือถือตัวเองขึ้นมาเซลฟี่ “คราวหลังอย่าเอาไปทิ้งอีกนะ”
ผมทันเห็นรูปบนหน้าจอแวบๆ หน้าผมคือมองกล้องแบบอึ้งแดกส่วนพี่วินไม่ได้มองกล้องเลยสักนิดแต่เอียงข้างมามองผมซึ่งอีกนิดเดียวก็คงจะหอมแก้มผมอยู่ละ
ไม่รู้ว่าพี่วินทำแบบนั้นทำไม ไม่รู้ว่าผีเข้าหรือผีออกแต่พี่วินตอนนี้ก็ทำให้ผมใจสั่นขึ้นมาได้เลยจริงๆ ไอ้ที่เคยปลดปลงไปแล้วก็เหมือนกองฟืนมอดไฟถูกลมเป่าให้มีประกายขึ้นมาอีกละ เฮ้อ
ใจแข็งไว้อีเหนือ ผู้ชายคงจะชักใยล่อให้มึงวนไปติดกับนั่นแหละ
“เปิดประตูให้หน่อยสิครับ” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จ้างให้ก็ไม่หลงกลหรอกโว๊ย
เดินถือกล่องกลับมาถึงแมนชั่นตัวเองก็เห็นลุงยามมองมาพร้อมกับยิ้มฟินๆ
‘ของที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา’
ผมกับพี่วินน่ะเหรอ...คงไม่ใช่หรอกมั้ง 

“กรี๊ด!” อยู่ดีๆ พี่เอ็มก็หวีดร้องขึ้นมาพร้อมกับตบมือฉาด ทำเอาคนอื่นที่กำลังจะลงไปกินข้าวเที่ยงหันมามองเป็นตาเดียว
“แมงอะไรกัดตูดมึงเหรออีพี่เอ็ม” เอแขวะ
“ไม่มีอะไรกัดตูดกูทั้งนั้นแหละ” พี่เอ็มพูดหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ลีลาอยู่นั่น เล่ามา” ต้าร์ลุกจากโต๊ะ “จะไปหาข้าวแดกละ”
“ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้หยุดยาว กูก็เลยพยายามจองห้องที่เสม็ดแต่โดนอีกะเทยแก๊งไหนก็ไม่รู้ปาดหน้าไปละ เหลือให้กูห้องเดียวเนี่ย” พี่เอ็มพ่นอารมณ์ฉุนเฉียวใส่ต้าร์
“มึงอยากได้กี่ห้องล่ะ” เอถาม
“เอ๊า ก็สามห้องสิ กูกับพวกมึงก็ห้าตัวละ รวมพี่โอ้ผัวมึงก็เป็นหก” พี่เอ็มว่า
“ดะ...เดี๋ยวค่ะ มึงยังไม่ได้บอกกูนะแล้วใครว่ากูจะไปกับมึงคะ” เอทำหน้างง
“กูบอกในไลน์กลุ่มวันก่อนแล้วไง” ว่าพลางพี่เอ็มก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความเก่า “นี่ไงขึ้นว่าอ่านกันหมดแล้ว”
พี่เอ็มบอกแล้วจริงๆ แต่มันคือตอนเดียวกับที่ผมติดอยู่ในลิฟต์อ่ะครับ ทุกคนคงสนใจแชทรายงานสถานการณ์ของผมจนไม่ได้สนใจข้อความของพี่เอ็มที่ถูกดันจนหายไปในที่สุด
“กูกับพี่โอ้จะไปเขาค้อกันอ่ะ” เอบอก
“กูจะไปวิปัสนากรรมฐานที่วัดป่า” แมนบอก
หายไปแล้วสอง พี่เอ็มเริ่มหายใจฟืดฟาด “มึงล่ะอีพิตต้าร์”
“ใจเย็นๆ สิคะ เอ็มม่า” ต้าร์หัวเราะคิกคัก “กูว่าง กูไปกับมึงก็ได้”
   “มึงล่ะอีเหนือ” พี่เอ็มตวัดสายตามาหาผมฉับอย่างไม่รอมชอมเพราะรู้ว่าผมไม่มีภาระทางการเงินอีกแล้ว “วันอาทิตย์เป็นวันเกิดมึงพอดีนี่ เดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้าพร้อมกับหาผัวให้มึงคนนึงเลย”
   “ไปก็ได้” ผมไม่คิดนานหรอกครับเพราะเป็นครั้งแรกหลังจากปลดหนี้ที่จะได้ไปเที่ยวอย่างหมดกังวล
   “ที่ไปเนี่ยอยากแดกเหล้าฟรีหรือว่าอยากมีผัวใหม่คะ” ต้าร์แขวะก่อนจะรีบเม้มปากเพราะที่พวกเราเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่เนี่ย ไอ้พี่วินก็ยังไม่ได้ลุกจากโต๊ะไปหาอะไรแดกเหมือนคนอื่นๆ เลยอ่ะครับ
   ผมเห็นพี่วินเหลือบมองมานิดๆ ก่อนจะทำเป็นกลับไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ ได้ทีผมละสิ สวยและเป็นไทแล้วจะประชดประชันเพื่ออัพมูลค่าตัวเองยังไงก็ได้
   “เหล้าฟรีก็อยากได้แต่ผู้ชายต้องคัมเฟิร์ส” พูดจบก็มีสายโทรเข้ามาพอดี ล้วงมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่กรนั่นเองครับ
   ต้าร์ชะโงกหน้ามาดูแล้วก็เบ้ปาก “ยังไม่ทันถึงเสม็ดผู้ชายก็โทรมาเลยนะคะ สงสัยจะเสร็จตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ นี่ล่ะมั้ง”
   ผมพูดกับต้าร์แบบไม่มีเสียงว่า ‘อีดอก’ แล้วจึงเปลี่ยนมาพูดกับพี่กรในสาย “ครับพี่กร... ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ไปเสม็ดกับเพื่อนครับ...”
   พี่วินคงได้ยินทุกอย่างที่ผมคุยกับพี่กรนั่นแหละเพราะผมไม่ได้เลี่ยงไปคุยที่อื่น ก็ไม่ได้มีความลับอะไรต้องปกปิดแอบซ่อนนี่ครับ
พอคุยเสร็จพี่วินถึงเดินผ่านออกไป แบบนี้หมายความว่าเมื่อตะกี้มีคนตั้งใจอยู่ฟังจนไม่ยอมลุกไปไหนรึเปล่านะ
   “คุยเสร็จแล้วก็รีบตามมาสิคะ” พี่เอ็มเท้าสะเอวรออยู่หน้าลิฟต์
ผมมาถึงประตูลิฟต์ก็เปิดพอดี
“วันหยุดนี้พี่วินไปเที่ยวไหนรึเปล่าครับ” แมนเป็นคนชวนคุย
“ยังไม่มีแพลนเลยครับ” พี่วินตอบก่อนจะถามกลับ “แมนกับเพื่อนๆ ไปไหนกันครับ”
“แมนจะไปปฏิบัติธรรม เอไปเขาค้อ ส่วนสามคนนี่ไปเสม็ดครับ” แมนบอกเสร็จสรรพ ทำยังกะที่คุยกันตะกี้เขาไม่ได้ยินยังงั้นแหละ
“ไปเสม็ดด้วยกันมั้ยครับพี่วิน” ต้าร์ทำเสียงเชื้อเชิญสุดๆ อยากเสร็จมากสินะมึง
“แต่ช่วงเทศกาลแบบนี้ห้องเต็มแล้วนะครับ” ผมแทรก “ขนาดพี่เอ็มหามาเป็นอาทิตย์ละ ยังจองได้ห้องเดียวเอง”
“ถ้าพี่วินไปด้วย ต้าร์จะเขี่ยพวกมันสองคนไปกางเต็นท์นอนริมหาด” ต้าร์แทะโลมขำๆ แต่ผมกับพี่เอ็มมองหน้ากันแล้วแบบว่า...ถอนหายใจเพลียเบาๆ
สงสัยจะต้องออกกฎละ ใครได้ผู้ชายที่เสม็ด ห้ามพามานอนในห้องเด็ดขาด ไหนจะรบกวนการนอน ไหนจะต้องระวังข้าวของที่อาจจะโดนหอบไปอีก
“ตามสบายเลยครับ พี่ไม่ไปแย่งที่นอนพวกเราหรอก” พี่วินหัวเราะแล้วก็เดินออกจากลิฟต์ไป
ท่าทางอารมณ์ดีจังนะ ไม่บอกก็รู้ว่าคงจะไปเที่ยววิมานฉิมพลีกับมายด์นั่นแหละ

ALWAYS WIN : ไม่คิดจะชวนพี่บ้างเหรอออออ
หืมมมมม ผมเปิดข้อความในไลน์แล้วก็มองงงๆ ไปที่โต๊ะไอ้ Brand Manager ซึ่งเขาก็ตวัดสายตาวิบวับขึ้นมาคล้ายจะแหย่ผมยังงั้นอ่ะครับ
งงโว๊ย ผีเข้าหรือผีออกอีกแล้วก็ไม่รู้
NORTH STAR : ??
ALWAYS WIN : ที่จะไปเสม็ดกันอ่ะครับ
ผมอึ้ง ข้อความกุ๊กกิ๊กเง้างอดไม่เข้ากับบุคลิกคุณสิบทิศอย่างแรง
ALWAYS WIN : พี่ไม่อยากให้เหนือเสร็จคนอื่นนะ
   ห้ะ! ผมมองไอ้คุณสิบทิศอีกที หันมองรอบๆ อีกทีว่ามีใครกำลังแกล้งอำผมอยู่รึเปล่า…ไม่มีครับ ทุกคนทำงานกันปกติมาก มีแต่อดีตเจ้าหนี้ผมคนเดียวนั่นแหละที่กำลังจับมือถือแล้วกดๆ ข้อความ
   ALWAYS WIN : ไม่ไปได้มั้ยครับ
   ห้ะ! นี่ไอ้พี่วินสะดุดหัวโขกเหลี่ยมเสาจนสมองสั่งการผิดพลาดหรือว่าอีป้าร้านตามสั่งเมื่อเที่ยงเผลอหยิบรากราคะมาใส่ผัดผักรวมมิตรให้ผมกินรึเปล่าวะ
   NORTH STAR : พี่ก็ไปเที่ยวกับแฟนสิครับ
   ALWAYS WIN : หมายถึงใครครับ?
   NORTH STAR : มายด์
   ALWAYS WIN : นั่นแฟนเก่า
   NORTH STAR : เห็นว่ารีเทิร์นกันแล้ว
   ALWAYS WIN : หึง?
   NORTH STAR : เหนือไม่ใช่แฟนพี่นี่ครับ จะหึงทำไม
   “อีเหนือ มัวแต่แชทกับหมาที่บ้านอยู่นั่นแหละ ลูกค้าเมล์ตามงานมึงสองรอบละ กูโดนด่าไปด้วยเลยเนี่ย” ต้าร์กึ่งเรียกกึ่งด่า “ทำงานค่ะทำงาน เกรงใจพี่วินบ้าง”
   ก็หัวหน้ามึงนั่นแหละค่ะที่แชทมาหากู แต่จะว่าไปมันก็เรียกถูกนะ ลูกหมาสองตัวที่บ้านก็ชื่อเหมือนคนที่แชทมานั่นแหละ
   พอหันมาสนใจกับเมล์อันมากมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ผมก็ไม่ได้แตะมือถืออีกเลยจนถึงตอนเลิกงานอ่ะครับ ซึ่งข้อความสุดท้ายในไลน์ก็ยังเป็นข้อความของผมอยู่นั่นเอง พี่วินไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกแล้วเจ้าตัวก็หายไปจากโต๊ะตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ถ้าให้เดาคงแอบไปรดน้ำมนต์ไล่ผีตัวที่มาเข้าสิงตะกี้ล่ะมั้ง
   
   หลังเลิกงานผมออกจากตึกมาพร้อมกับเดอะแก๊งเหมือนทุกที แต่วันนี้ผมคงไม่ได้ไปเตร็ดเตร่ยามเย็นกับพวกมันหรอกเพราะผมมีนัดละ
   “ไม่ไปหาไรแดกกะพวกกูจริงเหรอ” พี่เอ็มถามผมเป็นรอบที่สอง
   “เอ๊า ก็บอกว่ามีนัดไงอีพวกนี้” ผมโบกมือไล่
   “ช่างมันเถอะอีพี่เอ็ม มันมีนัดกะผู้ชาย” ตาร์รู้ทัน
   “มึงรู้ได้ไง มันบอกเหรอ?” พี่เอ็มเหล่ตามองตาร์ ผมก็ด้วยแหละ...งง มันรู้ได้ไง ไม่ได้บอกเลยนะ
   “อีง่อว์ คิดสิคะคิด รอหน้าตึกหลังเลิกงานมีอยู่อย่างเดียวค่ะคือรอผู้ชายขับรถโฉบมารับไปดินเนอร์” ต้าร์เชิดหน้า “ดูละครหลังข่าวแล้วก็หัดเอามาวิเคราะห์ในชีวิตจริงด้วยสิคะ”
   “จริงเหรอ...” พี่เอ็มหันมาถามผมแล้วสายตาก็มองเลยไปข้างหลัง “...สงสัยที่พวกกูกรวดน้ำให้มึงวันก่อนจะได้ผลแล้วว่ะ”
   ผมซ่อนยิ้มประมาณว่า ว้า...ความแตกซะละ แต่พอหันไปเห็นรถแล้วก็แบบว่า เอ๊ะ ผมไม่ได้นัดพี่วินนะ
   เจ้าของรถบีเอ็มดับบลิวสีดำเลื่อนกระจกลงแล้วเอ่ยเรียกผมอย่างไม่เกรงอกเกรงใจคนอื่นว่า “ขึ้นมาสิ เจ้าดาวเหนือ”
   ห้ะ! ผียังไม่ออก!
   “เอ่อ...” ผมอึกอัก พูดอะไรไม่ถูกเพราะมีงูสองตัว (งง) จุกปาก
   “โทษทีนะทุกคน วันนี้พี่ขอยืมตัวเพื่อนเรานะ” พี่วินโปรยยิ้มสว่างให้เดอะแก๊ง
   “เอ๊า รีบขึ้นรถไปสิเจ้าดาวเหนือ” ตาร์ดันหลังผม เสียงตอนมันพูด ‘เจ้าดาวเหนือ’ คือน่าเตะสุด คือมีความพยายามเลียนเสียงอ่อนนุ่มผิดหูของพี่วินอ่ะครับ
   “เฮ้ย แต่...” จะบอกว่าผมไปกับพี่วินไม่ได้นะ เพราะคนที่ผมนัดมานั่นละครับ...เจ้าของเบนซ์สีขาวที่เพิ่งแล่นมาจอดลงจากรถแล้วเดินมาหาละครับ
   “เฮ้” พี่กรก้มหน้าลงไปทักพี่วินในรถ “จะกลับแล้วเหรอ”
   “อือ”
   ผมเห็นสายตาพี่วินมองพี่กรสลับกับมองผมจากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นความเรียบเฉย ก่อนที่กระจกรถจะเลื่อนขึ้นแล้วเคลื่อนออกไป...      

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-12-2018 04:15:43
โอ้ยยยพี่กร~~~~มาทันพอดี ให้ไอ้พี่วินรู้ซะบ้างใช่ว่าจะได้ทุกอย่างดังใจ จำไว้นังเหนือ ใจแข็งไว้สิ แหมมมมแค่เขาเรียกเจ้าดาวเหนือเสียงสองหน่อยถึงกับอ่อนเลยนะ ฮอลลล!! 5555 อ่านไปอ่านมาบอกเลยว่าจะดัดจริตไปกับแก๊งค์นี้แล้ววววว ตายละ!!5555 โสดและปลดพันธะแล้วก็ไปลั้ลล้าสินะ ให้ทายจะตามไปไหม?? ไม่รู้วะ! รอไรท์มาต่อ จอบอ 5555  //โห้ยยยยคุณพ่ออออ คนจริง ไม่พูดเยอะ ปากร้ายใจดีนี้หว่า! เก็บดอกเยอะๆดีไหมคุณพ่อกับลูกคนนี้ไม่ระวังเอาซะเลย เนาะ อิอิ //ไอ้พี่วินเอาจริงฉันก็งงกับแกนะ เป็นบ้าไรคุยไลน์แบบนั้น นังเหนือไปอ่อยผู้ใหม่เลยจร้า แค่อ่อยนะแค่อ่อย 55555 ไปๆไปเที่ยว เดี๋ยวไปด้วย รอตอนหน้าเลยค่าาาาา :) ยังสนุกเหมือนเดิม ^^
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 11-12-2018 21:53:53
warin
สนุกมากกกก  ติดตามจ้า
ขอบคุณครับ แวะมาอ่านบ่อยๆ นะ

cavalli
:laugh:
 :hao3:

blove
เออนั่นละชื่อหมาวินดีแล้ว จะได้ไม่สับสน ทั้งหมาทั้งคน 5555 สตรองนะเหนือ มันก็จริงนะ 'แค่คุย' ของไอ้พี่(หมา)วินก็คืออยากคุย แอบมีความสนใจอยู่ เพราะงั้นไม่ต้องไปรั้งดึงดันเขามา เชิดไว้เหนือ เราสวยหล่อน่ารักก็อย่าได้แคร์ เชิดไว้ แต่อย่าเชิดเกินไปละเดี๋ยวคอเคล็ด 555555 แล้วอีกอย่างนะก็ได้ขอโทษสิ่งที่ติดค้างในใจไปแล้ว ยิ่งต้องลั้นล้าเดินหน้า ไอ้พี่(หมา)วินก็ช่างแม่งเถอะ ทำให้เราเจ็บปวดใจบ่อยไปละ เมินซะเถอะ หาคนคุยด้วยด่วนๆแล้วชวนไปกินข้าวเลย หึ่ยยยยย!!! 55555555 รอๆต่อไปเหนือจะเอาไงดี มาพักใจที่บ้านแปป พักให้เต็มที่นะ กะว่าจะให้สบายใจแต่พอมาเจอพ่อปากร้ายงี้ ความพักใจจะได้มีไหมเนี้ย เอาน่า พ่อลูกค่อยๆเคลียร์กันะ ใจร่มๆ 55 ^^ สนุกกกก รีบปั่นมาอัพเลย เกิดการทวง1อัตรา 55555555
ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจ เชิดได้แป๊บเดียวเดี๋ยวก็คิดถึงเขาอ่ะ เพราะเขาหล่อ ถ้าพี่วินไม่หล่อจะไม่เวิ่นเว้อ 55555

ppnplg
แค่คุย ของอีพี่นี่มันถึงขั้นแล้ว ฝั่งผู้หญิงนังก็ระริกระรี้เชียวววว
อย่าไปสนใจมันเลยเหนือ ยุบยิบหัวใจหน่อย แต่เชิดไว้ เราสวย เราหยิ่ง
อย่างนี้ต้องตบ 555  :beat:

Fengfang
คิดถึง :katai5:
 :กอด1:

MimoreQ
ชอบมากเลยค่ะ น่าติดตามมากๆ ฮือ ชอบแนวนี้ พี่วินนี่สิบทิศหรือสิบอารมณ์คะ นอยด์เก่งงง 55555
ขอบคุณครับ  :-[
ถึงพี่วินจะผีเข้าผีออกแต่ก็หล่อทุกทิศทุกมุมนะครับ  :hao3:

jagkree
จะรอน้า  :katai2-1:
ตอน 12 มาแร้วจร้าาาาา

blove
โอ้ยยยพี่กร~~~~มาทันพอดี ให้ไอ้พี่วินรู้ซะบ้างใช่ว่าจะได้ทุกอย่างดังใจ จำไว้นังเหนือ ใจแข็งไว้สิ แหมมมมแค่เขาเรียกเจ้าดาวเหนือเสียงสองหน่อยถึงกับอ่อนเลยนะ ฮอลลล!! 5555 อ่านไปอ่านมาบอกเลยว่าจะดัดจริตไปกับแก๊งค์นี้แล้ววววว ตายละ!!5555 โสดและปลดพันธะแล้วก็ไปลั้ลล้าสินะ ให้ทายจะตามไปไหม?? ไม่รู้วะ! รอไรท์มาต่อ จอบอ 5555  //โห้ยยยยคุณพ่ออออ คนจริง ไม่พูดเยอะ ปากร้ายใจดีนี้หว่า! เก็บดอกเยอะๆดีไหมคุณพ่อกับลูกคนนี้ไม่ระวังเอาซะเลย เนาะ อิอิ //ไอ้พี่วินเอาจริงฉันก็งงกับแกนะ เป็นบ้าไรคุยไลน์แบบนั้น นังเหนือไปอ่อยผู้ใหม่เลยจร้า แค่อ่อยนะแค่อ่อย 55555 ไปๆไปเที่ยว เดี๋ยวไปด้วย รอตอนหน้าเลยค่าาาาา :) ยังสนุกเหมือนเดิม ^^
ไม่สงสารพี่วินเหรออ หน้าแหกกลางฝูงชน แต่ไรต์ก็แอบสะใจอยู่นะ ทำอะไรไว้ก็โดนซะมั่ง 555
เนื้อหอมอย่างดาวเหนือ มีเหรอพี่วินจะไม่ตามไป อิอิ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-12-2018 22:18:05
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-12-2018 23:03:51
ไว้ท่านักก็อดแดกนะวิน
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 12-12-2018 06:40:07
ถ้าพี่วินไม่ชัดเจนน้องเหนือคงโดนคนอื่นคาบไปกินจริงๆค่ะ
หวงแต่ก็ท่ามาก 555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-12-2018 16:47:40
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 12-12-2018 21:57:04
เอ้าๆ รถไฟชนกัน งี้
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 16-12-2018 23:01:47
warin
ติดตามจ้า
 :mew1:

♥lvl♀‘O’Deal2♥
ไว้ท่านักก็อดแดกนะวิน
น้องเหนือเลอค่าดั่งทองคำ ไม่รีบคว้าก็คงหลุดแน่ๆ 555

kokoro
ถ้าพี่วินไม่ชัดเจนน้องเหนือคงโดนคนอื่นคาบไปกินจริงๆค่ะ
หวงแต่ก็ท่ามาก 555
ถ้าพี่วินชัดเจนปุ๊บเหนือยอมปั๊บเลย 555

ommanymontra
:laugh:

 :L2: :pig4: :L2:

 o13

 :hao7:

OoniceoO
เอ้าๆ รถไฟชนกัน งี้
 :katai5:  :katai5:


ปล. อาทิตย์ที่ผ่านมางานเยอะมากเลยครับ ปั่นได้นิดเดียว ตอนต่อไปน่าจะ 1-2 วันนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-12-2018 16:46:33
พี่วินมั่นใจเกิ้น ดาวเหนือ เลือกพี่วินอะเนอะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 12 : หน้า 4 (11/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 19-12-2018 00:54:25
ตอนที่ 13


   พวกเรามาถึงเกาะเสม็ดตอนบ่ายโมง แดดกำลังร้อนเลยครับ พอเข้ามาถึงที่พักก็ไม่มีใครอยากออกไปเดินชิลล์ที่ชายหาดกันเลยสักคน นี่ถ้ามีใครหยิบสำรับไพ่ออกมาสับก็คงจะยาวไปจนถึงค่ำนู่นแหละ ทะเลทะเลออะไรเอาไว้ก่อน 555
   นอนคุยกันได้สักพักแต่ละคนก็เริ่มตาปรือเตรียมเข้าสภาวะจำศีล คนแรกที่หลับไม่รอใครก็คือต้าร์ ตามด้วยพี่เอ็ม ส่วนผมเป็นคนสุดท้าย...
   
   “พี่วินจะทำอะไรเหนือครับ”
   พี่วินคร่อมผมอยู่ข้างบน
“เรียกพี่ว่าไอ้เหี้ยใช่มั้ย?”
เอ๊ะ ทำไมฉากกับบทสนทนามันคุ้นจัง
อ่อ ในฝันนี่เอง...
   “เกลียดพี่มากใช่มั้ย” พี่วินตวาด “อยากโดนนักใช่มั้ย”
   แล้วหน้าหล่อๆ ของพี่วินก็ก้มลงมาไซ้ซอกคอผม    “พี่ก็เป็นผัวเหนือนะ”
   ฝันต่อเนื่องแต่ตัดฉากมาฟึ่บแบบในละคร...
   พี่วินเปิดผ้าห่มออกแล้วนอนลงข้างๆ ผมหันไปกอดและจูบ
   “เรียกชื่อพี่สิ”
   “พี่วินครับ…”
   พี่วินดึงผมเข้าไปกอดแล้วกดริมฝีปากลงบนหน้าผากของผมจากนั้นก็จูบปากผมแบบหื่นกระหาย ไรเคราสากจู่โจมผมอีกแล้ว...

   “อีดอก!” ผมตื่นเพราะได้ยินคำนี้แหละครับ
   “อีชั่ว กูไม่ใช่พี่วินนะ กอดซะกูขนลุกไปหมด” ต้าร์ทำท่าขนพองพลางปัดเนื้อปัดตัวยังกะโดนตัวเห็บตัวไรไต่ตอม
   “บ่นเชี่ยไรของมึง” ผมขยี้ตาไปหาวไป “แล้วเกี่ยวไรกะพี่วินวะ”
   “อ่ะ มึงดู” พี่เอ็มยื่นมือถือตัวเองที่เปิดไฟล์วิดีโอค้างไว้มาให้ผม พอกดเพลย์ผมก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลยครับ
   ตะกี้ผมไม่ได้ฝันเฉยๆ แต่ละเมอกอดอีต้าร์ซะหนึบ ปากก็เรียกหาพี่วินๆๆ
   “อะไรวะเนี่ย” ผมอ้าปากค้าง
   “ถ้ามึงจะวันทองขนาดนี้ กูสงสารพี่กรเลยอ่ะ” พี่เอ็มดึงมือถือไปจากมือผม “กูจะส่งคลิบนี้ให้พี่กร”
   “กูสงสารพี่วิน” ต้าร์ว่าพลางทำหน้ารังเกียจคนหลายใจอย่างผม
   “พวกมึงก็เห็น กูไม่ได้อะไรกับพี่วินแล้ว” ผมปกป้องชื่อเสียงตัวเอง
   พวกมันสองคนพร้อมใจกันเบ้ปากใส่ผม “ปากว่าตาขยิบ แอบกินในที่ลับ”
   “พวกมึงไม่เชื่อกูเหรอ” ผมทวงความเชื่อใจ
   “ไม่!” พวกมันพูดประสานเสียงใส่หน้าผม “พวกกูไม่ได้แดกหญ้านะ”
   “งั้นก็แล้วแต่พวกมึง อยากจะเชื่อยังไงเอาที่สบายใจ” ผมทำทีเป็นไม่สนใจประเด็นนี้ละ แต่พวกมันไม่ยอมปล่อยผมให้ลอยนวลครับ
   “ถามจริงๆ เถอะ มึงคิดยังไงกับพี่กร?” พี่เอ็มลากคอผมกลับเข้าสู่การสอบสวน
   “กูชอบพี่กร” ผมตอบตามตรง
   “กับพี่วินล่ะ?” ต้าร์ถามบ้าง
   ผมเม้มปาก ไม่อยากตอบความจริงที่ว่า...ผมก็ชอบพี่วินเหมือนกัน
   ต้าร์ดูจากสีหน้าผมแล้วก็พูดราวกับรู้สิ่งที่ผมคิดในใจ “นั่นไง อีนังกากี”
   “พวกมึงก็รู้ว่าพี่วินเขาเข้ามาเพราะมีจุดประสงค์อื่น” ผมเปิดปาก
   “แก้แค้น? มึงคิดไปเองรึเปล่า คนอย่างพี่วินจะวางแผนตั้งหลายปีเพื่อแก้แค้นที่มึงเคยด่าเขาอ่ะนะ ดูซีรี่ย์มากไปละ แล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่วิธีการแก้แค้นคือลวงขยี้สวาทมึง” ต้าร์มองบน “อ่ะ ลองมาวิเคราะห์ดู ถึงแม้ว่าแรกๆ เขาอาจจะมีจุดประสงค์อื่นจริง ต้องการแก้แค้นมึงจริงงี้ แต่หลังๆ กูก็เห็นเขาดีกับมึงอยู่นะ ถ้าคิดแบบเสต็บละครน้ำเน่าก็คงเริ่มที่เกลียดเข้าไส้ ได้โอกาสเอาคืน พอได้สัมผัสตัวตนของเหยื่อแล้วก็เลยลังเลสับสัน จากนั้นก็เริ่มรู้ใจตัวเอง สุดท้ายก็กลายเป็นรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นไปซะละ”
   มันว่าผมคิดเพ้อเจ้อแบบซีรี่ย์ แล้วฟังที่มันวิเคราะห์มาเป็นเสต็บๆ นั่นสิครับ ไม่มาจากซีรี่ย์เลยสักนิ๊ดดดดดด
   “แล้วมึงจะให้ทำยังไงในเมื่อเขาก็ไม่ได้ชัดเจนกับกู” ผมเหวี่ยงเบาๆ จากใจ “ให้ทนเป็นเมียเก็บที่เขาซ่อนไว้ใต้เตียงยังงั้นเหรอ”
   “ฟังเสียงหัวใจตัวเองสิคะ แล้วก็ทำให้มันชัดเจน เอาก็เอาให้สุด ถ้าจะตัดก็ตัดให้ขาด จะได้ไม่มีใครต้องเสียใจทีหลัง”
   “พวกมึงพูดเหมือนกูรูขนาดนี้ ทำไมถึงยังไม่มีผัวกันล่ะ”
   “อีดอกกกกกก”
   
สี่โมงเย็น แดดอ่อนแสง พวกเราถึงได้ออกจากที่พักมานั่งเล่นริมหาด ต้าร์กับพี่เอ็มเพลิดเพลินกับการสอดสายตามองหาผู้ชายหล่อๆ หุ่นดีๆ ที่มีอยู่ทั่วบริเวณแล้วก็ให้คะแนนความแซ่บเป็นรายบุคคล แต่สำหรับผมแล้วกลิ่นทะเลกับเสียงคลื่นยิ่งพัดอารมณ์ดราม่าในใจให้ฟุ้งมากขึ้น...สายตาตัดพ้อของพี่วินที่มองผมสลับกับมองพี่กรวันนั้นยังแจ่มชัดอยู่เลยครับ
   “หยุดแสดงมิวสิกวิดีโอแล้วไปเล่นน้ำกันดีกว่าค่ะ” ต้าร์กับพี่เอ็มแขวะผมแล้วก็ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าเหลือแต่กางเกงว่ายน้ำ พวกมันทั้งสองคนมีมัดกล้ามเล็กน้อยเพราะเข้าฟิตเนสก็เลยภูมิใจนำเสนอร่างกายสู่สายตาคนอื่น ส่วนผมไม่ได้เล่นฟิตเนสแต่อาศัยว่าทำบุญมาดีจึงไม่ผอมกะหร่องแล้วก็ไม่อวบไม่เผละ อีกอย่างที่หนุนนำให้ผมดูมีออร่าแผ่ออกมาเรืองๆ ก็คือความขาวครับ ในเมื่อค่านิยมความขาวชนะทุกสิ่งยังมีอยู่ในประเทศนี้ ผมก็คือหนึ่งในคนโชคดีทางด้านพันธุกรรมเลยล่ะ อิอิ
   “รีบตามมาดิ” ต้าร์กับพี่เอ็มเรียกผมแบบเสียงเข้มขึ้นนิดนึงแล้วก็เดินกางขากว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อเพิ่มระดับความแมน ส่วนผมถอดแค่เสื้อยืดเหลือแต่กางเกงขาสั้นสีขาว
   “ไม่ถอดกางเกงล่ะ” พี่เอ็มถาม
   “ไม่อ่ะ เดี๋ยวโดนน้ำกางเกงก็จะแนบเนื้อมองเห็นข้างในเองนั่นแหละ ดูน่าค้นหากว่าตั้งเยอะ” ผมยิ้มมุมปาก
   “ค่ะ” ต้าร์กับพี่เอ็มมองหน้าผมทำนองว่าเรื่องของมึงเลย จากนั้นก็ลงไปว่ายน้ำกันสองคน ส่วนผมขอนั่งเอาฝ่าตีนล้อคลื่นก่อนสักพัก
   
   “เหนือ”
   “ครับ” ผมขานรับเสียงเรียกคุ้นหู ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
   คนที่เรียกผมเป็นเจ้าของรูปร่างผอมสูงใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ผิวขาวละเอียด กล้ามหน้าอกยังดูแน่นน่าจับอยู่เหมือนเดิม
   “นั่งด้วยสิ” เขาพูดอย่างขออนุญาตแต่ก็ไม่ได้รอคำตอบจากผม “สบายดีมั้ย”
   “ครับ” ผมตอบสั้นๆ พลางมองใบหน้าชายหนุ่มผู้มีเชื้อสายจีนอยู่ในตัว
   เราสองคนนั่งเงียบกันอึดใจ ปล่อยให้เสียงคลื่นดังอยู่หลายระลอก จากนั้นเขาจึงเริ่มเอ่ย “ที่ผ่านมาพี่ขอโทษนะ”
   “อืม ช่างมันเถอะ” ผมมองออกไปตรงเส้นตัดของทะเลกับขอบฟ้า
   “มากับเอ็มกับต้าร์เหรอ” พี่ป๊อปมองสองคนนั้นว่ายน้ำ “เอกับแมนล่ะ”
   “มาแค่สามคนครับ” ผมตอบแล้วจึงถามกลับ “พี่ล่ะครับ มากับแฟนเหรอ”
   “มากับเพื่อน” พี่ป๊อปก้มมองหัวแม่ตีนตัวเอง “พี่เลิกกับก็อตแล้ว”
   ได้ยินว่าเขาเลิกกัน ผมก็แอบรู้สึกสะใจขึ้นมานิดนึง สม! แต่ทำไมผมต้องรู้สึกดีใจอย่างมีความหวังด้วยล่ะ...นึกแล้วก็เพลียให้กับความใจง่ายของตัวเองจริงๆ
อย่างว่าอ่ะครับ วัวเคยค้าม้าเคยขี่ แล้วพี่ป๊อปนี่ก็เป็นเกรดพรีเมี่ยมอยู่นะ
นึกเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็สะดุดสายตาของพี่เอ็มกับต้าร์ที่มองมาจากในทะเล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันกำลังด่าผมว่าร่าน
   “เหนือไปเล่นน้ำกับพวกมันก่อนนะครับ”
ถึงจะใจง่ายแต่เราก็ต้องไม่ทำให้เขารู้ว่าเราง่ายครับ

   “มึงนัดพี่ป๊อปมาเหรอ” ต้าร์ถาม
   “บังเอิญมั้ยมึง” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “เขาก็มาของเขาป่ะ อยู่ดีๆ ก็มาทักกูอ่ะ” 
   “มึงมันร้าย อีแรด” พี่เอ็มไม่เชื่อที่ผมตอบ
   “พวกมึงเห็นกูร่านแรดขนาดนั้นเลยเหรอไง”
   “น้อยไปสิมึงอ่ะ”
   “ว่าแต่พี่ป๊อปนี่ก็แน่นดีเนอะ” ต้าร์มองตามพี่ป๊อป “สูงชะลูดกล้ามตูดแน่นแบบนั้น อู้ววววว มิน่าล่ะมึงถึงได้รำพี้รำพันอยู่ตั้งหลายเดือน”
   “พี่กร พี่วิน พี่ป๊อป ใครแซ่บสุดอ่ะ” พี่เอ็มว่ายเข้ามาถาม
   “เอ๊า ตะกี้พวกมึงยังด่ากูปาวๆ” ผมตั้งรับกับความอยากรู้ของพวกมัน
   “ตอบมา”
   “ไม่รู้โว้ย กูไม่เคยมีอะไรกับพี่กร” ผมว่าแล้วก็ดำน้ำพรวดลงไป แต่พวกมันจิกหัวผมขึ้นมา
   “งั้นพี่วินกับพี่ป๊อป”
   “อีบ้า ใครจะบอก” ผมวิดน้ำให้หน้าพวกมัน
   “บอกเป็นคะแนนตามมาตรฐานชายไทยก็ได้ค่ะ เต็มเจ็ดให้คนละเท่าไหร่” ต้าร์ทำหน้ากรุ้มกริ่ม
   “ทะลึ่ง” ผมสะบัดหัวออก
   “กูหมายถึงคะแนนความแซ่บค่ะ มึงสิทะลึ่งคิดถึงอะไรอยู่” แต่มันยังทำหน้ากรุ้มกริ่มอยู่นั่นล่ะ
   “เจ็ดกับเจ็ดจุดห้า” ผมผลุบหายลงไปในน้ำ ปล่อยให้พวกมันอยากรู้ว่าใครได้เจ็ด ใครได้เจ็ดจุดห้า ย้ำว่าหมายถึงคะแนนความแซ่บนะ ไม่ใช่อย่างอื่น อิอิ
   เล่นน้ำกันจนเกือบมืดพวกผมก็กลับที่พัก อาบน้ำเรียบร้อยถึงออกมาหาอะไรกินที่ร้านอาหารริมหาด แต่ละโต๊ะมีแค่ตะเกียงเจ้าพายุส่องแสงสว่างวับแวม ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นว่าคนที่กำลังมองมาจากสองโต๊ะถัดไปคือพี่ป๊อป รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องของเรามันจบไปตั้งนานละ แล้วก็จบไม่สวยสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะผมทำทองของเขาหายนะครับแต่เป็นเรื่องที่เขาทิ้งผมไปมีคนอื่น ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...สายตาที่มองมามันเหมือนกับพี่ป๊อปกำลังบอกว่าเรามารื้อฟื้นความสัมพันธ์กันเถอะยังงั้นแหละ
   โอ๊ย หวั่นไหวจังครับ
   “กะเพราปูไข่ดาวที่มึงสั่งอร่อยอ่ะ” ต้าร์ตักเอาๆ
   “แย่งกูอีกละ ตะกี้มึงไม่สั่งเองล่ะ” ผมมองของอร่อยของผมหายไปเกือบครึ่งจาน
   “อ้าว นึกว่ามึงอิ่มละ เห็นเอาแต่สบตากับผัวเก่าอยู่เป็นนานสองนาน” มันย้อน “กากีอวอร์ดปีนี้กูโหวตให้มึงได้เลยค่ะ”
   “พอ กูยังไม่อิ่ม” ผมยกจานหนีช้อนมัน
   “พวกมึงรีบแดก ยุงกัดกูจนขาลายแล้วเนี่ย” พี่เอ็มเร่ง “จะยั่วผัวเก่า หาผัวใหม่ หรือจะมอบรางวัลร่านอวอร์ดก็ค่อยไปทำที่ผับค่ะ”
   ผมเห็นด้วยกับพี่เอ็มครับ เพราะตอนนี้ก็ได้มาหลายตุ่มละ
   
   กลับมาถึงที่พักก็เพิ่งจะสองทุ่มนิดๆ เองครับ พวกเราก็เลยเปิดทีวีดูละครไปพลางๆ ส่วนผมก็แกะเอาแผ่นมาสก์หน้ามาแปะรอเวลาออกไปดริ๊งที่ผับริมหาด
   “มึงว่าที่พี่วินเขาทำแบบนั้นเขาต้องการอะไรวะ” เห็นละครในทีวีฉากพระเอกขับรถมารับนางเอกแล้วก็อดตั้งประเด็นไม่ได้
   “ที่จะรับมึงขึ้นรถตัดหน้าพี่กรอ่ะเหรอ”
   “เออ นั่นแหละ”
   “หมาหวงก้างไง” พี่เอ็มตอบไปเล่นมือถือไป
   “แย่เนาะ หมาไม่กินก้างแต่ก็หวงไม่ให้คนอื่นเอาไปกิน” ผมคิดตาม
   “อาจจะเป็นหมาหวงกระดูกก็ได้นะ เพราะพี่วินกับมึงเคยกินกันมาแล้วนี่” ต้าร์ว่า
   เฮ้อ นี่แค่ความคิดเห็นจากสองคนก็ยังบอกได้เลยครับว่าพี่วินไม่มีความชัดเจนกับผมเลย สรุปพี่เขาจะให้ผมอยู่ในสถานะก้างหรือกระดูกก็ไม่รู้
   “ยังไงก็แล้วแต่ มึงเลือกได้ว่าจะเป็นก้างหรือกระดูก” พี่เอ็มพูดจริงจังให้ได้คิด แต่ทำไมฟังดูผมไร้ค่าจังเลยแฮะ
   “กูไม่เป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละเพราะกูจะเป็นเจ้าของหมา”
ไม่ว่าหมาตัวนั้นจะเป็นพี่วินหรือคนอื่น
   “คนอย่างพี่วินน่ะเหรอจะยอมให้มึงใส่ปลอกคอ” ต้าร์ทำหน้าอย่างวิเคราะห์ความเป็นไปได้ “พี่กรดูมีโอกาสกว่า ท่าทางเชื่อง ซื่อสัตย์ รักจริง เลี้ยงง่ายมากกว่า”
   พูดซะพี่กรเป็นหมาเลยนะ
   “แหม ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ ดูเชื่องๆ แบบพี่กรอาจจะฟัดจนเตียงกระจุยก็ได้นะ” พี่เอ็มหัวเราะ “ดีไม่ดีอาจจะได้คะแนนมากกว่าเจ็ดจุดห้าของมึงอีก”
   นี่ก็พูดซะผมนึกภาพตามเลย
   ไม่ต้องบอกก็รู้กัน (นาน) แล้วใช่มั้ยครับว่าเวลาแก๊งผมอยู่ด้วยกันจะคุยกันประมาณนี้ ทุกหัวข้อสามารถเชื่อมเข้าสู่เรื่องใต้สะดือได้หมด ต่อให้พวกเราล้อมวงนั่งร้อยมาลัยก็ตามทีเถอะ
   
   พวกผมออกจากที่พักสี่ทุ่มตรงเป๊ะ เดินเลียบหาดไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เชกอินผับได้ละ เจอแสงสลัว ไฟวูบวาบ เสียงเพลงกระหึ่ม กลิ่นเหล้า ควันบุหรี่ แล้วก็คนมากมายกำลังสนุกกันผมก็ลืมทุกสิ่งละครับ ทั้งพี่วิน พี่กร พี่ป๊อป...พับเก็บไปก่อนเนาะ ผู้ชายที่นี่มีออกถมไป แต่ละคนหล่อล่ำแน่นและดูเฟรนด์ลี่ม้ากมาก อิอิ
   “อย่าลืมนะพวกมึง ห้ามพาผู้ชายเข้าห้อง” ผมย้ำก่อนที่จะมีใครเมา “กูกลัวผู้ชายเป็นโรคหอบ”
   “รู้แล้วค่า คืนนี้มึงก็กลับไปนอนให้ผีหลอกคนเดียวเลย กูไปนอนห้องผู้ชายก็ได้” อีต้าร์มั่นใจว่าได้แน่
   “หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่เจอมึงกลายเป็นศพโดนแทงเกยหาดนะ” พี่เอ็มเตือนสติ
   “ไม่ต้องห่วง กูจะบอกผู้ชายให้ใช้อย่างอื่นแทงแทนมีด” ว่าแล้วต้าร์ก็ล้วงกระเป๋าตังค์กับกุญแจห้องส่งให้พี่เอ็ม “ฝากด้วย มึงสองคนน่าจะมีสติมากกว่ากู”   
   มันพูดเหมือนตั้งใจไว้ละว่าจะคืนนี้จะไปสู่จักรวาลดวงดาวเป็นพยาน แล้วก็เป็นจริงตามนั้นครับ ชั่วโมงต่อมาอีต้าร์ก็แฝงตัวหายไปกับฝูงชนที่ต่างก็กำลังเมามาย ส่วนผมกับพี่เอ็มยังแค่มึนๆ พอสนุกเท่านั้นเอง
   “เมารึยัง” พี่ป๊อปมาจากทางไหนไม่รู้ ผมเห็นก็ตอนที่เขามายืนอยู่ข้างๆ ละครับ
   “นิดหน่อย” ผมตอบพลางก็มองหาต้าร์
   “มองหาใคร” พี่ป๊อปถาม
   “มองหาต้าร์อ่ะพี่” ผมตอบ
   “ตะกี้เห็นอยู่ทางนั้นนะ” พี่ป๊อปชี้ไปทางที่มีคนอยู่หนาแน่นกว่ามุมอื่น จังหวะที่ผมมองตามก็มีคนเดินผ่านหลังแล้วก็เบียดจนผมเซเอาหน้าไปชนอกพี่ป๊อป คือผมก็ต้องดันตัวออกอ่ะเนาะ แล้วมือที่ใช้ดันเนี่ยก็จับตรงกล้ามท้องแน่นๆ ของเขาอ่ะ นาทีนั้นคือสายตาเราสองคนสปาร์กจนเป็นประกายไฟแปลบๆ เลยล่ะครับ จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือพี่ป๊อปก้มลงมาหอมแก้มผมจนพี่เอ็มอ้าปากค้างไปเลย
   ถ้าคุณเคยโดนคนรักบอกเลิกมาก่อนแล้วคุณยังคร่ำครวญโหยหาเขาอยู่ลึกๆ ในใจ วันดีคืนดีเขาก็ฉวยโอกาสทำแบบที่พี่ป๊อปทำเมื่อกี้ คุณจะเข้าใจผมดีครับว่าความรู้สึกภายในมันวูบวาบแล้วก็รวนเรแค่ไหน คือไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไง จะขอคืนดีมั้ยหรือจะแค่หยอกเล่นเพราะเห็นเป็นคนคุ้นเคยก็ไม่รู้ 
   “เอ่อ...กูไปตามหาต้าร์ทางนู้นก่อนนะ” อีพี่เอ็มฟูลเทิร์นแล้วก็แวบหายไปเลย ตอนอยู่ในแก๊งนี่แนะนำสารพัดยังกับคอยเป็นพี่เลี้ยงแสนดี พอเจอหน้างานแม่งทิ้งให้ผมเคลียร์เอง แต่ที่จริงมันก็ทำถูกนะ ไม่ใช่กงการของมันนี่นะ
   จะยังไงก็ช่างเถอะครับ ในเมื่อผมยังโสด พี่ป๊อปก็ไม่มีพันธะ แล้วเลือดร่านที่ไหลเวียนในตัวผมก็เรียกร้องหาพี่ป๊อปมาตลอดนับแต่เลิกกัน (แม้ผมเริ่มจะลืมพี่ป๊อปไปแล้วก็ตาม)   
   “พี่ขอโทษ...”
   พี่ป๊อปพูดได้เท่านั้นแหละครับเพราะผมดึงตัวเขาเข้ามาแล้วก็จูบจนสาแก่ใจ จูบเหมือนดูดพลังชีวิตมาเป็นของตัวเอง หลังจากนั้นเราสองคนก็เต้นด้วยกัน ดื่มเหล้ากัน ทำราวกับเราได้ย้อนกลับไปเป็นแฟนกันเหมือนเมื่อก่อน

ชั่วโมงถัดมาผมยืนอยู่คนเดียวเพราะพี่ป๊อปไปเข้าห้องน้ำ ครั้นยืดคอมองหาเพื่อนทั้งสองตัวก็สุดจะหาเจอ แกร่วอยู่คนเดียวจนรู้สึกเก้อก็เลยเดินออกมาจากที่คนพลุกพล่านเผื่อไปเข้าห้องน้ำด้วยเลย
แล้วผมก็เจอกับความเจ็บปวดอีกครั้ง...
   พี่ป๊อปกำลังยืนคุยกับผู้ชายคนอื่นที่บุคลิกและท่าทางเหมือนผม เรียกว่าเป็นไทป์แบบที่พี่ป๊อปชอบ ลักษณะการคุยดูยังไงก็ไม่ใช่อย่างเพื่อนธรรมดาแน่นอนเพราะมีการยิ้มและหัวเราะแบบแจกความประทับใจ นัยน์ตาก็วิบวับเชิญชวน
   ผมพยายามพาตัวเองเข้าไปจนใกล้ที่สุดโดยไม่ให้พี่ป๊อปสังเกตเห็น กระทั่งมาอยู่ในมุมมืดหลังเสาต้นหนึ่งซึ่งห่างพอจะได้ยินบทสนทนา...
   “พี่มากับแฟนเหรอครับ ตะกี้เห็นอยู่ด้วยกันข้างใน”
   “เปล่าครับ พี่มากับเพื่อน”
   ผมได้ยินแค่นั้นก็ชัดเจนเกินพอแล้วครับ แต่จะให้ผมออกจากมุมมืดแล้วตรงเข้าไปเหวี่ยงวีนผมไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นแล้วก็ไม่คิดที่จะทำด้วย ที่ทำได้ก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นนานชั่วนาตาปีจนเห็นพี่ป๊อปจูงมือคนที่เขาเพิ่งทำความรู้จักคนนั้นผ่านหน้าผมไป
พี่ป๊อปไม่เห็นผม
ทั้งสองคนไม่ได้กลับเข้าไปในผับ...

เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วยังทนเพื่อใคร ต่อให้เทไปทั้งใจเธอก็ไม่กลับคืน เจ็บแบบซ้ำๆ จบแบบช้ำๆ เรื่องราวก็ซ้ำตรงคำว่าเสียใจ ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ ว่ารักน่ากลัวเท่าไร สุดท้ายหลอกกันทุกที
ไม่รู้ว่าเพลงเดียวกันมั้ย แต่มันผุดๆๆๆๆๆ ขึ้นมาหัวหัวผมรัวๆๆๆๆๆ เลยครับตอนนี้
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย
ผมกลับเข้ามาในผับด้วยสภาพเหมือนโดนชกหน้าเข้าจังๆ จนสมองว่างเปล่า แม่งเอ้ยยยยยยย
เหล้าใครวางทิ้งไว้บนโต๊ะไม่รู้แหละครับผมยกขึ้นมากระดกพรวดๆๆ จนหมดขวด จากนั้นก็ช่างสติสัมปชัญญะแล้วครับ ต่อให้รู้ตัวอีกทีตอนไปวักน้ำเล่นอยู่ในกระทะทองแดงแล้วก็ไม่แคร์ละ
“เฮ้ นั่นเหล้าผมนะ”
ผมล้วงเงินให้ไปหมดเลยครับ น่าจะสามพันกว่าบาท เขารับตังค์ไปแล้วก็ไม่มายุ่งอีก จากนั้นผมก็เต้นๆๆๆๆๆ ทั้งที่โซซัดโซเซนั่นแหละครับ เรียกว่าเมาเรียกตีนของจริงเพราะเบียดใครดันใครหรือเหยียบตีนใครผมก็ไม่แคร์แล้วโว้ย
ด้วยคะแนนสติที่มีเพียงศูนย์จุดห้าเต็มสิบในตอนนี้ ยังพอรับรู้ได้บ้างว่ามีกลุ่มคนข้างเคียงไม่พอใจความเรื้อนของผม จนมีคนนึงกระชากคอเสื้อผม เอาเถอะ ผมยอมให้ต่อยจนหน้าพังเลยก็ได้เผื่อจะช่วยให้ผมหายบ้าแล้วค่อยไปทำหน้าเอาใหม่
ด้วยสติระดับศูนย์จุดหนึ่งเต็มสิบ ผมเห็นภาพรอบตัวหมุนคว้าง
ใครบางคนเข้ามาห้ามแล้วก็พาตัวผมออกมาจากดงตีน
คงจะเป็นอีพี่เอ็มหรือไม่ก็อีต้าร์...

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 19-12-2018 00:57:48
น้องเหนือเป็นคนดี
ลูกฉันเป็นคนดี 55555

 :-[  :-[  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-12-2018 01:24:47
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 19-12-2018 05:15:35
ใครรรรรรรรรรรรรร
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-12-2018 07:41:54
เหนือเจ็บอีกล๊าววว พี่ป็อปเป็นเกรดพรีเมี่ยม แต่พี่วินและพี่กร น่าจะได้ 7.5 นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-12-2018 09:30:23
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 19-12-2018 10:52:51
พี่วินมาดามใจน้องหน่อย
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-12-2018 22:28:29
พี่ป๊อบ
 :เฮ้อ:
พี่วิน
 :เฮ้อ:
พี่กร
 :กอด1:
เหนือแรด
 :z2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 19-12-2018 22:45:58
iceman555
:mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:

MimoreQ
ใครรรรรรรรรรรรรร
เขาคือคนที่ได้ 7.5
 :o8:

t2007
เหนือเจ็บอีกล๊าววว พี่ป็อปเป็นเกรดพรีเมี่ยม แต่พี่วินและพี่กร น่าจะได้ 7.5 นะ อิอิ
เหนือได้ของดีตลอดดดด
 :katai2-1:

ommanymontra
:เฮ้อ:
 :hao3:

OoniceoO
พี่วินมาดามใจน้องหน่อย
ไรต์ไม่ให้พี่วินไปเองแหละ ไรต์จะฮุบเอาไว้เอง 555

k2blove
พี่ป๊อบ
 :เฮ้อ:
พี่วิน
 :เฮ้อ:
พี่กร
 :กอด1:
เหนือแรด
 :z2:

 o18
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-12-2018 02:37:58
555 ปากก็บอกจะเป็นเจ้าของหมา แต่ดันทำตัวเองเป็นหมาที่แท้ทรู เหนือเอ้ยยยย!! เมาแล้วยังซ่าส์อีก 5555 เป็นหมาไม่พอเป็นควายได้อีก ไม่อยากเป็นคน??? 555555 เจ็บแล้วจำคือคน แต่เหนือคือเจ็บแล้วทนคิดถึงโหยหาเขานี่คือควายอะ ยังมีหวั่นไหวอีกเสยวะ 5555 เออออเอาลองดูจะเจ็บตลอดไปไหม ชอบ??ชอบความเจ็บปวดหรอเหนือ??ห๊ะ? 5555 ใครอะมาหิ้วไป ใครนะ?? ใครเอ่ย?? กิ๊กหมายเลข1? กิ๊กหมายเลข2? พอๆรอไรท์มาต่อดีกว่า อย่าเดามั่ว 55555 ปั่นๆมาเลยค่าา รออ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 23-12-2018 10:32:01
blove
555 ปากก็บอกจะเป็นเจ้าของหมา แต่ดันทำตัวเองเป็นหมาที่แท้ทรู เหนือเอ้ยยยย!! เมาแล้วยังซ่าส์อีก 5555 เป็นหมาไม่พอเป็นควายได้อีก ไม่อยากเป็นคน??? 555555 เจ็บแล้วจำคือคน แต่เหนือคือเจ็บแล้วทนคิดถึงโหยหาเขานี่คือควายอะ ยังมีหวั่นไหวอีกเสยวะ 5555 เออออเอาลองดูจะเจ็บตลอดไปไหม ชอบ??ชอบความเจ็บปวดหรอเหนือ??ห๊ะ? 5555 ใครอะมาหิ้วไป ใครนะ?? ใครเอ่ย?? กิ๊กหมายเลข1? กิ๊กหมายเลข2? พอๆรอไรท์มาต่อดีกว่า อย่าเดามั่ว 55555 ปั่นๆมาเลยค่าา รออ
 :jul1:
 :sad4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 25-12-2018 23:10:47
เข้ามาสารภาพว่าตอนที่ 14 ยังไม่ได้เริ่มเลยจ้าาาาา
ไรต์งามท่วมหัว ต้องรีบเคลียร์ก่อนสิ้นปีอ่ะ  :katai4:  :katai1:
อย่าเพิ่งลืมน้องเหนือตัวร้ายกับผู้ชายทั้งหลายคนนะ
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 13 : หน้า 4 (19/12/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-01-2019 20:53:06
ตอนที่ 14


   ผมปวดหัวตุบๆ ที่นอนกำลังหมุนเป็นวง พะอืดพะอมเหมือนอะไรที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้มันเอ่อขึ้นมาประชิดคอหอยอยู่รอมร่อซึ่งพยายามกลืนมันลงไปแล้วแต่ไม่ได้จริงๆ ครับ นาทีนี้นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจเพราะแค่จะลุกขึ้นนั่งก็ยังลำบาก นับประสาอะไรกับการจะไปอ้วกในห้องน้ำ เห็นถุงพลาสติกใส่ขนมวางอยู่ข้างๆ เตียงก็เลยคว้ามาครอบปากจากนั้นก็ปล่อยเต็มที่เลยครับ ไม่ทันได้เทขนมข้างในออกด้วยซ้ำ จมน้ำอ้วกรสข้าวกระเพราปูของผมไปเรียบร้อยละ
   อ้วกสองรอบจนแสบคอเจ็บกระเพาะแต่ก็สบายตัวขึ้นมานิดนึงแล้วก็อยากดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้ว
   “มึงหยิบน้ำในตู้เย็นให้หน่อยดิ กูลุกไม่ไหวอ่ะ” ผมเอื้อมมือไปแตะคนที่นอนข้างๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นพี่เอ็มหรือว่าต้าร์ แต่พอเห็นคนที่ผงกหัวขึ้นมาดูไม่ใช่พวกมันทั้งสองคน ผมก็งงซ้อนมึน
   ฝันอีกแล้วเหรอ...
ใช่แล้วครับ ผมเห็นเป็นหน้าของพี่วินทั้งตอนที่อยู่บนเตียงแล้วก็ตอนที่กลับมาพร้อมกับแก้วน้ำ
ดื่มเสร็จผมก็ไม่สนใจอะไรอีก นอนต่อ ไม่ได้เอ่ยขอบอกขอบใจด้วยนะ เพลียมากจริงๆ

   “เรียกชื่อพี่สิ”
   “พี่วินครับ…”
   พี่วินดึงผมเข้าไปกอดแล้วกดริมฝีปากลงบนหน้าผากของผม...
   อะไรวะ นี่ผมยังไม่เลิกฝันถึงพี่วินอีกเหรอ จะตามหลอกหลอนกันไปถึงไหน
   “อยากได้อะไร” พี่วินยื่นหน้ามาถาม
   “เปล่า”
   ถ้าเป็นฝันเรื่องเดิม เดี๋ยวผมต้องโดนพี่วินจูบแหง คิดแล้วสยิว (สภาพสังขารแบบนี้ยังจะมีอารมณ์หื่นได้อีกนะ)
ผมเอื้อมนิ้วไปไล้ไรเคราสากๆ ของพี่วินเล่นแต่ก็โดนจับมือออก
“หว่านไปทั่ว เมื่อคืนเห็นนัวเนียกับแฟนเก่า” พี่วินว่า “พี่ไม่หลงกลหรอกนะ”
“พูดถึงเขาทำไม ป่านนี้คงเอากับคนอื่นสบายตัวไปละ” ผมเขยิบตัวเข้าไปหา แต่เอ๊ะ...ทำไมเหมือนจริง พี่วินตรงหน้าก็ดูเป็นพี่วินตัวจริง ไม่ใช่พี่วินเวอร์ชั่นมีดรายไอซ์ในฝัน “ขอจับหน่อย”
พี่วินยังไม่ยอมให้ผมสัมผัสใบหน้า แต่ผมมีมืออีกข้างนึงนี่ครับแล้วมันก็ไวกว่าการปัดป้องของคนที่กำลังหวงเนื้อหวงตัวผิดจากเคย ฝ่ามือของผมก็เลยคว้าหมับลงด้านล่างแล้วก็คลำคลึงผ่านกางเกงขาสั้นซึ่งมีเนื้อผ้าบางดีจริงๆ ตาสบตาแน่นิ่งในห้วงเวลาที่คล้ายจะหยุดเดินชั่วขณะ จนกระทั่งรูปร่างของสิ่งที่อยู่ในกำมือเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง...
“เฮ้ย! ของจริง!” ผมผวาตัวออกคล้ายหลุดจากภวังค์ฝัน ซึ่งที่จริงน่าจะเรียกว่าหลุดจากการเข้าใจผิดคิดว่าเมื่อกี้เป็นความฝันมากกว่า
พี่วินดีดตัวเองขึ้นมาคร่อมทับผมได้อย่างว่องไวก่อนที่ผมหมิ่นเหม่จะร่วงจากขอบเตียง
“ปลุกพี่แล้วจะตกใจทำไม” พี่วินก้มหน้าลงมาจนผมได้กลิ่นลมหายใจ
“ก็นึกว่าเป็นความฝัน” ผมหลับตาปี๋ ทั้งอายทั้งวางหน้าไม่ถูก เพราะนอกจากใบหน้าที่โน้มต่ำลงมาเรื่อยๆ แล้วนั้น ตรงเหนือเข็มขัดของผมก็ยังถูกดุนด้วยของแข็งที่ผมเป็นคนปลุกมันขึ้นมาเองกับมือแท้ๆ อยู่ด้วยน่ะสิ
“ไม่อยากทำกับพี่เหรอ” พี่วินถามเหมือนแกล้งลองใจ “หรือว่าอยากให้เป็นไอ้ป๊อป”
ได้ยินชื่อพี่ป๊อป ผมเหมือนโดนจี้ที่ใจ อารมณ์หงุดหงิดก็เลยทะยานขึ้นมา
ไม่รู้สิครับ ผมคิดแค่ว่าในเมื่อพี่ป๊อปไม่ไว้หน้าผม ผมก็ไม่เห็นต้องแคร์เลย อารมณ์ประมาณว่ามึงทำได้กูก็ทำได้เหมือนกันล่ะวะ นึกประชดถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันก็เถอะ
ผมลืมตาขึ้น นัยน์ตาเหมือนคนถูกท้าทาย
“เหนืออยากทำกับพี่วินครับ”
พี่วินผงะออก คงตกใจที่จู่ๆ ผมก็เปลี่ยนปุบปับ แต่ผมไม่ยอมปล่อยให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นห่างออกไปได้หรอกครับ ผมยกมือขึ้นโอบคอพี่วินแล้วก็กดลงมาจูบเลย
เหมือนจะเคลิ้มเนาะ แต่พอผมจูบจนสาแก่ใจแล้วถอนปากออกมาก็เห็นสีหน้าเหยเกของพี่วินก่อนที่เขาจะดันตัวเองลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผมรู้ทุกอย่างได้ด้วยตัวเองในเวลาอันสั้นโดยไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ
ปากผมมีกลิ่นอ้วก แล้วกระเพราปูที่ยังหลงเหลืออยู่ในกระเพาะก็เอ่อขึ้นมาถึงคอหอยอีกรอบแล้วครับ
โอ๊ยยยยยยยย โคตรอายยยยย

หลังจากอ้วกรอบสามผมก็ฝืนตัวเองลุกไปแปรงฟันให้ได้เป็นอย่างแรกเลยครับ
“พี่วินมาได้ไงครับ” ผมเอาหมอนขึ้นมาปิดครึ่งหน้าแล้วถามเสียงอ้อมแอ้ม
“พี่ก็มาเที่ยวบ้างไม่ได้เหรอ” พี่วินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ไม่บอกก็ตามใจแต่ผมไม่เชื่อหรอกครับว่านี่คือความบังเอิญ
เสียงเคาะที่หน้าประตูดังขึ้นก่อนที่พี่เอ็มกับต้าร์จะเปิดประตูแล้วยื่นหน้าเข้ามา
“ทำไมพวกมึงไม่กลับห้อง” ผมแว้ดใส่ก่อนเลยครับ
“อีดอก คนนึงเมาแล้วติสต์อยากจะนอนดูดาวบนหาดจนพระอาทิตย์ขึ้น อีกคนก็เมาแล้วแกว่งหน้าไปหาตีนชาวบ้าน” พี่เอ็มทำหน้าหน่ายโลก “ดีนะที่เจอพี่วิน ไม่งั้นกูคงเลือกไม่ถูกว่าจะปล่อยให้อีต้าร์โดนคลื่นลากลงไปกอดปะการังหรือปล่อยให้มึงตายคาตีนในผับดี”
“ไม่พามันมานอนดูดาวด้วยกันล่ะ” ต้าร์เดินมาจะนั่งลงบนเตียง
“อย่าขึ้นมา ตัวมีแต่ทราย” ผมแหวใส่อีตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องมานอนกับพี่วินสองต่อสอง 
   พี่วินคงเห็นว่าพวกเราจะกัดกันอีกหลายยกแล้วต้าร์กับพี่เอ็มก็คงกลับมาเพื่อนอนพักสบายๆ พี่วินก็เลยลุกจากเตียงแล้วขอตัวกลับ
   “ไปกินข้าวเช้าด้วยกันก่อยมั้ยครับพี่” พี่เอ็มเอ่ยปาก
   “ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่ซื้อนมกล่องแถวนี้แล้วก็คงนอนต่ออีกสักงีบ” พูดแล้วก็ชำเลืองมามองผมด้วยสายตาและสีหน้าอย่างคนนอนไม่เต็มอิ่ม “ไปละ”
   คือผมก็เพิ่งสังเกตตอนนี้แหละ แบบนี้หมายความว่ายังไงอ่ะครับ เมื่อคืนไม่ได้นอนไรงี้เหรอ เฝ้าผมทั้งคืนงี้เหรอ อย่ามาเว่อร์
   จนพี่วินเดินออกไปแล้วผมก็ยังไม่ได้พูดขอบคุณสักคำ...
   “เล่ามาค่ะ กี่รอบ” ต้าร์ทำตาสอดรู้สอดเห็น
   “สาม” ผมบอก
   “อีร่านนนน อิจฉา”
   “นั่นไง สามน้ำสามรอบ” ผมชี้ไปที่ถุงอ้วกที่ยังไม่ได้เอาออกไปทิ้งนอกห้อง “เอาไปทิ้งถังขยะข้างนอกให้ด้วย เหม็น”
   “อ้วกตัวเองก็เอาไปทิ้งเองสิ” ต้าร์ทำหน้าพะอืดพะอมพลางยกมือขึ้นปัดกลิ่น
   “ช่วยดูสภาพกูด้วย นอนอ่อนแรงเหมือนหมาไม่มีคนให้ข้าวแดกแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนเดินเหิน” ผมเท้าสะเอว “รอกูเอาไปทิ้งเองพวกมึงก็ทนเหม็นเอาละกัน”
   “อีดอก กูก็เป็นคนเมาม้ะ” ต้าร์ย้อน ก่อนจะตวัดสายตาไปทางพี่เอ็ม “มึงไม่เมา”
   “อีชั่ววววววว อีสารเลววววว!” พี่เอ็มเอ็ดตะโรแต่ก็ดึงกระดาษทิชชู่ออกมาฟ่อนใหญ่แล้วพันกับหูหิ้วถุงอ้วกที่ยังเห็นข้าวเป็นเม็ดๆ ลอยล่องเหมือนเทหวัตถุในอวกาศ จากนั้นก็ใช้สองนิ้วจีบหูหิ้วเดินฮึดฮัดออกไปข้างนอก
   “ถามจริง เมื่อคืนมึงกับพี่วินไม่ได้เอากันจริงเหรอ” ต้าร์ยังคาใจ
   “สภาพกูเหมือนศพขนาดนี้ ใครมันจะมีอารมณ์วะ” ผมว่าพลางก็นึกถึงตอนที่เกือบจะมีอะไรกัน...ถ้าไม่เพราะรสจูบที่แสนจะน่าอาย
   “แหม เวลาคนมันเลี่ยนงุ่นมันก็ทำได้ทุกที่ทุกท่าทุกตอนนั่นแหละ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่านั่นผัวคนอื่นกูก็จะเอา ไม่ว่าจะบนต้นไม้ใต้น้ำในป่าช้ามันเอาได้ทั้งนั้นแหละ” 
   “นี่มึงด่ากูอยู่ใช่ป่ะ” ผมอดสงสัยไม่ได้
   “ภาพรวมจากละครหลายๆ เรื่องค่ะ” แต่มันยิ้มมุมปากใส่ผมอย่างสะใจก่อนจะข้ามไปอีกเรื่อง “แล้วไอ้พี่วินนี่มาได้ไงอ่ะ มึงเมาแล้วโทรตามเหมือนตอนพี่กรเหรอ”
   “อีบ้า เขาก็มาของเขาป้ะ มาได้ไงกูยังไม่รู้เลย คนที่น่าจะรู้ดีสุดคืออีคนนั้น”
   พี่เอ็มกลับเข้ามาพอดีครับ แล้วก็คงจะทันได้ยินด้วย
   “กูไม่รู้เรื่อง ตอนแบกอีต้าร์กลับห้อง ผ่านหน้าผับก็เจอพี่วินกำลังรับตีนให้มึงอยู่พอดี พอกูปล่อยอีต้าร์เพื่อเข้าไปช่วยพี่วินอีกแรง อีตัวดีนี่ก็วิ่งแจ้นกลับไปนอนดูดาวที่เดิม กูละเพลีย” พี่เอ็มมองบน “ถ้าหายไปกับผู้ชายกูจะไม่ห่วงเลย”
   “ที่มึงหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้คือมึงอดจ่ายตลาดว่างั้น” ต้าร์กลั้นขำ
   “ช่างเถอะ” พี่เอ็มโบกมือ “พี่ป๊อปบังเอิญมาเจอส่วนพี่วินกูว่าคงไม่บังเอิญหรอกมั้ง”
   ผมหน้าร้อนซู่ขึ้นมาซะอย่างนั้นอ่ะ
   “ถ้าพี่กรมาอีกคนคงสนุกน่าดู” พวกมันหัวเราะคิกคัก ส่วนผมกลืนน้ำลายฝืดเลยครับ ใครจะรู้ว่าถ้าเกิดพี่กรกับพี่วินมายืนคู่กันแล้วรอให้ผมเลือกขึ้นมาจริงๆ ผมคงเลือกไม่ถูกแน่ๆ
   แต่เอ๊ะ ผมเคยเลือกที่จะตัดพี่วินออกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ แหะๆ สับปลับจริงๆ เนาะ
   สรุปคืนแรกของพวกเราเละไม่เป็นชิ้นดีเลยครับ กฎเหล็กก็พังระเนระนาด อีพวกที่ไม่กลับห้องดันไม่ได้ผู้ชายแต่คนที่แหกกฎได้ผู้ชายมานอนในห้อง (นอนเฝ้าเฉยๆ) ดันกลายเป็นผมเองซะงั้น นึกแล้วก็ขำนะ ว่าแต่ที่พี่วินรับตีนแทนผมเนี่ยผมชักเป็นห่วงบวกกับรู้สึกผิดขึ้นมาซะแล้วสิครับ
   เจ้าดาวเหนือ : เพิ่งรู้จากพี่เอ็ม...
   เจ้าดาวเหนือ : โดนตรงไหน ยังเจ็บอยู่มั้ย
   เจ้าดาวเหนือ : ขอบคุณนะ
   ผมไลน์ไปหาพี่วินก่อนที่จะหลับลงอย่างอ่อนเพลียอีกครั้ง

   พวกผมตื่นมาอีกครั้งตอนเกือบเที่ยง นั่นหมายความว่าไม่มีใครได้กินข้าวเช้ากันเลยสักคน พอรู้สึกตัวท้องผมร้องโครกเลยครับ หิวมากกกกกกกจนอยากจะถลาออกไปสั่งกุ้งเผาปูนึ่งส้มตำต่างๆ ให้เต็มโต๊ะ แต่พอเอาเข้าจริงท้องผมมันคงยังไม่พร้อมอ่ะ แค่มีอะไรลงคอไปก็รู้สึกมวนท้องแล้วอ่ะ
เห็นส้มตำทะเลตรงหน้าแต่กินไม่ได้มันทรมานจริงๆ ครับ T_T
   “แดกน้ำข้าวต้มเด็กอ่อนไปก่อน โอ้กอ้ากออกมาอีกจะเสียของ” ต้าร์ว่าพลางแกะกุ้งเผาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดกินอย่างเอร็ดอร่อย “สมน้ำหน้า แดกเหล้าประชดผู้ชายดีนัก”
   “ไอ้พี่ป๊อปนี่ก็เจ้าชู้ไม่เปลี่ยนเลยเนาะ” พี่เอ็มพูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน “ส่วนมึงก็เจ็บไม่รู้จักจำ อีควาย”
   เอาเถอะ จะด่าเป็นหมูหมากาควายผมก็ไม่เถียงอะไรหรอกครับ ไม่ใช่อะไรนะ ไม่มีแรง คิดแค่ว่าหลังจากตักน้ำข้าวต้มกินแล้วอีกสักสองสามชั่วโมงค่อยลองหาอะไรกินอีกที เพราะถ้ามันจะอ้วกคงพุ่งออกมาละ มันแค่มวนๆ อ่ะ แสดงว่าอาการก็น่าจะดีขึ้นตามลำดับ
   พูดถึงพี่ป๊อปก็เห็นเลยครับ กำลังเดินกระหนุงกระหนิงอยู่กับคนเมื่อคืนคนนั้นแหละครับ แต่ดีแล้วล่ะที่พวกเขาพากันเดินเลยไปหาแดกข้าวที่ร้านอื่น
   แหวะ ของเก่า!
   “มึง โทรตามพี่วินมากินด้วยกันสิ” พี่เอ็มสะกิด “เขาอุตส่าห์ดูแลมึงทั้งคืน”
   ผมเห็นด้วยนะ แต่พอโทรหาก็ไม่รับสายผมอ่ะ เปิดไลน์ก็ยังไม่อ่านข้อความเลยครับ
   “สงสัยยังไม่ตื่นมั้ง ช่างเถอะ” ผมสรุปแต่ในใจแอบคิดไปไกล จะช้ำในจากรอยตีนจนกระอักเลือดแล้วก็น็อคไม่ฟื้นอีกแล้วรึเปล่านะ
   หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมแยกกลับมานอนที่ห้องพักส่วนพวกมันบอกจะไปหาที่ถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีแล้วก็คงเตร็ดเตร่จนถึงเย็น
   เจ้าดาวเหนือ : เป็นห่วงนะ
   ส่งข้อความแล้วผมก็นอนคิด ฉายา ‘เจ้าดาวเหนือ’ นี่ใครเป็นคนเรียกคนแรกนะ...น่าจะพี่กร แล้วพี่วินก็เรียกตามงี้เหรอ?
   เวลาอีกหนึ่งวันของผมหมดไปแล้วกับการนอน เสียดายเวลาดื่มด่ำธรรมชาติ สายลม แสงแดด เสียงคลื่นแล้วก็นั่งโง่ๆ ริมทะเล
รู้งี้ไม่น่าริอ่านแดกเหล้าเทียบชั้นลำยองเลย เฮ้อ
   
   ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนพี่เอ็มกับต้าร์กลับมาเคาะหน้าห้อง ยังไม่ทันบิดขี้เกียจท้องก็ร้องโครก หิวมากกกกกกก พอลุกไปเปิดประตูก็แทบจะกระโดดกอดพวกมันที่ซื้อข้าวเกรียบมาเผื่อด้วย
   “พวกกูเคาะจนมือพองแล้วพองอีก เกือบจะไปขอกุญแจสำรองมาเปิดแล้วเนี่ย ใจหายใจคว่ำนึกว่ามึงนอนตายเป็นผีเฝ้าเกาะละ”
   “เอาของกินมา”
   “ไม่อ้วกแล้วเหรอมึง” ต้าร์มองผมยัดข้าวเกรียบใส่ปากทั้งแผ่น
   “ไม่รู้ แต่ช่างอ้วกแม่ง กูจะกิน” ผมไม่ฟังที่พวกมันบ่นละ
   กินเสร็จแล้วสักครึ่งชั่วโมงก็แทบจะลุกขึ้นฟ้อนที่ไม่อ้วกไม่มวนท้องแล้ว
   อาบน้ำเสร็จผมก็กลับมาสดชื่นอีกครั้งประหนึ่งเถาตำลึงแห้งหน้าแล้งแตกยอดอ่อนหลังได้น้ำฝนแรก ดาวเหนือพร้อมจะทอแสงสว่างอีกครั้งแล้วครับ คืนนี้ไม่เมาไม่เลิกเว้ย!
แหะๆ สัญญาว่าจะไม่เมาครับ จะดื่มพอมึนๆ สนุกๆ เนาะ      
   “คืนนี้จะเจอไอ้พี่ป๊อปอีกมั้ยเนี่ย” ต้าร์พูดขณะดูละครทีวีไปพลางแปะแผ่นมาสก์หน้าพลาง
“ถามหาทำไม?” ผมตวัดสายตาใส่มันฉับ “อยากลองบ้างงี้?”
“ไม่ปฏิเสธ” ต้าร์เชิดหน้า “กูชอบสายตี๋ฟรีสถานะแล้วพี่ป๊อปก็หล่อหุ่นดี”
“แสดงว่าที่ผ่านมามึงจ้องจะงาบผัวกูสินะ อีชั่ว” ผมแหว “มาเสม็ดแล้วต้องเสร็จหรือไงฮะ”
“ผัวเก่ามั้ยมึง” พี่เอ็มมองบน “เลิกไปก็ดีแล้วค่ะ เจ้าชู้ขนาดนั้น”
   เจ็บแล้วจำคือคน...แต่เจ็บแล้วยังหวงก้างคือผมเองครับ ไม่รู้สิ คนเคยรักเคยคบกัน ต่อให้เลิกกันแล้วแต่ถ้าจะเห็นเขาไปกับใครคนอื่นมันก็รู้สึกจี๊ดๆ นะ แบบนี้หมายความว่าผมยังโหยหาอาลัยอาวรณ์พี่ป๊อปอยู่ใช่มั้ยอ่ะ เฮ้อ สงสัยผมต้องมีแฟนเป็นตัวเป็นตนนู่นแหละอาการพวกนี้ถึงจะหาย
   “มึงหมดกรรมสิทธิ์ใดๆ ในตัวพี่ป๊อปแล้วเถอะ นู่น พี่วินกับพี่กรนู่น เลือกเอาสักคน” ต้าร์ยักไหล่
   “ใช่ ยึกยักอยู่นั่น” พี่เอ็มเสริมเป็นปี่เป็นขลุ่ย “ไม่งั้นกูจะแย่งพี่กร”
   “อีพี่เอ็ม อีดอก ของกูม้ะ” ผมสวน
   “มึงจะเอาทุกคนเลยใช่มั้ย อีหมาหวงก้าง”
   ฟังแล้วก็สะอึก ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอครับ...ตอบตัวเองได้เลยว่า จริง!
พี่วินก็เหมือนจะทำดีกับผมนะ พี่กรก็ดี๊ดีจะทิ้งเขาลงยังไง อีกคนหนึ่งเคยทิ้งไปแต่รักไม่เคยจางหาย...ทั้งที่เขาก็เพิ่งจะทำผมเสียศูนย์มาหมาดๆ อีกครั้ง
   คบกับผมทั้งหมดเลยได้มั้ยนะ 555   
   
   สี่ทุ่มครึ่งพวกเรามาถึงที่ผับ ทุกอย่างก็เหมือนเมื่อวานแหละครับ แสงสลัว ไฟวูบวาบ เสียงเพลงกระหึ่ม กลิ่นเหล้า ควันบุหรี่ คนมากมายกำลังสนุกกัน แต่ที่ต่างออกไปคือผมเห็นพี่วินนั่งกระดกเหล้าอยู่ด้านหน้าทางเข้า ท่าทางแบดบอยเหมือนเสือพร้อมออกล่าสุดๆ ผมรู้สึกตึงขึ้นมาทันทีเลยครับ ทำไมต้องมานั่งหล่อโปรยเสน่ห์ ทำไมไม่อ่านไม่ตอบไลน์ผม
   “เมารึยังครับเนี่ย” ต้าร์เสนอหน้าเสนอตัวนั่งลงข้างๆ
   “ยังครับ” พี่วินตอบหลังจากใช้นิ้วมือปาดหยดเมรัยที่เลอะมุมปาก
   อ่า...เท่ห์จัง ริมฝีปากนั่นเซ็กซี่ แต่ผมก็ยังทำเป็นเมินเขาอยู่ดีอ่ะครับ ก็คนมันเคืองนี่
   “มานั่งเหม่อคนเดียว คิดถึงใครอยู่รึเปล่าครับพี่” พี่เอ็มแซว หางตาก็ชำเลืองมาทางผม
   “คงจะคิดถึงคนที่ไม่ได้มาด้วยล่ะมั้ง” ผมพูดเหมือนแซวแต่น้ำเสียงคือหึงหวง
   “ใครครับ?” พี่วินเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาที่เสยขึ้นนั่นดำขลับแล้วก็ดึงดูดใจชิบ พี่เขาเป็นแวมไพร์รึไงวะเนี่ย ทุกสิ่งทุกอย่างน่าหลงใหลดึงดูดใจไปหมด
   “มายด์ไง” ผมพูดเหมือนเปรยกับตัวเองโดยไม่สบตาพี่วิน พอพี่วินไม่ตอบยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนแส้ร้อนเฆี่ยนจนชาขึ้นเป็นริ้วๆ ทั้งตัวเลยครับ คือไม่ปฏิเสธสินะ
   พี่เอ็มกับต้าร์คงดูรูปการณ์ออกจึงรีบปลีกตัวพาผมเข้าไปข้างในผับ ขืนปล่อยให้คุยกันต่อมีหวังผมได้โมโหหึงจนพาลแดกเหล้าเป็นลำยองอีกคืนแน่ๆ
   “มึงจะเลิกแกว่งปากหาตีนสักวันได้ม้ะ” พี่เอ็มหยิกผมที่ต้นแขน
   “แดกซะ จะได้หายบ้า” ต้าร์ยื่นขวดมาให้
   ผมยกขึ้นกระดกพรวดๆ แต่มันไม่ใช่เหล้านี่หว่า
   “อีเชี่ย เอาน้ำส้มมาให้กูแดกทำไม เอาเหล้ามา” ผมหัวเสียอย่างต่อเนื่อง
   “ที่อ้วกไปยังไม่หมดใช่ม้ะ” พี่เอ็มเท้าสะเอวด่าผม “กูไม่รับตีนใครแทนมึงหรอกนะ แล้วก็จะปล่อยมึงให้นอนอยู่ตัวเดียวที่นี่แหละ”
   “คืนนี้แดกแต่น้ำอัดลมกับน้ำเปล่าไปเลยมึง”     
   ผมมองพวกมันชงเหล้ากินตาปริบๆ แต่หลังจากนั้นราวชั่วโมงพวกมันก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เห็นผมรินเหล้าผสมน้ำอัดลมอ่ะครับ เข้าใจว่าคงเบื่อจะพูดหรือไม่พวกมันก็คงเมากันแล้วแหละ
   สักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งแทรกเข้ามาในวงของพวกเราครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยฉวยจังหวะหลายครั้งหลายตอนมาคลอเคลียใกล้ๆ ผมคือต้องการอะไร
   พี่เอ็มกับต้าร์พากันบ่ายหน้าหนีไปอีกทางแล้วก็เต้นของพวกมันไป ก็คงรู้แหละว่าใครจะได้ผู้ชาย อิอิ
แต่พวกมันคงไม่ทันสังเกตว่าผมถูกลากออกมาข้างนอกร้าน...
“เฮ้!” ผมสะบัดมือแต่ไม่ว่าจะออกแรงแค่ไหนก็ไม่มีทางหลุดได้เลยครับ ถึงผมจะตกใจไปบ้างแต่จังหวะนั้นก็รู้สึกดีนะที่คนแถวนั้นพากันมอง ฟีลมันได้อ่ะ เหมือนฉากในซีรี่ย์มาก ประมาณว่าผมถูกหึงหวงที่แอบแฟนมาเที่ยวไรงี้อ่ะ 555
ออกจากผับมาได้อึดใจจนมาถึงใกล้ๆ โขดหินซึ่งแสงไม่สว่างนักผมก็ร้อง “ปล่อยเหนือครับพี่วิน”
ใช่ครับ คนที่ลากผมออกมาไม่ใช่คนที่จ้องจะเคลมผมในผับเมื่อตะกี้
“เสน่ห์แรงจังนะเรา” พี่วินพูดแต่ไม่ยอมปล่อยมือผมครับ
“พี่จะทำแบบนี้ทำไมครับ พี่ไม่ได้รักเหนือ พี่มีมายด์อยู่แล้ว” ผมใช้มือข้างที่เหลือชกเข้าที่หน้าอกพี่วิน “แล้วเหนือก็ไม่อยากเป็นแฟนเก็บของใครด้วย”
“ก็บอกแล้วไงว่ามายด์เป็นแค่แฟนเก่า” พี่วินบีบมือผมแรงขึ้นอีก
“เหนือไม่ได้โง่นะพี่” ผมเตะหน้าแข้งพี่วินแต่ก็เหมือนเตะเสาปูนอ่ะ เตะเองเจ็บเอง
“โอเค พี่ยอมรับว่าก่อนนี้พี่เองก็สับสนเรื่องเหนือ พี่เคยคิดจะกลับไปคบกับมายด์ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ความรู้สึกมันก็ไม่ใช่แล้วอ่ะครับ” คราวนี้พี่วินรวบสองมือของผมไว้เลย นั่นทำให้ผมสงบลงนิดนึง “แล้วตอนนี้พี่ก็แน่ใจแล้วว่าพี่ชอบใคร”
ผมเกือบเคลิ้มละถ้าไม่นึกถึงสิ่งที่ค้างคาใจมาตลอด
“ไม่เชื่อ! พี่แค่อยากแก้แค้นที่เหนือเคยพูดไม่ดีไว้ ไม่งั้นคืนนั้นพี่ไม่ไล่เหนือออกจากห้องหรอก” ตอนนี้ผมสะบัดหลุดได้อย่างง่ายดาย “แต่เสียใจด้วยนะครับที่เหนือไม่ใช่คนที่จะยอมตกเป็นทาสความรู้สึกของใคร”
พูดออกไปได้เนาะ...ที่ว่าไม่ใช่คนที่จะยอมเป็นทาสความรู้สึกเนี่ย...
“โอเค พี่ขอโทษ” พี่วินฉกมือผมไปได้อีกครั้ง “ตอนแรกที่เจอกันพี่ก็อยากแกล้ง เอ่อ...แก้แค้นเหนือเล่นๆ จริงๆ นั่นแหละ”
“เห็นม้ะ ยอมรับแล้ว พี่นี่แม่งชั่ว” ผมเตะเข้าที่หว่างขาพี่วินแต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก คือสงบลงมากแล้วอ่ะครับ
“พี่เจ็บนะ เตะตรงอื่นดิ” พี่วินจับผมหมุนตัวให้เอาหลังไปพิงกับอกเขาแทนแล้วสองมือก็ล็อคผมไว้ด้วยการกอด แบบนี้คือเตะไม่ได้ต่อยก็ไม่ได้ นอกจากว่าผมจะเล่นยูโดเป็นอ่ะ
   “ปล่อยเหนือนะ” ผมดิ้นเป็นปลาในข้อง
“ไม่อยากรู้เหรอว่าพอพี่แกล้งเหนือบ่อยๆ พี่กลับมัดตัวเองจนดิ้นไม่หลุดเสียเอง...” พี่วินใช้จมูกถูกับหลังใบหูของผม “โดยเฉพาะตอนที่เห็นเหนือไปกับไอ้กรพี่ยิ่งทรมาน”
“แล้วพี่จะให้เหนือทำยังไง เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมพูดอ้อมแอ้ม หน้าก็ร้อนฉ่าเลยตอนนี้ “ขนาดโทรหาไลน์หาพี่ก็ยังไม่รับไม่อ่านเลย”
“มือถือพี่โดนกระทืบพังไปแล้วเมื่อคืนอ่ะครับ”
   พี่วินยกมือข้างที่ใส่นาฬิกาขึ้นในระดับสายตาของผมเพื่อดูเวลา
   00.01
“Happy birthday... เรามาคบกันมั้ย เหนือเป็นแฟนกับพี่นะครับ”
   
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-01-2019 20:56:43
Happy New Year นะครับ  :mc4:
รอบนี้ห่างไปตั้ง 10 วันแน่ะ แหะๆ  :hao7:

หวังว่าตอนที่ 14 จะฟินจนหายคิดถึงกันนะครับ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-01-2019 22:20:57
ไม่มีอะไรจะเม้น แค่อิจฉามีคนบอก Happy birthday
 :a14: :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 05-01-2019 22:27:51
นางเหนือแบบผู้แซ่บมากคือเรียลสุดๆตัดภาพมาที่เรียลลิตี้จริงๆนกแล้วนกอีกไม่ใช่ใครเราเอง  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 05-01-2019 22:38:16
อร๊ายยยมาต่อแล้ว :mew2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-01-2019 23:26:45
k2blove
ไม่มีอะไรจะเม้น แค่อิจฉามีคนบอก Happy birthday
 :a14: :a14: :a14:
นั่นสิเนาะ ขอสักครั้งในชีวิต T_T


ashbyipcet
นางเหนือแบบผู้แซ่บมากคือเรียลสุดๆ ตัดภาพมาที่เรียลลิตี้จริงๆนกแล้วนกอีกไม่ใช่ใครเราเอง  :hao5: :hao5:
นี่ก็เขียนไปอิจไป  :hao5:

Pe_no
อร๊ายยยมาต่อแล้ว :mew2:
มาแล้วจร้าาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-01-2019 00:52:22
 :mc4:


 :L1: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-01-2019 17:25:56
อร๊ายยยยยพี่วินนนนนนขอเจ้าดาวเหนือเป็นแฟ๊นนนน >.,< งุ้ยๆเขินเลยกู 5555 นี่คือตามมาคุมด้วยว่างั้น ไม่ให้รอดสายตาเลยนะ คึคึ! //เอาแล้วววววมาเสม็ดจะเสร็จไหม เอ้ยยแอบดูอยู่หลังโขนหิน มันต้องเสร็จดิ 5555 นังเหนืออย่าช้ารีบตอบรับเร็ว เอ้าเดี๋ยวๆก่อนหน้านี่ก็บอกให้อย่ายอมง่ายๆ ละนี่คือไรเขาง้อหน่อยเชียร์เหนือให้ยอมพี่วินง่ายๆ แต่แหมมมมมไอ้พี่วินก็งานดีเว้ยยยยยย รีบตะครุบไว้เถอะ 55555 แต่หลังจากนั้นจะเป็นไงค่อยว่ากัน ดูกันไปก่อน เนอะ! เบ้ยส์ HBD ก่อนใคร ไม่ค่อยจะโรแมนติกเลยโน๊ะ แหมม 555 //อ่าาาาสวัสดีปีใหม่ค่าไรท์ ก็ยังคงติดตามเหมือนเดิม สนุกและชอบ ขอบคุณที่แต่งและอัพเรื่อยมา รอตอนหน้าเลยค่ะ นังเหนือจะเอาไงกับพี่วิน คึคึ :)
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 14 : หน้า 4 (5/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 13-01-2019 13:11:58
ตอนที่ 15


   ผมเดินตามมายด์มาตั้งแต่ตอนเธอปลีกตัวออกจากเพื่อนร่วมคณะฯ ในใจนึกอยากจะเข้าไปฉุดเธอแล้วพาไปพูดคุยกันในที่ที่เป็นส่วนตัวมากกว่ากลางถนนนี่
“เลิกตามมายด์สักทีเถอะพี่วิน” เธอหยุดเดินฉับพลันแล้วก็หันมาเผชิญหน้า “เลิกกันแล้ว จะอะไรนักหนา”
“แต่พี่ไม่ได้อยากเลิกกับมายด์” ผมท้วง
    “แล้วไงคะ?” มายด์ทำหน้าเหวี่ยงอย่างสุดรำคาญก่อนจะหมุนตัวเดินหน้าต่อไป
   “เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอมายด์” ผมเร่งฝีเท้าจนเดินขึ้นมาขนาบเธอ มือข้างหนึงก็ยึดข้อแขนเล็กๆ นั่นเอาไว้
   “ปล่อยนะคะพี่วิน” มายด์สะบัดมือจนหลุดเพราะผมไม่ได้ใช้กำลังแม้แต่น้อย “เราคุยกันหลายรอบแล้วนะคะ มายด์ก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว พี่วินนั่นแหละที่ไม่ยอมรับความจริงสักที”
   “แต่พี่ยังรักมายด์นะ” ผมเจ็บเหลือเกินครับที่ต้องอ้อนวอนเธออย่างอดสูไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว รู้สึกเหมือนข้างในมันแหลกสลายไปหมด
   “กลับไปเถอะค่ะ มายด์จะรีบไปทำงานส่งอาจารย์” เธอสะบัดผมแล้วเดินฉับๆ ทิ้งห่างออกไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของผมที่กำลังหดหู่สิ้นหวังถึงขีดสุด      
   ผมเดินตามเธอมาจนถึงใต้ถุนอาคารเรียนรวมซึ่งมีลักษณะเปิดโล่งและมีโต๊ะวางเรียงสำหรับให้นักศึกษาใช้ประโยชน์
   มายด์หันกลับมามองอย่างคาดโทษหากว่าผมยังล่วงเข้าไปตอแยเธออีก ผมจึงนั่งโต๊ะที่อยู่ห่างออกมาและเฝ้ามองเธออย่างนั้น มายด์นั่งลงกับกลุ่มเพื่อนของเธอไม่นานก็ยกมือถือขึ้นมาคุย สีหน้าท่าทางมีความสุขนั่นทำให้ผมแน่ใจว่าคนที่อยู่ในสายคงจะเป็นผู้ชายคนใหม่
   ผมอยากจะเดินดุ่มเข้าไปกระชากมือถือจากมือของมายด์แล้วเหยียบให้พังจริงๆ ครับ แต่ที่ทำได้คือล้วงมือถือของตัวเองออกมาแล้วกดโทรหา
มายด์ปล่อยให้เสียงเพลงเรียกเข้าดังถึงครั้งที่ห้าจึงจะยกขึ้นมากดรับอย่างตัดรำคาญ
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงคะ มายด์จะทำงาน” เธอพูดเสียงห้วนๆ ก่อนจะกดวางสายพร้อมตวัดสายตาเอือมระอามาหาผม
ผมตั้งใจจะกดหาเธออีกแต่ไอ้กรโทรเข้ามาเสียก่อน
“ว่าไง” ผมพูดเสียงเนือยๆ
“กูรออยู่ที่ห้องสมุดนานแล้วเนี่ย รีบมาได้แล้ว”
โว้ย ผมอยากจะยกเลิกนัดติวหนังสือกับมันเสียจริง คือไม่มีอารมณ์แล้วน่ะครับ แต่จะให้บอกออกไปตรงๆ ไอ้กรได้ตามมาเตะปากผมแน่นอน เพราะครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายขอร้องมันเอง แล้วตอนนี้มันก็รออยู่แล้วด้วย   
ผมพะว้าพะวงแต่ก็ตอบไปว่า “ขออีกสิบนาที”
วางสายจากไอ้กรเสร็จผมก็โทรหามายด์อีกรอบเผื่อว่าเธอจะรับ ผมเห็นมายด์ทำหน้าเหนื่อยหน่ายกับสายของผมเต็มทนก่อนจะคุยกับผู้ชายที่นั่งร่วมโต๊ะซึ่งกำลังหน้าหงิกหน้างอเหมือนในปากอมถ่านร้อนเอาไว้ มายด์ยื่นมือถือให้ผู้ชายคนนั้นก่อนสัญญาณรอสายจะเปลี่ยนเป็นคำพูดซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวและมันก็เสียดแทงเข้าสู่จิตใจผมอย่างจัง
“นี่คุณ ผู้หญิงเขาไม่เอาจะเซ้าซี้อีกทำไม เลิกโทรมาตอแยเพื่อนผมได้แล้วเพราะมันมีแฟนใหม่ไปละ หล่อกว่า ดีกว่าคุณร้อยเท่า จบนะ”
มันรัวใส่ผมแล้วก็กดตัดสายไปเลย
ผมกำหมัดแน่นจนสั่น ในใจอยากจะเข้าไปต่อยไอ้หน้าอ่อนปากหมานั่นให้ล้มคาตีนแต่โชคมันยังดีที่ไอ้กรโทรมาหาผมอีกครั้ง
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“กูแค่จะบอกว่าซื้อไส้ดินสอมาให้ด้วย มาเร็วๆ ดิ เย็นนี้กูมีนัด”
   ผมจำต้องลุกออกมาทั้งที่มีคำพูดส้นตีนของไอ้เด็กนั่นดังก้องไปก้องมาไม่หยุด แต่ก็เพราะคำพูดของมันนั่นเองที่ทำให้ผมเลิกตามตื๊อมายด์นับจากนั้น
สำหรับไอ้เด็กปากดีนั่นผมจำหน้าได้หมายหัวมันแล้ว...เจอที่ไหนมึงโดนกูแน่!

   สองวันถัดมาขณะที่ผมกำลังกลับจากกินข้าวเย็นกับเพื่อนแถวหน้ามหาวิทยาลัย ก่อนที่ผมจะข้ามถนนไปเอารถที่จอดทิ้งไว้แถวตึกคณะ ผมเห็นไอ้เด็กคนนั้นกำลังเลือกซื้อผลไม้ตรงร้านริมทาง แค่เห็นหน้าขาวๆ ของมันมือของผมก็คันขึ้นมายิกๆ อยากจะเข้าไปเอาหมัดแตะปากให้หายซ่าเป็นที่สุด
   ผมตัดสินใจสะกดรอยตามไอ้หน้าขาวตั้งแต่ร้านผลไม้นั่นแหละครับ
ผมทำทีเข้าไปเลือกผลไม้ข้างๆ มันก็แค่เงยหน้าขึ้นมองผมแล้วยิ้มให้ แสดงว่ามันไม่รู้จักหรือจำผมไม่ได้ ผมสังเกตสีหน้าท่าทางหยิบจับแอปเปิ้ลดูสุภาพนุ่มนิ่มผิดจากฝีปากลิบลับนั่นแล้วก็อดคลายอารมณ์อยากจับตัวแม่งเขย่าๆ ให้หัวโยกหัวคลอนลงไม่ได้ แต่ยังไงก็ขอตามไปดูอีกสักนิดละกัน ไหนๆ ก็มีโอกาสละ เผื่อคราวหน้าแม่งปากดีใส่ผมอีกจะได้ตามตัวไม่ยาก
ผมเฝ้ามันเลือกซื้อฝรั่งกับแอปเปิ้ลโคตรนานเลยครับ ไม่รู้จะพิถีพิถันอะไรมากมาย สุดท้ายก็ได้อย่างละกิโลฯ แค่นั้นเอง พอจ่ายเงินเสร็จมันก็เดินขึ้นสะพานลอยมืดๆ ไป ขณะที่คนอื่นๆ รอจนรถติดไฟแดงตรงสี่แยกแล้วเดินข้ามถนนเอา พ้นจากบันไดทางขึ้นอันสกปรกและมืดมิดนั่นแล้วทางเดินข้างบนมีเสาไฟสลัวๆ อยู่ดวงเดียว ตรงมุมสะพานลอยมีคนเร่ร่อนเนื้อตัวมอมแมมนอนหลับไม่สนใจใคร ไอ้หน้าขาวชะงักกับสภาพอันน่ารันทดนั่นอยู่อึดใจก่อนจะทำหน้าคล้ายอยากร้องไห้แล้วจึงวางถุงผลไม้ทั้งสองกิโลฯ ลงข้างๆ คนเร่ร่อนนั่น
ใจดี? ขี้สงสาร?
สีหน้ามันลังเลตอนหันกลับไปมองทางร้านผลไม้ร้านเดิม คงคิดว่าจะกลับไปซื้อใหม่ดีรึเปล่า ตะกี้ยืนเลือกอยู่ตั้งนานก็คงอยากเอาไปกินเองนั่นแหละ สุดท้ายคงขี้เกียจก็เลยเดินต่อไปจนลงจากสะพานลอยแล้วหายเข้าซอยที่มีหอพักเยอะๆ นั่น ส่วนผมยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามมันไปจนถึงที่สุด   
   ไม่รู้สิครับ ไม่อยากทำอะไรมันละ
   สงสัยผมจะพ่ายแพ้ความดีของมันล่ะมั้ง
   เรื่องราวของผมกับมายด์จบลงเด็ดขาดนับจากตอนนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะตัดใจได้หรอกนะ แต่เพราะคำพูดของเจ้าเด็กนั่นมันทำให้ผมอดสมเพชตัวเองไม่ได้ ส่วนกับเจ้าเด็กนั่นถึงผมจะเคืองขี้หน้ามันทุกครั้งที่ได้เจอบ้างในมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ได้เอามาเป็นอารมณ์อีก เว้นเสียแต่ความรู้สึกชังหน้าขาวๆ กับบุคลิกท่าทางของมันก็เท่านั้น

   หลังจากเรียนจบผมได้เจอมันอีกครั้งในสามปีให้หลัง น่าแปลกนะครับที่ผมจำมันได้ทันทีถึงแม้ในผับจะค่อนข้างมืดก็ตาม ตอนนั้นผมกำลังรอไอ้กรอยู่ รอนานจนเซ็ง จนคิดจะหนีกลับ อารมณ์หงุดหงิดก็เลยแกล้งทำเหล้ากระฉอกใส่มันซะ ถือว่าเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ หายหงุดหงิดลงไปได้เยอะเลยครับ แต่หลังจากนั้นผมก็โดนมันทำเหล้าหกใส่...คงเอาคืน ผมก็เลยอยากเอาคืนบ้างแต่ต้องให้แสบกว่าเดิม แน่นอนว่าผมคิดทบต้นทบดอกตั้งแต่เรื่องสมัยตอนเรียนมหาวิทยาลัยเอาไว้ด้วย ผมก็เลยเปลี่ยนความคิดที่จะหนีกลับแม้หลังจากนั้นไอ้กรจะส่งข้อความมาขอเลิกนัด
   ตลกดีนะครับ ผมรู้จักเจ้าเด็กปากดีมาตั้งหลายปีแล้ว เพิ่งจะรู้ว่าชื่อเหนือก็ตอนนี้เอง ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือผมดันรู้สึกดีตอนที่โดนมันจู่โจมด้วยการจูบ ทั้งที่ผมคิดว่ากำลังอยู่ในแผนเอาคืนที่ตัวเองวางไว้แท้ๆ
   ความสับสนคงเริ่มเกิดขึ้นจากตอนนี้เอง...
ผมเป็นผู้ชายนะครับ ส่วนไอ้กรเป็นเกย์ซึ่งผมรู้ตั้งแต่ตอนเรียนแล้วครับและก็ไม่ได้รังเกียจอะไรในรสนิยมของมัน
   อาจเพราะผมเมาเล็กน้อยล่ะมั้ง
   เรื่องราวเลยเถิดมาจนถึงบนเตียงในคอนโดของผมได้ยังไงไม่รู้
   ผมรู้สึกดีแต่ก็สับสนสุดๆ
   อาจเป็นเพราะคนที่ผมทำด้วยเป็นเจ้าเด็กคนนี้...คนที่เคยวนเวียนอยู่ในความคิดของผมช่วงหนึ่งในอดีต หากเป็นคนอื่นผมคงไม่มีอารมณ์ร่วมแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกจบค่ำคืนพิศวงด้วยการปกป้องความรู้สึกตัวเองจากความสับสนเป็นที่ตั้ง...ด้วยการเอาคืน
ผมไล่เหนือออกไปจากพื้นที่ของผมทันทีที่รู้สึกว่าผมกำลังจะตกหลุมพลางของตัวเอง แต่โชคชะตาก็ดันขีดให้ผมต้องตกหลุมที่ว่านั่นเข้าจริงๆ ผมแกล้งเหนือหลายครั้งในที่ทำงานเพื่อหวังจะกันเขาออกไปให้พ้นสายตา ก็ในที่ทำงานผมมีอำนาจมากกว่าเขานี่ครับ แล้วพอได้แกล้งผมก็จะมีความสุขขึ้นมานิดๆ ด้วยล่ะ แต่กลับเป็นผมเสียเองอีกนั่นแหละที่พาตัวไปตามติดชีวิตเขา เฮ้อ
   ที่จริงผมก็เริ่มรู้ตัวแล้วนะว่ายากจะถอนตัวจากเหนือ แต่ผมยังขอรั้นต่ออีกสักพัก ก็เราไม่เคยสนิทกันมาก่อนแล้วเพิ่งกลับมาเจอเขาได้ไม่กี่วันเอง เผื่อว่าความรู้สึกจะเลิกเล่นตลกร้ายกับผมได้สักที กระทั่งมายด์กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งผมจึงใช้เธอเป็นเครื่องมือป้องกันใจตัวเองที่มันคอยแต่จดจ่อไปอยู่กับเหนืออยู่เนืองๆ แต่เครื่องมือนี้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
   ผมยากจะถอนตัวจริงๆ
   มันเหมือนกับว่าผมมีเพชรอยู่กับตัวแต่ผมก็ยังพยายามหาอะไรมาข่วนให้เป็นรอย พอความล้มเหลวเกิดขึ้นผมก็วางเพชรเม็ดนั้นทิ้งไว้ข้างหลัง แต่นั่นก็ทำให้ผมก้าวข้ามความสับสนของตัวเองออกมาได้ในเวลาที่คนอื่นเกือบจะคว้าเพชรเม็ดนี้ไปเสียแล้ว...ทั้งไอ้กร ไอ้ป๊อปและอีกหลายๆ คน ที่น่าตีมากที่สุดก็คือเหนือเองนั่นแหละ ทำไมถึงได้เสน่ห์แรงนักแล้วก็ชอบทำตัวง่ายใส่คนอื่นไปเสียทุกคน มันน่าจับล่ามไว้เสียจริงๆ นะ
   ผมอุตส่าห์กันไอ้กรไม่ให้ตามมาถึงเสม็ดโดยการสร้างเรื่องให้มันอยู่แก้ไขที่ร้าน แต่ก็ยังมาเจอไอ้ป๊อปแฟนเก่าของเหนืออีก โชคดีที่ไอ้ป๊อปมันทำพลาดด้วยนิสัยเจ้าชู้ของมันเอง (ผมไม่ได้บงการนะ) ไม่อย่างงั้นเหนือกับมันมีหวังได้รีเทิร์นกันแหงๆ
   
หากเป็นเมื่อสามปีก่อนผมคงคิดว่านี่คือความฝันที่น่าขนลุกและตลกที่สุดแล้ว แต่ในตอนนี้ผมนึกขอบคุณโชคชะตาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ ‘เจ้าเด็กปากดี’ มานอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ
“ยังไม่หลับเหรอครับ” เหนือซุกตัวเข้ามาหาผมอีก
“ขอโทษ พี่ทำเหนือตื่นเหรอ” ผมกระชับกอดเบาๆ
“แอร์หนาวจัง” เหนือทำเสียงงัวเงียพร้อมกับขยับตัวเข้ามาอีกจนชิด “กี่โมงแล้วครับ”
ผมหยิบมือถือของเหนือขึ้นมากดดูเวลา “ตีสี่ครับ” จากนั้นก็ส่งมือถือให้เจ้าของเพราะมีข้อความจากไลน์ที่ค้างอยู่บนหน้าจอ ‘กูกับอีต้าร์ถึงห้องละ มึงหายไปไหนวะ ได้ผู้ชาย?’
“เบาแอร์นะ” ผมบอก
“ไม่ต้องครับพี่ จะได้กอดอุ่นๆ”
เหนือหยิบไปกดดูแล้วก็ส่งให้ผมจากนั้นก็ซุกหน้าลงมาแถวเนินไหล่
“ตอบให้หน่อยสิครับ”
ผมกดจมูกลงบนเส้นผมของเหนือก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
‘ไม่กลับ อยู่กับแฟน’
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 13-01-2019 13:15:32
หนึ่งตอนสั้นๆ แต่รู้เรื่องจากพี่วิน
อ่านแล้วใครแหวะ เหม็นความรักมากองรวมกันทางนี้

 :katai2-1:

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-01-2019 16:41:51
หนึ่งตอนสั้นๆ แต่รู้เรื่องจากพี่วิน
อ่านแล้วใครแหวะ เหม็นความรักมากองรวมกันทางนี้[/color]

เหม็นด้วยคน แหมเหนือนี่อ่อย เอ้ย อ้อนมากมาย
 o16 o16
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-01-2019 16:59:48
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 13-01-2019 18:11:35
ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแปปเหม็นความรักสุดด  :beat: :angry2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: pepperpro ที่ 13-01-2019 18:53:07
เบ้ปากแรงใส่ทั้งเหนือ ทั้งวินนั้นล่ะ (ที่จริงแล้วอิจฉาล้วนๆ)
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 13-01-2019 22:06:22
k2blove
เหม็นด้วยคน แหมเหนือนี่อ่อย เอ้ย อ้อนมากมาย
 o16 o16
ไรต์เตรียมแกล้งเหนือก่อน หมั่นไส้นัก  :katai3:


warin
ขอบคุณค่ะ
 :mew1:

ashbyipcet
ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแปปเหม็นความรักสุดด  :beat: :angry2:
อิจจจจมาก ส่งใครไปแย่งพี่วินมาด่วน  :katai1:

pepperpro
เบ้ปากแรงใส่ทั้งเหนือ ทั้งวินนั้นล่ะ (ที่จริงแล้วอิจฉาล้วนๆ)
น่าจับแยกเนาะ 555  :katai2-1:


ปล. เพื่อนๆที่อยู่กทม ออกไปไหนใส่หน้ากากกันฝุ่นด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2019 23:08:51
โอ๊ยย. หวานไปอีก
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-01-2019 10:00:08
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 14-01-2019 10:54:46
โว้ยยยยยยย ".....อยู่กับแฟน" >.,< อยากจะแหมมมมมมมไปถึงดาวอังคาร เหม็นฟามรัก 55555 //อ๋อออ ความในใจของพี่วิน เพราะต้องกันเขาออกไปจากใจไรงี้เลยต้องร้ายๆ สุดท้ายก็นะ แพ้ใจตัวเอง คึคึ!! รอตอนต่อไปเลยค่า จะเป็นอย่างไรบ้าง แก๊งของเหนือพอได้อ่านข้อความละก็ บันเทิง 555555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 16-01-2019 23:45:11
ommanymontra
:z1:

 :hao6:
 :mew1:

blove
โว้ยยยยยยย ".....อยู่กับแฟน" >.,< อยากจะแหมมมมมมมไปถึงดาวอังคาร เหม็นฟามรัก 55555 //อ๋อออ ความในใจของพี่วิน เพราะต้องกันเขาออกไปจากใจไรงี้เลยต้องร้ายๆ สุดท้ายก็นะ แพ้ใจตัวเอง คึคึ!! รอตอนต่อไปเลยค่า จะเป็นอย่างไรบ้าง แก๊งของเหนือพอได้อ่านข้อความละก็ บันเทิง 555555
เห็นมะ พี่วินไม่ได้ร้ายอย่างที่คิด หล่อ รักจริง ก่อนนี้แค่สับสน 555
ไรต์ปกป้องพี่วินมาก 555
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 19-01-2019 11:56:50
แฟนแล้วเว้ยยยย  :mew2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 22-01-2019 21:09:22
Pe_no
แฟนแล้วเว้ยยยย  :mew2:
อิจมากกกกกกกกกกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 26-01-2019 23:29:47
เข้ามาทักทายและขอโทษจ้าาาาาาา
ช่วงนี้ไรต์หายไปพักนึงแล้วเนาะ
นอกจากงานประจำแล้ว ช่วงนี้ไรต์หางานเสริมอยู่จ้า
คือไปหาของมาขาย เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตระเวนหาแหล่งไรงี้
หาตังมาเปย์พี่วิน / ไม่ใช่

ตอนต่อไปจะมาเร็วๆนี้นะ มีรักก็ต้องมีทุกข์อ่ะเนาะ (ไรต์มีแผนจะทรมานคนมีความรัก 555)
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 15 : หน้า 5 (13/1/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 10-02-2019 18:50:06
คำเตือน: ตอนนี้มีเนื้อหาที่อาจทำให้หัวใจวายได้ ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำนะครับ
 :hao6:



ตอนที่ 16


“ยังไม่หลับเหรอครับ”
ผมขยับตัวเข้าหาพี่วินอีกทั้งที่ตอนนี้ก็แทบจะสิงร่างเขาอยู่ละ ช่วงน้ำต้มผักก็ว่าหวานอ่ะเนาะ
“ขอโทษ พี่ทำเหนือตื่นเหรอ”
พี่วินกระชับกอด มันเหมือนฉากบนเตียงในคืนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในซีรี่ย์เลยครับ
“แอร์หนาวจัง” ที่จริงก็ไม่หนาวเว่อร์อะไรหรอก หาเรื่องออเซาะไปงั้นแหละ “กี่โมงแล้วครับ”
พี่วินหยิบมือถือของผมมากดดูเวลาแล้วบอกว่า “ตีสี่ครับ” จากนั้นก็ส่งมันมาให้เพราะมีข้อความจากไลน์ค้างบนหน้าจอ
‘กูกับอีต้าร์ถึงห้องละ มึงหายไปไหนวะ ได้ผู้ชาย?’
“เบาแอร์นะ” พี่วินพูด
“ไม่ต้องครับพี่ จะได้กอดอุ่นๆ”
ผมส่งมือถือกลับไปให้พี่วินแล้วก็ทำหน้าที่ออเซาะแฟนต่อไป
“ตอบให้หน่อยสิครับ”
ผมไม่รู้หรอกครับว่าพี่วินตอบอะไรไป นาทีนี้คือผมเป็นของเขา เขาเป็นของผม แล้วผมก็อยากป่าวประกาศการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกันด้วย อิอิ
“ถามหน่อยสิพี่” ผมเงยหน้าขึ้นจากซบไหล่พี่วิน
“ครับ?”
“ก่อนนี้พี่โกรธเกลียดเหนือจริงๆ เหรอ” ผมรอฟังอย่างตั้งใจ จะได้เคลียร์ไม่ให้เหลือสงสัย “เอาตั้งแต่ตอนสมัยเรียน”
“แทบอยากจะเข้าไปซัดให้ร่วง” พี่วินตอบยิ้มๆ “เคยถึงขั้นสะกดรอยตามด้วยนะ”
“จริงป่ะเนี่ย” ผมดันตัวออกห่าง “น่ากลัว”
“แต่ตอนนั้นเหนือไม่รู้จักพี่ คงไม่รู้ตัวหรอก” พี่วินขยับตัวมาชิด
“ตอนไหน?”
“วันที่เหนือซื้อผลไม้แล้วเอาให้คนเร่ร่อนบนสะพานลอย”
ฟังพี่วินบอกแล้วผมเองก็ยังนึกไม่ออกนะ คือมันอาจจะไม่ใช่เหตุการณ์สำคัญอะไรนักอ่ะครับ แต่ถ้าความมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ครั้งนั้นทำให้ผมรอดหมัดรอดตีนพี่วินมาได้ก็นับว่าผีคุ้มจริงๆ
“เพราะเห็นจิตใจที่ดีงามของเหนือ พี่ก็เลยล้มเลิกความคิดเหรอครับ” ผมพูดด้วยอินเนอร์แบบในละครพีเรียดน้ำดี๊ดี
“ขำนักนะ” พี่วินยกมือขึ้นมาเขกหัวผม นี่ขนาดผมล็อกแขนเอาไว้แล้วนะ “ถือว่าแทนตอนนั้นก็แล้วกัน”
“ทีพี่ทำเหนือตั้งหลายครั้งไม่เห็นเหนือจะเอาคืนเลย” บ่นเบาๆ แบบมีจริตจะก้านแต่ก็เผื่อให้พี่วินได้ยินด้วย
“ทะลึ่งนะเรา นี่นอนกอดเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“หมายถึงพี่แกล้งเหนือตั้งหลายครั้งไม่เห็นเหนือจะเอาคืนต่างหาก ใครกันแน่ที่ทะลึ่ง”
ผมโดนลากออกมาจากผับแล้วก็มาคุยกับพี่วินเฉยๆ ที่โฮมสเตย์สุดหรูนี่ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปก็ยังไม่มีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นเลยนะ
“เหนือก็กวนพี่ตั้งหลายหนนี่ครับ” พูดแล้วก็เอามือยีผมของผมเล่นจนยุ่งไปหมด “แสบกว่าใครเลย”
“ที่พี่เจอเหนืออีกครั้งตอนวันเกิดพี่เอ็มล่ะครับ ทำไมถึงพาผมกลับไปด้วย” ตอนนี้เหมือนมีคำถามผุดขึ้นมาเรื่อยๆ อ่ะครับ นึกอะไรออก อยากคุย อยากถามอะไรก็พูดออกมา ถ้าคุณๆ ยังจำความรู้สึกตอนพบกับแฟนใหม่ๆ (ถ้ามีหรือเคยมี) ก็คงเข้าใจความรื่นรมย์นี้ได้ดี คือคุยกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่อิเล็กตรอน โมเลกุล วงจรชีวิตปลวก ภาษาปลาตีน กับข้าว ยันต้นหญ้าบนดาวเสาร์นู่นอ่ะ ไหนๆ ก็เผลอตื่นขึ้นมาละ คงคุยกันเรื่อยๆ ยันสว่างได้เลย 555
“พี่เคยมีแฟนมาแล้วกี่คนอ่ะ” ตอนแรกก็คุยเพลินจนถามออกไปงั้นเอง แต่แค่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นความอยากรู้คำตอบก็มากขึ้นเรื่อยๆ
“คนเดียว” ดูเหมือนพี่วินจะอึกอักตอนตอบนะ
“จริงเหรอ ไม่เคยมีแฟนเก่าเป็นผู้ชายเลยเหรอ” ผมซักเสียงเข้ม ในใจก็นึกถึงหน้าน้องกรรณลอยขึ้นมาเลย นี่ถ้าเป็นการสอบสวนพี่วินคงถอยหลังชนฝาไปละ
“ไม่เคยครับ เหนือเป็นคนแรก”
พี่วินพูดก็ดูจริงใจดีนะ แต่ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยครับ
“ไม่มีซุกใครเอาไว้อีกนะ” ผมขู่เล่นๆ แต่ก็แอบหวังผลจริงนะ
“พี่ไม่เหมือนเหนือนะครับ ใจง่ายกับใครไปทั่ว แถมก็มีแต่คนจ้องจะกิน”
อ้าว พี่หาว่าผมร่านแรดรึเปล่าวะเนี่ย
“ไม่มี๊” ผมส่ายหน้าแบบตอแล๊ตอแหล
“คืนวานก็เกือบจะได้ไปกับแฟนเก่าแล้วไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงเหมือนหงุดหงิดชวนทะเลาะแต่ก็อุตส่าห์ใส่อารมณ์ขำเข้ามากลบเกลื่อนอ่ะ
หึงเหรอ?
“ก็ไม่ได้ไปนี่ครับ สุดท้ายก็ได้กลับไปนอนกับพี่ไง” ผมยั่ว
“นอนเฝ้าคนอ้วกตั้งแต่ดึกยันเช้าไม่สนุกนะ”
พี่วินนี่ก็แสนงอนเกินคาดเหมือนกันแฮะ นึกว่าว่าจะมีแต่มุมขรึมๆ เข้มๆ ซะอีก
“คืนนี้ไม่เมาไม่อ้วก พี่ไม่ต้องอดหลับอดนอนเฝ้าแล้ว” พูดไปผมก็ดันศีรษะเอาเส้นผมคลอเคลียบริเวณกรามของพี่วิน ที่จริงก็เรียกว่า ‘ยั่วผัว’ เบาๆ อ่ะแหละ ใครบอกกันล่ะว่าคืนนี้ผมจะปล่อยให้พี่ได้หลับ อิอิ
“หมดเรื่องจะถามรึยัง” 
นั่นไงครับ พี่วินเริ่มตัดบทละ งั้นผมก็อำนวยความสะดวกให้นะ
“ไม่มีแล้ว”
“อืม พี่หลับนะ”
หือ พูดแล้วก็เงียบไปเลย หลับจริงเหรอ?
“ไอ้พี่บ้า” ผมพลิกตัวหันหลังให้ “เชิญหลับไปเลย เหนือจะกลับห้องละ”
ผมก็แกล้งพูดไปงั้นแหละ ง่วงแล้วเหมือนกันครับ
“อย่างนั้นพี่จะนอนกอดใครล่ะ” พี่วินใช้ทั้งขาทั้งแขนล็อกตัวผมไว้ทั้งบนล่างจนหลังของผมแนบสนิทกับตัวด้านหน้าของเขา “ไม่ให้กลับ”
รู้สึกดีจังเลยแต่แกล้งอัพค่าตัวอีกหน่อยดีกว่า “อย่างพี่แค่เดินออกไปข้างนอกแปบเดียว ขี้คร้านจะมีคนวิ่งตามมาเป็นขบวนสิไม่ว่า”
“พี่จะบอกเขาว่ามีแฟนแล้ว ไม่รับเพิ่มแล้ว มีแค่คนเดียวก็ชวนปวดหัวจะแย่ละ” พูดไปก็เอาคางมาถูไถที่กกหูผมขึ้นลง
“ถ้าอยากจะมีเพิ่มก็ตามสบาย เหนือไม่ซีเรียสครับ” ผมพูดยวนก่อนจะตบท้ายว่า “เพราะเหนือก็จะมีบ้าง จะได้เสมอกันไงครับ”
“พี่สัญญาว่าจะรักเหนือคนเดียว มีเหนือคนเดียว” มือพี่วินเริ่มรุกล้ำเข้ามาลูบข้างในเสื้อของผมแล้วครับ
จากที่กุ๊กกิ๊กเปลี่ยนเป็นโรแมนติกแล้วก็กลายเป็นเริ่มจะดราม่าละ
“อย่าสัญญาเลยพี่ แฟนเก่าของผมก็สัญญาแบบนี้ทุกคน สุดท้ายก็...” จากความรักที่ผ่านมาของผมมันทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดยาวไปถึงจุดจบในวันข้างหน้า
พี่วินหยุดมือที่อยู่ในเสื้อของผมแล้วชักออกมาเพื่อใช้ดันตัวเองขึ้น ตัวของพี่วินคร่อมตัวของผม มือทั้งสองยันกับเตียงเป็นกรงแขนชวนหวามไหว สายตาที่มองลงมานั้นมีความจริงจังอย่างที่สุด
“พี่ผ่านความสับสนมาแล้ว พี่ยืนยันในทุกคำที่บอก”
สีหน้า แววตา คำพูด น้ำเสียงพวกนั้นทำให้ผมน้ำตาคลอขณะเดียวกันก็ทำให้เขินขึ้นมาซะอย่างนั้น ก็เลยพูดอ้อมแอ้มว่า “ง่วงไม่ใช่เหรอ หลับเถอะ”
ใบหน้าหล่อเหลาท่ามกลางแสงสลัวในห้องเลื่อนลงมาแล้วกระซิบเสียงทุ้มนุ่มที่ข้างหู “ตื่นแล้วครับ”
เห็นจะจริงดังว่า ใกล้เช้าแล้วนี่ครับพี่วินก็คงจะ ‘ตื่นแล้ว’ เพราะส่วนที่ทับตรงขาอ่อนของผมมันบอกอย่างนั้นจริงๆ และพี่วินก็ดูเหมือนจะบอกยืนยันว่าตื่นแล้วโดยการกดเน้นลงมาอีก
“เชื่อแล้วครับ” ผมว่าพลางยกสองขาขึ้นกระหวัดรัดรอบเอวพี่วินทันทีเลยครับ ก็แหม นี่มันปี 2019 แล้วนะ ยุคแห่งความเท่าเทียม แล้วความเหนียมอายผมก็ไม่เคยมีอยู่ละ (ไม่งั้นอด) “ตื่นแล้วทำอะไรต่อครับ”
“ตอกย้ำคำสัญญาดีมั้ย” พี่วินจูบปากผมหลังจากพูดจบ
ม่ายอย่างผมก็เหมือนกระดังงาลนไฟอย่างที่คนโบร่ำโบราณเปรียบไว้นั่นแหละครับ พอพี่วินจู่โจมผมก็ไม่ยอมนอนนิ่งให้เขาสนุกฝ่ายเดียวหรอกนะ จูบมาจูบกลับสิครับ แถมลิ้นให้ด้วย แล้วเชื่อมั้ยครับว่าระหว่างที่เราจูบกันไม่กี่อึดใจนั่นเสื้อผ้าของเราทั้งสองคนหายไปจากร่างจนเกลี้ยง ซึ่งมันจะถูกเหวี่ยงไปกองอยู่ตรงไหนใครจะแคร์ล่ะครับ
พี่วินตรึงสองมือของผมไว้ด้วยฝ่ามือของเขา ปากของพี่วินเลื่อนจากริมฝีปากของผมไปจนทั่วบริเวณแก้มไล่ลงไปยังซอกคอและวนเวียนอยู่แถวหน้าอกซึ่งแอ่นขึ้นเสิร์ฟอย่างเต็มใจ ผมปล่อยให้พี่วินดื่มด่ำกับเรือนร่างของผมครู่ใหญ่ก่อนที่ผมจะพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนบ้าง
อกล่ำๆ ของพี่วินซึ่งโผล่อยู่เหนือผ้าห่มคือน่าฟัดน่าขยำเสียจริงครับ พี่วินมองสบตาอย่างคนกระหาย สีหน้าที่ฉายออกมานั้นเหมือนกับขนมที่รอให้ผมลงมือแกะใส่ปาก ถ้าผมมีขนมสุดอร่อยสักอย่างผมก็เต็มใจแบ่งปันหรือแจกจ่ายให้คนอื่นได้ลองกินอยู่หรอกนะ แต่เสียใจด้วยครับ ขนมชิ้นนี้ผมจะอุบไว้กินคนเดียว อิอิ
ผมดึงผ้าห่มที่ปิดช่วงล่างออกอย่างไม่ไยดีจากนั้นพี่วินก็จับมือผมให้เลื่อนลงไปหา ‘ขนม’ ซึ่งคอยท่าอยู่แล้ว เมื่อมือของผมสัมผัสมั่นเหมาะ คนที่นอนอวดเรือนร่างเต็มตาก็พยักหน้าให้สัญญาณกึ่งเป็นการอนุญาต ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาแล้วเปลี่ยนมาสนใจกับขนมในมือ
เสียงหายใจแรงเป็นห้วงๆ ประกอบกับอาการเกร็งช่วงหน้าท้องของพี่วินทำให้ผมยิ่งรู้สึกเอมโอชและมีเรี่ยวแรงในการกินขนมอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งผมถูกห้ามไม่ให้กระทำต่อคงเพราะเกรงว่าไส้ขนมจะทะลักออกมาก่อนเวลาอันควร พี่วินใช้สองมือประคองคางผมขึ้นแล้วค่อยดึงเลื่อนขึ้นไปจูบอย่างดูดดื่มก่อนที่จะจับผมพลิกลงไปอยู่ด้านล่างอีกครั้ง คราวนี้คนที่เป็นฝ่ายยิ้มออกจะเจ้าเล่ห์แลดูตะกละตะกลามหากก็พราวไปด้วยเสน่ห์เหลือล้นก็เปลี่ยนเป็นผู้กระทำต่อร่างกายของผมซึ่งทุกๆ การเคลื่อนไหวได้รับการยินยอมเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะจับจะพลิกยังไงผมไม่มีต้านไม่มีฝืน จนกระทั่งพี่วินจัดท่วงท่าได้เหมาะสมและผมก็พร้อมรับกับอาการเจ็บที่จะเกิดขึ้นอย่างรู้งาน พี่วินจึงค่อยๆ เริ่มสอดประสานร่างกายเข้ามาทีละนิดจนกระทั่งเราทั้งสองคนเป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์
“เจ็บมั้ย ไหวมั้ย” พี่วินโน้มตัวลงมาถามก่อนหอมแก้มเบาๆ
เจ็บดิถามได้ แต่ศรีทนได้
“ไหวครับพี่” ผมผ่อนลมหายใจพลางเอื้อมสองมือขึ้นโอบหลังพี่วิน เมื่อพร้อมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปผมจึงกระซิบบอก “เอาเลยครับพี่”
พี่วินจูบผมก่อนจะเริ่มขยับร่างกายส่วนล่างที่มันทั้งคับและเจ็บจุกจนทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก หากเพียงได้มองหน้าที่ลอยอยู่ด้านบน ความเจ็บปวดก็ค่อยคลายไปจนแปรเปลี่ยนเป็นความสุขและสนุก เราสองคนได้บรรลุถึงการรวมประสานทั้งร่างกายและความรู้สึกเพราะเมื่อผมไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด พี่วินก็รับรู้ได้โดยไม่ต้องบอก จังหวะการขยับจึงลื่นไหลและทวีความเร็วมากขึ้น
“ที่รักครับ” พี่วินพูดกับผมซึ่งเป็นฝ่ายนอนรับความหฤหรรษ์อยู่ด้านล่าง ไม่ต้องรอให้เขาพูดอะไรให้มากมายครับ ผมดันตัวเองขึ้นแล้วเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ด้านบน ส่วนพี่วินก็ทอดกายลงไปนอนบ้าง จากนั้นผมก็เป็นฝ่ายปรนนิบัติให้อย่างสุดพลัง
“เหนือ...” พี่วินเอ่ยชื่อผมทั้งใบหน้าเหย แต่ไม่มีการขานรับจากผมหรอกนะครับเพราะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ผมมองใบหน้าสุดหล่อของพี่วินซึ่งอยู่ในอารมณ์ที่คนอื่นไม่มีทางได้เห็นนั้นแล้วก็ยิ่งเพิ่มระดับความเร็วขึ้นไปอีกจนเหงื่อโทรมกายไปหมด
“พี่วินครับ” ผมให้สัญญาณว่าแรงใกล้จะหมดแล้ว 555 อย่างที่บอกอ่ะครับ นาทีนี้เราสองคนแค่มองตาหรือพูดออกมาคำเดียวก็รู้ความคิดของอีกฝ่ายได้เลย พี่วินจับเอวผมแล้วก็เป็นฝ่ายขยับสวนขึ้นมาด้วยความแรงเร็วและหนักหน่วงมากกว่าเดิม จนในที่สุดเมื่อทุกอย่างถึงแก่ความพร่างพราว ผมก็แทบสลบหมดแรงล้มลงนอนทับพี่วินซึ่งรองรับอยู่ด้านล่าง
“เหนื่อยมั้ยครับ” พี่วินพูดแซว
“บ้า” ผมซุกหน้าเข้ากับอกที่เปรอะเหงื่อของพี่วิน อันที่จริงนาทีนี้เราสองคนเหนอะหนะทั้งคู่แหละครับ “เขินนะ”
“เขินเป็นด้วย?” ยังไม่หยุดอีก “ไม่ใช่ครั้งแรกของเรานะครับ”
“ก็ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกันนี่”
“นี่” พี่วินหยิกหูผม “ง่าย”
“เจ็บนะ” ผมปั้นหน้าบึ้ง “มาว่าเหนือง่ายทำไม”
“ก็ที่มีอะไรกับพี่ตอนนั้นไง ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย”
“แล้วไม่ชอบรึไง” ผมเอานิ้วชี้จิ้มปลายจมูกพี่วิน
“ต่อไปห้ามทำแบบนั้นนะ” พี่วินว่าแล้วก็งับนิ้วผมเบาๆ   
“คร้าบ จะทำตัวง่ายกับพี่คนเดียวนะครับ” ผมมองหน้าพี่วินแล้วก็อมยิ้มทะเล้น
“ยิ้มอะไร?”
“เหนือชอบตอนที่พี่ทำหน้าแบบตะกี้จัง” ผมบอกตรงๆ
“ตอนไหน?”
“ตอนเสียว”
โป๊ก!
“อยากเห็นอีกรอบมั้ยล่ะ”
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 10-02-2019 18:52:58
ตอนนี้มีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อ
ฉากเดียว บนเตียงล้วนๆ

 :o8:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-02-2019 19:34:37
 :hao6: :hao6: :hao6:
หวายๆๆ อะไร อะไร เขินเลยเรา
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 10-02-2019 22:06:09
ช่วงนี้มีแต่ซีน On fire และ My eyes on fire ไปด้วยแล้วค่ะซิส :fire: :m31:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-02-2019 00:22:38
 :man1:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-02-2019 10:16:13
ตั้งชื่อตอน "เรื่องบนเตียง" 5555 เบาหวานจะขึ้น ไรท์เตอร์แวะมาเติมน้ำตาล 10 โล แต่ปานนั้นก็ยังไม่เท่าความรักคู่นี้เล่อะ555 พอยอมรับใจตัวเองละแหมม ว้อย >.,< มันดีละสิเหนือคลุกอยู่กับแฟนทั้งวันบนเตียง ชิๆอยากมีมั้ง แต่ไม่เป็นไรเห็นเหนือกับพี่วินพอละ 55555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเล้ย คิดถึงอยู่พอดี ^__^
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 11-02-2019 22:09:01
k2blove
:hao6: :hao6: :hao6:
หวายๆๆ อะไร อะไร เขินเลยเรา
 :impress2: :impress2:

มาร่วมมือกันกำจัดนังเหนือไปให้พ้นทาง
พี่วินต้องเป็นของเรา
 :beat:


ashbyipcet
ช่วงนี้มีแต่ซีน On fire และ My eyes on fire ไปด้วยแล้วค่ะซิส :fire: :m31:

ได้แต่อิจเหนือ อยากสวยได้สักครึ่งของนาง  :mew6:


ommanymontra
:man1:

 :L1: :pig4: :L1:
ขอบคุณจ้า  :mew1: :mew1:


blove
ตั้งชื่อตอน "เรื่องบนเตียง" 5555 เบาหวานจะขึ้น ไรท์เตอร์แวะมาเติมน้ำตาล 10 โล แต่ปานนั้นก็ยังไม่เท่าความรักคู่นี้เล่อะ555 พอยอมรับใจตัวเองละแหมม ว้อย >.,< มันดีละสิเหนือคลุกอยู่กับแฟนทั้งวันบนเตียง ชิๆอยากมีมั้ง แต่ไม่เป็นไรเห็นเหนือกับพี่วินพอละ 55555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเล้ย คิดถึงอยู่พอดี ^__^

จบจากบนเตียง ก็ตามด้วยฟ้ารักพ่อค่ะ  :-[
 :call: ไรต์ต้องสวดมนต์ขอแบบพี่วินก่อนวาเลนไทน์นี้ละ

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 12-02-2019 16:05:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 01-04-2019 23:41:42
ตอนที่ 17


หลังจากที่ผมกับพี่วินได้กันโดยมีสถานะแฟนกำกับ (แล้วคนเขียนก็หายเข้ากลีบเมฆไปเนิ่นนานก็เพื่อจะบอกว่า...) เรื่องราวได้จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วนะครับ...
...
...
...
เปล่าครับ ยังไม่จบ ยังไม่ต้องมองบน
ตัวร้ายยังไม่โผล่มาเลยนี่ครับ ชีวิตจริงไม่มีอะไรราบรื่นไปทุกเรื่องหรอกนะครับ แต่เอ๊ะ ถ้าจะมีตัวร้ายขึ้นมา คิดเหรอครับว่าผมจะเอาไม่อยู่ บอกเลยว่านางเอกเรื่องนี้มีมือมีเท้าและตบเป็น แต่ถ้าตัวร้ายเป็นพี่กรขึ้นมาล่ะครับ? ผมคงทำอะไรพี่เขาไม่ลงแน่ๆ คงยอมให้ย่ำยีตามแต่ใจ อิอิ เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชาจงสมอุราจนสาแก่ใจ
ขนาดหน้าสิ่วหน้าขวานผมก็ยังอดปลาบปลื้มตัวเองขึ้นมาไม่ได้นะครับที่ผู้ชายหล่อรวยสองคนกำลังเจรจาตกลงกันโดยมีผมเป็นชนวนเหตุ

ย้อนกลับไปครึ่งชั่วโมงก่อนนี้ ผมกับพี่วินออกมาหาข้าวเช้ากินก็เกือบสิบโมงละ
“ยังเจ็บอยู่เหรอ?” พี่วินหันมาถามผมที่กำลังทำท่าเดินเหินไม่เหมือนคนปกติ
“ทะลึ่ง เจ็บอะไร ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย” ผมหน้าแดงแต่พี่วินยิ้มกริ่ม
“เอ๊า เจ็บก็ไม่แปลก ของพี่ขนาดนี้” ดูสีหน้ามีความภูมิใจเว่อร์
“บ้า มีอะไรอยู่ในรองเท้าตะหาก” ว่าแล้วผมก็หยุดแล้วถอดรองเท้าออกมาดูจึงพบว่ามีลูกแม็กติดอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าผมไปเหยียบมาตั้งแต่ตอนไหน
ลางไม่ดีรึเปล่าวะ ออกหอวันแรกก็มีเสี้ยนหนามตำตีนละ นี่ลูกแม็กเลยนะ
ผมก้มหน้าใส่รองเท้ากลับเข้าไปใหม่ พอเรียบร้อยแล้วก็ยืดตัวตรงและทันเห็นพี่วินโดนชกหน้าจนเซมาหาผมพอดี
“อะไรเนี่ย” ผมแหวไวเท่าที่ปากจะไว แต่พี่วินนี่สิครับ ไม่มีหลุดเสียงสักแอะ ซึ่งพอผมเห็นคนที่ประเคนกำปั้นใส่พี่วินว่าเป็นใครผมก็หุบปากฉับ
พี่กร! มาได้ไงวะเนี่ย!
แต่อันที่จริงคือตกใจนะที่เห็นพี่กรอยู่ตรงนี้แต่ก็ไม่ได้งงอะไรมาก ว่ามาได้ยังไงทำไมถึงมา
โอ๊ย ผมดุซีรี่ย์มาเยอะเว่อร์มาก พี่กรก็คงจะอยากตามมาเซอไพรส์ผมนั่นแหละ แต่กลายเป็นโดนเซอไพรส์ซะเองก็คงจะน็อตหลุด
ตายแล้ว ผมกลายเป็นสาเหตุให้สองคิงด้อมต้องมาเปิดศึกกันเหรอเนี่ย
ฟินเว่อร์...ไม่ใช่ละ ควรจะละอายนะที่เหยียบเรือสองแคมจนเรือสองลำต้องมาชนกันเนี่ย
คิดแล้วก็สงบปากสงบคำเอาไว้ก่อนดีกว่า ออกหน้าออกตาปกป้องพี่วินทันทีจะยิ่งดูไม่ดี เรื่องแบบนี้ควรปล่อยให้ผู้ชายเขาตกลงกัน ดีไม่ดีอาจจะโดนพี่กรงัดเอาอะไรแข็งๆ มาทุบมาแทงใส่ให้เจ็บไปด้วยอีกคน
“ทำไมมึงทำแบบนี้วะ มึงก็รู้ว่า...” พี่กรมองแบบเจ็บปวดที่โดนหักหลังแล้วก็ยังมองค้อนมองเคืองมาหาผมอีก
หลบตาแทบไม่ทัน
“เหนือขอโทษครับ พี่กร” ผมบีบมือตัวเองจนแน่น ละอายนะ คือเข้าใจพี่กรนะครับว่าจะรู้สึกยังไงเพราะผมก็เคยโดนพี่วินทำแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ก็ระหว่างผมกับพี่กรมันอยู่ที่เก้าจุดห้าจะเต็มสิบอยู่แล้ว แล้วอยู่ดีๆ ผมก็ถีบพี่กรลงไปที่ศูนย์อะไรแบบนี้
   พี่กรไม่ฟังผมชักแม่น้ำลำคลองทั้งประเทศมาแก้ตัวแต่กลับเดินนำพี่วินเลี่ยงออกไปคุยกันที่ใต้ต้นมะพร้าวนู่น
ผมได้ยินแว่วๆ นะตอนที่พี่กรพูดว่า “แล้วกรรณล่ะ?”
อาการของพี่วินซึ่งหันหน้ามาทางผมชำเลืองมานิดหน่อยแล้วก็พูดอะไรสักอย่างกับพี่กรนั่นยิ่งทำให้ผมอยากเดินอาดๆ เข้าไปร่วมวงด้วยแล้วถามแม่งให้รู้แล้วรู้รอดว่าน้องกรรณเกี่ยวอะไรด้วย แล้วประเด็นที่ผมเคยสงสัยเกี่ยวกับพี่วิน พี่กรกับน้องกรรณก็หวนกลับมาให้คิดอีกครั้ง ก่อนนี้ผมก็แค่รู้สึกทะแม่งๆ แต่เพราะตัวเองไม่ได้ก้าวเข้าไปพัวพันด้วยก็เลยแค่รับรู้เท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ ดูเหมือนผมกลายเป็นส่วนหนึ่งในความอีรุงตุงนังนี้เสียแล้ว
เอาเป็นว่าผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าสองคนนั่นทำไมดูประคบประหงมน้องกรรณเสียจริง แล้วสายตาที่พี่วินมองผมเมื่อกี้มันหมายถึงอะไรกันแน่ ทำไมต้องมองออกแนวว่าพี่จะปกป้องผมไรแบบนั้น จ้ะ ผมดูบอบบางไม่สู้คนมากเลยเนาะ บอกเลยว่ารุ่นนี้เหยียบกับระเบิดแหลก ระเบิดนะที่แหลก
หากที่ผมทำคือยืนรออยู่ห่างๆ จนกระทั่งทั้งสองคนเดินกลับมา
พี่วินเดินมายืนอยู่ข้างๆ ทิ้งระยะห่างนิดหน่อยแบบรักษาน้ำใจพี่กร ส่วนพี่กรก้มหน้าเดินผ่านไปอย่างคนผิดหวัง...
คือวินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนเป็นอีตัวร้ายที่สุดของเรื่องเลยครับ T_T
ว่าก็ว่าเถอะนะ ถ้าไม่ติดว่าพี่วินอยู่ด้วยผมคงวิ่งไปกอดข้างหลังพี่กรแล้วบอกขอโทษอย่างจริงใจไปแล้ว บรรยากาศก็โคตรได้ เสียงคลื่นเอย ลมทะเลเอย ภาพหลังสูงๆ ที่เดินจากไปอย่างโดดเดี่ยวนั่นอีก
“มองตาละห้อยเลยนะ” พี่วินพูดยุ “ตามไปสิ”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เกือบถลาออกไปละ ถ้าไม่เห็นพี่วินยืนเอามือไพล่หลังบวกกับสีหน้าไม่พอใจอย่างแรงนั่นเสียก่อน ทำยังกับผู้ปกครองกำลังคุมความประพฤติเด็กในปกครอง
“หึงก็บอกว่าหึงสิ” ผมจำต้องเลือกใครสักคนอย่างเด็ดขาด มันแน่นอนว่าพี่กรต้องจากไป และปิดฉากนางวันทองลง ณ ตรงนี้
“พูดจริง อยากตามไปปลอบใจมันก็ไป”
ยังปากแข็งอีก ผมมองหน้าไม่รู่ไม่ชี้ของพี่วินแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ แฟนใครวะน่ารักเกินไปละ
“ไม่ไป เดี๋ยวคนแถวนี้เหงา” ผมจูงมือพี่วินไปทางร้านข้าว “แล้วยังเจ็บอยู่มั้ยอ่ะ”
“ไม่เจ็บแล้ว”
“คนที่โดนควรเป็นเหนือ”
“อืม นั่นสิ”
อ้าว! พูดงี้ได้ไงวะไอ้พี่วิน!
“ซ้ำอีกทีดีมั้ยเนี่ย” ผมถอนหายใจฟืดฟาด
“เอาสิ พี่มีวิธีเอาคืนเหมือนกัน”
คือพี่วินพูดเรื่องทะลึ่งแต่ทำหน้านิ่งๆ อ่ะ คิดภาพผู้ชายวางมาดกำลังหยอกแฟนออกมั้ยครับ ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว นึกแล้วอยากจะยวนกลับอีกสักที พี่วินจะได้เอาคืนหลายๆ ที แต่ความเป็นจริงแล้วผมกลับยืนตัวเล็กตัวลีบน่าเอ็นดูเชียวครับ เขินอ่ะ
พี่วินยิ้มมุมปากขึ้นมานิดนึงก่อนจะเดินนำไปก่อน
ผมมองสะโพกของคนที่เดินอยู่ตรงหน้าแล้วก็อดรู้สึกวูบวาบขึ้นมาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมนึกอยากจะเปลี่ยนบทบาทไปเป็นฝ่ายรุกหรอกนะ เพียงแต่ตรงนั้นของพี่วินเซ็กซี่ชะมัด เห็นแล้วอยากเข้าไปขยำเล่น 555

ผมลงมือกินข้าวผัดหมูร้อนๆ กลิ่นหอมๆ ตรงหน้าได้หลายคำแล้วแต่คุณสิบทิศก็ยังบรรจงเขี่ยต้นหอมผักชีออกวางที่ขอบจานอยู่นั่น
“ไม่กินเหรอ”
พี่วินเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะบอกว่า “ชอบเหรอ เอาไปสิ”
“เสียดาย กว่าจะปลูก กว่าจะโต กว่าจะเก็บ กว่าจะส่งมาถึงบนเกาะนี่” ผมจู้จี้แบบไม่จริงจัง ตามประสาลูกเกษตรกรอ่ะครับ
“อย่าบ่นสิครับ” พี่วินเบรกก่อนที่ผมจะพล่ามยาว “อ้าปาก เดี๋ยวป้อน”
ผมอ้าปากอย่างว่าง่าย โมเม้นต์แง่งอนก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ของคู่รักนี่มันฟินจริงๆ ครับ
กำลังจะโรแมนติกอยู่แล้วเชียว ถ้าอันที่พี่วินสลับป้อนใส่ปากผมมันไม่ใช่ข้าวผัดแต่เป็นแตงกว่าลูกเบ้อเริ่ม
แค่ก ผมแทบขย้อนออกมาหมดเพราะปลายแตงกวาโดนถึงโคนลิ้นใกล้ๆ ลิ้นไก่แน่ะ
“แกล้งเหนือทำไมอ่ะครับ” ผมน้ำตาเล็ดแต่ยังไม่วายทำท่าเจ้าแง่เจ้างอน
“อย่าคายสิ เสียดาย กว่าจะปลูก กว่าจะโต กว่าจะเก็บ กว่าจะส่งมาถึงบนเกาะนี่” พี่วินย้อน
ผมทำหน้าท้าทายอย่างน่ารักน่ารั้นก่อนจะกัดแตงกว่าแล้วเคี้ยวกร้วมๆ
“ระวังเถอะ ถ้าแกล้งเอาอะไรยัดปากเหนืออีก จะกัดให้ขาด”
แต่แล้วก็เป็นผมอีกอยู่ดีอ่ะครับ ที่ต้องยอมศิโรราบให้คนเจ้าคารม เมื่อพี่วินพูดเสียงออกทุ้มๆ นุ่มๆ ว่า “ไม่แกล้งก็ได้ ต่อไปถ้าจะเอาอะไรใส่ปากเหนือ พี่จะบอกก่อน”
ไอ้บ้า เขินนนนนนนน
“แล้วก็อย่ากัดนะครับ”
ผมหน้าร้อนฉ่ายังกับไม่เคยไม่ประสีประสายังงั้นแหละ
   หลังจากกินเสร็จเราสองคนยังไม่ได้ออกจากร้านในทันทีแต่ต่างคนต่างก็นั่งเงียบจนบางขณะก็เหม่อ สีหน้าเราสองคนเหมือนคนกำลังเลี่ยงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอ่ะครับ ผมอยากจะถามให้รู้ชัดไปเลยว่าน้องกรรณมีอิทธิพลยังไงกับพี่วิน จะหลุดปากถามอยู่สองสามครั้งแต่จนแล้วจนรอดผมก็เลือกที่จะเก็บงำมันเอาไว้เพราะเห็นท่าทีคนของเราก็คงไม่อยากเอ่ยถึงตอนนี้ เอาเถอะครับยังไงผมก็ต้องหาทางรู้ให้ได้อยู่ดีนั่นล่ะ คาดคั้นไปให้ได้อะไรขึ้นมา เดี๋ยวจะหาว่าผมจุกจิกทำให้รำคาญใจอีก ผมปล่อยให้พี่วินพายเรือวนในอ่างความคิดตัวเองให้เต็มที่ ขณะที่ผมหาทางระบายโดยการเม้าท์เรื่องที่เกิดขึ้นลงในไลน์กลุ่ม แต่ดูเหมือนจะมีอีตัวดีไม่ได้อ่าน
   “เมื่อกี้เห็นพี่กรเดินไปทางนู้นแน่ะ เจอกันยังอ่ะมึง” อีต้าร์โผล่มาก็ยิงคำถามที่ทำให้ผมกับพี่วินถึงกับหน้าเสียอาการ
   “เจอแล้วครับ” พี่วินตอบ
   ส่วนผมมองหน้ามันแล้วก็มองบนใส่
“เอ๊า มองบนใส่กูอีก” อีต้าร์ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะโดนผมเอาตะกร้อครอบปาก ถ้าพี่เอ็มไม่ยื่นมือถือให้มันอ่านไลน์กลุ่มซะก่อน จากนั้นมันก็เปลี่ยนเรื่องฉับยังกะกิ้งก่าเปลี่ยนสี “เอ่อ พี่วินจะกลับพร้อมพวกเรามั้ยครับ”
“พี่จองเรือขากลับไว้ตอนเย็น พวกเรากลับกับพี่ก็ได้” พี่วินหันมาหาคำตอบกับผม
“เหนือกลับกับเพื่อนดีกว่าครับ” ผมชิงตอบก่อนที่อีต้าร์จะอ้าปาก
“เอางั้นก็ได้” คำตอบรับของพี่วินยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดใจที่เขาไม่พยายามจะดึงตัวผมไว้ และนั่นก็แสดงว่าเขาอยากยังอยากพายเรืออยู่ในอ่างความคิดของตัวเองต่อไป อย่างน้อยก็คงวันนี้ทั้งวันนั่นแหละ
จำไว้นะคุณๆ แฟนที่ดีต้องรู้จักจังหวะ หนัก เบา นิ่ง เงียบ อ้าปาก หุบปาก รุก รับ...หมายถึงการประคองความสัมพันธ์นะ ไม่ได้ทะลึ่งนะ

บ่ายสองโมง เรือออกจากเกาะแล้ว ผมโทรรายงานพี่วินแล้วก็หันมาปรึกษาปัญหาคาใจกับเดอะแก๊ง
“มึงว่าผัวกูกับอีน้องกรรณมีซัมติงกันม้ะ” เริ่มเรียก ‘อี’ นำหน้าชื่อน้องกรรณละ
“โอ๊ย จะเหรอเรอะ” อีต้าร์ว่า
“อีปากหมา ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้” ผมแหว
“เอ๊า ก็มึงถามความเห็นกูปะวะ กูก็ตอบอย่างที่คิด น้องกรรณดูดี สุภาพ เรียบร้อย เป็นนายแบบ พี่วินก็หล่อรวยกระบวยใหญ่ เหมาะสมกันยังกะกิ่งทองใบหยก ไม่ได้กันสิแปลก”
“อีต้าร์อีดอก อีเหนือมันยิ่งเครียดๆ อยู่ เกิดมันทนฟังเรื่องบาดใจไม่ไหวกระโดดลงทะเลตายโหงมึงจะตามไปงมมันขึ้นมาม้ะ” พี่เอ็มปรามอีต้าร์หรือหลอกด่าผมวะเนี่ย
“สาบานสิว่ามึงไม่ได้คิดอย่างที่กูคิด อีจิตใจสะอาด อีแม่ชีลีหมกโช้ว”
ผมมองพี่เอ็มที่ไม่ได้โต้แย้งอะไรสักคำแล้วก็ถอนหายใจเฮือก
“เออ สรุปว่าทุกคนคิด” ผมก็คิดครับ
ดีไม่ดีจากที่คิดว่าเมียหลวงอาจจะนั่งตำแหน่งเมียรองมาตั้งแต่แรกก็ได้ แต่คนของผมก็ไม่ได้ดูเป็นคนเจ้าชู้มากรักนะ...รึเปล่าครับ?
“พวกมึง” อีต้าร์ยื่นมือถือของมันที่เปิดหน้าเฟซบุ๊คของน้องกรรณ “ใช่เสม็ดป่าววะ”
คืออีน้องกรรณเพิ่งโพสต์รูปนั่งชิลล์โดยมีทะเลเป็นฉากหลัง แม้จะระบุไม่ได้ว่าใช่เสม็ดรึเปล่า แต่เลเวลความปี๊ดดดดดดดของผมก็พุ่งทะยานขึ้นยังกะปรอทเทอโมมิเตอร์แช่น้ำเดือด แทบจะวิ่งไปชี้นิ้วสั่งคนขับให้วนเรือกลับไปที่เดิมเดี๋ยวนี้ เรียกค่าบริการเท่าไหร่แม่จะเหมาจ่ายไม่ต่อสักบาท
แต่ความเป็นจริงผมก็ทำได้แค่หันกลับไปมองด้วยจิตใจร้อนรน ในหัวมีแต่ภาพพี่วินกับน้องกรรณกำลังมีความสุขกัน...
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 16 : หน้า 5 (10/2/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 01-04-2019 23:43:28
มาต่อแล้วจ้าาาาาา
:mew6:
ด่าได้ค่าที่หายไปนาน

ขอโทษด้วยจ้า
 :katai3:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 17 : หน้า 5 (1/4/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-04-2019 00:19:58
เกือบลืมตัวละครไปแล้วนะ แต่ที่ยังจำได้แม่นก็คือความแรดของน้องเหนือนั้นมากกว่าสิ่งใด
อย่าหายไปนานนะ คิดถึงคนเขียนนะจ๊ะ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 17 : หน้า 5 (1/4/19)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 02-04-2019 15:09:23
อ่านรวดเดียวเลย
ตอนนี้สงสารพี่กรสุด
แต่พี่วินกะน้องกรรณนี่ยังไงหว่าา
รอตอนหน้านะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 17 : หน้า 5 (1/4/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 02-04-2019 19:54:34
หายไปนานเลยคิดถึงเรื่องนี้  :mew2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 17 : หน้า 5 (1/4/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 02-04-2019 21:17:00
k2blove
เกือบลืมตัวละครไปแล้วนะ แต่ที่ยังจำได้แม่นก็คือความแรดของน้องเหนือนั้นมากกว่าสิ่งใด
อย่าหายไปนานนะ คิดถึงคนเขียนนะจ๊ะ
 :กอด1: :กอด1:
เหนือต้องภูมิใจ 555
คิดถึงเช่นกันจ้าาาา  :mew1:


muiko
อ่านรวดเดียวเลย
ตอนนี้สงสารพี่กรสุด
แต่พี่วินกะน้องกรรณนี่ยังไงหว่าา
รอตอนหน้านะคะ  :pig4:
ไรต์กะลังปลอบพี่กรอยู่นะ  :katai2-1:

Pe_no
หายไปนานเลยคิดถึงเรื่องนี้  :mew2:
กลับมาแลล้วจ้าาา เรื่องเพิ่งจะ 50 เปอเองนะ ยังต้องแซ่บต่ออ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 17 : หน้า 5 (1/4/19)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-04-2019 00:21:12
 :กอด1:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 17 : หน้า 5 (1/4/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 09-06-2019 21:37:24
ตอนที่ 18


“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ” ผมกำลังออดอ้อนพี่วินไม่ให้ออกไปข้างนอกตามข้ออ้างที่บอกกับผมว่าเป็นนัดสำคัญ “นะๆ”
   “ทำตัวเป็นเด็ก” พี่วินยิ้มกึ่งปลงกึ่งเอ็นดูพลางชำเลืองมองผมที่กำลังนั่งหัวฟูอยู่บนเตียง
   ใช่ครับ ผมยังไม่ได้ลุกจากที่นอน ไม่ได้อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันใดๆ ทั้งสิ้น ก็นี่มันวันเสาร์นะ นัดสำคัญของผมก็คือนัดอยู่กับพี่วินทั้งวันอ่ะครับ อนิจจา แปดโมงเช้าคุณพี่วินก็สะกิดบอกว่ามีนัดอย่างที่เล่าแหละครับ ผมก็แค่ทำทีเง้างอดไปตามเรื่องตามราวอย่างนั้นเองหรอก เพราะตอนที่พี่วินลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมก็รู้ตั้งแต่ตอนนั้นละ ว่าเป็นนัดกับน้องกรรณ ทำไมถึงรู้น่ะเหรอครับ ก็อีน้องกรรณไลน์มาตามตอนนั้นน่ะสิครับ ผมยังรู้อีกด้วยนะว่านัดสำคัญที่ว่านั่นคือชวนกันไปดูหนัง
   เชี่ยยยยยยย
   แล้วพี่วินก็จงใจบิดบังผมด้วยนะ
ผัวชั่ว!
   “แล้ววันนี้เหนือไม่ไปไหนเหรอ” พี่วินถามตอนที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ
   “ตอนแรกว่าจะชวนพี่ไปดูหนังครับ แต่เหนือไปดูกับเพื่อนก็ได้” ผมพูดโดยสีหน้าและน้ำเสียงปกติ แต่ในใจคือแบบว่า...จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย ได้!
   คนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวชะงักไปนิดนึง แบบว่าคงจะโดนแทงใจดำล่ะสิ
   “รอไปดูกับพี่พรุ่งนี้มั้ย” พี่วินเสนอออฟชั่น
   “ยังไงก็ได้ครับ” ผมทำตัวว่าง่ายและแสนดี...หึหึ
   “ไปอาบน้ำสิ จะได้ไปหาอะไรกินกัน” พี่วินว่าพลางเอามือยีหัวผมอย่างเอ็นดู
   “ไหนบอกมีนัด” ผมย้อนแบบงอนๆ
   “แค่กินข้าวเช้าแปบเดียวน่า” ว่าแล้วพี่วินก็โน้มตัวลงมาหอมแก้มผม
   กลิ่นสบู่กับผิวชุ่มๆ เย็นๆ หลังอาบน้ำของผู้ชายนี่ทำให้ใจอ่อนยวบอารมณ์ดีขึ้นได้จริงๆ นะ...บางทีอาจจะไม่ได้มีอะไรอย่างที่ผมคิดไปไกลก็ได้นะ...แต่เรื่องผัวๆ เมียๆ ร้อยทั้งร้อยถ้าได้รู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้วเนี่ยเซนส์มันจะแรงแล้วก็มักจะเป็นจริงเสียด้วยสิ
   ผมออกจากห้องน้ำ ยังไม่ทันได้ใส่เสื้อพี่วินก็ดึงผมไปกอด
   “ตัวหอม” พี่วินหอมแก้มผมฟอดใหญ่
   ทำตัวดีมากผิดปกติ แบบนี้ยิ่งส่อพิรุธมากขึ้นไปอีก
   “พี่รักเหนือนะครับ”
   นั่นไง มีพิรุธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
   
   พี่วินพาผมมากินข้าวที่ร้านหน้าปากซอย อาการของพี่วินตอนนี้ปกติมากครับ ไม่มีรีบร้อนจะไปหาน้องกรรณ ในระหว่างนั้นผมก็นึกอยากลองใช้สิทธิ์แฟนดูบ้าง ถ้าผมอ้อนให้พี่วินอยู่ด้วยกันทั้งวันจะสำเร็จมั้ยนะ แต่คิดแล้วก็ไม่เอาดีกว่า
   พักหนึ่งผมก็เห็นหน้าจอมือถือของพี่วินมีข้อความไลน์เข้ามา คงเป็นน้องกรรณแหละมั้ง ผมไม่ได้ออกอาการอะไรหรอกครับแค่สัพยอกว่า “กิ๊กไลน์มาตามละ” พี่วินยิ้มแบบเอ็นดูกับอาการของผม ตรงนี้มันบอกได้ว่าลึกๆ แล้วเขาก็คงรู้แหละ (รึเปล่า?) ว่าผมระแคะระคาย แต่พี่วินก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติม... คือถ้าบริสุทธิ์ใจก็ควรจะบอกใช่มั้ยครับ ว่าไปไหนกับใคร ไปทำอะไร ยังไง ให้คนของตัวเองสบายใจ แบบนี้จงใจปิดบังชัดๆ
   อารมณ์ของผมดีขึ้นมานิดนึงหลังจากที่พี่วินจ่ายค่าอาหารด้วยแบ้งค์พันแล้วไม่รอเก็บเงินทอน
   “ให้ไว้กินหนม”
   เสร็จสิครับ ตั้งเจ็ดร้อยกว่าบาท มีแฟนรวยก็ดียังงี้แหละ
   เฮ้อ แต่เอาเข้าจริงๆ เงินมันซื้อความสบายใจไม่ได้เลยครับ

   ผมยังนั่งอยู่ในร้านตอนที่มองรถพี่วินแล่นออกไป แล้วก็นั่งแช่อยู่ตรงนั้นจนน้ำแข็งในชามะนาวซึ่งสั่งมาเป็นแก้วที่สองละลายจนหมด
   ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทรา...
   พี่วินไปดูหนังกับน้องกรรณ งั้นผมก็จะไปดูหนังกับพี่กร เอาแบบดูเรื่องเดียวโรงเดียวกันแม่งไปเลยโว้ย
   “เป็นไงบ้างครับพี่” ผมพูดเสียงอ่อยๆ ผ่านโทรศัพท์
   “พี่โอเค”
   ฟังจากน้ำเสียง พี่กรก็คงทำใจได้มากแล้วล่ะครับ
   “เราล่ะ?”
   คำถามกลับมานี่เหมือนว่าพี่กรจะรู้เลยนะครับว่าผมกำลังเจอกับปัญหาอะไรอยู่
   “ไปดูหนังกันครับ เหนือเลี้ยงเอง”
   เอาตังค์ของ ‘ผัวชั่ว’ นี่แหละไปเลี้ยง

   สองชั่วโมงต่อมาผมก็ได้เจอพี่กร หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยเกือบเดือน
   “แฟนคนอื่น”
   โอย ทักงี้ผมก็ไปไม่ค่อยเป็นนะ เอามีดมาเสียบอกกันยังจะดีกว่า ว่าแต่นี่พี่กรทักแบบขำๆ แบบคนทำใจได้แล้วหรือว่าพยายามกลบเกลื่อนบาดแผลตัวเองก็ไม่รู้แฮะ
   “คิดถึงครับ” ผมบอกตามความจริงนะ
   “มีปัญหากับเพื่อนพี่เหรอ”
   ตรง ชัด ไม่อ้อมเลยนะพี่ สีหน้าท่าทางของผมมันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
   “ครับ”
   “คิดมากไปเองรึเปล่า”
   “ขอให้เป็นอย่างนั้นครับ” ผมยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจ...เฮ้อ
   “เรื่องวินกับกรรณ?”
   ผมพยักหน้า คิดถูกละที่เรียกหาพี่กร
   “เหนือถามจริงๆ นะครับ พี่วินกับน้องกรรณเขาเป็นอะไรกันครับ” ผมยิงคำถามตรงๆ   
   “วินมันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับกรรณหรอก” 
   ถึงพี่กรจะยืนยันแบบนั้นแต่น้ำเสียงไม่ได้มีความมั่นใจนัก
   “แต่น้องกรรณคิดใช่มั้ยครับ”
   “เอ่อ...” พี่กรเริ่มอึกอัก
   “บอกเหนือเถอะครับ จะได้วางตัวถูก”
   พี่กรถอนหายใจพรืดก่อนจะพยักหน้ารับ
   ไหนๆ ก็คุยกันตรงๆ มาตั้งแต่ต้นละ ผมขอเจาะประเด็นอีกสักหน่อย พี่กรจะหาว่าละลาบลละล้วงก็ช่างละ “แล้วพี่กรล่ะครับ คิดยังไงกับน้องกรรณ”
   “พี่กับกรรณเคยคบกันครับ”
   นั่นไง! ผมแทบจะตบเข่าตัวเองดังฉาดประหนึ่งรู้ตัวว่าถูกหวยรางวัลใหญ่
   ทั้งที่จริงผมก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้เองแล้วล่ะแต่ก็แสร้งทำหน้ามึนงงออกมาให้ชัดที่สุดพอทำให้พี่กรเล่าออกมาเอง
   “เรื่องมันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ วันนั้นวินมันทะเลาะกับแฟนจนขาดสติ มันขับรถชนน้องกรรณในมหาวิทยาลัยนั่นแหละ”
   ใช่วันที่ผมแหวใส่พี่วินทางโทรศัพท์มั้ยนะวะเนี่ย
   “อุบัติเหตุตอนนั้นทำให้กรรณต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบเดือนจนพลาดการเซ็นสัญญาเป็นนายแบบ ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมกรรณ พี่กับวินจะเห็นกรรณร้องไห้”
   “พี่วินก็เลยยิ่งรู้สึกผิด ก็เลยให้ความสำคัญกับน้องกรรณเป็นพิเศษ” ผมเข้าใจแล้วครับ “แล้วพี่กรกับน้องกรรณคบกันตอนไหนครับ”
   “ลองเดาดูสิครับ” พี่กรหัวเราะแห้งๆ
   ผมนึกถึงพล็อตพระรองผู้แสนดี
   “น้องกรรณรักพี่วินที่คอยดูแลเป็นอย่างดีตามหน้าที่และความรับผิดชอบแต่พี่วินไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น (เพราะตอนนั้นยังเป็นผู้ชายทั้งแท่ง) นานวันเข้าน้องกรรณก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ช่วงที่เศร้าเพราะเขาไม่รักก็เลยเป็นจังหวะของเพื่อนพระเอก”
   “เพื่อนพระเอกเหรอ...เจ็บนะนั่น” พี่กรหัวเราะอีก “พี่คบกับกรรณครึ่งปีก็กลับมาเป็นพี่น้องกัน”
   “เพราะน้องกรรณยังรักพี่วินอยู่”
   พี่กรยิ้มนิดๆ ตาเหม่อหน่อยๆ
   “พี่กรยังรักน้องกรรณอยู่มั้ยครับ”
   “รักคนที่เขารักเราดีกว่าครับ”
   โอ๊ย สายตาละห้อยของพี่กรที่มองมาตอนนี้คือน่าสงสารจริงครับ หล่อและแสนดีแค่ไหนแต่โชคชะตาน่าอดสูจริงๆ ตอนน้องกรรณก็เป็นได้แค่คนคบเวลาเหงา พอมาถึงผมก็ไปไม่ถึงสวรรค์อีก เรียกว่าผมถีบพี่เขาตกลงมาเลยก็ได้นะ...พระรองผู้น่าสงสาร
   “เหนือขอโทษครับ”
   “เปลี่ยนมาคบกับพี่มั้ยล่ะ”
   “เอ่อ...” ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้
   “ล้อเล่นน่า” พี่กรหัวเราะพรืด “เดี๋ยวไอ้วินมันได้มากระทืบพี่”
   แหม ผมก็เกือบยอมแล้วนะ
   
   เจ้าดาวเหนือ : กลับหรือยังครับ?
   ผมไลน์ไปถามพี่วินตั้งแต่ชั่วโมงก่อนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อ่านข้อความเลยครับ คงกำลังทำอะไร ‘สำคัญ’ กับน้องกรรณอยู่สินะ นึกแล้วก็ชักขุ่น อารมณ์อยากเอาชนะ อยากประท้วงก็เลยตีเข้าหน้า
   “ถ่ายรูปกันครับพี่” ผมย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกับพี่กร เอียงตัวเข้าไปพิงจนชิดแล้วก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป จากนั้นก็โพสต์ลงเฟซบุ๊ก
   ไม่ถึงสิบนาทีพี่วินก็โทรมา
   ผมไม่รับสายหรอกครับ ทีใครทีมันโว้ย
   “ทำแบบนี้ไม่ดีนะ เจ้าดาวเหนือ” พี่กรยิ้มกริ่มแต่ก็ปรามแบบไม่จริงจังเท่าไหร่นะ
   “ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ผมยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
   “เดี๋ยวคืนนี้ก็โดนไอ้วินจัดหนักหรอก”
   “ไม่กลัว” ผมลอยหน้าลอยตาว่า
   พี่กรเขกหัวผมดังโป๊ก
   “เจ็บนะ” ผมหยิกหลังมือพี่กรคืนเบาๆ พลางก็รู้สึกดีจังครับที่สถานะของเราเป็นแบบนี้ ไม่ได้ลงเอยกันแต่ก็ไม่ได้จงเกลียดเคียดแค้นกันน่ะครับ
   
   “อยู่ไหน จะไปรับ”
   ผมรับสายพี่วินตอนที่เขาโทรมาเป็นครั้งที่สาม ซึ่งพอกดรับก็ได้ยินเสียงขุ่นเลยครับ ดีใจจังที่พี่วินแสดงออกแบบว่าหึงผมกับพี่กร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะป่วนเขาต่ออีกสักนิด อิอิ
   “ไม่เป็นไรครับ เหนืออยู่กับพี่กร นี่กำลังจะเข้าโรงหนัง จบแล้วพี่กรจะไปส่งครับ”
   “พี่ถามว่าอยู่ไหน” เสียงขุ่นเลเวลสามเลยทีนี้
   พอผมบอกชื่อห้างเสร็จ พี่วินก็วางสายไปเลยดื้อๆ ครับ หลังจากนี้ก็น่าจะเดาได้ว่าน่าจะรีบมากันท่าผมกับพี่กร ไม่ก็รอประเคนหมัดใส่หน้าผมอยู่ที่ห้องอ่ะ แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้วครับเพราะถึงเวลาต้องเข้าโรงหนังแล้ว
   “ค่อยดูวันหลังมั้ย” มีกรเสนอทางเลือก
   “ป่ะพี่” ผมยักไหล่ไม่ยอมฉีกตั๋วหนังทิ้ง ทั้งที่ในใจก็เริ่มกังวลนะ
   ใครบอกว่าผมไม่แคร์แฟนตัวเองล่ะ แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนะ ก็พี่วินไปดูหนังกับน้องกรรณ ผมก็มาดูหนังกับพี่กรไงครับ ไม่ใช่ใครอื่นสักหน่อย
   “คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” พี่กรทำหน้าแบบปลงๆ คงรู้สึกอิหลักอิเหลื่อที่ถูกดึงมาอยู่ใจกลางเรื่องผัวๆ เมียๆ คนอื่น “ถ้าแฟนพี่ทำแบบนี้พี่คงโกรธเหมือนกัน”
   “คิดมาก ไม่มีอะไรหรอกครับ”

   ผ่านไปสองชั่วโมงกว่า ผมกับพี่กรก็เดินออกมาจากโรงหนัง ผมกำลังวิจารณ์ตัวละครอย่างสนุกอยู่เลยก็เลยไม่ได้สังเกตว่ามีคนยืนตาถลึงคิ้วขมวดดักรออยู่ตรงหน้า ดีนะที่ท่าทางของผมกับพี่กรไม่ได้กระหนุงกระหนิงมาก ไม่งั้นคงมีคลิบผัวเมียละเหี่ยใจลงโซเชียลแน่ๆ
   “ไลน์หาทำไมไม่ตอบ” เสียงพี่วินเย็นชาเว่อร์
   “ก็ตะกี้อยู่ในโรงหนังไง” ผมตอบตามความจริงนะ
   “แล้วนี่จะกลับรึยัง หรือไปไหนต่อ?” พี่วินหันไปถามพี่กร แต่นัยแฝงก็คือไม่ให้ไปไหนอีกนั่นแหละครับ
   ผมชำเลืองมองพี่กรก่อนจะตอบว่า “จะไปหาอะไรกินก่อนกลับ พี่วินไปด้วยกันมั้ยครับ”
   พูดแล้วก็อยากจะปรบมือให้ตัวเองจริงๆ คนอะไรยั่ว (ตีน) เก๊งเก่ง
   “ไม่เป็นไร เหนือกลับไปก่อนก็ได้” พี่กรบอก ซึ่งเป็นอะไรที่ขัดใจผมจัง ไม่ให้ความร่วมมือเลย
   “โอเค ไว้เจอกัน” พี่วินชิงพูดรวบรัดแบบไม่ให้ใครกลับลำได้เลยครับ
   แต่ก่อนที่พี่กรจะปลีกตัวออกไป...
   “อยู่กันครบเลย” เสียงน้องกรรณดังมาก่อนจะเห็นตัวอีก พอเดินมาร่วมวงก็หันไปพูดกับพี่วิน “เพิ่งแยกกันตะกี้ เจออีกแล้ว”
   “อ้าว ที่ว่ามีนัดสำคัญคือนัดกับน้องกรรณหรอกเหรอครับ” ผมตอแหลว่าเพิ่งรู้
   “ครับ พี่มีนักคุยงานกับกรรณ” พี่วินตอบก่อนจะเหล่ตาไปทางพี่กรในทำนองว่ารู้กัน แบบว่าเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือน่ะครับ
   “กรรณเห็นรูปในเฟซบุ๊กพี่กรตะกี้ พี่กรกับพี่เหนือเป็นแฟนกันเหรอครับ”
   นั่นไง น้องกรรณพุ่งเป้ามาหาผมละครับ
   ผมอยากจะตอบว่าผมเป็นแฟนพี่วินตะหากล่ะ แต่นอกจากความเหนือกว่าและความสะใจก็คงไม่มีอะไรดูดีนัก ง่ายๆ เลยครับ ละครหลายๆ เรื่องก็บอกอยู่ว่าผัวมักจะเบื่อหน่ายเมียเก่าเจ้าอารมณ์และชอบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ฉะนั้นนิ่งไว้ก่อนดีกว่าครับ
แล้วสิ่งดีๆ ที่ได้อย่างใจก็เกิดขึ้นเมื่อพี่วินบอกกับน้องกรรณชัดๆ ว่า
“เหนือเป็นแฟนพี่ครับ”

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Armchinjung ที่ 09-06-2019 22:15:24
หายไปนานเกิ๊นนนนนน จากเดือนเป็น2เดือน 2เดือนเป็น3 4 5เลยนะเนี่ย คิดถึง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 09-06-2019 22:39:17
สารภาพว่าแบบ ลืมเนื้อเรื่องเบาๆ  :mew2:
แต่นี่ก็ยังคิดว่าพี่กรนี่น่าสงสารจริงๆนะ
โดนเหนือเอามาเปนคนยั่วให้แฟนหึง แถมยังเคยคบกรรณแต่กรรณรักวินอีก ทำไมชีวิตจะเศร้าขนาดเน้เพ่
แต่พี่วินนี่ยังไง ไลน์ไม่ตอบ แต่พอเหนือโพสเฟสไม่นาน คือเห็นได้ คือยังไง   :katai1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 09-06-2019 23:12:52
Armchinjung
หายไปนานเกิ๊นนนนนน จากเดือนเป็น2เดือน 2เดือนเป็น3 4 5เลยนะเนี่ย คิดถึง
คิดถึงเหมือนกันครับ
 :mew2:

muiko
สารภาพว่าแบบ ลืมเนื้อเรื่องเบาๆ  :mew2:
แต่นี่ก็ยังคิดว่าพี่กรนี่น่าสงสารจริงๆนะ
โดนเหนือเอามาเปนคนยั่วให้แฟนหึง แถมยังเคยคบกรรณแต่กรรณรักวินอีก ทำไมชีวิตจะเศร้าขนาดเน้เพ่
แต่พี่วินนี่ยังไง ไลน์ไม่ตอบ แต่พอเหนือโพสเฟสไม่นาน คือเห็นได้ คือยังไง   :katai1:
น่าเชียร์ให้เหนือได้กับพี่กรเนาะ ส่วนอีพี่วินให้มันไม่เหลือครายยยยย อิอิ


ไรต์ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ห่างหายไป สาเหตุก็มาจากหลายๆ อย่างในชีวิตครับ  :jul1:  :เฮ้อ:
อาจจะช้าไปบ้าง (มาก) แต่ก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นนะ

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 09-06-2019 23:19:59
นังเหนือร้ายมากกจัดการอีพี่วินได้แสบสุดเอาจริงๆถ้าำม่บอกความจริงแต่แรกก็ควรโดนนะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-06-2019 17:28:48
ห๊ายไปนานเล้ย กลับมาอีกที เจ้าดาวเหนืออัพความร้ายขึ้นเว้ย วุ้ยยยยยย ".....เป็นแฟนพี่...." เอาสิๆ 5555 //คิดถึงและรอตอนต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-06-2019 20:03:35
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 10-06-2019 21:21:00
 :o8:
 :-[
 :impress2:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 10-06-2019 21:26:15
กลับมาแล้วเย้ๆๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-06-2019 21:34:11
 :pig4:
เหนือชนะ
 o13
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-06-2019 22:13:43
เหนือเปลี่ยนจากแรด มาร้ายแล้วหรือเนี่ย มารยาได้โล่
 o22 o22
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-06-2019 23:15:04
อิน้องกรรณนี่น่ากลัวสุดละ,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 11-06-2019 21:56:16
ตอนที่ 19 กำลังมาแล้วนะครับ
เร็วมั้ยคราวนี้ อิอิ
เตรียมเช็ดกำเดาได้เลย   :pighaun:
รับรองว่าน้องกรรณได้อ่านจะต้องร้องกรี๊ด  :katai1:

อยากจะบอกว่าก่อนนี้ที่ช้าๆ ก็เพราะไรต์มีเวลาเขียนเฉพาะหลังจากเลิกงานน่ะครับ
ซึ่งงานเยอะมาก พอกลับมาเปิดคอมก็เหนื่อยล้านึกไรไม่ออกก็เลยดูละครเอย ทำนั่นนี่เอย แปบๆก็ถึงเวลานอนซะละ
แต่ตอนนี้ไรต์ถอยไอแพดมาใหม่ ก็เลยจดโน๊ตระหว่างวันได้เลย จดลงแอ๊บ goodnote สะสมไว้ๆทีละนิดแล้วเอามาเรียบเรียงอีกทีลงคอม แนะนำเลยนะสำหรับนักเขียนสมาธิสั้นอย่างไรต์ วิธีนี้เวิร์คมากครับ  o13


หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-06-2019 00:12:42
อ่านซ้ำตั่งแต่ต้นเรื่อง ยังสนุกเหมือนเดิม ความคิดของดอกเหนือ นี่ละเอียดดี
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 18 : หน้า 6 (9/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 12-06-2019 00:33:47
ตอนที่ 19


“ไม่เห็นพี่วินอับเดทกับกรรณเลยครับ” น้องกรรณทำหน้าแบบตัดพ้อทำนองว่าทำไมก่อนนี้พี่ชายถึงไม่บอกเรื่องสำคัญกับน้องชายคนสนิทเทือกนั้น
   ผมมองอาการของน้องกรรณแล้วก็แบบว่า ฮัลโหล เธอไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดกับพี่วินนะ ที่ได้สถานะน้องคนสนิทนี่ก็เพราะโดนเขาขับรถชนนะเฮ้ย ถ้าอยากได้พี่วินเป็นแฟนสงสัยจะต้องรอโดนชนหนักๆ รอบหน้าแล้วล่ะ
   “ยินดีด้วยนะครับพี่เหนือ”
   ที่จริงน้องกรรณก็ดูไม่ได้มีอะไรนะครับ อะไรที่ว่านี่หมายถึงความร้ายน่ะครับ เพราะเท่าที่เห็นนี่น้องมีความยินดี มีมารยาทดี ทัศนคติก็ดี ผมเสียอีกที่ดูเป็นตัวชั่วยิ่งกว่าใคร
   “วันหลังถ้าเราไปเที่ยวกัน พี่วินก็ชวนพี่เหนือมาด้วยนะครับ”
   เอ่อ คุณน้องกรรณครับ ถามพี่ก่อนมั้ยว่าเวลาพี่จะไปไหนกับพี่วิน พี่อยากให้น้องกรรณอยู่ด้วยมั้ย
   อย่างที่บอกตอนแรกครับ น้องกรรณก็ดูไม่มีอะไรในกอไผ่นะ แต่อีกครึ่งหนึ่งในจิตใจส่วนที่เป็นด้านมืดของผมกลับคิดว่าน้องกรรณกำลังส่งสาส์นถึงผมโดยตรง ใจความสำคัญก็คือ ผมเป็นคนมาทีหลังและได้รับประทานอนุญาตจากน้องกรรณให้ไปไหนมาไหนกับพี่วินได้
   “ได้สิครับน้องกรรณ ไปเที่ยวกันหลายๆ คน พี่ชอบ” ผมเน้นตรง ‘พี่ชอบ’ แบบเนียนๆ แบบดูไม่ร้าย
   ไม่รู้แหละ กล้าท้าผมก็กล้าลงเล่น ฆ่าได้ฆ่า ใครตายช่างมัน หึหึ
   ผมจะจูบพี่วินโชว์น้องกรรณแม่งเลยครับ ให้รู้ว่ามาทีหลังปังกว่าจ้า
   
   “แล้วนี่จะกลับบ้านยังไง ให้พี่ไปส่งมั้ยหรือจะเรียกให้ที่บ้านมารับ” พี่กรถามน้องกรรณเป็นเชิงตัดบท
   “ครับ” น้องกรรณหันไปตอบพี่กรแต่ก็ยังไม่วายให้ข้อมูลอันไม่ตรงกับคำถามและก็ดูเหมือนจงใจให้ผมได้ยินเสียด้วยสิ “กรรณมาดูหนังกับพี่วิน เสร็จแล้วก็ว่าจะไปกินไอติมกัน แต่จู่ๆ พี่วินก็บอกว่าจะรีบกลับ ผมก็เลยกะจะมาเดินเล่นคนเดียวแถวนี้สักพัก เนี่ย บังเอิญมาเจออีกรอบ”
   ผมมองบนแบบเนียนๆ แน่ใจนะครับว่าน้องกรรณไม่ได้สะกดรอยตามแฟนพี่มา อย่าตอแหลนะครับพี่ดูออกเพราะพี่ก็ทำบ่อย
   ชำเลืองมองหน้าพี่วินก็นึกถึงบทพระเอกผู้แสนดีขึ้นมารำไร ดีกับทุกคน โดยเฉพาะนางร้ายจะดีมากเป็นพิเศษ เพราะในอดีตเคยสร้างความเจ็บปวดเอาไว้จนกลายเป็นความรู้สึกผิดมหันต์ ผ่านมาแล้วสิบปีก็ยังสลัดอีตัวร้ายไม่พ้นจากชีวิตสักที เว่อร์ไปครับ จากที่ฟังมาก็ไม่ถึงสิบปีหรอก ตอนนั้นน้องกรรณน่าจะอยู่ม. ปลาย แหม ถ่อเอาตัวเองมาให้เขาชนถึงในมหาวิทยาลัยเลยนะ
   คิดไปคิดมาเพลินๆ ผมก็เริ่มรู้สึกตัวละว่าฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ เอาพล็อตละครมาปนกับเรื่องจริงจนอคติไปกันใหญ่ละ

   เป็นอันว่าผมได้กลับกับพี่วินนะครับ แล้วแทนที่จะตรงกลับแมนชั่นของผมหรือคอนโดของพี่วิน...
   “ไปไหนครับพี่” ผมถามตอนที่พี่วินขับรถเลยปากซอย
   “ก็จะไปหาอะไรกินก่อนไม่ใช่เหรอ” ว่าพลางก็เอื้อมมือข้างหนึ่งมายีหัวผม
   บรรยากาศในรถเงียบลงอีกอึดใจก่อนพี่วินจะเอ่ยถาม “กรมันโอเคแล้วเหรอ”
   “ก็โอเคดีนะครับ” ผมตอบด้วยเสียงที่เบากว่าปกตินิดหน่อย “ถ้าเป็นเหนือ...คงแย่ไปอีกนาน”
   “เราต้องคบกันให้ได้นานๆ นะ”
   พี่วินรู้ความที่อยู่ในใจผมครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากได้คำสัญญามากกว่า เช่นว่า ‘พี่จะรักเหนือคนเดียวตลอดไปนะครับ’ ขีดเส้นใต้ตรงตลอดไปด้วยนะ อะไรอย่างงี้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคำมั่นสัญญามันก็แค่คำพูดแล้วผมก็เคยบอกพี่วินตอนที่อยู่เสม็ดว่าไม่ต้องการให้สัญญาก็ตามทีเถอะ แต่ตอนนี้ใจผมมันกลับต้องการคำพวกนั้นซะงั้น แปรปรวนจริงๆ ผมนี่
   “เหนือรักพี่นะครับ” ผมโน้มตัวเองเข้าไปพิงไหล่พี่วินในจังหวะที่รถติดไฟแดง
   พี่วินหันมายิ้มบางๆ ให้ จังหวะสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียวก็เลยไม่ได้พูดอะไรกลับมาสักคำ นั่นทำให้ผมรู้สึกงอน อะไรวะ แทนที่จะบอกรักกลับมา ผมก็เลยหน้านิ่งๆ บึ้งๆ เพราะจมอยู่กับความคิดตัวเองจนถึงร้านอาหารนั่นแหละครับ
   “เป็นอะไร หน้างอตั้งแต่อยู่บนรถละ”
   “ไม่ได้เป็นอะไร” ผมพยายามทำหน้าให้เป็นปกติในทันที แต่ก็รู้สึกนะว่าดวงตามันซ่อนสิ่งที่ว้าวุ่นข้างในไม่ได้จริงๆ
   “แน่ใจ?”
   ผมถอนหายใจก่อนจะยอมพูด “คิดมาก คิดไปล่วงหน้า”
   “ว่า”
   “คิดไปล่วงหน้าถึงวันที่เราเลิกกัน”
   “คิดมากไปแล้ว ใครว่าพี่จะเลิกกับเหนือ” พี่วินตบบ่าผมก่อนจะเดินไปฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร “รู้อะไรมาครับ”
   “เรื่องน้องกรรณ”
   “ไอ้กรเล่าให้ฟังแล้วเหรอ” ท่าทางพี่วินไม่ได้แปลกใจอะไรนัก “พี่คิดกับกรรณเป็นแค่น้องเท่านั้นครับ” พี่วินมองตาผมตอนที่ยืนยัน
   ผมรู้สึกโล่งขึ้นมาเปลาะหนึ่งแต่ก็ยังไม่หมด “ฟืนใกล้ไฟใครจะรู้ว่าวันนึงมันจะจุดติดอ่ะ”
   “พูดเหมือนละคร” พี่วินขำ
   “ก็จริงมั้ยล่ะ”
   “หึงจนหน้ามืดละ ถ้าพี่จะเลือกกรรณก็คงทำไปนานแล้ว ไม่เหลือมาถึงเหนือหรอก”
   “ใครกันแน่ หึงจนหน้ามืด” ผมเริ่มยิ้มออกนิดๆ ละ “มาดักรอถึงหน้าโรงหนัง ไม่เชื่อใจเหนือ กลัวเหนือไปต่อกับพี่กรเหรอครับ”
   “อย่ายวนถ้าไม่อยากโดนดี”
   “ไม่พูดก็ได้ ไม่อยากโดน” ผมว่างั้นแต่หน้าตางี้ท้าทายสุด ไม่โดนให้มันรู้ไป
   
   พี่วินพาผมตรงมาที่คอนโด เข้าห้องปุบ ผมก็ถูกพี่วินดึงไปกอดทันทีเลยครับ
   “อย่าเพิ่งสิครับ ตัวเหนือยังเหนอะอยู่เลย” ผมเล่นตัวพอเป็นกระสาย
   เท่านั้นแหละพี่วินก็อุ้มผมเข้าไปในห้องน้ำแล้วปล่อยลงในอ่างทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้านั่นแหละครับ
   ทุกนาทีมีค่าหากถึงคราอย่ามารยาให้มากความ
   ริมฝีปากของพี่วินประกบลงมาทันทีหลังจากนั้น แน่นอนครับว่าทั้งปากผมกับปากพี่วินต่างก็ยังมีกลิ่นอาหารที่เพิ่งกินมาแต่ผมไม่ได้รังเกียจเลยสักนิดนะ อาจเพราะเรากินผลไม้ตบท้ายด้วยล่ะมั้ง รสหวานๆ ของสับปะรดจึงยังมีอยู่
   สีหน้าของพี่วินตอนนี้คือสิ่งล้ำค่ามากๆ ครับ เพราะจะเห็นได้ก็ตอนหื่นเท่านั้น ซึ่งอภิสิทธิ์นี้มีผมคนเดียวที่ได้เห็น ต่อให้เอาอัญมณี infinity stone ใส่พานมาให้ตรงหน้าผมก็ไม่เอา แฟนใครก็ไม่รู้ทั้งหล่อทั้งดุดันแล้วก็ละมุนได้ในคราวเดียว
   ผมไม่รู้ละครับว่าพวกมือถือกับกระเป๋าสตางค์ถูกถอดไปตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่น้ำในอ่างเริ่มเพิ่มระดับขึ้นมาพร้อมกับฝักบัวด้านบนโปรยสายน้ำลงมาอาบตัวเราทั้งสองทั้งๆ ที่ยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบชุด
   พี่วินทับผมอยู่ด้านบน มองตรงเข้ามาในตาเหมือนให้คำมั่นและปลอบใจไปพร้อมกัน ผมพี่วินเปียกน้ำไหลลงบนตัวผมไม่ขาดระยะ ครู่เดียวเสื้อผ้าของเราก็แนบเนื้อ
   ผมเอื้อมมือขึ้นแกะกระดุมเสื้อให้พี่วินได้สองเม็ดแต่มันคงไม่ทันใจเขาเลยจัดการเม็ดที่เหลืออย่างรวดเร็ว แค่พริบตาเสื้อตัวนั้นก็ถูกโยนไปกองกับพื้นนู่นแล้ว
   “ขอโทษที่พี่ทำให้เหนือไม่สบายใจ” พี่วินว่าพลางก็เลิกชายเสื้อยืดของผมขึ้นจนพ้นบริเวณช่วงอก ผมก็ถูกพรมด้วยรอยจูบอันหื่นกระหายทันที
   ผมหลับตาพริ้มรับความรู้สึกเสียวซ่านไปทั่งตัว สองมือก็ลูบซิกแพ็กแน่นเป็นลอนๆ ของพี่วินไปด้วย จนกระทั่งจับถึงหัวเข็มขัดพี่วินก็ยันตัวเองขึ้นตรงทั้งที่ช่วงล่างยังคร่อมทับผมอยู่ เป็นวิวที่ดีมากครับ หน้าหล่อๆ ของพี่วินเต็มไปด้วยความเซ็กซี่ ท่อนบนเปลือยนั่นน่าสัมผัสเป็นที่สุด มือพี่วินก็กำลังแกะเข็มขัดออก
   “เหนือจะลงโทษพี่ยังไงดีครับ”
   เมื่อนักโทษยินยอมขนาดนี้มีหรือผู้คุมจะพูดมาก ผมดันตัวเองลุกขึ้น ถอดเสื้อออกไปให้พ้นตัว จากนั้นก็พุ่งริมฝีปากไปยังอกล่ำๆ ขณะที่มือก็ทำหน้าที่แกะกระดุมกางเกงพี่วินออกแล้วก็ดันขอบกางเกงลงไปทั้งหมด ลิ้นที่โลมเลียอยู่ตรงหน้าอกก็ค่อยไล้ลงมาด้านล่างเพื่อลงโทษเชลยจนสาแก่ใจ
   มือของพี่วินลูบวนอยู่ตรงท้ายทอยของผมก่อนจะเลื่อนมาที่ปลายคางแล้วช้อนใบหน้าผมขึ้นไปประกบจูบอย่างดูดดื่ม ตอนนี้ทั้งรสปากรสน้ำฝักบัวปนกันไปหมดแล้วครับ เมื่อกางเกงของผมหลุดออกไปพี่วินก็ขบที่ใบหูของผมแล้วกระซิบว่า “ถึงคราวพี่ลงโทษเหนือบ้างแล้วนะครับ โทษฐานที่กวนและท้าทาย”
   พี่วินกดผมลงไปนอนแช่น้ำในอ่างก่อนจะหยิบสบู่เทราดลงมาจนแทบจะหมดขวด หลังจากนั้นพี่วินก็ทับตัวลงมาอีกครั้ง เรากอดรัดกันอย่างกับงูพันกันเลย ขนาดของอ่างไม่เป็นอุปสรรคเลยครับเมื่อฟองสบู่ฟูฟ่องขึ้นมา เนื้อตัวของเราหอมและลื่นมาก พี่วินค่อยๆ ขยับนำเป็นจังหวะ ตาก็จ้องหน้าผมที่กำลังฉายคว่มเจ็บและความสุขไปพร้อมกัน
   “ยกขาขึ้นโอบเอวพี่สิครับ”
   ผมทำตามอย่างว่าง่ายพลางก็ยกสองมือขึ้นประคองใบหน้าพี่วินให้ตาประสานกัน
   ทุกจังหวะ ทุกท่วงท่า สีหน้า เสียงลมหายใจหอบถี่ เสียงหยดน้ำที่โปรยลงมาหรือแม้แต่เสียงน้ำในอ่างกระฉอกกระเซ็น ทุกอย่างเหมือนจะซึมซาบเข้าสู่หัวใจของผม
   จวบจนทุกสิ่งบรรลุถึงความหมายของคำว่า ‘รัก’ ผมก็กอดพี่วินเอาไว้แน่น
   พี่วินหายใจหอบอยู่บนตัวผมครู่เดียวก็หายใจสม่ำเสมอเป็นปกติ
   “ครวหลังจะท้าทายพี่อีกมั้ยครับ”
   “อยากให้ผมท้าทายอีกมั้ยล่ะ” มีย้อน
   “พี่รักเหนือนะครับ” พี่วินหยิกจมูกผมเบาๆ “สบายใจรึยังครับ”
   ครับ วันหลังถ้าผมไม่สบายใจอีก ผมก็รู้ละว่าจะบำบัดยังไง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 12-06-2019 00:36:22
 :m25:
 :-[
 :laugh:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-06-2019 03:42:38
แต่แอบเห็นใจกรนะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 12-06-2019 12:12:46
สอบถามหน่อยครับ
เห็นแบบเดียวกันมั้ยครับ

ตอนนี้ล็อกอินเครื่องคอมที่ออฟฟิศ

ตอนที่ 18
ในเว็บจบตอนที่ตรงนี้

   ทำตัวดีมากผิดปกติ แบบนี้ยิ่งส่อพิรุธมากขึ้นไปอีก
   “พี่รักเหนือนะครับ”
   นั่นไง มีพิรุธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตอนที่ 19
ในเว็บจบตอนที่ตรงนี้

มือของพี่วินลูบวนอยู่ตรงท้ายทอยของผมก่อนจะเลื่อนมาที่ปลายคางแล้วช้อนใบหน้าผมขึ้นไปประกบจูบอย่างดูดดื่ม ตอนนี้ทั้งรสปากรสน้ำฝักบัวปนกันไปหมดแล้วครับ เมื่อกางเกงของผมหลุดออกไปพี่วินก็ขบที่ใบหูของผมแล้วกระซิบว่า “ถึงคราวพี่ลงโทษเหนือบ้างแล้วนะครับ โทษฐานที่กวนและท้าทาย”



จริงๆ มันยาวกว่านั้นอ่ะครับ
ประมาณว่าสมมติตอนนึงมี 100 บรรทัด ในเว็บโชว์แค่ 50 บรรทัดแรกอ่ะครับ
แต่พอดูผ่านมือถือก็แสดงเต็มนะ งงอ่า
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-06-2019 17:38:18
ก็ถ้าจะลงโทษ ทำโทษกันแบบนี้ พรี่ต้องสำรองเลือดไว้ก่อนนะ  :oo1: :jul1: 555 พี่วินทำเขินเลย รักนะ >.<
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 12-06-2019 22:04:16
ashbyipcet
นังเหนือร้ายมากกจัดการอีพี่วินได้แสบสุดเอาจริงๆถ้าำม่บอกความจริงแต่แรกก็ควรโดนนะ  :angry2:
ตอนถัดไปโดน(อีก)แล้วจ้า อิอิ  :laugh:

blove
ห๊ายไปนานเล้ย กลับมาอีกที เจ้าดาวเหนืออัพความร้ายขึ้นเว้ย วุ้ยยยยยย ".....เป็นแฟนพี่...." เอาสิๆ 5555 //คิดถึงและรอตอนต่อไปเลยค่ะ
ฆ่าได้ฆ่าใครตายชั่งมัน  :hao7:


iceman555
:hao7: :hao7: :hao7:
 :katai2-1:

Pe_no
กลับมาแล้วเย้ๆๆ :mew2:
 :mew1:

AkuaPink
:pig4:
เหนือชนะ
 o13

 :katai2-1:

k2blove

เหนือเปลี่ยนจากแรด มาร้ายแล้วหรือเนี่ย มารยาได้โล่
 o22 o22
 :hao3:

Kelvin Degree
อิน้องกรรณนี่น่ากลัวสุดละ,,,
น้องกรรณน่ารักจะตาย  o18

t2007
อ่านซ้ำตั่งแต่ต้นเรื่อง ยังสนุกเหมือนเดิม ความคิดของดอกเหนือ นี่ละเอียดดี
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 12-06-2019 22:12:05
meteexp
แต่แอบเห็นใจกรนะ
 :hao5: คนไม่ใช่อ่ะเนาะ

blove
ก็ถ้าจะลงโทษ ทำโทษกันแบบนี้ พรี่ต้องสำรองเลือดไว้ก่อนนะ  :oo1: :jul1: 555 พี่วินทำเขินเลย รักนะ >.<
อยากโดนพี่วินทำโทษบ้าง  :impress2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-06-2019 22:48:56
น้ำล้นอ่าง เจิ่งนอง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 13-06-2019 11:40:07
ต้องทำผิดบ่อยๆจะได้ถูกทำโทษ,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 19 : หน้า 6 (12/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 18-06-2019 23:46:32
ตอนที่ 20


   สวัสดีวันจันทร์ เช้านี้คนที่ออฟฟิศแตกตื่นกันเล็กน้อยที่เห็นนายแบบครีมของบริษัทตัวเป็นๆ กำลังรอขึ้นลิฟต์ในชั่วโมงคนพลุกพล่านแถมในมือก็ยังถือช่อดอกไม้สีแดงสดอยู่ด้วยนะเออ
   “นั่นน้องกรรณใช่มั้ยมึง” อีต้าร์ทำเสียงระริกระรี้ “โฆษณาเพิ่งออนแอร์เมื่อคืน ออร่าจับกว่าเดิมเยอะเลยนะเนี่ย กูอยากขอถ่ายรูปไปลงไอจี”
   “ไปขอดิ ก่อนที่น้องมันจะดังกว่านี้” ผมเออออห่อหมก
   “น้องเป็นป่ะมึง” เรดาร์อีเอกระดิก
   เอ่อ คือพวกมึงกูไม่ออกเหรอ อันที่จริงผมก็รู้สึกก้ำๆ กึ่งๆ ในรสนิยมน้องกรรณมาตั้งแต่ตอนแรกๆ นะ เพิ่งจะฟันธงไม่กี่วันนี้เองเหมือนกัน ก็น้องกรรณดูเป็นผู้ชายปกติ ไม่มีจริตเก้งกวางหรือแรดชัดเจนแบบพวกผม อาจจะแค่ดูสุภาพเรียบร้อยมากกว่าผู้ชายทั่วไปเท่านั้นเอง...ก็ต้องคีพลุกนายแบบอ่ะเนาะ
   ผมว่าผมพยายามอยู่เงียบๆ ห่างๆ แล้วนะ แต่อีคนอื่นๆ ที่ล้อมหน้าล้อมหลังผมมันออกนอกหน้ามากจนน้องกรรณสังเกตเห็นจนได้
   “พี่เหนือ สวัสดีครับ” น้องกรรณเดินเข้ามาหาผม พลอยทำให้ผมกลายเป็นจุดสนใจไปด้วย
   “มาหาพี่วินเหรอครับ” ผมทักแบบตรงไปตรงมา ถือดอกกกกกกกไม้มาขนาดนี้คงไม่ได้มาคุยงานเฉยๆ หรอกมั้ง
   “ครับ มาขอบคุณที่พี่วินเลือกเป็นพรีเซนเตอร์” น้องกรรณก็ตอบตรงๆ นะ
   “พี่เห็นโฆษณาแล้ว ดีใจด้วยนะ” อันที่จริงยังไม่เห็นนะ จำที่อีต้าร์มันพูดตะกี้ แต่พอบอกออกไปแล้วก็ปะติดปะต่อได้ว่าคงมาขอบคุณจริงๆ นั่นแหละ ดีนะที่ไม่หอบดอกกกกกกไม้มาขอบคุณตั้งแต่เมื่อคืนที่โฆษณาออนแอร์เริ่มออนแอร์
   “ตอนเย็นกรรณขออนุญาตชวนพี่วินไปเลี้ยงข้าวนะครับ”
   อะไรวะ ให้ดอกกกกกกกไม้ตอนเช้า ข้าวก็ยังจะเลี้ยงตอนเย็น ทำไมไม่ให้ดอกกกกกกไม้ตอนกินข้าวเย็นทีเดียวให้จบๆ ฟะ แล้วไอ้เรื่องขออนุญาตนี่ไม่ต้องก็ได้นะ
   “ตามสบายเลยครับ เย็นนี้พี่คงไปกับเพื่อน” นี่กัดฟันดังกรอดเลยนะที่พูดเนี่ย
   “เผื่อพี่วินกลับดึก พี่เหนือจะได้ไม่ต้องพะวงนะครับ”
   ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลละ ใครเอาตำแยมาป้ายมือวะ คันยิกๆๆๆๆ
   “งั้นกรรณไปหาพี่วินก่อนนะครับ” ยกมือไหว้แล้วก็เดินไปขึ้นลิฟต์
   “กูว่าน้องกรรณดูมีอะไรแปลกๆ นะ” พี่เอ็มหรี่ตามองหาความผิดปกติ พอเห็นสีหน้ามีพิรุธของผมเท่านั้นแหละ “เล่ามาค่ะ”
   “เล่าอะไร ไม่มี๊” ผมปฏิเสธทันควัน ยิ่งเพิ่มพิรุธขึ้นไปอีก
   “ให้กูเดาม้ะ” อีต้าร์ผสมโรง “น้องกรรณจ้องจะเคลมผัวมึง”
   ฉึก! อีเพื่อนชั่วเอามีดปักอกผม
   “สู่รู้!” ผมแหว
   “นั่นไง เห็นมั้ยล่ะ” อีต้าร์ดีดนิ้วดังเปาะ “เรื่องชาวบ้านคืองานของกู ถ้ามึงเล่าตอนนี้กูยอมเลี้ยงเหล้ามึงศุกร์นี้”
   
   “อีเชี่ยยย” อีต้าร์เอ่ยมธุรสวาจากลางวง “น้ำหยดลงหินทุกวันหินกร่อนเพราะหินมันเดินหนีไม่ได้ แต่ผัวมึงมีขา ผัวมึงไม่หนี เรื่องนี้มีเงื่อนงำ”
   อีเพื่อนเลววววว ไม่ให้กำลังใจยังมาบั่นทอนอีก
   “มึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม กำจัดมันให้พ้นทาง” อีเอว่า “เสียทองเท่าหัวอย่าเสียผัวให้ใคร”
   “ค่ะคุณนพนภา เหมือนที่มึงบุกไปตบกิ๊กผัวมึงอ่ะเหรอ” อันที่จริงมันแค่ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนของคนที่น้องคนนั้นกำลังกุ๊กกิ๊กอยู่ น้องมันคงเห็นเส้นเลือดบนหลังมืออีเอก็เลยยอมล่าถอยออกไป
   “แต่เย็นนี้เขาจะไปกินกันนะ แต่คงจะไม่มีอะไรหรอกเนาะ” อีต้าร์ว่า
ขอบใจที่ยังให้กำลังใจ อีดอกกกก
“กูเชื่อใจพี่วิน”
“จ้า อย่าให้กูเห็นนะว่ามึงแอบไปแดกเหล้าเพราะผู้ชายอีก” ยังอีก มันยังไม่หยุด
   “เออ เรื่องของกู” ผมพยายามไม่ต่อความยาวเพราะเท่านี้ก็คิดไปล่วงหน้าสารพัดละ เช่นว่าพี่วินจะบอกผมมั้ย ไอ้ที่จะไปกินเลี้ยงกับน้องกรรณเนี่ย
ถ้าบอก ผมก็จะเชื่อใจ ไว้ใจเขามากขึ้น
ถ้าไม่บอก เท่ากับจงใจหลีกเลี่ยงและปิดบัง ถือว่าเป็นความผิดนะครับ
“งั้นเย็นนี้มึงก็ไปแดกข้าวกับพวกกูได้แล้วสิ” พี่เอ็มพูดเหมือนแขวะ คือช่วงหลังๆ นี้ผมก็มักจะไปกับพี่วินอ่ะครับ แหะๆ
“อือ”

สิบโมง พี่วินเดินเข้ามาในแผนกพร้อมกับช่อดอกไม้ของน้องกรรณ พอหย่อนตูดนั่งได้ไม่ถึงห้านาที พี่ๆ คนอื่นก็พากันเอาแฟ้มมากางให้เซ็น เห็นภาพอย่างนั้นแล้วผมก็อดคิดไม่ได้นะ ผมกับพี่วินแตกต่างกันมากจริงๆ เขารวย ผมจน เขามีหน้ามีตาในสังคม ผมโนบอดี้ เทียบกับน้องกรรณแล้วลูกเกษตรกรอย่างผมไม่มีอะไรสู้ได้เลยครับ ทั้งรูปร่างหน้าตา เงินในบัญชี ฐานะทางสังคม อย่างช่อดอกไม้นั่นก็คงหลายพัน เป็นผมคงไม่ซื้ออ่ะ
ผมไม่คู่ควรกับพี่วินเลยสักนิด
ALWAYS WIN : นั่งเหม่อแต่เช้า ทำงานสิครับ
ผมชำเลืองไปมองก็เห็นเจ้าตัวทำเป็นง่วนกับเอกสารบนโต๊ะ แหม แอ๊กติ้งเก่ง
เจ้าดาวเหนือ : ขอโทษครับ
ALWAYS WIN : ยิ้มหน่อย
เจ้าดาวเหนือ : ดอกไม้สวยดี
ALWAYS WIN : น่ารัก
ผมตวัดสายตาฉับไปหาพี่วินตรงๆ ซึ่งก็ยังเนียนทำเป็นยุ่งไม่หลุด
เจ้าดาวเหนือ : ชอบ สวยดี
ALWAYS WIN : หมายถึงคนที่กำลังหึงน่ะ น่ารัก
ผมอ่านแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ รู้สึกโล่งขึ้นนะ
ALWAYS WIN : ดอกไม้นี่ กรรณเอามาขอบคุณเรื่องงานครับ
อย่างน้อยก็บอกเรื่องดอกไม้
ALWAYS WIN : อยากได้สักดอกมั้ย
เจ้าดาวเหนือ : ทะลึ่ง
“อีเหนือ อู้งานนะมึง” พี่เอ็มพูดพอได้ยิน “ลูกค้าโทรมาตามงานเนี่ย เดี๋ยวกูโอนสายให้ แล้วก็รีบทำให้เจ้านี้ก่อนด้วยล่ะ พี่แกยิ่งขี้เหวี่ยงอยู่ เดี๋ยวไม่ทันใจท่านก็สายตรงไปหาเจ้านายอีก”
ที่ชวนกูแชทอยู่เนี่ยก็คุณสิบทิศเจ้านายมึงนั่นแหละค่ะ

ตกเย็น พี่วินก็แวบหายไปเลยครับ ไม่ไลน์บอกด้วยว่ากลับแล้วหรือไปธุระที่ไหนซึ่งผมก็เดาได้ว่าคงไปดินเนอร์กับน้องกรรณอ่ะแหละ แต่ผมไลน์บอกนะว่าจะไปกินส้มตำไก่ย่างกับเดอะแก๊ง
“สรุปมึงจะเอาไง เรื่องอีน้องกรรณ” อีต้าร์เปิดประเด็น ทำไมมันชอบเสือกเรื่องของผมจัง
“ไม่ได้จะเอาไง เพราะมันไม่มีอะไร” ผมว่าพลางกัดยอดผักบุ้งแกล้มส้มตำ
“จ้า แม่พระ พระแม่ผู้มีจิตใจเมตตาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน”
“แบ่งปันแม่มึงสิ เขาเรียกว่าความเชื่อใจ” ผมพยายามสะกดจิตตัวเองให้เป็นอย่างนั้น
“ถ้าเครียดมาก ไปปฏิบัติธรรมสวดมนตร์ทำสมาธิกับกูมั้ย ทำแล้วจะได้จิตใจสงบ” อีแมนชวน
นี่แสดงว่าที่ผมบอกไปว่าไม่มีอะไรคือไม่มีใครเชื่อเลยสินะ อีพวกนี้ดูออกกันสินะ ไอ้ที่ผมพยายามคิดบวกมาตลอดทั้งวันมันไม่เป็นธรรมชาติเลยสินะ
เฮ้อ
“สวดมนตร์ทำสมาธิไรของมึง อย่างนี้ต้องตบค่ะ” อีเอกราดเกรี้ยว
“กูเห็นมึงเริ่มเข้าวัดปฏิบัติธรรมตั้งแต่โดนผัวเก่าทิ้งละ มีอะไรดีขึ้นม้ะ” อีต้าร์หันไปเสือกเรื่องอีแมนละ
“ก็สงบขึ้น” อีแม่ชีตอบพลางตักกุ้งตัวสุดท้ายในถ้วยต้มยำไปกิน
“แต่ก็ยังไม่มีผัวใหม่ ดวงความรักก็ไม่ได้กลับมาไชน์นิ่ง สงสัยเบื้องบนจะเล็งเห็นแล้วว่ามึงได้ไปต่อบนทางสายพรหมจรรย์” อีต้าร์ผีเจาะปากจริงๆ
“อีห้าบาป” ทุกคนร่วมใจกันสาปอีต้าร์
“อีดอก กูก็อยากมีผัวค่ะ แต่มันไม่มีจะให้กูทำไงอ่ะ” อีแมนเริ่มตบะแตก
“ปฏิบัติธรรมเสร็จมึงก็ขอพรให้มีผัวสิ” อีเอว่า
“ใครว่ากูไม่ขอล่ะ” อีแมนพูดเสียงอ่อย
“งั้นมึงต้องไปแรดกับพวกกูบ่อยๆ รับรองมีแน่” อีต้าร์เริ่มมัดมือชก “สรุปศุกร์นี้มึงห้ามเบี้ยว ร่านมั่วชั่วแรดสักวันแต้มบุญมึงไม่หายไปเยอะหรอกเชื่อกู เนี่ยกูกะอีเอ็มม่าไปกันสองคนหลายรอบละนะ อีเอกับอีเหนือเอาแต่กกผัว มีผัวลืมเพื่อน มึงก็ปลีกวิเวกไปสู่แดนสุขาวดีตลอดๆๆ”
กินเสร็จแล้วแต่ยังเหมือนเม้าท์ไม่สุด ประกอบกับเห็นสายตาไล่ลูกค้าที่นั่งนานเกินไปแล้วจากเจ้าของร้าน ทุกคนก็เลยพากันไปต่อที่บ้านอีแมน
“ไหน กูขอดูรูปผัวเก่ามึงหน่อยซิ” พี่เอ็มว่าพลางจิบน้ำมะตูมที่แม่อีแมนเอามาต้อนรับ
“ตั้งอยู่บนโต๊ะนั่นไง พี่เวียร์ ผัวเก่ากู” อีแมนชี้ไปที่กรอบรูปบนโต๊ะ
เออ ผมเข้าใจแล้วครับว่าทำไมอีแมนมันถึงเสียจิตเสียใจเป็นหนักหนาจนถึงกับต้องบ่ายหน้าหาธรรมโอสถรักษาใจ ผัวเก่ามันทั้งหล่อ ล่ำ ดำ สูง หน้าตาท่าทางก็ดุดันน้อยซะเมื่อไหร่
“เก็บรูปไว้ทำไมอีกยะ ยังรอมันกลับมาหาเหรอ” อีเอพูดตามซื่อ พอไม่มีคำตอบจากเจ้าของบ้าน พี่เอ็มกับอีต้าร์ก็พากันมองบน ส่วนผมเข้าใจอีแมนมันนะ ตอนที่เลิกกับพี่ป๊อปผมก็ระทมอมโศกอยู่ตั้งนาน
“ก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งรึเปล่าวะ” ผมช่วยอีแมนตอบ
“ค่ะ กูเข้าใจพวกมึงค่ะ ถ้าไม่มีผัวใหม่มึงก็คงอาลัยอาวรณ์อีพี่ป๊อปไม่เลิก”
มันวกมาหาผมอีกจนได้
“อย่าพูดถึงมันอีกเพราะกูมีผัวใหม่แล้ว จบนะ”

พวกเราแยกย้ายกันกลับตอนห้าทุ่มครึ่ง ผมเพิ่งล้วงมือถือมาดูตอนอยู่บนแท็กซี่นั่นแหละครับ เปิดไลน์ดูก็เห็นว่าพี่วินอ่านข้อความแล้วแต่ก็ไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำ
เอาเถอะ เชื่อใจๆๆๆๆๆ
ผมลงแท็กซี่ที่หน้าปากซอยเพื่อซื้อขนมที่เซเว่นก่อนจะเดินกลับเข้าซอยไปกินไอติมไปด้วย
“เหนือซื้อขนมมาฝากครับ” ผมยื่นถุงขนมให้ลุงยามซึ่งยิ้มกริ่มแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร “วันนี้ถูกหวยเหรอครับ”
“ลุงไม่ถูกหวยมานานแล้ว แต่คุณเหนือสิ น่าจะถูก” ลุงยามเน้นคำว่าหวย
อะไรวะ ผมไม่ได้ซื้อหวยสักหน่อย
“ไปละครับ วันนี้ง่วงแล้ว”
“อย่านอนดึกนะครับ”
อะไรวะ ก็บอกอยู่ว่าง่วงแล้ว แล้วจะนอนดึกได้ไง
ผมเข้าใจท่าทีของลุงยามก็ตอนที่ไขกุญแจเข้าห้องแล้วนั่นแหละครับ ห้องผมเปิดแอร์เย็นฉ่ำ หลอดไฟหลักบนเพดานปิดอยู่แต่โคมไฟเล็กหัวเตียงที่เปิดไว้ทำให้เห็นร่างของพี่วินกำลังนอนหลับสนิท ข้างกันนั้นมีช่อดอกไม้วางไว้ด้วยนะ เป็นคนละช่อกับของน้องกรรณที่ผมเห็นเมื่อเช้า
ผมให้กุญแจสำรองพี่วินไว้เองแหละครับ เหมือนกับที่เขาให้คีย์การ์ดคอนโดของเขา
“ได้มาอีกช่อละ จะให้อะไรกันนักกันหนา วันดอกกกกกกไม้แห่งชาติรึไง” พูดคำว่าดอกกกกกกก็นึกถึงหน้าน้องกรรณ
“พี่เผลอหลับไปเหรอ” คนบนเตียงคงรู้สึกตัวเพราะคำว่าดอกกกกกก แล้วก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา “กลับดึกจัง”
“ไปคุยกันต่อที่บ้านแมนครับ” ผมนั่งลงที่ขอบเตียง ตีหน้าปั้นปึงนิดๆ “แล้วนี่มารอเหนือมีอะไรรึเปล่าครับ”
“มารอดูว่าจะพาใครกลับมาด้วยรึเปล่า”
ถึงจะรู้ว่าในน้ำเสียงของพี่วินมีความหยอกเย้าแต่มันก็อดปรี๊ดดดดไม่ได้นะ ทีตัวเองไปกินข้าวกับน้องกรรณ ผมยังไม่ว่าไม่ห้ามเลยสักคำ นี่ยังจะมาจับผิดผมอีกเหรอ
“แล้วมีมั้ยล่ะ” ผมหน้างอ สะบัดหน้าหนี
“พี่ล้อเล่น”
พอผมไม่ยอมหันไป คนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงก็ยื่นดอกไม้มาแตะๆ ที่แก้มผม
“เห็นว่าอยากได้บ้างก็เลยเอามาเซอร์ไพร์ส”
ผมแอบยิ้ม
“ยิ้มอยู่รึเปล่า ขอดูหน้าหน่อยสิครับ” ว่าแล้วก็ดึงผมให้ลงไปนอนพิงอก “บอกพี่สิครับว่าเหนือชอบดอกไหน”
ผมไม่ตอบแต่ยกขึ้นมาดมกลิ่น
“ไม่ตอบ แสดงว่าไม่ชอบดอกไม้ช่อนี้ งั้นอยากได้ดอกอะไรครับ”
เอาละโว้ย น้ำเสียงเริ่มหื่นละ
“ดอกกาสะลองที่ขึ้นบนเทือกเขาอัลไต”
“ไว้พี่จะหามาให้นะ แต่ตอนนี้พี่จัดดอกอื่นให้ก่อนดีป่าว”
“ดึกแล้วนะครับ” ผมเฉไฉพองาม
“ตอนเย็นพี่ไปกินข้าวกับน้องกรรณมา” ว่าพลางก็เลื่อนริมฝีปากมาใกล้ๆ หู
“รู้แล้วครับ”
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าพี่แค่ไปกินข้าวหรือเอาเรี่ยวแรงไปทำอย่างอื่นด้วยรึเปล่า”
แฟนใครเนี่ย เจ้าคารมเป็นที่สุด
เฮ้อ ผมเองก็อยากรู้ว่าพี่วินแค่ไปกินข้าวอย่างเดียวรึเปล่า ก็เลยต้องยอมนอนดึกเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเองเสียแล้วล่ะครับ


หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 18-06-2019 23:48:10
หรือจะต้องมีฉากอย่างว่าไปทุกตอนนับจากนี้  :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-06-2019 00:21:30
555555 ร้ายพอกัน ทันกันดี ชอบ  :-[
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-06-2019 09:02:02
เหนือจะพิสูจน์ดอก ไม้ พี่วินเหรอ อิอิอิ แรดเงียบๆ กลับมาแล้วนะ นี่ละเหนือตัวจริง
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 19-06-2019 10:23:01
อิพี่วินยังไม่จบบบอิตาบ้าาาา  :เฮ้อ: :angry2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 19-06-2019 12:44:14
ชอบการพิสูจน์555555 :mew2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 19-06-2019 17:49:34
เหนือต้องโดน...ทุกครั้งที่พี่วินไปกับกรรณ :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 19-06-2019 22:05:48
blove
555555 ร้ายพอกัน ทันกันดี ชอบ  :-[
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

k2blove
เหนือจะพิสูจน์ดอก ไม้ พี่วินเหรอ อิอิอิ แรดเงียบๆ กลับมาแล้วนะ นี่ละเหนือตัวจริง
 :z2: :z2:
 :o8: :o8: :o8:

ashbyipcet
อิพี่วินยังไม่จบบบอิตาบ้าาาา  :เฮ้อ: :angry2:
 :hao3: :hao3: :hao3:

Pe_no
ชอบการพิสูจน์555555 :mew2:
 :z1: :z1: :z1:

Funnycoco
เหนือต้องโดน...ทุกครั้งที่พี่วินไปกับกรรณ :hao6:
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 19-06-2019 22:53:57
แต่น้องกรรณนี่มันน่ารำคาญมากจริงๆ
เอาจริง อีพี่นี่ไปกะน้องกรรณแล้วค่อยมาบอก
มันได้หรอ  :ruready
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 19-06-2019 23:10:01
muiko
แต่น้องกรรณนี่มันน่ารำคาญมากจริงๆ
เอาจริง อีพี่นี่ไปกะน้องกรรณแล้วค่อยมาบอก
มันได้หรอ  :ruready
บอกก่อนเดี๋ยวเมียงอน บอกตอนกลับมาแล้วพร้อมกับดอกไม้เวิร์กกว่านะ  :L2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-06-2019 23:32:52
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-06-2019 23:47:06
ต้องพิสูจน์จริงๆนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 20 : หน้า 6 (18/6/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 13-07-2019 00:58:07
ตอนที่ 21


วันนี้หลังจากแยกย้ายกับเดอะแก๊งค์ที่หน้าออฟฟิศได้ไม่ถึงสิบนาทีก็มีรถหรูมาจอดเทียบก่อนที่คนในรถจะเลื่อนกระจกลง ตอนแรกก็นึกว่าจะมีไฮโซมาจีบอีกคนรึเปล่านะแต่พอเห็นคนข้างในรถก็คิดว่าไม่น่าจะใช่อย่างที่คิด
“พี่เหนือขึ้นมาสิครับ”
น้องกรรณนั่นเองครับ
“ไม่เป็นไร ใกล้แค่นี้เอง” โอ๊ย อย่ามายุ่งกับผมเลยครับ เรามันคนละชนชั้นกัน คือผมเป็นชนชั้นไพร่ส่วนน้องกรรณเป็นมูลนายอ่ะครับ
“ขึ้นมาเถอะครับ ผมไปส่ง” เจ้าของรถยังดึงดัน
ยื้อกันไปมาสักพัก สุดท้ายผมก็ต้องยอมขึ้นรถ แล้วก็มีช่วงเดดแอร์ เพราะผมไม่รู้จะชวนคุยอะไร คือเวลาเราอยู่กับคนรวยๆ เนี่ย เราจะรู้สึกตัวลีบตัวเล็ก เกรงใจใช่มั้ยครับ นั่นแหละ
ต่างคนต่างเงียบ ผมก็เลยเหม่อ รู้ตัวอีกทีน้องกรรณก็เลี้ยวรถออกนอกเส้นทางที่ผมจะไป
“อ้าว ขอโทษครับ กรรณชินมาทางนี้ก็เลยเลี้ยวผิด”
ฟังน้ำเสียงก็ไม่ได้จริงจังในการขอโทษเท่าไหร่เลยนะ
“ไม่เป็นไร ให้พี่ลงข้างหน้าก็ได้”
“ไม่ได้สิพี่ กรรณรับพี่มานะ ไหนๆ ก็มาทางนี้แล้ว งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนดีมั้ยครับ”
อิหยังวะ สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยตามเลย หวังว่าจะไม่พาผมไปโยนให้ผู้ชายหลายคนย่ำยีแบบในละครหรอกนะ

ผมหวั่นใจตั้งแต่ตอนที่รถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณร้านแล้วครับว่าราคาอาหารที่นี่จะต้องแพงหูฉี่แน่ๆ ลักษณะร้านดูเป็นแบบที่พวกไฮโซในละครมากินกัน แม้จะออกมาไกลถึงชานเมืองก็เถอะ พอกางเมนูดูผมงี้เหงื่อตกเลยอ่ะ แต่ละรายการราคาหลักพันขึ้นทั้งนั้นจนผมน้ำลายฝืดคอ เปิดดูเมนูวนไปวนมาไม่กล้าสั่งอะไร
ทำไมพวกคนรวยแดกกับข้าวตามสั่งจานละสี่สิบไม่เป็นกันเหรอไงวะ แล้วก็ต้องผลาญน้ำมันรถเล่นด้วยการถ่อมากินซะไกลด้วยนะ อยากรู้จริงๆ ว่ากระดาษเช็ดก้นที่บ้านเป็นทองด้วยรึเปล่า
พอผมไม่ยอมสั่งอะไรสักที น้องกรรณก็เลยจัดการทุกอย่างทั้งหมด ผมทำได้แค่ยิ้ม พยักหน้าแล้วก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
เชี่ยเอ๊ย คิดเลขในใจอย่างรวดเร็วแล้วผลลัพธ์ของกับข้าวมื้อนี้เกินหมื่น
ผมมีแฟนรวยก็จริงแต่ใช่ว่าเขาจะแบ่งให้ใช้ด้วยซะเมื่อไหร่ล่ะครับ
“เสียดายที่พี่วินไม่ได้มาด้วยกันนะครับ” น้องกรรณชวนคุย
ผมจิบน้ำที่ทางร้านตักมาจากลำธารบนเทือกเขาแอลป์แก้ฝืดคอก่อนจะพูดว่า “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน”
จริงครับ พี่วินไม่ได้บอก ผมคิดว่าไปหาลูกค้านะ เวลางานผมจะอยู่กับเดอะแก๊งค์มากกว่า จะไม่ประเจิดประเจ้ออ่ะครับ ประเดี๋ยวจะดูไม่งาม
“อ้าว ไม่ได้บอกเหรอครับว่าไปหาเอเจนซี่” น้องกรรณทำหน้าแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจากผมนะ เหมือนบอกให้รู้มากกว่า
ผมแทบลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับความพยายาม tie-in ของน้องกรรณที่อยากบอกว่าตัวเอง inside เรื่องพี่วินมากขนาดไหน แต่ที่ผมทำคือยิ้มอ่อน...ของจริงไม่ต้องพูดก็ได้เนาะ
“ว่าแต่... เซอร์ไพรส์นะครับที่พี่วินกับพี่เหนือคบกัน”
“พี่ไม่ได้รู้จักพี่วินจากที่ทำงานครับ ตอนแรกพี่เกลียดเขาจะตาย” อ่ะ มีคนอยากได้เผือกผมก็ยินดีจะขุดให้นะครับ
“แต่ก็รักกันสินะครับ” น้องกรรณพูด หลังจากที่ฟังผมเล่าคร่าวๆ แล้ว
ย้ำว่าคร่าวๆ นะ เพราะถ้าเล่าดีเทลด้วยว่าพี่วินชอบท่าไหนยังไงก็เกรงว่าน้องกรรณจะลุกขึ้นมาทำลายข้าวของบนโต๊ะจนพังพินาศแล้วเปิดหนีไป เดี๋ยวผมจะซวยกระเป๋าตังค์คนเดียวแบบนั้นก็คงไม่ไหวนะครับ
“นั่นสิครับ ไม่รู้เริ่มรักกันตอนไหน”
“พี่เหนือมีเสน่ห์ครับ ใครๆ ก็ชอบ”
ผมยิ้มขอบคุณก่อนจะเป็นฝ่ายถามบ้าง “น้องกรรณรู้จักพี่วินนานแล้วเหรอครับ”
“ตั้งแต่กรรณอยู่มัธยมครับ พี่วินขับรถชนผมตอนที่ไปร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัย”
โอเค ข้อมูลตรงกับที่พี่กรเล่า
“เป็นอะไรมากมั้ย” ผมทำหน้าแบบว่าเพิ่งรู้ แบบว่าตกใจนะ
“นอนโรงพยาบาลหลายวันอยู่ครับ หลังจากนั้นผมกับพี่วินก็เลยสนิทกัน...แบบพี่น้องน่ะครับ”
ผมยิ้มเอ็นดู สองพี่น้องเดินไป น้องตามพี่ชาย...
“น้องกรรณมีแฟนหรือยังครับ”
“ยังครับ”
“ทำไมล่ะ อย่างน้องกันน่าจะมีคนจีบเยอะนะครับ ดารานายแบบงี้ หรือว่ารอใครอยู่รึเปล่า” ผมแซวแต่ก็ tie-in จิกกัดเบาๆ เนียนๆ
“เขาคงไม่สนใจผมหรอกครับ” น้องกรรณไม่ปฏิเสธด้วย
จังหวะนั้นผมสัมผัสได้ถึงความเศร้าของน้องกรรณแล้วก็พลอยรู้สึกสงสารจริงๆ คนที่ตกอยู่ในภาวะรักเขาข้างเดียวแล้วก็รอคอยให้เขาหันมามองนี่น่าสงสารมากนะ ใครไม่เคยไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหน
หลังจากนั้นเราก็กินข้าวกันเงียบๆ แทบจะไม่คุยอะไรกันเลย ผมก็กินไปดูเฟซบุ๊กไป จนกระทั่งได้เวลาระทึกใจนั่นก็คือการจ่ายเงินนั่นเองครับ
พนักงานยื่นบิลให้น้องกรรณแต่ผมเห็นแวบๆ นะว่าหมื่นกว่าบาท
“ผมเลี้ยงเองครับ” น้องกรรณบอกเหมือนต้นไม้ที่บ้านออกดอกออกช่อเป็นแบ้งค์พัน ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน
ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนจังครับ อยากแชร์ ถึงผมจะจนกว่า T_T แต่ผมก็อายุมากกว่านะ อีกอย่าง ผมรู้สึกแปลกๆ คล้ายว่าน้องกรรณกำลังโชว์พาวเวอร์ทางการเงินที่เหนือกว่าผมยังไงยังงั้นอ่ะ
“งั้นคราวหน้าให้พี่เป็นฝ่ายเลี้ยงน้องกรรณนะครับ”
พี่จะพาไปกินส้มตำไก่ย่างนะครับ

ออกจากร้านมาก็เห็นฟ้าแลบแปลบปลาบละ ทำใจไว้เลยว่าถ้าฝนตกนี่เจอรถติดแน่นอน กว่าจะกลับถึงห้องคงเที่ยงคืนนู้นแหละ พอรถแล่นออกมาจากซอยร้านอาหารได้แปบนึงน้องกรรณก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีนัดสำคัญมากก่อนจะขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่แล้วให้ผมลงจากรถตรงศาลาป้ายรถเมล์ริมทาง ซึ่งผมยินดีที่จะลงครับ อยู่บนรถกับน้องกรรณแล้วอึดอัด ยิ่งนานยิ่งเหมือนเราอยู่คนละมิติยังไงยังงั้น
ลงจากรถแล้วผมรู้สึกโล่งจังแม้ว่าหลังจากนั้นจะต้องอุทานว่าเชี่ยยยยยยยยยย!
ตรงที่ผมยืนอยู่โคตรเปลี่ยวเลยครับ ไฟสีส้มซีดๆ หลอดเดียวในศาลาแทบไม่ช่วยอะไรเลย สภาพเหมือนป้ายรถเมล์ร้าง
ผมยืนรอรถเกือบสิบนาทีก็ไม่มีผ่านมาสักคัน ไม่ว่าจะรถเมล์หรือแท็กซี่ จนกระทั่งทั้งลมทั้งฝนพากันกระหน่ำลงมายังกะมีคนประลองคุณไสย ซึ่งศาลาเล็กๆ นี่ไม่ได้ช่วยให้ผมปลอดภัยจากละอองฝนได้เลย
ความซวยยังไม่หมดครับแต่ที่หมดคือแบตมือถือของผมนี่แหละ ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ โอ๊ยยยยยยย
กว่าแท็กซี่จะผ่านมาฝนก็ซาพอดี ขึ้นรถก็เจอแอร์เย็นๆ อีก ไม่ป่วยก็อึดเป็นควายละ
ถึงแมนชั่น ตัวผมเริ่มร้อนๆ หนาวๆ ละครับ ผมรีบไปอาบน้ำเป็นอย่างแรกและอย่างที่สองคือทิ้งตัวเองลงนอนบนเตียง ไม่สนใจเก็บเสื้อผ้าที่ชุ่มน้ำบนพื้น ลืมปิดไฟ ลืมกินยา มือถือก็ไม่ได้ชาร์ต เรียกว่าไม่สนใจอะไรแล้ว
ทรมานจังเลยครับ

ผมรู้สึกตัวอีกทีไฟในห้องก็ถูกปิดไปละ บรรยากาศในห้องสลัวๆ มีแค่แสงจากข้างนอกลอดเข้ามานิดหน่อยเท่านั้น บนหน้าผากก็มีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ด้วย
“ดีขึ้นมั้ย ไปหาหมอมั้ย”
เสียงพี่วินพูดอยู่ข้างๆ
“ขอกินน้ำหน่อยครับ” พูดได้แต่ละคำคือเจ็บคอมาก
“ไปตากฝนที่ไหนมา” พี่วินถามพลางป้อนน้ำให้ผม
“ระหว่างทางกลับมานี่แหละครับ” ผมเลี่ยงไม่พูดถึงน้องกรรณ “มานานแล้วเหรอครับ”
“ชั่วโมงกว่าละ พี่โทรหาเราไม่ติดหลายรอบก็เลยแวะมาดู”
“ก็เลยอยู่ดูแลผมเหรอครับ” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะจมูกพี่วิน “น่ารักจัง”
“แล้วไหวมั้ย ไปโรงพยาบาลมั้ย” พี่วินใช้จมูกคลอเคลียนิ้วผมเล่น
“ไหวครับ แผ่นลดไข้ช่วยได้เยอะเลย เดี๋ยวกินยาสักเม็ดก็คงดีขึ้น”
ผมถอนนิ้วออกแต่คนหน้าหล่อจมูกสวยก็ยังตามมางับนิ้วผมเล่นอีกแน่ะ
“เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก”
ยิ่งห้ามยิ่งงับไม่ปล่อย จนผมต้องยอมให้เขางับเล่นต่ออีกสักพัก
“ถ้าจะติดก็คงตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ พี่เช็ดตัวให้เหนือไปรอบนึงละ”
ผมไม่รู้ตัวเลยนะว่าโดนเช็ดตัวด้วย
“แอบหอมแก้มตอนเราหลับไม่รู้เรื่องด้วย” พี่วินยิ้มกริ่ม โม้รึเปล่าไม่รู้
“ขี้โกงนี่” ผมปวดหัว เจ็บคอ ตาก็เริ่มปรืออยากหลับลงอีกครั้ง...แต่ก็รู้สึกดีจัง
“นอนต่อเถอะ ถ้ารู้สึกไม่ไหวก็เรียกพี่นะครับ”
“ครับ”
แล้วผมก็หลับไปในทันที

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะอยากจะพลิกตัวเปลี่ยนท่าแต่รู้สึกว่ามือของผมมันขยับได้ไม่สะดวก ผงกหัวขึ้นดูก็เห็นมือของคนที่นอนข้างๆ กำลังรวบนิ้วก้อยกับนิ้วนางของผมอยู่ เห็นแบบนั้นก็เลยตะแคงตัวมาทางพี่วินแต่นิ่งมือไว้อย่างนั้นแหละครับ น่ารักดี ยิ่งมองหน้าพี่วินตอนหลับสนิทยิ่งอดใจไม่ไหว ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปแอบหอมแก้มเบาๆ คริคริ
“ป่วยอยู่ ยังจะหื่น” เสียงพี่วินพูดงัวเงียทั้งที่ยังหลับตา
“อยากมีอะไรกับคนป่วยมั้ยล่ะ” ผมเย้าเล่น
พอพี่วินลืมตาขึ้นมาแบบจะเอาจริงนะ ผมงี้รีบบอก “จะบ้าเหรอ พูดเล่น”
“ดีขึ้นยังล่ะครับ” ว่าพลางก็ตะแคงตัวมามองหน้าผมตรงๆ
“ดีขึ้นแล้วครับ”
“งั้นนอนต่อเถอะ” พี่วินบอกพร้อมกับหลับตาลงอย่างคนง่วงนอน
ส่วนผมยังนอนตะแคงมองครึ่งหน้าของเขา...แฟนผมหล่อจัง
ในห้วงของความเงียบงัน ความคิดหวาดระแวงก็เกิดขึ้นมา...ความรักของเราจะอยู่อีกนานเท่าไหร่ จะลงเอยแบบความรักที่ผ่านมารึเปล่า ผมไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลยครับ
“มองอะไรครับ” อยู่ดีๆ พี่วินก็ลืมตาขึ้นมา
ในความสลัวนั้นเหมือนพี่วินจะสัมผัสได้ถึงความไม่หวาดหวั่นทางอารมณ์ของผมล่ะมั้งครับ เขาก็เลยขยับตัวเข้ามากอดผมเอาไว้
“นอนได้แล้ว เจ้าดาวเหนือ”
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 13-07-2019 01:19:37
ไฟไหม้มากกกกตาลุกวาวมากค่ะ  :impress2: :m31:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 13-07-2019 15:29:44
สรุกดี ถึงช่วงแรกๆพี่วินจะเหมือนเป็นไบโพล่าก็เถอะ
สงสารพี่กร คือเหมือนเหนือเอามาเป็นเบี้ย ไม่สนจิตใจเลย แต่พี่แกไม่ว่าอะไรก็ขอให้ได้คนดีๆจริงๆเถอะ
มารอลุ้นว่าเจ้าตัวร้ายจะทำไงต่อ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 13-07-2019 17:24:09
ashbyipcet
ไฟไหม้มากกกกตาลุกวาวมากค่ะ  :impress2: :m31:
ต่อให้เลวร้ายแค่ไหน ถ้ามีใครสักคนอยู่ข้างๆ ก็จะผ่านไปได้เนาะ

YounIn
สรุกดี ถึงช่วงแรกๆพี่วินจะเหมือนเป็นไบโพล่าก็เถอะ
สงสารพี่กร คือเหมือนเหนือเอามาเป็นเบี้ย ไม่สนจิตใจเลย แต่พี่แกไม่ว่าอะไรก็ขอให้ได้คนดีๆจริงๆเถอะ
มารอลุ้นว่าเจ้าตัวร้ายจะทำไงต่อ
กราบขอบพระคุณจ้า
ไรต์ปลอบพี่กรให้แระ
ส่วนน้องกรรณ คนเค้าดูออกนะว่าแกล้งเหนือ  :beat:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-07-2019 18:23:00
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-07-2019 19:40:11
เหนือแรดไม่ออกเลย ไปเจอค่าอาหารโต๊ะละเกือบหมื่น แถมน้องกรรณพาไปทิ้งที่เปลี่ยวๆ อีก
ดีว่าได้อ้อนพี่กรนิดหน่อย แต่มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่ เหนือตัวจริงต้องแรดเท่านั้น
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 14-07-2019 00:41:42
เห้อ,,,

สงสารเหนือ ถูกทิ้งกลางทาง,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 15-07-2019 22:54:15
AkuaPink
:pig4:
 :กอด1:

 :mew1:

k2blove

เหนือแรดไม่ออกเลย ไปเจอค่าอาหารโต๊ะละเกือบหมื่น แถมน้องกรรณพาไปทิ้งที่เปลี่ยวๆ อีก
ดีว่าได้อ้อนพี่กรนิดหน่อย แต่มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่ เหนือตัวจริงต้องแรดเท่านั้น
 :z2: :z2:
อยู่กับพี่วินต้องรักษาภาพลักษณ์นิดนึง  :z2:

Kelvin Degree
เห้อ,,,

สงสารเหนือ ถูกทิ้งกลางทาง,,,
นี่แค่เริ่มต้นนะ หึหึ น้องกรรณบอก  o18
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-07-2019 12:01:14
อีกรรณมันร้ายมากคะหัวหน้า
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 17-07-2019 12:22:47
เอายังไงยังไงยังไง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-07-2019 00:05:09
มันมีแว้บนึงที่เหมือนน้องกรรณจะชอบเหนือ
แต่ก็ไม่ใช่อ่าา ทิ้งไว้กลางทางเฉย
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 21 : หน้า 7 (13/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 29-07-2019 14:05:48
ตอนที่ 22


“พวกมึง ทายซิว่ากูได้อะไรมา” ต้าร์เดินเข้ามาพร้อมกับซองอะไรในสักอย่างเรียงเป็นพัดในมือ
“ซองผ้าป่าเหรอ” แมนตอบพลางควักตักพร้อมทำบุญ
“ตั๋วเข้างานแฟชั่นวีกเสาร์นี้ตะหากล่ะ” ว่าแล้วก็แจกให้แมนคนแรก “กูได้มาฟรี แต่ถ้ามึงจะใส่ซองให้กูก็ไม่ขัดนะ”
“เริ่ด” พี่เอ็มดี๊ด๊า “กูจะแต่งโอร์กูตูร์ไปงาน”
“แต่งมึงดูโอลด์ดีกว่ามั้ยคะป้าเอ็มม่า” ต้าร์ยื่นซองให้พี่เอ็มแล้วก็หัวเราะคิกคัก
“เห็นแก่ตั๋ว กูจะไม่ตบปากมึง” พี่เอ็มสะบัดหน้าไปทางอื่นก่อนจะปลาบปลื้มกับตั๋วตาเป็นประกาย “เย็นนี้กูจะไปช็อปชุดสำหรับนั่งดูฟร้อนท์โรว์ ใครจะไปบ้าง”
“กูไม่รู้ว่าจะได้ไปมั้ยอ่ะ” ผมบอกแต่ก็รับซองไว้ก่อน คือวันหยุดก็ต้องขลุกอยู่กับพี่วินสิครับ คราวก่อนที่ว่าจะไปดูหนังด้วยกันก็ยังไม่ได้ไปเลย ซึ่งผมคาดว่าจะเป็นสุดสัปดาห์นี้แหละ เป็นใครก็ต้องเลือกผัวมากกว่าเพื่อนอ่ะ...หรือเปล่า
“อีดอก มึงต้องไปกับกู ห้ามไปกับผัว” ต้าร์พูดดักแล้วหันไปแจกซองเอ “มึงด้วย”
“เอ้า มีผัวก็ต้องอยู่กับผัวสิ” เอท้วงแต่ก็รับซองไว้ “ยังไงเพื่อนก็อยู่ค้ำฟ้า”
“อีเอ กูยังกำความลับของมึงอยู่นะ” ต้าร์มองอย่างผู้เหนือกว่า
“ความลับของกู อะไร?”
“อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ ที่มึงแอบไปชนแก้วกับผู้ชายโต๊ะอื่นแล้วก็พากันหายไปเป็นชั่วโมงเมื่อเดือนก่อนไงล่ะ ถ้ากูบอกผัวมึง หึหึ”
“อีดอกกก นั่นมันเพื่อนเก่าสมัยมัธยมกู” อีเอมีพิรุธ
“ใครจะรู้ล่ะ ไม่มีป้ายบอกสถานะ อย่าให้กูต้องสืบสาวเรื่องนี้มาตีแผ่นะคะ กูรู้โลกรู้” อีต้าร์ยักไหล่ยิ้มเยาะ
ผมแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ถึงครึ่งวันพี่วินก็ไลน์มาบอกว่าจะต้องบินไปต่างประเทศด่วนภายในพรุ่งนี้แล้วกว่าจะกลับก็วันจันทร์หน้า ผมก็เลยกลับลำได้ทัน แต่ไม่บอกให้พวกมันรู้หรอกว่าเพราะอะไร ปล่อยให้พวกมันเข้าใจว่าผมให้ความสำคัญกับเพื่อนไรงี้ อิอิ
ALWAYS WIN : อยากได้ของฝากอะไรมั้ย
เจ้าดาวเหนือ : ทองแท่งสิบบาทก็พอครับ
ALWAYS WIN : มีแต่ทองหยิบ ทองหยอด ทองคำเปลวครับ
ผมส่งสติ๊กเกอร์หน้ากวนๆ ไปให้ก่อนจะส่งข้อความตามไปว่า
เจ้าดาวเหนือ : อยากกะพริบตาแล้วถึงวันจันทร์หน้าเลย
ผมไม่อยากได้ของฝากอะไรหรอกครับ แค่ได้นอนกอดพี่วินแน่นๆ สูดกลิ่นตัวหอมๆ ของเขาผมก็พอใจแล้วครับ
ALWAYS WIN : ไว้กลับมาแล้วพี่จะพาไปกินของอร่อยๆ นะครับ

หลังจากพี่วินไปแล้วก็เงียบหายไปเลยครับ ไม่มีการไลน์มาหาหรือติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรนะครับ เข้าใจว่าไปทำงาน แล้วรอบตัวผมก็มีเดอะแก๊งค์แวดล้อมตลอดเวลา ดังนั้นแปบๆ ก็ถึงวันเสาร์ละครับ
งานแฟชั่นวีกจัดในห้องหนึ่งของโรงแรมหรูซึ่งมีส่วนเชื่อมต่อกับห้างใหญ่ใจกลางเมือง ยิ่งเป็นวันเสาร์คนจึงยิ่งมากมายขวักไขว่กันเป็นพิเศษและยังสามารถเห็นดาราเซเลบคนดังคอยเดินๆ หยุดๆ ถ่ายรูปกับแฟนคลับได้เป็นระยะๆ ก่อนเข้างาน
“มึงแน่ใจเหรอว่างานนี้” ผมถามต้าร์ตอนยืนรอหน้าทางเข้างาน ชักไม่มั่นใจ คือมีแต่คนดังอ่ะครับ แล้วเขาจะแจกตั๋วให้โนบอดี้ง่ายๆ มาตั้งหลายใบเชียวเหรอ
“เออ งานนี้แหละ เขาก็เชิญคนดังมาพอเป็นพิธีไม่กี่คนหรอกมึง นอกนั้นก็เศษเล็บตาสีตาสาอย่างเราๆ นี่แหละ” ต้าร์บอกพลางชะเง้อมองเข้าไปในงาน
ผมกวาดสายตาดูรอบๆ ก็เห็นจะจริงอย่างนั้น เจออยู่หลายกลุ่มนะที่เป็นโนบอดี้อย่างเราๆ ซึ่งก็คงไม่ได้นั่งแถวหน้าติดขอบแคทวอล์กหรอก
“พี่เหนือ”
ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นน้องกรรณอยู่ในชุดเสื้อวอร์มกำลังเดินเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าคงมาเดินแบบงานนี้แหง ก็ทั้งผมทั้งหน้าแต่งซะหล่อแตกต่างจากคนอื่นๆ เลยครับ
“มาดูโชว์เหรอครับ”
ผมพยักหน้าก่อนจะถามว่า “น้องกรรณเดินงานนี้ด้วยเหรอครับ”
“โชว์ที่สามครับ” น้องกรรณตอบพลางยกมือไหว้เดอะแก๊งค์คนอื่นๆ
“แล้วนี่คือชุดที่จะใส่เดินเหรอ” ผมถามแบบพาซื่อ
น้องกรรณหัวเราะก่อนจะตอบว่า “เปล่าครับ ใส่ทับไว้ก่อน พอดีว่าน้องน้ำด้านหลังที่จัดไว้ให้พวกผมน้ำไม่ไหล รอช่างแก้ไขเสร็จไม่ไหวก็เลยต้องพากันมาทางหน้าก่อน”
“กรรณ” นายแบบอีกคนที่หล่อโฮกซึ่งยืนรออยู่ห่างๆ เอ่ยเรียกเป็นเชิงว่าไปกันได้แล้ว
“หล่อ จะเอาแบบนี้” ต้าร์เพ้อ
“สนใจเหรอพี่ต้าร์ กรรณจัดให้ได้นะ เดี๋ยวเลิกงานพวกผมมีปาร์ตี้กันชั้นบนโรงแรมเนี่ย” น้องกรรณหัวเราะจนเห็นฟันขาวเรียงกันสวยเชียว
“เอา” อีคนฝั่งผมก็ตอบทันที ไม่รู้ตัวอีกว่าเขาพูดเล่นไปงั้น “แต่พวกพี่ไปได้จริงเหรอ”
“ได้ครับ คนรู้จักกันทั้งนั้น นายแบบคนอื่นเขาก็ชวนเพื่อนๆ คนรู้จักไปสนุกกัน” น้องกรรณคอนเฟิร์มแล้วนัดแนะให้อยู่รอหลังงานเลิก ก่อนจะปลีกตัวไปหาเพื่อนนายแบบอีกคนที่รออยู่
“บุญตามทันแล้วพวกมึง นายแบบหล่อๆ ทั้งนั้น” ต้าร์ดี๊ด๊า “ไปเป็นเพื่อนกูนะ”
ผม แมน เอส่ายหน้าไม่ไปด้วย บอกตามตรงว่าถึงผมจะไม่ได้ติดใจเรื่องวันก่อนแต่ก็ยังไม่สะดวกใจจะไปไหนกับน้องกรรณอ่ะครับ เอจะรีบกลับไปหาแฟน ส่วนแมนบอกว่าวันนี้วันพระจะรีบกลับไปทำสมาธิสวดมนตร์ร้อยแปดจบ
“กูว้อนท์อ่ะ” ต้าร์เจาะจงพูดกับผม “อีเอกับอีแมนจะไม่ไปก็ช่างมัน ในนี้ก็มีแต่มึงนะที่สนิทกับน้องกรรณมากที่สุด มึงสงเคราะห์กูสักครั้งไม่ได้เหรออีเหนือ”
ผมถอนหายใจเอือมๆ ใส่มันแทนคำตอบ
“นะ มึงจะรีบกลับทำไม ผัวก็ไม่อยู่นี่”
“เอาไว้งานเลิกแล้วค่อยดูอีกทีได้มั้ยอ่ะ” ผมแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็คิดเอาไว้แล้วล่ะ หลอกให้มันตายใจไปก่อน ถึงตอนนั้นค่อยเซย์โน

ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยดูแฟชั่นโชว์จริงๆ แบบไม่ผ่านคลิบในโซเชียลก็คราวนี้แหละครับ ตื่นเต้นกว่ากันเยอะเลย โดยเฉพาะโชว์ที่สามที่เป็นเซ็ทนายแบบหล่อล่ำใส่แต่กางเกงขาสั้นแบบว่าฟิตมาก นายแบบหน้านิ่งๆ แจกยิ้มน้อยๆ สไตล์แวมไพร์หมายตาจะดูดเลือดอ่ะ เข้าใจเลยว่าทำไมแวมไพร์ในหนังหาเหยื่อง้ายง่าย ก็เพราะมันน่าโดนดูดจริงๆ นะเออ โชว์นั้นคือกางเกงอะไรไม่สนใจเท่าหน้าอกนูนแน่น กล้ามท้องเป็นลอนๆ ขนใต้สะดือเอย ขนขาเอย ฟินนนมากเจ้าค่ะ
“คนนั้นดีมากเลยมึง” ต้าร์เขย่าแขนผมรัวๆ
“คนไหนวะ”
“คนที่เดินต่อจากน้องกรรณอ่ะ สเปคกูเลย หล่อเหมือเจมส์จิ”
“เออ หล่อ กูก็ชอบ” ผมบอก
อีต้าร์ตีมือผมเพียะ “ของกู”
ผมมองบนก่อนจะสนใจน้องกรรณที่เดินวนกลับมาอีกรอบ เออ นอกจากหล่อแบบน่ารักเรียบร้อยแล้วน้องกรรณนี่ก็ดูเซ็กซี่ได้อยู่นะ ถึงบอดี้จะไม่ได้มีกล้ามชัดแบบคนอื่นแต่ออร่าก็ไม่ดับจมเวที
“น้องกรรณก็น่าอยู่นะมึง” เอมองตาไม่กะพริบ “มึงว่าน้องเขาจะไม่มีใครเลยเหรอวะ กูว่าไม่มีทาง ฮ็อตขนาดนี้ จะหวงตัวไว้รออีพี่วินของมึงคนเดียวก็คงไม่ใช่หรอกมั้ง”
“อีเอ ปากมาก” ผมว่าอย่างขัดใจ
“พาดพิงถึงผัวมึงนิดหน่อยไม่ได้เชียวนะ”
“กูจะดูโชว์” ผมตัดบท
“มึงใช้หูดูรึไง กูรู้มึงก็คิดแบบที่กูสงสัย แบบน้องกรรณเนี่ยสเปครุกแมนๆ เลย กูว่าผัวมึงกับน้องกรรณน่ะ...” มันยกนิ้วชี้ขึ้นมาไขว้เป็นตัว X “...กันแล้ว”
“กูเชื่อใจพี่วิน” พี่วินบอกว่าไม่มีอะไร
“จ้า รักผัวหลงผัวเชื่อผัว ไม่เคยได้ยินเหรอไงที่เขาบอกว่าอยู่บ้านเป้นผัวเราแต่พอออกจากบ้านก็ไม่ใช่ผัวเราน่ะ” ยัง มันยังไม่หยุดอีกนะ
“แล้วมึงจะไปแหย่มันทำไมอ่ะ อีเอ” แมนช่วยพูดให้
“ก็กูเป็นห่วงมันไง กลัวมันมีเขาเป็นโพนี่”
“ควายม้ะ” อีแมนว่า
เอ้า อีแมนนนนน
“โอ๊ย กูจะดูโชว์ จะยุให้รำตำให้รั่วรอเลิกงานก่อน เดี๋ยวกูให้เวลาพวกมึงทุกตัวเลย” ผมเหวี่ยง

โชว์จบแล้วผมรีบแทรกคนอื่นออกมาข้างนอกเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ อั้นมาตั้งแต่ช่วงกลางๆ โชว์ละครับ แต่ก่อนจะรีบวิ่งไปสายตาก็แลไปเห็นน้องกรรณรับดอกไม้จากไลน์แมน
หืมมมมม แต่ก็อย่างว่าแหละเนาะ ฮ็อตขนาดนี้ก็คงมีคนชอบแหละ ดีแล้วล่ะ ขอให้น้องกรรณได้กับเจ้าของดอกไม้นะครับ ผมจะได้เลิกกังวลเรื่องพี่วินสักที
ผมกลับมารวมกลุ่มกับเดอะแก๊งค์ที่หน้างานซึ่งหลายคนทยอยกลับกันแล้ว
“กูมีธุระ กลับก่อนนะ” ผมรีบบอก
“ไม่ได้สิมึง” ต้าร์ล็อกแขนผมหมับ
“ก็...นั่นไง มาละ” มันดีใจยังกับเจอชอว์น เมนเดส
“ไปกันครับพี่ๆ” น้องกรรณเดินมาชวนด้วยตัวเองโดยมีนายแบบหน้าตี๋ยืนอยู่ห่างๆ นายแบบคนนั้นถือดอกไม้ที่น้องกรรณรับตะกี้ด้วย เห็นแบบนี้สงสัยจะรับแทนเพื่อนล่ะมั้งนะ
“พี่ต้องกลับแล้วล่ะ น้องกรรณ” เอกับแมนบอกพร้อมโบกมือ
“งั้นพี่เอ็ม พี่ต้าร์ พี่เหนือไปกับผมนะ”
สรุปผมก็โดนอีต้าร์ลากไปด้วย

ก่อนขึ้นมาถึงห้องที่พวกของน้องกรรณเปิดไว้ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นปาร์ตี้เบาๆ จิบไวน์ คุยเฮฮา มีเหล้าบ้างนิดหน่อยอะไรทำนองนั้น ที่ไหนได้คูณสิบเลยครับ ทั้งเสียงคนเสียงเพลงกระหึ่มเลย ซึ่งน้องกรรณบอกว่าเป็นไพรเวทโซน ไม่ต้องเกรงใจใคร ห้องที่เปิดไว้เป็นสองห้องติดกันแบบมีประตูเชื่อมสองห้องแต่ละห้องมีสองห้องนอนกับหนึ่งห้องนั่งเล่นด้วยนะ โห ผมอยากเห็นคนออกตังค์เลยครับ ขั้นต่ำคงคืนเป็นแสนอ่ะ ทั้งสองห้องมีกลิ่นเหล้าบุหรี่คลุ้งไม่ต่างจากผับเลยครับ ต่างที่มีคนไม่เยอะเหมือนที่น้องกรรณบอกว่านายแบบคนอื่นก็ชวนเพื่อนมา เพราะมีแค่สิบกว่าคนเองนะ แล้วเท่าที่ดูแล้วพวกที่หน้าตาไม่เข้าขั้นก็คงมีแค่พวกผมสามคนนี่แหละ
ผมไม่มั่นใจเลยครับ ดูเหมือนผมเป็นหมาบ้านหลงเข้าไปในฝูงหมาป่าเท่ห์ๆ อ่ะ ซึ่งคงไม่ใช่กับพี่เอ็มและต้าร์ มันสองตัวระริกระรี้ไปตีสนิทกับนายแบบคนอื่นที่มุมห้องนู่นละ ไวมากอีดอกกกกก
“ตามสบายนะครับพี่เหนือ ผมขอไปหาเพื่อนที่ห้องนั้นก่อน” น้องกรรณบอกแล้วก็ทิ้งผมไปเลย ไรวะ
ผมก็เลยยืนตัวลีบ ยิ้มแหยให้นายแบบหน้าตี๋คนที่ถือดอกไม้มาพร้อมกับน้องกรรณตะกี้
“ชื่อเหนือเหรอครับ” เขาชวนคุย เสียงทุ้มนุ่มจัง “ผมโอบครับ”
“ครับ ยินดีที่รู้จักครับ” ผมตอบรับไมตรี
“ไปทางนู้นดีกว่าครับ” โอบพาผมไปที่บาร์แล้วก็วางดอกไม้ลงจากนั้นก็หยิบแก้วมารินไวน์ให้
ไม่นานผมก็สามารถคุยสนุกกับโอบได้ครับ เพราะเขาดูสุภาพ เอาใจใส่ พูดเพราะและที่สำคัญคือยิ่งคุยยิ่งหล่อ นาทีนี้คือพี่วินครับเหนือขอโทษษษษ
กรี๊ดดดดดดดด หวั่นไหว อยากได้ๆๆๆๆๆๆ ซึ่งผมคงระริกระรี้ไม่ต่างจากอีสองตัวนั่นอ่ะตอนนี้ เพราะเห็นพวกมันมองมาแล้วก็เบะปากใส่
กูก็แค่คุยม้ะ
“ไม่เคยเห็นเหนือมากับกรรณก่อนนี้เลย รู้จักกันนานแล้วเหรอครับ” โอบถามพลางก็ส่งสายตาแวมไพร์มาให้
กรี๊ดดดดดดดด ลาลาลอยมากครับ
“เพิ่งรู้จักกันครับ” ไม่บอกหรอกนะว่ารู้จักจากพี่วินอีกที ผัวมีผัวพี่ต้องมานี่ผัวไม่มาก็เพราะว่าผัวไม่อยู่ อิอิ
“ถึงว่า” โอบยิ้มเบาๆ แต่อิมแพคมาก “ถ้าผมเจอพี่ก่อนนี้นะ”
“ถ้าเจอก่อนนี้ ทำไมเหรอครับ” ผมจิบไวน์ ทำหน้าอินโนเซ้นส์แต่ใจเต้นตุบๆ โดนจีบแน่ๆ กู
โอบยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหู พูดคำเดียวว่า “จีบ”
อร๊ายยยยยยยย ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชายถูกใจไม่มี
“แต่คงไม่ทันแล้วนะครับ” ผมยิ้มแบบจริตตัดพ้อเอียงอาย
“ทำไมล่ะครับ” โอบทำหน้าผิดหวัง “มีแฟนแล้วเหรอ”
ผมไม่บอกว่ามีแฟนแล้ว ชั่วม้ะ แต่แลสายตาไปที่ดอกไม้ข้างๆ โอบแทน
“อ๋อ ไม่ใช่ของผมหรอกครับ กรรณมันฝากไว้” โอบบอกก่อนจะรินไวน์ให้ผมอีก
“เดี๋ยวมานะครับ” ผมเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ปวดหนักปวดเบาแต่อย่างใด แค่อยากจะเช็กความเรียบร้อยหน้าตัวเองอ่ะ แต่ลึกๆ แล้วเป็นเพราะจิตใจฝ่ายดีบอกว่า เดี๋ยวมึงก็ถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้นหรอก สะบัดตูดออกมาเดี๋ยวนี้ อีกากี
ผมคิดว่าออกจากห้องน้ำแล้วโอบก็คงจะไม่อยู่ตรงบาร์นั่นแล้วแต่ตรงกันข้ามครับ เขายังนั่งรออยู่ มากกว่านั้นคือมีคนเริ่มจูบกันนัวเนียกลางห้องด้วยแต่ไม่ใช่อีสองตัวนั้นนะ พวกมันก็มองตาปริบๆ เหมือนกันครับ
“เหนือครับ ค็อกเทลครับ ผมทำเองเลยนะ” โอบลุกจากที่บาร์เอาค็อกเทลมาเสิร์ฟให้ถึงที่
“ว่าจะกลับแล้วครับ” ผมปฏิเสธ จิตใจฝ่ายดีชนะ อยู่นานไปกลัวใจตัวเองอ่ะครับ
“เพิ่งมาเอง” โอบทำหน้าหงอย
โอยยยย ดาเมจแรงมากกกก อยากปลอบ อยากอยู่ต่อ
“พอดีมีธุระด่วนน่ะครับ” ผมกลั้นใจปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“งั้นดื่มค็อกเทลนี่ก่อนครับ อุตส่าห์ทำให้นะ” โอบคะยั้นคะยอ
ผมกลัวเสียน้ำใจก็เลยยกขึ้นดื่มครับ อร่อยดีอยู่นะ แต่หลังจากนั้นคือทุกอย่างมันเบลอๆ มึนๆ ตัวงี้ร้อนวูบวาบเลยอ่ะครับ
เหมือนภาพตัดฉับสลับฉากในละครแค่พริบตา ผมก็อยู่ในรถแท็กซี่กับพี่เอ็มกับต้าร์ละ มองหน้ามันสองตัวก็ดูเครียดๆ เหมือนเพิ่งโดนปล้นมางั้นแหละ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 29-07-2019 14:07:48
 :z2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 29-07-2019 17:28:57
 o13
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 30-07-2019 00:43:44
มีคนวางแผน,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-07-2019 11:31:02
 :katai1: แผนอีน้องกรรณแน่ๆ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 30-07-2019 20:54:55
thyme812
 o13

 :katai2-1:

Kelvin Degree
มีคนวางแผน,,,

หึหึหึหึหึ  o18

sailom_orn
:katai1: แผนอีน้องกรรณแน่ๆ

มองมาจากดาวเสาร์ก็รู้ว่าฝีมือใคร
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 30-07-2019 23:15:13
อ่ะ อีน้องกรรณ มันร้ายยยย ร้ายจริงๆ โอกาสดีด้วยพี่วินไม่อยู่
น้องดาวเหนือต้องรอดนะคะ นี่กว่าจะได้กับพี่วินลุ้นกันจะแย่
พี่วินยิ่งขึ้นๆ ลงๆ อยู่ด้วย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2019 00:22:26
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-07-2019 01:37:16
อืมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 31-07-2019 20:52:48
patsaporn
อ่ะ อีน้องกรรณ มันร้ายยยย ร้ายจริงๆ โอกาสดีด้วยพี่วินไม่อยู่
น้องดาวเหนือต้องรอดนะคะ นี่กว่าจะได้กับพี่วินลุ้นกันจะแย่
พี่วินยิ่งขึ้นๆ ลงๆ อยู่ด้วย
ขอบคุณค่ะ
เหนือก็อยากได้โอบนะ  :hao6:

iceman555
:hao7: :hao7: :hao7:

 :katai2-1:

lizzii
อืมมมมมมมมมม
 :hao4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-08-2019 16:26:21
เหนือมีพี่วินแล้ว แต่ยังพูดคลุมเคลือกับพี่โอบอีกนะ เดี๋ยวเถอะๆ จะฟ้องพี่วิน
ว่าแต่ตอนท้ายเกิดอะไรขึ้นนะ คนเขียนมาต่อเร็วๆ เลย
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 21-08-2019 22:30:05
k2blove
เหนือมีพี่วินแล้ว แต่ยังพูดคลุมเคลือกับพี่โอบอีกนะ เดี๋ยวเถอะๆ จะฟ้องพี่วิน
ว่าแต่ตอนท้ายเกิดอะไรขึ้นนะ คนเขียนมาต่อเร็วๆ เลย

ก็พี่วินไม่ได้แปะป้ายไว้บนหน้าผากนี่ ว่านี่แฟนผม ไรงี้
เหนือก็แรดได้ อิอิ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 22 : หน้า 7 (29/7/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 22-08-2019 23:44:50
ตอนที่ 23


“อ้าว กลับกันแล้วเหรอ แล้วทำไมกูมาอยู่บนแท็กซี่ได้ไงเนี่ย แล้วโอบล่ะ” ผมถามพวกมันทั้งที่ยังรู้สึกตึบๆ ในหัว ตัวก็ชาๆ วูบวาบแปลกๆ 
“ตื่นมาก็ถามหาผู้ชายเลยนะมึง” ต้าร์เบ้ปาก
“เอ้า ก็ตะกี้ยังคุยกันอยู่ ตัดฉึบมาแบบนี้กูก็ต้องถามหาปะ” ผมเถียง “กูเมาเหรอ”
แต่ผมแทบไม่ได้ดื่มเลยนะ
“พูดแว้ดๆ ได้แบบนี้คงไม่ตายแล้วมั้ง” ต้าร์พูดกับพี่เอ็ม “เอาไงมึง ยังจะไปอยู่มั้ย โรง’ บาล”
“ไปทำไม ใครเป็นอะไร” ผมงง
พี่เอ็มมองหน้าผมแบบจิกๆ เหวี่ยงๆ “จะใครซะอีกล่ะ แดกเหล้าจนร่วง”
“พวกกูเลยอดได้แดกนายแบบเลยเนี่ย” ต้าร์ถอนหายใจแบบเสียดาย
“เฮ้ย กูไม่ได้กินเหล้าอะไรมากมายเลยนะ แค่ไวน์กับค็อกเทล” ผมบอกโดยไม่ต้องนึก
“แดกเยอะรึเปล่าไม่รู้ แต่มึงร่วงค่ะ เรียกยังไงก็ไม่รู้ตัว นอนนิ่งยังกะคนตาย พวกกูก็นึกว่ามึงแพ้เหล้าแพ้ไวน์อะไรที่แดกไปรึเปล่า” 
“จริงเหรอวะ” ผมสงสัยจริงๆ นะ ที่ผ่านมาแดกเหล้าตั้งแต่หัวค่ำยันเลยเที่ยงคืนยังไม่เคยมีวูบไปเลยแบบนี้” ...หรือเคยวะ “หรือว่ากูโดนวางยา”
“วางเพื่อ?”
“ลักหลับกูไง”
พี่เอ็มกับต้าร์มองหน้ากันหน่ายๆ บวกกับกลั้นขำแบบเหยียดๆ
“จ้ะ มึงสวยมาก สวยจนนายแบบต้องวางยาจะเอามึง”
“กูมั่นใจ กูผิดตรงไหน” แล้วผมก็คิดหาคำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ “หรือว่าจะเป็นค็อกเทลแก้วนั้น สงสัยจะแรงมาก”
“ล่ะมั้ง” พวกมันเออออ เห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
“คงงั้นแหละ งั้นไม่ต้องไปมันละโรง’ บาล กูโอเค แค่ยังมึนๆ นิดนึง” ผมพูดกับพวกมันก่อนจะบอกลุงคนขับให้เปลี่ยนไปร้านอาหารอีสานใกล้ๆ หิวอ่ะ
“แล้วหลังจากที่กูวูบไป เกิดไรขึ้นบ้างอ่ะ พวกมึงพากูออกมาเลยเหรอ”
ต้าร์ส่ายหน้าก่อนจะเล่าว่า “พวกกูก็เกี้ยวผู้ชายในมุมของกูอ่ะ แล้วน้องกรรณก็เดินมาบอกว่ามึงเมาแล้ววูบเลยพาไปนอนในห้องนอน”
“เหรอ แค่นั้นเหรอ” ผมเริ่มสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าร่างกายปกติดี ไม่มีร่อยรอยอาการเจ็บจากการถูกกระทำชำเราหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
“มึงจะคลำตูดตัวเองทำไมอ่ะ” พี่เอ็มมองบน “อีดอก เจอเกรดพรีเมี่ยมของพี่วินทุกวันยังจะเจ็บอยู่อีกเหรอ รถไฟฟ้าวิ่งเข้าไปเทียบชานชาลาข้างในก็ไม่รู้สึกแล้วมั้งของมึงอ่ะ”
“อีเชี่ยยย ชีวิตจริงนะโว้ยยย ไม่ใช่ละคร ที่โดนลักหลับแล้วตื่นมาจะไม่รู้สึกว่าเคยมีอะไรแหย่เข้าไป”
“โอ๊ย ไม่ต้องคลำหรอก ยังไงมึงก็ไม่โดน เพราะกูเห็นมึงครั้งสุดท้ายก่อนน้องกรรณจะมาบอกมันแค่สิบกว่านาทีเองมั้ง เวลาแค่นั้นแค่ถอดผ้าผ่อนก็หมดละ ถึงอีน้องโอบของมึงมันรีบแทงก็คงได้ไม่ถึงจึกหรอก”
“อีเพื่อนชั่ว ไม่ห่วงกูเลยนะ ถ้ากูโดนโอบข่มขืนจริงๆ ล่ะ ป่านนี้ไม่ป่นปี้หมดเหรอ”
“ถ้ามึงโดนจริงๆ ต่อให้พวกกูเข้าไปช่วย คนที่จะถีบพวกกูกระเด็นก็คงจะเป็นเป็นมึงเองนั่นแหละ ไม่ใช่นายแบบนั่นหรอก แล้วที่พวกกูปลุกมึงเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกตัวจนต้องทิ้งผู้ชายของกูแล้วพากันหามมึงออกมาเนี่ยไม่เรียกว่าเป็นห่วงเหรอไงฮะ”
“โอ่เอ๊ ล้อเล่น ขอบคุณพวกมึงมาก แต่ตอนนี้กูโอเคละกลับไปปาร์ตี้กันต่อม้ะ” ผมล้อเล่นนะ ก็อยากจะกลับแต่แรกละ กลัวเผลอใจให้โอบ คนอะไรล้อหล่อ
“วันนี้คงอดแดกผู้ชายแล้วล่ะ แดกข้าวแทนละกัน ถึงละ” ต้าร์มองค้อนก่อนจะเปิดประตูรถลงไปยืนรอหน้าร้าน

“คนที่คุยกับมึงก็น่ารักดีนะ ที่ชื่อโอบ” ต้าร์พูดขึ้นมาลอยๆ
ผมหันขวับประมาณว่า ของกู อย่ายุ่ง
มันเบะปากก่อนจะพูดว่า “ทำยังกะเขาจะเอามึงงั้นแหละ”
“ดูแล้วเขาก็อยากจะเอาอยู่นะ” ผมตอบแบบมั่นหน้ามากเว่อร์
“ไหนเบอร์พี่วิน กูจะรายงาน” มันทำทีเอามือถือขึ้นมากดหาเบอร์
“หยุดนะ อีเพื่อนชั่ว”
“มึงสิ อีกากี”
“กูก็รีบปลีกตัวออกมาก่อนนี่ไง” ถ้าไม่นับว่าร่วงลงไปก่อน
เพราะผมคิดถึงพี่วินนะครับ
“น๊อยยยยย ถ้าพวกกูไม่อยู่ก็คงไม่มีใครรู้เห็นสินะ ป่านนั้นคงสถิตอยู่บนวิมานฉิมพลีฟอร์เอฟเวอร์ไปแล้วล่ะมึงน่ะ”
“มึงเห็นกูเป็นคนอย่างนั้นเหรอ” ผมมองตาพวกมันปริบๆ หวังให้เห็นจิตใจใสซื่อ
“เออ!”

ระหว่างที่รอกับข้าว ผมก็อยากจะบอกน้องกรรณว่าผมโอเคแล้วนะ ไม่ต้องเป็นกังวลนะ แต่ผมไม่มีเบอร์หรือไลน์ของน้องกรรณนะ นอกจากเฟซบุ๊กที่ผมแอบเข้าไปส่องบางเวลา ก่อนเปิดเฟซบุ๊กก็คิดนะว่าจะแอดเฟรนด์ดีมั้ย แต่พอเปิดขึ้นมาเท่านั้นแหละ...
โพสต์ล่าสุดเป็นรูปน้องกรรณถ่ายกับเพื่อนนายแบบในงานวันนี้ แต่รูปก่อนหน้านั้นเป็นรูปดอกไม้ดอกที่โอบบอกว่าเป็นของน้องกรรณ ใต้รูปเขียนไว้ว่า ‘น่ารักที่สุด อยู่ต่างประเทศยังส่งมาให้’
หือออออ!?
หมายถึงพี่วินเหรอ?
ผมล่ะโคตรเกลียดแล้วก็โคตรหงุดหงิดเลยกับอะไรที่มันไม่ชัดเจนแบบนี้ ของใครส่งมาให้ก็บอกให้มันชัดๆ สิวะ ไม่รู้หรือไงว่าคนที่ต้องคอยเดาเอาเองมันระแวงนะโว๊ย
“เป็นเชี่ยอะไรอีก ทำหน้าบูดเป็นข้าวหมาค้างคืน นี่ ตำป่าพริกห้าร้อยสิบเจ็ดเม็ดมาละ แดกเข้าไป” พี่เอ็มว่าพลางยื่นหน้ามาเก็บรายละเอียดบนหน้าจอมือถือของผม แปบเดียวก็รู้ความ
“มีแต่ผัวมึงเหรอไงที่ไปต่างประเทศช่วงนี้”
“ก็มันอดคิดไม่ได้” ผมว่าหงอยๆ รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทันที รู้เลยว่าเมียหลวงในละครดราม่าที่โดนอีพวกเมียน้อยรังควานชีวิตคือรู้สึกยังไง เหมือนมือถือที่แบตกำลังจะหมดตอนกำลังหลงทาง เหมือนพลังงานชีวิตปลิดปลิวไปกับสายลมที่พัดผ่านอ่ะ
“อีดอก โนดราม่าต่อหน้าตำป่าค่ะ แดกกกก” ต้าร์ดึงผมกลับมาจากความรันทดอดสู
ผมกดออกจากเฟซบุ๊กโดยไม่ติดต่อใดๆ น้องกรรณ เลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่า อีตัวทำลายพลังงานบวก!

เจ้าดาวเหนือ : กลับได้แล้ว คิดถึงมากแล้วนะ
ผมไลน์ไปหาพี่วินแล้วก็รอดูจนแน่ใจว่าพี่วินคงจะไม่อ่านข้อความในสิบนาทีนี้แน่ จากนั้นผมก็วางมือถือลงแล้วทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียง
มีแฟนก็เหมือนไม่มี...ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะ แบบนี้สินะเหตุผลที่ดาราเซเลบต่างๆ เคยให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่เลิกกัน...ไม่มีเวลาให้กัน
จะว่าไปก่อนนี้ผมก็เข้าใจนะว่าพี่วินแบ่งสัดส่วนชีวิตให้กับงานมากกว่าให้เวลาผมอ่ะ เราสองคนไม่ใช่วัยเรียนที่จะเอาแต่รักไม่ต้องเรียนมากก็ได้ (เหรอ) วัยทำงานก็ต้องทำงานหาเงิน...
นอนคิดอะไรฟุ่งซ่านสักพักก็ได้ยินเสียงไลน์ดัง ผมรีบหยิบขึ้นมาดูเพราะคิดว่าเป็นพี่วินตอบกลับมา แต่ไม่ใช่อ่ะ เป็นพี่กรต่างหาก
PAKORN : นอนยังครับ
เจ้าดาวเหนือ : ยังครับพี่
PAKORN : ไปหาได้มั้ย
หืออออออ เพื่อนรักจะหักเหลี่ยมโหดกันเหรอ พี่จะตีท้ายครัวเพื่อนพี่เหรอครับ
ขณะที่ผมไม่รู้จะพิมพ์ตอบไปยังไงดี พี่กรก็โทรมาเลยครับ พอกดรับสายก็ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มก่อนเลยตามด้วยเสียงพี่กรพูดอะไรไม่รู้ คงอยู่ในร้านเหล้าที่ไหนสักแห่งอ่ะ แต่มีจังหวะหนึ่งที่เสียงดนตรีเบาลง ผมก็ได้ยินพี่กรพูดว่า “ทำไมเหนือไม่รักพี่ ทำไมไม่มีใครรักพี่เลย”
แล้วสายก็ตัดไป
เจอแบบนี้ผมก็เป็นห่วงพี่กรขึ้นมา แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าไปเมาอยู่ที่ไหนด้วย นึกแล้วก็เลยเปิดเฟซบุ๊กพี่กรเผื่อว่าจะมีเชคอิน แต่ก็ไม่มีอ่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเพิ่งกลับเข้ามาถึงห้องนะ ดึกแล้ว ง่วงนิดๆ หัวก็ยังเหลือมึนหน่อยๆ นะ คือถ้ารู้ว่าพี่กรอยู่ที่ไหนแล้วยังไงอ่ะ ออกไปตามหางี้เหรอ แต่ครั้งหนึ่งผมเคยเมาจนสิ้นสภาพแล้วก็โทรหาพี่กร พี่เขาก็มาหาผมนะ
คิดไปมาสองสามตลบก็ตัดสินใจโทรกลับไปถามว่าเขาอยู่ไหน

ผมมาถึงร้านที่พี่กรบอกด้วยเสียงที่ผมต้องใช้สกิลการเดาเข้าร่วมด้วย ร้านแรกก็ใช่เลยครับ เซียนม้ะ
มาถึงที่โต๊ะก็เห็นพี่กรกำลังโดนเกย์สองคนประกบซ้ายขวาปรนเปรอเป็นอย่างดี เอาจริงๆ มีเส้นบางๆ ระหว่างปรนเปรอกับรุมทึ้งนะ แต่ก็ดูเหมือนพี่กรจะชอบใจอยู่นะ มีการดึงคนนั้นคนนี้มาจุ๊บมาหอมด้วยงี้
โอ้วววว ผิดจากพี่กรเวอร์ชั่นละมุนแบบที่ผมเคยเห็นสิ้นเชิงเลยครับ
“ขอโทษครับ ผมมารับแฟนกลับบ้าน”
ที่อ้างสถานะไปคือให้สองคนนั่นเกรงใจอ่ะครับ คนดีๆ ที่ไหนคงไม่อยากเสือกเรื่องผัวเมียหรอก มั้งนะ ดีนะที่สองคนนั่นยอมถอยแบบมีมารยาทให้กับท่าเท้าสะเอวแบบเตรียมมีเรื่องกับแฟนอุปโลกน์
“เมื่อเย็นทะเลาะกันแรงไปหน่อย” ผมบอกตามหลังสองคนนั่นเพื่อความสมจริง ก่อนจะได้รับการสะบัดหน้าเหวี่ยงๆ มาคนละที
“ยอมเป็นแฟนพี่แล้วเหรอ” มีสติอยู่น้อยนิดก็ยังจะได้ยินคำพูดของผมอีกนะ
“กลับเถอะพี่ เหนือเป็นห่วงพี่นะ” ว่าแล้วก็เรียกเด็กของร้านมาคิดเงิน พลางก็ต้องคอยแกะมือปลาหมึกของพี่กรออกเป็นระยะ
เมาแล้วหื่นนี่หว่า
แต่ก็ดูแบดๆ เร้าใจดีนะ
ไม่ได้นะ หยุดเดี๋ยวนี้อีเหนือ มึงมีผัวแล้ว
“เป็นแฟนพี่ก็ต้องยอมให้พี่หอมแก้มสิ” พี่กรยื่นปากมาเต็มที่ แต่ผมให้จูบฝ่ามือไปก่อนนะ “ไม่งั้นพี่ไม่กลับ แล้วสองคนตะกี้ไปไหน”
สภาพแบบนี้ถึงไปกับสองคนนั่นก็ขึ้นไม่ถึงสวรรค์หรอกพี่จ๋า ถึงเตียงแล้วหลับชัวร์ ดีไม่ดีโดนรูดจนหมดตัวเอาน่ะสิ
“กลับครับพี่ เดี๋ยวผมบอกให้สองคนนั้นตามไปนะ” ยังกะหลอกเด็กเลยนิ
ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่นะตอนเด็กของร้านส่งบิลมาให้ แค่ร้องกรี๊ดเบาๆ กินคนเดียวสองหมื่นห้า แดกอะไรเข้าไปวะ เหล้าอิมพอร์ตจากแอสการ์ด? ช่างเถอะ เพราะผมไม่ต้องจ่ายเองแล้วระดับพี่กรเนี่ยขนไม่มีร่วง
ผมล้วงกระเป๋ากางเกงคนเมาแอ๋เพื่อจะหากระเป๋าตังค์
“เสียวจัง” พี่กรกระซิบเสียงรัญจวนข้างหู
โอ๊ย คุณพี่เจ้าขา น้องไม่ได้ล้วงหาของกินเจ้าค่ะ น้องอยากได้บัตรเครดิตคุรพี่ตะหากล่ะเจ้าคะ
“พี่ขึ้นแล้วเนี่ย”
อ่ะจ้ะ มาข้งมาขึ้นอะไรกันเล่า แต่ได้ยินอย่างนั้นก็นึกอยากจะลองควานมือหาสุ่มๆ ไปนะ เผื่อเจออะไรที่มันขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ
แรดที่สุดกูเนี่ย
เสียดาย เจอกระเป๋าตังค์ซะก่อน อดไม่ตั้งใจเลยอ่ะ
คือผมก็ไม่ได้คิดนะว่าพาพี่กรออกมาแล้วจะพาไปไหนได้นอกจากห้องของผมอ่ะครับ

ลงจากแท็กซี่ ลุงยามงี้ตาถลน คงหาว่าผมร่านนั่นแหละ
“เพื่อนพี่วินครับลุง ผมไปลากมาจากร้านเหล้า” บอกแล้วผมก็ไม่สนใจลุงยามอีก ผมบริสุทธิ์ใจอ่ะ
เปิดประตูเข้าห้องมาได้ผมก็พาพี่กรไปทิ้งลงบนเตียง
จังหวะที่ผมยืนหอบเหนื่อยก็ยังจะพิจารณาคนบนเตียงอีกนะ ขนาดเมาหัวราน้ำยังดูมีออร่า พวกคนรวยนี่บำรุงผิวด้วยอะไรกันนะ
ไม่นานผมก็ทิ้งตัวลงข้างๆ บ้าง แบบว่าเสียพลังงานไปเยอะมากกกก แล้วก็ผล็อยหลับไปเลย...วันนี้เจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้
สิ่งเดียวที่ผมทำพลาดคือผมน่าจะไลน์บอกพี่วินก่อนจะหลับไปนะ ว่าผมพาพี่กรมานอนด้วย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จนรุ่งเช้านั่นเอง ผมตื่นเพราะเสียงเปิดประตู
งัวเงียผงกหัวขึ้นดูก็เห็นพี่วินยืนอยู่ หน้าตาเหมือนแดกรังแตนมาสิบรัง
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ” เสียงผมค่อนข้างแปลกใจประมาณว่าโดนเซอร์ไพรส์อ่ะ ไม่ใช่ว่าตกใจแบบผัวจับได้ว่ามีชู้นะ แต่มันคงใกล้เคียงกัน แถมพอก้มดูสภาพตัวเองตอนนี้คือผมกับพี่กรเปลือยช่วงบนด้วยกันทั้งคู่แล้วข้างล่างมีผ้าห่มปิดไว้ด้วยนะ คิดดูว่าภาพที่พี่วินเห็นจะชวนคิดไปทางใดได้อีก
ผมจะลุกก็ลุกไม่ได้เพราะแขนพี่กรล็อคผมไว้หนึบเชียว!
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-08-2019 00:10:40
 o22 o22 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 23-08-2019 00:26:30
ผัวไม่อยู่หนูเหนือร่านเริง  :o8:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-08-2019 00:48:28
อ้าว!! กรรม!! จังหวะมันได้ ภาพมันให้! 555 ง้อหนักเลยทีนี้ //ดูท่าจะไปกันรอดไหมเนี้ย? ความรักความเป็นแฟนของสองคนนี้ ดูว่าเหมือนคู่นี้มันต้อง..... แล้วค่อย...... ถึงจะรู้ว่ากับใครไม่ได้แล้วจริงๆ เอ๊ะหรือว่าไงดีนะ? 5555 เออออรอดูกันต่อไป //คิดถึงนะเจ้าดาวเหนือของพี่วิน อุอิ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 23-08-2019 10:21:46
ชิบหายละ งานเข้าเลยทีนี้,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-08-2019 18:42:14
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-08-2019 23:39:00
ทำตัวเองนะ ดาวเหนือ พึ่งตัวเองแล้วกัน
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-08-2019 11:47:55
แรดไม่ออกแล้วเหนือเอ้ยยยย ถึงแม้ไม่มีอะไร แต่ภาพมันฟ้อง
เหนื่อยกับการแก้ตัวกับพี่วินหน่อยนะ สู้ๆๆๆ นะเหนือ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 24-08-2019 23:48:06
iceman555
o22 o22 o22 o22 o22
เป็นใครก็ช็อก  :katai1:

blove
อ้าว!! กรรม!! จังหวะมันได้ ภาพมันให้! 555 ง้อหนักเลยทีนี้ //ดูท่าจะไปกันรอดไหมเนี้ย? ความรักความเป็นแฟนของสองคนนี้ ดูว่าเหมือนคู่นี้มันต้อง..... แล้วค่อย...... ถึงจะรู้ว่ากับใครไม่ได้แล้วจริงๆ เอ๊ะหรือว่าไงดีนะ? 5555 เออออรอดูกันต่อไป //คิดถึงนะเจ้าดาวเหนือของพี่วิน อุอิ
หรือว่าเหนือกับพี่กรจะได้กันแล้วจริงๆ  :katai3:

Kelvin Degree
ชิบหายละ งานเข้าเลยทีนี้,,,
 :z3:

AkuaPink
:pig4:
 :katai2-1:

 :katai2-1:

t2007
ทำตัวเองนะ ดาวเหนือ พึ่งตัวเองแล้วกัน
ปล่อยเลยตามเลย ยังไงก็มีพี่กรนะ  :hao7:

k2blove
แรดไม่ออกแล้วเหนือเอ้ยยยย ถึงแม้ไม่มีอะไร แต่ภาพมันฟ้อง
เหนื่อยกับการแก้ตัวกับพี่วินหน่อยนะ สู้ๆๆๆ นะเหนือ อิอิอิ
บอกเลยคราวนี้ยากกกกกก
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 28-08-2019 23:55:56
เวรกรรม แก้ตัวยังไงล่ะทีนี้ 555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-08-2019 01:07:11
 :laugh:


 :L2: :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 23 : หน้า 8 (22/8/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 18-09-2019 23:58:34
ตอนที่ 24


“พี่วิน ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ” ผมพยายามจะอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ลิ้นของผมมันก็พันกันจนจุกปากไปซะฉิบ ส่วนหนึ่งก็เพราะจำนนด้วยหลักฐานคาตาซึ่งผมก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้เลย ว่าทำไมผมกับพี่กรถึงได้อยู่ในสภาพเหมือนผัวเผลอมาเจอชู้อย่างนี้ T_T
พี่วินไม่พูดสักคำ มีเพียงตายตาโหดๆ ปนกับแววผิดหวังในตัวผมส่งมาเท่านั้นเอง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยวครับพี่” ผมร้องเรียกแล้วก็แกะมือพี่กรออกพร้อมกับ แต่แกะยากชิบหายยยยยยย จนสุดท้ายผมต้องยกตีนตัวเองขึ้นถีบตัวพี่กรออกไปนั่นแหละ พี่แกถึงได้งัวเงีย ทำท่าหนาวแอร์แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามแบบชวนให้ถีบอีกรอบ “อ้าว เหนือถอดเสื้อพี่เหรอ”
ผมไม่ว่างตอบคำถามพี่กรหรอกครับ วิ่งออกห้องตามคนเข้าใจผิดไปอย่างเร่งด่วน แต่ไม่ทันแล้วครับ พี่วินลงลิฟต์ไปแล้ว แล้วพอผมวิ่งลงบันไดไปจนถึงข้างล่างก็ไม่เจอตัวเขาแล้วครับ ตามไปที่คอนโดของพี่วินก็ไม่เจอ รอเกือบชั่วโมงก็เลยกลับมาแมนชั่นตัวเอง
ผมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านข้อความแล้วส่งไปทางไลน์ แค่เห็นว่าเขาเปิดอ่านแล้วก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อความตอบกลับมาเลยก็ตาม
วางมือถือลงข้างตัวแล้วก็มองเจ้าตัวต้นเหตุที่กำลังหลับอุตุไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ตรงขอบเตียงจะตกมิตกแหล่อยู่ละ แต่ก็ช่างแม่งพี่เถอะครับ
นั่งเครียดเงียบๆ คนเดียวอีกเกือบชั่วโมง พี่กรก็ขยับตัวแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง
“เมื่อคืนเหนือพาพี่กลับมาเหรอ ขอบใจนะ”
คนพูดไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าผมต้องเจอกับมรสุมลูกใหญ่มากกกกกกกกกกก
ผมปรายตาเคืองๆ ส่งให้เป็นการตอบสนอง แล้วก็นั่งกลุ้มต่อไป

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้ายังกะท้องผูก” พี่กรว่าพลางก็สวมเสื้อตัวเองไปด้วย
“เมื่อกี้พี่วินมาครับ” ผมบอก
“แล้ว?”
“ก็เห็นผมกับพี่นอนด้วยกัน คงเข้าใจผิดไปไหนต่อไหนอ่ะครับ ผมตามไปที่คอนโดก็ไม่เจอ”
“ปกติมันก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรือเชื่ออะไรแบบที่เห็นแค่ผิวเผินนะ แล้วมันก็รู้ดีว่าพี่ไม่ทำอะไรแฟนมันหรอก”
ดูดู๊ พูดออกมามั่นใจเหลือเกินอ่ะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเพื่อนพี่งอนแรงมากเลยนะครับ
“คือว่าเขาเห็นเรานอนถอดเสื้ออยู่ด้วยกันบนเตียงอ่ะครับ” ผมขยายความ
พี่กรนิ่งไป ก่อนจะรำลึกความจำออกมาได้ “อ๋อ เมื่อคืนพี่ลุกมากินน้ำ แล้วพี่ก็เตะโดนอะไรไม่รู้บนพื้น น้ำก็เลยหกโดนทั้งพี่ทั้งเหนืออ่ะ แต่เราหลับลึกมากนะ พี่ก็เลยถอดเสื้อให้เราด้วย พี่ก็เมาๆ อ่ะ ไม่รู้จะเอาเสื้อตัวใหม่จากไหนก็เลยนอนทั้งแบบนั้น”
แล้วทำไมตอนพี่วินมาไม่บอกวะ
“เดี๋ยวพี่อธิบายให้มันเข้าใจเองนะ”
ได้ยินอย่างนั้นผมรู้สึกโล่งขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังหน่วงๆ นะ
เอาเถอะ ผมว่าพี่กรคงจะทำให้พี่วินเข้าใจได้นะ
“แล้วทำไมเมื่อคืนถึงได้ไปเมาขนาดนั้นอ่ะพี่” พอโล่งขึ้นมาเปลาะหนึ่งก็เลยพักเรื่องของตัวเองไว้แปบ
“ก็คนไม่มีใคร ก็เหงาบ้างสิครับ มีเพื่อนก็ติดเมีย” พี่กรยักไหล่
แต่เมาแล้วโทรหาเมียเพื่อนนะพี่
“พี่ไม่ค่อยมีโชคเรื่องความรักเลย เฮ้อ” พูดแล้วก็ทำหน้าหงอยเหมือนหมามองตามเจ้าของตอนออกบ้าน
“หล่อรวยอย่างพี่เดี๋ยวก็มีครับ ดูอย่างเมื่อคืนสิ ถ้าเหนือไม่เข้าไปขัดก็คงได้ตั้งสองคนละ”
“มันเหมือนกันซะที่ไหนเล่า พี่อยากมีแฟน ไม่ได้อยากมี one night stand พี่ถือคติสงวนตัวไว้ให้คนที่เป็นแฟนพี่เท่านั้นนะครับ”
โห อบอุ่น
ฟังแล้วก็ย้อนดูตัวเอง...ได้กับพี่วินตั้งแต่คืนแรกที่เจอกันเลย
คิดถึงขึ้นมาก็เริ่มตึงๆ อีกละ
“อ่ะ พี่ไลน์บอกมันละ เดี๋ยวคงอ่าน” พี่กรว่า
ผมก็บอกแล้วเหมือนกันครับ
“เย็นๆ คงเจอมันที่ร้านอ่ะ พี่จะบอกให้อีกรอบนะ เหนือจะไปด้วยก็ได้นะ”
“ให้พี่บอกก่อนดีกว่าครับ เห็นเราไปพร้อมกันสองคนคงได้หนีไปก่อนได้ถึงตัว” ผมคิดเป็นฉากในซีรี่ย์ แต่ถ้าให้เข้าใจจากพี่กรก่อนแล้วตามมาง้อผมที่เข้าใจผิดที่ไม่ไว้ใจกันไรงี้จะดูเป็นประโยชน์กับผมมากกว่า แถมยังได้เล่นตัวพองามอีกตะหาก

หลังจากพี่กรกลับไปแล้วผมก็นั่งเครียดนอนเครียดรอเวลาไม่เป็นอันทำอะไรจนถึงเย็น แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่วินจะติดต่อผมหรือตามมาง้อแต่อย่างใด สุดท้ายกลับเป็นผมเสียเองที่เป็นฝ่ายโทรไปหา
สัญญาณรอสายดังอยู่แปบเดียวก็ถูกกดทิ้ง!
ผมน้ำตาร่วงเลยครับ ตอนนี้ถึงได้รู้ใจตัวเองลึกซึ้งว่าที่ผมรักเขาอยู่ทุกวันๆ มันมากกว่านั้นมาก มากจนผมกลัวว่าจะขาดเขาไป ผมใจจะขาดจริงๆ
ยังไม่หมดเท่านั้นครับ เมื่อมีข้อความส่งมาจากพี่วิน ข้อความนั้นทำให้ผมตัวชานิ่งแล้วก็เหมือนมีหลุมดำโผล่ขึ้นมาดูดตัวผมให้ตกลงไปในนั้น
สิบทิศ : ห่างกันสักพักนะ
ผมอยากจะโทรไปหาเขาอีกครั้ง แต่คิดแล้วว่าเขาคงไม่รับหรอก ความรู้สึกของผมตอนนี้คือทั้งเสียใจ น้อยใจแล้วก็โกรธมาก จากนั้นผมก็ปล่อยโฮร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร

ผมพยายามทำหน้าให้เป็นปกติมากที่สุดตอนเดินเข้าไปในออฟฟิศ เดอะแก๊งค์ยังไม่รู้เรื่องของผมกับพี่วินครับ พวกมันยังเฮฮาจิกกัดกันเหมือนเดิม
“ช็อกโกแล็ต ขอบ้างสิ” ผมเห็นพวกมันกินกันทุกคนก็เลยทักทายไปตามเรื่อง อย่างน้อยก็เพื่อเบนความสนใจของผมเองไปจากคนที่กำลังนั่งดูแฟ้มเอกสารตรงโต๊ะประจำตำแหน่ง Brand manager นั่น
“ไปเอาสิ” พี่เอ็มบุ้ยปากไปทางพี่วิน “เขาซื้อมาฝากทุกคนอ่ะ แต่อย่างมึงคงได้อะไรอย่างอื่นที่แพงๆ พิเศษๆ กว่าพวกกูล่ะมั้ง”
“อ่อ” ผมยิ้มแหยก่อนจะทำเนียนไม่สนใจคุยเรื่องนี้ต่อซึ่งพี่เอ็มก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไร ระหว่างนั้นผมก็รอว่าพี่วินจะเรียกผมมั้ย อย่างน้อยก็ให้ไปเอาของฝากน่ะครับ
ไม่เลยครับ ไม่มีสักคำ...ตั้งแต่เริ่มงานจนถึงตอนที่เขาลุกออกไปเมื่อตอนสายๆ
ผมรู้สึกไร้ตัวตนจังเลยครับ
หรือว่าสิ่งที่ผมกลัวมาตลอดมันกำลังจะเกิดขึ้น...วันที่เราเลิกกัน

พี่วินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งในช่วงบ่าย ถึงผมจะลอบมองเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็ข่มใจอย่างที่สุดในการไม่ส่งข้อความไปหา ผมทำสำเร็จครับ...แต่ด้วยจิตใจที่บอบช้ำจริงๆ
จนถึงห้าโมงเย็น ผมเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ก็ไม่เห็นเขาแล้วครับ ในระยะของความสัมพันธ์ ผมโคตรเกลียดช่วงเวลาแบบนี้ที่สุดเลยครับ ช่วงที่มึนตึงอ้ำอึ้งทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีความสำคัญแล้วเนี่ย ใช่ครับ มันคือช่วงใกล้จะสิ้นสุดสถานภาพคู่... กี่ครั้งกี่คราวที่ผ่านมากับแฟนเก่าของผม มันมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ
ก่อนกลับผมไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จก็มายืนส่องใบหน้าอันเศร้าหมองของตัวเองตรงกระจกเหนืออ่างล้างมือ ผมคิดว่าจะไม่มีใครมาเห็นผมตอนนี้...ตอนที่น้ำตามันไหลออกมา ผมปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนั้นจนกระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามา ผมก็เลยรีบโน้มตัวลงแล้ววักน้ำล้างหน้า แต่แววตามันก็ปิดสิ่งที่อยู่ในใจได้ไม่มิดหรอกครับ แล้วสภาพน่าสลดของผมก็ฉายผ่านกระจกให้คนที่หมางเมินผมได้เห็นจนชัดตาเชียวล่ะ
คนที่เข้ามาคือพี่วินครับ เขายืนมองผม ท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นมามาใกล้ใบหน้าของผม แต่ผมไม่ได้เคลิ้มคล้อยไปกับความแปรปรวนของพี่วินหรอกนะครับ จะมาเดี๋ยวเชี่ยเดี๋ยวดีใส่ผมแบบนี้ ไม่โอเคครับ เพราะนี่ไม่ใช่ช่วงแรกๆ เหมือนตอนที่เราเจอกันและยังไม่ได้คบกันนะ ตอนนั้นเขาจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมายังไงก็เป็นเรื่องของอดีตแต่ตอนนี้เรายังถือว่าเป็นแฟนกันอยู่นะ
ถ้าเป็นตอนนั้น...ผมเกลียดเขาเข้าไส้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ไม่ใช่เกลียดแต่เป็นผิดหวังที่เขาทำกับผมแบบนี้
สิ่งที่ผมทำคือปัดมือนั้นออกไปก่อนที่มันจะสัมผัสตัวผม
กลับมาถึงโต๊ะก็เลยรีบเก็บของ ปิดคอมฯ จากนั้นก็เดินออกมาเลยโดยไม่รอใคร อารมณ์ตอนนี้คือช่างแม่งละ เลิกก็เลิกวะ ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย ผมคิดแบบนั้น...ถึงแม้ในใจจะเจ็บปวดมากก็ตาม

หลังจากใช้ชีวิตสปีดต่ำ เดินเนือยๆ จิตใจล่องลอยไปนั่นมานี่ในระหว่างเดินทางกลับ สองทุ่มครึ่งผมจึงเพิ่งจะเดินอยู่ในซอยเข้าที่พักพร้อมกับละอองฝนเบาๆ
ยังไม่ถึงกลางซอยก็มีรถมาชะลอข้างๆ
รถพี่วินครับ
แต่คนที่เลื่อนกระจกลงมาคือน้องกรรณ!
“พี่เหนือขึ้นมาบนรถสิครับ ฝนจะตกหนักแล้วนะ”
ผมอึ้ง ตั้งตัวไม่ติด ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ แต่ก็ปะติดปะต่อทุกอย่างได้ชัดเจนอย่างรวดเร็วเหมือนแสงฟ้าแลบข้างบนหัว
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ” ผมตอบไปแบบนั้นพร้อมกับลอบมองเข้าไปยังคนที่นั่งหลังพวงมาลัย
พี่วินมองตรงอย่างเดียว ไม่หันมาดูผมเลยสักนิด
“งั้นไปก่อนนะครับ” น้องกรรณยิ้มแล้วก็โบกมือลาก่อนที่รถบีเอ็มดับบลิวสีดำคันนั้นจะเคลื่อนออกไป...
ผมยืนตากละอองฝนอยู่ที่เดิมจนกระทั่งรถของพี่วินเลี้ยวหายไปถึงได้เริ่มก้าวต่ออีกครั้ง
“เหนือ” เสียงพี่กรเรียกผมออกมาจากในรถซึ่งมาจอดเทียบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“จะไปหาพี่วินเหรอครับ” ผมถามเสียงเนือยๆ
“ช่างไอ้บ้านั่นเถอะ พี่มาหาเรานั่นแหละ ขึ้นมาเร็ว เปียกหมดละ” น้ำเสียงพี่กรเป็นห่วงผมจริงๆ ครับ
“เดี๋ยวเบาะเปียก” ผมบอกอย่างเกรงใจรถหรู อีกอย่าง...ดราม่าตากฝนแบบนี้ก็สะใจตัวเองดีอยู่ “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วครับ”
“อยากให้พี่ลงไปเปียกด้วยอีกคนเหรอ” พี่กรย้อนมาแบบนี้อ่ะ
ผมลังเลแปบเดียวก็เปิดประตูขึ้นรถ เพื่อจะมาถึงแมนชั่นในอีกสามนาทีต่อมา

เข้าห้องมาได้ผมก็ไม่สนใจอะไรละครับ พี่กรจะไปอยู่มุมไหนก็ตามสบายเลย ส่วนผมทิ้งข้าวของกองกับพื้นอย่างไม่อยากใส่ใจอะไรทั้งนั้น
“อาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย” พี่กรบอกและมองผมด้วยสายตาเวทนา
ผมพยักหน้ารับอย่างอิดโรยในจิตใจก่อนจะถอดเสื้อผ้าชุ่มน้ำฝนลงตะกร้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ร้องไห้ใต้ฝักบัวจนน้ำตาหมดก๊อกก็ออกมาเห็นสภาพห้องเรียบร้อย ข้าวของที่กองไว้ตอนเข้ามาก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
“สดชื่นขึ้นรึยังครับ” รอยยิ้มของพี่กรช่างอบอุ่นเหลือเกินครับ เหมือนพี่ชายใจดีมาเพื่อปลอบผมอย่างเต็มที่
ผมนั่งลงข้างๆ พี่กร จากนั้นก็ซุกหน้าลงกับอกของเขาแล้วก็ร้องไห้โดยมีมืออุ่นๆ ลูบหัวเบาๆ นานจนกระทั่งน้ำตาขาดสายนั่นแหละ พี่กรถึงได้พูดว่า “พี่ก็ไม่เห็นด้วยนะที่เพื่อนพี่มันทำแบบนี้ น่าจะคุยกับเหนือให้รู้เรื่องก่อน”
ผมปาดน้ำตา ขยับหน้าออกจากอก “เขาคงเลือกแล้ว”   
พี่กรถอนหายใจแล้วจึงบอกว่า “พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย ใจเย็นๆ แล้วค่อยคุยกับมัน บางที...” พี่กรทำท่าจะพูดต่อ แต่แล้วก็เงียบไปพร้อมๆ กับที่มีเสียงเตือนว่ามีข้อความส่งเข้ามาในไลน์ของผม
ไม่ใช่จากพี่วินหรอกครับ แต่เป็นไลน์กลุ่ม
M&M : อีเหนือออออออออออ!!!
แล้วก็ตามด้วยลิ้งค์จากทวิตเตอร์
ผมกดดูแล้วก็ได้แต่อึ้ง เรื่องที่ทำให้ร้องไห้เมื่อกี้สลายวับไปจากหัวทันที
เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!!
มันเป็นลิ้งค์คลิบของผมที่อยู่ในสภาพมึนเมายังกะโดนวางยาแล้วก็กำลังโดนใครสักคนลวนลามโดยการดูดปากและไซ้ซอกคอชนิดที่ว่าถ้าโปรดักชั่นดีๆ นี่ไม่ต่างจากหนัง AV ที่ดูๆ กันเลยล่ะครับ
คลิบยาวแค่นาทีเดียวก็เสียวตั้งแต่ขนหัวลงไปถึงขนนิ้วตีนเลยครับ
ผมจำเลย์เอาท์ของห้องนั่นได้ มันคือโรงแรมที่ผมไปปาร์ตี้กับพวกนายแบบไม่ผิดแน่ แล้วคนที่กำลังดูดปากผมที่เห็นในคลิบแค่เสี้ยวหน้านั่นก็คือโอบ
เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!!
ไม่รู้จะฟินหรือจะรังเกียจดี
“ไอ้วินมันเห็นแล้วเมื่อตอนเย็น” พี่กรพูดเบาๆ
สรุปว่าวันนั้นผมโดนวางยาจริงๆ เหรอวะ แต่ตอนได้สติก็สำรวจตัวเองแล้วว่าไม่มีอะไรมากกว่าที่เห็นในคลิบแน่ๆ ไม่งั้นผมต้องรู้สึกถึงร่องรอยความเจ็บในช่วงล่างไปแล้ว หรือว่าถ้าโดนวางยาจริง ฤทธิ์ของมันจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บด้วย? แต่พี่เอ้มกับต้าร์ก็ยืนยันว่าผมคลาดสายตาไปแค่แปบเดียว
ลิ้งค์นั้นมีบอกว่า ‘โดนนายแบบรุม 1/5’
หมายความว่านี่แค่คลิบแรกเหรอ ยังมีอีกสี่คลิบเหรอ?
เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!!
“พี่วินเห็นคลิบนี่แล้วก็เลยจะเลิกกับผมใช่มั้ยครับ” ผมถามพี่กรตรงๆ และได้รับเสียงถอนหายใจเป็นคำตอบ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 19-09-2019 00:00:01
อยากเป็นเหนือ อยากโดนนายแบบรุม
 :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-09-2019 00:46:09
 :เฮ้อ:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-09-2019 11:17:09
เหนือไม่ได้ตั้งใจ เหนือไม่รู้ เหนือเมา ว่าแต่จริงหรือเปล่าจ๊ะ
เป็นไงละ ใครเป็นแฟนก็ต้องมีโกรธกันบ้างละ เหนือเอ้ย แรดไม่ออกแล้ว
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 19-09-2019 21:41:46
ommanymontra
 :เฮ้อ:

 :hao4:

k2blove
เหนือไม่ได้ตั้งใจ เหนือไม่รู้ เหนือเมา ว่าแต่จริงหรือเปล่าจ๊ะ
เป็นไงละ ใครเป็นแฟนก็ต้องมีโกรธกันบ้างละ เหนือเอ้ย แรดไม่ออกแล้ว
คิดเหรอว่าจะสลด
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-09-2019 00:19:23
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 20-09-2019 00:34:19
ม่ายยยยยย เหนือโดนวางยาจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 20-09-2019 21:55:02
เกลียดอินน้องกรรณ อิสารเลว,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-09-2019 01:03:30
ดีแล้วล่ะ เหนือ เจ็บเยอะๆ อยากไม่พอเอง พึ่งตนเองเนอะ ดีที่สุด
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-09-2019 04:31:25
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: HerBerry ที่ 19-11-2019 22:29:41
มาต่อหน่อยจ้า
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 26-11-2019 22:33:56
คิดถึงทุกคนจังเลย คิดถึงพี่วินด้วยยยยยยย  :hao7:

ก่อนอื่นยื่นหน้าให้ปาหินใส่ หากว่ารอจนเหี่ยวกันไปหมด  :mew2:
ไรท์ไม่ได้หายไปไหนนะ แต่โดนมรสุมการงานเข้าลักขณาครับ งานเยอะชิบหายยยยยยยยยยยยยยยย กลับมาก็สลบเหมือด
แต่ก็ซาลงละครับ
ตอนที่ 25 อินยัวแอรียะะะะะะ กำลังจะมาจ้าาาาาาาาาาาาาาา

สปอยว่าน้องกรรณได้กับพี่วิน (เหรอ????)  :hao7:


หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 26-11-2019 23:14:46
รอๆติดตามต่อไปจ้า :mew2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 24 : หน้า 8 (19/9/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 30-11-2019 01:55:24
ตอนที่ 25


“ก็สมควรที่เขาจะโกรธมึงนะ” ต้าร์พูดขึ้นมาหลังจากที่ฟังผมปรับทุกข์ “คิดดูสิ ถ้าเป็นมึงเห็นคลิบพี่วินกำลังเอากับคนอื่น มึงจะรู้สึกยังไง”
“นี่คือมึงปลอบกูอยู่ใช่ม้ะ?” ผมตวัดสายตาใส่มันฉับ
“แล้วทำไมกูต้องสปอยมึงด้วย” มันยักไหล่
“อีเชี่ย วันนั้นมึงก็อยู่กับกูไม่ใช่เหรอไง”
“แต่กูไม่ได้ไปมีอะไรกับคนอื่นนี่ กูแดกเหล้าอย่างเดียว”
“อ่านปากกูนะว่า กู-ไม่-ได้-เอา-กับ-คน-อื่น”
คือรู้กันแหละครับว่าอะไรเป็นอะไรแต่ความสามารถของพวกเราคือคุยเรื่องเครียดให้ซอล์ฟลงและโปกฮาได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวง
“แล้วมึงจะเอาไง จะปล่อยให้พี่วินเข้าใจผิดแบบนี้เหรอ” พี่เอ็มถามแนวทาง
“อธิบายทางไลน์ไปหมดแล้วอ่ะ” พูดแล้วจะร้องไห้ มันหน่วงๆ ตื้อๆ ในใจเหมือนมีอะไรมาพุ่งจนจุกอ่ะครับ “เขาไลน์มาบอกกูว่าห่างกันสักพัก”
“ก็ห่างกันสักพักไงมึง พอคิดได้ตกผลึกก็ติดต่อมึงมาเองแหละ” พี่เอ็มปลอบแต่สีหน้าสื่อไปในความหมายอีกทาง
“อย่าโลกสวย ไอ้โง่ที่ไหนก็รู้โดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรมดูคำแปล ว่าห่างกันสักพักหมายความว่าเลิกกันเหอะ” ต้าร์พูดสอดขึ้นกลางปล้อง
อีปากหมา!
แต่ถึงอย่างนั้นพี่เอ็มก็ไม่ได้ทักท้วงเสียงเห่าของมัน หมายความว่าพี่เอ็มก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน... ผมก็ด้วยครับ
   “โสดแล้วมึง พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด คืนนี้ต้องแดกเหล้าฉลองให้แก่พรหมจรรย์ที่จะกลับมาสู่เรือนร่างมึงอีกครั้ง”
ผมไม่รู้หรอกว่าพรุ่งนี้หยุดนักขัตฤกษ์วันอะไร แต่ไปก็ไปครับ
เฮ้อ คู่รักเกย์ที่จะคบกันไปตลอดรอดฝั่งอาจจะมีอยู่แค่ 0.0599 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคงไม่มีผมเป็นผู้โชคดีในนั้นหรอกครับ ส่วนเรื่องคลิบหลุดโดนนายแบบรุมอะไรนั่น ผมอากู๋ดูจนตาจะหลุดจากเบ้าก็ยังไม่เห็นมีคลิบที่สองถึงสี่ทับห้าเลย มีแค่คลิบแรกที่ยังว่อนโซเชียล หากถามผมตอนนี้ผมไม่แคร์อ่ะ ตอนแรกก็ตกใจอยู่หรอก แต่พอดูซ้ำๆ มันก็แค่คลิบปลุกตัณหาที่มีอยู่เกลื่อนทั่วไปนั่นเอง ใครมันจะเดินสวนทางแล้วจำได้ว่าเป็นผมวะครับ ผมไม่ใช่คนดังซะหน่อยนี่ แล้วในคลิบมันก็ไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่านั้น เอาจริงๆ ดูแล้วมันก็โอเคนะ โอบหล่อ ถ้าผมโดนมากกว่านั้นอาจจะถือเป็นกำไรชีวิตได้เลยนะ แต่ถ้าคลิบนั่นจะบรรลุจุดประสงค์คนปล่อย มันก็ทำได้สำเร็จแล้ว เพราะมันทำให้พี่วินเข้าใจผิดจนเลิกกับผมได้

คืนนี้ผมใส่เสื้อตัวที่พี่วินเคยให้มาเที่ยวครับ แลดุขัดแย้งเนาะ อยากเมาเพื่อลืมแต่ก็ใส่ของเขามาซะขนาดนี้ ก็นะ เอาดาบปักลงมาเลยทีเดียวคงจะดีกว่าค่อยๆ ลงมีดกรีดเบาๆ ไม่รู้จักจบสิ้น
ผมว่าหักดิบดีกว่า เจ็บให้สุดแล้วหยุดคิดถึงมันซะ
คืนนี้มีผม พี่เอ็ม ต้าร์ แค่สามคนครับ อีสองตัวที่เหลือก็เหมือนเดิม คนนึงอยู่กับผัว อีกคนก็ปฏิบัติธรรมอะไรของมันนั่นแหละ
“พวกมึงแดกเยอะๆ ไม่ต้องห่วงกูกูกลับเองได้” ผมว่าผมเมาแล้วนะ แหกปากได้ขนาดนี้
“ค่ะ” พวกมันเบะปากแดกดันประมาณรู้ตัวว่าอีกเดี๋ยวก็ต้องหามผมกลับ
“เอ๊ะ นั่น” ผมเหมือนเห็นแวบๆ “โอบ”
“ไหน” ต้าร์รีบหันไปมอง อีนี่มันว้อนท์อยากกินโอบ แล้วก็หันมาทำหน้าเคือง “ไม่เห็นมี”
ที่จริงผมก็ไม่แน่ใจอ่ะ แค่เห็นคล้ายๆ ก็ปากไวออกมา
“กูพามึงมาแดกให้ลืม ช่างพวกเชี่ยนั่นเถอะ คืนนี้หาผัวใหม่ดีกว่าค่ะ” ว่าแล้วมันก็ยกแก้วขึ้น “ถ้าไม่ช็อกตายซะก่อน พรุ่งนี้ขอให้มึงลืมคนเก่าๆ ไปซะ เวลคัมแบกเวอร์จิ้นนนน”
เอาอีกละครับ หลังจากยกแก้วขึ้นดื่มผมก็เหมือนเห็นพี่วินอยู่ตรงนู้น ด้วยความขาดสติผมก็แหวกอีสองตัวนั่นออกมาเลย จากนั้นก็เดินเซๆ เกาะคนแถวนั้นตามไปทางที่ผมเห็นพี่วินตะกี้ซึ่งมันเป็นทางไปห้องน้ำกับทางออกหลังร้าน ซึ่งพอมาถึงหน้าห้องน้ำที่มีคนยืนรอเข้าอยู่หลายคน ผมกวาดสายตาดูก็ไม่เห็นคนที่ผมคิดว่าจะเจอ
ผมคงจะเมาจนหลอนไปเองแล้วจริงๆ อ่ะครับ
แต่ก่อนจะกลับเข้าไปแดกเหล้าต่อก็ได้ยินคนเดินมาจากจากหลังร้านคุยกันว่ามีคนตีกันอยู่ทางเขาเดินมา “แม่งหล่อทั้งคู่ สงสัยผัวเมียทะเลาะกัน”
ได้ยินแค่นั้น ไม่รู้ทำไมผมถึงได้อยากออกไปดู ก็เลยค่อยๆ พาตัวเองไปตามทางนั้น แล้วก็เจอจริงๆ ด้วยครับ...
พี่วินกับโอบกำลังต่อยกัน!
ผมย่องไปแอบอยู่หลังเสาที่ใกล้ที่สุดแถวนั้นเพื่อสังเกตการณ์ ทั้งคู่ต่างก็สะบักสะบอมพอดูครับ แสดงว่าก็คงแลกกันไปหลายหมัดละ เห็นแล้วก็อดดีใจไม่ได้ที่เขาตีกันเพราะผมแน่ๆ แต่บทสนทนาสั้นๆ ที่ผมได้ยินต่อมาก็ทำให้ไอ้ที่ผมสำคัญตัวเองตะกี้สลายวับพร้อมกับหน้าแตกเป็นริ้วๆ
“มึงเป็นอะไรกับกรรณ” โอบพูดไปหอบไป
พี่วินยิ้มแบบกวนตีนแล้วพูดว่า “เป็นมากกว่าที่มึงเป็นละกัน” แล้วก็ง้างมือจะประเคนกำปั้นให้หน้าหล่อๆ ของโอบอีกที
ส่วนผมพอได้ยินคำพูดนั่นของพี่วินก็อารมณ์ขึ้นสิครับ ก็เลยพุ่งตัวออกไปกลางวง คือตั้งใจจะไปคุยให้มันชัดๆ กันไปว่าไอ้ที่พูดเมื่อกี้คือใช่อย่างที่ผมคิดรึเปล่า ที่ว่าพี่วินเป็นอะไรกับกรรณมากกว่าโอบน่ะ คือสรุปว่าเป็นแฟนกันแล้วเหรอ? แต่อนิจจา ผมผิดคิวไปหน่อย ก็เลยกลายเป็นว่าผมเอาตัวเข้าไปบังโอบจากหมัดของพี่วิน
จะยังไงล่ะ ปลายคางผมเต็มๆ เลยสิ
พี่วินชะงักไป มองหน้าผมทีหน้าโอบทีแล้วก็ทำหน้าแบบหัวเสียสุดๆ คงเข้าใจว่าผมเอาตัวปกป้องโอบล่ะมั้งครับ แต่ช่างหัวพี่แม่งเถอะครับ จะเข้าใจผิดอีกเรื่องก็คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ แล้วอีตานายแบบนี่จะเกาะแขนเกาะไหล่เอาผมทำโล่ทำไมวะเนี่ย รุงรังชิบ
พี่วินพ่นลมหายใจแรงๆ ใส่หน้าผมเต็มๆ แบบคนพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่ก่อนจะถลึงตาแบบเหลืออดละ จากนั้นแขนผมก็โดนกระชากแบบเจ็บโคตรให้เดินตามเขาไป จนมาถึงรถที่จอดอยู่ พี่วินเปิดประตูแล้วก็ผลักผมเข้ามาเลยครับ

คืนนี้ถนนโล่งแบบไร้สาเหตุ พี่วินเลยขับเร็วมากกกกก ส่วนผมนั่งเงียบตลอดทาง กลัวว่าถ้ามีคำพูดไม่เข้าหูเขาก็จะพากันตายคู่แหงๆ อีกใจนึงก็สมยอมด้วยแหละ ดังนั้นพอมาถึงคอนโดของเขาผมก็เลยไม่ดราม่าให้มากความไป กระทั่งถูกลากเข้าห้องมาแล้วนั่นแหละถึงได้ฮึดฮัดขึ้นมาเพราะงอนเรื่องที่เขาทำกับผมตลอดหลายวันที่ผ่านมา ผมยังไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยสักคำ พี่วินก็คว้าตัวผมโยนลงบนเตียง ใช่ครับ จับโยนลงบนเตียงจริงๆ แบบที่ตั้งตัวไม่ทันเลย ก่อนที่พี่วินจะพุ่งตัวตามมาทับตัวผมแล้วก็จูบแบบรุนแรงมากกกกกกกก
ผมพยายามผลักตัวหนักๆ ของเขาออกเพราะเจ็บทั้งปากทั้งคางที่เพิ่งโดนต่อยมา แต่ก็สู้แรงไม่ได้จริงๆ จนริมฝีปากร้อนๆ นั่นเลื่อนลงไปช่วงลำคอ มันได้ปลุกความซ่านในอารมณ์ขึ้นมาจนเปลี่ยนเป็นความต้องการอย่างเกินต้านจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พูดกับเขาเบาๆ “เราเลิกกันแล้ว พี่ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะครับ”
“ตอนที่เหนือมาห้องนี้ครั้งแรกเราก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน” น้ำเสียงหงุดหงิดดังอยู่แถวๆ หน้าอกของผม
หมายความว่าไงครับ?
พี่วินว่าผมง่ายใช่มั้ยครับ?
คงหมายถึงผมง่ายกับเขาเอง กับโอบ กับคนอื่นๆ ด้วย
ถ้าระยะเวลาที่เราคบกันยังไม่มากพอทำให้เขามองเห็นหัวใจผม ยังมองผมเป็นคน ‘ง่าย’ งั้นคืนนี้ผมจะเป็นกะหรี่ให้เต็มที่ไปเลย
คิดได้อย่างนั้นผมก็ยกมือขึ้นขยี้ท้ายทอยของเขา จากนั้นก็ช้อนคางที่มีไรเคราสากๆ นั่นขึ้นมาจูบอย่างเร่าร้อนชนิดที่ว่าลิ้นของเราพันกันนัวเนียไปหมด คางเคิงจะโดนจะเจ็บช่างมันครับ ข้างในใจเจ็บกว่า
   มือของผมเลื่อนลงไปกระชากคอเสื้อพี่วินจนกระดุมหลุด แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราสองคนเสียเวลาสนใจกับมัน พี่วินถอนปากออกจากปากผมแล้วก็เปลี่ยนเป็นนั่งคร่อมเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองให้ออกไปให้พ้นตัว ส่วนผมก็จัดการกับของตัวเองอย่างรู้งาน แค่อึดใจเดียว ร่างเปลือยเปล่าที่ผมคุ้นเคยก็ถาโถมลงมาอีกครั้ง แต่ผมผลักเขาออกเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองให้อยู่ด้านบน ตาของเราประสานกันแต่ผมบรรยายสิ่งที่สื่อให้กันและกันไม่ถูก ผมไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ความรัก? ความใคร่? ความมักง่ายของหัวใจ? หรือสันดานทั่วไปของเกย์?
   หรือไม่มีความหมายอะไรเลย...
   แต่เอาเถอะ ผมจะให้บริการคนที่ผมกำลังคร่อมทับอยู่นี่ให้เต็มที่
   เมื่อร่างกายของเราเชื่อมกัน ผมเป็นฝ่ายขยับนำการเคลื่อนไหว ผมจะไม่ให้มีความอ่อนหวานใดๆ กับเซ็กส์ครั้งนี้ จะมีแต่ความรวดเร็วและเผ็ดซ่านที่สุดที่ผมเคยทำกับใครก็ตาม เขานอนนิ่งปล่อยให้ผมให้ผมนำจังหวะได้เพียงชั่วครู่ก็เปลี่ยนตัวเองเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะและท่วงท่าด้วยการเกร็งช่วงกลางลำตัวแล้วขยับสวนขึ้นมาอย่างดุดัน ผมเจ็บ แต่ไม่แสดงออกเด็ดขาด มันเหมือนเกม ผมต้องการชนะ
   เมื่อเหงื่อของผมเริ่มโทรมตัว พี่วินก็จับผมกดหน้าคว่ำลงกับเตียงจากนั้นก็รุกเข้ามาอย่างหนักหน่วงจนผมปล่อยเสียงออกมา
   ใช่ครับ ผมแพ้ให้กับร่างกาย ท่วงท่าลีลาและทุกๆ การกระแทกของเขาอย่างราบคาบ มือของผมขยำผ้าปูเตียงจนยับติดนิ้ว ขณะที่เขาโน้มตัวลงมาทับทาบหลังผมทั้งแผ่นนั้นเขากัดที่ใบหูของผมเบาๆ แล้วเลื่อนลงไปดูดตรงซอกคอ ผมรู้ครับว่าการดูดแบบนั้นมันจะต้องเป็นรอยไปอีกหลายวันแต่ผมก็ยินยอมให้เขาทำได้ตามใจชอบ
   พี่วินจับผมให้นอนหงายขึ้น ร่างของเราทับกันแทบจะทุกตารางนิ้ว แม้แต่ลมหายใจก็ยังราดรดกัน ผมกอดเขาอย่างหวงแหน อย่างอยากครอบครองร่างกายของเขาไว้ตลอดไป เราพากันขยับตัวเคลื่อนไหวจนกระทั่งร่างข้างบนกระตุกแล้วหยุดนิ่งหอบอยู่บนตัวชุ่มเหงื่อของผม เขายิ้ม เหมือนจะบอกอะไร...เพียงแต่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นเสียก่อน
   ผมเห็นหน้าจอมือถือเป็นชื่อน้องกรรณ รอยยิ้มตอนแรกเปลี่ยนเป็นยิ้มอีกแบบ...ยิ้มแบบจอมวางแผน
   “ครับ กรรณ” พี่วินกดรับสายโดยไม่ลังเล ทั้งที่ยังนอนทับตัวผมอยู่
   ผมได้ยินเสียงน้องกรรณดังลอดออกมาว่า “อยู่ไหนครับ กรรณรอที่โต๊ะนานแล้ว อยากกลับแล้ว”
   “พี่ออกมาทำธุระข้างนอกนิดหน่อยครับ นี่ก็เสร็จละ จะกลับไปรับที่ร้านนะ”
   วางสายปุบ พี่วินก็ลุกไปหาเสื้อตัวใหม่ใส่ เสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องไปเลย ทำเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ทำเหมือนที่เราทำกันเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้น

   หลังจากที่พี่วินออกไปแล้ว ผมก็ยังอยู่ในห้องของเขาอีกสักพัก ผมนอนอยู่อย่างนั้นแล้วสูดกลิ่นเหงื่อของเขาที่ยังมีติดที่นอนติดตัวผม พอหายเหนื่อยผมก็แต่งตัวแล้วกลับห้องของตัวเองโดยไม่ลืมคืนคีย์การ์ดเอาไว้
   ผมคงไม่ได้ใช้มันอีกแล้วล่ะครับ
   ดูมือถือตัวเองก็เห็นมิสคอลจากพี่เอ็มสองครั้ง
   เจ้าดาวเหนือ : กูถึงห้องแล้วนะ
   M&M : อ้าว
   Fanta ซ่าส์ทุกเม็ด : ได้ผู้ ไปกับผู้?
   เจ้าดาวเหนือ : พรุ่งนี้ฝากลาพักร้อนให้กูด้วยเจ็ดวัน พอกลับไปกูจะทำเรื่องลาออกเอง    
M&M : อ้าว
Fanta ซ่าส์ทุกเม็ด : อิดอกกกก เป็นเชี่ยไรของมึง
เจ้าดาวเหนือ : กูคงไม่ไหวกับการทำงานที่นั่นแล้วว่ะมึง
M&M : เออ กูจะลาให้
Fanta ซ่าส์ทุกเม็ด : มึงอย่ากระโดดตึกนะ ให้กูไปนอนเป็นเพื่อนมั้ย
เจ้าดาวเหนือ : อีเหี้ย กูโอเค จะโดดทำไมวะ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 30-11-2019 01:58:48
รีบลงจัด ก็เลยคิดฉากไรไม่ค่อยออก เอาฉากเขา xxx กันไปละกันเนาะ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-11-2019 03:35:05
อ้าวววววไปกันใหญ่แล้ว ต่างคน เดินคนละทางความคิด จะเป็นยังไงต่อนะเนี้ย คิดถึงนะเจ้าดาวเหนืออีตาพี่วิน รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-11-2019 08:48:17
แม้จะอยู่ในช่วงของความเศร้า แต่เหนือก็ยังเผ็ชเหมียนเดิม
ถึงแม้พี่วินจะทิ้งไว้บนเตียงไปหาคนอื่น สู้ๆ นะเหนือคนเก่ง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 30-11-2019 10:27:19
สุดจริง
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-11-2019 11:30:09
ไม่ได้ว่างั้นงี้นะ เหนือก็ดูไม่ค่อยระวังตัวจริง ๆ อ่ะครับ คุณวินโกรธก็ไม่แปลก ไหนจะพากรเข้าห้อง ถึงจะไม่ได้มีอะไรก็เถอะ ... เฮ้อ :m16:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกดิน ที่ 30-11-2019 13:29:14
ไม่แคร์ผู้จ้า   ชอบดาวเหนือตอนนี้จัง ได้ผู้ แล้วพักร้อน เสร็จกลับมาลาออก เกร๋ๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 30-11-2019 19:33:11
แซ่บมาก ดาวเหนือ นี่ล่ะ เจ็บให้สุด และหยุดที่ความอยาก
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 30-11-2019 22:48:49
blove
อ้าวววววไปกันใหญ่แล้ว ต่างคน เดินคนละทางความคิด จะเป็นยังไงต่อนะเนี้ย คิดถึงนะเจ้าดาวเหนืออีตาพี่วิน รอตอนต่อไปเลยค่ะ
แล้วพี่วินจะต้องเสียใจที่ทำกับเหนือแบบนี้   :angry2:

k2blove
แม้จะอยู่ในช่วงของความเศร้า แต่เหนือก็ยังเผ็ชเหมียนเดิม
ถึงแม้พี่วินจะทิ้งไว้บนเตียงไปหาคนอื่น สู้ๆ นะเหนือคนเก่ง
ถ้าเป็นไรท์จะทำทุกทางไม่ให้เขาไป ต่อยกสองไปเลย  :hao7:

meteexp
สุดจริง
มากกกกกกกกกก  :katai1:

seaz
ไม่ได้ว่างั้นงี้นะ เหนือก็ดูไม่ค่อยระวังตัวจริง ๆ อ่ะครับ คุณวินโกรธก็ไม่แปลก ไหนจะพากรเข้าห้อง ถึงจะไม่ได้มีอะไรก็เถอะ ... เฮ้อ
มีเมียแบบนี้ พี่วินก็ต้องเหนื่อยใจหน่อยล่ะ

ดอกดิน
ไม่แคร์ผู้จ้า   ชอบดาวเหนือตอนนี้จัง ได้ผู้ แล้วพักร้อน เสร็จกลับมาลาออก เกร๋ๆ
จากนั้นก็ร้องห่มร้องไห้ลำพัง 55555

t2007
แซ่บมาก ดาวเหนือ นี่ล่ะ เจ็บให้สุด และหยุดที่ความอยาก
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-12-2019 23:48:57
เบื่ออิกรรณมาก,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 25 : หน้า 8 (30/11/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 05-12-2019 22:17:23
ตอนที่ 26


ผมอุตส่าห์รีบกลับมาหาเขา อยากกอดให้หายคิดถึง แล้วผมก็มีของพิเศษมาให้ด้วย แต่สิ่งที่ผมเจอคือเขานอนอยู่กับไอ้กร ผมตกใจมากแล้วก็โกรธจนสั่นไปทั่วตัว อยากเข้าไปกระทืบให้จมเตียงทั้งสองคนนั่นเลยครับ แต่ก็ได้แค่ระงับอารมณ์เอาไว้กับตัวเองแล้วก็หนีออกมา บอกตามตรงว่าตอนนั้นผมไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว ผมโคตรเกลียดคนทรยศ คนนอกใจ ทั้งที่เขาก็รู้ดีอยู่แล้วตั้งแต่เรื่องระหว่างผมกับมายด์
รู้แล้วก็ยังจะทำแบบเดียวกันอีก
ที่บอกว่าผมมีของพิเศษมาฝากเขาด้วย รู้ไหมครับว่ามันคืออะไร มันคือแหวนเพชรที่ผมซื้อมาเหมือนกันสองวง วงหนึ่งของเขาอีกวงก็ของผม แต่ตอนที่เดินหนีออกมาผมโมโหมากจนขว้างทิ้งไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้ ช่างมันเถอะครับ ใครเก็บได้ก็ถือเป็นโชคของเขาไป ผมไม่เสียดายเงินเลยตอนนั้น
ไอ้ความเสียดายมันมาเยือนผมก็ตอนที่ไอ้กรมันมาบอกความจริงว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงนั่นแหละ
ผมละอายใจที่ไม่เชื่อเขาตามที่ไลน์มาบอกตั้งแต่ทีแรก แต่พอไอ้กรมาเล่าให้ฟังอีกทีผมกลับเชื่อตามคำของมันสนิทใจ อาจเพราะผมรู้จักกับไอ้กรมานานกว่า ถึงอย่างนั้นผมก็เป็นแฟนที่ใช้ไม่ได้เลยใช่มั้ยครับที่ไม่เชื่อใจคนรักของตัวเอง
ถ้าจะให้ผมรีบกลับไปง้อเขา บอกว่าขอโทษที่ผมเข้าใจผิด มันก็ไม่ได้อ่ะครับ เสียฟอร์มตายเลย แล้วต่อไปเขาก็จะได้ใจที่ได้เห็นมุมไม่เด็ดขาดของผม จากที่เป็นต่ออยู่ดีๆ ผมก็จะเปลี่ยนไปเป็นรองไม่ได้อ่ะครับ วันข้างหน้าผมจะปกครองเขาลำบาก ถึงเราจะเท่าเทียมกันแต่ผมถือคติว่าผมต้องเป็นผู้นำ เป็นคนปกป้อง เด็ดขาด
เมียจะได้ยำเกรง
ผมกะว่าจะถ่วงเวลาออกไปอีกสักวันแล้วค่อยหาจังหวะทำเป็นให้อภัยอะไรแบบนั้น แต่ไม่ทันข้ามวันผมก็ต้องหัวเสียอีกเป็นรอบที่สอง เพราะคลิบเหี้ยนั่น
ผมเกือบจะปามือถือทิ้งเหมือนแหวนเพชร ดีที่ไอ้กรมันยื้อเอาไว้ได้ทัน จังหวะที่ยื้อเอาไว้นี่แหละครับที่ทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างในคลิบ…มันคือภาพในกระจกของห้องนั้นที่สะท้อนให้เห็นดอกไม้ช่อเล็กๆ ข้างนอกห้องที่วางอยู่บนโต๊ะหรือบาร์สักอย่าง ก่อนที่ประตูจะปิดลง
ผมจำได้ มันคือดอกไม้ที่ผมสั่งร้านดอกไม้ให้เอาไปส่งให้กรรณเพื่อเป็นกำลังใจและแสดงความยินดีกับงานเดินแบบในวันนั้น

ผมรู้ดีครับว่ากรรณชอบผม อาจจะตั้งแต่ตอนที่ผมขับรถตอนนั้น ผมรักษาสถานะพี่ชายและรักษาระยะห่างมาโดยตลอด ก็ตอนนั้นผมไม่ได้ชอบผู้ชายนี่ครับ ถึงแม้ตอนนี้ผมจะมีแฟนเป็นผู้ชายก็เถอะ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกรรณในแบบอื่นอยู่ดี
พอผมบอกไอ้กรเรื่องดอกไม้ที่เห็นในคลิบนั่น เราสองคนคิดไปในทางเดียวกันครับ ว่าคนปล่อยคลิบก็คงไม่ใช่คนอื่นอีกแล้ว หากถามว่ากรรณทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ผมตอบได้เลยครับว่าเพราะผม
ไอ้กรมันไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมจะทำ...ผมจะให้ในสิ่งที่กรรณอยากได้มาตลอด เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นคลิบที่เหลืออาจจะทำลายเหนือได้มากกว่าคลิบที่กำลังว่อนอยู่นี่ก็ได้และผมก็ควรรีบลงมือทำก่อนคลิบที่เหลือจะถูกปล่อยออกมา ส่วนเรื่องระหว่างผมกับเหนือก็คงต้องห่างกันสักพัก อาศัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็คงทำให้แนบเนียนได้ไม่ยาก เพื่อกรรณจะได้เชื่ออย่างสนิทใจด้วย
ฉะนั้นผมก็เลยต้องขอฝากเหนือไว้กับไอ้กรก่อน แค่ฝากนะครับ ผมไม่เคยบอกว่าจะเลิกกับเหนือ แต่ดูท่าแล้วเพื่อนผมมันห่วงแฟนเก่ามันมากกว่านะ เพราะมันห้ามผมไม่ให้หลอกทำร้ายความรู้สึกกรรณถึงสามหนก่อนที่ผมจะเริ่มทำตามแผน
ผมว่าลึกๆ แล้วไอ้กรมันยังรักกรรณอยู่นะ
ความสัมพันธ์ของเราสามคนก็เป็นประมาณนี้แหละครับ แม้ว่าแต่ละคนจะทำตัวโอเคกับสถานภาพของตัวเอง แต่ก็รู้กันดีอยู่ในใจถึงความอึมครึมที่รายล้อมมาโดยตลอด
ผมรู้ว่ากรรณชอบผม รอผม แต่ผมไม่เคยคิดอะไรไปมากกว่าเป็นน้องที่ผมรู้สึกผิดด้วยแล้วก็อยากชดใช้ให้เท่าที่จะทำได้ จากหลายๆ สิ่งที่ผมแสดงออกทำให้กรรณรู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาเกินเลย แล้วผมก็รู้ว่ากรรณคบกับไอ้กร ไม่รู้ว่าพวกมันไปทำอีท่าไหนกัน แต่ไม่นานก็เลิกกัน ผมคิดว่าก็คงจะเป็นเพราะผมอีกนั่นแหละ
เราสามคนเป็นเหมือนจุดสามจุดที่อยู่คนละมุม สามจุดนี้มีเส้นเชื่อมอยู่และเส้นเชื่อมนี้ก็มีแรงดันไม่ให้จุดใดจุดหนึ่งขยับเข้ามาใกล้หรือห่างออกไป

เพราะไอ้กรมันไม่เต็มที่กับการดูแลแฟนผมนั่นแหละครับ เหนือถึงได้ไปเจอผมที่ผับ เกือบทำให้แผนของผมพัง แถมยังเอาหน้ามารับกำปั้นของผมแทนเบ้าตาไอ้นายแบบคนนั้นอีก พูดถึงไอ้หล่อนั่น คืนนั้นมันตามกรรณมาทีหลังครับ จากที่สังเกต มันคงชอบกรรณนั่นแหละแต่คงเป็นได้แค่เบี้ยตัวหนึ่งให้กรรณใช้ทำอะไรก็ได้ อันที่จริงผมควรจะเชียร์มันให้ลงเอยกับกรรณนะ ถ้ามันไม่เข้ามาผิดจังหวะแล้วก็หาเรื่องผมก่อน อีกอย่างผมจำหน้ามันได้ มันคือคนที่อยู่ในคลิบเหี้ยนั่น ดังนั้นก็สมควรแล้วที่ผมจะต่อยมันคว่ำ ถ้าเหนือไม่โผล่มามันจมตีนผมแน่
ผมต้องรีบเอาตัวเหนือออกไปจากผับนั่นก่อนที่จะทำแผนของผมรวน จะว่าไปก็สะใจดีนะที่ได้เล่นบทโหดกับแฟนตัวเอง ถือเป็นการทำโทษที่เขาทำอะไรไม่ระวังตัวเอง ไม่นึกถึงผมก่อน
พอพาขึ้นรถออกมาก็ไม่รู้จะพาไปไหนดี สุดท้ายก็เอาตัวเขามาที่คอนโด จากนั้นบทผัวโหดหื่นแต่เย็นชาก็เข้าสิงผมซะงั้น ก็เห็นเขาแล้วมันน่าตีจริงๆ แต่ผมไม่ตีแบบผู้ใหญ่ตีเด็กหรอกนะ อย่างผมต้องสยบความพยศด้วยการออกแรงกำราบให้หลาบให้จำ
ผมอยากกอดเขาแล้วหลับไปด้วยกันจะตายแต่ก็ยังมีเรื่องที่ผมยังทำไม่เสร็จอยู่นะครับ ผมก็เลยปล่อยให้เขานอนคนเดียวบนเตียงผมนั่นแหละ ส่วนผมก็ออกไปจัดการตามแผนให้จบโดยเร็ว
ตอนที่ผมกลับไปหากรรณที่ผับ เอ็มกับต้าร์เห็นผมนะแต่ก็ไม่ได้เข้ามาทัก แหงล่ะ ผมทำกับเพื่อนเขานี่นะ ซึ่งดีแล้ว เดี๋ยวแผนผมจะรวนอีก ส่วนให้หล่อนั่นก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ สงสัยไปทำแผลที่โรงพยาบาลละ ผมก็เลยทำตามแผนได้โดยไม่ติดขัด แผนที่ว่าคือมอมเหล้ากรรณน่ะครับ
ยังดีนะที่ไอ้กรมันตามมาทีหลัง คงตั้งใจจะมาขวางผมนั่นแหละ แต่กว่ามันจะรู้ว่าผมกับกรรณอยู่ไหนก็สายไปแล้วครับ กรรณเมามากแล้ว ผมก็เลยใช้ไอ้กรหอบกรรณกลับซะเลย ก็เป็นห่วงนักนี่ครับ แล้วก็ดีอีกอย่างคือไอ้กรมันคุ้นกับคนที่บ้านของกรรณมากกว่าผม ก็เลยเข้าบ้านกรรณได้โดยสะดวกมาก
หลังจากนั้นผมก็เค้นความจริงกับคนเมาสิครับ ตรงนี้ผมโคตรรำคาญไอ้กรเลยที่ห้ามผมอยู่นั่นแหละ มันคงแคร์ความรู้สึกแฟนเก่ามันแล้วก็คงกลัวความจริงด้วยแหละ ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของกรรณจริงๆ สงสัยภาพในหัวของไอ้กรจะมีแต่ภาพดีๆ สวยงามๆ ของกรรณอยู่ด้านเดียวล่ะมั้งครับ
แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่ผมคาดเอาไว้ กรรณสารภาพสิ้นไส้ว่าเป็นคนบงการให้ไอ้นายแบบที่ชื่อโอบนั่นเข้าไปชวนเหนือคุย แล้วก็แอบใส่ยาในเครื่องดื่ม และกรรณก็คือคนถ่ายคลิบเอาไว้เอง คลิบมีแค่คลิบเดียวแต่ที่ลงว่ามีอีกหลายคลิบเพราะอยากป่วนประสาทเล่นๆ แต่ผมไม่ไว้ใจหรอกครับ ก็เลยยึดเอาทั้งมือถือ โน๊ตบุ๊ก อุปกรณ์ไซเบอร์ทุกอย่างของกรรณมาทั้งหมด ผมไม่ได้เอามาง่ายๆ หรอกนะครับ แต่ต้องแลกกับหมัดหนักๆ ของไอ้เพื่อนตัวดีไปหนึ่งที เอาเถอะ ผมไม่โกรธแล้วก็ไม่เอาคืนมันหรอก ถือว่าผมเหี้ยจริงๆ ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้นะว่าพอกรรณตื่นมาแล้วรู้ความจริง เขาจะเสียใจมากขนาดไหน แต่ครั้งนี้กรรณก็ทำมากเกินไป...ทั้งกับผม กับคนรักของผม
ผมกลับมาถึงคอนโดเกือบตีสี่ หวังใจว่าเหนือจะยังนอนอยู่ที่เดิม ผมจะได้เข้าไปกอดเขาสักที แต่ผมคิดผิด เหนือกลับไปแล้วแถมยังคืนคีย์การ์ดเอาไว้อีก สงสัยจะงอนหนักมาก แต่การจะคุยเรื่องสำคัญเช่นว่า ที่ผ่านมาผมแสดงเพื่อการใหญ่นะ มันคงไม่สามารถบอกให้น่าเชื่อถือได้ผ่านทางโทรศัพท์หรือไลน์หรอกใช่มั้ยครับ แล้วนี่ก็ดึกมากแล้ว เขาคงกำลังหลับอยู่ ผมเลยจะคุยกับเขาที่ออฟฟิศในวันรุ่งขึ้น

ผมเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงเมื่อเอ็มบอกว่าเหนือลาพักร้อนแล้วพอกลับมาก็จะยื่นลาออกทันที ผมโทรหาเหนือแต่ก็ติดต่อไม่ได้ครับ เขาคงบล็อกการติดต่อจากผมทุกช่องทางแล้วล่ะ
กรรมคงตามสนองผมละ
ผมขอความช่วยเหลือจากเอ็มโดยการเล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาทำไปเพื่ออะไร พอเอ็มบอกว่าติดต่อเหนือไม่ได้เหมือนกัน ผมเหมือนโดนใครเอาน้ำมันมาราดแล้วก็จุดไฟใส่เลย นั่นทำให้ผมรู้ว่าผมแคร์เขามากจริงๆ
ผมยกเลิกนัดสำคัญทั้งหมดเพื่อขับรถไปหาเขาที่แมนชั่นเพื่อจะพบว่าห้องล็อกสนิท แถมลุงยามก็บอกว่าเหนือแจ้งย้ายออกเมื่อเช้าแต่จะขนของออกหมดก็สิ้นเดือน ผมร้อนเลยครับ เหงื่อแตกพลั่กๆๆ กลัวเขาจะทำอะไรมากกว่านั้น กลัวจะตามหาเขาไม่เจออีกเลย

“พี่วิน ทำไมพี่ควายขนาดนี้วะเนี่ย” เอ็มลากเสียงคำว่าควายยาวมาก “มันจะไปไหนได้กี่ที่กันเชียว นอกจากกลับบ้านต่างจังหวัด”
เออ ครั้งนี้ผมจะไม่ถือนะเพราะผมมันควายจริงๆ อย่างที่ลูกน้องด่านั่นแหละ
ก่อนที่ผมจะกดวางสายจากเอ็มเพื่อขับรถไปราชบุรี เอ็มก็ยังปรารถนาดีบอกอีกว่า “ถ้าพี่จะไปหามันที่บ้านอ่ะ ใส่เสื้อกันกระสุนไปด้วยนะ พ่อมันโหด เคยยิงแฟนเก่ามันตายไปคนนึงละ”
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 26 : หน้า 9 (5/12/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-12-2019 23:13:41
เจอแค่นี้ยังน้อยไปนะ อิกรรณ.,,,
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 26 : หน้า 9 (5/12/19)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-12-2019 08:18:35
แหม..เอ็มขู่หัวหน้านะ กลับมาคงโดนลดเงินเดือน อิอิอิ
เหนือคนเริ่ดเชิดหยิ่ง พูดจริงทำจริง พี่วินสู้ๆ น้าาา
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 26 : หน้า 9 (5/12/19)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 06-12-2019 17:59:04
เหนือ เด็ดขาด นี่ล่ะ คุมผัวได้
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 26 : หน้า 9 (5/12/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 07-12-2019 09:43:37
Kelvin Degree
เจอแค่นี้ยังน้อยไปนะ อิกรรณ.,,,
โดนคนที่รักหลอกนี่คือเจ็บสุดละ แต่ก็ยังมีพี่กรอยู่ปลอบนะ บุญของนางจริงๆ  :beat:

k2blove
แหม..เอ็มขู่หัวหน้านะ กลับมาคงโดนลดเงินเดือน อิอิอิ
เหนือคนเริ่ดเชิดหยิ่ง พูดจริงทำจริง พี่วินสู้ๆ น้าาา
บอกเลยว่าเจ็บนี้ไม่มีวันอภัยยยยยยยย ให้ชั้ลตายก็ไม่คืนดี ไม่ต้องมีเรื่องราวหลงเหลือในใจ เจ็บนี้มีเอาคืนนนนนนนนนน   :m16:

t2007
เหนือ เด็ดขาด นี่ล่ะ คุมผัวได้
ให้รู้ซะบ้างว่าใครใหญ่  :laugh:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 26 : หน้า 9 (5/12/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกดิน ที่ 09-12-2019 11:16:42
เจอกันอีกทีวันลาออก มาเขียนใบลาออกพร้อมเพื่อนสาวที่เหนือ ควงมาบอกกับทุกคนว่านี้คือแฟนใหม่ (ให้อีตาวิน อกแตกตาย ) :angry2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 26 : หน้า 9 (5/12/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 02-02-2020 19:07:00
ตอนที่ 27


ถึงจะคิดว่าตัดเป็นตัดวะ...แต่ตลอดทางที่ผมเดินกลับจากคอนโดพี่วินมาแมนชั่นตัวเองนั้น แต่ละก้าวมันรู้สึกหน่วงๆ บางก้าวก็หนักเหมือนมีลูกตุ้มมาถ่วงข้อเท้า บางก้าวก็เบาหวิวเหมือนเดินไม่ติดพื้น
ไม่ชอบเลย ไอ้ภาวะอกหักเนี่ย
ถ้ามีรักแล้วมีทุกข์ก็ไม่ต้องมีแม่งมันละกัน อยู่เป็นโสดจนตายให้ผู้ชายเสียดายเล่นบนคานนี่แหละ
กลับเข้าห้องตัวเองแล้วก็พยายามข่มตาหลับ แต่ก็หลับไม่ลง ทั้งๆ ที่เหนื่อยหัวใจเหลือเกิน พลิกตัวไปมาจนถึงรุ่งเช้าก็เลยลุกจากเตียงจากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าใส่ลงกระเป๋าเป้ ลงมาข้างล่างเจอลุงยามก็เลยเกริ่นไปว่าจะย้ายออกแล้ว อยู่ที่นี่ก็คงจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองแน่ๆ ไม่ต้องเจอกันอีกเลยดีกว่า

เพราะว่าใจเลื่อนลอยฟุ้งซ่าน หัวสมองมึนๆ คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะไปไหนดีก็เลยขึ้นรถกลับราชบุรี ทั้งที่จริงก็ไม่ได้อยากจะกลับบ้านเท่าไหร่นักหรอก ผมก็เลยนั่งรถเลยบ้านตัวเองไปซะคนละอำเภอ พอรู้ตัวก็แค่ลงรถแล้วเดินเข้าร้านกาแฟแถวนั้น หาที่นั่งมุมสงบ หายใจฆ่าเวลาเล่นอย่างคนท้อแท้สิ้นหวังกับดวงความรักส้นตีน จนกระทั่งเจ็บจนสาแก่ใจตัวเองก็ค่อยไปขึ้นรถโดยสารกลับบ้าน แล้วก็มาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวป้าทองตอนบ่ายโมงกว่า
“เหนือ” เสียงป้าทองเรียกออกมาจากในร้าน “แวะให้ดูหน้าดูตาหน่อย”
หูตาไวจริงๆ ครับ
ผมที่ท้องไม่อยากรับประทานเหี้ยอะไรทั้งนั้นก็เลยจำต้องแวะเข้าไปในร้านอย่างไม่ให้เสียน้ำใจ
“นั่งๆ กินอะไรมารึยัง” ป้าทองพูดไปก็หยิบจับนั่นนี่คล่องแคล่ว “ไอ้เด่น ยกน้ำมาให้พี่เขาสิ มัวแต่เล่นมือถืออยู่นั่น ลูกคนนี้นี่”
ผมปั้นหน้าสดชื่นสุดๆ แล้วนะ แต่ก็คงยังไม่เนียนพอ จนป้าทองทักว่า “ตื่นเช้ากลับบ้านเหรอ หน้าตาถึงยังไม่ตื่นดี”
ผมยิ้มแกนๆ ก่อนจะนั่งลงโต๊ะที่ว่าง ปลดเป้ลงปุ๊บ เส้นเล็กต้มยำร้อนๆ ควันฉุยก็วางลงตรงหน้าปั๊บ
“ทะเลาะกับแฟนมาเหรอพี่ ดูหน้าตาโหลเหมือนคนอกหัก” ไอ้เด่นว่า
ผมที่กำลังจะชมมันว่าโตขึ้นนะ หล่อขึ้นนะก็เลยหุบปากไปแล้วก็ส่งสายตาเคืองๆ ให้พร้อมกับด่าในใจว่า ไอ้เด็กเวร จะตอกย้ำทำไมเนี่ย
“โหย ล้อเล่นน่า ทำเป็นจริงไปได้ เอ๊ะ หรือว่าจริงอ่ะพี่”
ผมได้แต่ชำเลืองมองมันปีนเกลียวอย่างอาฆาต
“ไอ้เด่น!” ป้าทองเอาลูกชิ้นปาหัวมันอย่างไม่เสียดาย
“ไม่เป็นไรหรอกป้า มันก็พูดไปงั้นแหละ” ผมว่าอย่างฝืนไม่เอาความ แต่แล้วก็ต้องหูผึ่งเมื่อเด็กหนุ่มพูดสวนแม่ตัวเอง
“แม่ก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าคนหล่อๆ ตะกี้เป็นใคร”
“ไอ้เด่น ลูกเวร ไม่มีใครสอนมารยาทมึงเหรอวะ เสือกเรื่องคนอื่นจัง” ป้าทองเงื้อมือทำให้ลูกชายหัวเราะร่วนก่อนจะปลีกตัวไปนั่งอีกมุม จากนั้นก็หันไปสนใจมือถือต่อ
“ใครเหรอป้า คนหล่อๆ อะไร” ผมแสร้งถามไปงั้น มือก็ตักเครื่องปรุงใส่ชามก๋วยเตี๋ยว
ป้าทองทำยึกยักนิดนึงพอมีมารยาทก่อนจะยอมเล่า “ก็ตะกี้น่ะสิ มีคนมาถามทางไปบ้านของเหนือ ขับรถมาซะโก้เชียว หล่ออย่างกับพระเอกละครเลยนะ”
“คนมาติดต่อซื้อผักรึเปล่า คงมาหาพ่อล่ะมั้งครับ” ตอบไปก็ยังไม่เอะใจเท่าไหร่
“ไม่นะ เขาพูดชื่อเหนือ ไม่ได้พูดชื่อตาเดชเลยนะ”
ใครวะ? ผมเริ่มขมวดคิ้ว
แล้วในใจก็กระตุกวาบก่อนจะถามรายละเอียด “รถสีดำรึเปล่าครับ?”
แต่คำตอบของป้าทองก็ทำให้ผมผิดหวัง
“สีขาวนะ” ตอบแล้วก็ตะโกนถามลูกชายให้ช่วยยืนยัน “ใช่รึเปล่าไอ้เจ้าเด่น”
“เบนซ์สีขาวพี่”
ถ้าไม่ใช่คนมาหาพ่อแต่มาหาผมก็คงจะเป็นพี่กร...ผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่รู้ว่าไม่ใช่รถบีเอ็มดับบลิวสีดำ...ไม่ใช่คนที่ผมคาดหวังเอาไว้
“แฟนเหรอ? ทะเลาะกันแล้วหนีกลับบ้าน? แล้วเขาตามมาง้อ?”
โห ถ้าจะปะติดปะต่อได้แม่นขนาดนี้ป้าไปเปิดสำนักใบ้หวยเถอะ
“ไม่รู้อ่ะป้า แต่คงเป็นคนมาติดต่อซื้อผักนั่นแหละ” ผมตอบเลี่ยงๆ พลางก็ยกมือมือมากดไลน์ถามพี่กรว่าอยู่ไหน
“ป้าว่าไม่ใช่นะ” ป้าทองก็ยังยืนยันความคิดตัวเอง “คนนี้เหมาะกับเหนือนะ หล่อดูดีสมกัน”
“ผมไม่มีแฟนหรอกครับ” ก็บอกตามจริงนะ ตอนนี้โสดแล้วนี่ “ถึงมี ก็ไม่ให้มาบ้านหรอก เดี๋ยวพ่อยิงหัวกระจุย”
“เออ นั่นสิ ป่านนี้คุณคนนั้นไม่ตายห่าไปแล้วเหรอนั่น” ป้าทองก็ยังเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง
“แล้วเขาไม่บอกเหรอ ว่ามาหาผมทำไม”
“ตอนนั้นมันวุ่นๆ น่ะ  ป้าก็เลยบอกๆ ไป กว่าจะรู้ตัวว่าต้องถามอีกหน่อยก็ขับรถเข้าไปละ”
ผมพยักหน้ารับทราบให้จบๆ เรื่องไป ถึงจะเป็นพี่กรจริงและป่านนี้จะนอนตายมีรูกระสุนอยู่ตรงหน้าผากก็ช่างพี่กรเถอะครับ ผมคิดแบบนี้จริงๆ เนือยๆ ไม่ยินดี ไม่กระตือรือร้นรีบกลับเข้าบ้านแต่อย่างใด แบบนี้มันหมายความว่าพี่กรไม่ได้มีความสำคัญกับใจผมเท่าไหร่จริงๆ มันทำให้ชัดเจนขึ้นนะว่าถึงแม้หลังจากนี้พี่กรจะเคลมผมต่อจากพี่วิน ผมก็คงเซย์โนอ่ะ
กินเสร็จป้าทองก็จะให้เจ้าเด่นไปส่งแต่ผมขอเดินดีกว่าครับ อารมณ์แบบอยากเดินล้อสายลม แม้แดดจะร้อนมากก็เถอะ ได้ฟีลคนพ่ายแพ้ดี
ใกล้ถึงบ้าน ผมก็เห็นเป็นรถพี่กรจริงๆ
เปิดไลน์ดูก็ยังไม่เห็นตอบ ผมก็เลยโทรหาซะตอนนั้น “พี่มาบ้านผมเหรอ?”
“เปล่า” พี่กรตอบมาอย่างนั้น
“อ้าว แล้วทำไม...” ผมพูดงงๆ ได้เท่านั้นก็เห็นน้ายาคุยอยู่กับคนที่มาได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่คำตอบก็มาจากพี่กรนั่นเอง
“เจอมันแล้วสิ มันรีบไปหาเหนือ แล้วรถมันก็เสือกเป็นอะไรไม่รู้ มันก็เลยโทรให้พี่ออกไปหา แล้วมันก็เอารถพี่ไปเลย ส่วนพี่ก็เฝ้ารถมันอยู่เนี่ย กว่ารถลากจะมา...”
พี่กรว่าอะไรต่อไม่รู้ครับ ผมได้ยินไม่ค่อยชัดแล้ว ได้ยินแค่ก่อนวางสายว่า “เคลียร์กันเอาเองนะ”
จังหวะนี้ผมก็ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดีครับ ทั้งงงทั้งดีใจ มันเหมือนหนังคลาสสิคที่เคยดู ที่พระเอกบอกรักนางเอกแล้วก็ตบท้ายด้วยเงื่อนไขชีวิตที่ว่าแต่เราคงคบกันไม่ได้อะไรเทือกนั้น ครั้นจะหันหลังกลับหนีไปโบกรถกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่ทันละ เพราะน้ายาเห็นผมแล้วก็ร้องเรียกจนคนตัวสูงที่ยืนหันหลังให้ทางเข้าบ้านหันมาดูผมด้วย
พอเขาหันมาผมก็หน้าตึงขึ้นโดยอัตโนมัติ

“เหนือ” พี่วินเรียกผมที่ตั้งท่าจะเดินเมินเข้าไปในบ้าน
“มาทำไม” ผมพูดออกจะห้วน แต่ก็ยังไม่ได้หยุดเท้า
“ทำไมทำเสียงห้วนอย่างนั้น” น้ายาปราม “คุณสิบทิศเป็นเจ้านายที่ทำงานไม่ใช่เหรอ”
“ไม่มีเจ้านายที่ไหนมาตามลูกน้องถึงบ้านหรอกน้ายา” ผมประชด “แล้วเหนือก็จะลาออกอยู่แล้ว”
“เหนือ!” น้ำเสียงน้ายาเอ็ดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เหมือนมีความนัยแฝงมาในคราวเดียวว่าดูออกนะ ก็อย่างที่ผมพูดไปนั่นแหละ...เจ้านายที่ไหนจะมาตามลูกน้องถึงบ้าน “ถ้าไม่สำคัญ คุณเขาก็คงไม่มาหรอก จริงมั้ย”
ผมเห็นนะ ตอนท้ายน้ายาลอบยิ้มแบบรู้กันให้พี่วินด้วย
“ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญทั้งนั้นแหละครับ” พูดไปผมก็สังเกตไปรอบบ้าน โชคดีแค่ไหนแล้วที่พ่อไม่อยู่ “รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวพ่อมา”
“ทำไม! กูมาแล้วจะทำไม!” เสียงพ่อดังขึ้นข้างหลังจนผมสะดุ้ง
หันมองหน้าพ่อแล้วก็หันมามองหน้าพี่วินแล้วก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาซะฉิบ
“แล้วนี่ใคร?” พ่อถาม
“สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้านายที่ทำงานของเหนือครับ” พี่วินยกมือไหว้ ท่าทีไม่ได้ตื่นกลัว ไม่รู้ชะตากรรมเลยสักนิดว่าหน้าผากมนๆ กำลังจะมีรู
พ่อมองหน้าพี่วินแล้วก็มองหน้าผมที่พยายามไม่หลบตาไม่ทำให้มีพิรุธ
“มาทำไม” พ่อถามเสียงห้วนกว่าที่ผมพูดตะกี้อีก ไม่ได้เกรงใจคำว่า ‘เจ้านาย’ ที่พี่วินแนะนำตัวเมื่อตะกี้เลย
“เอ่อ...มา...”
“อ้ำอึ้งอยู่นั่น งั้นถามใหม่” พ่อเอาตีนเขี่ยเจ้าหมาสองตัวที่ทำหูตั้งดมกางเกงพี่วินออกไปให้พ้นทาง “เป็นเจ้านายหรือเป็นผัวมันกันแน่”
“พ่อ! เจ้านาย!” ผมชิงตอบแทน
“โอ๊ย เจ้านายมันจะตามมึงมาถึงบ้านทำไม หมาที่ไหนก็ดูออก” พ่อว่าอย่างลืมดูตัวเองและคนรอบข้างที่โดนเปรียบเปรยเป็นหมา
“ครับ ผมเป็นแฟนของเหนือครับ” แล้วอีตาพี่วินก็พูดทะลุขึ้นกลางปล้อง “เราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ผมก็เลยตามมาถึงที่นี่”
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย พูดอะไรออกมา ไม่กลัวหัวกระจุยบ้างเลยยยยยยยยยยยย
“ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วครับ รีบกลับไปเถอะ” ผมแสร้งทำเป็นพูดตัดบท สิ้นเยื่อใย ขณะที่พ่อก็เดินหายเข้าไปในบ้านหลังจากมองอย่างหมายหัวคนที่พูดโพล่งออกมาโดยไม่รู้จักพ่อผมดีพอ
“พี่รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อเอาปืนมายิงหรอก” ผมพูดเร่งๆ แต่อีตาบ้าก็ยังยืนอยู่ที่เดิมให้หมาดมเกือกเล่น
แปบเดียวพ่อก็กลับออกมาพร้อมกับลูกซองในมือจริงๆ !
“อย่ายิงเขานะพ่อ” ผมเอาตัวเข้าบัง
“หลีกไป! รักมันมากเหรอไง!” พ่อตะโกนอย่างหัวเสียมากๆ
“ไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น!” ผมบอกแบบนั้นเพื่อหวังว่าพ่อจะไม่ยิงเขานะ
“งั้นมึงก็ไม่ต้องยุ่ง!”
   อ้าว ผิดคาด
   งั้นผมตอบใหม่ก็ได้
   “พ่ออย่ายิง” ผมขาสั่นไปหมดละ ดีที่ฉี่ไม่แตกด้วย “รัก เหนือรักเขา”
   “อีลูกเลว หลีกไป กูจะยิงมัน”
   โอ๊ยยยยย อะไรวะ ตอบยังไงก็จะยิง
   “ยิงเลยครับ” พี่วินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “เพราะว่าผมทำให้เหนือเจ็บปวด”
   มันใช่เวลาไหมครับคุณ
   ผมมองน้ายาอย่างขอความช่วยเหลือแต่น้ายากลับยืนเฉยอ่ะ
   “มันทำอะไรมึง” พ่อถามผมแล้วก็หันไปถามพี่วิน “มึงทำอะไรมัน”
   ผมกลัวครับ กลัวว่ากำแพงที่เพิ่งก่อขึ้นมาจะทลายลง เมื่อได้ฟังพี่วินเล่าออกมา...เรื่องทั้งหมด ที่เขาทำไปทั้งหมด
   พอฟังพี่วินเล่าจนจบ พ่อก็หันมาตำหนิผม “ทำไมไม่ระวังตัว”
   “ไม่ใช่ความผิดของเหนือหรอกครับคุณพ่อ” พี่วินพูดเพื่อให้พ่อหันไปสนใจเขาแทน
   “ใครเป็นพ่อเอ็ง หมดเรื่องแล้วก็กลับไปได้แล้ว!”
   “ผมไม่กลับจนกว่าเหนือจะบอกว่าเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว”
   นั่นไง พี่วินนี่ก็วอนอยากแดกลูกปืนจริงๆ ครับ
   ก่อนที่พ่อจะเอาปืนฟาดปากสวยๆ ของพี่วิน ผมก็รีบจบสถานการณ์สุ่มเสี่ยงนี้โดยการบอกว่า “ผมเข้าใจแล้ว พี่รีบกลับไปได้แล้ว”
   “ปล่อยเด็กๆ คุยกันเถอะ ส่วนพี่ไปช่วยฉันเปลี่ยนหลอดไฟข้างในบ้านที” ว่าแล้วน้ายาก็รุนหลังพ่อออกไป
   พออยู่กันสองคนผมก็กลับมาตั้งแง่เหมือนเดิม
   “ผมไม่มีอะไรจะพูดด้วย ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่อีกแล้วครับ”
   ก็คือดีใจแหละ แต่มันก็งอนน่ะ
   จากนั้นผมก็เดินเข้าไปในบ้านอีกคน ปล่อยให้คนที่ไม่ได้รับเชิญอยู่กับอากาศร้อนๆ นอกบ้านนั่นแหละ

   หลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่ผมเสียบหูฟังดูซีรีย์ในมือถืออย่างสบายใจ ผมก็แอบชะเง้อมองข้างนอกบ้าน
   รถหายไปแล้ว คงกลับไปแล้วล่ะมั้งครับ แวบแรกก็ใจแป้วนะ แต่ผมไม่กังวลอีกละ ก็รู้เรื่องทุกอย่างแล้วอ่ะ แล้วผู้ชายตามมาถึงบ้านขนาดนี้ ให้ตายยังไงเดี๋ยวเขาก็กลับมาง้ออยู่ดีนั่นล่ะ ไม่ไปแล้วไปเลยหรอก
   สวยให้ห้า มั่นหน้าให้สิบมั้ยล่ะ
   คิดว่าทางสะดวกแล้วก็เลยลงจากห้องตัวเองชั้นสองมาข้างล่างเพื่อหาขนมกิน เปิดตู้เย็นเจอข้าวเกรียบกับน้ำอัดลมก็เลยหยิบมากินโดยไม่ทันสังเกตว่าพี่วินยืนดูอยู่ที่หลังประตูเข้าบ้าน
   “พี่ร้อนนะ” คนพูดทำหน้าละห้อย
   ผมสะดุ้งจนข้าวเกรียบติดคอก่อนจะรีบยกน้ำอัดลมขึ้นดื่ม คนยืนอยู่หลังประตูเห็นน้ำเย็นๆ ก็กลืนน้ำลายลงคอ แต่เสียใจด้วยครับ ผมไม่เห็นใจหรอก เก็บของกินใส่ตู้เย็นแล้วเดินมาหยุดห่างจากเขาแค่ก้าวเดียว ระหว่างเรามีแค่ธรณีประตูกั้นแค่นั้นแหละแต่เขาก็ไม่ก้าวเข้ามา ไม่รู้จะทำฟอร์มอะไรนักหนา ทำเป็นวิญญาณไม่ได้รับเชิญไปได้
   อ้อ...เพื่อให้ผมใจอ่อนเองสินะ
   “พี่ทำกับผมไว้แสบมาก” รู้มั้ยว่ามันเจ็บแค่ไหน
   “ก็อธิบายไปแล้ว” พี่วินยกมือขึ้นพิงกรอบประตูแต่ก็ยังไม่ยอมเข้ามา ทำแค่ยื่นยื่นหน้ามาพูดใกล้ขึ้น
   “ถ้าไม่กลับไปก็อยู่ข้างนอกนั่นแหละ” ผมปั้นหน้านิ่ง หน้าเย็นชา
   “ใจร้าย ขอน้ำหน่อย”
   “เดี๋ยวบอกพ่อให้เอามาให้ น้ำลอยลูกปืนน่ะ” ผมเอาพ่อมาอ้างซึ่งตอนนี้หายไปไหนไม่รู้ คิดว่าคงโดนน้ายากันออกไปที่อื่นนะ
   “ถ้าจะหายโกรธ พี่กินน้ำลอยลูกปืนก็ได้”
   “ปากดี” ผมต้องพยายามคีพคาแรกเตอร์ไม่ให้หลุดออกมาว่าใจอ่อนแล้ว เดี๋ยวจะง่ายไป “กลับไปเถอะ วันนี้เหนือไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น”
   “งั้นพี่จะรอจนถึงพรุ่งนี้” พี่วินยิ้มกริ่มแบบคนมัดมือชก “แล้วพี่ก็ไม่มีรถกลับด้วย เมื่อกี้ให้คนมาเอาไปคืนไอ้กรละ”
   “อ้าว” ว่าแล้วผมก็ชะเง้อหน้าออกไปดูรอบๆ ไม่มีจริงๆ โดยที่ไม่ทันคิดว่าแก้มที่ยื่นออกไปนั้นจะไปเฉียดใกล้ปากของเขา จนโดนเขาฉวยโอกาสหอมเข้าฟอดใหญ่
   “ก็ไมรู้จะต้องง้อเมียอยู่ที่นี่อีกกี่วัน เกรงใจไอ้กรมัน”
   “เฮ้ย! ทำอะไรวะ หน้าบ้านนะเว้ย” เสียงพ่อเอ็ดตะโรมาจากข้างหลังจนผมต้องรีบเด้งตัวออกห่าง ดีที่มีน้ายาคอยประกบอยู่พ่อก็เลยทำได้แค่ทำท่าขัดใจแล้วเรียกหมาสองตัวที่วิ่งเล่นอยู่ข้างนอกเข้าบ้าน “ไอ้วิน ไอ้สิบทิศมานี่”    
   ผลคือทั้งหมาทั้งคนเข้ามาในบ้านหมด
   “เฮ้ย! ข้าเรียกหมามาอาบน้ำ”
   “อ้าว” พี่วินก้มมองหน้าหมาที่ทำหน้างงพอกัน “ก็ผมนี่ไงชื่อวิน ชื่อจริงสิบทิศ” แล้วก็มองหน้าผมเคืองๆ ที่เอาชื่อเขาไปตั้งชื่อหมา
   “เอาน่าข้างนอกร้อนจะตาย พาเจ้าสองตัวนี่ไปอาบน้ำกันเถอะพี่” น้ายาว่ายิ้มๆ ที่มีคนพลาดท่า
   พ่อเกาหัวแกรกก่อนจะบ่นกับตัวเอง “กูว่าแล้วทำไมมันตั้งชื่อหมายังกะชื่อคน”
   “ตามพ่อไปไป๊” ผมชี้นิ้วสั่งเจ้าสี่ขาที่ทำหูตั้งคุมเชิงคนแปลกหน้า พอหมาวิ่งไปแล้วผมก็เดินหนีขึ้นชั้นสอง
   “เจ้ามอมแมมสองตัวนั่นน่ารักดี” พี่วินพูดตามหลัง
   “น่าจะสั่งให้มันกัดสักทีสองที”
   เอ๊ะ กว่าจะรู้ตัวว่ามีคนถือวิสาสะเดินตามมาถึงห้องนอนก็ช้าไปซะแล้ว
   “วิวสวย” พี่วินตรงไปหยุดมองแปลงผักจากที่หน้าต่าง
   “ไม่เห็นจะสวยตรงไหน” ผมขัดคอก่อนจะโดนรวบตัวเข้าไปกอดจนได้กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมจางๆ
   “ขอโทษนะที่ทำแบบนั้น” พี่วินพูดข้างหูผมเบาๆ
   “ผมจะรู้สึกยังไงก็ช่างมันใช่มั้ยครับ” ผมย้อน “ถ้ามันมีคลิบหลุดจริงๆ พี่ก็จะเลิกกับผมใช่มั้ยครับ”
   “พี่ขอโทษ ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรเราจะพูดคุยกันนะ”
   “เราเลิกกันแล้วนะ จะทำอะไรก็เรื่องของพี่” พูดไปงั้นเองแหละ ไม่งั้นไม่อยู่นิ่งๆ ให้กอดหรอก ปากก็เอ่ยไล่กลายๆ “แล้วจะกลับยังไง”
   “นั่นสิ รถก็ไม่มี” พี่วินลูบท้ายทอยผมเบามือ “เตียงก็เล็กจัง”
   ร้าย เล็งที่นอนเอาไว้แล้วด้วย
   “ใครจะให้นอนด้วย ไม่กลัวโดนยิงหรือไง”
   “ไม่กลัวครับ” พี่วินผละตัวออกแล้วก็ยิ้ม “น้ายาบอกก่อนแล้วว่าถ้าพ่อเหนือเอาปืนมาขู่ไม่ต้องกลัว ปืนกระบอกนั้นมันพังแล้ว ใช้ยิงใครไม่ได้หรอก”
   เจ้าเล่ห์ที่สุด ไอ้เราก็นึกว่าใจสู้มาตั้งแต่ต้น
   “ปล่อยได้แล้วครับ ตัวพี่เหนอะเหงื่อไปหมด”
   “รังเกียจเหรอ”
   “ครับ” ผมตอบไปอย่างยียวน
   “ทีตอนที่พี่เหงื่อออกตอนอื่นไม่เห็นเหนือรังเกียจ” ว่าแล้วก็ทำหน้ากรุ้มกริ่ม
   “ทะลึ่ง!” ผมดันตัวเขาออก

   พอได้คุยกันพอสมควร ผมก็อดถามถึงอีกคนไม่ได้
   “พี่ทำแบบนั้น น้องกรรณเป็นยังไงครับ”
   “ช่างเขาสิ พี่เลือกคนของพี่”
   คิดแล้วก็สงสารน้องกรรณนะครับ แต่ก็สมควรละ อีนังงูพิษ อีดอกนี่ต้องตบ
   เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่สนิทใจหรอกนะครับ ที่พี่วินเล่ามันก็แค่ลมปาก อยู่ดีๆ จะให้ฟาร์มเหี้ยกลายเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ขึ้นมาปุบปับแบบนี้ มีแต่คนหูเบาเท่านั้นแหละที่ฟังแล้วปักใจเลย
   ผมนึกถึงพี่กรขึ้นมา แม้เขาจะเป็นเพื่อนพี่วินแต่จากที่รู้จักพี่กรเขาเป็นคนไม่คล้อยตามกับเรื่องที่ไม่ถูกต้องง่ายๆ ดังนั้นพี่กรจะช่วยยืนยันความถูกต้องได้มาก คิดแล้วก็คว้ามือถือออกจากห้องไปหาที่คุยส่วนตัว ส่วนคนที่นั่งๆ นอนๆ แถวเตียงก็ตามสบายเถอะ
   “จะไปไหนครับ” พี่วินมองตาปริบๆ ก่อนจะลุกตามมา
   ผมไม่ตอบจนเดินออกไปนอกบ้านแล้วสวนทางพ่อเข้าพอดี ยิ่งพ่อเห็นอาการที่ผมเดินหนีผู้ชายแบบแสนงอนก็คงจะขัดลูกตาอยู่ล่ะมั้ง
   “เฮ้ย เอ็ง ไอ้หมา”
   พี่วินชะงัก “เรียกผมเหรอครับ”
   “เออ ตามมานี่”
   ดีมากพ่อ คือด้วยความที่อยากคุยโทรศัพท์กับพี่กรก็เลยลืมห่วงสวัสดิภาพของพี่วินไปเลยครับ แต่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ปืนก็ยิงไม่ได้นี่นะ
   
   “พี่กรรู้เรื่องใช่มั้ยครับ”
   “รู้ครับ”
   “ทำไมไม่บอกผมล่ะพี่ เกิดผมกินเป็ดแล้วโหม่งลงมาจากระเบียงล่ะ” ผมตัดพ้อ
   “พี่ก็ห้ามมันแล้วว่าไม่เห้นต้องทำขนาดนั้น” น้ำเสียงพี่กรออกตัวว่าอยู่ข้างผม “แต่มันก็ส่งพี่ไปประกบเหนืออยู่นะครับ”
   อ้อ ที่คอยแวะเวียนมาหาอ่ะนะ
   “แล้วน้องกรรณเป็นไงบ้างพี่”
   “ก็แย่” เสียงพี่กรแผ่วลง “พี่อยากให้เหนืออภัยให้เขานะ ที่ทำไปก็คงอิจฉาเหนือนั่นแหละ”
   “แต่ก็ทำเกินไปนะพี่”
   “เอาเถอะ เหนือจะโกรธก็ไม่ผิด กรรณก็ทำเกินไปจริงๆ แต่ตอนนี้เขาก็รับกรรมที่ทำลงไปแล้วล่ะ... แค่นี้ก่อนนะครับกรรณตื่นแล้ว”
   อ้าว นี่อยู่ด้วยกันเหรอ
   ก่อนสายจะตัดไปผมได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟายตีอกชกหัวเข้ามาอยู่นะ ยังไม่ได้ตั้งจิตอโหสิกรรมให้น้องกรรณ ผมก็ได้ยินเสียงร้องของพี่วินดังมาจากทางแปลงผัก พอวิ่งไปดูก็เห็นพี่วินนั่งกับพื้น มือกุมหน้าแข้งตัวเองแล้วก็ทำหน้าเจ็บปวด
   “พ่อทำอะไรเขา!” ผมแทบจะเทเลพอร์ตมาถึงตัวพี่วิน
   “กูไม่ได้ทำอะไร แค่ให้มันช่วยถอนหญ้า!” พ่องงๆ แต่ก็เถียงขึ้นมาทันควัน
   “หา! พ่อ!” ผมโวย “ทำงี้ได้ไง คนไม่เคยทำงานในไร่ในแปลง”
   “ก็มันบอกว่าทำได้นี่หว่า”
   “พี่วินเป็นอะไรครับ” ผมเลิกสนใจพ่อแล้วก็ปรี่เข้าไปคุกเข่าข้างๆ พี่วิน
   “งู...งูกัด” บอกแล้วก็ดันตัวผมออก “อย่าอยู่แถวนี้ เดี๋ยวโดนด้วย”
   ผมใจคอไม่ดีเลยครับ ยิ่งเห็นหน้าซีดๆ ปากแห้งๆ ของพี่วินแล้วใจจะขาดเอาจริงๆ
   แล้วอยู่ดีๆ พ่อก็จับงูแล้วยกให้ดูตรงหน้า “ตัวนี้ใช่มั้ย”
   “ใช่” พี่วินตอบแล้วก็เป็นลมหงายหลังไปเลย
   “พี่วิน อย่าตายนะ!” ผมปล่อยโฮพลางก็กอดร่างพี่วินแน่นเลยครับ
   “เอ็งอย่าเว่อร์ นี่มันงูแสงอาทิตย์ มันไม่มีพิษ มันกินกบกินหนู” พ่อบอกแล้วก็เหวี่ยงงูตัวนั้นไปไกล “ไหนดูรอยเขี้ยวซิ” พอดูตรงหน้าแข้งคนที่เป็นลมหมดสติไปแล้วก็ว่าขำๆ เหยียดๆ “ใจเสาะจริ๊ง ถึงกับเป็นลมเป็นแล้งเลยเหรอวะ”
   “พ่อนั่นแหละผิด” ผมมองกลับเหวี่ยงๆ
   “รีบพาเข้าไปในบ้านก่อนเถอะ สงสัยจะตกใจจนเป็นลมไปเท่านั้นเอง ข้างนอกนี่ก็ร้อนด้วยล่ะ คนกรุงเทพฯ ผิวพรรณดีแบบนี้คงไม่เคยมาตากแดดตากลมอย่างนี้” น้ายาระงับศึกทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังไม่วายตำหนิพ่อ “ดูก็รู้ว่าคุณเขาคงไม่เคย ยังจะให้ทำอะไรอย่างนี้”
   “อ้าว ข้าก็อยากรู้นี่หว่าว่าไอ้ลูกเขยนี่มันจะเอาอ่าวรึเปล่า”
   “แล้วรู้ยังล่ะทีนี้ คนนึงเป็นลมไปแล้ว อีกคนก็ร้องไห้จะเป็นจะตายแล้วนั่น” น้ายาสวนกลับทันควัน
   “เออ! ข้าผิดเอง” พ่อหันไปสบถทางอื่นก่อนจะโบกมือไล่ “รีบพามันเข้าไปในบ้านไป๊”

   เข้ามาในบ้านแล้วผมก็เปิดทั้งแอร์ทั้งพัดลมทั้งเอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้า เรียกว่าปรนนิบัติอย่างดี
   โดนผ้าชุบน้ำเย็นไปสองสามทีพี่วินก็เริ่มรู้สึกตัว
   “เป็นยังไงบ้างครับพี่” ผมทำเหมือนอยู่กันแค่สองคน ไม่สนใจพ่อกับน้ายาที่นั่งห่างออกไป ช่างพ่อเถอะครับ พ่อควรรู้ได้แล้วว่าลูกชายมีผัวเป็นตัวเป็นตน
   พี่วินดันตัวลุกขึ้นแล้วก็ก้มดูหน้าแข้ง จากนั้นก็ทำหน้างงที่ไม่เห็นมีรอยโดนกัดสักนิด
   “พี่ไม่ได้โดนงูกัด มันคงฉกไม่โดน หรือแค่...ตกใจจนเป็นลมไป” ผมบอก
   พี่วินยิ้มแหย ทำหน้าเก้อเขิน ที่รู้ว่าตัวเองแค่ตกใจจนเป็นลม นึกแล้วก็ขำ ร้องซะลั่น แต่ก็น่ารักดี คุณชายเมืองกรุงฯ นี่นะ
   “ขำอะไร” พูดแล้วก็แก้เก้อโดยการยกแก้วน้ำเย็นที่วางข้างตัวขึ้นดื่ม “หมดกัน”
   ผมเองก็อดยิ้มขำออกมาไม่ได้ หมดกันที่แอ๊กติ้งว่ายังโกรธอยู่
   “เหนือ มายกข้าวต้มไปให้คุณเขากินซะ เมื่อเช้าคงรีบมาจนไม่ได้กินข้าว ก็เลยไปลมไป” น้ายาเรียก
   ผมเดินมาตรงที่พ่อนั่งอยู่แล้วก็บอกว่า “ขอขวดพริกไทยกับแม๊กกี้หน่อย” คืออยากรู้ว่าพ่อจะส่งให้มั้ย ถ้าหยิบให้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีนะ ซึ่งพ่อก็มองผมตาขวางอยู่นั่นเอง หากแต่ก็หยิบให้โดยดีแล้วก็ถอนหายใจปลงๆ คล้ายว่าเออ กูยอมละ คล้ายว่าเหนื่อยละที่จะสู้รบกับสิ่งที่ผมเป็น
   “ขอบคุณครับ” พี่วินมองพ่อเกรงๆ ก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวต้มกิน
   พอกินเสร็จ พ่อก็พูดกับพี่วินขึ้นกลางวง “เย็นแล้ว คืนนี้นอนนี่แหละ” จากนั้นก็จงใจพูดกับผมว่า “จะทำอะไรก็อย่าให้เสียงมันดังนักล่ะ บ้านนอกมันเงียบ ดังนิดดังหน่อยก็ได้ยินกันทั่ว
   “พ่อ!” ผมโต้ทั้งที่รู้สึกว่าสองแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาเชียว

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 02-02-2020 21:52:31
นังเหนือพ่อหล่อนเป็นชาวสวนหรือทหารเก่าย่ะโหดเกิ๊นโหดมากพ่อน้องกลัวล้าว #saveพี่วิน ต้องมาแล้วหละ   :laugh:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 03-02-2020 19:55:10
ashbyipcet
นังเหนือพ่อหล่อนเป็นชาวสวนหรือทหารเก่าย่ะ โหดเกิ๊น โหดมากพ่อ น้องกลัวล้าว #saveพี่วิน ต้องมาแล้วหละ   

#saveพี่วิน #saveผัว  :call:
ดีนะที่พีีวินมีน้ายาเป็นกองหนุน
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-02-2020 23:19:31
พี่วิน อยากได้พี่วินเป็นผัว น้องเหนือคุมพี่วินอยู่หมัด
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 04-02-2020 20:06:52
t2007
พี่วิน อยากได้พี่วินเป็นผัว น้องเหนือคุมพี่วินอยู่หมัด
ระวังอีเหนือตบเน้อ  :hao3:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 06-02-2020 23:25:13
พี่ี่ี่่่วินเป็นลมเลย 5555
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 07-02-2020 23:37:54
tae1234
พี่ี่ี่่่วินเป็นลมเลย 5555

ถอนหญ้าไปมา ไปดึงหางงูซะงั้น   o22
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 08-02-2020 14:42:40
ตามมาอ่านเรื่อยๆ ..
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 09-02-2020 20:18:51
Dee^daY
ตามมาอ่านเรื่อยๆ ..

ขอบคุณจ้า
เรื่องกำลังเข้าเฟสสุดท้ายแล้วนะครับ แวะมาอ่านจนจบนะ น่าจะเหลืออีกประมาณสิบตอนนะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 10-02-2020 11:17:27
รู้นะคิดไรอยู่ :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 29-04-2020 22:06:52
กรี๊ดดดดด จะครบ 3 เดือนแล้ว  :z3:
เข้ามาเสนอตัวให้ปาหินในโทษฐานที่ไม่ยอมอับตอนใหม่สักที
สงสัยจะฟินกับศาลาวัดจนลืมพี่วินกันไปแล้ว
ส่วนไรท์ฟินกับคูมกาตุ่ย  :-[
เหลือเวลาอีก 2 วันไรท์จะสู้เพื่อตอนใหม่นะครับ   :mew2:

:katai4:

หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-05-2020 03:04:54
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 01-05-2020 23:29:33
ตอนที่ 28 : part1/2


   “พี่กอดผมแน่นไปแล้วนะ” ผมกระซิบ กลัวว่าถ้าพูดด้วยเสียงปกติแล้วจะดังเกินไปในเวลานี้
   “ไม่สบายตัวเหรอ” พี่วินกระซิบกลับด้วยเสียงงัวเงียแล้วก็เอาแก้มมาถูกแถวๆ ต้นคอของผม “ก็เตียงเหนือแคบนี่ครับ”
   เอ้า เตียงนี่อยู่มาตั้งกี่ปีแล้ว ตัวเองมาทีหลังแท้ๆ
   ที่จริงมันก็โรแมนติกดีนะ นอนกอดกันบนเตียงเล็กๆ นี่ ผมก็เลยยอมนอนนิ่งๆ ให้เขากอดตามใจ สายตามองละลานดาวข้างนอกหน้าต่างพร้อมกับรับรู้ถึงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกคนรดลงแถวๆ ปลายคางของผมจนกระทั่งผล็อยหลับไป จนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่พลิกตัวแล้วไม่อึดอัด ไม่มีคนกอดเหมือนเดิม ก็เลยหยิบมือถือมากดให้จอสว่างวาบขึ้น ภาพที่เห็นคือพี่วินนอนอยู่บนพื้นอะครับ
   หลังจากแสงจากหน้าจอมือถือดับลงสักพักสายตาก็ชินกับความมืดสลัว ผมนอนคว่ำตัวอยู่บนเตียง ชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อยเพื่อจะมองคนที่นอนนิ่งบนพื้นห้อง ผมมองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผมยิ้มอย่างพึงใจกับสิ่งที่เกิดในวันนี้และก็ยังขอบคุณที่เขาไม่ปล่อยผมไป ผมอดใจไม่ให้เอื้อมมือออกไปและใช้นิ้วชี้แตะเบาๆ ที่สันจมูกโด่งนั่นไม่ได้
   “ถ้าพี่ไม่ปล่อยผม ผมก็จะไม่ไป”
   “พี่จะไม่มีวันปล่อยเหนือไป” เสียงของคนที่ถูกผมแอบใช้นิ้วแตะจมูกเอ่ยตอบมาเบาๆ
   “อ้าว” ผมสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับชักมือกลับ “ลงไปนอนนั่นทำไม”
   “พี่กลัวตกเตียง” พี่วินตอบอย่างนั้น แต่ผมรู้แหละว่าคงอยากให้ผมนอนสบาย
   “ไม่หนาวเหรอ” ที่จริงในห้องก็เปิดแอร์ไม่ได้เย็นมากนะครับ แต่ที่ถามเพราะผ้าห่มมีผืนเดียวแล้วก็อยู่บนตัวผมนี่ครับ
   “กำลังสบาย”
   “หนาวก็บอกมาเถอะ” ผมเปลี่ยนคำตอบของพี่วินเพื่อจะโยนผ้าห่มลงไปใส่ตัวเขา จากนั้นก็หยิบหมอนตัวเองแล้วลุกจากเตียงลงมานอนข้างๆ คนที่เพิ่งมุดหัวออกมาจากผ้าห่ม
   “ลงมาทำไม” พี่วินว่าพลางเปิดผ้าห่มให้คลุมร่างของเราสองคน “คิดถึงพี่เหรอครับ” ปากว่ามือถึง พี่วินดึงผมเข้าไปจูบพร้อมกับสอดมือเย็นๆ เข้ามาใต้ชายเสื้อ ทำเอาผมสะดุ้งวาบตรงหน้าท้อง
   ผมปล่อยให้พี่วินจูบจนพอใจก่อนจะทำลายความต้องการของเขา “นอนด้วยเฉยๆ นะ” จากนั้นผมก็ดึงมือซุกซนนั้นออก
   “ว้า แบบนี้พี่ก็อดสิ” พี่วินพูดเสียงทะเล้น
   “อดครับ”
   พี่วินเงียบไปหลายนาทีจนผมคิดว่าหลับไปแล้ว แต่แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “เรายกระดับความสัมพันธ์กันมั้ยครับ”
   “ยกระดับความสัมพันธ์?” ผมทวน “ยังไงอะ? จากแฟนเป็นเมีย?”
   “อันนั้นก็เป็นอยู่แล้วนี่” พี่วินกระชับกอด “พี่หมายถึงย้ายมาอยู่ด้วยกันมั้ย มาอยู่กับพี่ที่คอนโด”
   “เจอกันยี่สิบสี่ชั่วโมง เดี๋ยวก็เบื่อผมพอดี” ก็ดีใจแหละแต่ขอยั้งคิดไว้ก่อนครับ
   “ได้จับตาดูความประพฤติพี่ตลอดเวลาเลยนะ ไม่ดีเหรอ” ทำเสียงอ้อน
   “ถ้าวันไหนพี่ไม่พอใจผมขึ้นมาล่ะ”
   “พี่จะช่วยขนของนะครับ”
   “พี่วินอะ” ผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอด อันนี้เคืองจริงนะ
   “ล้อเล่น” พี่วินดึงตัวผมกลับไปกอด “ไม่มีวันนั้นหรอกครับ พี่สัญญา”
   “ผมยังไม่ตกลงครับ” เคือง รอไปก่อน
   “คิดดูก่อนก็ได้ แต่พี่อยากให้เหนือมาอยู่ด้วยกันนะครับ”
   ผมเงียบไปอึดใจก่อนจะเผยความรู้สึกออกไป “เหนือผิดหวังมาหลายครั้ง กลัวครับ”
   “พี่ก็เคยผิดหวังครับ”
   ผมคงทนไม่ไหวถ้าความรักครั้งนี้จะจบลงเหมือนที่แล้วๆ มา แต่จะไม่ให้มีความรัก ไม่รักเขา มันก็ไม่ทันแล้วเพราะผมรักเขามากจริงๆ
   “รู้สึกมั้ยว่าพี่กำลังกอดเหนืออยู่”
   “ครับ”
   “ถ้าไม่ผ่านอดีตพวกนั้นมา เราคงไม่ได้รู้สึกอย่างที่รู้สึกอยู่ตอนนี้” พี่วินใช้ปลายจมูกแตะลงเบาๆ ที่แก้มของผม “เชื่อพี่มั้ยครับ ถ้าพี่บอกว่าจะทำให้ความรู้สึกดีๆ ตอนนี้อยู่กับเหนือตลอดไป”
   คำพูดอบอุ่นฟังดูเหมือนไม่น่าเป็นคำพูดของพี่วิน และทั้งที่ผมแอนตี้คำสัญญาขายฝันต่างๆ แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้รู้สึกต่อต้านเลยสักนิด
   “พูดยังกับพระเอกละคร”
   “มีแฟนเป็นพระเอกไม่ดีใจเหรอ”
   “นอนได้แล้ว” ผมยกมือขึ้นตบแก้มพี่วินแปะๆ
   “ขอกอดทั้งคืนเลยนะ”
   “อืม”


หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 27 : หน้า 9 (2/2/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 01-05-2020 23:31:38
กลัวโดนลบ ขอลงเป็นพาร์ทก่อน  :hao4:

 :katai5:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท1/2 : หน้า 9 (1/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 02-05-2020 00:53:10
หายไปนานมากรอบนี้แต่ถ้าอยากได้ซีนพ่อตาโหดให้ลูกเขยพิสูจน์ตัวเองต่อ  :hao6:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท1/2 : หน้า 9 (1/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-05-2020 09:29:03
 :really2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท1/2 : หน้า 9 (1/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-05-2020 17:58:42
คิดถึงเหนือคนฬ่านแล้วนะ อิอิอิ คนเขียนหายไปนาน เจอที่ไหนจะเอาไม้แหย่ๆ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท1/2 : หน้า 9 (1/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 02-05-2020 22:53:03
ashbyipcet
หายไปนานมากรอบนี้แต่ถ้าอยากได้ซีนพ่อตาโหดให้ลูกเขยพิสูจน์ตัวเองต่อ 
แค่นี้ก็น็อกแล้ว สงสารพี่วิน


p_phai
 :really2:
 :mew2:


k2blove
คิดถึงเหนือคนฬ่านแล้วนะ อิอิอิ คนเขียนหายไปนาน เจอที่ไหนจะเอาไม้แหย่ๆ
มาแล้วจ้า จะครบสามเดือนมาต่อตอนนึง 555  :hao7:
 
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท1/2 : หน้า 9 (1/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-05-2020 13:38:49
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท1/2 : หน้า 9 (1/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 28-05-2020 23:21:27
ตอนที่ 28 : part 2/2


ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนประมาณตีสี่ พอผมขยับตัว พี่วินก็ขยับด้วย
   “ทำให้ตื่นเหรอ” ผมถามเสียงงัวเงีย
   “ตื่นสักพักแล้ว” พี่วินตอบแล้วก็กอดผมแน่นขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงอะไรที่พี่วินบอกว่า ‘ตื่นสักพักแล้ว’ กำลังดันหลังผมอยู่
   “ทะลึ่ง” ว่าแล้วก็ตี ‘น้องวิน’ แบบหยอกๆ เบาๆ
   “ก็มันตื่นของมันเองนี่” พี่วินยังคงกดส่วนนั้นเข้ามาเน้นๆ
   “ไม่ได้ครับ เอาไว้กลับไปกรุงเทพฯ ก่อน” ผมยังจำที่พ่อบอกเอาไว้ได้นะครับ ‘จะทำอะไรก็อย่าให้เสียงมันดังนักล่ะ บ้านนอกมันเงียบ ดังนิดดังหน่อยก็ได้ยินกันทั่ว’ อีกอย่างก็ยังง่วงอยู่ด้วยแหละ
   “งั้นกลับวันนี้เลยมั้ย” พี่วินทำเสียงว้อนท์
   “ผมลาพักร้อนอยู่นะ จำไม่ได้เหรอ”
   “ก็ไปพักร้อนที่คอนโดพี่ไงครับ”
   “พ่อได้ด่าผมอะสิ เพิ่งกลับมานอนบ้านได้คืนเดียวเองนะครับ แต่พี่จะกลับไปก่อนก็ได้ ผมคงอยู่อีกสองสามวัน”
   “งั้นพี่ก็ยังไม่กลับครับ”
   “ไม่ต้องทำงานรึไง”
   “พี่กลัวเหนือจะไม่กลับไปอะครับ”
   “วันมะรืนเป็นวันเกิดบริษัท” ผมรู้ว่ายังไงเขาก็ต้องกลับไปร่วมงาน
   พี่วินเงียบไป คงเพราะยอมรับกับความจริงที่ผมว่า
   วันครบรอบเปิดบริษัททุกปีจะมีการทำบุญตอนเช้า ตอนเย็นก็จะมีเลี้ยงฉลอง ทำงานจริงๆ ไม่กี่ชั่วโมงอะครับ พนักงานคนไหนไม่เคยเห็นชนชั้นเจ้าของบริษัทก็จะได้เห็นกันในวันนั้นแหละ
   “ไม่กลับพร้อมกันจริงเหรอ” น้ำเสียงวิงวอนนะ
   “ไม่อยากเสียวันลา”
   “จะยังไม่ลาออกใช่มั้ยครับ”
   “กำลังพิจารณาอยู่ครับ” ผมว่าเสียงเรียบๆ
   “ยังต้องพิจารณาอีกเหรอ”
   “ก็มีหัวหน้านิสัยไม่ดี ชอบแกล้ง”
   “เดี๋ยวพี่จัดการให้ดีมั้ยครับ”
   “ยังไงครับ”
   “เรียกมาตักเตือน ว่าห้ามแกล้งคนของคุณสิบทิศอีก ดีมั้ยครับ”
   “คงจะยาก เขาไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกผมหรอก”
   “ถ้าต่อไปเขายังทำตัวไม่ดีอีก พี่จะให้เหนือเป็นคนทำโทษเองเลยดีมั้ย” จากนั้นพี่วินก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเชิญชวน “หรือว่าเหนืออยากจะทำโทษตอนนี้เลยก็ได้นะ”
   “ไอ้หื่น”
   แล้วก็ไม่ได้มีคนทำโทษหรือโดนลงโทษอะไรหรอกนะครับ เพราะผมไม่ยอมอะ แม้จะเริ่มคล้อยตามคำเชิญชวนไปบ้างแล้วก็เถอะ
   “ใจร้าย”

   สายวันนั้นพี่วินก็เรียกให้คนมารับ พอรถมาถึงก็รีบๆ ลนๆ แปลกๆ อะครับ แต่ก็ช่างเถอะ ขี้เกียจงี่เง่าเซ้าซี้
   รถแล่นออกไปแล้วสักพักถึงได้ไลน์มาคุย
   สิบทิศ : คิดถึงแล้ว
   เจ้าดาวเหนือ : ใครมารับอะ
   ขี้เกียจงี่เง่าเซ้าซี้...แต่ก็เลียบเคียงถามดูหน่อยละกัน
   สิบทิศ : อยากรู้ไปทำไม
   เจ้าดาวเหนือ : ก็มีพิรุธเอง ทำลับๆ ล่อๆ
   สิบทิศ : พี่ชาย
   เจ้าดาวเหนือ : เห็นแวบๆ หล่อ
   สิบทิศ : ห้ามชมคนอื่น
   เจ้าดาวเหนือ : พี่ชาย? คุณพั้นช์ พันทิศ?
   สิบทิศ : อือ... งีบละ
   ตัดบทซะงั้น
   ‘ยกระดับความสัมพันธ์’ มันหมายถึงผมต้องเข้าไปรู้จักกับครอบครัวของพี่วินด้วยรึเปล่านะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะดีเหรอ? คือผมเป็นพวกเข้ากับผู้ใหญ่ไม่ค่อยเป็นน่ะครับ จะมีดราม่ามั้ยนะ เช่นว่า ที่บ้านรับไม่ได้ที่พี่วินมีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วถ้าผมย้ายไปอยู่กับเขาจริงๆ จะโดนมองว่าไปเกาะเขามั้ยนะ แบบคนละชนชั้นอะไรแบบนั้น คิดแล้วก็เกร็งเลย
   ถ้าเจอแบบนั้นจริงผมว่าผมถอยดีกว่าครับ เพราะคงจะเหนื่อยน่าดู
   
   วันงานบริษัท ผมก็โผล่มาเซอร์ไพรส์เดอะแก๊งที่ออฟฟิศ ก็จะอยู่บ้านทำไมอีกล่ะครับ เบื่อบ้านนา กลับมาเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ดีกว่า
   “มายื่นใบลาออกเหรอ” พี่เอ็มกระแนะกระแหน
   ผมเท้าเอวแล้วก็ตอบกลับด้วยจริตพร้อมตบ “เข้าใจกับผัวแล้ว จำเป็นต้องลาออกมั้ยอะ”
   “มึงก็ชอบแขวะมัน มันกลับมาก็ดีแล้ว คืนนี้จะได้มีคนหารค่าเหล้า” ต้าร์กระโดดเข้ามาแทรกกลางผมกับพี่เอ็ม “คืนนี้มึงไปกับพวกกูนะ ชวนพี่วินไปด้วยก็ได้”
   ผมยังไม่ได้ตอบว่าจะไปหรือไม่ไป คนที่ถูกพาดพิงถึงก็เดินมาพอดีครับ ไม่ได้เดินมาคนเดียวด้วย...พี่วินเดินคู่มากับคุณพั้นซ์ คือคนที่ดูเผินๆ มีส่วนคล้ายกัน เพียงแต่คุณพั้นช์ดูออกจะละมุนอ่อนโยนมากกว่า พี่วินดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นผมมาอะครับ อันนี้เข้าใจได้ว่าคงเก็บอาการ แต่ที่แปลกคืออาการของคุณพั้นซ์ที่มองเห็นผมแล้วจากนั้นก็หันไปมองพี่วินพร้อมกับสีหน้าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้ก่อนเพื่อรับไหว้พนักงานตัวเล็กอย่างพวกเรา อาการนั้นเกิดขึ้นแปบเดียวก็จริงแต่ก็สัมผัสได้นะว่ามันมีอะไรที่เกี่ยวกับผมแน่นอน
   “มาด้วยกันสิ” พี่วินเจาะจงพูดกับผม
   “ไปไหนครับ?”
   “ไปไหว้แม่พี่” พี่วินบอกด้วยเสียงเรียบๆ แต่มันทำให้ใจผมเต้นตูมตามเลยนะ
   “ห้ะ!”
ตั้งตัวไม่ทัน จะบอกว่าไม่ไปก็ไม่ทันละครับ พี่วินลากแขนผมออกมาจากเดอะแก๊งค์เรียบร้อยละ ทั้งที่หน้าผมเหวอๆ นั่นล่ะ

ที่จัดงานเป็นฮอลล์เล็กสำหรับเวลาบริษัทมีกิจกรรมต่างๆ ที่รวมคนเยอะๆ สักยี่สิบคนขึ้นไป ด้านหน้าสุดทำเป็นเวทียกสูงจากพื้นหนึ่งระดับสำหรับพระสงฆ์ที่จะมาทำพิธีสวดให้พร แถวหน้าสุดใกล้กับเวทีเป็นโซฟาสำหรับผู้บริหาร แขกวีไอพีหรือเจ้าของบริษัท แถวถัดมาจึงเป็นเก้าอี้พลาสติกสำหรับพนักงาน
แถวหน้าสุด โซฟากลางสุดมีผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ บุคลิกท่าทางและผิวพรรณทำให้มีออร่าของคนมีเงินในบัญชีหลายร้อยล้านโดยแท้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ของคนที่ลากผมมาโดยไม่ทันตั้งตัว
“แม่” พี่วินนั่งลงข้างๆ พร้อมกับเรียกคนที่ต้องการพาผมมาพบ จังหวะที่คุณแม่ของพี่วินหันมาตามเสียงเรียกนั่นทำให้ผมลังเลว่าควรจะนั่งตรงไหนดี บนโซฟาตัวเดียวกันหรือว่าพับเพียบลงกับพื้น แต่ด้วยการรั้งข้อมือของพี่วินก็ทำให้ผมต้องหย่อนตูดลงบนโซฟาอย่างเสียไม่ได้
“หายไปไหนมาสองพี่น้อง ให้แม่นั่งคนเดียวตั้งนาน”
ฟังจากน้ำเสียงแล้วคุณแม่ของพี่วินก็น่าจะเป็นคนใจดีนะ
“แล้วนั่นใครกัน” พูดพร้อมกับโคลงตัวมามองผม “เป็นพนักงานที่นี่เหรอลูก” คุณแม่ของพี่วินถามหลังจากที่เห็นป้ายพนักงานที่ห้อยคอผมอยู่ แล้วท่านก็คงเข้าใจในทันทีที่เห็นพี่วินยังจับมือผมนั่นแหละครับ
“นี่เหนือครับ” พี่วินบอกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผม จนผมต้องโค้งศีรษะลงแทนการยกมือไหว้
“สวัสดีครับ” ผมพยายามยิ้มแบบผูกมิตร ฝากเนื้อฝากตัวและนอบน้อมที่สุด แต่ก็คงดูแห้งๆ แหยๆ อะ เพราะขนาดไม่เห็นหน้าตัวเองยังรู้สึกได้เลย
“พระมาโน่นแล้ว จะบอกอะไรก็รีบบอก เดี๋ยวเสียฤกษ์” คุณพันทิศพูดกับพี่วิน ท่าทางประมาณอย่าพิรี้พิไร
“เหนือเป็นแฟนผมครับ” พี่วินพูดออกไปโพล่ง
สิ้นคำสุดท้ายของพี่วินผมก็ชาวาบไปทั้งตัวเพราะสายตาของคุณแม่พี่วินที่มองมาอย่างไม่ยินดีตั้งแต่เส้นผมยันปลายตีนเลยล่ะครับ


หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 28-05-2020 23:31:18
บอกเลยว่านิยายดีๆ เรื่องนี้จะมีฉากลูกสะใภ้ตบแม่ผัวจนหน้าหัน หึหึหึ :beat:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 29-05-2020 01:18:23
บอกเลยว่านิยายดีๆ เรื่องนี้จะมีฉากลูกสะใภ้ตบแม่ผัวจนหน้าหัน หึหึหึ :beat:
ต้องแซ่บต้องนัวนะคะไม่งั้นแม่ผัวแกงเพราะฉนั้นจับนางแกงก่อน  :laugh: :beat:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-05-2020 22:26:32
เหนือคนร่าน สตั้นไปเลยดิ ว่าที่แม่ผัวทำเมิน อิอิอิอิ
เขาจะใส่บาตรลูกกก คิดไรมากนะ ยังไงพี่วินไม่ทิ้งหรอก
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 28-08-2020 23:53:56
ตอนที่ 29


   ไม่รู้สิครับ ใจนึงก็ภาวนาว่าท่าทีที่เปลี่ยนแปลงปุบปับของแม่พี่วินคือผมคิดไปเอง แต่ sense ในเรื่องความสัมพันธ์มันไม่ได้แรงเฉพาะเรื่องระแวงว่าผัวจะมีชู้หรอกนะ...sense ระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้มันก็แรงอยู่นะ
   ระหว่างที่นั่งฟังพระสวดอยู่แถวหลังผมก็คิดไปว่าถ้าแม่พี่วินไม่ชอบผมตั้งแต่แรกเจอมันจะมีอะไรเป็นสาเหตุได้บ้าง นอกจากอึ้งที่รู้ว่าลูกชายเป็นไม้ป่าเดียวกัน หรือไม่ก็เรื่องชนชั้นทางสังคม คิดแล้วก็เคืองพี่วิน คือจะบอกทำไมก็ไม่รู้ ผมไม่ได้ซ๊เรียสสักหน่อยถ้าจะคบกันไปแบบนี้ มีแค่เราสองคน ไม่เกี่ยวกับคนอื่นในครอบครัว
   แต่ไหนๆ เรื่องก็แดงละ คุณแม่เองนั่นแหละควรทำใจและก็ควรเบาใจที่อย่างน้อยลูกชายก็ไม่ได้แนะนำแฟนพร้อมกับบอกว่า ‘ผมทำเขาท้องครับ’
   เกือบชั่วโมงต่อมาก็เสร็จพิธีนั่นนี่ เป็นช่วงกินเลี้ยง พนักงานหลายคนพุ่งไปหาของกินที่ให้ตักเองตามใจชอบ
   ตอนที่ผมกำลังตักอยู่ พี่วินก็มายืนประกบใกล้ๆ พร้อมกับทำทีตักของกินไปแล้วก็พูดกับผมไปด้วย
   “อยากถามอะไรมั้ย”
   “มีอะไรก็บอกมาเลยเหอะ” ก็เคยบอกว่ามีอะไรจะบอกกันตรงๆ นี่
   “อืม” พี่วินกวาดสายตาหามุนที่ปลอดคนแล้วจึงพยักเพยิดชวนผมให้เดินไปตรงนั้น
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤช ที่ 28-08-2020 23:54:17
อับก่อน กันโดนลบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 29-03-2021 22:37:05
รออยู่เด้อฟ้าวมาต่อ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Goplayz ที่ 31-08-2021 20:18:03
ค้างงงงงงงงบนยอดเขาาาามาต่อด้วยคับ
หัวข้อ: Re: But why? เกลียดเข้าไส้ ไหงกลายเป็นรัก : ตอนที่ 28 พาร์ท2/2 : หน้า 10 (28/5/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-09-2021 09:46:57
 :pig4:
 :3123: