ตอนที่ 22
“พวกมึง ทายซิว่ากูได้อะไรมา” ต้าร์เดินเข้ามาพร้อมกับซองอะไรในสักอย่างเรียงเป็นพัดในมือ
“ซองผ้าป่าเหรอ” แมนตอบพลางควักตักพร้อมทำบุญ
“ตั๋วเข้างานแฟชั่นวีกเสาร์นี้ตะหากล่ะ” ว่าแล้วก็แจกให้แมนคนแรก “กูได้มาฟรี แต่ถ้ามึงจะใส่ซองให้กูก็ไม่ขัดนะ”
“เริ่ด” พี่เอ็มดี๊ด๊า “กูจะแต่งโอร์กูตูร์ไปงาน”
“แต่งมึงดูโอลด์ดีกว่ามั้ยคะป้าเอ็มม่า” ต้าร์ยื่นซองให้พี่เอ็มแล้วก็หัวเราะคิกคัก
“เห็นแก่ตั๋ว กูจะไม่ตบปากมึง” พี่เอ็มสะบัดหน้าไปทางอื่นก่อนจะปลาบปลื้มกับตั๋วตาเป็นประกาย “เย็นนี้กูจะไปช็อปชุดสำหรับนั่งดูฟร้อนท์โรว์ ใครจะไปบ้าง”
“กูไม่รู้ว่าจะได้ไปมั้ยอ่ะ” ผมบอกแต่ก็รับซองไว้ก่อน คือวันหยุดก็ต้องขลุกอยู่กับพี่วินสิครับ คราวก่อนที่ว่าจะไปดูหนังด้วยกันก็ยังไม่ได้ไปเลย ซึ่งผมคาดว่าจะเป็นสุดสัปดาห์นี้แหละ เป็นใครก็ต้องเลือกผัวมากกว่าเพื่อนอ่ะ...หรือเปล่า
“อีดอก มึงต้องไปกับกู ห้ามไปกับผัว” ต้าร์พูดดักแล้วหันไปแจกซองเอ “มึงด้วย”
“เอ้า มีผัวก็ต้องอยู่กับผัวสิ” เอท้วงแต่ก็รับซองไว้ “ยังไงเพื่อนก็อยู่ค้ำฟ้า”
“อีเอ กูยังกำความลับของมึงอยู่นะ” ต้าร์มองอย่างผู้เหนือกว่า
“ความลับของกู อะไร?”
“อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ ที่มึงแอบไปชนแก้วกับผู้ชายโต๊ะอื่นแล้วก็พากันหายไปเป็นชั่วโมงเมื่อเดือนก่อนไงล่ะ ถ้ากูบอกผัวมึง หึหึ”
“อีดอกกก นั่นมันเพื่อนเก่าสมัยมัธยมกู” อีเอมีพิรุธ
“ใครจะรู้ล่ะ ไม่มีป้ายบอกสถานะ อย่าให้กูต้องสืบสาวเรื่องนี้มาตีแผ่นะคะ กูรู้โลกรู้” อีต้าร์ยักไหล่ยิ้มเยาะ
ผมแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ถึงครึ่งวันพี่วินก็ไลน์มาบอกว่าจะต้องบินไปต่างประเทศด่วนภายในพรุ่งนี้แล้วกว่าจะกลับก็วันจันทร์หน้า ผมก็เลยกลับลำได้ทัน แต่ไม่บอกให้พวกมันรู้หรอกว่าเพราะอะไร ปล่อยให้พวกมันเข้าใจว่าผมให้ความสำคัญกับเพื่อนไรงี้ อิอิ
ALWAYS WIN : อยากได้ของฝากอะไรมั้ย
เจ้าดาวเหนือ : ทองแท่งสิบบาทก็พอครับ
ALWAYS WIN : มีแต่ทองหยิบ ทองหยอด ทองคำเปลวครับ
ผมส่งสติ๊กเกอร์หน้ากวนๆ ไปให้ก่อนจะส่งข้อความตามไปว่า
เจ้าดาวเหนือ : อยากกะพริบตาแล้วถึงวันจันทร์หน้าเลย
ผมไม่อยากได้ของฝากอะไรหรอกครับ แค่ได้นอนกอดพี่วินแน่นๆ สูดกลิ่นตัวหอมๆ ของเขาผมก็พอใจแล้วครับ
ALWAYS WIN : ไว้กลับมาแล้วพี่จะพาไปกินของอร่อยๆ นะครับ
หลังจากพี่วินไปแล้วก็เงียบหายไปเลยครับ ไม่มีการไลน์มาหาหรือติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรนะครับ เข้าใจว่าไปทำงาน แล้วรอบตัวผมก็มีเดอะแก๊งค์แวดล้อมตลอดเวลา ดังนั้นแปบๆ ก็ถึงวันเสาร์ละครับ
งานแฟชั่นวีกจัดในห้องหนึ่งของโรงแรมหรูซึ่งมีส่วนเชื่อมต่อกับห้างใหญ่ใจกลางเมือง ยิ่งเป็นวันเสาร์คนจึงยิ่งมากมายขวักไขว่กันเป็นพิเศษและยังสามารถเห็นดาราเซเลบคนดังคอยเดินๆ หยุดๆ ถ่ายรูปกับแฟนคลับได้เป็นระยะๆ ก่อนเข้างาน
“มึงแน่ใจเหรอว่างานนี้” ผมถามต้าร์ตอนยืนรอหน้าทางเข้างาน ชักไม่มั่นใจ คือมีแต่คนดังอ่ะครับ แล้วเขาจะแจกตั๋วให้โนบอดี้ง่ายๆ มาตั้งหลายใบเชียวเหรอ
“เออ งานนี้แหละ เขาก็เชิญคนดังมาพอเป็นพิธีไม่กี่คนหรอกมึง นอกนั้นก็เศษเล็บตาสีตาสาอย่างเราๆ นี่แหละ” ต้าร์บอกพลางชะเง้อมองเข้าไปในงาน
ผมกวาดสายตาดูรอบๆ ก็เห็นจะจริงอย่างนั้น เจออยู่หลายกลุ่มนะที่เป็นโนบอดี้อย่างเราๆ ซึ่งก็คงไม่ได้นั่งแถวหน้าติดขอบแคทวอล์กหรอก
“พี่เหนือ”
ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นน้องกรรณอยู่ในชุดเสื้อวอร์มกำลังเดินเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าคงมาเดินแบบงานนี้แหง ก็ทั้งผมทั้งหน้าแต่งซะหล่อแตกต่างจากคนอื่นๆ เลยครับ
“มาดูโชว์เหรอครับ”
ผมพยักหน้าก่อนจะถามว่า “น้องกรรณเดินงานนี้ด้วยเหรอครับ”
“โชว์ที่สามครับ” น้องกรรณตอบพลางยกมือไหว้เดอะแก๊งค์คนอื่นๆ
“แล้วนี่คือชุดที่จะใส่เดินเหรอ” ผมถามแบบพาซื่อ
น้องกรรณหัวเราะก่อนจะตอบว่า “เปล่าครับ ใส่ทับไว้ก่อน พอดีว่าน้องน้ำด้านหลังที่จัดไว้ให้พวกผมน้ำไม่ไหล รอช่างแก้ไขเสร็จไม่ไหวก็เลยต้องพากันมาทางหน้าก่อน”
“กรรณ” นายแบบอีกคนที่หล่อโฮกซึ่งยืนรออยู่ห่างๆ เอ่ยเรียกเป็นเชิงว่าไปกันได้แล้ว
“หล่อ จะเอาแบบนี้” ต้าร์เพ้อ
“สนใจเหรอพี่ต้าร์ กรรณจัดให้ได้นะ เดี๋ยวเลิกงานพวกผมมีปาร์ตี้กันชั้นบนโรงแรมเนี่ย” น้องกรรณหัวเราะจนเห็นฟันขาวเรียงกันสวยเชียว
“เอา” อีคนฝั่งผมก็ตอบทันที ไม่รู้ตัวอีกว่าเขาพูดเล่นไปงั้น “แต่พวกพี่ไปได้จริงเหรอ”
“ได้ครับ คนรู้จักกันทั้งนั้น นายแบบคนอื่นเขาก็ชวนเพื่อนๆ คนรู้จักไปสนุกกัน” น้องกรรณคอนเฟิร์มแล้วนัดแนะให้อยู่รอหลังงานเลิก ก่อนจะปลีกตัวไปหาเพื่อนนายแบบอีกคนที่รออยู่
“บุญตามทันแล้วพวกมึง นายแบบหล่อๆ ทั้งนั้น” ต้าร์ดี๊ด๊า “ไปเป็นเพื่อนกูนะ”
ผม แมน เอส่ายหน้าไม่ไปด้วย บอกตามตรงว่าถึงผมจะไม่ได้ติดใจเรื่องวันก่อนแต่ก็ยังไม่สะดวกใจจะไปไหนกับน้องกรรณอ่ะครับ เอจะรีบกลับไปหาแฟน ส่วนแมนบอกว่าวันนี้วันพระจะรีบกลับไปทำสมาธิสวดมนตร์ร้อยแปดจบ
“กูว้อนท์อ่ะ” ต้าร์เจาะจงพูดกับผม “อีเอกับอีแมนจะไม่ไปก็ช่างมัน ในนี้ก็มีแต่มึงนะที่สนิทกับน้องกรรณมากที่สุด มึงสงเคราะห์กูสักครั้งไม่ได้เหรออีเหนือ”
ผมถอนหายใจเอือมๆ ใส่มันแทนคำตอบ
“นะ มึงจะรีบกลับทำไม ผัวก็ไม่อยู่นี่”
“เอาไว้งานเลิกแล้วค่อยดูอีกทีได้มั้ยอ่ะ” ผมแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็คิดเอาไว้แล้วล่ะ หลอกให้มันตายใจไปก่อน ถึงตอนนั้นค่อยเซย์โน
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยดูแฟชั่นโชว์จริงๆ แบบไม่ผ่านคลิบในโซเชียลก็คราวนี้แหละครับ ตื่นเต้นกว่ากันเยอะเลย โดยเฉพาะโชว์ที่สามที่เป็นเซ็ทนายแบบหล่อล่ำใส่แต่กางเกงขาสั้นแบบว่าฟิตมาก นายแบบหน้านิ่งๆ แจกยิ้มน้อยๆ สไตล์แวมไพร์หมายตาจะดูดเลือดอ่ะ เข้าใจเลยว่าทำไมแวมไพร์ในหนังหาเหยื่อง้ายง่าย ก็เพราะมันน่าโดนดูดจริงๆ นะเออ โชว์นั้นคือกางเกงอะไรไม่สนใจเท่าหน้าอกนูนแน่น กล้ามท้องเป็นลอนๆ ขนใต้สะดือเอย ขนขาเอย ฟินนนมากเจ้าค่ะ
“คนนั้นดีมากเลยมึง” ต้าร์เขย่าแขนผมรัวๆ
“คนไหนวะ”
“คนที่เดินต่อจากน้องกรรณอ่ะ สเปคกูเลย หล่อเหมือเจมส์จิ”
“เออ หล่อ กูก็ชอบ” ผมบอก
อีต้าร์ตีมือผมเพียะ “ของกู”
ผมมองบนก่อนจะสนใจน้องกรรณที่เดินวนกลับมาอีกรอบ เออ นอกจากหล่อแบบน่ารักเรียบร้อยแล้วน้องกรรณนี่ก็ดูเซ็กซี่ได้อยู่นะ ถึงบอดี้จะไม่ได้มีกล้ามชัดแบบคนอื่นแต่ออร่าก็ไม่ดับจมเวที
“น้องกรรณก็น่าอยู่นะมึง” เอมองตาไม่กะพริบ “มึงว่าน้องเขาจะไม่มีใครเลยเหรอวะ กูว่าไม่มีทาง ฮ็อตขนาดนี้ จะหวงตัวไว้รออีพี่วินของมึงคนเดียวก็คงไม่ใช่หรอกมั้ง”
“อีเอ ปากมาก” ผมว่าอย่างขัดใจ
“พาดพิงถึงผัวมึงนิดหน่อยไม่ได้เชียวนะ”
“กูจะดูโชว์” ผมตัดบท
“มึงใช้หูดูรึไง กูรู้มึงก็คิดแบบที่กูสงสัย แบบน้องกรรณเนี่ยสเปครุกแมนๆ เลย กูว่าผัวมึงกับน้องกรรณน่ะ...” มันยกนิ้วชี้ขึ้นมาไขว้เป็นตัว X “...กันแล้ว”
“กูเชื่อใจพี่วิน” พี่วินบอกว่าไม่มีอะไร
“จ้า รักผัวหลงผัวเชื่อผัว ไม่เคยได้ยินเหรอไงที่เขาบอกว่าอยู่บ้านเป้นผัวเราแต่พอออกจากบ้านก็ไม่ใช่ผัวเราน่ะ” ยัง มันยังไม่หยุดอีกนะ
“แล้วมึงจะไปแหย่มันทำไมอ่ะ อีเอ” แมนช่วยพูดให้
“ก็กูเป็นห่วงมันไง กลัวมันมีเขาเป็นโพนี่”
“ควายม้ะ” อีแมนว่า
เอ้า อีแมนนนนน
“โอ๊ย กูจะดูโชว์ จะยุให้รำตำให้รั่วรอเลิกงานก่อน เดี๋ยวกูให้เวลาพวกมึงทุกตัวเลย” ผมเหวี่ยง
โชว์จบแล้วผมรีบแทรกคนอื่นออกมาข้างนอกเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ อั้นมาตั้งแต่ช่วงกลางๆ โชว์ละครับ แต่ก่อนจะรีบวิ่งไปสายตาก็แลไปเห็นน้องกรรณรับดอกไม้จากไลน์แมน
หืมมมมม แต่ก็อย่างว่าแหละเนาะ ฮ็อตขนาดนี้ก็คงมีคนชอบแหละ ดีแล้วล่ะ ขอให้น้องกรรณได้กับเจ้าของดอกไม้นะครับ ผมจะได้เลิกกังวลเรื่องพี่วินสักที
ผมกลับมารวมกลุ่มกับเดอะแก๊งค์ที่หน้างานซึ่งหลายคนทยอยกลับกันแล้ว
“กูมีธุระ กลับก่อนนะ” ผมรีบบอก
“ไม่ได้สิมึง” ต้าร์ล็อกแขนผมหมับ
“ก็...นั่นไง มาละ” มันดีใจยังกับเจอชอว์น เมนเดส
“ไปกันครับพี่ๆ” น้องกรรณเดินมาชวนด้วยตัวเองโดยมีนายแบบหน้าตี๋ยืนอยู่ห่างๆ นายแบบคนนั้นถือดอกไม้ที่น้องกรรณรับตะกี้ด้วย เห็นแบบนี้สงสัยจะรับแทนเพื่อนล่ะมั้งนะ
“พี่ต้องกลับแล้วล่ะ น้องกรรณ” เอกับแมนบอกพร้อมโบกมือ
“งั้นพี่เอ็ม พี่ต้าร์ พี่เหนือไปกับผมนะ”
สรุปผมก็โดนอีต้าร์ลากไปด้วย
ก่อนขึ้นมาถึงห้องที่พวกของน้องกรรณเปิดไว้ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นปาร์ตี้เบาๆ จิบไวน์ คุยเฮฮา มีเหล้าบ้างนิดหน่อยอะไรทำนองนั้น ที่ไหนได้คูณสิบเลยครับ ทั้งเสียงคนเสียงเพลงกระหึ่มเลย ซึ่งน้องกรรณบอกว่าเป็นไพรเวทโซน ไม่ต้องเกรงใจใคร ห้องที่เปิดไว้เป็นสองห้องติดกันแบบมีประตูเชื่อมสองห้องแต่ละห้องมีสองห้องนอนกับหนึ่งห้องนั่งเล่นด้วยนะ โห ผมอยากเห็นคนออกตังค์เลยครับ ขั้นต่ำคงคืนเป็นแสนอ่ะ ทั้งสองห้องมีกลิ่นเหล้าบุหรี่คลุ้งไม่ต่างจากผับเลยครับ ต่างที่มีคนไม่เยอะเหมือนที่น้องกรรณบอกว่านายแบบคนอื่นก็ชวนเพื่อนมา เพราะมีแค่สิบกว่าคนเองนะ แล้วเท่าที่ดูแล้วพวกที่หน้าตาไม่เข้าขั้นก็คงมีแค่พวกผมสามคนนี่แหละ
ผมไม่มั่นใจเลยครับ ดูเหมือนผมเป็นหมาบ้านหลงเข้าไปในฝูงหมาป่าเท่ห์ๆ อ่ะ ซึ่งคงไม่ใช่กับพี่เอ็มและต้าร์ มันสองตัวระริกระรี้ไปตีสนิทกับนายแบบคนอื่นที่มุมห้องนู่นละ ไวมากอีดอกกกกก
“ตามสบายนะครับพี่เหนือ ผมขอไปหาเพื่อนที่ห้องนั้นก่อน” น้องกรรณบอกแล้วก็ทิ้งผมไปเลย ไรวะ
ผมก็เลยยืนตัวลีบ ยิ้มแหยให้นายแบบหน้าตี๋คนที่ถือดอกไม้มาพร้อมกับน้องกรรณตะกี้
“ชื่อเหนือเหรอครับ” เขาชวนคุย เสียงทุ้มนุ่มจัง “ผมโอบครับ”
“ครับ ยินดีที่รู้จักครับ” ผมตอบรับไมตรี
“ไปทางนู้นดีกว่าครับ” โอบพาผมไปที่บาร์แล้วก็วางดอกไม้ลงจากนั้นก็หยิบแก้วมารินไวน์ให้
ไม่นานผมก็สามารถคุยสนุกกับโอบได้ครับ เพราะเขาดูสุภาพ เอาใจใส่ พูดเพราะและที่สำคัญคือยิ่งคุยยิ่งหล่อ นาทีนี้คือพี่วินครับเหนือขอโทษษษษ
กรี๊ดดดดดดดด หวั่นไหว อยากได้ๆๆๆๆๆๆ ซึ่งผมคงระริกระรี้ไม่ต่างจากอีสองตัวนั่นอ่ะตอนนี้ เพราะเห็นพวกมันมองมาแล้วก็เบะปากใส่
กูก็แค่คุยม้ะ
“ไม่เคยเห็นเหนือมากับกรรณก่อนนี้เลย รู้จักกันนานแล้วเหรอครับ” โอบถามพลางก็ส่งสายตาแวมไพร์มาให้
กรี๊ดดดดดดดด ลาลาลอยมากครับ
“เพิ่งรู้จักกันครับ” ไม่บอกหรอกนะว่ารู้จักจากพี่วินอีกที ผัวมีผัวพี่ต้องมานี่ผัวไม่มาก็เพราะว่าผัวไม่อยู่ อิอิ
“ถึงว่า” โอบยิ้มเบาๆ แต่อิมแพคมาก “ถ้าผมเจอพี่ก่อนนี้นะ”
“ถ้าเจอก่อนนี้ ทำไมเหรอครับ” ผมจิบไวน์ ทำหน้าอินโนเซ้นส์แต่ใจเต้นตุบๆ โดนจีบแน่ๆ กู
โอบยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหู พูดคำเดียวว่า “จีบ”
อร๊ายยยยยยยย ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชายถูกใจไม่มี
“แต่คงไม่ทันแล้วนะครับ” ผมยิ้มแบบจริตตัดพ้อเอียงอาย
“ทำไมล่ะครับ” โอบทำหน้าผิดหวัง “มีแฟนแล้วเหรอ”
ผมไม่บอกว่ามีแฟนแล้ว ชั่วม้ะ แต่แลสายตาไปที่ดอกไม้ข้างๆ โอบแทน
“อ๋อ ไม่ใช่ของผมหรอกครับ กรรณมันฝากไว้” โอบบอกก่อนจะรินไวน์ให้ผมอีก
“เดี๋ยวมานะครับ” ผมเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ปวดหนักปวดเบาแต่อย่างใด แค่อยากจะเช็กความเรียบร้อยหน้าตัวเองอ่ะ แต่ลึกๆ แล้วเป็นเพราะจิตใจฝ่ายดีบอกว่า เดี๋ยวมึงก็ถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้นหรอก สะบัดตูดออกมาเดี๋ยวนี้ อีกากี
ผมคิดว่าออกจากห้องน้ำแล้วโอบก็คงจะไม่อยู่ตรงบาร์นั่นแล้วแต่ตรงกันข้ามครับ เขายังนั่งรออยู่ มากกว่านั้นคือมีคนเริ่มจูบกันนัวเนียกลางห้องด้วยแต่ไม่ใช่อีสองตัวนั้นนะ พวกมันก็มองตาปริบๆ เหมือนกันครับ
“เหนือครับ ค็อกเทลครับ ผมทำเองเลยนะ” โอบลุกจากที่บาร์เอาค็อกเทลมาเสิร์ฟให้ถึงที่
“ว่าจะกลับแล้วครับ” ผมปฏิเสธ จิตใจฝ่ายดีชนะ อยู่นานไปกลัวใจตัวเองอ่ะครับ
“เพิ่งมาเอง” โอบทำหน้าหงอย
โอยยยย ดาเมจแรงมากกกก อยากปลอบ อยากอยู่ต่อ
“พอดีมีธุระด่วนน่ะครับ” ผมกลั้นใจปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“งั้นดื่มค็อกเทลนี่ก่อนครับ อุตส่าห์ทำให้นะ” โอบคะยั้นคะยอ
ผมกลัวเสียน้ำใจก็เลยยกขึ้นดื่มครับ อร่อยดีอยู่นะ แต่หลังจากนั้นคือทุกอย่างมันเบลอๆ มึนๆ ตัวงี้ร้อนวูบวาบเลยอ่ะครับ
เหมือนภาพตัดฉับสลับฉากในละครแค่พริบตา ผมก็อยู่ในรถแท็กซี่กับพี่เอ็มกับต้าร์ละ มองหน้ามันสองตัวก็ดูเครียดๆ เหมือนเพิ่งโดนปล้นมางั้นแหละ