>….ตอนที่ 21 [100%]….<
นิรันดร์เก็บอาการตกใจเอาไว้ไม่อยู่ มันแสดงออกทางสีหน้าเพราะสิ่งที่หัวหน้าแม่บ้านอย่างป้าออมบอกมานั้นมันกะทันหันเกินไปจริงๆ เขาเพิ่งจะคุยและตกลงคบกับริทไปเมื่อคืนนี้ เช้านี้กลายเป็นว่าริทจะต้องลาออกไปอยู่ที่อื่นเนี่ยนะ เขาจะตั้งรับยังไงทัน!
“ทำไมมันกะทันหันขนาดนี้ล่ะครับป้า น่าจะแจ้งผมล่วงหน้าสักสามสี่วัน ลุงช่วยแกก็แก่แล้ว ผมหาคนใหม่มาทำไม่ทันนะครับ” นิรันดร์ลองต่อลองกับป้าออม
“ป้าก็ไม่คิดว่าจะต้องกะทันหันขนาดนี้หรอกค่ะคุณรัน แต่มันจำเป็นจริงๆ”
“ป้าพูดแบบนี้ผมก็ลำบากใจ ผมยังไม่อยากให้ลาออกตอนนี้ ทางนั้นเดือดร้อนมากไหมล่ะครับ ให้ผมช่วยเหลือทางอื่นแทนจะได้ไหมเอ่ย” เขาค่อนข้างจะเกรงใจป้าออมคนนี้พอสมควร นอกจากเป็นว่าที่แม่เมียแล้ว ป้าออมแกยังเป็นคนหนึ่งที่คอยดูแลนิรันดร์รวมถึงครอบครัวนิรันดร์มาเป็นสิบๆ ปี
“ถ้าจะช่วยก็ช่วยให้เจ้าริทมันกลับต่างจังหวัดเถอะค่ะคุณรัน” ป้าออมไม่ประนีประนอมกับนิรันดร์เลย ไม่มีแม้ท่าทีอ่อนข้อมีแต่ความเด็ดขาด
“แล้วริทรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหมครับ”
”ค่ะ ป้าบอกเจ้าริทเมื่อเช้านี้”
“อ่า...งั้นผมขอคุยกับริทก่อนแล้วกันนะ”
“ไม่ค่ะ ริทไม่สะดวกคุย เจ้านั่นคงเก็บข้าวของอยู่ คุณรันพักผ่อนเถอะค่ะ ป้าขอตัวนะคะ” นิรันดร์รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่การเดือดร้อนของน้องสาวป้าออม แต่มันเหมือนป้าออมไม่ต้องการให้นิรันดร์เจอริท
เขาคงจะคิดมากไปเอง บางที ป้าออมคงเครียดกับเรื่องเดือดร้อนที่เธอกล่าวมา ท่าทางเคร่งขรึมจริงจังแบบนั้นนิรันดร์เพิ่งจะเคยเห็นป้าแกทำด้วยซ้ำไป มันต้องเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส ไม่งั้นป้าคงไม่ยอมให้ลูกชายสุดที่รักไปอยู่ห่างขนาดนั้นหรอกมั้ง
นิรันดร์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่คิ้วเขากำลังขมวดเป็นปม เขากับริทตกลงคบกัน แล้วจะต้องมาแยกไปอยู่ห่างไกลแบบนั้นน่ะนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ตั้งรับไม่ทันเลยจริงๆ เขากินข้าวทั้งที่สมองยังตื่นตัวไม่เต็มที่ พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้
หรือว่าแค่ไปชั่วคราวแล้วจะกลับมา แบบนั้นไม่น่าต้องใช้คำว่าลาออกก็ได้ไม่ใช่เหรอ แค่บอกว่าลาชั่วคราว กลับไปอยู่กับน้าสักระยะ แต่นี่เล่นขอลาออกไปเลย นิรันดร์ทวนความทรงจำอันเลือนรางถึงบ้านต่างจังหวัดของริท
อืม...เดินทางไปกลับน่าจะได้อยู่ แต่ได้แค่วันหยุดน่ะสิ
นิรันดร์ดื้อรั้นลงไปหาริทที่ห้องหลังทำนั่นนี่เสร็จเรียบร้อย ทว่าประตูห้องนอนที่ไม่เคยใส่กลอนเลยนั้น ตอนนี้มันล็อกสนิทมากๆ นิรันดร์ตะโกนเรียกเบาๆ หวังให้ริทออกมาเปิดประตูแล้วคุยกับริทเรื่องนี้
เสียงเรียกของนิรันดร์ถูกตอบแทนด้วยความเงียบ ไม่มีการขานรับกลับมาอย่างที่ควรจะเป็น ร่างสูงเคาะห้องอีก เรียกอีก ทำซ้ำจนสุดท้ายต้องยกมือถือขึ้นโทรหาริท แต่ว่าเขาก็ยังไม่สามารถติดต่อริทได้เลย
นิรันดร์มองซ้ายมองขวา คิดว่าริทอาจไม่อยู่ในห้องแต่อยู่ที่อื่น เขาตรงไปถามแม่บ้านสักคนแถวบริเวณนั้น ว่าริทไปไหนหรือเปล่า ป้าออมล่ะ นิรันดร์ได้รับคำโกหกโดยไม่รู้ตัวว่าทั้งสองคนนั้นออกไปข้างนอกได้สักพักแล้ว
ได้ยินแบบนั้นนิรันดร์ก็เดินงุ่นหง่านขึ้นห้องนอนของตัวเองไป ความกระวนกระวายทำให้นิรันดร์ไม่สามารถอยู่เฉยได้ เขาเดินวนไปวนมารอบเตียงนอน ขึ้นไปนอนเล่นก็แล้ว เดินออกไปออกกำลังกายห้องข้างๆ ก็แล้ว เขายังทำใจให้สงบไม่ได้เพราะเขายังไม่ได้คุยกับริทเลย
นิรันดร์เฝ้ารอเวลาที่สองแม่ลูกจะกลับเข้าบ้านมาอีกครั้ง รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นวี่แววมาว่าจะกลับมา ถามแม่บ้านคนไหนก็ตอบเหมือนกันหมดว่ายังไม่เห็นสองแม่ลูกนั่นเลย นิรันดร์เองก็ติดต่อริทไม่ได้ จากตอนแรกโทรไม่รับ ตอนนี้กลายเป็นปิดเครื่องไปแล้ว
ทุกคนในบ้านพยายามปกปิดการมีอยู่ของป้าออมและริท ทั้งสองคนนั้นกำลังเก็บข้าวของแล้วก็จะเดินทางกลับต่างจังหวัดโดยไม่ร่ำลาเจ้านายอย่างนิรันดร์ ป้าออมต้องการให้ลูกชายของเธอขาดการติดต่อกับนิรันดร์ไปเลย ไม่ต้องพูดคุยหรือเจอหน้ากันอีกยิ่งดี อาจเพราะเรื่องมันเพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ เธอจึงยังไม่สามารถทำใจยอมรับมันได้
เช้ามืดวันอาทิตย์ สองแม่ลูกเดินทางออกจากบ้านหลังโตของนิรันดร์ด้วยรถแท็กซี่ มุ่งตรงไปหัวลำโพงเพื่อส่งริทกลับบ้านต่างจังหวัด ระหว่างแม่ลูกนั้นจับมือกันแน่นตลอดเวลา แต่กลับไม่มีการพูดคุยอะไรเลย
ริทไม่อยากไป ถ้าจับมือแม่ไว้ตลอดแบบนี้ได้ก็จะทำ การที่เขาไม่อยากกลับบ้านมันไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งได้คบกับนิรันดร์ นับตั้งแต่ที่แม่ต่อว่าเขา แม่ร้องไห้ต่อหน้าเขา ในหัวของริทก็มีแต่แม่คนเดียว มีแต่คำขอโทษ มีแต่คำขอขมา
“ริทไม่อยากไป...” ตอนนี้เด็กหนุ่มตัวโตกลายเป็นเด็กน้อยอ้อนขอแม่ทั้งดวงตาแดงก่ำ ริทเอนหัวซบลงที่ไหล่ของแม่ตนเองขณะที่รอรถทัวร์ไปเชียงราย
“กลับไปก็เป็นเด็กดีของน้า อย่าดื้อ อย่าทำตัวแบบนี้อีก” แม่ไม่มองหน้าเขา มองไปแค่ความว่างเปล่าของอากาศ
“ริทขอโทษ” เสียงขอโทษสั่นเครือจนน่าสงสาร คนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะลูบไล้ศรีษะของลูกชายเธอเองเพื่อปลอบโยน
“เดี๋ยวก็ชิน มีอะไรก็โทรมา แม่อยู่นี่ตลอดแหละ ว่างๆ แม่ก็จะกลับไปหา”
“แต่ริทอยากอยู่กับแม่”
“เลิกงอแงแล้วยอมรับความจริงได้แล้วริท” คำนี้มันช่างเด็ดขาด ริทยอมขยับตัวมานั่งตรงๆ แม้ว่าน้ำตาจะไหลรินอยู่เต็มใบหน้าของเขา
ณ เวลานี้เขาไม่อายใครเลย ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนอื่นจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน ข้างในมันเจ็บปวดเกินกว่าจะมาใส่ใจคนรอบข้าง สายลมยามเช้าทำเอาเขาที่ไม่สบายหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ อยู่กับแม่มาตลอด ตอนนี้กลับต้องห่างกัน เพราะเขาทำตัวเอง...เขามันเป็นลูกที่แย่เอง
ไม่ว่าจะอ้อนวอนแค่ไหน ก็ทำให้แม่ใจอ่อนไม่ได้ สุดท้ายริทก็ต้องขึ้นรถทัวร์กลับเชียงรายทั้งน้ำตา เขามองแม่จากที่นั่งข้างหน้าต่างด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ต่อไปนี้เขาจะต้องอยู่คนละที่กับแม่ ต้องมาคอยเฝ้าหวังว่าวันไหนแม่จะกลับมาหาเขา
เทคโนโลยีมันก้าวหน้าไปไกล สามารถโทรไลน์โทรเฟซหากันได้แบบเห็นหน้าอันนั้นเขารู้ แต่มันไม่เหมือนกันเลย มันช่วยเยียวยาได้แต่ทดแทนไม่ได้ทั้งหมด เพราอ้อมกอดอุ่นๆ จะได้มาก็ต่อเมื่ออยู่ตรงหน้ากันเท่านั้นเอง
หึ...ตลกชะมัด เขาเพิ่งรู้สึกฝันหวานที่ใจตรงกับนิรันดร์ไปเมื่อวานก่อนเอง แล้วดูวันนี้สิ เขาต้องจากทั้งแม่และคนที่เขารักไปอยู่คนล่ะที่โดยไม่ได้ร่ำลาเลยด้วยซ้ำ นี่มันยิ่งกว่าโดนปลุกให้ตื่นจากฝันอันสวยงาม แต่มันคือความย่ำแย่แสนทรมานในความรู้สึกเขา
ริทร้องไห้จนหลับไป แม้ไม่มีสติ เขาก็ยังคงนั่งกอดตัวเองสะอื้นเบาๆ โชคดีข้างกายเขาว่างเปล่า และไอ้ความว่างเปล่านี้อาจจะกลายเป็นความโชคร้ายระยะยาว เขาต้องคิดถึงแม่มากแน่ๆ ต้องโหยหาแม่เหมือนตอนเป็นเด็กน้อย
เขายังจำสมัยนั้นได้อยู่เลย...ความทรงจำมันชัดเจนและมันกำลังจะหวนกลับมาอีกครั้ง
กว่าริทจะเดินทางไปถึงบ้านที่เชียงรายก็เกือบค่ำมืด น้าสาวทำอาหารเตรียมเอาไว้รอเขาอยู่แล้ว แต่เขาไม่คุ้นชินกับมัน ข้างกายน้ามีน้าแฟนและลูกสาวของน้าอยู่ด้วย ตอนที่ริทจากไป น้าสาวยังอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมด เปลี่ยนแม้กระทั่งบ้านที่อยู่อาศัย
น้าสาวสอบถามสารทุกข์สุขดิบ ริทก็ตอบแค่คำต่อคำเท่านั้น น้าสาวเห็นอาการไม่ดีก็ถอนหายใจ ปล่อยให้ริทได้อยู่กับตัวเองในบ้านเดี่ยวชั้นเดียวเล็กๆ หลังนี้ โดยเธอได้เอาเครื่องนอนมาให้ ด้วยความที่บ้านหลังนี้มันมีห้องนอนแค่ห้องเดียว ริทจึงต้องนอนในห้องโถงบ้านตรงโซฟาเก่าๆ ราคาถูก
น้าสาวและน้าชายของริทต่างก็ทำงานโรงงานที่เดียวกัน พวกเขาจะตื่นแต่เช้าไปส่งลูกสาววัยสี่ขวบขึ้นรถโรงเรียน จากนั้นถึงไปรอรถบัสประจำทางของบริษัทมารับไปทำงาน ริทใช้ชีวิตแบบอืดเอื่อยเพราะไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยสักอย่างเดียว แต่การที่เขามาอยู่นี่ เขาก็ต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้เป็นภาระของที่บ้าน
เช้านี้น้าสาวชวนริทไปสมัคงานที่บริษัท เป็นเด็กแพ็กของหรือเด็กรถ แต่ริทไปพร้อมกับน้าทั้งสองไม่ได้ ต้องเดินทางไปเอง รถบัสประจำทางเขาไม่ให้คนนอกขึ้น ริทจำพยักหน้ารับ ขณะที่บ้านไม่เหลือใครแล้วริทก็เตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม ไม่มีกำลังใจยังไงก็ต้องทำงานอยู่ดี
ริทได้รับการเข้าทำงานเพราะน้าเป็นคนขอให้ ทั้งที่จริงทางเขาค่อนข้างจะไม่อยากรับเด็กที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานอย่างริท ต่อให้ริททำงานเป็นคนขับรถให้นิรันดร์มาก่อน แต่เขาไม่มีใบรับรองงาน เล่นออกมาแบบเหมือนหนีหนี้ก็เลยต้องเริ่มต้นใหม่แบบนี้
ก็...ไม่แย่
แค่เหงา!
แม่ขอให้ริทเลิกติดต่อกับนิรันดร์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ริทก็เลยไม่เปิดมือถือหรือเข้าโซเชี่ยลมีเดียเลย ริทพกฟิกเกอร์ตัวน้อยที่นิรันดร์ซื้อให้มาแค่ตัวเดียว นอกนั้นเขาไม่สามารถขนมันมาได้ก็เลยต้องปล่อยทิ้งเอาไว้ แม่บอกว่าแม่จะเอาไปคืนนิรันดร์ให้ แล้วอีกฝ่ายจะเอาไปทำอะไรต่อนั้นก็คงแล้วแต่เขาเลย
ช่างเป็นวันแย่ๆ ที่ต้องดูแลตัวเอง
ด้านนิรันดร์ยังคงเฝ้ารอเจอหัวหน้าแม่บ้านของเขาไม่เลิกรา เช้าวันใหม่ผ่านไปก็แล้ว ไม่เห็นแม้เพียงเงา เขาตื่นเช้ากว่าทุกวันเพื่อลงมาข้างล่าง ถามใครทุกคนยังตอบคำเดิมจนนิรันดร์รู้สึกว่ามันแปลกๆ ไม่มีทางที่คนพวกนี้จะไม่เห็นหัวหน้าของตนเองและริท
นิรันดร์อดทนรอหัวหน้าแม่บ้านจนเกือบเที่ยงวันเธอก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมเหงื่อท่วมกาย สีหน้าเธอตอนที่มองมายังเขาค่อนข้างกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก นิรันดร์ลุกจากโซฟารับแขกตรงเข้าไปหาเธอโดยไม่รีรอ
“ริทล่ะครับป้า” สีหน้านิรันดร์วันนี้ไม่สดใสเพราะเขาไม่สามารถติดต่อริทได้เลยไม่ว่าจะช่องทางใดก็ตาม
“ริทกลับบ้านไปแล้วค่ะ ป้าไปส่งริทมา”
“ผมยังไม่อนุญาตให้ลาออกเลยนะครับ ทำไมป้าทำแบบนี้ล่ะ...” เรียวคิ้วได้รูปขวดเป็นปม ความไม่พอใจแสดงชัดเจนอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของนิรันดร่
“ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณรัน ป้าอยากให้ริทรีบกลับไปทำงานที่นั่น น้องสาวป้าบอกว่ามีงานให้ริททำ ถ้าไปไวก็จะได้เข้างานเร็ว ป้าก็เลยรีบส่งริทกลับ”
“ให้ไปทำงานที่นั่น? งานอะไรครับ” หัวหน้าแม่บ้านนิ่งงันไปครู่เหมือนนึกหาคำตอบ
“ทางนั้นเขาเดือดร้อนเรื่องเงินเหรอครับ ทำไมไม่บอกผม ผมจะได้ส่งให้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาริทไปทำงานช่วยหาเงินที่นั่นเลย ทำงานกับผมมันไม่ดีเหรอครับป้า” นิรันดร์มีท่าทีดุดัน ป้าออมก็พอจะเดาได้แหละว่าเจ้านายไม่พอใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่นี่คือการตัดสินใจของเธอเอง เธอต้องยอมรับความไม่พอใจของเจ้านายในเวลานี้ นิรันดร์ต่างจากคุณท่านทั้งสอง เพราะคุณท่านจะใจดีกว่านิรันดร์มากคงเพราะความผูกพันธ์ที่มีต่อลูกน้อง
“ป้ามีเหตุผลส่วนตัวค่ะคุณรัน ป้าไม่สามารถบอกคุณรันได้จริงๆ”
“แม้แต่ริทก็บอกผมไม่ได้เหรอครับ ป้าใช่ไหมที่สั่งให้ริทไม่รับสายผม มีปัญหาอะไรพูดกับผมตรงๆ สิ” สายตาของคนในบ้านโฟกัสมาที่ทั้งสองคน บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างตรึงเครียดเมื่อผู้อาวุโสในบ้านกำลังปะทะกับเจ้านายเพียงคนเดียวในที่นี่
ป้าออมเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่ไม่เคยมีประวัติไม่ดี เธอทำงานดีไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อยในรุ่นคุณท่าน แต่ดูเหมือนว่ารอบนี้เธอจะสร้างความขัดใจกับรุ่นลูกของบ้านแทน ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้หัวหน้าแม่บ้านผู้มีอารมณ์ดีอยู่เกือบตลอดเวลาเป็นอย่างนี้ได้ และคงไม่มีทางได้รู้หากป้าออมไม่เป็นคนพูดมันออกมาเอง
“ไปคุยกันที่ห้องริทได้ไหมคะ”
“เชิญ” นิรันดร์ผายมือเชิญป้าออมไปยังห้องนอนของริท จะเรียกว่าอดีตห้องนอนริทคงถูกต้องกว่า
ป้าออมเดินนำนิรันดร์ไปยังห้องนอนของลูกชายเธอ ห้องนอนที่เต็มไปด้วยข้าวของต่างๆ ที่ได้มาจากนิรันดร์เป็นส่วนใหญ่ พอมารู้แบบนี้ เธอก็เหมือนจะนึกออกได้หมดเลยว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมามันเพราะนิรันดร์ทั้งนั้น ที่ริทใส่เสื้อนิรันดร์ นิรันดร์ไม่ได้ให้แต่ลูกชายเธอไปนอนกับเจ้านายมา ข้าวของต่างที่มาส่งเป็นชื่อนิรันดร์โดยที่ก่อนหน้านี้นิรันดร์ไม่เคยสั่งซื้อของออนไลน์มาก่อน ที่แท้ก็ซื้อมาให้ลูกชายเธอเป็นค่าตัว
ประตูถูกเปิดออก นิรันดร์เข้าไปข้างใน ป้าออมถึงได้ปิดประตูลงให้ทั้งห้องมีแค่ทั้งคู่ นิรันดร์กวาดสายตามองไปยังฟิกเกอร์ต่างๆ ที่เขาเป็นคนซื้อให้เอง มันยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้นำกลับไปด้วย ต่างอะไรกับทิ้งมันกันนะ?
“ป้าอยากจะคืนของทั้งหมดนี้ให้คุณรัน” นิรันดร์หันขวับมามองหน้าผู้พูด
“ริทไม่ต้องการมันแล้วเหรอครับ”
“ริทคงต้องการมันมากค่ะ แต่ป้าไม่ต้องการมัน คุณรันคะ...ป้าขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ป้ารู้เรื่องคุณรันกับริทแล้ว และป้าก็ทำใจไม่ได้จริงๆ ที่ต้องให้ริทมาขายตัวแบบนี้” แค่พูดถึงประเด็นนี้เสียงของป้าออมก็สั่นเทา
“ใครบอกป้า”
“ป้าไม่ได้หูตาบอดนะคะคุณรัน ปล่อยเจ้าริทมันไปเถอะค่ะ คุณรันหาเด็กที่ดีกว่าริทมานอนด้วยได้อยู่แล้ว”
“ป้า!” นิรันดร์เผลอขึ้นเสียง
“ริทมันก็แค่เด็กบ้านนอก มันคงตามไม่ทันคุณรัน ป้าไม่โทษใครหรอกนอกจากลูกป้าเอง”
“ป้าก็ตามไม่ทันลูกป้าเหมือนกัน ริทไม่เคยขายตัว ไม่เคยนอนกับผมเพราะสิ่งของเหล่านี้ ป้าเข้าใจริทผิด” นิรันดร์ถึงกับหัวเสีย นี่ริทโดนส่งกลับต่างจังหวัดเพราะแม่ตนเองเข้าใจผิด
“ป้าเข้าใจไม่ผิดหรอก ริทเองมันก็ยอมรับ” ป้าออมจ้องตานิรันดร์อย่างแน่วแน่ เพราะเชื่อว่านิรันดร์อยากได้ลูกของเธอมากจนโกหกเธอ
ทว่านิรันดร์เข้าใจในทันทีว่าทำไมริทถึงยอมรับสภาพนั้นไป เพราะก่อนหน้าที่เขาจะขอริทคบ เขาก็ทำเหมือนริทเป็นแค่เด็กขายโดยไม่รู้ตัวมาก่อน เขาทำริทคิดมาก และริทคงฝังหัวไปแล้วว่าตนเองเป็นแค่คู่นอนของนิรันดร์โดยแลกกับฟิกเกอร์ราคาแพงเหล่านี้
“ป้าฟังผมนะ ที่ผมให้สิ่งของเหล่านี้กับริทเพราะผมอยากจะให้ริทมีความสุข ผมอาจจะผิดเพราะผมใช้เงินซื้อความสุขมากเกินไปก็เลยไม่ได้นึกถึงใจริท แต่ผมไม่ได้มองว่าริทเป็นเด็กขาย ผมไม่ได้คิดแค่จะตักตวงเรื่องแบบนั้นกับริทเลย” นิรันดร์ยกมือเสยผมด้วยความหัวเสียนิดๆ ที่ริทต้องไปนี่ก็เหมือนเป็นความผิดของเขาเองเช่นกัน
ป้าออมมองหน้านิรันดร์ด้วยสายตาไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่ได้ต้องการร่างกายลูกชายของเธอแล้วทำเหมือนลูกชายเธอเป็นเด็กขายทำไม สิ่งที่นิรันดร์ได้ทำอยู่นี้มันมีความหมายอะไรกันแน่ ทั้งที่เธอเคยเห็นคนคนนี้มาตั้งแต่เด็ก ทว่าช่วงเวลาที่ห่างหายกันไปนั้นทำให้เธอไม่รู้จักคนคนนี้ดีพอ
“ผมรักริท” นิรันดร์จ้องหน้าแม่ของคนที่เขารัก สายตาคู่นี้แสดงออกถึงความจริงในคำพูด
แต่คนฟังไม่เชื่อ...
“คู่นอนคุณรันได้ยินคำนี้คงใจอ่อนนะคะ” เสียงเธอแข็งกระด้าง
“ผมพูดจริงๆ ผมรักลูกป้า และผมกับเขาเราตกลงคบกันแล้ว ริทไม่ได้ขายตัวให้ผม ผมต่างหากที่พยายามเอาตัวเองเข้าหาริท ผมพยายามทำให้เขามาชอบผม ทำให้เขาเป็นของผม” คำอธิบายทำให้คนฟังแอบลังเล เธอเชื่อนิรันดร์ได้มากขนาดไหนกัน?
รู้ดีว่าลูกของเธอนั้นเป็นผู้ชายคงไม่มีอะไรให้เสียหายมากนัก แต่ในความเป็นแม่ เธอก็ยังเป็นห่วงลูกชายของเธอ กลัวลูกจะเสียใจหากมารักกับนิรันดร์ บางทีนิรันดร์คงหลอกริทและเธอด้วยคำว่ารักนี่แหละ
นิรันดร์เห็นแววตาคนตรงหน้าก็เดาได้ว่าเธอไม่ได้เชื่อถือในคำพูดของเขาเท่าไหร่นัก มันก็คงไม่แปลก ทำกับลูกเธอไว้ขนาดนั้นแล้วค่อยมาพูดเอาตอนนี้ว่ารักลูกของเธอ แม่ที่ไหนเขาจะยอมรับกันได้ง่ายๆ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ นิรันดร์รอดูท่าทีส่วนป้าออมเองก็ครุ่นคิดถึงสิ่งที่นิรันดร์ได้บอกกับเธอมา ใช่ว่านิรันดร์ขาดความน่าเชื่อถือหรอก แค่ความรู้สึกเป็นห่วงลูกนั้นมันรุนแรงกว่าจะทำใจให้เชื่อ ตลอดระยะเวลาที่นิรันดร์กลับมาเธอก็รับรู้มาตลอดว่านิรันดร์เอาคู่ขามามีอะไรด้วยบนรถ
หนึ่งปีที่นิรันดร์กลับมาอยู่ไทยยังทำให้เธอเข้าใจและรู้จักคนคนนี้ได้ไม่มากพอ คำพูดจริงเท็จแค่ไหนไม่มีใครบอกเธอได้จริงๆ เธอมองหน้านิรันดร์ สบตาคมกล้าคู่นั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ขอโทษที่ป้าไม่เชื่อคำพูดคุณรันค่ะ” ชัดเจน ไม่ใช่แค่มองหน้าก็รับรู้ แต่ป้าออมยังบอกกับนิรันดร์ไปแบบตรงไปตรงมา
“แล้วผมต้องทำไงป้าถึงจะเชื่อผม”
“ไม่ทราบค่ะ”
“เอาริทมาคุยสิ ให้ผมติดต่อริทให้ได้ เรามาคุยกันพร้อมหน้าพร้อมตามันจะง่ายขึ้นก็ได้”
“มันอาจเป็นความหลงใหลก็ได้คุณรัน คุณคงไม่ได้รักเด็กกะโปโลแบบนั้นเข้าให้แล้วหรอกค่ะ ความห่างไกลมันจะทำให้ความรู้สึกคุณรันชัดเจนขึ้นนะคะ ส่วนข้าวของพวกนี้ป้าจะให้คนมาขนเข้าไปไว้ห้องคุณรันนะคะ ป้าขอตัวไปทำงานก่อน” ราวกับคำพูดต่างๆ คำอธิบายเรื่องราวมันจะไม่ได้ทำให้ผู้หญิงอย่างป้าออมยอมเข้าใจและอ่อนข้อให้เลยแม้แต่นิด
นี่คำพูดของเขามันไม่มีน้ำหนักเลยใช่ไหม...?
….100%....
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีไอแพดเราเจ๊ง แงงงง อยากจะร้องไห้ ไฟล์งานเราดันเก็บไว้ในไอแพดทั้งหมดเลย ก็เลยต้องกู้ขึ้นมาใหม่ เดี๋ยวเราจะมาอัปรัวๆ ให้อ่านให้จบเลยนะคะ
ปล.ขออภัยในคำผิดนะคะ พอดีเรายังไม่ได้แก้เลย ไว้เรากลับมาแก้ใหม่อีกทีน้า