>….ตอนที่ 16 [100%]….<
“ปอยว่าเด็กเสิร์ฟคนนั้นตรงสเป็กคุณ” ปอยยืดตัวป้องปากกระซิบกับนิรันดร์
“ฮ่าๆ” นิรันดร์หัวเราะ รอยยิ้มกว้างๆ ของเขาแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดนั้นตรงใจอย่างที่สุด
“ผมไม่เถียง” เขาว่าอย่างนั้นก่อนลุกขึ้นไปกระซิบข้างหูหญิงสาว
“แต่ผมมีคนที่ชอบมากกว่าเด็กเสิร์ฟคนนั้น” ได้ยินดังนั้นปอยก็ป้องปากตกใจ
“จริงเหรอ คุณเนี่ยนะ?” นิรันดร์พยักหน้าเบาๆ
“ใช่ อันที่จริง...ผมคิดเรื่องที่จะจริงจังกับเขา”
“คนอย่างคุณรันที่ซื้อกินตลอดเนี่ยนะ? นี่คุณคิดดีใช่ไหมที่จะจริงจังกับเด็กที่ตัวเองซื้อมากินน่ะ” ปอยไม่ได้ลุกไปกระซิบ เธอใช้น้ำเสียงแผ่วเบาเพื่อให้ได้ยินกันเพียงลำพัง
“เด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กขาย”
“ตายแล้ว ปอยกำลังคิดว่าปอยตื่นหรือยัง”
“ฮ่าๆ ไม่ขนาดนั้นนี่ ผมก็เคยคบจริงจังตั้งหลายคน”
“ใช่ แต่ก็เลิกทุกคน”
“อืม แต่คนนี้ผมคิดจริงจังนะ”
“เขาดีขนาดทำให้คุณรันละทิ้งวันว่างบนเตียงนอนของตัวเองเหรอคะ โลกส่วนตัวของคุณน่ะไม่เคยมีใครเข้าไปได้เลยน้า”
“นั่นแหละ ผมถึงยังคิดอยู่ ที่จริง การมีเขาอยู่ในห้องด้วยกันก็ไม่แย่นะสำหรับผม” นิรันดร์คว้าแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ เขาครุ่นคิดถึงริทก่อนจะมองไปข้างหน้าเพื่อจะดูว่าเด็กหนุ่มของเขาทานอาหารที่เขาสั่งให้หรือเปล่า
ปรากฏว่า...ตรงนั้นไม่มีริท!
“ตอนนี้ไม่แย่สำหรับคุณหรือเปล่า พอเวลาผ่านไปมันก็อาจไม่เป็นอย่างตอนนี้ คุณก็รู้ คำว่าคนรักน่ะ เขาต้องเข้ามาในโลกส่วนตัวของเราอยู่แล้ว ไอ้การรักโดยไม่ยุ่งกับโลกส่วนตัวของกันและกัน แถมยังต้องปล่อยวันว่าง ปล่อยเวลาที่จะใช้ร่วมกันให้คุณได้อยู่คนเดียวน่ะมันแย่อยู่นะ” ปอยรู้ดีถึงลักษณะนิสัยของนิรันดร์ เพราะเธอรู้จักนิรันดร์มานานแล้ว
“เขาอาจไม่งอแงก็ได้” นิรันดร์กวาดสายตาไปทั่วร้าน หรือว่าริทจะไปเข้าห้องน้ำ แต่อาหารบนโต๊ะนั้นเหมือนไม่ได้ถูกแตะเลยนะ
“หืม...” ปอยไม่ต่อบทสนทนา เธอเห็นว่านิรันดร์ไม่ได้สนใจเธอในตอนนี้ เขามองตามสายตาของนิรันดร์ไปเรื่อยๆ แล้วก็พบว่าเด็กหนุ่มคนขับรถของนิรันดร์หายไป เธอหันกลับมามองนิรันดร์อีกหน บนใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มเมื่อครู่นี้หายไป คิ้วขมวดหน่อยๆ เธอเดาได้เลยว่าตอนนี้นิรันดร์แอบอารมณ์ไม่ดีแล้ว
“ของใหม่น่ะไม่งอแงหรอกคุณ พอใช้ไปนานๆ ก็เรียกร้องมากขึ้นทุกทีแหละ”
“ก็อาจเป็นอย่างนั้น” นิรันดร์พยายามตั้งสมาธิให้อยู่กับปอย ทั้งที่เขากำลังสนใจว่าริทหายไปไหน
“งั้นมันก็คงไม่เหมาะกับคุณรันหรอกเนอะ ปอยยังคิดอยู่เลยนะ คุณน่ะจะมีคู่ได้จริงๆ เหรอ” เธอยิ้ม ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบเบาๆ
“อยู่คนเดียวก็ได้ ผมไม่ซีเรียสเรื่องคู่หรอก” แต่เขาตั้งสมาธิไม่ได้ เผลอแป็บเดียวนิรันดร์ก็มองหาริทอีกครั้ง
คำพูดของปอยกลายเป็นเสียงแว่วเข้าหูของนิรันดร์ เขาไม่หันมามองหน้าเธอด้วยซ้ำ แต่ปากก็ยังตอบโต้กับเธอเรื่อยๆ เพียงแค่เป็นคำสั้นๆ ตอบไม่กี่คำแล้วก็เงียบ นิรันดร์หยิบมือถือขึ้นมาหมายจะกดโทรหาริท
“คุณรันมีธุระด่วนเหรอคะ” เพราะเห็นว่านิรันดร์เริ่มไม่สนใจเธอ ปอยก็ยิงคำถามใส่
“เอ่อ....”
“หรือว่าเพราะคนขับรถคุณหายไป” คำนี้เล่นเอานิรันดร์จุกไปที่โดนรู้ทัน
“ก็แค่คนขับรถนี่คะ” ปอยยิ้มหวาน “แต่ถ้าคุณเป็นห่วง คุณไปตามหาเขาก็ได้ วันนี้ปอยพอแค่นี้ดีกว่า โอกาสหน้าเราค่อยคุนกันใหม่”
“ไม่เป็นไรครับ เขาคงอยู่ที่รถ”
“ท่าทีของคุณไม่ได้บอกอย่างที่คุณพูดน้า เอาเถอะ เขาอาจเป็นเด็กคนนั้นที่คุณพูดถึงก็ได้ เชิญคุณไปหาเขา เดี๋ยวทางนี้ปอยจัดการเอง”
นิรันดร์ลังเล เขาควรไปหาริทตอนนี้แล้วปล่อยหญิงสาวไว้กับโต๊ะอาหารคนเดียวไหม ซึ่งที่จริงแล้วคำตอบมันชัดมาก เขาไม่ควรปล่อยให้ปอยนั่งทานอาหารเย็นเพียงลำพัง ทั้งที่เขาไปรับเธอมาเอง แต่ดันกลายว่าจะทอดทิ้งเธอเสียอย่างนั้น
แต่ถ้าเขาไม่รู้ว่าริทไปไหน เขาก็เป็นห่วง ริทอาจจะอยู่ที่รถ ไปดูการ์ตูน ไปฟังเพลง หรือจะไปตอบแชตไอ้หนุ่มคนนั้น? นิรันดร์กระวนกระวายอย่างมาก เห็นชัดเพียงแค่สบตาก็รับรู้ได้
“ไปเถอะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องปอยนะคะ ผู้ชายในคลังปอยเยอะ เดี๋ยวปอยหาคนอื่นมาแทนคุณรันก็ได้” รอยยิ้มของเธอเจ้าเล่สิ้นดี นิรันดร์ส่ายหน้ากับความรู้ทันของเธอ
“ที่จริงปอยกับผมก็ไม่ได้ต่างกันเลย”
“ก็ถ้าต่างกันเราคงไม่เป็นเพื่อนกันมั้งคะนิรันดร์ เชิญค่ะ” ปอยผายมือเชิญนิรันดร์ไปทางหน้าร้าน
“อืม ขอโทษนะ ไว้คราวหน้าผมจะเลี้ยงขอโทษแล้วกัน”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ” นิรันดร์ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าให้ดีก่อนจะร่ำลาหญิงสาว
ร่างสูงพุ่งตรงไปที่รถลีมูซีน โดยถามจากพนักงานเอาว่ารถคันดังกล่าวไปจอดอยู่ที่ไหน เมื่อรู้ตำแหน่งนิรันดร์ก็ตรงไปอย่างไม่มีลังเล เรียวขายาวมีประโยชน์ในยามเร่งรีบอย่างนี้เป็นที่สุด นิรันดร์มองซ้ายมองขวาไปด้วยเผื่อว่าริทจะอยู่ข้างนอกรถ เขาจะได้เห็นได้เลยโดยไม่ต้องไปที่รถแล้วไม่เจอริท
ระหว่างนั้นเขาก็โทรหาริท บอกให้ริทเตรียมรถให้พร้อมเพราะเขากำลังจะตรงไปที่รถ ริทขานตอบเขาแค่ครับ น้ำเสียงไม่ค่อยดีจนนิรันดร์รู้สึกได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นเหตุให้ริทมีอาการอย่างนี้
นิรันดร์คิดมากไปต่างๆ นาๆ จะเครียดเรื่องอะไรได้นะ เรื่องความรักเหรอ กับเด็กหนุ่มคนนั้นใช่ไหมนะ หรือว่าจะเรื่องการ์ตูน ดูตลกกับความคิดนี้แต่อย่าลืมว่าริทเป็นเด็กติดการ์ตูน บ่อยครั้งริทก็มีท่าทีไม่สบายใจเพราะการ์ตูนที่ตัวเองอ่านนั้นค้างคาอยู่ในบทที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก เหมือนมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับตัวละครที่ชอบ หรือตัวละครที่ชอบสองตัวทะเลาะกัน
นิรันดร์หวังว่าสาเหตุที่ทำให้ริทเป็นแบบนี้จะเป็นอย่างหลัง
ในที่สุดนิรันดร์ก็ตรงมาที่รถ ริทยืนรอเปิดประตูให้เขาอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ นิรันดร์ไม่ได้เอ่ยถามอะไรในทันที เขาไม่ยอมเข้านั่งประจำที่ห้องโดยสาร แต่เดินเลยริทไปนั่งข้างคนขับแทน ริทก็ไม่ได้ว่าอะไร ปิดประตูห้องโดยสารแล้วเดินไปประจำที่นั่งของตนเอง
เด็กหนุ่มมีท่าทีสงสัยเล็กน้อยถึงปอยที่หายไป ก็ไปรับมา ทำไมไม่ไปส่ง นิรันดร์ไม่ได้บอกเพราะไม่ได้สนใจในข้อนั้น ในหัวของนิรันดร์มีแต่เรื่องสาเหตุที่ทำให้ริทเงียบขรึมแบบนี้อย่างเดียว
“เดี๋ยวกลับบ้านเลย” นิรันดร์บอก
“ครับ” และริทก็ไม่คิดถามถึงหญิงสาว
ในรถอัดแน่นไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไร แถมเพลงก็ไม่มีเปิด เลยทำให้มีแค่เสียงแอร์เบาๆ คลอไปตลอดเส้นทาง ด้วยความที่นี่เพิ่งจะเป็นช่วงหกโมงนิดๆ ทำให้รถราบนท้องถนนนั้นแน่นขนัดไม่ยอมขยับเลยตั้งแต่เลี้ยวรถออกมาถึงถนนใหญ่
ริทดูนิ่ง ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับรถราบนท้องถนน ยกเว้นนิรันดร์ที่นั่งกระวนกระวายไม่หายเสียที เขาก็อยากจะถาม อยากจะรู้ว่าริทเป็นอะไร แต่คิดว่าอยากนั่งเงียบๆ ดูสถานการณ์ก่อนสักพักหนึ่ง เผื่อเขาจะหาสาเหตุได้โดยไม่ต้องถามอะไรริท
ก็บางอย่าง...การถามอาจเป็นการละลาบละล้วงก็ได้
นิรันดร์อดทนอยู่กับความเงียบแบบนั้นจนกระทั่งผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ เขาก็เริ่มทนไม่ไหว เขามองหน้าริทตลอดเวลา รู้ด้วยว่าริทรู้ตัวแต่ไม่ยอมหันกลับมาสบตากับเขา ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามว่าเขาเป็นอะไรอย่างทุกทีที่ผ่านมา
“ริทเป็นอะไรหรือเปล่า ผมว่าริทแปลกๆ ไปนะ” นิรันดร์เอ่ยถามในที่สุด
“เปล่าฮะ” และริทก็ตอบกลับง่าบๆ เสียงราบเรียบดูไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม
“แล้วทำไมไม่กินอะไรเลยล่ะ ที่ผมสั่งไว้ให้ริทไม่ชอบเหรอ”
“ผมอิ่มครับคุณรัน”
“อิ่ม แต่ไม่แตะอะไรเลยอะนะ”
“ผมขอโทษครับ ผมไม่หิวจริงๆ” ริทยังตอบเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมต่อไป
“แล้วทำไมออกมาก่อนไม่บอก”
“ผมขอโทษฮะ” ริทไม่ตอบว่าทำไม แค่พูดคำว่าขอโทษแล้วก็ปล่อยเบลอเรื่องนี้
นิรันดร์มองดูท่าที ครุ่นคิดในน้ำเสียงและคำตอบของริท เขาว่าเขาน่าจะเดาได้ว่าริทไม่ได้เครียดเรื่องตัวละครในการ์ตูน งั้นจะเป็นอย่างแรกที่เขาคิดไว้ว่าริทอกหักจากผู้ชายคนนั้น หรือไม่ก็ทะเลาะกัน ไม่จริงหน่า...
คิดให้ออกสิ...ท่าทีแบบนี้น่ะ...
นิรันดร์มองไปยังท้องถนน เขาใช้ทั้งสมองและความรู้สึกอย่างหนักที่จะคิดให้ออกว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ริทไม่เคยมีท่าทีแบบนี้ใส่เขา ถ้าตัวละครในการ์ตูนมันตาย ริทก็จะบ่น หรือเล่าให้เขาฟัง เพราะระหว่างเขาก็มีดูการ์ตูนด้วยกันบ้าง ริทเองยิ่งเป็นพวกชอบเล่าอยู่แล้ว ไม่มีทางเงียบแล้วเฉยเมยใส่เขาแบบนี้
นี่มันเหมือนคนโกรธกัน...โกรธงั้นเหรอ?
หรือว่า....
“ริทหึงผมกับปอย?” จู่ๆ นิรันดร์ก็พูดขึ้นมาดื้อๆ ริทหันขวับไปมองทันที
“ผมเปล่านะ” ริทโพล่งคำตอบนั้นไป นั่นเผยให้นิรันดร์รู้ว่าคำพูดของเขามันเป็นเรื่องจริง
“จริงเหรอ?” นิรันดร์หันมามองหน้าริท ขณะที่รถยังติดไฟแดงอยู่แบบนี้ เขาสามารถสบตาและพูดคุยกัยริทได้โดยไม่ต้องห่วงอะไรเลย
“ครับ ผมเปล่าหึง...ไม่ได้มีสิทธิ์นั้นสักหน่อย” ริทหันหนี คำพูดตอนท้ายก็พูดเสียงแผ่วเบากับตัวเอง เพราะริทก็พยายามบอกกับตัวเองว่าเขาไม่มีสิทธ์นั้น เขาจะหึงนิรันดร์ในฐานะอะไรล่ะ ก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน
แค่คู่นอน...มีสิทธิ์แค่บนเตียงเถอะ!
นิรันดร์ลอบยิ้มบางๆ แต่ริทไม่เห็น ตอนนี้พอรู้ว่าทำไมริทถึงมีอาการอย่างนี้มันก็สบายใจขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้หึงคนอื่น การได้รับรู้ว่าคนที่ตัวเองชอบนั้นหึงหวงเขากับคนอื่นนั้นมันเป็นเรื่องที่ดี มันหมายถึงริทเองก็มีปฏิกิริยากับเขา อย่างที่เขาเองก็มีกับริท
นิรันดร์ไม่เอ่ยปากแซว เขาไม่ใช่เด็กๆ ที่เห็นว่าคนที่ตัวเองชอบหึงแล้วต้องหยอกต้องล้อให้อีกฝ่ายเก้อเขิน มันคนละรูปแบบกัน เวลาที่แคร์ความรู้สึกใครสักคน สิ่งที่ต้องทำคือทำยังไงก็ได้ให้เขาสบายใจที่สุด ไม่ใช่การเบี่ยงประเด็นก่อนจะอธิบายเรื่องราว
“ปอยน่ะเป็นเพื่อนผม...” นิรันดร์เปรยขึ้นเบาๆ แม้ว่าไฟจราจรจะเป็นสีเขียวแล้ว แต่เขาก็เห็นมันได้ชัดว่าริทแอบเหลือบตามามองเขา
“ครับ” เด็กหนุ่มขานตอบ เหมือนเป็นเพียงมารยาทแต่ก็บ่งบอกได้ว่าริทกำลังฟังอยู่
“ผมกับปอยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะ ตอนนี้เธอฝึกงานที่แอลเอเพิ่งเสร็จ ก็เลยกลับมามาทำงานที่นี่ในฐานะลูกค้าของผม ที่จริงวันนี้ผมกับเธอต้องคุยกันเรื่องงาน แต่ว่าพอไม่ได้เจอกันนานก็เลยมีเรื่องคุยตามประสาเพื่อนเก่ากันเยอะหน่อย” นิรันดร์เลือกอธิบายความจริงเลย เพราะความจริงจะทำให้ริทวางใจได้ และมันก็จะแสดงให้ริทเห็นว่าเขาแคร์ริทนะ ไม่ใช่ไม่แคร์ แค่บางครั้งเขาอาจจะจัดการกับอะไรไม่ถูกไปบ้าง
“ครับ” ริทก็ขานตอบรับแบบเดิม แต่น้ำเสียงอ่อนลง
“ผมกับเธอไม่เคยคิดอยากจะคบกันเลยล่ะ เพราะเหมือนกับว่า...เราเป็นผีเห็นผี เธอก็โลกส่วนตัวสูง ผมก็ด้วย เราเข้ากันได้ คุยกันได้ดีมากโดยเฉพาะเวลาที่เรามีใครสักคนเข้ามาในชีวิต อันที่จริง ผมก็อยากให้ริทไปนั่งทานข้าวกับเธอพร้อมผม แต่ด้วยความที่มากันเรื่องงาน ตามมารยาทผมก็ต้องทำอย่างนี้ ถ้าเป็นการนัดทานข้าวกันตามปกติ ผมจะต้องแนะนำริทให้เธอรู้จักให้ได้เลย” นิรันดร์เอื้อมมือไปลูบหัวเด็กหนุ่มข้างกาย
“ไม่ต้องหรอก ผมเป็นแค่คนขับรถนะ แนะนำผมในฐานะคนขับรถดูจะไม่เหมาะ” ริทรู้สึกเขินนิดๆ คำพูดที่เหมือนให้คุณค่ากันมันมีดาเมจที่แรงมากต่อใจของเขา
“ริทคิดว่างั้นเหรอ”
“ให้คิดว่าไงล่ะครับ” ก็อยากพูดแหละว่า นอกจากคนขับรถก็มีแค่คู่นอนเท่านั้นที่นิรันดร์จะแนะนำให้เธอรับรู้ได้
“ผมคงยังแสดงออกไม่พอ” นิรันดร์พูดเสียงเบากับตัวเอง
เขาอยากทำให้อะไรมันชัดเจนกว่านี้ ติดที่กำแพงส่วนตัวของเขามันหนาเกินกว่าจะตัดสินใจ เขาต้องการเวลา อยากดูว่าระหว่างเขากับริทจะเข้ากันได้ไหม เขาเองไม่เคยทิ้งความส่วนตัวของตนเองได้ แม้จะเคยพยายามทำเพื่อคนรัก แต่สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าการอยู่คนเดียวบ้างมันดีต่อความรู้สึกของเขา
นิรันดร์ชอบความสงบบนเตียงนอน เตียงที่มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น บ้างก็ดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว เขาชอบแบบนั้นมากๆ ราวกับมันมีเสน่ห์ดึงดูดบางอย่าง แล้วถ้ามีคนอื่นเข้ามา มันก็ไม่ใช่คนเดียว เขาไมรู้ว่าเขาจะโอเคกับมันไหมในตอนนี้
ริทอาจให้ความสบายใจกับเขา ตอนที่เขาได้อยู่ริทในห้องนอนของตนเองหรือแม้แต่ห้องของริทก็ตาม เขารู้สึกสบายใจเหมือนตอนอยู่คนเดียวไม่มีผิด แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแค่ตอนเริ่มต้นเท่านั้นหรือเปล่า
ถ้าเป็นแบบนั้น...เขาว่ามันจะทำร้ายริทเอง
นิรันดร์อยากมีริทอยู่ข้างกาย แต่ติดที่กำแพงของเขามันยังสูงจริงๆ เขาหันไปมองริท เห็นเขาอยู่อย่างสบายๆ แบบนี้เขาก็คิดมากเหมือนกัน คิดไปถึงด้วยว่าริทจะมองเขาเป็นเพียงกระเป๋าเงินหรือเปล่า
คนบางคน ตอนเริ่มต้นดูดี ดูไม่ได้ต้องการเงินทองจากเขา แต่พอเขาให้ก็เริ่มอยากได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีหยุดหรือไม่มีคำว่าพอผุดขึ้นมาให้เขาได้เห็น ริทเองก็ได้ประโยชน์จากเขา ไม่ใช่เงินแต่ก็ได้สิ่งของที่ตัวเองต้องการ
นิรันดร์เอนศีรษะพิงหัวไหล่เด็กหนุ่มคนขับรถ เกียร์ออโต้แบบนี้มันสบายเพราะไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะสร้างความลำบากให้กับริทหรือเปล่า เขาเห็นว่าริทเองมีใบหน้าที่แดงขึ้น นี่เป็นเสน่ห์อีกอย่างของริทเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่ริทรู้สึกตื่นเต้น เขิน ทำตัวไม่ถูก ริทจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“คุณรันเหนื่อยเหรอครับ ไปนอนที่เบาะหลังไหม เดี๋ยวผมจอดรถให้” ริทชะลอรถให้ช้าลงเพื่อจะเบี่ยงเข้าข้างทาง
“ครับ ผมเหนื่อย แต่ผมอยากนอนซบไหล่ริท ได้ไหมล่ะครับ” นิรันดร์เงยหน้า สายตาอ้อนๆ ถูกส่งไปให้ริท
“เอ่อ ถ้ามันไม่ลำบากก็ตามสบายครับ” ริทถึงกับหน้าแดงจัด ทำตัวไม่ถูก
“ขอบคุณนะ ริทนี่ดีจัง ใจดีกับทุกคนแบบนี้หรือเปล่า เอ...แต่ใจดีแบบไหนโดนเพื่อนแกล้งซะแรงแบบนั้น” นิรันดร์ไม่วายเย้าหยอกเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้น
“คุณรันก็! อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นเลยครับ ผมล่ะไม่อยากจะนึกถึงเลย แบบว่า...เพื่อนแกล้งได้น่าอายมากๆ เลย ที่สำคัญ ผมเมาจนทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้นไปด้วย นึกแล้วอับอายชะมัด”
“ฮ่าๆ ไม่เห็นน่าอายเลย น่าจะส่งมาเป็นคลิป...” น้ำเสียงของนิรันดร์ทำให้ริทเขินยิ่งกว่าเดิม
“พอเลยฮะ ไม่เอาๆ ผมไม่ทำอะไรน่าอายแบบนั้นแล้ว”
“ไม่เป็นคลิปก็ได้ แต่ขอเป็นต่อหน้าผม…” ว่าจบนิรันดร์ก็ขยับขึ้นจูบที่แก้มริทเบาๆ เล่นเอาริทเกือบเหยียบแบรกเพราะตกใจ!
….100%….
คุณรันทำพลาดจนน้องนอยด์ไปแล้วยังจะมาหยอกน้องตอนน้องข้บรถอีก ไม่ระวังเด๊ะตีเลยนี่คุณรัน! ที่สำคัญการกระทำต่อให้ชัดเจนแค่ไหน แต่ถ้าไม่พูดเลยบางทีคนรับอาจไม่เข้าใจก็ได้ คุณรันต้องกล้าพูดกล้าตัดสินใจได้แล้ว
ปล.ขออภัยที่ช่วงมาๆ หายๆ เฮ้อ ตั้งใจจะขยันอัพแต่มีงานมีปัญหารุมๆ ทุกที เราขอโทษจริงๆ นะคะ ทำอะไรไม่สม่ำเสมอเลย