>….ตอนที่ 18 [100%]….<
นิรันดร์ประชิดตัวริททีละน้อย ค่อยๆ ใช้สองแขนนี้โอบเด็กหนุ่มให้เข้ามาสู่อ้อมอกด้วยความรู้สึกผิด เขามันคิดน้อยไปหน่อย แค่อยากจะลองดูใจเด็กหนุ่มคนนี้ต่อไปสักพัก ข้าวของที่มอบให้ก็เพื่ออยากเห็นริทมีความสุข นิรันดร์ถึงแทบไม่ซื้ออะไรอย่างอื่นเลยนอกจากของเกี่ยวกับการ์ตูนที่ริทนั้นชอบ
แต่ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าไม่บอกความรู้สึก ไม่แสดงเจตจำนงของตัวเองให้ชัดๆ การกระทำแบบนี้มันก็ตีความได้แค่ที่ริทคิดจริงๆ นั่นแหละ นิรันดร์ซบหน้าลงกับลาดไหล่ของริท กระชับกอดแน่นๆ เพื่อจะให้ริทคลายสะอื้นลงได้บ้าง
“ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้ริทคิดไปแบบนั้น...” นิรันดร์กระซิบบอกคำขอโทษใกล้กับใบหู ถึงมันจะไม่สวยหรู แต่มันก็ออกมาจากความรู้สึกของนิรันดร์จริงๆ
“ไม่...คุณรันไม่ได้ผิดหรอกครับ”
“แต่ผมทำให้ริทคิดมาก ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าริทเป็นเด็กขายเลยนะ แต่พูดไปก็เท่านั้น ต่อไป...ผมจะไม่ทำแบบนี้แล้ว อย่าลาออกเลยนะ” อ้อมแขนรัดร่างโปร่างเอาแน่นขึ้น
ริทก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาได้ยินคำพูดแบบนี้ ไม่รู้นิรันดร์โกหกเขาหรือว่านิรันดร์พูดความจริง ทว่าสำหรับริท แค่ได้ยินคำว่าขอโทษเขาก็ใจอ่อนแล้ว อยากจะให้อภัยในสิ่งที่นิรันดร์ได้ทำ มันไม่ใช่ความผิดนิรันดร์ทั้งหมด มันเริ่มจากเขาด้วย เขายินยอมก่อน ทำตัวเองก่อน เพียงเพราะอารมณ์มันไหลไปและตัวเขาไม่อาจห้ามความต้องการได้
“เริ่มต้นกันใหม่นะริท” นิรันดร์ถอนกอด ดวงตาคมจ้องสบตากับริทอย่างแน่วแน่
“อืม...ครับ” เมื่อริทขานรับ นิรันดร์ก็เช็ดน้ำตาให้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า
ริทไม่กล้ามองหน้านิรันดร์ เขาเก้อเขินมากเกินไป ทั้งมาร้องไห้ ทั้งคำพูดที่ได้พูดออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่น่าทำแบบนั้นลงไปเลย แต่ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องอยู่ในห้วงความรู้สึกแย่ๆ เชิงนั้นอีกแล้ว
แต่...จากนี้เขากับนิรันดร์จะเป็นยังไง?
การเริ่มต้นใหม่นี้หมายถึงเขากับนิรันดร์จะกลายเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องจริงๆ อย่างที่ควรจะเป็นมาตั้งแต่ต้นใช่ไหม นั่นสินะ มันจะไปหมายถึงอะไรได้ล่ะ คู่นอนของนิรันดร์ก็มีอยู่แล้ว เขาแค่ถอนตัวออกมา ยังไงหน้าที่นั้นก็จะมีคนอื่นเข้ามาทำแทน แต่หน้าที่คนขับรถมันเป็นของเขา
บ้าจริง...ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะแย่กว่าที่เคยเป็นมาหรือเปล่า?
ตอนนี้ริทไม่ได้คิดกับนิรันดร์แค่เจ้านายกับลูกน้องอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่าเขาจะพยายามหักห้ามใจตัวเองแค่ไหนก็ตาม การแนบชิด การสนิทสนม และการได้รับการดูแลเทคแคร์จากนิรันดร์มันทำให้เขาคิดเกินเลยไปแล้ว
เขาไม่สามารถมองดูนิรันดร์นอนกับคนอื่นได้หรอก มันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ นี่เขาคิดถูกใช่ไหม แค่โกหกเรื่องของแล้วยื้อความสัมพันธ์นี้เพื่อจะไม่ต้องเจ็บมากกว่านี้ นั่นเป็นสิ่งที่เขาควรทำสิ แต่มันไม่ทันแล้ว...เขาทำมันลงไปแล้ว
ก็แค่ยอมรับความจริง ยังไงซะ เขากับนิรันดร์ก็ไม่มีทางไปได้ไกลกว่าคู่นอนหรอก เขาเป็นแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เป็นแค่ลูกแม่บ้านที่ไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรด้วย ไม่มีอะไรคู่ควรกับนิรันดร์สักอย่างเลย
“คิ้วขมวดอะไรหืม” นิรันดร์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ริทตกใจเผลอถอยเท้าหนีแต่ลืมไปว่าเอวของเขานั้นอยู่ในวงแขนหลวมๆ ของนิรันดร์
“อ๊ะ...เอ่อเปล่าครับ” เกือบล้ม ดีที่นิรันดร์รั้งเอาไว้
“คิดมากอะไรอยู่หรือเปล่า มีอะไรพูดกับผมได้นะ” ท่าทีเปลี่ยนไปเยอะเลย ริทคิด ก่อนหน้านี้ยังดูโกรธ ดูเย็นชาใส่เขา คำพูดคำจาร้ายกาจ อาจเพราะนิรันดร์กำลังไม่พอใจกับการที่เขาวางทิ้งข้าวของไว้บนพื้น
“เปล่าครับ ผมว่าผมเก็บของพวกนี้ให้เข้าที่ดีๆ ดีไหมครับ” ริทเงยหน้าที่ยังคงแดงเรื่อจากการร้องไห้มองนิรันดร์
“เอาสิ ผมช่วยนะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรฮะคุณรัน ผมเก็บเองก็ได้ คุณรันไปพักผ่อนเถอะฮะ คุณรันทำงานเหนื่อยมากทั้งอาทิตย์แล้ว ถ้ามาช่วยผมเก็บของมันก็เท่ากับคุณรันไม่ได้พักน่ะสิครับ” ริทพยายามยิ้มบางให้กับเจ้านาย
“อยู่กับริทก็ถือเป็นการพักผ่อนของผมนะ” แค่คำพูดง่ายๆ ทว่ามันกลับทำให้คนฟังรู้สึกใจพองฟู
ไม่ดีเลยแบบนี้ ถ้านิรันดร์ไม่ได้คิดอะไรก็ไม่ควรทำแบบนี้กับเขานะ หรือว่านี่ก็แค่น้ำใจที่นิรันดร์มีต่อลูกน้องของเขาเอง อาจจะเป็นแบบนั้น เพราะนิรันดร์ใจดีกับลูกน้องเสมอ ขนาดลุงช่วยยังเคยเล่าเรื่องของนิรันดร์ให้ริทฟังบ่อยๆ เลย
จะว่าไปแม่ริทก็เคยเล่าให้ริทฟัง ว่านิรันดร์เป็นคนชอบเก็บเนื้อเก็บตัวมาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่ครอบครัวก็อบอุ่น แต่นิรันดร์มักคลุกตัวอยู่บนที่นอนนุ่มๆ ของตนเอง เปิดหนัง เปิดการ์ตูนดูไปตามเรื่องตามราว จะออกมาข้างนอกก็ต่อเมื่อพ่อหรือแม่กลับมา แทบไม่เคยเห็นนิรันดร์ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ต้องบอกว่าเป็นคนโลกส่วนตัวสูงและรักความสงบก็ได้ ริทก็เห็นนะ ตอนที่นิรันดร์กลับมาอยู่นี่ วันหยุดนิรันดร์ก็อยู่แต่ในห้องนอนของตัวเอง ข้างๆ ห้องนิรันดร์จะมีห้องสำหรับออกกำลังกาย เรียกว่าไม่ต้องไปไหนแค่อยู่บนห้องก็ทำได้ทุกอย่าง
ริทมองหน้านิรันดร์ที่ช่วยเขาแกะกล่องใบต่างๆ ซึ่งมันบรรจุเหล่าฟิกเกอร์เอาไว้มากมายด้วยสายตาสงสัย ทำไมคนโลกส่วนตัวสูงคนนั้นถึงมาอยู่ในห้องของเขา มาช่วยเขาเก็บของ ทั้งที่นี่เป็นวันหยุดอันแสนมีค่าสำหรับนิรันดร์
“แม่บอกว่าคุณรันชอบอยู่คนเดียว...” จู่ๆ ริทก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ มีความกล้าๆ กลัวๆ เล็กน้อย
“หืม...ก็ใช่นะ ผมชอบอยู่คนเดียว”
“แล้วมาอยู่กับผมแบบนี้ไม่อึดอัดเหรอฮะ ส่วนใหญ่ คนที่ชอบอยู่คนเดียวเขามักใช้เวลาว่างอยู่คนเดียวหนิฮะ” ริทคิดเอาเอง แล้วก็เดาๆ จากพวกการ์ตูนที่เขาเคยอ่าน ในชีวิตจริง ริทไม่เคยเจอคนรักสันโดษแบบนิรันดรหรอก เจอแต่คนชอบดื่มชอบเที่ยวเสียมากกว่า
“ก็จริง ผมอยู่กับใครนานๆ ไม่ค่อยได้หรอกถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ผมจะรู้สึกอึดอัด รำคาญ แล้วก็อยากจะหนีไปนอนเงียบๆ คนเดียวมากกว่า แต่การอยู่กับริทไม่ทำให้ผมรู้สึกอยากหนีไปนะ” รอยยิ้มบางๆ ของนิรันดร์ทำเอาริทใจหายวาบ มัน...เป็นอาการที่อธิบายยากเพราะตอนนี้มือไม้ริทสั่น หัวใจเต้นแรงและหน้าก็แดงไปด้วย
คำพูดพวกนี้...มันหมายถึงว่าอยู่กับเขาแล้วสบายใจหรือเปล่านะ?
“อ๋อ ดีจังครับ กลัวทำให้คุณรันอึดอัด”
“ริทอะคิดมาก ถ้าผมอึดอัดเวลาอยู่กับริท ผมไม่มาหาริทถึงที่ห้องหรอกนะ ไม่นอนดูการ์ตูนกับริทด้วย แล้วก็คงไม่อยากให้ริทอยู่กับผม...” ริทไม่อยากเข้าข้างตัวเอง แม้ว่าคำพูดเหล่านี้มันจะชวนให้คิดมากแค่ไหน เขาพยักหน้าที่แดงระเรื่อของตนแล้วเก็บข้าวของต่อไปไม่ยอมสบตา
มันกลัวน่ะ กลัวจะทำหน้าไม่ถูก สีหน้าเขาจะแย่หรือเปล่า มันจะแดงจัดจนเกินไปไหม ให้ตาย เวลาอยู่กับคนที่ตัวเองชอบมันจะไม่มีอาการประหม่ามั้งเลยไม่ได้เหรอ ทำไมมันต้องรู้สึกเก้งก้างและเกร็งไปหมดแบบนี้ นอนด้วยกันก็ทำมาแล้วนะ! ไม่น่าจะมาเขินอะไรกันแบบนี้เลย
พอเก็บเหล่าฟิกเกอร์เข้าชั้นเรียบร้อย ริทก็ยืนเก้งๆ กังๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เขามองนิรันดร์ไล่ถ่ายรูปฟิกเกอร์บนชั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ใจมันฟูฟ่องอย่างกับฟองสบู่ จริงๆ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับเขา
“ผมว่าชั้นวางของของริทมันเล็กไปแล้วนะ เนี่ย...ใส่ฟิกเกอร์ไม่พอแล้ว” ก็ใช่ ริทมีแค่ชั้นราคาไม่กี่ร้อยที่ซื้อมาจากร้านเฟอร์ในตลาด เมื่อก่อนเขาใส่หนังสือการ์ตูน ตอนนี้เอาออกเพื่อจะวางฟิกเกอร์โดยเฉพาะ
“คุณรันซื้อมาให้เยอะเองนี่ครับ เดี๋ยวสิ้นเดือนผมค่อยหาซื้อชั้นใหม่ก็ได้ อยากได้ที่เป็นตู้กระจกมาเก็บเหมือนกัน มันคงสวยน่าดู” ตู้กระจกราคาไม่ใช่เล่นๆ แต่ริทน่าจะซื้อได้เพราะเขาไม่ได้เอาเงินไปใช้อะไรเยอะแยะอยู่แล้ว
“ผม...อื้อ ก็ดี” นิรันดร์เกือบจะบอกว่าเดี๋ยวผมซื้อให้ แต่เขาก็เงียบไปเมื่อคิดได้ว่าริทไม่ชอบที่เขาเป็นฝ่ายให้ไปเสียทุกอย่างแบบนี้
“ครับ” ริทยิ้มกว้าง
“งั้นผมช่วยเลือกนะ ถ้าริทจะไปซื้อ บอกผมด้วย”
“ได้เลยฮะคุณรัน แต่ผมคงไม่ซื้อใหญ่มากหรอก ห้องมันแคบ เดี๋ยวผมไม่มีที่นอน ฮ่าๆ” ริทหัวเราะเบาๆ เขาค่อยๆ เดินไปนั่งริทเตียงข้างกับนิรันดร์ที่กำลังถ่ายรูปฟิกเกอร์อยู่
ถ้าริทอยากได้ห้องใหม่ แค่บอก นิรันดร์จะให้ห้องใหม่กับริท ถ้าริทอยากได้ชั้นวางฟิกเกอร์สวยๆ เขาก็พร้อมที่จะซื้อให้ริท แต่ในเมื่อรู้แล้วว่าริทรู้สึกแย่กับสิ่งที่เขาให้ไป เขาก็ต้องหยุดให้สิ่งของที่มาจากเงินทอง แล้วเปลี่ยนไปมอบความรู้สึกดีๆ ให้กับริทแทน
ตอนมีแฟน...เขาปฏิบัติกับแฟนยังไงนะ?
นิรันดร์หวนนึกถึงวันวานในอดีต แต่ก็ไม่เจออะไรที่เขาทำให้แฟนโดยไม่ใช้เงินเลย ส่วนใหญ่ก็ชอปปิง เที่ยว ของขวัญวันครบรอบต่างๆ นาๆ โดยจะรู้ว่าอีกฝ่ายอยากได้อะไรจากการที่อีกฝ่ายคอยพูดเรื่องสิ่งของเหล่านั้นเสมอ อย่างเดียวที่ไม่ใช่เงินก็คงเป็นเซ็กซ์
นิรันดร์ขอนอนดูการ์ตูนกับริทที่ห้องเหมือนครั้งก่อนที่เข้ามา ริทก็ยินดีที่จะให้นิรันดร์นอนดูการ์ตูนด้วยกัน ระหว่างที่การ์ตูนกำลังฟาดฟันกันอย่างดุเดือด นิรันดร์ก็เข้าไปส่องเฟซของริทเล่นทั้งที่ยังดูการ์ตูนไปด้วยกัน
ตอนแรกทั้งสองนอนค่อนข้างห่าง เตียงแค่สามจุดห้าฟุต สำหรับริทมันพอดี แต่สำหรับนิรันดร์มันเล็ก นิรันดร์เอาความเล็กของเตียงมาเป็นข้ออ้างให้ตัวเองนอนเบียดเด็กหนุ่มได้อย่างชอบธรรม นอนไปนอนมาก็จับริทนอนหนุนแขนตัวเองแล้วดูการ์ตูนไปด้วยกัน
ตกเย็นท้องของริทร้องดังลั่นห้อง เสียงนี่ดังกว่าการ์ตูนที่เปิดดูกันอยู่ด้วยซ้ำ เล่นเอานิรันดร์หัวเราะไม่หยุด ริทเขินหน้าดำหน้าแดง นิรันดร์ไม่เคยหัวเราะเยาะเขาแบบนี้นี่ แถมยังน่ามองมากๆ ในสายตาของริทด้วย
นิรันดร์ชวนริทกินหมูกระทะกันตอนเย็น เป็นการกินที่ไปช่วยกันเตรียมของในห้องครัวในบ้าน ไม่ใช่ออกไปกินร้านหรูข้างนอกอย่างที่นิรันดร์ทำตามปกติ ริทก็แปลกใจน้า แต่ก็คิดว่าดีเหมือนกัน สวนหน้าบ้านเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการนั่งย่างหมูเป็นที่สุด แถมที่นี่ก็ยังมีเตาหมูกระทะไว้พร้อมด้วย
“คุณรันแน่ใจนะคะว่าจะให้เจ้าริทมันเตรียมของ” ป้าหัวหน้าแม่บ้านมองชายหนุ่มที่คนหนึ่งเป็นเจ้านาย อีกคนเป็นลูกชายด้วยสายตาไม่ไว้วางใจสุดๆ ก็...สภาพแต่ละคนไม่น่าเข้าครัวรอด
“ริทจัดของแค่นี้ไม่ได้เหรอครับป้า” นิรันดร์พูดยิ้มๆ เขามองเย้าริทให้เขินเล่นด้วย
“โถคุณรัน นอกจากกินกับนอนแล้วไอ้ริทมันก็ต้มมาม่าเป็นอย่างเดียวเท่านั้นแหละค่ะ ขนาดให้ล้างผัก ผักยังช้ำไปหมด ให้หั่นผักก็เงอะๆ งะๆ ไม่ได้เรื่องเลย ป้าว่าเดี๋ยวป้าเตรียมให้ดีกว่าค่ะ คุณรันจะทานตรงสวนหน้าบ้านใช่ไหม ป้าจัดให้” ป้าออมเข้าไปแย่งถุงหมูมาจากมือลูกชายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดี
“งั้นผมไปเอาเครื่องดื่ม คุณรันดื่มอะไร”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเหล้าคุณรันร่วงลงมาแตก เอาเตาไปเสียบปลั๊กรออย่างเดียวพอ” คนเป็นแม่ตัดบทเรียบร้อย เธอไม่ไว้ใจลูกชายของเธอ เพราะเหล้าแต่ละขวดนั้นไม่ใช่ราคาหลักร้อย เกิดเสียหายขึ้นมามันจะลำบากชดใช้ไมไหว
“ฮ่าๆ ขนาดแม่ยังไม่ไวใจให้ริททำอะไรเองเลยอะ แบบนี้ริทน่าจะทำได้แค่ต้มมาม่าไปตลอดชีวิต” นิรันดร์โน้มเข้ามากระซิบขำขันกับริทขณะเดินไปที่หน้าสวน
“โห่คุณรัน อย่าตอกย้ำผมสิฮะ ผมไม่ผิดน้าที่ผมมือไม้หนักไปหน่อยอะ แม่เองก็กลัวนั่นกลัวนี่ ผมทำอะไรไม่เคยได้ดั่งใจแม่อะ ขนาดถูบ้านนะคุณรัน แม่ยังบ่นแล้วบ่นอีกว่าผมถูบ้านยังไม่สะอาดแล้วจะไปทำมาหากินอะไรได้ แหม ผมไม่ได้ทำงานถูบ้านไหมล่ะ” ริทบ่นงุ้งงิ้ง ก็เรื่องแม่ เรื่องเพื่อน เรื่องการ์ตูนนี่ขอให้บอก เขาสามารถกลายเป็นตาแก่ขี้บ่นได้ทันทีเลย
“แปลกใจเลยนะเนี่ยที่ขนาดถูบ้านแม่ยังบ่นริท ผมว่าริทก็ทำความสะอาดรถได้เอี่ยมนี่นา”
“ที่แม่บ่นมันเมื่อก่อนครับ ตอนนี้ผมถูบ้านคล่องแล้วไง เรื่องรถเนี่ยก็เพราะแม่บ่นนี่แหละ ก็เลยพยายามทำให้เนี้ยบขึ้น”
“อืม เก่งจังครับ” คำชมตรงๆ กับรอยยิ้มหวานหยดของนิรันดร์ทำเอาริทหน้าแดงอีกแล้ว! บอกแล้ว...อย่ามาทำดาเมจใส่หัวใจเขา มันไม่ดีเลย
“คุณรันเลิกหล่อที” ริทบ่นเบาๆ
“หือ เลิกหล่อเนี่ยนะ ผมไม่ได้หล่อขนาดนั้นซะหน่อย”
“ไม่จริง คุณรันหล่อเกินไป ผมใจบางไปหมดล่ะ”
“ใจบางแปลว่าอะไร” ศัพท์วัยรุ่นมันคงมึนงงไปหน่อยสำหรับชายหนุ่มอายุเกือบสามสิบ เอ๊ะ หรือต้องบอกว่ามันเพราะนิรันดร์ไม่ค่อยได้เสพเรื่องบันเทิงตามโซเชี่ยลมิเดียร์มากกว่า
“เอ่อ...ก็ประมาณใจอ่อนยวบ เอ่อ อ่อนไหวหวั่นไหว เอ่อ...ชอบจนละลายมากๆ อะไรทำนองนั้นอะฮะ ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน ผมใช้ตามเขามาอีกที แฮ่ๆ” ริทหัวเราะแหยๆ เขาหาคำตอบที่ตรงจุดมาไม่ได้อะ มันน่าจะราวๆ นี้
“อ๋อ ผมหล่อมากจนริทหวั่นไหวใจละลายเลยงี้” ตรงเกินไปดาเมจก็แรงอยู่ดี ริทนิ่งไปหน่อย…มองหน้าแล้วก็เสหน้าหลบ
“ครับ”
“ริทชอบเพราะผมหล่อเหรอ”
“ก็ไม่เชิงทั้งหมดหรอกฮะ”
“แล้ว...”
“ผมไปเอากระทะก่อนนะครับ” รีบชิ่งก่อนน้า บอกแล้วไง เรื่องบ่นแม่ บ่นเพื่อน บ่นดินฟ้าอากาศน่ะริททำได้สบายมาก แต่กับเรื่องนิรันดร์...มันเป็นแบบนั้นไม่ได้
ริทเอากระทะมาวางไว้ที่กลางโต๊ะหินอ่อนมีที่นิรันดร์นั่งเท้าคางรออยู่ก่อนแล้ว ริทแค่ส่งยิ้มให้ เขาเข้าไปของอื่นๆ จากครัวออกมาวางอีก พวกหมู กุ้ง หมึกหรือแม้กระทั่งผัก ก็เดินอยู่หลายรอบเพราะแม่เขายังเตรียมส่วนอื่นๆ อยู่ และบ้านแม่คนอื่นก็ไม่ได้เข้ามายุ่ง ริทก็งงเหมือนกันว่าทำไม
ทั้งโต๊ะมีแค่ริทกับนิรันดร์เพียงสองคน ป้าออมเอาเครื่องดื่มที่นิรันดร์ชอบมาเสิร์ฟให้ก่อนจะเดินจากไป ริทไม่สามารถไปได้เพราะนิรันดร์ต้องการเพื่อนกินหมูกระทะ เหตุผลก็ง่ายๆ กินคนเดียวมันเหงาเท่านั้นเอง
ที่จริงนิรันดร์ไปเห็นในเฟซว่าริทอยากกินหมูกระทะ เพื่อนของริทแท็กมาให้เมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วริทก็บอกว่าอยากกินแต่ไม่มีเวลา บ่นงุ้งงิ้งใส่เพื่อนว่าเพื่อนช่างทำร้ายคนนอนดึกอย่างเขาเสียเหลือเกิน นิรันดร์จึงเลือกหมูกระทะเป็นอาหารเย็นทั้งที่เขาไม่คุ้นเคยกับการกินมันเลย
“คิดไงกินหมูกระทะครับเนี่ย” ระหว่างย่างหมูริทก็ถามนิรันดร์ที่กำลังพลิกกุ้งแม่น้ำตัวโตบนเตา
“ไม่รู้สิ หมูกระทะมันเหมาะกับการกินในสวนหน้าบ้านดีมั้ง”
“แต่หมูกระทะมันไม่น่าเข้ากับวิสกี้นะฮะ ฮ่าๆ” ต้องขออภัยที่ตลกกับเรื่องนี้นิดหน่อย ริทมองว่าหมูกระทะเหมาะกับเบียร์มากกว่า
“แล้วมันเหมาะกับอะไร เบียร์เหรอ”
“ใช่ครับ”
“งั้นริทไปเอามาสิ เอามาดื่มด้วยกัน ผมดื่มวิสกี้คนเดียวก็ว้าเหว่นะ” นิรันดร์หยอดเสียงเหงาหงอยกับดวงตาแพรวพราวใส่ ริทรับรู้มัน และเขาก็เลือกที่จะยืนขึ้นเพื่อเข้าไปเอาเบียร์
“ครับ ผมไปเอามาให้”
นี่นับเป็นการเริ่มต้นใหม่ไหม? เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ริทรู้สึกถึงบรรยากาศหวานๆ ที่ออกมาจากตัวของนิรันดร์ยังไงก็ไม่รู้ เขาบอกกับตัวเองว่ามันแค่ความเพ้อเจ้อส่วนตัว ไม่ได้มีอะไรในรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น นิรันดร์แค่เป็นคนแบบนี้ มีแต่เขาเองนั่นแหละที่คิดมากไป
โถ...คิดเกินเลยไปแล้วหนิ!
เบียร์เย็นๆ กับหมูกระทะเข้ากันได้ดีอย่างที่ริทบอก สายลมยามเย็นโชยมาเรื่อยๆ ไม่รุนแรงแต่เย็นสบาย เสียงพูดคุยของริทกับนิรันดร์เป็นเพียงเสียงเดียวที่อยู่ในสวนหน้าบ้าน ไม่มีใครเฉียดกายเข้าไปใกล้เขาทั้งคู่
ก็ใครจะกล้าขัดคำสั่งนิรันดร์ล่ะ!
“คุณรันแกดูเอ็นดูไอ้ริทเนอะป้า” เสียงป้าแม่บ้านคนหนึ่งพูดขึ้น ป้าออมแม่ของริทเฝ้ามองทั้งคู่จากมุมข้างครัว
“อืม” สำหรับเธอแล้ว นี่มันค่อนข้างแปลก นิรันดร์ไม่เคยออกมากินอาหารนอกบ้านกับคนอื่น นอกจากพ่อแม่ของนิรันดร์เอง
“พักนี้ไอ้ริทเองก็คลุกอยู่แต่คุณรัน ฉันเห็นริทเข้าๆ ออกๆ ห้องคุณรันเป็นว่าเล่น ทั้งที่คุณรันแกไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าห้องตัวเอง แสดงว่าลูกป้าต้องเป็นคนโปรดของนายแน่ๆ เลย” แม่คนหนึ่งเอ่ย มือก็เช็ดจานเช็ดชามที่เพิ่งล้างเสร็จ
“นี่ถ้าไม่ใช่ผู้ชายทั้งคู่ ฉันคิดว่าลูกป้าจะกลายเป็นเมียคุณรันแล้วนะเนี่ย ฮ่าๆ” แม่บ้านอีกคนเสริมทับคนแรกที่ตั้งข้อสังเกต
“คิดอะไรพิเรนถ์ๆ คุณรันแกคงเจอคนหนุ่มที่คุยกันรู้เรื่องแหละ ที่นี่มีแต่อะไร ลุงแก่ๆ กับป้าแก่ๆ” แม่บ้านที่คนที่เช็ดจานว่า
“ก็ใช่ ฉันแค่คิดเล่นๆ หน่า” ทั้งสองพูดคุยกันเป็นเรื่องสนุก แต่คนฟังอย่างหัวหน้าแม่บ้านคนนี้ไม่ขำเท่าไหร่นัก
หัวหน้าแม่บ้านอย่างเธอรู้ดีว่านิรันดร์มีเรื่องใดปกปิด ถึงแม้ตาช่วยจะไม่ได้พูดพร่ำเพื่อแต่เรื่องแบบนี้มันพ้นหูพ้นตาเธอยาก เธอกำลังระแวงว่าลูกชายของเธอจะตกไปอยู่ในที่นั่งลำบาก ก็ได้แต่หวังว่านิรันดร์จะไม่ได้คิดอะไรกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธออย่างที่ตาช่วยเคยพูดเกี่ยวกับนิรันดร์ยามอยู่บนรถลีมูซีน
เพราะถ้าเป็นแบบนั้น...แม่อย่างเธอคงใจสลายไม่น้อยเลย
....100%....
แม่ของริทกำลังระแคะระคายเรื่องของริทกับนิรันดร์แล้วหรือเปล่านะ? แล้ว...มันจะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ ชักน่าสนุกขึ้นแล้วสิ อิอิ