เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62  (อ่าน 39872 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แวะมารอต่อ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องน่ารักนะ เป็นนักเผือกที่ลงทุนจัดหนักจริงๆ
แนวคิดน้องอาจจะเป็นไปได้เพราะคนชนะเขียนประวัติศาสตร์
ดาร์คลอร์ดจริงๆ แล้วอาจจะเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกสร้างให้เป็นปีศาจก็ได้

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนต่อไปอยู่นะคะะะะะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
จะเรียกได้ว่าฉลาดเพราะเผือกหรือว่าเผือกอย่างชาญฉลาดดี55555555555
เข้าใกล้ท่านเอเทมได้อีกนิดล๊ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากมองโลกในแง่ดีได้อย่างน้องรันต์จัง

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่21

แม้ชีวิตในฐานะพันโทของผมจะไม่ถึงกับเรียกว่าสุขกายสบายใจแต่ก็ไม่นับว่าหน้าชื่นอกตรม ในหนึ่งวันผมมีหน้าที่บัญชาการผู้ใต้บังคับบัญชาให้ออกภารกิจปราบปีศาจ ด้วยอำนาจผู้พันของผมทำให้ผมสามารถลำเอียงส่งลันเทียออกไปทำแต่ภารกิจง่าย ๆเช้าเย็นกลับได้ ดังนั้นผมจึงสามารถกินกับข้าวเย็นฝีมือของเขาได้ทุกวัน มีบ้างที่ผมติดประชุมทำให้กลับบ้านดึกหรือบางทีอาจจะกลับตีสองตีสามแต่เขาก็จะตื่นขึ้นมาอุ่นซุปให้ผมกินก่อนนอนเสมอ

กับท่านเอเทมก็นับว่าไม่เลว หลังจากมันจาเนื้อกวางมื้อนั้นท่านเอเทมก็เปิดใจให้อีกหลายส่วน เขายอมให้ผมกับลันเทียร่วมโต๊ะทานอาหารกลางวันด้วย แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือไล่ให้ตายผมก็ไม่ไป ตอมเก่งยิ่งกว่าแมลงวัน

มีบางครั้งที่ผมขอให้ลันเทียช่วยสอนทำอาหารพื้นเมืองของโรมานอสซาร์ ความตั้งใจแรกเริ่มคือใช้เสน่ห์ปลายจวักพิชิตใจท่านเอเทมทว่าฝีมือของผมห่วยแตกเกินไปประกอบกับไม่ใช่การหุงต้มโดยไม่ใช้เตาไฟฟ้าทำให้อาหารมื้อแรก ๆออกมากึ่งสุกกึ่งดิบ รสชาติบัดซบ

ท่านเอเทมชิมไปหนึ่งคำก็คายทิ้งจากนั้นก็ไม่ยอมแตะอาหารจานนั้นอีกเลย นับว่าเป็นบุญของผมแล้วที่เขาไม่เขวี้ยงจานใส่หัวผม

หลังจากนั้นก่อนเอาอะไรไปให้ท่านเอเทมผมก็จะให้ลันเทียช่วยชิมก่อน จะไม่ผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นวันไหนผมมาทำงานสายจงรู้ได้เลยว่าเช้าวันนั้นผมก็พยามทำอาหารปิ่นโตให้ท่านเอเทมอยู่แต่รสชาติยังไม่ผ่านเลยต้องแก้แล้วแก้อีก

ลันเทียที่พลอยไปทำงานสายเพราะผมถูกผมสั่งลงโทษสถานเบาหวิว แต่เจ้าตัวก็เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค้าประจำกองพันของผมอยู่แล้วเหล่าอัศวินเดนตายคนอื่นจึงเห็นด้วยกับการอะลุ่มอล่วยนี้ ส่วนตัวผมก็รับผิดชอบด้วยการทำงานล่วงเวลาจึงไม่มีใครตำหนิอะไร

นับตั้งแต่ผมทำปิ่นโตไปฝากท่านเอเทมเขาก็ตอบแทนผมด้วยการชี้แนะเรื่องเวทมนต์ต่อสู้บางบท

น่าแปลกที่เวททุกบทที่เขาหยิบขึ้นมาสอนผมผมกลับสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆที่เวทพื้นฐานง่าย ๆบางบทที่ลันเทียสอนผม เรียนให้ตายอย่างไรผมก็ทำไม่ได้

ข้อนี้ผมเองก็รู้สึกสะกิดใจอยู่เช่นกัน ไม่ใช่ลันเทียสอนผมไม่ดี แต่ท่านเอเทมดูจะเป็นอาจารย์ที่เก่งเกินไปหน่อย ราวกับว่าเขารู้ว่าผมสามารถเรียนรู้เวทมนต์บทไหนได้เร็ว ได้ช้า

ทว่าว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ในขณะที่ผมกำลังฝึกซ้อมเวทไฟอยู่ในลานประลองเล็ก ๆของกองพัน ชายชราสวมเสื้อยาวรุ่มร่ามสีขาวปรอดก็เดินเข้ามา

เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงหัวค่ำ พวกอัศวินที่ไม่ได้เข้าเวรพากันกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือแค่ผมที่อยู่ทำงานล่วงเวลาเพราะเมื่อเช้ามาสาย ทันทีที่มีผู้แปลกปลอมเดินเข้ามาใกล้ประสาทสัมผัสของผมก็ตรวจจับได้ทันที

ฮั่นน่อววว

ฟังดูเก่งล่ะสิ

ก็แหงล่ะ ผมบรรจุเข้ามาในกองทัพได้ครึ่งปีแล้วนี่! ได้เรียนรู้เวทพื้นฐานจากลันเทียซ้ำยังได้ท่านเอเทมชี้แนะหลายเรื่อง ยามนี้นับว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทอัคคีโดยสมบูรณ์!

แม้พละกำลังของผมในตอนนี้จะยังไม่สมศักดิ์ศรีหกแสนแต้มแต่ก็สามารถชูคอในตำแหน่งผู้พันแบบไม่น้อยหน้าใครแล้ว! หึ! จำวรั้ย นี่พันโทการันต์ไงจะใครล่ะ

“พันโทการันต์ฝีมือก้าวหน้ารวดเร็ว เป็นโชคดีของอัสโตเรียที่ได้บุคคลเช่นเจ้าเข้าร่วมกองทัพ”ผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น เสนาธิการผู้ทรงความรู้นั่นเอง

นับตั้งแต่วันสอบเข้าจนกระทั่งตอนนี้ผมไม่เคยเจอชายแก่ท่านนี้อีกเลย คราวนี้เขากลับโผล่มาหาถึงที่ผมจึงอดขมวดคิ้วด้วยความงุนงงไม่ได้

ท่านเสนาธิการก็ฉลาดสมกับเป็นปัญญาของแผ่นดิน แกลูบเคราพร้อมหัวเราะชอบใจก่อนเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม ผมเห็นว่ายังไม่ได้ตอบอะไรผู้อาวุโสท่านนี้สักคำเอาแต่ยืนนิ่งดูเสียมารยาทจึงก้มหัวทำความเคารพก่อนพูดอย่างสุภาพว่า”ท่านเสนาธิการกล่าวชมเกินไปแล้ว ขอบคุณ ๆ”

“ฮะ ๆ ๆ ข้าไม่ได้กล่าวจริงเสียหน่อย ได้ยินข่าวลือหนาหูว่าแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินลงทุนสละเวลามาสอนเวทให้เจ้าตั้งหลายครั้งข้าจึงอยากมาดูฝีมือของเจ้าด้วยตาตนเองว่ารุดหน้าไปถึงไหน ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ เจ้าเก่งขึ้นมากกว่าที่ข้าจินตนาการไว้”

คำพูดของท่านเสนาธิการล้วนเป็นคำเยินยอตามมารยาททั้งสิ้น ผมซึ่งไม่ค่อยชินกับจริตของขุนนางฝ่ายบุ๋นเท่าไหร่จึงได้แต่ยืนยิ้มแห้ง

“เมื่อครู่ ดูเหมือนเจ้าจะร่ายแต่เวทอัคคีนะ”ชายชราเปรย

คราวนี้สายตาของคู่สนทนาฉายแววจริงจังขึ้นหลายเท่าผมจึงไม่กล้ายืนเอ้อระเหยอีก”ครับ ท่านเอเทมบอกว่าดูเหมือนทิมจะเป็นผู้ใช้เวทสายอัคคี”

“แล้วท่านแม่ทัพได้บอกเจ้าหรือไม่ ว่าก่อนหันหน้าเข้าหาศาสตร์มืด ดาร์กลอร์ดเองก็เคยเป็นผู้ใช้เวทอัคคี”

!?

พลันความเงียบเข้าปกคลุม ผมรู้สึกชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตลอดหกเดือนมานี้ทั้งผมทั้งท่านเอเทมต่างพร้อมใจกันไม่เอ่ยถึงชื่อของคนคนนี้เลย นับว่าหกเดือนที่ผ่านมาผมลอยตัวอยู่เหนือแท่นกีโยตินอย่างมีความสุข ทว่าวันนี้เวลานี้ผมรู้สึกเหมือนถูกลากคอกลับเข้ามาในลานประหารอีกครั้ง

“ข้าไม่ทราบไม่ก่อนเลย ท่านเอเทมไม่เคยกล่าวถึง”

“นั่นคงเพราะว่าเรื่องที่ดาร์กลอร์ดเคยเป็นผู้ใช้เวทอัคคีก็เป็นเพียงข่าวโคมลอยที่ไม่มีมูล”

“ครับ...”ผมตอบด้วยน้ำเสียงชืด ๆ

“ความจริงข่าวลือเรื่องของดาร์กลอร์ดยังมีอีกหลายอย่าง บ้างก็ว่าเขาคืออดีตรัชทายาทแห่งโรมานอสซาร์บ้างล่ะ บ้างก็ว่าเขาคือคู่หมั้นของอดีตเจ้าหญิงบ้างล่ะ ซึ่งมันช่างย้อนแย้งสิ้นดี โรมานอสซาร์ตั้งอยู่ในภูมิประเทศอันหนาวเหน็บ ราชวงศ์ผู้ปกครองดินแดนก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในด้านเวทน้ำแข็ง แล้วจู่ ๆดาร์กลอร์ดจะเป็นทั้งรัชทายาททั้งผู้ใช้เวทอัคคีไปได้อย่างไร เจ้าว่าไหม”

“อ่า...ครับ”ผมพยักหน้าแบบฝืน ๆ รู้สึกร้อน ๆหนาว ๆเพราะไม่รู้ว่าท่านเสนาธิการจะปูพรมเล่าเรื่องดาร์กลอร์ดให้ผมฟังตอนมืดค่ำแบบนี้เพื่ออะไร

ชายชราผมขาวลูบเคราพลางเริ่มเดินวนไปรอบ ๆตัวผม

“แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับการยืนยันก็คือ นอกจากศาสตร์ต้องห้ามร้อยแปดพันบทแล้ว ดาร์กลอร์ดเคยร่ายเวทอัคคีอยู่สามบท หนึ่งคือดาบเพลิงวินาศ สองคือธารอัคคีเรรวน สามคือมังกรไฟสลักลาย ทั้งสามครั้งเป็นการร่ายออกมายามฉุกเฉิน...”

“ครับ...”

“เมื่อถูกถึงคำว่าฉุกเฉิน ย่อมแปลว่ายามนั้นจวนตัว ร่ายเวทออกมาโดยไม่ทันคิด ตามปกติเวทที่ถูกหยิบขึ้นมาเป็นอันดับแรกจะเป็นเวทที่ถนัดที่สุด หรือเวทที่ใช้บ่อยที่สุด”

ผมกลืนน้ำลายลงคอสามอึก แต่ละอึกยกให้เวททั้งสามบท เพราะท่ามกลางเวทอัคคีนับร้อยบทที่ผมเรียนรู้มา กลับมีเพียงแค่สามบทนี้เท่านั้นที่ผมใช้คล่องราวกับพวกมันคลอดออกมาจากท้องแม่พร้อมผม คล่องชนิดที่ว่าท่านเอเทมแค่แสดงตัวอย่างให้ดูครั้งเดียวผมก็ทำตามได้อย่างหมดจด

ผมค่อนข้างมั่นใจเกินครึ่งแล้วว่าทิมที่สลับตัวกับผมคือดาร์กลอร์ด

แต่ให้ตายผมก็ไม่สารภาพเด็ดขาด!

ชาตินี้ต่อให้ไม่มีบุญได้กลับโลกเดิมผมก็ขอใช้ชีวิตกินเงินเดือนในฐานะพันโทอยู่ที่โลกนี้อย่างสงบ!

ผมไม่ยอมตายเด็ดขาด ความลับเรื่องดาร์กลอร์ดจะต้องแก่ตายไปพร้อมกับผมนี่แหละ!!!!

“พรุ่งนี้พระราชาเรียกตัวเจ้าก่อนรุ่งสางให้ไปรอที่ท้องพระโรง ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่พวกเรายังไม่มีหลักฐานพวกเราก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ พระราชาแค่จะพระราชทานภารกิจสำคัญให้เจ้าไปทำก็เท่านั้น”ท่านเสนาธิการตบไหล่ผมป้าบ ๆ

ผมมองแผ่นหลังผอมเพรียวของชายแก่รู้มากที่เดินจากไป

เหงื่อกาฬของผมแตกพลั่ก

พวกเขายังไม่มีหลักฐาน แต่สามารถสร้างสถานการ์เพื่อบีบให้ผมเผยหลักฐานได้ แววตาของท่านเสนาธิการบ่งบอกเช่นนั้น และการที่เขาอุตส่าห์มาเตือนผมทางอ้อมเช่นนี้ก็นับว่าเป็นความปราณีสูงสุดของเขาแล้ว

“คงต้องรอดูเนื้อหาของภารกิจพรุ่งนี้แล้ว”

หากภารกิจดังกล่าวมีแววว่าจะสามารถบีบให้ผมเผลอใช้ศาสตร์ออกมาโดยไม่รู้ตัวหรืออะไรก็แล้วแต่ผมจะรีบชิ่งทันที

ด้วยกำลังของผมตอนนี้บวกกับทรัพย์สมบัติที่มีผมสามารถหนีการตามจับของพวกอัศวินลูกกระจ๊อกได้สบาย

ส่วนท่านเอเทม...บอกตรง ๆว่าตลอดหกเดือนพวกเรานับว่าสนิทกันมากแถมเขาเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร คงไม่ตามจับผมหรอก! เวทผูกวิญญาณอะไรนั่นก็เป็นหมันไปซะเถอะ!

เมื่อสรุปได้เช่นนี้ผมก็สะบัดหัวเบา ๆเพื่อขับไล่ความฟุ้งซ่าน หันกลับไปทบทวนวิชาที่เพิ่งศึกษาจากตำราด้วยตัวเองเมื่อวานซืน อย่างน้อยการเก่งขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ช่วยโอกาสหนีรอดของผมให้มากขึ้น

 

เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ หลับไปได้ไม่นานก็ตื่นขึ้นมา เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆเพราะผมฝันร้าย

ในฝัน ผมมองเห็นตัวเองกำลังเล่นเกมคอมพิวเตอร์

ในฝันครั้งที่สองผมเห็นตัวเองกำลังเล่นเปียโนอยู่ในมหาลัย

และในฝันสุดท้ายผมได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพ่อแม่

ดูเหมือนเป็นฝันที่มีความสุข แต่เมื่อตื่นมาในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่ไม่ใช่โลกในฝัน...ผมจึงนับว่าฝันเหล่านั้นเป็นฝันร้าย

นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ฝันถึงโลกเดิม คงเพราะหกเดือนที่ผ่านมาผมอยู่ดีมีสุข กับลันเทียก็ไม่นับเป็นนายจ้างกับลูกจ้างอีกต่อไป แม้เขาจะยังเรียกผมว่าท่านแต่นั่นก็เพราะผมมียศสูงกว่า ตอนนี้เราสองคนนับว่าเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว

“ตาแก่นะตาแก่ มาทิ้งระเบิดให้คนเขาคิดมากเพื่ออะไรเนี่ย โอ๊ย”ผมเดินกุมหัวลงจากรถม้า

เนื่องจากเมื่อคืนผมไม่ค่อยได้นอนวันนี้ใต้ตาของผมจึงดำคล้ำจนอยากจะพรีออเดอร์สกินแคร์จากโลกเดิมให้ส่งไปรษณีมาให้ที่อัสโตเรีย แต่ไปรษณีย์ไทยนั้นแค่ส่งพัสดุภายในประเทศให้เรียบร้อยดียังแทบไม่มีปัญญาแล้วจะเอาอะไรมาส่งของข้ามมิติ

“เห้อ...”ผมเดินตามหลังอัศวินรักษาประตูเข้าไปในเขตวังหลวงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

รู้สึกปวดท้องจนแทบทรุด นี่คืออาการหนึ่งของคนที่เครียดลงกระเพาะหรือเปล่านะ

“เห้อ...”ตลอดทางจากรั้วจนถึงตัวปราสาทผมถอนหายใจไปได้สิบรอบ

“ผู้พันไม่ต้องหนักใจขนาดนั้น องค์ราชาทรงมีพระเมตตา”นายอัศวินชั้นผู้น้อยคงเห็นสีหน้าของผมหมองคล้ำลงเรื่อย ๆจึงเข้าใจผิดคิดว่าผมตื่นเต้นเพราะจะได้เจอพระราชาเป็นครั้งแรกจึงพยามปลอบขวัญผม หารู้ไม่ว่าเรื่องราวมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ

“เหอ ๆ...”ผมส่งเสียงหัวเราะฝืดคอเมื่อพวกเราเดินมาถึงประตูทางเข้าท้องพระโรง

กลั้นใจอยู่นานสองนานในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าผลักประตู เมื่อเดินเข้ามาข้างในผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในท้องพระโรงไม่ได้มีขุนนางยืนเรียงกันหน้าสลอน ไม่มีกระทั่งข้ารับใช้บริวาร ภายในห้องมีแค่พระราชาซึ่งเป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเสนาธิการ พวกเขาสองคนจับจ้องผมไม่วางตาขณะที่ผมค่อย ๆสืบเท้าเข้าไปหน้าบัลลังก์ และตรงหน้าของพวกเขาสองคนก็มีท่านเอเทมยืนอยู่ เขามองผมเพียงครู่เดียวก่อนเบือนหน้าไปอีกทาง

ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีแต่ก็ทำความเคารพพระมหากษัตริย์ตามธรรมเนียม

เมื่อผมทำความเคารพเสร็จท่านเอเทมก็เดินมายืนข้างผม เนื่องจากเขาเองก็เป็นผู้รับราชโองการเช่นกันจึงไม่สามารถยืนเก๊กอยู่ข้างบัลลังก์ได้

และเมื่ออัศวินหนุ่มผู้เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งอยู่ห่างจากผมเพียงแค่ศอกเดียวเขาก็เปรยกับผมเสียงเบาว่า”อย่าแม้แต่จะคิดว่าสิ่งที่พวกเขาให้คือความปราณี”

!!

สิ้นคำเตือนของอีกฝ่ายผมก็เหลียวมองใบหน้าเหี่ยวย่นของเสนาธิการอีกครั้ง ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็เป็นคุณตาใจดีคนหนึ่ง เมื่อวานตอนที่เขาไปหาผมในลานฝึกผมจึงมั่นใจว่าเขากำลังเป็นห่วงผม นั่นคงเพราะอิมเมจของเขาเหมือนอาจารย์ใหญ่ในเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์มาก ๆ

ผมขมวดคิ้วนิด ๆแต่ไม่ได้แสดงความหวาดระแวงอย่างเอิกเริก

ระหว่างท่านเอเทมกับเสนาธิการผมย่อมเลือกเชื่อท่านเอเทมมากกว่า

แต่การที่ผมเชื่อท่านเอเทมก็แปลว่าผมต้องตัดมโนโลกสวยที่คิดปลอบใจตัวเองมาทั้งคืนว่าพวกเสนาธิการกับขุนนางของราชอาณาจักรนี้เป็นคนดีมีน้ำใจประเสริฐเลิศล้ำออกไป



-----------------------------------

time skip 6เดือน...

น้องมั่นใจแล้วว่าคนที่สลับตัวกับน้องคือดาร์กลอร์ด

ท่านเอเทมก็รู้นานแล้วแต่ช่วยน้องเหยียบไว้มิด

แต่สุดท้ายความก็แตกจนได้ อัสโตเรียไม่ได้เป็นมิตรกับน้องเลย TT

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหนอ?

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องจะเข้าสู่ด้านมืดของพลังกลายเป็นดาร์กลอร์ดที่ทรงพลังและโหดร้ายกว่าเก่า
//หงายเงิบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AilyrZ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เวลคัม ทู เดอะ ดาร์กไซซซด์

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ยังไงๆ หักเลี้ยวไปทางดาร์กไซด์เลยดีมั้ย :interest:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ขยับเข้ามาอีกนิดแล้วรึเปล่านะ :mew3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ้าว ความแตกแล้วจะทำไงต่อล่ะทีนี้

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
กลับไปฟื้นฟูโรมานอสซาร์ให้ดาร์กลอร์ดทิมจะเข้าท่ากว่าไหมเนี่ย
มีแต่พวกไม่น่าไว้ใจ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ parm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากเลยค่ะกลับต่อไวๆน้าาา

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่22

เมื่อกล่าวอารัมภบทกันไปแปดตลบในที่สุดท่านเสนาธิการก็คลี่ม้วนกระดาษในมือออก ผมกับท่านเอเทมรีบคุกเข่าก้มหน้ารับบัญชาอย่างรู้งาน

“ฝ่าบาทมีราชโอการ ขอให้แม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินและพันโทการันต์เร่งรุดตรวจสอบความผิดปกติของชายแดนทางเหนือ...”

ชายแดนทางเหนือ?

เนื่องจากผมต้องก้มหน้าตอนรับราชโองการทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของพระราชากับเสนาธิการ แต่สีหน้าของคนข้าง ๆล่ะก็ผมเห็น แม้จะเป็นการมองด้วยหางตาแต่ผมกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการอ่านสีหน้าของท่านเอเทมไปแล้วเรียบร้อยดังนั้นแค่เขาคิ้วกระตุกเพียงเล็กน้อยผมย่อมสังเกตเห็น

ชายแดนทางเหนือมีอะไรหรือ

ผมถามคำถามนี้ในใจและวินาทีต่อมาท่านเสนาธิการก็ให้คำตอบ

“ชายแดนทางเหนือส่วนที่ติดกับโรมานอสซาร์พบลัทธิต้องสงสัยคาดว่าเป็นผู้ใช้ศาสตร์ต้องห้าม!...”

พอฟังมาถึงตรงนี้คิ้วของผมก็กระตุกรัว ๆ คำว่าศาสตร์ต้องห้ามกลายเป็นคีย์เวิร์ดที่สร้างเอฟเฟ็คอย่างมหาศาลแก่ผม

“...ขอให้ทั้งสองคนนำกำลังเข้าตรวจสอบ”

หลังจากนั้นท่านเสนาธิการกล่าวอะไรต่อก็ไม่เข้าหูผมแล้ว เพราะตอนนี้พื้นที่ในหูของผมโดนคำว่าศาสตร์มืดบุกเข้ายึดครอง เจ้าคำนี้มันดังก้องในหัวไม่หยุด

กระทั่งรู้ตัวอีกทีพระราชากับเสนาธิการก็เดินหายเข้าไปหลังฉากแล้ว

ผมค่อย ๆลุกขึ้นยืนท่ามกลางความรู้สึกมืดมนอับจนหนทาง

ส่งผมเข้าไปจัดการคดีที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์มืดแบบนี้...

“ข้าอาจจะโลกสวยไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ เรียนถามท่านแม่ทัพตามตรง คดีครั้งนี้มีโอกาสที่ข้าจะโดนใส่ความมากน้อยแค่ไหน”ผมกลืนน้ำลายพลางกระซิบถามคนข้าง ๆ

แม้ในห้องนี้จะไม่มีคนอยู่แต่โบราณว่าไว้ว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่องฉะนั้นผมจึงต้องระมัดระมัด

ท่านเอเทมชายตาแลผมเพียงครู่เดียวก่อนจะค่อย ๆพยักหน้าลงอย่างแช่มช้า ทว่าเป็นคำตอบที่กระจ่างชัด

ผมกลืนน้ำลายลงคออีกอึก คดีนี้พัวพันกับผู้ใช้ศาตร์มืด ผู้ครอบครองศาสตร์มืดต้องประหารสถานเดียว

แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดของคดีมากนัก แต่ผมสามารถสรุปจุดจบของคดีนี้ได้สามแบบ

หนึ่งคือจับคนร้ายไม่ได้ ทางการป้ายสีผมว่าแอบให้การช่วยเหลือผู้ใช้ศาสตร์มืด ผมโดนประหาร

สองคือจับคนร้ายได้ ทางการปลอมแปลงคำให้การ กล่าวหาว่าผมเป็นพวกเดียวกับผู้ใช้ศาสตร์มืด ผมโดนประหาร

สามคือจับคนร้ายได้หรือไม่ก็ช่างแม่ง ผมขอหนีไว้ก่อนสุดหล้าฟ้าเขียว สุดท้ายผมโดนลากคอกลับมาประหาร

จบการวิเคราะห์

“เหอะ ๆ”ผมส่ายหน้าไปมาแรง ๆ”ท่านคิดว่าเสนาธิการเป็นคนอย่างไร เขาใจดีไหม หรือมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษหรือไม่”ผมพยามปลอบประโลมตัวเองอีกครั้งทว่าความหวังกลับลางเลือน

“อย่ามัวโอ้เอ้ รับบัญชามาแล้ว ให้รีบปฏิบัติตาม”เสียงทุ้มกล่าวตำหนิผม เขายังคงทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาของผมอย่างปกติราวกับไม่รับรู้เลยว่าผมกำลังจะตายห่าอยู่รอมร่อ

ผมก้มหน้าคอตก”ขอบคุณท่านมากสำหรับครึ่งปีที่ผ่านมานี้ คนกล่าวว่าท่านเย็นชาไร้ใจ ทว่าความจริงท่านเป็นบุรุษที่อ่อนโยนเอื้อเฟื้อคนหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถกับหน้าตา ด้วยคุณสมบัติทุกประการของท่าน ข้าเชื่อว่าในภายภาคหน้าชีวิตของท่านจะต้องร่มเย็นเป็นสุข พานพบแต่ความเจริญ...”

“การันต์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการครอบครองศาสตร์มืดอันตรายเพียงใด”ท่านเอเทมทนฟังคำสั่งเสียของผมต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างรำคาญใจ

ผมส่ายหน้าไปมา”รู้แค่ว่าร้ายแรงมาก โทษตายสถานเดียว”

“ไม่เพียงผู้ครอบครองตายแล้วจบ เรื่องนี้กระเทือนต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรอย่างมาก ดาร์กลอร์ดเพียงคนเดียวถล่มคณะปฏิวัติของโรมานอสซาร์พินาศย่อยยับในเวลาเพียงไม่กี่วัน หากตอนนั้นเขาไม่หยุดเกรงว่าป่านนี้โรมานอสซาร์คงเหลือแค่เพียงชื่อ”ท่านเอเทมพูดพลางเดินนำผมออกมาจากห้อง

“การเก็บเจ้าไว้ไม่ต่างอะไรกับการเก็บดาร์กลอร์ดที่เรียบร้อยไว้ในสวนหลังบ้าน ตอนนี้เจ้าไม่ทำแต่ก็ไม่ได้แปลว่าในอนาคตเจ้าจะไม่ลุกขึ้นมายึดอำนาจเด็ดหัวกษัตริย์”

“...”

“คนที่กลัวเจ้าที่สุดก็คือพระราชา แต่เขาไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ในทันทีเพราะชื่อเสียงตอนสอบเข้าของเจ้าเด่นมาก”

“แล้วข้าควรทำอย่างไร”

“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า”

“ท่านจะไม่ช่วยเหลือหน่อยเหรอ”ผมหยุดเดินก่อนเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของอีกฝ่าย ผมไม่ได้ดึงชายเสื้อเขาเพื่อช้อนตาออดอ้อนหรอกนะ แต่ถ้าไม่ดึงไว้ป่านนี้เขาคงเดินไปโน่นแล้ว คนแร้งน้ำใจ! เมื่อกี้อุตส่าห์ชมว่าเป็นคนใจดี!

“สิ่งแรกที่เจ้าควรทำคือประเมิณสถาการณ์ ต่อมาเจ้าควรหาวิธีการแก้ไข สุดท้ายจึงเป็นการขอความช่วยเหลือ”เขาพูดพลางปัดมือของผมออก”ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นเด็กที่เอาแต่หนีความจริง เรื่องในคราวนี้เจ้าลองกลับไปทบทวนด้วยตนเองดู”

ร่างสูงกล่าวจบก็หมุนกายจากไป แม้ว่าจะดูไร้เยื่อใยแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงเยื่อใยบางอย่างจากแผ่นหลังของเขา

“ขอโลกสวยอีกหน่อยได้ไหมนะ”ผมเชื่อแล้วว่าพระราชาไม่เลี้ยงผมไว้นานกว่านี้แน่ แต่ท่านเอเทมเล่า หากเขารู้อยู่ในว่าผมถือครองมนต์ดำเอาไว้กับตัวตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขาจะพร่ำสอนเวทต่อสู้ป้องกันตัวให้ผมทำไมตั้งมากมาย

ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งพลันหางตามองเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากท้องพระโรง

ผมขมวดคิ้วมองชายคนนั้นอย่างแปลกใจ เพราะผมกับท่านเอเทมเป็นสองคนสุดท้ายแน่ ๆที่เดินออกมาจากท้องพระโรง แล้วไอ้คนนี้โผล่มาจากไหนล่ะ

ผมยืนอยู่กับที่ ส่วนเขาเดินตรงเข้ามา ทางเดินแห่งนี้ไม่มีใคร พลันความรู้สึกหนาวยะเยือกจำนวนหนึ่งก็พุ่งปราดเข้ามาหาผมอย่างไม่มีสาเหตุ

อีกฝ่ายเป็นชายอายุราว ๆห้าสิบกลาง ๆ เส้นผมสีดำแซมขาว ดวงตาสีน้ำตาลแดง แผ่นหลังงองุ้มและมีจมูกใหญ่คดเหมือนพ่อมดผู้ชั่วร้าย เขาอยู่ในเสื้อคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้านอกจากผมหงอกแล้วร่างกายของเขาคุมโทนด้วยสีดำเหมือนอีกา

ผมเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวขณะที่ชายคนนั้นเดินผ่านหน้าผมไป

พวกเราสบตากันและร่างกายของผมก็แข็งทื่อเหมือนโดนสาป เหงื่อกาฬของผมแตกพลั่กทั้ง ๆที่อากาศไม่ได้ร้อน แม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินลับตาไปไกลแล้วทว่าผมยังคงยืนนิ่งงั้นอยู่ตรงนั้น

เมื่อครู่นี้ไม่ใช่จิตสังหารหรือการข่มกันด้วยพลังเวท ผมค่อนข้างมันใจว่าลุงพ่อมดมีพลังเวทน้อยกว่าผม

“อะไรที่ทำให้เรากลัวล่ะ...”ผมยกมือขึ้นกุมอก หายใจเข้าหายใจออกลึก ๆหลายครั้งเพื่อสงบหัวใจที่สั่นเป็นเจ้าเข้า

และในขณะที่ผมกำลังเดินโซเซไปพิงเสาต้นที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นเอง คนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอในที่นี่แบบนี้ก็เดินปรี่เข้ามาหาผม

ลันเทียคนสวยมีสีหน้าเป็นห่วง ร่างเล็กรีบเดินจ้ำเข้ามาหาผมที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม

“เกิดอะไรขึ้น!?”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างร้อนรน

ผมโบกมือสองสามที”ไม่มีอะไร ข้าแค่น้ำตาลในเลือดต่ำ”

แน่นอนว่าลันเทียไม่เข้าใจศัพท์คำว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่เจ้าตัวก็ค่อย ๆประครองผมไปนั่งยังม้านั่งของสวนหย่อมที่อยู่ไม่ไกลออกไป เมื่อเห็นว่าผมเหงื่อท่วมหัวคนน่ารักก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ผมถาม

“เอ๋ อ๋อ...มาทำธุระนิดหน่อยน่ะ”

“ท่างที่เจ้าเดินมา เจ้าเจอคนแปลก ๆไหม”ผมถามเพราะคิดว่าลันเทียอาจจะเดินสวนกับพ่อมดคนนั้น

“ไม่นี่ ก็...ปกตินะ คนที่แปลกสุดก็คือท่านนี่ไง มาเป็นลมอะไรใกล้ท้องพระโรง ภารกิจคราวนี้ยากหรือ”ลันเทียวิเคราะห์ว่าผมเกิดอาการหน้ามืดเนื่องจากเจอภารกิจสุดโหดเข้า

“เหอ ๆ เกี่ยวกับศาสตร์มืดน่ะ”

“อะไร!...นะ...”เพราะตอนแรกเผลอตะโกนออกมาร่างบางจึงรีบยกมือขึ้นมาปิดปากก่อนเปลี่ยนเสียงเป็นกระซิบ

กรอบหน้าหวานค่อย ๆเลื่อนเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยระคนแปลกใจว่า”ที่อัสโตเรียก็มีผู้ใช้ศาสตร์มืดหรือ นั่นน่ากลัวมากเลยนะ ข้าได้ยินว่ารอบตัวของพวกเขาจะมีกลิ่นอายประหลาด ใครได้เจอจะจับไข้หัวโกร๋น”

“ผู้ครอบครองศาสตร์มืดหรือว่าผีล่ะนั่น มีจับไข้หัวโกร๋นด้วย?”ผมถามเชิงหยอก ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดเกินไป

ทว่าลันเทียกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าที่ผมคิด”ท่านสัมผัสพลังเวทของข้าได้หรือไม่”

คำถามของลันเทียทำให้ผมต้องเงยหน้าเพื่อพิจารณาอีกฝ่าย

อันพลังเวทนั้นก็เสมือนลายนิ้วมือ แต่ละคนมีไม่ซ้ำกัน กลิ่นอายเวทมนต์สะท้อนบุคลิกของตัวคนนั้น ๆ อาทิท่านเอเทมมีนิสัยเคร่งขรึม ไอเวทรอบตัวเขาจึงให้ความรู้สึกเย็น เวลาคุยกับเขาผมไม่ได้เพ้อเจ้อไปเองว่าเหมือนโดนพายุหิมะพัดใส่แต่เป็นเพราะไอเวทของเขาชักนำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

ส่วนไอเวทของลันเทียน่ะ”เจ้าเหมือนทุ่งหิมะ ตอนกลางวัน ท้องฟ้าแจ่มใส่เห็นพระอาทิตย์ เริ่มมีดอกไม้แตกหน่อ ภาพลักษณ์เหมือนปลายฤดูหนาวต้นใบไม้ผลิ”

“อื้ม ทั้งข้าและท่านเอเทมล้วนถนัดเวทน้ำแข็งเหมือนกันแม้มีนิสัยแตกต่าง ไอเวทจึงให้ความรู้สึกต่างกัน แต่กลับปฏิเสธภาพของหิมะหรือนำแข็งไปไม่ได้ถูกไหม”

“อ่าฮะ”

“ผู้ใช้ศาสตร์มืดก็เช่นกัน นิสัยต่างย่อมมีกลิ่นไอที่แตกต่าง ทว่าความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างดุดันสยดสยอง เกรงว่าชาวบ้านธรรมดาแค่สบตากับผู้ใช้ศาสตร์มืดอาจจะหมดเรี่ยวแรง เหงื่อไหลโทรมกาย ถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้ง”

“อ้อ...เอ๊ะ เดี๋ยว งั้นคนเมื่อกี๊นี้...”

“คนเมื่อกี๊”ลันเทียเอียงคอถามตาใส

ผมกลืนคำว่าคนเมื่อกี๊ลงคอด้วยความหวาดวิตก

ถ้าผมบอกว่าตาลุงชุดดำเมื่อกี๊มีกลิ่นไอเหมือนที่ลันเทียพูดมาก พวกเสนาธิการจะถือโอกาสนี้ใส่ร้ายว่าผมแอบพาผู้ใช้ศาสตร์มืดเข้าวัง ยัดข้อหาประหารผมโดยไม่ต้องเปลืองแรงออกนอกสถานที่เลยรึป่าว

ผมขมวดคิ้วจนผูกเป็นโบว์สวยงาม ลันเทียเห็นแล้วทนไม่ไหวจึงเอานิ้งมาจิ้ม ๆให้ผมรู้สึกตัวและเลิกคลายปมได้แล้ว”ท่านยังความจำเสื่อมอยู่ แถมยังไม่ถนัดการต่อสู้ เอางี้เป็นไง ภารกิจนี้ท่านให้ข้าติดตามไปด้วย”

“เห้ย! มันอันตราย ให้เจ้าไปได้ไง”

“เพราะมันอันตรายข้าถึงยอมให้ท่านไปคนเดียวไม่ได้ไง”ร่างบางกอดอก ทำท่าต่อต้านสุดชีวิต คราวนี้ไม่ว่างผมจะพูดอะไรล้วนโดนปฏิเสธเสียงแข็งกลับมาหมด ลันเทียดึงดันว่าจะไปด้วยให้ได้สุดท้ายผมก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้

ผมคิดว่าการไปทำภารกิจครั้งนี้คือไปแล้วไปลับ

“ข้ายอมให้เจ้าติดตามไปด้วยก็ได้

“เย้!”

“แต่...”

“โหยย”ร่างบางเบะปาก ทำท่างอแงเป็นเห็นผมเตรียมกำหนดเงื่อนไข

“เจ้าต้องสัญญากับข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้าก็ตาม จงไปหาท่านเอเทม ขอร้องให้เขาช่วยปกป้อง แม้ว่าเขาจะช่วยข้าไม่ได้แต่เขาสามารถช่วยเจ้าได้แน่นอน”

“ช่วยท่านไม่ได้อะไรกัน ทำไมพูดเหมือนกับรู้ตัวว่าจะตายเช่นนั้นเล่า ไม่เป็นมงคลนะแบบนี้”มือเรียวเอื้อมมาตีปากผมเบา ๆ เหมือนพยามไล่คำพูดอัปมงคลของผมออกไปให้พ้น ๆ

ผมได้แต่ยิ้มอ่อนขณะมองใบหน้าน่ารักที่ผมหลงนักหลงหนามาตลอดครึ่งปี

“ลันเทีย ตอนนี้พวกเรานับว่าเป็นสหายกันหรือไม่”

“ท่านเป็นนาย ข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งในบ้านและนอกบ้าน”

“...”ผมมีสีหน้าผิดหวังกับคำตอบนี เจ้าตัวดีจึงหัวเราะคิก ๆ

“แต่นอกเหนือจากนั้น ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ของเราคือครอบครัว”

“ลันเทีย”ได้ยินแบบนี้ผมนี่น้ำตาปริ่มเลยครับ

“นับจากออกจากโรมานอสซาร์อย่างโดดเดี่ยว ท่านคือคนแรกที่ยื่นมือมาให้”

“ลันเทีย ฮือ...”ผมน้ำตาไหลพรากแล้วเรียบร้อย”เจ้าก็เป็นครอบครัวสำหรับข้าเช่นกัน บ้านหลังนั้นหากไม่มีเจ้ามันก็เป็นแค่ที่ซุกหัวนอน แต่เพราะมีเจ้ามันถึงเรียกว่าบ้าน”

“ท่านการันต์”ลันเทียส่งเสียงอย่างแปลกในเมื่อจู่ ๆผมก็กระโจนเข้าไปกอดคอเขาร้องห่มร้องไห้

มือเรียวพยามลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน“ไม่ร้องนะ เอาไว้จบภารกิจนี้พวกเรากลับบ้านกันนะ”

ผมเผยรอยยิ้มน้อย ๆหลังจากได้ยินคำปลอบประโลมดังกล่าว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมกลับคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ได้กลับไปยังบ้านหลังน้อยกลางทุ่งหญ้าหลังนั้นอีกแล้ว



----------------------------------------------


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอ๊ะโอ  นุ้งการันต์จะเป็นไงน้อ   ตอนออกไปปฏิบัติภารกิจทางตอนเหนือเนี่ย   น่าเป็นห่วงจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ BSSKXX

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมนี่มองว่าจะมีการหักมุมแบบ จริงๆแล้วลันเทียเป็นดาร์กลอร์ดอะไรเทือกๆนี้
ท่านเอเทมช่างค่าตัวแพงอะไรเช่นนี้ ออกมาบ่อยๆหน่อยจ้าาา

นุ้งการันต์สู้ๆกับภารกิจนะ  :z6:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ลันเทียน่ารัก ตกเป็นของพี่การันต์ซะดีๆ
เทท่านเอเทมโลด 5555555

ปล. อยากเห็นน้องเข้าสู่ด้านมืดจริงๆ แฮะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสัยไปหมดเลย น้องรันต์ไปทำภารกิจในครั้งนี้จะเจอกับอะไรบ้างเนี้ย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คนนั้นคือใคร มีศาสตร์มืดใช่ไหม

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่23

ภารกิจในครั้งนี้มีท่านเอเทมเป็นหัวหน้าคณะและมีผมเป็นรอง เขาบอกว่าให้ผมเอาคนสนิทไปได้ตามที่ผมเห็นสมควรและให้มารวมตัวกันที่ประตูตะวันออกของกองทัพตอนห้าโมงเย็น ซึ่งคนสนิทของผมนอกจากลันเทียแล้วก็มีไอ้โก้ รายนี้สนิทเพราะเป็นท็อปทรีของรุ่นเหมือนกันแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่อยากสนิทกับผมเท่าไหร่ดังนั้นคราวนี้ผมจึงเอาแค่ลันเทียไปคนเดียว

ผมกับลันเทียตัดสินใจกลับมาที่บ้านเพื่อเก็บของตั้งแต่หัววันทำให้มีเวลาโอ้เอ้อีกหลายชั่วโมง

“ลันเทีย ข้าหิว”ผมส่งเสียงยานคางมาจากทางเก้าอี้ในห้องรับแขก

ได้ยินเสียงเกียจคล้านของผมคนตัวเล็กก็รีบเดินมาหาทั้ง ๆที่ในมือยังหยิบเสื้อติดมาด้วย คาดว่าอีกฝ่ายกำลังจัดกระเป๋าเดินทางอยู่

“เดี๋ยวเถอะ มัวแต่นอนอ้วนเป็นหมูแบบนี้ได้ยังไงกัน ทำไมท่านไม่ไปจัดกระเป๋าล่ะ”

“เอาไว้บ่าย ๆค่อยจัด”ผมบิดขี้เกียจหนึ่งทีแทนการแสดงเจตนารมณ์

เมื่อเจอกับความขี้เกียจของผมคนตัวเล็กก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนถามว่า”ท่านอยากกินอะไรล่ะ เดาว่ามื้อเย็นคงต้องกินหลังออกเดินทาง ถ้ายังไงมื้อกลางวันเรากินพิเศษหน่อยดีไหม”

“เยี่ยม!”เรื่องกินผมสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว

เมื่อเห็นท่าทางน้ำลายสอของผมลันเทียก็หัวเราะคิกคักชอบใจก่อนวางเสื้อและเดินเข้าไปในครัว

“ให้ข้าช่วยไหม”

“ท่านไปดูต้นไม้ในสวนหน่อยเถอะ เราคงไม่ได้กลับมาหลายวันข้ากลัวพวกมันจะตาย”ลันเทียกล่าว

“ครับผม!”ผมทำท่าตะเบ๊ะก่อนเดินออกมาที่สวนตามคำสั่งของคนน่ารัก

อันว่าสวนบ้านของผมมีรัศมีห้ากิโล แต่ส่วนที่ผมกับลันเทียเรียกว่าสวนจริง ๆมีแค่กรอบเล็ก ๆไม่กี่ตารางเมตรรอบบ้านเท่านั้น พื้นที่ตรงนี้ผมกำลันเทียช่วยกันปลูกไม้ดอกไม้ประดับสวยสดงดงาม ตลอดครึ่งปีพวกเราไม่เคยออกไปทำภารกิจนานเกินเช้าเย็นกลับดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่พวกมันจะไม่มีใครคอยรดน้ำ

โชคดีที่โลกแห่งนี้มีเวทมนต์ ดังนั้นผมจึงจัดการร่ายเวทลมยกฝักบัวไปตกน้ำในถังเก็บน้ำ และเสกให้มันลอยมารดน้ำโดยที่ผมทำเพียงแค่ยืนโบกไม้โบกมือเท่านั้น

ความจริงการรดน้ำต้นไม้ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านี้มาก ถ้าเป็นลันเทียล่ะก็เจ้าตัวแค่เสกเวทน้ำอย่างง่ายแค่บทเดียวพริบตาก็เสร็จ แต่เวทน้ำกับผมนับว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาขนานแท้ดังนั้นผมจึงเลือกใช้เวทลมทำให้ฝักบัวลอยแทน

และขณะที่ผมกำลังสะบัดไม้สะบัดมือประดุจคอนดักเตอร์ในวงออเครสตร้านั่นเอง หางตาของผมก็พลันเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง

“มะ มะ มะ...”เสียงของผมเอ่ยได้เพียงคำเดียว

เจ้าหน้าสิงโตขนสีดำขลับแยกเขี้ยวยิงฟันให้ผมก่อนจะค่อย ๆคลานย่องเข้ามาใกล้เหมือนกลัวใครเห็น

“มัน มัน มัน...”

กับอิแค่คำว่ามันติคอร์คำเดียวผมกลับพูดไม่ได้เสียที

ก็ใครจะไปพูดอะไรออกล่ะเหวยยย ลองเผชิญหน้ากับ1ใน108สัตว์บริวารของดาร์กลอร์ดแบบนี้ถ้าคุณไม่ใช่ท่านเอเทมก็ไม่มีสิทธิ์ชิว!!

ผมยืนตาเหลือกสบตากับเจ้าสิงโตตัวใหญ่ที่มีปีกเหมือนนกอินทรีตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก

คราวก่อนผมไม่รู้ว่าตัวเองอาจมีพลังของดาร์กลอร์ดอยู่ในร่างผมจึงแตกตื่นตกใจคิดว่าไอ้ปีศาจร้ายนี่จะมาจับผมต้มกิน แต่คราวนี้ผมรู้แล้ว ผมไม่กลัวมันอีกต่อไป ใจผมเชื่อเกินครึ่งว่าไอ้หน้าขนนี่ต้องดมกลิ่นไอเวทของผมและพยามเข้ามาตีสนิทเพราะคิดว่าผมคือเจ้านายของมันแน่ ๆ

ไอ้แมวโง๊วววว

กูไม่ใช่ดาร์กลอร์ด! แต่ถ้ามึงคงยังไม่เลิกคลานกระดึ๊บ ๆเข้าหากูแบบนี้ล่ะก็กูได้เป็นดาร์กลอร์ดนัมเบอร์2แน่ ๆ

ผมพยามถอยหลัง ปรากฏว่าไอ้เจ้ามันติคอร์กับผุดลุกพรวดพราด พริบตาเดียวมันก็กระโจนตะครุบร่างของผมสำเร็จ

วูบนึงผมตกใจเพราะคิดว่ามันอาจจะจับผมกินก็ได้ แต่เมื่อโดนอุ้งมือทั้งสองของมันกอดรัด แถมลิ้นสากของมันระดมเลียหัวผมจนเปียกไปครึ่งแถบผมก็ไม่มีอะไรจะกล่าว

ไอ้มันติคอร์ตัวนี้เข้าใจผิดเต็ม ๆ มันคิดว่าผมคือดาร์กลอร์ด

ผมพยามผลักร่างของมันออกแบบเงียบ ๆ ไม่กล้าร่ายเวทอัดมันเพราะกลัวมันโมโหและหันมาตะปบผมแทน และที่กลัวที่สุดก็คือกลัวคนมาเห็นนี่แหละ

คราวก่อนผมก็คิดอยู่ว่าไอ้หน้าแมวนี่ทำตัวแปลก ๆ ตัวเองมีปีกแท้ ๆตอนผมวิ่งหนีทำไมมันไม่บินตาม ที่แท้มันคงนึกว่าผมวิ่งเล่นกับมันอยู่มั้ง อิด้อนนน ออกไป๊ กูแพ้ขนแม๊วววว

ฮรึก

“ปล่อย”

ผมดันร่างอันใหญ่โตของมันออกไปสุดฤทธิ์

“ทำไมล่ะเจ้านาย”

“...”

มันติคอร์กำลังพูดกับผม!

ผมควรตกใจที่มันพูดได้หรือควรตกใจที่มันเรียกผมว่าเจ้านายดีล่ะ

“ปล่อยก่อน อย่าส่งเสียงดัง”พอพูดภาษาคนรู้เรื่องค่อยคุยกันง่ายหน่อย เจ้าสัตว์ปีศาจในตำนานทำหน้าหงอ ๆหูลู่หางตกแต่ก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี

ผมกระแอมไอหนึ่งครั้งเพื่อรวบรวมสติ

บัดนี้เมื่อมีไอ้หน้าขนนี่ยืนยันผมมั่นใจร้อยเปอเซ็นต์เต็มแล้วว่าพลังในตัวของผมได้รับมาจากดาร์กลอร์ดชัวร์ ๆ

“ถ้าแกมาเกาะแกะข้าแบบนี้ พวกเราทั้งคู่จะตายนะ”

“ทำไมล่ะ”เจ้าปีศาจเขี้ยวยาวทำเป็นเอียงคอมองผมตาใส ในสายตาของผมมันน่ากลัวมากกว่าน่ารัก

ผมกัดฟันตอบ”ยังมีหน้ามาถาม! พวกเขาจ้องจะล้างผลาญดาร์กลอร์ดกับพวกนอกรีตขนาดไหนไม่รู้เหรอ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะเจ้านายก็”ดูมัน!

“ยังมีหน้ามาตัดพ้ออีกเรอะ! มีแกตามไปด้วยไม่เท่ากับว่าป่าวประกาศให้โลกรู้เหรอว่าข้าเป็นผู้ครอบครองศาสตร์มืด”

“ไม่เห็นไปไรเลย ท่านแค่เลี้ยงแมวตัวเดียว ศาสตร์มืดอะไรไม่เห็นเกี่ยว”เจ้ามันติคอร์ตอบกลับหน้าตา

ผมยกมือนวดขมับอย่างจนปัญญา”แมวบ้านแกน่ะ---“

ยังไม่ทันพูดจบประโยคร่างของสิงโตขนดำขนาดใหญ่กว่าบ้านก็ค่อย ๆหดเล็ก พริบตาเดียวจจากมันติคอร์ผู้น่าเกรงขามจำแลงกายกลายเป็นแมวตัวอ้วนขนสีดำ!!

“แมว!!”ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ

เจ้าแมวอ้วนปรายตาเหยียดใส่ผมอย่างดูแคลนหนึ่งครั้ง”เจ้าคิดว่าข้าสามารถบุกเข้ามาในเมืองหลวงของราชอาณาจักรที่มีอัศวินอันดับหนึ่งอยู่โดยไม่มีใครสังเหตุเห็นได้ยังไงล่ะ”

“ที่แท้ก็แปลงเป็นแมวตบตาอัศวิน”ผมร้องอ้อออกมาเบา ๆ

เจ้าแมวอ้วนพยักหน้าหนึ่งครั้งก่อนจะยืดหน้าชูคอกล่าวอย่างภาคภูมิใจ”ในบรรดาทาสรับใช้ 108ตนมีข้าเพียงผู้เดียวที่จำแลงกายได้แนบเนียน เจ้านายเก่าจึงพาข้าไปด้วยทุกหนทุกแห่ง หึ หากเจ้าไม่มีกลิ่นอายที่แสนดึงดูดล่ะก็ ข้าไม่มีทางวิ่งมาซบอกเจ้าหรอกนะจำไว้”

“ต้องขอบคุณเจ้าไหมเนี่ย”ผมกัดฟันถามย้อน

“ไม่ขอบคุณข้าแล้วจะไปขอบคุณใครเล่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าภารกิจนี้เจ้าต้องไปแล้วไปลับ พวกเขาจ้องจะฆ่าเจ้าแม้ว่าเจ้าจะไม่บังเอิญใช้ศาสตร์มืดออกมา เมื่อถึงเวลาที่คมดาบของอัศวินดำหันเข้าใส่เจ้าข้าสามารถพาเจ้าหนีข้ามชายแดนไปยังโรมานอสซาร์ได้สบาย ๆ ที่นั่นกำลังป้องกันอ่อนแอแถมกลัวเจ้านายเก่าขี้หดตดหาย หึ”เจ้าแมวอ้วนแค่นเสียงเหยียดอีกครั้ง

มันเห็นว่าผมมัวแต่ยืนบื้อจึงกระโดดหนึ่งครั้งขึ้นมาเกาะไหล่ผมและตวัดกรงเล็บปาดหน้าผมจนเลือดซิบ

“ทำบ้าอะไรเนี่ย!”

“เจ้าทึ่ม ข้าลดตัวมาหาขนาดนี้ยังไม่ยอมทำพันธะสัญญาอีก”เจ้าแมวอ้วนส่งเสียงตำหนิ

“สัญญา? ไม่มีทาง ฟังดูเสียเปรียบ แค่เลี้ยงไว้เฉย ๆไม่ต้องมีพันธะอะไรไม่ได้เหรอ เกิดโดนจับได้ว่าทำพันธะกับมันติคอร์จะทำยังไง”

“มัวปอดแหกอะไรอยู่ จะตายในอาทิตย์สองอาทิตย์อยู่แล้ว ถ้าเป็นข้านะป่านนี้จะเริ่มศึกษาศาสตร์มืดไม่มัวโอ้เอ้หรอก ยังไงศาสตร์มืดก็รุนแรงกว่าเวทธรรมดา ถ้าสนใจล่ะก็ให้ข้าสอนได้นะ ติดตามเจ้านายเก่ามาหลายปีข้าพอจับเคล็ดได้บ้าง”

“ไม่โว้ยยยยยยยย!!”ผมปฏิเสธไม่ยอมเรียนศาสตร์มืดจากมันแต่ก็ต้องผูกพันธะกับเจ้าแมวขนดำตัวนี้อย่างเสียมิได้เพราะมันขู่ว่าจะแฉผมหากผมไม่ยอมรับเลี้ยงมัน

“ไอ้แมวผี!!”ผมด่ามันไปทีหนึ่งหลังผูกพันธะกับเจ้าปีศาจตรงหน้าเสร็จ

“ใครมาเหรอ”คราวนี้ผมเผลอส่งเสียงดังเกินไปหน่อยลันเทียจึงเดินออกมามองด้วยความสงสัย

เจ้าแมวผีที่เกาะไหล่ผมทำหน้าเบื่อหน่าย มันกลอกตามองบนได้น่าหมั่นไส้ที่สุดในบรรดาแมวที่ผมรู้จัก

“เอิ่ม แมวน่ะ”ผมตอบเสียงชืด

“น้องเหมียว น่ารักจัง!”คนน่ารักวิ่งปราดเข้ามาอุ้มเจ้ามันติคอร์ในร่างแมวไว้ในอ้อมแขน ผิดคาดที่มันไม่ดิ้นหรือข่วนลันเทียมิหนำซ้ำยังเอาหัวซุกไซร้กับปกของลันเทียอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหมดคราบสัตว์ร้ายผู้น่าเกรงขามโดยสิ้นเชิง

“เจ้าคนนี้มีกลิ่นหอมน่ากินเชียว ชื่ออะไรน่ะเรา”เสียงทุ้มเกินขนาดตัวของเจ้าแมวผีเอ่ยขึ้น

“ข้าชื่อลันเทีย เจ้าพูดได้ด้วยเหรอ เป็นสัตว์เวทชนิดใดกันทำไมข้าไม่เคยรู้จัก”เสียงหวานฉายแววแปลกใจ

“หึ เจ้าลันเทียผู้น่ากิน เจ้าจะไปรู้จักข้าได้อย่างไร ข้าเป็นถึงมันติ---“

“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”ผมตะเบ็งเสียงแทรกสุดชีวิต

“มันติ?”ลันเทียดูจะติดใจคำดังกล่าว แถมเจ้าแมวผีก็ทำท่าจะเอ่ยต่อผมจึงต้องรีบตะโกนออกมาอย่างสิ้นคิด”มันตี้!! มันชื่อว่ามันตี้! หลงเข้ามาในเขตบ้านเราท่าทางน่าสงสารข้าเลยเล่นกับมันสักพัก พบว่านอกจากจะรู้มากแล้วยังดุร้าย! สมควรโดนตัดหางปล่อยวัด!”

แม้ผู้ฟังจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าตัดหางปล่อยวัดแต่ทว่าเจ้าแมวผีกลับรู้มาก มันรู้ว่าผมไม่อยากรับเลี้ยงมันไว้จึงรีบเอ่ยเอาใจลันเทียที่ดูหลอกง่ายกว่าอย่างแข็งขัน”ข้าหิวเหลือเกิน ไม่ได้กินอะไรมาสามปีแล้ว แค่ก แค่ก...”ไม่เพียงเอ่ยตัดพ้อเท่านั้น เจ้าแมวรู้มากตัวนี้ยังทำเป็นไอโขลก ๆ

“รอเดี๋ยวนะมันตี้ ข้าจะหาอะไรให้เจ้ากินเอง ในบ้านมีปลาตากแห้งอยู่ เจ้ากินได้ไหม”

“อาหารชั้นต่ำ แต่ก็ช่างเถอะ ข้าจะยอมกินสักมื้อ”

ผมหมดคำจะพูด ได้แต่ยืนมองลันเทียอุ้มเจ้าแมวผีเข้าบ้านด้วยความเมตตา

 

คล้อยบ่ายผมกับลันเทียก็หอบสัมภาระขึ้นรถม้ามุ่งตรงไปยังกองทัพหลวง ซึ่งท่ามกลางสัมภาระของพวกเรานั้นมีสิ่งมีชีวิตหน้าขนที่ทำให้ผมปวดหัวจะแตกติดสอยห้อยตามมาด้วย มันติคอร์ที่มีชื่อเล่นว่ามันตี้นั่งเลียขนของมันอยู่บนตักของลันเทียอย่างมีความสุข

ผมควรจะเครียดแต่ก็ไม่รู้ว่าเริ่มเครียดจากเรื่องไหนก่อนดี

เรื่องนี้ไม่ว่าผมจะเอ่ยปากขอร้องให้ใครช่วยก็เท่ากับลากคนคนนั้นตายตกตามกันไปเท่านั้น ผมจึงไม่นึกโกรธท่านเอเทมที่ปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือผม ตามความคิดของผม ตลอดหกเดือนที่เขาสอนเวทมนต์ให้เขาน่าจะมั่นใจเกินร้อยแล้วว่าในตัวผมมีศาสตร์มืดหลับใหลอยู่

การที่เขาไม่แจ้งเรื่องนี้ให้เสนาธิการทราบแถมยังช่วยสอนวิชาเอาตัวรอดให้ผมมาตลอดหกเดือนนับว่าเขาช่วยผมมากพอแล้ว

ผมมีวิชาต่อสู้ติดตัว ยามจนตรอกจริง ๆผมมีโอกาสเปิดทางหนีให้ตนเองได้

ผมคิดมาถึงจุดนี้ก็อดเหลียวมองเจ้ามันตี้ไม่ได้ มันรู้ว่าผมแอบมองก็เลยหยุดเลียแข้งขาตนเองก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวยิงฟันให้ผมอย่างไม่อนาทรณ์ร้อนใจ

“เห้อ...”ผมถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง ในที่สุดรถม้าก็แล่นมาถึงประตูตะวันออกซึ่งเป็นจุดระดมพล

เมื่อมาถึงผมก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะคณะเดินทางคราวนี้จัดเต็มชุดใหญ่กว่าที่ผมเคยเห็น

เนื่องจากผมมีตำแหน่งพันโทจึงเคยจัดกองย่อยออกปฏิบัติภารกิจบ่อยครั้ง ส่วนมากมักเป็นกองสิบ แต่คณะที่ท่านเอเทมจัดหามาดูเหมือนจะเป็นกองร้อย

อัศวินร้อยคนในชุดเครื่องแบบยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกผมมาสายแถมยังลงมาจากรถม้าน้องเหน่งน้องแกะสองคนพวกเขาก็พาลชักสีหน้าใส่ การกระทำเหล่านี้บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่อัศวินระดับล่างที่โดนบารมีหกแสนแต้มของผมกดข่ม

“แฮ่ ขอโทษที่มาสาย”ผมคิดว่าตัวเองยศใหญ่กว่าทุกคนอย่างน้อยขั้นนึงจึงไม่ได้นอบน้อมคลานเข่ามากนัก

ผมรักษาท่าทีเดินนำลันเทียที่มีอาการประหม่าจากสายตาของรอบข้างเดินเข้าไปหาท่านเอเทม

“ข้าพาลันเทียไปด้วยนะ”สองคนนี้เคยเจอกันหลายครั้งตอนนั่งกินข้าวด้วยกันทว่ากลับแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันเลยดังนั้นผมจึงต้องนำลันเทียไปฝากฝังกับเขาให้แน่ใจก่อน เมื่อลันเทียทำความเคารพท่านเอเทมตามพิธีการเสร็จเรียบร้อยผมก็ลากแขนคนตัวสูงกว่าหลบมุมออกมากระซิบกระซาบ

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นท่านช่วยดูแลลันเทียด้วย ข้ากล้าสาบานว่าเขาไม่เกี่ยวกับศาสตร์มืด”ผมป้องปากเขย่งตัวแนบหูอีกฝ่าย สายตาสอดส่องหลุกหลิกระแวงว่าจะมีใครแอบฟัง

“เจ้ายอมรับความตายแล้วหรือ”ท่านเอเทมร้องโอ้เบา ๆก่อนถามย้อน

“รับได้กะผีน่ะสิ! ข้าจะหนี”

“หึ...”

“ท่านหัวเราะอะไร”ผมไม่โกรธที่เขาไม่ยอมช่วยผม แต่ผมโกรธที่เขาพยามกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง”ท่านคิดว่าข้าจะหนีไม่พ้นเหรอ”

“เจ้าจะหนีไม่พ้นก็เพราะมาบอกข้าว่าจะหนีนี่แหละ”

“...”

เออว่ะ!

ตัวอันตรายที่สามารถลากคอผมเข้ากีโยตินที่สุดก็คือชายคนนี้นี่หว่า!

ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง อยากเอาหัวโขกพื้นแต่ก็กลัวเจ็บ สุดท้ายจึงได้แต่ยืนอ้าปากเหวอปล่อยให้แมลงวันบินเข้าปากอยู่นานสองนาน กระทั่งเจ้ามันตี้เดินฉุยฉายเข้ามาพันแข้งพันขาผม

มันปีนขึ้นมาเหยียบบนไหล่ของผมเพื่อสบตากับท่านเอเทมในระยะประชิด

ไอ้แมวผี! มาแสดงตัวขนาดนี้ไม่แนะนำตัวเลยล่ะว่าข้าคือมันติคอร์ 1ใน108บริวารของดาร์กลอร์ด

ผมจ้องมันตี้ตาแทบถลน ทว่าเจ้าแมวอ้วนกลับไม่สนใจ มันเมินผมโดยสิ้นเชิงก่อนกล่าวกับชายผู้ขึ้นแท่นแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งเสียงเรียบ”สวัสดี เอเทม แห่งโรมานอสซาร์”

คนโดนเรียกขานด้วยนามเช่นนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ทำให้เจ้าแมวผีกระหยิ่มยิ้มอย่างชอบใจ

“เอ่อ ท่านเอเทม นี่แมวของข้าเอง บังเอิญเก็บได้เมื่อเช้า”

“การันต์ เจ้าก็กลัวเขาเกินกว่าเหตุ เขาไม่กัดเจ้าหรอกเจ้าก็น่าจะรู้”มันตี้กล่าว

“ท่านเอเทมไม่ใช่แมวนะจะกัดได้ไงเล่า!”ผมเถียงเสียงหลง พยามเขี่ยมันตี้ออกจากตัวเพราะสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายแบบมันไม่ควรมาลอยหน้าลอยตาถือตัวประหนึ่งตัวเองเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แบบนี้!

คราวก่อนเอ็งโดนท่านเอเทมเตะจนร้องเอ๋ง ๆหนีหัวซุกหัวซุนไปไม่ใช่เรอะ! คราวนี้ก็อย่าปากดี! สบโอกาสที่โดนคนของทางการประกาศจับก่อนค่อยพาข้าหนี!

ผมพยามสื่อสารทางสายตากับเจ้าหน้าขนทว่ามันกลับเมิน มิหนำซ้ำยังกล่าวต่อ คำพูดของมันช่างบาดลึก”ชายคนนี้กัดใครไม่เป็นหรอก คราวก่อนเขาเจอกับเจ้านายเก่า เขายังไม่กัดสักแอะ”

“หะ...!?”

“ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพกับพลโทการันต์กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ ให้ข้าน้อยร่วมวงด้วยคนสิ”ขณะที่ผมกำลังจะหันไปบีบคอไอ้มันตี้ข้อหาบังอาจเปิดปากพูดถึงเจ้านายเก่าบุคคลที่สามก็เดินเข้ามาแทรกบทสนทนา

ผมหันไปมองหน้าผู้มาใหม่ตามสัญชาติญาณ ฉับพลันหัวใจของผมก็กระตุกวูบ

ราวกับโดนน้ำแข็งกรอกปาก ร่างกายของผมรู้สึกเย็นเยียบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น อาการเหล่านี้นับว่าน้อยกว่าครั้งแรกที่เจออีกฝ่ายมาก

ใช่ ชายคนนี้คือตาลุงท่าทางสยองขวัญที่ผมเจอหลังออกจากท้องพระโรง

อีกฝ่ายอยู่ในชุดคลุมสีขาวแตกต่างจากเมื่อเช้าที่คุมโทนดำตลอดตัว ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนชุดเหมือนพวกนักบวชหรืออะไรคราวนี้บรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายจึงไม่ชวนขวัญผวาแล้ว ที่เมื่อครู่ผมใจหายวาบก็เป็นผลพวงมาจากรอบแรกที่เจอกัน

ตาลุงเห็นผมกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายรอบจึงก้มยกยิ้มพลางเอ่ย”ข้าน้อยชื่อลูคัส เป็นแม่ทัพเวท”

“แม่ทัพเวท...”ผมเอ่ยทวนคำอย่างแปลกใจ

เรื่องที่กองทัพหลวงแบ่งออกเป็นทัพอัศวินกับทัพเวทนั้นผมทราบดี

หลายร้อยปีที่ผ่านมาอัศวินสามารถใช้เวทมนต์ในการสู้รบได้ดังนั้นทัพเวทจึงค่อย ๆหมดความสำคัญลงไปเรื่อย ๆ บ้างถูกมองว่าอ่อนปวกเปียก บ้างเห็นว่าใกล้ล่มสลาย ปัจจุบันมีสมาชิกในทัพอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน ตำแหน่งแม่ทัพเวทจึงเป็นรองท่านเอเทมอยู่หนึ่งขั้น

ท่านเอเทมเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินดังนั้นเขาจึงเป็นทั้งแม่ทัพอัศวิน และคุมทัพเวทอีกทีหนึ่ง

แต่สาเหตุที่ผมแปลกใจก็เพราะใบหน้าของอีกฝ่าย”ท่านลูคัส...ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม...”

ผมกำลังจะถามว่า ‘ทำไมหน้าตาถึงไม่เหมือนเดิม’ ทว่าไอ้มันตี้กลับงับหูผมเต็มแรง เขี้ยวแหลมคมเจาะจนใบหูของผมทะลุ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”โคตรเจ็บ!



..............................................

ช่วงนี้ #พิชิตใจท่านเอเทม ก็จะซีเรียสนิดนึงเนอะ นิดเดียวเท่านั้น!!




ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขำมากกว่า มันตี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋...ทำไมเจ้ามันตี้จึงขัดขวางไม่ให้การันต์ซักถามข้อสงสัยกับแม่ทัพเวท?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2018 09:22:49 โดย DrSlump »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด