เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62  (อ่าน 39828 ครั้ง)

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*******************************************************




เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง



ผู้เฒ่าบอกว่าถ้าผมอยากกลับไปที่โลกเดิมอีกครั้งผมต้องทำตามภารกิจของต้นไม้หมื่นปีให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจที่ว่าใช้ระบบสุ่ม แล้วให้ทายว่าต้นไม่เวรนั่นให้ผมไปทำอะไร... ถ้าไม่รู้ให้ไปอ่านชื่อเรื่อง!!







Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2019 19:44:19 โดย nikkou »

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
INTRO

ชื่อของผมคือการันต์ ผมเป็นหนุ่มน้อยที่มีความมั่นใจในหน้าตาตัวเองอย่างมาก เพราะเพิ่งมาเป็นเฟรชชี่ปี1แค่ไม่กี่เดือน นอกจากตำแหน่งเดือนคณะแล้วผมยังได้ขึ้นเพจคนหล่อของมหาลัยบ่อยๆ ไอจีมีคนติดตามเหยียบแสน ทวิตเตอร์มีคนฟอลเจ็ดหมื่น

ชีวิตของผมสดใสต๊ะติ๊งโหน่งเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งวินาทีนี้...

วินาทีที่ผมกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า...ที่นี่ที่ไหน

ผมไม่มั่นใจนักว่าสถานที่ที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้เรียกว่าอะไร แต่ผมค่อนข้างมั่นใจอย่างแรงกล้าว่าตัวผมไม่ควรโผล่มาอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อไม่กี่วินาที่ที่แล้วผมกำลังอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอน และเปิดประตูห้องน้ำออกมา ภาพแรกที่ผมควรเห็นคือเตียงนอนโง่ๆกับตู้เสื้อผ้าของหอพักที่ผมเช่าอยู่ และข้าวของกองชีทระเกะระกะนานา

“...”เสียงแกร่กๆของนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ส่งเสียงฝืดๆดังเสียดโสตประสาทของผมตลอดเวลา

ฝันเหรอ? ผมถามตัวเองแบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มแรงๆเพื่อเช็คว่าตัวเองเผลอยืนหลับคาฝักบัวหรือไม่

“โอ๊ยยย เจ็บ!”

โอเค ผมไม่ได้ฝัน แถมยังเจ็บตัวฟรีอีกต่างหาก

แล้วถ้าไม่ใช่ความฝัน...สถานที่แห่งนี้มันคืออะไรกัน

ผมกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อสำรวจ เนื่องจากผมอยู่ในชุดนอนลายหมีสีฟ้าเน่าๆ หนีบรองเท้าแตะที่ใช้ใส่ในห้องน้ำ สภาพผมเฝ้ายังเปียกปอนอยู่เลยจึงไม่อยากเดินเตร่สะเปะสะปะไปไหนไกลตามประสาคนดัดจริต

เบื้องหลังของผมคือประตูไม้เก่าๆ บานประตูเปิดคาไว้เนื่องจากผมเพิ่งเดินออกมาจากทางนี้และไม่ได้ปิด พอมองลอดเข้าไปด้านในก็พบกับความมืดสุดลูกหูลูกตาแฝงกลิ่นอายสุดหยั่งชวนขนพองสยองเกล้าเอาไว้ ด้วยความน่าพิศวงของมันผมจึงตัดสินใจไม่เสี่ยงเดินย้อนกลับไป

ส่วนเบื้องหน้านั้นเป็นอะไรที่ศิวิไลซ์กว่ากันมาก

ดูจากผนังแล้วผมคิดตัวเองน่าจะอยู่ภายในต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีโพรงตรงกลาง ซึ่งผลหรืออะไรของมันสามารถเรืองแสงสีเหลืองนวลๆได้ และภายในต้นไม้แห่งนี้ก็มีบันไดเลื้อยขึ้นไปจนสูงสุดลูกหูลูกตา

“บ้านต้นไม้ของฮอบบิทรึไง?”ถ้าเป็นบ้านฮอบบิทจริง เจ้าของบ้านคนเป็นฮอบบิทยักษ์“นี่เราหลุดเข้ามาในนิยายแฟนตาซีเรอะ”ผมลองค.ว.ย.(คิด วิเคราะห์ แยกแยะ) โชคดีที่ผมเคยอ่านนิยายกับไลท์โนเวลมาบ้าง พวกพล็อตทะลุมิติสมัยนี้มีเกลื่อนตลาดมาก ทำให้ผมสามารถประเมิณสถาการณ์ได้อย่างรวดเร็วเมื่อมาอยู่หน้างานจริง

ผมเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนอีกครั้งก่อนหันกลับไปมองประตูลี้ลับทางด้านหลัง

แม้ไม่รู้ว่าข้างบนมีอะไรอยู่แต่มันก็ดูสว่างและปลอดภัยกว่ากันมาก”โอเค สรุปเลือกข้างบน!”

เมื่อตกลงกับตัวเองได้ผมก็เริ่มออกเดิน แต่แค่ก้าวแรกก็เกือบล้มจนหัวทิ่มแล้ว เพราะว่ารองเท้าแตะช้างดาวที่ใส่อยู่เกิดมาเปราะบางไม่ดูเวล่ำเวลา จู่ๆสายมันก็ขาดผึงส่งผลให้ผมเซแถ่ดๆไปข้างหน้าสามก้าว โชคดีที่ไม่ล้มหน้าคว่ำแต่นั่นก็แปลว่ารองเท้าข้างนี้ใช้เดินไม่ได้อีกต่อไป

“ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ที่นี่ที่ไหน!! มีใครอยู่มั้ย!? ลงมาข้างล่างหน่อยยยยยยยยย”การตะโกนเรียกใครสักคนให้ลงมาข้างล่างมันง่ายกว่าให้ผมเดินเท้าเปล่าปีนขึ้นบันไดเป็นหมื่นขั้นนี่ขึ้นไปเยอะ

สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังด้านบน ฟังเสียงของตัวเองดังก้องวนไปวนมาอยู่สักพักก็มีเสียงตอบรับกลับมาเป็นอันชื่นใจ อย่างน้อยๆสถานที่นี้ก็มีคนอยู่ มิหนำซ้ำยังพูดคุยกันรู้เรื่อง เสียงนั้นแหบแห้งเหมือนชายแก่ดังมาจากที่ไกลๆพอจับใจความได้ว่า”เจ้าเด็กไม่เอาไหน!! เอ็งเป็นคนแรกเลยนะที่ตะโกนเรียนข้าลงไปแทนที่จะเดินขึ้นมาเอง”

“คุณลงมามันง่ายกว่าผมขึ้นไปนี่!! วะ เหวอ!!”ผมสะดุ้งตัวโยน คนกำลังป้องปากตะโกนเถียงกับเจ้าของเสียงปริศนาอย่างตั้งอกตั้งใจ จู่ๆพื้นที่ว่างข้างกายพลันสว่างวาบปรากฏร่างเตี้ยประมาณสองฟุตของชายแก่ผมยาวสีขาว ด้วยความที่เป็นคนปราดเปรื่องผมจึงรู้ทันทีว่านี่คือเจ้าของเสียงปริศนา

ผมยิ้มเผล่ให้อีกฝ่ายพร้อมดีดนิ้วดังเป๊าะ”เห็นมั้ย คุณลงมาง่ายกว่าผมขึ้นไปจริงๆ โอ๊ยย เขกหัวผมทำไมกัน!!”

ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองป้อยๆ ด้านชายแก่ถอนหายใจหนักๆหนึ่งครั้งก่อนลอยตัวขึ้นมาอยู่ในระดับความสูงที่เหนือกว่าระยะสายตาของผม สร้างความลำบากให้ต้องแหงนคอมองจนเริ่มเมื่อย

“ที่นี่คืออีกมิติหนึ่งที่ซ้อนทับอยู่กับโลกเดิมของเจ้า”

“ว่าแล้วเชียว นิยายส่วนใหญ่ก็ชอบใช้มุกนี้ แล้วผมมีทางได้กลับโลกเดิมมั้ย บอกไว้ก่อนเลยนะว่าคนอย่างผมไม่มีปัญญาไปเป็นผู้กล้าปราบจอมมารอะไรเทือกนั้นหรอก คุณก็เห็นแค่โดนสายรองเท้าแตะขาดผมก็ไม่สู้แล้ว ส่งผมกลับโลกเดิมเถอะผมต้องกลับไปอ่านโคนัXตอนจบ ที่สำคัญโลกนี้คงไม่มีเน็ตหรอกใช่ปะ เนี่ยผมน่ะนะขาดทวิตเตอร์ก็เหมือนขาดใจ อยู่ไม่ได้หร๊อกกก ส่งผมกลับไปเถอะ นะนะนะนะน”ผมงัดสกิลอ้อนสุดลิ่มทิ่มประตูออกมาใช้

ผู้อาวุโสร่างเตี้ยมองเหยียดใส่ผมหนึ่งทีแทนการตำหนิ

เอ๊าลุง ผมพูดความจริงแค่นี้ก็ต้องมองแรงใส่กันด้วยเหรอเอ๊อ!?

ผมเองก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กเรียบร้อย พอโดนคนแก่กว่ามองแรงใส่ผมก็มองบนกลับบ้างผมที่ได้คือโดนไม้เท้าเคาะหับไปอีกหนึ่งที

ชายแก่ร่างแคระถอนหายใจหนักๆอีกครั้งก่อนเอ่ยต่อ”ฟังข้าพูดให้จบก่อน ข้าไม่ได้เป็นคนอัญเชิญเจ้ามาที่โลกนี้ แล้วเจ้าก็ไม่ได้ถูกเลือกมาเป็นผู้กล้าหรืออะไรทั้งนั้น”

“อ้าว...แต่ในนิยายส่วนใหญ่เค้า ไม่ดิ ผมต้องเป็นผู้กล้าสิลุง!”ลุงพูดมาแบบนี้ผมก็หน้าแตกดิ ไอ้ที่ออกตัวไปเมื่อกี๊ทั้งหมดสรุปคือผมอ่านนิยายมากไปว่างั้น

ลุงไม่ฟังเสียงร้องเรียนจากผมสัดนิด แกเพยิดหน้าไปด้านหลังผมที่มีประตูมรณะอยู่ก่อนอธิบาย“รากของต้นไม้ต้นนี้หยั่งลึกไปถึงแกนของมิติ จนทะลุไปยังมิติอื่น ทำให้พวกเราสามารถเดินทางข้ามมิติได้จากต้นหมื่นปี หากทำตามเงื่อนไขครอบ 2ประการ”

ชายแก่ชูนิ้วเหี่ยวๆขึ้นมาสองนิ้ว ผมก็ชูตามบ้าง เราสองคนชูนิ้วเหมือนกันแต่ผมทำแล้วดูคูลกว่าเยอะ

โชคดีที่ลุงแกไม่รู้ว่าผมกำลังแข่งอะไรไร้สาระอยู่ในใจไม่งั้นมีหวังผมโดนเขกกบาลอีกรอบแน่ๆ

“หนึ่งคือเจ้าต้องทำตามภารกิจที่ต้นไม้หมื่นปีต้นนี้มอบหมาย ภารกิจจะอยู่ในผล เจ้าจะไม่รู้ว่าภารกิจคืออะไรจนกว่าจะเด็ดผลออกมาจากกิ่ง และเมื่อเจ้าทำภารกิจสำเร็จที่ข้อมือของเจ้าจะปรากฎตรารูปใบไม้ ตรานี้มีอำนาจเสมือนหนังสือผ่านทาง ถ้าไม่มีมันเจ้าก็เดินทางไปยังมิติอื่นไม่ได้”

“อ่า...”พอได้ยินว่าต้องทำภารกิจ แถมเป็นภารกิจแบบสุ่มอีกใจผมก็เริ่มแป้วไปแล้ว

“สองคือเจ้าต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”

“แลกเปลี่ยน?”ผมเอียงคอถาม ตามความคิดของผมเวลาผมทำท่านี้คือน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมากแต่คนมองกลับกลองตาใส่ผมด้วยความเหนื่อยใจ

“เจ้าจะไปยังมิติอื่นโดยตรงไม่ได้ มันจะทำให้สมดุลพังทลาย ลองนึกภาพตราชั่งที่มีของสองอย่างวางอยู่ซ้ายขวาอย่างสมดุลดูสิ ถ้าเจ้านำของจากตราชั่งข้างนึงไปวางอีกข้างนึงน้ำหนักมันก็จะเทไปข้างเดียวถูกมั้ย”

ผมพยักหน้าอือออไปงั้น มาถึงจุดนี้เริ่มเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแล้ว

“เพื่อการรักษาสมดุล หากเจ้าจะไปยังอีกมิติAเจ้าต้องเอาของจากมิติAมาที่นี่ เช่นถ้าเจ้าต้องการกลับโลกเดิมแค่ชั่วคราวเจ้าก็เอาตัวเองสลับของสิ่งของของโลกเจ้า จะโต๊ะตู้เตียงอะไรก็ได้ เพียงแต่เจ้าจะอยู่ที่โลกเดิมไม่ได้ถาวร เมื่อถึงเวลาหนึ่งเจ้าก็จะกลับมาที่นี่เหมือนเดิม”

“อ้าว แล้วต้องทำยังไงผมถึงจะกลับไปอยู่ที่บ้านได้ตลอดไปอะ ผมจะอยู่กับแม่อะ”เรื่องอยู่กับแม่นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่หลักใหญ่ใจความเลยก็คือผมเป็นคนติดเน็ตมาก! หนุ่มโซเชียลอย่างผมใช้ชีวิตโดยไม่มีมือถือไม่ได้!

“คนที่ข้าเจอเมื่อเช้า เขาทำภารกิจจนได้ตราประทับรูปใบไม้ที่ข้อมือมาเรียบร้อย และเขาก็ได้ทำการเดินทางไปยังโลกของเจ้าอย่างถาวรด้วยการแลกเปลี่ยนเจ้ามาที่นี่”

“!!!!!!!!!!!!”

“ใช่ การที่จะกลับไปยังที่โน่นและไม่กลับมาที่นี่อีกมีทางเดียวก็คือเชิญตัวตายตัวแทนจากโลกโน้นสักคนมาที่นี่แทน ซึ่งการเชิญมานั้นโดยทั่วไปจะใช้การสุ่มเอา”

ผมรู้สึกหน้ามืด...

“หมายความว่าที่ผมมาโผล่ที่นี่ก็เพราะผมดันซวย แจ๊กพ็อตแตกจากคนทั่วโลกหมื่นล้านคน เจอคนอยากข้ามมิติถาวรอัญเชิญตัวมาแลกเปลี่ยนเนี่ยนะ!”มันเวียนหัวหนักมากจริงๆ ลุงงง ผมขอยืมชายเสื้อของลุงเกาะหน่อยแล้วกันนะ”ผู้กล้าพิชิตจอมมารล่ะ!? เด็กที่ถูกเลือกในรอบร้อยปีล่ะ!! ไม่มีเหตุผลอะไรที่เท่กว่านี้หน่อยเหรอ”

“ยอมรับความจริงหน่อยก็ดีนะไอ้หนู โลกทางนี้ก็ไม่เลว แต่ถ้าอยากกลับบ้านเจ้าก็แค่ทำภารกิจจากผลของต้นไม้หมื่นปี เอาตราประทับมาแล้วก็หาสิ่งแลกเปลี่ยน”แคระเฒ่าไม่รอช้า เขาคงรำคาญเจ้าเด็กไม่เอาไหนอย่างผมมาสักพักแล้ว ยิ่งมาเกาะแกะรุ่มร่ามเขาเขายิ่งไม่ชอบใจ ไม้เท้าอันเล็กในมือโบกสะบัดไปมาพลันภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไป

ผมรู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงบนรถไฟเหาะ และเพียงพริบตาเดียวเราทั้งคู่ก็วาร์บออกมาจากโพรงต้นไม้สู่ยอดอันสูงชะรูดของมันฃ

พนันได้เลยว่าตอนนี้เบ้าหน้าหล่อๆของผมกำลังซีดเป็นกระดาษเอ4สีขาว เพราะนายการันต์สุดหล่อมาดแมนคนนี้กลัวความสูงไงล่ะ!!

พระเจ้า ทำไมผมถึงต้องมายืนขาสั่นบนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่สูงทะลุก้อนเมฆแบบนี้!? นี่มันไม่ตลกเลยนะ

“ลุ๊งงง”ด้วยความปอดแหกผมก็เลยเกาะชายเสื้อลุงแกแน่นกว่าเดิม

“เห้อ...เจ้าหนูนี่จะรอดมั้ยนะ หวังว่าจะได้ภารกิจง่ายๆล่ะ เอ้า จากผลไม้ทั้งหมดที่เจ้าเห็น เลือกมาสักผลสิ ด้านในของมันมีภารกิจที่เจ้าต้องทำอยู่ เลือกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าดวงดีเจ้าจะได้ภารกิจง่ายๆแค่เก็บกวาดห้องนอนให้ข้า แต่ถ้าซวยเจ้าอาจจะได้ภารกิจปราบมังกร...”

สิ้นเสียงของผู้เฒ่าแคระผมก็รีบหันรีหันขวาไปรอบตัวทันที ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่โตมโหฬาร ระยะห่างจากกิ่งสู่กิ่งไกลสุดเอื้อม ทว่าผลไม้กลับมีขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย แถมยังมีติดเป็นพวงละลานตาไปหมด มองไปทางไหนก็มีแต่เจ้าเม็ดกลมสีฟ้าเข้มหน้าตาเหมือนๆกัน แยกไม่ออกว่าอันไหนจะมีภารกิจง่ายภารกิจยาก

หลังจากยืนคิดวิเคราะห์แยกแยะอยู่สามวินาที สมองอันชาญฉลาดของผมก็สั่งการมือให้เอื้อมไปเด็ดผมไม้ผมหนึ่ง

เพราะมันอยู่ใกล้มือที่สุดนั่นเอง...

ครับ ผมเป็นคนหล่อที่มักง่าย

แต่ถึงแม้ว่ามันจะใกล้แต่ผมก็ต้องย่อตัวอย่างระมัดระวัง หยิบลูกที่อยู่ใกล้มือที่สุดนั่นไปส่งให้ลุงแกอย่างลุ้นระทึก

ผู้เฒ่าแคระสะบัดไม้เท้าอีกครั้งก่อนสีหน้าของแกจะผ่อนคลายลงเมื่อมีตัวอักษรตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา”ยินดีด้วยเจ้าหนูไม่เอาไหน เอ็งได้ภารกิจระดับB ไม่ง่ายแต่ก็ไม่โหดเกินไป อาจจะต้องใช้เวลาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดหวัง”

“ผมต้องทำอะไร”จุดนี้ไม่มีอารมณ์มาพิรี้พิไรเล่นลิ้นแล้ว อยากรู้ใจจะขาดว่าตนจะต้องเจอกับอะไร โลกนี้ยังมีอะไรซวยกว่าการแจ็กพอตแตกโดนสลับตัวกับไอ้งั่งที่ต้องการข้ามมิติคนหนึ่งอีกหรือไม่

ผู้เฒ่าแคระทำตามคำเรียกร้องของผม มือเหี่ยวย่นสะบัดไม้เท้าอีกครั้งคราวนี้ตัวอักษรที่ผมอ่านไม่ออกก็ทยอยไหลเรียงออกมาจากผลไม้กระจ้อยร้อย และเมื่อได้ใจความสมบูรณ์แล้วพลันสีหน้าของชายแก่กลับเปลี่ยนเป็นเครียดเขม็งก่อนจะส่ายศีรษะไปมาอย่างปลงๆ

มือเล็กเหี่ยวๆเอื้อมมาตบไหล่ผมแปะๆ

ไหงรีแอคชั่นลุงมันกลายเป็นเงี้ยอะ

ไหนเมื่อกี้ลุงบอกว่าภารกิจระดับBมันไม่ยากไม่ง่ายไง แต่นี่สีหน้าลุงเหมือนกำลังอำลาอาลัยส่งผมไปตายงั้นแหละ อีแบบนี้ดูทรงแล้วผมคงซวยอีหรอบเดิม

“ผมต้องทำอะไร...”หน้าผมเริ่มซีดจนเลือดไม่เดินแล้ว

ลุงแกถอนหายใจอีกรอบก่อนตอบสั้นๆ

“แต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่ง”

....

....

“อะไรนะ!!!”

“เจ้าต้องแต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่งจึงจะได้ตราประทับรูปใบไม้ซึ่งเป็นหนังสือเบิกทางผ่านมิติ”

“อะไรนะ!!!”

“เจ้าต้องแต่งงานกับ---“

“อันนั้นน่ะได้ยินแล้ว แต่ที่สำคัญก็คือผมอยากรู้ว่าตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่งที่ว่านี่คืออะไร ผมจะไปหาเขาได้จากที่ไหน ผมต้องเอาเขามั้ย แล้วเขาจะเอาผมเหรอ!!? แค่พูดชื่อตำแหน่งก็ดูไกลตัวจนไม่รู้จะไกลยังไงแล้ว ที่สำคัญไอ้ตำแหน่งที่ว่าต้องมีคนเดียวแหงเลยใช่ปะ ตีวงแคบไปอี๊กกก ยากเกิ๊นนน เอาเปรียบ!!”คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าแล้วที่ซีด ตอนนี้ผมซีดตั้งแต่หัวจรดเท้าประหนึ่งภาพปริ้นซ์ขาวดำ

“เจ้าไม่ตกใจเรื่องที่ต้องแต่งกับผู้ชายเหรอ”แคระเฒ่าถามอย่างแปลกใจ

“สำหรับผมตอนนี้มีเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้นเยอะ!!”

“ก็ดี ถ้าเจ้าไม่ถือสาเรื่องเพศก็ดี เพราะเจ้าของตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นผู้ชายทั้งคู่”

“เอ๊า มี2คนเหรอ แล้วมันเป็นอันดับหนึ่งได้ไง ที่หนึ่งก็ต้องมีคนเดียวสิ หรือว่าอันดับหนึ่งร่วม”ยิ่งพูดการันต์ยิ่งงงเด้อออ

“ใจเย็นก่อนเจ้าหนู ที่โลกแห่งนี้น่ะแบ่งดินแดนออกเป็นสองฝั่ง เรียกเป็นฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออก หรือฝั่งแสงสว่างกับความมืดตามธาตุพลังพื้นฐานของประชากรในฝั่งก็ได้ แต่ละฝั่งก็จะเป็นออกเป็นอาณาจักรและแคว้นต่างๆมากมายหรือที่โลกของเจ้าเรียกว่าประเทศนั่นแหละ ในแต่ละปีประเทศเหล่านี้ก็จะจัดงานเทศกาลอัศวินร่วมกัน เป็นการประชันฝีมือเพื่อเฟ้นหาอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด”

“อ้อ แปลว่าก็จะมีอัศวินอันดับหนึ่งของฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกอย่างละคนใช่ปะ”ผมพยักหน้าหงึกหงัก อย่างน้อยก็มีสองทางเลือกล่ะวะ”ว่าแต่ท่านหนักใจเรื่องใดหรือ ถ้ากังวลเรื่องที่พวกเขาเป็นผู้ชายล่ะก็ไม่ต้องห่วงผมน่ะได้หมดถ้าสดชื่น ฮะๆๆๆ”

พอรู้ว่าการประลองมีทุกปีก็แปลว่าตำแหน่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเหมือนถ้วยฟุตบอลโลก ไม่ได้ผูกขาดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งฉะนั้นถ้าจีบคนปัจจุบันไม่ติดแค่รอปีต่อไปก็ได้ หรือปีต่อๆไปอีกก็ยังมีหวัง!

ผมยืนยิ้มให้ท้องฟ้าและกิ่งไม้ อย่างน้อยผมก็ไม่ดวงตกอับถึงขีดสุดล่ะวะ นี่สินะคำกล่าวที่ว่าชีวิตย่อมมีทางเลือก ทุกปัญหาย่อมมีทางออก

ลุงแคระแกมองรอยยิ้มโง่ๆของผมก่อนถอนหายใจรอบที่ล้านแปด ตั้งแต่คุยกับผมมานี่ไม่รู้แกถอนหายใจไปกี่ตลบแล้ว

“หากเจ้ามาที่นี่เร็วกว่านี้สัก10ปีหรือช้ากว่านี้สัก20เจ้าอาจจะมีโอกาสเลือกมากกว่านี้ เพราะแต่เดิมตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่งก็เปลี่ยนหน้าแทบทุกปีอย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ เว้นเสียแต่ว่าตลอด7ปีที่ผ่านนี้ ตำแหน่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนทั้งสองฟากถูกยึดครองไว้ด้วยชายผู้ไร้เทียมทานสองคน”

“!!”

“คนแรกจากดินแดนตะวันตก อัศวินดำผู้เลือดเย็น ไร้ใจ ชายคนนี้แม้แต่มิตรยังแทบไม่มีคงไม่ต้องพูดถึงคนรักหรือเรื่องแต่งงาน ข้าเชื่อว่าเขาต้องการเป็นหมาป่าเดียวดายตราบชั่วชีวิต...”เฒ่าแคระลูบเคราตัวเองพลางส่ายหน้าไปมา บ่งชัดว่าอย่างไรคนนี้ก็ไม่มีหวัง

“อีกคนหนึ่งจากแดนตะวันออก เป็นอัศวินแห่งแสงตะวันอันสูงส่ง เขาอบอุ่น ยึดมั่นในรักเดียว”

“คนหลังก็พอมีหวังนี่!”ผมรีบกระโดดคว้าแสงแห่งความหวังอันริบหรี่เอาไว้ ทว่าแสงนั่นก็โดนลุงหงอกตรงหน้าขยี้ทิ้งอย่างไม่ปราณี

“เขาเคยแต่งงานแล้ว”

“เคย?”

“ภรรยาของเขาเสียไปเมื่อปีก่อน”

“อ่อ...”

...

“แล้วลุงคิดว่าผมควรไปจีบใครดีล่ะ”

“คนที่สลับตัวเจ้ามาเขายังมีน้ำใจคิดถึงเจ้าอยู่ เขาฝากเงินไว้ที่ข้าจำนวนหนึ่งไว้ให้เจ้าใช้ นับว่าเจ้าโชคดีมากทีเดียว”

“เดี๋ยวสิลุง! แนะนำผมก่อนว่าผมควรจะแต่งงานกับใคร!!”

“เอาเงินที่เขาฝากไว้จำนวนนี้ไปสร้างตัว สร้างครอบครัวเล็กๆ ตั้งรกรากอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของโลกนี้เถอะ ขอให้พระเจ้าอวยพรให้แก้เจ้า ธุระของข้าสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ลาก่อน”

“เดี๋ยวสิลุง!!”ผมกระโจนเข้าไปหาร่างเล็กเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะบัดไม้เท้าและร่างกายเรืองแสง แต่ผมก็คว้าได้แต่อากาศธาตุเพราะอีกฝ่ายใช้เวทวาร์บหายไปแล้วเรียบร้อย

ที่นี้ปัญหามันก็อยู่ที่ผมเต็มๆ

เนื่องจากผมสะเพร่าไปหน่อยเลยกระโจนเสียเต็มแรง ทีนี้พอคว้าอะไรไม่ได้ร่างกายก็เลยลอยหวือไปไกลกว่าที่คาด ลอยเลยกิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้หมื่นปีไปแล้ว

และค่อยๆร่วง...

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก”



----------------------------------------

คิดว่าหนูการันต์ของเราจะเลือกจีบใคร ไม่สิ จะจีบติดสักคนไหมคะ 5555

ร่วมตอบคำถามได้ที่เพจเฟสบุค(https://www.facebook.com/nikkoustory/)

หรือทวิตเตอร์ของเราได้เน้อ(https://twitter.com/NIKKOUSTORY )

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นเนื้อเรื่องที่น่าติดตามมากเลยค่ะ จะรออ่านนะคะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่1

ตายแน่

อิพ่อ อิแม่ ในคอมลูกจะมีโฟลเดอร์ลับอยู่โฟลเดอร์หนึ่ง พาสเวิร์ดคือGAV007 หลังลูกจากโลกนี้ไปแล้วได้โปรดลบมันออกไปก่อนจะเอาคอมลูกไปขายต่อมือสอง หนังโป๊ที่ลูกสะสมมาชั่วชีวิตจะต้องไม่ตกถึงมือของคนอื่น!!

โว้ยยยยยย

ตายแหงแก๋ศพไม่สวยแน่น๊อนนน

ผมหลับตาปี๋ สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร และญาติๆที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยความที่มันสูงมากผมเลยมีเวลาสวดมนต์อย่างเหลือเฟือ เผลอๆสวดไปสามจบแล้วอาจจะยังไม่โหม่งพื้นโลก แต่ดูจากสภาพยังไงก็ไม่รอดแล้วแน่นอน

ฟิ้วววว ฟู่!!

“อะ เห...”ตัวผมไม่ได้กระแทกพื้นอย่างแรงจนเละแต่อย่างใด เมื่อถึงความสูงระดับหนึ่งความเร็วๆก็ค่อยๆลดลงเนื่องจากสายลมที่มองไม่เห็นมาช่วยพยุงเอาไว้

เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ทีแรกคิดว่าภาพรอบตัวจะเป็นป่าแต่ไม่ใช่

ผมอยู่กลางเมือง!

และที่สำคัญในระยะสายตาของผมกลับไม่มีโคนต้นไม้ใหญ่อายุเหยียบหมื่นปีอยู่เลย ผมจึงต้องมโนเอาเองว่าผมไม่ได้ร่วงลงมาจากต้นไม้หมื่นปีอะไรนั่นตรงๆ ผมอาจจะโดนลมพัดมาหรือไม่ตาลุงคนนั้นก็อาจจะใช้เวทวาร์ปกับผม

เมืองที่ผมโผล่มามีลักษณะบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมเหมือนยุโรปยุคกลาง โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน คนส่วนใหญ่เข้านอนแล้ว การที่ผมโผล่พรวดมาจึงไม่สร้างความแตกตื่นให้พวกชาวบ้าน

ผมลุกขึ้นยืน ข้างตัวมีถุงเงินหอบใหญ่อยู่เลยก้มเก็บขึ้นมาด้วยแต่พบว่ามันหนักมากจึงวางแหมะไว้ที่เดิมและมองไปรอบๆอย่างเคว้งคว้าง

“ที่นี่ที่ไหน...”นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมต้องตั้งคำถามนี้

เมืองแห่งนี้เป็นเมืองใหญ่ แม้ยังไม่รู้ค่าครองชีพของโลกนี้แต่ทรัพย์สมบัติในถุงเงินก็ดูมากมายจนยกแทบไม่ขึ้น ผมคิดว่าตัวเองโชคดีเพราะไม่ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย

เอาเงินที่เขาฝากไว้จำนวนนี้ไปสร้างตัว สร้างครอบครัวเล็กๆ ตั้งรกรากอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของโลกนี้เถอะ ขอให้พระเจ้าอวยพรให้แก้เจ้า

คำพูดของเฒ่าแคระรีรันเข้ามาในหัวของผม

“...”ผมมองถุงเงินสลับกับมองซ้ายมองขวาอย่างเคว้งคว้าง

“หาที่นอนก่อนละกัน”ผมพึมพำกับตัวเอง หลักการคิดของผมก็คือเอาไว้ค่อยคิดต่อพรุ่งนี้นั่นเอง

เมื่อตัดสินใจได้ผมก็กัดฟันลากถุงสมบัติไปตามทางเท้า ขอชมเลยว่าฟุตบาทของประเทศนี้ดีมาก แม้จะปูจากอิฐแดงสไตล์โบราณแต่คุณภาพคับแก้วไม่เหมือนที่ไทย

ความเร็วในการเคลื่อนไปข้างหน้าของผมเร็วกว่าหอยทากคลานนิดเดียว กว่าจะลากสังขารมาถึงอาคารที่มีป้ายหน้าทางเข้าว่าโรงแรมได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไปหลายน้ำ

เป็นโชคดีอีกครั้งที่ห้องโถงยังเปิดไฟอยู่แถมยังมีคนเฝ้าอยู่ที่เคาเตอร์ ผมตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในก่อนเอ่ยกับพนักงานต้อนรับชายรูปร่างผอมแห้งว่า”ขอเปิดห้องห้องนึงครับ”

พนักงานต้อนรับคนนั้นกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเนื่องจากการแต่งตัวของผมนั้นออกจะแปลกไปหน่อยสำหรับคนที่นี่ ครับ ชุดนอนสีฟ้าลายหมีโง่ๆกับแตะช้างดาวที่สายขาดไปข้างนึง ต่อให้ผมอยู่ที่ไทยก็คงโดนมองว่าแปลกอะนะ

“ห้องพักของเรา แบบถูกสุดราคาคืนละร้อยเหรียญนะครับ”

“อ้อ...”ผมร้องอ๋อทันทีเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลเรื่องอะไร”จ่ายก่อนรับกุญแจเลยมั้ยล่ะ”ก่อนที่จะเข้ามาในนี้ผมหยิบธนบัตรบางส่วนออกมาจากถุงใบโตแล้ว ผมไม่ได้โง่ขนาดจะใช้เงินทีก็เปิดถุงสมบัติทีหรอกนะ โดนปล้นทีเดียวผมก็จบเห่สิ

เมื่อได้เงินพนักงานต้อนรับก็ดูผ่อนคลายลง เขาหันไปหยิบกุญแจมาให้ผมก่อนจะเดินนำไปยังเลื่อนชักรอก เอิ่ม...ผมขอเรียกมันแบบนี้ก็แล้วกัน ความจริงมันมีลักษณะคล้ายลิฟท์แต่ดูเหมือนจะขับเคลื่อนด้วยเวทมนต์แทนระบบไฟฟ้า

เขาพาผมขึ้นมาที่ชั้น3 ผมก็ต้องทำเหมือนถุงที่แบกมาเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าซึ่งไม่หนักเลยสักกะนิสสสเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยว่าข้างในถุงอะไร หลังจากมาส่งผมถึงห้องแล้วเขาก็ขอตัวกลับไป

ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง

เมื่ออยู่ลำพังความคิดสะระตะก็แล่นปราดเข้ามาในหัว

“ก่อนนอนไม่ได้ไถทวิต...รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปอย่าง นอนไม่หลับอ๊ะ”ผมคร่ำครวญให้เพดานฟัง นอนแหงแผ่เป็นปลาดาวอยู่บนเตียงอย่างนั้นสักพักก่อนไปลากถุงเงินขึ้นมาบนเตียง

คิดว่าต้องหาอะไรทำ ขืนนอนนิ่งใจมันก็ฟุ้งซ่านไม่หยุด

ผมนั่งขัดสมาธิและเปิดปากถุง

“ห้องพักห้องนี้ดูดีทีเดียว คิดว่าอยู่ในระดับโรงแรมสี่ดาวของไทยได้เลย ค่าที่พักสี่ดาวที่โน่นคืนนึงตีสัก4พันบาท ส่วนของที่นี่ราคา1ร้อยเหรียญ”ผมนั่งเทียบบัญญัติไตรยางศ์ในใจ

ผมต้องการทราบค่าครองชีพของโลกแห่งนี้เพื่อคำนวณว่าเงินที่ผมได้รับมามันจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตได้นานเท่าไหร่

โชคดีที่ผมเก่งคณิตผมจึงตาลุกวาวในไม่ช้า

“แปลว่า1เหรียญมีค่าเทียบเท่า40บาทเลยเหรอ!!”ผมรีบคุ้ยธนบัติในถุงสมบัติออกมานับ

ยิ่งนับมือยิ่งสั่น

“เรามีธนบัตรมูลค่าสิบเหรียญทั้งหมด หนึ่ง สอง สาม...”ผมเริ่มจากแบงค์ที่มีมูลค่าน้อยที่สุดก่อน ความจริงในถุงยังมีเหรียญกับอัญมณีอีกแต่ผมคิดว่าเหรียญมันนับยาก อัญมณีก็ประเมิณค่าไม่ได้อีก

นับแบงค์นี่แหละ

เงิน!

โอ้วมายก็อด

กลิ่นเงินมันช่างหอมหวนยิ่งนัก

ผมนั่งนับเงินจนตาพร่าสมองเบลอไปหมด นับๆไปได้หน่อยก็แผดเสียงหัวเราะออกมาเป็นคนโรคจิต กระทั่งแสงแดดยามเช้าเริ่มลอดผ่านผ้าม่านเข้ามานั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้นอนเลยทั้งคืน

แต่ผมไม่ง่วงสักนิด! เพราะในที่สุดผมก็นับแบงค์ทั้งหมดจนครบ

“สองล้านห้าแสนเหรียญก็เท่ากับ...ร้อยล้านบาท!!”ผมยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง นี่ขนาดยังไม่รวมเหรียญกับเครื่องเพชรอีกจำนวนหนึ่งนะ

“ฮ่ะๆๆๆ”ผมหงายหลังทิ้งตัวลงนอนแต่ผมจะหลับไม่ได้ ถ้าผมหลับตอนนี้คงหลับยาวเลยเวลาเช็คเอาท์แน่ แล้วพนักงานก็จะเข้ามาในห้องและพบเงินเกลื่อนกราดเต็มไปหมด”โลกนี้มีธนาคารมั้ยนะ”

ความโลภมาก่อนความง่วงเสมอครับ ผมตะกายลุกขึ้นจากเตียง เก็บเงินทั้งหมดเข้าถุงแล้วเอาซุกไว้ใต้เตียง

ผมเดินลงไปที่เคาเตอร์ที่ห้องโถงเพื่อขอต่อเวลาเช่าพัก”ข้าขออยู่ต่ออีกคืนได้ไหมครับ ที่ห้องเดิม”

“ได้ครับ ข้าจะจัดการให้”พนักงานต้อนรับเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วแต่เขาก็ยังคงมองผมแบบเหยียดหยามเหมือนคนก่อนผมจึงต้องควักเงินออกมาจ่ายสดอีกเหมือนเดิม เมื่อได้รับเงินสีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูจะพึงพอใจเป็นอย่างมาก”มีอะไรให้รับใช้อีกไหมครับคุณชาย”

แหม พอเห็นว่ามีเงินเข้าหน่อยปฏิบัติดีเชียวนะ

“ที่โลกนี้มีธนาคารไหม”ผมเอ่ยเข้าประเด็น

“โลกนี้?”คุณพนักงานต้อนรับขมวดคิ้วฉงน

“เอิ่ม...”ผมพบว่าตัวเองเลือกใช้คำผิดซะแล้วจึงรีบแก้คำใหม่”ที่เมืองนี้มีธนาคารอยู่ตรงไหนหรือ”

“อ้อ อยู่ถัดออกไปสองบล็อกครับ ถ้าไม่รังเกียจคุณชายจะใช้บริการรถม้าของโรงแรมเราไหมครับ”

“เยี่ยม! จัดมาคันหนึ่ง ข้าขอขึ้นไปจัดของสักพักเดี๋ยวตามลงมานะ”เรื่องค่ารถผมไม่ถามสักคำ ความป๋าบังเกิด คนมันรวยช่วยไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ผมบอกว่าพนักงานไปว่าจะขึ้นมาจัดของแต่ความจริงคือมาหยิบเงินครับ เนื่องจากไม่อยากลากกระสอบเงินออกไปให้มันเอิกเริกผมจึงตัดสินใจหยิบแบงค์มูลค่าร้อยเหรียญซึ่งเป็นแบงค์ที่มีค่ามากที่สุดทั้งหมดมา ก่อนมองซ้ายมองขวา

ผมกะจะทยอยเอาเงินไปฝาก ฝากตู้มเดียวร้อยล้านเลยมันก็เกินไป แต่ผมไม่มีกระเป๋าใส่เงินใบอื่นนอกจากอิถุงนี่แล้วไง

“ใส่ปลอกหมอนไปแทนละกัน”ผมหัวเราะแห้งให้กับไอเดียของตัวเอง แต่นอกจากทางนี้ผมก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หวังว่าพนักงานโรงแรมจะไม่จับได้ว่าผมแอบเอาของออกนอกโรงแรมหรอกนะ...

ผมเดินกอดปลอกหมอนสีขาวซึ่งภายในบรรจุธนบัตรเอาไว้มูลค่า1ล้านเหรียญ พอเห็นผม ไม่สิ น่าจะการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของผม พนักงานต้อนรับก็รีบเดินเข้ามาหา เขาทำท่าจะช่วยถือสัมภาระให้ผมแต่ผมปฏิเสธเสียงสั่น

เงินข้าใครอย่าแตะ!!

เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมเขาก็ไม่ตื๊ออีก จัดแจงพาผมขึ้นรถพร้อมบอกจุดหมายให้คนขับรถม้าทันที

รถม้าเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม ผมทอดสายตาออกไปนอกหน้าตาด้วยความกลัวผสมตื่นเต้น เมื่อวานผมมาที่นี่ก็มืดแล้วมองอะไรไม่ค่อยเห็น พอตอนนี้สว่างจนมองเห็นอาคารบ้านเรือนอย่างชัดเจนผมก็อดร้องว้าวออกมาไม่ได้

มันสวยมาก! ยิ่งทุกคนเลือกใช้อิฐสีดำเป็นแกนหลักในการก่อสร้างบ้านเรือนที่นี่จึงดูมีมนต์ขลังสะดุดตา

“เอ...ลุงคนนั้นบอกเราว่าที่โลกนี้แบ่งดินแดนออกเป็น2ฝั่งคือฝั่งรัตติกาลกับแสงสว่างนี่นะ สงสัยที่นี่คงเป็นฝั่งรัตติกาลล่ะมั้ง”ผมสรุปเอาจากสีบ้านนี่แหละ

อีกทั้งผู้คนของเมืองนี้ก็ดูไม่เป็นมิตรเลย ตั้งแต่พนักงานต้อนรับยันคนขับรถผมยังไม่เห็นใครยิ้มสักแอะ

ดินแดนรัตติกาลชัวร์!

ผมฟันธงในใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่ารถม้าได้จอดเทียบท่าธนาคารแล้ว ชายแก่ผู้เป็นคนขับรถเดินหน้าตายมาเปิดประตูให้ เขาไม่พูดอะไรกับผมสักคำผมเลยเดินเข้ามาในธนาคารแบบงงๆ

แล้วก็ตามเคย สภาพเสื้อผ้าของผมเรียกสายตาของผู้คนในที่นี้

“ไอ้การันต์เอ๊ย เงินก็มีแทนที่จะแวะซื้อเสื้อสักตัวก่อน ไอ้ห่า เสือกงกคิดแต่จะมาธนาคาร”ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองพลางทำหน้าหมดอาลัยตายอยากเดินไปที่เคาเตอร์

หลังเคาเตอร์เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสลวย น่าเสียดายที่เธอไม่ยิ้ม หากเธอยิ้มล่ะก็ผมมั่นใจว่าเธอต้องสวยกว่านี้แน่ๆ

หญิงสาวมองเหยียดใส่ผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยว่า”ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรคะ”

ผมถอนหายใจแรงๆหนึ่งทีอย่างทำใจ”เอ่อ ไม่ทราบว่าการขอเปิดบัญชีเพื่อฝากเงินต้องใช้เอกสารอะไรบ้างครับ”

“เอกสาร? ไม่ต้องนี่ค่ะ”เธอตอบด้วยสีหน้าสงสัยราวกับว่าที่โลกนี้ไม่เคยมีการใช้เอกสารเพื่อขอเปิดบัญชีธนาคารมาก่อน อย่างน้อยมันก็ต้องใช้พวกบัตรประชาชนหรืออะไรทำนองนั้นหน่อยเซ่! เวลาเบิกจะได้รู้ไงว่านี่คือเจ้าของเงินตัวจริงนะ

“แค่คุณชายฝากเงินเอาไว้ที่ธนาคารของเรา เราจะร่ายเวทตราประทับไว้ที่ร่างของท่าน คุณชายสามารถเรียกเงินได้ทุกที่ทุกเวลา เงินจะบินไปหาท่านถึงมือและจะมีจดหมายน้อยแนบไปด้วยทุกครั้งว่าเงินในบัญชีของคุณชายเหลือเท่าไหร่”เธอคงเห็นว่าผมทำหน้างงมากกว่าที่เธองงเลยยอมพูดประโยคยาวขึ้นอีกนิดหน่อย

“อ้อ แล้วผม เอ๊ยข้าต้องมีเวทมนต์ไหม ถ้าใช้เวทมนต์ไม่เป็นเงินมันจะวาร์ปมาหาข้าได้ไหม”

“ได้สิคะ คุณชายมีตราประทับบนร่างแล้วนิ สมมติว่าต้องการเงินคุณชายแค่เปรยเบาๆว่า ลีฟท์ตี้ 100เหรียญ แค่นี้เองค่ะ”ลีฟท์ตี้คือชื่อของธนาคารที่ผมเห็นจากป้ายทางเข้าครับ

เมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าวิธีเบิกเงินของมิตินี้สะดวกกว่าแอพอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งที่โลกเดิมเสียอีกผมก็ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง หยิบยื่นปลอกหมอนบรรจุธนบัติให้เธอ ทีแรกเธอรับไปอย่างรังเกียจแต่พอเปิดออกดูข้างในดวงตาคู่สวยก็เปล่งประกาย

หึ หอมกลิ่นเงินล่ะสิ

ผมลอยหน้าลอยตาขึ้นนิดหน่อย หลังจากช็อคค้างไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงตื่นๆว่า”ทางธนาคารคงต้องขอตรวจสอบที่มาของเงินจำนวนนี้ก่อนนะคะ”

เมื่อพูดจบเธอก็วิ่งลนลานไปหาชายมีอายุ ผมเดาว่าเขาน่าจะเป็นผู้จัดการสาขา เมื่อทราบเรื่องชายคนนั้นก็เดินมาที่ปลอกหมอนของผม เขาใช้สายตาเรียบเฉยตวัดมองหน้าผมสลับกับถุงเงินไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ก่อนชายคนนั้นจะร่ายเวทอะไรสักอย่าง เงินของผมค่อยเรืองแสง ตัวอักษรมากมายไหลเอ่อออกมาจนผมอ่านตามไม่ทัน

เมื่อแสงสว่างดับลงชายคนนั้นก็พยักหน้าสองสามครั้ง

“เงินจำนวณนี้ได้มาจากด้วยวิธีบริสุทธิ์ เจ้าทำเรื่องเปิดบัญชีให้คุณชายท่านนี้ได้เลย”ชายมีอายุกล่าวก่อนเดินกลับไปทำงานของตน ผมก็ได้แต่ยืนมองกรรมวิธีการฝากเงินซึ่งไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้เงียบๆ

ใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็เดินหน้าบานออกมาจากธนาคาร บอกกับคนขับรถว่าให้กลับไปเอาของที่โรงแรมก่อน ใช่แล้ว ของที่ว่าก็คือเงินนั่นเอง ฮ่ะๆๆๆ คราวนี้ผมเอาธนบัติที่เหลือกับเหรียญอีกจำนวนหนึ่งยัดใส่ปลอกหมอนมาเหมือนเดิม แต่จุดหมายไม่ใช่ธนาคารลีฟท์ตี้อีกต่อไป

มันนี่โค้ชในเฟสบุคสอนไว้ว่าเราไม่ควรเอาเงินเก็บทั้งหมดไปถมไว้ที่ใดที่หนึ่ง ให้กระจายความเสี่ยงด้วยการฝากประจำ เล่นกองทุน หุ้น ตราสารหนี้ ซื้อที่ดิน ผมคิดว่าที่โลกแห่งนี้ไม่น่ามีกิจการโบรคเกอร์หรือแอพเล่นหุ้นออนไลน์ดังนั้นผมจึงตั้งใจซื้อที่ดินสักแปลง

“ไปบริษัทนายหน้าค้าอสังหา”ผมบอกคนขับ ถึงอย่างไรผมก็ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองจะให้เช่าโรงแรมอยู่ตลอดไปก็ไม่ไหว การลงทุนซื้อบ้านกับที่ดินเองก็ถือเป็นทางเลือกที่ความเสี่ยงต่ำ นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

“ที่นี่เหรอ”ผมมองตึกแถวสูงสองชั้นสีดำไม่ใหม่ไม่เก่าตรงหน้าก่อนก้าวลงจากรถม้า

พอเดินเข้ามาในสำนักงานผมก็ต้องตบหน้าผากตัวเองอีกครั้ง

“ไอ้การันต์เอ๊ย แกจะลืมซื้อเสื้อใหม่กี่รอบห๊ะ!”ผมด่าตัวเองเสร็จก็หมุนตัวออกจากสำนักงาน หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะถามใครก็เดินไปถามลุงคนขับที่ยืนให้อาหารม้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยอยู่ที่ซอยข้างๆสำนักงานอสังหาแห่งนี้

เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหาลุงแกก็ทำท่าจะปีนขึ้นที่นั่งคนขับเพราะคิดว่าผมจัดการธุระเสร็จแล้วผมเลยต้องรีบเบรกไว้

“เดี๋ยวลุง ข้ายังทำธุระไม่เสร็จเพียงแต่อยากหาซื้อเครื่องแต่งกายใหม่ก่อน มีร้านแนะนำไหม”

ลุงได้ยินดังนั้นก็กวาดสายตามองสารร่างของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก สายตาของลุงแกบ่งชัดมากว่าผมควรหาซื้อเสื้อใหม่ได้นานแล้ว แกชี้ไปที่ตึกแถวซึ่งอยู่เยื้องไปจากสำนักงานอสังหาไม่ไกล”ร้านนั้นใช้ผ้าที่มีคุณภาพ การตัดเย็บปรานีต มีหลายสาขาในราชอาณาจักรแห่งนี้”

“ขอบคุณลุง”ผมก้มหัวให้ลุงก่อนเดินข้ามถนนไป

การข้ามถนนที่นี่ง่ายมากครับ ไม่มีมอเตอร์ไซค์ย้อนศร รถฝ่าไฟแดง เพราะพาหนะของโลกนี้9ใน10เป็นรถม้า

ขณะเดินเข้าไปในร้านผมก็คิดถึงคำพูดของลุงไปด้วย

ลุงเรียกประเทศนี้ว่าราชอาณาจักร

ผมเคยอ่านนิยายแนวย้อนยุคมาก่อนจึงรู้ว่าแคว้น อาณาจักร และราชอาณาจักรมีเสกลแตกต่างกันโดยราชอาณาจักรนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด

“ยังดีที่เราโผล่มาที่เมืองที่เจริงรุ่งเรืองหน่อย”ผมไม่รู้ว่าโลกแห่งนี้ยังมีการรบเพื่อแย่งชิงดินแดนอยู่ไหม แต่เห็นว่ายังมีระบบอัศวินอยู่ก็น่าจะมีการรบกันล่ะนะ ยังไงอยู่ในประเทศที่มั่งคั่งหน่อยชีวิตความเป็นอยู่ก็ย่อมสุขสบายกว่า

“คุณชายมีอะไรให้รับใช้ครับ”คราวนี้พนักงานประจำร้านที่เดินเข้ามาทักผมไม่มีพฤติกรรมเหยียดการแต่งกายของผมเหมือนที่แล้วๆมาทำให้ผมต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

บอกตรงๆว่าผมยังอนาถสภาพชุดนอนเน่าๆของตัวเองนี่เต็มแก่ แต่หนุ่มน้อยคนนี้ไม่เลยครับ เขาก้มหัวให้ผมอย่างนอบน้อมก่อนพาผมเดินเข้ามาด้านในอย่างไม่รอช้า

“คุณชายสนใจเป็นชุดสั่งตัดหรือชุดสำเร็จแล้วขอรับ”ได้ฟังเสียงของเขาอีกครั้งทำให้ผมรู้สึกว่ามันนุ่มนวลมาก

ไม่ใช่แค่เสียงของเขาเท่านั้นที่มีความนุ่มนวล กิริยาท่าทางก็ด้วย วิธีผายมือเชื้อเชิญให้ผมทอดสายตามองราวแขวนเครื่องแต่งกายบอกเลยว่าผมมีกี่ชีวิตก็ไม่พอ

นั๊ลลั๊คคคคคค

ผมอยากตะโกนคำนี้ออกมาดังๆ แต่คงไม่ได้ เห็นว่าตัวเล็กน่ารักแบบนี้แต่คุณพนักงานต้อนรับก็เป็นผู้ชาย

แทนที่ผมจะมองแคตตาล็อคเสื้อที่เขาเอามาให้ดูผมกับลอบมองเส้นผมสีฟ้าเหมือนสายน้ำซึ่งยาวถึงกลางหลังแต่ถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อยนั่น ถ้าเขาปล่อยผมคงเหมือนผู้หญิงมากแน่ๆ

ผมคิดพลางยิ้มมุมปากให้กับภาพในมโนของตัวเอง

ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีแฟนนะ มีแค่เพื่อนคุยทางแชทเท่านั้น และเพื่อนคุยของผมมีหลายคนมาก ผมไม่เลือกเพศหรืออายุเลย ขอแค่หน้าตาดีถูกใจผมก็คุยได้หมด ตอนที่รู้ว่าต้องแต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันผมเลยไม่ตกใจไง

ผมน่ะได้หมด ขอแค่หน้าตาดีก็พอ

“คุณชายครับ”เมื่อเห็นผมไม่สนใจแคตาล็อคคนตัวเล็กเลยเปรยเสียงอ่อย

“หืม ไหน ดูซิ เจ้าคิดว่าตัวไหนเหมาะกับข้าล่ะ ลองเลือกมาสัก10ชุดซิ”ผมออกปากอย่างวางมาด

แม้คอสตูมพี่จะเหมือนขอทานแต่เงินในบัญชีพี่นี่เศรษฐีดีๆนี่เองนะน้อง

คนน่ารักเพ่งตามองสารร่างของผม นี่ไม่ใช่การมองเหยียดแต่เป็นการพินิจว่าหน้าตาแบบนี้หุ่นแบบนี้เหมาะกับเครื่องแต่งกายแบบไหน”คุณชายต้องการซื้อชุดเพื่อสวมใส่ในวาระไหนหรือครับ”

“อืมม นั่นสินะ ขอชุดทางการสัก2ตัว ชุดสำหรับเดินเที่ยวในเมือง5ตัว แล้วก็ชุดลำรองสวมใส่อยู่บ้านอีก3”ผมกล่าว จากนั้นคนน่ารักก็หายเข้าไปหลังร้านก่อนกลับออกมาพร้อมรถเข็น บนรถเข็นมีถาดใส่เครื่องแต่งกายซึ่งพับแยกชุดมาให้อย่างดี

“เชิญคุณชายเลือกได้เลยขอรับ ถ้ายังไม่ถูกใจข้าน้อยจะนำมาให้พิจารณาใหม่” ผมหยิบๆจับๆเสื้อผ้าเหล่านั้น บอกตรงๆว่าผมยังไม่อินกับแฟชั่นยุโรปยุคโบราณแบบนี้เท่าไหร่แต่ผมชอบใจตรงสี คนน่ารักคงเห็นลายพร้อยบนชุดนอนของผมทำให้รู้ใจว่าผมไม่ชอบสีทึมๆเขาก็เลยเลือกโทนน้ำตาลขาวมาให้ผม

ไม่มืดมน ไม่ฉูดฉาด

การันต์ให้ผ่าน!

“งั้นข้าเอาทั้งหมดนี่ หลังจ่ายเงินแล้วขอเปลี่ยนเลยได้ไหม”

“ด้วยความยินดีขอรับ นอกจากชุดที่คุณชายจะสวมเลย ชุดที่เหลือคุณชายจะให้เราจัดส่งไปที่บ้านให้ไหมขอรับ”หนุ่มน้อยหน้ามนบริการทุกระดับประทับใจป๋ามาก

ป๋าไม่เอาแค่เสื้อแล้วได้ไหม ขอซื้อหนูกลับไปด้วย ฮิ้ววว

“ไม่เป็นไร ให้คนถือไปส่งให้ที่รถม้าตรงนั้นก็แล้วกัน”เนื่องจากผมไม่มีบ้านผมจึงไม่สามารถใช้บริการส่งพัสดุได้ แล้วก็ไม่สามารถหิ้วหนุ่มน้อยกลับบ้านได้เช่นกัน

เห็นทีผมต้องซื้อบ้านอย่างจริงจังแล้วล่ะ

“ยอดเงินที่ต้องชำระขอรับ”หนุ่มน้อยหยิบลิสต์รายกายยื่นมาให้ผม

วูบแรกที่ผมเห็นราคาผมนี่ลมแทบจับ ชุดลำรองสำหรับใส่อยู่บ้านราคาชุดละ120เหรียญ!! บ้าไปแล้ว แพงกว่าโรงแรม4ดาวอีก!! ไม่ต้องพูดถึงชุดทางการเลยครับ รายการนี้สนนราคาอยู่ที่ชุดละ700เหรียญโดยประมาณ

สรุปรายจ่ายของผมสำหรับชุด10ชุดอยู่ที่ 3730เหรียญ หรือเทียบเท่า 149,200บาท

โอ้มายด์ก๊อดดด

ผมเดินหน้าสั่นออกมาจากร้านหลังจากจ่ายเงินเสร็จ รู้สึกตัวเองตัวเบาขึ้นเยอะ ขณะเดินข้ามถนนหางตาก็เหลือบไปเห็นร้านเสื้ออีกร้านอยู่ไม่ไกลเลยเดินไปดู แค่เห็นป้ายราคาของกางเกงที่หุ่นโชว์ใส่อยู่ผมก็แทบจะร้องไห้ กางเกงร้านนี้เขาขายแค่ตัวละ10เหรียญเอ๊งงงง

ผมตวัดสายตามองลุงคนขับรถม้าอย่างอาฆาต

ลุงนะลุง!

ร้านถูกๆมีเสือกไม่แนะนำ!!

แต่แกไม่สนใจผมสักนิด ยังคงเล่นกับม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่อไป พอหนุ่มน้อยน่ารักเอาเสื้อทั้ง9ของผมไปฝากแกก็ชีนิ้วสั่งให้หนุ่มน้อยของผมปีนขึ้นไปเก็บข้างหลังเอง

อิลุ๊งงง



------------------------

ในส่วนของพระเอกนั้น....ค่าตัวแพงตามระเบียบค่ะ 555+

แต่ตอนนี้ทุกคนพอจะเดากันได้รึยังว่าพระเอกของน้องการันต์คือใคร?

ตอนหน้ารับรองว่ามีซีนเปิดตัวของ'เขาคนนั้น'แน่นอนค่ะ!

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
บันเทิงมาก 555555 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่2

ผมเลือกที่จะให้อภัยลุง เพราะลุงคงเห็นว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของผมนั้นเหมือนลูกผู้ดีมีอันจะกินลุงก็เลยแนะนำร้านเสื้อที่ราคาแพงแบบหูดับให้ผม แต่น่าเศร้าที่ลุงคิดผิด ตัวผมในโลกเดิมนั้นไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน พวกเราพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่ในบ้านแถบชานเมือง การเปย์เงินแบบเมื่อสักครู่นับว่าเลยขีดจำกัดสามัญสำนึกของผมไปแล้ว

แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมต้องซื้อบ้าน ซึ่งมันต้องแพงกว่าเสื้อสิบตัวอยู่แล้ว

ที่ประเทศไทยการซื้อบ้านสักหลังเป็นอะไรที่ห่างไกลกับมโนธรรมของนักศึกษาปี1อย่างผมไปไกลโข ที่โน่นผมยังไม่รู้เลยว่ามันต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง มาที่โลกนี้ผมยิ่งไม่รู้

เมื่อผลักประตูเข้าไปข้างในสายตาของพนักงานเสมียณก็พุ่งเป้ามายังผม เมื่อครู่ตอนเข้ามาผมใส่ชุดนอนเน่ากับรองเท้าแตะ แต่คราวนี้ผมกลับมาพร้อมเสื้อแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกคนคงตามการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน

“อะ เอ่อ เรียนเชิญคุณชายทางนี้เลยค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ”หนึ่งในเสมียณเหล่านั้นรีบเดินมาเชิญผมไปนั่ง ท่าทางอ่อนน้อมพูดจาอ่อนหวาน

เครื่องแต่งกายสามารถเพิ่มมูลค่าให้มนุษย์ได้มากจริงๆ

ผมนั่งบนโซฟาที่เธอพามาอย่างวางมาด เรื่องเก๊กหล่อผมถนัดอยู่แล้ว

“ข้าต้องการดูบ้านสักหลัง ยังไม่ได้เลือกทำเลแต่คิดไว้ว่าขอแบบชั้นเดียว พื้นที่สวนกว้างหน่อย”ผมตัวคนเดียว บ้านชั้นเดียวก็พอแล้ว

ความจริงที่ผมเลือกบ้านเล็กๆทั้งที่มีเงินเหลือเฟือก็เพราะผมยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อ เป้าหมายหลักของผมตอนนี้คือกลับบ้าน บ้านของพ่อแม่ที่กรุงเทพ ฉะนั้นบ้านที่โลกนี้น่ะขอแค่ซุกหัวนอนได้และปลอดภัยก็พอ

“สักครู่นะคะ”คุณเสมียณมีสีหน้าผิดหวังเมื่อทราบว่าผมต้องการเพียงบ้านหลังเล็กๆ เธอคงประเมิณจากการแต่งกายของผมแล้วตั้งเป้าเอาไว้สูงกว่านี้

ไม่นานนักเธอก็เดินกลับมาพร้อมสมุดแคตตาล็อค ที่ร้านเสื้อเมื่อกี๊สมุดแคตตาล็อคก็เป็นแบบนี้ โลกนี้คงไม่มีกล้องถ่ายรูปก็เลยใช้เป็นภาพวาดแทน

“บ้านมือหนึ่งย่านใจกลางเมืองส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว หอพักหรือไม่ก็บ้านสองชั้นที่มีพื้นที่สวนแค่ไม่กี่คืบนะคะ หากคุณชายต้องการบ้านชั้นเดียวที่มีสวนกว้างๆคงต้องขยับออกไปหน่อย”เธอกล่าวพลางเปิดแคตตาล็อคไปยังหน้าที่ต้องการเสนอขาย

“บ้านหลังนี้สร้างเสร็จเดือนก่อน ทำเลนับว่าไม่เลว แม้จะอยู่ไกลจากตัวเมืองแต่ถัดไปอีกนิดหน่อยก็เป็นสถานที่ตั้งของกองทัพอัศวินแห่งราชอาณาจักรแล้วดังนั้นคุณชายไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยนะคะ”เมื่อคราวพูดถึงกองทัพอัศวินนัยน์ตาของเธอก็เปล่งประกายระยิบระยับ

เธอคงเป็นผู้หญิงที่ชอบผู้ชายในเครื่องแบบล่ะนะ

ผมพยักหน้าหงึกหงัก นับว่าถูกใจบ้านหลังนี้ไม่น้อย แต่ยังอยากดูทางเลือกอื่นก่อนเผื่อเจอที่ถูกใจมากกว่า

แต่ก่อนจะข้ามไปบ้านหลังถัดไป ผมขอหลอกถามอะไรเธอหน่อยเถอะ

อย่าลืมนะว่าภารกิจที่ต้องพิชิตเพื่อกลับโลกเดิมของผมมันเกี่ยวข้องกับอัศวินอันดับหนึ่ง

“พูดถึงอัศวินข้าก็นึกขึ้นได้ ปกติดินแดนทางซีกโลกของเรามีกี่แว่นแคว้น กี่อาณาจักรที่ส่งตัวแทนลงประลองเพื่อชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งหรือ”สิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆก็คือ อัศวินอันดับหนึ่งคนปัจจุบันตอนนี้อยู่ที่ประเทศไหน จะได้ตามตัวถูก!

“เอ...น่าจะสัก ห้าสิบกว่าอาณาจักรล่ะมั้งคะ”

“คนที่ชนะได้นี่สุดยอดเลยนะ”

“ใช่ค่ะ!! ยิ่งชนะมา7สมัยซ้อนยิ่งสุดยอดของสุดยอดของสุดยอด!! เมื่อปีที่แล้วในที่สุดข้าก็สามารถแย่งซื้อตั๋วเข้าชมการประลองได้สำเร็จ! นับว่าเป็นบุญตาของชีวิตที่ได้เห็นท่านเอเทมพิชิตใต้หล้า ครอบครองตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดน!”เธอกุมมือทั้งสองข้างแนบอก สายตาเคลิบเคลิ้มเมื่อเอ่ยชื่อของอัศวินคนหนึ่ง

“เอเทม...”ผมพึมพำชื่อนี้ พยามท่องจำไว้ให้ขึ้นใจ

เขาคือหนึ่งในสองอัศวินผู้เป็นเป้าหมายของผม!!

ผมต้องตามหาตัวเขาให้พบและลากมาเข้าพิธีแต่งงานด้วยให้จงได้!!

ในขณะที่เธอยกมือสองข้างกุมแนบอกผมก็กำหมัดข้างหนึ่ง ตั้งปณิธานแน่วแน่ในใจ

“ท่านเอเทมเขาสุดยอดเลยนะ สมแล้วจริงๆ”ผมพูดต่อ ทำเหมือนรู้จักและเป็นแฟนคลับท่านเอเทมเหมือนกันเพื่อหลอกถามต่อ

เอาล่ะ ได้เวลาจี้จุด

ท่านเอเทมเป็นอัศวินจากราชอาณาจักรไหน!!?

ผมไม่สามารถถามคำถามนี้ออกไปตรงๆ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนดังแห่งยุค การที่คนในดินแดนซีกนี้ไม่รู้จักเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนไทยที่ไม่เคยได้ยินชื่อณเดชย์

“ฮะๆๆ ถ้าข้าซื้อบ้านหลังที่ติดกองทัพหลวง ข้าจะมีโอกาสเจอท่านเอเทมไหมนะ”ผมเปรยด้วยท่าทีสบายๆ ทำราวกับว่าเมื่อครู่เป็นเพียงมุกขำๆ

เอาล่ะ มารอฟังคำตอบของเธอกัน

ถ้าหากผมบังเอิญมีแต้มบุญสูงปรี๊ด ท่านเอเทมอะไรนั่นบังเอิญเป็นอัศวินของราชอาณาจักรนี้พอดี คำตอบของเธอก็น่าจะออกมาราวๆตัดพ้ออย่างอิจฉาผมหรืออาจจะเสริมข้อมูลรอเจอท่านเอเทมตามข้างทางให้อีกด้วย

แต่ถ้าท่านเอเทมไม่ได้อยู่ที่ราชอาณาจักรแห่งนี้ เธอคงหัวเราะกลับมาแล้วแซวผมว่าท่านเอเทมอยู่ที่อาณาจักรXXX จะมาโผล่ที่กองทัพอัศวินของเราได้อย่างไรกัน

จะออกหัวหรือก้อย ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เป็นตัวตัดสินนี้ผมพลันรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน

“เอิ่ม ฟังดูอาจจะเสียมารถยาท แต่ที่ข้าเลือกบ้านหลังนี้ให้คุณชาย ส่วนหนึ่งก็เพราะตอนส่งมอบบ้านข้าอาจจะโชคดีมีโอกาสได้พบกับเขา”เธอบิดตัวอย่างเอียงอายก่อนก้มหน้าขอโทษผม

ผมไม่ถือสาการเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องานของเธอสักนิด

ถ้ากระโดดหอมแก้มเธอได้ตอนนี้ผมทำไปแล้ว!!

อัศวินอันดับหนึ่งอยู่ในราชอาณาจักรแห่งนี้!

ผมต้องพยามเก็บอาการดีใจอย่างหนัก กลั้นไม่ให้ยิ้มออกมาจนเมื่อยหน้าไปหมด

“ข้าเลือกบ้านหลังนี้แหละ ไม่เปลี่ยนใจแล้ว เมื่อพวกเราทั้งสองปรับจูนสภาวะอารมณ์กันเรียบร้อยก็เป็นผมที่รีบตอบตกลงทันที”เท่าไหร่ล่ะ จ่ายสดได้เลย”ผมยกขาขวาขึ้นมาไขว่ห้าง ประสานมือเพื่อเสริมสร้างมาดเศรษฐีให้ตนเอง

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ ข้าขอไปเตรียมเอกสารสัญญาก่อน ขอตราประทับประจำตัวของคุณชายด้วยค่ะ”เธอเองก็ดีใจจนแทบจะกระโดดหอมแก้มผมเช่นกัน นายหน้าสาวกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน เธอทำท่าจะกระโจนไปที่โต๊ะทำงานของตนเองแต่ฉุกคิดขึ้นได้จึงเดินย้อนกลับมา

“ตราประทับประจำตัว...”ผมทวนคำนี้เสียงอ่อย

ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ที่รู้ๆก็คือผมไม่มีแน่นอน

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง สบตากับเธออย่างว่างเปล่า

เมื่อเห็นว่าผมเงียบเหมือนโรคใบ้กำเริบกะทันหันเจ้าหล่อนก็เดินกลับมานั่งอย่างไม่เข้าใจ

“ข้า...ไม่ใช่คนของราชอาณาจักรแห่งนี้”ผมตอบ

“อ้อ ถ้าเช่นนั้นคุณชายต้องแสดงหนังสือผ่านทางด้วยอีกอย่างนะคะ”เธอตอบ

ผมคิดว่าหนังสือผ่านทางที่เธอพูดถึงมีฟังชันก์คล้ายๆพาสปอร์ตกับวีซ่า ส่วนตราประทับประจำตัวนั่นคงเป็นบัตรประชาชน เอาเป็นว่าไม่มีทั้งสองอย่าง ผมไม่ใช่แค่ต่างด้าวธรรมดาสามัญ ผมคือต่างด้าวที่มาจากมิติอื่น!!!

“ข้า...ขอเวลาคิดอีกสักเดี๋ยวแล้วกัน”ผมหน้าซีดเป็นไก่ต้ม กระแอมไอกับเธอสองสามครั้งก่อนจะขอตัวลุกออกมา

ผมเดินหน้าสั่นออกมา คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ผมซื้อบ้านไม่ได้ ทั้งๆที่ถ้าซื้อมันได้ผมก็จะกลายเป็นเพื่อนบ้านของอัศวินทั้งกองทัพ! ประเด็นคือคนที่ผมต้องสู่ขอเขาทำงานในนั้น!

“ลุง...แถวนี้มีร้านอาหารแนะนำไหม เอาที่ไม่แพงมากนะ”ผมเดินกลับไปที่รถม้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ลุงแกก็เงียบขรึมเหมือนเคย ทำเพียงแค่ชี้นิ้วไปที่ตรอกเล็กๆข้างร้านเสื้อแบรนด์หรูที่ผมสวมอยู่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมต้องเข้าใจเอาเองว่าในตรอกแคบๆนั่นมีร้านข้าวอยู่

ผมเดินคอตกเข้าไปข้างใน สภาพที่เห็นทำให้ผมต้องถอนหายใจ ลุงคนนี้ไม่เคยมีความพอดี ตอนขอให้แนะนำร้านเสื้อก็แนะนำซะเว่อร์ คราวนี้กำชับว่าขอไม่แพง ดูสภาพร้านสิ อีกนิดก็คือคุ้ยหากินในถังขยะแล้ว

ร้านที่ลุงแนะนำไม่อาจนับว่ามันคือร้านได้ มันมีแค่แม่ครัวหนึ่งคนที่ยืนหน้าตายอยู่หลังโต๊ะทำครัวผุๆ ทั้งร้านมีโต๊ะนั่งแค่ตัวเดียว ผมเดินเตาะแตะไปลากเก้าอี้ไม้เก่าๆ พยามเลือกตัวที่ดีที่สุด ป้าเจ้าของร้านตวัดตามองผมอย่างเย็นชาตามประสาคนแดนรัตติกาล ขนาดแม่ค้ายังไม่มีความเป็นมิตรเลยให้ตาย

“เอาไรก็ได้จานนึง”

“ตัวซีซีย่างเกลือ กินได้ไหม”ป้าถามกลับ น้ำเสียงไม่รับแขกเหมือนเดิม

“ครับ”อย่าถามได้ไหม คนมันไม่รู้จัก

ใช้เวลารอไม่นานเนื่องจากผมเป็นลูกค้าเพียงคนเดียวของร้าน ป้าแกเดินเอาจานซีซีย่างเกลือซึ่งดูอย่างไรมันก็หนูนาทอดบ้านเราดีๆนี่เองมาให้ผม ผมตาเหลือกนั่งสบตากับเจ้าซีซีไร้ชีวิตแต่มาแบบครบสามสิบสองไม่มีการหั่นชิ้นตรงหน้า ในใจก่นด่าตาลุงคนขับรถม้าไม่ขาดตอน

และในขณะที่ผมกำลังนั่งจ้องตากับมันอยู่นั่นเองป้าแม่ครัวก็เดินเข้ามาตบโต๊ะ

“กินเร็วเข้าสิ!! นั่งรออัศวินอยู่รึไง!?”

“คะ ครับ กินครับกิน”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมป้าแกต้องดุผมด้วย!! แม่ผมยังไม่ดุผมเท่านี้เลยนะ!

“แต่ก่อนกิน ข้าขออะไรที่...สวยงามกว่านี้สักจานได้ไหมครับ”ผมเขี่ยจานเจ้าตัวซีซีไปด้านข้าง ไม่อยากหันไปมองอีกเพราะกลัวจะขย้อนของเก่าออกมา ป้าถลึงตาใส่ผมก่อนรีบสะบัดก้นเข้าครัวใหม่

“แต่เจ้าต้องกินนะ!! ซีซีตัวนั้นน่ะ!! ถ้าเจ้าไม่กินข้าจะกินเจ้าแทน!!!!”ป้าจะกินผมทำไมเล่า กินไอ้ซีซีย่างเกลือของป้าไปสิผมยกให้! ให้ตายผมก็ไม่กิน!

จี๊ด

“...”ผมนั่งเท้าคางมองป้าที่กำลังเร่งมือผัดอะไรก็ไม่รู้ควันขโมง

จี๊ดๆ

“เจ้าต้องกินมันนะ! รีบกินก่อนที่มันจะฟื้นขึ้นมา!!”ป้าก้มหน้าก้มตาผัดเร็วจี๊แต่ก็ไม่ลืมเร่งผมให้กินเจ้าซีซีจานเด็ด

จี๊ด

“ทำไมป้าแกยัดกูจังวะ ไอ้ตัวน่าเกลียดนี่มีอะไรน่ากิน...”

จี๊ดๆ

ผมก้มไปมองจานซีซีย่างเกลือที่ควรจะมีตัวลักษณะคล้ายหนูนานอนไหม้เกรียมหงายท้องอยู่ แต่มันไม่ใช่อีกแล้ว...ไม่มีซีซีหนึ่งตัวนอนหงายเก๋ง แต่มีซีซีตัวเป็นๆร่วม10ตัวจ้องผมตาใส

“ปะ ป้า... ป้า!!!”ผมเรียกป้าคนขายเสียงสั่น ป้าแกได้ยินผมเรียกก็หันกลับมามอง ภาพที่เธอเห็นตอนนี้ก็คือหนูนรกสิบตัวกำลังจ้องผม หลอนโคตร! ผมรู้สึกขาหมดแรง เบือนหน้าไปถามป้าว่านี่มันเรื่องอะไร

“ไอ้โง่เอ๊ย!! ตัวซีซีเป็นสัตว์ที่มีพลังเวท ก่อนตายมันจะสร้างลูกไว้ในท้อง กินมันหนึ่งตัวเท่ากับได้ฟรีมาอีกเป็นสิบ! ซีซีเป็นยาโดปอย่างดีแต่ข้อเสียของมันก็คือถ้าไม่รีบกิน ลูกในท้องของไอ้ตัวที่ตายจะกินซากตัวแม่และคลอดออกมา!! และตามติดสิ่งมีชีวิตที่มันเห็นสิ่งแรกไม่ปล่อย!!”

“อะ อะ อะ อะไรนะ!!!!”ผมตะโกนลั่นตรอก

ผมเกลียดแมลงสาป กลัวจิ้งจก ผวาตุ๊กแก แพ้สัตว์เลื้อยคลาน และแน่นอนว่าผมเกลียดหนู!!

“ป้า!! ช่วยข้าด้วย!!”

“ข้าจะเอากำลังที่ไหนไปสู้กับตัวซีซี หนูผีพวกนี้เป็นยาบำรุงเพราะตัวมันมีพลังเวทที่แข็งแกร่ง!!”

“ใครใช้ให้ป้าเอาของอันตรายแบบนี้มาขาย!!!”ผมลองลุกขึ้นยืนเพื่อเดินหนี หวังไว้ว่าเจ้าหนูหางยาวไร้ขนพวกนี้จะไม่เดินตาม แต่ความหวังของผมก็ถูกดับ เมื่อเห็นว่าผมลุกเดินหนีพวกมันก็กระโดดลงจากโต๊ะเพื่อวิ่งตามผม เมื่อมาถึงผมมีบางตัวเอาหัวเข้ามาคลอเคลียเท้าผมอย่างรักใคร่

โอ้มายก็อดดด

โอ้มายก๊อดดดดดดดด

กรี๊ดดดดดดดดดดด

“ของซื้อของขายตามปกติ แถมยังเป็นของดีราคาแพงอีก ข้าเห็นเจ้าแต่งตัวดีท่าทางมีฐานะแถมยังสั่งอะไรก็ได้ข้าก็เลยเลือกตัวซีซีให้เจ้าเพราะข้าคงขังมันไว้ในกรงได้อีกไม่นาน ซื้อมาตั้งแพงแต่ขายไม่ออก...”อิป้า!! ผมกรีดร้องโหยหวนในใจแบบอินฟินิตี้

อยากจะทรุดลงกองกับพื้น ทว่าโลกนี้มันช่างโหดร้าย ถ้าขืนผมทรุดลงไปหนูผีพวกนี้ต้องปีนขึ้นมาเล่นหัวผมแน่ แค่นี้ไอ้ตัวที่คลอเคลียขาผมเมื่อกี๊ก็ปีนมาถึงหัวเข่าผมแล้ว

“อ๊ากกก”ผมสะบัดขาตัวเองแรงๆ มาดผู้ดีไม่เหลือแล้วมันหายไปพร้อมๆกับความแมนของผมนี่แหละ สัมผัสที่ขารู้สึกยุบยับไปหมด พอเห็นผมกระโดดเหยงๆไอ้พวกลูกหนูก็คิดว่าผมกำลังจะเคลื่อนที่ไปที่อื่น ด้วยความที่กลัวโดนผมทิ้งพวกมันก็เลยพร้อมใจกันกระโดดเกาะขาโผ้มมมม

แม่ ฮือออ การันต์จะกลับบ๊านนน

“อ๊ากกกกกกกกก!!”ผมแหกปากร้องลั่นตรอก

ผมเริ่มออกวิ่งทั้งๆที่รู้ว่าวิ่งไปไหนก็สลัดไม่หลุด สิ่งที่ผมกำลังหนีไม่ใช่หนูผีแต่เป็นความจริง!! ผมหลับหูหลับตาวิ่งไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น!

พลั่ก

เพราะวิ่งเตลิดออกมาจากตรอกแคบๆนั่นอย่างขาดสติ ย่างเท้าลงบนฟุตบาทได้แค่ไม่กี่ก้าวผมก็ชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง ตามหลักแล้วคนโดนชนควรจะล้มแต่เหตุการณ์นี้คนที่ล้มกลับเป็นผม!

“แอ่ก เดินไม่ดูทาง! ไม่มีตาเหรอคุณ!!! ไม่เห็นเหรอว่ามีคนวิ่งมาทางนี้ ฮือออ”ผมตะโกนด่าออกไปทันทีทั้งๆที่คนที่หลับหูหลับตาวิ่งมาคือฝ่ายผม

แต่ผมไม่โทษเขาไม่ได้แล้วจริงๆ จำได้ไหมว่าทำไมผมถึงต้องยืน ผมนั่งไม่ได้เพราะเหล่าหนูผีที่เกาะขาผมอยู่มันจะปีนขึ้นมาเล่นหัวได้ง่ายขึ้น!!

เพียงแค่อึดใจเดียวที่ผมล้มก้นจ้ำเบ้า เหล่าลูกซีซีผู้น่ารักก็ใช้อุ้งเท้าเล็กๆของพวกมันเกาะเกี่ยวเสื้อแบรนด์เนมของผม ไต่ขึ้นมาสูงขึ้นเรื่องๆกระทั่งมีตัวหนึ่งคว้าหมับเข้าที่แก้มขวาของผม ผมร้องไห้แบบไร้น้ำตา โมเมนต์นี้ผมทำได้เพียงนั่งตัวแข็ง สัมผัสหางยาวๆอันไร้ขนของพวกมันกวัดแกว่งไปตามตัว

ที่พีคก็คือมีตัวนึงมุดเข้ามาในเสื้อ

“ฮืออออออออออออ”ผมนั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า กัดปากแน่นจนเลือดซิบ หลับตาปี๋ ไม่กล้าลืมตาขึ้นมามองอะไรแล้ว

ผมกลัวหนู ฮือออ

“ช่วยด๊วยยยย คนที่ขวางทางเมื่อกี๊ยังอยู่รึป่าว ทำคนเขาล้มก็หัดรับผิดชอบหน่อยสิวะ!!!!”ผมส่งสาญญาณSOSออกไปรัวๆ แต่ก็ทำใจไว้เก้าในสิบว่าคงไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ขนาดป้าขายข้าวแกงยังไม่ช่วยผมเลย ป้าแกแสดงอาการกลัวทั้งๆที่เป็นคนเสริฟมันให้ผมกินด้วยซ้ำ!!

“ไอ้เหี้ย ชิบหาย พ่อมึ๊งงงง ใครก็ได้ช่วยด๊วยยยยยยยยยย”ผมร้องแรกแหกกระเจิง ขวัญหนีดีฝ่อไปหมด

ฉับพลันรู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านร่างหลายครั้ง มันไม่ใช่ลมธรรมชาติหากแต่คล้ายคลึงกับเสียงวาดดาบตัดอากาศ

“ช่วยด๊วยยยย— เอ๋...”ผมกำลังจะร้องต่อ ปรากฏว่าสัมผัสน่าขยะแขยงตามร่างกายหายไปหมดแล้ว

ผมหลับตาอยู่จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

นี่ผมหลุดพ้นจากนรกขุมที่8มาได้แล้วหรือ?

เมื่อนิ่งรอสักพักก็ไม่รู้สึกถึงอุ้งเท้ายุบยับของพวกหนูผีอีกแล้วผมจึงค่อยๆลืมตาอย่างกล้าๆกลัวๆ ผมก้มลงมองตามร่างกายของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่มี!! หนูผีพวกนั้นกระเด็นออกไปแล้ว!

ถัดมาผมมองไปที่พื้นรอบๆตัว พบหนูผีทั้ง10นอนตัวขาดครึ่งท่อนอยู่บนพื้นพลันกลืนน้ำลายเฮือก

ผมรอดจากนรกนั่นมาได้ ผมต้องขอบคุณคนที่ช่วยผม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นที่ทำให้ผมล้มลงก็เหอะ

คิดได้ดังนั้นผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมมาตั้งแต่แรก และในเสี้ยววินาทีที่ผมเห็นเขาร่างกายของผมก็เหมือนกับถูกสตาฟฟ์เอาไว้อีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะถูกหนูผีลากคอลงนรก แต่เป็นผู้ชายตรงหน้าที่ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังอยู่บนสรวงสวรรค์

คุณเคยอ่านบทกวีที่ใช้พรรณนาความหล่อเหลาของผู้ชายคนหนึ่งไหม

ผมไม่เคย...

ดังนั้นผมขออธิบายรูปลักษณ์ของผู้ชายที่ช่วยผมเอาไว้ให้เข้าใจง่ายหน่อย

เขาหล่อมาก คำว่ามากในที่นี้สามารถขยายออกไปเป็นเขาหล่อเหลาปานเทพบุตร สาเหตุที่ผมเพ้อเจ้อว่าตัวเองอยู่บนสวรรค์ก็เพราะคำเปรียบนี้

ผู้ชายคนนี้มีกลิ่นอายเหมือนทุ่งน้ำแข็ง ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาเย็นชาและแข็งกระด้าง เส้นผมสีขาวตัดกับชุดเครื่องแบบอัศวินสีดำที่สวมใส่ ผิวขาวซีด รูปร่างท่าทีองอาจผ่าเผย ไม่ว่าจะมองอย่างไรชายผู้นี้ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของคำว่าหล่อ ไม่สิ คำว่าหล่อเหมือนถูกสร้างมาเพื่อเขา ช่างไร้ที่ติราวกับไม่มีอยู่จริง

ผมติดสตั๊นเพราะใบหน้าของอีกฝ่ายนานอยู่หลายวินาที

เมื่อรวบรวมสติได้เตรียมจะลุกขึ้นยืนเพื่อขอบคุณ ชายคนที่ผมทูนไว้เหนือหิ้งในใจคนนี้กลับหันไปกล่าวผู้ติดตามด้านหลังของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า

“จับกุม”

“ครับ!!”ผมดูออกในปราดเดียวว่าคนกลุ่มนี้เป็นอัศวิน พวกเขาสวมเครื่องแบบสีดำทั้งตัวและมีดาบเหน็บอยู่ที่เอว

เพียงแต่ผมดูไม่ออกว่าอัศวินเหล่านี้จะเข้ามาจับกุมผมทำไม...

“เดี๋ยวววว คิดว่าหน้าตาดีแล้วจะรังแกประชาชนยังไงก็ได้เหรอ”ผมหน้าซีดเป็นไก่ต้มแต่ยังมีแรงเถียงอีกนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆเพราะหลังจากนั้นไม่นานผมก็โดนตีหัวจนสลบ

ภาพรอบตัวของผมดับมืด

ตื่นมาอีกทีคงอยู่ในคุกเรียบร้อยแล้วแน่เลยกู



----------------------------------

ภายในตอนเดียวการันต์ฟาดเคราะห์ไปแล้วเท่าไหร่

มีใครให้ซวยมากกว่านี้มั้ยคะ!! วงวารรร 55555555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ้าว โดนจับไปอีก สงสารเลย 555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AllTheWay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
จะทำไงต่อละการันเอ้ยยย

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่3

“งืมมม อย่าปลุกสิแม่ ผมขอนอนต่ออีกหน่อย”ผมงืมงำออกมาอย่างเกียจคร้าน ทว่าแรงที่กำลังเขย่าร่างของผมกลับไม่เบาลงมิหนำซ้ำยังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ผมขมวดคิ้วมุ่นอย่างรำคาญพลันหัวสมองน้อยๆเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้

ภาพจำสุดท้ายก่อนหมดสติคือผมโดนอัศวินจับกลางถนนนี่หว่า!!

ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยอารามตกใจ ทว่าผมพรวดพราดขึ้นมาเร็วเกินไปหน่อยใบหน้าของผมจึงพุ่งเข้าชนกับแผกอกแน่นๆของผู้ปลุกอย่างจัง ผมรีบเงยหน้าขึ้นเตรียมกล่าวขอโทษ ใจของผมมั่นใจเต็มร้อยว่าคนที่ผมเพิ่งแตะนิดแตะหน่อยเมื่อครู่ต้องเป็นอัศวินผู้หล่อเหลาฟ้าประทานคนนั้นแน่นอน

“ขอโทษครับ”ผมเปิดใช้งานเสียงสอง นุ่มนวลรื่นหู

แต่พอเห็นหน้าคนปลุกเต็มสองตารอยยิ้มของผมก็ต้องหุบฉับ

ลุงหนวดเฟิ้มตัวยักษ์นี่ใคร!?

เอ๊ะ เดี๋ยว แล้วทำไมเสื้อผ้าผมถึงหลุดรุ่ยขนาดนี้ล่ะ

“ยะ อย่าบอกนะว่า...”โลเกชั่นที่ผมอยู่คือห้องขังเดี่ยว ผมเพิ่งได้สติจึงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเหล็ก สภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยเผยให้เห็นผิวกายขาวผ่องเป็นยองใย และที่พีคคือตาลุงหนวดเฟิ้มยังนั่งอยู่ข้างๆท่าทางกึ่งคร่อม สองแขนจับไหล่ของผมไว้

“ลุงจะปล้ำผมเหรอ!!”ผมตกใจจนลืมกระทั่งแทนตัวเองด้วยคำว่าข้า

ความบริสุทธิ์แรกแย้มของผมต้องมาสูญสิ้นในคุกเน่าๆให้แก่ลุงหน้าปลวกนี่น่ะเร้อออ

ถ้าที่นี่มีธรรมเนียมให้อัศวินลักลอบปล้ำนักโทษได้ อย่างน้อยก็ขอให้นักโทษมีสิทธิ์เลือกคนปล้ำหน่อย

พ่อหนุ่มผมขาวตาฟ้าคนนั้นอยู่ไหน ไปตามเขาม๊า!!

แม้ในใจของผมจะยิงมุกตลกเหมือนไม่เครียดแต่ตัวจริงผมกำลังนั่งตาลอย เหม่อมองหน้าลุงเหมือนมันมีอะไรน่าดูชม แต่เปล่า สติของผมหลุดลอยไปแล้ว ผมกำลังคิดถึงแม่ คิดถึงเพื่อน และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คืออินเตอร์เน็ต

ผม...อยากกลับบ้าน

โดยไม่รู้ตัว น้ำตาของผมก็เอ่อทะลักเหมือนเขื่อนแตก

ตั้งแต่โดนถีบหัวส่งมาที่ต่างโลกผมไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาเลย ผมพยามเข้มแข็งและหาทางใช้ชีวิตที่โลกแห่งนี้อย่างสงบไปพลางหาทางกลับโลกเดิมไปพลาง

แต่ที่นี่ เวลานี้ ผมกำลังจะเสียประตูหลังให้ตาลุงตัวเหม็นเปรี้ยว

“ฮึก ลุงไม่สงสารผมเหรอ ฮือๆ ผมยังสงสารตัวเองจะแย่แล้ว โฮรว”ผมร้องไห้กระซิกๆ

คนฟังทำหน้างงงวยสักพักก็ผละออกไป เสียงห้าวของอัศวินมีอายุกล่าวกับผมว่า”ตื่นได้สักที ปลุกตั้งนาน ไปที่ห้องสอบสวนได้แล้ว!”

“อ้าว...”ผมร้องออกมาเบาๆก่อนโดนลากตัวออกจากห้องขังเดี่ยวไปอย่างไม่เบามือ

ฉับพลันผมก็คิดได้ สาเหตุที่เสื้อผ้าผมขาดก็เพราะว่าตอนที่อัศวินรูปหล่อคนนั้นกำจัดตัวซีซีให้ผม มีตัวหนึ่งมันมุดเข้ามาในเสื้อ เขาคงไม่นั่งปลดกระดุมให้ผมอย่างใจเย็นหรอก เห็นตัวมันเคลื่อนไหวอยู่ก็ฟันกระเด็นไปพร้อมเสื้อเลย

คิดมาถึงจุดนี้แล้วขอด่าหน่อยเหอะ เสื้อผมซื้อมาแพงมากนะ!! ใส่ยังไม่ทันครบชั่วโมงดีกลายสภาพเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว!!

ผมมีเวลาเสียดายเสื้อไม่นานนัก เมื่อลุงเฟิ้มพาผมมาถึงห้องสอบสวนเขาก็จับไหล่ผมกดลงบังคับให้นั่ง ผมก็นั่งก้มหน้าคอชิดอย่างว่าง่าย ภายในห้องมีอัศวินอีกคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู แต่คนที่สอบสวนผมเป็นเจ้าหน้าที่เพศชายที่หน้าตารู้มากคนหนึ่ง เขาจับแว่นตาของตนเองให้เข้าทีและเริ่มเอ่ย

“บอกชื่อ ที่อยู่ และอาชีพมา”

“ข้าชื่อการันต์ ที่อยู่ เอ่อ...ไม่มี อาชีพก็...ไม่มีครับ”ผมตอบเสียงอ่อย อนาถตัวเองที่ไม่มีเหี้ยไรเลย

“แสดงตราประทับประจำตัวกับหนังสือผ่านทางเข้าราชอาณาจักรด้วย”

...

...

“นี่ก็...ไม่มีครับ”

“ไม่มีแม้แต่ตราประทับ?”

“ครับ”เสียงของผมเจื่อนลงเรื่อยๆ ด้วยไม่รู้ว่าโลกแห่งนี้มีวิธีจัดการนักโทษอย่างไร แต่ถ้าหากผมต้องถูกจับไปทรมาน ตอกข้อเท้า หักนิ้ว เฉือนกระดูกเหมือนที่เห็นในหนังย้อนยุคล่ะก็ผมต้องไม่รอดแน่ๆ ฮือ

ผมก้มหน้านิ่ง มือสั่นหน้าซีดจนเป็นกระดาษขาว

หลังจากเงียบไปสักพักเจ้าหน้าที่หน้าตารู้มากก็เอ่ยออกมา”รู้ไหมว่าเจ้าถูกจับกุมด้วยข้อหาอะไร”

“ไม่รู้ครับ”ผมไม่มีแล้วก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้นอะ

“เจ้านำตัวซีซีเข้าที่สาธารณะ หากคณะอัศวินไม่อยู่แถวนั้นป่านนี้มันอาจแพร่พันธุ์เต็มเมืองหลวงไปแล้ว!!”ชายสวมแว่นตบโต๊ะเสียงดัง แต่ในคำพูดของเขาทำให้ผมทราบว่าที่นี่คือเมืองหลวง

“ผมไม่ได้นำมันมา แม่ครัวคนนั้นหลอกขายผม”

“ข้ารู้ โทษของเจ้าเลยลดเหลือแค่คุมขังคืนเดียว ซึ่งนี่ก็ครบคืนแล้ว หลังจากการสอบปากคำนี้สิ้นสุดเจ้าควรได้รับการปล่อยตัว”ชายสวมแว่นเว้นจังหวะพูดให้ผมดีใจ ซึ่งมันเป็นการดีใจเก้อ”แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อในข้อหาลักลอบเข้าเมือง!!”

ผมหน้าซีดอีกครั้ง ใบหน้าของผมเดี๋ยวสดใสเดี๋ยวหมองคล้ำ เปลี่ยนสีเร็วกว่าจิ้งจกไปแล้ว

“ข้า...มาจากต่างมิติ”ผมนั่งก้มหน้า สมองโล่งเตียนไปหมด จะใช้คำว่าขาวโพลนก็ไม่ได้เพราะอย่างน้อยมันยังมีสีขาว

คนฟังเงียบไป ทั่วทั้งห้องเหมือนถูกหยุดการเคลื่อนไหว ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่แว่น เฮียแกกำลังมองผมอย่างอึ้งๆก่อนหันไปสั่งการกับอัศวินที่ยืนเฝ้าหน้าประตูว่า”เจ้าไปเอาตำราเวทพนาหมื่นปีมา ข้าจะพิสูจน์ว่าบนร่างของเขามีไอเวทของต้นไม้หมื่นปีอยู่หรือไม่”

“เจ้าข้ามมิติมานานเท่าไหร่แล้ว”หลังสั่งการลูกน้องเสร็จเขาก็หันมาถามผม

“ประมาณ2วันครับ”ผมตอบตามความจริง สีหน้ามีความหวังในชีวิตขึ้นแปดเท่า

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าโลกแห่งนี้รู้จักการทะลุมิติจนเป็นเรื่องธรรมดาล่ะก็ป่านนี้ผมบอกไปนานแล้ว!

“เห้อ โล่ง”

“อย่าเพิ่งดีใจเร็วไป หากผลตรวจด้วยตำราเวทให้ค่าเป็นลบล่ะก็เจ้าจบไม่สวยแน่”

เมื่อโดนขู่เช่นนั้นผมก็กลับมาซีดอีกครั้ง ไม่นานนักอัศวินคนนั้นก็กลับมาพร้อมหนังสือปกแข็งสีน้ำตาลเล่มนึง นายแว่นที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์ผมรับสมุดมาก่อนพึมพำร่ายเวท คราวนี้ไม่มีแสงสีเสียงเอฟเฟคอะไรทั้งนั้น เพียงแต่บนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าของตำราเวทพลันปรากฏตัวอักษรที่ผมคุ้นเคย

BANGKOK

“ตัวอักษรที่ปรากฏบนตำราเวทนี้คือสถานที่อันเป็นบ้านเกิดของเจ้า ข้าสามารถยืนยันได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่ชื่อเมืองของโลกแห่งนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะพูดความจริงนะ”

“โฮกกก”ผมครวญอย่างโล่งใจ

“เอาล่ะ หลังจากนี้เราคงต้องรับรองเจ้าซึ่งเป็นผู้พลัดถิ่นในฐานะพลเรือนของราชอาณาจักร โดยมีข้อแม้ว่าเจ้าห้ามแพร่งพรายเรื่องการเดินทางข้ามมิติให้ประชาชนคนอื่นทราบเป็นอันขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลองของเดินทางไปยังต้นไม้หมื่นปีตามกระแส”ชายตรงข้ามผมกล่าวเสียงเข้ม

“ครับ!!”ผมดีใจแทบเป็นลมเมื่อรู้ว่าเขาจะให้สิทธิ์ผมเป็นพลเรือนของประเทศ

“ข้าต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งเบื้องบนก่อน กราเมเจ้าช่วยนำทางเขาไปยังที่ว่าการกลางเมืองที”ชายแว่นหันไปสั่งลุงเฟิ้มที่ยืนหน้าแป้นอยู่ข้างหลังผม”เขาจะช่วยจัดการธุระด้านเอกสารทั้งหมดให้เจ้า รวมถึงช่วยอธิบายพื้นฐานทั้งหมดเกี่ยวกับโลกของเราให้ด้วย”

ผมรีบหันขวับไปมองหน้าลุงอย่างตกใจ

นี่ผมต้องอยู่กับลุงอีกเรอะ!

“ท่าน! ข้าขอเปลี่ยนคนดูแลได้ไหม”

“เจ้ามีอัศวินที่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือ”ผมคิดว่านายแว่นคนนี้ค่อนข้างรับฟังผมทีเดียว อย่างตอนนี้เขายังเปิดโอกาสให้ผม หากผมมีอัศวินที่สนิทใจกว่าเขาก็ยินดีเปลี่ยนตัวให้

ผมกระแอมไอแบบเขินๆ ความจริงผมไม่รู้จักอัศวินคนไหนหรอก แต่ผมมีคนที่อยากรีเควสเป็นพิเศษ

“ข้าอยากให้คนที่ช่วยกำจัดตัวซีซีให้ข้ามาเป็นผู้ดูแล”

“สามหาว!!!!!!”สิ้นคำร้องของผมตาแว่นก็ตบโต๊ะดังฉาด ผมเห็นมือของเขาแดงแจ๋ นับว่าเป็นการทำร้ายตัวเองที่โง่เง่าเต่าตุ่นมาก แต่ผมไม่มีกะใจมานั่งด่าอีกฝ่ายว่าโง่นานนักเพราะเขามองผมตาเขียวปัด ทำท่าเหมือนจะกินหัวผมเข้าไป

ผมหันหน้าไปหาพี่เฟิ้มเพื่อถามเขาว่าพี่แว่นโมโหอะไร ปรากฏว่าพี่เฟิ้มก็ทำหน้าเหมือนอยากจะจับผมทุ่มอีกคน ไม่ใช่แค่นั้น อัศวินที่เฝ้าประตูกับพนักงานคนอื่นๆก็มองผมตาเขียวปั๊ด

ผมไม่รู้สาเหตุเลยเลือกที่จะสงบปากสงบคำ

เมื่อพวกเขาเห็นว่าผมทำท่าหงองอตัวเป็นต้นถั่วงอกทุกคนก็เลยปรับสีหน้าเป็นปกติ

นายแว่นผายมือไปยังประตูแทนการไล่ผมโดยไร้วาจา

ผมโดนพี่เฟิ้มพามาออกมาจากโซนคุกใต้ดิน เมื่อโผล่พ้นบันไดขึ้นมาก็เป็นทางออกประตูหลัง เขาเดินนำผมไปเรื่อยๆโดยไม่พูดไม่จาแต่ผมสัมผัสได้ว่าเขากำลังโกรธผมอยู่ ไม่นานพวกเราก็เดินทางมาถึงที่ว่าการเมืองเขาก็จับผมนั่งแหมะไว้บนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งก่อนเดินวุ่นวายเดินเรื่องเอกสารสารพัด

ผ่านไปอีกร่วมชั่วโมงเขาก็เดินมากระชากแขนผมจนตัวลอย

ถ้าจะกระชากกันจนขาไม่ติดพื้นขนาดนี้ทำไมไม่อุ้มไปเลยล่ะ ดีเลย ผมจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงเดิน

เนื่องจากผมมากับอัศวิน แถมยังเสื้อผ้าขาดวิ่น ประชาชนที่มาติดต่อราชการจึงมองผมด้วยสายตาใคร่รู้ ชะตากรรมของผมในโลกนี้คือการโดนมองเพราะแต่งกายไม่เรียบร้อยที่แท้ทรู

และแล้วหลังจากผ่านหนึ่งวันอันยาวนานมาในที่สุดผมก็ได้ตราประทับประจำตัว อันมีค่าเทียบเท่าบัตรประชาชน!

“ขอบคุณมาก”ผมหันไปขอบคุณพี่เฟิ้มซึ่งไม่พูดไม่จาทำหน้าถมึงทึงตลอดเวลา

พี่แกตวัดหางตามองผมอย่างไม่สบอารมณ์นักก่อนกล่าวเสียงห้วน”เจ้าจะไปไหนก็ไป ยืนมองหน้าข้าทำไม!?”

“อ้าว ก็พี่แว่นคนนั้นบอกว่าท่านจะเป็นคนชี้แนะเรื่องการใช้ชีวิตในโลกนี้...”ผมเอ่ยอ้ำอึ้ง ใจเริ่มแป้วอีกครั้งเพราะคาดว่าต้องโดนเทแน่นอน

แล้วก็เป็นจริงดังคาด พี่เฟิ้มแค่นเสียงหัวเราะใส่ผมหนึ่งทีก่อนสะบัดตูดเดินจากไป ก่อนเดินไปไกลเขาหันมาพูดกับผมคำหนึ่ง ยังดีที่ไม่ปล่อยให้ผมปะติดปะต่อสถานการณ์เอาเอง”เจ้าเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า บังอาจมาลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา จงรับกรรมด้วยการเผชิญโลกใบนี้เพียงลำพังเถอะ!!!”

พูดจบร่างยักษ์ของพี่เฟิ้มของเดินจ้ำจากไป

ผมที่ถูกทิ้งให้ยืนเอ๋ออยู่หน้าที่ว่าการเมืองได้แต่กระพริบตาปริบๆ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์?

ผมพยามประมวลผลว่าตัวเองเผลอไปลบหลู่อะไรเข้า เท่าที่ผมนึกออก ท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไปตอนที่ผมรีเควสให้อัศวินสุดหล่อล้ำคนนั้นมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงของผม

“ระ หรือว่าเขาจะเป็นเทพจริงๆ...”คิดแบบนี้แล้วร่างกายของผมพลันหนาวสะท้าน

“มิน่าล่ะถึงได้ดูหล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงขนาดนั้น”นี่ผมได้เทพจุติลงมาช่วยเหลือจากหนูนรกเลยหรือนี่

ผมเดินกอดอกตัวเองสั่นๆ ไม่ใช่ไร หนาวครับ เสื้อขาดแบะอกขนาดนี้แถมอากาศของที่นี่ยังเย็นเหมือนอยู่ยุโรป ไม่สั่นก็บ้าแล้ว!

ผมใช้เวลาพักใหญ่ทีเดียวกว่าจะเดินทางกลับมาถึงโรงแรม เงินส่วนที่ผมยัดใส่ปลอกหมอนเพื่อเอาไปใช้ซื้อบ้านผมได้รับคืนมาจากพวกอัศวินอย่างครบถ้วนแล้ว แต่ผมเป็นห่วงเงินที่อยู่ในห้องพัก แต่สิ่งที่ผมกลัวก็ไม่เกิดขึ้น พนักงานโรงแรมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับห้องของผม แถมเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาพวกเขายังรีบปรี่มาต้อนรับ

“ต้องขออภัยคุณชายเป็นอย่างสูง ทางเราจะอบรมคนขับรถม้าให้ดีกว่านี้ ต่อไปจะไม่ให้เขาแนะนำร้านอาหารมั่วซั่วอีก ทำให้คุณชายเดือดร้อนขนาดนี้ทางเราขอชดเชยด้วยการให้ใช้บริการฟรีอีกหนึ่งคืนและไม่ขอคิดค่าเช่ารถม้า...”หลังจากนั้นเขาก็พูดต่ออีกยาวเหยียด

คราวนี้เขาพูดจากับผมดีขึ้น กิริยาท่าทางนอบน้อม คงเพราะผมรีโนเวทสารร่างตัวเองมาแล้วเรียบร้อย

“อ่า อืม ไม่ถือๆ”ผมขอแค่ไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับถุงสมบัติในห้องของผมเท่านั้นก็พอ

เมื่อเข้ามาในห้องพักห้องเดิมผมก็รีบตรวจสอบจำนวนเงินทันที การนั่งนับเงินกลายเป็นงานอดิเรกของผมไปแล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองติดเงินมากกว่าติดมือถือแน่นอน

“เห้อ โชคดี ยังอยู่ครบ”แค่เห็นเงินก็สุขใจ

ไม่ว่าวันนี้จะผ่านเรื่องร้ายๆมาอย่างไรขอแค่กลับห้องมานอนกอดเงินผมก็ฝันดีไปทั้งคืนแล้ว

ซะเมื่อไหร่

ผมนอนไม่หลับ!! ทุกครั้งที่ผมหลับตา หน้าของท่านเทพผู้นั้นจะลอยเข้ามาเสมอ

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหล่อติดตา

ต่อมแรดของผมแตกซ่านอย่างหนัก บอกตรงๆเลยว่าที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตชิทแชทกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วก็จริงแต่ส่วนใหญ่ผมจะพุ่งเป้ายังคนที่น่ารัก ผู้หญิงผู้ชายน่ารักคือเสป็คของผม ส่วนพวกผู้ชายที่อยู่นอกเหนือเกณฑ์นี้จะต้องมาตรฐานสูงมากจริงๆผมถึงจะยอมคุย

แล้วเขาก็ตีมารตฐานผมแตกกระจุยในพริบตา

ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง เหลียวซ้ายแลขวาไม่มีอะไรทำ

ปกติเวลานอนไม่หลับผมจะหยิบมือถือมาเล่นแต่ที่โลกนี้ไม่มี

ผมนั่งสมาธิหายใจเข้าพุธทหายใจออกโท หวังอย่างยิ่งว่าธรรมะจะช่วยสยบความแรดในใจของผมได้

“นอนไม่หลับง่ะ”ผมโอดครวญ เดินออกไปที่ระเบียงกะตากอากาศสักพัก

เนื่องจากห้องพักของผมเป็นห้องที่เกรดต่ำที่สุดในโรงแรมแห่งนี้ มันจึงอยู่แค่ชั้น3ซึ่งนับว่าติดถนนใหญ่มากที่สุด

เวลานี้ยังไม่ดึกมาก พวกร้านเหล้าตามสองข้างทางยังเปิดอยู่และมีลูกค้าหนาตาทีเดียว ผมชะโงกหัวเพื่อมองสำรวจร้านพวกนั้น ด้วยความที่ไม่เคยกินเหล้ามาก่อนเลยอยากกินบ้าง

“ลองลงไปดูหน่อยละกัน”ที่ประเทศไทยเด็กอายุต่ำกว่า20จะกินเหล้าไม่ได้ตามกฎหมายแต่ผมไม่รู้กฎหมายของโลกนี้จึงกะลงไปถามเจ้าของร้าน

ผมเดินเข้ามาในร้านด้วยอาการประหม่า”พี่ๆ ที่โลกนี้อายุเท่าไหร่ถึงกินเหล้าได้อ่อ”

“เอ็งอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”พ่อค้าเจ้าของร้านเหล้าดองริมทางย้อนถาม

“18ย่าง19”ผมตอบ

“โอ๊ย กินได้แล้ว มาๆ นั่งเลยๆ”คงเพราะเห็นผมแต่งตัวดี คุณพ่อค้าหัวหมอจึงพยามยัดเยียดมาแต่เหล้าราคาแพง ผมเลือกจิ้มมั่วๆมาตัวหนึ่ง ไม่นานนักผมก็ได้สิ่งที่อยากลองมานาน

“เหล้า!! ฮะๆๆ”มีเงินนี่มันดีจริงๆ ของแพงเท่าไหร่ก็เปย์ไหว

ผมถูมืออย่างตื่นเต้น ยกแก้วขึ้นมาซดของเหลวสีอำพันลงคอ ความร้อนแผ่ซ่านทันทีที่ได้ลิ้มรส และไม่ใช่แค่ความร้อนเท่านั้นที่มาเยือนผมเร็วกว่ามาตรฐาน...ความเมาก็เช่นกัน

ร่างกายของผมโอนเอน

“ฮ่ะๆๆๆ”ผมเริ่มหัวเราะแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เมาแย้ว...”ผมเปรยเสียงยาน

“อ่อนเกิ๊น!!”ผู้ชายโต๊ะข้างๆหันมามองผมอย่างตกใจ

มันก็น่าตกใจอยู่หรอก ผมยังตกใจตัวเองเลย มันก็แค่เหล้าอึกเดียวเท่านั้นแต่ผมเสือกเมา เมาจนเป๋ไปเป๋มา

“ไอ้หยา คุณลูกค้า สงสัยเหล้าชนิดนี้แรงไป คงต้องเปลี่ยนแก้วแล้วล่ะ ข้าเอาแก้วนี้ไปเทให้นะ”พ่อค้าหัวใสเดินมาเอาแก้มของผมไป

“ฮะๆๆๆ”ผมนั่งโยกตัวเป็นตุ๊กตาโยกเยกแล้วก็หัวเราะเสียงโมโนโทนไปเรื่อยๆ ไม่นานแก้วเหล้าใบใหม่ก็มาเสริฟ ตามติดด้วยกับแกล้มอีกสองสามอย่าง

“กินนี่แนมด้วยสิ จะช่วยสร่างเมานะ”

“ฮะๆๆๆ”ผมไม่มีสติแล้วเลยหัวเราะเอ๋อๆกลับไป

“ฮะๆๆๆ”เสียงหัวเราะของผมคงดังหลอกหลอนไม่ใช่น้อย คนที่เดินผ่านหน้าร้านไปมาจึงเริ่มหันมามอง

เจ้าของร้านไม่ได้ว่าอะไรผมแล้วก็ไม่ได้ไล่ออกมาเพราะเห็นเป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก แต่ท่าทีของเขาพลันเปลี่ยนไปเมื่อมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน คนคนนั้นเอ่ยถามเจ้าของร้านด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า”นี่เป็นฤดูร้อน ร้านเหล้าอนุญาตให้เปิดได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น เหตุใดตีหนึ่งแล้วร้านของเจ้าจึงยังเปิดอยู่”

“เอ่อ...”

ความเงียบพลันเข้าปกคลุมร้านเล็กๆแห่งนี้

“ฮะๆๆๆๆ”ยกเว้นแต่เพียงเสียงของเราะของผม

ต้องขอโทษจริงๆ อย่าหาว่าผมไม่ดูกาลเทศะเลย เหมือนมันหัวเราะจนเบรกไม่ได้แล้ว

และเพราะผมเสร่อขำออกมานั่นแหละ คนมาใหม่ก็เลยหันขวับมามองผม

“โอ้ว นั่นมันท่านเทพอัศวินนี่!”ผมลุกขึ้นยืนง่อนแง่นพลางชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างยินดี”ดีใจที่ได้พบกันอีก ฮะๆๆๆ ท่านเทพอัศวิน ฮะๆๆๆ นับตั้งแต่ตอนที่ท่านช่วยกำจัดตัวซีซีให้ข้า ข้าก็มองหาท่านมาตลอด”

“ความจริงแล้ว ท่าน สำหรับข้าแล้ว ฮะๆๆๆ”ผมเดินปรี่เข้าไปตบไหล่ลูบหลังอีกฝ่ายโดยไม่ลืมเสียงหัวเราะโง่ๆของตัวเอง

“ข้ามีเรื่องต้องบอกท่าน ฮะๆๆ”

“มีธุระอะไรกับข้า”ท่านเทพสุดหล่อของผมตอบผมด้วย โอ้แม่เจ้า

“ตอนที่ท่านฆ่าตัวซีซี ท่านทำเสื้อข้าขาดกระจุย ฮะๆๆๆ”

“เสื้อตัวนั้นราคา 399เหรียญ อย่าลืมคืนเงินข้าด้วยนะจ๊ะ ฮะๆๆๆ”

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

คนในร้านทุกคนยกเว้นผมกับท่านเทพอ้าปากเหวอ ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความช็อคซีนีม่าแก่พวกเขาเป็นล้นพ้น

...

และแล้ว เช้าวันถัดมาผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาในคุกอีกครั้ง

บอกตรงๆว่าตั้งแต่ทะลุมิติจากบ้านมาไกลในที่สุดผมก็ได้บ้านหลังที่สอง

ไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่อะไร

คุกนั่นเอง...



------------------------

การันต์ได้บ้านใหม่แล้วนะคะ 555

แต่น้องไม่ได้โดนจับข้อหาทวงเงินค่าเสื้อท่านเทพหรอกนะ น้องโดนจับข้อหหาดื่มเหล้าทั้งที่อายุไม่ถึง

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องจะต้องโดนหลอกอีกกี่ครั้งเนี่ย 55555

ออฟไลน์ AllTheWay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่4

พอสติมาปัญญาก็เกิด ผมลุกขึ้นมาจากเตียงเหล็ก นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม”ไอ้การันต์เอ๊ยยย แกไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ไงชีวิตถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อน”ผมยกมือขึ้นเคาะหัวตัวเองแรงๆ ตอนนี้ปักใจเชื่อเต็มร้อยแล้วว่าอัศวินหน้าตาหล่อเหลาปานเทพผู้นั้นเป็นเทพตัวจริงเสียใจ

แม้จะยังไม่เข้าใจก็เหอะว่าทำไมเทพถึงมาเดินในเมืองบ่อยจัง

สักพักผู้คุมก็เดินเข้ามาเปิดประตูให้ผม”จ่ายค่าปรับแล้วก็กลับบ้านได้”

ดูเหมือนผมจะทำผิดข้อหาดื่มเหล้าทั้งๆที่อายุไม่ถึง! ซึ่งความจริงแล้วผมโดนหลอก พี่พ่อค้าคนนั้นหลอกผม แต่คุณอัศวินที่รับค่าปรับไปบอกว่าถ้าอยากเรียกร้องค่าเสียหายจากพ่อค้าผมสามารถทำได้ แต่ผมต้องไปฟ้องศาล!

ฟังแล้วยุ่งยากผมจึงตัดสินใจใช้เงินแก้ปัญหาอีกครั้ง

คราวนี้ผมเป็นพลเรือนของราชอาณาจักรแห่งนี้เต็มตัวผมจึงเดินยืดอกในเมืองได้อย่างภาคภูมิ หลังจากได้รับอิสระผมก็ไปเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม คราวนี้ผมไม่ต้องใช้ปลอกหมอนใส่เงินให้มันอนาถาแล้วเพราะผมซื้อกระเป๋าเดินทางใบโตมาอย่างรอบคอบ

โชคดีของผมที่โลกนี้มีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ากระเป๋าลากดังนั้นผมจึงไม่ต้องเพาะกล้ามด้วยการแบกเงินไปไหนมาไหนอีก

“ซื้อบ้านหลังที่ตกลงกันไว้เมื่อวานครับ!”เมื่อเดินทางมาถึงสำนักงานอสังหาผมก็พุ่งเข้าไปหานายหน้าสาวคนเมื่อวานทันที เมื่อเธอเห็นผมก็ส่งยิ้มกว้าง

“ได้ค่ะ!!”การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ขณะรอให้ผมอ่านทบทวนเอกสารสัญญาเธอก็พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า”วันนี้ได้ข่าวว่าท่านเอเทมจะเข้ากองทัพ พวกเราอาจจะได้เจอเขานะคะ”

ผมต้องขอบคุณความติ่งของเธอนะ เธอบอกว่าปกติหลังเซ็นต์สัญญาเสร็จต้องรอวันถัดไปถึงจะพาเข้าไปดูบ้านแต่เธอจะพาผมไปวันนี้เลย ส่วนลูกค้าคนอื่นที่นัดไว้วันนี้เธอผลักไปพรุ่งนี้แทน

ดีครับดี

พนักงานแบบนี้จะช่วยให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง

“ไม่ทราบว่าจะเลือกผ่อนชำระกี่ปีดีคะ”เมื่อเธอถามแบบนั้นผมก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่าโลกนี้มีระบบผ่อนด้วย

“จ่ายสด”

ผมรวยอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ

“งั้นข้าขอเสนอราคาเลยนะคะ บ้านรวมที่ดินหลังรวมสนนราคาอยู่ที่ 1แสนเหรียญค่ะ”

“แสนเหรียญ!! แค่ก”ผมร้องลั่นเลยครับ บ้านโง่ๆไกลผู้ไกลคนขนาดนั้นทำไมแพงจัง ตีเป็นเงินไทยนี่4ล้านบาทเลยนะ ด้วยทำเลกับขนาดมันไม่ควรแพงเท่านั้นปะ

ผมคิดว่าโดนโก่งราคาเลยพยามต่อ ต่อจนหืดขึ้นคอสุดท้ายได้มาที่ราคา 9หมื่น5พันเหรียญ ก็ยังนับว่าแพงอยู่ดี แต่ถือว่าได้ต่อสุดความสามารถแล้วสุดท้ายผมจึงยอมเซ็นต์สัญญาและจ่ายสด โดยเงินที่ใช้จ่ายก็ไม่ใช่เงินจากไหน พวกเศษเหรียญในกระสอบนั่นไง

เนื่องจากผมเอาแบงค์ใหญ่ไปฝากธนาคารหมดแล้ว เงินสดติดตัวตอนนี้เลยมีแค่เหรียญกับแบงค์เล็กๆ

ผมปล่อยเธอนับเงินอยู่นาน เชื่อว่าในใจของสาวน้อยคนนี้กำลังก่นด่าผมอย่างหนัก

สุดท้ายเมื่อจ่ายค่าบ้านแล้วผมก็ยังมีเหรียญอยู่อีกมาก แต่ผมขี้เกียจเอาเข้าธนาคารแล้วเลยให้เธอนำทางไปที่บ้านเลย

เราสองคนขึ้นรถม้าโดยสายที่รับจ้างวิ่ง อารมณ์คล้ายๆแท็กซี่นั่นแหละ

บ้านที่ผมซื้ออยู่ไกลจากตัวเมืองจนผมตกใจ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถตลอดทาง จากตึกแถวปลูกติดๆกันก็เริ่มเว้นระยะห่างขึ้น แล้วจากตึกแถวก็กลายเป็นบ้าน ระยะห่างของรั้วบ้านแต่ละหลังเริ่มไกลกัน ไกลกัน ไกลออกไป จากเมตรเดียว เพิ่มเป็นสอง สาม ห้า สิบ ร้อย...

สภาพตอนนี้อย่าเรียกว่าเมืองหลวงเลย ชนบทจนมีนบุรีหนอกจอกอายอะ

“เอิ่ม อีกไกลไหมครับ บ้านที่ข้าซื้ออยู่ในเมืองหลวงแน่ใช่ไหม”ผมถามย้ำกับนายหน้า ตั้งแต่มาโลกนี้โดนหลอกไปไม่รู้เท่าไหร่ใจมันเลยเริ่มกลัว

“ค่ะ อยู่เมืองหลวงแน่นอนค่ะ คุณชายไม่ต้องกังวล ที่พื้นที่แถบนี้ดูเหมือนไม่มีบ้านคนเพราะแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นที่ดินของอัศวิน บ้านที่คุณชายเห็นอยู่นี่ อืม หลังเล็กๆนั่นจะเป็นของอัศวินชั้นประทวนค่ะ ส่วนหลังนั้นที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็นของนายสิบหัวหน้าหมู่”เธอชี้มือไปยังบ้านหลังต่างๆ

“สวัสดิการอัศวินที่นี่ดีเหลือเกินนะ”ผมหัวเราะเสียงแห้ง

“เปล่าค่ะ พวกเขาต้องซื้อบ้านด้วยเงินของตนเอง นอกจากผู้ที่ทำความดีความชอบจึงจะได้รับพระราชทานรางวัล ซึ่งนับว่าเป็นส่วนน้อยมากๆ ความจริงบ้านที่คุณชายซื้อก็สร้างขึ้นเพื่อปล่อยขายให้พวกอัศวินเช่นกันค่ะ”

“อ้อ...”ผมพยักหน้ารับข้อมูล 

บอกเลยว่าบ้านของพวกเขาไม่ใหญ่ก็จริง แต่สนามหญ้ารอบบ้านกว้างมาก กว้างจนเตะฟุตบอลเล่นได้เลย

ครึ่งชั่วโมงต่อมาทิวทัศน์รอบด้านก็เปลี่ยนไป คราวนี้ไม่มีบ้านที่ปลูกห่างๆกันอีกแล้ว เพราะมันไม่มีสักกะหลัง

“โอ๊ะๆ เห็นบ้านของคุณชายแล้วค่ะ”นายหน้าสาวชี้นิ้วออกไปท่ามกลางความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น ผมทั้งเพ่งทั้งหลี่ตามองถึงจะเห็นจุดเล็กๆอยู่ที่ปลายสายตา

รอจนรถม้าเข้าใกล้หน่อยผมจึงเห็นผมที่มีลักษณะเหมือนในแคตตาล็อค

“เอิ่ม มัน...เหงาไปหน่อยนะ...”ผมเปรยเสียงหวิว

แบบนี้ไม่ใช่แค่เหงาแล้ว! ในรัศมี5กิโลรอบบ้านหลังนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเลยด้วยซ้ำ!!

“ค่ะ เนื่องจากคุณชายซื้อบ้านพร้อมที่ดินนะคะ ที่ดินของคุณชายมีรัศมี5กิโลเมตรนับจากตัวบ้านค่ะ ตรงตามคอนเซ็ปบ้านชั้นเดียวที่มีสวนกว้างๆตามที่คุณชายต้องการทุกประการค่ะ!”ผมจะร้องไห้แล้ว ดูเธอทำกับผมสิ!

เธอพาผมเดินชมบ้านแต่มันไม่มีอะไรต่างจากรูปในแคตตาล็อคเท่าไหร่

บ้านที่ผมซื้อเป็นบ้านชั้นเดียว 2ห้องนอน 1ห้องน้ำ มีโซนนั่งเล่นและมีห้องครัว

ส่วนที่ผมชอบที่สุดของบ้านก็คือปล่องไฟครับ ปล่องไฟที่ให้ซานตาครอสแอบเข้ามาในบ้านเราอะ

ผมยืนชื่นชมปล่องไฟที่ก่อด้วยอิฐสีดำอยู่พักใหญ่ก่อนจะตระหนักได้ว่าบ้านของผมคุมโทนดำ ขาว เทา เหมือนกับบ้านอื่นๆในเมือง ดูในรูปมันก็สวยดี แต่พอพิจารณาประกอบกับทำเลแล้ว

“เอิ่ม...แถวนี้มีผีไหม”ผมหันไปถามพนักงานสาว แต่เธอไม่สนใจผมแล้ว รีบอธิบายโน่นนี่เป็นชุดก่อนจะโดดขึ้นรถม้าไป

“ขอให้คุณชายโชคดีกับบ้านหลังใหม่นะคะ!! ข้าขอแวะเข้าไปทำธุระที่กองทัพหลวงก่อน ลาก่อนค่ะ!!”เธอโบกมือลาผมอย่างหน้าชื่นตาบาน เมื่อไม่อาจฉุดรั้งอะไรเธอได้อีกผมก็ได้แต่หมุนตัวกลับเข้ามาในบ้านหลังใหม่

เนื่องจากผมซื้อบ้านพร้อมเครื่องเรือนเลยผมมีของจำเป็นอย่างโต๊ะ ตู้ เตียง จานชาม อ่างอาบน้ำเรียบร้อย

“ปัญหาคือข้าวเย็นสินะ...”ผมคิดว่าผมอยู่ที่นี่ได้ ในกรณีที่มีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ใกล้ๆ!!

ผมลองเดินเข้าไปในห้องครัว ดูเหมือนจะมีพวกเนื้อตากแห้งกับข้าวสารอยู่ผมจึงถอนหายใจอย่างโลกอก

“ขามามารถม้ายังใช้เวลาตั้งนาน ขืนเดินเท้ากี่วันจะถึงใจกลางเมืองล่ะเนี่ย...”รัศมี5กิโลรอบบ้านผมไร้สิ่งมีชีวิตโดยสมบูรณ์แบบ ถัดออกไปก็เป็นบ้านของอัศวินซึ่งปลูกห่างกันมาก

“ที่แบบนี้ไม่มีทางมีรถม้าประจำทางผ่านแน่ๆ”ยิ่งคิดยิ่งท้อครับ

ผมตัดสินใจเอาเสื้อผ้าซึ่งเหลืออยู่8ชุดใส่เข้าไปในตู้เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางที่มีทรัพย์สมบัติของผมเองก็ยัดใส่หีบใบใหญ่ ผมขอเรียกมันว่าหีบสมบัติเพราะว่าพอผมเอาของใส่เข้าไปด้านในมันก็ให้ผมประทับฝ่ามือ ผมมโนว่ามันน่าจะใช้ระบบคล้ายๆระบบสแกนลายนิ้วมือจึงวางใจที่จะฝากเงินไว้

“ที่นี้ก็เหลือแค่วิธีเดินทางแล้ว”

ผมเกิดและโตในกรุงเทพ ซึ่งขึ้นชื่อว่ารถติดหนึบแต่อย่างน้อยหอของผมก็อยู่ใกล้รถไฟฟ้า การเดินทางสะดวก ร้านข้าวตามสั่งร้านแผงลอยก็มีเกลื่อน

ผมเดินไปเกาะหน้าต่าง ทอดมองทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างเวิ้งว้าง

“โลกนี้มีหมาไหมนะ เข้าเมืองคราวหน้าคงต้องซื้อมาเลี้ยงเป็นเพื่อนสักตัวแล้ว”พูดกับตัวเองเสียงจ๋อยเพราะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับเข้าเมืองอย่างไร

“เอาไว้พรุ่งนี้ลองเดินไปหาบ้านของอัศวินที่ใกล้ที่สุดแล้วลองขอให้เขาช่วยแล้วกัน”ความเหงาและเปลี่ยวใจของผมมันสะท้อนออกมาผ่านการยืนพูดคนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร

ผมเดินวนรอบบ้านอีกสองสามรอบเพื่อสำรวจเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆ เมื่อวนเวียนจนเบื่อแล้วก็กลับมานั่งริมหน้าต่างตามเดิม ผมตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพราะนายหน้าบอกว่ามันอยู่ใกล้กองทัพ ซึ่งผมก็เชื่อว่ากองทัพต้องอยู่แถวนี้ไม่งั้นคงไม่มีบ้านพักอัศวินอยู่หรอก

แต่คำว่า’แถวนี้’สเกลมันกว้างกว่าที่ผมมโนเอาไว้

“เห้อ...”มาถึงมิตินี้แค่ครึ่งอาทิตย์ผมก็ถอนหายใจรวมกันเป็นร้อยครั้งแล้ว

“ท่านเอเทม ท่านช่างห่างไกลเหลือเกิน”ห่างไกลในที่นี้คือในแง่ของระยะทางล้วนๆ

ผมนั่งหงอยอยู่แบบนั้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตแต่ก่อนผมหมดเวลาไปกับการเรียนและอินเตอร์เน็ต แต่โลกนี้ไม่มีทั้งสองอย่างผมจึงได้แต่นั่งหายใจทิ้ง พอฟ้าเริ่มมืดผมก็เดินเข้าครัว ในครัวมีเนื้อตากแห้งกับข้าวสาร

ขอโม้หน่อยละกัน เห็นผมลูกคุณหนูแบบนี้แต่ผมก็หุงข้าวเป็นนะ

ในกรณีที่ใช้เตาไฟฟ้า...

ผมหยิบหม้อออกมาจากชั้นเก็บของในครัว เดินไปตักน้ำในถังเก็บน้ำข้างนอกบ้านก่อนเดินกลับเข้ามา ยืนนิ่งจดๆจ้องๆอยู่หน้าเตาฟืน โชคดีหน่อยที่ในนั้นมีฟืนอยู่ ผมอาศัยประสบการณ์เข้าค่ายลูกเสือทำให้ก่อไฟด้วยไม้ขีดได้สำเร็จ ผมยืนรอจนฟืนเริ่มไหม้เป็นถ่าน เมื่อเห็นว่าความร้อนได้ที่ก็นำหูหม้อไปเกี่ยวกับขอเกี่ยวในเตาฟืนอย่างทุลักทุเล

ปล่องไฟไม่ใช่ของที่มีไว้ให้ซานตาครอสมุดเข้าบ้านเท่านั้น มันยังเป็นทางออกของควันจากการเผาถ่านอีกด้วย

“แล้วมันต้องหุงกี่นาทีล่ะเนี่ย”ถ้าเป็นหม้อหุงข้าว มันจะตัดความร้อนอัตโนมัติ

“แล้วต้องหาอะไรมาจับดีล่ะ”ปัญหาแรกยังไม่ทันแก้เสร็จปัญหาที่สองตามมาติดๆ

หม้อที่ผมมีเป็นหม้อโลหะ หูหิ้วของมันก็เป็นโลหะซึ่งนำความร้อน ผมไม่สามารถใช้มือเปล่าหยิบมันออกมาจากกองไฟได้

ผมพยามเดินหาเศษผ้าภายในบ้านแต่ต้องพบกับความผิดหวัง

“หรือว่าจะเอาเสื้อเราใช้แทนถุงมือไปก่อน”ผมเหลือบมองไปทางตู้เสื้อผ้าซึ่งบรรจุเครื่องนุ่มห่มมูลค่าแสนครึ่งไว้ภายในก่อนสายหัว”อันนั้นก็รวยเกิ๊น”

สุดท้ายผมก็แก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ พอกะเวลาว่าข้าวในหม้อน่าจะสุกได้ที่แล้วผมก็เอาน้ำมาราดดับไฟ เดินไปตักมาอีกถังหนึ่งเพื่อรดลงบนตัวหม้อ

ครับ ผมกำลังรอให้หม้อเย็นเพื่อหยิบมันออกมาจากเตา วิธีของผมกินเวลานานจนกระเพาะแทบร้องขอชีวิต ผมหิวจนไม่รู้จะหิวยังไงในที่สุดก็ยกหม้ออกจากเตาได้

“สำเร็จ! เรานี่ฉลาดจริงๆ ฮะๆๆๆๆ”ผมหัวเราะร่าเริงขณะเดินไปหยิบทัพพีมาตักข้าวใส่ชาม

วินาทีนั้นเองผมพลันตระหนักถึงความโง่

ถึงแม้ว่าผมจะหิ้วหม้ออกมาจากเตาไม่ได้แต่ผมก็สามารถเอาทัพพีมาตักข้าวได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งรอให้หม้อเย็นสักนิด

มื้อเย็นวันนี้มีรสชาติเค็มเป็นพิเศษ เพราะมันมีเครื่องปรุงเป็นน้ำตาของผมเอง ผมร้องไห้ก่นด่าความโง่เง่าของตัวเองอย่างคับแค้นใจ เนื้อตากแห้งก็ไม่อร่อย สงสัยคงเก็บเอาไว้นานหรือไม่ช่างก่อสร้างก็คงลืมทิ้งไว้ ส่วนข้าวก็กึ่งสุกกึ่งดิบ โดยรวมเป็นมื้อที่บัดซบมากมื้อหนึ่ง

“ฮรึก...ชีวิตหนอชีวิต”

ถ้าโลกนี้มีวัดผมจะหนีไปบวช!

ขณะอาบน้ำผมคิดเช่นนั้น ตอนเข้านอนเองก็ยังคงคิดเช่นนั้น

ผมไม่ได้นอนหลับในทันทีเนื่องจากมันยังหัวค่ำอยู่บวกกับความเครียดมากมายที่ผมเผชิญ

ผมนอนมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอยอยู่บนเตียง

“นับเงินดีกว่า”เงินกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและกิจกรรมเพียงอย่างเดียวของผมไปแล้ว ผมค่อยๆคลานไปที่หีบสมบัติ ยังไม่ทันคลานไปถึงไฟในบ้านก็ดับมืด!!

โลกนี้ไม่ได้ลำบากถึงขนาดต้องจุดตะเกียงหรือเทียนไขแทนแสงสว่าง พวกเขามีเวทมนต์และสิ่งประดิษฐ์อำนวยความสะดวกที่ใช้เวทมนต์เป็นแหล่งพลังงาน อย่างเช่นหลอดไฟ มันมีลักษณะคล้ายลูกแก้ว ส่องแสงสีเหลืองนวล แม้ไม่สว่างเหมือนนีออนแต่ก็ช่วยให้มองเห็นชัดเจน

แต่ว่าตอนนี้มันดันดับ!! แถมไม่ได้ดับดวงเดียวด้วย มันดับทั้งบ้าน!!

“ฮืออ แม่ การันต์ขอโทษ ตอนสอบติดมหาลัยแม่บอกให้การันต์อยู่บ้านแต่การันต์ไม่เชื่อ การันต์เถียงแม่ว่าอยากออกไปใช้ชีวิตคนเดียว ฮือออ ไม่เอาแล้ว อยู่คนเดียว น่ากลัว ฮือออ”ถ้าเป็นโลกเดิมผมสามารถโทรตามช่างไฟหรือไปขอนอนกับเพื่อนได้

ผมคลำทางกลับมาที่เตียง ข้างเตียงของผมมีหน้าต่าง ผมเลิกผ้าม่านออกเพื่อให้แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาด้านใน

ครับ เจตนาของผมคือเปิดม่านให้เห็นพระจันทร์

แต่สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่พระจันทร์!!!

“โอ้...มาย...ก็อด...”

มันคือดวงตาสีอำพันดวงใหญ่เท่าหน้าต่างบ้าน และดวงตาคู่นั้นพลันลุกวาวขึ้นเมื่อมองเห็นผม

ผมค่อยๆทรุดแหมะกับพื้นอย่างหมดแรง นี่มันสัตว์ประหลาด ตีลังกามองก็รู้ว่ามันจ้องจะแดกผมเป็นมื้อค่ำ

“อ๊ากกก”ผมแหกปากร้องโหยหวน วิ่งออกไปทางประตูหลังบ้าน วิ่งด้วยความเร็วที่มากที่สุดในชีวิต!”อัศวิ๊นนนน อัศวินนนนน ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!”



---------------------------------------

น้องต้องงัดเอาประสบการณ์ก่อไฟทอดไข่จากค่ายลูกเสือมาใช้ทำข้าวเย็น

แล้วน้องต้องงัดเอาอะไรมาสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ดี

คำตอบ : สกิลพระเอกไงล่ะ!!

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :m20: น้องงง.....พระเอกจะออกมาช่วยมั้ยคะ ค่าตัวแพงเหลือเกิน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทั้งขำ ทั้งสงสารน้อง 55555555

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
หนีออกนอกบ้านไม่น่ากลัวกว่าเหรอลูก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4

ตอนที่4-2

สัตว์ปะหลาดที่มาเกาะหน้าต่างบ้านของผมอยู่มีขนาดใหญ่กว่าบ้านของผมเสียอีก เส้นขนของมันเป็นสีดำสนิท รูปร่างของมันคล้ายสิงโตเพศผู้แต่มันมีปีกเหมือนนกอีนทรี

ผมตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปรัวๆ แต่ระยะ5กิโลเมตรรอบบ้านของผมไม่มีมนุษย์คนอื่นอยู่เลยผมจึงได้แต่วิ่งต่อไปไม่ว่าจะเหนื่อยจนปอดจะฉีดขาจะหักผมก็ต้องวิ่ง!! เพราะผมได้ยินเสียงฝีเท้าขนาดมหึมาไล่ตามหลังมาโน่นแล้ว

“จ๊ากกกกก อัศวิ๊นนนนนนน”ผมกรีดร้องอย่างหนักใส่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น

กระทั่งผมวิ่งมาจนเกือบสุดเขตุสนามหญ้าหน้าบ้าน

ผมเห็นเงาคน!!

”ช่วยด้วยครับ!!”ผมรีบบอกพวกเขาทันที เมื่อได้ยินเสียงของผมพวกเขาก็รีบวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมยิ้มหน้าบานออกมาเมื่อพบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์5คนนี้เป็นอัศวินหนุ่มซึ่งสวมเกราะและมีอาวุธครบมือ

“เกิดอะไรขึ้นไอ้หนู เชี่ย!! นั่นมันตัวอะไรวะเนี่ย!!!!?”หนึ่งในนั้นวิ่งเข้ามาประครองผมก่อนสายตาของเขาจะมองเลยไปเห็นไอ้ตัวข้างหลังผม

ผมเห็นอัศวินหนุ่มทั้ง5หน้าถอดสีใจผมก็แป้วอีกครั้ง

อย่าบอกนะว่า...

“ปีศาจ!! มันคือมันติคอร์ 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ดผู้ใช้ศาสตร์มืด!!!”มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเสียงหลง

เมื่อสิ้นคำตอบของเขาอีก4คนก็แสดงอาการหน้าซีดขาสั่น

“ยังวิ่งไหวไหมไอ้หนู!!”

“ดูท่าไม่ไหวก็ต้องไหวแล้วล่ะครับ”ทีแรกผมคิดว่าเจ้าตัวยักษ์ที่ไล่ตามผมมาเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปในโลกแห่งนี้เหมือนพวกตัวซีซี โอเค มันอาจจะเป็นสัตว์ที่มีเวทมนต์และสามารถทำร้ายคนได้แต่อัศวินก็มีวิธีจัดการ

แล้วไอ้โปรไฟล์ 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ดผู้ใช้ศาสตร์มืด นั่นคืออาร๊ายยยย

ฟังยังไงก็ร้ายกาจสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ!!? ทำไมไอ้ตัวแบบนี้ถึงมาโผล่ในเมืองหลวงได้ล่ะโว๊ยยยยยย

ผมเปิดเกียร์หมาวิ่งรวมกลุ่มกับอัศวินอีก5คน แม้ว่าพวกเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ผมกลับสอดประสานจังหวะกับพวกเขาได้อย่างดี

“ช่วยด๊วยยยยย!!”ผมเปิด

“มันติคอร์บุกกกกกกกก”อีกคนต่อ

“ขอกำลังเสริมด่วนนนน!!!”

พวกเรา6คนผลัดกันตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะถ้าตะโกนพร้อมกันตะเบ็งเซ็งแซ่มันจะจับใจความไม่ได้และเหนื่อยเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น!?”ในที่สุดเสียงกรีดร้องขอชีวิตของพวกผมก็ส่งไปถึงคณะอัศวินอีกกลุ่มหนึ่ง คราวนี้กลุ่มใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทำให้ผมยิ้มออก แต่พอพวกเขาเห็นมันติคอร์ก็เกิดอาการหน้าถอดสีอีกครั้ง

ผมหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อผมว่าตัวเองได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มอีกกลุ่มใหญ่

“ไปตามท่านเอเทม!! ใครก็ได้ตามท่านเอเทมที!!!!”

“โว๊ยยยย จะให้ข้าไปตามยังไงล่ะก็วิ่งอยู่กับเจ้าเนี่ย!!”

ตอนนี้คณะวิ่งมาราทอนกลุ่มใหญ่ของผมเริ่มแตกคอกันแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่าคนมากก็มากเรื่อง

ขณะรู้สึกตัวว่าจะหมดแรงผมก็สวดมนต์ในใจ ผมเริ่มวิ่งมาก่อนทุกคนแถมยังไม่ได้ฝึกร่างกายมาแบบทหารอีกทำให้ผมล้มลงเป็นคนแรก

โครม

“เห้ย!! ไอ้หนู!!”

“อย่าไปสน!! ไปต่อ!!”

“นั่นเด็กนะ เราต้องไปช่วย!!”

“นั่นก็มันติคอร์เชียวนะ!!”

“เราก็อัศวิน!! อัศวินไม่ไปช่วยแล้วใครจะไป!?”

“ไปกอดคอกันตายล่ะสิไม่ว่า!!”

มีหลายเสียงตะโกนอยู่ไกลๆ ผมไม่ได้หันไปมองว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครวกกลับมาช่วยผมไหม ผมทำใจเอาไว้แล้วเก้าส่วนว่าอย่างไรก็ไม่รอดแน่ ชั่ววินาทีนั้นผมนึกถึงสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ บุญคุณที่ยังไม่ได้ทดแทน ชีวิตอันสงบสุขในอดีต ผู้คนทั้งปวงที่ผมรัก

น้ำตาของผมไหลออกมาทำให้ภาพของสัตว์ร้ายเบื้องหน้าผมพร่ามัว

ผมเห็นแค่ว่ามันยกขาหน้าของมันขึ้น

กรงเล็บแหลมคมกำลังจะตะปบใส่ร่างของผม

ทว่ากรงเล็บนั้นกลับมาไม่ถึง

ร่างของผมลอยหวือขึ้นกลางอากาศโดยแรงกระชากจากมือปริศนา

“เห้ย?”ผมร้องออกมาอย่างตกใจ

เมื่อปาดน้ำตาและมองดูดีๆก็พบว่าขาหน้าของมันติคอร์ถูกแช่แข็งด้วยเวทน้ำแข็ง เจ้าสัตว์ร้ายดูงุนงงและเริ่มหงุดหงิด มันหันมามองผมที่โดนหิ้วแขนแล้วกระโดดขึ้นกลางอากาศด้วยสีหน้างุ่นง่าน

อนึ่ง ผมไม่ได้กระโดดโลดโผดตีลังกาสามตลบด้วยตัวเองหากแต่มีวีรบุรุษผู้กล้าท่านหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วย

ผู้ช่วยชีวิตของผมไม่ใช่ใครอื่น

เทพองค์เดิม เพิ่มเติมคือเท่โฮกกก ไอ้ชิบหายอย่างหล่อ หล่อจนต้องร้องขอชีวิตได้โปรดท่านอย่าหล่อไปกว่านี้อีกเลย

เทพอัศวินของผมหลบหลีกกรงเล็บของเจ้าอสูรร้ายโดยหิ้วผมไปด้วย แต่ดูเหมือนผมจะเกะกะขวางการต่อสู้ของเขาไปหน่อยสุดท้ายร่างสูงจึงหามุมเหมาะๆเหวี่ยงผมไปหลบมุมอย่างเบามือ ครับ มือเขาอะเบาเพราะไม่ต้องหิ้วผมแล้ว “แอ่ก!!”แต่ผมที่โดนเหวี่ยงมาเนี่ยหลังแทบหัก!

เจ็บโว้ย!

แต่การไม่มีผมทำให้เขาสะดวกขึ้นผมก็ไม่ถือสาอะไร

เขาควงดาบเบาๆหนึ่งรอบเมื่อเห็นมันติคอร์พุ่งเข้าใส่ และฉากต่อสู้แสงสีเสียงเอฟเฟ็คตระกาลตาก็บังเกิดขึ้น ผมพยามกระดึ๊บตัวออกห่างจากจุดเกิดเหตุแต่น่าเสียดายที่แข้งขาของผมอ่อนเปลี้ยไปหมดแล้ว กลุ่มอัศวินที่ร่วมวิ่งมากับผมก็เปิดตูดหายไปหมด

แต่ผมไม่นึกกลัว

คนเป็นหมื่นเป็นแสนของกองทัพก็สู้ท่านเทพประจำตัวของผมไม่ได้

ครับ...ผมยกให้เขาเป็นเทพประจำวันเกิดของผมไปแล้วเรียบร้อย เห็นชอบโผล่มาตอนผมวิกฤตเหลือเกิน

การต่อสู้อันดุเดือดดำเนินต่อไป เจ้ามันติคอร์ทำท่าจะพลาดพลั้ง ทว่าก่อนมันจะโดนดาบของท่านเทพอัศวินปลิดชีพมันก็งัดไม้ตายก้นหีบออกมาใช้ นั่นก็คือ! หันหลังแล้ววิ่งหนีครับ...

ผมมองมันติคอร์ที่เผ่นแนบไม่ต่างอะไรจากลูกแมวเจอเสือตาปริบๆ


นั่นมัน 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ดผู้ใช้ศาสตร์มืด เลยนะ ไล่แป๊ปเดียวก็ไปง่ายๆอย่างนี้เลยเรอะ!?

---------------------- 100% ----------------------



ซัมม่อนพระเอกมาช่วยแล้วนะคะ มาแบบค่าตัวแพงหน่อยๆ 5555


ออฟไลน์ AllTheWay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ค่าตัวคุณพระเอกนี่แพงจริงๆค่ะ ออกมาทีละนิดทีละหน่อย 5555

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :sad4: พระเอกคุณช่วยลดค่าตัวหน่อยนะ ค่าตัวออกงานนี้แพงจัง นานๆออกมาที

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่5

“เอ่อ...”ผมกระแอมเบาๆเพื่อแสดงตัวตน กลัวว่าท่านเทพอัศวินจะมองไม่เห็นผมแล้วจะเดินจากไปดื้อๆ

“เจ้า...”เมื่อเขาเห็นผมเขาก็ทำหน้าตกใจ คงสงสัยว่าทำไมเจออินี่บ่อยจังวะ

“เจอกันอีกแล้ว แฮ่ คราวนี้ผมไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วนะ”ผมยกมือขึ้นสองข้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“อืม”เขาพยักหน้าก่อนกวาดตามองผมนิ่งๆ”ได้ยินว่าเจ้ามาจากต่างมิติ”

“ครับ แต่พอดีมีเงินที่ได้จากคนที่สลับตัวกับผม ชีวิตความเป็นอยู่ก็เลยไม่เดือดร้อนอะไร พอจะมีเงินซื้อบ้านอยู่ตรงโน้น”ผมชี้นิ้วย้อนกลับไปทางที่วิ่งมา มันคือทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ท่านเทพอัศวินหรี่ตามองราวกับพยามหาว่าบ้านของผมอยู่ตรงไหน

“รออยู่ตรงนี้ ข้าจะให้คนพาเจ้าไปส่ง”

“เอ๊ย เดี๋ยว แล้วถ้ามันย้อนกลับมาล่ะ!!”ผมรีบคลานเข้าไปหาอีกฝ่าย เกาะชายกางเกงของเขาไว้แน่ ปรากฏว่าโดนเตะออกเบาๆอย่างไร้เยื่อใย

“ข้ากำลังจะตามไปกำจัดมัน”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย็นชา เขาเขี่ยผมออกก่อนจะสะบัดผ้าคลุมสีดำหมุนตัวไปทางอื่น

มาดอย่างกับนายแบบบนรันเวย์

ผมมองตามอีกฝ่ายจนลับสายตา นั่งรออยู่ตรงนั้นสักพักอัศวินกลุ่มที่ร่วมวิ่งกับผมเมื่อครู่ก็วิ่งย้อนกลับมา

“พวกเราขอโทษ”หนึ่งในนั้นกล่าวก่อนเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวพวกเราไปส่งนะ”

“ขอบคุณครับ”ผมพยักหน้าขอบคุณทั้งๆที่ใจยังกลัวอยู่

พวกเราใช้เวลาเดินกลับค่อนข้างนานเพราะแต่ละคนก็หมดแรงข้าวต้มแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นบ้านของผมก็ต้องร้องอ๋อ”ที่แท้เจ้าก็ซื้อบ้านหลังนี้นี่เอง บ้านของข้าอยู่ชิดรั้วของเจ้าทางทิศตะวันตก”เขาชี้นิ้วไปให้ผมดูว่าบ้านเขาอยู่ตรงนั้น

“พรุ่งนี้เช้าเจ้าไปที่บ้านข้าสิ ข้าจะให้เมียทำข้าวเช้าเลี้ยง ถือเป็นการไถ่โทษที่ทิ้งเจ้าไว้”เขากล่าว

สิ้นคำของเขาแต่ละคนก็เสนอนู่นนี่มาให้ผมกันใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากได้

ผมน่ะก็แค่ต้องการแสงสว่าง!!

“เอาเป็นว่า...ทุกคนช่วยดูไฟให้ข้าหน่อยสิ ไม่รู้ทำไมมันถึงดับทั้งหลังเลย”

แล้วผมก็ได้ช่างไฟฟรีมาด้วยประการฉะนี้ พวกเขาช่วยกันตรวจสอบให้ผมอย่างละเอียด พลังเวทสำรองยังมีอยู่เต็มถังเก็บ หลอดไฟก็เป็นของใหม่ไม่น่าพัง สุดท้ายทุกคนก็ดูตามหลอดไฟก่อนพบจุดขาด มันคือด้านนอกบ้านข้างหน้าต่างห้องนอนของผมเอง

“รอยขูดใหญ่แบบนี้น่าจะเป็นเล็บของมันติคอร์นะ”เขาชี้รอยบนผนังบ้านให้ผมดู

“อ้อ”

“ถ้าแค่นี้ล่ะก็พวกข้าใช้เวทที่พวกข้ามีช่วยซ่อมให้ได้”เขากล่าวเสริมก่อนหันไปตามพรรคพวก

“มันจะกลับมาอีกไหม”ผมหมายถึงมันติคอร์

“ไม่กลับมาหรอก ความจริงมันไม่ควรมาโผล่ที่นี่ด้วยซ้ำ 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ด หายสาปสูญจากโลกใบนี้มา3-4ปีนับตั้งแต่ข่าวคราวของดาร์กลอร์ดหายไป ที่สำคัญพวกมันเป็นปีศาจที่อาศัยอยู่ตามหุบเขาลึก ไม่ใช่กลางเมืองแบบนี้”

“อ้อ”ผมเก็บข้อมูลเงียบๆ ได้ยินว่าจะตัวร้ายกาจนั่นจะไม่กลับมาก็โล่งอก

พวกเขาร่วมแรงกันซ่อมสายไฟให้ผมใช้เวลาไม่นาน ผมกล่าวขอบคุณพวกเขาก่อนแยกย้ายกันไป

แม้ผมจะกลับมาอยู่ลำพังอีกครั้งแต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย

นับว่าผมทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านสำเร็จแล้ว แม้จะเป็นเพื่อนบ้านที่ทิ้งผมไว้กับมันติคอร์ก็เหอะ แต่การรอดชีวิตจากปีศาจชั่วร้ายเบอร์เป้งมาได้ก็ทำให้ผมเชื่อมั่น ต่อให้มีโจรกระจอกมาปล้นบ้านผมผมก็ไม่กลัว ผมผ่านจุดนั้นไปแล้ว ฮะๆๆ

...

เช้าวันต่อมา ไม่สิ ต้องเรียกว่าเที่ยง เนื่องจากผมติดนิสัยตื่นสายเหมือนสมัยยังเรียนมหาลัยอยู่ทำให้เหล่าเพื่อนบ้านที่สัญญาว่าจะพาผมไปกินข้าวต้องมารับผมเก้อ เมื่อผมเปิดประตูออกไปรับลมผมก็ต้องตกในเพราะหน้าประตูบ้านของผมนั้นมีของกินสารพัดบรรจุในตะกร้าวางอยู่

 ผมย่อตัวลงเปิดดูข้างใน พบว่าในตะกร้าใบแรกคือเนื้อตากแห้งแต่สีของมันดูสดใหม่กว่าของที่มีอยู่ในบ้านผมนัก มีกระดาษแนบมาด้วยว่า’เจ้าเด็กขี้เซา ข้าต้องไปทำงานแล้ว!! หัดตื่นให้มันเช้ากว่านี้หน่อย!!”

“เหอๆ...”ผมหัวเราะเสียงเนือยก่อนหันไปเปิดตะกร้าอันต่อไป

ข้างในคือผลไม้สด ผลไม้ดอง ผลไม้แปรรูปเวอร์ชั่นต่างๆ ผมตาลุกวาวทันทีเพราะเมื่อวานผมอึ๊ไม่ออก

“ดีเลย อันนี้กินกับมื้อเช้านี่แหละ”ผมพูดกับตัวเองพลางพลิกกระดาษดู เนื้อหาข้างในมีแต่การโม้ว่าผลไม้พวกนี้เขาปลูกเองกับมือ

ตะกร้าถัดไปคือนมกับขนมปัง เยี่ยม! ผมได้มื้อเช้าแล้ว

โชคดีที่พวกเขาเหมือนคุยกันมาก่อนว่าใครจะให้อะไร ของในตะกร้าทั้งหลายเลยไม่ซ้ำกันเลย แถมยังไม่ได้มีแต่ของสดด้วยรู้ว่าผมกินหมดไม่ทันแน่

ผมหอบของฝากของกินทั้งหลายเข้าบ้านเต็มไม้เต็มมือแต่มันเยอะมากจริงๆผมจึงต้องเดินถึง3รอบ

“ฮื้มม นมอะไรเนี่ย อร่อยยย”มื้อเช้าควบกลางวันของผมคือนมสดกับขนมปังตามที่วางแผนไว้เมื่อครู่

ผมโยนเนื้อตากแห้งเน่านั่นลงถังขยะทันทีที่ได้ของกินหน้าตาน่าอร่อยจำนวนมาก และแล้วมื้ออาหารของผมก็จบลงด้วยดี ผมเอาจานไปล้าง ซักเสื้อผ้าชุดเมื่อวานที่เปื้อนเพราะวิ่งหนีมันติคอร์ล้มลุกคลุกคลาน เมื่อจัดการงานบ้านเสร็จเรียบร้อยผมก็ออกมายืนอยู่หน้าบ้าน

“อืม...มันก็ไกลจริงๆนั่นแหละ แถมยังร้อนอีกต่างหาก”ผมมองทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาตรงหน้าแล้วก็ท้อใจ

“เอาไว้รอให้แดดร่มกว่านี้ค่อยเดินออกไปละกัน”ยังไงผมก็ต้องเดินไปหาบ้านหลังที่ใกล้ที่สุดเพื่อขอให้พวกเขาพาผมไปส่งในเมือง แต่มันยังไม่ใช่เวลานี้

ขืนเดินตากแดดท่อมๆออกไป ผิวผมได้เสียหมด!

ผมส่ายหน้าไปมาพลางหมุนตัวกลับเข้าบ้าน พลันหางตาของผมสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง

“รถม้า?”ผมจำดีไซน์ของรถม้าแบบนี้ได้ มันคือรถม้าแท็กซี่แบบเดียวกับที่ผมนั่งมาเมื่อวานนี้

ดวงตาของผมเป็นประกายทันที ผมรีบวิ่งถลาออกไปแต่วิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าวสองขาก็ต้องหยุดนิ่งเพราะเจ้ารถม้านั่นกำลังวิ่งเข้ามาใกล้บ้านผมมากขึ้นเรื่อยๆ

“ใครมา?”เนื่องจากผมไม่มีคนสนิทในโลกนี้สักกะคนผมเลยเดาไม่ออกจริงๆ

ผมยืนรอเฉยๆจนเจ้ารถม้าคันดังกล่าวมาจอดเทียบหน้าบ้านของผม ประตูส่วนของที่นั่งผู้โดยสารเปิดออก คนที่ก้าวลงมาทำให้ผมต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

เขาคือคนน่ารักพนักงานร้านเสื้อแบรนด์หรูที่นิสัยดีคนนั้นนั่นเอง

ว่าแต่เขามาหาผมทำไมล่ะ...

“สวัสดีคับคุณชาย”คนตัวเล็กเดินเข้ามาหาผมก่อนก้มหัวให้อย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน

วินาทีนั้นผมไม่คิดตั้งคำถามแล้วว่าเขามาหาผมทำไม สมองของผมกำลังประมวลผลเรื่องอื่นอย่างหนัก อาทิเช่นผมจะดักฉุดเจ้าตัวอย่างไรดี

แต่ความคิดชั่วร้ายของผมก็ถูกตีสกัดหมดเมื่อเสียงหวานไพเราะนั่นเอ่ยกับผมว่า”ข้ามาส่งเสื้อให้คุณชายครับ”

“เสื้อ?”ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

คนน่ารักยกห่อกระดาษขึ้นสูงอีกหน่อยเพื่อเห็นผมเห็น”มีคนสั่งซื้อเสื้อให้คุณชายขอรับ”

“หะ...”ผมงง คนน่ารักเองก็งงเหมือนกันว่าผมงงอะไร

เขาเอียงคอมองผมตาใส มองอย่างไรก็เหมือนกระต่ายขนปุย ผมเกิดอาการอยากกัดแก้มยุ้ยๆของเขาแต่ก็ต้องระงับอารมณ์ของตอนเองเอาไว้

“อะแฮ่ม”ขอกระแอมเรียกสติสักหน่อย ผมยื่นมือไปรับถุงกระดาษมาเปิดดูของข้างในพลางถาม”ใครสั่งให้ส่งมาล่ะ? ไม่ได้ส่งผิดใช่ไหม”

“ครับ เขาระบุว่าให้มาส่งให้เจ้าของบ้านกลางทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาเยื้องกองทัพหลวงครับ”

“แค่ก...”ผมสำลักน้ำลายเพราะคำว่าสุดลูกหูลูกตานั่นฟังแล้วบาดใจเลือดไหลซิบๆ

“น่าแปลกนะ ผู้ส่งคือใครล่ะ”ผมเดาเอาเองว่าอาจจะเป็นเพื่อนบ้านของผมที่วิ่งหนีตายด้วยกันเมื่อคืน แต่ก็ตงิดใจเพราะใบเสร็จที่แนบมาทำให้ผมรู้ว่าราคาของเสื้อตัวนี้มันแพงหูดับ

แพงยิ่งกว่าเสื้อของผมที่โดนฟันขาดยับตัวนั้นอีก

“ท่านเอเทมครับ คนที่ซื้อเสื้อตัวนี้ให้คุณชายคือท่านเอเทม”

เอเทม

“เอเทมคนนั้นน่ะเหรอ!!!!!!!!!!!”ผมตะโกนถามจนคอหอยแทบหลุด

คนน่ารักพยักหน้าหงึกหงัก”ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่ท่านเอเทมผู้นั้นหรือไม่เพราะเขาแค่ติดต่อเราผ่านลูกแก้วสื่อสารเท่านั้น แต่ผมคิดว่าชื่อเอเทมเป็นชื่อที่แปลก ทั้งเมืองน่าจะมีแค่เขาคนนั้นที่ใช้ชื่อนี้”

“แล้วท่านเอเทมผู้นั้นซื้อเสื้อให้ข้าทำไมล่ะ!?”ผมยังไม่หายตกใจ

“เอ่อ เรื่องนั้น...”คนน่ารักทำหน้าปุเลี่ยน เขาคงกำลังย้อนผมในใจว่าขนาดเมิงยังไม่รู้แล้วกรูจะไปรู้ไหม

“หรือว่าตาเฒ่านั่นช่วยติดต่อท่านเอเทมให้เรา...”ผมพึมพำ ความจริงผมยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมผมถึงวาร์ปมาโผล่ในเมืองที่มีอัศวินอันดับหนึ่งอาศัยอยู่ได้อย่างพอเหมาะขนาดนั้น หรือว่าตาลุงนั่นแอบช่วยเหลือผมอยู่

เขาอาจจะติดต่อท่านเอเทมและเล่าเรื่องของผมให้ฟัง

แต่เท่าที่ได้ยินอัศวินอันดับหนึ่งคนนี้เย็นชาไร้ใจไม่ใช่หรือ เขาจะยื่นไมตรีมาช่วยเหลือคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผมทำไม หรือว่าตาเฒ่านั่นเคยสร้างบุญคุณอะไรกับท่านเอเทมไว้

ผมยืนขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่ค่อนนาที คนตัวเล็กกว่าเห็นผมทำหน้าเครียดจัดจึงไม่กล้าขัด เขายืนยิ้มเจื่อนรอผมเงียบๆกระทั่งผมตัดสินใจดีดท่านเอเทมออกจากสมอไปก่อน

ก่อนจะริอาจเล่นของสูง เบื้องตนผมต้องเอาชีวิตประจำวันของตัวเองให้รอดก่อน

“เจ้าชื่ออะไร”ผมถามเจ้าของเรือนผมสีฟ้ายาวสลวยซึ่งยืนหน้าแป้นแล้นอยู่เบื้องหน้าผม

คนน่ารักชะงักไปเล็กน้อยด้วยไม่คาดคิดว่าผมจะถามชื่อ

“ลันเทียครับคุณชาย”

“บังเอิญจัง ข้าชื่อการันต์ ชื่อของพวกเรามีคำว่ารันเหมือนกันเลย”ผมตีเนียนอย่างสนิทสนม

“ครับ...”คนตัวเล็กตอบสนองมาน้อยมากเนื่องจากยังไม่เข้าใจสถานการณ์

ผมเห็นเขาเป็นเด็กซื่อๆจึงลอบกระตุกยิ้มร้ายกาจ

“เจ้าทำงานที่ร้านขายเสื้อแบบนั้นเงินพอใช้ไหม งานหนักหรือเปล่า”ถ้าอยู่ที่กรุงเทพนี่จะเป็นประโยคฮิตของวงการเสี่ยเลี้ยงต้อยเลยครับ ผมแอบกระดากใจตอนพูดเหมือนกันแต่เพื่อความอยู่รอดผมยอมโดนเรียกว่าเสี่ย!!

“กะ ก็พออยู่พอใช้ครับ...”

“เขาให้เจ้าเดือนละเท่าไหร่ล่ะ”ผมบี้ถามตรงจุด

ลันเทียอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเขาเห็นว่าผมจ้องเขม็งสุดท้ายจึงไม่กล้าบ่ายเบี่ยง

“เดือนละ300เหรียญครับ”

“นั่นมันน้อยไปนะ! เจ้ามีบ้านอยู่ในเมืองหลวงหรือต้องเช่าห้องอยู่ล่ะ”

“ชะ...เช่าครับ”

“เดือนละเท่าไหร่!”

“80เหรียญครับ”

“นั่นมากกว่า1ใน4ของเงินเดือนอีกนะ เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่างานที่ทำอยู่น่ะไม่คุ้มเอาเสียเลย!”ผมตบเข่าฉาดเมื่อปัจจัยทุกอย่างมันเข้าข้างผมไปหมด

“อะ เอ่อ...”

“ข้าบอกเจ้าตรงๆเลยละกัน ข้าความจำเสื่อม นอกจากชื่อแล้วข้าก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย บ้านที่เจ้าเห็นหลังนี้ข้าก็โดนหลอกขายมาในราคาแพง! จนถึงตอนนี้ข้ามาได้แต่ไม่รู้วิธีกลับออกไป หากเจ้าไม่มาวันนี้เกรงว่าข้าต้องเดินเท้าเพื่อเข้าเมืองแล้ว!”

“ท่านการันต์”ดวงตาสีครามคู่สวยฉายประกายเห็นใจผม

คนบ้าอะไรหน้าตาน่ารักแล้วยังจิตใจอ่อนโยนขนาดนี้!

ผมจะเอาคนนี้!

“ข้าให้เจ้าเดือนละ 500เหรียญ กินฟรีอยู่ฟรี บ้านหลังนี้มีห้องว่างอีกห้องหนึ่ง ได้โปรดมาอยู่กับข้าเถอะ!!”ผมงัดไม้ตายก้นหีบออกมา ไม่คิดเลยว่าไม้ตายใหญ่ท่านี้จะถูกนำมาใช้เร็วนัก

คุกเข่าขอร้อง!

เมื่อเห็นผมคุกเข่าขอร้องร่างเล็กก็กระโดดถอยหลังไปสามก้าวอย่างตกใจ

“ช่วยข้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้าที!”มาตรการซื้อเพื่อนของผมครั้งนี้ทุ่มสุดตัวแล้วจริงๆ

“อะ เอ่อ...”

“ได้โปรด! ข้าไม่รู้แม้กระทั่งวิธีหุงข้าว!!”

“คุณชายการันต์ครับ คือ...”ลันเทียอ้ำอึ้งอยู่ค่อนวัน

พวกเราประสานสายตากันอยู่หลายอึดใจ และแล้วคนที่พ่ายแพ้ก็คือคนที่ใจดีกว่า”เห้อ ก็ได้ครับ”

“ไชโย!!!”

“แต่ข้าคงทำงานให้ท่านได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น เพราะความจริงที่ข้าเข้ามาในเมืองหลวงก็เพื่อสอบเข้าเป็นอัศวินครับ”ลันเทียชี้แจงให้ผมฟัง

“สอบอัศวิน?”คราวนี้เป็นตาผมที่จะเอียงคอมองตาใสบ้าง

ข้ออ้างว่าความจำเสื่อมของผมทำให้ผมมีสิทธิพิเศษ ถามในสิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปรู้ดีอยู่แล้ว เท่าไหร่ก็ได้

ลันเทียร้องอ้อเบาๆก่อนช่วยขยายความเพิ่มเติม”ทุกปีกองทัพจะมีการเปิดสอบเพื่อคัดคนเข้าบรรจุครับ ขอแค่มีอายุไม่เกิน30ปีและเป็นพลเรือนของราชอาณาจักรเราก็สมัครได้หมด”

“อ๋ออออ แล้วไอ้การสอบที่ว่าก็เริ่มเดือนหน้างั้นหรือ”

“ครับ”

“อืม...”ผมพยักหน้าหงึกหงัก แม้ใจจะนึกเสียดายที่ลันเทียสามารถอยู่กับผมได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

“หากเจ้าสอบติดก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านข้าได้นะ”ผมยื่นไมตรีแก่อีกฝ่าย ถึงอย่างไรย่านกองทัพมันก็ไกลปืนเที่ยงมากจริงๆ อัศวินที่มีครอบครัวอาจจะแยกออกมาซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่พวกเด็กใหม่ที่เงินเดือนไม่สูงเกรงว่าจะต้องนอนหอรวมภายในค่าย

หอรวมอะครับหอรวม!

แค่มโนว่าลันเทียผู้น่ารักของผมต้องไปนอนรวมกับชายฉกรรจ์หลายคนน้ำตาผมก็จะไหลแล้ว!



------------------------------

#พิชิตใจท่านเอเทม

เพื่อนไม่มีก็ใช้เงินซื้อ!

ผู้ชายเป็นแม่ทัพก็ตามเข้ากองทัพ!

เรื่องง่ายๆสไตล์การันต์ 555

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
การันต์~~~~~  ทำไมเซี้ยว และก้อเซ่อซ่าขนาดนี้ 555555555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หลังจาดที่โดนคนอื่นล่อลวงมาหลายตอน ถึงคราวการันต์ล่อลวงคนอื่นบ้างแล้ว 555555555

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ตอนที่6

ลันเทียมาอาศัยอยู่ที่บ้านของผมได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เขาแนะนำให้ซื้อรถม้า ตอนนี้สวนหน้าบ้านจึงมีม้าวิ่งเล่นอยู่2ตัว เขาสอนผมใช้อุปกรณ์เวทมนต์อย่างลูกแก้วสื่อสาร เครื่องกรองน้ำฝน จักรเย็บผ้าพลังเวท

ผมเพิ่งค้นพบว่าผมใช้เวทมนต์ได้

ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมในร่างกายของผมคือพลังเวท

“ลันเทีย เจ้าจะไปไหนหรือ”เช้าวันนี้ผมตื่นมาด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย

ผมเบื่อการใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่ไม่มีทีวี อินเตอร์เน็ต กิจกรรมเพื่อความบันเทิงใดๆเลยนี้เต็มแก่ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กสวมชุดทางการราวกับกำลังจะเข้าไปทำธุระในเมืองผมจึงเอ่ยถามด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ข้าจะไปทำธุระที่กองทัพครับ”เนื่องจากเขามีฐานะเป็นลูกจ้างของผมเขาจึงยังพูดกับผมอย่างสุภาพแม้ว่าผมจะบอกให้เขาพูดด้วยภาษากันเองกว่านี้ไปหลายรอบแล้วก็ตาม

ใจดวงน้อยของผมแห้งเหี่ยวเมื่อทราบว่าอดไปเที่ยวเล่นในเมือง

“เบื่ออะ”

“สมควรแล้ว ก็วันๆท่านเอาแต่นั่งถอนหายใจอยู่ที่ริมหน้าต่างนี่”ลันเทียเท้าสะเอว เขากำลังสวมบทคุณแม่สั่งสอนผมแต่ผมกลับมองว่ามันน่ารักมากกว่าน่ากลัว

“ข้าไม่มีอะไรทำนี่ เจ้าจะไปที่กองทัพทำไมหรือ”

“วันนี้เป็นวันเปิดรับสมัครวันแรกน่ะ ข้าจะไปลงชื่อที่กองทัพแทนจุดลงทะเบียนอื่นเพราะจะได้ลำดับสอบแรกๆ”

“มุ่งมั่นน่าดูเลยนะ”

“ไม่ใช่อะไรหรอก แต่ละปีมีคนสมัครสอบเป็นแสนคน ข้าขี้เกียจรอตอนสอบนานน่ะ สอบเสร็จเร็วก็โล่งอกเร็ว”

“อันนี้ข้าเข้าใจ”ผมเองก็ผ่านการสอบมิดเทอมของมหาลัยมาแล้ว พบว่าช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดคือตอนอ่านหนังสือสอบไม่ใช่ตอนสอบ

“ท่านจะไปด้วยไหมล่ะ ถือโอกาสลองสมัครดูด้วยเลย”ลันเทียเอ่ยชวนผมขณะที่เจ้าตัวเริ่มลงมือตักซุปซึ่งเป็นอาหารเช้าของพวกเรา

“บ้าเหรอ! ข้าใช้เวทมนต์เป็นแค่เวทง่ายๆในชีวิตประจำวัน ส่วนเรื่องจับดาบถือทวนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่มีปัญญา!!”ผมกลัวตายผมจึงปฏิเสธพัลวัน คิดว่าเป็นอัศวินต้องเข้าสนามรบเป็นว่าเล่น

“การทดสอบรอบแรกเขาจะคัดแยกตามพลังเวทในร่างเท่านั้น แค่เอามือแตะลูกแก้วพิเศษ มันจะปรากฏตัวเลขออกมาว่าพลังเวทในตัวของท่านมีค่าเท่าไหร่ นับเป็นการทดสอบพลังอย่างหนึ่ง หากไม่อยากเป็นจริงๆไว้ค่อยสละสิทธิ์หลังจากผ่านรอบนี้ก็ได้ครับ”

“เจ้าดูเหมือนมั่นใจว่าข้าจะผ่าน”

“แม้ข้าไม่สามารถระบุพลังของท่านเป็นตัวเลขเหมือนลูกแก้วพิเศษได้ แต่ข้าสัมผัสได้ว่าพลังแฝงของท่านไม่เบาเลยทีเดียว”

“ขนาดนั้นเลยหรือ”

“อื้ม เผลอๆพลังเวทของท่านจะมากกว่าข้าเสียอีก”ลันเทียยิ้มกว้างตาเป็นประกาย จากการอยู่ร่วมชายคากันมาหลายวันทำให้ผมรู้ว่าคนน่ารักคนนี้ชอบอัศวินมาก ขอแค่เป็นเรื่องของอัศวินเขาจะพูดคุยอย่างออกรส

ผมเองก็สนใจเรื่องของอัศวินเช่นกัน

“ท่านเอเทม...ถ้าสอบผ่านจะได้เจอเขาไหม”ผมมาอยู่ใกล้กองทัพขนาดนี้แต่ไม่เคยเจออัศวินอันดับหนึ่งแม้แต่เงา

นั่นก็เพราะผมไม่เคยโผล่หัวออกจากบ้านเลยนั่นเอง...

“อืมมม เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดิน ข้าเองก็ไม่แน่ใจ...”ลันเทียครุ่นคิดอย่างหนัก

“เห้อ เอาเถอะ งั้นข้าไปลงทะเบียนด้วยก็ได้ คิดซะว่าไปเดินเที่ยว”

และแล้วก้าวแรกสู่วิถีแห่งอัศวินของผมก็เริ่มต้นด้วยประการฉะนี้ วันนี้ผมกับลันเทียเดินทางไปยังกองทัพ แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปข้างใน ข้างหน้าประตูหลักมีกระโจมสำหรับผู้มาลงทะเบียนอยู่ พอเห็นจำนวนคนที่มาลงทะเบียนแล้วผมก็ต้องตกใจ

เยอะมากครับ ขนาดกองทัพเดินทางมาลำบากขนาดนี้แต่คนหนุ่มหลายพันคนก็ดั้นด้นมาเพียงเพื่ออยากได้หมายเลขสอบลำดับต้นๆ

...

หลังจากนั้นมาผมก็ได้ลันเทียช่วยสอนวิชาดาบ ส่วนเวทมนนั้นผมเรียนรู้แค่เวทจิปาถะสำหรับดำรงชีวิตประจำวันก่อนเพราะมันจำเป็นต้องใช้มากกว่า

น่าเสียดายที่ลันเทียเองก็ไม่ถนัดวิชาดาบหรือการต่อสู้ระยะประชิดเช่นกัน เขาบอกว่าอาวุธที่เขาชอบคือธนู ส่วนธาตุที่เป็นพื้นฐานของเวทมนเขาถนัดธาตุน้ำ

และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงวันสอบ

“พร้อมหรือยังครับ”เสียงหวานเอ่ยถามผมอย่างตื่นเต้น

ผมกับลันเทียโชคดีเพราะมีบ้านอยู่ใกล้กองทัพอยู่แล้ว ส่วนผู้เข้าสอบคนอื่นๆนั้นต้องเช่าบ้านอยู่ในเมืองหลวงและออกเดินทางตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน

“สบ๊าย”ผมปากกล้าขาสั่น ปากบอกว่าไหวแต่ใจไม่สู้

คิดว่ามีเด็กกรุงเทพกี่คนที่มีประสบการณ์เคยจับดาบตีรันฟันแทงบ้าง!

ผมกับลันเทียซื้อดาบใหม่คุณภาพคับแก้วมากันคนละด้าม ชุดเองก็เลือกที่ทนพลังเวทสูงเพราะไม่รู้ว่าจะเจอการทดสอบพิสดารอะไรหรือไม่

อุปกรณ์พร้อม!!

ฝีมือ...ไม่พร้อม!!

“ลุย!!”ผมเดินนำออกมาที่สวน ผิวปากเรียกม้าทั้งสองตัวก่อนยืนรอลันเทียจูงพวกมันทั้งสองมาผูกกับรถลาก

ม้าทั้งสองตัวผูกพันธะสัญญาไว้กับผมเรียบร้อย ผมเพียงแค่ผมปากมันก็จะวิ่งมาหา ดังนั้นเมื่อเราสองคนเห็นว่าการจราจรบนถนนไปสู่กองทัพหลวงติดขัดและเนืองแน่นไปด้วยรถม้าของผู้เข้าสอบคนอื่นๆผมจึงตัดสินใจลงเดิน

“แดดอย่างร้อน”เพียงเดินแค่แค่ไม่กี่ก้าวผมก็โอดครวญ

ลันเทียเงยหน้ามองพระอาทิตย์ ตอนนี้เพิ่งเวลาแค่เจ็ดโมงกว่า แดดจึงไม่สามารถนับว่าร้อนได้ แต่เจ้าตัวคงไม่อยากขัดผมจึงได้แต่เดินนำแบบงงๆ

พวกเราใช้เวลาเดินประมาณ20นาทีก็เข้าใกล้กระโจมสำหรับรายงานตัว ผมคิดว่าการตัดสินใจทิ้งรถและเดินเป็นทางเลือกที่ถูกต้องเพราะตลอดทางผมแซงรถม้ามาไม่รู้กี่คัน

“เจ้าได้หมายเลข1217 ส่วนเจ้าหมายเลข1218”อัศวินที่ประจำการอยู่ที่โต๊ะรายงานตัวยื่นเข็มกลัดซึ่งมีหมายเลขลำดับการสอบให้พวกเรา

ผมก้มมองหมายเลข1218บนอกเสื้อของตัวเองอย่างประหม่า

ผมมาสอบครั้งนี้เพราะอยากหาโอกาสเข้าใกล้ท่านเอเทมเท่านั้น แต่เมื่อมองไปรอบตัวผมก็อดกดดันไม่ได้ ทุกคนเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำ ส่วนใหญ่ผิวคล้ำแดดเนื่องจากทำงานนอกบ้าน ไอ้ประเภทหน้าใสตัวบางแบบผมกับลันเทียนี่แทบไม่มี

“ขนาดเรามาสมัครถึงหน้ากองทัพยังได้ลำดับตั้งพันกว่า เจ้าดูคนนั้นสิ สามหมื่นสอง ชาติไหนจะถึงตาเขา”ผมกับลันเทียเดินเข้ามาภายในรั้วของกองทัพหลวง พวกเราต้องเดินทางลูกศรซึ่งบีบเป็นทางเดียวจึงไม่หลง

ระหว่างทางผมเริ่มเปิดประเด็นซุบซิบ

“อะ ฮะๆๆ”น่าเสียดายที่ลันเทียไม่ใช่คนขี้นินทาเจ้าตัวจึงตอบสนองเพียงเล็กน้อย

ผมเดินเซ็งๆตามคนตัวเล็กไปเรื่อยกระทั่งพวกเรามาโผล่ที่โซนหนึ่ง

“โครอสเซียม!?”ผมอุทานเมื่อเห็นเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ตรงหน้า”เราต้องประลองฝีมือด้วยเหรอ”

ผมอุตส่าห์นิ่งนอนใจเพราะคิดว่าวันนี้แค่ทดสอบระดับพลังเวทเบื้องต้นเท่านั้น

“อืม...โครอสเซียมน่าจะจุคนได้มาก พวกเขาเลยเลือกเป็นสถานที่สอบเฉยๆ ตลอดพันปีที่ผ่านมาการสอบเบื้องต้นก็แค่วัดตัวเลขพลังแฝงในร่างเพื่อคัดคนออกเท่านั้น”ลันเทียอธิบายขณะเดินพาผมเข้ามาในโครอสเซียม

ลำดับการนั่งจะจัดเรียงตามเลขประจำตัวซึ่งผมกับลันเทียได้นั่งติดกันแถวหน้าสุด

“ท่านดูนั่นสิ ลูกแก้วขนาดใหญ่นั่นแหละคือเครื่องมือสอบรอบแรก”นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังใจกลางโครอสเซียม มันคือลูกแห้วขนาด10คนโอบ

“หลักการทำงานของมันคือยังไงนะ”ผมถาม

“ท่านแค่เอามือแตะมันไว้ รอสักพัก ที่ใจกลางของลูกแก้วจะปรากฏตัวเลขอันเป็นค่าพลังเวทของท่าน”

“แล้วต้องมีค่าเท่าไหร่จึงจะผ่านหรือ”

“100ครับ”

“เห...”เนื่องจากผมไม่รู้ว่าไอ้หนึ่งร้อยที่ว่านี่มันเยอะหรือน้อยฉะนั้นผมเลยตอบสนองแบบอึนๆ

ลันเทียเห็นรีแอคชั่นของผมจึงอธิบายต่อว่า”ค่าเฉลี่ยพลังเวทของพลเรือนทั่วไปอยู่ที่ 1แต้ม”

“น้อยจัง”ผมตกใจตาโต

“อืม นั่นก็แปลว่าอัศวิน 1นาย ต้องมีศักยภาพในการรับมือกับพลเรือน 100คนได้”

“โห...”หนึ่งต่อร้อยอะครับ นี่มันเหนือความคาดหมายของผมไปมากจริงๆ

“ปีที่แล้วมีคนสมัครสอบแสนกว่าคน แต่คนที่ผ่านการประเมิณด่านนี้มีไม่ถึงหมื่น”

“โห...”ผมร้องโหๆซ้ำไปซ้ำมา

ท่านเอเทมที่รัก หนทางที่จะไปสู่ขอท่านช่างเต็มไปด้วยขวากหนาม

“แล้วเจ้า...ได้กี่แต้ม”ผมถาม

“ไม่รู้สิ ข้าเองก็เคยมาสอบครั้งนี้ครั้งแรก”

“วัดเอาเองที่บ้านไม่ได้หรือ”

“บ้านใครจะมีลูกแก้วมหึมาแบบนั้นล่ะท่าน แต่อย่างไรก็ดีพลังเวทเป็นสิ่งที่เพิ่มพูนกันได้เล็กน้อย ดังนั้นคนที่วัดเมื่อปีก่อนแล้วได้ 80-90แต้มจึงมีความหวังและกลับมาสอบซ้ำ แต่พวกที่ได้น้อยกว่านั้นก็เลิกหวังได้เลย”

“อ้อ...”ผมพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง

คราวนี้หันไปมองเจ้าลูกแก้วนั่นอย่างตื่นเต้น ผมเห็นว่ามีอัศวินบางคนที่รับหน้าที่คุมสอบเดินเข้าไปแตะๆลูกแก้ว ผลปรากฏว่าค่าพลังของเขาอยู่ที่200นิดๆ สีหน้าท่าทางดูผิดหวังคงเพราะแต้มคงไม่เพิ่มจากสมัยสอบเข้าเลย

“แล้วท่านเอเทมล่ะ พลังของท่านเอเทมเท่ากับกี่แต้ม”

“โอ้ เป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆ แต่ข้าคิดว่าท่านไม่รู้ซะจะเป็นการดีต่อการสอบมากกว่านะ”เสียงหวานเอ่ยพลางหัวเราะคิกคัก”เขาเป็นยอดฝีมือระดับนั้นย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”

“เท่าไหร่เล่า!”

“ท่านเอเทมสอบเข้ากองทัพเมื่อสิบปีก่อน ข้าจำตัวเลขชัดๆไม่ได้แล้ว”ลันเทียโบกมือปัดผม

แต่ผมไม่ลดละ ต่อมเผือกผมทำงานหนักมาก!

“บอกแค่หลักก็ได้”

“หลัก?”คนน่ารักเลิกคิ้วถาม

“อื้ม! พันหรือหมื่น!!”ผมแทบจะโดดเข้าไปเค้นคอถามเจ้าตัวแล้ว

“ฮะๆๆๆ”ลันเทียหัวเราะลั่น ราวกับสิ่งที่ผมพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องตลกขบขัน

“บอกมาเลยนะ”ผมหน้าหงิกเป็นตูดลิงแล้ว

“แสน”

“อ้อ ที่แท้แสนแต้ม หา อะไรนะ!! แสนแต้มมมม”

“ไม่ใช่แสนแต้มสิ ท่านถามถึงหลักไม่ใช่เหรอ หลักแสนครับ ไม่ใช่แสนแต้ม”

“อะไรนะ!!”ผมแผดเสียงอย่างต๊กกะใจ เมื่อกี้เข้าใจผิดคิดว่าแสนแต้มผมก็ตาเหลือกแล้วนี่ยังมากกว่าแสนอีกเหรอ

“เห้อ ข้าบอกเลยก็ได้ ค่าเวทมนต์ของท่านเอเทมสมัยสอบเข้าอยู่ที่ 6แสน5หมื่นกว่าแต้ม”

“หะ...หกแสน”ผมหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

เรื่องพลังเวทมีเท่าไหร่ผมไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไร แต่ที่ผมกังวลก็คือการที่ตัวตนของเขาสูงส่งขนาดนั้นนั่นก็แปลว่ามดปลวกอย่างผมแทบไม่มีทางแต่งงานกับเขาได้เลย

หนทางกลับกรุงเทพของผมทอดยาวขึ้นอีกหกแสนเท่า

คิดดูสิ หกแสน...แปลว่าเขาคนเดียวสามารถสู้กับชาวบ้านหกแสนคนได้สบายๆเลยนะ

“แต่นั่นก็เป็นตัวเลขเมื่อสิบปีก่อนล่ะนะ ข้าคิดว่าตอนนี้พลังของเขาอาจจะถึงเจ็ดหรือแปดแสนไปแล้ว เห้ ท่านการันต์! อย่าทำหน้าเครียดขนาดนั้นสิ เขาจะมีพลังเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยวกับการสอบของพวกเราเสียหน่อย”มีเรียวเอื้อมมาลูบหลังผมเพราะเห็นว่าตอนนี้ผมน้ำลายฟูมปากแล้ว

“ท่านอย่าลืมสิว่าเขาเป็นใคร เขาคือคนที่สร้างตำนาน 7สมัยซ้อนให้ราชอาณาจักรเราเชียวนะ! คะแนนสอบเข้ากองทัพของเขาจะสูงที่สุดในรอบพันปีก็ไม่เห็นแปลก”ลันเทียอาจจะเข้าใจว่ากำลังพูดปลอบใจผมอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าแต่ละคำของเขาช่างบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ

ท่านเอเทมยิ่งใหญ่กว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้

ด้วยตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่งก็สูงส่งเทียมฟ้าแล้ว เขายังเป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีในรอบพันปีอีก

กระซิกๆ

ถ้าผมเป็นเขาผมจะไม่แต่งงาน แต่จะชี้นิ้วเรียกหญิงงามจากแดนเหนือจรดแดนใต้มาร่วมหลับนอน เช็ดแล้วก็ทิ้งทั้งแผ่นดิน!

เขาไม่มีทางเอาผม เพราะเขามีตัวเลือกอื่นให้เอาอีกเป็นล้านๆตัวเลือก

ผมมันก็แค่คนธรรมดาที่มีอยู่อีกไม่รู้เท่าไหร่ แต่ว่าเขาคือผู้วิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียว

“บางทีเขาอาจจะหน้าตาขี้เหร่ ใช่ ต้องขี่เหร่แน่ๆ”ผมผุดไอเดียวเข้าข้างตัวเอง

แต่ต่อให้ขี้เหร่ยังไงก็มีคนเอา เชื่อผมคน ที่โลกเดิมพวกเศรษฐี่แก่ๆอ้วนๆยังได้ควงสาวควงนางแบบกันให้ควั่ก

ผมซีดแล้วก็ซีด ซีดจางลงเรื่อยๆจนแทบกลายเป็นกระดาษขาว

“โอ๊ะ ดูนั่น! คนนั้นแหละท่านเอเทม”ลันเทียเห็นว่าโอ๋ยังไงอาการของผมก็ไม่ดีขึ้นเลยเบนความสนใจไปทางอื่น เขาผายมือไปยังบันไดซึ่งอยู่ใกล้พวกเราสองคน

ผมได้บอกก่อนหน้านี่ว่าผมกับลันเทียได้ที่นั่งแถวหน้าสุด หากแต่มันเป็นเพียงหน้าสุดในบรรดาผู้สอบ

ความจริงผมกับลันเทียนั่งอยู่แถวที่สอง ส่วนที่นั่งแถวหน้าสุดจริงๆเป็นของคณะอัศวินยศสูงและขุนนางซึ่งมาเป็นพยานการสอบในครั้งนี้ และที่นั่งของท่านเอเทมนั้นดูเหมือนจะอยู่แถวๆผมพอดีเขาเลยเดินเข้ามาใกล้

ผมหันหน้าไปมองตามมือของลันเทีย ด้วยความอยากรู้ว่าใบหน้าของอัศวินอันดับหนึ่งเป็นอย่างไร ใจของผมภาวนาให้เขาขี้เหร่!

ขี้เหร่!

ขี้เหร่!

ขี้เหร่ทีเถอะ! จะได้จีบง่ายๆหน่อย!

“อะ...หะ...!!!!!”

และแล้วผมก็มองเห็นหน้าท่านเอเทมในตำนานผู้นั้นชัดเต็มสองตา เพราะว่าที่นั่งของเขาอยู่ข้างหน้าผมพอดี ชั่วขณะที่ผมเงยหน้าขึ้นมาสายตาของพวกเราก็เลยประสานกันพอดี

คิ้วคมเลิกขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าของชายร่างสูงเบื้องหน้าผมฉายแววแปลกใจเล็กน้อย

เขาแปลกในเล็กน้อย ส่วนผมแปลกใจมาก!!!!

วิญญาณของผมแทบจะไหลย้อนออกมาทางปากอยู่แล้ว!!

เขาคือท่านเทพอัศวินคนที่ช่วยผมจากตัวซีซี และมันติคอร์!!

เขาคือบุรุษที่ห่างไกลกับคำว่าขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า!!!

“อะ...”ผมอ้าปากค้างอยู่แบบนั้นเหมือนถูกสตาฟฟ์ แม้ว่าท่านเอเทมในตำนานจะเลิกให้ความสนใจผมและนั่งลงกับที่นั่งของตัวเองแล้วก็ตาม ลันเทียที่ไม่ทราบว่าผมเป็นอะไรตะโกนเรียกชื่อผมอย่างลนลาน



-----------------------------

การันต์เด็กโง่ววววว ท่านเอเทมจะไปขี้เหร่ได้ยังไงในเมื่อแกใช่เทิดทูนเขาเป็นเทพประจำวันเกิดอยู่เลย ถถถถถ

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด