พิมพ์หน้านี้ - เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: nikkou ที่ 30-09-2018 09:18:05

หัวข้อ: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 30-09-2018 09:18:05

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*******************************************************




เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง



ผู้เฒ่าบอกว่าถ้าผมอยากกลับไปที่โลกเดิมอีกครั้งผมต้องทำตามภารกิจของต้นไม้หมื่นปีให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจที่ว่าใช้ระบบสุ่ม แล้วให้ทายว่าต้นไม่เวรนั่นให้ผมไปทำอะไร... ถ้าไม่รู้ให้ไปอ่านชื่อเรื่อง!!







หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง INTRO 30/09/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 30-09-2018 09:19:11
INTRO

ชื่อของผมคือการันต์ ผมเป็นหนุ่มน้อยที่มีความมั่นใจในหน้าตาตัวเองอย่างมาก เพราะเพิ่งมาเป็นเฟรชชี่ปี1แค่ไม่กี่เดือน นอกจากตำแหน่งเดือนคณะแล้วผมยังได้ขึ้นเพจคนหล่อของมหาลัยบ่อยๆ ไอจีมีคนติดตามเหยียบแสน ทวิตเตอร์มีคนฟอลเจ็ดหมื่น

ชีวิตของผมสดใสต๊ะติ๊งโหน่งเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งวินาทีนี้...

วินาทีที่ผมกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า...ที่นี่ที่ไหน

ผมไม่มั่นใจนักว่าสถานที่ที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้เรียกว่าอะไร แต่ผมค่อนข้างมั่นใจอย่างแรงกล้าว่าตัวผมไม่ควรโผล่มาอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อไม่กี่วินาที่ที่แล้วผมกำลังอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอน และเปิดประตูห้องน้ำออกมา ภาพแรกที่ผมควรเห็นคือเตียงนอนโง่ๆกับตู้เสื้อผ้าของหอพักที่ผมเช่าอยู่ และข้าวของกองชีทระเกะระกะนานา

“...”เสียงแกร่กๆของนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ส่งเสียงฝืดๆดังเสียดโสตประสาทของผมตลอดเวลา

ฝันเหรอ? ผมถามตัวเองแบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มแรงๆเพื่อเช็คว่าตัวเองเผลอยืนหลับคาฝักบัวหรือไม่

“โอ๊ยยย เจ็บ!”

โอเค ผมไม่ได้ฝัน แถมยังเจ็บตัวฟรีอีกต่างหาก

แล้วถ้าไม่ใช่ความฝัน...สถานที่แห่งนี้มันคืออะไรกัน

ผมกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อสำรวจ เนื่องจากผมอยู่ในชุดนอนลายหมีสีฟ้าเน่าๆ หนีบรองเท้าแตะที่ใช้ใส่ในห้องน้ำ สภาพผมเฝ้ายังเปียกปอนอยู่เลยจึงไม่อยากเดินเตร่สะเปะสะปะไปไหนไกลตามประสาคนดัดจริต

เบื้องหลังของผมคือประตูไม้เก่าๆ บานประตูเปิดคาไว้เนื่องจากผมเพิ่งเดินออกมาจากทางนี้และไม่ได้ปิด พอมองลอดเข้าไปด้านในก็พบกับความมืดสุดลูกหูลูกตาแฝงกลิ่นอายสุดหยั่งชวนขนพองสยองเกล้าเอาไว้ ด้วยความน่าพิศวงของมันผมจึงตัดสินใจไม่เสี่ยงเดินย้อนกลับไป

ส่วนเบื้องหน้านั้นเป็นอะไรที่ศิวิไลซ์กว่ากันมาก

ดูจากผนังแล้วผมคิดตัวเองน่าจะอยู่ภายในต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีโพรงตรงกลาง ซึ่งผลหรืออะไรของมันสามารถเรืองแสงสีเหลืองนวลๆได้ และภายในต้นไม้แห่งนี้ก็มีบันไดเลื้อยขึ้นไปจนสูงสุดลูกหูลูกตา

“บ้านต้นไม้ของฮอบบิทรึไง?”ถ้าเป็นบ้านฮอบบิทจริง เจ้าของบ้านคนเป็นฮอบบิทยักษ์“นี่เราหลุดเข้ามาในนิยายแฟนตาซีเรอะ”ผมลองค.ว.ย.(คิด วิเคราะห์ แยกแยะ) โชคดีที่ผมเคยอ่านนิยายกับไลท์โนเวลมาบ้าง พวกพล็อตทะลุมิติสมัยนี้มีเกลื่อนตลาดมาก ทำให้ผมสามารถประเมิณสถาการณ์ได้อย่างรวดเร็วเมื่อมาอยู่หน้างานจริง

ผมเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนอีกครั้งก่อนหันกลับไปมองประตูลี้ลับทางด้านหลัง

แม้ไม่รู้ว่าข้างบนมีอะไรอยู่แต่มันก็ดูสว่างและปลอดภัยกว่ากันมาก”โอเค สรุปเลือกข้างบน!”

เมื่อตกลงกับตัวเองได้ผมก็เริ่มออกเดิน แต่แค่ก้าวแรกก็เกือบล้มจนหัวทิ่มแล้ว เพราะว่ารองเท้าแตะช้างดาวที่ใส่อยู่เกิดมาเปราะบางไม่ดูเวล่ำเวลา จู่ๆสายมันก็ขาดผึงส่งผลให้ผมเซแถ่ดๆไปข้างหน้าสามก้าว โชคดีที่ไม่ล้มหน้าคว่ำแต่นั่นก็แปลว่ารองเท้าข้างนี้ใช้เดินไม่ได้อีกต่อไป

“ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ที่นี่ที่ไหน!! มีใครอยู่มั้ย!? ลงมาข้างล่างหน่อยยยยยยยยย”การตะโกนเรียกใครสักคนให้ลงมาข้างล่างมันง่ายกว่าให้ผมเดินเท้าเปล่าปีนขึ้นบันไดเป็นหมื่นขั้นนี่ขึ้นไปเยอะ

สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังด้านบน ฟังเสียงของตัวเองดังก้องวนไปวนมาอยู่สักพักก็มีเสียงตอบรับกลับมาเป็นอันชื่นใจ อย่างน้อยๆสถานที่นี้ก็มีคนอยู่ มิหนำซ้ำยังพูดคุยกันรู้เรื่อง เสียงนั้นแหบแห้งเหมือนชายแก่ดังมาจากที่ไกลๆพอจับใจความได้ว่า”เจ้าเด็กไม่เอาไหน!! เอ็งเป็นคนแรกเลยนะที่ตะโกนเรียนข้าลงไปแทนที่จะเดินขึ้นมาเอง”

“คุณลงมามันง่ายกว่าผมขึ้นไปนี่!! วะ เหวอ!!”ผมสะดุ้งตัวโยน คนกำลังป้องปากตะโกนเถียงกับเจ้าของเสียงปริศนาอย่างตั้งอกตั้งใจ จู่ๆพื้นที่ว่างข้างกายพลันสว่างวาบปรากฏร่างเตี้ยประมาณสองฟุตของชายแก่ผมยาวสีขาว ด้วยความที่เป็นคนปราดเปรื่องผมจึงรู้ทันทีว่านี่คือเจ้าของเสียงปริศนา

ผมยิ้มเผล่ให้อีกฝ่ายพร้อมดีดนิ้วดังเป๊าะ”เห็นมั้ย คุณลงมาง่ายกว่าผมขึ้นไปจริงๆ โอ๊ยย เขกหัวผมทำไมกัน!!”

ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองป้อยๆ ด้านชายแก่ถอนหายใจหนักๆหนึ่งครั้งก่อนลอยตัวขึ้นมาอยู่ในระดับความสูงที่เหนือกว่าระยะสายตาของผม สร้างความลำบากให้ต้องแหงนคอมองจนเริ่มเมื่อย

“ที่นี่คืออีกมิติหนึ่งที่ซ้อนทับอยู่กับโลกเดิมของเจ้า”

“ว่าแล้วเชียว นิยายส่วนใหญ่ก็ชอบใช้มุกนี้ แล้วผมมีทางได้กลับโลกเดิมมั้ย บอกไว้ก่อนเลยนะว่าคนอย่างผมไม่มีปัญญาไปเป็นผู้กล้าปราบจอมมารอะไรเทือกนั้นหรอก คุณก็เห็นแค่โดนสายรองเท้าแตะขาดผมก็ไม่สู้แล้ว ส่งผมกลับโลกเดิมเถอะผมต้องกลับไปอ่านโคนัXตอนจบ ที่สำคัญโลกนี้คงไม่มีเน็ตหรอกใช่ปะ เนี่ยผมน่ะนะขาดทวิตเตอร์ก็เหมือนขาดใจ อยู่ไม่ได้หร๊อกกก ส่งผมกลับไปเถอะ นะนะนะนะน”ผมงัดสกิลอ้อนสุดลิ่มทิ่มประตูออกมาใช้

ผู้อาวุโสร่างเตี้ยมองเหยียดใส่ผมหนึ่งทีแทนการตำหนิ

เอ๊าลุง ผมพูดความจริงแค่นี้ก็ต้องมองแรงใส่กันด้วยเหรอเอ๊อ!?

ผมเองก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กเรียบร้อย พอโดนคนแก่กว่ามองแรงใส่ผมก็มองบนกลับบ้างผมที่ได้คือโดนไม้เท้าเคาะหับไปอีกหนึ่งที

ชายแก่ร่างแคระถอนหายใจหนักๆอีกครั้งก่อนเอ่ยต่อ”ฟังข้าพูดให้จบก่อน ข้าไม่ได้เป็นคนอัญเชิญเจ้ามาที่โลกนี้ แล้วเจ้าก็ไม่ได้ถูกเลือกมาเป็นผู้กล้าหรืออะไรทั้งนั้น”

“อ้าว...แต่ในนิยายส่วนใหญ่เค้า ไม่ดิ ผมต้องเป็นผู้กล้าสิลุง!”ลุงพูดมาแบบนี้ผมก็หน้าแตกดิ ไอ้ที่ออกตัวไปเมื่อกี๊ทั้งหมดสรุปคือผมอ่านนิยายมากไปว่างั้น

ลุงไม่ฟังเสียงร้องเรียนจากผมสัดนิด แกเพยิดหน้าไปด้านหลังผมที่มีประตูมรณะอยู่ก่อนอธิบาย“รากของต้นไม้ต้นนี้หยั่งลึกไปถึงแกนของมิติ จนทะลุไปยังมิติอื่น ทำให้พวกเราสามารถเดินทางข้ามมิติได้จากต้นหมื่นปี หากทำตามเงื่อนไขครอบ 2ประการ”

ชายแก่ชูนิ้วเหี่ยวๆขึ้นมาสองนิ้ว ผมก็ชูตามบ้าง เราสองคนชูนิ้วเหมือนกันแต่ผมทำแล้วดูคูลกว่าเยอะ

โชคดีที่ลุงแกไม่รู้ว่าผมกำลังแข่งอะไรไร้สาระอยู่ในใจไม่งั้นมีหวังผมโดนเขกกบาลอีกรอบแน่ๆ

“หนึ่งคือเจ้าต้องทำตามภารกิจที่ต้นไม้หมื่นปีต้นนี้มอบหมาย ภารกิจจะอยู่ในผล เจ้าจะไม่รู้ว่าภารกิจคืออะไรจนกว่าจะเด็ดผลออกมาจากกิ่ง และเมื่อเจ้าทำภารกิจสำเร็จที่ข้อมือของเจ้าจะปรากฎตรารูปใบไม้ ตรานี้มีอำนาจเสมือนหนังสือผ่านทาง ถ้าไม่มีมันเจ้าก็เดินทางไปยังมิติอื่นไม่ได้”

“อ่า...”พอได้ยินว่าต้องทำภารกิจ แถมเป็นภารกิจแบบสุ่มอีกใจผมก็เริ่มแป้วไปแล้ว

“สองคือเจ้าต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”

“แลกเปลี่ยน?”ผมเอียงคอถาม ตามความคิดของผมเวลาผมทำท่านี้คือน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมากแต่คนมองกลับกลองตาใส่ผมด้วยความเหนื่อยใจ

“เจ้าจะไปยังมิติอื่นโดยตรงไม่ได้ มันจะทำให้สมดุลพังทลาย ลองนึกภาพตราชั่งที่มีของสองอย่างวางอยู่ซ้ายขวาอย่างสมดุลดูสิ ถ้าเจ้านำของจากตราชั่งข้างนึงไปวางอีกข้างนึงน้ำหนักมันก็จะเทไปข้างเดียวถูกมั้ย”

ผมพยักหน้าอือออไปงั้น มาถึงจุดนี้เริ่มเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแล้ว

“เพื่อการรักษาสมดุล หากเจ้าจะไปยังอีกมิติAเจ้าต้องเอาของจากมิติAมาที่นี่ เช่นถ้าเจ้าต้องการกลับโลกเดิมแค่ชั่วคราวเจ้าก็เอาตัวเองสลับของสิ่งของของโลกเจ้า จะโต๊ะตู้เตียงอะไรก็ได้ เพียงแต่เจ้าจะอยู่ที่โลกเดิมไม่ได้ถาวร เมื่อถึงเวลาหนึ่งเจ้าก็จะกลับมาที่นี่เหมือนเดิม”

“อ้าว แล้วต้องทำยังไงผมถึงจะกลับไปอยู่ที่บ้านได้ตลอดไปอะ ผมจะอยู่กับแม่อะ”เรื่องอยู่กับแม่นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่หลักใหญ่ใจความเลยก็คือผมเป็นคนติดเน็ตมาก! หนุ่มโซเชียลอย่างผมใช้ชีวิตโดยไม่มีมือถือไม่ได้!

“คนที่ข้าเจอเมื่อเช้า เขาทำภารกิจจนได้ตราประทับรูปใบไม้ที่ข้อมือมาเรียบร้อย และเขาก็ได้ทำการเดินทางไปยังโลกของเจ้าอย่างถาวรด้วยการแลกเปลี่ยนเจ้ามาที่นี่”

“!!!!!!!!!!!!”

“ใช่ การที่จะกลับไปยังที่โน่นและไม่กลับมาที่นี่อีกมีทางเดียวก็คือเชิญตัวตายตัวแทนจากโลกโน้นสักคนมาที่นี่แทน ซึ่งการเชิญมานั้นโดยทั่วไปจะใช้การสุ่มเอา”

ผมรู้สึกหน้ามืด...

“หมายความว่าที่ผมมาโผล่ที่นี่ก็เพราะผมดันซวย แจ๊กพ็อตแตกจากคนทั่วโลกหมื่นล้านคน เจอคนอยากข้ามมิติถาวรอัญเชิญตัวมาแลกเปลี่ยนเนี่ยนะ!”มันเวียนหัวหนักมากจริงๆ ลุงงง ผมขอยืมชายเสื้อของลุงเกาะหน่อยแล้วกันนะ”ผู้กล้าพิชิตจอมมารล่ะ!? เด็กที่ถูกเลือกในรอบร้อยปีล่ะ!! ไม่มีเหตุผลอะไรที่เท่กว่านี้หน่อยเหรอ”

“ยอมรับความจริงหน่อยก็ดีนะไอ้หนู โลกทางนี้ก็ไม่เลว แต่ถ้าอยากกลับบ้านเจ้าก็แค่ทำภารกิจจากผลของต้นไม้หมื่นปี เอาตราประทับมาแล้วก็หาสิ่งแลกเปลี่ยน”แคระเฒ่าไม่รอช้า เขาคงรำคาญเจ้าเด็กไม่เอาไหนอย่างผมมาสักพักแล้ว ยิ่งมาเกาะแกะรุ่มร่ามเขาเขายิ่งไม่ชอบใจ ไม้เท้าอันเล็กในมือโบกสะบัดไปมาพลันภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไป

ผมรู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงบนรถไฟเหาะ และเพียงพริบตาเดียวเราทั้งคู่ก็วาร์บออกมาจากโพรงต้นไม้สู่ยอดอันสูงชะรูดของมันฃ

พนันได้เลยว่าตอนนี้เบ้าหน้าหล่อๆของผมกำลังซีดเป็นกระดาษเอ4สีขาว เพราะนายการันต์สุดหล่อมาดแมนคนนี้กลัวความสูงไงล่ะ!!

พระเจ้า ทำไมผมถึงต้องมายืนขาสั่นบนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่สูงทะลุก้อนเมฆแบบนี้!? นี่มันไม่ตลกเลยนะ

“ลุ๊งงง”ด้วยความปอดแหกผมก็เลยเกาะชายเสื้อลุงแกแน่นกว่าเดิม

“เห้อ...เจ้าหนูนี่จะรอดมั้ยนะ หวังว่าจะได้ภารกิจง่ายๆล่ะ เอ้า จากผลไม้ทั้งหมดที่เจ้าเห็น เลือกมาสักผลสิ ด้านในของมันมีภารกิจที่เจ้าต้องทำอยู่ เลือกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าดวงดีเจ้าจะได้ภารกิจง่ายๆแค่เก็บกวาดห้องนอนให้ข้า แต่ถ้าซวยเจ้าอาจจะได้ภารกิจปราบมังกร...”

สิ้นเสียงของผู้เฒ่าแคระผมก็รีบหันรีหันขวาไปรอบตัวทันที ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่โตมโหฬาร ระยะห่างจากกิ่งสู่กิ่งไกลสุดเอื้อม ทว่าผลไม้กลับมีขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย แถมยังมีติดเป็นพวงละลานตาไปหมด มองไปทางไหนก็มีแต่เจ้าเม็ดกลมสีฟ้าเข้มหน้าตาเหมือนๆกัน แยกไม่ออกว่าอันไหนจะมีภารกิจง่ายภารกิจยาก

หลังจากยืนคิดวิเคราะห์แยกแยะอยู่สามวินาที สมองอันชาญฉลาดของผมก็สั่งการมือให้เอื้อมไปเด็ดผมไม้ผมหนึ่ง

เพราะมันอยู่ใกล้มือที่สุดนั่นเอง...

ครับ ผมเป็นคนหล่อที่มักง่าย

แต่ถึงแม้ว่ามันจะใกล้แต่ผมก็ต้องย่อตัวอย่างระมัดระวัง หยิบลูกที่อยู่ใกล้มือที่สุดนั่นไปส่งให้ลุงแกอย่างลุ้นระทึก

ผู้เฒ่าแคระสะบัดไม้เท้าอีกครั้งก่อนสีหน้าของแกจะผ่อนคลายลงเมื่อมีตัวอักษรตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา”ยินดีด้วยเจ้าหนูไม่เอาไหน เอ็งได้ภารกิจระดับB ไม่ง่ายแต่ก็ไม่โหดเกินไป อาจจะต้องใช้เวลาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดหวัง”

“ผมต้องทำอะไร”จุดนี้ไม่มีอารมณ์มาพิรี้พิไรเล่นลิ้นแล้ว อยากรู้ใจจะขาดว่าตนจะต้องเจอกับอะไร โลกนี้ยังมีอะไรซวยกว่าการแจ็กพอตแตกโดนสลับตัวกับไอ้งั่งที่ต้องการข้ามมิติคนหนึ่งอีกหรือไม่

ผู้เฒ่าแคระทำตามคำเรียกร้องของผม มือเหี่ยวย่นสะบัดไม้เท้าอีกครั้งคราวนี้ตัวอักษรที่ผมอ่านไม่ออกก็ทยอยไหลเรียงออกมาจากผลไม้กระจ้อยร้อย และเมื่อได้ใจความสมบูรณ์แล้วพลันสีหน้าของชายแก่กลับเปลี่ยนเป็นเครียดเขม็งก่อนจะส่ายศีรษะไปมาอย่างปลงๆ

มือเล็กเหี่ยวๆเอื้อมมาตบไหล่ผมแปะๆ

ไหงรีแอคชั่นลุงมันกลายเป็นเงี้ยอะ

ไหนเมื่อกี้ลุงบอกว่าภารกิจระดับBมันไม่ยากไม่ง่ายไง แต่นี่สีหน้าลุงเหมือนกำลังอำลาอาลัยส่งผมไปตายงั้นแหละ อีแบบนี้ดูทรงแล้วผมคงซวยอีหรอบเดิม

“ผมต้องทำอะไร...”หน้าผมเริ่มซีดจนเลือดไม่เดินแล้ว

ลุงแกถอนหายใจอีกรอบก่อนตอบสั้นๆ

“แต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่ง”

....

....

“อะไรนะ!!!”

“เจ้าต้องแต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่งจึงจะได้ตราประทับรูปใบไม้ซึ่งเป็นหนังสือเบิกทางผ่านมิติ”

“อะไรนะ!!!”

“เจ้าต้องแต่งงานกับ---“

“อันนั้นน่ะได้ยินแล้ว แต่ที่สำคัญก็คือผมอยากรู้ว่าตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่งที่ว่านี่คืออะไร ผมจะไปหาเขาได้จากที่ไหน ผมต้องเอาเขามั้ย แล้วเขาจะเอาผมเหรอ!!? แค่พูดชื่อตำแหน่งก็ดูไกลตัวจนไม่รู้จะไกลยังไงแล้ว ที่สำคัญไอ้ตำแหน่งที่ว่าต้องมีคนเดียวแหงเลยใช่ปะ ตีวงแคบไปอี๊กกก ยากเกิ๊นนน เอาเปรียบ!!”คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าแล้วที่ซีด ตอนนี้ผมซีดตั้งแต่หัวจรดเท้าประหนึ่งภาพปริ้นซ์ขาวดำ

“เจ้าไม่ตกใจเรื่องที่ต้องแต่งกับผู้ชายเหรอ”แคระเฒ่าถามอย่างแปลกใจ

“สำหรับผมตอนนี้มีเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้นเยอะ!!”

“ก็ดี ถ้าเจ้าไม่ถือสาเรื่องเพศก็ดี เพราะเจ้าของตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นผู้ชายทั้งคู่”

“เอ๊า มี2คนเหรอ แล้วมันเป็นอันดับหนึ่งได้ไง ที่หนึ่งก็ต้องมีคนเดียวสิ หรือว่าอันดับหนึ่งร่วม”ยิ่งพูดการันต์ยิ่งงงเด้อออ

“ใจเย็นก่อนเจ้าหนู ที่โลกแห่งนี้น่ะแบ่งดินแดนออกเป็นสองฝั่ง เรียกเป็นฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออก หรือฝั่งแสงสว่างกับความมืดตามธาตุพลังพื้นฐานของประชากรในฝั่งก็ได้ แต่ละฝั่งก็จะเป็นออกเป็นอาณาจักรและแคว้นต่างๆมากมายหรือที่โลกของเจ้าเรียกว่าประเทศนั่นแหละ ในแต่ละปีประเทศเหล่านี้ก็จะจัดงานเทศกาลอัศวินร่วมกัน เป็นการประชันฝีมือเพื่อเฟ้นหาอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด”

“อ้อ แปลว่าก็จะมีอัศวินอันดับหนึ่งของฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกอย่างละคนใช่ปะ”ผมพยักหน้าหงึกหงัก อย่างน้อยก็มีสองทางเลือกล่ะวะ”ว่าแต่ท่านหนักใจเรื่องใดหรือ ถ้ากังวลเรื่องที่พวกเขาเป็นผู้ชายล่ะก็ไม่ต้องห่วงผมน่ะได้หมดถ้าสดชื่น ฮะๆๆๆ”

พอรู้ว่าการประลองมีทุกปีก็แปลว่าตำแหน่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเหมือนถ้วยฟุตบอลโลก ไม่ได้ผูกขาดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งฉะนั้นถ้าจีบคนปัจจุบันไม่ติดแค่รอปีต่อไปก็ได้ หรือปีต่อๆไปอีกก็ยังมีหวัง!

ผมยืนยิ้มให้ท้องฟ้าและกิ่งไม้ อย่างน้อยผมก็ไม่ดวงตกอับถึงขีดสุดล่ะวะ นี่สินะคำกล่าวที่ว่าชีวิตย่อมมีทางเลือก ทุกปัญหาย่อมมีทางออก

ลุงแคระแกมองรอยยิ้มโง่ๆของผมก่อนถอนหายใจรอบที่ล้านแปด ตั้งแต่คุยกับผมมานี่ไม่รู้แกถอนหายใจไปกี่ตลบแล้ว

“หากเจ้ามาที่นี่เร็วกว่านี้สัก10ปีหรือช้ากว่านี้สัก20เจ้าอาจจะมีโอกาสเลือกมากกว่านี้ เพราะแต่เดิมตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่งก็เปลี่ยนหน้าแทบทุกปีอย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ เว้นเสียแต่ว่าตลอด7ปีที่ผ่านนี้ ตำแหน่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนทั้งสองฟากถูกยึดครองไว้ด้วยชายผู้ไร้เทียมทานสองคน”

“!!”

“คนแรกจากดินแดนตะวันตก อัศวินดำผู้เลือดเย็น ไร้ใจ ชายคนนี้แม้แต่มิตรยังแทบไม่มีคงไม่ต้องพูดถึงคนรักหรือเรื่องแต่งงาน ข้าเชื่อว่าเขาต้องการเป็นหมาป่าเดียวดายตราบชั่วชีวิต...”เฒ่าแคระลูบเคราตัวเองพลางส่ายหน้าไปมา บ่งชัดว่าอย่างไรคนนี้ก็ไม่มีหวัง

“อีกคนหนึ่งจากแดนตะวันออก เป็นอัศวินแห่งแสงตะวันอันสูงส่ง เขาอบอุ่น ยึดมั่นในรักเดียว”

“คนหลังก็พอมีหวังนี่!”ผมรีบกระโดดคว้าแสงแห่งความหวังอันริบหรี่เอาไว้ ทว่าแสงนั่นก็โดนลุงหงอกตรงหน้าขยี้ทิ้งอย่างไม่ปราณี

“เขาเคยแต่งงานแล้ว”

“เคย?”

“ภรรยาของเขาเสียไปเมื่อปีก่อน”

“อ่อ...”

...

“แล้วลุงคิดว่าผมควรไปจีบใครดีล่ะ”

“คนที่สลับตัวเจ้ามาเขายังมีน้ำใจคิดถึงเจ้าอยู่ เขาฝากเงินไว้ที่ข้าจำนวนหนึ่งไว้ให้เจ้าใช้ นับว่าเจ้าโชคดีมากทีเดียว”

“เดี๋ยวสิลุง! แนะนำผมก่อนว่าผมควรจะแต่งงานกับใคร!!”

“เอาเงินที่เขาฝากไว้จำนวนนี้ไปสร้างตัว สร้างครอบครัวเล็กๆ ตั้งรกรากอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของโลกนี้เถอะ ขอให้พระเจ้าอวยพรให้แก้เจ้า ธุระของข้าสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ลาก่อน”

“เดี๋ยวสิลุง!!”ผมกระโจนเข้าไปหาร่างเล็กเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะบัดไม้เท้าและร่างกายเรืองแสง แต่ผมก็คว้าได้แต่อากาศธาตุเพราะอีกฝ่ายใช้เวทวาร์บหายไปแล้วเรียบร้อย

ที่นี้ปัญหามันก็อยู่ที่ผมเต็มๆ

เนื่องจากผมสะเพร่าไปหน่อยเลยกระโจนเสียเต็มแรง ทีนี้พอคว้าอะไรไม่ได้ร่างกายก็เลยลอยหวือไปไกลกว่าที่คาด ลอยเลยกิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้หมื่นปีไปแล้ว

และค่อยๆร่วง...

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก”



----------------------------------------

คิดว่าหนูการันต์ของเราจะเลือกจีบใคร ไม่สิ จะจีบติดสักคนไหมคะ 5555

ร่วมตอบคำถามได้ที่เพจเฟสบุค(https://www.facebook.com/nikkoustory/ (https://www.facebook.com/nikkoustory/))

หรือทวิตเตอร์ของเราได้เน้อ(https://twitter.com/NIKKOUSTORY (https://twitter.com/NIKKOUSTORY) )
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง INTRO 30/09/61
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 30-09-2018 11:07:28
 :L1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง INTRO 30/09/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-09-2018 20:34:23
เป็นเนื้อเรื่องที่น่าติดตามมากเลยค่ะ จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง INTRO 30/09/61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-10-2018 15:42:39
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1 03/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 03-10-2018 17:24:40
ตอนที่1

ตายแน่

อิพ่อ อิแม่ ในคอมลูกจะมีโฟลเดอร์ลับอยู่โฟลเดอร์หนึ่ง พาสเวิร์ดคือGAV007 หลังลูกจากโลกนี้ไปแล้วได้โปรดลบมันออกไปก่อนจะเอาคอมลูกไปขายต่อมือสอง หนังโป๊ที่ลูกสะสมมาชั่วชีวิตจะต้องไม่ตกถึงมือของคนอื่น!!

โว้ยยยยยย

ตายแหงแก๋ศพไม่สวยแน่น๊อนนน

ผมหลับตาปี๋ สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร และญาติๆที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยความที่มันสูงมากผมเลยมีเวลาสวดมนต์อย่างเหลือเฟือ เผลอๆสวดไปสามจบแล้วอาจจะยังไม่โหม่งพื้นโลก แต่ดูจากสภาพยังไงก็ไม่รอดแล้วแน่นอน

ฟิ้วววว ฟู่!!

“อะ เห...”ตัวผมไม่ได้กระแทกพื้นอย่างแรงจนเละแต่อย่างใด เมื่อถึงความสูงระดับหนึ่งความเร็วๆก็ค่อยๆลดลงเนื่องจากสายลมที่มองไม่เห็นมาช่วยพยุงเอาไว้

เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ทีแรกคิดว่าภาพรอบตัวจะเป็นป่าแต่ไม่ใช่

ผมอยู่กลางเมือง!

และที่สำคัญในระยะสายตาของผมกลับไม่มีโคนต้นไม้ใหญ่อายุเหยียบหมื่นปีอยู่เลย ผมจึงต้องมโนเอาเองว่าผมไม่ได้ร่วงลงมาจากต้นไม้หมื่นปีอะไรนั่นตรงๆ ผมอาจจะโดนลมพัดมาหรือไม่ตาลุงคนนั้นก็อาจจะใช้เวทวาร์ปกับผม

เมืองที่ผมโผล่มามีลักษณะบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมเหมือนยุโรปยุคกลาง โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน คนส่วนใหญ่เข้านอนแล้ว การที่ผมโผล่พรวดมาจึงไม่สร้างความแตกตื่นให้พวกชาวบ้าน

ผมลุกขึ้นยืน ข้างตัวมีถุงเงินหอบใหญ่อยู่เลยก้มเก็บขึ้นมาด้วยแต่พบว่ามันหนักมากจึงวางแหมะไว้ที่เดิมและมองไปรอบๆอย่างเคว้งคว้าง

“ที่นี่ที่ไหน...”นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมต้องตั้งคำถามนี้

เมืองแห่งนี้เป็นเมืองใหญ่ แม้ยังไม่รู้ค่าครองชีพของโลกนี้แต่ทรัพย์สมบัติในถุงเงินก็ดูมากมายจนยกแทบไม่ขึ้น ผมคิดว่าตัวเองโชคดีเพราะไม่ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย

เอาเงินที่เขาฝากไว้จำนวนนี้ไปสร้างตัว สร้างครอบครัวเล็กๆ ตั้งรกรากอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของโลกนี้เถอะ ขอให้พระเจ้าอวยพรให้แก้เจ้า

คำพูดของเฒ่าแคระรีรันเข้ามาในหัวของผม

“...”ผมมองถุงเงินสลับกับมองซ้ายมองขวาอย่างเคว้งคว้าง

“หาที่นอนก่อนละกัน”ผมพึมพำกับตัวเอง หลักการคิดของผมก็คือเอาไว้ค่อยคิดต่อพรุ่งนี้นั่นเอง

เมื่อตัดสินใจได้ผมก็กัดฟันลากถุงสมบัติไปตามทางเท้า ขอชมเลยว่าฟุตบาทของประเทศนี้ดีมาก แม้จะปูจากอิฐแดงสไตล์โบราณแต่คุณภาพคับแก้วไม่เหมือนที่ไทย

ความเร็วในการเคลื่อนไปข้างหน้าของผมเร็วกว่าหอยทากคลานนิดเดียว กว่าจะลากสังขารมาถึงอาคารที่มีป้ายหน้าทางเข้าว่าโรงแรมได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไปหลายน้ำ

เป็นโชคดีอีกครั้งที่ห้องโถงยังเปิดไฟอยู่แถมยังมีคนเฝ้าอยู่ที่เคาเตอร์ ผมตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในก่อนเอ่ยกับพนักงานต้อนรับชายรูปร่างผอมแห้งว่า”ขอเปิดห้องห้องนึงครับ”

พนักงานต้อนรับคนนั้นกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเนื่องจากการแต่งตัวของผมนั้นออกจะแปลกไปหน่อยสำหรับคนที่นี่ ครับ ชุดนอนสีฟ้าลายหมีโง่ๆกับแตะช้างดาวที่สายขาดไปข้างนึง ต่อให้ผมอยู่ที่ไทยก็คงโดนมองว่าแปลกอะนะ

“ห้องพักของเรา แบบถูกสุดราคาคืนละร้อยเหรียญนะครับ”

“อ้อ...”ผมร้องอ๋อทันทีเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลเรื่องอะไร”จ่ายก่อนรับกุญแจเลยมั้ยล่ะ”ก่อนที่จะเข้ามาในนี้ผมหยิบธนบัตรบางส่วนออกมาจากถุงใบโตแล้ว ผมไม่ได้โง่ขนาดจะใช้เงินทีก็เปิดถุงสมบัติทีหรอกนะ โดนปล้นทีเดียวผมก็จบเห่สิ

เมื่อได้เงินพนักงานต้อนรับก็ดูผ่อนคลายลง เขาหันไปหยิบกุญแจมาให้ผมก่อนจะเดินนำไปยังเลื่อนชักรอก เอิ่ม...ผมขอเรียกมันแบบนี้ก็แล้วกัน ความจริงมันมีลักษณะคล้ายลิฟท์แต่ดูเหมือนจะขับเคลื่อนด้วยเวทมนต์แทนระบบไฟฟ้า

เขาพาผมขึ้นมาที่ชั้น3 ผมก็ต้องทำเหมือนถุงที่แบกมาเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าซึ่งไม่หนักเลยสักกะนิสสสเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยว่าข้างในถุงอะไร หลังจากมาส่งผมถึงห้องแล้วเขาก็ขอตัวกลับไป

ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง

เมื่ออยู่ลำพังความคิดสะระตะก็แล่นปราดเข้ามาในหัว

“ก่อนนอนไม่ได้ไถทวิต...รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปอย่าง นอนไม่หลับอ๊ะ”ผมคร่ำครวญให้เพดานฟัง นอนแหงแผ่เป็นปลาดาวอยู่บนเตียงอย่างนั้นสักพักก่อนไปลากถุงเงินขึ้นมาบนเตียง

คิดว่าต้องหาอะไรทำ ขืนนอนนิ่งใจมันก็ฟุ้งซ่านไม่หยุด

ผมนั่งขัดสมาธิและเปิดปากถุง

“ห้องพักห้องนี้ดูดีทีเดียว คิดว่าอยู่ในระดับโรงแรมสี่ดาวของไทยได้เลย ค่าที่พักสี่ดาวที่โน่นคืนนึงตีสัก4พันบาท ส่วนของที่นี่ราคา1ร้อยเหรียญ”ผมนั่งเทียบบัญญัติไตรยางศ์ในใจ

ผมต้องการทราบค่าครองชีพของโลกแห่งนี้เพื่อคำนวณว่าเงินที่ผมได้รับมามันจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตได้นานเท่าไหร่

โชคดีที่ผมเก่งคณิตผมจึงตาลุกวาวในไม่ช้า

“แปลว่า1เหรียญมีค่าเทียบเท่า40บาทเลยเหรอ!!”ผมรีบคุ้ยธนบัติในถุงสมบัติออกมานับ

ยิ่งนับมือยิ่งสั่น

“เรามีธนบัตรมูลค่าสิบเหรียญทั้งหมด หนึ่ง สอง สาม...”ผมเริ่มจากแบงค์ที่มีมูลค่าน้อยที่สุดก่อน ความจริงในถุงยังมีเหรียญกับอัญมณีอีกแต่ผมคิดว่าเหรียญมันนับยาก อัญมณีก็ประเมิณค่าไม่ได้อีก

นับแบงค์นี่แหละ

เงิน!

โอ้วมายก็อด

กลิ่นเงินมันช่างหอมหวนยิ่งนัก

ผมนั่งนับเงินจนตาพร่าสมองเบลอไปหมด นับๆไปได้หน่อยก็แผดเสียงหัวเราะออกมาเป็นคนโรคจิต กระทั่งแสงแดดยามเช้าเริ่มลอดผ่านผ้าม่านเข้ามานั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้นอนเลยทั้งคืน

แต่ผมไม่ง่วงสักนิด! เพราะในที่สุดผมก็นับแบงค์ทั้งหมดจนครบ

“สองล้านห้าแสนเหรียญก็เท่ากับ...ร้อยล้านบาท!!”ผมยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง นี่ขนาดยังไม่รวมเหรียญกับเครื่องเพชรอีกจำนวนหนึ่งนะ

“ฮ่ะๆๆๆ”ผมหงายหลังทิ้งตัวลงนอนแต่ผมจะหลับไม่ได้ ถ้าผมหลับตอนนี้คงหลับยาวเลยเวลาเช็คเอาท์แน่ แล้วพนักงานก็จะเข้ามาในห้องและพบเงินเกลื่อนกราดเต็มไปหมด”โลกนี้มีธนาคารมั้ยนะ”

ความโลภมาก่อนความง่วงเสมอครับ ผมตะกายลุกขึ้นจากเตียง เก็บเงินทั้งหมดเข้าถุงแล้วเอาซุกไว้ใต้เตียง

ผมเดินลงไปที่เคาเตอร์ที่ห้องโถงเพื่อขอต่อเวลาเช่าพัก”ข้าขออยู่ต่ออีกคืนได้ไหมครับ ที่ห้องเดิม”

“ได้ครับ ข้าจะจัดการให้”พนักงานต้อนรับเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วแต่เขาก็ยังคงมองผมแบบเหยียดหยามเหมือนคนก่อนผมจึงต้องควักเงินออกมาจ่ายสดอีกเหมือนเดิม เมื่อได้รับเงินสีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูจะพึงพอใจเป็นอย่างมาก”มีอะไรให้รับใช้อีกไหมครับคุณชาย”

แหม พอเห็นว่ามีเงินเข้าหน่อยปฏิบัติดีเชียวนะ

“ที่โลกนี้มีธนาคารไหม”ผมเอ่ยเข้าประเด็น

“โลกนี้?”คุณพนักงานต้อนรับขมวดคิ้วฉงน

“เอิ่ม...”ผมพบว่าตัวเองเลือกใช้คำผิดซะแล้วจึงรีบแก้คำใหม่”ที่เมืองนี้มีธนาคารอยู่ตรงไหนหรือ”

“อ้อ อยู่ถัดออกไปสองบล็อกครับ ถ้าไม่รังเกียจคุณชายจะใช้บริการรถม้าของโรงแรมเราไหมครับ”

“เยี่ยม! จัดมาคันหนึ่ง ข้าขอขึ้นไปจัดของสักพักเดี๋ยวตามลงมานะ”เรื่องค่ารถผมไม่ถามสักคำ ความป๋าบังเกิด คนมันรวยช่วยไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ผมบอกว่าพนักงานไปว่าจะขึ้นมาจัดของแต่ความจริงคือมาหยิบเงินครับ เนื่องจากไม่อยากลากกระสอบเงินออกไปให้มันเอิกเริกผมจึงตัดสินใจหยิบแบงค์มูลค่าร้อยเหรียญซึ่งเป็นแบงค์ที่มีค่ามากที่สุดทั้งหมดมา ก่อนมองซ้ายมองขวา

ผมกะจะทยอยเอาเงินไปฝาก ฝากตู้มเดียวร้อยล้านเลยมันก็เกินไป แต่ผมไม่มีกระเป๋าใส่เงินใบอื่นนอกจากอิถุงนี่แล้วไง

“ใส่ปลอกหมอนไปแทนละกัน”ผมหัวเราะแห้งให้กับไอเดียของตัวเอง แต่นอกจากทางนี้ผมก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หวังว่าพนักงานโรงแรมจะไม่จับได้ว่าผมแอบเอาของออกนอกโรงแรมหรอกนะ...

ผมเดินกอดปลอกหมอนสีขาวซึ่งภายในบรรจุธนบัตรเอาไว้มูลค่า1ล้านเหรียญ พอเห็นผม ไม่สิ น่าจะการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของผม พนักงานต้อนรับก็รีบเดินเข้ามาหา เขาทำท่าจะช่วยถือสัมภาระให้ผมแต่ผมปฏิเสธเสียงสั่น

เงินข้าใครอย่าแตะ!!

เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมเขาก็ไม่ตื๊ออีก จัดแจงพาผมขึ้นรถพร้อมบอกจุดหมายให้คนขับรถม้าทันที

รถม้าเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม ผมทอดสายตาออกไปนอกหน้าตาด้วยความกลัวผสมตื่นเต้น เมื่อวานผมมาที่นี่ก็มืดแล้วมองอะไรไม่ค่อยเห็น พอตอนนี้สว่างจนมองเห็นอาคารบ้านเรือนอย่างชัดเจนผมก็อดร้องว้าวออกมาไม่ได้

มันสวยมาก! ยิ่งทุกคนเลือกใช้อิฐสีดำเป็นแกนหลักในการก่อสร้างบ้านเรือนที่นี่จึงดูมีมนต์ขลังสะดุดตา

“เอ...ลุงคนนั้นบอกเราว่าที่โลกนี้แบ่งดินแดนออกเป็น2ฝั่งคือฝั่งรัตติกาลกับแสงสว่างนี่นะ สงสัยที่นี่คงเป็นฝั่งรัตติกาลล่ะมั้ง”ผมสรุปเอาจากสีบ้านนี่แหละ

อีกทั้งผู้คนของเมืองนี้ก็ดูไม่เป็นมิตรเลย ตั้งแต่พนักงานต้อนรับยันคนขับรถผมยังไม่เห็นใครยิ้มสักแอะ

ดินแดนรัตติกาลชัวร์!

ผมฟันธงในใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่ารถม้าได้จอดเทียบท่าธนาคารแล้ว ชายแก่ผู้เป็นคนขับรถเดินหน้าตายมาเปิดประตูให้ เขาไม่พูดอะไรกับผมสักคำผมเลยเดินเข้ามาในธนาคารแบบงงๆ

แล้วก็ตามเคย สภาพเสื้อผ้าของผมเรียกสายตาของผู้คนในที่นี้

“ไอ้การันต์เอ๊ย เงินก็มีแทนที่จะแวะซื้อเสื้อสักตัวก่อน ไอ้ห่า เสือกงกคิดแต่จะมาธนาคาร”ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองพลางทำหน้าหมดอาลัยตายอยากเดินไปที่เคาเตอร์

หลังเคาเตอร์เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสลวย น่าเสียดายที่เธอไม่ยิ้ม หากเธอยิ้มล่ะก็ผมมั่นใจว่าเธอต้องสวยกว่านี้แน่ๆ

หญิงสาวมองเหยียดใส่ผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยว่า”ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรคะ”

ผมถอนหายใจแรงๆหนึ่งทีอย่างทำใจ”เอ่อ ไม่ทราบว่าการขอเปิดบัญชีเพื่อฝากเงินต้องใช้เอกสารอะไรบ้างครับ”

“เอกสาร? ไม่ต้องนี่ค่ะ”เธอตอบด้วยสีหน้าสงสัยราวกับว่าที่โลกนี้ไม่เคยมีการใช้เอกสารเพื่อขอเปิดบัญชีธนาคารมาก่อน อย่างน้อยมันก็ต้องใช้พวกบัตรประชาชนหรืออะไรทำนองนั้นหน่อยเซ่! เวลาเบิกจะได้รู้ไงว่านี่คือเจ้าของเงินตัวจริงนะ

“แค่คุณชายฝากเงินเอาไว้ที่ธนาคารของเรา เราจะร่ายเวทตราประทับไว้ที่ร่างของท่าน คุณชายสามารถเรียกเงินได้ทุกที่ทุกเวลา เงินจะบินไปหาท่านถึงมือและจะมีจดหมายน้อยแนบไปด้วยทุกครั้งว่าเงินในบัญชีของคุณชายเหลือเท่าไหร่”เธอคงเห็นว่าผมทำหน้างงมากกว่าที่เธองงเลยยอมพูดประโยคยาวขึ้นอีกนิดหน่อย

“อ้อ แล้วผม เอ๊ยข้าต้องมีเวทมนต์ไหม ถ้าใช้เวทมนต์ไม่เป็นเงินมันจะวาร์ปมาหาข้าได้ไหม”

“ได้สิคะ คุณชายมีตราประทับบนร่างแล้วนิ สมมติว่าต้องการเงินคุณชายแค่เปรยเบาๆว่า ลีฟท์ตี้ 100เหรียญ แค่นี้เองค่ะ”ลีฟท์ตี้คือชื่อของธนาคารที่ผมเห็นจากป้ายทางเข้าครับ

เมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าวิธีเบิกเงินของมิตินี้สะดวกกว่าแอพอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งที่โลกเดิมเสียอีกผมก็ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง หยิบยื่นปลอกหมอนบรรจุธนบัติให้เธอ ทีแรกเธอรับไปอย่างรังเกียจแต่พอเปิดออกดูข้างในดวงตาคู่สวยก็เปล่งประกาย

หึ หอมกลิ่นเงินล่ะสิ

ผมลอยหน้าลอยตาขึ้นนิดหน่อย หลังจากช็อคค้างไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงตื่นๆว่า”ทางธนาคารคงต้องขอตรวจสอบที่มาของเงินจำนวนนี้ก่อนนะคะ”

เมื่อพูดจบเธอก็วิ่งลนลานไปหาชายมีอายุ ผมเดาว่าเขาน่าจะเป็นผู้จัดการสาขา เมื่อทราบเรื่องชายคนนั้นก็เดินมาที่ปลอกหมอนของผม เขาใช้สายตาเรียบเฉยตวัดมองหน้าผมสลับกับถุงเงินไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ก่อนชายคนนั้นจะร่ายเวทอะไรสักอย่าง เงินของผมค่อยเรืองแสง ตัวอักษรมากมายไหลเอ่อออกมาจนผมอ่านตามไม่ทัน

เมื่อแสงสว่างดับลงชายคนนั้นก็พยักหน้าสองสามครั้ง

“เงินจำนวณนี้ได้มาจากด้วยวิธีบริสุทธิ์ เจ้าทำเรื่องเปิดบัญชีให้คุณชายท่านนี้ได้เลย”ชายมีอายุกล่าวก่อนเดินกลับไปทำงานของตน ผมก็ได้แต่ยืนมองกรรมวิธีการฝากเงินซึ่งไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้เงียบๆ

ใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็เดินหน้าบานออกมาจากธนาคาร บอกกับคนขับรถว่าให้กลับไปเอาของที่โรงแรมก่อน ใช่แล้ว ของที่ว่าก็คือเงินนั่นเอง ฮ่ะๆๆๆ คราวนี้ผมเอาธนบัติที่เหลือกับเหรียญอีกจำนวนหนึ่งยัดใส่ปลอกหมอนมาเหมือนเดิม แต่จุดหมายไม่ใช่ธนาคารลีฟท์ตี้อีกต่อไป

มันนี่โค้ชในเฟสบุคสอนไว้ว่าเราไม่ควรเอาเงินเก็บทั้งหมดไปถมไว้ที่ใดที่หนึ่ง ให้กระจายความเสี่ยงด้วยการฝากประจำ เล่นกองทุน หุ้น ตราสารหนี้ ซื้อที่ดิน ผมคิดว่าที่โลกแห่งนี้ไม่น่ามีกิจการโบรคเกอร์หรือแอพเล่นหุ้นออนไลน์ดังนั้นผมจึงตั้งใจซื้อที่ดินสักแปลง

“ไปบริษัทนายหน้าค้าอสังหา”ผมบอกคนขับ ถึงอย่างไรผมก็ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองจะให้เช่าโรงแรมอยู่ตลอดไปก็ไม่ไหว การลงทุนซื้อบ้านกับที่ดินเองก็ถือเป็นทางเลือกที่ความเสี่ยงต่ำ นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

“ที่นี่เหรอ”ผมมองตึกแถวสูงสองชั้นสีดำไม่ใหม่ไม่เก่าตรงหน้าก่อนก้าวลงจากรถม้า

พอเดินเข้ามาในสำนักงานผมก็ต้องตบหน้าผากตัวเองอีกครั้ง

“ไอ้การันต์เอ๊ย แกจะลืมซื้อเสื้อใหม่กี่รอบห๊ะ!”ผมด่าตัวเองเสร็จก็หมุนตัวออกจากสำนักงาน หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะถามใครก็เดินไปถามลุงคนขับที่ยืนให้อาหารม้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยอยู่ที่ซอยข้างๆสำนักงานอสังหาแห่งนี้

เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหาลุงแกก็ทำท่าจะปีนขึ้นที่นั่งคนขับเพราะคิดว่าผมจัดการธุระเสร็จแล้วผมเลยต้องรีบเบรกไว้

“เดี๋ยวลุง ข้ายังทำธุระไม่เสร็จเพียงแต่อยากหาซื้อเครื่องแต่งกายใหม่ก่อน มีร้านแนะนำไหม”

ลุงได้ยินดังนั้นก็กวาดสายตามองสารร่างของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก สายตาของลุงแกบ่งชัดมากว่าผมควรหาซื้อเสื้อใหม่ได้นานแล้ว แกชี้ไปที่ตึกแถวซึ่งอยู่เยื้องไปจากสำนักงานอสังหาไม่ไกล”ร้านนั้นใช้ผ้าที่มีคุณภาพ การตัดเย็บปรานีต มีหลายสาขาในราชอาณาจักรแห่งนี้”

“ขอบคุณลุง”ผมก้มหัวให้ลุงก่อนเดินข้ามถนนไป

การข้ามถนนที่นี่ง่ายมากครับ ไม่มีมอเตอร์ไซค์ย้อนศร รถฝ่าไฟแดง เพราะพาหนะของโลกนี้9ใน10เป็นรถม้า

ขณะเดินเข้าไปในร้านผมก็คิดถึงคำพูดของลุงไปด้วย

ลุงเรียกประเทศนี้ว่าราชอาณาจักร

ผมเคยอ่านนิยายแนวย้อนยุคมาก่อนจึงรู้ว่าแคว้น อาณาจักร และราชอาณาจักรมีเสกลแตกต่างกันโดยราชอาณาจักรนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด

“ยังดีที่เราโผล่มาที่เมืองที่เจริงรุ่งเรืองหน่อย”ผมไม่รู้ว่าโลกแห่งนี้ยังมีการรบเพื่อแย่งชิงดินแดนอยู่ไหม แต่เห็นว่ายังมีระบบอัศวินอยู่ก็น่าจะมีการรบกันล่ะนะ ยังไงอยู่ในประเทศที่มั่งคั่งหน่อยชีวิตความเป็นอยู่ก็ย่อมสุขสบายกว่า

“คุณชายมีอะไรให้รับใช้ครับ”คราวนี้พนักงานประจำร้านที่เดินเข้ามาทักผมไม่มีพฤติกรรมเหยียดการแต่งกายของผมเหมือนที่แล้วๆมาทำให้ผมต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

บอกตรงๆว่าผมยังอนาถสภาพชุดนอนเน่าๆของตัวเองนี่เต็มแก่ แต่หนุ่มน้อยคนนี้ไม่เลยครับ เขาก้มหัวให้ผมอย่างนอบน้อมก่อนพาผมเดินเข้ามาด้านในอย่างไม่รอช้า

“คุณชายสนใจเป็นชุดสั่งตัดหรือชุดสำเร็จแล้วขอรับ”ได้ฟังเสียงของเขาอีกครั้งทำให้ผมรู้สึกว่ามันนุ่มนวลมาก

ไม่ใช่แค่เสียงของเขาเท่านั้นที่มีความนุ่มนวล กิริยาท่าทางก็ด้วย วิธีผายมือเชื้อเชิญให้ผมทอดสายตามองราวแขวนเครื่องแต่งกายบอกเลยว่าผมมีกี่ชีวิตก็ไม่พอ

นั๊ลลั๊คคคคคค

ผมอยากตะโกนคำนี้ออกมาดังๆ แต่คงไม่ได้ เห็นว่าตัวเล็กน่ารักแบบนี้แต่คุณพนักงานต้อนรับก็เป็นผู้ชาย

แทนที่ผมจะมองแคตตาล็อคเสื้อที่เขาเอามาให้ดูผมกับลอบมองเส้นผมสีฟ้าเหมือนสายน้ำซึ่งยาวถึงกลางหลังแต่ถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อยนั่น ถ้าเขาปล่อยผมคงเหมือนผู้หญิงมากแน่ๆ

ผมคิดพลางยิ้มมุมปากให้กับภาพในมโนของตัวเอง

ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีแฟนนะ มีแค่เพื่อนคุยทางแชทเท่านั้น และเพื่อนคุยของผมมีหลายคนมาก ผมไม่เลือกเพศหรืออายุเลย ขอแค่หน้าตาดีถูกใจผมก็คุยได้หมด ตอนที่รู้ว่าต้องแต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันผมเลยไม่ตกใจไง

ผมน่ะได้หมด ขอแค่หน้าตาดีก็พอ

“คุณชายครับ”เมื่อเห็นผมไม่สนใจแคตาล็อคคนตัวเล็กเลยเปรยเสียงอ่อย

“หืม ไหน ดูซิ เจ้าคิดว่าตัวไหนเหมาะกับข้าล่ะ ลองเลือกมาสัก10ชุดซิ”ผมออกปากอย่างวางมาด

แม้คอสตูมพี่จะเหมือนขอทานแต่เงินในบัญชีพี่นี่เศรษฐีดีๆนี่เองนะน้อง

คนน่ารักเพ่งตามองสารร่างของผม นี่ไม่ใช่การมองเหยียดแต่เป็นการพินิจว่าหน้าตาแบบนี้หุ่นแบบนี้เหมาะกับเครื่องแต่งกายแบบไหน”คุณชายต้องการซื้อชุดเพื่อสวมใส่ในวาระไหนหรือครับ”

“อืมม นั่นสินะ ขอชุดทางการสัก2ตัว ชุดสำหรับเดินเที่ยวในเมือง5ตัว แล้วก็ชุดลำรองสวมใส่อยู่บ้านอีก3”ผมกล่าว จากนั้นคนน่ารักก็หายเข้าไปหลังร้านก่อนกลับออกมาพร้อมรถเข็น บนรถเข็นมีถาดใส่เครื่องแต่งกายซึ่งพับแยกชุดมาให้อย่างดี

“เชิญคุณชายเลือกได้เลยขอรับ ถ้ายังไม่ถูกใจข้าน้อยจะนำมาให้พิจารณาใหม่” ผมหยิบๆจับๆเสื้อผ้าเหล่านั้น บอกตรงๆว่าผมยังไม่อินกับแฟชั่นยุโรปยุคโบราณแบบนี้เท่าไหร่แต่ผมชอบใจตรงสี คนน่ารักคงเห็นลายพร้อยบนชุดนอนของผมทำให้รู้ใจว่าผมไม่ชอบสีทึมๆเขาก็เลยเลือกโทนน้ำตาลขาวมาให้ผม

ไม่มืดมน ไม่ฉูดฉาด

การันต์ให้ผ่าน!

“งั้นข้าเอาทั้งหมดนี่ หลังจ่ายเงินแล้วขอเปลี่ยนเลยได้ไหม”

“ด้วยความยินดีขอรับ นอกจากชุดที่คุณชายจะสวมเลย ชุดที่เหลือคุณชายจะให้เราจัดส่งไปที่บ้านให้ไหมขอรับ”หนุ่มน้อยหน้ามนบริการทุกระดับประทับใจป๋ามาก

ป๋าไม่เอาแค่เสื้อแล้วได้ไหม ขอซื้อหนูกลับไปด้วย ฮิ้ววว

“ไม่เป็นไร ให้คนถือไปส่งให้ที่รถม้าตรงนั้นก็แล้วกัน”เนื่องจากผมไม่มีบ้านผมจึงไม่สามารถใช้บริการส่งพัสดุได้ แล้วก็ไม่สามารถหิ้วหนุ่มน้อยกลับบ้านได้เช่นกัน

เห็นทีผมต้องซื้อบ้านอย่างจริงจังแล้วล่ะ

“ยอดเงินที่ต้องชำระขอรับ”หนุ่มน้อยหยิบลิสต์รายกายยื่นมาให้ผม

วูบแรกที่ผมเห็นราคาผมนี่ลมแทบจับ ชุดลำรองสำหรับใส่อยู่บ้านราคาชุดละ120เหรียญ!! บ้าไปแล้ว แพงกว่าโรงแรม4ดาวอีก!! ไม่ต้องพูดถึงชุดทางการเลยครับ รายการนี้สนนราคาอยู่ที่ชุดละ700เหรียญโดยประมาณ

สรุปรายจ่ายของผมสำหรับชุด10ชุดอยู่ที่ 3730เหรียญ หรือเทียบเท่า 149,200บาท

โอ้มายด์ก๊อดดด

ผมเดินหน้าสั่นออกมาจากร้านหลังจากจ่ายเงินเสร็จ รู้สึกตัวเองตัวเบาขึ้นเยอะ ขณะเดินข้ามถนนหางตาก็เหลือบไปเห็นร้านเสื้ออีกร้านอยู่ไม่ไกลเลยเดินไปดู แค่เห็นป้ายราคาของกางเกงที่หุ่นโชว์ใส่อยู่ผมก็แทบจะร้องไห้ กางเกงร้านนี้เขาขายแค่ตัวละ10เหรียญเอ๊งงงง

ผมตวัดสายตามองลุงคนขับรถม้าอย่างอาฆาต

ลุงนะลุง!

ร้านถูกๆมีเสือกไม่แนะนำ!!

แต่แกไม่สนใจผมสักนิด ยังคงเล่นกับม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่อไป พอหนุ่มน้อยน่ารักเอาเสื้อทั้ง9ของผมไปฝากแกก็ชีนิ้วสั่งให้หนุ่มน้อยของผมปีนขึ้นไปเก็บข้างหลังเอง

อิลุ๊งงง



------------------------

ในส่วนของพระเอกนั้น....ค่าตัวแพงตามระเบียบค่ะ 555+

แต่ตอนนี้ทุกคนพอจะเดากันได้รึยังว่าพระเอกของน้องการันต์คือใคร?

ตอนหน้ารับรองว่ามีซีนเปิดตัวของ'เขาคนนั้น'แน่นอนค่ะ!
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1 03/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 04-10-2018 14:57:09
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1 03/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-10-2018 01:26:22
บันเทิงมาก 555555 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH2 06/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 06-10-2018 07:53:28
ตอนที่2

ผมเลือกที่จะให้อภัยลุง เพราะลุงคงเห็นว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของผมนั้นเหมือนลูกผู้ดีมีอันจะกินลุงก็เลยแนะนำร้านเสื้อที่ราคาแพงแบบหูดับให้ผม แต่น่าเศร้าที่ลุงคิดผิด ตัวผมในโลกเดิมนั้นไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน พวกเราพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่ในบ้านแถบชานเมือง การเปย์เงินแบบเมื่อสักครู่นับว่าเลยขีดจำกัดสามัญสำนึกของผมไปแล้ว

แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมต้องซื้อบ้าน ซึ่งมันต้องแพงกว่าเสื้อสิบตัวอยู่แล้ว

ที่ประเทศไทยการซื้อบ้านสักหลังเป็นอะไรที่ห่างไกลกับมโนธรรมของนักศึกษาปี1อย่างผมไปไกลโข ที่โน่นผมยังไม่รู้เลยว่ามันต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง มาที่โลกนี้ผมยิ่งไม่รู้

เมื่อผลักประตูเข้าไปข้างในสายตาของพนักงานเสมียณก็พุ่งเป้ามายังผม เมื่อครู่ตอนเข้ามาผมใส่ชุดนอนเน่ากับรองเท้าแตะ แต่คราวนี้ผมกลับมาพร้อมเสื้อแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกคนคงตามการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน

“อะ เอ่อ เรียนเชิญคุณชายทางนี้เลยค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ”หนึ่งในเสมียณเหล่านั้นรีบเดินมาเชิญผมไปนั่ง ท่าทางอ่อนน้อมพูดจาอ่อนหวาน

เครื่องแต่งกายสามารถเพิ่มมูลค่าให้มนุษย์ได้มากจริงๆ

ผมนั่งบนโซฟาที่เธอพามาอย่างวางมาด เรื่องเก๊กหล่อผมถนัดอยู่แล้ว

“ข้าต้องการดูบ้านสักหลัง ยังไม่ได้เลือกทำเลแต่คิดไว้ว่าขอแบบชั้นเดียว พื้นที่สวนกว้างหน่อย”ผมตัวคนเดียว บ้านชั้นเดียวก็พอแล้ว

ความจริงที่ผมเลือกบ้านเล็กๆทั้งที่มีเงินเหลือเฟือก็เพราะผมยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อ เป้าหมายหลักของผมตอนนี้คือกลับบ้าน บ้านของพ่อแม่ที่กรุงเทพ ฉะนั้นบ้านที่โลกนี้น่ะขอแค่ซุกหัวนอนได้และปลอดภัยก็พอ

“สักครู่นะคะ”คุณเสมียณมีสีหน้าผิดหวังเมื่อทราบว่าผมต้องการเพียงบ้านหลังเล็กๆ เธอคงประเมิณจากการแต่งกายของผมแล้วตั้งเป้าเอาไว้สูงกว่านี้

ไม่นานนักเธอก็เดินกลับมาพร้อมสมุดแคตตาล็อค ที่ร้านเสื้อเมื่อกี๊สมุดแคตตาล็อคก็เป็นแบบนี้ โลกนี้คงไม่มีกล้องถ่ายรูปก็เลยใช้เป็นภาพวาดแทน

“บ้านมือหนึ่งย่านใจกลางเมืองส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว หอพักหรือไม่ก็บ้านสองชั้นที่มีพื้นที่สวนแค่ไม่กี่คืบนะคะ หากคุณชายต้องการบ้านชั้นเดียวที่มีสวนกว้างๆคงต้องขยับออกไปหน่อย”เธอกล่าวพลางเปิดแคตตาล็อคไปยังหน้าที่ต้องการเสนอขาย

“บ้านหลังนี้สร้างเสร็จเดือนก่อน ทำเลนับว่าไม่เลว แม้จะอยู่ไกลจากตัวเมืองแต่ถัดไปอีกนิดหน่อยก็เป็นสถานที่ตั้งของกองทัพอัศวินแห่งราชอาณาจักรแล้วดังนั้นคุณชายไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยนะคะ”เมื่อคราวพูดถึงกองทัพอัศวินนัยน์ตาของเธอก็เปล่งประกายระยิบระยับ

เธอคงเป็นผู้หญิงที่ชอบผู้ชายในเครื่องแบบล่ะนะ

ผมพยักหน้าหงึกหงัก นับว่าถูกใจบ้านหลังนี้ไม่น้อย แต่ยังอยากดูทางเลือกอื่นก่อนเผื่อเจอที่ถูกใจมากกว่า

แต่ก่อนจะข้ามไปบ้านหลังถัดไป ผมขอหลอกถามอะไรเธอหน่อยเถอะ

อย่าลืมนะว่าภารกิจที่ต้องพิชิตเพื่อกลับโลกเดิมของผมมันเกี่ยวข้องกับอัศวินอันดับหนึ่ง

“พูดถึงอัศวินข้าก็นึกขึ้นได้ ปกติดินแดนทางซีกโลกของเรามีกี่แว่นแคว้น กี่อาณาจักรที่ส่งตัวแทนลงประลองเพื่อชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งหรือ”สิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆก็คือ อัศวินอันดับหนึ่งคนปัจจุบันตอนนี้อยู่ที่ประเทศไหน จะได้ตามตัวถูก!

“เอ...น่าจะสัก ห้าสิบกว่าอาณาจักรล่ะมั้งคะ”

“คนที่ชนะได้นี่สุดยอดเลยนะ”

“ใช่ค่ะ!! ยิ่งชนะมา7สมัยซ้อนยิ่งสุดยอดของสุดยอดของสุดยอด!! เมื่อปีที่แล้วในที่สุดข้าก็สามารถแย่งซื้อตั๋วเข้าชมการประลองได้สำเร็จ! นับว่าเป็นบุญตาของชีวิตที่ได้เห็นท่านเอเทมพิชิตใต้หล้า ครอบครองตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดน!”เธอกุมมือทั้งสองข้างแนบอก สายตาเคลิบเคลิ้มเมื่อเอ่ยชื่อของอัศวินคนหนึ่ง

“เอเทม...”ผมพึมพำชื่อนี้ พยามท่องจำไว้ให้ขึ้นใจ

เขาคือหนึ่งในสองอัศวินผู้เป็นเป้าหมายของผม!!

ผมต้องตามหาตัวเขาให้พบและลากมาเข้าพิธีแต่งงานด้วยให้จงได้!!

ในขณะที่เธอยกมือสองข้างกุมแนบอกผมก็กำหมัดข้างหนึ่ง ตั้งปณิธานแน่วแน่ในใจ

“ท่านเอเทมเขาสุดยอดเลยนะ สมแล้วจริงๆ”ผมพูดต่อ ทำเหมือนรู้จักและเป็นแฟนคลับท่านเอเทมเหมือนกันเพื่อหลอกถามต่อ

เอาล่ะ ได้เวลาจี้จุด

ท่านเอเทมเป็นอัศวินจากราชอาณาจักรไหน!!?

ผมไม่สามารถถามคำถามนี้ออกไปตรงๆ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนดังแห่งยุค การที่คนในดินแดนซีกนี้ไม่รู้จักเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนไทยที่ไม่เคยได้ยินชื่อณเดชย์

“ฮะๆๆ ถ้าข้าซื้อบ้านหลังที่ติดกองทัพหลวง ข้าจะมีโอกาสเจอท่านเอเทมไหมนะ”ผมเปรยด้วยท่าทีสบายๆ ทำราวกับว่าเมื่อครู่เป็นเพียงมุกขำๆ

เอาล่ะ มารอฟังคำตอบของเธอกัน

ถ้าหากผมบังเอิญมีแต้มบุญสูงปรี๊ด ท่านเอเทมอะไรนั่นบังเอิญเป็นอัศวินของราชอาณาจักรนี้พอดี คำตอบของเธอก็น่าจะออกมาราวๆตัดพ้ออย่างอิจฉาผมหรืออาจจะเสริมข้อมูลรอเจอท่านเอเทมตามข้างทางให้อีกด้วย

แต่ถ้าท่านเอเทมไม่ได้อยู่ที่ราชอาณาจักรแห่งนี้ เธอคงหัวเราะกลับมาแล้วแซวผมว่าท่านเอเทมอยู่ที่อาณาจักรXXX จะมาโผล่ที่กองทัพอัศวินของเราได้อย่างไรกัน

จะออกหัวหรือก้อย ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เป็นตัวตัดสินนี้ผมพลันรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน

“เอิ่ม ฟังดูอาจจะเสียมารถยาท แต่ที่ข้าเลือกบ้านหลังนี้ให้คุณชาย ส่วนหนึ่งก็เพราะตอนส่งมอบบ้านข้าอาจจะโชคดีมีโอกาสได้พบกับเขา”เธอบิดตัวอย่างเอียงอายก่อนก้มหน้าขอโทษผม

ผมไม่ถือสาการเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องานของเธอสักนิด

ถ้ากระโดดหอมแก้มเธอได้ตอนนี้ผมทำไปแล้ว!!

อัศวินอันดับหนึ่งอยู่ในราชอาณาจักรแห่งนี้!

ผมต้องพยามเก็บอาการดีใจอย่างหนัก กลั้นไม่ให้ยิ้มออกมาจนเมื่อยหน้าไปหมด

“ข้าเลือกบ้านหลังนี้แหละ ไม่เปลี่ยนใจแล้ว เมื่อพวกเราทั้งสองปรับจูนสภาวะอารมณ์กันเรียบร้อยก็เป็นผมที่รีบตอบตกลงทันที”เท่าไหร่ล่ะ จ่ายสดได้เลย”ผมยกขาขวาขึ้นมาไขว่ห้าง ประสานมือเพื่อเสริมสร้างมาดเศรษฐีให้ตนเอง

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ ข้าขอไปเตรียมเอกสารสัญญาก่อน ขอตราประทับประจำตัวของคุณชายด้วยค่ะ”เธอเองก็ดีใจจนแทบจะกระโดดหอมแก้มผมเช่นกัน นายหน้าสาวกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน เธอทำท่าจะกระโจนไปที่โต๊ะทำงานของตนเองแต่ฉุกคิดขึ้นได้จึงเดินย้อนกลับมา

“ตราประทับประจำตัว...”ผมทวนคำนี้เสียงอ่อย

ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ที่รู้ๆก็คือผมไม่มีแน่นอน

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง สบตากับเธออย่างว่างเปล่า

เมื่อเห็นว่าผมเงียบเหมือนโรคใบ้กำเริบกะทันหันเจ้าหล่อนก็เดินกลับมานั่งอย่างไม่เข้าใจ

“ข้า...ไม่ใช่คนของราชอาณาจักรแห่งนี้”ผมตอบ

“อ้อ ถ้าเช่นนั้นคุณชายต้องแสดงหนังสือผ่านทางด้วยอีกอย่างนะคะ”เธอตอบ

ผมคิดว่าหนังสือผ่านทางที่เธอพูดถึงมีฟังชันก์คล้ายๆพาสปอร์ตกับวีซ่า ส่วนตราประทับประจำตัวนั่นคงเป็นบัตรประชาชน เอาเป็นว่าไม่มีทั้งสองอย่าง ผมไม่ใช่แค่ต่างด้าวธรรมดาสามัญ ผมคือต่างด้าวที่มาจากมิติอื่น!!!

“ข้า...ขอเวลาคิดอีกสักเดี๋ยวแล้วกัน”ผมหน้าซีดเป็นไก่ต้ม กระแอมไอกับเธอสองสามครั้งก่อนจะขอตัวลุกออกมา

ผมเดินหน้าสั่นออกมา คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ผมซื้อบ้านไม่ได้ ทั้งๆที่ถ้าซื้อมันได้ผมก็จะกลายเป็นเพื่อนบ้านของอัศวินทั้งกองทัพ! ประเด็นคือคนที่ผมต้องสู่ขอเขาทำงานในนั้น!

“ลุง...แถวนี้มีร้านอาหารแนะนำไหม เอาที่ไม่แพงมากนะ”ผมเดินกลับไปที่รถม้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ลุงแกก็เงียบขรึมเหมือนเคย ทำเพียงแค่ชี้นิ้วไปที่ตรอกเล็กๆข้างร้านเสื้อแบรนด์หรูที่ผมสวมอยู่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมต้องเข้าใจเอาเองว่าในตรอกแคบๆนั่นมีร้านข้าวอยู่

ผมเดินคอตกเข้าไปข้างใน สภาพที่เห็นทำให้ผมต้องถอนหายใจ ลุงคนนี้ไม่เคยมีความพอดี ตอนขอให้แนะนำร้านเสื้อก็แนะนำซะเว่อร์ คราวนี้กำชับว่าขอไม่แพง ดูสภาพร้านสิ อีกนิดก็คือคุ้ยหากินในถังขยะแล้ว

ร้านที่ลุงแนะนำไม่อาจนับว่ามันคือร้านได้ มันมีแค่แม่ครัวหนึ่งคนที่ยืนหน้าตายอยู่หลังโต๊ะทำครัวผุๆ ทั้งร้านมีโต๊ะนั่งแค่ตัวเดียว ผมเดินเตาะแตะไปลากเก้าอี้ไม้เก่าๆ พยามเลือกตัวที่ดีที่สุด ป้าเจ้าของร้านตวัดตามองผมอย่างเย็นชาตามประสาคนแดนรัตติกาล ขนาดแม่ค้ายังไม่มีความเป็นมิตรเลยให้ตาย

“เอาไรก็ได้จานนึง”

“ตัวซีซีย่างเกลือ กินได้ไหม”ป้าถามกลับ น้ำเสียงไม่รับแขกเหมือนเดิม

“ครับ”อย่าถามได้ไหม คนมันไม่รู้จัก

ใช้เวลารอไม่นานเนื่องจากผมเป็นลูกค้าเพียงคนเดียวของร้าน ป้าแกเดินเอาจานซีซีย่างเกลือซึ่งดูอย่างไรมันก็หนูนาทอดบ้านเราดีๆนี่เองมาให้ผม ผมตาเหลือกนั่งสบตากับเจ้าซีซีไร้ชีวิตแต่มาแบบครบสามสิบสองไม่มีการหั่นชิ้นตรงหน้า ในใจก่นด่าตาลุงคนขับรถม้าไม่ขาดตอน

และในขณะที่ผมกำลังนั่งจ้องตากับมันอยู่นั่นเองป้าแม่ครัวก็เดินเข้ามาตบโต๊ะ

“กินเร็วเข้าสิ!! นั่งรออัศวินอยู่รึไง!?”

“คะ ครับ กินครับกิน”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมป้าแกต้องดุผมด้วย!! แม่ผมยังไม่ดุผมเท่านี้เลยนะ!

“แต่ก่อนกิน ข้าขออะไรที่...สวยงามกว่านี้สักจานได้ไหมครับ”ผมเขี่ยจานเจ้าตัวซีซีไปด้านข้าง ไม่อยากหันไปมองอีกเพราะกลัวจะขย้อนของเก่าออกมา ป้าถลึงตาใส่ผมก่อนรีบสะบัดก้นเข้าครัวใหม่

“แต่เจ้าต้องกินนะ!! ซีซีตัวนั้นน่ะ!! ถ้าเจ้าไม่กินข้าจะกินเจ้าแทน!!!!”ป้าจะกินผมทำไมเล่า กินไอ้ซีซีย่างเกลือของป้าไปสิผมยกให้! ให้ตายผมก็ไม่กิน!

จี๊ด

“...”ผมนั่งเท้าคางมองป้าที่กำลังเร่งมือผัดอะไรก็ไม่รู้ควันขโมง

จี๊ดๆ

“เจ้าต้องกินมันนะ! รีบกินก่อนที่มันจะฟื้นขึ้นมา!!”ป้าก้มหน้าก้มตาผัดเร็วจี๊แต่ก็ไม่ลืมเร่งผมให้กินเจ้าซีซีจานเด็ด

จี๊ด

“ทำไมป้าแกยัดกูจังวะ ไอ้ตัวน่าเกลียดนี่มีอะไรน่ากิน...”

จี๊ดๆ

ผมก้มไปมองจานซีซีย่างเกลือที่ควรจะมีตัวลักษณะคล้ายหนูนานอนไหม้เกรียมหงายท้องอยู่ แต่มันไม่ใช่อีกแล้ว...ไม่มีซีซีหนึ่งตัวนอนหงายเก๋ง แต่มีซีซีตัวเป็นๆร่วม10ตัวจ้องผมตาใส

“ปะ ป้า... ป้า!!!”ผมเรียกป้าคนขายเสียงสั่น ป้าแกได้ยินผมเรียกก็หันกลับมามอง ภาพที่เธอเห็นตอนนี้ก็คือหนูนรกสิบตัวกำลังจ้องผม หลอนโคตร! ผมรู้สึกขาหมดแรง เบือนหน้าไปถามป้าว่านี่มันเรื่องอะไร

“ไอ้โง่เอ๊ย!! ตัวซีซีเป็นสัตว์ที่มีพลังเวท ก่อนตายมันจะสร้างลูกไว้ในท้อง กินมันหนึ่งตัวเท่ากับได้ฟรีมาอีกเป็นสิบ! ซีซีเป็นยาโดปอย่างดีแต่ข้อเสียของมันก็คือถ้าไม่รีบกิน ลูกในท้องของไอ้ตัวที่ตายจะกินซากตัวแม่และคลอดออกมา!! และตามติดสิ่งมีชีวิตที่มันเห็นสิ่งแรกไม่ปล่อย!!”

“อะ อะ อะ อะไรนะ!!!!”ผมตะโกนลั่นตรอก

ผมเกลียดแมลงสาป กลัวจิ้งจก ผวาตุ๊กแก แพ้สัตว์เลื้อยคลาน และแน่นอนว่าผมเกลียดหนู!!

“ป้า!! ช่วยข้าด้วย!!”

“ข้าจะเอากำลังที่ไหนไปสู้กับตัวซีซี หนูผีพวกนี้เป็นยาบำรุงเพราะตัวมันมีพลังเวทที่แข็งแกร่ง!!”

“ใครใช้ให้ป้าเอาของอันตรายแบบนี้มาขาย!!!”ผมลองลุกขึ้นยืนเพื่อเดินหนี หวังไว้ว่าเจ้าหนูหางยาวไร้ขนพวกนี้จะไม่เดินตาม แต่ความหวังของผมก็ถูกดับ เมื่อเห็นว่าผมลุกเดินหนีพวกมันก็กระโดดลงจากโต๊ะเพื่อวิ่งตามผม เมื่อมาถึงผมมีบางตัวเอาหัวเข้ามาคลอเคลียเท้าผมอย่างรักใคร่

โอ้มายก็อดดด

โอ้มายก๊อดดดดดดดด

กรี๊ดดดดดดดดดดด

“ของซื้อของขายตามปกติ แถมยังเป็นของดีราคาแพงอีก ข้าเห็นเจ้าแต่งตัวดีท่าทางมีฐานะแถมยังสั่งอะไรก็ได้ข้าก็เลยเลือกตัวซีซีให้เจ้าเพราะข้าคงขังมันไว้ในกรงได้อีกไม่นาน ซื้อมาตั้งแพงแต่ขายไม่ออก...”อิป้า!! ผมกรีดร้องโหยหวนในใจแบบอินฟินิตี้

อยากจะทรุดลงกองกับพื้น ทว่าโลกนี้มันช่างโหดร้าย ถ้าขืนผมทรุดลงไปหนูผีพวกนี้ต้องปีนขึ้นมาเล่นหัวผมแน่ แค่นี้ไอ้ตัวที่คลอเคลียขาผมเมื่อกี๊ก็ปีนมาถึงหัวเข่าผมแล้ว

“อ๊ากกก”ผมสะบัดขาตัวเองแรงๆ มาดผู้ดีไม่เหลือแล้วมันหายไปพร้อมๆกับความแมนของผมนี่แหละ สัมผัสที่ขารู้สึกยุบยับไปหมด พอเห็นผมกระโดดเหยงๆไอ้พวกลูกหนูก็คิดว่าผมกำลังจะเคลื่อนที่ไปที่อื่น ด้วยความที่กลัวโดนผมทิ้งพวกมันก็เลยพร้อมใจกันกระโดดเกาะขาโผ้มมมม

แม่ ฮือออ การันต์จะกลับบ๊านนน

“อ๊ากกกกกกกกก!!”ผมแหกปากร้องลั่นตรอก

ผมเริ่มออกวิ่งทั้งๆที่รู้ว่าวิ่งไปไหนก็สลัดไม่หลุด สิ่งที่ผมกำลังหนีไม่ใช่หนูผีแต่เป็นความจริง!! ผมหลับหูหลับตาวิ่งไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น!

พลั่ก

เพราะวิ่งเตลิดออกมาจากตรอกแคบๆนั่นอย่างขาดสติ ย่างเท้าลงบนฟุตบาทได้แค่ไม่กี่ก้าวผมก็ชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง ตามหลักแล้วคนโดนชนควรจะล้มแต่เหตุการณ์นี้คนที่ล้มกลับเป็นผม!

“แอ่ก เดินไม่ดูทาง! ไม่มีตาเหรอคุณ!!! ไม่เห็นเหรอว่ามีคนวิ่งมาทางนี้ ฮือออ”ผมตะโกนด่าออกไปทันทีทั้งๆที่คนที่หลับหูหลับตาวิ่งมาคือฝ่ายผม

แต่ผมไม่โทษเขาไม่ได้แล้วจริงๆ จำได้ไหมว่าทำไมผมถึงต้องยืน ผมนั่งไม่ได้เพราะเหล่าหนูผีที่เกาะขาผมอยู่มันจะปีนขึ้นมาเล่นหัวได้ง่ายขึ้น!!

เพียงแค่อึดใจเดียวที่ผมล้มก้นจ้ำเบ้า เหล่าลูกซีซีผู้น่ารักก็ใช้อุ้งเท้าเล็กๆของพวกมันเกาะเกี่ยวเสื้อแบรนด์เนมของผม ไต่ขึ้นมาสูงขึ้นเรื่องๆกระทั่งมีตัวหนึ่งคว้าหมับเข้าที่แก้มขวาของผม ผมร้องไห้แบบไร้น้ำตา โมเมนต์นี้ผมทำได้เพียงนั่งตัวแข็ง สัมผัสหางยาวๆอันไร้ขนของพวกมันกวัดแกว่งไปตามตัว

ที่พีคก็คือมีตัวนึงมุดเข้ามาในเสื้อ

“ฮืออออออออออออ”ผมนั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า กัดปากแน่นจนเลือดซิบ หลับตาปี๋ ไม่กล้าลืมตาขึ้นมามองอะไรแล้ว

ผมกลัวหนู ฮือออ

“ช่วยด๊วยยยย คนที่ขวางทางเมื่อกี๊ยังอยู่รึป่าว ทำคนเขาล้มก็หัดรับผิดชอบหน่อยสิวะ!!!!”ผมส่งสาญญาณSOSออกไปรัวๆ แต่ก็ทำใจไว้เก้าในสิบว่าคงไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ขนาดป้าขายข้าวแกงยังไม่ช่วยผมเลย ป้าแกแสดงอาการกลัวทั้งๆที่เป็นคนเสริฟมันให้ผมกินด้วยซ้ำ!!

“ไอ้เหี้ย ชิบหาย พ่อมึ๊งงงง ใครก็ได้ช่วยด๊วยยยยยยยยยย”ผมร้องแรกแหกกระเจิง ขวัญหนีดีฝ่อไปหมด

ฉับพลันรู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านร่างหลายครั้ง มันไม่ใช่ลมธรรมชาติหากแต่คล้ายคลึงกับเสียงวาดดาบตัดอากาศ

“ช่วยด๊วยยยย— เอ๋...”ผมกำลังจะร้องต่อ ปรากฏว่าสัมผัสน่าขยะแขยงตามร่างกายหายไปหมดแล้ว

ผมหลับตาอยู่จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

นี่ผมหลุดพ้นจากนรกขุมที่8มาได้แล้วหรือ?

เมื่อนิ่งรอสักพักก็ไม่รู้สึกถึงอุ้งเท้ายุบยับของพวกหนูผีอีกแล้วผมจึงค่อยๆลืมตาอย่างกล้าๆกลัวๆ ผมก้มลงมองตามร่างกายของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่มี!! หนูผีพวกนั้นกระเด็นออกไปแล้ว!

ถัดมาผมมองไปที่พื้นรอบๆตัว พบหนูผีทั้ง10นอนตัวขาดครึ่งท่อนอยู่บนพื้นพลันกลืนน้ำลายเฮือก

ผมรอดจากนรกนั่นมาได้ ผมต้องขอบคุณคนที่ช่วยผม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นที่ทำให้ผมล้มลงก็เหอะ

คิดได้ดังนั้นผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมมาตั้งแต่แรก และในเสี้ยววินาทีที่ผมเห็นเขาร่างกายของผมก็เหมือนกับถูกสตาฟฟ์เอาไว้อีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะถูกหนูผีลากคอลงนรก แต่เป็นผู้ชายตรงหน้าที่ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังอยู่บนสรวงสวรรค์

คุณเคยอ่านบทกวีที่ใช้พรรณนาความหล่อเหลาของผู้ชายคนหนึ่งไหม

ผมไม่เคย...

ดังนั้นผมขออธิบายรูปลักษณ์ของผู้ชายที่ช่วยผมเอาไว้ให้เข้าใจง่ายหน่อย

เขาหล่อมาก คำว่ามากในที่นี้สามารถขยายออกไปเป็นเขาหล่อเหลาปานเทพบุตร สาเหตุที่ผมเพ้อเจ้อว่าตัวเองอยู่บนสวรรค์ก็เพราะคำเปรียบนี้

ผู้ชายคนนี้มีกลิ่นอายเหมือนทุ่งน้ำแข็ง ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาเย็นชาและแข็งกระด้าง เส้นผมสีขาวตัดกับชุดเครื่องแบบอัศวินสีดำที่สวมใส่ ผิวขาวซีด รูปร่างท่าทีองอาจผ่าเผย ไม่ว่าจะมองอย่างไรชายผู้นี้ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของคำว่าหล่อ ไม่สิ คำว่าหล่อเหมือนถูกสร้างมาเพื่อเขา ช่างไร้ที่ติราวกับไม่มีอยู่จริง

ผมติดสตั๊นเพราะใบหน้าของอีกฝ่ายนานอยู่หลายวินาที

เมื่อรวบรวมสติได้เตรียมจะลุกขึ้นยืนเพื่อขอบคุณ ชายคนที่ผมทูนไว้เหนือหิ้งในใจคนนี้กลับหันไปกล่าวผู้ติดตามด้านหลังของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า

“จับกุม”

“ครับ!!”ผมดูออกในปราดเดียวว่าคนกลุ่มนี้เป็นอัศวิน พวกเขาสวมเครื่องแบบสีดำทั้งตัวและมีดาบเหน็บอยู่ที่เอว

เพียงแต่ผมดูไม่ออกว่าอัศวินเหล่านี้จะเข้ามาจับกุมผมทำไม...

“เดี๋ยวววว คิดว่าหน้าตาดีแล้วจะรังแกประชาชนยังไงก็ได้เหรอ”ผมหน้าซีดเป็นไก่ต้มแต่ยังมีแรงเถียงอีกนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆเพราะหลังจากนั้นไม่นานผมก็โดนตีหัวจนสลบ

ภาพรอบตัวของผมดับมืด

ตื่นมาอีกทีคงอยู่ในคุกเรียบร้อยแล้วแน่เลยกู



----------------------------------

ภายในตอนเดียวการันต์ฟาดเคราะห์ไปแล้วเท่าไหร่

มีใครให้ซวยมากกว่านี้มั้ยคะ!! วงวารรร 55555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH2 06/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-10-2018 12:51:48
อ้าว โดนจับไปอีก สงสารเลย 555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH2 06/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 07-10-2018 18:00:24
 :katai5:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH2 06/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 07-10-2018 19:21:50
จะทำไงต่อละการันเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH2 06/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 09-10-2018 16:26:34
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH3 10/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 10-10-2018 20:38:25
ตอนที่3

“งืมมม อย่าปลุกสิแม่ ผมขอนอนต่ออีกหน่อย”ผมงืมงำออกมาอย่างเกียจคร้าน ทว่าแรงที่กำลังเขย่าร่างของผมกลับไม่เบาลงมิหนำซ้ำยังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ผมขมวดคิ้วมุ่นอย่างรำคาญพลันหัวสมองน้อยๆเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้

ภาพจำสุดท้ายก่อนหมดสติคือผมโดนอัศวินจับกลางถนนนี่หว่า!!

ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยอารามตกใจ ทว่าผมพรวดพราดขึ้นมาเร็วเกินไปหน่อยใบหน้าของผมจึงพุ่งเข้าชนกับแผกอกแน่นๆของผู้ปลุกอย่างจัง ผมรีบเงยหน้าขึ้นเตรียมกล่าวขอโทษ ใจของผมมั่นใจเต็มร้อยว่าคนที่ผมเพิ่งแตะนิดแตะหน่อยเมื่อครู่ต้องเป็นอัศวินผู้หล่อเหลาฟ้าประทานคนนั้นแน่นอน

“ขอโทษครับ”ผมเปิดใช้งานเสียงสอง นุ่มนวลรื่นหู

แต่พอเห็นหน้าคนปลุกเต็มสองตารอยยิ้มของผมก็ต้องหุบฉับ

ลุงหนวดเฟิ้มตัวยักษ์นี่ใคร!?

เอ๊ะ เดี๋ยว แล้วทำไมเสื้อผ้าผมถึงหลุดรุ่ยขนาดนี้ล่ะ

“ยะ อย่าบอกนะว่า...”โลเกชั่นที่ผมอยู่คือห้องขังเดี่ยว ผมเพิ่งได้สติจึงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเหล็ก สภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยเผยให้เห็นผิวกายขาวผ่องเป็นยองใย และที่พีคคือตาลุงหนวดเฟิ้มยังนั่งอยู่ข้างๆท่าทางกึ่งคร่อม สองแขนจับไหล่ของผมไว้

“ลุงจะปล้ำผมเหรอ!!”ผมตกใจจนลืมกระทั่งแทนตัวเองด้วยคำว่าข้า

ความบริสุทธิ์แรกแย้มของผมต้องมาสูญสิ้นในคุกเน่าๆให้แก่ลุงหน้าปลวกนี่น่ะเร้อออ

ถ้าที่นี่มีธรรมเนียมให้อัศวินลักลอบปล้ำนักโทษได้ อย่างน้อยก็ขอให้นักโทษมีสิทธิ์เลือกคนปล้ำหน่อย

พ่อหนุ่มผมขาวตาฟ้าคนนั้นอยู่ไหน ไปตามเขาม๊า!!

แม้ในใจของผมจะยิงมุกตลกเหมือนไม่เครียดแต่ตัวจริงผมกำลังนั่งตาลอย เหม่อมองหน้าลุงเหมือนมันมีอะไรน่าดูชม แต่เปล่า สติของผมหลุดลอยไปแล้ว ผมกำลังคิดถึงแม่ คิดถึงเพื่อน และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คืออินเตอร์เน็ต

ผม...อยากกลับบ้าน

โดยไม่รู้ตัว น้ำตาของผมก็เอ่อทะลักเหมือนเขื่อนแตก

ตั้งแต่โดนถีบหัวส่งมาที่ต่างโลกผมไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาเลย ผมพยามเข้มแข็งและหาทางใช้ชีวิตที่โลกแห่งนี้อย่างสงบไปพลางหาทางกลับโลกเดิมไปพลาง

แต่ที่นี่ เวลานี้ ผมกำลังจะเสียประตูหลังให้ตาลุงตัวเหม็นเปรี้ยว

“ฮึก ลุงไม่สงสารผมเหรอ ฮือๆ ผมยังสงสารตัวเองจะแย่แล้ว โฮรว”ผมร้องไห้กระซิกๆ

คนฟังทำหน้างงงวยสักพักก็ผละออกไป เสียงห้าวของอัศวินมีอายุกล่าวกับผมว่า”ตื่นได้สักที ปลุกตั้งนาน ไปที่ห้องสอบสวนได้แล้ว!”

“อ้าว...”ผมร้องออกมาเบาๆก่อนโดนลากตัวออกจากห้องขังเดี่ยวไปอย่างไม่เบามือ

ฉับพลันผมก็คิดได้ สาเหตุที่เสื้อผ้าผมขาดก็เพราะว่าตอนที่อัศวินรูปหล่อคนนั้นกำจัดตัวซีซีให้ผม มีตัวหนึ่งมันมุดเข้ามาในเสื้อ เขาคงไม่นั่งปลดกระดุมให้ผมอย่างใจเย็นหรอก เห็นตัวมันเคลื่อนไหวอยู่ก็ฟันกระเด็นไปพร้อมเสื้อเลย

คิดมาถึงจุดนี้แล้วขอด่าหน่อยเหอะ เสื้อผมซื้อมาแพงมากนะ!! ใส่ยังไม่ทันครบชั่วโมงดีกลายสภาพเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว!!

ผมมีเวลาเสียดายเสื้อไม่นานนัก เมื่อลุงเฟิ้มพาผมมาถึงห้องสอบสวนเขาก็จับไหล่ผมกดลงบังคับให้นั่ง ผมก็นั่งก้มหน้าคอชิดอย่างว่าง่าย ภายในห้องมีอัศวินอีกคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู แต่คนที่สอบสวนผมเป็นเจ้าหน้าที่เพศชายที่หน้าตารู้มากคนหนึ่ง เขาจับแว่นตาของตนเองให้เข้าทีและเริ่มเอ่ย

“บอกชื่อ ที่อยู่ และอาชีพมา”

“ข้าชื่อการันต์ ที่อยู่ เอ่อ...ไม่มี อาชีพก็...ไม่มีครับ”ผมตอบเสียงอ่อย อนาถตัวเองที่ไม่มีเหี้ยไรเลย

“แสดงตราประทับประจำตัวกับหนังสือผ่านทางเข้าราชอาณาจักรด้วย”

...

...

“นี่ก็...ไม่มีครับ”

“ไม่มีแม้แต่ตราประทับ?”

“ครับ”เสียงของผมเจื่อนลงเรื่อยๆ ด้วยไม่รู้ว่าโลกแห่งนี้มีวิธีจัดการนักโทษอย่างไร แต่ถ้าหากผมต้องถูกจับไปทรมาน ตอกข้อเท้า หักนิ้ว เฉือนกระดูกเหมือนที่เห็นในหนังย้อนยุคล่ะก็ผมต้องไม่รอดแน่ๆ ฮือ

ผมก้มหน้านิ่ง มือสั่นหน้าซีดจนเป็นกระดาษขาว

หลังจากเงียบไปสักพักเจ้าหน้าที่หน้าตารู้มากก็เอ่ยออกมา”รู้ไหมว่าเจ้าถูกจับกุมด้วยข้อหาอะไร”

“ไม่รู้ครับ”ผมไม่มีแล้วก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้นอะ

“เจ้านำตัวซีซีเข้าที่สาธารณะ หากคณะอัศวินไม่อยู่แถวนั้นป่านนี้มันอาจแพร่พันธุ์เต็มเมืองหลวงไปแล้ว!!”ชายสวมแว่นตบโต๊ะเสียงดัง แต่ในคำพูดของเขาทำให้ผมทราบว่าที่นี่คือเมืองหลวง

“ผมไม่ได้นำมันมา แม่ครัวคนนั้นหลอกขายผม”

“ข้ารู้ โทษของเจ้าเลยลดเหลือแค่คุมขังคืนเดียว ซึ่งนี่ก็ครบคืนแล้ว หลังจากการสอบปากคำนี้สิ้นสุดเจ้าควรได้รับการปล่อยตัว”ชายสวมแว่นเว้นจังหวะพูดให้ผมดีใจ ซึ่งมันเป็นการดีใจเก้อ”แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อในข้อหาลักลอบเข้าเมือง!!”

ผมหน้าซีดอีกครั้ง ใบหน้าของผมเดี๋ยวสดใสเดี๋ยวหมองคล้ำ เปลี่ยนสีเร็วกว่าจิ้งจกไปแล้ว

“ข้า...มาจากต่างมิติ”ผมนั่งก้มหน้า สมองโล่งเตียนไปหมด จะใช้คำว่าขาวโพลนก็ไม่ได้เพราะอย่างน้อยมันยังมีสีขาว

คนฟังเงียบไป ทั่วทั้งห้องเหมือนถูกหยุดการเคลื่อนไหว ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่แว่น เฮียแกกำลังมองผมอย่างอึ้งๆก่อนหันไปสั่งการกับอัศวินที่ยืนเฝ้าหน้าประตูว่า”เจ้าไปเอาตำราเวทพนาหมื่นปีมา ข้าจะพิสูจน์ว่าบนร่างของเขามีไอเวทของต้นไม้หมื่นปีอยู่หรือไม่”

“เจ้าข้ามมิติมานานเท่าไหร่แล้ว”หลังสั่งการลูกน้องเสร็จเขาก็หันมาถามผม

“ประมาณ2วันครับ”ผมตอบตามความจริง สีหน้ามีความหวังในชีวิตขึ้นแปดเท่า

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าโลกแห่งนี้รู้จักการทะลุมิติจนเป็นเรื่องธรรมดาล่ะก็ป่านนี้ผมบอกไปนานแล้ว!

“เห้อ โล่ง”

“อย่าเพิ่งดีใจเร็วไป หากผลตรวจด้วยตำราเวทให้ค่าเป็นลบล่ะก็เจ้าจบไม่สวยแน่”

เมื่อโดนขู่เช่นนั้นผมก็กลับมาซีดอีกครั้ง ไม่นานนักอัศวินคนนั้นก็กลับมาพร้อมหนังสือปกแข็งสีน้ำตาลเล่มนึง นายแว่นที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์ผมรับสมุดมาก่อนพึมพำร่ายเวท คราวนี้ไม่มีแสงสีเสียงเอฟเฟคอะไรทั้งนั้น เพียงแต่บนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าของตำราเวทพลันปรากฏตัวอักษรที่ผมคุ้นเคย

BANGKOK

“ตัวอักษรที่ปรากฏบนตำราเวทนี้คือสถานที่อันเป็นบ้านเกิดของเจ้า ข้าสามารถยืนยันได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่ชื่อเมืองของโลกแห่งนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะพูดความจริงนะ”

“โฮกกก”ผมครวญอย่างโล่งใจ

“เอาล่ะ หลังจากนี้เราคงต้องรับรองเจ้าซึ่งเป็นผู้พลัดถิ่นในฐานะพลเรือนของราชอาณาจักร โดยมีข้อแม้ว่าเจ้าห้ามแพร่งพรายเรื่องการเดินทางข้ามมิติให้ประชาชนคนอื่นทราบเป็นอันขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลองของเดินทางไปยังต้นไม้หมื่นปีตามกระแส”ชายตรงข้ามผมกล่าวเสียงเข้ม

“ครับ!!”ผมดีใจแทบเป็นลมเมื่อรู้ว่าเขาจะให้สิทธิ์ผมเป็นพลเรือนของประเทศ

“ข้าต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งเบื้องบนก่อน กราเมเจ้าช่วยนำทางเขาไปยังที่ว่าการกลางเมืองที”ชายแว่นหันไปสั่งลุงเฟิ้มที่ยืนหน้าแป้นอยู่ข้างหลังผม”เขาจะช่วยจัดการธุระด้านเอกสารทั้งหมดให้เจ้า รวมถึงช่วยอธิบายพื้นฐานทั้งหมดเกี่ยวกับโลกของเราให้ด้วย”

ผมรีบหันขวับไปมองหน้าลุงอย่างตกใจ

นี่ผมต้องอยู่กับลุงอีกเรอะ!

“ท่าน! ข้าขอเปลี่ยนคนดูแลได้ไหม”

“เจ้ามีอัศวินที่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือ”ผมคิดว่านายแว่นคนนี้ค่อนข้างรับฟังผมทีเดียว อย่างตอนนี้เขายังเปิดโอกาสให้ผม หากผมมีอัศวินที่สนิทใจกว่าเขาก็ยินดีเปลี่ยนตัวให้

ผมกระแอมไอแบบเขินๆ ความจริงผมไม่รู้จักอัศวินคนไหนหรอก แต่ผมมีคนที่อยากรีเควสเป็นพิเศษ

“ข้าอยากให้คนที่ช่วยกำจัดตัวซีซีให้ข้ามาเป็นผู้ดูแล”

“สามหาว!!!!!!”สิ้นคำร้องของผมตาแว่นก็ตบโต๊ะดังฉาด ผมเห็นมือของเขาแดงแจ๋ นับว่าเป็นการทำร้ายตัวเองที่โง่เง่าเต่าตุ่นมาก แต่ผมไม่มีกะใจมานั่งด่าอีกฝ่ายว่าโง่นานนักเพราะเขามองผมตาเขียวปัด ทำท่าเหมือนจะกินหัวผมเข้าไป

ผมหันหน้าไปหาพี่เฟิ้มเพื่อถามเขาว่าพี่แว่นโมโหอะไร ปรากฏว่าพี่เฟิ้มก็ทำหน้าเหมือนอยากจะจับผมทุ่มอีกคน ไม่ใช่แค่นั้น อัศวินที่เฝ้าประตูกับพนักงานคนอื่นๆก็มองผมตาเขียวปั๊ด

ผมไม่รู้สาเหตุเลยเลือกที่จะสงบปากสงบคำ

เมื่อพวกเขาเห็นว่าผมทำท่าหงองอตัวเป็นต้นถั่วงอกทุกคนก็เลยปรับสีหน้าเป็นปกติ

นายแว่นผายมือไปยังประตูแทนการไล่ผมโดยไร้วาจา

ผมโดนพี่เฟิ้มพามาออกมาจากโซนคุกใต้ดิน เมื่อโผล่พ้นบันไดขึ้นมาก็เป็นทางออกประตูหลัง เขาเดินนำผมไปเรื่อยๆโดยไม่พูดไม่จาแต่ผมสัมผัสได้ว่าเขากำลังโกรธผมอยู่ ไม่นานพวกเราก็เดินทางมาถึงที่ว่าการเมืองเขาก็จับผมนั่งแหมะไว้บนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งก่อนเดินวุ่นวายเดินเรื่องเอกสารสารพัด

ผ่านไปอีกร่วมชั่วโมงเขาก็เดินมากระชากแขนผมจนตัวลอย

ถ้าจะกระชากกันจนขาไม่ติดพื้นขนาดนี้ทำไมไม่อุ้มไปเลยล่ะ ดีเลย ผมจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงเดิน

เนื่องจากผมมากับอัศวิน แถมยังเสื้อผ้าขาดวิ่น ประชาชนที่มาติดต่อราชการจึงมองผมด้วยสายตาใคร่รู้ ชะตากรรมของผมในโลกนี้คือการโดนมองเพราะแต่งกายไม่เรียบร้อยที่แท้ทรู

และแล้วหลังจากผ่านหนึ่งวันอันยาวนานมาในที่สุดผมก็ได้ตราประทับประจำตัว อันมีค่าเทียบเท่าบัตรประชาชน!

“ขอบคุณมาก”ผมหันไปขอบคุณพี่เฟิ้มซึ่งไม่พูดไม่จาทำหน้าถมึงทึงตลอดเวลา

พี่แกตวัดหางตามองผมอย่างไม่สบอารมณ์นักก่อนกล่าวเสียงห้วน”เจ้าจะไปไหนก็ไป ยืนมองหน้าข้าทำไม!?”

“อ้าว ก็พี่แว่นคนนั้นบอกว่าท่านจะเป็นคนชี้แนะเรื่องการใช้ชีวิตในโลกนี้...”ผมเอ่ยอ้ำอึ้ง ใจเริ่มแป้วอีกครั้งเพราะคาดว่าต้องโดนเทแน่นอน

แล้วก็เป็นจริงดังคาด พี่เฟิ้มแค่นเสียงหัวเราะใส่ผมหนึ่งทีก่อนสะบัดตูดเดินจากไป ก่อนเดินไปไกลเขาหันมาพูดกับผมคำหนึ่ง ยังดีที่ไม่ปล่อยให้ผมปะติดปะต่อสถานการณ์เอาเอง”เจ้าเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า บังอาจมาลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา จงรับกรรมด้วยการเผชิญโลกใบนี้เพียงลำพังเถอะ!!!”

พูดจบร่างยักษ์ของพี่เฟิ้มของเดินจ้ำจากไป

ผมที่ถูกทิ้งให้ยืนเอ๋ออยู่หน้าที่ว่าการเมืองได้แต่กระพริบตาปริบๆ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์?

ผมพยามประมวลผลว่าตัวเองเผลอไปลบหลู่อะไรเข้า เท่าที่ผมนึกออก ท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไปตอนที่ผมรีเควสให้อัศวินสุดหล่อล้ำคนนั้นมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงของผม

“ระ หรือว่าเขาจะเป็นเทพจริงๆ...”คิดแบบนี้แล้วร่างกายของผมพลันหนาวสะท้าน

“มิน่าล่ะถึงได้ดูหล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงขนาดนั้น”นี่ผมได้เทพจุติลงมาช่วยเหลือจากหนูนรกเลยหรือนี่

ผมเดินกอดอกตัวเองสั่นๆ ไม่ใช่ไร หนาวครับ เสื้อขาดแบะอกขนาดนี้แถมอากาศของที่นี่ยังเย็นเหมือนอยู่ยุโรป ไม่สั่นก็บ้าแล้ว!

ผมใช้เวลาพักใหญ่ทีเดียวกว่าจะเดินทางกลับมาถึงโรงแรม เงินส่วนที่ผมยัดใส่ปลอกหมอนเพื่อเอาไปใช้ซื้อบ้านผมได้รับคืนมาจากพวกอัศวินอย่างครบถ้วนแล้ว แต่ผมเป็นห่วงเงินที่อยู่ในห้องพัก แต่สิ่งที่ผมกลัวก็ไม่เกิดขึ้น พนักงานโรงแรมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับห้องของผม แถมเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาพวกเขายังรีบปรี่มาต้อนรับ

“ต้องขออภัยคุณชายเป็นอย่างสูง ทางเราจะอบรมคนขับรถม้าให้ดีกว่านี้ ต่อไปจะไม่ให้เขาแนะนำร้านอาหารมั่วซั่วอีก ทำให้คุณชายเดือดร้อนขนาดนี้ทางเราขอชดเชยด้วยการให้ใช้บริการฟรีอีกหนึ่งคืนและไม่ขอคิดค่าเช่ารถม้า...”หลังจากนั้นเขาก็พูดต่ออีกยาวเหยียด

คราวนี้เขาพูดจากับผมดีขึ้น กิริยาท่าทางนอบน้อม คงเพราะผมรีโนเวทสารร่างตัวเองมาแล้วเรียบร้อย

“อ่า อืม ไม่ถือๆ”ผมขอแค่ไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับถุงสมบัติในห้องของผมเท่านั้นก็พอ

เมื่อเข้ามาในห้องพักห้องเดิมผมก็รีบตรวจสอบจำนวนเงินทันที การนั่งนับเงินกลายเป็นงานอดิเรกของผมไปแล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองติดเงินมากกว่าติดมือถือแน่นอน

“เห้อ โชคดี ยังอยู่ครบ”แค่เห็นเงินก็สุขใจ

ไม่ว่าวันนี้จะผ่านเรื่องร้ายๆมาอย่างไรขอแค่กลับห้องมานอนกอดเงินผมก็ฝันดีไปทั้งคืนแล้ว

ซะเมื่อไหร่

ผมนอนไม่หลับ!! ทุกครั้งที่ผมหลับตา หน้าของท่านเทพผู้นั้นจะลอยเข้ามาเสมอ

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหล่อติดตา

ต่อมแรดของผมแตกซ่านอย่างหนัก บอกตรงๆเลยว่าที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตชิทแชทกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วก็จริงแต่ส่วนใหญ่ผมจะพุ่งเป้ายังคนที่น่ารัก ผู้หญิงผู้ชายน่ารักคือเสป็คของผม ส่วนพวกผู้ชายที่อยู่นอกเหนือเกณฑ์นี้จะต้องมาตรฐานสูงมากจริงๆผมถึงจะยอมคุย

แล้วเขาก็ตีมารตฐานผมแตกกระจุยในพริบตา

ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง เหลียวซ้ายแลขวาไม่มีอะไรทำ

ปกติเวลานอนไม่หลับผมจะหยิบมือถือมาเล่นแต่ที่โลกนี้ไม่มี

ผมนั่งสมาธิหายใจเข้าพุธทหายใจออกโท หวังอย่างยิ่งว่าธรรมะจะช่วยสยบความแรดในใจของผมได้

“นอนไม่หลับง่ะ”ผมโอดครวญ เดินออกไปที่ระเบียงกะตากอากาศสักพัก

เนื่องจากห้องพักของผมเป็นห้องที่เกรดต่ำที่สุดในโรงแรมแห่งนี้ มันจึงอยู่แค่ชั้น3ซึ่งนับว่าติดถนนใหญ่มากที่สุด

เวลานี้ยังไม่ดึกมาก พวกร้านเหล้าตามสองข้างทางยังเปิดอยู่และมีลูกค้าหนาตาทีเดียว ผมชะโงกหัวเพื่อมองสำรวจร้านพวกนั้น ด้วยความที่ไม่เคยกินเหล้ามาก่อนเลยอยากกินบ้าง

“ลองลงไปดูหน่อยละกัน”ที่ประเทศไทยเด็กอายุต่ำกว่า20จะกินเหล้าไม่ได้ตามกฎหมายแต่ผมไม่รู้กฎหมายของโลกนี้จึงกะลงไปถามเจ้าของร้าน

ผมเดินเข้ามาในร้านด้วยอาการประหม่า”พี่ๆ ที่โลกนี้อายุเท่าไหร่ถึงกินเหล้าได้อ่อ”

“เอ็งอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”พ่อค้าเจ้าของร้านเหล้าดองริมทางย้อนถาม

“18ย่าง19”ผมตอบ

“โอ๊ย กินได้แล้ว มาๆ นั่งเลยๆ”คงเพราะเห็นผมแต่งตัวดี คุณพ่อค้าหัวหมอจึงพยามยัดเยียดมาแต่เหล้าราคาแพง ผมเลือกจิ้มมั่วๆมาตัวหนึ่ง ไม่นานนักผมก็ได้สิ่งที่อยากลองมานาน

“เหล้า!! ฮะๆๆ”มีเงินนี่มันดีจริงๆ ของแพงเท่าไหร่ก็เปย์ไหว

ผมถูมืออย่างตื่นเต้น ยกแก้วขึ้นมาซดของเหลวสีอำพันลงคอ ความร้อนแผ่ซ่านทันทีที่ได้ลิ้มรส และไม่ใช่แค่ความร้อนเท่านั้นที่มาเยือนผมเร็วกว่ามาตรฐาน...ความเมาก็เช่นกัน

ร่างกายของผมโอนเอน

“ฮ่ะๆๆๆ”ผมเริ่มหัวเราะแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เมาแย้ว...”ผมเปรยเสียงยาน

“อ่อนเกิ๊น!!”ผู้ชายโต๊ะข้างๆหันมามองผมอย่างตกใจ

มันก็น่าตกใจอยู่หรอก ผมยังตกใจตัวเองเลย มันก็แค่เหล้าอึกเดียวเท่านั้นแต่ผมเสือกเมา เมาจนเป๋ไปเป๋มา

“ไอ้หยา คุณลูกค้า สงสัยเหล้าชนิดนี้แรงไป คงต้องเปลี่ยนแก้วแล้วล่ะ ข้าเอาแก้วนี้ไปเทให้นะ”พ่อค้าหัวใสเดินมาเอาแก้มของผมไป

“ฮะๆๆๆ”ผมนั่งโยกตัวเป็นตุ๊กตาโยกเยกแล้วก็หัวเราะเสียงโมโนโทนไปเรื่อยๆ ไม่นานแก้วเหล้าใบใหม่ก็มาเสริฟ ตามติดด้วยกับแกล้มอีกสองสามอย่าง

“กินนี่แนมด้วยสิ จะช่วยสร่างเมานะ”

“ฮะๆๆๆ”ผมไม่มีสติแล้วเลยหัวเราะเอ๋อๆกลับไป

“ฮะๆๆๆ”เสียงหัวเราะของผมคงดังหลอกหลอนไม่ใช่น้อย คนที่เดินผ่านหน้าร้านไปมาจึงเริ่มหันมามอง

เจ้าของร้านไม่ได้ว่าอะไรผมแล้วก็ไม่ได้ไล่ออกมาเพราะเห็นเป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก แต่ท่าทีของเขาพลันเปลี่ยนไปเมื่อมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน คนคนนั้นเอ่ยถามเจ้าของร้านด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า”นี่เป็นฤดูร้อน ร้านเหล้าอนุญาตให้เปิดได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น เหตุใดตีหนึ่งแล้วร้านของเจ้าจึงยังเปิดอยู่”

“เอ่อ...”

ความเงียบพลันเข้าปกคลุมร้านเล็กๆแห่งนี้

“ฮะๆๆๆๆ”ยกเว้นแต่เพียงเสียงของเราะของผม

ต้องขอโทษจริงๆ อย่าหาว่าผมไม่ดูกาลเทศะเลย เหมือนมันหัวเราะจนเบรกไม่ได้แล้ว

และเพราะผมเสร่อขำออกมานั่นแหละ คนมาใหม่ก็เลยหันขวับมามองผม

“โอ้ว นั่นมันท่านเทพอัศวินนี่!”ผมลุกขึ้นยืนง่อนแง่นพลางชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างยินดี”ดีใจที่ได้พบกันอีก ฮะๆๆๆ ท่านเทพอัศวิน ฮะๆๆๆ นับตั้งแต่ตอนที่ท่านช่วยกำจัดตัวซีซีให้ข้า ข้าก็มองหาท่านมาตลอด”

“ความจริงแล้ว ท่าน สำหรับข้าแล้ว ฮะๆๆๆ”ผมเดินปรี่เข้าไปตบไหล่ลูบหลังอีกฝ่ายโดยไม่ลืมเสียงหัวเราะโง่ๆของตัวเอง

“ข้ามีเรื่องต้องบอกท่าน ฮะๆๆ”

“มีธุระอะไรกับข้า”ท่านเทพสุดหล่อของผมตอบผมด้วย โอ้แม่เจ้า

“ตอนที่ท่านฆ่าตัวซีซี ท่านทำเสื้อข้าขาดกระจุย ฮะๆๆๆ”

“เสื้อตัวนั้นราคา 399เหรียญ อย่าลืมคืนเงินข้าด้วยนะจ๊ะ ฮะๆๆๆ”

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

คนในร้านทุกคนยกเว้นผมกับท่านเทพอ้าปากเหวอ ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความช็อคซีนีม่าแก่พวกเขาเป็นล้นพ้น

...

และแล้ว เช้าวันถัดมาผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาในคุกอีกครั้ง

บอกตรงๆว่าตั้งแต่ทะลุมิติจากบ้านมาไกลในที่สุดผมก็ได้บ้านหลังที่สอง

ไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่อะไร

คุกนั่นเอง...



------------------------

การันต์ได้บ้านใหม่แล้วนะคะ 555

แต่น้องไม่ได้โดนจับข้อหาทวงเงินค่าเสื้อท่านเทพหรอกนะ น้องโดนจับข้อหหาดื่มเหล้าทั้งที่อายุไม่ถึง
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH3 10/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-10-2018 10:29:28
น้องจะต้องโดนหลอกอีกกี่ครั้งเนี่ย 55555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH3 10/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 12-10-2018 19:35:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-1 13/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 13-10-2018 09:06:38
ตอนที่4

พอสติมาปัญญาก็เกิด ผมลุกขึ้นมาจากเตียงเหล็ก นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม”ไอ้การันต์เอ๊ยยย แกไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ไงชีวิตถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อน”ผมยกมือขึ้นเคาะหัวตัวเองแรงๆ ตอนนี้ปักใจเชื่อเต็มร้อยแล้วว่าอัศวินหน้าตาหล่อเหลาปานเทพผู้นั้นเป็นเทพตัวจริงเสียใจ

แม้จะยังไม่เข้าใจก็เหอะว่าทำไมเทพถึงมาเดินในเมืองบ่อยจัง

สักพักผู้คุมก็เดินเข้ามาเปิดประตูให้ผม”จ่ายค่าปรับแล้วก็กลับบ้านได้”

ดูเหมือนผมจะทำผิดข้อหาดื่มเหล้าทั้งๆที่อายุไม่ถึง! ซึ่งความจริงแล้วผมโดนหลอก พี่พ่อค้าคนนั้นหลอกผม แต่คุณอัศวินที่รับค่าปรับไปบอกว่าถ้าอยากเรียกร้องค่าเสียหายจากพ่อค้าผมสามารถทำได้ แต่ผมต้องไปฟ้องศาล!

ฟังแล้วยุ่งยากผมจึงตัดสินใจใช้เงินแก้ปัญหาอีกครั้ง

คราวนี้ผมเป็นพลเรือนของราชอาณาจักรแห่งนี้เต็มตัวผมจึงเดินยืดอกในเมืองได้อย่างภาคภูมิ หลังจากได้รับอิสระผมก็ไปเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม คราวนี้ผมไม่ต้องใช้ปลอกหมอนใส่เงินให้มันอนาถาแล้วเพราะผมซื้อกระเป๋าเดินทางใบโตมาอย่างรอบคอบ

โชคดีของผมที่โลกนี้มีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ากระเป๋าลากดังนั้นผมจึงไม่ต้องเพาะกล้ามด้วยการแบกเงินไปไหนมาไหนอีก

“ซื้อบ้านหลังที่ตกลงกันไว้เมื่อวานครับ!”เมื่อเดินทางมาถึงสำนักงานอสังหาผมก็พุ่งเข้าไปหานายหน้าสาวคนเมื่อวานทันที เมื่อเธอเห็นผมก็ส่งยิ้มกว้าง

“ได้ค่ะ!!”การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ขณะรอให้ผมอ่านทบทวนเอกสารสัญญาเธอก็พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า”วันนี้ได้ข่าวว่าท่านเอเทมจะเข้ากองทัพ พวกเราอาจจะได้เจอเขานะคะ”

ผมต้องขอบคุณความติ่งของเธอนะ เธอบอกว่าปกติหลังเซ็นต์สัญญาเสร็จต้องรอวันถัดไปถึงจะพาเข้าไปดูบ้านแต่เธอจะพาผมไปวันนี้เลย ส่วนลูกค้าคนอื่นที่นัดไว้วันนี้เธอผลักไปพรุ่งนี้แทน

ดีครับดี

พนักงานแบบนี้จะช่วยให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง

“ไม่ทราบว่าจะเลือกผ่อนชำระกี่ปีดีคะ”เมื่อเธอถามแบบนั้นผมก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่าโลกนี้มีระบบผ่อนด้วย

“จ่ายสด”

ผมรวยอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ

“งั้นข้าขอเสนอราคาเลยนะคะ บ้านรวมที่ดินหลังรวมสนนราคาอยู่ที่ 1แสนเหรียญค่ะ”

“แสนเหรียญ!! แค่ก”ผมร้องลั่นเลยครับ บ้านโง่ๆไกลผู้ไกลคนขนาดนั้นทำไมแพงจัง ตีเป็นเงินไทยนี่4ล้านบาทเลยนะ ด้วยทำเลกับขนาดมันไม่ควรแพงเท่านั้นปะ

ผมคิดว่าโดนโก่งราคาเลยพยามต่อ ต่อจนหืดขึ้นคอสุดท้ายได้มาที่ราคา 9หมื่น5พันเหรียญ ก็ยังนับว่าแพงอยู่ดี แต่ถือว่าได้ต่อสุดความสามารถแล้วสุดท้ายผมจึงยอมเซ็นต์สัญญาและจ่ายสด โดยเงินที่ใช้จ่ายก็ไม่ใช่เงินจากไหน พวกเศษเหรียญในกระสอบนั่นไง

เนื่องจากผมเอาแบงค์ใหญ่ไปฝากธนาคารหมดแล้ว เงินสดติดตัวตอนนี้เลยมีแค่เหรียญกับแบงค์เล็กๆ

ผมปล่อยเธอนับเงินอยู่นาน เชื่อว่าในใจของสาวน้อยคนนี้กำลังก่นด่าผมอย่างหนัก

สุดท้ายเมื่อจ่ายค่าบ้านแล้วผมก็ยังมีเหรียญอยู่อีกมาก แต่ผมขี้เกียจเอาเข้าธนาคารแล้วเลยให้เธอนำทางไปที่บ้านเลย

เราสองคนขึ้นรถม้าโดยสายที่รับจ้างวิ่ง อารมณ์คล้ายๆแท็กซี่นั่นแหละ

บ้านที่ผมซื้ออยู่ไกลจากตัวเมืองจนผมตกใจ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถตลอดทาง จากตึกแถวปลูกติดๆกันก็เริ่มเว้นระยะห่างขึ้น แล้วจากตึกแถวก็กลายเป็นบ้าน ระยะห่างของรั้วบ้านแต่ละหลังเริ่มไกลกัน ไกลกัน ไกลออกไป จากเมตรเดียว เพิ่มเป็นสอง สาม ห้า สิบ ร้อย...

สภาพตอนนี้อย่าเรียกว่าเมืองหลวงเลย ชนบทจนมีนบุรีหนอกจอกอายอะ

“เอิ่ม อีกไกลไหมครับ บ้านที่ข้าซื้ออยู่ในเมืองหลวงแน่ใช่ไหม”ผมถามย้ำกับนายหน้า ตั้งแต่มาโลกนี้โดนหลอกไปไม่รู้เท่าไหร่ใจมันเลยเริ่มกลัว

“ค่ะ อยู่เมืองหลวงแน่นอนค่ะ คุณชายไม่ต้องกังวล ที่พื้นที่แถบนี้ดูเหมือนไม่มีบ้านคนเพราะแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นที่ดินของอัศวิน บ้านที่คุณชายเห็นอยู่นี่ อืม หลังเล็กๆนั่นจะเป็นของอัศวินชั้นประทวนค่ะ ส่วนหลังนั้นที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็นของนายสิบหัวหน้าหมู่”เธอชี้มือไปยังบ้านหลังต่างๆ

“สวัสดิการอัศวินที่นี่ดีเหลือเกินนะ”ผมหัวเราะเสียงแห้ง

“เปล่าค่ะ พวกเขาต้องซื้อบ้านด้วยเงินของตนเอง นอกจากผู้ที่ทำความดีความชอบจึงจะได้รับพระราชทานรางวัล ซึ่งนับว่าเป็นส่วนน้อยมากๆ ความจริงบ้านที่คุณชายซื้อก็สร้างขึ้นเพื่อปล่อยขายให้พวกอัศวินเช่นกันค่ะ”

“อ้อ...”ผมพยักหน้ารับข้อมูล 

บอกเลยว่าบ้านของพวกเขาไม่ใหญ่ก็จริง แต่สนามหญ้ารอบบ้านกว้างมาก กว้างจนเตะฟุตบอลเล่นได้เลย

ครึ่งชั่วโมงต่อมาทิวทัศน์รอบด้านก็เปลี่ยนไป คราวนี้ไม่มีบ้านที่ปลูกห่างๆกันอีกแล้ว เพราะมันไม่มีสักกะหลัง

“โอ๊ะๆ เห็นบ้านของคุณชายแล้วค่ะ”นายหน้าสาวชี้นิ้วออกไปท่ามกลางความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น ผมทั้งเพ่งทั้งหลี่ตามองถึงจะเห็นจุดเล็กๆอยู่ที่ปลายสายตา

รอจนรถม้าเข้าใกล้หน่อยผมจึงเห็นผมที่มีลักษณะเหมือนในแคตตาล็อค

“เอิ่ม มัน...เหงาไปหน่อยนะ...”ผมเปรยเสียงหวิว

แบบนี้ไม่ใช่แค่เหงาแล้ว! ในรัศมี5กิโลรอบบ้านหลังนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเลยด้วยซ้ำ!!

“ค่ะ เนื่องจากคุณชายซื้อบ้านพร้อมที่ดินนะคะ ที่ดินของคุณชายมีรัศมี5กิโลเมตรนับจากตัวบ้านค่ะ ตรงตามคอนเซ็ปบ้านชั้นเดียวที่มีสวนกว้างๆตามที่คุณชายต้องการทุกประการค่ะ!”ผมจะร้องไห้แล้ว ดูเธอทำกับผมสิ!

เธอพาผมเดินชมบ้านแต่มันไม่มีอะไรต่างจากรูปในแคตตาล็อคเท่าไหร่

บ้านที่ผมซื้อเป็นบ้านชั้นเดียว 2ห้องนอน 1ห้องน้ำ มีโซนนั่งเล่นและมีห้องครัว

ส่วนที่ผมชอบที่สุดของบ้านก็คือปล่องไฟครับ ปล่องไฟที่ให้ซานตาครอสแอบเข้ามาในบ้านเราอะ

ผมยืนชื่นชมปล่องไฟที่ก่อด้วยอิฐสีดำอยู่พักใหญ่ก่อนจะตระหนักได้ว่าบ้านของผมคุมโทนดำ ขาว เทา เหมือนกับบ้านอื่นๆในเมือง ดูในรูปมันก็สวยดี แต่พอพิจารณาประกอบกับทำเลแล้ว

“เอิ่ม...แถวนี้มีผีไหม”ผมหันไปถามพนักงานสาว แต่เธอไม่สนใจผมแล้ว รีบอธิบายโน่นนี่เป็นชุดก่อนจะโดดขึ้นรถม้าไป

“ขอให้คุณชายโชคดีกับบ้านหลังใหม่นะคะ!! ข้าขอแวะเข้าไปทำธุระที่กองทัพหลวงก่อน ลาก่อนค่ะ!!”เธอโบกมือลาผมอย่างหน้าชื่นตาบาน เมื่อไม่อาจฉุดรั้งอะไรเธอได้อีกผมก็ได้แต่หมุนตัวกลับเข้ามาในบ้านหลังใหม่

เนื่องจากผมซื้อบ้านพร้อมเครื่องเรือนเลยผมมีของจำเป็นอย่างโต๊ะ ตู้ เตียง จานชาม อ่างอาบน้ำเรียบร้อย

“ปัญหาคือข้าวเย็นสินะ...”ผมคิดว่าผมอยู่ที่นี่ได้ ในกรณีที่มีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ใกล้ๆ!!

ผมลองเดินเข้าไปในห้องครัว ดูเหมือนจะมีพวกเนื้อตากแห้งกับข้าวสารอยู่ผมจึงถอนหายใจอย่างโลกอก

“ขามามารถม้ายังใช้เวลาตั้งนาน ขืนเดินเท้ากี่วันจะถึงใจกลางเมืองล่ะเนี่ย...”รัศมี5กิโลรอบบ้านผมไร้สิ่งมีชีวิตโดยสมบูรณ์แบบ ถัดออกไปก็เป็นบ้านของอัศวินซึ่งปลูกห่างกันมาก

“ที่แบบนี้ไม่มีทางมีรถม้าประจำทางผ่านแน่ๆ”ยิ่งคิดยิ่งท้อครับ

ผมตัดสินใจเอาเสื้อผ้าซึ่งเหลืออยู่8ชุดใส่เข้าไปในตู้เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางที่มีทรัพย์สมบัติของผมเองก็ยัดใส่หีบใบใหญ่ ผมขอเรียกมันว่าหีบสมบัติเพราะว่าพอผมเอาของใส่เข้าไปด้านในมันก็ให้ผมประทับฝ่ามือ ผมมโนว่ามันน่าจะใช้ระบบคล้ายๆระบบสแกนลายนิ้วมือจึงวางใจที่จะฝากเงินไว้

“ที่นี้ก็เหลือแค่วิธีเดินทางแล้ว”

ผมเกิดและโตในกรุงเทพ ซึ่งขึ้นชื่อว่ารถติดหนึบแต่อย่างน้อยหอของผมก็อยู่ใกล้รถไฟฟ้า การเดินทางสะดวก ร้านข้าวตามสั่งร้านแผงลอยก็มีเกลื่อน

ผมเดินไปเกาะหน้าต่าง ทอดมองทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างเวิ้งว้าง

“โลกนี้มีหมาไหมนะ เข้าเมืองคราวหน้าคงต้องซื้อมาเลี้ยงเป็นเพื่อนสักตัวแล้ว”พูดกับตัวเองเสียงจ๋อยเพราะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับเข้าเมืองอย่างไร

“เอาไว้พรุ่งนี้ลองเดินไปหาบ้านของอัศวินที่ใกล้ที่สุดแล้วลองขอให้เขาช่วยแล้วกัน”ความเหงาและเปลี่ยวใจของผมมันสะท้อนออกมาผ่านการยืนพูดคนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร

ผมเดินวนรอบบ้านอีกสองสามรอบเพื่อสำรวจเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆ เมื่อวนเวียนจนเบื่อแล้วก็กลับมานั่งริมหน้าต่างตามเดิม ผมตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพราะนายหน้าบอกว่ามันอยู่ใกล้กองทัพ ซึ่งผมก็เชื่อว่ากองทัพต้องอยู่แถวนี้ไม่งั้นคงไม่มีบ้านพักอัศวินอยู่หรอก

แต่คำว่า’แถวนี้’สเกลมันกว้างกว่าที่ผมมโนเอาไว้

“เห้อ...”มาถึงมิตินี้แค่ครึ่งอาทิตย์ผมก็ถอนหายใจรวมกันเป็นร้อยครั้งแล้ว

“ท่านเอเทม ท่านช่างห่างไกลเหลือเกิน”ห่างไกลในที่นี้คือในแง่ของระยะทางล้วนๆ

ผมนั่งหงอยอยู่แบบนั้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตแต่ก่อนผมหมดเวลาไปกับการเรียนและอินเตอร์เน็ต แต่โลกนี้ไม่มีทั้งสองอย่างผมจึงได้แต่นั่งหายใจทิ้ง พอฟ้าเริ่มมืดผมก็เดินเข้าครัว ในครัวมีเนื้อตากแห้งกับข้าวสาร

ขอโม้หน่อยละกัน เห็นผมลูกคุณหนูแบบนี้แต่ผมก็หุงข้าวเป็นนะ

ในกรณีที่ใช้เตาไฟฟ้า...

ผมหยิบหม้อออกมาจากชั้นเก็บของในครัว เดินไปตักน้ำในถังเก็บน้ำข้างนอกบ้านก่อนเดินกลับเข้ามา ยืนนิ่งจดๆจ้องๆอยู่หน้าเตาฟืน โชคดีหน่อยที่ในนั้นมีฟืนอยู่ ผมอาศัยประสบการณ์เข้าค่ายลูกเสือทำให้ก่อไฟด้วยไม้ขีดได้สำเร็จ ผมยืนรอจนฟืนเริ่มไหม้เป็นถ่าน เมื่อเห็นว่าความร้อนได้ที่ก็นำหูหม้อไปเกี่ยวกับขอเกี่ยวในเตาฟืนอย่างทุลักทุเล

ปล่องไฟไม่ใช่ของที่มีไว้ให้ซานตาครอสมุดเข้าบ้านเท่านั้น มันยังเป็นทางออกของควันจากการเผาถ่านอีกด้วย

“แล้วมันต้องหุงกี่นาทีล่ะเนี่ย”ถ้าเป็นหม้อหุงข้าว มันจะตัดความร้อนอัตโนมัติ

“แล้วต้องหาอะไรมาจับดีล่ะ”ปัญหาแรกยังไม่ทันแก้เสร็จปัญหาที่สองตามมาติดๆ

หม้อที่ผมมีเป็นหม้อโลหะ หูหิ้วของมันก็เป็นโลหะซึ่งนำความร้อน ผมไม่สามารถใช้มือเปล่าหยิบมันออกมาจากกองไฟได้

ผมพยามเดินหาเศษผ้าภายในบ้านแต่ต้องพบกับความผิดหวัง

“หรือว่าจะเอาเสื้อเราใช้แทนถุงมือไปก่อน”ผมเหลือบมองไปทางตู้เสื้อผ้าซึ่งบรรจุเครื่องนุ่มห่มมูลค่าแสนครึ่งไว้ภายในก่อนสายหัว”อันนั้นก็รวยเกิ๊น”

สุดท้ายผมก็แก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ พอกะเวลาว่าข้าวในหม้อน่าจะสุกได้ที่แล้วผมก็เอาน้ำมาราดดับไฟ เดินไปตักมาอีกถังหนึ่งเพื่อรดลงบนตัวหม้อ

ครับ ผมกำลังรอให้หม้อเย็นเพื่อหยิบมันออกมาจากเตา วิธีของผมกินเวลานานจนกระเพาะแทบร้องขอชีวิต ผมหิวจนไม่รู้จะหิวยังไงในที่สุดก็ยกหม้ออกจากเตาได้

“สำเร็จ! เรานี่ฉลาดจริงๆ ฮะๆๆๆๆ”ผมหัวเราะร่าเริงขณะเดินไปหยิบทัพพีมาตักข้าวใส่ชาม

วินาทีนั้นเองผมพลันตระหนักถึงความโง่

ถึงแม้ว่าผมจะหิ้วหม้ออกมาจากเตาไม่ได้แต่ผมก็สามารถเอาทัพพีมาตักข้าวได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งรอให้หม้อเย็นสักนิด

มื้อเย็นวันนี้มีรสชาติเค็มเป็นพิเศษ เพราะมันมีเครื่องปรุงเป็นน้ำตาของผมเอง ผมร้องไห้ก่นด่าความโง่เง่าของตัวเองอย่างคับแค้นใจ เนื้อตากแห้งก็ไม่อร่อย สงสัยคงเก็บเอาไว้นานหรือไม่ช่างก่อสร้างก็คงลืมทิ้งไว้ ส่วนข้าวก็กึ่งสุกกึ่งดิบ โดยรวมเป็นมื้อที่บัดซบมากมื้อหนึ่ง

“ฮรึก...ชีวิตหนอชีวิต”

ถ้าโลกนี้มีวัดผมจะหนีไปบวช!

ขณะอาบน้ำผมคิดเช่นนั้น ตอนเข้านอนเองก็ยังคงคิดเช่นนั้น

ผมไม่ได้นอนหลับในทันทีเนื่องจากมันยังหัวค่ำอยู่บวกกับความเครียดมากมายที่ผมเผชิญ

ผมนอนมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอยอยู่บนเตียง

“นับเงินดีกว่า”เงินกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและกิจกรรมเพียงอย่างเดียวของผมไปแล้ว ผมค่อยๆคลานไปที่หีบสมบัติ ยังไม่ทันคลานไปถึงไฟในบ้านก็ดับมืด!!

โลกนี้ไม่ได้ลำบากถึงขนาดต้องจุดตะเกียงหรือเทียนไขแทนแสงสว่าง พวกเขามีเวทมนต์และสิ่งประดิษฐ์อำนวยความสะดวกที่ใช้เวทมนต์เป็นแหล่งพลังงาน อย่างเช่นหลอดไฟ มันมีลักษณะคล้ายลูกแก้ว ส่องแสงสีเหลืองนวล แม้ไม่สว่างเหมือนนีออนแต่ก็ช่วยให้มองเห็นชัดเจน

แต่ว่าตอนนี้มันดันดับ!! แถมไม่ได้ดับดวงเดียวด้วย มันดับทั้งบ้าน!!

“ฮืออ แม่ การันต์ขอโทษ ตอนสอบติดมหาลัยแม่บอกให้การันต์อยู่บ้านแต่การันต์ไม่เชื่อ การันต์เถียงแม่ว่าอยากออกไปใช้ชีวิตคนเดียว ฮือออ ไม่เอาแล้ว อยู่คนเดียว น่ากลัว ฮือออ”ถ้าเป็นโลกเดิมผมสามารถโทรตามช่างไฟหรือไปขอนอนกับเพื่อนได้

ผมคลำทางกลับมาที่เตียง ข้างเตียงของผมมีหน้าต่าง ผมเลิกผ้าม่านออกเพื่อให้แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาด้านใน

ครับ เจตนาของผมคือเปิดม่านให้เห็นพระจันทร์

แต่สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่พระจันทร์!!!

“โอ้...มาย...ก็อด...”

มันคือดวงตาสีอำพันดวงใหญ่เท่าหน้าต่างบ้าน และดวงตาคู่นั้นพลันลุกวาวขึ้นเมื่อมองเห็นผม

ผมค่อยๆทรุดแหมะกับพื้นอย่างหมดแรง นี่มันสัตว์ประหลาด ตีลังกามองก็รู้ว่ามันจ้องจะแดกผมเป็นมื้อค่ำ

“อ๊ากกก”ผมแหกปากร้องโหยหวน วิ่งออกไปทางประตูหลังบ้าน วิ่งด้วยความเร็วที่มากที่สุดในชีวิต!”อัศวิ๊นนนน อัศวินนนนน ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!”



---------------------------------------

น้องต้องงัดเอาประสบการณ์ก่อไฟทอดไข่จากค่ายลูกเสือมาใช้ทำข้าวเย็น

แล้วน้องต้องงัดเอาอะไรมาสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ดี

คำตอบ : สกิลพระเอกไงล่ะ!!
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-1 13/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 13-10-2018 21:23:51
 :m20: น้องงง.....พระเอกจะออกมาช่วยมั้ยคะ ค่าตัวแพงเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-1 13/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-10-2018 17:38:39
ทั้งขำ ทั้งสงสารน้อง 55555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-1 13/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 16-10-2018 07:19:57
หนีออกนอกบ้านไม่น่ากลัวกว่าเหรอลูก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-2 16/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 16-10-2018 08:03:44

ตอนที่4-2

สัตว์ปะหลาดที่มาเกาะหน้าต่างบ้านของผมอยู่มีขนาดใหญ่กว่าบ้านของผมเสียอีก เส้นขนของมันเป็นสีดำสนิท รูปร่างของมันคล้ายสิงโตเพศผู้แต่มันมีปีกเหมือนนกอีนทรี

ผมตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปรัวๆ แต่ระยะ5กิโลเมตรรอบบ้านของผมไม่มีมนุษย์คนอื่นอยู่เลยผมจึงได้แต่วิ่งต่อไปไม่ว่าจะเหนื่อยจนปอดจะฉีดขาจะหักผมก็ต้องวิ่ง!! เพราะผมได้ยินเสียงฝีเท้าขนาดมหึมาไล่ตามหลังมาโน่นแล้ว

“จ๊ากกกกก อัศวิ๊นนนนนนน”ผมกรีดร้องอย่างหนักใส่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น

กระทั่งผมวิ่งมาจนเกือบสุดเขตุสนามหญ้าหน้าบ้าน

ผมเห็นเงาคน!!

”ช่วยด้วยครับ!!”ผมรีบบอกพวกเขาทันที เมื่อได้ยินเสียงของผมพวกเขาก็รีบวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมยิ้มหน้าบานออกมาเมื่อพบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์5คนนี้เป็นอัศวินหนุ่มซึ่งสวมเกราะและมีอาวุธครบมือ

“เกิดอะไรขึ้นไอ้หนู เชี่ย!! นั่นมันตัวอะไรวะเนี่ย!!!!?”หนึ่งในนั้นวิ่งเข้ามาประครองผมก่อนสายตาของเขาจะมองเลยไปเห็นไอ้ตัวข้างหลังผม

ผมเห็นอัศวินหนุ่มทั้ง5หน้าถอดสีใจผมก็แป้วอีกครั้ง

อย่าบอกนะว่า...

“ปีศาจ!! มันคือมันติคอร์ 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ดผู้ใช้ศาสตร์มืด!!!”มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเสียงหลง

เมื่อสิ้นคำตอบของเขาอีก4คนก็แสดงอาการหน้าซีดขาสั่น

“ยังวิ่งไหวไหมไอ้หนู!!”

“ดูท่าไม่ไหวก็ต้องไหวแล้วล่ะครับ”ทีแรกผมคิดว่าเจ้าตัวยักษ์ที่ไล่ตามผมมาเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปในโลกแห่งนี้เหมือนพวกตัวซีซี โอเค มันอาจจะเป็นสัตว์ที่มีเวทมนต์และสามารถทำร้ายคนได้แต่อัศวินก็มีวิธีจัดการ

แล้วไอ้โปรไฟล์ 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ดผู้ใช้ศาสตร์มืด นั่นคืออาร๊ายยยย

ฟังยังไงก็ร้ายกาจสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ!!? ทำไมไอ้ตัวแบบนี้ถึงมาโผล่ในเมืองหลวงได้ล่ะโว๊ยยยยยย

ผมเปิดเกียร์หมาวิ่งรวมกลุ่มกับอัศวินอีก5คน แม้ว่าพวกเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ผมกลับสอดประสานจังหวะกับพวกเขาได้อย่างดี

“ช่วยด๊วยยยยย!!”ผมเปิด

“มันติคอร์บุกกกกกกกก”อีกคนต่อ

“ขอกำลังเสริมด่วนนนน!!!”

พวกเรา6คนผลัดกันตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะถ้าตะโกนพร้อมกันตะเบ็งเซ็งแซ่มันจะจับใจความไม่ได้และเหนื่อยเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น!?”ในที่สุดเสียงกรีดร้องขอชีวิตของพวกผมก็ส่งไปถึงคณะอัศวินอีกกลุ่มหนึ่ง คราวนี้กลุ่มใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทำให้ผมยิ้มออก แต่พอพวกเขาเห็นมันติคอร์ก็เกิดอาการหน้าถอดสีอีกครั้ง

ผมหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อผมว่าตัวเองได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มอีกกลุ่มใหญ่

“ไปตามท่านเอเทม!! ใครก็ได้ตามท่านเอเทมที!!!!”

“โว๊ยยยย จะให้ข้าไปตามยังไงล่ะก็วิ่งอยู่กับเจ้าเนี่ย!!”

ตอนนี้คณะวิ่งมาราทอนกลุ่มใหญ่ของผมเริ่มแตกคอกันแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่าคนมากก็มากเรื่อง

ขณะรู้สึกตัวว่าจะหมดแรงผมก็สวดมนต์ในใจ ผมเริ่มวิ่งมาก่อนทุกคนแถมยังไม่ได้ฝึกร่างกายมาแบบทหารอีกทำให้ผมล้มลงเป็นคนแรก

โครม

“เห้ย!! ไอ้หนู!!”

“อย่าไปสน!! ไปต่อ!!”

“นั่นเด็กนะ เราต้องไปช่วย!!”

“นั่นก็มันติคอร์เชียวนะ!!”

“เราก็อัศวิน!! อัศวินไม่ไปช่วยแล้วใครจะไป!?”

“ไปกอดคอกันตายล่ะสิไม่ว่า!!”

มีหลายเสียงตะโกนอยู่ไกลๆ ผมไม่ได้หันไปมองว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครวกกลับมาช่วยผมไหม ผมทำใจเอาไว้แล้วเก้าส่วนว่าอย่างไรก็ไม่รอดแน่ ชั่ววินาทีนั้นผมนึกถึงสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ บุญคุณที่ยังไม่ได้ทดแทน ชีวิตอันสงบสุขในอดีต ผู้คนทั้งปวงที่ผมรัก

น้ำตาของผมไหลออกมาทำให้ภาพของสัตว์ร้ายเบื้องหน้าผมพร่ามัว

ผมเห็นแค่ว่ามันยกขาหน้าของมันขึ้น

กรงเล็บแหลมคมกำลังจะตะปบใส่ร่างของผม

ทว่ากรงเล็บนั้นกลับมาไม่ถึง

ร่างของผมลอยหวือขึ้นกลางอากาศโดยแรงกระชากจากมือปริศนา

“เห้ย?”ผมร้องออกมาอย่างตกใจ

เมื่อปาดน้ำตาและมองดูดีๆก็พบว่าขาหน้าของมันติคอร์ถูกแช่แข็งด้วยเวทน้ำแข็ง เจ้าสัตว์ร้ายดูงุนงงและเริ่มหงุดหงิด มันหันมามองผมที่โดนหิ้วแขนแล้วกระโดดขึ้นกลางอากาศด้วยสีหน้างุ่นง่าน

อนึ่ง ผมไม่ได้กระโดดโลดโผดตีลังกาสามตลบด้วยตัวเองหากแต่มีวีรบุรุษผู้กล้าท่านหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วย

ผู้ช่วยชีวิตของผมไม่ใช่ใครอื่น

เทพองค์เดิม เพิ่มเติมคือเท่โฮกกก ไอ้ชิบหายอย่างหล่อ หล่อจนต้องร้องขอชีวิตได้โปรดท่านอย่าหล่อไปกว่านี้อีกเลย

เทพอัศวินของผมหลบหลีกกรงเล็บของเจ้าอสูรร้ายโดยหิ้วผมไปด้วย แต่ดูเหมือนผมจะเกะกะขวางการต่อสู้ของเขาไปหน่อยสุดท้ายร่างสูงจึงหามุมเหมาะๆเหวี่ยงผมไปหลบมุมอย่างเบามือ ครับ มือเขาอะเบาเพราะไม่ต้องหิ้วผมแล้ว “แอ่ก!!”แต่ผมที่โดนเหวี่ยงมาเนี่ยหลังแทบหัก!

เจ็บโว้ย!

แต่การไม่มีผมทำให้เขาสะดวกขึ้นผมก็ไม่ถือสาอะไร

เขาควงดาบเบาๆหนึ่งรอบเมื่อเห็นมันติคอร์พุ่งเข้าใส่ และฉากต่อสู้แสงสีเสียงเอฟเฟ็คตระกาลตาก็บังเกิดขึ้น ผมพยามกระดึ๊บตัวออกห่างจากจุดเกิดเหตุแต่น่าเสียดายที่แข้งขาของผมอ่อนเปลี้ยไปหมดแล้ว กลุ่มอัศวินที่ร่วมวิ่งมากับผมก็เปิดตูดหายไปหมด

แต่ผมไม่นึกกลัว

คนเป็นหมื่นเป็นแสนของกองทัพก็สู้ท่านเทพประจำตัวของผมไม่ได้

ครับ...ผมยกให้เขาเป็นเทพประจำวันเกิดของผมไปแล้วเรียบร้อย เห็นชอบโผล่มาตอนผมวิกฤตเหลือเกิน

การต่อสู้อันดุเดือดดำเนินต่อไป เจ้ามันติคอร์ทำท่าจะพลาดพลั้ง ทว่าก่อนมันจะโดนดาบของท่านเทพอัศวินปลิดชีพมันก็งัดไม้ตายก้นหีบออกมาใช้ นั่นก็คือ! หันหลังแล้ววิ่งหนีครับ...

ผมมองมันติคอร์ที่เผ่นแนบไม่ต่างอะไรจากลูกแมวเจอเสือตาปริบๆ


นั่นมัน 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ดผู้ใช้ศาสตร์มืด เลยนะ ไล่แป๊ปเดียวก็ไปง่ายๆอย่างนี้เลยเรอะ!?

---------------------- 100% ----------------------



ซัมม่อนพระเอกมาช่วยแล้วนะคะ มาแบบค่าตัวแพงหน่อยๆ 5555

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-2 16/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 16-10-2018 17:51:02
 :katai5:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-2 16/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-10-2018 20:22:55
ค่าตัวคุณพระเอกนี่แพงจริงๆค่ะ ออกมาทีละนิดทีละหน่อย 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH4-2 16/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 16-10-2018 21:45:54
 :sad4: พระเอกคุณช่วยลดค่าตัวหน่อยนะ ค่าตัวออกงานนี้แพงจัง นานๆออกมาที
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH5 18/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 18-10-2018 18:04:33
ตอนที่5

“เอ่อ...”ผมกระแอมเบาๆเพื่อแสดงตัวตน กลัวว่าท่านเทพอัศวินจะมองไม่เห็นผมแล้วจะเดินจากไปดื้อๆ

“เจ้า...”เมื่อเขาเห็นผมเขาก็ทำหน้าตกใจ คงสงสัยว่าทำไมเจออินี่บ่อยจังวะ

“เจอกันอีกแล้ว แฮ่ คราวนี้ผมไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วนะ”ผมยกมือขึ้นสองข้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“อืม”เขาพยักหน้าก่อนกวาดตามองผมนิ่งๆ”ได้ยินว่าเจ้ามาจากต่างมิติ”

“ครับ แต่พอดีมีเงินที่ได้จากคนที่สลับตัวกับผม ชีวิตความเป็นอยู่ก็เลยไม่เดือดร้อนอะไร พอจะมีเงินซื้อบ้านอยู่ตรงโน้น”ผมชี้นิ้วย้อนกลับไปทางที่วิ่งมา มันคือทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ท่านเทพอัศวินหรี่ตามองราวกับพยามหาว่าบ้านของผมอยู่ตรงไหน

“รออยู่ตรงนี้ ข้าจะให้คนพาเจ้าไปส่ง”

“เอ๊ย เดี๋ยว แล้วถ้ามันย้อนกลับมาล่ะ!!”ผมรีบคลานเข้าไปหาอีกฝ่าย เกาะชายกางเกงของเขาไว้แน่ ปรากฏว่าโดนเตะออกเบาๆอย่างไร้เยื่อใย

“ข้ากำลังจะตามไปกำจัดมัน”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย็นชา เขาเขี่ยผมออกก่อนจะสะบัดผ้าคลุมสีดำหมุนตัวไปทางอื่น

มาดอย่างกับนายแบบบนรันเวย์

ผมมองตามอีกฝ่ายจนลับสายตา นั่งรออยู่ตรงนั้นสักพักอัศวินกลุ่มที่ร่วมวิ่งกับผมเมื่อครู่ก็วิ่งย้อนกลับมา

“พวกเราขอโทษ”หนึ่งในนั้นกล่าวก่อนเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวพวกเราไปส่งนะ”

“ขอบคุณครับ”ผมพยักหน้าขอบคุณทั้งๆที่ใจยังกลัวอยู่

พวกเราใช้เวลาเดินกลับค่อนข้างนานเพราะแต่ละคนก็หมดแรงข้าวต้มแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นบ้านของผมก็ต้องร้องอ๋อ”ที่แท้เจ้าก็ซื้อบ้านหลังนี้นี่เอง บ้านของข้าอยู่ชิดรั้วของเจ้าทางทิศตะวันตก”เขาชี้นิ้วไปให้ผมดูว่าบ้านเขาอยู่ตรงนั้น

“พรุ่งนี้เช้าเจ้าไปที่บ้านข้าสิ ข้าจะให้เมียทำข้าวเช้าเลี้ยง ถือเป็นการไถ่โทษที่ทิ้งเจ้าไว้”เขากล่าว

สิ้นคำของเขาแต่ละคนก็เสนอนู่นนี่มาให้ผมกันใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากได้

ผมน่ะก็แค่ต้องการแสงสว่าง!!

“เอาเป็นว่า...ทุกคนช่วยดูไฟให้ข้าหน่อยสิ ไม่รู้ทำไมมันถึงดับทั้งหลังเลย”

แล้วผมก็ได้ช่างไฟฟรีมาด้วยประการฉะนี้ พวกเขาช่วยกันตรวจสอบให้ผมอย่างละเอียด พลังเวทสำรองยังมีอยู่เต็มถังเก็บ หลอดไฟก็เป็นของใหม่ไม่น่าพัง สุดท้ายทุกคนก็ดูตามหลอดไฟก่อนพบจุดขาด มันคือด้านนอกบ้านข้างหน้าต่างห้องนอนของผมเอง

“รอยขูดใหญ่แบบนี้น่าจะเป็นเล็บของมันติคอร์นะ”เขาชี้รอยบนผนังบ้านให้ผมดู

“อ้อ”

“ถ้าแค่นี้ล่ะก็พวกข้าใช้เวทที่พวกข้ามีช่วยซ่อมให้ได้”เขากล่าวเสริมก่อนหันไปตามพรรคพวก

“มันจะกลับมาอีกไหม”ผมหมายถึงมันติคอร์

“ไม่กลับมาหรอก ความจริงมันไม่ควรมาโผล่ที่นี่ด้วยซ้ำ 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ด หายสาปสูญจากโลกใบนี้มา3-4ปีนับตั้งแต่ข่าวคราวของดาร์กลอร์ดหายไป ที่สำคัญพวกมันเป็นปีศาจที่อาศัยอยู่ตามหุบเขาลึก ไม่ใช่กลางเมืองแบบนี้”

“อ้อ”ผมเก็บข้อมูลเงียบๆ ได้ยินว่าจะตัวร้ายกาจนั่นจะไม่กลับมาก็โล่งอก

พวกเขาร่วมแรงกันซ่อมสายไฟให้ผมใช้เวลาไม่นาน ผมกล่าวขอบคุณพวกเขาก่อนแยกย้ายกันไป

แม้ผมจะกลับมาอยู่ลำพังอีกครั้งแต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย

นับว่าผมทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านสำเร็จแล้ว แม้จะเป็นเพื่อนบ้านที่ทิ้งผมไว้กับมันติคอร์ก็เหอะ แต่การรอดชีวิตจากปีศาจชั่วร้ายเบอร์เป้งมาได้ก็ทำให้ผมเชื่อมั่น ต่อให้มีโจรกระจอกมาปล้นบ้านผมผมก็ไม่กลัว ผมผ่านจุดนั้นไปแล้ว ฮะๆๆ

...

เช้าวันต่อมา ไม่สิ ต้องเรียกว่าเที่ยง เนื่องจากผมติดนิสัยตื่นสายเหมือนสมัยยังเรียนมหาลัยอยู่ทำให้เหล่าเพื่อนบ้านที่สัญญาว่าจะพาผมไปกินข้าวต้องมารับผมเก้อ เมื่อผมเปิดประตูออกไปรับลมผมก็ต้องตกในเพราะหน้าประตูบ้านของผมนั้นมีของกินสารพัดบรรจุในตะกร้าวางอยู่

 ผมย่อตัวลงเปิดดูข้างใน พบว่าในตะกร้าใบแรกคือเนื้อตากแห้งแต่สีของมันดูสดใหม่กว่าของที่มีอยู่ในบ้านผมนัก มีกระดาษแนบมาด้วยว่า’เจ้าเด็กขี้เซา ข้าต้องไปทำงานแล้ว!! หัดตื่นให้มันเช้ากว่านี้หน่อย!!”

“เหอๆ...”ผมหัวเราะเสียงเนือยก่อนหันไปเปิดตะกร้าอันต่อไป

ข้างในคือผลไม้สด ผลไม้ดอง ผลไม้แปรรูปเวอร์ชั่นต่างๆ ผมตาลุกวาวทันทีเพราะเมื่อวานผมอึ๊ไม่ออก

“ดีเลย อันนี้กินกับมื้อเช้านี่แหละ”ผมพูดกับตัวเองพลางพลิกกระดาษดู เนื้อหาข้างในมีแต่การโม้ว่าผลไม้พวกนี้เขาปลูกเองกับมือ

ตะกร้าถัดไปคือนมกับขนมปัง เยี่ยม! ผมได้มื้อเช้าแล้ว

โชคดีที่พวกเขาเหมือนคุยกันมาก่อนว่าใครจะให้อะไร ของในตะกร้าทั้งหลายเลยไม่ซ้ำกันเลย แถมยังไม่ได้มีแต่ของสดด้วยรู้ว่าผมกินหมดไม่ทันแน่

ผมหอบของฝากของกินทั้งหลายเข้าบ้านเต็มไม้เต็มมือแต่มันเยอะมากจริงๆผมจึงต้องเดินถึง3รอบ

“ฮื้มม นมอะไรเนี่ย อร่อยยย”มื้อเช้าควบกลางวันของผมคือนมสดกับขนมปังตามที่วางแผนไว้เมื่อครู่

ผมโยนเนื้อตากแห้งเน่านั่นลงถังขยะทันทีที่ได้ของกินหน้าตาน่าอร่อยจำนวนมาก และแล้วมื้ออาหารของผมก็จบลงด้วยดี ผมเอาจานไปล้าง ซักเสื้อผ้าชุดเมื่อวานที่เปื้อนเพราะวิ่งหนีมันติคอร์ล้มลุกคลุกคลาน เมื่อจัดการงานบ้านเสร็จเรียบร้อยผมก็ออกมายืนอยู่หน้าบ้าน

“อืม...มันก็ไกลจริงๆนั่นแหละ แถมยังร้อนอีกต่างหาก”ผมมองทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาตรงหน้าแล้วก็ท้อใจ

“เอาไว้รอให้แดดร่มกว่านี้ค่อยเดินออกไปละกัน”ยังไงผมก็ต้องเดินไปหาบ้านหลังที่ใกล้ที่สุดเพื่อขอให้พวกเขาพาผมไปส่งในเมือง แต่มันยังไม่ใช่เวลานี้

ขืนเดินตากแดดท่อมๆออกไป ผิวผมได้เสียหมด!

ผมส่ายหน้าไปมาพลางหมุนตัวกลับเข้าบ้าน พลันหางตาของผมสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง

“รถม้า?”ผมจำดีไซน์ของรถม้าแบบนี้ได้ มันคือรถม้าแท็กซี่แบบเดียวกับที่ผมนั่งมาเมื่อวานนี้

ดวงตาของผมเป็นประกายทันที ผมรีบวิ่งถลาออกไปแต่วิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าวสองขาก็ต้องหยุดนิ่งเพราะเจ้ารถม้านั่นกำลังวิ่งเข้ามาใกล้บ้านผมมากขึ้นเรื่อยๆ

“ใครมา?”เนื่องจากผมไม่มีคนสนิทในโลกนี้สักกะคนผมเลยเดาไม่ออกจริงๆ

ผมยืนรอเฉยๆจนเจ้ารถม้าคันดังกล่าวมาจอดเทียบหน้าบ้านของผม ประตูส่วนของที่นั่งผู้โดยสารเปิดออก คนที่ก้าวลงมาทำให้ผมต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

เขาคือคนน่ารักพนักงานร้านเสื้อแบรนด์หรูที่นิสัยดีคนนั้นนั่นเอง

ว่าแต่เขามาหาผมทำไมล่ะ...

“สวัสดีคับคุณชาย”คนตัวเล็กเดินเข้ามาหาผมก่อนก้มหัวให้อย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน

วินาทีนั้นผมไม่คิดตั้งคำถามแล้วว่าเขามาหาผมทำไม สมองของผมกำลังประมวลผลเรื่องอื่นอย่างหนัก อาทิเช่นผมจะดักฉุดเจ้าตัวอย่างไรดี

แต่ความคิดชั่วร้ายของผมก็ถูกตีสกัดหมดเมื่อเสียงหวานไพเราะนั่นเอ่ยกับผมว่า”ข้ามาส่งเสื้อให้คุณชายครับ”

“เสื้อ?”ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

คนน่ารักยกห่อกระดาษขึ้นสูงอีกหน่อยเพื่อเห็นผมเห็น”มีคนสั่งซื้อเสื้อให้คุณชายขอรับ”

“หะ...”ผมงง คนน่ารักเองก็งงเหมือนกันว่าผมงงอะไร

เขาเอียงคอมองผมตาใส มองอย่างไรก็เหมือนกระต่ายขนปุย ผมเกิดอาการอยากกัดแก้มยุ้ยๆของเขาแต่ก็ต้องระงับอารมณ์ของตอนเองเอาไว้

“อะแฮ่ม”ขอกระแอมเรียกสติสักหน่อย ผมยื่นมือไปรับถุงกระดาษมาเปิดดูของข้างในพลางถาม”ใครสั่งให้ส่งมาล่ะ? ไม่ได้ส่งผิดใช่ไหม”

“ครับ เขาระบุว่าให้มาส่งให้เจ้าของบ้านกลางทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาเยื้องกองทัพหลวงครับ”

“แค่ก...”ผมสำลักน้ำลายเพราะคำว่าสุดลูกหูลูกตานั่นฟังแล้วบาดใจเลือดไหลซิบๆ

“น่าแปลกนะ ผู้ส่งคือใครล่ะ”ผมเดาเอาเองว่าอาจจะเป็นเพื่อนบ้านของผมที่วิ่งหนีตายด้วยกันเมื่อคืน แต่ก็ตงิดใจเพราะใบเสร็จที่แนบมาทำให้ผมรู้ว่าราคาของเสื้อตัวนี้มันแพงหูดับ

แพงยิ่งกว่าเสื้อของผมที่โดนฟันขาดยับตัวนั้นอีก

“ท่านเอเทมครับ คนที่ซื้อเสื้อตัวนี้ให้คุณชายคือท่านเอเทม”

เอเทม

“เอเทมคนนั้นน่ะเหรอ!!!!!!!!!!!”ผมตะโกนถามจนคอหอยแทบหลุด

คนน่ารักพยักหน้าหงึกหงัก”ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่ท่านเอเทมผู้นั้นหรือไม่เพราะเขาแค่ติดต่อเราผ่านลูกแก้วสื่อสารเท่านั้น แต่ผมคิดว่าชื่อเอเทมเป็นชื่อที่แปลก ทั้งเมืองน่าจะมีแค่เขาคนนั้นที่ใช้ชื่อนี้”

“แล้วท่านเอเทมผู้นั้นซื้อเสื้อให้ข้าทำไมล่ะ!?”ผมยังไม่หายตกใจ

“เอ่อ เรื่องนั้น...”คนน่ารักทำหน้าปุเลี่ยน เขาคงกำลังย้อนผมในใจว่าขนาดเมิงยังไม่รู้แล้วกรูจะไปรู้ไหม

“หรือว่าตาเฒ่านั่นช่วยติดต่อท่านเอเทมให้เรา...”ผมพึมพำ ความจริงผมยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมผมถึงวาร์ปมาโผล่ในเมืองที่มีอัศวินอันดับหนึ่งอาศัยอยู่ได้อย่างพอเหมาะขนาดนั้น หรือว่าตาลุงนั่นแอบช่วยเหลือผมอยู่

เขาอาจจะติดต่อท่านเอเทมและเล่าเรื่องของผมให้ฟัง

แต่เท่าที่ได้ยินอัศวินอันดับหนึ่งคนนี้เย็นชาไร้ใจไม่ใช่หรือ เขาจะยื่นไมตรีมาช่วยเหลือคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผมทำไม หรือว่าตาเฒ่านั่นเคยสร้างบุญคุณอะไรกับท่านเอเทมไว้

ผมยืนขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่ค่อนนาที คนตัวเล็กกว่าเห็นผมทำหน้าเครียดจัดจึงไม่กล้าขัด เขายืนยิ้มเจื่อนรอผมเงียบๆกระทั่งผมตัดสินใจดีดท่านเอเทมออกจากสมอไปก่อน

ก่อนจะริอาจเล่นของสูง เบื้องตนผมต้องเอาชีวิตประจำวันของตัวเองให้รอดก่อน

“เจ้าชื่ออะไร”ผมถามเจ้าของเรือนผมสีฟ้ายาวสลวยซึ่งยืนหน้าแป้นแล้นอยู่เบื้องหน้าผม

คนน่ารักชะงักไปเล็กน้อยด้วยไม่คาดคิดว่าผมจะถามชื่อ

“ลันเทียครับคุณชาย”

“บังเอิญจัง ข้าชื่อการันต์ ชื่อของพวกเรามีคำว่ารันเหมือนกันเลย”ผมตีเนียนอย่างสนิทสนม

“ครับ...”คนตัวเล็กตอบสนองมาน้อยมากเนื่องจากยังไม่เข้าใจสถานการณ์

ผมเห็นเขาเป็นเด็กซื่อๆจึงลอบกระตุกยิ้มร้ายกาจ

“เจ้าทำงานที่ร้านขายเสื้อแบบนั้นเงินพอใช้ไหม งานหนักหรือเปล่า”ถ้าอยู่ที่กรุงเทพนี่จะเป็นประโยคฮิตของวงการเสี่ยเลี้ยงต้อยเลยครับ ผมแอบกระดากใจตอนพูดเหมือนกันแต่เพื่อความอยู่รอดผมยอมโดนเรียกว่าเสี่ย!!

“กะ ก็พออยู่พอใช้ครับ...”

“เขาให้เจ้าเดือนละเท่าไหร่ล่ะ”ผมบี้ถามตรงจุด

ลันเทียอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเขาเห็นว่าผมจ้องเขม็งสุดท้ายจึงไม่กล้าบ่ายเบี่ยง

“เดือนละ300เหรียญครับ”

“นั่นมันน้อยไปนะ! เจ้ามีบ้านอยู่ในเมืองหลวงหรือต้องเช่าห้องอยู่ล่ะ”

“ชะ...เช่าครับ”

“เดือนละเท่าไหร่!”

“80เหรียญครับ”

“นั่นมากกว่า1ใน4ของเงินเดือนอีกนะ เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่างานที่ทำอยู่น่ะไม่คุ้มเอาเสียเลย!”ผมตบเข่าฉาดเมื่อปัจจัยทุกอย่างมันเข้าข้างผมไปหมด

“อะ เอ่อ...”

“ข้าบอกเจ้าตรงๆเลยละกัน ข้าความจำเสื่อม นอกจากชื่อแล้วข้าก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย บ้านที่เจ้าเห็นหลังนี้ข้าก็โดนหลอกขายมาในราคาแพง! จนถึงตอนนี้ข้ามาได้แต่ไม่รู้วิธีกลับออกไป หากเจ้าไม่มาวันนี้เกรงว่าข้าต้องเดินเท้าเพื่อเข้าเมืองแล้ว!”

“ท่านการันต์”ดวงตาสีครามคู่สวยฉายประกายเห็นใจผม

คนบ้าอะไรหน้าตาน่ารักแล้วยังจิตใจอ่อนโยนขนาดนี้!

ผมจะเอาคนนี้!

“ข้าให้เจ้าเดือนละ 500เหรียญ กินฟรีอยู่ฟรี บ้านหลังนี้มีห้องว่างอีกห้องหนึ่ง ได้โปรดมาอยู่กับข้าเถอะ!!”ผมงัดไม้ตายก้นหีบออกมา ไม่คิดเลยว่าไม้ตายใหญ่ท่านี้จะถูกนำมาใช้เร็วนัก

คุกเข่าขอร้อง!

เมื่อเห็นผมคุกเข่าขอร้องร่างเล็กก็กระโดดถอยหลังไปสามก้าวอย่างตกใจ

“ช่วยข้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้าที!”มาตรการซื้อเพื่อนของผมครั้งนี้ทุ่มสุดตัวแล้วจริงๆ

“อะ เอ่อ...”

“ได้โปรด! ข้าไม่รู้แม้กระทั่งวิธีหุงข้าว!!”

“คุณชายการันต์ครับ คือ...”ลันเทียอ้ำอึ้งอยู่ค่อนวัน

พวกเราประสานสายตากันอยู่หลายอึดใจ และแล้วคนที่พ่ายแพ้ก็คือคนที่ใจดีกว่า”เห้อ ก็ได้ครับ”

“ไชโย!!!”

“แต่ข้าคงทำงานให้ท่านได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น เพราะความจริงที่ข้าเข้ามาในเมืองหลวงก็เพื่อสอบเข้าเป็นอัศวินครับ”ลันเทียชี้แจงให้ผมฟัง

“สอบอัศวิน?”คราวนี้เป็นตาผมที่จะเอียงคอมองตาใสบ้าง

ข้ออ้างว่าความจำเสื่อมของผมทำให้ผมมีสิทธิพิเศษ ถามในสิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปรู้ดีอยู่แล้ว เท่าไหร่ก็ได้

ลันเทียร้องอ้อเบาๆก่อนช่วยขยายความเพิ่มเติม”ทุกปีกองทัพจะมีการเปิดสอบเพื่อคัดคนเข้าบรรจุครับ ขอแค่มีอายุไม่เกิน30ปีและเป็นพลเรือนของราชอาณาจักรเราก็สมัครได้หมด”

“อ๋ออออ แล้วไอ้การสอบที่ว่าก็เริ่มเดือนหน้างั้นหรือ”

“ครับ”

“อืม...”ผมพยักหน้าหงึกหงัก แม้ใจจะนึกเสียดายที่ลันเทียสามารถอยู่กับผมได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

“หากเจ้าสอบติดก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านข้าได้นะ”ผมยื่นไมตรีแก่อีกฝ่าย ถึงอย่างไรย่านกองทัพมันก็ไกลปืนเที่ยงมากจริงๆ อัศวินที่มีครอบครัวอาจจะแยกออกมาซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่พวกเด็กใหม่ที่เงินเดือนไม่สูงเกรงว่าจะต้องนอนหอรวมภายในค่าย

หอรวมอะครับหอรวม!

แค่มโนว่าลันเทียผู้น่ารักของผมต้องไปนอนรวมกับชายฉกรรจ์หลายคนน้ำตาผมก็จะไหลแล้ว!



------------------------------

#พิชิตใจท่านเอเทม

เพื่อนไม่มีก็ใช้เงินซื้อ!

ผู้ชายเป็นแม่ทัพก็ตามเข้ากองทัพ!

เรื่องง่ายๆสไตล์การันต์ 555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH5 18/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 18-10-2018 18:38:35
 :pigha2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH5 18/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-10-2018 18:48:19
การันต์~~~~~  ทำไมเซี้ยว และก้อเซ่อซ่าขนาดนี้ 555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH5 18/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-10-2018 20:58:03
หลังจาดที่โดนคนอื่นล่อลวงมาหลายตอน ถึงคราวการันต์ล่อลวงคนอื่นบ้างแล้ว 555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-1 20/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 20-10-2018 08:12:16
ตอนที่6

ลันเทียมาอาศัยอยู่ที่บ้านของผมได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เขาแนะนำให้ซื้อรถม้า ตอนนี้สวนหน้าบ้านจึงมีม้าวิ่งเล่นอยู่2ตัว เขาสอนผมใช้อุปกรณ์เวทมนต์อย่างลูกแก้วสื่อสาร เครื่องกรองน้ำฝน จักรเย็บผ้าพลังเวท

ผมเพิ่งค้นพบว่าผมใช้เวทมนต์ได้

ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมในร่างกายของผมคือพลังเวท

“ลันเทีย เจ้าจะไปไหนหรือ”เช้าวันนี้ผมตื่นมาด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย

ผมเบื่อการใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่ไม่มีทีวี อินเตอร์เน็ต กิจกรรมเพื่อความบันเทิงใดๆเลยนี้เต็มแก่ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กสวมชุดทางการราวกับกำลังจะเข้าไปทำธุระในเมืองผมจึงเอ่ยถามด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ข้าจะไปทำธุระที่กองทัพครับ”เนื่องจากเขามีฐานะเป็นลูกจ้างของผมเขาจึงยังพูดกับผมอย่างสุภาพแม้ว่าผมจะบอกให้เขาพูดด้วยภาษากันเองกว่านี้ไปหลายรอบแล้วก็ตาม

ใจดวงน้อยของผมแห้งเหี่ยวเมื่อทราบว่าอดไปเที่ยวเล่นในเมือง

“เบื่ออะ”

“สมควรแล้ว ก็วันๆท่านเอาแต่นั่งถอนหายใจอยู่ที่ริมหน้าต่างนี่”ลันเทียเท้าสะเอว เขากำลังสวมบทคุณแม่สั่งสอนผมแต่ผมกลับมองว่ามันน่ารักมากกว่าน่ากลัว

“ข้าไม่มีอะไรทำนี่ เจ้าจะไปที่กองทัพทำไมหรือ”

“วันนี้เป็นวันเปิดรับสมัครวันแรกน่ะ ข้าจะไปลงชื่อที่กองทัพแทนจุดลงทะเบียนอื่นเพราะจะได้ลำดับสอบแรกๆ”

“มุ่งมั่นน่าดูเลยนะ”

“ไม่ใช่อะไรหรอก แต่ละปีมีคนสมัครสอบเป็นแสนคน ข้าขี้เกียจรอตอนสอบนานน่ะ สอบเสร็จเร็วก็โล่งอกเร็ว”

“อันนี้ข้าเข้าใจ”ผมเองก็ผ่านการสอบมิดเทอมของมหาลัยมาแล้ว พบว่าช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดคือตอนอ่านหนังสือสอบไม่ใช่ตอนสอบ

“ท่านจะไปด้วยไหมล่ะ ถือโอกาสลองสมัครดูด้วยเลย”ลันเทียเอ่ยชวนผมขณะที่เจ้าตัวเริ่มลงมือตักซุปซึ่งเป็นอาหารเช้าของพวกเรา

“บ้าเหรอ! ข้าใช้เวทมนต์เป็นแค่เวทง่ายๆในชีวิตประจำวัน ส่วนเรื่องจับดาบถือทวนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่มีปัญญา!!”ผมกลัวตายผมจึงปฏิเสธพัลวัน คิดว่าเป็นอัศวินต้องเข้าสนามรบเป็นว่าเล่น

“การทดสอบรอบแรกเขาจะคัดแยกตามพลังเวทในร่างเท่านั้น แค่เอามือแตะลูกแก้วพิเศษ มันจะปรากฏตัวเลขออกมาว่าพลังเวทในตัวของท่านมีค่าเท่าไหร่ นับเป็นการทดสอบพลังอย่างหนึ่ง หากไม่อยากเป็นจริงๆไว้ค่อยสละสิทธิ์หลังจากผ่านรอบนี้ก็ได้ครับ”

“เจ้าดูเหมือนมั่นใจว่าข้าจะผ่าน”

“แม้ข้าไม่สามารถระบุพลังของท่านเป็นตัวเลขเหมือนลูกแก้วพิเศษได้ แต่ข้าสัมผัสได้ว่าพลังแฝงของท่านไม่เบาเลยทีเดียว”

“ขนาดนั้นเลยหรือ”

“อื้ม เผลอๆพลังเวทของท่านจะมากกว่าข้าเสียอีก”ลันเทียยิ้มกว้างตาเป็นประกาย จากการอยู่ร่วมชายคากันมาหลายวันทำให้ผมรู้ว่าคนน่ารักคนนี้ชอบอัศวินมาก ขอแค่เป็นเรื่องของอัศวินเขาจะพูดคุยอย่างออกรส

ผมเองก็สนใจเรื่องของอัศวินเช่นกัน

“ท่านเอเทม...ถ้าสอบผ่านจะได้เจอเขาไหม”ผมมาอยู่ใกล้กองทัพขนาดนี้แต่ไม่เคยเจออัศวินอันดับหนึ่งแม้แต่เงา

นั่นก็เพราะผมไม่เคยโผล่หัวออกจากบ้านเลยนั่นเอง...

“อืมมม เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดิน ข้าเองก็ไม่แน่ใจ...”ลันเทียครุ่นคิดอย่างหนัก

“เห้อ เอาเถอะ งั้นข้าไปลงทะเบียนด้วยก็ได้ คิดซะว่าไปเดินเที่ยว”

และแล้วก้าวแรกสู่วิถีแห่งอัศวินของผมก็เริ่มต้นด้วยประการฉะนี้ วันนี้ผมกับลันเทียเดินทางไปยังกองทัพ แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปข้างใน ข้างหน้าประตูหลักมีกระโจมสำหรับผู้มาลงทะเบียนอยู่ พอเห็นจำนวนคนที่มาลงทะเบียนแล้วผมก็ต้องตกใจ

เยอะมากครับ ขนาดกองทัพเดินทางมาลำบากขนาดนี้แต่คนหนุ่มหลายพันคนก็ดั้นด้นมาเพียงเพื่ออยากได้หมายเลขสอบลำดับต้นๆ

...

หลังจากนั้นมาผมก็ได้ลันเทียช่วยสอนวิชาดาบ ส่วนเวทมนนั้นผมเรียนรู้แค่เวทจิปาถะสำหรับดำรงชีวิตประจำวันก่อนเพราะมันจำเป็นต้องใช้มากกว่า

น่าเสียดายที่ลันเทียเองก็ไม่ถนัดวิชาดาบหรือการต่อสู้ระยะประชิดเช่นกัน เขาบอกว่าอาวุธที่เขาชอบคือธนู ส่วนธาตุที่เป็นพื้นฐานของเวทมนเขาถนัดธาตุน้ำ

และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงวันสอบ

“พร้อมหรือยังครับ”เสียงหวานเอ่ยถามผมอย่างตื่นเต้น

ผมกับลันเทียโชคดีเพราะมีบ้านอยู่ใกล้กองทัพอยู่แล้ว ส่วนผู้เข้าสอบคนอื่นๆนั้นต้องเช่าบ้านอยู่ในเมืองหลวงและออกเดินทางตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน

“สบ๊าย”ผมปากกล้าขาสั่น ปากบอกว่าไหวแต่ใจไม่สู้

คิดว่ามีเด็กกรุงเทพกี่คนที่มีประสบการณ์เคยจับดาบตีรันฟันแทงบ้าง!

ผมกับลันเทียซื้อดาบใหม่คุณภาพคับแก้วมากันคนละด้าม ชุดเองก็เลือกที่ทนพลังเวทสูงเพราะไม่รู้ว่าจะเจอการทดสอบพิสดารอะไรหรือไม่

อุปกรณ์พร้อม!!

ฝีมือ...ไม่พร้อม!!

“ลุย!!”ผมเดินนำออกมาที่สวน ผิวปากเรียกม้าทั้งสองตัวก่อนยืนรอลันเทียจูงพวกมันทั้งสองมาผูกกับรถลาก

ม้าทั้งสองตัวผูกพันธะสัญญาไว้กับผมเรียบร้อย ผมเพียงแค่ผมปากมันก็จะวิ่งมาหา ดังนั้นเมื่อเราสองคนเห็นว่าการจราจรบนถนนไปสู่กองทัพหลวงติดขัดและเนืองแน่นไปด้วยรถม้าของผู้เข้าสอบคนอื่นๆผมจึงตัดสินใจลงเดิน

“แดดอย่างร้อน”เพียงเดินแค่แค่ไม่กี่ก้าวผมก็โอดครวญ

ลันเทียเงยหน้ามองพระอาทิตย์ ตอนนี้เพิ่งเวลาแค่เจ็ดโมงกว่า แดดจึงไม่สามารถนับว่าร้อนได้ แต่เจ้าตัวคงไม่อยากขัดผมจึงได้แต่เดินนำแบบงงๆ

พวกเราใช้เวลาเดินประมาณ20นาทีก็เข้าใกล้กระโจมสำหรับรายงานตัว ผมคิดว่าการตัดสินใจทิ้งรถและเดินเป็นทางเลือกที่ถูกต้องเพราะตลอดทางผมแซงรถม้ามาไม่รู้กี่คัน

“เจ้าได้หมายเลข1217 ส่วนเจ้าหมายเลข1218”อัศวินที่ประจำการอยู่ที่โต๊ะรายงานตัวยื่นเข็มกลัดซึ่งมีหมายเลขลำดับการสอบให้พวกเรา

ผมก้มมองหมายเลข1218บนอกเสื้อของตัวเองอย่างประหม่า

ผมมาสอบครั้งนี้เพราะอยากหาโอกาสเข้าใกล้ท่านเอเทมเท่านั้น แต่เมื่อมองไปรอบตัวผมก็อดกดดันไม่ได้ ทุกคนเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำ ส่วนใหญ่ผิวคล้ำแดดเนื่องจากทำงานนอกบ้าน ไอ้ประเภทหน้าใสตัวบางแบบผมกับลันเทียนี่แทบไม่มี

“ขนาดเรามาสมัครถึงหน้ากองทัพยังได้ลำดับตั้งพันกว่า เจ้าดูคนนั้นสิ สามหมื่นสอง ชาติไหนจะถึงตาเขา”ผมกับลันเทียเดินเข้ามาภายในรั้วของกองทัพหลวง พวกเราต้องเดินทางลูกศรซึ่งบีบเป็นทางเดียวจึงไม่หลง

ระหว่างทางผมเริ่มเปิดประเด็นซุบซิบ

“อะ ฮะๆๆ”น่าเสียดายที่ลันเทียไม่ใช่คนขี้นินทาเจ้าตัวจึงตอบสนองเพียงเล็กน้อย

ผมเดินเซ็งๆตามคนตัวเล็กไปเรื่อยกระทั่งพวกเรามาโผล่ที่โซนหนึ่ง

“โครอสเซียม!?”ผมอุทานเมื่อเห็นเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ตรงหน้า”เราต้องประลองฝีมือด้วยเหรอ”

ผมอุตส่าห์นิ่งนอนใจเพราะคิดว่าวันนี้แค่ทดสอบระดับพลังเวทเบื้องต้นเท่านั้น

“อืม...โครอสเซียมน่าจะจุคนได้มาก พวกเขาเลยเลือกเป็นสถานที่สอบเฉยๆ ตลอดพันปีที่ผ่านมาการสอบเบื้องต้นก็แค่วัดตัวเลขพลังแฝงในร่างเพื่อคัดคนออกเท่านั้น”ลันเทียอธิบายขณะเดินพาผมเข้ามาในโครอสเซียม

ลำดับการนั่งจะจัดเรียงตามเลขประจำตัวซึ่งผมกับลันเทียได้นั่งติดกันแถวหน้าสุด

“ท่านดูนั่นสิ ลูกแก้วขนาดใหญ่นั่นแหละคือเครื่องมือสอบรอบแรก”นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังใจกลางโครอสเซียม มันคือลูกแห้วขนาด10คนโอบ

“หลักการทำงานของมันคือยังไงนะ”ผมถาม

“ท่านแค่เอามือแตะมันไว้ รอสักพัก ที่ใจกลางของลูกแก้วจะปรากฏตัวเลขอันเป็นค่าพลังเวทของท่าน”

“แล้วต้องมีค่าเท่าไหร่จึงจะผ่านหรือ”

“100ครับ”

“เห...”เนื่องจากผมไม่รู้ว่าไอ้หนึ่งร้อยที่ว่านี่มันเยอะหรือน้อยฉะนั้นผมเลยตอบสนองแบบอึนๆ

ลันเทียเห็นรีแอคชั่นของผมจึงอธิบายต่อว่า”ค่าเฉลี่ยพลังเวทของพลเรือนทั่วไปอยู่ที่ 1แต้ม”

“น้อยจัง”ผมตกใจตาโต

“อืม นั่นก็แปลว่าอัศวิน 1นาย ต้องมีศักยภาพในการรับมือกับพลเรือน 100คนได้”

“โห...”หนึ่งต่อร้อยอะครับ นี่มันเหนือความคาดหมายของผมไปมากจริงๆ

“ปีที่แล้วมีคนสมัครสอบแสนกว่าคน แต่คนที่ผ่านการประเมิณด่านนี้มีไม่ถึงหมื่น”

“โห...”ผมร้องโหๆซ้ำไปซ้ำมา

ท่านเอเทมที่รัก หนทางที่จะไปสู่ขอท่านช่างเต็มไปด้วยขวากหนาม

“แล้วเจ้า...ได้กี่แต้ม”ผมถาม

“ไม่รู้สิ ข้าเองก็เคยมาสอบครั้งนี้ครั้งแรก”

“วัดเอาเองที่บ้านไม่ได้หรือ”

“บ้านใครจะมีลูกแก้วมหึมาแบบนั้นล่ะท่าน แต่อย่างไรก็ดีพลังเวทเป็นสิ่งที่เพิ่มพูนกันได้เล็กน้อย ดังนั้นคนที่วัดเมื่อปีก่อนแล้วได้ 80-90แต้มจึงมีความหวังและกลับมาสอบซ้ำ แต่พวกที่ได้น้อยกว่านั้นก็เลิกหวังได้เลย”

“อ้อ...”ผมพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง

คราวนี้หันไปมองเจ้าลูกแก้วนั่นอย่างตื่นเต้น ผมเห็นว่ามีอัศวินบางคนที่รับหน้าที่คุมสอบเดินเข้าไปแตะๆลูกแก้ว ผลปรากฏว่าค่าพลังของเขาอยู่ที่200นิดๆ สีหน้าท่าทางดูผิดหวังคงเพราะแต้มคงไม่เพิ่มจากสมัยสอบเข้าเลย

“แล้วท่านเอเทมล่ะ พลังของท่านเอเทมเท่ากับกี่แต้ม”

“โอ้ เป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆ แต่ข้าคิดว่าท่านไม่รู้ซะจะเป็นการดีต่อการสอบมากกว่านะ”เสียงหวานเอ่ยพลางหัวเราะคิกคัก”เขาเป็นยอดฝีมือระดับนั้นย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”

“เท่าไหร่เล่า!”

“ท่านเอเทมสอบเข้ากองทัพเมื่อสิบปีก่อน ข้าจำตัวเลขชัดๆไม่ได้แล้ว”ลันเทียโบกมือปัดผม

แต่ผมไม่ลดละ ต่อมเผือกผมทำงานหนักมาก!

“บอกแค่หลักก็ได้”

“หลัก?”คนน่ารักเลิกคิ้วถาม

“อื้ม! พันหรือหมื่น!!”ผมแทบจะโดดเข้าไปเค้นคอถามเจ้าตัวแล้ว

“ฮะๆๆๆ”ลันเทียหัวเราะลั่น ราวกับสิ่งที่ผมพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องตลกขบขัน

“บอกมาเลยนะ”ผมหน้าหงิกเป็นตูดลิงแล้ว

“แสน”

“อ้อ ที่แท้แสนแต้ม หา อะไรนะ!! แสนแต้มมมม”

“ไม่ใช่แสนแต้มสิ ท่านถามถึงหลักไม่ใช่เหรอ หลักแสนครับ ไม่ใช่แสนแต้ม”

“อะไรนะ!!”ผมแผดเสียงอย่างต๊กกะใจ เมื่อกี้เข้าใจผิดคิดว่าแสนแต้มผมก็ตาเหลือกแล้วนี่ยังมากกว่าแสนอีกเหรอ

“เห้อ ข้าบอกเลยก็ได้ ค่าเวทมนต์ของท่านเอเทมสมัยสอบเข้าอยู่ที่ 6แสน5หมื่นกว่าแต้ม”

“หะ...หกแสน”ผมหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

เรื่องพลังเวทมีเท่าไหร่ผมไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไร แต่ที่ผมกังวลก็คือการที่ตัวตนของเขาสูงส่งขนาดนั้นนั่นก็แปลว่ามดปลวกอย่างผมแทบไม่มีทางแต่งงานกับเขาได้เลย

หนทางกลับกรุงเทพของผมทอดยาวขึ้นอีกหกแสนเท่า

คิดดูสิ หกแสน...แปลว่าเขาคนเดียวสามารถสู้กับชาวบ้านหกแสนคนได้สบายๆเลยนะ

“แต่นั่นก็เป็นตัวเลขเมื่อสิบปีก่อนล่ะนะ ข้าคิดว่าตอนนี้พลังของเขาอาจจะถึงเจ็ดหรือแปดแสนไปแล้ว เห้ ท่านการันต์! อย่าทำหน้าเครียดขนาดนั้นสิ เขาจะมีพลังเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยวกับการสอบของพวกเราเสียหน่อย”มีเรียวเอื้อมมาลูบหลังผมเพราะเห็นว่าตอนนี้ผมน้ำลายฟูมปากแล้ว

“ท่านอย่าลืมสิว่าเขาเป็นใคร เขาคือคนที่สร้างตำนาน 7สมัยซ้อนให้ราชอาณาจักรเราเชียวนะ! คะแนนสอบเข้ากองทัพของเขาจะสูงที่สุดในรอบพันปีก็ไม่เห็นแปลก”ลันเทียอาจจะเข้าใจว่ากำลังพูดปลอบใจผมอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าแต่ละคำของเขาช่างบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ

ท่านเอเทมยิ่งใหญ่กว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้

ด้วยตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่งก็สูงส่งเทียมฟ้าแล้ว เขายังเป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีในรอบพันปีอีก

กระซิกๆ

ถ้าผมเป็นเขาผมจะไม่แต่งงาน แต่จะชี้นิ้วเรียกหญิงงามจากแดนเหนือจรดแดนใต้มาร่วมหลับนอน เช็ดแล้วก็ทิ้งทั้งแผ่นดิน!

เขาไม่มีทางเอาผม เพราะเขามีตัวเลือกอื่นให้เอาอีกเป็นล้านๆตัวเลือก

ผมมันก็แค่คนธรรมดาที่มีอยู่อีกไม่รู้เท่าไหร่ แต่ว่าเขาคือผู้วิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียว

“บางทีเขาอาจจะหน้าตาขี้เหร่ ใช่ ต้องขี่เหร่แน่ๆ”ผมผุดไอเดียวเข้าข้างตัวเอง

แต่ต่อให้ขี้เหร่ยังไงก็มีคนเอา เชื่อผมคน ที่โลกเดิมพวกเศรษฐี่แก่ๆอ้วนๆยังได้ควงสาวควงนางแบบกันให้ควั่ก

ผมซีดแล้วก็ซีด ซีดจางลงเรื่อยๆจนแทบกลายเป็นกระดาษขาว

“โอ๊ะ ดูนั่น! คนนั้นแหละท่านเอเทม”ลันเทียเห็นว่าโอ๋ยังไงอาการของผมก็ไม่ดีขึ้นเลยเบนความสนใจไปทางอื่น เขาผายมือไปยังบันไดซึ่งอยู่ใกล้พวกเราสองคน

ผมได้บอกก่อนหน้านี่ว่าผมกับลันเทียได้ที่นั่งแถวหน้าสุด หากแต่มันเป็นเพียงหน้าสุดในบรรดาผู้สอบ

ความจริงผมกับลันเทียนั่งอยู่แถวที่สอง ส่วนที่นั่งแถวหน้าสุดจริงๆเป็นของคณะอัศวินยศสูงและขุนนางซึ่งมาเป็นพยานการสอบในครั้งนี้ และที่นั่งของท่านเอเทมนั้นดูเหมือนจะอยู่แถวๆผมพอดีเขาเลยเดินเข้ามาใกล้

ผมหันหน้าไปมองตามมือของลันเทีย ด้วยความอยากรู้ว่าใบหน้าของอัศวินอันดับหนึ่งเป็นอย่างไร ใจของผมภาวนาให้เขาขี้เหร่!

ขี้เหร่!

ขี้เหร่!

ขี้เหร่ทีเถอะ! จะได้จีบง่ายๆหน่อย!

“อะ...หะ...!!!!!”

และแล้วผมก็มองเห็นหน้าท่านเอเทมในตำนานผู้นั้นชัดเต็มสองตา เพราะว่าที่นั่งของเขาอยู่ข้างหน้าผมพอดี ชั่วขณะที่ผมเงยหน้าขึ้นมาสายตาของพวกเราก็เลยประสานกันพอดี

คิ้วคมเลิกขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าของชายร่างสูงเบื้องหน้าผมฉายแววแปลกใจเล็กน้อย

เขาแปลกในเล็กน้อย ส่วนผมแปลกใจมาก!!!!

วิญญาณของผมแทบจะไหลย้อนออกมาทางปากอยู่แล้ว!!

เขาคือท่านเทพอัศวินคนที่ช่วยผมจากตัวซีซี และมันติคอร์!!

เขาคือบุรุษที่ห่างไกลกับคำว่าขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า!!!

“อะ...”ผมอ้าปากค้างอยู่แบบนั้นเหมือนถูกสตาฟฟ์ แม้ว่าท่านเอเทมในตำนานจะเลิกให้ความสนใจผมและนั่งลงกับที่นั่งของตัวเองแล้วก็ตาม ลันเทียที่ไม่ทราบว่าผมเป็นอะไรตะโกนเรียกชื่อผมอย่างลนลาน



-----------------------------

การันต์เด็กโง่ววววว ท่านเอเทมจะไปขี้เหร่ได้ยังไงในเมื่อแกใช่เทิดทูนเขาเป็นเทพประจำวันเกิดอยู่เลย ถถถถถ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-1 20/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 20-10-2018 12:11:03
 :laugh: :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-1 20/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 20-10-2018 12:22:46
การันต์เป็นคนที่เป๋อๆ ดีครับ น่ารัก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-1 20/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-10-2018 02:23:58
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-1 20/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 21-10-2018 03:07:13
ชอบมากเลยค่ะ อ่านเพลินดี
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-2 21/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 21-10-2018 08:33:49
ตอนที่6 PART 2

“ท่านการันต์ ท่านการันต์!!”

ผมได้ยินเสียงของลันเทียกำลังเรียกชื่อนะ แต่มันต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าผมจะหลุดจากโหมดแช่แข็ง

“ฮะ ตอนนี้...คิวที่เท่าไหร่แล้ว”ผมสะดุ้งเบาๆเมื่อลันเทียใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คนน่ารักตบผมอะ!! ถึงจะเบามือไว้แล้วก็เหอะ เจ็บนะเว้ยยย

“สามร้อยกว่าแล้ว”

“อีกตั้งไกล”

“เหอะน่า ข้าปลุกท่านเพราะอยากให้ท่านดูคนต่อไป นั่นดูสิ เขาคือลูกชายของพลโทมอร์แกนล่ะ”ลันเทียชี้นิ้วไปที่ไปที่ใจกลางสนาม

“แล้วทำไมหรือ”

“พลังเวทมนต์เป็นสิ่งที่สืบทอดทางสายเลือด พ่อแม่ที่เป็นจอมเวทลูกก็เป็นจอมเวท ข้าอยากให้ท่านเห็นกับตาว่าคนที่เป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งปีนี้จะได้คะแนนเท่าไหร่”

“อ่า อือๆ”ผมรับคำ ขณะนี้ผมเริ่มสนใจนายหัวน้ำตาลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกพลโทซึ่งกำลังลงสนามอย่างองอาจนั่น

มาดได้ หน้าตาก็พอใช้ ส่วนคะแนน...

“51002”

“ไม่เลวเลย”ลันเทียปรบมือเปาะแปะ”ท่านเห็นแล้วใช่ไหม คะแนนสูงสุดในแต่ละปีมันก็อยู่ประมาณห้าหมื่นนี่แหละ นานมากๆกว่าจะมีเหยียบไปหลักแสน สวนสถิติหกแสนนั่นคือไม่ใช่คนแล้ว!”ลันเทียที่รัก คนที่เจ้ากล่าวหาว่าไม่ใช่คนก็นั่งอยู่ข้างหน้าเราเนี่ย

เดี๋ยวเขาก็ลุกขึ้นมาต่อยหรอก กั๊ว

หลังจากลูกนายพลคนนั้นปล่อยลูกแก้ว สถิติห้าหมื่นของเขาซึ่งเป็นแต้มสูงสุดในปัจจุบันก็ได้ขึ้นบอร์ดใหญ่รอบโครอสเซียม นับเป็นหน้าเป็นตาแก่วงศาคณาญาติโดยแท้ ผมคิดว่าป่านนี้พ่อของเขาคงยิ้มแก้มแทบแตกแล้ว

และก่อนที่ลูกนายพลจะเดินกลับที่นั่งเขาก็ถูกกันให้ไปนั่งในที่นั่งพิเศษ

“ที่นั่งตรงนั้นสำหรับคนที่ได้คะแนนเกินห้าหมื่นเท่านั้น เพราะด้วยพลังเวทมนต์ที่มากเกินพอทำให้เขาไม่ต้องสอบรอบปฏิบัติแล้ว”

“โห...”ขนาดห้าหมื่นแต้มยังได้รับการปฏิบัติอย่างดีขนาดนี้ ผมล่ะอยากเห็นตอนหกแสนของคนข้างหน้าจริงๆ

“เพราะว่าแค่ใช้เวทมนต์อย่างเดียวก็เก่งมากแล้ว ต่อให้ร่างกายจะอ่อนแอจนยกดาบไม่ขึ้นก็ยังแข็งแกร่ง การทดสอบทางร่างกายจึงไม่จำเป็น”ลันเทียอธิบายเสริมตามประสาผู้รู้

“โห...”ผมล่ะอยากได้ห้าหมื่นแต้มบ้างจะได้ไม่ต้องทดสอบพลังกาย

ผมนั่งดูการทดสอบต่อไปอย่างน่าเบื่อ ส่วนใหญ่คะแนนจะอยู่ที่หลักสิบนั่นแหละครับ ใครหลุดมาหลักร้อยทีทั่วโครอสเซียมก็ส่งเสียงเฮทีอย่างกับเชียร์มวย

จากการนั่งดูทำให้ผมรู้ว่ายิ่งมีพลังเวทสูงเท่าไหร่เจ้าลูกแก้วยักษ์ก็จะยิ่งใช้เวลาประมวลผลนานเท่านั้น

บางคนแค่แตะปลายนิ้วเลขก็ขึ้นแล้ว อันนี้รู้ได้เลยว่าได้ไม่เกิน20แต้มชัวร์

ผมเห็นคนนึงได้สามพันแต้ม หมอนี่แตะอยู่ร่วมยี่สิบวิกว่าตัวเลขจะโผล่

แต่เนื่องจากคนที่ได้คะแนนหลักสิบมันมีเยอะกว่ามากในที่สุดคิว1200-1300ก็ถูกเรียกให้ไปยืนแสตนด์บาย

“โอยยย ข้าตื่นเต้น”ผมร้องโอดครวญ

“ข้าเชื่อว่าท่านมีพลังแฝงมากกว่าข้า ยังไงท่านก็ผ่าน”ลันเทียลูบหลังผมเหมือนเขาเป็นแม่ส่วนผมเป็นลูกชายวัยหกเดือนที่กำลังร้องไห้เพราะหิวนม

“ฮื๊อออ”ผมขบฟันแน่นจนฟันแทบแตก ใจแทบกระดอนออกจากอกเมื่อพิธีกรกล่าวเรียกหมายเลข1200ขึ้นไปแตะลูกแก้ว

ไอ้หมอนี่ได้แค่32 เดินน้ำตาร่วงออกไป

ใกล้มาก หมายเลขถูกรันอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าพิธีรับปริญญา กระทั่งมาถึงคิวที่1217ของลันเทีย

“สู้ๆ...”ผมกล่าวให้กำลังใจร่างเล็กที่เดินเข้าไปแตะลูกแก้ว เขาไม่ได้ยินเสียงของผมเพราะกำลังรวบรวมสมาธิ

ลูกแก้วยักษ์เรืองแสงอ่อนๆเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้แตะปุ๊บเลขออกปั๊บเหมือนพวกที่ได้แต้มน้อยๆ ลูกแก้วของลันเทียยังคงเรืองแสงทว่าไม่ปรากฏตัวเลขอยู่...เนิ่นนาน

นานกว่ายี่สิบวิของคนที่ได้สามพันแต้มไปแล้ว!!

ผมเบิกตาแทบถลน ตกใจอย่างแรงเพราะไม่คิดว่าคนน่ารักที่ผมตกมาเป็นพ่อบ้านด้วยค่าตัว500เหรียญจะมีพลังเวทมนต์ในตัวสูงขนาดนี้!!

“85421!!”

เสียงของพิธีกรตะโกนลั่นสนาม พลันป้ายประกาศซึ่งชูเลขห้าหมื่นแต้มของลูกพลโทพลันเปลี่ยนเป็นแปดหมื่นของลันเทีย!!

“โอ้ มาย ก็อดดด...”ผมช็อคจนตัวแข็งไปแล้ว

ก่อนจะโดนอัศวินคุมสอบกันไปนั่งโซนพิเศษร่วมกับลูกนายพลลันเทียหันมายิ้มให้ผม ราวกับว่าเขาต้องการย้ำคำพูดของเขาก่อนหน้านี้เพื่อต้องการเตือนสติผม”ข้าเชื่อว่าท่านมีพลังแฝงมากกว่าข้า...”ผมได้ยินเสียงลันเทียไม่จบประโยคเพราะร่างบางโดนดันไปไกลแล้ว

พลังแฝงเยอะกว่าบ้านเตี่ยเธอเหรอ!!?

ผมทำหน้ายับยู่ยี่อย่างรับไม่ได้กับคำพูดหลอกเด็กของอีกฝ่าย

1218 เมื่อพิธีกรประกาศเรียกคิวผมก็ต้องเดินขึ้นหน้าอย่างช่วยไม่ได้

มือของผมสั่นจนสามารถมองเห็นได้จากที่นั่งผู้ชม คนก่อนหน้าผมทำผลงานเอาไว้แต่ไม่มีใครบนอัฒจรรย์ที่สนใจผม พวกเขากำลังแตกตื่นฮือฮากับแต้มของลันเทียซึ่งสูงส่งเทียมเมฆ

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะแตะปลายนิ้วลงบนลูกแก้ว เมื่อพบว่ามันไม่โชว์เลขออกมาทันทีผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

อย่างน้อยก็ไม่ใช่สิบยี่สิบล่ะวะ...

ผมนิ่ง ลูกแก้วเรืองแสง พิธีกรเงียบ ผู้เข้าสอบคนอื่นๆก็เริ่มหยุดคุยเรื่องของลันเทียและหันมาสนใจผม

ผมนิ่ง ลูกแก้วเรืองแสง พิธีกรเงียบ ผู้เข้าสอบคนอื่นหยุดคุย

ผมนิ่ง ลูกแก้วเรืองแสง พิธีกรเงียบ ผู้เข้าสอบคนอื่นหยุดคุย

ผมนิ่ง ลูกแก้วเรืองแสง พิธีกรเงียบ ผู้เข้าสอบคนอื่นหยุดคุย

ผมนิ่ง ลูกแก้วเรืองแสง พิธีกรเงียบ ผู้เข้าสอบคนอื่นหยุดคุย

“มัน...ไม่นานไปหน่อยเหรอ”ไปหันไปถามอัศวินคุมสอบที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด

เขาเองก็มีสีหน้าเหรอหราเมื่อโดนถาม วินาทีที่เขาเดินไปหาอัศวินอีกคนที่ท่าทางมียศสูงกว่าเสียงเซ็งแซ่พลันเกิดขึ้นรอบสนาม

ขนาดผมไม่เคยมาสอบผมยังรู้เลยว่าแบบนี้มันคือนานเกินไปแล้ว!! ทุกคนในสนามตอนนี้เองก็กำลังขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน

“หรือว่าผมไม่มีพลังเวท”ผมถามหน้าซีด

“ไม่ใช่ ถ้าไม่มีมันจะขึ้นเลข0มาทันที”อัศวินคุมสอบหน้าตาอาวุโสเดินเข้ามาใกล้พลันขมวดคิ้ว

“หรือว่าลูกแก้วเสีย”

“จะเป็นไปได้อย่างไร”

“หรือว่า หรือว่า...”หรือว่าเพราะผมมาจากต่างมิติก็เลยตรวจวัดพลังเวทด้วยวิธีของคนโลกนี้ไม่ได้

ผมเครียดหนักมาก แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นลูกแก้วที่ผมยืนแตะจนเหงื่อซึมมือไปหมดก็เลิกเรืองแสง

“เห้อ เสร็จสักที”ผมก้มหน้าเช็ดเหงื่อกับขากางเกง

“หือ”บรรยากาศในสนามเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ผมจึงต้องเงยหน้ามองคะแนนของตัวเองอย่างสงสัย

และเมื่อเห็นแต้มของตัวเองผมก็ต้องเงียบไปอีกคน

“จะ...600167!!!!!!!!!!”

หกแสน!!!!!!!?



-----------------------------

ที่เด็กโง่ได้แต้มสูงขนาดนี้มีเหตุผลนะจ๊ะ

รอเฉลยตอนหน้า >3<
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-2 21/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 21-10-2018 09:34:44
หรือว่าน้องจะต้องเอาชนะท่านเอเทมแล้วจับมาเป็นสามีในเรือนเบี้ย
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-2 21/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 21-10-2018 10:07:01
 o22 น้องจะจับท่านเอเทมทำสัมมีได้รึไม่5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-2 21/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 21-10-2018 12:03:29
……


น้องการันต์มีพลังเวทระดับหกแสน ไม่ใช่อี้อี้นะจ้ะ

น้องลันเทียก้อไม่ย่อย.  ได้อัศวินคู่หูคู่ซี้ละงานนี้


 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:



……

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-2 21/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 21-10-2018 20:53:49
สนุกมากกกก​  :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH6-2 21/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-10-2018 07:02:48
เอาแล่วๆๆๆๆๆ การันต์เอ๊ย
พลังเวทย์สูงปรี๊ดเลยจร้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH7 22/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 22-10-2018 09:05:21
ตอนที่7

“อะ อะ อะไร...ทะ ทะ ทะ ทำไม...”ผมติดอ่างไปแล้วเรียบร้อย ในขณะที่ทุกคนตกใจกลับกลายเป็นผมที่ตกใจที่สุด

หกแสนนี่มัน...น้อยกว่าท่านเอเทมในตำนานนิดเดียวเองไม่ใช่เรอะ!!

ลันเทียบอกผมว่าตอนสอบเข้าท่านเอเทมได้หกแสนกลางๆ ผมได้คะแนนน้อยกว่าเขาห้าหมื่น บ้าไปแล้ว!! แบบนี้ก็แปลว่าผมไม่ต้องแต่งงานกับเขาก็ได้หนิ ปีหน้าผมก็แค่ลงประลองด้วยตัวเอง เป็นอัศวินอันดับหนึ่งมันซะเอง แต่งงานกับตัวเอง แล้วก็กลับบ้าน!!

ผมตัวลอยเป็นลูกโป่งไปแล้ว เดือดร้อนอัศวินคุมสอบต้องเข้ามาหามผมไปยังโซนที่นั่งรวม

ทว่าผมยังไม่ทันโดนหามไปถึงที่นั่งของคนที่ได้แต้มเกินห้าหมื่นก็มีชายแก่คนนึงเดินเข้ามารั้งไว้

“ช้าก่อน”

“ท่านเสนาธิการ?”อัศวินที่หิ้วปีกผมอยู่เรียกชายแก่คนนั้นเช่นนี้

“ข้าขอสอบถามข้อมูลบางอย่างกับเขาสักประเดี๋ยวนะ พอจะพาเขาไปนั่งรอในห้องรับรองได้ไหม”ชายชราลูบเคราสีขาวของตน เขาดูเป็นคุณตาผู้รอบรู้และใจดี นายอัศวินปฏิบัติตามคำสั่งของเขาทันที ผมถูกหิ้วออกมาจากโครอสเซียม เดินออกมาไม่ไกลนักก็เห็นเรือนหลังเล็ก

“เจ้า...ท่านนั่งรอตรงนี้นะ”นายอัศวินปฏิบัติกับผมอย่างสุภาพ

ผมเองยังมีสติกลับมาไม่ครบจึงนั่งเอ๋อๆไม่ได้ตอบสนองอะไร

รอไม่นานนักก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง นำทีมโดยท่านเสนาธิการ ขุนนางและอัศวินชั้นสูงที่ผมเห็นนั่งเรียงรายอยู่แถวหน้าผมเมื่อครู่ และปิดท้ายด้วยท่านเอเทมที่ตกกระป๋องไปแล้วผู้นั้น

พวกเขาเดินเข้ามาล้อมผมก่อนท่านเสนาธิการที่ดูอาวุโสที่สุดจะเป็นคนเอ่ยถาม”เอเทมบอกว่าเจ้าเป็นคนจากต่างมิติ  เจ้ามายังโลกนี้ทางรากของต้นหมื่นปีใช่หรือไม่”

“คะ ครับ!”ผมนั่งตัวเกร็งเพราะไม่รู้ว่าบุคคลชั้นสูงทั้งหลายจะเรียกผมมาคุยเป็นการส่วนตัวเพื่ออะไร

“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าการจะข้ามมิติแบบถาวรจะต้องสลับตัวกับตัวตายตัวแทน เจ้ามาที่โลกของเราก็ต้องมีคนจากโลกของเราข้ามไปยังโลกของเจ้า”ขุนนางอีกคนหนึ่งกล่าวถาม

“ครับ”ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“แล้วรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่แลกเปลี่ยนกันไม่ได้มีเพียงร่างกาย”ท่านเสนาธิการถาม

ผมส่ายหน้าไปมา อันนี้ผมไม่รู้แล้ว ผู้เฒ่าไม่ได้บอกผม

“หากข้าเดาไม่ผิด โลกของเจ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนต์ใช่ไหม”

“ครับ”

เมื่อได้รับคำตอบจากผมทุกคนก็หันกลับมามองหน้ากัน ยกเว้นแต่ท่านเอเทมที่จับจ้องผมตั้งแต่เข้ามาในห้องไม่พูดไม่จา

ท่านเสนาธิการเห็นว่าผมงงเป็นไก่ตาแตกจึงเลิกกระซิบกระซาบกับบรรดาขุนนางคนอื่น เขาหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตาว่า”ข้าขอสมมติชื่อคนที่สลับตัวกับเจ้าว่าทิมนะ”

“ครับ...”ท่านเสนาธิการช่างมีมาดเหมือนอาจารย์ใหญ่ในเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์มาก เขาดูรักเด็ก

“ทิมเป็นคนของโลกนี้ ทิมมีเวทมนต์ แต่เมื่อทิมข้ามไปยังโลกของเจ้าซึ่งไม่มีเวทมนต์ ทิมที่อยู่ในโลกของเจ้าก็จะไม่มีเวทมนต์”

“อ้าว”

“แล้วเจ้าคิดว่าเวทมนต์ของทิมจะอยู่ที่ไหน? แน่นอน มันไม่ได้อยู่ที่เขาอีกต่อไป และมันก็ไม่สามารถระเหยหายไปดื้อๆได้”

“ยะ...อย่าบอกนะว่าเวทมนต์ของทิม...อยู่ที่ผม”ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เมื่อได้รับคำตอบของผมทุกคนในห้อง(ยกเว้นท่านเอเทม)ก็พยักหน้าและอมยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เจ้ารู้ไหมว่าหกแสนเป็นค่าที่เยอะมาก”อัศวินนายหนึ่งกล่าวขึ้น น้ำเสียงของเขาห้าวหาญสมเป็นชายชาติทหารทำให้ผมเผลอหดคออย่าลืมตัว

“ครับ”

“ปัจจุบันมีแค่ 3คนเท่านั้นที่มีค่าพลังเวทมนต์ทัดเทียมนี้ หนึ่งคือท่านเอเทมแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินเรา สองคือแลนเซล็อต อัศวินแห่งแสงตะวันจากราชอาณาจักรคาดิแอค และสามคือท่านผู้นำสูงสุดแห่งคณะอัศวินโต๊ะกลม”

“ครับ...”ผมไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี สถานการณ์ตอนนี้ผมยังตามไม่ทันหลายส่วน

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรแทรกขึ้นมาอีกอัศวินคนนั้นจึงกล่าวต่อ

“ผู้นำอัศวินโต๊ะกลมปรากฏตัวในข่าวแทบทุกวัน ท่านเอเทมยังอยู่อย่างที่เจ้าเห็น แลนเซล็อตเองก็เช่นกัน ทั้งสามคนไม่ได้ทะลุมิติไปไหน ทีนี้ปัญหาของพวกเราก็คือ...ทิมที่สลับตัวกับเจ้า เป็นใคร?”

“เอิ่ม...”ท่านถามผมแล้วผมจะถามใครล่ะ

“พวกเราพอจะมีคำตอบในใจแล้ว บุคคลที่มีฝีมือระดับนี้ใต้หล้ามีเพียงหยิบมือ พวกเราเพียงแค่อยากได้คำยืนยันจากเจ้าเท่านั้นว่าผู้เฒ่าที่อารักษ์ต้นหมื่นปีอยู่ได้กล่าวอะไรไว้บ้างไหม”อัศวินคนเดิมซักต่อ

ทว่าผมกลับทำได้เพียงส่ายหน้า เมื่อสิ้นคำตอบของผมทุกคนก็พากันถอนหายใจ

“เอาเถอะ...เราก็ยังไม่มีหลักฐานว่าทิมคือ’เขาคนนั้น’ อย่างไรเขาก็หายสาปสูญไปกว่า3ปีแล้วดังนั้นตอนนี้พวกเรากลับไปนั่งดูการสอบกันเถอะ ส่วนเรื่องของเด็กคนนี้... เกรงว่าคงต้องฝากให้เจ้าช่วยจับตาดูแล้ว”ท่านเสนาธิการเดินเข้าไปตบไหล่ท่านเอเทม

อัศวินหนุ่มผู้ครอบครองใบหน้าชวนละลายหากตามีกลิ่นอายเหมือนทุ่งน้ำแข็งตวัดสายตามองท่านเสนาธิการราวกับไม่พอใจคำขอร้องนี้”แค่จับไปขังไว้จนกว่าจะรู้ตัวทิมก็สิ้นเรื่อง”

“เกรงว่าคุกหลวงคงเอาเขาไม่อยู่ ที่สำคัญเราไม่สามารถเอาคนบริสุทธิ์เข้าคุกได้ โดยเฉพาะคะแนนสอบของเขา เกรงว่าถ้ากองทัพอุ้มเขาหายเข้ากลีบเมฆประชาชนจะเกิดความสงสัย แล้วจะให้อัศวินธรรมดาตามเฝ้าเขาก็คงไม่ไหว เจ้าก็รู้ว่าทั่วแผ่นดินมีแค่เจ้ากับแลนเซล็อตเท่านั้น ที่สามารถงัดข้อกับ’เขาคนนั้น’ได้”

ท่านเสนาธิการตบไหล่กว้างแปะๆก่อนคณะผู้ไต่สวนจะพากันลอยแพผมกับท่านเอเทม

“เอิ่ม...”เมื่อเหลือกันอยู่สองคนท่านเอเทมจึงต้องหันมามองหน้าผมตามเสียงเรียกอย่างเสียมิได้

“ข้าชื่อการันต์”ชายที่ผมเฝ้าฝันมาตลอดอยู่แค่ตรงหน้าแต่ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา

เขาเป็นคนที่เข้าถึงยากโดยนิสัย ไม่ต้องรวมโปรไฟล์อันเลิศหรูของเขานั่นเลย วัดกันแค่คาแรคเตอร์ผมก็กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าเขาไม่มีเพื่อนชัวร์ๆ

เย็นชา!!

ไร้ใจ!!!

ผมเชื่อเฒ่าแคระนั่นแล้ว!

“ท่านคิดว่าทิมที่พวกเขาพูดถึงคือใครเหรอ”ผมถามซื่อๆ”แล้วถ้ารู้ว่าทิมคือใครจะเกิดผลกระทบอะไรกับผมไหม”

“...”เงียบ ท่านเอเทมกดหัวคิ้วลงเล็กน้อยให้รู้ว่าเขากำลังรำคาญผม และให้ผมหุบปากเสีย

แต่ผมเงียบไม่ได้ครับ วันนี้ท่านเสนาธิการให้ท่านเอเทมคอยจับตาดูผมแต่พรุ่งนี้จะโดนเปลี่ยนคนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไงซะบุคคลากรระดับท่านเอเทมก็ไม่สมควรเอาเวลาอันมีค่ามาเสียกับหน้าที่แบบนี้

“ท่านเอเทมๆ”ผมตัดสินใจลุกจากเก้าอี้ รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงซึ่งยืดกอดอกพึ่งกรอบประตูอยู่ เขาไม่มีปฏิกิริยาใดกับเสียงเรียกของผมแต่ผมก็หน้าด้านพูดต่อไป

“ท่านทราบไหมว่าการจะกลับโลกเดิมข้าต้องทำตามภารกิจของต้นหมื่นปี”

“...”โอเค ผมยังไม่โดนซัดให้หุบปาก ดังนั้นผมสามารถฝอยต่อได้อีกหน่อย

“ท่านรู้ไหมว่าต้นหมื่นปีให้ข้าทำอะไร”ผมหยุดยืนอยู่หน้าคงตัวสูงกว่า เมื่อเราอยู่ห่างกันแค่2ฟุตทำให้ผมรู้ว่าผมตัวเล็กกว่าเขามาก ทั้งความกำยำแล้วก็ความสูง และยิ่งมองใกล้ๆเขาก็ยิ่งหล่อ

ผมเกิดใจสั่นจนเผลอเสียอาการ แค่ได้กลิ่นน้ำหอมของเขาผมก็แทบลอยขึ้นสวรรค์

“ขะ ข้า...ต้องแต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่ง...”ปลายเสียงของผมแผ่วเบาลงเรื่อยๆจนคำว่าหนึ่งแทบจะไม่ได้ยิน ทว่าท่านเอเทมหูดีสมกับที่เป็นอัศวินอันดับหนึ่ง เขาปรายตามองผม และในที่สุดพวกเราก็ได้สบตากัน

พอเขาหันมาผมก็ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

ผมเขิน!!!

หน้าผมตอนนี้คงแดงแปร๊ดแน่ๆ

แต่ผมต้องพูดให้จบ

“เพื่อส่งข้ากลับบ้าน...ได้โปรด แต่งงานกับข้าด้วยเถิด”

...

หลังจากนั้นเหรอ ไม่มีหลังจากนั้นเพราะว่าผมเป็นลม ท่านเอเทมไม่ได้ทุบตีหรือทำร้ายผมทั้งนั้น ผมแค่โดนแรงเค้นจากสายตาผู้ชม และความแตกตื่นของตัวเองหลังเห็นเลขคะแนนทำให้เลือดสูบฉีดเร็วเกินอัตรากำหนด พอมาตอนนี้ยังเจ๋อพูดแบบนั้นออกไปสุดท้ายเลือดเลยไปเลี้ยงสมองไม่ทัน หงายเก๋งลงในที่สุด

กระจอกมาก!!

รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!!

หลังจากนั้นหลายชั่วโมงผมจึงได้สติ พบว่าผมถูกพามาที่ห้องพยาบาลและคนที่กำลังหลับคอพับคออ่อนอยู่ข้างเตียงผมก็ไม่ใช่ท่านเอเทมแต่เป็นลันเทียผู้น่ารัก

“เอิ่ม...”ผมขยับตัวลุกนั่ง เนื่องจากผมไม่ได้ป่วยและไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนแถมยังได้นอนเต็มอิ่มร่างกายของผมก็กระปรี้กระเปร่าอย่างมาก

ผมได้แต่มองคนที่เป็นเสมือนมิตรแท้เพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ของผมอย่างลันเทียแน่นิ่ง ผมยังไม่ได้ปลุกเขาเพราะผมต้องการอยู่กับตัวเอง อยู่กับความอับอาย!! ไอ้ไก่อ่อนการันต์เอ๊ยยย ขอเขาแต่งงานเองแท้ๆ ขอเสร็จเสือกเป็นลม!

“ท่าน...ท่านฟื้นแล้ว!!”ปรากฏว่าผมยังไม่ทันก้มเก็บเศษหน้า คนตัวเล็กกว่าก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว ร่างบางเข้ามาจับผมพลิกซ้ายพลิกขวาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าผมอยู่ดีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ท่านทำให้ข้าเป็นห่วงนะรู้ไหม ทำไมอยู่ดีๆถึงไปพูดกับท่านเอเทมเช่นนั้นล่ะ!?”ผมโดนเสียงหวานแหวใส่อย่างเหลืออด”ดูสิ แทนที่ข้าจะยินดีกับท่านเรื่องคะแนนสอบ โธ่! ข้าสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้จะลำดับความสำคัญเรื่องไหนก่อนดี”

ร่างบางข้างเตียงดูสับสนมากจริงๆ

แต่คนที่ควรจะสับสนมันคือทางนี้ต่างหาก

“ข้าพูดอะไรกับท่านเอเทมหรือ”ผมเอียงคอถามซื่อๆ

“ท่านไม่ได้พูดเหรอ?”กลับเป็นลันเทียที่ถามอย่างงุนงง

ร่างบางหันไปคุ้ยอะไรบางอย่างด้านหลังเก้าอี้ก่อนหันกลับมายื่นส่งให้ผม”นี่เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับค่ำของวันนี้”

“หนังสือพิมพ์ฉบับค่ำ?”ผมไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์มาก่อน มาที่โลกนี้จึงไม่รู้ว่าที่นี่ก็มีหนังสือพิมพ์แถมยังมีวันละ2ฉบับคือฉบับเช้าและฉบับค่ำ

ผมรับมาพลิกดูพาดหัวข้อข่าว

‘อัฉริยะคนที่2ปรากฎตัว!! เด็กหนุ่มผู้ทำคะแนนสอบ6แสน ประกาศของเทพอัศวินแต่งงาน! (อ่านต่อหน้า16)’

“หะ...”ผมกวาดตาอ่านข่าวซ้ำอย่างเสียสติ แต่ผมอ่านถูกตั้งแต่รอบแรกแล้ว หลักฐานยืนยันก็คือรูปใบหน้าโง่ๆของผมตอนพูดคำว่าแต่งงานกับผมเถอะต่อหน้าท่านเอเทมที่เคารพ

“นี่มัน...นักข่าวเอาภาพพวกนี้มาจากไหน!!”ผมตะโกนถามลั่นห้องพยาบาล โชคดีที่ในห้องมีแค่พวกเราผมจึงไม่โดนด่า

“โธ่! ท่านได้คะแนนสอบสูงขนาดนั้น พวกนักข่าวก็อยากสัมภาษณ์อยู่แล้ว พวกเขากรูตามท่านไปทันทีที่ท่านโดนพาออกจากโครอสเซียม! ต่อจากนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว!”

ผม...รู้สึกหน้ามืด

เหมือนกับจะเป็นลมอีกรอบ

“อะเฮือก!”



------------------------------------

หนูการันต์ก็ยังคงครองสถิติคอมโบดวงตกอย่างมั่นคง!

อย่าคิดว่าสอบได้คะแนนเยอะแล้วชีวิตจะดีขึ้น เปล่าเลย มีแค่ซวยมากหรือซวยร้อยเท่านั้น 55555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH7 22/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-10-2018 17:06:04
ขอแต่งงานออกสื่อไปเลยจร้าาาาา
ค่าเวทมนต์หกแสน นี่จะได้ใช้งานไหมเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH7 22/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-10-2018 22:09:41
เป็นการขอแต่งงานที่ยิ่งใหญ่มาก คนรู้กันทั้งเมืองเลย 555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH7 22/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-10-2018 01:54:46
ใครคือแลกตัวไป กทม. แลกไปแล้วไปเป็นใคร ทำไมต้องแลกไป
เราสงสัยผิดประเด็นเปล่าหว่า 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH7 22/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 24-10-2018 11:05:35
น้องจะมีโอกาสได้ใช้พลังไหมเนี่ย
ดูท่าจะเหลวไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH7 22/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 24-10-2018 14:11:19
รอแต่งงานกับตัวเองก็ได้เนอะ ถ้าได้เป็นอัศวินอันดับหนึ่งอ่ะนะ แต่อาจต้องรอนานๆๆๆมาก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH8 25/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 25-10-2018 17:31:51
ตอนที่8

เมื่อสติมาปัญญาเกิดผมก็ปัดเป่าปัญหาที่โคตรพีคที่สุดนั่นออกไปจากสมองและลากลันเทียเข้าสู่เรื่องไร้สาระแทน ผมซอกแซ่กถามเขาว่าทำไมถึงได้มีพลังเวทสูงนักแต่เจ้าตัวกลับย้อนถามผมกลับมาว่าผมนั่นแหละทำไมพลังเวทถึงสูงนัก ซึ่งคำถามนี้ผมตอบไม่ได้ เห็นหน้าซื่อๆแบบนี้ร้ายนักนะเรา

“หลังจากนี้ท่านคงลำบากหน่อย สำหรับชาวอัสโตเรียแล้วท่านเอเทมคือเทพแห่งสงครามผู้ลงมาจุติบนแผ่นดิน”ลันเทียกล่าว

“อัสโตเรีย?”

“ท่านอยู่มาเดือนหนึ่งแล้วยังไม่รู้ชื่อราชอาณาจักรแห่งนี้อีกเหรอ”ลันเทียแอบเหน็บ

“ก็ไม่มีใครบอกเก๊านี่”ผมงุบงิบๆ ทว่าเราของคนยังไม่ทันได้สนทนาอะไรต่อประตูห้องพยาบาลก็เปิดออก

ผู้มาใหม่คือขบวนแถวอัศวินในเครื่องแบบสีดำขลิบทองเต็มยศร่วมยี่สิบคน ทุกคนพร้อมใจกันจ้องมายังผมด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ ผมรีบหดคอและกระดึ๊บตัวไปหลบข้างหลังลันเทียทันที

“เชิญผู้สอบผ่านด้วยคะแนนเกินห้าหมื่นไปรวมตัวกันเพื่อรอเข้าพบองค์รัชทายาท!!”ผู้นำคณะตะคอกเสียงใส่ แน่นอนว่าคนที่เขาตะคอกมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

ดูเหมือนทุกคนจะรู้ข่าวเรื่องที่ผมขอท่านเอเทมแต่งงานผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว และไม่พอใจอย่างแรงที่ผมสร้างความเสื่อเสีย ทำลายภาพลักษณ์ประดุจเทพของท่านเอเทม แต่พวกเขาไม่สามารถกระโดดเข้ามาฉีกผมเป็นชิ้นๆได้เนื่องจากผมมีบารมีหกแสนแต้มคุ้มกะลาหัวอยู่...

องค์รัชทายาท?

ตำแหน่งนี้นักอ่านนิยายหลายคนน่าจะรู้จักกันดี มันคือตำแหน่งยอดนิยมของพระเอกนิยายสายพีเรียด แฟนตาซี ทะลุมิติในตำนาน

ผมสัมผัสได้ว่าหัวใจกำลังเต้นแรง ผมกำลังตื่นเต้น!

“ลันเทียๆ รัชทายาทของอัลโตเรียจะหน้าตายังไงกันนะ”ผมกระซิบถามลันเทียที่เดินอยู่ข้างๆ

“อ่า...ข้าก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน”คนตัวเล็กกล่าว

ผมกับลันเทียแอบคุยกันได้แค่เพียงเท่านี้เพราะอัศวินที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหันขวันมามองด้วยสายตารำคาญ

ห้องพยาบาลของผมไม่ได้อยู่แถวโครอสเซียมหากแต่ยังอยู่ในเขตุรั้วของกองทัพหลวง ผมมองออกไปนอกระเบียงทางเดินพบว่าตนกำลังเดินอยู่บนอาคารแห่งหนึ่งซึ่งผมเดาเอาเองว่าที่นี่น่าจะเป็นอาคารที่ทำการหลักของกองทัพ

พวกเราเดินกันมาสักพัก สุดทางระเบียงก็ปรากฏประตูบานใหญ่มันสูงจรดเพดานและกว้างพอจะเดินเรียงแถวหน้ากระดานสิบคนเข้าออกได้สบายๆ คนเดินนำผลักมันออกโดยไม่ออกอาการหนักทำให้ผมแอบชื่นชมความแข็งแรงของเขาอยู่ในใจ

และเมื่อประตูบานนั้นเปิดออกผมขนออกของผมก็พลันลุกซู่

ข้างในนั้นมีคณะอัศวินยืนเรียงแถวอยู่ ทุกคนมองไปข้างหน้าไม่เหลียวหลังกลับแม้จะได้ยินเสียงเปิดประตู

การแต่งตัวของพวกเขาแตกต่างจากพวกอัศวินชั้นปลายแถวที่ผมเคยพบ นี่คือชุดพิธีการที่ประดับด้วยเครื่องยศซึ่งเป็นตัวบ่งบอกบรรดาศักดิ์ของพวกเขาเหล่านี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมขนลุกไม่ใช่แค่ชุดแต่เป็นออร่า

เซนส์ของผมบอกว่าคนเหล่านี้มีความน่าเกรงขาม

และแน่นอน คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดคือแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินอย่างท่านเอเทม

“พาตัวมาแล้วครับ”หัวกล้ากลุ่มที่เป็นคนนำทางให้ผมกับลันเทียเดินตรงไปข้างหน้า คุกเข่าให้ท่านเอเทมด้วยความเคารพอย่างสูง

ท่านเอเทมเองก็รักษามาดได้อย่างดีเยี่ยม เขาเพียงแค่พยักหน้าหนึ่งครั้งและหันกลับไปมองพระที่นั่งซึ่งไร้คนนั่ง

“มัวยืนเหม่ออะไรอยู่! ไปเข้าประจำตำแหน่งได้แล้ว! พวกเจ้าสองคนทำให้กำหนดการของพวกเราล่าช้าออกไปมาก!!”ปฏิบัติกับท่านเอเทมอย่างนอบน้อมประดุจเข้าเฝ้าพระเจ้าแต่หันมาตวาดใส่พวกผมเป็นสถานอารมณ์

อย่าให้ผมเดบิวต์ได้ยศใหญ่นะ! คอยดูเหอะ พวกที่เคยแกล้งหรือเคยเอาเปรียบผมเอาไว้โดนผมเอาคืนแน่!!

ผมกัดฟันกรอดขณะเดินตามลันเทียไปยืนรวมกลุ่มกับนายลูกพลโทซึ่งเป็นบุคคลแรกที่ทำแต้มได้ห้าหมื่น

ถึงแม้ว่าหน้าใหม่อย่างพวกเราสามคนจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเข้ากองทัพอย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากอีเวนท์นี้เป็นอีเวนท์เดบิวต์ของพวกเราดังนั้นจุดยืนของพวกเราสามคนก็คือแถวที่สอง ข้างหลังของท่านเอเทมที่เคารพนั่นเอง

“ต้องทำอะไรบ้าง”ผมกระซิบถามลันเทียด้วยเสียงที่เบาที่สุด

เนื่องจากผมไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าตัวเองจะผ่านการสอบด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการสอบแผ่นเป็นTOP3แบบนี้เลย ผมจึงไม่รู้ว่าพิธีการนี้มีอะไรบ้าง

“ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน”ลันเทียเอ่ยอย่างจนปัญญา”ข้าไม่ใช่ลูกหลานขุนนาง ข้าไม่เคยเข้าร่วมพิธีการสำคัญขนาดนี้เหมือนกัน”

“เงียบซะ อย่าเสียมารยาทต่อหน้าพระที่นั่ง”ตาลูกนายพลซึ่งได้คะแนนเกินห้าหมื่นมาแค่กระจึ๋งเดียวตวัดเสียงตำหนิเราสองของ เขาปลายตามองพวกเรา ไม่ใช่สายตาเหยียดหยามแต่เป็นสายตาเคลือบแคลง

คาดว่าเจ้าตัวคงเจ็บใจไม่น้อยที่ได้คะแนนน้อยกว่าพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผมกับลันเทีย

“ขอโทษครับ”ลันเทียเอ่ยอย่างสุภาพ

“เจ้าชื่ออะไร”แต่ผมกลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม

องค์รัชทายาทยังไม่มา ทุกคนเอาแต่ยืนนิ่งยกมือไพล่หลัง หน้าเชิดไหลตึงมองตรงตาแทบไม่กระพริบ เสียงหายใจยังแทบไม่ได้ยิน ผมซึ่งเป็นไฮเปอร์บอกตรงๆว่าอึดอัดจนตัวจะแตกอยู่แล้ว ยืนเก๊กหล่อได้แป๊ปเดียวก็ต้องหาเพื่อนจ้อ

“เจริโก้”ลูกนายพลเอ่ยแนะนำตัว

“อ่อ โก้! ข้าชื่อการันต์นะ”ผมแนะนำตัวบ้าง

คนถูกย่อชื่อมองผมตาเขียว เขาคงไม่พอใจผมมากเพราะนอกจากผมจะไม่เงียบปากแล้วยังไปเปลี่ยนชื่อให้เขาอีก

“คนสวยคนนี้ชื่อลันเทีย”ผมไม่สนใจสายตาเฉือดเฉือนนั่น หากเขาเอาดวงตาคู่นี้ไปมองคนอื่นมันคงข่มให้ฝ่ายตรงข้ามหวาดกลัว แต่มันใช้กับผมไม่ได้เพราะผมเจอนัยน์ตาที่น่าเกรงขามมากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่ามาก่อน

ดวงตาของชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเราไง

“เงียบซะ!”ไอ้โก้กัดฟันพูด

ผมยักไหล่เซ็งๆแต่สุดท้ายก็ยอมเงียบ

ครับ เงียบได้อีกประมาณยี่สิบนาทีผมก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือกหนึ่ง

“เมื่อไหร่องค์รัชทายาทจะมา เขาปล่อยให้เรารอนานแล้วนะ”ผมชะโงกหน้าไปถามไอ้โก้ที่น่าจะมีความรู้เรื่องรอบรั้วพระราชวังมากกว่าลันเทีย

“พวกข้ายืนรอเจ้าฟื้นมาตั้งนานไม่ปริปากบ่นสักคำ!”

“อุ่ย...”ผมหดคอกลับเข้ากระดองแทบไม่ทัน

เมื่อพบว่าตนเองเป็นสาเหตุของการณ์ดีเลย์ทั้งหมดผมจึงยืนอดทดสงบเสงี่ยมต่อไป จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงถัดมา ทหารยามคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องพิธีการแห่งนี้พร้อมตะโกนเสียงดังว่า”เตรียมรับเสด็จองค์รัชทายาท!!”

ตื่นเต้น!!

เมื่อกี๊ผมจะยืนหลับอยู่รอมร่อแต่พอได้ยินว่ารัชทายาทจะมาดวงตาของผมก็ใส่ปิ๊ง

เจ้าชาย! ผมจะได้เจอเจ้าชายตัวเป็นๆครั้งแรกในชีวิต แม่เจ้าโว๊ยยยยย

พรึ่บ

เหล่าอัศวินผู้สูงศักดิ์ในห้องพิธีการพลันย่อการลงนักคุกเข่าพร้อมกัน เข่าซ้ายของพวกเขาแตะพื้นส่วนขาขวานั้นตั้งชันขึ้นเพื่อใช้วางแขน

ผมคิดว่านี่คือมาตรฐานสำหรับทำความเคารพเชื้อพระวงศ์จึงตั้งใจจะทำตามบ้างแต่กลับถูกไอ้โก้ตีแขน

“เจ้าบ้า! เอาไว้ได้รับพระราชทานยศเป็นอัศวินก่อนถึงทำท่านั้นได้ ตอนนี้พวกเราเป็นแค่พลเรือน แค่หมอบลงธรรมดาก็พอ!”เจริโก้ผู้รอบรู้เรื่องพระราชวังรีบสอนผมกับลันเทียแทบไม่ทัน

ผมกับลันเทียนั่งตามที่เจริโก้บอก ขณะสายตาจับจ้องไปยังพระที่นั่งอย่างตื่นเต้น

ไม่ช้าเสียงแตรนำขบวนอันเป็นสัญญาณต้อนรับการมาเยือนของราชวงศ์พลันดังขึ้น ผมอยากหันคอไปมองใจจะขาดแต่กลัวทำแล้วคอจะขาดเลยไม่ได้หันไป

รอไม่นานนักขบวนเสด็จของรัชทายาทก็เดินมาถึงข้างหน้า นำทีมโดยทหารรักษาพระองค์ที่เข้ามาเช็คความเรียบร้อยของพระที่นั่งก่อนจะหันไปกล่าวอย่างสุภาพกับคนแต่งตัวเต็มยศประดับมงกุฎบนหัวว่า”เชิญประทับพะยะค่ะ”

“ขอบใจ พวกเจ้าก็ยืนขึ้นเถอะ”

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะวูบ

ในหัวตอนนี้มีแต่คำถาม ถามว่า...นี่น่ะเหรอรัชทายาท!

รัชทายาทเป็นชายร่างอ้วนฉุ เดินทีไขมันกระเพื่อมที แถมยังเตี้ย หน้าสิวตาตี่!

ผมอยากจะยกมือขึ้นมาขยี้ตา ผมรับไม่ได้!! รัชทายาทมันต้องหล่อสิ พระองค์ดูมาตรฐานของแม่ทัพใหญ่เสียก่อน ท่านเอเทมทำมาตรฐานไว้สูงมากเลยนะ! พระองค์จะปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้ไม่ได้

พระองค์ต้องเข้าพระฟิตเนสเพื่ออัพพระกล้าม!!

“การทดสอบเข้าบรรจุในกองทัพหลวงครั้งที่ 1123 มีผู้เข้าทดสอบที่มีขีดจำกัดเวทมนต์สูงกว่าห้าหมื่นแต้มทั้งสิ้น3คน อันได้แก่ เจริโก้ คีคารอส บุตรคนที่สามแห่งตระกูลคีคารอส! ลำดับถัดมาคือลันเทีย! ชาวโรมานอสซาร์ในอดีต”

เรื่องที่เจริโก้ถูกขานยศว่าเป็นบุตรคนที่สามของตระกูลบลาๆอันนี้ผมไม่ค่อยแปลกใจ

แต่ลันเทียล่ะ

ชาวโรมานอสซาร์ในอดีต?

โรมานอสซาร์คืออะไร ผมแอบขมวดคิ้วในใจ แอบลุ้นว่าชื่อของตัวเองจะมีคำว่าชางกรุงเทพในอดีตอะไรเทือกนี้ต่อท้ายไหม

“ทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิ์ในยศร้อยเอก...”

อ้าว แล้วผมล่ะ ผ๊มมม

ผมไม่ได้ฟังต่อว่าผู้ดำเนินรายการกล่าวอะไร ในใจตอนนี้ผมกำลังงงว่าทำไมตัวเองถึงไม่โดนเรียก ได้แต่ยืนมองเจริโก้กับลันเทียเดินออกไปรับดาบพระราชทานจากมือขององค์รัชทายาท

โชคดีที่ผมไม่ได้ถูกปล่อยให้ยืนงงนานนัก ต่อมาชื่อของผมก็ถูกเรียก

“ลำดับสุดท้าย การันต์ เกียรติกานนท์ ทำคะแนนสอบได้เป็นที่น่าพอใจ องค์รัชทายาทเห็นสมควรพระราชทานยศพันโท! เชิญก้าวออกมารับกระบี่และเอ่ยคำสาบาน”ผมได้เป็นพันโท โอ้จอร์จ ถ้าแม่รู้แม่ต้องดีใจมากแน่ๆเพราะแม่อะ ตัวเชียร์อัพให้ผมรับราชการเลย

ดูนะแม่ ลูกแม่ได้เดบิวต์เปรี้ยงเดียวเป็นพันโทเลย ฮะๆๆๆๆๆ

ผมเดินหน้าบานเป็นกระด้งไปรับดาบพระราชทานขององค์รัชทายาทผู้อ้วนฉุ

พิธีกรเอ่ยนำคำสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อราชอาณาจักรสองสามประโยคเป็นอันเสร็จพิธี

พอผมเดินกลับมาลันเทียก็ส่งยิ้มหวานให้ผม ดวงตาคู่สวยมีแต่คำชื่นชมยินดี

ลำดับต่อเป็นการกล่าวให้โอวาท...เอิ่ม ความจริงมันไม่น่าใช้คำนี้นะ แต่ผมไม่รู้แล้วว่าต้องใช้คำไหนดังนั้นให้ผมใช้คำว่าองค์รัชทายาทให้โอวาทเถอะ!

รัชทายาทลุกขึ้นยืน แต่ผมว่าเขาจะนั่งหรือยืนก็ไม่ต่างกันหรอก อย่างไหนก็อ้วนกลมเป็นลูกบอลเหมือนกัน

ผมแพ้อะไรที่เป็นทางการเช่นนี้ ฟังๆไปได้สักพักหนังตาก็เริ่มหย่อน แต่ผมยังไม่เสียมารยาทถึงขั้นยืนหลับ ผมพยามยืนนิ่งๆแต่ดูเหมือนมันจะนิ่งไม่พอดวงตาตี่ๆของรัชทายาทจึงสบเข้ากับดวงตาปรือๆของผม

ผมสะดุ้งเฮือก รู้สึกเสียวสันหลังเพราะอีกฝ่ายอมยิ้มขณะมองผม

“ดูเหมือนสหายคนใหม่ของพวกเราจะยังนอนไม่เต็มอิ่มนะ”รัชทายาทยิงมุกแต่ไม่มีใครขำ ทุกคนเอาแต่ยืนดึงหน้ากันอยู่

“เอเทม ท่านคิดว่าเด็กใหม่ปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็ดีพะย่ะค่ะ”รัชทายาทพูดเสียยาวแต่แม่ทัพกลับตอบสั้นๆห้วนๆ

“สิ้นพิธีมอบยศในครั้งนี้ข้าจะว่างไปถึงต้นเดือนหน้า หากเจ้าจะเข้าพิธีสมรสล่ะก็จะส่งเทียบมาเชิญข้าไปเป็นเจ้าภาพเมื่อใดก็ได้นะ”องค์รัชทายาทพูดพลางหันมาขยิบตาปิ๊งๆใส่ผม

“...”ผมแดกจุดอ้าปากเหวอไปแล้ว

เขาแซวผม!

ผมนึกอยากเอาปี๊ปมาคลุมหัว สัมผัสได้เลยว่าเหล่าอัศวินชั้นสูงที่พยามคีพคูล เก๊กขรึม ยืนดึงหน้าเรียบมาค่อนวันบัดนี้พยามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

“พิธีพระราชทานยศเสร็จสิ้นแล้ว องรัชทายาทมีอะไรจะกล่าวอีกหรือไม่ หากไม่มี...”ท่านเอเทมที่เคารพ ท่านเป็นทหาร ส่วนเขาเป็นเจ้าชาย ท่านจะเอ่ยไล่เขาโต้งๆแบบนี้ไม่ได้!

ผมมองแผ่นหลังของร่างสูงที่ผายไปมือทางประตูอย่างอึ้งๆ

“ข้าแค่แซวนิดเดียว อย่าโกรธน่า...เพราะแบบนี้ไงเจ้าถึงได้โสด!”ทางด้านรัชทายาท นอกจากเขาจะไม่เอ่ยตำหนิกิริยาของท่านเอเทม เขายังหัวเราะแห้งๆและหันไปบอกผู้ติดตามให้กล่าวปิดงานและสั่งขบวนเสด็จให้เคลื่อนออกจากห้องพิธีการไปในที่สุด

พาวเวอร์ของแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินมันมากล้นถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?

ผมมองการตัดจบอีเวนท์ของท่านเอเทมแบบอึ้งๆ

เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงคณะอัศวินยศสูงที่ยืนดึงหน้าเรียบกันมานานก็พากันยืดเส้นยืดสายเดินพูดคุยกัน

“เห้อ...รอดสักที”ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อ

“รอดกะผีน่ะสิ”เจริโก้ที่ตีเนียนสนิทกับผมไปแล้วเพยิดหน้าไปทางร่างสูงของคนที่เพิ่งตัดจบอีเวนท์ไปหมาดๆ แม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินเดินเข้าเข้ามาหากลุ่มของพวกเรา ไม่สิ ผมว่าเขาน่าจะมาหาผมนี่แหละ

“ท่านเอเท๊มม”ผมร้องเรียกเขาเสียงหลง

กลิ่นอายรอบตัวของเขาดูเหมือนจะอัดแน่นด้วยความเย็นชามากขึ้นหลายระดับ คาดว่าเป็นผลพวงมาจากข่าวหน้าหนึ่งซึ่งผมสร้างวีรกรรมเอาไว้

ร่างสูงเดินเข้ามาหาผมดังคาด เขาไม่เกริ่นนำหรือเท้าความอะไรทั้งสิ้น เสียงทุ้มเพียงแค่เอ่ยสั้นๆกับผมเพียงคนเดียวว่า”ตามข้ามา”

ผมจะถูกฆ่าไหม?

ผมหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสอง ซึ่งทั้งสองจะไปมีปัญญาช่วยอะไรผมได้ ขนาดเชื้อพระวงศ์ยังโดนท่านเอเทมดุได้ ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ก็ไม่มีใครยับยั้งท่านเอเทมได้อีกแล้ว

ผมกลืนน้ำลายลงคืออึกใหญ่ขณะเดินคอตกตามร่างสูงออกจากห้องโถงไป

ท่านเอเทมเป็นคนตัวสูง ผมไม่รู้ว่าเขาสูงเท่าไหร่แต่ที่แน่ๆคือสูงกว่าผมประมาณ 10ซม. เวลาเดินตามเขาผมจึงรู้สึกเหมือนเป็นลูกเป็ด แต่ผมต้องเป็นลูกเป็ดติดเทอร์โบเนื่องจากเขาเดินเร็วมาก เร็วจนผมแทบจะวิ่งตามอยู่แล้ว!

ผมไม่รู้ว่าเขาจะพาผมไปที่ไหนด้วยซ้ำแต่ผมไม่มีสิทธิ์ถามสักแอะ

ผมไม่กล้าถามเพราะมีความผิดติดตัวอยู่และดูเหมือนเขาเองก็กำลังโกรธผมด้วยเรื่องนั้น

“ข้า...ขอโทษ”เสียงของผมเบาหวิวและคาดว่ามันคงปลิวหายไปกับสายลมยามราตรี

ท่านเอเทมเดินนำออกมาจากอาคารใหญ่ ข้างหน้าคือที่จอดรถม้า มันเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆซึ่งมีลมพัดเย็นสบาย ท้องฟ้าบัดนี้พร่างพราวไปด้วยดวงดาว นับว่าบรรยากาศกำลังดี

ดีไปหมดยกเว้นดวงของผมเนี่ย

ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ตรงรถม้าคันหนึ่ง มันมีสีขาวทั้งคันแม้กระทั่งล้อหรือม้าสี่ตัวที่เทียมอยู่

นี่คือรถของท่านเอเทมสินะ สมแล้วที่เป็นรถของเขา ใช้ม้าได้เปลืองมาก ใช้แค่สองตัวคงยิ่งใหญ่ไม่พอ เหอะๆ

“ให้ข้าขึ้นไปหรือ?”ผมไม่แน่ใจเลยเอ่ยถาม เมื่อเขาพยักหน้าผมจึงปีนดุ๊กๆขึ้นไปนั่งหลบมุมอย่างเจี๋ยมเจี้ยม

“ไม่ต้องมีคนขับเหรอ”ผมถามเมื่อเห็นว่าท่านเอเทมเดินตามขึ้นมาและปิดประตู ผมมองออกไปตรงที่นั่งคนขับกลับไม่เห็นสารถี และในวินาทีต่อมาผมก็ได้รับคำตอบโดยที่ท่านเอเทมไม่ต้องเฉลย

ม้าทั้งสี่ตัวของท่านเอเทมไม่ต้องการคนขับเพราะมันไม่ใช่ม้าโง่ๆ มันคือม้าเพกาซัส! ม้าบินอะครับรู้จักไหม

ผมอ้าปากค้างเหรอหราทันทีที่เจ้าสี่ตัวนั่นกางปีกของพวกมันออก พวกมันวอร์มมิ่งปีกกันสักพัก ถัดมารถม้าที่ผมโดยสายก็ค่อยๆลอยขึ้นเหนือพื้น!

ที่นี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาต้องใช้ม้ามากกว่าปกติ!

“นี่มัน...โอ้ มาย ก๊อดดดด ท่านเอเทม ท่านดูสิ! พวกเรากำลังลอยอยู่บนฟ้า!!! อ๊ากก ฮะๆๆๆๆ”ผมหัวเราะเป็นบ้า รู้สึกคึกเหมือนไปกินยาม้ามา



------------------------

พระเอกนิยายเรื่องอื่นเขาขับรถหรูกัน เบนซ์เอย บีเอ็มเอย ปอเช่ เฟอรารี่เงี้ย แล้วท่านเอเทมของเราจะนั่งรถม้าจืดๆได้ไง ดูวรั้ยยย นี่คือความไฮโซวววววว 55555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH8 25/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-10-2018 22:26:22
โอ้ยยยย ขำการันต์
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH8 25/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-10-2018 00:29:04
อลังการไปอีก ได้นั่งรถม้าเพกาซัสเลย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH8 25/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 26-10-2018 01:04:39



สุดยอดนะฮ้าาาา. รถม้าบิน

ได้นั่งคู่ไปกับท่านเอแทมด้วย.

พยามอีกนิดภาระกิจนี้สำเร็จแน่


 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:



หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH8 25/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 26-10-2018 02:17:36
ไฮโซมากๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH8 25/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 26-10-2018 14:46:52
พึ่งมาตาม ชอบ 555555 การันต์ ไม่มีอะไรกากกว่าเอ็งแล้วววว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH8 25/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 26-10-2018 14:47:51
ถ้ามีรางวัลนายเอกสุดกากก็ต้องการันต์นี่แหละ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 27-10-2018 08:31:59
ตอนที่9

พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกัน

ผมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าอย่างเคว้งคว้าง ช่วงแรกๆที่ได้นั่งรถม้าลอยฟ้าผมก็ตื่นเต้นร้องอู้หูอ้าหาเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอยู่หรอก แต่ท่านเอเทมไม่สนใจผมสักแอะ และนอกจากจะไม่สนใจผมแล้วเขายังแผ่ไอเย็นใส่ผมรัวๆ

ผมโดนกำราบจนหงอ จากลูกลิงกลายเป็นลูกกวางในพริบตา

ผมนั่งเรียบร้อยอยู่ตรงมุมของรถ ยกมือประสานบนตัก กระสับกระส่ายอย่างอึดอัด

“ท่านเอเทม ข้าขอโทษ”ผมก้มหน้าซิบกระซาบ ใจไม่กล้าพอจะเงยขึ้นมาสบตากับคนตัวสูงกว่า

“เจ้าได้รับเสื้อหรือยัง”ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกผิดจนเครียดลงกระเพาะอีกฝ่ายกลับเอ่ยถามถึงเรื่องเสื้อ

ผมทำหน้างงอยู่พักใหญ่ก่อนร้องอ๋อ”ได้รับแล้ว ว่าแต่ท่านส่งมันมาทำไมหรือ”

หน้าผมตอนนี้มันดูโง่มากหรืออย่างไรไม่ทราบ คนที่ตีหน้าเคร่งมาตลอดทางถึงได้ถอนหายใจและยกมือขึ้นนวดขมับ

“ช่างเถอะ”ท่านเอเทมตัดจบดื้อๆอีกครั้ง แน่นอนว่าคราวนี้เขาก็ทำสำเร็จ

ผมไม่กล้าตื๊อถามต่อ แต่ผมก็ไม่ได้เงียบปากไป”แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนกันหรือ”

“ผูกวิญญาณ”เสียงทุ้มตอบ

“ผูก...อะไรนะ”ผมซึ่งไม่คุ้นเคยกับมิติแห่งนี้งุนงงยิ่งนัก

“เจ้าจำเรื่องของ’ทิม’ที่ท่านเสนาธิการอธิบายได้ไหม”คราวนี้ท่านเอเทมยอมพูดกับผมด้วยประโยคที่ยาวขึ้นหน่อย ทว่าสายตาของเขากลับจดจ้องออกไปยังท้องฟ้ายามราตรีนอกหน้าต่างแทน

“ครับ ทิมที่พวกท่านอยากรู้ว่าเป็นใคร”

“พวกเขาไม่ได้อยากรู้ พวกเขารู้ แค่ต้องการยืนยัน”ท่านเอเทมกล่าว

“หืม”

“ดาร์กลอร์ด เจ้าเคยได้ยินชื่อนี้หรือไม่”

“ดาร์กลอร์ด”ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ รู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้”อ้อ คนที่เป็นเจ้าของมันติคอร์”

ผมจำได้ว่าอัศวินเพื่อนบ้านของผมเรียกเจ้ามันติคอร์ว่า 1ใน108ปีศาจบริวารของดาร์กลอร์ดผู้ใช้ศาสตร์มืด

“ดาร์กลอร์ดคือชื่อของผู้ใช้ศาสตร์ต้องห้าม”

“อ้อ...”

“หากเขาคือผู้สลับตัวกับเจ้า นั่นแปลว่ายามนี้ศาสตร์มืดทั้งหมดของเขาถูกถ่ายโอนมาที่เจ้า”

“อ้อ...”

“...”

“ห๊ะ...อะไรนะ!?”ผมพยักหน้าอื๋ออ๋อ ใจนึกแค่ว่าน่ายินดีที่ท่านเอเทมยอมคุยด้วยยาวขนาดนี้ แต่พอสมองเริ่มประมวลผลได้ใบหน้าของผมก็ซีดเผือด

“แล้ว...มันหมายความว่ายังไงหรือ”ผมเริ่มใจเต้นระส่ำ ชื่อดาร์กลอร์ดก็ดี ศาสตร์ต้องห้ามก็ดี ฟังอย่างไรมันก็ไม่น่าใช่สิ่งถูกกฎหมายสักนิด

“พริบตาที่ยืนยันว่าเจ้าคือผู้รับสืบทอดศาสตร์ต้องห้าม คือวินาทีสุดท้ายในชีวิตของเจ้า”

!!?

ผมอึ้ง ความหนาวเย็นแผ่ไพศาลจากหัวใจของผม มันคงไหลไปทางเส้นเลือดเพราะเพียงไม่กี่อึดใจทั่วทั้งร่างของผมก็รู้สึกหนาวเหน็บ คำว่าตาย...มันก่อแรงสะเทือนครั้งใหญ่

ผมจะถูกฆ่า

“ตะ ตะ แต่...ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดนะ!!”ผมร้องเสียงหลง รีบกระโดดผล็อยเข้าไปเกาะชายเสื้อของร่างสูงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม”ท่านก็รู้ว่าข้าข้ามมิติมา เรื่องศาสตร์มืดอะไรนั่นข้าไม่รู้สักนิด!! แค่ตัวซีซีข้ายังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเลย ฮึก...ท่าน อย่าฆ่าข้านะ”

“คนตัดสินไม่ใช่ข้า หน้าที่ของข้าคือจับตาดูเจ้าเท่านั้น”

คราวนี้ผมเข้าใจเหตุผลที่ท่านเสนาธิการส่งแม่ทัพใหญ่มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงผมแล้ว ทีแรกผมคิดว่าเขาเห็นแววพรสวรรค์ในตัวผมจึงส่งท่านเอเทมที่มีฝีมือสูงส่งมาเป็นครูฝึก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่! พวกเขาแค่กลัวว่าพลังชั่วในตัวของผมจะตื่นขึ้น หากท่านเอเทมอยู่ใกล้ๆเขาจะได้ลงมือกำจัดผมทัน

“ฮึก ผม...แค่อยากกลับบ้าน!! อยากกลับบ้าน ผมอยากกลับบ้าน ผมไม่อยากตาย!! ผมอยากเจอแม่ ฮือออ”ทุกครั้งที่ผมเสียสติผมจะเผลอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าผม

น้ำตาของผมไหลอาบแก้มเป็นทาง ในหัวมีแต่คำว่าตายๆๆๆๆๆ

ทุกอย่างในโลกแห่งนี้มันยากไปหมด กว่าผมจะหาบ้านเป็นของตัวเอง กว่าจะได้เพื่อนสักคนผมต้องใช้วิธีสารพัด ขนาดใช้เงินซื้อเพื่อนผมก็ยอมทำ เพราะการอยู่อย่างเดียวดายในโลกที่ไม่รู้จักมันน่ากลัวมาก ผมกลัวมาตลอดแต่ก็มองโลกในแง่ดี

ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่สอบได้คะแนนสูงๆจะได้อยู่ในสายตาของท่านเอเทม ปรากฏว่าคะแนนผมสูงเกินไปจนโดนสงสัยว่าได้รับศาสตร์มืดมาจากดาร์กลอร์ดหรือไม่!

ผมไม่ได้โชคดีอะไรเลย เรื่องทั้งหมดมีแต่ซวยกับซวย!

เสียงร้องกระจองอแงของผมไม่ทำให้อัศวินคนนี้ใจอ่อน เขาปัดมือของผมออกอย่างรำคาญ

“ท่าน...เอเทม...”ผมร้องหงิงๆ โดนเขาปัดออกแต่ก็ไม่ยอมแพ้ ยิ่งไล่ยิ่งใกล้อะรู้จักปะ มันคือสโลแกนของแอพสีเขียวแอพหนึ่ง อะไรนะ นั่นยิ่งไลน์ยิ่งใกล้หรอกเหรอ แล้วนี่ก็ไม่ใช่เวลาเล่นมุกด้วยเหรอ

ฮือออ

“ท่านเอเท๊มม!!”ผมกลั้นใจเอื้อมมือทั้งสองข้างไปโอบรอบคออีกฝ่าย”ได้โปรดช่วยผมด้วย! แต่งงานกับผมที! ผมต้องแต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่งผมถึงจะได้กลับโลกเดิม!”

“การส่งเจ้ากลับโลกเดิมก็เท่ากับว่าเจ้าต้องอัญเชิญคนอื่นมาที่นี่ และศาสตร์มืดก็จะถูกถ่ายโอนไปที่เขา การส่งเจ้ากลับไม่ช่วยให้ศาสตร์มืดหายไป มันก็แค่การผลักไสความตายให้ผู้อื่น”

“อึก...”โดนดอกนี้เข้าไปผมถึงกับหน้าหงาย

ที่ท่านเอเทมพูดมามันก็ถูก! ถูกจนผมเถียงไม่ออกเลย!

เมื่อมองจากมุมของท่านเอเทม ต่อให้ส่งตัวผมกลับไปก็เท่ากับการแลกผมคนที่2มาที่นี่ และถ้าผมคนที่2ไม่อยากตายและพิชิตภารกิจของต้นไม้สำเร็จเขาก็จะเชิญผมคนที่3 4และ5มาเรื่อยๆไม่รู้จบ

สำหรับท่านเอเทมมันคือกิจกรรมส่งไม้ผลัดเป็นทอดๆอันน่ารำคาญ

ผมยอมแพ้และกลับไปนั่งหลบมุมเหมือนเดิม

ตอนนี้ผมก็แค่ยอมแพ้เรื่องขอร้องให้เขาแต่งงานกับผมดื้อๆ แต่ผมไม่ยอมแพ้เรื่องแต่งงานกับเขาหรอก

ผมจะไม่ยอมตาย ต่อให้ต้องส่งความตายให้คนอื่นโดยการเชิญเขามาที่นี่ก็ตาม ผมยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวดีกว่ายิ้มรับความตายหน้าชื่นตาบาน อ้อ ผมมีพลังชั่วในตัวเหรอกั๊บ งั้นเชิญท่านอัศวินมากำจัดผมเลยกั๊บ ผมไม่มีทางทำแบบนั้นแน่!!

และวิธีที่ผมจะรอดตายได้ก็มีเพียงหนึ่งเดียว!!

ปล้ำท่านเอเทม!!

ดวงตาของผมเป็นประกาย หลังจากวนรอบโลกรอบหนึ่งสุดท้ายเป้าหมายของผมก็คือสิ่งเดิม นั่นก็คือผู้ชายคนนี้

ก่อนหน้าผมอาจจะคิดว่าเขาไกลเกินเอื้อม แต่บัดนี้มันตรงกันข้าม! ท่านเสนาธิการอาจจะสั่งให้เขามาจับตามองผมอย่างใกล้ชิดด้วยวัตถุประสงค์อื่น แต่สำหรับผมมันคือการส่งอ้อยเข้าปากช้าง!

“ฮึก...ฮือ...”ผมส่งเสียงสะอื้นกระซิกๆ

แน่นอนว่านี่คือการแสดง!!

มันคือมารยาของนายการันต์ผู้นี้

หากดาร์กลอร์ดมีอสูรรับใช้ 108ตัว ผมเองก็ไม่น้อยหน้าเพราะผมมีมารยาร้อยเล่มเกวียน

อย่าได้ดูถูกกระผม นายการันต์ผู้ได้หมดถ้าสดชื่อคนนี้เป็นอันขาด!

“ท่านเอเทม หากวันหนึ่งข้าเผลอใช้ศาสตร์มืดออกมาโดยไม่รู้ตัวจริง ได้โปรดท่านช่วยอะไรข้าสักอย่างจะได้ไหม”ผมทำเป็นยกมือขึ้นซับน้ำหน้าขณะก้มหน้าเศร้าๆ แต่ความจริงคือผมพยามปกปิดร้อยยิ้มอยู่ต่างหาก

ท่านเอเทมไม่ตอบผมจึงคิดเอาเองว่าเขาคงยอมช่วย

“ท่านเอเทม”ผมกระซิบเรียกเขาเสียงกระเส่า

ขณะนี้พวกเรานั่งไกลกันเกินไปหน่อยผมจึงค่อยๆย้ายก้นไปหาท่านเอเทมอย่างอ้อยอิ่ง ช้อนตาลูกแมวหงอยออดอ้อนวิงวอนอยู่ในที เขาสบตาผมนิ่งไม่เอ่ยอะไรขัด

ผมรวบรวมความกล้าค่อยๆเอื้อมมือของตนเองไปแตะมือของเขา

โอ้มายก็อด นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่! ผมเคยคุยกับผู้ชายหล่อมาบ้างก็จริงแต่นั่นเป็นแค่การแชท! ไอ้เรื่องจับมือถือแขนนี่ไม่เค๊ยไม่เคยมาก่อนเลยจริงๆ ตอนนี้ผมทั้งประหม่าทั้งเขินไปหมด หัวสมองอันปราดเปรื่องพยามคิดวิเคราะห์แยกแยะสถานการณ์เบื้องต้นเพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ผมพยามนึกย้อนกลับไปว่าพวกผู้หญิงที่ผมเคยควง เวลาพวกเธออ่อยผมพวกเธอได้ทำอะไรแบบนี้ไหม

ไม่!

พวกเธอไม่เคยบีบน้ำตาแล้วเบียดตัวมากุมมือผมแบบนี้มาก่อน!

ไอ้ชิบหาย ไม่มีประสบการณ์จริงแบบนี้ผมจะเอาอะไรอ้างอิงล่ะ ในนิยาย ใช่! ในนิยายที่เคยอ่านเวลาแบบนี้เขาทำอะไรต่อ

“ท่านเอเทม...เอิ่ม...เอ่อ...”ผมเริ่มหลุดบทคนเศร้าเข้าไปทุกทีแล้ว

นัยน์ตาสีฟ้าของเทพอัศวินก้มต่ำลงมามองผม ดวงตาของเขาคู่นี้แหลมคมราวกับสามารถมองทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกปลอกเปลือกอยู่

“ข้าไม่มีวันแต่งงาน”

นั่นปะไร!

“โดยเฉพาะการแต่งงานเพื่อการกุศล”

“ขอโทษกั๊บ”สิ้นคำประกาศิตผมก็ก้มหน้าเจื่อน ค่อยๆเฟดตัวเองออกมาเงียบๆ

เหตุการณ์ดังกล่าวสอนให้ผมรู้ว่าผมใช้มารยาหญิงไม่เป็น และท่านเอเทมก็ไม่ได้โง่

ผมถอนหายใจ ในเมื่อขอร้องให้ช่วยดีๆไม่ได้ผล ยั่วยวนซึ่งๆหน้าก็ไม่ได้ผลอีก ผมต้องสร้างสถานการณ์! สร้างโมเมนต์! หาตัวช่วยซึ่งไม่ใช่ใครอื่น ไอ้โก้กับลันเทียนั่นไง!

ฮึ คอยดูแล้วกันนะท่าน การันต์คนนี้จะคัมแบ็คกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เอาให้ท่านสะท้านไปทั้งตัวและหัวใจไปเล้ย

“แต่มาคิดดูอีกที ผมไม่กลัวตายแล้ว”ผมเปรยขึ้นท่ามกลางความเงียบไม่ได้หันไปมองหน้าคู่สนทนา ผมเพียงแค่เท้าคางกับกรอบหน้าต่าง ทอดสายตาเหม่อลอยไกลออกไป ใบหน้าเรียบเฉยของผมต้องแสงจันทร์ละออนวล

“ต่อให้ท่านเอาดาบมาปักอกข้า ก็ฆ่าข้าไม่ได้”

“เพราะอะไร”คราวนี้พ่อรูปหล่อหันขวับมาถามผมทันทีเลยครับ เขาหรี่ตาลงเพื่อประเมิณสถานการณ์ ผมเดาเอาเองว่าป่านนี้ในหัวของเขาคงกำลังนึกไปถึงพวกเวทอมตะหรือการเอาหัวใจไปซ่อนไว้ที่อื่นซึ่งเป็นวิธียอดนิยมของพวกจอมมาร

แต่เสียใจด้วย!

ท่านคิดผิดแล้ว!!

ผมอมยิ้มพลางเอ่ยเฉลย”เพราะข้าได้มอบหัวใจให้ท่านไปแล้ว ฮิ้ววว”

โป้งชี้ก้อย เลิฟยู รักนะจุ๊บๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้น มันช่วยไม่ได้! ผมพยามแล้วจริงๆ! แต่ใบหน้าของเขามันตลกมันจริงๆ โอ๊ยยยยย คนบ้า! ขนาดหน้าตอนเงิบยังหล่อ ฮึ่ยยย หมั่นไส้โว๊ย



---------------------------------

ถ้าฉันเป็นท่านเอเทมฉันจะจับมันโยนออกนอกหน้าต่างรถ!

อิเด็กบ๊าาาา อิคนเล่นมุกเสี่ยวไม่ดูกาละเทศะ!! 555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 27-10-2018 08:45:19
แต่งงานการกุศล ท่านเอเทมก็ร้ายนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-10-2018 11:37:07
ปวดหัวแทนท่านเอเทมเลย 555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 27-10-2018 11:56:01
ถ้าเป็นการันต์ล่ะก็ จะเป็นดาร์กลอร์ดที่กระจอกแถมยังติงต๊อง ท่านเอเทมฆ่าคนบ้าลงหรอ555555 :laugh:

เสริม ตอนแรกแอบเดาไปไกลว่าคนที่เปลี่ยนตัวกับการันต์คือ ภรรยาของอัศวินอันดับหนึ่งอีกอาณาจักร555 ได้รับภารกิจเดียวกันอะไรยังงี้ :hao7: รอจ้า มาเร็วๆนะคิดถึงงงง
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-10-2018 13:19:06
3P ไหม 3P เลย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-10-2018 13:41:52
ตลกโดด มาต่ออีกกกกก  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 27-10-2018 19:04:06
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 27-10-2018 19:50:02
โฮ่ เจ็บจี๊ดกับ แต่งงานการกุศล
น้องการันต์จะต้องเป็น dark lord ที่เป๋อที่สุดในโลกชัวร์
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-10-2018 10:22:57
5555555
ไม่แต่งเพื่อการกุศลแต่จะแต่งใช่ม๊าาาาถ้ามีรัก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 28-10-2018 15:49:31
รอนะค้าา สนุกมาก ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 28-10-2018 19:27:50
มาต่อไวไว  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: mamajie ที่ 28-10-2018 19:31:38
หนุกมากกกกก ตามหาแนวนี้นานแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH9 27/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 29-10-2018 17:15:50
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 30-10-2018 17:30:10
ตอนที่10

“โอ๊ะ ถึงแล้วเหรอ”ผมผู้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใส สีหน้าแววตาของผมตอนนี้เปลี่ยนไปจากตอนที่รู้ความจริงว่าตัวเองอาจโดนลากคอไปประหารเมื่อไหร่ก็ได้ลิบลับ

ท่านอัศวินผู้เกรียงไกรไม่ตอบคำถามผม เมื่อม้าเพกาซัสของเขาแลนดิ้งลงสู่พื้นเขาก็เปิดประตูลงจากรถม้าไปเลย

ท่านเอเทมกำลังงอนผมอยู่ เอ่อ ความจริงเขาไม่ได้งอนผมหรอกเขาก็แค่เย็นชาของเขาตามปกติ แต่ผมเลือกใช้คำว่างอนเพื่อเพิ่มระดับความกุ๊กกิ๊ก เพราะหลังจากที่มุกเล่นมุกเสี่ยวใส่เขาไปไม่ว่าผมจะพูดหรือทำอะไรเขาก็ไม่ชายตามองผมอีกเลย

“ที่นี่ที่ไหนเหรอ”ผมเดินต้อยๆตามเขา

พวกเราสองคนอยู่บนเนินเขาซึ่งอยู่ห่างออกมาจากกองทัพหลวงพอสมควร ขนาดนั่งรถเหาะมายังกินเวลาตั้งนานผมจึงไม่กล้าหยอดมุกจีบอะไรท่านเอเทมอีกเพราะว่ากลัวโดนเขาทิ้ง!

สถานที่แห่งนี้คือเนินหญ้าซึ่งทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา และในตำแหน่งที่สูงที่สุดก็มีแท่นหินขนาดใหญ่อยู่

ท่านเอเทมพาผมเดินไปที่แท่นหิน เมื่อเข้ามาใกล้ผมจึงรู้ว่าแท่นแห่งนี้มีลักษณะเหมือนแท่นสำหรับทำพิธีอะไรสักอย่างเพราะบนแผ่นหินมีลายอักขระยึกยือสลักอยู่

ผมไม่เคยเห็นอักขระน่าขนลุกพวกนี้มาก่อน

ทว่าผมกลับอ่านมันออก

ทำไม...ผมถึงอ่านออก?

คำตอบก็ง่ายนิดเดียว ผมคงได้สกิลภาษามาจากดาร์กลอร์ดเป็นเหตุให้ผมสามารถพูดภาษาของคนมิตินี้ได้ ตอนแรกผมไม่ได้เอะใจแต่พอเอะใจแล้วก็ต้องร้องเอ๋~~~~ยาวๆ

อักขระเวทพวกนี้ก็คงเป็นหนึ่งในภาษาเวทมนต์ที่ดาร์กลอร์ดอ่านออกเขียนได้

“เวท...ผูกวิญญาณ อา...ที่ท่านบอกข้าก่อนหน้านี้สินะ ว่าแต่เวทนี้มันเป็นอย่างไรหรือ หวังว่าท่านจะไม่ผนึกวิญญาณของข้าเอาไว้ในที่ไกลผู้ไกลคนแบบนี้หรอกนะ!!”ผมรีบโวยวายไว้ก่อน

“ข้าจะผูกวิญญาณของเจ้ากับข้าไว้ด้วยกัน หลังจากนี้พวกเราจะรับรู้กันและกันว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน”

“หะ ข้าก็จะรู้ว่าท่านอยู่ที่ไหนด้วยงั้นหรือ?”

“ใช่”

“ท่าน...ไม่ทุ่มสุดตัวไปหน่อยหรือ”

“ศาสตร์ต้องห้ามที่ดาร์กลอร์ดถือครองเอาไว้น่ากลัวกว่าที่เจ้าคิด แค่ต้องผูกวิญญาณกับเจ้า ข้าคิดว่ามันคุ้มค่า”

“แล้วถ้าเอ่อ...สมมติว่าวันใดวันหนึ่งความจริงปรากฏว่าคนที่สลับตัวกับข้าไม่ใช่ดาร์กลอร์ดล่ะ ท่านเล่นใหญ่ขนาดนี้ไม่เท่ากับศูนย์เปล่าเหรอ”ผมยกเหตุผลอื่นมาอ้าง ความจริงผมแค่อยากรู้ว่าถ้าผมกลับโลกเดิมไปแล้วเวทนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่

“เวทนี้ผูกได้ย่อมแก้ได้ ขอแค่วันนั้นมาถึง เจ้ากับข้ากลับมาที่นี่พร้อมกันและทำพิธีตัดสัมพันธ์ เพียงเท่านี้เจ้ากับข้าก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”

“อ้อ...”ผมพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ”งั้นก็เริ่มกันเถอะ”

ขณะนี้พวกเราสองคนยืนอยู่บนแท่นศิลา หันหน้าเข้าหากัน ระยะห่างไม่มากนัก ท่านเอเทมเป็นฝ่ายยื่นมือมาข้างหน้า ผมก้มลงมองมือหนาของเขาเงียบๆรอดูว่าเขาจะทำอะไรต่อ เข้าใจไปว่าเขาผายมือออกมาเพื่อเตรียมร่ายเวท แต่ดูเหมือนผมจะตีความหมายผิดไปหน่อย

“ส่งมือเจ้ามา”เสียงทุ้มกล่าว

“อ้อ ท่ดๆ”ผมหัวเราะเก้อๆ คนเราก็เน๊าะ ไม่พูดออกมาแล้วผมจะไปรู้ไหม!

ผมเอื้อมมือไปแตะๆเขา จิ้มๆอย่างกล้าๆกลัวๆอยู่สักพักจึงค่อยๆวางมือลงบนฝ่ามือของเขาอย่างแผ่วเบา อืมมม เมื่อกี๊บนรถม้าผมได้กุมมือท่านเอเทมแล้วก็จริงแต่นั่นก็สัมผัสโดนแค่หลังมือ ผมเพิ่งรู้ว่าฝ่ามือของอัศวินมันหยาบกร้านขนาดนี้

ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยอุ้งมือของท่านเอเทมอย่างเผลอไผล”ท่านต้องฝึกหนักมากจริงๆ”

ผมเคยจับมือของลันเทีย สารภาพตรงนี้เลยว่าหลอกจับเพื่อแต๊ะอั๋ง แต่เจ้าตัวไม่รู้ ซื่อๆให้ผมจับไป มือของลันเทียนุ่มยังกับก้นเด็ก และนี่คือเหตุผลที่ลันเทียเองก็ต่อสู้ด้วยดาบไม่เก่ง

คนที่ฝึกดาบมาอย่างหนักต้องมีมือแบบนี้

“หลับตา”

“อา...”ผมขานรับในลำคอ

ท่านเอเทมเป็นคนเย็นชาที่ไม่ใจเย็นเลยสักนิด

“อืมมม”ริมฝีปากบางของผมเม้มเข้าหากันแน่น เมื่อหลับตาแล้วประสาทสัมผัสส่วนอื่นก็ทำงานดีขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตรงฝ่ามือที่ถูกมือหนากอบกุมเอาไว้ ท่านเอเทมบรรจงลูบปลายนิ้วโป้งของเขาบนหลังมือของผมอย่างแผ่วบา เขาท่องคาถาสองสามคำท้องน้อยของผมก็รู้สึกร้อนวูบ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะทั้งๆที่ยืนอยู่บนพื้นดิน

“อย่าเกร็ง”

“ตะ แต่มัน...”

“แค่เจ้ายอมรับพลังเวทของข้าเข้าไปในร่าง อย่าต่อต้าน ไม่ต้องกลัว มันไม่มีอะไร ยอมให้ข้าเข้าไปข้างใน”

เขาไม่ได้เตี๊ยมกับผมสักคำว่าเวทผูกวิญญาณอะไรนี่มันผูกยังไง แล้วขั้นตอนการผูกมันมีอันตรายหรือไม่ มาถึงก็ขอมือแล้วก็ยัดพลังของตัวเองเข้ามาในร่างของผมดื้อๆ

มันอึดอัดเพราะสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามา

คิดว่าเวทมนต์ของท่านเอเทมเป็นสิ่งเล็กๆหรือไง!? ถึงแม้ว่าเขาจะพยามปรับปริมาณลงมาแล้วก็ตามทีแต่มันก็มากเกินไปสำหรับไอ้หน้าอ่อนอย่างผมอยู่ดีนั่นแหละ

“อึก...”เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพลายเต็มหน้าผากขาว ผมรู้สึกตัวเองกำลังสั่นและเวียนหัวอย่างหนัก อะไรบางอย่างในร่างกายกำลังต่อต้านสิ่งที่ท่านเอเทมกำลังถ่ายทอดเข้ามาอย่างรุนแรง

ผมคิดว่าสิ่งที่กำลังต่อต้านเวทมนต์ของท่านเอเทมก็คือเวทมนต์ในตัวผมเอง

ไม่สิ...มันอาจจะเป็นเวทมนต์ของดาร์กลอร์ด

พลังของผู้ยิ่งใหญ่ระดับเขย่าโลกกำลังต้านกันในร่างของผม!

“อย่าเกร็ง แค่ยอมรับมัน”

“ข้า ข้า ไม่ไหว มัน...ร้อน อึก...”แข้งขาของผมไร้เรี่ยวแรงจนในที่สุดก็ทรุดลง ยังดีที่คว้าไหล่กว้างเอาไว้ได้ทันแต่ในสภาพที่ถูกสั่งให้หลับตาอยู่ก็ทำให้ผมต้องคลำปะป่ายไปทั่วกว่าจะหาหลักยึดที่มั่นเหมาะได้ ร่างของผมอยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งยืน มือข้างหนึ่งถูกท่านเอเทมกุมเอาไว้ส่วนมืออีกข้างก็เกาะไหล่อีกฝ่าย ท่าทางจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่

“แฮ่ก ข้า...หายใจไม่ทัน มัน...อึดอัด อึดอัด ฮึก...”

อาการของผมผิดปกติ

ไม่ใช่แค่ผมที่คิดว่ามันผิดปกติ ท่านเอเทมก็เช่นกัน

“แปลก”เขาคงเอ่ยกับตัวเองแต่เนื่องจากเราสองคนอยู่ใกล้กันแค่เพียงเสื้อผ้ากั้นดังนั้นผมจึงได้ยินชัดเต็มสองรูหู

“แฮ่ก...อา...ข้าไม่ไหว...”ผมร้องโอดครวญอย่างหมดเรี่ยวแรง

“พลังของเจ้ากำลังต่อต้านข้า”

“ฮึก... เอเทม ข้า... ฮ่า...เอเทม”ผมร้องเสียงสั่นเครือ ในที่สุดก็ยืนไม่ไหวแล้วจริงๆ ร่างกายของผมกำลังจะทรุดลงกับพื้นโชคดีที่ได้แขนแกร่งโอบเอวประครองเอาไว้ได้ทัน

“อย่าปล่อยมือจากข้าเด็ดขาด”ท่านเอเทมกำชับผม แต่ตอนนี้ผมมีสติเหลืออยู่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น รับทราบแล้วแต่ไม่รู้จะปฏิบัติตามได้มั้ย

“ท่านเอเทม...”ผมซุกหน้าลงกับไหล่กว้างอย่างหมดแรง เสียงอ่อนระโหยเอ่ยเรียกชื่อของร่างสูงข้างหูของเจ้าตัวซ้ำวนเวียนไปมา เสียงหายใจติดๆขัดๆขาดห้วงเหมือนคนกำลังจมน้ำ

มือเรียวข้างที่เหลือเลื่อนขึ้นมากำเสื้อด้านหลังของอัศวินหนุ่มเอาไว้เพื่อระบายความอึดอัด

“ข้า...ฮึกก ไม่ไหว มันมากไป ข้ากลัวตาย”

“ไม่เคยมีใครตายเพราะเวทผูกวิญญาณ”

“ข้ากลัว...ท่านต้องปลอบ...ฮึก ไม่ใช่สั่งสอน ฮืออ...”

“อย่าเกร็ง”

“ท่าน ฮึก พูดเป็นแค่คำเดียว อะ...อือ แย่ที่สุด...คนห่วยแตก”

ช่องท้องของผมรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อยๆ พลังเวทมหาศาลของคนสองคนกำลังตีกันให้วุ่นอยู่ในนั้น!

ตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว!

ขณะที่ผมรู้สึกว่ากำลังจะไม่ไหวพลันภาพรอบตัวก็ดับมืด



--------------------------

ท่านเอเทมก็ทุ่มทุนสร้าง ลงทุนขนาดร่ายเวทผูกวิญญาณเบอร์นี้ไม่ผูกใจไว้กะน้องซะเลยล่ะ รับรองนังการันต์หนีไปไหนไม่รอดแน่

#พิชิตใจท่านเอเทม
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 30-10-2018 17:53:51
 :katai2-1: หูยยยย ตอนเรียกท่านเอเทมนี้ใจบาปมากกกก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 30-10-2018 18:04:06
ต่อๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 30-10-2018 18:15:59
ทุ่มสุดตัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 30-10-2018 18:47:32
อิอิ ชอบความเนียนแต๊ะอั๋งของน้อง
นี่ขนาดยังไม่ได้จับท่านเอเทมเปิบพิศดารเลยนะ
ยังขนาดนี้.......
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-10-2018 19:07:07
ผูกวิญญาณก่อน แล้วผูกใจผูกกายจะตามมา อิอิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-10-2018 21:23:25
ผูกกายแล้วอย่าลืมถูกใจนะจ๊ะ แล้วจะมีสักครั้งไหมที่น้องไม่เป็นลมต่อหน้าท่านเอเทม 555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 31-10-2018 00:06:27
พิธีผูกวิญญาณที่ถูกต้องต้องทำที่เตียงค่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 31-10-2018 01:14:16
 :a5: ตอนที่แล้วว่าค้างแล้ว ตอนนี้ค้างกว่า :katai1: :hao5: อยากได้ยาวๆค่ะ ยังไม่หายคิดถึงเลยยยย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH10 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 31-10-2018 20:38:01
 :katai5:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 03-11-2018 09:05:13
ตอนที่11

ตั้งแต่ข้ามมิติมาจู่ๆ ผมก็จอดับ ภาพตัด เป็นลมล้มหงายไปแล้วกี่รอบ

นี่ผมเป็นโรคโลหิตจางรึป่าว? หรือเป็นความดัน อา...ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยไปหาหมอตรวจโรคพวกนี้มาก่อนเลยด้วยสิ สงสัยว่าปิดเทอมต้องให้แม่พาไปสักหน่อยแล้ว

ว่าแต่ว่าคนอย่างผมยังมีปิดเทอมเหลืออยู่อีกเหรอ ชาตินี้ยังมีโอกาสได้เจอแม่อยู่อีกเหรอ

“แม่...”ผมร้องหาคนที่ไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้

ทุกครั้งที่ผมป่วยแม่จะค่อยเช็ดตัวให้และนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ตอนเด็กๆ ผมป่วยบ่อยแต่พอโตขึ้นมาผมก็ไม่ป่วยอีกเลยเหมือนใช้โควตาป่วยทั้งชีวิตไปครบแล้ว แต่นั่นก็ทำให้ภาพจำตอนเด็กๆ ยิ่งฝังใจผม

เมื่อตื่นขึ้นมาในห้องนอนไม้เก่าๆ แคบๆ ไม่คุ้นตา ที่ข้างเตียงไม่มีใคร ทั่วทั้งห้องมีเพียงผมอยู่ลำพัง ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง ไม่มีไข้ทว่าปวดหัวจนแทบระเบิด

“ที่นี่...ที่ไหน”ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแน่นอน

ผมนอนรวบรวมเรี่ยวแรงสักพักก่อนจะลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ ผมเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อดูว่าที่นี่คือที่ไหน วิวจากหน้าต่างห้องห้องนี้สามารถมองไปเห็นเนินที่มีแท่นศิลาวางอยู่ทำให้ผมรู้ว่าหลังจากผมเป็นลมท่านเอเทมคงหิ้วผมมาพักฟื้นที่นี่

“แล้วตัวเขาล่ะ...”ผมเริ่มหันซ้ายหันขวา

ผมยังไม่ทันขยับตัวออกจากหน้าต่างท่านเอเทมผู้มีญาณทิพย์(ประชด)ก็เปิดประตูเดินพรวดพราดเข้ามาในห้อง เขาเข้ามาคว้าข้อมือของผมก่อนจะเอ่ยคำพูดอันโหดเหี้ยมอำมหิต เย็นชา ไร้ใจ นิสัยไม่ดี ไม่คิดถึงความรู้สึกผู้อื่น! ออกมาว่า”กลับไปที่แท่นศิลากับข้า”

“ท่านจะบ้าเร้อ!!!!”ผมกรีดร้องเสียงหลงทันที

ผมกลับไปก็ได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้! อย่างน้อยก็ให้เวลานอนพักฟื้นกันหน่อยเซ่!

“ถ้าจะฆ่ากันก็บอกกันมาดีๆ ก็ได้!!”

“หากข้าจะฆ่าเจ้าข้ามีวิธีที่ง่ายกว่านั้นอีกมากมาย”

“ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้จะฆ่าข้าหรอก ท่านแค่ไม่รู้จักคำว่าอ่อนแอ! ท่านคิดว่าท่านไหวคนอื่นก็ต้องไหวไปหมดเหรอ!!”ผมดีดดิ้นอย่างแรง ว่ากันว่าตอนที่ชีวิตเผชิญกับความเป็นความตายร่างกายของเราจะปลดปล่อยพลังแฝงออกมา ในที่สุดผมก็ดิ้นจนเป็นอิสระ

โฮกกก เชื่อเหอะว่าเมื่อกี๊ท่านเอเทมล็อคข้อมือของผมเอาไว้ด้วยแรงบีบอันมหาศาลแต่ผมสามารถดิ้นจนหลุดมาได้!

ข้อมือของผมแดงจนจะเขียวอยู่แล้วแต่ผมไม่สน!

“หรือว่าเจ้าอยากถูกประหารเดี๋ยวนี้!? อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นทำไมไม่ลองอดทนดูอีกครั้ง!!”

เข้าใจคำว่าคนเราถูกฝึกมาต่างกันบ้างมั้ย!”ผมขอแค่นอนพักอีกสักคืน”

“ข้าไม่มีเวลาให้เจ้าขนาดนั้น!”

“ข้าทนไม่ไหวหรอก! ท่านก็น่าจะรู้นี่”เมื่อกี๊สภาพร่างกายของผมเต็มร้อยยังไม่รอด ตอนนี้ผมปวดหัวเหมือนมีคนเอาตะปูมาฝังไว้ในหัว เนื้อตัวก็ปวดเมื่อยไปหมด มองจากมุมไหนก็รู้ผลลัพธ์โดยไม่จำเป็นต้องลองเลยด้วยซ้ำ!

“เจ้าต้องทน! ถ้าไม่ทนก็ตาย”

“ข้าอดทนมามากพอแล้ว ถ้าเป็นไอ้ปิงปองนะป่านนี้มันตายตั้งแต่โคนต้นไม้หมื่นปีโน่นแล้ว”ปิงปองคือเพื่อนสมัยม.ปลายของผมเอง แน่นอนว่าท่านเอเทมไม่รู้จักและไม่คิดจะรู้จักด้วย แต่ผมพูดถึงมันเพราะผมคิดถึงมัน มันเป็นเพื่อนรักโง่ๆ คนนึง ผมอยากเจอหน้ามันตอนนี้เดี๋ยวนี้ ใครก็ได้ส่งผมกลับกรุงเทพที!

ผมเถียงพลางกระโดดขึ้นเตียง แสดงเจตนารมณ์อันแรงกล้า!

กูจะนอน!!

“ออกมาจากผ้าห่มเดี๋ยวนี้”ท่านเอเทมกดเสียงต่ำลง

“ขู่ข้าให้ตายข้าก็ไม่ออกไปหรอก! ไม่อยากเห็นหน้าท่านแล้ว!”

“คนโหดร้าย นิสัยไม่ดี!! ออกไป!! มีอะไรค่อยคุยกันดีๆ พรุ่งนี้!!!! ข้าจะนอนนนน!!!!”ผมตะเบ็งจนคอหอยแทบแตก หวังว่าเสียงของผมจะส่งไปถึงเขา หวังว่าเขาจะถอยกลับไปดีๆ

แต่ผมลืมไปว่าเอเทมไม่ใช่คนอ่อนหวานนุ่มนวล เมื่อเขาพบว่าวิธีขู่ใช้ไม่ได้เขาก็เริ่มใช้กำลัง!

มือหนากระชากผ้าห่มที่ผมใช้คุ้มกะลาหัวออก มันรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมร้องจ๊ากเหมือนโดนผีหลอก

“ปล่อยข้านะ อย่าดึง! มันเจ็บ!!”ผมร้องเสียงลั่นห้อง สีหน้าหวาดผวายามถูกจับขึ้นพาดบ่า ท่านเอเทมไม่สนใจคำทัดทานอะไรทั้งนั้นเขากระโดดออกทางหน้าต่างห้อง ใช้เวทเคลื่อนที่ฟึ่บๆ แป๊ปเดียวเราสองคนก็กลับมาที่แท่นศิลาอีกครั้ง

ท่านเอเทมปล่อยผมลงกับพื้น ยังไม่ทันให้เวลาผมตั้งหลักเขาก็คุกเข่าลงมาจับมือของผมไว้และเริ่มร่ายเวท!

โอ้มายก็อด

เหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนฉายย้อนอีกครั้งเหมือนหนังรีรัน แต่คราวนี้ผมลืมตาอยู่มิหนำซ้ำสภาพจิตใจยังระส่ำระส่าย พลังเวทในตัวไม่เสถียรและเริ่มเกิดอาการต่อต้านที่รุนแรงมากกว่าเก่า

จะอ้วก! ผมรู้สึกพะอืดพะอมอย่างหนัก แต่คงเพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายชั่วโมงจึงไม่มีอะไรออกมา นับว่าเป็นโชคดีเพราะขืนผมอาเจียนใส่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเข้าล่ะก็ชีวิตของผมคงจบไม่สวย

“อึก...”ริมฝีปากของผมเม้มเข้าหากันจนเส้นตรง เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังเวทของท่านเอเทมที่แทรกแซงเข้ามาในร่างกาย คราวนี้ผมสัมผัสได้ถึงพลังอันเข้มข้นในร่างกายของตนเองได้อย่างชัดเจน

ผมเป็นมนุษย์โลกธรรมดาที่ไม่เคยมีพลังเวทมาก่อน กลับได้รับพลังของใครก็ไม่รู้มาแบบงงๆ  และตอนนี้ยังโดนอัศวินอันดับหนึ่งยัดเยียดพลังเวทของเขาเข้ามาในร่างอีกต่อ ผมรู้สึกเหมือนเครื่องในตัวเองกำลังจะฉีกขาดก็ไม่ปาน

“เจ็บ!! เจ็บ!! เจ็บบบบ!!!!!”ดูเหมือนเสียงทุรนทุรายของผมจะทำได้เพียงสร้างความรำคาญให้ท่านเอเทมเท่านั้น

เขาลืมตาขึ้นมามองผมอย่างตำหนิเพราะผมส่งเสียงรบกวนสมาธิของเขา

พระเจ้า! เย็นชาไม่แยแสกันเกินไปแล้ว! ผมโดนเขาทำแบบนี้ใส่เริ่มอยู่เฉยไม่ได้ สุดท้ายอาศัยจังหวะที่เขาเผลอสะบัดข้อมือของตัวเองออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย เมื่อเป็นอิสระได้ผมก็ไม่รอช้า รีบวิ่งหนีออกมาจากแท่นศิลาทันที ผมรู้สึกเหมือนแท่นนั้นไม่ต่างอะไรกับลานประหาร ขาเรียวจึงซอยยิบ วิ่งแบบเอาเป็นเอาตายทั้งๆ ที่ตอนนี้กำลังเท้าเปล่า ฝ่าเท้าเหยียบหนักๆ ลงบนพื้นหินกรวดเจ็บแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับความเจ็บเมื่อครู่

“แค่ก—“ผมทั้งไอทั้งหอบ รู้สึกเหนื่อยจนหัวใจแทบจะระเบิดสุดท้ายจึงต้องหยุดวิ่ง

พอหยุดวิ่งและเริ่มหายเหนื่อยแล้วถึงรู้ตัวว่าฝ่าเท้าโดนหินบาดจนเลือดไหลอาบเป็นทาง

“ฮึก เจ็บบบบบ”กราฟดวงของผมดิ่งเหวนับตั้งแต่ข้ามมิติมา ทีแรกคิดว่าการโดนสลับตัวมาอีกโลกคือซวยที่สุดแล้วปรากฏว่าไม่ใช่ การโดนสลับตัวมาก็แค่อินโทร ปฐมบทแห่งความบรรลัย

ผมเดินโซซัดโซเซไปนั่งพักเหนื่อยใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด

พอได้อยู่คนเดียวจริงๆ จิตใจก็เริ่มฟุ้งซ่าน ผมยกนิ้วขึ้นมานับวันที่ตัวเองข้ามมิติมาอย่างท้อแท้

ผมโดนสลับตัวมาที่นี่เดือนกว่าแล้ว ป่านนี้ที่โลกโน้นคงหาผมกันให้ควั่ก ยิ่งผมเป็นลูกคนเดียวป่านนี้แม่คงเป็นห่วงจนร้องไห้ฟูมฟายไปทั่ว ตำรวจก็คงหาเบาะแสอะไรไม่ได้เพราะผมหายตัวไปในห้องนอนของตัวเองแบบไร้ร่องรอย กล้องวงจรปิดกี่ตัวก็ไม่มีวันเจอภาพผมเดินออกมาจากหอพัก

สมมติว่ากลับไปไม่ได้จะเป็นยังไง?

ติดคุก? โดนประหาร? หนีการตามล่าและพเนจรตลอดชีวิต?

 แล้วสมมติว่ากลับไปได้ แต่เสียเวลาอยู่ที่โลกนี้หลายปีล่ะ กว่าจะได้กลับก็อายุเยอะเกินวัยเรียนแล้ว ผมจะทำมาหากินอะไร เพื่อนฝูงก็คงแต่งงานมีครอบครัวไปหมด อายุสามสิบแต่ยังต้องเข้ามหาลัยงั้นหรือ

“ไอ้เวร ใครก็ตามที่สลับตัวกับกูขอให้มึงไม่ตายดี”

แกร่ก

ท่านเอเทมเดินเข้ามาใกล้ ผมไม่แปลกใจที่เขาตามมาทัน ความจริงเขาจะตะครุบผมเอาไว้ตั้งแต่แรกเลยก็ได้แต่เขาก็ไม่ทำ ร่างสูงค่อยๆ สืบเท้าเข้ามาใต้ต้นไม้อย่างใจเย็น ผมเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วก็รีบก้มหน้าลงมาใหม่ แค่สบตากับอีกฝ่ายผมก็รู้สึกเหมือนโดนสาปเป็นรูปสลักน้ำแข็งแล้ว

“มันเจ็บ”เสียงของผมสั่นเครือ

คนฟังถอนหายใจก่อนค่อยๆ ย่อกายลงมา คราวนี้ไม่ได้บังคับฉุดข้อมือมาทำพันธะสัญญา ชายหนุ่มเพียงแค่แตะตรงหน้าผากของผมก่อนออกแรงดันเบาๆ ให้ผมเงยหน้าขึ้นมา

ผมเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง ถูกบังคับให้สบตาท่านเอเทมในระยะห่างแค่คืบเท่านี้มันน่าสยองยิ่งกว่าเข้าบ้านผีสิงคนเดียว เพียงแต่คราวนี้การกระทำของเขาไม่ได้น่ากลัวเท่าเมื่อครู่แล้วผมจึงรอดูว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรต่อไปกับตนอย่างสงบเสงี่ยม

“หลับตา”

เสียงทุ้มออกคำสั่งแบบเดิมผมจึงเกิดอาการลังเล

กลัวว่าจะโดนทำแบบเดิมอีก

“หลับตา”

“ท่าน...”ผมอยากจะถามว่าเขาจะทำอะไรกับผม แต่เพราะแววตาของท่านเอเทมช่วยทำให้ผมใจเย็นลงอย่างน่าอัศจรรย์สุดท้ายจึงยอมปฏิบัติตามคำสั่งของอีกฝ่าย

เมื่อหลับตาลงได้สักพักผมก็สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ฝ่ามือหนาที่ใช้ดันหน้าผากของผมอยู่ค่อยๆ เลื่อนมาที่ท้ายทอยแทน ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของท่านเอเทมที่เป่ารดบริเวณแก้มบ่งบอกว่าเขาขยับเข้ามาใกล้มากกว่าเมื่อกี้ แล้วหลังจากนั้น ริมฝีปากหนาก็ทาบทับลงมาบนกลีบปากของผม

นะ...นี่มัน

...

...

จูบบบบบบบบบบบ!!!!?



-------------------------------------------

ฮั่นน่อวววววว จูบน้องทำไมคะพี่ 5555

#พิชิตใจท่านเอเทม
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-11-2018 10:39:17
ท่านเอเทมอย่าใจร้ายกับน้องนักสิ แล้วมาจูบน้องทำไมเนี่ย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-11-2018 12:03:52
สงสัยมาทำพันธะสัญญาต่อ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 03-11-2018 12:19:20
ไม่อ่อนโยนเลยซักนิี้สสสสสส
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-11-2018 13:23:13
 :z1:


 o13

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 03-11-2018 17:41:32
สนุกกอ่ะ ชอบวายแนวนี้! >.,<
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 03-11-2018 18:02:03
นี่คนหรือก้อนหิน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 04-11-2018 07:01:20
นี่อย่าบอกนะว่ามาทำพันธะสัญญาต่อแต่เปลี่ยนมาทำด้วยการจูบแทนน่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH11 03/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 04-11-2018 17:59:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 07-11-2018 16:30:53
ตอนที่12

ผมสะดุ้งเป็นกุ้งโดนน้ำร้อนลวก ท่านเอเทมเกิดพิศวาสอะไรผมเหรอ หรือที่ผ่านมาไม่ใช่แค่ผมที่อยากแต่งงานกับเขาใจจะขาด กรี๊ดดดดด แม่!! แม่ได้ลูกสาวจริงๆ แล้ว! ผมขอโทษที่ครองความเป็นชายเอาไว้ไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง แค่โดนคนหล่อดูดปากทีเดียวผมก็ค้นพบตัวเองแล้ว

ซะที่ไหนล่ะโว้ย!!!

ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายทาบทับลงมาช้าๆ  มันไม่อุกอาจแต่มันโคตรเซอไพรส์ ผมรู้สึกเหมือนริมฝีปากตัวเองกำลังมีไฟลุกท่วม มันเป็นจูบที่ทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบยิ่งกว่าจูบไหนๆ  เพราะนี่ไม่ใช่แค่การจูบแต่เป็นการถ่ายพลังเวทเพื่อทำพันธสัญญากัน

ครับ ท่านเอเทมกำลังถ่ายทอดพลังเวทของเขาเข้ามาในร่างกายของผม ต่างจากครั้งแล้วตรงที่เขาใช้ปากเป็นสื่อกลางการถ่ายพลังแทนฝ่ามือ

“อือ...”ผมส่งเสียงนุ่มร้องเครือครางในลำคอเมื่อรู้สึกถึงปริมาณเวทที่ถูกถ่ายโอนเข้ามาในร่างกาย

ท่านเอเทมก็ไม่มีปราณีกันเลย ไม่ว่าจะเป็นจูบหรือการผูกวิญญาณ รับมือเพียงแค่อย่างเดียวผมก็แทบไม่ไหวแล้ว

ลิ้นร้อนๆ ของเขาค่อยๆ เลาะเล็มบริเวณกลีบปากที่เม้มจนแทบเป็นเส้นตรงของผม มันเป็นกระบวนการปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติของผมเอง แต่ดูเหมือนการกระทำของผมจะสร้างความขัดใจให้แก่อีกฝ่ายไม่น้อย เขาค่อยไลเรียวลิ้นไปตามริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ประทับจูบลงมาย้ำๆ

ฝ่ามือหนาลูบคลึงท้ายทอยของผมอย่างเร่งเร้า

ร่างกายของผมเริ่มเสียความควบคุมเข้าไปทุกที

“ฮืม...”ผมครางเสียงแผ่วในลำคอ ช่างเป็นเสียงที่น่าอับอายทว่าผมก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป

ผมค่อยๆ เผยอปากเพื่อยอมรับเข้าเขามา ท่านเอเทมเองก็ไม่รอช้า เหมือนเขารอจังหวะนี้มานานแล้ว ในที่สุดลิ้นของเขาก็รุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของผม เขากวาดลิ้นไปทั่ว แถมยังมีไล่หยอกล้อกับลิ้นของผมอีก

นี่มันจะมากเกินไปแล้ว

เขา...จูบเก่งมาก

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายผมจึงตัดสันใจตอบรับกลับไป คิดว่ามาเลียปากกันขนาดนี้แล้วผมจะชัดลิ้นหนีเหรอ ไม่มีทาง! แม้ว่ายิ่งตอบสนองจังหวะของอีกฝ่ายตัวผมจะยิ่งถูกแผดเผาหนักขึ้นก็ตามแต่ผมก็เริ่มขยับริมฝีปากขมเม้มลิ้นของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

ผมคิดว่าเขาแปลกใจที่ผมตอบกลับไปเช่นนี้

แต่ก็ดี เพราะตอนที่เขาสะดุดผมก็แทรกลิ้นของตัวเองเข้าไปในปากของเขาบ้าง

“หึ”เสียงทุ้มเปร่งเสียงหัวเราะราวกับชอบใจนั่นออกมา

แล้ววินาทีหลังจากนั้นพายุเพลิงก็พัดโหมเข้ามาในท้องนอนของผม

ท่านเอเทมขบเม้มกลีบปากของผมบนสลับล่างอย่างหนักหลายครั้งก่อนที่เขาจะกลับมาแลกลิ้นกับผมอีกครั้ง คราวนี้แน่นอนว่ามันร้อนแรงกว่าเมื่อครู่ เสียงแลกน้ำลายของเราสองคนเริ่มชัดขึ้นจนผมรู้สึกร้อนหน้าไปหมด

นี่พวกเรากำลังทำอะไรอยู่?

ผูกวิญญาณใช่ไหม อา...ใช่สิ นี่เป็นหนึ่งในพิธีกรรม

แต่สำหรับผมมันเป็นมากกว่านั้น ผมไม่เคยจูบกับใครมาก่อน ยิ่งจูบที่ลึกซึ้งยาวนานจนหายใจไม่ทั่วท้องแบบนี้ยิ่งไม่เคย

ผมรู้สึกหายใจไม่ทันแต่ก็ไม่อยากหยุด อยากให้พิธีกรรมนี้ดำเนินต่อไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืนเลย

การจุมพิตกันและกันอย่างเอาเป็นเอาตายนี้มันมากล้นและรวดเร็วกว่าการถ่ายผ่านมือ และคงเพราะแบบนี้พลังเวทภายในร่างจึงต่อต้านน้อยลง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีการต่อต้านเลย ผ่านไปสักพักผมก็กลับมารู้สึกเจ็บอีกครั้งแม้ไม่เท่าครั้งก่อนแต่มันก็เจ็บเอาเรื่อง สุดท้ายผมจึงอาศัยไหล่กว้างเป็นหลักยึด มือกำเสื้อของท่านเอเทมเอาไว้แน่น ท่านเอเทมเองก็ใจดีขึ้นนิดหน่อย เขาใช้มือข้างที่ไม่ได้รั้งท้ายทอยของผมไว้ค่อยๆ ลูบแผ่นหลังบางเบาๆ

จวบจนกระทั่งการผูกพันธะอันยากลำบากก็สำเร็จลงด้วยดี

ผมรู้สึกสมองของตัวเองขาวโพลนไปหมด มันเหนื่อยเหมือนวิ่งมาราทอน ตรงกันข้ามกับอัศวินหนุ่ม ร่างสูงเพียงแค่ถอนริมฝีปากของตนออกช้าๆ 

ผมมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไปอย่างเสียดาย

แต่ผมก็ไม่คิดจะสานต่ออารมณ์ที่ใกล้ปะทุเต็มแก่นี้เพราะตอนนี้ตัวผมเองก็หอบเป็นลูกหมาแล้ว

ท่านเอเทมไม่ได้รีบร้อนลุกขึ้นยืนและเดินกลับที่พัก เขาปล่อยให้ผมนั่งเกาะไหล่ตนอยู่เช่นนั้นกระทั่งผมตั้งหลักได้

“ท่าน...นั่น...ถึงมันจะเป็นจูบแรกก็เถอะ แต่...ก็ต้องขอบคุณท่านมากสำหรับความเมตตาในครั้งนี้”ผมเป็นเด็กที่พ่อแม่สั่งสอนเรื่องมารยาทมาดี ทีแรกก็อยากจะโวยทวงคืนจูบแรกอยู่หรอก แต่มันก็ฟินดี เอ๊ย ก็รู้ว่าเขายอมเปลืองตัวเพื่อช่วยให้เราสบาย ผมไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจากคำว่าขอบคุณ

“ว่าแต่ไม่ต้องอยู่บนแท่นศิลาก็ผูกวิญญาณได้หรือ”

“จุดนี้อยู่ไม่ไกลจากแท่นพิธี และพวกเราก็ใช้วิธีผูกที่ใกล้ชิดกว่าการสัมผัสผิวเผิน”อัศวินอันดับหนึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยตามแบบฉบับ เขาดูเป็นปกติมากจนผมต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนหน้าแดงๆ ของตน

“อะ...อ้อ แปลว่าพวกเราผูกวิญญาณกันแล้วสินะ”

ผมรู้สึกโล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อพบว่าตัวเองผ่านพ้นกระบวนการอันสุดทรมานมาได้ผมก็ดีใจจนลืมตัว ลุกขึ้นยืนเหยงๆ โดยไม่ได้ไตร่ตรองถึงแผลเหวอะที่เท้าแม้แต่น้อย แต่ยืนขึ้นมาแล้วจะกลับลงไปนั่งใหม่ก็เสียฟอร์มแย่ ผมเลยได้แต่ร้องซีดเบาๆ และยืนตัวเกร็งเป็นเสาหินไม่อาจกระดุกกระดิกได้อีก

แสบโคตร!

แสบจนน้ำตาเล็ดแต่ต้องยืนตีเนียนฟอร์มว่าไม่เจ็บ

ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าผมโง่วิ่งออกมาเท้าเปล่า!

“ระ เรา กลับกันเถอะ!”ผมรีบกัดฟันก้าวเดินฉับๆ ย้อนกลับไปทางเดิม

 แต่ละย่างก้าวโคตรลำบาก

ตอนแรกที่ขึ้นมาบนเนินผมไม่ได้สังเกตเลยมาที่นี่มีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ เป็นหมู่บ้านที่มีแค่ไม่กี่หลังคาเรือนเท่านั้นและหนึ่งในบ้านเหล่านั้นก็ได้ให้ที่พักฟื้นร่างกายแห่ผม พวกเขาใจดีมากทีเดียว หรือเพราะเป็นท่านเอเทมขอก็ไม่รู้นะ ฮะๆ ๆ ...

อา...ก็ยังเจ็บอยู่ดี

ขนาดคิดโน่นคิดนี่พยามไม่สนใจแล้วก็ยังเจ็บ

เจ็บโว้ยยยย

“จะถึงแล้ว...”ผมเอ่ยปลอบใจตัวเอง”แต่ขอพักหน่อยเถอะ”

คนเราก็ไม่ได้เข้มแข็งขึ้นชั่วข้ามคืนปานนั้น ผมเดินเหยียบซ้ำแผลตัวเองมาเป็นร้อยก้าวก็ทนต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นมันเสียดื้อๆ  ก่อนจะนอนแผ่บนทุ่งหญ้าอย่างหมดสภาพ

“โฮกกกก”ผมร้องโอดโอยไปพลางมองท่านเอเทมที่เดินตามหลังมาเงียบๆ ตลอดทางด้วยสายตาประดักประเด่อ

“ข้า...เอ่อ ค่อนข้างงี่เง่า ข้าไม่ได้ใส่รองเท้าแต่ก็ยังดันทุรังวิ่งหนีท่านออกจากเสาหิน”ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้มอายๆ

“เจ้าทำถูกต้องแล้ว ยามหนีเอาตัวรอดไม่มีใครเขามองหารองเท้ากัน”เสียงทุ้มของอัศวินหนุ่มเอ่ยถึงหลักการเอาตัวรอดนาทีชีวิตด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยถามไถ่”เหตุใดเจ้าถึงไม่ขอความช่วยเหลือ”

“ท่านนั่นแหละ ไม่เสนอความช่วยเหลือ คนแร้งน้ำใจ”ท่านเอเทมทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมตนจึงเป็นคนโดนตำหนิ

“ข้าคิดว่าเจ้าจะรีบฉวยโอกาสขอใกล้ชิดกับข้าเสียอีก”

“ใกล้ชิดกับท่าน? เหอะ!! ใครจะอยากไปใกล้ชิดกันท่านกัน”ผมโบกมือไปหน้า ทำหน้าทำตาเหยียดหยามใส่อีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าคู่เดิมของท่านจ้องกลับมาด้วยความเวทนาผมก็พลันคิดอะไรออก

คนที่ต้องฉวยโอกาสใกล้ชิดกับเขามันก็ผมไม่ใช่เหรอ!!?

ให้ตายเถอะ! ผมลืมไปได้อย่างไรว่าผมต้องอ่อยเขา ใช้มารยาล่อหลอกให้เขาหลงเสน่ห์!!

ผมผุดลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าแตกตื่น เหลียวมองหมู่บ้านที่เดินอีกไม่ไกลก็จะถึงแล้วสลับกับใบหน้าอันหล่อเหลาของคนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ สมองอันปราดเปรื่องของผมประเมิณผลออกมาอย่างรวดเร็ว

“อุ๊ย! ข้าทำของตกไว้ที่ใต้ต้นไม้เมื่อกี๊ ท่านเดินกลับไปเป็นเพื่อนข้าหน่อย!!!!”ความจริงผมอยากขอบคุณเขาที่อุตส่าห์เตือนแต่นั่นมันก็ประเจิดประเจ้อไปหน่อยเลยลุกขึ้นเดินจำๆ กลับไปที่ต้นไม้

ผมไม่ได้ลืมของอะไรไว้หรอก

ผมแค่อยากขอท่านเอเทมขี่หลัง อยากใกล้ชิด อยากอ่อย!! แต่ระยะทางที่เหลือมันใกล้ไปนิดผมเลยต้องทำให้มันไกลขึ้นด้วยการเดินย้อนกลับไป!!

คิดว่าแผนนี้ของผมมันเข้าท่าปะล่ะ

ผมตอบให้ตรงนี้เลยว่าคนคิดแผนแม่งอย่างควาย ตีนเยินขนาดนี้ยังเสร่อฝืนเดินเท้าเปล่าย้อนกลับทางเดิมไม่บ้าก็โง่แล้ว เมื่อออกเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวผมก็ทนรับความโง่ของตัวเองไม่ไหวจึงหยุดเดิน หันไปข้างหลังก็พบว่าท่านเอเทมไม่ได้เดินตามมา เขายังยืนอยู่ตรงที่ผมนั่งพักเมื่อกี้

“ท่านเอเทม...”ผมร้องเรียกเขาเสียงอ่อย

ส่งสายตาปิ๊งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไปให้

ถามว่าได้ผลไหม

ก็ไม่นะ

ท่านเอเทมดูเหมือนจะไม่สนใจใยดี เขาแค่จ้องมองผมเหมือนกำลังเฝ้าดูละครปาหี่ แม้ว่าใบหน้าคมคายนั่นจะยังเรียบเฉย แต่ทว่านัยน์ตาของเขากลับแฝงด้วยประกายร้ายกาจ

คนคนนี้!! โหดร้ายเย็นชา! เมื่อครู่เราเพิ่งลึกซึ้งต่อกันแต่ตอนนี้ท่านกลับปฏิบัติต่อข้าอย่างไร้เยื่อใย!

“แบกข้ากลับห้องทีสิ!”เมื่อขอร้องอ้อนวอนไม่ได้ผลผมก็ออกคำสั่งแม่งเลย เอากับกูดิ นี่ใคร นี่ความหวังใหม่แห่งกองทัพ พันโทการันต์นะเฟ้ย!

“แผลเท่านี้ไม่ทำให้ใครตาย”ท่านเอเทมตอบหน้านิ่ง

“บ้า! ไม่ตายแต่เจ็บ! เจ็บๆ ๆ ๆ  เดินไม่ไหว อุ้มหน่อย อุ้ม!”

“เวลาออกรบ ทหารบางคนขาขาดยังต้องคลานกลับฐานทัพ แล้วดูเจ้าสิ ขาก็ยังอยู่ครบ—“

“ข้าไม่ใช่ทหารสักหน่อย!”ผมเถียงหน้าซีด แค่มโนภาพทหารขาขาดควานกลับฐานทัพผมก็หลอนแล้ว ยังกับผีป๊อกป๊อกครืดไม่มีผิด!

“แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ใช่ทหาร? พันโทการันต์”

“เอิ่ม...”แดกจุดเข้าไปสิ ผมเป็นทหารแล้ว! เพิ่งเป็นวันนี้สดๆ ร้อนๆ เลยด้วย!

ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าซึ่งพร่างพราวด้วยดวงดาวอย่างเคว้งคว้าง

“เจ้าเป็นอัศวิน และข้าก็เป็นแม่ทัพ”ดูเหมือนท่านเอเทมกำลังตอกย้ำสถานะของผม เขากำลังสั่งสอนให้ผมรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

“เดินเองก็ได้ครับ...”ผมก้มหน้าจ๋อย ดีนะที่เดินกลับมาได้ไม่ไกลไม่อย่างนั้นล่ะก็เท่ากับว่าผมเจ็บตัวฟรีสองรอบซึ่งขนาดคนโง่ยังสามารถด่าผมว่าโง่ได้ โง่ในโง่ โง่อินเซ็ปชั่น

ผมเดินโหยกเหยกอย่างเชื่องช้า ไม่กี่ก้าวก็กลับมาถึงจุดที่ท่านเอเทมยืนอยู่ ผมกำลังจะก้มหน้ากัดฟันเดินผ่านร่างสูงของเขาไปทว่าแขนแกร่งของเขากลับเอื้อมมาคว้าเอวของผมไว้

“ท่าน!”ผมแทบกรี๊ดออกเสียงเพราะหลงดีใจคิดว่าเขาจะยอมอุ้มผม

แต่เปล่า ท่านเอเทมไม่ได้อุ้มผม

ไม่ได้อุ้ม...แต่หิ้ว

“หะ...”สภาพของผมตอนนี้น่าอนาถมาก ผมคว่ำหน้าลงกับพื้น แขนขาห้อยต่องแต่งตามแรงโน้มถ่วง โดยท่านเอเทมใช้แขนเพียงข้างเดียวในการหิ้วผมท่านี้

ผมรู้สึกเหมือนเลือดกำลังตกไปกองอยู่ที่หัว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่ปริปากบ่นอะไรเพราะรู้ดีว่าท่าหิ้วนี่คือความปราณีสูงสุดจากท่านเอเทมแล้ว

“ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยแทรกความเงียบ อดทึ่งในใจไม่ได้ เขาสามารถหิ้วผมชิวๆ เหมือนหิ้วถุงก็อบแก็บแบบนี้ได้แขนของเขาต้องแข็งแรงมากขนาดไหน

“ถ้าหากในร่างกายของเจ้ามีศาสตร์มืดอยู่จริง ชีวิตของเจ้าคงเจอเรื่องให้ทนอีกมาก มากจนแผลที่เท้านั่นกลายเป็นเพียงเรื่องตลก”สิ้นคำพูดของเอเทมบริเวณนี้ก็เงียบสงัดลง

ผมก้มหน้ามองพื้น

ตัวผมเองก็พอจะเดาได้ว่าถ้าหากกลับโลกเดิมไม่ได้ผมจะต้องเจอกับอะไร

“เมื่อเวลานั้นมาถึง ท่านจะช่วยข้าไหม”



-----------------------------

ท่านเอเทมใจดีกับน้องมากนะ ตอนนี้น้องอยู่ในสถานะอะไร ถ้าไม่ผูกวิญญาณกับท่านเอเทมไว้น้องก็ต้องไปนอนคุกหรือถูกกักบริเวณอะ แต่ท่านเอเทมอาจจะแสดงความใจดีแบบแข็งกระด้างไปบ้าง เย็นชาไปนิดจนน้องใจฝ่อไปหมด 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 07-11-2018 16:48:49
ท่านเอเทมอย่าทิ้งน้องนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-11-2018 20:08:11
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 07-11-2018 22:56:51
ท่านเอเทมไม่ได้เย็นชาเป็นน้ำแข็ง นี่มันไฟสีฟ้าชัดๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-11-2018 00:30:18
ท่านเอเทมช่วยดูแลน้องด้วยนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 08-11-2018 05:43:08
รออยู่น้าจ้า คิกคิกคิกคิกคิก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 08-11-2018 09:50:42
 :a5: บทจูบมางงๆ แต่ไม่เป็นไรเราดีใจจจจ :heaven แม่คะเค้าจูบกับแล้วค่ะ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH12 07/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-11-2018 11:25:24
ฟิสอ่ะ งืออออ พระเอกไม่มีอารมณ์ไรเลยเหรอ งืออออ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 10-11-2018 07:17:23
ตอนที่13

เมื่อเวลานั้นมาถึง ท่านจะช่วยข้าไหม...

ท่านเอเทมไม่ได้ตอบคำถามนี้กับผม แต่นั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว

นอกจากเขาจะไม่ช่วย เผลอ ๆเขานี่แหละจะเป็นคนกำจัดผม!

เมื่อคืนพอเขาเอาผมมาวางบนเตียง โยนยาสมุนไพรกระปุกนึงให้เขาก็ทิ้งผมไว้เพียงลำพัง เนื่องจากผมเหนื่อยหลายเรื่องพอทายาเสร็จผมก็หลับปุ๋ยไปเลย กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ช่วงบ่ายของวันถัดไป และผมก็ต้องพบกับเรื่องมหัศจรรย์

แผลที่เท้าผมหายเป็นปลิดทิ้ง!

โลกเวทมนต์นี่มันสุดยอดจริง ๆ! แค่ทายาโง่ ๆรอบเดียวแผลก็สมาน โหววว วงการแพทย์ที่โลกต้องสั่นสะเทือนแน่ ๆ

“ไม่เจ็บแล้วจริงด้วย”ทีแรกผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าอะไรแผลมันจะสมานตัวเร็วปานนั้นผมเลยลองเอาเท้าแตะ ๆพื้นดู เมื่อพบว่าไม่เจ็บผมจึงลองลุกขึ้นกระโดดเหยง ๆ

แต่ผมคงกระโดดแรงไปหน่อย พื้นไม้ของห้องที่ผมนอนอยู่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด สภาพของพวกมันเหมือนพร้อมพังได้ทุกเมื่อ ผมรีบหยุดการกระทำของตนเองเพราะกลัวไปพังบ้านชาวบ้านเขาแต่ปรากฏว่าเสียงเหี้ยมของป้าคนนึงดังขึ้นพอดี

“ไอ้หนู!! จะพังบ้านข้าเรอะ!?”

“ขอโทษคร้าบบบ”ผมเดาว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เลยรีบขอโทษก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องนอน เดินลงไปชั้นล่าง”ขอบคุณที่ให้ที่พักนะครับ”

ผมเดินตามกลิ่นหอมฉุยเข้าไปในครัวก่อนพบว่าคู่สนทนาที่ผมตะโกนคุยอยู่กำลังเคี่ยวซุปท่าทางน่าอร่อยอยู่ ผมผุดยิ้มหน้าแป้นก่อนเดินเข้าไปใกล้ร่างท้วมของป้าเจ้าของบ้าน

“ทำอะไรอยู่เหรอครับ กลิ่นหอมน่าทานเชียว”

“หึ! ตื่นมาก็ร้องหาของกินเลยรึ ไม่คิดจะทำงานทำการหน่อยเหรอ โน่น! ออกไปตัดฟืนข้างนอกนู่น เสร็จแล้วก็ไปตามท่านเอเทมมาทานข้าว”ป้ากล่าว

“อ้อ ท่านเอเทมก็ตัดฟืนอยู่เหรอ”

“เปล่า เขากำลังยืนมองคนให้อาหารเพกาซัสของเขา”

“แล้ว...เขาได้ทำการทำงานอะไรไหม”

“ใครจะไปกล้าใช้งานท่านเอเทมกันละ เอ๊ะ ไอ้หนูนี่พูดไม่คิด”

“แล้วทำไมผมต้องโดนใช้อยู่คนเดียว! ผมขอทำแบบท่านเอเทมบ้างไม่ได้เหรอ ยืนมองคนให้อาหารเพกาซัสแล้วก็มากินข้าว!”ผมตะโกนเถียงหน้าดำหน้าแดง ป้าคนนี้สองมาตรฐานเกินไปแล้ว

แป๊ง

ผมโดนด้ามทัพพีฟาดเข้ากลางกะบาล

“เป็นแค่เด็กรับใช้ อย่าริอาจทำตัวเสมอนาย”

“เด็กรับใช้!? ผมเนี่ยนะ!!”ผมชี้วเข้าหาตัวเองด้วยใบหน้ารับไม่ได๊! ป้าจะประเมิณใบหน้าอันหล่อเหลาแหละสง่าราศีของคุณชายอย่างผมเป็นแค่เด็กรับใช้ไม่ได้!

“อ้าว...ไม่ใช่หรอกเรอะ จะว่าไปเมื่อคืนก็เห็นหน้าไม่ชัด รู้แค่ท่านเอเทมหิ้วเด็กอีกคนมา เอ๊ะ จะว่าไปไอ้หนูนี่ก็หน้าคุ้น ๆนะ เรเชล...เจ้าว่าพ่อหนูคนนี้หน้าคุ้น ๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนรึป่าว”ป้าแกวางทัพพีก่อนจะหันมาพิจารณาผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อพบว่าถึงคราวผมเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าผมก็รีบยืดตัวเชิดหน้าชูคอให้อีกฝ่ายเห็นชัด ๆทันที

ไม่นานหลังจากเสียงเรียกของป้าเด็กสาวที่ชื่อเรเชลก็เดินเข้ามาในบ้าน เธอมีหุ่นอวบอ้วนเหมือนแม่ของเธอ เมื่อเธอเห็นหน้าผมเธอก็ถึงกับเอามืออุดปากเพื่อกลั้นเสียงกรี๊ด”แม่!! ผู้ชายคนนี้คือคนนั้นไง คนนั้นน่ะแม่ ตายแล้ว! เมื่อคืนข้าเองก็ไม่ทันสังเกตุ ตายแล้ว ตายแล้ว!!”

“คนไหนน่ะมันคนไหน ไอ้ลูกคนนี้ พูดมาให้ชัด ๆหน่อย”ป้าแกเท้าสะเอวถามอย่างหงุดหงิด

“คนที่ขอท่านเอเทมแต่งงานไงแม่! หนังสือพิมพ์เมื่อวานก็ลงรูปเขา”พูดจบเรเชลก็วิ่งตุ๊ต๊ะหายไปก่อนกลับมาพร้อมหนังสือพิมพ์ฉบับค่ำเมื่อวาน

ผมรู้สึกอับอายขายขี้หน้าอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสองแม่ลูกมองหน้าผมสลับกับหนังสือพิมพ์ไปมา

“ตายแล้ว!!”ป้าเจ้าของบ้านยกมือขึ้นกุมอกทำหน้าเหมือนใกล้เป็นลม

“ตายแล้วใช่มั้ยแม่ นี่มันตายแล้ว!! ตายแล้ว!!”

ขอประทานโทษเหอะ มองหน้าผมแล้วอุทานคำว่าตายแล้วรัว ๆแบบนี้หมายความว่าไง?

“เขามาที่นี่เพราะอะไรนะแม่”เรเชลถาม

“ท่านเอเทมบอกว่ามาใช้แท่นศิลา”

“แล้วศิลานั่นมันมีไว้สำหรับเวทบทไหนบ้างคะแม่”

“ก็เยอะอยู่นะ...แต่หนึ่งในนั้นคือเวทผูกวิญญาณ!!”

“พวกเขาผูกวิญญาณกันแล้ว!?”

“แม่คิดว่าเมื่อคืนแม่มองไม่ผิดนะ...แสงจากแท่นพิธีมีลักษณะเหมือนมีคนกำลังร่ายเวทผูกวิญญาณ!!”

“ก็แปลว่าที่เขาขอท่านเอเทมแต่งงาน...”เรเชลกล่าวก่อนสองแม่ลูกจะหันกลับไปมองหน้ากันอย่างสโลว์โมชั่น

“ท่านเอเทมตกลงแต่งงานกับเขา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

“เอ่อ...”ผมตกใจจนหน้าแทบหงาย ใครเล่าจะคิดว่าสองแม่ลูกจะตีความไปในทิศทางนั้นได้ ผมยืนตาเหลือกอยู่ตรงหน้าในขณะที่สองแม่ลูกเริ่มเต้นเร่า ๆเหมือนผีเจ้าที่เข้าสิง ทั้งสองคนเต้นไปเต้นมาสักพักก็รีบวิ่งกระโจนออกจากบ้านไป

ไม่ได้วิ่งไปเปล่า ๆ ทั้งสองคนหอบเอาข่าวใหญ่ไปเผยแพร่ด้วย

“เจ้าข้าเอ้ย! เด็กหนุ่มที่ท่านเอเทมพามาด้วยคือคู่หมั้นของท่านเอเทม!!”

“พ่อแม่พี่น้อง! ท่านเอเทมตกลงแต่งงานกับเด็กที่ลงข่าวหน้าหนึ่ง!”

“พวกเขามาฮันนี่มูนที่หมู่บ้านของพวกเรา!!”

“น้ำผึ้งพระจันทร์! ใครก็ได้รีบไปเตรียมน้ำผึ้งพระจันทร์มาให้พวกเขาที!!”

...

“นะ...นี่มัน...”ผมยืนเกาะขอบประตูมองความวินาศสันตะโรข้างนอก

หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ทุกคนรู้จักกันหมด เมื่อสองแม่ลูกวิ่งวนรอบหมู่บ้านครบรอบบ้านทุกหลังก็เปิดประตูออกมา ทุกคนที่ทราบข่าวส่งเสียงดังเซ็งแซ่ไปหมด ในทีแรกพวกเขาเหมือนไม่เชื่อแต่พอพิจารณาจากเหตุผลของสองแม่ลูกแล้วทุกสายตาก็หันขวับมารวมกันที่ผม

“อู่ย...”ผมควรทำยังไงต่อไปดี!

ผมหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สถานการณ์เบื้องหน้ามันเลยเถิดไปไกลเกินไป

“ผมโดนเขาปฏิเส—“เดี๋ยวสิ นี่อาจจะเป็นโอกาส

ถ้าข่าวลือว่าท่านเอเทมหมั้นหมายกับผมถูกเผยแพร่ออกไปล่ะก็คู่แข่งของผมก็จะน้อยลง เหล่าชะนีน้อยใหญ่ที่เป็นเอฟซีเขาหรือพวกคุณหนูที่เป็นลูกหลานขุนนางซึ่งพยามตามจีบท่านเอเทมอยู่ คนพวกนี้จะลดลง! สามารถกล่าวได้ว่าผมพลิกผ่ามือทีเดียวขจัดคู่แข่งได้เป็นเบือ!

ตะ...แต่การปล่อยข่าวลื่อมั่ว ๆนี่แพร่ออกไปชื่อเสียงของท่านเอเทมจะเสื่อมเสีย

โหย ไม่ต้องคิดเลยว่าผมเลือกแบบไหน

ฮ่า ๆ ๆ ๆ แพร่ออกไปให้ไกลเลยป้า ผมให้ยืมเพกาซัสป้าขี่ไปบอกหมู่บ้านข้าง ๆเลยก็ได้!!

“หิวจัง ลัลล้า มีอะไรให้กินบ้างน้า~~”

ผมแฮปปี้จนถึงขีดสุด หันหลังปิดประตูใส่โลกภายนอกเดินกลับเข้ามาในครัว ตักซุปหยิบขนมปังมานั่งกินที่โต๊ะกินข้าว ใบหน้าแช่มชื่นมีความสุขเหลือล้น

ปัง!

ผมที่กำลังอิ่มเอมเปรมปรีสะดุ้งจนตัวโยนเพราะเสียงเปิดประตูอันดังสนั่น มันแรงจนผมกลัวว่าประตูจะหลุดติดมือคนเปิดมาด้วย และแน่นอนว่าคนที่เดินโมโหโกรธาเข้ามาในบ้านไม่ใช่ใครอื่น

ท่านเอเทมคู่หมั้นของผมนั่นเอง

“ท่านนั่งก่อนสิ เดี๋ยวข้าไปตักซุปให้”ผมเฉไฉทำเหมือนไม่รู้ว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้นข้างนอก ส่งยิ้มแป้นแล้นให้เขาก่อนเดินฮัมเพลงกลับเข้าไปในครัว

ผมเดินออกมาพร้อมชามซุปและขนมปังในมือแต่ท่านเอเทมยังคงยืนอยู่ข้างโต๊ะเหมือนเดิม เขาจับจ้องผมด้วยสายตาสุดจะสะกดกลั้นไม่ให้พลั้งมือฆ่าผมตาย ด้วยความที่เขาถนัดใช้เวทน้ำแข็งหรืออย่างไรไม่ทราบ บรรยากาศในบ้านไม้หลังนี้ถึงได้เย็นลงจนผมเริ่มขนลุก

“อะ...อะไรล่ะ...ท่านมองหน้าข้าแบบนั้นทำไม”ผมค่อย ๆว่างชามลงบนโต๊ะก่อนจะกระเถิบถอยหลังออกมาให้ห่างจากร่างสูงให้มากที่สุดเท่าที่สามารถ ผมถอยจนแผ่นหลังชิดกำแพงแล้ว

“การันต์!”น้อยครั้งนักที่เขาจะเอ่ยเรียกชื่อของผม แต่ผมไม่มีกะใจจะมาปลื้มเพราะขายาว ๆของอีกฝ่ายค่อย ๆย่างเข้ามาใกล้ผมขึ้นเรื่อย ๆ จนระยะห่างที่ว่าน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไปอีก

“ท่านเอเทม...”ผมเอ่ยเรียกชื่อของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม เขายืนห่างออกไปเพียงแค่ศอกเดียวเท่านั้น

ปึง!

“ทะ ท่าน!”หัวใจผมแทบวาย เมื่อกี๊เขาเอื้อมมือข้างขวามายันผนังบ้านข้างหัวผมพอดี เขาตบลงไปแรงมากจนผมอดมโนไม่ได้ว่าถ้าหากเขาเลือกที่จะตบลงมาที่หัวผมแทนที่จะตบลงบนผนังล่ะก็ป่านนี้หัวผมคงเละไปแล้ว

“ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!! ข้าสาบานให้ฟ้าผ่าตายเลยเอ้า!”

“เจ้าพูดเช่นนี้แปลว่าเจ้ารู้ว่าข้ากำลังโกรธเรื่องอะไร?”ใบหน้าคมคายเลื่อนเข้ามาใกล้

มันน่ากลัวมากกว่าเขินผมจึงพยามหดคอหนี

“ก็...พอจะรู้นิดหน่อย...ละมั้ง...รึป่าวนะ แหะ ๆ...”ผมพยามจะกระดึ๊บหนีแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร มิหนำซ้ำยังทำให้ท่านเอเทมต้องยกมืออีกข้างมาเท้าผนังไว้เพื่อกักตัวผมไม่ให้หนีไปไหนรอด

“เอ่อ ท่านเอเทม...”ผมอกจะแตกตายอยู่แล้ว! ตั้งแต่ผมตอบไปว่าพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็เอาแต่ทำหน้าถมึงทึงจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ! ยืนเฉย ๆจะตีก็ไม่ตีแบบนี้มันกดดันนะเว้ย ถ้าจะตบก็ตบมาเล้ย! เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา ให้สมอุราจนสาแก่ใจ!

“อะ...อ้าว...”ทว่านอกจากจะแผ่ไอเย็นพิฆาตใส่ผมรัว ๆท่านเอเทมกลับไม่ทำอะไรอีก หลังจากยืนจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่นานเขาก็ผละออกไป

ผมที่ได้รับอิสระแถมยังไม่โดนกระทืบได้แต่ยืนเหรอหราทำตัวไม่ถูก

ท่านเอเทมไม่ตีผม ดูเหมือนเขากำลังพยามระงับอาการโกรธด้วยการหันไปอีกทางหนึ่ง

ผมเดินเข้าไปใกล้แผ่นหลังของเขา พอเห็นเขาเป็นแบบนี้ผมก็เริ่มรู้สึกผิด”ผมขอโทษ ผมจะไปแก้ข่าวให้เดี๋ยวนี้แหละ”

“เปล่าประโยชน์ ตอนนี้ในเมืองหลวงเองก็มีข่าวทำนองนี้แพร่ไปทั่วแล้ว”

“เห ทำไมล่ะ ป้ากับเรเชลปล่อยข่าวได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือ”ผมประเมิณทั้งสองคนต่ำไปแล้ว

“ไม่ว่าใครพอรู้ว่าเราสองคนออกมาด้วยกันก็คิดไปทางนี้ทั้งนั้น”

“อ้อ...เรื่องนี้ข้าไม่รอบคอบพอจึงไม่รู้มาก่อนว่าหลังจากประกาศขอแต่งงานกับท่านแล้วท่านยังยอมให้ข้าอยู่ใกล้ ๆก็เท่ากับว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธแล้ว...ท่าน...น่าจะแอบ ๆพาข้ามานะ”ผมคิดว่าท่านเอเทมคงพอรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเขารู้อยู่แก่ใจแล้วทำไมเขาถึงยอมทำ

“ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว พอกลับเมืองหลวงข้าก็ต้องให้เจ้ามาอยู่ข้างตัวอยู่ดี ข่าวลือเช่นนี้เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้”

“อ๋อ...เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ถ้าท่านเตรียมใจรับข่าวลือพวกนี้ไว้แต่เนิ่น ๆแล้ว เมื่อกี๊ท่านจะขึงขังใส่ข้าทำไมล่ะ!!!”แบบนี้ก็เท่ากับผมกลัวฟรีเลยน่ะสิ!

ท่านเอเทมหันตัวกลับมาเผชิญหน้ากับผม คราวนี้เขาดูใจเย็นลงแล้วก็จริงแต่ดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววขุ่นมัวอยู่ไม่น้อย”เพราะว่าเจ้ามันโง่เขลา อ่านสถานการณ์อะไรไม่ออกสักอย่าง สถานะของตัวเองตอนนี้ก็ไม่รับรู้ เจอปัญหาก็ไม่แก้ไขเอาแต่มองโลกในแง่ดี! นั่งกินขนมปังอย่างสบาลใจ!!”

“...”

“ในฐานะผู้บังคับบัญชาข้าขอสั่งเจ้าให้วิ่งรอบหมู่บ้านจนกว่าข้าจะสั่งให้หยุด!!”

“...”

มองโลกในแง่ดีเหรอ ก็คงจะจริงของเขา

ตั้งแต่ข้ามมิติมาผมก็มโนว่าตัวเองได้รับเลือกมาเป็นผู้กล้า พอรู้ว่าแค่ดวงซวยเฉย ๆก็มองในแง่ดีว่าอย่างน้อยภารกิจกลับโลกก็ไม่ยากเกินความสามารถ พอโดนวาร์ปมาที่เมืองที่ไม่รู้จักผมก็เอาแต่นั่งนับเงินปลอบใจตัวเองไปวัน ๆ พอเหงา ไม่มีเพื่อนก็จ่ายเงินซื้อลันเทียมาอยู่ด้วย โดนเพ่งเล็งว่าถือครองศาสตร์มืดก็ไม่แคร์เพราะคิดว่าได้โอกาสเข้าใกล้ท่านเอเทม

“แต่ว่านะ...ถ้าหากท่านไม่ให้ข้ามองโลกในแง่ดี แล้วโลกใบนี้จะเหลือสิ่งดีงามอะไรอีกเล่า”

ไม่มีเลย ถ้าผมไม่หลอกตัวเองแล้วหยิบยกข้อดีอันน้อยนิดท่ามกลางความเฮงซวยขึ้นมาปลอบตัวเองตัวผมคงกระอักความบัดซบเหล่านั้นตายห่าไปนานแล้ว

“อยู่ในโลกที่ไม่รู้จักเพียงลำพังก็ว่าน่ากลัวแล้ว แต่ท่านดูข้าตอนนี้สิ ข้าต้องอยู่ในโลกที่ไม่รู้จักโดยมีขาข้างหนึ่งอยู่ในลานประหาร มีคนเก่งอย่างท่านพร้อมปลิดชีวิตทุกเมื่อ มีอัศวิน มีพลเรือน มีทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้พร้อมจะจบชีวิตข้าทุกเมื่อ...”

“...”

“กับอีแค่นั่งกินขนมปังแล้วนั่งยิ้มโง่ ๆ ท่านก็ไม่อนุญาตหรือ”

“...”

ท่านเอเทมไม่ได้มีรีแอคชั่นอะไรกับบทพร่ำพรรณนาของผม เขาเพียงแค่เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะกินข้าง ตักซุปที่เริ่มเย็นชืดนั่นเข้าปากก่อนหันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆหากแต่อ่อนลงหลายระดับว่า”มากินต่อสิ ขนมปังของเจ้าน่ะ”

“ครับ!”ผมยิ้มกว้างก่อนวิ่งไปลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆเขา

“เจ้าชอบขนมปังขนาดนั้นเลยหรือ”เขาถามขณะหันมามองหน้าผม เขาคงเห็นผมดีใจเป็นปลากระดี่ได้น้ำจึงอดถามออกมาไม่ได้

“ฮะ ๆ ๆ ๆ เปล่านี่ มันออกจะแข็งไปหน่อยด้วยซ้ำ”

“แล้วมีเรื่องอะไรให้เจ้าดีใจหรือ”

“อ้อ ฮะ ๆ ๆ”ผมหัวเราะเพราะตลกตัวเอง พอเขาถามว่าผมดีใจเรื่องอะไรผมเองก็แอบอายที่จะตอบเหมือนกัน

“ข้าดีใจเพราะท่านไม่สั่งข้าวิ่งรอบหมู่บ้านแล้ว”

“บางทีการมองโลกในแง่ดีอาจจะดีสำหรับเจ้าแล้วจริง ๆ...”

“ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ข้าก็เพิ่งรู้ตอนท่านทักนี่แหละว่าข้าเป็นคนมองโลกในแง่ดี เมื่อก่อนไม่เคยสังเกตเลย เพราะอยู่กับพ่อแม่ก็ไม่ค่อยมีเรื่องเครียดด้วยล่ะ แต่ตอนย้ายออกมาอยู่หอข้าก็เหนื่อยนิดหน่อยนะ ปัญหาใหญ่สุดในชีวิตคือตอนที่เจอแมลงสาปในห้อง ข้ากระโดดหนีขึ้นไปนั่งกอดเข่าอยู่บนโต๊ะ คิดอยู่นานเลยว่าจะจัดการกับมันยังไง สุดท้ายข้าก็ใช้เงินแก้ปัญหา โทรเรียกลุงยามขึ้นมาจับแล้วก็ให้เงินเขา ฮะ ๆ ๆ มีเงินนี่มันดีจริง ๆ ที่โลกนี้ข้าก็มีเงินข้าจึงไม่เครียด ฮะ ๆ ๆ”

ใครบอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้แปลว่าคนนั้นมีเงินไม่มากพอ!



--------------------------------

#พิชิตใจท่านเอเทม

อิน้องก็คือตัวอย่างของคนเห็นเรื่องกินสำคัญกว่าชีวิต 5555





หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 10-11-2018 08:22:22
เราก็ไม่มีความสุข ขอยืมสัก2-3แสนได้มะ :hao7:
ท่านเอเทมนี่คงเอือมจนไม่อยากพูดแล้วมั้ง5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-11-2018 08:48:55
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 10-11-2018 14:52:47
ทั่นเอเทมจับน้องเยอย่างหนักหน่วงปะเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 10-11-2018 15:22:51
อยากอ่านต่อเร็วๆแล้ววว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 10-11-2018 19:08:45
ใช่ป่ะ คือโลกไม่ได้สวยนะ  แต่จะเก็บเรื่องไม่ดีมาใส่ใจมันก็ไม่ใช่อ่ะ เนอะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 10-11-2018 19:19:49
 o13
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-11-2018 20:08:40
เงินเท่านั้นที่ต้องการ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-11-2018 02:43:15
สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-11-2018 15:56:52
อ่านตอนนี้แล้วเศร้า
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH13 10/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-11-2018 23:09:28
คำพูดน้องเหมือนจะไม่คิดอะไรมาก แต่อ่านแล้วก็เศร้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 13-11-2018 09:32:43
ตอนที่14

หลังจากกินขนมปังกับซุปเสร็จท่านเอเทมก็สั่งให้เตรียมรถม้าเพื่อออกเดินทางทันทีโดยไม่คิดจะแก้ข่าวลือผิด ๆนั่นสักนิดเพราะทำไปก็ไร้ค่า ขณะนี้พวกเรากำลังบินผ่านป่า ช่วงออกเดินทางแรก ๆผมก็ตื่นตาตื่นใจชะโงกหัวออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมวิวอยู่หรอก แต่นั่งมาสักพักก็เริ่มเบื่อแล้ว

ผมหันไปมองไหน้ำผึ้งพระจันทร์ของเรเชลกับแม่ที่วางอยู่ พวกเธอให้เราสองคนมาเป็นของขวัญฮันนีมูน แต่พวกเราไม่ได้มาฮันนี่มูนและท่านเอเทมไม่ชอบน้ำผึ้งดังนั้นเจ้าน้ำผึ้งพระจันทร์ไหนี้จกตกเป็นของผมไปโดยปริยาย ตอนนี้ผมกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่ามันเอาไปทำอะไรกินได้บ้าง

“อยากกินฮันนี่โทสต์จัง ลันเทียจะทำให้ได้ไหมนะ”ผมกำลังเตรียมเมนู”เอ๊ะ แต่ลันเทียได้บรรจุแล้ว เจ้าตัวคงไม่มาทำงานบ้านให้เราแล้วอะดิ ไม่ใช่เผลอ ๆเราจะโดนจับแยกกันคนนึงโดนส่งไปชายแดนอีกคนโดนส่งไปบ้านนอกหรอกนะ!”

ผมยกนิ้วขึ้นมากัดเล็บเพื่อขบคิด ผมเป็นเด็กเมืองหลวง ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกเดิมผมก็ไม่ขอไปจากเมืองหลวง!

และผมก็ไม่อยากไปสู้รบกับใคร ไม่อยากฝึกร่างกาย ผมเข้ากองทัพมาเพื่อจับผู้ชาย!

“ท่านเอเทม หลังจากบรรจุแล้วพวกเราต้องถูกส่งไปประจำการตามชายแดนหรือต้องเข้าค่ายอบรมตื่นตี4มาวิ่ง วิดพื้น ปั่นจิ้งหลีด หมอบ ลุยโคลน สารพัดสิ่งทรมานสังขารรึป่าว”ในเมื่อคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ผมจะคิดเองไปทำไม

“ข้าไม่อยากฝึก...”ผมอ้อมแอ้มขอ อัศวินดีเด่นในรอบพันปีอย่างเขาไม่มีทางรับใต้โต๊ะหรือติดสินบนหรอก ผมก็แค่หวังว่าเขาจะยอมบอกลู่ทางที่ทำให้ผมไม่ต้องไปซ้อมรบตีรันฟันแทงกับใครก็เท่านั้น

“เจ้ากับเพื่อนของเจ้าสอบได้คะแนนดีย่อมถูกบรรจุที่กองทัพหลวง และการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ก็จะมีการอบรมแยกจากอัศวินอื่น ๆ”เสียงทุ้มตอบพลางจ้องผมไม่วางตา เขากำลังใช้สายตาทิ่มแทงเพื่อสื่อให้ผมรู้ว่าให้ดิ้นตายอย่างไรผมก็โดดการฝึกตีรันฟันแทงไม่ได้

“ที่โลกของข้าแทบไม่เหลือสงครามแล้ว มนุษย์อยู่กันอย่างสันติสุข ดาบก็เลิกใช้ไปไม่รู้กี่ร้อยปีละ ปัญญาชนเขาไม่ใช้กำลังตัดสินปัญหากันหรอก”ผมขอสารภาพอีกอย่าง คือตอนม.ปลายผมไม่ได้เรียนร.ด.ครับ ผมไม่อยากตัดผมเกรียนแล้วก็ไม่อยากไปบุกน้ำลุยไฟเข้าค่ายเขาชนไก่ด้วย

“โลกแห่งนี้เองก็มีตำแหน่งขุนนางฝ่ายบัณฑิต เปิดสอบทุกปี เจ้าสามารถไปสมัครได้ ไม่มีใครขอร้องให้เจ้าเข้ากองทัพ”

“มาขนาดนี้ละ ท่านบอกข้าช้าเกินไป๊!”ผมส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ผมได้คำตอบแล้วว่าผมกับลันเทียที่รักจะไม่โดนเขี่ยไปประจำการชายแดนดังนั้นผมจึงสบายใจและเริ่มคิดต่อว่าจะเอาเจ้าน้ำผึ้งพระจันทร์พวกนี้ไปทำอะไรกินดี

ด้านท่านเอเทมเมื่อผมไม่เปิดประเด็นเขาก็ไม่ชวนคุยอยู่แล้ว พวกเราสองคนนั่งกันไปเงียบ ๆแบบนี้กระทั่งมาถึงเมืองหลวง

“ข้าต้องแวะไปทำธุระที่พระราชวังก่อน เจ้ากลับไปได้เลย”เจ้าของรถม้าเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเราสองคนกำลังเคลื่อนที่ผ่านบรรดาตึกแถวในย่านการค้าของเมืองหลวง

“กลับ? อืมมม รถม้าที่มีขลิบแดงวิ่งเฉพาะในเมือง ส่วนที่มีขลิบน้ำเงินวิ่งระยะไกลได้...รึป่าวนะ”ผมชะเง้อคอมองลงไปด้านล่าง ตอนนี้พวกเราเข้าใกล้พระราชวังอันใหญ่โตอลังการแล้วเจ้าเพกาซัสก็รู้งานพวกมันค่อย ๆลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ

กระทั่งพวกเราแลนดิ้งลงสู่พื้นอย่างสวยงามท่านเอเทมจึงกล่าวว่า”สีน้ำเงินวิ่งในเมือง สีแดงรับวิ่งระยะไกล”

“อ้อ ข้าก็จำไม่ได้เสียทีเพราะไม่ค่อยได้เข้าเมือง ถ้าแต่ถ้ากระดิ่งที่ห้อยอยู่ข้างคนขับไม่เรืองแสงก็แปลว่าเขาไม่รับผู้โดยสารใช่ไหม”

“ใครเป็นคนสอนเจ้าเรื่องพวกนี้”

“หือ ก็ลันเทียเพื่อนของข้าไง แม้พวกเราจะเข้าเมืองไม่บ่อยนักแต่เขาก็คอยสอนข้าอย่างละเอียดทุกครั้ง ผิดที่ข้ารับข้อมูลทีละมาก ๆไม่ไหวเองเลยจำสับสนทุกที”ผมตอบ

“แล้วอัศวินที่รับหน้าที่ดูแลเจ้าซึ่งมาจากต่างมิติล่ะ”ท่านเอเทมขมวดคิ้วมุ่น ผมไม่เข้าใจว่าเขากำลังหงุดหงิดอะไร

“โอ๊ยย รายนั้นเทผมไปนานแล้ว! เขาไม่ชอบผมเท่าไหร่ผมเองก็ไม่ชอบเขาเราเลยแยกกันทันทีน่ะ”ผมจำพี่เฟิ้มได้ขึ้นใจ ความเจ็บแค้นที่เขาลอยแพผมในวันนั้นผมยังไม่ลืม

“เขาคืออัศวินที่รับผิดชอบคดีตัวซีซีของเจ้าเมื่อคราวนั้นใช่หรือไม่”

“อื้อ ใช่เลย ๆ คดีที่พวกเราเจอกันครั้งแรก ฮะ ๆ อ๊ะ ท่านจะไปไหนหรือ!?”ผมถามด้วยความแปลกใจ จู่ ๆเจ้าเพกาซัสก็กระพือปีกของพวกมันและออกบินอีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้รับคำตอบ ท่านเอเทมพาผมมาที่สถานีเล็ก ๆ มันมีลักษณะเหมือนสถานีตำรวจเพียงแต่มันคือสถานีอัศวิน

และที่สถานีแห่งนี้ก็มีคุกแห่งแรกที่ผมได้นอน

สถานีของพี่เฟิ้ม!!

“เรียกอัศวินที่รับผิดชอบคดีซีซีมาพบข้า”ท่านเอเทมมาถึงก็เดินเข้าไปหาผู้กำกับเลย เอ่อ นี่ผมก็เดาเอาอีกนั่นแหละ ผมไม่รู้หรอกว่าต้องเรียกว่าอะไรแต่เอาเป็นว่าเขาคือคนเดียวในสถานีนี้ที่มีห้องทำงานส่วนตัวและมียศสูงที่สุด

“ครับ!! ได้ครับท่านเอเทม เห้! มีใครอยู่แถวนี้ไหม ไปตามไอ้เจ้าเครามาที!!”ผมไม่คิดเลยว่าแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของเขายังไม่เรียกชื่อเขา แปลว่าเคราดก ๆนั่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ

“เห้! ไม่มีใครได้ยินเลยเหรอ ให้ตายสิ ข้าว่าข้าคงต้องออกไปตามเอง ต้องขออภัยจริง ๆ เชิญท่านทั้งสองนั่งพักผ่อนตรงนี้ก่อน”ลุงผู้กำกับโดนท่านเอเทมจ้องนิดจ้องหน่อยก็ขวัญผวาไปหมด ยังอ่อนหัดนัก! ผมเจอมายิ่งกว่านี้ยังไม่เห็นจะกลัวซักกะผีก ฮิฮิ

เมื่อลุงผู้กำกับสน.ออกไปทั้งของก็เหลือแค่เราสองคน เมื่อสบโอกาสผมจึงรีบถามท่านเอเทมทันทีว่า”ท่านจะทำอะไรพี่เฟิ้มเหรอ”

“ลงโทษ”

“โหย มันก็ย้อนหลังไปหน่อยมั้ง ที่สำคัญมันก็แค่เรื่องนิดเดียวเองนะ”ผมอดงงไม่ได้

“การทอดทิ้งผู้พลัดถิ่นไม่ใช่เรื่องเล็ก และที่สำคัญ ในกรณีของเจ้าหากเจ้าไม่ไปเข้าสอบอัศวินพวกเราก็จะไม่มีวันรู้’เรื่องนั้น’เลย”ท่านเอเทมอธิบายอย่างใจเย็น เขาดูไม่หัวร้อนมาถึงก็ฟาด ๆ ๆสั่งพี่เฟิ้มวิ่งรอบเมืองจนกว่าเขาจะสั่งให้พอแต่ก็ยังคงความเข้มงวดเอาไว้

“อ้อ”

“ท่านเอเทม ข้าพาเขามาพบท่านแล้ว”พอเราสองคนคุยกันเสร็จลุงผู้กำกับก็พาพี่เฟิ้มที่หน้าหดเหลือแค่มิลเดียวเดินเข้ามาในห้อง

“ข้าขอสั่งย้ายเจ้าไปประจำการที่หมู่บ้านดีเดียน”เสียงทุ้มกล่าวเรียบ ๆราวกับกำลังพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

แต่ถ้าหากสิ่งที่ท่านเอเทมกำลังพูดคือเรื่องดินฟ้าอากาศล่ะก็ผมเกรงว่าสภาพอากาศของแย่น่าดู มันต้องมีฝนฟ้าคะนองแน่ ๆเพราะทั้งพี่เฟิ้มกับลุงผู้กำกับทำหน้าเหมือนคนโดนฟ้าผ่า

“ท่านเอเทม! เมตตาด้วย ลูกน้องข้าคนนี้เกิดที่เมืองหลวง โตที่เมืองหลวง เขามีลูกเมียและครอบครัวที่นี่ จู่ ๆจะส่งให้ไปประจำการที่ชายแดนซึ่งติดกับป่าต้องห้าม ข้างเกรงว่า...”

“ภายในสิ้นเดือนนี้ ข้าต้องไม่เห็นเขาอยู่ที่นี่”ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินไม่ใยดีกับเสียงวิงวอนของผู้ใต้บังคับบัญชาแม้แต่น้อย

“ท่านเอเทม! นี่มันเกินกว่าเหตุไปแล้วนะครับ! คนของข้ามีความผิดก็จริงแต่เขาก็แค่ละเลยเด็กคนนั้น ข้าเกรงว่าคำสั่งย้ายของท่านในครั้งนี้จะเป็นดาบสองคมที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของท่านไม่มากก็น้อย”ลุงผู้กำกับพูดต่อ

“ข้ามีเหตุผลที่ต้องลงโทษเขารุนแรงกว่าปกติ”ตอนที่ท่านเอเทมพูดประโยคนี้คนฟังทั้งสองหันหน้ามามองผมอย่างพร้อมเพียง พวกเขาคงกำลังสงสัยว่ามันมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ

เหตุผลก็คือผมอาจจะเป็นระเบิดเวลาที่มีศาสตร์มืดอยู่ในร่าง ความจริงอัศวินที่รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กพลัดมิติอย่างผมควรจับได้เป็นคนแรกหรือไม่ก็มีระแคะระคายบ้างแต่นี่เขาไม่ใช่แค่ไม่เอะใจ แต่เขาไม่สนใจผมเลย

ถ้าผมเป็นคนชั่วหรือฉลาดกว่านี้หน่อยป่านนี้ผมอาจจะปล่อยคำสาปใส่ชาวบ้านตายห่าไปครึ่งเมืองแล้วก็ได้!

แต่ท่านเอเทมไม่สามารถประกาศเหตุผลเหล่านี้ออกสื่อได้เขาจึงทำได้เพียงกอดอกยืนกรานคำสั่งย้ายของตนเหมือนไอ้งั่งที่ไม่พอใจเวลามีคนมายุ่งกับของรักของตน

ครับ! ตอนนี้ลุงผู้กำกับกับไอ้เฟิ้มเข้าใจผิดคิดว่าท่านเอเทมกระทำเกินกว่าเหตุเพราะผมเป่าหูเขาทั้งคู่จึงมองผมตาเขียวปั๊ด

“โอย เรื่องนี้ไหน ๆมันก็ไม่เลยเถิด ตอนนี้ข้าได้อยู่ในการดูแลของท่านแล้วนี่ไง ไม่เห็นเป็นไรเลย ปล่อย ๆไปเห๊อ”ผมผู้มีความปราณีปรานอมเป็นอุดมการณ์หลักเดินเข้าไปกระซิบกระซาบข้างหูคนตัวสูงกว่า

“หุบปากไปซะ เจ้าไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น”แม้ท่านเอเทมจะไม่ได้ตวาดแต่คำพูดของเขาก็เขี่ยผมกระเด็นออกมาในทันที

“เหอะ ๆ ท่านก็ตึงเกิน รู้จักผ่อนลงบ้างก็ได้”ผมถอยออกมาตั้งหลักได้ก็เริ่มออกแรงเถียงต่อ

“ผ่อนจนหย่อนยานแบบเจ้าน่ะหรือ”คนหล่อหันมาเลิกคิ้วถาม เขากวาดสายตามองสารร่างของผมอย่างเวทนา

“แบบข้ามันก็ไม่เลวนี่! ชีวิตสุขสันต์ไม่มีเรื่องเครียด”

“เจ้าก็แค่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเท่านั้น”

“อั่ก!”เขาเป็นคนพูดน้อยที่เถียงเก่งเป็นบ้า

“หักเงินเดือนเขาครึ่งนึงเป็นเวลา1ปี! ข้ายังคงเชื่อเสมอว่าเงินคือพระเจ้า นี่จึงจะเป็นการลงโทษที่สาสมของจริง! ค่าครองชีพในเมืองหลวงแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะน้อย ๆ แม้ร่างกายไม่ทุกข์ทรมานแต่จิตใจต้องได้รับความเจ็บปวดเป็นล้นพ้นแน่!”ผมออกความคิดเห็นขั้นเด็ดขาด

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าท่านไม่ตกลงตามนี้ข้าจะเริ่มจากสาปท่านเป็นคนแรก!”

“สาปข้า โฮ่! พันโทการันต์ของเราช่างกล้าหาญชาญชัยเสียจริง เจ้ามีความมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้หากเป็นคนรับโทษเด้งไปอยู่ชายแดนเองก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม”

“หะ...อะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ขู่ข้าเหรอ ข้าไม่กลัวหรอก! ถ้าท่านส่งข้าไปชายแดนท่านก็ต้องตามไปด้วย!!”ผมแอบกระเถิบถอยหลังไปหน่อย ตอนพูดออกไปก็มั่นใจอยู่หรอกแต่พอเห็นสายตาของเขาผมก็อดหวั่นใจไม่ได้

“คิดว่าข้าไม่กล้าไปอยู่ชายแดนงั้นหรือ?”ท่านเอเทมสังเกตเห็นรายละเอียดแม้เพียงเล็กน้อย เขารู้ว่าผมเริ่มใจฝ่อและแอบเดินถอยหลังไปหน่อยหนึ่งเขาจึงสืบเท้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายของเขามีรอยยิ้มเล็ก ๆประดับตรงมุมปาก

พระเจ้า! ท่านเอเทมกำลังยิ้ม

แม้จะเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆอันร้ายกาจแต่มันทำให้เขาหล่อมาก! หล่อแบบแบดบอย!

“ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ ท่านจะไปได้ไง”ผมเถียงเสียงเจื่อน

“แม่ทัพใหญ่ควรอยู่ที่เมืองหลวงก็จริง แต่หากเจ้าอยู่ที่ชายแดนข้าย่อมต้องตามไปที่ชายแดนเช่นกัน”เขาขู่กลับ

“ท่าน...จะรักข้าไปหน่อยแล้วม๊างงง”

“น่าจะถูกใจเจ้านี่”

“ข้าเคยร้อยขอความรักจากท่านเหรอ เหอะ ๆ...”ผมส่ายหน้าไปมา รู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิดผมเลยต้องถอยหลังไปอีกหน่อย

“เอาน่า ท่านอย่าดื้อนักเลย ลดเงินเดือนก็ลดเงินเดือนสิ”

“ไม่อย่างนั้นเจ้าจะสาปข้าหรือ”

“เออ! ข้าจะสาปท่านให้กลายเป็นลูกเต่า!!!”

“หึ”

เขาหัวเราะ

“ท่านเอเทมหัวเราะ”ผมไม่ได้ตาฝาดไปคนเดียวเพราะลุงผู้กำกับกับพี่เฟิ้มนี่ยืนหดหัวอยู่หน้าประตูห้องก็รำพึงออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาเช่นกัน

หึเดียวสะเทือนทั้งแผ่นดินที่แท้จริง

อะไรจะปานนั้น!

แต่เวลายิ้มแล้วหล่อจริง ยอม

ผมเลิกต่อล้อต่อเถียงกับเขาแต่เดินไปรวมกลุ่มกับพวกอัศวินทั้งสองแทน เราสามคนก้มหน้ามองพื้น ประสานมือไว้ตรงตัก ยืนรอคำตัดสินจากท่านผู้มีอำนาจสูงสุด

“เจ้าจะต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่เหรียญเดียวเป็นเวลา5เดือน”

“ไม่ได้เงินเดือนเลยเรอะ!!”ผมร้องออกมาเสียงหลง ผมว่าหักเงินเหลือครึ่งนึงว่าโหดแล้วนะ นี่ไม่ให้เงินสักกะแดงเดียวแล้วเขาจะเอาอะไรกิน! บ้านก็ต้องผ่อน ลูกเมียก็ต้องเลี้ยง!

“หรือจะย้ายไปชายแดน ข้าให้เจ้าเลือก”เขาเมินผมโดยสิ้นเชิงก่อนหันไปถามพี่เฟิ้ม

แน่นอนว่าคำตอบของพี่เฟิ้มก็คือ!!

“ตัดเงินเดือนครับ!! ขอบคุณท่านเอเทมที่เมตตา!!”ร่างยักษ์ของพี่เฟิ้มทรุดลงไปหมอบอยู่กับพื้นทันที

“คนที่เจ้าต้องขอบคุณคือข้าต่างหาก...”ผมกัดฟันพูด คิดว่ากระซิบให้ตัวเองได้ยินแค่คนเดียวแต่ทว่าพี่เฟิ้มที่หมอบอยู่เสือกหูดี พี่แกเงยหน้าขึ้นมามองผมตาเขียวปั๊ด

“มองไร”ผมเลิกคิ้วกวนประสาท เห็นแบบนี้ผมก็จิ๊กโก๋นะครับ!

“เจ้าฟ้องเขา”

“มันเริ่มมาจากเจ้าทำผิดมาก่อนไม่ใช่หรือ”

“เจ้าก็รู้ว่าข้าเทิดทูนเขาเป็นเทพ”พี่เฟิ้มลุกขึ้นยืน เนื่องจากเขาตัวสูงกว่าเวลาเราคุยกันเขาจึงต้องก้มลงมาเพราะเจ้าตัวใช้เสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบ คาดว่าเขาคงไม่อยากให้ท่านเอเทมได้ยิน

“เห๊อะ รู้แล้วไง สมน้ำหน้าเจ้าแล้ว วันนั้นเจ้าอยากไม่เป็นพี่เลี้ยงให้ข้าแถมยังมองเหยียดใส่ข้าทำเหมือนข้าเป็นลูกเต่า! มาดูวันนี้สิ! คนที่กลายเป็นพี่เลี้ยงให้ข้าคือท่านเอเทมที่เจ้าแสนเคารพเทิดทูนบูชา!”

“เจ้า!”ตาเฟิ้มกัดฟันแน่นจนฟันแทบแตก สีหน้าแววตาคับแค้นจนอกแทบจะระเบิด

ผมเห็นว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าจึงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาเป็นเด็กประถมตีกัน

ในขณะที่เราสองคนทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆผู้ใหญ่สองคนที่เหลือก็ตกลงกันเรื่องบทลงโทษของพี่เฟิ้ม เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยท่านเอเทมก็หันมาหาผม แตะไหล่เชิงปรามว่าเลิกทำตัวไร้สาระและรีบเดินเขาออกไปจากสถานีได้แล้ว

สุดท้ายเราสองคนก็กลับออกมาขึ้นรถม้า ท่านเอเทมยังต้องไปติดต่อธุระในพระราชวังเหมือนเดิมแต่คราวนี้เขาไม่ไล่ผมกลับแล้ว อัศวินหนุ่มอนุญาตให้ผมติดตามเข้ามาในวังหลวงด้วย

แม้ว่าพระราชวังจะมีพื้นที่เล็กกว่ากองทัพ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของกองทัพคือทุ่งหญ้าโล่ง ๆกับสนามฝึก ส่วนพระราชวังนั้นสิ่งก่อสร้างทุกอย่างล้วนมีความวิจิตรงดงาม เอาตั้งแต่เสาตรงประตูทางเข้าก็สวยจนผมอยากหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเซลฟี่แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีมือถือ!

ผมเดินตามอีกฝ่ายต้อย ๆ ไม่กล้าเดินออกนอกเส้นทางเพราะกลัวเดินไปเหยียบเท้าพระราชาเข้า

เมื่อเดินมาถึงจุดจุดหนึ่งท่านเอเทมก็เพยิดหน้าไปทางดอกไม้

“เจ้าไปรอตรงนั้น”

“ท่านอย่าลืมกลับมารับข้าด้วยล่ะ!”

เมื่อท่านเอเทมเดินห่างออกไปผมก็เดินมาหย่อนก้นที่เก้าอี้ยาวสีขาวตัวหนึ่ง ผมกะจะตั้งหลักปักฐานอยู่ตรงนี้ไม่ไหวติง ทว่าขึ้นชื่อว่านายการันต์ ชีวิตไม่เคยได้พบเจอกับความสงบสุข

ผมนั่งได้แป๊ปเดียวเก้าอี้ยังไม่ทันอุ่นตรงทางเดินที่ผมกับท่านเอเทมเดินผ่านมาก็ปรากฏเสียงแหลม ๆของผู้หญิงคนหนึ่ง

“ท่านเอเทมเข้าวังทำไมเจ้าไม่บอกข้า!!”

“ขออภัยเพคะองค์หญิง”

องค์หญิง!!

ดวงตาของผมเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินชื่อสเตตัสของอีกฝ่าย ผมพยามชะเง้อคอผ่านซุ้มดอกไม้เพื่อแอบมองเจ้าของเสียง

“เขาอยู่ไหน ข้าจะไปพบเขา”

“ท่านเอเทมมาเพื่อคุยธุระกับท่านเสนาธิการ เกรงว่าเขาคงไม่อนุญาตท่านเข้าไป...”เข้าไปเสือก ผมช่วยต่อคำให้นางกำนัล แม้ผมจะยังไม่เห็นหน้าคนพูดแต่ผมก็พอจะนึกภาพทั้งสองคนออก

คนหนึ่งต้องเป็นเจ้าหญิงเอาแต่ใจส่วนอีกคนก็เป็นนางกำนัลที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน

“ข้าต้องพบเขา ข้าจะขอให้สเด็จพ่อใช้อำนาจบังคับเขาอภิเษกกับข้า!!!”

“แค่ก!”ผมที่แอบเสือกเงียบ ๆตกใจจนแทบตกเก้าอี้

“นั่นใครน่ะ!”เจ้าของเสียงแหลม ๆเดินเข้ามาในบริเวณสวน และไม่นานเธอก็พบผม”นี่เจ้า!!”

หญิงสาวตรงหน้าของผมสวยสมยี่ห้อเจ้าหญิง เธอมีเส้นผมสีทองยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีฟ้าโตใสเหมือนตุ๊กตา สวมชุดเดรสสีชมพูหวานแหวว

ถ้าเป็นปกติผมคงนึกพิสมัยเธออยู่หรอก แต่ตอนนี้มันไม่ปกติน่ะสิ!

“เจ้ามัน!! ศัตรูหัวใจของข้านี่!!!!!”เจ้าหญิงชี้หน้าผมก่อนจะหวีดร้องออกมาอย่างกับคนบ้า

เธอก็ศัตรูหัวใจของชั้นเหมือนกันนั่นแหละ หน้าไม่อาย! เป็นสาวเป็นนางริอาจรวบหัวรวบหางผู้ชาย!



---------------------------------

เรื่องนี้ไม่มีนางร้าย เพราะถ้ามีหนูรันต์จะต้องขึ้นคานแน่นอน นางไม่มีปัญญาไปสู้รบปรบมือกับใครทั้งนั้น 555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: AilyrZ ที่ 13-11-2018 10:26:38
ท่านเอเทมหัวเราะทีดาเมจแรงมาก ใจสั่นน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-11-2018 11:03:57
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-11-2018 12:12:26
5555 คราวนี้การันจะทำไงล่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-11-2018 15:30:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

ท่านเอเทม   เริ่มใจอ่อนแล้วใช่ไหม?   

ตั้งแต่จูบผูกวิญญาณนั้นแน่ ๆ เลย  อิอิ

ฮีแกลงทุนมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 13-11-2018 18:50:02
โอ้ น้องเจอศัตรูหัวใจ
ตบเลยๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 14-11-2018 12:13:52
แกล้งองค์หญิงเลย ชอบ อิอิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH14 13/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 15-11-2018 13:05:18
การพบกันของศัตรูหัวใจ55555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 17-11-2018 10:13:37
ตอนที่15

ผมกับเจ้าหญิงจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ผมจะสำเหนียกตัวได้ว่าไม่มีอะไรไปสู้เขาได้เลยจึงรีบหดคอเข้ากระดอง”ให้ตาย ข้าก็เผลอตกใจคิดว่านางฟ้านางสวรรค์ที่ไหนลงมาเดินเล่นบนพื้นดิน ที่แท้ก็องค์หญิงนี่เอง กระหม่อมต้องขอประทานอภัยอย่างสูงที่เสียมารยาทจ้องพระพักต์ของพระองค์เสียเนิ่นนาน แต่ถ้าหากเป็นไปได้กระหม่อมก็อยากจ้องให้นานกว่านี้อีกหน่อย”

เป็นไง เจอพี่การันต์คนฮ็อตเข้าไป เจ้าหญิงก็เจ้าหญิงเหอะ

ผมคิดว่าตั้งแต่เกิดมาเธอคงไม่เคยโดนหนุ่มที่ไหนหยอดขนมจีบมาก่อนเพราะหนุ่มทั้งหลายกลัวโดนลากไปขังคุก

เมื่อมาเจอกับผม เธอจึงจอดในยกเดียว

“เจ้า เจ้ามันคนที่ลงหนังสือพิมพ์เมื่อวันก่อนนี่...จะนอกใจท่านเอเทมหรือไง!?”เสียงของหล่อนลดความเหวี่ยงลงไปหลายระดับ

ผมต้องทำให้เธอเลิกร้อนรน เพราะถ้าเธอร้อนรนคิดว่าท่านเอเทมกำลังจะแต่งงานเธอจะต้องใช้อำนาจของราชวงศ์สั่งรวบหัวรวบหางท่านเอเทมแน่ ๆ

ผมต้องทำให้เธอสบายใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

“โอ้ เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดแล้ว อันที่จริงกระหม่อมก็เครียดกับปัญหานี้อยู่เช่นกัน พวกสื่อชอบเขียนอะไรเกินจริง ทีนี้ข่าวลือก็ลุกลามบานปลาย ท่านเอเทมเองก็ตำหนิกระหม่อมเรื่องนี้ยกใหญ่ หวังว่าองค์หญิงจะไม่ถือสา มีหญิงงามเช่นท่านอยู่ข้าจะไปสนใจบุรุษด้วยกันเองทำไม”ผมพยามบอกเธอว่าเธอเข้าใจผิดโดยไม่เจาะจงว่าเธอเข้าใจผิดอะไร ผมจะได้ไม่โดนข้อหาหลอกลวงเบื้องสูงตบท้ายด้วยการชงเธอรัว ๆ

“ข้าก็ว่าอยู่ว่ามันแปลก ท่านเอเทมไม่มีทางมอบหัวใจให้ใครเพราะเขาไม่มีมันอยู่แต่แรก เจ้าเองก็มีคะแนนสอบโดดเด่นทัดเทียมกับเขาในภายภาคหน้าน่าจะได้รับตำแหน่งที่ไม่น้อยหน้า ไม่น่าจะคิดตื้น ๆอย่างการเกาะท่านเอเทมดัง ที่แท้เรื่องทั้งหมดมันก็...”

“เป็นการเข้าใจผิด!!”ผมรีบกล่าวสรุปเพื่อเอาตัวรอดทันที

“อย่างนี้นี่เอง ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล เห้อ วันนี้ข้าไม่ไปหาเขาแล้วก็ได้ เรากลับกันเถอะ”เธอพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อยยิ้มแย้มออกมา และแล้วเจ้าหญิงกับนางกำนัลก็เดินออกไปจากสวน

นี่มันช่าง...

โง่เหลือเกิน!!

ประเทศนี้จะรอดไหมเนี่ย!? มีเจ้าหญิงหลอกง่ายขนาดนี้เนี่ย

แล้วที่สำคัญเลยนะ ถ้าผมมองไม่ผิดก่อนเดินจากไปเมื่อกี๊เธอส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ผมด้วย

อย่าบอกนะว่าเธอตกหลุมรักผมเข้าให้แล้ว!? นี่ก็ใจง่ายเกิ๊น หรือว่าเธอมีมาตรฐานของเธอ แบบใครสอบได้เกินหกแสนแต้มจะจับเข้าฮาเร็มให้หมดงั้นเหรอะ ไม่มีทาง!! ท่านเอเทมต้องเป็นของผม!

“ตะ...แต่ว่า...แต่งงานกับเจ้าหญิงก็ไม่เลวนะ”ทีนี้พอผลออกมาว่าในร่างของผมมีศาสตร์มืดอยู่ผมก็จะมีเธอเป็นแบ็คอัพ เธอดูหลอกง่ายขนาดนี้ผมเชื่อว่าผมหลอกใช้อำนาจของเธอได้สารพัด แถมไม่ต้องไปฝึกทหาร! งานการก็ไม่ต้องทำ! ได้เมีย ได้อำนาจ ได้ความสบาย!

“โอ้ นี่มัน...ดูเหมือนท่านกำลังจะตกกระป๋องแล้วนะท่านเอเทมนะ”ผมลูบคางอย่างครุ่นคิด

ภายในสวนดอกไม้แห่งนี้มีแค่ผมเพียงลำพังดังนั้นผมจึงพูดคนเดียวเท่าไหร่ก็ได้

“อา...ดอกไม้ดอกนั้นมีกลีบเยอะกำลังดีเลย”ผมเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้สีขาวดอกหนึ่งมาและเริ่มทำการปัญญาอ่อน

กลีบที่1 ท่านเอเทม

กลีบที่2 เจ้าหญิง

กลีบที่3...

...

กลีบสุดท้าย เจ้าหญิง!

ผลออกมาแล้ว! สรุปผมเอาเจ้าหญิง!!

“ตกลงตามนี้!”ผมยกยิ้มหน้าบาน เปลี่ยนสีไวยิ่งกว่ากิ้งก่า

ผมลุกขึ้นยืนอย่างแข็งขัน กะว่าจะไปตามหาเจ้าหญิง ทว่าผมแค่หมุนตัวหันกลับมาก็ต้องชนเข้ากับแผงอกแกร่งของใครบางคนเข้า ใครบางคนที่ผมตัดสินใจเทไปแล้ว”ท่านเอเทม!?”

“เจ้ากำลังจะไปไหน”คนที่สั่งให้ผมรออยู่ตรงนี้ขมวดคิ้ว

“เอิ่ม แอ่แฮ่ เดินเล่นนิดหน่อย พอดีเมื่อกี๊ข้าเจอเจ้าหญิง นางสวยดีเลยอยากแอบตามไปมอง”

“ไม่กลัวตายเลยนะ”

“แค่แอบมองเองน่า ไม่ใช่ความผิดเสียหน่อย”

“ข้าหมายถึงเจ้ากล้าเข้าใกล้นางด้วยหรือ ไม่กลัวโดนนางจับโยนลงทะเลหรือไง”ท่านเอเทมย้อนถาม

ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าก่อนส่งยิ้มอ่อนให้อีกฝ่าย”ท่านรู้ด้วยหรือว่านางชอบท่าน”

“เขารู้กันทั้งเมือง”พ่อคนหล่อเลือกได้ตอบอย่างไม่ยี่หระ

“หึ ข้าคงต้องแสดงความเสียใจด้วย ท่านตกกระป๋องแล้ว!!!”

“เห?”คนฟังเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ

ผมรีบขยายความด้วยใบหน้าภาคภูมิใจทันที”เมื่อกี๊ดูเหมือนนางจะแอบปันมาใจให้ข้านะ ข้าคิดว่าถ้าข้าจีบนางสักหน่อยนางก็คงตกหลุมรักข้าแล้ว! จีบนางได้กำไรกว่าจีบท่านแถมง่ายกว่าเป็นไหน ๆ ท่านตกกระป๋องทีเดียวถึงสองกระป๋องเลย ฮะ ๆ ๆ ๆ!”

“นั่นฟังดูเป็นข่าวที่ดีทีเดียว”ท่านเอเทมกลับไม่แสดงอาการเจ็บใจมิหนำซ้ำยังทำหน้าราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดในรอบร้อยปี!

“ใจคอท่านจะไม่ฉุดรั้งข้าเลยหรือ ข้าจะไปมีคนอื่นแล้วนะ!”ผมนี่ก็โรคจิต ไม่ชอบให้ตัวเองโดนเมินเพราะรู้สึกหมดความสำคัญ”เดี๋ยวสิ! กลับมาคุยกันก่อน”ท่านเอเทมไม่สนใจผม เขาเดินไปโน่นแล้วเดือดร้อนผมต้องวิ่งตามขาปัด

“ท่านสนใจข้าหน่อย ท่าน!”

“อย่าส่งเสียงดังในวังหลวง”

“อึก...”รอให้ออกไปข้างนอกก่อนเหอะ

...

เมื่อจัดการธุระในปราสาทเสร็จท่านเอเทมก็พาผมมาส่ง รถม้าเพกาซัสสุดเลิศหรูของเขาจอดเทียบหน้าบ้านหลังเล็ก ๆของผม พวกเราแยกทางกันโดยไม่ได้กล่าวคำล่ำลาใด ๆ ผมแอบเหงานิดหน่อยแต่ก็ไม่รู้จะฉุดรั้งเขาไว้เพื่ออะไร ความจริงผมก็แค่ไม่อยากอยู่คนเดียวเท่านั้น

ลันเทียเองก็สอบติดแล้ว เขาไม่นับเป็นลูกจ้างของผมอีกต่อไป

“ป่านนี้คงย้ายออกไปแล้วมั้ง”เนื่องจากเมื่อวานผมโดนท่านเอเทมพาตัวออกมาโดยไม่ได้บอกกล่าวลันเทียสักคำผมจึงไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน

“เห้อ...”ผมเปิดประตูเข้าบ้านแบบเซ็ง ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ผมกำลังจะหิวแต่ก็ไม่รู้จะกินอะไรเป็นมื้อเย็นดี

“ท่าน! ในที่สุดท่านก็กลับมา”

“เห...”ผมเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ เสียงใส ๆของลันเทียดังแทรกเข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งดุ๊ก ๆเข้ามาหาผม ร่างบาง ๆนั่นกระโจนเข้ากอดผมอย่างรักใคร่ กลิ่นกายหอมอบอวลชวนคิดถึง ผิวพรรณก็นุ่มนิ่มน่าสัมผัส นี่มันลันเทียของผมไม่ผิดแน่!

“เจ้า...ยังไม่ได้ย้ายออกหรอกหรือ”

“หะ...เห ท่าน เอ่อ...ไม่อยากให้ข้าอยู่ด้วยแล้วหรือ”คนน่ารักรีบผละกายออก ใบหน้าหวานฉายแววเสียใจ

“เห้ย เดี๋ยว ใครพูดแบบนั้นกันเล่า ข้าก็แค่แปลกใจ ทีแรกเจ้าบอกว่าหลังสอบเสร็จจะย้ายออกไม่ใช่หรือ พอกลับมาเจอเจ้ายังอยู่ข้าก็ดีใจมากจริง ๆ ตกลงจะอยู่กับข้าต่อใช่ไหม”ผมยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง เดินเข้าไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างเบามือ

อา...เจ้าหญิงก็เจ้าหญิงเหอะ มาเจอลันเทียของผมซะก่อน มีสิบเจ้าหญิงก็สู้ไม่ได้

ผมตัดสินใจแล้ว! ผมไม่เอาทั้งท่านเอเทมทั้งเจ้าหญิงหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น! ผมจะอยู่กินกับลันเทียเยี่ยงผัวเมีย!!

เริ่มจากชวนมานอนห้องเดียวกันซะเลย!

“เจ้าก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว อยู่กับข้านี่แหละ”เราสองคนจะมีกันและกันตลอดไปเลยจ่ะที่รัก

“อื้ม ขอบคุณท่านมาก รับรองว่าข้าจะช่ายค่าเช่าให้ท่านแน่”

“เดี๋ยว...”ผมรีบยกมือขัดจังหวะ มีเมียที่ไหนเขาจ่ายค่าเช่าบ้านสามีกันบ้าง!”ไม่ต้อง ๆ เจ้าก็แค่ช่วยงานบ้านงานเรือนก็พอ”นี่แหนะ ผมยัดตำแหน่งแม่ศรีเรือนให้อีกฝ่าย

ลันเทียมีสีหน้าลำบากใจ ดวงตาคู่สวยช้อนมองผมทีเล่นเอาใจสั่นไปหมด”ท่านจะให้ข้าอยู่ฟรีจริง ๆน่ะหรือ”

“ได้สิ!! ไม่ต้องคิดมากนะครับคนดี”ผมยกยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน บอกเลยว่าเวลาผมยิ้มแบบนี้ผมหล่อมาก คนมองมีกี่ชีวิตก็ไม่พอ ยกเว้นว่าคนดังกล่าวจะเป็นลันเทียผู้น่ารัก

คนตัวเล็กยังอึกอักไม่เลิก พยามเสนอเงินค่าเช่าพร้อมยกเหตุผลสารพัดว่าอยู่กับผมดีกว่าไปอยู่หอรวมในกองทัพนู่นนี่ซึ่งผมไม่อยากรับรู้ววว ผมไม่อยากได้เงินแต่ผมอยากได้เขา

จับปล้ำซะเลยดีไหม!?

เอ๊ะ เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ

ว้าว

อยู่ด้วยกันสองต่อสองมาตั้งเดือนนึงทำไมผมถึงคิดเรื่องนี้ไม่ได้นะ

สีหน้าของผมตอนนี้คงดูชั่วร้ายมาก ชั่วร้ายเสียจนคนที่พยามเสนอเงินค่าเช่าให้ผมอยู่หยุดพูดและเดินเข้ามาแตะแก้มทั้งสองข้างของผม”ทำไม่ท่านถึงทำหน้าตาเกเรเช่นนั้นล่ะ ท่านเอเทมรังแกอะไรท่านงั้นหรือ”

“ปะ...ป่าว...”ความจริงคือผมโดนรังแกสารพัด เริ่มตั้งแต่โดนปล้ำจูบเลย

อ๊ากกก อย่าพูดถึงชายอื่นต่อหน้าข้า! เดี๋ยวปั๊ดจับตีก้นลายเลย

“เขาพาท่านไปไหนมาหรือ”ลันเทียถามต่อทั้ง ๆที่ยังเอามือแตะแก้มผมไว้

“ไป...”ผมบอกว่าเขาพาผมไปผูกวิญญาณไม่ได้เพราะว่าลันเทียจะต้องถามต่อไปอีกว่าเราสองคนผูกวิญญาณกันเพื่ออะไรแล้วทีนี้ผมก็จะจนมุม ผมไม่สามารถแพร่งพรายเรื่องข้ามมิติหรือดาร์กลอร์ดให้ผู้อื่นรู้ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลันเทียสุดที่รักปานจะกลืนกินของผมก็ตาม

“ที่ว่าพวกท่านไปฮันนีมูนมาน่ะจริงไหม เรื่องผูกวิญญาณล่ะ”

“เอิ่ม”ผมติดสถานะใบ้กินไปชั่วขณะเมื่อคนตัวเล็กรีบวิ่งไปหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับค่ำวันนี้มาให้ผมดูพร้อมข่าวหน้าหนึ่งซึ่งตั้งคำถามอย่างหนักว่าสมบัติของแผ่นดินอย่างท่านเอเทมจะตกเป็นของเด็กหนุ่มผู้ไม่ทราบหัวนอนปลายเท้านี่จริงหรือ

“ท่านไม่ต้องกังวลนะ พวกเขาก็แค่ตั้งคำถามเพราะท่านเอเทมมีภาพลักษณ์เสมือนเทพบนดิน ตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่ง7สมัยซ้อนเป็นศักดิ์ศรีของชาวอัสโตเรียน พวกเขาเทิดทูนบูชาท่านเอเทมอย่างหนักพอรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานก็ย่อมมีคนผิดหวังเป็นธรรมดา แต่ข้าเชื่อมั่นว่าท่านการันต์คือคนที่คู่ควร!”

“แค่ก!”ผมแทบล้มทั้งยืนเมื่อหนุ่มน้อยที่ผมกำลังหาทางรวบหัวรวมหางเป็นเมียอยู่หยก ๆดั๊นนน ชงผมไปคู่กับชายอื่นอย่างออกนอกหน้า

ไม่เอาสิ! ท่านเอเทมตกกระป๋องไปแล้ว!

“หึ เขาน่ะก็มีดีแค่ฝีมือกับหน้าตาเท่าไหร่แหละ คนนิสัยอย่างเขาใครอยู่ด้วยก็ชวนอึดอัดทั้งนั้น!”ผมกอดอก เริ่มพูดประนามข้อเสียสารพัดของฝ่ายนู้น

“นิสัยเย็นชานั่น ข้าคิดว่าเป็นเสน่ห์ของเขานะ”

“มันคือข้อเสีย!”ผมสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างหงุดหงิด

“ข้าขอโทษ...พวกท่านทะเลาะอะไรกันมาหรือ มิน่า ตอนมาส่งท่านเขาถึงไม่ยอมแวะเข้ามาในบ้าน”

“เราไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย!”ผมเถียงหน้าดำหน้าแดง

ถ้าจะชงก็ให้มันมีลิมิตหน่อยสิโว้ยยยย

แบบนี้เขาเรียกมโนแล้ว!

“โอ๊ะ สิ่งที่อยู่ในมือของท่านคือน้ำผึ้งพระจันทร์ใช่หรือไม่”คนน่ารักไม่สนใจคำทัดทานของผมสักแอะ ขณะนี้นัยน์ตาสีครามคู่สวยสะดุดเข้ากับไหน้ำผึ้งในมือของผมแล้ว

“ได้มาเมื่อวานน่ะ ข้าจะให้เจ้าทำฮันนี่โทสต์ให้หน่อย แบ่งกันกินนะ”ผมยื่นไหให้อีกฝ่าย มือเล็กรับไหไปก่อนเจ้าตัวจะหายเข้าไปในครัว ผมไม่มีโอกาสได้ถามว่าลันเทียเอาน้ำผึ้งของผมไปทำอะไร แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเอามันไปปรุงเป็นอาหารเย็นด้วย

“โอ้ว แม่ศรีเรือนของข้านี่ช่างรู้ใจจริง ๆ”ผมพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อพบว่าเมนูแรกที่ลันเทียกำลังทำคือกุ้งอบน้ำผึ้ง

เอาน้ำผึ้งมาทำเป็นอาหารค่ำก็ไม่เลว ถือว่าฉลองที่เราสองคนได้เป็นอัศวินด้วย

ผมนั่งเท้าคางด้วยใบหน้าอิ่มเอม มองแผ่นหลังเล็กของคนในครัวง่วนอยู่กับการหั่นนู่นล้างนี่ เดี๋ยวก็วิ่งไปที่เตาเดี๋ยวก็วิ่งมาเอาเครื่องปรุง ทางนู้นทีทางนี้ทีอย่างมีความสุข

ผู้เฒ่าเองก็บอกไว้ว่าผมไม่มีหวังเรื่องแต่งงานกับอัศวินอันดับหนึ่ง เขาให้ผมเอาเงินมาซื้อบ้านหลังเล็ก ๆแล้วสร้างครอบครัวที่นี่ ซึ่งสิ่งที่เขาบอกก็คือสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หรือ ความสุขอยู่ใกล้ตัวแค่นี้จะไปไขว่คว้าหาอะไรให้วุ่นวาย เจ้าหญิงเหรอ อัศวินอันดับหนึ่งเหรอ ลาก่อน! นายการันต์ผู้หลายใจคนนี้ตัดสินใจมอบใจทั้งหลายให้ลันเทียแล้ว

ผมนั่งเพ้อเจ้อไปเรื่อยก่อนจะพบว่าเวลามันผ่านไปนานเกินไปแล้ว

“ทำอะไรนานจัง”ผมเริ่มเอะใจว่าเหตุใดวันนี้ลันเทียจึงจัดมื้อใหญ่ แต่พอคิด ๆดูบางทีลันเทียเองก็คงอยากจะฉลองที่สอบติดเหมือนกันล่ะมั้ง

ผมผู้มองโลกในแง่ดียังคงนั่งเท้าคางฮัมเพลงมองสุดที่รักทำข้าวเย็นด้วยสายตาหลงใหลต่อไป กระทั่ง...

“นี่มันอะไร?”ผมมองตะกร้าใบใหญ่ ที่ลันเทียเอามาวางไว้ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

คนน่ารักส่งรอยยิ้มหวายจ๋อยยิ่งกว่าน้ำผึ้งป่าเดือนห้ามาให้ผมก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หวานไม่แพ้กันว่า”กุ้งอบน้ำผึ้ง ข้าวผัดน้ำผึ้ง เนื้อสันนอกย่างราดซอสน้ำผึ้งปรุงรส ผัดเจ็ดชนิดบำรุงกำลังหมักในน้ำผึ้ง เค้กนมน้ำผึ้ง น้ำผึ้งผสมดอกคาโมไมล์เย็นสดชื่น”

“ทั้งหมดนี่คือมื้อเย็นของท่านกับท่านเอเทม!”

“อันนั้นข้ารู้ว่าเป็นมื้อเย็น แต่ที่สงสัยก็คือเจ้าจะจัดใส่ตะกร้าทำไม เดี๋ยว!? เมื่อกี๊เจ้าว่าอะไรนะ!!!!!”ผมตะโกนเสียงดังจนบ้านหลังเล็ก ๆสั่นสะเทือน”เจ้าจะให้ข้าไปกินข้าวเย็นกับเขาเรอะ บ้าไปแล้ว ข้าจะกินกับเจ้า”

“น้ำผึ้งพระจันทร์ ต้องกินกับคู่หมั้นเท่านั้นนะท่าน”ลันเทียผู้ชงจนแก้วแตกไปแล้วดึงมือผมลุกจากที่นั่งก่อนจะเอาผมและตะกร้าอาหารไปยัดไว้ในรถม้า ส่วนเจ้าตัวก็จะโดดขึ้นประจำตำแหน่งสารถี

ผมเปิดหน้าต่างฝั่งที่ติดกับคนขับเพื่อขอให้ลันเทียหยุดรถแต่เจ้าตัวไม่สนใจ รถม้าของผมซิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเหมือนผมยิ่งบอกให้หยุดลันเทียก็ยิ่งเร่ง

“เดี๋ยวววว เจ้ารู้แล้วเหรอว่าบ้านท่านเอเทมอยู่ที่ไหน”

“ข้าถามเจริโก้ไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพราะทีแรกข้าคิดว่าเขาพาท่านไปที่บ้าน”คำตอบของลันเทียทำให้ผมหน้าหมองคล้ำลงอีกสิบระดับ

“ข้าไม่ไป! ข้าจะกินน้ำผึ้งพระจันทร์กับเจ้า!!”

“ข้าไม่ใช่คู่หมั้นของท่าน!!”

“งั้นเราก็หมั้นกันซะสิ! ลันเทีย! แต่งงานกับข้าเถอะ”ความจริงผมอยากให้มันโรแมนติกกว่านี้หน่อยแต่ไม่มีเวลามาพิถีพิถันแล้วไง

“ท่านจะมีคู่หมั้นสองคนไม่ได้!!”ร่างบางตะโกนฝ่าเสียงลมเข้ามาในรถ

“ข้าจะเลิกกับเขา!!”ผมตะโกนแข่ง

“ท่านจะบ้าเหรอ นั่นสมบัติของแผ่นดินเชียวนะ! เลือกทิ้งเขาแล้วมาเอาข้างั้นเหรอ ท่านคิดอะไรอยู่”

“เขาคือสมบัติของแผ่นดินแต่เจ้าคือสมบัติของข้า!”ผมสาดมุกเสี่ยไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรแล้ว มุกเสียนะไม่ใช่มุกเสี่ยว

“ท่านนี่...ขี้งอนกว่าที่ข้าคิดนะ ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกท่านทะเลาะอะไรกันมา แต่ถึงขนาดซื้อน้ำผึ้งพระจันทร์กลับบ้านแบบนี้ก็แปลว่าพวกท่านต้องจริงจังต่อกันมาก...”

“เดี๋ยว ไอ้น้ำผึ้งพระจันทร์นี่มันมีความหมายขนาดนั้นเลยหรือ”ผมร้องถามหน้าซีด

“อื้ม คู่แต่งงานบางคู่ยังไม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในคืนเข้าหอเลย เพราะสำหรับชาวอัสโตเรียมันเป็นตัวแทนของความรักอันบริสุทธิ์”

ความรักอันบริสุทธิ์!?

ผมอยากจะร้องไห้มันเสียเดี๋ยวนั้น ระหว่างผมกับท่านเอเทมน่ะหรือเรียกว่า ความรักอันบริสุทธิ์!?

“ทำไมตอนข้ารับมาเขาถึงไม่ห้ามข้าสักคำล่ะโว้ยยยยยยย!”ผมเอามาเพราะเห็นว่ามันฟรีแถมยังน่าอร่อยอีกต่างหาก!



----------------------------

ฝากท่านเอเทมตบเรียกสติอิหนูรันต์ทีสิคะ หมั่นไส้มาก 555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-11-2018 10:42:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋...ที่ท่านเอเทมไม่คัดค้านการรับน้ำผึ้งพระจันทร์มา 

ก็แสดงว่า... :z1: :z1: :z1:  อิอิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 17-11-2018 12:12:44
ท่านเอเทมก็อยากกินน้ำผึ้งเหมือนกันใช่ไหม ของฟรีนี่นา
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-11-2018 13:22:39
 :laugh:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 17-11-2018 14:17:47
การันต์เจ้านี่ไหลไปเรื่อยเลยนะ อย่าวอกแวกสิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-11-2018 14:27:19
อย่าช้าลูก ไปกินกับท่านไป :o8:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-11-2018 18:08:18
ลันเทียทำดีมากเลยลูก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-11-2018 22:04:52
ลันเทียจับรวบหัวรวบหาง แล้วโยนเข้าปากมังกร 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 18-11-2018 22:57:05
คงไม่พ้น เป็นแน่แท้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-11-2018 06:53:25
ท่ายนเอเทมเหมือนแกล้ง 555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 20-11-2018 15:28:35
เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วล่ะ อิ้อิ้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-11-2018 11:12:52
ิยากจะเห็นหน้าการันต์คนอยากกดลันเทียจริงเชียว
ไม่ใช่ว่าน่ารักพอกันหรอกเหรอ 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 21-11-2018 18:32:48
ตอนที่16

ผมยืนถือตะกร้าอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สีดำสนิททั้งหลังอย่างเคว้งคว้าง ตอนที่ลันเทียเอาผมมาปล่อยไว้หน้าประตูรั้วผมแทบกรี๊ดแตกเพราะคิดว่าที่นี่คือบ้านผีสิง! ไม่ว่าจะมองมุมไหนสถานที่แห่งนี้ก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าที่อยู่อาศัย

“บ้านผีสิง มันต้องเป็นบ้านผีสิงแน่ ๆ”ผมยืนเกาะรั้วเพื่อชะโงกหน้าเข้าไปสอดส่องภาพบรรยากาศข้างใน

คฤหาสน์หลังนี้มี3ชั้น รูปทรงยุโรปสไตล์ซิมเมททรี ตรงกลางสวนมีน้ำพุและอาชาสีดำหนึ่งตัว คือขนาดรูปปั้นม้ายังมีแค่ตัวเดียวเลย บ่งบอกว่าเจ้าของคฤหาสน์มีนิสัยรักสันโดษและเกลียดการอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดไหน และด้วยความที่เจ้าของบ้านมีนิสัยเป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ทเช่นนี้เองทำให้กลิ่นกลายความเดียวดายมันคละคลุ้งอบอวลไปทั่วบริเวณ

“หนาวเหลือเกิน”

ลำปางไม่หนาวเท่าลำพังแต่บ้านท่านเอเทมนั้นทั้งหนาวทั้งเหงา

ลันเทียบอกว่าจะมารับผมพรุ่งนี้ ซึ่งบ้านของท่านเอเทมก็ตั้งอยู่เป็นเอกเทศไกลผู้ไกลคนจนบ้านผมดูเป็นแหล่งชุมชนไปเลย คือเขาปลูกบ้านได้ห่างจากเพื่อนบ้านประมาณเจ็ดร้อยแปดสิบล้านไมล์ทะเลได้ ผมไม่มีปัญญาเดินกลับแน่นอน ทางเลือกเดียวของผมก็คือกดออดและเดินหน้าด้านเข้าไปกินน้ำผึ้งพระจันทร์กับเขา

“เอาล่ะนะ”

ออดดดด

ออดเวทมนต์ เพียงปลายนิ้วสัมผัสมันก็ส่งเสียงออกมา

ผมยืนรอสักพัก มโนว่าต้องมีสาวใช้หรือไม่ก็พ่อบ้านกรูกันออกมาต้อนรับ แต่ผมคิดผิด ไม่มีใครโผล่ออกมาเลยราวกับบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง

“เห้ ๆ...”ผมวางตะกร้าลงและใช้สองมือเกาะรั้วอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น

คฤหาสน์หลังนี้ไม่มีคนรับใช้!!

บ้าไปแล้ว! บ้านหลังเบ้อเร่อแบบนี้อยู่คนเดียวไม่กลัวผีบ้างเหรอ เวลาทำความสะอาดบ้านนี่ทำยังไง ตอบ!!

ผมยืนตาเหลือกเกาะประตูบ้านอยู่แบบนั้นไม่นานไอ้ประตูรั้วที่ผมเกาะอยู่มันก็ขยับ ผมรีบผละออกด้วยความตกใจสุดขีด วูบแรกคิดแล้วว่าโดนผีอำชัวร์ ๆ แต่วูบที่สองถึงนึกได้ว่าโลกนี้มีเวทมนต์ คาดว่าคนในบ้านคงเปิดประตูให้ผมเข้าไปข้างใน

“เข้าไปละนะคร้าบ...”ผมก้มลงหยิบตะกร้าก่อนเอ่ยอย่างกล้า ๆกลัว ๆ

แค่ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามาในบ้านผมก็เสียวสันหลังวาบ ๆ ลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้า กิ่งไม้ในสวนอันวังเวงพลิ้วไหวจนเกิดเสียงเสียดสีชวนหลอนหู 

พลันประตูทางเข้าคฤหาสน์เปิดออก ปรากฏร่างของเจ้าของบ้านผู้อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง

ร่างสูงยืนกอดอกพิงกรอบประตูขณะทอดสายตามองต่ำมายังผม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาสวมชุดลำรอง แต่ทั่วทั้งตัวของเขาก็ยังคุมโทนสีดำอยู่ดี

“ข้า...โดนจับมาปล่อยไว้ตรงนี้”ผมกล่าวอ้อมแอ้ม ถือตะกร้ายืนบิดไปมา

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะมา”

“ท่านรู้ได้ยังไง!?”

“เวทผูกวิญญาณ”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นบันได้ไปยืนอยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่าย

ผมชูตะกร้าอาหารค่ำที่ลันเทียเตรียมไว้ให้ก่อนเอ่ยโวยวาย”ท่านไม่บอกข้าสักคำว่าน้ำผึ้งนั่นมีความหมายลึกซึ้งต่อชาวอัสโตเรีย!!”

ท่านเอเทมเหลือบมองตะกร้าของผมด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนเขาจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ผมแปลการกระทำนี้เอาเองว่าเขาเชิญผมเข้ามาข้างในผมจึงถือวิสาสะเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้ามาต้อย ๆ

และผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าเขาพาผมมาที่ห้องอาหาร!

ผมไม่รู้จะตกใจเรื่องห้องอาหารของเขาเป็นโต๊ะยาว มีเก้าอี้เรียงกันเป็นสิบตัวแต่เก้าอี้เพียงตัวเดียวที่ถูกใช้งานคือเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน! เขาอยู่คนเดียวแล้วจะซื้อเก้าอี้มาให้ฝุ่นจับเล่นทำเพื่อ!? หรือตกใจเรื่องที่ว่าเขาจะกินน้ำผึ้งพระจันทร์กับผมเรอะ!?

“ท่าน...จะกินมันเหรอ ในนี้คือเมนูที่ปรุงจากน้ำผึ้งพระจันทร์ล้วน ๆเลยนะ”

“วันนี้แม่ครัวลา นางคิดว่าข้ายังไม่กลับเลยไม่มาทำงาน”

“แล้ว?”ผมเลิกคิ้วถามทว่าท่านเอเทมไม่ตอบ อัศวินหนุ่มเพียงแค่เดินไปนั่งอย่างองอาจตรงหัวโต๊ะ

ผมประเมิณพฤติกรรมของอีกฝ่ายอย่างเคร่งเครียด

อยู่กับเขาเหมือนผมต้องเล่นเกมใบ้คำตลอดเวลา ซึ่งเกมใบ้คำนี้เป็นเกมระดับสูงกว่าปกติเพราะผู้ใบ้แทบไม่แสดงกิริยาอะไรเป็นพิเศษ สีหน้าแววตาก็เรียบเฉยตลอดศก แม้แต่ขนคิ้วสักเส้นก็ไม่กระดิก

“ท่านจะกินเหรอ เมนูจากน้ำผึ้งพระจันทร์พวกนี้”ผมเดินเอาตะกร้าไปวางโว้บนโต๊ะ ค่อย ๆหยิบจานอาหารข้างในออกมาทีละอย่าง ตะกร้านี้เป็นตะกร้าเวทมนต์ นอกจากมันจะสามารถจุของได้มากกว่าที่ตาเห็นแล้วยังเก็บความร้อนได้อีกด้วย ดังนั้นอาหารของลันเทียที่รักของผมจึงยังส่งกลิ่นหอมฉุยน่าทาน

“อืม”ท่านเอเทมพยักหน้าเบา ๆหนึ่งครั้ง ตาจ้องไปที่อาหารไม่ได้สนใจผมที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะแม้แต่น้อย

คิดดูนะครับ อยู่กับลันเทียผมแค่นั่งเฉย ๆดูอีกฝ่ายวิ่งเข้าออกครัว พอมาอยู่กับท่านเอเทมเขากลับได้บทนั่งมองเฉย ๆดูผมจัดจาน!! แล้วแบบนี้ถ้าผมเลือกได้ผมจะเลือกแต่งงานกับใคร ตอบ!!

“ท่านยอมรับคำขอแต่งงานของข้ารึ”ผมถาม

“ไม่มีวัน”

“แล้วท่านจะกินน้ำผึ้งพระจันทร์กับข้าทำเพื่อ?”

“ข้าไม่ใช่ชาวอัสโตเรีย เจ้าก็ไม่ใช่ คนที่ปรุงอาหารมื้อนี้ก็ไม่ใช่”

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าลันเทียไม่ใช่ชาวอัสโตเรีย”ผมยังไม่รู้เลย!

“เขาเป็นชาวโรมานอสซาร์”

“ไอ้ที่ประกาศตอนรับยศน่ะเหรอ หูยยย ความจำดีนะเนี่ย หยะ อย่าบอกนะว่าท่านเองก็สนใจเด็กคนเดียวกับผมอยู่!! ผมไม่ยกลันเทียของผมให้หรอกนะ ผู้ชายคนนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของผม!”ผมแยกเขี้ยวขู่แง่ง ๆเป็นจงอางหวงไข่ ทว่าท่านเอเทมกลับไม่กลัวเกรงแถมส่ายหน้าไปมาอย่างระเหี่ยใจ

“ข้าจำได้ เพราะข้าเองก็เป็นชาวโรมานอสซาร์”

“โรมานอสซาร์เนี่ย ตกลงคืออะไรหรือ”ผมถามด้วยความสงสัย คนใกล้ตัวผมสองคนมาจากที่นี่ ดูเหมือนมันจะเป็นประเทศที่ดังทีเดียว”ว่าแต่ท่านเป็นชาวโรมานอสซาร์ แล้วมาอยู่ที่อัสโตเรียทำไมล่ะ”

เรื่องลันเทียผมไม่ติดใจสงสัย คนน่ารักก็เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา แต่ท่านเอเทมไม่ใช่ เขาเป็นถึงอัศวินอันดับหนึ่ง ความจริงเขาควรทำงานรับใช้แผ่นดินเกิดสิ

หรือว่ามีเหตุอะไรที่ทำให้เขาอยู่ในโรมานอสซาร์ไม่ได้?

“ราชอาณาจักรแห่งนั้น พินาศไปแล้ว”

“...”

คำว่าพินาศที่เขาเปล่งออกมาจากริมฝีปากมันแผ่วเบา เพียงแค่สายลมเบา ๆก็สามารถกลบถ้อยคำนั้นได้จดมิด หากทว่าความรู้สึกบ่างอย่างกลับชัดเจน

เจ็บปวด?

โกรธแค้น?

รู้สึกผิด?

ผมไม่สามารถจำแนกแววตาของเขายาวเอ่ยคำว่าพินาศได้ แต่ผมก็ไม่คิดจะซักไซ้เรื่องราวอะไรต่อ เนื่องจากเป็นคนมีมารยาท ผมคิดว่าเรื่องที่ทำให้คนหน้าเดียวอย่างท่านเอเทมถึงกับเสียอาการย่อมเป็นเรื่องที่ใหญ่มากในใจของเขา

“งั้น เราสองคนที่ไม่ใช่ชาวอัสโตเรียก็มากินน้ำผึ้งพระจันทร์กันให้อร่อยเถอะ!”ผมยกยิ้มกว้าง เดินไปเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ข้างตำแหน่งที่นั่งหัวโต๊ะของท่านเอเทมด้วยรอยยิ้มที่พยามปั้นแต่งเพื่อให้บรรยากาศมันดีขึ้นมาหน่อย

“หื้ม หวานนิด ๆแต่ไม่เลี่ยนแฮะ สุดยอด สมแล้วที่เป็นลันเทียของข้า! อร่อยจริง ๆ”ความจริงพอรู้ว่าเมนูทั้งหมดทำมาจากน้ำผึ้งผมก็เตรียมตัวเป็นเบาหวานรอไว้เลย เดาว่าน้ำตาลต้องขึ้นแน่ ๆแต่ปรากฏว่ารสชาติที่สัมผัสเข้าปากคำแรกมันกลับอร่อยกว่าที่คิด

“ลันเทียของเจ้า?”

“อื้ม ลันเทียของข้า”ผมยิ้มหน้าแป้น เคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างมีความสุข

พออาหารเข้าปากก็ลืมเรื่องกระอักกระอ่วนของท่านเอเทมไปจนหมดสิ้น

“เจ้าชู้จริงนะ เจ้านะ”

เอาแหล่ว งานนี้มีคนหึง!

ผมฉีกยิ้มกว้างก่อนจะกระเถิบเก้าอี้เข้าไปใกล้คนตัวสูงกว่า นัยน์ตาของผมฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างไม่มีปกปิด ผมเอาแขนของตัวเอาเบียดกับแขนของเขา สร้างความรำคาญสักพักคนที่กำลังตักข้าวอยู่ก็ตวัดสายตาเหวี่ยง ๆมาให้ผม

“ลันเทียของข้า เจ้าหญิงก็ของข้า แต่ตัวข้าน่ะ...ของท่านนะ”

ฮิ้วววว

ท่านเอเทมไม่ตอบรับขับสู้ใด ๆ เขาเพียงแค่หันกลับไปสนใจอาหารน้ำผึ้งพระจันทร์ของเขาเงียบ ๆ

ผมที่หยอกมุกเสี่ยวเก้อเลยได้แต่กระเถิบก้นกลับมานั่งที่เดิมและก้มหน้ากินต่อไปเงียบ ๆ และแล้วดินเนอร์ของเราสองคนก็สิ้นสุดลงแบบจืดชืด ความหวานของน้ำผึ้งก็ไม่ช่วยอะไรเมื่ออีกฝ่ายคือท่านเอเทมที่เย็นชาประดุตภูเขาน้ำแข็งเดินได้

“ท่านจะให้ข้าค้างที่นี่รอคนมารับพรุ่งนี้หรือจะไปส่งข้า”ผมเสนอตัวเลือกเมื่อเราจัดการอาหารเย็นทั้งหมดจนเกลี้ยง

อ้อ เหลือเค้กน้ำผึ้งอีกอย่าง อันนี้ท่านเอเทมไม่ยอมกินเพราะเขาไม่ชอบกินขนม ผมเองก็อิ่มจนตัวจะแตกแล้วเลยเก็บมันใส่ตะกร้าตามเดิม

ผมเท้าคอมองคนที่ถอยหายใจออกมาหนัก ๆหนึ่งครั้ง ท่านเอเทมพยักหน้าให้ผมเบา ๆก็ลุกเดินออกจากห้องอาหารไปทั้งอย่างนั้น คนเราน้อ ไม่ต้องให้เดาใจมันสักเรื่องได้ไหม

ผมนั่งรออยู่ตรงโต๊ะกินข้าวอีกสักพัก เมื่อไร้วี่แววเจ้าของบ้านผมจึงตีความเอาเองอีกครั้งว่าเขาไม่ไปส่งผม ให้ผมค้างที่นี่ได้

“แล้วจะให้ข้านอนห้องไหนล่ะ”ผมเปรยเสียงหน่าย

ผมไม่สามารถเปิดประตูห้องมั่ว ๆแล้วเข้าไปนอนเองตามใจชอบได้ ผมต้องถามความเห็นเจ้าของบ้านก่อน การเดินตามหาท่านเอเทมในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ใช่เรื่องยากเพราะผมสัมผัสได้ด้วยใจว่าเขาอยู่ตรงไหน ต้องขอบคุณเวทผูกวิญญาณจริง ๆ

ผมเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสอง เดินตรงไปยังห้องใหญ่สุดทางเดิน เคาะประตูห้องสามครั้งตามมารยาทก่อนเอ่ยปาก”ท่านจะให้ข้านอนห้องไหนหรือ”

“แล้วแต่เจ้า”เสียงของคนด้านในตอบมาเช่นนั้นผมจึงยักไหล่แบบเซ็ง ๆ หันซ้ายหันขวาดูก็เลือกผลักประตูบานข้าง ๆออก

ห้องที่ผมเลือกเปิดเข้ามาเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ มีเตียงคิงไซส์วางอยู่ตรงกลาง เครื่องเรือนมีไม่กี่ชิ้นเน้นที่ใช้สอยได้ ผมเดินเข้ามาภายในกะว่าจะยึดห้องนี้เป็นห้องนอนทว่าขาของผมก็ต้องชงัก

นี่ไม่ใช่ห้องว่าง

มันคือห้องนอนของท่านเอเทม!

ผมคิดว่าห้องสุดทางเดินที่ท่านเอเทมอยู่เมื่อกี๊เป็นห้องนอนของเขาเสียอีก ทว่าผมคิดผิด นั่นอาจจะเป็นห้องหนังสือหรือห้องทำงานของเขามากกว่า ถ้าเขารู้ว่าผมทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องนอนของเขาแบบนี้เขาจะโกรธไหม?

“แต่เขาพูดเองนะว่าแล้วแต่เจ้า...ถ้าเราอยากนอนห้องนี้เขาก็ว่าเราไม่ได้ อยากบอกว่าแล้วแต่เองทำไมล่ะ”ผมหัวเราะคิกคักกับไอเดียสุดบรรเจิดของตนเอง

หลังจากผลักเขาตกกระป๋องไปเมื่อบ่ายตอนนี้ผมมีโครงการเก็บเขาขึ้นมาจากกระป๋อง ปัดฝุ่นและเอากลับไปวางไว้บนหิ้งเหมือนเดิมแล้ว

ในบรรดา เจ้าหญิง ลันเทีย และเขา ยังไงผมก็คิดว่าเขาดึงดูดใจผมที่สุดอยู่ดี

ผมอยากให้แถวนี้มีกลีบดอกไม้จะได้เอามาเด็ดเลือกคู่ให้ตัวเองอีกครั้ง ผมมองหาไปรอบ ๆก่อนพบแจกันทรงสูงตั้งอยู่ข้างหัวเตียง ผมฉีกยิ้มทันทีเพราะดอกไม้ในแจกันมีค่อนข้างเยอะ ผมคิดว่าถ้ามันหายไปสักดอกเจ้าของห้องคงไม่สังเกต

ผมเดินเข้าไปใกล้โต๊ะหัวเตียง ตั้งใจจะหยิบกิ่งไม้จากแจกันทว่าหางตาของผมพลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า

“กรอบรูป?”

ผมเคยดูหนังย้อนยุคมาบ้าง ปกติตรงโถงทางเดินของคฤหาสน์ขุนนางจะต้องมีรูปเจ้าบ้าน รูปครอบครัว รูปบรรพบุรุษอะไรก็ว่าไปแขวนเรียงรายกันเป็นตับ แต่คฤหาสน์ของท่านเอเทมกลับไม่มีรูปสักใบ ไม่มีแม้แต่รูปวิวหรือรูปสิงสาราสัตว์

เมื่อพบว่าข้างหัวเตียงมีกรอบรูปตั้งโต๊ะอันเล็ก ๆวางคว่ำอยู่ผมจึงเกิดความสนใจ

รูปอะไรกันนะที่เขาถึงกับวางไว้ข้างหัวเตียง

“ขอส่องหน่อยนะคร้าบ”ใจของผมเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกจากขั้ว

ถ้าเจ้าของมาเห็นการกระทำของผมตอนนี้ล่ะก็ผมต้องโดนฆ่าหมกสวนหลังบ้านแน่ ๆ!

แต่คนมันจะเสือก อะไรก็ฉุดไม่อยู่!

ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เม็ดเหงื่อผุดพราย ขณะเอื้อมมือไปแตะกรอบรูปผมรู้สึกตื่นเต้นถึงขีดสุด ผมรีบพลิกรูปนั้นให้หงายขึ้นด้วยความรวดเร็ว และภาพที่เห็นก็ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว

“ใคร...?”

คนในภาพถ่ายเป็นเด็ก อายุน่าจะไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ คนหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิง เส้นผมสีขาวยาวประบ่า นัยน์สีตาฟ้าครามฉายแววน่ารักซุกซน ส่วนเด็กอีกคนมีเส้นผมและดวงตาสีดำ ทั้งสองยิ้ม และชูมือข้างซ้ายให้กล้อง

และบนนิ้วนางข้างซ้ายของเด็กทั้งสอง มีแหวนดอกไม้ประดับอยู่

!!?



----------------------------

ตอนต่อไป : จุดจบสายเผือก 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-11-2018 19:14:44
เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ท่านเอเทมรักรึป่าว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 21-11-2018 19:26:26
 :serius2: :serius2: อยากรู้....ใคร????????
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-11-2018 19:33:40
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 21-11-2018 19:35:25
อยากเห็นจุดจบสายเผือกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-11-2018 21:55:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะโดนทำโทษเยี่ยงไรหนอ?

เด็กผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นเด็กผู้ชายที่คล้ายผู้หญิง หรืออาจเป็นผู้ที่มีพลังหกแสนกว่าที่หายไปยังโลกอื่นก็เป็นได้นะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 21-11-2018 23:11:56
มีคนรักอยู่แล้วป่ะเนี่ย!!!!
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 21-11-2018 23:49:22
อื้อหือ น้องไปเจอของเด็ดเข้าให้แล้ว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-11-2018 23:56:31
ใคร  :serius2: ใครๆๆๆๆ หวังว่าคนนี้จะไม่เป็นปัญหาในอนาคตนะ
ท่านเอเทมมาจัดการด่วนน้องขี้เสือก จัดหนักๆเลยย  :z1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-11-2018 14:14:35
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ6 21/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-11-2018 07:42:37
ไปเผือกถึงในห้องท่านเอเทม
จุดจบสายเผือกจะต้องไม่ดีแน่ๆ 555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 24-11-2018 08:21:40
ตอนที่17

ระดับความเสือกในร่างของผมพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ทว่านอกจากดิ้นไปดิ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย ผมอยากรู้ที่มาที่ไปของภาพใบนี้อย่างยิ่ง! เด็กผู้หญิงคนนี้คือใคร แล้วเด็กผู้ชายล่ะ เด็กผู้ชายดูเหมือนจะอายุมากกว่าเด็กผู้หญิงนะ แต่ดูจากความเก่าของกระดาษผมคาดว่ารูปใบนี้ต้องถ่ายมาไม่ต่ำกว่าสิบปีแล้ว

ป่านนี้เด็กสองคนในรูปคงโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว

ผมขมวดคิ้วจ้องเด็กผู้ชายในภาพดี ๆ พยามเอาใบหน้าของท่านเอเทมในปัจจุบันไปเปรียบเทียบแต่ก็ไม่พบส่วนคล้าย ผมคิดว่าเด็กในรูปหล่อทัดเทียมท่านเอเทมได้เลย แต่เครื่องหน้าของเขาแตกต่างจากท่านเอเทม โดยเฉพาะสีผมกับสีตา

ถ้าจะพูดถึงสีผมกับสีตาล่ะก็ ท่านเอเทมกับเด็กผู้หญิงคนนี้มีเส้นผมกับดวงตาสีเดียวกัน

“อืม...”ผมครุ่นคิดอย่างหนัก

แบคกราวด์ในภาพดูเหมือนจะถ่ายที่สวนดอกไม้ แต่มันไม่ใช่สวนดอกไม้ของวังหลวงแห่งอัสโตเรีย เหล่าดอกไม้ที่อยู่รายรอบเด็กทั้งสองมีรูปลักษณ์ที่ต่างออกไป

“ไม่หนาวกันรึไง”ผมถามอากาศธาตุภายในห้อง เสื้อผ้าที่เด็กทั้งสองคนสวมใส่ไม่หนานัก ทว่าในภาพกลับมีหิมะกำลังโปรยปรายอยู่

ผมอยากแกะรูปออกมาดูว่าด้านหลังมีอะไรเขียนไว้หรือไม่แต่มันดูละลาบละล้วงเกินไปหน่อยผมจึงวางมันกลับไปไว้ที่เดิมอย่างช่วยไม่ได้ ผมตัดสินใจว่าจะนอนห้องนี้เพราะถือคติด้านได้อายอดแต่จะให้นั่งเฉย ๆก็ดูจะว่างเกินไปหน่อย

“ไปหาเขาละกัน”ผมกล่าวกับตัวเอง

เดินออกจากห้องนอนของเจ้าของคฤหาสน์ก่อนจะตรงไปที่ห้องสุดทางเดินอันเป็นห้องที่ท่านเอเทมอยู่ ผมเคาะประตูสามครั้งก่อนเปิดเข้าไปด้านใน ภาพที่ปรากฏทำให้ผมตกตะลึงจนต้องร้องว้าวออกมาอย่างตื่นเต้น มันคือห้องหนังสือ! คุณเคยเห็นห้องที่มีแต่หนังสือตั้งแต่หัวจรดเท้าไหม คล้ายห้องหนังสือของคุโด ชินอิจิ นั่นแหละเพียงแต่ห้องหนังสือของท่านเอเทมมีขนาดใหญ่กว่านั้น

ผมสามารถเรียกสถานที่นี้ว่าห้องสมุดได้เลย

ผมเดินเข้ามาข้างในอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้ผมจะไม่ใช่หนอนหนังสือแต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจบรรยากาศเช่นนี้

เพดานของห้องแห่งนี้เป็นกระจกล้วนทำให้มองเห็นท้องฟ้ายามราตรีภายนอก

และนอกจากจะมีหนังสือกับหลังคาเรือนกระจกแล้วในห้องนี้ก็ยังมีต้นไม้ ต้นเล็กต้นใหญ่ประดับอยู่ น่าเสียดายที่มีต้นไม้เยอะขนาดนี้แต่กลับไม่มีดอกไม้เลยสักดอก

ตรงกลางห้องที่เหมือนจะสวยแต่กลับไร้ชีวิตชีวาแห่งนี้มีร่างสูงกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ เขาแค่ปรายตามองผมเล็กน้อยเชิงรับรู้ว่าผมเข้ามาแล้วนะก่อนจะหันกลับมาตั้งสมาธิอ่านหนังสือต่อ

ผมตัดสินใจเดินไปรอบ ๆเพื่อสำรวจว่ามีหนังสืออะไรน่าอ่านหรือไม่ ผมคาดหวังว่าจะเจอนิยายหรือวรรณกรรมเพื่อความบันเทิงแต่ผมประเมิณคนอย่างท่านเอเทมผิดไปไกล คนอย่างเขานอกจากสาระแล้วชีวิตก็ไม่มีอะไรอีกเลย!

ผมวางหนังสือตำราเวทที่หยิบสุ่มออกมาจากชั้นกลับเข้าที่อย่างเศร้าใจ

“โอ๊ะ เปียโน!!”ผมร้องออกมาด้วยความดีใจสุดขีด

ผมเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ได้ ไม่สิ ไม่ใช่แค่เล่นได้ ผมน่ะเรียกเอกเปียโนเลยล่ะ

อะแฮ่ม! เผื่อใครไม่รู้ผมจะช่วยบอกให้ก็ได้ว่าผมน่ะเรียนคณะศิลปกรรมเอกดุริยางคศิลป์นะเออ

ผมเดินหน้าบานเป็นกระด้งเข้าไปหาเครื่องดนตรีชิ้นเอกของตนเอง ดูเหมือนเจ้าแกรนด์เปียโนหลังนี้จะมีคุณค่าแค่ของประดับห้องหนังสือเท่านั้นเพราะท่าที่สัมผัสดูเหมือนเจ้าของมันจะไม่เคยเล่นมันเลยสักครั้ง

“โถ เจ้าเปียโนที่น่าสงสาร”ผมเป็นคนรักเครื่องดนตรีมากครับ ผมลูบปลายนิ้วกับคีย์ของมันอย่างทะนุถนอมเหมือนลูกในไส้ นึกสงสารจับใจ มันที่เกิดมาเป็นเครื่องดนตรีแต่กลับถูกลดคุณค่าเหลือเทียบเท่าเฟอร์นิเจอช่างน่าสงสาร

“พ่อจะเล่นเจ้าเอง ไม่ต้องเสียใจนะ”เนื่องจากไม่มีคนคุยด้วยผมจึงเหงาปากจนต้องมานั่งคุยกับเปียโน

ทีแรกผมตั้งใจว่าจะเล่นเพลงของบีโทเฟ่น แต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับโน้ตเพลงเก่า ๆแผ่นหนึ่งซึ่งถูกวางไว้บนชั้นใกล้ ๆ

ผมเดินไปหยิบมัน โน้ตดนตรีของโลกแห่งนี้ไม่เหมือนกับโน้ตที่ผมรู้จัก แต่ผมกลับอ่านออก

การที่ผมอ่านโน้ตเหล่านี้ออกก็แปลว่าดาร์กลอร์ดหรือใครก็ตามที่สลับตัวกับผมต้องอ่านออก

“มีอารมณ์สุนทรีย์เหมือนกันนี่”ผมยกยิ้ม นาน ๆครั้งที่ผมจะชอบใจความสามารถที่ได้รับมาจากนายทิมปริศนา

ผมวางโน้ตดังกล่าวไว้เบื้องหน้าก่อนจะเริ่มพรมนิ้วลงตามเสต็ป วินาทีแรกที่ปลายนิ้วของผมกดลงบนแป้นคีย์ผมก็เกือบผงะ ดีที่ผมมีประสบการณ์แข่งขันจริงมาหลายรายการผมจึงสามารถสะกดความตื่นเต้นและเล่นต่อไปได้

นี่มันไม่ใช่เปียโนธรรมดา มันคือเปียโนเวทมนต์!

เพลงที่ผมเล่นมีลักษณ์สดในรื่นเริง ให้บรรยากาศราวกับกำลังวิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ แต่บางจังหวะมันกลับสะท้อนความหนาวเหน็บออกมาอย่างช่วยไม่ได้

แล้วทุกครั้งที่ผมกดคีย์ สิ่งรอบตัวของผมพลันเปลี่ยนไป มีแสงสว่างสีเหลืองนวลรอยอยู่รอบ ๆราวกับหิ่งห้อย ต้นไม้ภายในน้อยใหญ่ที่ผมบ่นในใจก่อนหน้านี้ว่าทำไมถึงไม่มีดอก บัดนี้พวกมันกำลังทยอยกันผลิดอกไม้สีหวานส่งกลิ่นหอมอบอวล

ห้องสมุดแห่งนี้เกือบจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิ ทว่าหิมะพลันตกลงมาเสียก่อน มันเป็นหิมะซึ่งเกิดจากภาพลวงตาเมื่อตกกระทบพื้นก็หายไปแต่มันกลับสร้างความเย็น อุณหภูมิในห้องหนังสือลดต่ำลง

ผมแปลกใจที่ตัวเองสามารถเล่นเปียโนเวทมนต์ได้ แต่เพราะความตื่นตาตื่นใจทำให้ผมลืมเอะใจไปเสียสนิท ผมมองไปรอบ ๆอย่างมีความสุข

อยู่ที่โลกเดิมนักดนตรีต้องพยามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเสียงเพลง แต่ ณ โลกแห่งนี้เสียงเพลงสามารถถ่ายทอดภาพลักษณ์ของพวกมันออกมาเป็นรูปธรรมได้

โดยไม่รู้ตัว ท่านเอเทมก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆผม

นัยน์ตาของเขาฉายแววประหลาดใจเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมขณะจ้องมองใบหน้าของผม ส่วนใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยตลอดศกของเขาบัดนี้มันไม่เรียบเฉยอีกต่อไปหากแฝงไปด้วยความรู้สึกระส่ำระส่ายที่ผมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

และเพราะผมตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าคนอย่างเขาจะแสดงสีหน้าความรู้สึกแบบนี้ออกมามือของผมก็เลยหยุดเล่นโดยอัตโนมัติ

“เอ่อ ขอโทษที่แอบมาเล่นโดยพลการ รบกวนสมาธิท่านหรือ”

“เล่นต่อสิ”เสียงทุ้มเอ่ยกับผมอย่างอ่อนโยน

ใช่ ผมฟังไม่ผิด น้ำเสียงของท่านเอเทมอ่อนโยน! แววตาของท่านเอเทมตอนนี้ก็เปลี่ยนมาจ้องผมอย่างอบอุ่น

นะ นี่มีผีหลอก!!

ผมเกิดอาการหน้าซีดมือสั่น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สติแตกจนถึงขีดสุดแต่ในเมื่อท่านเอเทมขอให้เล่นต่อผมจึงหันกลับมาเล่นต่อทั้งที่ยังรวบรวมสมาธิไม่ได้ ทว่าคราวนี้เจ้าเปียโนกลับเปล่งออกมาแค่เสียง เอฟเฟคดอกไม้บานหิมะโปรยพลันหายไปสิ้น

“อ้าว”ผมร้องออกมาอย่างตกใจ แล้วยิ่งตกใจทีนี้ไม่ใช่แค่ดอกไม้ไม่บาน แม้แต่ตัวโน้ตธรรมดาผมยังกดผิด ๆถูก ๆเลย

โชคดีที่ท่านเอเทมรู้ว่าผมตื่นเต้นเกินกว่าเหตุเขาจึงเดินกลับไปนั่งที่เดิมไม่คาดหวังให้ผมเล่นเพลงนั้นอีก

ผมมองตามแผ่นหลังของเขา หลังจากนั่งหายใจเข้าหายใจออกอยู่สักพักผมก็ทำสมาธิได้ แต่คราวนี้ไม่กล้าเล่นเพลงเดิมอีกแล้ว ผมตัดสินใจเลือกเพลงคลาสสิคที่โลกเดิมซึ่งเล่นได้ถนัดมือมาเล่น

เสียงเพลงที่ผมเป็นคนบรรเลง

เสียงเพลงอันคุ้นเคย

Canon in D

เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุด ท่วงทำนองของมันหอมหวานชวนฝัน ผมเคยตั้งใจไว้ว่าจะเล่นเพลงนี้ในงานแต่งงานของตนเอง นี่จึงเป็นเพลงที่ผมชอบที่สุดและเคยเล่นมันในงานประกวดสมัยประถม

นี่จึงเป็นบทเพลงแห่งความทรงจำของผม

โดยไม่รู้ตัวเจ้าเปียโนหลังนี้ก็เรืองแสงนวล ๆออกมา

มันสร้างภาพลวงตาอีกครั้งทว่าคราวนี้ไม่ใช่ภาพดอกไม้กับหิมะ แต่เป็นภาพของผม ตัวผมตอนเจ็ดขวบกำลังวิ่งดีใจไปรอบบ้านเพราะพ่อซื้อเปียโนหลังแรกในชีวิตมาให้ มันคือเปียโนไซส์เล็กสำหรับเด็ก แม้ราคาไม่แพงนักแต่เมื่อเทียบกับสถานะครอบครัวของผม ผมก็คิดว่ามันแพงเกินไป

ความเอาแต่ใจของผมทำให้พ่อต้องซื้อเปียโนหลังนี้มา

“...”ท่านเอเทมปิดหนังสือในมือของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองภาพเจ้าเด็กเอาแต่ใจกำลังวิ่งหน้าบานขึ้นไปกอดเปียโนหลังนั้น

ผมเองก็ทอดมองความทรงจำตรงหน้าอย่างอาลัย

“เปียโนเวท บางคราก็ถ่ายทอดเรื่องราวตามท่วงทำนอง บางคราก็บอกเล่าความในใจของผู้เล่น”เสียงทุ้มเอ่ยกับผม แม้คราวนี้จะไม่อ่อนโยนเท่าเมื่อครู่ทว่าในน้ำเสียงของเขากลับแฝงความเข้าอกเข้าใจตัวผม

เข้าอกเข้าใจงั้นหรือ

“บางครั้งอดีตก็มีความสุขกว่าปัจจุบัน”ผมตอบ

“อืม เพราะบางครั้งอดีตเหล่านั้นก็ไม่มีวันหวนกลับมา”ท่านเอเทมว่าพลางลุกจากโซฟา เข้าเดินมาหาผมและกล่าวเพียงสั้น ๆว่า”จะเข้านอนหรือยัง”

“วันนี้นอนเร็วหน่อยก็ดี”ผมตอบเขา เพราะเจ้าเปียโนหลังนี้มันขุดคุ้ยความทรงจำของผมลึกเกินไป

และบางที...ผมเองก็อาจจะไปขุดคุ้ยความทรงจำบางอย่างของคนข้าง ๆเข้าเช่นกัน



-----------------------------

สายเผือกรายนี้จบแบบไม่ตายแต่หม่นหมองนะคะ 555

ปล.ท่านเอเทมผมสีควันบุหรี่ตาสีฟ้านะ! อย่าลืม ๆ


หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 24-11-2018 08:43:37
เปียโนตัวเดียวจะทำให้ท่านเอเทมเปลี่ยนความรู้สึก ทีมีต่อการันต์ดีขึ้นหรอ แล้วในภาพคือใคร รอออออ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-11-2018 08:50:58
เกาะขอบ เผือกไม่สุดแต่รอดูฉากนอนด้วยกันนะ แค่ก!
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 24-11-2018 09:04:29
เศร้าตามเลย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 24-11-2018 09:12:05
เปียโนนนนนน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-11-2018 09:53:35
 :hao4:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-11-2018 10:08:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไหนว่าเป็นตอนจุดจบสายเผือก?  ไม่เห็นโดนอะไรเลย  อิอิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-11-2018 13:39:58
เด็กน้อยการันค์จะนอนร้องไห้คิดถึงบ้านไหมหนอ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 24-11-2018 18:16:24
ทั่นเอเทมคงเห็นสิ่งอยู่ที่ภายใต้ความบ้าๆ บวมๆ ของน้องสินะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 24-11-2018 18:58:34
สนุก น่าติดตามมากครับ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-11-2018 07:06:51
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ7 24/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 26-11-2018 09:46:09
จะมีแบบละเมอมากอดไรงี้ป่าวอ่ะ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 28-11-2018 08:52:27

-------------------------------

ตอนที่18

ตั้งแต่เหยียบเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ผมตั้งคำถามกับตัวเองหลายครั้งว่าท่านเอเทมที่ผมเห็นใช่ท่านเอเทมตัวจริงหรือไม่ เขาโดนตัวอะไรเข้าสิงหรือเปล่า ทำไมเขาดูอารมณ์ขึ้น ๆลง ๆเดี๋ยวก็อ่อนโยนเดี๋ยวก็เศร้า แล้วตอนนี้เขายังชวนผมเข้านอนอีก

เจ้าของตำแหน่งอัศวินอันดับหนึ่งเดินนำผมไปที่เตียง เขาทิ้งตัวลงนอนฝั่งที่มีแจกันกับกรอบรูปวางอยู่หากแต่เขายังไม่นอน ร่างสูงนั่งพิงหัวเตียวและเปิดอ่านหนังสือเล่มที่เจ้าตัวหยิบติดมือมาจากห้องสมุดเงียบ ๆ

ผมยืนเอ๋ออยู่หน้าประตูจนเริ่มเมื่อยจึงได้สติและเดินเข้ามาบ้าง ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะปีนขึ้นเตียงด้วยความตื่นเต้น

พระเจ้า! นี่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงเดียวกับท่านเอเทม!

แต่ดูเหมือนคนที่ตื่นเต้นจะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นเพราะคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆผมดูเหมือนจะโฟกัสอยู่ที่หนังสือไม่ได้สนใจอาการอิ๊อ๊ะของผมแม้แต่น้อย ผมมองใบหน้าด้านข้างของเขา ทีแรกมองด้วยความหมั่นไส้แต่พอมองไปมองมากลับมองด้วยความหลงใหล

เขาหล่อมากจริง ๆ เป็นความหล่อที่มองกี่ทีก็ไม่เบื่อ

แล้วก็กลายเป็นว่าผมนั่งมองหน้าเขา ส่วนเขานั่งอ่านหนังสือ นี่กลายเป็นกิจกรรมบนเตียงของเราทั้งคู่

สถานการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อไปได้ไม่นานคนที่ทำเป็นไม่สนใจผมในทีแรกก็ตวัดสายตาขึ้นมามอง

“ข้าไม่มีอะไรทำ”ผมแบมือทั้งสองข้าง แสดงออกว่าว่างเต็มแก่

ท่านเอเทมเหลียวมองรอบตัวก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตู้ข้างหน้าต่าง ผมเองก็ลุกไปดูที่ตู้นั่นอย่างว่าง่าย

“ท่านหมายถึงนี่เหรอ”ผมหยิบฮาโมนิก้าสีขาวขึ้นมาแกว่งไปมา

“มีคนให้มาเมื่อเดือนก่อน ข้าเล่นไม่เป็น เจ้าเอาไปเถอะ”

“แล้วท่านคิดว่าข้าเล่นเป็นเหรอ?”ผมย้อนถาม กะจะชวนเขาคุยต่อสักหน่อยเลยพยามยืดบทสนทนาทว่าท่านเอเทมกลับเมินผม เขาก้มหน้าอ่านหนังสือในมืออีกครั้งทำให้คำถามของผมกลายเป็นหมัน

“เออ ข้าเล่นเป็น”ผมถามเองตอบเองนักเลงพอ

ผมคลานกลับขึ้นเตียง ครุ่นคิดว่าจะเล่นเพลงอะไรดี

ดูเหมือนเขาจะชอบฟังผมเล่นดนตรีนะ

เมื่อคิดถึงจุดนี้ผมก็แอบยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติเมื่อมีความสุข เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ผมมีความสุขเหรอ เรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่ได้เล่นดนตรี หรือเรื่องที่เขาชอบฟังเสียงเพลงของผม

เห้ย!! ไอ้การันต์ ทำไมยิ่งคิดยิ่งเขินวะ

ผมยกมือขึ้นมาปิดแก้มตัวเอง ใจเต้นระส่ำเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง

ดูเหมือน...ผมจะหลงเขาหนักมากจริง ๆ แต่มันก็แค่หลง ยังไม่ใช่รักหรอก

ผมเลิกคิกฟุ้งซ่านและหันกลับมาสนใจเครื่องดนตรีชิ้นจิ๋วในมือ ผมตัดสิ้นใจเล่นเพลง Ave Maria ซึ่งเป็นเพลงที่เกี่ยวกับพระเจ้า ด้วยเนื้อเสียงแหลมบาดหูของตัวเครื่องดนตรีกับท่วงทำนอนที่ลากยาวอย่างโหยหวนทำให้บทเพลงที่ผมบรรเลงออกมานั้นฟังดูทรมานจิตใจเกินไปหน่อยสุดท้ายเล่นไปได้ครึ่งเพลงผมจึงหยุดเล่น ผมเลิกเล่นเพลงคลาสสิคแล้วและหยิบเอาทำนองJust The Way You Are ของบรูโน่ มาส์มาเล่นแทน

แน่นอนว่าบทเพลงทั้งหมดที่ผมเล่นท่านเอเทมไม่รู้จักเลย

แต่เพลงแล้วเพลงเล่า เขากลับนั่งอ่านหนังสือและฟังเพลงของผมเงียบ ๆไม่มีบ่นหรือสั่งให้หยุดเล่นเพราะรำคาญสักครั้ง

“ข้าคิดว่าท่านชอบอยู่เงียบ ๆคนเดียวเสียอีก”ผมหยุดหน้าที่กล่องดนตรีของตัวเองเนื่องจากเล่นต่อเนื่องกันมาห้าเพลงแล้วรู้สึกหิวน้ำอย่างแรง

“...”ท่านเอเทมไม่ตอบอีกเหมือนเดิมผมจึงต้องอ่านใจของเขาซึ่งของบอกเลยว่าชินแล้ว

ได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งผมก็กลายเป็นนักอ่านใจท่านเอเทมมือฉมัง แบบนี้ต้องขึ้นแท่นเป็นคนรู้ใจแล้วล่ะ

ผมยกตำแหน่งให้ตัวเองในใจก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งอ่านหนังสือไม่ยอมพูดยอมจา”นี่ ๆ ข้าคุยกับท่านอยู่นะ ตอบข้าหน่อยสิ ไม่รำคาญเหรอ ไม่รำคาญเหรอ ไม่รำคาญเหรอ”

ผมรู้ว่าเขาไม่รำคาญ เพราะถ้าเขารำคาญป่านนี้ผมโดนจับโยนออกนอกรั้วบ้านไปนานแล้ว เขาไม่ยอมให้มานอนด้วยแบบนี้หรอก

แต่ดูเหมือนเขากำลังจะรำคาญผมในไม่ช้านี่แหละนะ

”ฮะ ๆ ๆ ๆ”ผมส่งเสียงหัวเราะชอบใจเมื่อเอื้อมมือไปแตะแก้มเขาก่อนจะเกลี่ยนิ้วไปมา เลื้อยไปเรื่อยจนถึงหลังหู

เรื่องทำให้คนรู้สึกสยิวเนี่ยผมก็เก่งนะเออ”นี่ ท่านเอเทม สนใจข้าหน่อยซี่”ผมค่อนข้างย่ามใจเพราะอีกฝ่ายอยู่ในโหมตใจดีกับผม

นัยน์ฟ้าสีฟ้าคู่คมตวัดมองผมอย่างไม่พอใจแต่เจ้าตัวไม่ได้เอ่ยว่าอะไร คงคิดว่าปรามแค่นี้ผมจะหยุดแต่เขาคิดผิดเสียแล้ว ผมผู้ไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหนมากมายค่อย ๆขยับเข้าไปใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปหาเขาก่อนจะเป่าปาก ฟู่ววว ข้างหูของท่านเอเทม!

คนโดนแกล้งขนลุกซู่แต่ก็ยังสามารถคีพลุคขรึมเอาไว้ได้

ผมอยากลุกขึ้นปรบมือชื่นชมแต่น่าเศร้าที่ผมทำเช่นนั้นไม่ได้

ท่านเอเทมโยนหนังสือไปอีกทางหนึงก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวรวบแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้

“ฮะ ๆ ๆ ในที่สุดท่านก็หมดความอดทน”ผมยังหน้าระรื่นเพราะเห็นว่าเขายังไม่โกรธถึงขึ้นลุกขึ้นมาจับผมเหวี่ยงออกทางหน้าต่าง

“การันต์ เด็กอย่างเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่เคยหลั่งน้ำตา”

“คนเรา เอะอะก็จะขู่ฆ่ากันเหรอ ท่านเป็นอัศวินหรือฆาตกรกันแน่”ผมยิ้มมุมปาก ดวงตายังคงเป็นประกายซุกซน

ผมเพิ่งค้นพบเมื่อกี๊นี้เองว่าการแกล้งแหย่คนขรึมให้หลุดมาดมันสนุกขนาดไหน

“แล้วใครบอกว่าจะข้าจะฆ่าเจ้า”ท่านเอเทมตอบพลางออกแรงดันร่างผมให้นอนราบลงกับเตียงก่อนที่เขาจะคลานตามขึ้นมาคร่อมโดยที่มือของผมยังถูกเขารวบเอาไว้ทั้งสองข้าง

“ท่าน!!”ผมตกใจจนตาเหลือก รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าในพริบตาเดียวกันนั้นเองท่านเอเทมก็กระตุกยิ้มจาง ๆตรงมุมปาก มันคือรอยยิ้มที่มีนัยยะแอบแฝง!

“ท่านจะปล้ำข้าเหรอ! ปล้ำเสร็จแล้วท่านต้องจดทะเบียนสมรสด้วยนะ”หลังจากช่างใจคิดไตร่ตรองสะระตะต่าง ๆเสร็จผมก็พบว่าการโดนข่มขืนครั้งนี้มีแต่คุ้มกับคุ้ม อย่างไรผมก็หลงเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วโดนเขาสัมผัสตัวก็ไม่นับว่าเสียหาย แถมเมื่อเสร็จกิจเขายังต้องรับผิดชอบผมด้วยการรับผมเป็นเมียอีก!

นอกจากจะได้ผัวผมยังได้กลับบ้านอีกหรือนี่

โอ้ มาย ก็อด

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

“เด็กน้อย แค่มีอะไรกันข้าถึงกับต้องรับผิดชอบชีวิตเจ้าขนาดนั้นเลยหรือ”ทว่าท่านเอเทมกลับดับฝันผมอีกครั้ง

จริงด้วย เขาแค่ปล้ำผมเฉย ๆโดยไม่ต้องแต่งงานกับผมก็ได้นี่!

ผมเริ่มออกแรงดิ้นเมื่อค้นพบว่าการโดนฉุดครั้งนี้ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

“เดี๋ยวสิ! ท่านเป็นถึงอัศวินอันดับหนึ่งเชียวนะ! ท่านจะทำเรื่องไร้อย่างอายอย่างการฟันแล้วทิ้งได้ลงคอเหรอ”ผมตะโกนถามเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม

ผมออกแรงดิ้นหนักขึ้นเมื่อท่านเอเทมเลิกมองผมเฉย ๆแล้ว เขาก้มหน้าลงมาซุกไซร้ซอกคอของผม เริ่มจากจมูกคมแตะลงมาผมก็ดิ้นเป็นน้ำร้อนลวกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนที่เขาเริ่มขบเม้มและฝากรอยสีชมพูจาง ๆเอาไว้เลย

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะระเบิด

ท่านเอเทมกำลังจะฆ่าผมแล้วจริง ๆ! เขาใช้มือข้างที่เหลือปลดกระดุมเสื้อของผมออกทีละเม็ดในขณะที่ริมฝีปากของเขากำลังประทับรอบไปทั่วต้นคอของผม และเมื่อเขาเล่นจนพอใจแล้วเขาก็ค่อย ๆเลื่อนหน้าลงไปที่กระดูกไหปลาร้า เนินอก และหัวนมของผมตามลำดับ

“ท่าน! เอาข้าเป็นเมียแล้วท่านต้องรับผิดชอบ ฮึก...”ผมเกร็งตัวด้วยความหวาดเสียว ก็ใครใช้ให้เขาขบหัวนมผมในขณะที่ผมกำลังพูดเล่า! ดูสิ เผลอส่งเสียงน่าอายออกไปเลย

ผมอยากเอามือปิดหน้าแต่ติดที่มือโดนเขารวบเอาไว้เหนือหัว

เขินจนตัวจะแตกแล้วโว้ย!

“ข้าจะรับผิดชอบเด็กที่พอได้แต่งงานกับข้าก็จะทิ้งข้าไปตลอดกาลทำไมล่ะ”

กึก

คำพูดของท่านเอเทมทำให้ผมชะงัก และเมื่อผมหยุดดิ้นคนที่อยู่ด้านบนเองก็หยุดเล้าโลมผมเช่นกัน

ท่านเอเทมเงยหน้าขึ้นมามองว่าผมเป็นอะไร แต่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมหยุดทำไม เห็นทีคงเป็นเพราะคำพูดของเขาเมื่อครู่

ถ้าเขาแต่งงานกับผม ผมก็จะทิ้งเขาเพื่อกลับโลกเดิม

“ที่จริงแล้วท่าน...”เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โดนจับกดลงกับเตียงที่ผมได้สบตาของเขา ดวงตาของท่านเอเทมยังคงสีสวยและมีเสน่ห์ดึงดูดใจผมเหมือนเคย หากแต่เป็นแววตาของผมที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่คมของเขาที่ฉายแววสั่นไหว

ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

ถ้าผมแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่ ก็แปลว่าพวกเราจะไม่ได้เจอกันอีก...ตลอดกาล

“ท่าน...”ผมได้รับอิสระแล้ว ร่างสูงขยับออกจากตัวผม เขากลับไปนั่งตรงตำแหน่งเดิมหากแต่ดวงตาของเขายังจับจ้องมาที่ผม

“ที่จริงแล้วท่านเหงาหรือ”

!?

คนฟังเบิกตากว้างอย่างตกใจ

อากัปกิริยาดังกล่าวเป็นคำตอบชั้นดี

ทำไมผมไม่คิดได้เร็วกว่านี้นะ ท่านเอเทมที่ทุกคนรู้จักคืออัศวินอันดับหนึ่ง แม่ทัพใหญ่ของแผ่นดิน ชายหนุ่มที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร มีฝีมือเก่งกาจเป็นหนึ่งไม่มีสอง ตัวตนของเขาสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ กระทั่งกลายเป็นเทพเดินดินของผู้คนทั่วดินแดน

คงเพราะผมเพิ่งรู้ว่าเขาอยู่บ้านคนเดียว แม่บ้านก็เข้าออกตามเวลางานเท่านั้น และตัวเขาก็ไม่มีครอบครัวแถมยังเกิดในราชอาณาจักรที่พินาศไปแล้ว

คำว่าพินาศที่ออกจากปากของเขาผมยังจะได้ดี

ที่แท้ความรู้สึกของเขาที่ถ่ายทอดออกมายามนั้นคือความเหงานี่เอง

“เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้น”ในขณะที่ผมให้คำตอบตัวเองในใจไปเสร็จแล้วท่านเอเทมก็เพิ่งจะเอ่ยถาม

ผมหัวเราะเบา ๆในลำคอ ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวก่อนตอบสั้น ๆว่า”เดาเอา”

“...”

“เดาถูกปะละ”

“ผิด”

“เหรอ... ถ้าท่านไม่เหงาแล้วยอมให้ข้ามาอยู่ด้วยทำไมล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าข้าเล่นเปียโนเพลงนั้นได้ท่านถึงลดกำแพงที่มีต่อข้าลงงั้นหรือ”ผมคลานเข้าไปหาเขา จะด่าว่าโรคจิตก็ยอม เมื่อกี๊ผมยังดิ้นแทบเป็นแทบตายใต้ร่างเขาอยู่เลย มาตอนนี้กลับเป็นผม ผมที่ค่อย ๆเลื่อนมือไปจับใบหน้าของอีกฝ่าย

ท่านเอเทมยอมสบตากับผม ผมจึงคลี่ยิ้มหวานให้เขา

แม้ไม่แน่ใจนักว่าตนเองกำลังต้องการอะไร หากทว่าผมกลับเลือกที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา

“ไม่ต้องเหงาแล้วนะ”ผมยิ้ม ก่อนจะจุ๊บเบา ๆที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

ท่านเอเทมอึ้งแดก ผมล่ะอยากจะขำให้ลิ้นปี่หลุด เมื่อกี้เขายังปล้ำจูบผมอยู่เลย ผมแค่จุ๊บเขาเบา ๆทีเดียวทำไมเขาถึงทำหน้าเหมือนเห็นผีขนาดนั้นล่ะ

“เอาไว้ท่านอยากฟังเพลงนั้นอีกเมื่อไหร่ท่านก็ตามข้า ข้ายินดีมาเล่นให้ท่านฟังทุกเมื่อ”ผมยื่นนิ้วก้อยออกมาตรงกลางระหว่างเรา ท่านเอเทมมองมันนิ่ง ทำท่าเหมือนไม่อยากทำอะไรปัญญาอ่อนผมจึงแก้ปัญหาด้วยการเอานิ้วไปเกี่ยวนิ้วก้อยของเขาขึ้นมาซะเองเลย

“เราสนิทกันแล้วเนอะ”

“เจ้าช่างกล้านะ”

“ข้าเป็นคนแรกเลยสิที่มาขอตีสนิทท่านแบบนี้”

“คนแรกในรอบ15ปี”

“เห...ท่านไม่มีคนคบมานานขนาดนั้นเลยเหรอ”

“การันต์!”

“อะ ฮะ ๆ ๆ ๆ ข้าไม่กลัวท่านแล้ว! เพราะพวกเราสนิทกัน!”ผมฉีกยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู

เรื่องแต่งงานก็ดี เรื่องกลับบ้านก็ดี ดูเหมือนผมคงต้องพับโครงการเหล่านี้ไปก่อนเพราะคนตรงหน้าผม ท่านเอเทมผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เขากำลังเหงา! และในโลกใบนี้ก็มีผมเพียงคนเดียวที่ใจกล้าอิ๊อ๊ะกับเขาเช่นนี้

และที่สำคัญ ผมไม่ได้คิดไปเอง เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เขาลดกำแพงโลกส่วนตัวลงแล้ว แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

“ท่านต้องตกหลุมรักข้าได้แล้วล่ะ ตามพล็อตนิยายนี่คือช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การหวั่นไหวเชียวนะ!”ผมเอาตัวเข้าไปกระแซะไหล่อีกฝ่าย หวังยั่วให้ท่านเอเทมโกรธจากนั้นผมก็จะหนีเข้านอนอย่างมีความสุข

แต่ผมก็ต้องช็อคตะลึงอึ้งตึ่งตึงอีกครั้งเมื่อท่านเอเทมไม่ดันตัวผมออก มิหนำซ้ำเขายังตวัดแขนรัดร่างของผมเอาไว้ในอ้อมกอดและ...ก้มลงมาจูบผม

เชี๊ยยยย

นี่ไม่ใช่บรรยากาศแห่งการตกหลุมรักแล้ว นี่มันช่วงเวลาแห่งการเสียตัว

ผมนั่งตัวแข็งปล่อยให้คนตัวใหญ่กว่าโอบเอวของผมเอาไว้โดยไม่ดิ้น สมาธิทั้งหมดพุ่งไปที่รสจูบที่ท่านเอเทมมอบให้เป็นครั้งที่สอง

ครั้งแรกพวกเราจูบกันเพื่อผูกวิญญาณ แล้วครั้งนี้ล่ะ เราจูบกันเพราะอะไร

ผมตั้งคำถามในใจ หากทว่าคำถามของผมกำลังกลายเป็นสีขาวโพลน

เรียวลิ้นร้อน ๆของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาในโพรงปากของผมโดยง่ายเพราะผมเป็นคนเผยอปากอ้าต้อนรับเขาเอง ยอมรับเลยว่าใจง่าย แต่แล้วไง ง่ายก็ง่ายสิ ถ้าใจง่ายแล้วได้ฟินขนาดนี้ล่ะก็

ท่านเอเทมยังคงจูบเก่งเหมือนเดิม เขาขบเม้มกลีบปากล่างของผมสลับกับสอดลิ้นเขามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผมอย่างช่ำชอง สาดใส่ความร้อนแรงจนช่วงท้องของผมแทบไหม้

แผ่นออกเปลือยเปล่าของผมสัมผัสกับเสื้อของเขาอย่างช่วยไม่ได้ การที่ผมกึ่งโป๊อยู่แบบนี้มันยิ่งทำให้อารมณ์ของผมพลุ่งพล่าน

ท่านเอเทมเน้นจริมฝีปากลงมาหนัก ๆก่อนค่อย ๆผละออก ผมมองตามริมฝีปากของเขาอย่างเสียดาย เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผมคนหล่อก็กระตุกรอยยิ้มร้ายกาจออกมา

เขาดึงผมเข้าไปสวมกอดก่อนเอ่ยกระซิบข้างหูของผมอย่างนุ่มนวลว่า”ข้าจะไม่มีวันแต่งงานกับเจ้า”

สั๊ส ถ้าจะโหมโรงใหญ่ขนาดนั้นเพื่อปฏิเสธคำขอแต่งงานกันล่ะก็! ท่านลงทุนเกินไปแล้ว!!



-------------------------

#พิชิตใจท่านเอเทม

FB https://www.facebook.com/nikkoustory/ (https://www.facebook.com/nikkoustory/)


TW : https://twitter.com/NIKKOUSTORY (https://twitter.com/NIKKOUSTORY)
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-11-2018 10:09:41
ฟินมากๆ น่ารัก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-11-2018 10:10:04
กรี๊ดดดดดด ฟินค่ะฟิน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-11-2018 10:10:16
ไม่อยากให้น้องกลับสินะ สินะ สินะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 28-11-2018 10:42:56
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 28-11-2018 12:04:08
ช็อตนี้ การันต์ตายหว่ะ 55555555
โถ่ น่ามสานคนเหงาเขานะครับ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 28-11-2018 15:47:28
 :-[ การันต์เราต้องยอมแพ้ในความบ้าของนายแล้ว ยอมในการเอาความบ๊องๆบวมๆ จีบท่านเอเทมได้(มั้ง) 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-11-2018 16:23:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ  พวกเขาทำอะไรกันอ่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 28-11-2018 16:53:29
ไม่ต้องแต่งงาน แต่อยู่กินฉันท์ผัวเมียไปเลยโล้ดดดดดด 55555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-11-2018 17:11:56
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 28-11-2018 18:33:57
เขินนน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 28-11-2018 21:47:56
ทำไมพอท่านเอเทมบอกว่าไม่มีวันแต่ง เราแปลว่าจะไม่มีวันปล่อยน้องไปคะ
กรี้ดดดดดดด ใช่ไม่ใช่ไม่รุ ตูมโนไว้ก่อน 55555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: mimirose ที่ 29-11-2018 06:45:09
เขินมากมาย  ที่ไม่ยอมแต่งเพราะต้องการให้การินอยู่กับตัวเองนานๆใช่ไหม
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: AilyrZ ที่ 29-11-2018 09:10:57
ฮืออๆ ท่านเอเทมฉลาดเกินไปแล้วว ดีค่ะดี เก็บน้องไว้ข้างตัวตลอดไป :mew4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-11-2018 10:13:36
คนปากแข็ง ที่จริงแล้วก็ไม่อยากให้น้องกลับไปใช่ไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-11-2018 11:45:51
อ๊อย ตอนนี้น่ารักก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ8 28/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 29-11-2018 17:00:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 01-12-2018 08:45:49
ตอนที่19

ผมโดนลันเทียล้อไม่เลิกมาห้าวันแล้ว!

เจ้าตัวแสบ เห็นหน้าตาบ้องแบ๊วแบบนั้นแต่รู้มากแถมขี้แกล้งสุด ๆ!

คืนนั้นหลังจากท่านเอเทมประกาศกร้าวว่าเขาไม่มีวันแต่งงานกับผมเขาก็ผลักอกผมออกและตะแคงตัวนอนไปอีกทางทั้งอย่างนั้น พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยกระทั่งลันเทียมารับผมในวันถัดมา เจ้าตัวมองเห็นรอยคิสมาร์กบนคอของผมก็ตาลุกวาวยกมืออุดปากกลั้นเสียงกรี๊ดยกใหญ่

แล้วหลังจากนั้นมหกรรมชงให้ผมกับท่านเอเทมได้เสียกันก็ไหล่บ่าออกมาจากริมฝีปากสีแดงของเจ้าลันเทียผู้ไม่น่ารัก!

ห้าวันผ่านไปแล้วลันเทียทั้งชงทั้งล้อผมไม่เลิก เกรงว่าผมจะไม่กล้าสู้หน้าท่านเอเทมก็เพราะไอ้คนหน้าสวยหัวฟ้านี่แหละ

ผมเปลี่ยนสรรพนามให้ลันเทียเป็น’ไอ้’อย่างเกรี้ยวกราด ตัดเจ้าตัวออกจากลิสต์ฮาเร็มรัว ๆ! ชาตินี้อย่างหวังเลยว่าผมจะไปสู่ขอ เหอะ! เสียใจซะสิ! เสียใจหน่อยเห๊อ เสียใจแล้วก็เลิกแซวได้แล้ว เขิน!

“ข้าต้องบอกเจ้ากี่ครั้งว่าท่านเอเทมประกาศชัดเจนว่าเขาไม่มีวันแต่งงานกับข้า”ผมกัดขนมปังซึ่งเป็นอาหารเช้าอย่างหงุดหงิด

“คิก ๆ คร้าบ ๆ ข้าเชื่อท่านเพราะท่านมีหลักฐานเป็นรอยจูบเต็มตัวไปหมด ท่านเอเทมไม่ได้ยอมรับหมั้นท่านสักนิด คิก ๆ”

อ๊ากกกกกกกกก คิดดูนะ ผมทั้งอายทั้งนกในเวลาเดียวกัน ผมต้องรู้สึกยังไงเวลาโดนลันเทียแซว!

“เจ้า! ถ้ายังไม่หยุดพูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็ข้าจะเก็บค่าเช่าบ้านเจ้า!!”ผมตัดสินใจงัดไม้เด็ดออกมาทว่าลันเทียกลับหัวเราะเสียงหวาน หากเป็นเมื่อก่อนผมคงหลงรอยยิ้มอันเจิดจ้านี่หัวปักหัวปำแต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเจ้าของรอยยิ้มนี้แซวผมไว้หนักมาก

“ข้าได้เป็นร้อยเอกแล้ว มีเงินจ่ายค่าเช่าท่านสบาย ๆ”ลันเทียตอบพลางยกนมขึ้นจิบอย่างสบายใจเฉิบ

ผมนั่งก้มหน้า อยากร้องไห้ให้น้ำตานอง”เจ้าไม่น่ารักเลย เป็นอัศวินแล้วต้องนิสัยเสียเหรอ”ผมถือโอกาสพาดพิงใครบางคนที่เป็นถึงอัศวินอันดับหนึ่งเสียเลย

“คิก ๆ ท่านพันโทการันต์ อดใจหน่อยน่า วันนี้พวกเราก็จะได้เข้ากองทัพแล้ว ท่านต้องได้เจอท่านแม่ทัพใหญ่แน่นอน”

“ลันเทีย!!”

“คิก ๆ”

วันคืนแห่งความสุขมักผ่านพ้นไปเอย่างรวดเร็ว หลังจากทานมื้อเช้ากันเรียบร้อยผมกับลันเทียก็นั่งรถม้าไปยังกองทัพหลวงด้วยความตื่นเต้นประหนึ่งจะไปเข้าค่ายรับน้องของมหาลัยครั้งแรกก็มิปาน แต่เมื่อย่างกรายเข้ากองทัพด้วยฐานะอัศวินเป็นครั้งแรกผมก็แทบน้ำตานอง

มันหนักหนา มันสาหัส!

ทั้ง ๆที่ผมเป็นถึงพันโทแท้ ๆแต่กลับต้องมาฝึกอบรมพื้นฐานกับพวกลูกกระจ๊อกคนอื่น ๆที่เพิ่งสอบผ่านเข้ามาในปีนี้เกือบพันชีวิต ไอ้อบรมเรื่องระเบียบข้อบังคับและจรรยาบรรณวิชีพซึ่งเป็นวิชาเล็คเชอร์น่ะไม่เท่าไหร่! มันมีพีคตอนฝึกกำลังกาย!!

สืบเนื่องจากผมเป็นผู้ผ่านการสอบด้วยคะแนนสูงสุด มิหนำซ้ำยังได้คะแนนปรี๊ดทะลุเมฆเทียมฟ้าสะท้านแผ่นดิน ผมจึงกลายเป็นที่จับตามองและวาดความหวังเอาไว้ประดุจชาติก่อนผมเป็นเทพสงคราม

แต่พอผมโดนครูฝึกเรียกออกไปข้างหน้าเพื่อแสดงฝีมือดาบเท่านั้นแหละ

“นะ...นี่มัน กากมาก...”เสียงกระซิบเช่นนี้ดังเซ็งแซ่ไปทั่วลานฝึก

สายตาพันคู่ของผู้ผ่านการสอบจ้องมายังผมราวกับเห็นผี แม้กระทั่งครูฝึกหรือพวกอัศวินขามุงคนอื่น ๆที่แอบโดดงานมาชื่นชมฝีมือของผมยังอ้าปากตาค้าง

คู่ต่อสู้ของผมคือคนที่สอบผ่านด้วยแต้มสามพันแต้ม นับว่าสูงแต่เมื่อเทียบกับหกแสนของผมก็ควรมีค่าแค่เศษผง แต่ผลปรากฏว่าเขาแค่วาดดาบใส่ผมทีเดียวก็ผลักผมกระเด็นไปติดกำแพง พอเห็นเขาทำท่าจะเข้ามาซ้ำปากของผมก็ตะโกนคำว่า’ยอมแพ้แล้วจ้า!’ออกไปเพื่อรักษาชีวิต

เป็นการดวลอันน่าอนาถ!

นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำก็แพ้ซะแล้ว!

ผมก้มเก็บดาบกับเศษหน้าบนพื้นรัว ๆก่อนเดินเอาปี๊ปคลุมหัวออกมานั่งรวมกลุ่มกับลันเทีย

“ต่อไปเจริโก้!”ครูฝึกตะโกนเรียกลูกนายพลออกไปสู้กับนายสามพันแต้มคนนั้น และเจริโก้ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอีก เขาสามารถคว่ำนายสามพันได้อย่างสบายใจเฉิบ

ทุกคนปรบมือเปาะแปะ

คราวนี้ครูฝึกเห็นว่ากู้บรรยากาศกระอักกระอ่วนกลับมาได้จึงเผยรอยยิ้มกว้างออกมาก่อนเอ่ยเรียกคนที่ทำคะแนนได้เป็นอันดับสอง”ลันเทีย!!”

คนน่ารักเดินออกไปข้างหน้า ไอ้พวกอัศวินเดนตายผิวปากแซวกันเป็นพรวน พวกหน้าม่อทั้งหลายยกตำแหน่งดาวรุ่นให้ลันเทียของผมไปแล้วเรียบร้อยแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบเพราะลันเทียกับผมเกาะกันเป็นตังเม

บารมีหกแสนของผมยังอยู่ แต่คงอยู่ได้ไม่นานหรอก นี่ยังแค่วิชาต่อสู้ระยะประชิด ผมสามารถอ้างว่าถนัดเวทไม่ถนัดกำลังได้ แต่ถ้าถึงวิชาต่อสู้ด้วยเวทเมื่อไหร่ก็อย่าถามหาเศษหน้าของผมอีกเลย แตกยับจนเป็นผุยผงแน่นอน เพราะแม้กระทั่งเวทกรองน้ำฝนง่าย ๆผมยังใช้ไม่ค่อยคล่องเลย

ผมเครียดแล้วก็เครียดแล้วก็เครียด

กระทั่งการฝึกหนึ่งสัปดาห์อันโหดร้ายผ่านพ้นไป

ชื่อเสียงหกแสนป่นปี้เป็นธุลี ฝากทิ้งไว้เพียงตำนานเปิดตัวมาแรงแต่สู้กับลูกเต่ายังพ่ายแพ้

ทักษะร่างกายของผมอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความรู้เรื่องเวทมนต์ยังแทบจะเท่ากับศูนย์ ไม่ต้องอะไร แค่ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลกนี้ผมยังแทบไม่มี สุดท้ายผมจึงถูกเพื่อนร่วมรุ่นเรียกว่าไอ้ตุ่น!

“จะดีจะชั่วยังไงข้าก็เป็นถึงพันโทนะ!”ผมวางจานลงกับโต๊ะด้วยความหงุดหงิด

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้เข้าประจำการในฐานะอัศวินจริง ๆ มันแตกต่างจากหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งผมจะวนเวียนอยู่แค่ในค่ายฝึกเท่านั้น ด้วยตำแหน่งพันโททำให้ผมมีห้องทำงานเล็ก ๆส่วนตัวและมีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกพันชีวิต แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นได้ยินข่าวลือหนาหูจากค่ายฝึกว่าผมเป็นแค่ลูกเต่าหกแสนแต้มเท่านั้นทำให้ผมแทบไม่เหลืออำนาจบารมีใด ๆ

ลันเทียที่ได้สังกัดอยู่ใต้บังคับบัญชาของผมเดินหัวเราะแห้ง ๆอ้อมมานั่งฝั่งตรงข้ามผม

“กับข้าวก็ห่วยแตก! ที่นี่ไม่มีอะไรดีเลย!”ผมกระแทกช้อนอย่างหงุดหงิด ช่วงเช้าที่ผมได้นั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งพันโทบอกตรง ๆว่าผมแทบร้องไห้ ไม่มีใครฟังคำสั่งผมแถมยังยกยิ้มล้อเลียน นินทาถ่มถุยลับหลังอีก!

และที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือลันเทียก็โดนรุมแจกขนมจีบจนแทบจำทางกลับบ้านไม่ได้!

บารมีหกแสนแต้มของผมพินาศไปแล้วจึงไม่มีใครเกรงใจผมอีก พวกเขาดาหน้าเข้ามาม่อลันเทีย ผมเองก็พยามกางปีกปกป้องสุดชีวิตแต่ก็โดนเขี่ยออกมารัว ๆ

“ป้าคนขายก็ขี้เหนียว! คิดราคาตั้งแพงแต่ยังให้น้อย ตอนขายของก็ทำหน้าไม่เป็นมิตร บัดซบ!”ในเมื่อไม่สามารถระบายอารมณ์กับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ผมก็มาลงกับโรงอาหารกลางเนี่ยแหละ

กองทัพหลวงมีขนาดใหญ่ โรงอาหารย่อมมีอยู่หลายจุดแต่ผมอุตส่าห์ดั้นด้นมากินที่โรงอาหารกลาง ส่วนหนึ่งเพราะหลีกเลี่ยงพวกผู้ใต้บังคับบัญชาขี้นินทา อีกส่วนหนึ่งก็เพราะคาดหวังในแง่รสชาติ

“เอาน่า ๆ อีกไม่นานท่านจะต้องเก่งไม่แพ้ใคร ก็จริงที่ตัวท่านในตอนนี้แค่เวทกรองน้ำฝนยังทำแทบไม่เป็นแต่ด้วยพลังแฝงในตัวท่านจะต้องมีพัฒนาการก้าวกระโดด เรื่องฝึกเพลงดาบอาจจะยากเกินกำลังแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากังวล ท่านดูข้าสิ เน้นเวทไม่เน้นดาบ”ลันเทียคนน่ารักพยามปลุกปลอบขวัญของผมอย่างสุดกำลัง

ผมนึกขอบคุณพระเจ้าที่อย่างน้อยก็ประทานลันเทียมาอยู่ข้างกายผม

“กระซิก ๆ”ผมออกอาการงอแงเหมือนเด็ก ๆ

เคยเป็นปะ เวลามีคนมาโอ๋เราก็ยิ่งอยากจะอ้อน

“โอ๊ะ นั่นท่านเอเทมนี่”

พรึ่บ!

สิ้นเสียงของลันเทียไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่หันไปยังทิศทางที่นิ้วเรียวชี้ พวกอัศวินที่นั่งอยู่โต๊ะอื่นก็หันกันจนคอแทบเคล็ด

พวกเขาไม่ได้ดีใจที่ได้เจอท่านเอเทมเหมือนแฟนคลับเจอดาราหรอก อย่างไรก็ทำงานอยู่ที่เดียวกันพวกเขาย่อมเคยเจอท่านเอเทมในโรงอาหารมาไม่มากก็น้อย

แต่ที่พวกเขาพากันให้ความสนใจจนตาลุกวาวขนาดนี้ก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เข้าซีนเดียวกับท่านเอเทม

“แค่ก!”ผมรีบก้มหน้าลงแทบจะชิดชามข้าว

พวกขาเผือกยังไม่เลิกให้ความสนใจ พวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องข่าวหน้าหนึ่งฉบับนั้นที่สุด! พวกเขาอยากรู้ว่าท่านเอเทมตอบตกลงแต่งงานกับผมหรือไม่

โอ้ มาย ก็อด

หลุมเต็มไปหมด

หนทางเบื้องหน้าของผมมีแต่หลุม หลุม หลุม! เรียกว่าเดินไปทางไหนก็มีที่ให้ทิ้งตัวลงนอนได้ทุกเมื่อ ขาดก็แค่เอาแผ่นดินกลบหน้าและแปะป้าย R.I.P.ก็เท่านั้น

เรื่องหกแสนแต้มแต่เสือกกระจอกเป็นลูกเต่าก็ดี

เรื่องประกาศขออัศวินอันดันหนึ่ง แม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินแต่งงานลงสื่อก็ดี

พินาศกว่าโรมานอสซาร์ก็ผมเนี่ยแหละ!!

“เขาไปหรือยัง”ผมก้มหน้าอยู่ ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆทั้งสิ้นจึงต้องอาศัยถามลันเทียเอา

“เขาเดินไปนั่งอีกมุมแล้ว”เสียงหวานตอบ”ทำไมท่านต้องหลบหน้าเขาด้วยล่ะ ข้าคิดว่าคืนดีกันแล้วเสียอีก”

“พวกเราไม่ได้ทะเลาะกัน”

“แล้วทำไมท่านไม่เข้าไปทักเขาล่ะ”ลันเทียย้อนถาม

“ข้าอาย!”อายในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเขิน อายก็คืออาย ผมกลัวว่าจะเดินเด๋อ ๆเข้าไปทักเขาแล้วโดนเขาทำเมินใส่ โดนเมินอย่างเดียวไม่เจ็บเท่าโดนเมินต่อหน้าขาเผือก! ผมจะหน้าแตกมากกว่านี้ไม่ได้ ผมต้องคีพลุคพันโท!

“เห...แต่เขามองมานะ”

“จริงเหรอ!!”ผมตกใจรีบเงยหน้าขึ้นมาถาม

ลันเทียทำหน้าไม่มั่นใจนักก่อนตอบอ้อมแอ้ม”นิ๊ดนึง”

“เขาอาจจะแค่มองทิวทัศน์ด้านหลังเรา”ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ

“แต่อย่างไรท่านก็ควรเข้าไปทักเขา ถ้าท่านไม่เข้าไปทักข้าเกรงว่าอัศวินนายอื่นจะปักธงว่าท่านโดนเขาปฏิเสธ”

ก็โดนปฏิเสธมานะเซ่!!

ผมกัดฟันกรอด ๆด้วยความเจ็บปวด เหลียวมองไปยังร่างสูงที่นั่งทานข้าวกลางวันอยู่ในมุมสงบสลับกับกวาดสายตามองพวกขาเผือกที่แม้บัดนี้จะก้มหน้าทำเป็นไม่สนใจแต่ก็แอบชำเลืองมาทางผมเป็นระยะ

“เห้อ...”

เอาวะ ทักก็ทัก!

“เราไปนั่งกินกับเขากันเถอะ”ผมหยิบจานข้าวของตนเองขึ้นก่อนหันไปชวนลันเทียเพื่อนรักด้วยความที่ผมถือคติคนเดียวหัวหายสองคนกอดคอกันตาย

“ท่านไปเถอะ ข้าทานคนเดียวได้”ลันเทียไม่อยากเป็นก้างขวางคอจึงเอ่ยปฏิเสธ

ผมกลอกตาให้ความมีมารยาทแบบไม่ดูกาลเทศะของลันเทีย

“ถ้าเจ้าไม่ไปด้วยข้าก็ไม่ไป”

พวกเราจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตายสุดท้ายคนตัวเล็กก็แพ้

พวกเราเดินถือจานข้าวไปยังมุมสงบ เจ้ามุมนี้แต่เดิมมันก็แค่ส่วนหนึ่งของโรงอาหาร มีโต๊ะมีเก้าอี้ปกติ แต่เมื่อมีร่างของบุรุษผู้หล่ออันดับหนึ่งของแผ่นดินนั่งอยู่บรรยากาศโดยรอบก็แปรเปลี่ยนเป็นแดนสุขาวดีในพริบตา

ออร่าของมนุษย์เดินดินมีพลานุภาพถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ผมชื่นชมความหล่อของเขาไม่นานก็เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เอ่ยปากขอในสิ่งที่พวกขาเผือกทั้งหลายกลั้นใจรอฟังกันมาเนิ่นนาน”ขอนั่งด้วยคนสิ!”ผมฉีกยิ้มกว้าง

“ตรงนั้นก็ว่าง”ท่านเอเทมปรายสายตาไปยังที่นั่งว่าง ๆทั้งหลาย

“ข้าอยากนั่งกับท่าน”ผมยังคงฉีกยิ้มทำเป็นไม่สะทกสะท้านขณะเอ่ยต่อรอง

จุดที่ท่านเอเทมนั่งนั้นห่างไกลจากพวกขาเผือกพอสมควรดังนั้นพวกนั้นจึงไม่ได้ยินว่าผมโดนไล่ไปแล้วหนึ่งรอบ ตราบใดที่ผมยังยืนปั้นหน้าประหนึ่งสุขสันต์ร่าเริงอยู่พวกเขาก็แค่คิดว่าผมกำลังยืนคุยกับท่านเอเทมตามปกติ เพราะต่อให้รำคาญแค่ไหนท่านเอเทมก็แทบไม่แสดงออกทางสีหน้าอยู่แล้ว

นับว่าผมฉลาดมากทีเดียว ท่านเอเทมขมวดคิ้วน้อย ๆอย่างรำคาญใจ แต่มันเล็กน้อยมากจริง ๆ พวกขาเผือกที่อยู่ไกลออกไปไม่มีทางเห็น

“ข้าจะไม่พูดซ้ำ ไปซะ”ร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม แต่ผมก้าวข้ามจุดกลัวรีแอคชั่นเบาะ ๆของเขามานานแล้ว อย่าลืมว่าผมเคยโดนแขนทั้งสองข้างของเขากักไว้กับกำแพงแล้วก็ตะคอกใส่หน้ารัว ๆมาแล้ว ตอนนั้นนับว่าน่ากลัว ส่วนเหตุการณ์ตอนนี้ไม่นับว่าเป็นอะไร

“ความจริงข้าก็ไม่ได้อยากนั่งกินข้าวกับท่านนักหรอก”ผมฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีกหน่อย พวกเขาเผือกย่อมนับถือผมที่สามารถคุยกับเทพอัศวินได้เป็นวรรคเป็นเวร

ดวงตาคู่คมเหลือบมองผมอย่างเคลือบแคลง ในใจเขาคงตั้งคำถามว่าถ้าผมไม่อยากนั่งกินข้าวกับเขาแล้วผมจะเดินมาขอนั่งกับเขาทำไร่อ้อยอะไร

ผมไม่ปล่อยให้เขาสงสัยนาน วางจานลงข้าง ๆเขาก่อนถือวิสาสะทิ้งตัวลงนั่ง

“ข้าไม่อยากนั่งกินข้าวกันท่าน ข้าอยากนั่งอยู่ในใจท่านมากกว่า”

ฮิ้ววว

มุกเสี่ยวเกี้ยวสาวถูกงัดออกมาใช้อย่างไม่ดูตาม้าตาเรืออีกครั้ง

ผมพอใจกับผลงานของตัวเองมากทีเดียว เมื่อมองเห็นหางคิ้วของท่านเอเทมกระตุก เส้นเลือดบริเวณขมับของเขาเต้นตุบ ๆ ส่วนผมก็ตักข้าวเข้าปากอย่างสบายอารมณ์”โฮ่! กับข้าวอร่อยขึ้นมาทันทีที่ได้นั่งกินข้างท่านเลยนะนี่!”

ลันเทียเลือกที่จะนั่งลงข้าง ๆผมอีกต่อ ตอนนี้พวกเราสามคนก็เลยนั่งเรียงแผงหน้ากระดาน ดูตลกพิลึกแต่ไม่มีใครกล้าขำเพราะพวกขาเผือกทั้งหลายกำลังอ้าปากตาค้างกันเป็นทิวแถว

พวกเขาคงไม่คาดฝันมาก่อนว่าท่านเอเทมผู้รักสันโดษคนนั้นจะยอมให้คนอื่นร่วมโต๊ะได้ แปลว่าข่าวลื่อที่ว่าท่านเอเทมพาผมไปเที่ยงสองต่อสองหลังสอบเสร็จเป็นความจริง

“คึก ๆ ๆ ๆ”ผมหัวเราะชั่วร้ายออกมาอย่างไม่อาจหักห้าม รู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก

“ปกติท่านมาทานข้าวคนเดียวที่นี่ทุกมื้อเลยหรือ”ผมเลยติดใจความรู้สึกยามถือไพ่เหนือกว่าพวกขาเผือกจึงนึกอยากมาซ้ำอีกทว่าท่านเอเทมไม่ตอบ

“ข้าไม่เห็นพวกอัศวินยศนายพลคนอื่น ๆเลยนะ พวกเขามีห้องอาหารที่อื่นรึป่าว”ถ้ามีผมก็คงเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้แล้ว

“ไม่หรอก เจริโก้เคยบอกข้าว่าส่วนใหญ่จะให้แม่บ้านเตรียมอาหารใส่ปิ่นโตมาให้และนั่งทานในห้องเพราะกับข้าวที่โรงอาหารรสชาติไม่ถูกปาก ความจริงข้าก็กะจะเตรียมให้ท่านเช่นกันแต่วันแรกข้ายังปรับตัวไม่ทันก็เลย...”เป็นลันเทียที่เอ่ยอธิบายเสียยืดยาว

“อ๋อ...”ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนหันไปถามคนที่นั่งเงียบอยู่นานว่า”แล้วทำไมท่านไม่ให้คนรับใช้ทำให้ล่ะ ท่านบอกข้าว่าท่านจ้างแม่ครัวไว้คนหนึ่งนี่ หรือว่านางเข้าไปทำอาหารแค่มื้อเย็นเท่านั้น? นั่นแย่เลยนะ”

“กับข้าวพวกนี้ข้ากินได้ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า”

“มันไม่อร่อยเลยนะ ท่านดูซุปครีมนี่สิ ใสจนไม่เหลือเค้าความเป็นซอสครีมอยู่เลย! รสชาติก็จืดชืดอย่างกับน้ำล้างเท้า มันไม่คู่ควรกับลิ้นของอัศวินอันดับหนึ่งแม้แต่น้อย”ผมแทบจะลุกขึ้นตบโต๊ะ ส่วนหนึ่งก็เพราะคับแค้นกับรสชาติอาหารเป็นการส่วนตัวด้วยเลยอินสุด ๆ

“อัศวินคือผู้ฝึกตน ยามออกศึกไม่ได้มีเสต็กมาประเคนให้ทุกมื้อ ยามจำเป็นแม้แต่ดินหรือหญ้าก็ต้องกินเพื่ออยู่รอด”

“อั่กกก...”ผมกระอักเลือกทันทีที่เจอคำเทศนาที่ดูไกลตัวนั่น

“ขอประทานโทษ พอดีที่ที่ข้าอยู่มาไม่มีใครเขากินหญ้ากัน”ผมจิ๊ปากเถียง

“แต่บังเอิญว่าที่ที่ข้าจากมาแม้แต่หญ้าก็ยังไม่มีให้กิน!”

“!!?”ผมตกใจหันขวับไปมองหน้าคนพูดแต่ใบหน้าของท่านเอเทมยังคงเป็นปกติผมจึงคิดว่าเขาแค่ยกตัวอย่างเพื่อเสริมความโอเวอร์ให้ผมกลัว แต่พอผมหันกลับมามองหน้าลันเทีย คนตัวเล็กของผมกลับนั่งน้ำตาคลอ

“เห้ย! เจ้าร้องไห้ทำไม!!”พอผมหันไปแตกตื่นกับน้ำตาของลันเทียท่านเอเทมก็อาศัยจังหวะนี้ลุกพรวดพราดเดินจากไป ผมเองก็ไม่คิดตามแล้วเพราะลันเทียที่มักมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนหน้าเสมอคนนั้นบัดนี้กลับเบะปากน้ำตาไหลหยดแหมะ ๆ

“เจ้า...เป็นอะไร ข้าพูดอะไรผิดไปเหรอ”ผมถามเสียงสั่น

คนตัวเล็กส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อย ๆ”ข้าก็แค่คิดถึงท่านแม่ ตอนที่พวกเราหนีออกมาจากโรมานอสซาร์ ฮึก ไม่มีอะไรให้กินเลย...มันทั้งหนาวแล้วก็หิว ข้างหน้าพวกเราคือทุ่งหิมะที่ไม่สิ้นสุด ไม่มีสิ่งมีชีวิต แม้แต่หญ้าสักต้นก็ไม่มี ฮึก...ก่อนจะมาถึงอัสโตเรีย ท่านแม่ก็ ฮึก...”

โรมานอสซาร์

ชื่อนี้อีกแล้ว

ผมผู้มีความรู้ติดตัวน้อยนิดพลันตั้งคำถามขึ้นในใจคำถามใหญ่

ราชอาณาจักรแห่งนี้พังพินาศได้อย่างไร?



----------------------------

จะว่าไปก็เหมือนไม่เคยบอกอายุท่านเอเทมเลยนะ!!

บอกตรงนี้เลยละกันว่าท่านเอเทมอายุ 26-27ปี จ้า ส่วนหนูการันต์เพิ่งขึ้นปีหนึ่งก็แปลว่าอายุแค่18ปี

แบบนี้นับเป็นแนวกินเด็กได้มั้ย ชูการ์แดดดี๊ที่เขานิยมกันน่ะ ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 01-12-2018 09:57:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-12-2018 10:03:33
 :mew3: ฮืออออออ สู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-12-2018 10:12:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมอาณาจักรโรมานอสซาร์จึงได้แห้งแล้งเยี่ยงนั้น
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 01-12-2018 12:39:28
แข็งกว่าสากก็ปากท่านเอเทมมมมมมมมมมมมม
ไม่แต่งก็ไม่แต่งจ้าาาาาาาา

โรมานอสซาร์นี้ต้องมีเงื่อนงำ
รอๆ

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 01-12-2018 12:47:27
น้องจะมีซีนเก่งอย่างอื่นนอกจากจ้อจี้ใส่ทั่นเอเทมไหมนะ
ตอนนี้อยากรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรที่ทั่นเอเทมกับลันเทียจากมา
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 01-12-2018 14:39:33
ตัวนิยายเราว่าเดินเรื่องช้ามากกก แต่มันอ่านเพลินดีค่ะ เราชอบ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 01-12-2018 21:30:39
……


โอ้ยยยการันต์. อยากแหย่ท่านเอเทมดีนัก แทบจะเสียซิงเลยทีเดียว

ท่านเอเทมคงเหงาจริง. มีน้องการันต์ตัวป่วนมาอยู่ด้วย คงหายเหงาไปเยอะเลย


……

 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:


……
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-12-2018 23:03:33
เมืองพังเพราะจอมเวทที่หนีไปรึป่าว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 02-12-2018 05:02:29
มันต้องมรอะไร ชิมิๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH1ุ9 01/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-12-2018 05:48:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 05-12-2018 09:06:09
ตอนที่20

หลังจากหมดพักกลางวันผมตัดสินใจไปค้นคว้าตำราในห้องสมุดโดยอ้างกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าจะไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับกองทัพและหลักการเป็นผู้นำบลา ๆ แต่ความจริงผมก็แค่กะเข้ามาอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เท่านั้น

ในกองทัพหลวงมีหอสมุดกลางอยู่ การตกแต่งคล้ายกับห้องหนังสือที่บ้านของท่านเอเทมเพียงแต่ใหญ่กว่าประมาณ20เท่า เนื่องจากมันใหญ่และผมไม่สามารถถามบรรณารักษ์ได้เนื่องจากมันเป็นหนังสือที่ไม่ควรมานั่งอ่านเล่นในเวลางานผมจึงใช้เวลางมหามันอยู่ค่อนข้างนาน

ผมเดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่กระทั่งหลุดเข้ามาในโซนจดหมายเหตุหรืออะไรสักอย่างเข้า

ผมตาลุกวาวทันทีเมื่อหนังสือเล่มแรกที่ผมหยิบออกมามีคำโปรยปกหลังว่าไว้ว่า’สิ้นสุดประวัติศาตร์สามพันปี อะไรคือความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของราชอาณาจักรอันรุ่งโรจน์ที่สุดในแดนรัตติกาล’

ผมรีบหามุมเงียบอ่านทันที โชคดีที่โซนที่ผมอยู่ไม่ค่อยไม่คนผ่านไปผ่านมาสักเท่าไหร่ผมจึงลากเก้าอี้มาหลบอยู่หลังชั้นหนังสือหลังใหญ่ ทำตัวเหมือนเด็กแอบเล่นเกมในห้องเรียนทันที

เนื่องจากหนังสือค่อนข้างหนา เน้นหนักไปทางน้ำ แถมยังมีประวัติศาสตร์และการพาดพิงถึงชื่อบุคคล ชื่อแคว้น ชื่อเวทมนต์คาถา และพิธีกรรมสารพัดที่ผมไม่รู้จักทำให้ผมต้องใช้เวลาอ่านมากกว่าปกติ

รู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ตกดินเสียแล้ว

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มนั้น ค่อย ๆปิดมันอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่าตัวอักษรให้หน้าหนังสือจะหลุดกระเด็นออกไป

หลังจากเก็บทุกรายละเอียด ใส่ใจทุกย่อหน้า ผมสามารถสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้โดยย่อดังนี้

ราชอาณาจักรโรมานอสซาร์ ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของดินแดนรัตติกาล เนื้อพื้นที่เกินกว่าร้อยละ80จะถูกปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปีแต่กลับเป็นราชอาณาจักรที่ขึ้นชื่อว่าเกรียงไกรจนแม้แต่อัสโตเรียที่ผมอยู่กลายเป็นเมืองเล็ก ๆไปเลย และเบื้องหลังความยิ่งใหญ่นี้ก็มาจากราชวงศ์ซึ่งปกครองโรมานอสซาร์มาตลอดสามพันปี

ราชวงศ์โรมานอส

บ้างก็ลือกันว่าพวกเขาทำพันธะสัญญากับมังกร บ้างก็ว่าพวกเขาคือตัวแทนของเทพสงคราม แต่ที่แน่ ๆก็คือเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์จะมีพลังเวทอันสูงส่ง เกิดมาภายใต้รัศมีแห่งผู้กล้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ในยุคสงครามพวกเขานำทัพชนะศึกนับครั้งไม่ถ้วยจนโรมานอสซาร์เติบโตขยายดินแดนกว้างไกลออกไป

เมื่อสิ้นสุดยุคสงคราม คนในโลกนี้เริ่มหันมาทำการค้ากันมากกว่าจับดาบ ราชวงศ์โรมานอสเองก็ดันฉลาดปราดเปรื่องมีหัวทางด้านการค้าขึ้นมาอีก เรียกได้ว่าทั้งบุ๋นทั้งบู๊พวกเขากวาดกินเรียบ

ความยิ่งใหญ่นี้ก็ได้สืบต่อมาตลอดสามพันปีกระทั่งถึงยุคของราชินีเอนเดล พระนางคือกษัตริย์หญิงพระองค์แรกท่ามกลางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าสามพันปี

แม้นางจะเป็นสตรีแต่ก็ปกครองแผ่นดินด้วยความแข็งแกร่งและปราดเปรื่อง ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม กระทั่งมีข่าวลื่อว่านางลอบปลงพระชนม์พระอนุชาซึ่งเป็นรัชทายาทในสมัยนั้นเพื่อแย่งชิงบัลลังก์

ด้วยความที่นางเป็นกษัตริย์หญิงทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นอยู่แล้วตั้งแต่แรก เมื่อมีข่าวลื่อเช่นนี้แพร่ออกมาก็สร้างความระส่ำระส่ายในเป็นวงกว้าง หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวทางการเมืองขึ้นมากมาย โครงการที่พระนางริเริ่มถูกตรวจพบว่ามีการโกงกินภาษี

บัลลังก์ขององค์ราชินี่เริ่มสั่นคลอน

และ15ปีก่อน บัลลังก์ของพระนางก็ถูกโค่นล้มเมื่อมีอัศวินกลุ่มหนึ่งออกมาแฉว่าพระนางร่วมมือกับลัทธินอกรีต สร้างความปั่นป่วนตามชนบทเพื่อเก็บภาษีค่าดูแลกองทัพเพิ่ม

สุดท้ายพวกชาวบ้านก็ออกมาต่อต้าน เหล่าอัศวินกรีฑาทัพออกมาร่วมขบวน

แล้วการปฏิวัติก็บังเกิด ปราสาทน้ำแข็งอันงดงามถูกเผามอดไหม้ ราชินีถูกตัดหัวเสียบประจาน โอรสกับธิดาทั้งสามของนางหายสาบสูญไม่ทราบชะตากรรม

เมื่อสิ้นราชินี เจ้าชายกับเจ้าหญิงหายสาบสูญ  บัลลังก์ไร้ผู้ครอบครอง

โรมานอสซาร์ขาดผู้นำอยู่ราวหกเดือนผู้นำทัพกบฏนามเรธาก็สถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์

เรื่องราวควรจบลงตรงนี้ ตรงที่เรธากับราชวงศ์ใหม่ของเขาปกครองดินแดนแห่งทุ่งหิมะอันยิ่งใหญ่สืบต่อไป ทว่ามันไม่ใช่ 10ปีหลังจากนั้นตัวละครที่พีคที่สุดก็ปรากฏตัวออกมา

ดาร์กลอร์ด

ตอนที่ผมอ่านเจอชื่อนี้มือของผมชื้นเหงื่อไปหมด ไม่คาดฝันมาก่อนว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์นี้

ดาร์กลอร์ดไม่ได้ปรากฏตัวเดบิวต์เป็นเจ้าลัทธินอกรีตอันดาษดื่น

เขาฉายเดี่ยว

ตัวเขาคนเดียวบุกเข้าวังหลวง เด็ดหัวกษัตริย์เรธาที่ได้บัลลังก์มาจากการก่อกบฏ และเขาก็เริ่มลงมือตามฆ่าอัศวินที่เป็นผู้ปลุกระดมชาวบ้านทีละคน เมื่อปลิดชีวิตขุนพลเสร็จเขาก็เริ่มลงมือกับอัศวินยศรองลงมา และเหล่าชาวบ้านอีกหลายคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่เป็นแกนนำในการโค่นล้มรางวงศ์โรมานอสทั้งสิ้น

ดาร์กลอร์ดเป็นใครมาจากไหนไม่มีใครทราบ

สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้ก็คือด้วยกำลังของเขาเพียงคนเดียวสามารถสังหารอัศวินเจ็ดพันคน ขุนนางในราชสำนักนับร้อย และชาวบ้านอีกเป็นขโยงได้ในเวลาเพียงสิบวัน!

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว บางคนก็ออกมาวิเคราะห์ว่าดาร์กลอร์ดคือองค์ชายที่หายสาบสูญ เขากลับมาแก้แค้นแทนพระมารดา บ้างก็บอกว่าเขาคือสุนัขรับใช้ราชินีทรราช

แม้สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ตัวตนของเขา แต่สิ่งที่เขาทำกับโรมานอสซาร์มันมีผลกระทบมากกว่าการฆ่าคน เพราะคนที่เขาฆ่าล้วนเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในยุคนั้นทั้งสิ้น เขาฆ่าทั้งพระราชา อัศวินและขุนนางซึ่งเป็นสิ่งค้ำจุนประเทศ

ราชอาณาจักรโรมานอสซาร์เหมือนตึกเวลเทรดที่ถูกเครื่องบินพุ่งชน

ล่มสลายในชั่วข้ามคืน

ประชาชนจากที่เคยอยู่ดีกินดีกลับตกอับ ค่าเงินทรุด เศรฐกิจล่ม ความสัมพันธ์ทางการค้าพัง กองทัพก็อ่อนแอลง

คำว่ายับเยินยังน้อยไป มันเหมือนโยนลูกคุณหนูตระกูลใหญ่เข้ากองขยะ

“นี่มัน...”ผมปิดหนังสือ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ค่อยลุกเดินไปเก็บเข้าชั้น

ผมต้องใช้เวลาย่อยข้อมูลต่ออีกร่วมห้านาที

จากประสบการณ์อ่านนิยายของผม ผมไม่อยากปักเชื่อว่าราชินีเอนเดลเป็นทรราช

เซนส์ของผมร้องเตือนว่าไอ้เรธาที่ยึดบัลลังก์ไปและแต่งตั้งตัวเองเป็นพระราชาแบบหน้าด้าน ๆนั่นแหละที่เป็นตัวโกง!

“ถ้าพล็อตปูมาแบบนั้นจริงดาร์กลอร์ดก็เป็นผู้ถูกกระทำน่ะสิ หรือเขาจะเป็นเจ้าชายที่หายสาปสูญจริง ๆ”ผมขมวดคิ้วเป็นปม”แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลันเทียกับท่านเอเทมจะใส่อินเนอร์รุนแรงตอนพูดถึงบ้านเกิดก็ไม่น่าแปลกใจ”

ผมถอนหายใจอ่อน

ดูเหมือนนับจากนี้ผมต้องหลีกเลี่ยงการพูดถึงโรมานอสซาร์และสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับโรมานอสซาร์ให้มากที่สุด

 ผมเดินออกมาจากห้องสมุด เพิ่งรู้ตัวว่ามืดขนาดนี้แล้ว รอบ ๆเงียบเป็นป่าช้า ยังดีที่หันไปแล้วเจอบรรณารักษ์นั่งอยู่ไม่งั้นคนกลัวผีแบบผมต้องก้าวขาไม่ออกแน่ ๆ

ผมมองไปรอบ ๆอย่างเคร่งขรึม ดูเหมือนผมเองก็อินกับโรมานอสซาร์มากไปหน่อย นั่งอ่านหนังสือจนไม่รู้วันรู้เวลา ท้องฟ้ามืดแบบนี้ในกองทัพแทบไม่เหลือใครแล้วผมจะกลับบ้านยังไงเล่า!

ผมเครียดจนต้องยกนิ้วโป้งขึ้นมากัดเล็บ

กองทัพหลวงกว้างใหญ่ไพศาล หนทางกลับบ้านของผมก็เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา

พลันหางตาผมเหลือบไปเห็นเข้ากับรถม้าคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่หน้าทางเข้าห้องสมุด มันคือรถที่เทียมด้วยเพกาซัสสี่ตัว แม้จะไม่มีป้ายทะเบียนเหมือนรถเก๋งที่โลกเก่าแต่ผมก็จำแนกได้ทันทีว่านี่คือรถม้าของใคร

ผมเดินเข้าไปด้อม ๆมองภายในรถม้ากลับไม่พบใคร

“หรือเขาจะอยู่ในห้องสมุด”ผมลองหันหลังกลับไปดูแต่ดูเหมือนบรรณารักษ์กำลังจะปิดห้องสมุดแล้วจึงไม่น่ามีใครหลงเหลืออยู่ในนั้น

ผมยังคงขมวดคิ้วอยู่สักพักก่อนตัดสินใจปีนขึ้นไปนั่งในรถม้าอย่างถือวิสาสะ

ก็ไม่ช่วยไม่ได้นี่! ข้างนอกยุงเยอะจะตาย ในรถม้าของท่านเอเทมมีอาคมกันแมลงกางไว้แถมยังมีอาคมปรับอุณหภูมิอีก เครื่องอำนวยความสะดวกสารพัดจะให้ผมทำตัวมีมารยาทยืนรออยู่ข้างนอกก็ไม่ใช่ป๊ะ!

ผมขึ้นมานั่งแกว่งขารอในรถม้าอีกเกือบครึ่งชั่วโมง บรรณารักษ์ดูเหมือนจะนอนในห้องสมุดเลยเพราะหลังจากเขาปิดไฟปิดประตูหน้าผมก็ไม่เห็นเขาเดินออกมา

“ท่านเอเทม มัวทำอะไรอยู่นะ”

“เจ้านั่นแหละ กำลังทำอะไรอยู่”

“อุ๊ย พูดปุ๊ปก็มาปั๊ป”ผมหันไปฉีกยิ้มให้คนมาใหม่ ดูเหมือนท่านเอเทมจะเดินมาจากอีกทางซึ่งไม่ใช่ห้องสมุดแต่ผมไม่ทันมองว่าเขามาจากไหน รู้ตัวอีกทีเขาก็โผล่หัวเข้ามาในรถและเอ่ยเสียงดุใส่ผมเสียแล้ว

“ใครอนุญาตให้ขึ้นมา”

“ข้าขอขึ้นมาหน่อย วันนี้ทำงานเหนื๊อยเหนื่อย ท่านช่วยพาไปส่งที่บ้านได้ป่าว”ผมส่งเสียงออดอ้อน

“ได้ข่าวว่าตลอดบ่ายวันนี้เจ้ามุดหัวอยู่ในห้องสมุด ไม่ได้ทำงานทำการเป็นชิ้นเป็นอัน”

“อุ๊ย ท่านใส่ใจเรื่องของข้าถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”แม้จะมีชะงักไปหน่อยตอนที่โดนตำหนิแต่ผมก็ปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว ผมย้ายก้นตัวเองไปนั่งที่นั่งฝั่งเดียวกับเขาและเริ่มเอาตัวเข้าไปกระแซะตามความเคยชิน

ผมลืมเรื่องที่ต้องแต่งงานกับเขาเพื่อกลับบ้านไปแล้ว สิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือความเคยชิน เวลานั่งบนรถม้ากับเขาสองต่อสองร่างกายของผมก็ขยับไปเองโดยอัตโนมัติ

ท่านเอเทมพยามสะบัดแขนที่โดนผมเกาะแต่มือผมเหนียวเป็นตังเมเขาสะบัดไม่หลุดหรอก

“ท่านกลับดึกขนาดนี้อาหารที่แม่ครัวที่ท่านจ้างมาแค่มื้อเย็นคงชืดไปหมดแล้ว ทำไมท่านไม่แวะทานมื้อค่ำที่บ้านสักมื้อล่ะ รับร้องว่ารสมือของลันเทียไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”

คนตัวสูงกว่าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย”อย่าทำให้ข้ารำคาญ วันนี้ความอดทนของข้าถูกใช้ไปหมดสิ้นแล้ว”

“วันนี้งานยุ่งหรือ”ผมถามไถ่อย่างเอาใจใส่“มิน่าท่านถึงได้กลับดึกขนาดนี้”

“ฝ่ายขุนนางไม่เคยพูดรู้เรื่อง เข้าประชุมกี่ครั้งก็ทำแต่เรื่องเกะกะลูกตา”

“ฮะ ๆ ๆ ข้าเข้าใจ ๆ ยิ่งได้ยินว่าวันนี้ท่านเหนื่อยข้ายิ่งอยากให้ท่านแวะทานข้าวที่บ้านข้ามากขึ้น”

ท่านเอเทมหันมามองหน้าผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร คาดว่าเขากำลังจะถีบหัวผมลงจากรถม้าคันนี้ในอีกสามวินาทีข้างหน้า

ผมรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่จะโดนถีบจริง”มันจาไส้เนื้อกวาง! ที่บ้านข้ามีเนื้อกวางอยู่ ให้ลันเทียเป็นคนทำ ท่านคิดว่าไง”

แววตาของอีกฝ่ายฉายแววอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าตนเองจะไม่โดนถีบตกรถม้าอีกแล้ว

มันจาเนื้อกวาง คือเมนูโปรดของท่านเอเทมซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยาสารเล่มหนึ่ง

และมันจาคืออาหารประจำราชอาณาจักรโรมานอสซาร์

อาหารของบ้านเกิดที่ทำโดยลันเทียผู้มาจากสถานที่เดียวกัน

“มันจาจานนี้หาได้ยากนักในอัสโตเรีย”ผมรีบเอ่ยเติมเชื้อไฟ

หลังจากชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดท่านเอเทมก็ยอมพยักหน้าตกลง

ผมแอบอมยิ้มเมื่อพบว่าตนเองกำจุดอ่อนของท่านเอเทมไว้ได้อย่างอยู่หมัด จุดอ่อนของเขาก็คือความเดียวดายกับบ้านเกิดอันแสนคิดถึง ไม่ว่าจะเป็นคนเข้มแข็งอย่างไรก็ต้องยอมสยบให้กับสองสิ่งนี้

ความเดียวดายกับความรู้สึกถวิลบ้านเกิดอันเป็นที่รักงั้นหรือ

“บางที ที่ข้าเข้าอกเข้าใจท่านทั้ง ๆที่ท่านแทบไม่เคยแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าสักครั้ง คงเพราะข้าเองก็เผชิญกับความรู้สึกเดียวกับท่าน”ผมเปรยกับตัวเอง ท่านเอเทมก็ไม่ได้คิดถามว่าผมกำลังเพ้อเจ้ออะไรอยู่ หากแต่ผมกลับเอ่ยประโยคนั้นในใจ

และสาเหตุที่เขาเปิดใจให้ผมมากเป็นพิเศษก็คงด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง



--------------------------------

เผือกอย่างไรให้ได้ความรู้ 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 05-12-2018 09:32:51
น้องเผือกได้น่ารักมากค๊ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-12-2018 10:23:18
ปริศนามาเพิ่มอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-12-2018 10:32:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่น่าเชื่อว่า  คนอย่างการันต์  จะอ่านหนังสืออย่างอดทนในยาวนานขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: KS.F ที่ 05-12-2018 11:14:47
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-12-2018 11:34:27
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-12-2018 12:26:22
แวะมารอต่อ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 05-12-2018 12:55:20
น้องน่ารักนะ เป็นนักเผือกที่ลงทุนจัดหนักจริงๆ
แนวคิดน้องอาจจะเป็นไปได้เพราะคนชนะเขียนประวัติศาสตร์
ดาร์คลอร์ดจริงๆ แล้วอาจจะเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกสร้างให้เป็นปีศาจก็ได้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 05-12-2018 15:03:59
รอตอนต่อไปอยู่นะคะะะะะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-12-2018 16:32:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 05-12-2018 16:57:09
จะเรียกได้ว่าฉลาดเพราะเผือกหรือว่าเผือกอย่างชาญฉลาดดี55555555555
เข้าใกล้ท่านเอเทมได้อีกนิดล๊ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-12-2018 17:52:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH20 05/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Maleewong ที่ 05-12-2018 19:14:08
อยากมองโลกในแง่ดีได้อย่างน้องรันต์จัง
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 08-12-2018 07:23:10
ตอนที่21

แม้ชีวิตในฐานะพันโทของผมจะไม่ถึงกับเรียกว่าสุขกายสบายใจแต่ก็ไม่นับว่าหน้าชื่นอกตรม ในหนึ่งวันผมมีหน้าที่บัญชาการผู้ใต้บังคับบัญชาให้ออกภารกิจปราบปีศาจ ด้วยอำนาจผู้พันของผมทำให้ผมสามารถลำเอียงส่งลันเทียออกไปทำแต่ภารกิจง่าย ๆเช้าเย็นกลับได้ ดังนั้นผมจึงสามารถกินกับข้าวเย็นฝีมือของเขาได้ทุกวัน มีบ้างที่ผมติดประชุมทำให้กลับบ้านดึกหรือบางทีอาจจะกลับตีสองตีสามแต่เขาก็จะตื่นขึ้นมาอุ่นซุปให้ผมกินก่อนนอนเสมอ

กับท่านเอเทมก็นับว่าไม่เลว หลังจากมันจาเนื้อกวางมื้อนั้นท่านเอเทมก็เปิดใจให้อีกหลายส่วน เขายอมให้ผมกับลันเทียร่วมโต๊ะทานอาหารกลางวันด้วย แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือไล่ให้ตายผมก็ไม่ไป ตอมเก่งยิ่งกว่าแมลงวัน

มีบางครั้งที่ผมขอให้ลันเทียช่วยสอนทำอาหารพื้นเมืองของโรมานอสซาร์ ความตั้งใจแรกเริ่มคือใช้เสน่ห์ปลายจวักพิชิตใจท่านเอเทมทว่าฝีมือของผมห่วยแตกเกินไปประกอบกับไม่ใช่การหุงต้มโดยไม่ใช้เตาไฟฟ้าทำให้อาหารมื้อแรก ๆออกมากึ่งสุกกึ่งดิบ รสชาติบัดซบ

ท่านเอเทมชิมไปหนึ่งคำก็คายทิ้งจากนั้นก็ไม่ยอมแตะอาหารจานนั้นอีกเลย นับว่าเป็นบุญของผมแล้วที่เขาไม่เขวี้ยงจานใส่หัวผม

หลังจากนั้นก่อนเอาอะไรไปให้ท่านเอเทมผมก็จะให้ลันเทียช่วยชิมก่อน จะไม่ผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นวันไหนผมมาทำงานสายจงรู้ได้เลยว่าเช้าวันนั้นผมก็พยามทำอาหารปิ่นโตให้ท่านเอเทมอยู่แต่รสชาติยังไม่ผ่านเลยต้องแก้แล้วแก้อีก

ลันเทียที่พลอยไปทำงานสายเพราะผมถูกผมสั่งลงโทษสถานเบาหวิว แต่เจ้าตัวก็เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค้าประจำกองพันของผมอยู่แล้วเหล่าอัศวินเดนตายคนอื่นจึงเห็นด้วยกับการอะลุ่มอล่วยนี้ ส่วนตัวผมก็รับผิดชอบด้วยการทำงานล่วงเวลาจึงไม่มีใครตำหนิอะไร

นับตั้งแต่ผมทำปิ่นโตไปฝากท่านเอเทมเขาก็ตอบแทนผมด้วยการชี้แนะเรื่องเวทมนต์ต่อสู้บางบท

น่าแปลกที่เวททุกบทที่เขาหยิบขึ้นมาสอนผมผมกลับสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆที่เวทพื้นฐานง่าย ๆบางบทที่ลันเทียสอนผม เรียนให้ตายอย่างไรผมก็ทำไม่ได้

ข้อนี้ผมเองก็รู้สึกสะกิดใจอยู่เช่นกัน ไม่ใช่ลันเทียสอนผมไม่ดี แต่ท่านเอเทมดูจะเป็นอาจารย์ที่เก่งเกินไปหน่อย ราวกับว่าเขารู้ว่าผมสามารถเรียนรู้เวทมนต์บทไหนได้เร็ว ได้ช้า

ทว่าว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ในขณะที่ผมกำลังฝึกซ้อมเวทไฟอยู่ในลานประลองเล็ก ๆของกองพัน ชายชราสวมเสื้อยาวรุ่มร่ามสีขาวปรอดก็เดินเข้ามา

เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงหัวค่ำ พวกอัศวินที่ไม่ได้เข้าเวรพากันกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือแค่ผมที่อยู่ทำงานล่วงเวลาเพราะเมื่อเช้ามาสาย ทันทีที่มีผู้แปลกปลอมเดินเข้ามาใกล้ประสาทสัมผัสของผมก็ตรวจจับได้ทันที

ฮั่นน่อววว

ฟังดูเก่งล่ะสิ

ก็แหงล่ะ ผมบรรจุเข้ามาในกองทัพได้ครึ่งปีแล้วนี่! ได้เรียนรู้เวทพื้นฐานจากลันเทียซ้ำยังได้ท่านเอเทมชี้แนะหลายเรื่อง ยามนี้นับว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทอัคคีโดยสมบูรณ์!

แม้พละกำลังของผมในตอนนี้จะยังไม่สมศักดิ์ศรีหกแสนแต้มแต่ก็สามารถชูคอในตำแหน่งผู้พันแบบไม่น้อยหน้าใครแล้ว! หึ! จำวรั้ย นี่พันโทการันต์ไงจะใครล่ะ

“พันโทการันต์ฝีมือก้าวหน้ารวดเร็ว เป็นโชคดีของอัสโตเรียที่ได้บุคคลเช่นเจ้าเข้าร่วมกองทัพ”ผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น เสนาธิการผู้ทรงความรู้นั่นเอง

นับตั้งแต่วันสอบเข้าจนกระทั่งตอนนี้ผมไม่เคยเจอชายแก่ท่านนี้อีกเลย คราวนี้เขากลับโผล่มาหาถึงที่ผมจึงอดขมวดคิ้วด้วยความงุนงงไม่ได้

ท่านเสนาธิการก็ฉลาดสมกับเป็นปัญญาของแผ่นดิน แกลูบเคราพร้อมหัวเราะชอบใจก่อนเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม ผมเห็นว่ายังไม่ได้ตอบอะไรผู้อาวุโสท่านนี้สักคำเอาแต่ยืนนิ่งดูเสียมารยาทจึงก้มหัวทำความเคารพก่อนพูดอย่างสุภาพว่า”ท่านเสนาธิการกล่าวชมเกินไปแล้ว ขอบคุณ ๆ”

“ฮะ ๆ ๆ ข้าไม่ได้กล่าวจริงเสียหน่อย ได้ยินข่าวลือหนาหูว่าแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินลงทุนสละเวลามาสอนเวทให้เจ้าตั้งหลายครั้งข้าจึงอยากมาดูฝีมือของเจ้าด้วยตาตนเองว่ารุดหน้าไปถึงไหน ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ เจ้าเก่งขึ้นมากกว่าที่ข้าจินตนาการไว้”

คำพูดของท่านเสนาธิการล้วนเป็นคำเยินยอตามมารยาททั้งสิ้น ผมซึ่งไม่ค่อยชินกับจริตของขุนนางฝ่ายบุ๋นเท่าไหร่จึงได้แต่ยืนยิ้มแห้ง

“เมื่อครู่ ดูเหมือนเจ้าจะร่ายแต่เวทอัคคีนะ”ชายชราเปรย

คราวนี้สายตาของคู่สนทนาฉายแววจริงจังขึ้นหลายเท่าผมจึงไม่กล้ายืนเอ้อระเหยอีก”ครับ ท่านเอเทมบอกว่าดูเหมือนทิมจะเป็นผู้ใช้เวทสายอัคคี”

“แล้วท่านแม่ทัพได้บอกเจ้าหรือไม่ ว่าก่อนหันหน้าเข้าหาศาสตร์มืด ดาร์กลอร์ดเองก็เคยเป็นผู้ใช้เวทอัคคี”

!?

พลันความเงียบเข้าปกคลุม ผมรู้สึกชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตลอดหกเดือนมานี้ทั้งผมทั้งท่านเอเทมต่างพร้อมใจกันไม่เอ่ยถึงชื่อของคนคนนี้เลย นับว่าหกเดือนที่ผ่านมาผมลอยตัวอยู่เหนือแท่นกีโยตินอย่างมีความสุข ทว่าวันนี้เวลานี้ผมรู้สึกเหมือนถูกลากคอกลับเข้ามาในลานประหารอีกครั้ง

“ข้าไม่ทราบไม่ก่อนเลย ท่านเอเทมไม่เคยกล่าวถึง”

“นั่นคงเพราะว่าเรื่องที่ดาร์กลอร์ดเคยเป็นผู้ใช้เวทอัคคีก็เป็นเพียงข่าวโคมลอยที่ไม่มีมูล”

“ครับ...”ผมตอบด้วยน้ำเสียงชืด ๆ

“ความจริงข่าวลือเรื่องของดาร์กลอร์ดยังมีอีกหลายอย่าง บ้างก็ว่าเขาคืออดีตรัชทายาทแห่งโรมานอสซาร์บ้างล่ะ บ้างก็ว่าเขาคือคู่หมั้นของอดีตเจ้าหญิงบ้างล่ะ ซึ่งมันช่างย้อนแย้งสิ้นดี โรมานอสซาร์ตั้งอยู่ในภูมิประเทศอันหนาวเหน็บ ราชวงศ์ผู้ปกครองดินแดนก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในด้านเวทน้ำแข็ง แล้วจู่ ๆดาร์กลอร์ดจะเป็นทั้งรัชทายาททั้งผู้ใช้เวทอัคคีไปได้อย่างไร เจ้าว่าไหม”

“อ่า...ครับ”ผมพยักหน้าแบบฝืน ๆ รู้สึกร้อน ๆหนาว ๆเพราะไม่รู้ว่าท่านเสนาธิการจะปูพรมเล่าเรื่องดาร์กลอร์ดให้ผมฟังตอนมืดค่ำแบบนี้เพื่ออะไร

ชายชราผมขาวลูบเคราพลางเริ่มเดินวนไปรอบ ๆตัวผม

“แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับการยืนยันก็คือ นอกจากศาสตร์ต้องห้ามร้อยแปดพันบทแล้ว ดาร์กลอร์ดเคยร่ายเวทอัคคีอยู่สามบท หนึ่งคือดาบเพลิงวินาศ สองคือธารอัคคีเรรวน สามคือมังกรไฟสลักลาย ทั้งสามครั้งเป็นการร่ายออกมายามฉุกเฉิน...”

“ครับ...”

“เมื่อถูกถึงคำว่าฉุกเฉิน ย่อมแปลว่ายามนั้นจวนตัว ร่ายเวทออกมาโดยไม่ทันคิด ตามปกติเวทที่ถูกหยิบขึ้นมาเป็นอันดับแรกจะเป็นเวทที่ถนัดที่สุด หรือเวทที่ใช้บ่อยที่สุด”

ผมกลืนน้ำลายลงคอสามอึก แต่ละอึกยกให้เวททั้งสามบท เพราะท่ามกลางเวทอัคคีนับร้อยบทที่ผมเรียนรู้มา กลับมีเพียงแค่สามบทนี้เท่านั้นที่ผมใช้คล่องราวกับพวกมันคลอดออกมาจากท้องแม่พร้อมผม คล่องชนิดที่ว่าท่านเอเทมแค่แสดงตัวอย่างให้ดูครั้งเดียวผมก็ทำตามได้อย่างหมดจด

ผมค่อนข้างมั่นใจเกินครึ่งแล้วว่าทิมที่สลับตัวกับผมคือดาร์กลอร์ด

แต่ให้ตายผมก็ไม่สารภาพเด็ดขาด!

ชาตินี้ต่อให้ไม่มีบุญได้กลับโลกเดิมผมก็ขอใช้ชีวิตกินเงินเดือนในฐานะพันโทอยู่ที่โลกนี้อย่างสงบ!

ผมไม่ยอมตายเด็ดขาด ความลับเรื่องดาร์กลอร์ดจะต้องแก่ตายไปพร้อมกับผมนี่แหละ!!!!

“พรุ่งนี้พระราชาเรียกตัวเจ้าก่อนรุ่งสางให้ไปรอที่ท้องพระโรง ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่พวกเรายังไม่มีหลักฐานพวกเราก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ พระราชาแค่จะพระราชทานภารกิจสำคัญให้เจ้าไปทำก็เท่านั้น”ท่านเสนาธิการตบไหล่ผมป้าบ ๆ

ผมมองแผ่นหลังผอมเพรียวของชายแก่รู้มากที่เดินจากไป

เหงื่อกาฬของผมแตกพลั่ก

พวกเขายังไม่มีหลักฐาน แต่สามารถสร้างสถานการ์เพื่อบีบให้ผมเผยหลักฐานได้ แววตาของท่านเสนาธิการบ่งบอกเช่นนั้น และการที่เขาอุตส่าห์มาเตือนผมทางอ้อมเช่นนี้ก็นับว่าเป็นความปราณีสูงสุดของเขาแล้ว

“คงต้องรอดูเนื้อหาของภารกิจพรุ่งนี้แล้ว”

หากภารกิจดังกล่าวมีแววว่าจะสามารถบีบให้ผมเผลอใช้ศาสตร์ออกมาโดยไม่รู้ตัวหรืออะไรก็แล้วแต่ผมจะรีบชิ่งทันที

ด้วยกำลังของผมตอนนี้บวกกับทรัพย์สมบัติที่มีผมสามารถหนีการตามจับของพวกอัศวินลูกกระจ๊อกได้สบาย

ส่วนท่านเอเทม...บอกตรง ๆว่าตลอดหกเดือนพวกเรานับว่าสนิทกันมากแถมเขาเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร คงไม่ตามจับผมหรอก! เวทผูกวิญญาณอะไรนั่นก็เป็นหมันไปซะเถอะ!

เมื่อสรุปได้เช่นนี้ผมก็สะบัดหัวเบา ๆเพื่อขับไล่ความฟุ้งซ่าน หันกลับไปทบทวนวิชาที่เพิ่งศึกษาจากตำราด้วยตัวเองเมื่อวานซืน อย่างน้อยการเก่งขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ช่วยโอกาสหนีรอดของผมให้มากขึ้น

 

เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ หลับไปได้ไม่นานก็ตื่นขึ้นมา เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆเพราะผมฝันร้าย

ในฝัน ผมมองเห็นตัวเองกำลังเล่นเกมคอมพิวเตอร์

ในฝันครั้งที่สองผมเห็นตัวเองกำลังเล่นเปียโนอยู่ในมหาลัย

และในฝันสุดท้ายผมได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพ่อแม่

ดูเหมือนเป็นฝันที่มีความสุข แต่เมื่อตื่นมาในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่ไม่ใช่โลกในฝัน...ผมจึงนับว่าฝันเหล่านั้นเป็นฝันร้าย

นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ฝันถึงโลกเดิม คงเพราะหกเดือนที่ผ่านมาผมอยู่ดีมีสุข กับลันเทียก็ไม่นับเป็นนายจ้างกับลูกจ้างอีกต่อไป แม้เขาจะยังเรียกผมว่าท่านแต่นั่นก็เพราะผมมียศสูงกว่า ตอนนี้เราสองคนนับว่าเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว

“ตาแก่นะตาแก่ มาทิ้งระเบิดให้คนเขาคิดมากเพื่ออะไรเนี่ย โอ๊ย”ผมเดินกุมหัวลงจากรถม้า

เนื่องจากเมื่อคืนผมไม่ค่อยได้นอนวันนี้ใต้ตาของผมจึงดำคล้ำจนอยากจะพรีออเดอร์สกินแคร์จากโลกเดิมให้ส่งไปรษณีมาให้ที่อัสโตเรีย แต่ไปรษณีย์ไทยนั้นแค่ส่งพัสดุภายในประเทศให้เรียบร้อยดียังแทบไม่มีปัญญาแล้วจะเอาอะไรมาส่งของข้ามมิติ

“เห้อ...”ผมเดินตามหลังอัศวินรักษาประตูเข้าไปในเขตวังหลวงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

รู้สึกปวดท้องจนแทบทรุด นี่คืออาการหนึ่งของคนที่เครียดลงกระเพาะหรือเปล่านะ

“เห้อ...”ตลอดทางจากรั้วจนถึงตัวปราสาทผมถอนหายใจไปได้สิบรอบ

“ผู้พันไม่ต้องหนักใจขนาดนั้น องค์ราชาทรงมีพระเมตตา”นายอัศวินชั้นผู้น้อยคงเห็นสีหน้าของผมหมองคล้ำลงเรื่อย ๆจึงเข้าใจผิดคิดว่าผมตื่นเต้นเพราะจะได้เจอพระราชาเป็นครั้งแรกจึงพยามปลอบขวัญผม หารู้ไม่ว่าเรื่องราวมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ

“เหอ ๆ...”ผมส่งเสียงหัวเราะฝืดคอเมื่อพวกเราเดินมาถึงประตูทางเข้าท้องพระโรง

กลั้นใจอยู่นานสองนานในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าผลักประตู เมื่อเดินเข้ามาข้างในผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในท้องพระโรงไม่ได้มีขุนนางยืนเรียงกันหน้าสลอน ไม่มีกระทั่งข้ารับใช้บริวาร ภายในห้องมีแค่พระราชาซึ่งเป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเสนาธิการ พวกเขาสองคนจับจ้องผมไม่วางตาขณะที่ผมค่อย ๆสืบเท้าเข้าไปหน้าบัลลังก์ และตรงหน้าของพวกเขาสองคนก็มีท่านเอเทมยืนอยู่ เขามองผมเพียงครู่เดียวก่อนเบือนหน้าไปอีกทาง

ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีแต่ก็ทำความเคารพพระมหากษัตริย์ตามธรรมเนียม

เมื่อผมทำความเคารพเสร็จท่านเอเทมก็เดินมายืนข้างผม เนื่องจากเขาเองก็เป็นผู้รับราชโองการเช่นกันจึงไม่สามารถยืนเก๊กอยู่ข้างบัลลังก์ได้

และเมื่ออัศวินหนุ่มผู้เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งอยู่ห่างจากผมเพียงแค่ศอกเดียวเขาก็เปรยกับผมเสียงเบาว่า”อย่าแม้แต่จะคิดว่าสิ่งที่พวกเขาให้คือความปราณี”

!!

สิ้นคำเตือนของอีกฝ่ายผมก็เหลียวมองใบหน้าเหี่ยวย่นของเสนาธิการอีกครั้ง ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็เป็นคุณตาใจดีคนหนึ่ง เมื่อวานตอนที่เขาไปหาผมในลานฝึกผมจึงมั่นใจว่าเขากำลังเป็นห่วงผม นั่นคงเพราะอิมเมจของเขาเหมือนอาจารย์ใหญ่ในเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์มาก ๆ

ผมขมวดคิ้วนิด ๆแต่ไม่ได้แสดงความหวาดระแวงอย่างเอิกเริก

ระหว่างท่านเอเทมกับเสนาธิการผมย่อมเลือกเชื่อท่านเอเทมมากกว่า

แต่การที่ผมเชื่อท่านเอเทมก็แปลว่าผมต้องตัดมโนโลกสวยที่คิดปลอบใจตัวเองมาทั้งคืนว่าพวกเสนาธิการกับขุนนางของราชอาณาจักรนี้เป็นคนดีมีน้ำใจประเสริฐเลิศล้ำออกไป



-----------------------------------

time skip 6เดือน...

น้องมั่นใจแล้วว่าคนที่สลับตัวกับน้องคือดาร์กลอร์ด

ท่านเอเทมก็รู้นานแล้วแต่ช่วยน้องเหยียบไว้มิด

แต่สุดท้ายความก็แตกจนได้ อัสโตเรียไม่ได้เป็นมิตรกับน้องเลย TT
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-12-2018 09:32:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหนอ?
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 08-12-2018 19:19:21
น้องจะเข้าสู่ด้านมืดของพลังกลายเป็นดาร์กลอร์ดที่ทรงพลังและโหดร้ายกว่าเก่า
//หงายเงิบ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: AilyrZ ที่ 08-12-2018 22:09:35
เวลคัม ทู เดอะ ดาร์กไซซซด์
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 09-12-2018 00:37:08
ยังไงๆ หักเลี้ยวไปทางดาร์กไซด์เลยดีมั้ย :interest:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 09-12-2018 01:09:39
ขยับเข้ามาอีกนิดแล้วรึเปล่านะ :mew3:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-12-2018 21:14:33
อ้าว ความแตกแล้วจะทำไงต่อล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-12-2018 22:04:54
 :a5:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 09-12-2018 22:36:36
กลับไปฟื้นฟูโรมานอสซาร์ให้ดาร์กลอร์ดทิมจะเข้าท่ากว่าไหมเนี่ย
มีแต่พวกไม่น่าไว้ใจ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-12-2018 10:25:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH21 08/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: parm ที่ 10-12-2018 15:43:06
สนุกมากเลยค่ะกลับต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 12-12-2018 06:44:48
ตอนที่22

เมื่อกล่าวอารัมภบทกันไปแปดตลบในที่สุดท่านเสนาธิการก็คลี่ม้วนกระดาษในมือออก ผมกับท่านเอเทมรีบคุกเข่าก้มหน้ารับบัญชาอย่างรู้งาน

“ฝ่าบาทมีราชโอการ ขอให้แม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินและพันโทการันต์เร่งรุดตรวจสอบความผิดปกติของชายแดนทางเหนือ...”

ชายแดนทางเหนือ?

เนื่องจากผมต้องก้มหน้าตอนรับราชโองการทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของพระราชากับเสนาธิการ แต่สีหน้าของคนข้าง ๆล่ะก็ผมเห็น แม้จะเป็นการมองด้วยหางตาแต่ผมกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการอ่านสีหน้าของท่านเอเทมไปแล้วเรียบร้อยดังนั้นแค่เขาคิ้วกระตุกเพียงเล็กน้อยผมย่อมสังเกตเห็น

ชายแดนทางเหนือมีอะไรหรือ

ผมถามคำถามนี้ในใจและวินาทีต่อมาท่านเสนาธิการก็ให้คำตอบ

“ชายแดนทางเหนือส่วนที่ติดกับโรมานอสซาร์พบลัทธิต้องสงสัยคาดว่าเป็นผู้ใช้ศาสตร์ต้องห้าม!...”

พอฟังมาถึงตรงนี้คิ้วของผมก็กระตุกรัว ๆ คำว่าศาสตร์ต้องห้ามกลายเป็นคีย์เวิร์ดที่สร้างเอฟเฟ็คอย่างมหาศาลแก่ผม

“...ขอให้ทั้งสองคนนำกำลังเข้าตรวจสอบ”

หลังจากนั้นท่านเสนาธิการกล่าวอะไรต่อก็ไม่เข้าหูผมแล้ว เพราะตอนนี้พื้นที่ในหูของผมโดนคำว่าศาสตร์มืดบุกเข้ายึดครอง เจ้าคำนี้มันดังก้องในหัวไม่หยุด

กระทั่งรู้ตัวอีกทีพระราชากับเสนาธิการก็เดินหายเข้าไปหลังฉากแล้ว

ผมค่อย ๆลุกขึ้นยืนท่ามกลางความรู้สึกมืดมนอับจนหนทาง

ส่งผมเข้าไปจัดการคดีที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์มืดแบบนี้...

“ข้าอาจจะโลกสวยไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ เรียนถามท่านแม่ทัพตามตรง คดีครั้งนี้มีโอกาสที่ข้าจะโดนใส่ความมากน้อยแค่ไหน”ผมกลืนน้ำลายพลางกระซิบถามคนข้าง ๆ

แม้ในห้องนี้จะไม่มีคนอยู่แต่โบราณว่าไว้ว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่องฉะนั้นผมจึงต้องระมัดระมัด

ท่านเอเทมชายตาแลผมเพียงครู่เดียวก่อนจะค่อย ๆพยักหน้าลงอย่างแช่มช้า ทว่าเป็นคำตอบที่กระจ่างชัด

ผมกลืนน้ำลายลงคออีกอึก คดีนี้พัวพันกับผู้ใช้ศาตร์มืด ผู้ครอบครองศาสตร์มืดต้องประหารสถานเดียว

แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดของคดีมากนัก แต่ผมสามารถสรุปจุดจบของคดีนี้ได้สามแบบ

หนึ่งคือจับคนร้ายไม่ได้ ทางการป้ายสีผมว่าแอบให้การช่วยเหลือผู้ใช้ศาสตร์มืด ผมโดนประหาร

สองคือจับคนร้ายได้ ทางการปลอมแปลงคำให้การ กล่าวหาว่าผมเป็นพวกเดียวกับผู้ใช้ศาสตร์มืด ผมโดนประหาร

สามคือจับคนร้ายได้หรือไม่ก็ช่างแม่ง ผมขอหนีไว้ก่อนสุดหล้าฟ้าเขียว สุดท้ายผมโดนลากคอกลับมาประหาร

จบการวิเคราะห์

“เหอะ ๆ”ผมส่ายหน้าไปมาแรง ๆ”ท่านคิดว่าเสนาธิการเป็นคนอย่างไร เขาใจดีไหม หรือมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษหรือไม่”ผมพยามปลอบประโลมตัวเองอีกครั้งทว่าความหวังกลับลางเลือน

“อย่ามัวโอ้เอ้ รับบัญชามาแล้ว ให้รีบปฏิบัติตาม”เสียงทุ้มกล่าวตำหนิผม เขายังคงทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาของผมอย่างปกติราวกับไม่รับรู้เลยว่าผมกำลังจะตายห่าอยู่รอมร่อ

ผมก้มหน้าคอตก”ขอบคุณท่านมากสำหรับครึ่งปีที่ผ่านมานี้ คนกล่าวว่าท่านเย็นชาไร้ใจ ทว่าความจริงท่านเป็นบุรุษที่อ่อนโยนเอื้อเฟื้อคนหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถกับหน้าตา ด้วยคุณสมบัติทุกประการของท่าน ข้าเชื่อว่าในภายภาคหน้าชีวิตของท่านจะต้องร่มเย็นเป็นสุข พานพบแต่ความเจริญ...”

“การันต์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการครอบครองศาสตร์มืดอันตรายเพียงใด”ท่านเอเทมทนฟังคำสั่งเสียของผมต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างรำคาญใจ

ผมส่ายหน้าไปมา”รู้แค่ว่าร้ายแรงมาก โทษตายสถานเดียว”

“ไม่เพียงผู้ครอบครองตายแล้วจบ เรื่องนี้กระเทือนต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรอย่างมาก ดาร์กลอร์ดเพียงคนเดียวถล่มคณะปฏิวัติของโรมานอสซาร์พินาศย่อยยับในเวลาเพียงไม่กี่วัน หากตอนนั้นเขาไม่หยุดเกรงว่าป่านนี้โรมานอสซาร์คงเหลือแค่เพียงชื่อ”ท่านเอเทมพูดพลางเดินนำผมออกมาจากห้อง

“การเก็บเจ้าไว้ไม่ต่างอะไรกับการเก็บดาร์กลอร์ดที่เรียบร้อยไว้ในสวนหลังบ้าน ตอนนี้เจ้าไม่ทำแต่ก็ไม่ได้แปลว่าในอนาคตเจ้าจะไม่ลุกขึ้นมายึดอำนาจเด็ดหัวกษัตริย์”

“...”

“คนที่กลัวเจ้าที่สุดก็คือพระราชา แต่เขาไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ในทันทีเพราะชื่อเสียงตอนสอบเข้าของเจ้าเด่นมาก”

“แล้วข้าควรทำอย่างไร”

“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า”

“ท่านจะไม่ช่วยเหลือหน่อยเหรอ”ผมหยุดเดินก่อนเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของอีกฝ่าย ผมไม่ได้ดึงชายเสื้อเขาเพื่อช้อนตาออดอ้อนหรอกนะ แต่ถ้าไม่ดึงไว้ป่านนี้เขาคงเดินไปโน่นแล้ว คนแร้งน้ำใจ! เมื่อกี้อุตส่าห์ชมว่าเป็นคนใจดี!

“สิ่งแรกที่เจ้าควรทำคือประเมิณสถาการณ์ ต่อมาเจ้าควรหาวิธีการแก้ไข สุดท้ายจึงเป็นการขอความช่วยเหลือ”เขาพูดพลางปัดมือของผมออก”ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นเด็กที่เอาแต่หนีความจริง เรื่องในคราวนี้เจ้าลองกลับไปทบทวนด้วยตนเองดู”

ร่างสูงกล่าวจบก็หมุนกายจากไป แม้ว่าจะดูไร้เยื่อใยแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงเยื่อใยบางอย่างจากแผ่นหลังของเขา

“ขอโลกสวยอีกหน่อยได้ไหมนะ”ผมเชื่อแล้วว่าพระราชาไม่เลี้ยงผมไว้นานกว่านี้แน่ แต่ท่านเอเทมเล่า หากเขารู้อยู่ในว่าผมถือครองมนต์ดำเอาไว้กับตัวตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขาจะพร่ำสอนเวทต่อสู้ป้องกันตัวให้ผมทำไมตั้งมากมาย

ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งพลันหางตามองเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากท้องพระโรง

ผมขมวดคิ้วมองชายคนนั้นอย่างแปลกใจ เพราะผมกับท่านเอเทมเป็นสองคนสุดท้ายแน่ ๆที่เดินออกมาจากท้องพระโรง แล้วไอ้คนนี้โผล่มาจากไหนล่ะ

ผมยืนอยู่กับที่ ส่วนเขาเดินตรงเข้ามา ทางเดินแห่งนี้ไม่มีใคร พลันความรู้สึกหนาวยะเยือกจำนวนหนึ่งก็พุ่งปราดเข้ามาหาผมอย่างไม่มีสาเหตุ

อีกฝ่ายเป็นชายอายุราว ๆห้าสิบกลาง ๆ เส้นผมสีดำแซมขาว ดวงตาสีน้ำตาลแดง แผ่นหลังงองุ้มและมีจมูกใหญ่คดเหมือนพ่อมดผู้ชั่วร้าย เขาอยู่ในเสื้อคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้านอกจากผมหงอกแล้วร่างกายของเขาคุมโทนด้วยสีดำเหมือนอีกา

ผมเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวขณะที่ชายคนนั้นเดินผ่านหน้าผมไป

พวกเราสบตากันและร่างกายของผมก็แข็งทื่อเหมือนโดนสาป เหงื่อกาฬของผมแตกพลั่กทั้ง ๆที่อากาศไม่ได้ร้อน แม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินลับตาไปไกลแล้วทว่าผมยังคงยืนนิ่งงั้นอยู่ตรงนั้น

เมื่อครู่นี้ไม่ใช่จิตสังหารหรือการข่มกันด้วยพลังเวท ผมค่อนข้างมันใจว่าลุงพ่อมดมีพลังเวทน้อยกว่าผม

“อะไรที่ทำให้เรากลัวล่ะ...”ผมยกมือขึ้นกุมอก หายใจเข้าหายใจออกลึก ๆหลายครั้งเพื่อสงบหัวใจที่สั่นเป็นเจ้าเข้า

และในขณะที่ผมกำลังเดินโซเซไปพิงเสาต้นที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นเอง คนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอในที่นี่แบบนี้ก็เดินปรี่เข้ามาหาผม

ลันเทียคนสวยมีสีหน้าเป็นห่วง ร่างเล็กรีบเดินจ้ำเข้ามาหาผมที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม

“เกิดอะไรขึ้น!?”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างร้อนรน

ผมโบกมือสองสามที”ไม่มีอะไร ข้าแค่น้ำตาลในเลือดต่ำ”

แน่นอนว่าลันเทียไม่เข้าใจศัพท์คำว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่เจ้าตัวก็ค่อย ๆประครองผมไปนั่งยังม้านั่งของสวนหย่อมที่อยู่ไม่ไกลออกไป เมื่อเห็นว่าผมเหงื่อท่วมหัวคนน่ารักก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ผมถาม

“เอ๋ อ๋อ...มาทำธุระนิดหน่อยน่ะ”

“ท่างที่เจ้าเดินมา เจ้าเจอคนแปลก ๆไหม”ผมถามเพราะคิดว่าลันเทียอาจจะเดินสวนกับพ่อมดคนนั้น

“ไม่นี่ ก็...ปกตินะ คนที่แปลกสุดก็คือท่านนี่ไง มาเป็นลมอะไรใกล้ท้องพระโรง ภารกิจคราวนี้ยากหรือ”ลันเทียวิเคราะห์ว่าผมเกิดอาการหน้ามืดเนื่องจากเจอภารกิจสุดโหดเข้า

“เหอ ๆ เกี่ยวกับศาสตร์มืดน่ะ”

“อะไร!...นะ...”เพราะตอนแรกเผลอตะโกนออกมาร่างบางจึงรีบยกมือขึ้นมาปิดปากก่อนเปลี่ยนเสียงเป็นกระซิบ

กรอบหน้าหวานค่อย ๆเลื่อนเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยระคนแปลกใจว่า”ที่อัสโตเรียก็มีผู้ใช้ศาสตร์มืดหรือ นั่นน่ากลัวมากเลยนะ ข้าได้ยินว่ารอบตัวของพวกเขาจะมีกลิ่นอายประหลาด ใครได้เจอจะจับไข้หัวโกร๋น”

“ผู้ครอบครองศาสตร์มืดหรือว่าผีล่ะนั่น มีจับไข้หัวโกร๋นด้วย?”ผมถามเชิงหยอก ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดเกินไป

ทว่าลันเทียกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าที่ผมคิด”ท่านสัมผัสพลังเวทของข้าได้หรือไม่”

คำถามของลันเทียทำให้ผมต้องเงยหน้าเพื่อพิจารณาอีกฝ่าย

อันพลังเวทนั้นก็เสมือนลายนิ้วมือ แต่ละคนมีไม่ซ้ำกัน กลิ่นอายเวทมนต์สะท้อนบุคลิกของตัวคนนั้น ๆ อาทิท่านเอเทมมีนิสัยเคร่งขรึม ไอเวทรอบตัวเขาจึงให้ความรู้สึกเย็น เวลาคุยกับเขาผมไม่ได้เพ้อเจ้อไปเองว่าเหมือนโดนพายุหิมะพัดใส่แต่เป็นเพราะไอเวทของเขาชักนำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

ส่วนไอเวทของลันเทียน่ะ”เจ้าเหมือนทุ่งหิมะ ตอนกลางวัน ท้องฟ้าแจ่มใส่เห็นพระอาทิตย์ เริ่มมีดอกไม้แตกหน่อ ภาพลักษณ์เหมือนปลายฤดูหนาวต้นใบไม้ผลิ”

“อื้ม ทั้งข้าและท่านเอเทมล้วนถนัดเวทน้ำแข็งเหมือนกันแม้มีนิสัยแตกต่าง ไอเวทจึงให้ความรู้สึกต่างกัน แต่กลับปฏิเสธภาพของหิมะหรือนำแข็งไปไม่ได้ถูกไหม”

“อ่าฮะ”

“ผู้ใช้ศาสตร์มืดก็เช่นกัน นิสัยต่างย่อมมีกลิ่นไอที่แตกต่าง ทว่าความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างดุดันสยดสยอง เกรงว่าชาวบ้านธรรมดาแค่สบตากับผู้ใช้ศาสตร์มืดอาจจะหมดเรี่ยวแรง เหงื่อไหลโทรมกาย ถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้ง”

“อ้อ...เอ๊ะ เดี๋ยว งั้นคนเมื่อกี๊นี้...”

“คนเมื่อกี๊”ลันเทียเอียงคอถามตาใส

ผมกลืนคำว่าคนเมื่อกี๊ลงคอด้วยความหวาดวิตก

ถ้าผมบอกว่าตาลุงชุดดำเมื่อกี๊มีกลิ่นไอเหมือนที่ลันเทียพูดมาก พวกเสนาธิการจะถือโอกาสนี้ใส่ร้ายว่าผมแอบพาผู้ใช้ศาสตร์มืดเข้าวัง ยัดข้อหาประหารผมโดยไม่ต้องเปลืองแรงออกนอกสถานที่เลยรึป่าว

ผมขมวดคิ้วจนผูกเป็นโบว์สวยงาม ลันเทียเห็นแล้วทนไม่ไหวจึงเอานิ้งมาจิ้ม ๆให้ผมรู้สึกตัวและเลิกคลายปมได้แล้ว”ท่านยังความจำเสื่อมอยู่ แถมยังไม่ถนัดการต่อสู้ เอางี้เป็นไง ภารกิจนี้ท่านให้ข้าติดตามไปด้วย”

“เห้ย! มันอันตราย ให้เจ้าไปได้ไง”

“เพราะมันอันตรายข้าถึงยอมให้ท่านไปคนเดียวไม่ได้ไง”ร่างบางกอดอก ทำท่าต่อต้านสุดชีวิต คราวนี้ไม่ว่างผมจะพูดอะไรล้วนโดนปฏิเสธเสียงแข็งกลับมาหมด ลันเทียดึงดันว่าจะไปด้วยให้ได้สุดท้ายผมก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้

ผมคิดว่าการไปทำภารกิจครั้งนี้คือไปแล้วไปลับ

“ข้ายอมให้เจ้าติดตามไปด้วยก็ได้

“เย้!”

“แต่...”

“โหยย”ร่างบางเบะปาก ทำท่างอแงเป็นเห็นผมเตรียมกำหนดเงื่อนไข

“เจ้าต้องสัญญากับข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้าก็ตาม จงไปหาท่านเอเทม ขอร้องให้เขาช่วยปกป้อง แม้ว่าเขาจะช่วยข้าไม่ได้แต่เขาสามารถช่วยเจ้าได้แน่นอน”

“ช่วยท่านไม่ได้อะไรกัน ทำไมพูดเหมือนกับรู้ตัวว่าจะตายเช่นนั้นเล่า ไม่เป็นมงคลนะแบบนี้”มือเรียวเอื้อมมาตีปากผมเบา ๆ เหมือนพยามไล่คำพูดอัปมงคลของผมออกไปให้พ้น ๆ

ผมได้แต่ยิ้มอ่อนขณะมองใบหน้าน่ารักที่ผมหลงนักหลงหนามาตลอดครึ่งปี

“ลันเทีย ตอนนี้พวกเรานับว่าเป็นสหายกันหรือไม่”

“ท่านเป็นนาย ข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งในบ้านและนอกบ้าน”

“...”ผมมีสีหน้าผิดหวังกับคำตอบนี เจ้าตัวดีจึงหัวเราะคิก ๆ

“แต่นอกเหนือจากนั้น ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ของเราคือครอบครัว”

“ลันเทีย”ได้ยินแบบนี้ผมนี่น้ำตาปริ่มเลยครับ

“นับจากออกจากโรมานอสซาร์อย่างโดดเดี่ยว ท่านคือคนแรกที่ยื่นมือมาให้”

“ลันเทีย ฮือ...”ผมน้ำตาไหลพรากแล้วเรียบร้อย”เจ้าก็เป็นครอบครัวสำหรับข้าเช่นกัน บ้านหลังนั้นหากไม่มีเจ้ามันก็เป็นแค่ที่ซุกหัวนอน แต่เพราะมีเจ้ามันถึงเรียกว่าบ้าน”

“ท่านการันต์”ลันเทียส่งเสียงอย่างแปลกในเมื่อจู่ ๆผมก็กระโจนเข้าไปกอดคอเขาร้องห่มร้องไห้

มือเรียวพยามลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน“ไม่ร้องนะ เอาไว้จบภารกิจนี้พวกเรากลับบ้านกันนะ”

ผมเผยรอยยิ้มน้อย ๆหลังจากได้ยินคำปลอบประโลมดังกล่าว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมกลับคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ได้กลับไปยังบ้านหลังน้อยกลางทุ่งหญ้าหลังนั้นอีกแล้ว



----------------------------------------------

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-12-2018 07:14:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอ๊ะโอ  นุ้งการันต์จะเป็นไงน้อ   ตอนออกไปปฏิบัติภารกิจทางตอนเหนือเนี่ย   น่าเป็นห่วงจัง
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-12-2018 09:39:06
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-12-2018 11:05:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: BSSKXX ที่ 12-12-2018 13:49:25
ทำไมนี่มองว่าจะมีการหักมุมแบบ จริงๆแล้วลันเทียเป็นดาร์กลอร์ดอะไรเทือกๆนี้
ท่านเอเทมช่างค่าตัวแพงอะไรเช่นนี้ ออกมาบ่อยๆหน่อยจ้าาา

นุ้งการันต์สู้ๆกับภารกิจนะ  :z6:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 12-12-2018 16:26:28
ลันเทียน่ารัก ตกเป็นของพี่การันต์ซะดีๆ
เทท่านเอเทมโลด 5555555

ปล. อยากเห็นน้องเข้าสู่ด้านมืดจริงๆ แฮะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-12-2018 04:45:34
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-12-2018 23:08:21
สงสัยไปหมดเลย น้องรันต์ไปทำภารกิจในครั้งนี้จะเจอกับอะไรบ้างเนี้ย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH22 12/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-12-2018 01:41:50
คนนั้นคือใคร มีศาสตร์มืดใช่ไหม
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 15-12-2018 08:29:14
ตอนที่23

ภารกิจในครั้งนี้มีท่านเอเทมเป็นหัวหน้าคณะและมีผมเป็นรอง เขาบอกว่าให้ผมเอาคนสนิทไปได้ตามที่ผมเห็นสมควรและให้มารวมตัวกันที่ประตูตะวันออกของกองทัพตอนห้าโมงเย็น ซึ่งคนสนิทของผมนอกจากลันเทียแล้วก็มีไอ้โก้ รายนี้สนิทเพราะเป็นท็อปทรีของรุ่นเหมือนกันแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่อยากสนิทกับผมเท่าไหร่ดังนั้นคราวนี้ผมจึงเอาแค่ลันเทียไปคนเดียว

ผมกับลันเทียตัดสินใจกลับมาที่บ้านเพื่อเก็บของตั้งแต่หัววันทำให้มีเวลาโอ้เอ้อีกหลายชั่วโมง

“ลันเทีย ข้าหิว”ผมส่งเสียงยานคางมาจากทางเก้าอี้ในห้องรับแขก

ได้ยินเสียงเกียจคล้านของผมคนตัวเล็กก็รีบเดินมาหาทั้ง ๆที่ในมือยังหยิบเสื้อติดมาด้วย คาดว่าอีกฝ่ายกำลังจัดกระเป๋าเดินทางอยู่

“เดี๋ยวเถอะ มัวแต่นอนอ้วนเป็นหมูแบบนี้ได้ยังไงกัน ทำไมท่านไม่ไปจัดกระเป๋าล่ะ”

“เอาไว้บ่าย ๆค่อยจัด”ผมบิดขี้เกียจหนึ่งทีแทนการแสดงเจตนารมณ์

เมื่อเจอกับความขี้เกียจของผมคนตัวเล็กก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนถามว่า”ท่านอยากกินอะไรล่ะ เดาว่ามื้อเย็นคงต้องกินหลังออกเดินทาง ถ้ายังไงมื้อกลางวันเรากินพิเศษหน่อยดีไหม”

“เยี่ยม!”เรื่องกินผมสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว

เมื่อเห็นท่าทางน้ำลายสอของผมลันเทียก็หัวเราะคิกคักชอบใจก่อนวางเสื้อและเดินเข้าไปในครัว

“ให้ข้าช่วยไหม”

“ท่านไปดูต้นไม้ในสวนหน่อยเถอะ เราคงไม่ได้กลับมาหลายวันข้ากลัวพวกมันจะตาย”ลันเทียกล่าว

“ครับผม!”ผมทำท่าตะเบ๊ะก่อนเดินออกมาที่สวนตามคำสั่งของคนน่ารัก

อันว่าสวนบ้านของผมมีรัศมีห้ากิโล แต่ส่วนที่ผมกับลันเทียเรียกว่าสวนจริง ๆมีแค่กรอบเล็ก ๆไม่กี่ตารางเมตรรอบบ้านเท่านั้น พื้นที่ตรงนี้ผมกำลันเทียช่วยกันปลูกไม้ดอกไม้ประดับสวยสดงดงาม ตลอดครึ่งปีพวกเราไม่เคยออกไปทำภารกิจนานเกินเช้าเย็นกลับดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่พวกมันจะไม่มีใครคอยรดน้ำ

โชคดีที่โลกแห่งนี้มีเวทมนต์ ดังนั้นผมจึงจัดการร่ายเวทลมยกฝักบัวไปตกน้ำในถังเก็บน้ำ และเสกให้มันลอยมารดน้ำโดยที่ผมทำเพียงแค่ยืนโบกไม้โบกมือเท่านั้น

ความจริงการรดน้ำต้นไม้ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านี้มาก ถ้าเป็นลันเทียล่ะก็เจ้าตัวแค่เสกเวทน้ำอย่างง่ายแค่บทเดียวพริบตาก็เสร็จ แต่เวทน้ำกับผมนับว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาขนานแท้ดังนั้นผมจึงเลือกใช้เวทลมทำให้ฝักบัวลอยแทน

และขณะที่ผมกำลังสะบัดไม้สะบัดมือประดุจคอนดักเตอร์ในวงออเครสตร้านั่นเอง หางตาของผมก็พลันเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง

“มะ มะ มะ...”เสียงของผมเอ่ยได้เพียงคำเดียว

เจ้าหน้าสิงโตขนสีดำขลับแยกเขี้ยวยิงฟันให้ผมก่อนจะค่อย ๆคลานย่องเข้ามาใกล้เหมือนกลัวใครเห็น

“มัน มัน มัน...”

กับอิแค่คำว่ามันติคอร์คำเดียวผมกลับพูดไม่ได้เสียที

ก็ใครจะไปพูดอะไรออกล่ะเหวยยย ลองเผชิญหน้ากับ1ใน108สัตว์บริวารของดาร์กลอร์ดแบบนี้ถ้าคุณไม่ใช่ท่านเอเทมก็ไม่มีสิทธิ์ชิว!!

ผมยืนตาเหลือกสบตากับเจ้าสิงโตตัวใหญ่ที่มีปีกเหมือนนกอินทรีตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก

คราวก่อนผมไม่รู้ว่าตัวเองอาจมีพลังของดาร์กลอร์ดอยู่ในร่างผมจึงแตกตื่นตกใจคิดว่าไอ้ปีศาจร้ายนี่จะมาจับผมต้มกิน แต่คราวนี้ผมรู้แล้ว ผมไม่กลัวมันอีกต่อไป ใจผมเชื่อเกินครึ่งว่าไอ้หน้าขนนี่ต้องดมกลิ่นไอเวทของผมและพยามเข้ามาตีสนิทเพราะคิดว่าผมคือเจ้านายของมันแน่ ๆ

ไอ้แมวโง๊วววว

กูไม่ใช่ดาร์กลอร์ด! แต่ถ้ามึงคงยังไม่เลิกคลานกระดึ๊บ ๆเข้าหากูแบบนี้ล่ะก็กูได้เป็นดาร์กลอร์ดนัมเบอร์2แน่ ๆ

ผมพยามถอยหลัง ปรากฏว่าไอ้เจ้ามันติคอร์กับผุดลุกพรวดพราด พริบตาเดียวมันก็กระโจนตะครุบร่างของผมสำเร็จ

วูบนึงผมตกใจเพราะคิดว่ามันอาจจะจับผมกินก็ได้ แต่เมื่อโดนอุ้งมือทั้งสองของมันกอดรัด แถมลิ้นสากของมันระดมเลียหัวผมจนเปียกไปครึ่งแถบผมก็ไม่มีอะไรจะกล่าว

ไอ้มันติคอร์ตัวนี้เข้าใจผิดเต็ม ๆ มันคิดว่าผมคือดาร์กลอร์ด

ผมพยามผลักร่างของมันออกแบบเงียบ ๆ ไม่กล้าร่ายเวทอัดมันเพราะกลัวมันโมโหและหันมาตะปบผมแทน และที่กลัวที่สุดก็คือกลัวคนมาเห็นนี่แหละ

คราวก่อนผมก็คิดอยู่ว่าไอ้หน้าแมวนี่ทำตัวแปลก ๆ ตัวเองมีปีกแท้ ๆตอนผมวิ่งหนีทำไมมันไม่บินตาม ที่แท้มันคงนึกว่าผมวิ่งเล่นกับมันอยู่มั้ง อิด้อนนน ออกไป๊ กูแพ้ขนแม๊วววว

ฮรึก

“ปล่อย”

ผมดันร่างอันใหญ่โตของมันออกไปสุดฤทธิ์

“ทำไมล่ะเจ้านาย”

“...”

มันติคอร์กำลังพูดกับผม!

ผมควรตกใจที่มันพูดได้หรือควรตกใจที่มันเรียกผมว่าเจ้านายดีล่ะ

“ปล่อยก่อน อย่าส่งเสียงดัง”พอพูดภาษาคนรู้เรื่องค่อยคุยกันง่ายหน่อย เจ้าสัตว์ปีศาจในตำนานทำหน้าหงอ ๆหูลู่หางตกแต่ก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี

ผมกระแอมไอหนึ่งครั้งเพื่อรวบรวมสติ

บัดนี้เมื่อมีไอ้หน้าขนนี่ยืนยันผมมั่นใจร้อยเปอเซ็นต์เต็มแล้วว่าพลังในตัวของผมได้รับมาจากดาร์กลอร์ดชัวร์ ๆ

“ถ้าแกมาเกาะแกะข้าแบบนี้ พวกเราทั้งคู่จะตายนะ”

“ทำไมล่ะ”เจ้าปีศาจเขี้ยวยาวทำเป็นเอียงคอมองผมตาใส ในสายตาของผมมันน่ากลัวมากกว่าน่ารัก

ผมกัดฟันตอบ”ยังมีหน้ามาถาม! พวกเขาจ้องจะล้างผลาญดาร์กลอร์ดกับพวกนอกรีตขนาดไหนไม่รู้เหรอ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะเจ้านายก็”ดูมัน!

“ยังมีหน้ามาตัดพ้ออีกเรอะ! มีแกตามไปด้วยไม่เท่ากับว่าป่าวประกาศให้โลกรู้เหรอว่าข้าเป็นผู้ครอบครองศาสตร์มืด”

“ไม่เห็นไปไรเลย ท่านแค่เลี้ยงแมวตัวเดียว ศาสตร์มืดอะไรไม่เห็นเกี่ยว”เจ้ามันติคอร์ตอบกลับหน้าตา

ผมยกมือนวดขมับอย่างจนปัญญา”แมวบ้านแกน่ะ---“

ยังไม่ทันพูดจบประโยคร่างของสิงโตขนดำขนาดใหญ่กว่าบ้านก็ค่อย ๆหดเล็ก พริบตาเดียวจจากมันติคอร์ผู้น่าเกรงขามจำแลงกายกลายเป็นแมวตัวอ้วนขนสีดำ!!

“แมว!!”ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ

เจ้าแมวอ้วนปรายตาเหยียดใส่ผมอย่างดูแคลนหนึ่งครั้ง”เจ้าคิดว่าข้าสามารถบุกเข้ามาในเมืองหลวงของราชอาณาจักรที่มีอัศวินอันดับหนึ่งอยู่โดยไม่มีใครสังเหตุเห็นได้ยังไงล่ะ”

“ที่แท้ก็แปลงเป็นแมวตบตาอัศวิน”ผมร้องอ้อออกมาเบา ๆ

เจ้าแมวอ้วนพยักหน้าหนึ่งครั้งก่อนจะยืดหน้าชูคอกล่าวอย่างภาคภูมิใจ”ในบรรดาทาสรับใช้ 108ตนมีข้าเพียงผู้เดียวที่จำแลงกายได้แนบเนียน เจ้านายเก่าจึงพาข้าไปด้วยทุกหนทุกแห่ง หึ หากเจ้าไม่มีกลิ่นอายที่แสนดึงดูดล่ะก็ ข้าไม่มีทางวิ่งมาซบอกเจ้าหรอกนะจำไว้”

“ต้องขอบคุณเจ้าไหมเนี่ย”ผมกัดฟันถามย้อน

“ไม่ขอบคุณข้าแล้วจะไปขอบคุณใครเล่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าภารกิจนี้เจ้าต้องไปแล้วไปลับ พวกเขาจ้องจะฆ่าเจ้าแม้ว่าเจ้าจะไม่บังเอิญใช้ศาสตร์มืดออกมา เมื่อถึงเวลาที่คมดาบของอัศวินดำหันเข้าใส่เจ้าข้าสามารถพาเจ้าหนีข้ามชายแดนไปยังโรมานอสซาร์ได้สบาย ๆ ที่นั่นกำลังป้องกันอ่อนแอแถมกลัวเจ้านายเก่าขี้หดตดหาย หึ”เจ้าแมวอ้วนแค่นเสียงเหยียดอีกครั้ง

มันเห็นว่าผมมัวแต่ยืนบื้อจึงกระโดดหนึ่งครั้งขึ้นมาเกาะไหล่ผมและตวัดกรงเล็บปาดหน้าผมจนเลือดซิบ

“ทำบ้าอะไรเนี่ย!”

“เจ้าทึ่ม ข้าลดตัวมาหาขนาดนี้ยังไม่ยอมทำพันธะสัญญาอีก”เจ้าแมวอ้วนส่งเสียงตำหนิ

“สัญญา? ไม่มีทาง ฟังดูเสียเปรียบ แค่เลี้ยงไว้เฉย ๆไม่ต้องมีพันธะอะไรไม่ได้เหรอ เกิดโดนจับได้ว่าทำพันธะกับมันติคอร์จะทำยังไง”

“มัวปอดแหกอะไรอยู่ จะตายในอาทิตย์สองอาทิตย์อยู่แล้ว ถ้าเป็นข้านะป่านนี้จะเริ่มศึกษาศาสตร์มืดไม่มัวโอ้เอ้หรอก ยังไงศาสตร์มืดก็รุนแรงกว่าเวทธรรมดา ถ้าสนใจล่ะก็ให้ข้าสอนได้นะ ติดตามเจ้านายเก่ามาหลายปีข้าพอจับเคล็ดได้บ้าง”

“ไม่โว้ยยยยยยยย!!”ผมปฏิเสธไม่ยอมเรียนศาสตร์มืดจากมันแต่ก็ต้องผูกพันธะกับเจ้าแมวขนดำตัวนี้อย่างเสียมิได้เพราะมันขู่ว่าจะแฉผมหากผมไม่ยอมรับเลี้ยงมัน

“ไอ้แมวผี!!”ผมด่ามันไปทีหนึ่งหลังผูกพันธะกับเจ้าปีศาจตรงหน้าเสร็จ

“ใครมาเหรอ”คราวนี้ผมเผลอส่งเสียงดังเกินไปหน่อยลันเทียจึงเดินออกมามองด้วยความสงสัย

เจ้าแมวผีที่เกาะไหล่ผมทำหน้าเบื่อหน่าย มันกลอกตามองบนได้น่าหมั่นไส้ที่สุดในบรรดาแมวที่ผมรู้จัก

“เอิ่ม แมวน่ะ”ผมตอบเสียงชืด

“น้องเหมียว น่ารักจัง!”คนน่ารักวิ่งปราดเข้ามาอุ้มเจ้ามันติคอร์ในร่างแมวไว้ในอ้อมแขน ผิดคาดที่มันไม่ดิ้นหรือข่วนลันเทียมิหนำซ้ำยังเอาหัวซุกไซร้กับปกของลันเทียอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหมดคราบสัตว์ร้ายผู้น่าเกรงขามโดยสิ้นเชิง

“เจ้าคนนี้มีกลิ่นหอมน่ากินเชียว ชื่ออะไรน่ะเรา”เสียงทุ้มเกินขนาดตัวของเจ้าแมวผีเอ่ยขึ้น

“ข้าชื่อลันเทีย เจ้าพูดได้ด้วยเหรอ เป็นสัตว์เวทชนิดใดกันทำไมข้าไม่เคยรู้จัก”เสียงหวานฉายแววแปลกใจ

“หึ เจ้าลันเทียผู้น่ากิน เจ้าจะไปรู้จักข้าได้อย่างไร ข้าเป็นถึงมันติ---“

“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”ผมตะเบ็งเสียงแทรกสุดชีวิต

“มันติ?”ลันเทียดูจะติดใจคำดังกล่าว แถมเจ้าแมวผีก็ทำท่าจะเอ่ยต่อผมจึงต้องรีบตะโกนออกมาอย่างสิ้นคิด”มันตี้!! มันชื่อว่ามันตี้! หลงเข้ามาในเขตบ้านเราท่าทางน่าสงสารข้าเลยเล่นกับมันสักพัก พบว่านอกจากจะรู้มากแล้วยังดุร้าย! สมควรโดนตัดหางปล่อยวัด!”

แม้ผู้ฟังจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าตัดหางปล่อยวัดแต่ทว่าเจ้าแมวผีกลับรู้มาก มันรู้ว่าผมไม่อยากรับเลี้ยงมันไว้จึงรีบเอ่ยเอาใจลันเทียที่ดูหลอกง่ายกว่าอย่างแข็งขัน”ข้าหิวเหลือเกิน ไม่ได้กินอะไรมาสามปีแล้ว แค่ก แค่ก...”ไม่เพียงเอ่ยตัดพ้อเท่านั้น เจ้าแมวรู้มากตัวนี้ยังทำเป็นไอโขลก ๆ

“รอเดี๋ยวนะมันตี้ ข้าจะหาอะไรให้เจ้ากินเอง ในบ้านมีปลาตากแห้งอยู่ เจ้ากินได้ไหม”

“อาหารชั้นต่ำ แต่ก็ช่างเถอะ ข้าจะยอมกินสักมื้อ”

ผมหมดคำจะพูด ได้แต่ยืนมองลันเทียอุ้มเจ้าแมวผีเข้าบ้านด้วยความเมตตา

 

คล้อยบ่ายผมกับลันเทียก็หอบสัมภาระขึ้นรถม้ามุ่งตรงไปยังกองทัพหลวง ซึ่งท่ามกลางสัมภาระของพวกเรานั้นมีสิ่งมีชีวิตหน้าขนที่ทำให้ผมปวดหัวจะแตกติดสอยห้อยตามมาด้วย มันติคอร์ที่มีชื่อเล่นว่ามันตี้นั่งเลียขนของมันอยู่บนตักของลันเทียอย่างมีความสุข

ผมควรจะเครียดแต่ก็ไม่รู้ว่าเริ่มเครียดจากเรื่องไหนก่อนดี

เรื่องนี้ไม่ว่าผมจะเอ่ยปากขอร้องให้ใครช่วยก็เท่ากับลากคนคนนั้นตายตกตามกันไปเท่านั้น ผมจึงไม่นึกโกรธท่านเอเทมที่ปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือผม ตามความคิดของผม ตลอดหกเดือนที่เขาสอนเวทมนต์ให้เขาน่าจะมั่นใจเกินร้อยแล้วว่าในตัวผมมีศาสตร์มืดหลับใหลอยู่

การที่เขาไม่แจ้งเรื่องนี้ให้เสนาธิการทราบแถมยังช่วยสอนวิชาเอาตัวรอดให้ผมมาตลอดหกเดือนนับว่าเขาช่วยผมมากพอแล้ว

ผมมีวิชาต่อสู้ติดตัว ยามจนตรอกจริง ๆผมมีโอกาสเปิดทางหนีให้ตนเองได้

ผมคิดมาถึงจุดนี้ก็อดเหลียวมองเจ้ามันตี้ไม่ได้ มันรู้ว่าผมแอบมองก็เลยหยุดเลียแข้งขาตนเองก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวยิงฟันให้ผมอย่างไม่อนาทรณ์ร้อนใจ

“เห้อ...”ผมถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง ในที่สุดรถม้าก็แล่นมาถึงประตูตะวันออกซึ่งเป็นจุดระดมพล

เมื่อมาถึงผมก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะคณะเดินทางคราวนี้จัดเต็มชุดใหญ่กว่าที่ผมเคยเห็น

เนื่องจากผมมีตำแหน่งพันโทจึงเคยจัดกองย่อยออกปฏิบัติภารกิจบ่อยครั้ง ส่วนมากมักเป็นกองสิบ แต่คณะที่ท่านเอเทมจัดหามาดูเหมือนจะเป็นกองร้อย

อัศวินร้อยคนในชุดเครื่องแบบยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกผมมาสายแถมยังลงมาจากรถม้าน้องเหน่งน้องแกะสองคนพวกเขาก็พาลชักสีหน้าใส่ การกระทำเหล่านี้บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่อัศวินระดับล่างที่โดนบารมีหกแสนแต้มของผมกดข่ม

“แฮ่ ขอโทษที่มาสาย”ผมคิดว่าตัวเองยศใหญ่กว่าทุกคนอย่างน้อยขั้นนึงจึงไม่ได้นอบน้อมคลานเข่ามากนัก

ผมรักษาท่าทีเดินนำลันเทียที่มีอาการประหม่าจากสายตาของรอบข้างเดินเข้าไปหาท่านเอเทม

“ข้าพาลันเทียไปด้วยนะ”สองคนนี้เคยเจอกันหลายครั้งตอนนั่งกินข้าวด้วยกันทว่ากลับแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันเลยดังนั้นผมจึงต้องนำลันเทียไปฝากฝังกับเขาให้แน่ใจก่อน เมื่อลันเทียทำความเคารพท่านเอเทมตามพิธีการเสร็จเรียบร้อยผมก็ลากแขนคนตัวสูงกว่าหลบมุมออกมากระซิบกระซาบ

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นท่านช่วยดูแลลันเทียด้วย ข้ากล้าสาบานว่าเขาไม่เกี่ยวกับศาสตร์มืด”ผมป้องปากเขย่งตัวแนบหูอีกฝ่าย สายตาสอดส่องหลุกหลิกระแวงว่าจะมีใครแอบฟัง

“เจ้ายอมรับความตายแล้วหรือ”ท่านเอเทมร้องโอ้เบา ๆก่อนถามย้อน

“รับได้กะผีน่ะสิ! ข้าจะหนี”

“หึ...”

“ท่านหัวเราะอะไร”ผมไม่โกรธที่เขาไม่ยอมช่วยผม แต่ผมโกรธที่เขาพยามกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง”ท่านคิดว่าข้าจะหนีไม่พ้นเหรอ”

“เจ้าจะหนีไม่พ้นก็เพราะมาบอกข้าว่าจะหนีนี่แหละ”

“...”

เออว่ะ!

ตัวอันตรายที่สามารถลากคอผมเข้ากีโยตินที่สุดก็คือชายคนนี้นี่หว่า!

ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง อยากเอาหัวโขกพื้นแต่ก็กลัวเจ็บ สุดท้ายจึงได้แต่ยืนอ้าปากเหวอปล่อยให้แมลงวันบินเข้าปากอยู่นานสองนาน กระทั่งเจ้ามันตี้เดินฉุยฉายเข้ามาพันแข้งพันขาผม

มันปีนขึ้นมาเหยียบบนไหล่ของผมเพื่อสบตากับท่านเอเทมในระยะประชิด

ไอ้แมวผี! มาแสดงตัวขนาดนี้ไม่แนะนำตัวเลยล่ะว่าข้าคือมันติคอร์ 1ใน108บริวารของดาร์กลอร์ด

ผมจ้องมันตี้ตาแทบถลน ทว่าเจ้าแมวอ้วนกลับไม่สนใจ มันเมินผมโดยสิ้นเชิงก่อนกล่าวกับชายผู้ขึ้นแท่นแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งเสียงเรียบ”สวัสดี เอเทม แห่งโรมานอสซาร์”

คนโดนเรียกขานด้วยนามเช่นนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ทำให้เจ้าแมวผีกระหยิ่มยิ้มอย่างชอบใจ

“เอ่อ ท่านเอเทม นี่แมวของข้าเอง บังเอิญเก็บได้เมื่อเช้า”

“การันต์ เจ้าก็กลัวเขาเกินกว่าเหตุ เขาไม่กัดเจ้าหรอกเจ้าก็น่าจะรู้”มันตี้กล่าว

“ท่านเอเทมไม่ใช่แมวนะจะกัดได้ไงเล่า!”ผมเถียงเสียงหลง พยามเขี่ยมันตี้ออกจากตัวเพราะสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายแบบมันไม่ควรมาลอยหน้าลอยตาถือตัวประหนึ่งตัวเองเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แบบนี้!

คราวก่อนเอ็งโดนท่านเอเทมเตะจนร้องเอ๋ง ๆหนีหัวซุกหัวซุนไปไม่ใช่เรอะ! คราวนี้ก็อย่าปากดี! สบโอกาสที่โดนคนของทางการประกาศจับก่อนค่อยพาข้าหนี!

ผมพยามสื่อสารทางสายตากับเจ้าหน้าขนทว่ามันกลับเมิน มิหนำซ้ำยังกล่าวต่อ คำพูดของมันช่างบาดลึก”ชายคนนี้กัดใครไม่เป็นหรอก คราวก่อนเขาเจอกับเจ้านายเก่า เขายังไม่กัดสักแอะ”

“หะ...!?”

“ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพกับพลโทการันต์กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ ให้ข้าน้อยร่วมวงด้วยคนสิ”ขณะที่ผมกำลังจะหันไปบีบคอไอ้มันตี้ข้อหาบังอาจเปิดปากพูดถึงเจ้านายเก่าบุคคลที่สามก็เดินเข้ามาแทรกบทสนทนา

ผมหันไปมองหน้าผู้มาใหม่ตามสัญชาติญาณ ฉับพลันหัวใจของผมก็กระตุกวูบ

ราวกับโดนน้ำแข็งกรอกปาก ร่างกายของผมรู้สึกเย็นเยียบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น อาการเหล่านี้นับว่าน้อยกว่าครั้งแรกที่เจออีกฝ่ายมาก

ใช่ ชายคนนี้คือตาลุงท่าทางสยองขวัญที่ผมเจอหลังออกจากท้องพระโรง

อีกฝ่ายอยู่ในชุดคลุมสีขาวแตกต่างจากเมื่อเช้าที่คุมโทนดำตลอดตัว ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนชุดเหมือนพวกนักบวชหรืออะไรคราวนี้บรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายจึงไม่ชวนขวัญผวาแล้ว ที่เมื่อครู่ผมใจหายวาบก็เป็นผลพวงมาจากรอบแรกที่เจอกัน

ตาลุงเห็นผมกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายรอบจึงก้มยกยิ้มพลางเอ่ย”ข้าน้อยชื่อลูคัส เป็นแม่ทัพเวท”

“แม่ทัพเวท...”ผมเอ่ยทวนคำอย่างแปลกใจ

เรื่องที่กองทัพหลวงแบ่งออกเป็นทัพอัศวินกับทัพเวทนั้นผมทราบดี

หลายร้อยปีที่ผ่านมาอัศวินสามารถใช้เวทมนต์ในการสู้รบได้ดังนั้นทัพเวทจึงค่อย ๆหมดความสำคัญลงไปเรื่อย ๆ บ้างถูกมองว่าอ่อนปวกเปียก บ้างเห็นว่าใกล้ล่มสลาย ปัจจุบันมีสมาชิกในทัพอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน ตำแหน่งแม่ทัพเวทจึงเป็นรองท่านเอเทมอยู่หนึ่งขั้น

ท่านเอเทมเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินดังนั้นเขาจึงเป็นทั้งแม่ทัพอัศวิน และคุมทัพเวทอีกทีหนึ่ง

แต่สาเหตุที่ผมแปลกใจก็เพราะใบหน้าของอีกฝ่าย”ท่านลูคัส...ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม...”

ผมกำลังจะถามว่า ‘ทำไมหน้าตาถึงไม่เหมือนเดิม’ ทว่าไอ้มันตี้กลับงับหูผมเต็มแรง เขี้ยวแหลมคมเจาะจนใบหูของผมทะลุ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”โคตรเจ็บ!



..............................................

ช่วงนี้ #พิชิตใจท่านเอเทม ก็จะซีเรียสนิดนึงเนอะ นิดเดียวเท่านั้น!!



หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 15-12-2018 09:02:33
ขำมากกว่า มันตี้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-12-2018 09:12:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋...ทำไมเจ้ามันตี้จึงขัดขวางไม่ให้การันต์ซักถามข้อสงสัยกับแม่ทัพเวท?
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-12-2018 09:38:49
5555 เบรคอารมณ์ด้วยมันตี้ ตัวเมียใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-12-2018 11:03:36
เจ้ามันตี้มาช่วยปกป้องการันต์ใช่ไหม ดุร้ายจริงๆ 5555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 15-12-2018 12:47:48
มันตี้ตัวป่วน เจ้ามาเบรกอารมณ์ หรือจะมาทำให้ความลับแตกไวกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-12-2018 13:08:55
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-12-2018 17:17:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-12-2018 19:04:00
การันก็ยังชิลเกิน ต้องเห็นโลงศพก่อน เอาให้หนัก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-12-2018 02:39:57
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 16-12-2018 08:06:33
งื้อออออออ อยากเลี้ยงมันตี้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 16-12-2018 14:25:35
 :L2: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-12-2018 16:30:54
ซับซ้อนมีเงื่อนงำไปหมดเลย
งงใจว่ามันติคอร์มาหาการันต์ยังไง
รู้ขนาดนั้นเลยว่าถูกคนแน่นอน

แล้วทำไมดาร์คลอร์ดถึงหนีไป
ไม่ห่วงคนที่เอามาแลกเปลี่ยนเลย

แต่งงานก็ยังไม่ได้แต่ง แถมจะโดนไปจับหมกอีก จะรอดไหม
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: Happyshi ที่ 17-12-2018 23:07:15
หือออออ สนุกมากกก ทำหน่องรัน น่ารักอย่างนี้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH15 17/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: Happyshi ที่ 17-12-2018 23:09:27
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักน้องรัน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-12-2018 21:56:31
รออ่านนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 20-12-2018 14:30:58
ฮั่นแน่ เราเห็นนะว่าคนเขียนแอบเทท่านเอเทมกับน้องการันต์คนกากไปเปิดเรื่องใหม่
ห้ามทอดทิ้งน้องคนกากนะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH23 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 21-12-2018 08:07:30
อย่างน้อยก็ได้มัลตี้มาช่วยอีกแรง​
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 22-12-2018 07:39:47
ตอนที่24

พวกเราใช้เรือเหาะเป็นพาหนะเดินทางออกจากเมืองหลวงไปสู่ชายแดนทางเหนือ เนื่องมาจากอัสโตเรียมีอาญาเขตเป็นทรงยาวจากเหนือไปได้ ระยะจากทิศเหนือสุดจรดได้สุดมีความยาวกว่าสามพันกิโล ในขณะที่ระยะจากตะวันออกไปตะวันตกแค่เจ็ดร้อยเท่านั้น

ด้วยความที่ประเทศมีลักษณะเช่นนี้ทำให้ทางตอนใต้มีอากาศอบอุ่น ในขณะที่ทางภาคเหนือมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 8 องศาเท่านั้น

จุดนี้ผมไม่ค่อยแปลกใจ แค่ได้ยินว่าพื้นที่ที่ต้องไปมีพรหมแดนติดกับโรมานอสซาร์ผมก็เตรียมเสื้อกันหนาว ถุงน้ำอุ่น แผ่นคลายหนาว เสบียงแห้งเผื่อต้องหนีหัวซุกหัวซุนลุยหิมะมาพร้อม

แต่การเดินทางของผมคราวนี้นอกจากจะต้องคอยชะเง้อมองหาทางหนีผมยังต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาตาลุงน่าขยะแขยงอย่างวิตกจริตตลอดเวลา

ท่านลูคัสร่วมเดินทางไปกับพวกเราด้วย ตอนเขาเดินขึ้นมาเสนอหน้าบนเรือเหาะผมแทบร้องไห้ ผมถึงกับไปกระซิบขอให้ท่านเอเทมเตะก้นลุงคนนี้ออกไปแต่ท่านเอเทมบอกว่าชายคนนี้ท่านเสนาธิการส่งมา เขาไม่สามารถไล่ได้ ดังนั้นผมจึงได้แต่เดินคอตกอุ้มมันตี้ออกมาหลบมุม

หลังจากโดนมันตี้กัดหูแทบขาดผมก็หุบปากแทบไม่ทัน

ถึงผมจะไม่ฉลาดแต่ผมก็ไม่ได้โง่

แม่ทัพเวท ลูคัส ผู้นี้ต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง

เขาหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เนื่องจากตำแหน่งพันโทของผมไม่เล็ก แถมผมยังเสนอหน้าอยู่ในก่อนทัพมาตั้งครึ่งค่อนปีดังนั้นผมจึงเคยเจอท่านลูคัสมาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง

ท่านลูคัสในความทรงจำของผมเป็นชายอายุราว ๆหกสิบ ใบหน้าไม่ค่อยมีรอยเหี่ยวย่นเท่าใดเห็นว่าแกใช้เวทชะลอริ้วรอยบนใบหน้า พูดถึงไอ้เวทนี้ ผมเองก็ลองศึกษามาบ้าง ท่าทางใช้ยากเอาเรื่องแถมต้องใช้พลังเวทค่อนข้างเยอะทำให้ประชาชนทั่วไปใช้ไม่ได้ กะคร่าว ๆต้องเป็นผู้ที่มีมีค่าพลังไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นจึงจะใช้เวทชะลอริ้วรอยนี้ได้

สกินแคร์ แอนตี้เอจจิ้งทั้งหลายจะต้องตะลึงถ้ารู้ว่าโลกใบนี้มีวิธีหน้าใส่ไร้ตีนกาแบบง่าย ๆ

โอเค วกกลับมาที่ท่านลูคัสคนเดิม อย่างที่บอกว่าเขาหน้าเด็กกว่าวัยหลายสิบปี รอยยิ้มอบอุ่น ร่างกายกำยำสมส่วน ท่าทางภูมิฐานใจดี สง่ามีราศีแห่งแม่ทัพ สวมชุดคลุมสีขาวขลิบทองเดินฉุยฉายองอาจ เป็นที่รักของเหล่าลูกน้อง แถมยังเคยให้ลูกอมปรับสมดุลเวทผมมาเม็ดหนึ่ง

ไม่ว่าจะตีลังกามองอย่างไรท่านลูคัสที่ผมเจอมาห้าครั้งก็ไม่ใช่ลุงหน้าเหียกคนนี้!!

ผมเดินหน้าเครียดพาเจ้ามันตี้หลบมุมไปอีกทาง เมื่อแน่ใจแล้วว่าตรงนี้ไม่มีคนอยู่ผมจึงกระซิบถามมัน”ลุงคนนั้นเป็นใคร”

ผมคิดว่ามันกัดผมเสียเลือดสาดขนาดนั้นต้องเป็นเพราะต้องการเตือนให้ผมหุบปาก นั่นแปลว่าเจ้ามันตี้รู้จักชายคนนี้

“โอ้ ท่านลูคัส ช่างองอาจผ่าเผยสมกับค่ำร่ำลือ ๆ”ไม่ทันตอบคำถามผมไอ้แมวผีก็หันหน้าไปทางกำแพงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตอแหล

ผมรีบขันขวับไปทางด้านนั้นอย่างตกใจ ตรงนั้นผมมองแล้วมองอีกจนมั่นใจว่าไม่มีคนอยู่แท้ ๆแต่พอเจ้ามันตี้ทักปุ๊ป ที่ตรงนั้นก็มีร่างของตาแก่หลังค่อมซึ่งแอบอ้างว่าชื่อลูคัสยืนอยู่จริง ๆ

ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ยิ้มแหยให้อีกฝ่ายก่อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถามมันตี้ต่อทันทีว่า”นี่ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิมันตี้ ตกลงลุงคนนั้นเป็นใคร เราเป็นแมวมีเจ้าของนะจะเที่ยวไปขออาหารคนอื่นกินแบบนี้อีกไม่ได้”

รอดมั้ย

รอดหน่อยเหอะน่า

“โฮ่ พันโทการันต์ช่างเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงดีเหลือเกิน”เสียงแหบแห้งของอีกฝ่ายดังขึ้น เจ้าตัวยิ้มเป็นมิตรให้ผมก่อนหันเดินไปอีกทาง

“แฮ่ ๆ นิดหน่อย ๆ”ผมตอบเสียงแห้ง โบกมือลาอีกฝ่ายหยอย ๆ

คราวนี้ผมก็ยังคงฉลาดดังเดิม ไม่ต้องรอให้ไอ้มันตี้บอกผมก็สำเหนียกได้ในทันทีว่าลุงลูคัสหน้าใหม่คนนี้ตามสิงผมเป็นเงาและสามารถพรางตัวไร้ร่องรอย มองไม่เห็น สัมผัสไอเวทไม่ได้

[เจ้ารู้จักเวทไร้ตัวตนหรือไม่]เสียงทุ้ม ๆของมันตี้ดังขึ้นในหัวของผม

ผมสะดุ้งในทีแรกแต่ก็รีบเก็บอาการตีเนียนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

[สามารถอำพรางตัวได้อย่างไร้ร่องรอย สะดวกสบายไร้ที่ติ เคยนิยมใช้กับพวกสายลับหรือมือลอบสังหารมาก่อน แต่สภาโต๊ะกลมได้ออกกฎห้ามใช้อย่างเด็ดขาดเมื่อสี่ร้อยปีก่อน เพราะการจะสำเร็จวิชานี้ได้ต้องแล่เนื้อถลกหนังคนเป็น ๆมาคลุมร่างตนขณะฝึกวิชา ป่าเถื่อนไร้อารยะ]

ศาสตร์ต้องห้าม!!

ผมใช้เวทสื่อสารทางจิตไม่เป็นจึงได้แต่ฟังมันตี้เงียบ ๆ

[ทางที่ดีอย่ากระโตกกระตาก จุดประสงค์ของทางนั้นไม่ใช่เจ้า แต่ถ้าเจ้ารู้มากเจ้าจะถูกฆ่า ทางนั้นเองก็คงรู้ข่าวลื่อว่าเจ้าอาจจะครอบครองพลังของเจ้านายเก่าอยู่จึงได้เพ่งเล็งเป็นพิเศษ]

“...”

[ส่วนเป้าหมายของพวกมันคืออะไรล้วนไม่ต้องใส่ใจ ถือโอกาสที่เจ้าอัศวินดำผู้กัดใครไม่เป็นคนนั้นไม่สนใจเจ้าหนีข้ามพรมแดนไปโรมานอสซาร์ซะ]

พูดนะมันพูดง่ายนะ แต่จะให้ผมไม่สนใจเลยจะดีหรือ ท่านลูคัสรู้ทั้งรู้ว่าผมอาจจะมีพลังของดาร์กลอร์ดแต่เขาก็ดีกับผม เอาลูกอมให้ผมกิน บัดนี้เขากลับหายตัวลึกลับแถมมีเพียงผมที่รู้ตัวว่าลูคัสที่เดินลอยหน้าลอยตาอยู่ตอนนี้เป็นคนแปลกหน้า

อัศวินนายอื่นหรือแม้แต่ลันเทียล้วนทักทายปราศรัยกับลูคัสหน้าใหม่คนนี้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

ผมพยามส่งสายตาถามมันตี้ว่าทำไมทุกคนถึงจำท่านลูคัสเดิมไม่ได้ ทว่าเจ้าแมวผีกลับโดดลงจากไหล่ผมพลางบิดขี้เกียจไม่สนใจผมสักนิด

ให้มันได้อย่างนี้!

ผมตัดสินใจเดินไปหาท่านเอเทมที่ห้องพัก ตอนนี้ผมอยู่บนดาดฟ้าเรือ อัศวินส่วนใหญ่รวมทั้งลันเทียกับลูคัสใหม่ก็อยู่บนนี้ มีแค่ท่านเอเทมเท่านั้นที่หายเข้าไปในตัวเรือ

ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสนั่งเรือเหาะทว่าผมไม่มีอารมณ์มาทัศนาทิวทัศน์เหนือก้อนเมฆอย่างเบิกบาน

เมื่อกำหนดจุดหมายได้แล้วก็เร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องส่วนตัวของท่านเอเทม

“ท่านเอเทม การันต์ครับ”

ผมเคาะประตูสามครั้งตามมารยาท ยืนรออยู่หน้าห้องสามสิบวิพบว่าไม่มีคนตอบกลับจึงลงมือเคาะอีกครั้ง ยอมรออีกสิบวิก็ยังไม่มีใครตอบกลับ

ผมกับมันตี้หันมามองหน้ากันตามสัญชาตญาณ

“แยกกันหา!”เจ้าแมวผีออกคำสั่ง ผมในฐานะทาสก็ได้แต่ก้มหน้าทำตามงก ๆ

เนื่องจากนี้เป็นเรือเหาะของหลวง ขนาดจึงใหญ่และใหม่กว่าเรือเหาะของเอกชน กว่าผมกับมันตี้จะวิ่งรอกหาจนทั่วก็กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

เราสองคนวิ่งกลับมาเจอกันที่หน้าห้องของท่านเอเทม ผมหอบแห่ก ๆหน้าซีดเพราะเหนื่อยแถมยังเครียดสะสม ส่วนมันตี้เองก็มีอาการงุ่นง่านอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เจอแม้แต่เงา!”มันว่าอย่างร้อนรน

ในสถานการณ์ที่มีลูคัสหน้าใหม่ร่วมเดินทางมาด้วยผมคาดว่ามันตี้เองก็รู้สึกระแวงไม่น้อย มาคราวนี้ท่านเอเทมที่ควรจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกเรากลับตามตัวไม่เจอแม้แต่เงาอีก!

“ชักไม่ดีแล้ว พวกเราโดดลงกันเลยไหม”สัตว์อสูรของดาร์กลอร์ดเสนอ

“ลันเทียล่ะ”ถ้าผมหนีไปลันเทียที่โดนทิ้งอยู่ที่นี่อาจจะมีอันตราย และถ้าผมขี่มันติคอร์พาลันเทียหนีไปด้วยกันลันเทียก็จะโดนเหมารวมเป็นพวกฝักใฝ่ศาสตร์มืดเหมือนผมทันที

“พันโทการันต์จะไปไหนหรือ”ขณะที่หนึ่งคนหนึ่งแมวกำลังจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตายเสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุดก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

เป็นลูคัสที่เดินกระหยิ่มยิ้มเข้ามา เขาดันผมที่อยู่ขวางประตูห้องของท่านเอเทมอยู่ให้ถอยหลบก่อนจะบรรจงเคาะสามครั้งอย่างใจเย็น ตรงข้ามกับผมและมันตี้ที่หันไปสบตากันด้วยความตกใจ

หลังเสียงเคาะแค่เพียงครั้งเดียวคนในห้องก็เปิดประตูออกมา

เป็นท่านเอเทมคนเดิมแน่นอน เขาหรี่ตามองผมกับลูคัส คงไม่คาดคิดว่าผมกับลูคัสจะมาด้วยกัน ซึ่งเขาคิดไม่ผิด ผมกับลูคัสไม่ได้มาด้วยกัน เป็นผมที่มาก่อนเป็นชั่วโมง เคาะประตูจนมือหงิกแต่เขาไม่ได้ยินสักแอะ

คราวนี้ผมกับมันตี้หันขวับไปมองหน้าลูคัสอย่างพร้อมเพรียง อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มก่อนเอ่ยอย่างสุภาพ”เรียนแม่ทัพใหญ่ อาหารค่ำเตรียมเสร็จแล้ว”

“เดี๋ยวตามไป”พูดจบท่านเอเทมก็ปิดประตูอีกครั้ง

คราวนี้เหลือแค่ผมกับลูคัส ชายหลังคุ้มยิ้มบาง ๆให้ผมก่อนเดินกระทบไหล่จากไป

“นี่มัน...อะไรกันล่ะเนี่ย”



-----------------------------------

ช่วงนี้เนื้อเรื่องเข้มนิดนึง อย่าเพิ่งเบื่อกันเด้อ ฮืออ



#พิชิตใจท่านเอเทม

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 22-12-2018 07:40:18
ตอนที่25

ผมไม่คิดเลยว่าการมีมันตี้อยู่จะช่วยให้ผมอุ่นใจได้ขนาดนี้ หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็กำชับลันเทียว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้ไปพึ่งท่านเอเทม คืนนี้ลันเทียต้องนอนรวมกับพวกอัศวินหน้าหื่น ผมเป็นห่วงแต่ลันเทียบอกว่าจัดการได้ไม่มีปัญหาเราสองคนเลยแยกย้ายกัน

ห้องนอนของผม ท่านเอเทม และลูคัสเป็นห้องนอนเดี่ยว

ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือห้องของลูคัสอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับท่านเอเทม

เมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง หลับตามโนภาพถึงใบหน้าตะปุ่มตะป่ำ จมูกงอคด และหลังงุ้ม ๆและการผลุบ ๆโผล่ ๆไม่ให้ซุ่มให้เสียงของอีกฝ่าย รวมถึงปรากฏการณ์ที่เสียงของผมส่งไปไม่ถึงท่านเอเทมนั่นผมก็เลิกผ้าห่มขึ้นมาคุมโปงอย่างช่วยไม่ได้

“เจ้าไก่อ่อน! แทนที่จะเอาแต่กลัวหัวหด สู้คิดหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไม่ดีกว่าเรอะ”มันตี้ปีนขึ้นมากระโดดบนตัวผมจนผมแทบอ้วกแตกมันถึงยอมหยุด

ไอ้แมวผี!! ผมด่ามันทางสายตา

ผมกับมันรู้จักกันไม่ถึง24ชม.แต่มันทำตัวเหมือนสนิทสนมกับผมมาก เล่นหัวไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

“จะให้ทำอะไรได้เล่า!”ผมไม่กล้าพูดมากแล้ว เพราะกลัวลูคัสจะโผล่ออกมาจากซอกหลืบไหนในห้องนี้ ซึ่งถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมันจะเป็นอะไรที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง

“ฆ่าก่อนที่จะถูกฆ่า”

“พูดง่ายแต่ทำยากนะโว้ย!”

“อะ...”เจ้ามันตี้ทำท่าจะเถียงกับผมจนคอเป็นเอ็นทว่ามันกลับเงียบฉับ เหลียวมองไปยังกำแพงซึ่งอยู่ติดกับห้องข้าง ๆก่อนหันมามองหน้าผม”หลับซะ”

“หา? ทำไมจู่ ๆก็...”

“หลับเดี๋ยวนี้”

“เห้ ๆ บอกให้หลับแล้วมันหลับได้ง่าย ๆที่ไหนล่ะ”

“ง่ายจะตาย นี่ไง”

พลั่ก!

นี่ผมต้องเผชิญหน้ากับการถูกตีจนสลบอีกกี่รอบ! รอบแรกโดนอัศวินฟาดจนหมดสติยังพอทำเนา แต่คราวนี้แม้แต่แมวตัวเดียวก็ตีผมจนร่วงได้

“ฮึ่ยย”ผมเตะก้อนหินที่อยู่ใกล้เท้าอย่างหงุดหงิด

เดี๋ยวนะ ในเมื่อผมโดนมันตี้ตีจนสลบในห้องนอนแล้วผมมาเตะก้อนหินอะไรอยู่กลางทุ่งหญ้าได้ล่ะ

ผมรีบหันไปมองรอบ ๆตัวด้วยความตกใจทันที แม้ความรู้รอบโลกผมจะยังไม่มากมาย แต่เรื่องเวทมนต์ที่สามารถดึงคนเข้ามาในห้วงความฝันที่ถูกสร้างขึ้นผมพอจะได้ยินมาบ้าง

ผมโดนดึงเข้ามาในมิติแห่งความฝัน ประเด็นหลักที่ผมต้องการรู้โดยด่วนคือนี่เป็นฝันของใคร

และแล้วคำตอบก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าผม ร่างสูงสง่าของอัศวินอันดับหนึ่งกำลังยืนมองมาที่ผมเงียบ ๆ รอกระทั่งผมลำดับความคิดได้แล้วจึงกวักมือเรียกผมเข้าไปหา

“ท่านเอเทม...”ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจนัก กลัวว่าจะเป็นลูคัสปลอมตัวมาอีก หลอกในหลอกในหลอก

“ที่นี่คือมิติแห่งความฝัน ไม่สามารถใช้เวทจำแลงกายได้”

“อ่า อืม”ผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ดูเหมือนท่านเอเทมจะไม่มีเวลามากนัก

“ลูคัสที่มาวันนี้ มีปัญหาอะไรหรือไม่”

เพราะท่านเอเทมเข้าตรงประเด็นที่ผมอยากตะโกนบอกเขามานาน ดังนั้นผมจึงรีบฟ้องเขาทันที”ไม่เหมือน! ไม่เลยสักนิด เขาเป็นใครก็ไม่รู้ข้าไม่เคยเจอ ท่านลูคัสตัวจริงถึงจะแก่แต่ก็หล่อกว่านี้!! นั่นมันตัวปลอม! ผู้ใช้ศาสตร์มืด! ท่านต้องกำจัดเขานะ”

“โอ้ เจ้ามีหน้ามาบอกให้ผู้อื่นรีบกำจัดผู้ครอบครองศาสตร์มืดด้วยหรือ”ท่านเอเทมย้อนถาม บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มกระหยิ่ม

“อะ นั่น...”

“ทั้ง ๆที่ในตัวของเจ้าก็มีสิ่งเดียวกันอยู่ แถมข้างกายเจ้ายังมีมันติคอร์”

“ทะ ท่านรู้...”

“เจ้าหนูเอ๋ย ผีย่อมเห็นผี”

“ข้าขอโทษ ข้าไม่คิดจะปิดบังท่านเรื่องเจ้ามันตี้หรอกนะ”ผมรีบก้มหัวขอโทษเขางก ๆ ไม่ได้เอะใจกับคำว่าผีย่อมเห็นผีเมื่อครู่แม้แต่น้อย

อีกฝ่ายคงทนมองความโง่ของผมต่อไปไม่ไหวจึงเลื่อนมือทั้งสองข้างมาจับไหล่ของผมไว้แน่น แรงบีบมหาศาลทำให้ผมนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ”เจ้ามองตัวจริงของข้าออก นั่นแปลว่าข่าวกรองเรื่องที่เจ้าได้รับพลังของดาร์กลอร์อดมาคือความจริงสินะ!!”

ในใจปรากฏคำว่า’งานเข้าแล้วกู’ขึ้นมาไม่ขาดสาย

“เจ้าสนใจมาเข้าร่วมกับลัทธิของพวกเราหรือไม่”

กูว่าแล้ว

ท่านเอเทมสุดหล่อตรงหน้าของผมค่อย ๆสลายไปก่อนแทนที่ด้วยร่างของชายแก่หลังงุ้มผู้มีนามแฝงว่าลูคัส

“ยินดีต้อนรับสู่ลัทธิ หนึ่งเหมันต์”

...

เฮือก!

ผมผุดลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความตระหนก แสงไฟในห้องนอนมืดสนิท กวาดสายตามองไปโดยรอบไม่พบเงาร่างของลูคัสหรือบุคคลน่าสงสัยผมจึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะเลิกผ้าห่มที่ไม่รู้ว่ามาคลุมตัวได้อย่างไรออกก่อนเอ่ยปากเรียกเจ้าแมวผีเบา ๆ”มันตี้”

เรียกหนึ่งครั้งไม่โผล่มาผมจึงร้องเรียกอีกสามสี่ครั้ง ผลลัพธ์กลับไม่เปลี่ยน

ขมวดคิ้วอย่างระแวงสงสัย กวาดสายตามองไปรอบห้องนอนอีกครั้งก็ไม่พบความผิดปกติ

ไม่สิ ไม่มีอะไรผิดปกติเลยนี่แหละที่ผิดปกติที่สุด

“เจ้าแมวผี”ผมลองเรียกอีกครั้ง สุดท้ายก็ไร้ผล

ผมตัดสินเดินออกจากห้อง ทางเดินเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟเรืองแสงบนเพดานคอยส่องทาง ไม่พบเห็นเงาคน และไม่ได้ยินเสียงของอัศวินที่ยังปาร์ตี้กันอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ หลังไตร่ตรองเสร็จผมก็ตวัดมือเพื่อเรียกดาบประจำตนออกมา

แม้ผมจะต่อสู้ระยะประชิดไม่เก่งแต่ท่านเอเทมก็อุตส่าห์แนะนำให้ผมซื้อดาบประจำกายคุณภาพดีกว่าดาบสวัสดิการกาก ๆ เมื่อมีดาบเล่มนี้อยู่ในมือก็เหมือนมีท่านเอเทมคุ้มกะลาหัว ผมยิ้มให้ดาบตามประสาคนมองโลกในแง่ดีก่อนค่อย ๆสืบเท้าไปยังห้องของลูคัส

ปัง!

ผมผลักประตูเข้าไปอย่างแรง ไม่แม้แต่จะเสียเวลาเคาะตามมารยาท

ทว่าภายในห้องของลูคัสกลับว่างเปล่า สิ่งนี้ไม่ทำให้ผมสบายใจกลับทวีความกระวนกระวายมากขึ้น

แม้ว่าผมจะเตรียมตัวเตรียมตายหลังจบภารกิจนี้แล้วแต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมไม่กลัวตาย แล้วก็ไม่อยากให้ลันเทียกับคนอื่น ๆกอดคอตายไปพร้อมผมด้วย ดังนั้นผมจึงวิ่งไปทางห้องของท่านเอเทมเป็นอันดับแรก”ท่านเอเทม!”

แล้วลูคัสก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ห้องของท่านเอเทมก็มีเพียงความว่างเปล่า

คราวนี้ผมวิ่งวุ่นไปทั่วเรือ เปิดห้องนั้นเข้าห้องนี้ให้ควั่ก

“ลันเทีย!”ผมป้องปากตะโกนเรียกทว่าสิ่งที่สะท้อนกลับมามีเพียงความเงียบ

ผมไม่เจอใครเลย อัศวินร้อยชีวิต ลูกเรือ ลูคัส ลันเทีย ท่านเอเทม หรือกระทั่งมันตี้

ผมวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ พบว่าท้องฟ้ายามนี้มีสีสันแปลกตา มันมีสีส้มเหมือนยามสนทยาทว่าบางมุมมันกลับสะท้อนแสงสีแดงราวกับโลหิต และไม่ใช่แค่ท้องฟ้า ทะเลเองก็เช่นกัน บัดนี้ผืนน้ำสุดลูกหูลูกตาแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท

น่ากลัว

ผมชักดาบออกจากฝัก

“ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ ลูคัสก็ได้ ฮาโหล! ลูคัสอยู่ไหม!!?”ผมตะโกนเรียกดู

อย่างน้อยถ้าลูคัสโผล่มาผมยังวิ่งเข้าไปกระทืบเขาแล้วเค้นถามว่าเกิดอะไรขึ้นได้ แต่ตอนนี้แม้แต่ยุงสักตัวยังไม่มี!

ผมเดินไปด้านข้าง เกาะราวกั้นเอาไว้ก่อนชะโงกหัวลงไปดูที่ท้องทะเลดำด้านล่าง ผมอยากรู้ว่าบนเรือไม่มีใคร ในอากาศไม่มีแมลงแล้วในน้ำมีปลาหรือไม่

“บรรลัยแล้ว...”ผมเบิกตาโพลงทันทีที่ชะโงกหน้าลงไปมองข้างล่าง

เหตุการณ์ค่อนข้างคล้ายกับตอนเจอมันตี้ครั้งแรก คราวนั้นผมเปิดม่านเพราะอยากชมแสงจันทร์ก็ป๊ะเข้ากับดวงตาสีเหลืองอำพันของมันเข้า ทำเอาขวัญหนีดีฟ่อไปหมด คราวนี้ในทะเลดำที่ควรจะมืดมิดนั่นเองก็ปรากฏดวงตาเช่นกัน

เป็นดวงตาสีแดงเข้ม

นับไม่ถ้วน

ผมไม่อาจประเมิณจำนวนคร่าว ๆของสิ่งมีชีวิตใต้ผิวน้ำนั่นได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือกระดึ๊บออกห่างจากราวระเบียง

อย่างที่ทราบกันดีว่าผมเก่งเวทไฟ อ่อนเวทน้ำ ผมอยู่บนเรือ ศัตรูอยู่ในทะเล ไม่ว่าจะวิเคราะห์ด้านไหนผมก็เสียเปรียบเต็มประตู

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเบื้องล่างนั่นคืออะไร”พลันเสียงปริศนาดังก้องในหัว มันไม่ใช่เสียงที่ผมคุ้นหู ซ้ำยังฟังดูมีอำนาจบารมีเป็นล้นพ้น

“ไม่รู๊”ถ้ารู้ก็บอกกันบ้าง จะได้ไม่โง่อยู่คนเดียว

ผมถ่อยร่นมาจนหลังพิงประตูแล้ว ใจนึกอยากวิ่งกลับไปคลุมโปงในห้องให้รู้แล้วรู้รอดแต่คิดอีกทำแบบนั้นมีแต่จะตายอนาถกว่าเดิม

เสียงปริศนาเงียบไป ผมคิดว่าอีกฝ่ายไม่อยากเฉลย ที่ไหนได้คำตอบกลับค่อย ๆปีนขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือแล้ว!

ผมเบิกตาแทบถลนจับจ้องมือของมนุษย์ซึ่งปราศจากหนังหุ้ม ก่อนที่เจ้าของมือดังกล่าวจะโดดขึ้นมายืนบนดาดฟ้าเรือประจันหน้ากับผม ผิวหนังของเขาถูกถลกออกไปหมดเผยให้เห็นกล้ามเนื้อยุ่ย ๆกับกระดูกที่แทงทะลุผิวหนังออกมา สะอิดสะเอียดกว่านี้ก็คงเป็นพ่อหนุ่มที่ไม่มีแขนไม่ขาซึ่งปีนขึ้นมาบนเรือเป็นคนที่สองแล้วล่ะ

หลังจากคนที่สองขึ้นมา คนที่สาม สี่ ห้า และหกก็พากันตามมาเป็นพรวน สภาพแต่ละคนไม่มีชิ้นดีพอ ๆกัน

ผมอยากอ้วก แต่ก็ต้องกัดฟันวิ่งเข้าไปถีบยอดอกมนุษย์ไร้หนังคนแรกที่ปีนขึ้นมาด้านบน

“เอ๊ะ”ผมอุทานอย่างแปลกใจ ร่างของมนุษย์ไร้หนังปลิวตามแรงถีบของผมตกเรือไปโดยไม่ได้ต่อต้าน เมื่อหันมามองคนอื่น ๆก็พบว่าแต่ละคนมีสภาพง่อนแง่นไร้ทางสู้

เหมือนผมกำลังรังแกคนอ่อนแออยู่เลย

“ซอมบี้เหรอ...”ผมลองนึกคำจำกัดความที่คิดว่าใกล้เคียงที่สุดออกมา

แต่ถ้าคนพวกนี้เป็นซอมบี้จริงก็ไม่ควรมีสภาพศพแบบนี้สิ หรือว่าก่อนตายพวกเขาล้วนเคยถูกทรมานมาก่อน

มายืนคิดตอนนี้ก็ใช่ที่ ผมจัดการเตะเหล่าซอมบี้ศพเยินพวกนี้ลงทะเลทีละคนอย่างไม่ย่อท้อ แต่เตะลงไปคนหนึ่งก็มีอีกคนปีนขึ้นมา

ผมเตะร่วง อีกฝ่ายปีนขึ้น

วนเวียนไม่รู้จบ

คำว่าวนเวียนไม่รู้จบก็คือไม่รู้จบจริง ๆ

ผมน่าจะเตะซอมบี้ไปเป็นหมื่นครั้งได้แล้ว สุดท้ายจึงเปลี่ยนมาฟันใส่ร่างบ้างร่ายเวทใส่บ้าง แต่ศพที่ถูกโจมตีนั้นแม้จะได้รับความเสียหายแต่พวกมันสามารถซ่อมแซมตัวเองได้

พบแทบตาเหลือกเมื่อพบว่าทำลายด้วยกำลังไม่ได้ผล ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเตะลงทะเลไปเรื่อย ๆ

“ตกลงพวกนี้คือตัวอะไร!!”เสียงตะโกนอย่างอัดอั้นของผมดังก้อง

แข้งขาของผมเริ่มไร้เรี่ยวแรงเต็มที คาดว่าฝืนยันไว้ได้อีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

“เหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ถูกเจ้าฆ่า”

“ข้าไม่เคยฆ่าคน! หมาสักตัวก็ไม่เคยเตะ!!”ผมแย้งหน้าดำหน้าแดง

“วิญญาณแค้นสิงสู่อยู่ในอาวุธสังหาร บัดนี้อาวุธอยู่ที่เจ้า ความแค้นทั้งปวงจึงตกสู่เจ้า”

“แกเป็นใคร!!!? ลูคัสเหรอ”ผมตะโกนเสียงสั่น ลมหายใจติด ๆขัด ๆ คนอ่อนวิชาพละศึกษาแบบผมฝืนยืนหยัดมาได้นานขนาดนี้ก็เป็นบุญเท่าไหร่แล้ว ตาของผมพร่ามัวเพราะเหงื่อกาฬไหลเข้าตาแต่ไม่มีเวลาเช็ด สองมือสองทั้งเป็นระวิงปัดป้องกันตัว

พลันมีใครคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อของผมมาจากที่แสนไกล

“การั น ต์...”

“เสียงนี้มัน”ผมเหลียวมองหาที่มาของเสียง

มันช่างคุ้นหูและชวนอบอุ่นราวกับได้กลับบ้าน



-----------------------------------

ใช่ค่ะ มันตี้เป็นพระเอกของเรื่องนี้และคนที่เข้ามาช่วยน้องก็มันตี้ (ไม่ใช่แล้วววว) 55555



#พิชิตใจท่านเอเทม

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-12-2018 11:21:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

โง้ย...ลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน จิงวุ้ย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 22-12-2018 11:47:23
น้องจิกลายเป็นเจ้าแห่งศาสตร์มืดจริงๆ แล้วใช่ไหม
เย้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 22-12-2018 11:59:10
มันตี้น่ารัก แต่ท่านเอเทมต้องเป็นพระเอก ค่ะ ดังนั้นเขียนบทให้ท่านเอเทมด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-12-2018 12:33:12
ยังคงกอดความซวยไว้อย่างเหนียวแน่นนะการันต์

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-12-2018 13:44:38
ทำไมชีวิตการันต์ถึงซวยได้ขนาดนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 22-12-2018 18:26:00
มันนนนนนนนนนนนนนตี้  อยู่ไหนนนนนนนนนนนนนน​ :katai1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-12-2018 18:28:15
ชอบมากคับ
กำลังตามอ่านอยู่
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-12-2018 22:05:45
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-12-2018 23:52:04
อ่านทันแล้วคับ

สนุกมากๆ

แต่นายเอกกากไปหน่อย555

เป็นกำลังใจให้คับ

รอๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-12-2018 09:42:13
ตื่นเต้นๆ ท่านเอเทมหายไปไหน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-12-2018 12:19:18
รออ่านอยู่นะคับคนแต่ง

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH24-25 15/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 23-12-2018 12:59:44
ท่านเอเทมเปรียบเสมือนไอเทมเกมส์ที่แพงและเทพมากแต่ยังไม่ทันได้ใช้การันต์ก็คงตายก่อนไปแล้วววววววววววว5555555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 26-12-2018 07:19:39
ตอนที่26

“ท่านการันต์!!”

เฮือก

ผมสะดุ้งจนตัวโยน ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหันทำให้คนที่เกาะอยู่ข้างเตียงโดนผมชนกระเด็น ผมหันไปมองตามเสียงโครมครามก็พบว่าลันเทียนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้น

“ลัน แค่ก!”ผมจะลุกไปประครองอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับแห้งเหือด เรี่ยวแรงเหมือนระเหยออกจากแขนขาไปหมดสิ้น ผมทรุดลงคว่ำหน้ากับหมอนก่อนไอออกมาไม่หยุด”แค่ก อ่อก อึก...”

ผมกระอักเลือดออกมาระลอกใหญ่ โลหิตสีสดเอ่อทะลักออกมาจากปากของผมราวกับน้ำล้นเขื่อน ดวงตากับจมูกของผมเองก็มีหยาดน้ำเอ่อนองออกมา ตอนแรกคิดว่าน้ำมูกไหลเลยเอามือเช็ด ทว่าของเหลวที่ติดมือมากลับเป็นสีแดงเช่นกัน

ผมเลือดไหลออกทางตา จมูก ปาก และหู

เนื้อตัวเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเหมือนเพิ่งออกไปเดินตากฝนมาหมาด ๆ

“นะ นี่มัน...”ผมต้องการทราบว่ามันเกิดเรื่องบัดซบอะไรขึ้นแต่ผมไม่มีแรงแม้กระทั่งพูดให้จบประโยค สุดท้ายลันเทียที่ล้มกลิ้งเมื่อครู่ก็กระวีกระวาดขึ้นมาช่วยจับผมล้มตัวลงนอน

“ท่านหมดสติไปสามวัน...”

“อา...”ผมครางด้วยน้ำเสียงต่ำ

ผมจำได้ไม่มีลืม ภาพเหตุการณ์ที่ตนเองถูกฝูงซอมบี้รุมกัดก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียง

ดูเหมือนเหตุการณ์นั้นเองก็เป็นความฝัน

ผมนอนหลับตา ปล่อยให้ลันเทียเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดทำความสะอาดให้

มันตี้ที่ยืนหลบมุมอยู่ในที่แรกกระโดดผล็อยมานั่งบนอกผม เมื่อมันเห็นว่าลันเทียจัดการปรนณิติผมเสร็จแล้วจึงออกปากไล่”เจ้าหนูผู้น่ากิน ตอนนี้เจ้าออกไปก่อน ข้ามีธุระต้องคุยกับเขา”

“แต่...”

“อย่าขัดคำสั่งข้า!!”ลันเทียทำท่ายึกยักจึงโดนมันตี้ตวาดใส่อย่างแรง สุดท้ายคนน่ารักเลยต้องก้มหน้าเก็บกะละมังกับผ้าเช็ดตัวออกจากห้องไปอย่างจ๋อย ๆ

“เจ้าโง่! เกือบตายแล้วรู้ไหม!”

ผมถลึงตาใส่เจ้าแมวผี ก็เพราะเอ็งไม่ใช่เรอะที่มาฟาดหัวข้าให้สลบน่ะ!

มันเองก็คงรู้ว่าผมมองแรงใส่เพราะอะไรมันจึงช่วยเฉลย

“ข้าสัมผัสได้ว่าอัศวินอันดับหนึ่งคนนั้นกำลังจะร่ายเวทห้วงนิทรา คาดว่าเขาคงมีข้อความต้องการส่งถึงเจ้าแต่ให้พูดโดยตรงคงไม่สะดวกข้าจึงตีหัวเจ้าจะได้หลับเร็ว ๆ คิดไม่ถึงว่าเพราะเจ้าหลับแบบไม่ทันตั้งตัวห้วงฝันของเจ้าจึงถูกแทรกแซงจากบุคคลที่สาม...”

เวทห้วงนิทราเป็นเวทมนต์ชั้นสูง ฝึกยาก ร่ายยาก และเปลืองพลังเวทมหาศาล มีประโยชน์ในการเข้าฝันคนอื่น ทำตัวเหมือนผีอากงอาม่าไปใบ้หวย นอกจากจะมีประโยชน์แค่เข้าไปเที่ยวเล่นในฝันชาวบ้านแล้วก็ไม่มีฟังก์ชันอื่นอีก ประกอบกับใช้ยาก เวทนี้จึงแทบไม่มีใครใช้เป็น ผมเองก็เคยได้ยินแต่ชื่อเท่านั้น

เจ้ามันตี้ถอนหายใจแรง ๆหนึ่งครั้ง

“ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าเข้าไปคุยกับอัศวินอันดับหนึ่งในฝันเรียบร้อยเลยนอนบ้าง ปรากฏว่าไม่นานหลังจากนั้นเจ้าอัศวินอันดับหนึ่งก็วิ่งมาพังประตูห้องเจ้า เขย่าเจ้าอย่างแรงจนหัวเจ้าแทบหลุดแต่เจ้าก็ยังไม่รู้สึกตัว เท่านั้นแหละ...ข้ากับเขาก็รู้ทันทีว่างานเข้าเจ้าแล้ว”

“อะ...”ผมอ้าปากพงาบ ๆ พยามแสดงตัวว่าติดตามเนื้อเรื่องอยู่นะ เพื่อไม่ให้คนเล่าเงียบเหงาเกินไป

มันตี้ถอนหายใจอีกรอบ

“ทีแรกเจ้าอัศวินดำวิ่งไปลากคอลูคัสที่ห้อง แต่ปรากฏว่าคนที่นอนอยู่ในห้องคือลูคัสตัวจริงซึ่งปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเช่นกัน เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ พวกลูกกระจ๊อกก็ดูเหมือนจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลูคัสที่ขึ้นเรือมาตอนแรกเป็นตาแก่หลังค่อม”

ผมพยักหน้าเบา ๆสองสามที ได้ยินว่าท่านเอเทมทราบเรื่องแล้วผมก็ค่อยยังชั่ว

“เวทที่กักเจ้าไว้ในความฝันไม่ใช่เวทห้วงนิทรา แต่เป็นห้วงฝันอเวจี มันคือศาสตร์มืด...”

“...”

“อัศวินดำเองก็ทำอะไรไม่ได้ ศาสตร์มืดต้องทำลายด้วยศาสตร์มืดนั่นคือกฎเหล็กของโลกนี้ จนมีคำกล่าวว่าสิบคนโดนสาปมีชีวิตรอดกลับมาศูนย์คน ก็เพราะมันน่ากลัวปานนี้พอรู้ว่าในตัวเจ้าครอบครองศาสตร์มืดนับพันแขนงพวกเขาถึงได้อยากกำจัดเจ้าจนตัวสั่น”

“...”

“สุดท้ายเห็นแก่เจ้าที่มีกลิ่นอายเหมือนเจ้านายข้าจึงช่วยพาอัศวินดำเข้าไปในความฝันของเจ้าได้สำเร็จ อย่าลืมขอบคุณข้าด้วยล่ะ แต่ข้าส่งเขาเข้าไปตั้งสามวันแล้ว กว่าจะพาเจ้าออกมาสำเร็จไม่รู้มัวชักช้าโอ้เอ้อะไรอยู่ เหอะ”เจ้ามันตี้ส่งเสียงเหอะในลำคอ มันวางมาดเหมือนไม่เคยโดนท่านเอเทมไล่กระทืบมาก่อน

ผมมองบนใส่มันพลันนึกถึงเสียงที่ตะโกนเรียกชื่อผมท่ามกลางฝูงซอมบี้

นั่นคงเป็นเสียงของท่านเอเทม

ว่าแต่เขาตะโกนมาจากทางไหนกันนะ

“เขาล่ะ”ผมพยามรีดเค้นเสียงแหบ ๆออกมาเป็นคำ

“อยู่ในห้อง เนื่องจากตอนพาเขาเข้าไปในฝันของเจ้าต้องทำกันแบบลับ ๆเขาเลยกางอาคมเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน”จะว่าไปเจ้ามันตี้ส่งท่านเอเทมเข้าไปในฝันของผมแบบนี้ก็แปลว่ามันต้องใช้ศาสตร์มืดต่อหน้าท่านเอเทม

โดนจับได้แล้วสินะ

เหมือนเจ้าแมวดำจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่มันจึงขยายความ”ข้าให้เขาสาบานว่าข้าจะส่งเขาเข้าไปช่วยเจ้า แลกเปลี่ยนกับเขาห้ามแพร่งพรายความลับของข้าให้ใครรู้”

นี่มันสัญญาที่ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวเลยนี่หว่า!!

ผมหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก พอคุยมาจนถึงจุดนี้ภาพส่วนท้ายของความฝันเริ่มแจ่มชัดขึ้นมาบ้าง

ดูเหมือนตอนที่ผมโดนพวกซอมบี้รุมแทะเนื้ออยู่ท่านเอเทมจะวิ่งเข้ามากระชากผมออกจากวงล้อม พอเห็นสภาพของท่านเอเทมผมก็ตกใจเพราะร่างกายของเขามีแต่แผลกับเลือดเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าไปวิ่งผ่านสนามรบที่ไหนมา

“เวทห้วงฝันอเวจีจะว่าน่ากลัวก็ไม่ใช่ มันคือเวทที่ขุดเอาส่วนลึกของจิตวิญญาณออกมาหลอกหลอน สำหรับคนที่กินอิ่มนอนหลับใช้ชีวิตปกติแทบไม่ได้รับผลกระทบอันใดจากเวทนี้เลย”มันตี้กล่าว

“เดาว่าในฝันของเจ้าคงเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้านายเก่าเคยกระทำไว้ เพราะเจ้าได้รับพลังเวทและเคล็ดวิชาทั้งหมดมาจากเขา วิญญาณแค้นสิงสู่อยู่ในอาวุธสังหาร บัดนี้อาวุธอยู่ที่เจ้า ความแค้นทั้งปวงจึงตกสู่เจ้า”

อา ประโยคนี้คนปริศนาในฝันก็พูด

ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“ยิ่งมีความทรงจำที่เจ็บปวด เวทห้วงฝันอเวจียิ่งทรงพลัง”

“อา...”

“ในฝันยิ่งเจ็บปวดโชกเลือกเพียงใด สะท้อนให้เห็นว่าหัวใจเจ็บปวดยิ่งกว่านั้นนับร้อยเท่าพันทวี”

“อา...”

“และเมื่อหัวใจเจ็บปวด ศาสตร์มืดก็จะสะท้อนความเจ็บปวดมาสู่ร่างกาย นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าจึงกระอักเลือดออกมาเป็นกะละมัง”

“อา...”ผมส่งเสียงงืมงำในลำคอ สติกำลังจะดับวูบเพราะความเหนื่อยล้า

ทว่าสมองของผมพลันย่อยคำพูดของมันตี้เสร็จ

“พาข้าไปหาท่านเอเทมเดี๋ยวนี้!!”ผมตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงที่ดังไม่น้อย ไอ้มันตี้ตวัดหางตาไม่พอใจใส่ผมเพราะผมกำลังออกคำสั่งกับมัน แต่พอเห็นผมกำลังตาลีตาเหลือกล้มลุกคลุกคลานลงจากเตียงเจ้าแมวผีก็รีบวิ่งกลับมาหาผม

“เจ้าจะไปไหน!? ทำไมไม่นอนพัก”

“ท่านเอเทม ท่านเอเทม ท่านเอเทม แค่ก...”เสียงแหบแห้งของผมเปล่งออกมาได้เพียงแค่วลีเดียวหลังจากนั้นก็ไอเป็นเลือดออกมาอีกระลอกหนึ่ง ทรุกตัวลงนอนคู้อยู่บนพื้นไม้ข้างเตียงอย่างทุกข์ทรมาน

แต่ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้กลับไม่ทำให้ผมยอมแพ้ เจ้ามันตี้พอเห็นผมตะเกียดตะกายไปที่ประตูห้องสำเร็จก็ได้แต่ยืนอึ้ง สุดท้ายมันก็เข้ามาใช้ร่างเล็ก ๆขนาดเท่าแมวบ้านของมันลากผมไปที่หน้าประตูห้องของท่านเอเทมอย่างทุลักทุเล

“ท่าน...เอเทม”

“รู้แล้ว ๆ ข้าจะช่วยทำลายอาคมนี้ให้เดี๋ยวนี้แหละ”เจ้าแมวผีวางผมพิงกับผนังฝั่งตรงข้าม ก่อนลงมือทำลายเขตุอาคมที่ท่านเอเทมกางไว้มันก็หันมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงกลัวว่าจะมีใครโผล่มาเห็นอยู่นาน

กระทั่งอาคมเวทถูกทำลาย ผมกัดฟันงัดแรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง

แล้วสภาพภายในก็ไม่จืดดังคาด

“เห้ย!!”เจ้ามันตี้ที่วิ่งตามเข้ามาที่หลังที่กับร้องออกมาด้วยความตกใจ

มันรีบหันไปปิดประตูก่อนกางเขตอาคมใหม่หนึ่งชั้นกันคนนอกเข้ามาเห็น

ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนค่อย ๆสืบเท้าเข้าไปที่เตียง

“ท่านเอเทม...”ผมส่งเสียงเรียกชายที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา ผมทั้งไม่มีแรงทั้งตกใจ ความรู้สึกตอนนี้เป็นเช่นไรก็ไม่อาจบอกกล่าวได้ รู้เพียงแค่ผมต้องช่วยเขา”มันตี้ ไปเอากะละมังกับผ้าเช็ดตัวมาให้หน่อย”

“อา...อืม”เจ้าแมวผีรับคำก่อนวิ่งออกจากอาคมไป อาคมนี้มันเป็นคนกางจึงสามารถวิ่งเข้าวิ่งออกได้อย่างอิสระ

ผมค่อย ๆหย่อนกายลงนั่งบนเตียง เอนหลังพิงหัวเตียงเอาไว้และใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของเขาเอาไว้อย่างอ่อนแรง

ท่านเอเทมหมดสติไปแล้ว บนเตียงมีแต่เลือด ผ้าปูที่นอนซึ่งเดิมเป็นสีขาวบัดนี้ถูกย้อมเป็นสีแดงหมดจด บ่งบอกว่าชายคนนี้เสียเลือดไปมากมายขนาดไหน

“ทำไมท่านถึงยอมเข้าไปล่ะ”ผมเปล่งเสียงแหบแห้งออกมาอย่างไร้ค่าเพราะว่าคนที่ผมกำลังถามไถ่อยู่ยังคงนอนไม่ได้สติ ผมไม่รู้ว่าเขามีอดีตอะไร แต่มันต้องเป็นฝันร้ายชนิดที่ฝูงซอมบี้พวกนั้นมีค่าแค่ทุ่งดอกไม้

ขึ้นชื่อว่าอัศวินอันดับหนึ่ง แม้ใช้ศาสตร์ต้องห้ามไม่เป็นแต่เขาย่อมเคยได้ยินอิทธิฤทธิ์ของเวทห้วงฝันอเวจีแน่ แปลว่าเขารู้อยู่แก่ใจดีว่าถ้าหากบุกเข้าไปช่วยผมออกมาเขาจะต้องเผชิญกับอะไร

“เกือบตายแล้วนะ”

“เจ้าก็ด้วย...”ในขณะที่ผมกำลังจะเลื้อยตัวลงไปนอนบนเตียงบ้าง เพราะเห็นว่าเตียงของท่านเอเทมใหญ่ดี เสียงทุ้มปนแหบของคนที่ควรนอนหมดสติอยู่ก็ดังขึ้นข้างหู

เขาลืมตาขึ้นมามองผมทั้ง ๆที่หางตาของเขายังมีน้ำตาเลือดไหลออกมาไม่ขาดสาย

เขาเขยิบตัวชิดเข้าไปด้านในเพื่อให้เตียงมีที่ว่างพอให้ผมล้มตัวลงนอน

“ขอโทษ”ผมเอ่ยเสียงแผ่วขณะทิ้งตัวลงนอน

ท่านเอเทมถีบผ้าห่มลงจากเตียง ผมคิดว่าเขาคงอยากทิ้งทั้งผ้าปูกับปลอกหมอนเพราะพวกมันเปื้อนเลือดเต็มไปหมดผมจึงหยุดมือเขาไว้ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนในเวลาแบบนี้

ผมหัวเราะเบา ๆขณะจับมือหนาเอาไว้

พอเห็นรอยยิ้มของผมท่านเอเทมก็จ้องมองเงียบ ๆ แต่พอผมเริ่มใช้เวทรักษา แสงสีขาวนวลปรากฏบนฝ่ามือข้างที่พวกเราจับกัน ท่านเอเทมก็พยามชักมือหลบ”เก็บแรงของเจ้าไว้เถอะ แค่นี้ข้าไม่ตายหรอก”

“ได้ยังไงกัน ข้าต้องรับผิดชอบสิ”ผมเถียงและยังคงกุมมือของเขาเอาไว้แน่น

บอกตรง ๆ เมื่อวัดจากปริมาณเลือดที่กระอักออกมาผมคิดว่าท่านเอเทมน่าจะบาดเจ็บภายในตับแตกม้ามพังไปแล้วแต่เขากลับยังสามารถประครองสติไว้ได้แถมยังมีแก่ใจมาเป็นห่วงผมอีก ผมล่ะนับถือในความอึดนี้

“ข้าขอโทษ”ผมเอ่ยอีกครั้ง”ท่านต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะข้า ดังนั้นให้ข้ารับผิดชอบเถอะนะ”

“...”

“...”

ผมคิดว่าเขายินยอมให้ผมใช้เวทรักษาแล้ว ทว่าหลังจากเงียบไปนานสองนานเสียงทุ้มกลับดังขึ้นอีกครั้ง

ด้วยประโยคเดียวกัน

แต่ผมกลับไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ

“คนที่ต้องขอโทษคือข้า เจ้าต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะข้า ดังนั้นข้าควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบ”



-----------------------------

ท่านเอเทมนั้นมีความลับที่อยู่ในใจ มีความลับที่อยู่ข้างใน 555

#พิชิตใจท่านเอเทม

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 26-12-2018 08:19:04
กรี๊ด เข้มข้นมาก เลือดก็มากด้วย

ยังไงคะท่านเอเทม ไปทำอะไรไว้เยอะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-12-2018 08:58:07
รอชมความลับบ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-12-2018 09:14:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-12-2018 10:22:34
อยากรู้ความลับในใจท่านเอเทมอ่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 26-12-2018 12:07:58
จริงๆ แล้วทั่นเอเทมเป็นคนซาดิสต์งี้เนอะ
//หงายเงิบ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-12-2018 12:29:12
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 26-12-2018 13:36:57
ความลับนี้มันคืออะไร นี่อยากรู้จริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-12-2018 14:05:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย.....ลึกลับซับซ้อน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 26-12-2018 21:59:47
มาแล้วๆ

ขอตัวไปอ่านก่อน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-12-2018 22:11:11
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 26-12-2018 22:14:07
ขอให้นายเอกเก่งไวๆ

จะได้ช่วยกันปราบสิ่งชั่วร้ายไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-12-2018 22:46:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH26 26/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 29-12-2018 01:29:16
ความลับที่ว่าคืออะไรรรร  แล้วจะเป็นไงต่อไปปปปป
รอตอนต่อไปค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 29-12-2018 09:14:48
ตอนที่27

เจ้ามันตี้สมควรได้รับรางวัลโนเบล สาขาสัตว์เลี้ยงดีเด่น

ใช้ศาสตร์มืดพาเข้าห้วงฝันอเวจี กางอาคม ร่ายเวทรักษา เช็ดตัว เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ใด ๆทั้งหมดล้วนจัดการได้อย่างไร้ที่ติ

“จะกลับห้องไหม”เจ้ามันตี้ถามผมหลังจากมันเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและเตรียมชุดใหม่ให้ผมกับท่านเอเทมเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อย มันคงเห็นผมเกาะท่านเอเทมหนึบจึงถามไปอย่างนั้นเอง เจ้าก้อนฟู ๆสะบัดหางออกไปก่อนที่ผมจะตอบอะไร ดังนั้นภายในห้องจึงเหลือแค่ผมกับท่านเอเทมเท่านั้น

เนื่องจากได้รับเวทรักษาจากผมและสัตว์เลี้ยงของผมไปเล็กน้อย บัดนี้ท่านเอเทมจึงกระปรี้กระเปร่าลุกขึ้นมานั่งหน้านิ่งทอดสายตามองผมที่นอนแหงแก๋เป็นผักต้มอยู่ข้าง ๆ

“นอนสิท่าน”ผมเอามือตบ ๆบนที่นอนเพราะไม่อยากโดนเขามองนานนัก

“นอนมาสามวันแล้ว”

ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงเมื่อได้ยินเขาตอบเช่นนั้น ความจริงผมอยากถามเรื่องเมื่อครู่ว่าเขาทำอะไรผิดถึงต้องมาขอโทษผมแต่เพราะเมื่อกี๊เจ้ามันตี้เข้ามาขัดจังหวะก่อนบทสนทนาของพวกเราจึงชะงักไป

“ในฝันนั่นเจ้าเห็นอะไรบ้าง”ท่านเอเทมถาม นี่ไม่ใช่การถามไถ่ตามมารยาทแต่เป็นการสอบปากคำชนิดหนึ่ง

“ก็ ทั่ว ๆไป เพราะข้าต้องอยู่ในโลกนี้ลำพัง ในฝันคนรอบตัวผมเลยหายไปหมด วิ่งไปวิ่งมาบนเรืออยู่คนเดียว”ผมเลือกที่จะเล่าแค่ตอนต้นของฝัน ผมไม่กล้าพูดถึงเรื่องซอมบี้ฝูงนั้นเพราะคิดว่ามันเป็นความฝันส่วนของดาร์กลอร์ด

“มีคนใช้เวทสิงร่างลูคัส ข้าเดาว่าเป็นคนของลัทธิหนึ่งเหมันต์”

!!?

“เจ้าเคยได้ยินหรือ”เสียงทุ้มถามเพราะเห็นผมทำสีหน้าตกใจ

“เอ้อ...”ผมเอ่ยอ้อมแอ้ม สมองพยามใคร่ครวญหาข้อแก้ตัว ทว่าในระยะเวลาสั้น ๆมิหนำซ้ำยังโดนสายตาคมกริบจับจ้องอยู่ทำให้ผมคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าสมควรสารภาพเรื่องที่โดนทาบทามเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มได้หรือไม่

กระทั่งผมกำลังจะจนมุมท่านเอเทมกลับเอ่ยขึ้นมาแทน”ลัทธินี้เป็นหนึ่งในลัทธินอกรีต งานหลักคือฝึกวิชาต้องห้าม งานรองคือรับจ้างทำงานผิดกฎหมาย แต่เดิมเป็นแค่กลุ่มคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่เพราะเกิดเรื่องของดาร์กลอร์ดทำให้มีมีคนหันเข้าหาศาสตร์มืดมากขึ้น จากลัทธิเล็ก ๆบัดนี้ขยายรากฐานใหญ่โต”

“แม้แต่ท่านก็ปราบปรามไม่ได้หรือ”

“พวกมันอยู่ในที่ลับ ข้าอยู่ในที่แจ้ง ทางการเคลื่อนไหวไปทางซ้ายพวกมันวิ่งหนีไปทางขวา จับได้แค่พวกปลายแถวสุดท้ายลัทธิยิ่งเพิ่มพูนขุนกำลัง”

“อา...นั่นร้ายกาจมากทีเดียว”ผมไม่รู้จะกล่าวอะไรได้อีก เมื่อทราบว่าเจ้าลัทธินี้เกี่ยวพันกับศาสตร์มืด หากบอกออกไปตรง ๆว่าพวกมันปลอมตัวเป็นท่านลูคัสเพราะอยากมาหยั่งเชิงผมว่าผมครอบครองพลังอันมหาศาลของดาร์กลอร์ดอยู่หรือไม่ และพวกมันยังเชื้อเชิญผมเข้าร่วมแกงค์อีก

แบบนี้ก็ไม่ต้องไปทำมันแล้ว ภารกิจทางเหนืออะไร กลับไปรับโทษประหารเลยดีหว่า

เอ๊ะ หรือว่าจะอาศัยจังหวะที่ท่านเอเทมอ่อนแอชิ่งหนีดี

อ่อนแองั้นเหรอ เหอ ๆ เท่าที่ดูด้วยสายตาแม้ท่านเอเทมจะบาดเจ็บภายในหนักกว่าแต่อย่างไรฝ่ายที่อ่อนแอกว่าก็ยังเป็นผมอยู่ดี

ผมนอนเปื่อยเป็นผักต้ม หนังตาจะปิดแหล่มิปิดแหล่ในขณะที่เขานั่งหน้าเครียดซักถามนู่นนี่ไม่เลิกรา

“ก่อนหน้านี้ มันติคอร์ให้ข้าทำข้อแลกเปลี่ยน เพื่อส่งข้าเข้าไปในห้วงฝันแลกกับไม่เปิดโปงตัวจริงของมัน”

“ครับ...”ผมตอบเสียงจ๋อย ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว

“ข้าเองก็มีข้อแลกเปลี่ยน อยากให้เจ้าช่วยตกลง”

“เห...”ผมเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาสีฟ้าของท่านเอเทมยังคงไม่ละไปจากผมทว่าแววตาคู่นั้นกลับฉายแววลำบากใจ

“หลังสิ้นสุดภารกิจที่ชายแดน ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

!!?

“ข้อแม้ก็คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์มืดเด็ดขาด”

“...”

“การันต์ เจ้าทำได้ไหม”

“...”

เราสองคนจ้องตากันอยู่เนิ่นนาน

“ได้”สุดท้ายผมก็ควานหาสติพบ”ข้าสัญญา จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

หลังจากตกลงสัญญาใจกันเรียบร้อยผมกับท่านเอเทมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก ผมไม่กล้าถามว่าทำไมเขาถึงใจดีกับผมขนาดนี้และเขาเองก็ไม่ซักไซร้เอาความเรื่องดาร์กลอร์ดกับผมอีก พวกเราเริ่มง่วงจึงปิดไฟนอน

ในขณะที่ผมกำลังจะหลับไปเพราะร่างกายอ่อนล้าเกินทน คนที่นอนอยู่ข้าง ๆก็หันมาสวมกอดผมเอาไว้ เป็นเพียงอ้อมกอดหลวม ๆแต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างน่าประหลาด

“ท่านเอเทม...”

“หืม?”

“อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้จัง”ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาหาผมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ทั้ง ๆที่ผมควรจะดีใจตอนที่อีกฝ่ายบอกให้ผมหนีไปโดยมีแค่สัญญาใจว่าห้ามใช้ศาสตร์ต้องห้าม แต่ผมกลับรู้สึกเหงาจนน้ำตาแทบไหล

“เจ้าต้องเข็มแข็งนะ”เหมือนเขากำลังสอนผมอย่างทุกครั้ง เวลาที่ผมใช้เวทไม่ได้แล้วเริ่มงอแงเขามักจะพร่ำบอกให้ผมเข้มแข็ง พยามพูดให้ผมยืนหยัดด้วยตัวเอง แต่ผมรู้ดีว่ามันยากเกินไป หากเป็นที่กรุงเทพล่ะก็ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้สบายมากนะ หรือแม้แต่ที่อัสโตเรียผมก็อยู่ได้เพราะผมอยู่มาให้เห็นแล้วตั้งครึ่งปี

แต่ผมอยู่โดยที่ต้องวิ่งหนีการตามจับหัวซุกหัวซุน ย้ายแหล่งกบดานไปเรื่อย ๆ มีคนจ้องจะเอาชีวิตตลอดเวลา เพื่อนสักคนก็มีไม่ได้ตลอดชีวิตไม่ได้หรอก

“ฮึก...”น้ำตาของผมหยดแหมะ ๆ มันคงไหลไปโดนหลังมือของคนที่กอดผมเอาไว้ด้วยดังนั้นท่านเอเทมจึงกอดผมแน่นขึ้น

“การันต์ ข้าขอโทษ”

“ท่านขอโทษเรื่องอะไร ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว”

“...”อัศวินดำเลือกที่จะเงียบและกอดผมให้แน่นขึ้น เขาฝังใบหน้าลงมาตรงซอกคอของผมชวนให้รู้สึกจั๊กจี๋และสยิวพิลึก แต่ไม่นานผมก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าพระอาทิตย์สาดแสงแรงกล้าทะลุม่านเข้ามาแล้ว และคนที่เข้านอนข้างกันเมื่อคืนก็ไม่อยู่แล้ว เหลือแค่เจ้ามันตี้ที่ยืนเลียขนตัวเองอยู่ข้างเตียง

“ตื่นได้สักที อย่ามัวโอ้เอ้ พวกเราใกล้ถึงแล้ว ข้าจะมาบอกเจ้าว่าข้าจะขอลงไปสำรวจพื้นที่ข้างล่างนั่นก่อน เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เจ้าอัศวินดำนั่นคิดจะจับเจ้าเมื่อไหร่ข้าจะได้พาเจ้าหนีไปโรมานอสซาร์ทัน”

“อื้ม ได้ ๆ”ผมพูดเสียงหงอย คำว่าหนีสำหรับผมฟังแล้วชวนสะเทือนใจมากกว่าคำว่าตายเสียอีก

บางทีผมก็คิดนะว่าพอตายเรื่องทุกอย่างก็จบ ตรงข้ามกับการอยู่อย่างทรมานเหมือนตายทั้งเป็น

โชคดีที่เจ้ามันตี้ไม่ได้ติดใจสงสัยสีหน้าอันหดหู่ของผม มันแค่พยักหน้าก่อนกระโดดออกจากหน้าต่างห้องนอนของท่านเอเทมไปทั้งอย่างนี้

ผมเองก็เดินกลับห้องตัวเองเพื่อไปเปลี่ยนชุด เมื่อคืนได้สติแบบปุบปับหลังจากเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นผมจึงไม่ทันสังเกตุว่าอากาศรอบตัวหนาวเย็นจนขนลุกซู่ ผมเดินกอดอกงอตัวกลับมาที่ห้องของตัวเองก็พบว่าลันเทียกำลังนั่งหลับคอพับคออ่อนอยู่ข้างเตียงของผม

“ลันเทีย เจ้ามานอนทำอะไรตรงนี้”

“อ๊ะ ท่านกลับมาแล้ว!? ไปไหนมาน่ะ ทำไมถึงชอบทำให้เป็นห่วงนัก”ร่างบางรีบถลาเข้ามาพลิกซ้ายพลิกขวาผมอย่างเป็นห่วงทันที หารู้ไม่ว่าการกระทำที่แสดงออกถึงความห่วงใยนี้ทำให้อกซ้ายของผมรู้สึกเจ็บขึ้นมาเบา ๆ

ผมไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงแค่ยิ้มให้ ลันเทียเองก็รู้งาน เจ้าตัวหันไปหยิบเสื้อผ้ากันหนาวยื่นส่งให้ผมก่อนขอตัวออกจากห้องไป ผมเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดเครื่องแบบอัศวินฤดูหนาวและพันผ้าพันคอทับอีกทบหนึ่ง

เรื่องนี้ต้องเท้าความไปยังถิ่นกำเนิดเดิมของผม สยามเมืองยิ้มนั้นเป็นประเทศที่ไม่มีฤดูหนาว ตัวผมเองก็ไม่เคยเห็นหิมะด้วยตาตัวเองมาก่อนดังนั้นเมื่อผมเปิดประตูออกไปยังดาดฟ้าเรือ ลมหนาวโชยมาปะทะใบหน้าก่อนพายุหิมะจะถาโถมเข้าใส่จนหน้าสั่น ผมต่อสู้กับความหนาวไม่ได้อีกต่อไปจึงปิดประตูกลับเข้าไปด้านในเพื่อตั้งหลัง

แต่พอผมปิดประตูเดินถอยหลังได้ไม่กี่ก้าวก็ถอยจนหลังไปชนเข้ากับแผงอกของท่านเอเทมเข้า

ผมหันไปมองเขาก่อนรีบขยับตัวออกห่าง”ที่ ๆข้าจากมาเป็นเมืองร้อนน่ะ”

“ท่านใส่เสื้อบางขนาดนี้ไม่หนาวแย่หรือ”ผมชวนคุย เห็นเขายังใส่เครื่องแบบเหมือนตอนอยู่ในเมืองหลวงผมเห็นแล้วรู้สึกหนาวแทน

“ที่ ๆข้าจากมาหนาวกว่านี้”เสียงทุ้มกล่าวเรียบ ๆ ตัวเขาเป็นชาวโรมานอสซาร์ในอดีตไม่ว่าจะความเย็นหรือพายุหิมะล้วนเผชิญจนชินชา

ตามปกติเมื่อบทสนทนาสิ้นสุดเขาจะไม่เสียเวลายืนมองหน้าผม แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรท่านเอเทมถึงใจเย็นยืนทอดหุ่ยสนทนาพาทีกับผมต่ออีกสองสามประโยค”แต่ความจริงฤดูนี้ไม่ควรมีหิมะตก”

“อ้าว...แล้วทำไมตอนนี้มันถึงตกล่ะ”

“หลายปีที่ผ่านมาอุณหภูมิของโรมานอสซาร์ลดต่ำลง ฤดูหนาวยาวนานขึ้น คาดว่าชายแดนแห่งนี้ได้รับผลกระทบเช่นกัน”ท่านเอเทมอธิบายให้ผมฟัง คราวนี้เรื่อเหาะกำลังจะแล่นลงจอดแล้วดังนั้นผมกับเขาจึงต้องเดินออกไปตรวจดูความเรียบร้อยของผู้บังคับบัญชาที่ดาดฟ้าเรือ

“ท่านลูคัสเป็นอย่างไรบ้าง”ผมเอ่ยถามขณะเขยิบตัวหลบลมหลังคนตัวใหญ่กว่าแบบเนียน ๆ

ท่านเอเทมส่ายหน้าแทนคำตอบ

“แล้วเขาจะฟื้นขึ้นมาไหม”

“เรื่องนี้คงต้องรอกลับเมืองหลวง”

“ถ้าเราจับคนของลัทธิหนึ่งเหมันต์ได้ล่ะ”ผมเสนอความคิดเห็น ไม่ว่าอย่างไรท่านลูคัสก็ดีกับผมมาตลอด การที่เขาโดนคนของลัทธินอกรีตเข้าสิงควบคุมร่างกายดัดแปลงความทรงจำของผู้อื่นที่มีต่อเขาในครั้งนี้เป็นความผิดของผมเต็ม ๆ

“ข้าอยากช่วยเขา”

“พวกเราแล่นเรือมาอย่างอึกทึกเช่นนี้ เกรงว่าพวกลัทธิคงไม่นอนรอให้เจ้าจับเฉย ๆ”

“ขอเวลาสืบ!”

“เต็มที่เลย ยังไงก็ภารกิจสุดท้ายแล้ว”

“...อ่า อืม”คำว่าสุดท้ายฟังแล้วแสลงหูชอบกล

บอกตรง ๆว่าหลังจากรู้จักท่านเอเทมกับลันเทียมากว่าหกเดือนผมผูกพันกับคนทั้งคู่มาก พวกเขาเสมือนครอบครัวของผมในโลกแห่งนี้ หากผมต้องหนีไปกับเจ้ามันตี้ก็แปลว่าผมต้องเริ่มนับศูนย์ใหม่และอาจจะมีแค่ค่าศูนย์ที่รอคอยผมอยู่

ผมส่งสายตาหงอยเหงาไปให้คู่สนทนา ทว่าเขาเพียงชำเลืองมองเพียงชั่วขณะก็เดินไปสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ลดระดับความสูงของเรือลง ทิ้งให้ผมยืนกอดเสาคลายหนาวอยู่ที่เดิม



-----------------------------------

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ นะคะ รักๆๆๆๆ



#พิชิตใจท่านเอเทม

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-12-2018 10:15:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

ท่านเอเทมนี่ลึกลับโคดอ่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-12-2018 10:16:02
Hny ค่าาาา
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-12-2018 10:42:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-12-2018 14:30:10
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 29-12-2018 18:54:32
มันสั้นมาก

ขออีกๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 29-12-2018 19:10:43
สนุกมากเลยค่ะ


Sent from my iPad using Tapatalk
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 29-12-2018 20:06:10
มันตี้สุดยอดขี้ข้าตะหาก 5555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-12-2018 23:58:25
อย่กได้มันตี้ 5555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-12-2018 00:57:22
 o18


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-12-2018 18:08:40
น้องสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH27 29/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-12-2018 19:09:36
ท่านพี่ขอโทษน้องด้วยเรื่องอะไรนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH28 02/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 02-01-2019 13:49:28
ตอนที่28

เมื่อเท้าสัมผัสพื้นดินลันเทียก็ปรี่มาหาผม เจ้าตัวเป็นผู้ติดตามผมดังนั้นจึงไม่ต้องทำตามคำสั่งของท่านเอเทมเหมือนกับพวกอัศวินลูกกระจ๊อกคนอื่น ๆ”พวกเรามีหน้าที่อะไรบ้าง”

“นั่นน่ะสิ เจ้าต่างหากที่ต้องบอกข้าว่าเราควรทำอะไร เพราะตอนวางแผนประชุมเพลิงข้าไม่ได้เข้าร่วมสักครั้ง”ผมหมดสติอยู่จึงไม่รู้ว่าเขาวางแผนอะไรกันบ้าง

“ดูเหมือนจะเกิดการหายตัวไปอย่างปริศนาของลูกบ้านในหมู่บ้านหนึ่ง พื้นที่ใกล้เคียงเองก็มีข่าวลือว่าพบเห็นบุคคลไม่คุ้นหน้าเดินเข้าเดินออกตรงเขตชายแดน อ้อ ท่านควรรู้ไว้ว่าโรมานอสซาร์ตอนนี้กลายเป็นมังกรไร้เศียรไปแล้ว ราชวงศ์กับคณะปฏิวัติถูกกวาดล้าง สูญเสียตำแหน่งผู้นำสองครั้งติด บัดนี้จึงมีแค่พวกขุนนางช่วยกันประคับประครองไปวัน ๆ เศรษฐกิจตกต่ำ เกิดคดีอาญาทุกหย่อมหญ้า ยาเสพติด ลัทธินอกรีต กลุ่มอิทธิพลมืด ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด”

“เคยได้ยินมาบ้าง”

“ดังนั้นการที่มีกลุ่มคนปริศนาลักลอบเข้ามาในอัสโตเรียจึงไม่ใช่สัญญาณที่ดี ท่านเอเทมจะแบ่งกำลังพลไปสำรวจที่ทุ่งซินเซียน”

“ทุ่งซินเซียน?”

“มันคือนรกที่มาในรูปแบบของความหนาว กินพื้นที่ใหญ่กว่าเมืองหลวงของอัสโตเรีย มีหิมะตกเกือบตลอดปีทำให้หิมะถมสูงเลยเอวเผลอ ๆถึงอก เป็นพรมแดนธรรมชาติที่กั้นสองราชอาณาจักรออกจากกัน แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศอันเลวร้ายทำให้การป้องกันทางทหารอ่อนแอ”ลันเทียอธิบายน้ำไหลไฟดับ เนื่องจากตอนที่เขาอพยพหนีภัยมาก็ใช้เส้นทางซินเซียนที่มีการป้องกันต่ำแต่มีโอกาสหนาวตายสูงเส้นนี้นี่เอง

“ข้าไม่ให้เจ้าไปนะ บอกไว้ก่อน”ผมรีบเอ่ยขัด

“ตอนแรกพอพวกเขารู้ว่าข้าอพยพโดยเดินฝ่าซินเซียนมาก็มีหลายคนที่ออกเสียงสนับสนุนให้ข้าเป็นผู้นำหน่วยสำรวจ แต่ท่านเอเทมปฏิเสธ เห็นว่าเขามีงานอื่นที่สำคัญกว่าให้ทำทุกคนเลยไม่กล้าเถียง”ลันเทียยิ้มน่ารักพลางถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนทุ่งหิมะซินเซียนจะฝากคำทรงจำเลวร้ายหลายอย่างไว้ไม่น้อย หากเลี่ยงได้ลันเทียก็คงไม่อยากเดินย่ำรอยเดิม

ลันเทียกล่าวเสริมว่าความจริงทหารที่ประจำการอยู่ในเขตพื้นที่ได้จัดกองกำลังออกไปสำรวจแล้วถึงสามรอบ รอบละยี่สิบนาย ทว่าจนบัดนี้ยังไม่มีทหารที่ออกไปกลับมาแม้แต่นายเดียว ท่านเอเทมจึงตัดสินใจจัดกำลังพลสามสิบนายเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ซินเซียน

ยังไงอัศวินที่สังกัดกองทัพหลวงก็มีฝีมือเก่งกาจกว่านายทหารที่ประจำอยู่ในเขตชายแดนแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อทุกคนลงมารวมพลข้างล่างเรียบร้อยคณะเดินทางของพวกเราก็เดินเท้าตรงเข้าไปยังหมู่บ้านซึ่งมีข่าวลือว่าเกิดเรื่องประหลาดทันที

ลมหนาวพัดกระหน่ำนำพาความหนาวจับใจมาให้ ผมจำต้องกระเถิบตัวเข้าไปเกาะแกะลันเทียซึ่งเดินยินแป้นแล้นราวกับกำลังดีอกดีใจเพราะได้เจอหิมะอีกครั้ง

ชาวโรมานอสซาร์ช่างแข็งแกร่ง

คาราวะคนจากเมืองหนาวในใจเสร็จพวกเราก็เดินมาถึงหมู่บ้านดังกล่าวพอดี ที่หน้าประตูหมู่บ้านมีชายวัยกลางคนสวมชุดขุนนางยืนเรียงรายกันเป็นตับ ภาพดังกล่าวทำให้ลันเทียหัวเราะก่อนหันมากระซิบว่า”พวกเขาแทบจะแห่ขบวนต้อนรับท่านเอเทมอยู่แล้ว”

“เอาน่า ๆ แม่ทัพคนดังลงพื้นที่ด้วยตัวเองทั้งทีให้โอกาสพวกเขาประจบสอพลอหน่อยจะเป็นไรไป”ผมยิ้มพลางกล่าว

ตามปกติภารกิจระดับนี้ไม่ถึงมือท่านเอเทมหรอก แต่ภายใต้ภารกิจตามสืบลัทธินอกรีตนี้ยังมีอีกภารกิจหนึ่งซ่อนอยู่นั่นก็คือภารกิจกำจัดผมซึ่งมีพลังของดาร์กลอร์ดนั่นเองเป็นเหตุให้อัศวินอันดับหนึ่งต้องลงมือด้วยตัวเอง

“ท่านแม่ทัพ เดินทางมาไกล เชิญเข้าไปพักผ่อนในหมู่บ้านก่อน ข้าให้คนจัดเตรียมสำรับอาหารไว้ให้---“ชายที่สวมเครื่องแบบนายอำเภอเดินปรี่เข้ามาหาท่านเอเทมและเปิดฉากเลียแข้งเลียขาทันที

ทว่าการประจบชั้นต่ำแบบนี้กลับทำให้ท่านเอเทมไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มตวัดสายตาปราดเดียวร่างของนายอำเภอก็กระตุกเฮือกก่อนจะต้องยืนก้มหน้าเจื่อน

“รายงานสถานการณ์ล่าสุดมา”เสียงทุ้มกล่าว เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้อัศวินคนอื่นเข้าไปพักผ่อนในหมู่บ้านได้แต่กลับหันมาเรียกผม ลันเทียแล้วก็ฌอง ซึ่งเป็นนายพันอีกคนนอกจากผมให้รออยู่ก่อน

“เชิญท่านทั้งสี่ตามข้ามา”นายอำเภอเห็นท่านเอเทมมาถึงก็เริ่มงานเลยจึงไม่กล้าประจบนอกเรื่องอีก เขาโบกมือไล่พวกขุนนางท้องถิ่นคนอื่นที่มาตั้งแถวรอรับให้สลายตัวก่อนหันมาหาท่านเอเทมอีกครั้ง”ความจริง...กลางดึกวานนี้ มีนายทหารของหน่วยสำรวจชุดแรกรอดชีวิตกลับมาที่หมู่บ้านข้าง ๆ ข้าจะพาพวกท่านไปพบเขาก่อน”

“หมู่บ้านข้าง ๆ?”ผมหันไปกระซิบเชิงถามกับลันเทีย

“เขตอำเภอนี้มีทั้งหมดแปดหมู่บ้าน หมู่บ้านที่เขาให้เราพักแรมเมื่อครู่เป็นหมู่บ้านที่มีข่าวลือว่ามีคนหาย ส่วนหมู่บ้านที่เขาจะพาไปนั้น...ดูเหมือนจะไม่มีข่าวลืออะไรนะ”

“ถูกตามที่ท่านอัศวินท่านนี้กล่าว หมู่บ้านจีเซียนไม่เกิดข่าวลือประหลาดอันใดมาก่อน แต่...”

เมื่อมีคำว่าแต่ แปลว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่

สีหน้าของนายอำเภอเครียดหมองลงจนแทบจะเห็นเมฆดำลอยอยู่บนศีรษะ

เขาเดินนำพวกเราห่างออกจากหมู่บ้านไป ไม่ใกล้ไม่ไกลปรากฏกระท่อมหลังหนึ่ง เป็นกระท่อมเดียวดายซึ่งปลูกห่างจากหมู่บ้านจีเซียงพอสมควร ก่อนที่จะเดินเข้าไปในกระท่อมหลังนั้นนายอำเภอก็หันมากล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึม”อย่างที่ท่านทราบดีว่าเราส่งทหารเข้าไปสำรวจในทุ่งซินเซียนตั้งแต่เดือนก่อน แต่ทั้งสามสิบคนกลับหายสาบสูญ พวกขุนนางท้องถิ่นกับชาวบ้านระแวกนี้ต่างหวาดกลัวและเริ่มมีข่าวลือว่าลัทธิหนึ่งเหมันต์กำลังขยายรากฐานมาในอัสโตเรีย”

“นายอำเภอรีบพูดเข้าประเด็นมาเถิด”ฌองเห็นว่านายอำเภอคนนี้ยิ่งพูดยิ่งเฟอะฟะจึงเอ่ยเตือนเขา

“อย่างที่บอก พวกเราในเขตพื้นที่ตกอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญแขวน กระทั่งเมื่อคืน...พอนายทหารคนนี้เดินโซเซออกมาจากทุ่งซินเซียนพวกชาวบ้านก็พากันดีใจรีบกรูกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือเขา บ้างก็เข้าไปประครอง บ้างก็พาเข้าไปพักในบ้าน และอีกหลายคนที่เข้าไปช่วยเช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำและสอบถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในทุ่งซินเซียน...”

“ทหารคนนั้นมีปัญหาอะไร”ท่านเอเทมเจาะเข้าตรงประเด็น เล่นเกริ่นมาขนาดนี้ถ้านายทหารคนดังกล่าวไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเกรงว่านายอำเภอคนนี้คงโดนตบบ้องหู

“เขา เขา เขา...!!”ทว่าเสียงของเขายิ่งพูดยิ่งสั่น

พวกเราสี่คนหันมามองหน้ากันอย่างแปลกใจ

บริเวณขมับของนายอำเภอเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาทั้ง ๆที่สภาพอากาศห่างไกลกับคำว่าร้อนสุดขั้ว

“เขาเป็นโรคไข้ทรราช”

!!?

พวกลันเทียเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ฌองนั้นถึงกับผงะถอยไปสามก้าวใหญ่ ส่วนลันเทียก็รีบดึงแขนผมให้กระเถิบห่างออกมาจากกระท่อมหลังนั้น

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาเป็นไข้ทรราช”ท่านเอเทมเป็นคนที่มีสติเหลือครบ เขาเพียงแค่เอ่ยถามในสิ่งที่ควรจะถาม

เป็นนายอำเภอเสียเองที่ทรุดลงไปกองกับพื้น”ตอนที่คนของทางการมาหาเขาที่หมู่บ้านเมื่อเช้าก็พบว่าเขาเริ่มกระอักเลือดสีน้ำเงินออกมา และผิวหนังเริ่มปรากฏรอยจ้ำ อาการแบบนี้...ไม่ผิดแน่นอน”

“เจ้าได้แยกชาวบ้านที่สัมผัสตัวเขาออกมาหรือยัง”

“ยะ...แยกไม่ได้ พวกเขาเองก็จำไม่ได้ว่ามีใครบ้างที่แตะตัวนายทหารรายนั้น มิหนำซ้ำพอแตะนายทหารเสร็จกลับมาบ้านทุกคนในบ้านก็ต้องสัมผัสโดนตัวกันบ้างไม่มากก็น้อย เกรงว่าบัดนี้สามร้อยครัวเรือนในหมู่บ้านต่างก็...ติดไข้ทรราชกันหมดแล้ว!!”ยิ่งเอ่ยใบหน้าของนายอำเภอยิ่งซีดจนแทบไม่เหลือสีเลือด

กระทั่งท่านเอเทมยังเผยสีหน้าพรั่นพรึงออกมา

“มันคืออะไรหรือ ไข้ทรราชอะไรนั่น”ผมกระซิบถามลันเทียที่กุมชายเสื้อของผมไว้แน่น

“มันคือโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากคำสาป”ลันเทียว่า”มันคือศาสตร์ต้องห้าม”

ได้ยินดังนั้นผมก็รีบหันขวับไปมองประตูกระท่อมซึ่งคาดว่ามีนายทหารผู้โชคร้ายคนนั้นนอนพักอยู่ทันที

“แค่เพียงสัมผัสโดนตัว แม้เพียงปลายเล็บก็ติดต่อสู่กันแล้ว และจุดจบเดียวคือความตาย ยาใด ๆก็ไม่สามารถรักษาได้ พวกเราอย่าเข้าไปเลยจะดีกว่า ให้...ให้ฌองเข้าไปดู”ปกติลันเทียเป็นคนงามทั้งหน้าตาและจิตใจ ผมก็เพิ่งเคยเห็นเขาโยนขี้ให้คนอื่นแบบหน้าด้าน ๆก็คราวนี้

“ตายอย่างเดียวข้าไม่กลัวหรอก แต่ก่อนตายนั้นทรมานมาก อาการเริ่มต้นคือไอออกมาไม่หยุด เลือดเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน ตามผิวหนังเกิดรอยจ้ำทั่วตัวเกิดจากการที่เลือดไหลออกมาจากเส้นเลือด ขังอยู่ใต้ผิวหนัง เจ็บปวดทรมานเหมือนโดนชกเข้าที่แผลเดิมซ้ำ ๆตลอดเวลา และเมื่อเส้นเลือดตาย ระบบหายใจกับทางเดินอาหารก็พังตาม คนไข้หายใจหนึ่งครั้งเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทงปอด หิวโหยเพราะไม่อาจกินอะไรได้”

“...”

ผมกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกหนึ่ง โลกที่ผมจากมาไม่มีโรคที่ทุกข์ทรมานเพียงนี้

ทว่าในขณะที่ผมกับลันเทียกำลังยืนกอดกันกลมอยู่นั่นเองท่านเอเทมก็พลันออกคำสั่ง”ห้ามให้คนเข้าออกหมู่บ้านจีเซียน ฌอง เจ้าไปส่งข่าวถึงสำนักหมอหลวงให้พวกเขาส่งแพทย์มาช่วยจัดยา โรคนี้ไม่มีทางรักษาก็จริงแต่สามารถบรรเทาอาการให้พวกเขาไปสบายได้”

“ครับ!!”ฌองรีบตะเบ๊ะและวิ่งเผ่นออกจากกระท่อมอย่างกระตือรือร้น คาดว่าเจ้าตัวคงดีใจเป็นล้นพ้นที่สามารถเลี่ยงออกมาจากผู้ป่วยไข้ทรราชได้

ส่วนผมกับลันเทียก็ได้แต่มองตากันปริบ ๆ ภาวนาอย่างยิ่งขอให้ท่านเอเทมอย่าได้ส่งพวกเราเข้าไปสอบปากคำนายทหารนายนั้นเลย

“ลันเทีย เจ้ากลับไปบอกข่าวนี้ให้พวกที่เหลือทราบ เราต้องปรับกำลังพลชุดสำรวจทุ่งซินเซียนกันใหม่ เกรงว่าคราวนี้เจ้าคงต้องเป็นคนนำทางในฐานะผู้ที่รู้ทางดีที่สุด”

“แล้ว...แล้วท่านการันต์ล่ะ”ลันเทียถูกส่งไปยังพื้นที่อันตรายยังมีแก่ใจมาเป็นห่วงผม เจ้าตัวกอดแขนผมแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะโดนท่านเอเทมโยนเข้าไปจูบปากกับทหารที่ติดไข้ในกระท่อม

“เขาจะอยู่กับข้า เจ้ารีบไปซะ”

“ครับ”ลันเทียจากไปอย่างอ้อยอิ่ง เดินห่างออกไปแล้วยังเหลียวมามองพวกเราเป็นระยะ กระทั่งร่างบางเดินลับสายตาไป ผมกับนายอำเภอก็หันมามองหน้ากันโดยสื่อความนัย

ไม่ว่าใครพอรู้ว่าในห้องนี้มีผู้ป่วยโรคติดต่อร้ายแรงอยู่ก็ไม่อยากเข้าไปทั้งนั้น

ยกเว้นท่านเอเทม!

“นายอำเภอรออยู่ข้างหน้า ส่วนเจ้าตามเข้าไปกับข้า จำให้ขึ้นใจว่าห้ามแตะต้องคนไข้เด็ดขาด”ท่านเอเทมออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด นายอำเภอถอนหายใจอย่างโล่งอกส่วนผมก็ต้องเดินตามท่านเอเทมเข้าไปในกระท่อมด้วยใบหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตก

ประตูกระท่อมถูกปิดเองเพราะแรงลม

กระท่อมแห่งนี้เป็นกระท่อมที่มีพื้นที่พอสมควร ทว่ากลับมีชายเพียงคนเดียวที่นอนซมอยู่บนฟูกกลางห้อง ชายคนนี้มีสภาพเวทนา แม้ว่าผมกับท่านเอเทมจะเข้ามาแล้วทว่าเขากลับไม่รู้ตัว ยังคงโก่งคอไอจนเอ็นขึ้น ดูก็รู้ว่าชายคนนี้กำลังจะตาย  ไม่ใช่แค่ไอเป็นเลือดเท่านั้นแต่ผิวกายยังกลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำคล้ายรอยช้ำทั่วตัว อาการเหมือนที่ลันเทียบอก

มือหนายกขึ้นเป็นสัญญาณให้ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ส่วนตัวเขากลับเดินเข้าไปใกล้ร่างซึ่งนอนซมอยู่โดยรักษาระยะห่างหนึ่งช่วงตัว

“ข้ามาจากเมืองหลวง รายงานสิ่งที่เจ้าประสบในทุ่งซินเซียนมาซะ”

“ข้า แค่ก อั่ก...”แค่เปล่งเสียงออกมาคำเดียวนายทหารก็สำรอกเลือดสีน้ำเงินออกมาอีกหนึ่งกองใหญ่ หอบหายใจราวกับเพิ่งวิ่งรอบทุ่งซินเซียนมาสามรอบ

“ข้าไม่รู้ ไม่เห็น อึก! ทุกอย่าง ทุกอย่างขาวโพลนไปหมด หนาว หนาว น่ากลัว...พวกเราค่อย ๆหายไปทีละคน อั่ก”นายทหารพยามกลั้นก้อนสำรอกลงคอ ดวงตาของเขาฉายแววประหวั่นพรั่นพรึงเหลือกโพรงมองเพดาน ร่างกายเริ่มสั่นเทิ่ม แต่ทุกคราที่เขาขยับสีหน้าของเขาจะบูดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด

“คำสาปนี้เจ้าโดนได้อย่างไร เห็นคนร่ายหรือไม่”เสียงทุ้มกล่าวอย่างใจเย็น แววตาที่ปกติมักฉายแววเย็นชาบัดนี้กลับเปี่ยมด้วยความเวทนา

“ไม่ ไม่รู้! มีเสียงสวด ดังขึ้นรอบ ๆ ข้ามองไม่เห็น แต่ได้ยินจากทุกทิศ พวกมันมีหลายคน มีหลายคน น่ากลัว ข้ากลัว หลังจากเสียงนั้นสงบทางก็เปิดออก เดินไม่กี่ก้าวข้าก็มาโผล่ที่หมู่บ้านจีเซียน ข้าไม่รู้ว่าตัวเองโดนสาป ข้า พวกชาวบ้าน เข้ามาจับ อั่ก โขล่ก! แค่ก...”



___________________


#พิชิตใจท่านเอเทม








หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH28 02/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-01-2019 17:14:42
 o22


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH28 02/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 02-01-2019 17:19:26
เป็นโรคระบาดที่โหดมากๆ
น้องการันต์คนกาก เจ้าต้องเป็น hero of people ใช้ศาสตร์มืดถอนศาสตร์มืดนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH28 02/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-01-2019 18:52:23
นายเอกทำอะไรหน่อยซิ
อย่ามัวแต่กลัวอยู่เลย
ใช้พลังที่มีอยู่ช่วยคนอื่น
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH28 02/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-01-2019 22:58:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH28 02/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-01-2019 00:10:21
มันตี้ ปลุกพลังการันต์ที
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH28 02/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-01-2019 01:59:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชื่อโรค  ไข้ทรราช   นึกว่าคนเป็นโรคนี้จะมีอาการคล้ายคนเลว ๆ ที่ชอบคิดคดทรยศเสียอีก

ที่ไหนได้กลับมีอาการที่ทรมานยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 05-01-2019 09:17:55
ตอนที่29

หลังจากนั้นท่านเอเทมก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรนายทหารต่อ เขาเดินนำออกมาจากกระท่อมด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึก ทว่าการที่เขาแสดงสีหน้าเช่นนี้ผมกลับมองว่าเขากำลังซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ แถมเป็นความรู้สึกที่รุนแรงมากเสียด้วย

“โรคนี้รักษาไม่หายจริงหรือ”ขณะที่เราสองคนเดินฝ่าลมหนาวเพื่อกลับหมู่บ้านซึ่งใช้เป็นฐานที่ตั้งผมก็ออกปากถาม“ได้ยินว่ามันเป็นคำสาป ถ้ายารักษาไม่ได้ก็น่าจะมีเวทถอนคำสาปสิ”

“เวทอาญาไพร”ยามเปล่งคำนี้ออกมาสีหน้าของท่านเอเทมเครียดเขม็งขึ้นสามส่วน

“ในเมื่อมี...ทำไมไม่ใช้ หรือมันเป็นศาสตร์ต้องห้าม”ผมลองเลียบ ๆเคียง ๆถามดู

“อาญาไพรเป็นเวทถอนคำสาป นับเป็นศาสตร์ดี แต่การจะฝึกอาญาไพรจำจะต้องใช้ศาสตร์ต้องห้ามเป็นก่อนหลายบท”

“อ้อ...”ผมอยู่ที่โลกเวทมนต์มานานพอจะรู้วิธีการร่ำเรียนเวทมนต์บ้าง

นอกจากเวทพื้นฐานของพื้นฐานแล้ว พวกเวทที่ซับซ้อนขึ้นไปจำเป็นต้องใช้เวทพื้นฐานเป็นก่อนจึงจะฝึกได้

อย่างเช่นถ้าเราจะเรียนถอนสแควร์รูทเราต้องเรียนบวกลบคูณหารก่อน ถ้าเราจะเรียนภาษาญี่ปุ่นเราต้องเริ่มจากคัดฮิรากานะ ดังนั้นก่อนจะเรียนเวทอาญาไพรซึ่งเป็นเวทชั้นสูงเราจำต้องเรียนเวทบางบทก่อน และบังเอิญว่าเวทบางบทดังกล่าวดันเป็นศาสตร์ต้องห้าม

“ดาร์กลอร์ดใช้เป็นไหม อาญาไพรเนี่ย”ผมถามต่อ

ไม่แน่ว่าดาร์กลอร์ดอาจจะเรียนเวทพื้นฐานของอาญาไพรครบทุกบทแล้ว ผมก็แค่ข้ามขั้นตอนไปฝึกเวทอาญาไพรเสียเลย แบบนี้ก็แปลว่านายทหารคนนั้นกับพวกชาวบ้านอีกสามร้อยหลังคาเรือนยังมีโอกาสรอดชีวิต

ผมค่อนข้างภูมิใจกับไอเดียนี้

ทว่า

เพี๊ยะ!

ใบหน้าของผมหันตามแรงฝ่ามือที่ฟาดลงมาอย่างแรง ชั่วขณะนั้นผมรู้สึกหูอื้อตาพร่า แก้มชาไร้ความรู้สึก ก่อนจะได้สติเมื่อหยดเลือดพรั่งพรูออกมาจากจมูก

ผมค่อย ๆหันหน้าไปมองท่านเอเทมอย่างตระหนก ฝ่ามือของเขายังค้างอยู่ในท่าเงื้อเตรียมฟาดซ้ำทันทีที่ผมยังกล้าเอ่ยอะไรพล่อย ๆ

เขาฟาดหน้าผมจนฟันโยก!

ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบเอามือกุมแก้มและถอยออกมาสองสามก้าว”ท่าน ใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้บอกว่าจะใช้ศาสตร์มืดเสียหน่อย ข้าจะข้ามไปเรียนอาญาไพรเลยต่างหาก มันเป็นเวทดีไม่ใช่เหรอ หรือว่าท่านจะปล่อยให้พวกเขาตาย คนเป็นพันเลยนะ!”

ผมไม่ใช่คนมีน้ำใจนัก แต่ในเมื่อผมอาจจะช่วยได้ผมก็อยากช่วย

ท่านเอเทมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผมคิดว่าเขาใจเย็นลงแล้วจึงเผยรอยยิ้มออกมา ใครเล่าจะคิดว่าฝ่ามือที่เงื้ออยู่จะฟาดลงมาอีกรอบ

“ห้ามพูดถึงเวทบทนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!!”

“...!?”

ผมตะลึงลานในขณะที่ท่านเอเทมหันหน้าเดินลิ่วไปโดยไม่รีรอให้ผมรวบรวมสติ แก้มทั้งสองของผมบวมแดงเป็นตูดลิงทว่าอะไรไม่รู้ดลใจให้ผมวิ่งถลาเข้าไปคว้าชายเสื้อของท่านเอเทมเอาไว้ เขาหันมามองหน้ามาด้วยสายตาเย็นเยียบข่มขู่ให้ผมอยู่สงบเสงี่ยม

แต่ผมเจ็บจนหน้าชาไปแล้วจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาว”ยังไงหลังจบคดีนี้ข้าก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนในฐานะผู้ใช้ศาสตร์มืดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ต่อให้ใช้อาญาไพรรักษาคนยังไงโทษมันก็หนักไปกว่าเดิมไปไม่ได้แล้ว ที่สำคัญข้าก็ไม่ได้ละเมิดสัญญาที่ให้ไว้กับท่าน! อาญาไพรไม่ใช่ศาสตร์มืด!!”

ผมตะโกนเถียงออกไป เตรียมหลับตารอรับแรงฟาดอีกรอบ ทว่าท่านเอเทมกลับเงียบไปเนิ่นนาน

“อ๊ะ...”และแล้วอัศวินผู้นี้ก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด

เขาลากผมเข้าไปกอดไว้แน่น

“ข้าสูญเสียน้องสาวกับน้องชายไปเพราะเวทสองบทนี้”

“...”

“เจ้า...อย่าเลือกเดินเส้นทางนี้เป็นอันขาด”

“...”

“ตอบข้ามาเร็วว่าได้”

“ท่าน...ฮะ ๆ แบบนี้มันเรียกว่าบังคับแล้วนะ”ผมหรือจะทนการคะยั้นคะยอคราวนี้ไหว แค่เขาลากผมเข้าไปกอดผมก็ใจอ่อนยวบแล้ว ยิ่งโดนกระซิบเสียงอ้อนข้างหูแบบนี้บอกเลยว่ามีกี่ชีวิตก็ไม่พอ

หมายถึงพวกชาวบ้านที่โดนสาปน่ะนะ มีกี่ชีวิตก็ตายเกลี้ยงอะเพราะผมไม่คิดจะใช้อาญาไพรอะไรนั่นแล้ว

ผมตบแผ่นหลังกว้างที่ดูจะเหี่ยวลงหน่อย ๆของเขาก่อนเอ่ยกระเซ้า”ท่านนับข้าเทียบเท่าคนในครอบครัวแล้วหรือ”

พวกเรายืนกอดกันเช่นนี้ท่ามกลางลมหนาว นับว่าอุ่นขึ้นกว่าเดิมนักผมจึงไม่รับเกียจอ้อมกอดนี้สักนิด ปล่อยให้เขากอดผมเอาไว้หลวม ๆ ท่านเอเทมก็ดูใจเย็นลงแล้ว เขายกมือขึ้นมาลูบหลังผมและกล่าวคำว่า”อืม”ในลำคอเบา ๆ

“หูยยย แบบนี้ท่านยกให้ข้าอยู่ในตำแหน่งไหนล่ะ น้องชายคนที่สองเหรอ หรือว่าในที่สุดก็ยอมยกตำแหน่งเมียให้ข้าแล้ว”ผมหัวเราะร่วน

“อีกไม่นานก็ต้องจากกันแล้วเจ้ายังคิดจะสมรสกับข้าอีกหรือ”ท่านเอเทมกระซิบถามข้างหู ร่างกายของพวกเรายังแนบชิดกันแม้เขาเอ่ยเพียงเบา ๆแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงแววหยอกเย้าในน้ำเสียงอย่างชัดเจน

“พูดตามตรง...ข้าไม่อยากโดนตามจับ แม้ชาตินี้ไม่อาจกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ อย่างน้อยข้าก็ปารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกับท่าน ข้าเองก็แอบนับท่านเป็นคนในครอบครัวคนนึงเช่นกัน วันนี้ได้ยินท่านพูดออกมาเอง ฮึก...ดีใจน้ำตาไหลเลย ฮือ ๆ”จู่ ๆน้ำตาก็พาลไหลออกมาซะงั้น แต่ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันเศร้าเกินก็เลยพยามส่งเสียงร้องฮือ ๆกะให้ฟังดูตลก

แต่ท่านเอเทมไม่ได้ขำ เขาทำเพียงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด และกอดผมไว้แบบนั้นนานขึ้นอีกหน่อย

นานจนพอใจแล้วเขาจึงผละออก แต่คราวนี้ไม่ได้เอาแต่เดินจ้ำไปข้างหน้าทิ้งผมไว้เบื้องหลัง มือหนาเลื่อนมากุมมือของผมไว้ การกระทำของเขาชวนให้ผมประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อพินิจใบหน้าของเขาดี ๆก็พบว่าท่านเอเทมกำลังจมดิ่งอยู่ในความรู้สึกอยากจะอธิบาย ดังนั้นการที่เขาจับมือผมไว้แบบนี้อาจไม่ใช่เพื่อแสดงความรักใคร่ต่อผมเพียงอย่างเดียว

เขาเองก็อาจจะต้องการความรักจากผมอยู่เช่นกัน

หวังว่าผมจะไม่คิดไปเองหรอกนะ

หมับ!

ผมเปลี่ยนเป็นกอดแขนของอีกฝ่ายแน่น ฉีกยิ้มแป้นทั้ง ๆที่แก้มบวมเปล่ง

“ขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อให้จะจากกันไกล ไกลจนข้ามมิติแต่พวกเราก็ยังผูกพันกันด้วยวิญญาณ ท่านอย่าลืมสิว่าท่านชิงจูบแรกของข้าไปเพื่อร่ายเวทอะไร ฮะ ๆ ดังนั้นหากท่านอยากพบข้าเมื่อไหร่ย่อมแอบโดดงานมาหาได้เสมอ”ต่อให้ผมกับมันตี้หนีเข้าไปในโรมานอสซาร์แล้วแต่ผมก็อยากให้เขาแวะมาเยี่ยมกันบ้าง เขาต้องหาผมเจอแน่นอนเพราะวิญญาณของพวกเราผูกกันไว้แล้ว

“...การันต์”

“หืม”ผมเอียงคอช้อนตามองอีกฝ่ายใสแจ๋ว

เขาสบตากับผมชั่วครู่ก่อนผุดรอยยิ้มจาง ๆออกมา”ถ้าหากเขาเป็นผู้ชายไม่คิดอะไรมากเช่นเจ้าก็คงดี”

“เขาที่ว่าคือใครหรือ”

“ดาร์กลอร์ด”

“ท่าน...เอาข้าไปเปรียบกับอะไรน่ะ!!”ผมเถียงเสียงหลง

“ข้าดีใจที่เจ้าไม่เหมือนเขา หลังจากนี้จงเป็นเจ้าคนเดิมคนนี้ไม่ว่าจะพบเจอกับสิ่งใด”

“อืม”

“เมื่อภารกิจนี้สิ้นสุด ข้าจะ...”

...

ข้าจะอะไร?

สิ้นคำนั้นท่านเอเทมก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ไม่ว่าผมจะถามหรือคะยั้นคะยอขนาดไหนกลับไม่สามารถง้างปากให้เขาคายคำพูดออกมาไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายอย่างยิ่ง

เมื่อกลับมาท่านเอเทมก็เรียกอัศวินจากทุกคนเข้าประชุมเพลิง ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าหลายคนไม่อยากโดนส่งเข้าไปในทุ่งซินเซียน ทว่าท่านเอเทมก็ออกคำสั่งเด็ดขาดตัดสินใจส่งลันเทียกับฌองและผู้ติดตามอีกห้าสิบคนเข้าไป โดยจะแบ่งเป็นสองกลุ่มปูพรมหา

ท่ามกลางความกลัวผสมความไม่พอใจกลับมีอัศวินคนหนึ่งตะโกนแทรกขึ้นมาว่าทำไมท่านเอเทมไม่ไปด้วย

ความจริงผมก็แอบคิดนะว่าทำไมท่านเอเทมถึงไม่ยอมไป ทว่ากลับเป็นลันเทียที่ไม่อยากไปเหมือนกันกระโดดออกมาขวางกระแสน้ำอันเชี่ยวกราด ร่างบางกางปีกปกป้องท่านเอเทมสุดชีวิต สร้างความแปลกใจกับผมเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากเลิกประชุมแล้วผมยังไม่หายสงสัยจึงไปถามลันเทียโดยตรงว่าทำไมเจ้าตัวถึงยอมเข้าไปสำรวจทุ่งซินเซียนแถมยังไม่คิดขอให้ท่านเอเทมนำทัพเข้าไปอีกต่างหาก ทว่าลันเทียคนที่ไม่เคยมีความลับอะไรกับผมกลับทำหน้าอึกอัก ๆ บ่ายเบี่ยงไปโน่นทีนี่ทีสุดท้ายจนเข้านอนก็ไม่ได้คำตอบ

ผมทิ้งตัวลงนอนด้วยเครื่องหมายคำถามเต็มหัว

เมื่อต่อมเผือกถูกกระตุ้นแล้วก็ยากที่จะสงบลง

“ไปถามอีกรอบแล้วกัน”ผมตัดสินใจเสือกให้ถึงที่สุด เลือกที่จะสวมชุดคลุมเดินออกจากห้องไปหาลัยเทียซึ่งพักอยู่ในเรือนหลังถัดไป

ทว่าระหว่างทางผมกลับเจอลันเทียเข้าเสียก่อน ร่างบางกำลังเดินย่องอยู่ที่สวนด้านหลัง ผมเห็นว่าประหลาดจึงตัดสินใจย่องตามไป ผมเชี่ยวชาญเวทจำพวกบาทาไร้เสียงอะไรทำนองนี้มากเพราะตั้งใจเรียกไว้ใช้หลบหนียามฉุกเฉิน ใครเล่าจะคิดว่ามันถูกงัดออกมาใช้งานจริงครั้งแรกเพื่อตามเสือก

และแล้วผมก็มองเห็นว่าลันเทียกำลังย่องตามใครอยู่

คนคนนั้นคือท่านเอเทม

แล้วลันเทียแอบย่องตามท่านเอเทมเพื่ออะไร ในใจของผมผุดคำถามมากมายมาสิ้นสุด

ท่านเอเทมก็ดูเหมือนจะเหม่อจนไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังมีคนแอบย่องตามมาเป็นทอด ๆ

ถ้าจะให้พูดก็คือคนที่แปลกที่สุดก็ท่านเอเทมนั่นแหละ ดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้จู่ ๆก็ครึ้มอกครึ้มใจลุกออกมาเดินฝ่าพายุหิมะเล่นทำเพื่ออะไร

เนื่องจากทัศนวิสัยตอนกลางคืนแย่มากผมจึงต้องเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการตามสองคนข้างหน้า โดยไม่ได้ดูทางเลยว่ากำลังเดินห่างออกมาจากเขตหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ



----------------------------------

ไม่ดราม่านะคะ ท่านเอเทมกับยัยน้องจะไม่มีวันพรัดพรากจากกัน 555555555


#พิชิตใจท่านเอเทม





หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-01-2019 09:59:11
รอลุ้นนนน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 05-01-2019 10:28:08
ตื่นเต้น อยากรู้เลยว่าท่านเอเทมมีความลับอะไรกับดาร์คลอด คนรักกันหรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-01-2019 10:53:40
 :hao7:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-01-2019 12:14:21
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมตะหงิด ๆ ว่า

1. ท่านเอเทมจะ(เคยแอบ)ชอบดาร์กลอร์ด
2. หนูลันเทียตามท่านเอเทมในยามวิกาลทำไม? หรือเขาทั้งสองจะเป็นญาติกันเพราะมาจากประเทศเดียวกันนิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 05-01-2019 12:18:37
ทำไมเหมือนทั่นเอเทมกับท่านลอร์ดคนเก่าเคยมีจุดร่วมอะไรบางอย่าง หรือว่าจะเคยกิ๊กกันมาก่อน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-01-2019 15:38:09
ท่านเอเทมเคยสนิทกันกับดาร์กลอร์ดหรอ แล้วแอบตามกันไปเป็นทอดๆเลย ท่านเอเทมจะไปไหน
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 05-01-2019 20:02:41
ขอตัวไปอ่านแป๊บ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-01-2019 00:32:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 06-01-2019 01:53:17
ไม่อยากให้แยกจากกันเลยยย สนุกมากกก
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-01-2019 13:54:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 09-01-2019 16:42:54
รออ่านอยู่นะคับ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH29 05/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 09-01-2019 23:03:51
รอจ้า
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 10-01-2019 19:44:50
ตอนที่30

เดินย่องกันมาพักใหญ่ผมทั้งหนาวทั้งเมื่อย ไหล่เกร็งเพื่อความเครียดสะสมเป็นระยะเวลาร่วมชั่วโมง ในที่สุดฝีเท้าของท่านเอเทมกับลันเทียก็หยุดนิ่ง

ลันเทียอาศัยซ่อนตัวหลังเนินหิมะกองหนึ่ง ส่วนผมตัดสินใจหลบหลังต้นไม้ สายตาของพวกเราสองคนจับจ้องไปยังร่างสูงที่อยู่หน้าสุด

ท่านเอเทมหยุดยื่นนิ่งงัน ทอดมองไปยังทุ่งหิมะสีขาวโพลนเบื้องหน้าอย่างเคว้งคว้าง

ในที่สุดผมก็ตระหนักว่าเบื้องหน้าของท่านเอเทมคือทุ่งซินเซียน และจุดที่เขาหยุดยืนก็คือเขตเส้นแบ่งชายแดนระหว่างอัสโตเรียกับโรมานอสซาร์

หลังจากยืนสงบนิ่งอยู่หลายอึดใจ ในที่สุดคนตัวสูงก็เริ่มขยับ อัศวินหนุ่มค่อย ๆยกมือขึ้นมา ยื่นออกไปเบื้องหน้า ผมตกอยู่ในความสงสัยว่าท่านเอเทมกำลังจะยื่นมือออกไปหาอะไร กระทั่งปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้า พลันสายฟ้าสีดำจากไหนก็ไม่ทราบฟาดลงมาใส่ฝ่ามือของท่านเอเทมอย่างจัง

กลิ่นไหม้ลอยมากับสายลม

เมื่อเพ่งดูให้ชัดก็พบว่าท่านเอเทมไม่สามารถหลบสายฟ้าดอกนั้นได้ มิหนำซ้ำเขายังไม่สามารถร่ายเวทป้องกัน ทำให้มือโดนฟาดเข้าอย่างจังจนไหม้เปิง ควันยังลอยกรุ่น ๆท่าจะเจ็บมากแต่เจ้าตัวกลับไม่แสดงอาการ

“ท่าน!!”ผมเองก็ตกใจ แต่ลันเทียดูเหมือนจะตกใจยิ่งกว่า ร่างบางวิ่งถลาออกจากที่ซ่อนเข้าไปหาร่างสูง ประครองมือของเขาเอาไว้อย่าทนุถนอม แววตาคู่โตฉายชัดถึงความกังวลก่อนน้ำตาหยดใสจะค่อย ๆพรั่งพรูออกมา”เป็นท่านจริง ๆ เป็นท่านจริง ๆ ฮึก...”

พูดจบร่างบางก็น้ำหูน้ำตาไหลปล่อยโฮออกมาไม่หยุด ท่านเอเทมมีสีหน้าตกใจไม่น้อยเมื่อจู่ ๆก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาวิ่งเข้ามาเกาะชายเสื้อร้องไห้ ทว่าสีหน้าของอัศวินหนุ่มกลับแปรเปลี่ยน ดวงตาสีฟ้าอ่อนทอดมองลันเทียอย่างรู้สึกผิด เขาถอนหายใจออกมาช้า ๆพลางตบไหล่บางเบา ๆสองสามครั้ง

ลันเทียรู้สึกตัวว่าตนแสดงกิริยาไม่เหมาะสมจึงรีบโดดถอยออกห่างราวกับโดนของร้อน

“เจ้าเป็นภูติหิมะ?”ท่านเอเทมเอ่ยถาม

จากตำแหน่งที่ผมอยู่ แม้ได้ยินบทสนทนาไม่ชัดทว่าก็ไม่ถึงกับไม่ได้ยินเลย

ภูติหิมะ

ผมทวนคำดังกล่าวในใจก่อนเหล่มองลันเทียอีกครั้งอย่างพิจารณา

ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาผมพยามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้อย่างละเอียด โดยทราบมาว่าโลกใบนี้มีเผ่าพันธุ์วิเศษ อาทิ มังกร เอลฟ์ เงือก อสูร ไซเรน ปีศาจ สัตว์เวทมนต์ และอีกสารพัด

ภูติเองก็เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์วิเศษ ทว่ากลับมีจำนวนน้อยเพียงหยิบมือ มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์และมีพลังเวทในตัวสูง ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนในเผ่าจะมีใบหน้างดงามราวกับภาพวาด ทั้งเพศหญิงและชาย

พอแจกแจงรายละเอียดมาถึงขนาดนี้ผมจึงตระหนักได้ว่า ลันเทียคือภูติหิมะจริง ๆ

ผมรู้สึกวาบหวิวในอก เหมือนกับโดนเพื่อนรักหลอกลวง

ยามมองไปยังร่างของคนทั้งคู่แล้วผมก็เผลอถอนหายใจออกมาไม่ได้ คนหนึ่งก็สวยแถมเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติภรรยาที่ดีทุกประกาย อีกคนก็เป็นถึงอัศวินอันดับหนึ่งแถมยังมีรูปลักษณ์ไร้ที่ติ พอทั้งสองคนยืนอยู่เคียงข้างกันโดยมีพื้นหลังเป็นทุ่งหิมะสีขาวโพลน ชวนให้นิยามว่างดงามไร้ที่ติ

นี่ผมกำลังน้อยใจเรื่องอะไรกันนะ

เพราะลันเทียไม่ยอมบอกผมว่าเขาไม่ใช่มนุษย์งั้นหรือ

หรือเพราะ...

เพราะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ ผมคิดว่าตัวเองไม่ควรยืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้จึงหมุนตัวเดินกลับไปยังทิศทางเดิมอย่างหมดอาลัยตายอยาก เดินย่ำหิมะมาเรื่อย ๆกระทั่งถึงเรือนรับรอง กลับขึ้นเตียงและหลับตาลงโดยที่ยังมีภาพสองคนนั้นติดตาอยู่

รู้ตัวอีกทีก็เช้าเสียแล้ว

แหม ตอนแรกนึกว่าจะเครียดจนนอนไม่หลับ เปล่าเลย หัวถึงหมอนปุ๊บหลับปั๊บ

“ฮืมมม ลันเทีย”ผมครางชื่อคนน่ารักหงิง ๆ นึกสับสนว่าควรไปถามเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นภูติดีหรือไม่ เพราะเท่าที่อ่านในตำรามา เขามีเขียนหมายเหตุไว้ว่ามนุษย์ไม่ควรเป็นเพื่อนกับภูติเพราะทั้งสองเผ่ามีอายุขัยที่แตกต่างกันหลายร้อยปี และภูติเองก็ไม่ค่อยอยากสร้างความผูกพันกับมนุษย์เท่าไหร่

ผมอยากรู้ว่าลันเทียมีเยื่อใยให้ผมบ้างไหม

ถ้ามี แปลว่าตอนผมตายก่อนลันเทียก็ต้องเสียใจอยู่คนเดียวน่ะสิ

แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่รวมกับมนุษย์ เพื่อน ๆในเผ่าหายไปไหนหมด

และที่สำคัญ...ลันเทียเคยรู้จักท่านเอเทมมาก่อนงั้นหรือ

ผมนอนมองเพดานคิดอะไรสะระตะไปเรื่อยเปื่อย ไม่ทันสังเกตความเคลื่อนไหวภายในห้อง เจ้าแมวขนดำที่ลอบเข้ามาได้หลายนาทีแล้วแต่กลับไม่ได้รับความสนใจจึงหมดความอดทน ร่างอ้วน ๆของมันกระโดดขึ้นมาทับผมดังตุ่บ

“อั่ก”ตัวไม่ใช่เบา ๆ ดีนะที่ท้องว่าง ไม่งั้นได้มีอ้วกแน่

ผมพลิกตัวนอนคู้ก่อนส่งสายตาอาฆาตไปให้เจ้าแมวผี

เจ้าแมวผีหันกลับมามอง”เจ้าโง่ มัวแต่นอนทำซากอะไรอยู่ พวกลันเทียเริ่มออกเดินทางเข้าทุ่งซินเซียนแล้ว! เจ้าเป็นถึงพันโทก็ควรไปยืนส่งหน่อย หรือไม่อยากเล่นเป็นอัศวินแล้วก็รีบเก็บของไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”

“เห้ย ลันเทียไปแล้วเหรอ”ผมรีบลุกจากที่นอนอย่างรนราน วิ่งออกไปที่ลานกว้างหน้าเรือนรับรองในสภาพชุดนอน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า บริเวณโดยรอบเงียบไปมาก เหมือนเหลือผมแค่คนเดียว เจ้ามันตี้คงทนเห็นเจ้านายแสดงความโง่ต่อไปไม่ไหวจึงเดินเข้ามาเฉลย

“กลุ่มของลันเทียมุ่งหน้าเข้าซินเซียนไปแล้ว ส่วนพวกที่เหลือก็กระจายกันออกไปรวบรวมข่าวลัทธิเหมันต์ที่อาจข้ามพรมแดนเข้ามาในอัสโตเรียแล้ว”เจ้าแมวมีนั่งสะบัดหางอย่างเย่อหยิ่ง

“แล้วเราจะทำอะไรกันล่ะ”

“เก็บของแล้วหนีไปด้วยกัน”

“รีบไปหน่อยมั้ง ไหนว่ารอให้เสร็จภารกิจก่อน”

“เจ้ายังคิดไม่ได้อีกรึ อัศวินดำพยามกันเจ้าออกจากภารกิจในครั้งนี้เขาจึงไม่ส่งคนไปปลุกเจ้า”

“ท่านเอเทมกันข้าออกมาทำไม”

“จะไปรู้เรอะ!”มันตี้แค่นเสียง ท่าทางมันเหม็นขี้หน้าท่านเอเทมมากทีเดียว

“รอลันเทียกลับมาก่อนแล้วค่อยไป”เราสองคนอยู่ด้วยกันมาตลอดหกเดือน ผมไม่อยากแยกจากกับเขาโดยในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกค้างคา ยังมีท่านเอเทมอีก ต่อให้ไม่มีอะไรค้างคาแล้วผมก็อยากจะเจอหน้าเขา

“ที่บอกว่าจะไปสืบข่าว ได้เรื่องอะไรกลับมาบ้างล่ะ”ผมนั่งยอง ๆ เอื้อมมือไปเกาท้องให้เจ้าแมวผี ทีแรกนึกว่ามันจะข่วนใส่แต่มันดันนอนหงายท้องให้เล่นซะงั้น

“ลัทธิหนึ่งเหมันต์อยากเชิญเจ้าเข้าร่วม ข้าตกลงกับพวกนั้นไว้แล้ว รับรองว่าเจ้าจะได้รับการต้อนรับอย่างดี โอ๊ย ตบหัวข้าทำไม!!”มันตีที่โดนฟาดไปเต็มแรงร้องโวยวาย

“ข้าไม่เข้าร่วมกับลัทธินอกรีต เอาดี ๆ ไปสืบมาแล้วได้ข่าวอะไรบ้างล่ะ”

“เห้อ เพราะข้าเป็นสัตว์ปีศาจตัวโปรดของเจ้านาย ยังไม่ทันได้ตามหาพวกลัทธิก็แห่ขบวนออกมาต้อนรับข้าแล้ว หลอกถามไปหลอกถามมาข้าก็ได้ความว่าตอนนี้พวกมันยึดครองโรมานอสซาร์ไว้ได้โดยสมบูรณ์แบบแล้ว และมีแผนขยายสาขามาที่อัสโตเรีย แต่คงยากหน่อย ก็นะอัสโตเรียยังมีกษัตริย์ แล้วก็มีอัศวินดำคอยปกป้อง พวกมันเลยได้แต่ตอดเล็กตอดน้อยอยู่บริเวณชายแดนนี่แหละ”

ได้ยินมันตี้เล่า ผมพลันพบจุดผิดปกติบางอย่าง”มันทะแม่ง ๆปะ”

“ไม่นี่”เจ้าแมวผีเริ่มสงบลงหลังจากโดนตับหัวไปทีหนึ่ง มันนอนหงายรอให้ผมลูบท้องมันเล่น ผมเองก็กลายเป็นทาสแมวโดยไม่รู้ตัวเผลอเล่นกับมันใหญ่

เมื่อใครครวญอีกครั้งก็พบว่าแปลกจริง ๆ”เจ้าเชื่อถือคำพูดของลัทธิได้แน่หรือ”

“พวกนั้นจะหลอกข้าทำไมล่ะ ต่างฝ่ายต่างใช้ศาสตร์มืดเหมือนกัน แถมถ้าเกิดพวกเราตัดสินใจเข้าร่วมด้วย แผนการยึดอัสโตเรียก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ”

“ฮืม...ถ้าอยากจะยึดอัสโตเรียเลยเริ่มจากตอดเล็กตอดน้อยแถวชายแดน ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกมันถึงต้องลักพาตัวคนในหมู่บ้าน ทำให้หน่วยสำรวจหายสาบสูญ แล้วก็แพร่เชื้อไข้ทรราชด้วยล่ะ! มันไม่เอิกเริกเกินไปหน่อยหรือ”ผมลูบคางพลางคิดอย่างหนัก

เจ้ามันตี้ถอนหายใจ”จะไปสนใจอะไรกับอาณาจักรที่คิดจะจับเจ้าไปประหาร จะโดนยึดหรือต้มยำทำแกงอันใดก็ล้วนไม่เกี่ยวกับพวกเรา”

“โอ้ว ท่านพันโทการันต์ ท่านไม่ได้เข้าร่วมกับหน่วยสำรวจหรอกหรือ”ขณะที่หนึ่งคนหนึ่งแมวกำลังจะเริ่มวางมวยกันนายอำเภอก็เดินเข้ามาในเรือนรับรองด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ

“สวัสดีนายอำเภอ”ผมทักทายตามมารยาทแต่ไม่ได้ให้ความสนใจเขามากนัก

กลับเป็นนายอำเภอที่เข้ามาหาผมพร้อมเอ่ยชวนให้ไปสนทนายามสายด้วยกันที่จวญของนายอำเภอ ผมมองหน้ามันตี้ มันไม่ได้ห้ามผมจึงตกลงไปเพราะโดนทิ้งอยู่ที่นี่คนเดียวก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว แต่ใครเล่าจะคิดว่าการคุยกับนายอำเภอมันช่างน่าเบื่อขนาดนี้ เขาเอาแต่อวดอ้างความดีความชอบของตนเอง คงอยากให้ผมส่งฎีกาเลื่อนตำแหน่งให้แต่สถานะอย่างผมทำอะไรแบบนั้นได้ที่ไหนกัน

ผมจึงได้แต่นั่งปั้นหน้าฟังอีกฝ่ายพูดไปเรื่อย

“ท่านการันต์ ข้าน้อยขอบังอาจถามท่านเรื่องหนึ่ง”กระทั่งนายอำเภอที่ยิ้มสอพลอมาตลอดแสดงสีหน้าจริงจังออกมา

“ว่า?”ผมโดนลากคอเข้าไปกระซิบ ท่าทางนายอำเภอหลุกหลิกพิระอย่างแรง

“ท่านคิดยังไงกับเวทอาญาไพร”

!!

ผมกับมันตี้ที่ได้ยินคำนั้นเบิกตากว้างจ้องมองใบหน้าของคนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง

พึงทราบว่าศาสตร์ต้องห้ามเป็นอะไรที่ร้ายแรงอย่างยิ่งในโลกใบนี้ ดังนั้นชาวบ้านทั่วไปแทบไม่กล้าเอ่ยถึงด้วยซ้ำ

นายอำเภอเอี้ยวตัวไปหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากช่องลับใต้เก้าอี้ก่อนยื่นมันมาให้ผม”เมื่อคืนมีคนแปลกหน้ามาหาข้า เขาบอกว่านี่คือเคล็ดวิชาอาญาไพร ทีแรกข้าไม่อยากข้องเกี่ยวกับศาสตร์ต้องห้ามแต่...เช้านี้ข้าตื่นมาพบว่าลูกชายของข้า ไอเป็นเลือดสีน้ำเงิน!”

“เดี๋ยวนะ...”

“เขาติดไข้ทรราชแล้ว และข้าเองก็คงติดมาเช่นกันเพียงแต่ยังไม่แสดงอาการ”ในอำเภอลนลานทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า”อัศวินจากทัพหลวงเช่นท่านมีพรสวรรค์มากกว่าชาวบ้านอย่างพวกเรา ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย! ถ้าเป็นท่านที่มีคะแนนสอบเข้าทัดเทียมท่านเอเทมล่ะก็ แค่เรียนเวทอาญาไพรบทเดียวทางการต้องให้อภัยแน่ ๆ เผลอ ๆอาจจะได้พูนบำเหน็จอย่างงาม...”

“พอ!”ผมรีบยกมือขึ้นห้าม นายอำเภอพูดมาถึงจุดนี้ผมก็รีบผุดลุกขึ้นยืน หยิบตำราเวทอาญาไพรใส่กระเป๋าก่อนเดินตาลีตาเหลือกออกมาจากจวญ

“ทำไมเจ้าไม่ฟังเขาให้จบก่อนล่ะ”เจ้าแมวผีวิ่งตามมาติด ๆ ขณะที่พวกเราเดินห่างออกมาจากจวญพอสมควรมันจึงเอ่ยถาม

“เขากำลังจะขอให้ข้าใช้เวทอาญาไพรนะ คนปกติเขาไม่ขอร้องอะไรแบบนี้กันหรอก แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว!”ผมหันไปอุ้มเจ้าแมวผีขึ้นมาแนบอกเพื่อกระซิบกระซาบกับมันได้อย่างสะดวก”ข้าจะเข้าไปในทุ่งซินเซียนเพื่อตามพวกลันเทียกลับมา ส่วนเจ้ารีบเอาเรื่องที่ข้าคุยกับนายอำเภอเมื่อครู่ไปแจ้งท่านเอเทมโดยด่วน”

“ทำไมเจ้าไม่รอเข้าไปในซินเซียนพร้อมอัศวินดำเล่า”

“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม แต่ท่านเอเทมเข้าไปในโรมานอสซาร์ไม่ได้!”

พอได้ฟังคำพูดของผมเจ้ามันตี้ก็แสดงอาการแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด มันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนเอ่ยถาม”เจ้ากำลังกระวนกระวายเรื่องอะไร”

“อย่างที่ข้าบอก เหตุการณ์ที่ชายแดนนี้เอิกเริกเกินไป พวกลัทธิหนึ่งเหมันต์ก็ไม่ใช่กลุ่มคนโง่พวกมันไม่มีทางทำงานสะเพร่าแบบนี้แน่นอน ดังนั้นวัตถุประสงค์ของพวกมันต้องไม่ใช่การตอดเล็กตอดน้อยที่ชายแดนเท่านั้น! จากการที่พวกมันสิงร่างลูคัสตั้งแต่ตอนที่ข้าได้รับมอบหมายภารกิจเท่ากับว่าพวกมันรู้ว่าข้าถือครองพลังของใครอยู่ หลักฐานก็คือพวกมันพยามหลอกล่อให้ข้าใช้อาญาไพร และพวกมันรู้ว่าท่านเอเทมต้องตามติดข้าไปทุกที่แถมพระราชาอยากสั่งประหารข้าใจจะขาด การปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับลัทธินอกรีตย่อมทำให้พระราชารีบเฉดหัวข้ามาที่นี่ เท่ากับว่าท่านเอเทมก็ต้องตามมาด้วย”

“แล้ว?”

“โถ่! เจ้าแมวโง่! ก็แปลว่าพวกมันล่อท่านเอเทมออกมาจากเมืองหลวงสำเร็จแล้วน่ะสิ! กองทัพอัสโตเรียแข็งแกร่งก็จริง แต่ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาตัวตนของท่านเอเทมยิ่งใหญ่เกินไป! เกรงว่าอัสโตเรียที่ขาดท่านเอเทมก็มีสภาพไม่ต่างจากโรมานอสซาร์ เป็นมังกรไร้เศียร!”

“เรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเรอะ!?”มันตี้คิดตามแล้วยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“ไม่รู้ว่าความจริงมันใหญ่ขนาดนั้นไหมแต่ควรรีบไปบอกท่านเอเทมก่อน ไม่แน่นะ...ถ้าเกิดเรื่องใหญ่ที่เมืองหลวงจริงแล้วพวกเรากลับไปทัน ข้าอาจจะมีความดีความชอบ ละเว้นโทษประหารก็ได้”อวดภูมิไขปริศนาปั้นหน้าเป็นปัญญาชนอยู่ได้นานหลายนาที ในที่สุดสันดานเดิมก็เผยออกมา

ครับ ผมยังคงโลกสวย กระโดดงับความหวังลม ๆแล้ง ๆอย่างการเป็นวีรบุรุษปกป้องอัสโตเรียอยู่

ถ้าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นดังที่ผมกล่าวจริงก็แปลว่าผมมีโอกาสละเว้นโทษประหารอยู่

ไม่ได้มีจิตสำนึกรักส่วนรวมอยากช่วยเหลือประชาชนตาดำ ๆอะไรหรอก

เอาตัวรอดล้วน ๆ!!



-----------------------------------

ยุคนี้สมัยนี้ใครๆก็ทำดีหวังผลกันทั้งนั้นแหละน่า 5555555555555
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: คุณจัตวา ที่ 10-01-2019 19:59:24
 o13  สมัยนี้ก็ต้องแบบนี้ละทำดีหวังผลบ้างไม่มากก็น้อย     ขอให้การันต์​รอดปลอดภัยด้วยเถอะนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 10-01-2019 21:05:38
ลันเทียยย แต่น้องการันต์ยังคงความฮาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-01-2019 21:42:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

อืมมมมมมมม  ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นจริง  นุ้งการันต์ก็ถือว่าฉลาดใช้ได้ทีเดียว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-01-2019 21:43:09
 :hao7:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-01-2019 22:32:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 12-01-2019 12:13:03
รอๆ
รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 12-01-2019 12:40:56
นุ้งการันต์ไม่ได้ความดีความชอบอะไรหรอก ความรักตัวกลัวตายของคนมันน่ากลัว
แต่ก็นับว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่น่าสนใจทีเดียว
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-01-2019 14:42:22
ลันเทียกับท่านเอเทมเคยรู้จักกันมาก่อนหรอ แล้วท่าเอเทมเป็นใครมาก่อน ลันเทียถึงได้บอกว่าเป็นท่านจริงๆ และถ้าทุกอย่างมันเป็นแบบที่นุ้งการันต์คิดจริงๆ ก็ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 13-01-2019 14:30:33
 :serius2: ข้อสงสัยเยอะไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-01-2019 01:10:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-01-2019 19:04:33
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 26-01-2019 14:27:15
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 26-01-2019 15:16:00
ใครอยากอ่านต่อ เชิญตามไปในอ่านในเด็กดีเลยครับ ในเด็กดีลงถึงตอน 35 แล้นนนนนน
ปล. เรารู้นะว่าคนเขียนขี้เกียจจัดหน้าลงในนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-04-2019 12:29:14
ใครอยากอ่านต่อ เชิญตามไปในอ่านในเด็กดีเลยครับ ในเด็กดีลงถึงตอน 35 แล้นนนนนน
ปล. เรารู้นะว่าคนเขียนขี้เกียจจัดหน้าลงในนี้ อิอิ

ขอบคุณนะคะที่แจ้งข่าว ดีงามพระรามแปด ปลื้มปริ่มท่านเอเทมกับเด็กพลัดถิ่น อิอิ
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: Bernini ที่ 04-05-2019 17:31:43

สนุกดีค่ะ! แต่เขียนผิดเยอะพอควร เลยทำให้อ่านไม่ลื่นเท่าที่ควรค่ะ
เช่น "ชุดลำลอง" ไม่ใช่ "ชุดลำรอง"
"ประคอง" ไม่ใช่ "ประครอง"
"ประเมิน" ไม่ใช่ "ประเมิณ"

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: Bernini ที่ 04-05-2019 19:55:35

สนุกดีค่ะ! แต่เขียนผิดเยอะพอควร เลยทำให้อ่านไม่ลื่นเท่าที่ควรค่ะ
เช่น "ชุดลำลอง" ไม่ใช่ "ชุดลำรอง"
"ประคอง" ไม่ใช่ "ประครอง"
"ประเมิน" ไม่ใช่ "ประเมิณ"

เพิ่มเติมนะคะ

"แล้งน้ำใจ" ไม่ใช่ "แร้งน้ำใจ" นะคะ

หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 21-05-2019 20:35:38
สนุกมากกก  o13
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 18-07-2019 20:13:27
สนุก ทำไมพึ่งมาเจอเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: เขาให้ผมพิชิต(ใจ)อัศวินอันดับหนึ่ง CH30 10/01/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-05-2020 15:54:48
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1: