40 [PART 1/3]
พ่อขับรถมาส่งผมที่หอตอนเย็นวันอาทิตย์ เขาบอกว่าหลังจากนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดพ่อคือคนดูแล หนึ่งเดือนพ่อจะโอนเงินให้ผมหนึ่งหมื่นสามพันบาท ค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าจิปาถะหรือกิจกรรมอื่นๆไม่รวมอยู่ในเงินก้อนนี้ หนึ่งหมื่นสามพันคือค่ากินค่าขนมเพียวๆ ถ้าเหลือก็เก็บไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นส่วนตัวได้ จะซื้อเกม ซื้ออะไรพ่อไม่ว่า แต่ถ้าเป็นไปได้พ่ออยากให้ผมรู้จักประหยัดเพราะเงินหายากขึ้นทุกวัน
ผมหยุดร้องไห้แล้วตอนพ่อขับรถมาส่ง แต่ใบหน้ายังอมทุกข์เหมือนคนตรอมใจอยู่ ตาของผมบวมและแสบร้อนแทบตลอดเวลา น่าจะเป็นเพราะร้องไห้ติดต่อกันนานและหนักจนเกินไปถึงได้เป็นแบบนี้ ก่อนลงจากรถพ่อมองสภาพผมแล้วถอนหายใจ เขาลูบหัวนายก้องเกียรติเบาๆหนึ่งทีและบอกว่าวันศุกร์นี้จะมารับ ให้อยู่รอที่นี่ ไม่ต้องขึ้นรถตู้กลับบ้านนะเข้าใจไหม
“ครับ”
ผมยกมือไหว้พ่อก่อนจะสะพายกระเป๋าลงจากรถ แต่พ่อก็รั้งไว้ เขาเปลี่ยนใจไม่ให้ผมไปและบอกว่าถ้าไม่ไหวจะกลับไปนอนพักที่บ้านก่อนไหม หยุดเรื่องเรียนไว้ซักอาทิตย์นึงก็ได้ ผมขมวดคิ้วมองพ่อด้วยความไม่เข้าใจว่าจะหยุดทำไม อีกไม่กี่วันก็สอบไฟนอลแล้ว ช่วงนี้นักศึกษาไม่ค่อยขาดเรียนกันหรอก และผมจะไม่โดดเรียนด้วยเพราะพี่อู๋เคยสอนไว้ว่าเขาหาเงินมาเหนื่อย เขาอยากให้ผมตั้งใจเรียนคุ้มกับเงินที่เขาจ่าย แต่ซักพักก็นึกได้ว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว เผลอๆเขาไม่แคร์หรอกว่าผมจะเข้าเรียนหรือเปล่า
ผมบอกพ่อว่าไม่เป็นไรครับ ผมอยากเรียนหนังสือ พ่อจึงไม่ว่าอะไรนอกจากบอกว่าแล้วจะโทรหา ตอบไลน์เขาบ้าง เขาจะได้ไม่เป็นห่วง ผมให้สัญญาก่อนจะเดินขึ้นอาคาร ปลายทางไม่ใช่ห้องของตัวเองแต่เป็นห้องของสมาร์ท ผมเคาะประตูสองสามทีทว่าไม่มีคนเปิด ไม่รู้สมาร์ทยังไม่กลับห้องหรือล็อคตัวเองไม่ให้นายก้องเกียรติเข้าไป ดังนั้นผมจึงจำใจเดินขึ้นห้องตัวเองแต่โดยดีก่อนจะไลน์หาน้ำตาลทราย
“มึงโอเคไหม?”
ทรายถามด้วยความเป็นห่วง ผมถอนใจก่อนจะตอบว่าไม่โอเค ไม่มีอะไรโอเคทั้งนั้น ทรายรู้อยู่แล้วว่าพ่อมารับผมกลับบ้าน มันก็เลยไม่ตกใจตอนที่ก้องเกียรติบอกว่าพ่อขับรถมาส่ง เราคุยกันทางโทรศัพท์แค่นิดหน่อยผมก็ร้องไห้อีก มันอยากร้องเองโดยไม่รู้ว่าทำไม แค่คิดว่าพี่อู๋ไม่รักก็เจ็บปวดใจจนไม่อยากอยู่แล้ว
“ก้อง เดี๋ยวกูไปหา มึงลงมารอเลยนะ”
ผมขานรับสั้นๆก่อนจะลงไปรอรับน้ำตาลทราย เพราะหอหญิงไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้า น้ำตาลทรายจึงเดินมาถึงนี่เพื่อเป็นกำลังใจให้ไอ้ก้องขี้แย พอเจอหน้ากันผมก็ร้องใส่เพื่อนยกใหญ่ การร้องไห้นี่มันเหนื่อยจริงๆนะ ไม่ใช่ไม่เหนื่อย แต่มันทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องเพราะผมมืดแปดด้าน คิดไม่ออกเลยว่าจะเอายังไงต่อไป ทรายนั่งบนเก้าอี้มองผมร้องไห้อยู่นาน มันเองก็เวทนาเพราะหาวิธีช่วยไม่ได้ ก็คนเขาไม่รักแล้ว เขาไม่อยากได้แล้ว จะไปเรียกร้องอะไร ขนาดยืมโทรศัพท์ทรายโทรหา เขายังรู้ทันเลยว่าต้องเป็นก้องเกียรติแน่ๆถึงได้กดตัดสายและบล็อคไปอีกเบอร์
“มึงเอ้ย --” ทรายลูบหลังผมที่สะอึกสะอื้นจนตัวโยน “นึกยังไงวะไปพูดว่ารักเขาเพราะเงิน เป็นกูกูไม่พูดนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดอ่ะ”
“กูไม่อยากยอมรับว่าชอบผู้ชาย มึงก็รู้ว่าไอ้โบ้ทปากหมา มันเคยทำหน้าแหยงๆตอนพูดเรื่องกัสก้องด้วย”
“เออ แล้วมันเคยล้อมึงหรือยัง? กูไม่เห็นมันจะว่าอะไรมึงเลย มึงอ่ะร้อนตัว”
“ก็กูไม่รู้นี่ว่าพี่อู๋ยังไม่วางสาย กูไม่ได้ตั้งใจให้เขาได้ยิน” ผมหลับตาและถอนหายใจจนเหนื่อย “มึง กูจะทำยังไงดีวะ? พี่อู๋ไม่รับสายกูเลย ไปดักรอที่บ้านก็ไม่ได้ โทรหาก็ไม่ได้ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน”
“เอาไลน์พ่อมึงไปใช้หรือยัง?”
“ยัง พ่อใช้มือถือทั้งวัน ไม่ดูยูทูปก็เลือกรูปสวัสดีวันจันทร์อยู่” ผมบ่นเซ็งๆ
“งั้นมึงรออีกหน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่อู๋อารมณ์เย็นก็คงเลิกบล็อคมึงเองแหละ”
“แต่เขาใจแข็งมากเลยนะมึง” ผมบอกทราย “กับแฟนเก่าเขายื้อมานาน บทจะตัดก็ตัด ไม่กลับไปอีก มึงดูสิคนคบกันมาสิบปีอ่ะ ยังตัดได้ในวันเดียว”
“มึง พี่อู๋ไม่ได้ตัดใจได้ในวันเดียว มันเรียกว่าสะสมมานานจนทนไม่ได้เว้ย” ทรายส่ายหน้าไปมา ผมนี่มันไร้เดียงสาในเรื่องนี้จริงๆ “กูว่าที่เขาทำแบบนี้ก็แค่โกรธอ่ะ จริงๆนะ ตอนกูกับพี่กิ๊บทะเลาะกันก็แบบนี้ อันเฟรนด์ อันฟอล อันทุกอย่าง กูคิดว่าเลิกแน่ๆมาสองสามรอบแล้ว สุดท้ายก็ไม่เลิกอ่ะ ถ้ายังรักกัน เดี๋ยวก็ต้องหาทางปรับความเข้าใจกันอยู่ดี”
“ถ้าพี่อู๋ไม่ได้รักกูล่ะ?”
“เหรอ? มึงคิดแบบนั้นจริงเหรอ?”
“พ่อบอกว่าเขาอาจจะไม่ได้รักกูจริง พ่อพูดประมาณว่าเขาได้กูแล้ว เขาคงไม่อยากง้อเพราะไม่มีอะไรให้ค้นหาแล้วอ่ะ”
“พ่อมึงเป็นแฟนเก่าพี่อู๋เหรอถึงรู้ดีจัง?” ทรายแค่นหัวเราะ “ว่าแต่พ่อมึงรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เออ เขารู้ว่ากูคบกับพี่อู๋ แต่เรื่องมีอะไรกับเขากูเป็นคนบอกเอง”
“เหยดเข้ ป๊ากูยังไม่รู้เลยนะว่ากูมีอะไรกับพี่กิ๊บแล้ว มึงนี่สุดยอดจริงๆก้อง เรื่องที่ไม่ควรพูดเสือกกล้า แต่คำว่ารักเสือกอาย”
ผมตอบเพื่อนว่ารู้แล้ว สำนึกผิดแล้ว ตอนนั้นมันปากไวไม่ทันคิด คิดแค่ว่าไม่อยากให้ไอ้โบ้ทรู้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้กูไม่พูดหรอก กูจะบอกดังๆชัดๆเลยว่าที่เลิกกับพี่อู๋ไม่ได้ก็เพราะรักเขามาก รักมาก รักจนจะขาดใจตายแล้วที่ไม่ได้คุย ไม่ได้ติดต่อเขาตั้งสามวันเนี่ย
“กูควรทำยังไงต่อวะทราย?” ผมถามเป็นหนที่ร้อย
“ง้อดิ” ทรายยักไหล่ “มึงไม่ใช่คู่แรกที่เจอปัญหาทะเลาะกันแล้วไล่กันเหมือนหมูเหมือนหมา กูว่าในสิบคู่ต้องเจอเหตุการณ์นี้อย่างน้อยแปดคู่ เชื่อกูเถอะ ถ้ามึงรักพี่อู๋จริงๆและอยากคบกับเขาต่อก็เดินหน้าง้อเลย เขาต้องใจอ่อนซักวันแหละวะ”
“แต่เขาไม่รับโทรศัพท์ มึงก็เห็นว่าเขาบล็อคทุกทาง”
“งั้นค่อยกลับไปเจอเขาวันศุกร์หน้า”
“ไม่ได้ พ่อมารับ”
“แหม เมื่อก่อนมึงว่าพ่อฉอดๆ ตอนนี้ตอบเสียงอ่อยเลยนะว่าไปไม่ได้ พ่อมารับ” ทรายยกมือจะเขกหัวผมแต่ก็ไม่ได้ทำ “หลังสอบเสร็จค่อยไปดักรอพี่อู๋ ถ้าพ่อถามก็โกหกไปว่าติดสอบ พ่อไม่เอะใจถึงขนาดตามมาเฝ้ามึงหรอก”
ทรายบอกแล้วปรายตามองก้องเกียรติที่นั่งหน้าเศร้าไม่มีความสุขอยู่ข้างๆ ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย หนังสือก็ไม่อยากอ่าน เน็ตฟลิกซ์ก็ไม่อยากดู ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนอนร้องไห้ฟูมฟายคิดถึงพี่อู๋ พอทรายเห็นผมเฉยชาไร้ชีวิตชีวาเหมือนต้นไม้ยืนต้นตาย มันจึงชวนออกไปซื้อขนมที่เซเว่น
“กินเท่านั้นที่จะทำให้มึงดีขึ้น” ทรายว่าพลางหยิบนั่นหยิบนี่ใส่ตะกร้า “คืนนี้ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องง้อไว้วันหลัง หาอะไรคลายเครียดทำกันดีกว่า”
เราถือขนมสองถุงใหญ่กลับห้อง ส่วนใหญ่เป็นขนมคบเคี้ยวและของหวานชวนอ้วนที่ทรายไม่ค่อยชอบแต่คืนนี้มันจะยอมกินเพื่อผม เพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดมีแต่ความเศร้า น้ำตาลทรายถึงขนาดยัดเค้กช็อกโกแลตคำโตใส่ปากแล้วเคี้ยวหยับๆเป็นเพื่อนก้องเกียรติ เรานั่งแกะนั่นแกะนี่กินหมดไปหนึ่งถุง พอคอแห้งก็รินโค้กใส่น้ำแข็งแล้วกระดกอึกๆจนเรอเอิ๊กเสียงดัง ทรายไม่ชวนคุยเรื่องเครียดๆเลยนอกจากเลื่อนดูซีรี่ส์ในเน็ตฟลิกซ์ แต่ผมไม่มีสมาธิมากพอที่จะโฟกัสอะไร ดังนั้นเราจึงเปิดยูทูปและร้องคาราโอเกะโง่ๆประหนึ่งอยู่ในร้านเหล้า
ทรายร้องเพลงอะไรไม่รู้ น่าจะเป็นเพลงเกาหลีที่ผมไม่เคยฟังมาก่อน มันร้องเย้วๆสนุกอยู่คนเดียวในขณะที่ผมนั่งขมวดคิ้วว่ามันเป็นอะไร พอเห็นนายก้องเกียรติไม่เอนจอย ทรายก็เลือกเพลงใหม่ เลือกไปเลือกมาเจอช่องทำอาหารแบบ ASMR สรุปว่าเราเลิกฟังเพลงและหันมานั่งดูเจ้าของช่องหั่นผักดังฉับๆแทน
“เพลินเนอะ” ผมว่าพลางหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปาก “มึงๆ ดูคนกินจุอันนี้เร็ว กินได้น่าอร่อยมาก”
ผมใช้นิ้วก้อยจิ้มโทรศัพท์แต่จิ้มไม่ติด ทรายจึงดูดนิ้วจุ๊บจั๊บแล้วช่วยกดให้แทน เรานั่งดูผู้ชายเกาหลีคนหนึ่งกินไก่ทอดเกือบสามสิบชิ้น เสียงกรุบกรอบของหนังไก่สะท้อนก้องในหัวของเราจนอยากโทรสั่งจริงๆแต่มันดึกเกินไป ผมกับทรายคุยกันว่าพรุ่งนี้จะไปกินเคเอฟซี ชวนมิวกับโบ้ทไปด้วยจะได้ช่วยกันหาร ทรายเห็นด้วยกับความคิดนี้จึงหยิบโทรศัพท์เตรียมจะแชทหามิวทว่ามีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่าแทรกเข้ามาเสียก่อน
“ก้อง มึงโดนอีกละ”
ทรายอ่านข้อความจากมิวก่อนจะแท็บหน้าจอเพื่อดูรูปภาพว่ามิวแคปอะไรมา อ๋อ – ไม่มีอะไรใหม่ นายก้องเกียรติโดนด่าอีกแล้ว ผมกับทรายนั่งอ่านออกเสียงคำด่าพวกนั้นไม่ทุกข์ร้อน หากถามว่าชิลขนาดไหน ก็ขนาดที่ผมนอนกินมันฝรั่งฟังคำด่าผ่านหูไม่สนใจ ส่วนทรายอ่านไปล้อเลียนไปด้วยความสนุกสนาน คำด่าพวกนั้นทำอะไรนายก้องเกียรติไม่ได้แล้ว เกือบสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้บทเรียนแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร คนอยากด่ามันก็หาเรื่องด่าไปทั่ว เราซื้อตะกร้อครอบปากหมาทุกตัวไม่ได้ฉันใด เราก็ห้ามคนไม่ให้ด่าเราได้ฉันนั้น จู่ๆมันก็ปลงในสัจธรรมขึ้นมากะทันหัน ถ้าผมปลงได้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องทุกข์ใจขนาดนี้ ดูสิ – ด่าว่าอีก้องหน้าสิวผมยังไม่โกรธเลย ก็กูเป็นสิวอ่ะ ใครๆก็เคยเป็นสิว หรือมึงไม่เคยเป็นสิวฮะอีหน้าเนียน ขอส่องไทม์ไลน์มึงหน่อย แหม ยังรีทวีตสกินแคร์ลดรอยสิวอยู่เลย ดูกระจกบ้างเว้ยแก เราเขินแทนจะแย่แล้วเนี่ย
“มึง ไม่ใช่ว่ะ อีมิวไม่ได้ให้ดูอันนี้” ทราบเลื่อนผ่านอีกรูป “นี่ไงๆๆ ก็ไม่ได้อะไรนะ แต่ผัวอีก้องคนนั้นที่เป็นล่ามอ่ะ มันก็ไปแย่งเค้ามาอีกที เหี้ยไม่เหี้ยก็ดูเอาแล้วกัน แฟนเก่าเค้าเป็นซึมเศร้าฆ่าตัวตาย มันยังแย่งได้อ่ะ คิดดูว่าร่านมั้ย #กัสก้อง -- เฮ้ย มันบอกว่ามึงแย่งพี่อู๋ว่ะ”
“แย่งเหี้ยอะไรล่ะ พี่อู๋ชอบกูเอง กูอยู่เฉยๆไม่ได้ยุ่งกับใคร” ผมส่ายหน้าเซ็งๆ ไม่พ้นเพื่อนคนสวยของคุณพีรพัฒน์อีกแน่ๆ “มึงตอบมันไปดิว่า แหม วีรกรรมก็เยอะน้า เพื่อนเราอ่ะ มึงทวีตตอบมันไปเลย”
“อีบ้า มึงเอาจริงเหรอ?”
“เออ”
“นี่แอคเคานท์กูนะ” ทรายเบะปากจะร้องไห้ “มึงจะให้กูใช้แอคนี้วอร์จริงเหรอก้อง?”
ผมถอนหายใจก่อนจะส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ทราย อ่ะ มึงเอาไปเลย พิมพ์ตามคำบอกกูนี่แหละ กูขี้เกียจลุกขึ้นไปล้างมือ ผมตอบก่อนจะแกะขนมถุงใหม่และกินต่อ ระหว่างนั้นก็ฟังทรายอ่านทวีตหยาบคายที่พาดพิงถึงตัวเองเรื่อยๆไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร จะขี้เหร่ หน้าสิว หน้าเหี้ย เด็กเสี่ย อีหนู หรืออะไรก็จัดมาเถอะ ผมชินแล้ว เบื่อที่จะได้ยินด้วยเพราะคำด่าเดิมๆไม่มีอะไรใหม่ เหมือนหาเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากต้องโจมตีหน้าตาเท่านั้น
เบบี้ปลา: อีก้องเก็บตัวเงียบเลยน้า #กัสก้อง
kkk: จะเอายังไงเนี่ย ตอบโต้ก็โดนด่า เงียบก็โดนด่า ทำตัวไม่ถูกแล้วนะ 555
Pepper: สรุปเรื่องก้องที ตกลงว่าแฟนปจบที่มันคบอยู่ก็คือแย่งมาจากคนอื่นใช่ป้ะ #กัสก้อง
kkk: ไม่ได้แย่งจ้า เค้าเลิกกันก่อนหลายเดือนกว่าจะมาคบกับเรา
Pepper: เปนก้องอ่อ มาตอบเหมือนเปนอิก้องเลย อิดอก 55555
kkk: ใช่จ้า ก้องเอง อีดอก 55555
หมูหวาน: แล้วจิงป้ะที่เขาบอกว่าแฟนอีก้อง #กัสก้อง ไปเก็บอีก้องมาจากโรงทาน
kkk: ไม่จริงจ้า เก็บจากสะพานพระรามแปดจ้า
แม่น้องอิ๋ว: ถ้าก้องแย่งแฟนคนนี้มาจากแฟนเก่าที่เป็นซึมเศร้าจริงคือเหี้ยมากอ่ะ ไม่น่ารักเลยนะทำแบบนี้ ไม่โอเค #กัสก้อง
kkk: ไม่ได้แย่งครับ เค้าเลิกกันเองเพราะทนนิสัยไม่ไหว ไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ สงสารคนป่วย
ผมพยายามตอบสุภาพ พาดพิงคุณหมูพีให้น้อยที่สุดเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นหรือยัง หลุดพ้นจากวงโคจรของพ่อแม่และเพื่อนจอมโอ๋ได้ไหม หรือยังตกเป็นน้องเล็กให้เขาโอ๋เขาสปอยล์จนเสียคนเหมือนเดิม ผมกำลังนึกสงสัยอยู่พอดี เพื่อนคุณหมูพีก็เมนชั่นมาหา สำนวนแบบนี้ผมว่าต้องเป็นคนใกล้ตัวคุณหมูพีแน่ๆ คนศีลเสมอกันย่อมเป็นเพื่อนกัน ผมเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดีเลย
applepie: แหม ไม่ต้องทำมาเป็นสงสารเพื่อนกูหรอกอีเด็กดอก
kkk: อ่าว ก็น่าสงสารจริงๆอ่ะ พี่ว่าไม่น่าสงสารเหรอ เข้าออกโรงบาลบ่อยเป็นว่าเล่นเพราะทำร้ายตัวเองทุกครั้งเวลาไม่ได้ดั่งใจ
applepie: เสือก อีเมียน้อย
kkk: ใครกันแน่เสือก อยู่ดีๆก็ทวีตด่าคนอื่นว่าแย่งผัวชาวบ้าน ลืมไปแล้วเหรอว่าเค้าเลิกกันเพราะอะไร อย่าให้ต้องพูดนะ วันนั้นผมก็ไปโรงบาล รูปแผลที่เค้าทำพี่อู๋ผมยังถ่ายเก็บเอาไว้เลย จะดูป่าว
เมื่อเพื่อนของคุณหมูพีเงียบไปนานในขณะที่กระแสเริ่มสนใจว่าเรามีเรื่องอะไรกัน ผมก็ให้ทรายเมนชั่นไปใหม่ว่าตกลงจะดูไหม รูปเนี่ย ที่เพื่อนพี่กรีดมือพี่อู๋จนโดนเย็บเกือบสิบเข็มเนี่ยจะดูไหม เผื่อจะจำได้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงไปกันไม่รอด
“มึงพูดเรื่องอะไรวะก้อง กูงง?”
ผมยักไหล่ บอกทรายว่าไม่มีอะไรหรอก แค่ตอนที่กูเจอพี่อู๋แรกๆเขาเพิ่งกลับไปคืนดีกับแฟนเก่า แต่คืนดียังไงไม่รู้ถึงทะเลาะกันประจำ เดี๋ยวตบเดี๋ยวตี เดี๋ยวด่า ห้องไม่เคยเงียบเกินสองวันเพราะแฟนเก่าพี่อู๋ร้ายมาก เอะอะจะฆ่าตัวตาย เอะอะจะทำร้ายพี่อู๋ มีวันนึงแฟนเก่าเขาเป็นบ้าเอาแก้วมากรีดกู วันถัดมาเขาเลิกเลย พี่อู๋ไม่เอาด้วยแล้วก็เลยโดนเพื่อนๆของแฟนเก่าตามด่าเหมือนเดินเตะจานข้าวหมาแบบนี้แหละ
“เวรกรรมแท้พี่อู๋ของมึงเนี่ย คบกับใครก็โดนด่าตลอด”
ทรายพึมพำแล้วอ่านทวีตถัดไป หลังๆผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมข้อความเกลียดชังพวกนั้นถึงไม่กระทบจิตใจเท่าวันก่อน บางทีผมอาจจะโดนด่ามากเกินไป หรือมีเรื่องให้กังวลมากเกินไปก็เลยไม่เศร้า หรือไม่ก็อยู่ในภาวะอิ่มขนมอย่างที่ทรายว่า มันบอกว่าถ้ากินอยู่ยังไงก็ร้องไม่ออกหรอก ร่างกายกำลังเรียกร้องอาหารขยะ กว่าจะน้ำตาจะไหลก็จะเป็นตอนที่กินโค้กหมดไปสองชั่วโมงแล้ว
“มันตอบหรือยัง?” ผมถามทรายพลางดูดนิ้วแจ๊บๆ
“ยัง หายไปเลย”
“เมนชั่นไปอีก มาแก้ตัวหน่อยครับ อยากเถียงอีก 555”
“ทำไมมึงไม่ร้ายตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วฮะ? มาร้ายอะไรตอนนี้”
ทรายบ่นพึมพำแต่ก็เมนชั่นไปหาแอคนั้นอีก ตอนนี้กระแสใน #กัสก้อง ตีกันมั่วไปหมด อีก้องหน้าเหี้ยเกาะออกัสดัง อีก้องหน้าพังสันดานพังแต่เสือกได้แฟนหล่อ อ๋อ อีก้องเด็กเสี่ย อีก้องขายตัว อีก้องเหลือขอ อีก้องกะหรี่ อีก้องเมียน้อย แย่งแฟนชาวบ้าน ล่าสุด –
ButterFlies: อีก้องเด็กเสี่ยของแท้ วันนี้นั่งเบนซ์กลับหอที่ลาดกระบังกับเสี่ยอ้วนๆแก่ๆคนนึงที่ไม่ใช่แฟนมัน
kkk: นั่นพ่อครับ เบนซ์ของพ่อ แฟนผมขับวีออส
ผมให้ทรายเมนชั่นตอบ ซักพักก็มีคนเมนชั่นมาถามว่าพ่อไหนอีกคะ ไหนบอกว่าไม่มีพ่อมีแค่แม่ไงถึงได้ไปกินอยู่กับแฟน ผมถอนหายใจเซ็งๆแล้วตอบอย่างสุภาพว่า
kkk: เพิ่งเจอพ่อตอนเปิดเทอมครับ พ่อเป็นเพื่อนกับอาจารย์ที่คณะ อจ.จำนามสกุลแม่ได้ก็เลยช่วยติดต่อให้มาเจอกัน ข้อมูลนี้เช็กได้ครับ อาจารย์ชื่อสมศักดิ์ ลองถามอจ.ดู
jojo: แบบนี้ก็บ้านรวยอ่ะดิ พ่อขับเบนซ์แล้วจะเป็นเด็กเสี่ยอีกทำไม
kkk: ไม่ได้เป็นเด็กเสี่ยครับ แฟนผมไม่ใช่เสี่ย แค่อายุเยอะกว่า
melody: ไหนว่าจนมากไม่ใช่เหรอ
kkk: ผมจนจริงครับ แต่พ่อรวย
ทรายถามว่าเราจะคุยแบบสุภาพกับไอ้คนพวกนี้ทำไม ผมจึงบอกไปว่าตอบตรงๆน่าจะดีกว่าปล่อยให้คนมันเดาสุ่มหรือเปล่า อย่างเรื่องรถเบนซ์ที่เมาธ์ๆกันนั่นถ้าไม่รีบบอกว่าเป็นพ่อ คงใช้แกทเชื่อมโยงหาว่าผมมีผัวเป็นเสี่ยหลายคนแน่ๆ พอเริ่มตอบคำถามคนนึง คนที่เหลือก็เริ่มตั้งคำถามบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ออกแนวจับผิดมากกว่าหาความจริง ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ ไม่เห็นมีใครถามเลยว่าสรุปเรื่องทั้งหมดมันจริงไหม ผมกับพี่อู๋คบกันแบบเสี่ยหรือเปล่า ทำไมไม่มีใครถามอะไรสร้างสรรค์เลยวะ น่ารำคาญชิบ
“กูว่าเราเลิกอ่านทวีตพวกนี้เหอะว่ะ”
ทรายส่งโทรศัพท์คืนแล้วชวนแกะขนมต่อ เราคุยกันว่าถุงต่อไปเป็นอะไรดีนะ ทรายจึงหยิบช็อกโกแลตแท่งขึ้นมา ฉีกซองออกแล้วแบ่งครึ่งให้ก้องเกียรติกิน เราทั่งแทะช็อกโกแลตเงียบๆไม่พูดอะไรอีก ทรายคงรู้สึกแย่ไปด้วยที่ได้อ่านข้อความพวกนั้น ส่วนผมว่างเปล่า ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากรสชาติหวานๆของคุ้กกี้ แอนด์ ครีม เราตกลงกันว่าหลังจากนี้จะไม่อ่านทวิตเตอร์พวกนั้นอีก ปล่อยให้มันจบไปดีกว่าเนอะ เราก็ตอบเยอะไปพอสมควรแล้วด้วย ทรายกำลังจะไลน์บอกมิวเองว่าไม่ต้องแคปมาฟ้องอีก เราจะไม่สนใจกระแสเฮงซวย เราจะเดินหน้าต่อไป เราจะมูฟออนและง้อพี่อู๋ให้ได้ เราจะ – เราจะ –
“ทราย มีคนอินบ็อกซ์มาหากูว่ะ”
ผมบอกเพื่อนเมื่อเห็นแจ้งเตือนตรงไอคอนรูปซองจดหมาย เมื่อคลิ๊กเข้าไปอ่านก็เห็นว่าในนั้นมีคนส่งข้อความมาเต็มไปหมด เจ็ดสิบเปอร์เซ็นคือคำด่า อีกสามสิบเปอร์เซ็นคือคำให้กำลังใจ ผมเลือกอ่านเฉพาะข้อความบวกๆและตอบกลับไปว่าขอบคุณครับ ขอบคุณที่เข้าใจครับ จนกระทั่งเจอข้อความหนึ่ง
นี่ใช่พี่ก้องตัวจริงหรือเปล่าคะ
ใช่ครับ
ผมตอบ รอไม่ถึงสิบวินาทีเธอก็ส่งข้อความมาใหม่ ผมอ่านออกเสียงเพื่อเรียกน้ำตาลทรายที่กำลังดื่มโค้กให้ตั้งใจฟัง พออ่านจบเราก็รู้สึกอึ้งไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าควรตอบข้อความนั้นยังไงนอกจากกรุ๊ปคอลหามิวเพื่อบอกว่าตื่น ตื่น ตื่น มีเรื่องแล้ว เด็ดมากด้วย ตื่นมาช่วยพวกกูก่อน
Rainy day:
หนูชื่อฝนนะคะ เคยคบกับพี่ออกัสอยู่ช่วงนึง
หนูมีเรื่องจะบอกพี่ค่ะ
☁
ฝนเป็นเด็กมอปลาย เป็นแฟนกับออกัสช่วงที่มันกำลังมีชื่อเสียงพอดี ตอนแรกผมไม่ได้เอะใจกับคำแนะนำตัวนี้ก็เลยตอบไปแค่ครับ ทรายดีดหูผมทันทีและบอกว่าอ่านดูดีๆ วิเคราะห์ดีๆ น้องเขาบอกว่าเป็นแฟนกับออกัสช่วงที่กำลังมีชื่อเสียง หมายความว่าตอนมันตามตื๊อขอคบผม มันต้องมีน้องคนนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
เออว่ะ – จริงด้วย
ผมจึงพยายามตอบแชทอย่างใจเย็น ไม่กระโตกกระตากว่าอยากรู้เรื่องนี้ใจแทบขาดเพราะจะเอาไปตีหน้าไอ้ออกัส น้องที่ชื่อฝนเล่าให้ฟังว่าเธอคบกับออกัสยังไม่ทันครบเดือน กระแส #กัสก้อง ก็เริ่มมาแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอไม่เปิดตัวไม่ได้ว่าเป็นแฟนออกัส
ทำไมอ่ะครับ
ผมถาม หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเธอก็ตอบกลับมาว่า
พี่กัสบอกว่าเป็นเรื่องงาน ถ้าฝนออกตัวว่าเป็นแฟนเขา กระแสจะหายไปแล้วสปอนเซอร์จะไม่เข้าค่ะ
“เหี้ยมาก” ทรายส่ายหน้า “มึงถามต่อเร็วว่าตอนนี้ยังคบกันอยู่ไหม?”
ยังเป็นแฟนกันอยู่มั้ยครับ
Rainy day:
เพิ่งเลิกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ
เขาบอกรักหนู แต่จำเป็นต้องเลิก
หนูคิดว่าน่าจะเพราะคู่จิ้น
ค่ายเตรียมจะดันคู่จิ้นใหม่มาแทน #กัสก้อง
อ่า ไม่แปลกใจครับ
ผมรอซักพักน้องเขาก็ส่งหน้าแชทที่คุยกับออกัสมาให้ดู ออกัสบอกน้องฝนว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยและพยายามคอลหา แต่น้องฝนไม่รับ เธอบอกพิมพ์มาเลยดีกว่า ไม่ต้องคุยกันหรอก ออกัสจึงถือโอกาสนี้บอกเลิกเธอโดยให้เหตุผลต่างๆนานา และบอกอีกว่าเพราะงานอาจทำให้ฝนเสียใจ ตอนนี้ค่ายกำลังจะจับคู่ออกัสกับนักแสดงหน้าใหม่ที่เล่นซีรี่ส์ด้วยกัน มันคงจะดีกว่าถ้าออกัสไม่มีแฟน
Rainy day:
พี่กัสเคยพูดว่าค่ายบ่นว่าพี่ก้องทำเสียเรื่อง
เค้าเคยขอให้พี่กัสดึงพี่ก้องมาสร้างกระแสแล้ว แต่ไม่ได้
เพราะพี่ก้องมีแฟนแล้ว
ครับ ตอนนั้นพี่มีแฟนแล้ว
Rainy day:
ค่ายก็เลยดันคู่ใหม่ พยายามเอากัสก้องลง
คนที่เริ่มจุดกระแสด่าพี่ ก็มาจากทีมงานในค่ายค่ะ
จริงๆคลิปบิวตี้บล็อกเกอร์คนนั้นไม่มีอะไรเลย
ไม่มีเรื่องให้ด่า แต่พอมีคนเปิด มันก็มีคนตามอ่ะค่ะ
“เฮ้ย จริงหรือเปล่าวะ? กล่าวหาลอยๆแบบนี้เขาฟ้องได้เลยนะเว้ย”
ทรายไม่อยากจะเชื่อ แต่สีหน้ามันนี่ตื่นเต้นยิ่งกว่าลุ้นหวยวันที่สิบหกอีก เราสามคนคุยกันผ่านสปีคเกอร์โฟนว่าจะเอายังไง มิวบอกว่าทำเป็นกลางไว้ก่อน อย่าเพิ่งร่วมวงด่า ลองถามน้องเขาดูก่อนว่ามาบอกเราทำไม มีจุดประสงค์อะไร ผมพิมพ์ตามที่มิวแนะนำและรอซักพักน้องฝนก็ตอบกลับมา
Rainy day:
หนูสงสารพี่อ่ะค่ะ
โดนด่ามาอาทิตย์นึงแล้วยังไม่จบ
ขอบคุณครับ
แต่น้องมาบอกพี่แบบนี้ ไม่กลัวออกัสโกรธเหรอ
Rainy day:
ไม่กลัวค่ะ เพราะหนูแค้นทีมงาน
บงการให้หนูกับพี่กัสเลิกกันแล้วสร้างคาแรคเตอร์
ว่าเป็นไบ
พี่กัสไม่ได้เป็นไบค่ะ เค้าเป็นชายแท้
“กูว่าแล้ว!”
ผมตบเขาดังฉาด บอกแล้วว่ามันไม่ได้ชอบผมหรอก คนชอบกันเขาไม่ทำแบบนี้ เขาไม่มีระยะห่างขนาดนี้ ต่อให้เดินตามตูดเหมือนลูกเป็ดและเอาแต่บอกว่ารักๆๆ ถ้าการกระทำมันไม่สอดคล้อง ยังไงก็เชื่อไม่ลง
Rainy day:
ค่ายหวังกับพี่กัสมาก เพราะละครเรื่องก่อนหน้าแป้ก
ท่าดีทีเหลวจนปั้นไม่ขึ้นเหมือนกัน
คู่จิ้นจากค่ายคู่แข่งก็ดังกว่ามาก
ทีมงานเค้าทำงานกันเป็นทีม เนียนสุดๆ
แฟนคลับคิดว่าคบกันจริงทั้งๆที่ผู้ชายค่ายนั้นก็มีแฟนเหมือนกัน
เค้าไม่เห็นต้องเลิกกับแฟนเลย
แต่ค่ายพี่กัส สั่งให้เลิก บังคับให้เลือกว่าจะเอายังไง
แล้วพี่กัสก็เลือกงาน ไม่เลือกหนู
ซักพักก็มีกระแสด่าพี่ช่วงเวลานี้พอดี
Rainy day:
เค้าคิดกันมาดีแล้วค่ะว่าจะลบกัสก้อง
ชุบตัวใหม่ให้พี่กัสดูน่าสงสาร
ไม่เชื่อพี่คอยดูหลังละครออนแอร์วันจันทร์นี้นะ
จะมีทีมงานชงให้พี่กัสเป็นคู่จิ้นกับนายเอกในเรื่องอีก
แล้วก็จะมีคนด่าพี่ แต่ไม่เยอะ เพราะเค้าจะย้ายไปชงคู่อื่นแล้ว
หนูแค่แวะมาบอกให้พี่สบายใจ
มันใกล้จบแล้วค่ะ ทีมงานเค้าวางแผนให้มันจบอาทิตย์นี้
ที่น้องมาบอกพี่เพราะสงสารอย่างเดียวเหรอครับ
Rainy day:
เปล่าค่ะ
หนูอยากให้พี่เอาคืนพวกมัน
มันทำให้หนูต้องเลิกกับพี่กัส
หนูไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่
“ไอ้ – เหี้ย --”
ผมอ่านแล้วอุทานคำหยาบอีกหลายคำ ส่วนทรายกับมิวไม่ต่างกัน ทั้งสองคนรวมหัวด่าต้นสังกัดของออกัสจนเสียหมาเพราะแผนการสกปรกมาก ระยำเกินกว่าจะให้อภัย แค่เพราะอยากได้กระแสคู่จิ้นให้ซีรี่ส์ มันจำเป็นต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ แล้วตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมเสียสุขภาพจิต ไม่เป็นอันกินอันนอน แถมยังทะเลาะกับพี่อู๋จนเลิกกันอีก ใครจะรับผิดชอบ มีใครหน้าไหนมันโผล่มารับผิดชอบชีวิตที่พังทลายของผมบ้าง ไอ้หน้าเหี้ย!
“มึงๆๆ ขอหลักฐาน” มิวพูดแทรกเมื่อนึกขึ้นได้ “ถามน้องไปว่ามีแชทของออกัสไหม มีหลักฐานอะไรไหมที่จะแหกอีค่ายเหี้ยนี่ บอกน้องเขาส่งมาได้เลย เดี๋ยวกูแหกให้เอง ร่างกายต้องการการปะทะ ก็มาดิค้าบ เหยดแหม่”
คำพูดของมิวมันขำ แต่วินาทีนั้นเราไม่ขำเพราะกำลังวุ่นวายกับการขอหลักฐานที่มัดตัวคนในค่ายว่าจงใจปั่นกระแสเพื่อใส่ความผม เรารอเกือบสิบนาทีกว่าน้องฝนจะทยอยส่งแชทที่คุยกับออกัสมาให้ ออกัสพูดไม่เคลียร์เท่าไหร่ว่าค่ายเป็นคนเริ่มปั่นให้ผมโดนด่า แต่ที่เคลียร์คือออกัสบ่นน้องฝนว่าจะหึงไปทำไม กัสก้องมันไม่มีอะไรแต่แรกอยู่แล้ว ที่ทำก็เพราะค่ายอยากได้ก้องมาช่วยโหมกระแส แต่ก้องไม่เล่นด้วยเดี๋ยวก็คงเลิกกันแล้ว ไม่มีอะไรหรอก
“ชัดเจน” ทรายยิ้มเย็นเหมือนคนโรคจิต “ไอ้ออกัสโดนแน่หนึ่งดอก ส่วนทีมงานยังไม่เคลียร์ว่ายังไง อาจจะแก้ตัวก็ได้ว่าออกัสโกหก”
“ถ้าเราซัดไอ้ออกัสก่อนแล้วค่อยให้มันลากทีมงานออกมาเองล่ะวะ?” มิวเสนอ
“ไม่น่าจะได้มั้ง ออกัสมันคงไม่ยอมเสียงานหรอก”
“มันยอมแน่” ทรายยิ้มเย็นอีกแล้ว มันเป็นอะไรของมันเนี่ย “มึงก็รู้ว่าไอ้ออกัสห่วงชื่อเสียงตัวเองจะตาย ถ้าเราโยนขี้ใส่มือมัน มีเหรอมันจะกำขี้เอาไว้คนเดียว กูว่ามันต้องส่งต่อ”
“งั้นเราจะเริ่มแผนยังไงดีวะ?”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเอง”
มิวพูดอย่างมั่นใจ
“มึงสองคนรอดูให้ดีนะ กูจะลากอีออกัสกับค่ายไปตบกลางสี่แยกราชประสงค์ มึงคอยดูไว้เลย”
ต่อ part 2 ข้างล่างเลยฮับ