เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 124456 ครั้ง)

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
39 [PART 2/3]


ผมตื่นนอนอีกครั้งเพราะเสียงเคาะประตู เป็นอาแตงนั่นเอง ผมขมวดคิ้วหงุดหงิดเพราะขัดใจที่ถูกปลุกแต่เช้า ยิ่งเห็นนาฬิกาในโทรศัพท์บอกเวลาว่าเพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง ผมก็ยิ่งโมโหจนถีบขาไปมาระบายอารมณ์ อาแตงยังคงเคาะห้องปึงปังเมื่อเห็นว่าผมไม่ตื่นง่าย หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาทีอาแตงก็กลับมาใหม่พร้อมกุญแจหนึ่งดอกเพื่อไขเข้ามาปลุกก้องเกียรติโดยเฉพาะ

“ก้อง ตื่นเร็ว ได้เวลากินข้าวแล้ว”
“ไม่หิวครับ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน ลุกขึ้นเร็วเข้า”

อาแตงนั่งตรงขอบเตียงและพยายามดึงผ้าห่มออกจากตัวของก้องเกียรติ ผมหงุดหงิดโมโหจนต้องลุกขึ้นนั่ง จ้องหน้าอาแตงเขม็งด้วยความไม่พอใจ

“ไปอาบน้ำล้างหน้าให้เรียบร้อยเร็ว อาม้ารออยู่”

จากที่ง่วงๆก็ตาสว่าง นึกว่าตัวเองหูฝาดเมื่อได้ยินคำว่าอาม้า ผมถามอาแตงว่าอาม้ายังอยู่อีกเหรอ ยังไม่ตายอีกเหรอ อาแตงตีไหล่ผมแล้วถามว่าทำไมแช่งอาม้าล่ะ อย่าพูดแบบนี้ให้อาม้ากับป๊าได้ยินเชียวนะเดี๋ยวจะโดนว่า เอาล่ะรีบลุกไปจัดการตัวเองได้แล้ว ทุกคนรอกินข้าวอยู่ กินเสร็จค่อยกลับมานอนก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ แต่ถ้าอืดอาดยืดยาดล่ะโดนแน่ ป๊ากับอาม้ารออยู่ อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน

ผมถอนหายใจเซ็งๆเมื่ออาแตงเดินออกจากห้อง แต่ก็ยอมจำใจลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันตามคำสั่ง ตอนที่ก้าวเท้าลงบันได หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอกเพราะไม่รู้ว่าคนในครอบครัวนี้จะต้อนรับผมไหม พวกเขาจะพูดจากระแทกแดกดัน หรือประชดประชันพ่อที่รับผมกลับมาอยู่ด้วยหรือเปล่า พอเดินเข้าไปถึงห้องโถงใหญ่ที่มีทุกคนนั่งประจำที่รอทานข้าว พ่อที่กำลังสวมแว่นตาอ่านหนังสือพิมพ์ก็ยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นมาโอบไหล่ พาไปแนะนำตัวกับอาม้าที่นั่งหลังงออยู่บนรถเข็น

ผมแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นแผ่นหลังของหญิงชรา อาม้าตัวผอมซูบกว่าแนของพี่อู๋และดูเหี่ยวแห้งกว่าเยอะ วินาทีที่เราสบตากัน มันไม่มีความอบอุ่นหัวใจหรือความเป็นครอบครัวหลงเหลืออยู่เลย ผมมองอาม้าด้วยแววตาคนนี้น่ะเหรอที่ไล่แม่ผม คนนี้น่ะเหรอที่กลั่นแกล้งเราสองคนแม่ลูกจนต้องหอบผ้าหนี ส่วนอาม้ามองผมด้วยแววตาราบเรียบแต่ฉายแววดีใจเล็กๆที่เห็นผู้ชายอยู่ในบ้านของตัวเอง จะไม่ให้ปลื้มได้ยังไงล่ะ เพราะนอกจากพ่อที่เป็นผู้ชาย อีกหกชีวิตที่เหลือเป็นผู้หญิงหมดเลย แม้แต่ไอ้หมียังเป็นตัวเมีย อาม้าคงดีใจน่าดูที่จะได้หลานชายมาสืบสกุล

“สวัสดีอาม้าเร็วก้อง”

พ่อสั่ง ผมจึงจำใจยกมือไหว้ส่งๆเพราะไม่ได้รู้สึกอยากเคารพนอบน้อมอะไร เราจ้องตากันอยู่นานโดยไม่มีใครยอมแพ้ อาม้ามองผมตั้งหัวจรดเท้าก่อนจะบ่นว่าหน้าเหมือนแม่ ผมจึงตอบกวนๆว่าครับ ก็เป็นลูกแม่ ไม่เหมือนแม่จะให้เหมือนใคร

“ก้อง!” พ่อตำหนิผมอีกแล้ว “ไปเลย ไปกินข้าว ต่อไปนี้ก้องนั่งข้างมะนาวนะ”

พ่อชี้ไปที่เด็กหญิงที่เด็กที่สุดบนโต๊ะ เธอดูตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าผมกำลังเดินไปหาและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ บรรยากาศมื้อนี้แย่ยิ่งกว่าสมัยกินข้าวในโรงทานของวัดเสียอีก ผมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม คนที่นั่งรอบตัวก็ไม่ใช่ครอบครัวของผม แม้ว่าเด็กผู้หญิงพวกนี้คือน้องสาวคนละแม่แต่ผมไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรมากมาย หนำซ้ำไม่สนใจจำชื่อของพวกเธอด้วย ผมตั้งฉายาให้ทุกคนว่าหนึ่ง สอง สาม สี่ ผู้หญิงที่หน้าเป็นสิวและโตกว่าใครเพื่อนคือหนึ่ง คนที่เด็กลงมาคือสอง รองจากนั้นคือสาม และมะนาวคือสี่ ผมจะไม่เรียกเด็กคนนี้ว่ามะนาว แต่เธอคือสี่ หมายเลขสี่ หรือจริงๆควรเรียกว่าหมายเลขห้าเพราะผมคือลูกชายคนโตของบ้าน ช่างเถอะ จะสี่จะห้าก็ช่าง ยังไงก็มีค่าเท่ากันนั่นคือไม่มีชื่อเรียก

พ่อแนะนำน้องสาวแต่ละคนให้ฟังทว่าผมไม่สนใจ ผมแค่ปรายตามองหน้าน้องทีละคน ทีละคนแล้วก้มลงกินข้าวต้มต่อ หลังจากนั้นพ่อก็บอกอีกว่าผมควรใช้สรรพนามจีนเรียกครอบครัวว่ายังไง แต่ใครจะสน ผมไม่ใช่คนจีน ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูในครอบครัวจีนตั้งแต่แรก ผมไม่จำหรอกว่าต้องเรียกใครว่าอะไร พ่อก็เป็นพ่อ อาแตงคืออาแตง ส่วนอาม้า – จะไม่มีวันได้ยินผมเรียกแกด้วยคำเรียกคนจีนเด็ดขาด ผมจะเรียกแกว่าย่า

แค่ย่า
และหากเป็นไปได้ ผมจะไม่คุยกับย่าถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย

บนโต๊ะอาหาร ทุกคนในครอบครัวต่างกินข้าวในชามของตัวเอง มื้อแรกในบ้านหลังใหญ่คือโจ๊กที่อาแตงเป็นคนทำ ถามว่าอร่อยไหมก็อร่อยดี พอกินได้แต่ไม่ว้าวอะไร เมื่อบรรยากาศมันเงียบเกินไป พ่อก็เลยชวนพวกลูกสาวคุย ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ปล่อยให้เรื่องพวกนั้นผ่านหู ดูเหมือนหนึ่งกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ สองเข้าอีกสองปีข้างหน้า สามยังเรียนมอต้น เหลือเวลาอีกนาน ส่วนสี่เพิ่งขึ้นปอสาม กำลังซนและเอาแต่ใจได้ที่เพราะผมเห็นแกร้องจะเอาบาร์บี้จนอาแตงต้องปราม

ตอนแรกผมคิดว่าอาแตงเป็นแม่บ้าน แต่อยู่ไปซักพักก็รู้ว่าอาแตงคือผู้หญิงคนใหม่ที่ย่าหามาให้พ่อ ผมจ้องอาแตงตั้งแต่หัวจรดเท้าและเอาไปเปรียบเทียบกับแม่ในใจ อาแตงผิวขาวแบบคนจีนแท้ๆ กริยามารยาทเรียบร้อยสมกับเป็นแม่บ้านแม่เรือน เวลาทุกคนทานข้าวเสร็จ อาแตงจะเก็บถ้วยชามไปล้างตามประสาสะใภ้คนจีน พ่อไม่ต้องทำอะไร นั่งแคะขี้ฟันอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจต่อไปโดยไม่สนว่าเมียมีงานบ้านต้องทำล้นมือ ส่วนหนึ่ง สอง สาม สี่ก็แยกไปใช้เวลาส่วนตัว หนึ่งกับสองออกไปเรียนพิเศษ สามนั่งเล่นกับไอ้หมีที่กำลังขุดดินอยู่หน้าบ้าน ส่วนสี่ไม่ทำอะไร เอาแต่เดินตามผมห่างๆเหมือนไม่เคยเห็นผู้ชาย เวลาผมจ้องกลับ สี่ก็จะวิ่งไปหลบหลังแม่ซักพักแล้วมาใหม่ เธอมองผมด้วยความสนใจ อยากรู้อยากเห็น อยากเข้าใกล้ แต่ผมปิดโอกาสนั้นของเธอด้วยการขึ้นห้องเพื่อพยายามติดต่อพี่อู๋อีกครั้ง

แต่ไม่ว่าจะโทรหาเท่าไหร่ ก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับอยู่ดี

ผมกดโทรหาพี่อู๋ตลอดไม่หยุดพัก มีเว้นวรรคบ้างสองสามนาทีเพื่อพิมพ์ไลน์ยาวเหยียดแต่เขาก็ไม่อ่าน เหมือนจู่ๆพี่อู๋ก็หายไปจากโลกใบนี้ ราวกับเขาไม่เคยมีตัวตน ไม่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกของผมเลย เหมือนทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน และตอนนี้ผมกำลังอยู่ในโลกของความเป็นจริงโดยปราศจากคนรัก โลกที่ต้องยอมรับว่าตัวเองมีน้องสาวงอกออกมาอีกสี่คน มีพ่อ มีแม่เลี้ยง และย่าที่ดูเจ้าอารมณ์ในบ้านหลังใหญ่ ยิ่งมองรอบห้องแล้วเห็นแต่ราวแขวนเสื้อผ้าก็ยิ่งท้อใจ นี่ไม่ใช่ที่ของผม ไม่ใช่เลย ไม่เคยมีใครในบ้านนี้เหลือพื้นที่ให้ก้องเกียรติด้วยซ้ำ

ผมรู้สึกเป็นส่วนเกินไม่เข้าพวก ไม่เป็นที่ต้องการของใครแต่เขารับไว้เพราะความจำเป็น ในขณะที่นั่งร้องไห้เงียบๆ อาแตงก็เปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะ ผมรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาและถามว่ามีอะไร เข้ามาทำไม อาแตงเห็นผมร้องไห้ก็ถอนหายใจ แกพยายามจะลูบหัวนายก้องเกียรติแต่ผมเบี่ยงตัวหลบ นอกจากพี่อู๋กับแม่ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ลูบหัวผมทั้งนั้น

“อาจะมาช่วยก้องเคลียร์ห้อง” อาแตงพูดอย่างเห็นใจ “แล้วนี่ร้องไห้ทำไมล่ะ? ไม่ชอบที่นี่เหรอ?”

ผมพยักหน้าตอบทันทีและบอกอาแตงว่าผมเกลียดที่นี่ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกให้พ่อพาผมไปส่งลาดพร้าวทีเถอะเพราะบ้านผมอยู่ตรงนั้น อาแตงเห็นผมเริ่มแข็งกร้าวไม่น่ารักก็ทำหน้าท้อใจอีก อาบอกว่ารู้ไหมว่าอาป๊ารอก้องมานานมากนะ เขารักผมมากจริงๆและรอให้ผมกลับมาอยู่ด้วยกันตลอด ผมถามย้อนว่าถ้าพ่อรอจริง พ่อจะปล่อยให้ผมนอนในห้องเก็บเสื้อแบบนี้เหรอ ดูก็รู้ว่าไม่มีการเตรียมอะไรเลย เพราะเขาไม่ได้หวังให้ผมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ก็คนที่ชื่ออู๋เขาไม่ยอมให้ก้องมานี่นา ก้องจะโกรธอาป๊าก็คงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นะ” อาแตงตัดพ้อก่อนจะหันไปเปิดประตูเรียกคนงานให้เข้ามาช่วยขนของ “นั่งอยู่ทำไมล่ะ มาช่วยกันขนของสิ อาป๊าซื้อแอร์ให้ก้องแล้ว บ่ายวันนี้น่าจะติดเสร็จพอดี”

ผมอึนๆเบลอๆแต่ก็ยอมลุกขึ้นตามที่อาแตงสั่ง ตลอดช่วงเช้าผม อาแตง และคนงานช่วยกันขนราวแขวนเสื้อผ้าแน่นๆลงไปข้างล่าง อาแตงบอกว่าเสื้อพวกนี้น้องสาวของผมใส่ไม่ได้แล้วแต่ก็ไม่ยอมทิ้งเพราะเสียดายอยู่เรื่อย เราช่วยกันพับเสื้อใส่ถุงใบใหญ่เตรียมเอาไปบริจาค แม้แต่หมายเลขสี่ที่เคยเดินตามผมก็เข้ามาช่วยด้วย แกพับๆม้วนๆทำเป็นเล่นจนอาแตงต้องเรียกมาสอน สี่ถึงจะพับได้เรียบร้อยกว่าเดิม

“อาแตง เอาชาให้ม้าหน่อย”

ผมลืมไปเลยว่าบ้านหลังนี้มีย่าอยู่ พอได้ยินเสียงแหบๆชวนสยองของย่า ผมก็ได้แต่นั่งบึนปากด้วยความหมั่นไส้ ไม่เห็นเหรอว่าคนเขากำลังยุ่งอยู่กับการเคลียร์ของ ทำไมถึงเรียกสะใภ้ไปใช้งานตามใจชอบได้ขนาดนั้น แต่หากมองจริงๆแบบปราศจากอคติ ผมเองก็นิสัยไม่ดีที่หาเรื่องตำหนิย่าไปเรื่อย ไม่ว่าย่าจะพูดอะไรมันก็ขัดหูขัดตาขัดใจไปหมด ผมอยากให้ย่านั่งอยู่เฉยๆหรือไม่ก็ไปให้ไกลหน้า ไม่อยากรับรู้ว่าย่าอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่อยากเห็นคนที่ทำให้แม่ต้องเจอความลำบากจนเอาชีวิตไปแขวนกับเชือกเส้นเดียวอีกแล้ว

ช่วงเช้าเรายุ่งวุ่นวายกับการเคลียร์ของ พ่อถือแคทตาล็อคสีมาให้เลือกว่าอยากได้ห้องสีอะไร ผมตอบทันทีว่าสีขาวครับ ส่วนเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นไม่ต้องเพราะเดี๋ยวผมก็กลับบ้านแล้ว พ่อถามฉุนๆว่าบ้านที่ไหน นอกจากที่นี่ยังมีที่ไหนให้ไปอีก พอได้ยินแบบนั้นมันก็เจ็บใจจนอยากร้องไห้ เมื่อก่อนผมเลือกได้ว่าจะอยู่กับใคร มาตอนนี้แม้แต่จะกลับไปหาพี่อู๋ยังไม่มีสิทธิ์เพราะเขาไม่อยากเลี้ยงผมแล้ว พ่อดูเจื่อนลงนิดหน่อยเมื่อนายก้องเกียรตินั่งกัดกราม พยายามข่มความเสียใจแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมปล่อยให้พ่อทิ้งรอยแผลไว้อีกหนึ่งรอย ก่อนจะเดินหายไปอยู่คนเดียวเงียบๆกับไอ้หมีโดยไม่โผล่หน้ามาให้ใครเห็นอีก






ตกบ่ายเราพากันไปเดินห้างเพื่อซื้อของให้ก้องเกียรติ ชีวิตผมต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเพราะออกจากบ้านของพี่อู๋มือเปล่า ไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีข้าวของเครื่องใช้อย่างอื่นนอกจากของที่ขนไปไว้หอพัก ดังนั้นบ่ายวันนี้ผม พ่อ อาแตง สามและสี่จึงมาเดินห้างกัน

สิ่งแรกที่พ่อพาไปซื้อคือเสื้อผ้า เขาแวะเข้าร้านขายเสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่นและปล่อยให้ผมเลือกเต็มที่ อยากได้ตัวไหนก็หยิบเลยนะก้อง จะเสื้อยืด กางเกงขาสั้นหรือขายาว แม้แต่กางเกงในก็หยิบมาเลยจะได้ไม่ต้องใส่ซ้ำสองวันอีก ผมถือตะกร้าเซ็งๆขณะเดินว่อนทั่วร้าน เสื้อผ้าสวยๆพวกนี้เคยมีความหมายเมื่อได้อยู่กับพี่อู๋ แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว ผมเลือกเสื้อยืดมาสองสามตัว กางเกงในเจ็ดตัว กางเกงขาสั้นธรรมดาๆอีกสองตัวเท่านั้น 

ร้านนี้ไม่ค่อยมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กเท่าไหร่ ดังนั้นสามกับสี่จึงไม่ได้ซื้ออะไร อาแตงได้เสื้อแค่สองตัวและไล่ก้องเกียรติให้เลือกอีกเพราะหยิบมาน้อยเกินไป ผมจึงเดินวนกลับไปล็อคเดิม รู้สึกเซ็งกับการซื้อเสื้อผ้าจนกระทั่งผ่านโซนขายเสื้อเชิ้ตผู้ชาย น้ำตาถึงได้รื้นอีกครั้งเพราะนึกถึงวันที่ทะเลาะกับพี่อู๋เรื่องไซส์เสื้อ

พี่อู๋จะคิดถึงผมบ้างไหม ในขณะที่ผมร้องไห้ทุรนทุรายแทบขาดใจเพราะไม่ได้คุยกับเขา มีซักเสี้ยววินาทีไหมที่พี่อู๋คิดถึงนายก้องเกียรติ มีบ้างไหมที่เขาใจอ่อนอยากฟังคำอธิบายของผม หรือว่าไม่เคยเลย ในหัวใจของเขาไม่มีก้องเกียรติอยู่อีกแล้ว ผมได้แต่หยุดมองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เคยเลือกให้เขาเองกับมือ มองด้วยความคิดถึงและจินตนาการถึงผู้ชายที่ผมรัก พอเหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครอยู่ใกล้ๆ ผมก็หยิบเสื้อไซส์เอ็กซ์แอลออกมาจากราวแขวน ค่อยๆใช้มือจับไปตามแขนเสื้อและไหล่ก่อนจะสวมกอดจนเสื้อยับยู่ยี่

เสื้อตัวนี้ขนาดพอๆกับพี่อู๋เลย

ถ้าพี่อู๋อยู่ด้วย เราคงจะได้จับมือกันอย่างนี้ บางทีเขาอาจจะโอบไหล่ผม อาจจะกอดผมในห้องลองเสื้อเหมือนที่เคยทำวันนั้น ผมได้แต่มองเสื้อเชิ้ตสีขาวด้วยความรู้สึกโหวงในใจ มันโหยหาและคิดถึงพี่อู๋จนอีกนิดก็จะเป็นบ้าตายแล้ว ผมแทบจะทนไม่ได้แล้ว สุดท้ายผมจึงตัดสินใจซื้อเสื้อตัวนี้มาด้วย ผมตั้งใจให้มันเป็นตัวแทนพี่อู๋ที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ คิดไปมันก็น่าสมเพชเหมือนกันนะที่เป็นได้ขนาดนี้ แต่แล้วยังไงล่ะ ผมแตกสลายไม่เหลือชิ้นดีแล้ว แค่เสื้อเชิ้ตไซส์เดียวกับพี่อู๋ก็ถือว่ามีคุณค่าทางใจเหมือนกัน

 หลังซื้อเสื้อผ้าเสร็จเราก็ซื้อของใช้ในซูเปอร์ ผมหยิบแปรงสีฟันยี่ห้อเดียว สีเดียวกับด้ามที่อยู่ในห้องพี่อู๋ ทั้งยาสีฟัน ทั้งสบู่และของต่างๆล้วนเป็นยี่ห้อที่เขาชอบทั้งสิ้น วันนั้นพ่อหมดเงินไปหลายบาทแต่เขาดูมีความสุขดี แถมยังพาไปซื้อที่นอนและเตียงใหม่โดยไม่ต้องร้องขอ พ่อให้ทุกอย่างกับผมจริงๆตามที่เขาสัญญาไว้ และเมื่อเดินทางถึงบ้าน ห้องนอนของผมก็สะอาดเรียบร้อยไม่ต้องเก็บกวาดอะไรเพิ่ม

ราวแขวนผ้าแน่นๆทั้งหมดหายไป เหลือแค่พื้นไม้ขัดมันแวววับ เตียงหนึ่งหลัง ตู้เสื้อผ้าไม้สีน้ำตาลหนึ่งหลัง โต๊ะเขียนหนังสือและเก้าอี้หนึ่งตัว ผ้าม่านกรองแสงก็ติดตั้งเรียบร้อย เครื่องปรับอากาศก็พร้อมใช้งานจริงๆตามที่อาแตงว่า พ่อตระเตรียมห้องใหม่ให้ลูกชายคนโตได้สมบูรณ์แบบ เขาเดินเข้ามาเช็กหน้างานก่อนจะถามว่าขาดเหลืออะไรอีกไหมแต่ผมส่ายหน้า ไม่มีอะไรที่อยากได้อีกแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณครับ ก่อนจะปิดประตูห้องเพื่อหนีโลกที่มีแต่คนนอกซึ่งไม่ผูกพัน

ผมทิ้งตัวนั่งบนเตียงและกวาดสายตามองรอบห้อง นี่มันห้องในฝันที่เคยต้องการสมัยอยู่กับแม่ชัดๆ ข้าวของทุกอย่างในนี้เป็นของผม ถึงดีไซน์จะโบราณไปนิดแต่ก็ดูแข็งแรงทนทานใช้ได้ แถมมีแอร์เย็นๆที่เปิดนอนได้ตลอดทั้งคืนด้วย นอกจากนี้ยังมีโคมไฟข้างเตียง โคมไฟอ่านหนังสือ มีนาฬิกาแขวนผนังและปฏิทินปีปัจจุบันคอยบอกวันและเดือน หากดูภาพรวมแล้ว นับว่าที่นี่มีทุกอย่างพร้อมสำหรับเลี้ยงดูก้องเกียรติ มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีอาหาร มีพื้นที่ส่วนตัว มีทุกอย่างที่ผมน่าจะต้องการจริงๆ แต่มันยังขาดสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว –

บ้านหลังนี้ไม่มีพี่อู๋






ต่อพาร์ท 3 ข้างล่างเลยฮับ  :hao5:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
39 [PART 3/3]


ราวกับอยู่ค่ายทหาร สถานที่ที่พ่อบอกว่า “บ้าน” ไม่สร้างความสบายใจให้ผมเลย

พื้นที่ส่วนตัวหนึ่งเดียวก็คือห้องนอน นอกนั้นต้องแชร์ทุกอย่างร่วมกับสมาชิกอีกเจ็ดคนที่เหลือในบ้าน พูดตรงๆว่ามันน่าอึดอัดมากเพราะไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ ผมต้องตื่นนอนประมาณเจ็ดโมงเช้าทุกวันเพื่อลงไปทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างมีเรื่องให้คุยจุ๊บจิ๊บเหมือนพวกนกตัวเล็กที่น่ารำคาญ ส่วนนายก้องเกียรติที่เป็นหมาตัวใหม่ได้แต่นั่งเงียบ ตักข้าวเข้าปากโดยไม่รับรู้รสชาติว่ามันอร่อยไหม ใครถามว่าเป็นไงก็ตอบไปเดิมว่าอร่อยครับ ดีครับ ครับเท่านั้น

เวลาที่ไม่ต้องอยู่กับครอบครัว ผมยังคงพยายามทุกวิถีทางเพื่อติดต่อพี่อู๋ เมื่อเบอร์โทรศัพท์บ้านโดนบล็อกไปแล้ว ผมจึงหาช่องทางอื่นที่พอจะเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก ผมมีโทรศัพท์แค่เครื่องเดียว เบอร์บ้านก็โดนบล็อกไปแล้วด้วย ผมจะหาเบอร์จากที่ไหนโทรหาเขาได้ ระหว่างที่กำลังเกาพุงให้ไอ้หมีพลางเหม่อมองรั้วบ้าน จู่ๆสี่ที่ไม่รู้กลับมาจากไหนก็วิ่งลั้ลลาผ่านประตูรั้วเข้ามา พอเห็นผมนั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์ สี่ก็นิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเดินกระย่องกระแย่งหนีไปอีกด้าน ผมไม่สนใจเด็กคนนั้นเพราะรู้สึกว่าเธออยู่ในวัยที่สร้างความรำคาญ แต่พอเห็นมือคู่น้อยกำโทรศัพท์ของใครไม่รู้ ผมจึงรีบเอ่ยปากขอทันที

“เฮียก้องจะเอาไปทำอะไรอ่ะ?”
“คุยธุระ” ผมบอกห้วนๆและแบมือขอ “ส่งมาเร็ว”
“แต่อันนี้เป็นมือถือของหม่าม้านะ”
“เอามาเหอะน่า”

ผมบอก แต่สี่ยังคงยึกยักลังเลไม่ยอมให้เสียที ผมจึงต้องควักกระเป๋าให้เงินแกไปยี่สิบบาทเป็นข้อแลกเปลี่ยน ยัยเด็กหน้าเงินคว้าธนบัตรอย่างรวดเร็วและส่งของที่ต้องการให้ แหม -- สมกับเป็นลูกในครอบครัวทุนนิยมจริงๆไอ้เด็กนี่ เมื่อได้โทรศัพท์ ผมจึงรีบกดเบอร์พี่อู๋และโทรออก คราวนี้รอสายไม่กี่วินาทีเขาก็รับ แต่เสียงดูอู้อี้เหมือนพูดผ่านสปีคเกอร์

“ฮัลโหล ครับ”

ผมเงียบ ไม่ได้กรอกเสียงลงไปทันทีเพราะรู้ว่าเขาต้องบล็อคเบอร์แน่ แต่พอเงียบนานเกินไปพี่อู๋ก็ฮัลโหลๆแล้ววางสาย ผมจึงต้องโทรกลับไปใหม่ และเขาก็รับอีกครั้ง

“ครับ”
“พี่อู๋ นี่ผมเองนะ ก้องเกียรติของพี่ไง”

กึก!

สายตัด

แต่ผมไม่ลดละความพยายาม ยังคงโทรเข้าไปใหม่อีกหลายครั้งเพราะต้องการคุยกับพี่อู๋ให้ได้ ดูเหมือนเขากำลังขับรถอยู่ ไม่อย่างนั้นคงมีเวลาบล็อกเบอร์นี้ไปแล้ว หนึ่งสายผ่านไป สองสาย สามสาย สี่สายผ่านไป พี่อู๋ก็ยังไม่รับ เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์แต่ก็ลองดูสิ ผมมีเวลากดโทรทั้งวัน ถ้าเขาทนรำคาญได้ก็ทน ผมไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก

ผมโทรได้ประมาณยี่สิบสายก็จบเหมือนเดิมคือเข้าสู่ระบอบฝากข้อความ เกมแล้ว เบอร์นี้โดนสอยไปอีกหนึ่ง ผมได้แต่กัดฟันโมโหที่เขาบล็อกเก่ง ทำเมินเก่ง คิดว่าผมหาโทรศัพท์ได้เครื่องเดียวเหรอ บ้านนี้มีคนตั้งแปดคน ผมจะใช้เบอร์ทุกคนระดมโทรหาเขาให้หมดเลยคอยดู

“อ่ะ เอาไป”

ผมส่งโทรศัพท์คืนให้สี่ก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าเข้าบ้าน เดินผ่านย่าที่นั่งอยู่บนรถเข็นแต่ไม่ได้เอ่ยทักทายอะไร ย่าไม่มีเสน่ห์หรือออร่าของคนแก่ใจดีเหมือนแน ใบหน้าของแกขึงขังตลอดเวลา ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะ ไม่เคยแสดงสีหน้าพอใจอะไรนอกจากสีหน้าบูดๆเหมือนตูด ผมยังไม่ได้ถามอาแตงว่าย่าเป็นป่วยอะไร แต่หวังว่าแกจะมีโรคประจำตัวเยอะๆจะได้หายกันกับสิ่งที่เราสองคนแม่ลูกต้องเจอ

วันอาทิตย์ที่เป็นวันพักผ่อนของทุกคน พ่อกับอาแตงจะอยู่ในห้องนั่งเล่นกับย่า หนึ่งและสองไปเรียนพิเศษ ส่วนสามกับสี่และไอ้หมีนั่งเล่นไปเรื่อยตามประสาเด็กไม่มีอะไรทำ ในขณะที่ทุกคนใช้เวลาครอบครัวกันอย่างคุ้มค่า ก้องเกียรติกลับปลีกตัวอยู่ในห้องนอนคนเดียวไม่ปฏิสัมพันธ์กับใคร ผมไม่สนใจว่าลูกชายของพี่ชายคนโตของพ่ออยู่ที่ไหน โรงงานลูกชิ้นของบ้านเราชื่ออะไร กิจการมีมูลค่าเท่าไหร่ อร่อยไหม ช่างแม่ง – ผมไม่แคร์หรอก ผมอยู่เพราะจำใจอยู่ และจะไม่มีวันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้แน่นอน

ผมใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพยายามติดต่อพี่อู๋ ตั้งแต่เช้าจนเย็นยังหาวิธีคุยกับเขาไม่ได้เสียทีและเรื่องนี้ทำให้ผมหงุดหงิดจนต้องร้องไห้ ทุกครั้งที่คิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก หรือผมต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวลูกชิ้นมันก็อึดอัดจนอกแทบระเบิด ขนาดพ่อกับอาแตงพูดนักพูดหนาว่ารอวันนี้มานานยังช่วยทำให้บรรยากาศในบ้านดีขึ้นไม่ได้เลย ทุกคนล้วนอึดอัดทั้งนั้นที่จู่ๆก็มีผู้ชายมาอยู่ด้วย เหมือนผมเป็นตัวประหลาดในบ้านประหลาดที่เข้ากันไม่ได้ มันหงุดหงิดและทรมานใจจริงๆนะที่ตกอยู่ในสภาพนี้ ผมหดหู่จนไม่รู้จะระบายกับใครและทำอะไรไม่ได้นอกจากร้อง ร้อง และร้องเท่านั้น ขณะที่กำลังร้องไห้ปาดน้ำตาเงียบๆ พ่อก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา พอเห็นลูกชายตาบวมเป่งจนเหมือนคนตาชั้นเดียว เขาก็ถอนหายใจใส่ก่อนจะปิดประตูห้องเพื่อคุยกับผมเพียงลำพัง

“ไม่ชอบบ้านเราเหรอ?”

พ่อถามเสียงเศร้า ผมพยักหน้าตอบทันทีว่าใช่ ไม่ชอบ ผมไม่ชอบที่นี่เพราะไม่มีใครรู้จักผม ทุกคนคือคนแปลกหน้าที่กันนายก้องเกียรติเป็นส่วนเกิน ไม่ต้อนรับเข้าพวกหรือเห็นเป็นคนบ้านเดียวกัน พ่อบอกว่าที่รู้สึกแบบนั้นก็เพราะก้องไม่เปิดใจไง น้องๆอยากคุยอยากรู้จักก้อง แต่ถ้าก้องเดินหนีมาอยู่คนเดียวในห้องทั้งวันแล้วจะได้คุยกับใครล่ะ

“ผมไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ผมอยากกลับบ้าน”

พ่อถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เขาพยายามปลอบด้วยการโอบไหล่แต่ผมสะบัดออก พ่อหน้าเสียไปเลยที่ก้องเกียรติทำตัวไม่ดี

“ทำไมถึงอยากอยู่กับอู๋นักล่ะ เพราะเขาซื้อของแพงๆให้เหรอ?”
“เปล่า”
“เพราะเขาพาไปกินของอร่อยๆเหรอ?”

ผทส่ายหน้า แม้ว่าการคาดเดานั้นจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ผมชื่นชอบเวลาอยู่กับพี่อู๋ก็ตาม พ่อดูหนักใจที่ต้องเดาสุ่มไปเรื่อยๆ แถมสีหน้าของพ่อตอนนี้ดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เหมือนเขามีเรื่องอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูด เหมือนลังเลแต่ไม่กล้าถาม เขาดูกระอักกระอ่วนจนผมต้องหันไปมองหน้าเป็นเชิงว่าจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ อ้ำๆอึ้งๆให้เสียเวลาอยู่ทำไม

“ก้อง ป๊าถามตรงๆเถอะนะ” พ่อเกริ่น “ก้องกับคุณอู๋ไม่ได้มีอะไรเกินเลยใช่ไหม?”
“ทำไม?”
“ตอนที่เราเจอกันช่วงแรกๆ ป๊าบอกให้คุณอู๋พาก้องมาส่งแต่เขาไม่ยอม ขอร้องก็แล้ว เสนอเงินให้ก็แล้ว เขาก็ยังไม่ยอม ไม่ยอมจริงๆ”
“เพราะผมบอกพี่อู๋ว่าไม่อยากอยู่กับพ่อไง”
“แล้วทำไมเขาต้องฟังก้องล่ะ?”
“แล้วทำไมเขาจะไม่ฟังล่ะ?” ผมกวนกลับ
“แต่ก้องว่ามันไม่แปลกเหรอ? เขาหมดเงินไปหลายบาทเพื่อเลี้ยงเด็กที่ไม่ได้เป็นญาติกัน พอป๊าเจอก้อง เขาควรส่งก้องให้ป๊าสิ เขาจะฝืนหาเรื่องให้ตัวเองเสียเงินเสียทองต่อไปทำไมถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น”

ผมมองหน้าพ่อด้วยความรู้สึกไม่ดี มันไม่เชิงกลัวถูกตำหนิหรือถูกต่อว่า แต่เป็นความหวั่นใจว่าพ่อจะรู้ไหมว่าลูกชายของเขากำลังคบหาดูใจกับเพศเดียวกันที่อายุมากกว่าถึงสิบสี่ปี พ่อเองก็จ้องหน้าผมไม่ละสายตาเหมือนกัน เขานิ่งเงียบอยู่นานราวกับจะรอให้ผมเป็นฝ่ายพูด แต่ผมไม่พูดในเมื่อมันไม่มีอะไรต้องสารภาพเสียหน่อย ผมไม่รู้สึกผิดกับพ่อเพราะเราไม่ได้ผูกพันขนาดนั้น ผมไม่แคร์หรอกว่าพ่อคิดยังไง เขาจะรับได้หรือรับไม่ได้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพ่อ ไม่ใช่ปัญหาของผม

“ว่าไงก้อง? มีอะไรจะบอกป๊าไหม?”
“พ่อคิดอะไร?”
“ป๊าไม่กล้าพูด” เขายอมรับตรงๆ “แต่ถ้าใช่ ป๊าก็อยากได้ยินจากปากของก้องเอง”

ผมเงียบไปพักใหญ่เพื่อสังเกตอาการของพ่อ ไม่รู้ว่าการเปิดเผยตัวเองของผมจะเหมือนในละครที่พ่อตบลูกหรือมีปากเสียงกันหรือไม่ แต่ถ้ามีก็ช่างปะไร ถ้าพ่อทุบตีผม หรือด่าทอในสิ่งที่ผมเป็น ผมจะได้มีข้ออ้างอันชอบธรรมในการหนีออกจากบ้านหลังนี้ บางทีถ้าพ่อแสดงออกว่ารับไม่ได้ หรือรังเกียจเดียดฉันท์นักก็ขาดกันไปเลย ไม่ต้องฝืนยื้อเพื่อคุณธรรมอะไรหรอก ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองน่าจะดีกว่า

“ผมเป็นแฟนพี่อู๋”

พ่ออ้าปากค้าง สีหน้าในตอนนี้ทั้งเจ็บปวดและช็อคจนพูดไม่ออก เขากระพริบตาถี่ๆก่อนจะเสหน้ามองทางอื่นราวกับคลื่นไส้ที่ต้องเห็นหน้าลูกชาย ลึกๆแล้วผมปวดใจนะที่พ่อรับไม่ได้ มันน่าเศร้าที่การเป็นเกย์คือเรื่องน่าอับอายสำหรับครอบครัว ผมว่าพ่อคงภาวนาขอให้ผมเป็นเด็กแว๊นดีกว่าเป็นเกย์แน่ๆ แว๊นยังมีเมียได้ แต่เกย์สืบสกุลสืบทายาทไม่ได้ จะว่าไปก็น่าสงสารพ่อเหมือนกันนะ เขาคงเสียใจกับเรื่องนี้น่าดู ไม่รู้ว่าระหว่างเจอก้องเกียรติกับไม่เจออะไรจะดีกว่ากัน ถ้าให้เดาผมว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง พวกคนจีนรับไม่ได้หรอกถ้าลูกชายคนเดียวเป็นเกย์ ซึ่งดูเหมือนพ่อก็ไม่ได้แอบซ่อนความผิดหวังเลย

“คบกันถึงขั้นไหนแล้ว?” พ่อถาม
“ก็ตามประสาคนเป็นแฟน”
“ไม่ หมายถึง – ล้ำเส้นขนาดไหน?”
“พี่อู๋พาผมไปเปิดตัวกับครอบครัวที่บ้าน”
“ป๊าหมายถึงเกินเลยขนาดไหนแล้ว!”
“ผมเป็นเมียพี่อู๋แล้ว! พอใจหรือยัง?!”

ผมเผลอขึ้นเสียงอย่างลืมตัวเพราะโดนบีบให้ตอบว่าเราถลำลึกกันขนาดไหน พอรู้ว่าเรามีอะไรกันแล้ว พ่อก็รีบเดินหนีพร้อมกับยกมือปิดหน้า แสดงออกชัดเจนว่ารับไม่ได้ที่ก้องเกียรติพูดเต็มปากว่าเป็นเมียของผู้ชายคนอื่น ผมเห็นไหล่พ่อสั่นเหมือนพยายามกลั้นสะอื้น เขาดูแตกสลายเมื่อได้รู้ความจริง และอาการของเขาทำให้ผมเริ่มสงสัยว่าคุณค่าของตัวเองอยู่ที่เรื่องอย่างว่าเท่านั้นเหรอ ผมคบกับพี่อู๋พ่อยังไม่ออกความเห็น แต่พอบอกว่าได้เสียกันเป็นผัวเมียแล้วเขาแสดงออกทันทีว่ารับไม่ได้ รับไม่ได้จริงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันหนักหนาเกินไปสำหรับหัวอกคนเป็นพ่อ

“ก้องเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไม่นานมานี้” ผมเสียงสั่น
“อู๋ขืนใจก้องหรือเปล่า? เขาข่มขืนก้องใช่ไหม?”
“เปล่า ผมเป็นคนขอพี่อู๋เป็นแฟนเอง” เมื่อพ่อหันหน้ามามองด้วยความผิดหวังว่าทำแบบนั้นไปทำไม ผมจึงบอกพ่อว่าเพราะผมรักเขาและเริ่มร้องไห้
“บางทีมันอาจจะไม่ใช่รักก็ได้ ก้องแค่จำเป็นต้องใช้เงินอู๋ ก้องไม่ได้รักเขาหรอก”
“พ่อยิ่งใหญ่มาจากไหน ถึงกล้าบอกว่าผมรักหรือไม่รักใคร รู้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ป๊าเป็นผู้ใหญ่ ทำไมป๊าจะไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่ความรัก มันคือความผูกพัน”
“ทำไม? พ่ออายที่ต้องยอมรับเหรอว่าลูกชายคนเดียวเป็นเกย์?” ผมถามจี้ใจดำ “ถ้ารับไม่ได้ที่มีลูกเป็นเกย์ -- ก็พาผมไปส่งลาดพร้าวสิ เพราะอย่างน้อยที่นั่นยังมีผู้ชายที่รักผมอยู่”
“อู๋เขาไม่ได้รักก้องหรอก”
“พ่อไม่ได้อยู่กับผม พ่อไม่รู้หรอกว่าพี่อู๋เขารักผมมากขนาดไหน”
“ถ้าเขารักก้อง เขาจะไม่ทำแบบนี้”
“เราแค่ทะเลาะกัน”
“ทะเลาะกันถึงขนาดไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลยเหรอ? วันนั้นถ้าป๊าไม่ขับรถไปหา ก้องต้องนอนนอกคอนโดนะ เห็นไหมว่าเขาใจร้ายกับก้องขนาดไหน ก้องยังคิดว่าสิ่งนั้นคือความรักอีกเหรอ? คนรักกันเขาไม่ทำแบบนี้นะก้อง”

พ่อมองหน้าผมแล้วน้ำตาไหลพราก ส่วนก้องเกียรติเริ่มสะอื้นหนักกว่าเดิมเพราะโกรธที่พ่อกล่าวหาว่าพี่อู๋ไม่ได้รักผมจริง เขาจะไปรู้อะไร พ่อที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันจนรู้จักนิสัยใจคอ จะเข้าใจความสัมพันธ์อันซับซ้อนของเราได้ยังไง พี่อู๋น่ะ – รักผมจะตาย เขาขับรถรับส่งผมทุกอาทิตย์ มาหาตลอดไม่เคยปล่อยให้อยู่คนเดียว เขาทั้งรักทั้งห่วงและดูแลเลี้ยงผมอย่างดี คนที่ไม่รักก้องเกียรติคือพ่อต่างหาก ถ้าพ่อรักผมจริง พ่อจะไม่ปล่อยให้ผมเจอความลำบากตั้งสิบกว่าปีหรอก

“ที่พี่อู๋โกรธเพราะผมทำตัวไม่ดี ผมสมควรโดนแล้ว”
“ก้องแน่ใจเหรอ?”

แน่ใจสิ ผมยืนยันและบอกต่อด้วยว่าต่อให้พี่อู๋ทำมากกว่านี้ผมก็ไม่โกรธเขาหรอกเพราะผมรักเขา แต่พ่อยังคงย้ำอยู่นั่นแหละว่ามันไม่ใช่ความรัก

“เมื่อก่อนก้องอาจจะขาดเขาไม่ได้เพราะพึ่งพาอู๋ แต่ตอนนี้อู๋ไม่จำเป็นสำหรับก้องแล้วนะ”
“พ่อก็เป็นไปกับคนอื่นด้วยเหรอ?” ผมส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อ “พ่อดูถูกความรักของผมเหรอ?”
“ป๊าไม่ได้ดูถูก ป๊าพูดตามเนื้อผ้า”
“พ่อจะตัดสินทุกอย่างแค่ตาเปล่าไม่ได้ พ่อไม่รู้ว่าผมกับพี่อู๋เป็นยังไง!”
“แค่นี้มันยังไม่ชัดอีกเหรอก้อง! ที่อู๋ตัดขาดการติดต่อ ที่ไม่ยอมให้ก้องไปหา เปลี่ยนกุญแจเปลี่ยนการ์ดแถมยังเรียกให้ป๊าไปรับมันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอว่าเขาไม่เอาก้องแล้ว!” พ่อระเบิดอารมณ์ “ถ้าก้องบอกว่าเป็นความผิดของก้องเองที่ทำให้เขาโกรธ แต่ก้องผิดขนาดไหนล่ะเขาถึงต้องทำกันขนาดนี้ ก้องนอกใจเขาเหรอ?”

ผมส่ายหน้า

“ก้องไปนอนกับคนอื่นเหรอ?”

ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา

“งั้นก้องทำอะไรผิด? มันร้ายแรงถึงขนาดต้องไล่ออกจากบ้านเลยเหรอ? คนเป็นแฟนกันเขาไม่ทำกันขนาดนี้หรอก อย่างน้อยต้องอยากได้ยินคำอธิบายบ้าง แต่นี่เขาตัดขาดกับก้องเลย ป๊าว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะเขาไม่อยากได้ก้องแล้ว ก้องเข้าใจที่ป๊าพูดไหม คนรักกันมันต้องฟังกัน ถ้าอู๋รักก้อง อู๋ต้องอยากได้ยินคำขอโทษจากก้อง ไม่ใช่ปิดโอกาสไม่ให้ก้องพูด แบบนี้มันจงใจทิ้งกันชัดๆ”

ผมเงยหน้ามองพ่อ ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะมันจุกอกไปหมด จะบอกว่าตัวเองไม่ผิดก็ไม่ได้ บอกว่าความผิดเล็กน้อยก็ไม่ได้เพราะพี่อู๋เสียความรู้สึกมาก ผมจึงบอกพ่อสั้นๆว่าผมหลุดปากบอกเพื่อนไปว่าคบกับพี่อู๋เพราะเงิน เขาบังเอิญได้ยินประโยคนั้นพอดี เรื่องมันก็มีแค่นี้ แต่ผลกระทบที่ตามมาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย

“แล้วมันจริงหรือเปล่า?”
ผมส่ายหน้า “มันไม่ใช่เพราะเงิน แต่เพราะผมรักเขา ผมรักพี่อู๋จริงๆนะพ่อ”

ผมเหนื่อยจริงๆที่ต้องร้องไห้ไม่รู้จักจบจักสิ้น เหนื่อยและล้าจนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าเพราะฝืนเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้ว พ่อที่เคยยืนอีกมุมของห้องค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ เขาสวมกอดผมแน่นแล้วเอาแต่พูดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ เขาหมดรักเราก็ช่าง ก้องไม่ต้องสนใจ ตอนนี้ก้องอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งอู๋ ก้องมีป๊า มีบ้าน มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ ก้องไม่ขัดสนอะไรอีกแล้ว ป๊าสัญญาเลยว่าจะเลี้ยงก้องให้มีความสุขกว่าที่เคยอยู่กับอู๋ ไม่ร้องนะลูกนะ อยู่กับป๊านี่แหละ ป๊าจะดูแลก้องต่อเอง

 เป็นครั้งแรกที่ผมกอดพ่อตอบ ไม่รู้ว่าที่ร้องไห้โฮอยู่ตอนนี้เป็นเพราะโล่งใจที่พ่อสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ลำบาก หรือเสียใจที่เริ่มคิดได้ว่าพี่อู๋ไม่รักนายก้องเกียรติกันแน่ ในห้องนอนที่เคยเป็นของผมคนเดียว ตอนนี้กลับมีพ่อนั่งอยู่ข้างๆเป็นเพื่อน พ่อคอยเช็ดน้ำตาและน้ำมูกให้เมื่อเห็นผมหยุดร้องไม่ได้ แต่พ่อไม่ได้ตำหนิอะไรที่ผมทำให้เขาต้องลำบาก หนำซ้ำยังบอกรักผมซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายหน วันนี้ก้องไม่รักป๊าไม่เป็นไร แต่อย่าลืมนะว่าป๊ารักก้อง ป๊ารักก้องมากๆ ก้องไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้วนะ ก้องมีป๊าอยู่ทั้งคน ใครไม่รักก็ช่างมัน ป๊ารักก้องเสมอและจะรักตลอดไป ไม่มีวันเลิกรักก้องแน่นอน

“พ่อไม่รังเกียจเหรอที่ผมเป็นเกย์? พ่อเสียใจไหมที่ผมเป็นเด็กแบบนี้?”
“เสียใจสิ เสียใจมาก แต่ทำไงได้เพราะก้องเองก็ไม่ได้ตั้งใจ” พ่อยอมรับ เมื่อผมเงยหน้ามองเขา ถึงเห็นว่าพ่อเองก็กำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน “แค่มีก้องก็พอแล้ว ป๊าหาก้องเจอก็ดีใจมากๆแล้ว ก้องจะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ มันไม่สำคัญหรอก แต่ป๊าจะพยายามรับให้ได้เพราะป๊ารักก้อง ป๊ารักก้องมากเลยนะรู้ไหม”

พ่อทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความหมายสำหรับใครบางคน อย่างน้อยในชีวิตที่มีแค่แม่และพี่อู๋ ตอนนี้ผมมีพ่อที่พร้อมดูแลและแก้ไขอดีตที่เคยทำพลาดไปแล้ว ในห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะของก้องเกียรติ เราสองคนพ่อลูกโอบกอดกันแน่นโดยไม่พูดอะไร พอเริ่มทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ พ่อก็ลุกขึ้นยืน เขาบอกให้อาบน้ำเก็บของเตรียมตัวกลับหอ อีกชั่วโมงจะขับรถไปส่ง

ผมพยักหน้ารับแล้วแกล้งวุ่นวายกับการจัดกระเป๋า เมื่อบานกระตูปิดลง ผมก็ฟุบหน้าร้องไห้กับหมอน ต่อให้มีพ่อ มีเงินส่วนตัวโดยไม่ต้องหยิบยืมพี่อู๋มันก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก เพราะสิ่งที่กำลังฉีกทึ้งหัวใจของผมออกเป็นชิ้นๆคือการต้องห่างจากเขาต่างหาก ไม่รู้ว่าต้องย้ำกับทุกคนอีกกี่รอบว่าผมรักพี่อู๋ ผมรักเขา รักเขาจริงๆนะ แต่น่าตลกที่ไอ้ก้องเกียรติเพิ่งจะกล้าบอกคนรอบตัวว่ารักเขาตอนนี้ คำว่ารักที่พูดไปแต่เขาไม่ได้ยิน มีค่าไม่ต่างอะไรกับเศษขยะเลย




TBC


________________________________


#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้


สวัสดีค่ะ พบกันเช่นเคยนะคะในคืนวันจันทร์สองทุ่มตรง ดีใจที่ทุกคนตั้งตาคอยนิยายเรื่องนี้นะคะ  :mew1:

ก่อนอื่นเลยเราชี้แจงนิดนึงเกี่ยวกับประเด็นพ่อของน้อง หลายคนอาจจะสงสัยว่าง่ายเกินไปรึเปล่า ยอมรับกันได้แบบนี้เลยเหรอ เราขอสปอยล์นิดนึงนะคะว่าพ่อน้องก้องรู้เรื่องนี้มาซักพักแล้วค่ะ แต่ว่ารู้เมื่อไหร่และรู้จากใคร ขออุบเป็นความลับที่มีเฉลยไว้ในตอนพิเศษท้ายเล่มนะคะ <3

ส่วน boxset ที่หลายๆคนถามมา เราสอบถามไปทางสำนักพิมพ์แล้วนะคะ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนิยายวางขายจะไม่มี boxset ค่ะ จะทำเป็น pre-order มากกว่า หากถามว่านิยายเรื่องนี้มีพรีออเดอร์มั้ยก็ยังให้คำตอบไม่ได้เนื่องจากปัญหาหลักตอนนี้คือเนื้อหามันไม่จบซ้ากที แง ยาวมาก และยังคงยาวต่อเนื่อง ต้องขอโทษทุกคนจริงๆค่ะ สำนักพิมพ์ก็อยากให้คำตอบเหมือนกัน แต่ถ้าเนื้อหาไม่ครบก็เคาะอะไรไม่ได้เลย ขอโทษนะคะ แต่จะพยายามปิดเล่มให้เร็วและเขียนสเปเยอะๆให้คนอ่านรู้สึกคุ้มค่ากับการรอและราคาที่ต้องจ่ายแน่นอนค่ะ

ขอขอบคุณสำหรับฟี้ดแบคถล่มทลายสำหรับตอนที่แล้วนะคะ เยอะมากๆ และทำให้เรามีความสุข มีกำลังใจอยากเขียนตอนต่อไปไวๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทุกช่องทางที่ทุกคนมีให้มาโดยตลอด วันนี้เรามีข่าวมาแจ้งให้ทราบด้วย เราเปิดเฟสบุ๊กเพจแล้วนะคะ ในนั้นก็คงอัปเดตความคืบหน้าต่างๆเกี่ยวกับนิยาย ทั้งน้องก้องและนิยายเรื่องใหม่ที่กำลังจะมา ค่อนข้างเป็นทางการนิดนึง หากพี่จ๋าคนไหนอยากพูดคุยสอบถามหรือติดตามอัปเดตต่างๆสามารถเสิร์ชหาเพจ Ms.Ambiguous หรือคลิกลิ้งค์: https://web.facebook.com/msambiguous23 ได้เลยนะคะ ขอบคุณค่า
:hao5:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เราคิดว่าพ่อก้องเนี่ยแหละตัวดีเลย ต้องไปคุยอะไรกับพี่อู๋แน่ๆ พี่อู๋ถึงต้องทำอย่างนี้

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่อู๋ใจแข็งมาก น่าจะรอฟังก้องอธิบายสักนิดก็ยังดี แต่เราว่ามันแปลกๆ หมูอู๋ไม่น่าจะเป็นคนที่ไม่ฟังเหตุผลนะ ต้องมีอะไรแน่ๆ เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ

เราเข้าใจทั้งก้องและพี่อู๋นะคะ โดยเฉพาะก้อง ที่เราไม่ถือโทษโกรธก้องเพราะเรารู้เจตนาของก้อง น้องไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้  ก้องเป็นเด็กคนนึงที่มีปัญหารุมเร้ามาตั้งแต่เด็ก เจอเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ผลกระทบต่อจิตใจมันเยอะมากๆ กว่าจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ใช้เวลาไม่น้อยเลย การจัดการกับความรู้สึกตัวเองอาจจะยังสับสนและทำได้ไม่ดีนัก  นางเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาคนนึง แล้วการที่ต้องยอมรับตัวเอง เราเข้าใจจุดที่ก้องอายเพื่อน กลัวเพื่อนล้อ ต่อให้ปัจจุบันโลกมันเปิดกว้าง แต่มันก็ยังมีการเหยียด การถูกล้อเลียนอยู่ มีการถูกมองว่าแตกต่างอยู่ดี ยิ่งน้องป่วยแบบนี้ มันยิ่งคิดมากอยู่แล้วเราว่ามันไม่ได้ผิดสะทีเดียวที่ก้องจะรู้สึกและยังแคร์สายตาคนอื่นอยู่ แต่เหตุการณ์แบบนี้แหละ จะทำให้รู้จักยอมรับความรู้สึกตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญคือ แคร์คนที่เรารักมากกว่าสายตาคนอื่น แต่เราก็เข้าใจพี่อู๋ พี่อู๋คงผิดหวังและเสียใจไม่ต่างกัน  ถ้าเราได้ยินแบบนี้เราก็น้อยใจเสียใจนะ แต่เราว่าพี่อู๋ต้องมีอะไรแน่ๆ พี่อู๋อายุไม่น้อยแล้ว เขาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับฟังอะไร อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องตัดห่างขนาดนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2019 14:44:27 โดย rockiidixon666 »

ออฟไลน์ Myskyfah

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยย รอออออออออ ไม่เคยเม้นมาก่อนนี่ครั้งแรก ถึงกับต้องเม้น มันอะไรกันเนี่ยชีวิตก้องงงงงง

ออฟไลน์ Mamamapp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ร้องไห้เหมียนหมาเช่นเคยค่ะ หมูอู๋คือใจแข็งมาก สารภาพว่าเราลืมพ่อไปเลย คิดว่าน้องคงไม่มีใคร แต่ถึงมีพ่อมีครอบครัวมีเงินก็ไม่เท่ามีหมูอู๋ไหม ใจร้ายกับน้องมาก ตอนนี้น้องกำลังฝังความคิดว่าพี่อู๋ไม่ต้องการน้องเข้าไปในหัว ร้องไห้จะเป็นจะตายแต่ก็ไม่มีใครรับฟัง ไม่ยอมฟังเหตุผลไม่คุยกัน ถ้าจะดัดนิสัยน้องถือว่าแกล้งกันแรงมากค่ะ เด็กสิบแปดที่เพิ่งจะเคยมีความรักครั้งแรก ไหนจะครั้งแรกกับการเป็นเกย์ ไม่เคยมีสังคม พอเจอเพื่อนก็รับมือไม่ถูก เห็นใจน้องทีนะคะ แง

ส่วนนังออกัส แกไม่ตายดีแน่ ชั้นจะแฉแก !  :fire:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ใจร้ายมั้ย ที่รู้สึกไม่สงสารก้องเลย ก้องทำตัวเองล้วนๆ เจอพี่อุ๋ร้ายใส่ก็ไม่แปลก แต่อย่าทะเลาะกันนานได้มั่ยมันปวดใจ
ตอนนี้อ่านไปลุ้นไปว่าเค้าจะคืนดีกันมั้ยนะ แต่สุดท้าย :ling1:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารน้องงงง สงสารพี่อู๋ด้วย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ก้องถึงกับลืมประเด็นกัสไปเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
น้อง ไม่ดีก็ออกมา หนีเลยลูก  :hao5:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เศร้าาาา!!!!! เสี่ยอู๋จะเลิกกอริลลาก้องจริงๆหรอ เสี่ยยยยย!!!! :z3:
สงสารน้องงงงง คุยกับน้องสักนิดเถอะนะเสี่ย ได้โปรดดดดด นี่ร้องไห้ตามน้องก้องจนน้ำมูกปริ่มแล้วววว :mew4:
เรื่องนี้เพราะฟค.นังออกัสใช่ไหม ชอบด่าลูกก้องนักใช่ไหม ได้!!!! ชั้นจะด่านังออกัสบ้าง!!! ไอ่คนเห็นแก่ตัว!! นังหมาไฮยีน่า!! นังงูเห่ากับชาวนา!!! นังเพื่อนจอมปลอม!!! จะสาปแช่งนังให้ละครแป้ก ผู้จัดไม่รัก หัวเน่าเหมือนขยะเปียก ให้สิวหัวช้างเต็มหน้า ฟค.กลายร่างเป็นซาแซง สาธุ!! เพี้ยงงง!! :call:

Hashtag นี่อินมากกกกกก :laugh:

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
:ling3:

ขอบคุณคำตอบเรื่อง box นะฮับ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ร้องไห้เผาเต่าเลย สงสารน้องมาก พี่อู๋ใจแข็งมากหรือที่ใจแข็งนี่มีเหตุผลที่บอกไม่ได้ กลัวน้องจะกลับมาเป็นซึมเศร้าอีกจริง ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ก็ไม่รู้ว่าพี่อู๋ไปตกลงอะไรกับพ่อก้อง หรือพ่อก้องใช้ไม้ตายอะไร
แต่พี่อู๋ลืมไปเหรอว่าน้องเคยป่วย น้องเคยไม่เหลือใคร ทำไมทำรุนแรงกับน้องขนาดนี้
ถึงครอบครัวที่พ่อมีให้จะพร้อมทุกอย่าง แต่การปรับตัวมันไม่ง่ายหรอกนะ
อ่านแล้วปวดใจ ปวดตับ

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
รู้สึกกึ่งกลาง เข้าใจหลายๆฝ่ายมากกว่านะ

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ที่อู๋ทำรุนแรงเกินไปสำหรับก้อง สงสารก้อง
ไม่รักพี่อู๋แล้วววว


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ ง่วงนอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องแค่นี้ไอ้หมูอู๋ถึงกับบล็อคน้องทุกช่องทางเลยหรอ ไม่ใช่ม้าง อีพ่อตัวดีนี่แหละต้องไปขู่อะไรพี่อู๋แหง เหอะ
ปล.คนเขียนไม่ต้องรีบเขียนจนเครียดมากนะคะ คนอ่านรอได้เสมอ  :mew1:

ออฟไลน์ MyMine104

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เราคิดว่าพี่อู๋แปลกๆจะทิ้งก้องด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะกับยัยหมูพียังความอดทนเป็นเลิศ ถ้าพี่อู๋จะทิ้งก้องเราเมนพี่อู๋คนนี้จะขอแบนพี่อู๋ตลอดไป โกรธธธธ :m31: :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่หมูอู๋ทำไมใจแข็งขนาดนี้ อยากรู้เหตุผลของพี่อู๋มากๆ สงสารทั้งก้องและพี่อู๋ อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆ
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 :hao5: :hao5: :hao5: รอนะคะ..
เป็นกำลังใจให้ไรท์.. ชอบเรื่องนี้มากก

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
โรคเก่าที่น้องเป็นจะกลับมาอีกมั้ยเมื่อมีเรื่องร้ายๆ
เข้ามาในชีวิตรอบด้านพร้อมๆ กันแบบนี้

ถ้าพูดถึงการเลี้ยงดูก้องของพี่อู๋คือสปอยน์น้อง
ตามใจน้องมากๆ จริงๆ พอบทจะเด็ดขาดนี่
ทำเอาน้องตั้งรับไม่ทันถึงกับเป๋ไปเลย

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ไม่รู้ว่าอาการก้องจะกลับมาหรือเปล่าคราวนี้ถ้าน้องไปโดดสะพานอีกครั้งหล่ะ

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
40 [PART 1/3]


พ่อขับรถมาส่งผมที่หอตอนเย็นวันอาทิตย์ เขาบอกว่าหลังจากนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดพ่อคือคนดูแล หนึ่งเดือนพ่อจะโอนเงินให้ผมหนึ่งหมื่นสามพันบาท ค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าจิปาถะหรือกิจกรรมอื่นๆไม่รวมอยู่ในเงินก้อนนี้ หนึ่งหมื่นสามพันคือค่ากินค่าขนมเพียวๆ ถ้าเหลือก็เก็บไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นส่วนตัวได้ จะซื้อเกม ซื้ออะไรพ่อไม่ว่า แต่ถ้าเป็นไปได้พ่ออยากให้ผมรู้จักประหยัดเพราะเงินหายากขึ้นทุกวัน

ผมหยุดร้องไห้แล้วตอนพ่อขับรถมาส่ง แต่ใบหน้ายังอมทุกข์เหมือนคนตรอมใจอยู่ ตาของผมบวมและแสบร้อนแทบตลอดเวลา น่าจะเป็นเพราะร้องไห้ติดต่อกันนานและหนักจนเกินไปถึงได้เป็นแบบนี้ ก่อนลงจากรถพ่อมองสภาพผมแล้วถอนหายใจ เขาลูบหัวนายก้องเกียรติเบาๆหนึ่งทีและบอกว่าวันศุกร์นี้จะมารับ ให้อยู่รอที่นี่ ไม่ต้องขึ้นรถตู้กลับบ้านนะเข้าใจไหม

“ครับ”

ผมยกมือไหว้พ่อก่อนจะสะพายกระเป๋าลงจากรถ แต่พ่อก็รั้งไว้ เขาเปลี่ยนใจไม่ให้ผมไปและบอกว่าถ้าไม่ไหวจะกลับไปนอนพักที่บ้านก่อนไหม หยุดเรื่องเรียนไว้ซักอาทิตย์นึงก็ได้ ผมขมวดคิ้วมองพ่อด้วยความไม่เข้าใจว่าจะหยุดทำไม อีกไม่กี่วันก็สอบไฟนอลแล้ว ช่วงนี้นักศึกษาไม่ค่อยขาดเรียนกันหรอก และผมจะไม่โดดเรียนด้วยเพราะพี่อู๋เคยสอนไว้ว่าเขาหาเงินมาเหนื่อย เขาอยากให้ผมตั้งใจเรียนคุ้มกับเงินที่เขาจ่าย แต่ซักพักก็นึกได้ว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว เผลอๆเขาไม่แคร์หรอกว่าผมจะเข้าเรียนหรือเปล่า

ผมบอกพ่อว่าไม่เป็นไรครับ ผมอยากเรียนหนังสือ พ่อจึงไม่ว่าอะไรนอกจากบอกว่าแล้วจะโทรหา ตอบไลน์เขาบ้าง เขาจะได้ไม่เป็นห่วง ผมให้สัญญาก่อนจะเดินขึ้นอาคาร ปลายทางไม่ใช่ห้องของตัวเองแต่เป็นห้องของสมาร์ท ผมเคาะประตูสองสามทีทว่าไม่มีคนเปิด ไม่รู้สมาร์ทยังไม่กลับห้องหรือล็อคตัวเองไม่ให้นายก้องเกียรติเข้าไป ดังนั้นผมจึงจำใจเดินขึ้นห้องตัวเองแต่โดยดีก่อนจะไลน์หาน้ำตาลทราย

“มึงโอเคไหม?”

ทรายถามด้วยความเป็นห่วง ผมถอนใจก่อนจะตอบว่าไม่โอเค ไม่มีอะไรโอเคทั้งนั้น ทรายรู้อยู่แล้วว่าพ่อมารับผมกลับบ้าน มันก็เลยไม่ตกใจตอนที่ก้องเกียรติบอกว่าพ่อขับรถมาส่ง เราคุยกันทางโทรศัพท์แค่นิดหน่อยผมก็ร้องไห้อีก มันอยากร้องเองโดยไม่รู้ว่าทำไม แค่คิดว่าพี่อู๋ไม่รักก็เจ็บปวดใจจนไม่อยากอยู่แล้ว

“ก้อง เดี๋ยวกูไปหา มึงลงมารอเลยนะ”

ผมขานรับสั้นๆก่อนจะลงไปรอรับน้ำตาลทราย เพราะหอหญิงไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้า น้ำตาลทรายจึงเดินมาถึงนี่เพื่อเป็นกำลังใจให้ไอ้ก้องขี้แย พอเจอหน้ากันผมก็ร้องใส่เพื่อนยกใหญ่ การร้องไห้นี่มันเหนื่อยจริงๆนะ ไม่ใช่ไม่เหนื่อย แต่มันทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องเพราะผมมืดแปดด้าน คิดไม่ออกเลยว่าจะเอายังไงต่อไป ทรายนั่งบนเก้าอี้มองผมร้องไห้อยู่นาน มันเองก็เวทนาเพราะหาวิธีช่วยไม่ได้ ก็คนเขาไม่รักแล้ว เขาไม่อยากได้แล้ว จะไปเรียกร้องอะไร ขนาดยืมโทรศัพท์ทรายโทรหา เขายังรู้ทันเลยว่าต้องเป็นก้องเกียรติแน่ๆถึงได้กดตัดสายและบล็อคไปอีกเบอร์

“มึงเอ้ย --” ทรายลูบหลังผมที่สะอึกสะอื้นจนตัวโยน “นึกยังไงวะไปพูดว่ารักเขาเพราะเงิน เป็นกูกูไม่พูดนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดอ่ะ”
“กูไม่อยากยอมรับว่าชอบผู้ชาย มึงก็รู้ว่าไอ้โบ้ทปากหมา มันเคยทำหน้าแหยงๆตอนพูดเรื่องกัสก้องด้วย”
“เออ แล้วมันเคยล้อมึงหรือยัง? กูไม่เห็นมันจะว่าอะไรมึงเลย มึงอ่ะร้อนตัว”
“ก็กูไม่รู้นี่ว่าพี่อู๋ยังไม่วางสาย กูไม่ได้ตั้งใจให้เขาได้ยิน” ผมหลับตาและถอนหายใจจนเหนื่อย “มึง กูจะทำยังไงดีวะ? พี่อู๋ไม่รับสายกูเลย ไปดักรอที่บ้านก็ไม่ได้ โทรหาก็ไม่ได้ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน”
“เอาไลน์พ่อมึงไปใช้หรือยัง?”
“ยัง พ่อใช้มือถือทั้งวัน ไม่ดูยูทูปก็เลือกรูปสวัสดีวันจันทร์อยู่” ผมบ่นเซ็งๆ
“งั้นมึงรออีกหน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่อู๋อารมณ์เย็นก็คงเลิกบล็อคมึงเองแหละ”
“แต่เขาใจแข็งมากเลยนะมึง” ผมบอกทราย “กับแฟนเก่าเขายื้อมานาน บทจะตัดก็ตัด ไม่กลับไปอีก มึงดูสิคนคบกันมาสิบปีอ่ะ ยังตัดได้ในวันเดียว”
“มึง พี่อู๋ไม่ได้ตัดใจได้ในวันเดียว มันเรียกว่าสะสมมานานจนทนไม่ได้เว้ย” ทรายส่ายหน้าไปมา ผมนี่มันไร้เดียงสาในเรื่องนี้จริงๆ “กูว่าที่เขาทำแบบนี้ก็แค่โกรธอ่ะ จริงๆนะ ตอนกูกับพี่กิ๊บทะเลาะกันก็แบบนี้ อันเฟรนด์ อันฟอล อันทุกอย่าง กูคิดว่าเลิกแน่ๆมาสองสามรอบแล้ว สุดท้ายก็ไม่เลิกอ่ะ ถ้ายังรักกัน เดี๋ยวก็ต้องหาทางปรับความเข้าใจกันอยู่ดี”
“ถ้าพี่อู๋ไม่ได้รักกูล่ะ?”
“เหรอ? มึงคิดแบบนั้นจริงเหรอ?”
“พ่อบอกว่าเขาอาจจะไม่ได้รักกูจริง พ่อพูดประมาณว่าเขาได้กูแล้ว เขาคงไม่อยากง้อเพราะไม่มีอะไรให้ค้นหาแล้วอ่ะ”
“พ่อมึงเป็นแฟนเก่าพี่อู๋เหรอถึงรู้ดีจัง?” ทรายแค่นหัวเราะ “ว่าแต่พ่อมึงรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เออ เขารู้ว่ากูคบกับพี่อู๋ แต่เรื่องมีอะไรกับเขากูเป็นคนบอกเอง”
“เหยดเข้ ป๊ากูยังไม่รู้เลยนะว่ากูมีอะไรกับพี่กิ๊บแล้ว มึงนี่สุดยอดจริงๆก้อง เรื่องที่ไม่ควรพูดเสือกกล้า แต่คำว่ารักเสือกอาย”

ผมตอบเพื่อนว่ารู้แล้ว สำนึกผิดแล้ว ตอนนั้นมันปากไวไม่ทันคิด คิดแค่ว่าไม่อยากให้ไอ้โบ้ทรู้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้กูไม่พูดหรอก กูจะบอกดังๆชัดๆเลยว่าที่เลิกกับพี่อู๋ไม่ได้ก็เพราะรักเขามาก รักมาก รักจนจะขาดใจตายแล้วที่ไม่ได้คุย ไม่ได้ติดต่อเขาตั้งสามวันเนี่ย

“กูควรทำยังไงต่อวะทราย?” ผมถามเป็นหนที่ร้อย
“ง้อดิ” ทรายยักไหล่ “มึงไม่ใช่คู่แรกที่เจอปัญหาทะเลาะกันแล้วไล่กันเหมือนหมูเหมือนหมา กูว่าในสิบคู่ต้องเจอเหตุการณ์นี้อย่างน้อยแปดคู่ เชื่อกูเถอะ ถ้ามึงรักพี่อู๋จริงๆและอยากคบกับเขาต่อก็เดินหน้าง้อเลย เขาต้องใจอ่อนซักวันแหละวะ”
“แต่เขาไม่รับโทรศัพท์ มึงก็เห็นว่าเขาบล็อคทุกทาง”
“งั้นค่อยกลับไปเจอเขาวันศุกร์หน้า”
“ไม่ได้ พ่อมารับ”
“แหม เมื่อก่อนมึงว่าพ่อฉอดๆ ตอนนี้ตอบเสียงอ่อยเลยนะว่าไปไม่ได้ พ่อมารับ” ทรายยกมือจะเขกหัวผมแต่ก็ไม่ได้ทำ “หลังสอบเสร็จค่อยไปดักรอพี่อู๋ ถ้าพ่อถามก็โกหกไปว่าติดสอบ พ่อไม่เอะใจถึงขนาดตามมาเฝ้ามึงหรอก”

ทรายบอกแล้วปรายตามองก้องเกียรติที่นั่งหน้าเศร้าไม่มีความสุขอยู่ข้างๆ ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย หนังสือก็ไม่อยากอ่าน เน็ตฟลิกซ์ก็ไม่อยากดู ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนอนร้องไห้ฟูมฟายคิดถึงพี่อู๋ พอทรายเห็นผมเฉยชาไร้ชีวิตชีวาเหมือนต้นไม้ยืนต้นตาย มันจึงชวนออกไปซื้อขนมที่เซเว่น

“กินเท่านั้นที่จะทำให้มึงดีขึ้น” ทรายว่าพลางหยิบนั่นหยิบนี่ใส่ตะกร้า “คืนนี้ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องง้อไว้วันหลัง หาอะไรคลายเครียดทำกันดีกว่า”

เราถือขนมสองถุงใหญ่กลับห้อง ส่วนใหญ่เป็นขนมคบเคี้ยวและของหวานชวนอ้วนที่ทรายไม่ค่อยชอบแต่คืนนี้มันจะยอมกินเพื่อผม เพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดมีแต่ความเศร้า น้ำตาลทรายถึงขนาดยัดเค้กช็อกโกแลตคำโตใส่ปากแล้วเคี้ยวหยับๆเป็นเพื่อนก้องเกียรติ เรานั่งแกะนั่นแกะนี่กินหมดไปหนึ่งถุง พอคอแห้งก็รินโค้กใส่น้ำแข็งแล้วกระดกอึกๆจนเรอเอิ๊กเสียงดัง ทรายไม่ชวนคุยเรื่องเครียดๆเลยนอกจากเลื่อนดูซีรี่ส์ในเน็ตฟลิกซ์ แต่ผมไม่มีสมาธิมากพอที่จะโฟกัสอะไร ดังนั้นเราจึงเปิดยูทูปและร้องคาราโอเกะโง่ๆประหนึ่งอยู่ในร้านเหล้า

ทรายร้องเพลงอะไรไม่รู้ น่าจะเป็นเพลงเกาหลีที่ผมไม่เคยฟังมาก่อน มันร้องเย้วๆสนุกอยู่คนเดียวในขณะที่ผมนั่งขมวดคิ้วว่ามันเป็นอะไร พอเห็นนายก้องเกียรติไม่เอนจอย ทรายก็เลือกเพลงใหม่ เลือกไปเลือกมาเจอช่องทำอาหารแบบ ASMR สรุปว่าเราเลิกฟังเพลงและหันมานั่งดูเจ้าของช่องหั่นผักดังฉับๆแทน

“เพลินเนอะ” ผมว่าพลางหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปาก “มึงๆ ดูคนกินจุอันนี้เร็ว กินได้น่าอร่อยมาก”

ผมใช้นิ้วก้อยจิ้มโทรศัพท์แต่จิ้มไม่ติด ทรายจึงดูดนิ้วจุ๊บจั๊บแล้วช่วยกดให้แทน เรานั่งดูผู้ชายเกาหลีคนหนึ่งกินไก่ทอดเกือบสามสิบชิ้น เสียงกรุบกรอบของหนังไก่สะท้อนก้องในหัวของเราจนอยากโทรสั่งจริงๆแต่มันดึกเกินไป ผมกับทรายคุยกันว่าพรุ่งนี้จะไปกินเคเอฟซี ชวนมิวกับโบ้ทไปด้วยจะได้ช่วยกันหาร ทรายเห็นด้วยกับความคิดนี้จึงหยิบโทรศัพท์เตรียมจะแชทหามิวทว่ามีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่าแทรกเข้ามาเสียก่อน

“ก้อง มึงโดนอีกละ”

ทรายอ่านข้อความจากมิวก่อนจะแท็บหน้าจอเพื่อดูรูปภาพว่ามิวแคปอะไรมา อ๋อ – ไม่มีอะไรใหม่ นายก้องเกียรติโดนด่าอีกแล้ว ผมกับทรายนั่งอ่านออกเสียงคำด่าพวกนั้นไม่ทุกข์ร้อน หากถามว่าชิลขนาดไหน ก็ขนาดที่ผมนอนกินมันฝรั่งฟังคำด่าผ่านหูไม่สนใจ ส่วนทรายอ่านไปล้อเลียนไปด้วยความสนุกสนาน คำด่าพวกนั้นทำอะไรนายก้องเกียรติไม่ได้แล้ว เกือบสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้บทเรียนแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร คนอยากด่ามันก็หาเรื่องด่าไปทั่ว เราซื้อตะกร้อครอบปากหมาทุกตัวไม่ได้ฉันใด เราก็ห้ามคนไม่ให้ด่าเราได้ฉันนั้น จู่ๆมันก็ปลงในสัจธรรมขึ้นมากะทันหัน ถ้าผมปลงได้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องทุกข์ใจขนาดนี้ ดูสิ – ด่าว่าอีก้องหน้าสิวผมยังไม่โกรธเลย ก็กูเป็นสิวอ่ะ ใครๆก็เคยเป็นสิว หรือมึงไม่เคยเป็นสิวฮะอีหน้าเนียน ขอส่องไทม์ไลน์มึงหน่อย แหม ยังรีทวีตสกินแคร์ลดรอยสิวอยู่เลย ดูกระจกบ้างเว้ยแก เราเขินแทนจะแย่แล้วเนี่ย

“มึง ไม่ใช่ว่ะ อีมิวไม่ได้ให้ดูอันนี้” ทราบเลื่อนผ่านอีกรูป “นี่ไงๆๆ ก็ไม่ได้อะไรนะ แต่ผัวอีก้องคนนั้นที่เป็นล่ามอ่ะ มันก็ไปแย่งเค้ามาอีกที เหี้ยไม่เหี้ยก็ดูเอาแล้วกัน แฟนเก่าเค้าเป็นซึมเศร้าฆ่าตัวตาย มันยังแย่งได้อ่ะ คิดดูว่าร่านมั้ย #กัสก้อง -- เฮ้ย มันบอกว่ามึงแย่งพี่อู๋ว่ะ”
“แย่งเหี้ยอะไรล่ะ พี่อู๋ชอบกูเอง กูอยู่เฉยๆไม่ได้ยุ่งกับใคร” ผมส่ายหน้าเซ็งๆ ไม่พ้นเพื่อนคนสวยของคุณพีรพัฒน์อีกแน่ๆ “มึงตอบมันไปดิว่า แหม วีรกรรมก็เยอะน้า เพื่อนเราอ่ะ มึงทวีตตอบมันไปเลย”
“อีบ้า มึงเอาจริงเหรอ?”
“เออ”
“นี่แอคเคานท์กูนะ” ทรายเบะปากจะร้องไห้ “มึงจะให้กูใช้แอคนี้วอร์จริงเหรอก้อง?”

ผมถอนหายใจก่อนจะส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ทราย อ่ะ มึงเอาไปเลย พิมพ์ตามคำบอกกูนี่แหละ กูขี้เกียจลุกขึ้นไปล้างมือ ผมตอบก่อนจะแกะขนมถุงใหม่และกินต่อ ระหว่างนั้นก็ฟังทรายอ่านทวีตหยาบคายที่พาดพิงถึงตัวเองเรื่อยๆไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร จะขี้เหร่ หน้าสิว หน้าเหี้ย เด็กเสี่ย อีหนู หรืออะไรก็จัดมาเถอะ ผมชินแล้ว เบื่อที่จะได้ยินด้วยเพราะคำด่าเดิมๆไม่มีอะไรใหม่ เหมือนหาเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากต้องโจมตีหน้าตาเท่านั้น

เบบี้ปลา: อีก้องเก็บตัวเงียบเลยน้า #กัสก้อง
kkk: จะเอายังไงเนี่ย ตอบโต้ก็โดนด่า เงียบก็โดนด่า ทำตัวไม่ถูกแล้วนะ 555

Pepper: สรุปเรื่องก้องที ตกลงว่าแฟนปจบที่มันคบอยู่ก็คือแย่งมาจากคนอื่นใช่ป้ะ #กัสก้อง
kkk: ไม่ได้แย่งจ้า เค้าเลิกกันก่อนหลายเดือนกว่าจะมาคบกับเรา
Pepper: เปนก้องอ่อ มาตอบเหมือนเปนอิก้องเลย อิดอก 55555
kkk: ใช่จ้า ก้องเอง อีดอก 55555

หมูหวาน: แล้วจิงป้ะที่เขาบอกว่าแฟนอีก้อง #กัสก้อง ไปเก็บอีก้องมาจากโรงทาน
kkk: ไม่จริงจ้า เก็บจากสะพานพระรามแปดจ้า

แม่น้องอิ๋ว: ถ้าก้องแย่งแฟนคนนี้มาจากแฟนเก่าที่เป็นซึมเศร้าจริงคือเหี้ยมากอ่ะ ไม่น่ารักเลยนะทำแบบนี้ ไม่โอเค #กัสก้อง
kkk: ไม่ได้แย่งครับ เค้าเลิกกันเองเพราะทนนิสัยไม่ไหว ไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ สงสารคนป่วย

ผมพยายามตอบสุภาพ พาดพิงคุณหมูพีให้น้อยที่สุดเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นหรือยัง หลุดพ้นจากวงโคจรของพ่อแม่และเพื่อนจอมโอ๋ได้ไหม หรือยังตกเป็นน้องเล็กให้เขาโอ๋เขาสปอยล์จนเสียคนเหมือนเดิม ผมกำลังนึกสงสัยอยู่พอดี เพื่อนคุณหมูพีก็เมนชั่นมาหา สำนวนแบบนี้ผมว่าต้องเป็นคนใกล้ตัวคุณหมูพีแน่ๆ คนศีลเสมอกันย่อมเป็นเพื่อนกัน ผมเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดีเลย


applepie: แหม ไม่ต้องทำมาเป็นสงสารเพื่อนกูหรอกอีเด็กดอก
kkk: อ่าว ก็น่าสงสารจริงๆอ่ะ พี่ว่าไม่น่าสงสารเหรอ เข้าออกโรงบาลบ่อยเป็นว่าเล่นเพราะทำร้ายตัวเองทุกครั้งเวลาไม่ได้ดั่งใจ
applepie: เสือก อีเมียน้อย
kkk: ใครกันแน่เสือก อยู่ดีๆก็ทวีตด่าคนอื่นว่าแย่งผัวชาวบ้าน ลืมไปแล้วเหรอว่าเค้าเลิกกันเพราะอะไร อย่าให้ต้องพูดนะ วันนั้นผมก็ไปโรงบาล รูปแผลที่เค้าทำพี่อู๋ผมยังถ่ายเก็บเอาไว้เลย จะดูป่าว


เมื่อเพื่อนของคุณหมูพีเงียบไปนานในขณะที่กระแสเริ่มสนใจว่าเรามีเรื่องอะไรกัน ผมก็ให้ทรายเมนชั่นไปใหม่ว่าตกลงจะดูไหม รูปเนี่ย ที่เพื่อนพี่กรีดมือพี่อู๋จนโดนเย็บเกือบสิบเข็มเนี่ยจะดูไหม เผื่อจะจำได้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงไปกันไม่รอด

“มึงพูดเรื่องอะไรวะก้อง กูงง?”

 ผมยักไหล่ บอกทรายว่าไม่มีอะไรหรอก แค่ตอนที่กูเจอพี่อู๋แรกๆเขาเพิ่งกลับไปคืนดีกับแฟนเก่า แต่คืนดียังไงไม่รู้ถึงทะเลาะกันประจำ เดี๋ยวตบเดี๋ยวตี เดี๋ยวด่า ห้องไม่เคยเงียบเกินสองวันเพราะแฟนเก่าพี่อู๋ร้ายมาก เอะอะจะฆ่าตัวตาย เอะอะจะทำร้ายพี่อู๋ มีวันนึงแฟนเก่าเขาเป็นบ้าเอาแก้วมากรีดกู วันถัดมาเขาเลิกเลย พี่อู๋ไม่เอาด้วยแล้วก็เลยโดนเพื่อนๆของแฟนเก่าตามด่าเหมือนเดินเตะจานข้าวหมาแบบนี้แหละ

“เวรกรรมแท้พี่อู๋ของมึงเนี่ย คบกับใครก็โดนด่าตลอด”

ทรายพึมพำแล้วอ่านทวีตถัดไป หลังๆผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมข้อความเกลียดชังพวกนั้นถึงไม่กระทบจิตใจเท่าวันก่อน บางทีผมอาจจะโดนด่ามากเกินไป หรือมีเรื่องให้กังวลมากเกินไปก็เลยไม่เศร้า หรือไม่ก็อยู่ในภาวะอิ่มขนมอย่างที่ทรายว่า มันบอกว่าถ้ากินอยู่ยังไงก็ร้องไม่ออกหรอก ร่างกายกำลังเรียกร้องอาหารขยะ กว่าจะน้ำตาจะไหลก็จะเป็นตอนที่กินโค้กหมดไปสองชั่วโมงแล้ว

“มันตอบหรือยัง?” ผมถามทรายพลางดูดนิ้วแจ๊บๆ
“ยัง หายไปเลย”
“เมนชั่นไปอีก มาแก้ตัวหน่อยครับ อยากเถียงอีก 555”
“ทำไมมึงไม่ร้ายตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วฮะ? มาร้ายอะไรตอนนี้”

ทรายบ่นพึมพำแต่ก็เมนชั่นไปหาแอคนั้นอีก ตอนนี้กระแสใน #กัสก้อง ตีกันมั่วไปหมด อีก้องหน้าเหี้ยเกาะออกัสดัง อีก้องหน้าพังสันดานพังแต่เสือกได้แฟนหล่อ อ๋อ อีก้องเด็กเสี่ย อีก้องขายตัว อีก้องเหลือขอ อีก้องกะหรี่ อีก้องเมียน้อย แย่งแฟนชาวบ้าน ล่าสุด –

ButterFlies: อีก้องเด็กเสี่ยของแท้ วันนี้นั่งเบนซ์กลับหอที่ลาดกระบังกับเสี่ยอ้วนๆแก่ๆคนนึงที่ไม่ใช่แฟนมัน
kkk: นั่นพ่อครับ เบนซ์ของพ่อ แฟนผมขับวีออส

ผมให้ทรายเมนชั่นตอบ ซักพักก็มีคนเมนชั่นมาถามว่าพ่อไหนอีกคะ ไหนบอกว่าไม่มีพ่อมีแค่แม่ไงถึงได้ไปกินอยู่กับแฟน ผมถอนหายใจเซ็งๆแล้วตอบอย่างสุภาพว่า

kkk: เพิ่งเจอพ่อตอนเปิดเทอมครับ พ่อเป็นเพื่อนกับอาจารย์ที่คณะ อจ.จำนามสกุลแม่ได้ก็เลยช่วยติดต่อให้มาเจอกัน ข้อมูลนี้เช็กได้ครับ อาจารย์ชื่อสมศักดิ์ ลองถามอจ.ดู

jojo: แบบนี้ก็บ้านรวยอ่ะดิ พ่อขับเบนซ์แล้วจะเป็นเด็กเสี่ยอีกทำไม
kkk: ไม่ได้เป็นเด็กเสี่ยครับ แฟนผมไม่ใช่เสี่ย แค่อายุเยอะกว่า

melody: ไหนว่าจนมากไม่ใช่เหรอ
kkk: ผมจนจริงครับ แต่พ่อรวย


 ทรายถามว่าเราจะคุยแบบสุภาพกับไอ้คนพวกนี้ทำไม ผมจึงบอกไปว่าตอบตรงๆน่าจะดีกว่าปล่อยให้คนมันเดาสุ่มหรือเปล่า อย่างเรื่องรถเบนซ์ที่เมาธ์ๆกันนั่นถ้าไม่รีบบอกว่าเป็นพ่อ คงใช้แกทเชื่อมโยงหาว่าผมมีผัวเป็นเสี่ยหลายคนแน่ๆ พอเริ่มตอบคำถามคนนึง คนที่เหลือก็เริ่มตั้งคำถามบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ออกแนวจับผิดมากกว่าหาความจริง ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ ไม่เห็นมีใครถามเลยว่าสรุปเรื่องทั้งหมดมันจริงไหม ผมกับพี่อู๋คบกันแบบเสี่ยหรือเปล่า ทำไมไม่มีใครถามอะไรสร้างสรรค์เลยวะ น่ารำคาญชิบ
 
“กูว่าเราเลิกอ่านทวีตพวกนี้เหอะว่ะ”

ทรายส่งโทรศัพท์คืนแล้วชวนแกะขนมต่อ เราคุยกันว่าถุงต่อไปเป็นอะไรดีนะ ทรายจึงหยิบช็อกโกแลตแท่งขึ้นมา ฉีกซองออกแล้วแบ่งครึ่งให้ก้องเกียรติกิน เราทั่งแทะช็อกโกแลตเงียบๆไม่พูดอะไรอีก ทรายคงรู้สึกแย่ไปด้วยที่ได้อ่านข้อความพวกนั้น ส่วนผมว่างเปล่า ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากรสชาติหวานๆของคุ้กกี้ แอนด์ ครีม เราตกลงกันว่าหลังจากนี้จะไม่อ่านทวิตเตอร์พวกนั้นอีก ปล่อยให้มันจบไปดีกว่าเนอะ เราก็ตอบเยอะไปพอสมควรแล้วด้วย ทรายกำลังจะไลน์บอกมิวเองว่าไม่ต้องแคปมาฟ้องอีก เราจะไม่สนใจกระแสเฮงซวย เราจะเดินหน้าต่อไป เราจะมูฟออนและง้อพี่อู๋ให้ได้ เราจะ – เราจะ –

“ทราย มีคนอินบ็อกซ์มาหากูว่ะ”

ผมบอกเพื่อนเมื่อเห็นแจ้งเตือนตรงไอคอนรูปซองจดหมาย เมื่อคลิ๊กเข้าไปอ่านก็เห็นว่าในนั้นมีคนส่งข้อความมาเต็มไปหมด เจ็ดสิบเปอร์เซ็นคือคำด่า อีกสามสิบเปอร์เซ็นคือคำให้กำลังใจ ผมเลือกอ่านเฉพาะข้อความบวกๆและตอบกลับไปว่าขอบคุณครับ ขอบคุณที่เข้าใจครับ จนกระทั่งเจอข้อความหนึ่ง

นี่ใช่พี่ก้องตัวจริงหรือเปล่าคะ
ใช่ครับ

ผมตอบ รอไม่ถึงสิบวินาทีเธอก็ส่งข้อความมาใหม่ ผมอ่านออกเสียงเพื่อเรียกน้ำตาลทรายที่กำลังดื่มโค้กให้ตั้งใจฟัง พออ่านจบเราก็รู้สึกอึ้งไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าควรตอบข้อความนั้นยังไงนอกจากกรุ๊ปคอลหามิวเพื่อบอกว่าตื่น ตื่น ตื่น มีเรื่องแล้ว เด็ดมากด้วย ตื่นมาช่วยพวกกูก่อน

Rainy day:
หนูชื่อฝนนะคะ เคยคบกับพี่ออกัสอยู่ช่วงนึง
หนูมีเรื่องจะบอกพี่ค่ะ






ฝนเป็นเด็กมอปลาย เป็นแฟนกับออกัสช่วงที่มันกำลังมีชื่อเสียงพอดี ตอนแรกผมไม่ได้เอะใจกับคำแนะนำตัวนี้ก็เลยตอบไปแค่ครับ ทรายดีดหูผมทันทีและบอกว่าอ่านดูดีๆ วิเคราะห์ดีๆ น้องเขาบอกว่าเป็นแฟนกับออกัสช่วงที่กำลังมีชื่อเสียง หมายความว่าตอนมันตามตื๊อขอคบผม มันต้องมีน้องคนนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

เออว่ะ – จริงด้วย

ผมจึงพยายามตอบแชทอย่างใจเย็น ไม่กระโตกกระตากว่าอยากรู้เรื่องนี้ใจแทบขาดเพราะจะเอาไปตีหน้าไอ้ออกัส น้องที่ชื่อฝนเล่าให้ฟังว่าเธอคบกับออกัสยังไม่ทันครบเดือน กระแส #กัสก้อง ก็เริ่มมาแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอไม่เปิดตัวไม่ได้ว่าเป็นแฟนออกัส

ทำไมอ่ะครับ

ผมถาม หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเธอก็ตอบกลับมาว่า

พี่กัสบอกว่าเป็นเรื่องงาน ถ้าฝนออกตัวว่าเป็นแฟนเขา กระแสจะหายไปแล้วสปอนเซอร์จะไม่เข้าค่ะ

“เหี้ยมาก” ทรายส่ายหน้า “มึงถามต่อเร็วว่าตอนนี้ยังคบกันอยู่ไหม?”


ยังเป็นแฟนกันอยู่มั้ยครับ
Rainy day:
เพิ่งเลิกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ
เขาบอกรักหนู แต่จำเป็นต้องเลิก
หนูคิดว่าน่าจะเพราะคู่จิ้น
ค่ายเตรียมจะดันคู่จิ้นใหม่มาแทน #กัสก้อง

อ่า ไม่แปลกใจครับ


ผมรอซักพักน้องเขาก็ส่งหน้าแชทที่คุยกับออกัสมาให้ดู ออกัสบอกน้องฝนว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยและพยายามคอลหา แต่น้องฝนไม่รับ เธอบอกพิมพ์มาเลยดีกว่า ไม่ต้องคุยกันหรอก ออกัสจึงถือโอกาสนี้บอกเลิกเธอโดยให้เหตุผลต่างๆนานา และบอกอีกว่าเพราะงานอาจทำให้ฝนเสียใจ ตอนนี้ค่ายกำลังจะจับคู่ออกัสกับนักแสดงหน้าใหม่ที่เล่นซีรี่ส์ด้วยกัน มันคงจะดีกว่าถ้าออกัสไม่มีแฟน

Rainy day:
พี่กัสเคยพูดว่าค่ายบ่นว่าพี่ก้องทำเสียเรื่อง
เค้าเคยขอให้พี่กัสดึงพี่ก้องมาสร้างกระแสแล้ว แต่ไม่ได้
เพราะพี่ก้องมีแฟนแล้ว

ครับ ตอนนั้นพี่มีแฟนแล้ว
Rainy day:
ค่ายก็เลยดันคู่ใหม่ พยายามเอากัสก้องลง
คนที่เริ่มจุดกระแสด่าพี่ ก็มาจากทีมงานในค่ายค่ะ
จริงๆคลิปบิวตี้บล็อกเกอร์คนนั้นไม่มีอะไรเลย
ไม่มีเรื่องให้ด่า แต่พอมีคนเปิด มันก็มีคนตามอ่ะค่ะ


“เฮ้ย จริงหรือเปล่าวะ? กล่าวหาลอยๆแบบนี้เขาฟ้องได้เลยนะเว้ย”

ทรายไม่อยากจะเชื่อ แต่สีหน้ามันนี่ตื่นเต้นยิ่งกว่าลุ้นหวยวันที่สิบหกอีก เราสามคนคุยกันผ่านสปีคเกอร์โฟนว่าจะเอายังไง มิวบอกว่าทำเป็นกลางไว้ก่อน อย่าเพิ่งร่วมวงด่า ลองถามน้องเขาดูก่อนว่ามาบอกเราทำไม มีจุดประสงค์อะไร ผมพิมพ์ตามที่มิวแนะนำและรอซักพักน้องฝนก็ตอบกลับมา

Rainy day:
หนูสงสารพี่อ่ะค่ะ
โดนด่ามาอาทิตย์นึงแล้วยังไม่จบ
ขอบคุณครับ
แต่น้องมาบอกพี่แบบนี้ ไม่กลัวออกัสโกรธเหรอ

Rainy day:
ไม่กลัวค่ะ เพราะหนูแค้นทีมงาน
บงการให้หนูกับพี่กัสเลิกกันแล้วสร้างคาแรคเตอร์
ว่าเป็นไบ
พี่กัสไม่ได้เป็นไบค่ะ เค้าเป็นชายแท้


“กูว่าแล้ว!”

ผมตบเขาดังฉาด บอกแล้วว่ามันไม่ได้ชอบผมหรอก คนชอบกันเขาไม่ทำแบบนี้ เขาไม่มีระยะห่างขนาดนี้ ต่อให้เดินตามตูดเหมือนลูกเป็ดและเอาแต่บอกว่ารักๆๆ ถ้าการกระทำมันไม่สอดคล้อง ยังไงก็เชื่อไม่ลง


Rainy day:
ค่ายหวังกับพี่กัสมาก เพราะละครเรื่องก่อนหน้าแป้ก
ท่าดีทีเหลวจนปั้นไม่ขึ้นเหมือนกัน
คู่จิ้นจากค่ายคู่แข่งก็ดังกว่ามาก
ทีมงานเค้าทำงานกันเป็นทีม เนียนสุดๆ
แฟนคลับคิดว่าคบกันจริงทั้งๆที่ผู้ชายค่ายนั้นก็มีแฟนเหมือนกัน
เค้าไม่เห็นต้องเลิกกับแฟนเลย
แต่ค่ายพี่กัส สั่งให้เลิก บังคับให้เลือกว่าจะเอายังไง
แล้วพี่กัสก็เลือกงาน ไม่เลือกหนู
ซักพักก็มีกระแสด่าพี่ช่วงเวลานี้พอดี

Rainy day:
เค้าคิดกันมาดีแล้วค่ะว่าจะลบกัสก้อง
ชุบตัวใหม่ให้พี่กัสดูน่าสงสาร
ไม่เชื่อพี่คอยดูหลังละครออนแอร์วันจันทร์นี้นะ
จะมีทีมงานชงให้พี่กัสเป็นคู่จิ้นกับนายเอกในเรื่องอีก
แล้วก็จะมีคนด่าพี่ แต่ไม่เยอะ เพราะเค้าจะย้ายไปชงคู่อื่นแล้ว
หนูแค่แวะมาบอกให้พี่สบายใจ
มันใกล้จบแล้วค่ะ ทีมงานเค้าวางแผนให้มันจบอาทิตย์นี้

ที่น้องมาบอกพี่เพราะสงสารอย่างเดียวเหรอครับ
Rainy day:
เปล่าค่ะ
หนูอยากให้พี่เอาคืนพวกมัน
มันทำให้หนูต้องเลิกกับพี่กัส
หนูไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่

“ไอ้ – เหี้ย --”

ผมอ่านแล้วอุทานคำหยาบอีกหลายคำ ส่วนทรายกับมิวไม่ต่างกัน ทั้งสองคนรวมหัวด่าต้นสังกัดของออกัสจนเสียหมาเพราะแผนการสกปรกมาก ระยำเกินกว่าจะให้อภัย แค่เพราะอยากได้กระแสคู่จิ้นให้ซีรี่ส์ มันจำเป็นต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ แล้วตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมเสียสุขภาพจิต ไม่เป็นอันกินอันนอน แถมยังทะเลาะกับพี่อู๋จนเลิกกันอีก ใครจะรับผิดชอบ มีใครหน้าไหนมันโผล่มารับผิดชอบชีวิตที่พังทลายของผมบ้าง ไอ้หน้าเหี้ย!

“มึงๆๆ ขอหลักฐาน” มิวพูดแทรกเมื่อนึกขึ้นได้ “ถามน้องไปว่ามีแชทของออกัสไหม มีหลักฐานอะไรไหมที่จะแหกอีค่ายเหี้ยนี่ บอกน้องเขาส่งมาได้เลย เดี๋ยวกูแหกให้เอง ร่างกายต้องการการปะทะ ก็มาดิค้าบ เหยดแหม่”

คำพูดของมิวมันขำ แต่วินาทีนั้นเราไม่ขำเพราะกำลังวุ่นวายกับการขอหลักฐานที่มัดตัวคนในค่ายว่าจงใจปั่นกระแสเพื่อใส่ความผม เรารอเกือบสิบนาทีกว่าน้องฝนจะทยอยส่งแชทที่คุยกับออกัสมาให้ ออกัสพูดไม่เคลียร์เท่าไหร่ว่าค่ายเป็นคนเริ่มปั่นให้ผมโดนด่า แต่ที่เคลียร์คือออกัสบ่นน้องฝนว่าจะหึงไปทำไม กัสก้องมันไม่มีอะไรแต่แรกอยู่แล้ว ที่ทำก็เพราะค่ายอยากได้ก้องมาช่วยโหมกระแส แต่ก้องไม่เล่นด้วยเดี๋ยวก็คงเลิกกันแล้ว ไม่มีอะไรหรอก

“ชัดเจน” ทรายยิ้มเย็นเหมือนคนโรคจิต “ไอ้ออกัสโดนแน่หนึ่งดอก ส่วนทีมงานยังไม่เคลียร์ว่ายังไง อาจจะแก้ตัวก็ได้ว่าออกัสโกหก”
“ถ้าเราซัดไอ้ออกัสก่อนแล้วค่อยให้มันลากทีมงานออกมาเองล่ะวะ?” มิวเสนอ
“ไม่น่าจะได้มั้ง ออกัสมันคงไม่ยอมเสียงานหรอก”
“มันยอมแน่” ทรายยิ้มเย็นอีกแล้ว มันเป็นอะไรของมันเนี่ย “มึงก็รู้ว่าไอ้ออกัสห่วงชื่อเสียงตัวเองจะตาย ถ้าเราโยนขี้ใส่มือมัน มีเหรอมันจะกำขี้เอาไว้คนเดียว กูว่ามันต้องส่งต่อ”
“งั้นเราจะเริ่มแผนยังไงดีวะ?”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเอง”

มิวพูดอย่างมั่นใจ

“มึงสองคนรอดูให้ดีนะ กูจะลากอีออกัสกับค่ายไปตบกลางสี่แยกราชประสงค์ มึงคอยดูไว้เลย”




ต่อ part 2 ข้างล่างเลยฮับ  :hao5:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
40 [PART2/3]


วันจันทร์ เราสามคนไปเรียนด้วยกันแต่ไม่ได้โฟกัสกับการเรียนซักนิด หลังหมดคาบวิชาภาษาอังกฤษ เราก็จับกลุ่มวางแผนเงียบๆที่ห้องของผม มิวบอกว่าเมื่อคืนมันทำงานหนักมาก ผมถามว่างานวิชาอะไร มีส่งด้วยเหรอช่วงนี้ มันจึงด่าว่าอีบ้า งานเสือกสิไม่ใช่เรื่องเรียน กูอุตส่าห์ทำไทม์ไลน์ขยี้ไอ้ออกัสให้มึงนะอีก้อง อย่าตึ่งโป๊ะให้มาก

เราตกลงกันว่าวันนี้หลังซีรี่ส์วายของออกัสออนแอร์ตอนแรก เราจะปล่อยบอมบ์ในแฮชแท็กซีรี่ส์เลย แน่นอนว่าเราจะไม่เปิดเผยตัวตนของน้องน้ำฝน แต่ใช้หลักจับโป๊ะคู่รักในไอจีเหมือนที่ดาราเกาหลีชอบใช้กัน เช่นการลงรูปที่สื่อถึงกันเป็นนัยยะ การใช้ของคู่กันหรือแอบไปสถานที่เดียวกันแต่ลงภาพคนละมุมเพื่อยืนยันว่าออกัสคบกับคนอื่นอยู่ในช่วงที่ป่าวประกาศว่าชอบผม นี่เป็นหมัดแรกที่ซัดเข้าหน้าไอ้กัสเท่านั้น หมัดเด็ดสำคัญจะตามมาหลังจากนี้เป็นคอมโบเซ็ท ผมถามมิวว่าน้องฝนโอเคไหมที่เราแคปรูปเขามาแพร่แบบนี้ มิวบอกว่าน้องโอเค น้องทำใจแล้วว่าจะโดนด่า แต่ช่วยปิดหน้าให้ด้วยเพราะไม่อยากโดนด่าว่าหน้าเหี้ยเหมือนก้องเกียรติ

“สวยปานนางฟ้าจะโดนด่าว่าหน้าเหี้ยได้ยังไงวะ?” ทรายแกะเยลลี่ใส่ปาก “เออ ก้อง มึงเขียนจดหมายง้อพี่อู๋ยัง?”
“ยัง” ผมตอบพลางล้วงเอากระดาษรายงานออกจากกระเป๋า เตรียมปากกาและน้ำยาลบคำผิดพร้อม “กำลังจะเขียน มึงว่าเขียนยังไงดี?”
“ตอนแรกขอโทษแบบจริงจังก่อน ท้ายๆจดหมายค่อยทำเป็นทีเล่นทีจริง”
“ยังไงวะ?” ผมเอียงคอสงสัย
“ก็ขอโอกาสเขาไง บอกเขาว่ามึงรักเขา รักมากๆ ตอนนี้ไม่ต้องใช้เงินเขาแล้วแต่ก็ยังคิดถึงเขาอยู่”
“เลี่ยนว่ะ”
“งั้นมึงก็ทำใจเถอะว่าเขาไม่กลับมาแน่ๆ”
“ไอ้สัส ปากมึงเนี่ยนะ”

ผมบ่นอุบอิบก่อนจะเริ่มเขียนจดหมายด้วยลายมือบรรจง ตอนแรกผมเกริ่นถามว่าเขาเป็นยังไง สบายดีไหม กินข้าวบ้างหรือยัง ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่าก่อนจะเข้าเรื่อง ผมอธิบายให้พี่อู๋ฟังเหมือนในไลน์เปี๊ยบ บอกเขาไปว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น เพราะผมกลัวไอ้โบ้ทล้อ เหตุผลส้นตีนมากเลย กลัวเพื่อนล้อว่าชอบผู้ชาย แต่ไม่ละอายเวลาบอกใครว่าคบกับเขาเพราะเงิน ผมสารภาพและยอมรับผิดแต่โดยดี เขียนชัดเจนว่าผมขอโทษ ผมเสียใจที่มันเป็นแบบนี้ ก่อนจะปิดท้ายด้วยลูกอ้อนว่าผมคิดถึงเขามาก คิดถึงมากจริงๆ บ้านของพ่อไม่ใช่ที่ของก้องเกียรติ ผมอยากกลับไปอยู่ลาดพร้าว ผมอยากเจอเขา อยากขอโทษที่ทำไม่ดี ทรายแนะนำว่าให้ดราม่าหนักๆไปเลยเช่นถ้าพี่ไม่รักผมก็จะไป ผมจะไม่อยู่ทำให้พี่ลำบากใจอีก

“ถ้าพี่อู๋ไปจริงล่ะวะ?”
“ไม่ไปหรอก เชื่อกู ง้อแบบนี้สำเร็จทุกราย”

อ่ะ – เชื่อก็เชื่อ ผมจึงเขียนจดหมายด้วยถ้อยคำเจียมเนื้อเจียมตัว เหมือนนางเอกดาวพระศุกร์ที่น่าสงสารชิบหายทั้งๆที่เป็นคนทำผิดเอง ผมลงท้ายในจดหมายว่าจะรอพี่อู๋เสมอ ไม่ว่าจะบล็อกเบอร์หรือบล็อกไลน์ผมก็จะหาทางติดต่อเขาให้ได้ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี ผมจะไม่ปล่อยพี่ไปง่ายๆ รู้เอาไว้ว่าผมรักพี่ ผมรักพี่จริงๆนะ และผมจริงจังกับความสัมพันธ์ของเรามากๆ วันนึงผมจะทำให้พี่ใจอ่อน ยอมให้อภัยผมจนได้ คอยดู

“มึงเขียนไปด้วย ว่าผมแค่อยากอัปเดตชีวิตตัวเองให้พี่ดู ถ้าพี่อยากเห็นรูปก็ปลดบล็อกไลน์ผมนะครับ ผมจะส่งให้”
“รูปอะไรวะ?”
“รูปโป๊มึงไง”
“อีเหี้ย! จะบ้าเหรอ?!” ผมตีแขนทราย “มึงไม่กลัวรัฐบาลดักดูข้อมูลในไลน์เหรอวะ?”
“ทำไม? มึงคิดว่าสำนักนายกจะเอารูปโป๊มึงไปทำอะไร? เผลอๆส่งจดหมายเตือนพี่อู๋ให้คืนดีกับมึงด้วยซ้ำเพราะทนดูต่อไปไม่ได้”
“อีทราย อีเลว”

ผมด่ามันแต่ก็เขียนลงไปว่าช่วยปลดบล็อกไลน์ด้วย ผมมีรูปอยากอวดเต็มไปหมด ที่บ้านผมมีไซบีเรียนฮัสกี้ชื่อหมี มันน่ารักดี – แต่น่ารักไม่ได้ครึ่งหนึ่งของผมหรอก – ทรายแนะนำให้เขียนประโยคหลังลงไปด้วย ตอนแรกผมไม่ยอม รู้สึกว่าการอวยตัวเองว่าน่ารักกว่าหมาไม่น่าจะดีเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็เขียนลงไป แปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจให้ดูคลาสสิคนิดๆ หลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานไปไปรษณีย์ ส่งจดหมายน้อยเป็นเอกสารแบบอีเอ็มเอส ส่งด่วนส่งไว พรุ่งนี้พี่อู๋ต้องได้รับแน่นอน และเขาจะไม่ทิ้งซองโดยไม่ทันแกะด้วย เพราะอะไรเหรอ เพราะผมเขียนว่าส่งจากมูลนิธิอนุรักษ์กอริลลาไทยไง ง่ายจะตาย แค่นี้พี่อู๋ก็ต้องแกะดูก่อนฉีกทิ้งอยู่แล้ว

วันดีเดย์ของเราจึงจบลงตรงที่เราสามคนไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็น บรรยากาศก่อนปล่อยระเบิดลูกแรกทำเอาผมท้องไว้ปั่นป่วนแปลกๆ ถึงจะชินกับการถูกด่าแต่ไม่ได้หมายความว่าผมสามารถรับมือกับกระแสตีกลับลูกใหญ่ได้ ผมถามมิวว่าแน่ใจไหมว่าเรื่องพวกนี้จะไม่กลับมารัดคอผม มิวตอบว่าแน่ใจ ยังไงก็ชัวร์แน่เพราะไทม์ไลน์ไอจีน้องฝนกับออกัสตรงกันขนาดนี้ แถมแชทส่วนตัวยังมีอีก พวกเราต้องได้เป็นคนคุมเกมนี้แน่นอน

หลังกินข้าวเสร็จผมจึงปั่นจักรยานกลับหอด้วยความกังวล ทุกครั้งที่คิดถึงพี่อู๋ ผมมักจะรู้สึกว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็คงดี พี่อู๋น่าจะแนะนำได้ดีและฉลาดกว่าการโยนระเบิดซึ่งๆหน้าอย่างที่เรากำลังจะทำ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาเป็นไงบ้าง งานได้รับผลกระทบไหม ชิราอิชิซังว่ายังไง ตำหนิหรือรังเกียจอะไรหรือเปล่า พอนึกถึงพี่อู๋ ผมก็ลองโทรศัพท์อีกแต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม ไลน์ไปไม่อ่านเหมือนเดิม บางทีผมคงต้องรอจนกว่าพัสดุจะถึงมือเขา ไม่แน่พี่อู๋อาจใจอ่อนถ้าได้อ่านจดหมายฉบับนั้น แต่ถ้าไม่ใจอ่อนก็ไม่เป็นไร เพราะพรุ่งนี้ผมจะส่งฉบับที่สองตามไปอีก ส่งเรื่อยๆจนกว่าเขาจะปลดบล็อก ส่งเยอะๆเหมือนศาสตรจารย์ดัมเบิลดอร์กระหน่ำส่งจดหมายไปที่บ้านแฮร์รี่เลย





สองทุ่มครึ่ง ผม ทราย และมิวสแตนบายในทวิตเตอร์ พอซีรี่ส์เริ่มออนแอร์ แฮชแท็กก็พุ่งทะยานติดเทรนด์อันดับหนึ่งในเวลาไม่นาน ผมลองอ่านผ่านๆว่าผู้คนคิดยังไงก็เห็นแต่อาการหวีดสติหลุด ออกัสหล่อมาก ออกัสน่ารักมาก เล่นดีมาก เคมีเข้ากันสุดๆ – คนที่อวยว่าเคมีเข้ากันมีอยู่ไม่กี่คน ที่เหลือก็พูดกันตามเนื้อผ้าเพราะคุณภาพมันไม่ได้แจ่มว้าวขนาดนั้น เรารอเวลาจนละครจบและทุกคนเริ่มเข้ามาส่องแท็กเพื่ออัปเดตว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมกลั้นหายใจเมื่อเห็นทวีตของมิวในล่าสุด

Miumiu: โห โปรดัคชั่นดีมากๆๆๆเลย บทพระนายเข้ากันสุดๆ เพราะแบบนี้ใช่มั้ยออกัสถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เซ็นสัญญา แม้จะต้องเลิกกับแฟนก็ตาม :(


เอาแล้ว – หงายหน้าไพ่ขนาดนี้ ดูซิว่าเราจะเอาคืนไอ้ออกัสได้ไหม

แจนเบอรี่: ถ้าหมายถึง #กัสก้อง บอกเลยน่ะค่ะว่าเลิกๆไปเถอะ คนเฮงซวยแบบนั้น
อีฟแชงเก้น: แฟนแบบอีก้อง #กัสก้อง ก็ควรเลิกป้ะ จะคบคนเห็นแก่เงินทำไม 555555

Miumiu: อ้าว ออกัสเคยคบกับก้องด้วยเหรอคะ เมื่อไหร่เหรอคะ เพราะแฟนตัวจริงของออกัสเค้ามายืนยันแล้วน้าว่าออกัสไม่ได้เป็นไบ เป็นชายแท้ตั้งแต่แรก ตอนที่มีกระแส #กัสก้อง ก็คบกับน้องคนนี้อยู่


มิวทวีตพร้อมแปะหลักฐานอินบ็อกซ์ที่เราคุยกับน้องฝน ผมถามมันว่าทำไมเราไม่แปะให้หมดเลยรวดเดียว มิวบอกว่าใจเย็นๆ ค่อยๆเล่นมันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะมีคนหน้าแหกเพราะโดนกูตบอีกเป็นสิบ มึงรอดู

ผมจึงไม่ว่าอะไรนอกจากอ่านเมนชั่นด่ามิวที่เป็นเจ้าของทวีตว่าแอคเห็บ พวกชอบปั่นสร้างกระแส พวกอีก้องแน่ๆที่จ้องทำลายออกัส มิวตอบไปว่าเห็บไม่เห็บก็ลองส่องไทม์ไลน์ดู เผลอๆคนที่เมนชั่นนั่นแหละเป็นเห็บ เอ๊ – ใครจ้างมาน้า ใครมันเปิดกระแสด่าก้องน้า สงสัยจุง

“กวนตีนอ่ะมึง” ทรายหัวเราะชอบใจก่อนจะช่วยเมนชั่นไปชงว่า นั่นสิ ใครมันเปิดประเด็นบาร์บีก้อนคนแรกวะ ทำงานที่ไหนอ่ะ สงสัยจัง

ตอนแรกหลักฐานที่มิวลงมีแต่คำบอกเล่าจากน้องฝน พวกเขาจึงแย้งว่าแอคปลอม เชื่อได้ไหมก็ไม่รู้ มึงโง่เหรอที่เชื่อแอคเห็บพวกนี้ถึงขนาดมาทวีตทำลายออกัส ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นกูจะตามจองล้างจองผลาญมึง มิวตอบกลับไปว่า 5555 นั่นสิ โง่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นคนด่าก็ตามด่ากันเหมือนหมาหอนคืนเห็นผี ก่อนจะแปะหลักฐานเป็นไอจีของน้องฝนและออกัสที่อัปรูปแฝงนัยยะถึงความสัมพันธ์

Miumiu: ขออนุญาตน้องเจ้าของig แล้ว ดูเอาเองจ้า วันที่วันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน รูปถ่ายก็มุมเดียวกันแต่ผลัดกันถ่าย เฮ้ย เมื่อเดือนตุลาออกัสกำลังตามจีบก้องอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงแอบไปเที่ยวกับผู้หญิงอ่า แบบนี้ถือว่าโกหกแฟนคลับมั้ย #กัสก้อง


แล้วมิวก็แปะรูปอีกนับสิบ หากมองดีๆมันค่อนข้างชัดเจนว่าออกัสกับน้องฝนคบกันจริงเพราะรูปอัปโหลดวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แคปชั่นใช้อีโมจิเป็นรูปหัวใจสีเขียวเหมือนกัน แถมหลายๆรูป เสื้อผ้าของทั้งสองคนเหมือนชุดคู่ที่แมทช์เสื้อสไตล์เดียวกันอีก มันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถ้าแฟนคลับออกัสไม่อคติจนตาบอดก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่เพราะพวกเขากำลังโมโห การตอบโต้ในครั้งแรกจึงมีแต่ถ้อยคำหยาบคาย ด่านายก้องเกียรติอยู่เดิมๆวนเวียนไปมาเหมือนสมองหยุดพัฒนา

ทวีตของมิวโดนโจมตีในตอนแรก แต่ก็สร้างกระแสใหม่ขึ้นมาใน #กัสก้อง เช่นกัน ตอนนี้มีคนรีทวีตหกพันกว่าในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ในแฮชแท็กซีรี่ส์ที่เคยมีแต่คนอวย เริ่มมีการตั้งคำถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ออกัสคบกับน้องผู้หญิงคนนั้นจริงไหม ถ้าคบกันจริง แล้วที่บอกว่าชอบก้องมาตลอดคืออะไร เรื่องโกหกงั้นเหรอ โกหกเพื่ออะไร เพื่อให้ได้สปอนเซอร์ไง เพื่อชื่อเสียงในวงการบันเทิง เพื่อเงิน เพื่อกระแสต่างๆไง จนกระทั่งมีคนถามว่าแล้วก้องเกียรติล่ะ

ก้องเกียรติได้อะไร?


Miumiu: ก้องไม่ได้อะไรอ่ะค่ะนอกจากคำด่า ชีวิตส่วนตัวก็พัง ต้องเลิกกับแฟนเพราะพี่เค้าไม่อยากให้คนอื่นมองก้องไม่ดี แหกตาดูเอาไว้นะคะแม่อีออกัสทั้งหลาย ความปากเน่าและจิ้นจนเสียสติของพวกมึงได้ทำลายชีวิตคนๆนึง แต่มันไม่จบแค่นี้นะ มึงรอดูจุดจบออกัสกับพวกได้เลย มีคนต่อคิวรอกระทืบอีกเพียบ


บู้ม!

ความสนุกเริ่มต้นขึ้นแล้ว

มันสนุกตรงที่ถึงคราวพวกเราได้เป็นฝ่ายนั่งดูบ้าง หลังจากเครียดกับคำด่ามาหลายวัน ในที่สุดก็มีคนเริ่มได้สติและเอะใจในการกระทำของออกัสทั้งหมด ช่วงแรกๆคนยังตีกันอยู่ว่าน้องฝนสร้างกระแสหรือเปล่า คบกันจริงหรือเปล่า รวมถึงพยายามสืบหาให้ได้ว่าอินสตราแกรมของน้องฝนชื่ออะไร แต่ไม่ทันหรอกเพราะน้องตั้งไพรเวทมาซักระยะแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงพุ่งเป้าไปที่ออกัสว่าปั่นกระแส #กัสก้อง ทำไมในเมื่อตัวเองก็มีแฟนแล้ว ผมดีใจจริงๆนะที่มีคนเริ่มท้วงหาความจริงและความยุติธรรมให้ก้องเกียรติ แต่มันผ่านมาตั้งหนึ่งสัปดาห์แล้ว ความยุติธรรมที่ล่าช้าไม่ได้ช่วยเยียวยาจิตใจเหยื่อเลย


Miumiu: สำหรับคนที่สงสัยนะว่ากุเรื่องหรือเปล่า ดูเอาจ้า สดๆร้อนๆ เมื่อกี๊มีคนโทรหาน้องผู้หญิงสิบกว่าสาย ดูสิว่าเบอร์ใคร เฮ้ย ทำไมเบอร์เดียวกับเบอร์สำหรับติดต่องานบนไอจีของออกัสเลยอ่ะ คราวนี้ใครโทรมาเอ่ย ผจก.หรือทีมงานของค่ายจ๊ะ อุ๊ย หลุดปาก
Sandysai: ปั่นสัส 55555555555555555555555555555555

เราสามคนหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลังในแชทกรุ๊ปเมื่อรู้ว่าออกัสกับดิ้นเป็นเจ้าเข้า แม้แต่สัญญากับแฟนคลับที่บอกว่าจะมาไลฟ์สดหลังซีรี่ส์จบก็ไม่มา เดาเอาว่าคงโดนทีมงานเบรคเพราะต้องเตี๊ยมคำตอบอยู่ มิวจึงปั่นต่ออีกว่าทำไมไม่มาไลฟ์ ทำไมล่ะออกัส ทำไมไม่มา รู้ไหมว่าแฟนๆมีคำถามเยอะแยะเลย มาตอบหน่อยเร้ว แล้วก็เมนชั่นแอคทวิตเตอร์ของออกัส ผมไม่รู้ว่ามิวไปเรียนวิชาปั่นหัวคนมาจากไหน แต่ต้องยอมรับว่ามันได้ผลดีมาก ดีมากๆ เพราะตอนนี้น้องฝนบอกว่าออกัสไลน์มาว่าเธอเต็มไปหมด สั่งให้เลิกคุยกับพวกเราเดี๋ยวนี้เพราะมันเสียชื่อและกระทบงานของค่าย ผมถามน้องฝนว่าจะเอายังไง น้องอยากพอไหม อยากหยุดไว้ตรงนี้ไหมเพราะคนเริ่มสืบจนรู้แล้วนะว่าน้องคือใคร


Rainy day:
ไม่ค่ะ
หนูจะรอแหกทีมงาน
หนูพัง มันพัง
พังกันไปทั้งทีม ทั้งละครเลย

ผมนับถือความใจกล้าของเด็กคนนี้จริงๆ ในขณะที่โลกทวิตเตอร์กำลังหาเรื่องด่าเธอว่าสร้างกระแส แต่น้องฝนกลับยืนยันคำเดิมว่าจะลากออกัสกับทีมงานมาตบล้างแค้นให้ได้ เราสามคนรอดูท่าทีของออกัสกับค่ายต่ออีกนิดหน่อย พอสี่ทุ่มเกือบห้าทุ่ม ออกัสก็โทรศัพท์มา ผมลังเลว่าจะรับสายดีไหม แต่ก็รับและไม่ลืมกดบันทึกเสียงตามที่ทรายกับมิวแนะนำเพราะอยากรู้ว่าคราวนี้มันจะสรรหาคำแก้ตัวอะไรมาปกป้องตัวเอง

“ก้อง มึงว่างไหม?” ออกัสถาม ผมจึงตอบทันทีว่าว่างและแกล้งไขสือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยการถามกลับว่าทำไม มีอะไร ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าออกัสโทรมาเพื่ออะไร

“มึง – กูขอร้องนะ อย่าทำแบบนี้เลย”
“ทำอะไร?”
“ที่มึงกับมิวกับทรายกำลังทำอยู่” ออกัสเสียงเริ่มสั่น “กูขอโทษจริงๆที่ทำให้มึงต้องโดนด่า กูไม่มีอะไรจะแก้ตัว”
“อืม”
“ก้อง ให้กูกราบเท้ามึงก็ได้ หยุดเรื่องนี้เถอะ กูพังตอนนี้ไม่ได้จริงๆ กูก้าวขาออกจากบ้านแล้ว ถ้าอาชีพกูพัง บ้านกูต้องบังคับให้ออกจากวงการไปเรียนสิ่งที่กูไม่ได้ชอบ”
“เหรอ? ลำบากใจมากไหมที่ต้องเรียนวิศวะ?”
“ก้อง --”
“กูถามว่าลำบากใจมากไหม?”

ผมตอกกลับเสียงแข็ง ออกัสเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะบอกว่าเห็นใจมันเถอะ ความฝันของมันคือการเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง มันไม่ได้อยากเรียนคณะนี้แต่ต้องเรียนเพราะที่บ้านบังคับ และตอนนี้ก็กำลังพิสูจน์ตัวเองให้ที่บ้านเห็นว่าวงการบันเทิงก็เลี้ยงตัวเองได้เหมือนกัน ถ้ามันพลาดคราวนี้ ชีวิตมันพังแน่ มันจะไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก แถมต้องกลับไปอยู่ในทางที่พ่อกับแม่ขีดให้ มันขอร้องอ้อนวอนผมจะเป็นจะตาย พยายามบอกว่างานนี้สำคัญกับชีวิตที่เหลือของมันขนาดไหน

“ก้อง มันกระทบหลายคนนะ ละครเพิ่งจะออนแอร์ ทีมงานเองก็มีครอบครัวต้องกินต้องใช้ ถ้ามันพังคนอื่นเดือดร้อนนะมึง”
“แล้วทีชีวิตกูพังล่ะ? ไม่เห็นมึงกับค่ายเหี้ยๆของมึงออกมารับผิดชอบอะไร ทำไมกูต้องแคร์ด้วยว่าคนในค่ายมึงจะอดตายหรือตกงานหรือเป็นส้นตีนอะไร เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่เห็นมีหมาตัวไหนปกป้องกูเลย มีแต่คนเหี้ยปั่นให้กูโดนด่า”
“ก้อง กูขอโทษจริงๆ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ ให้กูกราบตีนมึงตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยก็ได้ แต่กูขอนะ – เลิกแหกค่ายกูเถอะ ผู้ใหญ่เขาสั่งให้กูจัดการเรื่องนี้แล้ว”
“กูว่ามึงคิดดูดีๆเถอะ ค่ายเหี้ยอะไรปล่อยให้มึงลงมาเจรจาไกล่เกลี่ยเอง แต่ไม่คิดจะปกป้องนักแสดงของตัวเองเลยเนี่ยนะ?” ผมถามเพื่อให้มันฉุกคิด “มึงอยากมีชื่อเสียง อยากดัง อยากให้งานเข้าเยอะๆถึงขนาดต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ? กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย มึงไม่สงสารกูบ้างเหรอเวลากูโดนแฟนคลับมึงด่า มีซักครั้งไหมที่มึงจะเห็นใจ หรือในสมองกลวงๆของมึงมีแต่เรื่องของตัวเอง?”
“กูขอโทษ กูผิดไปแล้ว” มันเสียงสั่น สัมผัสได้ถึงความกังวลมากกว่าความรู้สึกผิด “ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้สึกแย่นะมึง กูเครียด กูเองก็สงสารมึง แต่ทำไงได้ก็ค่ายสั่งให้กูตอบแบบนั้น มึง – กูเพิ่งเซ็นสัญญานะ กูเป็นเด็กใหม่ของค่าย งานใหญ่กูก็ไม่มี ไม่มีอะไรต่อรองกับค่ายได้ซักอย่างนอกจากทำตามคำสั่งเขา ก้อง กูขอร้อง กูไม่อยากดับตอนนี้ มันกำลังไปได้ดี –”
“เหรอ? กูกับพี่อู๋ก็กำลังไปได้ดีเหมือนกัน แต่ก็เลิกกันเพราะทีมงานส้นตีนของมึงปั่นกระแสให้คนด่ากู”
“ถ้ากูพาทีมงานคนนั้นมาขอโทษ มึงจะให้อภัยได้ไหม? มึงจะหยุดเรื่องนี้ได้ไหม?”
“ต่อให้ทีมงานคนนั้นดื่มน้ำล้างตีนกู กูก็ไม่ยอม” ผมยืนยันคำเดิม “ที่กูเจอมันเกินกว่าจะให้อภัยแล้วออกัส กูเตือนมึงแล้วใช่ไหม กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเอากูไปยุ่ง มาวันนี้มึงทำชีวิตกูพัง มึงกลับขอให้กูยกโทษให้ คxx ฝันไปเถอะ กูไม่หยุดแค่นี้หรอก กูจะเอาให้ไอ้ตัวที่ปั่นกระแสด่ากูต้องออกมาขอโทษกูผ่านสื่อเลย คอยดู”

ออกัสยังคงขอร้องอ้อนวอน ยื่นข้อเสนอต่างๆนานาเพื่อให้เราหยุดแฉต่อว่าใครคือคนอยู่เบื้องหลัง ให้ทีมงานมาขอโทษไหม เอาเงินชดเชยไหม แต่ผมปฏิเสธทุกอย่าง ถึงจุดนี้แล้วเราคงคุยด้วยกันดีๆไม่ได้หรอก ผมเคยคิดว่าคนที่เป็นต้นเหตุให้ผมกับพี่อู๋เจอเรื่องบัดซบคือไอ้ออกัส แต่ตอนนี้มันชัดแล้วว่าค่ายเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ผมมั่นใจว่าค่ายต้องรู้เห็นกับทุกเรื่องแน่ๆ ไม่งั้นมันคงไม่เสนอเงินให้ผมหนึ่งแสนแลกกับการหยุดแฉทุกอย่าง หยุดคุยกับน้องฝนด้วย แต่เงินแค่หนึ่งแสนซื้อใจผมไม่ได้หรอก ยิ่งตอนนี้ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ที่บ้านก็มีกินมีใช้ เผลอๆมีเงินจ้างทนายเอาคืนพวกมันด้วย ผมจึงปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ ไม่ กูไม่หยุด กูจะแฉต่อไปเรื่อยๆว่าใครอยู่เบื้องหลังแฮชแท็กส้นตีนนั่น

ผมพูดอย่างเด็ดขาดและเลือดเย็น ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำให้ชีวิตผมมีปัญหา มันต้องได้รับผลกรรมทั้งหมด ต่อให้ซีรี่ส์ของมันคือความหวังเดียวของค่าย ต่อให้มีคนอีกร้อยที่ต้องการกำไรจากละคร ผมก็จะขยี้ให้แหลกคาตีน ให้มันรู้ไปว่าสังคมยังสนับสนุนผลงานของค่ายที่เลวทรามถึงขนาดนี้ได้ ผมจะเอาให้ตายกันไปข้าง ให้สาสมกับที่มันทำให้ผมกับพี่อู๋ต้องทะเลาะกัน ผมไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด พูดจบผมก็ตัดสาย และรีบแชทไปบอกมิวกับทรายว่าออกัสจนมุมแล้ว เราจะเอายังไงต่อไปดี

“ขยี้ค่ายมัน” มิวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนมือปืนล็อคเป้าหมาย “กูกำลังจะทวีต มึงเตรียมเรียกกู้ภัยไปกู้ซากบริษัทมันได้เลย”

รอไม่ถึงสองนาที ทวีตไม้ตายของมิวก็โลดแล่นในทวิตเตอร์ มิวแปะหลักฐานเป็นแชทที่น้องฝนแคปส่งให้เราดูว่าออกัสบอกเธอยังไง มันพูดอ้อมๆประมาณว่าทีมงานในค่ายลงความเห็นว่าต้องเอา #กัสก้อง ลงและสร้างภาพจำใหม่ให้ออกัสด้วยคำโกหกต่างๆ ออกัสเป็นไบเซ็กส์ชวลบ้าง ออกัสชอบเพื่อนสนิทบ้าง สร้างสตอรี่คิ้วท์บอยรูปหล่อหน้าตาดี อกหักรักข้างเดียวเพราะคนๆนั้นดันมีแฟนแล้ว ซึ่งคำโกหกเหล่านั้นแย่งพื้นที่สื่อจากค่ายคู่แข่งไปได้เยอะมาก แต่สุดท้ายโป๊ะแตกเพราะกดดันเด็กให้เลิกกับแฟนเพื่อเตรียมจับคู่นายเอกในละครที่เล่นด้วยกัน ที่สุดของความเลว ที่สุดของการตลาดซึ่งโคตรชั่วช้าและสกปรกเกินกว่าจะรับได้ พอหงายการ์ดค่ายอยู่เบื้องหลัง ทวิตเตอร์ถึงกับลุกเป็นไฟ เกิดแฮชแท็กใหม่ #jeโป๊ะแตก ซึ่งเป็นชื่อค่ายของออกัส ติดเทรนด์อันดับสองรองจากเทรนด์ของซีรี่ส์ที่เพิ่งออนแอร์ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมง

เหมือนยืนอยู่กลางกองถ่ายของฉลอง ภักดีวิจิตร กองถ่ายที่มีฉากระเบิดกระท่อม เผารถ รัวปืนกลใส่ตัวร้าย ทุกอย่างไปไกลเกินกว่าที่ผมคาดคิดไว้เสียอีก จากที่มีแต่คนอวยก็เริ่มมีคนด่า โดนค่อนแขวะ โดนแซะ โดนแช่งให้ตกอับเพราะคำโกหกของออกัสทำลายชีวิตก้องเกียรติให้พังยับไปเป็นสัปดาห์ ผมอ่านแฮชแท็ก #jeโป๊ะแตก จนเกือบเที่ยงคืน มิวก็ไลน์มาบอกว่าทางค่ายขู่จะฟ้องเรากับน้องน้ำฝน เราจะทำยังไงดี ผมบอกว่าอยากฟ้องก็ฟ้องสิ ฟ้องเลย ให้ศาลตัดสินว่าระหว่างพูดความจริงกับด่าคนอื่นเสียๆหายๆบนอินเทอร์เน็ต อะไรมันร้ายแรงกว่ากัน

พูดไปงั้นแหละ เอาเข้าจริงผมก็แอบกังวลเหมือนกันว่าถ้าถูกฟ้องจะเป็นอะไรไหม จะมีประวัติติดตัวหรือต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือเปล่า ถ้าตอนนี้มีพี่อู๋อยู่ด้วยก็คงดี เขาน่าจะให้คำปรึกษาที่ดีกว่าการเปิดกูเกิ้ลแน่ๆ พอนึกถึงเขา เรื่องราวมากมายที่เราผ่านมาด้วยกันก็ไหลเข้ามาในหัว ผมคิดถึงพี่อู๋จนอยากร้องไห้อีกแล้ว การใช้ชีวิตต่อไปในโลกที่ไม่มีเขามันยากมากเลยนะ ต่อให้มีเงินจากพ่อแต่ถ้าไม่มีคนที่เราไว้ใจ ยังไงมันก็เหงาอยู่ดี ผมไม่สามารถโทรหาพ่อตอนเที่ยงคืนเพื่อบอกเขาได้หรอกว่าผมกำลังจะโดนฟ้องเพราะคนที่คุยแล้วสบายใจมีแค่พี่อู๋คนเดียว มีแค่เขาเท่านั้น ผมไม่น่าปากหมาตอบโบ้ทแบบนั้นเลย ไม่งั้นก็ไม่ต้องนอนร้องไห้หรอก

ผมกดโทรศัพท์หาพี่อู๋อีกครั้งแต่ยังติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม จึงลุกขึ้นไปปิดไฟเตรียมเข้านอนโดยกดโทรศัพท์เพื่อแชทกับเพื่อนต่ออีกหน่อย เราคุยกันว่าแผนการวันนี้ประสบความสำเร็จดี ต่อไปนี้ชีวิตของก้องเกียรติคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียทีเนอะ หลังจากนี้คงนอนหลับสนิทมากขึ้นไม่ต้องหลับๆตื่นๆมาอ่านว่าคนพูดถึงตัวเองยังไง ดีใจด้วยก้อง

ดีใจด้วยเหี้ยอะไร เหงาจะตาย

ผมพิมพ์ด่ามิวแล้วแค่นหัวเราะ ชีวิตที่โดนด่ากับชีวิตที่ไม่มีพี่อู๋ ผมขอเลือกอย่างแรกดีกว่า ถึงโดนด่าแต่ยังมีคนที่เรารักอยู่ข้างๆดีกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ ทรายกับมิวให้กำลังใจด้วยการบอกว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ตื๊อเยอะๆเดี๋ยวพี่อู๋ก็ใจอ่อน ยอมยกโทษให้อยู่แล้ว ผมอมยิ้มกับข้อความที่เพื่อนส่งมาให้ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า สัมผัสไม่ได้ถึงความหวังที่จะกลับไปคืนดีกับเขาด้วยซ้ำ จึงทำได้แค่ขอบใจเพื่อนแล้วขอตัวไปนอน พรุ่งนี้ค่อยส่อง #jeโป๊ะแตก ต่อ น่าจะมีอะไรเด็ดๆออกมาแฉกันอีกเยอะ

เมื่อเพื่อนๆเข้านอน ผมจึงปิดหน้าจอโทรศัพท์และคว่ำลงบนเตียง พยายามข่มตาหลับจะได้ผ่านคืนนี้ไปเร็วๆแต่มันไม่ง่ายเลย สมองยังฉายภาพวนของพี่อู๋ซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแหละ เออ รู้แล้วว่าคิดถึงเขา รู้แล้วว่าโหยหาเขา แต่ช่วยหยุดคิดซักวินาทีได้ไหม แค่นี้ก็เจ็บเจียนตายแล้ว ยังคิดถึงอยู่แบบนี้เมื่อไหร่จะทำใจได้ ผมนึกบ่นกับตัวเองในใจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ เปิดหน้าแชทของพี่อู๋และพิมพ์ข้อความลงไปยาวเหยียดราวกับเขาไม่ได้บล็อกผม

ผมคิดถึงพี่

ผมกดส่งแล้วร้องไห้ ไม่รู้นึกยังไงถึงถ่ายเซลฟี่หน้าตัวเองตอนร้องไห้ให้พี่อู๋ดูด้วย ผมพิมพ์ร่ายยาวว่าพี่เห็นไหมว่าตาผมบวมมาก มันบวมก็เพราะผมเอาแต่ร้องไห้คิดถึงพี่ ทำไมพี่ใจร้ายขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ยอมคุยกับผม ให้โอกาสผมอธิบายซักครั้งไม่ได้เลยหรือไง จะฆ่ากันให้ตายเลยใช่ไหมถึงได้ทำแบบนี้ ผมเอาแต่ตัดพ้อน้อยใจสลับกับบอกรักเขา

แล้วก็เซลฟี่ตาบวมๆให้เขาดูอีกรูป

บ่นต่ออีกเล็กน้อยว่าปวดตามาก หลับตาไม่ได้เลยเพราะแสบตลอดเวลา บางทีผมน่าจะไปหาหมอ แต่ไม่รู้ว่าไปหมอไหนดี โอ๊ย – ปวดตาจัง ปวดหัวด้วย ผมว่าผมหิวนิดหน่อย ผมอยากกินแซลมอน ผมว่าจะลองขอพ่อกินแซลมอน แต่พ่อไม่น่าจะพาไป พ่อชอบกินปลาทูทอดฝีมืออาแตง พี่รู้เปล่าว่าแฟนใหม่พ่อชื่ออาแตง มีลูกสาวสี่คนเป็นชื่อผลไม้หมดเลย มีหมาชื่อหมีด้วย ผมได้เจอย่าด้วย แต่ยังไม่ได้คุยกัน ย่าน่ากลัวอ่ะ ไม่เห็นใจดีเหมือนแนเลย เอ้อ พ่อรู้แล้วนะว่าเราคบกัน พ่อไม่ว่าอะไร แต่พ่อพูดประมาณว่าพี่ไม่รักผมจริงหรอก พี่แค่หลอกฟัน ถ้าพี่ยังรักผมอยู่ พี่ต้องพิสูจน์ให้พ่อเห็นนะว่าพี่รักผม ไม่งั้นพ่อคงไม่ยอมให้เราคบกัน หรือจริงๆแล้วพี่ไม่ได้แคร์หรอกว่าเราจะคบกันไหม พี่ไม่สนใจผมแล้วนี่ ไม่รักกันแล้วไม่ใช่เหรอถึงได้ทำแบบนี้ ใช่สิ ผมมันไม่ดีเองแหละ ผมมันแย่เองแหละ พี่ไม่ต้องถามหาคนผิดหรอก

ผมส่งเซลฟี่รอยถลอกใต้ตาที่เกิดเพราะขยี้ตาด้วยแขนเสื้อ
 
เนี่ย พี่ดูสิ มันถลอกเป็นขุยเลย ผมเจ็บหน้าไปหมดแล้ว แต่ปวดตามากกว่า ปวดมากจริงๆ ผมรู้สึกเหมือนตามันหนักๆ เหมือนมีเหรียญแปะอยู่กลางเปลือกตา ผมว่าผมต้องนอนแล้ว มันแสบตามากเลย วันนี้มีเรื่องตลกจะมาเล่าให้ฟังด้วย ค่ายต้นสังกัดของออกัสขู่ว่าจะฟ้องผมกับเพื่อนแหละ พี่ลองส่องแท็ก #jeโป๊ะแตก ดูนะ สนุกมาก ทุกคนรู้แล้วว่าใครกันแน่ที่โกหก เรื่องแจ้งความผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอายังไง แต่ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะมาเล่าให้พี่ฟังนะ

แต่ลืมไปว่าพี่บล็อกไลน์ผมอยู่ พี่คงไม่เห็นข้อความพวกนี้หรอก งั้นผมนอนแล้ว ผมง่วงมากและปวดตามาก ผมต้องบอกให้พ่อพาไปหาหมอซักทีจะได้จบๆ นอนแล้วครับ ฝันดีครับ

Sent a photo

หมาที่บ้านผม ชื่อหมี ตัวเมีย ซนมากแล้วก็ขี้อ้อนมากๆๆ

Sent a photo

อันนี้ห้องนอนผมคืนแรก ตอนนี้ไม่ได้รกแบบนี้แล้ว พ่อทำให้ใหม่แล้ว เดี๋ยวจะถ่ายให้ดูอาทิตย์หน้านะ

Sent a photo

ผมรักพี่




ต่อพาร์ท 3 ข้างล่างเลยค่ะพี่  :o8:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
40 [PART 3/3]

นาฬิกาบอกเวลาว่าแปดโมงห้านาที

เสียงเคาะประตูห้องดังกระหึ่มจนผมสะดุ้งตื่นตกใจ ยอมรับว่ากลัวมากเพราะไม่เคยโดนเคาะห้องดังขนาดนี้มาก่อน ผมจึงเดินย่องไปที่ตาแมวเพื่อดูว่าใคร และเมื่อเห็นว่าสมาร์ทในเสื้อช็อปกำลังยืนหาวปากกว้างรออยู่ ผมก็เปิดประตู ประโยคแรกที่ทักทายกันไม่ใช่การเรียกชื่อ แต่เป็นสายตาที่มองนายก้องเกียรติด้วยท่าทางอึ้งๆก่อนจะตามด้วยเสียงร้อง โห – จนผมงงว่าสมาร์ทมันโหอะไร มีอะไรให้ประหลาดใจนอกจากสภาพคนเพิ่งตื่นงั้นเหรอ

“ไปทำอะไรมา ทำไมตาบวมจัง?” สมาร์ทถาม “ยังเจ็บตาอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่เจ็บแต่แสบ หน่วงๆแสบอ่ะ มีอะไรเหรอ?”
“อ๋อ ว่าจะถามว่าเย็นนี้ว่างกี่โมง?”
“หลังบ่ายสามอ่ะ ทำไมเหรอ?”
“พี่อู๋โทรมาสั่งให้พาก้องไปหาหมอ” ผมตกใจมากเมื่อได้ยินว่าพี่อู๋สั่ง “เลิกเรียนแล้วมาเคาะห้องเราก็แล้วกัน เดี๋ยวพาไป”
“พี่อู๋สั่งเหรอ?”
“อือ”
“เขารู้ได้ไงอ่ะว่าเราเจ็บตา?”
“จะไปรู้เหรอ?” สมาร์ทขมวดคิ้วมองหน้าผมก่อนจะขอตัวไปเรียน “โทรถามเขาสิว่ารู้ได้ไง”

ผมอึ้ง จากที่ง่วงๆก็ตาสว่างเมื่อรู้ว่าพี่อู๋รับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับก้องเกียรติ ไม่แน่เขาอาจจะรู้ผ่านทางแฮชแท็กก็ได้เพราะเมื่อคืนมันติดเทรนด์ตั้งนาน แต่ผมไม่ได้บอกใครเลยนะว่าปวดตา ไม่เคยบ่นให้พ่อฟังด้วย แล้วพี่อู๋รู้ได้ยังไงถ้าไม่ใช่ –

“เหี้ย!”

ผมอุทานอย่างตื่นเต้นพลางวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ก ในไลน์ที่เคยส่งข้อความไปแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ มีสัญลักษณ์บางอย่างขึ้นทุกข้อความและรูปภาพที่ส่งหาเขา

Read

ผมกระโดดโลดเต้นเป็นเจ้าเข้า อาการดีใจจนมือสั่นกลับมาอีกครั้งจนต้องตบหน้าเรียกสติตัวเอง ตอนนี้พี่อู๋ยอมปลดบล็อกไลน์ผมแล้ว เขาได้อ่านข้อความทั้งหมดที่ผมพล่ามไปแล้ว ผมสามารถตีความเอาเองได้ไหมว่าเขาให้อภัย เขาเลิกงอน เลิกโกรธและไม่อยากทำตัวเหินห่างอย่างนี้อีกต่อไป ผมสไลด์หน้าจอไปที่บันทึกการโทรออก แตะเบาๆบนชื่อที่เมมไว้ว่า “พี่อู๋” ก่อนจะถือสายรอด้วยหัวใจที่เต้นตุบตับ เมื่อได้ยินเสียงรอสายที่ไม่ใช่โอเพอเรอเตอร์ น้ำตามันก็ไหลเองด้วยความดีใจ ผมถือสายรอไม่นาน พี่อู๋ก็กดรับ หลังจากการรอคอยอันยาวนานสิ้นสุดลง เขาจึงเอ่ยทักทายนายก้องเกียรติด้วยประโยคสั้นๆว่า

“ฮัลโหล”




TBC





________________________





#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้





สวัสดีวันจันทร์ค่ะ :)


ตอนนี้พระเอกของพวกเราก็ยังไม่มีบทเท่าไหร่ เน้นตบออกัสเพี๊ยะๆๆ ตอนหน้าพระเอกของเราน่าจะออกบ่อยขึ้น ไม่พูดมากดีกว่าค่ะ แต่คิดว่าเร็วๆนี้ยัยน้องน่าจะโดนคุณแม่ตีเพี๊ยะๆๆอีกรายนะคะ 55555555555555555


ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจทุกช่องทางเช่นเคยค่ะ ทั้งฟี้ดแบคถล่มทลายและโดเนท ต้องขอบคุณจริงๆนะคะ ทุกวันนี้เราอาศัยกำลังใจจากทุกคนในการเขียนนิยายและตอนพิเศษค่ะ ถึง 60000 คำแล้วก็ยังไม่จบเลย งงมาก ทำไมยาวขนาดนี้เนี่ย แต่หวังว่าทุกคนจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอให้เป็นสัปดาห์ที่ดี รักษาสุขภาพ และเจอกันวันจันทร์หน้าค่ะ สวัสดีค่ะ  :hao5:


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หน่วงมานานในที่สุดพี่อู๋ยอมคุยด้วยแล้ว คุยกันดีๆนะ คืนดีกะนเถอะพลีสส :call:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ต้องเอาให้หนักทำให้ก้องแย่มาตั้งนานต้องโดนเอาคืนบ้างทั้งหมดในที่สุดพี่อู๋ก็ยอมปลดบล๊อกก้องแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด