เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 125182 ครั้ง)

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราเหมือนตายไปเลย จะทำยังไงอ่ะทีนี้ ทริปกาญจนบุรีก็คือล่มเหรอ ฮืออ น้องต้องเข้มแข็งได้แล้วอ่ะ ต้องสู้ ต้องแสดงออกบ้างว่ารัก อย่าให้สังคมมันมาเป็นกรอบของชีวิต สงสารพี่อู๋ตอนนี้มากพอๆกับสงสารน้อง เห็นไหมล่ะ พอเจอแบบนี้ เรื่องในโซเชียลมันเป็นแค่เศษฝุ่นไปเลย แต่พี่อู๋ที่เป็นโลกทั้งใบกับน้องอ่ะ แบบไหนมันหนักกว่ากัน คิดเอานะลูก ฮือ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอ้ยเครียดดดด เวรกรรมอะไรนักหนาน้องก้องช้านนนนน  :katai1:
อ่านเรื่องโซเชี่ยลบูลลี่นี่อินมากเลยค่ะ เพราะมันเห็นได้บ่อยๆตามหน้าอินเตอร์เนต ข่าวทั่วๆไป คนรุมด่าตามๆกันทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้ บ้างก็ใส่ไฟ ทำเหมือนรู้ดีทั้งที่ไม่ได้รู้จักเขาสักนิด นับถือใจคนที่โดนบูลลี่แล้วต้องทำเป็นนิ่งเฉย เขาต้องเข้มแข็งมากแค่ใหนกับการที่ต้องเจออะไรแบบนี้ ต่อให้ไม่ทำเป็นไม่แคร์ มันก็ต้องทีลึกๆที่รู้สึกแย่กับคำด่าทอเหล่านั้น เป็นเราๆคงทนไม่ไหว เราเคยอ่านข่าวน้องคนนึงที่โดนบูลลี่หนักๆ คนรุมด่ากันมันปากเพียงเพราะเขาไม่เป็นแบบที่คนอื่นต้องการ เขาถึงกับต้องไปพบจิตแพทย์ สุขภาพจิตเขาแย่ลงมาก ถึงขนาดอยากออกมาเป็นเด็กธรรมดาที่ไม่ต้องมีใครรู้จักด้วยซ้ำ
การพูดอะไรสนุกปากโดยไม่คิดเนี่ย มันส่งผลกระทบต่อคนที่เป็นเหยื่อมากนะ

ออฟไลน์ Mamamapp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :sad4: สงสารพี่อู๋กับยัยก้องง

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอ้าก้องเกียรติทำเรื่องอีกแล้ว สงสารก็สงสารนะ แต่นาทีนี้สงสารพี่อู๋มากกว่าทุ่มเทไปเพื่ออะไร สุดท้ายก้องก็คือคนเห็นแก่ตัวอย่างที่สุดคนนึง

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ประโยคนี้ของพี่อู๋มันเป็นประโยคที่พังโลกทั้งใบของก้องไปเลย ไม่รู้ว่าพี่อู๋ได้ยินประโยคนั้นของก้องรึป่าวแล้วรู้ได้ยังไง สงสารทั้งก้องและพี่อู๋เลยนะ ไม่รู้ว่าปัญหานี้จะจบยังไง ใจนึงก็กลัวว่าก้องจะกลับไปซึมเศร้าหนักกว่าเดิมด้วย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เกลียดการตัดสิินกันด้วยข้อมูลเพียงน้อยนิด แต่มโนกันไปมหาศาล

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ไม่ไหวละ แบบก้องฉันท้อแทนอะฮือ ทำไงให้ทุกอย่างกลับมาดีวะ ก้องต้องพยายามแล้วแหละมันอยู่ที่ความกล้าของก้อง ถ้าก้องยังไม่กล้ายอมรับกับทุกคนว่ารักพี่อู๋จริงๆเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆหรอกก้อง หรืออีกทางคือ...กลับไปจุดเริ่มต้นตรงสะพาน นี่ก็สงสารพี่อู๋ด้วยแง อยากให้แกมีความสุขกันสักที ส่วนอีออกัสก็ขอให้มันโดนถล่มบ้างให้มันได้รู้สึกกับสิ่งที่ตัวเองได้เหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป คนแบบนี้ไม่น่าได้อยู่ดีในระยะยาว ถ้าคนมันแคร์หรือเคยชอบจริงเขาจะไม่พูดหรือทำแบบนี้ นี่เรียกเห็นแก่ตัว สุดท้ายนี่ก็ขอภาวนาให้เรื่องมันเข้าที่เข้าทางโดยเร็ววัน เพราะใจนุมันรับไม่ไหวแล้ว น้ำตาซึม

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จุกไปหมดเลยค่ะ พูดได้คำเดียวว่าจุก  :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชีวิตก้องวนลูปเดิมๆ   ประสบการณ์ที่ผ่านมา้องไม่เคยโตขึ้นเลย :katai1:

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ทำไมสงสารพี่อู๋จังอ่ะ ก้องคือต้องหัดยอมรับตัวได้ละ
แต่เรื่องโดนบูลบี่นี่หนักมาก ขอให้ออกัสได้รับเวรกรรม

ออฟไลน์ INK@PANTIP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao6: :hao5:พี่อู๊ทำกูช็อกไปกับน้องก้องเลย ใจล่มคะ น้องก้องกำลังเสียใจ ตาม :hao4: :mew2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ก้องลาบวชซักพักดีไหม ล้างซวย

ออฟไลน์ กล้วยจังหวะนรก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ก้องลูก เป็นกำลังใจให้ก้องน้า ขอให้ทุกอย่างๆมันกลายเป็นแค่เรื่องธรรมดาในช่วงเวลานึงของชีวิตเร็วๆนะ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เรื่องมาหาไม่เว้นเลยก้อง

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฟ้าคคคคคค คือสงสารก้องว่ะ สงสารพี่อู๋ด้วยนะ แต่สงสารก้องมากกว่า ฮือออ ค้างงงงงงง 4พาร์ทรวดก็ไม่พอค่ะจังหวะนี้ รีบมานะ รอน้องก้องกับชีวิตจองเค้ากับพี่อู๋

ออฟไลน์ newyork_jaja2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
นี่ว่าอีพี่อู๋ไม่ได้ไล่ก้องจริงๆหรอก แสบจะตายเหมือนจะดัดนิสัยก้องมากกว่า คงโมโหที่ก้องคิดแทนตัวเองหมด รู้สึกว่าก้องก็ยังแคร์ตัวเองมากกว่าพี่อู๋อ่ะ ตั้งแต่คบไม่คบ คบแล้วคนจะมองแบบไหน ลามมาถึงเรื่องสถานะบนเตียง ทุกอย่างก้องมีปัญหาและตั้งคำถามหมด เข้าใจว่าเป็นผู้ชายเลยไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่คนที่ต้องมานั่งรองรับอารมณ์แบบพี่อู๋มันก็เฟลเล็กๆอ่ะ ทุกๆครั้งที่ก้องมีอะไรในใจคนที่จะรับคือพี่อู๋หมด เรื่องนี้แบบความสัมพันธ์หลายช่วงมากๆ กว่าจะพัฒนามาขนาดนี้มันไม่ง่ายเลยนะ พี่อู๋นี่ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆนะก้อง

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :mew5: จะทำไงดี   สงสารพี่อู๋   .....   เกลียดออกตัวมากกกก   .... แต่ไม่ชอบวิธีคิดของก้อง... ทำไงดีคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มรสุมชีวิตโคตรๆ ฮือออออ

ออฟไลน์ ง่วงนอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากจิบ้าแทนก้อง หวังว่านางคงไม่เป็นซึมเศร้าอีก  :katai1:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 :sad4: :sad4: หู้ยย บอกเรยว่า เหนื่อยมากก.. เหนื่อยแทนเรยย..

ออฟไลน์ monalism

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 โลกมันไม่น่าอยู่สำหรับก้องเลย ถ้าเหนื่อยถ้าไม่ไหวไปเถอะก้อง  :sad4:

ออฟไลน์ vermilion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อินมาก เห็นใจทั้งคู่เลย ว่าแล้วว่าต้องดราม่าแน่ หวังว่าจะผ่านพ้นไปด้วยดีนะ

ปล. ต้องไปหาเรื่องฟีลกู้ดอ่านต่อก่อน อินมากจริงๆ

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ก้องจะฆ่าตัวตายมั้ย เป็นห่วงอ่ะ
เอาจริงๆ เจอแบบก้องไม่ไหวนะ
แล้วยิ่งเป็นก้องอ่ะ เป็นห่วงมากๆ
อิเรื่องโทรศัพท์อีกกกก ใครโทร ได้จังหวะมาก
ชั้นว่าคนร้ายที่แท้จริงอาจจะเป็นโบ็ทหรือเปล่า
แบบโทรไปหาพี่อู้ แล้วถามก้อง
ที่ก้องตอบไปแบบนั้น เพราะก่อนหน้านั้น
พูดคุยกันเป็นแนวๆนี้ ถึงจะเรื่องเงินแล้วยังไง
พี่อู๋เต็มใจเลี้ยงก้องอ่ะ เลี้ยงแบบาปอยล์ด้วย
แล้วอิพี่อู๋ แกเป็นอะไรอีกกกกกก
แกรู้จักก้องดีที่สุดนะ
รออ่านต่อไป ลุ้นนนนนน


Sent from my iPhone using Tapatalk
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2019 14:07:22 โดย mellowshroom »

ออฟไลน์ Readingissexy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่อู๋อย่าโกรธน้องก้องงง แงงง :sad4:

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เอาจริงก็อยากให้น้องไปอยู่กับแม่แล้วนะ แต่ก็อีกแหละ กว่าจะมาถึงวันนี้มันก็ไม่ง่ายเลยจริงๆนะ  :hao5:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เข้ามาปูเสื่อรอ :katai5: กลายเป็นคนรักวันจันทร์เพราะจะได้อ่านเรื่องนี้
หวังว่าเหตุการณ์จะดีขึ้นน้าา ตอนล่าสุดอย่างเครียดดด

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
39 [PART1/2]

ผมโทรศัพท์หาพี่อู๋อีกครั้งแต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ มันตัดเข้าโหมดโอเพอเรเตอร์โดยไม่ได้ยินเสียงรอสายซักวินาทีเดียว ผมเริ่มกระวนกระวายอยู่ไม่ได้ ร้อนใจไปหมดเมื่อประโยคสุดท้ายจากปากพี่อู๋คือการขับไสไล่ส่งไปไกลๆ

“ก้อง มึงเป็นอะไร?”

ทรายถามเมื่อเห็นสีหน้าของผมเริ่มไม่ดี พอสบตาเพื่อนผมก็ปล่อยโฮออกมาโดยไม่อาย ผมบอกทรายว่าพี่อู๋ได้ยินหมดแล้ว เมื่อกี๊กูลืมกดตัดสาย เขาคงเข้าใจผิดว่าที่กูคบกับเขาเพราะเงิน ทรายกับมิวหน้าเหวอทำตัวไม่ถูก ทุกคนอยากช่วยผมแต่ช่วยไม่ได้เพราะพี่อู๋บล็อคเบอร์ของนายก้องเกียรติเรียบร้อย และไม่ยอมอ่านไลน์ที่พยายามพิมพ์อธิบายด้วย

พี่อู๋ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผมคุยกับไอ้โบ้ทเฉยๆ
มันไม่ใช่เพราะเงินทั้งหมดหรอกแต่ผมไม่รู้จะพูดยังไง
ผมไม่กล้าบอกมันว่าผมรักพี่เพราะกลัวโดนล้อ
พี่อู๋ พี่อ่านไลน์ผมหน่อยได้มั้ย
พี่รับสายผมซักครั้งก็ได้ ผมขอร้องนะพี่อู๋
ผมไม่เคยขออะไรจากพี่เลย ผมขออย่างเดียว พี่ฟังผมก่อนได้มั้ย ช่วยฟังผมอธิบายซักครั้งได้มั้ย
พี่อย่าทำแบบนี้กับผมเลยนะ ผมรักพี่คนเดียว ถ้าพี่ไล่ผมแล้วผมจะอยู่ยังไง ผมไม่เหลือใครแล้วนะพี่อู๋ --

อาจารย์ที่ปรึกษาโทรมาขัดจังหวะอีกครั้ง ผมจึงจำใจต้องรับสายเขาเพื่อถามว่ามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า อาจารย์บอกว่าวันก่อนที่มาพบอาจารย์ประจำเทอม ก้องเกียรติยังไม่ได้เซ็นชื่อให้อาจารย์เลย ว่างๆมาเซ็นหน่อยนะ อาจารย์ต้องส่งเอกสารให้คณะอาทิตย์หน้าแล้ว

ผมตอบกลับแค่ว่าครับ ได้ครับ ก่อนวางสาย ผมเปิดแชทไลน์ของพี่อู๋แล้วพรั่งพรูคำอ้อนวอน ผมกำลังร้องไห้ สะอึกสะอื้นเป็นคนบ้าเมื่อพี่อู๋ไม่ยอมอ่านไลน์เลย ผมพยายามโทรหาอีกแต่ก็ไม่มีสัญญาณ พี่อู๋คงเอาจริงอย่างที่เขาว่า หลังจากนี้ผมคงไม่ได้เห็นหน้าคนที่ผมรักอีก เราคงไม่ได้ติดต่อกันอีกเพราะเขาเกลียดผม

“ก้อง -- ไม่ร้องๆ ไม่เป็นไรนะเว้ย”

ทรายไล่โบ้ทไปนั่งที่อื่นเพื่อย้ายมานั่งข้างๆ ผมฟูมฟายกอดทรายแล้วเอาแต่ถามว่าทำไงดี ทำไงดี จะทำยังไงพี่อู๋ถึงจะเข้าใจ โบ้ทที่เป็นคนนอกเรื่องมาตลอดยิ่งขมวดคิ้วงุนงงใหญ่ มันถามว่าทำไงดีของก้องเกียรติคืออะไร มึงควรดีใจไม่ใช่เหรอที่เขาเลิกกับมึงเสียที

“พอเลยอีโบ้ท! ปากมึงอ่ะ!”

มิวขยำเศษกระดาษก่อนปาใส่หน้าโบ้ท ทั้งสองคนเถียงกันเป็นเด็กเพราะโบ้ทไม่ได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดว่ามันเป็นมายังไง พอคนเริ่มหันมองกลุ่มพวกเรา ทรายก็ดึงผมให้ลุกขึ้นเพื่อหนีสายตาจากทุกคน ผมรู้สึกแย่มากที่มันกลายเป็นแบบนี้ ได้แต่ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาและเดินก้มหน้าหนีไปนั่งหลบมุมไกลๆ ผมร้องหนักอยู่พักใหญ่ถึงจะค่อยๆหยุดได้ด้วยตัวเอง ทรายยังคงนั่งโอบไหล่และส่งทิชชู่ให้ซับน้ำตาอยู่เรื่อยๆ มันบอกให้ใจเย็นๆก่อน พี่อู๋คงโกรธมากที่ได้ยินแบบนั้น ไว้ตอนเย็นค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านก็ได้ พี่อู๋ไม่หายไปไหนหรอก เขาก็ต้องกลับไปนอนบ้านนั่นแหละ

ผมพยายามสงบสติอารมณ์ตามที่เพื่อนสนิทแนะนำ พยายามคิดบวกว่าเอาน่า อย่าเพิ่งคิดไกล ไว้พี่อู๋อารมณ์เย็นเมื่อไหร่ค่อยคุยกันก็ได้ ยังไงสิ่งที่ผมพูดมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด พี่อู๋ต้องสัมผัสได้บ้างล่ะว่าที่ผ่านมาผมรักเขาขนาดไหน ผมไม่ได้เห็นแก่เงินอย่างเดียว แต่ผมให้ใจเขาทั้งใจด้วยเหมือนกัน

ผมอดทนรอให้ผ่านวันนี้ไปเร็วๆเพราะตอนเย็นจะนั่งรถกลับบ้านไปหาพี่อู๋ พอเลิกคลาสบ่าย ผมก็รีบเดินออกจากห้อง ไม่แวะเก็บของที่หอหรือทำธุระอื่นเลยนอกจากตรงดิ่งไปแอร์พอร์ต เรลลิงค์ ระหว่างรอรถไฟผมก็ยังกดโทรศัพท์หาพี่อู๋เรื่อยๆ โทรหาเขาตลอดไม่เว้นว่าง ผมเอาแต่ส่งข้อความและโทรจนแบตหมดจึงจำใจเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า มุ่งหน้าสู่ลาดพร้าวเพื่ออธิบายให้ชายที่ผมรักมากที่สุดฟังว่าสิ่งที่เขาได้ยินไม่ใช่ความจริงทั้งหมด





วันนี้รถไฟฟ้าเสีย ผมจึงเสียเวลายืนรออยู่นานกว่าจะได้ไปต่อรถไฟใต้ดิน แถมเอ็มอาร์ทีก็คนเยอะจนต้องต่อแถวรอเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้น ผมกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวด้วยการช่วงชิงทุกอย่างที่ขวางหน้า รถไฟเต็มตอนคิวผมพอดีเหรอ ไม่มีทาง ผมเบียดจนตัวลีบติดกับพี่ผู้หญิงในขบวนเพราะทนรอรถไฟต่อไปไม่ไหว ต่อให้ได้ยินเสียงคนข้างในตะโกนด่าว่าชิดจะตายห่าแล้ว! ผมก็ไม่แคร์ ไม่รู้สึกผิดหรือละอาย เพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นรออยู่

พอถึงสถานีลาดพร้าวผมก็ออกตัววิ่ง วิ่งขึ้นบันไดเลื่อนด้วยความเร่งรีบ เบียดคนนั้นที คนนี้ทีจนได้เสียงก่นด่าเป็นระยะ ผมวิ่งสุดแรงเกิดตั้งแต่ชานชาลาจนถึงประตูทางออกจอดแล้วจร แถมยังมีแรงวิ่งข้ามสะพานลอยจนถึงซอยลาดพร้าวยี่สิบเจ็ดอีก ผมกลับถึงบ้านของเราตอนสองทุ่ม ลาดจอดรถใต้คอนโดไม่มีวี่แวววีออสสีดำของพี่อู๋จอดอยู่ ผมใจไม่ดีนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเขาไม่อยู่ที่นี่ แต่คิดว่าอีกครึ่งชั่วโมงพี่อู๋อาจจะถึงบ้านก็ได้ ดังนั้นผมจึงล้วงการ์ดคอนโดออกมาแตะประตู เสียงเครื่องร้องดังปิ๊ปปิ๊ปแต่ประตูไม่เปิด ยังคงล็อคอยู่เหมือนเดิมจนผมต้องแตะซ้ำอยู่หลายหน

“คุณอู๋ไม่ได้ให้การ์ดใหม่เหรอ?”

ลุงยามกะกลางคืนถามเมื่อเห็นก้องเกียรติแตะบัตรเอาเป็นเอาตาย ผมจึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวันอาทิตย์ พี่อู๋เพิ่งบอกว่าคอนโดเปลี่ยนระบอบการ์ดใหม่ เขาจะเอามาให้ผมวันนี้หลังเลิกเรียนแต่เราดันทะเลาะกันเสียก่อน ผมบอกลุงยามว่าช่วยสแกนให้ผมเข้าไปได้ไหม ผมจะรีบขึ้นไปทำธุระบนห้อง ด่วนมากครับ เปิดประตูให้ผมหน่อยครับ ลุงยามมีสีหน้าหนักใจ แกส่ายหัวปฏิเสธบอกว่าไม่ได้หรอก ตามกฎของคอนโด ถ้าไม่มีการ์ดก็ห้ามเข้า

“แต่ผมอยู่ที่นี่มาเป็นปีแล้วนะ!” ผมขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “ลุงเปิดให้ผมเถอะ ผมจะกลับบ้าน”

ลุงยามยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ ไม่มีการ์ดเข้าไม่ได้แต่ไม่อธิบายเพิ่มว่าทำไม เขาบอกให้ผมนั่งรอก่อน ไว้คุณอู๋กลับมาเมื่อไหร่ค่อยขึ้นห้องพร้อมกัน ผมเถียงลุงยามอีกว่าจะรอพี่อู๋ได้ยังไง ไม่รู้วันนี้เขาจะกลับบ้านตอนไหน เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะลุง อย่าทำเป็นเข้มหน่อยเลย ลุงก็รู้ว่าผมอยู่บ้านเดียวกับพี่อู๋ เรารู้จักกันมาสองปีกว่าแล้ว ลุงจะทำเหมือนผมเป็นคนแปลกหน้าไม่ได้ ผมเป็นลูกบ้านของที่นี่

“ตามหลักแล้วเอ็งไม่ใช่ลูกบ้านคอนโดนี้ คุณอู๋ต่างหากที่เป็น เอ็งมันแค่คนขออาศัย”

ประโยคจี้ใจดำทำเอาผมไปต่อไม่ถูก จังหวะที่กำลังยืนน้ำตาคลอจะร้องไห้ พนักงานออฟฟิศคนหนึ่งที่อยู่คอนโดนี้เหมือนกันก็สแกนบัตรเข้าไป ผมตั้งใจฉวยโอกาสนี้ตีเนียนเข้าตึกแต่ลุงยามก็ดึงแขนผมไว้ แกเอาแต่พูดว่าเข้าไม่ได้ เข้าไม่ได้ ไม่มีบัตรเข้าไม่ได้ ผมโมโหโวยวายเหมือนคนขาดการอบรมสั่งสอน ผมตะคอกถามลุงว่าทำไมจะเข้าไม่ได้! ก็ผมอยู่ที่นี่! อยู่บ้านเดียวกับพี่อู๋! ผมต้องเข้าได้สิ! ลุงยามคงโกรธที่โดนผมทำมารยาทไม่ดีใส่ แกถอนหายใจก่อนจะบอกว่า

“ก็คุณอู๋ไม่ให้เอ็งเข้า”
“ลุงว่าอะไรนะ?”
“เนี่ย คุณอู๋ไลน์มาบอกตั้งแต่ตอนเที่ยงว่าห้ามเอ็งเข้า”

ลุงหยิบโทรศัพท์มาโชว์ ในนั้นมีข้อความกำชับยาวเหยียดว่าห้ามให้ก้องเกียรติเข้าตึกโดยเด็ดขาด แถมยังบอกอีกว่าถ้าผมไม่เชื่อฟังก็เรียกตำรวจมาคุยเลย ลากไปไหนก็ได้แต่ห้ามปล่อยให้เข้าห้อง ถ้าผมหลุดเข้าไปได้ นิติกับลุงยามโดนคอมเพลนแน่

ผมน้ำตาไหล โวยวายไม่ออก พูดไม่ถูกเมื่อรู้ว่าพี่อู๋เกลียดกันถึงขนาดนี้ ผมขอร้องให้ลุงยามไลน์ไปถามพี่อู๋ให้หน่อยว่าเขาจะกลับเมื่อไหร่ บอกเขาด้วยว่าผมรออยู่ ผมมีเรื่องอยากคุยกับเขา แต่พี่อู๋ก็บอกลุงยามสั้นๆว่าเรียกตำรวจเลย วันนี้เขาไม่กลับบ้าน ถ้าก้องเกียรติสร้างความเดือดร้อนให้คนในคอนโดก็เรียกตำรวจมาจับไป อย่าปล่อยให้ทำตัวเอาแต่ใจอย่างนี้

 ผมไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน นึกสงสัยว่าทำไมพี่อู๋ถึงกลายเป็นคนใจร้ายถึงขนาดบอกให้ลุงยามแจ้งตำรวจมาจับนายก้องเกียรติ ทั้งๆที่ผมแค่อยากเจอเขาเพื่ออธิบายความจริงให้ฟังเท่านั้น ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ผมแค่อยากคุยกับพี่อู๋ซึ่งๆหน้า ไม่เห็นต้องทำกันถึงขนาดนี้เลย แต่ที่เจ็บปวดกว่าคือพี่อู๋บอกว่าเขาจะไม่กลับบ้าน ในคืนวันศุกร์ที่เราเคยคุยกันว่าจะไปกาญจนบุรี พี่อู๋กลับหนีผมไปโดยไม่เปิดโอกาสให้อธิบายซักนิด

ผมได้แต่ยืนน้ำตาไหลด้วยความช้ำใจ สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวจนลุงยามเอ่ยปากถามว่าทะเลาะกันเหรอ ทะเลาะเรื่องอะไรล่ะคุณอู๋ถึงเอาจริงขนาดนี้ ผมไม่รู้จะบอกลุงยังไงดี เพราะเล่าไปความผิดก็มัดตัวจนหาข้ออ้างอะไรไม่ได้ พอเห็นนายก้องเกียรติเสียอาการ ลุงก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ลากเก้าอี้มาให้และบอกว่าถ้าไม่รบกวนลูกบ้านคนอื่นจะรอคุณอู๋ที่นี่ก็ได้ ผมทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้พลาสติกเพราะรู้สึกเมื่อยขา ตาเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป แบตโทรศัพท์ก็หมด จะติดต่อพี่อู๋ จะขอความเมตตาจากเขาก็ไม่ได้เพราะพี่อู๋ไม่ยอมรับฟัง แถมคืนนี้ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะนอนไหนในเมื่อบ้านที่เคยอยู่ก็ไม่ต้อนรับ จะไปหาใครก็นึกไม่ออกเพราะเหลือตัวคนเดียว พี่อู๋ก็รู้ว่าผมไม่มีใครแล้ว ทำไมเขาใจร้ายกับผมขนาดนี้ ทำไมทำเหมือนเราไม่เคยรักกันมาก่อน ทำไม ทำไมวะ ทำไม – ผมร้องไห้เงียบๆอยู่อย่างนั้น นั่งเฝ้าประตูทางเข้าคอนโดเหมือนหมารอเจ้าของกลับบ้าน แต่เวลาล่วงเลยไปตั้งสี่ชั่วโมงแล้ว พี่อู๋ก็ยังไม่มา เขาไม่กลับบ้านจริงๆตามที่บอกลุงยามไว้

ผมหมดแรงเกินกว่าจะขอร้องพี่อู๋ มันเหนื่อยทั้งกายทั้งใจจนคิดอะไรไม่ออก แม้กระทั่งคืนนี้จะนอนไหนก็คิดไม่ออกจนต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม ถ้าพี่อู๋ไม่กลับมาวันนี้ ผมนอนข้างนอกนี่ก่อนก็ได้ ยังไงไม่เกินสามวันเขาต้องกลับบ้านอยู่แล้ว เขาจะหนีไปไหนได้ในเมื่อมีงานมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ พอคิดว่าเดี๋ยวพี่อู๋ก็มา เดี๋ยวเขาก็กลับมา ร่างกายก็ค่อยๆเข้าโหมดชัตดาวน์อัตโนมัติ ผมที่เหนื่อยมาทั้งวันนั่งสัปปะหงกบนเก้าอี้อยู่เพียงลำพัง เมื่อได้ยินเสียงรถก็จะรีบลืมตาดูว่าใช่วีออสสีดำไหม ใช่พี่อู๋หรือเปล่า แต่เที่ยงคืนกว่ายังคงไร้วี่แวว ผมจึงหลับๆตื่นๆรอพี่อู๋จนกระทั่งเบนซ์คันหนึ่งขับเข้ามาใต้อาคาร

ผมรู้ว่ารถเบนซ์ไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกับพี่อู๋จึงไม่สนใจ ทว่าขณะที่พยายามหลับตาและเอาหัวพิงกำแพงจะได้นอนสบายๆ เสียงฝีเท้าก็เดินมาหยุดตรงหน้า ผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนจะร้องไห้ พอลืมตาขึ้นมาก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงเมื่อเห็นพ่ออยู่ที่นี่

“พ่อมาทำอะไร?”

ผมถามห้วนๆ ไม่ดีใจที่เห็นพ่อแทนที่จะเป็นพี่อู๋ พ่อยืนน้ำตาคลอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับรู้สึกเวทนานักหนา เขาเดินมากอดผมก่อนจะพูดประโยคที่น่ากลัวที่สุดออกมา

“กลับบ้านเราเถอะนะก้อง”






บ้าน? บ้านเรา? ที่บอกว่าบ้านเราน่ะหมายถึงบ้านที่ไหน

ผมส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมให้พ่อจับตัว ผมบอกเขาว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นเพราะบ้านของผมอยู่ที่นี่ บ้านผมอยู่บนชั้นสี่ของอาคารนี้ แต่พ่อกลับพยายามดึงผมให้ลุกขึ้น เขาเอาแต่พูดว่าพี่อู๋ให้มารับ กลับบ้านเรากันนะ ผมจึงตะโกนใส่หน้าเขาว่าอย่ามาโกหก! พี่อู๋ไม่ทำแบบนั้นหรอก เขารู้ว่าผมเกลียดพ่อ ผมไม่อยากไปอยู่กับพ่อ เขาไม่มีวันยกผมให้พ่อหรอก!

“ป๊าจะโกหกก้องทำไม? ถ้าคุณอู๋ไม่ให้มารับ ป๊าจะรู้เหรอว่าก้องอยู่ที่นี่”

คำพูดของพ่อยิ่งตอกย้ำให้ผมเจ็บมากขึ้นไปอีก พี่อู๋คงโทรบอกพ่อให้มารับจริงๆอย่างที่เขาว่า ไม่งั้นพ่อคงโผล่มาถึงนี่ไม่ได้หรอก ผมยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่ไป ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะรอคุยกับพี่อู๋ให้รู้เรื่องว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ไหนเขาเคยสัญญาว่าจะไม่ส่งผมกลับไปหาพ่อไง ทำไมจู่ๆพ่อก็โผล่มาและบอกว่าจะพาผมกลับบ้าน ทำไมพี่อู๋ยอมให้พ่อรับผมไป เขาไม่รักก้องเกียรติแล้วเหรอ ไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้วเหรอถึงส่งผมกลับไปหาพ่ออย่างนี้

ผมร้องไห้ฟูมฟาย กระทืบเท้าเอาแต่ใจว่าไม่ไป! ยังไงก็ไม่ไป! ด้วยท่าทีแข็งกร้าว พ่อดูหนักใจที่ผมดื้อมาก ดื้อเกินกว่าเขาจะควบคุมได้ พ่อกับลุงยามช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ผมไปจากที่นี่แต่โดยดี ไปนอนที่บ้านเถอะ ไปนอนบนเตียงเถอะ นอนบนฟูกนุ่มๆดีกว่านั่งคอพับบนเก้าอี้เป็นไหนๆ ผมยืนยันคำเดินว่าไม่ไป! ยังไงก็ไม่ไป! ผมจะรอพี่อู๋ที่นี่! พ่อไม่ได้เลี้ยงผมมา! พ่อไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับชีวิตผม! ผมจะกินนอนที่ไหน! จะทำอะไรมันก็เรื่องของผม! ลุงยามที่ทนเห็นก้องเกียรติก้าวร้าวกับพ่อต่อไปไม่ไหวจึงฉีกทึ้งหัวใจผมเป็นชิ้นๆด้วยประโยคที่ว่า

“ก็คุณอู๋เขาไม่ต้องการเอ็งแล้วจะให้ทำยังไงวะ! เข้าใจไหมว่าเขาไม่เอาแล้ว เขาไม่อยากได้แล้ว เอ็งก็ไปๆเสียเถอะ”

คำพูดของลุงยามทำเอาผมอึ้ง พูดอะไรไม่ออก มันเสียใจ มันจุกอกจนเริ่มหายใจไม่ทันเพราะร้องไห้เยอะเกินไป ผมหอบเร็วขึ้นเรื่อยๆจนพ่อกลัว เขารวบตัวผมเอาไว้แน่นแล้วใช้โอกาสนี้พานายก้องเกียรติขึ้นรถและรีบขับออกไป ในรถเบนซ์ราคาหลายล้านของพ่อ ผมไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นกับความสวยหรูของมันนอกจากร้องไห้เพราะเจ็บปวดกับคำตอกย้ำของลุงยาม

“คุณอู๋เขาไม่ต้องการเอ็งแล้ว”

ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหัว มันเป็นคำพูดเสียดแทงที่ทำเอาผมจุกจนไม่สามารถคิดบวกได้นอกจากร้องไห้ แม้ว่าพี่อู๋ไม่ต้องการนายก้องเกียรติก็จริง แต่ผมยังต้องการเขาอยู่ หากจะโทษว่าเป็นความผิดของใครซักคน ผมขอยอมรับผิดทั้งหมดแต่โดยดี เพราะผมเองที่ปากพล่อย มัวแต่กลัวไอ้โบ้ทล้อก็เลยโพล่งไปว่าคบกับพี่อู๋เพราะเงินทั้งที่จริงรักเขาแทบบ้า ในชีวิตของผม – ไม่มีใครสำคัญเท่าพี่อู๋เลย เขาคือคนเดียวที่ผมรัก คือคนที่ผมอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดไป มาวันนี้พี่อู๋แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากได้ผมแล้ว เขาไม่ให้ผมเข้าบ้าน แถมยังให้พ่อมารับทั้งๆที่เคยให้สัญญาว่าจะดูแลก้องเกียรติตลอดไปอีก จิตใจพี่อู๋ทำด้วยอะไร ไหนว่ารักผมนักหนาไง ทำไมถึงผลักไสไล่ส่งกันได้ขนาดนี้

“อย่าร้องเลยนะก้อง”

พ่อลูบหัวผมขณะจอดรอไฟแดง ผมเบนหน้าหนีเพราะไม่อยากถูกสัมผัสโดยชายที่เอาแต่บอกว่ารักลูกทว่าไม่เคยออกตามหาเลยตลอดสิบกว่าปี พ่อไม่รู้หรอกว่าสถานะระหว่างผมกับพี่อู๋มันไม่ใช่แค่เด็กกับผู้ปกครอง เราไม่ใช่แค่คนรู้จักแต่เรารักกัน และที่ผมร้องไห้เสียใจจะตายอย่างตอนนี้ก็เพราะผมทำเหี้ยกับเขาไง ผมเสียใจที่พี่อู๋เข้าใจผิด เสียใจที่ความสัมพันธ์ของเราต้องจบทั้งๆที่เรารักกันแทบบ้า ผมบอกพ่อสั้นๆแค่ว่าพ่อไม่มีวันเข้าใจหรอก ถึงคืนนี้พ่อได้ผมไปอยู่ด้วยก็ไปแต่ตัว เพราะผมจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพ่อ

จำคำพูดผมไว้เลยนะ – ผมไม่ใช่มรดกของพ่อ ไม่ใช่สัตว์ตัวผู้หรือตัวนำโชคในครอบครัวประหลาดๆของพ่อ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ผมไม่รักพ่อ ไม่มีวันรักครอบครัวของพ่อ ถ้าคิดว่ารับได้ก็พาผมกลับบ้านเลย แต่ถ้ารับไม่ได้ ก็ปล่อย – ผม – ลง

พ่อมองผมด้วยแววตาราบเรียบ ไม่มีความใจดีหรือโอนอ่อนให้เหมือนก่อนหน้าที่เราเจอกันอีกแล้ว อารมณ์คุกรุ่นของพ่อในตอนนี้เริ่มทำให้ผมกลัวและยอมสงบปากสงบคำ เขาจ้องจนผมต้องเสหน้ามองไปทางอื่น จ้องจนผมกลัวว่าเขาจะทุบตี แต่สุดท้ายพ่อก็ไม่ว่าอะไรนอกจากขับรถต่อไปจนถึง “บ้าน” บ้านซึ่งผมเคยอยู่เมื่อตอนเป็นเด็กกับแม่   





ผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่หลงเหลืออยู่เลย รั้วสีขาวสูงเมตรกว่าไม่ได้ช่วยให้ระลึกอะไรได้ซักนิด

บริเวณบ้านของพ่อกว้างมาก ด้านหน้าเป็นสวนจืดๆของต้นอะไรก็ไม่รู้ดูไร้การจัดวางโดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ทางขวามือของรั้วคือโรงรถที่มีรถจอดอยู่ห้าคัน ส่วนใหญ่เป็นรถยุโรปราคาแพงที่ผมไม่รู้จัก ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นบ้านสองชั้นสีขาว ลักษณะของบ้านให้อารมณ์คลาสสิคแบบยี่สิบปีก่อน มันเป็นบ้านสี่เหลี่ยมทื่อๆมีระเบียง มีรางน้ำอะลูมิเนียมอันใหญ่ตรงกระเบื้องหลังคา ประตูทางเข้าบ้านของชั้นหนึ่งทำจากไม้แกะสลักสวยงามขนาดใหญ่ ทันทีที่รถจอดพ่อก็ปลดเข็มขัดนิรภัย เขามองหน้าผมที่พยายามกลั้นสะอื้นเป็นพักๆก่อนจะถอนหายใจ

“ป๊าให้อาแตงจัดห้องไว้แล้ว คืนนี้นอนไปก่อน พรุ่งนี้ป๊าจะให้ช่างมาทำห้องใหม่ให้”

ผมไม่ตอบสนองคำพูดของพ่อ ไม่ยอมลงจากรถแม้ว่าพ่อจะเดินมากดดันข้างนอก หลังจากอดทนใจเย็นมานานเป็นชั่วโมง พ่อก็เปิดประตูรถและดึงแขนให้ผมลงมาแต่โดยดี ผมไม่มองหน้าพ่อ ไม่สนใจ ไม่พูดอะไรทั้งนั้นจนเขาต้องโอบไหล่และลากให้เดินไปด้วยกัน ทันทีที่เดินเข้าบริเวณชานบ้าน ผมก็เห็นผู้หญิงที่ดูเด็กกว่าแม่ยืนอยู่ เธอสวมชุดนอนกระโปรงแบบคนแก่และยิ้มดีใจเมื่อเห็นหน้าผมชัดๆ

“เฮีย คนนี้เหรอก้องเกียรติ?” เธอยิ้มหวานและเอื้อมมือมาจับข้อมือทั้งสองข้างของผมแล้วมองนายก้องเกียรติตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความตื่นเต้น “ตัวสูงมากเลยนะเนี่ย”
“อาแตง ลื้อเตรียมห้องให้ก้องแล้วใช่ไหม?”
“เรียบร้อยแล้วเฮีย”
“พาก้องไปดูห้อง แล้วก็อย่าลืมหาเสื้อให้เขาเปลี่ยนล่ะ”
“จ้ะเฮีย”

อาแตงขานรับ เมื่อเดินไปจนถึงห้องครัวที่อยู่ทางด้านซ้าย หมาพันธุ์ไซบีเรียนก็กระโดดใส่เหมือนตุ๊กแก ผมร้องโวยวายเพราะไม่เคยโดนหมาที่ไหนจู่โจมใกล้ๆแบบนี้มาก่อน แม้แต่ไอ้แดงที่ว่าสนิทกันยังไม่เคยกระโดดกอดเอวผมเลยซักครั้ง พ่อที่ยืนอยู่ไม่ไกลจึงตะโกนเสียงดังว่า ไป! ไอ้หมี! มันถึงเลิกเกาะแต่ยังคงคลอเคลียไม่ห่าง ผมถามอาแตงว่าหมาตัวนี้เป็นของใคร เธอบอกว่าของทุกคนในบ้าน และตอนนี้ก็เป็นของก้องด้วย

“ก้องแพ้ขนหมาหรือเปล่า?” พ่อถาม ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบแทนการเปล่งเสียง เห็นดังนั้นพ่อจึงพยักหน้ารับแกนๆแล้วเดินไปปิดประตูบ้าน “ดีแล้ว ถ้าแพ้จะเอาไอ้หมีไปปล่อย”

อาแตงบ่นอุบอิบว่าชอบขู่จะทิ้งหมาอยู่เรื่อยขณะเดินนำผมไปห้องนอน บนชั้นสองของบ้านนั้นแบ่งสัดส่วนค่อนข้างซับซ้อน มีบานประตูหลายบานซึ่งดูคล้ายกันไปหมด ห้องนอนของผมอยู่ตรงขวาสุดของทางเดิน อยู่ติดกับห้องน้ำรวมที่แชร์ร่วมกันทั้งบ้าน เมื่อเปิดบานประตูสีน้ำตาลเข้าไปก็เจอกับราวเสื้อผ้าวางเต็มไปหมด ตรงผนังอีกด้านมีเตียงเหล็กเก่าๆตั้งอยู่ มีหมอนมีผ้าปูจัดวางเรียบร้อย แต่สภาพไม่น่านอนเท่าที่ควร

อาแตงขอโทษผมที่สภาพห้องนอนคืนแรกเป็นแบบนี้ เธอบอกว่าพ่อติดต่อช่างมาทำห้องให้ใหม่พรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นทนๆไปก่อนนะ พรุ่งนี้เราค่อยช่วยกันเคลียร์ห้องอีกที ผมไม่พูดอะไร ไม่ขอบคุณอาแตงหรือมองหน้าเธอนอกจากเดินเหม่อเข้าไปข้างใน พอนึกได้ว่ามีของอย่างหนึ่งจำเป็นต้องใช้ ผมจึงร้องขอเธอเป็นครั้งแรก ผมถามอาแตงว่ามีสายชาร์ตแบทโทรศัพท์บ้างไหม เธอหายเข้าไปในห้องตรงข้ามอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถือกล่องที่มีสายชาร์ตและปลั๊กวางระเกะระกะหลายสิบเส้นมาให้

“มีหลายรุ่นเลย แต่อาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายี่ห้อไหนใช้ได้ไม่ได้” เธอพูดยิ้มๆ ในขณะที่ผมตะโกนร้องในใจ ขอให้เธอรีบออกไป “นอนเสียนะก้อง ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”

ผมไม่ตอบสนองนอกจากมองเธอเดินออกไป ทันทีที่บานประตูปิดลง ผมก็รีบล็อคห้องและชาร์ตแบตโทรศัพท์ รอเพียงห้าวินาทีผมก็เปิดเครื่องเพื่อหาวิธีติดต่อพี่อู๋ แต่ไม่ว่าจะกระหน่ำโทรหรือส่งไลน์ขนาดไหนก็ไม่มีการตอบกลับ ผมที่กระวนกระวายใจจึงนึกหาหนทางอื่นจนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี๊ – ตอนเดินผ่านเคานเตอร์วางของ ผมเห็นโทรศัพท์บ้านเครื่องหนึ่งตั้งอยู่ คิดดังนั้นผมจึงเอาหูแนบประตู เมื่อแน่ใจว่าข้างนอกไม่มีใครก็รีบย่องลงข้างล่างเพื่อแอบใช้โทรศัพท์ แต่อุปสรรคสำคัญคือไอ้หมี ไซบีเรียนฮัสกี้ที่เอาแต่ร้องงี้ดๆดีใจที่ได้เจอนายก้องเกียรตินักหนา ผมกระซิบไล่มันว่า ออกไป! ออกไป! มันก็ยังคลอเคลียร์อยู่นั่นแหละ สุดท้ายเราจึงต้องย่องไปพร้อมกัน ไอ้หมีเดินเคาะเท้าเสียงดังแกรกๆ ส่วนผมเดินบนปลายเท้าเพราะกลัวว่าจะมีคนโผล่มาดูว่าใครยังไม่เข้านอนเสียที

เมื่อมือคว้าโทรศัพท์ได้ ผมก็กดเบอร์ของผู้ปกครองที่ท่องจำจนขึ้นใจ ครั้งแรกโทรไปไม่มีคนรับ พอโทรครั้งที่สองถึงได้ยินเสียงของชายที่ผมรักดังงัวเงีย พี่อู๋น่าจะกำลังหลับอยู่ เขาตอบเบาๆว่า ฮัลโหล ครับ ก่อนจะเงียบไปเพราะผมไม่ได้เปล่งเสียงในทันที

“ฮัลโหล”
“พี่อู๋ --”

ผมเรียกชื่อเขาแล้วร้องไห้ ตั้งใจจะขอโทษแต่สายก็ตัดเสียก่อน ผมรีบกระวนกระวายโทรหาพี่อู๋เป็นครั้งที่สามทว่าสายไปเสียแล้ว พี่อู๋คงบล็อกเบอร์นี้เหมือนที่บล็อกเบอร์ผม ระบบจึงตัดเข้ากล่องข้อความ ผมที่กลั้นน้ำตาไม่ไหวถึงกับปล่อยโฮเพราะเขาไม่ยอมคุยด้วย ผมรู้ตัวแล้วว่าทำผิด รู้แล้วว่าพูดจาไม่ดี ไม่ถนอมน้ำใจของเขา แต่ให้โอกาสกันบ้างไม่ได้เหรอ ให้โอกาสผมได้อธิบายซักครั้งเลยไม่ได้หรือไง 

 คืนนั้นทั้งคืนผมเอาแต่กดโทรศัพท์เหมือนคนบ้า รู้ว่าเขาบล็อคก็ยังพยายามโทรหาเพราะหวังว่าจะมีซักครั้งที่พี่อู๋ใจอ่อน ยอมให้โอกาสก้องเกียรติได้อธิบายถึงสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไป แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ร้อยครั้ง คำตอบที่เป็นระบบฝากข้อความก็ตอกย้ำว่าเขาไม่เอาผมแล้ว นายก้องเกียรติไม่ใช่คนที่เขาต้องการอีกแล้ว ผมนั่งร้องไห้กับหมีจนเกือบตีสี่ นั่งจนโดนยุงกัดขาลายถึงยอมขึ้นไปนอนในห้องเก็บเสื้อผ้าที่พ่อเตรียมไว้ให้ ทันทีที่หัวถึงหมอนผมก็ผล็อยหลับทั้งๆที่มือยังกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นเพราะหวังว่าพี่อู๋จะโทรกลับมา แต่ก็ไม่มีเลยซักสายเดียว





ต่อพาร์ท 2 ข้างล่างเลยค่ะ  :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด