┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END  (อ่าน 58640 ครั้ง)

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #90 เมื่อ03-12-2018 19:32:24 »


(ต่อจากหน้าสาม)


“ขอบคุณนะครับ” ลูกแกะรั้งแขนตัวเองไว้ไม่ยอมเดินต่อ พอเขาหันไปหาก็ยิ้มให้อย่างร่าเริง ดวงตาฉายชัดถึงความขอบคุณและความดีใจที่ปิดไม่มิด “คุณบอกว่าจะไม่ปิดบังผมแล้วก็ทำแบบนั้นจริงๆ ขอบคุณนะ”

“ครับ” เกรย์ตอบกลับเป็นภาษาไทยที่ไม่ถนัด ทำเอาคนฟังยิ้มกว้างกว่าเดิมจนเขาอารมณ์ดีตามไปด้วย “กลับไปเจอกันที่กรุงเทพฯ นะ ครั้งนี้จะพาไปเที่ยวจริงๆ ไม่สิ...ต้องให้ลูกแกะพาฉันเที่ยวมากกว่า”

“ได้เลย”

พวกเขาไม่ได้เกี่ยวก้อยสัญญาเป็นเด็กๆ แต่เกรย์รู้ดีว่าลูกแกะเป็นคนยังไง ต่อให้สุดท้ายเขาไม่ว่างไปเที่ยวด้วย เจ้าตัวก็คงไม่โกรธเหมือนเดิม ทว่าคราวนี้ต่อให้งานยุ่งแค่ไหนเขาก็ต้องทำตามคำพูดให้ได้ แค่ต้องผิดคำพูดในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว

“ตอนลูกแกะอยู่กับครอบครัว คนของฉันจะคอยตามดูอยู่ห่างๆ จะได้ไม่อึดอัด ตอนกลับก็ไปสนามบินพร้อมครอบครัวได้เลย วิคเตอร์กับคนอื่นๆ จะขับรถตามไปแล้วค่อยกลับพร้อมกัน”

“รับทราบ” คนฟังยกมือตะเบ๊ะรับทราบแล้วยิ้มขำ ก่อนแยกกันไปคนละทางยังไม่วายยื่นมือมาจับแขนเขาไว้อีกรอบ “ระวังตัวด้วยนะครับ”

“นายเองก็ด้วย”

หลังจากร่ำลากันโดยการลูบหัวลูบหลังเป็นครั้งที่สาม ในที่สุดประมุขก็ยอมเดินขึ้นรถแต่โดยดี แต่แม้จะขึ้นมาแล้วก็ยังไม่วายหันกลับไปมองคนที่ยืนโบกมือให้จากด้านหลังเหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องหันไปมอง และเมื่อรถเลี้ยวไปอีกทาง ร่างของคนยืนส่งก็ถูกแทนที่ด้วยรถของการ์ดที่ขับนำหน้ากับตามหลังอย่างละคัน เพียงเท่านั้นหน้าตาของคนร่าเริงก็หงอยลงแทบจะทันที

“เราจะเข้าไปส่งถึงที่ จากนั้นจะตามอยู่ห่างๆ ไม่ให้ครอบครัวของคุณรู้ ถ้ามีอะไรให้รีบติดต่อผมทันที” วิคเตอร์ที่นั่งอยู่ข้างคนขับหันมาบอกด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่พอเห็นสีหน้าอึนๆ ปนเศร้าสร้อยของนายคนที่สอง บอดี้การ์ดหนุ่มก็ต้องถอนหายใจออกมาแล้วเพิ่มเติมคำพูดจากเดิมไปนิดหน่อย “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมช่วงนี้นายทำงานหนักจนต้องกลับห้องดึกทุกวัน”

“ทำไมเหรอ” พอได้ยินคำถามที่เกี่ยวข้องกับเกรย์ ประมุขก็รีบเงยหน้าถามทันควัน

“เพราะนายเร่งเคลียร์งาน จะได้มีเวลาไปเที่ยวกับคุณหลังจากนี้”

ได้ฟังดังนั้นประมุขก็อมยิ้มจนแก้มพองแบบไม่มีความเขินอายทั้งยังไม่คิดปิด ส่วนวิคเตอร์ที่สังเกตท่าทีของอีกฝ่ายอยู่ตลอดก็หันกลับไปนั่งหลังตรง ก้มหน้ากดโทรศัพท์รายงานผู้ที่ทักมาบอกให้เขาทำให้คนหน้างออารมณ์ดีอย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าเขตสวนดอกไม้รังสิมันตุ์ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ประมุขก็หันไปเกาะขอบหน้าต่างมองบรรยากาศของสวนด้วยดวงตาแวววาว คิดในใจว่าสักวันต้องพาเกรย์มาเที่ยวที่นี่ด้วยกันให้ได้ เผลอมองดอกไม้ที่เรียงรายอยู่ตามทางกระทั่งรถมาโผล่อยู่หน้าจุดนัดพบซึ่งเป็นรีสอร์ทอยู่ในเขตสวน สติสตังที่เหม่อลอยจนหายไปไหนไม่รู้จึงกลับมาเข้าที่อีกครั้ง

“เดี๋ยวผมยกเข้าไปเอง พี่ชายคนรองอยู่ข้างในแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาบอกการ์ดของเกรย์พร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมือไปดึงกระเป๋าเดินทางมาถือไว้เอง “ถ้ามีอะไรจะโทรไปบอกแน่นอนครับ พวกพี่ๆ ไปพักเถอะ”

“เข้าใจแล้ว” วิคเตอร์ซึ่งเป็นตัวแทนของการ์ดทั้งหมดพยักหน้ารับคำ และหันไปส่งสัญญาณให้ทุกคนกลับไปขึ้นรถประจำที่ “หากเจออะไรน่าสงสัย ไม่ว่าจะเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม คุณต้องบอกผมทันที ไม่มีข้อยกเว้น”

“ครับ” ประมุขรับคำอย่างแข็งขัน เมื่อวิคเตอร์พยักหน้าให้แล้ว เขาจึงหมุนตัวเดินลากกระเป๋าเข้าไปในตัวรีสอร์ทที่พี่ชายคนรองบอกว่ารออยู่ก่อนแล้ว

พื้นที่รองรับแขกของตัวรีสอร์ทเป็นโถงกว้างขนาดใหญ่ มีมุมเฉพาะสำหรับแขกวีไอพีแยกอยู่ด้านข้าง ประมุขก้าวเข้าไปถึงก็เดินไวๆ ไปที่โซนวีไอพี พอเห็นพี่ชายคนรองที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกันนั่งอยู่ที่โซฟาก็วิ่งเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม

“เต้!”

“มุ…อุก!” คนที่กำลังจะยิ้มให้น้องชายชะงักกึก จากที่จะอ้าแขนกอดกลับกลายเป็นต้องงอตัวลงด้วยความจุก เมื่อไอ้น้องเวรมันพุ่งเข้าหาแล้วเอาตัวที่มีขนาดไม่ต่างกันกระแทกเขาอย่างแรง

“คิดถึงมึง”

“แต่กูไม่คิดถึงมึง ไอ้น้องเวร!”

ผัวะ!

พูดจบก็ตบหัวไอ้คนที่บอกว่าคิดถึงแต่จงใจแกล้งไปหนึ่งทีจนมันหน้าบูด ยอมผละออกจากอ้อมแขนแล้วหันไปยกมือไหว้คนที่ยืนมองสถานการณ์เงียบๆ มาโดยตลอดแทน

“พี่พายุ สวัสดีครับ”

“สวัสดี” ชายหนุ่มต่างชาติตัวสูงท่าทางเข้มงวดตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ ดวงตาสีเขียวที่ตอนได้เห็นครั้งแรกทำเอาประมุขหวาดผวา ยามนี้ก็ยังดูดุดันไม่ต่างจากเดิม ทว่าความเคยชินที่เกิดจากการได้พบเจอกันมาหลายปีทำให้มันกลายเป็นความคุ้นเคยไปแล้ว

พายุ หรือชื่อจริงๆ คือวลาดิเมียร์เป็นคนรักชาวรัสเซียของฮ่องเต้ พี่ชายของเขาที่คบกันมานานแล้ว และแม้จะไม่รู้ว่าไปคบกันได้ยังไงโดยที่ประมุขไม่รู้เรื่องเลย แต่เขาก็มั่นใจว่าทั้งคู่รักกันมาก ไม่ว่าพี่พายุจะวุ่นวายกับงานที่รัสเซียหรือมีปัญหาอะไร เต้ก็จะเป็นห่วงแล้วคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ นานๆ ได้มาเจอกันทีนี่แทบจะขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวัน ไม่เคยเห็นแยกจากกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ยอมรับเลยว่าเขาเคยนึกอิจฉาจนพาลเอาไปลงกับเกรย์ที่ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้าอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเห็นนานเข้าก็เริ่มกลายเป็นเห็นใจ เพราะพี่พายุกับเต้ได้เจอกันปีละนับครั้งได้ อย่างปีก่อนก็มีแค่ช่วงปีใหม่สามสี่วัน เสร็จแล้วก็ต้องบินกลับไปทำงานต่อ และถึงจะดูเข้มแข็งขนาดไหน แต่ประมุขก็รู้ดีว่าเต้เศร้ามาก

เมื่อก่อนเขากับเกรย์ยังไม่เคยเจอกันมันเลยไม่อะไรเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ได้เจอ ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ถ้าต้องแยกจากบ่อยๆ แล้วได้เจอแค่ไม่กี่วัน เขาก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเต้เท่าไหร่นัก

แค่คิดก็เศร้าแล้วเนี่ย...

“เป็นอะไรของมึง จู่ๆ ก็ทำหน้าหมาหงอย”

ประมุขรีบเปลี่ยนสีหน้าแล้วส่ายหัว สายตากวาดไปโดยรอบเพื่อมองหาพ่อกับพี่ชายคนโตที่ยังไม่เห็นตั้งแต่มาถึงที่นี่เพราะแยกมาคนละทิศคนละทาง

“พ่อกับพี่จักรยังไม่มาเหรอ”

“พ่อจะถึงแล้ว ส่วนพี่จักรเห็นภีมบอกว่าอาบน้ำอยู่ เรามาไวไปหน่อย” ฮ่องเต้ตอบก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง แต่หันไปได้ครึ่งเดียวก็หันขวับกลับมาอีกรอบด้วยสีหน้าดุๆ ตาจ้องขาของน้องชายคนเล็กเขม็ง “ขามึงไปโดนไรมา ทำไมมีรอยแผลเป็นทางแบบนั้น”

คนที่มีความผิดติดตัวตาโต รีบดึงขากางเกงให้ปิดบริเวณที่มีรอยแผลเอาไว้ ในใจก่นด่าตัวเองเป็นร้อยรอบที่ดันเลือกกางเกงขาสั้นมาใส่ ทั้งที่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเต้มันขี้สังเกตขนาดไหน

“ไม่มีไร”

“กูพี่มึงนะมุข อย่ามาตอแหล”

เมื่อได้ยินพี่ชายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ประมุขก็หน้ามุ่ย ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแต่โดยดี ทั้งเรื่องที่เขาเจอเกรย์และเรื่องที่น่าจะมีศัตรูที่ไม่ใช่แม่คอยจ้องเล่นงานอยู่ ยิ่งพูดมากเท่าไหร่สีหน้าของฮ่องเต้ก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น น้องชายคนเล็กที่ชอบทำกร่างพูดหยาบกับพี่คนรองถึงกับตัวลีบ แม้แต่เสียงก็เบาลงเรื่อยๆ อย่างเป็นกังเวล

“มึงอย่าบอกพี่จักรกับพ่อนะเต้ กูสัญญาจะดูแลตัวเองดีๆ”

“เด็กโง่แบบมึงจะดูแลตัวเองยังไงได้” ฮ่องเต้พูดเสียงดุแล้วจิ้มนิ้วลงตรงกลางหน้าผากน้องชายหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ “แต่เอาเถอะ กูไม่อยากให้พ่อเส้นเลือดในสมองแตกเพราะลูกชายเข้าไปยุ่งกับอันตรายทุกคน ส่วนพี่จักรก็มีเรื่องแม่ให้เครียดอยู่แล้ว”

“ใช่ไหมล่ะ”

“แต่มึงก็ดูแลตัวเองไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ”

“เอ้า!” ประมุขหน้ามุ่ยเมื่อโดนด่าซ้ำ อยากจะเถียงมันหรือด่ากลับก็ทำไม่ได้อีก เพราะไอ้เต้มันห่างจากคำว่าโง่ไปไกล ขืนด่าไปด้วยเรื่องเดียวกันคงเข้าตัวเองเปล่าๆ “กูไม่คุยกับมึงแล้ว”

พูดจบก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมารายงานเกรย์ว่าเจอพี่ชายแล้ว รอไม่ถึงสิบวินาทีอีกคนก็ตอบกลับมาว่าให้ดูแลตัวเองด้วย เขานั่งจ้องจอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นคนบ้า ไม่ต้องนั่งอิจฉาเวลาเต้อยู่กับพี่พายุแล้วต้องโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังอีกแล้ว

เรื่องของเกรย์ที่ประมุขพูดคุยด้วยมานานอยู่ในการรับรู้ของฮ่องเต้ตลอด ตอนที่พี่จักรยังไม่กลับมา พวกเขาสองพี่น้องก็อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน จึงไม่แปลกที่จะรู้ความลับของกันและกันแทบทุกเรื่อง แล้วเต้ก็ไม่เคยห้ามปรามหรือพูดตัดกำลังใจเลยสักครั้ง มีแต่บอกว่าให้คิดอะไรให้รอบคอบและตัดสินใจดีๆ อย่าให้ต้องเสียใจในภายหลังก็เท่านั้น

“มุข”

“หือ”

“มึงโตแล้วนะ ต่อจากนี้จะทำหรือจะพูดอะไรคิดดีๆ ด้วย เข้าใจหรือเปล่า”

“รู้แล้วน่า”

ประมุขรู้อยู่แล้วว่าต่อจากนี้นอกจากดูแลตัวเองแล้วเขายังต้องดูแลใครอีกคนด้วย...

ถึงแม้เกรย์จะบอกว่าจะปกป้องดูแล ไม่ยอมให้ใครมาทำร้าย แต่หน้าที่ให้กำลังใจและคอยอยู่เคียงข้างตอนที่อีกฝ่ายต้องการก็สำคัญไม่แพ้กัน

เพราะงั้นเขาจะทำมันให้ดี ไม่ยอมแพ้เต้แน่นอน



------------------------


TALK: ขออภัยที่มาช้านะคะ จริงๆ อยากจะเขียนให้จบไวๆ เลยไม่ค่อยว่างนั่งอ่านทวน ตอนนี้ก็เขียนนำเกินครึ่งเรื่องไปแล้ว (ถึงตอนสิบห้าจากยี่สิบตอน) ไม่มีเทแน่นอนค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2018 19:38:22 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #91 เมื่อ03-12-2018 20:07:37 »

นุ้งมุข มีความเด็ดเดี่ยวภายใต้ความใสๆ

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #92 เมื่อ03-12-2018 21:14:59 »

 o13 น้องมุขน่ารักจังเลย...ต้องอดทน และเข้มแข็งเข้าไว้นะ
 o13  :man1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #93 เมื่อ03-12-2018 21:31:16 »

สรุปว่า 3kings บ้านนี้เขามีลูกชาย 1 ลูกสาว 2 สินะ 555  น่าเห็นใจคุณพ่อเขานะ

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #94 เมื่อ03-12-2018 21:40:06 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #95 เมื่อ03-12-2018 22:30:55 »

 :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #96 เมื่อ04-12-2018 02:49:12 »

คู่ที่ 3 โผล่มาแล้วววว  :katai2-1:

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #97 เมื่อ04-12-2018 06:27:39 »

อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงน้องเต้เลยค่ะ :-[

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #98 เมื่อ04-12-2018 06:49:01 »

บ้านนี้คงต้องขอเด็กมาเลี้ยงหรืออุ้มบุญแทนแล้วล่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #99 เมื่อ04-12-2018 12:22:00 »

มุขน่ารักแล้วก็เข้าใจเกรย์ดีจัง ฮือออ สู้ๆนะลูก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
« ตอบ #99 เมื่อ: 04-12-2018 12:22:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #100 เมื่อ04-12-2018 20:03:41 »

:-[ :-[

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #101 เมื่อ05-12-2018 00:01:24 »

น่ารักนะ ประมุข คนซื่อคนเด๋อของเกรย์
ยิ้มที โลกสดใส หงอยที ทำการ์ดงานเข้า 5555

เกรย์ถึงจะร้ายยังไง แต่ไม่เคยใจร้ายกับประมุขได้เลย
แพ้ทางความขี้อ้อน ความคิดบวก และยิ้มตาปิด

คืออะไรคะประมุข สงสารพี่ แต่ก็อิจฉาด้วยอีก
ตอนนี้ก็ไม่แล้วเนาะ มีคนให้อยู่ด้วย และคิดถึง

ลุ้นแล้วค่ะ ว่าประมุขจะเจออะไรอีก

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #102 เมื่อ06-12-2018 17:45:26 »

 :pig4:

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #103 เมื่อ09-12-2018 03:02:49 »

ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #104 เมื่อ09-12-2018 12:52:05 »

น้องมุขต้องแข็งแกร่งมากขึ้นแน่ๆ สู้ๆลูกหนูทำได้ :katai2-1:

ออฟไลน์ Rhapsodies21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #105 เมื่อ13-12-2018 21:49:28 »

น้องน่ารักจังเลย รอด้วยใจจดจ่อนะคะ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #106 เมื่อ16-12-2018 20:17:33 »

-7-


เมื่อครอบครัวมาอยู่กันพร้อมหน้า อีกทั้งพี่ชายคนโตยังดูอ่อนโยนลงอย่างไม่น่าเชื่อ คนร่าเริงที่เหมือนมีไฟส่องสว่างตามตัวตลอดเวลาก็ยิ่งอารมณ์ดี เอาแต่ยิ้มเป็นบ้าเป็นบอทั้งวันในแบบที่ถ้าเกรย์มาเห็นคงยิ้มตามไปด้วย แต่นั่นไม่ใช่กับพี่ชายคนรองที่เห็นหน้ากันมานานจนเบื่อ

“เป็นบ้าเหรอ”

“บ้าอะไร ตบปาก!” ประมุขชี้หน้าพี่ชายแบบเคืองๆ ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองหน้าพี่ชายคนโตที่นั่งอยู่กับภีมภัทรริมสระน้ำอีกด้าน “เราตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่ให้พี่จักรมาที่นี่”

“กูก็ว่างั้น”

ดีจริงๆ ที่ตอนนั้นฮ่องเต้นึกถึงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อขึ้นมาได้ และจำได้ว่าพวกเขามีเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่งอยู่ที่สวนดอกไม้ ทั้งยังเป็นคนที่เคยสนิทสนมกับพี่จักรเอามากๆ การวางแผนพาพี่คนโตมาบำบัดที่นี่จึงเริ่มต้นขึ้น แล้วภีมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ใช้เวลาไม่นานก็ทำให้คนป่วยยอมกลับไปรักษาตัวจนอาการทั้งทางกายและทางใจดีขึ้นมากขนาดนี้

“อิจฉาเหรอ”

“มึงมากกว่าที่อิจฉา ตอนเด็กๆ ติดพี่เป็นตังเม” ฮ่องเต้เถียงแล้วยิ้มเยาะไอ้เด็กติดพี่ที่พยายามจะโยนความขี้อิจฉามาให้เขา

“กูเปล่าอิจฉา”

“เหรอ”

“เออ” หน้าเชิดๆ เริ่มบูดเบี้ยวเมื่อโดนถามซ้ำ

“อือฮึ”

“…จริงๆ ก็นิดนึง” สุดท้ายประมุขก็สารภาพเสียงอ่อย พลางยกขาทั้งสองข้างขึ้นมากอดบนเก้าอี้ “พี่กลับมาอยู่กับเราตั้งนาน แค่ทำให้กลับไปรักษายังทำไม่ได้เลย แต่พอมาอยู่กับภีม...”

เทียบกับฮ่องเต้ที่เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าแล้ว เขาก็เหมือนเด็กขี้อิจฉาคนหนึ่งที่ดีแค่คิดกับพูด ไม่กล้าทำอะไรเลยสักอย่าง แค่เห็นพี่ชายคนโตทำท่าทางน่ากลัวก็หงอ ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย ขนาดมีโอกาสได้เจอพี่ก่อนใครยังเลือกที่จะรอฮ่องเต้ก่อนแล้วค่อยมาเจอพร้อมกันเลย

“อย่าคิดแบบนั้น ถึงจะเป็นครอบครัวก็ใช่ว่าเราจะทำได้ทุกอย่างนะ” ฮ่องเต้ปลอบน้องชายที่นั่งทำหน้าหงอย แล้วหันไปรับแก้วเครื่องดื่มจากคนรักพร้อมส่งยิ้มให้ “บางทีอาจเป็นเพราะกูกับมึงต่างก็ยังเกรงพี่จักรอยู่ทั้งคู่ พอได้มาเจอภีมที่ไม่สนใจเรื่องพวกนั้น เขาเลยเข้าใกล้พี่ได้มากกว่า”

เพราะคิดว่าพี่มีบาดแผลจึงไม่กล้าขัดใจ พี่บอกให้ออกไปก็ยอมออกไปง่ายๆ หากไม่นับเรื่องที่ฝืนเข้าไปทำกายภาพให้ทุกเช้าเพื่อรักษาอาการให้ยังทรงตัวไว้ทั้งที่พี่ไม่เต็มใจ พวกเขาก็แทบจะเป็นน้องชายที่ไร้ปากไร้เสียงโดยสิ้นเชิง

“นั่นสินะ...” พอคิดตามที่ฮ่องเต้พูดแล้วประมุขก็ยิ้มออก “แค่พี่จักรดีขึ้นก็พอ”

“อือ”

เมื่อเห็นพี่ชายคนรองหันกลับไปคุยกับพี่พายุ ประมุขก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาคนของตัวเองบ้าง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะกลับห้องเตรียมนอนพักหรือยังลุยงานต่อ แต่ถ้าให้เดาคงเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า

GP.MUK: อย่าลืมกินข้าวนะ

ตูม!

เสียงอะไรบางอย่างตกน้ำทำเอาคนที่กำลังนั่งมองโทรศัพท์เพลินๆ สะดุ้งเฮือก ทว่าในวินาทีถัดมาก็ต้องนิ่งค้างไป ยามได้ยินเสียงพี่ชายคนโตหัวเราะออกมาอย่างสุดเสียง เพราะแกล้งคนสำคัญให้ตกลงไปในน้ำได้สำเร็จ

เนื่องจากนั่งอยู่คนละมุมทำให้เสียงเถียงกันของสองคนนั้นส่งมาไม่ถึง ประมุขได้แต่มองคนสองคนยิ้มให้กันเงียบๆ ความรู้สึกอบอุ่นและดีใจวาบเข้ามา เพียงแค่ได้เห็นว่าในที่สุดพี่จักรก็ดูเหมือนพี่จักรก่อนที่จะถูกแม่เอาตัวไปเสียที แม้จะรู้ว่าคงไม่อาจกลับไปเป็นพี่ชายที่ยิ้มง่ายเหมือนเดิมได้ แต่แค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับน้องชายอย่างเขา

ครืด

M.GRAY: ลูกแกะก็ด้วย

“พี่ยุดูมัน ยิ้มเป็นคนบ้าอีกแล้ว” เสียงบ่นเป็นภาษาอังกฤษให้แฟนฟังของพี่ชายไม่ได้น่าสนใจมากเท่าข้อความในโทรศัพท์ ประมุขก้มลงกดพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจสิ่งที่ฮ่องเต้พูดเลยแม้แต่น้อย

“อย่าแซวน้อง”

พอได้ยินพี่เขยพูดจาเข้าหู เขาก็เงยหน้าชูนิ้วโป้งชื่นชมให้หนึ่งทีจนเกือบโดนเต้ตบหัวอีกรอบ โชคดีที่ลุกหนีได้ทันเลยไม่ต้องโดนฟาดด้วยฝ่ามือของไอ้คนแรงควาย

GP.MUK: *ส่งรูปภาพ*

GP.MUK: เราจัดปาร์ตี้เล็กๆ กันด้วย ผมอยากให้คุณมาด้วยจัง

M.GRAY: เอาไว้ครั้งหน้านะ

GP.MUK: ครับ คุณอย่านอนดึกมากนะ ผมเป็นห่วง

M.GRAY: รับทราบ พรุ่งนี้จะโทรหานะ

GP.MUK: *สติกเกอร์แกะพยักหน้า*

ร่ำลากับคนที่อยู่ห่างไกลเรียบร้อยแล้วก็ได้แต่กลับมานั่งหงอยเหงาเหมือนเดิม ประมุขพาดคางลงบนเข่าทั้งสองข้าง สายตาจับจ้องมองไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมาย สุดท้ายจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปนั่งที่ชิงช้าซึ่งอยู่ห่างจากสระน้ำไปนิดหน่อยเพียงลำพัง

การได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวย่อมทำให้เขามีความสุขอยู่แล้ว เพียงแต่พอคิดถึงตอนที่ต้องแยกกันไปคนละทิศคนละทางเหมือนเดิมก็อดทอดถอนใจไม่ได้ จริงอยู่ที่ตั้งแต่เด็กๆ พ่อของเขาก็ต้องไปทำงานไกลๆ หรือไม่ก็กลับดึกตลอด ทำให้ทุกคนในบ้านเคยชินกับการอยู่คนเดียวพอสมควร แต่จะให้ทำใจแยกจากแบบที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เจอกันพร้อมหน้าอีกมันก็ยากอยู่เหมือนกัน

“มานั่งเป็นพระเอกเอ็มวีอะไรตรงนี้”

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ประมุขหันหน้ากลับไปมองพี่ชายคนรองที่เดินมาเพียงลำพัง ทิ้งให้แฟนตัวเองนั่งดื่มเหล้ากับพ่ออยู่ที่ม้าหินไม่ไกลนัก “เต้”

“หือ”

“ตอนอยู่คนเดียว แบบที่ไม่มีพี่พายุอยู่ข้างๆ มึงคิดถึงครอบครัวไหม”

“มึงถามทำไม”

“ตอบมาเหอะน่า”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทีหงอยเหงาของน้องชาย แต่พอได้มองนานเข้าก็เริ่มปะติดปะต่อได้ว่ามันคิดอะไรอยู่ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมพยักหน้าแล้วตอบกลับไปสั้นๆ ตามความจริง

“เออ คิดถึง”

“แล้วเวลาที่เราได้เจอกันแต่ละทีแค่แป๊บเดียวก็ต้องแยกกันอีกแล้ว มึงทำยังไงให้ชินวะ”

“มึงรู้ได้ยังไงว่ากูชิน”

“ก็กูเห็น...” เห็นฮ่องเต้ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเวลาที่ต้องแยกกันไปคนละทิศคนละทาง อย่างตอนที่ต้องแยกกันอยู่กับเขาเพราะมหา’ลัยอยู่ห่างกันก็มาช่วยขนของโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

“อะไรๆ มันไม่ได้เป็นแบบที่มึงเห็นเสมอไปหรอกมุข กูไม่พูดไม่ได้หมายความว่าไม่รู้สึก แต่ก็อย่างที่มึงเคยพูด เราต่างมีทางเดินเป็นของตัวเอง มีชีวิตเป็นของตัวเอง และมันก็ไม่ใช่แค่กูหรือมึง แต่รวมถึงพี่กับพ่อด้วย”

“…”

“ที่มึงเล่าเรื่องคนของมึงให้กูฟัง บอกว่ามึงเกือบเป็นอันตรายเพราะเขา คิดว่ากูไม่รู้สึกอะไรหรือไง” ฮ่องเต้ส่ายหน้า อยากจะยื่นมือไปโบกหัวไอ้เด็กซื่อที่พยักหน้าตอบรับง่ายๆ สักที “กูเป็นพี่ กูห่วงมึงอยู่แล้ว ถามว่าอยากให้ยุ่งกับเขาหรือเปล่าก็บอกเลยว่าไม่ แต่เพราะมึงมีทางเดินของมึง และมึงก็เลือกแล้ว อย่างนี้จะให้กูพูดทำไมอีก สู้ให้กำลังใจแล้วคอยเตือนคอยสอนมึงไม่ให้ก้าวพลาดไม่ดีกว่าหรือไง”

“อือ…” ประมุขกลั้นยิ้มจนหน้าบาน แค่ได้ยินพี่ชายพูดว่าห่วงก็มีความสุขจนลืมเรื่องที่ถามตอนแรกไปหมดแล้ว และฮ่องเต้ก็รู้นิสัยของน้องชายดี เพราะแค่เห็นมันทำหน้าเด๋อใส่ เขาก็รู้แล้วว่ามันโยนความเครียดทิ้งไปแล้ว

“มึงรู้ไว้แค่ว่าวันไหนที่คิดถึงจนทนไม่ได้หรือเหนื่อยจนทนไม่ไหว เรายังมีบ้านให้กลับและมีครอบครัวรออยู่ก็พอ”

“อื้อ”

“ทีนี้ก็เลิกทำตัวเป็นหมาหงอย ใช้ชีวิตของมึงให้เต็มที่ อย่าให้ต้องเสียใจทีหลัง แล้วก็ห้ามลืมว่ามีใครรออยู่บ้างก็พอ”

“เข้าใจแล้ว”

ในระหว่างที่สองพี่น้องมองหน้ากันแบบแหยงๆ เพราะบรรยากาศมันชวนให้พุ่งเข้ากอดกันเสียเหลือเกิน เสียงล้อรถที่ขูดไปกับพื้นหินก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง พร้อมกันกับที่ใครบางคนเริ่มพูดต่อจากที่ฮ่องเต้พูด ราวกับเขาฟังเรื่องราวมาตั้งแต่แรกแล้ว

“คิดถึงก็มาหาสิ”

“พี่จักร!” ประมุขเรียกเสียงดัง ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปเข็นรถให้พี่ชายขยับมาอยู่ตรงกลางระหว่างชิงช้าของเขากับเต้ “มาตอนไหนเนี่ย มุขไม่ได้ยินเสียงเลย”

“ก็มึงมัวแต่เหม่อไง”

“พูดเหมือนมึงรู้อะเต้”

“รู้ก่อนมึงแล้วกัน”

“เถียงกันเป็นเด็ก” เสียงบ่นราบเรียบไม่จริงจังนักของพี่ชายคนโตทำให้สองพี่น้องหันขวับไปคนละทางเป็นเด็กๆ ท่าทางที่ไม่ได้เห็นมานานทำเอาคนมองอดยิ้มออกมาไม่ได้ ชายหนุ่มยื่นมือไปลูบหัวน้องสองสามที พอหายหน้ามุ่ยกันแล้วถึงได้พูดต่อจากเดิม “พี่เพิ่งมาไม่นาน แต่พอจะเดาได้ว่าคุยอะไรกันอยู่”

“ไอ้มุขมันงอแง พี่จักรไม่ต้องสนใจมันหรอก” ฮ่องเต้บอกแล้วเบนหน้าหนีน้องที่หันมาถลึงตาใส่ ทำเหมือนพูดเรื่องทั่วไปธรรมดา ไม่ได้เพิ่งหลอกด่าใครไปเลยแม้แต่น้อย

“มุขไม่ได้งอแงนะพี่จักร”

“งอแง”

“ไม่ได้งอแง!”

“พอแล้ว” พี่ชายคนโตห้ามศึกด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากดวงตากลับดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้งจนสองพี่น้องพูดอะไรต่อไม่ออก ได้แต่ยอมยุติสงครามแล้วหันไปพูดคุยกับพี่ชายแต่โดยดี

“ที่บอกว่าคิดถึงก็มาหา แสดงว่ามุขมาหาพี่จักรตอนไหนก็ได้ใช่หรือเปล่า” ประมุขลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นเกาะขาพี่ชายพูดเสียงออดอ้อน พออีกคนส่งมือมาลูบหัวลูบหางก็หลับตายิ้มรับอย่างสบายใจ

“ใช่ อยากมาตอนไหนก็ได้ เราไม่ได้อยู่ห่างกันแล้วนี่”

ไม่ใช่คนละประเทศ ไม่ใช่ไม่มีทางติดต่อได้เลยเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว...

“งั้นมุขจะมาหาบ่อยๆ นะ พี่จักรรีบรักษาตัวให้แข็งแรง จะได้พามุขไปเที่ยวเล่น จำตอนเด็กๆ ที่เราไปเที่ยวงานวัดกันได้ไหม มุขอยากไปปาลูกโป่งอีก”

“เด็กจริงๆ”

“ไอ้เต้!”

คุยดีได้ไม่นานก็ต้องมีคนหาเรื่องให้หัวร้อนใส่ตลอด ไม่ใช่ฮ่องเต้กวนประมุขก็เป็นประมุขกวนฮ่องเต้ ภาพการเถียงกันของสองคู่หูที่ตัวติดกันมาตั้งแต่เกิดทำให้คนห้ามทัพตัดสินใจปล่อยวาง เพราะรู้ดีว่าต่อให้ห้ามไปเดี๋ยวอีกแป๊บเดียวก็ต้องหาเรื่องตีกันต่อ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมกันของสองพี่น้อง...ที่อาจจะดูมากเกินไปนิดหน่อย

“แล้วนี่ภีมไปไหนเหรอพี่จักร” ฮ่องเต้หันไปถามจักรพรรดิ เมื่อเห็นว่าประมุขยอมแพ้กลับไปนั่งเกาะขาให้พี่ชายลูบหัวเหมือนเดิมแล้ว

“พี่ไล่ให้กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

คนฟังได้แต่ตอบรับอืออาในลำคอ เชื่อว่าถ้าภีมอยู่ตรงนี้คงถามว่า ‘แล้วจะผลักผมลงน้ำทำไม’ เป็นแน่

ทั้งที่ตอนแยกกันอยู่คิดเอาไว้ว่าพอได้เจอคงมีเรื่องให้พูดคุยมากมาย ทว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆ พวกเขาก็แค่นั่งมองท้องฟ้า ดูดาวด้วยกันเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร แม้แต่ประมุขที่พูดเก่งที่สุดและร่าเริงได้ตลอดเวลาก็ยังนั่งเงียบ ราวกับอยากซึมซับบรรยากาศดีๆ เอาไว้ให้นานกว่านี้ ก่อนจะต้องแยกย้ายเพื่อเดินไปตามทางของตัวเองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

“พอเรียนจบมีงานทำเมื่อไหร่ เต้กับมุขคุยกันไว้ว่าจะไม่ให้พ่อทำงานแล้ว” ฮ่องเต้เกริ่นออกมาช้าๆ ขณะลอบมองสังเกตอาการของพี่ชายที่ไม่ค่อยสนิทสนมกับพ่อแท้ๆ เท่าไหร่นักไปด้วย “พี่จักรคิดว่ายังไง”

“อืม ก็ดี”

คนฟังทั้งคู่ถอนหายใจโล่งอก ดีใจที่อย่างน้อยตอนนี้พี่ก็ไม่ได้ดูปิดกั้นพ่อเหมือนช่วงแรกๆ ถึงจะรู้ดีว่าที่พี่จักรไม่อยากยุ่ง เป็นเพราะในใจยังโทษที่พ่อปกป้องตัวเองเอาไว้ไม่ได้จนถูกแม่พาตัวไปตั้งแต่ยังเด็ก แต่พวกเขาก็หวังว่าสักวันพี่จะให้อภัย อย่างน้อยยอมกลับไปคุยกับพ่อดีๆ ท่านก็คงมีความสุขมากแล้ว

“พี่จักร” น้องชายคนเล็กกระตุกขากางเกงเรียกให้จักรพรรดิหันกลับไปมอง ในขณะที่ฮ่องเต้กลอกตาใส่คนติดพี่อย่างอดไม่ได้ แค่เห็นพี่จักรเหม่อไม่สนใจตัวเองนิดหน่อยก็ต้องหาเรื่องเรียกร้องความสนใจแล้ว

“ว่าไง”

“พรุ่งนี้พี่จักรพามุขไปเดินเล่นนะ อยากเที่ยวสวนดอกไม้ของภีม”

“อืม” คนเย็นชาตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่มือก็ยังลูบหัวทุยของน้องไม่หยุด เผลอแป๊บเดียวประมุขก็ทำท่าคล้ายจะงีบหลับตามประสาคนขี้เซา จนเขาต้องหันไปสะกิดเรียกฮ่องเต้ให้มาช่วยจัดการอีกที เพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่ว่า...

“หลับแล้วยังทำหน้าโง่ไม่เลิกอีก”

“ไม่ได้โง่!”

จักรพรรดิกับฮ่องเต้มองคนตาแดงที่แพ้คำว่าโง่ด้วยสายตาจะขำก็ไม่ใช่จะสงสารก็ไม่เชิง แค่ดูหน้าแวบเดียวก็รู้แล้วว่าง่วงขนาดไหน แต่พอโดนจี้จุดเข้าหน่อยก็ตื่นขึ้นมาง่ายๆ ไม่รู้จะเรียกว่าน่าเอ็นดูดีหรือเปล่า

“เต้ พามุขไปนอนดีๆ เถอะ”

“ครับ พี่จักรก็กลับไปพักเถอะ ภีมมานั่นแล้ว”

จักรพรรดิเป็นฝ่ายแยกตัวไปก่อนเมื่อภีมภัทรเดินมารับถึงที่ เหลือก็แต่ฮ่องเต้ที่ต้องฉุดกระชากลากถูไอ้น้องตัวดีที่กำลังทำตัวเป็นเด็กพยายามจะปีนขึ้นหลังเขาเพราะไม่อยากเดินเอง

“ไอ้มุข กูหนัก!”

“กูเบากว่ามึงตั้งเยอะ แบกๆ ไปน่า”

“เบาอะไรของมึง ตัวก็เท่าๆ กัน” ฮ่องเต้บ่นไปก็ลากน้องไปด้วย จนกระทั่งถึงจุดที่พวกพ่อๆ นั่งดื่มกันอยู่ เขาก็รีบกวักมือเรียกให้คนตัวสูงที่นั่งนิ่งเป็นตอไม้มาช่วย “พี่ยุ ช่วยที”

“ไม่ต้องช่วยหรอก ปล่อยให้พี่น้องลากกันกลับไปเองนั่นแหละ”

“พ่อ” คนฟังขมวดคิ้วมุ่น ตัวเอนจนแทบจะล้มอยู่ล่อมล่อเพราะถูกถ่วงน้ำหนักโดยคนตัวพอๆ กันที่ทำเหมือนเมาทรงตัวไม่อยู่ ทั้งที่มันแค่ง่วงเฉยๆ ไม่รู้ฮ่องเต้ควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่พ่อตัวเองพูดภาษาอังกฤษได้เลยคุยกับพี่ยุรู้เรื่อง แถมดูเหมือนฝ่ายนั้นจะเชื่อฟังคำของพ่อมากกว่าเขาเสียด้วย

“เต้ พากูไปเตียงได้แล้ว”

“…” ฮ่องเต้กลอกตาเหนื่อยหน่าย ตัดสินใจหยุดความพยายามผลักประมุขลงจากหลัง แล้วเริ่มใช้สมองประมวลผลคิดหาแผนการดีๆ ที่จะทำให้มันดิ้นลงไปเอง “มุข”

“อือ”

“มึงวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ตรงชิงช้าทำไมวะ สั่นใหญ่เลยนั่น ใครโทรมาหรือเปล่า”

คราวนี้ไม่ต้องรอให้ใครมาฉุด ลูกชายคนเล็กของบ้านก็ผลักพี่คนรองออกไปให้พี่พายุแล้วพุ่งกลับไปที่ชิงช้าอย่างรวดเร็ว อารมณ์ง่วงๆ ที่มีตอนแรกจางหายไปไหนก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนสติสตังที่มีจะหายไปด้วย ถึงได้ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในประโยคที่พี่ชายพูดเลยสักนิด

“ไอ้เต้!!”

“พี่ยุรีบกลับห้องกันเร็ว” ฮ่องเต้คว้าแขนคนรักไว้แล้วรีบลากให้ลุกตามไปอย่างรวดเร็วเมื่อน้องชายหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ คงรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก เพราะโทรศัพท์มันก็เหน็บอยู่ในกางเกงตั้งแต่แรก ไม่ได้ทิ้งไว้ตรงนั้นตามที่เขาบอก

“โดนหลอกซะแล้วไอ้เสือ”

“พ่อไม่ต้องพูดเลย” ประมุขหน้าบูด เดินกลับไปหาพ่อตัวเองแบบเนือยๆ โชคดีที่คุณอาวิบูลย์ พ่อของภีมเมาจนฟุบหน้าลงกับโต๊ะไปแล้ว เขาจึงไม่ต้องคอยรักษาท่าทีมากนัก

“โกรธพี่แล้วมาลงที่พ่อซะงั้น”

“เปล่าสักหน่อย พ่อไปนอนได้แล้ว ให้มุขช่วยพาคุณอาเข้าไปไหม”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อจัดการเอง เราไปนอนเถอะ”

ประมุขพยักหน้าหงึกหงักพลางหาวหวอด เมื่อโบกมือร่ำลาผู้ใหญ่แล้วก็เดินเอื่อยๆ เข้าไปในตัวบ้านพักที่พวกเขาเหมาอยู่รวมกันทั้งครอบครัว แต่เป็นเพราะไม่มีคู่เหมือนใครเขาเลยต้องนอนคนเดียว กลิ้งไปกลิ้งมาได้พักใหญ่ก็ยังนอนไม่หลับ สุดท้ายต้องลุกมานั่งกดโทรศัพท์หาคนที่ไม่รู้ว่านอนหลับไปแล้วหรือยัง

GP.MUK: ฝันดีครับ

M.GRAY: ฝันดี : )

“ยังไม่นอนอีก” ประมุขบ่นอยู่กับตัวเองเมื่อเห็นข้อความที่ตอบกลับมา เชื่อว่าป่านนี้เกรย์คงยังทำงานอยู่เป็นแน่ แต่ถ้าให้ชวนคุยต่อก็กลัวว่าจะไม่ได้นอนกันทั้งคู่ สุดท้ายเขาจึงวางโทรศัพท์ลงแล้วค่อยๆ หลับตา พอได้ส่งข้อความที่ปกติต้องบอกกันทุกคืนไปแล้ว ความง่วงก็เข้ามาครอบงำจนสติหลุดลอยไปไกลอย่างรวดเร็ว

(ต่อด้านล่าง)
.
.



ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.6]=[P.3]==[03/12/18]
«ตอบ #107 เมื่อ16-12-2018 20:17:49 »




ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปไวจนน่าตกใจ ในที่สุดวันที่ต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางก็มาถึง ตอนเช้าตรู่ประมุขถูกพี่ชายคนรองลากให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วก็เดินไปขึ้นรถแบบง่วงๆ งุนๆ โดยลืมร่ำลาพี่ชายคนโตไปเสียสนิท รู้สึกตัวอีกทีรถซึ่งมีผู้โดยสารสี่คนไม่นับคนขับของสวนก็ออกตัวมาได้พักใหญ่แล้ว

“กูยังไม่ได้ลาพี่จักรเลย”

“มึงงัวเงียเอง” ฮ่องเต้ที่นั่งคั่นตรงกลางระหว่างประมุขกับพายุหันไปตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ได้กลับมาอยู่กับน้องแค่ไม่กี่วันรู้สึกเหมือนอายุสั้นลงเพราะต้องคอยมารองรับอารมณ์บ้าบอของคนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กเวลาอยู่กับครอบครัว เมื่อก่อนเขาก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่ตอนนี้ชักรู้สึกว่าทุกคนจะตามใจมันมากเกินไปแล้ว

“ช่างเหอะ เดี๋ยวกูค่อยโทรไปหาบ่อยๆ ก็ได้” คนเด๋อพยักหน้ากับตัวเองแล้วก็ไหลไปพิงกระจกเอาไว้อย่างเกียจคร้าน

“แล้วนี่มึงกลับไปเจอคนคนนั้นที่กรุงเทพฯ เลยใช่ไหม”

“อือ เขาบอกให้ไปเจอกันที่นั่นเลย” ประมุขตอบพี่ชายแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู เผื่อคนที่บอกว่าจะตอบข้อความไม่ได้สักพักจะว่างคุยด้วยแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีวี่แวว

หลังจากใช้เวลาเดินทางอยู่พักใหญ่ รถก็แล่นเข้าไปจอดหน้าสนามบิน ประมุขกับฮ่องเต้หันไปไหว้ขอบคุณลุงคนขับรถจากสวนรังสิมันตุ์ ก่อนจะพากันลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปด้านใน โดยตกลงกันไว้ว่าพวกเขาจะกลับกรุงเทพฯ พร้อมกันก่อน จากนั้นถึงจะแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ทว่ายังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน คนคุ้นหน้าคุ้นตาที่คอยดูแลประมุขจากที่ลับๆ มาตลอดหลายวันก็วิ่งเข้ามาหา

“วิคเตอร์” ประมุขทักทายคนคุ้นเคยด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมผงกหัวให้พี่การ์ดคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายด้วย

“คุณรออยู่ที่นี่ก่อน”

“หือ มีอะไรหรือเปล่าครับ เกรย์บอกให้ผมไปเจอที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ”

“นายเปลี่ยนแผน ตอนนี้กำลังเดินทางมาที่นี่ คุณแคนเซิลตั๋วเครื่องบินได้เลย” บอดี้การ์ดหนุ่มบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พร้อมยื่นโทรศัพท์ที่มีข้อความจากเจ้านายให้ประมุขดูเพื่อยืนยัน

“อ๋อ…” พอรู้ว่าเกรย์กำลังจะมาหา คนที่ดูห่อเหี่ยวมาตลอดก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันใด ประมุขรีบหันหน้าไปหาครอบครัว ตั้งท่าจะอธิบายความ แต่พอเห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายของพ่อกับพี่ แล้วก็ใบหน้าไร้อารมณ์ของพี่พายุ รอยยิ้มที่มีก็จางหาย กลายเป็นเสียงหัวเราะแหบแห้งแทน “คือว่า...”

“ดีใจยิ่งกว่าเจอพ่ออีกนะ” กฤษณ์มองลูกชายแล้วส่ายหน้าหน่าย เพราะแม้จะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากนัก แต่ลูกของเขาก็ไม่เคยปิดบังเรื่องความรักความชอบของตัวเอง พอได้เจอทีก็เข้ามาเล่าให้ฟังโดยไม่ต้องถาม ถึงจะไม่ได้รู้มากเท่าพี่น้องที่อยู่ด้วยกันตลอด แต่ก็ยังรู้ว่าลูกชายทุกคนดูจะชื่นชอบคนอันตรายกันเสียเหลือเกิน

จะยกเว้นก็แต่จักรพรรดิ...ที่น่าจะเป็นตัวอันตรายเอง

“โธ่พ่อ... มุขไม่ได้ดีใจยิ่งกว่าเจอพ่อสักหน่อย” ประมุขรีบเข้าไปกอดพ่ออย่างออดอ้อน แล้วยังเผื่อแผ่ไปถึงฮ่องเต้โดยการยื่นมือไปจับแขนเสื้อพี่ชายไว้เพื่อให้รู้ว่าไม่ได้ลืมอีกต่างหาก

“พ่อเตือนให้มันดูแลตัวเองหน่อย กลัวจริงๆ ว่าจะเด๋อไปโดนใครเขาหลอก”

“กูไม่ได้โง่นะเต้”

“กูยังไม่ได้ด่ามึงโง่เลย”

คนฟังทำหน้าย่นแล้วหันไปกอดพ่อเหมือนเดิม คราวนี้เอามือออกจากแขนเสื้อฮ่องเต้เป็นเชิงบอกว่าไม่พอใจด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพี่ชายที่รักน้องแบบไม่แสดงออกย่อมต้องสนองอาการเหล่านั้นด้วยการยื่นมือไปบิดแก้มขาวๆ ด้วยความหมั่นไส้

“น่าบิดให้เขียว”

“พี่ยุ แฟนพี่แกล้งมุข” ประมุขยกมือกุมแก้มแล้วหันไปฟ้องพี่เขยที่เอาแต่ยืนนิ่งเป็นตอไม้ไร้ตัวตน พอเห็นพี่ชายตั้งท่าจะตบตีอีกก็รีบวิ่งไปหลบหลังคนตัวสูงแล้วเกาะเสื้อไว้แน่น

“ไอ้มุข ออกมาจากหลังพี่ยุเดี๋ยวนี้!”

“ไม่ออก... มึงเอากระเป๋าใบนั้นกลับไปไว้ที่บ้านด้วยนะ กูกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่จะไปเอา”

“กูไม่รับฝาก!”

สองพี่น้องหมุนไปหมุนมาโดยมีพายุเป็นตัวคั่นกลางซึ่งก็ยอมหมุนตามแรงบังคับโดยไม่พูดอะไร ไม่ได้มีใครรู้ตัวเลยว่าถูกจับจ้องขนาดไหน พวกเขาดึงดูดสายตาของคนรอบข้างได้มากมายทั้งจากรูปร่างหน้าตา เสียงพูดคุยเฮฮา และที่สำคัญที่สุดคือการที่มีชาวต่างชาติในชุดสูทยืนล้อมอยู่เกือบสิบคน

รอจนเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว กฤษณ์ที่ยืนหัวเราะเงียบๆ จึงส่งสัญญาณให้ลูกเขยคว้าแขนคนรักกับน้องชายอีกคนเอาไว้ จะได้หยุดวิ่งไปวิ่งมาน่าปวดหัวเสียที

“ตีกันเป็นเด็กๆ เลย พ่อกับพี่ต้องไปแล้วนะเจ้ามุข”

“ไปแล้วเหรอ” คนที่ยืนหอบแฮ่กอยู่ถามเสียงอ่อย เหมือนจะไม่อยากแยกกับครอบครัว แต่ท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าจะรอใครบางคนอยู่ที่นี่ ทั้งที่จริงๆ จะขอกลับกรุงเทพฯ พร้อมพ่อกับพี่ให้ได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้ก็ได้

“ดูแลตัวเองดีๆ นะมุข พ่ออยู่ไกล คงมาหาในทันทีไม่ได้ เพราะงั้นถ้ามีปัญหาให้รีบติดต่อเต้หรือจักรเลย เข้าใจหรือเปล่า”

“อื้อ แล้วพ่อไม่อยู่รอเจอเกรย์ก่อนเหรอ”

“อยากอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่ทันแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกันแบบครบๆ นะ” กฤษณ์ลูบหัวลูกชายคนเล็กที่มีนิสัยน่าเป็นห่วงที่สุดในบ้านแล้วก็ดึงเจ้าตัวเข้ามากอดแน่นๆ หนึ่งที “ต่อจากนี้ถ้าต้องตัดสินใจทำอะไรก็คิดดีๆ หรือถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ก็ถามเต้นะ พี่เราฉลาดจะตายไป”

“พ่อจะบอกว่ามึงโง่อะมุข”

“ไอ้เต้!” ประมุขหันไปถลึงตาใส่พี่ชาย ตั้งท่าจะเข้าไปบวกกันอีกรอบ แต่พายุก็เดินเข้ามาแทรกแล้วยกมือลูบหัวเขาเป็นเชิงลา ก่อนจะลากพาฮ่องเต้เดินจากไปเสียก่อน

“ดูแลตัวเองด้วยไอ้น้องเอ๋อ!”

“กูไม่เอ๋อสักหน่อย...” สุดท้ายก็ทำได้เพียงพึมพำกับตัวเองแบบหงอยๆ เมื่อพ่อเดินตามหลังพี่เขยกับพี่ชายไปแล้ว เหลือเพียงเขาและบรรดาบอดี้การ์ของเกรย์ที่ยืนรออยู่

ประมุขเดินตามหลังวิคเตอร์ไปนั่งรอที่ห้องรับรองพิเศษของสนามบิน พอได้หย่อนก้นลงนั่งปุ๊บตัวก็ไหลไปตามโซฟาปั๊บ ท่าทางที่ดูไร้ชีวิตชีวาของนายอีกคนทำให้เหล่าการ์ดที่เฝ้ามองอยู่ได้แต่ขนลุกขนพอง กังวลไปหมดว่าเจ้าตัวจะเป็นอะไรหรือเปล่า และถ้าเจ้านายมาเห็นท่าทางแบบนี้เข้า...

ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าบรรยากาศจะเย็นเยียบชวนหนาวสันหลังเพียงใด

“วิคเตอร์”

ทว่าจู่ๆ คนที่เอนตัวอยู่ก็เด้งขึ้นมาเท้าคางกับพนักโซฟามองวิคเตอร์ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีร่าเริง ทำเอาคนที่ดูอยู่กะพริบตาปริบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูกกับการเปลี่ยนอารมณ์ที่รวดเร็วยิ่งกว่าอะไรดี

“ผมฟังอยู่”

“เกรย์ยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”

“นายบอกว่าอีกสิบห้านาที ให้คุณนอนรอก่อนก็ได้” วิคเตอร์ตอบคำถามแล้วเงียบไป ก่อนใบหน้าจะแข็งค้างเมื่อคนฟังพยักหน้าหงึกหงัก แล้วตบเบาะข้างตัวเบาๆ

“มานั่งคุยกันเถอะ ผมเหงาแล้ว” พูดไปแล้วก็มองไปรอบๆ เห็นสีหน้ากลั้นหัวเราะของพี่การ์ดคนอื่นๆ ก็นึกว่าอยากมานั่งด้วย เขาเลยฉีกยิ้มแล้วเชิญชวนอย่างใจกว้าง “คนอื่นๆ ก็มานั่งด้วยกันสิครับ เกรย์ไม่ว่าหรอก”

“ไม่เป็นไรครับ” อเล็กซ์ที่ยืนห่างจากวิคเตอร์ไปไม่ไกลกระแอมแล้วตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง เนื่องจากเมื่อครู่เกือบจะหลุดขำออกมา แล้วก็แทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยินประโยคถัดไปของนายคนใหม่ เห็นแบบนั้นประมุขก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ ถึงจะมีแค่การ์ดที่เขาสนิทด้วยไม่กี่คนที่ยอมแสดงท่าทีน่าตลกออกมาให้เห็น แต่นั่นก็มากพอจะทำให้อารมณ์หงอยๆ จางหายไปแล้ว

“ผมล้อเล่นน่า รู้อยู่หรอกว่าหน้าที่ของทุกคนคืออะไร”

“ล้อเล่นอะไรเหรอ” เสียงทุ้มต่ำของคนที่ไม่ได้เจอมาหลายวันทำให้ลูกแกะตัวกลมที่เอาแต่แกล้งชาวบ้านฉีกยิ้มกว้าง รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาคนมาใหม่อย่างว่องไว

“คุณมาแล้ว”

“อือ มาแล้ว” คนตัวสูงในชุดสูทเต็มตัวยิ้มจาง แขนอ้าออกรับลูกแกะน้อยเข้ามากอดให้หายคิดถึง และใช้โอกาสนั้นกวาดสายตามองการ์ดที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลลูกแกะ เมื่อได้รับคำตอบผ่านการแสดงออกว่าไม่ได้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เขาก็ก้มหน้าลงสนใจคนสดใสที่วันนี้ดูขอบตาดำผิดปกติอีกครั้ง “ทำไมขอบตาดำแบบนี้ นอนไม่หลับเหรอ”

“ครับ ไม่รู้ทำไมตอนกลางคืนนอนไม่หลับ ชอบมาง่วงตอนกลางวันแทนจนโดนเต้ตีตั้งหลายรอบ”

“เพราะฉันหรือเปล่า”

“ใช่ เพราะคุณเลย” ได้ทีลูกแกะก็โยนความผิดให้คนที่ไม่ยอมมาด้วยยกใหญ่ “เพราะคุณทำให้ผมนอนคนเดียวไม่ได้แน่ๆ”

หากเป็นคนอื่นพูดเกรย์คงคิดว่าเป็นคำพูดล้อเล่นขำๆ แต่พอมันเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากลูกแกะซึ่งกำลังทำหน้าจริงจัง เขาก็หัวเราะออกมาโดยไม่ได้ปฏิเสธอะไร

“งั้นเอาไว้ไปนอนต่อบนเครื่องนะ มีฉันอยู่ด้วยก็นอนหลับแล้ว”

“เราจะไปไหนกันเหรอ”

“ลงใต้น่ะ” คนพูดคลี่ยิ้มจาง ดวงตาเป็นประกายประหลาดแบบที่หากไม่สังเกตดีๆ คงมองไม่เห็น “ลูกแกะคงเบื่อกรุงเทพฯ ตอนนี้ฉันเคลียร์งานเสร็จแล้ว มีเวลาเที่ยวสบายๆ อยู่หลายวัน เราไปเที่ยวต่างจังหวัดกันดีกว่า”

“จริงเหรอ”

“จริงสิ... เดี๋ยวเราจะไปเจอคิงที่นั่นด้วยนะ ดูเหมือนพี่นายจะต้องเดินทางไปร่วมงานอะไรสักอย่าง”

“งั้นเรารีบไปกันเถอะ!” พอได้ยินว่าจะได้เจอพี่ชายคนโตอีกรอบ ประมุขก็ตาสว่างเต็มที่ รีบคว้าจับแขนคนข้างกายไว้แล้วดึงให้เดินออกไปด้วยกัน โดยมีการ์ดทีมเอตามหลังไปติดๆ

“ไม่ต้องรีบก็ได้ คิงจะออกเดินทางพรุ่งนี้ ไม่ใช่วันนี้เหมือนเรา”

ดูเหมือนคำพูดของเกรย์จะส่งไปไม่ถึงคนอารมณ์ดีที่จูงมือเขาเดินไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของลูกแกะน้อยที่น่าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่รู้ทางเงียบๆ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายพาเดินเล่นไปทั่วโดยไม่คิดขัด

แค่ได้เห็นท่าทีมีความสุขที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้... เขาก็รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่เร่งทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนในช่วงเวลาตลอดหลายวันที่ผ่านมา


---------------------------

TALK: ขออภัยที่หายไปนานเลยนะคะ เดือนนี้วุ่นวายหลายล้านประการมากกก ไม่มีเวลาอ่านทวนมาลงเลย แต่พอพ้นวันที่27ก็สบายตัวแล้วค่ะ จะมาอาทิตย์ละตอนเป็นอย่างต่ำน้า เจอกันแน่นอนน (เขียนจบแล้วด้วยเย้)

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #108 เมื่อ16-12-2018 20:51:30 »

 :pig4: :pig4: :pig4:
น้องมุขน่าเอ็นดูจริงลูก :impress2:

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #109 เมื่อ16-12-2018 20:54:34 »

ชอบความมีมิติของน้องมุขจังเลยค่ะ น่ารักน่าน้วยสุดๆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
« ตอบ #109 เมื่อ: 16-12-2018 20:54:34 »





ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #110 เมื่อ16-12-2018 21:01:30 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #111 เมื่อ17-12-2018 00:22:18 »

มีแต่คนตามใจจริงๆน่ะแหละ
เขาเอ็นดูหนูกันหมดเลยลูก  :katai2-1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #112 เมื่อ17-12-2018 00:27:01 »

ครอบครัวนี้น่ารักจังเลย  :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #113 เมื่อ17-12-2018 05:57:51 »

5555 อะไรที่จักรคิดว่าน้องสนิทกันมาก มากเกินพอดี
ก็น้องแค่บ้าบอ หยอกกันทุกคำไม่ให้ว่างแค่นั้นเอง

ประมุขน่ารัก น้องน้อยอะเนาะ ต้องมีอ้อนต้องมีหงอยอยู่แล้ว
แหมมม พอจะเจอเกรย์ ดีดเลยนะ เหมือนพ่อบอก ดีใจกว่าไปอีก

จักรเปิดใจ อะไรก็ดี ทุกคนมีความสุข

แต่ตอนนี้เหมือนไม่ได้แค่ไปเที่ยวไหม หรือยังไงนะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #114 เมื่อ19-12-2018 03:04:14 »

ลูกแกะของคุณเกรย์ ขี้อ้อนมากกกกกก  :-[

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #115 เมื่อ20-12-2018 12:23:54 »

 :pig4:

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #116 เมื่อ21-12-2018 01:18:03 »

ลูกแกะติดคุณเกรย์มาก สนุกค่ะ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #117 เมื่อ21-12-2018 16:50:18 »

น่ารักดี

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #118 เมื่อ27-12-2018 22:54:18 »

ลูกชายบ้านนี้ชวนให้หลงทุกคนเลย น่ารักมากกก :-[

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.7]=[P.4]==[16/12/18]
«ตอบ #119 เมื่อ31-12-2018 20:27:09 »

-8-


“ทำหน้าคิดหนักอะไรอยู่”

“เกรย์...” ประมุขหันไปยิ้มให้คนที่เดินมาจากด้านหลัง รอให้อีกฝ่ายนั่งลงข้างกายแล้วจึงขยับเข้าไปใกล้จนแนบชิด เอียงตัวพิงโดยใช้โซฟาช่วยรับน้ำหนัก เป็นท่าทางออดอ้อนประจำตัวที่ใครมองก็ได้แต่อมยิ้ม ยิ่งเป็นคนที่โดนอ้อนยิ่งแล้วใหญ่

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า ผมแค่คิดอะไรเพลินๆ”

“คิดเพลินซะหน้าเครียดเชียว” เกรย์ลูบหัวคนในอ้อมแขนเบาๆ ก่อนจะดันคางให้เงยขึ้นสบตาเขา แค่มองเห็นดวงตาสดใสคู่นั้นดูผิดแปลกไปจากเดิมเพียงนิดเดียว เขาก็รู้แล้วว่าเรื่องที่ลูกแกะคิดอยู่ต้องไม่ใช่เรื่องทั่วไปแน่นอน “บอกฉันสิว่าอะไรทำให้ลูกแกะคิดมาก”

“ผมแค่...คิดว่ามีเรื่องอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด ทั้งเรื่องแม่แล้วยังมีเรื่องคนที่พยายามจะหาเรื่องคุณด้วย” แม้เรื่องแรกจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง เพราะแม่น่าจะเปิดศึกกับพี่จักรมากกว่า แต่อย่างไรพี่จักรก็เป็นพี่ชายของเขา ส่วนเรื่องหลังที่เป็นเรื่องของเกรย์นั่นเรียกว่าได้รับผลกระทบตรงๆ เพราะฝั่งนั้นน่าจะเหมารวมเขาไปด้วยแล้ว

พอคิดมาถึงตรงนี้ก็อดเครียดไม่ได้...

“อย่าคิดมากเลย...” คนที่เฝ้ามองสีหน้าและท่าทางของประมุขมาโดยตลอดบอกเสียงอ่อน มือข้างที่โอบไหล่เจ้าตัวไว้วางทาบลงบนหน้าผากขาว ดันให้เงยกลับมามองหน้ากันอีกครั้ง “ฉันจะดูแลลูกแกะเอง”

“แล้วคุณไม่เหนื่อยเหรอ”

“หืม”

“คุณทำอะไรคนเดียวตั้งหลายอย่าง ไม่เหนื่อยเหรอครับ”

คำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินทำเอาคนฟังชะงักค้างไปครู่ใหญ่ เกรย์กะพริบตาช้าๆ มองสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่มีอะไรแอบแฝงของลูกแกะเงียบๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ขณะประทับริมฝีผากลงบนขมับอีกคนเป็นเชิงปลอบประโลม

“ฉันไม่เป็นไรหรอก” อันที่จริงต้ังแต่จำความได้ก็เคยชินกับอะไรพวกนี้อยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อมีคนเป็นห่วง สิ่งที่ถูกกักเก็บไว้จะโดนดึงออกมาจนหมด เขาเพิ่งเข้าใจว่าตัวเองเหนื่อยหน่ายกับเรื่องราวน่ารำคาญพวกนี้ขนาดไหน ใจจริงถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล ไปใช้ชีวิตเงียบๆ แบบที่ไม่ต้องแบกอะไรมากมายไว้บนบ่ากับลูกแกะสองคน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้...

“เกรย์...”

“แค่นายอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก” กับคนน่ารักที่ไม่เคยพูดจาเป็นห่วงตัวเองเลยสักนิด ยังไงเขาก็ต้องดูแลให้ดี จะไม่ยอมให้มีใครหรืออะไรมาทำร้ายโดยเด็ดขาด

“ผมบอกคุณแล้วว่าไม่ไปไหนแน่นอน” ประมุขในชุดนอนลายแกะสีขาวสะอาดหันไปกอดเกรย์ไว้แน่น แต่ไม่รู้กอดยังไง ไปๆ มาๆ ตาเริ่มปรือจนถูกแกะมือออก ดันให้นอนลงบนตักดีๆ ก็เหมือนจะไม่รู้สึกตัว ทั้งยังขยับขยุกขยิกหาท่านอนอย่างสบายอกสบายใจอีกต่างหาก

“เดี๋ยวคิงจะมาหานะ ไม่รอเจอก่อนเหรอ”

“ฮื่อ…” รับคำคล้ายอยากเจอ แต่สุดท้ายก็นิ่งสนิทไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เกรย์มองตามแล้วลูบหัวให้อย่างอ่อนใจ

หลังจากที่เดินทางมายังภาคใต้ โดยพูดคุยเอาไว้ว่าจะพากันเที่ยว สองวันมานี้ประมุขยังไม่ได้ออกไปไหน เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องกับเขาทั้งวัน เจ้าตัวบอกว่าได้ยินวิคเตอร์รับโทรศัพท์ ฟังดูก็รู้ว่าเกรย์ถูกตามให้จัดการงาน เพราะดันปิดโทรศัพท์เพื่อรักษาสัญญาจะพาไปเที่ยว จากนั้นมาลูกแกะตัวน้อยก็บอกให้เคลียร์งานอีกวันสองวัน เอาไว้เจอพี่ชายก่อนค่อยไปเที่ยวกันก็ได้

สุดท้ายที่อุตส่าห์พาลูกแกะไปพักโรงแรมริมทะเลระหว่างรอเวลานัดก็เปล่าประโยชน์ เขาใช้เวลาสองวันจัดการงานยิบย่อย ตอนเช้าของวันนี้ถึงได้ย้ายมานอนโรงแรมเดียวกันกับเพื่อน เพื่อรอพูดคุยกันในตอนกลางคืนก็คือตอนนี้

แต่นี่ก็ดึกมากแล้ว...

หนุ่มต่างชาติตาฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด รอกระทั่งปลายสายกดรับแล้วจึงออกคำสั่งสั้นๆ ได้ใจความในประโยคเดียว

“อีกสิบนาทีถ้ายังไม่มาบอกว่าฉันนอนแล้ว”

[คุณคิงขึ้นลิฟต์มาแล้วครับนาย]

“อา... งั้นให้เข้ามาได้เลย”

โชคดีที่ก่อนเขาจะตัดสินใจพาลูกแกะไปนอนในห้อง คนที่เหมือนรู้ทันกันไปหมดเพราะคบมานานก็โผล่มาพอดีเสียก่อน เกรย์ก้มลงมองหน้าลูกแกะอย่างใจเย็น กระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูจึงใส่หน้ากาก ยกยิ้มขึ้นช้าๆ เนื่องจากรู้ดีว่าเพื่อนคงพาคนสำคัญมาด้วย เขาหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะยกนิ้วแตะริมฝีปากเพื่อบอกให้เงียบโดยไม่ได้อธิบายอะไร รอจนทั้งคู่เดินมาตรงหน้าแล้วจึงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

“มุข” เสียงเรียกของคนหวงน้องดังขึ้นพร้อมกันกับที่ใบหน้าเย็นชาของจักรพรรดิแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวน่ากลัว ชายหนุ่มบนรถวีลแชร์เบนสายตาดุดันไปมองเพื่อน แล้วเอ่ยเตือนโดยใช้ภาษาฝรั่งเศสที่เข้าใจกันเพียงสองคน “นายบอกว่าจะไม่แตะต้องเขา”

“ก่อนเวลา” เกรย์ต่อคำโดยใช้ภาษาไทยแปร่งๆ ของตัวเอง “ไอบอกว่าจะไม่แตะต้องลูกแกะก่อนเวลา”

“…”

“ไม่เอาน่าคิง... นี่มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนะ”

อันที่จริงจักรพรรดิควรจะขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำที่ยอมอดทนรอมาจนถึงตอนนี้ ทั้งที่คนอย่างเกรย์ หากอยากได้อะไรแล้วไม่เคยต้องรอ ขอแค่ชี้นิ้วสั่งทุกสิ่งก็พร้อมจะมากองอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญานั่น เขาก็คงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองและลูกแกะรอนานขนาดนี้

“เราเลิกพูดเรื่องลูกแกะของฉันแล้วมาคุยกันเรื่องของนายดีกว่าไหม ฉันยังอยากรักษาสัญญาอีกข้อของเราอยู่นะ” เกรย์เอ่ยเตือนเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ภีมภัทรเข้าใจด้วย ขณะที่มือยังคงลูบหัวลูกแกะตัวน้อยที่เริ่มขยับตัวอย่างอ่อนโยน

ดูท่าอีกสองคนในห้องคงไม่ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของคนที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล ซึ่งเหมือนว่าเจ้าตัวเองก็ไม่ได้อยากให้รู้เท่าไหร่นัก เห็นแบบนั้นเกรย์จึงไม่ได้พูดบอกอะไร เพียงปล่อยให้ลูกแกะแอบฟังตามที่ต้องการ

“คือว่า...” ภีมภัทรที่นั่งเงียบมานานเอ่ยแทรกขึ้นมาลอยๆ ใบหน้าดูงุนงงจนถึงขีดสุด “สัญญาที่ว่านี่อะไรเหรอ บอกได้ไหม”

“อา...บอกได้ไหมคิง” เพียงแค่ได้เห็นท่าทีมึนตึงของเพื่อนที่ไม่ได้เห็นมานาน เกรย์ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้ใส่ใจบรรยากาศที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองหน้าเพื่อนด้วยความสนใจ คิดว่าคนอย่างคิงจะเล่าเรื่องราวในอดีตให้ภีมภัทรฟังหรือเปล่า และการที่อีกฝ่ายดึงมือคนสำคัญให้นั่งลงบนโซฟาก็เป็นคำตอบของคำถามนั้น

“เมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนที่พี่รู้จักเกรย์เราเคยสัญญากันไว้สองข้อ”

“สัญญา...”

“ข้อแรกคือถ้าพี่ยอมให้รูปถ่ายรูปหนึ่งกับเกรย์ เขาจะยอมช่วยจนกว่าพี่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของมินตรา”

เกรย์ก้มหน้าลงมองลูกแกะน้อยที่ตัวกระตุกราวกับได้ยินเรื่องไม่คาดฝันแล้วยกยิ้มจาง คงเพราะเขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังตั้งแต่แรกก็เลยตกใจ ท่าทางน่าเอ็นดูของคนแกล้งหลับทำเอาเขาเกือบอดใจไม่ไหว อยากจะก้มลงไปจูบหน้าผากขาวๆ นั่นเหลือเกิน แต่ขืนทำอย่างนั้นเห็นทีคงมีคนพุ่งเข้ามาบีบคอแน่

“รูปถ่าย...” เสียงพึมพำด้วยความงุนงงของภีมภัทรทำให้เกรย์รู้สึกตัวอีกครั้ง เขาหยิบรูปถ่ายที่ว่าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเรียกให้อีกคนหันมาดู

“รูปนี้ไง”

“พี่พกรูปนี้ไว้ในกระเป๋าตอนที่ถูกแม่พาตัวไป ใครจะไปคิดว่าแค่หยิบขึ้นมามองแล้วจะโดนเจ้านั่นหมายตาแทบจะทันที นอกจากนั้นยังกล้าฉีกรูปอีกครึ่งที่มีพี่กับเต้ออกด้วย” จักรพรรดิเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่เจือความไม่พอใจเอาไว้จนเต็มเปี่ยม

“ฉะ...ฉีกออก”

“ก็ไออยากได้แค่รูปของลูกแกะนี่นา” เกรย์แสร้งจีบปากจีบคอพูดเป็นภาษาไทยเพื่อเสริมความน่าหมั่นไส้ให้ตัวเอง แล้วมันก็ได้ผลเมื่อเพื่อนสนิทหันมาจ้องเขาด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อ

“เพราะเห็นว่าเกรย์สนใจมุขจริงๆ...จริงมากเกินไป พี่เลยขอให้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องมุขก่อนเวลาที่สมควร”

“พี่จักรรักน้องๆ น่าดูเลยนะครับ”

“ถึงแม้พอเวลาผ่านไปพี่จะจำความทรงจำที่มีกับน้องได้ไม่มากนัก แต่รูปที่เก็บไว้ทำให้พี่ไม่เคยลืมว่าเต้กับมุขคือน้องที่ต้องดูแล...ถึงจะโดนฉีกไปคนก็เถอะ”

“ถ้าภีมรู้ล่วงหน้าว่าพี่จักรจะไป ภีมจะหารูปตัวเองให้พี่เอาติดตัวไปด้วย”

“ถ้าพี่รู้ล่วงหน้า พี่ก็จะมาขอรูปภีมไปเหมือนกัน”

เกรย์นั่งมองท่าทีอ่อนโยนที่ไม่เคยเห็นของคิงผู้แสนเย็นชาด้วยความสนอกสนใจ และสุดท้ายเขาก็ลอบยิ้มออกมาอย่างจริงใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้เพื่อนมีคนคอยดูแลแล้ว ถึงจะทำเหมือนนึกถึงแต่เรื่องของผลประโยชน์ แต่คนที่คบกันมานานย่อมมีความหวังดีต่อกัน หากไม่นับลูกแกะกับครอบครัว ผู้ที่อาจนับได้ว่ามีความสำคัญกับเขาก็คงมีเพียงคิงเท่านั้น

แต่ตอนนี้คงปล่อยให้หวานกันต่อไม่ได้... เพราะลูกแกะคงไม่อยากแกล้งหลับแล้ว

“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ไอจะได้พาลูกแกะกลับเข้าไปนอนในห้องเสียที” เขาเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นเล็กน้อย ดวงตาและริมฝีปากไม่มีรอยยิ้มเหมือนเคย

“ว่ามา”

“ข้อมูลผิดกฎหมายของบริษัทหลังจากที่แม่นายเข้ามาบริหารงานด้วยตัวเองรวมถึงคนผิดทั้งหมดถูกรวบรวมไว้แล้ว ทั้งจากที่นายเคยรวบรวมไว้ให้ แล้วก็จากที่ฝ่ายนั้นพยายามเอางานผิดกฎหมายมาเสนอขายฉัน เหลือแค่รอคำสั่งจากนายว่าจะให้เปิดเผยตอนไหน แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าแม่นายจะโยนความผิดมาให้ ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน แต่นายแค่อาจต้องกลับไปจัดการอะไรๆ ที่ฝรั่งเศสสักพัก” ประโยคบอกเล่าเป็นภาษาอังกฤษที่จงใจให้ภีมภัทรและคนแกล้งหลับฟังรู้เรื่องไปด้วยทำให้บรรยากาศรอบห้องดูอึดอัดกว่าที่เคย

เกรย์ลอบมองท่าทีของเพื่อนสนิทก็บอกได้ในทันทีว่าคิงที่เคยอยู่เหนือใครกำลังรู้สึกเช่นไร แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวซึมซับความอ่อนโยนจากใครบางคนมามากหรือเพราะอะไร เขาก็จะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังอีก

ยังมีอะไรอีกมากที่ต้องจัดการ...

“ฉันเคารพการตัดสินใจของนาย จะเอายังไงก็ว่ามา” เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วนั่งรอคำตอบอย่างใจเย็น

“วันนี้มินตราส่งคนเข้ามาใกล้ฉันกับภีม” จักรพรรดิเริ่มเอ่ยขึ้นถึงเรื่องที่กังวลใจ “พวกนั้นเข้ามาถึงตัวฉันได้ง่ายๆ ถ้ามินตราได้เข้าไปอยู่ในคุกแล้วเกิดแค้นขึ้นมาจริงๆ ฉันกลัวว่าภีมจะเป็นอันตราย”

“ตอนนี้ก็อันตรายอยู่แล้วคิง...ก็แค่แม่นั่นยังไม่กล้าพอจะเล่นจนมีอันตรายถึงชีวิต คนจิตใจต่ำตมแบบนั้นพอถึงเวลาต้องกล้าทำแน่ และถ้ายังปล่อยให้ลอยไปลอยมาสั่งการอยู่ข้างนอก มันคงน่ากลัวกว่าให้ไปสั่งการอยู่ในคุกมากเลยล่ะ” เกรย์พูดออกมาตามความจริงโดยไม่มีท่าทีล้อเล่นเหมือนเคย “ฟังนะคิง...ฉันรู้ว่านายไม่อยากให้ฉันช่วยไปมากกว่านี้ แต่ถ้าอยากปกป้องคนที่อยู่ข้างนาย ยอมลดศักดิ์ศรีลงแล้วให้คนของฉันไปติดตามนายซะ พอส่งแม่นั่นเข้าคุกจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องใครจะมาทำร้ายอีก เก็บกวาดได้หมดนายก็ค่อยคืนคนมาก็แค่นั้น”

“…”

“ฉันพูดในฐานะเพื่อน...” เขาเว้นช่วงไปเล็กน้อยยามก้มลงมองคนบนตัก “และช่วยในฐานะน้องเขย”

“เกรย์” จักรพรรดิจ้องหน้าคนที่สถาปนาตัวเองเป็นน้องเขยของเขาด้วยแววตาดุดัน บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่จางหายไปกว่าครึ่ง และมันช่วยให้ภีมภัทรที่นั่งลุ้นอยู่หายใจได้คล่องขึ้นเล็กน้อย

“เก็บไปคิดเถอะคิง อย่าลืมว่าตอนนี้ถึงนายจะมีธุรกิจที่ทำร่วมกับฉันหรือมีหุ้นที่เล่นไว้เยอะขนาดไหน แต่อำนาจของนายมันไม่ได้ต่างไปจากคนธรรมดา ถ้าคิดจะสู้กับคนแบบนั้น ให้ฉันช่วยดีที่สุดแล้ว”

“…”

“มันคือสายใยระหว่างแม่ลูกใช่ไหม” เกรย์ชักสีหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเพื่อนสนิท

“ฉัน…”

“ต่อให้โดนทำร้ายขนาดไหน วางแผนจะเอาคืนมานานกี่ปี แต่นั่นก็คือแม่แท้ๆ เพราะแบบนั้นนายถึงลังเลว่าควรจะส่งหล่อนเข้าคุกด้วยตัวเองหรือเปล่า” เขายังคงพูดจี้ใจดำเพื่อนต่อไป และไม่ได้คิดจะหยุดอยู่แค่นั้น แต่เมื่อรับรู้ได้ว่าคนแกล้งหลับเริ่มขยับตัวขยุกขยิกด้วยความไม่สบายใจจึงต้องถอนหายใจออกมาแล้วเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ “เอาเถอะ...ฉันเองก็เข้าใจ เพราะงั้นใช้เวลาคิดให้คุ้มค่าก็แล้วกัน อย่าให้มันนานเกินไปจนนายต้องสูญเสียก็พอ”

“อืม”

“ฉันไม่อยากให้ลูกแกะร้องไห้” คนพูดหยิบมือขาวของประมุขขึ้นมาแล้วกดจูบลงไปเบาๆ ต่อหน้าต่อตาจักรพรรดิ แต่คงเพราะมีอะไรอยู่ในหัวมากมาย พี่ชายหวงน้องจึงไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา นอกจากหันไปหาคนข้างกายและบอกให้อีกฝ่ายพากลับห้อง

หลังจากคนทั้งคู่ออกไปจากห้องแล้ว ผู้ที่หลับตานิ่งมาตลอดก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ประมุขหมุนตัวเข้าไปหาเจ้าของตัก ก่อนจะกอดเอวแกร่งไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“ถ้าเป็นลูกแกะ...จะตัดสินใจแบบไหนเหรอ” เกรย์ถามขึ้นลอยๆ ขณะที่มือยังลูบหัวทุยของคนขี้อ้อนเบาๆ

“ไม่รู้” เสียงอู้อี้ตอบกลับ “ผมคงไม่กล้าตัดสินใจ”

“อืม…”

“แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ” ประมุขเงยหน้าขึ้นถาม พริบตาหนึ่งเขาเห็นดวงตาคู่นั้นฉายแวววาววับน่ากลัวจนเกือบเผลอผละกายออกห่างถ้าไม่ติดว่าคนรู้ทันรั้งตัวไว้ก่อน

“ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนพี่นายหรอกนะ เพราะนอกจากจะไม่ส่งตำรวจแล้วฉันยังจะหั่นมันเป็นชิ้นๆ ด้วย” คำพูดเหล่านั้นดูขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับใบหน้าอ่อนโยนยามก้มลงมองหน้าเขา ประมุขเผลอกำชายเสื้อนอนสีดำแน่นและเกือบจะแสดงความหวาดกลัวให้ได้เห็น แต่แล้วเมื่อได้ยินประโยคต่อไปเขาก็ชะงักและเป็นฝ่ายขยับเข้าไปกอดคนตัวโตเอาไว้ด้วยตัวเอง “และถ้าคนที่ต้องเจ็บปวดเป็นนาย...”

“…”

“ฉันจะทำให้มันตายทั้งเป็น”

“ฮือ น่ากลัว”

“น่ากลัวแล้วยิ้มทำไม” เกรย์หัวเราะเมื่อเห็นลูกแกะอมยิ้มจนแก้มพอง เหมือนจะพออกพอใจกับคำตอบของเขาสุดๆ แต่กลับบอกว่าน่ากลัวออกมาซะอย่างนั้น น่าตีจริงๆ

“เออใช่...” คนที่เอาแต่ยิ้มขยับขยุกขยิก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ที่คุณบอกพี่ว่าผู้หญิงคนนั้นเอางานผิดกฎหมายมาเสนอแล้ว..."

“อา... ตอนนี้แม่มดเดินเข้ามาในกับดับที่เราวางไว้แล้ว ฉันมีหลักฐานทุกอย่างที่จะทำให้เธอไม่อาจโผล่ออกมาข้างนอกได้อีกตลอดชีวิต เหลือก็แต่รอการตัดสินใจของพี่ชายนายเท่านั้น”

“อือ…”

เกรย์มองใบหน้าคิดหนักของลูกแกะน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร แม้ตอนเพื่อนทำเหมือนจะใจอ่อนกับคนที่ทำร้ายตัวเองมาโดยตลอดเขาจะแอบหงุดหงิดกับความอ่อนแอนั้นอยู่ไม่น้อย ทว่าเมื่อคนที่คิดมากกลายเป็นลูกแกะ ความรู้สึกแบบนั้นกลับไม่มีอยู่ในหัวเลยสักนิด

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” อ้อมแขนที่กอดรัดไหล่ผอมเอาไว้ออกแรงบีบกระชับมากกว่าเดิม “คนอย่างแม่มดไม่มีทางยอมถอย ถึงยังไงคิงก็ต้องถูกบีบให้ลงมืออยู่ดี”

และถ้าคิงไม่ยอมลงมือ...

หากเขาเห็นว่าแม่นั่นคิดจะดึงลูกแกะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเมื่อไหร่ ครั้งนี้จะไม่มีคำว่าใจเย็นเหลืออยู่อีกต่อไป








เช้าวันถัดมา หลังจากเมื่อคืนประมุขนอนหลับคาอกของคนตัวโตบนโซฟา เขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนิ่มแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครพามา ใบหน้าของเกรย์ในยามหลับไม่ได้ดูอ่อนโยนไร้พิษสงแบบใครเขา ทว่ากลับดูเฉยชาน่ากลัว มีอำนาจโดยไม่ต้องทำอะไร กระทั่งตอนหลับก็ยังไม่อาจลดทอนมันลงไปได้

หลังจากเขี่ยหน้าคนที่ปกติจะรู้สึกตัวไวจนมั่นใจว่าอีกคนคงเพิ่งนอนได้ไม่นาน เพราะน่าจะเคลียร์งานจนดึก เขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปอาบน้ำช้าๆ โดยไม่ได้ปลุกคนหลับขึ้นมาเหมือนทุกที เนื่องจากรู้ดีว่าที่เกรย์ยอมหลับสนิทแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่มีค่าเอามากๆ ช่วงแรกที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน อีกฝ่ายมักจะตื่นง่ายเหมือนยังไม่คุ้นชินกับการมีคนมานอนอยู่ข้างๆ พอเห็นทุกอย่างเริ่มแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นก็อดดีใจไม่ได้

“คุณจะไปไหน”

เสียงทักที่ดังขึ้นแทบจะทันทีที่เปิดประตูห้องทำเอาคนที่หลงลืมไปเสียสนิทว่าหน้าประตูมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสะดุ้งจนตัวโยน แต่พอเห็นว่าเป็นวิคเตอร์ที่ยืนจ้องกันอยู่ก็ถอนหายใจออกมาจนหมดปอด

“จะไปซื้อกาแฟข้างล่างครับ พาผมไปหน่อยนะ” ประมุขยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ดื้อเพ่งจะลงไปคนเดียวให้ใครรำคาญใจ แต่ร้องขอในสิ่งที่รู้ดีว่ายังไงการ์ดก็ต้องอนุญาต สุดท้ายก็มีวิคเตอร์กับอเล็กซ์เดินตามหลังมาด้วยสองคน ขณะที่บนห้องยังคงมีคนอื่นๆ ยืนเฝ้าระวังให้เจ้านายที่ยังไม่ตื่นนอนตามปกติเหมือนเคย

พื้นที่ด้านล่างของโรงแรมที่ประมุขพักอยู่มีร้านกาแฟชื่อดังตั้งอยู่ด้านใน เมื่อเดินมาเห็นว่าร้านไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรนัก อีกทั้งยังไม่มีลูกค้า เขาจึงบอกให้วิคเตอร์กับอเล็กซ์ยืนรออยู่หน้าประตูร้าน แล้วเดินเข้าไปส่ังกาแฟด้านในเพียงลำพัง เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงหันไปยืนมองตู้กระจกเพื่อเลือกของกินต่อด้วยความสนอกสนใจ

“ซื้ออะไรให้เกรย์ดีนะ...”

คนสบายๆ ที่พิถีพิถันอยู่แค่เรื่องเดียวคือเรื่องความชอบของคนสำคัญจ้องมองขนมให้ตู้อยู่นาน ลังเลไปหมดว่าจะเลือกอันไหนดี อาจเรียกได้ว่ามีสมาธิยิ่งกว่าตอนซ้อมบทละครเสียอีก กระทั่งมีใครบางคนเดินมายืนอยู่ด้านข้างก็ยังไม่รู้สึกตัว

“เธอ…” เสียงเรียกเป็นภาษาไทยที่ดังขึ้นในระยะประชิดทำให้คนที่กำลังก้มหน้ามองของกินต้องยืดตัวตรงแล้วหันไปมองคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจ แต่แล้วเมื่อได้เห็นใบหน้าสะสวยของหญิงสาววัยกลางคน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆ จางหายไปช้าๆ

ระยะเวลานับสิบปีที่ไม่ได้เจอหน้าไม่ได้ทำให้ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่สะท้อนความโลภและมักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินตัวนั่น ไม่ว่าจะผ่านมานานเพียงไรก็ยังคงเป็นเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ประมุขกลับมาคลี่ยิ้มอีกครั้งเมื่อรู้สึกตัว หากรอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา มือสองข้างลอบกำกางเกงเอาไว้แน่น ขณะหันไปส่ายหน้า ส่งสัญญาณไม่ให้วิคเตอร์กับอเล็กซ์เดินเข้ามาหาในตอนนี้

เขาอยากรู้ว่าเธอจะพูดอะไร...

“ไม่เจอกันนาน ทักทายแม่แบบนี้เหรอ” รอยยิ้มน่าสะอิดสะเอียนปรากฏขึ้นบนใบหน้าสะสวยของคนจิตใจสกปรกที่ประมุขนึกชังมาโดยตลอด และยิ่งได้รู้ว่าเธอทำอะไรกับพี่จักรเอาไว้บ้าง เขาก็ยิ่งเกลียดเธอมากขึ้นเท่านั้น

“คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า”

“อกตัญญูจริงๆ...” มินตราฉีกยิ้ม ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้ลูกชายคนเล็กที่ไม่ได้เจอมานาน “ไปบอกพี่ชายของเธอซะ ว่าถ้ามันทำให้ไอ้ฝรั่งนั่นเลิกยุ่งกับฉันได้ ฉันจะยอมคืนฐานะให้มัน”

วินาทีที่ได้ยินคำพูดของแม่แท้ๆ ประมุขเผลอกำหมัดแน่น ดวงตาที่ใสซื่ออยู่เสมอทอประกายเกลียดชัง กระทั่งหลุดปากพึมพำออกไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

“จะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้วยังไม่รู้สึกตัว...”

“แกว่าอะไรนะ!”

“คุณลูกค้า... กาแฟได้แล้วครับ”

ประมุขหันกลับไปยิ้มขอบคุณพนักงานที่มองมาแบบหวาดๆ มือรับแก้วกาแฟมาถือไว้แล้วหันกลับไปมองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่แท้ๆ อย่างไร้ความรู้สึกอีกครั้ง

“ลาก่อนครับ” เขาพูดเพียงเท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นฝ่ายเดินจากไปก่อน เพราะไม่ต้องการให้แม่เห็นว่าตัวเองมีการ์ดตามติดมาด้วย ดูท่าทางเธอคงไม่รู้เรื่องระหว่างเขากับเกรย์ ไม่อย่างนั้นคงไม่นิ่งขนาดนี้แน่

ต่อให้เป็นลูกแกะซื่อบื้อ แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนสำคัญประมุขไม่มีทางประมาท ในเมื่อไม่มีกำลังพอจะทำอะไร เขาก็จะไม่ยอมเป็นภาระ ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อต่อรองกับเกรย์โดยเด็ดขาด

ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่จ้องมองลูกชายคนเล็กด้วยแววตากราดเกรี้ยว หากก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สาธารณะ เธอปรายตามองเด็กที่เคยขี้กลัวซึ่งตอนนี้ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ประมุขมองแม่แท้ๆ เดินหายไปจนลับสายตาแล้วจึงเดินเข้าไปหาการ์ดทั้งสองคนที่ยืนรออยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากส่งยิ้มไปให้ และเดินไวๆ ไปที่ลิฟต์เพราะอยากเจอคนคนหนึ่งไวๆ จนขึ้นมาถึงห้องแล้วคนที่ตามหลังมาตลอดก็ไม่ได้พูดถาม เหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะอย่างไรประมุขก็ต้องเล่าให้เจ้านายฟัง

ตอนแรกประมุขคิดว่าเขาไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวอะไรต่อแม่แล้ว เพราะไม่ได้เจอกันมานาน แม้จะมีหวาดๆ บ้างยามนึกถึง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่คิดเลยว่าแท้จริงเขายังคงหวาดกลัวผู้หญิงคนนั้นอยู่มาก ภาพเหตุการณ์ที่เธอเคยบีบแขน พยายามเอาตัวเขาไป หรือพูดจาไม่ดีใส่สมัยเป็นเด็กยังคงตามหลอกหลอน ช่วงแรกๆ ที่รู้เรื่องแม่กับพี่จักรก็ฝันร้ายจนเกรย์ต้องปลุกขึ้นมากอด พอเผลอเล่าเหตุการณ์ในวัยเด็กให้ฟัง คนคนนั้นก็ทำแววตาดุดัน ก่อนจะบอกว่าจะเอาคืนให้อย่างสาสม

นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกปลอดภัยที่สุด... เพราะงั้นตอนนี้ต้องรีบกลับไปหา

“ฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงเย็นชาที่ดังขึ้นมาจากคนที่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาทำให้ประมุขก้าวเท้าช้าลงเล็กน้อย เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหา รอจนคนที่ยังอยู่ในชุดนอนหันมาเห็นและอ้าแขนออกจึงโถมตัวเข้าไปกอดไว้แน่น

“คุยต่อเถอะครับ” พอยึดพื้นที่ประจำตัวมาได้แล้วเขาก็เงยหน้ากระซิบบอกคนข้างกายที่กำลังคุยโทรศัพท์ยิ้มๆ คราวนี้เกรย์หัวเราะออกมา ก่อนจะส่งมือมาลูบหัวกันด้วยความเอ็นดู แม้แต่ภาษาที่ใช้ก็เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ เหมือนอยากให้เขารู้เรื่องด้วย

“ธุระยิบย่อยช่างมันก่อน เอาเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยเป็นหลัก...อืม...ถึงเวลาต้องเร่งอะไรต่อมิอะไรได้แล้ว ดูเหมือนแม่นั่นจะบังอาจมายุ่งกับคนของฉัน”

ประมุขตาโตเมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนจะรู้ว่าเขาเพิ่งไปเจอกับแม่แท้ๆ มา ซึ่งเมื่อได้เห็นดวงตาเป็นประกายแวววาวของคนสำคัญ คำถามทั้งหมดในใจก็จางหายไป

หากเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขา... ไม่มีเรื่องไหนที่เกรย์ไม่รู้

“ทำยังไงก็ได้ให้บริษัทนั่นตกต่ำลงจนถึงขีดสุด เดี๋ยวแม่มดก็หาทางดิ้นด้วยวิธีโง่ๆ เอง ทีนี้คิงจะได้ตัดสินใจเด็ดขาดเสียที” ความดุดันเย็นชาที่ถูกส่งผ่านมาทางน้ำเสียงของคนที่ดูราวกับคาดเดาเหตุการณ์ทั้งหมดได้อยู่แล้วทำให้ประมุขเผลอย่นคิ้วจนหน้ามุ่ย ต้องแอบสะกิดเตือนให้คุณเกรย์รู้สึกตัวสักหน่อย

“น่ากลัว” เขากระซิบบอกเมื่อเกรย์ก้มลงมองเป็นเชิงถาม แล้วก็ได้รับรอยยิ้มขำขันตอบกลับมา

“เราจะรับศึกสองทางไม่ได้ นายรีบจัดการตามที่บอก ส่วนอีกเรื่อง...ฉันให้เวลามามากพอแล้ว หาข้อมูลมาให้มากกว่านี้ อย่าทำให้ฉันผิดหวัง จิม”

หลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้ว เกรย์ก็หันกลับมาบีบลูกแกะโดยใช้อ้อมแขนของตัวเองด้วยความมันเขี้ยว บีบไปบีบมาจนลูกแกะเริ่มหัวเราะคิกคักถึงได้ยอมปล่อยออก

“คุณรู้เรื่องที่ผมเจอผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอครับ”

“ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่วิคเตอร์ต้องรายงานฉันอยู่แล้ว” เขาตอบตามความจริงพลางบีบจมูกลูกแกะไปหนึ่งทีคล้ายเป็นการลงโทษ “ทำไมไม่ปลุกให้ลงไปด้วยหืม”

“เห็นคุณนอนสบายก็เลยไม่อยากปลุก เออใช่...” ลูกแกะน้อยกระดุกกระดิกให้หลุดออกจากอ้อมกอด ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นหันมาสบตาเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนที่เจอแม่ เธอบอกให้ผมบอกพี่จักรว่าถ้าเขาทำให้คุณเลิกยุ่งเรื่องของเธอได้ เธอจะคืนฐานะให้เขา”

“งั้นเหรอ...” เกรย์รับคำเสียงเรียบ ไร้ซึ่งความประหลาดใจ ไม่แปลกที่แม่มดจะไม่รู้เรื่องระหว่างเขากับลูกแกะ ยังดีที่มีดวงอยู่บ้าง ไม่คิดดึงเด็กคนนี้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องรอให้คิงตัดสินใจอะไรอีกแล้ว “แล้วลูกแกะตอบว่ายังไง”

“ผมโกรธจนไม่ได้ตอบอะไรเลย”

“เหรอ...” เกรย์รับคำยิ้มๆ โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งที่รู้ดีว่ายังไงแม่มดก็ต้องพูดจาไม่ดีใส่ลูกแกะแน่ๆ แต่ในเมื่อเจ้าตัวอยากให้มองข้ามไป เขาก็จะยอมทำตามนั้นแล้วกัน

“คุณรีบไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้ออกมากินข้าวกัน”

“โอเค... แต่วันนี้ลูกแกะไม่ต้องทำอาหารนะ ฉันสั่งเอาไว้แล้ว นั่งดูทีวีไปก่อนเลย”

“อื้อ”

เกรย์ลูบหัวคนที่พยักหน้าหงึกหงักรับคำด้วยความรักใคร่ ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในส่วนของห้องนอน ทว่าเขาไม่ได้เดินเข้าไปในห้องน้ำตามที่พูดในทันที แต่เลือกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารอการรายงานแทน

แล้วก็ตามคาด...

[คุณประมุขลงไปที่ห้องคุณคิงแล้วครับ]

การเคลื่อนไหวทุกอย่างของลูกแกะอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด...

แม้แต่เรื่องที่แม่มดมาเหยียบไทย เขาก็รู้ว่าเธอจะมาถึงตอนไหนตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะจองตั๋วเมื่อไหร่ หรือเปลี่ยนจุดหมายปลายทางเป็นที่ใดก็รู้หมด และแน่นอนว่าคำเตือนที่จำเป็นย่อมถูกส่งให้คิงอยู่แล้ว

แต่ในเมื่อลูกแกะน้อยอยากลงไปเตือนพี่ชายกับเพื่อนด้วยตัวเอง เขาก็จะปล่อยให้ทำตามที่ต้องการ

“ดูแลลูกแกะให้ดี อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”

[ครับนาย]




---------------------


TALK: ขออภัยที่หายไปนาน กลับมาแล้วค่ะ หมดภารกิจเรียบร้อย พร้อมลุยงานต่อ มาติดตามไปพร้อมๆกันน้า






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด