┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END  (อ่าน 62094 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.18]=[P.8]==[04/05/19]
«ตอบ #240 เมื่อ06-05-2019 19:24:35 »

เปิดใจยอมรับแล้วว เย้ :hao5:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.18]=[P.8]==[04/05/19]
«ตอบ #241 เมื่อ09-05-2019 17:30:17 »

ท่านย่ามาถูกเวลาใช่ไหม เกรย์

เอ็นดูประมุขค่ะ ความห่วงใยก็มีมาก แต่ก็กลัวมากเหมือนกัน
ก็จริงอย่างย่าบอก ถ้าไปเจอแล้วจะไหวหรอ จะรับได้ไหม
เพราะแบบนี้ ก็ควรเลี่ยงไปก่อน เพื่อตั้งรับ เตรียมตัวใหม่ ดีกว่า

เกรย์ ประมุข ได้เปิดใจคุยกันบ้าง ก็ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
บางที การเติบโตคนละแบบ ก็ลืมคิดถึงความเป็นไปของอีกคน
คุยกันแล้ว ก็ชัดเจนขึ้นมากด้วย แต่เรื่องให้ปล่อยไป ไม่มีทาง

ว้าววว ประมุขทำได้แล้วค่ะ อย่างน้อยคุณแม่ก็เปิดใจ

ออฟไลน์ SaKiNonZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.18]=[P.8]==[04/05/19]
«ตอบ #242 เมื่อ14-05-2019 23:11:46 »

ติดตามมาทุกเรื่องเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
รอตอนต่อไป...

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.18]=[P.8]==[04/05/19]
«ตอบ #243 เมื่อ17-05-2019 19:54:52 »

-19-


เกรย์ไม่แน่ใจนักว่าบรรยากาศระหว่างลูกแกะกับแม่ของเขาเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร รู้เพียงว่ามันเริ่มขึ้นหลังจากที่เขาเดินกลับมาขึ้นรถ เมื่อพูดคุยเรื่องทางธุรกิจกับคู่ค้าเรียบร้อยแล้ว คาร่าไม่ได้พูดจาหวานหูหรือยิ้มแย้มให้ประมุขแต่อย่างใด ทว่าการที่เธอมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสงบนิ่ง ไม่มีร่องรอยของความไม่ชอบใจเหมือนก่อนหน้านี้ก็เป็นการกระทำที่ชัดเจนมากพอจะทำให้เกรย์รู้ว่าแม่ของเขาล้มเลิกความตั้งใจเดิมไปแล้ว

ลำพังคำพูดของท่านย่ากับอานิคคงไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด หากจะพูดไปแล้วคงต้องบอกว่าพวกท่านช่วยให้คิดได้มากกว่า เพราะถ้าลูกแกะของเขาไม่ดีจริง ต่อให้คนใหญ่คนโตขนาดไหนมาพูด มีหรือจะต้องสนใจเหมือนเช่นตอนนี้

“ว่าแต่เราจะไปไหนกันเหรอ”

ดูเหมือนคนที่นั่งรถมาเกินครึ่งทางแล้วจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าลืมถามเรื่องนี้ไป เมื่อครู่ประมุขเอาแต่สนใจโปรแกรมแชทที่ดีดี้ทักมาหา พูดคุยเรื่องงานกิจกรรมที่จะเริ่มต้นตอนเปิดเทอม กว่าจะนึกขึ้นได้ก็ตอนที่เพื่อนถามว่ากำลังนั่งรถไปไหนนี่เอง

“เดี๋ยวเอากระเป๋าไปเก็บที่ที่พักก่อน เสร็จแล้วฉันจะพาไปทุ่งลาเวนเดอร์ที่ลูกแกะเคยบอกว่าอยากไป” คำตอบง่ายๆ แต่แสนจะใส่ใจของเกรย์ทำให้ประมุขอมยิ้มจนแก้มแทบปริ ขนาดเขาเองยังเกือบจะลืมไปแล้วว่าเคยอยากไปเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์ซึ่งได้เห็นจากโปสการ์ดที่เกรย์ส่งมาให้เมื่อหลายปีก่อน หากคนที่ในยามนั้นให้สัญญาว่าจะพาไปกลับไม่เคยลืม

“ขอบคุณครับ”

หลังจากนั่งรถมาด้วยกันหลายชั่วโมง และตัดสินใจเงียบๆ ว่าจะลองเปิดใจมองดูประมุขใหม่ คาร่าก็เคยชินกับความใกล้ชิดของคนทั้งคู่ รวมถึงเริ่มมีภูมิต้านทานนิสัยประหลาดของลูกชายที่ไม่เคยเห็นมาก่อนขึ้นมานิดหน่อย เธอได้แต่คิดว่าตราบใดที่เกรย์เป็นแบบนี้แค่กับประมุขก็คงไม่เป็นไร ถึงจะน่าตกตะลึงขนาดไหน แต่การที่คนเย็นชาแสดงออกอย่างอ่อนโยนกับใครย่อมหมายความว่าคนคนนั้นเป็นคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับสิทธิพิเศษ พอเข้าใจเรื่องราวก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่แล้ว

“แล้วตอนเย็นฉันจะพาไปเดินเที่ยวในหมู่บ้าน น่าจะมีของฝากให้เลือกเยอะ ลูกแกะจะซื้อไปฝากพี่กับเพื่อนใช่ไหม”

“ใช่ครับ เต้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ดีดี้นี่ถ้าไม่ซื้อไปให้ มีหวังโดนกระโดดกัดหัวแน่ๆ”

“เธอจะกลับตอนไหน” เสียงถามแทรกของคาร่าเรียกความสนใจจากคนที่นั่งติดกันจนแทบจะเกยตักให้หลุดออกจากโลกส่วนตัวอีกครั้ง ประมุขยิ้มซื่อส่งไปให้คุณผู้หญิง จากนั้นก็นั่งนับนิ้วอยู่สักพักก่อนจะตอบตามความจริง

“อีกหกวันก็ต้องกลับแล้วครับ ผมต้องไปช่วยกิจกรรมก่อนเปิดเทอม”

“ตอนนี้ข่าวเรื่องที่เกรย์มีคนสำคัญแพร่กระจายไปทั่ว แม้แต่พนักงานในบริษัทของฉันก็พูดถึง จากนี้ไปต้องระวังให้มากกว่าเดิม ถ้าเป็นไปได้ช่วงที่ต้องห่างกับเกรย์ควรจะให้ทีมการ์ดที่เก่งที่สุดไปดูแล ครั้งนี้ไม่ใช่การละเล่นแบบเล็กๆ น้อยๆ อีกแล้ว ทุกย่างก้าวมีแต่อันตราย เธอต้องดูแลตัวเองให้ดี”

คำพูดที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นห่วง หากก็ไม่อาจมองเป็นการพูดออกมาเฉยๆ ของคาร่าทำให้คนฟังนิ่งค้างไปครู่ใหญ่ กระทั่งประมุขเผยรอยยิ้มกว้างออกมา เกรย์ที่ดูเย็นชากับมารดามาโดยตลอดจึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจ

“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับคุณผู้...”

“น้า”

“ครับ?”

“ต่อจากนี้เรียกฉันว่าคุณน้า แล้วก็เรียกพ่อเกรย์ว่าคุณอา เมื่อไหร่ที่เรียนจบ พิสูจน์ตัวเองให้ฉันเห็นแล้วว่าเธอเหมาะสมจริงๆ ค่อยเปลี่ยนคำเรียกขานกันใหม่ตามที่ควรจะเป็น” คาร่าพูดออกมารวดเดียวจบโดยไม่หยุดพักหายใจ เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่รถจอดนิ่งพอดี และทันทีที่ประตูรถเปิดออก เธอก็ตรงออกไปด้านนอก ไม่สนใจใบหน้าดีอกดีใจจนออกนอกหน้าของคนที่หันไปเขย่าแขนเกรย์ยกใหญ่ราวกับทำอะไรไม่ถูก

“เกรย์!!” เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าประมุขจะหาเสียงตัวเองเจอ และเมื่อหาเจอเขาก็พูดได้เพียงคำเดียวเท่านั้น ก่อนจะถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้หลวมๆ คล้ายจะให้กำลังใจ

“เก่งมาก”

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“ไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่เป็นลูกแกะก็ชนะขาดแล้ว” เกรย์หัวเราะหึหึในลำคอ จากนั้นก็จูงมือพาลูกแกะน้อยเดินลงจากรถ ตรงเข้าไปในตัวที่พักซึ่งเป็นโรงแรมหรูหราท่ามกลางธรรมชาติ ขับรถไปไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงทุ่งลาเวนเดอร์ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่แรกของพวกเขาแล้ว

ห้องพักที่ชายหนุ่มให้คนจองไว้เป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ ด้านในนอกจากจะมีห้องรับแขกกับครัวแล้ว ยังแบ่งห้องนอนออกเป็นสองห้องพอดี ทำให้คาร่าที่เพิ่งตัดสินใจเดินทางมาด้วยอย่างกะทันหันมีที่พักโดยไม่ต้องใช้อำนาจมืดขอห้องใหม่จากทางโรงแรม

หลังจากเอาของเข้าไปเก็บในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ประมุขก็เดินไปเคาะประตูห้องของคุณน้าคนใหม่อย่างกระตือรือร้นเพื่อบอกให้เธอออกไปเที่ยวด้วยกัน

“คุณน้า...”

ทั้งยังติดใจคำว่าคุณน้ามากเสียจนเรียกไม่ยอมหยุด เดี๋ยวก็คุณน้าอย่างนั้น เดี๋ยวก็คุณน้าอย่างนี้ หากเป็นคนอื่นมาทำคงมีถูกรำคาญบ้าง ทว่าพอมันออกมาจากปากของคนอารมณ์ดีที่มีใบหน้าใสซื่อ ความน่ารำคาญก็กลายเป็นความเอ็นดูที่ทำให้ต่อว่าไม่ลง ได้แต่ปล่อยให้เจ้าตัวพูดจ้อไปเรื่อยแทน

พอหายเกร็งคาร่า...หมายถึงจากที่ไม่ค่อยเกร็งอยู่แล้วกลายเป็นไม่เกร็งอีกเลย ประมุขก็หันไปพูดคุยด้วยมากขึ้น ทว่ากลับไม่เคยลืมหันมาสนใจคนข้างกายที่ใช้ช่วงเวลายามอยู่บนรถไปกับการทำงาน หากช่วงไหนที่รู้ว่าเกรย์เครียดอยู่ เขาก็จะไม่ชวนคุย แต่ส่งมือไปลูบนิ้วบ้าง แตะแก้มให้หันมามองแล้วยิ้มให้กำลังใจบ้าง จากนั้นก็หันไปคุยกับคาร่าต่อ เป็นแบบนี้ไปตลอดทางจวบจนไปถึงจุดหมายในที่สุด

“คุณก็มาด้วยเหรอครับ” ลูกแกะของเกรย์ตาโตเมื่อเห็นเซดริก การ์ดของคาร่าซึ่งเขาไม่ค่อยได้เจอนักเป็นผู้เดินมาเปิดประตูให้ด้วยตัวเอง หลังจากรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนของใคร ทั้งยังเข้าใจกันกับคาร่าแล้ว ประมุขก็สนิทใจที่จะพูดคุยด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ กลายเป็นการ์ดหนุ่มเองที่ไม่รู้ว่าควรจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไรดีกับผู้ที่น่าจะกลายมาเป็นเจ้านายคนใหม่ในเร็วๆ นี้

“เขาเป็นคนสนิทของฉัน ถ้าจะออกไปไหนต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว” กลายเป็นคาร่าเองที่ช่วยตอบคำถามนั้นให้ ก่อนจะตัดสินใจพูดเบี่ยงความสนใจของเจ้าเด็กพูดเก่ง เพื่อไม่ให้ถูกลากคุยยาวจนไม่ได้ไปไหนกันเสียที “รีบไปตามเกรย์ลงมาเถอะ เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

“ได้ครับ คุณน้ารอสักครู่นะ” ประมุขรับคำอย่างร่าเริงแล้วรีบมุดขึ้นรถไปอีกรอบเพื่อเรียกคนที่ยังติดพันงานอยู่ให้ลงมาเดินเล่นด้วยกัน เขาไม่ได้เข้าไปเขย่าตัวหรือพูดเร่งอะไรเพราะเข้าใจว่างานของเกรย์มีเยอะอยู่แล้ว แค่พามาเที่ยวทั้งที่ตัวเองยุ่งก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไง ดังนั้นลูกแกะน้อยแสนดีจึงทำเพียงจ้องหน้าคนที่กำลังทำงานเขม็งอย่างเฝ้ารอ ราวกับลูกสุนัขตัวน้อยรอเจ้าของพาออกไปเดินเล่น ต่างกันแค่ประมุขเป็นลูกแกะ ไม่ใช่ลูกสุนัขก็เท่านั้น

ฝ่ายคนที่โดนจ้องตลอดเวลามีหรือจะไม่รู้ตัว เขาให้ความสนใจลูกแกะอยู่ตลอดไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม แม้กระทั่งเรื่องที่อีกคนหันไปพูดคุยกับคาร่าก็จดจำได้ทุกคำ แต่ที่ยังนิ่งอยู่แบบนี้เป็นเพราะอยากจะรู้ว่าลูกแกะน้อยจะทนได้นานสักแค่ไหนกันเชียว ซึ่งเมื่อผ่านไปได้ห้านาที เกรย์ก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ หันกลับไปบีบแก้มคนน่ามันเขี้ยวเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะจับมือพาเดินออกไปนอกรถด้วยกัน

ทุ่งลาเวนเดอร์ที่พวกเขาเดินทางมาเที่ยวชมเป็นทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา มองแทบไม่เห็นจุดสิ้นสุด และเกรย์ก็คัดสรรเป็นอย่างดีเพื่อหาจุดที่สวยที่สุดรวมถึงไม่มีคนพลุกพล่านนักเพื่อความเป็นส่วนตัว เพราะยังไงพวกเขาก็คงเดินจนทั่วไม่ได้อยู่แล้ว ทว่าเมื่อผนวกรวมสามเจ้านายเข้ากับบรรดาการ์ดทั้งของเกรย์และของคาร่า จำนวนคนที่มีจึงทำให้พวกเขาดูเหมือนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวขนาดกลางกลุ่มหนึ่ง ห่างไกลจากคำว่าเป็นส่วนตัวไปไกลในสายตาของคนนอก

ประมุขไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือไม่พอใจที่ต้องมีพี่การ์ดหลายคนล้อมหน้าล้อมหลัก เขาเคยชินกับการกระทำแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนปรับตัวได้แล้ว ทั้งยังชวนคนนั้นคนนี้พูดคุยเรื่อยเปื่อยอย่างสนิทสนมไปทั่ว เวลาจำชื่อใครไม่ได้ก็ถามใหม่ซ้ำๆ จนกว่าจะจำได้ ซึ่งคงต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่เกิดมามีพรสวรรค์อย่างหนึ่ง นั่นคือไม่ว่าจะพูดมากพูดซ้ำถามจุกจิกอะไรเพียงใดก็ไม่เคยทำให้ใครรำคาญเลยสักครั้ง หรือจะบอกว่าไม่มีใครรำคาญลงก็ไม่รู้เหมือนกัน

“ถ่ายรูปๆ เรามาถ่ายรูปรวมกันเถอะครับ” คนที่เพิ่งนึกได้ว่ามาเที่ยวทั้งทีแต่ยังไม่ได้ถ่ายรูปเลยสักใบร้องบอกด้วยความตื่นเต้น โทรศัพท์ถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหันไปมองก็ไม่มั่นใจนักว่ากล้องเล็กๆ นี่จะจับภาพได้หมดหรือเปล่า แล้วยังไม่รู้ว่าจะให้ใครถ่ายให้ด้วย

“ผมถ่ายให้เอง” วิคเตอร์ที่ทำตัวเป็นเงาของประมุขและไม่ยอมพูดอะไรสักคำตั้งแต่เดินทางมาถึงยื่นมือออกมาเพื่อรอรับโทรศัพท์ แต่เจ้าของมันกลับกำไว้แน่นแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

“ถ่ายรวมกันทั้งหมดหนึ่งรูปก่อน”

“คงไม่เหมาะ...”

“เหมาะสิครับ ได้ไหมครับคุณน้า นะครับเกรย์ ผมอยากเอาไปให้เต้กับดีดี้ดู”

วิคเตอร์เริ่มทำสีหน้าปั้นยาก เช่นเดียวกันกับการ์ดคนอื่นๆ ที่มองว่ามันไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แต่ถามว่าจะมีใครปฏิเสธคำขอของคุณประมุขได้ไหมก็คงไม่มีอีก สุดท้ายก็เป็นคาร่าที่ดูจะเข้าใจเรื่องราวดีที่สุด และยังกล้าเอ่ยปากปรามประมุขอยู่บ้าง

ในตอนนี้น่ะนะ...

“การ์ดพวกนี้ไม่ควรแสดงตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพถ่ายร่วมกับเจ้านายแบบเห็นหน้าทุกคนชัดเจนแบบนี้ เกรย์ไม่เคยบอกเธอเหรอ”

“จริงด้วย” พอได้ฟังแบบนั้นเข้าคนฟังก็พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ หันไปขอโทษขอโพยคนอื่นๆ ยกใหญ่ โดยมีเสียงถอนหายใจโล่งอกของทุกผู้ที่ได้ยินดังตามหลัง

ต่อให้ประมุขพยายามทำตัวสนิทสนมกับทุกคนขนาดไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่เขากำลังจะเป็นเจ้านายอีกคนของการ์ดทั้งหมดได้ แล้วนี่คุณผู้หญิงกับนายยืนอยู่ด้วยแล้วจะให้ถ่ายรูปร่วมกัน ใครกล้าก็คงบ้าเต็มทน

ส่วนเรื่องที่คาร่าพูดนั้นถือว่าจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง อันที่จริงพวกเขาไม่ได้เคร่งครัดอะไรในเรื่องที่ว่า ยกเว้นก็แต่คนในทีมเออย่างวิคเตอร์ซึ่งได้รับภารกิจลับให้ทำอยู่บ่อยครั้งเท่านั้นที่ไม่ควรเปิดเผยตัวตนโจ่งแจ้ง และการที่เธอเลือกพูดให้ประมุขเข้าใจผิดเพื่อรักษาน้ำใจไม่ให้อีกฝ่ายอึดอัดก็เป็นสัญญาณที่ดี เพราะมันบอกให้รู้ว่าเธอเริ่มเปิดใจให้เขามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

แน่นอนว่าคนที่จับสัญญาณนั้นได้และเข้าใจดีทุกอย่างย่อมต้องเป็นเกรย์

“งั้นเราถ่ายรูปกันสาม...”

“ฉันขอไปคุยโทรศัพท์เสียหน่อย เธอเดินเล่นกับเกรย์ไปก่อน”

เกรย์ยกยิ้มมุมปากเมื่อมารดาเดินชิ่งหนีไปอีกทางพร้อมการ์ดกลุ่มหนึ่ง นอกจากประมุขแล้วทุกคนล้วนรู้ดีว่าคนอย่างคาร่าไม่มีทางยอมถ่ายรูปแน่ๆ แต่เพราะการจะปฏิเสธลูกแกะแสนซื่อนั้นยากเต็มทน หนทางที่ดีที่สุดจึงเป็นการเลี่ยงไปแบบเนียนๆ และปล่อยให้เจ้าตัวลืมไปเอง

“คุณน้าก็งานยุ่งเหมือนกันนะครับเนี่ย” คนมองโลกในแง่ดีหันไปยิ้มเด๋อด๋าใส่หน้าเกรย์ จากนั้นก็ได้รับรอยยิ้มขำขันตอบกลับมาตามระเบียบ

“ไม่อยากถ่ายรูปแล้วเหรอ”

“ถ่ายครับถ่าย วิคเตอร์ถ่ายให้ผมหน่อยนะ” ประมุขส่งโทรศัพท์ไปให้วิคเตอร์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วก็รีบดึงแขนคนตัวสูงข้างกายให้วิ่งไปที่ทุ่งลาเวนเดอร์ หาจุดที่เหมาะสมนั่งเก๊กท่าอย่างมีชั้นเชิงจนเกรย์ที่ไม่ค่อยถนัดทำอะไรแบบนี้ได้แต่กะพริบตาปริบๆ

“ฉันต้องทำท่าแบบนั้นด้วยเหรอ”

“ไม่ต้องเหมือนผมหรอก คุณถนัดท่าไหนก็ทำท่านั้นเลย”

การถ่ายรูปแบบเก้ๆ กังๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกแกะน้อยที่แสนใสซื่อมีวิญญาณนักแสดงเข้าสิง อยู่หน้ากล้องทีไรเป็นต้องหลงลืมความเป็นจริงทุกที ทั้งนั่งทั้งนอนยิ้มแย้มแจ่มใส หลากหลายท่าทางจนเหมือนนายแบบมาเอง สิ่งที่เหมือนกันในทุกรูปคงมีเพียงดวงตาที่เปล่งประกายมีความสุขของประมุข กับเกรย์ที่มีสีหน้าอ่อนโยนยามมองไปยังคนข้างกาย

สงสารก็แต่วิคเตอร์ที่ต้องตามน้ำถ่ายรูปให้เจ้านาย ทั้งนั่งยองๆ ทั้งนอนถ่าย ทำทุกอย่างเพื่อให้รูปออกมาดูดีที่สุดเท่าที่มือสมัครเล่นจะทำได้ ขัดกับใบหน้าโหดๆ โดยสิ้นเชิง ทำเอาการ์ดคนอื่นๆ หันหน้าหนีกันเป็นแถบ ถ้าลูคัสหรือทีมเอคนอื่นๆ อยู่ตรงนี้ด้วยคงมีการเก็บเอาไปแซวข้ามปีข้ามชาติแน่นอน

“พอแล้วลูกแกะ” เกรย์คว้าแขนคนที่เดินลุยทุ่งมาไกลแบบไม่รู้ตัวเพราะถ่ายรูปจนเพลินเอาไว้ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์คืนมาจากวิคเตอร์ที่กำลังถอนหายใจโล่งอก ส่งให้ลูกแกะตัวน้อยดูผลงานรูปถ่ายเป็นร้อยๆ รูปของตัวเอง “เอาไว้เปลี่ยนที่แล้วค่อยถ่ายใหม่ วิคเตอร์เมื่อยตัวไปหมดแล้ว”

“จริงเหรอ... ขอโทษด้วยนะครับ” ลูกแกะแสนซื่อหันไปยิ้มแห้งใส่ช่างภาพจำเป็น รอจนวิคเตอร์พยักหน้ารับคำขอโทษแล้วจึงก้มลงดูรูปตัวเองกับเกรย์ในโทรศัพท์อย่างกระตือรือร้น “ผมเอารูปนี้ขึ้นจอดีกว่า”

“ส่งมาให้ฉันบ้างสิ”

“คุณก็จะเอาขึ้นจอเหมือนกันใช่ไหม”

เห็นแววตาเป็นประกายแบบนั้นแล้วจะพูดอะไรได้อีก เกรย์เพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งให้ลูกแกะจัดการทุกอย่างให้โดยไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้ สายตาของเขาก็ยังสนใจเพียงใบหน้าสดใสที่ดูจะสว่างจ้ากว่าเดิมของคนสำคัญเท่านั้น

หลังจากพวกเขาเก็บโทรศัพท์เข้าที่กันได้ไม่เท่าไหร่ คาร่าก็เดินกลับมาราวกับรู้เวลาอยู่แล้ว ประมุขเห็นแบบนั้นก็หันไปคุยกับคุณน้าด้วยความร่าเริง โดยที่มือยังจับกุมมือของเกรย์เอาไว้ไม่ยอมปล่อย พวกเขาก้าวเดินไปพร้อมกัน มีกลุ่มบอดี้การ์ดร่างสูงคอยระวังหน้าหลังให้เหมือนเช่นเคย

ภาพที่ดูธรรมดาแต่กลับไม่ธรรมดาบ่งบอกให้รู้ว่าประมุขกำลังจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างแท้จริง

“เกรย์บอกว่าตอนเย็นเราจะไปเดินในหมู่บ้านกัน...”

“พวกเธอไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะนั่งรถอีกคันกลับโรงแรมก่อน มีธุระต้องจัดการนิดหน่อย” คาร่าตอบกลับก่อนที่จะถูกเจ้าเด็กอารมณ์ดีชักชวนไปด้วยจนปฏิเสธไม่ลง

“แต่ว่า...”

“มีเวลาอีกหลายวัน จะรีบไปไหนกัน”

คนที่วางแผนอยากสนิทสนมกับแม่ของเกรย์มากกว่าเดิมหงอยลงเล็กน้อยเพราะอะไรๆ ไม่เป็นไปตามที่คิด เห็นท่าทีเหมือนเด็กอดได้ของเล่นนั่นแล้ว หญิงแกร่งผู้รักษาสีหน้าได้ดีเสมอมาก็ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ได้แต่คิดในใจว่าพอเปิดใจ เจ้าเด็กนี่ก็ดูจะอันตรายมากขึ้นทุกที

“ไปเดินเล่นเผื่อด้วยแล้วกัน” ฝ่ามือที่ไม่ได้อ่อนนุ่ม ทว่าอบอุ่นเอามากๆ ในความรู้สึกของประมุขวางทาบทับลงบนศีรษะของเขาและขยับลูบไปมาเบาๆ สองสามที หลังจากนั้นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็เหลือบไปมองเกรย์ที่กำลังเหยียดยิ้ม เชิดใบหน้าใส่เขาและหมุนตัวเดินกลับไปในทิศทางเดิม

“เกรย์ เกรย์...” ประมุขหันไปเขย่าแขนคนข้างกายด้วยความดีใจ ท่าทางน่ารักน่าชังเสียจนเกรย์อดใจไม่ไหว ต้องรวบตัวเข้ามากอดแล้วโยกตัวไปมา ฟังเสียงหัวเราะคิกคักซึ่งดังอยู่ที่อกอย่างอารมณ์ดีตามไปด้วย

“ดีใจมากหรือไงหืม”

“มากที่สุดเลย... แย่แล้ว!” จู่ๆ คนที่ซุกหน้าอยู่กับอกของเกรย์ก็เบิกตากว้าง รีบผละตัวออกกะทันหันแล้วหันไปมองทิศทางที่คาร่าเพิ่งเดินจากไป “ผมลืมบอกคุณน้า!”

ยังไม่ทันที่เกรย์จะได้อ้าปากถามว่าลืมบอกอะไร ลูกแกะตัวน้อยก็วิ่งผ่านฝูงการ์ดตามหลังคาร่าไป ทิ้งให้เกรย์ยืนเลิกคิ้วมองด้วยความงุนงง โชคดีที่วิคเตอร์รู้สึกตัวเร็ว รีบวิ่งตามหลังไปพร้อมกับการ์ดอีกสองสามคน เขาจึงพอเบาใจได้บ้าง และค่อยๆ เดินตามหลังไปช้าๆ

ฝ่ายคนที่วิ่งเร็วยิ่งกว่านักกีฬาทีมชาติเพราะมีเรื่องติดค้างในใจที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องบอกคุณน้าให้ได้ยืนหอบอยู่ครู่ใหญ่ โดยมีคาร่าที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นรถมองตามด้วยความไม่เข้าใจ หากก็ไม่ได้เร่งให้อีกฝ่ายพูดอะไรออกมา ซ้ำยังส่งสัญญาณบอกให้เซดริกที่อยู่ด้านข้างช่วยเข้าไปลูบหลังให้อีกต่างหาก

“คะ...คุณน้าครับ ผมมีเรื่องต้องบอกคุณน้า”

“ว่ามาสิ” คาร่าจ้องมองคนที่เริ่มควบคุมลมหายใจของตัวเองได้นิ่งงัน ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาตให้พูด เห็นแบบนั้นประมุขก็ไม่รั้งรออะไรอีก เขาพูดเข้าเรื่องด้วยความรวดเร็วราวกับไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

“เกรย์จะไม่เหนื่อยขึ้นแน่นอนครับ”

“อะไรนะ...”

“คุณน้าเคยบอกว่าผมเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีกำลังพอจะช่วยเหลืออะไรเกรย์ได้ มีแต่เขาที่ต้องปกป้องดูแลผม นั่นเท่ากับผมเข้ามาเพื่อทำให้เกรย์เหนื่อยขึ้น...” ทุกประโยคและทุกคำพูดที่คาร่าเคยบอกออกไป ประมุขจดจำเอาไว้ทุกคำ และนั่งนึกถึงมันมาโดยตลอด เพราะไม่อาจหาข้อโต้แย้งใดๆ ได้เลย ทว่ามาถึงตอนนี้ ตอนที่คุณน้าเปิดใจแล้ว ตอนที่เขาได้เห็นว่าเกรย์ต้องการกันมากขนาดไหนถึงได้เข้าใจขึ้นมา “พี่ชายของผมเคยบอกว่าคนที่ไม่เปิดใจ ต่อให้เราพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเห็นค่า”

“…”

“เพราะมีกำแพงกั้นอยู่ระหว่างเรา ผมถึงได้คิดนั่นคิดนี่สารพัด พอหาข้อดีของตัวเองได้ก็ต้องมีเหตุผลแย่ๆ มาหักล้างตลอด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่มีอะไรคู่ควรกับเกรย์เลยสักอย่าง แต่พอคุณน้าบอกว่าจะเปิดใจ ผมเลยนึกได้ว่าจริงๆ ตัวเองทำอะไรได้มากมายขนาดไหน...” ประมุขเงยหน้าขึ้นสบตาคาร่า จากนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ “ผมทำอาหารได้ เล่นกีฬาได้ แสดงละครเก่ง ถึงจะไม่ได้เกียรตินิยม แต่ถ้าเป็นเรื่องการแสดงหรือเบื้องหลังอะไรที่เกี่ยวกับการแสดง ผมมั่นใจว่าทำได้ดีไม่แพ้ใครแน่นอน แล้วก็อย่างที่คุณน้าเห็นว่าผมพูดเก่ง ยิ้มเก่ง แล้วยังเป็นคนสบายๆ ที่มองโลกในแง่ดีเอามากๆ ด้วย”

“อืม...แล้วยังไงต่อ” เมื่อผู้ฟังเริ่มยกยิ้มน้อยๆ อย่างที่ไม่อาจพบเห็นได้ง่ายๆ ประมุขก็เหมือนได้รับกำลังใจจนเต็มที่ เขาฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม พูดจ้อบรรยายสรรพคุณของตัวเองต่อไปโดยไร้ซึ่งความเขินอาย

“เรื่องเป็นคนธรรมดาหรือต้องให้เกรย์คอยปกป้องผมคงจะเถียงไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าเรื่องแค่นั้นไม่ทำให้เกรย์เหนื่อยขึ้นแน่นอน ผมจะไม่เป็นตัวถ่วงของเขา จะคิดให้เยอะๆ ว่าเรื่องไหนที่ไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้เขาต้องเหนื่อย แล้วก็จะคอยทำตัวเป็นที่ชาร์จพลัง ทำให้เขายิ้มได้ในทุกวันแล้วก็มีพละกำลังในการทำงานต่อไปด้วย อย่าหาว่าโม้เลยนะครับ แต่ผมมั่นใจว่าผมเป็นคนคนเดียวที่ทำให้เกรย์ยิ้มออกมาจากใจได้ ไม่มีใครทำให้เขามีความสุขได้เท่าผมหรอก... แต่พูดมาเยอะขนาดนี้คุณน้าอาจจะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าผมทำได้”

“…”

“แต่ขอแค่คุณน้าเปิดใจก็พอครับ ขอแค่เปิดใจ...แล้วผมจะแสดงให้เห็นเองว่าผมมีประโยชน์ต่อเกรย์ยิ่งกว่าใคร”

หลังจากได้พูดความในใจออกไปจนหมดแล้ว ประมุขก็ลูบอกตัวเองด้วยความโล่งอก ต่อจากนี้ไม่ว่าคุณน้าจะตอบกลับมาอย่างไรก็พร้อมรับฟัง คิดเอาไว้ตอนวิ่งมาว่าถ้าคำตอบเป็นไปในแง่ดีก็จะยิ้มให้ แต่ถ้าไม่ก็จะวิ่งกลับไปให้เกรย์ปลอบแล้วค่อยสู้ใหม่คราวหน้า แต่เหมือนอะไรๆ จะไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่อคำตอบที่ได้ยินไม่ใช่ทั้งดีหรือไม่ดี

“พูดจาอย่างกับตัวเองเป็นของกิน” คาร่าพูดแค่นั้นแล้วมองเลยไปทางด้านหลัง พอสบตาเข้ากับลูกชายของเธอ กำแพงหินในใจก็พังถล่มไม่เหลือชิ้นดี

แม้จะไม่ได้พูดจาดีๆ ใส่กันนัก แต่ลูกชายคนเดียวของเธอย่อมสำคัญยิ่งกว่าใคร ในเมื่อเขาเลือกแล้ว เธอจะขัดขวางไปเพื่ออะไรกัน คงจะเป็นอย่างที่คุณย่ากับคุณอาคนสนิทของเกรย์ว่าไว้

อายุปูนนี้แล้ว... อะไรจะสำคัญมากไปกว่าการได้เห็นลูกหลานมีความสุข

“ดูแลเขาให้ดี” เจ้าของใบหน้าสะสวยที่ไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าไหร่นักเผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้เธอดูเปล่งประกายขึ้นหลายเท่าออกมาเป็นครั้งแรก และเมื่อได้เห็นว่าที่ลูกอีกคนพยักหน้ารับแบบเหม่อๆ เธอก็หมุนตัวเดินขึ้นรถไปโดยไม่รั้งรออะไรอีก

ประมุขได้แต่มองตามหลังรถคันหรูไปจนสุดสายตา ไม่รู้ว่าควรจะตีความคำพูดนั้นอย่างไร หัวสมองคล้ายจะประมวลผลไม่ออกไปชั่วขณะ ทว่าเมื่อใครคนหนึ่งเดินมาหาจากทางด้านหลัง สองแขนแข็งแกร่งรวบกอดเอวเขาไว้ และวางคางลงบนบ่าอย่างนุ่มนวล สติสตังที่กระจัดกระจายก็กลับมาคืนมาอีกครั้ง ทั้งยังมีความรู้สึกตื้นตันบางอย่างแทรกเข้ามาในใจ จนทำให้ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวไปหมด

“คุณแม่ของคุณ...”

“อืม... ฉันได้ยินแล้ว” เกรย์รับคำเสียงแผ่ว ดวงตาคมทั้งสองข้างปิดลงช้าๆ ขณะที่สองแขนกระชับกอดเอวผอมของคนสำคัญเอาไว้แน่น “ลูกแกะคนเก่งได้รับการยอมรับแล้ว”

“ผมได้รับการยอมรับแล้ว...”

“ไหนขอฉันดูหน้าลูกแกะหน่อย” จบคำพูดนั้นเขาก็ผละตัวออก ปล่อยประมุขให้เป็นอิสระ ทว่ายังไม่ทันได้หมุนตัวอีกฝ่ายให้หันมาหาตามที่ใจคิด ร่างของคนที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลับหมุนมาหาด้วยตัวเองและพุ่งเข้ามากอดกันอย่างรวดเร็ว “ลูกแกะ...”

“ดีใจจัง”

เกรย์ก้มลงมองคนที่ซุกหน้าอยู่กับอกเขาไม่ไปไหน ทั้งยังไม่ยอมเงยขึ้นสบตากัน พยายามขอดูหน้าเท่าไหร่ก็ได้รับเพียงการปฏิเสธ สุดท้ายจึงได้แต่กอดตอบแล้วใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวลูบหลังคนขี้แยด้วยความรักใคร่

หลังจากปลอบโยนลูกแกะอยู่พักใหญ่ เกรย์ก็รับรู้ได้ว่าคนในอ้อมแขนอาการดีขึ้นแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือไม่ว่าจะทำอย่างไรลูกแกะก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่กอดเอวเขาไว้ กระทั่งเกรย์พาขึ้นมานั่งบนรถแล้วก็ยังเกาะเป็นลูกลิงอยู่เหมือนเดิม ผ่านไปสักพักเขาถึงได้รู้ว่าเพราะอะไรลูกแกะจึงดึงดันอยู่อย่างนี้

“แล้วพ่อล่ะ ไม่กลัวด้วยเหรอ”

สิ้นคำถามกลั่นแกล้งที่ได้ผลเกินคาดของเกรย์ ลูกแกะของเขาก็ผละออกแล้วเบิกตากว้าง เผยให้เห็นดวงตาแดงๆ ที่พยายามหลบซ่อนไม่ให้เห็นมาโดยตลอด เกรย์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ลูบไล้ใต้ตาช้ำของคนที่แอบงอแงในอ้อมกอดของเขาอย่างอ่อนโยน

“ผมลืมเรื่องคุณท่าน...หมายถึงคุณอาไปเลย”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พ่อพูดง่ายกว่าแม่มาก ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่ชอบลูกแกะอยู่แล้ว”

ประมุขได้แต่จ้องมองคนที่พูดจาสับไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ตอนแรกถามว่าไม่กลัวพ่อเหรอ พอเขาจะกลัวก็อธิบายว่าไม่ต้องเป็นห่วงเสียอย่างนั้น ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าลูกแกะตัวน้อยจะเข้าใจว่าเกรย์พูดแบบนั้นขึ้นมาเพื่อล่อให้เขาผละออก คิดได้แล้วริมฝีปากที่กำลังยิ้มแย้มยินดีก็คว่ำเป็นสระอิ

“คุณหลอกผม”

“ฉันไม่ได้หลอก แค่ถามว่าไม่กลัวเหรอ”​

“คุณหลอกให้ผมผละออกเพื่อจะดูหน้าผม”

“ก็ใครใช้ให้ลูกแกะกอดฉันไม่ปล่อยเพราะจะซ่อนตาแดงๆ นี่กันล่ะ” เกรย์ลูบใต้ตาแดงๆ อีกหนึ่งทีเป็นการเตือน ก่อนจะมองคนที่เถียงอะไรไม่ออกอย่างอารมณ์ดี แล้วก็หัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามากอดกันไว้อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ซุกหน้าเข้าหาอกไม่ให้มองเห็นแบบตอนแรกแล้ว

“ผมอยากกอดคุณนานๆ ต่างหาก”

“เดี๋ยวนี้หัดโกหกเหรอ”

“ไม่ได้โกหกนะ แค่พูดไม่หมดเฉยๆ”

ความหมายของประมุขคือเขากอดเกรย์ไว้เพราะต้องการซ่อนดวงตาแดงช้ำหลังจากแอบร้องไห้ด้วยความดีใจของตัวเองเอาไว้ แล้วก็อยากกอดเกรย์ตามที่พูดจริงๆ ไม่มีส่วนไหนที่โกหกเลยแม้แต่นิดเดียว

“ชักเจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะเรา” เกรย์ใช้แขนข้างหนึ่งโอบไหล่ของลูกแกะยิ้มเก่งเอาไว้ ส่วนอีกข้างหันไปหยิบกล่องขนมที่เตรียมไว้เพื่ออีกคนโดยเฉพาะออกมาวางบนโต๊ะ “ขนมกล่องนี้แอนนาแอบเอามาให้ เห็นว่าเป็นสูตรพิเศษที่เพิ่งทำขึ้นมา”

“จริงเหรอ” พอได้ยินว่าแอนนาฝากของมาให้ตัวเอง ลูกแกะตัวน้อยก็ดี๊ด๊าออกจากอ้อมแขนเกรย์ หันไปทุ่มเทความสนใจให้ขนมที่ว่าทั้งหมดจนเขาได้แต่ส่ายหน้าหน่าย

คิดถูกแล้วจริงๆ ที่เอามาให้ตอนนี้ ขืนเขาเอาให้ตั้งแต่เช้า เห็นทีคงมีลูกแกะพุงป่องเพราะยัดขนมเข้าปากทีเดียวหมดแน่

“ค่อยๆ กิน”

“คุณกินด้วยกันสิครับ อันนี้อร่อยมากเลย รสนมแหละ”

“ลูกแกะกินเถอะ”

เกรย์จ้องมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เชื่อฟังคำสั่งของเขา หันกลับไปกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่เซ้าซี้นิ่งงัน เพียงแค่ได้มองก็เหมือนมีพลังใจในการทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกมากมาย

ที่ลูกแกะบอกว่าตัวเองมีประโยชน์ต่อเขายิ่งกว่าใคร... นั่นไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว



------------------



TALK: ตอนหน้าจบแล้วนะคะ จะลงวันที่ 21 น้า

ติดตามข่าวสารได้ทาง
FB: Chesshire.
Twitter: @Chesshire04


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2019 22:23:08 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #244 เมื่อ17-05-2019 20:21:18 »

มองเห็นภาพลูกแกะจูงมือเกรย์วิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์เลย  :o8: น่ารักสุดๆ 

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #245 เมื่อ17-05-2019 20:46:19 »

น่าเอ็นดูจริงๆลูกแกะเอ๊ยย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #246 เมื่อ17-05-2019 21:49:40 »

ลัลลาใหญ่เลยนะ ลูกแกะมุข  o18

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #247 เมื่อ17-05-2019 22:03:37 »

ประมุขเป็นลูกแกะที่น่าเอ็นดูมากเลยทีเดียว

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #248 เมื่อ17-05-2019 22:04:34 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #249 เมื่อ18-05-2019 00:48:58 »

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
« ตอบ #249 เมื่อ: 18-05-2019 00:48:58 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #250 เมื่อ18-05-2019 02:19:30 »

ลูกแกะน่ารักที่สุด  :heaven :heaven

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #251 เมื่อ18-05-2019 14:42:04 »

ยินดีกับลูกแกะตาใส :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #252 เมื่อ18-05-2019 15:53:01 »

อยากจับประมุขมาฟัดบ้างจังเลยค่ะ ชอบในความดีใจ ความยินดี
สิ่งที่น้องเป็นมันใสซื่อ จริงใจ สดใส พอผลออกมาดี แม่เกรย์ยอมรับ
อาการเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลกเลย ถึงขั้นต้องเกาะเกรย์เป็นลูกลิง

มันจริงนะ ที่น้องบอกไม่ได้โม้ แต่น้องเป็นคนเดียวที่ทำให้เกรย์ยิ้มจากใจได้

เกรย์ก็ยิ่งหลงใหลได้ปลื้มไปกันใหญ่ บอดี้การ์ดก็บันเทิงกันมาก
เพราะความป่วนของคนของนาย 5555



ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #253 เมื่อ19-05-2019 01:24:34 »

ลูกแกะคือมีแต่พลังบวกส่งมาให้ตลอด น่ารักจังลูก :กอด1:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #254 เมื่อ20-05-2019 18:47:53 »

ลูกแกะของคุณเกรย์น่ารักมากมาย หอมหัวน้องมุขหนึ่งที :sad4:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #255 เมื่อ21-05-2019 23:13:58 »

-20-


เวลาแห่งความสุขผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันที่ประมุขต้องเดินทางกลับไปเรียนต่อที่ประเทศไทยแล้ว หลายวันมานี้เขาทำตัวติดกับเกรย์มาก โดยเฉพาะช่วงสองสามวันที่ผ่าน กระทั่งคาร่าหรือเอริคก็ไม่อาจเรียกร้องความสนใจจากเจ้าตัวได้ ทั้งที่ปกติต้องวิ่งเข้าไปหา วนเวียนทำขนมไปให้คุณน้ากับคุณอาชิมอยู่เสมอ

เกรย์ไม่เคยมีภูมิต้านทานเชื้อออดอ้อนของลูกแกะอยู่แล้ว พอโดนเกาะติดเข้าหน่อยเขาก็ยิ้มได้ทั้งวัน งานการก็ขนมาทำที่บ้านโดยมีจิมแวะเวียนมาบ่อยๆ แทน วันไหนจำเป็นต้องออกไปข้างนอกจริงๆ ก็ต้องพกลูกแกะใส่กระเป๋าไปด้วย ถ้าไม่มีที่ที่เหมาะสมให้นั่งก็จะให้รออยู่บนรถ ซึ่งคนที่ถูกพกไปมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซ้ำยังดูชอบมากเสียด้วยที่ได้อยู่ใกล้เกรย์ตลอดเวลา

พวกเขากลับมาจากการไปเที่ยวค้างแรมเมื่อหลายวันก่อน พอกลับมาแล้วได้เจอกับเอริค ประมุขก็ยิ้มกว้าง ขออนุญาตเรียกคุณอาอย่างตรงไปตรงมาจนคนฟังนิ่งไปนาน สุดท้ายก็พยักหน้ารับและเริ่มคาดเดาได้ว่าภรรยาคงจะเป็นผู้อนุญาตด้วยตัวเอง บรรยากาศในบ้านดีขึ้นเรื่อยๆ จนใครๆ ต่างก็สัมผัสได้ เห็นคุณผู้หญิงกับคุณท่านและคุณเกรย์ดูมีความสุข ไม่ได้ทำท่าทีน่ากลัวใส่กันแบบปกติ คนงานในบ้านก็ยิ่งชื่นชอบเจ้านายคนใหม่ยิ่งขึ้นไปอีก

น่าเสียดายก็ตรงที่วันนี้ช่วงเย็นประมุขต้องกลับประเทศไทยแล้ว...

“คุณมุขต้องกลับจริงๆ เหรอคะ พวกเราไม่อยากให้คุณกลับเลย” แอนนาเป็นตัวแทนของเมดสาวทั้งหมด หันไปบอกคนที่ยืนยิ้มทำขนมอยู่หน้าเตาในยามเช้าด้วยความเศร้าสร้อย แค่คิดว่าความสดใสของบ้านจะจางหายไปอีกครั้ง พวกเธอก็รู้สึกแย่แล้ว

“ผมต้องกลับไปเรียนต่อครับ อีกแค่ปีเดียวเอง” คนอารมณ์ดีทำหน้าหงอยเล็กน้อยเพราะตัวเองก็ไม่อยากจากไปเช่นกัน แต่เมื่อคืนเข้ากอดเกรย์เติมพลังไว้จนเต็มหลอดแล้ว อีกทั้งวันนี้ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งหลายชั่วโมง ยังไงก็อยากจะร่าเริงเอาไว้ก่อน “ระหว่างนี้ผมจะไปเรียนภาษาฝรั่งเศสด้วย กลับมาอีกทีจะได้คุยกับทุกคนรู้เรื่อง”

“แสดงว่าถ้าเรียนจบแล้วคุณจะมาอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ”

คำถามที่เจือความคาดหวังเอาไว้จนเต็มเปี่ยมทำให้ประมุขหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เรื่องนี้เขาไม่เคยพูดคุยกับเกรย์หรือคิดเป็นจริงเป็นจังเลยสักครั้ง แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะลืม แต่เป็นเพราะคำตอบจากการกระทำและคำพูดทุกๆ อย่างล้วนชัดเจนดีอยู่แล้ว

“ผมจะอยู่ในทุกๆ ที่ที่มีเกรย์ครับ”

“จริงเหรอ”

เสียงถามที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้คนที่กำลังพูดคุยกันสะดุ้ง แต่เมื่อรับรู้ได้ว่าคนมาใหม่คือใคร ประมุขก็ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังและวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดรเ็ว

“จริงสิ”

“ฉันเชื่อ” เกรย์ยื่นมือไปลูบหัวลูกแกะของเขาอย่างเอ็นดู ก่อนจะโอบไหล่พาอีกคนเดินออกไปด้านนอกพร้อมๆ กัน “ตื่นมาทำอะไรแต่เช้า ยังไม่ถึงเวลากินข้าวเลย”

“พอรู้ว่าท่านย่าจะมาหาผมเลยตื่นเช้ามาทำขนมไว้ให้ท่านย่าลองชิมกับแอนนาแล้วก็พี่เมดคนอื่นๆ ครับ... แต่ผมช่วยทำอาหารเช้าเสร็จแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วง คุณลองดมดูก็ได้ มีกลิ่นติดอยู่แน่นอน” ประมุขทำสีหน้าจริงจัง ขณะยกแขนให้จับไปดมจริงๆ ตามที่พูด ซึ่งเกรย์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจใดๆ ออกมา เขาเพียงคว้าแขนที่ถูกหยิบยื่นมาให้เอาไว้ ดันออกไปด้านข้าง จากนั้นก็โน้มตัวลงดมกลิ่นอาหารจากแก้มขาวๆ แล้วแถมจูบที่มุมปากให้หนึ่งที

“มีกลิ่นติดอยู่จริงๆ ด้วย... แถมยังดูเหมือนจะมีคนแอบชิมอาหารก่อนจนมีรสติดปากมาอีกต่างหาก”

คนที่ตอนโดนจุ๊บไม่ได้มีทีท่าเขินอายใดๆ ทั้งยังส่งยิ้มชอบใจมาให้ พอถูกล่วงรู้ความลับว่าแอบชิมอาหารก่อนเจ้าของบ้านเข้ากลับหน้าแดงก่ำ แอบแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากตัวเองเพื่อทำลายหลักฐานยกใหญ่

“ผมชิมไปนิดเดียว...”

“คุณมุขคะ คุณลืมซุปไก่ไว้ในครัวค่ะ”

ประมุขหันไปมองแอนนาที่เดินถือถ้วยน้ำซุปใบเล็กมาให้เหมือนเห็นผี แต่มือก็ยังรับของที่ว่ามาถือไว้ รอจนเธอเดินจากไปแล้วจึงหันไปยิ้มแห้งให้เกรย์ที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว

“คือผม...หิวนิดหน่อย ก็เลยแยกซุปถ้วยเล็กเอาไว้ทานรองท้องครับ แบบว่า...กินไปทำขนมไปมันก็เพลินดี”

“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” เกรย์หัวเราะในลำคอ มือหยิบถ้วยซุปของประมุขมาถือไว้เอง แล้วยังช่วยตักป้อนส่งให้ถึงที่ ซึ่งแน่นอนว่าคนว่าง่ายยอมอ้าปากกินแบบไม่เกรงใจ เห็นแก้มพองๆ ของคนที่กินไปอมยิ้มไปแล้วก็มันเขี้ยวจนแทบทนไม่ไหว ถ้าไม่ติดว่าถือถ้วยซุปอยู่ เห็นทีแก้มขาวๆ นั่นคงโดนเขาฟัดจนเละเทะแน่

“คุณกินด้วยกันสิครับ ถึงจะไม่ได้ทำเองทั้งหมด แต่ซุปไก่นี่ผมก็ช่วยพี่เมดทำด้วยเหมือนกันนะ”

“เดี๋ยวฉันรอกินข้าวทีเดียว ลูกแกะกินเถอะ”

“เอางั้นก็ได้ แต่ผมไม่ได้ตะกละนะ แค่รู้ว่าปกติคุณไม่กินอะไรก่อนอาหารเช้าเฉยๆ” คนร้อนตัวอธิบายหน้าตาตื่น มองอย่างไรก็ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง แต่เพราะไม่อยากให้ลูกแกะอับอายไปมากกว่านี้ เกรย์จึงยิ้มนิดๆ โดยไม่ได้พูดตอบรับหรือปฏิเสธอะไร “เออใช่ ผมให้พี่เมดต้มอีกหม้อเอาไว้ให้ท่านย่าด้วย เผื่อท่านจะเอาไปกินที่บ้าน บอกเลยว่าอร่อยสุดๆ”

“ชอบท่านย่าจังนะ”

“ชอบสิครับ ท่านย่าใจดี แถมยังให้คำแนะนำกับผมตั้งมากมาย”

“หึหึ” เกรย์ยกยิ้มโดยไม่ได้เฉลยความจริงออกไป ว่าอันที่จริงกรณีที่ท่านย่าจะใจดีกับใครนั้นเกิดขึ้นได้ยากมากๆ ท่านคือหญิงแกร่งผู้มองคนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ต่อให้ไม่มียศศักดิ์พ่อกับแม่ของเขายังต้องเกรงใจอยู่หลายส่วน

แต่เอาเถอะ...ให้เข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว

หลังจากกลับจากไปเที่ยวได้ไม่เท่าไหร่ อานิคก็ติดต่อมาหาเกรย์โดยตรง ถามว่าลูกแกะของเขาจะกลับไทยวันไหน พอตอบไปตามความจริง อีกฝ่ายก็บอกว่าท่านย่าจะมาหา น่าเสียดายที่วันก่อนๆ ไม่ว่าง มาสะดวกเอาวันนี้ ผลสรุปจึงลงท้ายด้วยการที่ท่านย่ากับอานิคจะเดินทางมาหลังเวลาอาหารเช้า รอส่งลูกแกะขึ้นรถไปสนามบินพอดี

มื้อเช้าบนโต๊ะอาหารที่มีสมาชิกทุกคนของครอบครัวนั่งอยู่ร่วมกันยังคงดูรื่นเริงเมื่อมีคนพูดมากอยู่บนโต๊ะด้วย แม้แต่เอริคกับคาร่ายังอดส่ายหน้าหน่ายด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ทั้งยังไม่คิดห้ามปรามคนที่สรรหาเรื่องมาคุยได้ตลอดเวลา แล้วคนที่ตามใจประมุขยิ่งกว่าอะไรอย่างเกรย์ หรือพวกเมดที่รักเจ้านายคนใหม่เสียเหลือเกิน มีหรือจะพูดขัดอะไร ไม่มีใครคิดเอ่ยตักเตือนเรื่องมารยาทบนโต๊ะเลยสักคน

“แล้วนี่ท่านอลิเซียจะมาตอนไหน”

“ท่านย่าบอกว่าประมาณสิบโมงครับคุณน้า” คนที่ตอนนี้ถึงขั้นมีเบอร์ส่วนตัวของอลิเซียตอบคำถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง ตื่นเต้นไปหมดที่จะได้เจอท่านย่าแสนใจดีอีกครั้ง “ผมกับพี่เมดช่วยกันทำขนมไว้หลายอย่าง เดี๋ยวรอท่านย่ามาแล้วเราทานพร้อมกันนะครับ”

“หวานหรือเปล่า” เอริคที่ทานข้าวเสร็จเป็นคนแรกถาม ขณะยกผ้าขึ้นซับมุมปากด้วยมาดผู้ดี

“ของคุณอากับของเกรย์ไม่หวานแน่นอนครับ ส่วนของคุณน้าก็ไม่ขมจนเกินไป... คุณอาอิ่มแล้วเหรอ กับข้าวไม่ถูกปากหรือเปล่าครับ” ท้ายประโยคคนสดใสถามด้วยใบหน้าเป็นกังวล ทั้งยังหันไปสบตาเกรย์เหมือนจะถามว่าทำยังไงดี ไม่ได้คิดเลยว่าที่นายท่านของบ้านกินหมดเร็วเป็นเพราะมันอร่อยถูกปากมาก แล้วแบบนี้คนฟังจะทำอะไรได้ รู้ตัวอีกทีเอริคก็วางผ้าเช็ดปากลงบนตัก พร้อมหันไปส่งสัญญาณให้เมดเข้ามาตักข้าวเพิ่มให้แล้ว

“เห็นทีคนในบ้านจะน้ำหนักขึ้นกันทุกคน” ถ้อยคำเอ่ยแซวอันหาได้ยากจากผู้เป็นเจ้าบ้านทำให้ประมุขหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ยังไม่เลิกคะยั้นคะยอให้คุณอากินต่อโดยการตักกับข้าวไปให้อย่างกระตือรือร้น

“เดี๋ยวเย็นนี้ผมไม่อยู่ก็ไม่มีคนมาพูดมากให้คุณอากับคุณน้าฟังแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ต้องรีบคะยั้นคะยอไว้ก่อนครับ” ประมุขบอกเอริคกับคาร่าเสร็จแล้วก็หันไปพูดกับคนข้างกายที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ค่อยได้ออกความคิดเห็นหรือพูดคุยอะไรด้วยนัก “ต่อไปคุณก็ต้องกินข้าวเยอะๆ แบบนี้นะ"

แม้จะสังเกตได้ว่าคนในครอบครัวนี้มีลักษณะแปลกๆ อย่างหนึ่งคือพวกเขาไม่ค่อยคุยกันเอง หลายวันมานี้ประมุขเป็นเหมือนตัวกลางเชื่อมคำพูดของทุกคน แต่ผู้ที่มองโลกในแง่ดีก็ไม่เคยถามให้ใครอึดอัดใจเลยสักครั้ง คิดเอาเองว่าคงจะพูดไม่ค่อยเก่งกันทั้งครอบครัวมากกว่า เพราะถึงอย่างไรก็ใช่ว่าจะคุยกันไม่ได้เลยหรือเกลียดชังกัน

“แล้วถ้าฉันทำงานเพลินล่ะ”

ประมุขหันขวับไปมองคนที่พูดแทรกขึ้นมาราวกับรู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นก็ขมวดคิ้วจ้องหน้าคนสำคัญด้วยความไม่พอใจ กระทั่งเกรย์หัวเราะออกมาแล้วจึงตอบคำถามนั้นแบบเคืองๆ

“ผมจะกินให้พุงแตกแล้วก็ถ่ายรูปอวดคุณ เสร็จแล้วจะไม่คุยด้วยสามชั่วโมง”

“แบบนั้นก็แย่สิ” เกรย์ยื่นมือไปยีหัวเจ้าของคำขู่แสนน่ากลัวหนึ่งครั้ง ก่อนจะยกมือยอมแพ้อย่างหมดท่า “ฉันยอมแพ้แล้ว จะไม่ลืมกินข้าวแน่นอน”

“ดีมาก”

เอริคกับคาร่าลอบสบตากันอย่างเงียบงัน มาถึงตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าประมุขมีประโยชน์ต่อเกรย์มากจริงๆ สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเขาทำให้คนเย็นชาและน่ากลัวมีหัวใจขึ้นมา และทำให้รอยยิ้มจริงใจที่ไม่ได้เป็นเพียงหน้ากากเอาไว้ใช้หลอกบรรดาคนนอกเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

“เธอไปเข้าครัวมาใช่ไหม รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนท่านอลิเซียจะมาเถอะ” คาร่าที่ได้สติก่อนเอ่ยเตือนคนที่คุยกุ๊กกิ๊กอยู่กับเกรย์สองคนจนเพลิน พอได้ยินดังนั้นประมุขก็เบิกตากว้าง พยักหน้าหงึกๆ รับคำ แต่ไม่วายคว้าแขนคนสำคัญพาลากไปด้วยเหมือนไม่อยากห่างเลยแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งเกรย์ก็ดูจะชอบใจ ถึงได้ไม่ปฏิเสธอะไรและเดินตามหลังไปเงียบๆ

ประมุขใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเพียงครู่เดียว แต่นัวเนียกอดอ้อนเกรย์อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะเดินตัวปลิวลงไปด้านล่าง หลังจากพูดคุยกันแล้วได้ความว่าจะทิ้งข้าวของไว้ที่นี่เลย เขาจึงไม่ต้องเก็บอะไรให้เสียเวลา อย่างไรที่ไทยก็มีเสื้อผ้าส่วนตัวกับส่วนที่ฝากฮ่องเต้กลับไปอยู่แล้ว

เวลาสิบโมงตรงรถหรูสี่คันตรงเข้ามาจอดด้านหน้าคฤหาสน์ ทั้งเจ้าบ้านและเมดทุกคนที่ยืนรอต้อนรับแขกคนสำคัญต่างโค้งตัวให้หญิงชราที่เดินลงมาจากรถพร้อมนิโคลัสอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่ประมุขก็ยังทำแบบนั้นด้วย แต่เพียงแค่ครู่เดียวก็ฉีกยิ้ม วิ่งเข้าไปช่วยประคองท่านย่าของตัวเองอย่างกระตือรือร้น

“ท่านย่ามาตรงเวลามากๆ เลย คุณอากับคุณน้าเพิ่งจะให้คนจัดเตรียมพื้นที่สวนด้านหลังเสร็จ เราไปนั่งตรงนั้นกันนะครับ”

“ตามใจพ่อมุขเถอะ แต่รีบประคองย่าไปก่อนตานิคจะบังคับให้นั่งวีลแชร์ก็ดีเหมือนกัน”

“คุณแม่ครับ...” นิโคลัสที่ถูกมารดาสะบัดมือออกอย่างไม่ไยดีร้องเสียงอ่อย ได้แต่มองตามหลังอลิเซียกับหลานชายคนใหม่ไปจนสุดสายตา ข้างกายมีเอริคกับคาร่าที่ถูกลืมเช่นกันมองตามไปด้วย

ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครสังเกต เกรย์ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ฟังคำพูดที่บอกว่ากำลังจะถึงของใครบางคนในสายเงียบๆ แล้วส่งสายตาบอกพ่อแท้ๆ ว่าให้เข้าไปก่อนได้เลย กระทั่งพื้นที่หน้าคฤหาสน์ไม่เหลือใครนอกจากลูกชายเจ้าของบ้านกับสาวใช้อีกสองคน รถคันหนึ่งที่เขาเป็นผู้ส่งไปก็เข้ามาจอดตรงหน้า

“มุขล่ะ”

“ลูกแกะพาท่านย่าไปที่สวนหลังบ้านแล้ว” เกรย์ยกยิ้มทักทายเพื่อน ก่อนจะเข้าไปช่วยประคองให้จักรพรรดิลงจากรถมานั่งที่วีลแชร์ เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงพาเดินเข้าไปด้านใน ตัดผ่านตัวบ้านไปที่สวนด้านหลังซึ่งถูกจัดเตรียมใหม่ให้กลายเป็นพื้นที่รับรองแขก

หลังจากคิดได้ว่าจักรพรรดิยังต้องอยู่จัดการธุระที่นี่อีกนาน แถมกลับไปไทยก็ใช่ว่าจะได้เจอน้องชาย เขาจึงติดต่อเเพื่อน บอกให้มาที่บ้านเพื่อร่ำลาลูกแกะน้อย อีกฝ่ายคงดีใจยิ่งกว่าอะไรถ้าได้้เจอพี่ชายก่อนกลับ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อคนที่วิ่งกลับเข้ามาในบ้านทางประตูด้านหลังเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเขาหายไปยืนตะลึงตาค้าง จ้องมองพี่ชายด้วยดวงตาแวววาว

“พี่จักร!”

“ไง…” ยังไม่ทันที่จักรพรรดิจะได้เอ่ยทักทายกลับ รถวีลแชร์ก็เกือบจะเอนหงายหลังเพราะถูกน้องชายตัวไม่น้อยพุ่งเข้ามากอด ยังดีที่เกรย์ยืนอยู่ด้านหลัง ช่วยดันรถกลับเข้าที่ได้ทันก่อนจะต้องเจ็บตัวทั้งคู่

“พี่จักรมาส่งมุขใช่ไหม... ดีจัง ทุกคนมาหามุขหมดเลย” ลูกแกะตัวน้อยของเกรย์พึมพำอยู่กับตัวเองงุ้งงิ้ง แต่ด้วยระยะห่างที่ไม่ได้มากมายทำให้ผู้เป็นพี่ชายได้ยินคำพูดนั้นอย่างชัดเจน ดวงตาเย็นชาของจักรพรรดิทอประกายอ่อนลงยามก้มลงมองหัวทุยๆ ของคนในอ้อมแขน สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องลูบหัวลูบหน้าน้องชายอยู่หลายที กว่าจะผละออกจากกันก็ตอนที่เกรย์สะกิดเป็นเชิงเตือนให้รู้ว่ามีผู้ใหญ่รออยู่

ในตอนที่จักรพรรดิยืนยันว่าจะเข็นรถออกไปด้านนอกด้วยตัวเอง ประมุขอาศัยโอกาสนั้นคว้าแขนคนตัวสูงที่อยู่ข้างกายเอาไว้ จนเมื่อเกรย์หันมามอง เขาก็โถมเข้ากอดเต็มแรง อ้อมแขนรัดแน่นด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

“ขอบคุณครับ”

ต่อให้ซื่อบื้อยังไงก็ไม่มีทางที่ประมุขจะไม่รู้ว่าคนคนนี้ทำเพื่อเขามากมายขนาดไหน กระทั่งเรื่องที่ทีมเอกลับมารวมตัวกันครบหลังจากที่หายไปทำภารกิจมานานผิดปกติประมุขก็รู้ วิคเตอร์เป็นคนบอกเขาเองว่าที่ทีมเอหายไปนานเป็นเพราะต้องไปเคลียร์ภารกิจให้ลุล่วง เพื่อให้ระยะเวลาหนึ่งปีต่อจากนี้มีเวลากลับไปทำภารกิจที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือการไปดูแลเขาที่ไทย

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่เกรย์วางแผนเอาไว้หมดแล้ว และการที่ทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้ ทั้งท่านย่ากับพี่จักรที่มาส่ง หรือทีมเอที่เตรียมเดินทางกลับไปไทยพร้อมกันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกรย์ทำเพื่อเขาทั้งสิ้น

“ขอบคุณอะไรหือ”

“ขอบคุณทุกอย่างเลย” ประมุขเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ยังไม่คลายอ้อมกอด รอจนเกรย์ก้มลงมามองกลับ เขาจึงเขย่งตัวขึ้นเล็กน้อย กดจูบลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายก่อนเป็นครั้งแรก

“ทำแบบนี้นี่ไม่กลัวโดนจับฟัดเลยใช่ไหม” เกรย์หรี่ตาอันตราย ก่อนจะเลียริมฝีปากแห้งผากที่ใครบางคนเพิ่งประทับลอยลงมาอย่างควบคุมอารมณ์

“ไม่กลัวหรอก คุณไม่มีทางทำร้ายผม”

“มั่นใจจังนะ...” ไม่พูดเปล่า เขาจับเอวของคนในอ้อมแขนเอาไว้ บังคับไม่ให้ผละหนีออกไปกะทันหัน จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนคนที่เขินไม่ค่อยเป็นเริ่มหน้าแดงขึ้นมา แต่ในขณะที่กำลังจะเอาคืนนั่นเอง...

“จะลวนลามน้องชายฉันก็ช่วยไปลวนลามไกลๆ ได้ไหม”

น้ำเสียงเรียบเย็นไม่แพ้สีหน้าคนพูดทำให้คนสองคนที่กำลังตระกองกอดกันหลุดจากโลกที่มีเพียงเราสอง คราวนี้ประมุขหน้าแดงเถือกของจริง แต่จะแกะมือเกรย์ออกก็ทำไม่ลง สุดท้ายจึงได้แต่ซุกซบอยู่กับอกแกร่งไม่หันไปมองพี่ชาย ทิ้งให้เกรย์ทนรับสายตาแช่แข็งของจักรพรรดิเพียงลำพัง

เห็นทีถ้าลุกขึ้นเดินได้ด้วยตัวเอง พี่ชายหวงน้องรายนั้นต้องเข้ามาแหกอกกันแน่ๆ

“ไปกันเถอะ ป่านนี้ขนมคงเสิร์ฟขึ้นโต๊ะแล้ว” เกรย์ยกยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อนที่จ้องมองมาตาเขม็ง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยประมุขให้เป็นอิสระเสียทีเดียว เขาโอบเอวอีกคนเอาไว้ แล้วก็พาเดินออกไปด้านนอกพร้อมกันทั้งอย่างนั้น

ตอนที่ทั้งสามเดินออกไปด้านนอก ทั้งเอริคและคาร่ารวมถึงแขกผู้มาเยี่ยมเยียนก็นั่งรวมกันอยู่ที่ศาลากลางน้ำก่อนแล้ว บนโต๊ะที่ถูกปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดมีจานขนมที่ประมุขเข้าครัวไปช่วยทำแต่เช้าจัดเรียงอยู่อย่างสวยงาม และแขกทั้งสองก็กำลังหยิบมันขึ้นชิมแบบพอดิบพอดี

“ผมมาแล้วครับ!” เสียงร่าเริงของคนที่กำลังเข็นรถให้พี่ชายร้องบอกดังก้องจนคนทั้งหมดหันมามอง แต่ก็ไม่มีใครคิดเอ่ยตำหนิแต่อย่างใด รอกระทั่งเข้าไปใกล้พอควรแล้วประมุขจึงแนะนำพี่ชายคนโตให้ทุกคนรู้จักด้วยตัวเอง “นี่พี่จักรครับ พี่ชายของผมเอง เป็นเพื่อนกับเกรย์ด้วย”

“ผมเรียกเขาว่าคิง” เมื่อเกรย์เอ่ยคำว่าคิงออกไป คาร่ากับเอริคที่ตอนแรกไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักก็หันมองไปเพื่อนของลูกชายที่ได้ยินกิตติศัพท์มานานอย่างพิจารณา ขณะที่อลิเซียเพียงพยักหน้าน้อยๆ เท่านั้น เพราะเธอกับนิโคลัสต่างรู้จักคนคนนี้อยู่แล้ว เนื่องจากหลานชายคนโปรดพูดถึงมาตั้งแต่เด็ก

“พี่จักรลองกินดูนะ อันนี้มุขทำเอง”

พอมีพี่ชายเข้ามาร่วมวงด้วย ประมุขก็เอาอกเอาใจยกใหญ่ แต่ก็ยังไม่ลืมหันไปคุยกับท่านย่าบ้าง คุณอาคุณน้าบ้างตามโอกาส จะมีก็แต่เกรย์เท่านั้นที่เขาไม่ได้หันไปพูดด้วยเลย หากมือกลับกอบกุมกันไว้ไม่มีปล่อย ทั้งยังหยิบขนมไปจ่อให้ถึงปากอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นเรื่องที่ปกติก็ทำอยู่แล้ว

“ดูเหมือนจะยอมรับแล้วสินะ” อลิเซียที่แสดงท่าทีมึนตึงต่อคาร่ามาโดยตลอดพูดขึ้นมาลอยๆ ระหว่างที่ประมุขมัวแต่พูดคุยกับพี่ชาย ไม่ได้หันมาสนใจพวกเธอ

“ค่ะ... เป็นอย่างที่บอกจริงๆ พอเปิดใจแล้วถึงได้เห็นว่าเจ้าตัวยุ่งนี่ทำให้บ้านหลังนี้สดใสขึ้นมากขนาดไหน”

“ยังดีที่เธอรักลูก ไม่ได้เอาความชอบของตัวเองมากำกับเขาไปเสียหมด”

“เป็นเพราะพวกเราทำผิดต่อเขามาตั้งแต่เด็กค่ะ ถ้าไม่ได้ท่านช่วยสอนสั่ง เด็กคนนั้นอาจจะเดินออกนอกเส้นทางไปแล้ว” เป็นเพราะหลายวันมานี้ได้มีโอกาสนั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีตอย่างจริงจัง คาร่าจึงรู้ว่าตัวเองและสามีละเลยเกรย์ในตอนเด็กมากขนาดไหน ทั้งปล่อยให้เขาอยู่ในวงล้อมของบอดี้การ์ดโดยไม่ใส่ใจ แล้วยังให้เขาศึกษาเล่าเรียน กำหนดทิศทางในอนาคตให้โดยไม่ถามความเห็น

“ไม่ใช่ฉันหรอก...”

หากคำกล่าวปฏิเสธของผู้ที่คาร่าคิดว่าน่าจะมีส่วนในการทำให้เกรย์ไม่ได้เลือกเดินผิดเส้นทางกลับทำให้เธอชะงัก ตาเหลือบมองตามสายตาของอลิเซียไปโดยไม่รู้ตัว

“หรือว่า...”

“เป็นเด็กคนนั้นต่างหาก”

ไม่ใช่เพียงเพิ่งเจอแล้วรักกัน แต่เพราะรู้จักมานาน และสั่งสมความเชื่อมั่นกับความอดทนมาโดยตลอดถึงได้รักมากมายขนาดนี้

ภาพของประมุขที่หันไปป้อนขนมให้เกรย์ และภาพของเกรย์ที่ค่อยๆ เช็ดมุมปากให้คนกินเก่งอย่างอ่อนโยนปรากฏในสายตาของผู้ใหญ่ที่ลอบมองอยู่

คงไม่มีอะไรให้ห่วงอีกแล้ว...

ต่อจากนี้ก็เหลือเพียงรอเวลาที่เหมาะสม รอวันที่เด็กคนนั้นจะมายืนข้างเกรย์ได้ตลอดไป ได้แต่หวังว่าสิ่งที่จะได้พบเจอในวันข้างหน้าจะไม่ทำให้ความซื่อกับความสดใสของคนที่มองโลกในแง่ดีจางหายไปทั้งหมด

แต่ถึงอย่างไรก็มั่นใจได้อย่างหนึ่ง...

ดูเหมือนเมื่อประมุขได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง จะไม่ได้มีเพียงแค่เกรย์ที่คอยปกป้องเขาเพียงผู้เดียวอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอลิเซีย นิโคลัส หรือแม้แต่เอริคกับคาร่าก็อยากจะรักษาความน่ารักเหล่านั้นเอาไว้ให้ได้นานที่สุด ไม่จำเป็นต้องรีบเอาสิ่งสกปรกเข้าไปแปดเปื้อน

เพราะถึงเวลา...เด็กที่อ่อนนอกแข็งในคนนั้นจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน
.
.
(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.19]=[P.9]==[17/05/19]
«ตอบ #256 เมื่อ21-05-2019 23:15:18 »


หลังจากเข้าสู่ช่วงบ่าย บรรดาคนที่พากันมาร่ำลาส่งประมุขกลับไทยก็เริ่มทยอยกลับ โดยที่เขาเป็นฝ่ายแสดงความต้องการอยากให้ทุกคนกลับไปก่อนเอง อลิเซียกับนิโคลัสลากลับโดยเอาซุปไก่กับขนมที่ประมุขทำไว้ให้กลับไปด้วย ส่วนจักรพรรดิที่ถูกน้องชายกอดไม่ปล่อยอยู่นาน สุดท้ายก็โดนเกรย์ไล่กลับไปเพราะมาแย่งความสนใจของลูกแกะ ขณะที่คาร่ากับเอริคกลับขึ้นห้องส่วนตัวไปอย่างรู้งาน

ทุกคนล้วนรู้ดีว่าประมุขต้องการเวลาส่วนตัวเพื่ออยู่กับเกรย์ตามลำพังก่อนต้องแยกจากอีกครั้ง...

“จะว่าไปแล้ว แขกคนสำคัญที่คุณเคยบอกว่าอยากพาผมไปเจอ...คุณหมายถึงท่านย่าใช่ไหมครับ”

“ใช่”

“ว่าแล้วเชียว” ลูกแกะน้อยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยคล้ายภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง ซึ่งคนมองเองก็ไม่ได้เถียงอะไร แม้มันจะผ่านมานานมากแล้วกว่าเจ้าตัวจะรู้ก็ตาม

“ตอนแรกว่าจะพาไปหาตอนว่าง แต่กลายเป็นท่านย่ามาเจอด้วยตัวเองที่งานเสียก่อน ฉันยังไม่ทันได้พยายาม ลูกแกะก็กลายเป็นหลานรักของท่านไปแล้ว”

“แล้วไม่ดีเหรอ”

“ดีสิ”

พวกเขามองหน้ากันแล้วยิ้มจาง ก่อนประมุขจะซุกหน้าเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นอีกครั้ง

“คุณจะไปหาผมที่ไทยอีกไหมครับ”

“ถ้าว่างจะไปแน่นอน แต่ช่วงเดือนสองเดือนแรกคงไม่ได้ ฉันต้องช่วยพี่นายจัดการเรื่องธุรกิจแล้วก็เคลียร์งานหลายๆ อย่างให้เรียบร้อย” เกรย์ลูบหัวคนที่พิงแขนเขาอยู่อย่างอ่อนโยน แล้วหัวเราะออกมาเมื่อลูกแกะปีนขึ้นมานอนทับบนตัวเขาอย่างออดอ้อน “ทำแบบนี้ต้องการอะไรหือ”

“แค่อยากกอดคุณเฉยๆ”

เกรย์ลูบหัวทุยที่ซบอยู่กับอกเขาเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไร แต่พอหันไปมองนาฬิกา เห็นว่าเวลาเหลือน้อยลงทุกทีก็อดใจหายไม่ได้ อ้อมกอดจึงกระชับแน่นยิ่งขึ้นไปอีก

“กลับไปทางนั้นแล้ว อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลาด้วย”

“คำพูดนี้ผมต้องบอกคุณต่างหาก”

ประมุขดันหัวขึ้นมองหน้าคนสำคัญ มองไปมองมาสายตาก็เลื่อนไปที่ริมฝีปากบางเฉียบของอีกคนโดยอัตโนมัติ และเกรย์ก็ไม่ปล่อยให้ลูกแกะน้อยมองเก้อ เขาวางมือทั้งสองข้างลงบนแก้มนุ่ม บังคับดึงใบหน้านั้นให้ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะกดจูบลงไปบนริมฝีปากนิ่มเป็นเวลาเนิ่นนาน ราวกับจะซึมซับความรู้สึกในตอนนี้ไว้เผื่อเวลานับเดือนที่จะไม่ได้เจอกัน

ผ่านไปพักใหญ่กว่าเขาจะยอมผละออก แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของลูกแกะน้อยก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ประมุขก็เป็นฝ่ายวางมือแปะลงบนแก้มเขา ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาจูบต่อด้วยตัวเอง คราวนี้เกรย์ไม่ปราณีลูกแกะน้อยจอมหาเรื่องอีก เขาใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวผอมเอาไว้แนบตัว ส่วนมืออีกข้างวางกดลงบนท้ายทอยคนด้านบน ริมฝีปากงับลงไปเบาๆ จนลูกแกะตาโต และใช้โอกาสนั้นดุนดันปลายลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากอีกคนอย่างอ่อนโยน

ลูกแกะตัวน้อยที่ไม่เคยจูบใครแบบลึกซึ้งมาก่อนหน้าแดงก่ำ สองมือไหลลงไปกำเสื้อคนใต้ร่างเอาไว้แน่น ใช้เวลานานหลายนาทีกว่าเกรย์จะยอมผละออก ให้เขาพักหายใจจริงๆ แบบที่ไม่ใช่ผละวูบหนึ่งแล้วรังแกกันต่อ

“คะ...คุณแกล้งผม”

“ทำไมปรักปรำกันแบบนี้ล่ะ” เกรย์หัวเราะ มือลูบแก้มแดงๆ ของคนที่ยังหอบไม่หยุดไปมาอย่างเพลิดเพลิน ความหวานซึ่งเกิดจากความรู้สึกส่วนตัวยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากจนอยากจะชิมอีกสักรอบ แต่มองลูกแกะตัวน้อยที่ไม่เคยชินแล้วก็สงสาร ทำต่อไม่ลง ได้แต่ดึงเข้ามากอดไว้แน่นๆ เหมือนเดิมแทน “ลูกแกะ”

“ว่าไงครับ”

“รู้ใช่ไหมว่ารักมาก”

“…” คนที่พลิกหน้าไปมาอยู่บนอกแกร่งผุดหัวขึ้นมองคนพูดฉับพลัน ดวงตาใสสะอาดที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็สะกดเกรย์ได้อยู่หมัดทอประกายวาววับน่ามอง แล้วรอยยิ้มสวยที่มีความหมายมากกว่าทุกครั้งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ไม่รู้ครับ เพราะงั้น...บอกอีกทีได้ไหม”

“รักมาก”

คำพูดง่ายๆ หลุดออกมาจากปากอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด และประมุขที่ได้ยินมันอย่างชัดเจนก็ฉีกยิ้มกว้างกว่าเก่า ท่าทางมีความสุขมากจนไม่ว่าใครก็คงละสายตาไปไหนไม่ได้

“ผมก็รักคุณ”

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน เพราะมันสั่งสมมาเรื่อยๆ เป็นความรู้สึกเก็บเล็กผสมน้อยที่ใช้เวลานานนับสิบปี จนสุดท้ายก็มั่นคงจนไม่อาจพังทลายลงได้ ต่อให้มีปัญหาใดๆ เข้ามาก็มีแต่ต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน โดยที่ไม่มีวันปล่อยมือเด็ดขาด

ความรู้สึกของพวกเขาเป็นเช่นเดียวกันมาตั้งแต่ต้น...

“ฉันรู้” เกรย์ฟังคำหวานหูที่ได้ยินเป็นครั้งแรกพร้อมรอยยิ้ม แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เมื่อได้ยินออกมาจากปากอย่างตรงไปตรงมาก็ทำให้ดีใจไม่น้อย และลูกแกะของเขาก็คงคิดแบบเดียวกัน ดวงตาถึงได้เปล่งประกายวิบวับเช่นนั้น

“ไม่อยากกลับแล้ว”

“ไหนเมื่อคืนบอกว่าไม่งอแงแล้วไง” เขาถามอย่างไม่จริงจังนัก ออกจะขำเสียด้วยซ้ำที่เห็นคนเก่งเริ่มออกอาการอิดออดไม่อยากกลับ ถึงขั้นถอดนาฬิกาข้อมือของเขาออกไม่ยอมให้มองเวลา

“คุณอยากให้ผมกลับเหรอ” ลูกแกะน้อยเงยหน้ามองด้วยแววตาน่าสงสาร ทำเอาหัวใจที่ไม่เคยแข็งแกร่งอยู่แล้วยามอยู่กับคนสำคัญของเกรย์อ่อนยวบ อยากจะยกเลิกการเดินทางในวันนี้ให้หมด จะได้ขลุกอยู่กับคนขี้อ้อนต่อไป ไม่ต้องแยกกันให้ปวดใจเหมือนที่กำลังจะเป็น

แต่ทำแบบนั้นไม่ได้...

“ไม่อยาก” เขาแตะแก้มใสเบาๆ แล้วลูบไล้ไปมาเพื่อปลอบประโลมไม่ให้คนขี้อ้อนเลิกล้มความตั้งใจเดิมจนพากันตบะแตกทั้งคู่ “แต่ลูกแกะต้องกลับไปเรียน จำได้ไหม”

“…จำได้”

“อดทนอีกหน่อยนะ แค่เดือนเดียวแล้วฉันจะบินไปหาบ่อยๆ หลังจากนั้นพอนายเรียนจบ เราก็ไม่ต้องแยกกันไปไหนอีกแล้ว”

“อื้อ”

พอได้ฟังเหตุผลที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน ประมุขก็เริ่มสงบสติอารมณ์ได้และไม่พูดให้อีกคนต้องลังเลอะไรอีก เขาแค่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เบียดตัวเข้าหาคนสำคัญแล้วซุกหน้าอยู่ที่ซอกคอหอมๆ ไม่ยอมผละไปไหน

ช่วงเวลาแห่งความสุขก่อนจะต้องแยกจากคงอยู่เพียงชั่วครู่ในความรู้สึกของคนที่ไม่อยากให้มันมาถึง แต่พอเกรย์สะกิดบอกให้รู้ว่าถึงเวลาแล้ว ลูกแกะน้อยของเขาก็ผงกหัวขึ้น ยอมปีนลงจากตัวไปนั่งคุกเข่าหงอยอยู่ด้านข้างโดยไม่อิดออด รอจนเขาส่งยิ้มไปให้ เจ้าตัวจึงสูดหายใจเข้าจนสุดแล้วเผยยิ้มออกมา

“เก่งมาก”

ลูกแกะขนฟูหลับตาปล่อยให้คนสำคัญเอามือลูบหน้าอย่างสบายใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายจับมือเกรย์ไว้ แล้วจูงพาเดินออกไปนอกห้องนอนซึ่งเป็นอาณาเขตส่วนตัวของพวกเขาด้วยตัวเอง

ประมุขพูดไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าไม่อยากให้เกรย์ไปส่งที่สนามบิน เพราะกลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหว ดังนั้นคนที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักจึงว่าอะไรไม่ได้ ลองคิดตามดูแล้วก็จริงเหมือนกัน เลยได้แต่พยักหน้ารับ ตกลงกันว่าจะส่งแค่หน้าคฤหาสน์เท่านั้น

และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ว่าแล้ว...

บริเวณหน้าคฤหาสน์มีคนอยู่มากกว่าสิบคน ทั้งบรรดาเมดที่ออกมารอส่งเจ้านายคนใหม่ และการ์ดทีมเอแบบครบทีมซึ่งทำให้ประมุขยิ้มได้ทันทีที่เห็น ใจนึกอยากวิ่งเข้าไปทักทายพูดคุย แต่พอหันไปเห็นคนที่เดินจับมืออยู่ด้านข้างก็เริ่มหงอยลงนิดหน่อยเพราะรู้ว่าต้องแยกกันแล้ว

“ลูกแกะลาพ่อกับแม่แล้วใช่ไหม” เกรย์ชวนคุยเพื่อไม่ให้คนร่าเริงหงอยหนักกว่าเก่า

“ลาพร้อมท่านย่าแล้วครับ คุณอากับคุณน้าบอกว่าอาจจะต้องออกไปข้างนอกก่อนจะได้ส่งผมกลับ ผมเลยลาตั้งแต่ตอนนั้นเลย”

ตอนที่ประมุขไปยกมือไหว้พ่อแม่เกรย์ พวกท่านเพียงพูดว่าให้รีบกลับมา แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากยกมือลูบหัวเขาสองสามที แต่เพียงแค่นั้นคนร่าเริงก็ได้พลังบวกมาจนเต็มเปี่ยม สดใสอยู่หลายนาทีก่อนจะห่อเหี่ยวลงเพราะยังไม่อยากแยกกับเกรย์ หากพอได้มานึกถึงคำพูดประโยคนั้นซ้ำอีกครั้งก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

พวกท่านอยากให้เขารีบกลับมา...

“ถ้าอย่างนั้นพร้อมแล้วใช่ไหม” เสียงถามของเกรย์ทำให้คนที่หลุดอยู่ในภวังค์กลับมาสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง

ประมุขที่กำลังเกาะเอวคนสำคัญเป็นลูกลิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองลึกเข้าไปในดวงตาอ่านยากคู่นั้น จนเห็นความรู้สึกไม่ยินยอมที่คล้ายคลึงกับเขาด้านใน จึงเผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด

“ครับ”

ไม่มีอะไรให้เสียดายหรือลังเลอีกแล้ว

เขาต้องรีบไป จะได้รีบกลับมาไวๆ มาหาทุกคน มาอยู่ในที่ที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง

“งั้นก็ไปเถอะ”

สองแขนที่เกาะเกี่ยวเอวสอบเอาไว้คลายแรงออกช้าๆ ทว่าก่อนที่เจ้าตัวจะได้หันหลังเดินไปขึ้นรถจริงๆ คนที่บอกให้ไปก็เป็นฝ่ายคว้าเอวผอมนั่นไว้แล้วรวบเข้ามากอดแน่น

ประมุขไม่ได้แสดงท่าทีตกใจใดๆ ออกมา เพียงหลับตาลงแล้วยกแขนขึ้นกอดตอบด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นไม่แพ้กัน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่เขามั่นใจว่าทุกคนต้องเข้าใจความรู้สึกของเกรย์และความรู้สึกของเขา

กว่าจะได้เจอกันเราใช้เวลานานเป็นสิบปี ได้อยู่ด้วยกันไม่เท่าไหร่ก็ต้องแยกจากกันแล้ว แม้จะเพียงชั่วคราวก็ตาม

การต้องบอกลาซ้ำๆ ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยสักนิด

แต่ไม่เป็นไร...

อย่างน้อยการบอกลาในครั้งนี้ก็มีจุดหมาย ทั้งยังเป็นจุดหมายที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากเสียด้วย

“ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ผมไม่มีวันยอมห่างจากคุณอีกแน่”

“หึหึ... นั่นมันคำพูดของฉันต่างหาก” เกรย์ผละตัวออกเล็กน้อย ขณะมือข้างหนึ่งเชยคางลูกแกะขึ้นมา แล้วกดจูบลงบนหน้าผากขาวแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว “ถ้าคิดถึงก็โทรมา ไม่ว่าตอนไหนก็ตามฉันจะรีบรับ เข้าใจหรือเปล่า”

“เข้าใจครับ!” คนร่าเริงที่เริ่มกลับมายิ้มได้อีกครั้งร้องบอกเสียงหนักแน่น แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเกรย์ทำหน้าหน่าย เขาซุกหน้าลงกับอ้อมแขนอบอุ่นอีกครั้ง พร้อมกระซิบบอกถ้อยคำแสนสำคัญเป็นการลาครั้งสุดท้าย “ผมจะรอคุณนะ”

“ฉันจะรีบไปหา”

สุดท้ายก็ทำได้เพียงปล่อยมือออก ยืนยิ้มให้กันเงียบๆ ก่อนประมุขจะหันไปร่ำลาเมดสาวทั้งหลายแล้วขึ้นรถไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก ทิ้งให้เกรย์ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองตามไปจนสุดสายตา

“ยากใช่ไหม” เสียงถามของการ์ดคนสนิทควบตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กอย่างลูคัสทำให้เกรย์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

“อืม…”

“…”

“ยากกว่าพยายามไม่ไปเจอเยอะเลย”

แต่ว่า...

ครืด

เขาก้มลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหลังรถตู้คันหรูที่ยังเห็นได้อยู่ลิบๆ อีกครั้งแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

GP.MUK: ผมคิดถึงคุณแล้ว

GP.MUK: *สติกเกอร์แกะร้องไห้*

ลูกแกะนะลูกแกะ...

ทำแบบนี้แล้วเขาจะยอมปล่อยไปได้ยังไง

“ลูคัส บอกจิมให้เลื่อนกำหนดการให้ไวกว่าเดิม สองอาทิตย์ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”

หากถามว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ประมุขมีความสำคัญต่อเกรย์มากมายขนาดนี้ เห็นทีคงต้องย้อนเวลากลับไปนาน จนแม้แต่ตัวเขาเองยังตอบไม่ได้ รู้เพียงว่าเวลาที่ผันผ่านกับความสม่ำเสมอระหว่างพวกเขาทำให้รากฐานของต้นไม้ที่ควรจะไหวลู่ไปตามลมได้อย่างง่ายดายแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน จนไม่มีอะไรมาหักโค่นได้อีก

ไม่น่าเชื่อว่าความรักที่เกิดจากความชื่นชอบจากรูปถ่ายเพียงใบเดียวจะผลิดอกออกผล ทำให้คนสองคนรักกันได้มากมายขนาดนี้ แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นพรหมลิขิตทั้งหมด เพราะกว่าครึ่งเกิดจาก ‘ความตั้งใจ’ และ ‘ความต้องการ’ ของเกรย์ ทว่าผลก็จบลงที่ความสุขเช่นเดียวกัน

ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่รอเวลาเท่านั้น...

รอเวลาที่จะได้กลับมาจับมือกันอีกครั้ง

และคราวนี้...พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยมือจากกันอีกตลอดกาล


END


TALK: จบแล้ววววววววววว

หลังจากเดินทางด้วยกันมานาน ในที่สุดน้องคนเล็กของพี่ๆก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้วค่ะ T_T

สำหรับน้องมุขของพี่ๆนี่ จริงๆถูกวางให้เป็นเด็กผู้ชายแสนสดใสที่เป็นเด็กแมนๆทั่วไป แต่ไม่รู้ทำไมไปๆมาๆกลายเป็นลูกรักตัวเล็กตัวน้อยของทุกคนไปได้ เราอ่านความคิดเห็นแล้วอมยิ้มทุกที ส่วนคุณเกรย์คงไม่มีอะไรต้องพูดเยอะเพราะหล่อเสมอต้นเสมอปลาย ทั้งรักทั้งหลงจนไม่รู้จะว่ายังไง

ความรักของน้องมุขที่มีต่อคุณเกรย์น่าจะดูออกง่าย ถูกช่วยเหลือ ถูกป้อ ถูกเต๊าะมาแต่เล็กแต่น้อย เป็นใครจะไม่หวั่นไหว แล้วยิ่งอยู่ห่างไกลขนาดนี้แล้วยังใส่ใจน้อยตลอดเวลา ทำมันสม่ำเสมอมาเป็นสิบปี ใครบ้างจะไม่หลงรักล่ะเนอะ

ส่วนของคนพี่นี่ยิ่งแล้วใหญ่ แรกๆเหมือนความถูกใจ แต่ทำไปนานวันเข้ากลายเป็นเสพติดโดยไม่รู้ตัว ต่อให้กาลเวลาเปลี่ยนนิสัยของคุณเกรย์ไปขนาดไหน แต่ด้วยความที่ทำทุกอย่างให้น้องแบบนี้มาเป็นปกตินิสัย ไม่แปลกเลยที่น้องจะกลายเป็นคนคนเดียวที่คุณเกรย์ยังใจดีด้วยเหมือนเก่า

เราว่าความรักของสองคนนี้มันถูกพิสูจน์ผ่านกาลเวลามาแล้วค่ะ เพราะงั้นตอนที่ได้เจอ พวกเขาถึงได้รักกันมากขนาดนี้...

ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาโดยตลอดมากๆเลยนะคะ ไม่ว่าจะเพิ่งมาอ่านเป็นเรื่องแรกหรือตามกันมาตั้งแต่เรื่องแรกที่เราเขียนก็ตาม ไม่รู้จริงๆว่าจะขอบคุณยังไงถึงจะพอ แต่ยังคาดหวังว่าจะได้เจอกันอีกในเรื่องต่อๆไปที่จะมีตามมาเรื่อยๆแน่นอนนะคะ : )

รัก

Chesshire



ช่องทางการติดตาม

FB: Chesshire.

Twitter: @Chesshire04

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END
«ตอบ #257 เมื่อ21-05-2019 23:26:56 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END
«ตอบ #258 เมื่อ21-05-2019 23:55:20 »

แกะมุขทำเอาเลือดคนอ่านกระจายอีกแล้วววเป็นการส่งท้าย  :pighaun:
งั้นก็ส่ง หนูเต้มาให้คนอ่านไว ๆ เด้อ จะนอนรอจ้า  :a12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด