┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END  (อ่าน 58860 ครั้ง)

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.10]=[P.5]==[15/01/19]
«ตอบ #150 เมื่อ19-01-2019 23:05:25 »

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
จะเป็นฝีมือ “คนใน”หรือเปล่านะ

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.10]=[P.5]==[15/01/19]
«ตอบ #151 เมื่อ29-01-2019 18:53:17 »

-11-


สวัสดี

นายอาจสงสัยว่าฉันเป็นใคร รู้เอาไว้แค่ฉันคือผู้หวังดีที่อยากจะเป็นเพื่อนของนายก็แล้วกัน แต่ถ้ายังกังวลว่าฉันจะคิดอะไรไม่ดี ฉันจะบอกความลับอีกข้อ...คือฉันเป็นเพื่อนรักของพี่ชายนาย ทีนี้คงจะไว้ใจกันบ้างแล้วสินะ

ตอนนี้นายคงอยากถามว่าพี่ชายเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่อาจพูดได้ว่าเขาสบายดี และไม่ขอรับปากว่าจะพูดถึงเรื่องราวของพี่ชายนายในจดหมายทุกฉบับ แต่จำไว้ว่าเขาจะต้องกลับไปอย่างแน่นอน เพราะงั้นจงใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ รอจนกว่าจะถึงวันที่เขากลับไป นายค่อยชดเชยทุกอย่างให้

จากนี้ก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว เข้าใจหรือเปล่า

ปล.หากต้องการตอบจดหมายของฉัน แค่นายเขียนใส่กระดาษ แล้วเอาไปใส่ไว้ในตู้ไปรษณีย์หน้าบ้านทุกวันอาทิตย์ก่อนเจ็ดโมงเช้า ฉันจะได้รับจดหมายของนายอย่างแน่นอน

ด้วยรัก

Gin.


ความรู้สึกในตอนที่ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากคนแปลกหน้าเป็นเช่นไร ประมุขยังคงจดจำได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจดหมายฉบับนั้นส่งมาพร้อมกับความหวังที่ช่วยหยุดน้ำตาของเขาได้จริงๆ

ในเวลานั้นบ้านที่เคยเต็มไปด้วยความสุขมีเพียงความเงียบเหงา พ่อของเขาต้องออกไปทำงานแต่เช้ามืด และกลับมาตอนดึกดื่นทุกวัน ประมุขกับฮ่องเต้แยกกันอยู่คนละห้อง แม้ยามอยู่ด้วยกันจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทว่าเมื่อได้อยู่คนเดียว ความหดหู่ไร้ที่มากลับตีรวนจนเจ็บหน่วงไปทั้งอก

ไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่วันหรือกี่ปีแล้วที่พี่ชายคนโตถูกพาตัวไปและติดต่อไม่ได้ มีเพียงข่าวคราวนานๆ ครั้งที่จะได้ยินเฉพาะเวลาพ่อคุยโทรศัพท์กับใครบางคนที่บอกให้รู้ว่าพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ เด็กชายประมุขในตอนนั้นไม่ได้เข้มแข็งเหมือนฮ่องเต้กับพ่อ เขายังแอบร้องไห้อยู่ทุกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พี่ชายถูกพาตัวไป

แต่แล้ววันหนึ่งจดหมายฉบับนั้นก็ส่งมาถึง...

ลายมือภาษาอังกฤษที่ดูสวยงามทำให้เขาจดจ้องมันด้วยความรู้สึกประหลาดๆ อยู่นาน ทว่าเมื่อได้อ่านเนื้อความจนครบถ้วน หยาดน้ำก็เอ่อคลอดวงตาทั้งสองข้าง เขาสะอึกสะอื้นอยู่เพียงลำพัง ขณะที่สองแขนโอบกอดตุ๊กตาลูกแกะสีชมพูเอาไว้แน่น กระทั่งสายตามองเห็นถ้อยคำที่บอกว่าอย่าร้องไห้อีกครั้ง สองมือเล็กจ้อยจึงยกขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วฮึบน้ำตาเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้มันไหลออกมาอีก

ในเมื่อเพื่อนรักของพี่ชายบอกให้หยุดร้องไห้ รอวันที่พี่ชายกลับมาค่อยชดเชยให้ เขาก็จะเชื่อตามนั้น

ประมุขฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากสมุดเรียน ก่อนจะรีบขีดเขียนข้อความลงไปบนนั้นด้วยความตั้งใจ เขาได้รับจดหมายตอนวันเสาร์เวลาเจ็ดโมงเช้า เพราะงั้นพรุ่งนี้เช้าเขาต้องรีบเอามันไปใส่ไว้ในกล่องไปรษณีย์ ซึ่งด้วยนิสัยซื่อๆ ที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เขาจึงไม่เคยสงสัยเลยสักนิด ว่าจดหมายโต้ตอบของตัวเองกับคนคนนั้นมันจะถูกส่งข้ามประเทศโดยการใส่ไว้ในตู้จดหมายของตัวเองได้อย่างไร

หลังจากวันนั้นเด็กชายประมุขก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขาเข้าไปลากฮ่องเต้ถึงในห้องนอนเพื่อให้ลงไปเล่นที่สนามด้วยกัน วันไหนพ่อกลับไวก็จะเดินเข้าไปพูดคุยด้วย จนบ้านที่เงียบเหงากลับมาเป็นบ้านที่อบอุ่นอีกครั้ง ทุกๆ อาทิตย์เขาจะได้รับจดหมายจากคนคนเดิม นับเป็นเวลาหลายปีที่พวกเขาพูดคุยกันผ่านทางจดหมาย กระทั่งฮ่องเต้ก็รับรู้เรื่องราวทั้งหมดไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร เพียงบอกให้ระวังตัวเท่านั้น

“มุข!” ดีดี้ที่ตอนนั้นยังอยู่ในร่างน้องดินคนแมนวิ่งเข้ามาหา พร้อมชูไม้ชูมือโบกจดหมายที่เก็บมาจากตู้ให้ดูอย่างร่าเริง “จดหมายของมุขมาแล้ว ดินหยิบมาให้ด้วย”

“ขอบใจนะ” ประมุขฉีกยิ้มกว้าง รับจดหมายจากเพื่อนชาวไทยที่บังเอิญเจอในต่างแดนมาแกะดูด้วยความตื่นเต้นเหมือนเช่นทุกครั้ง


ลูกแกะ

ฉันชอบดอกไม้แห้งที่นายแนบมาในจดหมายมาก ขอบคุณนะลูกแกะน้อย

ที่บอกว่าอยากเจอกัน ใช่ว่าฉันไม่อยากไปเจอ แต่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น นายช่วยอดทนรอจนกว่าจะถึงวันนั้นได้หรือเปล่า ฉันสัญญาว่ามันต้องคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน และถึงตอนนั้นเราจะไม่แยกจากกันอีกตลอดไป ลูกแกะเชื่อฉันเถอะ

ส่วนเรื่องงานแสดงละครเวทีในอีกสามวัน ฉันมั่นใจว่าพ่อของนายและพี่ชายต้องอยากไปดูแน่ๆ แต่เพราะพวกเขามีเหตุจำเป็นที่อาจจะสำคัญมากๆ จึงไปดูไม่ได้ เหมือนกันกับฉันที่อยู่ห่างจากลูกแกะ ต่อให้อยากไปดูแค่ไหนก็ทำไม่ได้

แต่ฉันสัญญาว่าวันหนึ่งจะต้องไปดูลูกแกะแสดงละครเวทีแน่นอน

ปล.มองหาคนในชุดหลากสี เขาจะเป็นตัวแทนของฉัน เอารางวัลไปให้ลูกแกะคนเก่ง

ด้วยรัก

Gin.



วันงานโรงเรียนที่พ่อแม่ของเด็กทุกคนต่างพากันมาดูลูกๆ ของตัวเอง เด็กชายประมุขยืนอยู่เพียงลำพังในชุดลูกแกะ เขาเป็นคนเดียวที่ไม่มีใครมาหา ไม่มีใครมาให้กำลังใจ เพราะคุณพ่อต้องไปทำงาน ขณะที่ฮ่องเต้ปวดท้องจนต้องนอนโทรมอยู่ในโรงพยาบาล

แม้จะบอกตัวเองแล้วว่าต้องสู้ให้เต็มที่ หากเมื่อมองไปรอบๆ ก็อดเศร้าใจไม่ได้อยู่ดี

การแสดงละครเวทีจบลงโดยที่ลูกแกะประมุขซึ่งได้เป็นตัวเอกของเรื่องยืนทำหน้าจ๋อยอยู่หน้าเวที เฝ้ามองบรรดาผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ เอาดอกไม้และของรางวัลมาส่งให้เป็นการชื่นชม มีเพียงเขาเท่านั้นที่สองมือว่างเปล่า ไม่มีใครมาดูหรือให้กำลังใจเลยแม้แต่คนเดียว ทว่าในตอนนั้นเอง...

“คุณตัวตลก!”

“มีลูกโป่งด้วย!”

“แม่ฮะ ผมอยากได้บ้าง”

“คุณตัวตลก ผมขอลูกโป่งด้วยสิฮะ”

ท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวของบรรดาเด็กๆ บนเวที สายตาของลูกแกะน้อยจ้องมองเพียงร่างของคุณตัวตลกในชุดหลากสีสัน ที่เดินมาพร้อมกับลูกโป่งลายสัตว์นับสิบลูก

มองหาคนในชุดหลากสี เขาจะเป็นตัวแทนของฉัน เอารางวัลไปให้ลูกแกะคนเก่ง

ข้อความในจดหมายวาบผ่านเข้ามาในความทรงจำ ลูกแกะตัวน้อยพุ่งเข้าไปหาคุณตัวตลกแล้วกอดขาอีกฝ่ายเอาไว้แน่น กระทั่งถูกลูบหลังปลอบเบาๆ จึงปล่อยโฮออกมาอย่างอดไม่อยู่

“คนคนนั้นฝากบอกให้คุณอดทนอีกนิด สักวันหนึ่งจะได้เจอกันอย่างแน่นอน” เสียงกระซิบของคุณตัวตลกไม่ได้ดังก้องเพียงในหัวของคนฟัง หากกลับฝังรากลึกลงไปในความทรงจำ กลายเป็นคำสัญญาที่เขาตั้งมั่นให้เป็นจุดมุ่งหมายมาโดยตลอด

สักวันหนึ่งเราจะได้พบกัน...

ระยะเวลาปีแล้วปีเล่าผ่านพ้นไป คนคนนั้นไม่เคยมาหาประมุขเลยสักครั้ง ไม่ว่าเขาจะชักชวนล่วงหน้าอย่างไรก็ตาม แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายไม่เอาของขวัญมาให้หรือไม่ส่งคนมา ทุกๆ รอบ ทุกๆ งานที่ประมุขบอกว่าต้องอยู่เพียงลำพังเพราะพ่อติดงาน ส่วนพี่ชายก็มีกิจกรรมเป็นของตัวเอง คนคนนั้นมักจะส่งคนมาหาเสมอ ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้เขายิ้มได้และไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร

วันปีใหม่ซึ่งเป็นวันครบรอบอายุสิบหกปีเต็มของประมุข นั่นเป็นครั้งแรกที่จดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งให้จากมือของคนในชุดคอสตูมหมาป่า ซึ่งเป็นตัวแทนของคนคนนั้นที่เอาของรางวัลมาให้เนื่องในโอกาสที่ประมุขได้ขึ้นแสดงบนเวทีในกิจกรรมของโรงเรียน ไม่ใช่ได้รับจากตู้จดหมายทุกวันเสาร์เหมือนปกติ

“มุข ไปกินข้าวด้วยกันไหม” น้องดินที่พัฒนาเป็นเพื่อนสาวดีดี้เรียบร้อยแล้ววิ่งเข้ามาชักชวนประมุขเมื่องานทุกอย่างจบลง แต่พอได้เห็นจดหมายในมือของเพื่อนสนิท เธอก็เบะปากโดยอัตโนมัติ เพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“ไม่ดีกว่า ดีดี้ไปเลย”

“เห็นจดหมายนั่นก็รู้แล้วย่ะ... ว่าแต่นี่มันวันอังคารไม่ใช่เหรอ ทำไมได้จดหมายแล้วล่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน ถึงได้อยากรีบกลับไปดูที่บ้านไง” ใบหน้ารื่นเริงของเขาคงตอบคำถามได้ดียิ่งกว่าอะไร พอเห็นเพื่อนทำท่าอยากกลับบ้านเต็มแก่ ดีดี้ก็รีบโบกไม้โบกมือ ไล่ให้ไปไกลๆ ด้วยความหมั่นไส้

ประมุขกลับบ้านไวที่สุดในรอบปีเป็นประวัติการณ์ เพราะปกติเขาเป็นเด็กกิจกรรม หากไม่ได้แสดงละครเวที ไม่ได้มีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็จะใช้เวลาไปกับการเล่นกีฬากับเพื่อนๆ จนเกือบค่ำถึงกลับบ้าน และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องฉลองปีใหม่เพียงลำพัง เพราะพ่อต้องไปสัมมนา ขณะที่ฮ่องเต้ไปคุยงานห้องเพื่อน บางทีอาจจะไม่ได้กลับบ้าน

แต่ไม่เป็นไร... วันนี้เขาได้จดหมายแล้ว เขามีเพื่อนคุยแล้ว

จดหมายที่ใส่อยู่ในซองวันนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะมันไม่ได้มีเพียงกระดาษเอสี่สีขาวแบบปกติ แต่กลับมีการ์ดสีชมพูอ่อนซึ่งมีกลิ่นหอม ที่ด้านหน้าเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่างบรรจงสวยงามว่า ‘Happy Birthday & Happy New Year’ แนบมาด้วย

ประมุขลงมือเปิดจดหมายสีขาวก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นก็กวาดสายตาไล่อ่านข้อความทุกๆ ประโยคอย่างตั้งใจเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา


ลูกแกะ

ตกใจหรือเปล่าที่ได้รับจดหมายในวันนี้ ฉันคิดวนไปวนมาอยู่หลายรอบเกี่ยวกับเรื่องที่เราพูดคุยกันผ่านจดหมายเพียงอาทิตย์ละครั้ง แล้วก็ได้คำตอบว่ามันน่าจะถึงเวลาที่ฉันจะได้พูดคุยกับลูกแกะมากกว่าเดิมเสียที จะอย่างไรมันก็ไม่ได้ผิดข้อตกลงที่ฉันให้ไว้กับพี่ชายของนายอยู่แล้ว (ไม่ต้องถามหรอกนะ เพราะฉันยังบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่สัญญาว่าหากได้เจอกันจะเล่าให้ฟังทุกอย่างแน่นอน)

วันนี้เหนื่อยมากหรือเปล่า เป็นวันเกิดแท้ๆ ยังต้องไปแสดงในงานกิจกรรมอีก น่าแปลกจริงๆ ที่วันปีใหม่ทั้งทียังจัดกิจกรรมกันอยู่ อา...คงเป็นเพราะเกิดเหตุให้โดนเลื่อนสินะ แต่เอาเถอะ เพราะถ้าไม่มีกิจกรรม คนที่ฉันส่งไปก็คงไม่ได้เอาจดหมายฉบับนี้ให้ลูกแกะ

เปิดการ์ดดูสิ... นั่นคือของขวัญในปีนี้ที่ฉันมอบให้นาย

ด้วยรัก

Gin.


ประมุขวางจดหมายลงบนโต๊ะ ก่อนจะค่อยๆ บรรจงเปิดการ์ดที่ได้รับจากคนสำคัญอย่างทะนุถนอม ดวงตากวาดผ่านตัวอักษรทุกตัวอย่างตั้งใจ ไล่ตั้งแต่ตัวแรกยันตัวสุดท้าย และวนซ้ำไปซำ้มาอยู่หลายรอบ


ของขวัญชิ้นนี้จะทำให้ลูกแกะยิ้มได้หรือเปล่านะ...

MGRAY



ยิ้มเหรอ...

แค่ยิ้มยังน้อยไป!

ตัวอักษรสั้นๆ แค่ห้าตัวนั่นมันทำให้เขาดีใจยิ่งกว่าตอนได้ลูกโป่งเสียอีก พิสูจน์เอาจากมือที่กำลังกดโทรศัพท์ซึ่งสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดก็รู้แล้ว

ประมุขรีบเข้าโปรแกรมแชท ใส่ชื่อที่ได้มาลงไป จากนั้นก็จ้องรูปโปรไฟล์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนแกะน่ารักๆ อยู่นานหลายนาที ใจยังคงไม่กล้ากดแอดไป ไม่ใช่เพราะไม่อยาก แต่เพราะตื่นเต้นจนสั่นไปหมดทั้งตัว

“แต่ถ้าไม่กดสักทีก็คงไม่ได้คุยกัน” เขาพึมพำและกลั้นยิ้มจนแก้มตุ่ย สุดท้ายก็ฮึบแล้วกดแอดไปอย่างรวดเร็ว ห้องแชทที่เด้งขึ้นมามีเพียงความว่างเปล่า ประมุขจ้องมองมันนิ่งงัน มือพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่หลายรอบก็ยังไม่ได้กดส่ง จนกระทั่ง...

M.GRAY: กดแอดมาแล้วแต่ไม่ยอมทัก ฉันรอนานแล้วนะ

คนอ่านจ้องจอโทรศัพท์จนตาแทบถลน สองแก้มกลมดิกเพราะกลั้นยิ้มไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจทนได้นาน ต้องเผยรอยยิ้มกว้างออกมาตามใจอยากจนได้

GP.MUK: ขอโทษครับ ผมตื่นเต้นอยู่

M.GRAY: ดีใจกับของขวัญชิ้นนี้หรือเปล่า

GP.MUK: มากที่สุดเลย ขอบคุณมากๆ เลยนะ

GP.MUK: *สติกเกอร์แกะยิ้มกว้าง*

ประมุขในเวลานั้นยังคงไม่เข้าใจเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง เขารู้เพียงว่าคนคนนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว และบางทีเรื่องราวที่ได้พูดคุยกันผ่านจดหมายหรือผ่านโทรศัพท์ อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้เรื่องของเขาดียิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเสียอีก

วันเวลาผันผ่าน จากที่ต้องคอยเฝ้ารอรับจดหมายทุกวันเสาร์ กลับกลายเป็นได้รับคำทักทายอรุณสวัสดิ์และบอกฝันดีในตอนกลางคืนของทุกวัน ประมุขยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่เขาไม่เคยเหงาอีกเลย เวลาใดที่รู้สึกท้อ รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดส่งข้อความไปบอกคนที่อยู่ไกลลิบ ไม่ถึงห้านาทีถัดมาอีกฝ่ายก็จะตอบกลับมาแล้วปลอบประโลมจนอาการดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

มันคือความรู้สึกพิเศษที่ถูกส่งผ่านมาทางตัวหนังสือ...

หากใครมารู้เข้าแล้วพูดเหมือนดีดี้ ถามว่าเขายึดติดกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าได้อย่างไร จะไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่จะเกิดความรู้สึกพิเศษให้แก่คนคนนั้น ประมุขคงยิ้มแล้วหยิบจดหมายฉบับแรกให้ดู บอกให้รู้ว่าระยะเวลาที่พวกเขาแสดงความสม่ำเสมอต่อกันมันไม่ใช่เพียงวันสองวัน แต่ผ่านมานานหลายปีก็ยังคงเป็นเช่นเดิม แม้จะไม่เห็นหน้าแล้วอย่างไร เขารู้เพียงในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด คนคนนั้นคือแสงสว่างที่ฉุดรั้งกันเอาไว้ ทำให้เขายังคงยิ้มได้อยู่จนถึงวันนี้

และถ้ายังเห็นภาพไม่ชัด ยังไม่เข้าใจอีกว่าคนคนนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญสำหรับเขามากขนาดไหน ก็คงต้องพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนประมุขอายุครบสิบเก้าปี ในเวลาที่เขากับพี่ชายย้ายกลับมาอยู่ไทยด้วยกันเป็นวันแรก

“มึงแน่ใจนะว่าไปซื้อได้”

“ได้ดิ แค่ไปซื้อของแค่นี้เอง มึงทำความสะอาดบ้านรอไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง” คนอวดเก่งบอกพี่ชายที่กำลังหรี่ตามองมาคล้ายไม่เชื่อ ก่อนจะคว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว

นานแล้วเหมือนกันที่ประมุขไม่ได้กลับมาเหยียบประเทศไทย เขาแทบจะลืมไปหมดแล้วว่าถนนหนทางและการเดินทางที่นี่ทำอย่างไร เพราะตอนที่มาครั้งล่าสุดก็เด็กเกินกว่าจะทำอะไรตามลำพัง แต่ถ้าไม่ลองออกไปไหนมาไหนด้วยตัวเองบ้าง เห็นทีคงต้องพึ่งพาคนอื่นไปตลอดชีวิต

“เอาน่า... แค่นั่งรถเมล์ไปไม่กี่ป้ายเอง”

นั่งรถเมล์ไปไม่กี่ป้าย... แต่สุดท้ายกลับหลงไปลงที่ไหนก็ไม่รู้ มองซ้ายมองขวาไม่มีใครเดินผ่านมาให้ถามเลยสักคน ไหนจะท้องฟ้ามืดมิดมองแทบไม่เห็นทางนี่อีก รถที่ผ่านไปผ่านมาก็แทบจะไม่มี

ประมุขนั่งหงอยอยู่ที่ป้ายรถเมล์นานหลายนาทีก็ยังไม่มีรถเมล์คันอื่นๆ มาถึง สุดท้ายความกลัวก็เอาชนะทิฐิจนต้องโทรไปหาฮ่องเต้ แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่รับสายเสียอย่างนั้น

“ทำความสะอาดจนไม่ได้สนใจโทรศัพท์แน่เลย...”

เมื่อไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปจึงทำได้เพียงมองซ้ายมองขวากอดตัวเองแล้วรอคอยรถอย่างใจเย็น หากจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีผ่านมาสักคัน จากที่แค่หนาวเฉยๆ เริ่มกลายเป็นความวิตกหวาดกลัว โทรศัพท์ที่เหลือแบตอยู่แค่สองเปอร์เซนต์ทำเอาใจหายวาบ และในตอนนั้นเอง...

ครืด

M.GRAY: ทำไมวันนี้เงียบๆ ไป ถึงไทยหรือยัง

คนที่เริ่มหวาดกลัวกำโทรศัพท์แน่นทั้งที่ตัวสั่นใจสั่น มือรีบกดตอบข้อความอย่างรวดเร็ว บอกเล่าสถานการณ์ที่กำลังพบเจอให้อีกคนรู้ตามความเคยชินที่ไม่ว่าจะมีเรื่องเล็กน้อยขนาดไหนก็บอกกันเสมอ

GP.MUK: ผมนั่งรถเมล์มาลงป้ายไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ไม่มีรถผ่านมาเลยครับ ทำยังไงดี แบตจะหมดแล้วด้วย

M.GRAY: รีบแชร์โลเคชั่นมาให้ฉัน

GP.MUK: *ส่งโลเคชั่น*

GP.MUK: คุณครับ ผมหนาว มองไม่เห็นอะไรเลย

M.GRAY: รอที่นั่น อย่าเดินไปไหน

ประมุขสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อแสงจากจอโทรศัพท์ดับไปเฉยๆ โดยที่เขายังไม่ได้ตอบข้อความ ทว่าความเชื่อใจที่มีมากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็ยังทำให้เขากอดตัวเองและนั่งรออยู่ตรงนั้นอย่างใจเย็น แม้จะไม่รู้ว่าคนคนนั้นที่อยู่คนละประเทศจะช่วยกันได้อย่างไรก็ตาม

ห้านาทีหลังจากที่เขานั่งกอดตัวเองอยู่ที่เดิมอย่างอดทน มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นเป็นครั้งแรก ประมุขรีบหันไปมองเผื่อว่าจะเจอคนที่มานั่งรอรถเมล์เหมือนกัน แต่เมื่อได้เห็นท่าทางแปลกๆ ไม่น่าไว้วางใจของชายวัยกลางคนร่างท้วม เขาก็เปลี่ยนกลับไปมองถนนด้วยความคาดหวังเช่นเดิม

“ไง น้องชาย” เสียงทักทายจากคนด้านข้างทำให้คนที่ปกติอัธยาศัยดีขนลุก ระยะห่างที่อีกฝ่ายนั่งลงข้างกายทำให้เขาอึดอัดขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจเมินเฉยได้ เพราะตรงจุดนี้มีคนอยู่เพียงสองคนเท่านั้น

“ครับ...”

“นั่งรอรถเหรอ”

“ใช่ครับ”

“ดูท่าจะรอมานานแล้วสินะ หิวหรือเปล่า”

กลิ่นเหล้าที่ลอยมากระทบจมูกทำเอาคนที่เพิ่งได้กลับมาเหยียบประเทศนี้รู้สึกอยากวิ่งหนีไปให้ไกล แน่นอนว่าเขาไม่ได้อ่อนแอไม่สู้คน แต่ดูจากขนาดตัวที่มองเห็นผ่านๆ แล้ว ประมุขไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าเขาจะเอาชนะได้หรือเปล่า

“ไม่หิวครับ”

“ไม่ต้องโกหกหรอกน่า ไปหาอะไรกินก่อนดีไหม ยังไงก็รอนาน...”

เอี๊ยด!

เสียงเบรกของรถราคาแพงที่วิ่งมาจอดอยู่หน้าป้ายรถเมล์แบบพอดิบพอดีทำให้คนสองคนที่กำลังสนทนากันลืมเลือนเรื่องที่พูดคุยไปชั่วขณะ ประมุขรีบลุกขึ้นอย่างมีความหวัง และเมื่อได้เห็นชายชาวต่างชาติสองคนในชุดสูทสีดำสนิทเดินลงมาจากรถ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจคนด้านหลังอีก

“เฮ้ย!” ชายวัยกลางคนโวยวายเมื่อเห็นเหยื่อที่เล็งไว้ทำท่าจะถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากบอกว่าตัวเองจองก่อนแล้ว ชายในชุดสูทคนหนึ่งก็สะบัดชายเสื้อ เผยให้เห็นอาวุธอันตรายที่เหน็บอยู่ข้างเอว เพียงเท่านั้นคำพูดทั้งหมดก็จางหาย ต้องรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวตาย

“ขึ้นรถเถอะครับ” หนุ่มต่างชาติหันกลับไปเอ่ยกับแขกคนสำคัญเป็นภาษาอังกฤษด้วยความสุภาพ ก่่อนจะยื่นแบตสำรองกับสายชาร์จที่เตรียมมาไปให้ตามคำสั่ง

“คุณเป็น...”

“คนคนนั้นส่งพวกเรามาครับ”

แค่ได้ยินคำว่าคนคนนั้นประมุขก็ฉีกยิ้มกว้าง รีบขึ้นไปนั่งบนรถแล้วรอโทรศัพท์ติดอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่ชายในชุดสูทสองคนด้านหน้าเองก็ไม่ได้พูดหรืออธิบายอะไร ราวกับรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็คงถามเอาจากคนคนนั้นมากกว่า

ทันทีที่เปิดเครื่องติด โปรแกรมแชทก็แจ้งเตือนถึงข้อความที่เปิดค้างไว้และยังไม่ได้อ่าน ประมุขเอียงคอมองด้วยความสงสัย เมื่อพบว่ามันมีเพียงสามข้อความเท่านั้น ไม่ได้เยอะแบบที่เขาคิด

M.GRAY: ลูกแกะ

M.GRAY: แบตหมดแล้วสินะ

M.GRAY: ถ้าติดแล้วบอกฉันด้วย

หากมองดูอาจคิดว่าเป็นคนใจเย็นเหลือเกิน แต่การที่ส่งคนมาหาได้ภายในเวลาไม่นานบ่งบอกชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงกันมากมายขนาดไหน ในวินาทีนั้นประมุขอบอุ่นไปทั้งใจ แม้แต่ตอนที่ก้มหน้ากดโทรศัพท์ หยาดน้ำใสๆ ก็เอ่อคลอสองตาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

GP.MUK: ผมอยู่บนรถแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง

GP.MUK: ขอบคุณนะครับ

M.GRAY: น่าลงโทษจริงๆ ทำยังไงถึงไปหลงอยู่ตรงนั้นได้หืม

GP.MUK: ผมอาสาออกมาซื้อของแล้วให้พี่ชายทำความสะอาดบ้านรอ แต่เหมือนจะนั่งเพลินจนเลยป้าย

M.GRAY: น่าตี

GP.MUK: มาตีสิครับ ผมยอมให้คุณตีสิบทีเลย จริงๆ นะ

M.GRAY: อยากให้ไปหาก็พูดมาตรงๆ

ประมุขหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นข้อความ แม้จะรู้ว่ายังไงเขาก็คงมาไม่ได้ด้วยเหตุผลบางประการ หากเขาก็ยังเลือกที่จะตอบกลับไปตามตรงเหมือนเช่นทุกครั้ง

GP.MUK: ผมอยากให้คุณมาหา ผมอยากเจอคุณ

M.GRAY: ขอโทษที่ต้องบอกให้รออีกแล้ว นายเบื่อจะฟังคำนี้หรือยัง

GP.MUK: ไม่ครับ ถ้าคุณบอกให้รอแสดงว่ายังมีความหวังอยู่ คุณก็รู้ว่าผมเชื่อฟังคำพูดของคุณมาโดยตลอด

M.GRAY: เด็กดี

คนที่กำลังจะเข้าเรียนมหา’ลัยในอีกไม่กี่วันอมยิ้มจนแก้มตุ่ย ท่าทางดูดีอกดีใจที่ได้รับคำชมราวกับเป็นเด็กตัวเล็กๆ และแน่นอนว่าทุกการแสดงออกของเจ้าตัวถูกชายในชุดสูทที่ลอบมองอยู่จากเบาะหน้าจดจำเอาไว้จนหมด เพราะหลังจากไปส่งคนสำคัญของนายถึงที่แล้ว พวกเขายังต้องไปรายงาน ‘ท่าทางการแสดงออก’ ทั้งหมดของอีกฝ่ายให้นายรู้ด้วย

GP.MUK: คุณครับ แล้วคุณส่งคนมารับผมได้ยังไงเหรอ คุณอยู่ฝรั่งเศสนี่นา

M.GRAY: มาสงสัยอะไรเอาป่านนี้ ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนก็มีคนของฉันวนเวียนอยู่รอบตัวนายตลอดไม่ใช่หรือไง

GP.MUK: นั่นก็ใช่... แต่ปกติพวกเขาจะมาแค่ตอนที่ผมต้องการกำลังใจนี่นา อีกอย่างคือผมเพิ่งมาไทยวันนี้ด้วย ไม่คิดว่าจะมีคนของคุณอยู่ที่นี่

M.GRAY: หึหึ ฉันจะปล่อยให้ลูกแกะน้อยไปผจญโลกกว้างได้ยังไง แล้วก็คิดถูกแล้วจริงๆ นั่นแหละ ถ้าคนของฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นนายจะทำยังไงหืม

GP.MUK: ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

“คือว่า...” นึกมาถึงตรงนี้ลูกแกะน้อยก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ ตาเบนไปมองคุณฝรั่งตัวโตทั้งสองคนด้วยความรู้สึกผิด “ขอบคุณมากๆ เลยนะครับที่มาช่วย ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบาก”

หนุ่มต่างชาติที่รักษาสีหน้าราบเรียบมาโดยตลอดเผลอแสดงความประหลาดใจออกมาวูบหนึ่ง ราวกับไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำขอบคุณจากคนสำคัญของนาย ทว่าสุดท้ายคนที่ยื่นส่งแบตสำรองให้ประมุขก็พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะตอบรับด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

“ไม่เป็นไรครับ”

เมื่อได้พูดในสิ่งที่ต้องการแล้ว ลูกแกะนิสัยดีก็ก้มหน้าก้มตาคุยแชทในโทรศัพท์ต่ออย่างร่าเริง

GP.MUK: เมื่อกี้ผมขอบคุณพี่ๆ ที่มาช่วยด้วย

M.GRAY: หืม...หมายถึงการ์ดของฉันเหรอ

GP.MUK: อ๋อ พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดสินะครับ มิน่าถึงได้ดูมาดดีกันทั้งคู่เลย

M.GRAY: ใช่ เป็นการ์ดของฉันเอง เพราะงั้นถึงต้องรายงานทุกเรื่องให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่เมื่อกี้นายเกือบจะโดนไอ้ขี้เมาที่ไหนก็ไม่รู้ลากไปด้วย ทำไมไม่ยอมบอกฉัน

GP.MUK: ผมคิดว่าไม่เป็นไรแล้ว

M.GRAY: ก็เลยไม่บอก?

GP.MUK: ขอโทษครับ

M.GRAY: เอาเถอะ ส่งนายเสร็จฉันจะให้คนไปจัดการ

GP.MUK: จัดการอะไรครับ คุณจะทำอะไรเขาเหรอ

M.GRAY: ทำให้จำว่าอย่ามายุ่งกับคนของฉัน

GP.MUK: อย่าให้เกินไปเลยนะครับ เขายังไม่ได้แตะโดนตัวผมเลย จริงๆ นะ ถามพี่การ์ดดูก็ได้

M.GRAY: แค่อย่าทำเกินเลยเหรอ คิดว่าจะห้ามเสียอีก

GP.MUK: ต้องห้ามด้วยเหรอ ก็เขาผิดจริงๆ นี่นา ขอแค่คุณไม่ทำอะไรร้ายแรงก็พอแล้ว

M.GRAY: ทำไมล่ะ ฉันทำให้มันเข้าไปอยู่ในคุกได้เป็นสิบปีเลยนะ เรื่องแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก

GP.MUK: นั่นแหละที่เรียกว่าเกินไป ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่อย่าใช้อำนาจในทางที่ไม่ดีสิ

M.GRAY: ลูกแกะไม่ชอบ?

GP.MUK: เมื่อไม่นานมานี้พ่อผมโดนใส่ความจนเกือบได้เข้าไปอยู่ในคุก เพียงเพราะไม่ยอมทำตามความต้องการผิดๆ ของคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต กว่าจะผ่านมาได้พวกเราลำบากกันมากจนต้องเริ่มทุกอย่างใหม่หมด เพราะแบบนั้นผมถึงได้เกลียดคนที่ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกที่ชอบทำอะไรผิดกฎหมาย

M.GRAY: เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่มีวันทำอะไรที่ลูกแกะไม่ชอบเด็ดขาด

GP.MUK: ขอบคุณครับ

M.GRAY: แต่ทำไมลูกแกะถึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง ทำไมไม่บอกว่านายกำลังลำบาก

GP.MUK: เพราะผมไม่อยากรบกวนคุณ ถึงจะรู้ว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดาและต้องช่วยครอบครัวของผมได้แน่ๆ แต่ผมก็ยังอยากลองพยายามดูก่อน แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ นะ พวกเรารักกันมากๆ เลย

M.GRAY: ดื้อจริงๆ

GP.MUK: ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง

GP.MUK: *สติกเกอร์กระต่ายยิ้มกว้าง*

เพียงแค่นึกถึงช่วงเวลาอันยากลำบากของครอบครัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ประมุขก็เผลอคลี่ยิ้มเศร้าโดยไม่รู้ตัว อันที่จริงแม้แต่ตอนนี้สถานะทางการเงินของพวกเขาก็ยังไม่คงที่นัก แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อน และอีกไม่นานก็คงจะกลายเป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งมันก็แลกมากับการที่พ่อลูกต้องแยกกันอยู่คนละที่ ยังดีที่ประมุขกับฮ่องเต้เคยชินกับการอยู่กันแบบสองพี่น้องแล้วจึงไม่ต้องทำใจมากนัก

ครืด

แรงสั่นสะเทือนที่มือทำให้คนที่กำลังเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์ รีบก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความอย่างเร่งด่วน เพราะไม่อยากปล่อยให้คนคนนั้นรอนาน

M.GRAY: ถ้ามีปัญหาอะไรที่รับไม่ไหว ต้องบอกฉันเป็นคนแรก เข้าใจหรือเปล่า

และเพียงแค่ได้อ่านข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอ ความอึดอัดในใจก็จางหายไปแทบจะทันที สำหรับเขาที่ทั้งชีวิตมีเพียงครอบครัวที่สำคัญ การที่มีใครบางคนมาเสนอความช่วยเหลือ ทั้งยังคอยให้กำลังใจ ช่วยดูแลมานานหลายปี มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสักนิด แล้วแบบนี้จะไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร

วินาทีนั้นประมุขรู้ตัวเป็นครั้งแรกว่าสำหรับเขา คนที่คุยกันโดยไม่เห็นหน้ามานานหลายปีไม่ใช่เพียงเพื่อนคุยธรรมดา แต่เป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กชายประมุขที่มีเพียงความเศร้าให้กลับมาสดใสได้อีกครั้ง

เกรย์คือคนสำคัญ...ที่เขาจะไม่ยอมเสียไปเป็นอันขาด

(ต่อด้านล่าง)
.
.


ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.10]=[P.5]==[15/01/19]
«ตอบ #152 เมื่อ29-01-2019 18:54:14 »




ประมุขวางจดหมายสีเหลืองซีดที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีลงบนโต๊ะ ข้อความทุกตัวอักษรที่ทำให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตยังคงตอกย้ำให้เขารู้อยู่เสมอว่าเกรย์มีความสำคัญมากขนาดไหน ในตอนนั้นเขาไม่อาจตอบแทนความดีทุกอย่างให้ได้ และในตอนนี้เองก็อาจจะเป็นเช่นเดิม ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ประมุขมั่นใจว่าเขาทำได้ดีกว่าใคร

เขาจะไม่ปล่อยให้เกรย์ยืนต่อสู้กับเรื่องราวมากมายเพียงลำพังอีกแล้ว ต่อให้ต้องถูกหมายหัวไปด้วย หรือต้องเจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เป็นไร

เมื่อคิดได้ดังนั้น รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ประมุขรีบหันไปคว้าโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ขึ้นมากดโทรออก ขณะที่สายตามองตุ๊กตาแกะกับหมาป่าสีชมพูขนาดเท่าตัวคนที่นั่งขนาบข้างอยู่อย่างอ่อนโยน

[ลูกแกะ เป็นอะไรหรือเปล่า]

“เปล่าครับ ผมแค่คิดถึงคุณ”

[หืม...มาแปลกนะเนี่ย] เสียงทุ้มต่ำเจือความประหลาดใจและพอใจไปพร้อมๆ กันทำให้คนฟังยิ้มกว้างกว่าเดิม [ได้ข่าวว่าวิคเตอร์หาตุ๊กตามาให้ได้แล้วใช่ไหม]

“ใช่ครับ แต่ก็ใช้เวลาสามวันเลยนะ ตอนมาหาผมนี่หน้าซีดเชียว” ประมุขหัวเราะอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงสภาพของคุณการ์ดหน้าดุที่แบกตุ๊กตาขนาดเท่าตัวเองมาให้ถึงห้อง ดูจากหน้าตาซีดเซียวไร้สีเลือดที่พยายามบังคับให้ราบเรียบแล้วน่าจะไม่ได้นอนมาหลายวัน ทั้งดูน่าสงสารแล้วก็น่าตลกไปพร้อมๆ กัน

[สมควร… แล้วนี่ลูกแกะทำอะไรอยู่]

“ผมแวะไปที่บ้าน แล้วก็เอากล่องเก็บจดหมายกับของที่คุณให้ไว้มานั่งดูที่ห้องของเราครับ”

[จดหมายเหรอ...]

“อื้อ การ์ดวันเกิดก็ยังอยู่ เห็นแล้วนึกถึงอดีตเลย” ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะเขานึกย้อนกลับไปถึงวันแรก ลากยาวมาจนปัจจุบัน ทุกความทรงจำยังคงชัดเจนราวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน “เกรย์...”

[หืม]

“จำตอนที่คุณส่งคนมารับผมที่ป้ายรถเมล์ วันที่ผมเพิ่งกลับมาถึงไทยเป็นวันแรกได้หรือเปล่า”

[อา...ที่มีลูกแกะดื้อดึงออกไปซื้อของแบบไม่รู้ทิศทาง]

“ใช่ครับ” ลูกแกะที่ว่าอมยิ้มจนแก้มตุ่ย มือลูบไล้การ์ดสีชมพูในมือไปมาอย่างอ่อนโยน “ผมเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกเรื่องหนึ่งกับคุณ”

[อะไรเหรอ]

“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ”

[…]

“ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณต้องต่อสู้กับเรื่องราวมากมายเพียงลำพังอีกแล้ว” ประมุขพูดอย่างมั่นใจ ไม่ได้รู้สึกเขินอายเลยสักนิดที่ต้องสารภาพความรู้สึกทุกอย่างออกไป เพราะสำหรับพวกเขา ทุกอย่างมันชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้ว

[แม้ว่ามันจะอันตรายขนาดไหนก็ตามเหรอ] เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าปลายสายจะตอบกลับมา ทว่าน้ำเสียงที่ดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดกลับทำให้คนฟังยิ้มตามได้ไม่ยาก

“ครับ”

[ลูกแกะ...]

“ต่อให้พื้นที่ข้างคุณอันตรายกว่านี้อีกเป็นล้านเท่าผมก็ไม่สนใจ ขอแค่ให้เราได้รักกัน...เท่านั้นก็พอแล้ว”

[…]

“คุณคือคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม ขอบคุณมากนะครับ” ความรู้สึกในใจทั้งหมดถูกพูดออกไปในคราวเดียวโดยไม่ได้เห็นหน้าคู่สนทนา คนพูดไม่ได้รู้สึกอะไรนอกเหนือไปจากมีความสุข

แต่สิ่งที่ประมุขไม่รู้ก็คือ...

[ขอบคุณเหมือนกันที่ยอมตอบจดหมายในวันนั้น]

คำพูดของเขาเองก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของใครคนหนึ่งที่เกือบจะหลงระเริงอยู่ในความมืดมิดให้หันกลับมายืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างได้อีกครั้งเช่นเดียวกัน


----------------

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #153 เมื่อ29-01-2019 19:31:18 »

 :hao5:
เป็นสว่างของกันและกันสินะ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #154 เมื่อ29-01-2019 19:37:14 »

พี่เกรย์ก็เป็นแหล่งกำลังใจชั้นดีให้ประมุขนะเนี่ย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #155 เมื่อ29-01-2019 19:37:53 »

 :pig4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #156 เมื่อ29-01-2019 21:38:51 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #157 เมื่อ30-01-2019 03:22:36 »

ความหลังที่น่าประทับใจ  :กอด1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #158 เมื่อ30-01-2019 11:23:00 »

เป็นการรู้จักกันที่น่ารักมากค่ะ ใช้จม.สื่อรักอ่ะ โรแมนติกจัง

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #159 เมื่อ30-01-2019 16:45:43 »

มาต่อเร็วน๊าาาา งื้ิิิิออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
« ตอบ #159 เมื่อ: 30-01-2019 16:45:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #160 เมื่อ31-01-2019 01:47:19 »

ฮืออออ รู้สึกดีมากกกกกกก

ที่ได้รู้ว่าคุณเกรย์ดูแลลูกแกะมาตลอด

ขอให้ความรักของทั้งคู่ชนะทุกสิ่ง เพี้ยง!!!

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #161 เมื่อ31-01-2019 07:50:32 »

เติมเต็มซึ่งกัน :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #162 เมื่อ03-02-2019 05:21:47 »

น่ารักมากค่ะ กลายเป็นคนอบอุ่นขึ้นมาทันทีเลยเกรย์
แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้นจ้า คือทำเพื่อลูกแกะน้อยคนเดียว

ประมุขน่ารัก น้องต้องเจออะไรมาเยอะแยะ
แต่เพราะจดหมายและคำปลอบใจ มีแรงใจมาจนวันนี้

ก็จริงเนาะ ทำไมถึงมั่นใจคนที่ไม่มีตัวตน หรือไม่เคยเจอ
ก็นะ เค้าทำให้เห็นไงว่า อย่างน้อย ก็มีตัวตน
ใกล้จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว แถมทำเกรย์หลงหนักกว่าเดิมไปอีก
แถมจะอยากบินมารับไปเองเลยมั้ง เจอคำน้องไปแบบนี้

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #163 เมื่อ06-02-2019 23:01:47 »

อ่านถึงตอนนี้ มีแต่คำว่า น่ารัก น่ารัก น่ารัก เต็มไปกมดเลย
หงงรักลูกแกะน้อย  :hao3:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #164 เมื่อ10-02-2019 20:39:52 »

-12-


[พอเขาไม่อยู่ก็เห็นหัวกูขึ้นมาเลยนะ]

“อย่างอแงน่า ได้ข่าวว่ามึงก็เพิ่งไปเที่ยวมาไม่ใช่หรือไง”

ประมุขกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโซฟาที่ดูกว้างใหญ่กว่าทุกครั้งเมื่อไม่มีใครบางคนอยู่ข้างกาย ขณะที่ปากยังคงไม่หุบยิ้ม แม้จะโดนเพื่อนประชดประชันใส่ไม่หยุดมาพักใหญ่แล้ว

[กูโดนบังคับไปเถอะ... ไม่รู้แหละ ยังไงวันนี้มึงก็ต้องมาเจอกู]

“ที่โทรมาก็เพราะจะนัดเจอนี่แหละ”

หลังจากเมื่อเช้าโทรไปขออนุญาตคนทางไกล บอกว่าอยากออกไปเจอเพื่อนสักหน่อย เนื่องจากอยู่แต่ห้องออกจากเหงาหงอยอยู่ไม่น้อย จะกลับไปหาฮ่องเต้ก็ไม่ได้ เพราะเจ้าตัวขลุกอยู่กับพี่พายุทั้งวี่ทั้งวัน พากันไปเที่ยวถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายประมุขก็ได้รับคำอนุญาตตอบกลับมา แลกกับการต้องพาวิคเตอร์ไปอยู่ข้างกายและให้การ์ดคนอื่นๆ ตามดูแลอยู่ตลอด แล้วแบบนี้คนว่าง่ายจะปฏิเสธทำไมอีก ยังไงเขาก็เคยชินกับการมีพี่การ์ดที่เปรียบเสมือนเพื่อนตามไปไหนมาไหนด้วยอยู่แล้ว

[ทำเป็นพูด เขาอนุญาตให้มาก็บอกเถอะ ถ้าไม่อนุญาตมีหรือมึงจะโผล่มาได้]

“ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ทัน สิบเอ็ดโมงที่ร้านกาแฟในมหา’ลัยนะ”

[แหม...จะเจอกันทั้งทียังเจอในมหา’ลัย ไปไกลๆ ไม่ได้เลยนะ หมั่นไส้จริงๆ]

“ไปอาบน้ำดีกว่า แล้วเจอกันนะน้องดิน”

[อีมุข!]

ประมุขรีบกดตัดสายก่อนจะโดนเพื่อนรักบ่นยาว ลองถ้าให้คุณเธอได้พูดกว่าจะยอมวางโทรศัพท์ได้ก็กินเวลาเป็นชาติ ยิ่งถ้าไม่ได้เจอกันนานแบบนี้ ต่อให้บอกว่าเดี๋ยวเจอแล้วค่อยเล่าให้ฟัง ดีดี้ก็ต้องให้เล่าหมดเปลือกก่อนเจอให้ได้อยู่ดี จะเรียกว่าเป็นสายขี้เผือกระดับต้นๆ ก็ไม่ผิดนัก จะแตกต่างจากคนอื่นก็ตรงที่มันรู้จักเก็บความลับ ไม่ได้ชอบเอาไปเล่าต่อก็เท่านั้น

หลังจากเตรียมความพร้อมก่อนออกไปพบเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ประมุขก็เดินออกจากห้องไปทักทายวิคเตอร์และคนอื่นๆ ที่ถูกสั่งให้คอยดูแลเขาพร้อมรอยยิ้ม เหล่าการ์ดที่ได้รับคำสั่งตั้งแต่เช้าเดินตามกันออกไปเป็นแถว เตรียมพร้อมคุ้มกันและดูแลคนของนายเต็มที่ กระทั่งวิคเตอร์ที่กลายเป็นหัวหน้าทีมชั่วคราวก็ดูเคร่งเครียดไปด้วย อาจเป็นเพราะตั้งแต่นายไปประมุขไม่เคยออกไปไหนมาไหนเลย เขาเชื่อฟังคำพูดของเกรย์อย่างเคร่งครัด พอจะออกทั้งทีก็ยังโทรไปขอก่อน ทำเอาเหล่าการ์ดที่ได้รับโทรศัพท์ตั้งแต่เช้าตื่นตัวกันไปหมด

‘ดูแลเขาให้ดี’ คำคำนี้หมายรวมถึงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใดๆ ล้วนห้ามปฏิเสธ และที่สำคัญที่สุดคือห้ามให้มีอันตรายแม้แต่ปลายก้อย คราวก่อนที่มีบาดแผลเล็กน้อยจากอุบัติเหตุที่ไม่อาจควบคุมได้ก็เพราะประมุขช่วยพูดไว้จึงผ่านมาโดยไม่มีใครโดนอะไร แต่ครั้งนี้โชคดีไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่

“ทำไมครั้งนี้ไปกันเยอะจังครับ” ท้ายที่สุดคนขี้สงสัยก็ยังอดถามไม่ได้เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว วิคเตอร์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ และคอยสังเกตการณ์รอบด้านตลอดเวลาจึงต้องเป็นผู้ตอบคำถามโดยไม่อาจเลี่ยง

“เป็นคำสั่งของนาย”

อันที่จริงหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทีมเอทุกคนยกเว้นลูคัสก็ถูกสั่งให้ติดตามประมุขอยู่ตลอด เพียงแต่บางคนคอยดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้ามาพูดคุยด้วย คนที่โดนคุ้มครองอย่างแน่นหนาตลอดเวลาจึงไม่รู้ตัว ซึ่งหากนับการ์ดทั่วไปที่ไม่ใช่ทีมเอด้วย บางทีหากบอกว่ามีคนคอยตามดูอยู่เท่าไหร่ นายคนใหม่อาจจะตกใจจนไม่กล้าออกไปไหนเลยก็ได้

ประมุขไปถึงร้านกาแฟของมหา’ลัยโดยมีรถตามไปเพียงคันเดียว ขณะที่คนอื่นๆ พากันแยกย้ายไปอยู่ตามจุดต่างๆ เขาพยายามมองข้ามความยิ่งใหญ่ของขบวนเดินทางไป เพราะถึงแม้จะใช้รถต่างรุ่นและหากไม่เพ่งมองคงไม่รู้ว่ามาด้วยกัน แต่ก็ยังดูโดดเด่นด้วยรุ่นรถราคาแพงที่ทำเอาตกเป็นเป้าสายตาได้ไม่ยากอยู่เหมือนเดิม

โชคดีที่ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงปิดเทอม แม้นักศึกษาที่ไม่ได้กลับบ้านหรือมีกิจกรรมจะเริ่มมาเตรียมซ้อมอะไรต่างๆ กันแล้ว แต่คนก็ยังไม่ได้เยอะมากนัก โดยเฉพาะบริเวณร้านกาแฟที่ปกติจะเป็นพวกขาจรเข้ามาซื้อมากกว่า

“ผมกับอเล็กซ์จะนั่งหลบอยู่ที่มุมร้าน คุณกับเพื่อนจะได้ไม่อึดอัด ส่วนคนอื่นๆ จะอยู่ด้านนอกทั้งหมด ถ้ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลืออะไร หากส่งเสียงเรียกไม่ได้ให้ส่งสัญญาณโดยการยกมือแตะขมับแบบนี้” วิคเตอร์สาธิตวิธีการส่งสัญญาณให้เห็นหนึ่งครั้ง เมื่อประมุขพยักหน้ารับอย่างเคร่งครัดแล้วจึงเปิดประตูให้ลงไปจากรถได้

“ผมเข้าไปได้เลยหรือเปล่าครับ”

“ได้เลย อเล็กซ์นำเข้าไปก่อนแล้ว”

ลูกแกะน้อยแสนว่าง่ายของเกรย์ยังคงทำให้บรรดาการ์ดรู้สึกเอ็นดูอยู่เรื่อยๆ เมื่อเจ้าตัวทำความเข้าใจกับสถานะของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และไม่เคยแสดงท่าทีให้ต้องลำบากใจเลยสักครั้ง กระทั่งวิคเตอร์ที่เคร่งครัดกับหน้าที่การงานมาตลอดก็อดรู้สึกดีด้วยไม่ได้ มาถึงตอนนี้เขาเริ่มคิดจริงจังแล้วว่าคนคนนี้เหมาะกับนายมากจริงๆ ถึงอย่างนั้นข่าวเรื่องศัตรูที่ได้ยินมา และดูท่าจะเป็นความจริงไปแล้วแปดสิบเปอร์เซนต์ก็ทำให้สงสารเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย

บอดี้การ์ดหนุ่มมองตามแผ่นหลังของคนที่ดูใสซื่ออย่างเป็นธรรมชาติ แต่กลับแข็งแกร่งกว่าที่คิดไปจนสุดสายตา มาถึงตอนนี้คงได้แต่หวังว่าถ้าได้พบเจอกัน ศัตรูที่ไม่ใช่ศัตรูคนนั้นจะเอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนที่นายหรือการ์ดทั้งหมดเอ็นดู

ร้านกาแฟในเขตมหา’ลัยร้านนี้มีขนาดกว้างขวาง เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตสำหรับคนที่ต้องการอ่านหนังสือในช่วงสอบแบบสบายๆ และมีคนอ่านเป็นเพื่อนมากหน้าหลายตา โซนนั่งแบ่งออกเป็นสามส่วนคือโต๊ะเคาน์เตอร์สำหรับผู้ที่มาคนเดียว โต๊ะคู่สำหรับสองคนซึ่งอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนที่เหลือทั้งหมดและอาจเรียกได้ว่ามีจำนวนมากที่สุดคือโซฟาสำหรับรองรับนิสิตเป็นกลุ่ม

ในช่วงเวลายามปิดเทอมแบบนี้มีคนแวะมานั่งแช่ไม่มากนัก ตอนที่ประมุขเข้าไปก็เห็นอยู่แค่สี่ห้าโต๊ะ และหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนสนิทของเขาที่จับจองโซฟามุมกระจกด้วยท่านั่งไขว่ห้างสวยสง่าราวกุลสตรี แต่ปากกลับพ่นภาษาอีสานใส่โทรศัพท์รัวๆ จนคนที่เพิ่งมาถึงได้แต่อมยิ้มขำ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงโดนพ่อแม่โทรมาบ่นที่แวบกลับไปเยี่ยมไม่กี่เดือนก็กลับมากรุงเทพฯ ทั้งที่มหา’ลัยยังไม่ได้เปิดเทอม

“มาแล้วเหรอมึง!... แค่นี้ก่อนนะคะแม่ เพื่อนหนูมาแล้ว” พอหันมาเห็นกันเข้า ดีดี้คนสวยร่างนางยักษ์ก็กลับมาเป็นนางฟ้าอีกครั้ง แต่ท่าทางคงจะลืมไปแล้วว่าประมุขรู้เรื่องทุกอย่าง คุยกับพ่อแม่เพื่อนก็เคยคุยมาแล้ว มีหรือจะไม่รู้ว่าปกติมันพูดเพราะที่ไหน

“มารักษาภาพพจน์ต่อหน้ากูตอนนี้ไม่ทันแล้วมั้ง”

“เออน่า” ดีดี้วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะเสยผมทัดหูด้วยมาดนางพญาอย่างสวยสดงดงาม ชนิดที่คนทั่วไปคงมองตาค้าง แต่เผอิญคนที่ยืนให้ยั่วอยู่ตรงนี้ดันเป็นไอ้ซื่อบื้อที่ไม่เคยมองใครเลยนอกจากคนคนนั้นของตัวเอง ความสวยของเธอจึงดูเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง

“อะ... อยากซักฟอกอะไรก็เต็มที่เลย มาให้มึงด่าถึงที่ละ” เจ้าชายน้อยของคนทั้งมหา’ลัยเอนกายพิงโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ ดูจากหน้าตาผ่อนคลายแล้วคงพูดได้ทันทีว่าไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเห็นวิคเตอร์เดินผ่านไปยังเกือบโบกมือให้ตามความเคยชิน ดีที่นึกได้ว่าไม่ควรแสดงออกจึงเก็บท่าทีแล้วแอบยิ้มให้ตอนอีกฝ่ายเดินไปนั่งด้านในกับอเล็กซ์เท่านั้น

“ไม่ต้องให้กูซักฟอกหรอกค่ะ มึงเล่ามาให้หมดเลย”

“หมดเลยเหรอ”

“เออ หมดเลยนั่นแหละ” สาวสวยทำหน้าตาดุดัน แววจริงจังบ่งบอกชัดเจนว่าจะไม่มีการล้อเล่น เห็นท่าทางแบบนั้นของเพื่อนแล้วประมุขก็ได้แต่ยิ้มออกมา เพราะเข้าใจดีว่ามันเป็นห่วงกันมากขนาดไหน

“ช่วงปิดเทอมใหม่ๆ กูนัดกับเต้ไว้ว่าจะไปเยี่ยมพี่จักรที่สวนดอกไม้ของภีม แต่เต้มันปิดเทอมทีหลังกูก็เลยไปกับเขาก่อน ตอนแรกก็กะจะเที่ยวรอแหละ แต่เขามีงานเยอะเลยไม่ได้ไปไหนเท่าไหร่ พอว่างก็ไปได้แค่ห้างใกล้ๆ แล้วก็นั่นแหละ...”

“เกิดอะไรขึ้นสินะ”

“อือ กูโดนคนเดินเข้ามาชนแล้วขู่ให้เลิกยุ่งกับเขา ตอนขากลับที่ต้องแยกกันก็มีคนจงใจขับรถเข้ามาชนอีก ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นก็...”

ประมุขเล่าทุกอย่างให้เพื่อนสนิทฟังโดยไม่ปกปิด ดีดี้เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขาไม่มีความลับด้วย แม้บางเรื่องจะพูดให้ฟังไม่หมด แต่เมื่อไหร่ที่ถูกถามก็พร้อมจะตอบทุกอย่าง ซึ่งดีดี้เองก็ไม่ต่างกัน เพราะแบบนั้นพวกเขาถึงเป็นเพื่อนรักกันมาอย่างยาวนานจวบจนทุกวันนี้

“น่ากลัวกว่าที่คิดอีกนะ” ดีดี้ขมวดคิ้วมุ่น ไม่เหลือท่าทีเล่นๆ เหมือนเก่า พอเข้าสู่หัวข้อจริงจังเธอก็กลายเป็นที่ปรึกษาที่สำคัญสำหรับประมุขเหมือนเช่นหลายปีที่ผ่านมา “แล้วนี่มึงโอเคหรือเปล่า”

“กูโอเค”

“เออ ก็เป็นพวกไม่คิดอะไรเลยนี่หว่า ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่มึงมีนิสัยแบบนี้เนี่ย” พอมองหน้าไอ้เพื่อนเอ๋อที่เอาแต่ยิ้มเหมือนโลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว เธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะรู้ดีว่าจริงๆ ในใจมันคงสั่นไหวอยู่ไม่น้อย “กูจะไม่บอกให้มึงถอยหรอกนะ เพราะรู้ว่าคำแนะนำนี้ยังไงมึงก็ไม่ทำแน่”

“อือ” คนฟังยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเบะปากใส่

“กูเข้าใจดีว่ามึงยึดติดกับเขาแล้วก็รักเขามากขนาดไหน ซึ่งฟังจากที่พูดมาทางฝั่งนั้นเองก็คงคิดเหมือนกัน แต่มึงต้องคิดถึงตัวเองด้วยนะ ถ้าสุดท้ายคนที่คิดไม่ดีกับมึงเป็นครอบครัวของเขาจริงๆ มึงจะทำยังไง” จริงอยู่ที่ดีดี้ไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของคนคนนั้น ไม่รู้ว่าคนของเพื่อนเชื่อฟังครอบครัวขนาดไหน แต่สำหรับคนดีๆ แบบประมุข คนที่ยึดครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างมันไม่มีทางยอมให้คนอื่นทะเลาะกับครอบครัวเพราะตัวเองแน่

แต่มันก็ไม่ใช่คนที่จะยอมถอยไปเพียงเพราะเรื่องนั้นเช่นกัน...

“กูก็ยังไม่แน่ใจ” ประมุขหลุบตาลงต่ำเมื่อคิดตามสิ่งที่เพื่อนพูดแล้วพบว่าเขาไม่มีคำตอบให้จริงๆ “บางทีกูอาจจะพึ่งพาเขามากเกินไป คิดว่าเขาจัดการให้ได้ทุกอย่าง ถ้ามึงไม่ถามขึ้นมาก็คงลืมนึกถึงไปเลย”

“ไม่แปลกหรอก กูเข้าใจดีว่ามึงกับเขารอคอยที่จะได้เจอกันมานาน ขนาดเจอเรื่องน่ากลัวๆ แบบนี้มึงยังเลือกจะอยู่ต่อ ไม่มีลังเลเลยสักนิด แค่นี้กูก็รู้แล้วว่ามึงไม่มีทางถอยแน่ แต่ก็อย่างที่บอก...นอกจากคิดถึงเขา อย่าลืมคิดถึงตัวเองให้มากๆ วันใดวันหนึ่งไปเจออะไรที่มันหนักหนาก็คิดให้ดีๆ ว่าจะทำยังไง”

“…”

“พยายามให้มาก เลือกสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุด แล้วก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง จำเอาไว้แค่นี้ก็พอ”

“อือ” ประมุขรับคำอย่างเหม่อลอย ท่าทางแสดงออกชัดเจนว่ากำลังคิดอะไรมากมายอยู่ในหัว เห็นเพื่อนเป็นแบบนั้นแล้วดีดี้ก็ได้แต่กลอกตา กระแอมเบาๆ แล้วเปลี่ยนคำพูดให้ดูร่าเริงเหมือนเดิม เพราะไม่เคยชินกับประมุขในแบบฉบับที่ดูนิ่งๆ หงอยๆ

ก็มันน่าสงสารน้อยเสียเมื่อไหร่... ใครใจแข็งใส่ได้คงต้องเป็นพระอิฐพระปูน

“ก็นะ... สมองแบบมึงแนะนำอะไรเยอะๆ ไม่ได้หรอก รู้แค่นี้พอละ ทีนี้มาฟังเรื่องของกูบ้างดีกว่า”

“อะ...เออ” คนเด๋อที่เหมือนจะตามอารมณ์เพื่อนไม่ทันเท่าไหร่นักได้แต่รับคำแบบอ้ำๆ อึ้งๆ จากนั้นก็กะพริบปริบๆ มองดีดี้เล่าเรื่องไปเที่ยวกับที่บ้านตอนกลับอีสานด้วยอารมณ์ดุเดือดแบบมึนๆ งงๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับหรือปฏิเสธอะไรเพราะสมองประมวลผลตามไม่ทัน รู้สึกตัวอีกทีเพื่อนรักก็วางแก้วที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะเสียงดัง

“พูดจนคอแห้ง กูไปสั่งชาอีกแก้วแป๊บ”

ประมุขหัวเราะขำขันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูฆ่าเวลา แม้สิ่งที่เพื่อนพูดจะยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่จางหายไปง่ายๆ หากเมื่อได้เห็นว่าใครส่งข้อความมาหาก็อารมณ์ดีขึ้นมาเสียเฉยๆ

M.GRAY: เป็นยังไงบ้าง

GP.MUK: ดีดี้พูดไม่หยุดเลยครับ นี่ก็ลุกไปสั่งเครื่องดื่มแก้วที่สองแล้ว

M.GRAY: งั้นเหรอ ดูแลตัวเองดีๆ นะ

GP.MUK: คุณก็เหมือนกัน

“มุข!” เสียงเรียกของสาวสวยที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทำให้ประมุขหยุดมือที่กำลังพิมพ์ข้อความโดยอัตโนมัติ เขาหันไปหาเพื่อนแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่เมื่อเห็นดีดี้ส่งสัญญาณโดยการชี้ไปที่โทรศัพท์และยกมือขอโทษขอโพยก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงมีธุระด่วน

“ไปเถอะ” เขาโบกมือให้เพื่อนรักเป็นเชิงร่ำลา ก่อนจะมองตามแผ่นหลังบอบบางของคนที่วิ่งจากไปอย่างว่องไวชนิดไม่เหลือภาพของสาวน้อยอ่อนโยนที่พยายามรักษามาโดยตลอดไปจนสุดสายตา

คนที่นานๆ จะได้ออกมาข้างนอกสักครั้งไม่ได้หันไปเรียกวิคเตอร์กับอเล็กซ์เพื่อเตรียมตัวกลับห้องในทันที แต่เลือกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความคุยกับเกรย์ต่อ ซึ่งฝ่ายการ์ดทั้งสองคนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงปล่อยให้นายอีกคนทำตามความต้องการของตัวเองต่อไปเท่านั้น

GP.MUK: ดีดี้กลับไปแล้ว เหมือนจะมีธุระ

GP.MUK: *ส่งรูปภาพ*

M.GRAY: หืม... ส่งรูปตัวเองมาให้คิดถึงหรือไง

GP.MUK: ใช่แล้ว

M.GRAY: น่าตีจริงๆ รอหน่อยนะ จะรีบกลับไปหา

GP.MUK: ครับ คุณไปทำงานเถอะ ผมก็จะกลับห้องไปเล่นเกมแล้ว

M.GRAY: เดี๋ยวว่างแล้วจะโทรหา

GP.MUK: อื้อ

“ไง”

ประมุขเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทักไม่คุ้นเคย แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยามพบว่ามีชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเขา แทนที่ดีดี้ซึ่งเพิ่งจะเดินออกจากร้านไปไม่นานนัก

“คุณเป็นใครครับ”

“ผู้หวังดี” หนุ่มฝรั่งตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะเลื่อนกระดาษแผ่นหนึ่งส่งมาให้ โดยที่ประมุขไม่ได้ยื่นมือไปรับแต่อย่างใด เขาเพียงก้มลงมองมันจนเห็นชื่อ ‘เซดริก’ บนนั้น แล้วก็เบนสายตากลับไปมองคนที่วางนามบัตรลงบนโต๊ะช้าๆ

“คุณต้องการอะไรจากผม”

“แค่ต้องการมาเตือนเฉยๆ ไม่ต้องทำหน้าตาเคร่งเครียดขนาดนั้นก็ได้”

“เตือนอะไร”

“เตือนให้นายออกห่างจากคนคนนั้น... ถ้าไม่อยากลำบากมากไปกว่านี้”

เพียงแค่ได้ยินคำเตือนไม่เข้าหู คนฟังก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินตอนอยู่ที่ห้างเขาก็เกลียดคำเตือนพวกนี้มาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีคนเดินเข้ามาบอกกันตรงๆ อีกรอบ

“ไม่มีอาวุธใช่ไหมครับ”

“หืม” เซดริกเลิกคิ้ว ท่าทางประหลาดใจกับคำถามมากพอควร แต่ก็ยังยกมือขึ้นทั้งสองข้างและตอบอย่างชัดเจน “ไม่มีแน่นอน เข้ามาค้นดูด้วยตัวเองก็ได้นะ”

“ดี... วิคเตอร์!!!”

เจ้าของชื่อไม่ได้ตอบรับคำเรียกของประมุขเป็นคำพูด แต่กลับลุกขึ้นจากที่นั่งและจ่ออาวุธซึ่งถูกเสื้อคลุมทับไว้ที่ขมับของเซดริกอย่างทันท่วงที ไม่ปล่อยให้คนมาใหม่มีโอกาสลุกหนีไปไหนทั้งสิ้น

“เล่นแบบนี้เลยเหรอ...”

“ไม่ใช่แค่นี้ครับ” ประมุขในโหมดหน้านิ่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะพร้อมกดเปิดลำโพงให้พร้อมสรรพ เพียงเท่านั้นทุกคนก็มองเห็นชื่อของคนที่อยู่อีกฝั่งได้อย่างชัดเจน “คุณอยากเตือนอะไรก็พูดกับเขาเลยแล้วกัน”

[เซดริกงั้นเหรอ]

(ต่อด้านล่าง)
.
.


ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.11]=[P.6]==[29/01/19]
«ตอบ #165 เมื่อ10-02-2019 20:40:17 »



น้ำเสียงเย็นเยียบที่ดูเย็นชากว่าปกติหลายระดับทำให้บรรยากาศรอบด้านดูกดดันขึ้นมาทั้งที่ไม่มีใครเห็นหน้าคนพูด เกรย์แค่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอหนึ่งครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบใดๆ ก่อนความอึดอัดนั้นจะจางหายไป ยามเขาเรียกชื่อใครอีกคนขึ้นมาแทน

[ลูกแกะ]

“ครับ” ประมุขหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้แล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม

[ปล่อยเขาไปเถอะ ตอนนี้ฉันเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างหมดแล้ว ที่มาปรากฏตัวก็คงต้องการให้รู้ว่าใครคือต้นเหตุของเรื่องราวทุกอย่าง]

“ได้ครับ... วิคเตอร์”

บอดี้การ์ดหนุ่มก้มหัวรับคำสั่ง และยอมหลีกทางปล่อยให้เซดริกที่ดูประหลาดใจกับท่าทีของประมุขไม่น้อยเดินจากไปง่ายๆ โดยยังคงทิ้งนามบัตรไว้บนโต๊ะตามเดิม

“เขาไม่ใช่ชาวต่างชาติธรรมดาใช่ไหมครับ” ประมุขหันกลับมาสนใจคนในสายอีกครั้งเมื่อมั่นใจว่าคนแปลกหน้าเดินออกจากร้านไปแล้ว เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่ลืมผายมือให้วิคเตอร์กับอเล็กซ์นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เพราะรู้ดีว่าท่าทางคงไม่ได้วางสายง่ายๆ แน่นอน

[รู้ได้ยังไง]

“สังเกตจากตอนที่วิคเตอร์เข้ามาหา ขนาดโดนเอาอาวุธขู่เขายังดูเฉยๆ อยู่เลย จะเห็นสะดุ้งบ้างก็แค่ตอนได้ยินเสียงคุณ”

[พัฒนาขึ้นมากเลยนะ]

คนได้รับคำชมอมยิ้มภาคภูมิใจจนแก้มตุ่ย ลืมเลือนสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่งพบเจอมาได้อย่างรวดเร็วเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่เหมือนคำชมแค่นั้นจะไม่พอ เพราะประมุขยังคงยกเรื่องที่ทำเมื่อครู่ขึ้นมาพูดซ้ำอีกรอบ

“ผมเห็นคนแปลกหน้าเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกันก็เลยกดโทรหาคุณ... พอมั่นใจว่าเขาไม่มีอาวุธถึงได้เรียกวิคเตอร์ ผมเก่งใช่ไหม”

[หึหึ... เก่งที่สุดเลย]

“ขอบคุณครับ” พอได้รับคำชมแบบที่ต้องการแล้วลูกแกะของเกรย์ก็เริ่มนึกออกว่าอีกฝ่ายน่าจะต้องไปทำงาน รอยยิ้มแบบเด็กๆ ที่มีจึงค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ “คุณต้องไปทำงานหรือเปล่า เอาไว้ว่างแล้วเราค่อยคุยกันก็ได้”

[ไม่เป็นไร งานรอได้ คุยกับลูกแกะให้เข้าใจก่อนดีแล้ว]

คำพูดที่บ่งบอกชัดเจนว่าเขาสำคัญกว่าสิ่งใดแม้กระทั่งงานที่มีมูลค่าหลายพันล้านของเจ้าตัวทำให้ประมุขยิ้มออกอีกครั้ง เขากดข่มความรู้สึกผิดน้อยๆ เอาไว้ในใจ แล้วเลือกเห็นแก่ตัวนิดๆ หน่อยๆ โดยการตอบรับคำพูดนั้นตามตรง

“ถ้าอย่างนั้น...คนเมื่อกี้เขาเป็นใครเหรอครับ”

[ลูกแกะพูดถูกแล้ว เซดริกไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นคนสนิทฝีมือดีของพ่อฉันเอง]

“พ่อคุณ...”

[อา... แต่คิดว่าคำสั่งให้มาเตือนนี่น่าจะมาจากแม่มากกว่า]

“แล้วที่คุณบอกว่าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างหมดแล้ว...”

[อย่างที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง ดูเหมือนคนที่ส่งคำขู่มาให้และสร้างสถานการณ์ทั้งหมดขึ้นมาจะเป็นครอบครัวของฉันเอง ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าแม่คือตัวการ แต่ที่ฉันยังไม่เข้าใจคือเหตุผลที่ทำแบบนั้น]

ประมุขเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำยืนยันว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงครอบครัวของเกรย์จริงๆ คำพูดที่ดีดี้เพิ่งเตือนกันไปวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง และเขาก็ยังไม่อาจตอบได้เช่นเคยว่าควรทำอย่างไรต่อไป

“คุณได้เจอคุณแม่หรือยังครับ”

[เจอแล้ว แต่แม่ไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย] พูดจบเกรย์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราวกับจะบอกว่าเหนื่อยหน่ายกับเรื่องนี้มากจริงๆ [ขอโทษที่ทำให้ต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้นะลูกแกะ]

“ไม่เป็นไรเลย ผมเข้าใจดี แค่ท่านไม่คิดเอาชีวิตกันจริงๆ ก็พอแล้ว... หรือว่าจะคิดนะ” ลูกแกะน้อยเริ่มเครียดหนักเมื่อไม่แน่ใจนักว่าคนบงการต้องการชีวิตของเขาหรือเปล่า เพราะถึงจะให้คนเข้ามาเตือนถึงสองครั้ง แต่เหตุการณ์ตอนที่รถชนจนได้แผลหรือถูกคนถือมีดพุ่งเข้ามาหาก็ยังฝังอยู่ในหัว

[ไม่ว่าจะคิดหรือไม่คิด ฉันก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่]

“อื้อ”

[อย่าคิดมากเลยนะ รอให้มาอยู่ข้างกันก่อนแล้วค่อยงอแง ห้ามเครียดตอนที่อยู่คนเดียวเด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่า]

เมื่อได้ยินน้ำเสียงแอบดุของคนขี้เป็นห่วง ประมุขก็เริ่มหายเครียดตามที่เกรย์บอกจริงๆ หากดีดี้อยู่ตรงนี้ด้วยคงด่าว่าเขาใจง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าโชคดีแล้วที่เขาเป็นคนสบายๆ แบบนี้ พอเจอเรื่องราวมากมายแบบที่ไม่เคยเจอจึงยังไม่เป็นบ้าตายไปเสียก่อน

“ครับ”

[ลูกแกะ]

“หือ”

[มาที่นี่ดีไหม]

“มาที่นี่... คุณหมายถึงให้ไปหาคุณเหรอครับ” ประมุขตาโตเมื่อเข้าใจคำถาม ถึงเขาจะไปหาเกรย์ได้จริงๆ เพราะยังพอมีเวลาก่อนจะเปิดเทอม แต่ปุบปับจู่ๆ มาบอกให้ไปหากันเลยแบบนี้มันก็น่าตกใจอยู่ไม่น้อย “ทำไมมาพูดตอนนี้ล่ะ”

[ฉันไม่อยากให้ลูกแกะอยู่คนเดียว อีกอย่าง...ตอนแรกที่ไม่อยากให้มาก็เพราะอยากเลี่ยง ยังไม่อยากให้แม่เข้าไปวุ่นวายกับนาย แต่ดูเหมือนต่อให้ฉันกลับมาตามคำบอกแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมอยู่ดี ถึงขั้นส่งเซดริกไปแบบนี้ ยังไงก็คงไม่ยอมหยุดง่ายๆ แน่]

“…”

[ลูกแกะพร้อมจะมายืนข้างฉันอย่างเต็มตัวหรือยัง]

“เรื่องนั้น...” คนฟังนิ่งไปนานเมื่อไม่แน่ใจนักว่าควรตอบอย่างไร หากถามว่าพร้อมหรือเปล่าก่อนจะได้รู้ว่าเบื้องหลังเกรย์มีครอบครัวที่คอยจับตามองอยู่ เขาคงตอบได้อย่างง่ายดายว่าพร้อม แต่ในยามนี้เมื่อได้รู้ว่าคนที่ทำท่าคล้ายจะขัดขวางกันไม่ใช่คนอื่นคนไกล หากเป็นคนในครอบครัวของเกรย์เอง เขาจึงเกิดความลังเลขึ้นมาวูบหนึ่ง

แต่ว่า...ถ้าบอกว่าไม่พร้อมแล้วเมื่อไหร่จะพร้อม หรือสุดท้ายก็ยังต้องถอยออกไปอยู่ดี

ไม่มีทาง... ไม่เอาเด็ดขาด เขารอมานานเกินพอแล้ว

[ไม่เป็นไร ถ้า...]

“พร้อม”

[…]

“ผมพร้อมจะยืนอยู่ข้างคุณ ไม่ว่ามันจะอันตรายขนาดไหนก็ตาม ผมเคยบอกคุณไปแล้วนี่”

ประมุขเป็นคนง่ายๆ มาแต่ไหนแต่ไร จะให้เปลี่ยนไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ดังนั้นในเมื่อไม่มีทางเลือก เพราะยังไงเขาก็ไม่ยอมถอย งั้นก็ต้องพุ่งชนให้รู้เรื่อง และถ้ามันจะมีปัญหาอะไรตามมาก็ค่อยคิดอีกทีแล้วกัน

[งั้นกลับไปพักเถอะ]

“ครับ?”

[เดินทางคืนนี้เลย พรุ่งนี้ฉันจะได้กอดลูกแกะเสียที]

“อื้อ!”

เมื่อได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว ประมุขก็ลุกขึ้น เดินนำวิคเตอร์กับอเล็กซ์ออกไปด้านนอกโดยที่ยังไม่ได้วางโทรศัพท์ ท้องฟ้าที่ว่าสดใสในยามนี้ยังสดใสสู้ลูกแกะน้อยที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขไม่ได้

[ฉันให้คนแคนเซิลงานพรุ่งนี้แล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน]

“จริงเหรอครับ ดีจังเลย ผมจะเอาขนมไปฝากคุณด้วยนะ ไม่สิ... เดี๋ยวไปทำให้กินที่โน่นเลยดีกว่า ช่วงว่างๆ สองสามวันมานี้ผมเปิดดูวิธีทำขนมตั้งหลายอย่าง ถึงจะสู้เต้ไม่ได้แต่น่าจะถูกปากคุณนะ”

[งั้นเราออกไปซื้อวัตถุดิบด้วยกันดีไหม]

“ดี!”

[หึหึ อารมณ์ดีเชียว]

“แน่นอนสิ” ประมุขรับคำพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่สายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างไร้จุดหมาย แต่กลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีรถสีดำขับมาขนาบข้าง ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นการ์ดทีมอื่น แต่เมื่อมองดูดีๆ กลับไม่คุ้นเคย จนสุดท้ายก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้และต้องหันไปมองวิคเตอร์ในที่สุด

[ลูกแกะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบไป]

“เหมือนจะมีรถขับขนาบข้างเรามาสักพักแล้ว...”

[ปิดผ้าม่านเอาไว้แล้วส่งโทรศัพท์ให้วิคเตอร์] น้ำเสียงเยือกเย็นที่เปลี่ยนแปลงไปกะทันหันของเกรย์ทำเอาคนฟังตัวเกร็งไปครู่หนึ่ง ทว่าวินาทีถัดมาก็รีบส่งโทรศัพท์ไปให้วิคเตอร์ตามคำบอกอย่างรวดเร็ว

“ครับนาย” บอดี้การ์ดหนุ่มที่สังเกตเห็นเหตุการณ์แปลกๆ มาตั้งแต่ต้นเช่นกันรับโทรศัพท์ไปสื่อสาร โดยที่สายตายังคงมองออกไปด้านนอกอย่างพิจารณา “คนของเราล้อมไว้อีกทีแล้วครับ... คิดว่าพวกเขาไม่น่ามีเจตนาร้าย ไม่ได้มีท่าทีคุกคามอะไร เหมือนขับตามไปเรื่อยๆ เพราะต้องการพูดคุยมากกว่า... เข้าใจแล้วครับ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

ประมุขรับโทรศัพท์กลับคืนมาอย่างเป็นกังวล กระทั่งได้ยินเสียงเกรย์เรียกดังเล็ดลอดออกมาแล้วเขาก็ยังต้องควบคุมสติอยู่นานกว่าจะตอบกลับไปได้

“เกรย์...”

[ลูกแกะ ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น คุยกับฉันก็พอ โอเคไหม]

“แต่ว่า...”

[วิคเตอร์จะจัดการทั้งหมดเอง นายแค่รออยู่บนรถ ไม่ต้องลงไปพูดคุยด้วย ไม่ต้องกังวลนะ ไม่มีใครทำอะไรลูกแกะของฉันได้ทั้งนั้น] เกรย์เอ่ยปลอบโยนคนที่น่าจะหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากเขาอยู่ตรงนั้นด้วย ขอแค่กอดลูกแกะเอาไว้ในอ้อมแขน อีกฝ่ายก็คงรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่เพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อะไรๆ จึงยากเย็นไปหมด

“เป็นเพราะผมอยากออกมาข้างนอกหรือเปล่า” ประมุขเอ่ยถามเสียงค่อยอย่างรู้สึกผิด หากก็ยังเชื่อฟังคำพูดด้วยการไม่หันออกไปมองหรือสนใจอะไรด้านนอก แม้ยามที่รถหยุดวิ่งเพราะเข้ามาสู่เขตโรงแรมแล้วเขาจะเผลอกัดปากด้วยความวิตกหนักกว่าเดิมก็ตาม

[อย่าคิดมาก ใครกันจะอยู่แต่ในห้องได้ตลอดเวลา แค่ลูกแกะเชื่อฟังฉัน เลือกสถานที่ใกล้ๆ และไปไม่นานก็น่ารักมากแล้ว เหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ ต่อให้ฉันอยู่ด้วยก็ต้องพบเจออยู่ดี]

“อื้อ...”

“คุณประมุข ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณห้ามลงจากรถเด็ดขาดนะ” วิคเตอร์ที่กำลังจะเปิดประตูรถหันมาตักเตือนด้วยใบหน้านิ่งสนิท ไม่มีวี่แววของความเคร่งเครียด เมื่อเห็นดังนั้นประมุขจึงพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง ในใจคล้ายจะคลายความกังวลลงไปเปราะหนึ่ง

หลังจากวิคเตอร์ลงไปจากรถ ประมุขก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก นอกไปจากเสียงพูดของคนในโทรศัพท์ที่สรรหาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาทำให้เขาผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง แม้มันจะได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างเพราะนิสัยง่ายๆ สบายๆ ไม่อาจใช้ในยามที่มีเสียงพูดคุยเป็นภาษาฝรั่งเศสดังเล็ดลอดเข้ามาในโสตประสาทอยู่หลายประโยค หากก็ยังดีกว่าต้องนั่งกัดเล็บเครียดเพียงลำพัง

[กลัวอยู่เหรอ]

“ไม่เลย”

[เด็กขี้โกหก น่าตีจริงๆ]

ยังไม่ทันได้พูดตอบอะไร เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกันกับที่วิคเตอร์กลับขึ้นมานั่งบนรถอีกครั้ง ประมุขถอนหายใจโล่งอกเมื่อไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นแบบที่คิด ไม่ต้องรอให้วิคเตอร์บอกเขาก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้อย่างรู้งาน ทว่าคำรายงานในครั้งนี้กลับเป็นภาษาฝรั่งเศสที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง ประมุขจึงได้แต่กะพริบรออย่างอดทน จนผ่านไปพักหนึ่งวิคเตอร์ที่ดูมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อยถึงส่งโทรศัพท์กลับมาให้

“คุณครับ... มีอะไรหรือเปล่า”

[ลูกแกะ...]

“ผมฟังอยู่”

[กลับไปเก็บของใช้จำเป็นที่ห้องนะ พวกเสื้อผ้าไม่ต้องเอามาเยอะ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่]

“ทำไม...”

[นายต้องออกเดินทางตอนนี้เลย]



----------------------

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #166 เมื่อ10-02-2019 23:52:18 »

ใครมันกล้ากระตุกขนแกะนะ สงสัยอยากรู้อิทธิฤทธิ์เจ้าพ่อแกะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #167 เมื่อ11-02-2019 01:14:03 »

น้องมุขเก่งจังเลย  :hao5:
หนูเป็นที่รัก ใครๆก็เอ็นดู อย่ายอมแพ้นะลูก

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #168 เมื่อ11-02-2019 13:24:05 »

รอตอนต่อไปงับ  :really2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #169 เมื่อ11-02-2019 16:10:16 »

แกะมุข ไปคราวนี้ต้องได้อะไรๆ ที่เด็ดๆ ติดตัวกลับมาบ้างนะ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
« ตอบ #169 เมื่อ: 11-02-2019 16:10:16 »





ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #170 เมื่อ11-02-2019 23:47:15 »

เก่งมากๆลูกแกะ เข้มแข็งมากเลย o13

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #171 เมื่อ12-02-2019 06:06:57 »

จังหวะยังโชคดีที่ประมุขคุยกับเกรย์อยู่
ไม่งั้นก็ต้องมีผวาบ้างล่ะ ใครมาจากไหนก็ไม่รู้

แต่น้องเข้มแข็งนะ อดทนและพยายามมากด้วย
ก็ทำไงได้เนาะ จุดที่อยู่เพราะคนที่รัก อันตรายรอบด้าน

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #172 เมื่อ12-02-2019 08:57:45 »

 :L1:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #173 เมื่อ18-02-2019 18:13:03 »

ลูกแกะคือ ฉลาด เฉลียว มีสติ และเข้มแข็งมาก :katai2-1:
น้องมีแววควีนมากกกกกก o13


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #174 เมื่อ20-02-2019 08:47:48 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #175 เมื่อ20-02-2019 08:50:47 »

 :pig4:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #176 เมื่อ28-02-2019 21:22:48 »

-13-


ประมุขเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตอนที่เขาเก็บข้าวของจนเสร็จ และได้ขึ้นไปนั่งเกร็งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว บรรดาการ์ดตัวโตที่ไม่เคยเห็นหน้าหลายคน ซึ่งเขารู้มาจากวิคเตอร์ว่าเป็นคนของแม่เกรย์ที่ถูกส่งให้มารับตัวเขาก็นั่งอยู่ด้วย และแม้รอบกายจะถูกรายล้อมด้วยการ์ดทีมเอของเกรย์ เขาก็ยังอดรู้สึกเกร็งไม่ได้อยู่ดี

บทสนทนาที่ทั้งสองฝ่ายคุยกันตอนวิคเตอร์ลงไปจากรถเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพาประมุขไปพบเกรย์และครอบครัว ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะไม่อยากทนรออีกต่อไปแล้ว ถึงได้ส่งคนมาเชิญกันถึงที่โดยเกรย์เองก็เพิ่งรู้พร้อมกัน และฟังจากคำพูดดูแล้วคล้ายเจ้าตัวจะโมโหอยู่พอสมควร หากไม่ใช่เพราะประมุขพูดบอกให้ใจเย็นๆ คงมีคนบรรดาลโทสะแบบไม่ต้องสงสัย

“คุณโอเคหรือเปล่า” เสียงถามของวิคเตอร์ที่คอยนั่งประกบอยู่ด้านข้างตลอดทำให้คนที่กำลังเหม่อลอยได้สติอีกครั้ง มือสองข้างที่กำไว้แน่นใต้ผ้าห่มเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นคลายออกช้าๆ เมื่อถูกดึงให้หลุดออกจากเรื่องเครียดๆ ที่คิดอยู่ในใจเพียงลำพัง

“โอเค”

วิคเตอร์ยังคงจ้องมองคนของเจ้านายอย่างละเอียดซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรจริงๆ จึงยอมหันกลับไปมองด้านหน้าตามเดิม แต่แทบจะทันทีที่หันกลับ คนข้างกายก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บอกให้รู้ว่าที่พูดโอเคนั่นไม่ได้ออกมาจากใจเลยสักนิด

“อยากถามอะไรผมไหม”

“ผมถามได้เหรอ”

ได้หรือไม่ได้ไม่รู้ แต่เล่นจ้องด้วยแววตาคาดหวังขนาดนั้นคงไม่มีใครปฏิเสธลง... บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงตอบว่าได้ ก่อนจะพูดยืนยันซ้ำอีกที

“ได้ทุกเรื่อง ถ้ารู้ผมจะตอบ”

“ถ้างั้น...” ประมุขขยับตัวขยุกขยิกไปมาอย่างเป็นกังวล ก่อนจะเอนกายไปหาวิคเตอร์มากขึ้นจนอเล็กซ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแอบเลิกคิ้วมอง “ผมถามจริงจังเลยนะ”

“ได้”

“พ่อแม่เกรย์นี่...ดุมากไหม”

“…”

คล้ายเสียงกระซิบนั้นจะไม่เบาเท่าไหร่นัก เพราะจู่ๆ บรรยากาศรอบด้านก็แปรเปลี่ยนไปกะทันหัน ประมุขถึงขั้นตาโต ยื่นหัวไปมองด้านหลังก็พบว่าทุกคนพากันจับจ้องมาที่เขาด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์กันหมด ลูกแกะน้อยทำได้เพียงยิ้มแห้งแล้วนั่งลงกับที่ดีๆ หากสายตายังคงจับจ้องไปที่วิคเตอร์อย่างมีความหวัง

แม้จะเดาได้ว่าคำตอบคืออะไรตั้งแต่เห็นบรรยากาศเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม...

“ก็…” บอดี้การ์ดหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อไม่รู้ว่าควรตอบยังไงให้ตรงกับความเป็นจริง แต่ก็ไม่ทำลายความหวังของคนถามมากเกินไป สุดท้ายจึงกลั่นออกมาเป็นคำพูดสั้นๆ ได้เพียงคำเดียว “คล้ายกันทั้งบ้าน”

“แสดงว่าคล้ายเกรย์...งั้นก็ต้องใจดีมากเลยสิ”

“…”

แว่วเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอดังขึ้นจากทางด้านหลังวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไป โชคดีที่ประมุขไม่ได้สนใจจึงยังยิ้มได้อยู่เหมือนเดิม ในใจตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาหนึ่งระดับ ลืมสนใจกระทั่งใบหน้าของวิคเตอร์กับอเล็กซ์ที่ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเต็มทน

“ผมเริ่มหายเครียดแล้ว ขอบคุณมากนะ”

คนที่หลงลืมไปแล้วว่าถ้าพ่อแม่เกรย์ใจดีจริงๆ คงไม่สั่งคนให้มาข่มขู่กันแบบนั้นลูบอกตัวเองเบาๆ แล้วเอนกายนอนตามปกติอีกครั้ง คราวนี้ไม่รู้ว่าซื่อจริงๆ หรือหลอกตัวเองอยู่กันแน่ แต่ถ้าให้วิคเตอร์คาดเดา เขาคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

“คุณนอนพักเถอะ ลงจากเครื่องก็ได้เจอนายแล้ว”

“อื้อ”

หลังจากรับคำไม่ถึงห้านาที คนว่าง่ายก็หลับสนิทตามที่วิคเตอร์บอกจริงๆ ขนาดทำผ้าห่มล่วงลงไปกองอยู่ที่ตัก ตัวสั่นเทาเป็นลูกนกจนต้องขยับไปมาอยู่หลายรอบก็ยังไม่รู้สึกตัว จนวิคเตอร์หยิบผ้าห่มคลุมให้ถึงคอดีๆ เจ้าตัวถึงได้อมยิ้มมีความสุขแล้วนิ่งไปอย่างรวดเร็ว

การเดินทางกินเวลามากพอควรเนื่องจากทั้งสองประเทศอยู่ห่างกัน นอกจากช่วงที่ถูกปลุกให้กินข้าว ประมุขก็หลับสนิทแทบจะตลอดเวลา ไม่มีลุกขึ้นมาหาอะไรเล่นหรือพูดคุยกับใครอีกเลย พอถูกอเล็กซ์ถามว่าไม่ค่อยได้นอนเหรอ ก็ตอบเพียงว่าตั้งแต่เกรย์ไปนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ พอรู้ว่าจะได้เจอกันแล้วก็ง่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้น บรรดาคนได้ยินต่างพากันอมยิ้ม ขณะที่คนพูดแค่หัวเราะเขินๆ แล้วเอาผ้าห่มคลุมหัวหลับไปอีกรอบอย่างรวดเร็ว

“เราควรเตือนหรือเปล่าว่ากินแล้วนอนไม่ดี” อเล็กซ์มองนายคนที่สองคลุมโปงหลับไปด้วยสีหน้าประหลาดๆ ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับความชิวนี้ดี

“ไม่ต้องหรอก... ให้ทำตัวตามสบายตอนที่ยังมีโอกาสเถอะ”

จบคำพูดของวิคเตอร์ การ์ดทีมเอที่นั่งอยู่ไม่ไกลและได้ยินทุกอย่างก็ถอนหายใจโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งแน่นอนว่าปกติพวกเขาไม่มีทางแสดงปฏิกิริยาเหล่านี้ออกมาแน่ หน้าที่ของการ์ดมีเพียงการทำตามคำสั่งเจ้านายเท่านั้น แต่ความคิดที่ว่าไม่อาจใช้กับคนที่ชื่อประมุข เพราะตอนนี้เหมือนทุกคนจะมีลูกชายคนเดียวกันไปหมดแล้ว

ความเป็นห่วงเป็นใยและสนิทสนมที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมาคือเรื่องจริง...

“คำสั่งของนายคือให้พวกเราดูแลคุณประมุขให้ดีที่สุด จำไว้ให้มั่น” รองหัวหน้าทีมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ามั่นคง บรรดาทีมเอที่ได้ยินคำสั่งล้วนพยักหน้ารับ ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นไม่ต่างกัน

ลำพังแค่คำสั่งก็มีอำนาจมากอยู่แล้ว นี่มีเรื่องของใจเข้ามาเกี่ยวข้องอีก... ยังไงพวกเขาก็ต้องปกป้องคนคนนี้ให้ได้








กว่าเครื่องบินจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางก็กินเวลานานพอควร ประมุขที่ตื่นก่อนจะถึงได้สักพักตาสว่าง ดูอารมณ์ดีและสดใสมากจนแม้แต่บอดี้การ์ดของฝั่งแม่เกรย์ยังมองตามด้วยความประหลาดใจ แตกต่างจากทีมเอที่ดูเคยชินกับภาพเหล่านี้ไปแล้ว ทุกวันนี้จึงเหลือเพียงรอยยิ้มน้อยๆ ที่มอบให้ ยามคนอารมณ์ดีหันมาฉีกยิ้มทักทายเท่านั้น

“นายรอคุณอยู่แล้ว รีบไปเถอะ” วิคเตอร์ที่ปกติจะเดินเยื้องอยู่ด้านหลังประมุขมาโดยตลอด ยามนี้ขยับไปยืนขนาบข้าง เตรียมพร้อมป้องกันนายอีกคนทั้งจากคนนอกและคนในที่เดินตามหลังอยู่ แม้ปากจะบอกว่าถูกส่งให้มาเชิญไปพบและให้มาช่วยดูแลอีกที แต่ดูอย่างไรก็ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด

“ครับ ไปกัน” ฝ่ายคนที่ตอนนี้สนใจเพียงจะได้เจอคนสำคัญในอีกไม่ช้าไม่ได้สนใจบรรยากาศกดดันระหว่างการ์ดสองกลุ่มเลยสักนิด ประมุขเอาแต่จ้องไปด้านหน้า เดินตามหลังอเล็กซ์ที่น่าจะเป็นคนติดต่อกับฝั่งเกรย์ไปแบบติดๆ

ภาพของชายหนุ่มชาวเอเชียรูปร่างสมส่วนที่ดูตัวเล็กลงไปมากเมื่อเทียบกับชาวฝรั่งเศสตัวใหญ่ที่รายล้อมดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบด้านได้ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนคนนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเต็มยศไม่ต่ำกว่าสิบคน โชคดีที่ประมุขเคยชินกับการถูกจับจ้องเพราะได้ขึ้นเวทีมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กๆ ทั้งยังเคยอาศัยอยู่ในต่างประเทศมาแล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยสักนิด

อเล็กซ์ไม่ได้นำประมุขไปที่ส่วนห้องพักรับรองของสนามบินหรือที่พักแขกแบบที่เขาคิดในตอนแรก หากนำออกไปยังที่จอดรถวีไอพีทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่อยากให้คนที่ถูกห้อมล้อมเป็นจุดสนใจไปมากกว่านี้ และแม้จะสงสัยมากเพียงใด ประมุขก็ยังก้าวเท้าเดินตามไปโดยไม่ได้ถามอะไรในทันที เขาเพียงกดปีกหมวกที่วิคเตอร์สวมให้ก่อนลงจากเครื่องให้ปิดบังใบหน้ามากขึ้น ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปให้เร็วที่สุด

ในวินาทีที่เดินไปถึงตัวรถยนต์คันหรูสีดำสนิท และอเล็กซ์เปิดประตูออกจนทำให้เห็นร่างสูงสง่าของคนที่แสนคิดถึงนั่งขมวดคิ้วจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กด้วยสีหน้าเย็นชา ประมุขเผลอเม้มปากระงับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งคนคนนั้นดันโน้ตบุ๊กออกให้พ้นทางและหันมายิ้มให้พร้อมอ้าแขนออก เขาจึงถลาเข้าไปซุกอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนั่นอย่างรวดเร็ว

ได้เจอกันเสียที...

“คุณทำให้ผมอยู่คนเดียวได้ยากขึ้นเรื่อยๆ” เจ้าของเสียงอู้อี้ร้องบอกเหมือนจะไม่พอใจ หากน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งมากมายที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูด ซึ่งเกรย์ก็ไม่ได้คิดถาม เพราะความรู้สึกในยามนี้ของเขาไม่ได้แตกต่างกับของลูกแกะเลยสักนิด

“กลัวมากหรือเปล่า” เขากระซิบถามเสียงแผ่ว ขณะที่มือยังคงลูบหัวลูบหลังปลอบคนเก่งที่อดทนมาโดยตลอดไม่มีหยุด “อยู่ด้วยกันไม่ต้องโกหกแล้ว”

“ไม่เลย...” เจ้าของหัวทุยส่ายศีรษะโดยยังไม่ยอมเงยหน้า “ไม่สิ... อันที่จริงก็กลัวนั่นแหละ แต่ผมเชื่อใจคุณ เชื่อใจพี่การ์ดทุกคน แล้วก็อย่างที่คุณรู้...”

“หืม” เกรย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อลูกแกะเงยหน้าจ้องเขาตาแป๋ว

“ผมเป็นคนสบายๆ อยู่แล้ว กลัวแป๊บเดียว พอมีเรื่องอื่นมาทำให้สนใจก็หายกลัวได้ง่ายๆ เพราะงั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าเป็นผมก็จะบอกว่าเป็น ไม่ปิดบังเด็ดขาด”

“ทำไมถึงน่าเอ็นดูได้ขนาดนี้นะ” ว่าจบก็บีบจมูกคนน่าเอ็นดูหนึ่งทีแล้วดึงเข้ามากอดไว้แน่น ดีที่เบาะนั่งของรถคันนี้เป็นเบาะคล้ายโซฟาขนาดใหญ่ พอลูกแกะมาเกาะติดเป็นตังเมแบบนี้จึงไม่ได้อึดอัดอะไรนัก

หลังจากรถออกตัวไปได้พักหนึ่ง บรรยากาศที่ดูสดใสในทีแรกก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ เกรย์สังเกตเห็นอาการหนักอกหนักใจของลูกแกะน้อยได้อย่างชัดเจน แม้เจ้าตัวจะไม่ได้เงยขึ้นมามองหน้ากัน เขาพอจะเข้าใจว่าประมุขเป็นอะไร เพราะตั้งแต่ที่เจ้าตัวลงจากเครื่อง อเล็กซ์ก็ส่งข้อความรายงานทุกอย่างตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด และนั่นก็รวมถึงอาการและคำพูดทั้งหมดของประมุขในตอนที่คุยกับวิคเตอร์ด้วย

แรกๆ คงจะสะกดจิตตัวเองไม่ให้คิดมากได้ผล แต่พอลงจากเครื่อง ใกล้ต้องไปพบเจอพ่อกับแม่ของเขาจริงๆ ก็กลับมาวิตกกังวลอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอก” เกรย์ลูบแก้มคนที่เอียงหัวพิงอกเขาไว้อย่างปลอบประโลม โน้ตบุ๊กที่เปิดทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานสำหรับใช้เฉพาะบนรถถูกดันไปไว้ด้านข้างโดยไร้ซึ่งคนสนใจ ในเวลานี้สิ่งที่อยู่ในสายตาของเกรย์มีเพียงลูกแกะน้อยที่เขากอดไว้เท่านั้น “ฉันไม่มีวันปล่อยมือแน่นอน ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม”

“คุณจะไม่มีปัญหากับครอบครัวใช่ไหม”

“กังวลเรื่องนี้เองเหรอ” คนฟังหัวเราะขำขันเมื่อได้รู้ว่าเรื่องที่อีกคนกังวลคืออะไร เขาใช้มือข้างหนึ่งจับมือลูกแกะไว้ ก่อนจะยกขึ้นมองระดับสายตาแล้วค่อยๆ ประสานนิ้วเข้าด้วยกันช้าๆ กระทั่งเห็นคนขี้กังวลมองตามด้วยความสนใจจึงดึงมือนั้นมากดจูบที่ข้อนิ้วเบาๆ อย่างอ่อนโยน

“เกรย์...”

“ครอบครัวของฉันไม่ใช่ครอบครัวที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา กินข้าวหรือทำกิจกรรมพร้อมกันทุกวันหรอกนะ ตั้งแต่เด็กๆ ที่ฉันต้องมีการ์ดตาม ต้องคอยเรียนรู้งานและอะไรต่างๆ มากกว่าเด็กทั่วไป เราก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันมานานมากแล้ว” เกรย์เขี่ยแก้มของคนที่ทำตาโตมองกันด้วยความตั้งใจสองสามที จากนั้นก็เชยคางลูกแกะให้สบตาเขาและพูดต่อด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ลูกแกะต้องห่างกับพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังรักใคร่ กอดกัน พูดคุยกันได้อย่างสนิทใจ แต่สำหรับครอบครัวของฉัน เราเป็นทั้งครอบครัวและเป็นทั้งคู่แข่ง เป็นทั้งที่ปรึกษาและศัตรู ถึงจะไม่ทำร้ายกันหรืออยู่ข้างเดียวกัน หากยามที่ความคิดเห็นไม่ตรง ต้องแย่งชิงเพื่อกลายเป็นผู้ชนะ เราก็พร้อมจะใช้ทุกวิธีการ และพร้อมจะกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมเมื่อรู้ผลแล้ว พอจะเข้าใจที่ฉันอยากสื่อหรือเปล่า”

“หมายความว่าถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณไม่ชอบผม...”

“เราก็จะสู้จนกว่าจะได้ผู้ชนะ และกลับไปเป็นครอบครัวเหมือนเดิม” เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะลูบหัวคนหน้ายุ่งที่พยายามคิดตามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้รางวัล “แต่เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องอื่น”

“ไม่เหมือนยังไงเหรอ”

“ไม่เหมือนตรงที่เรื่องของลูกแกะฉันไม่มีทางแพ้เด็ดขาด”

ในพจนานุกรมของเกรย์ไม่มีคำว่าแพ้ ตั้งแต่เริ่มต่อกรกับครอบครัว แย่งชิงพื้นที่หรือแหล่งเงินตรามากมายเพื่อฝึกปรือฝีมือกับพ่อแม่ตัวเอง เขาเคยแพ้เพียงครั้งเดียวคือครั้งแรกเริ่ม สมัยที่ยังไม่เข้าใจว่าจะชนะไปทำไม เพราะแบบนั้นจึงได้รับความเคารพมากมาย แม้แต่พ่อแม่ก็ชูคอบอกว่าลูกชายมีพรสวรรค์ยิ่งกว่าตัวเอง และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน...ไม่สิ...ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เขาไม่จำเป็นต้องแข่งเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเห็นผลตั้งแต่แรกแล้ว

“พ่อแม่ของคุณเคยหาลูกสะใภ้ให้บ้างหรือเปล่าครับ” เสียงใสๆ ของลูกแกะน้อยช่างพูดดึงเกรย์ออกจากภวังค์แห่งความมืดมิดได้เหมือนเช่นทุกครั้ง เขายกยิ้มให้โดยอัตโนมัติ ก่อนจะต้องนิ่งคิดไป เพราะเป็นพวกจำรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่สนใจไม่ค่อยจะได้นัก

“เคย”

“จริงเหรอ เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ”

จากที่นึกออกแค่รางๆ กลายเป็นเกรย์ต้องนั่งนึกอยู่นานเพื่อทำให้ลูกแกะสบายใจ กว่าจะจำได้ว่าเรื่องราวในนั้นเป็นอย่างไรก็ต้องให้ปีเตอร์ที่นั่งอยู่ด้านหลังกระซิบเตือน พอถูกสะกิดเข้าหน่อยเรื่องราวในคราวนั้นก็ไหลเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ แม้จะจำหน้าคนที่แม่คิดจะจับคู่ให้ไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังพอจำรายละเอียดได้บ้าง

“ตอนนั้นเหมือนจะไปงานวันเกิดเพื่อนพ่อสักคน น่าจะสี่ห้าปีก่อน...”

“เพิ่งจะปีก่อนครับนาย”

“เหรอ...” เกรย์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ปีเตอร์กระซิบบอก คิดว่าผ่านมานานมากแล้วเสียอีกถึงจำไม่ได้ กลายเป็นเพิ่งปีก่อนซะอย่างนั้น “อา...นั่นแหละ เหมือนจะเป็นลูกสาวเจ้าของวันเกิดที่พ่อฉันพามาแนะนำ แล้วแม่ก็ดูจะถูกใจพอสมควร คงเพราะเป็นตระกูลมีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคม”

“ถ้าต้องแต่งงานกับใครสักคนเพราะชื่อเสียงกับฐานะทางสังคม แบบนั้นจะมีความสุขจริงๆ เหรอ”

“แปลก... ทำไมทำน้ำเสียงไม่พอใจแบบนั้นล่ะ” พอก้มลงมองก็พบว่าลูกแกะน้อยขมวดคิ้วจนหน้ายู่ ท่าทางไม่พอใจอย่างหนัก ไม่แตกต่างจากน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเลยสักนิด “ปกติลูกแกะไม่เคยหงุดหงิดแบบนี้เลยนะ”

“ผมไม่ชอบเรื่องพวกนี้ คุณก็รู้ว่าแม่เป็นคนยังไง พอพูดถึงชื่อเสียง พูดถึงฐานะขึ้นมาก็อดหงุดหงิดไม่ได้” ว่าจบก็ถอนหายใจเฮือกแล้วทำหน้าหงอยซุกเข้าหาอกเขามากขึ้น “ทำไมผู้ใหญ่ที่มีหน้ามีตาทางสังคมถึงได้มองเปลือกนอกมากกว่าภายในนะ ถึงในความเป็นจริงมันจะมีส่วนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ควรจะเอามาเป็นเกณฑ์ตัดสินหลัก เลือกคนนั้นคนนี้ให้ลูกทั้งที่ยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอไม่ใช่หรือไง”

“นั่นสินะ... แล้วลูกแกะคิดว่าคนแบบไหนจะเหมาะกับฉันล่ะ” เกรย์กลั้นยิ้มจนปวดแก้มเมื่อลูกแกะเงยหน้าจ้องเขาตาแป๋ว แววตาแสดงออกถึงความมั่นอกมั่นใจจนเต็มเปี่ยม

“แน่นอนว่าต้องเป็นผม... หมายถึงผมคนเดียวนะ ไม่ใช่คนแบบผม”

“คนเดียวเลยเหรอ”

“คนเดียวสิ ไม่มีใครทำให้คุณได้เท่าผมหรอก”

“ไม่เถียง” คนที่ใครๆ ต่างมองว่าน่ากลัวในยามนี้ยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม สองมือใหญ่ประกบลงบนแก้มใสของคนน่าเอ็นดู ประคองให้เจ้าของใบหน้าขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากบางเบาๆ ก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว “รางวัลของคนเก่ง”

.
.
(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.12]=[P.6]==[10/02/19]
«ตอบ #177 เมื่อ28-02-2019 21:23:36 »



“ระ...รางวัลเหรอ” ลูกแกะคนเก่งทำตาโต จากที่ไม่เคยเขินเคยอายอะไรเท่าไหร่ ยามนี้สองแก้มแดงก่ำน่าเอ็นดู เหมือนจะอึ้งค้างไปนาน ถูกรวบเข้าไปกอดก็ยังไม่รู้สึกตัว

“ไม่อยากฟังต่อแล้วเหรอว่าฉันจัดการยังไง”

“อยาก...อยากครับ”

เกรย์กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นด้วยความมันเขี้ยว ซ้ำยังโคลงตัวลูกแกะของเขาไปมาราวกับเป็นเด็กตัวเล็กๆ ครั้งนี้ยินยอมไม่ดันใบหน้าอีกคนให้เงยมองกันเพราะสงสาร แค่ลูบหัวปลอบธรรมดา รอให้เจ้าตัวหายจากอาการเขินไปเองเท่านั้น

“ตอนนั้นเหมือนฝ่ายผู้หญิงก็สนใจฉันมากพอควร แรกๆ ทั้งพยายามเข้าหา พยายามมาเกาะแกะน่ารำคาญตลอดเวลา ฉันเลยบอกเธอว่าการอยู่ข้างกายฉันต้องโดนเพ่งเล็งชีวิตแทบจะตลอดเวลา ไม่รู้ว่าต้องตกอยู่ในอันตรายวันละกี่รอบ ซึ่งแน่นอนว่าฉันปกป้องคนของฉันได้ แต่ว่า...คนที่พ่อแม่เลือกไม่ถือเป็นคนของฉัน ถ้าคิดจะมาเป็นสะใภ้บ้านนี้แล้วดูแลตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพากันได้ก็ลองดู”

“ใจร้ายจัง...แล้วเธอว่ายังไงบ้าง”

“ก็เหมือนจะตกใจพอควร แต่โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นฉลาด ได้ยินแค่นั้นก็ยิ้มแล้วบอกว่าเข้าใจ ทั้งยังพูดว่าคนของฉันจะต้องน่ารักมากแน่ๆ คงเพราะคำพูดประโยคนั้นเราเลยยังติดต่อธุรกิจกันได้อยู่”

แม้ตอนนี้เขากับเธอจะไม่ได้พูดคุยกันมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่หากได้เจอกันและถูกทักทายในงานเลี้ยงต่างๆ เกรย์ก็คงจะพูดคุยเรื่องธุรกิจอื่นๆ ได้เช่นเดิม หมายถึงถ้าจำหน้าได้นะ เพราะนอกจากจะฉลาดแล้วเธอคนนั้นยังมองออกได้ทะลุว่าเขาชื่นชอบอะไร และรู้ดีว่าเขามีคนของตัวเองอยู่แล้วโดยไม่ต้องพูดตรงๆ ลักษณะนิสัยที่ดูไม่จู้จี้น่ารำคาญเหมือนช่วงแรกทำให้เขาพอใจไม่น้อย โดยเฉพาะประโยคที่บอกว่าลูกแกะจะต้องน่ารักมากแน่ๆ...

ก็มันเป็นความจริงนี่นะ

“แล้วพ่อแม่คุณไม่ว่าอะไรเหรอ” คนขี้สงสัยที่น่าจะลืมเรื่องเมื่อครู่ไปแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเป็นคำถาม แต่พอสบตาได้พักเดียวก็เหมือนจะนึกออกขึ้นมาอีกรอบ ถึงได้รีบหลุบตาหลบยกใหญ่แล้วกลับไปซุกอกกันเหมือนเดิม เกรย์มองท่าทางเหล่านั้นพร้อมรอยยิ้ม ตัดสินใจยอมปล่อยไปเพราะไม่อยากให้ลูกแกะเขินจนตัวแตก

“จะว่าอะไรได้ พอพูดกันแบบส่วนตัวจนเข้าใจ ทั้งฉันและเธอต่างไม่ได้คิดหรือพยายามเข้าหากันต่อ สุดท้ายพวกผู้ใหญ่ก็เงียบไปเอง”

“แล้ว...ผมต้องเตรียมตัวอะไรไหม หมายถึงก่อนไปเจอพ่อแม่คุณ”

“ไม่ทันแล้ว” จบคำพูดของเกรย์ รถคันหรูก็จอดนิ่งไปในที่สุด ลูกแกะน้อยในอ้อมแขนของเขาที่นิ่งเงียบมาตลอดสะดุ้งจนตัวโยน รีบเด้งไปนั่งบนเบาะด้านข้างแล้วเปิดม่านมองออกไปด้านนอกด้วยท่าทีตกอกตกใจ

“ทำไมไวแบบนี้!”

“อันที่จริงก็ไม่ได้ไวนะ...” เป็นเพราะเขาตั้งใจชวนคุยให้ลูกแกะผ่อนคลายต่างหาก แต่เหมือนจะผ่อนคลายเกินไปนิด พอถึงเวลาเลยแตกตื่นแบบนี้ “ลูกแกะ หันมามองฉัน”

“อือ” ถึงจะทำเหมือนสติแตกขนาดไหน เมื่อได้ยินเกรย์บอกให้ทำอะไร ประมุขก็หันไปทำตามแทบจะทันทีโดยไม่คิดถาม เขาหันกลับไปหาคนเรียก จ้องมองดวงตาสีฟ้าแสนสงบคู่นั้นอยู่นานจนรู้สึกใจชื้นขึ้นจึงบีบมืออีกคนตอบเพื่อสร้างกำลังใจ

“ลูกแกะแค่เป็นตัวเองก็พอ... โอเคไหม”

“แค่...เป็นตัวเองเหรอ” ประมุขแสดงสีหน้าไม่มั่นใจนัก เพราะเคยโดนด่าว่าซื่อบื้อบ่อยๆ ความมั่นใจเรื่องนิสัยของตัวเองจึงแทบเป็นศูนย์ แต่เพียงแค่คิดจะทำหน้าหงอยก็ถูกฉุดดึงให้หันกลับไปสนใจคนที่เริ่มขมวดคิ้วเป็นเชิงไม่พอใจอีกครั้ง

“ใช่สิ ขนาดฉันคนนี้ยังหลงรักลูกแกะที่เป็นตัวเอง แล้วจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรอีก สนใจแค่ฉันก็พอ เชื่อเถอะว่าสองคนนั้นใจแข็งได้ไม่นานหรอก”

ลูกแกะตัวน้อยที่เชื่อฟังคำพูดของเกรย์ยิ่งกว่าอะไรมาตั้งแต่แรกยอมพยักหน้าเมื่อถูกจ้องด้วยแววตามั่นคงไม่ไหวหวั่นต่อสิ่งใด หลังจากชาร์จพลังโดยการบีบมือคนตัวสูงอยู่นานเกือบนาที ในที่สุดเขาก็ยอมเดินลงจากรถ ปล่อยให้การ์ดเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังตามปกติ ขณะที่สายตากวาดมองสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ตรงหน้านิ่งงัน

‘บ้าน’ ของพ่อแม่เกรย์ไม่ใช่บ้านธรรมดาๆ แต่เป็นคฤหาสน์หรูที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบ มีบอดี้การ์ดยืนอยู่ตามจุดต่างๆ หลายจุด ยังไม่นับบรรดาพวกที่เฝ้าอยู่นอกรั้วซึ่งประมุขไม่ทันมองเพราะมัวคุยกับเกรย์อยู่บนรถอีกไม่รู้กี่คน มองๆ ไปแล้วที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นแหล่งกบดานของคนสำคัญอย่างไรอย่างนั้น

“ที่นี่เป็นบ้านพักส่วนตัวของครอบครัวฉัน ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาโดยพลการ เว้นแต่ว่าจะมีคนในพาเข้ามา...ซึ่งก็ไม่มีมานานมากแล้ว” เกรย์ก้าวเท้าลงไปยืนข้างลูกแกะที่มองทางเข้าบ้านของเขาตาลอย ก่อนจะจับมืออีกคนไว้ เรียกให้ลูกแกะกลับมาได้สติอีกครั้ง “อย่างที่เห็นว่าค่อนข้างจะเล็ก ไม่ได้มีพื้นที่มากมายเท่าไหร่ เอาไว้ตอนว่างๆ ฉันจะพาลูกแกะข้ามไปที่เกาะส่วนตัว ที่นั่นสวยกว่านี้หลายเท่า”

“นี่เล็กเหรอ...”

“เล็กสิ ไม่กี่ร้อยไร่เอง” เขาทำหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นลูกแกะน้อยมองมาด้วยสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“เอาเถอะ... ผมพร้อมแล้ว” คนน่ารักสูดหายใจเข้าแล้วยิ้มอย่างสดใส ทำให้โลกที่ดูมืดมนของเขามีสีสันตามไปด้วย เกรย์กระชับมือที่จับไว้ให้แน่นขึ้นเล็กน้อย พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มกลับไปให้ และค่อยๆ พาลูกแกะเดินเข้าไปด้านใน โดยไม่มีการ์ดคนใดก้าวเท้าตามเข้าไปแม้แต่คนเดียว

พื้นที่ด้านในของบ้านขนาดใหญ่กว้างขวางมากจนมองแทบไม่ออกว่าต้องเดินไปทางใดจึงจะถูก ประมุขได้แต่หันซ้ายหันขวามองการประดับตกแต่งที่ดูงดงามและมีราคาอย่างตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ แจกัน กระทั่งของชิ้นเล็กๆ ที่ใช้วางตกแต่งก็ดึงดูดความสนใจของเขาได้หมด ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจูงมือไว้ เห็นทีคงวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ ตามนิสัยคนชอบของแปลกไปแล้ว

“ลูกแกะ...”

“ครับ” ประมุขหันไปตอบรับคำเรียกพร้อมรอยยิ้ม หากยังไม่ทันได้ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เสียงแก้วกระทบโต๊ะที่ดูจงใจทำให้ได้ยินก็ดังขึ้นแบบพอดิบพอดี

“ยืนทำอะไรไร้มารยาทอยู่ได้ ทำไมไม่เข้ามาทักทายเจ้าของบ้าน”

ประมุขกะพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินเสียงพูดเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นจากห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ทางด้านขวา ขณะที่เกรย์ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังจูงมือคนข้างกายเดินเข้าไปในนั้นโดยไม่ได้พูดอะไร

ห้องรับแขกที่แยกมาจากโถงกลางอีกทีเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงามไม่ต่างจากด้านนอก หากสิ่งที่ทำให้ประมุขสนใจมากที่สุดในยามนี้ไม่ใช่ชั้นวางของที่เต็มไปด้วยของมีราคา หรือโคมไฟระย้าที่น่าจะแพงระยับ แต่เป็นสองสามีภรรยาชาวฝรั่งเศสที่นั่งนิ่งจิบชาอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา

ชายวัยกลางคนที่ยังคงดูดีและหน้าตาคล้ายเกรย์เกินหกส่วน กับหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ดูราวอายุสามสิบต้นๆ ทั้งที่จริงๆ ควรจะมากกว่านั้น พวกเขาดูราวกับไม่ใช่คนธรรมดาในสายตาของประมุข เพราะนอกจากจะมีใบหน้าเยือกเย็นราวกับคนที่ผ่านโลกมามาก บรรยากาศกดดันรอบกายยังชัดเจนเสียจนคนสบายๆ อย่างเขายังสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน

“จะไม่แนะนำตัวหรือไง” หญิงสาวที่นั่งหน้านิ่งคนเดิมพูดซ้ำเป็นเชิงเตือน ขณะหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบด้วยท่าทางของผู้ดีมีมารยาท

“สวัสดีครับ” ประมุขที่เพิ่งรู้สึกตัวปล่อยมือเกรย์ออก ก่อนจะยกมือไหว้แล้วยิ้มกว้างตามนิสัย “ผมชื่อประมุขครับ”

“เรียกฉันว่า...” เจ้าของบ้านเหลือบตามองประมุขด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ แต่เพียงแค่เอ่ยประโยคถัดมา ใบหน้าของคนร่าเริงก็ดูซึมลงไปเล็กน้อยในทันที “คุณผู้หญิง”

“ไม่ต้อง”

“เกรย์...” ลูกแกะน้อยหันกลับไปมองคนพูดแทรกอย่างตกใจ ไม่คาดคิดว่าเกรย์จะตัดบทคำพูดของแม่ตัวเองด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบนั้น

“ผมไม่ได้พาเขามาที่นี่เพื่อเป็นคนนอก และยิ่งไม่ได้พามาเพื่อเป็นคนใช้หรือบอดี้การ์ด เพราะงั้นไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องเรียกคุณแบบนั้น”

“ไร้มารยาท”

“พอได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำของชายผู้อยู่เหนือทุกคนในบ้านดังขึ้นเป็นการตัดบทสนทนาระหว่างลูกชายกับภรรยาของตัวเอง เอริคจ้องมองคาร่าเป็นเชิงปราม ก่อนจะหันกลับไปมองคนมาใหม่ที่ดูตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวแฝงอยู่ในดวงตาเลยแม้แต่น้อยเป็นเชิงสำรวจ ดวงตาคู่คมที่เหมือนเกรย์ราวถอดแบบกันมากวาดมองร่างของประมุขอยู่สองสามครั้ง จากนั้นก็หันกลับไปมองลูกชายที่ยืนสงบนิ่ง หากสีหน้ากลับบ่งบอกชัดเจนว่าพร้อมปกป้องคนข้างกายตลอดเวลา “พาเขาไปพัก พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน”

“คุณคะ...”

“ขอบคุณครับพ่อ” เกรย์พยักหน้าให้บิดาเล็กน้อยแล้วหันไปจับมือลูกแกะที่ยังดูจับต้นชนปลายไม่ถูก กึ่งลากกึ่งจูงให้เดินออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้คุณผู้หญิงของบ้านมองตามด้วยท่าทางไม่พอใจไปจนสุดสายตา

“ทำไมปล่อยให้ไปง่ายแบบนี้” คาร่าหันไปมองสามีที่ยังคงยกน้ำขึ้นจิบด้วยท่าทีไร้อารมณ์ “เอริค คุณก็รู้ว่าเด็กนั่นเป็นคนธรรมดา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า...”

“อย่าพูดว่าเขาไม่รู้ คุณส่งคนไปเล่นงานเขามาแล้วไม่ใช่หรือไง”

“เรื่องนั้น...”

“ทำอะไรให้มันมีขอบเขตบ้าง ที่นั่นไม่ใช่ที่ของเรา อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย คุณอยากจะทดสอบเขาหรืออยากจะผลักเขาออกไปผมไม่ว่า แต่อย่าได้เล่นนอกกติกาของกฎหมายโดยเด็ดขาด” ดวงตาคมดุดันมองหน้าภรรยาเป็นเชิงตักเตือน แม้แต่น้ำเสียงก็เข้มขึ้นหลายส่วน “อย่าลืมว่าคุณเป็นคนปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดมาถึงขั้นนี้เอง ทั้งที่มีโอกาสกำจัดเขาทิ้งตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่เกรย์ยังไม่แข็งแกร่งพอแล้ว”

“นั่นเพราะฉันไม่คิดว่าลูกจะจริงจังถึงขั้นนี้”

“แล้วยังจะโทษใครได้อีกเล่า...” เอริคทอดถอนใจเบาๆ เพราะเขาเองก็ไม่ได้แตกต่างจากภรรยาเท่าไหร่นัก “แน่นอนว่าผมไม่ได้ชอบใจที่คนรักของลูกเป็นผู้ชาย แต่คุณก็รู้ว่าสิ่งที่ผมไม่ชอบยิ่งกว่าคืออะไร เพราะงั้นอย่าได้ทำมันอีกเป็นครั้งที่สอง”

“คุณพูดเหมือนยอมรับได้”

“ได้หรือไม่ได้ผมจะตัดสินใจเอง คุณอยากทำตัวเป็นแม่ใจร้ายก็ทำไป แต่อย่าลืมแล้วกันว่าถ้าลูกชายของคุณโมโหขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ผมก็ช่วยคุณไม่ได้หรอกนะ” พูดจบผู้นำของบ้านก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบใดๆ ทิ้งให้คุณผู้หญิงถอนหายใจและส่ายหน้าอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง

“เหมือนกันแทบทุกอย่าง...”


 --------------------



สำคัญ : สำหรับคนที่ต้องการเก็บน้องมุขแบบเป็นรูปเล่ม รบกวนเข้าไปทำแบบสอบถามความต้องการให้หน่อยนะคะ

ลิงก์แบบสอบถาม: https://drive.google.com/open?id=1_rJXCX8iXW144Pv9nqF6n8KfdNoAq9SwbGy33lYMLOw



ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.13]=[P.6]==[28/02/19]
«ตอบ #178 เมื่อ28-02-2019 22:21:15 »

คุณพ่อนิสัยโอเคเลย....รับได้ไม่ได้นั้นต้องดูกันต่อไป
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.13]=[P.6]==[28/02/19]
«ตอบ #179 เมื่อ28-02-2019 22:56:52 »

เดี๋ยวคุณแม่ก็ใจอ่อนเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด