THIEF MAN #แฟนโจร (end) --------- SPECIAL หนุ่มหน้าใสกับชายมลทิน [10/08/19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: THIEF MAN #แฟนโจร (end) --------- SPECIAL หนุ่มหน้าใสกับชายมลทิน [10/08/19]  (อ่าน 59773 ครั้ง)

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.17 -- เสาะ -- (05/01/19)
«ตอบ #150 เมื่อ05-01-2019 15:19:55 »



17
-เสาะ-



หากจะมีอะไรสั่นไหวกระเจิดกระเจิงกว่าพายุเฮอริเคน จ่าตะวันก็คิดว่าเป็นสติสตังของตัวเอง ณ เวลานี้เนี่ยแหละ

แม้จะผ่านภารกิจร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำมาหลายปี แต่ตำรวจหนุ่มหน้าใสใจสะอาดก็ยังไม่ชินกับการลง ‘พื้นที่สีแดง’ เลยสักที สำหรับเขาแล้วการเข้าบ้านผีสิงยังดีกว่าการบุกแดนคนเถื่อน เพราะอย่างแรกร้ายแรงสุดก็แค่กลัวขี้หดตดหายจับไข้สามวันสามคืน แต่อย่างหลังมีสิทธิ์ถูกฝังดับดิ้นสิ้นลมกลางดงตีน

จริงอยู่ที่เขาเป็นตำรวจ มีอำนาจ มีอาวุธ แต่จะมีความหมายอะไรเมื่ออยู่ในถิ่นที่กฎหมายไม่สำคัญเท่ากฎหมู่ หนำซ้ำคำว่าตำรวจอาจทำให้เขาตายไวขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เพียงแต่ปลอมตัว แต่ยังเขียนจดหมายลา (เผื่อ) ตายไว้กับหัวหน้าด้วย ที่เหลือก็ได้แต่ภาวนาให้ผลบุญที่สั่งสมมาคุ้มครองให้มีกะลาหัวรอดกลับไป

โบราณว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แล้วเข้าแดนอันธพาลจะเป็นอะไรไปได้...นอกจากอันธพาล!

จ่าตะวันแหกลุคตัวเองจากหนุ่มเรียบร้อยเป็นแว้นบอยมาดเกรียน ทำผมแสกกลางแบบหนุ่มเทคนิคสุดคลาสสิกที่เหมือนไม่เคยหลุดจากยุคเก้าศูนย์สักที ทิ้งเสื้อลายเทพเจ้าฮินดูสุดโปรดแล้วสวมเสื้อโอเว่อร์ไซส์สกรีนลายวงร็อกในตำนานที่สาบานได้ว่าชาตินี้จะไม่มีวันฟัง ใส่กางเกงยีนส์ย้วยๆ ขาดๆ หลุดตูดเล็กน้อย กับห้อยกระเป๋าตังค์มีสายโซ่คล้องเอว ตบท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบเหยียบส้น เป็นลุคที่แม่ของเขาเห็นแล้วต้องปวดใจถึงขั้นหนีไปบวชตลอดชีวิตแหงๆ

เท่านั้นไม่พอยังพกบุหรี่ เพราะรู้ว่ากุ๊ยแถวนี้ชอบ จะได้ใช้เป็นเครื่องมือเชื่อมสัมพันธไมตรี

“เสก นะ ทาทิโสต...โม ลงโทษทาชิวหา...”

สวดนะโมสามจบตามด้วยคาถาป้องกันภยันตรายของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ไอดอลเพียงหนึ่งเดียวของชีวิตเรียบร้อยแล้วก็ค่อยมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

จ่าตะวันก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์แต่งเครื่องโหลดต่ำท่อดังเบาะปาดซึ่งยึดจากแก๊งเด็กแว้นป่วนเมืองที่ตอนนี้ถูกขังในสน. เข้าสู่หมู่บ้านสลัมด้วยอารมณ์เดียวกับทหารหนุ่มตบเท้าเข้าสมรภูมิสงครามโลก แล้วก็สงสัยว่าทำไมนะทำไม คนจิตอ่อนอย่างเขาจะต้องเข้าแดนผู้ร้าย ขณะที่คนจิตแข็งอย่างหมวดรักษ์ได้เข้าร้านอาหารกับบ้านเด็กกำพร้า!

สิ่งแรกที่ตำรวจหนุ่มเจอคือแก๊งชายวัยฉกรรจ์เกือบสิบคนหน้าตาเหมือนเพิ่งหลุดจากคุกมาสดๆ ร้อนๆ นั่งตั้งวงก๊งเหล้ากันหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ตะโกนคุยกันควันโขมงเพราะดันเปิดเพลงต่อลำโพงดังกระหึ่มซอยจนไม่ได้ยินเสียงเพื่อนฝูง

นอกจากคาถาที่ท่องซ้ำวนไปวนมา ยังมีคำเตือนใจอีกว่า ‘อย่าไปสะดุดตีนใครเข้า’ พ่วงด้วย

จ่าตะวันเดินดุ่มผ่านแก๊งนั้นไปด้วยท่าทางเรียบเฉย โชคดีที่พวกนั้นมัวแต่สนใจสาวๆ ที่ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านเลยไม่ทันสังเกตเห็นเขา พอผ่านมาได้ก็รีบย่ำเท้าไว้สุดชีวิตไปยังบ้านหลังเป้าหมาย

ระหว่างทางก็พบความเสื่อมโทรมสารพัด เช่นคู่ผัวเมียวัยสิบสี่ทะเลาะตบตีกันเพราะอีตัวผัวมีชู้เป็นสาวรุ่นน้อง (ฮึ?!) มนุษย์ป้าอยากรวยล้อมวงกันซื้อหวยใต้ดิน สาวๆ วัยรุ่นทาแป้งขาวผิดเบอร์นั่งไขว้ห้างเรียกแขกตั้งแต่หัววันที่ร้านโคมแดง หนุ่มขี้ก้างนั่งปุ๊นกัญชาคลอเพลงบ็อบ มาร์เล่ย์บนหลังคาไม่กลัวฟ้าดิน คนจรคุ้ยหาอาหารจากถังขยะก็มีเพียบ ดูไปก็สลดใจไป รู้สึกประหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะเที่ยวชมเมืองและพบแต่ความตกต่ำน่าสังเวชของมนุษย์ ตำรวจหนุ่มเห็นแล้วก็ปลงเหมือนพระองค์ และคงจะไปบวชเหมือนพระองค์ด้วย ถ้าไม่ติดว่าเขาเคยบวชเรียนมาแล้วตั้งสิบสองพรรษาน่ะนะ

ตำรวจในร่างเด็กแว้นหยุดที่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่งซึ่งตามข้อมูลแล้วเป็นบ้านของนายบรรณภพ พวงเซ่ หรือบอมเบย์ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วงุนงง เขาไม่เห็นว่ามันจะเหมือนบ้านตรงไหน เพราะทั้งเล็กทั้งโทรม เก่าชำรุดผุพัง เอนโย้ไปด้านหลังเหมือนจะพร้อมถล่มลงคลองได้ตลอดเวลา ควรเรียกว่ากล่องไม้รูปสี่เหลี่ยมมากกว่า ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเจ้าของถึงทิ้งมันไปหมด

นักสืบบอกว่าพ่อแม่ของนายบรรณภพอาศัยอยู่สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งนู่น หมวดโทรไปสอบถามแล้ว นายบรรณภพไม่ได้ติดต่อพ่อแม่เลยตลอดเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้จ่าตะวันเลยมาที่บ้านแทน คิดว่าบางทีเจ้าของอาจกลับมาเหยียบบ้าง

อาชญากรส่วนใหญ่ที่เขาเคยทำคดีมา มักไม่ได้หัวเดียวกระเทียมลีบ แต่มีเครือข่ายคอยให้ความช่วยเหลือ และเครือข่ายที่ว่าก็คือพวกโจรด้วยกันนี่แหละ เขาสันนิษฐานเอาไว้ว่าคนในแถบนี้อาจรู้ข้อมูลของนายบรรณภพบ้างไม่มากก็น้อย

แต่ข่าวร้ายก็คือ...เพื่อนฝูงของโจรบรรณภพ ครึ่งหนึ่งตาย (เสพยา, โดนฆ่า, อุบัติเหตุ) อีกครึ่งอยู่ในคุกกับโรง’บาลบ้า จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เบาะแสเป็นประโยชน์จากคนพวกนั้น

เหลืออยู่ทางเดียวคือเข้าจากฝั่งตรงข้าม – ศัตรู

เพราะบางทีคนที่เกลียดเราเข้าไส้ ก็คือคนที่รู้เรื่องของเราดีกว่าใครๆ จ่าตะวันอ้างอิงจากคดีดาราทั้งหลายที่เคยมาแจ้งความข้อหาโดนหมิ่นประมาท แบบโดนขุดประวัติที่ไม่ดีมั่ง ถูกถ่ายรูปแบล็กเมล์มั่ง ขู่จะแฉความลับเสียๆ หายๆ มั่ง ก็ล้วนมาจากฝีมือของแอนตี้ทั้งนั้น พวกนี้น่ะรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าแฟนคลับอีก หมวดคิดว่ากรณีนี้ก็น่าจะใช้วิธีเดียวกันได้

นักสืบทิวาให้ข้อมูลมาว่าพ่อแม่ของนายบรรณภพเป็นผีพนันที่แท้ เคยติดหนี้หัวโตกับเสี่ยเจ้าของบ่อนท้ายหมู่บ้าน ถูกเสี่ยทวงหนี้ระรานจนทนอยู่ต่อไปไม่ไหว ต้องระหกระเหินเดินทางไปที่อื่นจนไปจบที่สถานสงเคราะห์ บ้านโทรมๆ หลังนี้ก็โดนเสี่ยยึด (มีเอกสารโอนโฉนดบ้านในกรมที่ดินเป็นชื่อเสี่ย) เพิ่งจะถูกเปลี่ยนกลับคืนเป็นของครอบครัวพวงเซ่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน อาจเพราะเงินที่ได้จากการโจรกรรมของลูกชาย
   
และการที่จ่าตะวันถ่อมาถึงที่นี่ ก็ไม่ได้หวังว่าจะเจอนายบรรณภพร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างใด ทว่าหวังจะได้เบาะแสจากเจ้าหนี้ต่างหาก เพราะนั่นมีความเป็นไปได้สูงกว่ามาก
   
“เบย์! ไอ้บอมบ์เบย์!”
   
ตำรวจหนุ่มเก๊กเสียงกร่าง วางท่ากุ๊ย ตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน เป็นที่สะดุดหูสะดุดตาคนที่เดินผ่านไปมา ไม่เพียงเท่านั้นยังเดินวนรอบๆ บ้าน ทุบประตูหน้าต่างอย่างที่คิดว่านักเลงสุดๆ สบถคำหยาบคายกับตัวเอง แล้วก็ยืนเท้าสะเอวอย่างสุดเซ็ง
   
“อยู่ไหนของมันวะ”
   
ได้ผล มีคนสังเกตเห็นเขาจนได้ เป็นชายวัยรุ่นหุ่นหมี ขาวตี๋ หน้าตาเกือบดี แต่สีหน้าเหมือนพร้อมจะต่อยคนทั้งโลก รังสีรอบตัวดำทะมึน แผ่กลิ่นเจ้าถิ่นสุดขีด ไอ้หนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับตะโกน
   
“เห้ย! มึงเป็นใคร มาทำไรแถวนี้!”
   
จ่าตกใจจนไข่สั่น แต่ก็คุมมาดขรึม ควักบุหรี่ออกมาจุดไฟสูบปลอมๆ ก่อนจะตอบไป
   
“ผมชื่อบวบครับพี่ มาหาไอ้บอมเบย์” แม้ความจริงตัวเขาน่าจะอายุมากกว่าอีกฝ่าย แต่ก็ต้องเรียกพี่ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย
   
“มีห่าไรกับมัน” หนุ่มโหดเชิดหน้า
   
“มันยืมเงินผมไปแล้วไม่คืน เลยต้องมาทวงถึงบ้านเนี่ยครับ” พูดจบก็พ่นควันออกปาก เกือบหลุดสำลัก แต่กั๊กไว้ทัน
   
“เหรอ พ่อแม่มันก็เคยเบี้ยวหนี้เหมือนกัน เหี้ยทั้งครอบครัวจริงๆ”
   
“อ้าว มันเคยติดหนี้พี่ด้วยเหรอครับ” ตำรวจหนุ่มทำทีแปลกใจ
   
“ไม่ใช่กู แต่เป็นพ่อกู ไอ้สัดตั้งสามแสน เบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก จนพ่อกูต้องยึดบ้านมัน นี่ถ้าไอ้เหี้ยเบย์เอาเงินมาไถ่คืนไม่ทัน กูคงทุบบ้านมันทำเป็นร้านเหล้าแทนละ”

น้ำเสียงหนุ่มเจ้าถิ่นเจือแววฉุนเฉียว แต่คนฟังกลับตื่นเต้นดีใจ

ที่จริงเขาตั้งใจจะสืบหาจากชาวบ้านไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอตัวเสี่ยเจ้าหนี้ ไม่คิดว่าจะเจอทางลัดตั้งแต่แรกเริ่ม อ้อยเข้าปากช้างอันเบ้อเริ่มอย่างนี้ มีหรือจะปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ จ่าตะวันรีบจุดไฟบุหรี่ยื่นให้อีกฝ่ายเพื่อซื้อเวลาไว้ทันที

“หูย เหี้ยทั้งบ้านจริงๆ ครับพี่ ถ้ารู้ว่ามันมีสันดานโจรแบบนี้ ผมคงไม่ให้มันยืมตั้งแต่แรก”

“มันเอาของมึงไปเท่าไหร่” อีกฝ่ายรับบุหรี่ไปสูบด้วยสีหน้าเรียบๆ ราวกับคุ้นเคยการถูกเลียแข้งขาจากพวกล่างๆ เป็นอาจิณ

“แปดพันแน่ะครับ” จ่าทำหน้าร้อนใจ “พี่รู้ไหมครับว่าตอนนี้มันอยู่ไหน ผมต้องการเงินคืนด่วนโคตรๆ ไม่งั้นผมโดนเมียฆ่าตายแน่”

“ไม่รู้ว่ะ” หนุ่มตี๋พ่นควัน “กูไม่เห็นหน้ามันเป็นชาติละ”

ความหวังของตำรวจหนุ่มดับวูบ

“เอ้อ แต่ลูกน้องกูบอกว่าเมื่อคืนวานตอนนั่งแดกเหล้า มันเห็นรถกระบะจอดหน้าหมู่บ้าน แล้วก็มีคนขนของเดินเข้ามาอยู่ในบ้านไอ้เบย์ด้วย”

ไฟความหวังลุกโชนอีกครั้ง “จริงเหรอครับ!”

“เออ แต่มันเมาๆ แล้วก็มืดมาก เลยไม่เห็นว่าเป็นไอ้เบย์จริงไหม”

“พอจะรู้ไหมครับว่ามันมีกันกี่คน” ตำรวจหนุ่มหัวใจเต้นรัว ข้อมูลนี้อยู่เหนือขอบเขตที่คาดหวังไว้ แต่นั่นเป็นเรื่องดีมาก

“สี่ห้าคนล่ะมั้ง”

“รูปร่างหน้าตาเป็นยังไงอ่ะครับ”

“กูจะไปรู้เรอะ ไม่ได้เจอเองโว้ย!” เจ้าถิ่นคำราม
   
“อูย...ขอโทษครับพี่ ผมแค่อยากรู้ว่ามันมากับใคร เผื่อเป็นเพื่อนมัน ผมจะได้ไปตามตัวถูก”
   
“ลูกน้องกูบอกว่าไม่เห็นหน้าสักคน แต่มีคนหนึ่งที่มันจำได้ น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มมั้ง เพราะเดินนำหน้า แม่งหน้าโหดยังกะโจรใต้ ไว้หนวดเครายาวรุงรัง ตัวสูงใหญ่ล่ำยังกับหมี ทีแรกมันกะเข้าไปกวนตีน แต่เห็นไอ้ห่านั่นก็เปลี่ยนใจ แดกเหล้าต่อเงียบๆ กลัวตาย โคตรป๊อดเลย”
   
จ่าตะวันรู้สึกเหมือนมีดอกไม้ไฟแตกกระจายในหัว เกิดความปีติยินดีสว่างวาบราวกับฆารวาสบรรลุธรรม จากคำบอกเล่าของหนุ่มเจ้าถิ่นนั้น มั่นใจได้ว่าต้องเป็นนายอติศร แซ่อู๋ ไม่ผิดตัวแน่!
   
แต่เขาก็ต้องระงับความตื่นเต้นไว้ภายใต้ใบหน้ากระวนกระวาย
   
“จริงเหรอครับเนี่ย ว่าละเชียวทำไมมันถึงกล้าเบี้ยว เพราะมีพวกเยอะนี่เอง! แม่งเอ๊ย แล้วตอนนี้มันหายไปไหนแล้วครับ”
   
“ไม่รู้ว่ะ พอกูฟังลูกน้องเล่าตะกี้ กูก็กะจะมาทักทายมันเหมือนกัน กูว่ามันคงหนีไปแล้วแหง เสือกมีศัตรูเยอะก็งี้”   
   
ตำรวจหนุ่มใจแป้ว แต่เขาจะไม่ยอมให้จบเท่านี้
   
“แถวนี้มีกล้องวงจรปิดป่ะครับ ผมจะขอดูป้ายทะเบียนรถคันที่มาส่งมัน แล้วจะไปแจ้งตำรวจ”
   
“นี่มึงจริงจังไปปะเนี่ย” อีกฝ่ายออกแววขำ
   
“ต้องจริงจังสิพี่ ตั้งแปดพัน เกือบหมื่นเชียวนะครับ! ผมทำงานเป็นเดือนกว่าจะได้ เรื่องไรจะปล่อยให้ไอ้เหี้ยเบย์ชักดาบไปเฉยๆ”
   
“แถวนี้มันย่านคนจน ไม่มีกล้องห่าไรทั้งนั้นอ่ะ” อีกฝ่ายพูดดับฝัน “แต่ถ้ามึงร้อนเงิน กูมีให้กู้นะ ดอกร้อยละสิบ แต่ในฐานะมีศัตรูคนเดียวกัน กูลดให้มึงเหลือแปดก็ได้”
   
“ขะ...ขอบคุณครับพี่ แต่ไม่ดีกว่าครับ”
   
“ตามใจ โชคดี” หนุ่มตี๋หมุนตัวเตรียมเดินจากไปอีกทาง ทว่าจ่าตะวันรั้งไว้ด้วยคำถามสุดท้าย
   
“เดี๋ยวครับ พี่พอจะรู้ไหมว่าไอ้เบย์จะไปที่ไหนได้บ้าง”
   
หนุ่มตี๋หลับตา ทำท่านึกชั่วครู่
   
“ไม่รู้ กูไม่ได้สนิทกับมันขนาดนั้น”
   
“อ้าว...” 
   
“แต่กูว่าคนถังแตกอย่างมันคงไม่มีปัญญาเช่าห้องพักหรือโรงแรมหรอก คงอาศัยนอนใต้สะพานลอยมากกว่า มึงลองหาแถวนี้ดูสิ เพิ่งผ่านมาวันเดียวกูว่ามันคงไปได้ไม่ไกลหรอก”
   
พูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับควันสีเทาลอยฟุ้ง จ่าตะวันมองตามหลังด้วยความเสียดายที่ยังไม่ได้ถามอีกหลายอย่าง แต่เท่านี้ก็นับว่ามาได้ไกลมากแล้ว
   
เขาเดินหน้าหาคำตอบที่ต้องการต่อไป นั่นคือ ‘นายบอมเบย์หายไปไหน’ เที่ยวเดินถามคนโน้นคนนี้ไปทั่ว เน้นคนที่น่าจะทำงานกลางคืนหรือเช้ามืด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การหลบหนี ไล่ถามตั้งแต่เจ้าของร้านเหล้า คนขายน้ำเต้าหู้ พนักงานเซเว่น แต่คนที่ให้ความกระจ่างกลับกลายเป็นโสเภณี
   
“แก๊งผู้ชายหลายคนเมื่อคืนวานน่ะเหรอ? เห็นสิ พวกมันหอบสัมภาระรุงรังยังกับย้ายบ้าน เดินผ่านหน้าร้านหนูไป แต่ตอนตีสี่พวกมันก็มาเที่ยวร้านสามคน หน้าตาเป็นยังไงหนูจำไม่ได้ ก็มันมืดนี่นา แต่ที่แน่ๆ อ่ะหนวดยาวรุงรังกันทุกคนเลย พวกมันขอซื้อหนูกับเพื่อนแล้วก็แยกไปคนละห้อง แต่ยังไม่ทันจะเอากันก็ง่วงหลับไปก่อน คงจะโดนมอมยา เพราะตอนตื่นขึ้นมา แม่งเอ๊ย แหวนกับสร้อยทองพวกเราหายหมด!”   
   
“มันบอกรึเปล่าว่าชื่ออะไร มาจากไหน จะไปไหนกันต่อ”
   
“ไม่บอก บอกแค่ตอนกินเหล้าว่ามาเลี้ยงอำลาก่อนจากกัน”
   
“อืมๆ”

“ถ้าพี่หาเจอแล้วก็ฝากทวงสร้อยกับแหวนของพวกหนูคืนด้วยละกันนะคะ มันแพง แม่ง...พูดแล้วเจ็บใจจริงๆ!” 

“จ้ะ”

ออกจากซ่องแล้วตำรวจหนุ่มก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาหัวหน้าทีมโดยเร็ว รายงานทุกสิ่งที่เพิ่งรับรู้มาให้ทราบ ปลายสายวิเคราะห์ราวๆ หนึ่งนาทีแล้วออกคำสั่งถัดไปทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา
   
[จากทั้งหมดที่คุณเล่ามา นายบอมเบย์กับพรรคพวกโจรน่าจะแบ่งทรัพย์สินและแยกย้ายกันไปแล้ว แต่ผมคิดว่าพวกเขาคงมีเงินไม่มาก ไม่งั้นคงไม่ขโมยทองของสาวๆ เพิ่ม ผมขอให้คุณประสานงานกับตำรวจเจ้าของพื้นที่ ตามหาพวกโจรตามโรงแรมและห้องเช่าราคาถูกให้ได้มากที่สุด]
   
ตบท้ายด้วยประโยคเดียวกับเจ้าถิ่น

[เพิ่งผ่านมาได้วันเดียว ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะยังไปได้ไม่ไกล]
   
“รับทราบครับหมวด”


...
   
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหลายไม่รู้เลยว่าขณะที่ตนจำแลงกายซอกแซกซอกซอนไปทั่วย่านเสื่อมโทรม ไม่ต่างกับหนูและแมลงสาบที่วิ่งพล่าน  มหาโจรก็มองดูพวกเขาจากผนังกระจกห้องชุดสุดหรูของคอนโดสูงเสียดฟ้า บนถนนที่ขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดในประเทศไทยอย่างเพลิดเพลิน




/// มาแบบสั้นๆ จ่าตะวันลุยเดี่ยว 555
ช่วงนี้จะเป็นพาร์ทสืบสวนของฝั่งตำรวจ มี 4 ตอน (เหลืออีก2)
แล้วถึงกลับไปรายงานฝั่งโจร
อาจไม่เร้าใจ แต่ต้องเขียนเพื่อความสมจริง & สมดุลของเส้นเรื่อง

เบื่อได้ ข้ามได้ ไม่ว่ากันค่ะ 55555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 15:25:43 โดย Blackmamba »

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.17 -- เสาะ -- (05/01/19)
«ตอบ #151 เมื่อ05-01-2019 22:39:18 »

 :a5:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.17 -- เสาะ -- (05/01/19)
«ตอบ #152 เมื่อ05-01-2019 23:14:43 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.17 -- เสาะ -- (05/01/19)
«ตอบ #153 เมื่อ06-01-2019 10:04:31 »

55555โดนหลอกซ้ำแล้ว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.17 -- เสาะ -- (05/01/19)
«ตอบ #154 เมื่อ06-01-2019 14:46:59 »

ไม่เบื่อ ต้องอ่าน เพราะรู้ที่มาที่ไป รู้ทุกซอกมุม

ออฟไลน์ Mookku_ps

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.17 -- เสาะ -- (05/01/19)
«ตอบ #155 เมื่อ08-01-2019 23:20:28 »

 o13 o13 o13

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.17 -- เสาะ -- (05/01/19)
«ตอบ #156 เมื่อ11-01-2019 16:53:02 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #157 เมื่อ12-01-2019 13:20:46 »


18
-เจาะ-



แต่หมวดก็ใช่ว่าจะไปหานายเคฟได้ทันที เนื่องจากไม่มีข้อมูลของเจ้าตัว เลยฝากให้เป็นหน้าที่ของนักสืบช่วยสืบหาที่อยู่ รวมทั้งตารางเรียน/ตารางทำงาน นักสืบบอกว่าน่าจะได้ช่วงบ่ายๆ 

หมวดเลยมาหาคนอื่นก่อน

‘เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร คาบเอาข้าวมาเผื่อ ไปคาบเหยื่อมาป้อน ถนอมในรังนอน ซ่อนเอาเหยื่อมาให้กิน’

เมื่อเห็นป้ายหน้าสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า เพลงนี้ก็ลอยขึ้นมาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ ใครหนอเป็นคนตั้งชื่อบ้าน ช่างเหมาะสมซะจนน่าเศร้าอะไรเช่นนี้

สิ่งแรกที่กระทบประสาทสัมผัสคือเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ที่วิ่งมาเกาะประตูรั้วทันทีที่เห็นผู้มาเยือนจอดลงด้านหน้าทางเข้า ตามด้วยใบหน้าใสซื่อเรียงสลอน จ้องแขกด้วยตาโตแป๋ว เป็นภาพน่ารักที่ชวนให้คนเห็นหดหู่ใจจนแทบหลั่งน้ำตา

หมวดรักษ์เปิดประตูลงมาพร้อมกับถุงขนมที่เหมามาจากห้างขายส่ง รวมทั้งเสื้อผ้า ตุ๊กตา หนังสือ และของเล่นนานา สร้างความตื่นเต้นให้เด็กๆ อีกทบเท่าทวีคูณ ได้ยินเสียงใสๆ พูดกันว่าเขาเป็น ‘เทวดา’ ‘เจ้าชาย’ ก็ทำเอาก้อนร้องไห้แล่นมาจับหน้าอกจนจุกแน่น

ผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์เป็นหญิงวัยสี่สิบ หน้าตาใจดีเหมือนคุณแม่ที่พบเห็นได้ในหนังฟีลกู๊ด เธอออกมาต้อนรับตำรวจนอกเครื่องแบบพร้อมรอยยิ้ม เชิญเข้าไปในห้องรับรองในฐานะผู้เยี่ยมเยียน (เขาไม่ได้แจ้งว่ามาทำคดี) ทำพิธีส่งมอบของบริจาค ถ่ายภาพร่วมกับบรรดาเด็กๆ และครูพี่เลี้ยง จากนั้นจึงปลีกตัวไปคุยในห้องทำงานกันตามลำพัง

ผอ. ออกอาการประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแขกหนุ่มที่พูดได้เต็มปากว่าหล่อมาก ตำรวจสงสารที่ทำให้เธอมีอาการเขินโดยไม่ใช่เรื่อง จึงหักดิบอารมณ์ด้วยข่าวชวนผวา...สาเหตุแท้จริงที่เขามาที่นี่

“ผมเสียใจที่ต้องแจ้งว่า อเล็กซ์ ฮริคมันซ์ ลูกชายของบ้านนี้ถูกออกหมายจับคดีลักทรัพย์และลักพาตัวครับ”

“อะไรนะคะ?” คิ้วสองข้างเลิกสูงจนเกิดรอยย่นบนหน้าผาก

หมวดพูดซ้ำชัดถ้อยชัดคำ “อเล็กซ์ เกรกอร์ ฮริคมันซ์ ลูกชายของคุณถูกจับคดีลักทรัพย์และลักพาตัวครับ ผู้อำนวยการ”

“ไม่จริง...” ผอ. หน้าซีดเผือด เลือดที่สูบฉีดเหมือนถูกแช่แข็งฉับพลัน “คุณล้อฉันเล่นใช่ไหมเนี่ย”

“ไม่ครับ ผมพูดจริง”

“ที่แท้คุณคือตำรวจเหรอ”

“ใช่ครับ ผมร้อยตำรวจโทหริรักษ์ ป้องปกเกียรติ หรือเรียกสั้นๆ ว่าหมวดรักษ์” พูดแล้วแสดงเครื่องหมายราชการที่พกมาในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตให้อีกฝ่ายดู “ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกตรงๆ เพราะผมกลัวถูกคุณปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน...” อีกฝ่ายยังคงสับสน

“ตอนแรกนายอเล็กซ์โดนคดีลักทรัพย์ธรรมดา แต่พอเราสืบหาเบาะแสของอีกคดีหนึ่งซึ่งเป็นการลักพาตัว ก็พบว่าเขามีส่วนเกี่ยวพันด้วย คืออยู่ในแก๊งเดียวกัน เลยโดนพ่วงไปอีกหนึ่งคดี” 

หมวดรักษ์หยิบเอกสารจากแฟ้มออกมาวางกลางโต๊ะระหว่างตนและคู่สนทนา ผอ. หยิบเอกสารสำเนาที่บรรจุหลักฐานจากภาพในกล้องวงจรปิดและผลการพิสูจน์ลายนิ้วมือที่เย็บรวมกันหลายแผ่นขึ้นดูด้วยดวงตาเบิกกว้าง ขากรรไกรค้าง ร่างสั่นเทิ้ม

“เป็นไปไม่ได้ น้องเล็กเป็นเด็กดี ฉันเลี้ยงเขามาเองกับมือ ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”

“หลักฐานชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธว่าเป็นคนอื่นได้นะครับ”

“เขา...เขาอาจแค่หลงผิดชั่ววูบ หรือไม่ก็ถูกใครบีบคั้นให้ต้องทำ ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าน้องเล็กจงใจทำ”

“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ เขาลงมือโจรกรรมร้านคอมพิวเตอร์เพียงลำพัง อีกทั้งยังอาศัยในตึกร้างกับพวกโจรเป็นเวลานาน  ทั้งที่ในตึกมีทางออกหลายทาง และไม่พบอุปกรณ์ผูกล่ามใดๆ  จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกกักขังอยู่ที่นั่น นอกจากสมัครใจอยู่เอง” 

ผอ. ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้โฮ หมวดรักษ์มองเห็นหัวใจล่มสลายในตัวเธอแบบเดียวกับที่เจอในตัวเจ้าทุกข์รายแล้วรายเล่า โดยเฉพาะบรรดาแม่ๆ ตอนรู้ว่าลูกที่รักของตนถูกจับข้อหายาเสพติดไม่ก็อาชญากรรม

“ฉันไม่เชื่อ...ไม่เชื่อ” ผอ. ร้องไห้ฟูมฟาย

“เชื่อไม่เชื่อไม่สำคัญ แต่มันคือความจริงครับ” ตำรวจเลื่อนเอกสารน่าสะเทือนใจไปไว้สุดขอบโต๊ะ “คุณพอจะรู้ไหมครับว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”

“จะให้ฉันตอบเพื่อให้คุณจับลูกฉันเข้าตะรางน่ะเหรอคะ!” เธอกระแทกเสียงประชดประชัน หันหน้าไปทางอื่น

“เพื่อหาทางช่วยเขาต่างหากล่ะครับ”

“ช่วยเหรอ ยังไง”

“ถ้าเราหาตัวเขาเจอไวและเกลี้ยกล่อมให้เขามอบตัวได้ โทษของเขาจะถูกลดหย่อนลง อาจแค่ปรับหรือจำคุกไม่นาน...แต่ถ้าเขายังไม่ปรากฏตัว ก็เท่ากับต่อต้านเรา และเราคงต้องใช้ไม้แข็ง”

น้ำเสียงของตำรวจเข้มขึ้น แววตาก็คมเฉียบอีกหลายระดับ เงาวับเหมือนคมมีด ทำให้ผอ. ถึงกับตัวเย็นเยียบ เธอกลืนน้ำลายลงคออันแห้งผากหลายครั้ง กว่าจะกลั่นถ้อยคำออกมาได้

“ทั้งหมดที่คุณพูดมา สำหรับฉันมันคือคำกล่าวหาทั้งเพ น้องเล็กอยู่ในที่แจ้งตลอดเวลา เขาอยู่ไปทุกที่ ไม่ได้หลบหนีในมุมมืดอย่างที่คุณพูดเลยสักนิด”

“หมายความว่ายังไง” หมวดรักษ์ขยับเก้าอี้ไปข้างหน้า

“ฉันได้รับโปสการ์ดจากเขาเสมอ มันถูกส่งมาจากหลายๆ ที่ เขาบอกว่ากำลังเดินทาง”

“อะไรนะ” ตำรวจเลิกคิ้วสูง สิ่งนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตสมมติฐานโดยสิ้นเชิง

ผอ. มีท่าทีลังเล แต่ก็ตัดสินใจลุกจากเก้าอี้ไปเปิดตู้เก็บของที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับกล่องคุ้กกี้สีแดง เธอเปิดมันออกอย่างระมัดระวังราวกับข้างในนั้นบรรจุตัวอ่อนของลูกนกเอาไว้ หมวดรักษ์โน้มตัวไปข้างหน้าสามสิบองศาเมื่อฝาถูกเปิดออก

“นี่ไงคะ โปสการ์ดของเขา ตราไปรษณีย์ของพื้นที่ก็ปั๊มถูกต้องทุกอัน” ว่าพลางหยิบโปสการ์ดเป็นปึกราวสิบแผ่นส่งให้แขกดู ตำรวจรับมาพินิจทีละใบ แล้วก็ตื่นตะลึงมึนงงทันใด

โปสการ์ดแต่ละใบเป็นภาพถ่ายที่ระลึกจากแหล่งท่องเที่ยวทุกภาคทั่วประเทศ ตั้งแต่ภูชี้ฟ้า ดอยอินทนนท์ เชียงคาน บ้านสร้าง บางระจัน ศรีพันวา เกาะล้าน เกาะเต่า ยันภูเขาสันกาลาคีรี ทุกใบถูกปั๊มตราไปรษณีย์ท้องถิ่นนั้นๆ ใบล่าสุดที่ได้รับคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อเล็กซ์เขียนสั้นๆ หลังโปสการ์ดรูปปะการังว่า ‘ทะเลสวยมาก อยากให้แม่กับน้องๆ เห็นจัง สักวันจะพามาแน่นอนครับ’ อีกทั้งยังมีรูปถ่ายเซลฟี่แนบมาด้วย รูปนั้นอเล็กซ์ตัดผมสั้นเกรียนทรงสกินเฮดเหมือนนักเรียนร.ด. เป็นไปไม่ได้ที่ผมและหนวดจะงอกยาวภายในหนึ่งอาทิตย์แล้วปีนเข้าร้านคอมพิวเตอร์ดังที่เป็นข่าว

หมวดอ่านข้อความแต่ละใบ แต่ไม่มีอันไหนที่ทำให้สาวถึงตัวผู้เป็นเจ้าของได้ อเล็กซ์เลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวัง ราวกับทำนายไว้แล้วว่าสักวันเจ้าหน้าที่หูตาไวจะมาเจอ

“เขาเคยบอกรึเปล่าครับว่าเดินทางยังไง”

“อืม...ครั้งหนึ่งเขาเคยโทรมา ฉันก็ถาม เขาบอกว่าเงินมีจำกัด เลยโบกรถเหมือนพวกแบ็กแพ็คเกอร์ บางทีก็แกล้งเป็นฝรั่งซะเลย เพราะคนไทยไม่ค่อยชอบรับคนไทยด้วยกันเอง”

“ไม่เรียนหนังสือหรือครับ”

“เรียนค่ะ มหาลัยเปิด อยู่ปีสาม แต่ไม่ได้เข้าเรียน แค่ไปสอบ”

“แล้วเขาเอาเงินมาจากไหนในการกินใช้ประจำวัน”

ผอ. ทำหน้าบึ้งตึงเหมือนโดนจับผิด “คุณคิดว่าเขาหาได้จากการโจรกรรมงั้นสิ? ผิดแล้วค่ะ เขารับจ้างทำงานพวกแปลเอกสารกับบทความภาษาอังกฤษต่างหาก เขาบอกว่าชอบงานฟรีแลนซ์ จะได้มีเวลาท่องเที่ยวเยอะๆ”

“พูดได้ว่าคุณเลี้ยงเขาแบบปล่อยสินะครับ” 

“ไม่ได้เลี้ยงหรอกค่ะ เขาเป็นอิสระจากฉันตั้งแต่อายุสิบแปด ออกจากรังไปก็ต้องบินด้วยตัวเอง ฉันเลยไม่เคยก้าวก่ายสิ่งที่เขาเลือก”   

จากนั้นผอ. ก็เริ่มเล่าเรื่องของมิสเตอร์ฮริคมันซ์ให้ฟัง ไม่ใช่เพียงเพราะทำตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อยืนยันคุณงามความดีแสนบริสุทธิ์ของลูกชายด้วย เธอเล่าตั้งแต่วันแรกที่เขาถูกทิ้งในถังขยะพร้อมกับจดหมายลาของแม่ ต่อด้วยการตายของพ่อที่เป็นอาชญากรหลบหนีเข้าประเทศ

“ฉันรู้ว่าคุณคิดอะไร” ผอ. ขัดจังหวะตัวเอง “ใช่ค่ะ เขามีดีเอ็นเอของโจรอยู่ในตัวตั้งแต่เกิด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นโจรตามพ่อเขาถูกไหมคะ สภาพแวดล้อมและการปลูกฝังเลี้ยงดูย่อมมีอิทธิพลมากกว่าพันธุกรรมอยู่แล้ว ฉันกับบรรดาคุณครูเลี้ยงดูเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่แม่จะทำให้ลูกได้ และน้องเล็กก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง เขาเป็นเด็กดี ขยัน กตัญญู สิบสองปีในระบบการศึกษาเขาได้ทุนเรียนดีตลอด ไม่เคยทำให้พวกเราเดือดร้อนเลย และถึงแม้จะออกจากบ้านไปแล้ว ก็ยังส่งเงินกับสิ่งของกลับมาให้น้องๆ เสมอ เป็นลูกตัวอย่างที่ใครเป็นแม่ก็ภูมิใจ”

หมวดรู้สึกเหมือนเดจาวูกับคำพูดคุ้นหูประมาณนี้ และค้นพบว่าบางทีปัจจัยร่วมของพ่อแม่โจร คือการที่อวยว่าลูกตัวเองประเสริฐที่สุดนี่แหละ เลยทำให้มองไม่เห็นจุดบอดใดๆ

“น้องเล็กเป็นคนจิตใจอ่อนโยน แม้แต่แมลงสาบสักตัวยังไม่กล้าฆ่า แล้วคุณจะให้เขาลักพาตัวคนทั้งคนได้ยังไงกัน ฉันจินตนาการไม่ออกเลย” ผอ. ยังคงยืนกรานต่อไป

“ผมไม่ได้บอกว่าเขาทำ แต่เขาอยู่ในขบวนการ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดครับ” หมวดอธิบาย

“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เชื่ออยู่ดี น้องเล็กเป็นเด็กอัจฉริยะ ชีวิตเขามีทางเลือกมากมาย ไม่มีทางคิดสั้นด้วยการหันไปเป็นอาชญากรหรอกค่ะ”

“แสดงว่าคุณไม่เคยดูหนังเรื่อง Catch Me If You Can* สิท่า”

ตำรวจเอนตัวพิงพนักข้างหลัง ยกมือขึ้นกอดอก จ้องใบหน้าที่แสดงความฉงนฉงายสุดขีดของอีกฝ่าย

“หนังอะไร เกย์เหรอ? ฉันไม่รู้จัก”

“งั้นผมก็แนะนำให้ไปดู แล้วคุณจะรู้ว่าพวกอัจฉริยะนี่แหละตัวดีเลย” ตำรวจรวบโปสการ์ดทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วเก็บลงแฟ้มรวบรวมหลักฐาน “ถ้าคุณไม่ขัดข้อง ผมขอยืมโปสการ์ดไปตรวจสอบสักพัก และจะส่งกลับคืนมาให้ สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีครับ”

“เอ๊ะ!” ผอ. ตกใจ แต่ก็พูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูก ได้แค่มองแขกลุกจากเก้าอี้ หมุนตัวเตรียมจากจร
   
แต่ก่อนไป หมวดหันมาพูดทิ้งท้าย

“หากลูกชายคุณติดต่อมา หรือมีเบาะแสอะไรเพิ่มล่ะก็ ช่วยบอกผมด้วยนะครับ ทุกรายละเอียดมีความสำคัญทั้งสิ้น และโปรดจำไว้ว่าผมกำลังช่วยเขาอยู่ ลาละครับ”

ถึงจะไขว้เขวสับสน ทว่าอย่างไรหมวดก็มั่นใจในหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ที่หลอกลวงไม่ได้มากกว่าภาพถ่ายที่อาจผ่านการโฟโต้ช็อป แม้จะยังงงว่าอเล็กซ์ไปเอาตราไปรษณีย์มาจากไหนก็ตาม
   

...

ประตูกระจกสีชาถูกเลื่อนปิด ทิ้งให้ความเงียบงัน โศกสลด และซึมเศร้าเข้ารุมเร้าผอ. เพียงผู้เดียว เธอมองดูสำเนาที่ตำรวจทิ้งไว้ให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่อยากยอมรับว่าคนในรูปนั้นคืออเล็กซ์จริงๆ แม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่คนเป็นแม่ที่แม้แต่เงาลูกของตัวเองก็จำได้ นับประสาอะไรกับภาพถ่ายความละเอียดต่ำสีดำขาว

ที่เธอไม่อยากยอมรับ เพราะมันเท่ากับหลายเดือนที่ผ่านมาอเล็กซ์โกหกเธอ เขาไม่ได้เที่ยวทั่วไทยอย่างที่บอก แต่เที่ยวหลอกชาวบ้านเหมือนอย่างที่พ่อของเขาเคยทำ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอกลัวที่สุด...กลัวว่าเขาจะมีชะตากรรมแบบเดียวกับพ่อโจรเลว

แต่ไม่ว่าอย่างไรความรักของแม่ก็อยู่เหนือความถูกต้อง ตราบใดที่ความจริงยังไม่ปรากฏ เธอก็ยังเชื่อมั่นในตัวอเล็กซ์อยู่ และเฝ้ารอโปสการ์ดฉบับถัดไปที่น่าจะมาถึงสัปดาห์หน้า

วูบหนึ่งผอ. นึกขึ้นได้ว่ามีบางสิ่งที่ลืมบอกตำรวจ คือทุกครั้งโปสการ์ดไม่ได้ถูกนำส่งโดยบุรุษไปรษณีย์ แต่เป็นคนใส่ชุดสีเขียวๆ เอามาหย่อนไว้ กดกริ่ง แล้วก็ขับจากไปอย่างเร็วไว จนเธอไม่ทันพูดจาปราศรัยสักที กว่าจะได้ยินเสียงกริ่งวิ่งออกมาดู ก็เห็นเพียงเครื่องแบบสีเขียวไกลลิบๆ

อาจเป็นไลน์แมน

แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นที่ตำรวจจะสนใจ



-------------------------
*Catch Me If You Can (2002) ชื่อภาษาไทย “จับให้ได้ ถ้านายแน่จริง” กำกับโดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก นำแสดงโดยทอม แฮ้งค์ และลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ สร้างจากเรื่องจริงของแฟรงก์ วิลเลียม อแบกเนล เด็กหนุ่มอัจฉริยะจอมต้มตุ๋นที่ปลอมตัวเป็นนักบิน หมอ ทนายความ ตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี และถูกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอตามจับตัว
-------------------------


//// สั้นจนเหมือนตอนคั่นเฉยๆ 555555
อยากให้รู้ภูมิหลังพวกโจรกันน่ะค่ะ เรื่องจะได้สมจริงอีกนี้สส
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ ^________^

ออฟไลน์ Mookku_ps

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #158 เมื่อ13-01-2019 14:51:49 »

 :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #159 เมื่อ13-01-2019 16:27:00 »

 :ruready :ruready :ruready

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
« ตอบ #159 เมื่อ: 13-01-2019 16:27:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #160 เมื่อ14-01-2019 02:54:37 »

รออ่านน้องแสงเทียนอยู่นะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #161 เมื่อ14-01-2019 09:26:21 »

 :pig4:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #162 เมื่อ15-01-2019 12:18:22 »

เครื่องแบบเขียว ใครส่งน๊อ ส่วนหมวดรักษ์ หล่อมากจริงรึเปล่า

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #163 เมื่อ15-01-2019 12:56:15 »

เหมือนจะเครียดนะ
แต่ทำไมคุณแม่ตลกอ่ะ

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.18 -- เจาะ -- (12/01/19)
«ตอบ #164 เมื่อ16-01-2019 19:18:42 »

 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.19 -- เค้น -- (25/01/19)
«ตอบ #165 เมื่อ25-01-2019 22:34:33 »


- เค้น -



“คุณคือคณาธิป ลิ้มประเสริฐไพศาลยทรัพย์ ใช่ไหม?”
   
แวบแรกที่เคฟเห็นเจ้าหน้าที่ชุดน้ำตาลปรากฏตัวหน้าห้องพัก ขณะกำลังจะออกไปทำงาน เขาคิดว่าชีวิตถึงคราวจบเห่แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นตำรวจคนเดียวกับที่เคยมาหาเฟลมถึงร้านเมื่อหลายวันก่อนเรื่องคดีแสงเทียน ตำรวจคงจับใครสักคนในแก๊งได้ และคนนั้นต้องสารภาพโยงมาถึงเขา แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยาก เพราะเขามั่นใจว่ากระทำการทุกอย่างโดยรอบคอบ ทั้งใช้บัตรประชาชนปลอมในการเช่ารถ และสวมถุงมือทุกครั้ง ไม่ยอมให้มีลายนิ้วมือปรากฏร่วมกับพวกโจรตลอดเวลากว่าครึ่งปี คิดแล้วคิดอีกก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าพลาดตรงไหน

จากการที่เขาเกาะติดเฟลม แสร้งตีสนิทตามประสาเพื่อนร่วมงาน แต่แอบเนียนถามเรื่องคดี ก็ได้ความคืบหน้าแค่ว่าเจอรอยนิ้วมือของพี่ๆ โจรสามคนเท่านั้น ไม่มีของเขา และตำรวจกำลังไล่ตามพวกโจรอยู่เรื่อยๆ แต่ยังจับไม่ได้

แล้วตำรวจมาหาเขาทำไม?
   
จริงสิ...หรือจะเป็นหนอนบ่อนไส้ เส้นสายของเฮียอู๋ที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง (ที่แก๊งโจรไม่เคยรู้ว่าตัวจริงเป็นใคร) บางทีคนๆ นั้นอาจทำความลับแตก แล้วความซวยก็แพร่มาถึงพวกเขา
   
เคฟกลัวจนฝ่ามือฝ่าเท้าเย็นเฉียบชุ่มเหงื่อ มือสั่นจนถือหมวกกันน็อกแทบไม่อยู่ จินตนาการไปร้อยแปดว่าจะถูกส่งไปเรือนจำไหน โดนรับน้องยังไง จะตายหรือถูกปล่อยตัวก่อน

กระทั่งตำรวจเอ่ยขึ้น

“ไม่ต้องกลัวหรอก คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ผมแค่จะมาถามข้อมูลบางอย่างเท่านั้น”

เจ้าหน้าที่หนุ่มหน้าตาดีแต่ดูง่วงมึนเอ่ย ดูท่าน่าจะอดนอนอ่านสำนวนคดีมาทั้งคืน แต่ถึงจะมีแววตาเบลอๆ ทว่าน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังกับสรรพนาม ‘คุณ-ผม’ ที่เป็นทางการ ทั้งที่อายุทั้งคู่ไม่น่าจะห่างกันมากนัก ก็ทำเอาเคฟกดดันหวั่นสะท้าน

“ข้อมูลอะไรครับ” หนุ่มยี่สิบพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น ทั้งที่ใจไปหมดแล้ว

“เรื่องลูกพี่ลูกน้องของคุณ อติศร แซ่อู๋”

“พี่อู๋...ทำไมครับ”

“คุณคงรู้แล้วว่าเขามีหมายจับติดตัว แล้วคุณก็เป็นญาติสนิท ผมเลยอยากได้เบาะแสจากคุณ ไม่ทราบพอจะมีเวลาสักครู่ไหม”

หนุ่มพาร์ทไทม์รู้สึกเหมือนโดนขวานจามกลางหัว

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ลางร้ายเริ่มกลายเป็นจริง ใครบอกตำรวจไทยทำงานช้าวะ ดูคนนี้สิ จมูกไวฉิบ ตามกลิ่นจนเกือบถึงต้นตอละเนี่ย แล้วเขาจะโกหกยังไงดี สายตาของตำรวจที่อยู่ตรงหน้าบอกเคฟว่านี่ไม่ใช่ตำรวจไก่กาหมาแมว ทว่าเป็นนักจิตวิทยาชั้นเลิศ ดวงตาง่วงงุนคู่นั้นแฝงพลังทะลุทะลวงอย่างยิ่งยวด มันคือแววตาของคนที่มีสติปัญญาและวุฒิภาวะสูง เป็นตำรวจเพียงคนเดียวที่ทำให้โจรอย่างเขารู้สึกกลัว ต่างกับตำรวจทั่วไปที่ก่อให้เกิดความรู้สึกต่อต้าน...เคฟคิดว่าหากโกหกขึ้นมาสักนิดเดียว คนตรงหน้าต้องอ่านออกแน่

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือก ไหนๆ ก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว ประจันหน้าไปเลยก็แล้วกัน ถ้าจวนตัวขึ้นมาจริงๆ เขาก็จะรับผิด...แต่จะไม่มีทางลากโยงไปถึงพี่ๆ เด็ดขาด

“อยากรู้อะไรก็ถามเลยครับ แต่รีบหน่อยก็ดี ผมมีงานต้องไปทำ” หนุ่มมหาลัยพูดกดดันอีกฝ่ายทางอ้อม

ฝ่ายตำรวจถามตรงไปตรงมา “คุณได้ติดต่อกับนายอติศรบ้างรึเปล่า บ่อยแค่ไหน ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

เคฟเย็นสะท้านไปถึงไขกระดูก ความจริงคือเขาติดต่อกับพี่ชายตลอดเวลา ถ้าลิมิตคู่ผัวเมียข้าวใหม่ปลามันอยู่ที่สิบครั้งต่อวัน เขากับพี่อู๋มากกว่านั้นสองเท่า คำสั่งล่าสุดเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนที่บอกให้ ‘หาแหล่งดีๆ ให้หน่อย เอาแบบทีเดียวรวย กูขี้เกียจไปบ่อย’ ยังก้องสะท้อนอยู่ในรูหู แต่หนุ่มมหาลัยหน้าใสแสดงออกเพียงแค่ยักไหล่เล็กน้อย

“ไม่เลยครับคุณตำรวจ ผมไม่ได้ข่าวคราวพี่อู๋หลายเดือนแล้วตั้งแต่เขาหนีออกจากบ้าน”

“จริงเหรอ ผมคิดว่าพวกคุณสนิทกันซะอีก” ตำรวจยกมือขึ้นกอดอก เป็นสัญญาณว่าไม่เชื่อ

เคฟเหงื่อผุดตามขอบไรผม หมอนี่ไม่ได้มาเล่นๆ มันรู้จริง เดาว่าคงไปสอบปากคำเตี่ยเขาที่ร้านซีฟู้ดก่อนจะมาหาเขาด้วย เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ชาย

หนุ่มมหาลัยแสร้งหัวเราะ

“เข้าใจผิดแล้วครับ ถึงเราจะเป็นลูกพี่ลูกน้อง แต่ก็อยู่คนละบ้าน แถมพ่อๆ ยังไม่ลงรอยกันอีก เราเลยไม่สนิทกันเท่าไหร่”

นี่คือความจริงครึ่งหนึ่งตั้งแต่วัยเด็กถึงมัธยมต้น แต่พอมัธยมปลาย เคฟย้ายออกจากบ้านไปอยู่หอเดียวกับญาติผู้พี่ที่กำลังเรียนมหา’ลัยเพราะต้องเรียนพิเศษติวเข้มแอดมิชชั่น กลางวันพวกเขาแยกย้ายกันไปเรียน พวกเพื่อนๆ จึงไม่มีใครรู้เห็น แต่ตอนกลางคืนตัวติดกันเหมือนฝาแฝดอินจัน ตะลอนกรุงเที่ยวคะนองเป็นว่าเล่น

“คุณมีเบอร์เขาไหม หรือช่องทางโซเชียลอะไรก็ได้” ตำรวจซักต่อ

เคฟสั่นหัว “ไม่มีครับ พี่เขาศัตรูเยอะ เปลี่ยนเบอร์บ่อยจนผมขี้เกียจเมมแล้ว รอให้เขาโทรมาเอง เบอร์ไหนก็เบอร์นั้นแหละ โซเชียลยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดเฟซบุ้คยังไม่มี ไม่เชื่อคุณลองเสิร์ชดูได้”

ข้อนี้เคฟกล้าท้า เพราะมันคือความจริงซะยิ่งกว่าจริง พี่อู๋เป็นมนุษย์ที่ไร้ตัวตนบนโลกไซเบอร์อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่คนทั้งโลกจะมีชีวิตต่อไปบนเว็บไซต์แม้จะตายไปเป็นร้อยปี แต่พี่ชายของเขากลับไร้ชีวิตตั้งแต่ยังมีลมหายใจ พี่อู๋ไม่เอาอะไร ไม่อินกับแพลตฟอร์มใดๆ ทั้งสิ้น อย่าได้ถามหาเฟซบุ๊ค ไลน์ ไอจี ทุกวันนี้แค่มีอีเมล์ก็ดีแค่ไหน

น้องอย่างเคฟเคยสงสัยว่าอยู่มาได้ยังไง ไม่อกแตกตายหรือ? ก็ได้คำตอบว่า ‘เพื่อความเป็นส่วนตัว’ ตอนนั้นเคฟยังไม่เข้าใจ แต่ทุกวันนี้เข้าใจแจ่มแจ้ง คือพี่อู๋อาจเตรียมตัวเป็นโจรมานานแล้ว
   
หมวดรักษ์จับคางอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนยิงคำถามต่อ
   
“ถ้างั้นผมขออะไรอีกอย่าง”
   
“ผมมีเวลาให้คุณอีกห้านาที ไม่งั้นผมโดนเจ้านายด่าตายแน่ รีบพูดมาเถอะ” ว่าพลางมองนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนใจ ซึ่งเป็นเรื่องจริง
   
“ขอผมดูมือถือหน่อย”
   
“หา?” เดลิเวอรี่แมนใจหาย “นี่มันเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้วไหมครับ”
   
“ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลนี่”

   
เหี้ยแม่ง ขืนให้ดูมึงก็รู้หมดสิวะ!

   
เคฟใจสั่นระรัว ทั้งกลัว ทั้งหัวร้อน ไม่ว่าเขาจะทำตามหรือปฏิเสธก็มีค่าเท่ากันคือทำให้ตำรวจยิ่งสงสัย แต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูดีๆ เขาก็เลือกที่จะส่งมันให้ตำรวจ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าลบข้อความสำคัญๆ ทิ้งไปแล้ว
   
หมวดรักษ์รับไปด้วยท่าทางอึ้งเล็กน้อย คงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมให้ง่ายดายเช่นนี้ เขาเปิดดูข้อความ ประวัติการโทร อัลบั้มรูป รวมทั้งอีเมล์และข้อความแชททั้งหลาย ถ้าเป็นคนปกติเคฟคงชกหน้าคว่ำเพราะแม่งโคตรไร้มารยาท แต่ในกรณีนี้เขาทำได้แค่กำหมัด กัดฟัน รอลุ้นให้อีกฝ่ายซอกแซกชีวิตส่วนตัวจนกว่าจะพอใจ

“คุณกับแฟนดูรักกันดีนะ”

ตำรวจหนุ่มพูด หลังจากสำรวจมือถือเสร็จและส่งคืนให้ แววตาคลายความสงสัยลงจากตอนแรกลงไปโข

“คลั่งเลยแหละ” เคฟงงๆ แต่ก็ผงกหัว เก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง “หมดธุระแล้วใช่ไหม ปล่อยผมไปได้ยัง”

“โอเค ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ และผมอยากจะบอกอะไรสักอย่าง ถ้านายอติศรติดต่อมา ขอให้บอกผมโดยด่วน”

หมวดหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าตังค์ส่งให้อีกฝ่าย เคฟรับไปแกนๆ กะว่าจะฉีกทิ้งทีหลัง

“ครับ”

“โปรดรู้ไว้ว่าผมอยากช่วยเขา หากเราสามารถเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมอบตัวได้ โทษของเขาจะเบาลง แต่หากเขาขัดขืน ผมคงต้องใช้มาตรการเด็ดขาด...และคุณ...คุณเลือกเองได้ว่าอยากเป็นคนช่วย หรืออยากซวยไปกับเขา”

“.....”

“แล้วผมจะติดต่อกลับมาเมื่อจำเป็น ขอบคุณและสวัสดี”

“.....”

ร่างโปร่งในชุดสีน้ำตาลกลับหลังหันเดินจากไปอย่างสง่างาม เคฟมองตามแผ่นหลังตรงแน่วจนสุดสายตา ระบายลมหายใจที่กลั้นไว้จนหมดปอดเมื่ออีกฝ่ายเข้าไปนั่งในรถกระบะสีน้ำตาลขาวและขับจากไป

ไม่อยากเชื่อ...ว่าเขาจะรอดมาได้!

เคฟทั้งงง ตกใจ ดีใจ สับสนปนเปกันไปหมด เปิดดูมือถืออย่างที่ตำรวจดูของตนเมื่อกี้ สงสัยหนักมากว่าไปเปิดตรงไหน ถึงได้เข้าใจแบบนั้น แล้วก็ขนลุกกับความบังเอิญที่เหมือนตั้งใจ


Amy: เมื่อคืนเจ็บสัส รูแคบเท่าตูดหมา เกือบเข้าไม่ได้ ถลอกเลือดออกหมด คราวหน้าขอใหญ่กว่านี้
Amy: มาหาที่ห้องหน่อย อยากคย
Amy: วันนี้เอาแรงๆ หน่อยนะ
Amy: ใครที่ไหนเขาใช้ถุงยางซ้ำ ไอ้หรรมเอ๊ย เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่



เหล่านี้คือข้อความในเครื่อง ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นมาอ่าน ล้านทั้งล้านต้องตีความไปในทิศทางเดียวกันแหงๆ แต่ความจริงคือ...


-   เจ็บเพราะรูระบายอากาศบ้านเศรษฐีเฒ่ามีขนาดเล็ก ตอนลอดเลยถูกครูดเลือดออก
-   *คุย
-   เหล้าดีกรีแรงๆ
-   ถุงมือยาง


ตลกร้ายยิ่งนัก ใครจะคิดว่าการเมมชื่อพี่ชายตกไปตัวหนึ่ง จาก Army เป็น Amy และขี้เกียจเปลี่ยน บวกกับคำกำกวมผิดๆ ถูกๆ จะพลิกชะตาจากร้ายกลายเป็นดีได้ซะงั้น!

งานนี้เห็นทีซาตานจะมีฤทธิ์เดชอยู่ โจรอู๋แอนด์เดอะแก๊งจึงลอยนวลไปได้อีกครา...



/////
หายหัวไปสองสัปดาห์ ยังมีคนรอมั้ยคะ 5555
ป่วยจนทำงานไม่ได้ นิยายเลยยิ่งไม่ได้แตะค่ะ ต้องขอโทษจีจี (_ _)
พรุ่งนี้จะมาอัพให้อีกตอนเป็นการไถ่โทษแล้วกัน อิอิอิ
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ <3 <3

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2019 23:47:59 โดย Blackmamba »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.19 -- เค้น -- (25/01/19)
«ตอบ #166 เมื่อ25-01-2019 22:58:45 »

 :pig2: :pig2: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.19 -- เค้น -- (25/01/19)
«ตอบ #167 เมื่อ25-01-2019 23:42:07 »

 :z12: :kikkik:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.19 -- เค้น -- (25/01/19)
«ตอบ #168 เมื่อ26-01-2019 17:00:27 »

ข้อความ 18+

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0


20
เป็นแฟนกันหม้าย?



อีกด้านหนึ่ง

ผู้พันแฮมิลทันลืมตาตื่นสะลึมสะลือ มองรอบตัวพบว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ โทรมๆ มีหน้าต่างขนาดเท่าฝ่ามือบนผนังคล้ายห้องขัง พยายามนึกให้ออกว่าเป็นที่ไหน แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ตกค้างอย่างหนักทำให้หัวปวดหนึบหน่วงไม่เอื้อต่อการใช้ความคิดใดๆ

ลุกจากเตียง ก้มมองตัวเอง แล้วก็ยิ่งงงไปใหญ่ เพราะร่างกายเปล่าเปลือย เขาหยิบเสื้อผ้าที่กระจายบนพื้นขึ้นมาสวม ก่อนจะออกจากห้องเดินลงไปที่ชั้นล่าง เพื่อค้นหาว่าที่นี่คือที่ไหนและเกิดอะไรขึ้น

“อ้าว คุณ สร่างเมาแล้วเหรอครับ” ผู้จัดการร้านถาม ขณะนี้ร้านยังไม่เปิด เขากำลังจัดการอะไรบางอย่างอยู่ที่เคาน์เตอร์

“โนว์...ยังเลย” ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไองงจัง ที่นี่ที่หนาย แล้วทำไมไอถึงนอนแก้ผ้า ยูว์รู้หมายว่าเกิดอาไรขึ้น”

ผู้จัดการร้านพยักหน้า เมื่อคืนหลังจากเบย์ (หรือชื่อใหม่ที่รู้กันคือบี) พาชายคนนี้ขึ้นไปส่งบนห้องแล้ว ประมาณยี่สิบนาทีก็กลับลงมาพร้อมกับน้ำตานองหน้าและสภาพสะบักสะบอม บอกว่าถูกลูกค้าลวนลาม...เบย์ไม่อยากเจอเหตุการณ์อย่างนี้อีกเลยขอลาออก ผู้จัดการตกใจมาก บอกจะแจ้งความจับลูกค้าบ้ากามให้ แต่เบย์ปฏิเสธเสียงแข็ง บอกว่าเขาเองก็สมยอม จะเรียกว่าข่มขืนทีเดียวก็ไม่ถูก (แต่ความจริงคือ เขายอมโดนปล้ำฟรีดีกว่าเจอตำรวจ) ผู้จัดการร้านเสียดาย พยายามโน้มน้าวให้อยู่ต่อพร้อมกับเสนอเงินเดือนสูงขึ้น แต่เบย์ไม่เอาท่าเดียว ผู้จัดการจึงต้องยอมรับการตัดสินใจของลูกจ้างในท้ายที่สุด

ผู้จัดการเล่าทุกอย่างให้ชายหนุ่มรูปงามฟัง พอเล่าจบผู้พันก็ตกใจจนเกือบสร่างเมา

“ว้อท?! ไอปล้ำบี!?”

“เยส ยูทำ”

“ก็อดแดมน์... แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่หนาย”

“ไม่รู้ เขาไม่ได้บอก”

“งั้นไอขอเบอร์ฮีหน่อยได้หม้าย”

“บีไม่ใช้โทรศัพท์”

“ทูแบด...” เขายกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ “ร้านยูว์มี CCTV หมาย?”

“มีแค่หน้าร้านตัวเดียว”

ผู้พันขอดูทันที ผู้จัดการร้านซึ่งปกติจะไม่อนุญาตให้คนนอกดู เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ยินยอมให้แขกหนุ่มเข้าห้องสตาฟฟ์ไปด้วยกัน เขาจำได้ว่าเบย์ออกไปตอนประมาณตีหนึ่ง พอย้อนดูก็เห็นหนุ่มน้อยเดินโซเซขึ้นรถแท็กซี่ไปจริงๆ หนุ่มอเมริกันจดหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่คนนั้นไว้ แต่ก่อนจะโทร ต้องรู้ข้อมูลส่วนตัวของเป้าหมายก่อน

“ไออยากรู้ เนมแอนด์แอดเดรส ของบี”

“มันเป็นความลับระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ไอคงให้ไม่ได้”

“แต่ฮีม่ายใช่ยัวร์ลูกช้างอีกแล้ว” ผู้พันต่อรอง

“ยังไงก็ไม่ได้ ตามจรรยาบรรณแล้วมันไม่ถูกต้อง”

ผู้พันรำคาญความดื้อรั้นของอีกฝ่าย เลยควักสมุดเช็คในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตออกมาเซ็นต์แล้วยื่นให้แบบเดียวกับที่ทำตอนอยู่อเมริกาเวลาอยากจัดการปัญหายุ่งยากหยุมหยิมให้จบๆ ไป ผู้จัดการตกใจกับจำนวนเลขศูนย์ยาวพรืด แต่อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะส่ายหน้า

“ไม่”

“ฟัค!” 

“ไม่พอ ขอเลขศูนย์เพิ่มอีกตัว โทษฐานที่ยูทำไอเสียลูกจ้างสุดเพอร์เฟ็คต์ไปทั้งคน”

เกือบด่ากราด แต่ยั้งปากไว้ทัน

ในเมื่อกล้าขอ เขาก็กล้าให้ ยื่นหมูยื่นแมวเรียบร้อยแล้วผู้จัดการก็เปิดแฟ้มเอกสารว่าจ้าง เปิดหน้าสำเนาบัตรประชาชนของบีให้อีกฝ่ายดู ผู้พันเอามือถือมาถ่ายรูปไว้ จำชื่อนั้นขึ้นใจ

‘ยันตร์ เซ่’

น่าจะเป็นลูกครึ่ง

ได้สิ่งที่ต้องการแล้วผู้พันก็ลาไปด้วยความไวแสง ขอฝากรถช็อปเปอร์ไว้ที่ร้านก่อนเพราะยังไม่สร่างเมา ก่อนจะนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างทางก็โทรหาคนขับรถแท็กซี่คันที่รับเบย์ไปเมื่อคืน อ้างว่าเป็นแฟนกัน แต่ทะเลาะกันแล้วเบย์หนีไป โชเฟอร์ก็เชื่อ บอกว่าส่งเบย์ที่สถานีรถไฟฟ้าตรงแหล่งบันเทิงแห่งหนึ่ง เขาเห็นเบย์ร้องไห้เลยชวนคุยเผื่อจะทำให้หายเศร้าได้บ้าง แต่เบย์ค่อนข้างเก็บปากเก็บคำ พูดแค่ว่าจะไปดื่มให้ลืมเรื่องเฮงซวย พอถึงที่หมายก็เดินต่อเข้าซอยไปเอง คนขับเลยไม่รู้ว่าไปผับไหน 

ข่าวดีก็คือ ซอยนั้นมีผับประมาณล้านแห่งได้

แต่ความหวังยังมี ผู้พันเสิร์ชชื่อนามสกุลของเบย์ในเฟซบุ๊ค มั่นใจว่าต้องเจอ ขนาดแม่ค้าขายปลายันอาม่าวัยเหยียบร้อยยังมี นับประสาอะไรกับวัยรุ่นหน้าตาดีระดับเน็ตไอดอลอย่างนั้น

ทว่าผู้พันก็ต้องผิดหวัง เขาไม่พบใครที่พอจะเป็นเบย์ได้เลย ลองเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษก็แล้ว สลับชื่อเล่น ชื่อจริง นามสกุล กลับหัวกลับหางแปดตลบก็แล้ว ไม่เจออยู่ดี ความหวังจึงหมดลงพร้อมกับแบตเตอรี่

ปกติเวลาเขาอยากได้ข้อมูลใครก็แค่สั่งลูกน้องหาให้ หรือไม่ก็อาศัยเส้นสายเพื่อนที่ทำงานกรมตำรวจบ้าง ที่ว่าการรัฐบ้าง ค้นหาประวัติในสารบบให้ แป๊บเดียวก็ได้มาไว้ในมือ...ไม่ใช่แค่ชื่อ แต่เป็นประวัติส่วนตัวครอบคลุมทุกด้านของชีวิต ใช้ได้ทั้งผู้ร้ายในหมายจับ กับคนที่เขาอยากจีบ

แต่นั่นมันตอนอยู่อเมริกา

ตอนนี้เขาอยู่ไทย แล้วจะไปชี้นิ้วสั่งใครได้? หมวดรักษ์รึก็ระเบียบจัด เถรตรงเป็นไม้บรรทัด ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพทุกหยดเลือด ไม่มีทางช่วยแน่ หนำซ้ำจะด่ายันโคตรเหง้าอีกด้วยถ้ารู้ว่าเขาสำมะเลเทเมาไปปล้ำคนอื่นเข้าแบบนี้ แม้ว่าตัวหมวดเองจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเมาก็เถอะ...แต่เรื่องอะไรเขาจะบอก แค่โดนหักอกก็ช้ำแทบบ้า ถ้าให้โดนด่าซ้ำอีกล่ะก็ คงตายพอดี

เหลือทางเดียวก็คือต้องช่วยตัวเอง

ผู้พันพยายามเค้นความทรงจำเกี่ยวกับหนุ่มน้อยให้มากที่สุด แต่สิ่งที่เขาจำได้มีเพียงหน้าตาน่ารักเหมือนสุนัขพันธ์มอลทีสเท่านั้น ข้อมูลใดๆ ของอีกฝ่าย เขาไม่ได้ถาม เพราะตอนที่อยู่ด้วยกัน เขามัวแต่พล่ามปัญหารักร้าวของตนฝ่ายเดียว

นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่โง่ขนาดนั้น แทนที่จะชวนคุยสร้างสัมพันธ์ใหม่ และกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีร่วมกันแท้ๆ ไม่แน่ว่าถ้าเขาทำตัวดี อาจได้คนๆ นี้มาอยู่ในชีวิตก็เป็นได้

เป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าหน้าตาระดับเพื่อนดาราฮอลลีวู้ดกับยศฐาสูงลิบ แม่งไม่ได้ช่วยทำให้ความรักดีขึ้นมาบ้างเลย...



กลับถึงบ้าน อาบน้ำแต่งตัวกินข้าว แล้วค้นหาสถานบันเทิงในอินเทอร์เน็ตได้มาหลายแห่ง ผู้พันจึงใช้เวลาตลอดทั้งวันที่เหลือออกตามหาบีตามแหล่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะร้านเหล้า เล้าจน์ ผับ บาร์ ฯลฯ เอารูปสำเนาบัตรประชาชนของบีให้เจ้าของร้านดู แต่ไม่มีใครเคยเจอเลยสักคน
ตามหาขาลากชักจะท้อ ทว่าบังเอิญได้ยินสาวๆ พูดกันว่ามีบาร์เปิดใหม่ ทำเหมือนกับโฮสต์ของประเทศญี่ปุ่น พนักงานแต่ละคนงานดีมาก ก็ชักสนใจ... บีเพิ่งจะลาออกน่าจะกำลังหางานใหม่ แถมหน้าตาก็ดี ไม่แน่อาจเลือกร้านนี้ก็เป็นได้

พอมาถึงก็ถามโฮสต์คนแรกที่เจอ แต่นายคนนั้นเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อ ผู้พันจึงขอพบผู้จัดการร้าน เพราะเขาน่าจะรู้จักพนักงานทั้งหมดของตัวเอง

“มีไร” ผู้จัดการร้านปรากฎตัวด้วยสีหน้าหงุดหงิดเปิดเผย เนื่องจากกำลังติดปัญหาสารพัดในร้านอยู่

“ไอมาตามหาคนชื่อบี ที่ร้านนี้มีหมาย?”

“บีไหน” อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“บี ยันต์ เซ่”

“อะไรนะ บียอนเซ่?”

“ไม่ช่าย บี-ยันต์-เซ่”

“บียอนเซ่ก็อยู่ฮอลลีวู้ดสิ! มาถามอะไรแถวนี้ วู้!”

“ไม่ช่ายบียอนเซ่ บี-ยันต์-เซ่”

ผู้พันล้วงกระเป๋ากางเกงเอากระดาษสำเนาบัตรของคนที่ตามหาออกมาประกอบคำอธิบาย แต่พบว่ามันหายไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่รู้ร่วงหล่นตอนไหน เขาโมโหจนแทบจะจิกหัวตัวเอง แต่ก็ไม่มากเท่าที่ผู้จัดการอยากจิกหัวเขา

“ก็บอกว่าไม่มีๆ ยังจะเซ้าซี้อยู่ได้ อยากเจอก็ไปฮอลลีวู้ดโน่นไป๊!  เสียเวลาทำมาหากินจริงเลย!” พูดเสียงดังพร้อมกับโบกมือไล่แขกอย่างไม่ไยดี แล้วเดินหายไปในห้องทำงาน ปิดประตูดังปังตามหลัง

ผู้พันแฮมิลทันถอนหายใจ เดินออกจากร้านด้วยส่วนสูงที่ลดลงสิบเซ็นต์เพราะหลังงอคอตกอย่างคนห่อเหี่ยวที่สุดในกาแล็กซี่

จะให้เขาไปที่ฮอลลีวู้ดก็ได้นะ เขามีเพื่อนเป็นดาราหลายคน บียอนเซ่ตัวจริงก็เจอมาแล้ว เคยเชิญเธอมาเล่นในงานวันเกิดเมื่อปีก่อน (แหม ก็เราใหญ่) นึกแล้วก็ขำ คนอะไรชื่อพ้องกับนักร้องระดับโลกด้วย

หรือว่าบีชอบนักร้องสากล? นี่อาจเป็นชื่อที่เขาตั้งใหม่ตามดาราในดวงใจก็เป็นได้...คิดได้อย่างนั้นก็เบนเข็มทิศไปยังร้านแนวฝรั่งๆ แทน

ผู้พันมีรายชื่อร้านแนวตะวันตกหลายที่ๆ ยังไม่ได้ไป หนึ่งในนั้นมีร้านชื่อ HOLLYWOOD ด้วย มันอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งปัจจุบัน เขาจึงเดินไป พอมาถึงก็พบว่าร้านนี้แตกต่างจากทุกร้านที่เขาไปมา มันไม่ใช่โฮสต์ ไม่ใช่บาร์ แต่เป็นเหมือนผับ มีเวทีอยู่ด้านในสุดของร้าน มีฟลอร์เต้นรำ แสงสีวิบวับชวนให้มึนหน่อยๆ คนค่อนข้างแน่นกว่าร้านแบบอื่น

ผู้พันแปลกใจว่าทำไมคนถึงเยอะ ทั้งที่สภาพร้านก็ธรรมดาค่อนไปทางเก่าด้วยซ้ำ ระบบเสียงก็ห่วย ดนตรีดังกระหึ่มปวดหู ลำโพงแตกดังซ่าๆ เหมือนงานวัด มีเสียงน่ารำคาญของดีเจแทรกมาเป็นช่วงๆ กลิ่นบุหรี่ก็เหม็นแรงตลบอบอวลจนขมคอ

แทบไม่อยากเชื่อว่าคนระดับเขาต้องลงมาเกลือกกลั้วในสถานที่เกรดต่ำเช่นนี้... แต่เอาเถอะ ขอให้เจอคนที่ตามหาเป็นพอ
   
“เอ็กซ์คิวส์มี! เมเนเจอร์อยู่ที่หนายคร้าบ?!”

ผู้พันเดินไปถามบาร์เทนเดอร์ เสียงเพลงดังมากทำให้เขาต้องตะโกนเสียงดังแข่งจนเอ็นขึ้นคอ
   
“โอ้ โนว์ ซอรี่!” พนักงานพูดมั่วแถมเดินหนี ดูท่าแล้วคงฟังไม่รู้เรื่อง ผู้พันเลยถอยออกมา เขาทนเสียงดังลำโพงแตกแหกห่านี้ไม่ไหวแล้ว

“พี่น้องค้าาาาา ถึงเวลาเฮฮากับคณะนักแสดงของเราแล้วค้าาา! เอ้าเร่เข้ามาๆๆ ขอบอกว่าคืนนี้มีทีเด็ดเพียบ! ใครที่เต้นอยู่ก็หยุดเต้น ใครที่แดกก็รีบแดก ใครที่ขี้อยู่ก็รีบขี้ ช้ากว่านี้ระวังที่หน้าเวทีเต็มนะจ๊า!”

“กรี๊ดดดด วู้ววววว”

ดนตรีปวดหูเบาลงเมื่อพิธีกรหญิงท่าทางแรดๆ ใส่เสื้อสายเดี่ยวปิดนมแค่ครึ่งเดียวคนหนึ่งขึ้นไปประกาศเรียกลูกค้าบนเวที ผู้คนกรูกันเข้าไปจับจองพื้นที่หน้าเวทีอย่างตื่นเต้น ผู้พันที่กำลังจะเดินออกจากร้านก็หยุดชะงักด้วยความสนใจ

ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอดูสักหน่อยว่าเป็นยังไง มีดีอะไรคนถึงเยอะ

“วันนี้พิเศษค้า เพราะเรามีน้องใหม่ ใสๆ แต่ไม่ซิงมาร่วมทีม! น้องมีฉายาว่าลูกชายลีจุนกิ การันตีว่าหล่อโดนใจป้าแก่ๆ อย่างพวกหล่อน แน่นอนย่ะ!”

ลูกค้าทั้งชายหญิงส่งเสียงโห่ร้องหลังจากพิธีกรพูดจบ ผู้พันแฮมิลทันค้นพบว่าจุดขายของร้านนี้คงเป็นการเล่นมุกทะลึ่งอย่างโจ่งแจ้งกับพูดหยาบคายเหมือนลูกค้าเป็นเพื่อนนี่เอง คนก็เลยรู้สึกเป็นกันเองกับร้านนี้และมาใช้บริการกันเยอะ

“พร้อมแล้วขอเสียงกรี๊ดให้ทีมแสดงของเราหน่อยเร้วววว”

พิธีกรทำท่ามือป้องหู ผู้ชมที่อยู่ข้างล่างก็ส่งเสียงดังอีกระลอก ก่อนที่นางจะหายไปจากเวทีแล้วการแสดงก็เริ่มต้นขึ้น ผู้พันกอดอกยืนมองห่างจากเวทีประมาณสิบเมตร แต่ด้วยความสูงน้องๆ เสาไฟฟ้า เลยมองเห็นเวทีได้ชัดพอๆ กับแถวหน้าสุด

การแสดงเป็นเหมือนโชว์ตลกคาเฟ่ทั่วไป นักแสดงแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มโอเว่อร์ บทพูดสอดแทรกมุกตลกเรื่องเพศเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเสี่ยวทั้งฮา เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือจากผู้คนได้เยอะมาก รวมทั้งจากผู้พันแฮมิลทัน แม้จะมีหลายมุกที่ไม่เข้าใจ แต่รวมๆ แล้วเอ็นจอยมาก
พอถึงฉากที่น้องใหม่ออกโรง ผู้ชมก็กรี๊ดดังกว่าทุกครั้งเพราะเขาน่ารักเกินคาด คงมีแต่ผู้พันแฮมิลทันเท่านั้นที่อึ้งตาโต อ้าปากค้าง

เพราะคนๆ นั้นคือคนที่เขาตามหาตาเหลือก!!!

หนุ่มน้อยแสดงเป็นพระเอกเรื่อง ‘ผัว 2018’ ที่มีเมียสามคนตบตีแย่งชิงกัน เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมสาวๆ ได้แทบจะทุกองศาการหมุนตัว  หลายคนถามกันว่าเขาเป็นใคร ลูกครึ่งชาติไหน  มีเมียหรือผัวรึยัง บ่งบอกความฮอตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้บทก็ยังฮามาก เมียแต่ละคนพูดได้ว่าไม่มีใครปกติ ทำเอาคนดูขำกรามค้าง
   
แต่ผู้พันแฮมิลทันไม่ได้สนใจเรื่องราวในการแสดงสักนิด เขาสนใจแค่บีเท่านั้น จับตาดูตั้งแต่วินาทีแรกจนกระทั่งการแสดงจบลงในอีกสิบห้านาทีต่อมา ก็ไม่รอช้ารีบไปที่หลังเวที


   
“บี!”
   
“เฮ้ย มึง ไอ้ฝรั่งเก๊!”

สีหน้าของคนถูกเรียกหวาดผวาเหมือนผู้ร้ายเจอตำรวจ ผู้พันจับข้อมืออีกฝ่ายแล้วพาเดินออกนอกร้าน ถูกหลายคนมองตามอย่างสงสัย แต่เขาไม่สนใจสายตาของใครทั้งสิ้น

“ปล่อยนะ! จะทำอะไร!”

เบย์สะบัดแขน แต่ไม่หลุด ชายหนุ่มจับไว้แน่นมากจนเป็นรอยแดง จนกระทั่งมาอยู่ที่ลานจอดรถ ค่อนข้างมืดและลับตาคน จึงปล่อยมือ

“มึงตามกูมาทำไม!”

เบย์ตะโกนถาม ใจหนึ่งโมโหเรื่องเมื่อคืนที่ถูกปล้ำ อีกใจก็กลัวว่ามันจะเป็นตำรวจตามมาลากคอเข้าคุก เพราะไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เจ้าเคฟเพิ่งโทรมาบอกว่าโดนหมวดรักษ์สอบปากคำ แสดงว่าพวกเขากำลังถูกไล่ตามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว และเขาก็ระแวงมากขึ้นทุกทีว่าไอ้ฝรั่งเก๊นี่จะเป็นตำรวจจริงๆ ไม่งั้นมันจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้เหรอ?

แต่ไม่ว่ามันจะมาด้วยเหตุผลใด เบย์ตั้งใจว่าจะไม่มีวันยอมให้มันจับได้เป็นอันขาด

“ไอ...ไอแอมซอรี่” ผู้พันก้มหน้ามองหนุ่มน้อยด้วยแววตาเศร้า “ลาสต์ไนท์ไอเมามาก ม่ายมีสติ เลยทำเรื่องเลวๆ กับยูว์ ไอแอมซอรี่เวรี่ๆ เลยอยากมาขอโท้ดยูว์”

“เฮอะ เรื่องนี้เองเหรอ” เบย์แค่นหัวเราะ แต่ความจริงโล่งใจจนแทบกระโดดตีลังกา “ช่างมันเถอะ กูไม่เอาเรื่องมึงหรอก ปล่อยให้มันจบๆ ไปซะ แล้วไม่ต้องตามมาอีก”

หนุ่มน้อยพูดแค่นั้นแล้วเดินหนีผู้พันกลับไปในร้าน แต่ผู้พันดึงแขนเขาไว้

“อะไรอีก ปล่อย กูต้องไปทำงาน!” เบย์ตวาด

“เป็นแฟนกันหม้าย!!!”

“.......ฮะ?”

“ไออยากรับผิดชอบยูว์” ผู้พันจ้องตาแน่วแน่ “มาคบกับไอเอาหมาย?”

เบย์หน้าแดง ทั้งเขินทั้งโกรธ “ไม่เอาโว้ย กูไม่ชอบผู้ชาย”

“ไม่เป็นไร ไอชอบยูว์”

“กูบอกว่าไม่ไง! อีกอย่างมึงก็มีดาร์ลิ้งเชี่ยไรนั่นอยู่แล้วนี่ จะมาคบซ้อนทำไมวะ” เบย์เริ่มโมโห แต่ผู้พันส่ายหน้ารัวๆ

“ไม่ช่ายน้า ไอม่ายมีแฟน เขาทิ้งไอไปแล่ว”

“กูไม่อยากเป็นแฟนกับใครเพียงเพราะความรับผิดชอบ คนเป็นแฟนเขาก็ต้องเกิดจากความรักสิ เรื่องเมื่อคืนน่ะ กูจะคิดว่าเป็นแค่ฝันร้าย มึงเองก็ลืมๆ ไปซะ เข้าใจแล้วก็ไสหัวไป”

เบย์เดินเลี่ยงหนีอย่างไร้เยื่อใย แต่คนตัวสูงกว่าก็อ้าแขนดักหน้า

“ม่ายไป”

“วะ! น่ามคานชิบหาย พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!” เบย์ชักของขึ้น 

ผู้พันเอ่ยด้วยความจริงจัง “ไอชอบยูว์จริงๆ นะ”

“.....”

“ถ้ายูว์ไม่ยอมเป็นแฟนไอ ไอก็จะจีบ จนกว่ายูว์จะชอบไอ”

“....”

จากตอนแรกที่หัวร้อนเพราะโมโห ตอนนี้ความร้อนนั้นก็ลอยต่ำลงมาอยู่ที่หน้าแทน แม้บริเวณที่ทั้งคู่อยู่ตอนนี้จะมืดสลัว แต่เบย์เห็นแววตาจริงจังของอีกฝ่ายเป็นประกายกล้าชัดเจน เขารู้ได้ทันทีว่ามันไม่ได้พูดเล่น...แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยู่ในสถานะที่จะตอบรับเจตนาของมันได้ เพราะเขาไม่ชอบผู้ชาย และเขาเป็นผู้ร้าย ส่วนมัน (อาจจะ) เป็นตำรวจ

“กูบอกล้านครั้งแล้วมั้ยว่า กู-ไม่-เอา”

“ไอก็ไม่ได้บังคับให้ยูว์เอานี่นา แค่จะจีบไปเรื่อยๆ”

“เฮอะ กะอีแค่ตังค์จ่ายค่าเหล้ายังไม่มี ฝันไปเถอะว่าจะจีบกูติด”

“ไอไม่ช้อบพกเงินสด มันชอบหาย แต่ไอมีสมุดเช็คนะ”

“จะบอกว่าจริงๆ มึงรวยใช่มั้ย เสียใจ กูไม่เชื่อว่ะ แม่ง มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ!” เบย์เอ็ดใส่หน้าพร้อมกับผลักอีกฝ่ายให้พ้นทาง
ผู้พันไม่ยอมแพ้ ตะโกนตามหลังเป็นครั้งสุดท้าย

“งั้นยูว์ชอบคนแบบหนาย!?” 

เบย์ชะงักสองวินาที แล้วหันมาพูดดังๆ หวังว่าจะกระแทกรูหูทะลุไปถึงสมองของอีกฝ่ายชัดเจน จะได้เลิกเซ้าซี้ซักที

“ขับเฟอร์รารี มีบ้านเป็นคฤหาสน์ กับเงินในธนาคารหนึ่งร้อยล้านบาท ไม่ได้ตามนี้ก็อย่ามาคุย จบนะ!!!”

พูดเสร็จก็หนีกลับเข้าร้าน ทิ้งให้ผู้พันแฮมิลทันยืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม พอได้สติก็ตามเข้าไป แต่ฝูงชนจำนวนมากเบียดเสียดกันแน่นกว่าเมื่อครู่ ผู้พันจึงถูกดันไปอยู่สุดขอบร้าน เห็นนักแสดงเพียงไกลๆ และไม่มีโอกาสได้พูดกับเบย์อีก

แต่ถึงจะโดนปฏิเสธ ผู้พันก็ไม่เศร้า
   
เพราะเขาอยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่เฟอร์รารี ยังมีแลมโบกินี บูกัตตี ออดิ เมเซอราติ คฤหาสน์ก็ไม่ได้มีแค่หลังเดียว แต่เป็นสิบ บอกมาสิว่าจะเอาที่ประเทศไหน ส่วนเงินก็ไม่ใช่แค่หนึ่งร้อยล้านบาท เป็นหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ มากกว่าที่รีเควสต์ไปสามสิบสองเท่า...
   
มันคือมวยที่เขาชนะน็อคตั้งแต่หมัดแรก




/// มาต่อให้ติดๆ อีตาผู้พันเพิ่งจะฟื้น กลัวคนอ่านลืมซะก่อนค่ะ 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แสงเทียนเป็นยังไงบ้าง

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เบย์โชคดีได้อภิมหาเศรษฐีเป็นแฟน

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อิจฉา คนมีเศรษฐีตามจีบ เรายังว่างอยู่นะ ไม่ต้องรวยมากก็ได้ อิอิอิ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เบย์ เจอของจริงแล้วล่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pig4: :katai2-1:รออ่านต่อนะคะ ชอบคุ่นี้อะผุ้พัน กะเบ

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โอ้ยยย​ ร้อยล้านดอลล่าเลยนะเบย์ :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0


21
คู่พ่อลูกที่ถูกหลอก


   

ณ ร้านหนังสืออิสระเล็กๆ ในมุมหนึ่งของเมือง

ด้วยความที่หนังสือไม่ได้เป็นที่นิยมอีกต่อไป อเล็กซ์ ฮริคมันซ์ (ชื่อใหม่ตามบัตรประชาชนปลอม- อเลฮานโดร โจฟ คูนิคาลอส) เลยแทบไม่มีลูกค้าให้ต้องบริการ แต่ปกติลูกค้าร้านหนังสือก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือมากมายอยู่แล้ว เขาเลยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง
   
ตอนนี้เขากำลังอ่านตำราภาษาโปรตุเกสอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำอย่างนี้มาสองวัน และตอนนี้ก็สามารถฟังพูดอ่านเขียนได้แตกฉานราวกับเจ้าของภาษาเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งยังย้อมผมจากสีบลอนด์เป็นสีดำ กับทาโลชั่นผิวสีแทนให้สมกับเป็นหนุ่มละตินด้วย ให้ตายก็ไม่มีใครไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนบราซิล การปลอมตัวใหม่สำเร็จสมบูรณ์
   
พนักงานหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนาฬิกาของร้านดังบอกเวลาสี่โมง อเล็กซ์วางหนังสือลงแล้วบิดตัวแก้เมื่อย เตรียมพร้อมรับมือกับกลุ่มลูกค้าที่กำลังจะมา

ร้านนี้อยู่ห่างจากโรงเรียนแค่สองร้อยเมตร ดังนั้นนักเรียนหลายคนจึงมาที่ร้านหลังโรงเรียนเลิก บางคนก็มาซื้อหนังสือ บางคนมาอ่านฟรี บางคนมานั่งดื่มเครื่องดื่มกับกินขนมในโซนคาเฟ่ บางคนแค่มาหลบแดดฝน บ้างก็มารอผู้ปกครองรับกลับบ้าน อเล็กซ์รู้สึกดีใจที่ยังมีเด็กๆ เข้าร้านหนังสือ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
   
แต่วันนี้เขาอาจจะดีใจไม่ออก...
   
มีเด็กชายมอต้น ผิวแทน หน้าตาดี เดินเข้ามาในร้าน อเล็กซ์จำได้ทันทีว่าเด็กนั่นเป็นใคร แต่แทนที่จะเข้าไปต้อนรับ เขากลับหาที่หลบ
   
ก็มันคือคนที่แจ้งความจับเขาน่ะสิ!

หนุ่มลูกครึ่งลืมสนิทว่าไอ้เด็กนั่นเรียนที่นี่ และสองวันที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเห็นมัน ไม่นึกว่าโลกจะกลมขนาดนี้
   
อเล็กซ์หลบอยู่หลังชั้นหนังสือ เหลือบตามองตามหลังเด็กอย่างระมัดระวัง เด็กนั่นก้มหน้าก้มตาไม่สนใจใคร ท่าทางซึมเศร้ามืดมน เดินไปที่ชั้นหนังสือแนวธรรมะเหมือนจะหาหนทางหลุดพ้นจากความทุกข์ทางโลก
   
เด็กแบกกระเป๋าใหญ่เท่ากระสอบปูน พอวางลงกับพื้นก็ได้ยินเสียง ปึก!! บ่งบอกความหนาแน่นของมวลสารที่อยู่ข้างใน แต่เด็กไม่หาหนังสืออ่าน กลับนั่งกอดเข่า ก้มหน้า ไหล่สั่น ร้องไห้
   
อเล็กซ์สังเกตสภาพของเด็กชาย พบว่าที่แขนของเด็กมีรอยฟกช้ำสองสามจุด น่าจะเกิดจากถูกของแข็งกระแทก คอเสื้อยับยู่ยี่ กระดุมหลุดหนึ่งเม็ด กระเป๋ากางเกงกลับออกมาข้างนอกทั้งสองข้าง กระเป๋าใบงามถูกของมีคมกรีดเป็นรอยจนหมดสง่าราศรีของแบรนด์เนม
   
ถูกรังแก... คือคำแรกที่ผุดขึ้นมาเมื่อมองสภาพโดยรวม   
ตอนนั้นเด็กชายเคยพูดว่าถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อยๆ เห็นทีจะจริง แต่อเล็กซ์ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ ทั้งที่เด็กชายก็ดูเป็นมิตรดีออกแท้ๆ
   
ยิ่งนานก็ยิ่งร้องไห้หนัก โจรหนุ่มในคราบพนักงานกัดริมฝีปากชั่งใจ เขากลัวเด็กนั่นจะจำเขาได้ แล้วเรื่องจะยุ่ง...แต่หากปล่อยให้เด็กร้องไห้ต่อไป ก็ดูจะใจดำเกิน  สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเด็ก

ความเป็นพี่ใหญ่ของบ้านเด็กกำพร้าหล่อหลอมให้เขาเป็นผู้ปกป้องและปลอบประโลมน้องๆ เขาจึงทนเห็นคนอ่อนแอถูกรังแกไม่ได้
   
“น้องคร้าบ เป็นอะร้าย” เขาพูดไทยสำเนียงฝรั่งแบบจงใจ   
   
เด็กชายสะดุ้งนิดหน่อย แล้วค่อยๆ เงยหน้ามองพนักงานที่ยืนอยู่ตรงหน้า อเล็กซ์เห็นใบหน้าของเด็กเปื้อนน้ำตา ดวงตาบวมแดง แอบมีน้ำมูกไหลหน่อยๆ ส่วนเด็กชายเมื่อเห็นหน้าอเล็กซ์ก็ร้องเสียงดัง
   
“พี่ชาย!!!!”
   
“วะ...ว้อท?” อเล็กซ์ลนลาน
   
“พี่ชายจริงๆ ด้วย!” เด็กชายปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน “พี่อเล็กซ์!”
   
“เฮ้ย!!!!” อเล็กซ์สะดุ้งสุดตัว รีบเอามือปิดปากเด็กชายแล้วลากเข้ามุมอับลับตาคน เด็กชายดิ้นๆๆ จนอเล็กซ์ต้องกระซิบขู่กรอกหูให้หยุด เด็กจึงเลิกดิ้นพร้อมกับชูนิ้วว่าโอเค อเล็กซ์จึงยอมปล่อย
   
“ผมไม่นึกเลยว่าพี่ชายทำงานที่นี่” เด็กชายพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ อากาศเศร้าซึมก่อนหน้านี้เหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง
   
“หุบปาก อย่าเพิ่งพูดมาก” อเล็กซ์ทำเสียงดุ เหลียวมองซ้ายขวาหน้าหลังอย่างระแวดระวัง แล้วจ้องหน้าเด็กจริงจัง “นายจำพี่ได้ยังไง”
   
“ผมจำกลิ่นพี่ชายได้” เด็กตอบพร้อมกับยิ้มแป้น
   
“...” อเล็กซ์ถึงกับพูดไม่ออก
   
ก็จริงของเด็ก ถึงเขาจะโกนหนวดเครา ตัดผมเผ้าย้อมสีเรียบร้อย ปลอมตัวปลอมชื่อใหม่ไม่เหลือเค้าโจรคนเดิมแล้ว แต่ยังใช้โรลออนกลิ่นเดิมอยู่... ไม่รู้จะโทษตัวเองที่สะเพร่า หรือโทษที่เด็กจมูกไวเหมือนหมาดี
   
“ดีใจจังที่ได้เจอพี่ชายอีก ถ้ารู้ว่าพี่ชายทำงานร้านนี้ ผมคงมาตั้งนานแล้วล่ะ ดีนะที่วันนี้หนีเรียนพิเศษมาที่นี่ เลยได้เจอกัน”
เด็กชายมองอเล็กซ์ด้วยความตื่นเต้นจนเก็บไม่อยู่ ไม่มีอาการซึมเศร้าเหมือนก่อนหน้านี้ หรือแสดงท่าทีหวาดกลัวที่เขาเป็นโจรเลยสักนิด
   
อเล็กซ์มองชื่อที่เสื้อเด็กแล้วถอนหายใจ

“ฟังนะ นายเพชร นายรู้ตัวใช่ไหมว่าทำให้พี่เดือดร้อน”
   
“รู้ครับ” เด็กพยักหน้า แววตาใสซื่อไร้เดียงสา “ผมคิดว่าถ้าพี่ชายโดนประกาศจับ อาจจะยอมมอบตัว แล้วผมก็จะไปยืนยันตัวพี่ที่โรงพัก เราจะได้เจอกันอีกรอบไง”
   
อู้หู ความคิด
   
“พี่อุตส่าห์ช่วยนายจากนักเลง แต่นายกลับแจ้งจับพี่เนี่ยนะ”
   
“อ๊ะๆ อย่าเข้าใจผิดสิคร้าบ ผมแจ้งจับก็จริง แต่ก็จะประกันตัวให้ ผมไม่เนรคุณพี่ชายหรอกน่า”
   
อเล็กซ์ส่ายหน้าเพลียๆ “แต่ทำแบบนี้มันเกินไปนะ”
   
“ก็ผมอยากให้พี่ชายสอนผมต่อสู้จริงๆ นี่...” จู่ๆ เด็กชายก็หน้าเศร้าอีกครั้ง “ผมถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งเกือบทุกวัน... วันนี้ก็โดนตีแล้วขโมยเงิน แถมกระเป๋าที่ป๊าเพิ่งซื้อให้ใหม่ก็ถูกกรีดด้วย”
   
อเล็กซ์มองเด็กชายอย่างสะเทือนใจ เขาเห็นภาพตัวเองในอดีตทับซ้อนบนตัวเด็กชายเพชร ตอนที่ถูกรุ่นพี่อันธพาลในบ้านกลั่นแกล้งถึงขั้นเลือดตกยางออก เพียงเพราะเขามีพ่อเป็นโจร ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น ยังถูกรีดไถเงินที่ได้จากการวาดรูป ขายขนม กับงานเล็กๆ น้อยๆ ไปแทบหมด เขาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นานหลายปี กว่าเด็กนรกพวกนั้นจะถูกลงโทษ โดนส่งไปยังสถานพินิจเยาวชนข้อหายาเสพติด   
นั่นเองคือสาเหตุที่ทำให้เขารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของอีกฝ่าย พลันความโกรธที่มีให้เด็กชายก็หายไปอย่างไม่รู้ตัว
   
“ทำไมนายถึงถูกแกล้งล่ะ” อเล็กซ์ถาม
   
“ไม่รู้เหมือนกัน คงเพราะผมเรียนเก่ง บ้านรวย ไม่ก็หล่อเกินไปล่ะมั้ง พวกเขาเลยหมั่นไส้”

เด็กชายก้มหน้าหงอย แม้คำพูดจะฟังดูมั่นหน้ามั่นโหนก แต่มันดันเป็นเรื่องจริง คนฟังเลยเกลียดไม่ลง
   
“ไม่ใช่ว่าผมขี้แพ้นะ แต่ผมสู้ไม่ไหวจริงๆ ตอบโต้ทีไรก็ถูกทำร้าย” เด็กชายลูบแผลฟกช้ำของตัวเองเบาๆ “แต่ก็เจ็บจนชินแล้วล่ะ”
   
อเล็กซ์สงสารเด็กชายจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
   
“พี่ชายช่วยผมได้ไหม” เพชรปาดน้ำตามองหน้าอเล็กซ์ ดวงตาเปียกชื้นส่อแววเว้าวอน “ผมอยากเข้มแข็ง ไม่อยากถูกรังแกอีกแล้ว”
   
“พี่จะช่วยอะไรได้ นายควรแจ้งครูหรือฟ้องป๊าสิ” อเล็กซ์บอกปัด เขาไม่อยากมีภาระเพิ่ม จากใจจริง
   
“ไม่ได้หรอก พวกเขาขู่ว่าถ้าผมฟ้องผู้ใหญ่ จะยิ่งโดนทำร้ายมากกว่าเดิม” เด็กชายตอบเศร้าๆ “ทางเดียวที่ทำได้ก็คือ...ผมต้องรับมือกับพวกเขาด้วยตัวเองเท่านั้น”
   
“งั้นนายก็ควรไปฝึกต่อสู้กับครูฝึกจริงๆ ไม่ใช่โจ... เอ่อ...คนธรรมดาอย่างพี่” อเล็กซ์ว่า แต่เด็กชายยังคงยืนยันคำเดิม
   
“ก็ผมถูกชะตากับพี่ชายนี่ พี่ชายต้องสอนผม” เพชรว่า แววตาจริงจังขึ้นมา “ไม่งั้นผมจะโทรแจ้งตำรวจจริงๆ ด้วย”
   
ดูมัน!!!
   
อเล็กซ์กัดฟันระงับความโกรธ แล้วพูดกับเด็กอย่างใจเย็น
   
“นายก็เห็นว่าพี่ต้องทำงาน จะเอาเวลาไหนไปสอนนาย อีกอย่างนายเองก็เรียนพิเศษด้วยไม่ใช่เหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก”
   
“เป็นไปได้สิ ร้านนี้มีหนังสือติวสอบตั้งเยอะ ผมจะอ่านในนี้แหละ  พอเสร็จแล้วเราก็ไปซ้อมต่อสู้กัน ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
   
“เฮ้ย อย่าด่วนสรุปเอาคนเดียวสิ”
   
“อ๊ะๆ กล้าปฏิเสธเหรอ อย่าลืมนะว่าผมกุมความลับของพี่ชายอยู่”
   
“..........” ไอ้เด็กหรรมส์
   
“ว่าไงครับพี่อเล็กซ์ ฮริ...”
   
“เออๆๆๆ ก็ได้” อเล็กซ์เอามือปิดปากเด็กชายทันที “พี่ตกลง แต่นายห้ามเรียกชื่อนั้นอีกเด็ดขาดเข้าใจไหม ตอนนี้พี่ชื่ออเลฮานโดร จำไว้”
   
“อื้อๆ” เด็กชายพยักหน้า อเล็กซ์ปล่อยมือจากปาก “เย้ ขอบคุณนะครับพี่ชาย!”
   
พูดเสร็จก็กระโดดกอดอเล็กซ์หนึ่งที
   
“เฮ้ยๆ ออกไป ไม่ทันไรเล่นลามปาม” โจรหนุ่มตกใจ ผลักหัวเด็กชายที่อยู่ระดับอกของเขาออกห่างจากตัว
   
“ก็คนมันดีใจอ่ะ”
   
“ทำแบบนี้แล้วป๊านายไม่สงสัยแย่เหรอ”
   
“ป๊ามัวแต่ยุ่งอยู่กับธุรกิจที่บ้าน ไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของผมมากหรอก”
   
“งั้นก็แล้วไป”
   
“พี่ชายเลิกงานกี่โมง”
   
“ทุ่มนึง”
   
“ดีจัง” เด็กชายยิ้มอย่างสุขใจ “เลิกงานแล้วสอนผมหน่อยนะครับ พี่อเล...อะไรนะ”
   
“อเลฮานโดร เรียกพี่โด้เฉยๆ ละกัน เจ้านายก็เรียกพี่แบบนี้”
   
“ครับ พี่โด้”
   
“อืม อ่านหนังสือรอไปก่อนแล้วกัน พี่ต้องไปหน้าร้านแล้ว เดี๋ยวผู้จัดการสงสัย”
   
“ครับผม~” เพชรทำท่าตะเบ๊ะ อเล็กซ์ยิ้มน้อยๆ แล้วเดินออกจากมุมนั้นไปที่หน้าร้านซึ่งลูกค้ากำลังวุ่นวาย
   
แปลกดีเหมือนกัน แทนที่จะรู้สึกอึดอัดใจ เขากลับรู้สึกดี แม้จะถูกล่วงรู้ความลับถึงขั้นโดนแบล็กเมล์ แต่เขาคิดว่าตัดสินใจถูกที่เดินออกไปหา แทนที่จะหลบหนี
   
เพราะเขาชอบรอยยิ้มของเด็กนั่นมากกว่าน้ำตาของมันเป็นไหนๆ



   
อีกด้าน

เคฟรู้สึกตื่นเต้น เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอัญมณีเลอค่าแวววาวเยอะขนาดนี้

เขามาที่ร้านเพชรตามที่อยู่ในนามบัตรที่ได้รับเมื่อหลายวันก่อน ไม่ได้มาตัวเปล่าปลิว แต่หิ้วกล่องพิซซ่า อภินันทนาการจากร้านตัวเองมาด้วย
   
จะเข้าหาเป้าหมายทั้งที มันต้องมีใบเบิกทางซักหน่อย...

ก่อนหน้านี้เคฟให้อเล็กซ์ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับนายพัชร รู้ว่าเขาเป็นหม้าย เมียตายตั้งแต่สิบปีก่อน (หล่อนเป็นคนญี่ปุ่น ชื่ออะไรสักอย่างโกะๆ) ปัจจุบันอาศัยอยู่กับลูกชายสองคน และหมาพุดเดิ้ลสามตัว พ่อแม่เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาฯ แต่ตัวเขาชอบเพชร จึงเปิดร้านเพชร ฐานะเข้าขั้นมหาเศรษฐีอย่างไม่ต้องสงสัย อุปนิสัยส่วนตัวเป็นคนจิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อเล็กซ์เจอชื่อของพัชรในรายนามบริจาคมูลนิธิต่างๆ เยอะมาก บริจาคทีก็หลักสิบล้านเป็นอย่างต่ำ นอกจากนี้เจ้าตัวยังไปโผล่รายการโทรทัศน์กับนิตยสารจำพวก ‘Hiso Daily เจาะลึกชีวิตเซเลป’ ’30 Under 30 เศรษฐีรุ่นใหม่ไฟแรง’ ‘ห้าสิบหนุ่มในฝัน หล่อ-รวย-ดี ที่สาวๆ ไม่มีวันได้ครอบครองทั้งชาตินี้และชาติหน้า’

เคฟตื่นเต้นจนมือไม้สั่น ตั้งแต่เป็นโจรมาเพิ่งเจอรายนี้แหละที่รวยจริงจัง และท่าทางจะได้ไม่ยาก

เรานี่ช่างตาถึงจริงๆ

หนุ่มเลือดจีนสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อตั้งสติ ก่อนจะผลักประตูกระจกก้าวเข้าไปในร้านเพชรที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเข้ามาในร้านแล้วก็หูตาลุกวาว เพราะเพชรเยอะเว่อร์วังอลังการอย่างที่เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อน   

ชายหนุ่มใช้สายตากวาดสแกนเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เห็น แปลงเป็นภาพแผนผังร้านเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ร้านเรากำลังจะปิดแล้ว”

“.....” เคฟหันไปด้านหนึ่งของร้านตามเสียง “สวัสดีครับ”

“อ้าว คุณ! ผมไม่คิดว่าจะมาจริงๆ” เจ้าของร้านเดินเข้ามาหาพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร ออร่าของเขาเปล่งประกายยิ่งกว่าเพชรเสียอีก “ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง แต่ว่าวันนี้คุณคงซื้อไม่ทันแล้วล่ะ”

“ผมไม่ได้มาซื้อเพชรหรอก แค่มาเยี่ยม” เคฟพูดยิ้มๆ แล้วชูถุงของฝากขึ้นมา “เดาว่าคุณยังไม่ได้กินข้าวเย็น”

พัชรยิ้มร่าเริง เคฟไม่เห็นริ้วรอยสักนิดบนหน้าเขา เหมือนใบหน้าของเด็กอายุสิบห้ามากกว่าชายวัยเลขสามที่มีลูกแล้ว

“เยี่ยมเลย แต่ขอผมปิดร้านก่อน เชิญนั่งรอที่โซฟา”

“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมช่วยได้ไหม”

“จะบ้าเหรอ คุณเป็นแขกนะครับ”

“เปล่าครับ ผมเป็นจีน”

พัชรขำพรืด “คุณนี่ อารมณ์ดีนะเนี่ย”

“หน้าตาก็ดีด้วยครับ”

อีกฝ่ายยิ้มเขินๆ “อันนี้ไม่เถียง”

“ให้ผมช่วยเถอะครับ เพราะผมหล่อและเป็นสุภาพบุรุษ แล้วคุณก็จะได้มากินของฝากไวๆ ด้วยไง เห็นไหม มีแต่ข้อดี” 

“พูดขนาดนี้ ก็ตามใจแล้วกัน” เจ้าของร้านว่า

เคฟวางกล่องพิซซ่าไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วช่วยปิดหน้าต่าง ปิดม่าน ล็อกประตู ชายหนุ่มแปลกใจที่ไม่มีลูกจ้างเลยสักคน มีแค่พัชรคนเดียว พอปิดร้านเสร็จแล้วพัชรก็ปาดเหงื่อ สีหน้าแลดูเหนื่อยล้า

“คุณไม่มีลูกน้องเลยเหรอ” เคฟถาม

“มีสิ แต่ช่วงนี้พวกเขาลากลับบ้านน่ะ ผมเลยดูแลร้านคนเดียว” พัชรตอบยิ้มๆ “แต่ก็โอเค ผมชอบที่ได้ทำทุกอย่างเองหมด ตั้งแต่เป็นเจ้าของร้านยันยามเฝ้าประตู”

จริงๆ คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะทุกคำที่พูดจะเป็นลูกศรพุ่งแทงคุณ

เคฟรู้สึกสังเวชใจในความไร้เดียงสาของพัชร แล้วก็ได้ค้นพบว่าคนรวยไม่ได้เล่ห์เหลี่ยมจัดทุกคนไป

“งั้นคุณคงเหนื่อยมากสินะ”

“ก็ไม่เท่าไหร่”

“ผมไม่รู้ว่าร้านปิดตอนไหน ไม่งั้นคงมาเร็วกว่านี้ ไม่น่ามารบกวนคุณเลย ผมกลับก่อนดีกว่า คุณจะได้พักผ่อน”

ว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป จริงๆ ภารกิจของเขาสำเร็จตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านก้าวแรกแล้วล่ะ

แต่เจ้าของร้านจับแขนไว้

“รีบกลับทำไม อยู่กินด้วยกันก่อนสิ”
   
“...” เคฟเหวอเล็กๆ

คุณรู้รึเปล่าว่าคำว่า ‘อยู่กินด้วยกัน’ หมายความว่ายังไง?

“จะดีเหรอครับ”

“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก นานๆ ทีมีแขกมาเยี่ยมก็ดีเหมือนกัน ไปนั่งกินในห้องครัวกันเถอะ” พัชรถือถุงพิซซ่าเดินนำไปที่หลังร้าน เคฟก็เดินตามไปตามมารยาท ระหว่างทางเดินผ่านห้องน้ำ เขาก็หยุดชะงัก

“ขอผมเข้าห้องน้ำแป๊บนึงได้มั้ยครับ”

“เอาสิ” เจ้าของบ้านยักไหล่ เดินเข้าไปห้องครัวก่อน

เคฟอยากจะหัวเราะเพราะไม่คิดว่ามันจะง่ายดายเพียงนี้ พอๆ กับอยากร้องไห้ให้กับความอ่อนต่อโลกของพัชร เขาสงสารเจ้าของบ้านเหลือเกินที่ไม่ทันกลโจรเลยสักเศษเสี้ยว นี่อยู่รอดมาได้ยังไงกันนะ แต่ไม่เป็นไร...เขาจะเป็นคนมอบบทเรียนให้เอง พัชรจะได้เจ็บแค่ทีเดียว

ช่องระบายลมบนผนังขนาดพอดีกับคนๆ หนึ่งจะลอดได้ น่าจะใหญ่พอตามที่คุณเอมี่รีเควสต์มา เคฟจัดการกดชักโครกเพื่อสร้างเสียงดัง กลบเสียงคลิกเมื่อปลดล็อก

ง่ายแค่เนี้ยแหละ ปิดจ็อบ

ที่เหลือจากนี้ก็ของแถมสำหรับเขาคนเดียวล้วนๆ

“วันนี้หยุดเหรอ” เจ้าของร้านถาม เมื่อแขกออกจากห้องน้ำ เดินตามเข้ามาในครับ

“เปล่าครับ วันนี้ผมทำกะเช้า เพิ่งเลิกงานตะกี้เอง”

“คุณยังดูเด็กอยู่เลย กำลังเรียนอยู่รึเปล่า”

“ก็เรียนแหละครับ แต่ไม่ได้เรียนทุกวัน บางวันก็เรียนวิชาเดียวงี้ เวลาที่เหลือผมเลยทำงานร้านเดลิเวอรี่”

“ขยันจัง ไม่เหนื่อยแย่เหรอ” พัชรทำตาโต ทั้งอึ้งและชื่นชม

“ก็มีบ้าง แต่พอนึกถึงพ่อที่ทำงานหนักกว่า ก็หายเหนื่อยไปเลยครับ” 

นี่...คนดีไหมล่ะ คะแนนกูต้องมาเต็มสิบแล้วนะจุดนี้ โกยได้โกยไว้ก่อน ถึงจะเอาไปทิ้งทีหลังก็เหอะ

“พ่อคุณต้องภูมิใจมากแน่ๆ” พัชรว่า

เคฟก้มหน้ายิ้ม เอาฝ่ามือถูท้ายทอย “ไม่รู้สิครับ คงงั้นมั้ง”

มาถึงห้องครัว พัชรเปิดถุงแล้วเอากล่องพิซซ่าออกมา เขาเพิ่งจะสังเกตว่ามีตั้งสองกล่อง 

“โห ซื้อมาทำไมเยอะแยะ ผมกินแค่สามชิ้นก็อิ่มแล้วนะเนี่ย”

“ไม่ได้ซื้อครับ ได้ฟรี”

“เอ่อ...นี่ก็ตรงไป” พัชรหัวเราะ “ไงก็เหอะ เยอะขนาดนี้ผมกินไม่หมดหรอก”

“ผมเอามาเผื่อลูกชายคุณด้วยไง เห็นน้องเขาชอบ” เคฟยิ้มหล่อ ทำเอาคุณพ่อลูกหนึ่งเขินทำหน้าไม่ถูก

ต้องแสดงให้เห็นว่าเราแคร์เขาและลูกเขา รับรองได้ใจไปอีก

“ลูกชายผมยังไม่กลับ เพิ่งให้ลงคอร์สพิเศษถึงสามทุ่มโน่น กว่าจะกลับมา พิซซ่าคงเย็นชืดพอดี” พัชรแสดงสีหน้าเสียดาย

“ว้า...รู้งี้ผมน่าจะเอาสปาเกตตี้หรือไก่ทอดมาแทน”

“ไม่เป็นไรหรอก น้องเพชรไม่เรื่องมาก ยิ่งถ้ารู้ว่าคุณตั้งใจเอามาให้ คงดีใจด้วยซ้ำ”

“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นนะครับ”

ทั้งสองนั่งคนละฝั่งของโต๊ะ แล้วกินด้วยกันเงียบๆ แต่ไร้ซึ่งความกดดัน เป็นเรื่องแปลกทั้งที่พวกเขาเพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว... อาจเพราะเคฟสนิทกับคนอื่นเร็ว อัธยาศัยดีตามแบบพนักงานร้าน ส่วนพัชรก็ใจดีใจกว้าง เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่ายเช่นกัน

“คุณอยู่กับลูกชายแค่สองคนหรือครับ” เคฟถามท่ามกลางความเงียบ ทั้งที่จริงรู้ไปถึงรากเหง้าของครอบครัวนี้แล้ว แต่เพื่อไม่ให้น่าสงสัย

“ใช่ ผมอยู่กับลูกสองคน”

“แล้วภรรยาคุณล่ะครับ”

“...” พัชรนิ่งไป

“เอ่อ ขอโทษครับที่เสียมารยาท คุณไม่ต้องตอบก็ได้”

“เธอเสียไปตั้งสิบปีแล้วล่ะ” พัชรตอบด้วยแววตาเศร้าๆ

“แล้วคุณไม่อยากหาใหม่บ้างเหรอ”

“...” พัชรมองเคฟด้วยดวงตาโตกว่าเดิมเล็กน้อย ราวกับไม่เคยถูกถามคำถามนี้มาก่อน “ผมยังไม่เจอ... เอ่อ ยังไม่แน่ใจ มันค่อนข้างเป็นอะไรที่พูดยาก”

เจ้าของร้านวางพิซซ่าลงในถาด เหมือนจู่ๆ ก็หมดอารมณ์กินซะอย่างนั้น

เคฟย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกับพัชร เจ้าตัวสะดุ้งแล้วเขยิบหนี

“คุณจะทำอะไร” พัชรถามโดยไม่มองหน้า เคฟเห็นว่าหูของพัชรเป็นสีแดง


ผมกำลังจะทดสอบคุณไง เคฟนึกในใจ


เขายิ้ม “เงยหน้ามาก่อน”

“...อะไรของคุณ”

“จะบอกว่าซอสเลอะปากเฉยๆ”

“....” พัชรท่าทางเคอะเขิน เอามือเช็ดๆ ปากตัวเอง แต่กลับยิ่งทำให้ซอสเลอะไปใหญ่ เคฟขำแล้วยกมือขึ้นเช็ดให้อย่างแผ่วเบา

ชั่วขณะนั้นเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ของเคฟสัมผัสใบหน้า พัชรรู้สึกเหมือนมีกระแสบางอย่างช็อตไปทั้งตัว เขาขนลุกซู่ ร้อนผ่าว รู้สึกวูบวาบที่ช่องท้องเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ฝูงใหญ่

“.....”

“.....”

เคฟเห็นทางสะดวกเลยตัดสินใจจู่โจม เขยิบใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเกือบแตะกับอีกฝ่าย พัชรหลับตาปี๋ รู้แน่แล้วว่ากำลังจะถูกเช็ดปากด้วยปากของเคฟ

ทั้งสองคนกลั้นหายใจ ทุกอย่างในตอนนั้นราวกับหยุดนิ่ง   

แต่...

“ปะป๊า ผมกลับมาแล้วนะคร้าบ!!!”

“!!!!”

ประตูหลังห้องครัวถูกเปิดออกโดยเด็กชายที่มาพร้อมกับเสียงดัง ท่าทางเริงร่า คนที่อยู่ข้างในผงะแทบหลายหลังล้ม ถอยออกจากกันเกือบไม่ทัน

“อ้าว พี่ชายร้านขายพิซซ่านี่นา หวัดดีฮะ” เพชรไหว้ทักทาย

“หวัดดี” เคฟยิ้มให้ หน้าร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก แต่คิดว่าเด็กชายไม่น่าจะเห็นฉากเมื่อกี้เพราะมีตู้เย็นบัง

“ลูกเพชร ทำไมกลับเร็ว เวลานี้หนูต้องเรียนคณิตศาสตร์อยู่ไม่ใช่เหรอ” ผู้เป็นพ่อสลัดความเขินเมื่อครู่ทิ้ง ปั้นหน้าเครียดใส่ลูกชาย

“วันนี้ครูไม่สบายฮะ” เด็กชายแอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง

“แล้วทำไมถึงกลับเอง ไม่โทรให้ป๊าไปรับ” พ่อคั้นต่อ

“ป๊าฮะ ผมโตแล้วนะ อยากลองขึ้นรถไฟฟ้าเองบ้าง สะดวกจะตาย ถึงเร็วกว่ารถป๊าด้วย” เด็กชายแถไถ “ฮ้าววว ง่วงมากเลย วันนี้เหนื๊อย...เหนื่อย ผมขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะครับ”

“เดี๋ยว น้องเพชร!” พ่อเรียกไว้ แต่เด็กชายวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบนเสียแล้ว “เป็นอะไรของเค้า...ท่าทางคึกคักแปลกๆ”

“เอ่อ ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า ไว้เจอกันคราวหน้านะครับ” เคฟเอ่ยพร้อมกับลุกจากเก้าอี้

“อ้อ...ครับ แล้วเจอกัน” พัชรโบกมือลา ทั้งที่แววตาเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ “ออกประตูนั้นได้เลย”

เคฟพยักหน้า เดินไปที่ประตูหลังห้องครัว แต่ก็เดินกลับมาประชิดตัวพัชรจนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก นึกว่าจะมีฉากต่อจากเมื่อกี้ที่หยุดชะงักกลางคัน

แต่เคฟไม่ได้ทำอะไร แค่กระซิบเบาๆ

“อย่าลืมเช็ดปากด้วยนะครับ”

แค่นั้น แล้วก็จากไป

พัชรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้าย

เขาไม่รู้สึกหัวใจเต้นแรงขนาดนี้มาสิบปีเต็มๆ แล้วสินะ


..........

พอก้าวพ้นเขตร้านเพชรออกมาสู่ถนน เคฟก็โทรศัพท์หาใครบางคนอย่างไม่รอช้า

“ฮัลโหลเฮีย ได้แหล่งแล้วนะ คืนนี้มาลุยได้เลย”




/////

สวัสดียามดึกค่ะทุกคน
ตอนนี้เผยการทำงานของอิเคฟเต็มรููปแบบ (จริงๆ ก็มีแค่เนี้ย)
สำหรับเรา เจ้านี่อ่ะเลวที่สุด เลวบริสุทธิ์ เลวกว่าใครในแก๊งแล้วค่ะ เหยื่อก็น่าสงสารที่สุดเช่นกัน 5555
ส่วนใครที่คิดถึงคู่อู๋เทียน ตอนหน้าจะมาแล้วจ้ะ!

ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ จุ๊ฟฟฟฟ




ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เคฟ ใส่ใส้กรอก ราดมายองเนส สำหรับคุณพัชร แสนใจดี อ่อนต่อโลก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โลกกลมเนอะ555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด