☀ (BDSM) Tattoo-ism #มอปลายลายสัก ☀บทส่งท้าย - 05.10.2562 (P.11) ☀
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☀ (BDSM) Tattoo-ism #มอปลายลายสัก ☀บทส่งท้าย - 05.10.2562 (P.11) ☀  (อ่าน 65515 ครั้ง)

ออฟไลน์ kun98

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากอ่านตอนต่อไปแย้วววววววว  :m25: :m25: :m25:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ลายที่ 7

 

Flying Fish

 

(มัจฉาถลาลม)

 

 

 

ป่านไม่มีความฝัน

 

 

 

ไม่ใช่เรื่องผิดประหลาด หากสุ่มถามเพื่อนวัยเดียวกัน แม้มัธยมปีสุดท้ายกำลังก้าวผ่านสู่อุดมศึกษา พื้นที่กึ่งฝันกึ่งจริง สู่ความเป็นผู้ใหญ่อีกขั้น แต่เด็กในระบบการศึกษาที่ไม่เอื้อให้ฝันอาจหาตอบไม่ได้ เป็นเพียงล้อเหล็กเลื่อนเรื่อยบนรางรถไฟ

 

 

 

‘น้องป่านเรียนเก่งขนาดนี้ สอบติดหมอให้คุณแม่ได้แน่นอนเลยค่ะ’

 

 

 

เขาโทษว่าเป็นความผิดเธอคนนั้น คุณป้าข้างบ้านที่จุดประเด็นสนทนาก้าวก่ายความคิด รวมถึงอนาคตของเขา

 

 

 

‘แหม ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิคะ หม่ามี้ป่วยไข้ แก่ตัวไปน้องป่านจะได้ดูแลหม่ามี้ได้’ โทษแม่ที่ยิ้มแย้ม แววตาเปี่ยมด้วยความภูมิใจ คาดหวัง

 

 

 

‘แต่น้องป่านวาดรูปเก่งด้วยนี่คะ บางทีอาจจะเดินตามรอย เป็นศิลปินเหมือนพ่อ...’

 

 

 

ที่สุดแล้วเขาโทษตัวเอง

 

 

 

‘ป่านจะเรียนหมอครับ’

 

 

 

ไม่อาจควบคุมตัวเอง พยายามหนีไกลจากผู้ชายคนนั้น คนเห็นแก่ตัวที่เลือกปลดเปลื้องภาระทุกอย่างเพื่อวิ่งตามความฝัน

 

 

 

สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงพรสวรรค์ที่ติดสายเลือด ติดปลายนิ้ว ย้ำตัวตนผู้ให้กำเนิดทุกครั้งยามจับพู่กัน

 

 

 

มีพรสวรรค์ แต่ไม่มีฝัน 

 

 

 

แต่ถ้าความฝันมันทำให้ต้องทิ้งคนที่รักไว้ข้างหลัง ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่มี

 

 

 

ไม่จำเป็นต้องวิ่งเต้นค้นหา ไม่จำเป็นต้องกระเสือกกระสนไขว่คว้าอะไร แค่วิ่งไปตามราง... รถไฟที่เพิ่มจำนวนตู้ตามความหวังที่บรรจุไว้เต็มคัน เอ่อล้น ถมทับ หนัก ล้าแต่ไม่อาจหยุดชะงักกลางทาง

 

 

 

[ วันนี้หม่ามี้มารับช้าหน่อยนะคะ น้องป่านรอที่เดิมนะ ] เพราะรู้ดีว่ามีอีกคนที่เหนื่อยกว่า หวังมากกว่า

 

 

 

“ครับ” ไม่ต้องถามถึงสาเหตุ ชาชินกับการถูกเลื่อนนัดเพราะรู้ดีว่าคนปลายสายกำลังติดพันธุระสำคัญถึงได้มีน้ำเสียงเร่งรีบนัก

 

 

 

รู้ดีว่ายิ่งงานยุ่งเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีกับความเป็นอยู่ของสองแม่ลูก เป็นผลดีกับอนาคตป่าน

 

 

 

[ ขอโทษนะคะลูก ]

 

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น   

 

 

 

“หม่ามี้ครับ...” ป่านเหนื่อย

 

 

 

[ ว่าไงคะ ]

 

 

 

บางทีถ้าเราต่างลืมเรื่องอนาคต ถ้าเราต่างหยุดพักบ้าง...

 

 

 

“อย่าหักโหมนะครับ เดี๋ยวไม่สบาย”

 

 

 

คนปลายสายหัวเราะ เอ็นดูในความห่วงใย [ น้องป่านก็เหมือนกัน เรียนพิเศษเสร็จก็ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้าง อย่าเอาแต่อ่านหนังสืออย่างเดียวนะคะ ]

 

แม้ไม่เห็นแต่เด็กดีก็พยักหน้ารับ ระบายยิ้มให้มารดาสบายใจ

 

 

 

“ครับ ป่านรักหม่ามี้นะ”

 

 

 

[ มี้ก็รักป่านค่ะ ] รอยยิ้มระบายบางที่อ่อนระโหยลงในบางคราว แต่เพียงได้ยินคำบอกรักอ่อนหวานก็เติมเต็มเชื้อความหวัง ราวได้อ้อมกอดอุ่นโอบอุ้มให้มีกำลังใจก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง

 

 

 

ตลอดมาแม่คือความรักหนึ่งเดียวของป่าน อะไรที่แบ่งเบาได้ป่านจะช่วยแบ่งเบา อะไรที่เป็นความสุขของแม่ก็เป็นความสุขของป่าน

 

 

 

แต่บางที ป่านคงต้องเริ่มเผื่อพื้นที่ความสุขให้คนอื่นบ้าง

 

 

 

ที่พึ่งพึงอื่น เซฟโซนที่จะพาใจไปวางพัก

 

 

 

“ทำไมไม่เข้าไปในร้าน”

 

 

 

สายถูกตัดไปพักใหญ่ แต่เด็กหนุ่มยังนั่งจมจ่อมในความคิด ไม่รู้ตัวว่าเสี้ยวหน้าเหม่อลอยถูกจับจ้องด้วยดวงตาคมอยู่นานสองนาน กระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยทัก ร่างสูงเดินมานั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกัน ตามด้วยเจ้าตัวโตที่วิ่งตามมานอนแหม่บแทรกกลาง

 

 

 

“คุยโทรศัพท์น่ะครับ” ไม่มีรอยยิ้มอยู่ในคำตอบ ดวงตายังคล้ายตกอยู่ในห้วงภวังค์บางอย่าง

 

 

 

พี่วาขมวดคิ้ว ไม่ชอบเลยสีหน้าแบบนี้

 

 

 

“เป็นไร” เสียงทุ้มถามเจืองุ่นง่าน เป็นห่วงจนหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิดเมื่อรู้ตัวว่าเป็นห่วง

 

 

 

“เปล่าครับ” เด็กน้อยไม่อยากให้พี่วาไม่สบายใจ ปั้นยิ้มซื่อใสพลางเอ่ยปากเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้พี่ไม่มีคิวสักเหรอครับ”

 

 

 

สองมือลูบหัวลูบหางโมโจที่ทำหน้าเคลิ้มสบายใจ เห็นแบบนั้นป่านก็คลายความหนักล้าลงบ้าง เขาว่าการเลี้ยงสัตว์จะช่วยประโลมจิตใจได้ คงจริงดังนั้น มาที่นี่ทีไรแค่ได้เห็นโมโจเริงร่ากระโจนขออาหารป่านก็อารมณ์ดีตาม อยากมีโมโจเป็นของตัวเองบ้าง ติดอยู่ที่ว่าแม่คงไม่อนุญาต

 

 

 

“ลูกค้าแคนเซิล” คนพี่ตอบไม่ยี่หระควักมวนบุหรี่ออกมาคาบ ทว่าไม่จุดสูบเหมือนทุกครั้ง

 

 

 

แม้จะเสียลูกค้าแต่ก็ดีแล้ว เขาจะได้พักบ้าง

 

 

 

อีกอย่าง ดูเหมือนตรงนี้จะมีคนต้องการเขา

 

 

 

วาไม่ได้ทึกทักไปเอง แม้ไม่ได้เซ้าซี้ถามจี้จุดให้ลำบากใจ ทว่าการมีคนนั่งอยู่ข้างๆ ก็ช่วยให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป

 

 

 

“ทำไมพี่ถึงมาเป็นช่างสักเหรอครับ ” ในความเหม่อหม่นน้องเอ่ยปากถาม

 

 

 

เส้นทางผิดแผลกเกินจินตนาการ อยากรู้ว่าเป็นเพราะความฝัน หรือวิ่งตามความฝันคนอื่นแบบเขา

 

 

 

“ไอ้เฮียมันชวนมา” คนพี่ตอบไม่ยี่หระ ฟังยียวนจนคนถามหันมาขมวดคิ้วเบ้หน้าใส่

 

 

 

“...” ไม่เห็นหรือว่าน้องจริงจัง

 

 

 

วาหัวเราะพลางเอื้อมมือลูบหัวน้องเบาๆ “ล้อเล่น พี่ชอบนะ ศิลปะบนเลือนร่าง เรียกว่าหลงใหลเลยล่ะ”

 

 

 

อาจเพราะเห็นใจ เห็นน้องมีเรื่องกังวลหรืออย่างไร คำพูดและการกระทำวันนี้ถึงได้ฟังดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง แถมฝ่ามือที่วางอยู่บนหัวก็คล้ายจะแผ่ความร้อนลงทั่วหน้า ความรู้สึกบางอย่างวูบไหวอยู่ชั่วครู่ ก่อนกลบเกลื่อนแกล้งเย้า

 

 

 

“หลงใหลความเจ็บปวดด้วยหรือเปล่าครับ”

 

 

 

“นั่นมันเราต่างหาก” คนพี่เลิกคิ้ว แซวกลับ

 

 

 

“...” สรรพนามไม่คุ้นหูทำน้องชะงักไปอีกครั้ง

 

 

 

“อยากให้พี่ถ่ายรูปให้ดูไหม ว่าตอนโดนสัก เราทำหน้ายังไง” ไม่ชอบเลยเวลาพี่วาพูดเพราะ อ่อนหวาน เจือออดอ้อน

 

 

 

“มะ... ไม่ดีกว่าครับ” เหมือนแกล้งกัน หัวใจป่านกำลังเต้นตึกตัก จนน่ากลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน

 

 

 

พี่วายิ้ม มองแก้มที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก สีหน้าขึ้นสีฝาดไร้ริ้วความกังวลอย่างตอนแรกทำให้เขาพอใจ

 

 

 

“ขอดูบัตรประชาชนหน่อยดิ” ในเมื่ออารมณ์ดีแล้วก็ถึงเวลาที่เขาจะเอ่ยธุระบ้าง

 

 

 

“ครับ?” ป่านหันกลับมาเลิกคิ้วงุนงง

 

 

 

ทำไมถึงจะมาตรวจบัตรประชาชนเอาตอนนี้ ตอนที่สักเกือบจะเสร็จแล้ว

 

 

 

พี่วารู้ว่าแปลก ก็ไม่รู้จะถามยังไงให้ไม่แปลก มันเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ได้ตรวจตั้งแต่แรก เพราะไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร

 

 

 

เกือบไม่คิดว่าเป็นปัญหา หากบทสนทนากับเฮียเมื่อวานไม่เตือนสติขึ้นมา

 

 

 

‘เฮีย กูว่าแย่ว่ะ ’ โทษน้องนั่นแหละ คราวก่อนที่มาสักเล่นพูดจาหยอกยั่วเสียจนพี่วาตบะแตก

 

 

 

‘อะไร’

 

 

 

‘มีแววจะติดเชื้อ’ เพ้อพกเตลิดไกล

 

 

 

‘เอดส์?’

 

 

 

‘ไอ้สัด! หมายถึงติดเชื้อหลงเมียเด็กจากมึงเนี่ย’ ยังไม่ทันเป็นอะไรกันก็ทึกทัก คิดเอาเองไปถึงไหนต่อไหน

 

 

 

‘หึ ธรรมดา เนื้ออ่อนมันหวาน’ เฮียเข้าใจ คุณหนูของเขาก็เด็กกว่าเช่นกัน เนื้อขบเผาะแสนหวาน ทุกครั้งที่เจอหน้าต้องห้ามใจไม่ให้กอดฟัดจนช้ำจนไม่เป็นอันทำงานทำการ

 

 

 

‘ยัง กูยังไม่ได้เขา’

 

 

 

อ้าว

 

 

 

‘อ้าว มึงเพ้อซะกูคิดว่าได้กันแล้ว’

 

 

 

‘ก็อนาคต... แม่งต้องได้ว่ะ ต้องได้แน่ๆ’ ก็คงจริงอย่างนั้น ในฐานะผู้สังเกตการณ์ฝั่งน้องก็ใช่จะดูไม่ออกว่ามีใจ

 

 

 

สายตาที่มอง พวงแก้มใสที่มักเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อยามอยู่ใกล้ชัดเจนว่าคงใจตรงกัน ติดก็แต่รุ่นน้องเขานี่แหละที่เล่นตัว อยากเล่นหัวเล่นหางเขาจะแย่แต่ก็ยังทำซึนใจแข็ง

 

 

 

แต่แข็งยังไงก็ละลายให้กลิ่นเนื้ออ่อนหอมหวานแสนน่ารัก พนันเลยว่าอีกไม่นานสัตว์ร้ายจะคลุ้มคลั่ง

 

 

 

‘งั้นได้เมื่อไหร่ก็บอก กูจะได้เตรียมขายร้านไปประกันตัวให้’ แต่เหมือนวาจะลืมปัญหาใหญ่

 

 

 

‘...’ พอเฮียเตือนถึงนึกได้ หลุดภวังค์เสน่หาเบิกตากว้าง

 

 

 

‘…’

 

 

 

‘เออว่ะ ไอ้ฉิบหาย! น้องยังอยู่ม.ปลาย’

 

 

 

เฮียหัวเราะเสียงดัง นานๆ จะเห็นไอ้ขี้เก๊กตื่นตูม ‘แต่สิบแปดแล้วไม่ใช่?’

 

 

 

‘น้องบอกว่าอีกสองเดือนสิบแปด’ เขานึกถึงคำพูดตอนที่เจอกันครั้งแรก

 

 

 

‘สองเดือนตั้งแต่ตอนไหน’

 

 

 

เออว่ะ

 

 

 

‘สองเดือนตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว...’

 

 

 

‘…’

 

 

 

นั่นแหละปัญหาที่ทำให้พี่วานึกอยากตรวจบัตรประชาชนน้องเอาป่านนี้

 

 

 

ไม่จำเป็นต้องทู่ซี้มากมาย แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักป่านก็ยอมควักกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบบัตรประชาชนให้

 

 

 

สิ่งแรกที่มองคือใบหน้าอ่อนใสวัยเมื่อสมัยทำบัตรประชาชน เขาลอบยิ้มกับใบหน้าบึ้งเกร็งทว่ากลับฆ่าไม่ตาย แม้แต่กล้องแสนห่วยของราชการยังทำอะไรความน่ารักของน้องป่านไม่ได้

 

 

 

สายตาคมไล่อ่านชื่อ-นามสกุลจริงน้องลอบจดไว้ในใจก่อนเลื่อนสู่ใจความสำคัญ แต่กลับชะงัก เบิกตากว้าง

 

 

 

“เฮ้ย วันนี้นี่”

 

 

 

“อะไรครับ” ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเจ้าตัวดูจะไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

 

 

 

“วันเกิดน้อง”

 

 

 

“อ๋อ ครับ” น้องพยักหน้ารับ

 

 

 

ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ป่านเลิกสนใจมันไปนานแล้ว วันเกิดไม่ใช่วันสำคัญสำหรับป่าน เพียงวันธรรมดา ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีครอบครัวพร้อมหน้า อย่างมากที่สุดถ้าหม่ามี้ไม่ลืมก็จะมีเค้กก้อนเล็กๆ วางไว้ในครัวพร้อมของขวัญ

 

 

 

แต่เมื่อเช้ามีเพียงเงินจำนวนหนึ่งเพิ่มเข้ามาในบัญชีเท่านั้น

 

 

 

หรือนี่เองสาเหตุที่ท้องฟ้าวันนี้หม่นหมองนัก

 

 

 

“แล้วมานั่งทำไมอยู่นี่ ไม่ไปปาร์ตี้อ่ะ” คนที่จัดแม้กระทั่งวันเกิดโมโจอย่างพี่วาไม่เข้าใจ

 

 

 

“ไม่มีหรอกครับปาร์ตี้” น้องหัวเราะเบาๆ นึกตลกที่สีหน้าพี่วาดูเป็นเดือดเป็นร้อนยิ่งกว่าตัวเอง

 

 

 

ยิ่งได้ยินแบบนั้นพี่ยิ่งเป็นเดือดเป็นร้อน

 

 

 

“ไร้สาระ วันเกิดไม่มีปาร์ตี้ได้ไงวะ”

 

 

 

สำหรับป่านปาร์ตี้ต่างหากที่ไร้สาระ

 

 

 

ป่านแทบไม่มีเพื่อน หม่ามี้ก็ไม่ว่าง จะให้เขาจัดงานเลี้ยงไปเพื่อใครกัน

 

 

 

“มานี่มา” แต่พี่วาไม่ละความพยายาม น้องไม่สน แต่พี่ใส่ใจ

 

 

 

“ครับ?” ฝ่ามือหนาเอื้อมมาจับมือน้องฉุดจากที่นั่ง

 

 

 

ไร้คำอธิบาย พี่วากึ่งลากกึ่งจูงน้องเข้าไปในร้านกดไหล่ให้นั่งบนโซฟาก่อนเดินไปเปิดห้องสักของเฮียซึ่งกำลังรับลูกค้าตะโกนฝ่าเสียงมอเตอร์เข้าไป

 

 

 

“เฮีย วันนี้วันเกิดป่าน” ป่านไม่แน่ใจว่าเฮียตอบอะไรกลับมา แต่พอรายงานเสร็จพี่วาก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครอีกคน

 

 

 

“คุณหนูวันนี้เข้าร้านไหม” ดวงตาป่านเบิกกว้าง เดี๋ยวสิ... “ต้องเข้าแล้วแหละ ซื้อขนมมาเยอะๆ...”

 

 

 

“พี่ครับ” ป่านทำท่าจะแย้งด้วยความเกรงใจ ทว่ากลับโดนสายตาดุๆ ปรามก่อนกลับไปคุยกับปลายสาย

 

 

 

“ซื้อเค้กมาด้วย”

 

 

 

“...”

 

 

 

“อือ วันนี้มีคนอายุครบสิบแปด”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วาเคยมีความฝัน

 

 

 

เขารู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าชอบอะไร อยากเป็นอะไร

 

 

 

วาชอบวาดรูป และอยากเป็นจิตรกร

 

 

 

โชคดีที่ครอบครัวของวาเปิดกว้างและเคารพเส้นทางที่เขาเลือก ด้วยรู้ว่าลูกชายมีนิสัยเลือดร้อนหัวขบถจึงไม่คิดตีกรอบให้ยิ่งแหกกฎเละเทะไปกันใหญ่ ที่ดีที่สุดคือปล่อยให้ทำตามใจ ปล่อยให้ใช้ชีวิตดิ้นรนต่อความฝันด้วยตัวเอง

 

 

 

ในวัยยี่สิบหกปีวาเผชิญมาแล้วทั้งฝันดีฝันร้าย ฝันสลาย ฝันใหม่อีกครั้ง

 

 

 

เส้นทางศิลปินของทิวากรล้มลุกคลุกคลานกว่าที่คาด จากเด็กที่มีความสามารถในชั้นมัธยม ตาสว่างถูกผลงานชั้นเลิศของคนอื่นกดทับจมหายในสมัยมหาวิทยาลัย มุ่งมั่นพยายามจนจบ เพื่อกลายเป็นศิลปินไส้แห้งในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งไม่มีกำลังพัฒนาศิลปะ

 

 

 

ข้อดีคือในความหัวร้อนรั้นร้ายนั้นไร้อีโก้ ขบถทว่าพร้อมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ อารมณ์ร้ายแต่มองโลกในแง่ดี ไม่เคยปล่อยตัวจมหายในความสิ้นหวังน่าหดหู่ของชีวิต

 

 

 

เมื่อพี่ชายคนสนิทออกปากชวนเขาทำร้านสักจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดลังเล ศิลปะบนเรือนร่างคือสิ่งที่เขาหลงใหลมาตั้งแต่สมัยมัธยม วารู้ตัวว่าชอบรอยสักทว่าไม่เคยคิดถึงการเป็นช่างสัก กระทั่งเฮียของเขามาชี้ทางสว่าง

 

 

 

เขาตกหลุมรักอีกครั้ง ทวีลุ่มหลงเมื่อได้เห็นฝีแปรงของตัวเองบนเรือนร่างของคนอื่น ยิ่งกว่าชื่อเสียงคือใบหน้าอิ่มเอิบพอใจของลูกค้ามากหน้าหลายตา

 

และพอใจยิ่งกว่าคือการได้เห็นลวดลายแสนสวยบนสรีระหมดจดงดงาม

 

 

 

ดวงตาคมไม่อาจละสายตาจากร่างบางที่กำลังวิ่งวุ่นเดินตามคนนู้นทีคนนี้ทีเพื่ออาสาช่วยจัดงานปาร์ตี้วันเกิดตัวเอง เรียวขาขาวในกางเกงขาสั้นที่เลิกให้เห็นฝูงปลาแหวกว่ายเป็นระยะดูน่าสัมผัส

 

 

 

...ทว่าไม่อาจสัมผัส ได้เพียงจับจ้องจดจารด้วยสายตาเพียงเท่านั้น

 

 

 

งานเลี้ยงเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในเวลาเพียงหัวค่ำ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรด้วยความฉุกละหุกกะทันหัน มีเพียงไฟหลากสีที่เฮียช่วยจัด ป้ายแฮปปี้เบิร์ดเดย์ที่พี่วาช่วยเขียน ขนมขบเคี้ยวหนึ่งรถเข็นที่คุณหนูซื้อมา และเค้กหน้าตาน่ารัก ปักเทียนเป็นเลขอายุ

 

 

 

ไม่ได้ดีที่สุด แต่ดีที่สุดแล้วสำหรับป่าน

 

 

 

เด็กน้อยตาวาว แม้จะเคยปฏิเสธไม่เห็นความสำคัญ แต่ลึกๆ แล้วใครๆ ก็คงอยากมีงานวันเกิดของตัวเองทั้งนั้น เพราะมันอาจเป็นเพียงวันเดียวที่เราจะเป็นคนพิเศษ

 

 

 

“อย่าลืมอธิษฐาน” วันที่ได้เอ่ยความปรารถนาโดยไม่ต้องครุ่นคิดพะวง ลืมความเป็นจริงสักครั้ง

 

 

 

ป่านหลับตา อธิษฐานเงียบงัน ก่อนลืมตาขึ้นมาสบดวงตาคมต้องแสงเทียน ก่อนเป่าดับ

 

 

 

คำอธิษฐานคงเป็นจริงหากเก็บไว้เป็นความลับ

 

 

 

งานเลี้ยงเริ่มต้นเมื่อไฟสว่างอีกครั้ง ขนมและเครื่องดื่มถูกเปิด เจ้าของร้านสักดูจะสนุกมากกว่าใครเพราะจะได้เปิดแชมเปญที่เก็บไว้สำหรับโอกาสพิเศษ ขณะที่โมโจเริงร่ากับขนมและอาหารส่วนของตัวเองที่ได้รับอนุญาตให้กินมากกว่าทุกวัน

 

 

 

เป็นงานวันเกิดแปลกๆ ที่คงไม่มีวันเกิดขึ้นถ้าป่านไม่ได้มาที่นี่ ไม่ได้รู้จักคนเหล่านี้ที่ผูกพันโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

“คราวหลังบอกให้เร็วกว่านี้สิ” น้ำเสียงคาดโทษดังมาจากคนที่นั่งข้างๆ “ตอนวาโทรมาเรายังอยู่ต่างจังหวัดอยู่เลย ดีนะที่คุยงานเสร็จแล้ว” สภาพของคุณหนูวันนี้ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง คนที่มักจะชอบใส่เสื้อยืดโคร่งๆ กับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวกลับสวมเชิ้ตสูทภูมิฐาน ดูดีเสียจนป่านตะลึงไปในตอนแรก

 

 

 

“ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่ามันสำคัญ” เด็กยิ้มเจื่อน แต่น้องไม่ได้เป็นคนต้นคิดนี่ พี่วาต่างหาก

 

 

 

ว่าแล้วก็หันมองตัวตั้งตัวตีที่กำลังละเลียดเค้กแกล้มแชมเปญ สีหน้ามีความสุขของพี่วานั้นดูมีเสน่ห์เสียยิ่งกว่าตอนบูดบึ้งที่ชอบทำเป็นประจำ

 

 

 

“สำคัญสิ” คุณหนูแค่นหัวเราะจางๆ หลังได้ยินคำตอบ ยิ้มมีเสน่ห์แพรวพราวยิ่งพราวระยับใต้แสงไฟหลากสี ฝ่ามือที่เอื้อมมาลูบหัวเด็กน้อยแผ่วเบา อ่อนโยนทำให้ป่านรู้สึกได้ถึงความเอ็นดูแม้จะเจอกันไม่กี่ครั้ง

 

 

 

“อีกหน่อยก็คงจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน” ทิ้งถ้อยคำพร้อมความอุ่นที่ศีรษะไว้ก่อนลุกออกไปร่วมวงกับเฮียและพี่วา

 

 

 

ป่านมองทั้งสามคนในวงแชมเปญที่ป่านไม่ได้รับอนุญาตพลางลอบยิ้ม นานแค่ไหนที่ไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับส่วนใด โดดเดี่ยว คล้ายมีเพียงตัวคนเดียวในโลก

 

 

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ป่านถูกต้อนรับเข้ามาในโลกใบเล็กๆ ที่ไม่เคยจินตนาการถึง โลกที่ไร้การตัดสิน คาดหวัง และหลงใหลในสิ่งเดียวกัน

 

 

 

“แม่มารับสี่ทุ่มใช่ป่ะ” เมื่อเห็นน้องนั่งคนเดียวพี่วาจึงผละจากวงมานั่งเป็นเพื่อนเอ่ยถามชวนคุยเพื่อตะล่อมเข้าจุดประสงค์บางอย่าง

 

 

 

“ครับ” วามองนาฬิกา อีกไม่กี่นาทีหม่ามี้ของป่านก็คงโทรมา นี่คงเป็นจังหวะสุดท้าย

 

 

 

 “อ่ะ” กล่องสีฟ้าผูกริบบิ้นขาวขนาดเล็กเท่าฝ่ามือถูกดึงออกมาจากกระเป๋ายื่นให้

 

 

 

“ครับ?” น้องงุนงง เลิกคิ้วมองของขวัญสลับกับใบหน้าที่กลับมาเก๊กนิ่งอย่างไม่แน่ใจ ไม่เคยคาดหวังของขวัญวันเกิด แค่จัดปาร์ตี้ให้ก็ถือว่ารบกวนมากแล้วด้วยซ้ำ แต่จะปฏิเสธก็คงเสียมารยาท ป่านจึงเต็มใจรับไว้

 

 

 

“ขอบคุณครับ”

 

 

 

“แกะดูสิ” พยายามคาดเดาจากขนานว่าข้างในเป็นอะไร กล่องเล็กๆแบบนี้น่าจะเป็นเครื่องประดับสักอย่างล่ะมั้ง

 

 

 

และเป็นจริงตามนั้น ภายในกล่องบุผ้าสักราดสีครามปรากฏสร้อยสีเงินเส้นห้อยจี้รูปผีเสื้อและปลาตัวเล็กๆรอบวงซึ่งขนาดใหญ่กว่าข้อมือของป่านอยู่มาก

 

เป็นสร้อยข้อเท้า

 

 

 

“มา สวมให้” ไม่เปิดโอกาสให้น้องได้ถามว่าไปหามาจากไหน ของขวัญเฉพาะเจาะจงขนาดนี้จะบอกว่าฝากคุณหนูซื้อมาเหมือนขนมอื่นๆ คงไม่ใช่ แต่ป่านก็ไม่เห็นพี่วาหายไปจากปาร์ตี้เลย

 

 

 

หมายความว่าเตรียมไว้ก่อนหน้าจะรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดน้องงั้นหรือ?

 

 

 

ป่านคิด แต่ไม่อนุญาตให้ตัวเองเชื่อในความคิดนั้น

 

 

 

ดวงตากลมมองร่างสูงที่นั่งคุกเข่าลงตรงหน้า ฝ่ามือบรรจงประคองฝ่าเท้าน้องขึ้นมาวงบนตัก สวมสร้อยข้อเท้าสีเงินกับจี้ที่ห้อยล้อแสงไฟพราวระยับขับให้ข้อเท้าได้รูปยิ่งดูงดงาม

 

 

 

ถึงจุดนี้ป่านคิดอะไรไม่ออกนอกจากปล่อยให้หน้าแดงซ่าน สัมผัสอุ่นจากฝ่ามือใหญ่คล้ายจะสลักไว้อยู่อย่างนั้นตลอดกาลทั้งที่พี่วาปล่อยมือขยับออกไปจ้องมองเรียวขาขาวอย่างพอใจ

 

 

 

ป่านคิดว่ามันเป็นเพียงความเอาแต่ใจของคนพี่ที่เห็นข้อเท้าน้องสวยจึงหาเครื่องประดับให้ ไม่ได้พิเศษมากกว่านั้น ทว่าจี้รูปผีเสื้อและฝูงปลาทนโท่ก็ทำให้ยากที่จะกล่อมความคิดไม่ให้เตลิดไกล

 

 

 

โดยเฉพาะสายตาที่กำลังมองสบตาคล้ายกำลังจกภวังค์หหลงใหล

 

 

 

“พี่ครับ หยุดจ้องได้แล้ว ”

 

 

 

“เฮ้อ”

 

 

 

“พี่...”

 

 

 

“มึงอ่ะ ยี่สิบสักทีดิ๊”

 

 

 

คำพูดเอาแต่ใจผูกโยงกับบทสนทนาก่อนเก่าที่ดังเข้ามาในหัวราวกับจะช่วยเตือนความทรงจำ

 

 

 

‘ผมเห็นคุณหนู... เอ่อ แฟนเฮียสักรูปดอกไม้ตรงข้อเท้า สวยดีนะครับ ’

 

 

 

‘เอาบ้างไหมล่ะเดี๋ยวสักให้’ เหตุที่มาของของขวัญวันเกิดที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ทั้งที่ไม่รู้ด้วยว่าน้องเกิดวันไหน

 

 

 

‘ผมไม่อยากได้รูปดอกไม้’

 

 

 

‘ก็ไม่ได้จะสักดอกไม้ให้’

 

 

 

‘...’

 

 

 

‘ของมึงแค่เส้นเดียวรอบข้อเท้าก็พอ’

 

 

 

‘อย่างกับถูกจองจำเลยครับ’

 

 

 

‘อือ’ แม้ไม่ได้สลักลวดลายสมใจ ทว่าสร้อยข้อเท้าจับจองจองจำไว้

 

 

 

‘...’

 

 

 

‘กูจอง’

 

 

 

รอวันที่ฝูงปลาจะแหวกว่าย ผีเสื้อสยายปีกโตเต็มวัย

 


 ☀ ------------------  #มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน -------------------☀
ขอโทษที่ไม่เคยแจ้งไว้ในนี้เลยว่าตั้งใจจะเขียนให้จบแล้วมาโพสต์ทีเดียวเลยหายไปค่ะ 

ตอนนี้ก็ยังเขียนไม่จบง่ะ แต่คิดถึงจังเลย เลยแอบแวะมาขอกำลังใจแงๆ ;-;

ตอนนี้แก้อยู่ประมาณเกือบ10รอบแน่ะ สาหัสมากถ้ายังไม่สมูทหรือผิดพลาดตรงไหนแจ้งได้เลยนะคะ



ปล.เดี๋ยวจะหายไปซุ่มต่อ เจอกันอีกทีประมาณปลายเดือนน้า (ภาวนาให้ปั่นจบทันเดดไลน์ด้วยเท้อออ)



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้กันเสมอนะคะ

รักมากๆ เลย



-Martian-

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คิดถึงจังเลยค่ะะะะะ นึกว่าไม่มาต่อแล้ววว เป็นดำลังใจให้นะคะ รอได้ค่ะ อย่าทิ่งน้องไว้กลางทางก็พอ สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้

ส่วนพี่วา ปิดความหื่นไว้ไม่มิด น่าแจ้งตำหนวด

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แงง กอดๆนะน้องป่าน สุขสันต์วันเกิดนะลูก ขอบคุณพี่วานะคะ ที่ขอดูบัตรน้อง แม้ว่าเจตนาพี่จะดูว่ากินน้องได้ละยังก็เหอะ 55555 ตอนแรกเราคิดว่าคุณหนูน่าจะห่างจากน้องวาไม่กี่ปี แต่คุณหนูทำงานแล้ว น่ารักจนเดาอายุไม่ถูกเลยค่ะ อีกอย่างเป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะค้าา ขอบคุณที่พาครอบครัวนี้มาให้หายคิดถึง :3123:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คิดถึง....งงงงงงง  สุขสันต์วันเกิดน้องป่าน  :HBD2:

ออฟไลน์ Chama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นนิยายที่มีเสน่ห์มาก
รู้สึกโชคดีที่ได้อ่าน
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ
ปล. รอตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เราชอบความมุ่งมั่นของพี่วาค่ะ ยังไม่ทำอะไรกระโตกกระตากกับน้องเกินไปนะ แต่ถึงกับไปพูดกับเฮียเลยว่าเดี๋ยวต้องได้ มันต้องได้แน่ๆ รู้แหละว่าตัวเองก็อยากได้น้องและน้องก็ชอบตัวเองไม่เบาเลย โอเค เจตนาชัดเจนและมุ่งมั่นดีมาก นับถือใจ รอดูค่ะว่าคนเราจะทนไหวได้แค่ไหน จะรอน้องถึง20ได้หรือเปล่า เรารู้สึกพี่วากับป่านไม่ใช่คนที่เหมือนกันเลยนะคะ แตกต่างกันหลายส่วนมาก แต่เติมเต็มส่วนที่ขาดของกันและกันได้ดีมาก เพิ่งผ่านไปไม่กี่ตอนเองพี่วาก็ทำให้ป่านได้รับการเติมเต็มในเรื่องที่ป่านไม่เคยได้รับและบางเรื่องน้องไม่คิดด้วยซ้ำว่ามันขาดหายไป แถมยังเป็นที่พึ่งให้น้องได้ด้วย ให้ความสบายใจและมีตัวตนอยู่ในเวลาที่น้องต้องการ  ดีต่อใจมากๆเลยค่ะ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนก้าวผ่านทุกๆเรื่องไปได้ด้วยดีนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีค่ะ

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
พี่วาอย่าเพิ่งตบะแตกน้าา คุกๆ ๆ ท่องไว้ก่อน 555 แต่น้องน่าเอ็นดูมากจริงๆ น้องป่านคือน่ารัก

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
พี่วาาาา ไหวไหมคะ?  55555 ชอบมากค่ะ คนเขียนท้อได้ แต่อย่าถอยนะคะ คนอ่านรออ่านรอเชียร์พี่วาอยู่น้าาา สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ลายที่ 8

Falling

(ตกสู่ห้วงรัก)





นานแล้วที่วาไม่ได้คิดจะจีบใคร ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือดาวบริหาร สมัยนั้นเขายังไว้ผมยาวแต่งตัวเซอร์สไตล์เด็กจิตรกรรม ใครรู้ก็ว่าเป็นหมาวัดริอ่านจะสอยเครื่องบิน



แต่สุดท้ายหมาก็เห่าจนเครื่องบินร่วงลงมา ดอกฟ้าโน้มกิ่งให้เด็ดชมอวดหยันคำปรามาส ก่อนจะยิ่งถูกหัวร่อกลับเมื่อเจ้าหล่อนหักอกเขาไปหาเดือนมหาวิทยาลัยรุ่นเดียวกัน



เป็นความเจ็บปวดที่ถูกหักหลัง ทว่าไม่ได้เสียใจเท่าที่ควรเสียใจ ไม่ใช่สาเหตุให้เขาเข็ดขยาดความรัก แต่เพราะเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจอีกนับจากนั้น

กระทั่งได้มาเจอน้องป่าน



รู้ทันทีว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาใช้กับน้องไม่ได้ ไม่ใช่แค่ต่างร่างกายเป็นชาย ทว่าอายุ นิสัย ดูเหมือนจะพลิกหงายคนละขั้วข้างกันอย่างปฏิเสธไม่ได้

‘มึงคิดจะจีบน้องช้าไปไหม ปกติสองเดือนได้ไปถึงไหนต่อไหน’ แถมยังโดนเฮียซ้ำเติม



ก็คนมันเพิ่งยอมรับนี่หว่าว่าตัวเองชอบเด็ก แถมยังเป็นเด็กผู้ชาย



ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยชอบผู้ชายซะที่ไหน ถึงจะมีเพื่อนคบเพศไหนก็ได้ หญิงสลับชายให้เห็นชินตาทว่าที่ผ่านมาคนที่ถูกใจก็ไม่เคยมีผู้ชาย โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย

อายุที่ห่างกันมากทำให้มีเรื่องให้ขบคิดมากตาม ที่สำคัญ เขาไม่แน่ใจว่าน้องคิดยังไง



ประสบการณ์รักแรกหลอกหลอน จุดจบของการชอบคนที่แตกต่างเกินไปทำให้เขานึกหวั่น ลังเล ทว่าก็ไม่อยากพลาดโอกาสซ้ำ



ยิ่งคิดก็ยิ่งงุ่นง่าน



ยิ่งงุ่นง่านก็ยิ่งลุกลน



“มึงแต่งตัวไปไหนเนี่ย” ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ไม่เคยทำ



เท่าที่นับ ก็คงไม่เกินสองครั้งที่เห็นทิวากรหยิบสูทขึ้นมาใส่ แม้จะเป็นสูทลำลองสวมทับเสื้อยืดสีดำทว่าก็สุดแสนจะผิดวิสัยสำหรับคนที่สวมเพียงเสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงยีนปีละสามร้อยหกสิบวันเป็นอย่างต่ำ



“โรงเรียน” คำตอบยิ่งน่าประหลาดใจ



“ฮะ?”



“ไปโรงเรียน”



“มีเลี้ยงรุ่น?” มีเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละที่ทำให้เพื่อนรุ่นน้องของเขาแต่งตัวเต็มเบอร์นี้ แม้เฮียจะไม่เคยเห็นวาไปงานเลี้ยงรุ่นสักครั้งในชีวิตก็ตาม



“ไม่ใช่โรงเรียนกู”



อ้าว...



เฮียไม่เข้าใจ แต่ตามประสาคนที่รู้จักกันมานานปะติดปะต่อนิสัยกับสถานการณ์ช่วงนี้เข้าด้วยกันก็พอจะเดาความหมายได้



“อ่อ... แค่จะไปส่องเด็กต้องใส่สูทจัดเต็มขนาดนี้” เป็นจริงดังนั้น วาที่ยืนปลดกระดุมติดกระดุมสลับหมุนตัวไปมาหน้ากระจกหันมาเบ้หน้าถอนใจใส่



“ก็คราวก่อนกูใส่เสื้อยืดเกงยีนไปแล้วโดนยามเรียก”



“...” ไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้ายังไง



โดยเฉพาะเมื่อน้องรักขมวดคิ้ว เสยผมยาวๆ ปรกๆ ที่พยายามจะเซตเป็นทรงพลางตัดพ้อจริงจัง



“หล่อขนาดนี้สงสัยว่ากูเป็นโจรได้ไง”



“อือ แล้วแต่มึงเลย”









เรื่องของเรื่องก็คือมันไม่ใช่ครั้งแรกที่วามาวนเวียน ป้วนเปี้ยน ด้อมๆ มองๆ ลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าโรงเรียนมัธยมชายล้วนชื่อดัง



ในใจขบคิดครุ่นถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าทำเพื่ออะไร



คำตอบง่ายดาย เขาอยากจีบเด็กมัธยมจึงมารอรับส่งน้องหน้าโรงเรียน ทว่าความท่ามากเล่นตัวกลับกระส่ายคำตอบเหลือเพียง...ดูลาดเลาให้แน่ใจ



ไม่มีคำตอบว่าลาดเลาสิ่งใดหรืออยากแน่ใจอะไร



คราวแรกที่มาเยือนเขาไม่ได้อยู่นานด้วยซ้ำ ด้วยรูปลักษณ์ฉาบฉวยอันแปลกแยกบวกความโชคร้ายที่การปรากฏตัวของเขาไล่หลังเหตุการณ์คู่อริตีกันเพียงไม่นาน โรงเรียนเอกชนค่าเทอมแพงหูฉี่จึงเพิ่มมาตรการป้องกันปัดกวาดคนน่าสงสัยไม่ให้มายุ่มย่ามใกล้โรงเรียน



ทิวากรไม่ใช่คนหัวอ่อนยอมแพ้ง่ายๆ ครั้งที่สองเขาแก้ตัวใหม่ด้วยการแต่งกายภูมิฐานเซตผมโกนหนวดจนเกลี้ยงเกลาขับรถหรูดูแพงจอดเทียบท่าหน้าโรงเรียน ความมั่นใจเกินร้อย



ทว่าใช้ไม่ได้กับกรณีที่ยามจำหน้าเขาได้



“ตกลงว่าน้องชายคุณชื่ออะไรเรียนอยู่ชั้นไหนห้องไหนนะครับ” จากเพียงโดนยามไล่จึงกลายเป็นถูกยามลากเข้าห้องปกครอง



“เอ่อ...ที่จริงไม่ต้อง...” จะเรียกว่ามีปมก็คงได้ อดีตเด็กห้องท้ายอย่างเขามีประวัติไม่ดีกับห้องนี้นัก บรรยากาศกดดัน คุณครูมาดเฮี้ยบที่จ้องตรงมาอย่างกังขาน่ากลัวเรียกความทรงจำวัยท้าไม้เรียวกลับมาจนปากคอสั่น



“อยู่ม.หกครับ” น้องเรียนห้องอะไรเขาไม่รู้ด้วยซ้ำ โกหกให้ตายอย่างไรคงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน



“ชั้นไหน ชื่ออะไรครับ”



ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งขอดูบัตรประชาชนป่าน ชื่อและนามสกุลน้องยังฝังหัวแจ่มชัด



“ป่านครับ น้องปัณณธร โชติพิสุทธิ์เมธา”









หมดแล้วมาดโหดคนคูลที่อุตส่าห์สั่งสมมา…



“ตกลงผู้ปกครองเธอจริงๆ ใช่ไหม เห็นมาด้อมๆ มองๆ ตั้งแต่เมื่อวาน ดูไม่น่าไว้ใจ” เป็นช่างสักอยู่ดีๆ กลายเป็นโรคจิต ถ้ำมอง ถูกส่งเข้าห้องปกครองซะอย่างนั้น



“ครับ” แถมยังต้องลำบากให้น้องมาช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ใจ



ทั้งที่ทีแรกวางแผนจะเซอร์ไพรซ์ คิดภาพในหัวเสียดิบดีว่าน้องคงจะประหลาดใจที่ได้เห็นเขายืนหล่อรออยู่หน้ารถออดี้ในมาดพระเอกเกาหลี



เซอร์ไพรซ์กว่าด้วยการเจอกันในห้องปกครองที่น้องคงไม่เคยเข้าด้วยซ้ำ ถึงได้ไม่มีท่าทีกดดัน เลิ่กลั่ก เหงื่อแตกซกกลัวความผิดแม้แต่น้อย



“แน่ใจนะ?”



แถมยังช่วยโกหกแทนเขา “แน่ใจครับ นี่พี่ชายผมเอง”



หมดกันๆ









พี่วาทั้งรู้สึกผิดและอับอายเมื่อแผนที่วางไว้โป๊ะแตกหมดท่า แม้สุดท้ายน้องจะได้มานั่งบนเบาะข้างคนขับ ข้างเขา ตาโตจ้องปริบๆ มองไม่วางตาพลางทำท่าอึกอักสับสนอย่างน่ารัก



“พี่ครับ”



“ครับ” พอถูกเรียกเขาตอบทันควัน รถที่ติดไฟแดงยาวเหยียดยิ่งทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนจนแทบทะลัก



“อ่า... ทำไมอยู่ๆ พูดเพราะเฉยเลย” แม้แต่คนน้องก็สัมผัสได้ ก้มหน้าเม้มปากอย่างไปไม่เป็น



“ให้เกียรติสูทที่ใส่มาไงครับ”



ไม่รู้ว่าพูดเล่นหรือจริงจัง เพราะพี่วาเอ่ยหน้าตายทั้งที่ตายังจ้องตัวเลขบนสัญญาณไฟจราจรอยู่อย่างนั้น



กระทั่งป่านรวบรวมความกล้าเอ่ยทำลายความเงียบอีกครั้ง “เอ่อ แล้วตกลง... พี่มาโรงเรียนผมทำไมครับ”



“ก็... ทางผ่านอะ” แก้ตัวชัดๆ



“...” คิดว่าป่านไม่รู้หรือว่าโรงเรียนของน้องอยู่ห่างคนละเส้นทางกับร้านสัก และพี่วาไม่น่ามีกิจธุระอะไรใกล้ๆ แถวนี้ด้วยซ้ำ



“ไม่เนียนเหรอ?” เมื่อทั้งรถกลับมาเงียบกริบคนโกหกจึงถอนหายใจยอมรับ



“ครับ”



“โอเค เอาเหตุผลจริงๆ ไหม” หันหน้ากลับมาสบตาน้อง ความเครียดเกร็งก่อนหน้าอันตรธาน อาจเพราะตอนนี้ไม่มีอาจารย์ฝ่ายปกครองคอยจับจ้องกดดัน



“ครับ”



“พี่อยากเห็นน้องในชุดนักเรียน” ไร้ความเกรงใจ



อสรพิษเผยเขี้ยวเปลือยความต้องการ งับเหยื่อไม่ทันตั้งตัว









นานแล้วที่ป่านไม่มีใครมาจีบ



ไม่เคยมีใครกล้าจีบ... เด็กน่ารักทว่าเก็บตัวเข้าถึงยาก เกินเอื้อมเกินกว่าจะอาจหาญ



ไม่คิดว่าจะมีใครมุทะลุอุกอาจ



“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง” ไม่เคยนึกภาพว่าจะได้เห็นพี่วาปรากฏตัวที่โรงเรียนเขา



โดยเฉพาะในห้องปกครอง ท่ามกลางการสอบสวนคร่ำเคร่งราวกับผู้ต้องสงสัยคดีร้ายแรง



“อือ”   อดยอมรับไม่ได้ว่าพี่วาในชุดสูทเต็มยศนั้นดูดีเสียจนแทบจำไม่ได้ แถมป่านไม่เคยเห็นพี่วาสงบเสงี่ยมขนาดนี้


อาจเพราะประหม่า อาจเพราะอาย...



ก็น่าอับอายอยู่หรอก คนอายุยี่สิบหกปีที่ผวาหวาดกับห้องปกครองในโรงเรียนมัธยม ท่าทางเจื่อนจัดแบบที่ป่านไม่เคยเห็น ยิ้มแหยแห้งเกรียมด้วยรัศมีของเด็กที่กลัวความผิด



น่ารัก



ป่านคงจำสีหน้านั้นของพี่วาไปนาน



“งั้น... ผมไปนะครับ พี่ก็ ขับรถดีๆ นะ”



“อือ” เพราะคงยากที่จะได้เห็น หรืออาจไม่มีโอกาสเลย หากเขาเข็ดจนไม่อยากไปรับน้องอีก



“บ๊ายบายครับ”



แต่ถ้าคิดอย่างนั้นคงดูถูกพี่วาเกินไป



“เดี๋ยว เราอะ”



“ครับ?”



ครั้งที่หนึ่งเขาพลาด ครั้งที่สองเจอเหตุไม่คาดฝัน



“ถ้าไม่ว่าอะไร พรุ่งนี้พี่มาส่งอีกได้ไหม”



ทว่าครั้งที่สาม สี่ ห้า....



“ว่าไง?” เร็วเกินหากจะปรามาสว่าเขาอ่อนหัด ก่อนจะเห็นว่าเขาสามารถทำให้น้องประทับใจได้แค่ไหนในคราวถัดไป



“ก...ก็ได้...ครับ”



“งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ”



ทิวากรไม่ใช่คนหัวอ่อนยอมแพ้ง่ายๆ



เมื่อเดินหน้าหนึ่งก้าว กระโจนจ้วงหมดตัวไม่มีหันกลับหลัง








☀ ------------------  #มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน -------------------☀

ทำดีแล้วค่ะพี่วา ปุๆ (ตบไหล่ปลอบ)



แอบย่องมาปล่อยตอนใหม่ก่อนเวลาเพราะอยากฉลองที่เด็กดีครบ1000คอมเมนต์ค่ะ เย้ๆๆ

ตอนนี้สั้นๆ แทบจะไร้สาระเลยล่ะ แต่ก็แก้เยอะมากอีกแล้ว (จริงๆ แก้มากกว่า3ร่างทุกตอนเลยค่ะ เป็นท้อorz)

ถ้าไม่สมูทหรือผิดพลาดตรงไหนบอกกันได้เลยนะคะ ;-;



ปล. เดี๋ยวคงแจ้งอย่างเป็นทางการอีกทีว่าในเรื่องยาวจะมีบางจุดที่ไม่เหมือนในเล่มบทสนทนานะคะ

มีการตัดออกเยอะอยู่เหมือนกันด้วยความที่ต้องปรับให้มันสมูทค่ะ

ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าถ้ามีบางบทสนทนาไม่ปรากฏในเรื่องยาว แต่จะพยายามใส่ให้ได้ใจความครบถ้วนคงเดิมมากที่สุดเนอะ



ปล.2 หรือเราจะกลับมาทยอยอัพแบบไม่ต้องรอจบดีมั้ยนะ

แง้งง คิดถึงบรรยากาศการอัพนิยายมากๆ ขอดูฟีดแบคก่อนนะคะ ;-;



ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันนะคะ



รักมากๆ

-Martian-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 03:22:23 โดย makok_num »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่วาน่าเอ็นดู..มาอัพบ่อยๆก็ดีนะจ๊ะ รออยู่  :mew1:

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
พี่ว่าคนคูลลเหมือนโตรตรงไหนน ไม่เล้ยยน 555

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พี่วาาา ทำดีแล้วนะะะ //ตบไหล่

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ทยอยเถอะค่าาาาา เดือนละหนก็ยังดี พลีสสสสส  :ling3:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เชียร์พี่วานะคะ เดินหน้าจีบน้องซะที

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฮือออออ เราแอบเอ็นดูความพี่วาค่ะ ความรุกเข้าหาน้องแบบจริงจัง โจ่งแจ้ง แต่ก็ทำเป็นเนียนตีมึนไป แต่พอน้องรู้ทันก็ยอมรับสารภาพไปตรงๆทื่อๆ ชอบค่ะ น่ารัก555555555555 แล้วก็ชอบป่านตรงที่ก็ไม่ได้เคยโดนจีบหรืออะไรชีดเจน แต่ก็ใจกล้า ใจสู้มาก เราว่าทั้งคู่ศีลเสมอกันค่ะ ไปกันได้ อยากอ่านถึงตอนที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ผูกพันกันไปมากกว่านี้ มันต้องน่าหลงใหลมากแน่ๆเลยค่ะ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีนะคะ

ออฟไลน์ btoey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทยอยอัพก็ดีน้าา จะได้หายคิดถึงง พี่วากำลังเร่งเครื่องแล้วนะน้องป่าน. ดูไปดูมาน้องก็ใช่เล่นน้า

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่รุกแล้ววววว

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทยอยอัปก็ดีน้าาาาา จะได้อ่านบ่อยๆ ฮี่ๆ

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ลายพิเศษ 1

Daisy

(เรื่องเล่าจากบุปผา)

เดซี่คือดอกไม้แห่งรัก



กลีบดอกสีขาวกระจิริดล้อมกรอบยอดเกสรสีเหลืองแสนน่ารัก ดอกก้านเล็กจ้อยลู่ลมดูซุกซนและงดงามไปพร้อมกัน



“อ่านอะไรเยอะแยะ” ดวงตาเดียงสาแฝงประกายสนุกสนานขณะกระโดดนั่งบนโซฟามือคว้าแย่งหนังสือชีววิทยาที่น้องป่านกำลังอ่าน



“คุณหนู” เด็กเบิกตากระเง้ากระงอดทว่าไม่กล้าแย่งคืน



“เลิกเรียกคุณหนูได้แล้ว” คนถูกเรียกบึ้งหน้า ถ้าเป็นคนอื่นคงใช้สรรพนามนั้นเรียกด้วยความยียวน แต่คุณหนูรู้ดีว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ



“เฮียให้เรียกแบบนี้” เห็นไหม ถ้าไม่มีใครยุยงน้องคงไม่กล้าเรียกฉายาล้อเลียนที่วาเป็นคนตั้งให้



แต่ไม่คิดถือสา ที่ผ่านมาโดนทั้งวาทั้งเฮียเรียกกรอกหูจนชินชา



“เรียกอีกทีเราจะจุ๊บ” แต่จะปล่อยผ่านง่ายๆ ก็ผิดวิสัยคนขี้แกล้ง แกล้งขู่ให้น้องเลิ่กลั่กพลางเหลือบสายตามองอีกคนที่กำลังเดินออกมาจากห้องสักพอดี



“...” ป่านเองก็อึกอักเหลือบมองไปตามเสียงประตูที่เปิดออกเห็นพี่วาเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะเบิกตาค้าง



จุ๊บ!



...ด้วยเหตุผลเดียวกับที่ป่านเบิกตากว้าง



เด็กน้อยสะดุ้งเล็กๆ หันไปมองคนข้างตัวที่ลอบจุ๊บแก้มกัน



“ตะ... แต่ ผมยังไม่ได้เรียก...” อึกอักยกมือกุมสัมผัสที่ยังอุ่น เหวอมองใบหน้าระรื่นของคุณหนูสลับสีหน้าตกใจของพี่วา เลิ่กลั่ก



“มันเขี้ยว”



เห็นชัดว่าคนถูกแกล้งไม่ได้มีแค่น้องคนเดียว จากที่เบิกตากว้างพี่วาขมวดคิ้วตะโกนฟ้องเกรี้ยวกราด “ไอ้เฮีย! มาเอาเมียมึงไปเก็บ!”









เดซี่ขี้แกล้งแอบสอดส่องจับจ้องปฏิกิริยาของดวงตะวันมาสักพัก แม้ไม่ได้เห็นบ่อยครั้งทว่าก็อ่านอาการเสียอาการของวาออกจนทะลุปรุโปร่ง



นับตามอายุแล้ววาแก่กว่าคุณหนูเกือบสองปี ทว่านอกจากจะไม่เคยเรียกวาว่าพี่ยังไม่เคยแสดงท่าทีเคารพกัน นิสัยเจ้ากี้เจ้าการเอาแต่ใจทว่าขี้อ้อนรู้จักใช้เสน่ห์ของตัวเองทำให้คนแก่กว่าทั้งเกรงใจและเอ็นดูไปพร้อมกัน



ตรงกันข้ามนิสัยมุทะลุเกรี้ยวกราดของวากลับไม่เคยทำให้คุณหนูเกรงกลัวเลยสักครั้งเพราะรู้ว่าเนื้อแท้แล้วรุ่นน้องของแฟนคนนี้เป็นคนอ่อนไหวน่ารัก ต่อให้คนละขั้ว ร้อน เย็น พายุคลั่งทว่าความสัมพันธ์ของทั้งสามคนแน่นแฟ้นเหมือนพี่น้อง เพื่อน เหมือนครอบครัวเดียวกัน



สิ่งสุดท้ายที่คุณหนูต้องการคือการเห็นคนในครอบครัวพลาดหวังเสียใจ



ดังนั้นเมื่อวาแสดงออกว่าชอบใคร...โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่อายุห่างกันถึงเจ็ดปีก็อดมาสอดส่องดูลาดเลาไม่ได้



Daisy's eyesสีสดใสมองทะลุปรุโปร่งสืบสาวดวงใจของทานตะวัน เพียงลอบสังเกตอยู่ห่างๆ และหยิบยื่นความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เป็นบางครั้ง



หลังจากป่วนแกล้งกระตุ้นให้วาเกรี้ยวกราดเสียอาการกระทั่งลูกค้าคนใหม่เข้ามาตามนัดก็แยกย้าย คุณหนูคืนหนังสือเรียนให้น้องป่านอ่านขณะที่ตัวเองหยิบนิตยสารแฟชั่นขึ้นมาพลิกเล่นฆ่าเวลา สองขาเหยียดพาดบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาอวดรอยสักบนข้อเท้าขาว



ป่านลอบมองก่อนเผลอลูบสร้อยสีเงินรอบข้อเท้าตัวเองเล่นเช่นกัน คุณหนูเห็นดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ นึกเหตุการณ์วันที่วามอบให้ก็อดแซวขึ้นมาไม่ได้



“สร้อยข้อเท้าสวย” ขับกับขาเรียวขาวที่โผล่พ้นกางเกงสีน้ำเงินขาสั้นให้ยิ่งน่าดู



วันนี้น้องป่านมาที่ร้านในชุดนักเรียนผิดจากหลายครั้งที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนด้วยไม่อยากให้เป็นที่สังเกตตอนเข้าร้านสัก ทว่าอาทิตย์นี้พี่วาไปรับจากโรงเรียนจึงอาจไม่มีโอกาสเปลี่ยน หรืออาจเพราะไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไป



หรือเพราะรู้ว่าพี่วาชอบเห็นน้องในชุดนักเรียน ก็ไม่แน่ใจ



ที่แน่ๆ คุณหนูเข้าใจที่วาหวั่นไหว ก็น้องป่านในเครื่องแบบกางเกงสีน้ำเงินขาสั้นนั้นแสนจะน่ารัก ขนาดตัวเองที่มักจะหัวขบถต่อต้านเครื่องแบบยังรู้สึกว่ามันเหมาะกับน้องมาก เหมือนออกแบบมาพอเหมาะพอเจาะกับใบหน้าอ่อนใสและรูปร่าง



ใครๆ ก็ชอบมองชอบจ้องสิ่งสวยๆ งามๆ



“ทำไมคุณหนูถึงสักรูปดอกไม้เหรอครับ” ขวยเขินอยู่แวบหนึ่งป่านก็เป็นฝ่ายถามกลับบ้าง



ไม่ใช่คำถามเสียทีเดียว เป็นการชวนคุยเฉไฉเสียมากกว่า



“พี่เดย์เลือกให้” คนตอบยักไหล่คล้ายไม่ยี่หระ ทว่าใบหน้าขึ้นสีระเรื่อก็บ่งบอกว่ามีเบื้องความหลัง



ป่านลอบยิ้มลอบจินตนาการทว่าโดนจับได้ทันควัน



“ไม่ต้องยิ้มเลย เฮียเขาก็แค่เห็นว่าเหมาะกับข้อเท้าเราดีก็แค่นั้น”



ป่านหัวเราะ ยังไม่วายส่งสายตาหยอกเย้า “เหมาะจริงๆ ด้วยครับ น่ารักมาก”



จะแซวน้องไหงถูกแซวกลับ คนขี้แกล้งกลับเป็นฝ่ายหน้าแดงแจ๋แกล้งยกมือยีหัวน้องด้วยท่าทีมันเขี้ยวเบาๆ



เสียงหัวเราะของสองหนุ่มปะทะเข้าหูคนถูกพาดพิงที่เปิดประตูสตูดิโอออกมาพอดี ทว่าติดลูกค้าจึงได้เพียงเลิกคิ้วประหลาดใจก่อนเดินไปหลังเคาน์เตอร์คิดเงินพลางแนะนำวิธีดูแลแผลใหม่



ลูกค้าสาวสวยส่งสายตาแฝงความนัยชัดเจน ยิ่งผิดสังเกตเมื่อเจ้าหล่อนแกล้งสัมผัสปลายนิ้วมือหยาบตอนยื่นบัตรเครดิตให้



ป่านเห็นทั้งหมดจึงลอบมองท่าทีของทั้งเฮียทั้งคุณหนูที่จับจ้องอยู่เช่นกัน ทว่าเฮียไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ราวกับไม่รับรู้ถึงสัมผัสสัญญาณ ขณะที่คุณหนูก็เมินเฉยพอกัน



“คุณหนูครับ เฮียเจ้าชู้มากไหม” เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบถาม



เฮียที่ป่านรู้จักคือผู้ใหญ่ เงียบขรึม ดูใจดีทว่าก็เข้าถึงยากมากๆ ในบางครั้ง



คุณหนูเลิกคิ้ว มองสงสัยสักพักก็ตอบคำถาม “เมื่อก่อนก็ใช่นะ เดี๋ยวนี้ยังจับไม่ได้”



“แล้วเวลาสาวๆ มาสัก คุณหนูหวงไหม” เท่าที่เห็นผ่านตาบางครั้งก็มีผู้หญิงสวยหุ่นดีมาที่ร้าน แถมช่างสักต้องใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกัน



คนเป็นแฟนคงรู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้าง



“หวงสิ” ถึงจะตอบแบบนั้นทว่าคุณหนูก็ยังยิ้มมุมปาก



“แล้วคุณหนูทำยังไงครับ”



“ก็ทำใจ อาชีพเขา เราจะห้ามไม่ให้ทำก็ไม่ได้” คราวนี้สายตารั้นร้ายเหลือบสายตามองแฟนที่ยังคงคุยกับลูกค้า ลดเสียงแผ่ว “แต่มีข้อแม้นะ”



“เตียงที่เราสัก ใครก็ห้ามนั่งทับ”



“...”



“ตอนนี้เฮียเลยย้ายไปไว้ในห้องนอน ให้เราใช้คนเดียว”



ป่านคิดภาพตามทว่าเดียงสาไม่เข้าใจ “แต่คุณหนูมีรอยสักแค่ข้อเท้าที่เดียวนี่ครับ ไม่เห็นมีเพิ่มตรงไหน”



“หึ ก็แล้วใครบอกว่าเอาไว้สักล่ะ” คุณหนูหัวเราะ ดวงตาซุกซนสบตาก่อนเอียงตัวแนบข้างหูกระซิบเอ่ยความลับ “บนเตียงแคบๆ ...ตื่นเต้นกว่าเยอะเลยนะ :)



เสียงเจือเจ้าเล่ห์หยอกเย้าให้เด็กตกใจ และได้ผล เด็กน้อยตาตื่นหัวใจเต้นแรงเมื่อเข้าใจความหมาย มองกระเง้ากระงอดใส่คนบอกเล่าอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้ายังไง



ใบหน้าป่านร้อนจัดราวกับจะเป็นไข้ ได้แต่อึกอักตัดพ้อในใจว่าเรื่องแบบนี้ทำไมเอามาบอกกัน ก่อนจะโทษตัวเองที่เป็นฝ่ายถาม



แต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อลูกค้าสาวสวยก็เสร็จธุระเดินออกจากร้าน หมดหวังสานสัมพันธุ์กับช่างสักที่ไม่มีทีท่าสนใจ หมดธุระเฮียก็หันมาทางพวกเขาเลิกคิ้วมองปฏิกิริยาแปลกๆ ของคนหนึ่งที่หน้าแดงเจ๋อเบิกตากว้างกับอีกคนที่หัวเราะคิกคัก ประหลาดใจแต่ก็พอจะเดาได้ด้วยรู้จักนิสัยแฟนตัวเอง



“แกล้งอะไรน้อง” ถามเจือรอยยิ้มไม่จริงจัง ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มซุกซนก็หัวเราะ เปลี่ยนคำถาม



“หิวหรือยัง” คุณหนูส่ายหน้า ส่งสายตาออดอ้อนเช่นทุกครั้ง



“วันนี้ค้างที่นี่นะ” เฮียไม่ว่าอะไร เพียงยิ้มรับแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยว กวักมือเรียกให้แฟนตัวเองไปนั่งตัก กอดร่างบอบบางหอมกรุ่นซุกหน้าสูดซอกคอระดมจูบไล่ถึงขมับราวสูบซับพลัง



“สายตาสั้นขึ้นหน่อยแล้วมั้ง มองลายเล็กๆ ไม่ค่อยชัดเลย” บ่นงึมงำเรื่อยเปื่อยพลางหลับตาซบหน้าลงกับไหล่บางแช่ไว้อย่างนั้น



ป่านเคยชินกับฉากสวีทหวานของทั้งสองคนแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้ม ให้เวลาส่วนตัวด้วยการก้มหน้าอ่านหนังสือทำทีไม่สนใจ



“ไหน” คงแนบเนียนแกล้งไม่สนใจได้หากคุณหนูไม่เปลี่ยนท่าหมุนตัวไปนั่งคร่อมตักแกร่ง สองมือประคองแก้มตอบสบตาห่างระยะหนึ่งแล้วยียวนถาม



“แบบนี้เห็นไหม”



พอเห็นคนรักให้ท่าคนเจ้าเล่ห์ก็ยิ้มร้ายรู้ทันวางมือลูบไล้เรียวขาขาว ไล้วนเล่นตรงรอยสักพลางส่ายหน้าตอบ



“แล้วแบบนี้” ดอกไม้น่ารักขยับชิดจนจมูกแตะกัน



เสือร้ายยังคงส่ายหน้า คราวนี้รอยยิ้มมุมปากคลี่จนเห็นเขี้ยวขาว หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วเป็นฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเข้าหา ริมฝีปากจรดริมฝีปาก



“สั้นขนาดนี้แล้วล่ะ” จุมพิตหยอกเย้าครั้งหนึ่งก่อนทาบทับตักตวงแสนหวาน ร้อนแรงกว่าทุกครั้ง ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลูบผิวเนียนลามถึงใต้เสื้อยืดบีบเค้นผิวขาว ขณะที่คนตัวเล็กกว่าหลุดเสียงครางในลำคอถลำกอดลำคอแกร่งรั้งจูบลึกล้ำ



เนิ่นนานกระทั่งคุณหนูกระแอมเตือนพลางผลักอกคนรักออกห่าง ยังรู้ตัวเหลือบสายตามองป่าน “เด็กดูอยู่”



“งั้นพี่ไปเก็บของก่อน น้องเลือกร้านอาหารไว้เลยนะครับ” เฮียหัวเราะไม่ยี่หระ กดจูบขมับทิ้งไว้ก่อนผละจากเดินกลับเข้าไปในสตูดิโออีกครั้ง



ถึงตอนนี้ป่านก็ไม่มีสมาธิท่องตำรากวาดสายตาเพียงบรรทัดเดียวซ้ำไปซ้ำมาไม่ให้มีพิรุธ แต่ใบหน้าที่แดงไปถึงหูกับสายตาหลุกหลิกล้วนเป็นพิรุธ



แม้จะเคยชินกับฉากสวีทหวานแต่ก็ไม่เคยเห็นฉากจูบดูดดื่มแบบนี้จะๆ กับตาสักครั้ง อย่างมากก็จุ๊บกันเบาๆ เด็กน้อยจึงสติตื่นทำตัวไม่ถูก คุณหนูหัวเราะได้ใจกระโดดกลับมานั่งลงข้างป่านอีกครั้ง จ้องใบหน้าแดงแจ๋พลางคิดว่าเหยื่อกำลังติดกับ



วิธีแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งดูดดื่มคงกำลังฝังจำลงในสมองชาญฉลาด



ที่ผ่านเห็นว่าน้องยังเป็นผู้เยาว์คู่รักเลยไม่อยากแสดงความรักโจ่งแจ้งนัก แต่วาน่ะชักช้า บื้อใบ้ เล่นตัวเกินไป แถมยังทึ่มทื่อ ซับซ้อนแสดงออกไม่ตรงกับใจ ความสัมพันธ์มันถึงต้วมเตี้ยมไม่ไปไหน เดินหน้าหนึ่งถอยหลังสาม อ้อมไปอ้อมมากว่าจะปลงใจยอมจีบน้องจริงจัง



แต่กระตุ้นฝั่งนั้นไม่ได้ผล ก็ยังเหลืออีกฝั่ง



เด็กขี้อายมีบางอย่างที่สะกิดใจให้คุณหนูรู้ว่าน้องก็ร้ายใช่ย่อยเหมือนกัน



...มีออร่าบางอย่างเหมือนตัวเองในบางครั้ง



ไม่แปลกที่จะคาดหวัง



เดซี่ซ่อนพิษเคยล่าเสือได้ยังไง



...กระต่ายน้อยซ่อนเขี้ยวเล็บก็คงล่าอสรพิษได้เหมือนกัน






☀ ------------------  #มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน -------------------☀

คุณหนูคือตัวร้ายของเรื่องนี้ล่ะ 55555

ตอนพิเศษสั้นๆ แทรกๆ (และจะมีแทรกอีกหลายตอน)

หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

รักมากๆ

-Martian-




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2019 12:20:05 โดย makok_num »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ชอบมากกกกก เจ้าเดซี่ตัวแสบของเฮียยยย ไปหย่อนเมล็ดพันธุ์ไว้ให้ป่านน้อยได้เกิดความอยากรู้ อยากลอง ร้ายยยยยยย  :man1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบคู่เฮียกะคุณหนู ร้อนแรง ได้ใจ  :hao6:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 คุณหนูทำป่านเสียคนนะคะ ถึงน้องจะซุกซนอยู่แล้วก็เหอะ
ป่านก็ร้ายไม่เบาน้า มีโมเมนท์ของวัยฮอร์โมนพุ่งมากจ้า

แล้วอะไรคือมาหยอกพี่แบบเนียนๆ พี่ก็กลับไปเรียนไม่ทันแล้ว
ป่านดูทันพี่มากกว่าอีกน่ะ แล้ววาคืออะไร ทำเข้มเพื่อหนีน้อง
แต่ใจนี่เพ้อมากนะคะ อาการออกชัด และแสดงออกลับหลังเก่ง

จากได้เจอขาอ่อนขาวๆ ตอนนี้ไม่รู้วาจะได้เจออะไรอีก
ป่านต้องรายงานความคืบหน้าให้ครูรู้ไหมล่ะนั่น

คุณหนูกับเฮียคือแซบหลาย ดูร้อนแรง แต่มุ้งมิ้ง  :hao3:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อยากเห็นพี่วา หัวหมุนแล้วอ่ะะะ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ลายที่ 9

Secret

(พร่างพรายเสน่หา)


เหมียว~



ใครบางคนมีความลับ



“วันนี้ป่านไปกับเพื่อน หม่ามี้ไม่ต้องมารับนะครับ” เจ้าเหมียวเงยหน้าสบตาเจ้าของฝ่ามือที่กำลังลูบหัวมัน ดวงตาสีอำพันคล้ายมองค่อนแคะ

เพื่อนที่ไหนกัน เด็กเลี้ยงแกะ



[เพื่อนคนเดิมอีกแล้วเหรอ เขาชื่ออะไรนะจ๊ะ หม่ามี้รู้จักหรือเปล่า] ป่านอึกอัก เด็กดีไม่เคยโกหกหม่ามี้เลยสักครั้ง... มีแต่เรื่องที่ปิดบัง พอถูกถามตรงๆ หัวใจเลยลุกลนลนลาน หาคำตอบสารพัด สุดท้ายก็ลงเอยที่



“ชื่อโมโจครับ” ไม่ได้โกหกนะ โมโจก็เป็นเพื่อนป่าน “เป็นเพื่อนที่เรียนพิเศษ หม่ามี้ไม่รู้จักหรอกครับ”



ถึงไม่ได้มาเรียนด้วยกันแต่ร้านสักก็อยู่ระแวกนั้น และหม่ามี้ก็ไม่รู้จัก...



เหมียว~



ก็ได้ ป่านโกหก เด็กดีกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะโดยมีเจ้าแมวจรบนตักเป็นพยาน



ความจริงแท้คือเมื่อโกหกหนึ่งครั้งก็จะต้องมีครั้งที่สองครั้งที่สามผูกทอดคำโกหกต่อๆ ไป ผูกเงื่อนรัดแน่นจนหนีไปไหนไม่ได้



[หม่ามี้ดีใจนะที่ป่านออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนบ้าง ป่านเอาแต่หมกตัวอ่านหนังสือหม่ามี้เป็นห่วงนะคะ] โดยเฉพาะคำโกหกที่ทำให้อีกฝ่ายสบายใจ [ยังไงก่อนกลับโทรบอกหม่ามี้หน่อยนะคะ]



“ครับ” รับปากยิ้มเจื่อนด้วยความรู้สึกผิดที่ปิดบัง



แต่จะให้บอกว่าไปขลุกตัวอยู่ที่ร้านสัก... ผู้ใหญ่คงไม่เข้าใจ ถึงแม่ของป่านจะเป็นคนหัวสมัยใหม่แต่ป่านก็ไม่แน่ใจว่าจะบอกทุกเรื่องได้ โดยเฉพาะเรื่องสัก เรื่องพี่วา...



ใช่ว่าป่านจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่พี่วามารับมาส่งคืออะไร แถมยังพูดเพราะ ทำตัวน่ารักๆ ... ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันเล่นเอาป่านตั้งรับไม่ทัน ไม่ต้องคิดถึงเลยว่าถ้าคนเป็นแม่รู้ว่ามีชายฉกรรจ์อายุมากกว่ากันตั้งแปดปีมาจีบลูกตัวเองจะเป็นยังไง



ถ้ารู้ว่าป่านเองก็ตั้งใจจะจีบเขา... จะคิดยังไง



ใช่ ป่านตั้งใจจะจีบพี่วากลับ เพื่อความยุติธรรม เพราะอยากรู้จักพี่วามากขึ้นป่านจึงไม่รอเป็นฝ่ายโดนสืบสาวสำรวจหัวใจแค่ฝ่ายเดียว



ถ้าเราก้าวมาข้างหน้าคนละก้าว ความสัมพันธ์ก็น่าจะเดินหน้าดั่งใจ จริงไหม?



“นั่นรอยสักเหรอ” ความคิดฟุ้งซ่านถูกปัดกระจัดกระจายด้วยเสียงแหบห้าวเพิ่งแตกหนุ่ม ป่านสะดุ้งหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นกลุ่มเด็กผู้ชายร่วมชั้น



ป่านไม่เคยคุยกับพวกเขาเพราะวิถีในโรงเรียนไม่มีอะไรเกี่ยวโยงให้ทำความรู้จักกัน เคยเห็นหน้าเพียงผ่านและเห็นพฤติกรรมผิดกฎระเบียบตามประสาวัยคะนองเป็นบางครั้ง



ไม่เคยคิดแพร่งพรายเพราะป่านเองก็มีความผิดที่ต้องปกปิดเหมือนกัน



กางเกงขาสั้นที่ชายเลิกเต่อเพราะนั่งคุกเข่าเผยสีสันลวดลายของหางปลาสะบัดไหวโดยไม่รู้ตัว ถึงอย่างนั้นป่านไม่แสดงท่าทีกระโตกกระตาก เพียงอุ้มเจ้าแมวจรมอมแมมออกจากตักวางกระป๋องอาหารให้มันกินตามอัธยาศัยแล้วลุกขึ้นดึงชายกางเกงปกปิดรอยสักที่โผล่แพลมแล้วทำท่าจะเดินหนีไป



ท่าทีไม่ใส่ใจกลับยิ่งยั่วโทสะ เด็กหนุ่มตัวโตที่สุดเดินมาขวางหน้า อีกสองคนขนาบหลังต้อนสู่สถานการณ์คับขัน



“มึงใช่ไหมที่เอาเรื่องพวกกูสูบบุหรี่ไปฟ้องครู” ป่านเลิกคิ้วงุนงง



“เปล่าครับ” จริงอยู่ว่าป่านเป็นคนเห็นเหตุการณ์ แต่จะหาเรื่องใส่ตัวให้ยุ่งยากทำไม ในเมื่อก็มีชนักติดหลังเหมือนกัน



“ถ้ามึงไม่บอกแล้วครูจะรู้ได้ยังไง” ป่านส่ายหัว จะรู้ได้ยังไง



“ดีเลยพวกกูก็จะไปฟ้องเหมือนกันว่ามึงสัก” ว่าจบคนหนึ่งที่ขนาบหลังก็เข้ามาล็อกแขนทั้งสองข้างไม่ให้ขัดขืน คนหนึ่งมือถือออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังปิดกล้องถ่ายวิดีโอ



“ปล่อยนะ! เราไม่ได้เป็นคนฟ้อง” สถานการณ์คับขันป่านพยายามขืนตัว มองหาความช่วยเหลือทว่าห้องน้ำด้านหลังอาคารหลักเลิกเรียนเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่ยาม



“จับไว้ กูจะถอดกางเกงมันให้เห็นรอยสักชัดๆ” หัวโจกซึ่งตัวโตที่สุดเข้ามาประชิดตัวสองมือพยายามจะถอดเข็มขัดนักเรียน



“อย่าถอดนะ! เราไม่ได้สัก อย่ามายุ่งกับเรา!” ป่านดิ้นพล่านพยายามยกสองขาถีบท้วงแต่ก็สู้แรงไม่ไหว สุดท้ายเข็มขัดก็ถูกปลดทิ้งไป



“ถ้าไม่มีรอยสักจริงก็เอาให้พวกกูดูดิวะ กลัวอะไร” แต่ละคนหัวเราะล้อยังคงพยายามปลุกปล้ำไม่ได้มีท่าทีเห็นใจสีหน้าซีดสลดของเด็กน้อยที่น่าสงสาร



ดวงตาสองข้างเริ่มน้ำตาเอ่อคลอไม่คิดฝันมาก่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดกับตัวเอง ยื้อยุดจนหมดเรี่ยวแรง ได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือทั้งที่ความหวังริบหรี่



“เออ แน่จริงถอด...”



“เฮ้ย ตรงนั้นน่ะ มีอะไรกัน!” สะดุ้งกันหมดเมื่อได้ยินเสียงคำราม มีเพียงป่านที่ตอนนี้ดวงตาเกิดม่านพร่าน้ำตามองเห็นรูปร่างของคนที่วิ่งเข้ามาพร้อมน้ำเสียงต่ำก้องก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร



“พี่...” วา... มาได้ยังไง



ไม่ต้องรอให้ถึงตัวพอเห็นชายตัวโตคิ้วขมวดเคร่งน่ากลัวเดินเข้ามาสามเด็กอันธพาลก็ปล่อยป่านเป็นอิสระ ยืนยักแย่ยักยันอึกอัก



ดวงตาคมกริบกวาดมองเด็กสามคนนั้นยังไม่ตัดสินอะไรแล้วกันไปคุยกับคนของตัวเอง “เห็นไม่มาที่รถสักที เลยมาตาม”



ยิ่งขมวดคิ้วขุ่นอารมณ์เมื่อเห็นสีหน้าผวาพร้อมสภาพยับเยินของน้อง ทว่าพี่วาไม่ใช่อันธพาล และเป็นผู้ใหญ่พอจะใจเย็นเอ่ยถามสถานการณ์



“แล้วตกลงมีเรื่องอะไร พวกนี้มันทำอะไรเรา”



“แค่นี้มึงต้องฟ้องพ่อเลยอ่อวะ”



“พี่ก็พอมั้ง” แต่จะเริ่มเย็นไม่ไหวเมื่อเจอเด็กปากหมา ซ้ำยังเหลือบสายตาไปเห็นเข็มขัดจากชุดนักเรียนของป่านที่ถูกประชากทิ้งอยู่บนพื้น



“พี่ครับ...ไม่เอา” ได้ยินน้ำเสียงกดต่ำขมวดคิ้วขึ้งขวางน่ากลัวกว่าทุกคราวป่านจึงเข้าไปเกาะแขนปราม



“พี่ถามว่ามันทำอะไร” เลือดขึ้นหน้าแค่ไหนถึงกลับมาถามน้องเสียงต่ำ ดวงตาวาวโรจน์แบบที่ป่านก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน



“ไม่มีอะไรครับ เรากลับกันเถอะ...นะครับ”



“จะบอกเองหรือให้เค้นจากพวกมัน” เสนอทางเลือกลำบากใจ ป่านได้แต่มองซ้ายมองขวาก่อนเขย่งตัวกระซิบข้างหูสารภาพ



“พวกเขารู้ว่าผมสัก... จะหาหลักฐานไปฟ้องอาจารย์...”



“...” คิดว่าบอกความจริงจะทำให้คุกรุ่นเย็นลงบ้าง ให้เห็นว่าป่านเองก็มีชนักติดหลังพี่วาจะได้ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม



ทว่าดูท่าจะไม่คลี่คลายอย่างที่หวัง เมื่อแขนที่จับเกร็งขึงเพราะมือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาจนสัมผัสได้



“พี่ครับ...” ในหัวหวีดร้องส่งสัญญาณอันตราย ไม่ใช่แค่พวกอันธพาลที่ซีดสั่นลุกลน ป่านเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เช่นกัน



“ไปรอที่รถก่อนไป” เสียงพี่วาคำรามต่ำ บ่งบอกว่าถึงขีดจำกัด



“พี่...” ป่านไม่เคยเห็นพี่วาโมโหจริงจังแบบนี้ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จะพูดคำไหนจะทำให้ใจเย็นลงได้ได้แต่อึกอักสีหน้าเบะบึ้งคล้ายจะร้องไห้



“เออน่ะ พี่ไม่ฆ่าใครหรอก ไปรอที่รถ” เห็นแก่สีหน้าเว้าวอนคลอน้ำตาแสนน่ารัก พี่วาจึงเริ่มใจเย็นเอ่ยคลายกังวลด้วยสีหน้าจริงจัง



“ไม่ฆ่าจริงนะ” แต่เด็กน้อยยังไม่อาจวางใจ พี่วาจึงแกะมือน้องออกจากแขนจับให้หมุนตัวไปทางที่เขาเพิ่งเดินมามือหนาลูบหัวแผ่วเบาพลางยิ้มรับ



“ครับ”



“งั้นก็ได้ครับ”



เมื่อป่านยอมเดินจากไปพ้นจากปัญหาพี่วาจึงหันกลับมามองหน้าพวกเด็กเกเรอีกครั้ง เรียงคน หัวจรดเท้า



“ส่วนพวกมึงอ่ะ”



คนมุทะลุเลือดร้อนเดิมทีตั้งใจจะสั่งสอนเด็กอันธพาลให้หลาบจำ แต่พี่วาไม่ได้อยากทำให้น้องเดือดร้อน แค่อยากจะเจรจาประนีประนอมเท่านั้น



“ตามกูมา”



รับรองว่าคลี่คลายหมดจดด้วยเมตตา ไร้ปัญหารังควานตามหลัง









โฮ่ง



ใครบางคนมีความลับ



“พี่ทำอะไรไว้ครับ” เสียงปิดประตูดังปังตามมาพร้อมสีหน้าบูดบึ้งของเด็กมัธยมที่เพิ่งหอบดอกไม้ช่อโตเด่นหราเดินออกมาจากโรงเรียน



“อะไร” คนถูกถามเลิกคิ้วไม่เข้าใจ มองช่อดอกไฮเดรนเยียสีน้ำเงินขาวในมือสลับกับใบหน้าน้องอย่างไม่เข้าใจ เกือบจะขุ่นเคืองถ้าป่านไม่เร่งอธิบาย



“เนี่ย พวกเมื่อวานเอาดอกไม้มาไหว้ผม ขอขมา”



ภาษาดอกไม้ ไฮเดรนเยียแปลว่าขอโทษ ขออภัย



โถ พี่วาก็คิดว่ามีหนุ่มที่ไหนมาจีบทับรอย



“โห เล่นใหญ่ว่ะ” พอรู้แบบนั้นก็โล่งใจ คิ้วขมวดกลายเป็นยิ้มระรื่นถือวิสาสะรับดอกไม้ในมือน้องไปวางไว้เบาะหลังข้างโมโจที่พามารับด้วย



เพี้ยะ!



ท่าทีไม่ยี่หระเลยโดนน้องฟาด แขนกำยำวันนี้ไร้ความเครียดเกร็งปูดโปนน่ากลัว



ที่จริงก็ดูหายโกรธตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หลังจากทิ้งป่านให้กระวนกระวายอยู่พักใหญ่พี่วาก็กลับมาพร้อมสีหน้าเรียบเฉย คืนเข็มขัดให้ไม่ยอมบอกอะไร ถามก็ตอบคลุมเครือว่าเจรจาสงบศึก แต่เจราอีท่าไหนวันต่อมาพวกเด็กเกเรถึงได้พฤติกรรมกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังเท้า หอบดอกไฮเดรนเยียช่อโตมาขอขมาอล่างฉ่างจนป่านโดนเพื่อนนินทาทั้งห้อง



“ผมซีเรียสนะ พี่ทำอะไรครับ”



“พี่แค่ถาม... ว่าหนูสักรูปอะไร” ไม่ต้องมาหนงมาหนูเลย ไอ้สรรพนามมุมิน้ำเสียงออดอ้อนนี่เพื่อจะกลบเกลื่อนความผิดใช่ไหม



“แล้ว?” ถ้าเป็นปกติป่านคงหวั่นไหว แต่ตอนนี้... ถึงใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อนิดๆ ก็ยังไม่วางใจ



แค่ถามว่าสักรูปอะไรเฉยๆ จะพลิกสถานการณ์ลบเป็นบวกขนาดนี้ได้ยังไง ถ้าไม่แฝงด้วยข่มขู่...



“ถ้าตอบได้... จะควักลูกตาให้โมโจกิน” คำขู่เลือดเย็นจากปากชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัว เด็กมัธยมที่ไหนจะไม่ผวาบ้าง



โฮ่งๆ



แถมผู้สมรู้ร่วมคิดยังส่งเสียงเห่าคำรามรับ



“พี่ครับ...”



คงไม่ได้จะควักลูกตาใครจริงๆ ใช่ไหม









พอถึงร้านป่านก็อาสาหาแจกันมาใส่ไฮเดรนเยียประดับเปลี่ยนบรรยากาศ พี่วาอยู่ในสตูดิโอกำลังสักให้ลูกค้าคงอีกประมาณชั่วโมงกว่าถึงจะออกมา



จะว่าไปพอมาป้วนเปี้ยนอยู่นานเข้าองค์ประกอบแสนดิบเปลือยจากเจ้าของร้านชายฉกรรจ์แห้งเหือดสองคนก็คล้ายจะโอนอ่อนลงไม่รู้ตัว พอคุ้นเคยกันป่านกับคุณหนูก็เริ่มหาสิ่งโน้นสิ่งนี้มาประดับ ต้นไม้ หนังสือ ของตกแต่งบางชิ้นเข้ามาเติมแต่งสีสันให้ร้านที่เคยแข็งกระด้างดูเป็นมิตรขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



“ดอกไม้สวย น้องป่านซื้อมาเหรอ” เฮียที่เพิ่งเดินเข้ามาจากหลังร้านเอ่ยทัก วันนี้ไร้เงาคนรักเพราะคุณหนูไปธุระต่างจังหวัด



ป่านรู้เพราะอยู่ในกลุ่มไลน์ Sunday morning เช่นกัน... กรุ๊ปไลน์ครอบครัวที่มักจะแจ้งเตือนในตอนเช้าบอกอรุณสวัสดิ์ แจ้งธุระ หรือแม้แต่ส่งรูปอาหารเช้าก่อนต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิตประจำวัน



“มีคนให้มาน่ะครับ” ป่านยิ้มรับไม่ได้สาธยายที่มา ทว่าเฮียกลับเอ่ยถามเข้าประเด็น



“เมื่อวานไอ้วาบอกว่าน้องป่านมีเรื่อง เป็นอะไรไหม ถ้ามีอะไรบอกพี่กับคุณหนูได้นะ คนนั้นเขาหัวร้อนใหญ่บ่นว่าถ้าไม่ติดงานคงจะมาเคลียร์ให้”



ป่านหัวเราะ นึกภาพคุณหนูหัวร้อนไม่ออก “ไม่เป็นไรแล้วครับ พี่วาจัดการให้แล้ว”



เฮียเลิกคิ้ว ส่งเสียงอ้อเบาๆ ก่อนเดินไปนั่งหลังเคาน์เตอร์จัดการงานที่คั่งค้าง



ป่านจัดดอกไม้เสร็จไม่มีอะไรทำ อีกอย่างป่านมีคำถาม



“เฮียครับ” เลียบๆ เคียงๆ ไปยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ท่าทางอึกอัก ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะถามเพราะต้องการรู้หลายๆ เรื่องของพี่วา

ก็จะจีบเขานี่นา



“ทำไมพี่เขาไม่มีแฟนล่ะครับ” ค้างคามานาน คนรูปร่างหน้าตาอย่างพี่วาทำไมถึงยังครองโสดมานาน



คุณหนูบอกว่าเขาไม่มีแฟนมาตั้งแต่สมัยมหาลัย ไม่พูดถึงความรัก ถึงจะมีสัมพันธ์ชั่วคราวสนองความต้องการบ้างแต่ก็ไม่เคยคบกันจริงจัง



แต่เท่าที่เห็นพี่วาไม่ใช่คนเจ้าชู้มีลูกค้าหน้าตาดีพยายามเล่นหูเล่นตาก็ไม่เคยเห็นมีทีท่าสนใจ เมินเฉย ออกจะปัดรำคาญด้วยซ้ำ ไม่รู้เพราะอะไร ถ้ามีแฟนแล้วอย่างเฮียก็พอเข้าใจได้ จะว่าเกรงใจป่าน... ทั้งสองคนก็ยังไม่คืบหน้าถึงขั้นนั้น



“มันบอกเหรอว่าไม่มี”



“เอ๊ะ พี่เขามีแล้วเหรอครับ” ป่าหน้าเหวอเมื่อถูกย้อนถาม เกือบจะคิดว่าตัวเองคิดเองเออเองถ้าเฮียไม่หุดหัวเราะยักไหล่ยียวน



“ไม่มี”



“...” เพิ่งรู้เดียวนี้ว่าคนนิ่งขรึมแบบเฮียก็มีมุมขี้แกล้งเหมือนกัน ...ไม่รู้ว่าติดมาจากเพื่อนหรือแฟน



“หึ ก่อนหน้านี้ก็มีบ้าง แต่เลิกหมดแล้ว หาคนรสนิยมตรงกันยาก”



“รสนิยม? ... หมายถึงเพศ?” ไม่สิ พี่วาเคยคบผู้หญิงมาตลอด หรือถ้าอยากจะคบผู้ชายใช่ว่าหน้าตาแบบนั้นจะหาคนที่เข้าตาไม่ได้



“เปล่า”



“ผมไม่เข้าใจ” ทำไมตัวตนของพี่วาถึงได้ดูจะมีอะไรซับซ้อนกว่าที่ป่านคิด



...อะไรบางอย่างที่ป่านสังหรณ์ทว่ายังไม่มั่นใจ



“ไปถามมันเองสิ”









ในเมื่อเดินหน้าแล้วป่านก็ไม่ลังเลที่จะถาม



“เฮียเขาว่ามาอย่างนั้นน่ะครับ” เมื่ออยู่ตามลำพังป่านก็เล่าบทสนทนาที่เพิ่งคุยกับเฮียให้ฟัง สีหน้ายังดูสับสนทว่าก็คล้ายจะคลี่คลายบางอย่างไปพร้อมกัน



“ไอ้เหี้ยเฮีย”



ใครบางคนมีความลับ ความลับที่ส่งกลิ่นพร่างพราย คล้ายจะมองเห็นแต่ยังจับต้องไม่ได้



“หมายถึง... เรื่องอย่างว่า เหรอครับ”



“...” การไม่ตอบ ก็คือคำตอบที่ชัดเจน



“ใช่จริงด้วย” ดวงตาของเด็กหนุ่มเปล่งประกายอ่านยาก ส่องสว่างย้อนกลับสู่ความทรงจำครั้งหนึ่งที่กลับมาสักซ้ำ



‘ต้องทำขนาดนี้จริงๆ เหรอครับ’ คล้ายพิธีกรรมประหลาด คล้ายกลั่นแกล้ง เรียวขาขาวเปลือยเปล่าถูกล็อกแน่นกับเตียงสัก



‘เออน่า กันไว้ คราวก่อนทึ้งผมกูแทบร่วงหมดหัว’ ข้ออ้างมาพร้อมสีหน้าขบขัน ดวงตาวาวชวนให้รู้สึกหวามประหลาด



ทว่าไม่คิดต่อต้าน เพราะภายในอกเต้นตุบด้วยความตื่นเต้นเร้าให้อยากรู้ว่าคนพี่ต้องการจะทำอะไร



‘งั้นทำไมไม่ล็อกมือล่ะครับ’ ต่อล้อไม่อาจซ่อนรอยยิ้มมุมปากร้ายพอกัน



‘...’



‘พี่...’



‘หึ’ ยิ่งได้ใจเมื่ออีกฝ่ายจนคำถาม หลุดยิ้มเผยธาตุ แกล้งกระเง้ากระงอดหยอกเย้า



‘โธ่ อย่าแกล้งกันสิครับ’



...เพราะแบบนี้ของเล่นแปลกปลอมถึงได้โผล่เข้ามาในห้องสัก



“กุญแจมือ เอาไว้ใช้กับเรื่องแบบนั้นเหรอครับ” เดิมไม่คิดอะไร เพราะนึกว่าเป็นเพียงการล้อเล่นแกล้งให้น้องหวั่นกลัว



พี่วาได้แต่เงียบงัน ครุ่นคิด คิดหนัก แต่เมื่อถูกจับได้แล้วก็ไม่มีประโยชน์จะเฉไฉปฏิเสธ ดีเสียอีกที่ได้สารภาพก่อนถลำลึก ไกลกว่านี้อาจถอนตัวยากเป็นเหตุพังความสัมพันธ์เหมือนที่ผ่านมา



นอกจากนิสัยใจคอ อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ชีวิตรักเจอทางตัน คือรสชาติเซ็กซ์ที่ไม่อาจเข้ากัน



“พี่เข้าใจนะถ้าเรารับไม่ได้”



ถ้าน้องจะตีตัวออกห่างตอนนี้ก็คงพอทำใจ...



“บอกแล้วเหรอครับว่าผมรับไม่ได้”



“…” ทว่ากระต่ายน้อยไม่เดียงสาอย่างที่เข้าใจ



“เจ็บกว่าตอนสักไหมครับ” ตั้งใจจะเล่นกับงูพิษมีหรือจะไม่เตรียมใจไว้



“ก็อาจจะ...”



“เหรอครับ” เหนือกว่าความตื่นตระหนกคือตื่นตาตื่นเต้นเมื่อรับรู้ถึงอันตราย



“...”



“บางครั้ง ความเจ็บปวดก็เป็นศิลปะนะครับ... พี่ว่าไหม”



อยากรู้ อยากเห็น อยากพิสูจน์ ว่าพิษนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน






#มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน

เขียนตอนนี้แล้วตื่นเต้น ไม่รู้จะทอล์กอะไรเลย

ขอก๊อปคำชี้แจงที่เคยโพสต์ในเฟส/ทวิตมาแปะหน่อยแล้วกันนะคะ (ฮา)



เราเพิ่งเพิ่มWarning BDSMตรงหัวบทความเรื่อง #มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน มาค่ะ

ถ้าใครเคยอ่านในทวิตหรือเล่มบทสนทนาจะพอรู้ว่ามีฉากพันธนาการและการใช้อุปกรณ์นิดหน่อย

ถามว่ารุนแรงมากมั้ยตอบเลยว่าไม่ค่ะเพราะเขียนไม่เป็น 55555 เป็น BDSM ซอฟต์ๆ พอเซ็กซี่ๆ

เดิมเขียนเตือนไว้หน้าบทความเฉยๆ เพราะคิดว่าน่าจะตัดเข้าโคมไฟซะเยอะ

แต่เพื่อให้เข้าใจตรงกัน (หรือหลีกเลี่ยง) เลยเตือนไว้ก่อนดีกว่าเนอะ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

รักมากๆ

-Martian-


ออฟไลน์ TamuNe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น้องลู๊กกก​ เดี๋ยว​อิพี่ก็ตะบะแตกหรอกค่ะ

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
โอ้ยยย

ก็เป็นแบบนี้คนพี่จะทนไหวได้ไง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
งุ้ย..ยยยยยยยย     เป็นแบบนี้นีเอง    :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
น้องงงงงง อย่าเล่นกับไฟฟฟฟ  อิพี่มันไม่ธรรมดาา #คนอ่านเช็ดกำเดารอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด