☀ (BDSM) Tattoo-ism #มอปลายลายสัก ☀บทส่งท้าย - 05.10.2562 (P.11) ☀
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☀ (BDSM) Tattoo-ism #มอปลายลายสัก ☀บทส่งท้าย - 05.10.2562 (P.11) ☀  (อ่าน 65752 ครั้ง)

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กอดกอดดดดดน้า รอตอนต่อไปคา  :กอด1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
มาดูหน้าคนเสียอาการ  :hao7:

ออฟไลน์ CKLUVTEN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากๆเลยค่ะ ภาษาดีมาก ชอบนิสัยพี่วาน่ารักที่สุดเลย เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ

ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
grab ได้เลื่อนขั้นแล้วนะคะ 555 :katai2-1:

ออฟไลน์ Foggytea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ  :katai5:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ลายที่ 13

Whisper

( รำพันรัก)





ป่านเพิ่งเคยมีแฟนคนแรก



เป็นความรู้สึกแปลก ความสัมพันธ์คล้ายจะก้าวกระโดด แต่ก็เหมือนเตรียมใจมานาน



ประดักประเดิด หวาดกลัว ทว่ายินดีรับ



“อ้าปากสิ” เด็กน้อยอ้าปากตามสั่ง สายตายังคงจับจ้องโจทย์ปัญหาของแบบฝึกหัดที่ยังแก้ไม่เสร็จ



ความเย็นและรสหวานอมเปรี้ยวของไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่เชอร์เบทกระจายทั่วโพรงปากให้ความรู้สึกสดชื่นติดใจจนต้องหันกลับไปอ้าปากส่งสายตาอ้อนให้ป้อนอีกคำ



คุณหนูหัวเราะเบาๆ ตักไอศกรีมคำโตใส่ปากน้องก่อนยื่นให้ทั้งถ้วย ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวนอนหนุนตักคนเด็กกว่าอย่างเกียจคร้าน



วันนี้วันอาทิตย์ร้านจึงเงียบเหงาไร้ลูกค้า เฮียนั่งเคลียร์บัญชีอยู่หน้าเคาน์เตอร์ขณะที่พี่วานั่งออกแบบรอยสักอยู่ในสตูดิโอตั้งแต่เช้า



เมื่อคืนป่านมานอนค้างเพราะหม่ามี้ไปสัมมนาต่างจังหวัดไม่อยู่บ้านหนึ่งอาทิตย์ เดิมทีถ้าเป็นแบบนี้ป่านอยู่บ้านคนเดียวได้แถมอาทิตย์นี้ไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนเพราะต้องเตรียมตัวสอบก็ยิ่งไม่มีปัญหา แต่เป็นคุณหนูที่ไม่ยอม พอน้องบอกว่าต้องอยู่คนเดียวก็บุกไปถึงบ้านช่วยจัดกระเป๋าเก็บข้าวของแถมยังออกหน้าโทรไปขออนุญาตแม่ให้น้องมาอยู่ด้วยกันที่ร้านทั้งอาทิตย์



ป่านเกรงใจ แต่ทุกคนกลับบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ โดยเฉพาะคุณหนูที่ออกปากให้เฮียสละห้องให้น้องป่านกับตัวเองนอนด้วยกันขณะที่เฮียต้องย้ายไปนอนห้องพี่วาแทน



เห็นชัดว่ามีคนเสียดาย



ห้องของเฮียแตกต่างจากห้องของพี่วาอย่างสิ้นเชิงจนป่านประหลาดใจ ขณะที่ห้องนอนพี่วาคล้ายกับหน้าร้านที่โชว์วัสดุดิบเปลือยเน้นสีของอิฐและไม้ ห้องของเฮียกลับดุสุขุมกว่าด้วยสีขาวตัดคราม ที่แปลกตาคือเตียงสักตัวหนึ่งที่ถูกตั้งไว้แทนโซฟา กับลวดลายของลูกไม้ที่ประดับตามส่วนต่างๆ ทั้งผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ จนห้องที่ควรจะแข็งกระด้างดูอ่อนหวานขึ้นมาหลายเท่า



ไม่บอกก็พอจะเดาได้ว่าผ้าลูกไม้เหล่านั้นเป็นฝีมือใคร



ทั้งคืนสองหนุ่มเอาแต่คุยกันไม่หยุด ทั้งเรื่องจิปาถะ เรื่องจริงจัง น้องป่านถูกคะยั้นคะยอให้เล่าเรื่องระหว่างป่านกับพี่วาให้ฟังว่าไปยังไงมายังไง คลาดสายตาไปแป๊บเดียวทำไมถึงตกลงคบกันไป ป่านเล่าไปเขินไป ทว่าพอได้เปิดอกคุยกับใครสักคนแล้วก็ยิ่งรู้สึกสบายใจ



ดูเหมือนแฟนเจ้าของร้านทั้งสองคนจะสนิทกันไปอีกขั้น



...ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียเหมือนกัน



เฮียได้แต่มองแฟนตัวเองออเซาะแฟนคนอื่นอย่างจนใจ คิดในใจว่าถ้าไอ้วามาเห็นคงงอแงโวยวายใส่เขาอีกแน่ แต่จะให้ทำอะไรได้ พอเห็นของสวยๆ งามๆ คลอเคลียเล่นล้อกันไปมาอยู่ตรงหน้าจะทำใจแข็งจับแยกยังไงไหว



“อาหารมาส่งแล้ว” นอนเล่นไม่ทันไรคุณหนูก็ผุดลุกขึ้นมานั่งมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเตือน ป่านวางไอศกรีมทำท่าจะอาสา



“เดี๋ยวผมไปรับให้เองครับ” ทว่าคุณหนูส่ายหน้า แกล้งยิ้มหยอกกลับมา



“ไปเรียกวามากินข้าวดีกว่า” คงเพราะรู้ว่าพี่วาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องตัวเองตั้งแต่เช้าเลยมีใครบางคนทั้งเป็นห่วงทั้งอยากเจอหน้าทว่าเกรงใจไม่อยากให้เสียเวลางาน



ป่านอึกอักมองคนรู้ทันด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีระเรื่อจางก่อนจะพยักหน้ารับ



ป่านเดินไปผลักประตูสตูดิโอที่เปิดค้างไว้นิดหน่อยเพื่อระบายอากาศก่อนชะงักไป ไม่ทันคิดว่าจะเห็นพี่วาในสภาพเปลือยท่อนบนอวดกล้ามเนื้อกำยำที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก หูสองข้างเสียบหูฟังอยู่จึงไม่รู้ตัวว่าน้องเดินมา



แต่แทนที่จะเรียกให้รู้ตัวป่านกลับยืนนิ่งมองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่กำลังเคร่งขรึมตั้งอกตั้งใจทำงาน มือที่ถนัดขวากำลังตวัดดินสอสเกตแบบร่างลงบนกระดาษจนเกิดลวดลายแปลกตา ดวงตากลมไล่มองรอยสักตามลำตัวซีกขวาราวต้องมนต์สะกด เชื่องช้า สำรวจลวดลายบนผิวเนื้อแน่นตึงที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก



สวนสวรรค์ แอปเปิ้ลต้องห้าม อดัม อีฟ และร่างจำแลงของซาตานที่เกาะเกี่ยวเกี่ยวพันบนท่อนแขนที่เด่นชัดไปด้วยเส้นเลือดและมัดกล้ามยังคงงดงาม เพิ่งสังเกตว่าท่ามกลางพงกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามตรงแผงอกมีมนุษย์อีกคู่กำลังกอดก่ายเล่นระบำ



ไม่สิ... ไม่ใช่มนุษย์เสียทีเดียว แต่จากตรงนี้ป่านมองไม่ถนัดนัก



แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือรูปเจ้าพิทบูลสีดำที่ถูกสลักไว้ตรงเชิงกรานขวาเยื้องมาทางด้านหลัง



ป่านหลุดหัวเราะด้วยความรู้สึกอธิบายยาก ทั้งทึ่ง ทั้งเอ็นดูที่พี่วาให้ความสำคัญกับโมโจขนาดนั้น



ถูกจับจ้องเนิ่นนานซ้ำเสียงหัวเราะเพียงบางเบาที่ลอดเข้ามาในหูตอนเสียงเพลงดับพอดีทำให้ในที่สุดพี่วาก็รู้ตัว เจ้าของดวงตาคมหันกลับมามองป่าน ถอดหูฟังออกก่อนเลิกคิ้วข้างหนึ่งถาม



“ครับ?”



รอยยิ้มที่ผุดขึ้นตรงมุมปากทำเอาป่านเผลอยิ้มตาม ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อถูกดวงตาสีหม่นวาววับจับจ้องราวกับจะให้ทะลุ



“กินข้าวเที่ยงครับ” อ้ำอึ้งลืมคำพูดอยู่พักหนึ่งถึงจะควานหาเสียงตัวเองเจอ พี่วาพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนวางมือเก็บเศษกระดาษที่ถูกขยำระเกะระกะใส่ถังขยะ



“พี่สักตรงไหนบ้างเหรอครับ” ป่านเดินเข้ามาช่วยเก็บและอาศัยจังหวะนั้นเอ่ยถาม



“หือ? ถามทำไม”



ใช้เวลาไม่กี่นาทีบริเวณโต๊ะทำงานก็กลับมาสะอาดอีกครั้ง พี่วาวางถังขยะลงที่เดิมเลิกคิ้วมองเด็กน้อยที่กวาดสายตามองร่างกายท่อนบนของตัวเองแวบหนึ่งก่อนเบือนขึ้นมาสบตา ลนลาน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงนิดๆ อย่างน่าเอ็นดู



“ผมอยากรู้ พี่สักทั้งตัวเลยไหม”



“ปะ” ถือวิสาสะคว้าข้อมือน้องทำท่าจะลากออกไป ป่านคิดว่าหมายถึงออกไปกินข้าว ทว่าสายตากรุ้มกริ่มนั้นบอกว่าไม่ใช่



“ไปไหนครับ?”



และก็จริงอย่างที่คิด “ห้องพี่”



“...” คนขี้แกล้งหาโอกาสแกล้งให้น้องยิ่งเขินด้วยคำชวนสองแง่สองง่าม



“เดี๋ยวเปิดให้ดูว่าสักตรงไหนบ้าง”



ยิ่งกว่าได้ผล เด็กน้อยยืนเหวอ ชะงักงัน แก้มแดงแจ๋ลามถึงคอ



คนโตกว่าถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินบ่อยนักกับสีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดีมากทำเอาป่านแทบตีหน้ากระเง้ากระงอดไม่ทัน หัวใจเปลี่ยนจังหวะเต้นรัวเร็วพยายามสั่งตัวเองไม่ให้หวั่นไหวกับรอยยิ้มกว้างกับสายตาที่มองมา



อย่ายิ้มแบบนั้นสิ อย่าหัวเราะแบบนั้น รู้ตัวไหมว่าตอนนี้พี่วาดูดีมาก



ทว่าคงไม่ใช่ป่านคนเดียวที่กำลังปั่นป่วน เพราะแกล้งจนน้องอึกอักไม่ทันไรตัวเองก็ได้แต่เงียบตาม ปล่อยข้อมือน้องเป็นอิสระก่อนทำท่าเฉไฉ



“หิวแล้ว” แกล้งเดินผ่านน้องไปที่ประตู



ทว่าขณะที่ป่านลอบยิ้มหมุนตัวกำลังจะเดินตามคนพี่กลับหมุนตัวกลับมา ร่างสูงโน้มตัวยื่นหน้าเข้ามางับริมฝีปากอิ่มเบาๆ ถือโอกาสตอนที่น้องไม่ทันตั้งตัวลิ้มรสเปรี้ยวอมหวานที่ติดอยู่ปลายลิ้นก่อนผละไปทันควัน



แสร้งล้วงกระเป๋าทำท่าคิด เลิกคิ้วถาม



“ไอติมสตรอว์เบอร์รี่?”



“...”



“อร่อย”



พิษจากริมฝีปากที่ฉกฉวยฉีดพ่นทั่วร่างที่ยังชะงักค้าง หน้าแดงจัด



...ร้อนจัด แดงแจ๋แม้กระทั่งปลายนิ้ว ไม่อาจเก็บความเขินอาย





พี่วามีแฟนมากี่คน... ไม่เคยนับ



อาจจะสาม หรือสี่ หลายคนเพียงสถานะคนคุยไม่เคยคบเป็นแฟนจริงๆ จังๆ จึงไม่เคยสนใจ



ถึงอย่างนั้นรู้ดีว่าควรทำอะไร ไม่ใช่ด้วยประสบการณ์ แต่เพราะใจมันอยากทำ



อยากดูแล ใส่ใจ อยากอยู่ใกล้ๆ



แม้บางอย่างจะผิดวิสัย



“น้องมึงจะอ่านหนังสือถึงกี่โมงเนี่ย” ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอายุปูนนี้แล้วยังต้องมานั่งเฝ้าเด็กอ่านหนังสือ



...เรื่องนี้แม้คนที่คบสมัยเรียนยังไม่ทำ



“เขาบอกว่าขออีกแป๊บนึงมาสองชั่วโมงแล้ว” คนที่เรียนจบมานานแล้วอย่างเขาอย่าว่าแต่ติวให้น้อง อ่านโจทย์ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ



“มึงไม่ห้ามอ่ะ”



“ห้ามแล้ว โดนอ้อนขออีกสองชั่วโมง” ห้ามไม่ได้จึงทำได้เพียงแค่นั่งเฝ้าพร้อมอำนวยความสะดวก ทั้งที่ตัวเองง่วงจนตาแทบปิดสับหงกไปก็หลายครั้ง



“เวร”



“เฮ้อ ทำไงได้ อนาคตเขา” แต่เห็นเด็กกำลังขะมักเขม้นตั้งใจก็อดภูมิใจไม่ได้ ยิ่งอยากอยู่ด้วย อยากเป็นกำลังใจ “เนี่ยกูก็ได้แต่เอาน้ำเอาขนมไปป้อน กลัวเขาไม่มีแรงอ่าน”



“โถ พี่วา ศรีภรรยาสัดๆ”



ใช่ไหมล่ะ นี่แหละ หน้าที่แฟน









ก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่หลายชั่วโมงจนเกือบตีสามป่านก็เผลอหลับฟุบคาโต๊ะไม่รู้ตัว พี่วาที่เพิ่งเดินไปหยิบน้ำขวดใหม่มาให้น้องเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนใจ วางขวดน้ำที่ยังไม่ได้เปิดลงกับพื้น เก็บข้าวเก็บของแล้วช้อนตัวน้องเข้ามาในอ้อมแขน



“อือ...พี่” ป่านตื่นง่าย พอถูกอุ้มลอยจากพื้นไม่ทันไรก็งัวเงียขึ้นมา มือที่ห้อยอยู่ยกขึ้นขยี้ตาพยายามตั้งสติท่าทางน่าเอ็นดูจนคนพี่หลุดยิ้ม



“ชู่ว พี่จะอุ้มไปนอนข้างบน” คืนนี้เฮียทวงที่นอนข้างคุณหนูคืนไปแล้ว จึงช่วยไม่ได้ที่ป่านจะต้องนอนกับเขา



ไม่ได้ตั้งใจสักนิด ไม่ได้วางแผนกับไอ้เฮียไว้เลยจริงๆ



“ไม่เอา ไม่อุ้ม หนัก” แทนที่จะกังวลเรื่องที่นอนเด็กกลับห่วงเรื่องน้ำหนักตัวตัวเองเสียอย่างนั้น พี่วายิ้มขำ กระชับอ้อมแขนจนร่างกายแนบชิดยิ่งกว่าเก่า



“หนักอะไร ตัวแค่นี้” เบาไปด้วยซ้ำ เทียบกับขนาดตัวพี่แล้วน้องแทบไม่ต่างจากโมโจ จะจับอุ้มจับโยนยังไงก็คงไม่เกินกำลัง



“ผมยังอ่านหนังสือไม่จบ” คนงัวเงียยังงอแง พี่วาถอนใจเริ่มใช้สายตาดุ



“จะตีสามแล้ว นอนได้แล้ว”



“ไม่เอา...”



“เอา พี่บังคับ”



“...” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือความเข้มงวดทำเอาป่านชะงัก ลืมตามองเต็มตาก็เห็นคิ้วเข้มขมวดขู่



“ไม่งั้นก็กลับบ้าน”



คราวนี้ป่านถึงกับเบะปาก ยอมยกมือสองข้างโอบรอบคอให้คนตัวโตอุ้มแต่โดยดี



“...อย่าดุน้อง” กระเง้ากระงอดงึมงำ แต่ไม่วายแกล้งกัดไหล่คนเจ้ากี้เจ้าการเอาคืนเบาๆ



“หึ กัดพี่เหรอเด็กดื้อ เดี๋ยวถึงห้องพี่จะกัดคืนทั้งตัว”



คำขู่ทำเอาน้องเบิกตากว้าง มองคนขี้แกล้งที่หัวเราะอย่างพออกพอใจ



รู้ดีว่าพี่วาแค่พูดไปอย่างนั้น ทว่าความหมายสองแง่สองง่ามก็ทำเอาน้องหน้าแดงแจ๋อีกครั้ง พี่วาหัวเราะเสียงกัง



เพิ่งสังเกตว่าตั้งแต่ตกลงคบกันพี่วาดูยิ้มง่ายกว่าปกติมาก แถมพูดเพราะเอ็นดูน้องราวกับคนละคนกับผู้ชายที่เจอกันครั้งแรก



ป่านหลุดยิ้ม รอยยิ้มที่ทำเอาคนถูกมองเลิกคิ้ว



“หืม? ยิ้มอะไรครับ”



น้องส่ายหน้า ทว่ายังจดจ้องใบหน้าคมหล่อเหลาอยู่อย่างนั้น



“วา”



“...” คล้ายหลุดปากไร้สรรพนาม คนถูกเรียกเลิกคิ้วค้าง



“วา” ไม่ทันไรก็หลุดยิ้มออกมาพร้อมกัน แผ่นอกที่แนบสนิทคล้ายแข่งกันส่งเสียงเอะอะ จนน้องต้องซ่อนความเขินอายด้วยการซบหน้าลงกับไหล่กว้าง



กลางดึกสงัดต่างกอดซบกันและกันแลกไออุ่นเจือเสียงกระซิบหวาน



“ผมชอบวามากๆ เลย”









#มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน

รักทุกคนมากๆ เลย (เลียนแบบน้องป่าน 5555)



ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

- Martian -


ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หื้ออออ ดีต่อใจมากกกกก พี่วาดูแลน้องดีมากๆๆๆๆ ยัยน้องก็ยั่วเล็กๆ
แงงงงงวง พี่วากินน้องเลยค่ะ ทางนี้เตรียมเงินประกันพร้อมแล้ววววว :hao7:

ออฟไลน์ Shmew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้โหน้องลูกกกกกกกก พี่อยากจับหนูปั้นเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้อง :o8: :-[

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
 มันจั้กกะจี้หัวใจจริงจริ๊งงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
น้องงง ทั้งอ้อน ทั้วยั่วเก่ง
สงสารพิวาจังเลยย ฮึบไว้ก่อนนะ รอเอาคืนหนักๆเลย

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ตายๆๆๆ วาต้องตาย น้องน่ารักมากกกก  /  ชอบความหลงเมียของเฮีย มันน่าร๊ากกก

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
น้องทำอย่างนี้แล้วพี่วาจะหลับหลงได้อย่างไร  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พี่วาต้องหน้าบึ้งเป็นหมีอดน้ำผึ้งแน่ๆคืนนี้

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
น้องอ้อนขนาดนี้พี่จะอดใจไม่กินน้องได้ยังไงไหว 555 พี่วาต้องทนน

ออฟไลน์ Cheese[C]ake

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ต๊ายๆๆๆ​ น้องป่านตกพี่วาได้แล้ว​  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ทนไม่ได้อย่าทนจ้า พี่วา จัดไปจะได้จบๆ

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :m25: :m25: :m25: :m25:
ตายแล้วว ฤทธิ์น้องป่านรุนแรงเหลือเกิน อิพี่วาทนไปได้ยังไง 5555
มีแต่คำว่าน่ารักน่าเอ็นดูเต็มไปหมดด กรี๊ดดดด

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่วาทำบุญด้วยอะไรคะ แงง อยากได้น้องบ้างงง  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ลายที่ 14

Truth

( ความจริงหวนกลับ )



เด็กเลี้ยงแกะถูกลงโทษยังไง



การโกหกแม้เป็นสีขาว เจ้าตัวรู้อยู่แก่ใจ สันหนึ่งคงเปิดเผยไถลเลื่อนเรื่อยไปต่อไม่ได้



สักวันป่านคงต้องบอกแม่ว่าพี่วาคือแฟน คือคนรัก



ถ้าได้รู้จัก หม่ามี้ต้องชอบพี่วาอย่างที่ป่านชอบแน่ๆ



ดวงตากลมไล่มองขนตายาวที่ระผิวแก้มสากเพราะเปลือกตายังคงปิดสนิท ใบหน้าคมดุกลับดูไร้พิษภัยยามหลับ ริ้วความขมวดขึ้งผ่อนคลาย สงบสุขจนไม่อยากรบกวนให้ตื่นแม้เสียงนาฬิกาปลุกจะดังเตือนจนน้องปิดไปแล้วสักพัก



พี่วาไม่รู้สึกตัวสักนิด ไม่คิดว่าจะเป็นคนขี้เซา นอกจากส่งเสียงฮึดฮัดก็ไม่มีทีท่าว่าจะลืมตา คงเพราะเมื่อคืนนอนดึกกว่าปกติมาก ผิดที่ป่านเองที่รั้งจะอ่านหนังสือจนตีสองตีสาม



พี่วาทำงานทั้งวัน ยังอุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อนน้องอีก คงเหนื่อยมากจริงๆ



“ไอ้วา ตื่นยัง” นอนจ้องคนขี้เซาอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเฮียเคาะประตู



ป่านพลิกตัว ทำท่าจะลุกไปเปิดประตูให้ทว่ากลับถูกแขนของอีกคนเอื้อมมากอด รั้งเอวกลับไปแนบชิดกับร่างกำยำ



“เออ ตื่นแล้ว” ตะโกนตอบกลับไปทั้งที่ยังงัวเงีย ริมฝีปากจรดอยู่กับท้ายทอยน้องลมหายใจคลอเคลียให้รู้สึกจั๊กจี้วาบหวาม



“ลูกค้ามึงโทรมา บอกว่ากำลังเข้ามาที่ร้านนะ” เสียงจากหลังประตูบอกธุระคล้ายเร่งให้ลงไปหน้าร้านไวๆ



“ครับๆ เดี๋ยวลงไปครับ” คนเพิ่งตื่นจึงทำเสียงฮึดฮัดตอบ



ป่านหลุดหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าคนที่อายุมากกว่าตัวเองเกินครึ่งรอบจะยังงอแงขี้เซา แต่ปล่อยให้กอดไม่ทันไรพี่วาก็อาศัยตอนน้องนิ่งสูดกลิ่นผิวเนื้อหอมจากไหล่ไล่ริมฝีปากระลำคอขาวขึ้นมาจนถึงขมับ จุมพิตหนักๆ ทักทาย



“ตื่นเช้าจัง”



ป่านได้แต่อ้ำอึ้งด้วยความเขินอาย ไม่ชินกับความใกล้ชิดจึงได้แต่นอนแก้มแดงในอ้อมกอดอุ่นๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่พักใหญ่



จนได้ยินเสียงหัวเราะข้างหู เจ้าของอ้อมกอดลืมตาขึ้นมาชะโงกดูสีหน้าน้องที่เอาแต่เงียบฉี่ สายตาวิบวับ



เด็กแก้มแดงยิ่งแก้มแดงซ่าน แม้แต่ใบหูก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูจัด น่าเอ็นดูเสียจนถูกแกล้งงับเข้าเบาๆ



“หิวหรือยังครับ” อาจเพราะได้เห็นใบหน้าน่ารักทันทีที่ตื่นนอนเช้านี้ถึงได้ดูสดใสไปหมด คนขี้หงุดหงิดกลับเป็นชายหนุ่มปากหวาน ออเซาะเอาใจจนน้องตั้งตัวไม่ทัน



ป่านพยักหน้าหงึกๆ อาศัยโอกาสใช้ความหิวเป็นข้ออ้างเอาตัวรอดจากความเสี่ยงที่จะหัวใจวาย



อย่างน้อยแค่หนีไปจากตรงนี้ก่อนพี่วาจะได้ยินเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองก็ยังดี



พี่วาหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้ยอมปล่อยน้องออกจากอ้อมแขนลุกขึ้นมาหยิบมือถือดูนาฬิกา



“หน้าปากซอยมีร้านโจ๊กอร่อย เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” แต่น้องป่านรีบส่ายหน้า



“ไม่เป็นไรครับ เมื่อวานผมกับคุณหนูคุยกันว่าจะเป็นคนออกไปซื้อข้าวเช้า” ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร พี่วาพยักหน้าเข้าใจ ร่างสูงลุกออกจากเตียงเดินไปหยิบผ้าขนหนูเตรียมอาบน้ำ



“ถ้างั้นพี่ไปเตรียมตัวทำงานก่อน”



เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก ความรู้สึกใกล้ชิดเป็นธรรมชาติทำให้หัวใจรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาจนเผลอยิ้มจางๆ แต่ไม่ทันไรคนขี้แกล้งก็เร่งไอร้อนให้ใบหน้าที่เพิ่งหายแดงอีกครั้ง



“ป่านจะอาบน้ำเลยไหม”



เกือบเข้าใจว่าพี่วาจะสละให้น้องใช้ห้องน้ำก่อน ทว่าดูจากรอยยิ้มมุมปากคงไม่ใช่



“จะได้อาบด้วยกัน”



คนเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ สายตาวาววับแบบนั้น คิดไปถึงไหนต่อไหนกัน!









ตอนไปเคาะห้องคุณหนูยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ ร่างเพรียวบางเดินมาเปิดประตูในสภาพลืมตากึ่งหนึ่งสีหน้างุ่นง่านเพราะถูกปลุกแต่เช้า ป่านเกรงใจจนไม่กล้าเอ่ยธุระทว่าเจ้าตัวนึกขึ้นได้เลยพยักหน้าเข้าใจเปิดประตูให้ป่านเข้าไป



ของใช้ป่านอยู่ในห้องของเฮียเลยถือโอกาสล้างหน้าแปรงฟันพร้อมกัน คนตัวเล็กสองคนยืนแปรงฟันด้วยกันหน้ากระจกดูกระจิริดน่ารัก คุณหนูเลยแกล้งพยายามยืดตัวให้สูงกว่าป่านให้มากกว่าเดิม ทำให้น้องเพิ่งสังเกตกว่านอกจากเสื้อยืดตัวโคร่งคลุมต้นขา ภายในมีเพียงร่างเปลือยเปล่าพอเขย่งแก้มก้นขาวงอนถึงได้โผล่พะเยิบพะยาบ วับแวม ชวนให้น้องใจสั่น



ยิ่งแดงไปทั้งหน้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนก่อนนอนคุณหนูไม่ได้ใส่ชุดนี้ เป็นเสื้อของเฮียต่างหาก



ไม่อยากจะคิด แต่ความคิดเตลิดไกลเด็กน้อยก็เลยตัวแดงแก้มแดงไปทั้งหน้าจนคุณหนูหลุดหัวเราะออกมา ท่าทางอารมณ์ดีกว่าตอนตื่นนอนเยอะ จนป่านอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม



เข้าใจเลยว่าทำไมเฮียถึงแพ้ทุกที ก็คุณหนูน่ะน่ารัก ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกว่ามีเสน่ห์มาก



หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้วเดินลงมาข้างล่างก็เห็นเฮียกำลังเปิดร้าน พี่วากำลังเตรียมอุปกรณ์รอลูกค้าอยู่ในสตูดิโอ ดูเหมือนจะเป็นคิวที่นัดพิเศษถึงได้เช้านัก

ที่หน้าปากซอย บนทางเท้ามีร้านอาหารแผงรอยตั้งเรียงกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งตลอดทางลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศในระแวกนี้มาจับจ่ายอย่างเร่งรีบก่อนไปทำงาน ป่านกับคุณหนูเลือกซื้อโจ๊กร้านที่พี่วาบอกก่อนจะจูงมือกันมาเลือกซื้อของจุกจิกแกล้มอาหารเช้าจนเต็มไม้เต็มมือ



ป่านนึกไม่ออกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ออกมาเดินเล่นตอนเช้าๆ แบบนี้คือตอนไหน ชีวิตประจำวันของเด็กมัธยมที่เรียนจนค่ำ อ่านหนังสือสอบจนดึก ตื่นเช้ามาก็เห็นเพียงภาพอาหารเช้าที่หม่ามี้ทำให้ก่อนไปส่งป่านที่โรงเรียน



เช้าเร่งรีบกลับกลายเป็นเช้าที่ผ่อนคลาย อากาศกำลังพอดี ทำให้ป่านสบายใจ คุณหนูหันมาเห็นป่านยิ้มก็ยิ้มตาม สะกิดให้ป่านรู้ตัวก่อนพยักหน้าไปทางร้านน้ำเต้าหู้



“วาชอบน้ำเต้าหู้ร้านนี้ จะซื้อไหม” เด็กน้อยพยักหน้าทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ คุณหนูหัวเราะเบาๆ ขยับมาคล้องแขนเดินไปด้วยกัน



ถ้าเป็นไปได้ ป่านก็อยากมีเช้าที่สดใสแบบนี้ทุกวัน



แต่สดใสได้เพียงพริบตา ผลที่ทำไว้ก็ไล่ตามทัน



พอกลับมาถึงร้าน คนที่ป่านไม่คิดว่าจะได้เจอที่สุดกำลังนั่งทำหน้าสับสนอยู่ตรงโซฟา



“...หม่ามี้” หัวใจป่านกระตุก มือไม้สิ้นเรี่ยวแรงจนของทั้งหมดในมือร่วงลงไปกองที่พื้นขณะสองเท้าก้าวเข้าไปหา แม่กวาดสายตามองป่าน มองคุณหนู ไล่ไปจนพี่วาที่ยืนอยู่ด้านหลัง ไม่รู้ว่าพูดคุยอะไรกันไปก่อนหน้านี้บ้างถึงได้มีปนรู้สึกผิดฉายชัด



“ไหนล่ะโมโจ”



โฮ่ง!



คล้ายได้ยินชื่อตัวเองโมโจจึงขานรับ ก่อนถูกคุณหนูเดินเข้าไปลูบพร้อมส่งเสียงชู่วเบาๆ คราวนี้สถานการณ์ยิ่งน่ากระอักกระอ่วนจนพี่วาต้องเดินเข้ามาแทรกระหว่างกลางปกป้องน้องด้วยท่าทางสุภาพ



“คุณแม่ครับ น้องป่าน...”



“กลับบ้าน” แต่แม่เบือนหน้าหนีไม่รับฟัง



เอ่ยคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สายตามองตึงมาที่ป่าน บ่งบอกชัดว่ามีเรื่องต้องคุยกัน



ฝ่ามือเล็กๆ เอื้อมมาจับมือพี่วา สบตาบอกว่าไม่เป็นไร ยังไงซะก่อนหน้านี้ป่านก็ตั้งใจไว้แล้วว่าบอกความจริงทั้งหมด จะเร็วจะช้าก็ต้องสารภาพ พี่วาบีบมือน้องกลับเบาๆ ท่ามกลางสายตาของคนเป็นแม่ที่มองความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกในทันที



“เดี๋ยวป่านอธิบายให้หม่ามี้ฟังเองครับ”









เด็กเลี้ยงแกะถูกลงโทษยังไงเมื่อความจริงเปิดเผย ปั้นน้ำเป็นตัว



ไม่ใช่การถูกกักบริเวณ สั่งห้าม หรือกีดกัน แต่คือความเงียบที่มาพร้อมสายตาของความผิดหวัง



หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดว่าโมโจคือสุนัข และพี่วาเป็นใคร เปิดเผยกระทั่งรอยสักที่แอบซ่อนไว้ หม่ามี้ก็ไม่พูดอะไรสักคำ ป่านรู้ว่าหม่ามี้กำหลังโกรธ ผิดหวัง แต่การแต่เงียบงันทำให้ป่านอึดอัดสู้ดุด่าออกมาเลยยังดีกว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาป่านแอบร้องไห้ออกมาหลายครั้ง ไม่กล้าออกไปหาพี่วา ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเพื่อลบความคิดฟุ้งซ่าน



การสอบผ่านไปอย่างซึมเซา แม้จะทำข้อสอบได้แต่ความหนักอึ้งในอกก็ยังไม่หายไป สุดท้ายป่านได้แต่เหม่อลอยพาตัวเองมาถึงร้านสักได้ยังไงก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ สิ่งที่เรียกสติคือกลิ่นฉุนของบุหรี่จากร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าร้าน



บนม้านั่งตัวเดิม กับสายตาที่ยังคงให้การต้อนรับ



“สอบเป็นไงบ้าง” รอยยิ้มที่บอกว่าไม่เป็นไร เราปล่อยวางเรื่องยุ่งยากไว้ข้างหลังสักพักคงไม่เป็นไร



เด็กน้อยวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนของคนรักอย่างไม่คิดอะไรอีกต่อไป ความอัดอั้นถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลอย่างเงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นไร้ถ้อยคำฟูมฟาย

พี่วาดับบุหรี่ อุ้มกอดน้องไว้ในอ้อมแขนลูบหัวลูบหลังปลอบโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน เพียงปล่อยให้น้องร้องไห้กระทั่งพอใจ



“ตกลงว่าจะเรียนหมอ” บรรยากาศกลับสู่ความผ่อนคลายอีกครั้งจึงเอ่ยถาม เพราะวันนี้เป็นการสอบเฉพาะของนักเรียนที่กำลังจะไปต่อคณะแพทย์เท่านั้น

“อือ” เสียงงึมงำอู้อี้เพราะเพิ่งหยุดร้องไห้หมาดๆ ตัวเล็กยังกอดเกาะซุกซบคนตัวโตกว่าไม่ห่าง



ไออุ่นและกลิ่นกายของพี่วาทำให้น้องสบายใจขึ้นหลายเท่า ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ยังคงลูบผมน้องเล่นซ้ำๆ



“ไหนบอกจะไฟต์กับแม่ไง”



“ไม่แล้ว” พูดแล้วก็เริ่มเบะปาก พี่



“อย่าทำหน้าอย่างนั้น” วาหัวเราะก้มลงจูบแก้มชื้นแผ่วเบา กระซิบถาม “ให้พี่ช่วยพูดไหม”



ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่เป็นทุกเรื่องที่กำลังคาราคาซัง เรื่องที่ตัวพี่วาเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน



“ไม่เอา” ป่านส่ายหน้า ยืนยัน ไม่ทันไรเด็กงอแงก็เริ่มส่งเสียงกระเง้ากระงอดออดอ้อน “วากอดผมหน่อยนะ”



แม้จะยังคงอยู่ในอ้อมแขน แต่ก็ยังโอบกระชับแนบชิดพลางซุกหน้ากับไหล่บาง พรมจูบปลอบประโลมซ้ำๆ



“พี่ว่าผมจะทำได้ไหม”



“ทำได้สิ”



“ผม... ไม่มั่นใจ” ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ดูยากเย็นเกินกำลัง



พี่วารู้ความหมายของคำพูดนั้นดี “อย่าร้อง คนเก่งของพี่ ทำได้อยู่แล้ว”



สองคนกอดซบปลอบประโลมแลกไออุ่นกันกระทั่งพระอาทิตย์ลาลับ พี่วาไปส่งป่านที่บ้าน ทว่าหม่ามี้คงรออยู่ถึงได้ออกมาเผชิญหน้ากัน



นอกจากเสียงทักทายของพี่วาแล้วก็ไม่มีใครเอ่ยอะไร ยังคงเงียบงัน อึดอัด



ป่านรู้ดีว่ายังเร็วเกินไปที่จะได้รับการอภัย ทว่าก็อดน้อยใจไม่ได้ แม่ไม่เคยใจร้ายกับป่านแบบนี้มาก่อน พอเห็นสีหน้ามึนตึงผิดหวังเด็กน้อยก็น้ำตารื้นขึ้นมาอีก คงแอบไปร้องไห้ถ้าไม่ถูกเอ่ยถาม



“กินข้าวมาหรือยัง” น้ำเสียงนั้นหนักอึ้ง คล้ายเจือสะอื้นเช่นกัน



ป่านไม่ได้หันไปมอง เพียงพยักหน้า ทำท่าจะเดินขึ้นชั้นบนทว่าคำพูดต่อมากลับทำให้ชะงัก



“พรุ่งนี้ป่านไปโรงพยาบาลกับแม่หน่อยนะ”



คราวนี้ป่านหันกลับมา เบิกตากว้าง “หม่ามี้เป็นอะไรครับ”



น่าตกใจยิ่งกว่าเมื่อดวงตาของแม่มีน้ำตาเอ่อล้นปริ่มล้น ป่านไม่คิดว่าเรื่องที่ตัวเองโกหกจะร้ายแรงจนทำให้คนที่รักมีสีหน้าเจ็บปวดขนาดนี้

และใช่ สาเหตุที่หม่ามี้ไม่ใช่เพราะป่าน



“คุณหยาง... พ่อของป่าน กลับมาแล้วนะ” แต่คือความจริงที่หวนกลับมาทำร้ายซ้ำ



“...”



“เขาเป็นมะเร็งปอด ระยะที่สาม...” เอ่ยได้เพียงเท่านั้นน้ำตาของแม่ที่ป่านไม่เคยเห็นก็ไหลทะลัก ไม่อาจกลั้น



“...” ป่านเข้าใจแล้ว



นี่ต่างหาก บทลงโทษที่แท้จริง







#มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
มันเกิดอะไรขึ้น  :a5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ขอให้พี่วาอยู่เคียงข้างป่านนะ ดราม่าแค่ครอบคระวพอ ใจรับไม่ไหววว อุแง

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โถถถถถถถ น้องป่านลูกกกกกก :hao5:
มรสุมชีวิตจริงๆลูก เรื่องแฟนยังไม่เคลียกับแม่ สอบก็ยังไม่รู้ผล พ่อโผล่มาป่วยเป็นมะเร็งอีก :katai1:
พี่วาช่วยน้องด้วยยยยย :sad4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
น้องยังเด็ก แค่ม.6 แต่ต้องรับศึกหลายด้าน ทั้งเรื่องหัวใจตัวเอง ความใฝ่ฝันของตังเอง ความหวังของครอบครัว แล้วยังมีเรื่องความเจ็บป่วยที่กำลังจะสูญเสียของคนในครอบครัวอีก ไหวไหมลูก/ลูบหัว  พี่วาตต้องออกโรงแล้ว พี่วาต้องเปิดตัวอาสาดูแลน้องให้หม่ามี๊ได้แล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ผ่านมันไปให้ได้นะทั้ง2คน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ฮื้อ ดีมาก ที่ตัดสินใจอ่าน ภาษาสละสลวย เรียงลำดับการพูดไหลลื่น ชอบความเพ้อของตัวละคร ความรู้สึกเหมือนชีวิตจริง มีด้านเคร่งขรึม ด้านอ่อนโยน รักตัวละครทุกตัว เนื้อเรื่องกระชับ เราสะเทือนใจฉากที่ น้องป่านโดนเด็กเกเร ทำร้าย เราไม่คิดไง ว่าเด็ก ม.6 จะใช้วิธีนี้กัน ขนาดน้องป่านไม่เคยยุ่ง ไม่เคยรู้จักใครในโรงเรียน 

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ลายที่ 15

Punishment

(ทัณฑ์ทรมาน)



สิ่งเดียวที่แม่ต้องการคือการเห็นป่านมีชีวิตที่สุขสบาย เติมเต็มชีวิตครอบครัวที่ขาดแหว่ง ฉีกสะบั้น



ตั้งแต่จำความได้ ป่านรู้แค่ว่าหม่ามี้ต้องทำงานทุกวันเพื่อเลี้ยงปากท้องสองแม่ลูกจนมั่นคง ขณะที่คนคนนั้น... คนที่เลือกเดินอีกเส้นทางเพื่อตามหาความฝัน ขาดการติดต่อไปนับสิบปี



พ่อของป่านเป็นจิตรกรมีฝีมือ เคยมีชื่อเสียงอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งมีเอเจนซี่ติดต่อนำงานไปแสดงที่ต่างประเทศ ไม่มีใครคัดค้าน เพราะนอกจากเงินก้อนใหญ่ที่ช่วยให้สุขสบายได้ระยะหนึ่งยังเป็นหนทางเติบโตบนเส้นทางฝัน แต่ความยินดีก็อยู่ได้เพียงชั่วคราว เมื่อมีเงื่อนไขบางอย่างที่รั้งตัวเขาไว้ไม่ให้กลับบ้าน



พ่อของป่านเป็นคนทะเยอทะยาน ช่างฝัน ขณะเดียวกันก็รักอิสระเกินกว่าจะปล่อยให้โอกาสนั้นลอยหลุดมือไป



ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะไม่กลับมาอีก



ขณะที่แม่กำลังก้าวหน้ากับหน้าที่การงานจนไม่ทันหวาดระแวงกับคลื่นใต้น้ำที่ค่อยๆ ก่อตัว ไม่ทันระวังสงสัยกับจำนวนเงินที่ส่งมาและความถี่ของการติดต่อที่ค่อยๆ ขาดหาย



รู้ตัวอีกที... ผู้ชายคนนั้นก็สร้างครอบครัวใหม่อยู่ในที่ห่างไกล



ครั้งสุดท้ายที่ป่านได้เจอพ่อ เขามาพร้อมกับทะเบียนหย่าและค่าเลี้ยงดูก้อนสุดท้าย



ป่านไม่เคยเข้าใจว่าความฝันของพ่อคืออะไร ในความฝันนั้นมีป่านกับแม่อยู่ด้วยไหม... ป่านไม่เข้าใจอะไรเลย



ไม่เข้าใจแม้กระทั่งตอนนี้ ทำไมถึงกลับมา



“หม่ามี้บอกว่าน้องป่านกำลังจะเรียนหมอ อีกหน่อยคงมารักษาปะป๊าได้” รู้ดีว่าเป็นเพียงการชวนคุยเพื่อคลายบรรยากาศแสนอึดอัดเท่านั้น



เพราะต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ก็คงไม่อาจรักษา...



“ทีแรก ปะป๊าคิดว่าน้องป่านจะเป็นจิตรกรเหมือนปะป๊า”



“...”



“แต่แบบนี้ก็คงดีแล้วล่ะ” ในหัวของเด็กน้อยขาวโพลนเกินกว่าจะตอบโต้อะไร ได้เพียงยืนนิ่งพยายามกลืนก้อนความรู้สึกมากมายที่กำลังเอ่อล้นกลับลงไปอย่างเงียบงัน



แทนที่จะมองหน้าบิดาที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ดวงตาสองข้างเลือกก้มลงมองพื้นสีขาวชืดชาของโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร



“ป่านกับแม่คงโกรธพ่อมาก” แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าคงไม่พ้นได้ยินคำขอโทษ ทว่าเมื่อได้ยินน้ำเสียงรู้สึกผิดถ้อยคำตอบโต้ก็ถูกกลืนหายไป ป่านเงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาอิดโรย ใบหน้าตอบซีดที่จำแทบไม่ได้



ป่านเคยคิดว่าตัวเองเกลียดเขา



เคยคิดว่าแม่คงโกรธ เกลียดผู้ชายคนนี้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย



ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้ป่านมาพบ ไม่ให้โอกาสเราสองคนพ่อลูกได้อยู่ตามลำพังเพื่อนปรับความเข้าใจกัน



และความจริง ป่านไม่ได้เกลียดเขา



แม้สิ่งที่พอทำจะไม่สามารถอภัยได้ง่ายๆ ทว่าสิ่งที่ทั้งสองคนแม่ลูกต้องการคือต่างคนต่างมีชีวิตที่เป็นสุขมากกว่าการได้เห็นอีกฝ่ายในสภาพป่วยไข้หมดอาลัย



“คุณอยากเห็นผมใส่เสื้อกาวน์ไหม”



หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาป่านสับสนกับเส้นทางตัวเอง ตั้งคำถาม วาดฝันรูปแบบชีวิตที่แตกต่างออกไป แต่ยังคงมองไม่เห็นภาพตัวเองมีความสุขไม่ว่าจะทางเลือกไหนๆ



แต่ตอนนี้ป่านได้คำตอบแล้ว



ถ้ามันคือความหวัง คือความภูมิใจ



“อีกหกปี... จนกว่าผมจะเรียนจบ มารักษาคุณ...รอได้ไหม”



ต่อให้เป็นคำโกหก



“อืม พ่อจะรอ”



แต่หากเติมเชื้อไฟ ยื้อกำลังใจในการมีชีวิตของตรงหน้าได้ ป่านก็พอใจ









ตลอดทางกลับจากโรงพยาบาลมีเพียงความเงียบงันและความอึดอัดกระจายฟุ้งเต็มบรรยากาศ



แม่ไม่ได้เอ่ยอะไร และป่านก็ได้แต่ปล่อยให้คำมากมายวนเวียนอยู่ในหัวโดยไม่เอ่ยถาม ...ทุกอย่างมันถาโถมเกินรับทัน



“วันนี้ไม่ต้องไปเรียนพิเศษดีไหม” ขับรถออกมาได้เกินครึ่งทางแม่ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา



ป่านยิ้มจางๆ รู้ดีว่าแม่หายโกรธกับสิ่งที่ตัวเองทำแล้วถึงได้เลิกมึนตึงเป็นฝ่าเริ่มบทสนทนา น้ำเสียงแม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็เหลือเพียงความอ่อนโยนห่วงใย



“ไม่เป็นไรครับ” เด็กดีส่ายหน้า แม่จึงหันกลับมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล



“ถ้าเหนื่อยก็พัก หม่ามี้ไม่อยากให้ป่านหักโหมเกินไป” ฝ่ามือเอื้อมมาแตะใบหน้าอิดโรยของลูกชายแผ่วเบา



“ไม่เป็นไรครับ ป่านไหว” ป่านจับมือหม่ามี้แนบแก้มตัวเองแล้วยิ้มกว้าง “เดี๋ยวต่อไปคงเหนื่อยกว่านี้อีกคงต้องเตรียมตัวไว้ จริงไหมครับ”



ถึงแม้จะไม่ได้ร่วมบทสนทนา แต่ป่านก็รู้ว่าแม่ได้ยินทุกอย่าง



เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าไม่ใช่แค่เพราะความมั่นคงในอนาคต ยังเป็นเพราะไม่อยากให้ป่านเดินตามรอยเท้าของผู้ให้กำเนิด จะเป็นยังไง ถ้าป่านเลือกเดินทางตามพรสวรรค์ที่พ่อทิ้งไว้ให้... ตอนจบอาจจะลงเอยแตกต่าง แต่อดีตแสนยากเย็นคงทำให้แม่ไม่อาจวางใจให้ป่านเลือกทางนั้น เพราะแบบนั้นทันทีที่ได้ยินว่าป่านจะเรียนหมอแม่จึงดีใจมาก พร้อมผลักดัน สนับสนุนสุดกำลัง



และป่านก็จะไม่ทำให้หม่ามี้ผิดหวัง



“ป่านขอโทษนะครับ” ไม่แน่ใจว่าเด็กน้อยขอโทษเรื่องอะไร อาจเป็นทุกๆ เรื่องที่ป่านทำให้แม่ไม่สบายใจ



ภายในรถเงียบลงอีกครั้ง ด้วยจังหวะการจราจรยามบ่ายที่ไม่หนาแน่นทำให้รถไม่ติดนัก ไม่ทันไรก็ถึงปลายทาง ทว่าแทนที่จะจอดหน้าสถาบันกวดวิชาแม่กลับยังขับรถเรื่อยมา หักเลี้ยวเข้าในซอยที่ป่านคุ้นเคย



ก่อนจะจอดที่หน้าร้านสักของพี่วา



“เรื่องที่ป่านเป็นเกย์... แม่รู้มานานแล้ว”



“...” ป่านควรจะตกใจทว่ากลับไม่ได้ตกใจเท่าที่คิด



ถ้ามีใครในโลกนี้รู้จักป่านดีที่สุดนอกจากตัวเอง ก็คงเป็นหม่ามี้



“หม่ามี้รอ ว่าเมื่อไหร่ป่านจะบอกหม่ามี้ แต่ป่านเลือกที่จะโกหก เพราะแบบนี้หม่ามี้ถึงโกรธ เข้าใจไหม”



ได้แต่พยักหน้า ในใจยังรู้สึกผิด ทว่าเจือโล่งใจ



“แกร๊บเหรอ? หม่ามี้เห็นแกร๊บลูบหัวลูกชายหม่ามี้นะคะ” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงแจ๋เมื่อถูกจับได้



“พี่วาเขา...” อ้ำอึ้งไม่รู้ว่าควรแก้ตัวอะไร สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มแหยออกมา



“ป่านชอบพี่เขาใช่ไหม”



“ครับ” ผิดกับคำถามนี้ที่รีบพยักหน้าตอบทันควัน



หม่ามี้ได้แต่ถอนใจ ยังรู้สึกหนักใจกับความแตกต่าง ทั้งอายุ ทั้งภาพลักษณ์ ไม่คิดว่าน้องป่านจะมีรสนิยมแบบนี้



ดูจากสายตา น่าจะเกือบสามสิบแล้วล่ะมั้ง...



“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ให้พี่เขาไปส่งบ้านด้วยแล้วกัน”









สิ่งเดียวที่ป่านต้องการในตอนนี้คือไออุ่น



“อ้าว ทำไมวันนี้มาเร็ว เพิ่งจะบ่ายสอง... หืม? ทำไมอยู่ๆ มากอด...”



กลิ่นกาย และอ้อมกอดจากคนรัก



“พี่ครับ มาทำกัน”



“หา?” ความโหยหา ความสุขสมที่จะช่วยลบความอึดอัดกดทับภายในใจ



“มาทำกัน”



ตอนนี้ เวลานี้ วินาทีนี้



“เฮ้ย เดี๋ยว อย่าเพิ่งถอด”



สิ่งเดียวที่ต้องการคืออ้อมกอด คือสัมผัสลึกซึ้ง เติมเต็ม ตักตวง ฉีกทึ้งตะกละตะกลาม



“น้อง...”



“พี่ จูบผมหน่อย...” จุมพิตย้อมความรู้สึกให้ยิ่งมัวเมา “กอดผมนะ นะครับ”



“...” รสจูบรุนแรงเจือหวานล้ำทวีปลุกปั่นความกระหายหาทรมาน



“วา...”



ลืมความจริง ลืมความฝัน



ลืมอดีต อนาคต ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง



“รู้ใช่ไหม ต่อให้ร้องไห้อ้อนวอนทีหลัง พี่ก็จะไม่หยุดให้”



กระโจนสู่โลกอีกใบที่เหลือเพียงกันและกัน









วาบอกตัวเองเสมอว่าต้องหักห้ามใจ มันยังไม่ถึงเวลา น้องยังบริสุทธิ์เกินกว่าจะล่วงเกินตามใจ



เก็บงำความรู้สึก ความใคร่ ความกระหายจะกลืนกินทั้งตัวไว้มิดชิด ไม่แพร่งพราย



ยินดีจะทะนุถนอมไปอีกปี สองปี หรือสิบปีจนกว่าน้องจะยินยอมพร้อมใจ



แล้วนี่มันอะไรกัน



ทิวากรอ่านออกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง บางสิ่งผิดปกติทว่าสติแข็งขืนกลับถูกบั่นทอนทีละนิด...ด้วยรสจูบ ด้วยกลิ่นกาย เสียงกระซิบที่เรียกชื่อเขาซ้ำๆ



“วา...”



เตลิดสิ้นท่ากับดวงตาหวานที่จับจ้องอย่างเว้าวอน ยั่วเย้า



ราวผลึกหีบลับแตกกระจาย สัตว์ร้ายหิวกระหายถูกปลดปล่อยให้อาละวาดตามใจ



ตะครุบเหยื่อ กระชากทึ้งเนื้อหวาน กัดกินไม่รู้จักอิ่ม ตะกรุมตะกราม



“แน่ใจแล้วเหรอว่าจะทำแบบนี้” ถามเพียงเป็นพิธี เพราะความยับยั้งชั่งใจเหลือเพียงน้อยนิด เมื่อร่างเปลือยเปล่าถูกกดลงกับเตียงสัก ขาสองข้างแยกห่าง สั่นระริกแทบสิ้นแรง



“ผมอยากเป็นของวา” เพียงเท่านั้นคล้ายปีศาจจำแลงกลับร่าง ความแข็งขึงที่จดจ่อช่องทางกดกระซวกเข้าจมลึกเกินครึ่งทาง



เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นขณะที่ตัวตนแช่ค้าง ร่างกายกำยำโน้มทาบแผ่นหลัง พรมจูบผิวแก้ม ใบหู ก่อนบังคับเอี้ยวคอกลับมารับจุมพิตที่ริมฝีปาก

มัวเมา ปลุกเร้าความปรารถนาให้คลายทรมาน



โดยไม่รู้ตัว กลืนกินตัวตนใหญ่คับเข้ามาในร่างจนสุดทาง



ความเจ็บกลับกลายเป็นกระสัน ปรารถนาเสียดซ่านจนหลุดเสียงครางอีกครั้ง ภายในบีบรัดความแข็งขึงคับแน่นจนอึดอัดยิ่งเร่งให้อยากถาโถมกระแทกกระทั้น



เจ้าของร่างกำยำยืดตัวยืนเต็มความสูง มือทั้งสองข้างประคองสะโพก บีบเค้นสลับฟาดจนขึ้นรอยมือแดงช้ำอย่างไม่อาจห้าม ถอนกายออก ก่อนสอดใส่ ถอนกายซ้ำ กระแทกสุดทาง ดวงตาคมจับจ้องรอยสักบนสะโพกขาว แสยะยิ้มก่อนยิ่งเร่งจังหวะรัวเร็วเกินตั้งรับ ร่างบอบบางโยกคลอนเปล่งเสียงหวีดสั่น



ฝูงผีเสื้อถูกกระตุ้นให้กระเพื่อมไหวเริงระบำ



ก่อนจะกระชากร่างน้องกลับมายืนทาบทับ หมุนตัวสู่กระจกสะท้อนใบหน้าที่แดงซ่านด้วยราคะ อวดร่างกายที่ดูดดึงขยับโยกในจังหวะเดียวกันอย่างงดงาม



มือปะป่ายบีบเค้นเนื้อนุ่มหอมหวาน ขย้ำจนขึ้นรอยทั่วร่าง ริมฝีปากจุมพิตทั่วลำคอและไหล่บางตักตวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้อิ่ม



“Stop kissing...”



“...” กลิ่นราคะคลุ้งกระจายฉีกสติขาดสะบั้น ความแยกแยะถูกผิดเลือนราง



“Bite me…”



“...” ถลำลึก...



เหลือเพียงสองร่างเปลือยเปล่าที่ตอบสนองตามแรงปรารถนามัวเมา หลากท่วงท่า ทำตามสัญชาตญาณราวกับสัตว์



“Please…”



เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครางเจือเสียงคำราม เสียงเตียงเหล็กลั่นตามจังหวะถี่เร็ว



เอี๊ยดอ๊าด... เอี๊ยดอ๊าด



เร่งเร้า รุนแรง เสียวซ่าน...



จนถะถั่งปลดปล่อยหยาดราคะ กระชากความสุขสมสู่จุดสูงสุดไปพร้อมกัน




#มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน

มีความกังวลเล็กน้อยเรื่องจังหวะเรื่องที่อาจจะแปลกประหลาด

ถ้าไม่โอเค หรือผิดพลาดตรงไหนบอกได้เสมอเลยนะคะ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม

รักมากๆ

-Martian-


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2019 16:58:19 โดย makok_num »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด