ลายที่ 12
Relationship
( ผูกสัมพันธ์ )
รู้ไหมว่าทำอะไรลงไป
ป่านอยากจะทึ้งหัว อยากจะตีตัวเองให้ตาย แม้ว่าความปวดหัวหนักอึ้งจะกำลังเล่นงานแทบตายทันทีที่ลืมตาก็ยังอยากตีซ้ำให้เข็ดหลาบ
ความทรงจำทุกอย่างไหลเข้ามาเหมือนน้ำป่าล้นทะลัก ภาพสุดท้ายคืออ้อมกอดและสัมผัสร้อนแรงที่ทำเอาป่านเผลอยกมือแตะริมฝีปาก คล้ายความรู้สึกยังเด่นชัด
บ้าไปแล้ว กล้าทำแบบนั้นได้ยังไง
ใบหน้าค่อยๆ ขึ้นสีระเรื่อ ก่อนเปลี่ยนเป็นแดงจัดไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่ได้
จนประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามาป่านสะดุ้งโหยง จะแสร้งทำเป็นหลับอยู่ก็ไม่ทัน ได้แต่เงยหน้ามองเจ้าของห้องตาปริบๆ
“ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงยืนมองใบหน้าแดงจัดขัดเขินอย่างน่าเอ็นดูก็คลี่ยิ้ม วางเสื้อผ้าที่ขนาดตัวเกือบจะพอดีกับป่านไว้ให้ก่อนลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามเท้าข้อศอกลงกับหัวเข้าจับจ้องกรุ้มกริ่มเหมือนจงใจจะแกล้งกัน “จำได้หรือเปล่าว่าเมื่อคืนทำอะไรไว้บ้าง”
ป่านยิ่งลนลานเลิ่กลั่ก สบตาพี่วาได้เพียงแวบเดียวก็เผลอกัดริมฝีปากแน่นส่ายหน้า “ไม่ครับ”
โกหกไม่เนียน ในเมื่อหน้าแดงแจ๋ขนาดนั้น ภาพจุมพิตดูดดื่มฉายซ้ำก็ยิ่งเห่อซ่าน
พี่วาหัวเราะเบาๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ กลัวน้องหัวใจวาย ดวงตาคมมองนิ่งรอให้น้องหันกลับมาสบตา สีหน้าเรียบนิ่งจริงจัง
“จะบอกพี่ได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น” ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าแววตานั้นอ่อนโยนและดูใจเย็นกว่าทุกครั้ง
เป็นผู้ใหญ่แบบที่วาเองก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเป็นได้เช่นกัน
ป่านเงียบ ยังคงปวดหัวเพราะอาการเมาค้างจึงยิ่งปวดหัวหนัก
“ผม... ไม่แน่ใจ” อึกอักเพราะแม้แต่ตัวน้องเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน
คล้ายคนหลงทาง สับสน หวาดกลัว... หนักอึ้งอึดอัดกับความคาดหวัง
“เรื่องเรียนเหรอ” ทว่าไม่ทันบอกอะไรพี่วาก็เอ่ยถามราวกับรู้ทัน
จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยถามน้องเรื่องนี้และป่านมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด พอเห็นสีหน้าแบบเดียวกันจึงเดาไม่ยาก
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” ถามทั้งที่ยังไม่มีคำตอบเหมือนกันว่าจะช่วยยังไง ทว่าความห่วงใยที่ส่งผ่านมาก็ทำให้ป่านคลี่ยิ้มออกมาด้วยความอุ่นใจ
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ” ไม่ใช่เพราะรู้ว่าพี่วาคงช่วยอะไรไม่ได้ แต่เมื่อคิดทบทวนแล้วสิ่งเดียวที่ต้องการก็คือการทำให้แม่มีความสุข
เพราะที่ผ่านมาการเหลือเพียงสองคนแม่ลูก การเห็นหม่ามี้ทำงานหนักทุ่มเทเพื่ออนาคตเพื่อความสุขของป่าน มันทำให้ป่านไม่เคยคิดตั้งคำถามกับความต้องการของตัวเองเลยสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไรความสุขของแม่ก็คือความสุขของป่าน เด็กน้อยรู้เพียงเท่านั้น
ถึงจะยังติดใจ แต่เมื่อจนแล้วจนรอดป่านก็ยังไม่สะดวกใจจะเล่า ยังไม่คิดพึ่งพิงเขา พี่วาก็ไม่ซักไซ้คาดคั้นต่อ เพียงยิ้มจางพลางเอื้อมมือลูบหัวน้องเบาๆ
“พี่อยู่ตรงนี้นะ” ยืนยันเพื่อให้ป่านอุ่นใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ชื่นชมทุกความคิดทุกการตัดสินใจของเด็กดีแสนฉลาดตรงหน้าและพร้อมจะอยู่เคียงข้าง
“ขอบคุณมากนะครับ”
“พี่เอาเสื้อผ้าคุณหนูมาให้ป่านคงใส่ได้” ร่างสูงลุกขึ้นยืน รอยยิ้มยังคงอ่อนโยนจนใจที่กำลังสั่นไหวกระตุกอีกครั้ง
“อาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าวนะครับ” น้ำเสียงและสรรพนามที่ฟังเรียกอย่างเอ็นดูทำเอาป่านหลุดยิ้มทั้งที่ยังกัดริมฝีปากบวมเจ่อไว้ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักว่าง่าย
รอจนแผ่นหลังพี่วาลับหายไปเด็กน้อยก็ทิ้งตัวลงตุบ จ้องเพนดานปล่อยให้ความคิดหลากหลายหลั่งไหลเข้ามาโดยไม่คิดห้าม กระทั่งรสสัมผัสเมื่อคืนและรอยยิ้มเจิดจ้า น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลมของพระอาทิตย์ยามเช้า ท่ามกลางกลิ่นอายของร่างกายอีกคนบนหมอน ผ้าห่ม เจือกระจายอยู่เต็มห้องก็ยิ่งทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน
ป่านยกมือแตะริมฝีปากอีกครั้ง ยิ่งคิดถึงหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงแทบคลั่ง
ชอบ... ชอบมากๆ
ชอบคนคนนี้มากๆ เลย
แต่ชอบมากถูกซ่อนไว้ในความเขินอายกลายเป็นความคลุมเครือเจือจาง เหมือนความกังวลที่ป่านเลือกแบกไว้คนเดียวความรู้สึกที่ไม่พูดให้แน่ชัดคงยากเกินจะเข้าใจ
“เฮียครับ”
“เชี่ย ขนลุก”
“ผมหล่อยังครับ” ร่างสูงในชุดสูทลำลองตัวเก่งยืนหมุนหน้ากระจกเลิกคิ้วถาม
“สูทอีกแล้ว? นี่มึงยังไม่สนิทกับยามโรงเรียนน้องเขาอีกเหรอวะ”
“เปล่า เมื่อวานกูไปส่งน้องแล้วเจอแม่เขาหน้าบ้าน”
“แล้ว?”
“วันนี้กูเลยแต่งใหญ่เผื่อน้องจะพาไปแนะนำตัว”
“...”
“ตื่นเต้นว่ะ เจอแม่ยายครั้งแรก” คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะแล้วใครจะกล้าห้าม
“เออ แล้วแต่มึงเลย”
ไม่มีใครปรามว่าความมั่นใจออกตัวแรงอาจจะทำให้แหกโค้งทีหลัง
เหตุการณ์กลับตาลปัตรจนทำให้คนที่หน้าบานตอนขับรถออกจากบ้านกลับมาด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียดตึงตัง สูทตัวนอกถูกถอดทิ้งไม่ไยดีสีหน้างุ่นง่าน
“เป็นไงเจอแม่ยายครั้งแรก”
“เหี้ยไรล่ะเฮีย” เกรี้ยวกราด
“โมโหใส่กูทำไมเนี่ย? น้องเขาไม่พามึงไปแนะนำเหรอ” พอถูกถามจี้จุดทิวากรก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ย้อนคิดถึงตอนที่ไปส่งน้องถึงบ้าน
ระยะหลังป่านกลับบ้านดึกขึ้นเพราะยิ่งใกล้สอบการติวก็ยิ่งเข้มข้น แถมน้องอ่านหนังสืออยู่ในร้านจนลืมเวลาหลายครั้ง
วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อกลับไปถึงบ้านก็เห็นรถของหม่ามี้อยู่ในลานจอดรถเรียบร้อยแล้ว และคงเพราะได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้านจึงออกมารับป่านด้วยตัวเอง
เด็กน้อยที่หลับมาตลอดทางถูกปลุกให้ตื่นก็งัวเงียเปิดประตูออกไปโดยไม่รู้ตัวว่าลืมกระเป๋านักเรียนไว้
โอกาสเหมาะที่วาจะเอาไปคืนแล้วถือโอกาสไหว้ฝากเนื้อฝากตัว
ทว่า...
“แนะนำ” ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่าน
“อ้าว แล้วมึงหงุดหงิดอะไร”
ทั้งที่ไปรับไปส่ง ทั้งที่เจอหน้ากันทุกวัน ทั้งที่แสดงออกขนาดนั้น แถมยังจูบกันแล้ว... ถึงน้องจะเมา แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าป่านจะเลือกปิดบังสถานะของเขาไว้หลังม่าน
“Grab”
“ฮะ?”
“ก็พอแม่เขาถามว่ากูเป็นใคร น้องก็แนะนำสั้นๆ คำเดียว”
“...”
“Grab” น้องอาจจะยังไม่พร้อม อาจจะสับสนไม่แน่ใจในสถานะที่ยังไม่ชัดเจนถึงจำเป็นต้องอ้างเขาก็เข้าใจ แต่แกร๊บเนี่ยนะ?
“โถ…”
“กูขับออดี้นะเฮีย” แถมใส่สูทอย่างดี หน้าตาก็หล่อเหลา
“เออ…ชีวิตมันก็ยังงี้” เฮียได้แต่พยักหน้าเข้าใจพลางตบบ่าเบาๆ
ท่าทีและคำพูดของป่านทำให้วากลับมาทบทวนบางอย่างอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความคิดน้อง เขาผ่านวัยนี้มาก่อนย่อมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่ผู้ปกครองจะเข้าใจ เพราะอายุของพวกเขาห่างกันมาก แถมหน้าตาสถานะทางสังคมก็ไม่ได้ทำให้แม่น้องวางใจได้ทันทีที่เจอหน้า ยิ่งอยู่ๆ เขาโผล่เข้าไปปุบปับคงทำให้น้องลำบากใจจนต้องเอ่ยออกไปแบบนั้น
แต่นั่นหมายความว่าป่านไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ครอบครัวฟัง
...คิดไปคิดมาก็น่าน้อยใจ
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะแนะนำให้ครอบครัวรู้จักจริงๆ แถมหลายวันมานี้เหมือนน้องกำลังกลัดกลุ้มอะไรบางอย่าง คงไม่อยากมีปัญหา แต่ว่า...
มีแต่คำว่าแต่... แต่มากเกินไป ทิวากรหงุดหงิดที่ยิ่งคิดก็ยิ่งวกวนไม่ได้ดั่งใจ
เขาอยากเดินหน้าให้มากกว่านี้... แต่ควรทำยังไง
“วันนี้ยุ่งเหรอครับ เห็นพี่ไม่ไปรับ…” ราวกับรู้ตัวเมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านเห็นพี่วานั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก็อ้อมแอ้มเดินไปทักทาย
รู้สึกผิด รู้ดีว่าพี่วาคงน้อยใจกับคำพูดไม่คิดของตัวเอง
“วันนี้ไม่ได้เรียก Grab นี่ครับ”
“โกรธผมเรื่องนั้นเหรอครับ”
“เปล๊า” แต่ท่าทีปฏิเสธเสียงสูงพร้อมกับเบือนหน้าไม่สนใจทำให้ป่านไม่พอใจเช่นกัน เด็กน้อยพูดโพล่งหลุดความคิด
“ผมไม่ผิดนะ ก็พี่ไม่เคยบอกสักหน่อยนี่ครับว่าเป็นอะไรกัน”
“อ้อ...” คนพี่ชะงัก หันมาเลิกคิ้วสบตา
ถ้าน้องจะพูดอย่างนั้น... เขาก็ยิ่งรู้ว่าต้องทำยังไง
“ในเมื่อพี่ไม่บอกเราก็...อื้อ!” สาวเท้าเพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวริมฝีปากทาบทับ ปิดคำพูดที่กำลังจะทำร้ายจิตใจซ้ำ ไม่ใช่แค่เพราะไม่อยากได้ยินคำแก้ตัวเฉไฉ แต่เพราะเขาคิดมาทั้งวัน ถ้วนถี่แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร
“งั้นพี่ต้องเป็นอะไรถึงจะทำแบบนี้กับน้องได้ ไหนบอกซิ” ไม่ได้อยากวู่วามทว่าเขาไม่อาจรอไหวอีกต่อไป
“พี่...วา...”
“พี่ชอบเรา” ความรู้สึกที่ทบทวีขึ้นทุกวันนั้นยิ่งกว่าชัดเจน
“พี่อยากดูแลเรา อยากเป็นที่พึ่ง อยากให้ป่านไว้ใจ”
“...” คราวนี้ไร้มึนเมา เอ่ยในสิ่งที่อยากเอ่ย ถามในสิ่งที่อยากถาม
“น้องป่าน คบกับพี่นะครับ”
ตอนที่น้องเลือกปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาหันไปพึ่งน้ำมึนเมา หรือแม้กระทั่งตอนที่บ่ายเบี่ยงกลบเกลื่อนปัญหาไม่ยอมบอกเขา วากลับยิ่งรู้สึกว่าอยากเป็นที่พึ่งได้มากกว่านั้น
เขาเคยกลัวความสัมพันธ์ และรู้ว่าน้องยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะกระโจนจ้วงเข้ามาในความสัมพันธ์
แต่เขาไม่อยากรอแล้ว ไม่อยากประวิงความต้องการจะอยู่เคียงข้าง พาคนตรงหน้าผ่านทุกอุปสรรค เขารู้ว่าตัวเองทำได้ พึ่งพาได้ ไว้ใจได้ ขอแค่น้องให้โอกาส
“ครับ”
เพราะเขาก็ชอบป่าน ชอบเด็กคนนี้
...ชอบมากๆ เลยเหมือนกัน
รู้ดีว่าทำอะไรลงไป
สัมผัสร้อนเหมือนจะยังติดอยู่บนริมฝีปาก จูบสะเปะสะปะอ่อนหัดของเด็กไม่รู้ประสากลับทำชายหนุ่มหวามไหวเกินคาด
รสสัมผัสชวนเมามายทั้งที่ไร้มึนเมากลับทำให้เมาค้างทั้งที่ผ่านมาแล้วหนึ่งวัน ราวกับพวกอ่อนประสบการณ์ทั้งที่จริงผ่านเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาก็หลายครั้ง
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีอะไรมายืนยันสักนิดว่าคราวนี้จะไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ทว่าเขาก็คว้ามันไว้ จับแน่นพร้อมเดินไปข้างหน้าไม่เหลียวหลัง
“มึงอ่านอะไรเห็นนั่งอ่านมาตั้งแต่เช้า” ความยินดีที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบังกลายเป็นอาการผิดปกติ ผิดวิสัยเด่นชัดจนเฮียอดถามไม่ได้
ไม่รู้ผีเข้าหรืออะไร อยู่ๆ ทิวากรก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เปิดปิดหนังสือเล่มหนาไปมาอย่างคนเสียอาการ
อาการหนัก ฟุ้งซ่าน
“ประมวลกฎหมาย” ยิ่งรู้ว่าเป็นหนังสืออะไรก็ยิ่งประหลาดใจ
“อ่านเพื่อ?” อย่าว่าแค่หนังสือ แต่หนังสือกฎหมาย... สงสัยจะผีเข้าจริงๆ
“อยากรู้ว่าจูบเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีนี่ติดคุกไหม”
ผีรัก ผีสวาท ผีเสียจริตน่ารำคาญ
“คือมึงจะขิงว่าได้จูบน้องเขาแล้ว กูเข้าใจถูกไหม?”
“งื้อออ”
“งื้อพ่อง!”
เฮียด่าในใจ
ไอ้สัด น่ารำคาญ
#มอปลายลายสัก #สักวาป่านหวาน #วาป่าน
สองสามวันที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกเหนื่อย ท้อ คิดว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอสักที
แต่พอคิดว่ายังมีคนรออยู่ก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันทีเลย
อยากบอกว่ากำลังใจของทุกคนส่งมาถึง และมีผลกับหัวใจป่วยๆ ท้อง่ายดวงนี้มากเลยค่ะ 55555
ผิดพลาดตรงไหนบอกได้เลยน้า
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ
รักมากๆ
- Martian -