DECEMBER อยากให้ทุกเดือนเป็นเดือนธันวา
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DECEMBER อยากให้ทุกเดือนเป็นเดือนธันวา  (อ่าน 8763 ครั้ง)

ออฟไลน์ KT-ReE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-5
(ต่อ)

ลัดดาพาทั้งสองสรงน้ำพระที่หน้าบ้าน เมื่อสรงน้ำพระเรียบร้อยแล้ว ธันวาจึงนำเก้าอี้ออกมาตั้งไว้หน้าบ้าน ยกขันเงินที่เตรียมไว้ออกมาพร้อมกับขันเงินใบเล็กอีกหนึ่งใบ จากนั้นดึงตัวไอ้พร้าวให้นั่งคุกเข่าข้างกัน

ลัดดานั่งเก้าอี้ มองดูธันวายกพานพวงมาลัยไปให้ไอ้พร้าว เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอมีสีหน้างุนงง

“เอาพวงมาลัยไปวางบนมือแม่พี่” ธันวาบอก ไอ้พร้าวทำตามทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงไม่นำไปวางเอง

ลัดดายิ้ม หงายฝ่ามือทั้งสองข้างรับพวงมาลัย ธันวาใช้ขันเงินใบเล็กตักน้ำที่เตรียมไว้พร้อมดอกไม้สามสีรดลงบนมือของผู้เป็นแม่ เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาเพียงแค่ทำอย่างตั้งใจ จากนั้นใช้ขันเงินตักน้ำอีกรอบแล้วส่งให้ไอ้พร้าว

ไอ้พร้าวรดน้ำลงบนมือของลัดดา มันรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จู่ๆ ดวงตาก็ร้อนผ่าว มันเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

ลัดดามองสองหนุ่มที่นั่งตรงหน้าก่อนจะวางพวงมาลัยไว้บนตักของตัวเอง

“มานี่สิลูก เข้ามาใกล้ๆ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน

ธันวามองไอ้พร้าวที่ดวงตาแดงก่ำ เขายิ้มแล้วพยักหน้าให้มัน ทั้งสองขยับเข้าไปใกล้ พนมมือกราบที่ตักของลัดดา เธอวางมือลงบนหัวทั้งสองคน

“แม่ขออวยพรให้ลูกๆ ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ นำพาแต่ความสุข อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เริ่มต้นใหม่นะลูก ขอให้มีความสุขกาย สบายใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยทั้งหลายทั้งปวง เป็นลูกที่น่ารักของพ่อและแม่อย่างนี้ตลอดไป”

ลัดดามองแผ่นหลังที่กำลังสั่นไหวของเด็กหนุ่มก่อนจะยื่นมือไปประคองอีกฝ่ายเข้ามากอด ไอ้พร้าวกอดตอบ ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กชายตัวน้อยๆ ธันวามองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วขยับเข้าไปโอบกอดทั้งสองคนไว้



“ไอ้ปืนโทรชวนไปเล่นน้ำที่สยามอะ อยากไป” ไอ้พร้าวเอ่ยขึ้นหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ธันวาส่งสายตาตำหนิให้มันทันที

“ไม่ได้ครับ เพิ่งหายไข้ จะไปเล่นน้ำได้ยังไง”

“ก็หายแล้วไง ผมแข็งแรงจะตาย” มันยังคงไม่ยอมแพ้

“อย่าไปเลยลูก เดี๋ยวไข้กลับจะแย่เอา ไม่ต้องรีบหรอกจ้ะ ที่กรุงเทพเขาเล่นน้ำกันถึงวันที่สิบห้า รอดูอาการสักวันสองวันก่อนเถอะ” เพราะลัดดาออกปากห้าม ไอ้พร้าวจึงยอมจำนน ธันวามองอย่างขบขัน

“ขำอะไรหรือธัน เราก็ดูแลน้องดีๆ ล่ะ อีกสักพักเพื่อนแม่จะมารับออกไปข้างนอก คงกลับค่ำหน่อย”

“ได้ครับแม่”

“แม่ขอไปเตรียมตัวก่อนนะ พร้าวมาช่วยแม่หน่อยซิ”

ธันวาขมวดคิ้วมองตามหลังคนทั้งสอง ท่าทางซุบซิบ หัวเราะคิกคักกันดูอย่างไรก็ไม่น่าไว้ใจ...เพิ่งเจอกันแท้ๆ แต่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว

หนึ่งชั่วโมงต่อมาเพื่อนของลัดดามารับที่บ้าน ธันวาเดินออกไปส่งและทักทายเพื่อนของแม่อย่างสนิทสนม ลัดดายิ้มโบกมือลาก่อนรถจะเคลื่อนออกไป

ซ่า!

“เฮ้ย!” ธันวาสะดุ้งโหยง ตัวของเขาเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของตัวการทำให้ธันวาโกรธไม่ลง ไอ้พร้าวโยนถังพลาสติกลงพื้น มันกุมท้องหัวเราะอย่างชอบใจ

“อย่าให้พี่เอาคืนนะ” เขาขู่เสียงเข้ม

“เอาคืนเหรอ แต่ผมไม่สบายอยู่นะ พี่บอกเองว่าไม่ให้เล่นน้ำ” ไอ้พร้าวตีหน้าซื่อ ธันวาขมวดคิ้ว...ต้องเป็นแม่แน่ๆ ที่ออกความคิดแกล้งเขา

“พี่ทำอะไรน่ะ” ไอ้พร้าวตกใจเมื่อธันวาถอดทั้งเสื้อและกางเกง เหลือไว้เพียงบ๊อกเซอร์ตัวบางที่เปียกลู่แนบผิวกายจนเห็นไปถึงไหน “พี่ไม่อายบ้างเหรอ คนข้างบ้านเขาจะตกใจเอานะ” มันมองอีกฝ่ายสลับกับมองออกไปนอกรั้วบ้านอย่างเลิ่กลั่ก

ธันวาไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะเห็น เขาบิดน้ำออกจากเสื้อผ้าแล้วพาดไว้กับเก้าอี้ไม้ใกล้ๆ จากนั้นก้าวเข้าไปหาไอ้พร้าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มันตื่นตกใจยิ่งกว่าเดิม ธันวาแกล้งยิ้มมุมปากราวกับพวกโรคจิตก่อนจะวิ่งเข้าหาไอ้พร้าวอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้มันได้ตั้งตัว

“อ๊ากกกกกกกก ไอ้พี่ธัน” ไอ้พร้าวหันหลังวิ่ง ร้องตะโกนออกมาดังลั่น

ธันวาวิ่งไล่ไอ้พร้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่ออีกฝ่ายวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน เขาก็วิ่งตามไปติดๆ สุดท้ายเป็นไอ้พร้าวที่สะดุดขาตัวเองล้มนอนหน้าคว่ำกับเตียง เขารีบนอนทับมันไว้ทันทีแล้วหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ

“ปล่อยยยยย จะแบนแล้ว” คนที่ถูกกักไว้ในอ้อมแขนร้องโวยวาย

ธันวากดปลายคางลงบนไหล่ไอ้พร้าวแล้วกระซิบที่ข้างหู “แกล้งพี่ดีนัก”

“เปล่าสักหน่อย แม่พี่บอกให้ทำต่างหาก”

“หือ จริงหรือ”

“จริง” ไอ้พร้าวกระแทกเสียง ผิวกายที่เย็นเล็กน้อยของอีกฝ่ายทำให้ขนลุกซู่ หัวใจของมันเต้นรัวเมื่อได้ใกล้ชิดเช่นนี้

ธันวาเพียงนอนนิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่ไอ้พร้าวเริ่มหมดความอดทน

“พี่ธัน”

“หือ” ธันวาครางตอบในลำคอ

“ลุกออกไปเลย...ก้นผมเปียกหมดแล้ว” ไอ้พร้าวรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยเมื่อความเปียกชื้นจากบ๊อกเซอร์ของธันวาซึมผ่านมายังกางเกงของมัน

“งั้นหรือ เปียกนิดเดียวไม่เป็นไรหรอก รอให้บ๊อกเซอร์พี่แห้งก่อนละกัน” ธันวาแสร้งบดเบียดสะโพกให้แนบชิดยิ่งขึ้น ใบหน้าของไอ้พร้าวเห่อร้อน เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันจึงรู้ว่าควรอยู่นิ่งๆ

“นี่ ของพี่มันใหญ่ขึ้น” ไอ้พร้าวพูดขึ้นเนิบๆ ไม่รู้สึกแปลกหรือรังเกียจแม้แต่น้อย มันเข้าใจดี...แนบชิดขนาดนี้ มีหรือจะไม่รู้สึก

“หึหึ ฮ่าๆ” ธันวาขยับลุกออกจากตัวอีกฝ่าย ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเคอะเขิน ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ายังหนุ่มยังแน่นจึงจุดติดไฟง่าย

ไอ้พร้าวยังคงนอนคว่ำ มันหันหน้าไปอีกด้านก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกี่ยวขอบกางเกงพร้อมบ๊อกเซอร์ของตัวเองลง โก่งสะโพกเล็กน้อยเพื่อให้ถอดง่ายขึ้น ขยับขาไปมาให้กางเกงร่นลงมาที่ข้อเท้าแล้วใช้เท้าเขี่ยออกไป

“ไปเอากางเกงมาเปลี่ยนให้หน่อย” มันสั่งพร้อมสะบัดมือไล่

ธันวากะพริบตาปริบๆ อย่างตกตะลึงก่อนจะก้มหยิบกางเกงกับบ๊อกเซอร์ของไอ้พร้าวขึ้นมาปิดส่วนนั้นของตัวเองที่ตื่นตัวเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองร่างกายของอีกฝ่ายอย่างสำรวจ...ตั้งแต่ปลายเท้า ปลีน่องที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยขึ้นมาถึงข้อพับขา สีผิวบริเวณเหล่านี้ล้วนคล้ำแดด ทว่าเหนือข้อพับขาขึ้นไปกลับมีผิวขาวเหลืองนวลเนียนน่าสัมผัส ก้นของมันแน่นตึงไม่ดูนุ่มนิ่มเหมือนอย่างผู้หญิง หากเพิ่มน้ำหนักอีกหน่อยคงเต็มไม้เต็มมือพอดี

“เอามาหรือยัง เย็นก้นจะตายแล้วนี่” ไอ้พร้าวเริ่มประท้วงเมื่อรอได้สักพักแล้วยังไม่มีกางเกงตัวใหม่มาให้เปลี่ยน

ธันวากลืนน้ำลายลงคอ ยอมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหากางเกงให้ไอ้พร้าวผลัดเปลี่ยน เมื่อได้กางเกงกับบ๊อกเซอร์ตัวใหม่แล้วจึงนำไปวางไว้ข้างตัวมัน จากนั้นยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับตัวเอง

ไอ้พร้าวหันมามอง จนกระทั่งธันวาแต่งตัวเสร็จจึงหันกลับไปอีกด้านตามเดิม

“รีบใส่กางเกงเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายอีก พี่ออกไปซื้อข้าวเที่ยงก่อนนะ อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

“อะไรก็ได้” มันตอบอู้อี้

รอจนธันวาออกไปจากห้อง ไอ้พร้าวถึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งห้อยขาที่ขอบเตียง มันสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาอย่างช้าๆ จากนั้นก้มมองงวงช้างของตัวเองที่กำลังตั้งตรงชี้หน้าอยู่ตอนนี้

หากธันวารู้เข้า คงจะล้อมันอย่างขบขัน...หรืออาจจะรังเกียจ



ตลอดสองวันที่ผ่านมา ทั้งไอ้พร้าวและธันวาอุดอู้อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน ไอ้พร้าวเริ่มหงุดหงิดเพราะไม่ได้ออกไปเล่นสาดน้ำกับไอ้ปืนสักที อีกทั้งไอ้เพื่อนรักยังขยันส่งรูปมาอวดให้มันอกแตกตายเล่น

ไอ้พร้าวเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบ จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว “วันสุดท้ายแล้วนะ ไปเล่นน้ำได้ไหม” มันถามอย่างหงุดหงิด

ธันวาเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะมองไปที่ผู้เป็นแม่เพื่อหาตัวช่วย

“แม่ว่าให้น้องไปเถอะ ไข้ที่เป็นก็หายสนิทแล้ว ปล่อยให้เที่ยวสนุกกับเพื่อนบ้างก็ดีเหมือนกัน” ลัดดาเข้าข้างไอ้พร้าวเสียอย่างนั้น

ธันวาถอนหายใจ “ก็ได้ครับ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ” เขาลุกขึ้นยืน

“หือ พี่ก็จะไปเหรอ” ไอ้พร้าวหรี่ตามองอย่างจับผิด

“ถ้าพร้าวจะไป ต้องมีพี่ไปด้วย ไม่ก็อยู่บ้าน”

“อายุเท่าพี่ยังเล่นสงกรานต์อยู่อีกเหรอ ไปกับพี่คงไม่มีคนกล้าสาดน้ำแน่ๆ”

“จะ ไป ไหม ครับ” ธันวาเน้นทีละคำอย่างใจเย็น...มันหาว่าเขาแก่งั้นหรือ

“โอเค ไปก็ไป” ใบหน้าเบื่อหน่ายของไอ้พร้าวทำให้ลัดดาขำออกมา

ธันวาตัดสินใจนั่งแท็กซี่เพื่อไปที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ ไอ้พร้าวตื่นเต้นกดส่งข้อความหาไอ้ปืนไม่หยุด จนกระทั่งมาถึงสถานที่นัดหมาย ธันวาซื้อซองกันน้ำไว้ใส่โทรศัพท์สองใบ ปล่อยให้ไอ้พร้าวเลือกปืนฉีดน้ำมาสองกระบอก เมื่อมันเลือกจนพอใจแล้วเขาจึงจ่ายเงิน ยืนรอไม่นานไอ้ปืนก็เดินมาพร้อมกับเด็กสาวที่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันจนไอ้พร้าวอ้าปากค้าง

“นี่เปรี้ยว แฟนกู เปรี้ยวนี่ไอ้พร้าวกับพี่ธัน” ไอ้ปืนยิ้มอย่างภูมิใจ เด็กสาวก้มหัวทักทายแล้วยิ้มอย่างเขินอาย

“สวัสดีครับ ชื่อเปรี้ยวเหรอ เหมาะกับชื่อนี้มากเลยนะ” ไอ้พร้าวยิ้มโปรยเสน่ห์จนธันวานึกหมั่นไส้

ทั้งสี่คนเดินเบียดเสียดฝูงชนมากมายที่แห่มาเล่นสงกรานต์ ไอ้พร้าวดูจะสนุกสนานกว่าใครเพื่อน หากตรงไหนมีกลุ่มหญิงสาวสวยๆ มันจะปรี่เข้าไปหาทันที ต่างจากธันวาที่แทบจะไม่ยกปืนฉีดน้ำขึ้นมาเล่น เขาเพียงเดินตามหลังไอ้พร้าวไปติดๆ ไม่ยอมให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว

มีหลายครั้งที่สาวๆ สนใจในตัวธันวามากกว่าไอ้พร้าว มันชักสีหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อพวกเธอพยายามเข้ามาประแป้งพี่ธันของมัน

“ไปที่อื่นเถอะ ตรงนี้คนแน่น” ไอ้พร้าวหาข้ออ้าง ใช้แผ่นหลังดันตัวธันวาให้ถอยห่างจากหญิงสาวกลุ่มนี้

เวลาเดินมาจนถึงห้าโมงเย็น ทั้งสองตัวแทบเปื่อยผิวขาวซีด ไอ้พร้าวโทรหาเพื่อนรักก่อนนั่งแท็กซี่กลับเพราะพลัดหลงกับไอ้ปืนตั้งแต่ตอนบ่าย

“หนาวๆ หนาวจะตายอยู่แล้ว” ไอ้พร้าวบ่นตั้งแต่อยู่บนรถแท็กซี่จนมาถึงบ้าน มันนั่งตัวสั่นงกๆ อย่างน่าสงสาร ธันวาก็เช่นกัน

“รีบไปอาบน้ำเถอะลูก” ลัดดายื่นผ้าขนหนูให้สองหนุ่ม

“ธันลงมาอาบข้างล่างก็ได้นะลูก” เธอตะโกนบอกลูกชายที่กำลังเดินขึ้นบันได

“ครับ”

เมื่อเข้ามาในห้อง ทั้งสองรีบเข้าไปถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นในห้องน้ำ ไอ้พร้าวเดินไปยืนใต้ฝักบัว แหงนหน้ารับสายน้ำอุ่นพลางชำเลืองมองธันวา

“อาบด้วยกันไหม” มันพูดก่อนอีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องน้ำ

ธันวามีท่าทีลังเลในตอนแรกก่อนจะเดินเข้าไปเบียดเด็กหนุ่มใต้ฝักบัวพร้อมเลื่อนปิดฉากกั้นอาบน้ำ ไอ้พร้าวหมุนตัวยืนหันหลังในอีกฝ่าย พื้นที่คับแคบจนไม่สามารถเดินหน้าหรือถอยหลังได้แม้แต่ครึ่งก้าวทำให้มันก่นด่าตัวเองในใจ

“ผมเหนียวไปทั้งหัวแล้ว เดี๋ยวพี่สระให้” ธันวาจับเส้นผมของไอ้พร้าวที่เกาะกันเป็นก้อน

“อืม”

ไอ้พร้าวหลับตาเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่นุ่มนวล ปลายนิ้วที่กำลังนวดโคนผมให้นั้นดีเหลือเกิน หากนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ มันคงหลับไปแล้ว

“เสร็จแล้วครับ รีบอาบน้ำเถอะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มปลุกมันให้ตื่นจากภวังค์

“เกือบหลับละ” ไอ้พร้าวพูดเสียงอู้อี้

ธันวาหัวเราะในลำคอ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่ท้ายทอยลงมาจนถึงข้อเท้าอย่างละเอียดโดยที่มันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด

เมื่อไอ้พร้าวล้างสบู่จนสะอาด ธันวานึกสนุกขึ้นมาจึงแกล้งปัดขวดสบู่ลงตรงหน้ามัน

“เก็บมาให้พี่หน่อย”

ไอ้พร้าวกลอกตาอย่างรำคาญ มันใช้เท้าเขี่ยขวดสบู่ไปด้านหลังแล้วเดินออกจากห้องน้ำทันที ธันวาหัวเราะอย่างชอบใจ

...น่ารัก



วันหยุดยาวผ่านไปแล้ว ทั้งสองต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ไอ้พร้าวมองปฏิทินแขวนบนผนังที่อู่ เหลืออาทิตย์เดียว...มันมีเวลาอยู่กับธันวาอีกเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์

หัวใจของมันบีบแน่นเมื่อนึกถึงวันที่ต้องห่างจากอีกฝ่าย...ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้พบกันอีก

“แม่กูบอกให้กลับบ้านวันจันทร์นี้ ไม่อยากกลับเลยว่ะ แล้วน้องเปรี้ยวของกูจะอยู่ยังไง” ไอ้ปืนนั่งย่องๆ บ่นข้างไอ้พร้าว

“มึงจะห่วงทำไม ไม่ได้ใช้จมูกร่วมกันหายใจซะหน่อย เขาก็อยู่เองได้มาตั้งแต่เกิดจนโตมามีแฟนโง่ๆ แบบมึง” ไอ้พร้าวพูดพลางถอดล้อรถออก

“ไอ้ห่า ให้กำลังใจดีฉิบหาย มึงล่ะ จะกลับพร้อมกูไหม”

“ไม่อะ กูกลับเสาร์หน้า วันอาทิตย์นี้พี่ธันจะพาไปดูมหาลัย” แม้จะมีเวลาอีกสองปีก่อนเข้ามหาลัย แต่ธันวาอยากพามันไปดูมหาลัยแต่ละที่ก่อน มันจะได้มีเป้าหมายไว้ในใจ

“มึงยังจะเรียนต่ออีกเหรอะ กูน่ะไม่ไหวละ จบมอหกคงขึ้นมาทำงานที่อู่ลุงตุ้ย”

จากนั้นพวกมันทั้งสองก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ไอ้พร้าวยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเรียนคณะอะไร ส่วนไอ้ปืนยังหาข้ออ้างเพื่อมาทำงานที่อู่ของลุงตุ้ยไม่ได้ พวกมันต่างกลัดกลุ้มใจกับอนาคตของตัวเองและเพื่อนรัก

เมื่อมาถึงวันอาทิตย์ ธันวาขับรถพาไอ้พร้าวออกไปดูมหาลัย เขาพามันแวะไปดูหลายที่พร้อมอธิบายสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

แววตาของไอ้พร้าวเป็นประกาย มันคิดเสมอว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเมื่อเข้ามหาลัย...หากธันวาได้รู้คงยกมือขึ้นนวดขมับกับความคิดของมัน

“พี่เรียนที่นี่ครับ เปลี่ยนไปเยอะเลย นี่เป็นตึกคณะของพี่” ธันวาชี้ให้ดู ไอ้พร้าวมองตามแล้วนึกภาพอีกฝ่ายสวมชุดนักศึกษา คงเท่ไม่เบา

“ค่อยๆ คิดว่าอยากเรียนอะไร วางแผนไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะได้มีเป้าหมาย”

“แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว” ไอ้พร้าวขมวดคิ้ว ให้คิดล่วงหน้าตั้งสองปี ใครจะคิดออกเล่า

ขากลับธันวาได้แวะซื้อข้าวเย็นกลับมาด้วย เมื่อทานข้าวเย็นเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองผลัดกันเข้าไปอาบน้ำ ธันวาอาบน้ำเสร็จเป็นคนแรกจึงออกมาจัดโต๊ะที่ระเบียงระหว่างรอไอ้พร้าว วันนี้เขาอนุญาตให้มันดื่มได้หนึ่งวัน

กระป๋องเบียร์เปล่าวางเรียงรายบนพื้นเกือบสิบกระป๋อง ไอ้พร้าวพูดจ้อไม่หยุด ธันวาเพียงนั่งฟังอย่างขบขัน นิ้วเรียวคีบบุหรี่ไว้ในมือพร้อมยกเบียร์ขึ้นดื่ม จากนั้นวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะแล้วอัดควันบุหรี่เข้าปอด เขามักสูบบุหรี่สลับกับดื่มเบียร์จนเป็นนิสัย ยิ่งเมาก็ยิ่งสูบหนักโดยไม่รู้ตัว

ไอ้พร้าวมองอีกฝ่ายพ่นควันสีขาวออกมาอย่างอ้อยอิ่งด้วยใจที่เต้นรัว “ขอตัวนึง” มันแบมือไปตรงหน้าธันวา

“สูบด้วยหรือ น้าเลรู้หรือเปล่า” ธันวาขมวดคิ้ว

“ไม่รู้ ไม่เคยสูบให้เห็น” มันยังคงแบมือค้างไว้อย่างนั้น

“ไม่ได้ครับ พร้าวยังเด็ก จะสูบได้ยังไง” น้ำเสียงติดจะดุของธันวาทำให้ไอ้พร้าวไม่พอใจ มันยกกระป๋องเบียร์ที่เหลืออยู่ครึ่งขึ้นดื่มจนหมดรวดเดียว

ธันวาส่ายหน้าก่อนจะมองบุหรี่ในมือ...หากหมดมวนนี้คงไม่สูบให้ไอ้พร้าวเห็นอีก คิดได้ดังนั้นจึงยกบุหรี่ขึ้นชิดริมฝีปากหมายจะสูบเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าไอ้พร้าวไวกว่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากเกือบสัมผัสกัน มันจับมือเขาไว้ บังคับให้หันปลายก้นกรองบุหรี่มาที่ริมฝีปากเพื่ออัดควันเข้าปอดแล้วแหงนหน้าพ่นควันสีขาวออกมาอย่างช้าๆ จนหมด

ธันวาไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้าได้ ไอ้พร้าวหันมาสบตายิ้มอย่างท้าทาย มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง เพียงแค่ริมฝีปากแตะที่ปลายก้นกรองบุหรี่ก็ถูกฝ่ามือข้างนั้นของธันวาประคองใบหน้าไว้...

ไอ้พร้าวหลับตาลงเมื่อลมหายใจอุ่นเป่ารดข้างแก้ม ซึมซับบรรยากาศหวานละมุนยามริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกัน ต่างคนต่างบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอีกฝ่าย ดูดดึงจนพอใจก่อนจะเปิดปากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม ปลายลิ้นไล่รุกจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ

ความแสบร้อนที่หว่างนิ้วทำให้ธันวาเผลอปล่อยก้นบุหรี่ลงพื้น สติที่หลุดลอยไปไกลกลับคืนมา เขาผลักไอ้พร้าวออกห่าง ทั้งเขาและมันต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ธันวาหันหน้าไปทางอื่น ยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากที่เปียกแฉะของตัวเอง การกระทำนั้นทำให้หัวใจของไอ้พร้าวบีบแน่นจนต้องกลั้นหายใจ...ธันวารังเกียจมัน!

ไอ้พร้าวกัดริมฝีปากล่าง “ไปนอนก่อนนะ” มันเดินเข้าห้องทันที

ธันวามองแผ่นหลังอีกฝ่ายด้วยความอึดอัด คำขอโทษติดอยู่ในลำคอ...ไอ้พร้าวคงโกรธเขาแล้ว

ผ่านไปครู่ใหญ่ธันวาจึงเดินเข้ามาในห้องนอน ไอ้พร้าวนอนหลับไปแล้ว เขาลังเลว่าควรปลุกมันดีหรือไม่ เขาไม่อยากปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคา อยากจะบอกกับมันว่าขอโทษ อธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจจูบ หรือควรบอกว่าแค่แกล้งเล่นเท่านั้น...จริงๆ แล้วมันเพราะอะไรกัน เขาจูบไอ้พร้าวเพราะอะไร

สุดท้ายธันวาก็เลือกที่จะปล่อยให้เรื่องในคืนนี้ค้างคาใจ เขายังมีเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อหาเหตุผลสำหรับเรื่องนี้

ไอ้พร้าวลืมตามองคนที่นอนข้างกายในความมืดครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงตามเดิม...มันตัดสินใจแล้ว

วันรุ่งขึ้นไอ้พร้าวตื่นมาเตรียมอาหารเช้าอย่างที่เคยทำ มันนั่งดูโทรทัศน์รอธันวาออกมาทานอาหารด้วยกัน ทว่าอีกฝ่ายกลับเดินออกจากห้องไปโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ ไอ้พร้าวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตา มันควรจะเก็บของได้แล้วเพราะตัดสินใจกลับบ้านพร้อมไอ้ปืนวันนี้ ทั้งที่เช้านี้ตั้งใจจะบอกธันวาแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่อยากพูดกับมันแม้แต่ครึ่งคำ

ไอ้พร้าววางกุญแจห้องและโทรศัพท์มือถือที่ธันวาให้มาไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น มันมองรอบๆ ห้องก่อนจะถอนหายใจออกมา ทุกย่างก้าวช่างหนักอึ้ง เรี่ยวแรงหายไปเกือบหมดเพียงแค่เดินออกจากห้อง

กี่ปีมาแล้วที่ได้รู้จักกัน คงจะแปดหรือเก้าปีได้ เป็นเพราะมันที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป จากนี้คงไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนอย่างเดิมได้อีก



“ยืมโทรศัพท์มึงหน่อย” ไอ้พร้าวแบมือไปตรงหน้าเพื่อนรัก

ไอ้ปืนเหลือบมองก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้ จากนั้นหันกลับไปร่ำลาแฟนสาวของมันที่อุตส่าห์มาส่งถึงหมอชิต

“มึงเป็นอะไร” ไอ้ปืนหงุดหงิดกับท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเพื่อนรัก ไอ้พร้าวยึดโทรศัพท์มือถือของมันไปเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าจะว่าคืนให้

“กูสบายดี” ไอ้พร้าวตอบพร้อมกดลบข้อความที่เพิ่งพิมพ์เสร็จ จากนั้นพิมพ์ประโยคเดิมใหม่อีกรอบ ไอ้ปืนชะโงกดูอย่างเสียมารยาทแล้วหรี่ตามองเพื่อนรักอย่างจับผิด

“มึงทะเลาะกับพี่ธันเหรอ”

“เปล่า”

“กูไม่เชื่อ”

“เรื่องของมึง” ไอ้พร้าวตัดสินใจกดส่งข้อความแล้วมองออกไปนอกกระจกรถอย่างเหม่อลอย

‘ผมกลับบ้านแล้วนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน’



TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2019 22:33:14 โดย KT-ReE »

ออฟไลน์ KT-ReE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-5
ธันวาที่ 9 (Part 6)


เลยืนกอดอกมองไอ้หลานรักที่กลับมาจากกรุงเทพพร้อมไอ้ปืนโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า มันมาถึงหน้าอำเภอเมื่อตอนเช้าตรู่ของวันนี้ หลังจากที่ลุงกิตมาส่งถึงบ้าน มันก็เอาแต่นั่งเหม่อที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ไม่ยอมพูดจากับใคร แม้แดดจะแรงแค่ไหนก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม

เลส่ายหน้าอย่างจนใจ สงสารก็แต่ธันวา เมื่อคืนอีกฝ่ายโทรมาหา บอกอย่างร้อนใจว่าไอ้พร้าวหนีกลับบ้าน ทั้งยังถามว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี พอเขาถามกลับว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าตัวกลับเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะบอกว่าไม่มีอะไรแล้ววางสาย แต่เลค่อนข้างแน่ใจว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งตัวต้นเหตุคงไม่พ้นไอ้พร้าวที่หอบกระเป๋าหนีกลับบ้านมาอย่างกะทันหันเช่นนี้

“น้องเป็นอะไรไปครับ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ธันบอกอะไรบ้างหรือเปล่า” พัทธ์รัวคำถามไม่หยุดตั้งแต่เห็นท่าทีแปลกไปของไอ้พร้าว

“เอ็งมาถามข้า แล้วข้าจะรู้เหรอะ ข้าไม่ใช่มันซะหน่อย” เลขมวดคิ้ว ชักจะรำคาญอีกฝ่ายขึ้นมา ปวดหัวกับไอ้คนเป็นหลานแล้วยังต้องมาปวดหัวกับพ่อของมันอีก

“ถ้ารู้ว่าคุณไร้ประโยชน์ขนาดนี้ ผมคงไม่ถามให้เปลืองน้ำลายหรอก” พัทธ์มองเลตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวด้วยสายตาเหยียดหยาม

“อ้าว ไอ้นี่ นับวันยิ่งปีกกล้าขาแข็งยืนเถียงฉอดๆ หึ ทีตอนข้าเอาสากตำทำเป็นแข้งขาอ่อน ลิ้นเปลี้ย ไม่เห็นจะเก่งอย่างนี้” เลยิ้มอย่างผู้ชนะ พัทธ์มองใบหน้านั้นด้วยความไม่พอใจ

“ลองโดนบ้างไหมล่ะ เหมือนนั่งทับตอไม้แข็งๆ ทื่อๆ เอาตะเกียบยัดก้นยังรู้สึกดีกว่าซะอีก” พัทธ์เดินเข้าไปหาไอ้พร้าวทันทีที่พูดจบ

เลกัดฟันกรอดๆ มองตามหลังอีกฝ่ายอย่างโมโห...มันเห็นตะเกียบที่เล็กกว่านิ้วก้อยดีกว่าสากกะเบือของเขาได้อย่างไร!

“ไปทานข้าวได้แล้วครับ น้าเลอุตส่าห์ทำไข่ตุ๋นให้ สาคูไส้หมูของโปรดพร้าวก็มีนะ หรืออยากกินอะไรก็บอกลุงได้ ลุงจะไปหามาให้” พัทธ์ลูบหัวผู้เป็นลูกชายเบาๆ

ไอ้พร้าวเงยหน้ามอง ดวงตาของมันแดงก่ำ น้ำตาเม็ดโตกลิ้งลงจากหน่วยตาก่อนจะไหลออกมาไม่ขาดสาย มันร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็ก ยื่นสองแขนกอดเอวลุงพัทธ์ของมันไว้แน่น พัทธ์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รีบหันไปสบตาเลเพื่อขอความช่วยเหลือ เลส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้ามาลูบหลังหลานชาย

“เอ็งเป็นอะไร เอาแต่เงียบแบบนี้พวกข้าก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเอ็งยังไง ทะเลาะกับไอ้ธันมาใช่ไหม เอ็งโกรธหรือน้อยใจอะไรมันนักหนาถึงได้หนีมา มันเป็นห่วงเอ็งมากนะรู้ไหม” ยิ่งเลพูด ไอ้พร้าวก็ยิ่งร้องไห้

“อ้าว ไอ้นี่...อะ อยากร้องก็ร้องไป” เลยิ้ม เขายอมให้มันร้องไห้ฟูมฟายดีกว่านั่งเงียบไม่พูดไม่จาเหมือนอย่างตอนแรก

เมื่อไอ้พร้าวร้องไห้จนพอใจแล้ว มันจึงยอมทานข้าวที่เลและพัทธ์เตรียมไว้ให้ จากนั้นขึ้นไปเก็บของที่ห้องนอน ดวงตาแดงก่ำมองกระเป๋าที่หอบหิ้วขึ้นรถโดยสารกลับมาด้วย เสื้อผ้าข้าวของไม่ต่างจากวันแรกที่ไปอยู่กับธันวามากนัก แม้อีกฝ่ายจะซื้อให้ตั้งมากมาย แต่ไม่ได้เอากลับมาด้วยเลยสักชิ้น

ไอ้พร้าวมองปฏิทินบนโต๊ะ มันมีเวลาอีกสองอาทิตย์ก่อนเปิดเทอม และอีกสองปีก่อนจะเข้ามหาลัย มันควรทำอะไรสักอย่างเพื่ออนาคตของตัวเอง หากปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เหมือนอย่างแต่ก่อน คงได้กลายเป็นคนไม่เอาไหนไปตลอด

อาจจะจริงอย่างที่ธันวาว่า มันควรวางแผนชีวิตได้แล้ว...แต่เป้าหมายของมันคืออะไร

ใบหน้าของธันวาเป็นสิ่งแรกที่ไอ้พร้าวนึกถึง...นี่น่ะหรือเป้าหมายของมัน ดูเหมือนจะไม่มีทางไหนให้ไปถึงเป้าหมายได้เลย ไม่มีเขาวงกตให้มันหาทางออกหรือประตูลับให้เลือกเปิดเพื่อไปพบธันวา มีเพียงกล่องสี่เหลี่ยมที่ทั้งมืดและคับแคบ...มันถูกขังอยู่ในนั้น

ควรทำอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง ต้องเริ่มจากตรงไหน...หรือมันต้องตัดใจ



ผ่านไปได้สองวันไอ้พร้าวก็กลับมาเป็นคนเดิมเหมือนอย่างที่เคยเป็น เลและพัทธ์ไม่ได้เอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างมันกับธันวาอีก

“ไอ้พร้าวลงมากินข้าวได้แล้ว” เลตะโกนเรียกหลานจากนอกบ้าน

“เดี๋ยวหนูลงไป” ไอ้พร้าวชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่างห้องนอน

“รีบลงมาล่ะ ไม่มีคนช่วยไอ้พัทธ์ล้างผัก”

“จ้ะ” มันมองตามหลังผู้เป็นน้าก่อนจะเดินกลับมานั่งบนเตียงตามเดิม

ไอ้พร้าวก้มมองกำไลทองในมือ เสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระดิ้งเล็กๆ นั่นทำให้มันยิ้มออกมา ปลายนิ้วสัมผัสรอบตัวกำไลพลางคิดว่าตอนนั้นข้อเท้าของมันเล็กขนาดนี้จริงหรือ

“หือ” มันเงยหน้าขึ้นเมื่อลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาจากทางหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของมัน

ไอ้พร้าวหลับตาลงเพื่อซึมซาบความรู้สึกนั้น...ราวกับมีใครคนหนึ่งโอบอุ้มมันไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม เสียงฮัมเพลงแผ่วเบาที่ดังก้องอยู่ในหูชวนให้เคลิบเคลิ้มล่องลอย จุมพิตบนหน้าผากยังคงอุ่นซ่านในใจแม้ผละออกห่าง

“พร้าว”

มันลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก มองไปรอบห้องด้วยความสงสัย...ใครกันที่เรียกชื่อมัน เป็นน้ำเสียงที่ไม่คุ้นหูเลยแม้แต่น้อย

พลันสายตาหยุดที่กรอบรูปของลีบนโต๊ะ ไอ้พร้าวเอียงคอมองรูปใบนั้นก่อนจะยิ้มออกมา

“ลีเหรอ...ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ”



หนึ่งวันก่อนที่ไอ้พร้าวจะกลับไปอยู่หอพัก มันตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อช่วยเลและพัทธ์เตรียมอาหารถวายภัตตาหารเพลที่วัด เมื่อถึงเวลาสิบโมงเช้าอาหารทั้งคาวหวานก็ถูกเตรียมไว้เรียบร้อย ทั้งสามจึงเดินทางไปวัด

เมื่อมาถึงวัด ไอ้ปืนและแม่ของมันกำลังรออยู่ ทั้งห้าคนช่วยกันตักอาหารใส่ถ้วยจาน มีคนในหมู่บ้านอีกห้าหกคนมาช่วยจัดเตรียม เลยิ้มทักทายทุกคน เขาพอจะจำได้ว่าคนที่มาเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทของลีตอนสมัยเรียน

เลและพัทธ์มองไอ้พร้าวประเคนภัตตาหารด้วยท่าทางสำรวม ผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มเมื่อมันคลานเข่ามานั่งข้างๆ หลังจากพระฉันภัตตาหารเพลเสร็จ ทุกคนต่างตั้งจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปในระหว่างที่กรวดน้ำ

“เอาน้ำในแก้วไปเทที่โคนต้นไม้นะ” เลส่งแก้วน้ำให้หลาน

ไอ้พร้าวรดน้ำลงบนโคนต้นไม้ด้วยจิตใจที่สงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งที่ค้างคาในใจมาตลอดสิบกว่าปีได้หายไปจนหมดสิ้น...มันหาลีพบแล้ว รู้แล้วว่าลีอยู่ที่ไหน

ไอ้พร้าวลุกขึ้นยืน เงยหน้ามองท้องฟ้า

“กำลังมองอยู่ใช่ไหมจ๊ะ”



พอเปิดภาคเรียนใหม่ ไอ้พร้าวตั้งใจว่าจะเปลี่ยนตัวเอง มันตั้งใจเรียน ขยันอ่านหนังสือ พยายามที่จะค้นหาว่าตัวเองชอบสิ่งไหนหรืออยากทำอะไร มันทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนทั้งหมด จะได้ไม่มีเวลาคิดถึงใครอีกคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบสามเดือนแล้ว

“เรียนหนักมากเลยเหรอะ เอ็งพักบ้างก็ได้ เดี๋ยวจะเป็นบ้าไปซะก่อน” เลกอดอกมองหลานที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือตั้งแต่เช้ายันบ่าย

“ไม่ตั้งใจเรียนก็ด่า พอตั้งใจเรียนก็บ่น น้าเลจะเอายังไงกันแน่” ไอ้พร้าวแสร้งทำสีหน้าไม่พอใจ

“อ้าว ไอ้นี่ ข้าก็แค่หวังดี อยากให้พักผ่อนบ้างก็เท่านั้น” เลถอนหายใจ “เอ็งน่ะเหมือนคนปกติซะที่ไหน ตอนเกเรก็เป็นไอ้หลานเวร ใครหน้าไหนก็เอาไม่อยู่ พอมาตั้งใจเรียนก็หักโหมจนจะต้มหนังสือกินแทนข้าวอยู่แล้ว...ความพอดีน่ะ เอ็งรู้จักบ้างไหม”

“ก็หนูเพิ่งกลับมาเรียนจริงๆ จังๆ ไงน้าเล ความรู้ของปีก่อนก็ต้องมาไล่เรียนใหม่หมด ไอ้ที่เรียนอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่เข้าหัว”

“ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ ไม่ต้องกดดันตัวเองหรอก แค่เอ็งเรียนจบมอหก ข้าก็อยากปิดถนนเลี้ยงโต๊ะจีนแล้ว เรื่องมหาลัยน่ะลองปรึกษาไอ้ธันดู เมื่อวานมันเพิ่งโทรมาหาข้า ถามไถ่เรื่องของเอ็งนั่นแหละ” เลหรี่ตามองหลานอย่างจับผิด

“เหรอจ๊ะ” ไอ้พร้าวก้มหน้าอ่านหนังสือราวกับไม่สนใจในสิ่งที่ผู้เป็นน้าพูด

“พวกเอ็งนี่ก็แปลก ยังไม่คืนดีกันอีกเหรอะ ข้าเป็นคนกลางก็ลำบากใจเป็นเหมือนกันนะเว้ย เอ็งก็ขอโทษมันไปเถอะ เรื่องจะได้จบๆ”

“...............”

“ตามใจเอ็งละกัน ปล่อยให้ข้าลำบากใจไปอย่างนี้แหละ” เลส่ายหน้าอย่างจนใจก่อนจะเดินจากไป

ไอ้พร้าววางปากกาในมือลง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะขึ้นมาดู...ไม่มีสายโทรเข้าหรือข้อความจากคนที่มันรอ ในเมื่อธันวาเป็นฝ่ายปฏิเสธมันเอง แล้วจะให้ทำอย่างไร

ครืด ครืด

ไอ้พร้าวสะดุ้งตกใจจนเกือบปล่อยโทรศัพท์มือถือร่วงลงพื้น มันเพ่งมองชื่อที่โชว์บนหน้าจอด้วยใจที่เต้นแรง ลองหลับตาปี๋แล้วลืมตาขึ้นมองหน้าจอใหม่ ทำอยู่สามรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด

“ทำไงดีวะ ทำไงดี” มันกระชับโทรศัพท์ในมือแน่น ลุกขึ้นเดินไปมา จนกระทั่งสายตัดไป ไอ้พร้าวหยุดเดิน ยืนนิ่งมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนน้ำตาเม็ดโตจะร่วงเผาะๆ

...มันพลาดโอกาสสุดท้ายไปแล้ว

ธันวาถอนหายใจ ลังเลว่าควรโทรไปอีกรอบหรือรอให้ไอ้พร้าวโทรกลับมาหาเอง สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะรอให้มันโทรกลับมาหา คำพูดมากมายที่เตรียมไว้ไร้ความหมาย ความกล้าที่มีหดหายไปจนหมด

หากวันนั้นเขาพูดขอโทษออกไป เรื่องคงไม่ค้างคาใจจนถึงวันนี้ หากวันนั้นเขาตามมันไป ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคงกลับไปเป็นเหมือนอย่างเดิมแล้ว

ทำไมถึงกลายเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้

ธันวาหลับตาลง...เขาจะไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว เมื่อเรียกความมั่นใจกลับมาได้จึงกดโทรออกอีกครั้ง...นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้คุยกับอีกฝ่าย เขาอยากจะเอ่ยขอโทษ อยากปรับความเข้าใจ แม้สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์นี้อาจจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม

“ฮัลโหล” เพียงไม่กี่วินาที คนปลายสายก็กดรับ น้ำเสียงอู้อี้ของไอ้พร้าวทำให้ธันวาเป็นกังวล

“พร้าว สบายดีไหม น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ”

“ก็สบายดี แล้วพี่ล่ะ” ไอ้พร้าวยกมือขึ้นปาดน้ำตา กลั้นเสียงสะอื้น แววตาของมันเต็มไปด้วยความดีใจ มันกดรับสายทันทีที่ธันวาโทรมาหาอีกครั้งโดยไม่ลังเล

“สบายดีครับ...เป็นยังไงบ้าง เรียนหนักหรือเปล่า” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของธันวา เขาดีใจที่มันถามกลับมา แม้จะถามไปอย่างนั้นเองก็ตาม

“เรื่อยๆ ไม่ได้หนักเท่าไหร่” ไอ้พร้าวมองไปที่กองหนังสือบนโต๊ะด้วยความเหนื่อยล้า

“อย่าหักโหมมากนะครับ มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้” ธันวารู้ว่ามันโกหก เขารู้เรื่องของมันจากเลมากพอสมควร ทั้งจากปากเลเองและรูปที่ส่งมา

“อืม รู้แล้ว”

จากนั้นต่างฝ่ายต่างเงียบ แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ยบอกอีกฝ่าย

” พี่ขอโทษ” เป็นธันวาที่กลั้นใจพูดออกมาก่อน

“ขอโทษเรื่องอะไร” พี่ธันของมันทำอะไรผิด...มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยหรือ

“เรื่องวันนั้นที่พี่จู...ที่พี่ทำกับพร้าวแบบนั้น” ธันวาไม่กล้าเอ่ยคำว่า จูบ ออกมา เพราะกลัวมันจะรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมรู้พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ก็ลืมๆ มันไปเถอะ จูบกับผู้ชายด้วยกันคงรู้สึกขยะแขยงใช่ไหม ฮ่าๆ” ไอ้พร้าวเค้นเสียงหัวเราะออกมาให้ฟังดูขบขัน

“พี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย” ธันวาปฏิเสธทันที

“ยอมรับมาเถอะน่า ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมรับได้” มันยังคงพยายามพูดหยอกเย้าอีกฝ่าย

“พร้าวรู้สึกแบบนั้นหรือ” คำถามของธันวาทำให้ไอ้พร้าวชะงัก...ทำไมต้องพูดจริงจังขนาดนี้

“ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงหรอก ที่จริงก็ไม่ต่างจากจูบกับผู้หญิง” ไอ้พร้าวยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองอย่างเคอะเขิน พวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่

“พี่ไม่ใช่ผู้หญิง” ธันวาเอ่ยก่อนจะกดตัดสาย

ไอ้พร้าวกะพริบตาปริบๆ มองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความงุนงง...โกรธอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงโกรธไปได้ ยังไม่ได้บอกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเสียหน่อย

ธันวาทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียง เขาไม่สามารถหุบยิ้มไปเลยหลังจากวางสาย เพียงแค่ไอ้พร้าวบอกว่าการจูบกับเขาไม่ต่างจากจูบกับผู้หญิง...หากให้ตีความ นั่นหมายความว่ามันไม่ได้รู้สึกแปลกหรือรังเกียจตัวเขา อาจจะรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำไป

ชายหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นนั่ง...เขาจะเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่า แต่พอคิดว่ามันรู้สึกดีกับจูบนั้น ธันวาก็ปัดความคิดที่แย้งขึ้นมาในใจทิ้ง

ถ้าการหลอกตัวเองทำให้คนเรามีความสุข เขาก็จะยอมเป็นหนึ่งในนั้น

หลังจากวันนั้นทั้งสองได้โทรติดต่อกันมากขึ้น ค่อยๆ ปรับเข้าหากันจนสามารถกลับไปเป็นเหมือนอย่างเดิมได้ ต่างเพียงความรู้สึกที่มีให้กันนั้นมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างรับรู้สิ่งนี้แต่ไม่กล้าเอ่ยถึง เพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกเช่นตน



“โอ๊ย ไอ้พัทธ์ เจ็บนะเว้ย เอ็งจะอะไรนักหนากับเงินไม่กี่บาท ข้าแค่เอาไปซื้อบุหรี่ซองเดียวเอง” เลวิ่งออกมาจากครัวด้วยใบหน้าแดงก่ำ สองแขนและลำคอเริ่มเกิดรอยแดง

“ผมบอกหลายครั้งแล้วนะ ถ้ายังไม่เคลียร์เงิน ห้ามแตะเงินเด็ดขาด อยากได้เงินก็ให้มาบอกผมก่อน ไม่ใช่คิดจะหยิบก็มาหยิบออกไป” พัทธ์เดินตามมาติดๆ มือข้างหนึ่งถือเครื่องคิดเลข อีกข้างถือผ้าเช็ดโต๊ะ พอพูดจบก็สะบัดผ้าฟาดตัวอีกฝ่ายเต็มแรง

เลรีบยกแขนขึ้นป้อง “หยุดตีได้แล้ว เห็นไหมนี่ แขนข้าแดงไปหมดแล้ว” เขาชูแขนให้พัทธ์ดู

“ถึงจะตีจนแขนหัก คนอย่างคุณก็ไม่หลาบจำหรอก คราวหน้าอย่าให้มีอีกนะ” พัทธ์ขว้างผ้าเช็ดโต๊ะมาที่เลก่อนสะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปในครัว

“ไอ้ขี้งก นี่มันร้านข้านะเว้ย เงินก็เงินข้าทั้งนั้น” เลบ่นอุบอิบ เมื่อมองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าไปในครัวแล้วจึงล้วงซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ริมฝีปากยกยิ้มอย่างภูมิใจ...กว่าจะเก็บหอมรอมริบทีละสิบ ยี่สิบบาทไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“มองอะไรวะ” เลถามอย่างเอาเรื่องเมื่อเจอสายตาดูแคลนของผู้เป็นหลานชาย

“หนูมีตังค์ให้ยืมนะ” ไอ้พร้าวตีหน้าซื่อเห็นอกเห็นใจน้าของมัน เลหมั่นไส้เต็มทนจึงฟาดเข้าที่หัวเกรียนๆ ของมันหนึ่งที

“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ ทั้งพ่อทั้งลูก”

“หนูเจ็บนะ หนูจะฟ้องลุงพัทธ์ ลุงพั...” ไอ้พร้าวเตรียมจะแหกปากร้องตะโกนเรียกพัทธ์แต่ถูกเลปิดปากไว้ได้ทัน

ผู้เป็นน้าลากหลานชายมาที่ชายหาด เมื่อแน่ใจว่าห่างจากร้านมากพอจึงปล่อยให้มันเป็นอิสระ

“จะฆ่าหนูเหรอ เกือบขาดใจตายแล้ว” ไอ้พร้าวโวยวาย ทำหน้ามุ่ย

“ใครบอกให้เอ็งปากมากล่ะ เดี๋ยวข้าก็ซวยเปล่าๆ”

เลนั่งลงบนพื้นทรายแล้วดึงหลานให้นั่งลงตาม จากนั้นล้วงซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง คลำหาไฟแช็กเพื่อจุดบุหรี่ เขาสูบควันเข้าปอดแล้วพ่นออกมาอย่างอ้อยอิ่ง

“โอ้ สวรรค์ นี่แหละชีวิต” เลหลับตาสูดกลิ่นทะเลอย่างผ่อนคลาย

“ลุงพัทธ์อยากให้น้าเลิกบุหรี่ เขาถึงทำแบบนี้” ไอ้พร้าวบอกในสิ่งที่รู้ เลหันมองหลาน หัวคิ้วขมวดเป็นปม เขาเพิ่งได้ยินเหตุผลนี้เป็นครั้งแรก

“เอ็งรู้ได้ไง มันไม่เคยบอกให้ข้าเลิกซะหน่อย”

“แต่ลุงพัทธ์บอกหนู”

เลหรี่ตามองหลานอย่างจับผิดก่อนจะมองบุหรี่ในมือ หากสิ่งที่ไอ้พร้าวพูดเป็นความจริง ทำไมพัทธ์ถึงไม่บอกกับเขาตรงๆ มันคงง่ายกว่าการมานั่งนับเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อจับผิดว่าเขาขโมยเงินหรือเปล่า แต่พอมานั่งนึกอีกที หากอีกฝ่ายมาบอกตรงๆ ว่าให้เขาเลิกบุหรี่...

“ถ้าลุงพัทธ์มาบอกให้น้าเลเลิก น้าจะเลิกไหม” ไอ้พร้าวถามได้ตรงใจพอดี

“ไม่” เลลอยหน้าลอยตาตอบ อัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอดอีกรอบ ไอ้พร้าวทำปากเบ้ คำตอบที่ได้ไม่ต่างจากที่คิดไว้เลยแม้แต่น้อย

“ลุงพัทธ์หวังดี น้าเลน่ะดื้อ พูดไม่ฟัง”

“อ้าว ไอ้นี่ เป็นเด็กเป็นเล็ก กล้าสั่งสอนข้าเหรอะ” เลผลักหัวไอ้หลานรักเบาๆ

“พอหนูพูดความจริง ก็ทำเป็นรับไม่ได้”

ครืด ครืด...

ไอ้พร้าวคลำที่กระเป๋ากางเกงตัวเอง มันล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาดูแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอ เลมองหน้าหลานก่อนชะโงกดูโทรศัพท์ในมืออีกฝ่าย ไอ้พร้าวรีบเอามือไขว้หลังซ่อนโทรศัพท์จากเขา

“น้าเลไม่มีมารยาท มาดูโทรศัพท์คนอื่นแบบนี้ได้ยังไง” มันหน้าบึ้ง ลุกขึ้นยืน สะบัดหน้าเดินหนีเข้าบ้าน

“เอ๊ะ ไอ้พวกนี้ ไม่พอใจก็สะบัดหน้าหนี พอๆ กันทั้งพ่อทั้งลูก” เลส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขาอัดควันบุหรี่อีกรอบแล้วมองบุหรี่ในมืออย่างครุ่นคิด...เห็นทีต้องลดลงหน่อยแล้ว ลดลงทีละนิดจนกว่าจะเลิกได้ แต่พอนึกถึงสีหน้าไม่พอใจของพัทธ์ยามจับได้ว่าเขาขโมยเงินไปก็ตัดสินใจได้ว่า เขาจะเลิกบุหรี่ แต่ไม่เลิกขโมยเงิน

เลอมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของคนรัก แม้พัทธ์จะไม่ใช่เด็ก อีกทั้งอายุยังเลยสามสิบไปแล้ว แต่เขากลับมองว่าอีกฝ่ายน่ารักน่าชังไม่ต่างจากหลานชายของตัวเอง

อยากจะแกล้งหยอกล้อให้โมโหเล่น หากโกรธ เขาจะง้อ หากด่า เขาจะทำหูทวนลม หากอยากระบายความโกรธ เขาจะไม่ตอบโต้

“ยิ้มอยู่ได้ เป็นบ้าหรือไง” พัทธ์กอดอกมองเลที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว

เลหันไปมอง บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม เขากวักมือเรียกอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ พัทธ์มองอย่างไม่ไว้ใจ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้าไปหา

“หือ หรือจะผีเข้าจริง” พัทธ์ยิ้มเมื่อถูกเลกอดเอวไว้แน่น ใบหน้าคมซบลงที่หน้าท้องก่อนจะส่ายหน้าไปมาจนรู้สึกจั๊กจี้ เขาหัวเราะออกมาดังลั่น พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนนี้ แต่กลับถูกรั้งให้ลงมานั่งบนตักอีกฝ่าย

“อืม” เลส่งเสียงออกมา กระชับกอดแน่นกว่าเดิมจนพัทธ์ยอมนั่งนิ่ง

“อืมอะไร” พัทธ์ขยับสะโพกหนีฝ่ามือที่กำลังลูบไล้

“ผีเข้า...ผีทะเล” เลตีหน้าซื่อ ฝ่ามือใหญ่คลึงเคล้นสะโพกแน่นตึงของอีกฝ่าย

“ไอ้บ้า!” พัทธ์กัดฟันกรอดๆ ใบหน้าแดงก่ำ

“เอาตรงนี้หรือไปใต้ต้นมะพร้าว โขดหินตรงนั้นก็ดีนะ เสียแต่เดินไกลไปหน่อย ครั้งก่อนก็ได้แบกเอ็งกลับมา” เลซุกไซ้จมูกที่ลำคอพัทธ์

“ไม่เอา!” พัทธ์ปฏิเสธเสียงแข็ง

“สามวันแล้วนะ” เลทำหน้าหงอย กระพริบตาปริบๆ

“ก็ได้ แต่อาบน้ำก่อน” พัทธ์นิ่งไปครู่ก่อนจะตอบอุบอิบ

“งั้นในห้องน้ำก็ได้” แววตาของเลเป็นประกาย

พัทธ์หลบสายตาคู่นั้น...เขาจะปฏิเสธได้หรือ

“อืม ไปกันเถอะ”

ไอ้พร้าวกดรับสายของธันวา เอ่ยทักทายอีกฝ่าย ไถ่ถามเรื่องทั่วไปที่ได้เจอในวันนี้ด้วยรอยยิ้ม สองเท้าเร่งเดินให้ถึงห้องนอนของตัวเอง

“อยู่บ้านเบื่อๆ มาหาพี่ได้นะ” ธันวาลองถามออกไปเพราะเดือนตุลาคมเป็นช่วงปิดเทอมของไอ้พร้าว

“อยากไป แต่น้าเลไม่ให้ไป ไอ้ปืนก็เพิ่งเข้ากรุงเทพวันนี้ มันไปอยู่กับลุงตุ้ย” ไอ้พร้าวตอบเสียงหงอย มันงอแงจะไปด้วย แต่เลกับพัทธ์ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ไปรบกวนธันวาอีก

“พี่คุยกับพี่เลให้ไหม” ธันวาเริ่มมีความหวังขึ้นมา

“ไม่เป็นไร ผมอยู่ช่วยงานที่ร้านดีกว่า” ไอ้พร้าวทิ้งตัวนอนลงบนเตียง

“หรือครับ น่าเสียดาย อีกสามวันพี่จะขึ้นไปเชียงราย ถ้าพร้าวมากรุงเทพ เราจะได้ไปด้วยกัน” ดวงตาคมทอดมองท้องถนนเบื้องล่างด้วยความผิดหวังก่อนจะปิดผ้าม่าน เขาหยิบหมอนใบที่ไอ้พร้าวเคยหนุนนอนขึ้นมากอด กดจมูกสูดกลิ่นกายของมันที่จางหายไปนานแล้ว

“ฮ่าๆ ถ้าไปต้องซื้อทั้งตั๋วไปกรุงเทพไปเชียงราย ผมไม่มีเงินหรอกนะ” ไอ้พร้าวพูดอย่างขบขัน

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้าพร้าวมา พี่จ่ายให้อยู่แล้ว อยากได้อะไร พี่ก็จะซื้อให้” น้ำเสียงจริงจังจากปลายสายทำให้มันยิ้มออกมา

“หือ ขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าผมเอาสาวไปด้วย พี่จะจ่ายให้ด้วยไหม” ไอ้พร้าวพูดหยอกเย้าอีกฝ่ายไปอย่างนั้น ทว่าคนฟังกลับชะงักไปครู่

“กระปุกออมสินพร้าวยังอยู่นะ ถ้าเอาแฟนมาด้วยก็จ่ายเองครับ” ธันวามีสีหน้าตึงเครียด เขาได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะดังลั่น

“ขี้งก” ไอ้พร้าวว่า

“มีแฟนแล้วหรือ ทำไมไม่เล่าให้พี่ฟังเลยล่ะครับ” ธันวากัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนห้อเลือด

“จำเป็นต้องบอกด้วยเหรอ ฮ่าๆ พี่ก็รู้ว่าหล่อๆ อย่างผมมีแต่สาวเรียงคิวเข้ามาหา เดี๋ยวลอยกระทงปีนี้จะเปลี่ยนเป็นนางนพมาศละ” ไอ้พร้าวยังคงไม่เอะใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากปลายสาย

“งั้นหรือ ดีจังเลยนะครับ” ธันวาพยายามฉีกยิ้ม แม้อีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม

“แล้วพี่ล่ะ ไม่ใช่พาสาวเข้ามาอยู่แล้วขนข้าวของผมไปทิ้งหมดนะ” ไอ้พร้าวยังคงไม่เลิกพูดหยอกเย้า

“เป็นธรรมดาครับ เก่าไป ใหม่มา” ธันวาเค้นเสียงหัวเราะ มองไปรอบๆ ห้องนอน

ข้าวของไอ้พร้าวยังคงอยู่ครบทุกชิ้น บางอย่างก็ยังวางอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้พาใครมาที่ห้องอีกตั้งแต่วันที่มันกลับบ้าน แม้ว่ายิ่งเห็นจะยิ่งทำให้คิดถึง แต่เขาก็ยอมให้มันเป็นเช่นนี้

“ฮ่าๆ นั่นสินะ” ไอ้พร้าวรู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตา หัวใจเจ็บแปล๊บราวกับถูกเข็มทิ่ม...เป็นคนถามเองแท้ๆ ทั้งที่ตั้งใจจะหยอกเย้าธันวาเล่นเท่านั้น แต่พอได้ยินคำตอบกลับทำให้มันเจ็บปวด และยิ่งตอกย้ำความรู้สีกที่มีต่ออีกฝ่าย

“..................”

“แล้วธันวาปีนี้ พี่จะมาไหม” ไอ้พร้าวขมวดคิ้วกับน้ำเสียงที่สั่นเครือของตัวเอง

“ถ้าไปได้ พี่จะไปครับ...แค่นี้ก่อนนะ พี่นัดเพื่อนออกไปข้างนอก” ธันวากดตัดสายทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวลา

ธันวาเอนตัวลงนอน ในอ้อมแขนยังคงกอดหมอนใบนั้นแน่น...ทำไมเขาถึงไม่พอใจ ไม่มีเหตุผลที่จะต้อง หวง อีกฝ่าย ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ สถานะของพวกเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม นั่นคือ พี่น้อง

ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ความคุกรุ่นในใจยังคงไม่หายไป หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงได้อกแตกตายสักวัน



“มึงเป็นอะไร” ไอ้ปืนหรี่ตามองเพื่อนรักที่นั่งข้างกัน

ตอนนี้พวกมันกำลังนั่งอยู่หน้าเวทีประกวดนางนพมาศของจังหวัด ไอ้ปืนอุตส่าห์มาจองที่ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเพื่อให้ได้นั่งแถวหน้าเหมือนอย่างปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนไอ้พร้าวจะไม่ได้กระตือรือร้นเลยสักนิด

“มึงถามกูเหรอ” ไอ้พร้าวเลิกคิ้ว

“ไม่ถามมึง แล้วจะให้กูไปถามผีที่ไหน” ไอ้ปืนชักสีหน้า

“กูก็สบายดี ถ้ากูป่วยก็คงไม่มา มึงนี่ถามแปลกๆ”

“อ้าว ก็กูเห็นมึงนั่งเฉยๆ ปีก่อนมึงแทบจะเหมาดอกกุหลาบทั้งงานมาให้นางงาม แถมยังตัดที่น้าเลปลูกไว้หน้าบ้านมาจนหมด กูนี่ซวยโดนด่าไปด้วยเลย”

ไอ้ปืนยังจำตอนนั้นได้ดี พอพวกมันกลับมาจากงาน น้าเลก็ยืนถือไม้เรียวรออยู่แล้ว ไอ้พร้าวถูกตีไปหลายทีจนร้องไห้ ส่วนมันก็ถูกด่าหาว่ารู้เห็นเป็นใจ กว่าจะได้กลับบ้านต้องมานั่งสำนึกผิดกับไอ้พร้าวตั้งสองชั่วโมง

“กูไม่มีเงิน น้าเลให้มาแค่หกสิบบาท” ไอ้พร้าวหาข้ออ้างไปอย่างนั้น มันเองก็แปลกใจที่ตัวเองไม่ได้ตื่นเต้นกับงานลอยกระทงเหมือนปีที่ผ่านมา

“มึงๆ นั่นจ๋า เมียเก่ามึง” ไอ้ปืนกระซิบกระซาบ สายตามองไปยังผู้หญิงที่แต่งชุดไทย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูสวยหวานชวนมอง เธอเป็นนางนพมาศเมื่อปีก่อน และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไอ้พร้าวจริงจังด้วย

“เออ กูเห็นแล้ว” ไอ้พร้าวมองไปที่หญิงสาวคนรักเก่า เธอชะงักไปครู่เมื่อเห็นมันมองมา

“เฮ้ยๆ เขามองมึงด้วย” ไอ้ปืนตีต้นขาเพื่อนรักไปเสียหลายทีด้วยความตื่นเต้น

“มึงจะตื่นเต้นทำไมวะไอ้ห่า” ไอ้พร้าวปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างหงุดหงิด

“คนนี้กูเชียร์เว้ย ในบรรดาเมียของมึง กูว่าจ๋าดีที่สุด”

“เออ เขาน่ะดี แต่กูไม่ดีไง พ่อแม่เขาถึงไม่เอากู” ไอ้พร้าวพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร แรกๆ ก็เจ็บอยู่หรอก รักกันอยู่ดีๆ แต่ต้องเลิกเพราะเหตุผลที่มันบอกไป

จ๋าเป็นคนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ครอบครัวมีหน้ามีตาในสังคม เทียบกับมันแล้ว...ต่างกันราวฟ้ากับเหว มันจึงไม่พยายามทำอะไรเพื่อรั้งเธอไว้

“กูว่า...เหมือนจ๋ายังรักมึงนะ กูได้ยินว่ามีคนตามจีบเขาเยอะ แต่เขาไม่สนใจใครเลย มึงไม่ลองอีกรอบล่ะ”

“ไม่ ปล่อยเขาไปน่ะดีแล้ว” ได้มองจากตรงนี้ก็ดีมากแล้ว

ไอ้พร้าวส่งยิ้มให้จ๋าเมื่อเห็นแววตาลังเลคู่นั้น เธอยิ้มตอบกลับมา ริมฝีปากขยับเล็กน้อยเหมือนต้องการพูดบางอย่าง ทว่าถูกเรียกให้ขึ้นไปบนเวทีเสียก่อน

“เฮ้อ ปวดกบาลกับมึงจริงๆ ถ้าเป็นกูนะ ใจพร้อม กายก็พร้อมเว้ย ยิ้มหวานให้ขนาดนี้ กูตามกลับบ้านไปด้วยละ” ไอ้ปืนลุกขึ้นยืนโบกไม้โบกมือให้จ๋าที่อยู่บนเวที ไอ้พร้าวส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับความคิดของเพื่อนรักก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กำลังใจคนรักเก่า

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2019 22:34:34 โดย KT-ReE »

ออฟไลน์ KT-ReE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-5
(ต่อ)

พวกมันไม่ได้อยู่จนจบงานเหมือนปีที่ผ่านมา ไอ้พร้าวจำเป็นต้องแบกไอ้ปืนที่เมาไม่ได้สติกลับบ้าน มันเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่มีสายเรียกเข้าจากธันวาแล้วกลับไปมองถนนเบื้องหน้าอย่างลังเลว่าควรกดรับดีหรือไม่

ไอ้ปืนที่นั่งข้างคนขับสะลึมสะลือล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วพูดอ้อแอ้

“คราย ครายโทรมา ฮาโหล กุด มอนิง ทิชเชอร์”

“ไอ้ห่านี่” ไอ้พร้าวมองเพื่อนรักอย่างขบขัน

“ฮาโหล ทำไมไม่พูด อ้าว ไม่ใช่เครื่องกูเหรอะ” ไอ้ปืนเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม จากนั้นหยิบเครื่องของไอ้พร้าวที่วางอยู่ขึ้นมารับ

“ฮาโหล กุดไนท์ๆ ครายโทรมา อารายนะ ไม่ได้ยิน” มันตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือดังลั่น

“ฮ่าๆ พี่ธันวางสายก่อนเดี๋ยวโทรกลับ ขับรถอยู่” ไอ้พร้าวตะโกนแข่ง

“เออๆ โอเค ว่าง ว่างตลอด มีอารายก็พูดมา” ไอ้ปืนยังคงไม่หยุด จนกระทั่งธันวากดตัดสาย

“พอเลยมึง วางโทรศัพท์กูลงเลย”

“พ่อมึงโทรมา” ไอ้ปืนหันมาบอกก่อนจะวางโทรศัพท์ลงอย่างเบามือ

“เออ พ่อกูเองแหละ นอนไปเลยนะมึง เมาแล้วแม่งน่ารำคาญ” ไอ้พร้าวบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“กูจะนอนแล้วนะ กูจะนอนจริงๆ ถึงบ้านแล้วมึงก็ไม่ต้องปลุก เดี๋ยวกูนอนไม่ครบแปดชั่วโมง”

“ได้ กูจะไม่ปลุกมึง กูจะเอามึงไปลอยทะเลให้ฉลามกิน” ไอ้พร้าวทั้งขำทั้งรำคาญ

“มึงมันใจร้าย กูขอให้พี่ธันทิ้งมึง”

“มึงพูดบ้าอะไร” ไอ้พร้าวไม่ทันได้เอ่ยปากด่า ไอ้ปืนก็หลับไปเสียแล้ว

จากตัวจังหวัดมาถึงหมู่บ้านใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที ไอ้พร้าวแบกเพื่อนรักไปส่งถึงห้องนอน จากนั้นขับรถกลับบ้าน น้าเลบ่นนิดหน่อยที่รถมีกลิ่นเหล้า มันแสร้งทำหูทวนลมแล้วเดินหนีเข้าบ้าน

“ถึงบ้านแล้วหรือ กลับดึกมากเลย ขับรถตอนกลางคืนมันอันตรายนะครับ ใบขับขี่ก็ไม่มี แล้วได้ดื่มหรือเปล่า” ธันวาบ่นทันทีเมื่อกดรับสาย ไอ้พร้าวกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย มันเดินเข้าไปในห้องนอน ล็อกประตูให้เรียบร้อย

“ปีก่อนกลับดึกกว่านี้อีก ไม่ต้องห่วง ขับรถสบายมาก แล้วก็ไม่ได้ดื่มด้วย ไอ้ปืนดื่มคนเดียว” ไอ้พร้าวถอดเสื้อผ้าออกจนหมด

“ดีแล้วครับที่ไม่ดื่ม พี่ก็กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะครับ”

“หือ อะไร” ไอ้พร้าวเดินเข้าไปในห้องน้ำ มันทั้งเหนียวตัวทั้งมีกลิ่นเหล้าจากไอ้ปืนติดตัวมาด้วยจึงอยากจะอาบน้ำใหม่อีกรอบ

“ก็นางนพมาศไงครับ” น้ำเสียงติดจะประชดเล็กน้อยของตัวเองทำให้ธันวาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“สวยพอๆ กับปีก่อน ไอ้ปืนแทบจะปีนเวทีขึ้นไปหา ฮ่าๆ อืม...แต่ถ้าให้พูดตามตรง จ๋าสวยกว่านะ วันนี้ได้เจอยังนึกเสียดายที่เลิกกัน” ไอ้พร้าวบอกไปตามที่คิด

“งั้นหรือครับ” ธันวารู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินสักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าคนที่ไอ้พร้าวเอ่ยถึงนั้นเป็นใคร เธอคือเด็กสาวที่มันตกหลุมรักในตอนนั้น

“แค่นี้ก่อนนะพี่ ผมอาบน้ำก่อน พรุ่งนี้จะโทรหาใหม่”

“อย่าเพิ่งวางครับ พี่มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะเลย กลัวว่าพรุ่งนี้จะลืม” ธันวาหาข้ออ้างไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงเขาแค่อยากมีเวลาร่วมกับมันให้มากกว่านี้

“แต่ผมจะอาบน้ำ”

“พี่รอได้”

ไอ้พร้าวมองโทรศัพท์มือถือด้วยความแปลกใจ วันนี้พี่ธันของมันแปลกไปจากทุกที มันปัดความสงสัยนั้นทิ้งไป จากนั้นหาที่วางโทรศัพท์มือถือในห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำชำระร่างกาย

เสียงหยดน้ำกระทบพื้นกระเบื้องทำให้ธันวานึกถึงวันที่ได้อาบน้ำพร้อมกับมัน เพียงแค่นึกภาพ ส่วนนั้นของเขาก็เริ่มตื่นตัว

นี่เขากลายเป็นพวกโรคจิตไปแล้วหรือ เพียงแค่จินตนาการก็เป็นได้ถึงขนาดนี้

“อาบเสร็จแล้ว แต่งตัวแป๊บนะ”

“พี่ง่วงแล้ว แค่นี้นะครับ” คนปลายสายบอกก่อนจะตัดสายไป ไอ้พร้าวยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงุนงง



สัปดาห์ต่อมา ธันวาบอกไอ้พร้าวว่าจะมาหาตอนต้นเดือนธันวาคม มันดีใจจนเนื้อเต้น ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีระหว่างตำน้ำพริก เลและพัทธ์เหลือบมองอย่างสงสัย ทั้งสองสบตากันก่อนเลจะตัดสินใจถาม

“มีเรื่องอะไรเหรอวะ ดูเอ็งอารมณ์ดีผิดปกติ”

“พี่ธันจะมาหาหนูจ้ะ” ไอ้พร้าวยิ้มแป้นจนน่าหมั่นไส้

“มันก็มาเที่ยวของมันอยู่แล้ว ใครบอกว่ามันมาหาเอ็ง” เลแกล้งแหย่หลานเล่น

ไอ้พร้าวหน้าบึ้งทันที “พี่ธันบอกเอง ถ้าน้าไม่เชื่อก็โทรถามเลย” มันเชิดหน้า

“เออๆ เอาที่เอ็งสบายใจ ถ้ามันเอาเมียมาด้วย เอ็งก็อย่าไปวุ่นวายกับมันล่ะ” เลแสร้งบอกด้วยน้ำเสียจริงจัง ไอ้พร้าวชะงักไปครู่ก่อนจะตำน้ำพริกเสียงดังลั่นครัว

“เอ็งดูมันสิ หึหึ โอะโอ๊ย ปล่อยๆ เจ็บนะเว้ย” เลกระซิบพัทธ์ด้วยความขบขันจึงถูกหยิกที่เอวเสียเต็มแรง

“กล้าดียังไงมาแกล้งลูกผม” พัทธ์ส่งสายตาตำหนิแล้วเดินเข้าไปปลอบไอ้พร้าวที่อารมณ์เสียเพราะผู้เป็นน้า



“พี่ธันๆ” ไอ้พร้าวกระโดด โบกไม้โบกมือให้คนที่เพิ่งเดินออกมา วันนี้มันยอมโดดเรียนหนึ่งวันเพื่อมารับธันวาที่สนามบิน

“มาได้ยังไงครับ ไม่ไปโรงเรียนหรือ” ธันวามองไปรอบๆ แต่ไม่พบใครนอกจากคนตรงหน้า

“ขับรถมา” ไอ้พร้าวตอบพร้อมชูกุญแจรถให้อีกฝ่ายดู

“โดดเรียนมาใช่ไหมครับ ไม่ดีเลย” ธันวาบ่นอย่างไม่จริงจังนัก เขาไม่สามารถปกปิดความดีใจในแววตาได้

“วันเดียวเอง พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว เอามา เดี๋ยวช่วยถือ” ไอ้พร้าวแย่งกระเป๋าลากจากมือธันวา “พี่หิวไหม จะแวะกินก่อนหรือไปกินที่บ้าน” มันลากกระเป๋าพลางถามไปด้วย

ธันวายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “เที่ยงแล้วหรือ ไปกินที่ร้านดีกว่าครับ” ตอบด้วยรอยยิ้ม

ระหว่างทาง ไอ้พร้าวพูดคุยไม่หยุดจนธันวาต้องเตือนให้มันมีสมาธิในการขับรถ มีหลายครั้งที่เขาแอบมองมันอย่างสำรวจ ไม่แน่ใจนักว่ามันจะรู้ตัวหรือเปล่า

เนื่องจากสนามบินอยู่อีกจังหวัดจึงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึง ‘ร้านน้องพร้าว’ ไอ้พร้าวกำลังจะเปิดประตูรถทว่าถูกธันวาแขนรั้งไว้ มันมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย...ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนต้องกลั้นหายใจ เพียงไม่กี่วินาทีปลายจมูกของธันวาก็กดที่แก้มของมัน

ธันวาสูดกลิ่นกายของไอ้พร้าวเข้าเต็มปอด ตามด้วยริมฝีปากกดจูบที่แก้มของมันหลายครั้งจนเกิดเสียงน่าอาย ไอ้พร้าวนั่งนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้นจนพอใจ

“คิดถึงนะครับ” ธันวาเกลี่ยปลายจมูกที่แก้มไอ้พร้าวไปมา

“.....................”

“พี่จูบได้ไหม” เขาผละออกห่างเพื่อมองใบหน้าของมันชัดๆ

ไอ้พร้าวหน้าแดงก่ำไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่าเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำตา เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ จนขนตาเปียกชุ่ม

...ช่างดูบอบบางและน่าแกล้งหยอกเย้าเหลือเกินในสายตาของธันวา

“ไปกันเถอะครับ พี่เลเดินมาทางนั้นแล้ว” ธันวาขยับตัวออกห่างแล้วลงจากรถ

ไอ้พร้าวซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ยกมือขึ้นทาบหัวใจที่เต้นแรง เกือบตายแล้ว...มันเกือบจะตายไปแล้ว

“เป็นไง สบายดีไหม” เลยกมือขึ้นตบไหล่ธันวา

“สบายดีครับพี่ มีอะไรให้กินบ้าง ผมหิวมาก” ธันวาลูบท้องตัวเอง

“มาๆ เตรียมไว้ให้เยอะเลย ไอ้พร้าวล่ะ ไปไหน”

“อยู่ในรถครับ เดี๋ยวก็ลงมา” ธันวายิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย

“ดูมีความสุขนะเอ็ง กำลังจะมีข่าวดีเหรอะ ทำไมไม่พามาเที่ยวด้วยล่ะ”

“ฮ่าๆ ยังหรอกครับ” ธันวายกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเก้อเขิน

“แล้วนี่พักไหนล่ะ”

“พักรีสอร์ตพี่ติ๋มเหมือนเดิมแหละครับ”

“อ้าว ทำไมไม่มานอนกับไอ้พร้าวล่ะ จะไปเช่ารีสอร์ตให้เสียเงินทำไม ไอ้พร้าว! เอ็งจะไปไหน” เลเอ่ยชวนธันวา ก่อนจะตะโกนเรียกหลานที่เดินก้มหน้าไปอีกทาง ไอ้พร้าวชะงักเท้าแล้วหมุนตัวเดินกลับมาทางเลและธันวา

“ได้หรือครับ เจ้าของห้องเขาจะไม่ว่าหรือ ถ้าผมมานอนด้วย” ธันวาพูดพลางชำเลืองมองไอ้พร้าว มันเงยหน้ามองอย่างงุนงง

เลโบกมือปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไม่ต้องห่วง มันน่ะนับวันรอเอ็งมาทุกวัน เตียงมันก็ออกจะกว้างขวาง นอนสองคนได้สบายอยู่แล้ว”

“มะ ไม่ได้! หนูไม่ให้นอนด้วย” ไอ้พร้าวแหกปากโวยวายดังลั่นเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดถึง

“เอ๊ะ ไอ้นี่” เลชักจะไม่เข้าใจไอ้หลานรัก ทั้งที่ตอนนั้นดีใจมากแท้ๆ ที่จะธันวามาหา แต่พอวันนี้กลับโวยวายไม่ยอมให้อีกฝ่ายมาพักด้วย

“ช่างเถอะครับ ผมแค่พูดเล่นไปอย่างนั้น ไหนครับกับข้าวที่เตรียมไว้ให้ผม” ธันวารีบห้ามทัพก่อนสงครามน้ำลายระหว่างน้าหลานจะเกิดขึ้น ไอ้พร้าวมองธันวาอย่างไม่พอใจก่อนเดินกระทืบเท้าเข้าไปในร้าน

“เอ็งดูมันสิไอ้ธัน โตจนมีเมียได้แล้วยังทำตัวเป็นเด็ก ข้าล่ะปวดกบาลกับมันจริงๆ” เลยกมือขึ้นนวดขมับ ธันวาพยายามกลั้นขำกับท่าทางนั้น

ตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมา ไอ้พร้าวเอาแต่หลบหน้าธันวา ไม่ยอมพูดคุยหรือเข้าใกล้เขาอีกเลย ธันวารู้ดีว่าควรให้เวลากับอีกฝ่าย เขาพลาดเองที่ไม่ยอมห้ามใจจนเผลอสัมผัสมันแบบนั้น แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่ามันไม่ได้รู้สึกรังเกียจ

“ทำอะไรอยู่ครับ” ธันวาเอ่ยทักคนที่นั่งบนพื้นทราย

“เปล่า ไม่ได้ทำอะไร” ไอ้พร้าวเหลือบมองอีกฝ่าย ในมือของธันวามีสมุดวาดเขียนและกระเป๋าดินสอ

“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ” ธันวามองไปรอบๆ พร้อมรอยยิ้ม เขายังจำตอนที่ไอ้พร้าวหล่นลงมาจากต้นไม้ได้ดี

“อืม นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จักตรงนี้หรอก มันเป็นฐานทัพลับของหนูกับไอ้ปืน” ไอ้พร้าวยิ้มภาคภูมิใจ เผลอแทนตัวเองด้วยคำที่ธันวาไม่ได้ยินมานาน

“ต้องรวมพี่ด้วยสิ พี่ก็รู้จักที่นี่” ธันวานั่งลงข้างมัน

“ก็ได้” ไอ้พร้าวนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนจะตอบออกมา

“วันนี้อากาศดีมาก” ธันวาสูดอากาศเข้าเต็มปอด หลับตาฟังเสียงคลื่น

“พี่จะวาดรูปเหรอ” ไอ้พร้าวมองอีกฝ่ายเปิดสมุดวาดเขียน

“ครับ เป็นแบบให้พี่ได้ไหม พี่เบื่อวาดรูปวิวแล้ว”

“มะ ไม่ ไม่เอาด้วยหรอก” ไอ้พร้าวโบกมือส่ายหน้าปฏิเสธทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ไม่ได้หรือครับ เฮ้อ แย่จัง” ชายหนุ่มวางสมุดวาดเขียนลง ท่าทางราวกับเบื่อหน่ายเต็มทนของธันวาทำให้ไอ้พร้าวลังเล

“ก็ได้ แต่อย่านานล่ะ มันเมื่อย” มันบอกอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตา

“ขอบคุณครับ” ธันวายิ้มกว้าง หยิบอุปกรณ์วาดภาพขึ้นมา

ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มไม่วางตา ไอ้พร้าวรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ลามไปจนถึงใบหูทั้งสองข้าง ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำตาอย่างห้ามไม่อยู่ สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานดวงตาคู่นั้นของธันวาได้ มันชันเข่าขึ้น ฟุบหน้าลงซ่อนใบหน้าที่น่าอายของตัวเอง

ธันวาอมยิ้ม วางสมุดวาดเขียนในมือลง ขยับเข้าไปโอบกอดไอ้พร้าวไว้ทั้งตัว มันสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจก่อนจะนั่งนิ่งยอมให้กอด

เขาซุกไซ้จมูกและริมฝีปากไปที่แก้มอีกฝ่าย มันเอียงใบหน้าหลบพร้อมกับส่งเสียงประท้วง ธันวาหัวเราะเบาๆ ไล้จมูกไปที่ซอกคอของมันแทนแล้วเลื่อนริมฝีปากขึ้นมากัดใบหูที่แดงก่ำข้างนั้นเบาๆ

“ยะ อย่า” ไอ้พร้าวส่งเสียงห้าม ตัวสั่นเทิ้ม

“เงยหน้าขึ้นมองพี่สิครับ พี่อยากเห็นหน้าพร้าว ได้ไหมเด็กดี” ธันวากระซิบชิดใบหูอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

“ไม่” ไอ้พร้าวปฏิเสธเสียงแข็ง ธันวาขยับตัวออกห่างทันที

“ใจร้ายจังเลยนะครับ ทั้งที่วันนี้เป็นวันเกิดของพี่แท้ๆ” เขาแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ไอ้พร้าวเงยหน้ามอง ใช้หลังมือปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ

“จริงเหรอ” มันหรี่ตามองอย่างจับผิด

“เห็นพี่เป็นคนยังไงครับ พี่จะกล้าโกหกพร้าวหรือ” ธันวาว่าอย่างจริงจัง

“ใครจะไปรู้ล่ะ”

“นั่นสินะ พร้าวคงไม่ใส่ใจพี่ขนาดนั้น” เขาตีหน้าเศร้า

“แล้วพี่รู้เหรอว่าผมเกิดวันไหน” ไอ้พร้าวถามอย่างไม่พอใจ

“ยี่สิบเก้า กุมภาพันธ์” ธันวาตอบอย่างไม่ลังเล...โชคดีที่เขาเคยแอบดูบัตรประชาชนของมัน

“ขอโทษ” ไอ้พร้าวนิ่งไปครู่ก่อนจะพูดออกมา

“พี่แค่ล้อเล่นครับ” ธันวายิ้ม ลูบหัวมันเบาๆ

จากนั้นต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างลอบมองอีกฝ่าย มีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ยบอก

“พี่โกหก” ธันวาพูดขึ้น

“หือ เรื่องอะไร” ไอ้พร้าวมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“พี่ไม่ได้คบใคร ไม่ได้พาใครมาที่ห้องอีก ข้าวของพร้าวก็ยังอยู่ที่เดิม” ตอนนั้นเขาพูดไปโดยไม่ทันคิด บางทีไอ้พร้าวอาจจะลืมไปแล้ว แต่เขาอยากสารภาพ

“เหมือนกัน” ไอ้พร้าวหลุบตามองพื้นทราย

“หือ อะไรหรือครับ”

“ไม่ได้คบใครเหมือนกัน ขอโทษที่พูดโกหก” มันหันมาสบตาธันวา

“วันเกิดมีของขวัญจะให้พี่หรือเปล่า” ธันวายิ้ม ในใจกำลังโลดเต้นอย่างดีใจ ไอ้พร้าวไม่ได้มีใคร เขายังมีโอกาส และจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเด็ดขาด...จะไม่ยอมปล่อยมันไปอีกแล้ว

ไอ้พร้าวเบิกตากว้าง “ของขวัญอะไร เพิ่งรู้ตอนนี้เอง ใครจะไปเตรียมทัน”

“แค่เตรียมใจก็พอครับ” ธันวาขยับนั่งตรงข้ามมัน แผ่นหลังยืดตรง ดวงตาคมจับจ้องเพียงใบหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า

“พูดอะไรแปลกๆ” ไอ้พร้าวพูดอ้อมแอ้ม รู้สึกประหม่าไม่คุ้นชินกับคำหวานเลี่ยนที่ธันวาพูดออกมา

“ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่...เป็นแฟนกับพี่นะ”



ไอ้พร้าวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องเรียน มันจำเรื่องในวันนั้นไม่ค่อยได้ คล้ายกับความฝันที่เลือนราง มันไม่ได้ให้คำตอบแก่ธันวา อีกฝ่ายก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร

หลังจากวันนั้นธันวาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจึงคิดว่าอีกฝ่ายแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น จนกระทั่งวันที่ไปส่งธันวาที่สนามบิน ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบบางอย่างที่ข้างหูของมัน

‘พี่ยังรอคำตอบอยู่นะ’ พูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้มันมึนงงสับสนอยู่ครู่ใหญ่...ธันวาจริงจังอย่างนั้นหรือ

ทำไมยังลังเลอยู่อีก ทั้งที่ต้องการแท้ๆ แต่พออีกฝ่ายเอ่ยปากขอ มันกลับหวงแหนความสัมพันธ์ที่มีให้กันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะรู้สึกกับธันวาแบบนั้น แต่หากเปลี่ยนสถานะไปแล้ว ทุกอย่างจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แม้ว่าวันใดวันหนึ่งจะเลิกกันไป

“นายพร้าว! เธอนั่งเหม่ออะไร กระดานอยู่ทางนี้” เสียงอาจารย์ตะโกนมาจากหน้าชั้นเรียนทำให้มันสะดุ้งตกใจ

“ครับๆ ขอโทษครับ” ไอ้พร้าวยืดตัวตรง พยายามตั้งใจกับเนื้อหาบนกระดาน แต่สุดท้ายก็เผลอเหม่อลอยตามเดิม



วันนี้เป็นวันสิ้นปี ไอ้พร้าวกลับบ้านตั้งแต่วันที่ยี่สิบเก้า มันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในครัว ค่อยช่วยงานในร้าน ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน

มือที่ถือตะหลิวชะงักเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่อยู่ห่างไกล ปีนี้ธันวาบอกว่ามาไม่ได้ แม้จะผิดหวัง แต่ก็เข้าใจ จะให้อีกฝ่ายมาหาบ่อยๆ ก็ใช่เรื่อง ธันวาเองก็ต้องใช้เวลากับครอบครัวเช่นกัน

“อ้าว ไอ้ธัน” เสียงเลเอ่ยทักผู้มาใหม่ทำให้ไอ้พร้าวหันขวับไปมอง

“สวัสดีครับพี่เล” ธันวายกมือไหว้พร้อมยิ้มกว้าง

“เออ ไอ้นี่ จะมาก็ไม่บอกไม่กล่าว แล้วมายังไงล่ะ” เลยกกะละมังไปวางอีกฝั่งเพื่อให้ธันวานั่งข้างๆ

ไอ้พร้าวเม้มริมฝีปากแน่น มันหันกลับมาสนใจข้าวผัดในกระทะต่อ ทำอย่างไรดี...มันควรทำอย่างไร ดีใจจนแทบจะโห่ร้องออกมา

“เหมารถมาครับพี่ คิดว่าวันนี้ต้องยุ่งกัน เลยไม่อยากรบกวน” ธันวาชำเลืองมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“รบกวนอะไรกัน คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกล่ะ”

“ครับพี่ แล้วมีอะไรให้ผมช่วยไหม”

“ไม่มีหรอก เอ็งไปพักผ่อนเถอะ”

“ไม่เป็นไรครับ อยู่ว่างๆ ก็น่าเบื่อ ผมขอช่วยพร้าวในครัวนะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปหาไอ้พร้าวทันที เลส่ายหน้าอย่างจนใจ

“แล้วแต่เอ็งเถอะ เหมือนผักจะไม่พอ ข้าออกไปตลาดก่อนนะ ฝากร้านด้วยละไอ้พร้าว”

“ทำไมไม่บอกก่อน” ไอ้พร้าวถามขึ้นเมื่อเลเดินออกไปแล้ว

“อยากมาเซอร์ไพรส์ ดีใจไหม” ธันวาอมยิ้ม

“ก็เฉยๆ อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา” ไอ้พร้าวเคาะตะหลิวกับกระทะเสียงดังลั่น

“แล้วอยากให้พี่มาหรือเปล่า” ธันวาใช้ผ้าขนหนูที่พาดคอมันเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้

“มาก็ดี” ไอ้พร้าวตอบอ้อมแอ้ม ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย

“ขอบคุณครับ”

“หยิบจานมาให้หน่อย” ไอ้พร้าวชี้ไปที่โต๊ะ ธันวาเดินไปหยิบให้ทันที

“วันนี้ไปเคานต์ดาวน์ที่ฐานทัพกันไหม” ธันวาเอ่ยถาม ดวงตาคมฉายแววล้อเลียน

“ไม่รู้จะไปได้ไหม ถ้าลูกค้าไม่เยอะก็น่าจะไปได้”

เมื่อถึงเวลาห้าทุ่มครึ่ง ธันวาเอ่ยปากขอเลให้ไอ้พร้าวไปเคานต์ดาวน์เป็นเพื่อน เลไม่ได้ว่าอะไร เพราะตั้งใจจะให้หลานไปพักตั้งแต่สามทุ่มแล้ว แต่ลูกค้าที่เข้าออกร้านไม่หยุดทำให้ต้องอยู่ช่วยจนถึงตอนนี้

“เงียบจังเลยนะครับ แถวนี้ไม่ค่อยมีคนเลย” ธันวาพูดทำลายความเงียบ

“อืม”

“ทำไมมืดอย่างนี้น่า พี่มองไม่ค่อยเห็นเลย”

“อืม”

“จับมือได้ไหม มืดแบบนี้พี่กลัวเดินสะดุดล้ม” ไม่พูดเปล่า ธันวาคว้ามือไอ้พร้าวมาจับทันที

“อืม” มันยังคงตอบเช่นเดิม

“ใกล้ถึงหรือยังครับ” ธันวาชำเลืองมองคนข้างกาย อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะหันมามองเขา

“อีกร้อยเมตรก็ถึงแล้ว” ไอ้พร้าวพูดอย่างหงุดหงิด ทว่าใบหูทั้งสองข้างกลับแดงก่ำ

เมื่อมาถึงที่หมาย ไอ้พร้าวปูผ้าที่ถือติดมือมาด้วย จากนั้นทั้งสองก็นั่งเงียบเพื่อรอเวลา ธันวาหันมาจ้องใบหน้าด้านข้างของไอ้พร้าว จ้องอยู่นานจึงตัดสินใจถาม

“ให้คำตอบพี่ได้หรือยัง” น้ำเสียงจริงจังนั่นทำให้หัวใจของไอ้พร้าวเต้นแรง

“อืม” มันตอบออกไปสั้นๆ

หวีด บูม เสียงดอกไม้ไฟดังรอบตัวไม่ได้ทำให้คนทั้งสองสนใจมองความสวยงามบนท้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากที่แนบชิดกันกดคลึงหนักเบาอย่างหยอกล้อ ต่างคนต่างไล้เลียดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายจนเปียกชุ่ม ไอ้พร้าวเปิดปากให้ธันวาสอดลิ้นเข้ามา ไล่รุกกันอยู่ครู่ก่อนมันจะดูดปลายลิ้นของเขาจนเกิดเสียงน่าอาย

ธันวาครางในลำคออย่างพอใจ ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเด็กหนุ่มก่อนสอดเข้าไปสัมผัสผิวแน่นตึงใต้เสื้อยืด

“ดะ เดี๋ยว อย่า” ไอ้พร้าวผละริมฝีปากออกห่าง จับมือข้างนั้นของธันวาที่กำลังหยอกล้อยอดอกของมัน

“หือ ทำไมล่ะครับ” ธันวากดจูบย้ำริมฝีปากของไอ้พร้าวอีกสองทีแล้วงับริมฝีปากล่าง ดูดดึงจนพอใจจึงปล่อยให้มันได้เอ่ยปากพูด

“พี่จะทำเหรอ” ไอ้พร้าวมีสีหน้าเป็นกังวล

“ไม่ได้หรือ” เขาจูบแก้มมันหนึ่งที

“เขาทำกันยังไง เอาไอ้นั่นยัดเข้าก้นน่ะเหรอ” ไอ้พร้าวตัดสินใจถามออกไป แววตาของมันดูใสซื่อเสียจนธันวารู้สึกละอายใจ

“ใช่ครับ”

“มันจะเข้าได้เหรอ” ไอ้พร้าวยังคงจินตนาการไม่ออก มันรู้เพียงเรื่องเซกซ์ระหว่างชายหญิง พอจะเห็นคลิปชายชายผ่านตาอยู่บ้างแต่ไม่เคยเปิดดูสักครั้ง

“เฮ้อ พี่ไม่ทำแล้วครับ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า” ธันวายอมแพ้ เขาไม่อยากรู้สึกผิดบาปไปมากกว่านี้ แววตาของมันยามเอ่ยปากถามเรื่องนี้ทำให้เขาหวนนึกถึงไอ้เด็กพร้าวตัวจ้อยขึ้นมา ธันวาทิ้งตัวลงนอนบนผ้าอย่างกลุ้มใจ

“พี่ไหวหรือเปล่า ให้ผมใช้มือช่วยไหม” ไอ้พร้าวเสนอความคิด มันมองส่วนนั้นของอีกฝ่ายที่นูนขึ้นใต้กางเกง

“ไม่เป็นไรครับ มานี่สิ” ธันวายิ้ม ใช้มือตบพื้นที่ว่างข้างตัว เมื่อไอ้พร้าวนอนลงก็รั้งตัวมันเข้ามากอดไว้แนบกาย

พวกเขามองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับอย่างสวยงาม อากาศยามค่ำคืนเย็นลงเล็กน้อยทำให้คนทั้งสองต่างเบียดกายเข้าหาไออุ่นจากกันและกัน ธันวากระชับอ้อมแขน ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้คนในอ้อมกอด ไอ้พร้าวยิ้มรับก่อนจูบริมฝีปากเขาแผ่วเบา

“เด็กดีของพี่”


TBC.

____________________________

ตอนหน้าก็จบแล้ว ขอบคุณที่ติดตามนะคะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2019 22:35:19 โดย KT-ReE »

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มาเยอะมากกกกกก อ่านจุใจเลย
สนุกมากกกกกก

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ตามทันพอดีเลยยยย เป็นความสัมพันธ์ที่ค่อยๆพัฒนา ขนาดเพื่อนยังดูออกเลยว่าพี่ธันเลี้ยงต้อย5555

ออฟไลน์ KT-ReE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-5
ธันวาส่งท้าย

10 กุมภาพันธ์

ธันวามองนาฬิกาบนข้อมือด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทั้งที่ออกจากห้องตามเวลาที่กำหนดไว้แล้วแท้ๆ แต่อุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้รถติดเป็นพิเศษ ปลายนิ้วเคาะพวงมาลัยรถอย่างร้อนใจ หน้าผากและแผ่นหลังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

“ขยับเร็วเข้า สายแล้วๆ” บ่นกับตัวเองก่อนจะเร่งแอร์จนสุด

สุดท้ายธันวาก็มาถึงสนามบินสายกว่าที่คาดไว้เกือบยี่สิบนาที เขารีบลงจากรถพร้อมของขวัญกล่องเล็กในมือ แล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคารเพื่อให้ทันขึ้นเครื่อง

“ทันจนได้” ธันวานั่งหอบหายใจ เขามาทันเวลาแบบเฉียดฉิว เพราะเวลามีจำกัดจึงไม่อาจเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หากพลาดเที่ยวบินนี้ไป แผนที่วางไว้คงพังไม่เป็นท่า

เมื่อเครื่องลงจอด ธันวาจึงกดโทรหาคนที่ทำให้เขาต้องเดินทางมาถึงที่นี่

“ฮัลโหล มาถึงแล้วเหรอ” น้ำเสียงตื่นเต้นจากปลายสายทำให้เขายิ้มออกมา

“เพิ่งเดินลงจากเครื่องเมื่อกี้ครับ เป็นยังไงบ้าง อ่านหนังสือทันหรือเปล่า” เพราะวันนี้ไอ้พร้าวมีสอบย่อยช่วงบ่าย เขาจึงกังวลแทนมันเล็กน้อย

“สบายมาก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะได้เต็ม” ไอ้พร้าวโอ้อวด

“ครับๆ คนเก่ง” ธันวากลั้นขำ

“ถ้าสอบเสร็จจะรีบไปหานะ”

“ครับ ตั้งใจสอบล่ะ แล้วเจอกัน”

แม้จะวางสายไปแล้ว แต่ธันวายังคงมองภาพหน้าจอด้วยรอยยิ้ม เป็นภาพที่ไอ้พร้าววาดไว้เมื่อประมาณเก้าปีก่อนที่พวกเขาไปวาดภาพด้วยกันครั้งแรก เขายังจำได้ดีว่าตอนนั้นต่างคนต่างวาดภาพอีกฝ่ายเพื่อแลกกัน

ธันวายังคงเก็บภาพวาดใบนั้นไว้เป็นอย่างดี แม้รูปที่ไอ้พร้าววาดนั้นจะดูไม่ออกว่าเป็นเขาก็ตาม

ในระหว่างสามชั่วโมงที่ต้องรอไอ้พร้าว ธันวาใช้เวลาไปกับการทานข้าวเที่ยงและนั่งดื่มกาแฟในสนามบิน โชคดีที่โรงเรียนของไอ้พร้าวกับสนามบินอยู่จังหวัดเดียวกัน หากนั่งรถมาคงใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ตามที่คุยกันไว้มันคงมาถึงสนามบินไม่เกินบ่ายสามโมง และเขามีเที่ยวบินกลับกรุงเทพตอนสี่โมงครึ่ง

ไอ้พร้าวลงจากรถประจำทางอย่างรีบร้อนเมื่อมาถึงสนามบิน มันวิ่งเข้าไปในตัวอาคาร ชะเง้อคอหาใครบางคน จนกระทั่งพบแผ่นหลังที่คุ้นเคย มันยืนนิ่งเพื่อให้อาการเหนื่อยหอบหายไป ทิ้งกระเป๋านักเรียนลงพื้นแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จัดเสื้อผ้าที่ยับให้เรียบร้อย เมื่อคิดว่าดูดีขึ้นแล้วจึงเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“โทษที มาสายไปนิด” ไอ้พร้าวเอ่ยขึ้นเมื่อหยุดยืนอยู่ข้างหลังชายคนนี้ เขาหันกลับมามองพร้อมรอยยิ้ม

“ยังมีเวลาครับ”

ริมฝีปากทั้งสองแนบชิดบดเบียดเข้าหากันอย่างโหยหา ฝังปลายจมูกที่แก้มอีกฝ่ายเพื่อสูดกลิ่นกายนั้นเข้าเต็มปอด ธันวาผละจากริมฝีปากของไอ้พร้าวอย่างอ้อยอิ่งแล้วจูบซับมุมปากที่เปียกชื้นของมัน

“จะมีคนเข้ามาหรือเปล่า” ไอ้พร้าวมีสีหน้าเป็นกังวล

“กลัวหรือ” ธันวาอมยิ้ม

“เปล่า ก็ตื่นเต้นดี” ไอ้พร้าวทำหน้าทะเล้น ยกมือขึ้นประคองใบหน้าของธันวา มันหลุบตามองริมฝีปากตรงหน้าก่อนจะสบตาอีกฝ่าย

ธันวาไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาคู่นี้ที่สะท้อนเพียงภาพของเขา จนกระทั่งถูกความนุ่มหยุ่นที่เปียกชื้นแตะไล้เลียริมฝีปากอย่างหยอกล้อ เขาเผยอปากปล่อยให้ปลายลิ้นของไอ้พร้าวสอดเข้ามา จูบแลกลิ้นดูดดึงอยู่ครู่ก่อนจะใช้ฟันกัดเบาๆ ที่ลิ้นของมัน

“อือ” ไอ้พร้าวส่งเสียงประท้วงในลำคอเมื่อธันวาไม่ยอมปล่อย

“ซนเป็นที่หนึ่ง” ธันวากระซิบชิดริมฝีปากไอ้พร้าวหลังปล่อยลิ้นอีกฝ่าย

“ชอบทำอะไรแปลกๆ อยู่เรื่อย” ไอ้พร้าวบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“แล้วดีหรือเปล่า” ธันวาฝังจมูกที่ซอกคอของมัน

“อืม ก็ดี...นี่ ไม่เหม็นเหงื่อเหรอ” ไอ้พร้าวเอนหลังพิงผนังเพราะเริ่มเมื่อยที่ต้องยืนนานๆ

“คิดถึง” น้ำเสียงอู้อี้จากอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าของมันแดงระเรื่อเล็กน้อย

“อือ เหมือนกัน” ไม่บ่อยนักที่จะมีบรรยากาศหวานแหววเช่นนี้

“ไม่อยากกลับเลย” ธันวาเงยหน้าสบตากับมัน

“พรุ่งนี้มีประชุมตอนเช้าไม่ใช่เหรอ”

“นั่นสินะ ยังไงก็ต้องกลับ”

ท่าทางงอแงของธันวาทำให้ไอ้พร้าวลังเลเล็กน้อย มันคิดอยู่ครู่ก่อนจะบอกออกไป “น้าเลให้ขึ้นไปติวที่กรุงเทพตอนปิดเทอมใหญ่” ในทีแรกมันอยากจะเซอร์ไพรส์อีกฝ่ายอาทิตย์หน้า

ธันวานิ่งไปก่อนจะยิ้มกว้าง “จริงหรือครับ” เผลอถามเสียงดังด้วยความดีใจ ไอ้พร้าวรีบยกมือปิดปากเขาไว้

“เบาๆ สิ จะแหกปากทำไม”

“ขอโทษครับ”

“ไปอยู่ด้วยได้ไหม” ไอ้พร้าวหลุบตามองพื้น

“ไม่อนุญาตให้ไปอยู่ที่อื่นครับ” ธันวาหอมแก้มมันอย่างรักใคร่

“พอได้แล้ว ออกไปกันเถอะ” ไอ้พร้าวดันใบหน้าอีกฝ่ายให้ออกห่าง

“ขอจูบอีกนิดนะครับ” ไม่รอให้มันได้ปฏิเสธ ธันวาแนบริมฝีปากลงมาทันที

ไอ้พร้าวมองภาพในกระจกด้วยความหงุดหงิด ธันวากำลังจัดเสื้อผ้าของมันให้เรียบร้อย ทั้งดึงทั้งปัดจนเสื้อที่ยับดูดีขึ้นมาเล็กน้อย

“เสร็จแล้วครับ ดีนะที่เลิกเรียนแล้ว” ธันวามองไอ้พร้าวผ่านกระจกเงาด้วยรอยยิ้ม

“เออ ดี! ดีที่ไม่มีคนเข้าห้องน้ำ” ไอ้พร้าวหน้าบึ้งตึง

“พร้าว พี่มีของจะให้” ธันวาล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“หือ อะไร” ไอ้พร้าวยื่นมือออกไปรับกล่องของขวัญขนาดเล็กจากคนตรงหน้า

“ของขวัญวันเกิดไง สุขสันต์วันเกิดครับ เปิดดูสิ” ธันวารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาใช้เวลาเลือกของขวัญชิ้นนี้อยู่หลายวัน หากมันไม่ชอบ เขาคงเสียใจอยู่ไม่น้อย

“ไม่ได้เกิดวันนี้” ไอ้พร้าวขมวดคิ้ว มันเกิด 29 กุมภาพันธ์ ต่างหาก

“ช่วงปลายเดือนพี่ต้องไปประชุมต่างจังหวัด อืม...นี่ก็ใกล้วาเลนไทน์ด้วย ถือเป็นของขวัญทั้งวันเกิดและวาเลนไทน์แล้วกันครับ” ธันวายิ้มแฉ่งจนน่าหมั่นไส้

“ขี้งก” ไอ้พร้าวทำปากเบ้ก่อนจะเปิดกล่องของขวัญในมือ ดวงตาของมันเป็นประกายเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่อง รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าทันที

“ชอบไหมครับ”

“อืม สวยมาก”

“มา พี่ใส่ให้” ธันวาหยิบต่างหูหนึ่งข้างออกมาจากกล่อง

ต่างหูนี้เป็นแบบห่วง ประดับด้วยเพชรรัสเซียขนาดเล็กเรียงกันสิบสองเม็ดที่ระยะห่างพอดี เป็นสินค้าจากแบรนด์ดังที่เขาบังเอิญแวะดูผ่านๆ ตาเท่านั้น แต่พอเจอต่างหูคู่นี้กลับรู้สึกถูกใจจนตัดสินใจซื้อทันที

“มีข้างเดียวเหรอ” ไอ้พร้าวถามอย่างไม่ใส่ใจนัก มันยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระจก เอียงหน้าด้านซ้ายเพื่อดูต่างหูที่สวมอยู่ด้วยรอยยิ้ม

“อีกข้างอยู่กับพี่”

“อ้าว พี่จะเก็บไว้ทำไม พี่ไม่ได้เจาะหูซะหน่อย” ไอ้พร้าวจ้องหน้าอีกฝ่ายผ่านกระจก

“แล้วพร้าวจะเอาไปทำไมครับ พร้าวก็เจาะหูแค่รูเดียว”

“เอามาเถอะน่า ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว”

“ไม่อนุญาตให้เจาะเพิ่มครับ” ธันวามองแววตาเป็นประกายของมันอย่างรู้ทัน

“แค่เจาะหูเองจะอะไรนักหนา ทีไอ้ปืนเจาะไปเกือบสิบรู แม่มันยังไม่ว่าเลย” ไอ้พร้าวโกหกออกไป ความจริงแล้วไอ้ปืนถูกแม่ของมันตีจนก้นลาย แถมยังไม่ให้สวมต่างหูแม้แต่อันเดียว

“ไม่ก็คือไม่ครับ” ธันวายื่นคำขาด

“ก็ได้” ไอ้พร้าวยอมแพ้ การที่ธันวายอมซื้อต่างหูให้เป็นของขวัญวันเกิดทั้งที่ไม่พอใจตอนมันแอบไปเจาะหู ถึงขนาดไม่ยอมรับสายจากมันเกือบหนึ่งอาทิตย์ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายยอมรับในสิ่งที่มันชอบ คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

‘โปรดทราบ เครื่องบินของสายการบินY เที่ยวบินที่ Z พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปกรุงเทพมหานคร ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่านขึ้นเครื่องได้ ณ ทางออกหมายเลข 2 โปรดขึ้นเครื่องได้ ณ ทางออกหมายเลข 2 ขอบคุณค่ะ’

“อา ถึงเวลาแล้วหรือ” ธันวาก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ ไอ้พร้าวละความสนใจจากต่างหูทันที มันเดินกลับมายืนตรงหน้าธันวาด้วยสีหน้าหม่นหมอง

“ไหนดูซิ อืม เหมาะกับพร้าวมาก แต่อย่าใส่ไปโรงเรียนล่ะ เข้าใจไหมครับ” ธันวายกมือขึ้นบีบจมูกไอ้พร้าวอย่างมันเขี้ยว มันปัดมือเขาทิ้งทันที

“รู้แล้วน่า ใส่ไปก็โดนยึดพอดี” ไอ้พร้าวแสร้งพูดอย่างหงุดหงิดแล้วหลุบตามองพื้น บางอย่างในใจของมันกำลังตะโกนก้อง

...ไม่อยากให้กลับ รั้งไว้สิ รั้งไว้ อย่าให้เขากลับไป

“ครับๆ เด็กดี ออกไปกันเถอะ พี่ต้องรีบแล้ว” ธันวาเดินไปที่ประตู ทว่าชายเสื้อถูกดึงจากอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาหันกลับไปมองด้วยความไม่เข้าใจ

“หือ มีอะไรคะ...” ธันวาชะงักเมื่อริมฝีปากของเด็กหนุ่มแตะที่แก้มอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุณ” ไอ้พร้าวก้มหน้าเปล่งเสียงออกมาราวกระซิบ จากนั้นเปิดประตูเดินออกไปทันที

ธันวากะพริบตาปริบๆ ยกมือขึ้นลูบแก้มข้างนั้นของตัวเองอย่างล่องลอย สัมผัสเมื่อครู่ยังติดอยู่ที่แก้ม หัวใจของเขาพองโต อิ่มอกอิ่มใจจนไม่สามารถหุบยิ้มได้ ไม่บ่อยนักที่มันจะพูดหรือกระทำอะไรน่ารักแบบนี้



6 มีนาคม

ธันวากำลังนั่งรอไอ้พร้าวที่ชานชาลาตามที่ได้นัดหมายกันไว้ ชายหนุ่มอ้าปากห้าวเป็นรอบที่ห้าแล้ว เขามานั่งรอตั้งแต่ตอนตีสี่ครึ่ง เพราะรถโดยสารที่ไอ้พร้าวนั่งมาจะถึงประมาณตีห้า

“พี่ธันๆ ตื่นได้แล้ว” เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมแรงเขย่าที่ต้นแขนทำให้ธันวาสะดุ้งตื่น เขาหรี่ตามองคนตรงหน้าด้วยความงุนงง

“พี่มาหลับตรงนี้ได้ยังไง ไหนดูซิ โดนขโมยอะไรไปหรือเปล่า” เด็กหนุ่มตรงหน้าบ่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง สองมือตบที่กระเป๋ากางเกงของเขาทั้งสองข้างก่อนจะล้วงของที่อยู่ในนั้นออกมา มันชูของในมือขึ้นด้วยสีหน้าโล่งใจ

“ยังดีที่ไม่หาย ทีหลังก็ระวังตัวหน่อย บอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ ผมนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้” พูดจบ มันก็วางกุญแจรถกับโทรศัพท์มือถือลงบนตักเขา

“ครับๆ เข้าใจแล้ว” ธันวาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกตื่นเต็มตาเมื่อถูกเด็กหนุ่มตรงหน้าดุราวกับเขาเป็นเด็กเล็ก

“ไปกันเถอะ เมื่อยจะตายอยู่แล้ว” ไอ้พร้าวบ่น ก้มลงหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่สองใบบนพื้น

“ไปกันครับ” ธันวาแย่งกระเป๋าทั้งสองใบมาถือไว้เอง

ตามตารางเรียนที่ลงไว้ ไอ้พร้าวจะเริ่มเรียนพรุ่งนี้ ดังนั้นมันจึงมีเวลาพักผ่อนอีกหนึ่งวัน ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนในวันอาทิตย์เช่นนี้ ในห้องนอนที่เปิดแอร์เย็นช่ำคนทั้งสองยังคงนอนกอดก่ายกันบนเตียงทั้งที่ตื่นได้ครู่ใหญ่แล้ว

“พี่ธัน หิวข้าว” ไอ้พร้าวบอกเสียงอู้อี้

“อืม” ธันวาตอบรับทั้งที่ยังหลับตา

ไอ้พร้าวจ้องใบหน้าอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้เพียงคืบ ทั้งที่เตียงออกจะกว้าง แต่พวกเขากลับเลือกที่จะนอนหนุนหมอนใบเดียวกัน เปิดแอร์เย็นเฉียบเพื่อจะได้นอนเบียดกายเข้าหาไออุ่นจากกันและกันใต้ผ้าห่ม

“พี่ธันตื่น หิวจะตายอยู่แล้ว” มันแสร้งพูดเสียงดังขึ้นทั้งที่ไม่ได้หิวมากนัก เพียงแค่อยากแกล้งพี่ธันของมันเท่านั้น

“อีกแป๊บหนึ่งครับ” ธันวาหรี่ตามองเด็กหนุ่มตรงหน้า เขายังไม่อยากลุกจากความอุ่นสบายนี้

“หิว” ไอ้พร้าวบอกเสียงห้วน ทำหน้าบึ้ง

“พร้าวอาบน้ำก่อนเลย เสร็จแล้วค่อยมาปลุกพี่” พูดจบก็หลับตา พลิกตัวไปอีกฝั่ง ธันวาแสร้งทำเป็นหลับ รอฟังเสียงเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย

แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ไอ้พร้าวก็ยังนอนอยู่ที่เดิม ธันวาเริ่มกังวลว่ามันจะโกรธหรือเปล่าถึงได้เงียบอยู่อย่างนี้ ก่อนที่เขาจะได้ลืมตาขึ้น บางสิ่งที่นุ่มหยุ่นก็สัมผัสที่แก้มพร้อมเสียง...

“จุ๊บ” ไอ้พร้าวรีบลุกขึ้นจากเตียง มันอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เดินเข้าไปในห้องน้ำ ธันวาไม่รอช้า รีบตามเข้าไปทันที

เสียงหัวเราะของไอ้พร้าวดังลั่นอย่างชอบใจเมื่อธันวาแกล้งหยอกล้อพูดจาลามกชวนให้ขนลุก มันไม่มีท่าทีเคอะเขินแม้แต่น้อย ทั้งยังหยอกล้อกลับจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องดึงตัวมันเข้ามากอดฟัดจนหนำใจ

ในช่วงบ่ายของวันหลังจากที่ทานข้าวเที่ยงอิ่มเรียบร้อยแล้ว ธันวาพาไอ้พร้าวมารับหนังสือเรียนที่กวดวิชา จากนั้นแวะไปหาไอ้ปืนที่อู่ลุงตุ้ย

“สวัสดีครับลุงตุ้ย” ธันวาและไอ้พร้าวเอ่ยทักเจ้าของอู่พร้อมกัน

“หวัดดีๆ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม” ลุงตุ้ยเอ่ยถามก่อนตะโกนบอกป้านุชให้เอาน้ำมาเสิร์ฟ

“สบายดีครับลุง แล้วลุงเป็นไงบ้าง” ไอ้พร้าวนั่งลงบนม้านั่งตรงข้ามลุงตุ้ย

“ตอนแรกก็สบายดีอยู่หรอก แต่พอไอ้หลานเวรหนีเข้ากรุงเทพมาขออยู่ด้วย ข้าก็ชักจะปวดหัวหนักขึ้นทุกวัน” ลุงตุ้ยส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย

สองวันก่อนหน้านี้ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกที่หน้าบ้านในตอนเช้ามืด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะแม่ของมันได้โทรบอกแล้วเมื่อตอนหัวค่ำว่า ไอ้ลูกทรพีหนีออกจากบ้าน

แต่จะบอกว่าหนีก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะก่อนที่ไอ้ปืนจะนั่งรถมากรุงเทพ สองแม่ลูกได้ทะเลาะกันยกใหญ่ เมื่อไม่มีใครยอมใคร ไอ้ปืนจึงประกาศลั่นว่าจะหนีเข้ากรุงเทพ ด้วยความโมโหแม่ของมันเลยหลุดปากไล่พร้อมควักเงินในกระเป๋าวางไว้ตรงหน้ามัน จนกระทั่งถึงเวลาทานข้าวเย็น แม่ของมันขึ้นไปเรียกบนห้องแต่หาตัวไม่พบ โทรไปก็ไม่รับ เมื่อถามไถ่คนในหมู่บ้านและหน้าอำเภอจึงรู้ว่ามันนั่งรถไปในตัวจังหวัด ยังไม่ทันได้ตามไป ไอ้ปืนก็โทรกลับมา พอรู้ว่ามันกำลังจะไปไหน แม่ไอ้ปืนก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ในเมื่อห้ามมันไม่ได้ก็แจ้งข่าวให้พี่ชายเตรียมรับมือไว้

“เหรอครับ” ไอ้พร้าวยิ้มแหยๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอ้เพื่อนรักเลียนแบบใคร

“ติ๋มเล่าให้ฟังว่าเอ็งมาติวหนังสือ คราวนี้ก็พักกับธันเหมือนเดิมใช่ไหม” ลุงตุ้ยปรายตามองธันวาที่กำลังเดินถือจานผลไม้เข้ามา

“ครับ น้าเลกลัวว่าจะไม่ตั้งใจเรียนเลยให้พี่ธันช่วยดู” ไอ้พร้าวยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเคอะเขิน

“เออดี ไอ้เลมันก็เข้าใจคิด อย่างเอ็งน่ะไว้ใจไม่ได้” ลุงตุ้ยหัวเราะอย่างชอบใจ

“คุยอะไรกันอยู่ครับ” ธันวาถามพร้อมวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะ

“ก็เรื่องที่ไอ้เลให้เอ็งเป็นหูเป็นตาให้ไง ไอ้พร้าวกับไอ้ปืนโตมาด้วยกัน นิสัยใจคอก็คงไม่ต่างกัน เอ็งต้องปวดหัวกับมันมากแน่ๆ”

“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ อยู่กับผม...น้องว่านอนสอนง่ายครับ” ธันวาหันมาหยักคิ้วอย่างกวนๆ ให้ไอ้พร้าว

“คอยดูละกัน” มันยิ้มอย่างท้าทาย

“ลุง! ลุงตุ้ย มันขี้อีกแล้ว” น้ำเสียงที่คุ้นหูดังมาจากห้องทำงานของลุงตุ้ย

“มันขี้ เองก็เช็ดสิวะ” ลุงตุ้ยตะโกนกลับไป

“อ้าว ไอ้ปืนอยู่นี่เหรอครับ ไม่เห็นมันก็นึกว่าออกไปข้างนอก” ไอ้พร้าวชะเง้อคอมอง

“มันก็อยู่นี่ตลอดแหละ สองวันมานี้ไม่ยอมออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน”

“แปลก แล้วเมื่อกี้พูดถึงอะไรเหรอลุง”

“ลูกหมาน่ะ หมาของคนข้างบ้านคลอดลูก มันครบสามเดือนพอดีเลยขอมาเลี้ยง ไอ้ปืนกำลังเห่อน่ะ กินนอนกับหมา ไม่ออกไปเที่ยวเล่น งานการก็ไม่ช่วย ข้าละอยากไล่มันกลับจริงๆ” ลุงตุ้ยถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ฮ่าๆ งั้นผมไปหาไอ้ปืนละกัน” ไอ้พร้าวบอกก่อนจะหันไปเลิกคิ้วให้พี่ธันของมันเป็นเชิงถามว่า จะไปด้วยกันไหม

“พี่รอตรงนี้นะ” ธันวาตอบ

ไอ้พร้าวยืนมองเพื่อนรักนอนคว่ำบนพื้น ปล่อยให้ลูกหมาตัวเล็กเลียใบหน้าไปมา ข้างๆ กันนั้นมีกองอึอยู่กองหนึ่ง มันรีบยกมือขึ้นปิดจมูกทันทีแม้จะยังไม่ได้กลิ่นเหม็นก็ตาม

“ไอ้ห่าปืน มึงนี่สกปรกจริงๆ” ไอ้พร้าวบ่นอย่างเหลืออด มันไม่ใช่คนรักสะอาดอะไรมากมาย แต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหว

“อ้าว ไอ้พร้าว มาเมื่อไหร่วะ” ไอ้ปืนเงยหน้ามองเพื่อนรักก่อนจะลุกขึ้นนั่ง แล้วอุ้มลูกหมามาวางไว้ที่ตัก

“มาถึงเมื่อเช้านี้ กูก็นึกว่ามึงเป็นอะไร โทรหาก็ไม่รับ”

“อ้อ โทรศัพท์กูอยู่ในกระเป๋าอะ ยังไม่ได้เอาออกมา” ไอ้ปืนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก สองมือเกาพุงกลมๆ ของลูกหมาเล่น

“.................”

“เข้ามาสิ ยืนโง่อยู่ทำไม” ไอ้ปืนเงยหน้าบอกเพราะอีกฝ่ายยังยืนนิ่งที่หน้าประตู

“มึงเก็บขี้หมาก่อนไหม ไอ้สกปรก!” ไอ้พร้าวกระแทกเสียง

“เดี๋ยวมันก็ขี้อีก ค่อยเก็บทีเดียว” ไอ้ปืนบอกอย่างเกียจคร้าน

“ไอ้ห่า งั้นกูกลับละ” ไอ้พร้าวหันหลังกลับทันที

“เออๆ กูเก็บก็ได้ มึงนี่เรื่องมากเป็นผู้หญิงไปได้” ไอ้ปืนบ่นอุบอิบก่อนจะยื่นลูกหมาให้เพื่อนรักอุ้ม ไอ้พร้าวรับมาอุ้มอย่างไม่เข้าใจนัก รอไอ้ปืนเก็บกวาดไม่นานก็เสร็จ

“มึงเอามาให้กูอุ้มทำไม”

“มึงไม่เห็นเหรอห้องสกปรก จะให้มันเดินบนพื้นได้ไง” ไอ้ปืนยื่นมือมาหมายจะรับตัวลูกหมาคืน แต่ไอ้พร้าวเบี่ยงตัวหลบ

“มึงทะเลาะอะไรกับป้าติ๋ม”

“กูบอกแม่ว่าจะไม่เรียนต่อ แต่แม่อยากให้กูเรียน ก็แค่นี้แหละ เอามีมี่มาให้กู” ไอ้ปืนหน้าบึ้งเมื่อไอ้พร้าวเบี่ยงตัวหลบอีกรอบ

“มีมี่...มึงเอาชื่อเมียเก่ามาตั้งเหรอวะ” ไอ้พร้าวกลั้นขำ น้องมีมี่คนนี้เป็นแฟนคนล่าสุดของไอ้ปืนที่เพิ่งเลิกรากันไปเมื่ออาทิตย์ก่อน และมันเป็นฝ่ายถูกทิ้ง เหตุผลน่ะหรือ...คงไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากความซกมกของไอ้ปืน

“เสือก”

“น้องมีมี่ มีมี่คะ น่ารักจังเลย” ไอ้พร้าวชูลูกหมาขึ้นมาตรงหน้าตัวเอง พูดหยอกล้อเสียงอ่อนเสียงหวาน เจ้าลูกหมาสีน้ำตาลเอียงคอมองอย่างสงสัยก่อนจะเห่าโฮ่งออกมา

“ไอ้พร้าว! เอาของกูคืนมา”

“น้องมีมี่ ฮ่าๆ” ไอ้พร้าวหัวเราะเสียงดังลั่นพร้อมวิ่งหนีไอ้ปืนที่ไล่ตามหลังมาติดๆ ธันวาและลุงตุ้ยได้แต่ส่ายหน้ากับการเล่นเป็นเด็กๆ ของคนทั้งสอง

“เลิกแกล้งปืนได้แล้วครับ” ธันวาบอกอย่างไม่จริงจังนัก ทั้งยังชูโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายภาพไอ้พร้าวกับลูกหมาสีน้ำตาลไปเสียหลายรูป

“พี่ธันเอาท่านี้ด้วย” ไอ้พร้าวบอกก่อนยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ลูกสุนัข

“ถ่ายได้ตอนนี้พอดีเลย น่ารักมาก” ธันวาเปิดรูปถ่ายให้ไอ้พร้าวดู เป็นภาพลูกหมากำลังเลียแก้มมัน

“พี่ธันเข้าข้างไอ้พร้าว!” ไอ้ปืนทนดูต่อไปไม่ไหว

“อะไรครับ ปืนก็อยากถ่ายรูปหรือ มาสิ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” ธันวาถามหน้าซื่อ

“ลุงตุ้ย! ไล่สองคนนี้กลับเลย ไม่ต้องให้มาอีก เขาแกล้งหนู หนูไม่ยอมนะ” ไอ้ปืนโวยวายเสียงดังราวกับเด็กเจ็ดขวบ เป็นภาพที่น่าขันจนคนทั้งสามไม่อาจกลั้นขำได้

“อะๆ กูคืนให้ ไม่ร้องนะมึง” ไอ้พร้าวยื่นลูกหมาคืนให้เพื่อนรักด้วยแววตาล้อเลียน ไอ้ปืนรับลูกหมาไปอุ้มก่อนจะเชิดหน้าเดินหนี ทว่าเดินไปไม่กี่ก้าวมันก็หันกลับมากวักมือเรียกไอ้พร้าวให้เข้าไปหา

“มีไรวะ” ไอ้พร้าวเลิกคิ้วอย่างสงสัย ไอ้ปืนชะเง้อคอมองไปทางธันวาก่อนจะกระซิบที่ข้างหูมัน

“กูขอให้พี่ธันมีเมียใหม่”

“ไอ้ปืน!”

วันรุ่งขึ้น ไอ้พร้าวออกจากห้องไปพร้อมธันวา วันนี้ชายหนุ่มอาสาขับรถไปส่งมันเรียนพิเศษ ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนมีนาคมไอ้พร้าวมีเรียนตอนแปดโมงเช้าจนถึงเที่ยง เป็นคอร์สเก็งข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ครึ่งเดือนหลังเป็นวิชาฟิสิกส์ ส่วนเดือนเมษายนมีเรียนแค่วิชาเคมี ที่ลงเรียนมีเพียงสามวิชานี้ เรียนวันละวิชา เรียนเสร็จก็กลับคอนโดไปทบทวนบทเรียน และซื้อหนังสือวิชาอื่นมาอ่าน ทั้งหมดนี้ธันวาเป็นคนวางแผนให้ตั้งแต่ปลายปีก่อน

“เรียนเป็นยังไงบ้างครับ หนักไปหรือเปล่า” ธันวาถามขึ้นระหว่างทานข้าวเย็นด้วยกัน เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ห้าวัน แต่ไอ้พร้าวมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยจนน่าเป็นห่วง

“ก็ยังงงๆ ตามคนในห้องไม่ทัน เพื่อนในห้องเก่งๆ กันทั้งนั้น” ไอ้พร้าวถอนหายใจ

“ไม่เป็นไรครับ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เข้าใจตรงไหนก็อ่านทบทวน ทำโจทย์ไปด้วย หรือถามเพื่อนในห้องก็ได้” เนื่องจากคอร์สที่ไอ้พร้าวเรียนนั้นต้องเรียนกับดีวีดีจึงค่อนข้างมีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถถามอาจารย์ผู้สอนในห้องเรียนได้

“อืม จะพยายาม” มันวางช้อนลง

“อิ่มแล้วหรือครับ ทานน้อยมาก” ธันวามองข้าวบนจานอีกฝ่ายที่พร่องไปเพียงเล็กน้อย

“ไม่ค่อยหิว”

“ครับ อิ่มแล้วก็ไปแปรงฟันเถอะ จะได้พักผ่อน”

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2019 22:36:22 โดย KT-ReE »

ออฟไลน์ KT-ReE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-5
(ต่อ)


ธันวาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มเมื่อไอ้พร้าวเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว แม้ตอนนี้จะได้มาอยู่ด้วยกัน แต่กลับมีเวลาร่วมกันน้อยมาก ตอนกลางวันต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง หากวันไหนเลิกงานเร็วธันวาจะกลับมานั่งทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนไอ้พร้าว แต่วันไหนกลับช้าเขาจะพบมันนอนรอที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

“ยังไม่นอนอีกหรือ ทำอะไรอยู่ครับ” ธันวาเดินเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำ มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมที่เปียก

“ยังไม่ง่วง” ไอ้พร้าวตอบ มันดึงหูฟังข้างหนึ่งออก ทว่าสายตายังคงจับจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเขม็ง

“ดูอะไรอยู่ครับ ทางท่าจริงจังเชียว” ธันวามองโน้ตบุ๊กของตัวเองบนตักเด็กหนุ่มอย่างครุ่นคิด

“....................” มันยังคงนิ่ง

“อะ!” เขาร้องออกมาเมื่อนึกขึ้นมาได้

“ใช่” ไอ้พร้าวเงยหน้าตอบ

“เออ พี่โหลดมาไว้ดูเล่นๆ เท่านั้นเอง” ธันวายิ้มแหยๆ เมื่อไม่เห็นท่าทีตกใจของไอ้พร้าวจึงเดินไปหยิบบ๊อกเซอร์ตัวโปรดมาสวม แล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง

ไอ้พร้าวยื่นปลายเท้าสะกิดเอวธันวา “มานี่” มันใช้ฝ่ามือตบที่ว่างข้างกาย อีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งข้างมันอย่างว่าง่าย

“อะไรครับ” ธันวามองหูฟังอีกข้างที่ไอ้พร้าวยื่นมาให้

“ดูด้วยกันสิ” มันตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ครับๆ” ธันวาใส่หูฟังทันที

จอโน้ตบุ๊กฉายภาพชายหนุ่มสองคนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม เสื้อผ้าที่ทั้งสองสวมใส่ค่อยๆ หลุดไปทีละชิ้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานอนชันขาขึ้นแล้วแยกออกกว้าง ใช้ฝ่ามือลูบไล้ร่างกายตัวเองอย่างยั่วยวน ชายอีกคนที่หน้าตาดุดันยืนมองจนพอใจแล้วจึงนอนทาบร่างนั้น ชายใต้ร่างยกขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวสอบไว้เพื่อให้ส่วนล่างบดเบียดแนบชิดกัน

“เคยดูหรือเปล่า” ธันวากระซิบถามชิดใบหูแดงก่ำของไอ้พร้าว มันส่ายหน้าแทนคำตอบ

ไอ้พร้าวเบิกตากว้างเมื่อวิดีโอเล่นมาถึงตอนที่ชายหน้าตาดุดันลากปลายลิ้นเลียช่องทางด้านหลังของอีกคน เขาใช้ปลายลิ้นคลึงรอบจีบจนเปียกชุ่มก่อนจะดันมันเข้าไปในช่องทางเล็กแคบนั่น คนถูกกระทำร้องครางออกมาไม่หยุด หน้าท้องหดเกร็งด้วยความเสียวซ่าน

ธันวาหลุบตามองส่วนนั้นของไอ้พร้าวที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ทั้งยังมีโน้ตบุ๊กวางไว้บนตักบดบังสิ่งที่เขาต้องการเห็น ธันวายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ หยิบโน้ตบุ๊กมาวางไว้บนตักของตัวเองแทน ไอ้พร้าวเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

“พี่มองไม่ค่อยเห็น” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มซื่อๆ

“อืม” ไอ้พร้าวไม่ได้ติดใจอะไร สายตาจับจ้องภาพบนหน้าจอตามเดิม

“มองเห็นหรือเปล่า” ธันวาขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนต้นขาสัมผัสกัน ทั้งยังยื่นแขนไปโอบเอวมันไว้

“...................” เมื่อไอ้พร้าวไม่ปฏิเสธ ฝ่ามืออุ่นจึงลูบเอวแน่นตึงของมันเบาๆ

“มันไม่เป็นอะไรเหรอ” ไอ้พร้าวขมวดคิ้ว มองภาพนิ้วทั้งสามเคลื่อนไหวเข้าออกช่องทางด้านหลังของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา

“หือ” ธันวาเลิกคิ้วมองวิดีโอที่กำลังเล่นอยู่อย่างไม่ใส่ใจนัก

“ดูเหมือนเขาจะเจ็บ” ไอ้พร้าวนิ่วหน้าตามคนในวิดีโอ

“ถ้าค่อยๆ ทำ ไม่น่าจะเจ็บ” ธันวาตอบอย่างไม่แน่ใจ เขาเองก็ไม่เคยเสียด้วย

ไอ้พร้าวกลั้นหายใจเมื่อชายหน้าตาดุดันจับส่วนนั้นของตัวเองดันเข้าไปในช่องทางด้านหลังของชายอีกคน ธันวาจ้องใบหน้าด้านข้างของไอ้พร้าวก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่ม ลูบไล้ต้นขาของมันไปมา

“อย่า” ไอ้พร้าวร้องห้ามเสียงเบา มันเกร็งไปทั้งร่าง ธันวายิ้มกริ่ม ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มมันด้วยความรักใคร่

“พี่ธัน ไม่เอา”

“พี่อยาก” เสียงครางจากในคลิปดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคนทั้งสองใกล้ปลดปล่อย ธันวาเลื่อนมือไปสัมผัสส่วนนั้นของไอ้พร้าวที่เริ่มตอบสนอง

“อย่าจับ” ไอ้พร้าวใช้มือดันแขนข้างนั้นของธันวาออก เขายังคงไม่ปล่อย ทั้งยังใช้มือข้างที่ว่างดึงหูฟังออก พับโน้ตบุ๊กลง แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

ร่างของไอ้พร้าวถูกดันให้นอนราบกับเตียง ธันวาขยับตัวทาบทับมันไว้ เขาจูบริมฝีปากของมันอย่างหยอกล้อจนเกิดเสียงน่าอาย ไอ้พร้าวขัดขืนเล็กน้อยในทีแรกก่อนจะยกแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่ายไว้ เพียงครู่เดียวเสื้อผ้าที่ทั้งสองสวมอยู่ก็ถูกถอดออกจนหมด ต่างฝ่ายต่างบดเบียดสะโพกเข้าหากันจนส่วนนั้นที่ตื่นตัวเต็มที่ถูไถหน้าท้องแน่นตึงของคนทั้งสอง

“อือ พี่จะอยู่บนเหรอ” ไอ้พร้าวถามขึ้น ธันวาชะงักค้างไปครู่ก่อนจะบดสะโพกเข้าหาคนใต้ร่างอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะ

“ไม่ได้หรือ” เขาจ้องใบหน้าหวาดหวั่นของมันด้วยความเอ็นดู

“ผมกลัวเจ็บ” ไอ้พร้าวสารภาพออกมา

“เด็กดี ยังไม่ใช่วันนี้...แต่พี่สัญญา พี่จะไม่ทำให้พร้าวเจ็บ” น้ำเสียงอ่อนโยนของธันวาทำให้มันใจอ่อนยวบ

“พี่จะทำวันนี้ก็ได้นะ อะ อือ” ไอ้พร้าวห่อไหล่ ต้นขาทั้งสองเกร็งบีบเข้าหากันจนคนบนร่างไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

“อา วันนี้ไม่ได้ครับ” ธันวาครางด้วยความเสียวซ่าน คำพูดที่น่ารักของไอ้พร้าวทำให้เขาเผลอเร่งจังหวะจนเกือบปลดปล่อยออกมา

“ทำไม” ไอ้พร้าวถามอย่างเหนื่อยหอบ ธันวาอมยิ้มก่อนจะตอบออกไป

“พี่ลืมซื้อถุงยาง”



วันเวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันที่ไอ้พร้าวต้องกลับ ธันวาช่วยมันเก็บข้าวของ ในช่วงเย็นวันนี้เขาต้องพามันไปส่งที่หมอชิต แม้เขาจะเสนอให้มันนั่งเครื่องบินกลับจะได้ไม่ต้องนั่งรถนานๆ แต่ไอ้พร้าวไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อนจึงขอนั่งรถกลับตามเดิม

“เสียดายพรุ่งนี้พี่มีประชุม ไม่อย่างนั้นคงนั่งเครื่องไปส่งพร้าว” ธันวารูดซิปกระเป๋า

“ช่างเถอะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนั่งเครื่องบิน ให้ไปคนเดียวก็กลัวจะทำอะไรขายขี้หน้าคนอื่น”

“ตามใจครับ อะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว” ธันวายื่นกระเป๋าไปให้ไอ้พร้าว มันรับไปวางข้างกระเป๋าอีกใบ

“มานี่สิ” ธันวาตบหน้าตักของตัวเอง

ไอ้พร้าวหรี่ตามองคนบนเตียงอย่างไม่ไว้ใจ “จะพังอยู่แล้ว ไม่ทำนะ” มันว่าอย่างหงุดหงิด ธันวาเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหัวเราะออกมา

“แค่นั่งตักเฉยๆ ครับ เห็นพี่เป็นคนยังไง”

“ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” ไอ้พร้าวพึมพำกับตัวเอง

“ได้ยินนะครับ”

“เฮ้อ” มันถอนหายใจ สุดท้ายก็ยอมเดินไปนั่งตักอีกฝ่าย

“ต้องคิดถึงมากแน่ๆ” ธันวากอดไอ้พร้าวจากด้านหลังแล้วกดจูบท้ายทอยของมัน

“ฮ่าๆ พูดเหมือนตัวเองเป็นวัยรุ่นไปได้ พี่แก่แล้วนะ หัดปลงซะบ้าง” คำพูดคำจาของไอ้พร้าวน่าฟังเสียที่ไหน ธันวาฟังแล้วมันเขี้ยวจึงฟัดแก้มมันไปหลายที

“ถ้าพี่ไม่ไปหา อย่าร้องแล้วกัน”

“.......................” ไอ้พร้าวไม่ตอบ ธันวาเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะเอียงตัวมองใบหน้าด้านข้างของมันที่กำลังอมยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ

“เปลี่ยนใจแล้ว พี่ไปหาพร้าวทุกเดือนดีกว่า อืม...หรือไปทุกอาทิตย์ดี” ธันวาแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“จะไปบ่อยๆ ทำไม เปลืองเงินเปล่าๆ” มันบอกอย่างเบื่อหน่าย

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พอดีพี่รวยค_ยใหญ่”

ธันวายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อไอ้พร้าวหันขวับมามอง มันจ้องหน้าเขาเขม็ง อ้าปากเล็กน้อยเหมือนจะเอ่ยพูดบางอย่าง แต่ธันวาไวกว่า ก้มลงจูบริมฝีปากของมันหนึ่งทีจากนั้นถามหน้าซื่อ

“อยากพูดอะไรครับ”

“ไอ้พี่ธัน!”



31 ธันวาคม

ไอ้พร้าวก้มมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้วแต่คนที่มันกำลังรอยังมาไม่ถึง วันนี้มันแอบขับรถของเลออกมาตั้งแต่บ่ายสามโมง พอพ้นหน้าร้านมาได้ถึงโทรบอกผู้เป็นน้า เพราะอ้างว่ามารับธันวาจึงไม่ถูกบ่นหูชา

“พี่ธัน” ไอ้พร้าวตะโกนเรียกเสียงดังลั่นจนคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างขบขัน

“รอนานไหมครับ”

“ไม่ เพิ่งมาถึง” มันโกหกออกไป ทั้งที่จริงมารอตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน

ธันวามองเด็กหนุ่มที่เดินข้างกายด้วยรอยยิ้ม ความจริงแล้วเขาหยุดงานตั้งแต่วันที่ 25 แต่ต้องขึ้นเหนือไปเชียงรายเพื่อเยี่ยมยายปิ่นกับครอบครัวก่อน พอได้อยู่กันตามลำพังกับผู้เป็นยาย เขาจึงเล่าเรื่องความสัมพันธ์กับไอ้พร้าวให้หญิงชราได้รับรู้ ยายปิ่นไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร เพียงแต่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะบอกให้เขาดูแลมันดีๆ รักต่างวัยนั้นต้องใช้ความเข้าใจและความอดทน แม้ธันวาจะผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว แต่บางครั้งเขาอาจจะหลงลืมความรู้สึกในตอนนั้นไป

“มองไร” ไอ้พร้าวเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ

“คิดถึง” ธันวายิ้มตาหยี

“ฮ่าๆ เวอร์ไป”

“ไม่เจอตั้งสามเดือน ไม่คิดถึงพี่บ้างหรือ”

“.....................”

ไอ้พร้าวปลดล็อกประตูรถ สตาร์ตรถทันทีที่ขึ้นมานั่ง ทว่าไม่ยอมเคลื่อนรถเสียที ธันวามองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ มันนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่ตอนที่เขาถามว่า คิดถึงหรือเปล่า

“เป็นอะระ” ธันวาชะงักเมื่อไอ้พร้าวใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของเขาไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบอย่างดุดันแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เขาตกใจในทีแรกก่อนจะจูบตอบในแบบเดียวกัน

เป็นไอ้พร้าวที่ผละริมฝีปากออกก่อนหลังจูบอยู่หลายนาที มันใช้หลังมือเช็ดน้ำลายที่เปียกชุ่มตั้งแต่มุมปากถึงปลายคาง ธันวาคว้ามือข้างนั้นไว้แล้วเลียอย่างเชื่องช้า

“บนรถเลยไหม” ไอ้พร้าวดึงมือกลับ

“พี่อยากลอง” ธันวาพูดเสียงกระเส่า

“ตลกล่ะ รถเปื้อนได้โดนน้าเลฆ่าแน่” มันว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะเคลื่อนรถ

“หึหึ นั่นสินะ”

เมื่อมาถึงร้าน ‘น้องพร้าว’ เลและพัทธ์รีบหาข้าวปลามาให้ธันวากับไอ้พร้าวทาน เพราะมาหาไอ้พร้าวบ่อยจึงทำให้ธันวาเป็นที่รู้จักสนิทสนมกับคนในหมู่บ้าน วงเหล้าขนาดย่อมจึงเกิดขึ้น ส่วนไอ้พร้าวเข้าไปช่วยเลและพัทธ์ในครัว จนเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่ม เลถึงบอกให้มันพาแขกคนสำคัญไปอาบน้ำพักผ่อนที่บ้าน

“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง” ไอ้พร้าวร้องห้ามเมื่อธันวาที่เมาเล็กน้อยซุกไซ้ซอกคอมันไม่หยุด สองมือถอดเสื้อผ้าของมันออกจนหมด

“ไม่ไหวแล้ว” ธันวาพูดเสียงอู้อี้

“ขอล้างก่อน” ไอ้พร้าวบอกก่อนจะเดินไปนั่งบนชักโครก

“สะอาดอยู่แล้ว ไม่ต้องล้างหรอก” ธันวาตามมาจูบไซ้ร่างกายท่อนบนของมัน

“ถ้าไม่ล้างก็ไม่ต้องทำ” มันห่อไหล่เมื่อยอดอกถูกดูดดึง

“ฮึ่ม” อีกฝ่ายส่งเสียงไม่พอใจ

“ออกไปเลย” ไอ้พร้าวดันไหล่ธันวาให้ออกห่าง

“เฮ้อ โอเคครับ”

“ถอยไป ทำไม่ถนัด”

“พี่ช่วย” ธันวาแย่งสายฉีดชำระมาจากมือไอ้พร้าว

“ไม่ต้อง”

“ยังอายอยู่หรือ เมื่อก่อนพี่ก็ทำให้บ่อยๆ” ธันวายิ้มกรุ้มกริ่ม

“ใคร ใครอาย ไม่ได้อายซะหน่อย จะทำก็รีบทำ” ทั้งที่พูดด้วยท่าทางหงุดหงิด แต่ใบหูทั้งสองข้างกลับแดงก่ำ

ใช้เวลาเพียงไม่นานบทรักที่แสนเร่าร้อนก็เริ่มขึ้นใต้ฝักบัว และจบลงบนเตียงของไอ้พร้าว ไม่กี่วินาทีต่อมาดอกไม้ไฟก็ถูกจุดส่งเสียงดังลั่นไปทั่วทุกทิศทาง

คนทั้งสองผละจากกันเมื่อต่างคนต่างปลดปล่อย แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงเร็วตามจังหวะการหายใจ รอจนอาการเหนื่อยหอบหายไปธันวาจึงขยับเข้าไปนอนหนุนหมอนใบเดียวกับไอ้พร้าว มันขยับตัวนอนตะแคงแล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบ

“เจ็บไหม” ธันวาถามอย่างเป็นห่วง ทั้งเขาและมันต่างไม่ยั้งมือกันเลย

“อีกสิบรอบก็ยังไหว” ไอ้พร้าวเชิดหน้าเล็กน้อยอย่างท้าทาย

“หึหึ” ธันวาหัวเราะในลำคอก่อนจะขยับลุกขึ้นถอดถุงยางอนามัย

“พี่จะทำอีกเหรอ” ไอ้พร้าวดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที มันนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความเจ็บจากช่องทางด้านหลัง

“เปล่าครับ วันนี้พอแล้ว เมื่อกี้เจ็บใช่ไหม ไหนขอพี่ดูหน่อย” ธันวาดันไอ้พร้าวให้นอนลง จับสองขาของมันชันขึ้นแล้วแยกออกกว้างจนเห็นช่องด้านหลังที่แดงก่ำและเปิดอ้าเล็กน้อย

“อา ดีที่ไม่มีเลือด”

“.......................” ผ่านไปครู่ใหญ่ธันวายังคงจ้องตรงนั้นจนไอ้พร้าวทนไม่ไหว

“ดูอะไรนักหนา พอได้แล้ว ง่วง” มันหุบขาแล้วใช้สองเท้าถีบแผ่นอกธันวาเบาๆ

“ฮ่าๆ ดูเพลินไปหน่อย อาบน้ำไหมจะได้สบายตัว”

“ไม่ ขี้เกียจ”

“งั้นพี่เช็ดตัวให้” ธันวาลงจากเตียง ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเดินก็ถูกไอ้พร้าวกุมมือไว้หลวมๆ

“หือ มีอะไรครับ” ธันวามองอีกฝ่ายที่ซุกหน้ากับหมอน

“แฮปปี้นิวเยียร์” ไอ้พร้าวพูดอู้อี้

ธันวาอมยิ้มกับท่าทางน่ารักของไอ้พร้าว “นั่นสินะ ลืมไปได้ยังไง” เขานั่งลงที่ขอบเตียง โน้มตัวลงกระซิบชิดหูมัน

“แฮปปี้นิวเยียร์ครับ...ที่รัก”



-End-

_________________________________________________


Timpooh : ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ต้องขอโทษด้วยที่หายไปกับเดือนธันวาคม
ก็จบไปแล้วสำหรับ 'December อยากให้ทุกเดือนเป็นเดือนธันวาคม' เรื่องนี้แต่งเมื่อหลายปีก่อน
จำไม่ได้ว่าเริ่มแต่งปีไหน ใช้เวลานานมากกว่าจะจบ 555
ยังไงก็ขอฝากติดตามผลงานเรื่องถัดไปด้วยนะคะ
  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2019 22:37:29 โดย KT-ReE »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น่าอ่านมากเลย ขอบคุณมากๆที่มาลงที่เล้า
อยากอ่านตอนพืเศษ :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2019 16:59:47 โดย Billie »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณที่มาต่อให้จนจบนะ นึกว่าหายไปแล้ว
พร้าวยังน่ารักเหมือนเดิม
 :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ขอบคุณคนเขียนมากเลยนะคะ
เป็นเรื่องที่อบอุ่นมากค่ะ ชอบน้าเลตอนเลี้ยงหลานค่ะ 5555 น่ารักมาก พร้าวตอนเด็กๆก็น่ารัก โตมาถึงจะดื้อไปหน่อยแต่ก็ยังน่ารัก ชอบทีเรื่องราวค่อยไเป็นค่อยๆไปค่ะ อยากอ่านตอนพี่ธันกับน้องหวานๆกันกว่านี้อีก เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
อ่านรวดเดียวจบ
ชอบช่วงแรกมากค่ะ ตอนที่พร้าวยังเล็ก ๆ
เขียนได้น่ารักมาก เห็นภาพตามทุกคำเลย
::
แต่พอพร้าวโต และธันไปเรียนต่อ
กลับไม่ค่อยอินแล้ว เลยลากอ่านผ่าน ๆ
ยิ่งตอนที่มีดราม่าเรื่องแฟนกับเพื่อนธัน ... ยิ่งผ่านเลยค่ะ
ขอโทษที
แต่สุดท้าย การจบแบบ happy ending ก็ทำให้โอเคนะคะ
อย่างน้อยชีวิตก็ไม่รันทดเกินไปเนาะ

จะรออ่านเรื่องต่อไปค่ะ :L2:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
"................ในตอนหน้าจะเป็นเรื่องราวของเลและพัทธ์นะคะ" โอ๊ยยยยยยยยยยกรี๊ดดดลั่นนนน กำลังนึกว่าจะมีไหมอยู่พอดี ชอบคู่นี้ ผู้แต่งช่างรู้ใจจริงๆ น่ารักอ่ะ (ฮา) มาๆจัดเลย รออยู่ อยากรู้ว่ามาอยู่ด้วยกันอะไรยังไง มี nc ก็จัดมาค่ะ 5555555555 เลนี่แบบอดทนต่อสู้ชีวิตจริง ให้มีความสุขซักทีเถอะ //ส่วนคู่พี่ธัน-น้องพร้าว เข้าใจกันสักที กว่าจะรู้ใจและยอมรับใจตัวเอง ต่างคนก็ต่างผ่านความสับสนมึนงงในความสัมพันธ์ความรู้สึกที่มีต่อกัน ค่อยๆเป็นค่อยๆเรียนรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ผูกพันธ์กันมาแต่เด็กเลย สนุกกกมากกก ชอบความหน่วง ความอึน ความอึดอัดตอนที่ยังไม่รู้ใจ แต่งเก่งอ่ะ ตอนเด็ก มาวัยรุ่นคึกคะนอง จนจะเข้ามหาลัย แต่ละช่วงวัยบรรยายได้ดี ที่ชอบอีกอย่างคือภาษาเป็นแบบสมัยเก่า ไม่มีคำศัพท์ปัจจุบันแบบวัยรุ่นๆที่เจอในยุคนี้ผสม การบรรยายก็เป็นยุคสมัยยังไม่มีไลน์ 5555 ชอบอ่ะ อ่านรวดเดียวแบบวางไม่ลงเลย เฮ้ย!! เปิดเข้ามาอ่านแบบไม่คิดไรมาก แต่ดันสนุกซะงั้น 5555 ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้และมาอัพลงในนี้ให้ได้อ่านกัน รอตอนพิเศษเล-พัทธ์ ต่อเลยค่ะ 

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ภายใต้ความน่ารักของชื่อเรื่อง..มีน้ำตาซ่อนอยู่....เยอะเลย

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เล ตอนยังเด็กน่ารัก เข้มแข็งเลี้ยงหลานได้ดีมาก ละครบางทีก็เหมือนชีวิตจริง
หลายปีมาแล้ว จำได้ว่าตอนเข้าอยู่กรุงเทพฯ ใหม่ๆ มีคนรู้จักพาไปเยี่ยมญาติ
แถวสุทธิสาร กว่าจะเข้าไปได้ มีประตูหลายชั้น เหมือนที่เขาห้ามเล ว่าเด็กไม่ให้เข้า
โตมาอีกหน่อยถึงเข้าใจ
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ชอบตอนพิเศษที่น้าเลเลี้ยงพร้าวจัง
อ่านไปก็น้ำตาซึมตาม

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด