[เรื่องสั้น] Cosplayer ชุดสาวน้อยเวทมนตร์ P.14 จบ[3/08]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Cosplayer ชุดสาวน้อยเวทมนตร์ P.14 จบ[3/08]  (อ่าน 97743 ครั้ง)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่16 UP! P.12[14/06]
«ตอบ #360 เมื่อ14-06-2019 23:41:09 »

น้องเรนนี่ยังไง..ที้งรักทั้งหมั่นไส้กันแบบนั้นอ่อ???   :m21: :m21: :m21:

ออฟไลน์ Wwavez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่16 UP! P.12[14/06]
«ตอบ #361 เมื่อ15-06-2019 04:35:42 »

โล่งใจไปเรื่องนังหมา แต่ก็รู้ลึกๆล่ะว่านางต้องทำอะไรเพื่อจินอยู่ จินก็เข้าใจเคย์ละว่านังพ่อใช้งาน เห้อสงสารจินนะที่เรนเล่ามา น้องเสียใจมากเยอะจิงๆ สมนำ้หน้านังหมาอดเป็นเเฟนต่อไป :z2:

ออฟไลน์ มะยองมะแยง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่16 UP! P.12[14/06]
«ตอบ #362 เมื่อ15-06-2019 12:39:08 »

โถ่ววววอิหมาเคย์ นึกว่าหายไปทำอะไร ที่ไหนได้โดนคุณพ่อเล่นงานนี่เอง รู้ความจริงแล้วรีบไปง้อจินด่วนๆเลย เจ้าหมาโง่แกทำลูกฉันร้องไห้ :fire:

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่16 UP! P.12[14/06]
«ตอบ #363 เมื่อ18-06-2019 22:27:21 »

โล่งใจ นึกว่าเคย์ไปมีคนอื่นจริงๆ รอนะคะว่าจินจะเคลียร์กับพ่อยังไง  :katai1:

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
«ตอบ #364 เมื่อ30-06-2019 18:20:50 »

บทที่ 17 : จัดการปัญหา แต่ดันมีปัญหาเพิ่มขึ้นซะงั้น

พ่อ…อีกแล้ว

ทุกครั้งที่ผมกำลังจะมีความสุข คนคนนั้นต้องเข้ามาขวางทุกรอบ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่ผมชอบ เขาต้องเข้ามายุ่มย่ามทุกครั้ง

ทั้งเรื่องการแต่งเป็นผู้หญิง ทั้งเรื่องที่แม่ทำคาเฟ่โดยปล่อยให้ชั้นสองเป็นที่นั่งของผมกับกลุ่มคนที่แม่รวบรวมมา ทั้งเรื่องที่ผมไม่ยอมไปเรียนต่อมหาลัยที่ต่างประเทศ

‘คุณกล้าดียังไงเอาพวกคนประหลาดพวกนั้นมาใกล้ลูก! คุณเอาพวกผิดเพศพวกนั้นมายิ่งส่งเสริมลูกให้เตลิดเข้าไปใหญ่ คุณเป็นแม่ประสาอะไร!’

พ่อเคยพูดแบบนั้นใส่หน้าแม่กับพวกพี่มิ้นต์ สาวออฟฟิศซึ่งมีคนรักเป็นผู้หญิงถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อพ่อผมพูดอะไรไม่เข้าท่า

‘ของแต่งหน้าพวกนี้ คุณกล้าดียังไงให้ลูกชายพวกเราใช้ คุณมันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง!’

แต่คนที่ไม่ได้เรื่องมันคือใครกันแน่

ผมกุมมือตัวเอง ในใจคิดครวญถึงเรื่องต่างๆ มากมายในอดีต ทั้งๆ ที่คิดว่าสามารถก้าวข้ามพวกมันได้แล้วแต่บางส่วนก็ยังติดอยู่ในใจไม่หาย

คราวนี้ก็ต้องรอเคย์กลับมา

ผมเฝ้ามองบานประตูให้เปิดออก นั่งรออย่างเงียบงันในความมืด

เป็นเวลานานกว่าประตูจะถูกเปิดออก แสงจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาในห้องซึ่งมืดสนิท เคย์กวาดสายตาก่อนจะมาเจอผมที่นั่งเป็นเงาตะคุ่มอยู่ในมุมเตียง

“เหวอ!” เขาตบสวิตช์ไฟ “จิน! อย่านั่งแบบนั้นได้มั้ย ตกใจหมด!”

“ไปไหนมา” ผมพูดเสียงแหบต่ำเหมือนกับภรรยาที่จับได้ว่าสามีนอกใจ

เหงื่อตรงขมับเคย์ค่อบๆ ไหลไปตามกรอบหน้า ดวงตาคมเสหลบตาผมเป็นพัลวันก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งของในมือลงตรงประตูแล้วสไลด์เข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าผมซึ่งย้ายมานั่งไขว้ห้างตรงขอบเตียง กระดิกเท้ารอคำตอบอีกฝ่าย

“ขออภัยครับ สามอาทิตย์ที่กระผมแบกของบอกว่าไปนอนห้องเพื่อนหรือไปทำโปรเจ็ค จริงๆ แล้วกระผมไปทำงานกับคุณพ่อ…ไม่สิ คุณลุง”

ผมกอดอก มองคนที่แนบศีรษะกับพื้นเย็นเฉียบ

“เงยหน้าขึ้น”

“เอ๋” เคย์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาตามคำสั่ง และผมก็ใช้ปลายเท้าช้อนคางอีกฝ่ายขึ้น

“เอาล่ะ บอกเหตุผลดีๆ สักข้อที่ทำอะไรลับหลังโดยที่ไม่บอกกันหน่อยได้มั้ย”

ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้ากลืนน้ำลายเอื๊อก เขาพยายามเสหน้ามองไปทางอื่นทว่าผมใช้ปลายเท้าบังคับให้เคย์มองตรงสบตาเหมือนเดิม

“จริงๆ มึงรักพ่อมึงมากๆ ใช่มั้ย เพราะงั้น ถ้าเกิดว่ากูบอกว่ากูเจออะไรขึ้นมา หรือบอกว่าพ่อมึงพูดอะไรกับกูบ้าง มึงก็จะโกรธเขาใช่มั้ย”

“…”

“กูอาจจะเป็นคนโลกสวย หรือกูอาจจะไม่เข้าใจ แต่ที่กูเห็นจากสายตากูคือทั้งมึงและพ่อมึง ต่างฝ่ายต่างก็รักกันมากจริงๆ ถึงแม้พ่อมึงจะรักแบบผิดวิธี แต่มันก็เป็นความรัก”

“…”

“กูแค่คิดว่าถ้ามันแย่ลงไปกว่าเดิม อาจจะประสานกันไม่ได้แล้ว และมันน่าเสียดายถ้าต้องเสียความรักแบบครอบครัวไป”

“…มึง”

“แต่ว่า! กูเพิ่งได้ยินเรื่องที่เพื่อนคอสเพลย์มึงเล่า แล้วก็คิดได้อย่างหนึ่ง ความหวังดีที่กูทำไป มันอาจจะทำร้ายมึงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก็ได้ เรื่องของมึงกับพ่อ เป็นเรื่องที่กูเข้าไปยุ่งไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่มึงต้องแก้ไขเอง และสิ่งที่กูทำได้มีแค่ต้องซื่อสัตย์ต่อมึงเท่านั้น”

สายตาของคนที่มองตรงมาทำเอาผมผงะไปครู่หนึ่ง ในใจคิดถึงเรน ที่แท้เจ้าคนขี้เสือกนั่นก็ยังทำประโยชน์ให้ใครเขาได้อยู่บ้าง

“พึ่งคิดได้”

หมาโง่ส่งรอยยิ้มแหะๆ มา

“นั่นสินะ มันเป็นความอวดดีของกูเองแหละ”

เคย์ลุกขึ้น ย้ายสารร่างมานั่งข้างตัวผมแล้วตวัดแขนโอบเอวผมเข้าไปกอดแน่น

“กอดทำไมเจ้าโง่นี่ เรนบอกไปถึงไหนบ้าง”

“บอกถึงว่าเมื่อวานมึงจะขอกูเป็นแฟน”

“อ้อ ใช่ ยินดีด้วย มึงทำลายโอกาสนั้นลงกับมือ”

“เอ๋ ขออีกรอบไม่ได้เหรอ”

“เสียใจ”

“งั้นกูขอเอง เป็นแฟนกันนะ”

“ขอปฏิเสธ”

“เดี๋ยวสิจิน! ยังโกรธอีกเหรอ”

“หุบปาก มึงทำลายเรื่องนั้นทิ้งไปแล้ว”

เคย์อ้าปากหวอ หน้าหมาๆ นั้นดูโง่จนผมเผลอเอานิ้วจิ้มจมูกเขา และได้รับปฏิกิริยาเป็นหน้ายู่ๆ ดูผิดหวังตามคาด

“…รู้งี้น่าจะถ่างตาอีกหน่อยก็ดี”

“พูดถึงเรื่องนั้น เล่าเรื่องทั้งหมดให้กูฟังสิ ว่าพ่อมาคุยกับมึงตอนไหน แล้วคุยอะไรกันบ้าง”

เคย์เล่าตั้งแต่การเริ่มต้นเจอพ่อ เรื่องที่เลขาซึ่งผมเห็นในตอนนั้นว่ามารับเขาไปทำงานทุกวันและปล่อยเขากลับมาเอง ไม่ว่าจะเลิกเรียนบ่ายหรือเช้าก็ต้องไปทำงานต่อที่บริษัท แน่นอนว่าผมถามเขาเรื่องการอ่านหนังสือไฟนอลซึ่งเขาใช้เป็นข้ออ้างและได้รับคำตอบอ้อมแอ้มมาว่ากำลังอ่านอยู่

ผมนวดหัวคิ้วอย่างหงุดหงิด

“นี่มึงกำลังจะบอกว่าพ่อโยนมึงเข้าทำงานบริษัททั้งๆ ที่มึงยังอายุ19ปี เรียนอยู่ปีหนึ่ง นี่มันทำเพื่อให้มึงโดนด่าเล่นๆ ชัดๆ”

“กูก็ไม่ได้โดนด่า…อะไรขนาดนั้น” ท้ายประโยคเขาเงียบลง ทำเอาผมปวดหัวจี๊ดกว่าเดิม

“ตอบมาตามตรง ไม่โดนด่าจริงเหรอ แล้วเขาให้มึงทำอะไรเพิ่มเติมมั้ย แล้วไฟนอลมึงอ่านตอนไหน มึงทำงานถึงกี่โมง ได้นอนพักบ้างมั้ย”

“ก็…โดนด่าบ้าง ไม่…ไม่เยอะ แล้วก็อ่านไฟนอลตอนนั่งรถตู้กลับมาจากสาธร เอ่อ…แล้วก็ทำงานขึ้นอยู่กับว่าเสร็จเมื่อไหร่ ถ้าเริ่มช้าก็จบตอน5ทุ่ม แล้วกูได้นอนเยอะอยู่ 6ชั่วโมง”

“ตอแหล จะนอน6ชั่วโมงได้ยังไง นั่งคิดเวลากลับมาจากสาธร กว่าจะเข้ามาถึงที่นี่ เดาว่าหลังจากกลับมามึงก็อ่านหนังสือต่อ บ้าเอ๊ย เจ้าหมาโง่” ผมเอามือทาบหน้าผากอีกฝ่าย พบว่าเขาอุณหภูมิสูงกว่าผมนิดๆ แม้ไม่ถึงขั้นเป็นไข้ แต่ก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาโหมงานหนักมากจริงๆ

“กูโอเคจริงๆ จิน กูอยากพิสูจน์ให้พ่อมึงเห็นว่าต่อให้กูมาจากครอบครัวไม่ร่ำรวยแต่กูมีความสามารถพอจะดูแลมึงได้ กูอยากพิสูจน์ว่ากูคู่ควรพอจะอยู่กับมึง”

“พิสูจน์! พิสูจน์กับใคร กับพ่อ? พิสูจน์เรื่องนี้ก็ต้องไปต่อเรื่องอื่น พิสูจน์กับคนโน้นคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำไมมึงต้องพิสูจน์กับใคร ใครมันกำหนดว่ามึงมีความสามารถพอจะมาอยู่กับกู เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่กูกับมึงต้องคิดกันเองเหรอวะ” ผมบีบจมูกโด่งๆ นั้นอย่างโมโห

“โอ๊ย! ใจเย็นก่อน”

“หุบปาก! มึงรู้มั้ยถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง วันๆ ชอบแต่แต่งหน้า มึงเลิกพยายามฝืนตัวเองได้แล้ว! มึงพึ่ง19และมึงเป็นนักศึกษาที่กำลังจะสอบไฟนอล! นั่นควรเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดมากกว่าการพิสูจน์ห่าเหวให้ใครไม่รู้ซึ่งไม่มีวันจะมาชี้หน้าบอกให้กูเลิกกับมึงได้แล้ว”

“เดี๋ยว! จะทำอะไร”

“นอน! นอนไปเลย! นอนเยอะๆ นอนรวดเดียวสัก8ชั่วโมง พรุ่งนี้กูจะเข้าไปคุยกับพ่อ ส่วนมึงก็นอนเป็นผักแล้วตื่นมาอ่านไฟนอลซะ เข้าใจมั้ย!”

ผมดันร่างโตๆ นั้นลงนอน ไม่สนใจว่าเขาบอกว่าจะต้องลุกไปแปรงฟัน ผมสะบัดผ้าห่มคลุมทับร่างเขา แล้วมุดเข้าผ้าห่มเพื่อไปกอดเอวสอบ

“กูต้องแปรงฟันนะ…”

“หุบปากไปเลย”

ผมซ่อนใบหน้าไว้กับบ่าเขา น้ำตารื้นขอบตา ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่ความรู้สึกประหลาดยามที่พึ่งรู้สึกตัวว่าคนตรงหน้าให้ความสำคัญกับผมมากเสียจนดิ้นรนทำอะไรเกินตัว

ความรู้สึกที่มีคนพยายามทำอะไรเพื่อคุณมากขนาดนี้ นอกจากครอบครัวก็เพิ่งได้จากเขาคนแรก

ผมเงยหน้าขึ้นจูบเขา สัมผัสแผ่วเบาแตะที่ริมฝีปาก

“ขอบคุณ”

และรอยยิ้มกว้างที่ตอบกลับมาก็ทำให้รู้ว่าเคย์ก็คิดเหมือนกัน



ผมปล่อยคนตัวโตนอนอยู่บนเตียงยามเตรียมตัวออกศึกไปคุยกับคนที่คงอยู่ในออฟฟิศบนตึกสูง ยักษ์ปั่นหลันซึ่งเหมือนจะไม่มีวันเหนื่อยอ่อนได้ง่ายๆ ยามนี้กลับเหมือนคนกำลังชาร์ตพลังงาน

ถึงแม้จะตัวใหญ่ดูแข็งแกร่งก็ใช่ว่าจะพร้อมรับสถานการณ์ทุกเรื่อง

ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นวัยรุ่นที่โง่เขลาอยู่ดี

ผมปีนขึ้นเตียง ก้มลงจูบที่หน้าผากเขา จากนั้นจึงออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

ผมคอลคุยกับเรนและพี่พลไปด้วยระหว่างกำลังขับรถไปสาธร แน่นอนว่าพี่พลปฏิเสธเสียงแข็งเรื่องที่ผมจะไปคุยกับพ่อ เขารู้ดีที่สุดเรื่องที่พ่อผมสามารถทำได้และทำมาแล้ว ส่วนเรน…เขากลัวพ่อผมพอๆ กับกลัวพ่อตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นกลับสนับสนุนให้ผมไปพูดให้ชัดเจน

“พี่พล ผมรู้ตัวว่าผมทำอะไรอยู่”

“เพราะงั้นถึงได้น่ากลัวยังไงครับ คิดเหรอว่าคุณเขาจะหยุดแค่เพราะว่าโดนพูดใส่หน้าว่าเลิกยุ่งกับพวกเราสักที แบบบนี้น่ะเหรอ”

“พี่พูดซะเหมือนเด็กขี้โวยวาย ครั้งนี้พ่อทำเกินไปจริงๆ”

“พี่รู้ครับ เพราะงั้นพี่ถึงบอกไงว่าปล่อยให้มันจางๆ ไปเถอะ เคย์ไม่กลับไปที่ออฟฟิศซะอย่างเขาจะทำอะไรได้”

“แล้วพี่คิดเหรอว่าแค่นั้นจะทำให้พ่อรามือ?”

เสียงถอนหายใจพร้อมกันของเราสามคนทำให้รู้ว่าสถานการณ์น่าหนักใจขนาดไหน

“…นี่ถ้าผมไม่ได้มีแฟนเป็นผู้ชายก็คงไม่มีเรื่อง” ผมพูดกลั้วหัวเราะ

“แต่ถ้าให้มีแฟนเป็นผู้หญิง?”

“ก็ไม่ต้องมีดีกว่า ผมสวยกว่าผู้หญิงพวกนั้นตั้งเยอะ”

“แหวะ” เสียงเรนแสร้งไอค่อกแค่กเกินจริงจนน่าผลักให้คว่ำสักที

“เอาล่ะ ผมถึงแล้ว เดี๋ยวยังไงผมจะบอกผลแล้วกันนะ”

“ได้ครับ ดูแลตัวเองด้วย”

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ มองโทรศัพท์ก่อนจะก้าวลงจากรถ

การเข้าไปเผชิญหน้ากับพ่อมันยากลำบากเหมือนเคย แต่โชคดีที่เขาอยู่และเลขายอมให้ผมเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ชายวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตรงนั้นยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

เข้าถึงยาก มีบรรยากาศไม่น่าเข้าใกล้ และไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น

“ถ้าไม่มีเรื่อง…ก็คงไม่คิดจะมาสินะ”

“อือ จะมาทำไมล่ะ”

ชายสูงวัยที่ผมเรียกว่าพ่อยกยิ้มมุมปากเหมือนเยาะเย้ย เขาหลุบตาลงเหมือนเจ็บปวด

เจ็บเหรอ? ตอนตัวเองทำคนอื่นเจ็บกลับไม่แม้แต่จะคิดเสียใจ ตอนนี้กลับมาทำท่าทางเหมือนตัวเองถูกทำร้าย

พ่อผมช่างเก่งเรื่องโยนความผิดให้คนอื่นเสียจริง

ผมเดินไปที่เก้าอี้รับรอง ทิ้งตัวลงนั่งจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของสปริง

“พ่อเลิกยุ่งกับเคย์เดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น พอสักที หาเรื่องเด็กมหาลัยปีหนึ่งเนี่ยนะ ใครได้ยินเข้าคงหัวเราะ”

“ฉันแค่อยากรู้เรื่องของคนที่กำลังจะกลายมาเป็นแฟนแกไม่ได้เหรอ”

“ถ้าแค่รู้เรื่องล่ะก็…พ่อก็น่าจะรู้ทะลุปรุโปร่งแล้วไม่ใช่เรอะ”

“ฉันจะรู้ได้ไงว่าแฟนแกใช้ได้มั้ย”

“นี่แฟนผมไม่ใช่แฟนพ่อ พ่อจะอยากรู้ไปทำไมว่าเขาใช้ได้หรือเปล่า”

ไม่มีความเกรงใจ ไม่เหลือความเคารพ ผมดาหน้าชนเขาไปตรงๆ ชนิดดับเครื่องชน

“ก็จริง…เขาไม่ใช่แฟนพ่อ แต่มันก็ถือเป็นหน้าที่ของพ่อที่จะต้องรู้เรื่องคนที่มาคบกับลูกตัวเองนี่”

“โฮ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะมาทำหน้าที่เป็นพ่อที่ดีอะไร อยากมากระเสือกกระสนเป็นพ่ออะไรเอาตอนนี้” ผมยิ้มเยาะมุมปาก

“จิน!” สีหน้าของพ่อในตอนนี้บิดเบี้ยวและโกรธขึ้ง

“ทำไม มันแทงใจพ่อมากเหรอครับ”

“พูดเท่าที่แกอยากพูดเถอะ ยังไงเจ้าเด็กนั่นมันก็ไม่เหมาะสมกับแก ไม่ต้องพูดถึงส่วนที่มันเป็นผู้ชายหรอกนะ แค่ฐานะก็คนละเรื่องแล้ว” ชายผู้ผ่านประสบการณ์มามาก มองโลกด้วยสายตาตัดสินจนกลายเป็นตาแก่น่าเศร้าเอ่ย “ยังไงก็ตาม จนกว่าจะตัดสินกันได้ ฉันจะให้แกกลับไปอยู่ที่บ้าน”

“อย่างกับจะบังคับผมได้”

“ถ้าไม่อยากให้ร้านคาเฟ่ที่แม่แกอุตส่าห์ทำขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก็กลับไปนอนที่บ้านซะ แค่ห่างกันแค่นี้แลกกับการที่คาเฟ่นั่นไม่พินาศ เป็นไงล่ะ”

“…อย่ามายุ่งกับของของแม่นะ” ผมกัดฟันกรอด ขู่เสียงต่ำ

“แย่หน่อยที่บางทีกิจการคาเฟ่มันก็เยอะไปจนทำให้มันเป็นธุรกิจที่ปิดตัวง่ายล่ะนะ” พ่อยกยิ้มไม่น่าไว้ใจ และผมหมายถึงว่ามันไม่น่าไว้ใจจริงๆ

พ่อสามารถทำทุกสิ่งที่เขาต้องการได้เสมอ

“…ก็ได้ กลับไปอยู่บ้านก็ได้ แต่พ่อต้องเลิกยุ่งกับเคย์ เขามีหน้าที่เรียนหนังสือ ไม่ใช่มาให้โดนคนในบริษัทด่า”

“นั่นเพราะเขาทำไม่ได้เรื่องเอง”

“พ่อตอนอายุ19ทำได้ดีกว่านี้ที่ไหนล่ะ”

“หึ ถ้ายังพูดดีได้ขนาดนั้นก็กลับบ้านไปซะ”



แล้วผมก็ได้ออกจากบริษัทของพ่อโดยการนั่งบนเบาะหลังในรถคันหรู ผมจ้องเครื่องมือสื่อสาร ไม่แน่ใจว่าจะบอกคนที่อาจจะกำลังนั่งกระวนกระวายรอผมที่ห้องยังไงดี

ตู๊ด---

ชื่อของพี่พลปรากฎบนหน้าจอโทรศัพท์ของผม และหลังจากเขารับสาย ผมก็รีบอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ เพราะว่าเขาก็ต้องเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อผมพยายามข่มขู่คาเฟ่ซึ่งเป็นที่ทำกินของเขา

“ผู้ชายคนนั้นไม่ว่าผ่านไปเท่าไรก็ยังเป็นแค่ไอ้สถุลสินะ” เสียงพี่พลสบถชนิดที่ผมต้องเซนเซอร์ดังลอดออกมา

“อือ ช่วงนี้พี่ก็ระวังหน่อย นอนตรงคาเฟ่ไปเลย ชั้นสองอ่ะ”

“ได้ จินไปบอกกับแฟนด้วยแล้วกัน เผื่อเขาเป็นห่วง”

“ครับ”

ผมกำลังตอบรับในตอนที่รถแล่นเข้าไปจอดในบ้านซึ่งผมเคยคุ้นเคยเป็นอย่างดี และในตอนที่ผมยังไม่ทันวางโทรศัพท์ คนขับรถก็สอดมือมาดึงโทรศัพท์ผมออก

“เฮ้ย! เดี๋ยว! จะทำอะไรไม่ทราบวะ” ผมโวยวาย แต่อีกฝ่ายไม่สนใจแล้วกดวางสาย แอบได้ยินเสียงพี่พลตะโกนลอดมาจากอีกฝั่งเช่นกัน

“คุณท่านบอกให้ยึดโทรศัพท์คุณด้วยครับ กรุณาส่งกระเป๋าของคุณมา”

“หา!?” ผมกำหมัด คิดถึงหน้าชายวัยกลางคนซึ่งตอนนี้น่าจะทำหน้ายิ้มเยาะผมยิ่งรู้สึกหหงุดหงิดหัวร้อนเป็นเท่าตัว

“ช่วยทำตามที่คุณท่านบอกแล้วขึ้นไปข้างบนได้แล้วครับ”

“แม่ง!” ผมทิ้งกระเป๋าไว้บนรถทั้งอัน กระแทกประตูรถอย่างหงุดหงิดแล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นไปบนบ้านที่คุ้นเคย ผ่านจ้าวซึ่งกำลังทำท่าละล้าละลังเหมือนไม่รู้จะเข้ามาทักผมหรือไม่

อ่า นั่นสินะ หลังจากที่พ่อเปิดโปงผมไปว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กที่เดินตามผมต้อยๆ ตั้งแต่เล็กๆ เรียกผมว่าพี่ชายๆ จนผมปวดหัวจะเกลียดผมไปแล้วหรือยัง

ผมไม่ได้เป็นคนดีขนาดยอมรับเมียใหม่ของพ่อกับลูกที่เกิดจากพวกเขาได้อย่างง่ายดายหรอก ผมซึ่งอยู่ในชั้นประถมเคยเตะจ้าวซึ่งยังตัวเล็กเป็นเจ้าก้อนมันฝรั่งเดินได้ล้มก้นจ้ำเบ้ามาแล้ว แต่ทั้งๆ ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโคตรเกลียดแต่ไอ้ลูกมันฝรั่งตัวเล็กๆ นี่ก็เอาแต่เข้าหาจนผมอ่อนใจ

คิดๆ แล้วผมก็บิดยิ้มขมขื่น

เด็กนั่นคงรังเกียจผมไปแล้วสินะ

โดยไม่รู้ตัว ผมเข้ามาในห้องของตัวเองซึ่งยังคงได้รับการปัดกวาดตลอด แถมยังวางของไว้ตำแหน่งเดิมกับตอนที่ผมออกจากบ้านหลังนี้ไปเป๊ะ

ผมทิ้งตัวลงบนเตียงซึ่งกว้างกว่าเตียงในห้องรูหนูที่มหาลัย น่าแปลก ทั้งๆ ที่มันนิ่มจนเหมือนเกรดของโรงแรม แต่กลับไม่ทำให้ผมรู้สึกอยากหลับ

เมื่อปราศจากโทรศัพท์ ผมได้แต่มองนาฬิกาที่ขยับบอกเวลา มันค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ จนเป็นเวลากลางคืน สมควรแก่เวลานอน นี่ผมดื้อถึงขนาดไม่ยอมลงไปกินข้าวเย็นกับพวกเขาด้วยซ้ำ

ผมกำลังจะช่างแม่งทั้งเรื่องอาบน้ำ กินข้าว อ่านหนังสือ แปรงฟันแล้วนอนไปทั้งอย่างนั้น แต่เสียงเคาะประตูแผ่วๆ เหมือนไม่แน่ใจกับเสียงซึ่งกำลังจะแตกหนุ่มของเจ้าเด็กมันฝรั่งซึ่งเติบโตขึ้นมาทำเอาผมชะงัก

“พี่จิน”

เอาล่ะ จะแกล้งตายดีมั้ย

ผมกลั้นหายใจทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเจ้าเด็กนั่นมันไม่มีทางได้ยินหรือรู้ว่าผมตื่นหรือหลับอยู่ แต่ร่างกายมันเหมือนจะไปเป็นอย่างอัตโนมัติ

“ผมรู้ว่าพี่ยังไม่หลับ รู้ด้วยว่าพี่ชอบทำเมินผมตอนที่ไม่อยากคุยกับผม เปิดประตูได้แล้ว”

บ้าเอ๊ย เจ้าเด็กมันฝรั่งนั่นตัวติดกับผมเกินไปแล้ว!

เล่นรู้มันซะทุกเรื่อง เจ้าบ้าเอ๊ย

ผมก่นด่ามันในใจ แต่ก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูอยู่ดี

“มีอะไร จะมาถามอะไรหรือไง ไม่มีเรื่องจะอธิบายหรอกนะ”

“ว้าว แจ๊กพอต ผมไม่คิดว่าพี่จะตื่นอยู่จริงๆ หรอก ลัคกี้”

เจ้าเด็กบ้า ทำตัวเป็นปกติเกินไปแล้ว

ผมมองเจ้าเด็กที่ตอนนี้ตัวโย่งจนสูงเกินผมไปแล้วเดินเข้ามาในห้อง เจ้าตัวทรุดนั่งลงบนเตียงแล้วจ้องผมยิ้มๆ

“มีคนโทรหาพี่” จ้าวไม่พูดถึงเรื่องที่ผมกลัวแม้แต่น้อย เขากลับยื่นโทรศัพท์มาให้ผม

“หา? ใคร” ผมรับโทรศัพท์มาแนบหูก่อนจะได้ยินเสียงคุ้นเคยของผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมา

“ได้ข่าวว่าโดนกักบริเวณเหรอคะน้องจิน เหมือนกับเด็กประถมเลยนะคะ”

“พี่มิ้นต์!”

“ผู้ชายคนนั้นทำอะไรรุนแรงหรือเปล่าครับ”

“พี่พล? ทำไมพวกพี่รู้จักกับจ้าว แล้ว…”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ส่งคนไปช่วยน้องแล้วนะคะ โอ๊ย ตื่นเต้นจังเลยอ่ะ เหมือนกำลังเห็นฉากพระนายหนีตามกันเลย”

“หา? พี่พูดถึงอะไร” ผมฟังที่พี่มิ้นต์กับพี่พลพูดไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย แล้วผมก็สังเกตเห็นจ้าวกำลังเดินไปเปิดหน้าต่างห้องผม

“มานี่สิพี่” น้องผู้มีสายเลือดเหมือนกันครึ่งนึงกวักมือเรียก ผมจึงเดินเข้าไปตรงหน้าต่างและสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ตรงนอกรั้ว

เป็นรถของผมเองที่จอดอยู่ตรงนั้น และตรงรั้วที่มีกิ่งต้นไม้ขนาดใหญ่ยื่นออกไปมีเงาร่างยักษ์ตะคุ่มๆ กำลังเกาะอยู่บนนั้นจนผมเกือบร้องโวยวาย

ดะ….เดี๋ยว นั่นมัน

เคย์?

ผมมองเงาร่างที่โดนแสงจันทร์สาดส่องจนเผยให้เห็นหน้าโง่ๆ ของคนที่ควรนอนอยู่หอในตอนนี้ ใบหน้าเขาเคร่งเครียด มองผมพร้อมเม้มริมฝีปากอย่างหงุดหงิด

“เอ้า เจ้าชายของพี่มาล่ะ” จ้าวยัดซองใส่มือผม ผมเปิดดูและพบว่ามันเป็นแบงค์พันและแบงค์ร้อยคละๆ กันเป็นฟ่อน

“เงินนี่…”

“เงินเก็บผมเอง เอามาคืนทีหลังด้วย จนมาก พี่โดนยึดทั้งกระเป๋าไปใช่มั้ยล่ะ จะหนีออกจากบ้านมันต้องใช้เงินนะ”

“หา? เดี๋ยว ใครจะหนีออกจากบ้าน”

“พี่ไง!” น้องซึ่งบัดนี้ไม่น่ารักอีกแล้วอุ้มผมขึ้นบนกรอบหน้าต่างที่ซึ่งกิ่งก้านสาขาของต้นไม้แผ่ขยายออกไปจนถึงรั้ว

“เดี๋ยว! พี่ไม่ได้จะหนีออกจากบ้านนะเว้ย นี่จะบังคับให้หนีออกจากบ้านเรอะ!”

ทั้งๆ ที่ปากพูดอย่างงั้นแต่ผมกลับปีนกิ่งไม้อย่างคล่องแคล่วไปทางที่เคย์กำลังยืนอยู่

“นี่ พี่จิน” เสียงจากจ้าวทำให้ผมเหลียวหลังกลับไปมอง ไม่ทันสังเกตเลยว่าเด็กน้อยที่เดินตามผมต้อยๆ ทั้งๆ ที่ผมแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบกลายเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ไปตอนไหน “ไม่ว่าพี่จะเป็นเกย์หรือเปล่า แต่พี่ก็ยังเป็นพี่ชายที่ไล่ตีคนที่แกล้งผมตอนป.5อยู่ดี”

ผมยิ้ม มองเจ้าเด็กโง่กำลังโบกมือบายๆ

“ไปก่อนนะ”

แล้วผมก็จับมือเคย์ซึ่งยื่นอยู่บนรั้วบ้านอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมองเห็นหรือไม่

“จับดีๆ”

รูมเมทผมรวบเอวผมด้วยมือข้างเดียวก่อนจะกระโดดลงจากรั้วบ้านที่โคตรสูง แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะสามารถยัดผมลงที่นั่งข้างคนขับได้อย่างง่ายดาย

รถของผมแล่นหนีออกมาจากกรุงเทพในเวลาแค่ชั่วอึดใจ ผมตั้งสติได้อีกทีก็ตอนที่อยู่บนโทลเวย์ซึ่งมุ่งหน้าไปชลบุรี

“นี่รู้จักกับคนที่อยู่ในคาเฟ่ตั้งแต่เมื่อไร” ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าเคย์ที่มีไฟสีส้มของโทลเวย์ทาบทับเป็นระยะ

“รู้จักผ่านเรน ได้ข่าวมาจากคนพวกนั้นว่ามึงไปหาพ่อแล้วตอนนี้น่าจะมีปัญหา”

“ก็เลยขับรถมาพากูหนีออกจากบ้านเนี่ยนะ” ผมระเบิดหัวเราะเมื่อกลุ่มคนพวกหนึ่งที่ขนาดโตแล้วยังคิดอะไรเป็นเด็กๆ ให้ผมหนีตามผู้ชายออกจากบ้าน

“ทำอะไรไม่รู้จักบอกกู พวกเราเลยต้องมานั่งลำบากกันอย่างงี้ไง” เคย์หน้ามุ่ย เขาโยนโทรศัพท์มาทางผม “โทรหาพวกคุณพลเลย บอกว่าออกมาแล้ว”

ผมกดโทรหาเบอร์ที่คุ้นเคย กดเปิดลำโพงก่อนจะกรอกเสียงบอกเขาว่าทั้งผมและเคย์ออกมาจากบ้านแล้ว

“โห นี่มันหนีตามกันจริงๆ เลยนี่คะ” เสียงพี่มิ้นต์หัวเราะร่าทะลุออกมาจากโทรศัพท์ ผมกับเคย์ได้แต่ถอนหายใจ

“เอาไงต่อล่ะพี่มิ้นต์ พี่พล ผมจะหนีออกจากบ้านง่ายๆ อย่างงี้เลยเหรอ”

“ก็คงต้องอย่างนั้นแหละครับ ถึงพี่จะไม่เห็นด้วย”

“หนีออกจากบ้านเนี่ยเป็นสิทธิพิเศษของเด็กวัยรุ่นเลยนะคะ ช่วงชีวิตที่ทำเรื่องบ้าๆ ได้แบบไม่ห่วงหน้าห่วงหลังเป็นเพราะเอเนอจี้วัยรุ่นดีออกนะ ถ้าเป็นพี่ล่ะก็ต้องมานั่งคิดแล้วว่าพรุ่งนี้บอสจะโทรมาจิกหัวมั้ย หึ”

“…ชีวิตพี่ดูน่าเศร้าจังนะครับ”

“เพราะงั้นแหละค่ะ ออกไปสนุกให้เต็มที่เลยนะ ทิ้งปัญหาไว้ให้พวกผู้ใหญ่จัดการบ้างก็ดีนะคะน้อง”

ผมเผลอหันไปมองใบหน้าของคนที่กำลังขับรถอยู่ ไฟสีส้มของโทลเวย์ทำให้รู้สึกว่าเราหนีออกมาจากบ้านจริงๆ ผมรู้สึกว่ามันบ้ามากๆ ที่เราทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักคิดโดยการปีนรั้วหนีออกมา

อย่างกับหนังน้ำเน่า

“ครับ เดี๋ยวไว้กลับไปนะครับ”

ผมกับเคย์สบตากัน เขาโน้มตัวลงจูบผม

เรากำลังหนีตามกัน



----------------------------------------

หนีตามกันนนน

เราชอบนิยายวัยรุ่นที่หนีตามกันมากเลย สิทธิพิเศษวัยรุ่นมั่กๆ เหลืออีกแค่2ตอนน้า

ขอบคุณที่ยังอยู่กับเราจนถึงตอนนี้ค่า เราลงนิยายเรื่องยาวเรื่องใหม่ของเราไว้ในเรื่องยาวของเล้าเป็ดน้า ชื่ออัลฟ่าหมาวัด ยังไงก็ฝากเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกด้วยค่า

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
«ตอบ #365 เมื่อ30-06-2019 21:04:36 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ มะยองมะแยง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
«ตอบ #366 เมื่อ01-07-2019 16:51:54 »

ทำไมแอบรู้สึกว่าน้องชายงานดี5555 พ่อจินโคตรเผด็จการน้องกับหมาโง่จะหนีไปได้นานแค่ไหนลูกกกกก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
«ตอบ #367 เมื่อ02-07-2019 01:16:39 »

รอๆ

ออฟไลน์ GDNEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
«ตอบ #368 เมื่อ03-07-2019 13:51:05 »

กำลังเจ้มจ้นเบย

ออฟไลน์ Wwavez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
«ตอบ #369 เมื่อ06-07-2019 01:44:54 »

รำคานอิพ่อว่ะนิสัยเสียมาก ทำร้ายใจลูกมาทั้งชีวิตยังไม่พอเรอะ :m16: ชอบมากหนีตามกันเนี่ยคงไปบ้านเคย์สินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
« ตอบ #369 เมื่อ: 06-07-2019 01:44:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่17 UP! P.13[30/06]
«ตอบ #370 เมื่อ07-07-2019 01:20:13 »

So let’ s run

Make a great escape and I’ ll be waiting outside to getaway

It doesn’ t matter who we are

We keep running through the dark

เนื้อเพลงจากเพลงที่เราแรนด้อมสุ่มเปิดบนรถยังดังอย่างต่อเนื่อง ผมเบือนหน้ามองถนนข้างหน้าที่ว่างเปล่าไร้รถยนตร์ แหงล่ะ เวลาตี2แล้วใครมันจะออกมาขับรถกัน

ยกเว้นคนที่หนีออกจากบ้านอ่ะนะ

เราพูดกันเรื่อยเปื่อยเหมือนเป็นสถานการณ์ปกติ ผมพูดเรื่องพ่อกับเรื่องในอดีตต่างๆ อย่างเช่นว่าพ่อแม่ผมทะเลาะกัน เขามีครอบครัวใหม่เป็นผู้หญิงที่สามารถสนับสนุนการเล่นการเมืองของพ่อได้ และปรากฎว่าเขามีลูกในท้องด้วยกันก่อนที่พ่อจะเลิกกับแม่

น่าขยะแขยง

เคย์เล่าเรื่องครอบครัวของเขา มันเป็นครอบครัวธรรมดาๆ พ่อแม่คาดหวังในตัวลูกทั้งสองคน พี่ชายของเคย์เป็นหมอแต่เขาไม่ฉลาดพอจะเข้าโรงเรียนหรือมหาลัยที่ดีทัดเทียมพี่ชาย

น้ำเสียงนั้นเยาะเย้ยตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

คนแต่ละคนมีเรื่องราวชีวิตที่แตกต่างกันไป พวกเรามีสุขและทุกข์ของตนเอง พวกเรารอวันที่เรื่องราวของตนเองจะถูกได้ยิน

บางคนอาจหาคนที่คอยฟังเรื่องราวของตนไม่เจอ แต่ผมโชคดีที่มีเคย์ เราโชคดีที่มีกันและกัน

ผมมองถนนเบื้องหน้า เราออกมาไกลจากกรุงเทพมากแล้วและยังคงมุ่งตรงไปข้างหน้า ผมโคลงศีรษะ ร้องคลอไปกับเพลงที่เราเปิด

Lets get away from here and live like a movie do

I won’ t mind when its over

At least I didn’ t think for a while

“เหมือนหนังรักวัยรุ่นสักเรื่อง” เคย์เปรยหลังจากช่องว่างของความเงียบ

“หนังห่วยๆ กับตัวละครเด็กใจแตกล่ะสิไม่ว่า” ผมแค่นเสียงหัวเราะ คิดถึงสิ่งที่ผลักเราให้มาอยู่ตรงนี้

“เอาน่า ชีวิตนี้เราอาจจะได้ทำอย่างนี้แค่ครั้งเดียวนะ” เคย์ลดกระจกทั้งสองข้างลง เสียงลมกรีดดังวิ้วดังข้างหูผม สายลมเย็นแรงหอบเอากลิ่นอายของทะเลติดมาด้วย

เคย์เร่งเครื่อง ลมพัดวนในห้องโดยสารอย่างบ้าคลั่งทำเอากระดาษทดข้างหลังที่ผมใส่ไว้ปลิวว่อน

“ไอ้บ้าเอ๊ย” ผมหัวเราะร่วนก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลัดเลาะไปตามถนนจนกระทั่งได้กลิ่นความเค็มของทะเลอย่างชัดเจน

“ถึงแล้ว”

ทั้งผมและเขาเดินลงมาจากรถ มุ่งตรงลงชายหาด มันมืดสนิทเพราะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวตอนกลางคืน ร้านรวงต่างๆ ล้วนปิดไปหมด

มีแค่เราสองคนบนหาด

ผมกับเคย์เดินด้วยเท้าเปล่าบนทราย วิ่งเล่นไล่จับกันเหมือนเด็กๆ สาดน้ำทะเลใส่กันจนตัวเปียกปอน

สุดท้ายพวกเราก็กลับมานั่งบนกระโปรงรถ เมื่อกี้ค้นเจอกระป๋องโค้กห่วยๆ สองกระป๋องที่ผมทิ้งไว้ ตอนเปิดมันส่งเสียงฟู่! พร้อมกับพ่นฟองออกมา

ผมซดโค้กดังอึกๆ เอนตัวบนกระโปรงรถมองยอดต้นมะพร้าวกับท้องฟ้ามืดสนิทซึ่งพร่างพราวด้วยดาวแตกต่างจากในกรุงเทพ

“สวยเนอะ” ผมเปรยกับคนที่นั่งชันขาไปไม่ห่าง เขาแหงนหน้ามองจนผมแซวว่าระวังคอเคล็ด

“อืม สวยมากเลย” เคย์ก้มหน้าลงมองผมแล้วพูดอย่างนั้น ทำเอาเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าผมไม่หยุด

จากนั้นใบหน้าคมของเคย์ก็เป็นสิ่งเดียวที่ผมมองเห็น และสัมผัสอุ่นร้อนที่ริมฝึปากก็กลบลมเย็นของชายทะเลไปเสียหมด



พวกเราหาห้องพักถูกๆ ริมทะเลได้ในที่สุด หลังจากปิดประตูห้อง ร่างผมก็ถูกผลักชนประตูพร้อมๆ กับสัมผัสแรงๆ ที่ปัดป่ายไปทั่วร่าง ริมฝีปากพวกเราแทบไม่ห่างจากกัน

มันจบลงตรงเตียงที่ยับยู่ยี่จนน่าด่า หมอนร่วงตกไปอยู่บนพื้น ผมนอนหนุนแขนเขาในขณะที่มืออีกข้างเขากำลังเกลี่ยหน้าผากผมเล่น

“วันมะรืนนี้กูจะกลับไปคุยกับพ่อ” ผมบอก

“อือ” เขาไม่ปฏิเสธ “กูไปด้วย”

ปัญหาของพวกเรา คนภายนอกอาจจะคิดว่าไม่หนักหนา แค่เคย์โดนบังคับให้ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ส่วนผมถูกขู่ว่าจะปิดคาเฟ่ที่แม่เปิด

แต่ใครจะรู้ว่าคาเฟ่นั่นมีความหมายกับผมมากขนาดไหน ส่วนเคย์ต้องใช้เวลามากขนาดไหนในการท่องหนังสือ และรับผิดชอบทั้งงานที่ไม่ควรเป็นของเขาไปด้วยกัน

“มึงจะพูดอะไรกับพ่อ”

“ไม่รู้สิ บอกให้เลิกยุ่งกับพวกเรามั้ง”

เคย์ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากใครเพื่อรักผม ไม่ต้องให้พ่ออนุมัติเพื่อเราจะได้อยู่ด้วยกัน

นี่เป็นเรื่องของคนสองคน

นอกจากกำไรของคาเฟ่ที่ผมใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผมมีเงินที่พ่อให้ผมกับแม่ซึ่งผมไม่เคยเบิกมาใช้ และพ่อก็ยังใส่มันเข้ามาเรื่อยๆ ถึงแม้จะรู้ตัวว่าผมไม่อยากแตะเงินส่วนนี้ของเขา

แต่ช่างมันปะไร ถ้าเขากล้าใช้กำลังคนทำลายคาเฟ่ของผม ผมก็จะใช้เงินนี้ที่เขาให้ผมมาซ่อมแซมมัน

ผมรักศักศรีดิ์ แต่เงินนั่นคือสิทธิ์อันชอบธรรมของผมที่ผมควรได้รับ

และต่อให้ต้องปิดคาเฟ่ไปจริงๆ ผมก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงินหรอก เงินในบัญชีของแม่ยังเหลืออีกเยอะ

ผมหลับตา เรื่องคาราคาซังเกี่ยวกับครอบครัวที่ผ่านมานานหลายปี เรื่องที่ผมไม่กล้าพูดกับพ่อ

จะพูดให้หมด



วันรุ่งเช้าหลังจากตื่น ผมหาซีฟู้ดกินริมทะเลกับเคย์ ขับรถเที่ยวเตร่ทั้งวัน กินจนเต็มคราบ เล่นทะเลจนตัวเปียกปอน ตกค่ำก็ซดเบียร์กับเคย์จนเมาแอ๋ทั้งคู่ ผิวเราแดงแจ๋เพราะการเล่นกลางแดด

ตื่นขึ้นจากการเมาค้าง ผมก็ได้ฤกษ์กลับไปคุยกับพ่อเสียที และเพราะว่าเราไม่ได้เอาชุดไปเปลี่ยน เลยต้องซื้อเสื้อฮาวายกับกางเกงช้างกลับ

“เหมือนไปกวนตีนคุณลุงเขามากกว่าไปคุยเลย” เคย์มองสภาพพวกเราอย่างปลงๆ

“จริงๆ ก็ตั้งใจไปกวนตีนด้วยนั่นแหละ จะทำให้ความดันขึ้นเลย” ผมดันแว่นดำขึ้น ก้าวขาขึ้นรถเป็นคนขับออกจากชลบุรี

พวกเรามาถึงบ้านของผมในเวลาสองชั่วโมงต่อมา ผมใช้โทรศัพท์เคย์โทรถามจ้าวและได้พบว่าพ่อยังคงอยู่บ้าน น่าตลกที่พี่พลกับพี่มิ้นต์มาคุยกับพ่อตั้งแต่ยังเช้าจนถึงตอนนี้

“คุยเรื่องอะไรกันน่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน เขาคุยกันในห้อง พี่ใกล้ถึงหรือยัง”

“ใกล้แล้ว”

ผมหมุนพวงมาลัย โผล่หัวออกไปโชว์หน้าให้คนดูแลประตูดู และหลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว ผมก็สูดลมหายใจ เดินลงจากรถพร้อมกับเคย์เข้าไปในบ้าน

“พี่…” จ้าวแทบกระโดดเข้ามาเกาะผม เขาส่งสีหน้ากังวลใจแบบปิดไม่มิด “อยู่ห้องนั้น เสียงเริ่มดังขึ้นทุกทีแล้ว”

ผมได้ยินเสียงคนเถียงกัน จึงบอกให้น้องอยู่ที่นี่แล้วเดินเข้าไปพร้อมกับเคย์

“สิ่งที่พวกคุณกำลังส่งเสริมคือเส้นทางที่ผิดพลาด คุณไม่ใช่พ่อแม่ของเด็กนั่น จะไปหวังดีกับเขามากที่สุดได้ยังไง”

“เป็นพ่อแล้วยังไง ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดแล้วยังไง สิ่งที่พวกเราต้องการมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทั้งฉันทั้งพลทั้งคุณเองต้องการให้จินมีความสุขไม่ใช่หรือไง ไอ้เฮงซวยเอ๊ย”

เสียงของพ่อกับพี่มิ้นต์กำลังโต้เถียงกันดังชัดเจนออกมาจากหลังประตูไม้บานใหญ่

“ฟังนะ ฉันรู้จักเด็กคนนั่นมา6ปี 6ปีนั่นมันไม่ทำให้ฉันรู้สึกหวังดีกับเขาน้อยกว่าคนเป็นพ่ออย่างคุณหรอก”

“ถ้าคุณห่วงเขาจริง ในอนาคตคุณก็คงอยากเห็นเขามีครอบครัว มีลูก มีความสุขแบบคนปกติเขา”

“…นั่นเหรอคือความสุขของคุณ คุณมีทั้งหมดนั่น แล้วตอนนี้คุณมีความสุขเหรอครับ” เสียงพี่พลดังแทรกขึ้นนิ่งๆ แต่กลับทำให้คนในห้องเงียบกริบ ผมจึงเปิดประตูเข้าไปเพื่อพบว่าผู้ใหญ่ทั้งสามคนกำลังยืนจ้องหน้ากันเงียบๆ โดยมีแค่โต๊ะคั่นตรงกลาง

“พี่พล พิ่มิ้นต์ ขอบคุณที่มาครับ” ผมเดินเข้าไปกอดทั้งคู่และได้รับอ้อมกอดจากสาวสวยจนจุก “พี่ออกไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง เคย์ด้วย”

เมื่อคนทั้งหมดออกไปแล้ว ผมจึงได้หันมามองหน้าพ่อ เขาเหมือนกับยังคงอึ้งกับคำสุดท้ายที่พี่พลพูด

“ไงครับ” ผมทัก

“หนีออกจากบ้าน? มุขไม่เก่าไปหน่อยเหรอ” พ่อก็ยังเป็นพ่อ ปากดีไม่ต่างจากผม

“ช่วยไม่ได้ ก็มีใครบางคนทำให้ผมไม่อยากอยู่บ้านเอง”

“ปากดี”

“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นครับ”

“หึ” พ่อนิ่งเงียบไป เขาดูเย็นลงมากกว่าปกติ อาจเพราะเขาเสียพลังงานในการคุยกับพี่ๆ มาพอสมควรแล้ว คนแก่จึงได้แต่ยืนเหม่อเหมือนกำลังใคร่ครวญกับตัวเอง

“ที่มาวันนี้ไม่ได้จะมาอธิบายอะไรหรอกนะ แค่มาบอกว่าไม่ว่าพ่อจะพูดยังไง ผมกับเคย์ก็จะคบกันอยู่ดี แล้วใครหน้าไหนก็จะมาห้ามไม่ได้ทั้งนั้น”

“โลกนี้ไม่ใจดีพอจะมีที่ยืนให้คนผิดเพศอย่างพวกแก”

น่าแปลกที่ผมไม่ได้ถูกทำร้ายโดยคำพูดแบบนี้อีกต่อไป ผมมองชายสูงวัยเบื้องหน้า เขาดูเปราะบางกว่าพ่อที่ผมจำได้

“อืม…ใช่ แต่แล้วไง ถ้ารอให้โลกพร้อม ผมก็คงตายไปก่อน แต่ผมไม่ได้อยากรักกับเขาในโลกหน้าตอนที่ทุกคนมองคู่รักร่วมเพศเป็นเรื่องปกติ ผมอยากรักตอนนี้ ถึงจะต้องมีอุปสรรค ต้องโดนนินทา กีดกัน ต่อให้โดนทำร้าย มันก็คุ้มอยู่ดี”

“เด็ก” เขาแค่นเสียงหัวเราะ “ไม่มองโลกความเป็นจริง เอาแต่มองภาพสวยหรู คิดว่ามีแค่พลังใจอย่างเดียวก็ฝันฝ่าไปได้ทุกอย่าง สักวันพวกแกก็ต้องมีลูกมีครอบครัว…”

“ก็ให้เป็นเรื่องในอนาคต” ผมโพล่งตัดเขา “เพราะว่าเป็นเด็กถึงได้ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง ถึงได้เห็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขชัดที่สุด ต่างจากคุณ มีแต่หลอกลวงตัวเอง คิดว่าตัวเองมีความสุขนักเหรอ ทางเลือกที่คุณเลือกเดินมันทำให้คุณมาถึงตรงนี้ คุณคิดว่าอำนาจชื่อเสียงจะให้ความสุขคุณได้ แล้วดูสิว่าคุณลงเอยยังไง”

ผมลุกขึ้นยืน หมดเรื่องที่จะคุยกับเขา

“เดี๋ยวก่อน” เขาพูดขึ้น หยุดผมที่กำลังจะเดินออกจากประตูไป “มี…ความสุขหรือเปล่า”

น้ำเสียงนั้นดูไม่มั่นใจ เหมือนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะถาม ผมหันไปมองพ่อของตัวเอง เขาดูแก่และมีริ้วรอยมากกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมจำได้

“มีความสุขมาก”

“ดีแล้ว ไว้--” พ่อสูดลมหายใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “ไว้กลับมากินข้าวที่บ้านบ้างนะ”

ผมเม้มปาก พูดเรื่องที่ติดในใจเรื่องสุดท้ายออกไป

“ถ้าพ่อพูดประโยคนั้นออกมาเพื่ออยากให้ผมให้อภัยพ่อ ให้กลับมาเป็นพ่อลูกสุขสันต์เหมือนเดิม ผมทำไม่ได้ ผมให้อภัยพ่อไม่ได้ พ่อยังไม่รู้ตัวเลยว่าพ่อทำร้ายผมยังไง” ผมมองหน้าชายสูงวัยที่เหมือนจะแก่ลงไปอีกสิบปีด้วยคำพูดของผม

ผมเป็นคนจิตใจคับแคบ ให้อภัยกับถ้อยคำร้ายๆ ของพ่อไม่ได้ ให้อภัยที่พ่อทิ้งแม่ไม่ได้ แต่ที่ผมตัดสินใจจะเดินก้าวเท้าเข้าหาเขาก้าวนึง ผมทำเพื่อตัวเอง

“แต่ผมจะกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อยๆ นะครับ”



K part

ผมไม่สามารถอธิบายใบหน้าของจินตอนที่ออกมาจากห้องนั้นได้เพราะมันบิดเบี้ยวจนน่าแปลก ผมทำได้แค่เดินเข้าไปกอดเขาให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังปลอบประโลมเขาสักนิด

“บอกไปแล้ว” เขากระซิบบอกผม

“มึงเก่งมาก” ผมลูบหัวเขาเบาๆ มองผ่านประตูไม้ซึ่งเปิดอ้า พ่อของจินยังยืนอยู่ตรงนั้น ดูโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก

“ไปกัน”

“เดี๋ยวก่อน กูขอแปบนึง”

ผมไม่อาจทิ้งชายสูงวัยซึ่งดูโดดเดี่ยวแบบนี้ไว้ข้างหลังได้จึงฝากจ้าวให้ช่วยดูแลจินต่อ

“ขออนุญาตนะครับ” ผมเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูไม้ลง ชายสูงวัยถึงขั้นทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ใช้มือหนึ่งปิดใบหน้าของตัวเอง

“เด็กคนนั้นไม่ยอมยกโทษให้ฉันสินะ”

“ครับ”

“ทั้งๆ ที่ตลอดมาฉันหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้ โรงเรียนที่ดีที่สุด เส้นทางที่ลูกฉันก้าวเดินต้องไร้ขวากหนาม มันพังหมดตั้งแต่ลูกฉันได้มาพบกับแก”

“สิ่งที่ดีที่สุดที่จินไม่ต้องการมากกว่าครับ”

“หึ รู้มั้ย ฉันมองแกกับลูกฉันทีไร ก็เห็นแต่ภาพฉันกับแม่มันซ้อนทับขึ้นมา” ชายแก่เริ่มพร่ำพรรณนาถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา เรื่องที่คงไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้แม้แต่คนในครอบครัว

“แกเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นมากเกินไป จินเอง ต่อให้อยากปฏิเสธยังไงแต่นิสัยเหมือนกับฉันจนเหมือนลอกกันมา รักกันหวานชื่นแล้วยังไง ความรักมันไม่อยู่ตลอดไป แต่อำนาจ ความสำเร็จ ชื่อเสียง มันจะติดตัวเราไปตลอด”

เสียงของเขาดูเหมือนแค่นออกมาจากลำคอ น่ากลัวเหมือนสัตว์ร้ายผุดขึ้นมาจากนรก

“พวกแกจะล้มเหลวเหมือนกับฉัน รักกันมากแค่ไหนนิสัยพวกแกมันเข้ากันไม่ได้ เด็กคนนั้นจะใช้วาจาทำร้ายคนที่รัก แต่ก็ตาบอดเกินกว่าจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องผิด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปแล้ว”

เขากำลังพูดเรื่องของจิน แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนเขาเล่าเรื่องของตัวเอง

“กรุณาอย่าเอาเรื่องของตัวเองมายัดเยียดใส่คนอื่นครับ จินไม่ใช่คุณ ผมเองก็ไม่เหมือนภรรยาเก่าคุณ ชีวิตคู่คุณล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าพวกเราต้องล้มเหลวตามไปด้วย”

“…”

“คุณเองรักจินมากกว่าใคร อาจจะมากกว่าผม มากกว่าทุกคนบนโลกใบนี้ เพราะงั้นถึงคิดว่าอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเขา อยากเห็นเขาขึ้นไปสูงกว่าใครๆ คุณคิดว่าความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทองคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข แต่คุณลืมไปว่าความต้องการของคุณไม่ใช่ความต้องการของคนอื่น”

“เด็กคนนั้นไม่รู้ตัวหรอกว่าต้องการอะไร เขาเกิดมาบนกองเงินกองทอง ใช้ชีวิตสุขสบายไม่เคยขาดเงิน สักวันถ้าฉันไม่อยู่แล้ว---”

“ผมก็จะดูแลเขาครับ”

“…”

“ในอนาคตเราอาจจะหาเงินไม่ได้เยอะเท่าคุณ คุณอาจจะต้องอับอายถ้ามีใครรู้ว่าลูกคุณเป็นคนรักร่วมเพศแต่ว่า--”

“ไม่ ฉันไม่อายอะไรในตัวลูกของฉันทั้งนั้น” เขาขัดผม “ลูกของฉันทั้งคู่น่าภูมิใจที่สุด ฉันแค่…หวังว่าพวกเขาจะเติบโตในโลกที่อ่อนโยนกว่านี้ โลกที่จะไม่หัวเราะเยาะพวกเขาถ้าพวกเขาแปลกกว่าคนอื่น”

ผมเงียบ มองชายร้ายกาจที่บัดนี้เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย

“รู้มั้ยครับ คำนั้นไม่ใช่ผมที่ควรฟัง คุณควรไปพูดให้ลูกทั้งสองคนของคุณฟังมากกว่า จินรักคุณมาก เพราะงั้นเขาถึงมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณทำให้ แค่ข้อความจากคุณที่ถามเรื่องเกรด เขายังตื่นเต้นกับมันจนต้องมาปรึกษาผมว่าจะตอบยังไงดี เขาคาดหวังให้คุณชมเขาสักหน่อย พอคุณไม่ตอบกลับหลังจินบอกเกรด เขาเสียใจมาก คุณรู้มั้ยว่าเขานั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตลอด พอมีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาเขาทิ้งทุกอย่างในมือแล้วไปวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะทำหน้าผิดหวังเพราะไม่ใช่ข้อความจากคุณ” ผมสูดลมหายใจเมื่อพูดมากเกินไป “คุณสองคนรักกันมากจนผมไม่เข้าใจว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง”

พ่อของจินนิ่งเงียบไปแล้ว อดีตนักการเมืองที่บัดนี้กลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัวมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ริ้วรอยและวัยที่ปรากฎบนใบหน้าแสดงชัดว่าชายคนนี้ผ่านโลกมานานมากพอที่จะเข้าใจความโหดร้ายของมัน

“ผมขอโทษ แต่ผมรักเขา จินสอนให้ผมรักตัวเอง เขาสอนให้ผมมั่นใจในตัวเอง ผมเคยว่างเปล่า เชื่อว่าตัวเองไม่มีค่า เพราะอย่างนั้นผมถึงอยากได้ความรักจากคนอื่น แต่งตัวให้ดี ทำหน้าตาให้คนชอบ ทำนิสัยที่คนพอใจเพื่อให้คนพวกนั้นมอบความรักให้ผม แต่ได้มาเท่าไรมันก็เหมือนรั่วออกไป ผมไม่เคยพอใจ ผมพยายามหาความรักมาเติมให้ตัวเองตลอด แสร้งทำเป็นอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง พยายามให้คนห้อมล้อม ลูกของคุณสอนให้ผมรักตัวเอง เมื่อก่อนผมหวาดกลัวสังคม กลัวโดนสังคมทำร้าย กลัวการไม่เป็นที่รักจนได้แต่ทำตัวเองให้คนอื่นรัก แม้นั่นหมายถึงว่าผมจะต้องทำร้ายตัวเองก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะอวยพรกับความรักของเรา จินคงจะมีความสุขมาก”

ผมโค้งตัวลงเป็นการขออนุญาต ไม่เงยหน้าจนกว่าจะได้ยินเสียงเขา

“เด็ก…” เขาเปรยออกมา โบกมือให้ผมออกจากห้อง

ผมได้แต่ค้างคากับคำขออนุญาตที่ไม่ได้รับการตอบรับอย่างตรงไปตรงมา ทว่ามันไม่สำคัญ

อย่างที่จินบอก พวกเราไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากใครเพื่อรักกัน



หลังจากเด็กหนุ่มเดินออกจากห้องไปแล้ว ชายสูงวัยก็ค่อยๆ ล้วงหยิบเอากระเป๋าสตางค์ออกมา

ภายใต้บัตรจำนวนมากที่ถูกเสียบไว้ มีรูปใบหนึ่งที่ถูกซ่อนไว้ลึกที่สุด เขาค่อยๆ หยิบมันออกมาอย่างทะนุถนอม

รูปใบนั้นเป็นรูปของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนยิ้มอยู่ เธอมีรอยยิ้มเจิดจ้าเหมือนพระอาทิตย์ เจ้าหล่อนกำลังยืนอยู่ริมชายหาด จับหมวกปีกกว้างใบใหญ่ไม่ให้หลุดเพื่อให้เขาถ่ายรูป

‘อย่าถ่ายสิคุณ หมวกฉันจะปลิวตามลมอยู่แล้วนะ’

‘ขอรูปเดียวคุณ ผมจะเอาไปลงสมุดบันทึกตั้งครรภ์ว่าพาเจ้าตัวเล็กมาเที่ยวทะเลครั้งแรก’

‘ลูกยังอยู่ในท้องฉันอยู่เลย คุณจะบ้าหรือเปล่า ขี้เห่อเกินไปแล้ว’

ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความอบอุ่นของแดดในวันนั้น เขายังจำมันได้อย่างชัดเจน

เรื่องที่เขาเคยทะเลาะกับเธอมันเป็นเรื่องอะไรนะ? อะไรที่ทำให้เราไม่ชอบใจกัน อะไรที่ทำให้เราเลิกกัน มาวันนี้เขาจำไม่ได้เสียแล้ว

เขาจำได้แต่เรื่องดีๆ ที่มีให้กัน ทำให้เขาสงสัยว่าเพราะอะไรในตอนนั้นเราถึงลืมความทรงจำเหล่านั้นแล้วเอาแต่ผูกใจเจ็บแค้นต่อกัน

ภรรยาของเขา ภรรยาคนแรก และจะเป็นคนเดียวที่รักมากที่สุด

คุณเลี้ยงลูกออกมาได้ดีจริงๆ ลูกของพวกเราในตอนนี้เติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่งเหลือเกิน

ในยุคของเขา นักธุรกิจที่เคยเป็นอดีตนักการเมืองเคยเห็นเรื่องราวมามากมาย ความโหดร้ายของโลกใบนี้ที่พร้อมจะบดขยี้ทุกคนที่ไม่เหมือนกับตัวเอง

เขาเห็นคนมากมายที่หมดอนาคตเพียงเพราะรักเพศเดียวกัน คนหมดอนาคตเพราะโดนรังเกียจ คนที่หมดกำลังใจใช้ชีวิตอยู่เพราะตนเองเป็นคนแปลกแยก โดนทำร้าย กระทั่งโดนฆ่า

เขาไม่ต้องการให้ลูกเจออย่างนั้น จึงพยายามปกป้องโดยลืมไปว่าลูกนกในวันนี้แข็งแกร่งจนสามารถบินออกไปเผชิญโลกกว้างได้เองแล้ว

เขาไม่หวังอะไรกับโลกใบนี้แล้ว หลังจากที่ให้ความศรัทธากับอำนาจ เงินและชื่อเสียง แต่ตอนนี้เขาขออธิษฐาน แม้คนชั่วร้ายอย่างเขาจะไม่สมควรได้สมหวังกับคำขอนี้แต่ได้โปรด…

ขอให้โลกนี้เป็นโลกที่อ่อนโยนขึ้นอีกนิดหนึ่งเถอะ

เพื่อให้ลูกของเขาได้มีรอยยิ้มในทุกๆวัน



---------------------------------------------------

ตอนหน้าตอนจบแล้วนะคะ สรุปคงไม่ได้ทำหนังสือ เพราะไม่อยากเปิดพรี เราอยากเปิดสต็อคทำ50เล่ม แต่ด้วยจำนวนหน้า400+ก็คือค่าหนังสือเกิน350บาทแน่นวล แพงมั่ก

ตอนพิเศษจะลงตอนสาวน้อยเวทมนตร์ให้ ขอบคุณคุณขนมจีนแกงเขียวหวานที่คิดอะไรสนุกๆอย่างนี้มาให้เขียนนะคะ /ยิ้มร้าย

ออฟไลน์ มะยองมะแยง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่18 UP! P.13[07/07]
«ตอบ #371 เมื่อ07-07-2019 07:05:17 »

ฉากเคลียร์กับพ่อมันดีมากเลย ไม่อยากให้จบบบบ :hao5: รอตอนพิเศษอย่างใจจดใจจ่อ :z1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่18 UP! P.13[07/07]
«ตอบ #372 เมื่อ07-07-2019 07:10:46 »

จะจบซะแล้ว...  :hao5:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่18 UP! P.13[07/07]
«ตอบ #373 เมื่อ07-07-2019 08:58:20 »

รอๆ

ออฟไลน์ GDNEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่18 UP! P.13[07/07]
«ตอบ #374 เมื่อ09-07-2019 00:54:32 »

ฮือออ รัก

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่18 UP! P.13[07/07]
«ตอบ #375 เมื่อ12-07-2019 23:42:57 »

ก็คือเข้าใจว่าพ่อรักและหวังดีอยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดแหละ แต่มาถึงจุดนี้ได้เพราะปัจจัยหลายอย่าง แต่ถ้าพยายามปรับจูนเข้าหากันได้ทีละนิดก็จะดี ครอบครัวยังไงก็ครอบครัวเนาะ ตัดไม่ขาดหรอก ไม่อยากให้จบเลย  :katai1:

ออฟไลน์ Wwavez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่18 UP! P.13[07/07]
«ตอบ #376 เมื่อ13-07-2019 02:21:00 »

เห้อรอดแล้วจ้าพ่อไฟเขียวแล้ว จะจบแล้วใจชั้นมันอ่อนยวบเลยนะ :z6:

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่18 UP! P.13[07/07]
«ตอบ #377 เมื่อ14-07-2019 17:24:15 »

บทที่ 19 : จุดจบและจุดเริ่มต้น

Jin part

ผมกอดลาน้อง สัญญากับเจ้าตัวสูงโย่งว่าจะกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อยๆ ทำเอาหน้ามันบานเป็นจานกระด้งจนอดไม่ได้ที่จะตบหัวมันเบาๆ เพราะอย่างนี้ไงถึงเกลียดเจ้าเด็กนี่ไม่ลง

หลังจากนั้นพวกเราก็ออกมาจากบ้าน มาพักที่บนชั้นสองของคาเฟ่กลางเมือง ผมกับเคย์ตัดสินใจจะพักก่อนที่พวกเราจะกลับไปที่มหาลัย

“งั้นเรื่องทั้งหมดก็จบแล้วสินะครับ” พี่พลยิ้มอ่อนแรง

“งั้นมั้งครับ ผมจบแล้ว ใครไม่จบก็ช่าง” ผมเลิกคิ้วพูดไม่ยี่หระ

“โชคดีที่เรื่องไม่ไปกันใหญ่” เรนพลิกหน้าหนังสือ เหตุผลที่หมอนี่ไม่ไปร่วมทัพตอนที่คนอื่นบุกไปคุยกับพ่อผมเพราะว่าพ่อของเรนดันเป็นเพื่อนสนิทของพ่อผมพอดี และมันดันกลัวพ่อตัวเองจนหัวหด

“หุบปากไปเลยไอ้คนขี้ขลาด”

“เฮ้ มึงก็ลองไปคุยกับพ่อกูสักชั่วโมงจะได้เข้าใจ ตาแก่นั่นน่ากลัวจะตายไป”

“เดี๋ยวพี่ลงไปทำเครื่องดื่มมาให้ทุกคนก่อนนะครับ”

วันนี้คาเฟ่ปิด พี่พลจึงไม่ต้องลงไปต้อนรับแขก ลงไปข้างล่างไม่นานเขาก็เอาเมนูโปรดของพวกผมขึ้นมาเสิร์ฟถึงที่ ผมรับเอาโกโก้ซึ่งมีมะตูมเผาเพิ่มกลิ่นอยู่ข้างบนมาจิบ

“ขอบคุณครับ” เคย์ตอบรับ ผมสังเกตเห็นว่าถ้าพี่พลกับเคย์ไปเดินด้วยกัน ต้องมีคนเผ่นป่าราบเพราะคิดว่าเป็นอันธพาลแหง

“เฮ้อ หมดเวลาบู๊พี่ก็ต้องทำงานต่ออีกแล้ว” สาวสวยหนึ่งเดียวที่ลาออฟฟิศเพื่อมาฉะกับพ่อผมนอนเหยียดบนโซฟาจิ้มแป้นคีย์บอร์ดอย่างเฉื่อยแฉะ

พี่พลนั่งลงตรงที่วางมือของโซฟา เขาเอื้อมมือมาโยกหัวผมเบาๆ พร้อมกับยิ้มดุๆ ซึ่งผมชินไปเสียแล้ว

“หมดเรื่องหมดราวเสียทีนะ”

ผมแอบเห็นสายตาแผดเผามาจากเคย์ เจ้าตัวจ้องเขม็งมาทางนี้อย่างไม่ปิดบังแรงหึงทำเอาเรนกลอกตามองบนขึ้นฟ้าแล้วทำเป็นไม่รับรู้ แต่พี่พลก็ยังเป็นคนความรู้สึกช้าที่อ่านบรรยากาศไม่เป็น จึงไม่ยอมละมือจากหัวผมเสียที

“อือ หลังจากหนีตามผู้ชายไปก็ได้คิดอะไรดีๆ เพียบเลย” ผมเอ่ยเชิงล้อเล่น

เขาโยกหัวผมด้วยท่าทีเหลืออด

“เดี๋ยวผมไปก่อนแล้ว โชคดีนะครับ” ผมเอ่ยขอบอกลา วางแก้วใบโปรดไว้บนโต๊ะแล้วกวักมือเรียกเคย์ก่อนจะเซเพราะแรงโถมจากใครบางคน

“โชคดีนะคะน้อง” เป็นพี่มิ้นต์ที่กอดผมแน่น ก่อนที่ชายหนุ่มผู้ดูแลคาเฟ่จะเดินเข้ามากอดพวกเราอีกทอด

“ขอให้เป็นความรักที่มีความสุขนะครับ”

เรนพ่นลมทางจมูกจนได้ยินเสียงหึ ก่อนจะเดินเข้ามากอดผม

“เจ้าโง่ มึงรู้ว่าถ้ามีเรื่องอะไรมึงทักกูมาได้เสมอ”

ผมรู้สึกได้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลไปตามหน้า ผมทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ถึงแม้จะไม่มีแม่แล้ว และไม่มีครอบครัวที่ปรึกษาได้ยามยาก ผมกลับมีกลุ่มคนที่พร้อมจะช่วยเหลือกันและกันยามลำบาก

ในรั้วมหาลัย ผมอาจไม่ค่อยได้กลับมาสถานที่แห่งนี้ ผมอาจจะใช้ชีวิตวัยรุ่นไปกับการผจญภัย แต่ผมรู้ว่าเมื่อไรที่ผมเหนื่อย

ผมมีสถานที่ให้กลับมาได้เสมอ



“เป็นคนดีจังเลยนะ” เคย์เปรย

“อือ ทุกคนเลย กูโชคดีที่แม่ไปรวบรวมคนดีๆ ขนาดนี้”

“ดีแล้ว” สายตาของเคย์ระยิบระยับจนผมอดยิ้มไปด้วยไม่ได้

“กลับห้องกัน” ผมคิดถึงเตียงอุ่นๆ กับการกลิ้งไปมาภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันเสียแล้วสิ

“อือ ต้องกลับไปอ่านหนังสือด้วย” รูมเมทของผมก้มหน้าซบพวงมาลัยอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อคิดถึงไฟนอลที่กำลังรออยู่

“เวรเอ๊ย อย่าเพิ่งพูดเรื่องไฟนอลได้มั้ย”

“จิน เราย้ายออกกันเถอะ”

“หือ?”

“หลังจบปีแรก กูไปลองหาหอแล้ว ปีสองเราไปอยู่หอนอกกันเถอะ”

“อยู่ด้วยกัน?”

“แหงสิ!” เคย์เบิกตาโต จิ้มหน้าผากผม “เรื่องแบบนี้ยังต้องถามอีกเหรอ”

ผมเผลอหัวเราะ จ้องมองคนที่หน้ามุ่ยไปแล้ว

“อยู่กับกูจะดีเหรอ กูปากร้ายนะ ใจร้ายด้วย” ผมแหย่

“อือ แต่ก็รักไปแล้วมั้ย”

“ไอ้หมาโง่! พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้เต็มปาก” ผมโวยวาย หน้าร้อนกับประโยคที่เขาพูดออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“มึงรู้มั้ยว่ากูคุยอะไรกับพ่อมึง” เขาสบตาผม ระบายยิ้มอ่อนๆ เจิดจ้าเหมือนยามเช้า

“รายงานมาสิ” ผมเลิกคิ้ว รอฟังเรื่องที่น่าจะทำให้รอยยิ้มผมกว้างขึ้นไปอีก

“กูบอกพ่อมึงว่าทำไมกูถึงรักมึง ตอนแรกที่เข้าหากูไม่ได้รักมึงแบบว่ารักเลยหรอกนะ มันคือความชอบความสนใจ แบบว่าถ้าเป็นคนคนนี้ล่ะก็คงให้ความรักในแบบที่กูต้องการได้แน่ๆ” เคย์ยิ้มสมเพชตัวเอง “กูแค่อยากให้มีคนรักกูเยอะๆ แต่ก็ไม่กล้าเผยตัวตนจริงๆ ของตัวเองเกินไป กูกากจะตาย เรียนก็ไม่เก่ง ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่ก็พยายามทำตัวให้ดูดีเกินจริงเพราะอยากให้ทุกคนประทับใจ พอเห็นมึงที่แน่วแน่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ กูก็คิดว่า ถ้าเป็นความรักจากมึงล่ะก็คงทำให้กูเต็มได้แน่นอน”

“แล้วยังไงต่อ”

“แต่มึงสอนให้กูมั่นใจในตัวเอง ตอนกูหวั่นไหวกับคำพูดโค้ช มึงก็บอกให้กูมั่นใจในตัวเอง ถ้ากูมัวแต่ฟังคำของคนรอบข้างจนไขว้เขว กูจะจบลงที่การเลิกล้มความพยายามนั่นไป กูฟังแต่คนรอบข้างจนไม่ได้ฟังเสียงของตัวเอง ตอนที่กูรักตัวเอง คือตอนที่กูรักมึง”

“…”

“กูเหมือนภาชนะก้นรั่ว เพราะกูรักตัวเองไม่เป็น จึงรักใครไม่ได้ ความรักจากคนอื่นมันไม่พอ แต่ตอนที่กูรักตัวเอง กูไม่ต้องรอความรักจากใคร มันมาจากตัวกูเองได้ และกูก็มีมันเหลือให้คนอื่น และกูให้ทั้งหมดนั่นกับมึง”

เคย์เอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มผมพร้อมยิ้มออกมาเหมือนกำลังมองของล้ำค่า

“หลายๆ เหตุการณ์มึงอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ มึงแค่สอนกู มึงอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามึงสอนอะไรกูบ้าง แต่กูจำได้ทุกประโยค และมันช่วยกูไว้ ขอบคุณนะ”



พวกเรากลับมาถึงห้องพักหลังจากนั้นไม่นาน แน่นอนว่าเพราะไม่มีเรียนทั้งคู่ จึงไม่มีเพื่อนๆ โทรตามหรือส่งข้อความมา พวกเราเองหลังกลับมาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

เท้าของพวกเราปัดเกี่ยวกันไปมา จนสุดท้ายรูมเมทผมก็หัวเราะแล้วรวบตัวผมนอนกอด จนลงท้ายที่พวกเรานอนกลิ้งเกลือกกันในผ้าห่มจนมันพันตัวเราเป็นดักแด้

ผมยืดตัวไปจูบปลายจมูกเขา และได้รับรางวัลเป็นใบหน้าแดงจัดจากเคย์

“คนกาก” ผมแซว บิดปลายจมูกโด่งนั่นอย่างเอ็นดู

“อย่าแซวสิ” เขาหลบตาผม แสร้งเอาชีทมาอ่านต่อ

“หนีทหาร กากจริงๆ เจ้าหมาโง่”

“…แต่เป็นหมาโง่ให้มึงคนเดียวนะ”

ขยันหยอด!

ผมฟึดฟัดใส่คนที่พัฒนาเลเวลขึ้นไปทุกที

“จิน เป็นแฟนกันเถอะ”

“…”

“กูอาจจะไม่สามารถป่าวประกาศกับโลกว่าเป็นแฟนกับมึงได้ ไม่สามารถขึ้นสเตตัสบอกทุกคน อาจจะมีแค่เพื่อนๆ เราที่รู้ แต่อย่างน้อยกูก็อยากทำให้มันชัดเจน”

ผมเหลือบมองใบหน้าเขา ก่อนจะพ่นลมหายใจพรู

ผมไม่ต้องการให้โลกรู้และเข้าใจข้อจำกัดของโลกดี

การเป็นเกย์หรือมีคนรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องหนักหัวของคนรอบข้างเสมอ

“ได้ เป็นแฟนกัน” ผมซบหน้ากับหมอน บอกเขาด้วยรอยยิ้มและได้รับการตอบกลับเป็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันเขี้ยวของเจ้าตัว

“อือ ทำไงดี อยากบอกคนอื่นจัง บ้าเอ๊ย ถึงเวลาแล้วกูดีใจสุดๆ เลย”

“อะไรกันล่ะนั่น” ผมหัวเราะใส่คนที่เอาหมอนปิดหน้าเหมือนเป็นสาวน้อย

ผมไม่เคยฝันอยากมีความรักแต่โลกดันเหวี่ยงคนคนหนึ่งมาให้ผม เขาดูเป็นคนเข้าถึงยาก ไว้ตัวและเป็นคนละประเภทกับผมโดยสิ้นเชิง แต่จริงๆ แล้วข้างในตัวตนแสนดูดีกลับเป็นผู้ชายกากๆ คนหนึ่ง

ผมนิสัยเสีย ซ้ำยังมีดีแค่หน้าตาน่ารัก แต่กลับมีคนคนหนึ่งชอบผมเสียขนาดยอมเจ็บเพื่อผมได้

ผมช่างเป็นคนที่โชคดีเหลือเกิน

ไม่รู้ว่าในอนาคตพวกเราจะไปในทิศทางไหน มันอาจจะจบไม่ดี พวกเราอาจเข้ากันไม่ได้ หรืออาจจะเป็นแฮปปี้เอนดิ้งตลอดไปอย่างในนิทาน

แต่ไม่ว่าเรื่องอะไร แค่เห็นรอยยิ้มในตอนนี้ของเคย์

ผมรู้สึกว่ามันคุ้มค่า



The END





----------------------------------------------

จบแล้ว ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนสุดทางนะคะ เดี๋ยวตอนพิเศษชุดสาวน้อยเวทมนตร์กำลังจะมาแล้วค่ะ อิ___อิ
สถานีต่อไปคืออีบุ๊คค่ะ สงสัยต้องใส่warningไว้เยอะเพราะเรทกว่าที่ลงในเล้าเยอะ T-T
ทั้งcaged, non-con, Feminization เยอะ555555555555555555555555
สุดท้ายนี้ เราชอบผู้ชายใส่กระโปรงมากๆเลยค่าาาาาาาาาาาา ในอนาคตอยากเขียนอีกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #378 เมื่อ14-07-2019 18:22:21 »

เคย์เป็นคนกาก ๆแต่โคตรคูลเลยน้าา ทำไมอ่านตอนจบแล้วน้ำตาไหลอ่ะ แง้ ดีใจกับจินด้วย สงสารพ่อจินด้วย แต่จบได้แฮปปี้มากเลยค่ะ ชอบแนวนี้เหมือนกันค่ะ ผช.ใส่กระโปรงเป็นน่ารักมาก จะรอติดตามต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #379 เมื่อ14-07-2019 21:16:44 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
« ตอบ #379 เมื่อ: 14-07-2019 21:16:44 »





ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #380 เมื่อ15-07-2019 21:55:56 »

พี่เคย์ไม่ใช่หมาโง่น้าาานางคือหมาอัพเกรดแล้ว จินโชคดีเลยนะได้ผู้ชายที่รักตัวเองขนาดนี้ ถึงพ่อจินจะชั่วแต่จินมีผช.คนนี้มาทดแทนแล้วนะลูก จะกลางเรื่องยันจบก็เหมือนพ่อจินแทบคิดห่าไรไมไ่ด้เลยงงมาก ทำกับแม่จินได้ทุเรศมากเศษเดนที่แท้ทรูทิ้งผญ.ที่เป็นแม่ของลูกเพื่ออำนาจทำร้ายลูกตัวเองทั้งเป็นเพื่อหน้าตาเราไม่เคยเข้าใจความรักแบบนี้เพราะเราถือว่านี่ไม่ใช่นิยามความรักเลยมันคือความเห็นแก่ตัวภาวนาให้รีบแ่กตายลงโลงไปเถอะอย่ามาเป็นภาระลูก ขอให้ชีวิตจินทีนี้มีแต่สิ่งดีๆนะลูก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #381 เมื่อ16-07-2019 11:58:46 »

จบแล้ว แฮปปี้~

ออฟไลน์ Wwavez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #382 เมื่อ19-07-2019 02:39:52 »

จบแล้วอ่า จะร้องไห้งอแงมากไม่อยากจบ55555 เขิลมากหมาโง่กับจินน้อยเป็นแฟนกันสักที รอตอนพิเศษเลยค้าบ รออีบุ้คด้วย :katai2-1:

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #383 เมื่อ20-07-2019 11:46:36 »

ดีใจที่จบดี เคย์กับจินเป็นคู่รักที่บันเทิงและอบอุ่นมากจริง ๆ

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #384 เมื่อ20-07-2019 12:47:11 »

น่ารักมากทุกๆคนในเรื่อง ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :กอด1: รอๆตอนพิเศษ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #385 เมื่อ22-07-2019 18:10:27 »

แงงงงง ซึ้งอ้ะะะะ น้ำตาไหลแบบฮึบแล้วก็ยังไหลอยู่ ไม่ได้เตรียมใจว่าจะถึงโหมดซึ้งแบบนี้
ฉากที่พ่อหยิบรูปแม่จินมาดูแล้วรูปนั้นมีจินอยู่ในท้องแม่ คือแบบน้ำตาไหลเลยจ้า ยิ่งเจอตอนกอดกับน้องเจ้า แล้วก็กอดกับพี่ๆกับเรนคือแบบอบอุ่นมากๆๆๆๆ ร้องไห้จนต้องหาทิชชู่อ่ะ

ขอบคุณคุณนักเขียนนะคะ มีความสุขมากๆที่ได้อ่านเรื่องราวของจินและเจ้าหมา ขอบคุณมากๆนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ มะยองมะแยง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #386 เมื่อ26-07-2019 13:45:07 »

ในที่สุดก็จบลงด้วยดี ขอบคุณนะคะ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ YYuiiiiuYY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #387 เมื่อ27-07-2019 08:34:50 »

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ รออุดหนุนอี-บุ๊คค่าา  o13

ออฟไลน์ GDNEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #388 เมื่อ30-07-2019 10:37:38 »

ฮืออ จะรอซื้อนะคะ ดีมากเลยย :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer บทที่19 [จบ] P.13[14/07]
«ตอบ #389 เมื่อ03-08-2019 12:34:50 »

อ่าน 7ตอนรวดเลย จบแล้วต้องคิดถึงทั้งคู่มากแน่  :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด