Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62047 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แม่ของชานนท์กับพ่อของวรุฒ   ต้องมีเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันแน่นอน

แต่...อย่าให้ถึงกับว่า วรุฒและชานนท์เป็นพี่น้องกันเลย

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

โอย....

ชานนท์โอดหลังจากวิ่งลงจากรถไปถึงจุดหมาย

“ไม่ไหวก็ไม่ต้องรีบ!” วรุฒที่เดินตามหลังมาด้วยท่าทางสบายเอ่ยทัก
“ก็เพราะใครล่ะ ไอ้ที่เจ็บอยู่นี่เพราะใคร แล้วไอ้ที่สายนี่เพราะใคร? ไหนว่าจะไม่ทำไง!!” ชานนท์ชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่าย

“ก็ตั้งแต่ย้ายมาก็ยัง.....” วรุฒยิ้มกวนๆใส่อีกฝ่าย ชานนท์ไม่เข้าใจว่าไอ้คนขรึมพูดน้อย อารมณ์เสียทั้งวันสมัยก่อนคนนั้นหายไปไหน?
“แล้วมันใช่เวลาไหม? ดูสิ!! ทั้งที่ตัวเองก็ช้ำไปเกือบทั้งตัวแบบนี้!! เฮ้อ... รีบเดินเหอะ!!” ชานนท์ไม่อยากเอาพลังงานที่เหลือไปกับไอ้คนแบบนี้ เลยตัดบทเดินต่อไปจนถึงที่หมาย เพราะตอนนี้สายกว่าที่นัดหมายมากแล้ว

ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าห้อง เลขาฯของ ดร.ภาก็มายืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษนะครับ เลยเวลาที่เรานัดกันไปเยอะเลย” วรุฒกล่าวขอโทษตามสไตล์คุณชายใหญ่ สีหน้าไม่ได้ดูสำนึกผิดแม้สักนิด แต่ปฏิกิริยาของคุณเลขาฯ กลับไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของวรุฒทั้งยังยกมือขึ้นมาในท่าห้าม
“รอก่อนคะ ท่านผู้อำนวยการมีแขกคะ“ เลขาฯในชุดสูทเรียบร้อยกล่าวเสียเรียบ
“งั้นผมรออยู่หน้าห้องก่อนก็ได้” กล่าวจบวรุฒก็หันกลับไปนั่งที่โซฟารับรองหน้าห้องทันที เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วจนชานนท์ได้แต่ยืนเลิ่กลั่กอยู่ที่เดิม จนวรุฒขยับศรีษะชวนให้ชานนท์นั่งข้างๆ ตน

“เฮ้อ... ดิชั้นเตือนด้วยความหวังดีนะคะ คุณควรกลับไปก่อนดีกว่านะคะ” คุณเลขาฯถอนหายใจและกล่าวเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะครับ?! หรือว่าแม่ผมมีประชุมสำคัญต่อจากนี้ งั้นผมแค่แทรกนิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้งครับ!” วรุฒดื้อรั้นตามสไตล์เขา
“.......” คุณเลขาฯ ไม่ตอบโต้เพียงแต่หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่าง

“งั้นก็ตามมาคะ” คุณเลขาฯพูดขึ้นหลังจากรอข้อความตอบกลับจากอีกปลายทางหนึ่ง

£&£&£&

เสียงดนตรีเป็นเสียงริงโทนดังขัดจังหวะการลุกขึ้นเดินตามคำเชิญของคุณเลขาฯ ชานนท์ยกหน้าจอขึ้นดูทันทีก็พอว่า “แม่” คือชื่อที่แสดงอยู่ที่หน้าจอ ณ ขณะนี้

“เอาไงดี?” ชานนท์ถามแฟนตนเองด้วยอาการลนลาน
“อย่าเพิ่งรับเลย เข้าไปคุยกับแม่เราก่อน เวลามีน้อย!!” วรุฒไม่เห็นด้วย
“แต่นี่.... แม่นะ เราไม่เคยไม่รับสายแม่” ชานนท์พูดจบก็ใช้นิ้วปาดไปที่หน้าจอและกล่าวคำทักทายที่ปลายสายทันที

วรุฒกรอกตาไปหนึ่งรอบพร้อมบ่นพึมพำว่า ‘แล้วจะถามทำไม?’

“ทำไมรับสายช้า!!” แม่ชานนท์มีน้ำเสียงเกี้ยวกราดอย่างที่รู้สึกได้แม้ตัวจะอยู่ห่างไกล
“คือ... รุฒ.... เขา... จะพาไป....พบแม่เขาเพื่อจะคุยเรื่อง.... การถูก....” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“คุยที่ไหน?” เสียงเข้มของมารดาดังลอดโทรศัพท์ออกมา
“ที่... สำนักงานผู้อำนวยการ...”

ตื้ดๆๆๆๆๆ

เสียงอีกฝ่ายตัดสายไปจนชานนท์ถึงกับอึ้งยืนค้าง เขาไม่เคยเห็นแม่เขาเป็นแบบนี้มาก่อน

“จะไปได้หรือยังคะ?” คุณเลขาฯ ถามเสียงสูง คิ้วที่แทบจะชนกันโป่งนูน และมองไปที่ชานนท์ที่กำลังจะกดโทรศัพท์กลับไปหาผู้เป็นมารดา เขารู้สึกกังวลใจแปลกๆ กับอาการนี้ของแม่

“นนท์ไปเถอะ แล้วค่อยไปขอโทษแม่ทีหลัง ไปจัดการเรื่องตัวเองก่อน!!” วรุฒเดินไปโอบรั้งให้ชานนท์เดินไปข้างหน้า ทางที่เลขาฯยืนรออยู่ด้วยท่าทางไม่ชอบใจ

“เจอกันอีกแล้วนะ!” เสียงคุ้นหูพุ่งเข้าสู่โสตประสาตทันทีที่เปิดประตูเข้าไปปะทะกับอากาศเย็นภายใน

ชานนท์ได้เจอใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ดวงตาที่ฉายแววอำมหิตภายใต้รอยยิ้มที่แสนเย็นชา แม้โครงหน้าดูหล่อเหลาและดูอ่อนกว่าอายุจริงนั้นจะดูน่ามองก็ตาม แต่เวลามองแล้วยังให้ความรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบไม่เปลี่ยน

“พ่อ!!...... แม่” เสียงวรุฒมีความตกใจแฝงอยู่ไม่น้อย เขาไม่คิดว่าพ่อของตนเองจะมานั่งอย่างสบายใจอยู่ในห้องทำงานแม่ตนเอง ทั้งๆ สองคนนี้ไม่เคยอยู่ในห้องเดียวกันนานเกินกว่า 20 นาทีเลย ต้องเป็นทะเลาะกันบ้านแตก

ดร.ภา ดูสงบกว่าทุกครั้ง เธอนั่งอย่างสง่าผ่าเผยบนเก้าอี้ของผู้อำนวยการ ความเป็นแม่ที่เข้าถึงง่ายนั้นหายไปจากบุคลิกภาพของเธอโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้วรุฒและชานนท์รู้สึกแตกต่างออกไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก

“นั่งลงคุยกันดีๆก่อน” ดร.ภากล่าวเสียงเรียบ โดยเจ้าสัวประวิทย์ได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างมีนัย

“ผมมาคุยกับแม่วันหลังก็ได้นะครับ” วรุฒนอกจากจะไม่นั่งลงแล้ว เขายังถามกลับไปทางแม่เขาด้วยสายตาดุดัน
“จะมาตอนไหนก็เหมือนกันแหละ” ผู้เป็นแม่ตอบเสียงเรียบ จนหัวใจชานนท์ตกวูบลงไปตาตุ่ม แรงที่ขาแทบหมดจนเกือบทรุดตัวลงไปกับพื้น เขากำหมัดแน่นและฝืนทำตัวนิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆ

“แม่หมายความว่าไง?” วรุฒฉุนเฉียว
“ก็หมายความว่า เรื่องแฟนผิดเพศของแกจะโดนไล่ออกน่ะ แม่เขาเห็นด้วยกับพ่อไง!!” คนเป็นพ่อตอบแทนด้วยเสียงอันสะใจ

คราวนี้ชานนท์เซเอนตัวไปจนชิดชั้นหนังสือไม่ไกล และพยุงตัวเองไว้ รู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองคงแย่มาก เพราะหลังจากที่วรุฒมาประคองและมองหน้าเขา วรุฒกัดฟันกรอดจนได้ยินเสียงดังลั่น

ส่วน ดร.ภา เธอทำได้แค่หลบสายตาลูกชายตนเองที่มองมาขอคำตอบ

“แม่! ผมอยากฟังคำอธิบายของแม่!!” ลูกชายร่างสูงมองไปทางผู้เป็นแม่ที่พยายามเลี่ยงการปะทะสายตา แต่หลังจากที่เห็นว่าผู้เป็นพ่อจะเริ่มต้นพูดจึงยกมือห้ามปรามไว้ และพยักหน้าเป็นเชิงว่าจะขอพูดเอง

“ครั้งนี้... แม่เห็นด้วยกับพ่อนะ อยากบอกให้รู้ไว้ที่แม่ทำไปเป็นความหวังดีของผู้เป็นบุพการี” เสียงนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนแปลกแยกจากดวงตาทำให้วรุฒรู้สึกต้องการหาคำตอบจากผู้เป็นมารดาของตน แม่ของเขาไม่เคยเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนี้!!

“แม่!!” วรุฒมีคำพูดมากมายแต่จุกอยู่ที่อกไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะหากแม้ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยตัดสินใจแบบนี้ร่วมกับพ่อคนหัวแข็งของเขา มันก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือแฟนของเขาแล้ว

ที่ผ่านมาแม่จะเป็นเสมือนตาชั่งที่อยู่คนละฝั่งกับพ่อของเขาเสมอ แม่จะคอยถ่วงให้ชีวิตเขาสมดุลไม่ตามความบ้าอำนาจของพ่อที่มากจนเกินไป แต่คราวนี้กลับไม่ใช่ แม่ของเขากลับไปเข้าข้างพ่อโดยที่เค้นสมองหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของแม่ แต่เขามองไม่เห็นเลยว่าที่แม่เขาทำแบบนี้ไปเพราะอะไร แม่ไม่เคยกลัวอิทธิพลของพ่อ เพราะพ่อเองก็เกรงใจแม่เขาอยู่มาก ดังนั้นทุกครั้งที่แม่เขาช่วยเขาตัดสินใจในการใช้ชีวิต พ่อจึงแทบจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวมากจนเกินไป

แม้สถานะปัจจุบันของทั้งสองจะแยกกันอยู่ เพราะความเจ้าชู้ของพ่อ แต่พ่อก็ยังเกรงใจแม่อยู่มากในฐานะเมียหลวง

“เดี๋ยวก่อนคะ!! เข้าไปได้นะคะ!!” เสียงคุณเลขาฯโวยวายลั่นอยู่หน้าห้อง ทำให้ความสนใจของคนทั้งห้องลดลงไปจากสีหน้าของวรุฒที่เครียดจนกัดฟันกรอดและหันไปสนใจที่ประตูห้องแทน

ผั๊วะ!!

ประตูห้องเหวี่ยงเปิดออกอย่างแรง โชคดีที่ประตูมีแท่นยางกันกระแทกไม่อย่างนั้นเสียงประตูปะทะกับผนังคงดังลั่นไปทั้วทั้งชั้น

“นนท์!! ไม่ต้องเสียเวลาไปทำอะไร!! กลับบ้านเราลูก!! แม่มารับแล้ว!!” ผู้เป็นมารดาของชานนท์ในชุดทางการ แต่งหน้าแบบวันทำงาน และรวบผมทั้งหมดมัดไปทางด้านหลัง แม้จะดูเหนื่อยล้า แต่รัศมีความสวยยังโดดเด่นอยู่

“นุช!?!” เสียงของชายผู้ชอบบงการทุกอย่างเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แบบที่วรุฒไม่เคยได้ยินมาก่อนแม้กับแม่ของเขา

“จำคนผิดแล้วคะ!!” แม่ของชานนท์หันหน้าหลบชายวัยสี่สิบร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ และตอนนี้ทำสีหน้าตกตะลึงมาก

“นุช!! ต่อให้คุณแก่กว่านี้ผมก็จำได้!!” ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นมาจับแขนแม่ของชานนท์แน่น ทั้งที่แม่ของชานนท์ใกล้จะเดินถึงลูกชายของเธอและพร้อมจะนำตัวชานนท์ออกไปให้พ้นจากที่นี่

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนคนที่เหลือต่างเหลือบตามองกันเองอย่างสงสัย มีเพียงดร.ภาเท่านั้นที่หลับตาลงและถอนหายใจเงียบๆ

“ปล่อย!! ดิชั้นคะ!! เราไม่รู้จักกัน!!” แม่ของชานนท์สะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากมือหยาบใหญ่นั้นง่ายดาย และเดินมาที่ลูกชายตนเองทันที

วรุฒมองหน้าชานนท์เป็นการขอคำตอบ
“แม่เราชื่อแก้วตา ชื่อเล่น ‘ตา’ ไม่ใช่ ‘นุช’ นะ” ชานนท์พูดตอบไปทั้งที่งงอยู่ ทำเอาวรุฒอยากทึ้งหัวตัวเองที่มาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้

“กลับบ้านเรา!!” แม่ของชานนท์คว้ามือของเขาแน่นและพยายามจะลากออกไป

“เดี๋ยวนุช นั่นลูกชายเธอ.... หรือว่า....?” คุณประวิทย์ก้าวมาดักทางออกไว้ และมีอาการสับสนในดวงตา
“ได้คุณประวิทย์!! อยากฟังมากก็จะบอกอะไรให้!!” แม่ของชานนท์รู้สึกหมดความอดทนกับคนตรงหน้า
“ใช่!! นี่มันลูกคุณ ที่ผ่านมาคุณกำลังทำร้ายลูกตัวเอง และลูกชายของคุณทั้งสองคนกำลังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่!! พอใจไหม!! ฉันพยายามในส่วนของฉันแล้ว แต่คุณมันก็เหมือนเดิม!! ดังนั้นฉันจะพูดแค่นี้!! ปล่อยเราสองแม่ลูกไปเถอะ!!” มารดาของชานนท์พูดจบ แข้งขาของคนทั้งห้องก็แทบทรุด โดยเฉพาะวรุฒ.......

มีเพียงคนเดียวที่มองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยแววตาสงบและไร้ซึ่งคำพูดใดๆ

“ขอบใจนะที่ช่วย!” แม่ของชานนท์หันไปทางดร.ภา และฉุดลากลูกชายตนเองที่อยู่ในภวังค์ออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่ดูดกลืนสติของชายทั้งสองคนในห้องให้เข้าสู่ความมืดมิดทางความคิด

..................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไง.....เดาไว้ตั้งแต่ตอนแรก ๆ แล้ว  ว่าสงสัยสองคนนี้จะเป็นพี่น้องต่างแม่กัน   สุดท้ายก็เป็นจริงจนได้

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“พ่อ!!! แม่!! อธิบายมา!! ผมงงไปหมดแล้ว!!” วรุฒดึงสติกลับมาพร้อมกับเหวี่ยงสายตาเกรี้ยวกราดใส่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองด้วยความร้อนใจ

คุณประวิทย์ ผู้ทรงอิทธิพลถึงกับเข่าทรุดไปกับเก้าอี้นวมหนังสีน้ำตาล แววตาเหม่อลอยสับสน

“แม่!!” วรุฒเมื่อเห็นพ่อของตนหลุดลอยไปในห้วงความคิดจึงหันไปหามารดาของตนทันที

“ลูก..... แม่ขอโทษนะ” แม่ของเขาพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“แม่รู้มานานหรือยัง?” วรุฒถามเสียงสั่น ท่าทางภายนอกแม้จะดูเกรี้ยวกราดเข้มแข็งแต่ภายในกลับพังทลายไม่เหลือซากของจิตใจ
“ก็สักพัก.... แม่อยากให้แน่ใจจึง... ติดต่อทางนั้นไป.... แล้วความจริงมันก็น่ากลัวอย่างที่แม่คิด..... ลูกไม่ผิดนะลูก แม่ผิดเอง ด้วยเหตุนี้.... แม่จึงเห็นด้วยกับพ่อที่จะแยกลูกทั้งสองออกจากกัน เกินกว่าจะสายไป!!”  ดร.ภา ผู้นำหญิงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจกลับทำเสียงสั่นอย่างที่วรุฒไม่เคยเห็น แปลว่าเรื่องทั้งหมดมันคือเรื่องจริงใช่ไหม?!? วรุฒเซถอยหลังไปสองก้าว
“มันสายไปแล้ว แม่.... แม่ก็รู้ว่าเราคบกันเป็นแฟน.... แปลว่า...... ผม...... ผม.... กับ...... ” คำบางคำที่ไม่กล้าจะเอ่ยกลับตีบตันอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมา แววตาของเขาสับสนทนแทบบ้า
“แก!! อย่าบอกนะว่า ....กับลูกชายฉัน... กับน้องชายของแก!!” คนเป็นพ่อลุกขึ้นคว้าคอเสื้อลูกชายตัวเองจนชนคางดังพลั่ก

น้ำเอ่อล้นออกจากดวงตาของวรุฒอย่างหลุดไม่ได้..... มันไม่ได้มาจากความเจ็บปวดที่บิดาเขาเป็นคนทำ แต่มันเจ็บปวดจากความจริงที่เกิดขึ้น.....

“คุณภา.... ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้!!” เจ้าพ่อใหญ่หันไปหาภรรยาเขาด้วยแววตาเจ็บปวด
“คุณคิดไว้แล้วใช่ไหม!?!”
“มันไม่ใช่ความผิดฉันนะมันเป็นความผิดของคุณที่เจ้าชู้ไม่เลือกที่ต่างหาก!” จบประโยคแม่ของวรุฒก็ปึงปังออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว!!

“ใคร..... ใครก็ได้.... บอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!! แล้วผมต้องทำอย่างไร.....?” วรุฒทรุดเข่าลงไปกับพื้น เสื้อของเขาหลุดออกจากมือผู้เป็นบิดาในสภาพยับเยิน
เขาจะอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง?

..................

ความเงียบเหงาที่เกิดจากห้องในคอนโดฯ หรูหรากลับเพิ่มช่องโหว่ในโหว่ในจิตใจของวรุฒเพิ่มมากขึ้นไปอีก ความทรงจำต่างๆ ของการใช้ชีวิตร่วมกัน มันกลับเป็นสิ่งที่ทำร้ายเขามากกว่าการเยียวยา ในเมื่อสถานะมันเปลี่ยนไป ทุกสัมผัสที่เขาเคยมีร่วมกันกลับเป็นยาพิษเคลือบจิตใจเขาให้เจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

เขามองตัวเองผ่านกระจกที่ประดับตามผนังห้องเขาพบว่าดวงตาของเขามันบวมช้ำไปหมด แววตาที่ไร้แววสดใสนั่นสะท้อนให้เห็นความเจ็บช้ำที่อยู่ในใจได้อย่างดี แววตาของเขาทำให้เขาหวนระลึกถึงดวงตาของผู้เป็นพ่อที่เคยแข็งกร้าวกับอ่อนแอ พังยับเยินอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

วรุฒเดินมาทรุดล้มลงบนที่นอนนุ่ม ความคิดร้อยแปดประการผุดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่สามารถฝ่าออกไปได้คือ เขาจะหาทางออกจากปัญหานี้อย่างไร

เขาพยายามติดต่อแม่ของเขา แต่ก็ไม่มีการตอบรับ ถามพ่อของเขาที่นั่งอมทุกข์ก็ไม่ได้คำตอบ ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้เลย สุดท้ายเขาจึงเลือกโทรศัพท์หาคนที่เขาต้องการคุยด้วยมากที่สุด

 ‘นนท์’
ชื่อที่ขึ้นอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์เขา แสงวาบฉายขึ้นมาวูบหนึ่ง และเสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นเพียงสองครั้งสายก็ถูกตัดไป

วรุฒปล่อยโทรศัพท์ให้ตกลงบนเตียงนุ่ม จนเครื่องนั่นกระเด้งกระดอนไปที่อีกจุดหนึ่งของที่นอน วรุฒหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย และน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม ไหลลงไปจากร่องดวงตาไปจนถึงหู เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพถอดวิญญาณแบบนั้นนานแค่ไหน จนกระทั้งความอ่อนเพลียได้พรากสติไปจากเขาจนสิ้น

........

“ไม่ต้องรับ!!” เสียงดุดังขึ้นจากทางด้านคนขับ ชานนท์มองไปทางมารดาตนเองที่กำลังขับรถกลับต่างจังหวัดด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด

“แม่...... ผม.... ไม่เข้าใจ” ชานนท์พูดอยู่ในลำคอ พยายามกล้ำกลืนความกลัวต่อมารดาตนเอง พยายามฝืนความเจ็บปวดกับความจริงที่เขาเผชิญลงไปในคอและพยายามเค้นเสียงตัวเองถามออกมา

“ไม่ต้องอยากรู้!! รู้ไปมันก็เปลี่ยนความจริงที่แม่ไม่ยอมให้แกไปยุ่งกับคนพวกนั้นหรอก!  แม่สวนกลับเสียงดัง

“แล้ว..... เรื่อง...... ที่แม่กับ...... พ่อของรุฒ.........” คำที่พยายามเรียบเรียงอย่างดีเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา บรรจงป้อนออกจากปาก แต่สุดท้ายน้ำที่เอ่ออยู่ในดวงตากลมโตนั่นก็หลุดร่วงลงมาอย่างช้าๆ มันเป็นความจริงที่ยากเกินกว่าจะรับได้จริงๆ

หัวใจของคนเป็นแม่แทบแหลกสลาย..... เธอรู้จักลูกชายตนเองดีว่ามีความอ่อนแอด้านอารมณ์แค่ไหน แล้วนี่เป็นรักแรกของลูกชายเธอด้วยแล้ว เธอที่เคยผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วมีหรือจะไม่เข้าใจ รักกับคนที่เป็นไปไม่ได้มันเจ็บปวด

“แม่......... แม่ขอโทษ แม่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มหาวิทยาลัยนั่นมันเป็นถิ่นของคนพวกนั้น แต่แม่ก็หักใจห้ามลูกไม่ลง แม่อยากจะซ่อนลูกจากคนพวกนั้น แต่ในเมื่อโชตชะตาทำให้มันเกิดขึ้น แม่..... ไม่รู้จะทำอย่างไร? ในเมื่อเห็นหน้าลูกดีใจขนาดนั้นที่สอบชิงทุนฯ สำเร็จ... แม่ไม่มีเหตุผลอะไรจะห้ามลูก แม่ไม่คิดว่า มันจะเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกจะไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นได้ หากแม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แม่คงไม่อนุญาตให้ลูกมาและต้องมาเจออะไรแบบนี้!!”
มารดาของเขาร่ายยาวจนเหมือนคุยกับตัวเองมากกว่า ดวงตาที่มีริ้วรอยตามอายุ เริ่มมีริ้วแดงภายในดวงตาที่แวววาวไปด้วยน้ำ

“ผมอยากรู้ความจริง” ชานนท์ตอบกลับสั้นๆด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“กลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้แม่จะเล่าให้ฟังทั้งหมด” คนเป็นแม่
ผ่อนลมหายใจอย่างหน่ายเหนื่อย สีหน้าและแววตาตอนนี้ของเธอดูแก่ลงไปอีกหลายปี

..............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถึงจะเป็นพี่น้องกัน 

แต่ไม่ใช่ ชายหญิง ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก 

นี่มัน ชายชาย นะ ไม่มีผลผลิตทางการเสพสังวาสสักหน่อย  อิอิ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

แสงสีทองส่องทาบเข้ามาให้ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีอันแสนเจ็บปวด ภาพที่เคยอยู่ด้วยกันเหล่านั้นมันคอยทำร้ายจิตใจย้ำๆ อย่างทารุณ

‘ช่างเป็นเช้าที่ไม่สดใสเลย’ ชานนท์บ่นพึมพำขณะพาร่างตัวเองลงจากเตียงด้วยอาการอ่อนล้า เขาแทบไม่ได้นอนเลย เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาคิดย้ำทบทวนไปมาด้วยความทุกข์ใจ

หลังจากจัดการชำระล้างร่างกายและสร้างความสดชื่นให้กับตัวเองแล้ว เขาก็นำร่างที่ไร้ชีวิตชีวาลงมาที่โต๊ะอาหารซึ่งมีการเตรียมอาหารเช้าเฉกเช่นทุกวันที่เขาอยู่บ้าน โต๊ะนี้ไม่เคยขาดอาหารการกิน

ชานนท์นั่งลงมองบรรดาอาหารเช้าที่กรุ่นไอจากความร้อน ทุกอย่างล้วนดูน่ากินไปหมด แต่เขากลับไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย เขามองไปที่แม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บเช็ดล้างห้องครัวตามปกติของวันหยุดช่วงเช้า แม่ของเขาซึ่งเลี่ยงที่จะพูดคุยกับเขามาสองวันแล้ว

ชานนท์หยิบขนมปังปิ้งขึ้นมาทาแยมเปลือกส้มของโปรดของเขา เขาทำใจป้อนมันเข้าปากด้วยที่กระเพาะและลำไส้ต่างพากันบิดม้วนเรียกร้องสารอาหารให้เข้าไปบำรุงร่างกาย แต่หลังจากที่กัดคำแรกไปนั่น อาการคลื่นเหียนเหมือนอยากจะอาเจียนก็ก่อตัวขึ้น ทำให้เขาไม่อยากจะเคี้ยวหรือกลืนอะไรเข้าไป เขาพยายามฝืนใจกัดขนมปังปิ้งแผ่นนั้นจนหมดแผ่น พยายามปิดปากฝืนกลืนสิ่งเหล่านั้นเข้าไป กว่าจะสำเร็จก็ทำน้ำตาเล็ดออกมาหลายหยด อาการขมปากแผ่ไปทั่วช่องปาก จนเขาต้องรีบกินน้ำส้มคั้นที่แม่ของเขาวางเตรียมไว้ให้

“แม่” ชานนท์เรียกมารดาของเขา ทันทีที่เห็นเธอเดินมาดูแลเขาเหมือนปกติ พร้อมทำสีหน้าตกใจกับอาการหน้าซีด และซูบผอมลงไปมากจากเมื่อสองวันก่อนของชานนท์ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็ยังใจแข็งพอที่จะไม่เริ่มสนทนากับลูกชายของตนเอง

‘เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง’ แม่ของชานนท์คิดในใจ เธอรู้ดีเพราะเธอผ่านจุดนี้มาแล้ว แล้วเธอก็เดินหนีไปทำงานบ้านต่อโดยไม่ได้สนใจสีหน้าและแววตาอมทุกข์ของลูกชายตนเองเลย ทั้งที่ใจของคนเป็นแม่นั้นแสนจะเจ็บปวดเจียนตาย

แม่ของชานนท์กว่าจะทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงสายของวัน ตะวันใกล้จะตรงหัวแล้ว เธอมีแผนที่จะเตรียมของโปรดสำหรับมื้อของลูกชายเธอ เพื่ออย่างน้อยอาจจะทำให้ลูกชายของเธอดีขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจเหมือนเช่นทุกวันคือ บรรดาอาหารเช้าที่เธอทำสุดฝีมือ แต่ลูกชายของเธอแตะแค่เพียงขนมปังชิ้นเดียว นี่มันเป็นอย่างนี้มาสองวันแล้วนะ จนเธอเริ่มกังวลใจ

หลังจากทำอาหารมื้อเที่ยงที่แสนภูมิใจเรียบร้อย แม่ของชานนท์ได้เดินขึ้นไปตามลูกชายที่ห้องนอน เพราะตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพ เธอแทบไม่เคยเห็นลูกชายตนเองออกจากห้องนอนเลย นอกจากเวลากินข้าว อย่างน้อยชานนท์ก็เป็นเด็กดีมีวินัย รู้จักถนอมน้ำใจแม่ที่อุตส่าห์ทำอาหารให้ทุกมื้อ แม้จะกินเป็นแมวดมก็ตาม

หลังจากพยายามเรียกอยู่ที่หน้าห้องอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่มีการตอบรับจากลูกชายตนเองเลย เธอจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปด้วยความตกใจ และหวังว่าลูกชายของตนจะไม่คิดอะไรสั้นๆ

ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปได้ เธอก็เห็นลูกชายเธอนอนนิ่งอยู่บนเตียง ภายในห้องอันเงียบงันทำให้เธอได้ยินเสียงหายใจชัดเจน วงหน้าที่ซีดเซียวนั้นปรากฏชัดเจนในดวงตาของคนเป็นแม่ ด้วยความเป็นห่วง เธอจึงตรงไปสัมผัสผิวหน้าที่เกือบไร้สีเลือดของลูกชายคนเดียวของเธอ

ตัวร้อนจี๋ !!

ความรู้สึกหลังสัมผัสหน้าผากลูกชาย เธอถึงกับตกใจกับอาการที่เกิดขึ้น นอกจากร่างกายจะเริ่มซูบผอมแล้ว ตัวยังร้อนแดงไปหมด มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ซีดเผือด

“นนท์ๆ” คนเป็นแม่เรียกสติลูกชายด้วยความเป็นห่วง ในใจกลับเจ็บปวดเหมือนใจจะขาด การที่เธอพยายามเมินเฉย และหลีกเลี่ยงลูกชายตนเองมาตลอดสองวัน ทำให้ชานนท์เป็นได้ถึงขนาดนี่เลย!!

“รุฒ......” เสียงอันแผ่วเบาเสียงเดียวที่หลุดออกจากปากลูกชายคนเดียวของเธอ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจคนเป็นแม่อย่างมาก

ตอนนี้เธอคิดสองจิตสองใจว่า จะยอมให้เวลาช่วย หรือจะยอมแพ้ดี

น้ำอุ่นจากดวงตาไหลอาบแก้มผู้เป็นแม่ที่สงสารลูกชายสุดหัวใจ

“อ้าว..... แม่” ชานนท์ได้สติขึ้นมาเมื่อสักครู่เขาฝันถึงวันที่เขาเจอวรุฒครั้งแรก ทำให้เผลอพูดชื่อคนรักของคนออกมา..... ไม่สิ..... พี่ชาย....

“หิวไหมลูก?” มารดาลูบศรีษะชานนท์อย่างอ่อนโยน น้ำตาที่ไหลเมื่อครู่ได้หยุดลงแล้ว
“แม่เป็นอะไรครับ?” ริมฝีกปากซีดถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่.... แม่....” แม่ของชานนท์หลบสายตาที่ห่วงใยตนไปทางอื่น
“ผมไม่เป็นไรครับ ผมจะเข้มแข็ง..... เพื่อแม่ครับ” ชานนท์ฝืนยิ้มผ่านใบหน้าที่ซีดเซียว
“งั้นเราไปกินข้าวกันนะ แม่ทำของโปรดลูกไว้เยอะเลย” เธอเองก็ฝืนยิ้มทำตัวปกติไม่แพ้กัน

หลังจากทั้งสองแม่ลูกได้ลงมากินข้าวด้วยกันแล้ว แม้ฝ่ายชานนท์จะชื่นชมกับข้าวที่แม่ทำไว้ให้ว่าน่ากิน ไม่ขาดปาก แต่การกระทำของชานนท์กลับตรงกันข้าว ชานนท์เคี้ยวข้าวช้า กว่าจะกลืนแต่ละคำเหมือนทำใจกินยาขม และสุดท้ายก็วางช้อนและหยุดดื่มน้ำทันที

ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าหากลูกชายของเธอยังเป็นแบบนี้อยู่เธออาจจะไม่เห็นลูกชายเธอเติบโตไปกว่านี้แน่ แม้จะทำเป็นเข้มแข้งแต่หัวใจคนเป็นแม่กลับค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่องๆ

“แม่ยอมแพ้” เธอหลับตาพูด
“อะไรนะครับ” ชานนท์ทำหน้าสงสัยตอบกลับมา
“แม่จะเล่าให้ฟังทั้งหมด หากลูกได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว แม่จะให้ลูกตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของลูกเอง ทุกการกระทำที่ลูกเลือก ลูกจะต้องยอมรับผลที่ตามมาของมัน!!”

“ครับ!!” ชานนท์ตอบหนักแน่นกว่าทุกประโยคของวันนี้

“เฮ้อ...... เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน แม่ได้ไปฝึกงานที่บริษัทของคุณประวิทย์......”

สีหน้าคนเล่าแม้ดูไม่มีความสุขนักเพราะเหมือนเรื่องที่เล่าไปจี้จุดที่ทำให้ปวดใจของแม่ของตนออกมา แต่ชานนท์ก็ไม่ได้บอกให้หยุดเล่า ความสงสัยมันเพิ่มพูนมามากกว่าที่จะหยุดยั้งได้

แม่ได้เล่าเรื่องเริ่มจากเด็กสาวที่ชื่อ ‘นุชจรี’ แม่เล่าเหมือนกับเล่าละครหลังข่าวให้ฟัง ทำให้ชานนท์รู้สึกเหมือน แม่ไม่ได้เล่าเรื่องตนเองเลย

นุจรีหญิงสาวนักศึกษาปี 4 เมื่อสักประมาณ 20 ปีก่อน ที่ตอนนี้กำลังตื่นเต้นกับการมาฝึกงานกับองค์กรใหญ่ระดับประเทศซึ่งหากเธอทำงานได้ดี เธออาจมีสิทธิ์เข้ามาทำงานที่นี่ องค์กรที่เธอใฝ่ฝัน

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย เพราะตลอด สองสัปดาห์ที่เธอทำงานอยู่ที่สำนักงานประธานบริหาร รุ่นพี่ที่เป็นพี่เลี้ยงของเธอต่างชื่นชมในความเก่งแล้วความขยันของเธอ อยู่ๆ เธอก็ถูกย้ายไปช่วยงานที่สำนักงานเลขานุการของบริษัท เนื่องจาก มีเลขานุการคนหนึ่งลาออกอย่างกระทันหัน เธอต้องการผู้ช่วยอย่างเร่งด่วน จึงทำให้ฝ่ายสำนักงานผู้บริหารส่งนุชจรีไปช่วยเลขาฯคนนั้น

นุชจรียอมรับว่าการทำงานร่วมกับเลขานุการผู้บริหารสุดเนี้ยบมันไม่ง่ายเลย ทุกวันเธอเหนื่อยกับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเร่งด่วนเสมอ แต่ที่แปลกที่สุดคือ เธอไม่เคยเห็นประธานบริษัทหนุ่มไฟแรงเลย

เขาได้มาบริหารบริษัทนี้เพียงไม่นานก็ทำให้บริษัทเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว ทำให้นุชจรีแอบปลื้มที่ได้มาทำงานตรงนี้แม้จะรู้สึกเหมือนตกนรกก็ตาม

“เฮ้อ........ด่วนอีกแล้ว!” หญิงสาวถอนหายใจยาวในยามบ่ายของวันทำงาน
“เป็นอะไรครับเนี่ย ถอนหายใจเสียจนจะเอาวิญญาณออกมาเลย” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นทางด้านหลัง
“อุ้ย! ขอโทษคะ” นุชจรีหันหลังมาขอโทษด้วยความตกใจ และเธอก็ต้องตกตลึงอีกครั้งกับความหล่อออร่าของชายหนุ่มในชุดเสื้อชอปสีน้ำเงินเข้ม แม้จะใส่แว่นตากลมโตแต่แว่นก็ไม่ได้บดบังออร่าของคนใส่เลย ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเจอเธอในสภาพหมดแรงและปล่อยตัวแบบนี้ส่งยิ้มให้

ปกติห้องถ่ายเอกสารและพริ้นต์เตอร์ มักไม่มีใครเข้ามานอกจากเธอที่ถูกใช้งานเยี่ยงทาส

“งานหนักเหรอครับ เดี๋ยวนี้เขาใช้นักศึกษาฝึกงานโหดขนาดนี้เลย?” หนุ่มหน้าใสในเสื้อชอปเปรย ซึ่งนุชจรีได้แต่ยิ้มตอบกลับไปแบบขวยเขินที่แสดงความเปิ่นออกไปให้คนแปลกหน้าเห็น
“จะเป็นไรไหมครับ ถ้าจะขอมาดูเครื่องถ่ายเอกสารหน่อย” ชายหนุ่มแว่นใหญ่ชี้ไปที่เครื่องถ่ายเอกสารที่เธอกำลังใช้อยู่
“มันไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ มาดูทำไม ยังใหม่อยู่เลย ใช้ยากแต่ก็ทำงานได้ดีนะคะ” นุชจรีตอบ
“ใช้ยากเหรอครับ? ยังไงครับ? อันนี้มันเครื่องรุ่นล่าสุดที่บริษัทเราผลิตเลยนะ!!” ชายหนุ่มเผลอขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นนุชจรีก็ร่ายยาวถึงการทำงานที่วุ่นวายกับไอ้เครื่องที่บริษัทแสนจะภูมิอันนี้ ด้วยลีลาติดตลก ทั้งยังแนะนำไปอีกว่าแบบไหนที่คนใช้งานอย่างเธอต้องการ ชายหนุ่มนอกจากจะไม่ว่าอะไรแล้วยังชมเธออีกด้วยฉลาดกว่าพนักงานที่นี่หลายคน

ชายหนุ่มอ้างว่าเขาเป็นฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เลยมาขอดูการใช้งานของรุ่นทดลองของบริษัท เขาแวะเวียนมาที่ห้องนี้หลายครั้ง บางครั้งก็ตั้งใจมาดูเครื่องถ่ายเอกสาร บางครั้งก็ตั้งใจเพื่อพูดคุยกับนุชจรี

จนกระทั้งสองเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายก็พัฒนาไปไกลเกินเพื่อน วันที่ใกล้จะสิ้นสุดการฝึกงาน ชายหนุ่มเดินมาบอกกับนุชจรีว่า เขาสนิทกับผู้บริหารท่านหนึ่ง เขาจะช่วยเธอได้งานที่นี่ เป็นเลขานุการผู้บริหารคนหนึ่ง นุชจรีดีใจมากแต่ก็ยังอยากใช้ความสามารถของตัวเองในการเข้าการคัดเลือกได้ตามปกติ

จนกระทั้งในวันสัมภาษณ์งานรอบสุดท้ายกับผู้บริหารท่านนั้น เธอรู้สึกไม่สบายอย่างมาก ชายหนุ่มเป็นห่วงเธอและอยากให้เธอโทรไปเลื่อนนัดสัมภาษณ์ นุชจรีดื้อรั้นจะไปให้ได้ เธอคิดว่าน่าจะแค่ตื่นเต้นและอ่อนเพลียจากการนอนน้อย หรืออาจจะแพ้อาหารร่วมด้วย เธอถึงได้คลื่นไส้ถึงเพียงนี้

นุชจรีเข้มแข็งพาร่างที่อ่อนเพลียไปถึงห้องประชุม และเรื่องที่ประหลาดใจเธอที่สุดคือคนที่เธอสัมภาษณ์คือชายหนุ่มที่เธอคบหาดูใจได้เกือบสองเดือน เธอตกใจมาก เธอไม่เคยรู้จริงๆว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเธอเป็นถึงลูกเจ้าของบริษัท และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เธอรู้ว่าลูกเจ้าของบริษัทคนนั้นเพิ่งแต่งงานมาแล้วเกือบปี!!

นุชจรีโวยขึ้นทันทีแต่ด้วยสภาพร่างกายของเธอทำให้เธอไม่สะดวกที่จะทำอะไรรุนแรง เธออยากจะลุกหนีไปให้ไกล แต่เธอหน้ามืดขึ้นมาเสียก่อน ในใจที่แสนจะเจ็บช้ำกำลังตะโกนซ้ำๆ ว่าเธอกลายมาเป็นชู้โดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว ทำไมเธอโง่ขนาดนี้นะว่าคนที่เธอคุยด้วยทุกวัน คนที่มีสถานภาพแบบแฟนจะเป็นคนมีเจ้าของแล้ว

ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาประคองคนที่กำลังจะทรุดพอดี พร้อมน้ำตาที่หยดลงมาเปื้อนเสื้อเชิ้ตราคาแพง

เธอใช้แรงที่มีทั้งหมดสะบัดมือที่บรรจงประคองเธอไว้และเดินหนีไปจากห้องนั้นทันที ไม่แม้จะเหลียวกลับมองคนที่มองเธอจากในห้องด้วยแววตาเจ็บปวด

ผู้บริหารหนุ่มที่มองการจากไปอย่างรวดเร็วของคนที่เป็นรักแรกของเขา เพราะเขาถูกบังคับให้แต่งงานกับนักศึกษาปริญญาเอกที่แม่ของเขาแนะนำให้โดยที่ไม่เคยรู้จักความรัก ในโลกที่เขาอยู่มีตรรกะแค่คำว่าเหมาะสม อยู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งมาพังทลายตรรกะเหล่านั้นไปจนสิ้น

นุชจรีที่เดินทางกลับหอพักทั้งน้ำตา จมอยู่กับความผิดหวังบนเตียง อาการคลื่นไส้ก็กลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง ทำให้คราวนี้เธอย่ำแย่กว่าเดิมมาก เธอไม่อยากอาหาร เธอนอนไม่ได้ หรือนี่คืออาการอกหัก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นในความเงียบเหงาของห้องพักราคาปานกลาง ห้องที่เคยมีสีสันกว่านี้เมื่อมี ‘เขา’ อยู่ด้วย
นุชจรีพยายามปฎิเสธตัวเองให้ลุกไปเปิดประตู ในใจหวังว่าจะเจอกับเขาคนนั้นสักครั้ง สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ใจตัวเอง เดินไปเปิดประตูทั้งที่คราบเมคอัพเลอะเทอะไปเพราะน้ำตา

คนที่เธอเจอไม่ใช่ชายที่เธออยากจะเจอ แต่กลับเป็นหญิงสาวที่หน้าตาค่อนไปทางชาติตะวันตก เธอยืนยิ้มอ่อนๆ มาที่เธอด้วยการแต่งกายที่ดูดีมีราคา เพียงแวบแรกนุชจรีรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอคนนี้คือใคร

นุชจรีเชิญสาวสวยคนนั้นเข้ามาภายในห้องเล็กๆของเธอ หลังจากนั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือเรียบร้อย หญิงสาวลูกครึ่งก็พูดแนะนำตัวและบอกถึงความต้องการของเธออย่างตรงไปตรงมาทันที แม้จะไม่ทำให้นุชจรีแปลกใจมากแต่ก็ย้ำถึงความเจ็บปวดในจิตใจได้อย่างดี โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายทีาทำให้นุชจรีตัดสินใจที่จะหนีไปจากชีวิตของครอบครัวนี้ทันทีคือ ‘ฉันตั้งครรภ์ลูกของเขาได้สองเดือนแล้ว’

ด้วยความช่วยเหลือของภรรยาสาวสวยของผู้บริหารหนุ่มทำให้นุชจรีสามารถหนีออกไปจากชีวิตของทั้งสองคนได้อย่างสมบูรณ์ ให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้โดยไม่มีใครรู้จัก นุชจรีเลือกที่จะไปจังหวัดที่เธอไม่รู้จัก ไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่รู้จัก (ครอบครัวเธอก็มีแต่ป้าที่เลี้ยงเธอมาอยู่แล้วเพราะพ่อแม่ของนุชจรีก็ต้องแยกทางกันเพราะบุคคลที่สาม) เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล เริ่มต้นใหม่

“แต่โชคดีที่แม่ไม่ได้เริ่มต้นเพียงลำพัง” พอเล่ามาถึงตรงนี้ แม่ของชานนท์ก็ยกขึ้นมาจับแก้มใสๆ ของลูกชายเธอ

“แม่โชคดีที่ได้อยู่กับผู้ชายที่รักแม่อย่างสุดหัวใจ” แม่เอ่ยขึ้นมาทั้งที่ดวงตาเหม่อลอย
“แล้ว...... พ่อ.. ผมหมายถึงพ่อคนที่เลี้ยงผมมาน่ะครับ....... คือ.....” ชานนท์มีแววตาสับสนสงสัย
“เขาเป็นคนดี เขาไม่เคยรังเกียจอดีตของแม่ แม่ถึงได้เลือกเขา แล้วเขาก็.........” แม่ของเขาพูดมาถึงตรงนี้ก็น้ำตาที่สะกดไว้ก็ไหลบ่าออกมา แม่คงคิดถึงคู่ชีวิตที่เสียไป

ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพียงแค่คุกเข่าลงไปกอดแม่เท่านั้น ชีวิตของเขากับแม่ช่างคล้ายคลึงกันอะไรแบบนี้ โชคชะตาเล่นตลกกับสองแม่ลูกเสียเหลือเกิน

ชานนท์ที่รู้ว่าฐานะของวรุฒกับตนนั้นคงกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้ ยิ่งนึกถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันด้วยความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก ยิ่งทำใฟ้เขารู้คลื่นไส้กับสิ่งที่ทำกับวรุฒทั้งหมด ด้วยความคิดมากบวกกับอาการขาดสารอาหาร ชานนท์จึงวูบไปทั้งๆที่ยังคุกเข่ากอดแม่ของตนเองอยู่อย่างนั้น

ท่ามกลางเสียงตื่นตระหนกของคนเป็นแม่ สติของเขาก็เลือนลางลงเรื่อยจนดำมืดไป

............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


‘นนท์ นนท์’

เสียงของคนที่ถูกเปลี่ยนสถานะจากแฟนมาเป็นพี่ชายดังขึ้นมาในโสตประสาทของคนที่กำลังหมดสติ

‘รุฒ.... เสียงของรุฒ นี่มันที่ไหน? ทำไมเรายังได้ยินเสียงของเขา?’ ความคิดของคนหมดสติกำลังรำพัน

‘นนท์ ลืมตาขึ้นมาสิ เรามารับแล้ว’ เสียงแหวกผ่านความมืดเข้ามาในความนึกคิดของคนหมดสติ พร้อมทั้งสัมผัสอันอ่อนโยนที่รู้สึกบริเวณฝ่ามือของตน

ถึงแม้จะเป็นเพียงความฝัน แต่ก็ทำให้มุมปากของชานนท์ยกขึ้นมาอย่างอ่อนแรง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันยกขึ้นมาจริงหรือเปล่า แต่ก็รู้สึกถึงความยินดีขึ้นมาบ้าง

ชานนท์พยายามกระตุ้นให้ตนเองลืมตาตื่น แต่หนังตามันช่างหนักยากเย็นเกินกว่าที่จะลืมขึ้นเต็มตา

แสงสีขาวอันพร่ามัวต่างพุ่งเข้ามาเสียดแทงดวงตาที่อ่อนเพลียของชานนท์ ภาพคนตรงหน้ามันพล่าเลือนจนเหมือนความฝัน กว่าที่สายตาจะปรับให้เข้ากับความสว่างภายในห้องก็ใช้เวลาพักใหญ่

เขาตื่นขึ้นมาให้ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวหม่น แสงจากไฟนีออนสามดวงส่องสว่างอยู่ที่เพดาน สายระโยงระยางเสียบต่อเข้ากับหลังมือเขาและโยงไปยังอุปกรณ์สีขาวเล็กๆข้างเตียง ถุงน้ำสีใสแขวนอยู่เหนือศรีษะเขา พร้อมกับสัมผัสที่มือที่เริ่มบีบแน่น มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่หนึ่งจับจ้องร่างเขาอย่างไม่วางตาพร้อมน้ำรื้อเต็มสองข้าง วงหน้าที่คุ้นเคยปรากฏเด่นชัดขึ้นตรงหน้า รอยยิ้มที่เขาแสนจะคิดถึง

“แม่ครับ!! นนท์รู้สึกตัวแล้ว!!” ชายตัวสูงลุกขึ้นตะโกนไปที่อีกฟากหนึ่งของห้อง

“แม่......” เสียงที่แหบพร่าของชานนท์ เสียงที่เขาเองได้ยินก็ยังตกใจไม่น้อย
“นนท์!!” เสียงของผู้เป็นมารดาพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“แล้ว......” สายตาของชานนท์ตามหาคนที่จับมือเขาไว้เมื่อครู่ซึ่งตอนนี้หายไปจากคลองสายตาเขาแล้ว
“ไม่ต้องพูดอะไร แม่ตามหมอมาแล้ว ให้หมอดูแลอาการให้ก่อนนะลูก” มือของมารดาลูบไปที่แก้วที่ซูบซีดของลูกชายตนเอง

ไม่เกินห้านาทีทีมหมอและพยาบาลก็กรูกันเข้าในห้องที่เขาอยู่ ปิดม่านรอบเตียง และต่างคนก็ต่างใช้อุปกรณ์ที่ตนเองถืออยู่จัดการตรวจวัดสัญญาณชีพทุกจุดของเขา และคำถามอีกมากมายที่ประเคนถามคนเพิ่งฟื้นสติอย่างเขา แต่สติของชานนท์กลับจดจ่ออยู่กับเงาร่างก่อนหน้านี้ เงาที่เขาฝันถึงทุกวัน 

หมอฉีดของเหลวบางอย่างให้ชานนท์ ผ่านสายน้ำเกลือเพิ่มเติม และนั่นคือสิ่งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไปอีกครั้ง

วัดถัดมาชานนท์ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่ ทุกอย่างก่อนหน้านี้มันเหมือนความฝัน แสงที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ห้องสว่างขี้นชัดเจนยิ่งขึ้น สติสัมปชัญญะของเขากลับคืนมาเกือบเต็มที่แล้ว แต่ยังมีอาการอ่อนแรงตามแขนขาอยูาบ้าง

เสียงในท้องเริ่มร้องรบกวนสมองเขาทันทีที่ร่างกายเริ่มกลับมาแข็งแรง ชานนท์ยังคงเห็นสายน้ำเกลือโยงเข้ากับหลังมือของเขา อาการเจ็บจี๊ดที่หลังมือส่งมาที่สมองของเขาทันทีที่เห็น เขายกมือที่บวมจากน้ำเกลือขึ้นมามองด้วยอาการสั่นๆ เขากำลังทบทวนว่า เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

ชานนท์มองไปทั่วห้องก็พบว่าเขาอยู่ในห้องพิเศษที่มีเขาพักอยู่เพียงคนเดียว อาการวังเวงและอากาศที่เย็นทำให้เขารู้สึกโหวงเหวงที่ท้องและในอก เขาใช้มืออีกข้างที่ไร้สายระโยงระยางติดอยู่ดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมตัวถึงคอ เพราะบรรยากาศในห้อง

แอ๊ด.... กึก

เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นในมุมอับสายตา ทำให้ชานนท์ดันตัวเองให้ลุกนั่งกึ่งนอนเพื่อมองหาต้นทางของเสียง

“นนท์!! ตื่นแล้วหรือลูก!!” แม่ของเขาโผเข้าหาชานนท์ทันทีที่เห็นเขาลืมตาตื่นอยู่บนเตียง
“ผม..... มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ชานนท์ถามแม่เขาทั้งๆที่โดนอีกฝ่ายกอดตัวเองไว้แน่น
“ก็... วันนั้นลูก.... อยู่ๆ ก็หมดสติไป...” แม่หยัดตัวเองยืนตรงและมองลูกตนเองด้วยอาการเป็นห่วง
“อืม......” เขานึกได้.....แค่วันนั้นเขาฟังแม่เล่าถึงเรื่องอดีต แล้วทุกอย่างก็ดำมืดไปหมด
“หิวไหมลูก พยาบาลเขาเตรียมอาหารเช้าให้แล้วนะ” แม่ชานนท์วางของที่ถือมาพะลุงพะลังไว้ที่โต๊ะไม่ไกล และเดินไปลากโต๊ะอาหารล้อเลื่อนมาวางไว้ใกล้กับเตียงของชานนท์

“หิวครับแต่.... หิวน้ำมากกว่า” ชานนท์ตอบด้วยเสียงที่แตกพร่า
เพียงสิ้นคำทุกอย่างที่ชานนท์ต้องการก็วางตรงหน้า แม่ของชานนท์ป้อนข้าวป้อนน้ำเขา จนแทบจะเคี้ยวให้ด้วยเลยเสียด้วยซ้ำ แต่เขาเพิ่งฟื้นไข้ เขาจึงทานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม่ของเขามีสีหน้าผิดหวังแต่ก็เข้าใจ

“เอ่อ..... นอกจากแม่แล้ว มีใครมาเยี่ยมผมอีกไหม?” ชานนท์ถามต่อทันทีหลังจากดื่มน้ำไปสองอึกหลังอาหาร
“เอ่อ.... ก็มีนะ อย่างลุงเสริฐกับชมพู่ก็มา.....” แม่ของชานนท์มีอาการแปลกๆ ไปบ้างแต่ชานนท์ก็เพลียเกินกว่าจะถามจึงเอนตัวลงนอนต่อ

“ความจริงก็ไม่รู้ว่าจะถามทำไมเพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่าเราป่วยเสียหน่อย” ชานนท์บ่นพึมพำ
“นนท์..... ต้องการอะไรอีกไหมลูก?” คนเป็นแม่ถามด้วยอาการเป็นห่วงหลังจากเห็นสีหน้าลูกชายตัวเองไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
“ไม่แล้วครับ ผมขอเอนหลังหน่อย แล้วผมจะกลับบ้านได้วันไหนครับ?” ความเงียบและไม่คุ้นเคยสถานที่ทำให้ชานนท์รู้สึกกลัว
“คุณหมอบอกว่า หากวันนี้ดีขึ้นพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้” แม่ชานนท์ลูบศรีษะชานนท์อย่างเป็นห่วง เธอมองเขาไปในดวงตาที่ลึกโหวงไร้ชีวิตชีวาของลูกชายอย่างเจ็บปวด
“ดีครับ ผมอยากกลับบ้าน” เสียงเหงาๆ ของชานนท์ทำให้ดวงใจของคนเป็นแม่ปวดใจไปหมด

เธอเข้าใจชานนท์ดี ในตอนแรกเธอคิดอย่างเข้าข้างตนเองว่าลูกชายเธอต้องผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ ขอแค่มีเวลา แต่เอาเข้าจริงตัวเธอเองต่างหากที่เริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว แล้วไหนจะ..... เธอคิดถึงตรงนี้เธอก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

“งั้นแม่ทำธุระก่อนนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?” แม่ของชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ได้สิครับ ผมก็อยู่คนเดียวอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว” คำตอบของชานนท์ที่ทำให้แม่ของเขาฝืนยิ้มคืนมาให้และหันหลังเดินออกไป

ตอนนี้ชานนท์อยู่ในห้องที่เงียบเหงา เขาเพลียแต่นอนไม่หลับ ( ก็หลับมาเสียตั้งเยอะ) ชานนท์พยายามหยิบหนังสือต่างๆ ที่แม่เขาเตรียมไว้ให้ที่โต๊ะข้างเตียงแต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้จิตใจเขาสงบลงได้ ในใจของเขายังคงคิดวนเวียนถึงหน้าใครบางคน เสียงของคนๆ นั้นยังคงดังแว่วเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา สุดท้ายเขาต้องหลับตาคลุมโปงและพยายามนึกถึงเนื้อเพลงต่างๆที่ทำให้เขามีความสุข

“นนท์”
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นเสียงที่เขาคุ้นเคย
‘โห.... นี่เราประสาทหลอนไปแล้วหรือเนี่ย?’ คนตัวเล็กติดฟุ้งไปขณะพักสายตา

“นนท์” เสียงดังใกล้ขึ้น

‘โอโห... ครั้งนี้ชัดเจนเหมือนยืนอยู่ข้างๆ เลย’ ชานนท์เริ่มกลัวตัวเองว่าน่าจะเป็นเอามาก

“นนท์!! เรารู้นะว่านายไม่ได้หลับ” เสียงเข้มดังขึ้นใกล้มาก

“เฮ้ย!!” ผ้าห่มที่ห่อคลุมจนถึงหัวถูกดึงเปิดออกจนหมด


ภาพแรกที่เขาเห็นคือคนตัวสูงที่เขาคุ้นเคยยืนอยู่ชิดขอบเตียง แต่ขอบตาของเขาดำคล้ำ หน้าซูบซีดลงไปมาก

“รุฒ......” ชานนท์เอื้อมมือไปจับแขนคนตรงหน้าเพราะคิดว่าเป็นภาพหลอน หลังจากจับได้ถึงเนื้อหนังที่อบอุ่นเขาก็ตกใจรีบดึงมือกลับทันที

“นนท์ เป็นเราจริงๆ นะ” วรุฒเลื่อนมือหยาบไปกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น แต่อีกฝ่ายก็ยังคงดึงมือกลับไปอีกครั้ง

“ไม่ได้นะ คือ.... เราจะทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ!!” ดวงตากลับร้อนผ่าวไปหมดเมื่อชานนท์พูดคำนี้ออกมา

“ทำไมล่ะ?” คนตัวสูงกล่าวด้วยรอยยิ้มเหมือนขำปนเอ็นดูคนบนเตียงที่มีท่าทีขบขัน และอ่อนเพลีย แต่สีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
“ก็.... เรา.... เราเป็น....” คนตัวเล็กมีอาการรปากสั่นไปหมด
“เป็นอะไร.....?” คนตัวสูงอดจะขำกับภาพที่เห็นไม่ได้
“เราเป็นพี่น้องกัน!!” ชานนท์เกือบจะหลับตาตอนที่พูดประโยคนี้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เด็กโง่เอ้ย!!” วรุฒหลุดขำออกมาเสียอย่างนั้น
“พี่... เอ่อ....พี่รุฒ!  มันไม่ตลกนะ ที่ผ่านมาเราทำกันแบบ... ไม่ใช่พี่น้องทำกัน พี่จะทำเป็นเล่นแบบนี้ไม่ได้นะ!!” ชานนท์โวยลั่น
“ก็ถึงบอกว่าเด็กโง่ไง!! ฮ่าฮ่าฮ่า... นายได้ฟังเรื่องที่แม่นายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังแล้วใช่ไหม?”  วรุฒยิ้มกึ่งหัวเราะไปพลางระหว่างตอบกลับไป

“ใช่น่ะสิ ฟังทุกอย่างเลย ถึงได้รู้ว่าคุณแม่ของนาย คุณพ่อของนายเป็นคนร้ายกาจแค่ไหน!!” ชานนท์พูดด้วยน้ำตาที่หล่อเลี้ยงอยู่ในดวงตา
“อืม..... อันนี้ ...... เรารู้..... เราคงไปเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แค่นั้นมันก็เรื่องของพ่อแม่เขานะ อย่าเอามาเกี่ยวกับชีวิตของเราสิ!!” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นครั้งแรก

“เพราะพ่อของพี่!! ไม่ใช่สิ... พ่อของเรา...” ชานนท์กลับมีดวงตาเหม่อลอยอีกครั้ง

“เฮ้อ...... เด็กโง่เอ้ย!! นี่คือคนที่ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 จริงเหรอเนี่ย!! นายฟังเรื่องที่แม่นายเล่าดีหรือเปล่าเนี่ย!!” วรุฒผ่อนลมหายใจออกเมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มมีอาการดราม่าขึ้นมาอีก

ชานนท์ยอมรับว่าสติตอนที่นั่งฟังแม่เขาเล่าเรื่องให้ฟังนั้นค่อนข้างเลือนลาง

“เอ้า!! ฟังดีๆ นะ แม่เราเล่าให้ฟังว่าเรื่องมันเกิดขึ้นประมาณ 20 ปีก่อน ตอนนี้นายอายุเท่าไหร่?” วรุฒขยี้ศรีษะชานนท์อย่างแรง
“ย่าง..18.... !!!!” ชานนท์ตอบและหยุดเสียงทำตาโต
“ไม่มีใครตั้งท้องนานตั้งสองปีหรอกนะ!!” วรุฒเสริม
“อ้าว!! เออ... มันเบลอๆ เลยไม่ทันคิด...” ที่มุมปากของชานนท์เหมือนจะมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ดังนั้น... เราสองคนไม่มีความผูกพันกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เลิกสำนึกผิดเสียใจได้แล้ว!!” วรุฒยกมือขึ้นมากุมมือที่อีกฝ่ายที่วางบนผ้าห่มผืนบาง

“............” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากก้มหน้าลงไปที่หน้าตักตัวเองน้ำตาแห่งความปิติไหลรินลงบนเนื้อผ้าห่มสีขาว ไม่ต้องมีการปลอบโยนใดๆ อีกจากวรุฒ เขาแต่ให้เวลาที่เหลือต่อจากนี้เยียวยาเรื่องราวต่างๆ ที่ชานนท์ได้เจอมา ทั้งความเศร้าใจสำนึกถึงความผิดที่พวกเขาทำกันฉันท์คู่รัก หากเรื่องราวทั้งหมดเป็นจริง เรื่องที่เขาเป็นพี่น้องกัน มันจะทำให้ใจของชานนท์ต้องบอบช้ำไปจนวันตาย

ซึ่งตอนนี้คนที่รู้สึกถึงเรื่องนี้ดีที่สุดคงไม่พ้นจะเป็นคุณแม่ของชานนท์เอง

“อ้าว! แล้วพี่.... เอ้ย!! นายผ่านด่านนี้มาได้ยังไงเนี่ย!” ชานนท์ที่สติแจ่มใสขึ้นนึกขึ้นมาได้
“เวลาน้องเรียกพี่นี่ก็น่ารักดีนะ เวลาอยู่บนเตียงเผื่อจะช่วยเพื่ออรรถรสได้” วรุฒยิ้มอย่างเจ้าเลห์
“รุฒ!!” ชานนท์กระแทกเสียงอย่างเต็มที่ เท่าที่แรงตัวเองจะทำได้เพราะโกรธความหื่นไม่รู้เวลาของอีกฝ่าย

“อ้อ....คุณแม่น่ะหรือ? หัวดื้อเหมือนนายไม่มีผิด นี่เรามานื้อตั้งหลายวันกว่าจะยอมให้เราเจอนาย” ชานนท์สำรวจคนพูดอีกครั้ง ทำให้เห็นว่าวรุฒก็ดูโทรมลงไปไม่น้อย ขอบตาดำคล้ำและหน้าซีดเผือดเหมือนคนที่แทบไม่ได้นอน

“ขอโทษนะ” ชานนท์ใช้มือลูบแขนวรุฒไปตามกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ด้วยความรู้สึกอ่อนไหว
“ขอโทษเรื่องอะไร นายไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย!!” วรุฒทรุดตัวลงนั่งข้างบนขอบเตียง เขามองชานนท์ด้วยสายตาเป็นห่วงปนดีใจ

“ขอโทษที่นายต้องลำบาก” ชานนท์ทำหน้าสลดจนเหมือนหดไปจนเหลือครึ่ง หน้าซีดจางของชานนท์ทำให้อีกฝ่ายไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

“ลำบากแค่ไหนเราก็อยากได้นายกลับมา!! รู้ไหมว่ากว่าจะให้แม่เราคายทุกอย่างออกมามันลำบากแค่ไหน? นี่ไม่เพราะว่าแม่เราสำนึกผิดที่ไปทำแม่นายแท้งเนี่ย คงไม่ยอมบอกเรื่องทั้งหมดมาง่ายๆ!”  วรุฒร่ายยาวปนผ่อนลมหายใจ

“แท้ง?” ชานนท์มีสีหน้าตกใจ

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ตอนนั้นแม่เราแค่นึกไม่ถึงว่าแม่นายจะท้องอยู่ เลยไม่ได้ระวังระหว่างการเดินทาง ก็เลยแท้ง แต่เท่าที่คุยกับแม่นายก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะรู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ และเหมือนจะขอบใจเสียด้วยซ้ำเพราะแม่นายโกรธพ่อเรามากจนไม่อยากจะเกี่ยวข้องกันอีก” วรุฒพูดไปพลางค่อยๆ เอนกายไปพลางลงบนที่ว่างบนเตียงอีกฝ่าย
“.......” ชานนท์เริ่มมีสีหน้าคิดมากเกิดขึ้นอีกครั้ง
“เอาน่า.... มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป เราสัญญากับแม่นายอีกครั้งแล้ว ขอเอาชีวิตเป็นประกันว่า จะทำให้นายมีความสุขให้ได้!! ขอแค่ให้ได้อยู่กับ... นาย... เราจะทำทุกอย่างที่จะ.... ปก.... ป้อง... นาย... ให้ได้” วรุฒเอื้อมมือไปโอบกอดชานนท์ทางด้านหน้าอย่างทะนุถนอม ดวงตาที่อ่อนล้าค่อยๆโน้มครอบลงมาเรื่อยๆ

“รุฒ!! นี่มันไม่ใช่เวลามาทำ... อะไร... อย่างนี้..” เสียงที่ค่อยๆ หายไปตามท้ายประโยคเมื่อเห็นคนที่ตนเองรักหลับหมอบด้วยอาการอ่อนแรงแนบชิดกับตน ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุที่สงบเหมือนเด็กทารกที่นอนบนอกแม่ ทำให้ชานนท์ไม่อยากไปรบกวนภาพตรงหน้า เขาเพียงวางมือไว้บนศรีษะอีกฝ่ายและลูบไล้ด้วยความคิดถึง

..................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร้ายกาจทั้งผัวและเมียเลย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


“จะกลับกรุงเทพได้หรือยัง? ขาดเรียนมาหลายวันแล้วนะ” เสียงของชายหนุ่มตัวสูงในชุดลำลองพูดกับชานนท์ในอ้อมกอดตนเอง

“อืม.....” ชานนท์อ้ำอึ้ง เขายอมรับว่าเขายังรู้สึกหวาดกลัวความรู้สึกเมื่อเจอผู้ใหญ่ทางฝั่งแฟนหนุ่มตัวเองพอควร

ตอนนี้ชานนท์ได้ย้ายมาพักรักษาตัวที่บ้านได้สองวันแล้ว โดยมีแฟนหนุ่มตัวสูงอย่างวรุฒคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ซึ่งตอนนี้แม่ของชานนท์ก็มีสีหน้าดีและท่าทางดีขึ้นมากเป็นลำดับเมื่อเจอวรุฒ ชานนท์ก็ไม่แน่ใจว่าช่วงที่เขาหมดสติอยู่วรุฒทำยังไงแม่เขาถึงได้ยอมให้ทั้งสองกลับมาคบกันอีกครั้ง

วรุฒพูดเพียงแค่ ‘ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก’
แต่ชานนท์ก็เลยพูดสวนไปว่า ‘หน้าด้านล่ะมากกว่า’
สุดท้ายเขาก็ไม่รู้ว่าวรุฒทำยังไงถึงทำให้คุณแม่เขาใจอ่อน จนกระทั่งเขาต้องแอบไปถามแม่ตนเองเวลาอยู่กันสองคน แม่ของเขาพูดเพียงว่า ‘แม่แค่รู้สึกว่าวรุฒเขาไม่เหมือนพ่อของเขา’ แต่แม่ก็ยังไม่ยอมบอกวิธีการของแฟนหนุ่มของเขาอยู่ดี

พอชานนท์ตื้อมากๆเข้า แม่ของเขาก็ตอบเพียง ‘แม่ก็อยากทำเพื่อลูกบ้าง’ แค่นั้น

ทำให้ชานนท์รู้สึกอึดอัดอยากรู้ใจจะขาด

“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ เราไปเคลียร์กับแม่และมหาวิทยาลัยให้แล้ว ส่วนเรื่องทุนฯก็ไม่มีปัญหา นายยังได้ทุนเหมือนเดิม” วรุฒเขี่ยเส้นผมที่ไม่ได้จัดทรงของชานนท์ไปมาอย่างเพลิดเพลิน ในช่วงเวลาที่พวกเขาห่างกัน วรุฒรู้สึกคิดถึงทุกส่วนของชานนท์ อย่างสัมผัสกันตลอดเวลา แม้ใจอยากจะจับกดแทบตายแต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่พร้อม แค่ได้นอนกอดกันแค่นี้ก็พอใจแล้ว

“แล้ว............”  เส้นเสียงของชานนท์เหมือนถูกบีบตีบจนเส้นขาดห้วงไป แค่เขานึกถึงหน้ามาเฟียคนนั้นเขาก็กลัวจนแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลง

“หมายถึงพ่อ? ไม่ต่องกลัวหรอก ตั้งแต่วันนั้น เขาแทบจะไม่เอ่ยถึงนายเลย ขนาดแม่นายขอให้เราโทรศัพท์ไปเคลียร์กับต่อหน้าแม่นาย คนที่โหดสลัดขนาดนั้นยังได้แต่อ้ำอึ้ง สงสัยเขาพอรู้ว่าแม่นายเป็นใคร เลยยิ่งไม่กล้ายุ่ง เราแม่งโชคดีชะมัด!” วรุฒเล่ายาวด้วยความภูมิใจ

“โทรศัพท์ไปเคลียร์? เมื่อไหร่? ตอนเราป่วย? โทรไปทำไม? แม่เราเนี่ยนะ?” ชานนท์ได้ทีถามเป็นชุด
“เอาน่าๆ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราไม่อยากเล่า... เท่าไหร่?” วรุฒมีอาการขวยเขินจนผิดปกติ
“เอาเป็นว่า พ่อเรา คุณประวิทย์ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่มายุ่งวุ่นวายกับนายอีกแน่นอน!!” วรุฒรีบเปลี่ยนเรื่อง

“อะแฮ่ม!!” เสียงหญิงวัยกลางคนกระแอมที่ช่องประตูที่เปิดอ้าไว้ ทำให้วรุฒรีบขยับตัวออกห่างจากชานนท์ที่ซึ่งตอนแรกแทบจะนอนซ้อนกันอยู่

“สวัสดีครับแม่” วรุฒยิ้มเจื่อนทักทายไป
“สวัสดีแม่อีกแล้ว ไม่ต้องสวัสดีบ่อยขนาดนี้ก็ได้” แม่ชานนท์ส่ายหน้า
“อ่า...ครับ” วรุฒไม่เคยเกรงใจใครขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะเขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับชานนท์มากขนาดไหน จึงทำให้เขาประหม่าทุกครั้งที่เจอ

“แล้ว... แม่บอกแล้วใช่ไหม?” หญิงวัยกลางคนเหล่มองไปที่คนทั้งสอง
“ครับ” วรุฒขยับตัวออกห่างไปอีกเล็กน้อย
“ว่าเวลาอยู่บ้านแม่เนี่ยให้สำรวมหน่อย! ถึงแม่จะยอมเรื่องการคบกันเนี่ย แต่ก็ยังรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้เท่าไหร่นะ....ดังนั้นก็..... ช่วยสำรวมกันหน่อยนะ.....”

“ครับ!” วรุฒตอบรับหนักแน่น ทำให้ชานนท์เกือบหลุดขำดับท่าทางของวรุฒที่เขาไม่เคยเห็น ปกติคุณชายคนนี้ไม่เคยกลัวใครแม้แต่พ่อตัวเอง

“เอ..... อย่าบอกนะว่า เราผิดสัญญากับแม่ที่ให้ไว้เมื่อคราวที่แล้ว!!” แม่ของชานนท์เสียงเข้มขึ้นและชี้มาที่คนบนเตียงทั้งสอง

“มะ...ไม่ครับ ไม่นะครับ ผมให้เกียรติคำสาบานของแม่ครับ ผมแค่อยู่ด้วยกัน อย่างมากก็แค่กอดครับ!!” วรุฒลั่น

“.........” แม่ของชานนท์มองทั้งคนนิ่ง ส่วนชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากทำเป็นเอนหลังทำท่าอ่อนเพลีย เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไรเพราะเขาโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย

“ก็ดี.... งั้นลงไปกินมื้อเที่ยงได้แล้ว และก็ค่อยมาคุยกันเรื่องที่เรียนของนนท์นะลูก” แม่ของชานนท์พูดทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องไป

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 30

A little thing call happiness



“แม่ให้ลุงเสริฐช่วยเรื่องที่เรียนให้แล้ว มีให้เลือกสองที่ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่นี่แต่ก็มีมาตรฐานการสอนที่ดี แม้ไม่เท่าที่เดิม แต่อย่างลูกเรียนเก่งอยู่แล้วเรียนที่ไหนก็คงเหมือนกัน แล้วไม่กังวลนะ แม่จ่ายไหว!” แม่ของชานนท์เดินเอาแผ่นพับประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยมาวางไว้บนตักชานนท์หลังจากอาหารค่ำ

วรุฒได้แต่นิ่งเฉย และมองกระดาษสองแผ่นนั้นอย่างเงียบเชียบ

ชานนท์หยิบแผ่นพับทั้งสองแผ่นขึ้นมามองผ่านๆ สลับกับการมองหน้าวรุฒอย่างงงงวย

“ผมนึกว่า...ผมจะได้กลับไปเรียนที่เดิม?” ชานนท์โวยเล็กๆ
“แม่ตัดสินใจแล้ว... แม่อยากดูแลลูกอย่างไกล้ แม่อยากแน่ใจว่า ลูกของแม่โอเค!!” ฟังน้ำเสียงของผู้เป็นแม่แล้วทำให้ชานนท์เถียงไม่ออก เขายอมรับว่า เกือบปีที่ผ่านมา เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่หลายครา

“รุฒ... แล้วเรื่องที่เราคุยกันเมื่อกี้ล่ะ?” เรื่องที่ทั้งสองคุยกันก่อนกินข้าว ชานนท์หันไปหาแฟนของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ

“อยู่นี่ เราก็มาหาบ่อยๆ ได้” ชานนท์รู้ดีว่าแฟนหนุ่นตัวเองไม่น่าจะคิดได้แบบนี้ หรือทุกอย่างก็เพราะ... แม่ของเขา

“ค่อยๆ เลือกดูนะ สถาบันพวกนี้เปิดใหม่ สถานที่ก็สวยงาม น่าสนใจอยู่นะ” แม่ของชานนท์ขยับเข้ามาลูบศรีษะของชานนท์เหมือนปกติ

ตอนนี้ชานนท์ได้แต่มองกระดาษแผ่นพับตรงหน้า ไร้คำพูดใดๆ และไม่แม้แต่จะพลิกอ่าน

“นนท์...” วรุฒที่นั่งอยู่ข้างๆ จับหัวเข่าแฟนตัวเล็กของตัวเองอย่างเป็นห่วง เขารู้สึกความเครียดที่ปะปนอยู่ในอากาศได้

“แม่....... ผมขอโทษนะครับ” ชานนท์ยืนขึ้นเสมอแม่ของเขา และวางกระดาษแผ่นผับเหล่านั้นลงบนมือแม่เบาๆ

“เลือกได้แล้วหรือลูก? นนท์ยังไม่พลิกดูเลยนะลูก?” แม่ของชานนท์ยื่นกระดาษแผ่นพับคืนให้ชานนท์
“ไม่ครับ ผมจะเรียนที่เดิม!!” ชานนท์กล่าวเสียงเรียบในขณะที่เขาเองก็ก้มหน้าหลบสายตาที่เริ่มคุกกรุ่นของมารดาตนเอง

“ทำไม!! แกจะไปเรียนที่นั่นทำไมอีก แกยังไม่เข็ดอีกหรือไง!?!” แม่ตวาดลั่น
“แม่ไม่มีเหตุผล เรื่องเรียนแม่บอกเองว่าจะให้ผมเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง!!” ชานนท์ที่มีดวงตาแดงก่ำเริ่มมีพูดสวนมารดาตนเอง สร้างความประหลาดใจในดวงตาของแม่ของชานนท์พอสมคาร

“แล้วผลที่ได้เป็นไง ยังไงเรื่องนี้แม่ก็ไม่ยอม!!” แม่ของเขายังคงเสียงดังขึ้นอีก
“รุฒ!! ไหนบอกจะช่วยแม่อธิบายไง เรื่องที่เราสัญญากันไว้ไง!!” แม่ชานนท์หันไปหาตัวช่วยที่ตอนนี้ทำท่าอึดอัดอยู่ข้างๆ

คนหนึ่งก็แฟน คนหนึ่งก็แม่แฟน

“เอ่อ... นนท์ เราว่าครั้งนี้เชื่อแม่นายเถอะนะ” วรุฒยกมือขึ้นจับไหล่ที่เริ่มสั่นไปหมด
“นายเงียบไปเลย!!” ชานนท์หันไปดุใส่วรุฒจนเขาเอามือออกห่างจากชานนท์

“แม่ครับ!! แม่คิดอะไรน่ะ เพราะแบบนี้ใช่ไหมครับ ถึงได้ยอมให้วรุฒหลับมาคบกับผม แต่ข้อตกลงแบบนี้ มันก็ไม่ต่างกับจะให้ผมแยกกัน ห่างกัน!!”  ชานนท์กล่าวทั้งที่ตาแดงก่ำ
“แม่ทำเพื่อลูกนะ” แม่ของชานนท์กล่าวสั้นๆ
“ผมไม่เข้าใจ!” ชานนท์เสียงดังขึ้น จนวรุฒรู้สึกตกใจ
“ลูกก็รู้! แม่ไม่ต้องการให้ลูกกลับไปเจออะไรแบบนั้นอีก!!” แม่ของชานนท์เริ่มใช้อารมณ์ในน้ำเสียง
“ผมเชื่อว่าผมแข็งแรงพอ!!” ชานนท์ไม่ยอมแพ้
“แม่ไม่เชื่อ!!” แม่เสียงเข้มใส่

“นนท์.....” วรุฒสัมผัสมือของชานนท์ให้เขาใจเย็นลง
“ผมจะทำให้แม่เห็นว่าผมเข้มแข็งพอ แม่ครับ ผมขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมครับ” ชานนท์เสียงอ่อนลง และเดินไปจับมือแม่ตนเอง ชานนท์จ้องเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยคู่นั้น แม้ว่าแม่ของเขาจะมีน้ำเสียงดุดันเพียงใด แต่แววตาของเธอกลับตรงกันข้าม

“เฮ้อ........ วรุฒ... เธอชนะ แม่มองลูกตัวเองผิดไปจริงๆ” หญิงวัยกลางคนผ่อนลมหายใจและมองไปทางชายหนุ่มร่างสูงที่ยกยิ้มมุมปากอย่างมีชัย

“หมายความว่าไง?!?” คนที่งงที่สุดน่าจะเป็นชานนท์
“แม่น่ะ ใจอ่อนตั้งแต่เห็นลูกเข้าโรงพยาบาลแล้ว ส่วนวรุฒก็ทนมานั่งเฝ้าลูกทุกวันไม่หลับไม่นอน ไม่ไปไหน แม้ว่าแม่จะไม่ให้เข้าเยี่ยม เขาก็ไม่เคยไกลจากโรงพยาบาลเลย แต่เรื่องที่แม่จะปล่อยลูกกลับไปเรียนที่เดิม ยังไงแม่ก็ไม่ยอม.... วรุฒก็เลยพนันกับแม่ไว้ หากนนท์ยอมเชื่อฟังแม่ รุฒจะยอมรามือไม่ตื้อให้ลูกกลับไปกับเขา แต่หากลูกไม่ยอมอย่างถึงที่สุด แม่ก็ตัองยอม” แม่ของชานนท์เล่ายาวขณะใช้มือลูบเส้นผมที่ชี้ฟูของชานนท์

“นาย... มันคนเจ้าเลห์!!” ชานนท์หันกลับไปชี้หน้าแฟนตัวเอง ที่ยืนยิ้มดีใจอยู่ไม่ห่าง

วรุฒผู้ไม่เคยแพ้พนัน ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในช่วงป่วย วรุฒทำตัวดีมาโดยตลอด เขารู้ว่าหากเรื่องที่เขาเป็นพี่น้องกันเพราะแผนของแม่ชานนท์นั้น คงสร้างบาดแผลให้ชานนท์ไม่น้อย ชานนท์คงไม่ยอมกลับไปเจ็บปวดเช่นเดิมอีกแน่ การช่วยเยียวยาแผลใจของชานนท์ในช่วงนี้ส่งผลถึงการตัดสินใจของชานนท์แน่นอน

“นี่ทั้งสองคน!! เอาเรื่องของผมมาพนันกันเหรอเนี่ย! ใจร้ายสุดๆ ผมไม่คุยกับทั้งสองคนแล้ว!!” ชานนท์ปึงปังเดินขึ้นห้องไป

“เฮ้อ...... ไม่โตสักทีลูกคนนี้....” แม่ของชานนท์ส่ายหัวไปทางวรุฒที่ยืนยิ้มอย่างขบขำท่าทางของแฟนตัวเอง

“ยังไงแม่ก็ฝากรุฒด้วยนะ ฝากดูแลน้องด้วยนะ” แม่ของชานนท์ยิ้มไปที่วรุฒ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแม่ของชานนท์ได้เปิดใจรับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะเกรงใจลูกชายตนเอง

“ได้ครับ ผมสัญญา ผมจะดูแลน้องอย่างดี!! งั้นผมขอตัวไปดูแลน้องก่อนนะครับ!” วรุฒตอบรับเต็มเสียงและก้าวเดินยาวๆ ตามอีกฝ่ายไป

“อ้อ! แล้วอย่างที่สัญญากับแม่ด้วยนะ!! รอให้น้องอายุ 20 ก่อน!!” แม่ของชานนท์ตะโกนไล่หลังทำให้วรุฒเกือบตกบันได เพราะคำว่าดูแลในความหมายของเขาก็รวมเรื่องอย่างว่าด้วยนั่นแหละ

“ครับ!!” วรุฒตอบอย่างขอไปนี้ เพราะเขาคิดว่าเขาคงรักษาสัญญากับแม่ของชานนท์เฉพาะเมื่ออยู่ที่นี่เท่านั้น

กลับไปกรุงเทพเมื่อเขาจะจัดหนักให้หายคิดถึงเลย!!

คิดได้ดังนี้วรุฒก็ดิ่งตรงไปที่ห้องของชานนท์เพื่อไปง้อคนขี้งอนเสียหน่อย

...................

สวบสาบ

เสียงมือเรียวยาวคืบคลานในความมืดใต้ผ้าห่ม มือที่ไล่ลูบไปตามความเว้าโค้งของโคนขา ไล่ขึ้นไปถึงชายเสื้อที่ยับยู่ และค่อยๆสอดมือเย็นนั่นเข้าไปใต้เนื้อผ้า

อือ..... อา.....

เสียงคนตัวเล็กภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มฟื้นจากการอาการหลับไหลเพราะความเย็นจากปลายนิ้วมืออีกคนบนเตียง

ฝ่ายคนที่ใช้มือรุกไล่นั่น ไม่ได้พอใจแต่เพียงช่วงท้องที่เขาใช้พักมือ ความนุ่มหยุ่นเนียนนั่นทำให้ฝ่ายรุกยิ่งได้ใจไต่มือขึ้นสูงจนไปหยุดที่ตุ่มเนื้อแข็งกลางอกเพราะความเย็นของห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส

“หยุด!!” เสียงคนตัวเล็กที่นอนนิ่งอยู่ทำให้ฝ่ายรุกไล่นั้นยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ได้เกรงกลัวเสียงดุดันที่เอ่ยขึ้น

“น่านะ นนท์ เราอยาก..... นายจะแย่!!” แม้เวลาจะผ่านมาเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่คบกัน วรุฒก็ไม่เคยหยุดที่จะคิดแบบนี้กับเขาเลย ทั้งๆ ที่แม่ของเขาก็เอ่ยห้ามวรุฒไว้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

“พอเลย!! วันนี้มีเรียนแต่เช้า! แล้วเราอนุญาติไปแล้วนะ สัปดาห์นี้น่ะ!” เพราะชานนท์ยังจำสัญญาที่ตนกับวรุฒให้กับแม่ตนเองได้ว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้กันก่อนอายุ 20 ปี แต่ด้วยฮอร์โมนช่วงวัยรุ่นมันเรียกร้อง เขาเลยตกลงกับวรุฒว่าทำได้เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น

“เอาน่า .... วันนี้มันวันพิเศษนะ ขอเป็นพิเศษไม่ได้เหรอ?” วรุฒคลุกวงในมุดตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่น

“วันอะไร?” ชานนท์พยายามดันอึกฝ่ายให้ถอยออกไป

“วันนี้วันเกิดนายไง” วรุฒกระซิบข้างหู
“!?!?!” ชานนท์ตกใจตาโต เพราะเขาลืมไปเลย เพราะช่วงนี้เขามัวแต่หาสถานที่ฝึกงานในปีถัดไปอยู่ เลยทำให้ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง

“ครบ 20 แล้วนะ ดังนั้น..... เราก็ทำตามใจได้แล้วน่ะสิ”
“ไม่อาวววว.... จะถึงเวลานาฬิกาปลุกแล้ว พอเป็นไอ้เรื่องหื่นๆ นี่ตื่นเช้าเชียวนะ” ชานนท์ยื้อตัวเองให้ออกห่างจากชานนท์อย่างหนักแต่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

“เราเบื่อที่จะแค่กอด แค่จูบ สุดท้ายก็ต้องไปช่วยตัวเองให้ห้องน้ำแล้วนะ นายรู้ไหมว่า มีแฟนน่ารักนี่มันลำบากนะรู้ไหม โอ้ย! ไม่ไหวแล้ว! ขอเลยได้ไหม?” วรุฒส่งแรงไปที่มือกระชับอีกฝ่ายเข้ามาแนบอกได้สำเร็จและเริ่มใช้ริมฝีปากบดไปตามส่วนต่างๆ อย่างหิวกระหาย

“โอ้ยๆ ไม่เอา ไม่เอา” ชานนท์ฝืนตัวจนหน้าแดง น้ำตาคลอเบ้า มันรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้ นี่มันเกินไป เมื่อสองวันก่อนเขายังรู้สึกน่วมอยู่เลย หากทำตอนนี้ เขาคงเข้าเรียนรอบเช้าไม่ได้แน่ๆ เขาไม่อยากได้ของขวัญวันเกิดแบบนี้

วรุฒสังเกตเห็นหน้าผิดรูปของอีกฝ่ายจึงทำให้เขาตัดสินใจหยุดตัวเองและพลิกตัวไปนอนแผ่อยู่ที่เตียงฝั่งตนเอง แต่วรุฒน้อยกลับยังดูคึกคักกางเต็นท์อยู่ในกางเกงขาสั้น

“เฮ้อ.....” วรุฒผ่อนลมหายในอย่างหนักหน่วง เขาโทษตัวเองที่เอาอารมณ์ตนเองเป็นใหญ่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ และหงุดหงิดเมื่อทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงลงมือโดยไม่มองหน้าไม่ชอบใจของอีกฝ่ายไปแล้ว และเชื่อว่าตนเองเด็ดพอที่จะทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามได้ไม่ยาก

แต่เดี๋ยวนี้วรุฒแอบยอมรับว่า เขาใจอ่อนลงไปเยอะ เกรงใจชานนท์จนเกือบไม่เป็นตัวของตัวเอง คิดแบบนี้ยิ่งทำให้หงุดหงิดอยู่ในใจ

วรุฒรีบลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปอาบน้ำ ไปเอาน้ำเย็นๆ รดศรีษะเสียหน่อย เผื่อว่าอาการหัวร้อนและต้องการเรื่องอย่างว่าจะทุเลาลง เขาแทบไม่หันไปมองว่าชานนท์ทำหน้าอย่างไรอยู่ขณะนี้

ก็อก ก็อกก็อก

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น ขณะที่วรุฒกำลังเปิดฝักบัวให้น้ำที่ไม่ผ่านเครื่องทำน้ำอุ่นไหลรดทั้งตัว

“หือ? จะเอาอะไร?  เข้ามาสิไม่ได้ล็อกอยู่แล้ว” วรุฒเลื่อนบานกระจกกั้นพื้นที่ฝักบัวและตะโกนไปขานรับเสียงเคาะประตู

“สายแล้ว ขอเข้าไปอาบน้ำด้วยสิ” คนอีกฝากของประตูตะโกนมา
“อืม.... เอาสิ” ปากพูดแบบนั้นแต่ในใจวรุฒนั้นสบถไปสามสี่ภาษา เพราะนอกจากชานนท์จะไม่ให้แล้ว ยังจะเดินเข้ามายั่วกันอีก หากเขาทนไม่ไหวขึ้นมาจับกดคาห้องน้ำนี่จะโดนโกรธไหมเนี่ย? วรุฒคิดในใจ

เสียงประตูห้องน้ำที่ถูกผลักเข้ามา ทำให้วรุฒพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมองอีกฝ่ายที่กำลังจะเปลือยกายเข้ามาอาบน้ำด้วย เขารีบหันไปหาน้ำเย็นๆให้ของเหลวใสสะอาดราดรดใบหน้าให้คลายอาการหมกหมุ่น

“สายตรงไหน? เราตื่นก่อนนาฬิกาปลุกอีก!” วรุฒเหมือนเพิ่งนึกได้เลยหันหน้าไปหาอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาให้ห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว

“แล้ว...... เฮ้ย!!” วรุฒตกใจเสียงหลงเมื่อชานนท์ยืนอยู่ในห้องน้ำในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ด้วยอาการขวยเขิน

“อะไรเนี่ย?!?” ปากกล่าวอย่างตกใจ แต่สายตากลับจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา
“ก็มาง้อไอ้คนไม่มีความอดทนนี่ไง!! ไอ้เราก็คิดว่าจะเซอร์ไพรส์กลับตอนเย็น ดันมาขี้งอนเสียก่อน!” ชานนท์กอดอก
“หมายความว่าไง!?!” วรุฒตอบเสียงสั่น กลืนน้ำลาย

“ก็นายชอบจัดงานเซอร์ไพรส์วันเกิดเรา ปีนี้เราก็เลยจะทำเซอร์ไพรส์ตอบแทนบ้าง ชอบไหมครับ?” ชานนท์พูดจบก็หมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบ เขารู้ว่าวรุฒอยากให้เขาใส่แบบนี้ เพราะว่าเขามักเห็นวรุฒแอบดูรูปเขาตอนสมัยมัธยม แล้วก็ชมว่าน่ารักหลายครั้ง เขาเลยไปชุดชุดสมัยมัธยมมาใส่ (หลอกแม่ว่าจะจัดงานแฟนซีแล้วให้ส่งมาจากต่างจังหวัด ขอโทษครับแม่ เอามาเตรียมรอสำหรับคืนวันเกิด ช่วงนี้ชานนท์ยุ่งๆ จนเกือบลืมไปแล้ว)

“แหม่...... ไม่เห็นจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลย...” วรุฒเดินออกมาจากพื้นที่ฝักบัว แต่ดวงตาสำรวจทุกส่วนสัดของชานนท์จนชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

“เราอยากเซอร์ไพรส์นายบ้าง!”  ชานนท์เดินไปโอบคออีกฝ่ายทำให้เส้นความอดทนบางๆของวรุฒขาดผึง

วรุฒดึงอีกฝ่ายเข้าพื้นที่ฝักบัวปล่อยน้ำให้ราดรดเขาทั้งสองคน ชานนท์เนื้อตัวเสื้อผ้าเปียกปอน ปกติเขาคงโวยวายแต่ครั้งนี้เขายกให้เป็นกรณีพิเศษ

วรุฒเชยศรีษะของชานนท์ขึ้นในมุมที่องศาพอดีรับกับริมฝีปากของตนที่บดขยี้ลงมาเบื้องล่าง ริมฝีปากสีแดงชาดอ่อนๆ เหมือนผลเชอรี่ใกล้สุกที่เขาสามารถลิ้มรสได้ตลอดชีวิตของเขา มือที่เปียกชุ่มของวรุฒลูบไล้ไปทั่วเสื้อนักเรียนสีขาวกางเกงสีดำซีด ทำให้ชานนท์แอบครางออกมาในลำคอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด มือของวรุฒก็กระตุ้นความรู้สึกของชานนท์ได้เสมอ

“ให้เราถอดเสื้อผ้าออกให้ไหม?” ชานนท์ผละปากออกจากอีกฝ่ายและยื่นข้อเสนอให้ เพราะเสื้อผ้าที่ชุ่มน้ำนั้นมันทั้งหนักและติดแนบกับตัว ขยับได้ไม่ถนัด เสื้อผ้าที่เขาไม่ได้ใส่แล้วตั้งแต่จบมัธยมปีที่หก มันแน่นขึ้นมากเพราะความใส่ใจออกกำลังกายของเขาในช่วงปีที่ผ่านมา ร่างที่ผอมบางเริ่มมีกล้ามเนื้อที่ชัดเจนขึ้นมาก

ซึ่งวรุฒก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไร ชานนท์ก็คือชานนท์ จะหุ่นแบบไหนเขาก็รักชานนท์คนนี้เท่านั้น ชานนท์คนที่เขาอยากกลืนกินไปทั้งตัวและหัวใจ

“ไม่..... ใส่ไว้แบบนี้ล่ะ.... เราขอ.....” เสียงกระเซ่าสั่นเอ่ยขึ้นกลางสายน้ำที่ไหลรดทั้งตัววรุฒ
“แล้ว........ จะ.......” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงเอียงอาย จะกี่ครั้งเขาก็นังรู้สึกกระดากกับการพูดกริยาแบบนี้จากปากตรงๆ

“เออน่า! เดี๋ยวก็รู้แล้ว!!” วรุฒพูดจบก็ดันคนตัวเล็กในชุดนักเรียนคับติ้วไปติดผนังห้องน้ำ และละเลงริมฝีปากใส่ฝ่ายตรงข้ามจนไม่มีแม้แต่เสียงร้องแสดงความรู้สึก เขาอยากทำอย่างนี้กับชานนท์ในชุดนักเรียนแบบนี้มานานแล้ว วรุฒรู้สึกว่าการชานนท์เหมาะกับชุดนักเรียนที่สุด เขาจึงไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกอีกต่อไป เขาจะทำทั้งที่ชานนท์ยังอยู่ในชุดนักเรียนนี่แหละ เขาเคยคิดไว้นานแล้วว่าจะทำแบบไหน ตอนนี้เขาสมหวังแล้วและจะทำอย่างที่ตั้งใจทันที........

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

เวลาบ่ายคล้อยแสงอาทิตย์เบี่ยงลงไปทางทิศตะวันตกเล็กน้อย ชานนท์เดินหมดเรี่ยวแรงออกจากรถยนต์คันหรูที่ขับโดยแฟนหนุ่มรูปหล่อของเขา แฟนหนุ่มที่เมื่อครู่กลายร่างเป็นหมาป่าที่ขย้ำหนูน้อยหมวกแดงอย่างเขาเสียจนนึกว่า เขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักเลย

“ป่าเถื่อนเกินไปแล้วนะ!” ชานนท์บ่นขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่วรุฒเดินออกมาจากรถ ชานนท์นวดไหล่นวดเอวตัวเองและจ้องไปที่ต้นเหตุ

“นายจะบอกให้หยุดก็ได้นะ แต่นายดันไม่พูดเอง!!” วรุฒพูดด้วยสีหน้าอมยิ้มขณะเดินมาเคียงข้างชานนท์
“เราพูดได้เหรอ? กลัวว่ายิ่งพูด ยิ่งทำให้นายรุนแรงขึ้นหรือเปล่า!” ชานนท์ค้อนใส่
“เกลียดจังคนรู้ทัน!” วรุฒโอบไหล่อีกฝ่ายแน่น

“พอเลยๆ เพราะนายนี่แหละทำให้เราเข้าคาบเช้าไม่ทัน!! นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบโดดเรียน!!” ชานนท์คีบมืออีกฝ่ายออกมาจากไหล่ตนเอง
“ขอโทษนะ เวลาเครื่องเดินแล้วมันหยุดไม่อยู่น่ะ” วรุฒตื้อเดินเข้ามาโอบอีกรอบ

“โอ้ยยยยยยย นี่มันที่สาธารณะนะ ระวังกันหน่อย!!” เสียงแหลมดังแผดมาแต่ไกล เสียงที่ชานนท์รู้ทันทีว่าใครเลยรีบโดดออกห่างจากวรุฒทันที ส่วนวรุฒเส้นเลือดขึ้นขมับทันทีที่ได้ยินเสียงนี้

‘ยัยเมย์’ วรุฒคิดในใจ ‘ยัยตัวขัดทุกจังหวะ’

“เมย์ .. ทำไมเธอยังไม่ขึ้นเรียน?” ชานนท์หันไปพูดพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง นาฬิกายี่ห้อหรูที่เขาได้จากที่รักของเขาในวันครบรอบหนึ่งปี ชานนท์พยายามไม่ใส่แต่ก็ถูกอีกฝ่ายบังคับให้ใส่ตลอด
“นี่นาย.... รุฒไม่ได้บอกนายเหรอว่า...” เมย์คิ้วขมวดใส่

 อะแฮ่ม!!
วรุฒกระแอมเสียงดัง

“อ้อ... จะบอกว่ามาอะไรเอาป่านนี้ ทำไมมาสายจัง? ถึงจะเรียนเก่งแต่ไม่เข้าเรียนแบบนี้ ระวังทุนฯจะหลุดนะ!!” ยัยเมย์เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่ชานนท์จะได้มีเวลาสงสัย  ก็โดนโยนประโยคสะเทือนใจมาให้จนวรุฒค้อนใส่ยัยผู้หญิงปากเสียที่ยืนยิ้มเจือนๆ ส่งมา

เรื่องที่เขาถูกรีไทน์ไปเมื่อปีหนึ่งนั่นดูจะยังเป็นบาดแผลในจิตใจไม่เลือนหาย แม้สุดท้ายวรุฒจะสามารถแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมโดยไปขอร้องคุณแม่ของเขา แต่ชานนท์ก็ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี แม้ต้นเรื่องจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวเขาเองแต่ชานนท์ก็ยังจำความรู้สึกเคว้งคว้างตอนนั้นได้ดี

ช่วงแรกๆตอนที่กลับมาเรียนใหม่ๆ นั้น ชานนท์ค่อนข้างหวาดระแวงจนถึงขั้นไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว เขาเกาะติดวรุฒจนตัวติดกันตลอด แม้วรุฒจะชอบใจแต่ในใจก็เป็นห่วงสภาพจิตใจของชานนท์อย่างหนัก เพราะพ่อของวรุฒทำให้ชานนท์ไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักที่เดียว แม้แต่ในห้องพักส่วนตัวในคอนโดฯหรูหรา

มายด์บอกกับวรุฒว่าต้องเข้าใจชานนท์หน่อยเพราะใครเจอแบบนั้นก็ต้องหวาดระแวงเป็นธรรมดา

จนกระทั้งวันหนึ่งหลังจากที่ชานนท์กลับมาเรียนได้สักพัก พ่อของวรุฒมาดักเจอพวกเขาทั้งสองที่บริเวณลอบบี้ของคอนโดฯ  ตอนเจอครั้งแรกนั่นชานนท์ตัวเกร็งแข็งทื่อด้วยความกลัว วรุฒต้องเอาตัวเข้าบังสุดความสามารถ แต่.... ความจริงแล้ว พ่อของเขามาดักรอแม่ของชานนท์ที่จะมาเยี่ยมชานนท์ในวันนั้น

วรุฒยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์วันนั้น ในนาทีแรกที่แม่ของชานนท์เจอหน้าพ่อของเขา เธอตบหน้าพ่อของเขาสุดแรงจนเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ โดยที่พ่อของเขาไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย
“จำไว้ นี่คือฉันเอาคืนในส่วนลูกของฉัน!”  พูดจบแม่ของชานนท์ก็ตบหน้าพ่อเขาอีกฉาดใหญ่
คุณประวิทย์ผู้ยิ่งใหญ่ทำได้เพียงกล่าวขอโทษและทำหน้าสำนึกผิด
พลังของรักแรกทำให้พ่อของเขาไร้ซึ่งอำนาจกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง แม้ตอนนี้พ่อของเขาจะไม่ได้ครอบครองเธอ แต่ก็ไม่อาจบังคับจิตใจเธอได้

“อย่ามาทำลูกฉันเจ็บอีก ไม่งั้นฉันจะไม่ให้อภัยคุณแน่!!”  แม่ของชานนท์ประกาศกร้าว หลังจากนั้นก็ชักชวนลูกชายและแฟนลูกชายขึ้นไปบนห้อง โดยทิ้งให้พ่อของเขาหน้าบวมแดงช้ำและยืนสำนึกเสียใจอยู่ที่ลอบบี้

หลังจากนั้นวรุฒก็ไม่เคยเห็นพ่อของเขาเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขาและชานนท์อีกเลย วรุฒคิดว่าเขาเป็นคนโชคดีที่สุดที่แม่ของชานนท์เป็นรักแรกของพ่อของเขาและมีอิทธิพลกับพ่อของเขามากพอควร แต่ในทางกลับกัน หากเขาทำชานนท์เสียใจ เขาก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที

“ไปเรียนกันเถอะ!! วันนี้เขาเปลี่ยนที่เรียนนะรู้หรือเปล่า? ไปใช้ห้องเรียนรวมห้องใหญ่ทางปีกขวา เพราะจะมีคนจากเซ็กฯอื่นมาเรียนรวมด้วยกัน” วรุฒรีบเปลี่ยนเรื่องหลังจากนึกย้อนกลับไปก่อนที่ชานนท์จะหายจากโรคหวาดระแวง

“วันนี้แปลกนะที่นายรู้เรื่องพวกนี้ด้วย?” ชานนท์แปลกใจกับท่าทีแปลกๆของแฟนหนุ่มและเพื่อนปากมากของตนเอง
“ก็มันอยู่ในไลน์กลุ่มของเอกไง ทำไมนายไม่ได้อ่านเหรอ?” เมย์พูดแทรกขึ้นมา
“จริงเรอะ? ไหนดูหน่อย เราว่าเราไม่เคยพลาดเรื่องพวกนี้นะ!!”  ชานนท์รีบหยิบสมาร์โฟนของตนขึ้นมาดู
“รีบไปเหอะสายแล้ว” วรุฒรีบดึงมืออีกฝ่ายให้ก้าวเดิน ทำให้ชานนท์ไม่มีโอกาสได้ดูไลน์กลุ่มของเอกฯ
“ใช่ๆ” เมย์เองก็รีบสาวเท้าตามมา

ภายในห้องเรียนรวมห้องใหญ่ปีกขวานั่น คราคร่ำไปด้วยเพื่อนร่วมเอกของเขาตามปกติ ทุกคนต่างพูดคุยกันเสียงดังเหมือนเช่นปกติ ทุกอย่างเป็นเหตุการณ์เช่นทุกครั้งก่อนอาจารย์ประจำวิชาจะเดินเข้ามา

ชานนท์เดินไปนั่งที่โต๊ะแถวหน้าสุดเช่นเดิมพร้อมกับวรุฒที่วันนี้ดูกระตือรือร้นในการเข้าเรียนผิดปกติ ชานนท์นั่งทบทวนบทเรียนที่เรียนในคาบนี้จนกระทั้งเวลาผ่านไปจนเลยเวลาเรียนจนเกือบสิบนาที เพื่อนๆ ของเขาก็ยังคุยสนุกเล่นหัวกันอย่างผ่อนเช่นเดิม
“ทำไมอาจารย์มาช้าจัง” ชานนท์บ่นเสียงดังขณะมองนาฬิกาข้อมือ

“ทุกคนเงียบ!!” เสียงแผดดังลั่นห้องจนทุกคนในห้องหยุดทุกกิจกรรม แต่ที่ดังขึ้นไม่ใช่เสียงอาจารย์ เสียงที่ชานนท์คุ้นหูมากๆ

“นั่งประจำที่และก้มหน้าลงไปเลยพวกมึง!” สิ้นประโยคทุกคนในห้องดูสงบเงียบ แว่บหนึ่งก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงทำให้เขาเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าชั้นอย่างสง่าผ่าเผย

‘พี่เอก’ แต่พี่เอกไม่ใช่พี่ว๊ากนะ จะมาซ่อมพวกเขาได้ยังไง แม้ชานนท์จะคิดได้ตามนั้นแต่ก็ยังคงปฏิบัติตามอยู่ดี

“วันนี้อาจารย์งดสอน พวกกูเลยมาสอนพวกมึงเอง!!”
เสียงพี่เอกดังตวาดขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงฝีเท้าคนที่เดินเข้ามาในห้องอีกจำนวนหนึ่ง ที่คาดว่าจะเป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่จะมาซ่อมพวกเขา?

ชานนท์รีบใช้มือคว้าวรุฒไว้เพราะเขารู้ว่าแฟนตัวสูงของเขาไม่ชอบทำอะไรแบบนี้ชานนท์ไม่อยากให้เรื่องในห้องนี้จบไม่สวยเลยรีบไปคว้ามืออีกฝ่ายก่อนวรุฒจะทำอะไรไม่ดีออกไป

และวรุฒวันนี้ก็ดูเรียบร้อยดี..... ว่านอนสอนง่าย ไม่ขัดใจเขา

“วันนี้!! กูจะขอซ่อมพวกมึง โดยการให้พวกมึงร้องเพลงๆหนึ่ง ซึ่งพวกมึงรู้จักดี กูจะได้รู้ว่า!! พวกมึงจะไม่ลืม!!” เสียงตวาดเสียงนั้นดังก้องกว่าเมื่อครู่ และเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้น พร้อมกับจำนวนคนอีกจำนวนหนึ่ง ชานนท์ที่นั่งก้มหน้าอยู่นึกถึงเพลงมาร์ชของคณะฯ และกำลังเตรียมเสียงเพื่อที่จะร้องมันออกมา

“เอาล่ะ หลังจากกูให้สัญญาณและให้พวกมึงร้องออกมาพร้อมๆ กัน อย่าให้ผิดเพลงล่ะพวกมึง!! หากผิดกูจะสั่งพวกมึงวิ่งรอบสนามสิบรอบ!!” เสียงอีกเสียงหนึ่งที่คุ้นหูเช่นกันตวาดขึ้น

“สาม..... สี่....” เสียงให้สัญญาณดังขึ้นพร้อมกับที่ชานนท์แอบสบถในใจ เพราะเขาไม่ได้ร้องนานแล้ว ชานนท์กลัวเป็นตัวถ่วงเพื่อนๆ

“Happy Birthday to you.... Happy birthday to you...”

“?????!!!??” ชานนท์ตกใจเงยหน้าขี้นมาเจอพี่เอก พี่เต๋า และรุ่นพี่ที่เขาพอจะคุ้นหน้ากลุ่มหนึ่งที่หน้าห้องและบรรดาเพื่อนๆ ในชั้นของเขาต่างเดินเข้ามาล้อมวงร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขา พร้อมทั้งเค้กก้อนใหญ่ในมือของวรุฒ

“ไอ้บ้า!!” ชานนท์ร้องทักคนถือเค้กก้อนโต
“สุขสันต์วันเกิดนะ” วรุฒยิ้มอย่างเขินๆ เพราะปกติเขาไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้ต่อหน้าคนหมู่มากขนาดนี้

ชานนท์รับรู้ได้ถึงความขัดเขินของอีกฝ่ายและยิ้มออกมาในที่สุด เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฉลองโอกาสพิเศษกับเพื่อนๆของเขา เพราะปกติวรุฒมักจะมีเซอร์ไพรส์โดยการจัดมื้อค่ำที่มีเฉพาะแค่พวกเขาสองคนมาโดยตลอด จนกระทั้งครั้งล่าสุด ชานนท์เผลอบ่นว่าอยากฉลองร่วมกับเพื่อนๆ ใจหนึ่งเขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เพราะวรุฒไม่ชอบให้คนอื่นมองเห็นมุมอ่อนโยนที่ปฏิบัติกับชานนท์คนเดียวเท่านั้น ไม่ชอบให้คนอื่นตัดสินอะไรเขาไม่ว่าวรุฒจะทำอะไรกับชานนท์

แต่..... ครั้งนี้วรุฒยอมแหกกฏตัวเองเพื่อเขา ความจริง... ชานนท์ขอแค่นี้.... แค่นี้เท่านั้น เขาไม่ต้องการของขวัญแสนแพงอะไร เขาเพียงอยากให้ทุกคนได้เห็นว่าวรุฒที่แสนเย็นชาคนนั้น ความจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา วรุฒเป็นคนอย่างไร และอยากให้ทุกคนหายห่วงและอยากให้ทุกได้เห็นว่าตัวเขาเองภูมิใจแค่ไหนที่ได้มีวรุฒเป็นแฟน

ฟู่....

ชานนท์หลับตาอธิฐาน และเป่าเทียนจำนวนหนึ่งบนเค้กก้อนโตให้ดับลง น้ำในตาที่เอ่อล้นค่อยๆ ไหลงมาอย่างไม่รู้ตัว ชานนท์รู้สึกตื้นตันที่วรุฒยอมทำอะไรเพื่อเขาขนาดนี้

“ไม่ต้องกังวลนะ ความจริงวันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสน่ะ แต่วรุฒเสนอไอเดียให้ทำเซอร์ไพรส์นาย เป็นไง? เซอร์ไพรส์ไหม?” ยัยเมย์ถลาเข้าอธิบาย

“สุดๆเลย” ชานนท์ปาดหยดน้ำที่แก้มออก

หมับ!!

วรุฒคว้าคอชานนท์เข้ามาสวมกอดไว้
“อะไรกัน ทำไมทำหน้าไม่ดีใจเลย” วรุฒก้มลงพูดใส่กลุ่มผมที่หอมแชมพูยี่ห้อเดียวกับเขา
“ดีใจสิ ไม่คิดว่านายจะทำอะไรแบบนี้ มันดีกว่าของขวัญราคาแพงอีกนะ!!” ชานนท์พูดใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวช่วงอกของอีกฝ่าย

“พวกมึงกลับห้องกันก่อนไหม?” เต๋าพูดแซวทำหน้าเหมือนเหม็นกลิ่นอะไรสักอย่าง
“เต๋า...” พี่เอกมองไปทางพี่เต๋าทำเสียงเข้มลากยาว
“เออๆ กูก็แค่จะบอกว่า รีบออกจากห้องเถอะ ขออาจารย์ไว้นิดเดียว จะได้ไปต่อที่ร้านกู ป่านนี้มายด์กับไอ้พัฒน์นั่งรอจนเบื่อแล้ว!!” เต๋าพูดอธิบายก่อนจะเดินหายไป

พี่เอกได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็อมยิ้มกับท่าทางของอีกฝ่ายและเดินตามออกไป

ชานนท์ชำเลืองมองตามทั้งสองคนที่เดินหายออกไปจากห้อง สองคนนั่นแม้สถานะจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็เปิดเผยมากขึ้น ไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น แม้จะชอบทะเลาะกัน แต่ก็เหมือนสามีภรรยาทะเลาะกันมากกว่าที่จะทะเลาะกันเพราะเกลียด

ยัยเมย์ยังคงตามเกาะติดข่าวสองคนนี้อย่างต่อเนื่องและลุ้นให้เปิดตัวกันเสียที เธอถึงขั้นตั้งเพจในเฟซบุ๊ค เล่าเรื่องสองคนนี้ทุกวันจนได้รับความนิยมระดับประเทศ

“ไป! พวกเราไปกัน!!” ยัยเมย์ตะโกนเรียกคนทั้งชั้นไปฉลองกันต่อ และทุกคนในชั้นก็เฮกันลั่น และแห่ตามยัยเมย์ออกไป เหลือเพียงชานนท์และวรุฒที่ยืนกอดกันอย่างหลวมๆ

“ไปกันเลยไหม?” วรุฒ เดินนำออกไปและยื่นมือมาชวนอีกฝ่าย ฝ่ามือใหญ่หยาบแผ่มาถึงด้านหน้าชานนท์ เขายิ้มและยื่นมือไปสวมสอดมือใหญ่ที่ยื่นมา
“ไปสิ” ชานนท์ยิ้มรับและเดินตามคนด้านหน้าที่พาเขาเดินออกไปจากห้อง.
ชานนท์มองคนตัวสูงใหญ่ที่เดินนำอยู่ด้านหน้าอย่างมีความสุข ภาพแผ่นหลังกว้างและดูอบอุ่นทำให้ชานนท์นึกย้อนไปตั้งแต่พวกเขาได้พบกัน อยู่ร่วมกัน ฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกันมาถึงปัจจุบัน เขาพบว่ามันมีค่ามากและโชคดีมากๆ ที่ชะตาทำให้พวกเขาได้มาเจอกัน

ชานนท์คิดได้ก็วิ่งไปโผกอดคนด้านหน้า ที่ยิ้มรับเขาและยอมให้เขาโอบกอดโดนไม่ระแวดระวังตัว สายตาที่วรุฒส่งให้ทำให้ชานนท์คิดได้แค่เพียง อยากอยู่กับคนๆนี้ ไม่ว่าเขาคนนี้จะอยู่ที่ไหน ทุกอย่างที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าชานนท์รักผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน และจะไม่จากกันตลอดไป

....................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
จบลงไปแล้วนะครับ
โห..... ยาวนานมากๆ เลย ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะแต่งอะไรยาวนานเป็นปีได้ขนาดนี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่2 ที่ตัวเองแต่งเเป็นรื่องยาว โดนดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นที่ตัวเองเขียนเก็บไว้เมื่อสามปีก่อนครับ
ตัวละครเพิ่มขึ้นเยอะเลย หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติที่เกิดขึ้นจากในหัวตัวเองล้วนๆครับ ไม่มีจริงเลยทั้งสถานที่และบุคคลครับ
ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามอ่านครับ เพราะใจจริงก็แต่อยากลองเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกไม่คิดว่าจะมีคนตามอ่านเยอะขนาดนี้ ผิดคาดมาก 555555

จริง ผมเขียนตอนพิเศษของ เต๋า กับ เอก เสร็จแล้ว เลยว่าจะเอามาให้ลองอ่านเร็วๆนี้ครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะครับ

ส้งนเรื่องใหม่ผมน่างพลอตไว้แล้วครับ น่าจะลงมือเขียนเร็วๆนี่ หวังว่าจะมีคนอยากอ่าน ใจจริงอยากเขียนนิยายที่มันดูสบายๆ เบาสมองดูบ้างแต่พอร่างไปร่างมา อ้าว! ดราม่าซะงั้น 55555

จะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปครับ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทส่งท้ายตอนพิเศษ

เรื่องรักๆ ที่ยังคงลับๆ


ติ๊ดๆๆๆ

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่แสดงถึงปลายสายที่ไม่ว่าง สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้เอกพอสมควร เขาวางโทรศัพท์มือถือลงที่โต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด

เอกผ่อนลมหายใจออกยาวๆ เพื่อไล่ความรำคาญใจออกจากหัว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาติดต่อคนที่ปลายสายแล้วเจอสายที่ไม่ว่างแบบนี้ คนที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจได้เสมอๆ

เอกนั่งมองที่มุมขวาล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานขนาด 200x80 เซ็นติเมตรในคอกสี่เหลี่ยมของออฟฟิศซึ่งครอบครัวเขาเป็นเจ้าของกิจการ

11:05 am

ตัวเลขที่ทำให้เขารู้สึกร้อนใจ วันนี้เขาขอหัวหน้าของเขาลาครึ่งวันเนื่องจากมีภาระกิจสำคัญที่มหาวิทยาลัย

“จะไปก่อนก็ได้นะพี่อนุญาติ” เสียงของหัวหน้าเอกดังขึ้นที่ด้านข้างคอกทำงานของเขา
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมออกไปตอนเที่ยงก็ทัน” เอกยิ้มรับ
“ตามใจนะ” เจ้านายของเขาพูดจบก็เดินจากไป ปล่อยให้เอกเปลี่ยนสีหน้าเป็นหงุดหงิดเมื่อมองเห็นตัวเลขบอกเวลาที่เดินมาจากเดิมอีกหนึ่งนาที

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมอนาคตเจ้าของกิจการอย่างเขาถึงต้องมาฝึกงานในบริษัทของครอบครัวตัวเองด้วย มันเป็นเรื่องปกติของครอบครัวเขาที่จะให้ทุกคนเรียนรู้งานจากอันดับล่างสุด และต้องโดนบังคับมาฝึกงานที่บริษัทของตนเองทุกคน (แม้หัวหน้าเขาจะเกรงใจเขามากก็ตาม)

ขณะที่เขานั่งมองงานตนเองบนหน้าจอคอมพิวเตอร์สลับกับตัวเลขนาฬิกาบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของเขา เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เอกยกหูขึ้นมาตอบรับทันที

“เอ่อ...กูเอง โทษว่ะ ช่วงนี้ช่วงอินเทิร์นงานโคตรเยอะเลยว่ะ” อนาคตทันตแพทย์เอ่ยผ่านสายโทรศัพท์เสียงอ่อย
“งานเยอะหรือหลงทางอยู่ในปาร์ตี้ที่บ้านวะ!” เอกตอบกลับด้วยเสียงอันแข็งกร้าว เพราะเขารู้ว่าบ้านของอีกฝ่ายเป็นสายปาร์ตี้ตั้งแต่พ่อยันไปถึงน้องสาว

“มึงก็รู้ว่ากูก็อยากเรียนให้จบทันเพื่อนไหมวะ อีกอยากกูก็ลดไปเยอะแล้วตั้งแต่.....” เสียงที่ปลายสายค่อยลดหายไป
“ตั้งแต่อะไร?!?” เสียงเอกถามสวนขึ้นทันที
“เออ! เชี้ยเอ้ย มึงก็รู้นะ!!” อนาคตทันตแพทย์หนุ่มตัวเล็กโวยวายด้วยน้ำเสียงขัดๆ

เอกยิ้มใส่โทรศัพท์ทันทีเพราะกำลังนึกถึงหน้าของปลายสายเวลาหน้าแดงอยู่

“กูจะไปรู้กับมึงไหมครับ” เอกยิ้มและแหย่ปลายสายอีกรอบ
“เชี้ย!! แม่งเอ้ย! ก็ตั้งแต่.... กูติดอยู่กับมึงนั่นไง!! ไอ้สัด พอใจหรือยัง!?!!” เสียงปลายสายโวยลั่นจนดังออกมานอกโทรศัพท์ สร้างรอยยิ้มให้เอกจนเขาลืมเรื่องที่คนที่โทรศัพท์มาติดต่อมาสายกว่ากำหนดการ
“มึงแม่งก็มีมุมน่ารักไม่น้อยนะ” เอกหยอกใส่อีกฝ่าย
“...... เชี้ย...... สัด! แม่ง..... โอ้ย สรุปเอาไง วันนี้กูจะบอกว่ากูไปได้นะ“ เอกพยายามนั่งนึกหน้าคนที่ปลายสายอีกทางหนึ่งอย่างสะใจ ไอ้เต๋ามันคงทำตัวไม่ถูกเลยเวลาเจอเขาหยอดแบบนี้

“เออ! แล้วจะให้กูไปรับไหม?” เอกถาม
“เอาดิ กูเหนื่อยจะแย่ ขับเองน่าจะไม่ไหว ไม่อยากไปเฝ้าพระอินทร์.....วันนี้เจอแต่เคสแปลกๆ อาจารย์หมอก็ท้าทายกูจังเลย กูคิดผิดใช่ไหมเนี่ยที่มาเรียนทันตแพทย์เนี่ย!”
เต๋าบ่นด้วยถ้อยคำปกติ

“เออ! เดี๋ยวกูไปรับที่โรงพยาบาลนะ”
“ขอบใจ”

จบบทสนทนาเอกก็วางสายทันที ใบหน้าที่หงุดหงิดเมื่อครู่กลายเป็นอดีตอันไกลโพ้น เค้าหน้าเอกเหลือแต่เพียงความเบิกบานยิ้มกริ่มและเดินออกจากแผนกทันที

ช่วงหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ต่างคนต่างติดกับซึ่งกันและกัน ทำให้เอกและเต๋าดูอ่อนโยนต่อกันมากขึ้น แต่เรื่องบนเตียงเท่านั้นที่ยังดุดันกันเช่นเดิม

ทั้งสองคนไม่เคยใช้คำว่าคบกันเลยสักครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานะที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้คืออะไร แต่จากที่ผ่านมาก็ไม่มีใครบ่นกับความสัมพันธ์แบบนี้เลย ทั้งสองคนก็ยังคบกันแบบนี้อยู่ แม้ว่าจะมีเรื่องรำคาญใจอย่างเพจในเฟซบุ๊คอย่าง “เอกเต๋าหรือเต๋าเอก” ที่คอยรายงานการพบเจอของพวกเขาเป็นระยะๆ รวมถึงการแต่งเรื่องสั้นเกี่ยวกับพวกเขาต่างๆ นานา จนน่าจะเอาไปรวมเล่มขายได้ แต่รู้สึกว่าจะมีแต่ฉาก18+ นะ

น้องเมย์เจ้าของเพจก็ไม่คิดว่าเพจนี้จะได้รับความนิยมขนาดนี้ เธอถึงขั้นมาขออนุญาตเอกในการขอนำเรื่องราวต่างๆ ที่สร้างสุขให้ประชากรวายให้มีความสุขต่อไป เพราะเพจนี้ทำให้ชีวิตส่วนตัวของเอกกับเต๋าเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะในส่วนเรื่องสั้นที่นับวันจะติดเรทจนเมย์ต้องคัดออกบ้าง

สำหรับตัวเขาเองไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้ เอกเป็นพวกไม่ค่อยสนใจพวกโซเชี่ยลเท่าไหร่ แต่เต๋านี่สิอีกเรื่องและนั่นก็เป็นเหตุให้เมย์ต้องมาขอร้องเอกอีกเรื่องคือ ช่วยไปคุยกับเต๋าให้หน่อย เพราะยิ่งนับวันความเป็นคนตัวเล็กของเต๋าทำให้คนส่วนใหญ่ต่างทึกทักไปว่าเต๋าน่าจะทำหน้าที่เมียบนเตียงแน่ๆ เมย์เลยคิดว่าเจ้าพ่อโซเชี่ยลอย่างเต๋าน่าจะกำลังไม่พอใจอยู่แน่ๆ เมย์กลัวโดนปิดเพจถาวร

เอกนั่งยิ้มกริ่มขณะนั่งอ่านเรื่องสั้นบางตอนของเพจขณะจอดรถรอทันตแพทย์หนุ่มหน้าโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง

ปึง!!

“เป็นบ้าอะไรวะ! ยิ้มกับโทรศัพท์อยู่ได้ คนที่ก้าวเข้ามานั่งพร้อมเสียงปิดประตูรถถามด้วยสีหน้าขุ่นมัว
“หึงเหรอ?”  อีกฝ่ายลดโทรศัพท์ตนเองลงพร้อมสาดยิ้มใส่อีกคนที่ขึ้นรถมา
“หึงพ่อง!! แล้วเล่นอะไรอยู่ คุยกับเด็ก?” อนาคตทันตแพทย์ตัวเล็กทำสีหน้าหงุดหงิด
“กูน่ะไม่ใช่มึงนะ ถึงกูจะเฟรนด์ลี่ แต่ก็ไม่ง่ายกับทุกคนนะ” เอกสวนกลับไปทันที
“เดี๋ยวนี้กูก็ไม่เป็นแบบนั้นแล้วป่าววะ” เต๋าตอบเสียงขัดๆ
“แต่ก็มีบ้างละ ใช่ไหม?”
“กูก็พยายามแล้วไหม?”
“พยายามเพื่อกู?”
“กูอยากเรียนให้จบโว้ย ลำพังเรียนกับฝึกงานกูก็จะตายอยู่แล้ว!!”
“อ๋อเหรอ?” หน้าเอกมีอาการอมยิ้มแบบปิดไม่อยู่ เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะบอกแบบนั้น แต่เวลาที่เอกอยากเจอ เต๋าก็มักจะมาหามาทำกิจกรรมร่วมกันเสมอ ไม่ว่าเต๋าจะยุ่งแค่ไหนก็สามารถปลีกตัวมาหากันได้ รวมถึงเอกเองก็แวะมาหามาดูแลเต๋าอยู่เรื่อยๆ โดยที่เต๋าก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร บางครั้งเอกก็มาจัดให้ถึงโรงพยาบาล ซึ่งเนื้อหาใกลเคียงกับเรื่องสั้นที่เขากำลังอ่านอยู่เมื่อครู่เลย

เอกมองเรือนร่างอีกฝ่ายในชุดเครื่องแบบสีขาวด้วยท่าทางกรุ่มกริ่ม พาลนึกไปถึงเนื้อหาในนิยายที่ส่วนใหญ่จะเขียนถึงเต๋าให้ดูมีภาพนุ่มนิ่มอ่อนโยนและเป็นฝ่ายรับเสียส่วนใหญ่

“มองเชี้ยอะไร เมื่อไหร่จะออกรถสักทีเดี๋ยวก็ไปสายหรอก!” เต๋าขู่ฟอด ท่าทางเหมือนแมวดุๆ มากกว่าเสือที่ดุร้ายน่ากลัว แววตาเต๋าเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ

“ไม่มีอะไร....ก็แค่นึกถึงเรื่องสั้นที่แฟนคลับพวกเราเขียนให้ มันมีฉากหนึ่งที่ตรงกับวันนี้เลย.... ชายตัวเล็กสวมเครื่องแบบสีขาวเรียบร้อยในหุ่นที่เพียวบาง.......” สายตาของเอกสอดส่องไปทั่งร่างของอีกฝ่าย

“ไร้สาระ!!” เต๋าตอบมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เฮ้ย!! มึงไม่โกรธเหรอ? ที่มีคนเอามึงไปเขียนอะไรแบบนี้ และนี่ดูสิ คนมาคอมเม้นต์หลักพันเลยนะมึง!!” เอกยื่นหน้าจอโทรศัพท์ไปให้เต๋าดู แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ
“ก็ดี.... คลายเครียดดี” เต๋าตอบเสียงเรียบ
“อ้าว! นี่มึงอ่านแล้ว!!” เอกถามสวนด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เออ... มันก็โอเค กูชินแล้วกับเรื่องพวกนี้ ช่างมันเถอะ” เอกรู้สึกผิดคาดกับเต๋า เขาคิดว่าเต๋าจะโวยเรื่องพวกนี้เสียอีก แต่กลับนิ่งเฉยกว่าที่คิด เอกอมยิ้มกับภาพที่เห็น

“ดีนะที่มึงเอารถยนต์มารับ จะให้กูนั่งบิ้กไบค์คันโปรดมึงวันนี้กูว่าไม่รอด กูได้หลับในตกรถตายแน่ๆ งั้นกูของีบก่อนนะ” เต๋าบ่นงึมงำก่อนจะเอนเบาะรถ BMW คันใหญ่ลงไปนอนหลับตา
“ก็เออสิครับ กูห่วงมึงนะครับ กลัวตัวเองเป็นฆาตกร...... อ้าวเฮ้ย กรนใส่กู สัด!!” เอกพูดจบก็ออกรถทันที ด้วยอาการอมยิ้มเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งหลับเพราะคนนอนหลับที่ไหนจะมีหน้าสีเลือดฝาดได้ขนาดนั้น

.............


หลังจากจบพิธีรวมตัวไปเซอร์ไพรส์วันเกิดที่ห้องเรียนของน้องชายสุดที่รักอย่างชานนท์  ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกันเดินทางไปร้านของเต๋าที่ปิดจองไว้สำหรับปาร์ตี้นี้โดยเฉพาะ

เอกรอเต๋าที่ไปทักทายเพื่อนรุ่นเดียวกันในห้องก่อนเดินทาง

เอกยอมรับว่าเขาเองค่อนข้างหวั่นไหวเวลาที่เต๋าอยู่ใกล้ๆ น้องนนท์ เพราะเต๋าเองก็เหมือนกับตัวเขาที่หลงไหลความน่ารักใสซื่อของนนท์ เขาแอบยอมรับว่าเต๋าอาจจะมีอาการตัดใจไม่ขาดเมื่อต้องใกล้ชิดนนท์ เขารู้ดีว่าเต๋าไม่เคยเกรงกลัวแฟนตัวยักษ์ของน้องนนท์เลย (ได้ข่าวว่าเคยจะปะทะกันหลายครั้งเพราะนนท์ด้วย) แต่งานเซอร์ไพรส์เล็กๆนี่ก็แสดงให้เห็นว่าเต๋ารักษาระยะได้ดีจนเอกแอบโล่งใจ

สำหรับเอกนั้นเขาตัดใจกับนนท์มาได้นานแล้ว แต่กับเต๋าเขาไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันเหมือนเพื่อนกันมันส์ดีมากกว่า แม้ทั้งสองจะไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตนเลยระหว่างสองปีที่ผ่านมา

ชานนท์ยังคงยิ้มสดใสเหมือนเช่นเคย เขาแอบยอมรับว่าเขายังชอบรอยยิ้มนั่นเสมอแม้จะตัดใจได้แล้วก็ตาม

“เฮ้ย!! ชอบว่าแต่กูมึงเองก็ไม่ต่างจากกูหรอกนะ”
เต๋าเดินมาขวางคลองสายตาที่ทอดยาวไปหาคนตัวเล็กหน้าเด็กยิ้มสดใส
“กูแค่.... มองเฉยๆ ไหม? น้องมันน่ารัก” เอกยิ้มมุมปาก
“ใช่! น้องมันน่ารัก แต่มันมีเจ้าของแล้วนะ มึงเป็นคนบอกกูเอง บอกอยู่ทุกวันด้วย!!” เต๋าคิ้วขมวดใส่

“ขอบคุณนะครับ” คนตัวเล็กที่ทั้งสองคนแอบมองอยู่เดินกึ่งวิ่งมาทักทาย
“จริงๆ พี่ก็อยากขอบคุณนนท์นะ” เอกยิ้มให้อีกฝ่ายตาหยี
“ขอบคุณอะไรครับ?” นนท์ทำสีหน้าสงสัยกับประโยคของรุ่นพี่ตัวเอง
‘ก็ขอบคุณที่ทำให้พี่ได้มาเจอของดีๆแบบนี้ไง’ เอกคิดในใจพลองมองคนตัวเล็กอีกคนที่คิ้วชนกันยู่อยู่กลางหน้าผาก

ชานนท์มองตามสายตาของรุ่นพี่ตนเองจนบรรจบที่คนตัวเล็กอีกคนที่ส่งยิ้มเขินๆ ให้เขาเมื่อเขาเดินมาถึงก็รับรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร (ก็เคยแอบอยู่เป็นพยานรักกับพวกนี้มาตั้งหลายรอบ ทั้งที่โดยตั้งใจโดยยัยเมย์ลากไป ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจอีกหลายหน สองคนนี้หากไม่ได้สนิทกับทั้งสองคนคงมองไม่ออกว่าทั้งสองคนแอบแสดงออกถึงความรักให้กันบ่อยๆ แม้ปากจะไม่เคยพูดกันดีๆเลยสักเท่าไหร่)

“ขอบคุณพี่เต๋านะครับที่เอื้อเฟื้อสถานที่” ชานนท์กล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรคนกันเอง พี่ทำให้น้องนนท์ได้อยู่แล้ว” ชานนท์ยิ้มตอบกลับเต๋าและเหล่มองรุ่นพี่หน้าตี๋ที่ตอนนี้จ้องเต๋าเขม็ง

ชานนท์รู้จากวรุฒเมื่อครู่ว่าเอกอาสาจะหาสถานที่เลี้ยงฉลองเอง แต่กลับกลายเป็นว่าได้สถานที่เป็นร้านที่พี่เต๋าเป็นหุ้นส่วน เอกคงมีวิธีไปเจรจากับพี่เต๋าที่ดีพอควรถึงได้ปิดร้านเลี้ยงฉลองได้ทั้งร้านขนาดนี้

“แล้วพวกพี่ไปกันยังไง ผมฝากเพื่อนบางคนกับพี่ได้ไหมครับพี่เต๋า” ชานนท์ร้องขอและชี้ไปทางเพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ยืนเก้ๆกังๆ อยู่ไม่ไกล

“พี่ไม่ได้เอารถมา” เต๋าตอบด้วยเสียงที่เหมือนไร้น้ำหนัก
“อ้าว! แล้วพี่มายังไง” ชานนท์ประหลาดใจที่คนที่รักการขับรถอย่างเต๋าจะไม่เอาของตัวเองมา
“ก็มันเหนื่อย พี่เลยแวะไปรับ ไหนๆก็ช่วยเรื่องสถานที่แล้ว” เอกแทรกขึ้นมา
“ขับจากสาทรมาถึงชานเมืองแถบนี้เนี้ยนะครับ!! แล้วพี่เต๋าไม่ยิ่งเหนื่อยเหรอต้องซ้อนบิ้กไบค์พี่มาเนี่ย?” ชานนท์ทำเสียงตกใจ

“พี่เอารถยนต์มา” เอกพูดเสียงเรียบ

“โอเค.....” คราวนี้คำตอบก็สร้างความประหลาดใจแก่ชานนท์อีกรอกเพราะคนที่ชอบเอาหน้าปะทะลมอย่างพี่เอกกลับยอมขับรถยนต์มารีบพี่เต๋า การสนทนาครั้งนี้ทำให้ชานนท์หุบยิ้มไม่ได้

“งั้น...ผมไม่รบกวนแล้วครับ เจอกันที่ร้านนะครับ เดี๋ยวไปขอคนอื่นต่อ” ชานนท์ยิ้มและโบกมือลา
“มึงนี่ก็ประหลาดนะ รถคันตั้งใหญ่ทำไมไม่ชวนน้องๆ ไปด้วยวะ” เต๋าแทรกขึ้นมาหลังจากชานนท์หันหลังไป
“ก็กูอยากไปกับมึงแค่สองคน” เอกสบตาอีกฝ่ายด้วยการยกยิ้มมุมปาก
“มึงนี่ทำตัวประหลาดขึ้นทุกวัน ไอ้เชี้ย! ไปได้แล้ว!!” เต๋าว่าอีกฝ่ายจบก็หันเดินจากไปด้วยหูอันแดงก่ำทั้งสองหู

..............

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
so good...

ตอนท้าย พาหลงไปกับ เหตุการณ์ ที่ แม่ทั้ง 2 ฝ่าย สร้างขึ้น
ยังคิดอยู่ว่า จะแก้เกมส์อย่างไร แต่สรุป เราคิดไม่ทันเหมือน ชานนท์เลย ..555
ดีใจมาก ที่ Happy ending...

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :mew1: :katai2-1: :bye2:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ปาร์ตี้อวยพรวันเกิดที่จัดขึ้นโดยเจ้าพ่อแห่งวงการปาร์ตี้อย่างเต๋าไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ทั้งอาหารเครื่องดื่มที่จัดเต็มอย่างไม่มีอั้นจากร้านอาหารชื่อดังที่ยกครัวมาเสิร์ฟแบบไม่มีหยุดพัก แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือการจ้างพริตตี้บอย พริตตี้เกิร์ล มาเป็นพนักงานเสริฟในชุดพ่อบ้านและแม่บ้านอย่างเต็มยศ สร้างควาฮือฮาให้กับแขกที่มาร่วมงานอย่างมาก

แต่คนที่ไม่มีความสุขที่สุดน่าจะเป็นวรุฒที่ต้องคอยกันท่าให้แฟนเนื้อหอมของตัวเอง เพราะสองปีที่ผ่านมาชานนท์เติบโตได้น่ารัก น่าเอ็นดูขึ้นมาก ชานนท์ไม่เคยหยุดดูแลตัวเองเลยทำให้หนุ่มๆพริตตี้บอยต่างพาตัวเองเข้ามาเสิร์ฟขนมจีบไม่หยุดหย่อน แต่ชานนท์ก็คือชานนท์ ยังทำตัวไร้เดียวสากับเรื่องของตัวเองเหมือนเคย ไม่ได้ระวังตัวว่าจะมีใครเข้าแอบจีบแอบจับต้องความน่ารักของตัวเอง วรุฒจึงได้แต่ปั้นหน้ายักษ์กันท่าทุกคนที่เข้ามา ชานนท์สนุกสนานกับเพื่อนๆ แบบสุดตัวส่วนวรุฒก็ทำตัวหึงกันท่าอย่างสุดพลังเช่นกัน

ภาพเหล่านี้สร้างความขบขันให้เอกพอสมควร เขาไม่เคยเบื่อเลยที่จะมองความรักของคนสองคนนี้เลย

“มองแบบนี้!! ไอ้รุฒได้เดินมาควักลูกตามึงสักวัน!” เต๋าเดินมาทางด้านหลังคนที่กำลังซดเครื่องดื่มสีชาในน้ำแข็งพลางมองคู่รุฒ-นนท์อย่างขบขัน

“มันน่ะไม่ทำอะไรกูหรอก เพราะกูไม่เคยทำอะไรกับน้องมันเกินคำว่าพี่น้อง กูว่ามึงต่างหากที่ควรจะต้องโดน!!” เอกเหล่มองคนตัวเล็กกว่าที่มองไปทางเดียวกัน
“มีมึงกันกูอยู่ทุกทางแบบนี้ จนกูเลิกพยายามแล้วเนี่ย!!” เต๋าประชดกลับ
“ให้มันจริงเถอะ!!” เอกสวนกลับ

“กูไม่ยุ่งกับมึงแล้ว วันนี้กูบอกให้พวกตัวแทนส่งตัวเด็ดๆ มาทั้งนั้น กูไปสำรวจตลาดหน่อยดีกว่า!!” เต๋าพูดพลางกวาดสายตาไปทั้งงานไปทุกจุดที่มีคนในชุดพ่อบ่านแม่บ้านทำงานเป็นพนักงานที่เสริฟทั้งอาหาร เครื่องดื่มและความบันเทิงอยู่
เต๋าพูดจบก็เดินออกจาคู่สนทนาทันทีที่สายตาปักหมุดไปถึง

“เฮ้ย!! เป็นไง? ไม่เจอกันตั้งนาน” เสียงไม่คุ้นหูทักขึ้นมาทางคนหน้าตี๋ตัวสูง เต๋าถึงกับหันหาต้นเสียง

 “ขอบคุณนะที่อุตส่าห์ชวนมางานเลี้ยงแบบนี้ โคตรเด็ดอ่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาดี ดวงตากลมโต ส่วนสูงกำลังดีแต่เตี้ยกว่าเอกอยู่มือหนึ่ง (แต่ก็สูงกว่าเต๋า) 

“ช่วงนี้เห็นบ่นเครียดฉิบหาย จะได้ผ่อนคลายบ้างไง!!” เอกพูดกับคนมาใหม่อย่างสนิทสนม เต๋ามองไปที่ดวงตากลมโตคู่นั้นด้วยความคุ้นเคย แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอคนๆ นี้ที่ไหน

“งานใครว่ะ?” ชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยถามพลางกวาดตามองไปทั่วจนกระทั่งไปหยุดที่เต๋าซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลและแอบมองมาทางนี้อย่างไม่ละสายตา
“งานรุ่นน้องกู แฟนน้องมันอยากจะเซอร์ไพรส์น่ะ แต่ที่เห็นงานมันเด็ดแบบนี้ ไม่ใช่กูจัดแน่นอน!” เอกตอบพลางยื่นเครื่องดื่มแก้วใหม่ให้เพื่อน

“กูก็พอเดาได้ว่าไม่ใช่มึง พอดีกูเหลือบไปเจอคนจัดพอดี” เพื่อนของเอกรับแก้วที่เต็ มไปด้วยน้ำพั้นซ์กลิ่นแรงฉุนเพราะวอคก้า

“เฮ้ย!! มึงจะรู้ดีไปแล้ว!!” เอกพูดจบก็ยกแก้วตนเองยื่นไปชนกับแก้วของผู้มาใหม่
“เชี้ย! งานแบบนี้ คุ้นสัด!! กูว่าเป็นไอ้เตี้ยเจ้าพ่อปาร์ตี้คนนั้น!!” พูดพลางใช้แก้วเชิดไปทางเต๋า
“รู้ดี รู้เยอะ” เอกยิ้มกึ่งหัวเราะ
“ก็นะ มึงก็รู้ กูก็สายปาร์ตี้!!” อีกคนยกแก้วขึ้นดื่มจนน้ำสีส้มปนชมพูหมดไปจากก้นแก้ว
“เดี๋ยวนะ ไอ้ปอ!! มึงเรียนหมอ! มึงจะปาร์ตี้เหมือนเดิมไม่ได้!!” เอกพูดไปพลางยกมือไปกอดคออีกฝ่าย
“นั่นแหละ ฉายากู เฮียปอ หมอโฉดสายปาร์ตี้!! เอ้าเติมสิมึงรออะไร!!” คนเป็นหมออนาคตไกลยื่นแก้วเปล่าส่งให้เพื่อน

............

เสียงเฮฮาโหวกแหวกดังมาไม่ขาดสายจากวงสนทนาของเอกและผู้มาใหม่ พวกเขากอดคอ หยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สร้างความสงสัยกับเต๋าที่แอบมองมาตลอดเพราะคนที่เอกพูดคุยอย่างสนิทสนมและร่วมวงดื่มกินอย่างสนุกสนานถึงเนื้อถึงตัวคนนี้ เต๋ากลับไม่เคยเห็นเลยในช่วงสองปีที่เต๋าและเอกแอบใกล้ชิดกัน

คนที่ตัวสูงเกือบเท่ากับเอก ผมทรงอันเดอร์คัทไถข้างจนสั้นกุด ท่าทางมีเสน่ห์พูดเก่งและเสียงดัง น่าจะเป็นสายปาร์ตี้เหมือนเขาแต่เขากลับไม่คุ้นกับลักษณะท่าทางที่เห็นเลย อาจเพราะช่วงปีที่ผ่านมาเรียนหนักจนว่างเว้นปาร์ตี้ไปจนไม่ทันพวกคนรุ่นใหม่เสียแล้ว

เต๋ามองจ้องอยู่พักใหญ่ สายตาก็ดันไปชนกับสายตาอีกฝ่าย เต๋าส่งยิ้มทักทายไปให้ แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่เห็นและหันไปกอดคอเอกอย่างแนบชิด พร้อมซบหน้าลงบนซอกคอและบดริมฝีปากไปที่ต้นคออย่างตั้งใจ

ส่วนเอกนั่นตอนนี้จดจ่ออยู่กับเกมทายไพ่บนมือของสาวเสิร์ฟในชุดแม่บ้านที่ตอนนี้เหลือเสื้อผ้าอยู่น้อยชิ้นแล้วเลยไม่ได้สนใจอีกฝ่ายที่ล่วงเกินตัวเองอยู่เท่าไหร่

ภาพนั่นทำให้เอกมีอาการไหววูบที่ช่วงอก เขารู้สึกไม่ชอบภาพที่เห็นตรงหน้าเลย ลมหายใจมันดูกระชั้นถี่ มันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับภาพที่เห็น แต่มันกลับเป็นความรู้สึกหงุดหงิดโมโหจนเขาอยากจะขว้างแก้วขนาดเล็กที่บรรจุวอคก้ารสร้อนแรงสีใสใส่ภาพที่เห็น

เต๋าทำได้แค่กระดกแก้วนั่นให้น้ำรสร้อนไหลผ่านลำคอจนหมด

“เติมอีกไหมครับ?” ชายหนุ่มหน้าหวานในชุดพ่อบ้านสีดำคลับเดินมารับแก้วที่ว่างเปล่าบนมือเล็กๆของเต๋า

เต๋าวาดสายตาอันขุ่นมัวร้อนแรงไปที่ผู้มาใหม่ เต๋ายกมือขึ้นไปคว้าขวดเหล้าสีใสมารินใส่ปากอย่างกับคนกระหายน้ำในทะเลทราย แต่นี่มันเหล้าจึงทำให้กลิ่นฉุนระเหยไปทั่วบริเวณ จนบริกรชายหน้าหวานรีบเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกเต๋าตวาดกลับมาอย่างดุร้าย บริกรหน้าหวานเลยทำได้แค่ถอยห่างออกไป

‘ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรวะ!!’ เต๋าคิดในใจอย่างหงุดหงิด ที่ผ่านมาใช่ว่าเขาไม่เคยลองชวนบุคคลที่สามเข้ามาร่วมวงความสัมพันธ์ด้วย แต่กับไอ้คนนี้มันมีอะไรพิเศษที่อธิบายไม่ได้อยู่

จุ๊บ!

“เดี๋ยวนะ” เอกพูดออกมาอย่างตกใจ
“มึงชวนกูมาไม่ใช่ว่าต้องการแบบนี้เหรอวะ?” ปอมีถ้อยคำที่มีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ปนอยู่จำนวนไม่น้อยพร้อมแนบหน้าตัวเองลงไปที่ต้นคออีกฝ่าย

“กูไม่เคยพูด!! มึงเมาแล้ว” เอกแม้จะมีคำพูดเชิงปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าถอยห่างออกจากอีกฝ่าย เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเซล้มหัวฟาดพื้น
“กูเคยอ่อนต่อโลกนะเว้ย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ที่มึงชวนกูมาแล้วบอกว่ามีบางอย่างจะขอร้อง กูก็ทำให้มึงแล้วไง!!” ปอวางแก้วเปล่าลงที่บาร์ด้านข้างและใช้มือที่เย็นเปียกบีบหน้าอีกฝ่ายให้หันมา

“อะไร! กูยังไม่ได้ขออะไรมึงรู้ได้ไง?!?” เอกพูดขึ้นขณะพวกเขาสบตากันในระยะประชิด กลิ่นลมหายใจที่ปะปนไปด้วยเครื่องดื่มมึนเมาสารพัดชนิดโชยออกกระทบจมูกของเอกอย่างจัง ทำให้รู้ว่าเพื่อนเขาคนนี้สติอาจจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

“เดี๋ยวก็รู้!! ว่ากูเดาถูกไหม?” อนาคตหมอหน้าตาดีดันศรีษะตัวเองขึ้นไปจนกระทั้งริมฝีปากปะทะกันอย่างหนักหน่วง มือทั้งสองของปอโอบรอบศรีษะของเอกจนไม่สามารถหลบหนีได้ ภาพตรงนี้สร้างความฮือฮาให้คนทั้งปาร์ตี้จำนวนไม่น้อย และคนที่มีสีกน้าตกใจมากที่สุดไม่ใช่ใคร คนๆนั้นคือเต๋า ที่ยืนตัวแข็งและถือแก้วไวน์ที่เพิ่งรับมาแทบไม่อยู่

รสชาติฝาดปนเปรี้ยวของน้ำเมาผสมน้ำผลไม้ผสมอยู่กับลิ้นที่สอดใส่เข้าไปในโพลงปากที่เปียกชุ่ม รสชาติที่เอกเคยถวิลหาจากคนๆนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดแบบนั้นอีกแล้ว เอกทั้งตกใจกึ่งยินดีที่ในที่สุดรสชาติที่เขาอยากได้ก็ได้สัมผัสกับมันเสียที

“เป็นไงดีไหม? ประสบการณ์ของกูทำให้ใครก็ปฏิเสธกูไม่ได้ รวมถึงมึงด้วย!!” ปอพูดจบ เขาก็หันไปมองทางเต๋าพร้อมยิ้มอย่างมีชัย รอยลักยิ้มที่มีเสน่ห์เผยให้เห็นชัดเจน รวมถึงการขยิบตาที่ใครก็ต้องร้องทักว่าน่ารัก

รอยยิ้มที่ถูกส่งมาที่เต๋า ภาพนั้นได้ไปกระตุ้นความทรงจำที่เขาลืมไปแล้ว พอนึกได้เท้าของเต๋าก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาแทบไม่มีเวลาไตร่ตรองเลย ไม่รับรู้เลยว่าตัวเองกำลังขาดสติอยู่

“มึงทำอะไร!!” เต๋ากระชากมืออีกฝ่ายออกมาจากการโอบเอวของเอกอยู่ ใบหน้าของนักศึกษาแพทย์ที่อยู่แนบกับวงหน้าของเอก หันมากระตุกยิ้มอย่างสะใจใส่คนที่ตั้งคำถามใส่เขา

“เอาล่ะโว้ย! ไอ้คนใจหมาอย่างมึงก็มีโมเม้นต์แบบนี้เหมือนกันหรือวะ!!”  ปอกล่าวพร้อมสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งไป

“........” เอกกลับนิ่งเฉยกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า

“มึงจะมาเอาคืนกูใช่ไหม?!?!” เต๋ามีสีหน้าเกรี้ยวกราด

“โอ้ย!! คนอย่างผมจะไปทำอะไรคนอย่างคุณเต๋าที่สูงส่งได้!!” ปอยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนยั่วโมโหอีกฝ่าย เท่านั้นไม่พอปอยังทำเป็นไม่สนใจเต๋าและหันกลับไปโอบเอวของเอกพร้อมอีกมือก็ประคองหน้าเอกมาพร้อมที่จะสานต่อจูบเมื่อครู่

“กูยังคุยกับมึงไม่จบ!! และก็เลิกยุ่งกับแฟนกูได้แล้ว!!”  เต๋าพูดพลางใช้มือดึงอีกฝ่ายพร้อมอีกมือหนึ่งวาดหมัดที่กำแน่นไปที่เป้าหมายที่กำลังเซมาใส่หมัดของเขา

เพียงแต่เสี้ยววินาทีที่ทุกคนต่างฮือฮาสังเกตเห็นคนในปาร์ตี้กำลังจะมีเรื่องกัน คนที่ถูกคว้าคอเสื้อดึงให้เซไปทางด้านหลังกลับทรงตัวได้ ใช้แขนกันหมัดที่วิ่งตรงมาใส่ใบหน้าตัวเองได้สำเร็จและใช้หมัดของตัวเองสวนไปหน้าของอีกฝ่าย

“เฮ้ย!!” เอกร้องเสียงหลงรีบวิ่งไปหาคนตัวเล็กที่โดนหมัดฮุกเข้าเต็มหน้าจนถลาถอยไปเสียหลักล้มลงไปกับพื้น

พลั่ก!!

เสียงคนตัวเล็กล้มไปกับพื้น เต๋าพยายามทรงตัวกลับขึ้นมาในสภาพมึนงงแต่ด้วยความไม่ตั้งตัวเลยใช้เวลาตั้งสตินานกว่าปกติ

“เป็นอะไรมากไหม?” เอกวิ่งมาถึงก็รีบไปประคองอีกฝ่ายทันที
“อืม.....” คนตัวเล็กตอบกลับมาด้วยเสียงอันมึนตึง
“เฮ้ย!! ไอ้เชี้ยปอ!! มึงหนักมือไปหรือเปล่า!!” เอกตวาดใส่เพื่อน
“เชี้ย!! แม่งโคตรเจ็บ!! หน้าแม่งโคตรแข็ง  ไอ้เอก มึงบอกกูเองว่ากูป้องกันตัวได้ กูก็ป้องกันตัวไง!! แต่แม่งก็สะใจฉิบหาย โอเค!! กูฝันไว้แค่นี้ พี่เต๋าเราหายกันแล้วนะ!!” ปอลูบคลำมือที่ใช้ต่อยคนตัวเล็ก มือที่แดงกล่ำไปหมด

“ไอ้เชี้ยเอ้ย!!” เต๋าตัวขึ้นชี้หน้าด่าและพร้อมที่จะบวกกับอีกฝ่ายอีกรอบแต่โชคดีที่เอกรั้งไว้ทัน

“กูฝึกมาเพื่อการนี้เลยนะ จังหวะสวนกลับแบบนี้!! ขอบคุณนะเอก ขอบใจมาก กูไปแล้วนะ นัดแฟนไว้!! มึงได้สิ่งที่ต้องการแล้วนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า”นักศึกษาแพทย์ทำท่าชกกลางอากาศ และโบกมือลาเพื่อนตัวเองและเดินกลืนหายไปในฝูงชนปาร์ตี้ที่ทำตัวเป็นไทยมุงที่ดี

“หมายความว่าไง? ที่เพื่อนมึงพูด!?!” เต๋ากระชากตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดอีกฝ่ายที่เข้าทางด้านหลังอย่างง่ายดาย เต๋าหันหน้ามาเผชิญกับเอกที่อมยิ้มเหมือนคนบ้าพลางเช็ดคราบเลือดซึมที่ปาก

“ก็การยอมรับจากมึงไง!!” เอกยังคงอมยิ้มเหมือนคนได้ชัยชนะ
“ยอมรับเรื่อง?” เต๋าคว้านำ้แข็งจากแก้วของเอกมาประคบ

“มึงนึกถึงสิ่งที่มึงพูดเมื้อกี้ดูดีๆ” เอกใช้นิ้วดีดหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ
“เชี้ย!!” ภาพพร้อมเสียงที่เขาพุ่งเข้าใส่นักศึกษาแพทย์ย้อนเข้าในความคิด พร้อมหน้าที่แดงกล่ำ

“อีกเรื่องนะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ มึงยอมให้ไอ้ปอมันต่อยใช่ไหม? ไอ้อ่อนอย่างมัน กูว่ามึงหลบหมัดมันได้สบาย” เอกเดินมาขนาบข้างพร้อมโอบไหล่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“มึงรู้ได้ไง?” เต๋าพูดเสียงอ้อมแอ้ม
“กูคือคนที่ต่อยตีกับมึงบ่อยที่สุดแล้วทำไมจะไม่รู้ กูรู้ทุกเรื่องของแฟนตัวเองอยู่แล้ว!!” เอกส่งสายตาอย่างพึงใจไปที่คนตัวเล็ก

“ใครแฟนมึง!!” เต๋าสวนกลับเสียงแข็ง
“มึงไง มึงพูดเอง!” เอกยียวน
“..........” เต๋าแอบก้มหน้าอมยิ้มเงียบภายใต้อ้อมกอดอีกฝ่าย
“ว่าแต่... ทำไมมึงยอมให้มันต่อยวะ หรือว่า...” เอกทำหน้าสงสัย
“เออ! กูจำมันได้! ก็รอยยิ้มแบบนั้นในความทรงจำกูก็มีมันคนเดียว เพราะรอยยิ้มแบบนั้น กูเลยขอมันเดท แล้วก็รอยยิ้มแบบมีแผนของมึงด้วย มันทำให้กูรู้ว่ากูหลงกลมึงแล้ว!! ส่วนที่กูยอมให้มันต่อยเนี่ย กูถือว่าจะได้หายกัน ที่กูทิ้งมันไปตอนนั้นมันคงเจ็บมาก” เต๋าเล่ายาว

“เออ กูยอมรับก็ได้ว่ากูขอให้มันช่วย เอาเข้าจริงกูก็กลัวนะ กลัวมันจะมาฆ่ามึงตายต่อหน้ากู เพราะตอนนั้นมันแค้นมึงมาก ถึงกับเสียผู้เสียคนไปเลย กว่าจะกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้ก็นานอยู่ โชคดีที่มันบอกว่ามันมีแฟนใหม่แล้ว มันเลิกคิดมากเรื่องมึงแล้ว แต่ขอสักหมัดให้หายเจ็บใจก็ดี แล้วมันก็ยอมตกลงกับแผนการนี้แต่มันยอมในแบบของมันนะ!! คิดไว้แล้วเชียว เจ็บมากไหมวะเนี่ย?” เอกมองดูรอยช้ำที่แก้มของอีกฝ่าย

“โหยพี่! เอิกเกริกเลย ไหนว่าจะมีเซอร์ไพรส์นิดเดียวไง ทำไมมีวางมวยกันด้วยล่ะ” ชานนท์โผล่พรวดออกจากวงล้อมพร้อมแฟนหน้ายักษ์

“โทษทีนะไอ้น้อง พี่เองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องขนาดนี้!” เอกยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงขอโทษ

“แล้วเป็นไงบ้างพี่?” ชานนท์ยิ้มเพราะเห็นคนทั้งสองประคองกอดกันอย่างหลวมๆต่อหน้าคนหมู่มาก

“ชัดเจนเลย ตะโกนบอกสถานะให้รู้ทั้งร้านเลย!” เอกชูนิ้วโป้งชี้ขึ้นฟ้าด้วยใบหน้ายินดี
“มึงนี่แม่ง!!” เต๋าศอกใส่อีกฝ่ายด้วยความเขิน ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาเจอเหตุการณ์น่าอายอย่างนี้
“อย่าอายสิ มึงทำท่าอายแบบนี้ แม่ง... ทำเอากูเขินไปด้วยเลย” เอกจับอีกฝ่ายหนึ่งแน่น แม้ว่ายังจะเจ็บช่วงเชิงกรานที่โดนเหลี่ยศอกกระแทกเข้าให้เต็มแรง

“ว่าแต่พี่เต๋า.....” ชานนท์มองเต๋าพลางพยักหน้าส่งสายตาแปลกๆ เป็นเชิงส่งสัญญาณไปที่เต๋า

“เออๆ เอามันตรงนี้แหละ ถือว่าเอาคืนมันบ้าง!!” เต๋าพยักหน้าพร้อมทำหน้าหน่ายๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“รุฒครับ” ชานนท์มองหน้าแฟนตัวสูงของตน ที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับ พร้อมผ่อนลมหายใจยาว

เสียงปรบมือดังๆ สองทีพร้อมกับการกล่าววาจาดุจจ่าฝูงสิงโตคำรามลั่น ซึ่งทำให้ทั้งร้านเงียบสงบทันที

กลุ่มบริกรบางส่วนหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว และเพียงชั่วอึดใจก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งร้านต่างๆ นานา ที่สามารถประกอบจัดฉากด้านหลังที่เต๋าและเอกยืนอยู่ด้วยลูกโป่งและดอกไม้อย่างรวดเร็ว

เสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้องไปทั่ว บิ้กไบค์ Ducati รุ่นใหม่ล่าสุดขับเข้าจอดไม่ไกลจากทั้งสองคน พร้อมคนขับซึ่งเป็นหนึ่งในบริกรได้นำกุญแจรถมาใส่มือเต๋า

“เอ้า!! เอาไป!!” เต๋าเอ่ยขึ้นเสียงกร้าว
“เฮ้ย!! เอาจริงป่ะเนี่ย เนื่องในโอกาสอะไรวะ!” เอกรับไว้อย่างงงๆ ปนตื่นเต้นดีใจ บิ้กไบค์คันที่เขาใฝ่ฝันมันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
“กูไม่ได้ให้!” เต๋ากล่าวเสียงขุ่น
“อะไรวะ?!?” เอกหน้านิ่วด้วยความงง
“กูอยากให้มึงไว้ขับให้กูนั่ง!” เต๋าหน้าเริ่มมีสีเลือด
“มึงไม่ชอบไม่ใช่เหรอวะ!?” เอกยังคงงง
“กูหมายถึงขับให้กูนั่งคนเดียว คนเดียวเท่านั้น!!” เต๋าทำเสียงจริงจัง

“โห! ไอ้ควายมาขนาดนี้ มึงยังไม่รู้อีก มันขอมึงเป็นแฟนมันไง ให้กุญแจรถขนาดนี้ก็เหมือนตีตรามึงแล้ว เห็นแล้วกูรำคาญตารำคาญใจ พวกมึงบอกรักกันธรรมดาๆไม่ได้หรือไงวะ!!” วรุฒระเบิดอธิบายด้วยความรำคาญ

เอกกับเต๋าได้แต่หลบหน้ากันเพราะตอนนี้ทั้งร้านส่งเสียงฮือฮาด้วยความอิจฉา

“ไปนั่งฉลองวันเกิดกับเพื่อนต่อเถอะนนท์ ปล่อยพวกมันไว้ตรงนั้นแหละ” วรุฒลากแฟนตัวเล็กที่ทำท่าตื่นเต้นกับเหตุตรงหน้า ชานนท์พยายามฝืนแต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

“เชี้ย....... กูกะจะให้มึงเขินอายแต่ตอนนี้กลับเป็นกูที่เขินอายกว่ามึงอีก!!” เอกมีสีหน้าประหนึ่งผลมะเขือเทศสุกปลั่ง

“กูก็กะว่าจะให้มึงเซอร์ไพรส์ไม่ทันตั้งตัวแต่ตัวเองดันโดนเสียก่อน..... ถือว่าหายกันก็แล้วกัน..... แล้วว่าไง? กูยอมหน้าด้านมาขอขนาดนี้แล้ว... จะเอาหรือไม่เอา?” เต๋ามีสีของใบหน้าไม่ต่างกันมาก รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก เขาไม่เคยใส่ใจใครเท่านี้เลย พูดพลางยื่นกุญแจบิ้กไบค์ให้อีกฝ่าย

“ได้แต่มึงต้องสวมนี่ด้วย!!” เอกคว้ามือทั้งพวงกุญแจบิ๊กไบค์นั้นไปพร้อมดึงมืออีกฝ่ายใกล้ตัว
“อะไรของมึงเนี่ย ดึงเสียแรง!!” เต๋าหลักเล็กน้อย และรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างที่นิ้วนาง
“สวมเอาไว้และอย่าทำหายล่ะ!!!” เอกยักคิ้วให้เต๋าในระยะประชิด
เต๋ามองนิ้วมือตัวเองด้วยความประหลาดใจ
“แหวนสวยนะ แต่” เพชรเม็ดน้อยๆ หนึ่งเม็ดที่บรรจงสลักลงบนแหวนทองคำขาว ที่มีลวดลายลูกเต๋าสลักอยู่ข้างเพชร กระทบแสงไฟเห็นเด่นชัดบนนิ้วนางขอเต๋า

“แต่อะไร! นี่สั่งทำพิเศษเลยนะ ไม่สวยหรือไง?” เอกนิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำว่า ‘แต่’
“มันสวย กูชอบ แต่นี่มันมือขวา!” เต๋าชูมือข้างที่มีแหวนประดับอยู่
“เออว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เอกหัวเราะกลบเกลื่อน พร้อมยื่นมือไปเปลี่ยนแหวนสลับมือเป็นข้างซ้าย

หลังจากยิ้มให้กันอย่างขัดเขินอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เอกและเต๋าก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าพวกเขาอยู่ท่ามกลางสายตาของคนหลายสิบคนในร้านที่จัดปาร์ตี้ กิจกรรมของเขาทั้งสองคนสะกดสายตาคนเกือบครึ่งร้าน ให้หันมามอง มีทั้งสายตาตื้นตัน สายตาอิจฉา สายตาประหลาดใจปนๆกันไป ทั้งหมดสร้างความอึดอัดให้คู่รักที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเอิกเกริกมากพอควร

แต่คนที่กรี๊ดจนแทบจะเป็นลมคือ ยัยเมย์ ที่ตอนนี้พูดได้แต่ โหย.....โหยยยยย

“ไป! ไปขี่รถเล่นกันดีกว่า!!” เอกยึดตัวตรงและจับมืออีกฝ่ายให้ลุกตาม
“ไปไหน?” เต๋าทำสีหน้าสงสัย
“ไปเรื่อยๆ เจอที่ไหนดีๆ ก็นอนที่นั้น แล้วเราค่อยไปสวีทกันต่อ!!” เอกขึ้นคล่อมบิ้กไบค์คันใหม่พร้อมยื่นหมวกกันน็อคที่ห้อยติดท้ายรถให้คนรักของเขา

“ไอ้สัด คิดเป็นอยู่ไม่กี่เรื่องนะเนี่ย อย่าไกลนะพรุ่งนี้กูต้องเข้าเวรแต่เช้า” เต๋าบ่นอุบอิบแต่ก็รับหมวกกันน็อคมาสวมแต่โดยดี และกระโดดขึ้นไปซ้อนท้าย

“ชอบไหมล่ะ?” เอกสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงดังฮึมๆ ไพเราะหูจนเอกอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

“ไม่ชอบแล้วกูจะโดดซ้อนท้ายมาแบบนี้ไหมล่ะ!!” เต๋าพูดพลางกอดเอวคนด้านหน้าแน่น แล้วเครื่องยนต์สองล้อก็พาทั่งสองเคลื่อนออกไปจากร้านไปไกล

............................

จบ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ในที่สุดตอนพิเศษที่ตั้งใจว่าจะทำเป็นเรื่องยาวก็จบลง
แต่กลัวจะเบื่อกันเสียก่อนเลยข้ามไปตอนจบเลยก็แล้วกัน
คู่นี้เราก็ชอบไม่แพ้คู่เอกครับ และระหว่างสองปีที่หายไป พวกเขาก็มีประสบการณ์ร่วมกันเยอะเลย
แต่เราก็อยากเขียนเรื่องอื่นแล้วล่ะ มันก็เลยทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ 55555
ไว้พบกันใหม่ครับ

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
อ่านจนจบแล้วครับ สนุกมาก

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ออฟไลน์ Freezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โคตรน่ารักเลยครับ เรื่องนี้ ชอบมากๆๆ

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด