พิมพ์หน้านี้ - Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Shonennihon ที่ 02-09-2018 09:36:01

หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 02-09-2018 09:36:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 02-09-2018 09:36:35
Love tangled

รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด


บทนำ

ตึกๆๆ

เสียงหัวใจผมเต้นระรัวตอนใช้นิ้วเคาะเม้าส์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในห้องตัวเอง เพื่อคลิ๊กเปิดลิ้งค์เวปประกาศผลสอบคัดเลือกเพื่อรับทุนการศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำแห่งหนึ่ง ย่านชานเมืองหลวงของประเทศ แม้มหาวิทยาลัยนี้จะมีอายุเข้าสู่วัยรุ่นเท่านั้น แต่ก็ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในเรื่องคุณภาพการเรียนการสอน หลักสูตรที่ทันสมัย อาจารย์คุณภาพ งานวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ และวิทยาการในการสอนที่ทันสมัย และอื่นๆ อีกมากมายที่ผมได้ทำการศึกษามากกว่าหนึ่งปี จนกลายมาเป็น มหาวิทยาลัยในฝันของผม แต่เนื่องจากค่าเทอมที่แพงชนิดที่ครอบครัวระดับกลางของผมที่มีคุณแม่เลี้ยงดูเพียงคนเดียว ไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายค่าเทอมเป็นแน่ ผมจึงใช้ช่องทางการสอบชิงทุนการศึกษาที่ทางมหาวิทยาลัยนี้จัดสอบทุกปีเพื่อคัดเอาหัวกะทิแต่ขาดทุนทรัพย์เข้าไปเรียนเพื่อช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยอีกวิธีหนึ่ง

ผมเลื่อนดูรายชื่อคณะต่างๆ เพื่อหาคณะที่ผมเลือกไว้ด้วยความตื่นเต้น ความจริงผมไม่ควรจะกลัวเลยเพราะผมมั่นใจว่าผมทำข้อสอบได้เกือบเต็มแน่นอน เพราะผลการเรียนของผมไม่เคยต่ำกว่าท้อปไฟว์ (top 5) ของโรงเรียนเลย เรียกผมว่าเด็กเนิร์ดได้เลย (ถึงไม่รู้เรื่องผลการเรียนของผมก็สังเกตจากรูปร่างผอมบาง หน้าตาธรรมดาๆ และแว่นกลมหนาๆ เป็นเครื่องยืนยันได้)

คลิ๊ก!

ผมกดนิ้วไปที่เม้าส์เพื่อเลือกคณะที่ผมเลือกไว้ ‘คณะวิศวกรรมศาสตร์’ ผมแอบหลับตาขณะที่ลูกศรบนหน้าจอเปลี่ยนรูปร่างเป็นทรงกลมและวิ่งหมุนไปเรื่อยๆ เพียงอึดใจผมก็ลืมตาขึ้นมาดูรายชื่อขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ มันมีเพียง 10 รายชื่อเท่านั้น ไล่ตามวิชาเอกที่ผู้สมัครสอบเลือก หนึ่งคนต่อหนึ่งวิชาเลือกเท่านั้นที่จะได้ทุนเรียนตลอด 4 ปี ซึ่งจะทำใหัผมหมดกังวลเรื่องแม่ที่จะต้องหาเงินมาใช้จ่ายค่าเล่าเรียนของผม ผมไม่อยากให้แม่ต้องทนลำบากเพราะผมอีกแล้ว อย่างน้อยการสอบชิงทุนคราวนี้ส่วนหนึ่งก็ด้วยเหตุผลนี้ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง........

“เฮ้ย!!!!”

ผมอุทานออกมาขณะที่สายตาผมไปจับอยู่ที่ชื่อตัวเองบนหน้าจอ

‘ภาควิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ - นาย ชานนท์ เมธีพิมล’

“ไชโย!!!” ผมร้องสุดเสียงในห้องของตัวเองในบ่ายวันหยุดที่ร้อนระอุ ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ผมสอบเข้าที่นี่ได้แล้ว ความอุสาหะตลอด 6 ปีในช่วงมัธยมของผม ในที่สุดผมก็ได้รับสิ่งตอบแทนกับการอดทนอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน ทั้งเข้าเรียนพิเศษอีกหลายสถาบัน ในที่สุดผมก็จะได้ไปอยู่ไกลแม่สักครั้ง !!

ใช่ครับ!! ห่างจากแม่สักหน่อย ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกครับ เพราะมหาวิทยาลัยนี้ใันอยู่ในชานเมืองกรุงเทพ และบังคับให้เด็กปีหนึ่งและปีสองอยู่ที่หอพักภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทำให้นักศึกษาได้ใช้ชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่

 อย่าเข้าใจผิดนะครับ ไม่ใช่ว่าแม่ผมเป็นคนใจร้ายอะไรหรอกนะครับ แค่ผมอยากไปใช้ชีวิตข้างนอกดูบ้าง และที่สำคัญ ‘ชีวิตรัก’ ผมอยากมีความรักกับเขาสักครั้ง คงไม่มีใครเข้าใจผมหรอกกับการโดนพูดกรอกหูทุกวัน ว่ามันไม่เหมาะสม มันจะทำให้เสียการเรียน!! แต่ผมว่าหากผมยังทำให้ผลการเรียนดีอยู่ได้ แม่น่าจะยินดีกับผมหากผมสามารถบริหารเวลาจนทำให้ความรักและการเรียนไปด้วยกันได้ดี

ผมรู้สึกอิจฉาเพื่อนร่วมชั้นตลอดเวลาเพราะแค่มัธยมปลายทุกคนก็ได้ควงสาวกันแล้ว แต่ผมนี่สิ อยู่กับตำราเรียนตลอดเวลา คราวนี้ล่ะ!!  สวัสดีความรัก!!  อวยพรให้ผมเจอความรักด้วยนะครับ

.............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 1.1)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-09-2018 11:38:10

บทที่1

Little first step

ชายร่างเล็กกำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกือบจะเท่าตัวเขาไปตามทางบาทวิถีที่ขรุขระและกว้างกว่ากระเป๋าที่เขาลากอยู่เพียงเล็กน้อย ด้วยแดดยามบ่ายแก่ๆ ที่ผ่อนแสงลงมามากทำให้อากาศแถวนี้ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังทำให้ชายร่างเล็กมีเหงื่อซึมอยู่ประปรายรอบๆ วงหน้าและมีเหงื่อซึมออกมาบ้างตามเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวตัดฟ้าที่เขาสวมใส่

“เฮ้อ!!!” ชายร่างเล็กผ่อนลมหายใจพร้อมลากเสียงยาวๆ ออกมาหลังจากหยุดฝีเท้าลง
“ไม่น่าหลงทางเลยเรา ไม่คิดเลยว่าหอพักนักศึกษามันจะมีหลายที่!!”  เขาบ่นอุบอิบกับตัวเองในขณะที่สายตาของเขามองทอดยาวไปตามถนนที่ไกลออกไปสุดสายตา เขามองเห็นตึกสีเทาอมม่วงวางอยู่ที่ริมขอบถนนตรงหน้าที่ไกลออกไปหลายก้าว เขากะประมาณจากขาของเขาแล้ว เขาคิดว่าเขาคงต้องเดินอีกหลายนาที หรืออาจเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายที่เขามองอยู่ คงต้องโทษความโง่ของตัวเองที่คิดว่าเดินไหวจากแผนที่ที่ทางมหาวิทยาลัยให้มา

ย้อนกลับไปสักสิบนาทีก่อน....... เขานั่งแท็กซี่จากสถานีขนส่งกรุงเทพเพื่อมาเข้าหอพักมหาวิทยาลัยตามที่มีจดหมายนัดหมายให้มารายงานตัวเพื่อเข้าอาศัยที่หอพัก แต่แท็กซี่ดันพาหลงทางไปหอพักทางปีกตะวันออกซึ่งเป็นของคณะทันตแพทย์ ส่วนหอพักของเขานั้นอยู่ทางปีกเหนือใกล้กับทางเข้าออกของมหาวิทยาลัย ด้วยความใหม่กับที่นี่ กว่าจะรู้ตัวว่าหลงทาง เขาก็เดินเข้าไปรายงานตัวที่ห้องอำนวยการของตึก (ที่ผิด) เสียแล้ว และด้วยความตระหนี่ของเขาเอง ทำให้มองว่าแผนที่มันไม่ได้ไกลจึงตัดสินใจเดินเท้าแทนที่จะหารถรับจ้างนั่งมา สุดท้ายเลยต้องมายืนหอบอยู่ตรงจุดนี้

ชายร่างเล็กยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมือ ที่แสดงตัวเลข 3:20 น. โชคดีที่หอพักให้เวลาถึง 4 โมงเย็นในการเข้าไปติดต่อ ‘แต่คงต้องเร่งฝีเท้าเสียแล้ว’ เขาคิด ร้องเท้าผ้าใบคู่ใหม่ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อทำให้เขาคิดถึงคนที่ซื้อให้คือแม่ของเขา ที่เขามาเสียสายขนาดนี้ก็ต้องโทษแม่ของเขาด้วยที่ถ่วงเวลาจนเขาออกเดินทางช้ากว่ากำหนดมาก กว่าจะมาถึงนี่ก็เกือบจะไม่ทันเวลาเสียแล้ว

ขณะที่เขากำลังใช้พลังในการก้าวขาเพื่อลากกระเป๋าเดินทางให้เคลื่อนไปข้างหน้า สายลมหอบใหญ่พร้อมเสียงเครื่องยนต์ดังวูบผ่านตัวเขาไปด้วยความเร็วที่เขาคิดว่าไม่น่าจะขับบนถนนที่แคบขนาดนี้ ด้วยความที่มีขนาดตัวบางเบาและความอ่อนล้าของขาที่ลากกระเป๋าใบใหญ่มาร่วมหลายกิโลเมตร ทำให้เขาถึงกับเซไปตามแรงลมที่กระชากไปด้านหน้า

“เหวอ.......” ชายตัวเล็กร้องเสียงหลงพร้อมกับการก้าวเท้าถี่ไปทางด้านหน้า จนเขาเผลอปล่อยด้ามจับยาวของกระเป๋าที่เขาลากมา หลังจากตั้งหลักได้รถคันนั้นก็ไปไกลจนมองไม่เห็นเสียแล้ว เขาจับได้แค่สีของรถที่หางตาว่าเป็นสีแดงและขนาดไม่ใหญ่มาก ‘น่าจะเป็นรถสปอร์ต ไอ้บ้าที่ไหนมันขับรถในมหาวิทยาลัยได้เร็วขนาดนี้วะ!!’ เขาแอบคิดเสียงดังจนเกือบสบถออกมา

ตึง!!!

กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในสภาพไร้ที่พึ่งพิงจากการจับของเขาก็ฟาดลงมานอนขนานกันพื้นเสียงลั่น

“เชี้ย!!!” เขาสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ เขานึกถึงกรอบรูปของแม่ที่เขาอุตส่าห์แอบนำติดตัวมาจะพังไหมเนี่ย? เขาคิดในใจ

“เป็นอะไรไหมคะ?” เสียงหวานๆ จากทางด้านหลังขณะที่เขากำลังก้มคว้ากระเป๋าตัวเองให้ตั้งตรง ทำให้ชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อย เขาหันไปตามต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวผมยาวรูปร่างบอบบาง ส่วนสูงไล่เลี่ยกับเขาในชุดดระโปรงสั้นเสื้อยืดสีชมพูอ่อน ส่งยิ้มมาให้เขา ด้วยความไม่แน่ใจว่าสาวน้อยน่ารักตรงหน้าจะพูดกับตนเอง เขาถึงกับหันหน้ารอบทิศทางเพื่อดูว่ามีใครอยู่บริเวณเดียวกับเขาหรือไม่?

ว่างเปล่า! หญิงสาวหน้าตาสะสวย ตาโตผิวขาวคนนี้คุยกับเขาอยู่จริงๆ

“เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับ ผม.... โอเค.... ไม่ได้เป็นอะไรครับ” เขาพูดแบบติดขัด เพราะเขาแทบไม่เคยได้คุยกับผู้หญิงเท่าไหร่ การที่เป็นเด็กเรียนในโรงเรียนชายล้วน มันเป็นอุปสรรคในการเข้าสังคมกับผู้หญิงแน่ๆ  เขาคิดเพราะนอกจากแม่กับอาจารย์เขาก็แทบไม่เคยคุยกับผู้หญิงตัวเป็นๆ เลย (เคยแต่ในจินตนาการ) หรือที่เขาอุตส่าห์แปลงกายจากเด็กเนิร์ด หน้าดำคร่ำเครียดกับการเรียน แว่นใหญ่หนาจนมองเห็นตาเล็กบิดเบี้ยว ผมสั้นเกรียนทรง รด. ติดหนังหัว มาเป็นชายหนุ่มผมอันเดอร์คัท ใส่แว่นใหม่ที่รับกับรูปหน้าที่ลงทุนไปเยอะช่วงปิดเทอมถึงขั้นเทหมดกระปุกรักษาหน้าตัวให้ขาวใสขนาดนี้ จะดึงดูดเพศแม่ให้หันมาสนใจเขาเข้าเสียแล้ว

“จะไปรายงานตัวเข้าหอพักหรือคะ?” เสียงนุ่มๆ และรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้ชายตัวเล็กเคลิ้มเล็กๆ จนเผลอยิ้มออกมา

“อ้อครับ.... รู้ได้ไงเนี่ย” ชายตัวเล็กพูดอะไรเรื่อยเปื่อยแก้เขิน
“ก็เห็นลากกระเป๋าใบใหญ่มาทางนี้นี่คะ ทางนี้ก็ไปทางหอพักข้างหน้านั่นไงคะ” หญิงสาวเสียงน่ารักคนนี้ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“ใช่ๆ ใช่ครับ” ชายตัวเล็กลนลานก้าวไปเลื่อนกระเป๋าให้อยู่กระชับติดตัวมากขึ้น
“อยู่หอม่วงเทานี่หรือคะ?” เธอชี้ไปที่ตึกที่อยู่ไกลออกไปตรงหน้า
“อ่า..... ใช่ครับ” แม้จะเริ่มต้นมาหลายประโยคแต่ชายหนุ่มตัวเล็กก็ยังประหม่าอยู่
“ทางเดียวกันเลย! ไปด้วยกันไหมคะ เดินไปแบบนี้ไม่น่าจะทันนะคะ” สาวน้อยยิ้มสวยผายมือไปทางรถตู้คันหรูสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลขนาดแค่มือเอื้อม

“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ”
“ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวก็ต้องเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแล้ว อีกอย่างไปทางเดียวกันด้วย ไม่เห็นเป็นไรคะ”
“เอ่อ...” ชายหนุ่มตัวเล็กหัวว่างเปล่าไปพักหนึ่ง ไม่เคยเจอผู้หญิงตื้อตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
“พี่สันติคะ” หญิงสาวหันไปทางรถตู้ เพียงครู่เดียวก็มีผู้ชายรูปร่างล่ำสัน ท่าทางเคร่งขรึมใบหน้าปราศจากรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆ มาดึงกระเป๋าจากมือผมไปไว้ท้ายรถเรียบร้อย แค่ผู้ชายคนนั้นเดินผ่านก็ทำให้เขารู้สึกเป็นคนแคระไปเลย

“มาคะ เดี๋ยวไปไม่ทันลงทะเบียนนะคะ”
“เอ่อ..... ขอบคุณครับ” พูดจบผมก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถทันที เธอเชิญผมไปนั่งที่เบาะหลังเพราะที่เบาะหน้าของเธอเต็มไปด้วยตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆ ที่เดาว่าน่าจะเป็นของสะสมของเธอ

ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วระดับหนึ่ง (ซึ่งเร็วกว่าการเดินของเขาหลายเท่า) ชายร่างเล็กแอบหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ของตนขึ้นมาเปิดกล้องหน้า พร้อมตรวจความเรียบร้อยของเขาหลังผ่านการ make over มายกใหญ่ในช่วงปิดเทอม

‘โอเค ยังโอเคอยู่’ เขาบนพึมพำขณะจัดทรงผมที่เริ่มยุ่งและหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ซึมออกมาประปรายทั่วไปหน้าเหมือนไปโดนระอองฝนเกลือมา (เพราะมันรู้สึกเค็มๆนะสิ)

“อุ้ย! ขอโทษนะคะ ลืมแนะนำตัวเลย เราชื่อ มายา คะ ชื่อเล่นชื่อมายด์ แต่เพื่อนเรียกชื่อจริงตลอดเลยคะ” หญิงสาวเสียงใสน่ารัก หันกับมาพูดกับชายร่างเล็กด้วยรอยยิ้ม

“ เราชื่อ ชานนท์ เรียกเรา นนท์ เฉยๆ ก็ได้” เขายิ้มไปแบบเขินๆ และรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเจอรอยยิ้มที่อบอุ่นน่ารักนั่นฉายมากระทบดวงตาของเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรียนคณะอะไรล่ะ เราเรียนบริหารธุรกิจ” มายาถามต่อ
“เราเรียน..... ไอทีน่ะ” ชานนท์พยายามหาคำพูดที่ง่ายส่งตอบไป
“โห! เก่งจัง เราก็มีคนรู้จักเรียนไอทีเหมือนกันล่ะ เราว่ามันเป็นคณะที่เรียนยากมากเลยนะ” มายาดูตื่นเต้นกับคำตอบของชานนท์
“ก็... ยากนะ เรารู้ แต่เราก็ชอบนะ” ชานนท์ตอบไปพลางคิดไปถึงสมัยมัธยมที่เขามีเพื่อนที่ดีที่สุดก็คือคอมพิวเตอร์ของเขาเอง เขาเป็นคนผูกมิตรไม่เก่ง ไม่ชอบพูดกับคน แม้จะเรียนเก่งแต่คนคือจุดอ่อนของเขา นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่เลือกเรียนหมอ ‘ชำแหละคอมฯ ดีกว่าชำแหละคน’ เป็นคำพูดติดปากของเขา

“อ่ะ!! พี่สันติ จอดตรงนี้ก่อนคะ!” มายาหันตัวไปหาคนขับรถอย่างกระทันหันทันทีที่ชานนท์พูดจบประโยค

เอี๊ยด!!! เสียงยางล้อรถเบียดพื้นถนนเสียงดัง หน้าผมโน้มไปจนเกือบปะทะกับเบาะทางด้านหน้า

“ถึงหอพักชายแล้วคะ” เสียงใสๆ ดังมาจากเบาะนั่งด้านหน้าในขณะที่ผมใช้มือยันด้านหลังของเบาะหน้าอย่างเกร็งๆจากแรงเฉื่อยของรถที่จอดอย่างกระทันหัน

“อ้อ... ครับ” ผมพูดขึ้นหลังจากหันซ้ายหันขวาออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูสภาพรอบข้าง
“แล้วเจอกันนะ คือเราต้องรีบไปรายงานตัวเหมือนกันเดี๋ยวไม่ทัน” มายาโบกมือเป็นการอำลาด้วยท่าทีที่น่ารักจนอยากเอาวิดีโอมาบันทึกเก็บไว้ดูภายหลังซ้ำๆ ในขณะที่ผมกำลังเหม่อมองสาวน้อนน่ารักตรงหน้า ประตูก็ถูกกระชากเลื่อนออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นบอดี้การ์ดหน้าโหดมองมาด้วยสายตาเชิงไล่ออกจากรถจนชานนท์รีบลนลานออกจากรถอย่างรวดเร็วจนลืมกล่าวอำลากับมายาไปเสียสนิท

ชานนท์ออกจากรถโดยที่เท้าลงยืนกับพื้นทั้งสองเท้าอย่างปลอดภัย แม้สภาพตอนก้าวออกมาจะทุลักทุเลไปบ้าง กระเป๋าสัมภาระของชานนท์วางอยู่พื้นไม่ไกลในสภาะตั้งตรงเรียบร้อย เขาจึงหันกลับไปกล่าวคำอำลากับสาวน้อยน่ารักผู้มีน้ำใจแต่ประตูรถก็ได้เคลื่อนตัวมาปิดเรียบร้อย บอดี้การ์ดหน้าโหดหายขึ้นไปบนรถอย่างรวดเร็วและพร้อมทะยานออกจากจุดที่เขายืนอยู่ ทำให้ชานนท์ได้แต่โบกมืออำลารถที่กำลังขับออกไปจากตัวเขาห่างออกไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1.1)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-09-2018 18:58:20
บอดี้การ์ดหน้าโหด นี่ยังไงๆ  :really2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-09-2018 13:54:42

เอี๊ยด...!!!!!

เสียงล้อรถยนต์บดพื้นถนนอีกครา... พร้อมประตูรถที่เปิดออก สาวน้อนน่ารัก มายาได้วิ่งลงมาจากรถ มาทางชานนท์จนเขารู้สึกแปลกใจ

“นนท์ นายลืมโทรศัพท์ไว้บนรถ!!” เธอตะโกนมาก่อนที่จะถึงตัวชานนท์
“อ้อ!! ขอบใจนะ”  ชานนท์ลูบคลำไปทั่วกระเป๋ากางเกงก็พบว่ามือถือไม่ได้อยู่กับเขาจริงๆ
“อ่ะนี่.... ถ้ามันไม่ดังขึ้นมาก่อนเราก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย” มายายื่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กให้ชานาท์ ซึ่งเขาก็รีบรับไว้ทันที
“แต่ว่าคงวางสายไปแล้ว เราไปก่อนนะ สายแล้ว!!” มายาพูดจบก็วิ่งหายขึ้นไปบนรถ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของเธอให้ชานนท์สูดเข้าปอดอย่างชื่นใจ ‘หอมจังเขาคิดในใจ ‘ส่วนสูงใกล้เคียงกันเลย คงจะเป็นเนื้อคู่’ เขาคิดต่อไปอย่างเขินๆ

ชานนท์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูสายที่เขาไม่ได้รับเป็นชื่อที่เขาคุ้นเคย ‘แม่’ และเหนือรายชื่อที่แสดงสายที่ไม่ได้รับมีตัวเลขบอกเวลา ‘15:45’

“ฉิบหายแล้ว!!!” เขาสบถออกมาเสียงดังก่อนที่จะวิ่งลนลานไปที่ห้องสำนักงานหอพักที่ชั้นแรกสุด

หอพักที่นี่ดูสะอาดสะอาดและถือว่าใหม่กว่าที่ชานนท์คิดมาก นอกจากภายนอกที่มีการทาสีเทาและม่วงสลับตัดกันอย่างไม่ลงตัวแล้ว ทุกอย่างนอกจากนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากทั้งขนาดของอาคาร ส่วนสูงขนาดห้าชั้นที่กำลังดี ( ชานนท์เป็นโรกลัวความสูง เขากลัวที่จะอยู่ชั้นสูงๆ ที่เขาไม่กล้าที่จะมองลงมาข้างล่างเท่าไหร่

เขาลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นขึ้นบันไดชั้นหนึ่งมาอย่างยากลำบาก อาจเพราะเขาใช้แรงทั้งหมดกับการเดินเท้ามาที่นี่เสียไปเกือบหมด ด้วยเวลาที่เร่งรีบจึงทำให้เขาหันไปใช้สองมือดึงลากกระเป๋าขึ้นแรงกว่าปกติจนทำให้เสียหลักเซไปทางซ้ายของเขามากเกินไป

พลั่ก!!

ชานนท์พุ่งไปชนอะไรบางอย่างเสียงดัง แต่เป็นเขาเสียเองที่เกือบล้มคว่ำไปด้านหน้า

หมับ!!

ชานนท์ถูกมือที่ใหญ่กว้างมาคว้าแขนเขาไว้ได้ มือนั่นสามารถกำได้รอบแขนของเขา ทำให้ชานนท์ลอยคว้างอยู่กับที่ทันที

ตึงๆๆ

กระเป๋าของชานนท์กลิ้งลงไปกองนอนอยู่พื้นเบื้องล่างอีกครั้ง

“ไอ้เตี้ย!! เดินไม่ระวังเลย!! มันเจ็บนะ” เสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านที่เขาถูกคว้าจับ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจครับ กระเป๋ามันหนักเลยไม่ทันมอง...” ชานนท์พยายามตั้งหลักลุกขึ้นและหันหน้าไปขอโทษขอโพยเจ้าทุกข์ของเขา ครั้นสายตาของเขาไปมองไปยังร่างเบื้องหลังก็พบกับแผงอกที่ใหญ่บึกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อน คนๆนี้ตัวสูงมากขนาดเขาสูงตั้ง170 ซม. ศรีษะเขายังอยู่แค่นะดับหน้าอก เขาต้องแหงนมองหน้าชายเจ้าทุกข์ของเขา

“เฮ้ย!! ยืนไดัแล้วก็รีบๆ หลบไป กูกำลังรีบ!!” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตวาดใส่ชานนท์ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด ใบหน้าที่ขาวใสคิ้วที่คมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดวงโตนั่น ช่างไม่เหมาะกับอาการเกรี้ยวกราดที่เห็นตรงหน้าเสียเลย เขาเป็นคนที่หล่อมากเสียจนดาราบางคนยังต้องอายเลยทีเดียว

“โอ้ย!” เสียงชานนท์ร้องขึ้นหลังที่ชายหนุ่มตัวสูงนั่นแค่วาดมือที่กุมแขนของชานนท์ไปด้านข้างให้พ้นทางเดินของเขา ชานนท์รู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงอย่างแรงจนลอยเหนือพื้น ชายหนุ่มร่างใหญ่ทำเหมือนเขาเป็นตุ๊กตายัดนุ่นขนาดใหญ่ ที่วางขวางทางเขาอยู่และแต่ปัดออกให้พ้นทาง

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านเขาไปอย่างไม่ใยดี ในขณะที่ชานนท์ยืนลูบท้องแขนตัวเองที่แดงเป็นรอยนิ้วมือชัดเจน

ปึ้ง!!!

“เอ้า!! กระเป๋าของมึง ไอ้เตี้ย!!”
ชายหนุ่มร่างสูงเหวี่ยงกระเป๋าของชานนท์ขึ้นมาตรงหน้าเขาที่ชั้นบนเสียงดังลั่น “วางตรงนี้มันเกะกะ!!” พอสิ้นคำ ชายหนุ่มก็หันหลังเดินไปอย่างไม่สนใจสายตาที่โกรธเกรี้ยวของชานนท์

ชานนท์รีบก้าวไปที่กระเป๋าเดินทางของเขาที่ยังสั่นหมุนไปมาเพราะแรงโยนจากพื้นด้านล่าง ด้วยความสูงเพียง 5 ขั้นบันได ทำให้กระเป๋าไม่ได้รับความเสียหายอะไร “โชคดีที่ซื้อแบบกันกระแทกมา” เขาพูดลอยๆ ขึ้นมาหลังจากพบว่าสภาพกระเป๋าเดินทางของเขายังไร้ริ้วรอย อยู่ในภาพเกือบใหม่ เขามองต่อไปยังคู่กรณีของที่ตอนนี้เดินไปที่รถสปอร์ตสีแดงคันหรูและดูแพงมากๆ ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากหอพัก
“เฮ้ย.... เดี๋ยวนะ! ไอ้รถคันนี้ที่มันซิ่งผ่านเรา จนเราเกือบล้มนี่หว่า!!”
เขาบ่นออกมาเสียงดังด้วยความรู้ติดลบกับเจ้าของรถคันนี้ เขาไม่เคยเจอใครแล้วจะรู้สึกเกลียดได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเลย

ติ้ดๆๆๆๆๆ

เสียงเตือนย้ำๆ จากโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นเตือนว่า อีกห้านาทีจะหมดเวลาลงทะเบียนรายงานตัวเข้าหอพักนักศึกษา

ชานนท์ลากกระเป๋าของเขาพริ้วไปเสมือนเขาพกมาแต่นุ่นอยู่เต็ม เขาใช้พลังทั้งหมดก้าวเท้าเร็วจนกระเป๋าเหมือนจะลอยได้ ไม่กี่อึดใจเขามาถึงบริเวณห้องสำนักงานของหอพักที่มีเจ้าหน้าที่อายุรุ่นป้านั่งเก็บของพวกเครื่องใช้สำนักงานลงลิ้นชัก เหมือนเตรียมจะกลับบ้านด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ผมมาลงทะเบียนเข้าหอพักครับ” ชานนท์รีบใช้เสียงที่หอบหืดของเขาเบิกทางไปก่อนที่ร่างกายเล็กๆ ของเขาจะถึงโต๊ะเจ้าหน้าที่ หลังจากสิ้นเสียงของชานนท์ เจ้าหน้าที่หน้าแทบจะเปลี่ยนไปในทันที บรรยากาศในห้องดูเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ชานนท์เห็นดังนั้นจึงหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษครับ แท็กซี่พาผมไปผิดที่มา ผมเลยมาช้าขนาดนี้”
ชานนท์ลนลานรีบหาข้อแก้ตัวไประหว่างที่อากาศภายในห้องต่างหยุดนิ่งเนื่องจากรังสีที่ถูกปล่อยจากตัวเจ้าหน้าที่คนนั้น

“เฮ้อ.... ไม่เป็นไรลูก.. ป้าก็นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว เห็นทางหอโน้น โทรมาบอกป้าอยู่เหมือนกันว่ามีนักศึกษาไปผิดหอพัก ป้าก็รอตั้งนาน ป้าเครียดนะเนี่ยเป็นห่วงว่ามาไม่ทันป้าเนี่ยจะนอนไหนล่ะคืนนี้” เพียงแค่ป้าเจ้าหน้าที่เปิดป้าพูด สีหน้าคุณป้าก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงก็ดูใจดีกว่ารูปลักลักษณ์ที่เห็นตอนแรกมาก

“ขอบคุณครับคุณป้า” ชานนท์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่เขาเคยทำ นึกว่าชีวิตต่างถิ่นวันแรกจะเจอแต่คนใจร้ายเสียอีก  เขาโชคดีที่เจอคนน่ารักถึงสองคนในวันเดียวกันแบบนี้
“จ๊ะๆ มานี่มาเดี๋ยวป้าจะอธิบายกฏของหอพักและเซ็นเอกสารโน่นนี่นิดหน่อยนะ รีบหน่อยก็ดี ป้าเองก็อยากกลับบ้านแล้วเนี่ย” คุณป้าเจ้าหน้าที่กวักมือเรียกเขาไปอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งเป็นโต๊ะยาวลักษณะเหมือนโต๊ะประชุมที่ตั้งอยู่ถัดไปด้านใน

“ครับ” ชานนท์รีบลากกระเป๋าและพาตัวเองไปที่จุดหมายอย่างว่าง่าย

หลังจากลงนั่งคุณป้าเจ้าหน้าที่หรือที่ตัวเธอเรียกตัวเองว่าป้าเพ็ญก็ร่ายยาวเกี่ยวกับกฎระเบียบของการอยู่หอพัก การใช้พื้นที่ต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายภายหอพัก และจบลงด้วยการเซ็นเอกสารรับทราบ เนื่องจากผมเป็น ‘เด็กทุนฯ’ เลยได้รับการยกเว้นค่าหอพัก เพียงแค่ยืนเอกสารยืนยันต่างๆ ที่ไปให้ผู้ปกครองเซ็นรับรองให้ป้าเพ็ญเท่านั้น หลังจากนั้นป้าเพ็ญก็ยื่นคีย์การ์ดให้ชานนท์ และพาเขาไปที่ช่องบันไดทางขึ้น ก่อนที่ป้าเพ็ญจะร่ำลาเขาเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะเพียงแค่ชานนท์หันไปเพ่งมองความสูงของบันไดเบื้องบนอยู่ก็ได้ยินเสียงป้าเพ็ญในหัวว่า ‘ หอพักมีแค่ห้าชั้นเลยไม่มีลิฟต์นะลูก’ เขาถอนหายใจและก้าวเดินขึ้นไปพร้อมพากระเป๋าคู่ใจของเขาขึ้นไปด้วยอย่างยากเย็น

‘เฮ้อ!!!!......’ เขาถอนลมหายใจเสียงดังลั่นเมื่อลากสังขารน้อยๆ และกระเป๋าใบใหญ่มาถึงบันไดชั้นสุดท้ายของชั้นสาม
“พระเจ้า!!! ยังเหลืออีกตั้งสองชั้น!!” เขาบ่นอุบอิบเสียงดังทั้งที่มีลมหอบออกจากปากกระชั้นถี่ เขาเอาหลังทิ้งลงบนผนังข้างๆ ไม่ไกลจากบันไดเป็นการพักเหนื่อย เหงื่อหลายเม็ดผุดขึ้นมาเต็มหน้าใสๆ ของเขาที่ผ่านการดูแลรักษาอย่างดีตลอดปิดเทอมฤดูร้อน
ชานนท์หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ใบหน้าอย่างจริงจัง เพราะใบหน้าสำคัญในการพบรัก ‘หลักของการดึงดูดเพศตรงข้ามที่ดีคือการทำตัวให้ดูดีน่าประทับใจ’ เขานึกถึงหนังสือที่เขาอ่านช่วงวันหยุดเพื่อเตรียมตัวมาเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข ชีวิตวัยเรียนที่มีความรักวัยรุ่นที่ร้อนแรง เหมือนในหนังรักหลายๆเรื่องที่เขาชอบดู


“อ้าว!! น้อง!! เป็นอะไรไหมครับ? หน้าซีดเชียว” เสียงชายหนุ่มไม่คุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล

“อ้อ!! เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับ แค่พักเหนื่อยนิดหน่อยครับ” ชานนท์ ตกใจกับเสียงที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว ชานนท์เผลอยืนตัวตรงเหมือนตอนฝึกรักษาดินแดนและพูดเสียงดังกว่าปกติ
“ฮ่าฮ่าฮ่า... เฮ้ย! ไม่เป็นไร ไม่ได้ฝึกทหาร ทำบ้าอะไรของน้องวะ?” ชายหนุ่มคนนั้นเดินขึ้นมาถึงพื้นระนาบเดียวกับชานนท์
“ขอ... ขอโทษครับ คือมันตกใจ...” ชานนท์ลูบหัวตัวเองไปมาแก้เขินเพราะการถูกคนแปลกหน้าหัวเราะใส่อาการโก๊ะๆของเขา
“เฮ้ย.... ไม่เป็นไรครับ แล้วน้องอยู่ชั้นนี้เหรอ?” ชายหนุ่มรุ่นพี่ถามต่อ ทำให้ชานนท์ต้องหันหน้าขึ้นมามองคนที่เขาคุยด้วยอย่างจริงจัง ‘หลักของการสนทนาที่ดีต้องมองผู้สนทนาอย่างตั้งใจ’ ข้อความหนึ่งในหนังสือเล่นหนึ่งเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพ ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

“เปล่าครับ ผมอยู่ชั้นห้าครับ” ชานน์ตอบพร้อมสำรวจคู่สนทนา เขาเป็นชายหนุ่มที่สูงกว่าเขาประมาณคืบหนึ่ง แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ดูเรียบง่ายแต่ดูดีเข้ากับคนใส่ ผิวขาวใสออร่าประเภทที่ชานนท์อยากมีเลย ปากได้รูปอมชมพูธรรมชาติใบหน้าเบื้อนยิ้มตลอดเวลา ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าค่อนไปทางคนเชื้อสายจีน ขนตาที่ยาวนั้นทำให้หน้าเขาหวานจนชานนท์ไม่กล้าสบตากับเขานานเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวั่นไหวกับเพศเดียวกันแบบนี้ คือคนๆนี้มันดูดีจริงๆ เขาคิด

“เรียนอยู่คณะอะไรน่ะเรา?” ปากสีอมชมพูนั่นขยับขึ้นลงด้วยเสียงที่สุภาพ ผิดกับไอ้คนที่เจอมาเมื่อครู่ (เขาคิดจนหงุดหงิดว่าทำไมถึงจ้องแต่ปากของคนๆนี้)

“เอ่อ........ วิศวะ คอมฯ ครับ” ชานนท์พูดสั้นๆตอบไปด้วยท่าทางตื่นๆ

“เฮ้ย!! คณะเดียวกัน!! พี่อยู่ปีสอง!! บังเอิญจัง มา!! เดี๋ยวช่วยขนของขึ้นไปส่ง อยู่ห้องไหนล่ะเรา?” ชายหนุ่มรูปงามที่อ้างเป็นรุ่นพี่รีบคว้าด้ามยาวที่ลากกระเป๋าของชานนท์ ออกจากมือที่กำอย่างหลวมๆ เพราะความอ่อนล้าไปไว้ข้างตัวเอง

“เอ่อ... 519 ครับ .... ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ชานนท์รีบลนลานยื่นมือผอมเล็กของเขาไปคว้าด้ามจับที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็โดนอีกฝ่ายเลื่อนกระเป๋าหนี
“ไม่เป็นไร พี่ว่าเราคงไม่ไหวแล้วล่ะ! หน้าซีด ตัวเปียกเหงื่อชุ่มขนาดนี้!! มา ตามมา!!” ชายหนุ่มรุ่นพี่มองชานนท์หัวจรดเท้าขณะพูด ก่อนที่จะก้าวเท้า ยกกระเป๋าเดินทางเดินทางของชานนท์เดินขึ้นบันไดทางขึ้นที่อยู่ไม่ไกล

“รอด้วยครับ” ชานนท์ก้าวเท้าตามกระเป๋าของเขาด้วยความอ่อนล้า
“เอ้อ!! พี่ชื่อเอกนะ เอกนันท์ วิศวะ คอมฯปีสอง เราล่ะ?” อยู่ๆ ชายหนุ่มรุ่นพี่ก็หยุดเท้าอย่างกระทันหัน และหันมาพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มตาหยี
“นนท์ ชานนท์ครับ วิศวะ คอมฯ ปีหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชานนท์เกือบชนกับคนที่เดินนำหน้าเขาเพราะหยุดเท้าเกือบไม่ทันกับความกระทันหันแบบนี้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับน้อง!” รุ่นพี่เอกยิ้มให้อีกครั้งก่อนที่จะหันกลับไปเดินต่อ

....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1.2)
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 16-09-2018 21:54:13
 :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 24-09-2018 15:29:55

เฮ้อ.........

ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ เผื่อว่ามันจะช่วยไล่ความเหนื่อยล้าออกไปจากร่างกายเขาได้บ้าง พี่เอกรุ่นพี่ของเขาขอตัวจากไปตอนมาส่งเขาถึงหน้าห้อง ตอนนี้เขายืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 5 คูณ 7 เมตร  ถือว่ากว้างมากพอสำหรับนักศึกษาสองคนเข้าอยู่อาศัย ในหัองมีเฟอร์นิเจอร์พร้อมสำหรับการเข้าอาศัย โดยแบ่งออกเป็นสองชุดซึ่งวางอยู่คนละด้านของห้อง ตอนนี้ชานนท์ยืนอยู่ตรงประตูจุดกึ่งกลางห้อง  เขามองไปที่ฝั่งขวามือ เฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ชานนท์รู้สึกแปลกใจเท่ากับความใหม่และดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ฝั่งทางขวาที่ช่างแตกต่างจากฝั่งทางซ้ายมาก ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหนังสือ และเตียง มันดูเป็นของมีราคาทั้งสิ้น รวมกับเครื่องดนตรี อย่างกีตาร์ที่ตั้งไว้ปลายเตียง และโน้ตบุ๊กยี่ห้อผลไม้รู่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือแบบไม่เป็นระเบียบนั่น ทำให้ชานนท์แอบอ้าปากค้างกับพื้นที่ของเพื่อนร่วมห้องคนนี้

“ใครว่ะ? มันคงรวยมาก!!” เอาเผลอพูดความในใจออกเสียงดัง โชคดีที่ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว หลังจากนั้นเขาก็ลากกระเป๋าเดินทางของตนเองมาอีกฝากหนึ่งซึ่งเป็นฝากที่มีบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งหนึ่งอย่างชัดเจน เฟอร์นิเจอร์จากไม้สีเก่า มีรอยสึกตามกาลเวลา โต๊ะกับตู้ก็เป็นประเภทเดียวกัน ส่วนเรื่องรูปร่างของเฟอร์นิเจอร์นี้น่าจะเก่าพอๆ กับอายุของเขาเลยทีเดียว เขาถอนหายใจและเริ่มจัดการจัดเก็บสัมภาระของเขาทันที

ใช้เวลาไม่นานนักชานนท์ก็สามารถดึงของทุกอย่างในกระเป๋าเดินทางออกมาเรียงบนเตียงอย่างเป็นระเบียบ เขายืนสำรวจสมบัติของเราอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีอะไรขาดตกไป ทั้งๆ ที่เขาตรวจสอบหลายครั้งแล้วก่อนเอาใส่กระเป๋า

“โอเค! ครบ” ชานนท์แสดงสีหน้าพอใจกับการตรวจสอบอีกครั้ง เขาเหลือบไปเจอรูปของแม่ที่ใส่กรอบสวยสีเทาเงิน ซึ่งเขาขอแม่นำมันติดตัวมาด้วยจากห้องรับแขกของบ้าน เขาชอบรูปนี้มาก เพราะเป็นรูปของแม่สมัยที่เขายังเด็ก รูปของแม่ที่มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนใจดี ชานนท์ละสายตาจากกรอบรูปมองไปด้านนอกหน้าต่างติดกับที่นอน เขาเห็นทิวทัศน์ของตึกและอาคารต่างๆ ในบริเวณมหาวิทยาลัยซึ่งไกลออกไป เสาไฟที่ให้แสงสว่างกับบริเวณถนนที่ตอนนี้เริ่มทยอยเรืองแสงไล่มาจากเส้นถนนที่อยู่ไกลออกไปจนมาถึงอาคารที่เขาอยู่ โคมไฟทรงประหลาดเหมือนจานบินไม่คุ้นตาเหล่านั้น ช่างแตกต่างกับบริเวณบ้านของเขามากโข ทำให้ชานนท์รู้สึกใจหล่นวูบลงไปเบื้องล่างของร่างกาย หรือนี่คืออาการ ‘คิดถึงบ้าน’ ที่ใครๆพูดถึง

ความสว่างในตัวห้องเริ่มซีดจางลงไป เขาจึงตัดสินใจมองหาสวิทเปิดไฟแสงสว่างภายในห้อง ระหว่างที่เขาหันซ้ายขวาอย่างขวักไขว่ เขาเหลือบไปเห็นเส้นสีเทาอ่อนยาวพาดผ่านอยู่ที่พื้นตั้งแต่ประตูห้องจนถึงประตูทางออกระเบียงอีกฝากหนึ่งทำให้ห้องเสมือนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างเท่าๆกัน

ชานนท์พินิจอย่างสงสัย จนกระทั่งความสงสัยมันท่วมล้นไปทั่วหัวสมองของเขา ‘มันเส้นอะไรวะ? ทำไปเพื่ออะไร? หรือว่าจะมีเหตุลี้ลับอะไรถึงต้องทำแบบนี้?” เขาคิดในใจแบบนี้ซ้ำไปมา จนกระเขาพาตัวเองเดินไปสังเกตเส้นบางๆนั่นใกล้ๆ เพราะมันเกือบจะสีเดียวกับพื้นเลยทำให้สังเกตไม่เห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเดินเข้ามา ชานนท์ใช้มีอสัมผัสมันเบาๆ ทำให้รู้ว่ามันเป็นเทปกาวแบบผ้า มันดูค่อนข้างใหม่และติดอย่างรีบร้อนไม่เรียบร้อยเพราะดูจากรอยย่นเล็กๆเฉไปมาที่ขอบทั้งสองข้างของเทป

“อะไรวะเนี่ย?” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่เขาใช้เล็บสะกิดแถบเทปผ้าและกำลังดึงมันออกจากพื้น

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!! ทำอะไร?” เสียงปริศนาที่มีความเกรี้ยวกราดแฝงอยู่ดังขึ้นทางประตูห้องที่เขาหันหลังให้
“เฮ้ย!!” เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่รู้สึกถึงเสียงประตูที่เปิดออกเลย พร้อมหันมาทางต้นเสียง (ประตูที่นี่ทำดีเหลือเกิน ไม่มีเสียงเปิดเลย)

“ตกใจเชี้ยอะไร กูไม่ใช่ผี!! หลีกไปกูจะเข้าห้อง!!” เงาร่างสูงใหญ่นั่นพูดขึ้นมา เวลานี้เป็นช่วงเวลาเย็นมากมากแล้ว แสงอาทิตย์ภายนอกอ่อนกำลังลง ทำให้ในห้องดูมืดกว่าเดิมมาก แสงนีออนที่ทางเดินจากภายนอกห้องสว่างกว่าภายในห้อง ชานนท์จึงมองเห็นหน้าตาต้นเสียงไม่ชัดเห็นเพียงเงาร่างที่สูงใหญ่เท่านั้น แต่เสียงดุดันที่เขาได้ยินอยู่นี่ดูช่างคุ้นเคย

“เออ.... เอ่อ..... โอเค” ชานนท์งะๆเงิ่นๆ ลุกขึ้นเดินจากมาด้วยท่าทีติดขัด
“อย่าบอกนะว่า จะให้อยู่กับไอ้คนแคระยาจกนี่จริงๆ” ชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาที่ห้องฝั่งที่ถูกจัดเรียบร้อยอีกฝากหนึ่ง ขณะที่สบถออกมาเสียงดังในแสงสลัวตรงหน้าชานนท์

“............” ชานนท์ได้แต่นิ่งเงียบและแปลกใจกับคำทักทายประโยคแรกของเพื่อนร่วมห้องที่เขาเพิ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรก 
“มึงจะยืนมองกูอีกนานไหม? จะไปทำอะไรของมึงก็ทำไปสิ!! แล้วก็ฝากเปิดไฟด้วย!! อยู่มืดๆแบบนี้ได้ไงวะ!!” เพื่อนร่วมห้องของเขาโวยวายและออกคำสั่งกัดชานนท์
“อ้อ! ได้ๆ” ชานนท์เหมือนได้สติจากการช้อคที่เจอเพื่อนร่วมห้องแบบที่เขาไม่ชอบ ‘พวกลูกคุณหนูเอาแต่ใจ’ เขาตอบกลับในใจพร้อมเดินไปที่สวิทเปิดดวงไฟที่ให้แสงสว่างที่กลางห้อง

ความสว่างของดวงไฟไล่เอาความมืดภายในห้องให้หมดไป ทำให้เขาสามารถมองเห็นเพื่อนร่วมห้องขี้โมโหของเขาได้เต็มตาชัดเจน

‘เชี้ย!!’ ชานนท์คิดในใจ เขาตกใจมากจนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ‘นี่มัน....ไอ้ยักษใจร้ายข้างล่างนี่หว่า!!’ เสียงในใจของเขาพูดต่อทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนร่วมห้องที่นอนเอกเขนกบนเตียงนอน ในชุดลำลองเบรนเนม เขาจำได้ทันที เขาไม่คิดว่าจะได้เพื่อนร่วมห้องแบบนี้ เขานึกว่าจะได้เจอเด็กเรียนที่สอบติดทุนฯ เหมือนเขาเสียอีก

“มึงเป็นเชี้ยอะไรอีก!?!” เพื่อนร่วมห้องที่นอนอยู่เหล่ตามองและถามเขาอย่างหาเรื่อง

“ไม่มีอะไร... เอ่อ... เราชื่อชานนท์นะ เรียกนนท์เฉยๆ ก็ได้” ชานนท์พยายามเริ่มทำตัวเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมห้องที่ดูไม่น่าคบคนนี้ทันที เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้เพื่อจะใกล้ชิดกับเพื่อนใหม่ที่นอนแบบบูดบึ้งอยู่บนเตียง

“มึงหยุดตรงนั่นแหละ!!” เพื่อนร่วมห้องลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมชี้นิ้วขึ้นมาที่เขา
“หา!!....” ชานนท์รีบหยุดเท้าจนตัวโน้มไปข้างจากแรงเฉื่อยจนเกือบล้มพร้อมสงเสียงอุทานออกมา
“มึงเห็นเส้นตรงพื้นไหม? นั่นล่ะ!! เขตแบ่งห้อง มึงกับกูต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมารู้จักกันก็ได้!!” เพื่อนร่วมห้องไร้มนุษย์สัมพันธ์พูดตัดบทเสียงดัง เขามองหน้าชานนท์อย่างเกรี้ยวกราดพักหนึ่งก่อนจะล้มตัวลงไปนอนอย่างไม่สนใจปฏิกิริยาของชานนท์เลย

ชานนท์ยืนทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นครู่หนึ่งในขณะที่เท้าข้างหนึ่งยังเหยียบเส้นแบ่งห้องอยู่ ก่อนที่จะรีบหันกลับไปจัดแจงข้าวของต่ออย่างเงียบเชียบเพราะกลัวจะเจอเพื่อนร่วมห้องขาโหดตวาดใส่อีกรอบ ทุกครั้งที่เขาทำเสียงดังชานนท์จะแอบมองเพื่อนร่วมห้องขายาวของเขาว่าจะมีท่าทีอย่างไร โชคดีที่คนที่นอนอยู่อีกฝากของห้องได้นอนนิ่งหลับตาไม่ได้ขยับอะไร

‘นี่เราต้องทนอยู่แบบนี้ไปอีกทั้งปี กว่าจะขอเปลี่ยนห้องได้ตามกฎหอพัก เราจะไหวไหมวะ!!’ ชานนท์รำพันกับตัวเองในใจ

..................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 2.1)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-10-2018 10:19:59
บทที่ 2
กิจกรรมต้อนรับ


ก๊อกๆๆๆๆ

เสียงเคาะประตูรัวๆ แบบไม่เกรงใจดังระรัวไม่หยุด ดังจนสามารถแทรกผ่านฝันดีของชานนท์ เขาฝันว่ากำลังนั่งกินมื้อเย็นสุดโรแมนติกกับมายา สาวสวยที่เขาเจอวันแรก เธอเสมือนเป็นนางฟ้าของเขา เป็นกำลังใจหนึ่งให้เขาอยากอยู่ที่นี่ต่อ เพราะจากเหตุการณ์ไม่ประทับใจกับเพื่อนร่วมห้องที่แสนจะไม่มีมนุษย์สัมพันธ์

ก๊อกๆๆๆ
“เฮ้ย!! เด็กใหม่!! ตื่น!!”
เสียงตะโกนแทรกผ่านความฝันอีกหนึ่งรอบ จนทำให้ถาพต่างๆ ในฝันหยุดนิ่งและตัดถาพมายังเพดานที่ว่างเปล่ามืดสลัว

“เฮ้ย!! ตื่นได้แล้วโว้ย!!”
เสียงโวยวายจากนอกห้องยังคงดังกังวานพร้อมกับเสียงเคาะประตูอย่างไร้ความเกรงใจ

ชานนท์พยายามดึงตัวเองออกจากที่นอนซึ่งเหมือนมีกาวดักหนูฉาบอยู่บางๆ กว่าจะทรงตัวตั้งตรงได้ใช้เวลาอยู่พักใหญ่
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกปลุกให้ตื่นจากภายนอกยังดังขึ้นอีกอยู่แป็นระยะแบบไม่มีความเหนื่อยล้า ชานนท์แอบคิดในใจว่าจะเป็นไอ้เพื่อนร่วมห่วงไร้มนุษย์สัมพันธ์คนนั้นหรือเปล่า เขาอาจจะลืมเอากุญแจห้องออกไป ชานนท์เบ้ปากไปทางที่นอนฝั่งตรงข้าม แต่สิ่งที่เขาเห็นคือ เพื่อนร่วมห้องที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากอาการเพิ่งตื่นนอน ในสภาพที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ต่างจากเขา คนฝั่งตรงข้ามส่งสัญญาณมือชี้ไปที่ประตูพร้อมส่งสายตาอย่างอาฆาตประมาณว่า ‘นี่มันของเอ็งใช่ไหม?’

ชานนท์เห็นดังนั้นรีบสั่นหน้าส่งสายตากลับไปที่เพื่อนร่วมห้องตาดุของเขาทันที

“แล้วมึงจะให้มันดังอยู่อย่างนั้นเนอะ!! มึงก็ไปดูสิว่า มันเป็นใคร มาทำไม!!” เพื่อนหน้าดุของเขาออกคำสั่งเสียงเข้ม
ชานนท์แม้จะไม่ชอบใจที่โดนสั่งแต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะขัดสิ่งที่เพื่อนร่วมห้องที่แสนจะไม่เป็นมิตรคนนี้ออกคำสั่ง

แกร็กแก็ก.....

เสียงปลดล็อคประตูดังขี้นพร้อมเปิดออกกว้าง ยังไม่ทันที่ประตูจะเปิดออกจนสุดก็ถูกมือของคนภายนอกผลักให้เปิดออกกว้างจนชานนท์ถอยออกห่างแทบจะไม่ทัน

คนภายนอกเดินโผงผางเข้ามาโดยไม่เอ่ยอะไร ได้แต่มองชานนท์และเพื่อนร่วมห้องเขาอย่างผ่านๆ ด้วยสายตาที่เข้มงวด
“พวกเอ็งทำอะไรกันวะ ไม่รู้รึไงว่าวันนี้มีกิจกรรมของคณะฯ”

หลังจบประโยคแรก ชานนท์ก็นึกได้ทันทีว่ามันมีเขียนไว้ในใบลงทะเบียนด้วยว่าก่อนเปิดภาคเรียนจะมีกิจกรรมของทางคณะฯ ก่อนการเปิดภาคเรียน  แต่ในใบลงทะเบียนไม่ได้เขียนรายละเอียด ชานนท์เลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เขาไม่คิดว่ากิจกรรมที่ว่าจะเริ่มจัดเช้าขนาดนี้ (พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นเอง)

“ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว!! พวกกูมีหน้าที่พาพวกมึงลงไปที่หน้าหอพักให้ครบ!!” คนที่คาดว่าจะเป็นรุ่นพี่อีกคนหนึ่งพูดพร้อมกับก้าวเข้ามาในห้องของชานนท์

“ครับ” ชานนท์ตอบสั้นและก้าวกลับไปเก็บที่นอนให้เรียบร้อย เขาเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมห้องของเขาทำหน้าเบื่อหน่ายและพลิกตัวกลับไปนอนต่อ (ไอ้บ้าเอ้ย เขาคิด)

“เฮ้ย!! มึงก็ต้องไปด้วย!! นี่มันกิจกรรมของคณะฯ นักศึกษาปีหนึ่งทุกคนต้องเข้าร่วม!!” รุ่นพี่คนแรกก้าวเข้าไปประชิดเสียงและพูดเสียงดัง ส่วนเพื่อนร่วมห้องคนนั้นได้แต่พลิกตัวเหลือบมองและกลับนอนหันหลังให้ท่าเดิม

“เฮ้ย!! มึง กวนตีนกูเรอะ!!” รุ่นพี่คนนั้นเริ่มส่งเสียงเกรี้ยวกราด และเดินเข้าไปเขย่าที่ไหล่เพื่อนร่วมห้องที่นอนอยู่

“กู....ไม่สนใจ” เพื่อนร่วมห้องของเขาพลิกตัวกลับมาด้วยความรวดเร็วและลุกขึ้นประจันหน้ากับรุ่นพี่คนนั้นจนแทบจะตัวติดกัน ทำให้เห็นความต่างของส่วนสูงของคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาว่าต่างจากคนที่เดินไปปลุกแค่ไหน คือเรียกได้ว่ายอดผมของรุ่นพี่คนนั้นอยู่แค่ปลายจมูกเพื่อนร่วมห้องของชานนท์

“เฮ้ยๆ พวกมึง!! ใจเย็นๆ” รุ่นพี่อีกคนซึ่งสูงพอๆ กับเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ (อาจจะเตี้ยกว่านิดหน่อย) รีบเดินเข้ามาปรามศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น

“เชี้ย ไอ้อิท มึงก็ใจเย็นๆ ดิวะ สัด! เดี๋ยวก็โดนงดกิจกรรมหรอก!!” รุ่นพี่ตัวสูงกระชากคอเสื้อรุ่นอีกคนให้ถอยออกมาครึ่งก้าว
“น้องด้วย!! ใจเย็นๆ นี่มันกิจกรรมภาคบังคับนะ น้องจะต้องเข้าร่วมหากอยากยังเรียนที่นี่อยู่!!”  รุ่นพี่ตัวสูงเตือนเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนทำให้ชายหนุ่มหัวร้อนเพื่อนร่วมห้องของเขาใจเย็นลงนิดหน่อยถอยลดไปครึ่งก้าว

“ไป!! ไปอาบน้ำ และแต่งตัวให้เรียบร้อยภายในเจ็ดโมง!!” รุ่นพี่ตัวสูงออกคำสั่งเสียงดัง จนชานนท์เหลือบไปมองนาฬิกาบนโต๊ะหนังสือ ที่แสดงเวลา ‘6:50’

“10 นาที!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่นาฬิกา ส่วนเพื่อนร่วมห้องของเขาได้แต่เปลี่ยนสีหน้าและขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
“ใช่!! กูให้เวลาพวกมึงแค่นั้น!!” เสียงรุ่นพี่ขาโหดดังขึ้นแทบจะทันทีที่ชานนท์โวยขึ้นมา พลางยิ้มแบบสะใจ

เวลาแค่สิบนาทีคงไม่สามารถจบพิธีกรรมของเขาได้ทั้งหมดตั้งแต่อาบน้ำจัดผมแต่งตัว เพราะตั้งแต่เขาตั้งปณิธานว่าจะต้องเจิดจรัสตลอดเวลา การทำตัวดูดีโดดเด่นมันเลยตัอบใช้เวลามากกว่าปกติ เมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ เขาถูกสอนให้ตั้งเป้าหมายแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว แต่ดูสิผลที่ได้ ชานนท์ผู้มีเพื่อนน้อย เข้าสังคมไม่เป็น โสดและเป็นเป้าให้โดนล้อตลอดเวลา เขาจะไม่ให้ตัวเองต้องเป็นแบบนั้นอีกต่อไป เขาจะเป็นคนใหม่ ซึ่งเขาก็ต้องแลกกับอะไรหลายอย่างเลยในช่วงปิดเทอม คือเสียเงินเก็บไปเกือบทั้งหมด

“เฮ้ย!!! ไอ้เตี้ย มึงอย่ามัวแต่เหม่อ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว!!” พี่ขาโหดตะคอกในระยะประชิดในขณะที่ชานนท์สติหลุดไปในห้วงอดีตที่เขาไม่ชอบเท่าไหร่
“ครับ!!” ชานนท์สำลักคำตอบออกมาแบบตกใจจนรุ่นพี่สองคนในห้องอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ชานนท์รีบไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ไม่ไกลและเตรียมวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ก็เจอเพื่อนร่วมห้องตัวเองเดินตัดหน้าเตรียมตัวที่จะเข้าไปก่อนหน้าเขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

“กูอาบก่อน” เพื่อนร่วมห้องพูดเสียงเย็นใส่ชานนท์จนเขาแทบจะหยุดฝีเท้าทันที เขารู้ว่าเขาไม่ได้กลัวเพื่อนร่วมห้องคนนี้นะ แค่.... ไม่อยากมีเรื่องด้วยก็เท่านั้น (แต่เขาก็อดขาสั่นไม่ได้)
“เข้าอาบพร้อมกันนั่นแหละ!! เสียเวลา กูขี้เกียจรอนาน!” รุ่นพี่ตัวสูงพูดด้วยท่าทีติดตลก ส่วนรุ่นพี่อีกคนก็ได้แต่เออออไปด้วย

“ไม่เอาอ่ะ / เรื่องอะไรวะ” ชานนท์กับเพื่อนร่วมห้องของเขาประสานเสียงกัน
“พวกมึงเป็นผู้ชายด้วยกันมันจะเป็นอะไรวะ? หรือพวกมึงไม่ใช่?”  รุ่นพี่ตัวเล็กขาโหดถามสวนมาเสียงดังลั่น
 
ชานนท์กับเพื่อนร่วมห้องมองหน้ากันเอง แล้วถอนหายใจแบบเอือมระอา ก่อนที่เพื่อนร่วมห้องตัวสูงของเขาจะเดินเข้าห้องน้ำไปก่อนแบบไม่เต็มใจ ปล่อยให้ชานนท์ยืนลังเลอยู่หน้าห้องน้ำกับผ้าเช็ดตัวที่ถือไว้แบบหลวมๆ

“เข้ามาอาบน้ำสิไอ้เตี้ย!! อย่าทำให้เสียเวลา!!” เพื่อนร่วมห้องหน้าบูดของเขาตะคอกใส่ ชานนท์เลยก้าวเข้าห้องน้ำไปแบบเก้ๆกังๆ พร้อมปิดประตูห้องน้ำอย่างแผ่วเบา

‘ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอาบน้ำกับใครสองต่อสองเลย สมัยเรียน รด. ก็ว่าลำบากแล้วนะที่ต้องอาบน้ำรวมกับคนอื่น อายจะแย่ แต่นี่มันอะไรกันวะ!!’ ชานนท์โวยวายกับตัวเองในใจ

‘พั่บ’

เสียงผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งถูกนำมาแขวนที่ตะขอสีเงินข้างประตู ต่อด้วยเสื้อผ้าอีกสองสามชิ้นตามมาแขวนอยู่ตะขอข้างๆที่เรียงติดกัน ชานนท์ค่อยๆหันกลับไปที่โซนฝักบัวที่มีฉากกระจกใสกั้นอยู่ ชานหนุ่มผิวขาว สูงหุ่นดีพร้อมกล้ามเนื้อสมส่วนน่ามองเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น เปลือยกายท้าทายสายตาของเขาอย่างไม่มียางอาย โดยเฉพาะส่วนที่มีขนสีดำดกปกคลุมอยู่นั่น เขาไม่พยายามที่จะปกปิดแต่อย่างใด

“เฮ้ย!!” ชานนท์ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนเผลอร้องออกมา
“......... มึงเป็นอะไร ไม่รีบมาอาบน้ำ เดี๋ยวโดนอะไรอึกกูไม่รู้นะ!!” เพื่อนร่วมห้องที่กำลังฟอกสบู่เสียตัวขาวโพลนตะโกนออกมา
“เออๆ” ชานนท์รีบถอดเสื้อผ้า แขวนผ้าเช็ดตัวตามเข้าไปในฉากกั้นกระจกส่วนฝักบัวที่มีชายหนุ่มอีกคนยืนชำระล้างคราบสบู่ออกจากร่างกาย พอเข้ามามองใกล้ๆแบบนี้แล้ว ยิ่งเผยให้เห็นผิวใสๆ ของเพื่อนร่วมห้องที่ดูดีกว่าเขามา รวมถึงกล้ามเนื้อที่ชัดเจนจนเขาต้องหันกลับมาดูร่างกายของตัวเอง
‘บางคนมันก็ไม่ต้องดูแลอะไรมากแต่มันก็ดูดีจริง โลกมันไม่ยุติธรรมจริงๆ’ เขาบ่นกับตัวเองในใจ

“ใส่กางเกงในเข้ามาอาบน้ำแบบนี้ทำไมวะ? อายผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ มึงนี่แปลก” เพื่อนร่วมห้องของเขามองด้วยสายตาสงสัยปนเหยียด
“ก็เราไม่คุ้นว่ะ คนเรามันก็อายเป็นเรื่องปกติหรือป่าววะ?”
ชานนท์บ่นพึมพำกลับไป
“เออ! เรื่องของมึงกูขี้เกียจเถียงแล้ว กูไปล่ะนะ”
เพื่อนร่วมห้องของเขาใช้ฝักบัวราดน้ำจนทั่วตัวอีกครั้งก่อนเลื่อนบานกั้นกระจกออกมา ทิ้งให้ชานนท์เริ่มต้นอาบน้ำคนเดียว

“เฮ้ยๆ พวกมึงเข้าไปพร้อมกัน ก็ต้องออกมาพร้อมกันนะโว้ย เพื่อความสามัคคี!!” เสียงดังนอกห้องน้ำส่งเข้ามา จากน้ำเสียงน่าจะเป็นรุ่นพี่ขาโหดตัวเล็ก
“มีงก็แกล้งน้องอยู่นั่นแหละ” รุ่นพี่ตัวใหญ่พูดแทรกขึ้นมา
“แต่ก็..เออ ออกมาพร้อมกันก็ดี เดี๋ยวอีกคนไม่เสร็จแล้วเปิดประตูออกมา กูไม่อยากเห็นผู้ชายโป๊นะ” รุ่นพี่ตัวใหญ่พูดต่อ

“เชี้ย!!” เพื่อนร่วมห้องของชานนท์ สบถเสียงดัง
“เร็วสิ ไอ้เตี้ย” เพื่อนร่วมห้องหันมาพูดกับชานนท์อย่างหงุดหงิด
“เออๆ” ชานนท์ตอบกลับไปอย่างอารมณ์เสีย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่วันแรก
“เฮ้ยนี่!! เราไม่ได้ชื่อเตี้ยนะ เรามีชื่อนะ ชานนท์ เรียกนนท์ก็ได้” ชานนท์พูดต่อขณะรีบอาบน้ำอย่างสุดชีวิต
“กูไม่ได้อยากรู้จักกับมึง กูจะเรียกยังก็เรื่องของกู!!”
เพื่อนร่วมห้องโต้ตอบด้วยเสียงกระซิบแบบฉุนเฉียว

‘เขาเป็นอะไรของเขาหนักหนาวะ เป็นมิตรกับคนอื่นไม่เป็นหรือไง?’ ชานนท์คิดในใจขณะล้างสบู่ออกจากตัวและใบหน้า   (หน้าที่อุตส่าห์รักษามาตั้งแพง จะต้องมาพังด้วยสบู่ถูตัวไหมเนี่ย? ชานนท์รู้สึกกังวลใจลึกๆ)

ในที่สุดชานนท์และเพื่อนร่วมห้องขาโหดของเขาก็เดินออกจากห้องน้ำพร้อมกันสำเร็จ แต่ก็ต้องโดนรุ่นนี่ทั้งสองบังคับให้แต่งตัวให้เสร็จภายใน 5 นาทีอีก คราวนี้เลยต้องหยิบอะไรที่ใกล้ที่สุดมาใส่ ไม่เคยต้องมาใส่เสื้อผ้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้มาก่อน แล้วยังคอนเซ็ปในการแต่งตัวที่วางแผนก็เละเทะไปหมด สุดท้ายวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกของกิจกรรมเตรียมเปิดเทอม ชานนท์เปิดตัวด้วยการแต่งกายสไตล์เด็กกะโปโลที่ขาดพ่อแม่ดูแล ส่วนเพื่อนร่วมห้องของเขา แค่หยิบอะไรมาใส่มั่วๆ แต่ทำไมมันยังดูดีอยู่วะ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้จัด ใช้มือลูบแบบลวกๆเหมือนกัน แต่กลายเป็นหนุ่มมาดเซอร์ เท่ไปอีก โลกมันยุติธรรมจริงๆ ชานนท์แอบบ่นในใจขณะเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนร่วมห้อง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 2.1)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-10-2018 09:27:52
โถ ลูกกกกก
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด บทที่ 2.2
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 08-10-2018 09:53:08

หลังจากโดนคุมเข้มให้เดินลงไปร่วมกิจกรรมที่ลานอเนกประสงค์หน้าอาคารเรียนที่อยู่ใกล้ที่สุด (คือประมาณ 500 เมตรได้) ทำให้รู้ว่าห้องของชานนท์ไม่ใช่ห้องเดียวที่โดนทำแบบนี้ หลายหัองที่ช้าก็จะโดนแบบนี้เช่นกัน แต่ก็มีหลายคนที่ได้เดินมาร่วมกิจกรรมอยู่ก่อนแล้ว

กว่าทุกคนจะมากันครบ ก็สายมากแล้ว เริ่มต้นกิจกรรมด้วยรุ่นพี่ที่เป็นประธานทำกิจกรรมต้อนรับรุ่นน้องเฟรชชี่ กล่าวทักทายและเกริ่นนำเนื้อหาในกิจกรรมครั้งนี้ ทำให้ชานนท์ทราบว่า เรื่องการให้นักศึกษามาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ถูกเขียนในประกาศที่แนบมากับหนังสือคู่มือนักศึกษาและหอพัก ชานนท์ได้แต่พึมพำโทษตัวเองที่ไม่ได้ใส่ใจอ่านประกาศเหล่านั้นเอง

กรี๊ด...... กรี๊ด..... ว้าย.....

เสียงกรีดร้องเบาๆ ที่ปนไปด้วยความตื่นเต้นของสาวๆ ในแถวที่ชานนท์ยืนอยู่ ทำให้เขาหลุดออกจากห้วงความคิดของเขาหันไปที่จุดสนใจข้างหน้า ที่ซึ่งประธานของกิจกรรมกำลังแนะนำตัวเองอย่างสุขภาพและทีมงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะชายหนุ่มรูปงามประธานกิจกรรม ที่มีกน้าตาจิ้มลิ้ม ขาวใสเหมือนนักร้องเกาหลี พอเขายิ้มทีไรสาวๆบริเวณที่ชานนท์ยืนอยู่ก็ส่งเสียงตื่นเต้นดีใจทุกครั้ง ชานนท์อยากมีช่วงเวลาแบบนี้บ้าง เขาคิด แต่เพราะการที่เขาเริ่มต้นมาไม่ดีอย่างนี้จะมีใครมาสนใจเขาไหมนะ?

เพียงครู่เดียวเท่านั้นนับจากเสียงตื่นเต้นของสาวๆ ที่ได้พบทีมงานหนุ่มรุ่นพี่หน้าตาดีหยุดลง เสียงแห่งความสงบนิ่งก็ได้มาเยือน เมื่อมีรุ่นพี่อีกกลุ่มในชุดชอปสีน้ำเงินเข้ม ได้เดินเข้ามาแทนที่ หน้าตาทุกคนที่มานั้นแม้จะคนมีหน้าตาดีอยู่หลายคนพอที่จะให้สาวๆ พูดพึมพำถึงอยู่เบาๆ แต่บรรยากาศที่แสดงออกมานั้นแตกต่างกันมาก พวกปีหนึ่งทุกคนถูกสั่งให้นั่งลงกับพื้นสนามที่เริ่มร้อนจากแดดยามสายที่สาดลงมาจากมุมอาคารเอนกประสงค์ ความร้อนระดับที่น่าจะทอดไข่ดาวสุกได้

“สวัสดีครับ!! พวกพี่ คือตัวแทน ปี 2 และ ปี 3 คณะวิศวะฯ พี่ๆ ขอต้อนรับพวกเราเข้าสู่กิจกรรมเพื่อการปรับตัวในรั่วมหาวิทยาลัย!! พี่จะขอแนะนำตัวตามนี้!! พี่ชื่อ ธนา!! หัวหน้าทีม ส่วนที่เหลือพี่จะให้แนะนำทีละคน!! เริ่มจากหัวแถวทางซ้าย..........” หลังจากนี้ก็เป็นการแนะนำที่ห้าวหาญและแข็งแรงจากรุ่นพี่ที่ยืนร่วมแถวหน้ากระดานทางด้านหน้าซึ่งมีจำนวนมากขนาดที่ชานนท์ไม่สามารถจำได้หมดทุกคน ซึ่งเป็นใครก็คงไม่สามารถจำได้หมดแน่โดยเฉพาะการแต่งตัวของรุ่นพี่กลุ่มนี้ที่ใส่เสื้อชอปมาเหมือนกันหมด

นับแต่การแนะนำตัวของสภาผู้นำเชียร์เกริ่นนำ บรรยากาศรอบๆ รู้สึกอึดอัดขึ้น รู้สึกแสงสว่างมันน้อยลง หายใจค่อนข้างลำบาก เหมือนมีสายตาอำมหิตจ้องจะกินเลือดกินเนื้อเราตลอดเวลา ช่วงแรกพวกรุ่นพี่ขาโหดพวกนี้ให้พวกรุ่นน้องปีหนึ่งแนะนำตัวทีละคน แต่ละคนถูกสั่งให้ยืนขึ้นทีละคนและประกาศแนะนำตัวเองให้เพื่อนๆทุกคนรู้จักและได้ยิน โดยเฉพาะพวกรุ่นพี่เสื้อชอปบางกลุ่มที่ยืนคุมอยู่ริมนอกไม่ได้ยินจะถูกแนะนำตัวใหม่จนกว่าจะได้ยินทั่วทั้งสนาม

หลายคนโดนซ้อมจนหน้าแดงไปหมดเพราะต้องตะโกนสุดเสียง คนที่ชีวิตแทบจะไม่เคยตะโกนอย่างชานนท์รู้สึกกังวลใจจนสั่นไปหมด

“นายๆ ไม่สบายหรือเปล่า?” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งตาโตน่ารักทักเขาขณะที่ชานนท์รู้สึกประหม่ากับการแนะนำตัวของคนที่นั่งอยู่แถวข้างๆ เขา ซึ่งมันใกล้จะถึงคิวเขาแล้ว เขากังวลจนสั่นไปหมด เสียงของหญิงสาวข้างๆ ทำให้เขา ดึงสติกลับมาเป็นปัจจุบัน

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับแค่ตื่นเต้นน่ะ” เขากลับไปตอบด้วยรอยยิ้มครึ่งเดียว วงหน้าของสาวผิวสีน้ำผึ้งที่น่ารักตรึงใจทำให้เขาลืมเรื่องแนะนำตัวไปพักหนึ่ง
“เห็นนายหน้าซีดแล้วก็ตัวสั่นๆ นึกว่าไม่สบาย ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว.... เราก็ตื่นเต้นเหมือน เรานึกว่าเป็นคนเดียวเสียอีก”
หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอ่อ..... เราชื่อ... นนท์นะ” ชานนท์อดไม่ได้ที่จะแนะนำตัว เพราะหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก
“เราชื่อเมย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ...” สาวเจ้าตอบมาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ชานนท์อยากยิ้มได้แบบนี้บ้าง มันทำให้โลกสดใส

“เฮ้ย!! พวกเอ็งนะ!! อย่าคุยกัน ฟังเพื่อนเขาแนะนำตัวด้วย!!!”
รุ่นพี่ขาโหดที่อยู่ไม่ไกลตะโกนข้ามหัวรุ่นน้องมาหลายแถว เสียงนั่นพุ่งเข้าหูชานนท์ จนทำให้เขาและเมย์รีบหันกลับไปสนใจเพื่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกลพวกเขาแนะนำตัวด้วยการตะโกนสุดเสียง

‘ว้ายๆ แก!!’ และเสียงพึมพำอีกมากมายเกิดขึ้นทันทีที่มีชายหนุ่มผิวขาว รูปร่างสัดทัด ตัวสูงลุกขึ้นยืน ชานนท์เห็นเพียงด้านหลังที่คลับคล้ายคับคลาว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน ชายหนุ่มยืดตัวตรงพร้อมแนะนำตัวด้วยเสียงที่กังวาลชัดเจน ทั่วทั้งบริเวณหันมาสนใจเสียงที่น่าฟังของเขาและหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งประหนึ่งฟังเจ้าป่าคำรามเพื่อนัดรวมฝูงของตน เสียงที่เป็นผู้นำตามธรรมชาติ

”ผม... นายวรุฒ ชาติสุวรรณไพศาล นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เอกวิศวะ คอมฯครับ ชื่อเล่นชื่อ รุฒ ยินดีที่ได้รู้จักครับ!!” ทันทีที่เขาแนะนำตัวจบ ชานนท์ก็จำได้ทันทีว่าคนนี้คือเพื่อนร่วมหัองของเขานั่นเอง แต่นามสกุลของเพื่อนร่วมห้องของเขาช่างรู้สึกคุ้นเคยเสียเหลือเกิน

“ว้าย!! ข่าวลือที่ว่าก็จริงน่ะสิ!!” เสียงหญิงสาวนางหนึ่งใกล้ๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ใช่ๆ ใช่ไหมล่ะแก?” เสียงหญิงสาวในแถวข้างๆกันพูดตอบกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“อะไรเหรอพวกเธอ? ทำไมดูตื่นเต้นกันจัง” เมย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ชานนท์เอี้ยวไปถามจากสาวๆที่ดูตื่นเต้นออกนอกหน้ากลุ่มนั้น
“จะไม่ตื่นเต้นได้ไง! นี่เธอไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?” สาวคนใหม่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลตอบกลับพร้อมคำถาม ส่วนเมย์ได้แต่ทำหน้างงๆ ใส่สาวเหล่านั้นและสั่นหน้าเป็นคำตอบ
“นามสกุลไงเธอ! นี่เธอไม่รู้จักเขาจริงๆ น่ะ?” สาวที่กรี๊ดขึ้นมาคนแรกแขวะอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบ แต่ก็ได้ปฏิกิริยาเดิมตอบกลับมาจากเมย์
“เฮ้อ!! เธอไปอยู่ไหนมาเนี่ย? ตระกูลเนี่ย เขาเป็นทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดังมากมายนะ โดยเฉพาะพ่อของคุณรุฒคนเนี่ย เคยเป็นคณะรัฐมนตรีมาก่อน แถมยังเป็นนักธุรกิจที่รวยติดอันดับท้อปของประเทศเลยนะ!!” สาวคนที่สองพูดต่อทันทีพร้อมทำหน้าเอื่อมระอากับความไม่รู้ความของเมย์ ซึ่งเมย์ก็ทำได้แค่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเป็นการขอบคุณสำหรับข้อมูล

“โห... ขนาดนั้นเลย รวยขนาดนั้นทำไมถึงต้องมาอยู่หอพักเก่าในมอล่ะ” ผมเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ออกมาจากความนึกคิดด้วยเสียงพูดอย่างไม่ตั้งใจ เพราะหากมีกำลังทรัพย์มากขนาดนี้ สามารถไปเช่าหอใหม่ในมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ทางฝั่งใต้ของมหาวิทยาลัยได้เลย หอนั่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและสามารถเลือกอยู่คนเดียวได้ด้วย แต่แลกมาด้วยค่าเช่าที่แพงมาก (สมเป็นมหาวิทยาลัยไฮโซ) ส่วนหอเก่าทางฝั่งนี้ก็เหมาะพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างชานนท์และคนระดับกลางที่จะมาอยู่กันโดยเฉพาะเด็กรับทุนการศึกษาทั้งหลายที่มหาวิทยาลัยจัดให้มาอยู่ที่นี่

“ว้าย!! นายว่าไงนะ!!” สาวคนที่อยู่ใกล้ผมที่สุดแทบจะโผเข้ามาหาผมทันทีที่ผมหลุดพูดจบประโยค
“เอ่อ... เขาพักอยู่....อยู่หอพักเก่า....” ชานนท์ทวนคำพูดตัวเองด้วยท่าทางงงๆ

“เฮ้ย!! ไอ้กลุ่มตรงนี้อีกแล้ว จะต้องโดนทำโทษก่อนไหม? ถึงจะอยู่กันเงียบๆ เป็น!!” รุ่นพี่ขาโหดคนเดิมเดินมาชี้นิ้วมาทางกลุ่มของชานนท์เลยทำให้กลุ่มสนทนาแตกกระจายไปอยู่ที่ใครที่มัน

ชานนท์กลับมานั่งคิดในใจว่าเพื่อนร่วมห้องของเขานี่ดังขนาดนี้เลยหรือนี่? แล้วเขาล่ะ ความฝันที่เขาอยากจะมาเป็นเดือนมหาวิทยาลัยมันคงจะริบหรี่ หากเทียบกันแล้ว ผมมันก็แค่คนหน้าตาปานกลาง ฐานะทางบ้านปานกลาง ถึงแม้จะเรียนเก่ง แต่หากเทียบกับเพื่อนร่วมห้องของเขาแล้ว มันเหมือนเอากองไฟไปเปรียบกับแสงอาทิตย์เลยนะ แค่คิดก็รู้สึกท้อแท้ใจแล้ว ชานนท์ได้แต่ก้มหน้าท้อแท้จนลืมไปว่าเขากำลังจะต้องลุกขึ้นแนะนำตัวเองจนโดนรุ่นพี่เดินมาจิ้มหัวถึงที่เขานั่ง เขาลุกขึ้นมาด้วยความตกใจและร้องเสียงหลง....

...........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 2.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-10-2018 19:26:26
+เป็ด
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด บทที่ 2.3
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 13-10-2018 09:51:42

...........................

ในที่สุดการแนะนำตัวของนักศึกษาใหม่ทั้งหมดก็จบลง วันนี้ชานนท์เริ่มต้นได้ไม่ดีเลย ทั้งการแต่งตัว ทั้งการแนะนำตัวที่ขาดพลัง (ดูจะเป็นตัวตลกให้เพื่อนๆหัวเราะในความไม่พร้อมของตัวเองเสียด้วยซ้ำ) แล้วไหนจะมาเจอคนที่โดดเด่นอย่าง ‘วรุฒ’ เพื่อนร่วมห้องของเขามาแย่งซีนไปเสียทุกเรื่อง วรุฒเป็นจุดสนใจของผู้คนไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาก็ได้รับการสนใจจากสาวๆ ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ในบริเวณนั้น

กิจกรรมต่อจากนั้นเป็นการเล่นเกมจดจำชื่อเพื่อนซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ให้เริ่มจำชื่อเล่นเพื่อนให้ได้ทุกคนในระยะเวลาแค่ห้านาที รุ่นพี่ที่ดูแลแต่ละกลุ่มจะทำการสุ่มให้ทุกคนบอกชื่อเล่นเพื่อนคนละห้าชื่อ และเปลี่ยนกลุ่มไปเรื่อยๆ จนครบห้ากลุ่ม ใครผิดจะโดนเขียนแก้มด้วยปากกาเมจิกสีแดง ชานนท์ทำได้ไม่ดีนักเพราะความตื่นเต้นของเขา พอสิ้นสุดกิจกรรม ชานนท์และเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งโดนเรียกออกมาทำโทษให้เต้นด้วยท่าทางชวนขบขันอยู่หน้าแถวตามคำสั่งของรุ่นพี่โดยมีเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันร้องเพลงให้เต้นตามจังหวะอย่างสนุกสนาน

ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นของเขา ‘วรุฒ’ ถูกเชิญออกมาให้มารับรางวัลเนื่องจากใบหน้าที่ไร้รอยขีดเขียนอะไรเลย นั่นแปลว่า วรุฒสามารถจำชื่อเล่นได้ทุกคนและตอบได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

‘สุดยอด’ ชานนท์คิดขณะนั่งหน้าแดงจากอาการเหนื่อยล้าจากการเต้น และความอายที่ไปทำอะไรตลกๆ อย่างนั้นต่อหน้าทุกคน วันแรกของเขากับเพื่อนร่วมห้องของเขาช่างต่างกันเหลือเกิน คนที่ไม่ว่าทำอะไรก็เด่นดังไปเสียทุกอย่างช่างต่างกับคนที่พยายามทำเพื่อได้มันมาเสียจริงๆ

กิจกรรมต่อจากนั้นก็เป็นกิจกรรมฝึกร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยและฝึกท่าเข้าจังหวะการโยกตัวตามการร้องเพลงบูมของคณะฯ  ชานนท์ก็ไม่ได้เข้าใจหรอกนะว่าทำไมถึงต้องให้ร้องตะโกนเต็มเสียงและโยกศรีษะจนหัวแทบจะหลุดลงไปกองกลับพื้น ทุกครั้งที่ทำชานนท์ก็ต้องระวังแว่นอันใหม่ที่เขาอุตส่าห์ถอนเงินเก็บไปถอยมา แว่นราคาหลักหมื่นที่ขับให้หน้าตาเขาดูดีขึ้น

แสงสุดท้ายลับขอบฟ้าไปเพียงชั่วครู่ ยามค่ำได้มาเยือนที่แห่งนี้ เสียงนกกาต่างโบยบินกลับรัง ร้องเสียงดังจากที่ไกลๆ ไปทั่วบริเวณ ในที่สุดก็สิ้นสุดกิจกรรมที่เหมือนจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเขาเลย นอกจากเหนื่อยจนหมดแรง สิ่งเดียวที่เขารู้สึกดีกับการเข้าร่วมกิจกรรมนี้คือ อย่างน้อยเขาก็รู้จักสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ‘เมย์’ เขาเผลอยิ้มออกมาขณะเอ่ยชื่อของเธอออกมาจากปากเบาๆ

“คะ? เรียกเราเหรอ?” เสียงหญิงสาวดังขึ้นที่ด้านข้าง ทำเอาเขาสะดุ้งถอยห่างมาครึ่งก้าว
“ขี้ตกใจเกินไปนะนายน่ะ” เมย์เดินเข้ามาโน้มศรีษะมาหาเขาในระยะประชิด จนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายพัดผ่านมากระทบกายเขา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงเป็นครั้งแรกของชีวิต

“ก็....ก็เธอมาเงียบๆ” ชานนท์ตอบกลับไปอย่างทุลักทุเลและแก้มที่เริ่มแดงสุกได้ที หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นเร็วไม่หยุด หรือนี่คือความรัก มันมาจู่โจมใส่เขาโดยที่เขาไม่ได้ทันตั้งตัวขนาดนี้เลย ‘เร็วไป’ ชานนท์คิดด้วยใจที่สั่นระรัว

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายเนี่ยเหมือนชิวาว่าที่บ้านเราเลย” เมย์ตอบกลับกึ่งหัวเราะด้วยท่าทางชวนขันของชานนท์
“ว่าเราตัวเล็กสินะ” ชานนท์ตอบไปด้วยน้ำเสียงปึงปัง เพราะมันเป็นปมด้อยของเขาเสียแล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ และมองเมย์กลับด้วยสายตาค่อนคอดเพราะความสูงของเมย์กับเขาก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
“เปล่าๆ เธอนี่ขี้ใจน้อยดี เราบอกว่าท่าทางนายน่ารักดีน่ะ”
เมย์ตอบกลับมาด้วยท่าทางยิ้มแย้มเช่นเคย
“เอ่อ...ฮ่าฮ่าฮ่า ชักอยากเห็นชิวาว่าบ้านเธอแล้ว แสดงว่าน่ารักมาก?” ชานนท์รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
“ก็น่ารักนะ แบบตัวเล็กๆ ตาโตๆ ขาโก่งๆ อ้วนๆ เตี้ยๆ ล่ำๆ ประมาณนั้น” เมย์ทำท่านึกขณะพูดไปด้วย
“นี่เมย์กำลังชมเราอยู่จริงๆ ใช่ไหม?” ชานนท์เริ่มมองเมย์ด้วยสายตาไม่น่ารักเสียแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า  ..... เราล้อเล่นน่า”
“เออ.... ให้มันจริง!!” ชานนท์โต้ตอบไปอย่างประชดประชันจนทำให้ทั้งคู่หันมาหัวเราะพร้อมกัน ปกติชานนท์เป็นคนคุยไม่เก่ง แต่เมย์เป็นคนที่คุยด้วยแล้วปล่อยให้ผู้สนทนาผ่อนคลายได้ ชายนท์เลยพูดคุยได้โดยไม่เคอะเขิน ทั่งที่เป็นการสนทนากันครั้งแรก

“เมย์กลับหอทางนี้เหมือนกันเหรอ?” ชานนท์ชิงถามก่อนที่บรรยากาศจะเงียบหลังเสียงหัวเราะซาลง
“อืม! ใช่ นั่นไง ตึกนั่นไง!” เมย์ชี้ไปทางตึกที่อยู่ไกลออกไปอย่างกระตือรืนร้น
“อ้าว!! อยู่ใกล้กันเลย” ชานนท์รู้ดีใจขึ้นมานิดหน่อยในความบังเอิญนี้ เมย์ก็เป็นคนใช้ได้นะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจดี หรือมันเป็นพรหมลิขิต!
“งั้นเรามาเดินพร้อมกันทุกวันก็ได้สิ ดีเลย ทางมันเปลี่ยวไม่ค่อยอยากเดินคนเดียวเลย” เมย์พูดขึ้นในขณะที่มีนักศึกษาที่เลิกจากกิจกรรมต้อนรับน้อง เดินมาตามบาทวิถีอย่างประปราย แม้มีคนไม่มากแต่ก็ไม่ถึงขั้นเปลี่ยว
“ได้...ได้สิ ไหนๆ ก็กลับทางเดียวกัน” ชานนท์พูดอย่าลิงโลด เขารู้สึกได้เลยว่าแก้มเขากำลังจะปริแตกจากอาการฉีกยิ้ม
‘ผู้หญิงชวนก่อนขนาดนี้ ต้องมีใจให้เราแน่นอน’ ชานนท์หยุดคิดแบบนี้ไม่ได้จริงๆ

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!”  เสียงตะโกนที่คุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ชานนท์รีบหันกลับไปดูที่ต้นเสียงทันที
“รุฒ นายจะตะโกนทำไมวะ” เพื่อนตัวสูง หน้าตาดี เพื่อนร่วมห้องที่ข่มรัศมีเขาทุกอย่างนั่นเอง
“กูหามึงตั้งนาน แอบมาจีบสาวอยู่ตรงนี้เอง เออ!! กูขอยืมคีย์การ์ดหน่อย จะเข้าไปเอากุญแจรถ กูจะออกไปข้างนอก” วรุฒพูดกลับด้วยเสียงที่แข็งกร้าวตามเดิม
“โอเคๆ เดินไปด้วยกันสิ เราก็กำลังจะกลับห้อง อีกอย่างเราไม่ได้ห่วงแต่จีบสาว นี่เมย์ เพื่อนที่คณะฯ ไง”  ชานนท์พยายามสุภาพ
“เออๆ แต่กูไม่เอาน่ะให้เดินตามขาสั้นๆ อย่างมึง เมื่อไหร่กูจะถึง เอาคีย์การ์ดมา เดี๋ยวกูฝากไว้ที่ รปภ. หน้าตึก” วรุฒยังคงใช้ถ้อยคำประมาณเดิมตอบโต้ใส่
“โอเคๆ ก็ได้ เอานี่” ชานนท์พูดพลางควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋าเป้ยื่นให้วรุฒ
“เออ!! แค่นี่ล่ะ ยึกยักอยู่ได้!! แล้วก็..กูกับมึงยังไม่ได้สนิทกันมาก ไม่ต้องเรียกชื่อเล่นกูเสียสนิทขนาดนั้น! เข้าใจไหม! มึงมารอรับคีย์การ์ดที่หน้าหอ เดี๋ยวกูเอาลงมาให้!”
แล้ววรุฒก็บึ่งวิ่งไปข้างหน้าผ่านชานนท์และเมย์ที่ทำหน้าอึ้งๆ กับการสนทนาของเทพบุตรในฝันของหลายๆคน

“นี่.... นนท์อยู่ห้องเดียวกับเขาเหรอ?” เมย์อ้ำอึ้งก่อนจะถามออกมาขณะเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“อืม! ใช่....” ชานนท์ตอบไปพลางมองไปข้างหย้าที่เห็นเพื่อนร่วมห้องวิ่งหายลับไป
“เขาเป็นอะไรมากไหมเนี่ย?” เมย์ทำท่าฮึดฮัดใส่ทางข้างหน้า
“อืม... ก็ทุกครั้งที่เจอกัน เป็นคนไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เลย!!” ชานนท์กระแทกเสียงใส่ท้ายคำแบบหงุดหงิด
“เราก็นึกว่าเขาจะน่ารักกว่านี้?” เมย์เอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย
“นั่นสิ! ทุกอย่างดีหมดยกเว้นเรื่องนี้แหละ” ชานนท์เสริม
“สงสัยต้องแสดงความเสียใจกับพวกชะนีแฟนคลับของเขาแล้วล่ะ นิสัยแบบนี้ชอบไปก็เสียความรู้สึก!!”
“แฟนคลับ???” ชานนท์มองไปที่เมย์ด้วยความสงสัย
“ก็นี่ไง! ยัยพวกที่นั่งใกล้ๆ พวกเรา บังคับให้เข้ากลุ่มไลท์แฟนคลับ ‘วรุฒหนุ่มคิ้วท์คณะวิศวะฯ’ ดูดิ” เมย์พูดพลางยกหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงชื่อกลุ่มประหลาดๆ แบบนั้น ชานนท์ไม่เข้าใจนิสัยผู้หญิงเท่าไหร่กับการทำอะไรแบบนี้เลยได้มองไปด้วยสีหน้างงๆ
“งงอ่ะดิ ผู้หญิงพวกนี้ก็เร็วเหลือเกิน เราเป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกแปลกใจเลย!!” เมย์พูดกึ่งขบขัน
“แปลกดีเนอะ!” ชานนท์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับคิดไปว่าจะมีใครทำแบบนี้กับตัวเองบ้างไหนเนอะ
“อย่าคิดว่าอยากมีแบบนี้บ้างนะ!! เพราะความเป็นส่วนตัวมันจะหายไปเลย แล้วนายเองก็จะย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ด้วย!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะขณะคิดว่าผูหญิงคนนี้ต้องอ่านใจคนเป็นแน่เลย เพราะไม่ว่าเขาจะคิดอะไร เธอก็สามารถพูดดักทางได้ถูกไปหมด ถ้ามันจะบังเอิญ มันก็จะบังเอิญมากไปหน่อย

ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาจนถึงหอพักชาย ‘ตึกเทาม่วง’ ในขณะที่ชานนท์มองหาเพื่อนร่วมห้องของเขาไม่เจอที่หน้าตึก เขาหยุดเท้าแล้วคิดลังเลว่าจะยืนรอหรือเดินไปส่งเมย์ที่หอพักหญิงซึ่งอยู่ไกลลออกไปอีกประมาณสองช่วงตึกดี สายตาก็ไปปะทะกับหนุ่มไฮโซสุดหล่อที่แต่งตัวเต็มยศ เดินกึ่งวิ่งออกมาจากหอพัก

“เอ้า! ไอ้เตี้ย รับนะ” วรุฒล่อนคีย์การ์ดมาทางชานนท์อย่างไม่สนใจ ส่วนชานนท์ได้แต่ทำท่าทุลักทุเลรับคีย์การ์ดที่ล่อนถลาไปมาจนตกถึงพื้น โชคดีที่มันไม่ได้กลิ้งลงท่อน้ำข้างถนนไป

“นี่นาย!! มันจะเกินไปแล้วนะ รู้จักให้เกียรติคนอื่นบ้างสิ นอกจากจะไม่ขอบใจแล้ว ยังมาทำอะไรแบบนี้อีก!!” เมย์ซึ่งตอนนี้เลือดขึ้นหน้า ปรอทแตกพุ่งเข้าไปหาวรุฒและพยายามกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายที่อยู่สูงเกินเอื้อมจนไปคว้าได้แค่สาบเสื้อช่วงกระดุมเม็ดที่สอง

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!” วรุฒมองมาทางชานนท์ด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง “ยัยทอมเพื่อนแกนี่ดูดีๆก็น่ารักดีนะ” วรุฒใช้มือที่ใหญ่โตนั่นคว้าแขนของเมย์เบาๆ “น่าสนใจดี เดี๋ยวกูจะทำให้หายเป็นทอมเองเอาไหม? มึงจะได้จีบติดไง!!” สายตาที่น่ารังเกียจของชายที่มีสายตาที่อยู่สูงขึ้นไปทำให้เมย์ขนลุกจนรีบสะบัดมือให้หลุดและถอยออกห่างหนึ่งก้าวเต็มๆ

“โธ่.... นึกว่าจะแน่!! ดีนะเสื้อกูไม่ขาด กระชากเสียแรงขนาดนั้น รู้ไหมเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่?” วรุฒพูดพลางใช้มือทั้งสองข้างของเขาปัดและจัดทรงเสื้อให้กลับมาเนี้ยบอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหลังเดินไปขึ้นรถสปอร์ตสีแดงคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล

“นี่ๆ นนท์.... นายไม่คิดจะย้ายห้องบ้างเหรอไง?” เมย์พูดขึ้นหลังจากใช้มือตบที่กลางอกนูนเน้น ที่ไม่สมท่าทีห้าวหาญของเธอเบาๆ ชานนท์ก็คิดอยู่เหมือนกัยว่าเธอห้าวเกินหญิงแต่ก็ไม่น่าจะเป็นทอมเพราะความอ่อนหวานของสายตาเธอ และเธอก็ไม่ได้มีท่าทีชื่นชมผู้หญิงด้วยกัน
“คิดตลอดเวลาตั้งแต่เจอไอ้มาเฟียนั่น! แต่เราเป็นเด็กทุนฯ น่ะ เลือกมากไม่ได้” ชานนท์พูดขณะที่เขี่ยการ์ดไปมา “ห้องนั้นมันห้องสำหรับนักศึกษาที่ได้ทุนฯ ไม่รู้ว่าคนแบบนี้มันมาอยู่ห้องนี้ได้ยังไง?” ชานนท์บ่นอุบอิบต่อท้าย

“เอาน่าๆ ทนหน่อย เราก็เด็กทุนฯ เหมือนกัน! เราศึกษามาแล้ว หากอยู่ครบปี สามารถขอเปลี่ยนห้องได้!” เมย์ตบไหล่เขาเบาๆ
“จริงน่ะ!” ชานนท์ตอบด้วยท่าทางที่เห็นเสียงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมง
“จริงสิ” เมย์ทำเสียงตื่นเต้นตามไปด้วย
“แต่....ตั้งหนึ่งปี! เราต้องตกนรกตั้ง 1 ปีเชียว”
“เฮ้อ...... สู้เข้าทาเคชิ!!” เมย์กำหมัดชูขึ้นมาเหนืออก
“เมย์... เธอรู้ไหมว่า มุกที่เธอเล่นนี่เก่ามากเลย” ชานนท์ทึ่งกับอากัปกิริยาของหญิงห้าวตรงหน้า
“อ้าว....เหรอ....ฮ่าฮ่าฮ่า......” เมย์หัวเราะจึ้นมาทำให้บรรยากาศเมื่อครู่มลายหายไป ชานนท์รู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีเรื่องที่ทำให้เขายิ้มได้ การมีเพื่อนต่างเพศนี่มันสุดยอดจริงๆ

............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด บทที่ 2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-10-2018 08:30:02

หลังจากชานนท์กลั้นใจกล้าชวนเมย์ เพื่อนต่างเพศคนแรกของเขาไปกินข้าวได้สำเร็จ ชานนท์ก็กลับมาเพ้อถึงรอยยิ้มของเมย์อยู่พักใหญ่ที่โต๊ะหนังสือยามดึก
“ไม่ได้ๆ กลับมาๆ” ชานนท์บอกตัวเองด้วยการตบหน้าตัวเองเบาๆ หลังจากใจลอยออกจากหนังสือเตรียมการเรียนสำหรับเทอมใหม่ตรงหน้า เขาตั้งปณิธานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่เสียการเรียนเพื่อรักษาทุนการศึกษาไว้ และเรื่องความรักที่เขาอยากสัมผัสถึงความรู้สึกนั่นสักครั้งก็ต้องบรรลุเช่นกัน เขาต้องทำให้ได้!

แต่ความรู้สึกดีๆ เวลาที่ได้อยู่กับเมย์นี่.... เรียกว่าความรักได้ไหมนะ ความคิดของชานนท์ไหลออกนอกบทเรียนอีกครั้ง

ปึงๆๆๆ

เสียงเหมือนใครใช้เท้ากระทืบประตูอย่างแรงหลายครั้งติดต่อกัน ชานนท์สะดุ้งหลุดออกจากความคิดแบบเฉียบพลัน ด้วยความตกใจชานนท์เผลอคว้าของใกล้ตัวเผื่อว่าจะใช้เป็นอาวุธยามฉุกเฉินได้

ปึงๆๆๆๆ

เสียงกระแทกประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชานนท์เริ่มตั้งสติได้ และยืนยันแน่นอนแล้วว่าเสียงนี้ดังมาจากประตูห้องตัวเองแน่ๆ เขาเดินไปที่ประตูพร้อมกับสิ่งที่อยู่ในมือ

“นี่ๆ น้อง แน่ใจนะว่าห้องนี้ไม่เห็นมีใครมาเปิดเลย”
เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นแว่วมาจากอีกด้านของประตู
“ใช่สิ!!” เสียงผู้ชายที่คุ้นหูดังแว่วต่อมา แต่ความอู้อี้ของเสียงทำให้เขาไม่แน่ใจ ชานนท์รีบเปิดประตูออกอย่างเร็วทั้งที่มือยังเงื้อขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว กำสิ่งที่เขาก็ไม่รู้ว่าอะไรในมือค้างไว้อย่างนั้น

“อ้าว! ไอ้เตี้ย ยังไม่นอนแล้วทำไมไม่รีบเปิดวะ! แล้วมึงกำกล่องดินสอเอาไว้ทำไม?’  วรุฒพูดทักเขาด้วยท่าทางงัวเงียและอ่อนแรง เขายืนแอบอิงกับผู้หญิงที่แต่งตัวกึ่งเปลือยพยุงตัวเขาอยู่

“เอ่อ... ไม่มีอะไร และทำไมกลับเสียดึกขนาดนี้?” ชานนท์พุดพลางชะโงกหน้าออกมานอกห้องเพื่อดูว่ามีใครออกมาดูเพราะเสียงดังที่เพื่อนร่วมห้องเขาทำไว้หรือไม่ แล้วความโล่งอกก็วิ่งเข้ามาที่เขาเพราะภายนอกนั้นเงียบสงบ ไม่มีใครออกมาพบพวกเขาเลย
“เข้ามานี่ก่อนมาเร็ว ...โห.... นี่ไปตกตังเหล้ามาเหรอเนี่ย? ทำไมเหม็นเหล้าหึ่งขนาดนี้?” ชานนท์พูดขึ้นขณะเดินไปคว้าตัวผู้ชายตัวใหญ่ที่อ่อนแรงจากการเมาจนเกือบหมดสติตรงหน้า

”มึงเป็นแม่กูหรือไง? มีปัญหาอะไรกับการกินเหล้าของกู?” วรุฒยังคงโวยวายใส่ชานนท์ได้อยู่อย่างไม่ลดละ ทั้งที่หน้าหลุบต่ำลงดิน
“น้องๆ เร็วเหอะ พี่ไม่ไหวแล้ว! เอาเพื่อนเธอไปพี่จะได้กลับบ้านแล้ว” หญิงสาวที่ดูมีอายุมากกว่าพวกผมนิดหน่อยพูดขึ้น
“อ้าว! ไหนว่าเราจะไปสนุกกันต่อไง” มือวรุฒเอี่ยวเกี่ยวพันผู้หญิงนุ่งสั้นที่ยืนอยู่ใกล้เขา จนหญิงสาวรู้สึกรำคาญ
“น้องคะ! นั้นมันก่อนที่พี่จะรู้ว่าเธอมีเพื่อนอยู่ในห้องด้วย พี่ไม่ชอบทำเรื่องอย่างว่าโชว์นะคะ” หญิงสาวคนนั้นใช้มือแยกมือปลาหมึกของวรุฒออกจากตัว และพยายามจัดชุดเกาะอกที่เกือบจะหลุดให้เข้าที่
“น้องพาเพื่อนน้องเข้าไปนอนได้แล้ว!! พีไปก่อนนะ คนอะไร หล่อก็หล่ออยู่ แต่พอเมาแล้วไม่ไหวเลย!!” หญิงสาวหยิบกระจกขึ้นมาส่องสำรวจหน้าตาตัวเองและยิ้มให้กระจกแบบเซ็กซี่ ทำให้ชานนท์ที่ยืนอยู่เผลอเคลิ้มไปกับสาวหุ่นดีนุ่งห่มน้อยชิ้นตรงหน้า
“มันไม่ใช่เพื่อน!! กูไม่รู้จักมึง!” วรุฒเริ่มโวยอีกครั้ง
“เออๆ เอาเหอะคะ วันหลังน้องสติดีๆค่อยมาหาพี่ก็ได้ พี่ไปเที่ยวที่นี่บ่อย แล้วเจอกันนะจ๊ะ” หญิงสาวในชุดเกาะอกจูบลาที่หน้าผากชายขี้เมาเบาๆ ก่อนที่จะขยิบตาให้ชานนท์แล้วเดินจากไป ชานนท์รู้สึกตื่นเต้นตัวร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากที่หญิงสาวเดินจากไปเพียงครู่ วรุฒก็ทิ้งตัวเองที่พื้นเหมือนหุ่นเชิดถูกตัดเชือกที่ตรึงไว้ขาดลง ทำให้น้ำหนักทั้งหมดกดลงมาที่บ่าของชานนท์ทั้งสองข้าง เข่าของเขาเบียดชนกันทรุดลงไปเล็กน้อยและมีความสั่นเทา
“หนักฉิบหาย!” ชานนท์แอบสบถออกมาเสียงดัง ในขณะที่คนตัวใหญ่ยังเมาไร้สติทิ้งตัวลงที่เขาแบบไร้เรี่ยวแรง ชานนท์ต้องค่อยๆพาร่างที่พยุงเพื่อนร่วมห้องของตนเองอย่างทุลักทุเล กว่าที่ชานนท์จะพาร่างที่ใหญ่โตกว่าตัวเองเกือบสองเท่าไปที่เตียงนอนใหม่เอี่ยมที่มุมห้องด้านในก็ใช้เวลานานโข
“ทำไม.....ทำไม..... ?” ชายไร้สติเพราะของมึนเมาละเมอออกมาหลังจากหัวถึงหมอนอย่างสวัสดิภาพ

ชานนท์ถอนหายใจและยืนมองร่างที่ไร้สติตรงหน้าอย่างเวทนา ‘อะไรที่ทำให้ชายที่สมบูรณ์แบบเมาขาดสติได้ขนาดนี้...........

...................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด บทที่ 3 ส่วนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-10-2018 08:39:06
บทที่ 3

519 living in hell?

แสงสว่างยามเช้าวิ่งปราดเข้าสู่ห้องนอนสี่เหลี่ยมผื่นผ้าสีฟ้าหม่น ชานนท์ตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลียและมีอาการปวดเหมื่อยตามไหล่และท้องแขน ‘คงเพราะยกของหนักเมื่อคืน’ เขาคิดกับตัวเองในใจพลางใช้มือบีบนวดจุดที่ปวดต่างๆ อย่างนุ่มนวล ชานนท์ลุกขึ้นมานั่งที่ข้างเตียง บิดตัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความเกียจคร้านออกไป เช้าวันใหม่ที่มีกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่รออยู่ในช่วงสายของวันนี้ แค่คิดถึงสิ่งที่จะต้องเจอในวันนี้ทำให้หนังตาของชานนท์รู้สึกหนักอึ่งขึ้นมาทันที

ชานนท์ลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ เพื่อทบทวนหนังสือช่วงเช้าต่อจากเมื่อคืน การก้าวเดินไปห้องน้ำทำให้เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานขึ้นมาทันที ชานนท์เหลือบไปที่อีกฝากของห้องอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยังคงนอนหลับอย่างไรสติอยู่บนเตียงที่เขาเป็นพาร่างนั้นไปจัดวางอย่างบรรจง ไม่น่าเชื่อว่าไอ้มาเฟียที่เกรี้ยวกราดคนนั้นเวลานอนจะดูเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ รูปหน้าและวงตาที่หลับสนิท คมคิ้วและสันจมูก มันได้รูปอย่างลงตัว นี่มันรูปปั้นนายในวรรณคดีชัดๆ แค่ได้มองรูปหน้านิ่งๆ แค่นี้ก็ทำให้ชานนท์ถึงกับใจสั่นหวั่นไหวไม่แพ้สวยสวยทรงโตเซ็กซี่เมื่อคืนเลยทีเดียว ผู้ชายคนนี้มีแรงดึงดูดทางเพศที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ชานนท์ดึงความคิดตัวเองกลับมาจากวงหน้าที่น่าหลงไหลนั้นด้วยการส่ายหน้าซ้ายขวาเบาๆ และดึงตัวเองเดินไปห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล

แสงแดดในห้องเริ่มร้อนขึ้นมาก ชานนท์เดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพที่พร้อมจะแต่งตัว แม้ผมเผ้าจะยุ่งเหยิงสักหน่อยเพราะในห้องน้ำไม่สว่างพอที่จะแต่งหล่อให้เสร็จสมบูรณ์ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มพัฒนาบุคลิกภาพ เขาก็ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปกติมาก เพราะอยากจะรักษาในสิ่งที่เขาไปทำมาในช่วงปิดภาคเรียน ทั้งรักษาสิวและดูแลผิวหน้า แม้จะเทียบกับไอ้เทพบุตรที่มันนอนเหมือนตายอยู่ที่มุมห้องอีกด้านหนึ่งไม่ได้ แต่ชานนท์ก็พอใจทุกครั้งที่เขาส่องกระจก

ระหว่างที่ชานนท์กำลังประทินผิวหน้าด้วยครีมบำรุงผิวต่างๆ จากแพทย์ที่คลินิกดังต่างๆ เขารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองเขาอย่างตึงเครียด บรรยากาศรอบๆตัวเขาเปลี่ยนไปในทันที  เขาจึงรีบหันกลับไปที่ต้นตอดังกล่าว

ชานนท์สะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาหันกลับไปพบกับวรุฒเพื่อร่วมห้องของเขาที่นั่งใช้มือชันคางอยู่เตียงของเขาเอง และทอดสายตามาทางชานนท์อย่างทมึนถึง ดวงตาที่เกรี่ยวกราดนั่นเองที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป

“เอ่อ.... อรุณสวัสดิ์........ นายตื่นแล้ว....... เราปลุกนายหรือเปล่า...???” ชานนท์ต้องพูดอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่บรรยากาศจะตรึงเครียดไปกว่านี้ แต่ในขณะที่ชานนท์พูดจบประโยคไปแล้ว วรุฒยังคงนิ่งและจ้องกลับมาอยู่อย่างนั้นจนเหมือนเขาเป็นรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนจริงมากๆ ชานนท์รู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆจึงยอมถอยกลับไปส่องกระจกที่โต๊ะหนังสือและดูแลหย้าของตนเองต่อไป

“มึงเป็นคนพากูเข้ามานอนที่เตียง?” เสียงหนึ่งดังขึ้นในระยะที่ใกล้มาก จนเหมือนโดนลมจากปากกระแทกที่ท้ายทอยเลยทีเดียว ชานนท์ตกใจกับที่เกิดขึ้นจึงรีบหันหลังกลับไปทางต้นเสียง เขาต้องตกใจซ้ำซ้อนเมื่อภาพแรกที่เจอกลับเป็นเพื่อนร่วมห้องตัวสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในระยะประชิด ในสภาพที่ชานนท์นุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวมันเลยทำให้เขารู้สึกอึดอัดนิดหน่อย

“เอ่อ... ใช่” ชานนท์ตอบกลับไปพร้อมก้าวถอยหลังไปจนชิดโต๊ะหนังสือ
“มึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กูด้วย” ชายร่างยักษ์ยังคงยืนตระง่านค้ำหัวของชานนท์อยู่อย่างนั้น
“ใช่ๆ ก็มันเปียกและเหม็นเหล้าไปหมด”
”แล้ว... มึง..... เช็ดตัวให้กูด้วย?”
“ก็ไหนๆ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว..... ก็เลยทำความสะอาดให้ด้วยนิดหน่อย นายจะนอนทั้งๆที่ทั้งเหล้าทั้งอ้วกเลอะอยู่อย่างนั้นเหรอ?” ชานนท์ตอบด้วยสีหน้าปกติเพราะเขามักจะคอยช่วยเหลือคนประเภทนี้อยู่บ่อยๆ ทำจนมันเป็นความเคยชิน
“...................” วรุฒไร้คำพูดใดๆ เขาได้แต่ทำสีหน้าที่ชานนท์เองก็อธิบายไม่ถูกว่ามันคืออะไร อาย? โกรธ? ไม่พอใจ? สำนึกขอบใจ? มันอึดอัดจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
“ไม่เป็นไร เราทำแบบมืดๆ ไม่เห็นอะไรเท่าไหร่หรอก?” ชานนท์รีบพูดอะไรออกไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่หนักอึ้ง แต่แทนที่จะได้รับการโต้ตอบอย่างเจ็บปวดแบบทุกครั้งที่วรุฒจงใจทำ เขากลับหันหลังกลับไปนอนที่เดิมพร้อมเอ่ยขึ้นพึมพำที่พอจะจับใจความได้ประมาณว่า ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ทีหลังไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก!”

ชานนท์รู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่เพื่อนร่วมห้องของเขาไม่ได้แม้แต่จะพูดขอบคุณหรือปฏิบัติกับเขาดีขึ้นเสียเท่าไหร่แต่ก็เป็นสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว แม้จะแอบหวังอยู่เล็กน้อยว่าวรุฒจะทำตัวกับเขาเปลี่ยนไปบ้าง

............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 3 ส่วนที่2) อัพ 23 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 23-10-2018 11:20:44

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกอย่างกลับเข้าสู่วังวนเหมือนเมื่อวาน มีกิจกรรมละลายพฤติกรรมกรรม กิจกรรมสันทนาการ ที่นำโดยรุ่นพี่แสนดีน่ารัก และการร้องเพลงเชียร์ที่ไม่ได้มีความสอดคล้องกันในแง่เนื้อเพลงและทำนอง ซึ่งถูกคุมโดยรุ่นพี่ขาโหดที่กดดันรุ่นน้องปีหนึ่งให้ร้องเสียงดังกันอย่างพร้อมเพรียง

กิจกรรมอันหลังนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับนักศึกษาชายหลายคนซึ่งแสดงออกทางสีหน้าและบรรยากาศที่แผ่ออกมารอบๆตัวชัดเจน และคนที่สังเกตุได้ชัดที่สุดคือ วรุฒ เขามีอาการต่อต้านจนโดนเพ่งเล็งและเรียกออกมาคุยและทำโทษบ่อยครั้ง หลายครั้งที่วรุฒเกือบหมดความอดทนจนเผลอเงื้อมือขึ้นหลายต่อหลายครั้งแต่ก็เหมือนเขาคิดอะไรได้ สุดท้ายก็ยอมให้โดนทำโทษแต่โดยดี แต่ประเด็นคือเขาไม่ได้โดนทำโทษคนเดียวแต่ทำโทษคนทั้งเอกที่เขาสังกัดอยู่ โทษฐานไม่เตือนเพื่อน นั่นหมายถึงชานนท์ก็ต้องโดนไปด้วย ด้วยสมรรถนะทางกายของเขานั่นต่ำกว่าคนอื่นมาก ทำให้เขาเหนื่อยมากกว่าคนอื่นหลายเท่า

แสงสีส้มกระจายเต็มฟากฟ้าฝั่งตะวันตก อากาศเริ่มเย็นลง ลมพัดเอื่อยๆ พัดต้นไม้ริมทางให้โบกไหวลู่ไปในทิศเดียวกันอย่างช้าๆ เสียงใบไม้สีกันทำให้ชานน์ที่พยายามเพ่งสมาธิอยู่กับการก้าวขาที่ปวดเกร็งอย่างระมัดระวัง เขาหยุดฝีเท้าลงและพักยืนบ้างเพื่อให้ลมพัดเข้าใบหน้าจะได้ไล่ความอ่อนล้าที่เขาเจอวันนี้ไปบ้าง

“นนท์!! เดินมาไม่รอเลยนะ!!” เสียงใสที่คุ้นเคยดังขึ้นมาทางข้างหลัง
“เมย์ สวัสดี” ความเหนื่อยของชานนท์ทำให้เขาตอบหลับไปแต่พอดี
“เป็นไง? วันนี้เอกนายโดนซ่อมทั้งวันเลยนะ” เมย์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เฮ้อ.... อย่าให้พูดถึงมันเลย อะไรของไอ้วรุฒมันวะ!! มันจะทำตามที่รุ่นพี่เขาสั่งมันจะตายไหมวะ?” ชานนท์เริ่มหงุดหงิดเมื่อนึกถึง ทำให้ความเจ็บปวดที่ขาหายไปพักหนึ่ง
“เอาน่าๆ ผู้ชายที่เอกเราก็แบบนี้เหมือนกัน แค่โดนเพ่งเล็งน้อยกว่าเท่านั้นเอง ก็วรุฒเขาเป็นคนดังนี้ เลยเห็นชัดเห็นง่าย พวกรุ่นพี่ก็หมั่นไส้เขาอยู่เยอะ เพราะพวกผู้หญิงสวยๆ ในคณะฯ ที่มีอยู่น้อยนิดในวิศวะต่างพากันกรี๊ดเขากันหมดนี่นะ” เมย์อธิบายยืดยาวขณะพยายามดึงให้ชานนท์เดินเร็วขึ้นโดยการจับมือลากเขาให้เดิน ทำให้ชานนท์แอบเก็บอาการตื่นเต้นไม่ได้
“ไอ้ขี้เก็กนั่นน่ะนะ! ไอ้คนนิสัยแบบนั้นไปเผลอชื่นชมมันได้ไงวะ!” ชานนท์โยกเยกช้าๆ ส่วนเมย์ก็ยิ้มและหัวเราะในลำคอกับท่าทางที่คนตัวเล็กอย่างวรุฒมีท่าทางโมโหด้วยท่าทางเจ็บปวดไปด้วย
“มึงพูดถึงใครเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังที่สูงเหนือหัวชานนท์ขึ้นไป ทำให้หัวใจของชานนท์หล่นวูบลงไปถึงตาตุ่ม
“อ้าว! ว่าไง?  เปล่า! ไม่ได้พูดถึงนายหรอกนะ”  ชานนท์พูดแก้ตัวด้วยหน้าฝืนยิ้มแบบขบขัน
“ไอ้เตี้ยขี้นินทา!!” วรุฒพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด พลางใช้มือยกคอเสื้อชานนท์ขึ้นสูงเสียจนชานนท์เกือบลอยจากพื้น
“เดี๋ยวนะนาย! เราไม่ได้พูดอะไรถึงนายอย่าร้อนตัวสิ!!” เมย์รีบแก้สถานะการณ์โดยการใช้สองมือกดมือของอีกฝ่ายลงสุดแรง แต่วรุฒดูเหมือนไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ภาพตอนนี้เลยเหมือนคนแคระสองคนกำลังงัดข้อกับคนยักษ์อยู่
“บอกแฟนทอมของนายด้วยว่าอย่ามายุ่งถ้าไม่อยากเจ็บตัว!!” วรุฒแค่เขย่ามือแรงๆ สองสามครั้งก็ทำให้สองมือของเมย์หลุดออกไป
“เมย์!! ไม่เป็นไร เราโอเค!!” ชานนท์ยกมือขึ้นปรามเมย์ก่อนที่เมย์จะกระโจนขึ้นมาจับมือวรุฒอีกรอบ
“เชอะ!! แกมันก็ไม่ต่างกับคนอื่นสินะ!” วรุฒสะบัดมือข้างที่จับคอเสื้อชานนท์ออกไปจากตัวเองทำให้คนตัวเล็กอย่างชานนท์ถอยเซไปด้านหลัง แล้ววรุฒก็ก้าวเท้าเร็วผ่านสองคนนั้นไปห่างไกลเหลือเพียงจุดเล็กๆในสายตา

“เป็นอะไรของเขาวะ!! ไอ้ยักษ์บ้าพลัง!” เมย์โวยวายเสียงดังหลังจากเข้ามาดูสภาพเสื้อยับเยินของชานนท์
“ช่างเขาเถอะ เขาน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง เห็นไปกินเหล้าเมามาเมื่อวาน”  ชานนท์พูดปรามขณะเช็คความเรียบร้อยของเสื้อ
“จริงน่ะ เพอร์เฟคแมนในตำนานอย่างนั้นน่ะนะ มีแต่คนอิจฉาแบบนั้น ใครจะเชื่อว่ามีปัญหาอะไร?”
“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อวานกลับเสียดึกแถมเมาเละเทะเลย เราก็เลยอุตส่าห์ช่วยดูแล จะขอบคุณสักคำยังไม่มีเลย!!” ชานนท์เล่าเรื่องอย่างฉุนเฉียว
“จริงเหรอ นิสัยแย่ชะมัด!!” เมย์เสริม
“หงุดหงิดชะมัด ไปหาอะไรกินไหม?” ชานนท์หันชวนเมย์ด้วยความตั้งใจ เพราะทุกครั้งที่เขาอยู่กับเมย์เขาจะอารมณ์ดีขึ้นทันที เขาไม่อยากกลับไปที่หอพักแล้วไปเจอไอ้คนอารมณ์บูดตลอดเวลา จนทำให้บรรยากาศอึดอัดไปหมด

“เอ่อ.... วันนี้เรา... ขอตัวนะ พอดีนัดแฟนไว้นะ เขาสอบได้อีกมหา’ลัยหนึ่งน่ะ เลยจะไปเจอเสียหน่อย” เมย์ตอบมาด้วยเสียงใสๆปกติ พร้อมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“แฟน?!?” คำพูดคำเดียวที่ออกจากปากชานนท์ที่ตอนนี้ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างแตกยับบริเวณอกข้างซ้าย
“อื้อ! ใช่ อ้อ! จริงสิเราไม่เคยบอกใช่ไหม? นี่! อย่าบอกนะว่าที่อึ้งไปนี่เพราะ แอบชอบเราอยู่น่ะสิ!” เมย์พูดพร้อมกับเข้ามาเขย่าแขนชานนท์อย่างล้อเลียน
“ไม่ใช่เสียหน่อย ใครจะไปแอบชอบสาวห้าวอย่างเธอ!”
ชานนท์พูดแก้ตัวไปด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ
“แปลว่าเราไม่น่ารักเหรอ?” เมย์ยังคงจู่โจมไม่เลิก
“น่ารัก... เอ้ย! น่ารักกะผีอะไร ผู้หญิงอะไรไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย” ชานนท์โต้ตอบกลับไปด้วยคำพูดแต่ก็ปล่อยให้เมย์จับแขนของเขาเขย่าไปมาเพราะยังรู้สึกดีอยู่
“ฮ่าฮ่าฮ่า เวลานายเขินนี่น่ารักดีนะ แก้มแดงเชียว เข้ากับตาโตๆ ขนตายาวๆ ใต้แว่นนั้นเลย ใส่วิกเสียหน่อย นายสวยกว่าเราอีกนะเนี่ย” เมย์ผลักไหล่ชานนท์จนเซไปข้างหน้าครึ่งก้าว
“โอ้ย... จะไปไหนก็ไป ไป๊!! เราไปคนเดียวก็ได้!” ชานนท์ตอบกลับอย่างเหวี่ยงๆ
“แหมๆ ขี้ใจน้อยจังนะพ่อคนโสดขี้เหงา งั้นไปก่อนนะจ๊ะ” เมย์เดินมาหยิกแก้มเขาเบาๆ ก่อนที่จะหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ค่อยๆ จางหายไป ปล่อยให้ชานนท์เดินเอื่อยเฉื่อยไปที่ร้านอาหารริมรั่วมหาวิทยาลัยด้วยอาการใจลอย เขาไม่คิดเลยว่าความรักของเขามันจะจบลงด้วยเวลาอันสั้นขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 3 ส่วนที่2) อัพ 23 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 24-10-2018 06:06:22
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 3 ส่วนที่2) อัพ 23 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-10-2018 06:32:47
 :ruready
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด บทที่ 3 ส่วนที่3 อัพ 24 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 24-10-2018 16:23:57
ชานนท์เดินโดดเดี่ยวจนมาถึงจุดหมายไม่รู้ตัว ร้านอาหารร้านนี้ที่อยู่ไม่ไกลจากหอพักมากนัก ทำให้เป็นที่นิยมจากนักศึกษาที่พักอยู่ในบริเวณหอพักปีกตะวันตกแห่งนี้ ชานนท์เดินมาที่โต๊ะมุมสุดท้ายซ้ายมือที่เขานั่งเป็นประจำ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาสั่งข้าวราดแกงรสจัดจากร้านนอาหารใต้ยอดฮิตของย่านนี้ แกงเหลืองกับไข่ผัดใบเหลียงของโปรดที่ชานนท์กินได้ซ้ำๆ ทุกวัน จนเมย์ที่มากินข้าวกับเขาได้สองสามวันยังออกปากว่า ‘ไม่คิดจะกินอย่างอื่นบ้างหรือไง?’ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากินข้าวคนเดียว ‘ก็คงไม่ต่างจากเมื่อก่อน’ เขาคิดขณะเริ่มตักข้าวเข้าปาก

“เฮ้ย! ว่าไงรุ่นน้อง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังซึ่งชานนท์ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั้งมีคนเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างมานั่งใกล้ๆ เขา
“เฮ้ย! พี่พูดกับเอ็งนั่นแหละ!” ผู้ชายรูปหน้าคุ้นตาที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆเขาพูดอีกครั้งพร้อมสะกิดที่ไหล่ชานนท์เบาๆ
“เอ่อ.....ครับ” สมองชานนท์กำลังประมวลรูปหน้าคนที่เข้ามาทักเขาอยู่ เขาเป็นคนเข้ากับคนไม่ค่อยเก่งรวมถึงระบบการจดจำใบหน้าที่สมองของเขาด้วย ในหัวของเขาจำตัวหนังสือง่ายกว่ามาก
“อะไรวะ.... จำกันไม่ได้ซะแล้ว อุตส่าห์ช่วยยกกระเป๋าไปส่งถึงห้อง” คนข้างๆยิ้มไปพูดไป แต่ก็มีขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ้อๆ....จำได้แล้วครับ พี่..... เอ่อ..... พี่...” สมองของชานนท์กำลังค้นหาชื่อในความทรงจำอันเลือนลาง
“พี่เอก!” คนที่มาทักกลับเป็นคนช่วยตอบให้ชานนท์
“พี่เอก! ใช่ๆพี่เอก สวัสดีครับ” ชานนท์รีบกล่าวคำทักทายกลับไปด้วยความรู้สึกผิด
“เอ็งเนี่ยนะ! เข้ามาเรียนที่นี่แล้วก็หัดจำชื่อรุ่นพี่หน่อยสิวะ เดี๋ยวกูสั่งทำโทษเสียตรงนี้เลย!” พี่เอกพูดแบบอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย
“ครับๆ ผมขอโทษครับ!” ชานนท์ยกมือขึ้นมาไหว้เหนือหัวด้วยความรู้สึกหวาดๆเนื่องด้วยวันนี้ก็เพิ่งโดนทำโทษด้วยเรื่องเดียวกันนี้
“เออๆ ครั้งนี้กูอภัยให้ก่อน เพราะมันนอกเวลาแล้ว กินข้าวไป!” พี่เอกเริ่มตักข้าวหลังจากพูดจบ ชานนท์ก็หันไปเริ่มกินข้าวต่อ
“ชอบกินอาหารใต้เหมือนกันเหรอ?” พี่เอกทักขึ้นอีกครั้ง
“ครับ!!” ชานนท์เผลอตอบเสียงดัง
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ ไม่อยู่ในเวลากิจกรรม เห็นไหมเขามองมาทางนี้กันหมดแล้ว” พี่เอกทำมือขึ้นมาปรามอากัปกิริยาที่ดูจริงจังของชานนท์
“เอ่อ.... ครับ” ชานนท์หันไปมองรอบๆก่อนจะตอบเสียงอ่อย
“ชอบกินอาหารใต้เหรอเรา?” พี่เอกทวนคำถามอีกครั้ง
“ครับ.... คือผมชอบอาหารรสจัดน่ะครับ แถวนี้ร้านนี้รสจัดสุดผมก็เลยชอบร้านนี้ครับ”
“เออ! เหมือนกันเลย ดูสิ! นี่เราเลือกกับข้าวแบบเดียวกันเลย!” พี่เอกชี้ให้ดูกับข้าวบนจานตัวเอง
“เออ .... จริงด้วย!!” ชานนท์ยิ้มเห็นด้วย
“อ้าว! แล้วทำไม น้องมากินคนเดียวล่ะ? อยู่ในกิจกรรมมาสามสี่วันน่าจะมีเพื่อนได้แล้วนะ” พี่เอกพูดขึ้นขณะตักข้าวสีจัดจ้านเข้าปาก
“ผมเข้ากับคนอื่นไม่เก่งครับ” ชานนท์เขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเซ็งๆ ที่อะไรๆ มันไม่เป็นไปตามแผนสักอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของเมย์เพื่อนหญิงคนแรกของเขา
“อ้าว! แล้วผู้หญิงที่มาด้วยกันบ่อยๆ นั่น วันนี้ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ? จีบกันป่าวเนี่ย?” พี่เอกแซวต่อ
“จีบเจิบอะไรกันพี่ เมย์เขามีแฟนแล้ว วันนี้ผมถึงต้องมากินคนเดียวไง! เอ๊ะ!!...... พี่รู้ได้ไง?” ชานนท์หันมาทางพี่เอกด้วยความสงสัย
“เอ้า!! พี่ก็มากินที่นี่ทุกวันเหมือนกัน พี่ก็เลยเห็นเอ็งมองหน้าเขาหวานเยิ้มเลย ก็เลยนึกว่าจีบกันไง!”
“อ้อ....... ครับ” ชานนท์พยักหน้าแบบเข้าใจพร้อมหันกลับไปสนใจข้าวในจานของตนเองต่อไป
“ว่าแต่.... เพื่อนน้องมีแฟนแล้วจริงๆ น่ะ?” พี่เอกขยับเข้ามาใกล้และโอบไหล่ชานนท์ให้กระชับเข้าไปใกล้เขา ด้วยขนาดไหล่ที่ห่างไกลกันพอควรทำให้เขาเหมือนเด็กที่โดนพ่อตัวเองโอบด้วยความใกล้ชิด ชานนท์ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันจึงพยายามขยับหน้าให้ออกห่างจากหน้าพี่เอกที่เข้าใกล้เขามากเกินไปและพยักหน้าเป็นคำตอบ
“เชี้ย!! กู!! กูอกหักอีกแล้ว กูชอบผู้หญิงห้าวๆ แบบนั้นเสียด้วย ถึงผิวจะไม่ขาวผ่องแต่แม่งน่ารักดีว่ะ!” พี่เอกผงะถอยห่างไปใช้หลังพิงหนักเก้าอี้ตัวเองแบบเต็มแรงพร้อมพูดออกมาเสียงดังที่เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับเขา
“ผมก็เหมือนกัน” ชานนท์พึมพำกับตัวเอง
“อะไรนะ?” พี่เอกหันมาถามชานนท์ใกล้ๆ
“ไม่มีอะไรครับพี่.... ผมรีบกินข้าวดีกว่า” แล้วชานนท์ก็กลับไปตั้งใจจัดการกับมื้อเย็นจานโปรดของเขา แต่ระหว่างนั้นก็โดนพี่เอกชวนคุยตลอดเวลาทำให้เป็นการกินข้าวที่ยาวนานกว่าทุกครั้ง ยิ่งกว่าวันที่มากินกับเมย์เสียอีก ชานนท์พยายามที่จะไม่สนใจหลายครั้งแต่ก็โดนพี่เอกถึงเนื้อถึงตัวทั้งจับไหล่โอบหลังให้หันมาฟังเขาพูด มีสองสามครั้งที่มีเพื่อนพี่เอกเข้ามาทักทายและชวนไปกินข้าวที่โต๊ะของพวกเขาแต่พี่เอกก็ปฏิเสธทุกครั้ง จนชานนท์ถึงขั้นภาวนาให้มีใครเอาพี่เอกไปไหนเสียที สุดท้ายจนแล้วจนรอดก็อยู่กับเขาจนกินข้าวคำสุดท้าย

พี่เอกเป็นคนคุยเก่ง คุยสนุก แต่ชานนท์เขารู้ตัวเองว่าเป็นคนคุยไม่เก่งเท่าไหร่เลยตอบสนองแค่ยิ้มแห้งๆ กลับไปเท่านั้น

“ผมขอตัวก่อนนะครับ เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก” ชานนท์รีบตัดบทขณะยืนขึ้นยกจานข้าวไปเก็บที่พื้นที่เตรียมล้างของที่นี่

“เฮ้ยๆ พี่ไปด้วยสิ” พี่เอกรีบรวบจานบนโต๊ะยืนขึ้นขนาบกับชานนท์ ตรงจุดนี้ยิ่งทำให้ชานนท์ดูตัวเล็กกว่าเดิมอีก ความสูงสุดของศรีษะของเขาแค่ปลายจมูกของอีกฝ่ายเท่านั้น

‘กรี๊ด...... นั่นพี่เอก’

เสียงหญิงสาวนางหนึ่งจากที่ไกลๆ ส่งเสียงพึมพำมาทำให้มีเสียงที่คล้ายกับเสียงสะท้อนงึมงำมาอีกหลายเสียงเกิดขึ้นทั่วบริเวณ ตอนนี้จุดที่พี่เอกยืนอยู่กลายเป็นจุดสนใจของที่แห่งนี้ไปเสียแล้ว ซึ่งดูจากอากัปกิริยาของพี่เอกที่แสดงออกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่เจออยู่ทุกวัน พี่เอกเดินนำหน้าไปเก็บจานและพยักหน้าให้ชานนท์เดินตามมาให้ทันเขา

ชานนท์ไม่ชินกับการตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้จึงรีบเดินไปเก็บจานให้เรียบร้ยและรีบเดินออกห่างจากโรงอาหารริมรั่วอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ชานนท์เดินอย่างเต็มกำลังเพื่อหนีพี่เอกที่ต้องเดินกลับหอพักเดียวกันด้วยลมหายใจที่ถี่หอบ ชานนท์คิดว่าน่าจะหนีพ้นจากรุ่นพี่ที่พัวพันเขาอย่างไม่มีเหตุผล เพราะเดินทิ้งระยะห่างมาไกลแล้ว ทิวทัศน์รอบข้างเริ่มเปลี่ยนเป็นตึกอาคารหอพักที่คุ้นเคย ไม่มีเสียงชวนคุยให้รำคาญใจแล้ว ชานนท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เฮ้ย! ไอ้น้อง! พี่ก็บอกอยู่ว่าขอเดินกลับด้วย!! จะรีบเดินไปไหนเนี่ย? พี่ไม่ชอบเดินถนนที่มีแสงสลัวแบบนึ้คนเดียวเลยว่ะ ขนลุก กะว่าจะให้เดินเป็นเพื่อนเสียหน่อย” ประโยคยาวๆ ดังขึ้นที่ด้านซ้ายของชานนท์จนเขาเผลออุทานออกมา
“เชี้ย!!!!!”
“หยาบคายจริงวะเรา”
“ผมขอโทษครับ แค่ตกใจนะครับ”
“ขวัญอ่อนจริงๆว่ะ”
“ขอโทษครับ” ชานนท์ยกมือพนมขึ้นมา
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องพี่ล้อเล่น รู้นะว่าตกใจ ว่าแต่ไม่นึกว่าจะพูดหยาบเป็น เห็นเหนียมๆ เรียบร้อย” พี่เอกพูดไปยิ้มไปด้วยสายตาที่เป็นประกายแปลกๆ
“ครับ ก็มีบ้างครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องตลกว่ะ แต่ก็น่ารักดี” พี่เอกหัวเราะขึ้นมาด้วยประโยคประกอบที่ให้ความรู้สึกแปลก
หลังจากนั้นก็พี่เอกชวนชานนท์คุยจนไปถึงชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่ชานนท์พักอยู่
“พี่อยู่ชั้น 4 ไม่ใช่หรือครับ?” ชานนท์ถามเมื่อเท้าสัมผัสพื้นชั้น 5
“เออว่ะ คุยเพลินเลย เป็นคนคุยสนุกนะเรา พี่เลยเดินเลยชั้นตัวเองมาเลย ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว พี่ฃอไปดูห้องเราหน่อยได้ไหม?”
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 3 ส่วนที่3) อัพ 24 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 25-10-2018 13:11:53
  :z13: :z13: จิ้มๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 3 ส่วนที่3) อัพ 24 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 26-10-2018 17:28:24
รอๆ ตอนต่อไปอยากรู้คุณรุตจะญาติดีกะนนท์ไหม
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 3 ส่วนที่3) อัพ 24 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-10-2018 19:14:43
หรือพี่เอกแอบสนใจนนท์   o18
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 3 ส่วนที่4) อัพ 30 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-10-2018 16:50:59

“............” ชานนท์ได้แต่ทำหน้างุนงงตอบไป
“เฮ้ย!! อย่าคิดมากดิ พี่แค่จะขอไปดูห้องเก่าตัวเองหน่อย อยู่ๆก็โดนสั่งย้ายไปอยู่ชั้นล่าง รู้รึเปล่าว่าหัองริมฝั่งนี้น่ะใหญ่กว่าทุกห้องเลยนะ พี่เลยอยากรู้ว่าใครมาอยู่แทนพวกพี่บ้าง?”
“อ้อ...... อ้าว! แล้วทำไมพี่ถึงโดนย้ายล่ะครับ?” ชานนท์ถามต่อ
“พี่ก็ไม่รู้ว่ะ แต่สงสัยว่ารูมเมทพี่เขาอยู่ปี 3 เขาย้ายออกไปแล้วมั้ง เลยจับพี่ย้ายไปอยู่กับคนที่อยู่ปีเดียวกันข้างล่าง”
“อ้อ กฏที่ว่าบังคับให้ปีหนึ่งและสองอยู่หอพักใน”
“ใช่ๆ แต่ปกติเขาก็ไม่ทำกันนะ ปกติเวลามีใครย้ายออกก็ให้คนใหม่ย้ายเข้ามาเลย จริงๆ เราอาจจะได้เป็นรูมเมทกันก็ได้นะ”
พี่เอกยิ้มยักคิ้วส่งมานะหว่างเดินไปที่ห้องของชานนท์ ทำเอาชานนท์ขนลุกวาบ ไม่เคยเจอใครทำอะไรแบบนี้กับเขามาก่อน เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“แต่ห้องผมเป็นปีหนึ่งทั้งคู่เลยนะครับ” ชานนท์รีบหาเรื่องคุยต่อก่อนที่จะโดนส่งรอยยิ้มที่น่าอึดอัดนั่นส่งมาอีก
“อืม... นั่นสิ พี่ว่าแปลกก็เลยเดินมาดูไง ครั้งแรกที่มาส่งนนท์ พี่ก็เห็นแค่นนท์คนเดียว วันนี้ก็เลยกะว่าจะมาดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยว่าอีกคนมันเป็นใคร สำคัญขนาดสั่งย้ายนักศึกษาที่อยู่นี้อยู่แล้วไปห้องอื่นได้” ในขณะที่พี่เอกพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ชานนท์ก็พอนึกคำตอบได้แต่ไม่รู้จะเริ่มอธิบายอะไรก่อนดีเพราะพูดไม่ทันพี่เอก
“แต่รูมเมทผมไม่ค่อยอยู่ห้องหรอกครับ วันนี้พี่อาจจะผิดหวัง เพราะตอนนี้ก็อาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้นะครับ” ชานนท์พูดขึ้นขณะมาถึงหน้าประตูห้องตัวเอง

ตรึก....... ครืดดด.... ปึงปัง

เสียงจากภายในห้อง ดังขึ้นมา เหมือนมีคนเลื่อนเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องไปมา

“อ้าว! ฟังจากเสียงน่าจะอยู่นะ” พี่เอกทักขึ้น
“เอ๊ะ!! ถึงอยู่ก็ไม่น่าจะขยันทำอะไร ปกติเวลาอยู่ก็เห็นเอาแต่นอน”
“เฮ้ย!! งั้นเปิดเลย ขโมยป่าววะ!”
“เฮ้ยพี่!! เคยมีด้วยเหรอ?”
“ก็มีบ้าง! รีบเปิดสิวะ”
ชานนท์ใช้คีย์การ์ดปลดล็อคประตู เสียงกุกกักดังขึ้นภายในประตูหนาสีเทาอ่อน ชานนท์ยื่นมือออกไปบิดที่จับประตูด้วยความกล้าๆกลัวๆ

ปึง!!

มือหนึ่งด้านหลังเขาผลักประตูออกไปชนกับที่กั้นประตูที่ผนังห้องอีกด้านเสียงดังลั่น
“พี่เอก!!” ชานนท์พูดอยู่ในลำคอหันไปหาคนทางด้านหลัง
“ว้าย!!” อีกเสียงในห้องดังลอดออกมาแทบจะพร้อมกับที่ชานนท์หันไปหาพี่เอกทางด้านหลัง
“เฮ้ย!! เอ็งได้ยินอย่างพี่ได้ยินไหมวะ?” พี่เอกถามชานนท์ แต่ชานทท์ทำได้แต่พยักหน้าพร้อมทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความตกใจ พี่เอกก้าวพรวดนำหน้าเข้าห้องไปดูต้นเสียงทันที โดยมีชานนท์เกาะท้ายตามมาติดๆ

“อ้าว!! ไอ้หนู อยู่ห้องนี้ใช่ไหม? อย่าเปิดประตูแบบนี้สิ ป้าตกใจ” เสียงหญิงสาวรุ่นป้าในผ้ากันเปื้อนสำหรับทำกับข้าวราคาถูกมีรอยปุปะตามจุดต่างพูดขึ้น ขณะที่ในมือถือผ้าผืนเล็กๆ อยู่

“ป้าเป็นใครเนี่ย แล้วมาอยู่ในห้องผมได้ไง?” ชานนท์รู้สึกดีขึ้นจากภาพที่เห็น อย่างน้อยก็โล่งอกที่ไม่ใช่โจร ขโมยหรือสิ่งลี้ลับอะไร เขาจึงกล้าถามออกไป

“อ้อ!! เพื่อนเราไม่ได้บอกเหรอว่า เขาจ้างป้ามาทำความสะอาดน่ะ”  ป้าพูดไปเริ่มเช็ดนู้นนี่ไปเรื่อย ชานนท์ได้แต่ส่ายหน้าไปมาตอบไป
“ปกติ เขาไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามานี่นา ทำไมป้าเข้ามาได้?” พี่เอกถามต่อ
“พ่อหนุ่มที่จ้างป้าแกไปคุยกับคนข้างล่างแล้วก็ให้คีย์การ์ดป้ามา” ป้าพูดจบก็ล้วงเอาแผ่นการ์ดสีม่วงที่มีสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยและเบอร์ห้องขึ้นมา
พี่เอกกับชานนท์มองหน้ากันด้วยความงุนงง เพราะหอพักที่นี่ถือว่าเข้มงวดมาก ไม่น่าจะมีคนนอกเข้านอกออกในได้ ไม่ต้องสงสัยว่าคนที่ทำได้จะมีอิทธิพลแค่ไหนกับมหาวิทยาลัยนี้

“ป้าใกล้เสร็จฝั่งนี้แล้วเดี๋ยวไปทำฝั่งโน้นให้ต่อนะ” ป้าพูดขึ้นขณะเดินไปนอกชานเพื่อไปซักผ้าขี้ริ้วผืนน้อยที่ถืออยู่
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองได้” ชานนท์รีบตอบทันที
“อืม.... จะว่าไปพ่อหนุ่มนั่นก็พูดแบบนี้ ให้ทำเฉพาะฝั่งตัวเอง อีกฝั่งให้เขาทำเอง” ป้าที่ทำความสะอาดทำท่านึก
“ก็สมกับเป็นหมอนั่น” ชานนท์บ่นพึมพำ
“แต่ป้าว่า ฝั่งห้องเราน่ะยังสะอาดและเป็นระเบียบกว่าห้องฝั่งนี้มากโขเลยนะ ไม่ต้องทำก็ได้!” ป้าพูดเสริม
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะแก้เขินพลางคิดในใจ ‘ ก็หมอนั่นมันสันหลังยาว คุณชายจะตาย อาบน้ำเองเป็นก็บุญแล้ว!!’
กว่าคุณป้าจะเก็บข้าวของเสร็จก็ล่วงเลยมาเป็นสิบนาที พี่เอกขอตัวกลับไปก่อนแล้วหลังจากเรื่องราวจบเรียบร้อยดี  ระหว่างนี้ผมชวนคุณป้าคุยนิดหน่อยทำให้รู้ว่าที่ป้าต้องมาทำความสะอาดให้ไอ้คุณชายมาเฟียก็เพราะว่า คุณป้าเข็นรถเข็นขายของไปชนรถคันหรูของไอ้คุณชาย คนค้าขายหาเช้ากินค่ำอย่างคุณป้าไม่มีปัญญาจ่ายค่าซ่อมแซมเป็นแน่ คุณชายจึงยื่นขอเสนอให้ป้ามาทำความสะอาดห้องเป็นการตอบแทน 1 ปี ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และคุณชายจะจ่ายค่าเดินทางให้ครั้งละ 500 บาท พอมาดูภาพรวมจากเหตุนี้ทำให้ทราบว่าไอ้คุณชายก็พอจะมีความเป็นคนอยู่บ้าง

ป้าศรี คือชื่อของป้าที่มาทำความสะอาดห้องฝั่งคุณชาย ชานนท์คุยกับป้าจนแกให้เรียกชื่อแกเสียที ป้าเป็นคนน่ารักดีทีเดียว ป้าทำความสะอาดเสร็จก็ยื่นคีย์การ์ดให้ชานนท์ ป้าศรีบอกว่าฝากคืนให้พ่อหนุ่มสุดหล่อด้วย ชานนท์ทำหน้าไม่ถูกเวลามีใครชื่นชมไอ้คนป่าเถื่อนนั่น แต่ก็ฝืนยิ้มและรับกุญแจจากป้าศรีแต่โดยดี ชานนท์ไปส่งป้าที่ประตูทางด้านล่างเผื่อว่าแกจะกดปลดล็อคประตูไม่ถูก

“ขอบใจนะหลาน น่ารักแถมใจดีอีกนะเรา” ป้าศรียิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ชานนท์ยืนหน้าแดงอยู่ที่ประตูอัตโนมัติด้านในหอพัก เขาไม่เคยถูกชมเท่าไหร่ เวลามีคนชมเขาเลยมักจะทำตัวไม่ถูกทุกที ทำให้เขาคิดว่าการใช้เงินเก็บเปลี่ยนแปลงตัวเองในช่วงปิดเทอมเริ่มคุ้มค่าขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว

......................

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนไปถึงตีสอง ชานนท์รู้กระสับกระส่ายจนไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ เขาจึงต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสือเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียน เพราะเขากังวลว่าในเมื่อคีย์การ์ดทั้งสองอันอยู่กับเขา แล้วเพื่อนร่วมห้องของเขาจะเข้าห้องได้อย่างไร คิดวนไปมาจนนอนไม่ไม่หลับ ไม่ใช่ว่าชานนท์เป็นห่วงอะไรวรุฒ แต่เขากังวลที่จะถูกปลุกกลางดึกมากกว่า เขาเป็นคนนอนกลับยาก ความกังวลพวกนี้เลยทำให้เขานอนไม่หลับไปเลย

ปึงๆ

เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นระหว่างที่ชานนท์กำลังนั่งกร่นด่าไอ้เพื่อนร่วมห้องของเขาที่ยังไม่มาปรากฏตัวเสียทีในใจ ‘ไอ้คนใจสุนัขที่ทำให้เขานอนดึกขนาดนี้’ เขาสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนบิดลำตัวเพื่อยืดเส้นสายเสียหน่อย

แอ๊ด......

เสียงบานพับประตูที่ขาดการหยอดน้ำมันดังขึ้นจากการเปิดประตู ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าคือ วรุฒยืนทิ้งตัวโดยมีหญิงสาวไม่คุ้นหน้ากอดก่ายกัน ใบหน้าชนบดบี้กันจนคนยืนดูอย่างชานนท์แทบหันหน้าหนีไม่ทัน

“เอ่อ...... คือ......” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่หันหน้าเข้าไปในห้องด้วยความขัดเขิน เขาเห็นเห็นมาบ้างแล้วล่ะกับหนังจำพวกนี้ (ผู้ชายมันก็ต้องมีกันบ้าง ไม่ผิดนี่นะ ชานนท์มักจะพูดกับตัวเองแบบนี้เวลาดูหนังพวกนี้ เพราะถือเป็นการศึกษา) แต่พอมาเจอภาพจริงๆ เขาก็รู้ว่ามันเกินที่จะรับได้จริง

“พอก่อนจ๊ะ ตรงนี้มันที่สาธารณะนะ เข้าห้องก่อนนะ” หญิงสาวในชุดเกาะอกสีแดงพูดขึ้นขณะที่เธอเอื้อมมือไปจับมือของวรุฒที่พยายามคืบคลานเข้าไปใต้เสื้อเกาะอกสีแดงชิ้นนั้น

“ในห้องมันก็พื้นที่สาธารณะนะครับ นี่ไม่ใช่ห้องส่วนตัว” ชานนท์เผลอออกความเห็น
“หัองของกู กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู!!” วรุฒหันมาโวยใส่ชานนท์ด้วยใบหน้าที่แดงพอๆกับผลมะเขือเทศสุกใหม่ ส่วนชานนท์ได้แต่ส่ายหน้าและเตรียมหันหลังเดินเข้าห้องไปแต่ก็ถูกมือหนึ่งฉุดรั้งไว้ที่แขนของเขา

“ไม่เห็นบอกเลยว่ามีเพื่อนร่วมห้องน่ารักขนาดนี้ พี่ก็อยากลองกับเด็กน่ารักๆ เนิร์ดๆ แบบนี้บ้าง  พร้อมกันเลยก็ได้นะไม่ขัด ขอแค่มีถุงยาง....” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมใช้มือข้างที่จับรั้งชานนท์ไว้ ลูบขึ้นลงช้าๆ ทำให้ชานท์ขนลุกชูชันไปหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าจะมีหญิงสาวกล่าวเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ขึ้นมาได้!

“ผมขอตัว!!” ชานนท์ตอบกระแทกกลับไป เขาไม่อยากให้ครั้งแรกของเขาเป็นแบบนี้ และโดยเฉพาะต้องมีไอ้หมอนั่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยยิ่งรู้สึกขยะแขยง

“ว้าย!! ใจร้ายจัง” หญิงสาวโอดโอย
“อย่าไปยุ่งกับมันเลย! มันเป็นผู้ชายหรือเปล่าก็ไม่รู้!! มาเราไปสนุกกันต่อข้างในกัน” วรุฒพูดจบก็เล้าโลมอีกฝ่ายด้วยปากไล้ไปตามลำคอลงตำ่ไปเรื่อยๆ จนฝ่ายหญิงร้องไม่เป็นภาษา

“กูเป็นผู้ชาย!!” ชานนท์สวนกลับไปทันที แต่ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะไม่ใส่ใจอะไรกับคำพูดของเขาเสียแล้ว เพราะทั้งสองหลุดเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งอารมณ์ส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองกอดก่ายและย้ายตัวเองเข้ามาในห้องได้ทั้งที่ยังเล้าโลมกันอยู่นัวเนีย พรัอมเสียงหัวเราะคิกคักที่ฟังแล้วหวาดเสียวขนลุก เพียงครู่เดียวทั้งสองชายหญิงก็ย้ายไปอยู่บนเตียงและเริ่มปฏิบัติภาระกิจโดยไม่สนใจสายตาของชานนท์ที่ยื่นอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ชานนท์ตัดสินใจปิดปิดประตู ปิดไฟในห้องเดินกลับไปนอนใช้ผ้าห่มคลุมโปงบนที่นอนของตัวเอง ทุกครั้งที่มีเสียงกรี๊ดร้องจากฝ่ายหญิง ชานนท์ต้องเผลอตัวเปิดผ้าห่มออกไปดูทุกครั้ง และทุกครั้งก็จะเห็นฝ่ายหญิงที่โดนกระทำนั้น มองมาทางขานนท์ด้วยสายตาที่ยั่วยวน เขาอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้เพราะห้องมันมืดระดับหนึ่ง แสงไฟสลัวจากท้องถนนที่ส่องลอดหน้าต่างและผ้าม่านอาจจะลวงตาเขาก็ได้ ชานนท์จึงพยายามข่มตานอนทั้งๆ ที่เสียงเรทเอ็กซ์เหล่านั่นยังดังกังวาลทั่วห้อง

............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 3 ส่วนที่4) อัพ 30 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-10-2018 01:02:36
ด้านเกิน5555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 3 ส่วนที่4) อัพ 30 ต.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 31-10-2018 13:12:21
 :pig4:ชอบๆๆ555รอคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 4 ส่วนที่ 1) อัพ 5 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 05-11-2018 17:03:00

ตอนที่ 4
First time really hurt

เสียงไก่กู่ร้องก้องพื้นที่ด้านนอก ไม่รู้ว่าแถวนี้ใครเลี้ยงไก่ไว้ในบริเวณหอพักมหาวิทยาลัย แต่เป็นเสียงเตือนอย่างดีว่าเป็นเวลาใกล้รุ่งสางแล้ว จากเหตุการณ์กิจกรรมเข้าจังหวะของเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ ที่ติดๆ ดับๆ  ตลอดสองสามชั่วโมง ทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียกับการนอนน้อยอย่างมาก หนังตาเหมือนจะหนักสักสิบกิโลกรัม กว่าจะยกให้มันลืมขึ้นมาได้ช่างยากเย็นกว่าปกติเหลือเกิน

เขามองเตียงที่อีกฝากหนึ่งของห้อง เห็นชายร่างสูงใหญ่นอนกึ่งเปลือยภายใต้ผ้าห่มที่หมดอย่างไม่ปกปิดเท่าที่ควร ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่น่าภิรมย์เลยในยามเช้าเช่นนี้ ชานนท์ส่ายหน้าเบาๆกับสภาพที่เห็น

“ไอ้หมอนี่มันมีดีตรงไหมวะ นี่มันควงหญิงไม่ซ้ำหน้าเลยนะ!” ชานนท์บ่นพึมพำขณะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวเองสำหรับกิจกรรมวันนี้

“เฮ้ย!!” เขาอุทานออกมาหลังจากเท้าของเขาไปสัมผัสวัตถุบางสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เขาก้มมองอย่างวิเคราะห์และหน้าแดงด้วยความเขินอายเนื่องจากสิ่งที่เขาเหยียบมันคือ กางเกงในสตรีผ้านุ่มลื่นสีชมพูอ่อน เขาใช้นิ้วคีบขึ้นมาอย่างระมัดระวังพลางคิดว่า สาวใหญ่เมื่อคืนคงรีบร้อนออกไปหลังเสร็จกิจจนลืมสวมใส่กลับไปเป็นแน่ เขารีบเหวี่ยงผ้าชิ้นน้อยสีมันเลื่อมให้ลอยไปตกอยู่ใกล้เตียงนอนอีกฝากของเขาอย่างตั้งใจ
‘ผู้หญิงเมืองกรุงนี่ช่างน่ารังเกียจ’ เขาบ่นพึมพำอีกรอบก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำนำ้ไปเพื่อให้น้ำชำระล้างเรื่องไม่ดีที่เขาเจอออกไปจากตัวเขาให้หมด

............

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!” เสียงหนึ่งที่ดุดันดังขึ้นไม่ไกลหลังจากชานนท์เดินออกจากห้องน้ำอย่างรู้สึกสบายตัว ทำให้เขาแอบตกใจเล็กน้อยแต่ก็รีบถอนหายใจหลังเห็นวรุฒนั่งเปลือยอกอยู่ที่โต๊ะหนังสือซึ่งไม่ห่างจากห้องน้ำมากนัก
“ตกใจหมด” ชานนท์ลูบอกตัวเอง
“ขวัญอ่อนเชียวนะมึง ไอ้เตี้ยมึงอาบน้ำนานฉิบหาย กูตื่นมานั่งรอมึงอยู่ตั้งนาน!”
“เอ่อ... โทษที.... นายจะเข้าห้องน้ำเหรอ?”
“ป่าว! กูมารอขอคีย์การ์ดของกู มันอยู่ไหน?”
“เอ่อ...... อ่ะนี่” ชานนท์กวาดสายตาไปที่โต๊ะหนังสือตัวเองก่อนจะพลิกกองหนังสืบบนนั้นและเจอคีย์การ์ดของวรุฒซ่อนอยู่
“ทำไมมึงไม่วางไว้ที่โต๊ะกูก็จบแล้ว!” วรุฒรีบเดินไปคว้าบัตรที่มือชานนท์ เสียงบัตรแหวกอากาศที่เกิดจากการคว้าจับอย่างรวดเร็วดังขี้นชานนท์แทบไม่เชื่อหูตนเองว่าแผ่นพลาสติเล็กๆนั้นจะทำได้ เขามองนิ้วตัวเองว่ายังอยู่ครบหรือไม่
“ก็นายไม่ให้เราเข้าไปในเขตของนาย...” 
“เออ! จริง! มึงนี่ก็ซื่อนะ! กูหมายถึงไม่จำเป็นก็ห้ามเข้า!” วรุฒยิ้มเยาะและเดินออกจากห้องไป
“อ้าวนายไม่อาบน้ำก่อนเรอะ?” ชานนท์ทักขึ้นก่อนที่หลังของวรุฒจะพ้นสายตาไป
“เวลายังเหลือ กูจะไปฟิตเนสก่อน วุ่นวายกับกูจริง มึงเป็นเมียกูหรือไง?” วรุฒหันมาโวยก่อนจะเดินจากไป
“ฟิตเนส..??.” ชานนท์ทบทวนคำพูดของวรุฒ ทำให้ระลึกขึ้นได้ว่าที่นี่มันมีห้องสำหรับออกกำลังกายเล็กๆ อยู่ เขาไม่ได้สนใจเลยจนวรุฒพูดขึ้นมา เขาส่องกระจกเพื่อจัดทรงผมตนเองพลางคิดถึงภาพเพื่อนร่วมห้องของเขาเมื่อครู่ ‘ขนาดมันเพิ่งตื่น มันไม่ได้ทำอะไรเลยมันยังดูดีกว่าเราที่จัดเต็มแบบนี้เสียอีก มันจะไม่ยุติธรรมมากไปแล้ว!’

...............

วันนี้เป็นวันที่หนักหน่วงที่สุดวันหนึ่งของกิจกรรม เป็นวันที่บรรดารุ่นพี่มาร่วมกิจกรรมมากขึ้นกว่าวันก่อนหน้านี้มาก ทั้งที่มาดู จนถึงมาช่วยทำงาน วันนี้รุ่นพี่ปีสองดูกดดันมากกว่าปกติ อาจเพราะมีกลุ่มคนที่ดูจะซีเนียร์ที่สุดมาตั้งกลุ่มวิพากวิจารณ์อยู่ที่ด้านหลังแถวไม่ไกล แต่ล่ะคนหน้าเข้มเสียจนไม่กล้าสบตาทั้งนั้น

คนกลุ่มนี้ไม่ใช่หน้าตาโหดหรืออะไร หน้าตาดูดีทุกคน แต่บรรยากาศมันตึงเครียดจนน้องๆที่นั่งอยู่ในแถวรู้สึกอึดอัดกันหมดเลย  ชานนท์กับเมย์มองหน้ากันต่างรู้สึกถึงความหวาดกลัวจากสายตาของอีกฝ่าย

ช่วงแรกๆที่รุ่นพี่กลุ่มนี้เข้ามาตั้งกลุ่มอยู่ที่ด้านหลัง บรรดาสาวๆในแถวของชานนท์ต่างกรี๊ดกร๊าดจนไม่มีสมาธิที่จะจัดแถวกันเลยทีเดียว พอสถานการณ์เริ่มจะทำให้รุ่นพี่ปีสองคุมกันไม่ได้ดีเท่าที่ควร จะโดนรุ่นพี่กลุ่มหลังเรียกไปคุยทีละคนอย่างตรึงเครียด บางคนถึงขั้นโดนสั่งทำโทษแบบเดียวกับรุ่นน้องอย่างทารุณ ด้วยเหตุนี้ทำให้รุ่นพี่ปีสอง เข้มงวดกับการซ้อมร้องเพลงสถาบันและเพลงประจำคณะหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าพวกปีหนึ่งจะทำดีขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่ทำให้รุ่นพี่ปีสอง และปีที่แก่กว่าพอใจ ปีสองโดนทำโทษ ปีหนึ่งก็จะโดนไม่ต่างกัน จนวันนี้ทำให้คนเครียดจนเป็นลมเป็นแล้งกันเยอะกว่าเดิมมาก ทุกแถว ทุกภาควิชาโดนทำโทษหมด ไม่เว้นแม้แต่ชานนท์ ที่เขาอุตส่าห์ทุ่มสุดตัวในกิจกรรมนี้เพราะไม่อยากโดนทำโทษอีกแล้ว แต่จนแล้วจนรอดในช่วงสุดท้ายของกิจกรรม เขาก็โดนจนได้ โดนทำโทษให้วิ่งรอบอาคารสามรอบ!!

‘บ้าไปแล้ว’ ชานนท์คิดในใจ ‘สรุปยังไงทุกคนก็โดนอยู่ดีนี่กว่า!’ เขาทำสีหน้าไม่พอใจจนเมย์สังเกตเห็น
“เฮ้ย! แก!! เดี๋ยวรุ่นพี่เห็นเดี๋ยวก็โดนหนักกว่าเดิมหรอก!” เมย์กระซิบใส่เขา
“เฮ้ยก็จริงนี่หว่า เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วยังต้องวิ่งอีกตั้งสามรอบ!!” ชานนท์หันไปกระซิบกลับ
“เอาเหอะแก วิ่งๆ ให้มันจบๆ ไป เดี๋ยวเปิดเทอมก็ไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้วป่าววะ!” เมย์กระซิบกลับแบบไม่มองหน้าชานนท์เพราะต้องลุกขึ้นจัดแถว
“เราแอบได้ยินรุ่นพี่คุยกันว่า อาจจะต้องซ่อมนะ” ชานนท์ทำแบบเดียวกัน
“จริงน่ะ!!” เมย์หันมาทำตาเหลือกใส่
“เฮ้ย!! ไอ้สองแถวสุดท้ายนั้นคุยอะไรกัน!! พวกมึงอยากโดนกันมากกว่าสามรอบใช่ไหม?!” เสียงรุ่นพี่จากแถวหน้าดังมาจนทำให้การสนทนาของทั้งคู่จบลง เหลือเพียงเหลือบสายตามายิ้มแห้งๆให้กันเท่านั้น

ชานนท์กับเมย์สนิทกันมากขึ้น ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันและทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยๆ เขาก็สนิทกับเพื่อนผู้หญิงในเอกวิชาเดียวกันหลายคนเช่นกัน แต่กับเมย์ซึ่งเขาสบายใจที่จะคุยด้วยที่สุด อาจเพราะการวางตัวของเมย์ที่ง่ายๆ ไม่ห่วงสวย แม้จะเป็นคนผิวสองสีแต่หน้าตาน่ารักมากๆ ติดดิน เป็นกันเอง พูดจาโผงผางเหมือนผู้ชาย ทั้งหมดนั่นทำให้เขารู้สึกดี และแย่ไปพร้อมๆกัน ทุกครั้งที่รู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว แล้วไหนจะมีคนหมายปองเธออยู่หลายคนโดยเฉพาะรุ่นพี่ปีสองและปีสาม เขาคงเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีของเมย์เท่านั้น

แสงสว่างยามเย็นเริ่มซีดจางลง เงามืดของราตรีเริ่มคืบคลานเข้ามาช้าๆ สายลมเย็นพัดผ่านหน้าชานนท์ไปทางด้านหลัง ทำให้ชานนท์เริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นจากการวิ่งรอบที่สาม ชานนท์มองเห็นโค้งด้านหน้าที่มีบรรดาเพื่อนๆ ในแถวเดียวกับเขารออยู่ ในฐานะที่เขาวิ่งรั้งท้าย จึงถูกสายตาทุกคนจ้องมองอย่างจดจ่อ มีเพียงคนเดียวที่ยอมวิ่งถอยร่นมารอผมเพื่อวิ่งไปที่จุดหมายพร้อมกันคือเมย์ เมย์ที่ยังดูกระฉับกระเฉงเพราะมีความเป็นนักกรีฑาประจำโรงเรียน จึงยิ่งทำให้เขาดูแย่ในสายตาทุกคนเข้าไปอีก ‘วิ่งสู้ผู้หญิงยังไม่ได้เลยเรา’ เขาคิดในใจขณะที่เท้าก้าวมาถึงจุดหมายสุดท้าย
“ออกกำลังกายมั้งนะนายน่ะ” เมย์ปาดเหงื่อขณะพูดกับชานนท์
“.........” ชานนท์พยักหน้าด้วยลมหายใจหอบถี่ ลมร้อนหอบขึ้นมาจากปอดจนจมูกแสบไปหมด อวัยวะช่วงอกทำงานอย่างหนักจนแน่นเสียดจุกไปถึงช่วงท้อง คำพูดใดๆที่พอจะนึกออกตอนนี้ล้วนสลายหายไปหมด เขาย่อตัวเองลงจนทำให้เมย์เดินมาลูบไหล่เขาเบาๆ

“ไอ้เตี้ย! มึงวิ่งช้าทำให้พวกกูรอตั้งนาน!!” เสียงคุ้นหูของชายร่วมห้องดังขึ้นจนเขาไม่ต้องเงยหน้าขึ้นดูเสียงด้วยซ้ำว่าใครเป็นพูด และนี่เป็นการซ้ำเติมความล้มเหลวอีกก้าวในการทำตัวปอปปูล่าของชานนท์ มีไอ้หล่อนี่อยู่ใกล้ๆนี่ยิ่งทำให้เขาดูแย่ลงไปอีก ซ้ำคนรอบข้างในแถวยังซุบซิบเชิงเห็นด้วย

“เฮ้ย!! พวกปีหนึ่ง!! แค่พวกมึงวิ่งกัน ยังแสดงออกถึงความไม่สามัคคี!! พวกมึงลืมคำขวัญของคณะฯกันแล้วใช่ไหม!?!”
รุ่นพี่หน้าโหดคนหนึ่ง ตวาดขึ้นมาจนทั่วบริเวณเงียบกริบ
“จำได้ครับ!!” ทุกคนในแถวของชานนท์พูดขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง
“กูไม่เชื่อ!! แค่วิ่งเข้าเส้นชัย มึงยังวิ่งเข้าไม่พร้อมกัน!! ปล่อยให้เพื่อนวิ่งรั้งท้ายตั้งไกล!! ไปวิ่งมาใหม่อีกรอบ!!”

“โหยพี่.....” สาวน้อยนางหนึ่งในแถวบ่นอิดออดเสียงดังออกจากกลุ่มรุ่นน้องปีหนึ่งในแถว
“หรือ จะเอาสองรอบ?!”  รุ่นพี่คนนั้นตอบกลับทันทีด้วยเสียงที่ดุดัน
“รอบเดียวครับ/ค่ะ” ทุกกล่าวพร้อมกันอีกรอบ
“งั้น! จัดแถว!!!”
“ครับ/ค่ะ”
“เริ่ม!!!”
และแล้วทั้งหมดของแถวก็วิ่งออกไปโดยพร้อมเพรียงกันอีกรอบ คราวนี้ทุกคนต่างระวังและรักษาระยะห่าง ไม่ใหไกลกันมากจนเกินไป ทุกคนต่างดูแลเพื่อนข้างๆ เพื่อไม่ให้ใครรั้งท้ายจนเกินไป

แต่อนิจจาสังขารของชานนท์มันไม่ได้อำนวยในรอบที่สี่เท่าไหร่นัก ชานนท์รู้ว่าการเอาอากาศเข้าช่างยากเย็นมันร้อนลุมและเสียดแทง ส่วนการเอาอากาศออกจากปอดก็ไม่ต่างกันมันแสบร้อนแผดเผาจนจมูกและปากแทบไหม้ เขาเห็นเมย์วิ่งเหยาะๆ ให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เขารู้สึกมีพลังเพิ่มขึ้นจากการส่งกำลังของสาวน้อยด้านข้าง สายตาของชานนท์พยายามจดจ้องอยู่ที่จุดหมาย ณ จุดเริ่มต้น แต่ขาของเขากลับไม่ฟังคำสั่ง ขาของเขาสั่นและหยุดทำงาน เขาเห็นเมย์วิ่งนำเขาไปก้าวหนึ่ง..... สองก้าว.....เหมือนภาพช้าในภาพยนต์ที่เคยดู แล้วโลกทั้งใบในสายตาของเขาก็เอียงพับลงมา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่1) อัพ 5 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 05-11-2018 21:10:00
อื้อออออ อยากอ่านต่อแล้วอะ  :katai1:รอนะคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่1) อัพ 5 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-11-2018 23:00:26
รอจ้า
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 4 ส่วนที่2) อัพ 10 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-11-2018 21:13:55

ชานนท์ล้มลงไปทั้งที่เขายังมีสติอยู่ เขารู้ตัวว่าตัวเองกำลังกระทบพื้นอย่างสิ้นแรง เสียงดัง ‘พั่บ’  พร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าดฮือฮาจากรอบๆ ชานนท์รู้สึกเจ็บถึงแรงกระแทกแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในการต้านทาน เขาค่อยๆ รวบรวมแรงที่เหลือเพื่อยกตัวเองขึ้นจากพื้นที่ร้อนระอุและหยาบสาก เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกแรงดึงมหาศาลฉุดให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและถูกพยุงโดยใครบางคน หน้าของชานนท์ที่ก้มลงมองเห็นเท้าของตัวเองถูกยกสูงขึ้นจนจรดพื้นเพียงปลายเท้าเท่านั้น เขาเลยเดาว่าคนที่มาช่วยพยุงน่าจะเป็นคนที่สูงกว่าเขา

กรี๊ด!!!! พี่เอก

เสียงนักศึกษาหญิงสาวต่างร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อมเสียงฝีเท้าอีกจำนวนหนึ่งวิ่งเข้ามาใกล้

“ท่าจะฝนตกห่าใหญ่แล้ว มึงมาร่วมกิจกรรมรับน้องกับเขาด้วย!” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น
“เชี้ยอะไรเนี่ย คนอุตส่าห์รีบวิ่งมาช่วย กูก็มาออกบ่อยไป”
เสียงคนที่พยุงเขาพูดขึ้นด้วยความที่หูของชานนท์แนบอยู่ใกล้อกของคนพยุง เสียงของคนพูดเลยก้องและอู้อี้
“เออๆ มาแต่ไม่เคยช่วย แม่ง! อย่าให้รู้ว่าเล็งรุ่นน้องคนไหนอยู่นะมึง ไอ้คนชอบหักอกชาวบ้าน”
“กูว่ารีบพาน้องไปพักก่อนไหม? เดี๋ยวอาจารย์รู้เข้า เดี๋ยวพวกมึงได้อดทำกิจกรรมต่อแน่! ปีนี้!”
“เชี้ย!! จริงด้วย! งั้น พาน้องมานี่เลย!!”

ชานนท์ถูกพามาภายในอาคารที่กลุ่มสวัสดิการของกิจกรรมดูแลอยู่ ภายในมีเตียงและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบครัน เปรียบได้กับคลินิคขนาดย่อม เขาถูกพี่เอกพามานอนที่เตียง เพียงแค่หัวชานนท์ถึงหมอน รุ่นพี่ประจำหน่วยพยาบาลก็มารุมกันดูแลชานนท์ ทั้งเช็ดตัว ทำแผลที่หัวเข่าและข้อศอก โดยมีคนที่พาเขาเข้ามาอย่างพี่เอกนั่งมองอย่างใกล้ชิดที่เตียงข้างๆกัน เขาเห็นทุกคนในที่แห่งนั้นทำหน้าเครียดและยืนคุยกันด้วยเสียงซุบซิบจนเขาจับศัพท์ไม่ได้

“เหนื่อยก็พักก่อนเถอะไอ้น้อง ไม่ต้องฝืน” พี่เอกหันมายิ้มและพูดกับเขา และนั่นเป็นภาพที่เขาเห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่หนังตาเขาจะปิดลง

................

“แน่ใจนะว่ามึงจะอยู่เฝ้าให้” เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืด ชานนท์รู้สึกตัวหนักอึ้งไปหมดในความมืดมิด
“เออ! เดี๋ยวกูเฝ้าให้! พวกมึงไปจัดการเก็บข้าวของและประชุมเรื่องวันพรุ่งนี้เถอะ” เสียงอีกเสียงที่คุ้นหูโต้ตอบกลับไป
“ขอบใจว่ะ งั้นพวกกูไปก่อนนะ” เสียงแรกตอบกลับมา
“เออ ไม่เป็นไร น้องมันอยู่หอเดียวกับกู เดี๋ยวกูพากลับ”
“ขอบใจนะเอก เอกน่ารักที่สุด” เสียงหญิงสาวดังขึ้นไม่ไกลจากตัวชานนท์ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งเดินห่างออกไป

“โอ้ย!......” ชานนท์พยายามปรับอริยาบทจนความเจ็บปวดของบาดแผลที่เข่าและข้อศอกวิ่งเข้ามาที่สมองจนร้องออกมา
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆสิวะ เพิ่งเป็นลมมาจะรีบลุกขึ้นมาทำไม?!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่ข้างเตียง ชานนท์จึงพยายามลืมตาและปรับภาพที่เบลอสั่นให้ชัดขึ้นเพื่อมองยืนยันต้นเสียงว่าใช่คนที่เขาคิดหรือเปล่า
“พี่เอก....??...” ชานนท์พูดขึ้นขณะพยายามใช้แขนทั้งสองข้างดันตัวเองขึ้นนั่งอย่างยากเย็น และควานแว่นที่วางอยู่ข้างตัวมาใส่ให้มองชัดขึ้น
“อ้าวๆ ก็บอกว่า ไม่ต้องรีบไง” พี่เอกรีบเข้าประชิดตัวเพื่อประคองชานนท์ขึ้นมานั่งหลังตรง
“ขอบ....คุณ.....ครับ” ชานนท์ผงกหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ
“เออ ไม่เป็นไร รุ่นพี่รุ่นน้อง คนกันเอง ว่าแต่เรานี่ตัวเบากว่าที่คิดนะเนี่ย กินอะไรบ้างป่าววะ?”
“..........” ชานนท์ไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายไปว่าอะไรแค่อมยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น
“แค่วิ่งไม่กี่รอบก็เป็นลม ถามจริงเคยออกกำลังกายบ้างไหมเนี่ย?”  พี่เอกถามด้วยรอยยิ้ม ส่วนชานนท์ก็ตอบกลับด้วยท่าทางเช่นเดิม

โครกกกกก ครากกกกกก

เสียกระเพาะเจ้ากรรมของชานนท์ร้องลั่นขณะเขาพยายามพลิกตัวเพื่อปล่อยขาทั้งสองลงข้างเตียง

“ฮ่าฮ่าฮ่า.....” พี่เอกหัวเราะลั่น ทำให้ชานนท์รู้สึกอายกับอาการฟ้องของร่างกายว่าต้องการอาการ พลางมองซ้ายและมองขวาเพื่อเหลือบหาคนในบริเวณเดียวกันอย่างตั้งใจ
“เฮ้ย....  สบายใจได้ มีพี่อยู่คนเดียวนี่แหละ ดึกป่านนี้ไอ้พวกห้องสวัสดิการ พวกมันไปประชุมเรื่องกิจกรรมกันหมดแล้ว”
พี่เอกเหมือนจะเดาใจชานนท์ได้รีบพูดดักออกมาก่อน ชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แค่เป็นลมต่อหน้าทุกคนมันก็อายจะแย่อยู่แล้ว ยังจะมาท้องร้องเสียงดังลั่นห้องนี่อีก!

“พี่ผิดเองล่ะ ไม่น่าพูดถึงเรื่องกินข้าวเลยเนอะ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกินกัน” พี่เอกพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพร้อมยกมือผายมาทางชานนท์เป็นเชิงขอมือให้ชานนท์ใช้มือเขาพยุงตัวเองขึ้นมา  ชานนท์ครั้งแรกที่เห็นพยายามไม่สนใจ เพราะรู้สึกแปลกที่รุ่นพี่คนนี้พยายามใกล้ชิดเขามากจนเกินไป เขาพยายามยืนขึ้นด้วยลำแข้งของตนเอง แต่ด้วยขาของเขามันสั่นเกินกว่าจะมีแรงพยุงตัวเองได้จึงต้องทิ้งตัวก้นกระแทกเบาะกลับไปนั่งท่าเดิม ส่วนพี่เอกได้แต่ยิ้มและยังคงยื่นมือให้ความช่วยเหลือค้างไว้อย่างนั้น ขานนท์รู้สึกจนใจที่จะทัดทานได้แต่ยื่นมือไปจับให้พี่เอกดึงตัวของเขาขึ้นมาเหยียดตรงอีกครั้ง พี่เอกโอบชานนท์ให้กระชับเพื่อไม่ให้ชานนท์พลาดล้มลงไปอีก

“พี่เอก ปล่อยผมได้หรือยังครับ?” ชานนท์พูดขึ้นหลังเวลาผ่านไปพักใหญ่จนขาเขามีแรงพอจะยืนเองได้
“โอเค.... โทษที พี่กลัวว่าเราจะล้มไปอีกน่ะ น้องๆ เป็นอะไรในช่วงกิจกรรมรับน้องเนี่ย เดี๋ยวพวกพี่จะซวยเอา มีหวังโดนงดจัดกันพอดี” พี่เอกปล่อยแขนข้างที่โอบตัวชานนท์อยู่แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือข้างแรกที่จับกับเขาไว้
“ผมพอเดินได้แล้วครับ” ชานนท์พยายามสลัดมือออกแบบนิ่มนวล ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกรังเกียจแต่เขากลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของอีกฝ่ายจนเผลอใจเต้นแปลกๆ เขาเลยกลบเกลื่อนโดยการพยายามเดินไปที่ทางออก แต่ขาของเขามันยังเจ็บและไร้เรี่ยวแรงมันเลยพาเขาไปได้ไม่ไกลอย่างที่คิด
“เอ็งเดินแบบนี้ แล้วพวกเราจะได้ไปกินข้าวไหมเนี่ย!! มา!!” พี่เอกพูดจบก็ดิ่งตัวเข้ามาประกบชานนท์และยกแขนของเขาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อทำท่าพยุง แต่ขาของเขากลับเกือบลอยเหนือพื้น ดูลักษณะแบบนี้น่าจะเรียกอุ้มมากกว่าพยุง เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกพาไปออกมาหน้าตึกอย่างง่ายดาย เขาถูก ‘วาง’ ลงที่ทางเท้าหน้าตึกประหนึ่งรูปปั้นที่ถูกรถยกลงมาวางประดับไว้ริมทาง
“โห..... ป่านนี้แล้ว ร้านประจำเราคงปิดไปแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปคาเฟ่หลังมหา’ลัยก็แล้วกัน” พี่เอกยกนาฬิกาขึ้นดูหลังจากวางชานนท์ให้ยืนนิ่งๆ ข้างเขา ชานนท์เลยเผลอยกนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยเช่นกัน
“สองทุ่มครึ่ง!!” ชานนท์อุทานออกมา นี่เขาหลับไปนานขนาดนี้เลยหรือนี่ สงสัยคงเพราะนอนน้อยและเหนื่อยมากไปแน่นอน เขาคิด
“เออไง! นอนขี้เซาเหมือนกันนะเรา แต่ตอนนอนไม่ใส่แว่นนี่ก็น่ารักดีนะ” พี่เอกเสริม
“หา!! อะไรนะ!!” ชานนท์ไม่แน่ใจว่าท้ายประโยคพี่เอกพูดว่าอะไรอาจเพราะหูอื้อ หรือเพราะพี่เอกพูดเสียงเบาลงมากตอนท้ายประโยค
“เออ! รออยู่นี่นะ เดี๋ยวพี่ไปเอารถมารับ” แล้วพี่เอกก็เดินอ้อมไปทางหลังตึก ปล่อยให้ชานนท์ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัวหน้าตึกอาคารเอนกประสงค์ที่เงียบงัน ไร้ผู้คน มีเพียงเสียงลมพัดยอดไม้ไปมาเท่านั้น
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่2) อัพ 10 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 10-11-2018 21:58:09
 :katai1: :katai1: :pig4:รอต่อคะอยากอ่านแล้วววอะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 4 ส่วนที่3) อัพ 11 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 11-11-2018 22:22:50
หลายอึดใจก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังหึ่มๆ มาจากทางด้านข้างและแสงไฟสว่างหนึ่งดวงวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วจนกระทั้งแสงไฟนั่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

“ขึ้นมา! ขึ้นไหวไหม? หรือต้องให้อุ้ม?” พี่เอกที่ใส่หมวกกันน็อคแบบครึ่งศรีษะทำท่าจะจอดเพื่อลงมาอุ้มชานนท์ขึ้นบิ้กไบค์คันใหญ่สีแดงจริง
“ไม่! .....ไม่เป็นไรครับ ผมขึ้นได้” ชานนท์ยกมือขึ้นห้าม เพราะแค่ถูกหามตัวลอยออกจากอาคารก็อายจะแย่อยู่แล้ว โชคยังดีที่ไม่มีใครมาเห็น เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอของตัวเองให้อายคนอื่นอีก
“โอเค.. เอ้านี้!!” พี่เอกพลิกตัวยื่นหมวกันน็อคอีกอันให้กับเขา
“ขอบ.... ขอบคุณครับ” ชานนท์รับมาใส่พลางคิดในใจว่า น่าจะมีคนมานั่งซ้อนท้ายบ่อยขนาดที่ว่ามีหมวกสำรองติดรถไว้เลยทีเดียว
“เอ้า... นั่งให้เรียบร้อยหน่อย เดี๋ยวเผลอตกรถไป พี่จะติดคุกเอา” พี่เอกตั้งรถให้ตรงหลังจากที่ชานนท์เคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งบนรถ แต่ยังนั่งไม่เรียบร้อย พี่เอกก็รีบขยับรถทำให้ความสมดุลย์มันเสียไปจนชานนท์แทบหงายหลัง โชคดีที่มือของเขาไวพอที่จะคว้าลำตัวของพี่เอกไว้ได้ เขาเผลอร้องเสียงหลง
“ เหวอ!!!”
“เฮ้ย!! จับดีๆ หน่อย!” พี่เอกเอื้อมมือของเขาคว้ามือชานนท์ที่จับลำตัวของเขา เลื่อนให้มือของชานนท์ไถลไปโอบพี่เอกถึงช่วงท้อง ชานนท์สัมผัสได้ถึงแผ่นลอนของท้องที่แข็งแรงจนเผลออิจฉาความสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย ต่างกับเขาที่มีเพียงเพียงหนังท้องแห้งไร้ความแข็งแรง

“ไปแล้วนะ! จับดีๆ” พี่เอกตะโกนมาจากด้านหน้าก่อนจะบิดคัดเร่งและออกตัวไปด้วยความเร็วจนทำให้ชานนท์ตกใจทำให้ต้องเลื่อนมือทั้งสองข้างบรรจบกันประสานและกอดพี่เอกแน่น

พี่เอกขับรถพาชานนท์ออกจากอาคารเรียนเอนกประสงค์ ผ่านสนามกีฬาขนาดย่อม ที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมตอนกลางวัน ผ่านหอพัก ขับเรื่อยไปจนผ่านโรงอาหารท้ายมหา’ลัยที่เขามาเป็นประจำที่ซึ่งตอนนี้เห็นแต่เพียงพ่อค้าแม่ค้ากำลังเก็บของ ทำความสะอาดเตรียมกลับบ้าน รถบิ้กไบค์วิ่งไปเรื่อยๆ จนพ้นรั่วมหาวิทยาลัย ที่ภายนอกรั่วมีเพียงทุ่งหญ้าและต้นไม้ขึ้นรกรุงรังที่มืดมิด มีเพียงแสงสว่างเรืองสีส้มขึ้นเป็นแนวยาวตลอดทาง การมองสิ่งรกร้างด้วยความเร็วระดับนี้ในความมืดมันชวนให้ตาของชานนท์เริ่มล้าอีกครั้ง เขาเผลอหลับตาลงไปเพื่อพักสายตาเสียบ้าง เพียงไม่ถึงสิบนาทีในความรู้สึกของชานนท์ ในที่สุดก็วิ่งมาถึงเขตชุมชนที่ซึ่งมีร้านค้าและคาเฟ่หลากหลายแบบตั้งอยู่ติดกันตลอดสองฟากถนนไปไกลสุดตา ชานนท์ไม่พยายามนับร้านรวงเหล่านั้นเพราะตอนนี้หิวจนตาลายไปหมด

“ร้านนี้ก็แล้วกัน ร้านประจำพี่เอง รับรองความอร่อย” พี่เอกหยุดรถตรงร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่มีคนค่อนข้างบางตา แต่มีการตกแต่งที่ค่อนข้างโดดเด่นจากการสร้างจากไม้ล้วน ประดับด้วยหลอดไฟสไตล์เรทโทรจำนวนไม่น้อย ร้านทั้งร้านจึงสว่างเป็นสีส้ม ในร้านยังประดับด้วยดวงไฟกระพริบเล็กๆ ตามผนังที่แซมติดรูปภาพอาหารที่ตกแต่งสวยงามด้วยกรอบรูปที่เรียบง่าย แค่ชานนท์ก้าวเข้าไปเห็นบรรยากาศแบบนี้ยิ่งอยากจะสั่งทุกอย่างในรูปที่ติดผนังมาลองชิมดูทุกอย่างเลย

“นั่งก่อน แล้วค่อยดูเมนูก็ได้ว่าอยากกินอะไร”
พี่เอกเลื่อนเก้าอี้ใกล้ชานนท์ออกจากใต้โต๊ะเพื่อเชื้อเชิญให้เขานั่งแล้ววิ่งอ้อมไปนั่งฝั่งตรงกันข้าม
“ขอบคุณครับ” ชานนท์ นั่งลงแต่ตายังคงมองรูปอาหารที่ผนังรอบอย่างไม่วางตา
“สั่งทั้งหมดก็ได้นะหากกินหมด!!” พี่เอกพูดติดตลกทำให้ชานนท์เขินขึ้นมาเพราะพี่เอกเหมือนจะรู้ว่าชานนท์ก็กำลังคิดแบบนั้นอยู่จริง จึงได้แต่หัวเราะแบบเขินๆตอบไปและหยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพลิกดูไปเรื่อย

หลังจากดูเมนูอยู่พักใหญ่ หลังจากที่ท้องของชานนท์ยังคงส่งเสียงประท้วงอยู่เป็นระยะ ทำให้านนท์ตัดสินใจที่จะสั่งอาหารสักสองอย่างแต่เน้นที่ปริมาณมากิน เพราะห่วงเงินในกระเป๋าที่พกมาอย่างจำกัดด้วย

“เอามาทั้งหมดนี่แหละ” ชานนท์ได้ยินเสียงพี่เอกพูดกับบริกรในร้านที่เดินผ่านมา
“...........” ชานนท์มองพี่เอกตาโตกับสิ่งที่พี่เอกสั่งอาหารมาขนาดนั้น
“เฮ้ย..... ไม่เป็นไร พี่เลี้ยงเอง!”
“ไม่เป็นไรครับ หารกันก็ได้”
“พี่เลี้ยงเอง นี่เป็นคำสั่งจากรุ่นพี่!” พี่เอกทำเสียงเข้มใส่ชานนท์
“เอ่อ..... ครับ” ชานนท์ตอบเสียงสั่น แต่ในใจก็แอบดีใจเพราะคนงบน้อยอย่างเขาคงจะหารค่าอาหารปริมาณขนาดนั้นกับร้านอาหารแบบนี้ไม่ไหว เพราะเท่าที่เขาแอบสำรวจราคาก็ถือว่าที่ขายแพงกว่าที่มหาวิทยาลัยมาก
“แต่มีเงื่อนไข พี่จะออกค่าอาหารให้หมดเลยวันนี้เพียงแต่..... น้องต้องทำอะไรให้พี่อย่างหนึ่ง.....” พี่เอกขยับหน้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ และเสียงที่เขาพูดก็ค่อยๆเบาลงที่ท้ายประโยค
“อะ..... ไร...... ครับ” ชานนท์รู้ใจเต้นตึกตักกับการรอประโยคถัดไปของพี่เอก ยิ่งเห็นใบหน้าที่อมยิ้มแฝงลับลมคมในทำให้เขารู้สึกไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก
“พี่ขอร้องว่า.... อย่าเอาเรื่องวันนี้ไปฟ้องอธิการ หรือผู้อำนวยการเลยนะ!!”
“เฮ้อ..... นึกว่าอะไร! ผมเข้าใจครับ ว่ามันเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างต้องโทษที่ผม อ่อนแอเอง!”
“ไม่หรอกๆ ไอ้พวกพี่ว้าก มันก็อาจจะเล่นแรงไปจริงๆแหละ พวกมันก็บอกให้พี่หาทางปิดปากเอ็งให้ได้แต่พี่ก็ทำอะไรแรงๆ ไม่เป็นเสียด้วย เออ! นั่นแหละ! พี่ขอร้องนะ อย่าให้มันเป็นเรื่องถึงผู้ใหญ่เลยนะ!”
“โอเคครับ ผมสัญญาครับ ผมไม่เอาเรื่องอะไรหรอกครับ”
ชานนท์พูดจบพี่เอกก็ยิ้มยิงฟันให้ชานนท์ ความหล่อเหลาของคนตรงหน้าภายใต้เสียงไฟสลัวสีส้มทำให้ชานนท์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ทำไม รู้แต่คนตรงหน้าเขาเป็นคนมีเสน่ห์มากๆ คนหนึ่ง ฟังจากเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรเาสาวเล็กใหญ่ในรั่วมหาวิทยาลัยก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้
‘ไอ้บ้าคนนี้ทำไมมันชอบยิ้มใส่เราแบบนี้ด้วยวะ’ เขาคิดในใจขณะหันหน้ามองไปทางอื่น ยิ่งทำให้อีกฝ่ายจิ้มพลางหัวเราะกับอากัปกิริยาของชานนท์

มากกว่ายี่สิบนาทีถัดมา อาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยลงโต๊ะจนไม่เหลือพื้นที่บนโต๊ะว่าง

“กินดิ!! รออะไร” พี่เอกทักขึ้นด้วยความสงสัยว่าทำไมชานนท์ถึงได้แต่มองไปกลืนน้ำลายตัวเองไม่กินก่อน
“ผมรอมาให้ครบแล้วรอกินพร้อมพี่ไงครับ..” ชานนท์ตอบด้วยเสียงที่เหมือนจะหมดแรง
“ไม่ต้องรอกินเลย พี่ไม่ได้หิวอะไรมาก กิน......”
ยังไม่ทันสิ้นประโยคของพี่เอก ด้วยความหิวโหย ทำให้ขานนท์ใช้ทั้งสองมือหยิบช้อนส้อมมาเติมช่องว่างในท้องแบบไม่ได้สนใจสายตาของพี่เอกที่มองการสวาปามของชานนท์ด้วยท่าทีแปลกใจ

“เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะกินเก่งขนาดนี้” พี่เอกพูดขี้นขณะที่ชานนท์เก็บอาหารบนโต๊ะเข้าท้องไปหนึ่งในสี่ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ส่วนพี่เอกนั้นแค่ตักอาหารใส่ปากเพียงไม่กี่คำอย่างช้าๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่3) อัพ 11 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-11-2018 01:25:46
สงสัยไม่รู้จักคำว่าปอปลง555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 4 ส่วนที่3) อัพ 12 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 12-11-2018 05:57:06
“โห... หิวมากเลยพี่ ขอบคุณนะครับที่เลี้ยง ไม่เห็นพี่กินอะไรเท่าไหร่เลย ไม่หิวเหรอครับ” ชานนท์ยิ้มหลังจากจบประโยคของพี่เอกและรีบเคลียร์อาหารในปากก่อนจะพูดตอบพี่เอกออกไป แล้วชานนท์ก็จัดการอาหารที่เหลือต่อโดยสายตายังรอคำตอบจากคนฝั่งตรงข้าม
“เอาเหอะ เห็นเรากินได้ขนาดนี้ พี่ก็กลัวจะแย่งเราน่ะ ตามสบายไม่ต้องเกรงใจ.... ไอ้ตอนแรกพี่ก็แค่กะจะแกล้งบังคับให้เรากินให้หมดเสียหน่อย แต่พี่คงคิดผิดไปจริงๆ”
พี่เอกทำท่าทางตักอาหารใส่ปากอย่างเกรงใจ ส่วนชานนท์แค่ยิ้มให้นิดหน่อยก่อนจะไปจัดการไก่ทอดราดซอดเลมอนที่เขารู้สึกถูกปากอย่างมากเข้าไปจนเกลี้ยงจาน

“นนท์..... ชานนท์ใช่ไหม?”
เสียงหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นจากทางนอกร้าน
“อ้าว..!?! เอ่อ... มายา!!”
ชานนท์ทักหญิงสาวในชุดลำลองน่ารักที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในร้านอาหาร
“เฮ้ย..... นี่น้องรู้จักนางฟ้าคณะบริหารฯ ด้วยหรือวะ เชี้ย!! ร้ายกาจนี่หว่า!!” พี่เอกหันมากระซิบกับชานนท์ทันทีที่หันไปเห็นเจ้าของเสียงที่น่ารักนั่น
“เจอกันตอนย้ายเข้าหอน่ะครับ”
“เจอก็ดีแล้ว ถามหน่อยสิ?” มายาเดินมาถึงโต๊ะก็ตั้งคำถามกับชานนท์ทันที
“ถาม??” ชานนท์พยายามนึกว่า มายาต้องการจะถามอะไรของเธอ เท่าที่จำได้ เขาและเธอเพิ่งเคยเจอแค่ครั้งเดียว ไม่ได้สนิทกัน ไม่น่าจะมาตั้งคำถามอะไรที่เกี่ยวข้องกับชานนท์ได้ เขาจึงทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามกลับไป
“นายรู้จักเมย์ใช่ไหม?”
“เอ่อออออ....” ชานนท์คิดว่าเธอรู้ได้ยังไง?
“เมย์ที่อยู่คณะเดียวกับนายไง เธอเป็นรูมเมทเราเอง เธอชอบเล่าเรื่องนายให้เราฟังบ่อยๆ”
“อ้อ.... ใช่ เรานั่งใกล้กันตอนทำกิจกรรมรับน้องเราเลยค่อนข้างสนิทกัน” ชานนท์เหลือบไปมองพี่เอกจ้องมายายิ้มหวาน
“ใช่จริงๆ ด้วย! นี่!! นายเห็นเมย์ไหม? เธอบอกว่าจะไปหาแฟนตั้งแต่แย็น ป่านนี้ยังไม่กลับเลย!”
“หา!! จริงเหรอ? เรา... ไม่เห็นเมย์น่ะ..... คือ......”

“อ้อ! จำได้แล้ว เมย์เล่าให้ฟังก่อนออกไปว่า นายเป็นลม ทำเอาวุ่นวานไปทั้งคณะฯ รุ่นพี่ก็เลยปล่อยเร็ว  งั้นนายก็น่าจะไม่รู้ ไม่เป็นไร....” ชานนท์ได้ยินถึงประโยคนี้แล้วรู้สึกขายหน้าที่ทำอะไรได้ไม่น่าประทับใจอีกแล้ว
“อ้าว! แล้วทำไมมาหาแถวนี้?” ชานนท์รีบเบี่ยงเบนประเด็น
“เมย์มักมาหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับหอน่ะ พอดึกแล้วพวกร้านอาหารในมหา’ลัยมันปิดหมด  ปกติเมย์จะกลับช่วงสองทุ่มแต่นี่มันดึกมากแล้ว เมย์ยังไม่กลับเลยลองมาหาแถวนี้ดู”
“งั้นให้เราไปช่วยหาไหม?” หลังจากได้ฟังแล้วชานนท์รู้สึกเป็นห่วงเมย์ขึ้นมาจับใจ ชานนท์มองดูนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วยิ่งรู้สึกใจไม่ดี
“ไหวหรือเรา? แค่ยืนยังจะไม่ไหวเลย!!” พี่เอกพูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง
“อ้าว! พี่เอกนี่นา!” มายาหันไปทางต้นเสียงและร้องออกมา ทำให้ชานนท์แอบตกใจกับเสียงที่ขึ้นสูงกระทันหัน
“รู้จักพี่เอกด้วย?” ชานนท์หันไปถามมายาก่อนที่พี่เอกจะเอ่ยปาก
“สาวๆในมหา’ลัย รู้จักทุกคนนั่นแหละ เป็นถึงเดือนมหา’ลัย เดือนคณะวิศวะฯ” มายาเสริมด้วยรอยยิ้ม
“แหม..... แต่พี่ยังไม่รู้จักเราเลยนะ?” พี่เอกพูดแทรกขึ้นมา ทำให้มายาแก้มแดงเรื่อขึ้นมา ‘ไอ้บ้า ไอ้หน้าหม้อ ไอ้หมอนี่มันพูดแบบนี้ได้ธรรมชาติชะมัด’ ชานนท์แอบด่าในใจ

“มายาคะ ปีหนึ่ง.....”
“คณะบริหารฯ” พี่เอกพูดแทรกขณะที่มายาพูดแนะนำตัว
“อ้าว!! พี่ก็รูจักหนูนี่นา”
“ใครก็รู้จัก ก็เป็นตัวเก็งดาวคณะฯนี่นา”
“แหม.... ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ” มายาทำท่าเหนียมอายได้น่ารักระดับสิบ ทำลายล้างผู้ชายในร้านให้ยิ้มหวานกันหมด รวมถึงชานนท์ด้วย
“อ่ะ... แฮ่ม!!!” ชานนท์กระแอม เพื่อทำลายบรรยาหวานๆ ชวนเลี่ยนตรงหน้า
“เออ! จริงสิ!  ต้องรีบไปหาร้านอื่นต่อ... แล้วเจอกันนะคะ” มายาก่อนเดินจากไปก็แจกยิ้มให้พี่เอกอีกหนึ่งครั้ง
“ถ้าเจอหรือไม่เจอ เดี๋ยวจะอัพเดทให้ฟังทางโทรศัพท์นะนนท์” มายาไม่ลืมหันมาบอกชานนท์ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป

ชานนท์รู้สึกหงุดหงิดและไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลย ไม่รู้ว่าผู้ชายอย่างพี่เอกกับไอ้วรุฒนี่มันมีดีอะไรหนักหนา ทำไมถึงได้ไปกรี๊ดพวกมันกันหนักหนา ทั้งที่เขาก็คิดว่าหน้าตาอย่างเขาก็สูสีกับทั้งสองคนอยู่นะ (เข้าข้างตัวเองล้วนๆ) มารู้ทีหลังจากมายาอีกทีว่า ที่มายาปลื้มมากเพราะพี่เอกนอกจากจะหล่อแล้ว ฐานะทางบ้านก็ดี และที่สำคัญเรียนดีเป็นอันดับหนึ่งของคณะฯ เท่านั้นเอง พอมารู้อย่างนี้แล้วยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าชานนท์ยังต้องพยายามอีกเยอะเลยกว่าจะทำตัวให้ป้อปปูล่าเท่าคนพวกนี้!! เขาอยากเป็นคนเลือกบ้าง ไม่ใช่เป็นตัวเลือกแบบที่ผ่านมา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่ 3) อัพ 12 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 12-11-2018 11:23:35
รอคะ พระเอกๆๆยุไหนอ่าคถ.แล้วนะอิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่ 3) อัพ 12 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-11-2018 02:54:56
ตัดภาพไปที่อิพระเอก เมาหัวราน้ำคั่วสาวไม่เลือก :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 4 ส่วนที่ 4) อัพ 17 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 17-11-2018 11:06:15

กว่าจะจัดการอาหารบนโต๊ะหมด เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน ที่เป็นแบบนี้เพราะตั้งแต่มายามาขัดจังหวะการกินของตนด้วยการปรากฏกายและให้ความสนใจและปราบปลื้มชายอื่นนอกจากชานนท์ ทำให้เขารู้สึกไม่เจริญอาหารเท่าไหร่ ทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า นางฟ้าที่เขาสนใจทุกคนต่างเมินเขาไปกันหมดด้วยไอ้หน้าหล่อ พ่อรวยพวกนี้ สักวันเขาจะทำให้พวกเธอยอมรับและให้ไอ้พวกผู้ชายจำพวกนี้พ่ายแพ้แก่เขาให้ได้ มันทำให้ความคิดในหัวของเขาหมกหมุ่นกับแผนการต่างๆ ที่เขาจะให้ตัวเองอยู่ในท้อปลิสต์ของคณะฯให้ได้

“เฮ้ย!! เวลากินน่ะ ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้!!” พี่เอกยื่นมือที่เย็นและเปียกจากการถือแก้วเบียร์ที่เพิ่งสั่งมา เคลื่อนมาแตะที่หัวคิ้วของชานนท์ และใช้นิ้วถ่างหัวคิ้วของชานนท์ที่ร้นชนกันออก
“โอ้ย! เย็นพี่เอก! แล้วนี่อะไร พรุ่งนี้ไม่ต้องเรียนหนังสือหรือไง ดึกขนาดนี้ยังสั่งเบียร์มากินอีก!!” ชานนท์ปัดมือของพี่เอกออกพร้อมบ่นอุบอิบออกไป พร้อมชี้ไปที่แก้วที่มีน้ำสีเหลืองอำพันบรรจุอยู่
“Relax น้อง! รีแล็กซ์!!คนเรามันก็ต้องพักผ่อน ว่าแต่เรา รีแล็กซ์กับพี่ไหมล่ะ?” พี่เอกยกแก้วขึ้นมาพร้อมยิงคำถามใส่คนตัวเล็กตรงหน้า
“ไม่เอาอ่ะ!” ชานนท์สั่นหัวพร้อมใช้ส้อมจิ้มกุ้งในข้าวผัดตรงหน้าเข้าปาก
“อย่าบอกนะว่าไม่เคย!!” พี่เอกจ้องชานนท์ผ่านแก้วที่ตอนนี้เหลือสีอำพันเพียงครึ่ง (ดื่มหรือเททิ้ง!!)
“ทำไมจะไม่เคย!!” ชานนท์พูดไปพร้อมใจที่สั่นรัว เพราะความจริงมันไม่ใช่เลย คนไร้สังคมอย่างเขาจะไปเคยปาร์ตี้ที่ไหน เหล้าเบียร์นี่ แม้แต่ถือไว้ในมือเขายังไม่เคย
“งั้นเอาหน่อยไหน เดี๋ยวพี่สั่งให้!” พูดจบพี่เอกก็ยกแก้วขึ้นเหนือหัว  “เฮ้ย!! ไอ้น้อง อีกแก้ว!!” เพียงอึดใจเดียวแก้วขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำสีเหลืองซีดพร้อมฟองล้นขอบก็มาวางอยู่ตรงหน้าชานนท์อย่างกับเนรมิต
“.........” ชานนท์จ้องมันพร้อมกับสูดกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยออกจากแก้ว พลางคิดว่า ‘มันโคตรจะไม่น่าอร่อยเลย กินกันเข้าไปได้ยังไงกันวะ’ พร้อมมองโต๊ะอื่นๆ ที่มีสิ่งเดียวกันวางอยู่มากกว่าโต๊ะละหนึ่งแก้ว

“เอ้า!! ชน!!” คนอีกฝากหนึ่งของโต๊ะชานนท์ยื่นแก้วข้ามโต๊ะที่เต็มไปด้วยจานอาหารมาหยุดที่ตรงหน้าเขา ชานนท์ยกแก้วขึ้นไปชนอย่างเลี่ยงไม่ได้

‘แกร็ง!!’

สิ้นเสียงแก้วประสานกัน พี่เอกก็ยกดื่มจนแก้วแทบจะทำมุม 90 องศากับพื้น ส่วนชานนท์ก็ค่อยๆยกขึ้นมาจิบ ความซ่ารอบๆ ริมฝีปากทำให้รู้จั๊กจี้ ความขมฝาดของมันกระทบปลายลิ้นและผ่านไปสู่ลำคออย่างช้าๆ  ความขมยังอยู่ที่โคนลิ้นและความร้อนผสมเย็นของน้ำสีเหลืองนั่นไหลลงคอไปจนถึงกระเพาะ เป็นความรู้สึกทรมานแบบแปลกใหม่ รสชาติไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้อร่อย ในปากเต็มไปด้วยรสชาติที่ไม่คุ้นเคย หลังจากหยุดจิบเบียร์ลงคอไป ชานนท์รีบหยิบไก่ทอดน้ำปลาใกล้ตัวลงตามไปทันทีเพื่อลดรสชาติไม่คุ้นเคย แต่ปรากฏว่า มันทำให้ไก่รสชาติลดลงไปมาก เหมือนลิ้นจะด้านชาจนเขาเผลอแสดงออกทางสีหน้า ทั้งๆ ที่พยายามอดกลั้นมาตลอดการกระเดือกน้ำรสชาติประหลาดนั่นลงไป

“ไอ้อ่อนเอ้ย!!! ไม่เคยก็บอกว่าไม่เคยสิวะ เป็นไงล่ะน้อง?”
“ก็อยากลองอยู่ ไม่คิดว่าจะรสชาติแย่อย่างนี้นี่นา”
“งั้นเอ็งเอามานี่เลย เดี๋ยวพี่จัดการที่เหลือให้” พี่เอกยื่นมือมาเพื่อขอแก้วที่วางอยู่หน้าเขา “ครับ” ชานนท์ยื่นให้ด้วยความเต็มใจ
“อิ่มยังล่ะเนี่ย ดึกแล้ว เดี๋ยวจะได้กลับกัน” พี่เอกรับก็จัดการเช่นเดียวกับแก้วก่อนหน้านี้ทันที
“เอ๋! เดี๋ยวนะ!!” ชานนท์ยื่นมือมาจับแก้วที่วางเปล่าที่ตั้งฉากติดกับปากของพี่เอก
“อะไรวะ?” พี่เอกวางแก้วลงพร้อมหน้าและตาที่เรื่อแดงขึ้นมามากกว่าเดิมมาก ‘คนผิวขาวนี่เวลาเมาแล้วจะรู้ได้ทันทีเลยใช่ไหมเนี่ย’ ชานนท์คิดในใจจากสิ่งที่เห็น
“พี่ต้องขับรถกลับนะ ผมขับไม่เป็นนะครับ รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ขนาดนั้น” ชานนท์เริ่มโวยวาย
“เอ็งทำอะไรที่มันสมชายเป็นบ้างวะเนี่ย?”
“มันไม่เกี่ยวเสียหน่อย เรื่องแบบนี้”
“เออๆ แค่แก้วสองแก้วแค่เนี่ย พี่สบายมาก!”
“แก้วที่ว่านี่มันใหญ่มากเลยนะ” ชานนท์มองแก้วที่เล็กกว่าถังน้ำแข็งเล็กน้อย
“เออ ไหวน่า พี่ก็กินของพี่ทุกวัน”
“งั้นผมกลับเองก็ได้” ชานนท์สำรวจสำนวนการใช้คำพูดที่เริ่มเปลี่ยนจนเริ่มไม่แน่ใจ
“เดี๋ยวไปส่ง!! ไกลขนาดนั้น แถวนี้ไม่มีรถประจำทางด้วย แล้วเอ็งจะกลับยังไง?”
“เอ่อ......” ชานนท์พลางคิดว่า’มันก็จริง ที่นี่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถวนี้ก็เปลี่ยวเกินกว่าจะมีแท็กซี่ จะเดินกลับก็ไม่รู้ทาง’
“น้อง!! คิดตังค์!!” พี่เอกเรียกบริกรเสียงดัง

เป็นการเดินทางกลับมหาวิทยาลัยอย่างทุลักทุเล ตอนเดินออกจากร้านพี่ก็ยังคงสภาพดีทุกอย่าง ชานนท์รู้สึกโล่งใจไปมากที่เห็นเป็นแบบนั้น แต่หลังจากได้มานั่งซ้อนท้ายพี่เอกที่ขับเคลื่อนไปได้ช้ากว่าขามามาก ชานนท์เลยยิ่งรู้สึกกังวล
“พี่ไม่เมาแน่นะ” ชานนท์ถามย้ำสวนกระแสลม
“เออน่า พี่ก็แค่อยากปล่อยภัยไว้ก่อน แถวนี้มันมืด” พี่เอกหันมาตะโกนบอกด้วยสายตางัวเงีย  ทำให้ชานนท์รู้ว่าพี่เอกก็คออ่อนไม่น้อยเหมือนกัน

ในที่สุดก็ขับกลับมาถึงหอพักซึ่งกินเวลาไปเกือบชั่วโมง เวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว หอพักที่นี่ปิดประตูอัตโนมัติโดยใช้คีย์การ์ดสแกนตอนเที่ยงคืน ที่เหลือก็ต้องแสดงบัตรให้พนักงานรักษาความปลอดภัยถึงจะอนุญาตให้ขึ้นตึกหอพัก พี่เอกที่ทำท่าจะเดินตรงได้ลำบากทำให้ชานนท์ต้องช่วยพยุงเขาไปจนถึงหน้าหอพัก สติของพี่เอกก็เริ่มจะลางเลื่อนเต็มที่เหมือนคนง่วงนอนจัด ทำให้หาบัตรนักศึกษาไม่เจอ ชานนท์จึงต้องช่วยค้นตัว และกระเป๋าสะพายของพี่เอกจ้าละหวั่นกว่าจะสามารถผ่านด่านเจ้าหน้าที่มาได้

“ห้องนี่หรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามปนหอบหลังจากช่วยจับตัวพี่เอกที่เดินขึ้นบันไดอย่างเชื่องช้ามาจนถึงหน้าห้องที่ชั้น4
“เออ! ห้องนี้แหละ”
“สวัสดีครับ” ชานนท์เคาะประตูและพยายามติดต่อกับคนในห้อง
“ไม่มีใครหรอก.......  เพื่อนร่วมห้องพี่มันไม่ค่อยกลับ มันไปอยู่กับแฟนมัน” พี่เอกพูดขึ้นขณะพยายามค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋า ไม่นานนักเขาก็หาเจอและนำไปสัมผัสที่ประตูที่ปลดล็อคเสียงดัง ‘แก๊ก’

ชานนท์รีบพยายามพาพี่เอกเดินไปที่เตียง ภายในห้องมีลักษณะไม่ต่างจากห้องที่เขาอยู่เท่าไหร่ แคบกว่านิดหน่อย หน้าต่างน้อยกว่า แต่ห้องดูเป็นระเบียบมากกว่าชานนท์เสียอีก ในห้องส่วนของพี่เอกมีชั้นวางหนังสือที่มีหนังสืออยู่เต็มจนเกือบล้น ที่นอนที่ปูตึงเป๊ะเรียบร้อย ที่โต๊ะหนังสือมีคอมพิวเตอร์ที่แค่ดูก็รู้ว่าน่าจะแพงมากๆ ตั้งอยู่  เป็นการตกแต่งได้เรียบง่ายมากๆ ผิดกับไอ้คนอวดรวยข้างบน
“นอนนี่เลยไหมล่ะ?” พี่เอกพูดด้วยเสียงยานคาง
“ไม่ดีกว่าครับ ห้องผมอยู่ใกล้แค่นี้เอง!”
“งั้นช่วยหยิบยามาให้พี่หน่อยสิ” พี่เอกชี้ไปกล่องยาบนโต๊ะอ่านหนังสือที่ไม่ไกลจากเตียง
“ยาอะไรครับ?”
“หยิบมาทั้งกล่องก็ได้ ยาแก้ปวดนะ ว่าจะกินกันไว้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว”
“กินแบบนี้บ่อยๆ ไม่ดีนะครับ ตับไตพังหมดพอดี”
“เออน่ะ เอามาเหอะ”
“พี่เอก นี่พี่เอกตัวแดงเป็นผื่นแบบนี้เพราะเหล้าหรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามตอนที่เขาสังเกตหน้าและคอของพี่เอกเริ่มแดงและมีอาการผดผื่นขึ้นมา
“เออ คิดเหมือนกันว่ามันคันไปทั้งตัว”
“พี่เอกแพ้อะไรหรือเปล่าเนี่ย?”
“กุ้ง”
“พี่ได้กินก๋วยเตี๋ยวลุยสวนไหมเนี่ย?”
“เออ ก็กินไปสองสามคำ”
“พี่!! มันมีกุ้งฝอยนะพี่!!”
“อ้าว!! ซวยแล้วกู เอายามาทาให้พี่หน่อย!!”  พี่เอกพูดจบก็ถอดเสื้อและกางเกงทันทีเหลือเพียงบอ็อกเซอร์ตัวเล็กๆ กับร่างกายลีนๆ มีกล้ามเนื้อกำลังดี บนพื้นผิวที่เคยขาวเกลี้ยงตอนนี้กลับมีผื่นแดงเล็กๆ ขึ้นอยู่ประปรายไปทั่ว
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 4 ส่วนที่ 4) อัพ 17 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 17-11-2018 11:13:38
“เฮ้ย! ทำอะไรพี่ ?” ชานนท์อุทานด้วยความตกใจ
“อ้าว! ไม่ถอดแล้วเอ็งจะทาให้พี่ได้ไหมว่ะ บางที่พี่ก็ทาไม่ถึงนะ ดูสิพอเอ็งทักพี่ก็คันไปทั้งตัวเลย!!”
พี่เอกทำท่าเกาไปทั้งลำตัว
“เดี๋ยวๆ อย่าเกาสิเดี๋ยวเป็นแผลหมด!!” ชานนท์พยายามห้าม
 ”งั้นเอ็งก็รีบเอายามาทา โอย.... นั่น!! นั่นไง หลอดสีขาวนั่นไง!!” พี่เอกทำกน้าทรมานพร้อมกับชี้ไปที่กล่องยาบนโต๊ะ
ชานนท์รีบหันไปทางโต๊ะหนังสือเห็นหลอดยาที่ว่า ซึ่งมีร่องรอยการใช้ไปเกินครึ่งหลอด หลังจากหยิบได้ชานนท์รีบเดินไปที่เตียงเพื่อยื่นหลอดยาให้พี่เอก
“เฮ้ย...... ทาให้หน่อย กูเวียนหัวจะแย่ ทาไม่ไหวหรอก!!” พูดจบพี่เอกก็ล้มตัวลงนอนทันที ชานนท์ได้แต่ถอนหายใจ และพยายามบีบครีมจากหลอดออกมาทาบางๆ ไปทั่วบริเวณที่มีผื่นแดงของพี่เอกตั้งแต่คอ ช่วงท้องจนถึงช่วงต้นขา  ผิวที่เต่งตึงมีกล้ามเนื้อแบบนักกีฬาของพี่เอกทำชานนท์ตื่นเต้นเล็กน้อยอาจเพราะไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อน การสัมผัสผิวคนอื่นก็ให้ความรู้สึกที่ดีไม่น้อยทีเดียว หลังจากที่นวดคลึงได้หมดบริเวณที่มีปัญหาแล้ว เขาสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงบ็อกเซอร์กำลังขยายตัว ชานนท์พยายามหันไปทางอื่นและคิดว่าน่าจะเป็นปฏิกิริยาปกติของวัยรุ่นผู้ชาย เลยพยายามหลีกเลี่ยงที่มองตรงนั้น ขณะที่ชานนท์กำลังถอนมือออกจากร่างกายคนที่นอนอยู่ก็ถูกมือหนึ่งดึงรั้งไว้

“เดี๋ยวก่อน!!”

แรงรั้งของฝ่ายที่นอนอยู่ทำให้ชานนท์เซไปทางด้านที่นอนจนเกือบล้มทับคนที่นอนอยู่

“อะไรพี่!”

ชานนท์เริ่มรู้สึกระแวงกับสีหน้าของพี่เอกที่แดงเรื่อและดวงตาที่วาวฉ่ำ
“ก่อนไป ทาด้านหลังด้วยสิ!” พี่เอกปล่อยมือและพลิกตัวทันที
“เอ่อ... ครับ” ชานนท์ตอบรับพร้อมรีบปฏิบัติตามทันที ในระหว่างที่เขาทายาบริเวณหลังของพี่เอก เขาก็ได้ยินเสียงหายใจเข้าและออกยาวๆ และความนิ่งสนิทของคนที่นอนแผ่อยู่ที่ด้านล่าง ชานนท์แน่ใจว่าพี่เอกคงหลับไปแล้วแน่นอน เขาพยายามทาจนทั่วพื้นผิวที่มีอาการ ความแน่นของเนื้อหนังรุ่นพี่ ส่วนเว้าส่วนโค้งของมัดกล้ามของพี่เอกทำให้รู้ว่า พี่เอกเป็นคนดูแลตัวเองดีมากๆ คนหนึ่ง ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่า ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนิ่มๆ ของเขา มันเทียบกันไม่ติดเลย ทำให้เขารู้ว่าความสมบูรณ์ของร่างกายก็ทำให้คนมีเสน่ห์ขึ้นได้ เขาคงต้องพยายามอีกมาก เพราะคนที่นอนเปลือยเหลือเพียงกางเกง
บ็อกเซอร์ แม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ยังทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นได้ถึงเพียงนี้

หลังจากหาผ้าห่มคลุมกายพี่เอกและเก็บยาให้เข้าที่ ชานนท์เหลือมองนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้เลยเลขสองมาครึ่งทางแล้ว เขาจึงรีบเดินกลับห้องพักของเขาทันที และเขาก็หวังว่า ไอ้เพื่อนร่วมห้องของเขาคงไม่ทำอะไรแปลกๆ ให้เขาเห็นอีก

ชานนท์เดินเข้าไปในห้องของตนเองที่ตอนนี้เงียบเหงาและมืดสนิท เขาไม่กล้าเปิดไฟหลักของห้องจึงเปิดเพียงโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือตัวเองเท่านั้น   เขาเห็นเงาหนึ่งนอนคลุมผ้าห่มมิดชิดอยู่บนเตียงอีกฝาก เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังจะก้าวเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาดสดชื่นขึ้นมาหน่อย เพราะวันนี้เขาผ่านอะไรมามากเหลือเกิน เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ ออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตูห้องน้ตรงหน้า

พลั่ก... แอ๊ดดดด

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก เป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาในชุดนอนสีพื้น วันนี้มีกลิ่นเหล้าลดลงและดูเขามีสติมากกว่าวันอื่นเสียด้วยทำให้ชานนท์มองเพื่อนร่วมห้องตัวสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

“อะไร ไอ้เตี้ย!! เดี๋ยวนี้หัดกลับดึกนะมึง!!”
“เอ่อ...” ชานนท์เหลือบไปมองเงาบนเตียงที่มีผ้าห่มมคลุมอยู่
“มองอะไร ยุ่งไม่เข้าเรื่องนะมึง! จะเข้าไปอาบน้ำก็รีบไปเลย” วรุฒพูดพร้อมหลีกทางให้อีกฝากเข้าห้องน้ำไป
‘ก็คงเป็นพวกผู้หญิงที่มาทำกิจกรรมกับไอ้ขี้แก๊กแบบทุกวัน ตกใจหมด!’ เขาคิดในใจขณะปิดประตูห้องน้ำ

..........
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่ 4) อัพ 17 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-11-2018 16:09:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

แอบคิดว่าคนในโปงคือ เมย์ ที่ตามหากัน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่ 4) อัพ 17 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-11-2018 19:09:27
ทำไมเราคิดเหมือนกันกับเม้นท์บนอ่าาาา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 4 ส่วนที่ 4) อัพ 17 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 18-11-2018 21:15:39
อื้อออออยากอ่านต่อละ จะใช่เมย์มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด บทที่ 4 ส่วนที่ 5) อัพ 24 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 24-11-2018 11:33:14
..........

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาออกมาก็ต้องแปลกใจอีกครั้งที่วรุฒยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เขานั่งใน้นิ้วเขี่ยไอแพดขนาดใหญ่ไปมาด้วยสายตาที่ล่องลอย
“อะไร!?!” วรุฒคงรู้สึกถึงสายตาของชานนท์ที่จ้องมองอยู่เลยถามกลับและทำสายตาที่ดุดันใส่ชานนท์
“เปล่าๆ แค่แปลกใจที่นายยังไม่นอน?”  ชานนท์รีบเดินถอยห่างไปทางฝากเตียงตัวเองเพื่อใส่เสื้อผ้าที่วางเตรียมไว้บนเตียง
“เรื่องของกู!” วรุฒโต้ตอบด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ได้ใช้สายตาติดตามชานนท์มาด้วย เพียงแต่สายตายังคงมองไปที่รูปๆ หนึ่งที่ไอแพดซึ่งชานนท์ก็เห็นไม่ชัดเจนว่ามันคืออะไร?
ชานนท์ตัดสินใจไม่พูดอะไรและล้มตัวลงนอนทันที ด้วยความเพลียทำให้เขาบังคับหนังตาที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงไม่ได้ ภาพและเสียงสุดท้ายที่เขาเห็นคือ การถอนหายใจอันหนักหน่วงและสายตาที่เศร้าสร้อยของเพื่อนร่วมห้องของเขาเท่านั้น

.................

“ตายแล้ว!! สายขนาดนี้!! ทำไมนายไม่ปลุก เราล่ะ!!”
เสียงหญิงสาวดังขึ้นในโสตประสาทของชานนท์ เสียงที่เขารู้สึกคุ้นเคยมาก เสียงกุกกักโครมครามดังขึ้นต่อเนื่องจากเสียงพูดจบประโยค หนังตาของชานนท์ยังอ่อนล้าเกินกว่าที่จะลืมขึ้นมาได้ แต่เสียงดังเหล่านั้นก็ยากเกินกว่าที่จะข่มตัวเองให้กลับไปหลับสนิทอย่างเดิมได้

“เมื่อคืน..... ขอบใจนะที่ดูแลเรา...... เราไม่รบกวนแล้ว เราไปก่อนนะ....” เสียงหญิงสาวที่คุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันดังอยู่ใกล้ตัวของชานนท์มาก เขารู้สึกสงสัยในเสียงดังกล่าวมาก และสงสัยว่าผู้หญิงที่วรุฒเพื่อนร่วมห้องของเขาพามานอนด้วยและอนุญาติให้อยู่ถึงเช้านี้คือใคร ความสงสัยเพิ่มพูนสูงกว่าความอ่อนเพลียในตอนเช้า ชานนท์พยายามยกหนังตาขึ้นเพื่อส่องคนภายในห้องให้คลายสงสัย

“เมย์!!” ชานนท์อุทานขึ้นเสียงดังกับภาพของหญิงสาวในชุดลำลองที่สภาพยับเยินเหมืองเพิ่งออกจากเครื่องซักผ้า แต่หญิงสาวกลับแค่เหลือบมองและรีบวิ่งออกจากห้องไปด้วยความเร็วสมกับเป็นนักวิ่งมหาวิทยาลัย ทิ้งให้ชานนท์ลุกขึ้นมานั่งด้วยความงุนงง กับความรู้สึกที่อึดอัดเกินที่จะบรรยายออกมาได้

ชานนท์มองไปที่ไอ้ผู้ชายร่วมห้อง ไอ้บ้านั่นมันแค่เดินกลับไปล้มตัวลงบนเตียงด้วยความสบายใจ และผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เสียจนได้ยินชัดทั้งห้อง วรุฒนิ่งหลับไปเรียบร้อย ชานนท์รู้สึกโกรธกับสิ่งที่เห็นมาก ‘มันอะไรกันวะ! ไหนว่ามีแฟนแล้ว!! แล้วทำไมถึงมาลงเอยกับไปบ้านี่ได้!!” การที่เมย์พูดว่ามีแฟนแล้วเขาก็ทำใจได้ไปแล้ว แต่ภาพที่เขาเห็นอยู่นี่ทำให้เขารับไม่ได้อย่างมาก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีเข็มสักร้อยเล่มทิ่มแทงหัวใจนี่มันคืออะไรกัน เขาเฝ้าถามตัวเองแบบนั้น ทำไมมันถึงได้เจ็บแบบนี้ หรือนี่เรียกว่า ‘อกหัก’ หรือว่า ‘โดนหักหลัง’ กัน เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดแบบนี้!

................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 5 ส่วนที่ 1) อัพ 24 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 24-11-2018 11:49:43

บทที่ 5

After pain phase


ภาพเมื่อเช้ายังคงติดตาชานนท์ไม่จางหาย ไม่ว่าเขาจะพยายามสลัดภาพเหล่าโดยการหันไปสนใจกิจกรรมละลายพฤติกรรมที่รุ่นพี่ปีสองพยายามทำให้บรรยากาศในการเข้าร่วมของรุ่นน้องทั้งหลายดีขึ้น ให้ทุกคนตื่นจากการง่วงซึมในตอนเช้า แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปคิดถึงภาพเมื่อเช้าเหล่านั้นอยู่ดี เพราะหนึ่งในคนที่อยู่ในมโนภาพนั่นนั่งอยู่ข้างๆเขานั่นเอง

เมย์ยังคงมาร่วมกิจกรรมเช่นเดิม แม้ว่าวันนี้เธอจะมาสายกว่าปกติมาก แต่เธอก็ยังทำตัวสดใสเช่นเดิม ชานนท์สังเกตเห็นว่ารอบดวงตาของเมย์มีรอยบวมช้ำอยู่พอควร ‘สงสัยอดนอน’ ความคิดแว่บแรกที่โผล่เข้ามาในหัวชานนท์ และทำให้พาลไปนึกถึงวีรกรรมยามค่ำคืนของเพื่อนร่วมห้องของเขาในคืนที่ผ่านๆ มาที่พาหญิงสาวมาทำกิจกรรมพิเศษไม่ซ้ำหน้า ทำให้ชานนท์อดที่จะคิดไม่ได้ว่า เมย์เองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น แล้วเรื่องวันก่อนที่บอกกับเขาว่ามีแฟนแล้วเพื่อที่จะพูดเป็นเชิงปฏิเสธเขาหรือ? ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความไม่เข้าใจในหัวเขาพยายามที่จะไม่สนใจมองเมย์ที่นั่งอยู่ข้าง เขาส่ายหัวแรงๆ และพยายามส่งสายตาไปข้างหน้าเพื่อมีสมาธิกับกิจกรรมที่รุ่นพี่จัดขึ้น
เขาสังเกตว่าวันนี้รุ่นพี่ที่เข้าร่วมกิจกรรมมาเยอะขึ้นมาก เขาเองมัวแต่คิดอะไรมากมายในหัวจนลืมฟังว่าวันนี้รุ่นพี่จะทำกิจกรรมแบบไหน อยากถามคนข้างๆ ก็กลัวเสียฟอร์มเพราะปกติแล้วมีแต่คนมาคอยถามเขาเพราะตามกิจกรรมที่จัดไม่ทัน แต่วันนี้ถือว่าแปลกมากเพราะทุกคนกลับจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวแทนรุ่นพี่อธิบายอะไรบางอย่างอยู่ด้านหน้า เสียงฮือฮาจากคนด้านหน้าทำให้ชานนท์จับศัพท์อะไรไม่ได้ จนกระทั่งรุ่นพี่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา และเสียงฮือฮาจากบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของเขาก็ดังขึ้นมาจนรุ่นพี่ต้องดุใส่จนเงียบเรียบร้อยลง

“เอ่อ.....นนท์....” เสียงของเมย์ดังขึ้น
“.............” ชานนท์หันไปหาเมย์และเริ่มหาคำพูดมาตอบกลับไม่ได้เพราะภาพเหตุการณ์เมื่อเช้ามันตัดมาในหัว ภาพที่เมย์ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับเยิน หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังออกจากห้องอย่างรีบร้อน
“คือ.... รุ่นพี่เขาจะทำอะไรน่ะ?” เมย์มีความลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตั้งคำถามออกมา ซึ่งเป็นคำถามที่ผิดกับเรื่องในหัวของชานนท์มาก
“เอ่อ...... เราก็.....ไม่รู้... เราไม่เห็นอะไร!” ชานนท์ตอบเสร็จก็หันกลับไปสนใจกิจกรรมทางด้านหน้าต่อ แต่ในใจรู้สึกปั่นป่วนกับคำตอบที่ตอบออกไป เขาได้แต่โทษตัวเองที่ตอบเรื่องที่คิดอยู่ออกไปแบบนั้น ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากเมย์ทำให้ชานนท์แอบเหลือบตามองไปทางด้านข้าง เขาเห็นเมย์ใช้มือทาบศรีษะตัวเองอย่างครุ่นคิด

‘เฮๆ เฮ..........’ เสียงเฮดังสะนั่นทำให้ชานนท์กลับมาสนใจกิจกรรมด้านหน้าอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ามีเพื่อนในแถวถัดไปไม่ไกลเดินออกไปยืนด้านหน้าหนึ่งคนและรุ่นพี่ก็ทยอยเรียกชื่อทีละคน คละหญิงชาย และคนล่าสุดคือคนที่อยู่ในแถวเดียวกับเขา ‘วรุฒ รหัส 59911” ไอ้หยาบคายขี้เก็กนี่เอง!! ทันทีทีเห็นหน้าวรุฒทำให้ชานนท์หันไปมองหน้าเมย์อย่างไม่ทันตั้งใจ เมย์กลับหลบตาอย่างรวดเร็ว ทำให้ชานนท์ยิ่งคิดไปไกลว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดกับทั้งสองคนนี้แน่ๆ หรือเป็นเรื่องอย่างที่เขาแอบคิดมาตลอดตั้งแต่เช้า จินตนาการของเขาพาเขาดำดิ่งไปสู่ภาพคืนก่อนๆหน้านี้ บนเตียงฝั่งตรงข้าม เสียงร้องซูดซาด กับใบหน้าของหญิงสาวที่เปลี่ยนเป็นเมย์ผู้หญิงที่เขาแอบหลงไหล เสียงของผืนเตียงที่สั่นไหวและผืนผ้าที่เสียดสีกันมันยังดังอยู่ในหูอย่างต่อเนื่อง





วันนี้ถือว่าเป็นสามวันสุดท้ายของกิจกรรมรับน้องก่อนเปิดเทอมกิจกรรมวันนี้รุ่ยพี่บอกแค่ว่าเป็นกิจกรรมเบาที่ต้องอาศัยพวกเรารุ่นน้องทุกคนในการแสดงออกถึงความสามัคคี.....

“ชานนท์ ชานนท์ เฮ้ย!! ไอ้นนท์” เสียงดังเข้ารบกวนความคิดของเขา ชานนท์รีบหันกลับไปที่ต้นเสียงทันที เขาพบว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่
“ชานนท์ รหัส 59901 กูเรียกมึงนานแล้วนะ!! เหม่อเชี้ยอะไร!!” รุ่นพี่ขาโหดด้านหน้าแถวตะโกนโวยวายมาทางเขา
“ครับ!! ครับ!” ชานนท์เด้งตัวยืนขึ้นด้วยความตกใจ
“ออกมานี่!!” รุ่นพี่กวักมือเรียกเขาให้ออกจากแถว เขาเดินอยู่แถวเดียวกันกับชายหญิงรุ่นเดียวกับเขาอีกห้าหกคนยืนเก้ๆกังๆอยู่ในแถวที่รุ่นพี่ขาโหดคนนั้นชี้ให้เขาเดินไปอยู่

“?????” ชานนท์ได้แต่ทำหน้าแตกตื่นเพราะเขาขาดสมาธิกับกิจกรรมไปตั้งแต่ต้นเลยไม่เข้าใจว่าเขาถูกเชิญไปด้านหน้าแถวเพราะอะไร ‘หรือว่า....... จะโดนทำโทษอีก!! ไม่เอาแล้วนะ!!’ เขาคิดในใจในขณะที่เดินออกไปด้านหน้าด้วยใบหน้าซีดเซียว

“ไอ้นี่ไหวแน่นะมึง!!” รุ่นพี่ขาโหดพูดขึ้นขณะหันไปทางด้านหลังของกลุ่มคนที่ถูกเลือกออกมา
“เชื่อกู!! ไอ้อาร์ต น้องมันไม่แย่ขนาดนั้น” คนที่นั่งอยู่ด้านหลังตอบกลับ คนที่แค่ปรากฏตัวก็สามารถเรียกเสียงพึมพำจากสาวๆ ในแถวรุ่นน้องได้... พี่เอกที่นั่งเล่นสบายใจอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งไม่มีพนักใต้ร่มไม้ไม่ไกลจากหัวแถวยิ้มตอบมาทันที่ชานนท์หันไปเจอหน้าเขา พี่เอกยักคิ้วให้ชานนท์หนึ่งครั้ง และเรียกเสียงกรี๊ดจากหญิงสาวรุ่นน้องในแถวได้ระดับหนึ่ง

“ต่อไป!.....” พี่อาร์ตรุ่นพี่ขาโหดมองไปที่แผ่นกระดาษในมือและพูดต่อ
“วลิสรา!! 59442 ออกมา!!” พี่อาร์ตเรียกชื่อคนที่เขารู้จักดีคนหนึ่งออกมา ชื่อของเมย์นั่นเอง เมย์เดินเลี่ยงชานนท์ ไปยืนอยู่ข้างเพื่อนร่วมห้องของเขา ชานนท์รู้แย่ขี้นไปอีกเมื่อเห็นภาพนั่น ภาพที่ทั้งสองยิ้มทักทายกันอย่างสนิทสนม แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พูดอะไรกันแค่ยืนข้างกันนิ่งๆ แม้จะเป็นแค่นั้นมันยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกแย่ลงไปอีกที่ต้องทำกิจกรรมหรือโดนลงโทษร่วมกับไอ้คนเฮงซวยนี่ ไอ้คนที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ไอ้คนส่ำส่อน และอื่นๆ อีกมากมายเท่าที่คนๆ หนึ่งจะด่าคนที่เกลียดคนหนึ่งที่สุดได้ กับผู้หญิงใจคดที่ไม่ซื่อสัตย์แม่แต่เพื่อนของตนเอง ชานนท์รู้สึกเหมือนตัวเองโดนทรยศและปฏิเสธ

พี่อาร์ตเรียกคนต่อไปจนคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเท่ากับสิบคน ชานนท์ยังไม่เข้าใจว่าจนถูกเรียกมาด้านหน้าเพื่อทำอะไร เขามองซ้ายและขวาทุกคนดูไม่ได้ตื่นตระหนกอย่างที่เขาเป็นเลย มันออกจะแปลกสำหรับคนที่จะโดนทำโทษ

“ไอ้เตี้ย มึงจะล่อกแล่กทำไมวะ! อยู่เฉยๆ สิ กูไม่เข้าใจว่ารุ่นพี่เลือกมึงมาทำไมวะ?” วรุฒแอบดุใส่เขาทั้งที่หน้ายังนิ่งเฉย
“เลือก? เลือกมาทำไม?”
“อ้าว!! ไอ้นี่! ก็...”
“หยุด!! ไม่ต้องคุยกันเอง กูจะอธิบายให้ฟังพวกมึงฟังเอง!! ...ขออธิบายอีกครั้งนะ คนพวกนี้...........”

สรุปคือวันนี้ทางรุ่นพี่ให้พวกรุ่นน้องร่วมลงคะแนนเสียงเพื่อคัดเลือกว่าจะส่งใครเป็นตัวแทนของคณะฯ เพื่อไปร่วมประกวดดาวและเดือนของมหาวิทยาลัย โดยเริ่มแรกรุ่นพี่ของคณะฯจะลงความเห็นกันก่อนว่าจะเลือกใครบ้าง 10 คน ให้แต่ละคนแนะนำตัว และพูดถึงเหตุผลที่เข้าคณะนี้ เพื่อให้เพื่อนๆ ในคณะฯ ร่วมลงคะแนนเสียงในวันสุดท้ายของกิจกรรมรับน้อง ใครได้คะแนนมากที่สุดของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะได้เป็นตัวแทนของคณะฯ ในระหว่างนี้คนที่ต้องการจะเป็นดาวและเดือนคณะฯ จะต้องเอาชนะใจเพื่อนๆ ให้ได้ตลอดช่วงกิจกรรมที่เหลือจนกว่าจะถึงวันลงคะแนน

ปกติเชานนท์คงจะดีใจมากที่ถูกเลือก แต่เขากลับพบแต่ความว่างเปล่าในจิตใจ ซึ่งมันค่อนข้างผิดปกติเพราะเขาเฝ้ารอเวลานี้มาพอสมควร เขาอยากเป็นที่รักและที่สนใจเพื่อจะได้มีตัวเลือก ไม่ใช่เป็นตัวเลือกของใคร ที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ของเขาทำให้เขามีความคิดแบบนี้ ตอนนี้ทุกครั้งที่เขามองไปที่เมย์ เขารู้สึกผิดหวังและเสียใจกับสิ่งที่เจออย่างมาก ชานนท์ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงทุกคนต้องไปลงเอยกับไอ้นิสัยไม่ดีนั่น เขาไม่เถียงเลยว่า ‘วรุฒ’ หล่อ, รวย, และโดดเด่นกว่าเขามาก แต่แม้แต่เมย์ ผู้หญิงที่เขาชื่นชม และนับถือในความเป็นตัวของตัวเองยังเสร็จไอ้ขี้เก็กนั่น!! เขาเลยรู้สึกขาดพลังในการทำกิจกรรมนี้เสียแล้ว

“เป็นอะไรล่ะเรา?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่ด้านหลังขณะต่อแถวเพื่อแนะนำตัวที่ลานกิจกรรมเอนกประสงค์ต่อหน้าปีหนึ่งและรุ่นพี่ทุกคน
“พี่เอก.... ไม่มีอะไรครับ” ชานนท์พยายามทำตัวปกติ ในขณะที่พี่เอกพยายามเดินมาใกล้เขามากขึ้นในแถว
“พี่ว่าไม่นะ สายตาเรามันฟ้อง” พี่เอกจ้องมาที่ตาของชานนท์ จนเขารู้สึกอยากควักดวงตาตัวเองออกมาที่มันไม่รักดี
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย” ชานนท์ตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อพยายามหลบสายตาของพี่เอก
“สู้ๆนะ พี่อุตส่าห์ช่วยโวตเอ็งเข้ารอบเลยนะ!”
“เอ๊ะ!! จริงง่ะ”
“เออสิ! พี่ว่าเรามีแววนะ เห็นแต่งตัวมาเป๊ะทุกวันเลยนี่ พี่เลยเดาว่าเอ็งน่าจะชอบ อีกอย่างพี่ว่า.............เอ็งตัวเล็กน่ารักดี” พี่เอกยิ้มที่มุมปากระหว่างพูดทำให้ชานนท์รู้สึกขนลุกเล็กน้อยที่เจอผู้ชายชมในระยะประชิดขนาดนี้แถมยังรู้สึกใจเต้นแปลกๆด้วย  เขาคิดถึงอาการแปลกๆของพี่เอก เวลาพี่เอกเข้าใกล้เขา

“ชานนท์ พร้อมนะ ....รุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมด้านหน้าเดินมาเตรียมความพร้อมกับเขา
“เอ่อ.. ครับ.... พี่เอกผมไปก่อนนะ...” ชานนท์ตอบกลับและหันมาลาพี่เอกที่ยักคิ้วให้เหมือนเคย

..................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 1) อัพ 24 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-11-2018 18:38:21
กลิ่นมาม่าลอยฟุ้งเลย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 1) อัพ 24 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 25-11-2018 15:41:17
  :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 5 ส่วนที่ 2) อัพ 25 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 25-11-2018 17:02:53
..................

“โธ่...โว้ย!!!” ชานนท์เดินกระฟัดกระเฟียดระหว่างเดินทางกลับหอพักแต่เพียงลำพัง เขาหงุดหงิดที่วันนี้ทำการแนะนำตัวได้ไม่ดีนัก รวมถึงกิจกรรมรอบบ่ายที่ทำให้เขาต้องอับอายถึงการทำกิจกรรมตามเพื่อนไม่ทันอีก กิจกรรมรอบ่ายพวกเขาถูกแยกออกไปทำกิจกรรมที่ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ รุ่นพี่อธิบายเพิ่มเติมว่า คนที่ถูกเลือกทั้งหมดนี้จะกลายเป็นเชียร์ลีดเดอรของคณะ และ จะมีสองคนเท่านั้นที่จะได้เป็นตัวแทนไปประกวดดาวและเดือนของคณะฯจากคะแนนเสียงในการเลือกของเพื่อนร่วมรุ่น ช่วงบ่ายเลยกลายเป็นการสอนการออกท่าเข้าจังหวะกับเพลงเชียร์ของคณะฯ ให้คนที่ถูกเลือกทุกคน และในช่วงสุดท้ายของวันคือการซ้อมออกท่าทางจริงร่วมกับการร้องเพลงเชียร์ที่เพื่อนได้ซ้อมร้องในวันเดียวกันตลอดสามวันที่เหลือ ซึ่งชานนท์บอกได้เลยว่าตัวเองทำได้ไม่ดีนัก ทั้งจำท่าไม่ได้ เต้นไม่ทัน ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่มีพี่เอกคอยติวเข้มอยู่ข้างๆ จนถูไถผ่านมาได้ เรื่องคะแนนเสียงคงไม่ต้องพูดถึง ถ้าให้เลือกตัวตลกในทีมเชียร์ลีดเดอร์ ชานนท์คิดว่าเขาคงได้คะแนนท่วมท้น

ชานนท์สาวเท้าเร็วอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ถึงหอพักอย่างเร็วที่สุด เพราะเขาพยายามหลบเลี่ยงเมย์ เขาไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่ดูอึดอัดแบบตอนร่วมกิจกรรมอีก

หมับ!!!

เสียงมือหนึ่งกำรอบต้นแขนของเขาอย่างแรง

“โอ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงเพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดวิ่งเข้ามาจากต้นแขน
“อ้าว เฮ้ย! พี่ขอโทษ ก็เห็นตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ไม่สนใจใครเลย พี่เรียกก็ไม่หันก็เลยวิ่งมาจับเสียเลย” พี่เอกยืนยิ้มตาตี่ขณะที่พูดกับชานนท์ และมือก็ยังกำต้นแขนจองเขาแน่น จนชานนท์ต้องมองไปที่มือใหญ่ที่กำแขนเขาเกือบรอบ

“เออๆ พี่ขอโทษ เจ็บไหมวะ” พี่เอกรีบปล่อยแขนเขาทันทีที่เห็นสายตาแสดงความเจ็บปวดของชานนท์
“ถามได้ กำเสียแรงขนาดนี้” ชานนท์พูดพลางใช้มือบีบนวดส่วนที่เจ็บตึง
“โอเคๆ ที่หลังพี่จะไม่ทำแบบนี้แล้ว พี่จะจับอุ้มเข้าเอวแทนเลย!” พี่เอกพูดติดตลก และหัวเราะลั่น
“ผมไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั่นเสียหน่อย! สูง 170 เซ็นฯ ไม่เตี้ยนะครับ” ชานนท์รู้สึกหัวเสียกระแทกเสียงใส่ เพราะหากเป็นแถวบ้านเขา ส่วนสูงขนาดเขาก็ถือว่าสูงในระดับต้นๆทีเดียว
“ก็เตี้ยกว่าพี่เยอะนะ” พี่เอกพูดพร้อมวาดมือวัดขนาดส่วนต่างระหว่างชานนท์กับตัวเอง ชานนท์มองความต่างก็แอบเห็นด้วย พี่เอกน่าจะสูงมากกว่า 180 เซ็นติเมตร

“หิวว่ะ ไปกินข้าวกัน พี่จะได้ติวเอ็งเสียหน่อย วันนี้ทำพี่ขายหน้าหมด นี่พี่เชียร์เอ็งหมดหน้าตักเลยนะ ทำผลงานแย่ๆ แบบนี้เสียชื่อพี่หมด!!” พี่เอกกอดคอชานนท์และบังคับให้เดินกลับไปที่ทางอาคารเรียนเอนกประสงค์ ชานนท์พยายามยื้อหยุดพี่เอกสุดกำลัง แต่ด้วยความเหนื่อยล้า และแรงที่น้อยกว่ามากทำให้ไม่ต้านทานได้นานในที่สุดก็ปล่อยเลยตามเลย ระหว่างนั้นเองสายตาของเขาเหลือบเห็นเมย์ที่ท่าทางเศร้าสร้อยเดินสวนมาทางพวกเขาพอดี ชานนท์จึงหลบหน้าลงต่ำและเดินชิดเข้าในวงแขนของพี่เอกจนชิด

“เฮ้ย! นั่นคนที่เอ็งแอบชอบนี่!” พี่เอกพูดเสียงดังขณะที่เมย์เดินผ่านพวกเขาไประยะหนึ่ง
“ชู้ส์.....!!! พี่เอก!! เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก” ชานนท์กระวีกระวาดยกนิ้วชี้ขึ้นมาปิดปากตัวเอง
“อ้าว! ก็เห็นเอ็งไม่ทัก นึกว่าไม่เห็น”
“ไม่เป็นไรครับ...... อีกอย่างผมก็ยังไม่ถึงขั้นชอบเขาหรอกครับ แค่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้”
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” พี่เอกถามขึ้นจากการมองดวงตาที่รู้สึกสับสนของชานนท์
“ไม่มีอะไรครับ”
“ไม่มีแล้วจะทำหน้าทำตาแบบนั้นทำไมวะ?”
“เอ่อ....” ชานนท์รู้สึกไม่ชอบที่ใบหน้าตัวเองมันซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากจนเกินไป ทำไม่ถึงไม่รู้จักโกหกเสียบ้าง!
“เอาน่ะ ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” พี่เอกเท้าเร็วขึ้นทำให้ชานนท์ที่อยู่ในวงแขนต้องก้าวเท้าเร็วขึ้นไปด้วย
“มันก็..... ไม่ได้มีอะไรนะครับ.... ผมไม่ได้รู้สึกกับเมย์แบบนั้นแล้วตั้งแต่เธอว่ามีแฟนแล้ว ผมก็เลยคิดว่า ผมคงไม่ไ้ด้ชอบเธอแบบนั้น.....มั้ง.... จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมองเธอเปลี่ยนไป จนไม่คิดว่าจะกลับไปมองเธอแบบเดิมได้อีก”
ชานนท์พูดความในใจออกมาขณะเดินกึ่งวิ่ง ทำให้มีอาการหอบเล็กน้อยติดมากับคำพูดด้วย
“งั้นพี่ว่าเอ็งควรไปเคลียร์กับเธอนะ จะได้เป็นเพื่อนต่อไปกันได้ไง ไม่ว่าเรื่องอะไรเกิดขึ้น มันต้องคุยกันถึงจะแก้ปัญหาได้ไม่ใช่หลบหนีแบบนี้..... เอาล่ะ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันให้สบายใจก่อนนะ แล้วค่อยไปจัดการ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง!!” พูดจบพี่เอกก็ยิ้มให้และสาวเท้าเร็วขึ้นจนชานนท์แทบจะต้องวิ่งตาม

............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 2) อัพ 25 พ.ย. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-11-2018 21:36:52
หรือพี่เอกคือพระเอก? :hao4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 5 ส่วนที่ 3) อัพ 1 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-12-2018 09:36:29

พี่เอกพาชานนท์กลับมาที่ร้านอาหารร้านเดิม เพียงแต่วันนี้สั่งอาหารมาไม่เยอะเท่าวันก่อนเพราะชานนท์รู้สึกไม่เจริญอาหารเท่าไหร่ ในระหว่างมื้ออาหารพี่เอกก็พยายามให้กำลังใจชานนท์ให้สู้กับกิจกรรมต่อไป และพยายามแนะนำว่าในวันถัดๆไปจะมีเพลงอะไร จังหวะแบบไหนให้ล่วงหน้า คล้ายกับการติวหนังสือทีเดียว ชานนท์รู้สึกเหมือนโดนเฉลยข้อสอบล่วงหน้า แต่เนื้อหาเหล่าคล้ายจะไม่เข้าไปบันทึกในเซลสมองของชานนท์เท่าไหร่ เขารู้สึกขาดความสนใจไปในบางช่วง จนบางครั้งหันไปมองทางอื่นเลยก็มี ทุกครั้งที่สมาธิเขาขาดช่วงไปจะเจอมือของพี่เอกเอื้อมมาจับที่ใบหน้าเพื่อเปลี่ยนทิศทางสายตาของชานนท์ให้ไปจับจ้องที่พี่เอกเท่านั้น สายตาที่มุ่งมั่นเหล่านั้นมันทำให้รู้ชานนท์ลุ่มร้อนในอกจนไม่สามารถสบตากับพี่เอกได้นาน ตาดวงกลมเรียวสีน้ำตาลอ่อนนั่น มันมีเสน่ห์อย่างที่เขาอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

“ร้านนี้อร่อยนะ มากินข้าวด้วยกันก่อนสิ กินไปคุยไปก็ได้!” เสียงหญิงสาวดังขึ้นจากทางประตูทางเข้าร้าน เสียงเธอดังก้องไปทั่วร้าน ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอ รวมถึงชานนท์ด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยแต่งตัวเน้นสัดส่วนจนทำให้คนมองเดาไซส์ของเธอได้ไม่ยาก ด้วยทรวดทรงที่อวบอิ่มกำลังดี มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ทำให้เคลิบเคลิ้มตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เธอเป็นผู้หญิงที่ดึงดูดสายตาได้กับชายทุกผู้

“เร็วๆ มานี่สิ น๊าๆ....” เสียงของเธอดังขึ้นเชิงออดอ้อนในขณะที่เธอหันตัวกลับไปพูดกับคนที่เธอน่าจะพามาด้วย ทำให้ยิ่งตกเป็นเป้าสายตามากขึ้น

“อ้าว!! นั่น! ยัยวิ ทำไมโลกมันแคบจังวะ” พี่เอกพูดขึ้นขณะที่ชานนท์มุ่งสมาธิไปที่เธอแทนที่จะเป็นตัวเขา
“พี่รู้จักเธอ?” ชานนท์หันควับมาถาม
“ทำไมจะไม่รู้ ก็เป็นดาวคณะฯ ปีสาม มีใครบ้างไม่รู้จัก”
“สวยดี รูปร่างดี”
“เฮ้ยๆ ระวังหน่อยนะ ยัยนี่น่ะ.......” พี่เอกยกมือขึ้นป้องปากคล้ายเรื่องที่จะพูดต่อไปต้องระมัดระวังคำพูดเป็นพิเศษ

“ว้ายๆๆๆๆๆๆ น้องเอกที่น่ารักของพี่.... ไม่นึกว่าจะมาเจอกันที่นี่” เสียงสาวสวยที่หน้าร้านตอนนี้ย้ายมาอยู่ด้านหลังพี่เอกอย่างกับหายตัวได้
“เฮ้ย!  พี่!! ตกใจหมด” พี่เอกสะดุ้งตัวลอยและเสียอาการเล็กน้อย
“ขวัญอ่อนจริงพ่อคุณ เดี๋ยวพี่ช่วยปลอบไหมน้อง?” หญิงสาวบรรจงใช้นิ้วลูบไล้ไปที่หน้าอกของพี่เอกอย่างหวาดเสียว
“พี่วิภาดา!!” พี่เอกจับมือหญิงสาวที่ยืนอยู่ในระยะประชิดจนหน้าอกของเธอชนกับศรีษะของพี่เอก
“แหม.... แค่นี้ก็เขินอาย พี่ก็แค่คิดถึงน้องเอกที่น่ารักเท่านั้นเอง”
“พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ หรือจะให้ผมพูดไหมว่าทำไม?” พี่เอกเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“แค่นี้ก็ต้องโกรธกันด้วย ล้อเล่นนิดหน่อยเองนะ...... ว้าย.... หนุ่มน้อยคนนี้ใครกันคะ หน้าตาน่ารักดีจัง อ้อ.... คนที่น้องสปอนเซอร์ใช่ไหม? ....” หญิงสาวเปลี่ยนเป้าหมายทันทีที่พี่เอกมีสีหน้าเปลี่ยนไป

“พี่วิ!!” พี่เอกขึ้นเสียงอีกครั้ง และครั้งนี้ดังขึ้นมากกว่าครั้งก่อน
“อ้อ! ลืมไปว่า เขาห้ามบอกกันนี่!! งั้น.... พี่ขอโทษและขอตัวไปก่อนนะจ๊ะ... พี่ต้องไปเป็นสปอนเซอร์ที่ดีเช่นกัน....” แล้วเธอก็เดินจากไปนั่งโต๊ะข้างหลังที่มีชายหนุ่มท่าทางคุ้นตานั่งอยู่ก่อนแล้ว ชานนท์จึงพยายามเพ่งมองภายใต้แสงไฟในร้านที่ค่อนข้างจำกัดในเวลาใกล้ค่ำแบบนี้แต่ก็เดาไม่ออก สงสัยตาคงจะพร่าจากความเหนื่อยล้า

“เอ่อ.... พี่เอกครับ....” ในใจชานนท์เต็มไปด้วยคำถามร้อยแปดจากคำสนทนาของรุ่นพี่ทั้งสอง
“นั่นมันรูมเมทเอ็งนี่หว่า?” พี่เอกพูดแทรกขึ้นมา
“อะไรนะครับ?”
“นั่นไง! นั่นไง คนที่มากับพี่วิไง!!” พี่เอกขยับศรีษะถี่ๆไปทางทิศของโต๊ะนั้นเป็นเชิงชี้ทิศทาง
“เอ่อ.... ใช่! จริงด้วย! นึกว่าคุ้นๆอยู่.... เดี๋ยวนะพี่! ที่ว่าสปอนเซอร์เนี่ย?” ชานนท์หันไปมองเพียงแวบเดียวและรีบหันกลับมาถามพี่เอกทันเพื่อคลายข้อสงสัยที่แน่นอก
“เอ่อ...... เรื่องนี้ไม่ควรบอกกับน้องๆ นะเนี่ย แต่ป่านนี้ยัยพี่วิก็คงบอกกับทุกคนที่เจออยู่แล้ว คืออย่างนี้.... มันเป็นธรรมเนียมที่พวกรุ่นพี่กรรมการการรับน้องจะเลือกรุ่นน้อง 10 คนขึ้นมาดูแลสำหรับการประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย และทุกปีก็จะมีการพนันกันเล็กน้อยนะ ถือเป็นรางวัลสำหรับคนที่ดูแลน้องๆได้ดี”
“รางวัล?” ชานนท์พอได้ฟังก็คลายสงสัยว่าทำไมพี่เอกถึงได้ดูแลเขาดีอย่างนี้
“ก็แค่เงินที่ลงขันกันนิดหน่อย”
“เท่าไหร่ครับ?”
“ก็ 20,000 สำหรับผ่านรอบตัวแทนคณะฯ อีก 30,000 ก็ผ่านรอบตัวแทนมหา’ลัยน่ะ”
“โอ้โห!! ตั้งห้าหมื่น... นึกว่าล่ะ.......” ชานนท์ทึ่งกับการละเล่นของคนรวย
“เฮ้ยๆ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่พี่ก็เป็นคนเลือกเรานะ พี่มั่นใจว่าเราเป็นเดือนคณะได้! เรื่องเงินมันก็แค่ผลพลอยได้” พี่เอกรีบลนลานแก้ตัว
“เหรอฮะ....?..” ชานนท์ลากเสียงยาวขึ้นเล็กน้อย รู้สึกหมดความนับถือคนตรงหน้าไปลงไปเยอะ
“เออ!! พี่พูดต่อ!! ขอเตือนนะ อย่าไปยุ่งกับพี่วิ เข้าใจไหม ยัยนั่นเห็นสวยๆ แบบนี้ น่ากลัวมาก!”
“ยังไงครับ แล้วพี่รู้ได้ไง?” ชานนท์สงสัยเพราะพี่วิที่รูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางอย่างนั้นจะไปมีเรื่องอะไรต้องกลัว
“เอาเป็นว่า พี่เจอกับตัวเองมาแล้ว! เธอเล็งหนุ่มน่ารักทุกคนที่เธอเห็นนั่นแหละ นายก็หน้าตาน่ารัก หน้าหวานแบบนี้สเปกเธอเลย แล้ว.... ยิ่งช่วงนี้ ห้ามไปวอแวมีข่าวกับเธอเด็ดขาด!!” พี่เอกกำชับอีกครั้งหนักแน่น
“ทำไมล่ะครับ?”
“เออน่า!! สงสารแต่ไอ้หนุ่มนั่นแหละ...... อย่าได้หลวมตัวหลงเสน่ห์ยัยนั้นเลย” พี่เอกใช้นิ้วชี้แบบหลบๆซ่อนๆไปที่วรุฒที่นั่งแบบเหม่อๆ ร่วมโต๊ะกับพี่วิภาดาสุดสวย
“มา!! เรามาติวกันต่อ...... เราต้องเสริมความมั่นใจเอ็งหน่อย........” พี่เอกจับหน้าชานนท์กลับมาให้จดจ่อที่หน้าขาวๆตาสวยๆของเขาอีกครั้ง

...........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 5 ส่วนที่ 3) อัพ 1 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-12-2018 09:47:02

“เฮ้อ......” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ หลังจากหลุดจากพี่เอก หลุดจากการนั่งฟังสิ่งที่ชานนท์แทบไม่ได้เข้าใจสักเท่าไหร่ ทั้งการร้องเพลงเชียร์ของคณะฯ ทั้งการแสดงสีหน้า ทั้งการปรับทัศนคติทั้งหลาย การซ้อมแนะนำตัวเพื่อเรียกคะแนน (หลังจากที่ชานนท์รู้เรื่องการสปอนเซอร์ของรุ่นพี่ พี่เอกเลยจัดเต็มแบบไม่ต้องมีการเกริ่นนำใดๆ)

ในที่สุดตอนนี้เขาจะได้มีเวลาให้ตัวเองเสียที!!

พี่เอกมาส่งเขาที่หน้าหอพัก และขอตัวเพื่อไปเที่ยวต่อกับเพื่อนทันที ชานนท์รู้สึกอิจฉาในการทำตัวสบายๆแบบพี่เอกเหลือเกิน เขาสามารถทำกิจกรรมอะไรแบบนี้ได้ทุกวันแบบไม่ค้องกังวลอะไร แต่ชานนท์ก็คิดได้หลังจากเดินมาได้สามสี่ก้าวและเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่จะจางหายไปตามลมที่พัดตามไป

‘คนที่เรียนมหาวิทยาลัยนี้ได้โดยใช้ทุนส่วนตัว ก็น่าจะเป็นคนฐานะไม่ธรรมดา’  เมื่อคิดได้ตามนี้เขาจึงรีบสาวเท้าให้ไวขึ้นเพื่อกลับไปเตรียมตัวอ่านหนังสือล่วงหน้าเพื่อจะได้ใช้ผลการเรียนของตนรักษาสถานะภาพนักศึกษาของตนเอง ณ ที่นี่ไว้

“น้องรุฒคะ! แหม..... ตั้งใจหน่อยสิคะ ทำแบบนี้สิคะ!” เสียงหญิงสาวคุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านข้างของตึกหอพักของเขา ขณะที่ชานนท์กำลังเดินขึ้นบันไดขั้นแรก
“แบบนี้คะ มองพี่สิคะ ทำไม่ได้ไม่ให้กลับนะคะ....” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาอีก ชานนท์จำได้ทันทีว่านี่คือเสียงของพี่วิภาดานั้นเอง ด้วยความสงสัยชานนท์จึงเดินไปตามต้นเสียงที่ข้างตึก เพราะทั้งชานนท์และพี่วิต่างหายกันไปก่อนที่ชานนท์จะกลับเกือบชั่วโมง

“ ไม่ใช่คะ! งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยคะ!” เสียงพี่วิยังคงดังกังวาล ชานนท์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มุมตึกและแอบดูที่มาของเสียง ภาพที่ปรากฏต่อหน้าคือ หญิงสาวกำลังโอบกอดชายหนุ่มจากทางด้านหน้า ช่วงอกแนบชิดกับด้านหน้าของฝ่ายชาย พี่วิกำลังใช้มือข้างหนึ่งจับมือของอีกฝ่ายให้ชูสูงให้ทำมุมกับพื้น ปลายมือชูขึ้นสูง ส่วนอีกข้างหนึ่งจับเอวของฝ่ายชายไว้ คิดในแง่ดีมันคงไม่แปลกเพราะไอ้วรุฒมันสูงมาก (สัก190ได้) ส่วนพี่วิก็มาตรฐานหญิงไทย ภาพมันเลยออกไปในแบบนั้น แต่ชานนท์รู้สึกถึงจริตบางอย่างของพี่วิ ทั้งการวางมือ ทั้งจุดสัมผัสทางกายต่างๆ ที่ทำให้บรรยากาศมันดูอีโรติกมากกว่าการสอนสั่งสไตล์โซตัสของการรับน้อง บวกกับการแต่งกายที่วาบหวิว จนทำให้ชานนท์อดที่จะหน้าร้อนวูบวาบไม่ได้

ติ้ดๆๆ ตือๆๆๆ ติดๆๆๆ

เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเขาดังขึ้นขัดจังหวะการส่องลีลาการสอนของพี่วิที่ร้อนแรงตรงหน้า ก่อนที่ทั้งคนนั่นจะรู้ตัวชานนท์รีบถอยไปในตัวตึกอย่างเร่งร้อน

“สวัสดีครับ” ชานนท์รีบรับสายทันที
“ดีคะ นนท์” เสียงผู้หญิงที่ไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ดังขึ้น จนทำให้ชานนท์ยกโทรศัพท์มาส่องที่หน้าจออีกรอบเพื่อนดูว่าใครโทรมา เพราะความรีบร้อนจีงรีบรับสายก่อนดูว่าเป็นใคร ที่สำคัญชานนท์ไม่เคยมีผู้หญิงโทรศัพท์หาเขาเลยนอกจาก ‘แม่’

‘มายา’  เป็นชื่อที่ปรากฏที่หน้าจอ

“สวัสดีๆ ได้ยินเราไหม?”
“สวัสดีครับ ได้ยินครับ”
“แหม... ให้พูดอยู่ตั้งนานไม่ตอบ!!”
“ขอโทษครับ”
“กับเราน่ะ ไม่ต่องพูด ‘ครับ’ ก็ได้นะ ว่าแต่ตอนนี้นายว่างไหม?”
“ครับ...  ว่างคระ.... เอ่อ......... ว่างสิ!” ชานนท์ได้ยินเสียงกระแอมแบบตั้งใจดังผ่านทางลำโพงมาทำให้แทบจะเปลี่ยนคำพูดไม่ทัน
“งั้นมาหาเราหน่อยสิ ได้ไหม มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ! มาที่ร้านกาแฟหน้าหอพักหญิงนะเดี๋ยวเราลงไปนั่งรอ”
แล้วมายาก็วางสายทันที ทิ้งให้ชานนท์รู้สึกเคว้งคว้างกับคำถามคาใจว่าเหตุใดมายาจึงต้องการคุยกับเขาแบบเร่งด่วน!! ที่ร้านกาแฟหน้าพอพักหญิงฝั่งนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการมานั่งส่องสาวของบรรดารุ่นพี่ด้วย หลายคนก็มักจะเริ่มมีเดทแบบง่ายๆ ที่นั้น หรือว่านี่คือการชวนเดทของหญิงสาวครั้งแรกของของเขา... พระเจ้า!! เป็นตัวแทนคณะฯ ในการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์แค่วันแรก เขาก็มีโชคเรื่องความรักเสียแล้ว ชานนท์คิดไปร้อยแปด พร้อมกับเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ หน้าแดงร้อนผ่าวมือไม้ของเขาแทบอยู่ไม่สุข เขารีบวิ่งขึ้นไปที่หอพักเพื่อล้างหน้าล้างตา เช็ดแว่นให้เงา จัดแต่งทรงผมเสียเพื่อเดทแรกของเขา!

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 3) อัพ 1 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 01-12-2018 12:07:36
รอนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 3) อัพ 1 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-12-2018 14:50:26
รอๆ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 3) อัพ 1 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 01-12-2018 21:41:30
โทรมาเรียกให้ไปเจอปู้ชายรึเปล่าอ่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 3) อัพ 1 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-12-2018 13:15:56
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 5 ส่วนที่ 4) อัพ 8 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 08-12-2018 10:51:54


เสียงจอแจภายในร้านคาเฟ่ขนาด 5 คูณ 5 เมตร ที่ภายในจัดแต่งอย่างเรียบง่าย ภายนอกอาคารปกคลุมไปด้วยต้นตีนตุ๊กแกจนเป็นสีเขียวเข้ม พันธุ์ไม้เหล่านั้นปกคลุมจนมองแทบไม่เห็นวัสดุภายนอกว่าสร้างจากอะไร มองเผินๆเหมือนบ้านต้นไม้ หากแต่มีกระจกบานใหญ่ที่หน้าร้านทำให้มันดูเป็นคาเฟ่ขึ้นมาบ้าง ภายในตกแต่งเรียบง่าย โต๊ะเก้าอี้และเคาเตอร์บาร์สั่งเครื่องดื่มต่างทำจากไม้สีน้ำตาลอ่อน เพดานและโคมไฟตกแต่งสไตล์ลอฟท์ บรรยากาศดีกว่าที่คิดมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัย

ชานนท์เดินเก้ๆกังๆ เข้าไปในร้านด้วยความประหม่า เขายังพยายามจัดทรงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเจอมายา เสื้อผ้าหน้าผมที่ลงทุนวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อการณ์นี้ แทนชุดเก่าที่เยินและเหม็นเหงื่อ ‘ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญในการแต่งกายเพื่อออกเดท’ ข้อความประโยคหนึ่งในหนังสือที่เขาเคยอ่านผุดขึ้นมาในหัวของเขา

“นนท์! นนท์ ทางนี้” เสียงหญิงสาวที่คุ้นหูดังขึ้นที่มุมห้องทางซ้ายมือของเขา ชานนท์เบนศรีษะไปทางต้นเสียง เขาเห็นมายาในชุดลำลองกึ่งชุดกีฬา เสื้อยึดสีขาวเข้ารูป กางเกงวอร์มสีน้ำเงินเข้มลายขวางที่ด้านข้าง และเกล้ามวยผมขึ้นไปเป็นรูปโดนัทตรงกลางศรีษะด้านบน ‘โหย.... แต่งตัวธรรมดายังดูน่ารักเป็นบ้า!!’ ชานนท์คิดทันทีที่เห็นภาพของมายาตรงหน้า

“จำเกือบไม่ได้เลย.......” ชานนท์ทักทาย เขามีคำทักทายให้เลือกไม่เยอะ เขารู้สึกว่าตั้งใจจะชมแต่ปากมันขยับได้แค่นี้
“โห.... เราโทรมขนาดนั้นเลย! นี่ขนาดไปล้างหน้าล้างตาแล้วนะเนี่ย  ใครจะคิดว่าคณะบริหารฯ จะรับน้องโหดขนาดนี้!!” มายาโอดครวญ จนสีหน้าเปลี่ยนไปแต่ก็ยังน่ารักอยู่
“ไม่หรอก....” ชานนท์พยายามปลอบ
“แล้วยิ้มอะไรของนาย? เราดูตลกเหรอ?” มายารีบคว้าตลับแป้งขึ้นมาส่องกระจกเช็คหน้าตัวเอง
“มายา ....ที่เราว่า ‘ไม่’ น่ะ ...คือเธอแต่งตัวยังไงก็น่ารัก” ที่ชานนท์เผลอยิ้มออกไปเพราะได้เจอความน่ารักของมายาในระยะประชิดนี่แหละ
“ปากหวานจริง. ท่าทางจะเจ้าชู้ไม่เบา ไม่ธรรมดานะเราน่ะ!” มายาสวนกลับมาทันที
“ฮะฮะฮะ” ชานนท์หัวเราะกลบเกลื่อน เขาไม่รู้วิธีที่จะโต้ตอบประโยคแบบนี้จริงๆ จะให้ตอบความจริงหรือไงว่า นอกจากเมย์ก็มีมายาเนี่ยแหละ เป็นผู้หญิงที่เขาสนทนาด้วยมากกว่า 3 ประโยค
“กินอะไรมาหรือยัง?” ฝ่ายหญิงถามพร้อมชูเมนูเล่มเล็กบนโต๊ะขึ้นมาตรงหน้า
“เอ่อ.... กินมาแล้วล่ะ” ขานนท์พาลนึกไปถึงอาหารที่กองท่วมโต๊ะซึ่งเขากินไม่หมดเมื่อเย็นกับพี่เอก
“อ้าว! จริงน่ะ  ว่าจะคุยไปกินไปจะได้ไม่เครียด”
“ว่าแต่... สงสัยเหมือนกัน ที่ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยนี่ เรื่องอะไรเหรอ?”
“เราขอสั่งอาหารก่อนได้ไหมอ่ะ หิวมากเลย นี่หิ้วท้องรอเลยนะเนี่ย!”
“โอเคครับ” ชานนท์ยิ้มตอบกลับไปอย่างยอมแพ้
“ก็บอกว่าไม่ต้องพูดครับกับเราไง มันรู้สึกห่างเหินกันจัง”  มายาพูดไปพลิกเมนูไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่ชินน่ะ” ชานนท์ได้แต่หัวเราะแห้งๆแก้เขินกลับไป ‘ความจริงเราสองคนก็ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นนะ’  เขาคิดในใจ

เพียงชั่วครู่อาหารที่มายาสั่งก็มาถึงประกอบไปด้วยน้ำผลไม้ปั่น, สลัดผักกุ้งทอดจานเล็ก และคลับแซนด์วิชชิ้นเล็กสองสามชิ้น ซึ่งดูเป็นปริมาณที่ไม่เหมาะสมกับคำว่า ‘หิวมากๆ’ ของเธอเท่าไหร่ หากเปรียบกับเมย์แล้วเมย์คงจะสั่งเต็มโต๊ะไปแล้ว กิริยาในกินของเมย์ก็ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่เพราะเธอทานเร็วมาก ผิดกับมายาที่ตัดแบ่งเป็นคำเล็กๆก่อนจะป้อนเข้าปากตัวเอง ชานนท์สลัดหัวตัวเองทันทีหลังคำพูดสุดท้ายในหัวจบลง เพราะในเวลาแบบนี้เขากลับไปคิดถึงเมย์อีกแล้ว

“เป็นอะไรของนาย เงียบไปแล้วอยู่ๆก็สลัดหัว” มายาถามขึ้นมาก่อนจะป้อนชิ้นขนมปังสอดใส้แฮมและชีสที่ตัดแบ่งออกมาเป็นชิ้นขนาดพอดีคำเข้าปากไป
“ไม่...ไม่มีอะไร.... คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“โอเคนะ นายน่ะ” ชานนท์พยักหน้าหลังจบประโยคคำถามของมายา “เอาล่ะเข้าเรื่องเสียที เห็นนายนั่งเหม่อเลยไม่อยากขัดจังหวะ เรื่องที่อยากจะคุยด้วยก็เรื่อง ยัยเมย์นั่นแหละ!”
“เมย์??” ชานนท์ได้ยินชื่อนี้ภายนอกความคิดของเขาจึงรู้สึกแปลกใจ
“นายก็รู้นี่ว่า ยัยเมย์น่ะเป็นรูมเมทเรา”
“อืม..” ชานนท์พยักหน้าอีกครั้ง ขณะที่เขาระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัยได้
“ยัยเมย์ มันกลุ้มใจมากเลยนะ กลัวนายจะเข้าใจผิด!!”
“เรื่องแบบนี้ เราเข้าใจ ไม่ต้องอธิบายหรอก” สีหน้าชานนท์เปลี่ยนไปทันที เขาดูเคร่งขรึมมากขึ้น น้ำเสียงจริงจังขึ้น
“เดี๋ยวๆ แบบนี้แปลว่านายไม่เข้าใจ!! ในฐานะตัวแทนของทั้งสองฝ่าย เราขอเป็นคนอธิบายเอง!!”
“ทั้งสองฝ่าย?!?!” ชานนท์มีอาการมึนงงกับประโยคของมายาจนแสดงออกทางสีหน้า
“โอเค เงียบก่อนและฟัง!!” สีหน้ามายาดูจริงจัง เธอหยิบแก้วขึ้นมาดูดน้ำผลไม้ปั่นสีเหลืองอมส้มสองสามอึกก่อนที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังแบบไม่มีเว้นวรรค เธอแสดงศักยภาพในการพูดได้ดีจนชานนท์ทึ่งว่าคนหนึ่งจะสามารถพูดได้เยอะและชัดเจนเท่านี้

ชานนท์จึงต้องรับฟังด้วยทักษะทั้งหมดที่มี
“วันนั้นเมย์แอบไปเซอร์ไพรส์แฟนของเธอถึงที่มหาวิทยาลัยแต่สิ่งที่เจอคือ แฟนจองเธอดันไปเจาะแจ๊ะกับหญิงอื่นเกินงาม เมย์แอบตามดูจึงคิดไปเองต่างๆ นานาว่าเธอโดนนอกใจเสียแล้ว เห็นเมย์ห้าวๆ แบบนี้นะ ใจเธอบางยิ่งกว่ากระดาษ น้อยอกน้อยใจ ไปเมาหัวราน้ำอยู่แถวบาร์ที่ไหนสักแห่งจำไม่ได้”

ชานนท์ฟังถึงตรงนี้ เขารู้สึกถึงความรุนแรงของอารมณ์ผู้หญิงและความรักของเมย์ที่มีต่อแฟนของเธอ ตอนนี้อารมณ์ของเขาก้ำกึ่งอยู่ระหว่างอาการเจ็บจี๊ดที่อกข้างซ้ายและอาการโมโหไปกับเหตุการณ์ที่เมย์เจอ

“เดชะบุญนะ ไปเจอกับวรุฒเข้า!”

’มาเจอไอ้ปีศาจนั่นมันโชคดีตรงไหนวะ!” ชานนท์คิดในใจ จนเผลอแสดงออกทางสีหน้า เขารู้สึกหงุดหงิดกว่าตอนประโยคแรกเสียอีก
“ดูทำหน้าเข้า เรารู้นะว่า เธอคิดอะไรอยู่ วรุฒเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก” มายาพูดขึ้นเมื่อจ้องสีหน้าของชานนท์และยิ้มมุมปาก
“สำหรับเรา หากเรามีน้องสาวหรือพี่สาวคงไม่อยากให้ไปเจอไอ้หมอนั้นในสถานการณ์แบบนี้” ชานนท์โต้กลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฟังให้จบก่อนค่อยตัดสินใจได้ไหม?”
“เราอยู่กับมันทุกวัน! ไม่ต้องเล่าต่อเราก็รู้ตอนจบแล้ว!!” ชานนท์เริ่มใส่อารมณ์กับทุกคำพูด
“เรารู้นะว่านายแอบชอบยัยเมย์อยู่”
“............... เปล่านี่” ชานนท์คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกดีกับเมย์นะ แต่พอมาถึงจุดนี้เขากลับรู้สึกชัดเจนขึ้นแล้วมันไม่ใช่ความรู้สึกแบบความรักแบบนั้น เขาตอบออกมาด้วยความรู้สึกราบเรียบจนรู้สึกตกใจตัวเองเหมือนกัน
“ปากแข็งจริง... เอาล่ะ......ในฐานะตัวแทนทั้งสองฝ่าย เราไม่อยากให้นายคิดอคติกับทั้งสองคนแบบนั้น นั่นเป็นสาเหตุให้เราต้องมาอธิบายกับนายด้วยตนเอง” มายาย้ำด้วยเสียงหนักแน่นและตักของกินตรงหน้าเข้าปากด้วยผักสลัดชิ้นเล็กๆ

“ทำไมต้องไปแก้ตัวให้ไอ้หมอนั่นด้วย หากเป็นเมย์เราเข้าใจเพราะเป็นเพื่อนกัน ทำไมมายาพูดเหมือนรู้จักวรุฒดีขนาดนั้น!!” ชานนท์ผ่อนลมหายใจหลังพูดจบ วันนี้เขารู้ว่าเขาใช้พลังงานกับการพูดเยอะเกินไปแล้ว ทั้งที่ปกติเขาแทบไม่ได้ใช้ปอดกับเรื่องพูดเลย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 5 ส่วนที่ 4) อัพ 8 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 08-12-2018 11:04:02

“รู้สิ.....ก็โตมาด้วยกันนี่นา พ่อเขากับเราเป็นเพื่อนกัน เราโตมาด้วยกัน อืม.....แบบ......... ก็เหมือนพี่ชายประมาณนั้น!” มายาดูลังเลที่จะอธิบายอย่างละเอียด ส่วนชานนท์หลังจากได้ฟังก็อดที่จะประมวลผลไปต่างนานาไม่ได้ ทำได้แค่นิ่งเงียบไป
“ฟังนะ ยัยนั่นกับวรุฒน่ะไม่มีอะไรกันหรอก บังเอิญว่าเราส่งรูปไปให้วรุฒช่วยตามหาด้วยน่ะ บังเอิญไปเจอยัยเมย์เมาหัวราน้ำอยู่ก็เลยลากมาดูแลต่อ”
“ดูแลกันอย่าละเอียดลึกซึ้งเชียว!” ชานนท์ตอบประชด เขาไม่รู้สึกหึงหวงแต่รู้สึกเหมือนโดนหักหลังมากกว่า เพราะเขากับเมย์มักจะพูดถึงวรุฒไปในทางไม่ดีเสมอ คล้ายกับการอยู่ชมรม ‘แอนตี้วรุฒ’ ด้วยกันแล้วโดนหักหลังนี่ล่ะ

“เราไม่รู้นะว่า นายไปเจอภาพแบบไหนมา แต่เราเชื่อใจทั้งสองฝ่าย ทั้งสองบอกตรงกันว่า ไม่มีอะไรก็ต้องไม่มีอะไร” มายายืนยันหนักแน่น ในขณะที่ชานนท์ได้แต่ผ่อนลมหายใจและทิ้งตัวเอนไปที่พนักเก้าอี้อย่างเต็มแรง
“หากนายรู้จักวรุฒอย่างที่เรารู้จัก นายจะไม่คิดแบบนั้นหรอก”
“แล้วเธอรู้จักมันแบบไหน!?” ชานนท์รู้สึกถึงความเครียดของตัวเองระหว่าหัวคิ้วทั้งสองข้าง
“วรุฒ เขาเป็นคนจิตใจดีนะ........” มายาหยุดพูดไปเล็กน้อยหลังจากมองหน้าชานนท์ที่ยังคงทำหน้าเหมือนฟังเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ พลังงานด้านลบยังคงอยู่รอบตัวชานนท์
“เฮ้อ....จริงๆแล้ว เขาเป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากๆ มีน้ำใจ .... จนกระทั้ง.........” มายานิ่งไปพักใหญ่ ความสดใสของแววตาของเธอดับวูบลงเล็กน้อย
“เอาเป็นว่าที่เขาเป็นอย่างปัจจุบันนั้เพราะความโชคร้ายนั่นแหละ หากนายได้รู้จักกับเขาจริงๆ นายจะเข้าใจสิ่งที่เราพูด เรารู้ว่านนท์เป็นคนดี เราอยากให้นนท์เชื่อเรานะ วรุฒเป็นคนน่าสงสาร ช่วยเห็นใจเขาหน่อยนะ” มายายื่นมือมากุมมือของชานนท์ที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะ ด้วยสายตาที่กึ่งแดงและจริงจัง
“เอ่อ.......” ชานนท์รู้สึกสับสนว่าเขาถูกเชิญมาเพื่อเครียร์เรื่องอะไรกันแน่ระหว่าง เรื่องเมย์หรือเรื่องวรุฒ
“เรา.. .... เข้าใจเรื่องเมย์แล้ว เดี๋ยวจะหาทางไปคุยกับเมย์เอง แต่..... เรื่องวรุฒนี่มัน.......เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย?” ชานนท์ตอบออกไปด้วยความรู้สึกมึนงงกับข้อมูลที่ได้มา
“เกี่ยวสิ... นายเป็นรูมเมทของวรุฒ เราก็เลยอยากเคลียร์ทีเดียวไปเลย พวกนายยังต้องอยู่ด้วยกันอีกตั้งสองปี ก็ควรจะผูกมิตรกันไว้จริงไหม? ไหนๆก็รู้จักกันแล้วเราก็อยากให้รู้จักกันดีๆ  เป็นเพื่อนกันไว้” มายาจบด้วยรอยยิ้ม
“เราก็พยายามแล้วนะ....” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“เรารู้ วรุฒไม่เคยว่านายลับหลังเลยรู้หรือเปล่า? มันแปลกนะสำหรับคนเลือกมากอย่างเขา หากนายไม่โอเค ป่านนี้โดนย้ายตั้งแต่สามวันแรกแล้ว!! นายก็รู้ว่าเขาทำได้!!” เมย์ย้ำเพิ่ม ความจริงชานนท์ก็พอรู้ว่าบ้างว่าเขาเป็นลูกของผู้ทรงอิทธิพล แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำได้ขนาดนี้ ชานนท์เลยทำได้แค่กลืนน้ำลายเท่านั้น

.........................

หลังจากจบการอภิปรายช่วงมื้อค่ำของมายาที่ร่ายยาวจนเขารู้สึกมึนงง ชานนท์ก็ขอแยกย้ายทันที ‘แบบนี้มันไม่ใช่เดทเสียหน่อย ทำไมทุกอย่างมันถึงได้มีไอ้วรุฒเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่องเลยวะ!” เขาคิดไปพร้อมเดินกลับหอพักอย่างเรื่อยเปื่อย
 สายลมช่วงหัวค่ำมันช่างเย็นเยียบและเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน ชานนท์มองไปตามท้องถนนระหว่างทางกลับหอพักที่ผู้คนเริ่มบางตา แต่ทุกคนที่เขาเห็นในช่วงเวลานี้มักจะเดินหรือปั่นจักรยานซ้อนท้ายกันเป็นคู่ๆ เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

“นี่จะไม่ชวนพี่ขี้นไปนั่งพักที่ห้องหน่อยเหรอ?”
เสียงแหลมเล็กออดอ้อนดังขึ้นจากข้างทางระหว่างทาง ชานนท์รีบหันไปหาต้นเสียงทันทีเพราะเขาจำเสียงนี้ได้แม่นยำ เจ้าของเสียงที่พี่เอกปรามไว้ให้ระวังตัวหากเข้าใกล้เธอ

ชานนท์เห็นพี่วิเดินเกี่ยวแขนวรุฒเดินเอาตัวแนบกันจนเหมือนปาท่องโก๋เดินได้  ทั้งสองเดินเลียบบาทวิถีในสนามหญ้าบริเวณใกล้หอพักทางด้านหน้า ชานนท์ถึงกลับต้องชะลอฝีเท้าเพื่อทิ้งระยะห่างจากทั้งคู่พอประมาณ

“น่าๆ พี่สาวหิวน้ำนะ ซ้อมลีดฯกันเหนื่อยๆ แบบนี้ ไม่เห็นใจพี่วิบ้างหรือจ๊ะ?” ลีลาการพูดและท่าทางออดอ้อนของพี่วิ ไม่ธรรมดาเลยมีพลังทำลายสูงมาก ชานนท์คิดว่าหากเป็นเขาคงตอบตกลงตั้งแต่คำชวนแรกไปแล้ว ‘คนอะไรเซ็กซี่เป็นบ้า’ ชานนท์แอบคิดขณะมองบั้นท้ายทรงเสน่ห์ข้างหน้า

“ไว้วันหลังนะ วันนี้มีแม่บ้านมาทำความสะอาด ห้องคงรกและฝุ่นน่าจะเยอะ” วรุฒปฏิเสธเสียงราบเรียบ แต่รู้สึกถึงความรำคาญปะปนไปกับเสียงจนคนข้างหลังอย่างชานนท์ยังรู้สึกได้ชัดเจน

“ว้า..... แย่จัง... ไว้วันพรุ่งนี้ก็ได้ พี่สาวอยากหามุมที่คุยกันเป็นการส่วนตัวได้น่ะจ๊ะ.... อยากจะติวพิเศษให้” เสียงหญิงสาวพูดอ้อนต่ออย่างไม่ย่อท้อเธอมีความพยายามจนชานนท์เริ่มรู้สึกขนลุกกับภาพที่เห็น แล้วเสียงพี่เอกดังขึ้นในหัว ‘ยัยนั่นมันเป็นพวกเก็บแต้มมากกว่าที่จะทำไปเพราะรักชอบจริงๆ!’ ชานนท์ขนลุกอีกครั้ง และรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ แต่วรุฒกลับแสดงท่าทางเย็นชาอย่างไม่น่าเชื่อ ชานนท์เห็นวรุฒเพียงแค่พยักหน้าตอบไปอย่างขอไปที

ชานนท์เดินตามจนทั้งสองแยกกันที่หน้าหอพักของเขา พี่วิยกมือขึ้นหยิกแก้มเนียนๆ ของวรุฒที่อยู่สูงขึ้นไปอย่างตั้งใจ ส่วนวรุฒก็ยืนนิ่งเฉย ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเป็นการอำลาก่อนที่เขาจะเดินห่างจากไปเข้าประตูหอพักโดยไม่หันกลับมามองสาวสวยเซ็กซี่ที่โบกมือลาอย่างพี่วิเลย

“เฮ้อ.... เล่นตัวจริง แต่ไม่นานหรอก เดี๋ยวจะให้ยอมสยบแทบเท้าแม่สักวัน!!” พี่วิทำเสียงฮึดฮัดในลำคอหลังจากจบประโยคลอยๆของเธอ ขณะที่ชานนท์พยายามเคลื่อนตัวผ่านเธอไปอย่างไม่เป็นจุดสนใจ

“น้องนนท์.....” พี่วิวิ่งเข้ามาโผกอดชานนท์จากทางด้านหลัง
“เอ้ย!!  พี่วิ!!” ชานนท์ตกใจกับเนื้อหยุ่นทรงกลมขนาดใหญ่ที่ปะทะแผ่นหลัง
“โอ๋ๆ ขวัญเอย ขวัญมานะน้อง เหนื่อยไหมจ๊ะ พี่เอกมันโหดกับน้องไหมเนี่ย แต่ก็ไม่น่านะ ผู้ชายนุ่มนิ่มแบบนั้นจะไปโหดได้ไง!” พี่วิพูดพลางใช้มือลูบศรีษะของชานนท์ไปมาอย่างทะนุถนอม
“ไม่เหนื่อยครับ แต่ผมแค่..... ได้เวลานอนแล้ว” ชานนท์นึกอะไรแก้ตัวที่จะหนีจากสถานการณ์แบบนี้ไม่ออก ในขณะที่มีของที่ทำให้เสียสมาธิอยู่ติดกับแผ่นหลังตัวเองอยู่
“แหม...... หัวค่ำอยู่เลย.... จะรีบไปนอนทำไม มาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวสักเดี๋ยวได้ไหม? มืดแล้วแบบนี้พี่กลัวการกลับหอพักคนเดียว.... มันเปลี่ยว...” เสียงพี่วิที่ลากยาวออดอ้อน ทำให้ชานนท์เกือบเคลิ้มตาม
“เอ่อ..... ผม..... เอ่อ.........” สติของชานนท์อยู่กึ่งกลางระหว่างคำว่า ‘อย่า’ กับคำว่า ‘ไป’
“ฮ่าฮ่าฮ่า...... พี่ล้อเล่นจ๊ะ หอพี่อยู่แถวนี้เอง ในเขตมหา’ลัยไม่น่ากลัวหรอกนะ” พี่วิหัวเราะลั่นและผละตัวออกจากชานนท์
‘พี่นั่นแหละ! น่ากลัว!’ ชานนท์คิดในใจ ในขณะที่เสียงหัวใจเต้นตูมตามแทบจะหลุดจากอก
“แต่เหม่..... เห็นแบบนี้แล้ว พี่ยิ่งรู้สึกสนใจน้องขึ้นไปอีก..... รู้เลยว่ายังสด..... ฮิฮิ... พี่ไปก่อนนะแล้วเจอกัน”
พี่วิพูดด้วยสีหน้าร่าเริงก่อนจะขอตัวจากไป
“ผู้หญิงเมืองกรุงน่ากลัวโคตร!” ชานนท์พูดขึ้นหลังจากเริ่มเดินเข้าหอพักด้วยใจระทึก

.............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 5 ส่วนที่ 4) อัพ 8 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 10-12-2018 13:34:09
พี่วิน่ากลัวจีจี
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 5 ส่วนที่ 5) อัพ 15 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 15-12-2018 09:06:12


ในที่สุดชานนท์ก็ดันตัวเองขึ้นมาถึงชั้นบนสุด เวลาเหนื่อยๆ แบบนี้เขารู้สึกเลยว่าบันไดที่นี่มันสูงชันกว่าปกติมาก เขายืนผ่อนลมหายในเข้าออกอย่างช้าๆ ณ บันไดขั้นสุดท้ายของชั้น 5

“ป้าวันนี้ผมไม่ส่งนะครับ” เสียงคุ้นหูที่ดูอ่อนโยนกว่าที่ชานนท์เคยฟังดังลอยมาทางห้องของเขา ชานนท์เลยแอบชำเลืองมองผ่านมุมบันไดทางขึ้น-ลง นั่นมัน ‘ป้าศรี’ ชานนท์ระลึกขึ้นมาในสมอง
“โอ้ย... ไม่ต้องมาส่งป้าหรอก ป้ามาจนคุ้นทางแล้ว!” ชานนท์เห็นป้าที่มารับจ้างทำความสะอาดเพื่อชดใช้หนี้สินที่ไปทำรถราคาหลายล้านของไอ้หนุ่มเศรษฐีเพื่อนร่วมห้องของเขาเสียหาย ป้ายืนอยู่หน้าห้อง และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อ่ะ ป้าค่าทำความละอาด” เสียงชายหนุ่มภายในห้องตอบกลับมา
“อุ้ย พ่อหนุ่ม มันเยอะไปนะ ไหนบอกจะให้ป้าแค่ครั้งละสามร้อย” ป้าศรีคลี่ธนบัตรสีเทามูลค่าหนึ่งพันบาทขึ้นมาตรงหน้า
“เอาไปเหอะป้า มอเตอร์ไซค์ป้าเสียไม่ใช่หรือไง รถเสียก็ไม่ต้องมาก็ได้นะจริงๆ”
“มอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวนี้เยอะแยะ ไม่เป็นไร ป้ามาได้”
“เฮ้อ.. ดื้อจริง... งั้นอย่างนี้นะ เอาเงินนั้นไปซ่อมรถมอเตอร์ไซค์นะ วันหลังจะได้ใช้ขับมาเองดีไหม? ถือว่าผมช่วยจ่ายค่ารถรับจ้างไป-กลับด้วยก็ได้นะ รับไปเถอะป้า” แม้คำพูดจะดูเด็ดขาดแต่น้ำเสียงไม่ได้แสดงความดุดันก้าวร้าวแต่อย่างใด
“อืม...... ก็ได้จ๊ะ ขอบใจนะพ่อหนุ่ม” ป้าศรีมีความลังเลเจือปนอยู่ในสีหน้าก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มที่แสดงความหยาบกร้านบนในหน้านับรอยไม่ถ้วน ทั้งหมดเป็นเครื่องยืนยันประสบการณ์ความลำบากของป้าศรีเป็นอย่างดี ชานนท์เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็แอบยิ้มไม่ได้ เขาไม่คิดว่าวรุฒเองก็จะมีมุมแบบนี้เหมือนกัน ในขณะที่เขาหันกลับมายืนพิงฝาผนังบริเวณหัวบันได

เสียงฝีเท้าของป้าศรีใกล้เข้ามาทำให้ชานนท์ต้องเดินลงบันไดไปสองสามก้าวเพื่อทำท่าทางว่าเพิ่งเดินขึ้นมาถึง

“อ้าว!! ป้าศรี!!” ชานนท์ทักทันทีที่เจอหน้าป้าศรีก้าวพ้นมุมกำแพงมา
“อ้าวพ่อหนุ่ม วันนี้กลับเสียค่ำเลย”
“กิจกรรมมันเยอะจ๊ะป้า ป้ากลับแล้วเหรอ?”
“เออ กลับแล้ว จริงสิ วันนี้ป้าแทบไม่ได้ทำสะอาดเท่าไหร่เลยนะ เก็บกวาดเสียเรียบร้อยเลย ทีหลังทิ้งไว้ให้ป้าทำบ้างนะ”
“ไม่เป็นไรครับป้า ผมเคยชินน่ะครับ พอทำได้ทำแล้วก็เผลอทำทั้งห้องทุกที”
“แหม.... เป็นเด็กดีจริงๆ เป็นเด็กดีทั้งคู่เลยนะ”
พอมาได้ยินประโยคท้ายสุดทำให้ชานนท์แอบคิดถึงความไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนอื่นชมเพื่อนร่วมห้องของเขาแบบนี้ ป้าศรีโบกมืออำลาและเดินหายไปตามช่องบันไดทางลง ปล่อยให้ชานนท์ทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่แต่เพียงลำพัง

ชานนท์เดินกลับมาถึงห้องที่มีวรุฒยืนเปลือยท่อนบนและมีเกร็ดน้ำประพรหมประปรายไปทั่ว หุ่นที่ดูสมส่วนกล้ามเนื้อที่มีมัดแต่พอดีนั่นมันเหมือนรูปปั้นมากกว่าคนจริงๆ เขาเผลอแอบมองจนลืมเดินไปที่เตียงขอเขาเพื่อนั่งพักเหนื่อยตามปกติ

“มองอะไรนักหนาไอ้เตี้ย!!” วรุฒพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเมื่อครั้งที่พูดกับป้าศรีมาก
“เอ่อ... ป่าวเสียหน่อยแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ชานนท์รีบกลบเกลื่อน
“.............” วรุฒได้แต่นิ่งมองวรุฒ ทำปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็หันหลังกลับไปเช็ดตัวต่อ

£&@&££@@&£......

ริงโทนเสียงใสๆ ดังลั่นจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่กว่าฝ่ามือไม่ไกลจากวรุฒ เขาแค่ชำเลืองมองและใช้นิ้วสัมผัสไปที่หน้าจอสองครั้ง

“ฮาาาา....โหล น้องรัก อย่าลืมไปซ้อมร้องเพลงที่เราซ้อมกันวันนี้นะจ๊ะ หากร้องไม่ได้จะโดนพี่สาวทำโทษน๊า!!”
เสียงดังแหวกอากาศลั่นทั่วห้องผ่านลำโพงที่ถูกเปิดไว้สุดเสียง เสียงที่ชานนท์รู้จักทันทีตั้งแต่คำแรก ‘พี่วิ’

“อืม...”  ตำตอบสั้นๆออกจากปากที่แทบจะไม่ขยับเขยื้อน
“เย็นชากับพี่ตลอดเลย พี่โทรมาหาก็ควรจะดีใจบ้างนะจ๊ะ”
“พี่มีธุระอะไรไหม? หากไม่มีผมจะรีบไปทำธุระต่อ!” วรุฒตอบด้วยอาการหงุดหงิดพร้อมพยายามสวมใส่เสื้อผ้าไปด้วย
“ก็พี่เหงานี่ เพื่อนพี่มันหนีไปเที่ยวกันหมดเลย ว่าแต่อยากให้พี่สาวไปทำธุระด้วยไหม? พี่ว่างนะ”
“ผมแค่ไปกับเพื่อนที่บาร์ xXx แค่นั้นเอง”
ชานนท์ฟังถึงตรงนี้ก็เกิดคำถาม ‘ไม่เคยรู้เลยว่ามันมีเพื่อน!’
“ว้าย! พี่เคยไป เดี๋ยวเจอกันนะจ๊ะ.....” พอสิ้นเสียงเธอก็วางสายไปเลย ปล่อยให้บรรยากาศในห้องเงียบสงบอีกครั้ง

“เราว่า..... นายพยายามเลี่ยงเธอหน่อยก็ดีนะ พี่วิน่ะสวยก็จริงนะ แต่พี่เอกเตือนมานะว่า อย่าไปยุ่งกับเธอเลย เดี๋ยวจะมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง” ชานนท์พูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบในห้อง
“เออ! กูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมาเตือนกูหรอก!” เสียงวรุฒที่ไร้เยื่อใยตอบกลับมา
“นี่เราเตือนดีๆ นะ!!” ชานนท์เริ่มรู้สึกทนความงี่เง่าของอีกฝ่ายไม่ไหว
“กูไม่ต้องการไง!!”

“..............” ชานนท์แสดงสีหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของวรุฒ เขาเริ่มรู้สึกหมดแรงที่จะพยายามผูกมิตรด้วย
“ไหนๆก็พูดแล้ว.....ป้าศรีบอกกูแล้วว่าน่าจะเป็นมึงที่คอยมาช่วยทำความสะอาดและจัดห้องฝั่งกู ขอบใจนะแต่ทีหลังไม่ต้อง!!”

“เออ!! ก็ได้!!!” ชานนท์ตอบด้วยสายตาที่รู้สึกโกรธคนตรงหน้ามาก และคิดว่าเขาจะไม่พยายามผูกมิตรกับเพื่อนร่วมห้องเขาอีกแล้ว ชานนท์หันหลังกลับไปที่มุมของเขาและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำทันที เขากระแทกประตูห้องน้ำเสียงดังด้วยความโมโห วรุฒเป็นคนเดียวเลยที่ทำเขาโกรธได้ขนาดนี้

.......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 6 ส่วนที่ 1) อัพ 15 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 15-12-2018 09:30:41
บทที่ 6

Can’t help myself


หลังจากเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำ ในที่สุดชานนท์ก็สามารถอยู่ในห้องได้อย่างสบายใจอีกครั้ง เขาสามารถอ่านหนังสือ เปิดเพลงบรรเลงเพราะๆ ฟังอย่างที่เขาต้องการได้อย่างสบายใจเพราะหลังจากที่เขาออกมาจากห้องน้ำ วรุฒก็อันตธานหายไปจากห้องเรียบร้อย เหลือไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมกระจายฟุ้งอยู่เต็มห้อง ชานนท์ไม่รู้ว่ากลิ่นอะไรแต่มันหอมและอยู่ทนนานมากๆ เขาเคยแอบมองที่โต๊ะแต่งตัวของเพื่อนร่วมห้องเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นน้ำหอมขวดไหน (มันตั้งกันอยู่หลายขวดมาก)

เขาจดจ่อมีสมาธิอยู่กับตำราได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีข้อความจากเมย์ขึ้นมา
Mae: ‘ขอโทษที่ไม่ได้อธิบายด้วยตนเอง เพราะเราเราทั้งอายและกลัวว่านายจะไม่คุยด้วย’
ชานนท์ถอนหายใจก่อนที่จะตอบกลับไป
NONT: ‘เราสิควรจะขอโทษ เราควรจะเข้าคุยกับเมย์เพื่อเคลียร์กัน’
Mae : ‘เราดีใจนะที่นายเข้าใจ พรุ่งนี้เจอกันนะ เดี๋ยวเราจะอธิบายอย่างละเอียดเลย’
NONT : ‘ไม่เป็นไรจ้า มายด์เล่ามาละเอียดแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน’
Mae: โอเค
เมย์ตอบส่งท้ายตามด้วยสติกเกอร์ไลน์ส่งจูบมาให้

ชานนท์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะพร้อมถอนหายใจอีกครั้ง ความรู้สึกหนักอกมันหายไปเหมือนก้อนหินถูกยกออกจากอก ในที่สุดอย่างน้อย เขาก็จะได้เพื่อนที่เขาสนิทคืนกลับมา การรักษาเพื่อนที่มีอยู่น้อยนิดของเขาสำคัญมาก และที่สำคัญเหตุการณ์นี้ทำให้เขาคิดได้ว่า เขาไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินเพื่อนเลย แค่ตื่นเต้นกับการมีเพื่อนต่างวัยเท่านั้น เขาหันกลับไปตั้งสมาธิกับกองหนังสือตรงหน้าต่อ ตัวหนังสือมากมายเหล่านั้นวิ่งเข้าชนสายตาของเขาจนกระทั้งความมืดมิดบดบังทุกสิ่ง

..............

ก็อกๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะเแผ่นไม้ดังติดต่อกัน เสียงนั่นดังเข้ามาในความมืดมิดของชานนท์ เขาลืมตาขึ้นและพบว่าเขานอนพุบอยู่บนโต๊ะหนังสือของเขาเอง ทำให้หน้ากระดาษหลายหน้าที่เปิดกางอยู่ยับยู่ไปหมด

ก็อกๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้งจากทางประตูห้อง ชานนท์หันไปทางพื้นที่อีกด้านหนึ่งของห้องก็พบกับความว่างเปล่า วรุฒยังไม่กลับ แปลว่าเสียงเคาะประตูน่าจะเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด ‘สงสัยลืมคีย์การ์ดอีกแล้ว!!’ ชานนท์คิดได้ดังนี้จึงตัดสินไปเดินไปที่ประตูเพื่อเปิดทันที

ปีป! แกร็ก!

เสียงการใช้คีย์การ์ดและการปลดล็อคดังขึ้นขณะที่มือของชานนท์กำลังเอื้อมไปที่ปุ่มปลดล็อค ประตูไม้สีเทาขุ่นเปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวในชุดแนบเนื้อเน้นเนินอก ช่องตรงช่วงอกของเสื้อฉลุดอกไม้สีน้ำตาลอ่อนเปิดให้เห็นเนินเนื้อสีขาวอวบอิ่ม ชานนท์ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เห็นเท่าไหร่เพราะเริ่มเห็นจนชินตาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือผู้ที่สวมใส่มันต่างหาก พี่วิในชุดออกศึกยามราตรีแบบจัดเต็มกำลังผลักประตูเข้ามาอย่าช้าๆ

“ว้าย!! น้องนี่เอง! ยังไม่นอนอีกหรือจ๊ะ?” เสียงหวานโทนสูงดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดจนสุด
“คะ... ครับ” ชานนท์ใจสั่นไหวเมื่อเห็นเนินอกขาวๆ นั่นแน่นตึงเสื้อที่สวมใส่ มันแทบจะเหมือนไม่ปกปิดอะไรเลย
“ว้าย!! ดีจัง พี่ยังนึกอยู่ว่าหากน้องนินไปแล้วพี่จะเข้าห้องยังไงดึกขนาดนี้แล้ว?” พี่วิพูดพลางผลักประตูให้เปิดกว้างจนสุดเผยให้เห็นเพื่อนร่วมห้องของเขาที่เมามายจนหมดสภาพเช่นเคย ชานนท์คิดว่าวรุฒเป็นคนที่โชคดีมากที่มาเจอสาวๆ พวกนี้ไม่ใช่พวกมิชฉาชีพ
“ช่วยพี่หน่อยสิจ๊ะ เพื่อนน้องไม่ไหวแล้วล่ะ ดูสิ” พี่วิชี้ไปที่คนตัวสูงใหญ่ที่ยืนโอนเอนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวเสีย 10 ริกเตอร์จนต้องคว้าจับคนข้างๆ เพื่อที่จะทรงตัวอยู่ได้ แต่ความน่ากลัวน่าจะเป็นมือของวรุฒที่อยู่ในที่ไม่ควรจะอยู่ ทั้งอกทั้งเอว แต่ดูเหมือนพี่วิจะไม่ได้ถือสาอะไร แถมรู้สึกพึงพอใจเสียด้วยซ้ำ ชานนท์รีบก้าวออกจากห้องเพื่อไปพยุงอีกฝากหนึ่งของชายตัวสูงกว่าเขามากกว่าหนึ่งฟุต น้ำหนักที่พี่วิแบ่งมาให้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก สิ่งนี้เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของเชียร์ลีดเดอร์และคฑากรของมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี

ชานน์และพี่วิได้พยุงวรุฒมาจนถึงเตียงนอนฝั่งด้านขวา ด้วยความอ่อนล้าและน้ำหนักของชายร่างยักษ์ทำให้ทั้งสามล้มลงไปตรงที่นอนขณะกำลังจะจัดให้วรุฒลงนอนที่เตียง

“โอ้ย......dggiijjhfdrghj” วรุฒร้องโอยก่อนที่จะพึมพำอะไรที่ชานนท์ฟังไม่รู้เข้าใจ
“เฮ้อ...... เนี่ย.... เขาบ่นพึมพำแบบนี้ตลอดทางเลย ดีนะที่พี่ขับรถเป็น” หญิงสาวที่ล้มลงพร้อมเขายังคงนอนในท่าทางที่ไม่เรียบร้อยและเสื้อผ้าของเธอก็ดูไม่เต็มใจปกปิดเนื้อหนังของเธอเท่าไหร่ ทำให้ชานนท์เห็นพื้นที่สีขาวมากขึ้นจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด ชานนท์รีบลุกขึ้นนั่งหันหลังทันที

“ชอบจัง ท่าทางแบบนี้ ไม่เคยเจอเลย ปกติเจอแต่พวกหิวโหย วิ่งเข้ามาหาแบบไม่คิดมาก.....” เสียงที่หวานเย้ายวนดังขึ้นและชานนท์รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวด้านหลังเขา เขารู้สึกแปลกใจเลยหันเหลือบสายตาไปดู เขาเห็นพี่วิที่ปลดเสื้อแนบเนื้อตัวเองลงมากองที่เอวเผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีดำลายลูกไม้ขนาดเล็กที่แทบจะปกปิดส่วนสำคัญเท่านั้น เธอนอนลงไปทาบกับแผ่นหลังของวรุฒที่ค่อยๆถูกนิ้วเรียวยาวและเล็บสีสวยเกี่ยวชายเสื้อขึ้นมาให้เห็นเกือบทั้งแผ่นหลัง

“เฮ้ย!!!!!!” ชานนท์ร้องด้วยความตกใจและดวงตาเบิกโตกับสิ่งที่เห็น
“แหม..... ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งตื่นเต้น...... พี่ไม่ว่านะ.... หากเราจะมาแจมด้วย ...กับคนไม่ได้สติแบบนี้.... พี่ว่าคงไม่เวิร์คเท่าไหร่ หากมีน้องมาเสริมด้วยคงเติมเต็มพี่ได้...” ถ้อยคำที่เนิบนาบเชื่องช้าและเย้ายวนถูกปล่อยออกมาจากปากสีแดงเชอรี่นั่นด้วยท่าทางเรียบเฉยมั่นใจ มันทำให้ชานนท์ขนลุกไปทั้งตัว รู้สึกกลัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาทันที คำเตือนของพี่เอกถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรเพิ่มเติม ชานนท์สงสัยว่าพี่เอกเองก็คงเจอแบบนี้เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น.... ทุกส่วนในร่างกายของชานนท์ก็ตื่นเต้นตื่นตัวไปเสียทุกส่วน ยิ่งได้เห็นท่าทางการปลดเสื้อผ้าของชายไร้สติที่นอนอยู่อย่างช้า ยิ่งทำให้ตัวเขาเองรู้สึกอ่อนแรงที่ขาอย่างเห็นได้ชัด เขาได้ก้าวเข้ามาสู่โลกที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อนเลย

“พี่......พี่วิครับ..... ผมว่า......ทำแบบนี้มันไม่ดีนะครับ......คือ..........” ระหว่างที่ชานนท์รวบรวมสติพูดเพื่อห้ามการกระทำที่เกิดขึ้นด้านหน้า หญิงสาวที่กึ่งเปลือยท่อนอกได้ค่อยๆ ใช้นิ้วที่มีเล็บยาวสีสวยตกแต่งอย่างดีพยายามปลดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีสวยของชายไร้สติจนสำเร็จ วรุฒที่นอนงัวเงียกับอาการดื่มแอลกอฮอล์จัดทำได้แค่บ่นพึมพำไม่ได้ศัพท์อยู่ที่เตียง
“พี่ครับ.... ผม...... ว่ามันไม่เหมาะครับ พี่เชิญกลับเถอะครับ!!” ชานนท์ยังสามารถรั้งสติตัวเองกลับมาได้บ้างจากภาพที่หเมือนหลุดออกมาจากหนังสือกามาสุตราด้านหน้า

“ว้า...... น้องไม่สนใจเหรอ?...... ไม่เป็นไร น้องไปนอนก่อนนะ เดี๋ยวทางนี้จะสนุกกันต่อเอง.....” ระหว่างที่พูดพี่วิได้เอื้อมมือไปปลดกางเกงยีนส์ทรงเดฟที่รัดทรงพอดีของชายไร้สติอย่างช้าๆ เผยให้เห็นไรขนอ่อนๆ บริเวณท้องน้อยไล่เรียงหายไปในกางเกงในสีขาวยี่ห้อดังที่ขึ้นด้วยตัว H ที่ซ้อนตัวอยู่ในกางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีด

“พี่ครับ.....!!! ผมทนมาหลายวันแล้วนะครับ และวันนี้ผมจะไม่ทน!!” ชานนท์รู้สึกลังเลก่อนจะพูดคำนี้ออกมา ใจหนึ่งก็อยากจะปล่อยเหมือนทุกคืนที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่สนใจ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกกังวลที่เพื่อนร่วมห้องของเขาจะต้องไปเกี่ยวข้องกับพี่วิที่น่ากลัวคนนี้ สุดท้ายเขาก็แพ้กับความคิดสีขาวของตัวเอง พูดออกไปเสียงแข็ง

“เฮ้อ...... ไม่สนุกเลย แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็ไม่ได้ พี่ไม่ทำอะไรกับคนที่ไม่เต็มใจแบบนี้หรอก มันสนุกตรงไหนล่ะ จริงไหม?” พี่วิยึดตัวขึ้นบ่นอุบอิบเสียงดัง
“อ้อ...... เหรอครับ” ชานนท์กล่าวอย่างโล่งอก ยิ่งได้เห็นพี่วิสวมเลื้อกลับคืนยิ่งรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
“แต่พี่ก็ยินดีสนองนะ หากน้องตกลง มันคงเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี!” สาวสวยเดินเข้ามาประชิดชานนท์และส่งยิ้มให้พร้อมโน้วตัวมาพูดข้างหู
“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“พี่ไปก่อนนะ” พี่วิเดินผ่านเขาไปอย่างรีบร้อนไปที่ประตูพร้อมจัดแต่งทรงผมที่เริ่มเสียทรงไปบ้างจากการกระทำเมื่อครู่ ชานนท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“นนท์จ๊ะ พี่ฝากหยิบมือถือที่เตียงมาให้พี่หน่อยสิจ๊ะ” พี่วิยืนปัดเสื้อผ้าที่หน้าประตูพูดขึ้น และชี้ไปที่วัตถุสี่เหลี่ยมที่ตกอยู่ข้างๆวรุฒที่ยังคงนอนเปลือยท่อนบนอย่างไม่ได้สติ
“นี่ครับ” ชานนท์นำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในกรอบสีแดงสดจากเตียงไปยื่นให้
“แล้วก็ อยากขึ้นครูเมื่อบอกพี่นะ พี่จัดให้เอง หน้าตาน่ารักแต่ยังใสๆ อย่างน้องเนี่ยพี่ยังไม่เคยเลยนะ” พี่วิพูดจบก็หัวเราะลั่นเมื่อเห็นหน้าชานนท์แดงเป็นลูกมะเขือเทศ ส่วนชานนท์ได้แต่ปั้นหน้าไม่ถูกและรีบปิดประตูลงกลอนไปอย่างรีบร้อน สิ่งสุกท้ายที่เห็นหน้าประตูคือ หลังสวยๆของพี่วิและเสียงหัวเราะอย่างสบอารมณ์

ชานนท์เดินมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่เตียงของเขา หลับตาและพยายามลบภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ออกไปจากหัวที่เริ่มมึนตึงเนื่องจากดึกมากแล้ว เขาไม่อยากเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกของเขาแบบนี้ เขาอยากทำให้มันน่าประทับใจตราตรึงใจมากกว่านี้

“เฮ้ย!!!!.........xoxokkojh” เสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์จากชายไร้สติที่นอนกึ่งเปลือยอยู่อีกฝากหนึ่งของห้องดังเข้ามาในภวังค์ของชานนท์ เขามองภาพเทพบุตรของหญิงสาวครึ่งค่อนคณะฯ อย่างระอา เขาอยากจะแก้เผ็ดโดยการปล่อยให้วรุฒนอนในสภาพนั่นต่อไปจนหวัดกินและให้ตื่นมาแบบตระหนกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ .......แต่เทวดาในหัวก็เอาชนะมารร้ายในใจได้เสมอ ชานนท์ถอนหายใจเดินไปที่เตียงฝั่งตรงข้ามทันที
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 1) อัพ 15 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 19-12-2018 20:30:34
วงวาร55555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 1) อัพ 15 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-12-2018 20:47:40
บางทีก็คิดว่านนท์ ใส่ใจกับวรุตมากเกินไป  :hao3:
เพราะอีกฝ่ายดูไม่มีมารยาทมากๆ ไม่รับความหวังดี
แถมพูดให้เจ็บใจ นนท์ก็ยังไม่จำ 
พอเสียทีกับการใจดีเข้าหาคนหยาบคาย
ปล่อยไปเลย เมื่อเตือนแล้วเขาไม่ฟัง เขาไม่ต้องการ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 1) อัพ 15 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-12-2018 01:09:53
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 6 ส่วนที่ 2) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 22-12-2018 09:33:36

รูปร่างที่ใหญ่โตของเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ทำใหัเขามีความลำบากในการปรับเปลี่ยนท่านอนพอควร ชานนท์ต้องใช้แรงเกือบทั้งตัวในการพยุงอีกฝ่ายให้อยู่ในท่านั่ง พลิกตัวและดึขึ้นมา แต่เนื่องด้วยอีกฝ่ายไม่ได้ให้ความร่วมมือที่ดีนักเพราะความทิ้งตัวของวรุฒไม่ได้ช่วยให้นำ้หนักลดลงเลย
“ไอ้นี่มันหนักกี่กิโลวะ!” เขาบ่นขึ้นมาเสียงดัง

พรึดดดด.....

อาจเพราะใช้แรงไปกับการบ่นเสียงดังทำให้แรงที่จะฉุดรั้งคนไร้สติตกลดไป ขาที่สะสมความล้ามาทั้งวันจึงเกิดอาการอ่อนแรงและถไลลื่นไปกับพื้นที่นอน

“โอ้ย!!” ศรีษะของชานนท์ไปกระทบกับหัวเตียงแบบเฉียดๆ แต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อย และอีกหนึ่งแรงที่ทำให้ชานนท์รู้สึกแย่ขึ้นไปอีกคือ ร่างขนาดใหญ่ของเอนล้มมาทับลำตัวเขาด้วยเช่นกัน
“อืม........” เสียงครวญครางของวรุฒดังขึ้น ชานนท์ภาวนาให้สติของวรุฒตื่นขึ้นจากแรงกระแทกครั้งนี้ เขาพร้อมที่จะรับคำพูดรุนแรงจากชายปากหมาแต่ไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้นานกว่านี้ ร่างกายครึ่งล่างที่โดนอีกฝ่ายหนึ่งทับในสภาพนอนหงาย

ชานนท์พยายามใช้มือดันหลังวรุฒให้ลำตัวของอีกฝ่ายสูงขึ้น แต่เขาคงใช้แรงของเขาในงวดแรกมากไปจนแขนเริ่มล้า ด้วยเวลาประมาณตีสองแบบนี้เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะจัดการร่างยักษ์ใหญ่ตรงหน้า ชานนท์จึงตัดใจที่จะปลุกอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

“เฮ้ย!! วรุฒ!! วรุฒ.... วรุฒโว้ย!!” เขาเขย่าไหล่อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งเรียกชื่อชายไร้สติไปด้วย
“โอย......รำคาญ!! คนจะนอน!!” การปลุกของชานนท์ดูเหมือนจะได้ผล เสียงงัวเงียดังขึ้นจากคนที่อยู่บนลำตัวของเขา แขนขาทำท่าสะบัดแสดงความไม่พอใจ
“วรุฒ!! ตื่น!! ช่วยขยับตัวหน่อยได้ไหม? วรุฒ!!.....” ชานนท์รู้สึกว่าที่เขาทำอยู่นั่นมันได้ผล เลยเขย่าไหล่คนด้านบนต่อไปอีกและเขย่าแรงขึ้นกว่าเดิมและใช้เสียงเรียกที่ดังกว่าเดิม
“โอย!!! รำคาญหยุดเสียทีได้ไหม? เราบอกว่าเราจะนอน!!” วรุฒโวยวายและลุกขึ้นมาพลิกตัวกดทับชานนท์อย่างรวดเร็วจนชานนท์ไม่สามารถเปลี่ยนท่าทางได้พร้อมสองมือที่ถูกสองมือของอีกฝ่ายจับกดลงไป ชานนท์จ้องหน้าอีกฝ่ายความความโกรธและอาย เพราะทั้งเจ็บแขนและความใกล้ชิดของหน้าอีกฝ่ายกดต่ำลงมาจนชานนท์ได้กลิ่นเหล้าจากลมหายใจของวรุฒชัดเจนมากจนรู้สึกว่าตัวเองจะเมาไปด้วย แต่ดวงตาของวรุฒหรี่เล็กอย่างไร้สติ วรุฒเหมือนกำลังละเมอมากกว่าตื่น
“ทำไมถึงชอบแกล้งกันแบบนี้ you ก็รู้ว่า I ไม่ชอบให้ปลุก” เสียงวรุฒที่พูดออกมาอย่างเนิบนาบเชื่องช้าเหมือนเครื่องเสียงขาดไฟฟ้าไปหล่อเลี้ยง ลักษณะการพูดที่ชานนท์ไม่คุ้นเคย เขาไม่เคยถูกพูดด้วยประโยคและน้ำเสียงแบบนี้ หลังจากจบประโยควรุฒก็นิ่งไปและล้มตัวลงมาทับชานนท์ในสภาพที่แก้มของทั้งสองชนกันแนบสนิท

“เฮ้ย!! ไม่เป็นแบบนี้สิ!! ลุก!!” ชานนท์นอนโวยวายอยู่ด้านล่างเพราะนำหนักที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

“Xxxxx หุบปาก!! อาเธอร์ xxxx..... ” วรุฒงึมงำอยู่ในคอจนแทบฟังออกเพียงบางคำเท่านั้น
“หา?” ชานนท์อุทานด้วยสงสัย
“ไม่งั้นจะโดนนี่!!” วรุฒยันตัวเองขึ้นระดับหนึ่งจนหน้าขนาดกับชานนท์ทางด้านล่าง หลังจบประโยคเขาก็กดริมฝีปากลงไประทับริมฝีกปากชานนท์และเริ่มใช้ริมฝีปากขบและใช้ลิ้นเลียวนอย่างชำนาญ ชานนท์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ทางด้านล่างถึงกับร้องเสียงหลงแต่เสียงที่ออกมามันเป็นเพียงเสียงอู้อี้เพราะไม่มีช่องทางให้เสียงออกมาเนื่องจากคนทางด้านบนยังคงวนเวียนอยู่กับริมฝีปากของเขาอย่างดูดดื่ม เพียงชั่วครู่วรฒก็ฟุบลงไปด้านข้างในสภาพแก้มที่แนบกันอยู่เช่นเดิม พร้อมกับถูกลำแขนที่อวบแข็งแน่นโอบรัดจนขยับตัวได้ยากกว่าเดิม

ความรู้สึกแปลกประหลาดถาโถมเข้ามาสู่จิตใจของชานนท์เหมือนคลื่นสึนามิ มันเป็นจูบแรกของเขา และจูบแรกของเขาดันเป็นของผู้ชาย ผู้ชายที่เขาเกลียดเข้าไส้ สัมผัสแรกที่ริมฝีปากสัมผัสกัน เรารู้สึกตกใจและรังเกียจทั้งกลิ่น(เหล้า) และรสสัมผัส (เหนอะแฉะและเย็น) แต่หลังจากที่วรุฒได้บรรเลงเพลงสวาทด้วยปากของเขา ลีลาเหล่านั้นทำให้ชานนท์แอบรู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาด เขาเผลอปล่อยตัวตามจังหวะฝีปากฝ่ายที่กดทับเขาอยู่ไปชั่วครู่ ก่อนจะดึงสติกลับมาได้หลังจากจบกระบวนท่าของอีกฝ่าย 

ตอนนี้ชานนท์ได้แต่นอนนิ่งสับสนอยู่ภายใต้แรงกดของน้ำหนักและแรงกอดรัดของคนทางด้านบน เขาทั้งโกรธและเกลียดสิ่งที่เกิดขึ้น โกรธที่ตัวเองใจดีเกินไปเลยต้องมาเจอสภาพแบบนี้ ต้องเสียจูบแรกที่ควรสร้างความประทับใจในความทรงจำของเขาตลอดไป เกลียดที่เขาไม่สามารถกลับไปแก้ไข ได้แต่โทษไอ้คนเมาไร้สติคนนี้ เขาอยากจะผลักให้วรุฒให้หงายตกเตียงไปเป็นการสั่งสอน อยากต่อยหน้าไอ้ขี้แก๊กนี้ให้หายโกรธ แต่ก็ต้องโทษความอ่อนแอของตัวเองที่ได้แต่นอนไร้แรงต่อต้านอยู่ตรงนี้ เขาพยายามใช้แรงสุดกำลังอีกครั้งในการดิ้นให้หลุดมือที่เหมือนปลาหมึกติดกาว และความรู้สึกที่เหมือนไข่นกกระทาโดนแม่ไก่กกอยู่แบบนี้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เขาใช้กำลังจนแรงสุดท้ายของวันนี้ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจแค่รอให้วรุฒปล่อยเขาไปเอง แต่เขาก็นอนรออยู่นานมากกว่าชั่วโมงในท่าเดินจนกระทั้งความอ่อนเพลียเอาชนะเขาและสติก็ได้จางหายไปในความมืด

..........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 6 ส่วนที่ 2) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 22-12-2018 09:41:43
ปึงๆๆๆๆๆ ‘นนท์! นนท์!!’

เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืดมิด  ร่างทั้งร่างหนักอึ้ง เขาพยายามฝืนยกหนังตาขึ้นเพื่อตามหาที่มาของเสียงแต่มันเหมือนถูกน้ำหนักถ่วงไว้สักร้อยกิโลกรัม

‘นนท์ ตื่นหรือยัง?’

เสียงนั่นดังขึ้นอีก เสียงที่เหมือนอยู่ไกลออกไป แต่ร่างกายของเขายังไม่ยอมเชื่อฟังที่สมองสั่งการ มันยังคงหนักอึ้งไร้เรี่ยวแรง ‘คงเพราะนอนดึก’ เขาคิดในใจ

“ไอ้เตี้ย!!!!” เสียงดุดันอีกเสียงดังแทรกเข้ามาในมโนภาพอันดำมืดของเขา เสียงที่ทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างออก เสียงที่ทำให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

“เฮ้ย!!!” ชานนท์ร้องออกมา ผุดลุกขึ้นมานั่ง ดวงตาเบิกโพลงขึ้น เขามองไปรอบตัว ชานนท์พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ที่เตียงตัวเองอย่างที่ควรจะเป็นทุกวัน เขารีบหันหน้าไปมองที่เตียงเพื่อนร่วมห้องของเขาที่ถูกจัดเก็บเรียบร้อย

“นนท์! สายแล้วนะ ตื่นหรือยัง?” เสียงจากภายนอกชัดเจนขึ้นเมื่อเขาเริ่มได้สติกลับมา เขาจำได้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของพี่เอก สปอนเซอร์ของเขานั่นเอง

“ครับ! ตื่นแล้วครับ!!” ชานนท์รีบตอบกลับไปทันที
“เออ! ตื่นแล้วก็รีบลงไปนะ รีบแต่งตัวเข้าล่ะ พี่ไปรอข้างล่างนะ”
พี่เอกตะโกนเสียงแทรกประตูเข้ามาในห้อง
“ครับ!!” ชานนท์ตอบกลับพร้อมก้าวลงจากเตียง
“แฟนมาตามแต่เช้าเลยนะมึง” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่เขายืนขึ้น
“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“มึงนี่ก็ขวัญอ่อนจริง!” วรุฒที่ยืนเปลือยอกนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ยืนอยู่ในระยะประชิด พูดโต้กลับด้วยใบหน้าจริงจัง
“โหย.... ตกใจหมด มาไม่ให้สุ่มให้เสียง!” ชายนท์ยกขึ้นมาทาบอกและถูขึ้นลงเบาๆ
“กูก็ยืนอยู่ตรงนี้มานานแล้วนะ!” วรุฒที่ยืนใช้มือสางผมที่เปียกหมาดไล่หยดน้ำที่ทอประกายแสงยามเช้าพูดตอบพร้อมมองมาทางเขา น้ำเสียงเทียบกับท่าทางและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น มันรู้สึกขัดแย้งกันอย่างประหลาด แต่ภาพเหล่านั้นทำให้ชานนท์ใจเต้นแรง และย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ความร้อนวิ่งเข้าใบหน้าของเขาทันที
“มึงเป็นอะไร ไม่สบาย?”
“เปล่า.... สบายดี แล้วก็พี่เอกก็ไม่ใช่แฟนเรา เราไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น!!” ชานนท์ตอบกลับด้วยเสียงที่หนักแน่นจริงจังก่อนที่จะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ ในใจยังวนเวียนสับสนกับสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขา เขาจำได้ว่าล่าสุดเขาถูกวรุฒนอนทับอยู่ เขาโดนทำลายจูบแรกไป แต่ทำไมตอนเช้า เขาหลับมานอนอยู่บนเตียงตัวเองได้ ‘หรือเรื่องเมื่อคืนมันเป็นความฝัน?แล้วทำไมเราฝันแบบนั้นวะ?’ เขาบ่นในใจ
“เดี๋ยว!!” วรุฒทักขึ้นมาเสียงดัง
“อะไร? คนกำลังรีบอยู่” ชานนท์หันมาด้วยความสงสัย
“เมื่อคืน.......” วรุฒมีอาการอ้ำอึ้ง
“เมื่อคืน?” ชานท์รู้สึกหวั่นไหวกับคำนี้เป็นพิเศษ
“ที่..... นาย.....” อาการอ้ำอึ้งและสีหน้าแปลกๆของวรุฒยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้น รวมถึงการพูดขาดช่วงไม่จบประโยคทำให้เขาคิดมากไปไกล เขาย้อนไประลึกถึงสัมผัสจูบแรกของเขาจนหน้าร้อนผ่าว
“นายช่วยไล่ยัยรุ่นพี่ขี้อ่อยนั่นไปน่ะ เรา.... ขอบใจ.....นะ”
ประโยคสั้นๆ ที่ใช้เวลาพูดนานกว่าที่ควรจะเป็นนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้ออกจากปากวรุฒ ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดกว่าที่ชานนท์คิดไว้มาก
“เออ... ไม่เป็นไร....” ชานนท์ตอบกระท่อนกระแท่นกลับไป
“ดีนะที่เรายังไม่นอน พี่วิเป็นคนน่ากลัวอย่างที่พี่เอกเตือนจริงๆ คราวต่อไปก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน!” ชานนท์พูดเตือนสติต่อทันที
“มันคงไม่มีอีกแล้ว กูคงไม่โง่ซ้ำสอง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น!” วรุฒขึ้นเสียงสวนกลับมาด้วยดวงตาที่เกรี้ยวกราด
“แต่พี่เอกบอกว่า....”
“เรื่องของพี่เอกของมึง ใครจะโง่ก็โง่ไปแต่ไม่ใช่กู! มึงจะไปอาบน้ำก็ไปอาบ! ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของกู!” วรุฒที่อยู่ๆ ก็เหมือนผีบ้าเข้าสิงอีกครั้ง เริ่มเกิดอาการก้าวร้าวจนชานนท์หน้าเปลี่ยนสีและค่อยๆหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป
“ไบโพล่าแน่ๆ” เขาบ่นอย่างหงุดหงิดในขณะที่ประตูห้องน้ำค่อยๆปิดแคบลงจนสนิท

.........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 7 ส่วนที่ 1) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 22-12-2018 10:06:51
บทที่ 7

The father


จากคืนนั้น ทุกวันที่ผ่านมาของชานนท์ต่างเป็นกิจวัตรที่เขาต้องซักซ้อมการออกท่าต่างๆ ในช่วงเช้า และซ้อมร่วมกับคนทั้งคณะฯ ในช่วงบ่ายอย่างเข้างวดเหมือนอย่างเคย อีกหนึ่งวันเขาก็จะเปิดเทอมแล้ว กิจกรรมที่หนักหน่วงเหล่านี้กำลังค่อยๆ น้อยลงไป เพราะหากเปิดเรียน ทางมหาวิทยาลัยคงให้นักศึกษาสนใจการเรียนมากกว่ากิจกรรมพวกนี้แน่ๆ เขาภาวนาแบบนั้น แม้จะมีข่าวว่า พวกรุ่นพี่ได้ทำเรื่องขอต่อการทำกิจกรรมต้อนรับเฟรชชี่ต่อในช่วงเปิดเทอมอีกสองเดือน โดยจะทำหลังเลิกเรียนแค่สองชั่วโมง และชานนท์มีลางสังหรว่าเรื่องจะผ่านการอนุมัติด้วย เพราะทุกปีรุ่นพี่ก็ทำแบบนี้ ขอเพิ่มเวลาทำกิจกรรมทุกปี

วันนี้ชานนท์ถือว่าทำได้ดีกว่าทุกวันมาก สิ่งนี้ต้องยกความดีให้พี่เอกที่ช่วยสอนและชี้แนะได้อย่างดี พี่เอกดูแลเขาดีมากจนชานนท์รู้สึกเกรงใจในหลายสิ่งที่พี่เอกทำให้ เช่น เดินมาปลุกทุกเช้า พาไปกินข้าวเย็น ซื้อน้ำให้ในช่วงฝึกซ้อมระหว่างวัน  พี่เอกมีความจริงจังกับหน้าที่สปอนเซอร์นี้มาก ซึ่งก็ไม่ต่างจากพี่วิที่พยายามดูแลวรุฒจนเกือบจะบอกได้ว่าเกินหน้าที่ ในความคิดของชานนท์ยังคงมีภาพติดตาของพี่วิในคืนนั้นอยู่เลย พี่วิดูแลวรุฒได้ถึงเนื้อถึงตัวจนคนในคณะเริ่มตาร้อน และมีกลุ่มคนที่ชื่นชมพี่วิอยู่ เริ่มตั้งกลุ่มและทำปฏิกิริยาไม่ชอบหน้าวรุฒเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติวรุฒก็มักทำตัวเด่นจนผู้ชายหลายคนในคณะเริ่มหมั่นไส้อยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้คนเหล่านั้นไม่ชอบหน้ามากขึ้นไปอีก

พอนึกถึงภาพพี่วิในชุดสุดเซ็กซี่นั่นก็พาลไปนึกถึงฝันแปลกประหลาดนั่นอีก ถึงขนาดที่ชานนท์สะบัดหัวตัวเองหลายครั้งเพื่อไล่ภาพประหลาดเหล่านั้นให้ออกไปจากหัว

“เฮ้ย! เป็นอะไร? สะบัดหัวเสียแรงเชียว” เสียงเมย์ดังขึ้นจากทาวด้านหลัง
“เอ่อ.. ไม่มีอะไร” ชานนท์หันหน้าไปทางต้นเสียง
“ไหวไหมเนี่ยแก?” เมย์เดินมานั่งข้างๆ ชานนท์ที่นั่งแผ่ขาขนานไปกับพื้นอย่างทิ้งตัว พร้อมเม็ดเหงื่อเต็มหน้า
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนือยๆ
“สภาพเหมือนคนใกล้ตายเลย” เมย์พูดติดตลก
“ก็เออ น่ะสิ! เกิดมาก็เพิ่งจะเคยมาทำแบบนี้” ชานนท์พูดจบก็มองไปรอบตัว ตัวเขาเองดูสภาพแล้วแย่สุดในกลุ่ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูก็รู้ ทีหลังก็ออกกำลังกายบ้างสิ
“ไม่ตลกนะเนี่ย เหนื่อยจะแย่”
“เออ ว่าแต่วันนี้เลิกเร็วเนอะ ไปหาอะไรกินที่หลังมอกันไหม? ยัยมายด์นางชวนหลายทีแล้ว” ยัยมายด์ที่พูดถึงก็คือมายานั่นเอง ตอนนี้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้นจนเรียกกันแบบนี้เสียแล้ว บางครั้งชานนท์ยังแอบประหลาดใจกับคำเรียกชื่อแบบนั้น พูดจบเมย์ก็มองไปที่ขอบฟ้าด้านตะวันตกที่ยังคงเห็นดวงอาทิตย์กลมโตสีส้มอยู่เหนือขอบฟ้าอยู่มาก
“อืม.....ก็ดี.....” เขานึกถึงนางฟ้าของเขา ‘มายา’ และการพบกันครั้งล่าสุดระหว่างเขาและมายา
“แล้ว...... เรื่องแฟนเป็นไงบ้าง?” ชานนท์ถามต่อ
“ก็ไม่ไง..... เขายอมรับผิดว่ามีเผลอไผลไปตามเพื่อนบ้าง แต่ก็ยังรักและอยากคบกับเราต่อ  เดี๋ยวนี้ตามมาที่นี่เองเลยนะ เราเลยไม่ต้องเดินทางไปหาเท่าไหร่แล้ว” เมย์เล่าแบบขัดเขิน
“อืมก็ดี......” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงความว้าเหว่ เพราะช่วงหลังมานี้ เมย์ก็มักจะไปกับแฟนจนเขาไม่ค่อยได้คุยกัน เลยกลายเป็นว่าเขาสนิทกับพี่เอกมากกว่าเสียอีกในช่วงนี้
“ว่าแต่..... วันนี้นายไม่ไปกับ ‘พี่ชาย’ หรือไง?” เมย์เน้นคำว่า ‘พี่ชาย’ ได้แปลกหูใส่ชานนท์
“พี่ชาย??” ชานนท์ทวนด้วยความสงสัย
“ว่าไงคนเก่ง เหนื่อยไหมวันนี้?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลังไม่ไกล
“พี่เอก” ชานนท์หันไปทางด้านหลังจึงเห็นเจ้าของเสียงกำลังเดินมาหาเขาจึงเอ่ยทัก ส่วนเมย์ส่งยิ้มแปลกๆมาที่ชานนท์ จนเขาต้องขยับปากถามกลับไป ‘ยิ้มอะไรวะ?’ ส่วนเมย์ก็ขยับปากกลับมา ‘เปล่า’
“วันนี้ทำได้ดีมากเลย ไม่เสียแรงที่พี่ติวเข้มข้นมาหลายวัน วันนี้เลิกแล้วไปกินข้าวกับพี่เหมือนเดิมไหม?” พี่เอกเดินมานั่งข้างเขาติดกับเมย์
“สวัสดีน้องเมย์ที่น่ารัก มาให้กำลังใจเพื่อนเหรอ? อย่าลืมเป็นหัวคะแนนให้พี่นะ ช่วยเพื่อนโปรโมทด้วยนะครับ”
พี่เอกหันไปเจาะแจ๊ะกับเมย์ต่อทันที
“ค่า.... นนท์ก็เพื่อนน้องนะ น้องช่วยสุดตัวอยู่แล้ว จะทำให้เป็นดาว เอ่ย! เดือนคณะฯให้ดู!!” เมย์กำมือยกขึ้นมาเสมอหน้าพร้อมยิ้มด้วยความมั่นใจ
“เฮ้ย.... มากไป แค่เป็นลีดฯ คณะฯก็พอแล้วมั้ง ตัวเองก็ลงประกวดด้วยไม่ใช่เหรอไง?” ชานนท์ยกมือขึ้นตบกำปั้นนั่นเบาๆ เขากลัวว่ามันจะทำให้เวลาเรียนเขาน้อยลงเลยรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย ดาวคณะฯ มันมากไปสำหรับเขา แค่ดูเป็นคนมีตัวตนก็น่าจะพอใจแล้ว
“เราเฉยๆนะ อยากเป็นนักกีฬามากกว่า” เมย์ตอบด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย
“นายนั่นแหละ พูดแบบนี้ไม่ได้สิ!! หวังให้สูงเข้าไว้” พี่เอกแย้งขึ้นมา
“คร้าบบบ” ชานนท์ตอบเสียงยานคาง

“ฮ่าฮ่าฮ่า น่ารักกันจัง เห็นอย่างนี้แล้วยิ่งอยากเชียร์สุดใจ” เมย์อมยิ้มไปพูดไปอย่างมีความสุข
“อะไรของเธอวะ” ชานนท์มองค้อนไปที่เมย์อย่างไม่เข้าใจในปฏิกิริยาของเมย์ พร้อมใช้มือขยับแว่นให้เข้าที่เพื่อจะได้มองค้อนเมย์ชัดๆ
”ดูสิ! หน้ามันขนาดนี้ ทำไมไม่เช็ดบ้าง เดี๋ยวแว่นก็หลุดหรอก”  พี่เอกพูดจบเขาหยิบแว่นออกจากใบหน้าของชานนท์และยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ชานนท์ซับเหงื่อทันที ชานนท์คว้าจับผ้าไปเช็ดหน้าเหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ เพราะหลายวันมานี่ เขาโดนปฏิบัติแบบนี้จนชินไปแล้ว
“ว้าย...” เมย์แอบกรี๊ดออกมาพร้อมยกมือขี้นปิดปาก
“อะไรของแก?” ชานนท์สงสัยท่าทางของเมย์จนต้องถามออกมา ช่วงหลังๆ มานี่เขาสนิทกับเมย์มากขึ้นจนติดคำพูดของเมย์ไปด้วยบางครั้ง
“ก็มันน่ารักนี่แก” เมย์ตอบออกมาเสียงสูงผิดปกติ ชานท์ตอบกลับไปด้วยการกลอกตา เพราะเบื่อกับปฏิกิริยาที่สาวๆ มักทำกับพี่เอกแบบนี้ เขาไม่นึกว่าเมย์ก็จะเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
“งั้นแกคุยกับพี่เอกไปล่ะกัน เราขอตัวกลับก่อน จะตามมาหรือไม่มาได้ก็มานะ” เมย์ลุกขึ้นยืนพร้อมปัดฝุ่นออกจากกางเกง

“วันนี้มีนัดเหรอไอ้น้อง?” พี่เอกเอ่ยถาม
“ครับ เมย์ชวนไปหาอะไรกินกันที่ร้านหลังมอน่ะครับ”
“แล้วเราล่ะอยากไปหรือเปล่า วันนี้พักก่อนก็ได้นะ พี่เองก็อยากพักบ้างพอดี” พี่เอกพูดจบก็ยึดตัวบิดขี้เกียจจนชายเสื้อเปิดเห็นหน้าท้องสีขาวออร่า ชานนท์รู้สึกตกเป็นเป้าสายตาจากสาวๆรอบสนามเอนกประสงค์ทันที
“แล้วแต่พี่เลยครับ ผมยังไงก็ได้” ชานนท์รีบหลบสายตาพี่เอกก่อนที่จะรู้ว่าเขาเองก็แอบจ้องหน้าท้องที่มีซิกแพ็คน้อยๆของพี่เอกด้วยความอิจฉาอยู่เหมือนกัน ‘คนอะไรทำอะไรก็น่ารักไปหมด’ เขาคิดต่อ
“อะไรกัน? นายโตแล้วนะ ตัดสินใจเองบ้างก็ดีนะ เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อยไม่ต้องเกรงใจ” พี่เอกยื่นมือมาขยี้หัวอย่างแรง
“โอ้ย! พี่เอก! อายเขาไหมเนี่ย ดูสิ! ผมของผมยุ่งหมดแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็หัวนายมันน่ารักดีนี่นา คิดถึงปอมฯที่บ้านเลย”. พี่เอกเป็นอีกคนที่ชานนท์ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับสุนัขพันธุ์เล็ก เขาจึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจและส่งสายตากลับไปที่คนเปรียบทัน
“เออๆ ล้อเล่นน่ะ เอาเป็นว่าวันนี้ไปพักก็แล้วกันเนอะ” พี่เอกยิ้มกว้างใส่ชานนท์ ทำให้เขารู้สึก ขัดเขินเล็กน้อย
“เฮ้อ.... แต่ว่า.....ก็ผมเกรงใจพี่เหมือนกันนะครับ พี่อุตส่าห์มาสอนคนสกิลเป็นศูนย์อย่างผมเนี่ย”  ชานนท์ตอบกลับทันที
“เอาน่า ถือว่าเป็นรางวัลที่วันนี้ทำได้ดีนะ” พี่เอกยิ้มให้อีกครั้ง
“อ่า ก็ได้ครับ”
“เห็นด้วยก็ตอบแบบเต็มปากเต็มคำหน่อยสิ! เป็นลูกผู้ชายน่ะ” พี่เอกตบบ่าชานนท์สองครั้งติด

“เฮ้ย!! ไอ้เอก!! มึงจะไปกินเหล้ากับพวกกูไหม  ไปกับเด็กบัญชีที่ชวนมึงไง!!” เสียงรุ่นพี่ทางด้านหลังตะโกนแทรกเข้ามาในวงสนทนาของทั้งคู่
“เออๆ เดี๋ยวสิวะ ขอคุยกับน้องก่อน!!”
พี่เอกหันหน้าตะโกนกลับไป
“เร็วๆ อย่าเบี้ยวอีกนะมึง คราวนี้เขาเห็นมึงไม่ไปอีก สาวๆ กลุ่มนั้นจะไม่ชวนอีกแล้วนะมึง!!” รุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มตะโกนกลับมา
“เชี้ย! พวกมึงนี่บังคับกูจัง!!”  คราวนี้พี่เอกยืนขึ้นตะโกนกลับไป
“ปกติตอนบรีฟงานก่อนเริ่มกิจกรรมไม่เห็นกระตือรืนร้นเท่านี้เลย มึงไม่ต้องมาทำขยันตอนนี้เพื่อเบี้ยวนัดเลย สาดดดด!!”
“เออๆ กูไปแน่ กูไม่เบี้ยวหรอก!! เดี๋ยวเจอกันที่ลานจอดรถคณะบัญชี!!”
“ไม่ไปด้วยกันคราวนี้พวกกู ตัดเพื่อน!!”
“ไอ้เชี้ย เห็นหญิงดีหว่าเพื่อน!!” พี่เอกตะโกนกลับพร้อมชูนิ้วกลางด่ากลุ่มเพื่อนตนเอง
“มึงก็เหมือนกัน เห็น.....”

“ไป! พี่ไปส่งที่หอ ระหว่างทางจะได้ซักซ้อมอะไรกันนิดหน่อย ก่อนจะแยกกันนะ” ยังไม่ทันที่กลุ่มรุ่นพี่จะพูดจบพี่เอกก็ตัดบทหันมาพูดกับชานนท์เสียก่อน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 2) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-12-2018 11:22:06
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 2) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 22-12-2018 13:33:55
เชียร์พี่เอกให้เป็นพระเอกได้ไหม :ling1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 2) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-12-2018 20:42:44
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 2) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-12-2018 08:54:42
พี่เอกน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 2) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 23-12-2018 09:49:43
พี่เอก ฮือ น่ารัก
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 7 ส่วนที่ 2) อัพ 30 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-12-2018 11:58:56
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ พี่มีนัดก็รีบไปเถอะครับ”
“เออ! เอาเหอะ พี่ไม่รีบ อยู่ด้วยกันทุกเย็นจนชินแล้ว ไปกับพี่หน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่นอนไม่หลับ” พี่เอกยื่นมือมาให้ชานนท์จับเพื่อลุกขึ้น ชานนท์ใช้แรงขาเพียงเล็กน้อยก็ถูกแรงดึงจากคนที่ยืนอยู่ ทำให้ตัวเขาเองพุ่งขึ้นมาจนชนลำตัวพี่เอก

“โอ้ย...” ชานนท์อุทานเพราะแรงกระแทก
“เฮ้ย.... ระวังหน่อยสิ.....” พี่เอกใช้อีกมือหนึ่งโอบชานนท์กระชับเข้าหาตนเองเพื่อไม่ให้ชานนท์เซล้ม ช่วงนี้เขารู้สึกว่าเขาจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆจนเริ่มจะชาชินกับแรงอันมหาศาลของพี่เอกเสียแล้ว บางครั้งเขาก็พุ่งไปที่หน้าอกอีกฝ่าย บางครั้งเขาก็ทรุดลงไปกองที่ขา แรกๆเขาก็รู้สึกอายกับอาการอ่อนแรงของตัวเอง แต่ก็ถูกพี่เอกช่วยพยุงบ่อยๆ จนชาชินไปเสียแล้ว

“โอเคหรือยัง?” พี่เอกปล่อยมือทั้งสองข้างให้ชานนท์ได้จัดร่างกายตัวเองให้เรียบร้อย
“โอเคครับ” ชานนท์ใช้มือปัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนตอบ
“งั้นไปกัน..... ว่าแต่เราจะไปกินร้านไหนล่ะ?” พี่เอกถานพร้อมยกมือขึ้นพาดบ่าของชานนท์และใช้แรงเล็กน้อยเพื่อผลักให้เขาเริ่มก้าวไปข้างหน้า
“ก็คงเป็น ‘ร้านคอฟฟี่แอนด์เบอร์รี่’ ร้านใหม่หลังมอมั้งครับ เคยได้ยินสองคนนั้นเขาคุยกัน”  ชานนท์รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเวลาอยู่ในอ้อมแขนของพี่เอก มันทำให้เขารู้สึกตัวเล็กลงมาก และยิ่งการได้เดินกับพี่เอกซึ่งเป็นเดือนมหา’ลัยทำให้เป็นเป้าสายตายิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัด เขาอยากเด่นดังก็จริง แต่การอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้ เขาเหมือนตัวประกอบมากกว่า
“อืมมมม ให้พี่กลับมา....รับไหม?” พี่เอกพูดจาติดขัดตอนพูดประโยคนี้ออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่กลับดึกหรอก พี่จะได้ไปสนุกกับเพื่อนได้เต็มที่”
“เออๆ ดีๆ อย่ากลับดึกนะพี่เป็นห่วง ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย” พี่เอกยิ้มหวานใส่จนดวงตารวมกันกลายเส้นเดียว
“เอ่อ.. ครับ” เป็นคำพูดที่ชานนท์ยังไม่ค่อยชินสักทีกับการถูกรุ่นพี่คนนี้ห่วงใยมากขนาดนี้

พี่เอกขี่รถบิ้กไบค์ของเขามาส่งชานนท์ถึงหน้าหอโดยที่แทบไม่ได้คุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องการซ้อมเต้น เพลงเชียร์หรือกิจกรรมที่ต้องทำในวันเปิดภาคเรียนเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากคนในคณะเดียวกันเลย

หลังจากที่ล่ำลาพี่เอกแล้ว ชานนท์เดินอย่างอ่อนแรงไปที่ประตูหอพัก ขณะที่เขากำลังจะใช้คีย์การ์ดเพื่อปลดล็อคประตูหอพักอยู่นั้น อยู่ก็มีสาวๆกลุ่มหนึ่งวิ่งโผเข้ามาหาเขาเหมือนฝูงผึ้งจู่โจมศัตรูที่มาดร้ายต่อรังตนเอง

“ชานนท์!!” สาวคนที่ถึงตัวชานนท์ก่อนเอ่ยทัก
“ครับ!!!” ชานนท์รับคำทักทายอย่างตื่นตระหนก
“พวกเรา.....” สาวคนเดิมเริ่มประโยคด้วยเสียงที่หวานและท่าทางเอียงอาย
“พวกเธออีกแล้ว!! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาทักกันแบบนี้!!” ชานนท์พูดใส่หญิงสาวเหล่าด้วยเสียงที่ดังกว่าพลางเอามือลูบอกตัวเองเบาๆ
“นายขี้ตกใจมากไปต่างหาก!! ว่าแต่ของที่ให้เอาไปส่งให้เมื่อวาน วรุฒว่าไงบ้าง?” หญิงสาวในกลุ่มคนที่ตัวเล็กกว่าพูดแทรกมา
“เอ่อ..... เขา.....”
“อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ ไง! เขาว่าไงบ้าง?” สาวคนแรกที่พุ่งเข้ามาถามอย่างร้อนใจ
“ก็ดี.... เขาฝากขอบคุณมา” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ว้ายยยยย!!!!” หญิงสาวทั้งกลุ่มหวีดออกมาประสานกันเสียงดัง
“ชู่วววววว!!” ชานนท์ยกนิ้วชี้ขึ้นป้องปาก
“โทษที  ตื่นเต้นนี่นา....” หญิงสาวผมยาวที่ดูเรียบร้อยที่สุดในกลุ่มตอบมาด้วยสีหน้าอันแดงระเรื่อ
“งั้นวันนี้ เอาอันนี้ไปให้เขานะ ฝากด้วยนะ” หญิงสาวคนแรกยื่นกล่องพลาสติกใสขนาดเท่าสมุด A4 ให้ชานนท์ บนกล่องมีกระดาษโน้ตขนาดเล็กเขียนว่า ‘Warut hot guy FC” ชานนท์มองสิ่งที่ยื่นมาด้วยสายตาหน่ายๆ แต่พอรับมาไว้ที่มือตัวเองก็ยิ้มตอบกลับไปอย่างอัตโนมัติ
“เดี๋ยวเราส่งให้เขานะ เขาน่าจะดีใจ” ชานนท์พูดตอบกลับไปหลังจากรับกล่องที่มีขนมเค้กสีสวยอยู่ภายในกระชับเข้าที่ตัว
“แน่นอน!! เราทำเองกับมือเลยนะ” หญิงสาวคนที่ยื่นกล่องให้พูดต่อท้ายประโยคชานนท์ทันที

เอี้ยด!!!!

เสียงล้อรถยนต์เบียดพื้นถนนดังลั่นจากที่ไม่ไหลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่หญิงสาวหลายคนปรารถนาได้ลงมาจากรถคันงามราคาแพง ทำให้สาวๆ กลุ่มที่ยืนอยู่กับเขาเสียอาการส่งเสียงหวีดเบาๆในลำคอ หญิงสาวเหล่านั้นทำเสียงแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนวรุฒเดินนิ่งเงียบและก้าวเท้าว่องไวหายเข้าไปในตึกหอพัก โดยไม่ได้สนใจหญิงสาวเหล่านั้นที่ส่งสายตาและส่งเสียงชื่นชมเขาเลย

ชานนท์ที่เห็นเหตุการณ์นั้นโดยตลอดแอบถอนหายใจใส่พวกผู้หญิงกลุ่มนี้ซึ่งต่างซุบซิบกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้เจอคนที่พวกเขาแอบชอบ ชานนท์รู้สึกเสียใจกับคนกลุ่มนี้ที่ไปหลงไหลผู้ชายผิดคน ชานนท์กล่าวคำอำลากับพวกสาวกลัทธิคลั่งผู้ชายกลุ่มนี้และเดินแยกเข้าหอพักมา

หลายวันมานี้เขาเจอกับเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้บ่อยมาก วรุฒมีแฟนคลับและคนที่แอบชอบเยอะมาก แต่ด้วยท่าทางหยิ่งและเงียบขรึมของเขาทำให้สาวๆทุกคนเข้าถึงตัวเขาได้ยาก และต่างกลัวตกเป็นเป้าสายตาของคนต่างกลุ่ม ทุกคนจึงหยั่งเชิงด้วยการส่งของขวัญ ขนมและอื่นๆ ผ่านทางคนที่อยู่ร่วมห้องอย่างเขา ชานนท์เลยกลายเป็นบุรุษไปรษณีย์ไปโดยปริยาย แม้จะไม่เต็มใจนักแต่เขาก็เกรงใจคนเหล่านั้นที่อุตส่าห์ดั้นด้นเอามาให้ถึงหอพัก ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าชานนท์จะกลับมาถึงหอพักเมื่อไหร่ ทุกคนต่างมาเฝ้ารอ ด้วยตวามเห็นใจเขาจึงต้องรับหน้าที่นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เดี๋ยวเราจะมาถามนะว่าเขาชอบไหม?” สาวแฟนคลับคนแรกตะโกนบอกชานนท์ก่อนที่เขาจะเดินเข้าประตูไป
“ทำไมพวกเธอ ไม่ไปให้เขาชิมเองล่ะ จะได้รู้” บางครั้งชานนท์ก็อยากให้ผู้หญิงเหล่านั้นรับรู้ด้วยตนเองเหมือนกันว่าวรุฒมันเป็นคนยังไง
“ใจยังไม่กล้าพอน่ะ ช่วยหน่อยนะ” สาวๆ แฟนคลับทั้งหมดยกมือขึ้นพนมกลางอกทำนองขอร้องชานนท์ให้รีบเข้าไปให้วรุฒเสียที
“อืม... ได้” ชานนท์ฝืนยิ้มและเดินเข้าประตูไป


.......................................


”เอ้า!  ของนาย” ชานนท์ยื่นกล่องขนมให้วรุฒทันทีที่ถึงห้อง
“..............” วรุฒได้แต่นอนมองชานนท์จากบนเตียงด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะกลับไปจ้องที่ไอแพดสีทองเครื่องใหญ่ของเขาอย่างไม่สนใจ
“งั้นวางไว้ตรงนี้นะ!!” ชานนท์รู้สึกขุ่นเคืองกับความไม่ใส่ใจของอีกฝ่ายเลยกระแทกกล่องนั่นลงบนโต๊ะหนังสือข้างเตียง แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขานึกถึงหน้าเหล่าบรรดาแฟนคลับเมื่อสักครู่ ทำให้ชานนท์เดินกลับมาส่องดูขนมเค้กในกล่อง เขารู้สึกโล่งอกที่เค้กยังคงสมบูรณ์ดี และบรรจงวางใหม่อย่างเรียบร้อย

“เฮ้ย! ไอ้เตี้ย! ถามจริงทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ?!” วรุฒถามขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นั่นควรจะเป็นคำพูดของเรามากกว่านะ!!” ชานนท์หันมาโต้กลับด้วยเสียงที่แสดงความไม่พอใจนัก
“อะไรของมึง?” ตอนนี้คนตัวใหญ่ที่นอนอยู่เตียงเริ่มมีอาการคิ้วชนกัน
“ก็.. มีคนมาสนใจมากขนาดนี้ ก็ควรจะดีใจและขอบใจคนที่ส่งของมาให้สักหน่อย” ชานนท์วาดนิ้วชี้ไปยังกองสิ่งของปลายเตียง ตั้งแต่ดอกไม้, ขนม, ตุ๊กตา และอื่นจิปาถะที่ชานนท์ไม่รู้ว่ามีอะไรในกล่องกระดาษผูกริบบิ้นสีสวยทั้งหลาย
“แล้วไง? กูไม่ได้ขอร้องให้คนพวกนี้ทำอะไรให้กูเสียหน่อย พวกเขามีสิทธิ์ที่จะให้กูก็ให้ไป แต่กูก็มีสิทธิ์ที่จะสนใจหรือไม่ มันก็เรื่องของกู!!” วรุฒพูดขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนอริยาบทเป็นนั่งที่ขอบเตียงปลายเท้าถึงพื้นทั้งสองข้าง ดวงตาทั้งสองของเขาจ้องมองอาการประหม่าของชานนท์อย่างไม่ลดละ
“เออ! นายมีสิทธิ์ที่จะไม่สนใจได้ แต่ก็ควรจะให้ความสำคัญกับของที่ได้รับหน่อย หรืออย่างน้อยก็พูดขอบอกขอบใจคนให้บ้าง” ชานนท์พูดไปพลางนึกถึงพวกข้าวของจากบรรดาแฟนคลับคราวที่แล้วที่วรุฒยกให้ป้าศรีที่มาทำความสะอาดไปจนเสียหมดทั้งกอง ชานนท์รู้สึกไม่ดีกลัวว่าแฟนคลับที่อุตส่าห์นำของเหล่านี้มาให้ หากคนเหล่านั้นมาเห็นจะเสียความรู้สึกขนาดไหน เขาจึงเหนื่อยกับการจัดการของเหล่านั้นลงใส่ถุงขยะสีดำขนาดใหญ่อย่างมิดชิดให้ป้าศรี เพื่อไม่ให้ใครสักคนที่มาติดตามชีวิต ‘นักศึกษาไฮโซ’ ต้องผิดหวังไปตามๆ กัน  เขาเคยอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้มาก่อนเขาเข้าใจดี
“อย่าเสือกเรื่องของกูให้มากนัก ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว!! อย่านึกว่ากูไม่รู้ว่ามึงชอบไปให้ความหวังคนพวกนั้น!! กูไม่ได้ต้องการ จำไว้!!” วรุฒยืนขึ้นและเดินมาในระยะประชิด กล่าวขึ้นเสียงกร้าว ชานนท์แหงนมองหน้าอีกฝ่ายด้วยอาการหวาดๆ เพราะอีกฝ่ายตอนนี้น่ากลัวจริงๆ เขารู้สึกเหมือนฮอบบิทตัวน้อยที่กำลังจะโดนมังกรยักษ์โฉบกิน
“ก็ได้!! เราไม่ยุ่งก็ได้!!” ชานนท์พูดจบก็หันหลังกระแทกเท้าเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป เขาพยายามจะไม่สนใจคนไร้หัวใจตรงหน้าเขา เขาควรจะรีบไปกินมื้อค่ำกับสาวๆที่เขานัดไว้ดีกว่า!

......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 3) อัพ 30 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-12-2018 15:56:10
 :เฮ้อ:



 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 3) อัพ 30 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-12-2018 20:53:01
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 3) อัพ 30 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 01-01-2019 15:23:34
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 7 ส่วนที่ 3) อัพ 05/ม.ค./2019
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 05-01-2019 11:09:53
“โห!! แบบนี้มันน่าด่าจริงๆ ความจริงเขาก็เป็นใช่ได้นะ แต่ทำไมกับนาย เขาถึงโหดร้ายจังวะ!!” สาวห้าวพ่นคำพูดออกมาจากปากหลังจากกลืนบิงชูคำใหญ่ ของหวานหลังอาหารเย็นมื้อใหญ่ลงคนไป (ชานนท์ไม่คิดว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังในการกินที่น่ากลัวมาก พวกเธอดูร่างกายบอบบางไม่น่าจะสามารถบรรจุอาหารเหล่านั้นลงไปได้หมด)

“เอ่อ..... อะไรนะ?” ชานนท์ที่แต่งตัวในชุดลำลองเรียบง่ายแต่เข้าชุดทั้งเสื้อเชิ้ตลายชายทะเลสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงขาสั้นผ้าชิโนสีน้ำตาลอ่อน นั่งอึ้งกับกินอาหารของอีกฝ่ายจนทำให้ตามบทสนทนาไม่ทัน
“ก็วรุฒไง เขาไม่น่าพูดกับนายแบบนั้น!” เมย์ที่ใช้ช้อนตัดบิงซูพร้อมผลสตรอว์เบอร์รี่เข้าปากเรียบร้อยได้ทวนสรุปสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านั้น
“เราก็ไม่รู้นะ ว่าเขาเป็นอะไรของเขา” ชานนท์หยิบช้อนขึ้นมาเล็งว่าจะตักบิงซูส่วนไหนดี
“เราไม่ได้อยู่สถานะแบบเขา เราไปว่าเขาก็ไม่ได้หรอกนะ” นางฟ้าตาโตที่มัดผมหางม้าสูงได้พูดขึ้นมาหลังจากนั่งนิ่งเงียบเพราะใช้สมาธิกับการกำจัดบิงซูตรงหน้า
“อืม........ มันก็จริงนะ...... หากมีชีวิตที่อยู่ในสายตาคนอื่นตลอดเวลาแบบนี้มันก็น่าอึดอัดนะ.....” เมย์พูดขึ้นขณะทำท่าคิด
“............. พอเขาทำดีด้วยหน่อย เธอก็เปลี่ยนความคิดเชียวนะ.....” ชานนท์แอบแซว
“แหม...... นนท์ก็...... ลองคิดดูดิ! ขนาดช่วงมัธยมปลายมีคนมาตามจีบเราแค่สามสี่คนเรายังแทบคลั่งแนะ แต่วรุฒนี่ มีคนติดตามกันเป็นร้อยล่ะมั้ง เขาจะรู้สึกยังไง?” เมย์หยิบช้อนขึ้นมาแกว่งไปมาขณะที่พูด
“เธอมีโมเม้นต์แบบนั้นด้วยหรือ? โม้ป่าว!!” ชานนท์ใช้ช้อนยาวที่ถืออยู่ชี้ไปที่เมย์
“ไอ้บ้านิ!! นายบอกว่าฉันโกหกหรือไง? นี่แนะ!!” เมย์วางช้อนและยกมือขึ้นตบไปที่ท่อนแขนของชานนท์เสียงดัง ‘เพี๊ยะ’
“โอ้ย!! มันเจ็บนะ”

“เข้าใจเขาหน่อยนะ นายไม่รู้หรอกว่าวรุฒเขาเจออะไรมาบ้าง!” มายาพูดด้วยสีหน้าจริงจังตัดกับบรรยากาศรื่นเริงภายในโต๊ะ จนเมย์หันไปมองหน้าใกล้ๆ

“....................”
ชานนท์นิ่งเงียบไปทันทีและพยายามคิดภาพตาม เขาไม่ค่อยเข้าใจเลยกับสถานการณ์แบบวรุฒว่ามันรู้สึกยังไง แต่หากเป็นความรู้สึกของคนที่ไร้ตัวตนล่ะก็ เขารู้จักมันดีเลยล่ะ

“ลืมไปเลยว่าเธอเป็น ‘คนสนิท’ ของคุณชายวรุฒนี่เนอะ”
เมย์พูดจาด้วยสำเนียงแซวมายา
“จะบ้าเหรอ! แค่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก!” มายาใช้ฝ่ามือดันหน้าเล็กๆ ของเมย์ให้กลับไปอยู่ที่เดิม
“เหรอ? แต่ที่เรารู้มามันไม่ใช่นะ!” เมย์พูดอู้อี้อยู่ภายใต้ฝ่ามืออีกฝ่าย
“อะไรเหรอ?” ชานนท์งุนงงกับบทสนทนาของทั้งสองสาวจนต้องเอ่ยปากถาม
“ไม่มีอะไรหรอก เธอก็อย่าไปบ้าบอตามยัยเมย์มัน!!” มายาตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม แม้เสียงจะสูงกว่าปกติก็เถอะในขณะที่เมย์โดนมายาใช้มือปิดปากเสียสนิทจนได้ยินแต่เสียงอู้อี้ดังออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที
“กลับกันเถอะ อิ่มแล้ว วันนี้เหนื่อยมากเลย ง่วงแล้วด้วย” มายาพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“โหย..... อะไรเนี่ย?! เป็นคนชวนมาแท้ๆ ทำไมมาชวนกลับกันง่ายๆ แบบนี้!” เมย์โวยวายขึ้นมา “ดูสิ ยังมีอะไรน่ากินอีกหลายอย่าง” เมย์หยิบเมนูขึ้นมากางดูอีกครั้ง
“แล้วอย่ามาบ่นว่าตัวเองเริ่มอ้วนให้ฉันได้ยินนะ!!” มายาโต้กลับทันที
“เออๆ ก็ได้!” เมย์ตอบกลับอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ลุกขึ้นยืนแต่โดยดี
“งั้น...... ไว้เจอกันนะ” ชานนท์ยกมือขึ้นโบกไปมาแสดงการอำลา
“อ้าวแล้วยังไม่กลับ?” เมย์โบกมือกลับและถามสวนมา
“ขอนั่งอีกสักพักน่ะ” ชานนท์รู้สึกแน่นท้องไปหมดจนยังไม่อยากจะกลับตอนนี้ ไม่รู้ว่าผู้หญิงตัวบางๆ สองคนนั่นทำไมถึงได้ยัดอาหารและขนมเหล่าได้โดยไม่รู้สึกอะไร (โดยเฉพาะเมย์ที่จะขอกินของหวานเพิ่ม)
“เอาน่าเมย์ เขาอาจจะอยากอยู่ต่ออีกหน่อย อุตส่าห์แต่งตัวออกมาเสียดูดีขนาดนั้น” มายาพูดพลางใช้มือกระตุกแขนเมย์ให้เริ่มเดินออกจากโต๊ะได้แล้ว
ชานนท์ได้แต่ยิ้มตอบกลับอย่างเขินๆ เขามักจะภูมิใจในการหาเสื้อผ้าที่เข้าชุดดูดีอย่างนี้เสมอ ยิ่งหลังจากได้เจอผู้หญิงน่ารักๆ อย่างมายาเอ่ยชม เขายิ่งเขินหนักขึ้นไปอีก
“วันนี้สาวๆ เต็มร้านเลย จีบให้ได้สักคนก็แล้วกัน แต่หนุ่มๆ กลุ่มนั้นก็ดีนะ!” มายาหันมาแซวชานนท์ที่นั่งหน้าแดงอยู่ที่โต๊ะ
“เฮ้ย! เราไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น!!” ชานนท์โต้กลับทันที
“ล้อเล่นน่า! แต่ขอบอกอะไรหน่อยนะ ผู้หญิงน่ะบางทีก็ไม่ชอบผู้ชายที่มันดูสำอางค์มากไปนะ” มายาพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินจากไป ทำให้ชานนท์หวนไปนึกถึงเพื่อนร่วมห้องของเขาขึ้นมาทันที
“อย่าไปถือสายัยมายาเลย นางก็ปากตรงกับใจแบบนี้ล่ะ แต่แน่ใจนะว่าจะกลับเอง เดินอีกไกลเลยนะ รถประจำทางเวลานี้ก็ไม่ค่อยมี” เมย์เอียงตัวมาปลอบใจชานนท์ที่จะดูเสียความมั่นใจไปนิดหน่อย เขารู้สึกได้ว่ามายาเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก แต่หากมีเรื่องของวรุฒเข้าหูทีไร มายาก็จะมีอาการเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด เขารู้สึกว่าเขาคงจะมีบทเรียนได้แล้ว คงต้องงดเล่าเรื่องผู้ชายคนนี้ให้มายาฟังเสียแล้ว เพื่อรักษาบรรยากาศในการสนทนา
“อื้อ! ไม่เป็นไร ตอนนี้อึดอัดน่ะ อยากเดินเล่น” ชานนท์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย

........................

ลมเย็นยามหัวค่ำท่ามกลางบาทวิถี และถนนซึ่งห้อมล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าตัดสั้นเกรียน และเสาไฟเรียงรายต่อกันยาวไปสุดลูกตา ชานนท์เดินเรื่อยเปื่อยจนมาถึงภายในรั่วมหาวิทยาลัย จากการฝึกซ้อมกิจกรรมเข้าจังหวะมาหลายวันติดต่อกัน ทำให้เขารู้สึกว่าการเดินทางด้วยเท้ามาในระยะทางประมาณนี้ เขาแทบไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เขาไม่รู้จะสำนึกดีใจกับความยากลำบากที่ผ่านมาดี หรือสำนึกเสียใจที่ต้องเสียเหงื่อเสียเวลาไปทำเรื่องแบบนั้นดี เพราะหลายๆวันที่เขาเหนื่อยจนแทบไม่ได้อ่านทบทวนหนังสือเลย “ได้อย่างเสียอย่าง” เขาคิดในใจขณะที่สายตาของเขาปะทะกับภาพตึกสีเทาม่วง หอพักนักศึกษาของเขา

“เฮ้ย! ไอ้หนู!!” เสียงดุดันเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล ชานนท์ได้ยินแต่ก็ไม่ได้คิดสนใจอะไรเพราะทางที่เขาต้องเดินผ่านเป็นลานโล่งคล้ายสวนสาธารณะที่มีการปลูกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ตกแต่งลานกว้างแห่งนี้ให้มีสีสัน มีม้านั่งสำหรับผักผ่อนหย่อนกายอยู่ประปราย แต่มันค่อนข้างเปลี่ยวเพราะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ไม่ค่อยชอบอยู่กลางแจ้งเท่าไหร่ (อยู่ในห้องแอร์ในหอหรือตามร้านกาแฟดีกว่าเยอะ) ชานนท์จึงมักจะรีบเดินผ่านทางนี้ไปด้วยความเร็วมากกว่าเดินเล่นเรื่อยเปื่อย รวมกับที่เขาไม่ค่อยมีใครรู้จัก การจะมีใครทักเขาในที่แบบนี้มันไม่น่าเป็นไปได้

“เฮ้ย!! ไอ้หนู!! พี่บอกให้หยุดไง!!” คราวนี้เสียงที่แสนดุดันนั้นดังใกล้ขึ้นในระยะประชิด แต่ชานนท์ก็ไม่ได้รั้งฝีเท้าตัวเองเลยยังเดินด้วยความเร็วเท่าเดิม บวกกับทางเดินที่เขาเดินอยู่ก็มีนักศึกษาที่ค่อนข้างคุ้นตาเดินอยู่ เขาจึงคิดว่าไม่น่าที่จะมีใครเรียกตนเอง ‘คงเรียกคนอื่นมั้ง’ เขาคิดในใจขณะที่เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นจนเริ่มมีลมหอบออกทางปากถี่ขึ้น

“เฮ้ย!! พี่เรียกเอ็งนั่นแหละ!!!” มือหนึ่งจับเข้าที่ไหล่ข้างซ้ายของชานนท์เข้าอย่างจัง จนขาที่ก้าวนำหน้าไปถึงกับหยุดลอยชี้ขนานกับพื้นบาทวิถี
“โอ้ย!! พี่เป็นใครเนี่ย?” ชานนท์หันไปเจอบุรุษหน้าเข้มรูปร่างกำยำไม่คุ้นหน้าจึงถามออกไป
“น้องอยู่คณะวิศวะฯ ใช่ไหม?” ชายคนนั้นไม่ได้สนใจคำถามของชานนท์เลย อีกทั้งยังถามสวนกลับมา
“เอ่อ........ ใช่....ใช่ครับ” ชานนท์ตอบทั้งที่ยังอยู่ในท่ายืนที่ไม่ได้สบายเท่าไหร่นักเพราะยังถูกมือนั่นจับรั้งตัวไว้ไม่ปล่อย
“..............อืม...... โอเคถูกตัวแล้ว......... มากับพี่หน่อย!!” ชายคนนั้นหยิบรูปภาพชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู ก่อนที่จะพูดออกมา ชานนท์เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษที่ผู้ชายกำยำคนนั้นถืออยู่ประมาณเสี้ยววินาทีก่อนที่ชายคนนั้นจะเก็บกระดาษลงกระเป๋าเสื้อและพูดต่อ เขารู้สึกว่ารูปคนที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้นคือตัวเขาเอง!

“เดี๋ยวๆ พี่!!ไปไหนครับ!! ผมว่าพี่ตามหาผิดคนแล้วมั้งครับ!” ชานนท์โวยขึ้นมาพร้อมกับพยายามดิ้นให้หัวไหล่ตนเองหลุดจากพันธนาการมือที่กำยำนั่น แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เรี่ยวแรงเขาไม่ต่างอะไรจากเด็กทารกเล่นกับผู้ใหญ่

“ไม่ผิดหรอก!! มากับพี่เดี๋ยวนี้ หากไม่อยากเจ็บตัว!!” ชายในชุดซาฟารีสีกรมท่าออกแรงดึงที่มือให้ชานนท์หันมาหาเขาได้อย่างง่ายดายและกำหมัดขึ้นมาเสมอหน้าของชานนท์ เขามองหมัดนั้นเป็นตาเดียว เขากะประมาณขนาดของกำปั้นนั้นน่าจะใหญ่ประมาณหน้าเขาได้ หากโดนคงยุบไปทั้งหน้าแน่นอน ความกลัวลุกลามขึ้นมาจากหัวใจ ชานนท์จึงได้แต่ทำตัวนิ่งขึ้นมาทันที
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 4) อัพ 05 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-01-2019 13:13:20
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:  อ้าวว ใครมาจับตัวไปละเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 4) อัพ 05 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 07-01-2019 20:52:33
เกิดอะไรขึ้นนนน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 4) อัพ 05 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-01-2019 22:52:29
 :hao7:



 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 4) อัพ 05 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-01-2019 16:02:23
เกิดอะไรขึ้น? :hao4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด ( บทที่ 7 ส่วนที่ 4) อัพ 13 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 13-01-2019 12:10:05
“ดีมาก!! ทำตัวดีๆจะได้ไม่เจ็บตัว!!”  ชายคนนั้นได้เดินมายืนขนาบข้างและโอบไหล่ชานนท์เพราะเขาหยุดโวยวายและดิ้นรน
“เอ้าเดิน!!” ชายปริศนาใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ชานนท์เดินไปตามทางที่เขาบังคับทิศทางไว้ได้อย่างกับหุ่นกระบอก ในใจของชานนท์ตอนนี้หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้อง เขาได้แต่หันไปมองซ้ายและขวาเล็กน้อยเพื่อชำเลืองมองหาความช่วยเหลือ แต่คงถึงคราวเคราะห์ของเขาที่บริเวณนี้ เวลานี้ผู้คนช่างบางตาเหลือเกิน คนที่กระทบสายตาที่เขาสามารถมองเห็นก็ไกลเกินกว่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา ตอนนี้เขาทำได้แค่เดินไปตามการเหนี่ยวนำจากแรงของชายที่ยืนขนาบข้างเขาเท่านั้น

ขณะนี้เขาถูกพาเดินออกจากบาทวิถีเข้าไปในสวนหย่อมก่อนถึงหอพักของเขา ทุกก้าวที่เขาเดินผ่านหญ้าสีเขียวอ่อนและเข้มสลับกันไปยิ่งทำให้ใจเขาตกลงต่ำจากอกเรื่อยๆ จนแทบจะตกลงไปถึงตาตุ่ม แสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างที่ข้างถนนแผ่วบางลงเรื่อยๆ จนแทบมองไม่เห็นพื้นหญ้าที่เขาเหยียบมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ๆ จะพาผมไปไหนเนี่ย?” ชานนท์กลั้นใจถามชายที่พาเขาเข้ามาในที่เขาเริ่มรู้สึกไม่คุ้นเคย เขากลัวแต่มาถึงจุดที่เขาต้องปกป้องตัวเองแล้ว หากได้คำตอบที่ไม่ชอบมาพากล เขาตัดสินใจว่าจะใช้แรงทุกอณูของร่างกายวิ่งให้พ้นชายคนนี้ให้ได้
“ใกล้ถึงแล้ว!! นั่นไง มีคนอยากจะคุยด้วย!!” ชายคนนั้นนิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะพูดและขยับศรีษะเป็นการบอกทิศทาง ชานนท์มองตามทิศที่คนประกบข้างของเขาบอกทันที ตรงทิศทางข้างหน้ามีถนนสำหรับเดินตัดสวนอยู่ มีเสาโคมไฟต้นใหญ่ตั้งอยู่เป็นจุดห่างกันพอประมาณ ทำให้ทางข้างหน้าดูไม่น่ากลัวเท่ากับทางที่เขาเดินผ่านมา หลังจากเดินเข้าใกล้ได้อีกเพียงครู่หนึ่ง เขาก็เห็นม้านั่งยาวตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว และมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงนั้น

“นายครับ เด็กคนนี้ครับ” ชายคนที่มาด้วยเอ่ยทักทายผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสุดเนี้ยบที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวคนเดียว ในขณะที่มีคนที่ใส่ชุดซาฟารีคล้ายกับชายที่พาชานนท์มายืนล้อมคนที่นั่งอยู่ ชานนท์แอบนับคนที่ล้อมอยู่น่าจะมีสักสี่คน เขาไม่กล้าสบตาคนที่นั่งอยู่ทำให้เขาได้แต่ก้มหน้า ขณะที่ยืนอยู่หน้าชายคนที่นั่งอยู่ เพราะชายคนนั้นมีบรรยากาศที่น่ากลัวส่งออกมาตลอดเวลา

“ชานนท์.... ใช่ไหม?” ชายที่มีลักษณะอายุเกินวัยกลางคนมาไม่มากพูดขึ้นขณะที่เขากำลังจ้องแท็บเล็ทที่มีหน้าจอสว่างเรืองออกมากระทบใบหน้าของเขา
“.............” ชานนท์ได้แต่ยืนอึ้งกับคำถามตรงหน้า เขาไม่รู้จักชายกลุ่มนี้แล้ว พวกเขารู้จักชานนท์ได้อย่างไร
“ใช่หรือไม่ใช่ก็ตอบไปสิ!!” ชายในชุดซาฟารีสีกรมท่าวางมือของเขาลงบนบ่าของชานนท์เสียงดัง ‘พั่บ’ ทำให้ชานนท์ถึงกับสะดุ้งตัวขึ้นเล็กน้อย
“เอ่อ.... ครับ!! ใช่ครับ!” ชานนท์ส่งคำตอบออกไปอย่างทุลักทุเล
“นนท์.... ชื่อเล่นชื่อนนท์ใช่ไหม? ขอเรียกชื่อเล่นก็แล้วกัน
“เอ่อ.....ครับ” ชานนท์ตอบกลับแทบจะทันที
“โอเค! ขอเรียกตัวเองว่า ‘อา’ ก็แล้วกันนะ อามีเรื่องจะรบกวนนนท์หน่อย นนท์จะรังเกียจไหม?” ชายที่แทนตัวเองว่า ‘อา’ เริ่มพูดต่อทันทีหลังจากเกริ่นนำและวางแท็บเล็ทในมือไว้ข้างตัว เผยให้ชานนท์เห็นรูปตัวเองในมือคนที่เขาไม่รู้จักอีกครั้ง
“เรื่อง.... เรื่องอะไรครับ?” ชานนท์เริ่มมีคำถามในหัวมากมายแต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขานึกเรื่องที่จะถามออกไปได้คำถามเดียว
“ง่ายๆ งานง่ายๆ นนท์อยู่ห้องเดียวกับวรุฒใช่ไหมลูก? อาเป็นพ่อของวรุฒเอง...” ชายที่เรียกตัวเองว่า ‘อา’ ในที่สุดก็เฉลยตัวตนออกมาให้ชานนท์กระจ่าง เขารู้มาว่าพ่อของวรุฒเป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้
“อ้อ... สวัสดีครับคุณอา คุณอาอยากให้ผมช่วยอะไรครับ?” ชานนท์รู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อรู้ว่าชายปริศนาตรงหน้าไม่ใช่คนอื่นไกล เขาเป็นพ่อที่ทรงอิทธิพลของเพื่อนร่วมห้องของเขานี่เอง
“อาแค่อยากให้เรา ส่งข่าวคราวเกี่ยวกับลูกของลุงบ้าง สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ไอ้ลูกอามันทำตัวไม่ชอบมาพากลทุกครั้งทุกเรื่อง ทำให้อาได้ไหม?” ชายที่เป็นพ่อของวรุฒมีสีหน้าที่เข้มขรึมขึ้นมาเล็กน้อยขณะพูด
“เป็นพ่อลูกกัน โทรหากันเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบกันก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องให้ผม ทำอะไรแบบนี้เลยครับ!!” ชานนท์เริ่มรู้สึกสบายใจจนลึมความตึงเครียดและเผลอหลุดความเป็นตัวเองออกมา
“หากมันเป็นลูกดีๆเหมือนชาวบ้าน ฉันจะทำกับมันแบบนี้ไหม?!? จะทำหรือไม่ทำ?!? อามีค่าเหนื่อยให้ด้วย!! เดือนละหมื่นสนใจ/ไหม?“ สีหน้าและน้ำเสียงของพ่อของวรุฒเริ่มเดือดดาลจนชานนท์ตกใจกับปฏิกิริยาดังกล่าว เขาแอบคิดได้ว่า ‘ไอ้นิสัยการพูดจาจุดเดือดต่ำแบบนี้มันน่าจะเป็นกรรมพันธุ์
“เอ้านี้ อาให้โทรศัพท์มือถือ เอาไว้รายงานข่าวคราวลูกของอา” หลังจากชายผู้เดือดดาลจัดการอารมณ์ของตัวเองไปครู่หนึ่งก็ยื่นกล่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดยี่ห้อผลไม้เมืองหนาวให้กับชานนท์ แต่ชานนท์ได้แต่มองทำหน้างงตอบกลับไป
“ผมไม่เข้าใจ” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ไม่เข้าใจเรื่องอะไร?!?!” พ่อของวรุฒมีอาการหัวคิ้วชนกันอีกครั้ง
“ไม่เข้าใจ อาเป็นพ่อของเขา ทำไมทำตัวเหมือนเป็นศัตรูคอยสอดแนมกันแบบนี้ คนเป็นพ่อควรจะสนิทกับลูกให้มากกว่านี้สิ!!” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่เขาระลึกถึงคำว่า ‘พ่อ’ พ่อที่เขาเคยมีและอบอุ่น แต่เขาได้เสียพ่อไปกับอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน
“ปากดี!! แต่คนเป็นลูกก็ควรทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ไม่ใช่ไปทำระยำตำบอน ทำตัววิปริตจนทำให้ฉันเสียชื่อเสียง ฉันส่งมันไปเรียนเมืองนอกเพื่อให้มันเรียนดีๆสูงๆ แต่ดูสิ่งที่มันทำให้ฉันสิ!!!!” ชานนท์เหมือนไปกระตุ้นต่อมอะไรบางอย่างของชายผู้เป็นพ่อ จึงทำให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมาจนเสียมาดขรึมไป ชายในชุดซาฟารีโดยรอบถึงกับขยับตัวออกห่างเล็กน้อยจากรังสีที่แผ่ออกมาจากชายที่นั่งอยู่ รวมถึงชานนท์ด้วย เขารู้สึกกลัวชายคนนี้เช่นกัน

“สรุปว่าจะทำหรือไม่ทำ!?! หากแกไม่ทำ! ฉันจะได้ให้คนอื่นเขาทำ! ธุระที่ดึงแกมาตรงนี้ก็เท่านี้ หยุดปากดีได้แล้ว!!”
ชายที่นั่งอยู่ถอนหายใจเสียงดังก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่เข้มขึ้นมาก
“.............” ชานนท์ได้บ่นงึมงำในปากเพราะความกลัวและความตึงเครียด
“เฮ้ย!! พูดให้มันเสียงดังฟังชัดหน่อย!!” ชายในชุดซาฟารีคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาได้ใช้มือผลักเขาเบาๆและพูดออกมา
“ไม่!! ไม่ครับ ทำไมคุณอาไม่หาทางคุยกับเขาดีๆ ปรับความเข้าในกัน!” ชานนท์นึกถึงพ่อของเขาขณะพูด เขากับพ่อก็มีเหตุการณ์ไม่เข้าใจกันบ่อยครั้งแต่พ่อของเขาก็ทำหน้าที่พ่อได้ดีในการเข้ามาพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกัน สิ่งนี้ทำให้ชานนท์ปฏิเสธเพราะอยากให้ชายที่อยู่ตรงหน้าทำสิ่งที่ถูกต้องกับคนเป็นลูก
“แน่ใจนะว่าจะปฏิเสธอา! คงไม่อยากเรียนที่นี่แล้วสิใช่ไหม?”
พ่อของชานนท์ส่งสายตาเหยียบเย็นมาที่ชานนท์
“................” ชานนท์ใช้ความนิ่งเป็นคำตอบ
“เฮ้อ...... เด็กสมัยนี้ ทำไมมันชอบต่อต้านผู้ใหญ่แบบนี้นะ!! โอเค!! ไม่ทำก็ไม่ทำ แกไม่ทำก็มีคนอื่นยอมทำให้ฉันเยอะแยะแต่ขอบอกไว้อย่างนะ อย่าได้นำเรื่องนี้ไปบอกไอ้รุฒ และอย่าพยายามต่อต้านฉันอีก!! ไม่อย่างนั้น ฉันไม่เอาแกไว้แน่!!” พ่อวรุฒพูดเสียงน่ากลัวที่ท้ายประโยคและส่งสายตาน่ากลัวออกมา ทำให้ชานนท์เหมือนกับหัวใจตกวูบลงไปถึงตาตุ่ม
“ไป!! กลับ” ชายที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวได้ลุกขึ้นและออกคำสั่งกับทุกคนโดยรอบ
“มานี่ไอ้เด็กดื้อ!!” ชายในชุดซาฟารีได้ดึงคอเสื้อชานนท์ขึ้นและลากเขาให้เดินไปทางที่เขาเข้ามา เดินมาได้ครึ่งทางชานนท์ก็โดนผลักจนเกือบเซล้มไปกับพื้น หลังจากทรงตัวได้เขาได้หันไปทางที่เขาเดินจากมา เขาเห็นเพียงชายที่เดินมากับเขาได้หันหลังเดินไปไกล และกลุ่มคนที่ม้านั่งก็ได้หายไปแล้ว เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องสยองก่อนนอนของเขาได้เลยทีเดียว เขาสามารถเก็บเอาไปเล่าให้ลูกให้หลานฟังได้เลย (เฮ้ย! ไม่ได้สิ ควรจะเก็บเป็นความลับไหม เขาพูดกับตัวเอง)

หลังจากตั้งสติได้และจัดแจงเสื้อผ้าให้กลับมาในสภาพเรียบร้อย ชานนท์ก็เดินต่อไปจนถึงบาทวิถีที่คุ้นเคยภายใต้แสงนีออนซึ่งส่องแสงแบบอ่อนแรงที่เสาไฟที่เกาะกลางถนนขนาดย่อม
“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!” เสียงคุ้นหูที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินแถวนี้ดังขึ้นไม่ไกลจากตัวเขา ด้วยสัญชาตญาณ ชานนท์หันไปหาต้นเสียงทันที
‘ฟ้าวววว’ เสียงบางสิ่งแหวกอากาศหวีดเข้ามาหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว กว่าที่ชานนท์จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แก้มของเขาก็ลงไปสัมผัสกับพื้นถนนเสียแล้ว ความเจ็บปวดจากการที่แก้มซีกซ้ายกระทบพื้นบาทวิถีแล่นเข้าสมองอย่างช้าๆ รวมกับอาการเจ็บหน่วงที่แก้มข้างขวาต่างวิ่งมาสมทบ ทำให้ชานนท์เจ็บปวดขึ้นไปทวีคูณ ส่วนสมองคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเพราะชานนท์มีความรู้มึนชาขึ้นมารวมอยู่ด้วย เขารู้สึกเหมือนสติกำลังจะหลุดลอยออกจากร่าง ศรีษะของเขาหนักอึ้งจนแทบยกไม่ขึ้น
“โอ้ย......” ชานนท์ร้องขึ้นทันทีที่สติวิ่งกลับเข้าร่าง ความรู้สึกมันเริ่มชัดเจนขึ้นจนเขาอดร้องออกมาไม่ได้ ทั้งสองมือของเขาต่างพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น สองตาที่เกิดอาการพร้ามัวในช่วงแรกค่อยๆ จับภาพหาสาเหตุที่ทำให้เขาล้มกลิ้งลงกับพื้น
“กูนึกว่ามึงจะแตกต่าง สุดท้ายก็ไม่ต่างจากคนอื่น!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงหันไปทางต้นเสียงอีกครั้ง ภาพที่สั่นไหวเริ่มกลับมาเข้าที่ เขาเห็นเงาร่างของชายร่างสูงใหญ่ในแสงสลัวขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น สายตาที่ปรับกับแสงสว่างไม่มากได้แสดงให้เห็นวงหน้าที่คุ้นเคย วงหน้าเกรี้ยวกราด และดวงตาที่เหมือนจะสามารถยิงลำแสงทำลายล้างเขาให้กลายเป็นจุณอยู่ตรงนี้
“วรุฒ...... ทำไม.....?.....” ชานนท์พยายามรวบรวมกำลังลมในปอดเพื่อเปล่งเป็นคำพูดออกมาแต่อีกฝ่ายกลับใช้ร่างกายตอบโต้กลับมา
‘พลั่ก!!!’
เสียงที่ให้ชานนท์รู้สึกจุกจนอยากจะคายมื้อค่ำเมื่อชั่วโมงที่แล้วออกมา เสียงจากการที่เท้าของอีกฝ่ายเหวี่ยงฟาดมาที่ช่วงท้องของเขา
“อ้อก..... โอย.... เจ็บ.... เรา..... ไม่เข้าใจ....”
ชานนท์พยายามพูดถามอีกฝ่าย เพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาถึงสมควรโดนทำร้ายแบบนี้ เขากลิ้งตัวไปรอบหนึ่งพร้อมยกมือขึ้นเพื่อหยุดอีกฝ่ายจากการตามมาซ้ำอีกรอบ
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง!! กูจะซ้อมมึงจนกว่าจะยอมรับเลย!!” วรุฒก้าวตามมาด้วยความรวดเร็วและเหวี่ยงขาอีกข้างมาปะทะและซ้ำที่เดิม แม้ชานนท์จะใช้ช่วงแขนปกปิดช่วงท้องแต่ความเจ็บปวดก็ไม่ได้น้อยลงเลย แรงปะทะครั้งที่สองทำให้เขากลิ้งไปตามบาทวิถีไปอีกหนึ่งรอบ

ชานนท์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่พอใจกับภาพที่เห็น วรุฒเดินตามมาอีกครั้ง ชานนท์รวบรวมแรงหันไปซ้ายและขวาเพื่อหาตัวช่วย แต่คงเป็นโชคร้ายของเขาที่ตอนนี้ไม่มีใครเดินผ่านทางนี้เลย ‘มันคงดึกเกินกว่าจะมีคนมาเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังกาย’ เขาคิดด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
“มึง!! มานี่!! บอกมาพ่อกูใช้ให้มึงมาจับตากูใช่ไหม? แล้วพ่อกูมีแผนอะไรอีก” วรุฒยื่นมือไปคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายและดึงขึ้นมาเสมออกตัวเองเหมือนยกตุ๊กตาหมียัดนุ่นตัวใหญ่ มันดูเบาและง่ายดาย
“เรา...... เรา..... เราไม่ได้.....” ตอนนี้ชานนท์แทบไม่มีแรงตอบเพื่ออธิบายแล้ว หัวของเขามึนงงไปหมด
“มึง!  ยังไม่ตอบคำถามกูอีก!!!” วรุฒกำหมัดอีกข้างและเงื้อมือขึ้นสูง ภาพมันดูช้าและชัดเจน ชานนท์เตรียมรับความเจ็บปวดที่กำลังเข้ามาอย่างช้าๆ เขาหลับตาและทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-01-2019 13:08:48
สงสารอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-01-2019 19:07:19
 :z6:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 7 สาวนที่ 5) อัพ 13 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 13-01-2019 20:18:04
“เฮ้ย!!” เสียงห้าวสากเสียงหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงของแข็งปะทะกันอย่างรุนแรง ชานนท์ไม่ได้ลืมตาดูสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้เพียงร่างกายไร้เรี่ยวแรงของเขากำลังไหลลู่หล่นไปตามแรงโน้มถ่วงและปะทะกับพื้นโลกอีกครั้ง

“หากมึงอยากจะมีเรื่อง ก็ให้หาเรื่องกับคนที่ตัวพอๆกันสิวะ” เสียงผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“ว้าย!! ตายแล้ว!! นนท์ เป็นไงบ้าง?!?” เสียงหญิงสาวที่เขาคุ้นเคย เสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ เขาจำเสียงนี้ได้ดี
“มึงเป็นใคร? สัด!! อย่างมายุ่งเรื่องของกู กูมีธุระที่ต้องสะสางกับไอ้เตี้ยสารเลวนี้!!”
“กูไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นสภาพคนโดนซ้อมขนาดนี้กูคงอยู่เฉยไม่ได้ว่ะ!!” เสียงฮีโร่คนนี้ดังกังวาลขึ้นในใจของชานนท์
“ดูสิเลือดออกเต็มหน้าเลย” เสียงหญิงสาวดังขึ้นใกล้ เขารู้สึกถึงมือที่พยุงตัวเขาขึ้นมาจากการนอนขนานกับพื้นโลก และรู้สึกถึงเนื้อผ้าหอมๆ ที่ซับทั่วใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา เสียงนี้เขาไม่มีวันลืม นางฟ้าของเขา ‘มายา’ เขาค่อยๆลืมตาหลังจากค้นพบว่าตนเองน่าจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว
ชานนท์รู้ว่าเขานอนโดยศรีษะพักวางอยู่บนตักของมายาที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาเห็นเงาร่างสูงใหญ่สองร่างกำลังยืนประจันหน้ากันในระยะเฝ้าระวังกันและกัน

“พี่รุฒ!! ขอร้องใจเย็นๆ ก่อนได้ไหม?” มายาพูดเสียงแข็ง
“ไม่! มายด์ก็น่าจะรู้ว่าพี่เกลียดคนประเภทอย่างมัน ไอ้พวกนกสองหัว!!” วรุฒทำท่าจะย่างกรายเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยของชานนท์อีกครั้ง
“ใจเย็นก่อนเพื่อน กูไม่อยากให้มึงฆ่าคนตายต่อหน้ากูว่ะ”  ฮีโร่ร่างใหญ่ได้ก้าวเท้าเข้ามาขวางทำให้อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าลงและส่งเสียงไม่พอใจออกมาจากลำคอ
“พี่รุฒ! ฟังมายด์ก่อนนะ หากมันเป็นจริงมายด์จะไม่ห้ามพี่เลย” มายาพยายามอธิบายอีกครั้ง
“พี่รู้ว่ามายด์สนิทกับมัน ไม่ต้องไปแก้ตัวแทนมันอีก มายด์ไม่เห็นในสิ่งที่พี่เห็น!! พี่เห็นมันไปคุยลับๆล่อๆอยู่พ่อของพี่!!”
ชานนท์ฟังถ้อยคำของวรุฒอย่างระทึก แต่ก็แอบดีใจกับคำว่า ‘สนิท’ ที่วรุฒพูดถึง นี่เขาสนิทกับมายาอย่างนั้นเหรอ? แต่ลึกๆเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เวลามาดีใจในเรื่องแบบนี้ตอนนี้

“ก็ถึงบอกให้ฟังมายด์ก่อน!! มายด์เพิ่งไปเจอพ่อพี่โดยบังเอิญเมื่อครู่ ‘อาพจน์’ หงุดหงิดใหญ่เลยว่า ‘เจอไอ้เด็กโง่ อวดดี ไม่ยอมให้ความร่วมมือ’ มายด์แอบได้ยินว่าพ่อพี่รุฒจะสั่งสอนคนๆนั้นอยู่ มายด์คิดว่าต้องเป็นชานนท์แน่ก็เลยวิ่งตามหาจนมาเจอพี่รุฒเล่นงานเขาก่อนนี่แหละ!!” มายาอธิบายเสียงที่ดังไปทั่วบริเวณ โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย ไม่งั้นเรื่องนี้ได้เป็นข่าวดังแน่ๆ หลังจบประโยคของมายา ก็เกิดสูญญากาศขึ้นมาทันที ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณจนได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องจากที่ไกลๆ เสียงหญ้าโดนลมพัดเสียดสีกัน

“โธ่!! โว้ย!!” เสียงวรุฒตะโกนเสียงดัง
“พี่ยังไม่ไว้ใจมัน พี่จะจับตาดูมันต่อไป และหากมันมีพิรุธพี่ไม่เอามันไว้แน่ๆ!!” หลังจบประโยคของวรุฒ ชานนท์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักหน่วงกระแทกพื้นคอนกรีตและค่อยๆไกลห่างออกไป ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้คลายจากอาการหนักอึ้งตึงเครียดไปในพริบตา
“เพื่อนเธอมันอารมณ์ร้อนแบบนี้เสมอเรอะ?” ชายร่างใหญ่ที่ยังยืนอยู่หันกลับมาถาม
“ไม่หรอกคะ เขาเป็นแบบนี้เวลาเป็นเรื่องพ่อของเขา ว่าแต่..... ขอบใจนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่อยู่ๆ ก็ลากคุณเข้ามายุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” มายาตอบกลับขณะที่เธอยังคงใช้สองมือสำรวจรอยพกช้ำของชานท์
“ไม่เป็นไร เห็นเธอวิ่งหน้าตื่นมาขอให้ช่วยเป็นใครก็คงวิ่งตามมาช่วยล่ะ เอ้อ... เรามีชุดปฐมพยาบาลในกระเป๋า....เอ่อ....” ฮีโร่ของชานนท์หันหน้าไปมาเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง “อ้อ!! เราไม่ได้เอามานี่นา เราวางไว้ตรงม้านั่งใกล้ๆนี้ ก่อนเราซ้อมวิ่ง จู่เธอลากมาเราก็เลย... รอเดี๋ยวนะเดี๋ยวกลับมา!!” ชายหนุ่มที่เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับคนตรงหน้า หลังพูดจบชายร่างสูงก็ก้าวเท้าออกไปพร้อมทำท่าวิ่ง แสงตรงจุดที่เขายืนไม่สว่างมากนักทำให้เห็นชัดเจนเพียงแค่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เท่านั้น ชุดกีฬาบาสเกตบอลสีส้มตัดขอบสีเทา
“เดี๋ยว.... เธอชื่ออะไรน่ะ” อยู่ๆมายาก็ถามคำถามแปลกๆไม่เข้ากับสถานการณ์ออกมา
“หลง! เราชื่อหลง” เขาหันหลังกลับมาตอบพร้อมกับวิ่งหายไปกับความมืดสลัวข้างหน้า


..............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2019 00:40:28
อ้าววว นนท์นี้โคตรซวยเลย อีรุตนี้เหี้ยจริง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 6 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 14-01-2019 22:41:18
วรุฒนี่ใช่พระเอกจริงป่ะเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 8 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 19-01-2019 15:47:19
บทที่ 8

In a middle of nowhere


“เราชื่อ หลง นะ”  ชายร่างสูงโปร่งพูดขึ้นในขณะที่จัดแจงเอาชุดปฐมพยาบาลออกจากกระเป๋าสไตล์นีกกีฬาทรงกระบอก

“อ้อ...” มายาสะดุ้งเหมือนออกจากภวังค์ความคิดในขณะที่มือก็รับของจากมือของชายหนุ่มอย่างลนลาน
“เรากลัวเธอไม่ได้ยินตอบเราตะโกนเมื่อกี้” ชายหนุ่มตอบอย่างเก้ๆกังๆ
“อ้อ!! ได้ยินสิ ได้ยิน ขอโทษนะ เราใจไม่ดีเลยพอเห็นนนท์ใกล้ๆแบบนี้!” มายาถอนหายเฮือกใหญ่ “เราชื่อ มายา เรียกมายด์ก็ได้คะ แต่ไม่รู้ทำไมทุกคนเรียกชื่อจริงกันหมด” มายาพูดด้วยสีหน้าปนไปด้วยเลือดฝาด

“อาจเพราะชื่อมายา มันแปลกดีมั้ง แล้วก็มันก็ดูเหมาะกับคนสวยอย่างเธอมากกว่า” หลงพูดด้วยถ้อยคำและสีหน้าตรงไปตรงมา
“เหรอ.....คะ....” มายาตอบอย่างเอียงอาย แต่มือก็ยังทำหน้าที่ปฐมพยาบาลชานนท์ที่นอนหมดสภาพอยู่บนตัก ชานนท์เห็นบรรยากาศบทสนทนาแบบนี้ทำให้เขาหวนนึกไปถึงครั้งแรกที่เขาเจอกับมายา บรรยากาศมันต่างกันมาก หรือว่านี่เป็นสัญญาณที่เขาควรจะตัดใจอีกคน
“ขอโทษนะ เราอาจะพูดอะไรไม่เข้าท่า เลยทำเธออึดอัดเลย เรา..... แบบ... โดนคนอื่นว่าประจำเลยว่า ปากหมาไม่ค่อยมีหูรูด พูดอ้อมๆ ไม่เป็น” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยท่าทางขัดเขินไม่ต่างกัน ขณะที่พยายามช่วยอีกฝ่ายดูแลคนเจ็บอย่างชานนท์ แต่บรรยากาศแบบนี้ยิ่งทำให้ชานนท์อึดอัดปนอิจฉาขึ้นไปอีก

“เรียบร้อยแล้วล่ะ ดีนะโดนไปไม่กี่หมัด ส่วนใหญ่ไม่โดนหน้าด้วย หวังว่าคงไม่กระทบการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์กับประกวดเดือนคณะฯ นะ” มายาพูดขี้นขณะทยอยวางอุปกรณ์ทั้งหลายลงที่กล่องปฐมพยาบาลข้างๆ

“ไอ้เตี้ย ตัวเท่าลูกหมาเนี่ยนะ เป็นเชียร์ลีดเดอร์กับเดือนคณะฯ!!” หลงที่บอกว่าตัวเองปากสุนัขเริ่มแสดงฝีปากให้ประจักษ์ จนชานนท์อยากจะยกเท้าขึ้นประสานปากไอ้คนปากเสียตรงหน้าเสียจริง แต่ติดที่ตัวเองหมดสภาพและอีกคนก็เป็นผู้มีพระคุณ เลยได้แต่นิ่งไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า....” มายาแอบขำในลำคอและหลุดขำออกมาเฮือกเล็กๆ
“โหย...... มายาน่ะ” ชานนท์ที่รู้สึกดีขึ้นบ้างพูดเพื่อต่อว่าอากัปกิริยาตอบสนองของมายา
“โทษทีน่ะ... มันตรงใจนิดหน่อย.....”  มายาใช้มือตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ ชานนท์คิดสวนไปว่า ‘ใจร้ายจัง’ และพยายามเบ้ปากแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ได้แต่ร้องโอยด้วยความเจ็บปวดออกมาแทน
“เอ่อ...... ขอบใจมากนะ เดี๋ยวเราโทรตามรุ่นพี่ของนนท์ที่อยู่หอเดียวกันให้มารับ นายก็ไปวิ่งหรือไปทำธุระอะไรของนายต่อก็ได้นะ เราไม่กวนแล้ว” มายาพูดขึ้นพลางส่งอุปกรณ์ปฐมพยาบาลทั้งหมดคืนกับหลง
“เฮ้ย!! ไม่เป็นไร จะเราปล่อยให้ผู้หญิงสวยๆตัวเล็กๆ อย่างเธอกับลูกหมาบาดเจ็บอยู่ในที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ได้ไง” ชานนท์ฟังหลงพูดเรื่องทางกายภาพของเขาอีกครั้งเขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอีกครั้ง (‘ทำบุญด้วยอะไรวะ เราจะได้ทำบ้างชาติหน้าจะได้สูงอย่างเขาบ้าง!!’ ชานนท์คิด)

“เอ้อ!!! เอาอย่างนี้ไหม? ไหนๆ เราก็ไม่ซ้อมวิ่งต่อแล้ว เดี๋ยวเราอุ้มไอ้หมอนี่ไปส่งที่หอให้ เธอบอกให้รุ่นพี่คนนนั้นไปรับหมอนี่ที่หอได้เลย!” หลงแสดงการให้ความช่วยเหลือกับทั้งสอง
“อืมก็ดีนะ งั้นตามนี่!” มายาตกลงแทบจะทันที

ชานนท์ถูกหลงอุ้มสูงขึ้นในท่านอนหงายโดยมีสองมือของหลงประคองไว้ที่หลังและช่วงเข่า และเริ่มเดินตามทางที่มายาเดินนำหน้าไป แสงไฟของถนนในระยะใกล้ขนาดนี้ทำให้มองหน้าฮีโร่ของเขาชัดขึ้น หลงเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีแววตาซุกซนแบบเด็กๆ รูปหน้าและวงตาสองชั้นที่โตเป็นแบบคนไทยเชื้อสายจีน ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าไปเป็นดาราภาพยนตร์ที่ฮ่องกง ไต้หวันได้สบายๆ ทั้งที่ตัดผมทรงเกือบสกินเฮดแต่ก็ยังกดรัศมีความหล่อของไอ้สูงนี่ไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่มายาจะมีอาการขวยเขินแบบนั่น เพราะชานนท์เองก็ยังรู้สึกชื่นชมความหล่อของเขามากเลยทีเดียว ชานนท์ถูกอุ้มและเดินไปด้วยความเร็วระดับหนึ่ง เขาคิดว่ามันเป็นความเร็วเหมือนคนๆนี้ไม่ได้อุ้มเขามาด้วย เขาโดนโอบกระชับขึ้นทุกครั้งที่คนอุ้มเขาเดินเร็วขึ้นเขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นตุ๊กตายัดนุ่นตัวใหญ่ ความอบอุ่นของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสบายและเผลอหลับไปด้วยความเพลีย

..............................

“เฮ้ย!!! เกิดอะไรขึ้นวะ!!!!” พี่เอกร้องโวยวายขณะที่เจอชานนท์ในสภาพเหมือนกลับจากสนามรบและไปเหยียบทุ่นระเบิดมาที่ประตูทางเข้าหอพัก
“เรื่องมันยาวคะพี่ เอาเป็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุและเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยนะคะ” มายาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มได้ไม่เต็มที่
“เฮ้อ..... เดี๋ยวพี่ค่อยถามก็แล้วกัน เดี๋ยวพานนท์ขึ้นไปพักก่อน” พี่เอกพูดจบก็ยกมือขึ้นเพื่อขอรับตัวชานนท์จากหลง ตอนนี้เขาเหมือนตุ๊กตาหมีขนาดใหญ่ที่มีการส่งมอบกัน ชานนท์พยักหน้าให้หลงเป็นการขอบคุณ
“ขอบใจนะ..... เอ่อ.... นายเป็นใคร? ไม่คุ้นเลย” พี่เอกถามคนที่อุ้มชานนท์มาส่งหลังจากที่ชานนท์ได้ย้ายมาอยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว
“เขาชื่อหลงค่ะ... คือบังเอิญไปขอความช่วยเหลือเขาได้พอดี”
มายาพูดแทรกขึ้นมา ส่วนหลงได้แต่อมยิ้มตอบกลับมา
“อ้อ.... แปลว่าเพิ่งรู้จักกัน โอเคๆ ขอบใจอีกครั้งนะ ไม่ได้น้อง ช่วย น้องพี่คงแย่! ส่วนมายด์ เรามีเรื่องต้องคุยกัน!! พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พี่ขอจัดการไอ้ตัวเล็กนี่ก่อน ไปนะ” พี่เอกพูดจบก็หันหลังเดินเข้าหอพักทันที ส่วนชานนท์ทำได้แค่ยกมือขึ้นมาโบกเพื่อร่ำลาคนที่ช่วยเหลือเขาก่อนที่ภาพจะตัดมาเป็นช่องบันไดและพี่เอกที่กำลังอุ้มเขาขึ้นบันไดด้วยสีหน้าจริงจัง

ชานนท์ถูกพามาที่เตียงในห้องที่ไม่คุ้นเคย เขาค่อยๆรำลึกว่านี่คือห้องของพี่เอก เขากวาดตามองโดยรอบ เขาเห็นพี่เอกเดินไปมาในห้องพร้อมหยิบของเข้าออกจากจุดนั้นจุดนี้จนเริ่มตาลาย ตอนนี้อาการจุกเสียดต่างๆ บริเวณช่องท้องของเขาดีขึ้นมาก แต่ยังมีอาการเจ็บจี๊ดๆ ที่หน้าอยู่บ้าง

สติสัมปชัญญะของเขากระจ่างขึ้น เขารู้สึกดีขึ้นจนเขาอยากกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆของตัวเองเสียแล้ว

“พี่เอกครับ” เขาค่อยๆ พลิกตัวขึ้นมาพูด
“เอ็ง!! เอ็งนอนไปเลย!! ไม่ต้องพูดอะไร!!” พี่เอกชี้นิ้วมาสั่งชานนท์
“ผมอยากกลับห้องครับ” ชานนท์พยายามพลิกตัวขึ้นมานั่งทั้งที่สีหน้าแสดงข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
“นอนลงไปก่อน” พี่เอกวิ่งรี่มาเตียงพร้อมอ่างน้ำเล็กและผ้าสะอาดผืนเล็กลอยอยู่ในน้ำประมาณครึ่งอ่าง พี่พยายามกดตัวชานนท์ให้นอนลงขณะพูด ชานนท์เห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายเลยต้องยอมนอนลงไปที่เดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พี่เอกใช้ผ้าซับน้ำในอ่างที่วางอยู่ข้างตัว บิดพอหมาดมาเช็ดทำความสะอาดใบหน้าและคอของชานนท์ และพยายามใช้มือค่อยๆเลื่อนมาเลิกเสื้อชานนท์ขึ้นมาเรื่อยๆ
“พี่เอกทำอะไร?” ชานนท์ยกมือขึ้นจับมืออีกฝ่ายเพื่อหยุดกิริยาที่อีกฝ่ายทำอยู่
“พี่จะช่วยเอ็งทำความสะอาดร่างกาย และทายาให้ไง” พี่เอกทำสีหน้าจริงจังใส่ชานนท์อีกครั้งจนเขายอมแพ้ปล่อยมือให้อีกฝ่ายเช็ดตัวให้แต่โดยดี
“อุ้ย!!.....” ชานนสะดุ้งเมื่อเจอผ้าหมาดเย็นสัมผัสผิวลำตัว
“เจ็บเหรอ โทษนะพี่ทำแรงไปเหรอ?” พี่เอกหยุดมือและถามขึ้นทันที
“ไม่ครับ ไม่เจ็บแต่มันเย็นมากเลยครับ”
“ให้พี่ไปต้มน้ำให้ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไหวครับ แค่ตกใจเท่านั้นเอง”
“โอเคๆ ถ้าพี่ทำเราเจ็บก็บอกนะ”
“ได้ยินพี่พูดแบบนี้แล้วรู้สึกแปลกๆ ยังไม่รู้นะครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่เริ่มจะเขินเหมือนกันนะเนี่ย”
แล้วทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกันเบาๆ ในคอ

“เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พี่ว่าเสื้อผ้าเอ็งมอมแมมขนาดนี้ จะให้นอนทั้งชุดนี้คงไม่ดี” พี่เอกพูดจบค่อยๆบรรจงถอดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของชานนท์ออก
“ขอโทษนะครับ หวังว่าผ้าปูที่นอนของพี่จะไม่เปื้อน” ชานนท์ขยับตัวลุกนั่งให้ความร่วมมืออย่างดีจนร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าในท่านั่ง ชานนท์รู้สึกเขินอายแบบแปลกๆ ทั้งๆที่เขาก็เคยอาบน้ำร่วมกับผู้ชายหลายครั้งสมัยเรียนรักษาดินแดน แต่การถอดเสื้อต่อหน้าพี่เอกมันให้บรรยากาศที่ต่างไป
“เปื้อนก็ซักได้!! เอ็งจะกลัวอะไร แล้วก็กางเกงด้วย เดี๋ยวพี่เอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน” พี่เอกชี้ไปที่ร่างกายท่อนล่างของชานนท์ แต่เขาจับชายกางเกงไว้แน่นไม่ยอมถอดออกมา

“ไม่เป็นไรครับพี่!” ชานนท์ส่ายหน้า
“ไอ้บ้า! จะเขินทำไมผู้ชายด้วยกัน! ถอดออกมา มันเปื้อนฝุ่นไปหมดสกปรกจะตาย จะนอนทั้งอย่างนี้หรือไง!?!” พี่เอกจ้องตอบกลับมาด้วยท่าทางจริงจัง
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนที่ห้อง” ชานนท์ยังคงยืนยันหนักแน่น
“เอ็งไม่ต้องไปไหนหรอก นอนที่นี่นี้แหละ ขืนขึ้นไปใครจะดูแลเอ็ง ไอ้เพื่อนร่วมห้องเอ็งคงไม่สนใจเอ็งหรอก!!” พี่เอกพูดพร้อมจับมือของชานนท์ที่กำลังกำชายขากางเกงออก คำพูดของพี่เอกทำให้เขานึกถึงวรุฒ เพื่อนร่วมห้องเขา วรุฒในรูปแบบที่เกรี้ยวกราดแผ่รังสีอำมหิตจนเขารู้สึกกลัว เขาจึงยอมทำตามที่พี่เอกสั่งแต่โดยดี วันนี้เขายังไม่พร้อมที่จะไปที่ห้องของตัวเอง เขากลัววรุฒจะรอพบเขาเพื่อเคลียร์กับเขาเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง

“อะไรวะ! เราทำอะไรผิดตรงไหนวะ ทำไมต้องเกลียดกันขนาดนี้” ชานนท์บ่นพึมพำในลำคอขณะขยับตัวให้พี่เอกถอดกางเกงขาสั้นของเขาออกไปกองอยู่ที่พื้นข้างเตียง
“อะไรนะ?” พี่เอกถามขึ้น
“เปล่าๆ ครับ” ชานนท์พูดพลางพยายามใช้มือใช้แขนบังส่วนที่น่าอายของเขา
“เอ้าๆ ทำตัวตามสบาย พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า!!  ทิ้งมือไปข้างตัวสิ พี่เช็ดตัวให้เอ็งลำบาก!”  พี่เอกตำหนิชานนท์ที่ทำตัวเก้ๆกังๆ ขัดขวางงานเช็ดตัวของเขา ชานนท์จึงทำได้แค่ปฏิบัตตามเท่านั้น เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าต้องขึ้นไปห้องตัวเองตอนนี้ เขาทิ้งแขนทั้งสองข้างของเขาลงเผยให้เห็นกางเกงในทรงบรีฟสีขาวสะอาดตัวใหญ่

“ดูสิ! ผิวเนียนๆ ของเอ็งเสียหมดเลย จะหายทันวันแสดงไหมเนี่ย?!” พี่เอกบ่นไปขณะที่เช็ดตัวให้ชานนท์ไปด้วย
“วันแสดง?” ชานนท์เอียงหน้ามามองพี่เอกที่กำลังตั้งใจใช้ผ้าหมาดลูบไล้ตามตัวเขาอย่างละมุนละมอม โดยมีสายตาที่ชานนท์อธิบายไม่ถูกว่าพี่เอกคิดอะไรอยู่ พี่เอกดูจดจ่อและตั้งใจมองอย่างประหลาด เป็นสายตาที่เขามักเจอบ่อยๆกับพี่เอกในช่วงหลังๆนี้

“พี่เอก!!” ชานนท์ใช้เสียงที่ดังขึ้นอีกระดับ
“เอ่อ...เออ!! ก็วันที่ต้องแสดงเหมือนวันเชียร์จริง เพื่อดูแววเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อปิดโหวตไง!!” พี่เอกเหมือนออกจากความเหม่อลอยนึกคิดบางอย่างก่อนจะตอบ
“พี่เอกผมเริ่มหน้าแล้ว ผมขอใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหมครับ” ชานนท์เริ่มรู้สึกแปลกกับเหตุการณ์ตรงหน้าจึงพูดออกไป
“เอ้อ..... ได้สิ พี่ขอเช็ดให้เรียบร้อยก่อนอีกนิดนะ ช่วงแข้งของเอ็งยังมีแต่คราบดินคราบทรายอยู่เต็มเลย!” พี่เอกพูดจบก็รีบเแลี่ยนอริยาบทไปเช็ดตรงช่วงล่างของร่างกายชานนท์ต่อทันที เขายิ้มให้ชานนท์ก่อนจะเริ่มลงมือเช็ดตัวให้เขา
“แล้ว......แล้ว... เพื่อนร่วมห้องพี่จะเข้ามาตอนไหนครับ คือ หากเขาเข้ามาตอนนี้ผมคงอายแย่เลย” ชานนท์หาเรื่องคุยเพื่อให้พ้นจากสภาพที่น่าอึดอัด และหาตัวช่วยให้เขาพ้นจากสภาพเกือบเปลือยแบบนี้โดยไว

“โอ้ย!! เพื่อนพี่มันไม่กลับหรอกวันนี้ ไปหอแฟนมัน แฟนมันอยู่หอนอก” พี่เอกพูดขณะนำผ้าไปซักในอ่างและซับน้ำมาใหม่เพื่อเช็ดต่อ ชานนท์ยิ่งรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ยิ่งน่าอึดอัดขึ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2019 16:16:47
หนีเสือปะจระเข้อีกละ สงสารนนท์จัง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-01-2019 18:57:25
พี่เอกดีกว่า วรุฒตั้งเยอะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-01-2019 20:31:17
 :fire:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 20-01-2019 23:45:03
สงสารน้องงงง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 8 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 27-01-2019 20:26:48
“โอ้ย!! พี่!! จั๊กจี้ครับ” ชานนท์ร้องขึ้นมาเมื่อพี่เอกพยายามใช้ผ้าหมาดเช็ดขึ้นมาถึงต้นขาของชานนท์ ชานนท์พยายามเอื้อมมือไปห้ามมือพี่เอก
“ทนหน่อยนิดเดียว”  พี่เอกจับมืออีกฝ่ายให้หยุดยื้อและจับให้ทิ้งลงข้างตัว ส่วนพี่เอกก็ยังคงทำหน้าที่ตนเองต่อไป ทุกสัมผัสที่ผ้าลูบผ่านต้นขาทำให้เขารู้สึกจี๊ดและวูบวาบไปหมด เขาพยายามข่มไม่ให้ความรู้สึกพวกนี้มันเกินเลยไปเกินกว่าคำว่าจั๊กจี้ ไม่อยากไปปลุกไอ้ตัวน้อยข้างล่างให้มันตื่นในเวลาที่ไม่ควรแบบนี้ ตอนนี้เขาเริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้วว่ามันเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไร

“เอ็งนี่มันน่ารักดีว่ะ หากไม่ป่วยนี่ พี่คง.........” พี่เอกยิ้มมาที่ชานนท์และมองอาการแอบเกร็งของมือชานนท์ในขณะที่พี่เอกกำลังเช็ดทำความสะอาดต้นขาอย่างแผ่วเบา แต่ประโยคของพี่เอกมันเบาเสียงจนชานนท์จับเป็นศัพท์ไม่ได้ที่ท้ายประโยค
“พี่เอกพูดว่าอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร จะบอกว่าเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่ไปหยิบชุดนอนให้นะ” พี่เอกพูดจบก็พุ่งตัวไปที่ตู้เสื้อผ้ามุมห้องทันที

...................................

“พี่เอกครับ..... เสื้อมัน......” ชานนท์พูดขึ้นหลังมองตัวเองใส่เสื้อผ้าที่พี่เอกจัดวางไว้ที่เตียง กางเกงบ็อกเซอร์ที่ดูใหญ่โคร่งแต่ก็สวมใส่ได้สบายแต่เสื้อยืดที่ให้มามันดูตัวใหญ่กว่าตัวเขามาก ชายเสื้อยาวจนเกือบถึงเข่าจนดูเหมือนเขาใส่ชุดนอนแบบผู้หญิง
“โทษทีๆ ชุดนอนพี่มีแต่เสื้อโอเวอร์ไซส์น่ะ พี่ขอบมันใส่สบายไม่อึดอัด” พี่เอกพูดพลางถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกและตามด้วยกางเกงอย่างรวดเร็ว พี่เอกที่มีสภาพเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเล็ก เดินไปมาทั่วห้อง ใบหน้าเหมือนมองหาอะไรอยู่
“เอ่อ.... เห็นผ้าเช็ดตัวพี่ไหม? สีเทาผืนใหญ่ พี่ว่าจะอาบน้ำ ลืมไปแล้วว่าวางไว้ที่ไหน?”
“นี่ไงครับ” ชานนท์ชี้ไปที่หัวเตียงเพราะเขาจำได้ว่าในช่วงแรกที่เข้ามาในห้องพี่เอกดึงจากราวตากมาพาดไว้ พี่เอกเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวในระยะประชิด
“เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะพาเข้านอนนะ”
“พี่ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“เออๆ ลืมไป ก็ตัวเท่าเด็กก็เลยคิดว่าเด็กไง”
“โห... ด่าว่าเตี้ยกันไปเลยดีกว่า!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” แล้วพี่เอกก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนชานนท์หลังจากสิ้นเสียงหัวเราะจากพี่เอกในห้องน้ำก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

..................


เสียงนกร้องกู่จิ๊บจิ๊บแทรกผ่านหน้าต่างกระจกที่เป็นช่องทางผ่านลำแสงสีส้มยามเช้าเข้ามาให้ห้องที่มืดสลัว ชานนท์ค่อยๆ ฟื้นตัวจากการหลับไหล เมื่อคืนเขาหลับสนิทมาก เตียงพี่เอกนอนสบายและยังอบอุ่นมากด้วย เขาลืมตาขึ้นมาด้วยอาการหนักอึ้งไปทั้งตัว ‘นี่เราจะเป็นอัมพาตหรือเนี่ย?’ เขาคิดขึ้นมาขณะพยายามขยับแขนขาตัวเองภายใต้ผ้าห่มที่มีความหนากว่าปกติ หลังความพยายามในครั้งแรกผ่านไป ชานนท์จึงพยายามขยับนิ้วมือ ปรากฎว่านิ้วมือและขาของเขาขยับได้ปกติ แต่ความหนักของแขนและขาของเขามันทำให้เขาแทบจะขยับไม่ได้เลย

ชานนท์พยายามกระพริบตาเพื่อไล่ความงุนงงงัวเงียออกจากหัว เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองมานอนค้างที่ห้องพี่เอก หรือห้องนี้จะมีสิ่งลี้ลับ! เขาจึงหันไปทางขวาที่เตียงอีกฝั่งหนึ่งก็ไม่พบใคร เขาจำได้ว่าพี่เอกจะไปนอนเตียงของเพื่อนร่วมห้องของเขา ‘พี่เอกหายไปไหน? แล้วใครจะช่วยเขาได้’ เสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง เขาหันไปทางซ้ายตามสัญชาตญาณ เขาก็พบสิ่งที่น่าตกใจไม่แพ้กัน สิ่งที่เขาเจอคือหน้าของพี่เอกในระยะประชิด!!

ชานนท์สำรวจตัวเองในอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เขาพบว่าตัวถูกหุ้มด้วยผ้าห่มหนาสองชั้นและมีพี่เอกนอนอยู่ข้างๆ และกอดตนเองไว้แน่น

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“อะไรฟะ! ร้องเสียตกอกตกใจแต่เช้า?” พี่เอกพูดเสียงงัวเงียและลืมตามองเขาเพียงครึ่งเดียว
“พี่เอกทำไมมานอนตรงนี้” ชานนท์พูดขึ้นพร้อมพยายามดิ้นให้หลุดจากอีกฝ่าย
“อ้าว! เออ!! อ้อ!! ก็เมื่อคืนเห็นเอ็งสั่นเป็นเจ้าเข้า พี่ก็นึกว่าเอ็งหนาวหรือไข้ขึ้น เลยเอาผ้าห่มมาให้เพิ่ม แต่เอ็งก็เต๊ะออกหมด พี่เลยมาช่วยกดผ้าห่มให้ พี่ขี้ร้อนอยู่แล้วก็เลยไม่ต้องห่ม” พี่เอกพูดจบก็พลิกตัวให้ชานนท์ที่ดิ้นอยู่ด้านล่างขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ร้องโอยจากอาการบาดเจ็บเมื่อวาน

“โอย..... แล้วพี่ต้องกอดผมเสียแน่นขนาดนี้!!?” ชานนท์โวยไปด้วยใช้มือจับช่วงท้องที่เจ็บไปด้วย
“พี่คงนึกว่าหมอนข้างเลยกอดเสียแน่นเลย โทษทีว่ะ แล้วเอ็งเป็นอะไรไปวะ แค่กอดนิดกอดหน่อย ผู้ชายด้วยกัน ไม่เสียหายเสียหน่อย”
“................” ชานนท์ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาคิดว่าเขาไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดใครนอกจากแม่ ถึงจะเป็นผู้ชายมันก็ไม่ควรเอากอดแรกของเขามาทำแบบนี้ เขากำลังตัดสินใจว่าจะโกรธหรือจะขอบคุณอีกฝ่ายดี
“เออ!! ทำเป็นบริสุทธิ์ไปได้!! ถึงเอ็งจะน่ารักยังไง ข้าก็ไม่ทำอะไรหรอก พี่น่ะต้องให้เต็มใจเท่านั้น!!”
“......... พี่พูดแบบนี้ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย” ชานนท์รู้สึกได้ว่าเขาคงทำสีหน้าแปลกๆ ออกไป เพราะรู้สึกว่าใบหน้าของพี่เอกที่พร่ามัว (ยังไม่ได้ใส่แว่นนี่นา) มีอาการยิ้มที่มุมปาก
“เฮ้ยๆๆ หรือว่าเอ็งยังเวอร์จิ้น!!  แม่งโคตรหายาก หน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยนะยังจิ้น!?!”
“.............” ชานนท์ทำได้แค่หน้าแดงและคิดไปว่า พี่เอกคงไม่เคยเห็นสภาพก่อนยกเครื่องของเขา ทั้งสิวเขรอะ ทั้งแว่นหนา  อีกทั้งวันๆก็ขลุกอยู่กับหนังสือในห้องสมุดทุกวัน ทุกวันนี้เขากล้าคุยกับคนอื่นขนาดนี้ก็อัศจรรย์แล้ว!!

“อืม.... น่าสนใจ”
“.............” อยู่ชานนท์ก็รู้สึกหนาวจนขนลุกซู่
“เฮ้ย!! อย่าทำหน้าแบบนั้นสิว่ะ พี่ไม่ล้อเอ็งแล้วก็ได้!!”
“ผมจะกลับห้องแล้ว” ชานนท์พูดห้วนสั้นตอบไปด้วยความไม่พอใจ
“จะรีบกลับทำไม แล้วใครจะดูแลเอ็ง?”
“ผมดีขึ้นแล้วครับ สายแล้วด้วยเดี๋ยวไปไม่ทันเพื่อนเข้าแถว” ก่อนแยกย้ายทำกิจกรรมของฝ่ายเชียร์ลีดเดอร์และฝ่ายกองเชียร์จะมีกิจกรรมละลายพฤติกรรมสนุกๆซึ่งเป็นช่วงที่ชานนท์ชอบที่สุดของวันเขาจะพลาดไม่ได้ ที่สำคัญใครไปสายจะโดนทำโทษจนอายกันไปทั้งวันเลยซึ่งชานนท์ขอไม่เอาด้วยเด็ดขาด
“ไอ้บ้า!! สภาพนั้นเนี่ยนะ แก้มเขียวปี๋เลย ไหนจะเจ็บตอนขยับตัวอีก พักสักสองวันก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปบอกไอ้พวกนั้นเอง!!”
“แต่เดี๋ยวผมตามคนอื่นไม่ทัน....”
“เชื่อพี่!! สปอนเซอร์เอ็งเป็นใครให้มันรู้เสียบ้าง”
“นั่นล่ะที่กลัว ผมได้ข่าวจากพี่คนอื่นๆ ว่า ช่วงพี่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ปีที่แล้ว โดดซ้อมบ่อยมาก ได้เป็นเดือนคณะฯ ได้ยังไงทุกคนก็งงอยู่”
“โห.... ไอ้พวกนี้แม่ง!! จำไว้พี่เอ็งเก่ง ไม่ต้องซ้อมมากก็ได้!!”
“นึกว่าจะพูดว่า ‘พี่หล่อพ่อรวย ใครๆก็รัก’ เสียอีก” ชานนท์ทำเสียงเข้มเลียนแบบฝ่ายตรงข้าม
“เออ ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ!!! นั่นก็จริง!! ขอบคุณที่เห็นด้วย!!” พี่เอกชี้นิ้วมาที่ชานนท์พร้อมทำเสียงเข้มเหมือนพิธีกรรายการทีวีชื่อดัง พอจบประโยคของพี่เอก ชานนท์ก็อดที่จะหัวเราะท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ แม้แต่คนพูดเองก็หัวเราะตามไปด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า.... ผมไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้เลยอ่ะ”
“ก็ถ้าไม่ใช่น้องพี่ก็ไม่ทำหรอก” ชานนท์รู้สึกได้ว่าพี่เอกรู้สึกตามที่พูดจริงๆ จากทำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกมา
“เวลาอยู่กับเอ็งแล้วรู้สึกอยากดูแลว่ะ”
“อืมม..... ขอบคุณครับ......” ชานนท์มีอาการขัดเขินขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
“เอ้า! ว่าไง? จะอยู่ห้องพี่ก่อนไหม? เดี๋ยวพี่ออกไปบอกพวกมันให้ว่าเอ็งป่วย เดี๋ยวพี่กลับมาดูแลต่อ”
“ไม่ดีกว่าครับ เกรงใจ ผมกลับห้องดีกว่า นอนพักเฉยๆสักวันน่าจะดีขึ้น”
“ดื้อจริงเอ็งเนี่ย! โอเค! งั้นรอพี่ก่อน เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วพาเอ็งไปส่งที่ห้อง”
“โอเคครับ”
สิ้นเสียงชานนท์พี่เอกก็ลุกขึ้นขยี้ศรีษะชานนท์จนยุ่งและเดินผ่านหน้าชานนท์ไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ในสภาพบ๊อกเซอร์ตัวจิ๋วสวมทับด้วยเสื้อตัวใหญ่โคล่ง บางทีพี่เอกก็มักแสดงท่าทางเด็กๆ ออกมาให้ชานนท์เห็นบ่อยๆ ซึ่งชานนท์ก็รู้สึกว่าชอบมุมนี้ของพี่เอกมากๆ

........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-01-2019 21:17:33
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-01-2019 22:59:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 27-01-2019 23:04:08
ชอบๆรออ่านต่อนะคะ :pig4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-01-2019 00:26:42
พี่เอกกก  นิดหน่อยก็เอาเนอะ555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 02-02-2019 01:42:19
พี่เอกคิดอะไรกับน้้้องรึ้ปล่าาาาา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 8 ส่วนที่ 3) อัพ 3 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 03-02-2019 20:12:01

ชานนท์พอจะเดินเองได้สะดวกแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายก็กลับมาเป็นปกติ เพียงแต่อย่าไปยุ่งกับกล้ามเนื้อส่วนบาดเจ็บอยู่ก็เท่านั้น เขาเดินกลับมาที่ห้องด้วยตัวเองในช่วงสายของวันพร้อมกับพี่เอกที่คะยั้นคะยอจะช่วยพยุงบ้าง อุ้มบ้าง ขี่หลังบ้าง พี่เอกออกปากถามตลอดทางจนถึงหน้าห้อง แต่ชานนท์ก็ใจแข็งทัดทานอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจเพราะรบกวนมามากแล้ว

หลังจากที่ชานนท์ใช้คีย์การ์ดสัมผัสตัวเครื่องล็อคอิเล็กทรอนิกส์หน้าประตู พี่เอกก็รี่เข้ามาช่วยเปิดประตูด้วยความรวดเร็วเหมือนจะมีคนคอยแย่งเขาทำยังไงอย่างนั้น

สิ่งที่กระทบสายตาชานนท์เป็นอย่างแรกคือเจ้าของห้องอีกคนที่นั่งอยู่ที่เตียงของเขาในห้องที่มีแสงยามสายสาดเข้ามาเพียงเล็กน้อย คนๆนั้นมีสีหน้าที่อิดโรยปนหงุดหงิดเพ็งมองมาที่ชานนท์และพี่เอก จนพวกเขาทั้งสองต้องสะดุดหยุดฝีเท้าด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอบุคคลดังกล่าวอยู่ในสภาพนี้

“เฮ้ยๆๆ! ดีนะเว้ย มายาน่าจะอธิบายเรื่องนี้แล้ว จะทำอะไรน้องกู ผ่านกูให้ได้ก่อน” พี่เอกถอยหลังมาครึ่งก้าวเพื่อมาเอาตัวมาขวางทางวรุฒที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นยืน และทำสีหน้าและมองพี่เอกเหมือนคิดในใจว่า ‘โธ่...ไอ้อ่อน อย่างมึงขวางกูไม่ได้หรอก!’

“ผมมีเรื่องจะคุยกับมัน พี่อย่ามายุ่งได้ป่ะ!!” วรุฒยืดตัวตรงและเดินมาใกล้ขึ้นอีกสองก้าว ชานนท์ที่ยืนอยู่หลังพี่เอกสังเกตถึงความต่างระหว่างส่วนสูง 190 ซม. กับ 185 ซ.ม. ได้อย่างชัดเจน บวกกับรังสีอำมหิตของอีกฝ่ายทำให้วรุฒยิ่งดูน่าเกรงขามขึ้นมาก

“เรื่องสิ เมื่อวานเล่นน้องกูเกือบตาย คิดว่ากูจะยอมให้เกิดขึ้นอีก!!” พี่เอกยังยืนยันหนักแน่นและไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ชานนท์รู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายมาก พี่เอกกล้าหาญมาก เพราะตอนนี้ขาของเขาเริ่มสั่นเสียแล้ว

“อย่าเสือกได้ไหมครับพี่? ผมขอร้องในฐานะรุ่นน้อง อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้!”
‘เอาแล้วไง!!’ ชานนท์คิด เขากลัวไม่กล้าขยับตัว รังสีอำมหิตของวรุฒวิ่งทะลุตัวพี่เอกมาถึงเขา เขารู้สึกได้

วรุฒยังคงเดินเขามาใกล้เรื่อยๆ ทีละก้าว ส่วนพี่เอกก็ไม่ถอยเลยพร้อมตั้งท่าเตรียมพร้อมออกหมัดได้ตลอดเวลา ชานนท์จึงตัดสินใจยกมือขึ้นดึงข้อศอกพี่เอกเพื่อห้ามปรามอีกฝ่ายก่อนมีเรื่อง
“พี่เอก ไม่เป็นไร ผมอยู่ได้ พี่ไปร่วมกิจกรรมก่อนเถอะเดี๋ยวผมเคลียร์กับเขาเอง....” ชานนท์พูดเสียงสั่น
“แต่...มัน.... ไม่เอาละ เอ็งไปอยู่ห้องพี่ดีกว่าเพื่อความปลอดภัย” พี่เอกหันไปพูดกับชานนท์และค้อนใส่วรุฒต่อทันที
“อ้อ ที่หายไปทั้งคืนเพราะไปอยู่ห้องมันนี่เอง” เสียงแสดงความเป็นศัตรูดังขึ้นจากคนในห้อง
“ก็ห้องนี้มันไม่ปลอดภัย จะให้น้องกูมาอยู่กับฆาตกรอย่างมึงเนี่ยนะ!!”
“ใครเป็นฆาตกร?!!?!” วรุฒพุดเสียงเขียว พร้อมกับกัดฟันเสียงดัง
“พี่ๆ ผมอยู่ได้จริงๆ ยังไงผมก็เป็นผู้ชายนะ ผมเคลียร์กับเขาเองได้” ตอนนี้ชานนท์ไม่อยากให้มีเรื่องวิวาทขึ้น เขาทำใจดีสู้เสือ กัดฟันทำเข้มแข็ง ใช้มือดึงพี่เอกรั้งให้ออกจากห้อง ด้วยมือที่สั่นเทา

อยู่ๆ วรุฒก็ผ่อนลมหายใจเสียงดังและเดินตึงตังเข้าไปนั่งบนเตียงของชานนท์เช่นเดิม เหมือนเขาสัมผัสถึงชานนท์ที่เกิดอาการหวาดกลัวตนเองได้ขึ้นมา เมื่อพี่เอกเห็นดังนั้นจึงผ่อนลมหายใจตามแบบถี่ยิบพร้อมส่ายหน้าเบาๆ

“พี่เอกไปเหอะ ผมโอเค ตอนนั้นผมไม่ทันตั้งตัวเลยโดนจังๆ แต่หากรู้ตัว มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก!!” เสียงชานนท์ดูฮึกเหิมขึ้นเมื่อไม่มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากห้อง
“เฮ้อ..... โอเคๆ แต่มีอะไรไม่ดีก็โทรศัพท์หาพี่เลยนะ แค่โทรก็ได้ แค่เอ็งโทรศัพา์มาโชว์เบอร์พี่จะรีบมาเลย!!” พี่เอกยกมือจับบ่าชานนท์และเขย่าเล็กน้อย
“ครับพี่ พี่ไปเถอะ” ชานนท์ยิ้มตอบกลับไป

พี่เอกเดินห่างออกไปแต่ทุกๆ สามก้าวจะหันมาทางชานนท์เผื่อว่าชานนท์ทำท่าเปลี่ยนใจ เขาก็จะรีบเดินกลับมารับชานนท์ไปอยู่ห้องเขาทันที แต่ชานนท์ก็ได้แต่ยิ้มให้เท่านั้นจนพี่เอกเดินลับหายไปทางช่องบันไดขึ้นลง

ชานนท์สูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตู

“นนท์....... เอ่อ.... ยัยมายด์โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังหมดแล้ว แล้วยัยนั่นก็แอบไปสืบเรื่องพ่อให้ด้วย ....... กู.....ขอ.......ขอโทษนะ...” เสียงเบาในลำคอของวรุฒดังขึ้นจากที่ไม่ไกล ชานนท์หันไปทางต้นเสียงด้วยอาการแปลกใจ เขาไม่เคยได้ยินเสียงโทนนี้จากอีกฝ่าย และไม่เคยได้ยินคำขอโทษแบบเต็มๆ จากอีกฝ่ายเลย ความรู้สึกมันต่างจากเมื่อสักครู่ที่ชานนท์เจอหน้าวรุฒกันมาก

“อะไรนะ”
“กูขอโทษ กูมันใจร้อนเอง..... กูควรสืบให้แน่ใจก่อน....” วรุฒพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ชานนท์ที่เดินเข้ามาใกล้ขี้นทำให้เขาได้ยินถ้อยคำที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากคนอย่างวรุฒได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้เขาใจชื้นขึ้น
“ไหนขอดูหน่อย มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” วรุฒผุดลุกขึ้นพร้อมเดินเข้าหาชานนท์เพื่อดูใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด
“เอ่อ....เรา.... ไม่เป็นไร......” ชานนท์รู้สึดประหม่าและไม่ชินกับการโดนเพื่อนร่วมห้องอย่างชานนท์หายใจรดหน้าเขาในระยะนี้ และด้วยสายตาที่โอนโยนของอีกฝ่ายทำให้ใจของชานนท์เต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ

“โห... กูทำหน้ามึงช้ำและแตกไปแถบหนึ่งเลย....” วรุฒพูดพลางใช้มือข้างหนึ่งลูบรอบๆรอยช้ำอย่างทะนุถนอม แสงแดดยามสายในห้องเริ่มสาดส่องเข้ามามากขึ้น ห้องที่เกือบมืดสลัวสว่างขึ้นมาก โอกาสนี้เลยทำชานนท์เห็นดวงตาที่อิดโรยและรอยช้ำใต้ดวงตาของอีกฝ่ายเหมือนเขาอดนอนทั้งคืน
“เราขอไปพักก่อนได้ไหม?” ชานนท์ใจเต้นแรงจนรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่รู้ว่ากลัววรุฒมากจนเกินไปหรือเปล่า แม้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโตนั่นจะสะกดใส่สายตาชานนท์อยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ลืมสอดส่องความเคลื่อนไหวของหมัดคู่นั้นอยู่ดี ‘ทางที่ดีควรอยู่ห่างๆ’ เขาคิดทบทวนในใจซ้ำไปมา
“เอ้อ....!! ได้สิๆ มาๆ” วรุฒพูดจบก็ช่วยประคองอีกฝ่ายไปที่เตียงด้วยความระมัดระวัง นำความแปลกใจมาสู่ชานนท์อย่างมาก อะไรมันจะพลิกผันขนาดนี้

“โอย..... อูย.....” ชานนท์เมื่อมาถึงเตียงก็ค่อยๆ เอียงตัวเพื่อนอนลงบนที่นอนอันอ่อนนุ่มของเขาอย่างยากลำบาก ทุกครั้งที่เคลื่อนตัวลงไป ความเจ็บตรงที่บอบช้ำก็วิ่งเข้าเล่นงานเขาอย่างไม่ปราณี

“เฮ้ยๆ ระวังหน่อยสิ! เออ!! จริงสิ!!!” วรุฒเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเป็นห่วงอีกฝ่าย ขณะที่จะเดินไปช่วยพยุงอีกฝ่ายนอนลงให้เรียบร้อย เขาก็เหมือนนึกอะไรได้และรีบหุนหันเดินที่เตียงฟากของเขาทันที ไม่กี่อึดใจวรุฒก็เดินมาพร้อมถุงกระดาษสีขาวขนาดใหญ่

“เอ้านี่!! กูซื้อมาให้ จะได้หายไวๆ” วรุฒยื่นของที่อยู่ในมือให้ชานนท์ แต่ชานนท์มองกลับไปที่คนให้ด้วยความแปลกใจ
“เฮ้อออออ” วรุฒผ่อนลมหายใจออกมาเสียยาวก่อนจะนั่งลงข้างตัวชานนท์ และหยิบของออกจากถุงทีละชิ้น

“อันนี้ยากินแก้ช้ำ กินหลังอาหารสามมื้อ สองเม็ดนะ.....อันนี้ยาทานะทาตรงที่มีรอยช้ำจะได้หายเร็วขึ้น ทำให้สบายตัวไม่ปวดด้วย อันนี้........” วรุฒหยิบยาออกจากถุงกระดาษทีละชิ้นพร้อมสาธยายสรรพคุณของยาและวิธีใช้อย่างละเอียด พูดจบแต่ละชิ้น เขาก็วางลงบนที่นอน จนของกองพะเนินกินพื้นที่ไปครึ่งเตียง เสมือนเขายกร้านยามาไว้บนเตียงของเขา วรุฒอธิบายได้ละเอียดและดีจนชานนท์คิดว่าเภสัชกรมาเอง แต่เขาคงจำได้ไม่หมดด้วยเวลาอันแบบนี้เป็นแน่
“ให้ใช้...... หมดนี่เลยเหรอ...??..” ชานนท์ถามขณะมองกองยาที่กองอยู่ตรงหน้าเขา
“เออดิ!!”
“แล้วมันจะไม่โอเวอร์โดสเหรอ?” ชานนท์ห่วงตัวเองว่าจะเป็นอะไรไปจากการกินยาเกินขนาด
“พูดเหมือนไอ้เภสัชกรที่ร้านเลย” วรุฒทำท่าแปลกใจ
“ฮ่าๆๆ งั้นเราว่า.... เราเลือกเฉพาะที่จำเป็นก็พอนะ ส่วนที่เหลือเก็บไว้ใช้คราวหลังก็แล้วกัน”  ชานนท์หัวเราะแห้งๆและตอบไป

“อืม.. ก็แล้วแต่มึง พูดเหมือนกูจะไปซ้อมมึงอีกอย่างนั้นแหละ” ถึงวรุฒจะพูดออกมาแบบนั้น แต่สีหน้าก็ไม่ได้แสดงความเกรี้ยวกราดแต่อย่างใด เขาได้ทำสีหน้านิ่งเรียบและมองดูชานนท์เลือกยาอย่างขมักเขม่น

“อันนี้..... อืม.... กินหลังอาหาร....?” ชานนท์ขยับแว่นพร้อมหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของเขาขึ้นมาค้นหาคุณสมบัติของยาต่างๆ ผ่าน Google

โครก......คราก.......

เสียงท้องของชานนท์มันเรียกร้องหาอาหารตามเวลา นาฬิกาชีวิตที่ตรงเวลาที่สุดของเขาก็เรื่องกินนี่แหละ แค่พูดถึงเรื่องอาหารมันก็ร้องโวยวายทันทีว่าถึงเวลาแล้ว

“เออ มึงคงหิว... เดี๋ยวกูไปซื้ออะไรให้กินก็แล้วกัน” วรุฒพูดจบก็ผุดลุกขึ้นพร้อมอมยิ้มกับเหตุการณ์ที่เจอ วรุฒคงไม่คิดว่าคนตัวเล็กๆ อย่างชานนท์จะมีเสียงท้องร้องที่ดังขนาดนี้ พอพูดถึงเรื่องอาหาร วรุฒเองก็รู้สึกหิวด้วยเช่นกัน

“เอ่อ...ไม่เป็นไรก็ได้.... ที่โต๊ะเรามีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เดี๋ยวเราต้มกินเองก็ได้” ชานนท์พูดด้วยหน้ามีสีแดงระเรื่อด้วยความอาย
“ไม่เอา!! ของแบบนั้นจะไปมีประโยชน์อะไร! เดี๋ยวกูจัดการเอง กินของแบบนั้นเมื่อไหร่จะหาย!! นอนรอไป” สิ้นประโยควรุฒก็เดินไปหยิบกุญแจรถและเดินอออกจากห้องไปทันที ชานนท์เองก็เพิ่งสังเกตว่าชุดที่วรุฒใส่ มันเป็นชุดเดียวกันกับเมื่อวานเลยนี่นา

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 3) อัพ 3 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-02-2019 21:02:51
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 3) อัพ 3 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 03-02-2019 21:13:12
เอาจริงดิ จบง่ายๆ งี้เลย หูยยยยย โคตรพระเอกโบราณเลย 5555
ทำเขาไปขนาดนั้น แล้วไอ้คนที่โดนก็ทำก็สะบักสะบอมเหมือนใกล้ตายก็ใจดี้ใจดี รอดูกันต่อไปจ้า  :ruready
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 3) อัพ 3 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-02-2019 00:26:04
วรุตตัวปลอมใช่ไหม ไม่น่าไว้ใจ 5555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 3) อัพ 3 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-02-2019 01:02:43
ไบโพล่าร์แน่ๆ :hao4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 3) อัพ 3 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-02-2019 09:40:22
เอิ่ม ทำไมไม่แจ้งความล่ะชานนท์

คือ ไอ้วรุฒนั่นมันกระทืบหนูนะลูก

คือหนูก็มีการศึกษานะ คิดเรื่องสิทธิ เสรีภาพของตัวเองไม่ออกเหรอลูก

ไอ้เปรตวรุฒกับพ่อมันอ่ะ คุกคามชีวิตหนูนะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 8 ส่วนที่ 4) อัพ 11 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-02-2019 12:23:12


ชานนท์หลับๆตื่นๆ ไปชั่วโมงเศษๆ วรุฒก็เดินทางกลับมาถึงห้องด้วยข้าวของเต็มไม้เต็มมือ

“ไม่ต้องๆ ไม่ต้องลุกมา เจ็บเป็นลูกหมาป่วยแบบนี้ยังไม่รู้จักเจียมตัว” วรุฒเอ่ยทักเมื่อเห็นชานนท์ทำท่าจะลุกขึ้นมาช่วยเขาถือของ ชานนท์เลยทำได้แค่ปล่อยตัวเองกลับลงไปนอนที่เดิม
วรุฒถือของทุกอย่างไปวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือของตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นแบบพับเพื่อกางออกตั้งตรงกลางห้อง หยิบถ้วยจานกระดาษออกจากถุง ควานหาถุงอาหารและกล่องใส่อาหารนานาขนาดในถุงกระดาษขนาดใหญ่อย่างเก้ๆกังๆ วรุฒทำเรื่องง่ายอย่างการจัดจานเพื่อกินอาหารให้ดูวุ่นวายไปหมด และใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็น

ทุกอย่างอยู่ในสายตาชานนท์จนเขาแอบถอนหายใจ ชานนนท์รู้สึกจนใจจนต้องฝืนลุกขึ้นมาเพื่อช่วยจัดแจงอาหารมื้อนี้ที่ดูจะเยอะกว่าคนสองคนจะกินหมด

“กูบอกว่าให้อยู่เฉยๆไง!” วรุฒทำทางเกรี้ยวกราดใส่ในขณะที่ลังเลกับการเทโจ๊กร้อนๆ ลงชามกระดาษ
“ดูนายทำเข้าสิ แล้วอย่างนี้ เราจะได้กินไหมเนี่ย?” ชานนท์ค้อนด้วยสายตาที่แสดงอาการเจ็บปวดเวลาขยับตัว เขาไม่สนใจการทัดทานของอีกฝ่าย ฝืนตัวเองจัดแจงทุกอย่างบนโต๊ะญี่ปุ่นขนาด 80 คูณ80 เซ็นติเมตรให้อาหารอยู่ในภาชนะกระดาษได้ในเวลาอันสั้น ด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วของเขา ทำให้วรุฒมองชานนท์ด้วยความทึ่งในทักษะด้านนี้ของชานนท์ไม่น้อย ขนาดเขาบาดเจ็บอยู่ยังทำเสียคล่องขนาดนี้

“ซื้ออะไรมาเยอะขนาดนี้?!? กินหมดเหรอ?” ชานนท์กวาดตามองอาหารที่ล้นโต๊ะจนต้องมีบางจานลงไปวางอยู่ที่พื้นด้านข้าง
“กินกันเถอะ หิวแล้ว เราไม่รู้ว่านายชอบกินอะไรนี่หว่า เห็นอะไรน่ากินก็ซื้อหมด ถ้าเหลือก็เอาไปให้พี่รปภ. กับพี่แม่บ้านก็ได้” วรุฒพูดจบก็เริ่มหยิบหมูปิ้งขึ้นมาหนึ่งชิ้นและกัดเข้าปากไป ชานนท์ส่ายหน้ากับไอ้ลูกเศรษฐีคนนี้เสียจริง ไม่รู้คุณค่าของเงินเสียเลย อาหารเช้าของชานนท์ อย่างมากสุดก็โจ๊กกับไก่ทอดแดดเดียวที่โรงอาหารนั่นแหละ

เนื่องจากอาการตึงๆ ที่ใบหน้าทำให้ชานนท์ไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าใดนัก แต่ก็ต้องทนฝืนกินจนอิ่มเพราะเขาอยู่ภายใต้สายตาที่จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา ส่วนวรุฒที่เอาแต่จ้องเขานั่นก็กินแค่อาหารบนโต๊ะเพียงครึ่งหนึ่งของชานนท์เท่านั้น เพราะเขาให้เหตุผลว่า ‘ไม่ถูกปาก’ เป็นอีกครั้งที่ชานนท์แอบส่ายหน้าเบาๆ กับโรคคุณชายไฮโซของอีกฝ่าย

หลังกินมื้อเช้าบวกมื้อสายเสร็จสิ้น พ่อตัวดีอย่างวรุฒก็อาสาจะเก็บอาหารเองและจะเอาของที่ไม่ได้กินเอาลงไปให้พี่แม่บ้านและรปภ. เอง แต่จากอาการหยิบจับอะไรไม่ได้ดังใจของวรุฒ ไม่ว่าจะเป็นเอาจานที่มีอาหารอยู่เต็มซ้อนกัน พยายามจะเก็บภาชนะอาหารที่กินหมดแล้วใส่ถุงที่เล็กเกินไป และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้ชานนท์กลอกตากลับไปมาหลายรอบจนเริ่มเวียนหัว สุดท้ายเขาจึงสั่งให้วรุฒไปอยู่ที่มุมหัองตัวเองแล้วเขาจะจัดการเอง วรุฒปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย จนชานนท์แปลกใจ แต่อาจเพราะวรุฒเองก็คิดว่าเขาคงจะไม่เหมาะกับงานแบบนี้

เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที อาหารที่เตรียมจัดส่งให้บุคลากรในหอพักก็จัดเก็บใส่กล่องทัพเพอร์แวร์ อาหารเหลือและจานชามกระดาษที่ใช้แล้วก็จัดเก็บลงถุงขยะเรียบร้อย โต๊ะญี่ปุ่นถูกเช็ดทำความสะอาดและจัดเก็บไปที่เดิมอย่างดี รวมถึงการกวาดถูพื้นบริเวณที่กินอย่างสะอาดสะอาด หากชานนท์ไม่ป่วยเขาคงทำอะไรได้คล่องและเร็วกว่านี้

“โห..... นี่นายถึงขนาดมีกล่องใส่อาหารเก็บไว้เลยหรือนี่?”
วรุฒทักขึ้นที่มุมห้องส่วนของเขา
“ก็ต้องขอบคุณพวกแฟนคลับนายนั่นแหละ สรรหาขนม อาหารมาให้ไม่หยุด นายก็ชอบเอาไปให้ป้าศรี แกก็ล้างเอามาคืนให้ทุกที”
“เหรอ??” วรุฒทำหน้างงเหมือนไม่เคยรู้ว่าป้าศรี แกเคยเอามาคืนด้วย ชานนท์พลางคิดในใจ ‘ก็ไม่แปลก วรุฒไม่เคยอยู่ห้องเลยนี่นา’
“อีกอย่างนะ... จานชามน่ะเราก็มี ไม่ต้องซื้อจานกระดาษก็ได้มันเปลือง ดูสิ!! ใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งแบบนี้!” ชานนท์พูดสวนกลับไปอย่างลืมตัว เขาลืมไปว่าเขากำลังพูดกับคนที่ไม่ควรไปทำกิริยาไม่ดีใส่มากที่สุด ไม่งั้นเขาอาจจะโดนน็อคอีกรอบ

“ก็กูขี้เกียจล้าง มึงก็ป่วย แล้วใครจะล้าง!!” ในขณะที่ชานนท์เตรียมตัวที่จะเจอการโต้ตอบแบบเผ็ดร้อน แต่กลับผิดคาด แม้ถ้อยคำจะยังเกรี้ยวกราดแต่สีหน้าและท่าทางดูอ่อนลงไปมาก
“เอ่อ........ งั้นเราเอาของพวกนี้ไปให้พี่ๆ ข้างล่างเขาก่อนดีกว่า” ชานนท์ใช้นิ้วชี้วนๆไปรอบๆ กองกล่องอาหารที่เหลือจากมื้อสายของพวกเขา
“ไม่ต้องแล้ว มึงพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวกูเอาไปให้เอง” วรุฒลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเพื่อชิงกองกล่องอาหารเหล่านั้นจากชานนท์
“แล้วก็ อาบน้ำหน่อยก็ดีนะ นายตัวเหม็นฉิบหาย” วรุฒพูดขึ้นเมื่อมายืนเทียบกับชานนท์ จนทำให้ชานนท์ยกเสื้อที่ชุ่มเหงื่อหมาดๆมาดม ‘ เออ! เหม็นจริงด้วย’
“ได้ๆ”
“อาบเองไหวไหม? หรือจะให้เราช่วยอาบ!”
“ไม่.. ไม่เป็นไรว่ะ เราเกรงใจ!!” แล้วชานนท์ก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวอย่างว่องไว และก้าวเข้าห้องน้ำไป เขาเหลือบไปเห็นวรุฒยิ้มร่าก่อนที่วรุฒจะเดินออกจากห้องไป

‘ไม่ไหวนะ! แค่เมื่อคืนก็อายจะแย่แล้ว ไม่เอาอีกแล้วนะแบบนี้จะให้ไปแก้ผ้าต่อหน้าใครอีก ไม่เอาแล้ว’ ชานนท์บ่นอุบอิบในห้องน้ำ แม้เขากับวรุฒจะเคยอาบน้ำด้วยกัน แต่การอาบน้ำให้กันนี่มันขั้นกว่าอีกนะ มันเกินไปที่เขารับได้แล้ว

..............

ปึงๆๆๆ

เสียงของแข็งปะทะกันดังไปทั่วห้อง ชานนท์ที่เผลอหลับเพราะความเพลียหลังจากฝืนทำโน่นนี้ในช่วงเช้า พอได้อาบน้ำให้ร่างกายได้สบายตัว แล้วก็เริ่มง่วงยิ่งได้กินยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อและยาแก้อักเสบไปด้วย ทำใหชานนท์ล้มตัวลงนอนหลับไม่รู้ตัว

‘อะไรเนี่ย?’ เขาคิดในใจอย่างขุ่นเคือง เขาค่อยๆ ลืมตาและมองไปรอบๆ จนกระทั้งไปเจอศรีษะของใครคนหนึ่งวางพาดแขนของตัวเองนอนพับอยู่ด้านข้างของเตียง

“เฮ้ย!!”
เขาอุทานเสียงหลง แต่หลังจากพินิจพิเคราะห์ดูก็พบว่าคนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเขาคือวรุฒ ที่ถือกระเป๋าน้ำแข็งอยู่ในมือ วรุฒคงพยายามจะช่วยประคบรอยช้ำของเขา ชานนท์คิด ‘นี่เราหลับไม่รู้เรื่องเลยเหรอเนี่ย?!?”

ในขณะที่เขากำลังตกใจกับภาพที่เห็น เสียงเคาะนั่นก็ดังมาจากประตูไม่หยุด และดูจะร้อนรนกว่าเดิมด้วยหลังที่เขาอุทานเสียงหลงไป

“นนท์! นนท์!! ไอ้น้อง!! ไอ้วรุฒมันทำร้ายเอ็งอีกเหรอ!! ได้ยินแล้วช่วยเปิดด้วย!!” เสียงอู้อี้ที่ดังมาจากอีกฝากของประตูทพให้ชานนท์รู้ว่าคนที่ทำเสียงดังเป็นจังหวะอยู่นี้คือ ‘พี่เอก’ นั่นเอง

“มึงก็ไปเปิดให้มันสิ เสียงดังหนวกหู!!” เสียงของคนที่ฟุบหน้าอยู่ข้างๆ เขาดังขึ้น

ชานนท์เลยค่อยๆ ขยับตัวอย่างระมัดระวังอาการบาดเจ็บของตัวเองลงจากเตียง

“พอๆ นอนอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูไปเปิดเอง กูโคตรเบื่อกิ๊กมึงฉิบหาย ชอบวอแวเข้ามาให้ห้องนี้อยู่นั่นแหละ!!” วรุฒบ่นเสียงดังขณะเดินไปเปิดประตูให้
“ไม่ใช่นะ!!  พี่เอกเป็นรุ่นพี่ เป็นสปอนเซอร์เรา เขาจะดูแลเราดีก็ไม่เห็นแปลก นายก็รู้!” ชานนท์สวนกลับไป
“เรอะ!” เสียงของคนที่ลุกไปเปิดประตูตอบกลับมาอย่างเน้นเสียง

“เป็นไงบ้าง?! เมื่อกี้ตกใจเลย อยู่ๆก็ร้องเสียงดัง มันทำร้ายเอ็งอีกหรือเปล่า?”  พี่เอกโผงผางเดินแทรกวรุฒที่เป็นคนเปิดประตูเข้ามาถามไถ่ชานนท์อย่างเป็นห่วง และกล้าใช้คำว่า ‘มัน’ แทนตัวไอ้โหดที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างหลัง

“ไม่ครับ ผมกับเขาไม่มีอะไรกันแล้ว” ชานนท์รีบพูดก่อนที่ทั้งสองจะเขม่นกันมากกว่านี้

“จริงอ่ะ?......” และพี่เเอกก็หันไปทางวรุฒที่ตอนนี้ยังคงยืนกอดอกอยู่ที่เดิม “เอ้อ!! พี่ซื้อข้ามต้มมาให้ด้วยถือเป็นมื้อเที่ยงก็แล้วกันเดี๋ยวจะหิวแย่ พี่เจอไอ้พวกนั่นมันใช้งานจนเหนื่อยจะแย่!! หากไม่ต้องไปทำเรื่องลาป่วยให้เรานะ จ้างพี่ก็ไม่ไปหรอก!!” พี่เอกพูดจบก็หันไปมองวรุฒอีกครั้ง

“ยัยวิก็ลาป่วยให้เอ็งด้วยนี่ โชคดีนะที่ยัยนั่นมันหลงเอ็ง ไม่งั้นเอ็งไม่ได้ลาง่ายแบบนี้หรอก!! ความจริงเอ็งก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย!” วรุฒไม่ได้สนใจจะตอบคำถามพี่เอกเลยแม้แต่น้อย เขาเหมือนไม่คิดจะฟังเลยมากกว่า

คำพูดพี่เอกทำให้ชานนท์คิดได้เพราะวรุฒก็ควรจะลงไปซ้อมกับรุ่นพี่เหมือนทุกวัน แต่วันนี้กลับมาอยู่ดูแลเขาตั้งแต่เช้า ชานนท์เหลือบไปมองนาฬิกาบนโต๊ะอ่านหนังสือที่แสดงเวลาบ่ายสองโมงแล้ว นี่เขาหลับนานขนาดนี้เลยหรือนี่

“กินเลยไหม? เดี๋ยวพี่เทใส่ชามให้” พี่เอกยกถุงโจ๊กที่ถืออยู่ขึ้นมาเสมอหน้าและยิ้มหวานให้ ส่วนวรุฒทำเสียงจิ๊จ๊ะในปากก่อนที่จะเดินกลับมานอนที่เตียงฝากตัวเอง

“ไม่ดีกว่าครับผมยังไม่หิวเลย” ชานนท์ยังรู้สึกถึงมื้อเช้าในระบบย่อยอาหารของตนเอง เขากินเยอะพอควรจนมันยังย่อยไม่ทัน
“งั้นพี่วางไว้ตรงนี้นะ” พี่เอกวางถุงโจ๊กร้อนบนโต๊ะอ่านหนังสือใกล้เตียง “พี่ขอดูหน่อยว่ามีไข้หรือเปล่า?” พี่ยื่นมือไปจับหน้าผากชานนท์ พี่เอกสังเกตเห็นว่าแก้มข้างที่ช้ำมีสีที่ดีขึ้นมาก แต่แบบนี้คงหายไม่ทันวันงานแสดงสดแน่ๆ พี่เอกแอบผ่อนหายใจออกมายาวๆ จนไปกระทบหน้าชานนท์ เขาตกใจกับลมที่สัมผัสใบหน้าจึงเผลอสะดุ้ง  พี่เอกเลยใช้มือไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม “เออ... พี่ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”
“พี่อย่าพ่นลมใส่ผมในระยะประชิดแบบนี้สิ ตกใจหมด!” ชานนท์ยกมือขึ้นมาลูบแก้มอีกข้างที่ไร้รอยช้ำ

‘อืม....มันยังเนียนใสและมีเลือดฝาดน่าหยิกเหมือนเดิม’ พี่เอกเอ่ยขึ้นลอยๆ ด้วยเสียงอันแผ่วเบาเหมือนคิดสิ่งนี้ในใจแต่ปากมันพูดออกมา ชานนท์ได้ยินเสียงพี่เอกเพียงบ่นพึมพำเลยทำหน้าสงสัยใส่คนตรงหน้า
“ไม่มีอะไรจ๊ะ” พี่เอกเกาต้นคอแก้เขิน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-02-2019 12:43:27
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 8 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-02-2019 14:24:20
เสียงริงโทนจังหวะเร้าใจแบบเคป๊อปดังขึ้นลั่นห้อง พี่เอกสะดุ้งลนลานหาโทรศัพท์ของตัวเอง เหมือนเสียงริงโทนที่ดัง มันไปรบกวนห้วงความคิดบางอย่างของเขา

“เออ!! อะไรอีก!!” พี่เอกเสียงดุดันขึ้นทันทีหลังจากรับสาย
“...........” เสียงอู้อี้ดังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นที่ลำโพงเครื่องโทรศัพท์
“เชี้ย!!  พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอวะ!!”
“............” เสียงอู้ที่พอจะรู้ว่าเป็นเสียงผู้ชายดังขึ้นอีกครั้ง
“แม่ง....... เออๆ เดี๋ยวกูไปช่วยพูดกับอาจารย์ให้”
พี่เอกพูดโต้ตอบโทรศัพท์ด้วยท่าทางหงุดหงิด

“เอ่อ.... ไอ้พวกงานกิจกรรมรับน้อง มันมีปัญหากับการส่งเรื่องขออนุญาติจัดกิจกรรมรับน้องนิดหน่อย พี่ขอตัวไปช่วยจัดการก่อนนะ นนท์อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”
พี่เอกพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่อยากไป

“กูก็คนนะ” เสียงจากอีกฝากหนึ่งของเตียงดังมาถึง
“เสร็จแล้วเดี๋ยวมาดูอาการอีกรอบนะ เออ!! เดี๋ยวพี่ซื้อข้าวเย็นมาด้วย” พี่เอกเหมือนจะไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาจากเตียงอีกฝากหนึ่งเลย
“มาบ่อยๆ เกรงใจกูบ้างนะ” เสียงวรุฒดังขึ้นอีกครั้ง

“โอเคครับ ไม่เป็นไรครับ ผมดีขึ้นแล้วดูแลตัวเองได้ครับ พี่ไปเหอะครับ” ชานนท์รีบตัดบทก่อนที่จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ เพราะพี่เอกก็มีประวัติเป็นคนใจร้อนไม่ใช่เล่น
“แน่นะ?” พี่เอกพูดกับชานนท์เสร็จก็หันไปเหลือบมองวรุฒก้วยหางตา
“ครับพี่ ผมไม่อยากรบกวนพี่บ่อยๆ ผมดูแลตัวเองได้ครับ”
ชานนท์ยิ้มอ่อนๆ ให้พี่เอก พี่เอกเลยตัดใจเดินออกจากห้องไปด้วยอาการรีบร้อน

“มึงดีขึ้นหรือยัง?” วรุฒเอ่ยขึ้นมาขณะลุกขึ้นจากเตียง
“ก็ดีขึ้น แค่ยังเคล็ดๆ นิดหน่อย” ชานนท์คลำช่วงลำตัวที่เขายังรู้สึกถึงเท้าของคนถามได้อยู่
“เออ! ก็ดี ไม่งั้นกูคงรู้สึกผิดแย่ ที่สำคัญต้องโดนยัยมายด์บ่นใส่ไปตลอดชีวิตแน่ๆ” วรุฒขยี้หัวที่นุ่มสลวยไปมา เขาทำหน้ารำคาญใจเมื่อพูดถึงมายา แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิด แม้วรุฒจะเพิ่งตื่นเหมือนเขาแต่ก็ยังคงหล่อลากดินอยู่ดี

“ท่าทางนายสนิทกันมากเลยนะ” ชานนท์ถามต่อเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่คุยกัน
“พ่อแม่เรารู้จักกัน โตมาด้วยกัน เล่นกันมาตั้งแต่เล็กๆ”
“อืมมมม มายด์บอกว่านายเหมือนพี่ชาย แต่อายุเท่ากันแปลกดีเนอะ?”
“นี่มึงไม่รู้อะไรจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้วะ?” วรุฒถามชานนท์กลับด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
“หือ???” ชานนท์ทำหน้าตาเป็นเครื่องหมายคำถามส่งกลับไป เพราะไม่เข้าใจคำถามเล่นๆ ของเขาไปกระตุกต่อมอะไรเพื่อนร่วมห้องของเขาอีก

“ก็.....” วรุฒกำลังจะเริ่มอธิบายด้วยหน้าตาที่ตึงเครียดแต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“กิ๊กมึงกลับมาเร็วดีนี่หว่า!”
“รุ่นพี่!!” ชานนท์เถียงจนเริ่มเจ็บหน่วงที่รอยช้ำ
“มึงนี่โง่ หรือความรู้สึกช้าวะ?!?” วรุฒโต้กลับก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู
“เฮ้ย...มึงจะเอาอะไรอี.......ก...” เสียงวรุฒค่อยเลือนหายไปจากการที่มองคนที่มายืนอยู่หน้าประตู
“สวัสดีจ้า....... น้องๆ เป็นไง? ดีขึ้นหรือยัง? เจ้เป็นห่วงก็เลยมาเยี่ยมไงล่ะ” เสียงแหลมเล็กแฝงความยั่วยวนที่คุ้นเคยดังขึ้น ขานนท์ไม่ต้องหันหน้าไปมองก็รู้ว่าใคร

“ว้าย! ตายแล้ว ไปทำอะไรมาน่ะน้องนนท์ หมดหล่อเลย!!”
พี่วิทักชานนท์ทันทีที่ก้าวเข้าในห้องโดยไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องที่เปิดประตูอยู่เป็นคนเชิญ
“โดนหมาข้างถนนมันดักทำร้ายครับ!!”
“หมาที่ไหน? ที่นี่มีหมาด้วยเหรอ?” พี่วิทำหน้าสงสสัยและเอียงคอมองไปทางวรุฒเหมือนต้องการขอความเห็น ส่วนวรุฒทำได้แค่ขบกรามแน่นและมองชานนท์ด้วยสายตาดุดัน เล่นเอาชานนท์เสียวสันหลังวูบเพราะรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา
‘ไม่น่าปากหมาเลย’ ชานนท์คิด

“อ่ะ!! นี่ พี่ซื้อขนมมาฝากจ๊ะ!!” พี่วิยื่นถุงกระดาษสีหวานกลุ่มหนึ่งให้วรุฒ
“วางตรงนั้นแหละ!!” วรุฒชายตาของเขาไปที่โต๊ะอ่านหนังสือของตัวเองและเดินไปนั่งที่เตียงแบบไร้เยื่อใย
“ใจร้ายจัง” พี่วิปากก็บ่นแต่ก็เดินพริ้วไปวางถุงขนมเหล่านั้นที่โต๊ะอ่านหนังสือ “คนอุตส่าห์มาเยี่ยมนะ ก็เราน่ะโทรศัพท์ไปลาพี่ว่าป่วยตั้งแต่เมื่อวาน พี่นะก็เป็นห่วงเลยมาเยี่ยม แต่ไหนน้องดูไม่พอใจแบบนี้ล่ะ?”
“ผมอยากพักผ่อนแล้วครับ เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ” วรุฒพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นี่จะพูดดีๆ กับพี่ไม่เป็นเลยใช่ไหม? ยังไงเราก็เป็นรุ่นพี่เธอนะ” พูดจบพี่วิก็เดินไปนั่งข้างวรุฒที่เตียง “ไหนขอดูหน่อยมีไข้หรือเปล่า?” พี่วิเอื้อมมือไปทาบหน้าฝากวรุฒ โดยที่วรุฒพยายามเอี่ยวตัวหลบ แต่ก็ไม่พ้นความพยายามของอีกฝ่าย พี่วิใช้มือไล่จนไปบรรจบที่หน้าผากวรุฒจนได้ ด้วยเสื้อที่พี่วิสวมใส่มันสั้นกว่าปกติ การยืดและเอี่ยวตัวไปในท่านั้นทำให้เสื้อของพี่วิเปิดขึ้นไปจนถึงช่วงท้องส่วนบน ผิวขาวสว่างเนียนออร่านั่น เข้ามาสู่สายตาของชานนท์ ทำให้เขาต้องแก้เขินโดยการมองไปทิศอื่น
“ตัวก็ไม่ร้อน”
“ก็ไม่ได้เป็นไข้ ท้องเสีย”
“อ้าว!! งั้นก็กินขนมที่ซื้อให้ไม่ได้สิ!”
“ก็ไม่ได้อยากกิน!!”
“ไม่กิน เดี๋ยวจะกินยาไม่ได้นะ ว่าแต่มียาแก้ท้องเสียแล้วใช่ไหม?”
“มี.... กินแล้ว วิกลับไปเถอะ เราขอพักผ่อน” เป็นอีกครั้งที่ชานนท์สังเกตว่าวรุฒไม่เคยเรียกสรรพนามอึกฝ่ายว่าพี่เลย และทักษะการวอแวของพี่วิอยู่ในระดับท้อป จนตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าหากเจอผู้หญิงที่สวยระดับนี้มาวอแว เขาจะทนไหวไหม?
“เฮ้อ!! ไม่สนุกเลย อุตส่าห์ขจัดก้างตัวใหญ่ออกไปจากห้องได้ แล้วนึกว่าเราจะได้ ‘สนิท’ กันมากกว่านี้เสียอีก” พี่วิผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่และมองชานนท์ด้วยดวงตาเป็นประกาย ชานนท์ทำได้แค่หลบตาเท่านั้น

“ผมอยากพักแล้ว ช่วยกลับไปก่อนไหมครับ แล้วพรุ่งนี้ก็ขอลาต่อด้วย ยังไม่ไหว?” ก่อนเปิดเทอมจะมีวันหยุดสุดสัปดาห์ซึ่งทีมรุ่นพี่ที่เป็นสปอนเซอร์ต่างนัดน้องๆ ในสังกัดไปซ้อมพิเศษ ในขณะที่พวกกองเชียร์ได้หยุดพักผ่อน แต่พวกดาวเด่นทั้งหลายต้องซ้อมเพิ่มเติม ชานนท์นึกขึ้นได้ขณะฟังทั้งสองคนในห้องคุยกัน พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ใกล้ถึงวันแสดงสดแล้วนะ จะตามเขาทันไหมเนี่ย?”
วันแสดงสดที่ทุกคนเรียกติดปาก คือวันที่คณะกำหนดให้รุ่นน้องทุกคนขึ้นแสตนด์เชียร์จริง และทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่ต้องเต้นเข้าจังหวะจริง โดยมีรุ่นพี่ปีสามและสี่ เข้าร่วมกันให้คะแนนด้วย นับเป็นอีเว้นท์ที่ใหญ่งานหนึ่งของคณะฯ เรียกได้ว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของเหล่าสปอนเซอร์ทั้งหลาย ชานนท์ก็เพิ่งจะรู้จากพี่เอกไม่นานนี้เอง

“แค่นี่เอง! สบาย! ก็สอนกันล่วงหน้าไปแล้วนี่!!” วรุฒพูดแบบขอไปที
“เออๆ ทำเอาหมดอารมณ์เลย......ไปก็ได้” พี่วิลุกขึ้นอย่างฉุนเฉียว
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มาหาใหม่นะจ๊ะ” พี่วิใช้นิ้วลูบคางวรุฒแบบผ่านๆ ส่วนอีกคนได้แต่เบี่ยงหลบ
พี่วิเดินยิ้มมาจนถึงชานนท์ที่นั่งถอยไปสุดมุมเตียงฝั่งตัวเองเพื่อสังเกตการณ์ เพราะไม่อยากไปมีส่วนร่วมกับบทบาทของทั้งสองคนฝั่งนั้น พี่วิรุกมามองชานนท์ในระยะประชิด

“น่าสงสารจัง หมดความน่ารักไปเยอะเลย น่าเสียดาย รีบหายนะจ๊ะ พี่สาวไปก่อนนะ” พี่วิโบกมืออำลาด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ แม้เธอจะดูแปลกๆ แต่ก็เป็นผู้หญิงที่สวยเซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอต่อหน้าแบบนี้

“แปลกดีนะ ที่เห็นนายปฏิบัติกับผู้หญิงแบบนี้ นึกว่าได้หมดไม่เลือกเสียอีก?” ชานนท์ถามกับคนที่นอนเอกเขกอยู่บนเตียงอีกฝั่งหลังจากห้องกลับมามีเพียงแค่เขาสองคนแล้ว

“วิน่ะเหรอ? เธอไม่เหมือนคนอื่น.... ผู้หญิงคนอื่นกูรู้ว่าเขาต้องการอะไร  เงินไม่ก็เซ็กส์....... แต่เธอคนนี้เหมือนเป็นพวกเก็บแต้มมากกว่า กูไม่ขอบเป็นคอลเลคชั่นของใคร!”
“แต่ชอบเก็บแต้มเสียเองใช่ไหม?”
“ก็ไม่เชิง........” แล้ววรุฒก็เงียบไป และดูมีอาการเหม่อลอย
ส่วนชานนท์เมื่อเห็นคนในห้องเป็นแบบนั้นก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อทำให้บรรยากาศนิ่งสงบไปจนได้ยินเสียงวิ้งเข้ามาในหู

“เออ!! หิวหรือยัง? เดี๋ยว กูไปซื้อมื้อเย็นมาให้กิน” วรุฒทำลายความเงียบเหล่านั้นลง
“ยังไม่ค่อยหิวน่ะ”
“จะรอให้หิวแล้วค่อยซื้อหรือไง? ทนได้เหรอ เดี๋ยวพอตกเย็นคนก็เยอะอีก ไม่ไหวมั้ง!”
“อืม” ชานนท์ฟังวรุฒพูดก็คิดว่ามีเหตุผลผลทีเดียว จึงพยักหน้าตอบไป ด้วยสภาพนี้ของเขาคงไม่มีแรงไปซื้อด้วยตนเอง จะหวังพึ่งพี่เอกก็เป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ คงต้องหวังพึ่งคนตรงหน้านี้ไปก่อน
“เอ่อ...... แล้วนายบอกทุกคนไม่สบายไม่ใช่เหรอ? เดินออกไปข้างนอกแบบนี้ ไม่เป็นไร?” ชานนท์รู้สึกกังวลแทนอีกคน เพราะเขาก็ไม่เคยโกหกอะไรแบบนี้
“กูไม่เห็นจะต้องสนใจเลย ไม่แคร์!!” เป็นคำตอบที่สมกับเป็นวรุฒดี
“โอเคๆ งั้นก็อย่าซื้อมาเยอะแบบเมื่อเช้าอีกนะ!!”
“เออน่า!!” วรุฒพูดจบก็ผุดลุกขึ้น คว้ากุญแจรถยนต์และเดินออกจากห้องทันที

........................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 12-02-2019 01:23:45
วรุฒเป็นคนยังไงเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-02-2019 02:08:45
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 8 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-02-2019 11:57:30
วรุฒ~ :hao7:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 9 ส่วนที่ 1) อัพ 17 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 17-02-2019 23:37:50
บทที่ 9

Fresh start...


เช้าวันใหม่อันสดใสได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ชานนท์รู้สึกตื่นเต้นจนแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยในเมื่อคืนที่ผ่าน เพราะวันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกของเขา ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้ามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่งเต็มตัว

ชานนท์สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหน้าหอพักเต็มปอด แสงแดดอ่อนๆ กับลมเย็นๆ พัดยอดพุ่มไม้ตามไหล่ทาง ทำให้ชานนท์รู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้นไปอีก ด้วยความเคยชินเขาใช้มือตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อไล่ความเกียจคร้านแต่ดันลืมไปว่ารอยช้ำที่หน้าตัวยังไม่หายดี ชานนท์แอบร้องซี๊ดขึ้นมาเบาๆ พลางลูบหน้าตัวเองอย่างทะนุถนอม

“นนท์!! ไอ้น้อง!!”

เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่ด้านหลัง ชานนท์ไม่ต้องหันกลับไปดูที่ต้นเสียงก็รู้ว่าเสียงนั่นคือใคร ‘พี่เอก’ นั่นเอง
เสียงนี้ทำให้ชานนท์ย้อนกลับไปคิดถึงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สุดสัปดาห์ที่แสนจะวุ่นวาย เพราะทั้งพี่เอก และพี่วิต่างถือโอกาสเข้ามา ‘เยี่ยมเยียน’ โดยอ้างเรื่องที่พวกเขาป่วย ทั้งถือโอกาสมากินข้าวด้วย มานั่งๆนอนๆ ในห้อง ชวนคุยเรื่อยเปื่อยจนแทบไม่ได้หลับได้นอน รุ่นพี่ทั้งสองต่างอ้างว่าต้องการดูแลรุ่นน้องในสังกัดที่ป่วย จนในที่สุดทั้งชานนท์และวรุฒจึงต้องยื่นคำขาดให้ทั้งสองกลับไปในช่วงเย็นของทุกวัน นี่เป็นครั้งแรกที่ชานนท์กับวรุฒเห็นพ้องต้องกันเป็นครั้งแรก

“สวัสดีครับพี่เอก ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ” ชานนท์หันไปยิ้มทัก
“แล้วเอ็งจะให้พี่สายตั้งแต่วันแรกเลยรึไง?” พี่เอกเดินมาในระยะประชิดพร้อมใช้มือยีผมของชานนท์เบาๆ
“จัดเต็มอีกแล้ว ผมไม่ขยับเลย!” พี่เอกพูดอย่างแปลกใจเมื่อมือสัมผัสโดนเส้นผมของชานนท์

“ต้องดูดีไว้ก่อนครับ”
“ไหนพี่ดูหน่อยสิ หน้าเป็นไงบ้าง?” พี่เอกยื่นเข้ามาใกล้เหมือนเป็นคนแก่สายตาไม่ดี ‘ใกล้ไปแล้ว’ ชานนท์คิดก่อนที่จะขยับศรีษะให้ห่างออกมานิดหน่อย

“อืม.... เจ๋งว่ะ อันนี้ต้องยกเครดิตให้ยัยวิ” พี่เอกกล่าวขึ้นขณะชื่นชมเมคอัพบนหน้าชานนท์ แม้รอยช้ำจะดูจางลงมาก แต่มันก็ยังเป็นตำหนิอยู่นิดหน่อย พี่วิเลยเสนอทางออกง่ายๆ ด้วยการเมคอัพให้ พร้อมสอนและยกเครื่องสำอางค์บางส่วนให้ชานนท์ไว้ใช้ต่อด้วย ‘เดี๋ยวซื้อคืนให้’ คำพูดของวรุฒอยู่ๆ ก็ดังก้องขึ้นมา ทำให้พาลไปนึกถึงหน้าดีใจของพี่วิที่ได้ถือโอกาสนัดแนะวรุฒไปเดินเลือกซื้อที่ห้างด้วยกัน ชานนท์แอบสั่นหน้ากับความแผนสูงของผู้หญิงคนนี้

“แล้วเพื่อนเอ็งล่ะ?” พี่เอกหันซ้ายหันขวา
“ถ้าหมายถึงไอ้คนขี้เซานั่น ผมเรียกมันว่าเพื่อนได้ไม่สนิทปากเท่าไหร่...... นึกถึงยังเสียวหน้าแปลบอยู่เลย เป็นคนที่ไม่น่าคบหาด้วยสุดๆ” ชานนท์พูดไปด้วยเดินไปด้วย เขาอยากไปให้พ้นหน้าหอพักนักศึกษาก่อน เดี๋ยวอยู่ๆไอ้เพื่อนร่วมห้องจะมาได้ยินแบบไม่ทันตั้งตัวอีก เขาไม่อยากหาเรื่องเจ็บตัวรอบสอง

“ช่วงเช้าพวกปีหนึ่งต้องไปฟังโอวาทของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยใช่ไหม?” พี่เอกถามขึ้นขณะเดินมาขนาบข้าง
“ครับ ช่วงบ่ายก็ไปลงทะเบียนเรียนแล้วก็รับตารางเรียน เอ่อ.... แล้วพี่เอกทำไมตื่นมาแต่เช้าจัง!?” ชานนท์เอียงคอถามเพราะพี่เอกก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าเสียเท่าไหร่
“ก็มาส่งเอ็งไง”
“ห๊ะ?!?”
“ล้อเล่น ก็อาจารย์น่ะสิ บอกให้พวกรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมรับน้องไปช่วยดูแลนักศึกษาปีหนึ่งแต่เช้า ลงทะเบียนเข้าปฐมนิเทศ ดูแลความเรียบร้อยสถานที่ และอื่นๆ จิปาถะ ไม่งั้นไม่ยอมเซ็นต์เอกสารกิจกรรมรับน้องช่วงเปิดเทอมให้ อาจารย์บอกคนขาด”
“อ้อ...... เอ๊ะ!! อย่าบอกนะว่าจะมีต่ออีกไอ้กิจกรรมรับน้องเนี่ย?!?”
“มีดิวะ! เขาก็ขอกันแบบนี้ทุกปี แค่สองสัปดาห์ก่อนเปิดเทอมมันจะไปพออะไร!  นี่ก็ว่าจะขอไปรับนอกสถานที่ด้วยเลย แต่ไม่รู้ผ่านหรือเปล่า”
“โห.....” ชานนท์โอดครวญลากเสียงยาว
“เพราะเอ็งกับไอ้วรุฒเนี่ยด้วยเนี่ย พี่กับพี่วิเลยต้องขอเวลาฝึกซ้อมเพิ่ม โชคดีที่เด็กปีนี้ไม่ค่อยพร้อม ทุกคนเลยโอเคกันหมด โชคดีนะเอ็งเนี่ย”
“.........” ชานนท์ฟังแล้วรู้สึกหนักใจมากกว่าสบายใจ เพราะเขาต้องทนตรากตรำฝึกเรื่องที่เขาไม่ถนัดเพิ่มอีกระยะหนึ่งแทนที่มันจะรีบจบๆไป
“อย่าเงียบสิวะ สู้ๆหน่อย เอ็งเก่งอยู่แล้ว!”
“.....ครับ...” ชานนท์ตอบกลับด้วยสีหน้าแสร้งยิ้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า..... ดูทำหน้าเข้า! เออ!! เฮ้ย! เอ็งรอตรงนี้แหละเดี๋ยวพี่ไปเอามอเตอร์ไซค์มารับ” พี่เอกชี้ไปที่บาทวิถีริมถนนหน้าหอพัก

.........................

ณ หอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษากึ่งหนึ่งของมหาวิทยาลัยต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาเพื่อลงทะเบียนในระบบคอมพิวเตอร์สำหรับเข้างานปฐมนิเทศที่เป็นภาคบังคับสำหรับนักศึกษาทุกคน การปฐมนิเทศจะแบ่งเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย ส่วนเวลาที่เหลือก็ให้ทุกคนไปลงทะเบียนออนไลน์ตามพื้นที่ที่คณะต่างจัดไว้ให้ นับเป็นงานช้างงานหนึ่งของมหาวิทยาลัย ไม่แปลกเลยที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการกำลังคนจำนวนมากในการจัดงาน  ดังนั้นทั่วทั้งงานจะเจอรุ่นพี่ปีต่างๆ และคณะต่างๆ เข้ามาช่วยงาน

“ชานนนนนนนนนนนท์” เสียงดังลากยาวขณะที่ชานนท์ยืนถอดหมวกกันน็อคออกจากศรีษะข้างรถพี่เอก
‘ยัยเมย์’ ชานนท์คิดในใจ เขาแอบหันไปค้อนเมย์ที่ทำเสียงดังจนเป็นจุดสนใจ
“มากับ ‘พี่ชาย’ อีกแล้ว!” เมย์ยิ้มร่าโผเข้ามาเกาะแขนชานนท์โดยเน้นคำที่ ‘พี่ชาย’ ด้วยน้ำเสียงที่น่าหงุดหงิด แต่พี่เอกกลับยิ้มรับภายใต้หมวกกันน็อคสีส้มสด ซึ่งยิ่งสร้างความหงุดหงิดกับชานนท์แบบไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้หรอกว่าเมย์จะย้ำคำนี้เพื่ออะไร แต่เขารู้สึกว่าความหมายไม่น่าจะดีเท่าไหร่
“อะไรของเธอ?” ชานนท์หันไปตอบคนที่เกาะแขนของเขาแน่น
“ว่าจะพาไปนั่งด้วยกันไง จองที่ไว้แล้ว ยัยมายด์บอกว่าให้มาตามนายไปนั่งด้วยกัน”
“อ้าว! มายด์ก็มาช่วงเช้าด้วยเหรอ?” ชานนท์รู้สึกดีใจขึ้นมานิดหน่อยที่นางฟ้าของเขาถามถึงตัวเอง เขานึกภาพหน้าอันยิ้มแย้มของมายาที่กวักมือเรียกเขาขึ้นมาในหัว

“เออสิ! ไปๆ เดี๋ยวพาไปลงทะเบียนก่อน พี่เอกคะขอตัว ‘น้องชาย’ พี่เอกก่อนนะคะ” เมย์ดึงแขนชานนท์ให้เดินตามเธอไป และไม่ลืมที่จะชะโงกหน้าไปทักคนตัวสูงโปร่งที่ค่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ไม่ไกล
“เออ ได้สิ!! พี่จะเอารถไปจอดแล้วก็ไปทำหน้าที่อยู่พอดี ฝากด้วยนะ!” พี่เอกยิ้มตอบและขี่รถออกไป ชานนท์ยิ้มรับและแอบบ่นในใจ ‘เขาไม่ใช่เด็กแล้วนะต้องมาฝากฝังอะไรกันขนาดนี้’

...............

ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ ทรงโดมสีเหลืองทองสลับสีน้ำตาลเข้มของไม้ที่ถูกทาสีเคลือบไม้ไว้เสียมันเป็นเงา สปอร์ตไลท์จำนวนนับไม่ถ้วนถูกแขวนลอยอยู่เหนือศรีษะให้ความสว่างไสวไม่ต่างจากแสงแดดภายนอก เวทีขนานใหญ่ที่เพียงพอต่อการแสดงละครเวทีได้ตั้งอยู่ด้านหน้า ม่านสีแดงสดขนาดใหญ่ซ้อนทับกันหลายชั้น ประดับตกแต่งด้วยตัวหนังสือสีสดและฟร้อนท์แสนสวยเป็นชื่องานในครั้งนี้

สถานที่ของมหาวิทยาลัยนี้ทำให้ชานนท์รู้สึกประหม่าไม่น้อย มันยิ่งใหญ่และน่าภูมิใจกับสิ่งที่เขาเพียรพยายามที่จะเข้าที่นี่ให้ได้ คิดได้อย่างนี้รู้สึกน้ำตามันเอ่อขึ้นมาในดวงตา

“ ทำอะไรของนายว่ะ?” เมย์หันมาถามชานนท์ที่ยืนเหม่อมองไปรอบด้วยเสียงระดับ ‘เมย์’ คือดังกังวาลยิ่งกว่าระฆังวัด ชานนท์ชอบล้อเมย์บ่อยๆ
“เปล่าๆ แต่คิดว่าห้องนี้มันใหญ่อะไรขนาดนี้” ชานนท์เร่งฝีเท้าตามเพื่อนหญิงข้างหน้าไป
“แน่สิ ก็ที่นี่เก่งเรื่องวิศวกรรมศาสตร์ไง อาคารนี้ติดเรื่องความโอ่อ่าสวยงามระดับประเทศเลยนะ เคยได้รางวัลด้วย!!” เมย์พูดด้วยท่าทางภูมิใจ
“โห.......” ชานนท์ประทับใจในความรอบรู้ของเมย์อย่างออกนอกหน้า

“เมย์! นนท์!! ทางนี้” เสียงมายาดังมาจากที่ไม่ไกล ชานนท์หันไปทางต้นเสียงและโปกมือกลับไป
“นานจังเลยเมย์” มายาบ่นอุบอิบเมื่อพวกชานนท์และเมย์เดินไปถึงที่หมาย
“ก็คุณชายนี่สิ เงอะงะอยู่ตรงหน้าจุดลงทะเบียน นี่ถามจริง นายจะมาเรียนไอทีจริงๆอ่ะ?” เมย์บ่นและหันหน้าไปทางชานนท์ด้วยท่าทางล้อเลียน
“ก็เราไม่เคยทำอะไรแบบนี้นี่นา” ชานนท์พูดถึงขั้นตอนการลงทะเบียนผ่านระบบคอมพิวเตอร์และการพิมพ์บัตรนักศึกษาอัตโนมัติที่หน้างาน แม้จะมีรุ่นพี่คอยอธิบายอยู่ข้างๆ แต่ด้วยความประหม่า ชานนท์ก็ยังทำได้อย่างไม่ราบรื่น ยิ่งรุ่นพี่ที่ช่วยเหลือเป็นหญิงสาวที่น่ารักด้วยแล้ว เขายิ่งทำอะไรไม่ถูกหนักขึ้นไปอีก เขาตอบกลับไปแบบเขินๆ

“นั่งได้แล้วมั้ง จองที่ไว้ให้ตั้งนานแล้วเกรงใจคนอื่นเขานะ” มายาชี้ไปที่เก้าอี้ที่มีกระเป๋าทรงกระบอกใบใหญ่วางอยู่ ส่วนชานนท์ไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแค่มองไปรอบๆบริเวณที่เขายืนอยู่ ซึ่งอยู่บริเวณที่นั่งเกือบหน้าสุด ที่ซึ่งยังไม่มีใครมาแม้แต่เดินผ่าน ทุกคนต่างจับจองพื้นที่ตั้งแต่แถวกลางห้องประชุมเป็นต้นไป ชานนท์ยิ้มแห้งๆตอบไปและค่อยๆ แทรกเพื่อนหญิงสาวทั้งสองไปยังที่นั่งที่ถูกจองไว้

“อ้าว สวัสดี เดี๋ยวเราเอากระเป๋าขึ้นให้นะ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นด้านข้าง
“เอ่อ...... ขอบคุณครับ” ชานนท์ตอบกลับชายที่มีรูปหน้าคุ้นตา ตัวสูงโปร่งสไตล์นักกีฬาที่นั่งยิ้มหวานมาให้เขาในชุดนักศึกษาเต็มยศเหมือนเขา ผิวดี วงหน้าได้รูป เป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ตาโตและดูน่ารักมาก ผิดกับรูปร่างที่สูงใหญ่
“จำเราไม่ได้สินะ” ชายหนุ่มมีสีหน้าผิดหวังเจือปน
“อ้าว! เออ!! ลืมบอกไป คนนี่ ‘หลง’ ไง คนที่ไปช่วยนายวันนั้น มายาชวนมานั่งด้วยกัน” เมย์พูดดังข้ามหัวมายา ทำให้มายาแอบคัอนใส่เมย์ไปยกหนึ่ง

“ใช่จ๊ะ เห็นตรงที่ลงทะเบียน เลยชวนมา รู้จักผู้มีพระคุณเสียหน่อยก็ดีนะ” มายาหันมายิ้มเขินๆ มาทางชานนท์และหลง ชานนท์แอบกรอกตารอบหนึ่ง แอบอิจฉาไอ้หนุ่มรูปหล่อด้านหลังที่แค่เจอมายาไม่กี่ครั้งก็ได้ความสนใจจากมายาไปมากกว่าเขาที่พยายามสร้างมาหลายครั้ง ‘หรือความเตี้ยเป็นอุปสรรควะ’ ชานนท์คิดในใจขณะแอบชำเหลืองมองส่วนสูงของคนด้านข้างที่คาดว่าสูงเกือบเท่าวรุฒเลย
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เราแค่ผ่านไปเอง ไม่ค่อยได้ทำอะไรเสียหน่อย”
“แบกผู้ชายตัวขนาดนี้ไปตั้งไกล จะถือว่าเป็นเรื่องนิดหน่อยได้ยังไง อย่างน้อยก็ยังช่วยกันวรุฒได้ด้วย ไม่งั้นเราคนเดียวทำเองไม่ไหวหรอก” มายากล่าวเสริม ส่วนเมย์ก็พยักหน้าตามทันที ผู้หญิงสองคนนี้ดูสนิทกันมากกว่าที่คิด ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน
“พูดเกินไป ชานนท์ตัวเบาจะตาย” คำพูดของหลงเหมือนหนามแหลมทิ่มตำหัวใจของเขาในเรื่อง ‘ตัวเล็ก’ เขาก็มาตรฐานชายไทยนะ
“แต่ก็ขอบใจนายมากนะ” ชานนท์ฝืนยิ้มตอบกลับไป เขารู้สึกไม่ชอบหน้าหมอนี่ขึ้นมาเล็กน้อย
“นายชื่อหลง แปลกดีนะ ตอนเด็กๆชอบหลงทางเหรอ” เมย์พูดสวนขึ้นมาด้วยหน้าตาสงสัยตามแบบฉบับของเมย์
“อ้อ เธอก็ไม่ใช่คนแรกหรอกนะที่ถาม ฮ่าฮ่าฮ่า” หลงติดหัวเราะไปด้วยระหว่างพูด “คือชื่อของเราน่ะ พ่อเป็นคนตั้ง เขามีเชื้อสายจีน เลยตั้งชื่อจีนให้ แปลว่า ‘มังกร’ น่ะ เหมือนชื่อจริงเราไง ‘มังกร’” หลงยื่นบัตรนักศึกษาที่ติดหน้าอกให้ดู
 
มักกร
คณะวิทยาศาสตร์
วิชาเอก วิทยาศาสตร์การกีฬา

ทุกคนต่างแหงนดูด้วยความสนใจ ชานนท์รูสึกว่าขนาดที่เขานั่งอยู่ข้างกับชานนท์เขายังรูสึกว่าศรีษะของเขายังสูงแค่ปลายคางของอีกฝ่าย มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นไปอีก และเริ่มไม่ชอบหน้าใสๆของไอ้หมอนี้ขึ้นเสียอย่างนั้น

“สวัสดีคะนักศึกษาปีหนึ่ง พิธีกำลังจะเริ่มแล้วนะคะ กรุณานั่งที่ให้เรียบร้อยด้วยคะ!” เสียงประกาศดังจากลำโพงไปทั่วห้องประชุมที่กำลังอลม่านไปด้วยนักศึกษาปีหนึ่งที่แสนคึกคัก ต่างคนต่างพูดคุยหยอกล้อกันสนุกสนาน และต่างถ่ายรูปเซฟฟี่กับเพื่อนๆ ในชุดนักศึกษาใหม่ อาจเพราะทุกคนได้ทำความรู้จักจากกิจกรรมรับน้องของรุ่นพี่ในแต่ละคณะฯ ก่อนเปิดภาคเรียน ทำให้สนิทสนมกันจนคุยกัยเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปทั่วห้องประชุม หลังจากประกาศจากอาจารย์ที่ดูแลกิจกรรมดังขึ้น นักศึกษาทุกคนก็กุลีกุจอ เดินหาที่นั่งกันจนวุ่นวายไปหมด

“นักศึกษาคะ สำรวมด้วยคะ!!” เสียงตามสายดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เสียงเข้มกว่าเดิมมาก เสียงจอแจในห้องค่อยๆเงียบลงเหมือนฝนซา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 1) อัพ 17 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-02-2019 00:38:13
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 1) อัพ 17 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-02-2019 01:29:26
วรุฒจะมาไม้ไหนต่ออีกล่ะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 1) อัพ 17 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 18-02-2019 21:55:37
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 1) อัพ 17 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 19-02-2019 00:28:28
นายเอกอ่อนเกินไปนะใครจะยอมให้กระทืบได้
เหมือนละครดาวพระศุกร์ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 9 ส่วนที่ 2) อัพ 23 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 23-02-2019 10:15:29

ก็อก ก็อก ก็อก

เสียงเคาะไมค์เพื่อทดสองเสียงดังขึ้นจนทุกคนต้องหันไปมองที่เวทีเป็นตาเดียว มีหญิงมีอายุสูงวัยใส่แว่นทรงกลมโต และผมหยิกฟู แต่งหน้าโทนสีแดง หน้าตาดุดันยืนสำรวจความเรียบร้อยบนเวที และบริเวณแท่นสำหรับปราศรัยของประธานในพิธี สายตาที่ดูเกรี้ยวกราดนั่นทำให้ความหวาดกลัวแผ่ไปทั่วบริเวณห้องประชุม

“นักศึกษาคะ ยืนขึ้นเพื่อแสดงความเคารพแก่ ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยและคณบดีคณะบริหารธุรกิจ”
เสียงที่เฉียบขาดดังขึ้นจากลำโพงอีกครั้ง
“ขอเชิญ ศาสดาจารย์ ดร.ศิริปภา เฮเทอร์ มาให้โอวาทกับนักศึกษาจบใหม่คะ” หลังจบการแนะนำตัว ทุกคนต่างยืนขึ้นเพื่อแสดงความเคารพและปรบมือต้อนรับ บุคคลคนหนึ่งในชุดทางการสีกรมท่า วงหน้าสวยได้รูป แต่งหน้าโทนธรรมชาติไม่จัดจ้าน แต่ก็ยังดูสวยและโดดเด่น ขึ้นชื่อว่า ‘ดร.’ แต่บุคลิกภาพภายนอกยังดูสาวและสวยมากๆ ผิดกับภาพที่ปรากฎในหัวชานนท์ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ

“สวัสดีค่ะ นักศึกษาปีหนึ่งทุกท่าน อนาคตของชาติทุกคน ดิฉันมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้มีส่วนร่วมในการสอนสั่งพวกท่าน ร่วมปลูกสร้างรากฐานที่ดีให้กับอนาคตของชาติ และขอกล่าว ยินดีต้อนรับสู่รั่วมหาวิทยาลัยของเราคะ” เป็นการพูดเปิดงานที่น่าประทับใจและทรงพลังมาก น้ำเสียงที่อ่อนหวานแต่ทรงอำนาจอย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ท่าทางที่มั่นใจ แต่เป็นมิตร และมีความเป็นผู้นำนั่นสะกดให้ทุกคนในห้องประชุมขนาดใหญ่นิ่งเงียบได้อย่างอัศจรรย์

เสียงปรบมือที่ดังสนั่นเกิดขึ้นอีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย แม้แต่ชานนท์เองก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่พยายามที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ เพราะผู้นำของที่นี่เป็นคนน่าสนใจขนาดนี้นี่เอง

หลังจากนั่นประธานในพิธีก็กล่าวถึงเกริ่นนำเรื่องเนื้อหาภายในวันนี้ ทุกคนต่างตั้งใจฟังจนได้ยินแต่เสียงของประธานหญิงเหมือนโดนสะกดในท่วงทำนองการพูดที่น่าฟังและการใช้มุกตลกแบบวัยรุ่นแทรกเป็นครั้งคราวทำให้ไม่น่าเบื่อ  ท่ามกลางความเงียบสงบระหว่างที่การปราศรัยทางด้านหน้าจนถึงช่วงการอธิบายถึง คติและเป้าหมายของมหาวิทยาลัย อยู่ๆก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทางด้านหลังห้องประชุม จนกระทั้งบางคนในห้องประชุมต้องหันไปมอง หนึ่งในนั่นคือ กลุ่มของชานนท์

วรุฒในสภาพแต่งตัวนักศึกษาเรียบร้อย ทั้งทรงผม รูปหน้าและท่วงท่าการเดินของเขาอย่างมั่นใจ มันส่องประกายทำให้ทุกคนที่เขาเดินผ่านต่างหันมามองกันเป็นตาเดียว รวมถึงเสียงฮึมฮัม ของบรรดาหญิงสาวที่เห็นเขาจนเสียอาการเหล่านั้น ทำให้ทุกคนในห้องประชุมละสายตาจากประธานไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง  เนื่องจากที่นั่งด้านหลังค่อนข้างแน่น ทำให้วรุฒเสียเวลาในการเดินหาที่นั่งอยู่พักใหญ่ ยิ่งทำให้เสียงจอแจเหล่านั้นไม่หายไปเสียที

‘อะแฮ่ม’

ประธานในพิธีกระแอมเสียงดังผ่านไมค์อย่างจงใจ เธอมองจ้องไปที่ตัวต้นเหตุด้วยสายตาคมกริบดุจเยี่ยว บรรยากาศในหอประชุมกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ส่วนวรุฒพอเห็นสายตาที่เหยียบเย็นจากที่ไกลๆ จึงรีบลนลานหาที่นั่งจนกระทั่งมานั่งอยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มชานนท์ซึ่งมีที่นั่งเหลืออยู่มากมาย ก่อนทีอาจารย์ศิริปภา จะพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชานนท์แอบเห็นสายตาพิฆาตที่จ้องมาทางวรุฒแวบหนึ่ง ซึ่งทำให้ชานนท์เองก็สัมผัสถึงความเย็นแปลบเสียวสันหลังไปวูบหนึ่ง ชานนท์รู้สึกชื่นชมผู้หญิงคนนี้มาก เธอมีความเป็นผู้นำ ฉลาดและเฉียบขาด ชานนท์หวังว่าอนาคตเขาจะสามารถเป็นแบบนี้ได้บ้าง

.....................

การปฐมนิเทศช่วงเช้าจบลงด้วยความประใจกับนักศึกษาทั่วทั้งหอประชุม อาจารย์แต่ละคนที่ขึ้นมาเป็นวิทยากร ล้วนได้รับการคัดสรรมาอย่างดี พูดกระตุ้นให้ทุกคนฮึกเหิมกับการเรียน และมีความฝันที่ต้องการจะให้เป็นจริงให้ได้ ในอนาคต ทุกคนพร้อมที่จะฟันฝ่าบทเรียนอันแสนยากลำบากจากที่นี่แล้ว!! โดยเฉพาะชานนท์ เขาเหมือนมีไฟลุกอยู่ที่ดวงตาเลยทีเดียว

“ช่วงบ่ายลงทะเบียนเรียนเสร็จก็ว่างแล้ว ไปหาอะไรกินกัน!!”
เมย์พูดขึ้นขณะชูเอกสารตารางกิจกรรมที่แจกตอนลงทะเบียนเข้าหอประชุมขึ้นมาเหนือหัว
“นี่จะเริ่มเที่ยวตั้งแต่วันแรกของการเปิดเรียนเลยหรือไง ไฟแห่งการเรียนรู้ที่เธอพูดเมื่อกี้มันหายไปไหนแล้ว?”  หลงพูดแซวอีกฝ่าย เพราตอนที่ประธานในพิธีกล่าวปิดงาน เมย์เป็นคนพูดแบบนี้ขึ้นมาเอง
“มันก็ต้องมีรีแลกซ์กันบ้างไหม?” เมย์ย้ำและเอาเอกสารฉบับนั่นพัดหน้าหลงที่อยู่ห่างเธอไปสองที่นั่ง
“เธอก็รีแล็กซ์ได้ทุกวันนั่นแหละ!” มายด์แซวซ้ำ
แล้วทุกคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน แต่สุดท้ายทุกคนก็ตกลงจะไปหาอะไรกินกันหลังเสร็จการลงทะเบียนเรียนของแต่ละคนในภาคบ่าย

“รุฒ!! ไปด้วยกันไหม?” เมย์ชวนคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่ไกล
วรุฒเพียงแค่ปลายตามองมาทางเมย์ และหันไปมองทุกคนในกลุ่มโดยเฉพาะหลง เขาก็สั่นศรีษะเบาๆด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์
‘มันเป็นอะไรของมันอีกแล้ววะ’ ชานนท์คิดในใจแบบไม่สบอารมณ์เพราะวรุฒในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาก็พูดคุยและดูแลเขาดี แต่วันนี้ก็ทำตัวเหินห่างจากทุกคนอีกแล้ว สงสัยช่วงนั้นคงเพราะโดนมายด์บังคับให้ทำแน่นอน
“ไปด้วยกันไหมพี่รุฒ?” มายด์ช่วยชวนอีกคน
“ไม่เป็นไร มีธุระแล้ว ไปกันเถอะ” วรุฒพูดจบก็ลุกเดินหนีไป

“เขาเป็นอะไรของเขา? สงสัยไม่อยากไปกับเรามั้ง?” หลงพูดขึ้นหลังจากวรุฒห่างไปจากระยะได้ยินแล้ว
“อืม.... นั่นสิ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เป็นคนดีอยู่นะ” เมย์แสดงความเห็นเพราะจากเหตุการณ์ครั้งที่เมย์เมาไม่ได้สติก็มีวรุฒเป็นช่วยดูแลจนสร่างเมา แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่พาลจะเป็นเรื่องให้ชานนท์เข้าใจผิดก็ตาม
“หา???” ชานนท์เผลอหลุดปากออกไปพร้อมเบ้ปากอย่างไม่ตั้งใจ
“แหม!! เรื่องของนายก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดเหมือนกันแหละ แต่เขาก็ยอมรับผิดและดูแลนายอย่างดีนี่นา” เมย์ขึ้นเสียงเถียงกลับ
“โดนช่วยครั้งเดียวก็เลยมองเขาดีเลยว่างั้น?” ชานนท์กวนกลับ
“รุฒเป็นคนน่าสงสารจะตาย วันนั้นได้คุยกับเขาตั้งเยอะ” เมย์คงกล่าวถึงวันที่เธอเมาแล้วได้สนทนากับวรุฒซึ่งเริ่มเมาได้ที่เช่นกัน
“สงสาร?” ชานนท์กับหลงหลุดพูดออกมาพร้อมกัน
“ก็......” เมย์เข้าสู่โหมดเม้าส์มอย
“พอๆ!! ไปกินข้าวเที่ยงได้แล้ว หิวแล้วเนี่ย เดี๋ยวจะได้ไปทำเรื่องลงทะเบียนตอนบ่ายให้เสร็จเร็วๆ จะได้ไปเที่ยวกันต่อด้วย!!” มายด์พูดตัดบทและหันไปค้อนเมย์แวบหนึ่ง

................

การลงทะเบียนเรียนที่นี่แสนจะทันสมัย แค่ใช้คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเตรียมไว้ให้กับระบบซอฟท์แวร์ของมหาวิทยาลัย การลงทะเบียนเรียนก็เป็นเรื่องง่ายดาย ใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็เรียบร้อย ชำระเงินก็ผ่านระบบบัตรเครดิตและระบบออนไลน์แบงค์กิ้งก็เรียบร้อย ส่วนชานนท์ถือว่าโชคดีเพราะได้ทุนการศึกษาจึงไม่ต้องชำระเงิน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ชานนท์ก็ไม่ลืมเช็คตัวเลขที่ขึ้นบนหน้าจอ เพียงแค่เขาเห็นตัวเลขห้าหลักในนั้นก็ใจสลายเสียแล้ว

ชานนท์ที่ทำเรื่องลงทะเบียนเสร็จเร็วกว่าทุกคนจึงได้มานั่งรอที่ลานที่นั่งหน้าอาคารกีฬาเอนกประสงค์ หนึ่งในสถานที่สำหรับจัดการลงทะเบียน ระหว่างที่เขากำลังมองความสดใสของเหล่าบรรดาเพื่อนปีหนึ่ง ที่ต่างปล่อยพลังงานในการพูดคุยหยอกล้อกันตามโต๊ะต่างๆ อย่างเพลินตา ระหว่างที่เขากำลังตื่นเต้นกับชีวิตนักศีกษาที่กำลังจะมาถึง สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปเจอ หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่แสนจะสะดุดตาเหลือเกิน

‘วรุฒและพี่วิภาดา’
ทั้งสองกำลังเดินเคียงข้างกันอย่างใกล้ชิด วรุฒที่ดูเงียบขรึมและองอาจ พี่วิภาดาซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาแต่ก็ยังคงมีรัศมีบางอย่างแผ่ออกมา ทั้งสองเดินมาคู่กัน เสมือนเดินอยู่บนแคทวอกค์ก็ไม่ปาน ตอนนี้ทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งลานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าทั้งสองจะหายไปขึ้นรถสปอร์ตที่จอดอยู่ไม่ไกลก็ทำให้ทั้งลานเงียบกันไปพักใหญ่

“อะไรวะ เห็นทุกคนมองอะไรใหญ่เลย ดาราเหรอวะ?” หลงที่อยู่ๆก็เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบทักขึ้นเสียงดัง
“เฮ้ย! ตกใจหมด! อ้าวนี่นายไม่เห็นเหรอ?” ชานนท์ชี้ไปที่รถที่กำลังขับห่างออกไป
“อ้อ! อดีตดาวมหาวิทยาลัยกับอนาคตเดือนมหาวิทยาลัยน่ะเหรอ?”
“นี่นายรู้จักสองคนนั้นด้วยเหรอ?”
“คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มีเรื่องให้คุยกันไม่กี่เรื่องหรอก ส่วนใหญ่ก็สาวสวย ไม่ก็ หนุ่มหล่อ”
“เหรอ?” ชานนท์คิดตาม คณะฯของหลงผู้ชายน่าจะเยอะกว่าผู้หญิง จะมีสักกี่คนที่มานั่งคุยเรื่อง ‘หนุ่มหล่อ’ กันเนี่ย
“จะว่าไป เห็นเมย์บอกว่าก็ติดหนึ่งในการประกวดเดือนประจำคณะนี่?”
“คณะตลกน่ะสิ! เตี้ยสุด เต้นได้แย่สุดด้วย พูดก็ไม่เก่ง คงจะได้หรอก!!”
“ได้ข่าวว่า นายก็มีฐานเสียงแน่นอยู่นะ”
“ไปเอามาจากไหนเนี่ย?”
“เมย์บอก” หลงยิ้มฟันขาวส่องประกาย “ส่วนใหญ่เป็นพวกผู้ชายในคณะด้วย เสน่ห์แรงไม่เบา”
“หา!! อย่าพูดเรื่องน่าขนลุกแบบนี้สิ” ชานนท์นึกถึงสายตาแปลกๆของรุ่นพี่บางคน โดยเฉพาะ ‘พี่เอก’ ทำให้อยู่ๆเขาก็ขนลุกขึ้นมาจริงๆ
“คณะนายก็ดีนะคณะเราสิ ไม่มีการคัดเลือกอะไรทั้งนั้น คนหน้าตาดีมีอยู่น้อย ส่วนใหญ่ก็ให้รุ่นพี่จิ้มๆ เลือกขึ้นมาให้คนในคณะเลือกเลย สุดท้ายเราเลยโดนเลย เบื่อชะมัดไม่ชอบเลยไอ้กิจกรรมพวกนี้ ขี้เกียจ!” หลงบ่นเรื่อยเปื่อย

‘นี่คืออวด?’ ชานนท์คิดในใจ
แต่จะว่าไปหลงก็เป็นคนหน้าตาอีกคนหนึ่ง ผิวขาวเนียนจนไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นนักกีฬา ผิดจากภาพที่ชานนท์วาดไว้มาก ตัวสูงหุ่นดี (อันนี้แน่นอนก็หลงเป็นนักกีฬา) หน้าตาเหมือนพระเอกหนังฮ่องกง หน้าตี๋แต่ตาโตสองชั้น คิ้วเข้มแบบธรรมชาติ ปากจมูกได้รูป จนชานนท์ได้แต่อิจฉาคนที่เกิดมามีสมบัติเป็นรูปแบบนี้

“คุยอะไรกัน? ดูจริงจัง!” เสียงยียวนสไตล์เมย์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่ชานนท์มองคนตรงหน้าอย่างขัดใจ เพราะหลงเป็นคนที่มีเสน่ห์ไม่น้อย แต่เสน่ห์แบบกวนๆ นะ ชานนท์มองแบบนั้นเพราะสาวๆ รอบๆ โต๊ะที่เขานั่งอยู่ต่างมองมาที่หลงเป็นระยะและแอบอมยิ้มทุกครั้งที่หลงเปิดปากเล่าเรื่องของตัวเองด้วยเสียงที่ดังของเขา

“คุยเรื่องประกวดดาวเดือนคณะเธอไง!” หลงวาดหน้ามาทางเมย์
“เอ่อ.......” เมย์มองมาทางชานนท์เหมือนรู้สึกผิด “เราไม่ได้ตั้งใจเล่านะ”
“แสดงว่ารู้ตัว?” ชานนท์ วาดสายตาเย็นชาใส่เมย์
“แหมก็เรื่องจริงนี่นา ว่าฐานเสียงนายผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิง หน้านายหวานขนาดนั้น หวานทะลุแว่นเลยรู้ป่าว?”เมย์ขยับเข้ามาเกาะแขนเสื้อชานนท์อย่างหยอกล้อ
“ไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย” ชานนท์ตอบเย็นชา
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลงหัวเราะเสียงดัง “พวกนายนี่เหมาะกับเป็นดาวเดือนคณะตลกจริงๆนะ”
“อันนี้ไม่ตลกหนักขึ้นไปอีก” ชานนท์เริ่มปรับตัวกับหลงได้เลยพูดด้วยน้ำเสียงชาใส่บ้าง
“สนุกกันจังเลยน!” เสียงมายด์แทรกผ่านเสียงหัวเราะของกลุ่ม
“อ้าว! ทำไมาช้าจัง?” เมย์ถามด้วยท่าทีล้อเล่นเพื่อปรับบรรยากาศอันร้อยระอุของมายา
“เมย์!! เธอมาก่อนมายด์นิดเดียว!” หลงพูดแทรก จนเมย์หันมาค้อนใส่
“ก็ฉันเบื่อพวกรุ่นพี่ที่ตามมาชวนคุยโน่นนี่กว่าจะหนีมาได้แทบตาย” เมย์เผลอทุบโต๊ะ
“เฮ้อ!! จะฟังเรื่องของฉันไหมเนี่ย?” มายาวาดตาดุใส่เมย์
“จ้าๆ ฟังจ๊ะ” เมย์หันมายิ้มใจดีสู้เสือ
“คณะพวกเธอเนี่ยดีจัง นักศึกษาไม่เยอะ คณะบริหารธุรกิจนี่สิคนเยอะมากเว่อร์ ตอนทำอยู่หน้าคอมฯนะ นิดเดียวเองต่อแถวนี่นานกว่ามาก นี่ขนาดใช้คอมพิวเตอร์มากกว่าคณะอื่นแล้วนะ........” และอื่นๆ อีกมากมายที่ชานนท์เริ่มจับใจความไม่ทัน ชานนท์กับหลงเริ่มหันไปสนใจอย่างอื่นแล้วในขณะที่เมย์ยังคงนั่งฟังอย่างตั้งใจ และส่งสายตาค้อนใส่พวกชานนท์และหลงที่ไม่ใส่ใจการบ่นของมายด์เป็นระยะ
“แย่เนอะ ปีหน้าต้องบอกให้ ‘น้าภา’ ปรับปรุงเสียหน่อยแล้ว!!”
“น้าภานี่ใคร?” เมย์ทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม
“ก็น้าศิริปภาไง” มายาย้ำเสียงหนักแน่น
“น้า?!?” ชานนท์หันกลับมาสนใจทันทีหลังจากได้ยินชื่อของคนที่เขาแอบปลื้ม
“อ้อ เราคงยังไม่เคยเล่าให้ฟังสินะ เรารู้จักกับ ดร.ศิริปภาน่ะ คือเธอเป็นอดีตภรรยาเพื่อนพ่อเรา บ้านเราเลยสนิทกันยันลูกของเธอเลย”
“ลูกของดร.ศิริปภา........ ที่ว่าคือ...” ชานนท์เริ่มกังวลกับเรื่องที่จะเล่าต่อของมายด์จนต้องชิงถามก่อน
“ใช่! เพื่อนร่วมห้องนายนี่นแหละ!” มายาทำท่าทางเหมือนพิธีกรเกมโชว์ชื่อดังที่ชี้มายังคนที่ตอบถูกอย่างชานนท์

“หา!!!!”

ทั้งกลุ่มยกเว้นมายาอุทานออกมาพร้อมกัน
“จริงป่ะเนี่ย? ต่างกันยังกับฟ้ากับเหว!!” เมย์มีสีหน้าประหลาดใจขณะพูด
“จะว่าไป.... หน้าตาก็มีส่วนคล้ายกันเหมือนกันนะ” หลงทำท่านึก
“มิน่าล่ะ!” ชานนท์แม้จะอึ้งกับข้อมูลที่ได้รับ แต่ก็ตอบคำถามคาใจหลายๆ อย่างจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา กับอภิสิทธิ์หลายๆ อย่างที่เจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยเกรงใจวรุฒ
“มิน่าล่ะ อะไร?” เมย์หันมาถามอย่างข้องใจ
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ชานนท์รีบปฏิเสธเพราะรู้ว่าอย่างเมย์ต้องซักไซ้เขาอย่างละเอียดแน่นอน แต่เรื่องบางเรื่องมันยากที่จะบอกเล่าได้
“ไปกันเถอะ อยากหาอะไรหวานๆ เย็นๆ เข้ากระเพาะแล้ว เผื่อว่าจะหายเหนื่อย!” มายด์ตัดบทด้วยสีหน้างอแง
“โอเคๆ นี่ๆ เราเจอร้านคาเฟ่เปิดใหม่ที่หน้ามหาวิทยาลัยแหละ ไปลองกันไหม?”
“ไปเลย!!” หลงสนับสนุน ดูท่าทางจะเป็นคนชอบของหวานกว่าที่คิด
ชานนท์พยักหน้าและเดินตามไป โดยที่เขายังนึกถึงภาพสุดท้ายของวรุฒกับพี่วิที่เดินเคียงคู่กันอย่างเปิดเผย แล้วเสียงเตือนของพี่เอกอยู่ๆก็แว่วมาจากความคิด

‘หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรนะ?’ ชานนท์คิดในใจขณะเดินไปพร้อมกับเพื่อนๆของเขา

............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 2) อัพ 23 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-02-2019 12:33:19
รอจ้า
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 2) อัพ 23 ก.พ. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 28-02-2019 22:40:53
รอค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 9 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 03-03-2019 09:58:02
“โอย..........”
ชานนท์เดินเอามือกุมท้องขณะกำลังเดินกลับหอ เนื่องจากในกระเพาะของเขาต่างเต็มไปด้วยของหวานและเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยนมและนำ้ตาล

“อะไรวะ แค่นี่ก็แพ้เสียแล้ว”
เสียงจากคนที่สูงกว่าดังขึ้นมาจากทางขวาของเขา
“หลง นายก็สุดยอดวะ กินตามยัยพวกนั่นได้ไงหมดโต๊ะ” ชานนท์พูดตอบกลับไป เขาที่เริ่มสนิทกับหลงมากขึ้นหลังจากที่ได้อยู่ในกลุ่มสนทนาเมื้อบ่ายจนถึงเย็น ชานนท์ยังมีภาพกองทัพเครื่องดื่มและของหวานเต็มโต๊ะในหัวได้ดี

“ไม่เอาอีกแล้ว” ชานนท์พูดขึ้นมาลอยๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลงหัวเราะชอบใจ และยังเดินได้อย่างสบายตัวทั้งที่เขาเองก็กินไปมากกว่าชานนท์เสียอีก
“หัวเราะอะไรวะ? แล้วนี่นายไม่กลับห้องหรือไง?” ชานนท์ค้อนหลงไปควับหนึ่งก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัยเพราะเห็นหลงเดินตามเขามาหลังจากแยกย้ายกับเพื่อนผู้หญิงทั้งสองที่หน้าหอพักหญิง และเดินตามเขามาเรื่อยๆ

“ทางผ่านน่ะ ว่าจะไปเดินเล่นที่สนามฟุตบอลเสียหน่อย” หลงชี้ไปตามเส้นถนนที่ทอดยาวออกไปผ่านอาคารหอพักของชานนท์และตรงเข้าไปในอาคารเรียนบริเวณมหาวิทยาลัย ชานนท์จำได้ว่าสนามฟุตบอลมันอยู่เกือบถึงหน้ามหาวิทยาลัยเลยทีเดียว เขาจึงเอ่ยปากถามว่า ‘มันไกลมากไม่ใช่รึไง’ แต่ก็ต้องหยุดหลังจากมองหลงสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดอย่างสบายใจ ด้วยท่าทางการเดินที่ผึ่งผาย ด้วยรูปร่างที่เหมาะกับการเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริง กล้ามเนื้อและความสูงใหญ่ของร่างกายของหลง ทำให้ชานนท์กลืนคำถามที่ไม่นาถามเหล่านั่นลงไป

“ขยันจริง!” ชานนท์ใช้คำพูดนี้แทน
“เราเข้าเรียนด้วยโควต้านักกีฬานี่นา ไม่ทำให้ร่างกายแข็งแรง จะไปแข่งกับใครเขาได้จริงไหม?”
“เออ!! จริง!”
ชานนท์แอบเห็นด้วยเพราะเขาก็เป็นนักเรียนทุนที่ต้องใช้ผลการเรียนเพื่อคงสถานภาพนี้เช่นกัน คำตอบนี้ของหลงทำให้เขาอยากกลับไปอ่านหนังสือขึ้นมาทันที
“เข้าใจเลยว่ะ เราก็เด็กทุนเหมือนกัน สงสัยต่องขยันสักหน่อยแล้ว แต่วันนี้ขอนะ เหนื่อยเกินไป”
“นายควรจะออกกำลังกายเสียบ้างนะ”
“ทำไมใครๆก็พูดแบบนี้นะ!”
“อืม.....” หลงสำรวจรูปร่างของชานนท์ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า
“เราว่า......” หลงลากเสียงในประโยคอย่างเกรงใจ
“เออๆ เรารู้แล้ว! และนั่นก็ไม่ใช่คำถามด้วย ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้!!” ชานนท์รีบพูดขึ้นมาเพราะเริ่มรำคาญสายตาของอีกฝ่าย
“ฮ่าฮ่าฮ่า..... นายนี่เป็นคนมีอารมณ์ขันนะ” หลงหัวเราะตาหยี
ความจริงชานนท์ก็ไม่ได้กะจะเล่นมุกหรอก แต่เมื่อสถานการณ์มันพาไป และเห็นอีกฝ่ายหัวเราะอย่างจริงใจ เขาก็เลยปล่อยผ่านให้คนตัวสูงกว่าหัวเราะตัวงอไป ‘คนอะไรมันจะเส้นตื้นขนาดนั้นวะ’ เขาคิด

“เดี๋ยว!!” หลงใช้มือขวางทางชานนท์ไว้ขณะที่เดินใกล้จะถึงหอพักของชานนท์
“อะไร เล่นมุกอะไรอีก?” ชานนท์ส่งเสียงขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เพราะไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไรที่ผ่านมา หลงก็ทำมันเป็นเรื่องตลกเสียหมด จนเขาคิดว่าคนๆนี้เคยจริงจังอะไรกับชีวิตบ้างไหมนะ?
“ไม่! ไม่ใช่! นั่นมันเพื่อนร่วมห้องนายหรือเปล่า?” หลงชี้ไปยังเบื้องหน้า ชานนท์เห็นว่าอีกหลายเมตรทางด้านหน้าภายใต้แสงสลัวของดวงอาทิตย์อัสดง เขาเห็นคนหลุ่มหนึ่งเหมือนพยายามเชิญกึ่งบังคับให้วรุฒเดินไปตามทางที่อีกฝ่ายต้องการและคนที่พยายามทำแบบนั้นไม่ได้มีเพียงคนเดียว แต่มันน่าจะมีสักประมาณ 4-5 คน กะจากระยะทางตรงจุดที่พวกเขายืนอยู่

“เออว่ะ ใช่จริงด้วย พวกนั่น..... เพื่อนไอ้ขี้แก๊กนั่นมั้ง ช่างมันเถอะ!” ชานนท์พูดอย่างไม่สนใจ รู้สึกไม่อยากยุ่งกับกิจธุระของเพื่อนร่วมห้องของเขา วรุฒนี่มันตัวซวยของเขาชัดๆ
“เราว่า..... ไม่น่าจะใช่นะ ดูจากท่าทางก็ไม่เป็นมิตร แล้วไอ้พวกนั่นหน้าแก่เหมือนจบไปแล้วสักห้าปี” หลงค้าน
ชานนท์ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็แอบเห็นด้วยกับหลง ทำให้รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา “แล้วไง?” ชานนท์ถามหลง
“ไปดูกัน!” หลงพยักหน้าชวนอีกฝ่าย
“เอ่อ.... ไม่ดีกว่า” ชานนท์รู้สึกตาซ้ายกระตุกขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ไปเหอะน่า น่าสนุก!!” หลงคว้ามืออีกฝ่ายโดยแทบไม่ให้ชานนท์เอ่ยคำปฏิเสธ ชานนท์โดนแรงอีกฝ่ายลากไปอย่างง่ายดาย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดีเพราะลึกๆในใจ เขาก็ห่วงวรุฒไม่น้อยเหมือนกัน ที่ผ่านมาสองวันที่อยู่ร่วมกัน วรุฒก็พฤติกรรมดีกับเขาขึ้นมาก แม้จะโดนมายด์บังคับก็เถอะ

“เฮ้ย...... กูถามน่ะ กูถามดีๆ มึงก็ช่วยตอบดีๆหน่อยสิวะ” นักศึกษาชายหน้าเกินวัยคนหนึ่งโวยขึ้นมาใส่หน้าวรุฒที่มีสีหน้ายียวนกวนประสาท อมยิ้มใส่อีกฝ่ายแต่ไร้ซึ่งคำตอบใดๆออกมาจากปากของเขา

ชานนท์และหลงซึ่งแอบซุ่มเข้ามาแอบดูคนกลุ่มนั้นในพุ่มไม้ไม่ไกล พวกเขาได้ยินประโยคนั้นพอดี

“หรือมึงต้องการให้กูใช้ไม้แข็ง!!” ชายในชุดนักศึกษาแบบปล่อยชายเสื้อลุกขึ้นมาและเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายพร้อมบดกำปั้นข้างซ้ายลงบนฝ่ามือข้างขวาของตัวเอง แต่วรุฒก็ทำท่าเหมือนหัวเราะเยาะอีกฝ่ายและเมินหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่ได้ยินอีกฝ่าย

“เดี๋ยว!!” เสียงที่มีอำนาจมากเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังคนพวกนั้น
“อย่าเพิ่งทำอะไรมัน กูอยากจะรู้จากปากมันเองว่าจริงไหม?”
ชานนท์พยายามเพ่งไปที่ด้านหลังของกลุ่มนักเลงหัวไม้เหล่านั้นแต่ก็เห็นคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ชัด
“ลูกพี่กูถามว่า มึงไปยุ่งกับเมียลูกพี่กูใช่ไหม?”
นักเลงหน้าแก่ในคราบนักศึกษาอีกคนเดินเข้ามาใกล้วรุฒและตะคอกใส่อีกฝ่าย

วรุฒถอนหายใจ และสั่นศรีษะอย่างเหลืออด
“กูไม่รู้ว่าลูกพี่มึงเป็นใคร และกูก็ไม่รู้ว่าเมียของลูกพี่มึงเป็นใคร? แล้วจะให้กูตอบว่าอะไร กูคั่วผู้หญิงจนขี้เกียจจะนับกูจะรู้ไหมว่าคนไหนเมียมึง?!?” ในที่สุดวรุฒก็ตอบ แต่เป็นคำตอบที่ ชานนท์ไม่นึกว่าเขาจะกล้าตอบแบบนั่นออกไป น้ำเสียงวรุฒมันชวนโดนบาทาคนตรงหน้ามาก
“มึงกวนตีนพวกกูเรอะ?” ชายในชุดนักศึกษาปล่อยชายเดินเข้ามากระชากคอเสื้อวรุฒแต่วรุฒสูงกว่ามันเลยดูเป็นท่าทางตลกๆ จนอีกฝ่ายหงุดหงิดและลามือไปเอง
“กูรู้ว่ามึงรู้ว่ากูหมายถึงใคร!!”
“..............” วรุฒนิ่งเงียบและส่งสายตาอาฆาตกลับไป

“วิภาดา มึงน่าจะรู้จัก” เสียงจากเบื้องหลังดังขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง

ชานนท์เสียวสันหลังวาบ หรือนี่คือสิ่งที่พี่เอกเตือนไว้!!

“อืม... รู้แล้วทำไมวะ” วรุฒพยักหน้าและตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนไม่ได้เกรงกลัวกลุ่มคนที่มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาที่แม้แต่คนในพุ่มไม้อย่างชานนท์รู้สึกอึดอัด
“กูได้ข่าวว่า มึงดูแล ‘วิ’ ดีเป็นพิเศษเลยใช่ไหม?!? ดีจนพาขึ้นห้องเลยใช่ไหม?” ในที่สุดคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนักเลงหัวไม้กลุ่มนั้นก็ปรากฎตัวขึ้น พร้อมคำพูดที่ดูดุดัน สีหน้าแสดงอารมณ์อยากออกรบเต็มที่ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างดี หน้าตาอยู่ในขั้นดูดีทีเดียว แต่งกายสะอาดสะอ้านผิดกับกลุ่มคนที่เขาอยู่ด้วย แม้จะสูงไม่เท่ากับวรุฒแต่ร่างกายกลับหนาและก็มีกล้ามเนื้อมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมใส่มันดูจะเล็กเกินไปสำหรับเขาเลยทีเดียว

“ใครวะ?” หลงพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“แล้วเราจะรู้จักไหมเนี่ย เราไม่ใช่ยัยเมย์นะจะได้รู้จักทุกคน” ชานนท์กระซิบตอบ ทั้งหลงและชานนท์มองหน้ากันด้วยความสงสัยและหันไปมองเหตุการณ์นั้นต่อไป

“กูไม่เคยชวน วินั่นแหละเป็นคนขอขึ้นไปเองเสมอ” วรุฒตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความเกรงกลัว
“ถ้ามึงรู้จักวิ มึงก็ควรจะรู้ว่าไม่ควรทำ!!” ชายนักกล้ามพูดเสียงดัง
“กูไม่เข้าใจ ที่นี่มันมีกฎแบบนี้ด้วยหรือวะ?”
“มีสิวะ!!” ชายนักกล้ามพยักหน้าบอกเพื่อนของเขาทั้งซ้ายและขวา เพียงชั่วอึดใจ ทั้งสองคนนั้นก็วิ่งกรูเข้าไปจับวรุฒตรึงแขนไว้ทั้งสองฝั่งจนวรุฒไม่ทันตั้งตัวและขยับตัวได้ลำบาก ชายนักกล้ามกระโจนเข้าใส่วรุฒพร้อมวาดหมัดเข้าใส่ท้องวรุฒเสียงดังผั๊วะ!!

“เชี้ยแล้วไง” หลงอุทานแต่ชานนท์ได้แต่อึ้งกับภาพที่เห็น เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าหากเขาหลวมตัวไปกับการยั่วยวนของพี่วิ เขาคงตกอยู่ในสภาพเดียวกัน

“ความจริงกูรู้อยูแล้วว่าเป็นมึง!! กูแค่อยากรู้ว่ามึงจะเก่งกล้าอย่างที่มึงกล้าท้าทายกูไหม?!! กูแค่ไม่อยู่ช่วงซัมเมอร์ ก็มีคนกล้าดีมาตีท้ายครัวกูเสียแล้ว!!” ชายนักกล้ามหวดหมัดเข้าไปที่ท้องของวรุฒอีกครั้งจนตัววรุฒแทบลอยจากพื้น
“กูไม่แน่ใจจนวันนี้แหละ วันที่กูกลับมา แล้วไปเจอวิไปเดินควงกับมึงที่ห้างสรรพสินค้า!!” ชายนักกล้ามใช้มือจับคางวรุฒให้เงยขึ้นมองหน้าเขา

“มึงจำไว้ว่า... อย่ามายุ่งกับของๆ กูอีก!!”
ชายนักกล้ามวาดหมัดไปที่หน้าของวรุฒอย่างจัง
“สวยชะมัด” หลงพูดขึ้นลอยๆ
“อะไรนะ?” ชานนท์ทัก
“ก็ท่วงท่าทางไอ้ล่ำนั่นมันเหมือนโปรฯมวยเลยว่ะ” หลงชมท่าทางของคนที่ทำร้ายวรุฒว่ามีความชำนาญการวิวาทและเป็นมวยอย่างมืออาชีพ ชานนท์แอบเห็นด้วย

“ถุย!! ไอ้พวกหมาหมู่!!” วรุฒถ่มน้ำลายใส่พื้นและจ้องกลับไปที่คนที่ทำร้ายเขาอย่างมาดร้าย
“มึง!! ปากดีนักนะ!!” ชายคนที่จับกุมแขนขวาของวรุฒโวยขึ้นมาพร้อมกับตีเข่าใส่ที่บริเวณท้องของวรุฒจนวรุฒตัวงอเป็นกุ้งขดจนเกือบลงไปกองกับพื้น
“จับมันขึ้นมาอีก กูจะต่อยให้มันหายอวดดี!!” ชายนักกล้ามสั่งเสียงเข้ม ส่วนที่จับล็อควรุฒทั้งสองคนก็ดึงให้วรุฒยึดตัวขึ้นในสภาพที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้น

“ทนไม่ไหวแล้ว!!” เท้าของชานนท์ก้าวออกไปจนกระทั้งไปขวางระหว่างคู่กรณีทั้งสอง ร่างกายขยับไปก่อนที่ปากจะพูดอีกครั้ง หลงที่นั่งหมอบอยู่ข้างๆยังตกใจกับสิ่งที่ชานนท์ทำ เขาเองก็กำลังคิดจะเข้าไปช่วยเหมือนกันแต่ชานนท์ดันหุนหันออกไปก่อน ‘ช่วยคิดแผนก่อนเข้าไปช่วยได้ไหมเนี่ย!’ หลงคิดออกมาเสียงดัง

“หยุดเถอะ!! เรื่องระหว่างพี่วิกับรุฒ ไม่มีอะไรกันหรอกเราเป็นพยานได้! เราอยู่ห้องเดียวกันกับเขาเอง” ชานนท์กางมือกั้นระหว่างหมัดกับร่างคนที่โดนซ้อมจนน่วม

“อ้อ....ไอ้เตี้ย!!  มึงนี่เอง!!” ชายนักกล้ามกำหมัดและเหวี่ยงเข้าไปที่ลำตัวของชานนท์อย่างไม่ทันตั้งตัว ความเจ็บปวดวิ่งผ่านไปถึงสมองอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าเท้าของเขาหนีออกจากแรงดึงดูดของโลกชั่วคราว เขาถูกแรงชกเหวี่ยงขึ้นและตกลงมากองอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว
“ดี!! กูจะได้ไม่เสียเวลาตามหา อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อว่าพวกมึงกับวิไม่เกิดอะไรขึ้น!! กูส่งคนตามดูแลวิตลอด อย่ามาโกหกกู หายขึ้นไปบนหอพักพวกมึงตั้งหลายครั้ง ครั้งละนานๆ จะให้กูเชื่อพวกมึงเรอะ ง่ายไปนะ” ชายนักกล้ามระเบิดอารมณ์ออกมาในคราเดียว หลังจากจบประโยค เขาก็เหวี่ยงเท้าไปที่ท้องของชานนท์จนชานนท์สำลักอากาศออกมา และไออย่างต่อเนื่อง

“มึง!!” วรุฒฉุนเฉียวขึ้นทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า และใช้แรงที่เหลือทั้งหมดพยายามสะบัดสองนักเลงที่จับกุมเขาอยู่อย่างแน่นหนา แต่ด้วยอาการบาดเจ็บ ทำให้ไม่มีแรงพอที่จะสามารถดิ้นหลุดออกมาได้ จึงทำได้แค่โวยวายอย่างสุดกำลัง

“ทางนี้ครับ คุณตำรวจ!! มีคนทะเลาะวิวาทกัน!!” เสียงดังมาจากไกลๆ และมีไฟฉายส่งมาทางที่ชานนท์อยู่ ส่องไปมาวูบวาบ ชานนท์รู้ได้ทันทีว่าเสียงดังขึ้นคือหลง เขาคงไปตามคนมาช่วยแล้ว
“พี่ยามๆ พี่ก็มาช่วยกันด้วยครับ มีคนต่อยตีกันครับ!! มาช่วยกันห้ามหน่อย!!” เสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมลำแสงไฟที่สาดเข้ามามากขึ้น

“เชี้ยแล้วไง!!” นักเลงคนหนึ่งในกลุ่มนั้นสบถออกมาเสียงดัง
“เฮ้ย!! ไอ้พัฒน์ กูว่าพอแค่นี้ก่อนเถอะ กูไม่อยากโดนทันฑ์บนตั้งแต่ต้นปี!” ชายหน้าแก่กว่าวัยโวยขึ้นด้วยอาการเลิ่กลั่ก
“เออๆ เชี้ยเอ้ย!! กำลังเข้าได้เข้าเข็มเลย!!” ชายนักกล้ามที่เดาว่าชื่อ ‘พัฒน์’ ย่างเท้าเข้าใกล้วรุฒด้วยอาการร้อนรน และวาดหมัดไปที่ลำตัววรุฒอีกครั้งเป็นการทิ้งท้าย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 9 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 03-03-2019 10:01:26
“อั่ก!!”

เป็นสิ่งที่ชานนท์ได้ยินก่อนที่จะได้ยินเสียง ‘ตุบ’ เหมือนตุ๊กตายัดนุ่นขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง พร้อมกับเสียงฝีเท้าจำนวนหนึ่งที่ค่อยๆ ดังห่างออกไป เหลือไว้แต่เพียงความเงียบงัน

เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครั้งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่มีจำนวนน้อยกว่าครั้งแรก ชานนท์ที่นอนหมอบขดอยู่ที่พื้น อาการบาดเจ็บทำให้เขาขยับไม่สะดวกและทำได้แค่ฟังเสียงรอบข้างเท่านั้น

“เฮ้ย!! นนท์ เป็นไงบ้าง!!” เสียงของหลงดังขึ้นใกล้หู
“ลุกไหวไหม?”  หลงเร่งฝีเท้าเข้ามาเพื่อพยายามพยุงชานนท์ให้ทรงตัวในม่านั่งให้ได้
“คิดว่า...ไม่!”  ชานนท์ตอบกลับแบบทุลักทุเล ความจุดเสียดจากรอยกำปั้นและเท้ายังคงวนเวียนวิ่งแล่นไปทั่งร่าง เขาใช้มือประคองตรงส่วนที่เจ็บไว้ เผื่อมันจะบรรเทาลงบ้าง
“ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้ว เดี๋ยวพวกมันรู้ตัวว่าเราหลอกมันเดี๋ยวได้หวนกลับมา!!”
“หา?!?” ชานนท์อุทานแบบงงๆ กับคำพูดของหลง
“นายคิดว่าจะตามตำรวจแถวนี้ในช่วงเวลานี้ได้ไหมล่ะ? รปภ. นี่ไม่ต้องพูดถึง!! เวลาแบบนี้หายาก!” หลงพูดประชดในขณะเดียวกันเขาก็ช่วยชานนท์พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น

“เฮ้ย!! นายน่ะ!!ลุกไหวไหม?” หลงถามวรุฒที่ตอนนี้ใช้แขนดันตัวเองขึ้นมานั่งได้แล้ว
“เออ..... พอไหว” วรุฒตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงถึงความเจ็บปวด
“งั่นรีบไปกันเถอะ หากไม่อยากเจ็บตัวเพิ่ม!!” หลงเดินไปพยุงชานนท์เพื่อให้เดินสะดวกขึ้น ในขณะที่วรุฒก็ลุกขึ้นมาเดินตามมาในระยะห่างสามก้าว

“ขอบใจนะ เราก็นึกว่านายไปตามคนมาช่วยได้จริงๆ” ชานนท์พูดขึ้นระหว่างเดินออกห่างจากสถานที่เกิดเหตุเรื่อยๆ
“เราก็คิดได้แค่นี้ล่ะ โชคดีที่พกไฟฉายมาหลายอัน และโชคดีที่ไอ้พวดนั่นมันโง่กว่า!”  หลงเล่าอย่างติดตลก
“เออ... จริง!” วรุฒสนับสนุน
“อ้าว!! ไอ้นี่!! คนอุตส่าห์มาช่วย!!” หลงหันไปค้อนใส่คนที่เดินตามหลังมา
“พอๆ กันก่อนได้ไหม? รีบเดินให้ถึงหอพักก่อนได้ไหม?”
ชานนท์ห้ามทัพ ก่อนที่จะเกิดมวยอีกคู่ แต่ดูจากสภาพวรุฒแล้ว ยืนยังแทบจะลำบากเลย แต่ชานนท์ก็แอบคิดไปว่า หากเป็นเขาโดนขนาดเท่าที่วรุฒโดนเขาคงสลบเหมือดไปแล้ว

ในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าหอพักของชานนท์และวรุฒ ชานนท์รู้ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานและยากลำบากกว่าปกติมาก แม้จะเห็นตึกอยู่ไม่ไกลจากระหว่างทางที่เดินมา แต่ก็ใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงจุดนี้

“ให้ช่วยพยุงขึ้นหอพักไหม?” หลงพูดทักขึ้นเมื่อชานนท์ตอบคำถามหลงว่าห้องอยู่ที่ไหน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูช่วยเอง! มึงกลับไปได้แล้ว” วรุฒพูดตัดบทขึ้นมา ในขณะที่ชานนท์กำลังเอ่ยปากตอบ  หลงได้ยินแบบนั้นหัวคิ้วของเขาก็ชนกันทันทีและหันไปมองวรุฒที่ตอนนี้ยืนเหยียดตรงได้แล้วอย่างขุ่นเคือง
‘ชีวิตนี้มันจะพูดดีกับใครเป็นไหมเนี่ย?’ ชานนท์คิดในใจ

“กูถามมึงเสียเมื่อไหร่?” หลงเริ่มขึ้นภาษาโบราณกับวรุฒเสียแล้ว ส่วนวรุฒได้แต่กรอกตา และทำท่าทางเมินคำพูดของหลงอย่างยียวน
“หลงๆ เราโอเคแล้ว โดนไปสองสามทีเอง เทียบกับครั้งก่อนแล้วสบายมาก! นายกลับไปก่อนเหอะ! แล้วอย่าไปเล่าเรื่องนี้ให้ยัยมายด์กับเมย์ฟังนะ เดี๋ยวจะยิ่งเป็นห่วง” ชานนท์พยายามพูดให้หลงห้ามศึกโดยพยายามกล่อมให้หลงกลับไปก่อน พร้อมทั้งดึงแขนให้หลงออกห่างจากวรุฒ แต่ด้วยเรี่ยวแรงตอนนี้ ทำได้เพียงกระตุกอีกฝ่ายเท่านั้น

“แน่ใจนะ?” หลงขยับออกมาจากที่เดิมเล็กน้อยและมองไปที่ชานนท์อย่างสำรวจ
“สบาย!!” ชานนท์พยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ และพยายามพูดกล่อมจนหลงยอมเดินกลับแต่โดยดี พร้อมย้ำให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ชานนท์โบกมือลาหลงด้วยรอยยิ้ม

“อ้าว!! ทำไมยังไม่เข้าไปอีก” ชานนท์ถามขึ้นเมื่อยังเห็นวรุฒยืนอยู่ที่เดิมในท่าเดิม ทั้งๆที่เขาพูดกล่อมหลงให้กลับอยู่พักใหญ่
“กูไม่มีคีย์การ์ด” หลงตอบเสียบราบเรียบ
ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกยาวจนเจ็บส่วนที่บาดเจ็บจนเผลอร้องออกมา
“อ่อนแอจังวะ” วรุฒพูดขึ้นและแย่งคีย์การ์ดจากมือชานนท์เพื่อไปเปิดประตูให้ ชานนท์ค้อนกลับไปรอบหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปในช่องประตูที่วรุฒเปิดกว้างให้ ชานนท์แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของวรุฒแต่ก็ต้องยอมรับความจริง เพราะเขาตอนนี้เจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าประตูผ่านวรุฒที่เปิดประตูรอเขาอยู่ทางด้านใน
“ขอบใจ!” ชานนท์พูดกระแทกเสียงใส่คนที่ยืนเปิดประตูให้และรีบฉวยคีย์การ์ดจากในมือของวรุฒคืน

“เฮ้อ.....” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้งเมื่อมายืนอยู่หน้าช่องบันไดทางขึ้น
“เอ้า!! อย่าช้าสิวะ กูเหนื่อยฉิบหายแล้วเนี่ย!!” เสียงคนตัวสูงจากทางด้านหลังโวยขึ้น
“จะไปก่อนก็ได้นะ เราขอทำใจสักครู่” ชานนท์พูดขึ้นในขณะที่ตนเองยืนใช้แขนยันผนังใกล้เคียงและขาสั่นเล็กน้อย
“เฮ้อ!! อวดเก่ง!!” สิ้นคำคนตัวสูงด้านหลังก็ก้าวเข้ามาประชิดทางด้านหลังและใช้แขนสองข้างอุ้มประคองคนตัวเล็กในท่านอน สร้างความตกใจกับชานนท์อย่างมากจนเผลออุทานออกมา

“เฮ้ยๆๆๆๆๆ ทำอะไรเนี่ย?” ชานนท์โวยวาย
“กูสังเวชมึงไง เดี๋ยงกูสงเคราะห์ให้! วรุฒพูดจบก็ก้าวเท้าขึ้นบันไดขั้นแรกอย่างมั่นคง เขาทำราวกับชานนท์เป็นแค่ตุ๊กตายัดนุ่นตัวใหญ่เท่านั่น
“ปล่อย!! เราเดินเองได้!!” ชานนท์ขัดขืน
“ขาสั่นขนาดนั้นยังจะปากดีอีก แล้วช่วยอยู่เฉยๆ ด้วยเดี๋ยวกูทำหลุดมือไปกระแทกพื้น ตายเป็นผีเฝ้าหอพัก!!”
“.........” ชานนท์นิ่งเงียบไม่กล้าขยับเพราะวรุฒก้าวขึ้นบันไดได้เร็วพอควร เขากลัวจะตกหล่นเหมือนกัน และระหว่างที่เขาอยู่ในอ้อมแขนของวรุฒ เขาก็สังเกตเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่พยายามฝืนกลั้นความเจ็บปวดไม่ให้แสดงออกทางสีหน้าด้วยเช่นกัน ทำให้ชานนท์ไม่กล้าที่จะสร้างภาระให้กับวรุฒมากไปกว่านี้โดยการดิ้นรนที่จะให้วรุฒปล่อยตนเอง ชานนท์ได้แต่ยอมอยู่นิ่งๆ ในวงแขนของอีกฝ่ายอย่างสงบเสงี่ยม ‘ใครกันแน่ที่อวดเก่ง!!’ ชานนท์คิดระหว่างทาง

“ขอบใจ” ชานนท์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจเมื่อเท้าของเขาแตะพื้นหน้าห้องพักของเขา ในขณะที่คนตัวสูงแค่พยักหน้าให้ภายใต้คราบเหงื่อไหลย้อยทั้งหน้า แต่วรุฒก็เหมือนพยายามเก็บอาการไม่ให้ชานนท์ที่ตอนนี้จ้องหน้าเขาอย่างจงใจรู้ถึงความเจ็บปวดและอ่อนล้าของเขา

“หลบกูจะเข้าห้อง” ชานนท์ใช้มือดันร่างของชานนท์ให้ถอยห่างจากประตูเบาๆ และหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋าหลังของกางเกงออกมา

“เอ้า!! ไหนบอกไม่มี!!” ชานนท์ทัก
“กู.... กูเพิ่งนึกได้!!” วรุฒตอบแบบผ่านๆ และผลักประตูเดินเข้าห้องไป

“โอย......”
ชานนท์ค่อยๆ หย่อนตัวเองลงบนเตียงตัวเองอย่างเชื่องช้า ความจุกเสียดแล่นเข้าเล่นงานเขาทันทีที่ก้นถึงผิวเตียง
“อยู่ไหนวะ?” เสียงบ่นงึมงำดังมาทางอีกด้านหนึ่งของห้อง วรุฒกำลังรื้อข้าวของของเขาอย่างหัวเสีย
“อะไรของนาย?”  ชานนท์ด้วยความสงสัย
“กล่องปฐมพยาบาลไง ป้าศรีแกเก็บเอาไว้ที่ไหนเนี่ย?” ปากก็พูดแต่มือของวรุฒก็ยังไม่หยุดรื้อของ
“อ้อ!! อยู่ในตู้เสื้อผ้าฝั่งซ้ายมือ ข้างๆ กองชุดนอนของนายไง”
วรุฒได้ยินดังนั้นก็ตรงไปที่จุดนั้นทันที กล่องปฐมพยาบาลขนาดกระดาษเอสี่วางอยู่อย่างเรียบร้อยตรงจุดที่ชานนท์บอกเป๊ะ
“บางทีกูก็งงนะว่า มึงหรือป้าศรีเป็นแม่บ้านให้กูเนี่ย!”
“ป้าศรีนั่นแหละ” ชานนท์พูดด้วยความที่ไม่อยากให้ป้าศรีเดือนร้อน “แค่บางครั้งเราที่เผลอช่วย” ชานนท์พูดจบก็เตรียมใจโดนตอบโต้แบบเผ็ดร้อนเหมือนทุกครั้ง เช่น ‘เสือก’ บ้าง ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง’ บ้าง หรือ ‘ทีหลังไม่ต้อง’ บ้าง แต่แปลกมากที่คราวนี้วรุฒกลับนิ่งเงียบ เขาแค่นำกล่องปฐมพยาบาลออกมาวางที่โต๊ะอ่านหนังสือและค้นยาในกล่องอย่างตั้งใจ

ชานนท์แอบผ่อนลมหายใจออกมาและกำลังจะล้มตัวลงนอนเพื่อบรรเทาอาการเหนื่อยล้าและอาการเกร็งจากการบาดเจ็บแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังทะลุความเงียบมาถึงเขา ชานนท์ตกใจจนสะดุ้งตัวเล็กน้อย

“เฮ้ย!! อย่าเพิ่งนอนสิ!! ขอดูแผลก่อน!!” วรุฒหยิบยาจำนวนหนึ่งเดินมาหาเขา
“เอ่อ.....” ชานนท์ถึงกับอึ้งจนโต้ตอบไม่ถูก
“เอ้า!! ไหนขอดูหน่อย! เจ็บตรงไหน?” วรุฒเดินมายืนอยู่ในระยะประชิด ชานนท์ที่นั่งอยู่ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเพื่อนร่วมห้องของเขาตัวสูงใหญ่มากกว่าเดิม

“เอ่อ.... ไม่.... ไม่เป็นไร เราว่านอนพักสักหน่อยก็หาย” ชานนท์ตอบกลับไปแบบนั้นเพราะเขามีอาการอ่อนเพลียจนถึงขีดจำกัดของร่างกายอันบอบบางของเขาแล้ว
“ไม่ได้!! ขอดูอาการหน่อยสิวะ กูไม่อยากให้มีใครตายในห้องตอนกูอยู่นะ!” วรุฒขึงขังจริงจัง สายตาที่ดุดันนั่นทำให้ชานนท์ยอมขยับเข้ามาใกล้ และเลิกเสื้อให้ดู
“โห!! นี่มึงบอบบางขนาดนี้เลยหรือวะ!” วรุฒทำเสียงตกใจเมื่อชานนท์เผยให้เห็นผิวที่ช้ำจนเขียวไปทั่วบริเวณอกและช่วงท้อง
“มันแย่ขนาดนั่นเหรอ?” มีความหวาดกลัวในน้ำเสียงของชานนท์
“อืม....” วรุฒทำสีหน้าครุ่นคิด ชานนท์เดาไม่ออกว่าวรุฒจะพูดอะไรออกมา แต่เขายังรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย
“มันก็.....ไม่ขนาดนั้น” วรุฒที่พูดออกมาด้วยสีหน้ากังวล
“นายมันโกหกไม่เก่งเลย รู้ไหม?” ชานนท์พูดจบก็ก้มลงดูร่างกายตัวเองที่เปลี่ยนสีเป็นสีช้ำๆ เหมือนในจานผสมสีเวลาวาดภาพที่มีสีม่วง ชมพู แดงผสมกันจนไร้ความงาม
“เฮ้ยๆ ไม่เป็นไร กูเคยเป็นเยอะกว่านี้ ยังไม่ตายเลย แค่นี้เดี๋ยวก็หาย” ชานนท์รู้สึกว่าคำให้กำลังใจของวรุฒที่พูดออกมาไม่ช่วยจิตใจเขาดีขึ้นเลย  เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรงมากกว่าเดิมและล้มตัวลงนอนหงายไปกับที่นอนของเขา
“โอ้ย!!” ความเจ็บเข้าเล่นงานเพราะความไม่เจียมตัวของเขา
“มานี่! งั้นทายาก่อน!!” วรุฒขึ้นเสียงและใช้มือเปิดเสื้อของชานนท์ขึ้น
“เฮ้ย!! ทำอะไรน่ะ?!” ชานนท์ยกมือขึ้นมาปัดมือของอีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ
“มึงไม่เปิดเสื้อขึ้นกูจะทายาให้มึงได้ไหม?”
“ไม่เป็นไร!! เราทำเองได้!!”
“แน่ใจนะ!!??” วรุฒถามเน้นเสียงดังกว่าเดิม ทำให้ชานนท์นึกถึงสีของผิวหนังตัวเองที่เปลี่ยนไปจนน่ากลัว อีกอย่างต้นเหตุก็มาจากไอ้โย่งนี่ก็สมควรที่จะให้เขารับผิดชอบ
“เออๆ ก็ได้” ชานนท์ตอบแบบผ่านๆ พร้อมกับดึงชายเสื้อให้เปิดขึ้นมาจนถึงช่วงคอ
“งั้นถอดเลย”
“อะไรนะ”
“ถอด!!”
“เพื่อ?!?”
“มันไม่ถนัด ดูสิ มีรอยช้ำเต็มไปหมด” วรุฒพูดพลางใช้สายตาสำรวจรอยช้ำอีกฝ่ายไปทั่วจนชานนท์รู้สึกตกใจที่ตัวเองมีรอยช้ำได้มากมายขนาดนี้

“ก็ได้” ชานนท์ตอบแบบประชด เขาค่อยๆขยับตัวและใช้แขนถอดเสื้อตัวเองออกมาจนท่อนบนเหลือแต่ความเปลือยเปล่า ชานนท์รู้สึกอายและหนาว
วรุฒค่อยๆ ใช้มือที่มียาประเภทครีมทาบางๆ ไปทั่วบริเวณที่มีรอยช้ำของอีกฝ่าย ชานนท์สัมผัสถึงความอ่อนโยนของอีกฝ่ายผ่านการลูบไล้ครีมยาอย่างเชื่องช้าและเบามือ ผิดกับอาการเกรี้ยวกราดที่แสดงออกเหมือนที่ผ่านมา
“เฮ้อ!! ไอ้พวกไม่เจียม!!” เสียงของวรุฒทำให้ชานนท์สร้างความขัดแย้งกับความรู้สึกเมื่อครู่จนเขาอดอารมณ์เสียไม่ได้
“ทีหลังรู้ว่าอ่อนมึงก็ไม่ต้องเข้าเสือกก็ได้นะ!” วรุฒพูดขณะที่กำลังทางครีมยาอย่างต่อเนื่อง
“พอแล้ว!! คนอุตส่าห์เข้าไปช่วย!! แทนที่จะขอบคุณ ทำไมพูดแบบนี้วะ!” ชานนท์ปัดมืออีกฝ่าย
“เออ! พูดแบบผู้ชายเขาพูดกันก็เป็นนี่หว่า!”
“กูก็ผู้ชาย!!”
“เออๆ กูไม่เถียงกับมึงเรื่องนี้แล้ว กูแค่จะบอกว่า รู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ควรจะฉลาดแบบเพื่อนมึงนะ อย่างเช่นไปตามคนมาช่วย หรือสร้างสถานการณ์ให้มันหนีไปแบบเนี่ย!”

ชานนท์คิดทบทวนคำพูดอีกฝ่ายจนนิ่งเงียบไป ส่วนวรุฒก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เขายังคงใช้มือทาครีมยาให้กับชานนท์อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ชานนท์จึงได้แต่มองหน้าวรุฒที่ทำสีหน้าอ่อนโยนกับเขาเป็นครั้งแรก เขารู้สึกถึงความรู้สึกผิดฉายปนออกมาจากแววตาของวรุฒด้วย สิ่งนี้มันยิ่งทำให้ชานนท์ ไร้คำพูดตอบโต้อะไรอีกฝ่ายออกไป

“มองหาพ่อมึงเหรอะ!!” วรุฒคงรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างจดจ่อ สายตาของวรุฒกลับมาเกรี้ยวกราดอีกครั้ง
“พอหรือยังล่ะ!!” วรุฒรู้สึกหงุดหงิดกับอารมณ์แปรปรวนของอีกฝ่าย
“เออ! ทั่วแล้ว!! เอ้านี้ กินยาแก้ปวดกับยาแก้ช้ำไปด้วย!!” วรุฒโยนยาจำนวนหนึ่งลงบนเตียงข้างๆ ตัวอีกฝ่าย
“ขอบใจ!!” ชานนท์ลุกขึ้นมารวบยาเหล่านั้น
“เอ้านี่น้ำ!! กินเลยนะ!!” วรุฒยื่นขวดน้ำที่วางอยู่ไม่ไกลมาให้
“เดี๋ยวนะ!! แล้วยานี่มันกินก่อนหรือหลังอาหารล่ะ??”
“มึงนี่เรื่องมากจริง!!” วรุฒพูดจบก็เดินไปหยิบซองใส่ยาขึ้นมาอ่าน เขาบ่นพึมพำอยู่สองสามวินาที ถอนหายใจเฮือกใหญ่และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งอาหาร

“เอามาส่งเลยนะ!!” วรุฒพูดเสียงขึงขังใส่โทรศัพท์
“..........” ชานนท์กำลังอึ้งกับปฏิกิริยาที่รวดเร็วของวรุฒ
“ทำหน้าเอ๋อๆ แบบนั้นเพื่ออะไรวะ?! เออ แล้ว รอกินข้าวก่อนนะค่อยกินยา”
“กินข้าว? อะไร? ที่ไหน?”
“ที่นี่แหละ! กูสั่งแม่บ้านที่บ้านแม่ให้เอามาให้ เดี๋ยวก็มา”
“แต่เรากินแล้ว ไม่เป็นไร”
“แต่กูยังไม่ได้กิน และมึงต้องกินกับกู!!”
“หา!!” ชานนท์ทำหน้าแปลกใจกับการโดนบังคับแปลกๆแบบนี้
“ไม่ต้องมา ‘หา!’ ด้วย” วรุฒพูดจบเขาก็เดินกลับไปนั่งที่เตียงเขาอย่างช้าๆ พลางขยับกล่องยามาใกล้ตัวเพื่อทำแผลให้ตนเอง วรุฒทำอย่างกล้าๆกลัวๆ ผิดกับการทำให้ชานนท์

“มา!! เราช่วย!” ชานนท์ลุกขึ้นเดินไปใกล้ และเขาก็เตรียมรับการปฏิเสธของอีกฝ่ายแล้วด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตั้งใจว่าจะช่วยให้ได้เพราะอยากตอบแทนวรุฒกลับไปบ้าง
“อืม...” วรุฒกลับพยักหน้าและตอบสั้นๆกลับมา แม้จะน่าแปลกใจแต่ชานนท์ก็เดินไปช่วยวรุฒทำแผลอยู่ดี

“โอ้ย! เบาๆ หน่อยสิ!!” วรุฒร้องเมื่อชานนท์ใช้สำลีซับยาทาแผลแล้วกดลงไปที่รอยแตกตรงริมฝีปากของวรุฒ
“อ้าว.... นึกว่าจะแน่ เจ็บเป็นเหมือนกันนี่นา”
“ก็มึงทำแผลไม่เป็นนะสิ กดลงมาเสียแรง!!”
“นี่ก็เบามือที่สุดแล้ว” ชานนท์อดที่จะอมยิ้มกับคนที่พยายามทำตัวเข้มแข็งตรงหน้าไม่ได้
“งั้นเดี๋ยวกูทำเอง!!” วรุฒใช้มือคว้าสำลีในมือของชานนท์ แต่ชานนท์หลบทัน ด้วยอาการบาดเจ็บของวรุฒตอนนี้ทำให้ความเร็วของเขาลดลงไปมาก เรียกว่าจะขยับร่างกายยังทำได้ลำบาก
“เราทำเอง เราทำได้ เดี๋ยวจะพยายามไม่ให้เจ็บก็แล้วกัน!”
“เออ!! งั้นทำให้หมดเลย!!” วรุฒพูดจบก็ถอดเสื้อของตัวเองลงไปกองที่พื้น เผยให้เห็นร่างกายกำยำที่มีรอยพกช้ำอยู่ประปราย ทั้งที่วรุฒโดนลงมือหนักกว่าเขาเสียอีกแต่ร่องรอยบาดเจ็บดูไม่หนักเท่าที่เขาเป็นอยู่เลย

ชานนท์ค่อยๆ สำรวจบาดแผลที่ใบหน้าของวรุฒ คิ้วแตก ปากแตก ตาบวมช้ำ เทียบกับร่างกายแล้วใบหน้าของวรุฒดูหนักหนากว่ามาก ชานนท์ค่อยๆใช้สำลีที่ชุบยาฆ่าเชื้อซับคราบเลือดและรอยแผลทั่วใบหน้า ในขณะที่วรุฒข่มตาลงและแอบกัดฟันอยู่เป็นระยะ
“ตัวใหญ่แต่ใจเสาะกว่าที่คิด ตีกันไม่กลัวแต่ดันมากลัวการใส่ยา” ชานนท์บ่นพึมพำ
“ก็มันแสบ” วรุฒตอบเสียงสั่นและเบา
“เราว่าไปหาหมอเถอะ แผลตรงหางคิ้วมันลึกพอควรเลยนะ เดี๋ยวจะติดเชื้อ” ชานนท์ถอนหายใจก่อนแนะนำ
“มึงเรียนหมอมาเหรอถึงรู้ดีขนาดนี้!”
“ไม่ต้องเรียน แค่เห็นก็รู้เลยไหมเนี่ย?”
“ไม่เอา! กู...... กูกลัว....เข็ม.....” วรุฒตอบกลับแบบไม่เต็มเสียงที่ท้ายประโยค
“อะไรนะ!?!” ชานนท์ไม่แน่ใจว่าผู้ชายที่ดูนักเลง ตัวใหญ่ยังกับยักษ์จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“เออ!! เรื่องของกู อย่าว่าแต่กู มึงก็ต้องไปด้วย!!”
“ไม่เอาอ่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย!” ชานนท์เขารู้ว่าค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเมืองกรุงเทพ มันต้องแพงมากๆ แถวนี้มีแต่โรงพยาบาลเอกชนในเครือของมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลรัฐบาลยังต้องไปอีกไกล เขามีความรู้สึกว่ายังไม่ควรเสียเงินไปกับเรื่องแบบนี้ เขายังไหว

“หากมึงจะให้กูไป มึงต้องไปด้วย”
“อ้าว!! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราวะ!”
“งั้นกูก็ไม่ไป!!”
ชานนท์มองความดื้นรั้นไร้เหตุผลเป็นเด็กห้าขวบของอีกฝ่ายจนต้องผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เขาเพ่งไปที่ใบหน้าที่บอบช้ำของอีกฝ่าย ใจหนึ่งอยากจะสมน้ำหน้าวรุฒที่หาเรื่องใส่ตัวเอง จะเป็นอะไรก็เรื่องของวรุฒ แต่ความคิดด้านสว่างก็อดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ ใบหน้าที่เคยเนียนใสบัดนี้เหลือแต่ริ้วรอยบาดแผล และเลือดที่ซึมออกจากหางคิ้วอย่างน่ากลัว

“เออๆ ไปก็ได้!” ในที่สุดความคิดด้านสว่างก็ชนะอีกครั้ง เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่เคยตามใจตัวเองได้เลย พูดจบเขาก็ป้ายครีมแก้พกช้ำลงบนมือและเริ่มทาลงบนรอยช้ำบนลำตัวของอีกฝ่าย
“กูขอนอนลงได้ไหม กูเริ่มปวดและเหมื่อยมากเลย” วรุฒบิดงอลำตัวลงเล็กน้อย แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนราบโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบตกลง
ชานนท์ใช้ปลายนิ้วชี้และกลางนวดคลึงบริเวณรอยช้ำต่างๆ ตามลำตัว  ผิวกายและกล้ามเนื้อที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีมีแต่รอยพกช้ำอยู่ทั่วไป รูปร่างที่สมส่วนและกล้ามเนื้อที่มีอย่างพอดี หน้าอกที่แน่นนูนและกล้ามท้องลอนสวยทั้งหกส่วนนั้น ทำให้ชานนท์รู้สึกอิจฉาในความสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย

“นี่! ถามจริง! ทำแบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จ!! ใช้ทั้งฝ่ามือทาไปเลย!!” วรุฒเงยหน้าขึ้นมาโวย
“ได้ๆ เรื่องเยอะจริง! เดี๋ยวจะหาว่าเราทำแรงอีก!” ชานนท์พูดจบก็เปลี่ยนจากใช้สองนิ้วในการนวดยามาเป็นสี่นิ้วเพื่อขยายวงกว้างในการทายาให้เสร็จขึ้น

“ทำดีๆหน่อย!!” วรุฒคว้ามือชานนท์และบังคับให้เขาใช้ทั่งฝ่ามือนวดและลูบไล้ไปตามลำตัวของเขาเอง มันทำให้ชานนท์สัมผัสถึงผิวที่เนียนแน่นของอึกฝ่ายได้มากขึ้น รู้สึกถึงลอนสูงต่ำที่มีอยู่ตามร่างกายอีกฝ่าย จนชานนท์แอบตื่นเต้นกับการกระทำของตัวเองไม่ได้  ในที่สุดเขาก็ดึงมือออกจากการจับของอีกฝ่ายเมื่อใบหน้าของตนเองเริ่มร้อนผ่าว
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-03-2019 21:19:16
สยิวแทนน้องเลย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-03-2019 23:17:38
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 9 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 04-03-2019 21:08:33
อื้ออออเขินอะ :katai1: รอต่อคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 9 ส่วนที่ 4) อัพ 10 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-03-2019 09:31:19

“เสร็จแล้ว!!” ความรู้สึกแปลกประหลาดเข้าเล่นงานชานนท์จนเขาต้องขอถอนตัว
“แน่ใจ เราว่ายังเหลือตรงนี้นะ” วรุฒชี้ไปที่สีข้าง ชานนท์แอบเห็นชายที่นอนอยู่แสยะยิ้มที่มุมปาก เหมือนการทำแบบนี้เป็นการแกล้งชานนท์
“ตรงนี้นะ” ชานนท์ป้ายยาลงบนฝ่ามือและทาบไปตรงจุดที่วรุฒชี้ ลูบไปมาสองสามครั้งก่อนที่ผละตัวเองออกมาที่เตียงตัวเอง
“ขอบใจนะ” วรุฒหันหน้ามายิ้มอย่างอ่อนโยน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ชานนท์ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เออ.......” เขากำลังประมวนคำตอบกลับหลังจากเจอรอยยิ้มนั่นเล่นงานโสตประสาทเขาอยู่ ‘ยิ้มแล้วหล่อฉิบหาย!” เขาคิดในใจ

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะความคิดของเขา

“สงสัยอาหารมาแล้ว” วรุฒรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูทันที เหมือนอาการบาดเจ็บเมื่อครู่เป็นแค่เรื่องล้อเล่น แม้เขาจะมีอาการจับที่ลำตัวอยู่บ้างแต่ก็คล่องแคล้วดี

“ดิชั้นนำอาหารมาตามที่คุณหนูสั่งแล้วคะ” หลังจากวรุฒเปิดประตูเผยให้เห็นหญิงชราหน้าตาใจดียื่นถุงผ้าขนาดใหญ่มาให้
“ขอบคุณครับป้า” วรุฒยิ้มตอบกลับไป
“คุณหนูไปทำอะไรมาคะ” คุณป้าท่าทางใจดียื่นมือมาที่หน้าของวรุฒด้วยท่าทางกังวล
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่โดนหมาไล่ฟัด”
“..........”  คุณป้ายังพินิจไปที่หน้าวรุฒและมีสีหน้าไม่เชื่อสิ่งที่วรุฒพูดและมีสีหน้ากังวลมากกว่าเดิม
“คุณหนูกลับบ้านบ้างนะคะ คุณผู้หญิงเป็นห่วง”
“อืม.....” วรุฒพยักหน้าและยิ้มที่มุมปาก “ป้ากลับเถอะครับดึกมากแล้ว”
“จ๊ะๆ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนคนขับรถ

หลังจากปิดประตูห้องวรุฒก็จัดแจงนำกล่องทัพเพอร์แวร์ที่ใส่อาหารจำนวนหนึ่งออกมาวางกองไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นซึ่งได้เตรียมไว้ก่อนแล้วที่กลางห้องด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ชานนท์รู้สึกถึงภาพเดจาวูที่เกิดขึ้นซ้ำ แล้วเขาก็ทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาช่วยจัดแจงอาหารเหล่านั้นวางลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

“เยอะอีกแล้ว บ้านนายนี่กินแบบนี้เป็นปกติเหรอ?”
“ก็กูชอบกินหลายๆ อย่าง”
“แล้วกินหมดเหรอเนี่ย?”
“ถามแบบนี้อีกแล้ว! ไม่หมดก็ทิ้ง หรือไม่ก็ให้คนอื่นไปสิ!”
“พ่อคนรวย”
“ก็ไม่ผิด!!”
“เฮ้อ....” ชานนท์ถอนหายใจกับการต่อล้อต่อเถียงกับวรุฒ แต่ก็ถือว่าบรรยากาศดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เพราะวรุฒแมบจะไม่พูดกับเขาเลยมีแต่เกรี้ยวกราดใส่
“กินเถอะ หิวแล้ว”
“แต่เราไม่หิว”
“กินไปเถอะ!! ร่างกายตอนนี้ต้องการสารอาหารไปซ่อมแซม มึงต้องกิน!!” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงบังคับ ชานนท์จนด้วยเกล้าไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้เหนื่อยไปกว่านี้เลยยอมนั่งลงกินกับวรุฒด้วย เขายัดทุกลงท้องจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง เพราะอาหารที่นำมาล้วนน่ากิน รสชาติอร่อย แม้จะเป็นอาหารพื้นๆ แต่ใส่ใจในการทำมาอย่างดี ส่วนวรุฒที่เป็นคนชวนเขากิน แต่ตัวเขาเองกลับกินอย่างละนิดอย่างละหน่อยและนั่งมองเขากินด้วยสายตาแปลกๆ

กว่าจะจัดการอาหาร ภาชนะ และโต๊ะเสร็จ กว่าจะได้นอนคืนนี้มันก็ดึกมากแล้ว ชานนท์ล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง ก่อนที่เขาจะเคลิ้มหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เขาได้ยินเสียงจากเตียงอีกฝากว่า “พรุ่งนี้มึง.........”

“นายว่าไงนะ” ชานนท์ใช้สติที่เหลือเพียงน้อยนิดตอบกลับไป แต่ไม่มีเสียงใดตอบหลับมา เแล้วเขาก็วูบหลับไปในทันที
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 10 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-03-2019 09:43:47
บทที่ 10

Destiny or determine


“เฮ้ย!!”

ชานนท์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นแว่นของตนแตกเป็นชิ้นอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ แว่นเป็นสิ่งที่เขาจะคว้ามาเพื่อดูเวลาบนโต๊ะอ่านหนังสือ ก่อนไปอาบน้ำทุกเช้า แต่ตอนนี้กระจกมันหลุดออกมาและแตกออกเป็นเสี่ยง ชานนท์ประคองหยิบชิ้นส่วนเหล่านั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอม

“อะไรของมึง!”  วรุฒซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ยืนนุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวส่งเสียงถามคนตัวเล็กที่ร้องแบบไม่เป็นภาษา
“แว่นแตก” ชานนท์ตอบเสียงสั่น เพราะเขาใช้เงินเก็บเกือบครึ่งของเขาซื้อมา ตอนนี้แตกเป็นเสี่ยงอยู่ในมือ
“อ้อ!! โทษทีเรื่องนั่น กูก็แค่อยากรู้ว่ามึงใช้แว่นยี้ห้ออะไรวะ?ทนจัง..... โดนอัดไปตั้งสองรอบยังไม่เป็นอะไร สำรวจหนักมือไปหน่อยเลยแตกเลย”
“แกล้งกันหรือเปล่าเนี่ย!” ชานนท์โวย
“เฮ้ย! ปล่าวๆ มันมีรอยร้าวอยู่แล้ว แค่.... เคาะนิดเดียวก็เป็นอย่างที่เห็นนั้นแหละ”
“โอย.... แพงเสียด้วย....” ชานนท์ได้แต่โอดครวญ เพราะความจริงเขาก็แอบเห็นรอยบิ่นที่ขอบมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำสองแบบนี้
“เอ้า!! แต่งตัวได้แล้ว!!” วรุฒโยนผ้าเช็ดตัวของชานนท์จากราวที่แขวนให้
“แต่งตัว?” ชานนท์ทวนคำของวรุฒเพราะวันนี้เริ่มเรียนตอนบ่าย แต่ตอนนี้ยังแค่ช่วงสายๆ ทำไมให้รีบแต่งตัว
“ก็ก่อนนอนกูบอกมึงแล้วไง!!”
“บอกว่า?”
“เฮ้อ...... มึงนี่หลับง่ายไปไหมเนี่ย? กูบอกว่า เรามีนัดไปหาหมอด้วยกันไง!!”
“อ้อ....โอเค” ชานนท์พูดจบเขาก็วางเศษเลนส์แว่นไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง และคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นไปอาบน้ำทันที

.............

ชานนท์ขยับแว่นขึ้นลงบ่อยครั้งขณะนั่งรอเข้าตรวจกับหมอที่โรงพยาบาลเอกชนในสังกัดของมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักมากนัก โชคดีที่ได้นั่งรถของวรุฒมาทำให้มาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้เพียง 15 นาทีเท่านั้น (ตีนผีมาก ความแรงสมเป็นซุปเปอร์คาร์) เป็นครั้งแรกที่ชานนท์ได้นั่งรถคันหรูของวรุฒ เพราะปกติตุ๊กตาหน้ารถของวรุฒส่วนใหญ่จะเป็นสาวงามทั้งนั้น แม้ที่นั่งจะคับแคบไปหน่อยแต่ก็นั่งสบายดี

”เป็นอะไรไอ้เตี้ย!! ขยับแว่นไปมาอยู่นั่นแหละ เห็นตั้งแต่ในรถแล้ว รำคาญลูกตา!!”
ถ้อยคำเสียดสีแบบนี้คงมีแต่คนที่พาเขามานั่นแหละที่พูด ชานนท์มองกลับไปที่ต้นเสียง เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดนักศึกษา วรุฒแม้จะอยู่ในชุดธรรมดาแบบนี้ก็ยังเปล่งประกาย พยาบาลที่พาเขาออกยังมีรอยยิ้มแบบปลาบปลื้มเจืออยู่ที่หน้า

“ก็มันไม่ชินนี่นา ไม่ได้ใส่แว่นอันเก่านี้มาตั้งนานแล้ว” พูดจบเขาก็ขยับแว่นหนากลมโตอีกครั้ง เพราะรู้สึกไม่เข้ากับหน้าทำให้เขาขาดความมั่นใจ โชคยังดีที่เขาเอาแว่นอันเก่ามาไว้สำหรับสำรอง และก็ได้ใช้มันจริงๆ

“แว่นทรงอะไรมันจะใหญ่ขนาดนั่นวะ! โคตรตลก!!” วรุฒล้มตัวลงนั่งข้างหลังพูดจบ
“...........” ชานนท์นิ่งเงียบเพราะเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ไอ้แว่นทรงเชยๆ นี่แหละที่เคยทำร้ายชีวิตเขามาแล้วในช่วงมัธยม “แล้วหมอว่าไง?” ชานนท์เปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็แค่พกช้ำ เบาๆ แค่นี้ยังอีกไกลกว่าจะตาย เดี๋ยวไปกินยานิดหน่อยก็หาย” วรุฒพูดหน้าตาราบเรียบ พูดด้วยความรู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น
“แต่หมอใหม่คนนี้ดูกวนๆ แม่งไม่ชอบหน้าเลย” วรุฒพูดต่อด้วยสีหน้านิ่วและหัวคิ้วชนกัน
“เฮ้อ.... ใจเย็นเป็นไหม? นี่กะจะมีเรื่องทุกทีเลยหรือไง?” ชานนท์พูดจบก็ถอนหายใจยาวออกมา ในขณะที่วรุฒกลับนิ่งเฉยจนผิดปกติ เพราะหากปกติแล้ววรุฒจะต้องสวนคำพูดยียวนกวนประสาทออกมา จนทำให้ชานนท์แอบมองสีหน้าของวรุฒ ซึ่งตอนนี้นิ่งเฉยมากเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“คุณชานนท์ คะ” เสียงจากเคาน์เตอร์พยาบาลที่อยู่ไม่ไกล
“คะ....ครับ” ชานนท์สำลักคำตอบออกมา เขารู้สึกว่าวรุฒแอบยิ้มหัวเราะเขาอยู่
“เชิญพบคุณหมอปฐวีที่ห้องตรวจที่ 3 คะ”
“ครับ!” ชานนท์เดินไปรายงานตัวที่เคาน์เตอร์พยาบาล ซึ่งเขาโดนพยาบาลซักประวัติอย่างละเอียดก่อนเข้าประตูห้องตรวจ ความรู้สึกเหมือนห้องที่เข้าไปเป็นอีกดินแดนหนึ่งที่มีการตรวจคนเข้าออกอย่างเคร่งครัด

“อาจารย์เอิร์ธคะ คนไข้มาแล้วคะ” พยาบาลสาวที่เดินพาชานนท์เข้าพูดกับหมอที่นั่งอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนผิดกับน้ำเสียงที่ซักประวัติของเขาเมื่อครู่

“สวัสดีครับ” คุณหมอหนุ่มกับทรงผมที่ยาวพอควรแต่ถูกหวีให้เรียบไปกับทรงศรีษะและถูกจัดทรงอย่างดูดี เงยหน้าจากจอแทปเล็ตขึ้นมาส่งยิ้มให้ชานนท์ ชานนท์รูสึกถึงรัศมีของคุณหมอส่งออกมาอย่างเจิดจ้า ‘หล่อ... ไม่สิ...ดูสวยมากกว่า’ ชานนท์คิดในใจเมื่อเห็นวงหน้าและผิวที่ยังไม่ได้เติมแต่งอะไร แต่ก็ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายหลายคนอายได้
“วันนี้เป็นไรมาครับ เห็นพยาบาลบอกหมอว่า มีรอยพกช้ำ เพราะอุบัติเหตุ.... ไหนหมอขอดูใกล้ๆ หน่อยครับ” หมอเอิร์ธพูดจบก็ขยับเข้ามาใกล้ชานนท์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ  ชานนท์รู้กระอักกระอ่วนทันทีที่ได้ยินหมอพูดสิ่งที่เขาโกหกออกไป
“อืม.......” หมอเอิร์ธมองรอยพกช้ำที่ร่างกายสลับกับที่ใบหน้าของชานนท์ “แปลกนะ...... แสดงว่าเป็นคนซุ่มซ่าม มากเลยนะ” หมอเอิร์ธเอนหลังกลับไปนั่งในท่าเดิม
“อะไรนะครับ” ชานนท์กำลังงงที่คุณหมอพูดออกมา
“ก็รอยพกช้ำพวกนี้ มันมีทั้งเก่าและใหม่.....อืมไหนลืมตากว้างๆหน่อยครับ” พูดจบคุณหมอก็หยิบไฟฉายและอุปกรณ์ต่างๆออกมาทยอยทดสอบชานนท์ในรูปแบบต่างๆ
“ครับ?” ชานนท์พูดเป็นเชิงสอบถามถึงอาการตนเองหลังถูกคุณตรวจสอบและซักถามถึงอาการต่างๆ อีกสี่ห้าชุดคำถาม
“เฮ้อ.... เห็นแบบนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะชอบเรื่องทะเลาะวิวาทนะ” หมอเอิร์ธถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพูด
“อะไรนะครับ?!?” ชานนท์ตกใจที่คุณหมอยอดนักสืบคนนี้เดาถูกแม้แค่เห็นรอยพกช้ำต่างๆของเขา
“เอาน่ะ.... มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของหมอหรอกนะ แต่ครั้งนี้ถือว่าโชคดีนะที่ไม่เป็นอันตรายอะไร จะทำอะไรก็คิดเยอะๆ หน่อย คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงแฟนเราที่มาด้วยกันด้วย!” หมอเอิร์ธร่ายยาว
“เดี๋ยวๆ นะ หมอ!! มันไม่ใช่อย่างที่หมอคิดนะ คือ.......” แล้วชานนท์ก็เล่ายาวตั้งแต่โดนซ้อมครั้งแรกจนถึงครั้งนี้ เล่าถึงทุกตัวละครที่เกี่ยวข้องอย่งละเอียดในเวลาแค่ห้านาที
“อืม...... สรุปว่าคนที่พาเรามาไม่ใช่แฟนเรา?”
“ไม่ใช่สิครับ!! ผมไม่รสนิยมแบบนั้น”
“หมอว่าเขาก็หล่อดีนะ แถมดูเป็นห่วงเธอมากเลยด้วย”
“เหรอฮะ?”
“เออสิ... เห็นบอกให้หมอช่วยดูแลให้ละเอียดเลย เพราะนายท่าทางจะโดนหนักกว่าเขา คำพูดของเพื่อนเธอทำให้หมอเดาได้หลายอย่างเลยล่ะ”
“จะว่าไป เขาก็ไม่เชิงเป็นเพื่อนผมหรอก เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น!”
“จ้า...จ๊ะ... แต่หมอมีเรื่องถามต่อ... อีกเรื่อง!” หน้าตาหมอเอิร์ธดูจริงจังมากขึ้น และมีรอยยิ้มแสดงความดีใจลิงโลดแฝงมา “คนชื่อ ‘หลง’ ชื่อจริงชื่อว่าอะไร?”

เป็นคำถามที่ทำให้ชานนท์งงไปอีกหลายวัน แต่ก็ไม่กล้าเล่าให้หลงฟังเพราะมันดูประหลาดเกินไป

...................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 10 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-03-2019 15:24:13
หมอมาเหนือเมฆสุดๆ555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 10 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-03-2019 22:28:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าววววว  อิหมอเอิร์ธ  รู้ได้ไงว่านนท์รู้จักกับหลงอ่ะ?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 10 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-03-2019 00:42:30
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 10 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 11-03-2019 16:10:13
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 10 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 12-03-2019 21:16:02
คุณหมอนี่ยังไงน้าาา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 10 ส่วนที่ 2) อัพ 18 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 18-03-2019 16:59:05
หลังจากผ่านการสอบถามหลายเรื่อง (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษา) เสมือนอยู่ในห้องสืบสวนของตำรวจ ชานนท์เดินออกจากห้องด้วยสีหน้างง กึ่งสงสัยกับการสนทนากับหมอเอิร์ธที่ผ่านมา

“หมอว่าไง ทำไมทำสีหน้าแบบนั้น”  คนตัวสูงที่นั่งรออยู่ด้านหน้าถามด้วยสีหน้ากึ่งกังวล
“หมอก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรที่น่ากังวล แต่แค่งงกับคำถามแปลกๆ ของหมอเท่านั่นแหละ”
“เออ.... จริง! ถามนอกเรื่องเยอะ อย่างเรียนที่ไหน? คณะอะไร? เป็นกีฬาหรือเปล่า? .....แต่กูเลือกที่จะไม่ตอบ!”
“นึกว่าล่ะ นายเข้าไปแปปเดียวเอง”
“ช่างเหอะ! ไปรับยาเถอะ ต้องไปต่ออีกหลายที่”
วรุฒพูดจบก็เดินนำห่างออกไป
“หลายที่? เดี๋ยว!! ไปไหน? แล้วคาบเรียนช่วงบ่ายล่ะ?”
ชานนท์สาวเท้าเดินเร็วขึ้นเพื่อตามก้าวยาวๆของคนข้างหน้าให้ทัน

....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 1) อัพ 18 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 18-03-2019 17:19:12
บทที่ 11

Sweet revenge


แฮ่กๆๆ

เสียบหอบหายใจถี่รัวของชานนท์ ดังก้องไปทั่วโสตประสาทของเขาเอง เขาเข้ามานั่งในห้องเรียนคาบแรกของภาคการศึกษาแรกก่อนเวลาเพียงสองนาที

“ไปเหนื่อยจากที่ไหนมาเนี่ย?” เมย์ที่นั่งข้างๆ อยู่ก่อนทักขึ้นเสียงดังด้วยหน้าตาสงสัยสุดขีด
“ไม่..... ไม่ที่ไหน....... วิ่งมาจากชั้นล่างเนี่ยแหละ อย่าเพิ่งถามเลย โอ้ย! หายใจไม่ทัน” ชานนท์หอบไปพูดไป เขารู้สึกลมหายใจจะขาดห้วงไปในประโยคถัดไปหากเขาพูดต่อ

“เฮ้ย! นนท์ นายดูเปลี่ยนไปนิดหน่อยไหมเนี่ย? อืม..... แว่นใหม่นี่!! อย่าบอกว่าที่มาเกือบสายเนี่ย เพราะไปซื้อแว่นใหม่มา!!” เมย์ดูตื่นเต้นสายตาสอดส่อง
“เอ่อ......” ชานนท์นึกภาพไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ เขาถูกลากไปลากมากับวรุฒ หลังจากถูกลากไปโรงพยาบาล วรุฒเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดให้โดยอ้างว่าเป็นการขอบคุณที่เข้าช่วยแบ่งหมัดแบ่งตีนไอ้พวกนักเลงพวกนั้น ตามด้วยลากไปห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด เขาถูกบังคับให้เดินตามวรุฒไปร้านแว่นตาหรูหราแห่งหนึ่ง วรุฒหยิบเลือกแว่นตาบนชั้นวางอย่างชำนาญ สลับกับการมองหน้าชานนท์ไปด้วย วรุฒวางแว่นตาจำนวนหนึ่งตรงหน้าชานนท์ที่ยืนอึ้งกับราคาแว่นตาที่วางอยู่ในตู้โชว์ภายในร้าน

ชานนท์รีบหยิบแว่นตาเหล่านั้นพลิกป้ายราคาขึ้นดูก่อนเป็นอย่างแรก ทุกชิ้นที่วางอยู่ล้วนมีรูปทรงที่สวยงาม และมีลักษณะคล้ายกับของที่พังไปแล้วของเขาทั้งสิ้น แต่ราคาแพงกว่ากันมาก

“ทำสีหน้าแบบนั้นแปลว่าอะไร?” วรุฒพูดตัดบทขณะชานนท์มองป้ายราตาเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวล
“แว่นพวกนี้มันแพงไปน่ะ ของเก่าเรายังใช้ได้ แค่เปลี่ยนเลนส์ก็พอ”
“กรอบเก่าของมึงมันบิ่นหมดแล้ว เสียรูปแล้วด้วย เปลี่ยนอันใหม่ไปเลย!! ไม่ต้องกลัวกูซื้อให้!!”
“เอ่อ...... มันแพงไปนะ”
“กูมีเงินจ่าย อย่าเรื่องมากสิ กูมีส่วนทำของมึงพังกูก็ต้องจ่าย!” วรุฒย้ำเสียงหนักแน่น
“เอ่อ......” ชานนท์หยิบแว่นที่วางอยู่ตรงหน้าจำนวนหนึ่งอย่างลังเล
“โอ้ย.... มึงนี่อะไรวะ!?! มากูเลือกให้!!” วรุฒหยิบแว่นชิ้นหนึ่งออกมาจากกองอย่างไม่ลังเล เขาลองทาบมันลงบนหน้าของชานนท์อย่างห่างๆ “เอาชิ้นนี้แล้วกัน เชื่อกู!!” แล้วเขาก็เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์โดยทิ้งชานนท์ยืนอยู่เบื้องหลังจากหมดคำพูด เพราะหากเขาจำไม่ผิด ชิ้นนั้นเป็นชิ้นที่แพงที่สุด แม้เขาจะรู้สึกถูกใจ และดีใจที่ได้แว่นตาใหม่ที่ดีกว่าเดิมมาก แต่สิ่งนี้มันเกินกว่าสิ่งที่เขาเสียไป เขาไม่อยากรู้สึกติดหนี้บุญคุณอะไรวรุฒเพิ่มอีก(ค่ารักษาพยาบาลก็จ่ายให้) ทำให้เขารู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์นี้มากๆ

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!! เหม่ออะไรนักหนา มาวัดสายตาสิวะ พามาตัดแว่นจะเอาแต่กรอบหรือไง?!?” เสียงวรุฒดังขึ้นจากทางแคชเชียร์ทำให้ชานนท์รีบเดินเข้าไปหาทันที


“สวัสดีนักศึกษา!! กรุณานั่งให้เรียบร้อย!!”

เสียงดุดันเสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าชั้นเรียน ทำให้ภาพในหัวของชานนท์ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน

“ว้าย!! อาจารย์มาแล้ว!!” เมย์ร้องเสียงหลงและกลับไปนั่งอย่างเรียบร้อยที่เก้าอี้ของตนเอง “เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน!!”
เมย์หันมากระซิบใส่ชานนท์ เขายิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป และหันไปสนใจอาจารย์ที่หน้าห้อง

“เอ้า! สายแล้วก็รีบเดินเข้าไปนั่งให้เรียบร้อยสิ!!”
อาจารย์หน้าห้องส่งเสียงดุนักศึกษาชายร่างสูง ที่เดินย่างเข้าห้องมาขณะอาจารย์กำลังเตรียมการสอนอย่างใจเย็น นักศึกษาที่มักจะเป็นจุดสนใจของนักศึกษาหญิงเสมอ วรุฒเดินเข้ามามองหน้าชานนท์อย่างไร้อารมณ์และเดินผ่านไปโดยไร้การทักทายใดๆ และผุบลงไปนั่งที่ท้ายห้องอย่างเงียบเชียบ
‘เฮ้อ.... เหตุการณ์กลับเป็นปกติแล้วสินะ หวังว่าเราคงไม่ต้องยุ่งอะไรกันอีกนะ มีวรุฒเข้ามาในชีวิตเขา ทำให้ชีวิตเขาวุ่นวายเป็นที่สุด เป็นเพื่อนร่วมห้องกันแค่นั้นเหมือนเดิมก็พอแล้ว’ ชานนท์คิดอยู่ในหัว

...........................


“โอ้ยยยยยย ฉันไม่ถนัดวิชานี้เลยแก....” สาวห้าวบ่นกระปอดกระแปดตอนสิ้นคาบเรียนของวันนี้
“เธอก็พูดแบบนี้ทุกวิชา!” ชานนท์พูดสวนไปอย่างประชดประชัน
“ใครจะเหมือนเธอล่ะ ตอบคำถามอาจารย์ได้ทุกข้อเลย!!”
“ปีหนึ่งมันมีแต่วิชาที่ปูพื้นฐานที่เรียนมาแล้วทั้งนั้น ทำไมจะตอบไม่ได้ล่ะ! ง่ายจะตาย แปลกใจนะที่เธอพูดแบบนี้ เธอสอบติดที่นี่ได้ไงเนี่ย?”
“นั่นสิ!! สงสัยดวงดี”
“อ้าว..... มุกใช่ไหมเนี่ย? ก็เห็นเธอจดโน้ตได้เยอะเลยนี่”
“ฉันมันพวกความจำสั้นน่ะ ออกนอกห้องก็ลืมแล้วเลยต้องตั้งใจหน่อย ว่าแต่....... แกดูจะมีคู่แข่งนะ” เมย์หันไปเหลือบมองคนตัวสูงหลังห้อง จนชานนท์ต้องหันตามไป
“เออ! นั่นสิ ไม่น่าเชื่อเลยนะ....” ชานนท์ตอบไปทั้งยังนึกย้อนไปที่คาบเรียนที่เพิ่งจบไป อาจารย์ให้ทำ ‘พรีเทสต์’ และคนที่ได้คะแนนเต็มมีเพียงสองคนเท่านั้นคือ ชานนท์และวรุฒ
“ไม่น่าเชื่อคนแบบนั้นจะเรียนเก่งเลยให้ตายเหอะ” เมย์ที่ได้คะแนนผ่านครึ่งมาเพียงเล็กน้อยตอบด้วยสายตาอิจฉาไปทางหลังห้อง

“สวัสดีรุ่นน้องทุกคน!!” เสียงรุ่นพี่ดังขึ้นที่หน้าห้อง พร้อมกับการก้าวเข้ามาของทัพรุ่นพี่ปีสองจำนวนหนึ่ง

“ฉันว่าแล้วเชียวว่าทำไมอาจารย์ถึงบอกให้รออยู่ในห้องก่อน!” เมย์โวยขึ้นมาเล็กน้อย
“กิจกรรมรับน้องภาคสอง อนุมัติแล้วสิเนี่ย!” ชานนท์มองไปที่จำนวนรุ่นพี่ข้างหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วสายตาก็ไปสะดุดที่พี่เอกที่โบกไม้โบกมือทักทายเขาอยู่ในแถวรุ่นพี่หน้าห้อง ชานนท์ยิ้มตอบกลับไปอย่างเกรงใจ เขาไม่อยากเจอกับพี่เอกในสภาพ ‘แผลใหม่’ แบบนี้เลย

....................

“เกิดอะไรขึ้น?!?”

เสียงพี่เอกพูดอย่างหงุดหงิด หลังจากที่เลิกการรับน้องและซ้อมเชียร์วันแรก
“ไม่เป็นอะไรครับ” ชานนท์ตอบได้ไม่เต็มปากนัก
“เอ็งไม่มีสมาธิ เต้นตามไม่ทัน เต้นไม่เข้าจังหวะ มีอาการเหนื่อยๆ” พี่เอกพูดวิจารณ์เป็นชุด
“เอ่อ....... อ่อ.........” ชานนท์อ้ำอึ้งไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน
“เอ็งยังไม่หายดีก็อย่าฝืนสิวะ” พี่เอกเข้ามาใกล้จนหน้าเกือบชนกับหน้าของชานนท์ “เฮ้ย!! เอ็งมีแผลเยอะขึ้นปะเนี่ย” พี่เอกทำท่าตกใจและใช้มือช้อนหน้าของชานนท์ให้หงายขึ้น พี่เอกเพ่งมองอย่างพินิจพิเคราะห์

“พี่เอก ผม... โอเคครับ เดี๋ยวผมจะตั้งใจครับ” ชานนท์สบัดหน้าหลบสายตาของอีกฝ่ายและพยายามเบี่ยงประเด็น
“อย่ามาโกหก! ท่าทางเอ็งเหมือนยังไม่หายดีทั้งที่พักตั้งหลายวันแล้ว ไอ้ขี้แก๊กมันซ้อมเอ็งเพิ่มเรอะ?!!” พี่เอกพูดจบก็ส่ายหน้าซ้ายขวามองหาเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ด้วยดวงตาที่น่ากลัว

“เดี๋ยวๆ พี่ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด ผมมีเรื่องจะเล่าให้พี่ฟังเหมือนกันแต่.... ไม่อยากให้พี่เป็นห่วง”  ชานนท์เขย่าแขนพี่เอกอย่างแรงเพื่อให้พี่เอกเลิกมองหาวรุฒ เพราะอาจจะทำให้เรื่องบานปลาย
“มันอยู่นั่นเอง!! แปลกนะที่มันไม่ได้อยู่กับยัยวิ! ดีจะได้เคลียร์กันได้สะดวก!!”
“พี่เอก!!” ชานนท์เสียงดังขึ้น “ฟังก่อน!!” ชานนท์พยายามเน้นเสียงและดึงพี่เอกรั้งให้อยู่กับตน เพราะไอ้ชายร่างสูงตัวปัญหาดันเดินมาทางทิศที่เขาอยู่พอดี

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปกลัวมันเดี๋ยวพี่เคลียร์เอง!”
พี่เอกเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจกับการฉุดรั้งของชานนท์เลย สภาพของเขาเหมือนสุนัขตัวน้อยที่เรียกน้องความสนใจจากเจ้านายที่ไม่สนใจสัตว์เลี้ยงตัวเองเลย
“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย เสร็จยัง? กลับเถอะ! แล้วพี่เองก็ควรจะปล่อยน้องกลับไปพักได้แล้วพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า!!”
วรุฒมาประชิดพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็วและพูดด้วยสีหน้าและดวงตาที่ขวางโลก
“กูไม่ได้รั้งอะไรน้องกู แล้วมึงล่ะทำไมมาคนเดียวรุ่นพี่ ‘คนสนิท’ ของมึงล่ะ?” พี่เอกพูดจาด้วยสีกน้าจริงจังและน้ำเสียงที่ดุดันกว่าปกติ

“อืม...... ไหนมึงว่าไม่ใช่แฟนไง ทำไมหวงก้างอย่างนี้วะ!” วรุฒเหล่มองชานนท์ที่เพิ่งคลายมือจากแขนของพี่เอก เพราะขนาดนี้แล้วเขาคงไม่มีแรงห้ามแล้วหากจะมีเรื่องกัน

“ไม่ใช่แฟนโว้ย!!” ชานนท์ตอบกลับอย่างเหลืออดใส่วรุฒ แต่พี่เอกกลับหันมามองชานนท์ด้วยสายตาที่ต่างจากปกติ
“ไม่ใช่แฟน! มึงก็กลับได้แล้วดิวะ จะอยู่ด้วยกันทำไมนานๆ แบบนี้!! ไป!! กลับกันเถอะ” วรุฒพูดข้ามหัวพี่เอกไปเหมือนเป็นของประกอบฉาก

“เดี๋ยว!! กูพูดกับมึงอยู่นะ!!” พี่เอกเริ่มยั่วะ
“ก็กูไม่อยากคุยกับมึงไง!!” วรุฒทำหน้ากวนบาทาใส่
“มึงต้องเคลียร์กับกูก่อน!! เรื่องแผลของนนท์!!” พี่เอกที่มีความสูงไล่เลี่ยกับวรุฒได้กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างไม่ยากเย็น สายตาเย็นชาของวรุฒปะทะกับสายตาที่ร้อนแรงของพี่เอกจนทำให้บรรยากาศปั่นป่วนไปหมด ทั้งที่มองไม่เห็นแต่ชานนท์รู้สึกได้
“มึง... อยากรู้อะไรก็ไปถามแม่หญิงงามเมืองกับคนของเธอตรงโน้นไป!!” หลังจากเกิดเดธแอร์เป็นระยะเวลาชั่วน้ำเดือดวรุฒก็พูดขึ้นมาและใช้สายตาเป็นสื่อให้ทุกคนมองไปที่ๆเขามอง

พี่วิกับชายท่าทางวางกล้ามกลุ่มหนึ่งปรากฏมาในระยะสายตาของทั้งพี่เอกและชานนท์ ทางฝ่ายที่ถูกจ้องมองเองก็รู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่ายและใช้สายตามองกลับมาด้วยท่าทีดุดัน

ชานนท์รู้สึกปวดแสบที่ช่วงท้องปราดขึ้นมาทัน เขามีอาการหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัดจนเท้าของเขาก้าวถอยห่างจากจุดเดิมจนพี่เอกรู้สึกได้ การแสดงท่าทางของชานนท์อธิบายได้ทุกอย่าง จากประสบการณ์พี่เอกทำให้เขาปะติดปะต่อจิ๊กซอว์เหตุการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ พี่เอกค่อยๆ คลายมือจากคอเสื้อของวรุฒ และมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทั้งชานนท์และวรุฒสลับไปมา

“ชานนท์.... ไปจากตรงนี้ก่อน พี่มีเรื่องต้องเคลียร์นิดหน่อย!”
พี่เอกพูดเอ่ยขึ้นมา เสียงที่เหมือนลอดออกมาจากฟันที่ขบกันแน่น จนเหมือนเขาพูดกับตัวเอง
“พี่เอก.... ช่างมันเถอะ!!” ชานนท์ร้องทักขึ้นมา
“เฮ้ย! มึงไปกันก่อน รุ่นพี่มึงก็บอกแล้วไง!!” วรุฒลากชานนท์ออกจากจุดเดิมโดยง่าย แม้ชานนท์จะรู้สึกเป็นห่วงพี่เอกแต่เขาก็มั่นใจว่าพี่เอกดูแลตัวเองได้ จากสายตาที่ดุดันของคู่กรณี มันทำให้เขากลัวเกินกว่าจะหยุดขาตัวเองให้รั้งอยู่ตรงจุดเดิมได้ เขาจึงได้แต่มองพี่เอกเดินไปหากลุ่มอันธพาลนั่นด้วยสายตาที่เป็นห่วงเท่านั้น

“เอาน่า รีบเดินเถอะ กูว่ารุ่นพี่มึงดูแลตัวเองได้!! กูไม่ได้กลัวที่จะมีเรื่องกับมันอีกรอบนะ แต่กูกลัวมึงจะโดนลูกหลงอีกรอบ!!” วรุฒพูดไปลากชานนท์ไปด้วย เขาลากชานนท์จนแทบจะเรียกได้ว่าอุ้มเขาออกจากพื้นที่ลานกว้างหน้าอาคาร

“อะไรนะ?” ด้วยความกระทันหัน ชานนท์จึงจับใจความประโยคสุดท้ายไม่ชัดเจน
“เอาเป็นว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึง มึงไม่ต้องยุ่ง กูจะหาทางเอาคืนพวกมันให้หนักเลย เอาคืนทั้งหมัดมั้งตีนพวกมันให้สาสม”
วรุฒพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่เหมือนมีประกายไฟขึ้นมาวาบหนึ่ง
“โง่หรือเปล่า แบบนี้มันก็ไม่จบสิ คิดเหรอว่าเอาคืนพวกนั้นแล้วเขาจะไม่เอาคืนอีก!!” ชานนท์คัดค้าน
“หึ!! กะแล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้ กูก็เลยคิดแผนสองไว้แล้ว ก็เลยจะชวนมึงกลับมาเพื่อขอความร่วมมือนี่ไง!!”
วรุฒหันกลับมาตอบชานนท์ด้วยรอยยิ้มเจ้าเลห์
“อะ....อะไรเหรอ?” ชานนท์รู้สึกไม่ดีกับรอยยิ้มนั่นเอาเสียเลย
วรุฒไม่ได้ให้คำตอบอะไรเพียงแค่เดินนำหน้าไปอย่างเงียบสงบ

...........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 1) อัพ 18 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-03-2019 20:07:31
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 1) อัพ 18 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-03-2019 20:20:56
อิวรุฒแกคิดอะไรอยู่ บอกมานะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 1) อัพ 18 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-03-2019 21:24:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 1) อัพ 18 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2019 00:09:42
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมบทที่ 10 ส่วนที่ 2 มันสั้นกุดขนาด

อิตาวรุฒพูดถึงแผนสอง  มันคืออัลไล?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 1) อัพ 18 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 19-03-2019 01:14:43
มีแผนอไรน้อ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 11 ส่วนที่ 2) อัพ 23 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 23-03-2019 10:52:08
“อะไรนะ!!! ไม่เอาหรอก!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงขณะฟังแผนการเอาคืนของวรุฒจนจบ
“อะไรวะ! วิธีแรกมึงก็บอกว่ารุนแรงไป พอกูบอกวิธีซอฟต์ๆมึงก็จะไม่เอาอีก!!” วรุฒโวยกลับ เขาเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้บริเวณโต๊ะอ่านหนังสือด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“มันร้ายกาจเกินไป วิธีแรกนายขยี้เขาทางกายภาพ แต่วิธีที่สองนี้นายขยี้เขาทั้งใจเลยนะ” ชานนท์พูดไปก็ย้อนทวนแผนการทั้งหมดที่วรุฒเล่าให้ฟัง
“แล้วมึงจะเอายังไง หากไม่ทำแบบนี้ พวกเราคงอยู่ที่นี่ไม่สงบสุขหรอก ต้องให้เด็ดขาดมันจะได้เลิกยุ่งกับพวกเราอีก หรือมึงอยากจะระแวงระวังตลอดเวลา!!”

วรุฒพูดมาทั้งหมดมันก็มีเหตุผล หากพวกเขาไม่ทำอะไรเรื่องแบบนี้มันคงไม่จบลงง่ายๆ โดยเฉพาะกับพี่วิที่ดูไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร เพราะห่วงแต่ความต้องการของตนเองเท่านั้น วิธีแรกก็อาจจะรุนแรงไป การจ้างคนไปรุมกระทืบและข่มขู่อีกฝ่าย มันเรียบง่ายแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่ และแน่นอนพี่วิไม่ได้รับผลกระทบอะไรอยู่แล้ว ยิ่งถ้ารู้ว่าแฟนเธอไม่กล้ายุ่งกับพวกเขาแล้วจะยิ่งรุกพวกเขาหนักกว่าเดิม ส่วนวิธีที่สอง มันยุ่งยากกว่า ใช้เวลานานกว่า แต่ก็น่าจะได้ผลดี ชานนท์คิดทบทวนในใจจนเงียบไปพักใหญ่

“เอาไงมึง!?! รีบตัดสินใจเร็วเข้า!!” วรุฒเร่งเร้าด้วยเสียงที่เข้มดัง
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?”
“ไม่มี กูคิดได้แค่หรือมึงมี?”
“อืม..........เอาก็เอา!! วิธีที่สอง!!” ชานนท์พูดโดยไม่สบตาอีกฝ่าย เขาเลือกวิธีนี้เพราะวิธีแรกนอกจากอาจจะไม่ได้ผลแล้วอาจจะมีคนตายได้ด้วย เขาไม่อยากเป็นฆาตกร แต่วิธีที่สอง..... เขาหวังแต่ว่าจะไม่มีใครเจ็บเจียนตายนะ
“เลือกได้ดี!!” แววตาวรุฒมีแสงวาบขึ้นมาจนน่ากลัว “กรุณาให้ความร่วมมืออย่างดี และ.....ห้ามมาเสียใจทีหลังนะ”

..........................


“เอ่อ.... จะว่าไปก็รู้จักนะ พี่เขาดังจะตาย”
หลงทำหน้าครุ่นคิดพร้อมกับกับมองหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของชานนท์
“แปลว่าเขาอยู่คณะนายจริงๆใช่ไหม?” ชานนท์เก็บโทรศัพท์ของตนที่มีรูปที่ส่งต่อจากเพื่อนร่วมห้องของเขา หลังจากที่วรุฒวางแผนและส่งมอบหมายงานให้ชานนท์ไปสืบข้อมูลเพิ่มเติม
“เออสิ เขาเป็นถึงแชมป์นักกีฬามวยสากลประจำมหาวิทยาลัย นายถามไปทำไมเหรอ แปลกนะเนี่ย ที่นายมาหาเราถึงคณะฯแบบนี้ หรือว่าสนใจพี่เขา?”
ชานนท์แวะมาหาหลงที่คณะวิทยาศาสตร์ หลังเลิกเรียนในช่วงเที่ยง เพราะโดนวรุฒสั่งมาให้หาข้อมูลเพิ่ม
“จะบ้าเรอะ!!” ชานนท์ทำท่าทางขุ่นเคืองใส่
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าใช่ก็คงจะลำบากนะ เพราะพี่เขามีแฟนแล้ว สวยด้วย แต่จำไม่ได้ว่าอยู่คณะไหน” หลงแซวต่อ
“ก็คณะเรานี่แหละ!” ชานนท์หลุดพูดออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“อะไรนะ?” หลงถามเพราะไม่แน่ใจสิ่งที่ชานนท์พูดหงึมงำกับตัวเอง
“อ้อ... ไม่มีอะไร แล้วคือ...... ส่วนใหญ่ พี่.... เอ่อ...”
“พี่พัฒน์ พี่เขาชื่อพี่พัฒน์ ธนพัฒน์” หลงเติมคำในช่องว่าง
“เออ ใช่ ชื่อพี่เขา... ชื่อพี่พัฒน์.... ส่วนใหญ่เขาชอบทำอะไร ที่ไหนเหรอ?”
“ไหนบอกไม่สนใจ ทำไมถามอะไรแบบนี้วะ?”
“ก็แบบ...... มีเพื่อนเราชอบน่ะ.... เลยให้เรามาถามให้”
“อ้อ.... แบบแฟนคลับอะไรพวกนี้เหรอ?”
“อือ...เอ้อ เออ ใช่ แฟนคลับ”
“พวกผู้หญิงนี่ก็ชอบ ทำอะไรแบบนี้จริงๆนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า.....” ชานนท์หัวเราะแห้งๆตอบกลับไป
หลังจากนั้นคนที่ดูเหมือนไม่ได้เต็มใจเล่าก็เล่าให้ชานนท์ฟังอย่างละเอียดยิบ สมแล้วที่วรุฒให้มาถามหลง เพราะคนอย่างหลงนี่เก็บอะไรได้ไม่อยู่จริงๆ วรุฒมองคนได้ขาดอย่างเหลือเชื่อ

................


เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจภายในร้านกาแฟขนาด สี่คูณสี่เมตรใต้อาคารคณะวิทยาศาสตร์ แหล่งรวมเหล่านักศึกษาจากหลากหลายคณะ โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ที่มีการจัดตกแต่งร้านได้สมกับเป็นคณะวิทยาศาสตร์จริงๆ ทั้งโต๊ะที่นั่ง ลักษณะแก้วเครื่องดื่มแบบปิ้กเกอร์และที่คนสะสารคล้ายกับห้องทดลองทางเคมี ลายวอลล์เปเปอร์แบบสูตรในตารางธาตุที่มีสีสันกลมกลืนกับพื้นสีขาวมันวาว ชานนท์นั่งอยู่ท่ามกลางนักศึกษาที่มีท่าทางอิดโรยจากการรับน้องของแต่ละคณะฯ และแวะมาผ่อนคลายที่ร้านคาเฟ่ที่มีสไตล์ที่สุดแห่งหนึ่งในคณะ

วันนี้ชานนท์มาเพียงลำพัง เขานั่งด้วยท่าทางชะเง้อซ้ายมองขวาอย่างไม่เป็นสุขเท่าไหร่ จนกระทั้งคนๆหนึ่งปรากฏเข้ามาในคลองสายตาของเขา ชานนท์ถึงกับยิ้มออกมาและผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“โหย...... ไกลเหมือนกันนะเนี่ย รอนานไหนจ๊ะ” สาวสวยน่ารักในชุดวอร์มสำหรับชั่วโมงพละของมหาวิทยาลัยพูดออกมาพร้อมหอบหายใจเล็กน้อย
“ไม่นานหรอก วันนี้ที่คณะทำการซ้อมเพลงเชียร์เกินเวลามาเหมือนกัน” ชานนท์ยิ้มกลับไปที่มายา หรือ มายด์ อนาคตดาวคณะบริหารธุรกิจ
“ขอบใจนะที่อุตส่าห์ชวนมา แต่แน่ใจนะว่ามีของเด็ด ไม่เด็ดนี่มีโกรธนะ มาไกลขนาดนี้” มายด์ใช้มือทำท่าพัดโบกตัวเองคลายความร้อนจากการเดินทาง
“เด็ดจริง! ไม่เชื่อดูเมนูสิ” ชานนท์ยื่นเมนูของร้านให้อีกฝ่ายดูทันที  “อันนี้เมนูแนะนำ และนี่ก็มีการรีวิวกันเยอะมากช่วงนี้” ชานนท์พูดแนะนำต่ออย่างชำนาญไม่ต่างจากเจ้าของร้าน เพราะก่อนจะมาร้านนี้เขาศึกษาเมนูและการรีวิวร้านอย่างละเอียด
“โห..... ทำการบ้านมาดีอ่ะ.... เอ่อ.... แล้วยัยเมย์ล่ะ?” มายด์ยกนิ้วให้กับความคล้องแคล้วของชานนท์
“อ้อ... วันนี้เธอมีนัดกับแฟนน่ะ”
“เบื่อคนมีคู่จริงๆ เลย!!” มายด์แอบเบะปากเล็กน้อย
“งั้นเดี๋ยวเราไปเอาน้ำดื่มเย็นๆมาให้ก่อนนะ เพราะกว่าของที่สั่งจะมาก็อีกสักพัก” ชานนท์มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะพูดขอตัวกับมายด์
“นัดใครอีกเหรอ นึกว่าเราจะได้มีเวลาอยู่กันสองคนเสียอีก” มายด์ยิ้มล้อเลียนอย่างเจ้าเล่ห์
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะอย่างเขินอาย แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นการพูดล้อเล่นสไตล์มายด์เท่านั้น แต่อาการใจสั่นของเขาน่ะของจริง สิ้นเสียงหัวเราะเขาก็ขอตัวไปหยิบน้ำดื่มเย็นๆ ที่มีบริการอยู่ที่มุมเคาเตอร์สั่งอาหารของร้าน

ชานนท์เดินหายไปพักใหญ่จนกระทั้งมายด์ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกเมนูอะไรบ้างมาลองรับประทาน ทุกอย่างถูกจดอยู่ในกระดาษสำหรับสั่งอาหารที่วางไว้ให้ทุกโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
มายด์จึงตัดสินใจยืนขึ้นเพื่อมองหาคนที่หายไป

สายตาของมายด์สอดส่ายไปทั่วร้านที่คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาหลากหลายชั้นปี และมีการแต่งกายที่ใกล้เคียงกันจนทำให้มายด์ตาลายไปพักใหญ่ จนในที่สุดเธอก็ไปสะดุดอยู่ที่ผู้ชายแต่งกายเรียบร้อยที่ยืนหันหลังเก้ๆกังๆ อยู่หน้าร้าน กับคนหน้าตาไม่คุ้นตากลุ่มหนึ่ง เธอรู้ในทันทีว่าคนที่ยืนอยู่หน้าร้านคือเป้าหมายเธอหาอยู่ มายด์จึงตัดสินใจหยิบของวางไว้ที่โต๊ะ และเดินไปที่เป้าหมายทันที

“นนท์!! ทำไมไม่กลับไปที่โต๊ะเสียที รอตั้งนาน! เดี๋ยวกลับดึกกันพอดี” มายด์โวยวายเมื่อเดินมาถึงจุดที่ชานนท์ยืนทำท่าทางแปลกๆอยู่
“โห.... มากับผู้หญิงเสียด้วย แฟนเหรอ... น่ารักนี่หว่า!!” ชายเสียงยียวน มาดนักเลงในชุดนักศึกษาแบบปล่อยชายพูดขึ้นและมองมาทางมายด์ด้วยสายตาน่ากลัว
“เพื่อน!!” ชานนท์ขยับก้าวจากจุดเดิมเพื่อมาปกป้องผู้หญิงบอบบางอย่างมายด์
“แต่สายตามึงบอกว่าคิดมากกว่านั้นนะ” ชายผิวเข้มที่อยู่ในกลุ่มนี้อีกคนพูดขึ้นจากด้านหลังชายนักเลงคนแรก
“นนท์... เราว่ากลับเข้าไปในร้านดีกว่านะ แถวนี้บรรยากาศไม่ดีเลย!!” มายด์พูดพร้อมดึงแขนขานนท์ให้ขยับออกจากตรงนั้น
“จะไปไหนล่ะน้องสาว อยู่คุยกันก่อนสิ!!”
ชายตาตี่อีกคนเดินอ้อมมาดักมายด์จากอีกทางหนึ่ง
“คนพวกนี้เป็นใครน่ะ นนท์?” เสียงของมายด์มีความกระวนกระวาย
“เอ่อ.... เราไม่รู้จัก อยู่ๆก็มาหาเรื่องเรา!” ชานนท์ตอบไปพร้อมกับหันซ้ายขวาระวังตัวไปด้วย
“เอ๊ะ! มึงนี่ก็ความจำสั้นจังนะ เราเคยเจอกันมาก่อนนะ หรือต้องโดนอีกสักหมัดถึงจะจำได้!!” ชายเสียงยียวนคนแรกพูดขึ้นพร้อมขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกก้าวพร้อมยกหมัดขึ้นมา
“.............” ชานนท์หน้าเริ่มซีดมากกว่าเดิม ไม่ใช่เขาจำไม่ได้ แต่เขาไม่อยากจำ และไม่อยากมีเรื่องอีกแล้วมากกว่า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยืนในจุดเดิม จุดที่จะปกป้องมายด์ได้
“อะไรของพวกนี้เนี่ย! เราอย่าไปยุ่งกับพวกโรคจิตเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า!” มายด์พยายามเบี่ยงตัวหลบคนที่มาขวางทางเธออีกด้านหนึ่ง ส่วนมือก็คว้าแขนชานนท์และดึงให้ตามเธอไป แล้วชานนท์ได้แต่คิดในใจว่านิสัยแบบนี้มันน่าจะมาจากเมย์มากกว่า สองคนนนี้คงอยู่ด้วยกันมากเกินไป

แต่ทว่ายังไม่ทันจะผ่านไอ้หน้าตี๋ตาตี่ไปได้ ชายตาตี่ก็ขยับก้าวไปดักด้านหน้าของมายด์อีกครั้ง

“จะไปไหนจ๊ะน้องสาว” ชายตาตี่ไม่เพียงแค่พูดเขายกมือขึ้นจับที่ไหล่ของมายด์แบบเต็มไม้เต็มมือ แต่แทนที่มายด์จะโววาย เธอกลับนิ่งเฉยกว่าที่คิด ชานนท์กำลังจะพลิกตัวเพื่อไปช่วยสาวน้อยที่กำลังโดนลวนลาม แต่ปฎิกิริยาของมายด์ว่องไวกว่าความคิดของชานนท์มาก เธอยกมือจับขึ้นจับข้อมือของชายที่รูปร่างใหญ่กว่า บิดมือต้นเองและวาดแขนอย่างอ่อนช้อยว่องไวจนทำให้อีกฝ่ายทรุดลงไปยอมจำนวนในท่าที่บิดงออย่างเหลือเชื่อ!!

“โอ้ย!!!....” ชายตาตี่ที่ทรุดลงไปทั้งที่แขนถูกบิดลงไปไขว้ที่หลังอย่างผิดธรรมชาติ และร้องอย่างเจ็บปวด
“เฮ้ย ยัยนี่นิ!!” พวกที่เหลือชี้และส่งเสียงประสานกัน ในขณะที่ชานนท์กำลังยืนอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พร้อมกับมีคำพูดของวรุฒผุดขึ้นในหัว ‘อย่าเห็นว่าแม่นั้นเป็นผู้หญิงน่ารักบอบบางแล้วจะอ่อนแอจนดูแลตัวเองไม่ได้’

“เฮ้ย!! พวกมึงทำอะไร!!” เสียงดังทรงอำนาจแหวกอากาศมาจากอีกด้านหนึ่งของตึก
“ลูกพี่!!” กลุ่มอันธพาลพูดเป็นเสียงเดียวกัน หน้าซีดเผือดและถอยหลังไปครึ่งก้าว ส่วนไอ้ตาตี่ที่นั่งหมอบเพราะโดนมายด์ล็อคนิ้วล็อคมือไว้ ได้แต่ก้มหน้าก้มหน้าก้มตาหน้าซีด

“อ้อ! หัวหน้าฝูงมาพอดี ช่วยฝึกพวกของนายให้เชื่องหน่อยนะ ไม่ไช่ปล่อยมารังแกคนอื่น!!” มายด์ที่ยังคงใช้มือล็อคมือของไอ้ตาตี่ หันไปหาคนที่พวกอันธพาลเรียกว่า ‘ลูกพี่’ ชานนท์ยังจำเสียงและใบหน้านี้ได้ดี รวมถึงรสสัมผัสอันหนักหน่วงของหมัดเท้าของ ‘ลูกพี่’ คนนี้ได้ดี ทำใช้ชานนท์ถึงกับถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ

“พวกมึงกูบอกกี่ครั้งแล้วว่า ห้ามมีเรื่องกับผู้หญิง!!” เสียงลูกพี่ของกลุ่มนักเลงเข้มและดังขึ้น “เฮ้อ! รู้ที่ไหนอายเขาถึงที่นั้น พวกมึงอยู่สมาคมกีฬามวยสากล แต่กลับแพ้ให้กับผู้หญิงนี่นะ!!!” ลูกพี่ของเหล่าอันธพาลมองสภาพอันน่าสมเพชของลูกน้องของตน และมองสลับไปกับมายด์ที่ดูท่าทางหงุดหงิด (ไม่รู้ว่าหงุดหงิดเรื่องนี้หรือเรื่องหิวขนมกันแน่)

“น้องครับ พี่ขอโทษแทนรุ่นน้องของพี่ด้วยนะครับ” ลูกพี่ปรับเสียงให้อ่อนหวานขึ้นเมื่อพูดกับหญิงสาวน่ารักตรงหน้า
“หึ!! ก็ยังดีมีคนที่พอมีมารยาทอยู่บ้าง!!” มายด์พูดจบก็ปล่อยให้ไอ้หนุ่มตาตี่เป็นอิสระ พอไอ้ตาตี่เป็นอิสระก็ต้องหลบสายตามาดร้ายของลูกพี่ของเขาและวิ่งหลบไปที่ด้านหลังพรรคพวกตนเอง ส่วนชานนท์ก็ได้แต่คิดว่า ไอ้คนที่มายด์พูดด้วยนี่แหละร้ายที่สุด ชานนท์นึกพลางลูบรอยช้ำที่ท้องของตนและสังเกตท่าทีของ ‘พี่พัฒน์’ หนุ่มรูปร่างกำยำ นักศึกษาปีสาม และประธานชมรมกีฬามวยสากล เจ้าของแชมป์มวยสากลของกีฬามหาวิทยาลัย (วรุฒสืบมาอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องที่พี่พัฒน์เป็นคนให้เกียรติผู้หญิงมาก ไม่ว่าจะแก่จะสาว จะสวยหรือไม่ก็ตาม....แต่กับผู้ชายนี่ฆ่าได้ก็ฆ่าให้ตายได้เลย!)

“พี่ชื่อพี่พัฒน์นะ น้องชื่อ.....?” พี่พัฒน์แนะนำตัวอย่างสุภาพและเว้นคำไว้เป็นเชิงคำถาม
“สวัสดีคะพี่พัฒน์ หวังว่าเราคงไม่ต้องมาเจอกันในสภาพนี้อีกนะคะ” นอกจากมายด์จะไม่ตอบคำถามกลับแล้ว เธอยังพูดคำลาแบบแปลกๆ อีกด้วย ชานนท์ที่ยืนเหงื่อแตกอยู่ข้างๆ ได้แต่ส่งสายตาไปบอกมายด์ว่า ‘พอเถอะ!!’ พอสิ้นประโยคมายด์ก็หันหลังใส่คนทั้งกลุ่ม
“ไปเถอะนนท์ ออกกำลังกายแบบนี้ จนเริ่มหิวแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า” มายด์จับแขนชานนท์ดึงกึ่งลากให้เขาก้าวเท้าออกจากตรงนี้ซึ่งชานนท์ก็ยินดีอยู่แล้วจึงก้าวขาตามไปแต่โดยง่าย

“น้องจะไม่บอกชื่อพี่จริงๆ เหรอ?” พี่พัฒน์ยิ้มและมองมาทางมายด์อย่างเอ็นดู
“ไม่ดีกว่าคะ เจอกันแบบนี้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ อย่ารู้จักกันเลยดีกว่าคะ ขอตัวก่อนนะคะ” น้ำเสียงดูสุภาพแต่ถ้อยคำของมายด์ที่ฟังแล้วให้อารมณ์เสียกลับไม่ทำให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ขุ่นมัว ตรงกันข้ามกลับมีแต่รอยยิ้ม รอยยิ้มนั่นทำให้ขานนท์ใจชื้นขึ้น ที่อะไรหลายๆ อย่างในวันนี้ไม่ได้แย่ไปกว่าเดิมและลงตัวอย่างที่ตนเองต้องการ

“พวกมึง!! มีเรื่องต้องคุยกัน!!” เสียงของพี่พัฒน์แผดดังไปทางกลุ่มลิ้วล้อของเขาจนชานนท์ที่กำลังจะเปิดประตูเข้าร้านคาเฟ่ ได้ยินจนรู้สึกกลัวแทนคนเหล่านั้น

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 2) อัพ 23 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-03-2019 12:42:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอิ่มมมมม   เหตุการณ์นี้ก็อยู่ในแผนของวรุฒใช่ป่าว?

แผนสูงนะเนี่ย  เอานุ้งมายด์มาเป็นเหยื่อล่อพี่พัฒน์เนี่ย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 2) อัพ 23 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-03-2019 13:58:43
ฤทธิ์นารีพิฆาต5555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 2) อัพ 23 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-03-2019 14:51:01
 o13
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 2) อัพ 23 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-03-2019 15:05:01
 :laugh:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 2) อัพ 23 มี.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 23-03-2019 22:41:38
รอติดตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 11 ส่วนที่ 3) อัพ 1 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-04-2019 13:13:30
“สุดยอดเลย!! เมื่อกี้นี้มันสุดยอดเลย เธอทำได้ไง?” ชานนท์พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อเขานั่งลงที่โต๊ะแล้ว

“หมายถึงเรื่องที่พูดออกไปน่ะเหรอ? บ้านเราญาติผู้ชายเยอะ บางทีก็เลยเผลอติดนิสัยพวกนั้นมาด้วย” มายด์พูดด้วยสีหน้าราบเรียบแต่สายตายังอยู่ที่เมนูอาหารที่เธอหยิบขึ้นมาทันทีหลังจากมาถึงโต๊ะ ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่ยังคงจ้องมาหลังจากเหตุการณ์หน้าร้าน มายด์เป็นคนใจเย็นมากจนน่าตกใจ

“นั่นมันก็ใช่ กล้าบ้าบิ่นชะมัด แต่ที่สำคัญคือที่เธอทำกับไอ้ตาตี่นั่น!!” ชานนท์ถามต่อด้วยท่าทางตื่นเต้น
“อ้อ.... ก็อย่างที่บอก ครอบครัวเรา มีลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้ชายเยอะ โดนกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วไหนจะพ่อเราเองก็มีชื่อเสียงอยู่ เราเลยถูกสอนศิลปะป้องกันตัวมาตั้งแต่เล็กๆ พ่อบอกว่าจะได้ดูแลตนเองได้!” สายตาของมายด์ยังคงจดจ้องอยู่ที่เมนู ส่วนชานนท์ได้แต่คิดว่าเขาได้ก้าวเข้ามารู้จักกับคนแปลกๆเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว ชีวิตเขามันจะมีสีสันเกินไปแล้ว!

“อันนี้นนท์ว่าดีไหม?” มายด์พลิกเมนูที่มีรูปบิงซูสายไหมสีชมพูและม่วงหวานแหว๋วและมีมาชเมวโลว์ชิ้นเล็กๆ โรยอยู่ทั่วชาม
“เอ่อ.... ก็ดีนะ” ตอนนี้ความอยากอาหารของชานนท์หมดไปพร้อมกับเหตุการเมื่อครู่แล้ว

“สวัสดีคะ ของที่สั่งได้แล้วนะคะ” บริกรสาวในชุดกระโปรงสั้นสีหวานกับชุดกราวด์ยาวสีขาวล้วน ยกขนมหน้าตาที่คล้ายกับที่มายด์ชี้ให้เขาดูในเมนูมาวางที่โต๊ะ และเครื่องดื่มแบบสมูธตี้สีหวานพาสเทลมาวางคู่กันสองแก้ว

“เอ่อ... ผิดหรือเปล่าคะ? พวกเรายังไม่ได้สั่งเลย”
“อืม.... ไม่ผิดนี่คะ โต๊ะที่ 12” บริกรสาวหยิบใบคำสั่งขึ้นมาดูพร้อมชี้ไปที่กล่องกระดาษเช็ดปากที่ทีเบอร์ ‘12’ ติดอยู่
“แปลกจัง.....” มายด์มองไปที่ถ้วยขนมชามใหญ่ตรงหน้าไปด้วยสีหน้าแปลกใจ

“ไม่แปลกหรอกครับ พี่สั่งให้เอง ถือเป็นคำขอโทษจากพี่ก็แล้วกัน” เสียงสากใหญ่ที่คุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลังบริกรสาว เขาปรากฎตัวขึ้นทันทีหลังสิ้นเสียง เขาคือลูกพี่ของคนที่เป็นโจทย์กับพวกมายด์และชานนท์เมื่อครู่นี่เอง
“งั้นก็ไม่เกรงใจนะคะ” มายด์ยิ้มมุมปากและจับช้อนขึ้นมาตักขนมหวานสีพาสเทลเข้าปากทันที พร้อมทำหน้าแบบมีความสุขมากแฝงอยู่  ทำให้ผู้ชายบริเวณนั้นยิ้มหวานและเก็บเอาไปฝันดีได้เลย นั่นรวมถึงชานนท์และพี่พัฒน์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วย

“เอ้า ชานนท์ ลองสิ !! อร่อยมากเลย” มายด์ชวนชานนท์ทันทีหลังจากกลืนคำแรกไปจนหมดแล้ว ส่วนชานนท์ยังคงลังเลกับการกินของชิ้นนี้ที่มีตัวปัญหาจ้องอยู่ข้างๆ ชานนท์รู้สึกแปลกใจอีกครั้งที่มายด์มีท่าทีแบบนี้ เพราะหากเป็นเขาคงปฏิเสธและเดินออกจากร้านไปแล้ว
“อ่ะนี้ครับ บัตรแลกของหวานในครั้งถัดไป ฟรีเลยครับ หวังว่าน้องมายาจะให้อภัยพี่และอย่ากลัวที่จะมาที่นี่บ่อยๆ นะครับมา’ พี่พัฒน์ยื่นคูปองที่มีลายพิมพ์รูปของหวานน่ารัก และลายเซ็นเป็นเส้นหวัดยึกหยักตัวใหญ่อยู่บนนั้น

“รู้ได้ไงคะว่า น้องชื่อ ‘มายา’?” มายด์มองเจ้าของคูปองด้วยหางตา
“น้องเป็นคนมีชื่อเสียงอยู่นะ รู้ตัวหรือเปล่า?”
“.............  จะดีเหรอคะ? ให้เยอะขนาดนี้” มายด์นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบออกไปพร้อมชี้ไปที่ปึกคูปองในมือของพี่พัฒน์ที่ยื่นมา
“ไม่เป็นไร พี่เป็นหุ้นส่วนร้านนี้เอง พี่อยากขอโทษที่ทำให้น้องมาเจอเรื่องแบบนี้บริเวณร้านพี่” พี่พัฒน์ยิ้มได้หวานจนไม่เข้ากับรูปร่างที่ล่ำสัน
“งั้นก็ไม่เกรงใจนะคะ หากพี่ต้องการแบบนั้น” มายด์คว้าคูปองเหล่านั้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณนะคะ” มายด์พูดจบก็จับช้อนกินของหวานตรงหน้าอย่างมีความสุขโดยไม่ได้สนใจ คนที่ยิ้มจนแก้มแทบปริอย่างพี่พัฒน์ที่ยืนอยู่ข้างเลย กว่าพี่พัฒน์จะตัดสินใจเดินจากไปก็ใช้เวลาหลายนาที เพราะมายด์แทบไม่เปิดโอกาสให้พี่พัฒน์ได้เริ่มต้นบทสนทนาเลย เพราะมัวแต่สนใจขนมถ้วยใหญ่ตรงหน้าและการขยั้นขยอให้ชานนท์ชิมมุมนั้นมุมนี้ตามตนเองให้ได้

..............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 3) อัพ 1 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-04-2019 15:31:31
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 3) อัพ 1 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 02-04-2019 01:45:44
 o13
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 3) อัพ 1 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-04-2019 02:42:18
ตามแผนแล้วสินะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 11 ส่วนที่ 4) อัพ 2 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 02-04-2019 11:46:46


เฮ้อ..........

ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมายาวที่สุดเท่าที่เคยทำมา มันเหมือนยกอากาศหนักๆ ออกจากปอดจนโล่งเบาขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เขาเดินกลับจากการไปแวะส่งมายด์ที่หอพักและตอนนี้เขามายืนเอาหลังพิงเสาอยู่บริเวณทางเข้าหอพักของตนเอง แล้วสายตาของชานนท์ก็วิ่งไปชนกับคนที่เขาคุ้นเคย คนที่วันนี้เขายังไม่เจอหน้าเลย

“พี่เอก!!” ชานนท์โบกมือขึ้นมาทักทาย หลังจากเห็นอีกฝ่ายมองมาที่ตนก็ยกมือไหว้ตามธรรมเนียมปฎิบัติ แต่พี่เอกกลับมีท่าทีลังเลที่จะเดินเข้ามาหาเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้ามาหาชานนท์

“สวัสดีน้อง โทษทีนะ วันนี้พี่ยุ่งๆ จนไม่ได้ไปดูเอ็งซ้อมเลย” คำพูดแรกของพี่เอกเมื่อเดินมาถึงในระยะเอื้อมมือ
“เฮ้ย!! พี่ไปทำอะไรมา?” ชานนท์เอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นพี่เอกในสภาพใบหน้ามีรอยช้ำจางๆ ที่หางตาข้างซ้าย

“อ้อ..... มีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ”
“แน่ใจนะครับ ไม่ใช่.... พี่พัฒน์....” เป็นคำที่ชานนท์ไม่ค่อยอยากจะเอ่ยขึ้นมาเมื่อไหร่ เพราะแค่นึกเขาก็ยังรู้สึกกลัวจับใจ หากพี่เอกเกิดเหตุการณ์เดียวกันกับเขา การถูกรุมซ้อมไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย

“อ้าว! ไม่เบานี่หว่า รู้เรื่องที่นี่เยอะเหมือนกันนะ ที่ขนาดเพิ่งเข้ามานะเนี่ย ..... ไม่มีอะไรหรอก พี่กับไอ้พัฒน์จบมัธยมที่เดียวกันมา เป็นเพื่อนกันมาก่อน ก็แค่ปรับความเข้าใจกันนิดหน่อย” พี่เอกยิ้มออกที่ช่วงท้ายประโยค
“แค่บังเอิญผมเองก็มีเพื่อนอยู่คณะเดียวกับพี่พัฒน์ก็เลยรู้จักน่ะครับ แล้วนี่แน่ใจนะครับว่า นิดหน่อยจริงๆ” ชานนท์ยกมือขึ้นพยายามไปแตะรอยช้ำนั่นแต่ก็กลัวอีกฝ่ายหนึ่งเจ็บเลยยั้งมือไว้เว้นระยะห่าง

“เฮ้ย! นิดหน่อยเอง เมื่อก่อนพี่กับมันยิ่งกว่านี้ ต่อยตีกันบ่อยจนสนิทกันเลย นี่ถ้ามันหัวดีกว่านี้มันคงเข้าคณะเดียวกันกับพี่แล้ว..... จับดูสิ! พี่ไม่เป็นไร ไม่เจ็บด้วย!!” ระหว่างที่พี่เอกพูดพลางใช้มือตนเองจับมือของชานนท์ไปสัมผัสรอยช้ำบนใบหน้าของตนและประคองไว้อย่างนั้น

“พี่บอกกับไอ้พัฒน์แล้วว่าเอ็งน่ะไม่เกี่ยวอะไรกับยัยวิ!! เอ็งน่ะมันของ.......” พี่เอกหยุดประโยคค้างไว้และมองมาที่ชานนท์ ความอบอุ่นจากใบหน้าและอุ้งมือของพี่เอกไหลผ่านสัมผัสที่มือของชานนท์จนเขารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวจนเผลอกระชากมือออกอย่างรวดเร็ว

“โอ้ย!!” พี่เอกร้องเสียงหลง
“อ้าว! ไหนพี่ว่าไม่เป็นไรมากไง!?!” ชานนท์ขยับเข้าไปใกล้เพื่อดูอาการของพี่เอก
“ก็เอ็งเล่นกระชากมือออกจากหน้าพี่เสียแรง มันก็ต้องเจ็บล่ะ” พี่เอกใช้มือลูบหน้าตัวเองเบาๆ
“ขอโทษครับ!” ชานนท์ยกมือขึ้นพนมกลางอก
“”เออๆ ไม่เป็นไร เห็นเอ็งทำหน้าแบบนี้ก็โกรธไม่ลงว่ะ” พี่เอกยกมือขี้นลูบหัวชานนท์อย่างเอ็นดู

“เฮ้ย!! ไปจีบกันบนห้องดีกว่าไหมวะ?!?” เสียงยียวนกวนบาทาที่คุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกล ชานนท์หันไปที่ต้นเสียงจนเจอวรุฒยืนมองตาขวางอยู่ไม่ไกล

”แล้ววันนี้พี่ไปไหนมาครับ?” ชานนท์มองค้อนวรุฒควับหนึ่งก่อนหันมาถามพี่เอก
“ก็หน้าพี่เละขนาดนี้ พี่ไม่อยากให้เอ็งเป็นห่วงเลย หลบๆหน้าเอ็งไปก่อนจนกว่าจะดีขึ้น” พี่เอกยิ้มหวานใส่ชานนท์ ชานนท์ได้แต่มองใบหน้าใสๆ ของอีกฝ่ายที่มีรอยช้ำเล็กๆอยู่มุมหนึ่งพลางคิดในใจ
‘ยังไม่เละเสียหน่อย ยังดูดีพอให้สาวๆใจละลายอยู่เลย ไอ้หน้าหล่อตี๋อินเตอร์ขนาดนี้’ ชานนท์ยิ้มตอบกลับไป

“เอ็งว่างไหม? ไหนๆก็เจอกันแล้ว ขึ้นไปซักซ้อมที่ห้องพี่เรื่องวันนี้เสียหน่อยว่าตามพวกเพื่อนๆ ทันไหม?” พี่เอกพูดพร้อมกับสลับมองชานนท์และวรุฒที่ยังยืนคุมเชิงอยู่ทางด้านหลัง

“ไม่ว่าง!!” วรุฒพูดสวนขึ้นมาในขณะที่ชานนท์กำลังจะอ้าปากพูดคำแรก ชานนท์ถึงกับกลับไปมองวรุฒและถามด้วยสายตาว่า ‘อะไรวะ?’
“อ้าวก็จำไม่ได้เหรอว่าเรามีโปรเจ็คด้วยกันไง!!” วรุฒขยิบตาเล็กน้อยหลังพูดจบ
“โปรเจ็คอะไรน่ะ” ชานนท์หมุนตัวกลับไปกระซิบถามด้วยความสงสัย
“อ้าว! ก็เรื่องนั่นไง เรานัดจะทำกันวันนี้ ใกล้เดดไลน์แล้วนะ เรื่องนั่นไง!!” วรุฒเน้นที่คำสุดท้ายอย่างจงใจ
“อ้อ...อ๋อๆ ใช่ๆ เรื่องนั้น” ชานนท์เข้าใจเรื่องที่วรุฒพูดทันที เพราะวันนี้เขานัดกันจะสรุปเรื่องที่แยกย้ายไปทำภารกิจกันมา แต่ก็ไม่น่ารีบร้อนเพราะแผนมันก็เพิ่งเริ่มต้นเอง ถึงกระนั้นชานนท์ก็ตัดสินใจเออออไปกับวรุฒด้วย เพราะพี่เอกก็มีท่าทีแปลกๆใส่เขาอีกแล้ว จนเขารู้สึกขนลุก

“อืม.... ถ้าเรื่องเรียน พี่ก็ไม่รบกวนก็แล้วกัน งั้นเดินขึ้นห้องไปพร้อมๆ กันไหม? เราจะได้อัพเดทกันนิดหน่อย” พี่เอกทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“เรื่องวันนี้เดี๋ยวช่วยติวให้ก็ได้นะ!” วรุฒพูดแทรกขึ้นหลังจากที่พี่เอกใช้มือโอบไหล่ชานนท์ให้เดินเข้าหอพักไปพร้อมกัน
“ขอบใจนะ! แต่มันหน้าที่รุ่นพี่อย่างกู จะให้คู่แข่งอย่างเอ็งมาบอกก็ใช่ที่!” พี่เอกหันมาพูดกับวรุฒครู่เดียวและดันให้ชานนท์เดินไปพร้อมกับเขา
“เหอะ!!!” วรุฒทำเสียงไม่พอใจแต่ก็เดินกระแทกเท้าตามมาอย่างระยะประชิด

.........................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 4) อัพ 2 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2019 21:56:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่เอกเนี่ย  ชัดเจนหล่ะ 

แต่อิวรุฒนี่สิ  อะไรยังไง?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 4) อัพ 2 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-04-2019 22:42:56
เดี๋ยวไม่นานคงเกิดศึกชิงนาย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 4) อัพ 2 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-04-2019 00:07:06
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 4) อัพ 2 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 04-04-2019 01:42:18
มาต่อแล้ววว~
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 4) อัพ 2 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-04-2019 03:15:56
วรุฒนะ หึงก็บอกมาตรงๆ5555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 11 ส่วนที่ 5) อัพ 6 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 06-04-2019 18:25:44

“โอ้ย!! เหนื่อยจัง ...... ไม่เป็นมันแล้วได้ไหมเนี่ย! เชียร์ลีดเดอร์อะไรเนี่ย!!” ชานนท์ทิ้งตัวเองลงบนเตียงนุ่มๆ ของเขาอย่างหมดแรง เพราะเพิ่งโดนพี่เอกกำชับเรื่องซ้อมโน่นนี่อย่างละเอียดยิบระหว่างทางที่เขาเดินมาถึงห้อง โชคดีที่วรุฒทำท่าไม่ต้อนรับพี่เอกเข้าห้อง พี่เอกถึงได้ยอมเลิกราและถอยกลับห้องไป ชานนท์เพิ่งเห็นประโยชน์เรื่องความไม่เป็นมิตรของวรุฒก็วันนี้นี่เอง

“เฮ้อ.....” ชานนท์ผ่อนลมหายใจไปในที่สูงอย่างอ่อนล้า เขาไม่ได้มีทักษะทางร่างกายดีขนาดนั้นเลยต้องฝึกหนักกว่าคนอื่น
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน ไปลาออกก็สิ้นเรื่อง!!” วรุฒที่นั่งอยู่บนเตียงอีกฝากพูดขึ้น
“อืม.... ก็แอบเสียดาย เรา..... ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ใจหนึ่งก็อยากทำนะ จะว่าไป.... มันก็มีเหตุผลของเราอยู่....” ชานนท์พูดไปก็นึกถึงภาพอดีตของตนเองที่มีแต่ความผิดหวังซ้ำซาก “เอ้อ!! แล้วนายล่ะ!!  นายก็ดูไม่ค่อยอยากทำเหมือนกันนี่ ทำไมไม่ไปลาออก” ชานนท์หันไปถามกลับบ้าง

“กูก็...... มีเหตุผลของกูอยู่” เสียงของวรุฒแฝงไปด้วยความจำใจ แต่ก็ไม่มีความเกรี้ยวกราดแฝงอยู่
“.........” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไร เขาได้แค่นั่งเหม่อมองโครงสร้างใบหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่เขาไม่สามารถระบุอารมณ์ได้ถูก

“เออ!! ว่าแต่ เรื่องที่กูให้มึงไปจัดการเรียบร้อยดีใช่ไหม?” วรุฒพูดตัดบรรยากาศที่สงบเงียบลง
“เรียบร้อยสิ แต่ก็เกือบไป เกือบจะเจ็บตัวรอบสองแล้ว โชคดีนะที่มายด์มาทันเวลา เธอนี่สุดยอดไปเลย นอกจากที่เธอจะไม่กลัวพวกนักเลงพวกนี้แล้ว เธอยังทำให้พวกนั้นผงะถอยไปเลย!!” ชานนท์พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
“เป็นไปตามแผน! กูบอกแล้วว่า ยัยมายด์น่ะ น่ากลัวกว่าพวกนักเลงพวกนั้นเยอะ!! ขนาดกูเองยังไม่อยากจะมีเรื่องกับเธอเลย เห็นสวยๆ น่ารักๆ แบบนั้น ก็สายดำอาคิโด้ ยูโด และเทคอวนโด้นะ!!”

“โห!! เยอะไปนะ!! จริงง่ะ!!” ชานนท์รู้สึกทึ่งและอึ้ง
“เออสิ!! เพราะความห่วงของพ่อของยัยนั่น บวกกับความชอบส่วนตัวนั่นแหละ ความจริงที่น่ากลัวคือเธอไม่ได้บอบบางอย่างที่เห็นภายนอกเลย!! ตอนเด็กเคยเล่นต่อสู้กับยัยนั่น ไม่เคยชนะเลย!” วรุฒมีสีหน้าที่สนุกสนานและยิ้มแย้มมากขึ้นจนเหมือนเด็กจากการพยายามนึกถึงเรื่องอดีตวัยเด็ก

“ทำไมพ่อของมายด์ถึงให้มายด์เรียนอะไรพวกนี้?”
“ก็..... อืม......... ไปถามยัยนั่นเองดีกว่านะ เข้าเรื่องกันดีกว่า!!” วรุฒนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ทางฝั่งนี้น่าจะโอเค พี่พัฒน์ดูท่าทางสนใจมายด์อยู่ไม่น้อยเลย”
“ก็แน่ล่ะ ตัวเก็งดาวมหาวิทยาลัย แล้วก็มีความชอบคล้ายกัน น่าจะดึงดูดหากันได้ไม่ยาก”
“แล้วนายคิดดีแล้วเหรอ? เรื่องที่จะไม่บอกให้มายด์รู้เรื่องที่เราจะทำเนี่ย”
“เอาน่าๆ ยัยนั่นไม่ชอบเรื่องอะไรพวกนี้ บอกไปก็ใช่ว่าจะยอมร่วมมือด้วย ไม่รู้แบบนี้ล่ะดีแล้ว จะได้ดูเป็นธรรมชาติ ยัยมายด์น่ะ แสดงละครไม่เก่งหรอก!”
”อืมมมม” ชานนท์มีท่าทางคิดหนักจนแสดงออกทางสีหน้า
“เอาน่า มึงก็อย่าไปคิดมาก!!”
“จะไม่ให้คิดมากได้ไง!! นายก็น่าจะเคยเห็นเวลาเธอลงมือนี่นา หวังว่ามายด์จะไม่โกรธเรื่องนี้นะ!!”
“มึงก็อย่าให้เธอรู้สิ!! อย่าหลุดพูดอะไรออกไปเด็ดขาด อีกอย่างเรื่องแบบนี้เราแต่จัดฉากเท่านั้น ที่เหลือก็อยู่ที่ยัยนั่นว่าจะเลือกปฏิบัติแบบไหน เราไม่ได้บังคับเสียหน่อย ขอแค่กันไอ้พี่พัฒน์ มันออกไปได้ก็พอ กูจะได้จัดการฝั่งนี้สะดวกๆ หน่อย” วรุฒร่ายยาวด้วยสีหน้าเจ้าเลห์ ช่วงนี้ชานนท์ได้เห็นอารมณ์ต่างๆ จากวรุฒมากขึ้นหลังจากที่ได้ใกล้ชิดกัน ทำให้เขาเห็นมุมเด็กๆ ที่ซุกซนของวรุฒพอสมควรจนเผลอเล่นตามไปด้วย บรรยากาศตึงเครียดในห้องดูลดน้อยลงไป แต่แลกกับการร่วมมือวางแผนแปลกๆกับวรุฒ ซึ่งให้ความรู้สึกอันตรายพอๆกัน

“แล้วฝั่งนายล่ะ?”  ชานนท์ตัดบทถามออกไป
“ไม่ต้องห่วง คนบ้าผู้ชายแบบนั้น ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้ว ยัยนั่นแทบจะไม่เห็นไอ้พี่พัฒน์อะไรนั่นเป็นแฟนเสียด้วยซ้ำ เหมือนคบกันแก้เหงา”
“แล้วนายจะทำไงต่อ?” ชานนท์ไม่ค่อยอยากถามคำถามนี้เสียเท่าไหร่ แต่เพราะตนเองถลำลึกมาขนาดนี้แล้วคงต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น
“โอเค!! นึกว่านายจะไม่ถามเสียแล้ว วันถัดไปก็พยายามพายัยนั่นไปที่นั่นอีก และพยายามให้ทั้งสองคนสานสัมพันธ์กัน!!” วรุฒยิ้มเจ้าเลห์อีกครั้ง

“นายก็พูดง่าย!!”
“มึงไม่เคยจีบหญิงหรือไง?! ใช้หัวหน่อยสิ!!”
“ก็ไม่เคยน่ะสิ ถามได้......” ชานนท์พูดเสียงหายเข้าไปในลำคอ
“เฮ้ย!! จริงดิ!!” วรุฒหันมาถามด้วยสีหน้าแปลกใจ “เอ่อ..... อืม.... ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูช่วย แต่ที่เหลือ ถ้าเจอสถานการณ์เฉพาะหน้ามึงต้องด้นสดเองนะ!!” วรุฒเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะย้ำ
“อืม” ชานนท์พยักหน้าเล็กน้อยและมีอาการกลุ้มใจอยู่ในแววตา
“ที่เหลือ.....เดี๋ยวกูจัดการฝั่งนี้เอง” วรุฒพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางมั่นใจ


......................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 11 ส่วนที่ 5) อัพ 6 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 06-04-2019 18:40:26
......................................

เหตุการณ์ในวันถัดไปคล้ายภาพเดจาวู มันเกิดขึ้นซ้ำเหมือนเมื่อวาน แปลกแต่ที่มายด์กลับเป็นคนชวนชานนท์ไปร้านเดิมด้วยตนเอง แต่วันนี้มีเมย์ติดตามมาด้วย ชานนท์พยายามหาโอกาสให้พวกพี่พัฒน์เห็น และก็เป็นอีกครั้งที่เขาจะโดนมาหาเรื่องเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้พวกนั้นดูจะไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าแค่พูดขู่เหมือนหมาดุที่เห่าผ่านกรงเท่านั้น พวกนักเลงลูกน้องพี่พัฒน์ มักจะมาจับกลุ่มนั่งเล่นกันที่โต๊ะใหญ่หน้าร้าน ดูเผินๆ เหมือนกลุ่มวัยรุ่นนั่งพูดคุยเล่นกัน แต่ความจริงแล้วแต่ละคนมีคดีติดตัวเรื่องความรุนแรงเกือบทุกคน ไม่รู้ว่าพี่พัฒน์คบกับพวกเหลือขอเหล่านี้ได้อย่างไร
 
เมื่อถึงคราวที่พี่พัฒน์เดินมาที่ร้านในเวลาเดิม ครั้งนี้พี่พัฒน์ไม่ได้เดินมาห้ามปรามอะไรกลุ่มของตนเองเพียงแค่มองปราดเดียวพวกสุนัขในกรงทองพวกนั้นก็เงียบกริบ พี่พัฒน์ยิ้มอ่อนๆ มาที่ชานนท์ก่อนจะกวาดตามองในร้านคาเฟ่ไปเจอเป้าหมายที่เขาสนใจ ดูท่าทางชานนท์คงไม่ต้องทำอะไรมากมายเพราะความสวยน่ารักของสาวๆ ที่เขาพามาด้วยมันช่วยให้แผนสำเร็จไปกว่าครึ่งเสียแล้ว

“ว่าไงครับ ขอบคุณที่ยังให้โอกาสร้านนี้อีกนะครับ” ชานนท์เดินตามมาทันพี่พัฒน์พูดประโยคแรกพอดี
“ก็มันอร่อย และวันนี้ยังได้มากินแบบฟรีๆ แบบนี้ จะพลาดได้ไงล่ะคะ วันนี้ก็เลยชวนเพื่อนมาด้วยคะ” มายด์พูดจบก็ปรายตาไปทางเมย์ที่สนใจขนมบนโต๊ะมากกว่าเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
“ชอบไหมครับน้อง?” พี่พัฒน์เลื่อนสายตาไปทางเมย์ที่กำลังพินิจพิเคราะห์วัตถุดิบของขนมหวานสีสวยตรงหน้า
“ชอบคะ” คำตอบสั้นๆ จากปากสาวผิวสีน้ำผึ้งตาโตที่ก้มหน้าก้มตาตอบกลับมาได้น่ารักไม่แพ้มายด์

“น้องชอบพี่ก็ดีใจ พี่กับเพื่อนพี่คิดค้นกันเองเลยนะ พี่เป็นคนชอบของหวานน่ะครับก็เลยหาหุ้นส่วนมาเปิด บังเอิญไปรู้จักกับน้องเอกคหกรรมคนหนึ่งเข้า เลยได้เปิดร้านสมใจเลย” อยู่ๆพี่พัฒน์ก็พูดร่ายยาวเรื่องส่วนตัวที่ดูจะไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาขึ้นมา พี่พัฒน์เป็นคนรูปร่างใหญ่ ไม่เรียกว่าอวบอ้วนแต่น่าจะเรียกได้ว่าล่ำ ร่างกายทุกส่วนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อใหญ่ๆ อัดแน่นไปหมดจนแม้แต่ยูนิฟอร์มนักศึกษายังไม่สามารถปิดกั้นความแน่นของกล้ามเนื้อเขาได้ แต่ก็ไม่ได้เยอะเกินไปเหมือนนักกล้าม ชานนท์สำรวจร่างกายอีกฝ่ายขณะนั่งลงข้างๆ เมย์ พี่พัฒน์เหล่มองชานนท์แต่ก็ทำนิ่งเหมือนไม่ได้สนใจเขาเลย

“ดูไม่ออกเลยนะคะว่าพี่จะชอบของหวาน” เมย์เริ่มเอ่ยคำที่ไม่ค่อยน่าฟังออกมาอีกแล้ว เลิกเลี้ยงสุนัขไว้ในปากเสียที!!
“ใครๆก็พูดแบบนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า” พี่พัฒน์หัวเราะร่าออกมาอย่างผิดคาด อาจเพราะคนพูดเป็นสาวน้อยน่ารัก หากเป็นชานนท์เป็นคนพูดคงได้ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นเพราะฤทธิ์หมัดซ้ายมรณะที่เขาลือกัน เพียงแค่คิดรอยช้ำที่โดนพี่พัฒน์ทำไว้ก็เกิดอาการหน่วงตึบขึ้นมาเป็นจังหวะจนชานนท์แอบยกมือขึ้นลูบท้องเบาๆ

“แต่มันสุดยอดเลยนะคะ มันไม่หวานเกินไปทั้งๆ มันมีสีสันที่หวานขนาดนี้ ทำยังไงคะเนี่ย?” มายด์เสริมต่อในขณะที่ในมือก็ยังเขี่ยของหวานในชามไปมาก่อนที่จะใช้ช้อนตักเข้าปากคำน้อยๆหนึ่งคำ

“จริงด้วย!!” เมย์มีทีท่าสนใจกับการสนทนามากขึ้นจนหันมาสบตาพี่พัฒน์ และส่งสายตาเป็นเชิงอ้อนวอนคำตอบเพราะความอยากรู้
“เป็นความลับครับ! หากอยากรู้ก็มาชิมบ่อยๆ แล้วลองทายดูอาจจะถูกสักวันนะครับ” พี่พัฒน์ยิ้มตอบกลับมาอย่างเบิกบาน ใบหน้าที่ดูขึงขังน่ากลัวในความคิดของชานนท์ก่อนหน้านี้กลายเป็นใบหน้าเทพบุตรในผิวสีเข้ม พี่พัฒน์ถือว่าเป็นหนึ่งใน ‘คิ้วท์บอย’ ในตำนานของมหาวิทยาลัยนี้ เขาเป็นคนที่มีหน้าตาหล่อเหลาแบบไทยๆ ผิวที่ละเอียดสีแทน มันรับกับฟันที่เรียงตัวสวยขาวสะอาด รูปร่างนักกีฬาที่มีดีกรีเป็นนักกีฬารางวัล ทำให้เขาป้อปปูล่าในสาวๆ มหาวิทยาลัยพอสมควร

“แหม!! ขี้หวงสูตรอีกต่างหาก” เมย์โวยด้วยท่าทางหยอกเย้า เธอเป็นคนที่เข้ากันคนอื่นง่ายเหมือนเคย ในขณะที่มายด์ก็แค่ยิ้มและหัวเราะตามเท่านั้น
“เอางี้สิ มาเป็นสมาชิกที่นี่สิ เวลามีส่วนลดหรือโปโมรชั่นอะไรจะได้รู้ก่อนคนอื่นเขา แถมยังสะสมคะแนนได้ด้วยนะ!! แอดไลน์มาเลย!!” พี่พัฒน์ยื่น QR code จากป้ายบนโต๊ะข้างๆ มายื่นให้ทั้งสองสาว
“ขายเก่งจริงๆ นะคะ” มายด์แซวพร้อมกับยกโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดขี้นมาสแกนอย่างรวดเร็ว ส่วนพี่พัฒน์เองก็หยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นเดียวกันออกมาเช็คอย่างอัตโนมัติเช่นกัน

“เหมือนขอไลน์ไอดีกันเนียนๆเลยนะเนี่ย!” เมย์เห็นรูปการณ์แล้วก็อดแซวไม่ได้
“รู้ทันแบบนี้ อย่าบล็อกพี่นะครับ” พี่พัฒน์ยิ้มผูกมิตรอย่างเกินพอดี แต่ก็เป็นยิ้มที่สวย ฟันเรียงกันสวยจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นนักมวย
“จะจีบยัยมายด์หรือคะ บอกไว้ก่อนนะคะว่า....อุ๊บอิบอุบอิบ” ส่วนท้ายประโยคของเมย์ถูกมือของมายด์มาอุดปากไว้ด้วยทิชชูปึกใหญ่จากบนโต๊ะ
“อย่าไปฟังยัยปากมากนี่เลยคะ ชอบพูดอะไรไร้สาระ” มายด์พูดต่อด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“รู้ทันไปหมดแบบนี้พี่ก็แย่สิครับ” พี่พัฒน์หัวเราะกลบเกลื่อน ชานนท์ได้แต่แอบสั่นหน้ากับความเจ้าชู้ของอีกฝ่าย
“แล้วแฟนพี่เขาไม่ว่าพี่เหรอคะ พี่อะไรนะ พี่... พี่วิน่ะคะ” มายด์ตอบกลับหน้าตาย ส่วนชานนท์ได้แต่มองหน้ามายด์อย่างทึ่งในความรอบรู้ของอีกฝ่าย

“พี่กับเธอก็แค่เคยคบกันน่ะครับ แต่ก็ยังเป็นสนิทกันอยู่ครับ” พี่พัฒน์ตอบกลับทันควันด้วยสีหน้าประโยคบอกเล่าตามปกติ เขาไม่ได้ลนลานในการตอบคำถามแบบนี้เลย
‘สนิทแบบไหนถึงได้หวงก้างกันขนาดนั้นวะ’ ชานนท์แอบสวนกลับในใจ พลางยกย่องไหวพริบของอีกฝ่าย
“เหรอคะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะคะ มายด์ไม่อยากเป็นมือที่สามแม้จะแค่คุยกันแบบพี่น้องก็เถอะคะ” มายด์พูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง แม้จะมีหน้าตาน่ารักอ่อนต่อโลกแต่มายด์ก็เป็นคนทันคนกว่าที่เห็นมาก แม้แต่เมย์ยังนั่งจ้องดูมารยาของมายด์อย่างเงียบเชียบ

บรรยากาศต่อจากนั้นชานนท์และเมย์ก็เหมือนเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากที่ให้มายด์และพี่พัฒน์ตัวหลักทั้งสองได้นั่งพูดคุยกันอย่างออกรส จนกระทั่งมายด์ขอตัวกลับไปหอพัก ในตอนแรกพี่พัฒน์ขออาสาไปส่งมายด์กับพวกเขากลับหอพักแต่มายด์ปฏิเสธเสียงแข็งจนพี่พัฒน์ไม่กล้าเซ้าซี้ และยอมให้พวกชานนท์เดินกลับมาด้วยกันแต่โดยดี

............................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 5) อัพ 6 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-04-2019 21:12:37
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 5) อัพ 6 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-04-2019 21:13:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋...หรือมายด์จะเข้าใจแผนการของสองคนนั้น?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 5) อัพ 6 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-04-2019 21:36:37
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 11 ส่วนที่ 5) อัพ 6 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 09-04-2019 00:21:48
ขอให้แผนประสบความสำเร็จ งุงิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 11 ส่วนที่ 6) อัพ 16 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-04-2019 12:46:24

“โหย.....สุดยอดเลยว่ะแก” เมย์ทำเสียงชื่นชมพร้อมยกนิ้วโป้โชว์ขึ้นที่หน้าของมายด์ทั้งสองมือ
“ก็เพราะใครล่ะ!?!” มายด์บ่ายหน้ามาทางชานนท์
“อะไรเหรอ?” ชานนท์ตอบกลับไปอย่างงงๆ
“อย่ามาทำหน้าใสไม่รู้เรื่อง!” มายด์ปรายหางตามาทางชานนท์ที่กำลังแอบตื่นตระหนกข้างในใจ
“นั่นสิ! นนท์ บอกความจริงมาเหอะ!” เมย์เสริมเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“เอ่อ.......” ชานนท์รู้สึกจนมุม
“อย่านึกมาเราโง่สินนท์” มายด์ย้ำอีกครั้ง
“เออๆ ขอโทษนะมายด์! ก็รุฒบอกให้ทำแบบนี้เพื่อที่จะได้ตัดปัญหาสองคนนั้นไม่ให้ยุ่งกับพวกเรา อีกอย่าง... จะได้แก้แค้นด้วย ....... แต่เราแทบไม่รู้แผนทั้งหมดเลยนะ โดนใช้ให้มาทำตามแผนเป็นวันๆ ไป......” ชานนท์ตอบกลับไปอย่างลุกลี้ลุกลน
“เฮ้อ...... กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ เราก็นึกว่ายังไงๆ อยู่ ทำไมนายถึงชวนมากินขนมไกลขนาดนี้ ทั้งๆที่ปกติ เราชวนแทบตายยังไม่ค่อยอยากจะมาเลย!” มายด์ยกมือขึ้นมาตบประสานกันกลางอากาศเสียงดังหลังถอนหายใจเสียงดัง
“นั่นสิ เรากับมายด์นะก็คุยกันอยู่ว่ามันแปลก เลยพากันมาพิสูจน์เนี่ยแหละ” เมย์ส่ายหน้าเบาๆ

“อ้าว!! นี่! พวกเธอไม่ได้รู้กันอยู่แล้วเหรอ?” ชานนท์ทำท่าทางเสียจุดศูนย์ถ่วงเซไปพักหนึ่ง
“ก็แค่สงสัยน่ะ แต่เรารู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแผนอะไรสักอย่างก็เลยให้เมย์ผู้รอบรู้ไปสืบมาเรียบร้อย” มายด์พูดถึงตรงนี้ทำให้เมย์ทำท่ายึดอกอย่างภูมิใจ “อีกอย่างเรารู้ว่านายน่ะโกหกไม่เก่งหรอก” มายด์พูดจบก็หันมายิ้มอ่อนๆ ให้ชานนท์ เขาทำได้แค่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป

“ขอโทษนะ..... ที่ไปหลอกเธอมาทำอะไรแบบนี้” ชานนท์พูดพลางคิดว่า มายด์คงจะลงโทษเขาสักหมัดสองหมัด หน้าเขาเลยหลุบต่ำลงหลังจบประโยค
“ไม่เป็นไรหรอก เราให้หลงไปช่วยสืบมาแล้วว่า พี่เขาเป็นคนดีระดับหนึ่งแม้จะดูนักเลงไปหน่อยแต่นิสัยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเรื่องผู้หญิงน่ะ” มายด์ดูอารมณ์ดีขึ้น
“แน่ใจนะ ดูท่าทางช่ำชองขนาดนั้น” ชานนท์ทักกลับหลังเห็นท่าทางมายด์ไม่ได้รับเกียจพี่พัฒน์
“อืม.... ไม่เป็นไร  รู้จักไว้ก็ไม่เสียหาย เราก็ยังโสด เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรนี่!” มายด์พูดออกมาปนกับความเหม่อลอยไปเบื้องหน้าเหมือนคุยอยู่คนเดียว
“อยากจะตัดใจอะไรประมาณนั้น!” เมย์โพล่งขึ้นมาเหมือนทุกที
“ตัดใจ??” เสียงานนท์ทวนประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่
“ยัยเมย์ พูดเรื่อยเปื่อยอีกแล้วนะ!! เราจะทำยังไงกับปากเธอดึเนี่ย!!” มายด์หันมาค้อนพร้อมยกมือขึ้นมาบีบปากเมย์จนบิดเบี้ยว
“แหม....ก็ ทำเป็นเขิน จะปิดนนท์ไปทำไมเพื่อนกัน! อ้อ!! เผื่อนนท์เขาจะสนใจดามอกเธอด้วยอีกคนไง!!” เมย์ใช้ทักษะพิเศษในการเบือนหน้าหลบ จับมืออีกฝ่ายให้พ้นจากใบหน้าตนเองและพูดสวนกลับอย่างรวดเร็ว
“เธอนี่มัน!!.....” มายด์พยายามจะคว้าอีกฝ่ายให้อยู่กับที่เพื่อใช้มือบิดปากอีกฝ่ายให้ได้ แต่ด้วยความเป็นนักกีฬาของเมย์ทำให้หลบได้พลิ้วไหวอย่างเหลือเชื่อ ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังวิ่งรอบตัวชานนท์จนเริ่มตาลาย ผู้หญิงสองคนนี้ช่างน่ากลัว คนหนึ่งก็แข็งแรงอึดเกินชาย ส่วนอีกคนก็ยังกับจอมยุทธหญิง ชานนท์รู้สึกว่าเขาได้มาเจอแต่กับคนแปลกๆ จนบางครั้งเขาเผลอคิดไปว่า ‘ตัวเขาเองนั่นแหละที่แปลก!’

“รู้หรือเปล่า? นนท์อาจจะแอบชอบเธออยู่ก็ได้” เมย์พูดขึ้นขณะเริ่มหอบกับการพริ้วหลบมายด์ที่วิ่งไล่ไม่หยุด
“ยังไม่หยุดอีก!!” มายด์ตะโกนตามหลัง
“นนท์! อย่าไปคิดตามยัยปากมอมนี่เลย เราเป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว ยัยเมย์!! มาให้จับลงโทษเสียดีๆ!!” มายด์หันมาหาชานนท์ขณะวิ่งไล่เมย์อย่างไม่ลดละ

คำพูดเพียงประโยคผ่านๆของมายด์ทำให้ชานนท์รู้สึกหดหู่อย่างประหลาด เขายืนนิ่งๆ ระหว่างที่หญิงสาวทั้งสองวิ่งไล่กันรอบตัวเขาอย่างสนุกสนาน ความรู้สึกเจ็บหน่วงได้คืบคลานเข้ามาที่ข้างซ้าย หญิงสาวสองคนที่เขาแอบมีความรู้สึกดีด้วยต่างปฏิเสธเขาทั้งๆ ที่เขายังไม่ทันได้เริ่มทำตัวขยับความสัมพันธ์ด้วยซ้ำ ความรู้สึกเก่าย้อนกลับมาทำร้ายเขาอีกครั้ง ไม่ว่าเขาจะปรับเปลี่ยนตัวเองแค่ไหน แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิน เขารู้สึกแสงสว่างรอบๆตัวค่อยจางหายไปพร้อมกับเสียงอื่นๆ โดยรอบ

“นนท์!!” เสียงเมย์เรียกสติเขากลับมาพร้อมโบกมือไปมาเหนือใบหน้าเขาไม่กี่เซ็นติเมตร
“เฮ้ย!!” ขานนท์ร้องเสียงหลง
“นี่นาย! ไม่คิดจะห้ามพวกฉันเลยหรือไง?!” เมย์ส่งเสียงหอบถี่ในประโยค ส่วนมายด์เองก็ยืนหอบอยู่ไม่ไกล
“ก็เห็นพวกเธอสนุกอยู่เลยไม่ห้ามดีกว่า” ชานนท์ตอบด้วยรอยยิ้มผสมขำเพราะสาวน่ารักทั้งคู่ อยู่ในสภาพที่ยับเยินเหมือนแมวตีกัน โชคดีที่ช่วงที่เขายืนอยู่ผู้คนไม่ผลุกผล่านไม่อย่างนั้นคงมีรูปหรือวิดีโอลงโซเซียลเน็ตเวิร์คแน่ๆ

เพียงชั่วแว่บหนึ่งหลังจากการหัวเราะกับทั้งสองคนที่อยู่ชานนท์รู้สึกว่าการมีทั้งสาวเป็นเพื่อนมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ชีวิตในมหาวิทยาลัยยังอีกไกล เขายังมีโอกาสมีความรักอีกเยอะ



.......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 12 ส่วนที่ 1) อัพ 16 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-04-2019 13:06:58
บทที่ 12

The unexpected consequence


ชานนท์เดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยไปจนถึงหอพักของตนเองหลังจากไปส่งสองสาวที่หอพักหญิงที่อยู่ไม่ไกล  อากาศยามหัวค่ำที่มีลมเย็นพัดโชยเอือยเอาความร้อนจากพื้นดินขึ้นมาและกลิ่นหญ้าที่ผ่านการรดน้ำยามเย็นทำให้ชานนท์รู้สึกผ่อนคลายจากเหตุการณ์เมื่อเย็น

สายตาของชานนท์ไปสะดุดกับเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคยนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ม้านั่งด้านหน้าหอพักชาย เขาคนนั้นดูเหมือนจะมองเห็นชานนท์ก่อนและลุกขึ้นเพื่อทักทายชานนท์ทันทีในระยะสายตา

“ไง! ลืมพี่หรือยัง?” พี่เอกทักเสียงดัง จนทำให้สมองของชานนท์ทำงานดึงเอาความทรงจำช่วงเย็นออกมา ที่เขาขอเวลาพี่เอกเพื่อไปร่วมกินของหวานกับมายด์จะตามแผนก่อนที่จะกลับมาเจอพี่เอกเพื่อซักซ้อมเพิ่มเติม

“ไม่ครับ ไม่ลืม” ชานนท์รู้สึกถึงคำโกหกของตนเองเพราะความจริง เขาลืมไปเสียสนิท
“นึกว่าห่วงไปกินข้าวกับสาวจนลืมพี่คนนี้แล้ว”
“เอ๊ะ! พี่รู้ได้ไงว่าผมไปกินกับใคร?”
“เอ่อ...... ไอ้พัฒน์น่ะ มัน...... โทรมาถามว่าเอ็งเป็นอะไรกับสาวๆ กลุ่มนั้น เห็นตัวติดกันตลอด แฟนหรือเพื่อนสาว?” พี่เอกมีอาการอ้ำอึ้ง
“ขอไม่เป็นทั้งคู่ได้ไหมครับ.... แล้วพี่ตอบไปว่าอะไรครับ?”
“เพื่อนสาว” พี่เอกตอบกลับมาหน้าตาย
“พี่เอก!! ผมไม่ใช่แบบนั้น”
“ก็พี่อยากให้เป็นนี่หว่า!”
“อะไรนะครับ!?!”
“ไม่.....ไม่มีอะไร พี่แค่ล้อเล่นนะ” พี่เอกยิ้มแป้นขณะพูดไปด้วยจนตาเกือบจะเป็นเส้นเดียว พี่เอกเป็นคนที่เวลายิ้มแล้วหน้าตาจะสดใสมาก ทำให้ชานนท์มักจะโกรธเขาไม่ลง ไม่แปลกใจที่สาวๆ มักจะใจละลายกับพี่เอก

“พี่ก็ล้อผมเล่นอยู่เรื่อย ทำไมคนต้องมองผมแบบนั้นตลอดเลย ไม่เข้าใจเลยครับ” น้ำเสียงชานนท์เจือความหงุดหงิด
“ก็เอ็ง มันหน้าหวาน ตัวเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอมนี่หว่า! ฮ่าฮ่าฮ่า” พี่เอกหัวเราะต่อที่ท้ายประโยคที่มีน้ำเสียงไม่จริงจังเหล่านั้น พรัอมกับยกมือขึ้นขยี้หัวชานนท์อย่างแรง
“พี่เอกล้อผมเล่นอีกแล้ว!” แม้ว่าท่าทางชานนท์จะดูฉุนเฉียวใส่อีกฝ่าย แต่ในใจก็แอบชอบคำชมเหล่าอยู่ไม่เบา แม้จะเป็นการพูดเล่นของพี่เอกก็ตาม

ฟ้าวววว ....... เอี้ยด!!! 

เสียงลมกรรโชกจากอากาศที่เสียดกับรถด้วยความเร็ว ลงท้ายด้วยเสียงล้อบดถนนสไตล์ดิฟท์เลี้ยวเข้าจอดที่จอดรถหน้าหอพัก ทำให้สายของทั้งชานนท์และพี่เอกเหลียวไปมองรถยี่ห้อมินิ รุ่นใหม่ป้ายแดงที่ปาดเข้าจอดได้ต่าหวาดเสียว คนที่ขับรถสไตล์นี้ในมหาวิทยาลัยนี้น่าจะมีแค่คนเดียวเท่า ‘วรุฒ’ เป็นคนเดียวที่ชานนท์นึกถึง

‘แต่... ปกติวรุฒจะขับรถสปอร์ตคันหรูสีแดงนี่นา’ ชานนท์แอบคิดในใจ

และแล้วชานนท์ก็ทายถูกเพราะชายหนุ่มรูปงามที่ลงจากรถมานั่นคือ ‘วรุฒ’ ตามคาด สายตาของเจ้าของรถป้ายแดงมองมาทางเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง สิ่งนี้ทำให้ชานนท์รู้สึกเสียวสันหลังวูบแบบไม่มีเหตุผล

“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่ มันไม่กล้าทำอะไรเอ็งหรอก!” พี่เอกเดินมาใกล้ชานนท์พร้อมพูดออกเหมือนจะรู้สึกถึงความกลัวในจิตใจของชานนท์ หลายวันมานี่เขากับวรุฒก็มีบรรยากาศที่ดีขึ้นมาก และเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่จะไปผิดใจกับผู้ชายเจ้าอารมณ์อย่างวรุฒในช่วงนี้แน่นอน เขามั่นใจแต่ก็อดหวาดหวั่นต่อรังสีอำมหิตที่ส่งมาในระยะไกลไม่ได้ และยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอึกเมื่อวรุฒเดินมาใกล้บริเวณที่เขายืนอยู่อย่างอุอาจ

“มึงคุยกับ ‘พี่ชาย’ ของมึงเสร็จหรือยัง?” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองและย้ำคำว่า ‘พี่ชาย’ แบบแสดงอารมณ์หงุดหงิดชัดเจน
“กูเพิ่งคุยกัน มึงจะเอาอะไร?” พี่เอกสวนตอบแทนชานนท์ ในขณะที่เขาแค่ขยับปากจะตอบ
“กูคุยกับมึง มึงก็ตอบสิ! เสร็จธุระของมึงแล้ว กูมีเรื่องจะคุยด้วย!!” วรุฒพูดต่อเหมือนเห็นพี่เอกเป็นอากาศธาตุ

“กูยังไม่เสร็จธุระกับน้องนนท์ มึงขึ้นห้องไปก่อนไป!!”
พี่เอกทำแบบเดียวกันอีกครั้ง! ตอนนี้คิ้วของวรุฒเริ่มขยับเข้าหากันและเริ่มผูกกันเป็นปม
“เฮ้ย!! กูไม่....” วรุฒขึ้นเสียง
“เออ! เราเพิ่งเจอพี่เขาน่ะ เดี๋ยวเสร็จแล้วตามขึ้นไปนะ!!” ชานนท์ร้องตอบด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติแทรกประโยคของวรุฒก่อนที่จะมีมวยเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น ชานนท์คิดแค่ว่าหากเกิดวางมวยกันจริงๆ ผู้ชายตัวขนาดเขากับยักษ์ทั้งสองตนนี้ เขาคงไม่สามารถห้ามศึกสองคนนี้ได้แน่ แต่เขาก็รู้ถึงความเสี่ยงนี้ดี เขาอาจจะโดนวรุฒเขม่นใส่และเย็นชาใส่อีกรอบแน่นอน ความสัมพันธ์อันดีที่อุตส่าห์สร้างไว้ได้ล้มครืนเอาวันนี้แน่นอน

แต่แปลก..... หลังจบประโยคของชานนท์ วรุฒกลับนิ่งไปพักใหญ่ เขาถอนหายใจออกเฮือกใหญ่และเอ่ยขึ้นมาเพียงประโยคสั้นๆ
“โอเค.... งั้น..... ตามขึ้นไปนะ” แล้ววรุฒก็เดินจากไป สร้างความงงงวยระหว่างเขาและพี่เอกอย่างมาก วรุฒเป็นผู้ชายที่เดาใจไม่ถูกเลยจริงๆ

........................


หลังจากจบวาระการชวนคุยทุกเรื่องของพี่เอกแล้ว (คำว่า ‘ทุกเรื่อง’ คือ ทุกเรื่องจริงๆ พี่เอกทำเหมือนว่าไม่เคยเจอชานนท์มาหลายวัน ทั้งๆที่เจอกันทุกวัน พูดคุยตั้งแต่เรื่องซ้อม จนไปถึงเรื่องเหตุการณ์ที่พี่เอกเขาเจอมาในวันนี้) ชานนท์รู้สึกอ่อนเพลียสมองอย่างมาก ไหนจะเหตุการณ์การซ้อมที่หนักและอ่อนล้าเหมือนเช่นทุกวัน เป็นสองชั่วโมงที่แทบจะเรียกได้ว่ากินพลังเขามากกว่าการเรียนหนังสือทั้งวัน แล้วมาตื่นเต้นต่อกับเหตุการณ์ในคาเฟ่ที่คณะวิทยาศาสตร์อึก จนมาเจอการซ้อมพิเศษและการที่ชวนคุยด้วยพลังความกระตือรือร้นอันมหาศาลของพี่เอกอีก ชานนท์รู้สึกว่าเขาอาจจะหลับก่อนการทบทวนบทเรียนรอบดึกแน่นอน

โชคดีที่พี่เอกขอตัวไปทำกิจกรรมสันทนาการยามค่ำกับเพื่อนๆของเขาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพี่เอกคงจะตื้อตามมาคุยระหว่างทางมาส่งเขากลับห้องแน่นอน

ชานนท์พยายามลากร่างกายที่แสนอ่อนล้าของเขาขึ้นบันได 5 ชั้นไปถึงห้องของตนเอง สิ่งแรกที่เขาปะทะหลังจากปลดล็อกประตูเข้ามาในห้องคือ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่แรงแทรกจมูกเข้าร่างกายเขาจนเวียนหัว เขามองไปที่ต้นทางของกลิ่นก็พบวรุฒในสภาพเปลือยท่อนบนโชว์สัดส่วนกำยำอย่างคนดูแลตัวเอง และออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี เขาใส่กางเกงยีนส์ขาเดฟเข้ารูปที่รับกับรูปร่างของเขาเป็นภาพที่น่ามองเหมือนนายแบบจากนิตยสารเลยทีเดียว

“โห.... จะไปไหนอีกเนี่ย? แล้ว.... เรื่องที่จะคุยด้วยเนี่ยคืออะไร?” ชานนท์ทักและไม่ลืมถามเรื่องที่วรุฒพูดไปก่อนจะขึ้นมาที่ห้องพัก
“อ้อ... คือ.... เรื่องแผนของเราไง” วรุฒทำท่าทางนึกเหมือนเขาจะลืมมันไปแล้ว เขาดูสนใจกับการเลือกเสื้อที่จะใส่มากกว่าตอบคำถามของชานนท์
“เอ่อ... ใช่ ...คือ..... เราว่าจะบอกอยู่....ว่า... มายด์น่ะ”
“ยัยมายด์รู้เรื่องแล้วใช่ไหม?” วรุฒพูดสวนขึ้นมาขณะยกเสื้อยืดสีสวยขึ้นทาบอก
“เออ! ใช่! นายรู้ได้ไง!??” ชานนท์ทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงฝั่งตัวเองและทำเสียงตกใจ
“ผู้หญิงฉลาดจนน่ากลัวอย่างยัยนั่น ไม่น่าจะปิดเรื่องแบบนี้ได้นานหรอก!! แล้วก็ยัยนั่นก็โทรมาต่อว่ากูเรียบร้อยแล้ว!!” วรุฒหันมาตอบคำถามเขาพร้อมทั้งหยิบเสื้อเชิ้ตฮาวายแขนสั้นลายสีกรมท่ามาสวมใส่

“อย่างนี้เอาไงต่อ?” ชานนท์ถามอย่างหมดหนทาง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกเหนื่อยกับแผนการนี้แล้วเหมือนกัน ในที่สุดจะได้จบๆไปเสียที ที่เหลือก็ค่อยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา หากเจอพี่พัฒน์มาระรานอีก

“โชคดีที่ยัยมายด์ยอมร่วมมือด้วย งงเหมือนกัน ปกติเห็นไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ เห็นเธอบอกว่าไอ้พี่พัฒน์มันก็น่ารักดี คบไว้ก็ไม่เสียหายแถมได้ของอร่อยกินฟรีด้วย!!” วรุฒพูดกึ่งหัวเราะที่ท้ายประโยค

ชานนท์ได้แต่คิดถึงเรื่องสาวไฮโซตัวจริงอย่างมายด์คงไม่ห่วงของกินฟรีๆ ราคาหลักร้อยแน่นอน แล้วในหัวก็ได้ยินเสียงของเมย์ดังขึ้น “อยากจะตัดใจอะไรประมาณนั้น!!” ชานนท์ได้แต่เก็บความสงสัยต่อประโยคเหล่านั้นไม่กล้าถามออกไปว่าประโยคนั้นหมายถึงใคร มายด์ต้องการตัดใจจากใคร?

“เฮ้ย! ไอ้เตี้ย!! กูเรียกตั้งนาน มึงไปเฝ้าพระเจ้าหรือไง เหม่ออะไรขนาดนั้นวะ!!” เสียงกรรโชกของวรุฒ ช่วยดึงสติของชานนท์กลับมาจากห้วงความคิด
“เอ้อ!! อะไรๆ นายพูดว่าอะไรนะ!?!” ชานนท์ตกใจเมื่อเห็นวรุฒเดินเข้าใกล้เขามากแต่เขากลับเพิ่งรู้สึกตัว
“กูถามว่าพร้อมไหม?”  วรุฒที่แต่งกายเต็มยศเหมือนทุกคืนถามเขาด้วยสีหน้ากึ่งบังคับ
“พร้อมอะไร?” ชานนท์ตามสิ่งที่วรุฒถามเขาไม่ทัน นี่เขาหายเข้าไปในห้วงความคิดตัวเองนานขนาดไหนกันเนี่ย!?
“ก็ไปกับกูไง กูบอกแล้วใช่ไหม? เมื่อถึงเวลาแค่ทำตามที่กูบอกก็พอ!!”
“เอ่อ..... งั้น.... ไปไหนล่ะ?” ชานนท์รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ
“ไปผับประจำของกูเอง กูจะพาพี่วิไปเลี้ยงขอบคุณเสียหน่อยที่ดูแลกูดีเหลือเกิน ดีจนแทบจะจัดตัวเองใส่พานมาถึงเตียงกูอยู่แล้ว!!” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ก็คงนึกว่านายชอบมั้ง” ชานนท์แสดงความเห็นทันที
“แต่กูไม่ชอบ!! กูไม่ชอบเป็นแต้มให้ใครมาเก็บ!!” เสียงวรุฒมีความกราดเกรี้ยวแฝงอยู่
“แต่ชอบเก็บแต้มกับคนอื่นใช่ไหม?” ชานนท์แสดงความเห็นอีกครั้ง
“มึงจะกวนตีนกูอีกนานไหม? ไปแต่งตัวไป!!” ชานนท์นึกว่าเขาจะโดนโกรธมากกว่านี้ แต่วรุฒกลับทำแค่เสียงดังใส่แต่ไม่มีความเกรี้ยวกราดแฝงอยู่ในน้ำเสียงเลย
“เราต้องไปจริงๆเหรอ?”
“เออสิวะ!! มันอยู่ในแผนด้วย เพราะหากนายไม่ไป พี่วิก็จะไม่ไปน่ะสิ มันเป็นเงื่อนไขของพี่วิ!!”
“รู้สึกไม่ดีเลยอ่ะ”
“มึงก็รู้ว่าทำไมพี่วิเขาถึงจะให้มึงไปด้วย!! แต่ไม่ต้องห่วง หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คืนนี้มึงไม่ต้องเสียตัวให้พี่วิแน่นอน!!” วรุฒตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจ

“เราว่าแล้ว!! แค่คิดก็หวาดเสียวแล้ว หวังว่าจะเป็นจริงอย่างที่นายว่านะ .... งั้นเราขอไปเลือกเสื้อผ้าก่อนนะ” ชานนท์มีท่าทางลังเลแต่พอได้ยินคำพูดยืนยันจากวรุฒก็ทำให้เขามั่นใจขึ้น ชานนท์ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเชื่อใจวรุฒ ทั้งๆ ที่เขาเองก็เพิ่งญาติดีกับวรุฒได้ไม่นาน แต่พอได้เห็นสีหน้าและได้ยินน้ำเสียงของวรุฒแล้วทำให้เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้ หรือว่ามันเป็นพลังพิเศษของวรุฒที่สามารถชักจูงใครได้ง่ายๆ เขาถึงได้เป็นที่นิยมโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ปรารถนาเลย

“ไม่ต้องหรอก!!”  วรุฒทักขึ้น
“หา!! จะให้เราไปชุดนี้เลยเนี่ยนะ ชุดนักศึกษา..... มันจะดีเรอะ?”
“กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น! กูจะบอกว่ากูเตรียมไว้ให้หมดแล้ว นั่นไง!!” สิ้นประโยควรุฒก็ชี้ไปทางตู้เสื้อผ้าตัวเองที่มีชุดแบรนด์เนมรูปแบบสีสันต์ดูดีแขวนอยู่ และจากการกะไซส์แล้วไม่น่าจะเป็นไซส์ของวรุฒด้วย มันเล็กเกินไป
“เอ่อ.... เราว่าเรา...... ไม่ไหวน่ะ เดี๋ยวไปทกเลอะเทอะเข้าเราจะไม่มีปัญญาชดใช้”

“กูซื้อให้!! จะทำเลอะเทอะอะไรก็เรื่องของมึง กูไม่เอาคืนหรอก แหกตาดูเอาว่า กูจะใส่ได้เรอะ ยังกับชุดคนแคระ!!”
“เออ!! ขอบใจนะ” ชานนท์คิดว่ามันจะดีมากเลย หากไม่มีประโยคสุดท้ายของวรุฒ พูดจบเขาก็เดินไปหยิบชุดเหล่านั้นมากองที่เตียง ก่อนเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ เขาก็ไม่ลืมที่จะหยิบชุดเหล่านั้นขึ้นมาทาบตัว มันดูพอดีมากๆ สายตาของวรุฒช่างแม่นยำจนน่ากลัว

.......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 1) อัพ 16 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-04-2019 13:34:45
รอจ้า
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 1) อัพ 16 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-04-2019 18:23:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

วรุฒ...แกคิดอะไรในใจหนอ?  อยากได้ชานนท์เป็นเพื่อนแท้หรืออยากได้เป็น...

แต่...

ชัวร์เลยว่าพอเจอยัยวิ  แกก็จะบอกและแสดงตนว่าคบหากับชานนท์อยู่  อาจมีฉากดูดปากเพื่อความสมจริง

หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 1) อัพ 16 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-04-2019 21:45:24
 :hao4:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 1) อัพ 16 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 16-04-2019 22:41:41
 :hao7: :pig4:รอต่อคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 2) อัพ 21 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 21-04-2019 13:20:14

ณ ผับบนดาดฟ้าตึกสูง ที่ตั้งอยู่ชานเมืองไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก แสงไฟสีฟ้าผสมสีม่วงจากหลอดแอลอีดีที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นกระจกยกสูงและบรรดาโต๊ะเก้าอี้และบาร์น้ำทั้งชั้นยอดสุดของตึก ช่างเป็นภาพที่สวยแปลกตาชานนท์อย่างมาก สายลมเย็นเอื่อยๆ สลับลมแรงที่พัดมาปะทะเขาตลอดเวลาที่นั่งโต๊ะอยู่ในจุดที่มีทิวทัศน์ที่ดีที่สุดในชั้น ทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ เสื้อผ้าดีๆที่สวมใส่แม้จะทำให้ชานนท์ดูดีขึ้นมามากแต่ก็ไม่ได้ลดความหนาวเย็นลงไปเลย

ชานนท์หลังจากที่มาถึงที่นี่ เขาต้องนั่งมองออกไปไกลๆที่ปลายขอบฟ้าที่เรืองแสงสีส้มอ่อนตัดกับสีม่านกำมะหยี่สีดำเข้มของท้องฟ้าที่มีดาวส่องแสงอยู่ประปราย เหตุก็เพื่อลดอาการมึนวิงเวียนจากการนั่งรถของวรุฒเพื่อมาที่ผับแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ชานนท์มีอาการเมารถ เขาพยายามบอกวรุฒแล้วว่าอย่าซิ่งมากเพราะเขาเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่นอกจากวรุฒจะไม่ลดความเร็วแล้ว เขายังให้เหตุผลง่ายๆ ว่า ‘กลัวมาไม่ทันนัด!’ และ ‘เพิ่งเคยขับรถคันนี้ยังไม่ชิน’

ตอนนี้ชานนท์นั่งอยู่เพียงลำพัง เพราะวรุฒขอตัวไปจัดการธุระตามแผนให้เรียบร้อยเสียก่อน แสงไฟจากเทียนปลอมประดับในโถแก้ววาววับสวยงาม และเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกจัดแต่งให้นั่งสบายๆ ทำให้เขารู้สึกหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง วันนี้เป็นวันธรรมดาที่ไม่ได้เป็นวันหยุดพิเศษอะไร ทำให้คนบริเวณพื้นที่นี้บางตาจนแทบจะเรียกได้ว่าเช่าเหมาเป็นพื้นที่ส่วนตัว เสียงเพลงลอยมาตามลมเป็นทำนองสไตล์บอสซ่าบ้าง แจ็สบ้าง ทำให้ชานนท์ที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกรู้สึกสบายใจจนเผลอปล่อยตัวเอนนั่งอย่างสบายใจ

“สวัสดีครับ”
เสียงบริกรหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีพูดขึ้นอย่างนุ่มนวลไม่ไกล จนชายนท์ตกใจสะดุ้งขึ้นมานั่งตัวตรง
“ครับ!!”
“ขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ ไม่ทราบว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรก่อนไหมครับระหว่างรอเพื่อน” บริกรหนุ่มก้มตัวโค้งลงขอโทษอย่างสุภาพ
“อ้อ.... เอ่อ......” ชานนท์ยิ้มรับและใช้มือไปหยิบเล่มเมนูเครื่องดื่มจากบริกรที่ยื่นมาให้อย่างลนลาน
“ร้านเราขึ้นชื่อเรื่อง .......... และ................ อีกทั้งยังมี..............” บริกรหนุ่มอธิบายไปเรื่อยขณะที่ชานนท์กำลังอ่านเมนูเครื่องดื่มที่มีแต่เมนูเครื่องดื่มที่เขาไม่เข้าใจ และสิ่งที่บริกรพูดมานั้น เขาก็แทบจะไม่เคยได้ยินเลย อ่านก็ไม่เข้าใจฟังก็ไม่รู้เรื่อง ชานนท์จึงได้แต่พลิกเมนูไปมา

“คุณลูกค้าสนใจเมนูไหนก่อนไหมครับ?” บริการยิ้มจนเห็นฟันเรียงตัวสวยงาม
“เอ่อ..... ขอ....... น้ำเปล่ามาก่อนก็แล้วกัน ผมขอรอสั่งพร้อมเพื่อนก็แล้วกันครับ” ชานนท์ตอบออกไปด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“ได้ครับ งั้นผมขอแนะนำเป็นน้ำแร่ตัวนี้นะครับ มีขายเฉพาะร้านนี้เท่านั้นเหมาะกับคนรักสุขภาพดีนะครับ” บริการแนะนำอย่างสุภาพพร้อมชี้ไปภาพขวดน้ำแร่ที่สวยจนอยากเก็บกลับบ้าน
“เอ่อ....ครับ” ชานนท์แอบมองไปที่ราคาที่แพงเกินไป แพงจนสามารถซื้อน้ำดื่มมาอาบได้ทั้งเดือน หากเขาจ่ายเองคงเดินออกจากร้านไปแล้ว แต่ครั้งนี้วรุฒเป็นเจ้ามืองั้นเขาจะไม่เกรงใจก็แล้วกัน

“อะไรวะ พามาถึงที่นี่แล้วจะกินน้ำแร่เนี่ยนะ!!” เสียงคุ้นหูที่น่าหงุดหงิดดังขึ้นทางด้านหลังบริกรหนุ่ม ชานนท์ได้ยินเช่นนั้นก็รับหันไปทางต้นเสียงเพื่อโต้ตอบเสียหน่อย แต่ภาพที่เขาเห็นคือวรุฒไม่ได้มาคนเดียว เขามาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งที่มีการแต่งกายแสดงถึงฐานะได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงบุคลิกและรูปร่างหน้าตาที่น่าดึงดูดใจไม่ต่างจากวรุฒทุกคน ทำให้ชานนท์ได้แต่จ้องมองจนพูดไม่ออก เขารู้ว่าตัวเองเป็นลาตัวน้อยๆ ในบรรดาฝูงม้าป่าที่สง่างาม

“เฮ้ย! คนเนี่ยนะ...ที่จะให้พวดกูช่วยจัดการ น่ารักดีนะกูชอบ!” ชายหนุ่มที่สวมเสื้อนอกสีกรมท่าเข้าชุดกับกางเกงผ้าเนื้อเดียวกันเข้าชุดหนึ่งในกลุ่มคนที่มากับวรุฒพูดขึ้นพร้อมยิ้มหวานมาทางชานนท์ ซึ่งทำให้เขารู้สึกขนลุกไม่น้อย

“เชี้ย!! เต๋า ไม่ใช่ๆ คนนี้!!!........ เพื่อนกู!! ไม่ได้ๆ” วรุฒยกมือปรามอีกฝ่ายพร้อมทั้งพูดเสียงขึงขัง
“โห! ขี้หวงว่ะ!” เต๋า ชายหนุ่มในชุดสีกรมท่ามีท่าทีผิดหวังแต่ก็ยังคงยิ้มมาทางชานนท์อย่างตั้งใจ
“แล้วไหนว่ะ?! สาวสวยที่มึงอยากให้กูรู้จัก!!” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งสวมเสื้อแขนยาวพูดแรกขึ้นมาพร้อมกับเดินแทรกคนในกลุ่มมานั่งฝั่งตรงข้ามชานนท์ โดยแทบไม่มองชานนท์เลย
“เดี๋ยวสิวะ ไอ้บอย กูนัดให้เธอมาช้ากว่าพวกเรานิดหน่อย อีกอย่าง.. มึงก็รู้ผู้หญิงน่ะแต่งตัวนานจะตาย!! พวกมึงนั่งก่อน สั่งอะไรมาแดกก่อน!!” วรุฒพูดกับเพื่อนด้วยท่าทางสนิทสนม และเป็นท่าทางที่ชานนท์เพิ่งเคยเห็น เขาไม่คิดว่าวรุฒจะมีเพื่อนกับเขาด้วย

สิ้นประโยคของวรุฒ คนในกลุ่มที่เหลืออีกสามสี่คนก็ลงมานั่งตามเก้าอี้ว่างที่เหลือ ทำให้ชานนท์ต้องขยับตัวเองไปอยู่ชิดริมระเบียงกระจกขอบตึก วรุฒเหมือนจะรู้หน้าที่รีบเดินมานั่งข้างขานนท์ทันที เพราะอาจจะรู้สึกถึงความอึดอัดของชานนท์ที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้ามากขนาดนี้

หลังจากทุกคนนั่งประจำที่อย่างลงตัวก็ไม่ลืมสั่งอาหารและเครื่องดื่มกับบริกรอย่างชำนาญโดยไม่ต้องเปิดเมนูเสียด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าที่นี่เป็นสถานที่สังสรรค์อย่างเป็นประจำของพวกเขา

“จริงสิ!! สั่งอะไรกินหรือยัง? สั่งเลยครับ” เต๋ายิ้มหวานและยื่นเมนูมาทางชานนท์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่ ชานนท์รีบรับมาอย่างเกรงใจ ส่วนวรุฒมีท่าทีไม่ค่อยพอใจกับการที่เต๋ายื่นเมนูข้ามหน้าตนเองจนชานนท์สังเกตได้

“เลือกไม่ถูกล่ะสิ?” วรุฒหันไปกระซิบใส่ชานนท์หลังจากที่เห็นเขาทำท่าทางลังเลพลิกหน้าเมนูไปมาหลายรอบ ชานนท์รู้สึกงงกับความหลากหลายของเมนูที่เป็นฟิวส์ชั่นฟู๊ดแบบนี้ บางอย่างเขาก็ไม่รู้จักมันเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญตัวเลขบอกราคาในเมนูมันมีราคาเกินไปมาก บางอย่างเทียบได้กับเบี้ยรายได้เขาทั้งเดือน

“เอ่อ.... โห....แต่ละอัน มันไม่แพงไปหน่อยเหรอ? งั้นเอาอันที่มันดูกินง่ายๆ หน่อยก็แล้วกัน!” ชานนท์กระซิบกระซาบตอบกลับไปพร้อมชี้ไปที่รูปประกอบบนเมนู

“แฮมเบอร์เกอร์เนี่ยนะ?!?  เฮ้อ... มึงเนี่ยนะ!! เดี๋ยวกูจัดการเอง!!” วรุฒพูดด้วยอาการฮึดฮัดแต่ก็ผ่อนเสียงลงจนแทบจะได้ยินกันเพียงสองคน พอพูดจบประโยคเขาก็ดึงเมนูอาหารออกจากมือชานนท์อย่างรวดเร็วและหันไปสั่งอาหารกับบริกรด้วยความคล่องแคล่ว ก่อนจะปล่อยให้บริการไปทำงานของตนเองต่อไป

“ลองกินดู ของที่กูสั่งให้มึงน่ะ ของโปรดกูเลย!!” วรุฒหันมาพูดกับชานนท์พร้อมยกนิ้วโป้งให้เพื่อให้ชานนท์มั่นใจว่าจะไม่ผิดหวัง ส่วนชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

เพียงเวลาไม่กี่อึดใจหลังจากการสั่งอาหารเสร็จสิ้น เครื่องดื่มจำนวนหนึ่งก็บรรจงลงมาเสริฟ์ลงที่โต๊ะอย่างสุภาพ การบริการของที่นี่น่าประทับใจมากๆ พร้อมๆ กับการปรากฏตัวของตัวเอกของงาน พี่วิในชุดสวยสีดำ โชว์ช่วงท้องที่แบนราบ ส่วนบนเป็นเสื้อเปิดไหล่หนึ่งด้านอีกด้านเป็นแขนกุดโชว์ช่วงแขนที่เรียวยาวขาวผ่อง เธอสวมพร้อมกับกระโปรงยาวเข้าชุดสีเดียวกันแต่แหวกสูงจนเห็นต้นขาที่เนียนกระชับได้สัดส่วน ใบหน้าที่แต่งเต็มกว่าทุกวัน โดดเด่นด้วยลิปสติกสีแดงเนื้อแมท ขาที่เรียวยาวคู่นั่นเดินมาจนถึงโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่

“สวัสดีจ๊ะ รุฒ” เธอฉีกริมฝีปากสีแดงเผยให้เห็นฟันสีขาวเรียงตัวสวยงาม สายตาที่เย้ายวนมองกราดไปทั่วทั้งโต๊ะ ทำให้ชายหนุ่มทั้งโต๊ะเหมือนถูกมนต์สะกดให้มองอยู่เธอเพียงคนเดียว “ไม่นึกว่าจะพาเพื่อนมาด้วย นึกว่าจะมีแค่เรากับนนท์แค่นั้น” พี่วิจบด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนยืนอยู่บนเวทีประกวดนางงาม
“ผมบังเอิญเจอเพื่อนๆน่ะครับ พวกนี้มาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว พอรู้ว่าผมจะพาคุณวิมาเลี้ยงตอบแทนที่ดูแลผม ก็อยากมาร่วมโต๊ะด้วยน่ะครับ” วรุฒตอบอย่างฉะฉานลื่นไหลจนไม่เหมือนโกหก
“รุฒรู้จักพวก ‘เดอะสตาร์’ ด้วยหรือจ๊ะ? แหม..... พี่จะขัดข้องได้อย่างไร มีกันเยอะๆ แบบนี้สิดีจะได้สนุกๆ เนอะ?” พี่วิมีท่าทางร่าเริงกว่าปกติเล็กน้อย เดอะสตาร์ที่พี่วิเอ่ยถึงก็หมายถึงคนกลุ่มนี้แหละ เป็นพวกลูกนักธุรกิจชื่อดัง นักการเมือง นายตำรวจ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งนั้น นอกจากจะรวยกันแล้วทุกคนล้วนมีหน้าตาและบุคลิกภาพที่จัดว่าดีทุกคน เมื่อไม่นานนี้ วรุฒก็เพิ่งถูกจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ชานนท์ไม่นึกว่าพวกเขาจะรู้จักเป็นเพื่อนกันแบบนี้ หากเป็นแบบนี้พี่วิคงเต็มใจให้โดนหลอกเป็นแน่ เพราะเป็นกลุ่มคนที่พี่วิต้องอยากได้เป็นคอลเลคชั่นแน่นอน!!

และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ชานนท์เคยเห็นคนกลุ่มนี้ ครั้นพอได้ยินพี่วิพูดทักขึ้นถึงได้มาสังเกตคนกลุ่มนี้ดีๆ นับว่าสมคำร่ำลือ

“คุณวิเชิญนั่งครับ” บอยชายหนุ่มเนื้อแน่นแบบนักกล้ามผิวสองสีลุกขึ้นยืนเพื่อเชื้อเชิญให้พี่วิก้าวเข้ามาในกลุ่มและนั่งใกล้เขา
“ขอบคุณคะ” พี่วิยิ้มหวานพร้อมเดินเข้าไปในวงล้อมชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว ระหว่างทางที่แทรกตัวเข้าไปนั่ง หนุ่มๆ ที่เธอเดินผ่านก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือในการทรงตัวของสาวสวยกันอย่างพร้อมเพรียง

ตอนนี้พี่วิเหมือนเจ้าหญิงในหมู่เจ้าชายรูปงามที่พร้อมจะปรนนิบัติเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะช่วยเธอในการสั่งอาหาร สั่งเครื่องดื่ม แนะนำการกินอาหารจานต่างๆที่ทยอยมาวางบนโต๊ะสุดหรู สีหน้าพี่วิมีความสุขจนชานนท์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกได้ คนกลุ่มนี้ปฏิบัติกับพี่วิอย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่เหมือนการซักซ้อมหรือไหว้วานให้ทำ มันเป็นความรู้สึกว่าพวกเขาทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติเมื่อเจอสาวสวย ชานนท์รู้สึกขนลุกทุกครั้งเมื่อเห็นพวกเขาเหล่านั้นเอาใจพี่วิเพียงเพื่อหวังล่วงเกินเล็กๆน้อยๆ แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ พี่วิเองก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร และดูจะพอใจเสียด้วยซ้ำ ภาพทั้งหมดที่เห็นเป็นเวลาหลายนาทีทำให้ชานนท์รู้สึกอยากจะถอยออกมาจากกลุ่มนี้เร็วๆ เสียจริง

ชานนท์เหลือบมองไปทางวรุฒที่นั่งอยู่ข้างเขา วรุฒผู้บงการทุกสิ่งในวันนี้ กลับไม่ได้ร่วมการเอาอกเอาใจพี่วิเลย เขาเอาแต่นั่งมองเพื่อนๆตัวเองปรนนิบัติพี่วิและจิบไวน์ไปเรื่อยๆ ด้วยสายตาที่ชานนท์ก็อธิบายไม่ถูก มันดูทั้งเหงา ทั้งเจ็บปวด ทั้งสับสน ปะปนกันไป

“กูขอไปห้องน้ำหน่อยนะ” เต๋าชายหนุ่มในชุดสูทลำลองสีกรมท่าลุกขึ้นและพูดกับเพื่อนของเขาในโต๊ะ วินาทีนั่นเขาจึงคิดได้ว่า นี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะออกจากกลุ่มชายหนุ่มที่แสนวุ่นวายนี้ เขาจึงขอตัวไปห้องน้ำบ้าง โดยที่วรุฒยังคงเหมือนติดอยู่ในวังวนความคิดของตัวเอง จนไม่ได้แม้แต่เหลือบมองชานนท์ที่เบียดตัวออกจากโต๊ะ

หลังจากเข้าไปจัดการธุระในห้องน้ำแบบปลอมๆ (เดินเข้าห้องน้ำทั้งที่ไม่ได้ปวดปัสสาวะแต่ต้องไปเข้าให้สมจริงเสียหน่อย) ชานนท์ก็ถูกดึงดูดโดยวิวทิวทัศน์ของตึกสูงหลายสิบชั้นของที่นี่ เสียงลมหวีดหวิวอย่างแผ่วเบา พัดโพยละเลียดผิวของเขาจนรู้สึกเย็นสบาย ชานนท์พาตัวเองมายืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินเพื่อชมวิวไม่ไกลจากทางเข้าห้องน้ำ เขามองออกไปทั่วบริเวณที่มีบางบริเวณเป็นจุดดำมืดเพราะไร้แสงสว่างจากอาคารบ้านเรือน บางจุดมีแสงไฟสีส้มสลับขาวแวววาว เขาเห็นแนวไฟสีส้มที่คาดว่าจะเป็นถนนที่มีดวงแสงจำนวนมากวิ่งไปมาด้วยความเร็ว เขาจ้องมองทิวทัศน์ยามราตรีในที่สูงด้วยความสงบ เขารู้สึกหลุดพ้นจากความวุ่นวาย เขารู้สึกเหมือนเขาลอยอยู่เหนือทุกสิ่ง แม้จะหวาดเสียวที่มองลงไปเบื้องล่างแต่ก็มีความรู้สึกตื่นเต้นแฝงอยู่ มันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกเสียเหลือเกิน ภาพตรงหน้าทำให้เขาลืมภาระกิจในวันนี้ ลืมที่จะกลับไปที่โต๊ะเพื่อล่อลวงให้พี่วิตายใจ ให้พี่วิเบี่ยงเบนเป้าหมายจากเขาและวรุฒไปอยู่กับเหล่าชายหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลของมหาวิทยาลัย คนที่ซึ่งพี่พัฒน์หากเข้าไปล้ำเส้นคนกลุ่มนี้จะต้องโดนตอกกลับอย่างสาสม!!

“โอ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงหลังจากแก้มของเขาได้สัมผัสกับวัตถุทรงกลมที่เย็นเยียบ
“ใจลอยไปไหนครับเนี่ย?” ชานนท์มองทางต้นเสียงเขาเห็นเต๋ายิ้มแก้มแดงยืนอยู่ข้างเขาพร้อมแก้วไวน์ขนาดใหญ่สองแก้วที่บรรจุของเหลวที่แดงข้นประมาณครึ่งแก้ว
“ตกใจหมดเลยครับ!” ชานนท์พูดพลางยกมือขึ้นมาลูบแก้มที่ยังรู้สึกถึงความเย็นเบาๆ
“ทำไมไม่กลับไปนั่งที่โต๊ะต่อครับ มายืนใจลอยอยู่ตรงนี้ทำไม?” เต่าพูดจบก็ยกแก้วขึ้นมาจิบไวน์เพียงเล็กน้อย มันดูเป็นท่วงท่าที่ดูปราณีตกว่าทุกคนที่เขาเห็นที่โต๊ะ

“เอ่อ...... บรรยากาศมันดีน่ะครับ เลยมาหยุดคิดอะไรเรื่อยเปื่อย....” ชานนท์พยายามคิดหาข้อแก้ตัวดีๆ แต่ก็ทำได้แค่นี้ เขาไม่อยากบอกออกไปตรงๆ ว่า ที่โต๊ะมันวุ่นวาย และการเล้าโลมเอาอกเอาใจสาวสวยแบบคนเจ้าชู้ก็ไม่ใช่นิสัยของเขา เขาไม่อยากกลับไปนั่งอึดอัดอยู่ตรนั้น
“งั้น.... พี่ขออยู่ด้วยได้ไหม? อ้อ!! จริงสิ.....ขอเรียกตัวเองว่าพี่ก็แล้วกัน เพราะเพื่อนเจ้ารุฒก็น่าจะอยู่ปีหนึ่งใช่ไหม?” เต๋าหันมายิ้มให้ ส่วนชานนท์ก็ทำได้เพียงพยักหน้าแบบงงๆ “โอเค พี่ชื่อ ‘เต๋า’ นะ ยินดีที่ได้รู้จัก ไอ้เจ้ารุฒมันก็ยังไงไม่รู้ ทำไมไม่แนะนำเราให้รู้จักทุกคน!! เออ... พี่จะบอกว่าพี่ก็ไม่ชอบบรรยากาศที่โต๊ะตอนนี้เหมือนกัน พอมีสาวสวยเข้ามาทีไรเดี๋ยวได้ทะเลาะกันทุกที!! เฮ้อ...... พี่ขออยู่ตรงนี้ด้วยคนนะ!!” พี่เต๋าหันมายิ้มหวานเพื่อขอคำตอบของชานนท์

“อ่า.... ได้ครับ ผม “ชานนท์’ เรียก ‘นนท์’ ก็ได้ครับ” ชานนท์พยักหน้าตอบไปพร้อมกับแนะนำตัวเองตามมารยาท
“นนท์...... ชื่อน่ารักสมตัวดีนะ” เต๋าพูดจบก็ยื่นแก้วไวน์ให้กับชานนท์ “เอ้า! พี่หยิบมาเผื่อ”

“คือ...... ผม..... ไม่ดื่มครับ” ชานนท์ตอบปฏิเสธพร้อมทั้งใช้มือดันแก้วที่พยายามจะยัดใส่มือเขาออกไปคืนเจ้าของ ส่วนสายตาก็บังเอิญไปประสานกับดวงตากลมโตของฝ่ายตรงข้าม ตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้วงหน้าที่ขาวใสจนเหมือนจะเรืองแสงได้เช่นเดียวกับหลอดนีออน แม้จะไม่ใช่คนที่หน้าตาดีมากๆ เหมือนวรุฒหรือพี่เอก แต่ก็ดูสะอาดสะอ้านน่ามอง คิ้วที่เข้ม ผมสีน้ำตาลอ่อน และการแต่งตัวเหมือนหลุดมาจากนิตยสารแถวๆประเทศเกาหลีใต้ ทำให้เป็นที่ดูดีมากๆ คนหนึ่ง แม้เต๋าจะมีความสูงต่างจากชานนท์ไม่มากก็ตาม ไม่แปลกใจที่จะเป็น ‘เดอะสตาร์หรือดาวเด่นของมหาวิทยาลัย’

“เฮ้ย.... มาถึงนี่แล้ว ก็ลองสักหน่อยสิ นี่มันไวน์แดงจากฝรั่งเศสยี่ห้อดังเลยนะ อายุ 20 ปีเชียวนะ ขวดละเป็นหมื่น นี่ก็ขวดสุดท้ายของร้านนี้แล้วนะ!!” เต๋าพยายามขยั้นขยอชานนท์ให้รับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ได้
“เอ่อ.....” สิ่งที่เต๋าพูดได้เพิ่มพูนความอยากลองของชานนท์ขึ้นมา เขามีอาการลังเลที่สีหน้า

เพียงแค่นั้นก็เพียงพอที่จะให้เต๋าพูดเพิ่มข้อมูลของทั้งรสชาติและประโยชน์ของการดื่มไวน์ เต๋าเชิญชวนต่ออีกสองสามนาที แก้วไวน์แก้วนั่นก็ได้มาอยู่ที่มือชานนท์จนได้ ครั้นเมื่อเขาตัดสินใจยกแก้วขึ้นดื่ม ก็โดนมือของเต๋าจับห้ามไว้
“เดี๋ยว! ใจเย็นๆ เวลาดื่มต้องทำแบบนี้!” เต๋ายิ้มอย่างผู้ชนะขณะพูดและได้แสดงตัวอย่างพร้อมคำอธิบายการดื่มไวน์ที่ถูกต้องการชานนท์ ให้เขาค่อยๆ ทำตามอย่างถูกต้อง

แค่ก แค่ก......

ชานนท์รับรู้ความฝาดขมปนเปรี้ยว บวกกับกลิ่นฉุนเฉพาะตัวของไวน์ดังกล่าวเข้าเล่นงาน ความที่เขาไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์เลย บวกกับความไม่คุ้นลิ้นของรสชาติ ทำให้เขาสำลักของเหลวที่ยังคงค้างอยู่ที่โคนลิ้น

“ค่อยๆสิ ค่อยๆดื่ม อมไว้ที่โคนลิ้นสักพักก่อนแล้วค่อยกลืน เดี๋ยวก็จะรับรู้ถึงรสชาติที่ดีของมันเอง” เต๋าพูดจบก็จิบไวน์ที่เหลือก้นแก้วต่อจนหมดแก้ว

“อืม! โอเค” ชานนท์พยักหน้าและลองปฏิบัติตามอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาไม่สำลักแล้วแต่รสชาติก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ที่เพิ่มขึ้นคือรู้สึกถึงของเหลวร้อนแรงค่อยๆ แล่นลึกเข้าไปในทางเดินอาหารจากลำคอไปจนถึงลำไส้เลยทีเดียว
“ความจริงก็ไม่ควรจะเริ่มดื่มจากความแรงระดับนี้เลยนะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า” เต๋าพูดขึ้นขณะมองหน้าชานนท์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนยู่ยี่และใช้มือลูบท้องเป็นจังหวะ จนเต๋าอดที่จะหัวเราะไม่ได้ บรรยากาศเวลาที่ชานนท์อยู่กับเต๋ามันแปลกและแตกต่างจากการอยู่กับวรุฒมากๆ หากเทียบเต๋าเป็นเหมือนแสงยามเช้า วรุฒก็น่าจะเป็นแสงยามพลบค่ำ ส่วนพี่เอกก็น่าจะประมาณแสงจันทร์เพ็ญประมาณนั้น อยู่ๆ พี่เอกก็เข้ามาอยู่ในหัวของชานนท์ขึ้นมาเวลานี้

“แต่ก็ดีกว่าที่คิดไว้นะครับ” ชานนท์ให้ความเห็นพร้อมยกแก้วขึ้นสูงเพื่อแกว่งดูของเหลวในแก้ววิ่งวนไปมา
“งั้นก็ดี เรามาดื่มกันอีกดีกว่า ของดีๆ แบบนี้ปล่อยให้เหลือคงเสียดายแย่ ไวน์น่ะ เปิดแล้วต้องรินให้หมดนะ!” เต๋าพูดจบก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณเรียกบริกรที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้สังเกตเห็น เพียงอึดใจบริกรคนนั้นก็มาพร้อมรถเข็นที่มีถังน้ำแข็งซึ่งบรรจุไวน์ขวดใหญ่จนปากขวดโผล่พ้นถังน้ำแข็งขนาดใหญ่มาวางไว้ใกล้กับพวกเขา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 2) อัพ 21 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2019 14:39:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

แทนที่จะดึงดูดสาว ๆ กลายเป็นดึงดูดหนุ่ม ๆ ซะงั้น  555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 2) อัพ 21 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-04-2019 16:33:51
 :hao4:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 2) อัพ 21 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-04-2019 02:04:07
โดนมอมแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 2) อัพ 21 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 23-04-2019 20:47:02
 :pig4: :katai1:รอต่อคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 12 ส่วนที่ 3) อัพ 29 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 29-04-2019 07:20:27
“เอ่อ..... โห..... แล้วที่โต๊ะ” ชานนท์ไม่คิดว่าเต๋าจะเตรียมยกมาทั้งขวดขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนขวดที่เปิดที่โต๊ะ แต่เหมือนขวดที่เปิดมาใหม่มากกว่า ชานนท์เลยสอบถามให้แน่ใจ
“อ๋อ.... ไอ้พวกนั้นเดี๋ยวมันก็เมาเละกันแล้ว ไม่รับรู้รสชาติอะไรแล้ว เสียดาย ให้พวกมันกินวิสกี้กันไปน่ะดีแล้ว!” เต๋าหาเหตุผลมาตอบอย่างง่ายดาย
“อ่ะ.... ครับ” ชานนท์ตอบอย่างไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่เต๋าพูดเท่าไหร่นักแต่ตอบเพื่อให้เกียรติอีกฝ่ายที่แนะนำการดื่มไวน์ให้

หลังจากนั้นเต๋าก็ให้บริกรจัดเก้าอี้ทรงสูงให้กับทั้งสองคนเพื่อให้สามารถนั่งจิบไวน์กินบรรยากาศยามค่ำคืนบนตึกสูงแห่งนี้ได้อย่างสบาย ชานนท์ถูกรินของเหลวสีแดงในแก้วแบบแก้วต่อแก้วอย่างไม่รู้ตัว เนื่องด้วยเต๋าเหมือนกูรูทางด้านไวน์ที่แนะนำไวน์ประเภทต่างๆ รวมถึงแหล่งที่มา การเก็บเกี่ยว วิธีการบ่ม และภูมิอากาศ มันจะสร้างความแตกต่างให้กับรสชาติของไวน์อย่างไร ด้วยความอยากรู้ชานนท์เผลอฟังสิ่งต่างๆ จากเต๋าจนปริมาณเครื่องดื่มที่จิบเข้าร่างกายไปจนถึงปลายขวดที่สาม

“น้องนนท์นี่คอแข็งใช่ได้เหมือนกันนะครับ ดูสิยังเหมือนไม่เมาเลย” อยู่เต๋าก็พูดขึ้นหลังจากชานนท์เริ่มใช้คำพูดในบทสนทนาน้อยลง

“อืม.... ผม..... เองก็.... ไม่เคยมาว.... นะ.... ไอ้อาการชาๆ ที่หน้า มึนๆ หัวนี่มัน..... คงจะเมา..... ผมคงจะเมาแล้วล่ะ” ชานนท์สาธยายความรู้สึกปัจจุบันให้กับคู่สนทนา ที่คุยเก่งจนเขาเผลออยู่ร่วมวงได้นานขนาดนี้
“ไหนๆ นี่กี่นิ้ว” เต๋าหัวเราะในลำคอและยกมือชูสามนิ้วใส่หน้าชานนท์
“สาม”
“ถูกต้อง!! พี่ว่ายังไม่เมาหรอก” เต๋าพูดจบก็ชูแก้วขึ้นสูงเพื่อส่งสัญญาณให้ชานนท์ชนแก้วกันเพื่อที่จะจิบต่ออย่างที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“แต่ผมว่าผมเมาแล้วนะ” ชานนท์รีบปฏิเสธ เขาส่ายหน้าและยกแก้วตัวเองที่มีของเหลวกลิ่นฉุนสีแดงเกือบครึ่งแก้วย้ายหนีอีกฝ่าย
“งั้นดื่มให้หมดขวดนี้ก่อนแล้วก็พอนะ อย่างที่บอกเปิดแล้วก็ต้องดื่มให้หมด ช่วยพี่หน่อย พี่คงดื่มคนเดียวไม่ไหว คงไม่อยากให้พี่เมาจนกลับบ้านไม่ไหวนะ” เต๋าขยับเข้ามาโอบไหล่ชานนท์และทำสายตาออดอ้อน
“เอ่อ....ได้ครับ” อาจเพราะความใจอ่อนของชานนท์ หรืออาจเพราะตอนนี้ชานนท์เริ่มติดใจในรสชาติของไวน์เสียแล้วจึงรู้สึกเสียดายหากจะทิ้งไว้ให้เสียรสชาติจึงตอบตกลงไป บวกกับความมึนเมาทำให้สติไตร่ตรองลดลงไปพอสมควร

เคร้ง!!

เสียงแก้วกระทบกันดังกังวาลตามด้วยความร้อนแรงของเครื่องดื่มที่ไหลรินลงคอ เป็นสิ่งที่ชานนท์ปฏิบัติติดต่อกันจนไวน์ขวดสุดท้ายเหลือเพียงก้นขวด บริกรกำลังรินไวน์สีแดงเข้มเหมือนเลือดลงแก้วอย่างเชื่องช้า ในที่สุดก็เป็นสองแก้วสุดท้ายแล้ว ชานนท์รู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นของเหลวสีแดงนั้นจากไหลรินเป็นสายจนกลายเป็นหยด และจนกลายเป็นความว่างเปล่าเข้าไปแทนที่ในขวดกลมสีเข้มนั่น

“เอ้า!! ชน!!” เต๋าใช้วิธิการเดิมอีก
“เอ้า!! ชน” ชานนท์พูดตามอึกฝ่ายและยกแก้วขึ้นชนอีกฝ่ายที่ตั้งแก้วรออยู่
“สุดท้ายแล้ว ยกให้หมดเลย!!” เต๋าพูดกระตุ้น
“เอางั้นเลย.....เอิ้ก.......เหรอครับ?” ชานนท์มองไวน์ในแก้วที่กินพื้นที่เกินครึ่งแก้วในมือ
“เอาน่า.... เราจะได้กลับบ้านกัน” เต๋ายกแก้วขึ้นเพื่อท้าทายอีกฝ่ายในขณะที่พูดเชิญชวน

“อืมมมมม” ชานนท์เริ่มลังเล เพราะตอนนี้ลิ้นเขาแทบไม่รับรู้รสแล้ว ส่วนร่างกายก็แทบไม่รู้สึกถึงลมเลย ภายในร่างมันร้อนลุมไปหมด เขาไม่แน่ใจว่าด้วยปริมาณสุดท้ายที่จะดื่มเข้าไปนี้เขาจะรับไหวหรือไม่
“เอาน่า น้องเก่งจะตาย ดื่มครั้งแรกยังดื่มกับพี่ได้ตั้งสี่ขวด แค่นี้เองสบายมาก!” เต๋าเหมือนจะไม่ยอมแพ้ให้ชานนท์ทำตามวิธีของเขา
“โอเคๆ งั้นเราดื่มพร้อมกันนะ!” ชานนท์ตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะยกแก้วขึ้นมาดื่ม
“โอเค !! 1 2 3!!” พ้นตัวเลขสุดท้ายของเต๋า ทั้งสองก็ยกแก้วขึ้นมาดื่มจนหมด ทั้งสองคนดื่มหยดสุดท้ายลงคอแทบจะในเวลาไล่เลี่ยกันจนทั้งสองหันมาหัวเราะใส่กันเสียงดัง
“ไม่เลวนี่หว่า” เต๋าเอ่ยปากชมพร้อมกับตบไหล่ชานนท์เบาๆ
“เกือบตายเหมือนกันนะครับพี่!” ชานนท์ใช้หลังมือปาดริมฝีปากเพื่อเช็ดคราบไวน์

“ดื่มครั้งได้แบบนี้นับว่าเป็นคนคอแข็งไม่เลวเลย ไอ้น้อง!!” เต๋าใช้นิ้วโป้งปาดหยาดหยดสีแดงเข้มออกจากมุมปากอีกฝ่ายและใช้ลิ้นเลียหยาดหยดสีชาดสุดท้ายหยดนั้น ชานนท์มึนเกินกว่าที่จะตกใจหลบนิ้วมือนั้นพ้น เขาทำได้แค่มองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาอย่างสงสัยในการกระทำของอีกฝ่าย

“มันเลอะ! เดี๋ยวมันจะหยดใส่เสื้อนะ ซักออกยากนะ เสื้อยังใหม่อยู่เลยเสียดาย” เต๋ารีบพูดแก้ตัวหลังจากเห็นสายตาของชานนท์ที่มองเขาแปลกไป

“เอ่อ.... งั้น.... ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ อั้นมานานแล้วเดี๋ยวกลับโต๊ะด้วยกันนะครับ” ชานนท์รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเจอสายตาของเต๋าที่แสดงได้แตกต่างกับคำแก้ตัวของอีกฝ่าย
“ยังจะกลับไปที่โต๊ะอีกเรอะ? เมาขนาดนี้พี่ว่า..... ให้พี่ไปส่งกลับหอพักไหม?” เต๋ายืนขึ้นและก้าวมาดักทางหน้าของชานนท์
“ไม่เป็นครับ ผมว่า.... ผมยังไหว!!” แล้วชานนท์ก็เดินหลบเต๋าอย่างโซเซ เดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเชื่องช้า เขารู้สึกว่าทุกก้าวของเขามันไม่มั่นคงเสียเลย รู้สึกถึงพื้นที่ไม่เท่ากัน เหมือนความสมดุลในตัวเขาสูญเสียไป ในขณะที่หน้าและประสาทรับความรู้สึกมันทื่อและชาไปหมด ที่เขาบอกว่า ‘ยังไหว’ นั่น เขาแค่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งเท่านั้น ความจริงความวิงเวียนในหัวมันแทบจะล้มเขาพับในทันทีที่เขาเริ่มเริ่มเดินเสียด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 3) อัพ 29 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-04-2019 07:45:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

นุ้งนนท์จเสร็จพี่เต๋าหรือเปล่าหว่า?

โดนมอมไวน์แบบเนียน ๆ เข้าไปเนี่ย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 3) อัพ 29 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-04-2019 10:01:14
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 3) อัพ 29 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-04-2019 03:47:02
โดนจับกินแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 3) อัพ 29 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 04-05-2019 07:09:17
โดนมอมแน่นอน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 3) อัพ 29 เม.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 05-05-2019 22:27:54
พี่เต๋ามาอย่างรวดเร็วมอมน้องแน่ๆๆ รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 11 พ.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 11-05-2019 19:16:27

ชานนท์เสร็จกิจจากการปัสสาวะในห้องน้ำชายเรียบร้อย เขาตัดสินใจยืนยึดอ่างล้างหน้าสไตล์โมเดิร์นสีน้ำเงินวิบวาบตามแสงโคมไฟประดับทรงสวยด้านบนอยู่อย่างนี้ก่อน เพราะภาพที่เขามองตัวเองในกระจกตอนนี้มันเริ่มบิดเบี้ยวเสียแล้ว เขาพยายามทำสมาธิอยู่หน้ากระจกเพื่อมองตัวเองหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะยิ่งทำเขาก็ยิ่งเวียนหัว เท้าเขาแทบจะยืนแทบไม่อยู่ เขากวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าอยู่หลายครั้งเพื่อเรียกความสดชื่นกลับมาบ้าง ไม่กี่นาทีผ่านไปเขาจึงตัดสินใจก้าวออกจากห้องเสียที เพราะเขาคงจะอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้

ทันทีที่เขาเดินพ้นประตูห้องน้ำไม่เกินสองเมตรเท้าที่ไม่รักดีของเขาดันอ่อนแรงเสียก่อน ทำให้เขาเสียหลักเอนล้มไปด้านหน้าอย่างไม่ตั้งใจ

พั่บ!!

เสียงร่างกายของเขากระทบกับแขนข้างหนึ่ง

“พี่ก็สงสัยอยู่แล้วว่าน้องหายไปนานเกินไปก็เลยตามมาดู ท่าทางจะไม่ไหวจริงๆด้วย” เต๋าใช้กำลังดึงเขาขึ้นมายืนไ้ด้อย่างง่ายดาย เป็นชายที่แข็งแรงกว่าที่คิดเมื่อเทียบกับรูปร่างที่ไม่ใหญ่โตของเขา

ชานนท์ได้แต่ยืนมองชายในชุดสีกรมท่าด้วยท่าทางมึนงง ตอนนี้สติของเขาได้พังทลายไปสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ทิวทัศน์รอบๆ ดูเบลอและเริ่มเอียงไปมา
“ผม..... ว่า....... ผม.... คง.... จะ.... ไม่......ไหว..... จริง......จริง.......” เสียงชานนท์พูดอย่างเนิบนาบ จากสติที่ยังเหลืออยู่

“เฮ้ย!! น้อง ไป!! พี่พาไปหาที่นั่งพักก่อน เดี๋ยวพี่สั่งกาแฟให้ดื่ม!!” เต๋ารีบเข้าไปพยุงชานนท์ และช่วยเขาเดินไปจนถึงโต๊ะๆหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะไม่ไกลจากห้องน้ำมาก เต๋ารีบสั่งบริกรให้นำผ้าเย็นและกาแฟมาให้ทันที สติที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดของชานนท์กำลังชื่นชมคนข้างๆตนเองมาก เพราะเต๋าไม่เพียงยังคงมีสติที่ดีอยู่ แต่ปริมาณไวน์ที่ดื่มไปนั้นไม่ทำให้เขามีท่าทางเหมือนเมาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เต๋าอาจจะดื่มมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ แปลว่าเขาคงคออ่อนมาก หรือเต๋าคนนี้คอทองแดงมากๆนั้นเอง หลังจากที่ชานนท์เอนตัวลงบนเก้าอี้นวมยาวท่าทางสบาย ความแอลกอฮอล์ในสายเลือดก็ได้ดึงสติเขาวูบดับไป

“อืม.......” ชานนท์รู้สึกถึงอะไรที่นิ่มและเย็นชุ่มมาสัมผัสรอบๆวงหน้าของเขา เขาค่อยลืมตามาเห็นสายตาที่อ่อนโยนมองลงมาที่เขาพร้อมใช้มือที่มีผ้าเย็นสีขาวสะอาดประคบตามจุดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่สติที่ดึงกลับมาได้กลับทำได้เพียงแค่มอง เขาแทบไม่มีแรงที่จะพูดขอบคุณอีกฝ่าย

“พอถอดแว่นออกมาแล้ว.... นายนี่ก็น่ารักมากเลยรู้ไหม? แก้มยังมีรอยช้ำจางๆ อยู่นี่ น้องก็แอบซนเหมือนกันนะ” เต๋าพูดกับชานนท์หลังจากเห็นอีกฝ่ายค่อยๆ พยายามลืมตามองตนเอง

“.............” ชานนท์ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนแรงตอบไป
“ดูสิ พี่ชอบนายยิ้มมากเลยนะ ปากของน้องมันได้รูป สีสวยธรรมชาติจนพี่อยากขบเบาๆ เลย!” เต๋าขยับเข้ามาพินิจหน้าของชานนท์ใกล้ขึ้น ชานนท์ได้แต่นึกขำกับคำพูดของผู้ชายตรงหน้า เพราะคำพูดแบบนี้เหมาะเอาไปจีบสาวมากว่า ไม่แปลกใจว่าทำไมกลุ่มนี้ถึงได้อีกชื่อมาว่า “เสือผู้หญิงอันดับหนึ่ง” แม้จะมีชื่อเสียงไม่ดีทางด้านนี้ก็ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เต็มใจที่จะเป็นข่าวด้วย คงเพราะคิดว่าจะสามารถจับผู้ชายกลุ่มนี้อยู่ แต่เท่าที่วรุฒเล่าให้ฟัง กลุ่มนี้ยังไม่เคยจริงจังกับใครได้นานเกินสองเดือนเลย
“ลุกขึ้นมาดื่มกาแฟไหวไหม? พี่สั่งมาให้แล้ว” เต๋าพูดขึ้นเบาๆ ในขณะที่หน้าเขาอยู่ตรงข้ามกับหน้าของชานนท์ในระยะประชิด
“อืม......” ชานนท์สั่นศรีษะเบาๆ
“หึ....... นายนี่มันน่ารักจริงๆว่ะ” เต๋าเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของอีกฝ่ายจนอดไม่ได้ที่จะใช้มือลูบไล้วงหน้าของชานนท์ และต่อด้วยใช้สองมือประคองใบหน้าขึ้นมาขนานกับเขา เต๋ามองตาที่กึ่งหลับกึ่งตื่นของชานนท์ด้วยดวงตาที่หวานเชื่อมก่อนที่จะกดริมฝีปากไปที่แก้มของชานนท์เบาๆ แบบไร้การต่อต้านใดๆ

“ปกติพี่ไม่ทำแบบนี้กับใครแบบไม่เต็มใจหรอกนะ แต่นายมันทำให้พี่ทนไม่ไหวจริงๆ” เต๋าพูดขึ้นหลังจากถอนปากออกจากแก้มอันนุ่มนิ่มของชานนท์ ความรู้สึกแปลกประหลาดได้แล่นเข้ามาเล่นงานชานนท์ แต่เขากลับไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน

“งั้น....ขอโทษล่วงหน้า...แต่......พี่ขอนะ” เต๋าค่อยๆโน้มตัวลงมาและใช่ริมฝีปากกดและบดไปที่ริมฝีปากของชานนท์ แม้จะมีอาการด้านชาอยู่บ้างแต่รสชาติของอีกฝ่ายก็ยังไหลล้นเข้ามาในปากของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาพยายามจะขยับตัวหนีไปให้ไกล แม้มันจะอ่อนโยนและให้ความรู้สึกที่ดีอย่างประหลาดแต่เขาก็ไม่ต้องการแบบนี้ รสชาติที่เขากำลังลิ้มรสอยู่ตอนนี้ทำให้เขานึกถึงฝันในคืนหนึ่งกับวรุฒ ความฝันที่เขาสูญเสียจูบแรกไป แต่นี่เขากำลังเสียมันไปจริงๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 11 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-05-2019 19:33:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีอีกไหม?  ไมสั้นกุด

ป.ล. อิพี่เต๋าก็ไม่ได้เลวร้ายนี่หว่า  นึกว่าพี่มันตั้งใจมอมไวน์  แต่หลังจากนี้ไม่แน่หล่ะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 11 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 11-05-2019 19:46:40

“เฮ้ย!! ไอ้เต๋า!! มึงกำลังทำอะไร!!” เสียงคุ้นหูที่แฝงความเกรี้ยวกราดถึงขีดสุดดังขึ้นไม่ไกล คนที่กำลังบดหน้าตัวเองลงบนหน้าของชานนท์เหมือนมีแรงอันมหาศาลฉุดกระชากให้เขาออกไปโดยไม่ตั้งใจ

“เฮ้ย!! อะไรของมึงวะ!!!” เสียงของเต๋ามีความหงุดหงิดปนอาย ประสาทหูของชานนท์ท่าทางจะใช้ได้ดีกว่าสายตา เพราะตอนนี้มันพร่ามัวไปหมด เขาพยายามจะยันตัวเองขึ้นมานั่งในท่าทางที่เรียบร้อยกว่านี้แต่แรงของเขามันกลับเหือดหายไปหมด ชานนท์ทำได้เพียงเอนตัวไปตามความลาดของโซฟาและใช้สายตาที่วิงเวียนมองภาพทางด้านหน้า

“กูถามมึงไงว่ากำลังทำอะไรอยู่!!??” เสียงเกรี้ยวกราดของวรุฒดังเข้ามาให้ห้วงสติที่มึนเมาของชานนท์ เขารู้สึกถึงความโกรธที่มากมายของอีกฝ่ายได้

“กูแค่..... ทำไมวะ?! ก็น้องเขาเต็มใจ กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู!!” เต๋าโวยวายเหมือนกลบเกลื่อนความผิดของตน
“เต็มใจพ่อมึงสิ!! เพื่อนกูเมาแทบไม่ได้สติแบบนั้น มึงยังมีหน้ามาบอกว่ามันเต็มใจอีก!!” วรุฒเดินเข้ามากระชากคอเสื้ออีกฝ่ายจนแทบลอยจากพื้น
“มึงแน่ใจนะว่านี่แค่เพื่อนของมึง สายตามึงตอนนี้เหมือนกูไปขโมยจูบแฟนมึงอย่างนั้นแหละ!!” เต๋ายังสามารถพูดต่อได้โดยไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายเลย แสดงถึงความแกร่งของเต๋าได้ระดับหนึ่งทีเดียว

“มึงจะคิดอะไรก็เรื่องของมึง กูจะพามันกลับหอแล้ว!” วรุฒเหวี่ยงเต๋าออกไปให้พ้นทางไม่ต่างกับวรุฒเหวี่ยงสิ่งของไปให้พ้นมือ ทั้งที่เต๋าก็ไม่ได้เบาถึงปานนั้น ส่วนเต๋าเองก็เซไปเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมายืนทรงตัวตรงและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

“แค่นี้ทำหวง!! เรื่องวันนี้มึงมาขอให้พวกกูช่วยนะ ไม่คิดจะตอบแทนอะไรกูบ้างหรือไง?” เต๋าโวยวายเสียงดังอีกครั้ง
“อะไรก็ได้! หรือใครก็ได้.......แต่ไม่ใช่กับคนนี้ กูทำผิดกับมันมามากแล้ว........” เสียงวรุฒอยู่ๆ ก็ค่อยๆ หายเข้าไปในลำคอ “มึงก็บอกเองว่าแผนวันนี้เป็นเรื่องน่าสนุกนี่หว่า!! มึงเองก็เต็มใจว่าช่วยไม่ใช่หรือไง?” วรุฒหันไปพูดต่อหลังจากที่ก้มลงอุ้มชานนท์ขึ้นมาในอ้อมแขน
“ก็เออ....” น้ำเสียงเต๋าผ่อนลงและแสดงอาการเห็นด้วย
“กูไปล่ะ ฝากที่เหลือด้วย กูยกแม่นั้นให้ มึงจะทำอะไรก็แล้วแต่มึงเลย กูไม่สนใจแล้ว!!”

วรุฒพูดจบก็เดินจากจุดนั้นไปในทันที เขาคิดว่าถึงไม่ต้องอยู่ดูต่อแต่แผนเขาก็สำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว เพราะผู้หญิงอย่างพี่วิ เธอคงจะรู้สึกตื่นเต้นกับผู้ชายกลุ่มนี้มากกว่าจะมาสนใจเขาแล้ว เขาที่แสนจะเย็นชากับเธอมาโดยตลอด เท่านี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว หากทางไอ้พัฒน์จะมาทำแบบนั้นอีก มันคงต้องคิดให้ดีแล้วว่ากำลังเข้ามายุ่งกับคนแบบไหนอยู่ คนกลุ่มนี้แม้จะเป็นเพื่อนวรุฒแต่นิสัยเรื่องการเอาชนะและการแก้แค้นเนี่ยมันต่างจากเขามากโข คนพวกนั้นหากใครไปหาเรื่องมีหวังได้เดือนร้อนไปถึงครอบครัวแน่นอน ที่เหลือก็ปล่อยไปตามโชคชะตาของแต่ละคนแล้ว ใช่ว่าเขาจะไม่มีตัวเลือกให้ ‘ไอ้พี่พัฒน์’ เลย หากมันคิดได้และเดินหน้าต่อกับยัยมายด์เขาก็จะไม่เดือนร้อนกับคนกลุ่มนี้ และเมื่อไหร่ที่คนกลุ่มนี้เบื่อยัยวิเมื่อไหร่ซึ่งก็เป็นไปได้ไม่ยากและไม่นานนี้ เธอก็จะไม่เหลือใครอีกเลย!!

.....................

เพียงไม่กี่อึดใจ ทั้งวรุฒและชานนท์ก็กลับมาถึงห้องโดยสวัสดิภาพ วรุฒบีบขมับตัวเองหลายครั้งเพื่อลดอาการมึนเมาออกไปจากหัวบ้าง ถึงมันจะไม่ช่วยเท่าไหร่ก็ตาม ชานนท์เคยสงสัยว่าวรุฒเมาเละกลับบ้านทุกวันทำไมถึงขับรถกลับหอพักได้ และแล้ววันนี้ก็ได้คำตอบ เพราะเขามีคนขับรถกลับมาส่งถึงหน้าหอพักนั่นเอง วรุฒนัดแนะกับคนขับรถประจำบ้านของเขาทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวนอกบ้าน เพื่อที่จะได้ส่งเขาถึงบ้านอย่างปลอดภัย โดยขากลับจากผับบนตึกสูงนั่น ชานนท์กับวรุฒได้นั่งข้างกันอยู่ที่เบาะท้าย ฝีมือการขับรถของคนขับรถประจำตัวของวรุฒนับว่าขับได้อย่างดีเยี่ยม ขับได้นิ่มนวลกว่าขามามาก ทำให้ชานนท์เคลิ้มหลับไปอย่างไม่ตั้งใจ (หรืออาจเพราะเขาเมามากแล้วด้วย)

เขาตื่นมาอีกทีชานนท์ก็ได้ย้ายมาอยู่ในอ้อมกอดของวรุฒ เขาถูกอุ้มขึ้นบันไดมาถึงที่ห้องและถูกวางลงบนเตียงเขาอย่างอ่อนโยน ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกตัวอะไร ทุกอย่างที่เห็นเหมือนภาพความฝัน เขารู้สึกว่าเนื้อหนังของเขามันช่างนุ่มนิ่มเหมือนกับเต้าหู้และไร้เรี่ยวแรง เขาไม่รู้สึกและไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากนอน ตอนนี้บนที่นอนของเขาเหมือนมีแรงดึงดูดมากกว่าปกติหลายเท่า ตัวของเขาหนักและแนบติดไปกับพื้นที่นอน


“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!! ลุกขึ้นมากินยาก่อน ไม่งั้นพรุ่งนี้มึงแฮ้งค์ตายห่า!!” วรุฒเดินกลับมาหลังจากหายไปพื้นที่ฝั่งเขาครู่ใหญ่

“.......อืม....” ชานนท์ไ้ด้ยินก็ขานรับ แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองกับสมองที่สั่งการ เขาไม่สามารถเหยียดตัวเพื่อลุกขึ้นได้

“นนท์!! ไอ้เตี้ย!!” เสียงของวรุฒอยู่ใกล้มาก ชานนท์รู้สึกได้ แต่เขาทำได้แค่เหลือบมอง เงาร่างใหญ่ที่บังแสงไฟนีออนภายในห้องอยู่เหนือร่างเขา
“เฮ่อ..... แม่งไม่เจียมตัว มึงไม่เคยกินแล้วยังไปดวลกับไอ้คอทองแดงนั่น ไอ้เต๋าน่ะกูยังไม่เคยเห็นมันเมาหัวทิ่มสักที” วรุฒพูดพลางพยุงร่างที่อ่อนเป็นเต้าหู้ของชานนท์ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง

“..........อืม..” เป็นคำตอบเดียวที่ชานนท์พอจะออกเสียงได้ในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเขาคิดว่า ‘ที่บรรยายมานั่นคนหรือหุ่นยนต์!’

“เอ้า!! กินนี่และดื่มน้ำตาม!” วรุฒยื่นยาในมือให้พร้อมเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำจากโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ไม่ไกลมายื่นให้

“.....เอ่อ......... อ่อก!!!” ความวิงเวียนของเขาคงมาถึงขีดสุด อาหารมื้อค่ำที่กินเข้าไปถูกทยอยปล่อยออกมาเป็นสาย รวมถึงไวน์บางส่วนก็ถูกขับออกมาด้วย
“เชี้ย! ไอ้เชี้ยเตี้ย ดูสิเสื้อกูเลอะเทอะหมด!!” วรุฒมีเสียงขุ่นเคืองและตกใจ
“เอ่อ......ขอ.......โทษ.... เรา.....” ชานนท์พยายามขอโทษและเค้นคำอธิบาย
“มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วเดี๋ยวพุ่งออกมาอีก เชี้ย อะไรของมึงเนี่ย โห.... แม่ง..... มึง!! มานี่เลย” วรุฒสรรหาคำมาสบถใส่ชานนท์ไม่ไหว เลยทำได้แค่ลากอีกฝ่ายลงจากเตียงและอุ้มชานนท์ไปพักที่ห้องน้ำใกล้โถส้วม วรุฒเปิดฝาชักโครกทิ้งไว้เผื่อชานนท์จะอยากปล่อย ‘ของ’ ออกมาอีก

เวลาผ่านไปนานพอควร วรุฒก็ตามมาในสภาพกึ่งเปลือย นั่นก็คือกางเกงชั้นในทรงบรีฟตัวเดียว

“มึงมานี่เลย!!” วรุฒพยุงอีกฝ่ายลุกขึ้นไปในโซนฝักบัว หลังจากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าอีกฝ่ายออกทีละชิ้นจนเปลือยเปล่า ชานนท์ที่เกือบไร้สติ บวกกับความสำนึกผิด เขาจึงทำได้เพียงปล่อยตัวเองให้ว่าง่ายไม่ขัดขืน เสื้อผ้าที่ถูกถอดออกมาถูกโยนออกมากองที่พื้นที่อีกด้าน

วรุฒเปิดฝักบัวและให้น้ำทำหน้าที่ไล่ความสกปรกที่เปรอะเปื้อนตัวชานนท์อย่างช้าๆ น้ำที่ไหลกราดออกมาจากฝักบัวเป็นอุณหภูมิที่ไม่ผ่านเครื่องทำน้ำอุ่นเลย เป็นน้ำอุณหภูมิ ณ เวลาเที่ยงคืนที่เย็นทะลุผ่านผิวหนังไปถึงกระดูก ทำให้สติของชานนท์ถูกเรียกกลับมาเล็กน้อยจนออกอาการสั่นเทาไปทั้งร่าง และเริ่มอายกับร่างที่เปลือยเปล่าของตนเองถึงครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม
“เออ! จะได้สร่างขึ้นมาบ้าง!!” วรุฒพูดและยิ้มอย่างสะใจ ส่วนชานนท์ถึงแม้จะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะปะทะคารมด้วย
“เอ้า!! อ้าปาก บ้วนปากเสียหน่อย จะได้สะอาด!!” วรุฒยกฝักบัวขึ้นสูงให้อีกฝ่ายที่นั่งอย่างไม่เป็นท่าตามที่เขาสั่ง ซึ่งชานนท์ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“โอเค แล้วยืนไหวไหม?” วรุฒถามหลังจากที่ชานนท์บ้วนปากจนสะอาด
“อืม” ชานนท์พูดจบก็พยายามลุกขึ้นโดยมีวรุฒช่วยพยุงดึงตัวขึ้น พอเขาทรงตัวได้ ก็พยายามเดินออกจากโซนฝักบัวทันที
“เฮ้ยๆ ไปไหนยังไม่เสร็จ!!” วรุฒพูดจบก็รั้งอีกฝ่ายให้กลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นวรุฒก็ใช้ใยขัดอาบน้ำกดสบู่เหลวมาทำความสะอาด และใช้มันขัดทุกส่วนของร่างกายชานนท์ มือที่ใช้ใยเหล่านั้นขัดทำความสะอาดเรือนร่างมันช่างไม่ร้อนรน มีความใส่ใจในทุกรายละเอียด วรุฒทำมันได้อย่าเชื่องช้าและใส่ใจกว่าที่ชานนท์คิดมาก จนชานนท์รู้สึกเขินกับการที่ถูกลูบไล้เนื้อตัวนานขนาดนี้ ทุกสัมผัสที่ชานนท์รู้สึกมันเหมือนไปกระตุ้นบางอย่างในตัวเขาให้ค่อยๆตื่นขึ้นมา

“เสร็จ.....หรือยัง?..... หนาว.....” คำถามเบาๆ ที่ออกจากปากของชานนท์ที่ใจสั่นเต้นไม่เป็นจังหวะ กับอาการแปลกๆตรงช่วงล่าง ยิ่งได้เห็นวรุฒในสภาพเกือบเปลือย กล้ามเนื้อที่แน่นเด่นสวยงาม ผิวที่ขาวสะอาดนวลเนียน วรุฒที่มีรูปร่างชวนฝันของบรรดาสาวๆ ทุกคน ชานนท์เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงยอมแลกทุกอย่างที่จะมาอยู่ในสถานะการณ์อย่างเขา

“เออ! เสร็จก็ได้!! ก็นายตัวเหม็นจะตาย ก็เลยต้องขัดมากหน่อย!” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเบาต่างจากรูปแบบคำที่เปล่งออกมา ชานนท์รู้สึกแปลกใจจนถึงขั้นขอหันไปมองหน้าวรุฒ แต่ที่ทำให้แปลกใจยิ่งกว่าคือวรุฒเองก็มีการแสดงใบหน้าปนเลือดฝาดอย่างผิดปกติกับอาการขวยเขินออกมาเล็กน้อย (หรือเป็นเพราะเหล้าที่กินเข้าไป) ชานนท์ส่ายหน้าพลางคิดว่า ‘ เราเป็นผู้ชายมันคงไม่คิดอะไรไม่ดีมั้ง’

ชานนท์ถูกพามายังเตียงที่ไม่ใช่เตียงของตัวเอง (เพราะคาดว่าเตียงของเขาคงเละเทะเพราะสิ่งที่ชานนท์คายออกมาหมดแล้ว) วรุฒช่วยเขาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พลางกร่นด่าชานนท์ไปเรื่อยเปื่อย

ชานนท์ก้มลงมองสภาพเสื้อผ้าตัวเองที่มันใส่ได้ไม่เรียบร้อยและไม่เข้าชุดกันระหว่างเสื้อกับกางเกง วรุฒคงอ่านสายตาได้เลยถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“เฮ้อ! ใส่ไปเถอะกันอุจาดตา!!”
ชานนท์ได้ยินดังนั้นเขาก็เลิกสนใจเสื้อผ้าตนเองและค่อยๆ หมดแรงจนยอมแพ้ความหนักของหนังตาตัวเอง ให้มันพับลงมาปิดแต่โดยดี แล้วสติเขาก็ขาดหายไป ภาพและเสียงสุดท้ายที่เขาได้รับคือภาพวรุฒขอตัวไปอานน้ำบ้างเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 11 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-05-2019 20:51:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 11 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-05-2019 21:45:07
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 11 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 11-05-2019 22:07:30
 :o8:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 11 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-05-2019 23:45:01
ตอนไหนจะชอบกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 12 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 12-05-2019 13:24:58

ปกติชานนท์ไม่ใช่คนนอนดิ้นอะไรมากมาย แต่เนื่องจากวันนี้เขาไม่ได้นอนเตียงของตนเอง และเขารู้สึกว่าเตียงฝั่งนี้มันหนาวเย็นกว่าเตียงฝั่งของเขามาก เหมือนลมจากเครื่องปรับอากาศ มันลงมาทางนี้เต็มที่ ไม่รู้วรุฒนอนบนเตียงที่เย็นขนาดนี้ไปได้ยังไง

เมื่อชานนท์รู้สึกหนาวจนทนไม่ไหวตามสัญชาตญาณ ร่างกายจึงขยับหาจุดที่อบอุ่น มือก็ขวานหาผ้าห่มมาคลุมร่างกายมากขึ้นจนในที่สุด เขาก็หาจนที่ดีที่สุดเจอ มันอบอุ่นและอ่อนโยน เขารู้สึกเหมือนกลับไปอยู่อ้อมอกของแม่อีกครั้ง ชานนท์ขดตัวเข้าไปอยู่ใกล้ความอบอุ่นเหล่านั้นอย่างแนบชิด ใช้มือทั้งสองโอบและจับสิ่งเหล่านั้นไว้แน่น โดยอยู่ภายใต้ความฝันที่ว่าเขาได้กอดตุ๊กตาหมียัดนุ่นตัวใหญ่ที่อบอุ่นจนไม่อยากปล่อยไป

.....................

โดยปกติวรุฒ ไม่ได้นอนร่วมเตียงกับใครนานมากแล้ว หลังจากออกจากห้องน้ำเพื่อชำระล้างกลิ่นอ้วกของเพื่อนตัวเตี้ยของเขาแล้ว เขาต้องมาเจอชานนท์นอนหลับลึกอยู่บนเตียงของเขา เขามองไปที่เตียงอีกฝั่ง ซึ่งเขาพยายามเก็บอย่างลวกๆ ก่อนไปอาบน้ำให้ไอ้คนทำเลอะเทอะ

เขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะส่งเพื่อนตัวน้อยของเขาลงไปนอนที่พื้นที่แข็งกระด้าง อาจเพราะความรู้สึกผิดมากมายที่ทำกับชานนท์ก่อนหน้านี้ เขาจึงรู้สึกเกรงใจชานนท์ขึ้นมานิดหน่อย ยิ่งได้เห็นหน้าตอนชานนท์นอนหลับที่ดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา ขนตาที่ยาวงอน รับกับคิ้วที่โค้งเข้ม รูปปากที่อมสีชมพูจนเหมือนกุหลาบแรกตูม มันเป็นวงหน้าที่วรุฒเผลอมองด้วยความเคลิ้บเคลิ้มทุกครั้ง และมักจะพูดกับตัวเองเสมอให้หยุดทำแบบนั้นเสียที แม้ทุกครั้งเขาจะมองวงหน้านั้นที่ประกอบแว่นเข้าไปด้วย แต่ก็ไม่ทำให้ชานนท์ดูน่ารักน้อยลงไปเลย เพราะชานนท์ทำให้เขาเองก็อยากลองใส่แว่นเหมือนแต่แว่นดูจะไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย (เคยลองใส่ดูตอนพาไอ้แว่นเตี้ยไปซื้อแว่นใหม่)

หลังจากตั้งสติให้หลุดออกจากการมองวงหน้านั้น ความง่วงก็เข้าเล่นงานเขาเสียแล้ว วรุฒมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ใกล้ประตูที่เข็มสั้นชี้ไปที่เลขสอง
‘นี่มันตีสองแล้วหรือวะ’ เขาคิดในใจ หลังนั่นเขาก็พยายามยกตัวเองข้ามชานนท์ที่นอนหลับอย่างสบายใจที่มุมด้านนอกของเตียง ส่วนเขาก็ดันตัวเองไปชิดผนังห้องอีกฝั่งเพื่อจัดแจงหาที่เอนนอนดีๆ โชคดีที่ชานนท์ตัวเล็กพอควรเลยไม่เบียดเขาเท่าไหร่

เวลาผ่านไปเท่าใดก็ไม่ทราบ อยู่ๆ วรุฒก็รูสึกอึดอัดขึ้นมาเหมือนหายใจไม่ค่อยคล่อง เขาถึงกับฝันว่าห้องถูกบีบอีดให้แคบลง ผนังค่อยๆ ขยับเข้ามาทำให้ห้องแคบลงจนเหลือพื้นที่อยู่ตรงที่เขานอนเท่านั้น วรุฒเหมือนถูกผ้าห่มที่คลุมกายอยู่ตอนนี้พันธนาการไว้ทำให้ขยับตัวได้ลำบาก เขาพยายามดิ้นรนให้ทุกส่วนของร่างกายตนเองหลุดพ้นจากผืนผ้าโง่ๆ ที่พยายามโอบรัดเขาไว้แน่น จนเขารู้สึกอุ่นร้อนขึ้นมาก วรุฒเป็นคนขี้ร้อนมาก เขาจึงเลือกที่จะอยู่ด้านนี้ของห้อง เพราะเป็นพื้นที่ที่ลมเย็นของเครื่องปรับอากาศเป่าลงมาอย่างเต็มที่ พออากาศรอบๆ ตัวอุ่นขี้นจนเขารู้สึกถึงหยาดเหงื่อไหลย้อยไปตามความโค้งของผิวหนัง ไหลตามแรงโน้มถ่วง เขาจึงรู้สึกไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนสะดุ้งตัวตื่นขึ้น

สิ่งแรกที่เขาเห็นหลังจากลืมตาตื่นมาด้วยความหงุดหงิดคือ วงหน้าที่หลับอย่างสบายใจของชานนท์ในระยะประชิด ชานนท์ใช้มือและขาทั้งสองข้างโอบล้อมพัวพันอยู่รอบตัวเขาเหมือนปลาหมึกเวลาตะครุบเหยื่อ ตอนแรกวรุฒรู้สึกหงุดหงิดมากจนแทบอยากจะสะบัดให้ชานนท์ตกเตียงไปโทษฐานที่ทำให้เขาสะดุ้งตื่นแบบนี้ แต่หลังจากได้เจอวงหน้าของเพื่อนร่วมห้องในระยะแค่คืบนี้ทำให้วรุฒไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ใบหน้าที่ดูสงบและมีความสุขภายใต้ผ้าห่มนั้นมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ทั้งใจสั่นเต้นรัว ใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมา ยิ่งเวลาชานนท์ดิ้นรนที่จะใกล้ชิดเขามาขึ้นทุกครั้งที่วรุฒขยับตัวด้วยความไม่สบายตัว ชานนท์ก็จะขยับตามมากอดก่ายและซุกตัวเข้ามาในอ้อมอกของชานนท์เหมือนเด็กแรกเกิดที่พยายามซุกไซ้หาความอบอุ่นจากมารดา มันทำให้บางส่วนของร่างกายวรุฒมันตื่นตัวขึ้นมาจนไม่สามารถระงับความต้องการบางอย่างไปได้

ค้วยความรู้สึกแบบนั้น ทำให้วรุฒไม่สามารถฝืนตัวเองนอนหลับต่อได้อีก ต้องทรมานกับการเก็บกดความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ จนในที่สุดเส้นความอดทนของวรุฒก็ขาดสะบั้นลงเมื่อชานนท์ดีดตัวเองไต่ขึ้นมาทางราบจนใบหน้าไปซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอของวรุฒ  คำว่าหน้ามืดคงยังไม่เพียงที่จะอธิบายความรู้สึกและการกระทำของวรุฒต่อจากนี้ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมเขาถึงทนมองวงหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้เลย คงเพราะเขารู้สึกชอบคนๆนี้นี่เอง ยิ่งได้รู้จักกับความใสซื่อของอีกฝ่าย ความจริงของอีกฝ่าย ทำให้ชานนท์รู้สึกไม่สามารถจ้องวงหน้านั้นได้นานจนน่าหงุดหงิด หลายครั้งเขาจึงแสดงสิ่งที่ตรงกันข้ามจากความรู้สึกไป มีเพียงครั้งเดียวในความมึนเมาของวรุฒที่ทำให้เขาเผลอจูบอีกฝ่ายไปอย่างดูดดื่ม แต่ก็โชคดีที่ชานนท์หลับลึกในอ้อมกอดของเขา เขาพยายามหักห้ามใจอย่างมากจนอุ้มคนตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาไปนอนบนเตียงที่เดิมและทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขี้น

อาจเพราะอดีตของวรุฒ ทำให้เขาไม่อยากจะไว้ใจคนแค่เพียงรูปหน้าและท่าทางที่แสดงออกแบบผิวเผิน แต่ชานนท์ได้พิสูจน์ทุกอย่างไปจนหมดแล้ว วรุฒจึงได้เปิดใจและพร้อมที่จะเปิดเผยทุกอย่างจากการกระทำด้วยแรงปรารถนาต่อจากนี้

........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 12 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-05-2019 14:25:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิตาวรุฒ  แอบชอบเจ้าแว่นเตี้ยมานานพอสมควรแล้วสินะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 12 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 12-05-2019 22:09:51
 :katai1:อยากอ่านต่อแล้วอื้อชอบวรุฒปล้ำเลย556
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 12 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-05-2019 22:26:18
วรุฒ~ :-[
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 4) อัพ 12 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: FanclubPong ที่ 13-05-2019 03:46:02
สติแตกจนได้นะวรุฒ อุตส่าห์ทนเก็บไว้
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 12 ส่วนที่ 5) อัพ 19 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 19-05-2019 11:25:10

ชานนท์ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนิดหน่อยที่ยังวนเวียนฝันซ้ำซากอยู่กับเหตุการณ์ช่วงค่ำที่ผ่าน เหตุการณ์ที่เขาถูก ‘เพื่อนใหม่’ ลวนลามจนเผลอเคลิ้บเคลิ้มไปโดยไม่รู้ตัว แม่จะเขาจะไม่ได้เต็มใจ และไม่สามารถสามารถขัดขืนได้ แต่เขาก็ไม่เชิงว่าจะรู้สึกไม่ดีขนาดนั้น แบบนี้เขาเรียกว่า ‘คนใจแตก’ หรือเปล่า? เขาทบทวนกับตัวเองในใจซ้ำไปมา

‘ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ คนอื่นจะเป็นเหมือนเขาหรือไม่นะ?’ ชานนท์ถามตัวเอง เขายังไม่ทำแบบนี้กับใคร แม้แต่เพศตรงข้าม มันจะเป็นความรู้สึกแปลกๆ แบบนี้หรือไม่นั้น เขาก็ยังแอบสงสัย เขารู้แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร หรือว่าความจริงเขาจะมีรสนิยมแบบนี้ไปแล้ว เขาคิดขณะฝันถึงสัมผัสเมื่อช่วงค่ำซ้ำไปซ้ำมา จนในเมื่อความฝันล่าสุดของชานนท์ รสสัมผัสมันแตกต่างออกไป ทั้งความอบอุ่นจากริมฝีปาก ช่วงลิ้นที่โรมรันรุกเข้าไปซุกไซ้จนรู้ไปทุกซอกจนถึงปลายลิ้น

ชานนท์ยังสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ไล่เรียงลูบไล้ไปมาเหนือเนินอกที่เกลี้ยงเกลาของเขา ลมเย็นที่ตกกระทบท่อนบนของร่างกายมันทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความรู้สึกดีที่ได้ถูกสัมผัสอย่างทะนุถนอนบวกกับลมเย็นที่พัดกระทบผิวกายทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากฝันที่เตลิดไปไกล

ครั้งแรกที่ลืมตาเขารู้สึกแปลกใจกับภาพที่เห็นครั้งแรก บางส่วนของใบหน้าในระยะประชิด สัมผัสที่เปียกชื้นที่ริมฝีปาก และลิ้นของอีกฝ่ายกำลังล่วงละเมิดเข้าไปจนเขาอ่อนแรง  ชานนท์ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่คืออะไร กับใคร?

วรุฒยกหน้าตัวเองให้อีกฝ่ายเห็นทั้งใบหน้า ใบหน้าที่มีอารมณ์หลากหลายจนชานนท์อธิบายไม่ถูก มันเป็นใบหน้ายิ้มกึ่งพึงพอใจอะไรถึงขีดสุด (แต่ก็มีเสน่ห์จนเขาแอบกลืนน้ำลาย วรุฒเป็นคนหล่อที่แม้แต่ผู้ชายยังใจสั่น)

“ นี่!!.....” ขานนท์พยายามจะร้องทักเพื่อโวยถามถึงสภาพที่เขาเผชิญอยู่กับคนทางด้านบน เขาก็ถูกวรุฒใช้นิ้วชี้ขึ้นมาทาบปากและทำเสียง “จุ๊ จุ๊ จุ๊” เท่านั้น ในขณะที่ชานนท์กำลังงุนงงกับท่าทางของวรุฒ เขาก็ถูกอีกฝ่ายกดริมฝีปากลงไปแนบชิด และละเลงบทรักอันร้อนแรง จากตอนแรกที่ชานนท์พยายามดิ้นรนที่ดิ้นให้หลุดพ้นจากการพันธนาการของอีกฝ่าย กลับค่อยๆ เคลิ้มคล้อยไปตามจังหวะรักของวรุฒ ทั้งริมฝีปากและปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปแต่ละจุดที่ล้วนเป็นจุดอ่อนของผู้ชายทุกคน ตั้งแต่ต้นคอ ใบหู ยอดอก จนไปถึงส่วนท้องน้อย นะหว่างประทับฝีปากลงไป วรุฒพยายามเลื้อยมือลงต่ำไปเรื่อยตามความโอนอ่อนของชานนท์ ตอนนี้ชานนท์มีสภาพไม่ต่างจากต้นอ่อนของข้าวที่ไหลลู่ไปตามลมสวาทของอีกฝ่าย เขายอมแม้กระทั่งถูกปลดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น ความปรารถนาอันแปลกแยกและแรงกล้าสะกดความละอายของเขาจนหมดสิ้น ในที่สุดเขาก็อยู่ในสะภาพเปลือยเปล่าที่ลมหนาวของเครื่องปรับอากาศสัมผัสกับผิวเขาได้ทุกส่วน

วรุฒค่อยๆ ใช้ริมฝีปากไล่เลียไปตามจุดสำคัญต่างๆ ตามที่มือเขาเคยเล้าโลมมาแล้ว สัมผัสที่ได้มันช่างดีกว่าการใช้มือมาก แม้มันจะดูเปียกแฉะก็ตาม วรุฒไล่เลียลงไปจนถึงยอดอกที่มีตุ่มนูนสีชมพูอ่อน วรุฒใช้เวลาอยู่กับตรงนั้นจนชานนท์บิดตัวและเผลอครางออกมาจากปากที่เผยอออกเล็กน้อย ชานนท์หลับตาไปพร้อมกับความสุขกระสันต์ที่วรุฒมอบให้ หลังจากวรุฒพอใจกับการกระทำของตนที่ตรงยอดอกจนผิวชานนท์แดงเป็นจ้ำ เขาก็ละเลงลิ้นต่อยาวลงไปจนถึงจุดต่ำกว่าท้องน้อยที่น้องชายของชานนท์ตื่นตัวเต็มที่

“ไม่เลวนี่” วรุฒเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและแปลกไป
 “นายยังไม่เคยล่ะสิ” วรุฒพูดต่อ จนชานนท์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างอายๆ ชานนท์รู้สึกว่าหน้าเขามีอุณหภูมิไม่ต่างจากเตาปิ้ง คือรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา การเว้นช่วงเพื่อถามทำให้ชานนท์มีสติพอจะอายจากการถูกกระทำขึ้น เขาพยายามใช้มือเพื่อปกปิดส่วนสำคัญของเขาแต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะโดนวรุฒปัดมือออกไปแล้กดไว้ที่เตียง หลังจากนั้นชานนท์ก็ร้องเสียงหลงออกมาด้วยความแปลกใหม่ที่วรุฒมอบให้ เขาใช้ปากมอบความสุขให้กับชานนท์จนเขาบิดตัวด้วยความสุขซ่านที่ไม่เคยเจอมาก่อน

เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบที่ ลิ้นที่เปียกชื้นนั้นไล่เก็บความอบอุ่นจากอยู่ที่จุดตื่นตัวของชานนท์จนหลายครั้งที่เขาทนกับความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่หมดจนถึงขั้นพยายามขยับสะโพกเพื่อหนีอีกฝ่ายไว้แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ วรุฒกระทำกับชานนท์ด้วยความโหยกระหายจนชานนท์รู้สึกอยากต่อต้านเหมือนโดนบังคับให้กระทำแต่สิ่งที่ไม่พึงใจ แต่สุดท้ายร่างกายมันกลับอ่อนระทวยจนไร้แรงต่อต้านจากทำนองรักที่วรุฒมอบให้อย่างบ้าคลั่ง

ตอนนี้วรุฒผู้ช่ำชองได้ขยับศรีษะลงต่ำไปเรื่อยจนเกือบคล้อยไปทางด้านหลัง แล้วทันใดนั้นเขาก็พลิกตัวอีกฝ่ายให้คว่ำลงอย่างง่ายดายเหมือนหงายกระดาษ หน้าของชานนท์ไหลลู่ไปกับความอ่อนนุ่มของหมอน เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกจู่โจมด้วยการโลมเลียบริเวณรอบจุดยุทธศาสตร์

“อย่า... นั่นมัน..... @&@£&&” ชานนท์พยายามห้ามการกระทำของอีกฝ่ายแต่ก็จบด้วยการร้องออกมาอย่างไม่เป็นภาษากับรสสัมผัสที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันอ่อนโยนและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน ชานนท์ต้องทนอยู่ในความรู้สึกแบบนี้พักใหญ่จนในที่สุดทุกอย่างก็หยุดลง ชานนท์หอบหายใจออกจากปากและจมูกถี่รัวจนแทบขาดใจ

ไม่นานต่อจากนั้น ของแข็งแท่งกลมมนก็ถูกอัดเข้าสู่ช่องยุทธศาสตร์ของเขา ชานนท์รู้ทันทีว่ามันคืออะไร เพราะตั้งแต่เขามาคบกับยัยเมย์ เขาก็รู้จักเรื่องอะไรใหม่ๆ พวกนี้มากขึ้น และเขาก็ไม่เคยรู้อะไรกับเรื่องพวกนี้เลย ยัยเมย์ว่ามันไม่แปลกอะไรแล้วในยุคสมัยนี้ แต่ชานนท์ก็ยังไม่เคยนึกภาพออกเลยจนกระทั้งมาเจอด้วยตนเอง สิ่งนั้นของชายร่างสูงใหญ่กำลังบดเบียดแทรกช่องแคบของเขาเข้าเรื่อยๆ จนความรู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ชานนท์ร้องเสียงหลงออกมาอย่างลืมตัว เขาตีหมอนที่อยู่แถวนั้นพลางพยายามดิ้นรนหนีจากอีกฝ่ายจนสำเร็จ แม้ชานนท์จะมีความรู้สึกมึนเมาอยู่บ้างแต่ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามามันมากกว่าจะรับไหวจริงๆ วรุฒโน้มตัวลงจูบที่หลังหูของชานนท?เบาๆ พร้อมเอื้อมไปหยิบอะไรบางอย่างที่ลิ้นชักใต้เตียง

“โทษนะ แต่เดี๋ยวก็สบายแล้ว” วรุฒเอ่ยขึ้นเบาจนเหมือนพูดกับตัวเอง
หลังจากจบประโยคชานนท์ก็รู้สึกถึงของเหลวเหนียวเย็นชโลมลงบนจุดยุทธศาสตร์ของเขาจนถึงกับสะดุ้งสั่น แต่ก็รู้สึกความเจ็บปวดบรรเทาลงมาก ชานนท์คิดว่าคงเป็นยาอะไรที่ช่วยให้เขาบรรเทาความเจ็บลง อีกอย่างเขายังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้

“นนท์.... เราขอ.....นะ” วรุฒพูดลอยๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรนะ....อ้ากกกก” ชานนท์ร้องเสียงหลงอีกครั้ง สิ่งแปลกปลอมกำลังสอดแทรกตัวเข้าไปที่ช่องแคบของเขาอย่างฝืนๆ เขากำลังถูกจู่โจมด้วยความใหญ่ที่อัดแน่นไปทั่วอณูร่างกายของชานนท์ แม้เขาจะเคยเห็นมันมาบ้างแต่ก็ไม่เคยคิดว่าเวลาโตเต็มตัวมันจะสร้างความอึดอัดให้เขาขนาดนี้ ตอนนี้เขาเหมือนโรงจอดรถยนต์ที่ถูกเครื่องบินโดยสารพยายามเข้ามาจอด ชานนท์ดิ้นด้วยความจ็บปวด ส่วนวรุฒทำได้เพียงกอดชานนท์ไว้แนบแน่น จนกระทั้งความเจ็บปวดทุเลาลง ชานนท์ได้แต่คิดว่า พวกผู้หญิงที่มาหลงเสน่ห์ไอ้หมอนี่ พวกนั้นทนกันได้ยังไง? และเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวรุฒถึงได้พกของเหลวลื่นๆนี่ไว้กับเตียง เพราะขนาดมันเกินมาตรฐานไปมากนี่เอง

หลังจากชานนท์สงบลงวรุฒจึงเริ่มขยับตัวอย่างช้าๆเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ความเจ็บปวดแล่นเข้าเล่นงานขานนท์อีกครั้ง ถึงแม้จะไม่มากเท่าช่วงแรก แต่ก็เกินที่เขาจะรับไหว ชานนท์พยายามขยับตัวเพื่อหนีจากความเจ็บที่วรุฒมอบให้อย่างเนิบนาบ แม้ความเจ็บปวดนี้จะมาพร้อมกับความรู้สึกดีที่แปลกประหลาด แต่ชานนท์ก็ขยับตัวหนีทุกครั้งที่วรุฒขยับตัวเข้าหาเขา  ในที่สุดวรุฒก็เหมือนคิดอะไรได้ เขาจับเอวชานนท์ยึดไว้แน่น และขยับเอวถี่ขึ้นจนชานนท์ไร้ทางดิ้นรนหลีกหนี

ความเจ็บปวดค่อยๆกลายเป็นด้านชา จนกลายเป็นความรู้สุขแปลบเข้ามาแทนที่ ชานนท์รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาปล่อยให้วรุฒจัดการกับเขาตามใจชอบเหมือนการเตรียมอาหารมื้อใหญ่ เขาขยับตามมือของอีกฝ่ายที่จัดท่าทางเขาไปต่างๆ นานาเหมือนกำลังเล่นโยคะในท่าที่เขาคิดไม่ถึง เขาตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์ของอีกฝ่ายจนกระทั้งวรุฒที่กำลังกระทำกิจกรรมเข้าจังหวะหอบหายใจถี่และร้องเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคย และวรุฒก็ล้มตัวลงมานอนทับเขาด้วยอาการหมดแรง ทั้งๆที่ส่วนลำที่ใหญ่โตนั้นยังอยู่ในตัวของชานนท์ ส่วนชานนท์นั้นเขาเองก็เสร็จกิจของเขาไม่นานก่อนอีกฝ่ายล้มตัวลง เขารู้สึกเหนอะและสกปรกกับอาการเหนอะหนะตามลำตัวและส่วนอื่นโดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์ของเขา แต่วรุฒกลับไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปไหน วรุฒกอดเขาแน่นกว่าเดิมเสียอีก เขาหลับตาพริ้มยิ้มอย่างสมหวังในท่าทางสวมกอดชานนท์แน่นหนา ชานนท์หมดแรงที่จะดิ้นรนอีกต่อไปเพราะหมดแรงจากกิจกรรมก่อนหน้านี้ไปเรียบร้อย ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรมากมายแต่กลับเหนื่อยแทบหมดแรง จนในที่สุดชานนท์ก็ล้าจนหลับไป

.................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 5) อัพ 19 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-05-2019 12:13:12
โดนจับกินซะแล้ว555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 12 ส่วนที่ 5) อัพ 19 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-05-2019 12:13:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ ฟิเชอริ่งเรียบร้อยไปแล้ว  หุหุ

วรุฒ แกร้ายมากเล่นจัดการตอนยังไม่สร่างเมาดี  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 13 ส่วนที่ 1) อัพ 21 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 21-05-2019 14:56:58
บทที่ 13

The another phase


แสงแดดสาดส่องเข้ามาเป็นลำแสงจำนวนมากจากช่องผ้าม่าน ชานนท์ลืมตาขี้นมาในห้องที่เกือบมืดสลัวที่เย็นเยียบ ด้วยความสว่างที่จำกัดในห้องทำให้เขาแยกไม่ออกว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไรแล้ว เขาขยับตัวเพื่อคลายจากอาการนอนผิดท่าผิดทางพลางนึกถึงความฝันเมื่อคืนว่ามัมช่างแปลกประหลาดอย่างสุดโต่ง และดูเหมือนจริงจนน่ากลัว

ชานนท์ขยับพลิกตัวเข้าไปด้านในของเตียงนอน เขาก็เจอกับวรุฒที่นอนหมดสติอยู่ในสภาพเปลือยอก ส่วนครึ่งล่างถูกผ้านวมปิดไว้มิดชิดเช่นเดียวกับเขา

‘เฮ้ย!’ เขาร้องอุทานในลำคอเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตื่น พร้อมทั้งสำรวจตัวเองก็พบว่าร่างกายของเขานั้นเปลือยเปล่า

“โอ้ย!!” เขาขยับตัวขึ้นมานั่งด้วยความแตกตื่นแต่ก็พบกับความเจ็บปวดเข้ามาเล่นงานเขาที่บริเวณบั้นท้าย
“ทำไมมันเจ็บแบบนี้วะ!” เขาบ่นพึมพำกับตัวเองในสภาพล่อนจ้อนภายใต้ผ้าห่มผืนหนา

“ตื่นเช้าจริงเชียว!” เสียงงัวเงียจากคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“โอ้ย!” ชานนท์ร้องด้วยความตกใจ ไม่ใช่ความเจ็บปวด เพราะพอสิ้นประโยคของอีกฝ่าย ชานนท์ก็ถูกแรงอันมหาศาลกระชากกลับลงไปนอนข้างวรุฒ และถูกโอบกระชับเข้ามาในอ้อมกอดอีกฝ่าย ไม่นานเขาก็สัมผัสเนื้อหนังและบางอย่างภายใต้ผ้าห่มผืนนั่นได้

‘เฮ้ย!! ท่อนล่างมันก็เปลือยนี่หว่า!!’ ชานนท์คิดจนหัวร้อนขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจดิ้นหลุดจากพันธนาการอีกฝ่ายได้ วรุฒเข้าสู่โหมดจำศีลและงัวเงียอีกครั้ง ชานนท์ถูกชายที่เขาเคยเกลียดขี้หน้ามาก่อน กอดกกในสภาพเนื้อแนบเนื้อ ชานนท์ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังทำให้อวัยวะทุกส่วนของคนตัวสูงสัมผัสกับผิวแผ่นหลังเสียจนแทบจะรู้ไส้ทุกขดของฝ่าย แต่ก็แปลกเขากลับไม่ได้รังเกียจสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าที่เขาคิด จากความรำคาญมันกลายเป็นความอบอุ่นอย่างประหลาดที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก

สมองของชานนท์กำลังกลับมาทำงาน มันกำลังทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา พยายามเค้นเอาความทรงจำที่พอจะระลึกได้ และพยายามประเมินสภาพของตัวเขาในตอนนี้ ทำให้คิดได้อย่างเดียวว่า..... เมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไป!!! มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เหตุการณ์เมื่อคืนระหว่างเขากับวรุฒ

พอนึกย้อนไปดีๆ ขานนท์กลับมีความรู้สึกแบบเมื่อคืนเกิดขึ้นมา บางอย่างภายในร่างกระตุ้นเร้าให้เจ้านนท์น้อยมันตื่นตัวขึ้นมาอย่างที่ชานนท์ไม่สามารถบังคับได้

นี่!! หรือว่า เขาจะ.... ชอบวรุฒเข้าจริงๆ เสียแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนขานนท์ไม่เคยมีความรู้สึกกับผู้ชายมาก่อนเลย ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้สำหรับผู้ชายสองคนด้วย!!

“จะดิ้นทำไมนักหนาวะ?” คนตัวสูงที่นอนกอดก่ายเขาคงรู้สึกถึงอาการระส่ำระส่ายของชานนท์ที่คิดมากจนนอนไม่หลับเอ่ยทักขึ้น และเปลี่ยนอริยาบทของตัวเองให้กอดชานนท์ได้แน่นกระชับขึ้น

“อ้าว...... ตื่นแล้วเหรอ?” วรุฒถามเขาด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความปรารถนาบางอย่างที่รุนแรงหลังจากเลื่อนมือลงต่ำไปสัมผัสถูกนนท์น้อยเข้าพอดี เป็นคำว่า ‘ตื่น’ ที่กำกวมที่สุดเท่าที่ชานนท์เคยได้ยินมา

“เฮ้ย!! ทำอะไรน่ะ?!” ชานนท์ร้องทักด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเจอจู่โจมขนาดนี้
“อ้าว.... ถามแบบนี้ไม่รู้จริงๆเหรอ? งั้นเดี๋ยวจะตอบด้วยการกระทำก็แล้วกัน!” หลังจากจบประโยค ชายตัวสูงใหญ่ก็โดดเด้งขึ้นมาจนเหมือนแรงโน้มบริเวณนั้นหายไป วรุฒจับชานนท์กดลงบนที่นอน วรุฒขึ้นคล่อมอีกฝ่ายโดยใช้สองมือของเขากดไปที่ข้อมือทั้งสองของชานนท์จนคนที่อยู่เบื้องล่างไร้ทางต่อต้าน

“โอ้ย!! เจ็บ!!” ขานนท์รู้สึกปวดหนึบที่ข้อมือจากแรงกดที่ทิ้งน้ำหนักลงมาจากคนทางด้านบน
“อ่ะ!! โทษที ก็นายมันน่า.... หมั่นเขี้ยว!”  วรุฒค่อยๆ คลายมือและลดน้ำหนักตัวเองลงแต่ก็ยังคงจับกุมอีกฝ่ายอย่างแน่นหนา
“........ปล่อย!!...” จากประโยคของวรุฒทำให้ชานนท์ไม่รู้จะตอบโต้อะไรกลับไปทำได้เพียงพยายามดิ้นให้หลุดพ้นการพัวพันของวรุฒให้ได้

“ไม่!! รู้ๆกันอยู่ว่านายก็ต้องการ!!” วรุฒแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ต้องการอะไร?!?” ชานนท์ ดิ้นรนอึกครั้งจนทำให้ผ้าห่มที่คลุมตัวทั้งสองอย่างหลวมๆหลุดออกจนหมดสิ้น เผยให้เห็นกิริยาแบบเนื้ออย่างแนบชิดชัดขึ้น ทั้งชานนท์และวรุฒอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผิวกายทั้งสองคนไร้การขั้นกลางด้วยเนื้อผ้าใดๆ ชานนท์เห็นรูปร่างของวรุฒชัดขึ้น  รูปร่างร่างผิวพรรณอันมีเสน่หน่าหลงไหลนั้นอยู่ในระยะประชิด ชานนท์ไล่มองตั้งแต่ช่วงอกไปถึงช่วงท้องที่เป็นลอนสวย ต่างมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ และ ขีดแดงสั้นๆ หลายเส้น ทำให้สมองของเขาประมวลภาพเมื่อคืนผุดขึ้นมาเป็นระยะ เขาเดาได้ว่า ร่องรอยพวกนั้นร่าจะเกิดจากตัวเขาเอง
‘นี่มัน ไม่ใช่ความฝันจริงๆใช่ไหม?’ ชานนท์ถามกันตนเองในใจ

“ใช่! เนี่ยฝีมือนาย โหดไม่ใช่เลยนะตัวแค่เนี่ย!!” วรุฒก้มมองตามสายตาของชานนท์และพูดปนยิ้มออกมา
ชานนท์พยายามเลี่ยงสายตาที่แวววาวนั่นจนเผลอก้มลงไปมองอวัยวะที่ต่ำลงไปจากลอนกล้ามท้องสวยแน่นแล้วเขาก็พบต้นเหตุที่ทำให้เขาเจ็บบั้นท้ายจนกระทั้งตอนนี้ยังคงมีอาการแสบคันหลงเหลืออยู่ ตอนนี้มันมีอาการตื่นตัวเต็มที่ สิ่งนี้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้  การที่ได้มามองมันตรงๆ กับสิ่งที่วรุฒมีติดตัวมา นี่มันมีขนาดที่น่ากลัวมาก เมื่อคิดได้ชานนท์พยายามดิ้นรนอีกครั้งเพื่อหนีจากตรงนี้ เมื่อทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน มันน่ากลัวมาก ไม่รู้ว่าเขาผ่านมันมาได้อย่างไร

“อย่าดิ้นสิ นายยังติดค้างเราเรื่องรอยแผลพวกนี้ มาให้เราเอาคืนเดี๋ยวนี้!!” วรุฒพูดจบก็ก้มลงกดริมฝีปากลงบนต้นคอที่ขาวเนียนของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
“โอ้ย!! ไม่เอาแล้ว! ที่นายทำกับเราก็ยังเจ็บอยู่เลย งั้นเราหายกันแล้ว!!” ชานนท์โวยวายในขณะที่อีกฝ่ายใช้ลิ้นอันชุ่มเปียกละเลงไล้ตามซอกคออีกฝ่ายจนแทบทำให้ชานนท์หมดแรงต่อต้าน

“มันจะหายไปได้ยังไง ในเมื่อเราสองคนเครื่องติดแล้ว คงจะดับกันได้ยากแล้วล่ะ!!” วรุฒพูดขึ้นขณะใช้ริมฝีปากไล่ขบชานนท์ที่คอจนไล่มาถึงคาง ชานนท์ตอนนี้รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวและหมดแรงดิ้นรน เขาค่อยๆ คล้อยตามแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนโดยริมฝีปากอีกฝ่าย จนกระทั่งริมฝีปากทั้งสองประกบกัน ลิ้นของชานนท์ช้อนไช และโลมเล้าอีกฝ่ายจากข้างในอย่างชำนาญ ชานนท์ที่ไร้เดียงสากลับรับความปรารถนาของอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ร่างกายของเขาหยุดการต่อต้านแต่กลับทำตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่ายไม่ว่าวรุฒจะนำเข้าไปสู่ความหฤหรรษ์ด้วยท่าปฎิบัติอย่างไร ชานนท์คล้ายนักเรียนดีเด่นที่ได้เกรดเอ ที่ทำให้ปรมาจารย์อย่างวรุฒพึงพอใจกับบททดสอบครั้งนี้ ชานนท์ยอมให้วรุฒนำเขาทุกอย่างจนไปถึงบททดสอบสุดท้ายที่เขาเกรงกลัว แต่พอความปรารถนาถูกชักนำมาจนถึงจุดนี้ ครั้งนี้วรุฒใช้ลิ้นที่ชุ่มอุ่นเล้าโลมรอบปากทางอย่างไม่รีบร้อน ใช้ริมฝีปากดุนดันที่ช่องนั้นจนชานนท์เผลอร้องออกมาอย่างลืมจริต วรุฒไม่ลืมที่จะใช้เจลอันเย็นวาดลงบนช่องหลังเป็นลำดับถัดไป คนตัวใหญ่ใช้นิ้วไล่เรียงสอดเข้าออกจนลื่นคล่อง และเริ่มปฏิบัติภาระกิจจ่อปืนใหญ่พร้อมบรรจุกระสุน วรุฒค่อยๆดันตัวเองเข้าไปในตัวขานนท์อย่างเชื่องช้าและไม่ลืมที่จะพรมจูบลงบนหลังแะคอของอีกฝ่ายอย่างอบอุ่นอ่อนโยน ชานนท์ปล่อยให้วรุฒจัดการกับจุดยุทธศาสตร์ของเขาอย่ว่าง่าย ครั้งนี้ไม่เจ็บเท่าครั้งแรกแต่ก็ไม่ได้สบายนักเพราะขนาดที่เกินกว่ามาตรฐานของอีกฝ่าย แต่จนแล้วจนรอดทั้งสองก็ผ่านมันมาได้อีกครั้งจนหมดเรี่ยวแรงไปอีกครั้ง

..............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 1) อัพ 21 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-05-2019 15:31:50
หวีดร้องงงง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 1) อัพ 21 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-05-2019 16:53:52
 :pig4:

55 ประหนึ่งเป็น aftershock กว่าชานนท์จะรู้ตัวคงน่วมไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 1) อัพ 21 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 21-05-2019 20:51:14
 :-[
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 1) อัพ 21 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-05-2019 00:12:19
 :z1:


 :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 1) อัพ 21 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-05-2019 01:13:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาแบบ(เนื้อหา)สั้นกุด
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 13 ส่วนที่ 2) อัพ 27 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 27-05-2019 16:49:44
“เอ้า!! คิดออกหรือยัง? ว่าจะกินอะไร?”
ชายร่างสูงใหญ่เอ่ยขึ้น หลังพวงมาลัยรถคันหรู
“เอ่อ.....อะไรก็ได้” ชานนท์ตอบกลับอย่างขอไปที เขาถูกวรุฒกระชากออกจากความคิดของเขาด้วยคำถามอันดังขณะที่เขานั่งมองเหม่อไปยังทิวทัศน์ด้านนอก ภาพเสาไฟฟ้าข้างทางที่วิ่งเข้าหาตัวรถอย่างรวดเร็วและหายไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“จะตอบแบบนี้อีกกี่รอบ? หิวไม่ใช่หรือไง? อย่ามาเล่นมุกว่ากินอะไรก็ได้!!” วรุฒโต้ตอบกลับด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราด
“เอ่อ.... ก็มันไม่รู้จะกินอะไรนี่นา” ชานนท์หันมาตอบด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับไม่ได้สนใจอารมณ์ของคนถาม แน่นอนว่าเรื่องที่เขาคิดไม่พ้นเรื่องที่เคยขึ้นเมื่อเช้า....

หลังจากเสร็จ ‘กิจ’ ชานนท์ก็ถูกบังคับให้ไปอาบน้ำด้วยกันกับวรุฒอย่างไม่เต็มใจ และก็ดันไม่วายต้องตกเป็นของวรุฒอีกหนึ่งรอบโดยที่ชานนท์แทบจะไม่ขัดขืนเลย จนเขากลัวตัวเองว่าเขาคงจะเสพติดเซ็กส์เสียแล้ว และยังเป็นเซ็กส์กับผู้ชายที่เขาไม่ชอบขี้หน้าอึกด้วย!!

หลังจากอาน้ำเสร็จ วรุฒก็บ่นหิวและชานนท์ก็โดนบังคับให้ออกมากินข้าวที่ห้างสรรพสินค้ากับวรุฒด้วย ตอนแรกชานนท์ก็พยายามดื้อรั้น ไม่ยอมออกมาด้วย ด้วยสภาพร่างของเขาที่มีรอยพกช้ำอยู่ตามลำตัวและต้นคอแบบนี้ เขาไม่มีกระจิตกระใจไปไหนหรอก แค่ร้านอาหารในโรงอาหารก็พอแล้ว  แม้จะมีอาหารให้เลือกไม่เยอะเพราะเป็นวันหยุด แต่เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว ที่สำคัญชานนท์ยังโกรธปะปนความสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่มาก เพราะวรุฒนอกจากจะไม่พูดอะไรถึงสิ่งทึ่เกิดขึ้น ยังทำมันซ้ำๆ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ เขาไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นนะ!! ที่จะเสร็จกิจแล้วก็จะไม่พูดถึงมันเลย อย่างน้อยวรุฒก็ควรที่จะขอโทษเขา เพราะเขาถูกพรากพรมจรรย์ไป!! ควรจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกเขาบ้าง!

แต่สุดท้ายด้วยการชักจูงกึ่งบังคับหลายๆ ประโยค ในที่สุดชานนท์ก็ทำตามความต้องการของวรุฒอีกครั้ง เพราะหลังจากอาบน้ำ เขาถึงได้รู้ว่าผ้าปูที่นอนและที่นอนของเขาได้อันตธานหายไปจากห้องแล้ว วรุฒอธิบายสั้นๆว่า “อ้วกของนายไง” นั่นเป็นเหตุให้วรุฒยกที่นอนและผ้าปูที่นอนทั้งหมดออกไปทิ้ง
“แล้วเราจะนอนอะไรล่ะคืนนี้?” ชานนท์ถามวรุฒด้วยความหัวเสีย เพราะของแบบนี้มันทำความสะอาดกันได้ทำไมถึงกับต้องทิ้ง!
“ก็นอนด้วยกันก็ได้....” เสียงตอบอันเบาจนเหมือนบ่นพึมพำออกจากปากวรุฒ ที่ตอบออกมาโดยไม่ได้มองหน้าคนตัวเล็กที่ยืนจ้องเขาอยู่
“อะไรนะ!?” ชานนท์ขยับเข้าไปถามใกล้ๆ
“เออน่ะ เดี๋ยวซื้อให้ใหม่!! ก็ออกมาซื้อด้วยกันสิ!!”
ประโยคนี้เลยกลายเป็นเหตุผลหลักที่ชานนท์ต้องออกมากับวรุฒ

................

ในที่สุดวรุฒก็พาชานนท์มากินอาหารญี่ปุ่นร้านดังในห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยที่วรุฒเป็นคนสั่งอาหารบนโต๊ะทั้งหมด เพราะชานนท์มัวแต่ละลานตากับเมนูอาหารหน้าตาสะสวยและราคาที่เกินกว่าที่คนอย่างเขาจะเอื้อมถึง เขาลังเลในการเลือกเมนูอาหารอยู่หลายนาทีจนวรุฒสั่งอาหารจนเสร็จและดึงเมนูออกจากมือชานนท์อย่างไม่ตั้งตัว

“ทำไมตัดสินใจอะไรนานจังวะ!?!” วรุฒจ้องมาทางคนตัวเล็กกว่าฝั่งตรงข้าม
“ก็มัน..... เลือกไม่ถูก..... มันเยอะ.....แถมราคามัน....แพงขนาดนั้น”  ชานนท์ตอบเสียงเบา
“ไม่เคยกินร้านนี้รึไง?” วรุฒพูดขึ้นขณะหัวคิ้วเริ่มชนกัน
“ไม่เคย” ชานนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด พลางคิดในใจว่า ร้านนี้มันหรูเกินกว่าที่เขาจะมากิน แค่เห็นหน้าร้านกับราคาอาหารที่ป้ายหน้าร้านก็แทบไม่อยากเดินเฉียดแล้ว!! เขาไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้!

วรุฒเห็นหน้าชานนท์ทำหน้าจริงจังแบบนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ จนชานนท์ที่สังเกตเห็นก็อดจะถามไม่ได้ว่าวรุฒขำอะไรเขา ถ้าวรุฒจะตอบก็คงจะขำในความซื่อของอีกฝ่ายที่เขาไม่เคยเจอกับใครมาก่อน

ไม่นานนักอาหารต่างๆ ที่วรุฒสั่งก็ทยอยเดินทางมาวางที่โต๊ะจนเต็มอย่างอลังการ ชานนท์ได้แต่มองด้วยความทึ่งในการจัดวางและสีสันของอาหาร และแอบคิดในใจว่า ‘สมกับที่ให้คุณชายสั่ง สั่งมาแต่ที่อยากจะกิน โดยไม่คิดว่าจะกินหมดหรือไม่’  เขามองหน้าวรุฒพร้อมถอนหายใจ

ส่วนวรุฒนั้นได้แต่สนใจกับอาการตื่นตาตื่นใจของอีกฝ่ายที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง แต่ครั้งนี้เขาได้แค่ข่มใจไม่ให้ยิ้มออกมาอีกครั้ง เพราะความจริงเขาก็ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่ายด้วย ได้ยินย่นว่าหิวๆ มาตลอดทางตั้งแต่ที่รถ แต่ก็ไม่ตัดสินใจว่าจะกินอะไร เขาเลยสั่งให้มันเยอะจนล้นโต๊ะ เพราะตามนิสัยของชานนท์แล้ว เป็นคนขี้เสียดายของ ชานนท์อยากรู้ว่าชานนท์จะจัดการอาหารที่มากมายแบบนี้อย่างไร

“เอ้า! กินสิ ไม่ต้องห่วงเรื่องราคา มื้อนี้กูเลี้ยง!” วรุฒพูดขึ้นหลังจากเห็นท่าทางอีกฝ่ายลังเลที่จะกินอาหารตรงหน้า
“แน่ใจนะที่พูด มันแพงนะ!”
“เออน่า! แค่นี้มันไม่แพงหรอก!”
“อวดรวย!!” ชานนท์ค้อนใส่และเริ่มลงมืออย่างไม่เกรงใจ

สุดท้ายคนที่จะแกล้งชานนท์กลับเป็นคนที่อึ้งเสียเอง เพราะชานนท์ได้แสดงศักยภาพของกระเพราะมิติที่สี่ อย่างกระเป๋าของแมวแห่งอนาคตที่สามารถบรรจุอาหารเหมือนไร้ขอบเขต ชานนท์ได้จัดการอาหารเกือบ 90% บนโต๊ะจนวรุฒยกย่องและไม่อยากจะเชื่อว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะสามารถกินอาหารสำหรับสามคนได้หมด
“สงสัยเมื่อคืนอ้วกออกหมด ท้องเลยว่าง...” ชานนท์ ตอบอย่างเขินๆ หลังจากเห็นสีหน้าของวรุฒหลังจากเขากินปลาดิบชิ้นสุดท้ายลงไป
“อร่อยไหม?” คนตัวสูงที่ยิ้มอย่างกรุ่มกริ่มมองมาทางชานนท์อย่างพอใจ
“อร่อยมากเลย” ชานนท์ตอบกลับมาอย่างสดใส
“งั้นจะพามากินบ่อยๆ เอาป่ะ?” วรุฒพูดพลางใช้มือยื่นไปเช็ดเม็ดข้าวที่ยังติดแก้มออกมาและหยิบเข้าปากตัวเองไป
ส่วนชานนท์เมื่ออยู่ในสถานะการณ์แบบนี้เลยได้แต่หลบตาและดื่มชาเขียวเย็นที่เหลือในแก้วอย่างขัดเขิน เขารู้สึกไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องหลบตาอีกฝ่ายหนึ่งด้วย และที่แปลกที่สุดคือเขาเริ่มจะชินกับอาการแปลกของวรุฒแล้วเสียด้วย เพราะเขากลับไม่ต่อว่าอีกฝ่ายเลยที่ทำอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้ต่อหน้าเขาในที่สาธารณะแบบนี้

.........................

หลังจากกินอาหารไปแล้วทำให้ชานนท์อารมณ์ดีขึ้นจนเกือบลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและเมื่อเช้ากับวรุฒ เขาทบทวนกับตัวเองแล้วว่ามันคงเป็นสาเหตุจากอาการมึนเมา มันคงไม่ใช่อาการทางอารมณ์ที่ถาวรอะไร เขาจะพยายามลืมมันและไม่พูดถึงมันอีก

ชานนท์เดินตามวรุฒไปทางแผนกขายเครื่องนอนของห้างสรรพสินค้า เขาเลือกผ้าปูที่นอนอยู่นาน จนลืมสังเกตไปว่าวรุฒหายไปจากสายตาเขาพักใหญ่

“อะไรวะ! นี่กูไปตั้งนานมึงเลือกไม่ได้อีก?!” เสียงขุ่นของวรุฒดังขึ้นที่ด้านหลัง ขณะที่เขากำลังหยิบเลือกผ้าปูที่นอนชิ้นนั้นชิ้นนี้ตามที่พนักงานขายแนะนำ

“ก็มันยากนี่นา” ชานนท์บ่นพึมพำขณะหยิบผ้าปูที่นอนขึ้นมาส่องจากในห่อพลาสติกตามที่พนักงานขายแนะนำยื่นมาให้ เขารู้สึกว่ามันยากมากเพราะที่ถูกใจมันก็แพงเกินไป ที่ราคาถูกมันก็ดูนอนไม่สบายเลยเมื่อเทียบกับผืนอันเก่าของเขาที่แม่เขาซื้อให้ ชานนท์ไม่เคยเลือกซื้อผ้าปูที่นอนเองเลยสักครั้ง ไม่เคยรู้เลยว่าราคามันมีหลากหลายขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกบอกว่า ‘จะซื้อให้’ แต่เขาก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดี
“เอาอันนี้แหละ ยี่หัอเดียวกับที่กูใช้!” วรุฒเลือกขึ้นมาสองสามชิ้นหลังจากสุ่มหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างขอไปที
“ได้ครับ เชิญที่เคาน์เตอร์ชำระเงินทางด้านนี้ครับ” พนักงานขายยิ้มเมื่อเห็นจำนวนและยี่ห้อที่วรุฒเลือก
“เดี๋ยวๆ มันไม่แพงไปเหรอ?” ชานนท์ยกมือขึ้นปรามพนักงานขายและถามไปที่วรุฒ
“มึงพูดเหมือนกูไม่มีเงินจ่าย?” สายตาวรุฒดูขุ่นเคือง
“ไม่ใช่ๆ เราเกรงใจ อีกอย่างมันเยอะไป เอาไปแค่ชุดเดียวก็พอ!!”
“แล้วเวลาซักจะทำไง?”
“ซักตอนเช้า ตอนบ่ายก็แห้งแล้ว”
“เฮ้อ!! จริงๆ เลยนายเนี่ย!! ของแค่นี่เองซื้อๆ ไปเถอะ!!” วรุฒทำท่าดุชานนท์เหมือนเขาเป็นเด็กเล็ก
“แต่.......”
“ไม่ต้องแต่!!!  เอ้า!! พี่!! ไปคิดเงิน!!” วรุฒไม่สนใจอีกฝ่ายทัดทาน หันไปบอกพนักงานขายให้พาไปชำระเงินทันที
ชานนท์ได้แต่เดินตามไปด้วยอาการไม่เต็มใจนัก

“ความจริงก็ไม่เห็นต้องซื้อให้ก็ได้นี่นะ!” วรุฒอยู่ๆ ก็หันหลังกลับมาพูดกับเขาด้วยแววตาเจ้าเลห์
“อ้าว! จะไม่รับผิดชอบหรือไง?! แล้วอย่างนี้เราจะนอนไหนล่ะ?” ชานนท์โวยขึ้นมา
“ก็รับผิดชอบนะ นายก็มานอนเตียงเดียวกับเราก็ได้ไง!” วรุฒยิ้มด้วยแววตาเหมือนมีแสงวาบฉายออกมาวูบหนึ่ง มันเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องเหยื่อของตน
“ไอ้.... ไอ้บ้า” ชานนท์ตอบโต้กลับไปด้วยความเขินอาย เขารู้สึกแปลกใจตัวเองที่แสดงปฏิกิริยาแบบนั้นออกไป แทนที่เขาควรจะโกรธกับการล้อเล่นกับเขาแบบนั้น แต่เขากลับเขินจนหน้าร้อนผ่าว สุดท้ายเขาต้องหันหลังไปทางอื่นไม่อยากจ้องมองสายตาหื่นกระหายของอีกฝ่าย ส่วนวรุฒได้แต่หัวเราะร่าอยู่ด้านหลังเขา เป็นอีกหนึ่งครั้งที่วรุฒทำใจเขาสั่นระทึกไปหมด

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 2) อัพ 27 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-05-2019 20:49:55
 :z1:

 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 2) อัพ 27 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 27-05-2019 22:17:01
 :pig4: :hao6:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 2) อัพ 27 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-05-2019 22:43:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 2) อัพ 27 พ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-05-2019 02:51:04
มันสั้นไปอ่าาาา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 13 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 03-06-2019 10:34:21
“นนท์!!!  นนท์”

เสียงดังแว่วมาแต่ไกลในขณะที่ชานนท์กำลังเดินตามวรุฒกลับไปที่รถ เขาหันไปหาต้นเสียงอยู่พักใหญ่จนกระทั่งเจอเจ้าของเสียง

“อ้าว! หลง บังเอิญจัง!” ชานนท์หยุดเท้าหันไปทัก
“เออ! นั่นสิ! แต่เจอก็ดีแล้ว เมื่อสายๆ ไปหาที่หอก็ไม่อยู่ห้อง!”
หลงมีอาการหอบอยู่ในประโยคคำพูดอาจเพราะวิ่งเข้ามาหาชานนท์
“อ้อ! คงออกมาแล้วนะ คือ วรุฒจะพาไปหาหมอตามนัดน่ะ แต่หิวก็เลยมาหาอะไรกินก่อน” ชานนท์อธิบายพลางใช้นิ้วชี้ไปทางด้านหลัง
“วรุฒ! ไอ้วรุฒเนี่ยนะ?! แล้วมันไปไหนแล้วล่ะ” หลงพูดไปมองหาคนที่ชานนท์เอ่ยถึง
“อ้าว เมื่อครู่ยังเดินอยู่ข้างหน้าอยู่เลย!” ชานนท์หันไปหาคนที่เขามาด้วย “อ่ะ!! นั่นไง ยืนอยู่ตรงบันไดเลื่อนนั่นไง!!” ชานนท์ชี้ไปที่วรุฒซึ่งถือของสองไม้สองมือ
“นี่! นายมาชอปปิ้งเป็นเพื่อนไอ้ขี้แก็กนั่นเหรอ? แล้วนายไม่ได้ซื้ออะไรเรอะ? ไม่เห็นนายถืออะไรเลย?”  หลงมองคนตัวสูงใหญ่ ยืนเป็นจุดเด่นที่เลยไปประมาณ 10 เมตรห่างออกไป
“เอ่อ..... คือ มีอุบัติเหตุนิดหน่อย.... เลยต้องมาซื้อผ้าปูที่นอนใหม่ ส่วนของพวกนั่นน่ะ ของเราหมดเลย....” ชานนท์พูดอย่างติดขัด เพราะไม่อยากเล่าเรื่องที่เกิดขี้นสักเท่าไหร่

“มีวาสนานะเนี่ย ได้ไอ้คุณชายนั่นมาถือของให้เนี่ย!!”
“ก็ไอ้คุณชายมันคงสงสารหรือสังเวชคนตัวเล็ก อ่อนแออย่างเราน่ะ” ชานนท์พูดไปขณะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่วรุฒจะช่วยเขาเข้ามาในสมอง ‘ไอ้เตี้ยเอ้ย!! เดินชักช้า! แค่นี้ก็แบกไม่ไหว! แล้วเมื่อไหร่จะถึงรถเสียทีวะ!’ เสียงวรุฒยังดังก้องอยู่ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็เป็นเรื่องจริง

“เออ!! ว่าแต่ .... เมื่อกี้นายบอกว่าไปหาเราช่วงสาย มีอะไรหรือเปล่า?” ชานนท์รีบตัดบทเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ก็ยัยมายด์น่ะสิขอร้องให้เราไปดูนายหน่อย รู้สึกเป็นห่วง กลัววรุฒพานายไปทำเรื่องไม่ดีมา!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรนี่!” ชานนท์ตอบเสียงสูง และรู้สึกชื่นชมสัญชาตญาณของมายด์ที่แม่นยำเหลือเกิน
“แน่ใจนะ? เมื่อคืนมายด์โทรหานายตั้งหลายรอบก็ไม่รับสาย” หลงทำหน้าสงสัยและถามต่อ
“อ้าวเหรอ? .... เมื่อวานเรา.... นอนเร็วน่ะ” ชานนท์นึกถึงสายที่ไม่ได้รับซึ่งแสดงที่หน้าจอโทรศัพท์ในตอนเช้า เขาคิดว่าจะโทรกลับนะ แต่ยังหาข้อแก้ตัวดีๆ ไม่ได้

“จะคุยอะไรกันหนักหนา!! ไม่เคยเจอกันหรือไง!!” เสียงดุๆดังขึ้นทางด้านหลังของทั้งสองคน ชานนท์หันไปทางต้นเสียงเจอยักษ์ยืนหน้ามุ้ยถือของพะลุงพะลัง
“อ่ะ! เสร็จพอดี คือวรุฒจะพาเราไปหาหมอต่อน่ะ มีนัดติดตามผลน่ะ เราขอตัวไปก่อนนะ” ในที่สุดชานนท์ก็หาข้ออ้างหยุดบทสนทนานี้ก่อนที่เขาจะโกหกต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว

“ไปโรงพยาบาลของมหา’ลัยใช่ไหม?”
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
“ก็ว่าจะขอติดรถไปด้วยน่ะ เอารถมากันใช่ไหม? บังเอิญเรามาซื้อของเยี่ยมเสร็จพอดีว่าจะไปเยี่ยมเพื่อน มันซุ่มซ่ามทำขาตัวเองเจ็บระหว่างซ้อม ไม่รู้ว่าเล่นกันอีท่าไหนทำกระดูกร้าวเลย” หลงพูดพลางชูของในมือขึ้นมาให้เห็น เป็นถุงผลไม้และหนังสือการ์ตูนกองหนึ่ง
“เอ่อ...... เราติดรถวรุฒมาน่ะ......” ชานนท์พูดพลางหันไปทางเจ้าของรถ
“รถ... ไม่ว่าง ของเยอะ!!” คำพูดสั้นๆห้วนๆถูกปล่อยออกมาจากคนที่หน้าตาเฉยเมยที่สุดในวงสนทนา
“งั้น....... ไม่เป็นไร” หลงตอบกลับไปด้วยสีหน้าเกรงใจ
“เดี๋ยว! เราว่า ให้หลงไปด้วยก็น่าจะได้นะ ที่นั่งน่าจะพอนี่นา?” ชานนท์นึกถึงรถมินิคูเปอร์สีน้ำเงินเข้มลายทางที่ตนนั่งมา ถึงแม้มันจะเล็ก แต่แค่คนเพิ่มมาแค่คนเดียวน่าจะไปด้วยกันได้ เขาพูดจบก็มองหน้าไปทางวรุฒเป็นเชิงขอร้อง เขายังรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาอยู่กับชานนท์ สองต่อสอง กลัวว่าตัวเองจะปล่อยความรู้สึกคล้อยตามเหมือนตอนเช้าจนทำเรื่องแบบนั้นไปอีก การเพิ่มคนเข้ามาอยู่ด้วยในช่วงเวลาแบบนี้อีกสักนิดก็ยังดี
“................” วรุฒไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่มองชานนท์และหลงสลับกัน
“แค่ติดรถไปโรงพยาบาลเองเพื่อน! ถึงก็แยกย้ายไม่ตามไปกับนายหรอกน่า!!” หลงพูดด้วยรอยยิ้ม เขาทำเหมือนจะรู้ใจอีกฝ่าย
“น่าๆ รู้จักกันแล้วนี่” ชานนท์ช่วยพูดอีกแรง
“กูไม่ใช่เพื่อนมึง แต่เห็นว่ารู้จักกับนนท์ จะไปด้วยกันก็ได้!” วรุฒพูดจบก็เดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วทั้งชานนท์และหลงก็มองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนที่จะวิ่งเหยาะตามอีกฝ่ายหนึ่งไป ที่ทั้งสองมองหน้ากันเพราะ พวกเขาไม่เคยได้ยินวรุฒพูดชื่อเล่นของชานนท์เลยสักครั้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมันอย่างชัดเจน

..............................

กว่าจะฝ่าการเดินทางช่วงวันหยุดมาถึงโรงพยาบาลได้ก็คล้อยไปบ่ายกว่าๆ แล้ว ความจริงมันเกือบจะถึงเวลาที่นัดหมายไว้แล้วทำให้วรุฒ และชานนท์เร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงเคาเตอร์ลงทะเบียนให้ทันเวลา โดยมีหลงเดินตามมาติดๆ

“อ้าว แล้วมึงไม่ไปหาเพื่อนมึงรึไง!” ชานนท์หันมาถามหลังจากยื่นบัตรนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมาเจอหลงยืนยิ้มฟันขาวอยู่ทางด้านหลัง
“ไม่เป็นไร ไม่รีบ มันยังอยู่อีกหลายวัน เดินมาเป็นเพื่อนพวกนายก่อน” หลงตอบกลับไปและหันไปขยิบตาใส่ชานนท์ที่ยืนอึดอัดอยู่ข้างๆ วรุฒ
วรุฒมองเห็นการกระทำดังกล่าวยิ่งทำให้รู้สึกไม่พอใจจนคิ้วตอนนี้ชนเบียดกันอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่เขาส่งให้หลงเป็นความหมายแฝงว่า ‘กูไม่ต้องการเพื่อน!!’
ส่วนชานนท์ขยับปากเป็นคำพูด ‘ขอบใจ’ ที่หลงเข้าใจความรู้สึกตนโดยที่ยังไม่ได้พูด

“อ้าว.... คู่รักนักเลงนี่เอง!!” น้ำเสียงอารมณ์ดีดังขึ้นตัดกับบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด
ชานนท์และวรุฒหันไปทางต้นเสียงทันที
“อ้าว! หมอ!” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
“มาสายล่ะสิ? แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะหมอสายกว่า ขอโทษด้วย เพิ่งได้ไปกินข้าวเอง ไป!! เราไปห้องตรวจกันเถอะ!!” หมอที่มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างจากนักศึกษาปีสอง พูดด้วยวาจาร่าเริงต่างจากหมอโดยทั่วๆไป

ในขณะที่ทุกคนกำลังก้าวเดินออกจากจุดเดิม มีเพียงคนเดียวที่ยังยืนนิ่ง และไร้คำพูดใดๆ ตอบโต้ผิดจากลักษณะนิสัยของเขา หลงยืนนิ่งจนผิดสังเกต

“หลง ไม่ไปด้วยกันแล้วเหรอ?” ชานนท์ทักขึ้นหลังจากเดินห่างจากหลงไปสองก้าว
“เอ่อ.....” หลงมีสีหน้าอ้ำอึ้งและแปลกใจ

“หลง!!” หมอเอิร์ธ มีสีหน้าแปลกใจไม่แพ้กับหลง
“พี่เอิร์ธ......” หน้าของหลงดูตกใจและซีดลงเล็กน้อย
“หลง.... พี่......” หมอเอิร์ธสีหน้าแปลกไป ดวงตาดูฉ่ำไปด้วยน้ำแวววาว
“นนท์... เราไปก่อนนะ ขอไปเยี่ยมเพื่อนก่อนนะ!” จบประโยคหลงก็วิ่งออกไปจากจุดนั้น และหายไปทางด้านหน้าโรงพยาบาล
“เดี๋ยว!! หลง!!” หมอเอิร์ธร้องเรียกแต่แผ่นหลังแผ่นนั้นก็ไม่ได้ย้อนกลับมา

“หมอรู้จัก.... ‘หลง’ เหรอครับ?” ชานนท์เอ่ยถามเมื่อเห็นหมอมีอาการแปลกๆ
“รู้จักสิ รู้จักดีด้วย! ..... เอ้อ!! ช่างมันเถอะ สายมากแล้ว ไปเข้าห้องตรวจกัน!!” หมอเอิร์ธหันกลับมาแสร้งยิ้มจนทั้งคนรู้สึกได้

.....................

การตรวจอาการของหมอในวันนี้ค่อนข้างแปลก หมอเอิร์ธดูเหมือนมีอะไรอยู่ในใจอยู่เอ่อล้น จนแทบจะไม่มีสมาธิในการรักษา หลายครั้งที่หมอเอิร์ธเหมือนจะเอ่ยปากถามอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากสอบถามอาการเจ็บป่วยของชานนท์ แต่ก็หยุดปากไม่ถามต่อ เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ จนเสร็จการตรวจ ทำให้ชานนท์ยิ่งรู้สึกสงสัยกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ ทั้งหลงและหมอเอิร์ธ ความสงสัยเหล่านี้ติดอยู่ในใจจนกระทั้งเขากำลังเดินทางกลับหอพัก

“นายว่าหมอเอิร์ธนี่ดูแปลกๆไปไหม? หลังจากเจอหน้าหลง สองคนนี้มันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน!!” ความสงสัยมันล้นขอบจนต้องเอ่ยถามวรุฒขณะเดินทางกลับหอพัก

“.......... เป็น..... แฟนเก่ากันมั้ง” วรุฒพูดหน้านิ่งในขณะที่ตายังจ้องมองไปที่ถนนด้านหน้า
“บ้าน่า!! ดูแล้ว.... ไม่น่าจะใช่เลยนะ”
“ที่ว่าไม่น่าจะใช่นี่อะไร?”
“ก็แบบ หลง นี่ไม่จะเป็น..... เอ่อ...แบบ.... ชอบผู้ชาย.... ไง”
“ของแบบนี้มันวัดจากอะไรวะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน........” ชานนท์พูดพลางนึกถึงเรื่องของตัวเอง  ทำให้นึกสิ่งที่จะพูดไม่ออก
“ความรักน่ะมันไม่มีเพศหรอกนะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่า เราจะชอบใครได้บ้าง ของอย่างนี้มันอยู่ที่เคมีของแต่ละคน”
“โอโห... คมแฮะ ทำไมรู้ดีจัง”
“เราก็เป็นคนแบบนั้น เรา.... ยังเผลอไปชอบนายได้เลย”
“อะ..... อะไรนะ!?!” อยู่ชานนท์ก็รู้สึกเสียศูนย์ สิ่งเรียกว่าสารสารภาพหรือเปล่า ทำไมไอ้คนพูดมันหน้านิ่งได้ขนาดนี้
“มุก! มุกใช่ไหม?”
“เห็นกูเป็นตลกหรือไง?!” วรุฒยังคงสีหน้าเดิมแม้น้ำเสียงจะดูแข็งกร้าว

หลังจากนั้นชานนท์ก็อยู่ในความเงียบไม่กล้าที่เอ่ยถามอะไรอีกเลย เพราะเขารู้สึกสับสนว่าวรุฒพูดเล่นหรือพูดจริง หากพูดเล่น มันก็ดูจริงจังเกินไป หากจะว่าเขาพูดจริง บทสนทนามันก็แข็งทื่อเกินไปว่าจะเป็นการสารภาพ เขาเลยใช้โอกาสนี้เงียบเสียดีกว่า เขาไม่รู้ว่าวรุฒจะอยู่ในอารมณ์ไหน?

.......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 13 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 03-06-2019 10:55:08
“เฮ้อ! มาถึงเสียที รอตั้งนาน!!”

ชายในชุดสูทลำลองสีน้ำตาลอ่อน เดินเข้ามาทักทายชานนท์ทันทีที่เขาเหยียบเข้าอาคารหอพัก
“พี่เต๋า!!” ชานนท์มองคนที่ก้าวเข้ามาขวางทางตนเองอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอพี่เต๋าในสถานที่แบบนี้
“ตกใจอะไรวะ? พี่ดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” เต๋าขยับเข้ามาใกล้พร้อมใช้มือโอบไหล่อีกฝ่ายทันที ด้วยความที่ส่วนสูงใกล้เคียงกันทำให้แค่ขยับเข้าหานิดหน่อยทุกอย่างก็ลงล็อคเสียจนชานนท์ขยับหนีไม่ทัน

“ไม่.....ไม่ได้น่ากลัวครับ ผมแต่ตกใจที่อยู่ๆพี่ก็โผล่มา” ชานนท์ยิ้มแห้งๆ ตอบชายในชุดสูทลำลอง ชานนท์ก็แอบสงสัยนะว่าคนๆนี้ไม่ร้อนบ้างหรือไง มาใส่ชุดแบบนี้ในวันที่มีอากาศร้อนแบบนี้แต่กลิ่นที่โชยมาจากพี่เต๋าก็ยังหอมกว่าตัวเขาเสียอีก

“นึกว่าจะกลัวพี่ไปเสียแล้ว?”
“กลัว??”
“ก็เมื่อคืน.....” เต๋ามีท่าทีอ้ำอึ้ง
“เมื่อคืน......อืม...” ชานนท์พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เป็นเพียงภาพลางๆและไม่ประติดประต่อ จนกระทั่งนึกไปถึงเรื่องที่เขากับวรุฒทำสิ่งนั้นกัน

“เป็นอะไร? หน้าแดงเชียว ไม่สบายหรือเปล่า? หรือว่ายังโกรธพี่อยู่?” เต๋าเกาะกุมตัวชานนท์แน่นขึ้นและพยายามมองปฏิกิริยาของชานนท์
“ไม่มีอะไรครับ พี่ปล่อยผมเถอะ ผมสบายดีครับ” ชานนท์หยุดคิดถึงเรื่องนั้นไม่ได้จนอยากไปให้ไกลจากตรงนี้ ไม่งั้นเขาคงควบคุมบางอย่างในร่างกายไม่ได้ เดี๋ยวเต๋าจะพาลเข้าใจผิดไปใหญ่ ชานนท์พยายามสลัดตัวเองออกจากอ้อมแขนของเต๋า

“มึงก็ยังหน้าด้านมาหาเขาอีกนะ” เสียงหนึ่งดุดันดังขึ้นไม่ไกล
“ไอ้หมาหวงก้างนี่เอง!” เต๋าหันไปพูดกับเจ้าของเสียง
“เมื่อวานมึงทำกับเขาขนาดนั้นยังมีหน้ามาทำลุ่มล่ามต่ออีกนะ!!” วรุฒเดินเข้ามาใกล้ขึ้นแววตาเกรี้ยวกราด
“เมื่อวานกูแค่..... พลั้งเผลอไปนิดหน่อย กูไม่ได้ตั้งใจ!”
“จะบอกว่ามึงเมาแล้วก็จบอย่างนั้นรึไง!!”  วรุฒเดินเข้ามาขนาบจนใกล้กับเต๋ามาก และส่งสายตาดุร้ายใส่อีกฝ่าย แต่เต๋าเองก็ไม่มีถอยหลังกลับปะทะสายตากับอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ชานนท์คิดว่าหากเป็นเขาเจอสายตาแบบนี้คงถอยหนีไปแล้ว

“เดี๋ยวนะ! ใจเย็นๆ ก่อนไหม? ค่อยๆ คุยกัน เมื่อวานมีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ คุยกันสิ” ชานนท์ส่งเสียงห้ามแต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับจากจุดเดิมอันเนื่องมาจากรังสีอำมหิตของทั้งสองคนที่แผ่ออกมาจนเขารู้สึกอึดอัด

“เรื่องอะไรน่ะเหรอ? ไอ้เต๋า! มึงจะให้กูเล่าหรือมึงจะเล่าเอง!!” วรุฒส่งเสียงใส่อีกฝ่ายดังก้อง
“เอ่อ..... คือ.... มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ แต่... ที่พี่ทำไปน่ะ พี่รู้สึกดีกับเราจริงๆนะ!” เต๋ามองชานนท์ด้วยสายตาแฝงความสำนึกผิด
“อะไรอ่ะพี่? ผมงงไปหมดแล้ว!!” ชานนท์พูดไปพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืนไปด้วย แต่ความทรงจำมันประสมปนเปไปหมด จนยากจะนึกออก
“ก็เรื่องที่มันพยายามจะขืนใจนาย ตอนที่นายเมาเละเทะที่ผับนั้นไง!!” วรุฒเฉลย

“เอ่อ....อะไรนะ!!!!!!” ชานนท์รู้สึกประมวลผลไม่ทันร้องอุทานเสียงดัง
“ไม่ใช่นะน้อง ไม่ใช่นะ พี่เผลอไปบ้างแต่พี่...” เต๋าพยายามอธิบายแต่ถ้อยคำกลับไม่มีอะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน
“พอเถอะ! มึงไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว!! เลิกยุ่งกับคนของกูเสียที” วรุฒผลักเต๋าจนเซไปไกลและเดินไปคว้าไหล่ชานนท์และพยายามใช้แรงดึงร่างของชานนท์เข้าประตูหอพักไปจนเกือบลอยจากพื้น แต่ชานนท์ท่าทางจะคุ้นเคยกับกำลังและความเร็วระดับนี้แล้วจึงสามารถสะบัดหลุดอีกฝ่ายได้ในทันที

ชานนท์ก้าวไปคว้าแขนเต๋าที่เซไปทางบันได เขาเห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้วจึงรีบใช้แรงทั้งหมดของเราดึงร่างกายที่โอนเอนเกือบตกพื้นอาคารที่ยกสูงขึ้นกว่าครึ่งเมตร ให้กลับมาทรงตัวได้ตามเดิม แต่อาจจะดึงแรงไปเสียหน่อย ทำให้ร่างที่ชานนท์ดึงกลับเหวี่ยงมาทางเขา และชนกับร่างของตัวเองจนเซล้มไปกับพื้นอาคาร

“โอ้ย!!” เสียงชานนท์ร้องเมื่อศรีษะของเขากระแทกพื้นเข้าอย่างจัง และตามด้วยแรงกระแทกจากเบื้องบน ร่างของเต๋าหล่นร่วงมากระแทกร่างของชานนท์อย่างจัง
“เด็กโง่!! มาดึงพี่ทำไมวะ พี่แค่เซนิดเดียว นักกีฬาอย่างพี่ ตั้งหลักได้อยู่แล้ว!” เต๋ารีบลุกขึ้นมาดูอาการอีกฝ่าย
“อูย..... ก็มันดูน่ากลัวนี่ครับ” ชานนท์ยกมือขึ้นมาลูบหลังศรีษะตัวเองเบา

“ไหน? พี่ดูหน่อย!” เต๋าใช้มือลูบบริเวณที่ชานนท์ลูบอยู่
“พอเลย!! มึงก็รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว!!” วรุฒใช้มือเพียงข้างเดียวขยำคอเสื้อของเต๋าแล้วยกขึ้น ทำให้เต๋าตัวลอยขึ้นมาในท่ายืนในช่วงเวลาสั้นๆ เต๋าเซเล็กน้อยแต่ก็สามารถจัดระเบียบร่างกายให้กลับมายืนปกติได้ไม่ยาก
“อะไรของมึงเนี่ย!!” เต๋าโวยวายขณะป่ายปัดเสื้อผ้าตัวเอง
“เรื่องเก่ายังไม่ทันจะเคลียร์!! มึงก็ก่อเรื่องใหม่อีกแล้ว!!”
“เชี้ย!! กูไม่ได้ตั้งใจไหมวะครั้งนี้!!” เต๋าขมวดคิ้วเสียงดัง
“แปลว่าครั้งที่แล้วมึงตั้งใจ?!?” วรุฒโต้ตอบทันที
“กูก็บอกว่ากูเมา!!”
“คอเหล็กไหล อย่างมึงเนี่ยนะเมา!!”
เต๋าและวรุฒโต้ตอบกันอย่างร้อนแรงแต่ก็หยุดที่เต๋านิ่งไปพักหนึ่ง

“เออๆ กูยอมรับว่ากูเผลอไผลไปบ้างกับความน่ารักของน้องเขา............” เต๋าพูดเสียงเอื่อยอ่อยหลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่
“แต่ น้องนนท์ ..... พี่เลยอยากจะมาขอโทษ และอยากให้น้องให้อภัยกับความผิดพลาดของพี่ได้ไหม?” เต๋าพูดระหว่างมองหน้าชานนท์อย่างอ้อนวอน
“อืมมม...... ผม..... ไม่รู้นะว่าพี่ทำอะไรผมบ้าง เพราะบอกตามตรงว่าผมเองก็จำไม่ค่อยได้..... เอาเป็นว่า ผมไม่ถือสาก็แล้วกัน ผมเองก็เมา ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างเหมือนกัน” ชานนท์จบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เต๋ายิ้มกว้างไม่หุบ
“งั้นก็ไม่โกรธพี่นะ”
“ไม่ครับ”
“งั้นเรายังไปเที่ยวกันได้ใช่ไหม?”
“แต่ไม่ดื่มแล้วนะครับ”
“คงยาก แต่จะพยายามนะ!!”

“คุยอะไรกันมากมาย!! พอได้แล้ว!! มานี่ไอ้เตี้ย!!”
ชานนท์ตวาด เขาใช้มือกวาดคว้าลำตัวชานนท์ลากกึ่งอุ้มเขาเข้าหอพักไปทันที

“เฮ้ย!! อะไรกัน ทำไมเป็นคนไม่มีมารยาทแบบนี้ คนเขายังคุยกันไม่เสร็จเลย!” ชานนท์โวยพลางดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของอีกฝ่าย แต่ครั้งกลับไม่เป็นผล วรุฒโอบได้แน่นจนชานนท์หมดแรงจะต่อต้าน

“มึงเป็นคนโง่หรือสติไม่ดีวะ โดนเขาทำขนาดนั้นยังจะไปเชื่อใจเขาอีก พอไอ้เต๋าชวนไปเที่ยวก็จะไปกับเขาอีกหรือไง!!?” วรุฒโวยวายลั่นช่องบันไดทางขึ้น
“พี่เขาก็คงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ล่ะมั้ง พี่ก็ดูเป็นคนดีนะ ไม่งั้นเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษเราถึงที่นี่ก็ได้” ชานนท์รู้สึกเจ็บตรงที่มือของวรุฒโอยรัดแต่ก็จนใจจะดิ้นรน เลยได้แต่พยายามสาวเท้าให้ทันอีกฝ่าย
“มึงไม่รู้จักมันเหมือนกู มันยังไม่ได้มึงไง มันถึงได้ลงทุน หากเมื่อวานมันทำสำเร็จวันนี้ มันจะกลับมาหามึงรึ? กูว่าไม่!!”
วรุฒยืนยันเสียงแข็งและยังคงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพียงชั่วอึดใจพวกเขาก็เดินเลยชั้นสองมาแล้ว

“เฮ้อ.... มันจะต่างอะไรกับนายวะ!!” ชานนท์เผลอพูดสิ่งที่คิดออกมาในใจเสียงดัง
“มึงว่าไงนะ!!” วรุฒหยุดเท้ากระทันหันและหันมาปะทะกับชานนท์ที่พยายามเร่งฝีเท้าให้ทันคนขายาวที่ลากเขาอยู่ด้านหน้าจนทำให้แรงปะทะระหว่างทั้งคน ผลักให้ชานนท์ลื่นล้มจนตกบันไดไปสามขั้น แต่โชคยังดีที่วรุฒแขนยาวพอที่จะรั้งและหยุดความเสียหายลงแค่สามขั้น

“โอ้ย!!” แต่นั้นก็เพียงพอให้ชานนท์รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า จนต้องร้องออกมาตอนที่เขาพยายามทรงตัว
“เฮ้ย!! เป็นอะไรไหม?” วรุฒมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่มือของเขาก็ยื่นมาสัมผัสอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
“อูย.... เจ็บนิดหน่อย สงสัยข้อเท้าคงไปกระแทกสันบันไดเข้า
“เฮ้อ..... มึงนี่มันซุ่มซ่ามจริงว่ะ!”
“ก็เพราะใครกันเล่า!!” ชานนท์คิ้วขมวดด้วยความโมโหเพราะไอ้ตัวต้นเหตุดันเป็นฝ่ายมาต่อว่าเขา

“หึ...... มานี่เลย!!” วรุฒยิ้มที่มุมปาก และใช้มือรวบตัวชานนท์และอุ้มเขาในท่าอุ้มเจ้าสาวและเดินขึ้นบันไดมาทันที ท่ามกลางความตกใจของชานนท์จนเขาต้องร้องโวยวาย
“ทำอะไรเนี่ย!! อายคนอื่นเขา!!”
“ยิ่งนายโวยวาย ก็จะยิ่งเรียกคนออกมาดูนะ!!”
“โธ่..... เฮ้อ.....” ชานนท์โกรธจนทำหน้าไม่ถูก และยิ่งโวยวายไม่ได้ยิ่งทำให้ใบหน้าเขาแดงจนร้อนผ่าว ในขณะที่วรุฒเหมือนพอใจกับการกลั่นแกล้งอีกฝ่ายจนเผลอยิ้มที่มุมปากออกมา พร้อมทั้งพยายามกระชับวงแขนให้ชานนท์ใกล้ชิดเขามากขึ้นจนชานนท์ได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายในระยะประชิด เสียงหัวใจที่เต้นระรัวเสียงดังในอก ความอบอุ่นของวรุฒส่งผ่านไปที่แก้มทำให้ชานนท์รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

.................

“ปล่อยได้หรือยัง?”

ชานนท์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่เขาเข้ามาบริเวณห้องแต่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ชานนท์รูสึกแปลกใจอย่างมากว่า วรุฒสามารถปลดล็อกและเปิดประตูพาเขาเข้ามาได้ในห้องได้อย่างเหลือเชื่อทั้งๆ ที่มือของวรุฒยังคงไม่ว่างเพราะยังคงอุ้มเขาอยู่ทั้งสองข้าง

“...........” วรุฒได้แต่ยืนนิ่งและอมยิ้มกวนประสาทชานนท์อยู่แบบนั้น รูปปากที่ทรงเสน่ห์ยังคงสร้างความหงุดหงิดให้ชานนท์ได้ตลอดทางขึ้นบันไดจนถึงห้อง
“เอ้า!! ปล่อยได้แล้ว! เราไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย!!” ชานนท์พยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนวรุฒจะแกล้งเขาโดยพยายามกระชับแขนเข้ามาให้แน่นขึ้น วรุฒทำเหมือนว่าเขาเป็นตุ๊กตายัดนุ่นขนาดใหญ่ที่น้ำหนักเบาและไร้เรี่ยวแรงต่อสู้

“นี่นายจะพูดดีๆ กับเราไม่ได้สักครั้งเลยรึไง? แบบอ่อนโยนน่ารักเหมือนที่ทำกับ ไอ้พี่เอกและไอ้เต๋านั่นน่ะ?” วรุฒพูดขณะก้มลงมามองชานนท์ด้วยสายตาที่เหมือนมองลูกหมาน่ารักตัวหนึ่งมีความเอ็นดูแฝงอยู่อย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
“เอ่อ..... ก็นาย.... ก็ไม่เคยพูดดีกับเราเสียหน่อย!” ชานนท์ตอบโดยไม่มองสายตาที่มองลงมาแบบนั้นของวรุฒเหมือนกับสายตาที่ไม่สามารถสู้กับแสงสว่างของแสงแดดยามสายได้
“ทั้งๆ ที่เราผ่านอะไรกันมา.... มากมาย โดยเฉพาะเรื่องเมื่อคืน...... กับเมื่อเช้า....” วรุฒพูดต่อจากประโยคของชานนท์ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เรื่อง.... เมื่อคืน ........ เมื่อเช้า..... เราเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุแค่อารมณ์ชั่ววูบ เราเข้าใจ เรา.... ไม่โกรธหรอก....”  ชานนท์อ้ำอึ้ง เรื่องที่เขาพยายามลืมกลับโดยจี้จุดให้นึกขึ้นมาซ้ำๆ ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก เขายอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันไม่ได้แย่แต่ทำให้เขารู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีประสบการณ์ประเภทนี้อยู่ ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่แบบนี้มันคืออะไร

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ?” วรุฒถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อย
“ก็ต่างคนต่างเมา ต่างมีสติกันน้อยนิด มันอาจจะเกิดแค่อารมณ์ชั่ววูบ มันมึนงงไม่ชัดเจน... ช่างมันเถอะ.....” ชานนท์ก้มหน้าตอบ
“หากเราจะบอกว่า มันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบล่ะ?” วรุฒมีน้ำเสียงที่หนักแน่นและเริ่มเปลี่ยนอริยาบท
“อะไรนะ?” ชานนท์เงยหน้าขึ้นถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขาได้ยินมันถูกต้องหรือไม่

“เราจะทำให้มันชัดเจนเอง!!” วรุฒพูดจบก็ก้มลงและใช้มือหนึ่งดันศรีษะชานนท์ขึ้นมาให้ขนานกับใบหน้าของกันและกัน วรุฒใช้ริมฝีปากประสานริมฝีปากคนในอ้อมแขนอย่างทนุถนอน ความอ่อนโยนของวรุฒ ส่งผ่านไปที่ชานนท์จนเขาไม่สามารถต่อต้านรูปปากทรงเสน่ห์ที่ได้สัมผัสกับริมฝีปากของเขา ความอ่อนแอได้เล่นงานเขาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาถูกความปรารถนาในส่วนลึกในจิตใจเล่นงานจนไม่สามารถขัดขืนอีกฝ่ายได้

วรุฒเห็นว่าอีกฝ่ายไร้การต่อต้านใดๆ เขาจึงบรรจงวางชานนท์ลงบนเตียงอย่างเอาใจใส่จนแทบไม่ได้ยินเสียงผิวกระทบกับที่นอนเลย วรุฒไล่มือขึ้นมาจากช่วงต้นขาของคนตัวเล็กขึ้นมาจนถึงชายเสื้อและสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวภายใต้ร่มผ้านั้นจนถึงช่วงหน้าอก

ชานนท์สะดุ้งเนื่องจากมือเย็นๆของคนด้านบนสัมผัสถึงจุดที่ไวต่อการสัมผัส ชานนท์ถอนริมฝีปากของเขาจากเครื่องจักรกระตุ้นอารมณ์ตรงหน้า

“เดี๋ยว!! เดี๋ยวก่อน” คำพูดที่อ่อนแรงออกจากปากของชานนท์
“ทำไม?” เสียงสั่นแผ่วเบาออกจากปากของวรุฒ
“เรา.... ว่ามัน.... ไม่ถูกต้อง...”  ชานนท์หอบถี่
“ให้ความรู้สึกในหัวใจเป็นคนตอบก็แล้วกันว่าอะไรมันถูกต้อง!” ถ้อยคำง่ายๆ แต่เข้าใจยากถูกพูดออกมาพร้อมกระทำอันเร้าร้อนของวรุฒถาโถมเข้ามาทำให้ชานนท์รู้สึกสับสน เขายอมรับว่า วรุฒเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังลุ่มหลง แต่เขาไม่คิดกับวรุฒแบบนั้นเลย หรือเขากำลังหลอกตัวเองอยู่เพราะเพียงแค่อีกฝ่ายโถมร่างกายเข้ามาสัมผัสเขา เขาก็ยอมให้อีกฝ่ายโรมรันด้วยริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้น ร่างกายกลับอ่อนแรงไร้การต่อต้าน เขาเผลอหลงไหลไปกับความสุขที่วรุฒปรนเปรอให้จนตอนนี้เสื้อผ้าของเขาลงไปกองอยู่ที่ข้างเตียงเรียบร้อยแล้ว
ชานนท์กำลังมองวรุฒเปลื้องผ้าออกทีละชิ้นโดยไม่ได้หลบสายตา เขารู้สึกหลงไหลลอนกล้ามที่เห็นตรงหน้า ผิวขาวสะอาดที่ผ่านการดูแลอย่างดีทำให้ชานนท์เผลอใช้มือลูบลอนท้องนูนต่ำสามคู่ตรงหน้า ชานนท์มองจนไปถึงจุดที่วรุฒน้อยค่อยๆ เติบใหญ่จนเขารู้สึกตกใจ วรุฒยิ้มอย่างลิงโลดเขาโถมร่างกายตัวเองเข้ามาประชิดคนด้านล่าง เขาใช้เข่าที่ตั้งชันพื้นเสือกดันต้นขาของคนด้านล่างให้ค่อยๆ กางออก พลางใช้ปากและลิ้นไล่ชิมรสชาติทุกสัดส่วนตรงหน้าอย่างหิวกระหาย ชานนท์ได้แต่อดกลั้นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงน่าอายออกไป จนกระทั่งวรุฒไปหยุดที่จุดยุทธศาสตร์ของเขาและสอนการสร้างสุขกับชานนท์จนเขาถึงกับบิดตัวเองเพื่อหลบการกระทำนั้น

“ไม่นะ! นายทำอะไรน่ะ มันสก.....” ชานนท์พูดพลางดิ้นหลบ
“อยู่เฉยๆ ไปเถอะ นายจะได้รู้ว่า นายรู้จักตัวเองดีแค่ไหน!” วรุฒพูดจบ เขาก็ใช้แรงเพียงเล็กน้อยจับชานนท์กดให้นิ่งและก้มลงไปทำพิธีกรรมต่อทันที ชานนท์ทำได้แต่เกร็งและร้องออกมาอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน

เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบที่ขานนท์รู้สึกถึงสัมผัสอันโหยกระหายของอีกฝ่ายที่โลมเลียดื่มด่ำกับความเป็นชายของเขาจนเขาแทบหมดแรง
“ตานายแล้ว” วรุฒลุกขึ้นมาและโถมดันร่างกายตนเองให้ขึ้นมาสูงจนบางอย่างของเขามาตั้งตระหง่านตรงหน้าชานนท์ เป็นสิ่งที่ทำชานนท์ทึ่งมาเมื่อมาเห็นมันใกล้ๆแบบนี้

“เอ่อ.....” ชานนท์อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก แต่เพียงพริบตา  สิ่งนั้นของวรุฒก็เข้าไปในช่องปากของเขาอย่างจงใจ มันทำให้เขาอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีอย่างประหลาด วรุฒทำอยู่สักพักจนเขาเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากและหอบหายใจอย่างถี่รัวเพราะหายใจไม่ทัน วรุฒได้แต่หัวเราะในลำคอ และชั่วอึดใจต่อมาเขาก็จับชานนท์นอนคว่ำในท่าเตรียมพร้อม และมอบความสุขในแบบฉบับของเขาให้กับชานนท์อีกครั้ง........

............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2019 11:17:56
อันนี้คือการแก้เมื่อยหลังจากไปเดินช้อปปิ้งมาสินะ555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-06-2019 12:26:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว...ตัดจบซะงั้น  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 3) อัพ 3 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 03-06-2019 21:22:38
 :katai2-1:อื้อรออ่านต่อนะค่ะ ชอบๆอิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 13 ส่วนที่ 4) อัพ 10 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 09-06-2019 23:26:57


โอย.....

ความรู้สึกปวดตามเนื้อตามตัวเล่นงานชานนท์ขณะค่อยๆ ขยับร่างกายของเขาออกจากอ้อมแขนอันใหญ่โตของวรุฒ เขาขยับศรีษะซ้ายและขวาอย่างช้าๆ เสียงกร๊อบแกร็บดังขึ้นเบาๆ ลั่นออกจากภายในร่างกายของเขา

ชานนท์ลุกมานั่งห้อยขาลงจากเตียงของเขาพลางสำรวจร่างกายที่มีรอยจ้ำแดงอยู่ทั่วไปอย่างห่างๆ ทำให้เขานึกถึงลีลาอันร้อนแรงดุดันของวรุฒที่ทำให้เขาสุขปนทุกข์อยู่ร่วมชั่วโมง ชานนท์แอบมองชายร่างกายกำยำ ล่ำสันที่นอนกึ่งคว่ำกึ่งเปลือยไม่ได้สติ ใบหน้ายามหลับไหลยังคงความมีเสน่ห์เหมือนรูปปั้นสมัยกรีกที่ศิลปินต่างบรรจงแกะสลักอย่างตั้งใจปราณีต ชานนท์เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

อืม........

เสียงชายที่นอนหลับตาตรงหน้าออกเสียงงึมงำพลางพลิกตัวมานอนหงายเผยให้เห็นรูปลักษณ์อันน่าตื่นตา ทำใหชานนท์เผลอไปนึกถึงภาพอดีตเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาจนเขาเผลอขยับตัวหนีและลุกขึ้นอย่างฉับพลัน

“โอ้ย!!”

ความเจ็บปวดแล่นเข้าเล่นงานเขาในจุดปะทะระหว่างเขาอละชานนท์จนเขาต้องร้องออกมา

“เป็นอะไร? ทำไมไม่นอนต่อ” ชายที่นอนอยู่บนเตียงไร้ผ้าปูที่นอนเอ่ยขึ้นพร้อมเงยขึ้นมามองต้นเสียง
“ไม่มีอะไร...... เราเหนียวตัว..... เราขอไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดจบชานนท์ก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที  พอถึงบริเวณห้องน้ำชานนท์รู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด เขาไม่รู้ว่าเขาจะมองหน้าวรุฒติดหรือไม่ เพราะครั้งนี้เขามีสติสัมปชัญญะดีทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ  และสุดท้ายคำถามที่ตามมาคือ ความสัมพันธ์แบบนี้มันคืออะไร?

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น
“เฮ้ย! นนท์ นายลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปน่ะ” เสียงจากคนอีกฝากของประตูดังเข้ามา
“เอ่อ....โอเค...” ชานนท์ตอบรับและเดินไปปลกล็อคประตู
“ขอบ....เฮ้ย!!” ชานนท์กำลังจะพูดขอบใจอีกฝ่าย แต่วรุฒกลับผลักประตูเข้ามาหน้าตาเฉยทำให้เขาตกใจ และรู้สึกตกใจเข้าไปอีกเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ปกปิดร่างกายตัวเองด้วยผ้าชิ้นใดๆเลย

“อาบด้วยสิ” คนตัวสูงที่เดินเข้ามายืนในห้องน้ำพูดขึ้นและปิดประตู
“จะบ้าเรอะ!!”
“อ้าว!! เป็นอะไร? ใช่ว่าไม่เคย?”
“เออ.... มันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั่นมันโดนบังคับ!!”
“ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องอายกันแล้วนะ อาบด้วยคนสิครับ”
“ครับ??”
“อ้อ..... แปลกๆ ใช่มะ? ก็ตั่งใจว่าต่อจากนี้จะพยายามพูดดีๆ กับนาย เผื่อนายจะพูดดีๆกับเราบ้างไง”
“อืมมมมมม มันแปลกๆ น่ะ”
“แปลกยังไง?”
“ไอ้ความสัมพันธ์แบบเนี้ย!! มันยังไงก็ไม่รู้”
“เราแสดงออกชัดขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ?”
“มัน... อะไร....ยังไง?.... เราไม่รู้!!” ชานนท์รู้สึกอยากทึ้งหัวตัวเองออกมาขยี้ที่พื้น
“ใจเย็นๆ เราไม่ได้ทำเล่นๆ เราจริงจัง! นายก็น่ารู้นะว่าหากเราคิดแค่เซ็กส์เล่นๆ มันจะเกิดแค่คืนเดียวครั้งเดียว แต่นี่มันก็พิสูจน์แล้วนะ ว่าเรากำลังคิดกับนายแบบไหน?”
“แบบ..... แบบไหน?”
“แบบ’แฟน’ ไง”
“อะไรนะ!!”
ชานนท์ยังไม่ทันตั้งตัวกับประโยคก่อนหน้านี้ วรุฒก็โผเข้าสวมกอดชานนท์จากทางด้านหน้า เนื้อทุกสัดส่วนของทั้งสองแนบชิดกัน ด้วยความสูงที่ต่างกัน ศรีษะชานนท์เลยสูงเลยช่วงกลางหน้าอกของวรุฒนิดเดียว ชานนท์ถูกมืออันใหญโตกดศรีษะแนบลงบนแผงอกคนตัวสูง ทำให้เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ

“เราก็ไม่รู้ว่า ไอ้ความรู้สึกกับนายมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่? เรารู้แต่ว่า เราห้ามใจตัวเองไม่ให้หวั่นไหวเวลาเจอกับนายได้อีกต่อไป ไม่เชื่อลองฟังหัวใจเราสิ เวลาอยู่กับนายมันเต้นจนแทบพังเลย” วรุฒพูดพลางลงน้ำหนักไปที่ศรีษะคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

“ไอ้บ้า! ใครจะไปฟังหัวใจนายเต้นรู้เรื่อง!” ชานนท์พูดด้วยใบหน้าที่รัอนผ่าวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน
“งั้นนายว่าไง?”
“ว่าไงอะไร?”
“เราก็บอกว่าคิดแบบแฟนแล้วไง จะคบกับเราใช่ไหม?”
“เราไม่เคยคบกับผู้.... ชาย” ความจริงชานนท์ไม่เคยคบกับใครเลยต่างหาก
“ไม่เห็นจะยาก ก็แค่คบกัน ทำตามหัวใจไปก็เท่านั้น”
“โห.... อย่างนี้ยิ่งยาก! ไม่มีอะไรในหัวกับเรื่องแบบนี้เลย!!”
ชานนท์เสือกตัวเองออกมาจากอ้อมแขนที่คลายแรงลงไปมากแล้ว ในขณะที่เขากำลังเดินไปที่โซนฝักบัว ก็โดนมือหนึ่งดึงกระชากจนเขาเซไปหาคนตัวใหญ่ที่พร้อมเดินเข้ามาหาเขาด้วยเช่นกัน ในชั่ววินาทีเขาก็ถูกริมฝีปากอันอ่อนนุ่มทางด้านบนกดลงไปอย่างดูดดื่ม เขาถูกพันธนาการโดยแรงพิศวาสจากวรุฒจนดิ้นไม่หลุดทั้งๆ ที่วรุฒแทบไม่ได้ใช้แรงมือในการกระชับตัวชานนท์ไว้เลย

“แบบนี้ไง! ทำตามหัวใจตัวเองแบบนี้!” วรุฒถอนริมฝีปากก่อนพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือด้วยอาการหอบถี่จากการรุกไล่ชานนท์แบบสุดตัว
“อือออ....” คำพูดเดียวที่สามารถออกจากปากชานนท์ พลางได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หรือเขาจะตกเป็น ‘ทาสสวาท’ ของวรุฒแล้วใช่ไหม? การรู้สึกเสียคนมันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?

“อาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวจะแย่!!” ชานนท์ผละตัวออกจากชายร่างสูงใหญ่ที่พยายามจะเริ่มบทอัศจรรย์ต่อจากบนเตียง

วรุฒยอมปล่อยร่างเล็กๆนั่นหลุดมือไปแต่โดยดี เขามองและยิ้มไปทางชานนท์อย่างพอใจต่อปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

ชานนท์เหลือบมองวรุฒที่ค่อยๆก้าวเท้าเข้าด้วยอาการยิ้มมาที่เขาในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  มันทำให้ชานนท์รู้สึกตึกตักขึ้นมาในอกจนต้องขอหลบสายตาที่ทอแสงมาทางเขา มันดูเจิดจ้าจนเขาไม่กล้ามอง เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นกระดาษแผ่นบางๆ ที่พร้อมจะลุกไหม้เมื่อเจอแสงที่ส่องมาอย่างเข้มข้นผ่านกระจกเลนส์นั้น

ชานนท์เปิดน้ำจากฝักบัวให้มันราดรดศรีษะเขาจนเปียกชุ่ม เผื่อว่าน้ำจะช่วยชะล้างความรู้สึกบ้าบอเหล่านี้ให้หายไป
“ทำไมอาบน้ำเย็นจัง?” เสียงทุ้มต่ำจากทางด้านหลังในระยะประชิดดังขึ้นจนเขาสะดุ้งตาโต วรุฒก้าวเข้ามาในโซนฝักบัวที่มีประตูกระจกกั้นอย่างเงียบเชียบ

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“โอโห! ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ ก็น่าจะรู้นะเราจะเข้ามาอาบด้วย ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องอายกันแล้วไหม?” วรุฒพูดติดตลกในขณะที่ชานนท์ก้มๆเงยๆ มองไปที่พื้นสลับกับมองหน้าวรุฒอย่างขุ่นเคือง

“เลือด!!” ชานนท์มองไปที่หยาดน้ำไปไหลลู่ลงไปตามขาทั้งสองข้างจนไปถึงพื้น มันเป็นสีแดงจางๆ และมีเม็ดหยดน้ำสีแดงที่เข้มกว่านิดหน่อย หยดลงพื้นเป็นระยะ

“อ้อ..... สงสัยเราคงไม่ได้ใช้ เจลหล่อลื่นน่ะ.” วรุฒเหลือบมอง อมยิ้ม และไม่ได้ทำท่าทางประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เราจะเป็นอะไรไหมเนี่ย?” ชานนท์มีท่าทีร้อนรน
“อืม...... ปล่อยไปเดี๋ยวก็หาย แต่หากไม่สบายใจก็จะพาไปหาหมอก็ได้นะ”
“โว้ย!!! แล้วจะให้บอกหมอว่าอะไร? โอย... นึกว่ามันเจ็บแปลบๆ แสบๆ ไปหมด!!”
“อืม... ที่ผ่านมา.... พวกผู้หญิงพวกนั้นก็ไปหากันนะ เขาก็คงบอกว่าพูดไปตามความจริงไปเลยมั้ง เราไม่เคยถาม.... ไม่น่าเป็นอะไรมากหรอก เพราะเห็นหลายคนก็มาขอซ้ำน่ะ” วรุฒพูดลงท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มยียวน
“งั้นหยุดเลย!! อยู่ห่างๆ เราเลย” ชานนท์พูดพร้อมใช้มือดันวรุฒให้ถอยห่างไป
“ว้า......” วรุฒทำหน้าเสียดาย
“ออกไปก่อนไป!”  ชานนท์ทำท่าทางไล่อีกฝ่ายออกไป
“งั้น...เราขอไถ่โทษโดยการอาบน้ำให้นะ” วรุฒทำท่าทางออดอ้อน ด้วยรูปร่างใหญ่โตของเขามันเลยดูขัดๆ แต่พอมองหน้าแล้วก็ทำให้ชานนท์อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
“ไม่ได้!!” ชานนท์แข็งใจใส่
“น่านะ....” วรุฒลากเสียงยาวอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน สิงโตตัวนี้จะมาทำตัวเป็นแมวน้อยแบบนี้ไม่ได้นะ!! ชานนท์คิดในใจแบบนี้ แต่พอโดนอ้อนแบบนี้เพียงอีกแค่สองสามประโยคชานนท์ก็ใจอ่อนยอมตกลงแต่โดยดี

................

โอยยยยย

ชานนท์นั่งไม่ติดเบาะเพราะอาการเจ็บที่บั้นท้ายขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังขับรถไปที่คลินิคประจำมหาวิทยาลัยเพราะชานนท์ไม่อยากไปโรงพยาบาลเดิมเพราะไม่อยากเจอหมอคนเดิมและอีกอย่างที่คลินิคนี้ไม่เสียเงินด้วย เขาคาดว่าหมอที่นั้นน่าจะไม่ถามอะไรมาก

“เจ็บเหรอ?”  เสียงของคนขับรถร่างใหญ่ด้านข้างเอ่ยทัก
“ถามได้!! อูยยยยย” ชานนท์หันไปค้อนวรุฒที่ยิ้มกริ่ม เหตุที่เจ็บขนาดนี้เพราะความไม่ระวังของเขาเอง ในตอนเช้าวรุฒอ้อนที่จะขอเข้ามาช่วยชานนท์อาบน้ำอีกครั้ง ด้วยความที่เมื่อวานวรุฒทำตัวได้ดี เขาจึงวางใจให้เข้ามาอาบน้ำกับเขาอีกครั้ง แต่ก็โดนอีกฝ่ายห้ามใจไม่ไหว จู่โจมชานนท์จนเขาเผลอปล่อยให้ตัวเองโดนกระทำในห้องอาบน้ำจนได้ มันเหมือนเป็นการซ้ำเติมแผลเก่าให้เปิดมากกว่าเดิม เขาได้แต่บ่นกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงปล่อยตัวได้ขนาดนี้

ในที่สุดเขาก็เดินทางถึงที่หมายเสียที สถานพยาบาลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยเพื่อให้ง่ายแก่นักศึกษาจากทุกคณะฯจะได้สามารถเดินทางมารักษาพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างสะดวก ที่นี่ถูกปลูกเป็นอาคารสีขาวสะอาดทรงสูงโปรง ผนังถูกสร้างเป็นกระจกกึ่งโปร่งแสงเสียครึ่งอาคาร ปลูกเป็อาคารชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่มากท่ามกลางสวนหย่อมสวยงามแปลงเล็กๆโดยรอบ ชานนท์เคยพูดว่าที่นี่สวยดี แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาใช้บริการด้วยสาเหตุแบบนี้!

“อ้าว!! นนท์ไม่สบายเหรอ?” 

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง ชานนท์จำเสียงนั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องหันกลับไปมอง เขาดันมาเจอคนที่ไม่ควรมาเจอที่สุดอย่างไอ้ปากมากคนนี้

“อ้าว! หลง บังเอิญจัง มาทำอะไรแถวนี้?” ชานนท์ค่อยๆหันหลังกลับไปมองเพื่อนร่างสูงในชุดนักกีฬาบาสเกตบอลประจำมหาวิทยาลัย
“ก็มีอุบัติเหตุนิดหน่อยตอนซ้อมแข่งน่ะสิ!!” หลงเดินโขยกเขยกมาหาชานนท์
“มาคนเดียวเหรอ? ผู้ติดตามไม่นาด้วยเรอะ?” หลงพูดพลางมองซ้ายมองขวา
“เอ่อ...... ”  ชานนท์ตอบไม่ถูกว่าหลงหมายถึงใคร เขาควรจะบอกไหมว่าเขามากับวรุฒ มันจะดูแปลกไหม หากเขาตอบออกไปแบบนี้ โชคดีที่วรุฒไปหาที่จอดรถอยู่เลยให้เขาลงมาก่อนเพื่อลงทะเบียน ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันและคงจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย คำถามที่ยากจะตอบ

“นายจะมาหาหมอเหรอ? เป็นอะไรวะ?” สมกับที่เป็นหลง เป็นคนสมาธิสั้น ชอบชิงพูดก่อนจนบางครั้งไม่รอคำตอบ หลงถามต่อทันที
“เอ่อ....” ในที่สุดก็ถึงคำถามที่ชานนท์ไม่รู้จะตอบอะไรออกไป
“เฮ้อ... อ้ำอึ้งอะไรวะ ร้อนว่ะ เข้าไปข้างในกันก่อน!!” หลงตัดบทเมื่อเห็นชานนท์ดูลำบากใจที่จะตอบ เขาค่อยๆใช้ขาข้างที่เดินสะดวกก้าวขยับไปอย่างช้าๆ ส่วนชานนท์เอกก็พยายามช่วยหลงเดินอย่างเต็มกำลังติดที่ ตัวเขาเล็กกว่ามากและเขาเองก็ยังบาดเจ็บเช่นกัน มันเลยเป็นภาพที่ชวนขันประมาณหนึ่งหากมีคนมาเห็นเข้า

“ไปทำอะไรมาเนี่ย?” ชานนท์เหมือนเพิ่งตั้งสติได้เลยตั้งคำถามหลังจากที่พวกเขาพากันมาถึงที่นั่งรอหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลด้านในสถานพยาบาล
“ใจลอยนิดหน่อย ตอนวิ่งไปกระโดดชู้ตบาสลงห่วงเลยบินถลาไปปะทะกับฐานแป้นบาสฯ..... สภาพก็เป็นอย่างที่เห็น คนในทีมก็ไม่มีใครสงสาร คงเพราะช่วงนี้คงเห็นเราพลาดบ่อยเลยช่วยพาขับรถมาถีบส่งลงตรงด้านหน้า ใจดำฉิบหาย!! โชคดีเจอนนท์นะเนี่ย” สไตล์การพูดเรื่อยเปื่อยและจบลงด้วยยิ้มหวานของไอ้หมอนี้ มันเป็นเอกลักษณ์ที่โกรธไม่ลงจริงๆ ชานนท์เลยทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป

“สวัสดีคะ เป็นอะไรมาคะ?” พยาบาลที่โผล่มาจากไหนไม่ทราบเอ่ยทักขึ้นที่เคาน์เตอร์
“นายก่อนเลย เรารอได้ กำลังขี้เกียจกลับไปนั่งดูการซ้อมบวกกับการนั่งฟังโค้ชบ่น” หลงผายมือมาทางานนท์ ทำให้พยาบาลสาวสวยที่เคาน์เตอร์เบนสายตามาทางชานนท์ที่กำลังอ้ำอึ้งกับการนึกบรรยายอาการเจ็บของตนเอง

“พี่เขาสวยก็จริงแต่ไม่เห็นต้องอายขนาดนั้นนี่หว่า!!” ไอ้หลงไอ้คนปากมอม มันเริ่มพูดเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว และสุดท้ายก็ยิ้มหวานส่งท้ายให้กับนางพยาบาลที่ซึ่งตอนนี้ ยิ้มเอียงอายแก้มแดง ก็นะถึงหลงจะเป็นคนปากมาก แต่ก็เป็นคนหน้าตาน่ารักขนาดเป็นตัวเก็งดาวมหาวิทยาลัย เจอคำพูดแบบนี้กับยิ้มแบบนี้สาวๆที่ไหนก็คงต้องมีใจละลายกันบ้าง

ชานนท์หันไปใช้สายตาค้อนใส่หลงไปวูบหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหานางพยาบาลสาวในระยะประชิด

“เอ่อ.... คือผม..... อยากให้หมอตรวจ..... ก้นให้หน่อย...” เสียงชานนท์ที่พูดเหมือนกระซิบและเหมือนจะค่อยๆ จางหายไปในท้ายประโยคจนทำให้พยาบาลสาวคนนั้นเอียงคอไปหาชานนท์
“อะไรนะคะ?” พยาบาลถามทวนเพราะเธอไม่ได้ยินช่วงคำท้ายๆเลย

“ก็บอกเข้าไปว่าดูแผลที่ก้นก็ว่าไป!!” เสียงดังจากทางด้านหลังชานนท์ วรุฒมาถึงเคาน์เตอร์อย่างเงียบเชียบจนชานนท์สะดุ้ง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“คุณพยาบาลครับ แฟนผมมันขี้อายคือเรามีอะไรกันแล้ว.......” วรุฒเดินเข้ามาวางมือบนไหล่ของชานนท์และยิ้มอย่างเจ้าเลห์ใส่พยาบาลที่ตอนนี้ยืนทำหน้าแดงเป็นผลมะเขือเทศ ไม่รู้ว่าเพราะหน้าตาอันหล่อเหลาของไอ้คนพูดหรือความหมายของคำพูดที่ไอ้หน้าหล่อพูดที่ทำให้เธอเขินอายได้ขนาดนั้น
“เข้าใจนะครับ ครั้งแรกก็แบบเนี่ยก็เลยเลือดออกนิดหน่อย อืม..... จะว่าไปก็ไม่ใช่ครั้งแรกเนอะ?” วรุฒพูดให้จบประโยคด้วยใบหน้าทรงเสน่ห์และขยิบตาใส่นางพยาบาลและชานนท์ไปเป็นอันจบประโยค

ส่วนชานนท์นั้นรู้สึกถึงน้ำตาที่หล่อเลี้ยงนัยน์ตาจนเกือบล้น ทั้งอายทั้งขายหน้า ที่สำคัญมีไอ้ปากมากอย่างหลงนั่งอยู่ไม่ไกล

เพี๊ยะ!!!

เสียงฝ่ามือกระทบกับผิวหนัง ชานนท์เหลืออดกับการกระทำครั้งนี้ของวรุฒจนถึงกับวาดมือทำร้ายคนอื่นเป็นครั้งแรก แต่สิ่งที่ฝ่ามือปะทะกลับไม่ใช่ผิวหน้าของอีกฝ่ายแต่กลับเป็นฝ่ามือของอีกฝ่ายมาหยั่งไว้ได้ทันแบบสบายๆ

“เดี๋ยวนี้เก่งนะเนี่ย ทำแบบนี้แปลว่าอยากโดนลงโทษอีกใช่ไหม?” วรุฒพูดเสียงเข้มใส่ด้วยใบหน้ายิ้มมุมปากที่ทำให้ชานนท์ขนลุก
ชานนท์ได้แต่มองหน้าวรุฒอย่างเหลืออด ที่ปลายสายตายังมีหลงที่นั่งเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองและดวงตาเบิกโพลงอย่างประหลาดใจ

“ไอ้....ไอ้บ้า!!!” น้ำตาแห่งความอับอายหยดแรกไหลผ่านแก้มลงมาถึงคาง ใบหน้าของชานนท์แดงก่ำไปด้วยเลือดฝาด โดยที่มีของเขายังโดนอีกฝ่ายจับกุมไว้แน่น

“เฮ้ยๆ! เราล้อเล่นน่ะ เราก็แค่ห่วงกลัวนายไม่กล้าบอกความจริง มันจะรักษาไม่ถูกโรคนะ!!” วรุฒปล่อยมือของชานนท์และพยายามขยับเข้ามาใกล้เพื่อใช้มือปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก

“อ้าว!! เฮ้ย!! มึง!!” วรุฒร้องทักหลังจากเห็นหลงนั่งมองด้วยความตั้งใจอยู่ไม่ไกล

“เอ่อ......โห.... เรื่องนี้มัน......เชี้ย!.... กูไปไม่เป็นเลย เกิดอะไรขึ้นกับพวกเอ็งวะ?” หลงหลุดถามอะไรเรื่อยเปื่อยตามประสาเขา แต่ชานนท์ไม่พร้อมจะตอบคำถามนี้เสียเลย เขาจึงหันไปยืนยิ้มให้นายพยาบาลที่ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียวโดยที่ผิวหน้าแดงจนเห็นได้ชัด

“เอะอะ อะไรกันข้างนอกนี่” เสียงของคนใส่แว่นในชุดกราวด์ยาวสีขาวซึ่งเดินออกมาจากในห้องด้านในและเดินมาหยุดที่เคาน์เตอร์ข้างนางพยาบาล

“เชี้ย!!!” หลงสบถเสียงดังเมื่อเห็นหน้าขาวใสใส่แว่นที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
“อ้าว!! หลงเป็นอะไรหรือเปล่า?” คุณหมอหน้าสวยยิงคำถามข้ามชานนท์และวรุฒไปทางคนที่นั่งหน้าซีดทางด้านหลัง

“อาจารย์เอิร์ธคะ คนนี้มาก่อนนะคะ” นางพยาบาลสาวแก้มแดงเอ่ยทักคุณหมอที่กำลังเดินออกจากเคาน์เตอร์เพื่อเดินไปหาหลงซึ่งกำลังทำท่าจะลุกเดินจากไป แต่ติดตรงที่เท้าของหลงเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาเลยทำให้ไม่สามารถเดินไปได้ไกลนัก

“เดี๋ยว!! เจ็บขนาดนี้ไปไหน? เข้าไปให้พี่ดูก่อน!!” หมอเอิร์ธทำเสียงเข้มงวดใส่คนขาเป๋ตรงหน้า และใช้มือคว้าแขนอีกคนไว้
“.........” หลงมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ไร้คำพูดใดๆ เป็นครั้งที่เห็นหลงไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากมากๆ ของมัน เหตุการณ์นี้ทำให้ชานนท์ลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วขณะ เขายืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างคาดเดาสถานการณ์ไม่ออก ภายในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ที่โอบกอดเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

“ปล่อย!! ผมจะกลับแล้ว แต่นี้เองใช้ลิ้นเลียเดี๋ยวก็หาย!!”
คำพูดฉุนเฉียวคายออกมาจากปากของหลงจนได้ พลางสะบัดมืออึกฝ่ายที่จับแขนเขาเสียแน่นจนหลุด

หลงยึดตัวเองขึ้นมาเต็มความสูงยืนตรงอย่างองอาจ แทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางใบหน้า หลงทำได้ดีจนคิดว่าอาการเมื่อครู่คือการแกล้งทำ แต่ครั้นพอก้าวขาออกเพียงก้าวแรก หลงก็ร้องโอยขึ้นมาเสียงและย่อตัวลงด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้หน้าตาของหลงเหย๋เกจนดูไม่ได้

“ไม่ไหวก็อย่าฝืนสิ!! เฮ้อ...... เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” หมอเอิร์ธพูดพลางผ่อนลมหายใจส่ายหน้า
“ไม่เหมือนเดิม! ผมไม่เหมือนเดิมแล้วตั้งแต่......” แล้วหลงก็หลบตาและเงียบไปพักใหญ่ หมอเอิร์ธตอนนี้มีใบหน้าที่แบ่งรับแบ่งสู้กับอารมณ์ของหลงตรงหน้า เขาผ่อนลมหายใจออกยาวๆ และหันมาทางวรุฒและชานนท์

“คู่รักคู่นั้นน่ะ มาช่วยกันหน่อยได้ไหม?” หมอพูดทัก
“เขาตัวใหญ่เกินกว่าที่หมอจะยกคนเดียวไหว” หมอยิ้มมาทางสองคนที่งงกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนลืมเรื่องของตัวเองไปเสียหมด
“อ้อ... ครับ” วรุฒตอบรับและเดินไปช่วยหมอแบกไอ้ยักษ์อีกคนเข้าห้องตรวจด้านใน

“แล้วก็....... แผลที่รูทวารน่ะ เดี๋ยวหมอดูให้นะ ยังไงก็บอกแฟนให้เบาๆ หน่อยล่ะ แล้วก็หาเจลหล่อลื่นดีๆ ก็ช่วยได้ ขนาดตัวต่างกันขนาดนี้ อะไรๆมันก็คงต่างกันพอควร” หมอเอิร์ธหยุดพูดขณะเดินผ่านหน้าชานนท์ไป

“........” ชานนท์หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียตรงนี้แต่ทำไม่ได้

“เอ้อ!! แล้วป้องกันหรือเปล่าล่ะเรา?” หมอเอิร์ธหันไปถามคนที่ช่วยแบกหลงอีกข้างหนึ่ง
“เอ่อ........” วรุฒมีอาการอ้ำอึ้งตากรอกไปมา
“เฮ้อ...... วัยรุ่น!!”

‘เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า..... ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย!!’ ชานนท์คิดในใจและจ้องไปที่หน้าวรุฒอย่างขุ่นคือง

“เอาอย่างนี้นะ หมอมีของฟรีอยู่ เยอะไปเอาในห้องตรวจ แล้วทีหลังก็อย่าลืมล่ะ ปลอดภัยไว้ก่อนนะ” หมอเอิร์ธพูดจบก็ขยับให้นำคนเจ็บเข้าห้องไป ส่วนคนเจ็บอย่างหลงนั้นกลับเงียบไม่พูดจาจนผิดสังเกต

“ครับๆ ทีหลังจะไม่ลืม” วรุฒปากเหมือนพูดกับหมอ แต่สายตาของเขากลับจ้องกลับไปที่ขานนท์ จนชานนท์ต้องเตั้งใจค้อนกลับมา

................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 4) อัพ 10 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-06-2019 00:47:03
อิวรุฒ~ :-[
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 13 ส่วนที่ 4) อัพ 10 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-06-2019 01:12:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 14 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-06-2019 18:56:11
บทที่ 14

Unfortunate event never end


“หมอครับ ผมขอตรวจเลือด!!” ชานนท์โผล่งขึ้นมาทันทีที่พบหน้าแพทย์
หมอเอิร์ธมีอาการเหม่อลอยหลังจากที่ได้วรุฒช่วยส่งตัวหลงออกไปจากห้องไป หมอเอิร์ธมีอาการลังเลที่จะพูดกับหลงหลายครั้ง แต่ก็ล้มเลิกไป ชานนท์รู้สึกว่าสองคนนี้น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน หลงมีท่าทางเงียบกว่าปกติมาก โชคดีที่เพื่อนของหลงแวะมารับ ไม่อย่างนั้นคงจะมีบรรยากาศอึดอัดแบบนี้อีกนาน ชานนท์เห็นแววตาที่หมอเอิร์ธมองไปที่หลง เป็นแววตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจอะไรบ้างอย่างที่ยากจะอธิบาย

“ใจเย็นๆ เราไม่มีโรคนะ เราตรวจเป็นประจำ ป้องกันตลอด แต่กับนายมันยุ่งยากเวลา..... ไม่มีเวลาได้ใส่...... ก็เลย...”
วรุฒพูดเสียงดังขึ้นมากลางวงสนทนาระหว่างชานนท์กับหมอ ทำให้หมอเอิร์ธกลับมามีสมาธิกับชานนท์มากขึ้น วรุฒพูดด้วยสีหน้าราบเรียบเหมือนกำลังคุยเรื่องมื้ออาการที่ผ่านมากินอะไรบ้าง แต่กับชานนท์นั้นกำลังอดกลั้นกับความอับอายตรงหน้าจนเกือบถึงขีดสุด คนแบบไหนถึงได้คุยเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนแปลกหน้าได้หน้าตาเฉย

“ฮะฮะฮะ เรื่องธรรมชาติน่า หมอรับได้ ส่วนเรื่องตรวจเลือดก็แวะไปที่โรงพยาบาลก็แล้วกันนะ ที่นี่เครื่องไม้เครื่องมือไม่ครบ” หมอเอิร์ธยิ้มกับอาการของชานนท์และให้คำแนะนำตามวิชาชีพไป ส่วนชานนท์แค่คิดว่าเขาจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ยิ่งพูดยิ่งทำให้วรุฒได้ใจ ใช้คำพูดต่างๆให้เขาอับอาย เลยตัดสินใจเงียบตลอดการรักษาดีกว่า

..........................


“ช่วยเลิกพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้ไหม? เราไม่ชอบ!” ชานนท์ตัดสินใจพูดทันทีที่วรุฒขับรถมาถึงหอพัก หลังจากที่เขาปั้นหน้ายักษ์และรักษาความเงียบมาตลอดทางจนวรุฒที่พยายามยั่วโมโหชานนท์มาตลอดทางยอมแพ้และขับรถมาถึงที่หอพักอย่างเงียบเชียบ

“เอ้า! พูดได้ด้วย นึกว่าเป็นใบ้ไปแล้วหลังจากเจอหมอตรวจภายใน!” ยิ้มหวานสไตล์คัสโนว่าฉายวาบตอบกลับมา ชานนท์รู้สึกใจอ่อนทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์แบบนั้น

“เราพูดจริง!! ไม่งั้น..... เราจะไม่คุยกับนายอีกเลย!!” ชานนท์ฝืนทำใจแข็งและพูดขึ้นเสียงตอบกลับไป
“ไม่พูด!! ดี!! กูจะปล้ำให้ร้องเลย!!” วรุฒหยอกล้อกลับมา ท่าทางไม่ขึงขังจริงจังแบบนี้ มักจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ นี่เขาไปเปิดหีบแพนดอร่าหรืออย่างไง ทำไมคนตรงหน้าถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้! พอสิ้นคำของอีกฝ่ายชานนท์ก็รีบลุกออกจากรถทันทีและรีบเดินหนีจากไอ้คนหื่นกามนี่ทันที

ก้าวออกจากรถได้ทันถึงห้าก้าว ภาพคนๆหนึ่งก็มากระทบกับคลองสายตาของชานนท์ คนตัวสูงกับชุดนักกีฬาประจำมหาวิทยาลัย

“หลง ขาเป็นไงบ้าง?” ชานนท์ทักขึ้นก่อนที่จะถึงร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าหอพัก
“ก็ดี พอเดินได้ ไม่ลำบากอะไร เราซุ่มซ่ามบ่อยจนชินแล้ว”
หลงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มไม่เต็มแรงเหมือนปกติ
“มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ?” ชานนท์เอ่ยถามซ้ำเพราะเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาแถวนี้โดยไม่มีธุระอะไร
“ก็..... มาหานายนั่นแหละ... แล้วก็....นายด้วย!” หลงใช้สายตามองมาที่ชานนท์และคนที่เดินตามชานนท์มาติดๆ เป็นการบ่งชี้ตัว
“อะไรวะ! กูไม่มีธุระอะไรกับมึง!  นนท์เราไปกันเถอะ” วรุฒเกรี้ยวกราดใส่หลงที่นั่งหน้าตาเรียบเฉยและยกแขนขึ้นคล้องคอชานนท์เพื่อชวนเขาขึ้นห้องพักด้วยกัน

“นายรีบก็ไปก่อนได้เลย เราจะคุยกับเพื่อนเราก่อน” ชานนท์ยกแขนอีกฝ่ายออกและพูดกับวรุฒในระยะประชิด
“โห..... อะไรวะ เห็นยอมเข้าหน่อย ได้ใจใหญ่เลยนะ......”
“.........” ชานนท์เหมือนยังมีความกลัวหมัดขวาของคุณชายอารมณ์ตรงหน้า เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเกรี้ยวกราดใส่ตนเองเลยหลุบหน้าลงต่ำอย่างกวาดกลัว
“เฮ้อ..... อ่ะ..... คุยอะไรก็รีบคุย!”  วรุฒผ่อนลมหายใจอย่างแรง เสยผมตัวเองและพูดอย่างยอมแพ้

“เรื่อง..... เรื่องที่เกิดขึ้นที่คลินิค.... วันนี้...” หลงอ้ำอึ้งออกมาด้วยใบหน้าลังเลจนผิดปกติ ซึ่งปกติหลงเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองจนรู้สึกว่ามันมากจนเกินพอดี
“อย่าไปบอกใครนะ” คำพูดนี้ตามมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เอ่อ...... ได้สิ แล้วก็เรื่องของเรา.....” ชานนท์ได้ทีเลยขอใส่ข้อต่อรองไปด้วยเพราะความจริงชานนท์เองก็อยากจะคุยกับหลงเรื่องวันนี้ระหว่างเขากับวรุฒเช่นกัน

“อ้อ.... ได้สิ เราไม่ใช่คนปากมากเที่ยวไปบอกคนโน่นคนนี้อยู่แล้ว” คำพูดนี้ของหลงทำให้ชานนท์รู้สึกความเป็นตัวตนของหลงจะเริ่มกลับมาแล้ว ซึ่งทำให้ชานนท์แสดงสีหน้าไม่เชื่อถือออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก็เพราะคนอย่างหลงเนี่ยแหละที่ชอบหลุดพูดความลับออกมาบ่อยแบบไม่กลั่นกรองสักนิด

“เฮ้ย เราจริงนะครั้งนี้! เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจหรอกเรารู้” หลงพูดขึ้นหลังจากเดาสีหน้าของชานนท์ออก
“เราเองก็ไม่ใช่คนชอบพูดเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ของแบบนี้มันก็ไม่ควรพูดอ่ะนะ เราไม่รู้นะว่าเรื่องของนายมันเป็นอะไรยังไง แต่เราไม่ขอเดาละกัน” ชานนท์ย้ำหนักแน่นจริงจัง
“ทำไมต้องเข้าโหมดจริงจังด้วยวะ” หลงพูดจบก็เดินเข้ามาด้านข้างและยกแขนมาคล้องคอชานนท์

“เอ่อ... ว่าแต่ เรื่องของนาย มันยังไงวะ เหมือนจะไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอวะ?” หลงเหลือบมองหน้าไอ้ยักษ์ที่ยืนเฝ้าคนตัวเล็กเพื่อนเขาอยู่ไม่ไกลและกระซิบใส่หูอีกฝ่าย หลงกลับมาเป็นคนเดิมได้รวดเร็วยิ่งกว่าแมลงสาบโดนยาฆ่าแมลงเสียอีก

“เรา... ก็ไม่รู้ว่ะ..... มันเกิดขึ้นไวมาก.... เราไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง? แฟนก็ไม่เคยมี ไม่เคยจีบใครติด แต่ตอนนี้ดันมีคนมาติดพัน ก็ดันเป็นผู้ชายอีก!” ชานนท์พ่นความในใจขณะแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้าชัดเจน ตอนนี้ชานนท์รู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่ตกลงไปในหลุมที่ลึกไปกว่าเพื่อนของเขาเสียอีก แม้เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องของหลงจะเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกสับสนจนแทบจะเอามือทึ้งหัวตัวเองออกมากลิ้งที่พื้น

“ใจเย็นๆ ดิวะ เราก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนนะ ช่วงแรกคือช่วงยอมรับ มันยากแต่หากผ่านมันไปได้ก็สบายแล้ว” หลงตบไหล่ชานนท์เบาๆ
“แต่มันไม่ดู......” ชานนท์ดูอ้ำอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดออกมาจากความคิด
“ผิด!! ไม่ถูกต้อง!! ฝืนธรรมชาติและบรรทัดฐานของสังคม!!” หลงพูดต่อประโยคของชานนท์ด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก
“..........” ชานนท์มองเพื่อนที่พูดออกมาด้วยสีหน้าทึ่งที่สามารถเดาความคิดตัวเองได้ถูกต้อง
“คิดเอาเองนะ ของแบบนั้นน่ะ มันทำให้เรามีความสุขจริงหรือเปล่า เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของสังคม ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ความรักความชอบมันใช้ใจครับ ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ!!” ชานนท์มองดูเพื่อนข้างๆ ที่จะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแบบทันทีทันใด

“เรายังไม่ได้บอกว่ารักว่าชอบไอ้หมอนั้นเสียหน่อย”  ชานนท์รู้สึกใจสั่นขึ้นมาไม่รู้ตัวเมื่อต้องพูดประโยคนี้
“เอาเถอะ..... เห็นท่าทางนายวันนี้ก็รู้แล้ว! หากนายรังเกียจไอ้ซาดิสต์นั่น นายคงแสดงออกอีกแบบหนึ่ง!!” หลงยิ้มที่ท้ายประโยคอย่างรู้ทัน
“มันก็.... ไม่ได้รังเกียจนะ..... แต่....” ความวุ่นวายใจรุมเร้าชานนท์อีกครั้ง
“สับสน? ก็บอกอยู่ว่าการยอมรับเป็นขั้นแรกที่ทำได้ลำบาก!! เรื่องนี้ถามใจตัวเองดีๆ แล้วใช้ใจตอบคำถามทั้งหมด หากมันใช่ความสับสนก็จะหายไปเอง อย่าให้สังคมหรือคนอื่นมาตัดสินความสุขของเราสิ......” ประโยคนี้ทำให้ชานนท์ได้คิดอะไรมากขึ้น และพยายามทำความเข้าใจความเป็นไปได้ของมัน
“เราไม่เคยสนใจผู้ชายเลยว่ะ แต่กับเหตุการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เรารู้ใจเต้นทุกครั้งที่ไอ้ยักษ์นั่นมันหยอด” ชานนท์เหมือนบ่นอุบอิบทิ้งท้าย

“ซุบซิบอะไรกันอยู่ได้ตั้งนานสองนาน!!” เสียงไอ้ยักษ์ปักหลั่นโวยขึ้นจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ไกล

“ใช้ใจเว้ย!! อย่าใช้หัว!!” หลงพูดทิ้งท้ายไว้และใช้นิ้วชี้เคาะที่หัวตัวเองก่อนจะขอตัวเดินจากไปและหายเข้าไปในฝูงแมกไม้ข้างทาง

....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 14 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-06-2019 21:09:56
ฉากนี้หลงดูมีสาระขึ้นเยอะ555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 14 ส่วนที่ 1) อัพ 10 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-06-2019 22:24:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหลง  สอนเขาได้ แต่ตัวเองทำไม่ได้หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 14 ส่วนที่ 2) อัพ 16 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-06-2019 09:45:37

เช้าวันหยุดอีกวันที่แสนสดใส แสงยามเช้าได้คืบคลานเข้ามาในห้องมากขึ้นเรื่อง ห้องพักที่มืดสนิทเริ่มค่อยๆ สว่างขึ้นจากลำแสงที่พุ่งลอดผ่านช่องผ้าม่านที่หน้าต่างเข้ามา

ชานนท์เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากอากาศที่สูงขึ้นและมีลำแสงเล็กยิงส่องดวงตาอยู่ เขารู้สึกเหนื่อยจากเหตุการณ์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านจนแทบไม่อยากตื่น ยิ่งเมื่อวานก่อนนอนด้วยแล้วที่เขาต้องต่อสู้กับแรงวอแวของคนตัวสูงร่วมห้องที่พยายามมาเกาะแกะจนเขาเกือบเสียท่าหลายหน แล้วยังต้องข่มใจกับแรงปรารถนาของตนเองอีก ‘เรายังเจ็บอยู่นะ’ เป็นยันต์กันภัยที่ทำให้ผ่านเหตุการณ์วอแวเมื่อคืนไปได้จนสามารถนอนที่เตียงตนเองอย่างสงบ

คำว่าวอแวไม่รู้ว่าจะเพียงพอกับกริยาของวรุฒหรือเปล่า เพราะทั้งเซ้าซี้ ‘อยากอาบน้ำให้’ บ้าง ‘อยากให้นอนด้วย’ บ้าง ‘ขอไปนอนด้วยบ้าง’ และอื่นๆ อีกสารพัดที่จะมาวอแวกับชานนท์ ตอนนี้เวลาอยู่ด้วยกันสองคน วรุฒจะพยายามตีสนิททุกอย่างที่จะสามารถให้เราได้สัมผัสกัน หรือเรียกง่ายๆเลยว่า ‘หื่น’

ชานนท์รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวในขณะที่เขาพยายามจะขยับตัวเพื่อลุกขึ้น เขารู้สึกว่ากองผ้าห่มตรงหน้าที่เขาห่มอยู่มันช่างกองโตและหนักอึ้ง ความร้อนภายใต้ผ้าห่มมันอบอวลจนเขาไม่สามารถข่มตาให้นอนต่อได้อีกต่อไป มือของเขาที่เหมือนโดนพันธนาการอยู่ ตอนนี้เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อให้มือโผล่พ้นผ้าห่มและยกสะบัดเปิดผ้าห่มขึ้น

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงเมื่อสิ่งที่เขาพบภายใต้ผ้าห่มคือคนตัวสูงร่วมห้องของเขาที่ใช้ร่างกายตัวเองกอดก่ายร่างของชานนท์จนแทบจะไม่มีช่องว่างให้เขาขยับตัว

“อะไรกันเนี่ย!!” ชานนท์โวยใส่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้แต่ดูเหมือนชายร่างสูงจะทำเป็นหลับอย่างสบายใจด้วยใบหน้าที่แสนไร้เดียงสา จนชานนท์เผลอมองวงหน้านั้นด้วยความแปลกใจ

“รุฒ!! ตื่น!! โธ่!! โว้ย ทำไมนายต้องมาวอแวเราขนาดนี้ด้วยวะ!” ชานนท์พูดด้วยท่าทางอึดอัด
“ไม่มีเหตุผลอะไร!” เสียงจากชายที่นอนขดอยู่บ้านตรงหน้าพูดขึ้นทำให้ชานนท์อดที่จะสะดุ้งด้วยความตกใจไม่ได้
“นาย... ไม่ได้หลับอยู่เหรอ?”
“ตื่นตั้งแต่นายร้องโวยวายแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้เสียทีนะ” วรุฒพูดขณะทรงตัวขึ้นมานั่งทิ้งขาลงข้างเตียง
“........” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัวแต่จ้องวงหน้าของคนที่มองชานนท์ด้วยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโต แสงสะท้อนเล็กน้อยจากหน้าต่างทำให้ดวงตานั้นดูมีเสน่ห์มากกว่าน่ากลัว เป็นการเพิ่งตื่นนอนที่ดูดีมาก

“ส่วนเหตุผลน่ะ.... ทำขนาดนี้แล้ว นายไม่รู้จริงๆ เหรอ?” วรุฒลุกขึ้นยืนพร้อมปรายตามาทางคนตัวเล็กที่นอนอึ้งกับภาพตรงหน้า วรุฒที่แทบไม่ใส่อะไรเลยนอกจากบ๊อกเซอร์ตัวจิ๋ว
“อ่ะ... ห่ะ.... อะไรนะ?” ชานนท์จับต้นชนปลายไม่ถูกกับคำพูดของวรุฒ

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายเนี่ยนะ! เรียนเก่งอย่างเดียวหรือไงเนี่ย? ซื่อบื้อฉิบหาย!” วรุฒหัวเราะลั่นและเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนตัวเองที่โต๊ะอ่านหนังสือฝั่งตัวเองขึ้นมาเขี่ยไปมา

“เดี๋ยวนะ!! นายมานอนกับเราด้วยสภาพนั้นเนี่ย?!?” ชานนท์เหมือนเพิ่งได้สติถามกลับ
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายนี่ก็เป็นคนตลกนะ อย่างเราสองคนนี้ไม่จำเป็นต้องอายเลยนะ ยิ่งกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว!” วรุฒพูดติดตลกขณะจ้องบางอย่างบนหน้าจอสมาร์ทโฟนตนเอง

ส่วนชานนท์ได้แต่นั่งหน้าแดงระลึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นาน เหตุการณ์ที่เขาพยายามจะลืมแต่กลับคอยระลึกขึ้นมาได้ทุกรายละเอียด และไอ้น้องชายตัวดีทางด้านล่างก็ไม่ยอมเชื่อฟังมันกลับพลุ่งพล่าน และมีความอลมานวูบวาบไปทั่วช่องท้องน้อย

“เอ้อ! วันนี้นนท์ว่างไหม?” เสียงวรุฒพูดตัดบรรยากาศที่เงียบนิ่งไปพักใหญ่
“เอ่อ...... ก็ว่าจะอ่านหนังสือน่ะ แล้วก็.....” ชานนท์นั่งนึกถึงกิจกรรมที่ตนเองอยากจะทำในวันนี้ ทั้งที่ความจริงอยากจะนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ รู้สึกว่าช่วงนี้เขาใช้ร่างกายจนแทบพังยับเยินไหนจะเหล้า ไหนจะเรื่องที่โดนปู้ยี่ปู้ยำจนนับครั้งไม่ถ้วน ไหนจะต้องหวาดระแวงหลังจากนั้นอีก

“ไม่ต้องแล้ว มาเป็นเพื่อนเราหน่อย!!” น้ำเสียงเด็ดขาดจากชายร่างสูงที่ยืนอยู่ดังขึ้นขัดกลางประโยคของชานนท์จนเขาต้องหยุดพูดมองหน้าคนตัวสูงอย่างสงสัย
“ไปไหน?” คำถามเดียวที่ชานนท์นึกออก
“เออน่า! ไม่ต้องถาม มีเรื่องอยากให้นายช่วยหน่อย”
“พูดแบบนี้มันขอร้องหรือบังคับเนี่ย?”
“ขอร้อง!! และนายต้องไป!!” น้ำเสียงเด็ดขาดออกมาจากชายตัวสูงที่มีดวงตาดุดันอีกครั้ง
“เฮ้อ....... ไปก็ไป” ชานนท์ถอนหายใจส่ายหัว พลางคิดว่าไอ้คุณชายนี่ทำไมมันเอาแต่ใจจัง

ก็อก ก็อก ก็อก

เสียงจากประตูดังขึ้นไม่ไกล ด้วยปฎิกิริยาปกติชานนท์จึงขยับตัวลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตู

“โอ้ยยย....”
ความเจ็บปวดแล่นปราดจากบริเวณบั้นท้ายจนชานนท์แทบทรุดลงไปกับเตียงแต่ก็ยังคงทรงตัวยืนขึ้นมาได้

“อ้าวเฮ้ย! ไม่ไหวก็อย่าฝืนสิ!!” วรุฒพูดขึ้นพลางก้าวเท้าเดินตัดหน้าชานนท์ไปที่ประตู
“ก็เพราะใครกันเล่า!!” ชานนท์บ่นพึมพำอย่างเหลืออด
“ใครวะ มากวนแต่เช้า!!” วรุฒพูดอย่างมีอารมณ์ขุ่นเคืองเมื่อบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดประตูอ้าออก

“นนท์!! ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย เป็นห่วงนะเนี่ย!!” ประตูที่เปิดอ้าออกเผยให้เห็นรุ่นพี่หน้าตี๋อดีตเดือนมหาวิทยาลัยยืนมีสีหน้าร้อนรนอยู่ด้านนอก

“อ้อ.... ครับ” ชานนท์รีบเดินไปคว้าโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาเปิดหน้าจอดู ทำให้เห็นจำนวนสายที่ไม่ได้อยู่จำนวนหลายสิบสาย

หรือเขาคงเพลียมากเลยไม่ได้ยินอะไรเลยซึ่งมันไม่น่าจะใช่ เพราะเขาเป็นคนที่ตื่นง่ายมาก หรือโทรศัพท์เขามีปัญหา? เขารีบปลดล็อกโทรศัพท์เพื่อเช็คถึงความผิดปกติของโทรศัพท์ตัวเอง แต่หลังจากเช็ดโน่นนี่แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่า โทรศัพท์ของเขาถูกปิดทั้งเสียงและสั่น ทำให้เขารู้สึกงงกับเหตุการณ์นี้มาก จนกระทั้งเขาหันไปเจอหน้าอมยิ้มของไอ้คนร่วมห้อง

ชานนท์ส่งสายตามาดร้ายไปที่คนคนนั้นทันที แต่วรุฒกลับทำเพียงแค่ยิ้มอย่างร้ายๆ ตอบกลับมาเท่านั้น
‘ทำได้ไงวะ?’ ชานนท์คิดในใจ วรุฒไม่น่ารู้รหัสเปิดเครื่องของเขา

“เมื่อวานได้ข่าวว่าไปหาหมอที่คลินิคของมหาวิทยาลัย เป็นอะไรหรือเปล่า?” พี่เอกถามต่อทันทีหลังจากไม่ได้ยินคำตอบจากคนตัวเล็กที่ยืนงงกับโทรศัพท์ตนเอง
“ไม่.... ไม่เป็นไรมากครับ แค่.......” ชานนท์เป็นโกหกไม่เป็นเลยไม่รู้จะตอบอะไรออกไป
“จริงน่ะ? เมื่อวานเดินแทบไม่ไหวเลยไม่ใช่หรือ?” วรุฒพูดแทรกขึ้นมาแบบนี้ทำให้ชานนท์หน้าชาไปหมด ได้แต่สบถด่าไอ้ยักษ์ตัวต้นเหตุในใจ

“เฮ้ย!! จริงน่ะ!! เป็นอะไรมากไหม?” พี่เอกแทบจะวิ่งถลาแทรกตัวผ่านวรุฒที่ยืนขวางประตูอยู่ครึ่งช่องทางเพื่อไปหาชานนท์
“ผม..... ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ” ชานนท์ได้แต่ตอบออกไปให้คนที่วิ่งมาหาสบายใจ
“หน้าซีดขนาดนี้ จะไม่เป็นไรได้ไง!!” พี่เอกสำรวจวงหน้าของคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
“ผม.... เอ่อ.... แค่... ท้องเสียน่ะครับ แต่ตอนนี้หายแล้วครับ” ชานนท์พูดและยิ้มแห้งตอบไป
“ใช่สิ.... ถ่ายคล่องปรูด ลื่นปรึ้ดเลย” วรุฒพูดลอยๆด้วยใบหน้ายิ้มเจ้าเลห์ ส่วนขานนท์ได้แต่ส่งสายตาค้อนกลับไป สลับกับยิ้มให้กับพี่เอกตรงหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายังไหว

“ท้องเสีย? กินอะไรเข้าไปเนี่ย?” พี่เอกซักต่อเหมือนจะเป็นหมอเสียเอง
“กินของดีๆ ทั้งนั้น บวบผัดไข่ ฟักผัดไข่ มะเขือยาวผัดไข่” วรุฒพูดลอยๆ ขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ชานนท์อยากปาอะไรใส่ให้หายโกรธ แต่ทำได้แค่ยิ้มให้พี่เอกตรงหน้า
“ประมาณนั้นครับพี่ มีแต่ของง่ายๆ สงสัยของมันคงเสียจริงๆ” ชานนท์พูดต่อโดยไม่ทิ้งเวลาให้ไอ้คนปากเสียตรงประตูพูดต่อ
“ไม่เสีย ของสดจากธรรมชาติ ออเกนิค ไร้สารเคมีเจอปน!” ไอ้คนปากเสียรีบต่อปากทันที ทำให้เอกทำสีหน้างงๆ กับบทสนทนาของทั้งสองคนอย่างมาก

“เอ่อ.... ดูท่าทางน่าจะ... ไม่น่าเป็นห่วงนะ ยังดูแข็งแรงดี”
“ครับพี่!! ไม่ต้องห่วง รับรองงานแสดงสดสัปดาห์หน้าผมไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอน!!” ชานนท์กำมือแน่นยกขึ้นมาระหว่างอกเพื่อแสดงให้คนตรงข้ามเห็นถึงความแข็งแรง
“อ้อ... เออ... ใช่!! งานแสดงสด... อืม! พี่ฝากด้วยนะ!” พี่เอกใช้ฝ่ามือตบไปที่ไหล่ชานนท์เบาๆ

“เสร็จธุระแล้วก็กลับไปได้แล้วพี่!! วันนี้วันหยุดนะ ขอเถอะ กูกับเพื่อนจะได้ทำธุระกัน!!” วรุฒเดินมาใกล้พี่เอกมากขึ้นจนแทบจะหายใจรดอีกฝ่าย

“เออๆ ..... งั้นนนท์พักผ่อนเยอะๆ นะ เดี๋ยวเย็นๆ พี่จะหาของกินมาให้” พี่เอกหันไปตอบวรุฒอย่างฉุนเฉียวและหันมาตอบชานนท์อย่างอ่อนโยน ชานนท์ยิ้มรับความอบอุ่นที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมาให้
“ไม่จำเป็นหรอกครับ กว่าพวกเราจะกลับมาก็ค่ำ พี่อย่าลำบากเลย!!” วรุฒโผล่งพูดขึ้นดักคำตอบของชานนท์
“อ้าว!! จะไปไหน เพิ่งหายป่วยยังจะไปไหนอีก!?!” พี่เอกแทบไม่ได้สนใจคนด้านหลัง เขาตั้งใจถามคนตรงหน้าเขาเท่านั้น

“เอ่อ.....”  ชานนท์นึกคำโต้ตอบไม่ทันเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้เขาต้องไปไหนไปทำอะไร และความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่นัก เขาอยากนอนพักร่างที่ชำรุดของเขามากกว่า “ความจริง...... ก็ไว้ไปวันหลังก็ได้นะ” ชานนท์หันไปมองหน้าวรุฒเพราะได้ทีที่พี่เอกสนับสนุนเขาไม่ให้ออกไปไหน
“พี่ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลนนท์อย่างดี ผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำกับนนท์ไว้!!” วรุฒร่ายยาวด้วยใบหน้าอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“รับผิดชอบ? อะไรว่ะ?” พี่เอกที่หัวคิ้วชนกันหันกลับไปถามคนตัวสูงทางด้านหลัง
“ก็เรา....” วรุฒยิ้มมุมปากและเริ่มต้นประโยคทันที
“อ้อๆ!!!” ชานนท์ร้องโวยขึ้นมา “ก็เพราะเขาทำผมท้องเสีย เลยว่าจะพาผมไปทำธุระน่ะครับ ผมไม่มีรถ นั่งรถเขาไปสะดวกกว่า!!” ขานนท์ลนลานแก้ตัวเสียงดังพร้อมจับไหล่พี่เอกให้หันมาทางเขา
“อ้อ..... ตอบเสียเสียงดังเชียว พี่อยู่แค่นี้เองพูดเบาๆก็ได้” พี่เอกใช้มือลูบหูตัวเองไปมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษครับ”
“แต่พี่ก็มีรถนะ ทีหลังมาขอให้พี่ไปส่งก็ได้”
“คือ.... รุฒเขาจะไปแถวนั้นอยู่แล้วน่ะครับ”
“โอเคๆ งั้นพี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” พี่เอกใช้มือลูบหัวชานนท์ในสภาพหน้าแดงอมชมพู บวกกับหัวชี้ฟูช่วงตื่นนอน มันน่ารักจนตัวเขาเองห้ามใจตัวเองที่จะทำแบบนั้นไม่ได้

“เฮ้ย! พี่เกินไปหรือเปล่า!!” วรุฒเห็นก็ขุ่นเคืองกับถาพตรงหน้าทันที
“เอ่อ.... ขอโทษทีว่ะ น้องมันน่ารักนี่หว่า”
“หา!! อะไรน่ะ หัวของนนท์ กูแตะ...” วรุฒเดินตาขวางพร้อมโยนคำพูดเกรี้ยวกราดใส่คนหน้าขาวตี๋ตรงหน้า

“พี่เอกขอบคุณครับที่เป็นห่วง แล้วเจอกันนะครับ” ชานนท์โอบพี่เอกพร้อมพูดตัดบทและดันรุ่นพี่ออกนอกห้องไปผ่านไอ้หล่อสูงตาขวางเป็นนักเลงคุมซอยไปอย่างรวดเร็ว

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 14 ส่วนที่ 2) อัพ 16 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-06-2019 10:03:37

“ไปรอข้างล่างนะ อย่าช้า!!” วรุฒพูดเสียงห้วนๆ ใส่ชานนท์ที่กำลังแต่งตัวอยู่
“อืม....” ชานนท์พยักหน้าด้วยอาการอิดโรย หลังจากโดนคนตัวใหญ่ทำโทษไปอีกสองยก
“ทำโทษเรื่องอะไรวะ?” ชานนท์บ่นออกมาลอยๆ หลังจากไอ้คนตัวใหญ่นั้นเดินออกไปพ้นห้องด้วยใบหน้าซีดเผือดกว่าตอนเช้า เขาไม่เข้าใจการกระทำของวรุฒเท่าไหร่ และที่ยิ่งไม่เข้าใจมากยิ่งกว่าคือการกระทำของตัวเองที่ยอมไอ้ม้าพยศหื่นกาม ทารุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้แย่ แถมมีความสุขดีด้วย เขาถามตัวเองซ้ำๆว่ามันคือความชอบหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจกับท่าทางของวรุฒในตอนนี้ ในซอกหลืบของความคิดของเขา ชานนท์คิดว่าเขาคงจะชอบผู้ชายเสียแล้ว แต่ในอีกความคิดหนึ่งก็แย้งขึ้นมา ว่าไม่น่าจะใช่ เพราะกับพี่เอก เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้

‘หรือว่าเขาเป็นประเภทชอบความซาดิสม์’ ชานนท์ส่ายหัวตัวเองไปมาด้วยความเร็วเพื่อจะได้สลัดก้อนความคิดประหลาดให้หลุดออกไปและตั้งใจกับการแต่งตัวต่อไป โดยวันนี้วรุฒก็ได้เตรียมชุดใหม่ให้ใส่อีกแล้ว

..................

ชานนท์รู้สึกทรมานกับการเดินลงบันได 5 ชั้นมากกว่าปกติ เพราะการจัดหนักแบบใส่ไม่ยั้งจากคุณชายเจ้าอารมณ์นั้น ทำให้เข้าเกือบจะเป็นลมระหว่างทางลงชั้นสองลงมาชั้นหนึ่ง

เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ อีกครั้งเมื่อมาถึงชั้นล่างสุดด้วยอาการอ่อนล้าเกินจะบรรยายเป็นคำพูดได้ ขาที่สั่นจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เขารู้สึกเหมือนแผนดินจะไหวอยู่ตลอดเวลา เขายืนพักทำใจอยู่ที่โพลงทางขึ้นบันไดชั้นหนึ่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะฝืนใจก้าวออกมาจากจุดพักและเดินไปที่ทางออก

“ทำไมช้าจัง?” เสียงเรียบพูดขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งจนชานนท์ตกใจหยุดฝีเท้าที่ก่อนถึงประตูทางออกจากหอพัก
“นายนั่นเอง” ชานนท์ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคนตัวสูงยืนอยู่ข้างเขาซึ่งเป็นทางเข้าห้องรับรองแขกภายในหอ
“ก็ข้างนอกมันร้อน เห็นนายชักช้าก็เลยมารอตรงนี้” ปากได้รูปสีชมพูสดพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ แต่หัวคิ้วมีอาการวิ่งเข้าหากันเล็กน้อย เดี๋ยวนี้ชานนท์เริ่มสังเกตอารมณ์ฝ่ายตรงข้ามจากการแสดงสีหน้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะปกติวรุฒจะเป็นคนที่หน้านิ่งจนเป็นนิสัย การแสดงสีหน้าที่เด่นชัดส่วนใหญ่คือการเกรี้ยวกราด ดุดันใส่คนอื่นตลอดเวลา

แต่เดี๋ยวนี้ชานนท์ไม่ค่อยเห็นอาการฉุนเฉียวของอีกฝ่ายเท่าไหร่แล้ว เหมือนวรุฒเองก็พยายามที่จะปรับตัวเข้ากับชานนท์ด้วยเช่นกัน นี่เป็นไม่กี่เรื่องที่วรุฒพอจะมีดีอยู่บ้าง

“ก็เพราะใครกันเล่า ทำเอาขาสั่นไปหมด!” พี่ชานนท์มองคู่กรณีให้รู้สำนึก
“อืม......” วรุฒได้แต่มองสวนกลับมาอย่างพึงใจ เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และมีสายตาที่อธิบายไม่ถูกว่าชายคนนนี้คิดอะไรอยู่แต่ก็ทำให้ชานนท์เสียวสันหลังขนลุกซู่ได้
“ไปเถอะ จะไปไหนก็ไปสายป่านนี้แล้ว!” ชานนท์พูดพลางขยับตัวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก

พั่บ!! หวืด.....

เสียงลมวูบสะบัด และชานนท์ก็ถูกยกสูงขึ้น กว่าจะรู้อีกทีเขาก็ถูกคนตัวสูงอุ้มในท่าเจ้าสาวเสียแล้ว

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“นิ่งๆ” วรุฒพูดเสียงเรียบ ขณะที่ชานนท์ขยับตัวไปมาด้วยความเขินอาย แล้วก็หยุดทันทีที่ได้ยินเสียงคนที่อุ้มเขาขึ้นมา
“ทำอะไรเดินเองได้!”
“ก็เห็นบอกไม่ไหว”
“พักสักหน่อยก็หาย”
“เอาแต่ใจจริง คนอยากจะช่วยเสียหน่อย” ถึงวรุฒจะพูดออกมาแบบไม่สบอารมณ์แต่เขาก็ก้าวเดินออกจากจุดเดิม และเดินออกไปจนผ่านประตูที่ปลดล็อกลงอย่างง่ายดาย วรุฒทำเหมือนชานนท์ไม่ต่างจากตุ๊กตายัดนุ่นตัวใหญ่ที่ไม่ได้มีน้ำหนักอะไรมากมาย

“ปล่อยเราลงได้แล้วมั้ง” ชานนท์ทำเสียงอิดออดขณะที่วรุฒสาวเท้าไปจนเกือบถึงรถของเขาที่จอดอยู่หน้าหอพัก
“.......” วรุฒหยุดเดินและทำหน้านิ่งก้มมองคนในอ้อมแขนด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความปรารถนาบางอย่างจนชานนท์ต้องหลบสายตา
“ขอลงเหอะ อายเขาจะแย่แล้ว” ชานนท์พูดต่อเพราะเวลานี้ที่หน้าหอพัก แม้จะเป็นวันหยุดแต่ก็มีนักศึกษาเดินผ่านไปมาไม่น้อย วรุฒมองซ้ายขวาอยู่พักหนึ่งก็หันมายิ้มเยาะให้คนในอ้อมแขน อยู่พักใหญ่กว่าจะยอมปล่อยชานนท์ลงมายืนที่พื้นดีๆ ไม่ใช่เพราะวรุฒเกิดความอายอะไรแต่เพราะแกล้งชานนท์จนสาแก่ใจแล้วต่างหาก

“แล้วบอกได้หรือยังว่าจะไปไหน?” ชานนท์ถามขึ้นขณะจัดเสื้อผ้าที่ย่นยู่จากการถูกอุ้ม
“มีหน้าที่ตามก็ตามมาเถอะ!” คำพูดห้วนๆ ออกจากปากสีชาดอ่อนอีกครั้ง
“อะไรว่ะ!?!” ชานนท์เผลอบ่นออกมา

เสียงสัญญาณปลดล็อกรถยนต์แบบอัตโนมัติดังขึ้น พร้อมกับเสียงล้อรถยนต์เบียดพื้นถนนในระยะใกล้เพียงเอื้อมมือ

เอี้ยดดดดดด

ชานนท์ตกใจกับเสียงดังกล่าวจนผงะถอยหลบไปทางด้านหน้าของรถมินิคูเปอร์อย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ

เจ้าของรถซีดานสีน้ำเงินเข้มพาดด้วยสติ้กเกอร์เป็นเส้นผ่านกลางตัวรถเหมือนรถแข่งลงมาพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสุขภาพดีจนครบทุกซีกในแว่นดำขลับรูปทรงหรูหรา

เพียงแค่เห็นใบหน้าขาวสว่างนีออนนั่นก็ทำให้วรุฒแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“มึงมาทำอะไรแถวนี้!!” วรุฒเสียงดังข้ามตัวรถส่งไปถึงเจ้าของรถสไตล์รถแข่งที่เดินมาทางเขา
“กูจะมารายงานมึงเรื่องที่มึงไหว้วานไง!!” อีกเสียงหนึ่งตอบกลับมาพร้อมถอดแว่นดำออกให้เห็นดวงตาและทรงหน้าเต็มรูป
“ไอ้เต๋า กูไม่เห็นเคยบอกให้มึงมารายงานกูเลยกูถามไอ้บอยมันก็ได้!!” วรุฒขมวดคิ้วเข้มจนเห็นรอยหยักที่หว่างคิ้วชัดเจน

“ก็ไอ้บอย มันคงจะอินกับแผนมากไปหน่อย จนป่านนี้ยังตัวติดกับยัยนั่นอยู่เลย” ชายผิวออร่าเจ้าของรถทรงรถแข่งตอบมา
“แล้วไงต่อ... มีอะไรก็พูดมา อย่าชักช้ากูมีธุระ!!”
“กูจะบอกว่า.... แผนที่ให้พวกกูหลอกยัยนั่นให้พ้นจากมึง และน้องนนท์ เป็นไปได้ด้วยดี สุดท้ายยัยนั่นตกลงไปกับไอ้บอย เพราะสไตล์เซ็กซี่ยั่วเก่งๆนี่ เข้าทางมัน คืนนั้นเลยพาไปจัดหนักเลย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังตัวตึดกันอยู่!”

“ดี!! ก็ตามแผน! เพลย์บอยอย่างพวกมึง เบื่อก็คงทิ้ง เสร็จจากอีกรายก็ไปอีกราย ผลัดกันชมไม้งาม พอโรยพวกมึงก็ตีจาก!! ยัยนั่นก็คงจะชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว อย่างที่รู้กันผู้หญิงที่ผ่านครบทุกหลักสูตร ไม่มีใครเขาเอาต่อจากพวกมึงแน่นอน สุดท้ายยัยนั่นก็ต้องเฉาตาย!!” วรุฒพูดแผนออกมาด้วยสายตาเหยียบเย็น ทำเอาชานนท์เสียวสันหลังวาบ ใครที่คิดจะเป็นศัตรูกับวรุฒ ต้องคิดทบทวนใหม่หลายรอบทีเดียว

“มันเป็นไปตามนั้นก็ดี!! ปกติอย่างไอ้บอย มันไม่เคยอยู่กับใครทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้มันต้องมีดีพอตัว ไอ้บอยมันประเภทเบื่อง่ายหน่ายเร็ว ได้กันครั้งสองครั้งมันก็เปลี่ยนคนแล้ว!! เลยไม่รู้ว่าใครจะตกหลุมใครเนี่ย!!” เต๋าผ่อนลมหายใจขณะพูด

“จะมีผลลัพท์ยังไง มันก็ดีกับกูทั้งนั้น เพราะคงไม่ทีใครกล้าไปยุ่งกับลูกนักการเมืองอย่างมันอยู่แล้ว!! ผัวเก่ายัยนั่นหากยังอาลัยอาวรณ์อยู่ ก็ได้แต่อึดอัดตายไปเอง!! ว่าแต่.....ทำยังกับว่ามึงแคร์?” วรุฒส่งเสียกลับอย่างดุดัน
“เออ! นั่นสิ กูก็ไม่ได้สนใจนี่หว่า แค่กลัวจะเสียชื่อเพลย์บอย เดอะสตาร์อย่างพวกเราก็เท่านั้น พวกเราไม่เคยเสียใจเรื่องหญิง!! ทิ้งก็หาใหม่ ง่ายยิ่งกว่าเปลี่ยนรถขับ!!” เต๋าพูดสโลแกนด้วยสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ ส่วนหางตาพอไปกระทบกับวงหน้าซีดเซียวของคนตัวบางที่ด้านหน้ารถมินิคูเปอร์ก็แยกเขี้ยวยิ้มที่สุดมุมปาก

“แต่หากเจอคนที่ใช่ กูก็อาจจะหยุดก็ได้” เต๋าพูดพร้อมมองหน้าชานนท์ที่ตอนนี้ตั้งใจแอบฟังทั้งสองฝ่ายพูดอย่างออกรส
“.....” ชานนท์ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป

“เฮ้ย!! ไอ้เต๋า มึงช่วยเอารถมึงออกไปให้พ้นทางกูก่อนสิ กูจะไปทำธุระ!!” วรุฒมองไอ้คนที่ส่งสายตาหวานเยิ้มให้ชานนท์เขม็ง
“น้องนนท์จะไปกับไอ้รุฒเหรอครับ ไปไหนกันครับ?” เต๋าไม่ได้หันไปคุยกับคนตัวสูงที่ยืนเปิดประตูรถอ้ารอไว้ แต่กลับหันไปหาคนตัวเล็กที่ด้านหน้ารถแทน

“เอ่อ.....” ชานนท์อ้ำอึ้งเพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“มันไปกับกู พวกกูจะไปไหนก็ไม่ใช่กงการอะไรของมึง! รีบไปเลื่อนรถได้แล้ว!!” วรุฒส่งเสียงกร้าวข้ามตัวรถมาตัดประโยคที่กำลังจะออกจากปากของชานนท์

“มึงนี่ก็แปลก ไหนบอกว่าแค่คนรู้จักไง ทำไมหวงจังวะ?!?”
“เมื่อก่อนน่ะ ใช่แต่ตอนนี้กูน่ะเป็น ผ.........”
“เพื่อนสนิท!!!” ชานนท์ตวาดลั่นตัดประโยคบอกเล่าของคนตัวสูง
“ตอนนี้เราสนิทกันมากขึ้นแล้ว แบบเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างที่พี่เต๋ารู้นั่นแหละ” ชานนท์เสริมหลังจากหยุดหอบหายใจพักหนึ่งจากการตะโกนเต็มเสียง

“อืม... พี่เข้าใจแล้ว... เอ่อ..... แปลว่าวันนี้ไม่ว่างแล้วใช่ไหมครับ พี่อุตส่าห์รีบมาเพื่อพาน้องไปเลี้ยงข้าวสักมื้อ พี่อยากจะขอโทษเรื่องวันก่อนน่ะครับ” ชายในเสื้อโปโลสีขาวโอโม่ยิ้มหวานจนเห็นฟันหน้าที่เรียงตัวสวยสีขาวสะอาดไม่ต่างจากเสื้อ เขาเป็นยิ้มสวยที่สุดเท่าที่ชานนท์เคยเห็นมาเลยทีเดียว
“เอ่อ..... ไม่เป็นไรหคอกครับ ผม.... ไม่ติดใจอะไร” ชานนท์ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้โดยอัตโนมัติเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดเข้าหายิ้มสวยๆ นั่น
“ไม่ได้ๆ พี่อยากชดเชยที่เสียมารยาทกับเราไป ให้พี่ได้เลี้ยงข้าวเราสักมื้อเถอะนะ” จบท้ายด้วยรอยยิ้มที่สว่างสดใสที่เป็นซิกเนเจอร์ของพี่เต๋า คัสโนว่าติดดาว
“เอ่อ......” ชานนท์รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าซีกซ้าย เหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากสายตาคนตัวสูงอีกด้านหนึ่งของตัวรถ
“พี่ไม่สบายใจเลย หากไม่ได้ทำอะไรที่ชดเชยกับน้องบ้าง พี่มาหาเราตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พี่ว่าหากไม่เจอเราพี่จะมาดักเจอทุกวันเลย จนกว่าจะนัดเราได้ รู้ไหมพี่นอนไม่หลับเลย.....” เต๋ามีลีลาการออดอ้อนได้อย่างมืออาชีพ
“มาหาผม?” ชานนท์แสดงสีหน้าแปลกใจออกไป
“ก็มีไอ้คนใจร้าย มันไม่ยอมให้เบอร์เรากับพี่ไง! พี่เลยต้องมาดักรอแบบนี้!!”

มาถึงตรงนี้ชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

“พรุ่งนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่มารับ” เต๋ายังคงพยายามตื้อต่อเนื่อง
“เอ่อ.... ครับ”

“พรุ่งนี้มึงมีซ้อมใหญ่ไม่ใช่เรอะ?” เสียงกรรโชกดังขึ้นมาจากอีกฝากของรถมินิ
“เออ! จริงด้วย!!”
“งั้นเดี๋ยวพี่มารอได้ครับน้อง เสร็จแล้วก็จะได้พาไปกินข้าวด้วยกันเลย น่าจะหิวพอดี!”
“เอ่อ.... ไม่รู้นะครับว่าจะเลิกกี่โมง” ชานนท์พยายามปฏิเสธอย่างนิ่มนวลที่สุด
“ไม่เป็นเดี๋ยวพี่มารอครับ”

“เฮ้ย!! กูรีบ!! จะคุยอะไรกันหนักหนา!!” วรุฒที่อยู่ๆก็ขยับตัวเข้ามาหาทั้งสองที่เริ่มคุยกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
“เออๆ เชี้ยอะไรของมึงเนี่ย!” เต๋าหันมาค้อนใส่เพื่อนของเขา
“พรุ่งนี้เจอกันนะ” เต๋าหันมาโบกมืออำลาชานนท์อย่างร่าเริงและเดินขึ้นรถและขับรถหายไปทันที เหลือไว้แต่เสียงของรถที่ดังผ่าอากาศจนแสบแก้วหู

...................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 14 ส่วนที่ 2) อัพ 16 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-06-2019 13:14:31
วรุตมีคู่แข่งแล้วสิเนี่ย :hao7:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 14 ส่วนที่ 2) อัพ 16 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-06-2019 21:36:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 14 ส่วนที่ 2) อัพ 16 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-06-2019 01:30:43
 :laugh:


 :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 15 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 23-06-2019 23:42:10
บทที่ 15

Behind those walls



เสียงเพลงแบบฟังสบายๆ ขับกล่อมอย่างแผ่วเบาในรถมินิคูเปอร์ที่ขับเสมือนอยู่ในสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวัน มันช่างเป็นอะไรที่ย้อนแย้ง สีหน้าที่ราบเรียบของคนขับกับการขยับพวงมาลัยไปมาจนแทบจะรู้สึกว่าล้อรถข้างใดข้างหนึ่งยกลอยพ้นพื้นถนนทุกครั้งที่หักเลี้ยว

“ทำไมนาย มนุษย์สัมพันธ์ดีขนาดนี้วะ?!” ประโยคหนึ่งหลุดออกมาหลังจากที่คนขับรถตัวสูงจนเกือบถึงเพดานรถพูดขึ้นประสานกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมจนแทบเคลิ้มหลับ

“อืม...... ก็เปล่านี่!! เราแทบไม่ได้พูดอะไรเสียด้วยซ้ำ” ชานนท์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจคำถามเสียเท่าไหร่

“จำเป็นไหมว่าต้องพูดดี ทำดีกับมันด้วย! จำไม่ได้รึไงว่ามันจะทำอะไรนาย!” วรุฒชะลอความเร็วลงนิดหน่อยเหมือนว่าใกล้ถึงที่หมายแล้ว
“แต่... เขาไม่ได้ทำนี่ แล้วเขาก็ขอโทษแล้วด้วย”
“นายนี่มัน...... เป็นคนดีเกินไปแล้ว!! นายไม่จำเป็นต้องดีกับทุกคนก็ได้นะ!!”
“แล้วจะให้เราทำแบบนายน่ะเหรอ? เราทำให้คนเกลียดไม่ค่อยเป็นซะด้วย!!”
“แปลว่า ...... เราทำให้นายเกลียดงั้นเรอะ?”
“ก็...... เคยนะ.... แต่ตอนนี้.....” พอชานนท์พูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกใจเต้นตึกตักจนแทบหายใจไม่ออก
“ตอนนี้ทำไม?” วรุฒขึ้นเสียงเล็กน้อยเพื่อเร่งขอคำตอบ
“ก็.......เกลียดน้อยลงน่ะ”  ชานนท์รู้สึกหมั่นไส้เลยตอบกลับไปแบบนี้ วรุฒแอบมีรอยยิ้มที่มุมปากเพราะคำว่าเกลียดจากปากคนตัวเล็กมันช่างไม่มีอารมณ์ร่วมเอาเสียเลย

“งั้นที่ผ่านมา.... เรา.... ขอโทษก็แล้วกัน” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและไม่ละสายตาจากถนน
“............” ชานนท์ไม่สามารถคิดหาประโยคใดมาโต้ตอบคำพูดนี้ได้เพราะไม่คิดว่าวรุฒจะตอบคำนี้ออกมา เป็นคนที่เดาอารมณ์ไม่เคยออกเลยจริงๆ
“ทำไมเงียบไป!” คนตัวสูงหันมาพูดเหมือนขอการตอบสนองของชานนท์และมองอากัปกิริยาของชานนท์
“อืม” สายตาที่มองมาอย่างลึกซึ้งทำให้ชานนท์ได้เแต่ตอบในลำคอ แต่ก็สร้างรอยยิ้มที่มุมปากอีกครั้งแก่คนขับรถได้จนแทบไม่ทันสังเกต มันเหมือนภาพลวงตาที่ปรากฎเพียงชั่วครู่ก็หายไป

หลังจากที่อยู่ในความเงียบมาพักใหญหลังจากประโยคนั่น รถของพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย

“มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?” ชานนท์เอ่ยประโยคคำถามขึ้นหลังจากร่างกายโผล่พ้นออกจากรถ
“เออน่าตามมา เดี๋ยวก็รู้!”

โครก..........

เสียงท้องของชานนท์โวยวายเนื่องจากขาดสารอาหารไปหล่อเลี้ยงตั้งแต่เข้า

“อืม.... นั่นสิ ตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นะ” วรุฒเอ่ยขึ้นหลังจากหยุดฟังเสียงโครกครากจบจบ
“.............” ชานนท์รู้สึกอายที่ร่างกายส่งเสียงคำรามต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะไอ้ขี้เก็กสุดหล่อตรงหน้า
“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนนะ!” วรุฒพูดจบก็เดินนำหน้าไปเร็วรี่ จนลืมไปว่าด้วยสมรรถนะของชานนท์ตอนนี้คงเดินตามการก้าวเท้ากว้างของคนตัวสูงไม่ทันแน่ กว่าจะรู้ตัวว่าเดินนำมาไกลโข วรุฒก็เดินห่างจากชานนท์ที่ค่อยๆเดินอย่างช้าๆ ไปหลายก้าวจนวรุฒมองเห็นชานนท์ตัวเล็กลงกว่าเดิมเสียอีก

“ช้าจริง!!” วรุฒที่หยุดยืนรอคนตัวเล็กจรเดินมาในระยะเอื้อมมือพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว
“เพราะใครล่ะ เรายังเจ็บอยู่เลยนะ”
“หึ.....” เสียงหัวเราะในลำคอของคนตัวสูงบวกกับรอยหยักที่มุมปากที่ยกสูงขึ้นเป็นรอยยิ้ม เสมือนศิลปินแสดงความพึงใจกับผลงานตัวเอง จนทำให้ชานนท์แอบสบถด่าในใจ

“มานี่” วรุฒก้าวไปคว้ามือข้างหนึ่งของชานนท์และฉุดรั้งอีกฝ่ายไปข้างหน้า ทำให้ชานนท์เดินเร็วขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย ชานนท์พยายามสะบัดและคลายมือจากอีกฝ่ายแต่ก็ทำไม่สำเร็จได้แต่ถูกลากไปเรื่อย โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงจะอายไม่น้อย ชานนท์หลังจากรู้ว่าความพยายามของเขาเปล่าประโยชน์จึงได้ก้มหน้าเดินตามฝีก้าวข้างหน้าให้ทันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้การเดินแต่ครั้งจะเจ็บแปลบที่แผลก็ตาม

แม้คนตัวสูงจะบีบจับแน่นหนาด้วยมือหยาบใหญ่แค่ไหน แต่ก็ไม่ทำให้ชานนท์รู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว มันเป็นการจับเหมือนเด็กที่กลัวของเล่นจะลื่นหลุดมือ ทุกครั้งที่เขาปล่อยแรงตามกำลังขาของคนข้างหน้า วรุฒก็จะผ่อนคลายกล้ามเนื้อมี่มือให้จับกับแบบสบายๆ แต่หากเขาพยายามจะสะบัดดิ้นให้หลุดอีกฝ่ายก็จะกำแน่นเสียจนเจ็บขึ้นมา ทุกครั้งที่ชานนท์แอบร้องเพราะกระทบกระเทือนแผล วรุฒก็จะพยายามชะลอฝีเท้าจนชานนท์รู้ดีขึ้น ต่อมาสักพักก็จะเร่งฝีเท้าขึ้นมาอีก พอชานนท์โอดร้องเขาก็จะชะลอลงอีก เป็นแบบนี้สลับไป

“กินอะไร?” วรุฒหยุดฝีเท้าลงอย่างกระทันจนชานนท์แทบจะเดินเข้าไปชนอีกฝ่าย
“อะไรก็ได้”
“..........” วรุฒมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอือมๆ “จะกินอะไร?” วรุฒถามเขาอีกครั้ง
“อืม.....” ตามสัญชาตญาณ เขาเริ่มเรียนรู้แล้วว่าอาการของคนตัวสูงต้องการให้เขาเลือก เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ว่า พอให้วรุฒเลือกแล้วชานนท์ไม่ชอบ วรุฒก็จะรู้สึกหงุดหงิดทันที
“งั้นเอาร้านนี้!” ชานนท์เรื่องร้านอาหารอิสานที่มีสีสันในร้านที่จัดจ้านและภายในร้านประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบโบราณ วรุฒมีอาการตกใจเล็กน้อยทางสีหน้าแต่ก็พยักหน้าแต่โดยดี

.....................

หลังจากที่ชานนท์รู้สึกสะใจกับการนั่งมองวรุฒเขี่ยนอาหารในจานโน่นนี่ไปมาทั้งส้มตำ ลาบหมูและสารพัดอาหารอีสานทั้งต้ม ปิ้ง ย่าง ซึ่งในแต่ละจานชานนท์สั่งมาแบบไม่เกรงใจคนที่มาด้วยเลย เขารู้ว่าวรุฒไม่ถนัดกับการกินอาหารรสจัด เขาเลยจัดเมนูรสแซ่บชนิดแค่เห็นสีแดงในจานก็รู้สึกเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเสียแล้ว

ระหว่างการกินอาหารชานนท์ตักโน่นนี่ให้วรุฒตลอด ส่วนวรุฒก็รับไว้ด้วยอาการเก้ๆกังๆ อาหารปิ้งย่างดูจะไม่เป็นปัญหา วรุฒสามารถจัดการมันพร้อมข้างเหนียวเข้าปากได้อย่างดูชำนิชำนาญ ชานนท์เผลอคิดว่าไอ้คุณชายจะไม่เคยกินของอะไรพวกนี้ แต่กลับกินได้อย่างคุ้นเคย ระหว่างเคี้ยววรุฒมีสีหน้าเหมือนยิ้มเยาะคนที่พาเขาเข้ามาที่ร้านอาการสไตล์นี้

แต่การเข้าร้านแบบนี้ก็ไม่ทำให้ชานนท์ผิดหวังไปเสียทีเดียวเมื่อเขาช้อนบรรดาอาหารจานเผ็ดให้วรุฒได้ชิมพร้อมด้วยรอยยิ้มที่น่ารักใสซื่อ วรุฒได้แต่เขี่ยอาหารพวกนั้นไปจนสีหน้าบ่งบอกถึงเรื่องกลืนไม่เจ้าคายไม่ออกขึ้นมา  แต่ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชานนท์แปลกใจเพราะเขาคิดว่าวรุฒจะต้องหงุดหงิดและปฏิเสธแน่นอน วรุฒกลับพยายามตักอาหารที่ชานนท์ตักให้เหล่านั้นเข้าปากพร้อมเคี้ยวกรุบกร๊วบด้วยสีหน้าที่ดูกึ่งพอใจกึ่งทรมาน จนช่วงท้ายของการกินข้าวมื้อนี้ทำให้ชานนท์อดสงสารคนหน้าแดงและสูดลมหายใจเข้าออกทางปากอย่างหอบถี่ตรงหน้าไม่ได้

“เผ็ดก็ไม่เห็นต้องกินทุกคำที่ตักให้ก็ได้ไหมเนี่ย? ทำไมไม่ปฏิเสธ!” ชานนท์ทักขึ้นจากการเห็นวรุฒดื่มน้ำเย็นในแก้วจนหมดในครั้งเดียว
“พอใจหรือยังล่ะ?”
“หา??”
“หายกันแล้วนะ”
“พูดอะไรของนาย”
“ก็..... เราแกล้งนายไว้เยอะ.... ก็เลยปล่อยให้นายแกล้งเราคืนบ้าง”
“ไอ้บ้าเอ้ย!! เราไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นเสียหน่อย!! เรื่องที่นายทำร้ายเราก่อนหน้านี้ เราลืมไปหมดแล้ว ไม่ได้เก็บเอาแค้นฝังใจอะไรขนาดนั้นหรอก!”
“เราก็รู้อยู่แล้ว ว่านายเป็นคนแบบนี้....แค่อยากทดสอบดูนิดหน่อย”
“ทดสอบ???”
“ไม่มีอะไรหรอก! ... ความจริงเราเห็นนายกินน่าอร่อยดี และพอนายตักให้ก็เลยลองกินดูเสียหน่อย”
“แล้วเป็นไงล่ะ?”
“ก็โคตรเผ็ดเลยไง นายกินของแบบนี้เข้าไปได้ไงเนี่ย ไม่ท้องเสียบ้างหรือไง?”
“ไม่นะ ก็กินแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่เคยท้องเสียเลย รสชาติแบบนี้สิดี มันคือรสชาติของชีวิต ดีกว่าไอ้ของแพงๆ เลี่ยนๆ มันๆ ที่นายแนะนำให้กินคืนนั้นตั้งเยอะ”
“ไอ้คืนนี้นที่ว่าเนี่ย....หมายถึง อาหารหารหรือ.... อย่างอื่น?”
“ไอ้.... ไอ้บ้า!!!” ชานนท์รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรเลยทำได้แต่เกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายไปด้วยหน้าที่ร้อนผ่าวไปหมด แม้สมองจะพยายามจะลืม แต่จิตใต้สำนึกกลับผุดภาพในคืนนั้นขึ้นมาเสียหลายฉาก ทั้งกลิ่นและรสสัมผัสมันยังรู้สึกว่ามันยังอยู่ในตัวเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า....” วรุฒหัวเราะสะใจด้วยใบหน้าที่จริงใจ ชานนท์เพิ่งเคยเห็นอีกฝ่ายผ่อนคลายขนาดนี้ เหมือนกำแพงที่วรุฒเคยตั้งไว้เสียดฟ้าค่อยๆ ทลายลงมาทีละนิดจนเขาทั้งสองดูสนิทกันมากขึ้น

................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-06-2019 00:12:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-06-2019 01:42:09
แกล้งอีกแกล้งหนักๆเลย555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-06-2019 22:37:52
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มิ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 24-06-2019 23:29:39
ชอบเขาจริงป่ะเนี่ย การกระทำดูไม่ใช่ ยิ่งคำพูดก็ยิ่งไม่ใช่ ไม่ให้เกียรติกันเลย คือยังไงเนี่ย งง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 15 ส่วนที่ 2) อัพ 1 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-07-2019 14:26:15
“พามาร้านของเล่นทำไมเนี่ย?”  ชานนท์หันไปมองหน้าคนตัวสูงที่ยืนมองความละลานตาของร้านขายของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
“เลือกให้หน่อย” วรุฒพูดสั้นๆ พร้อมด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ซื้ออะไร? ซื้อให้ใคร?” ชานนท์ถามกลับด้วยสีหน้างงๆ
“เหอะน่า!! อยากหาของเล่นสักหลายๆ ชิ้น!” วรุฒพูดจบก็เดินนำหน้าเข้าไปในร้าน
“เดี๋ยวก่อน!! ขอข้อมูลเพิ่มอีกนิด อายุประมาณเท่าไหร่?”
“อืม..... ก็เด็กๆ น่ะ ประมาณนี่แล้วก็.......ประมาณนี้” คนตัวใหญ่ใช้มือเป็นมาตรบอกความสูงเป็นการตอบคำถามคนตัวเล็ก
“อืม.... โอเค!!” ชานนท์ทำท่าทางเข้าใจแต่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

วรุฒเดินไปลากรถเข็นคันใหญ่ของร้านออกมาและชี้ให้ชานนท์เดินไปเลือกของเล่นที่ชั้นวางของที่มีขนาดความสูงท่วมหัวมากมายในร้าน ทุกครั้งที่ชานนท์เห็นของเล่นชิ้นไหนที่ดูเข้าท่า บ้างน่ารัก บ้างมีสาระ ก็จะถูกศรีษะที่มีสีหน้าเรียบเฉยของวรุฒพยักหน้าลงอย่างพึงใจ และใช้นิ้วชี้เป็นคำสั่งให้นำสิ่งของชิ้นนั้นลงรถเข็ญทันที พวกเขาทำแบบนี้จนชานนท์ไม่ได้นับแล้วว่าเขาเลือกของเล่นไปกี่ชิ้น จนกระทั้งรถเข็นกองพูนไปด้วยของเล่นนานาชนิดน้อยใหญ่จนเกือบล้น

......................……

“โอ้โห!” เสียงอุทานของชานนท์ที่มองใบเสร็จของร้านขายเล่นขณะเดินกลับไปที่รถ ส่วนคนตัวสูงที่เดินนำหน้าพร้อมเข็นรถเข็นที่มีสิ่งของบรรจุอยู่จนล้นได้แต่เหลืบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“นี่นายไม่คิดว่ามันเยอะไปเรอะ? เอาไปทำอะไรเนี่ย! ราคาขนาดนี้เรากินอยู่ได้หลายเดือนเลยนะ!” ชานนท์พูดต่ออย่างรู้สึกเสียดาย
“ก็ไม่ได้แพงอะไรขนานั้น”  ชายตัวสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชานนท์ได้แต่มองดูเลขห้าหลักในใบเสร็จและถอนหายใจ

หลังจากทั้งสองขนทุกอย่างขึ้นรถจนสิ่งของทั้งหมดเรียงตัวไปมาอย่างเป็นระเบียบด้วยฝีมือของชานนท์แต่ถึงกระนั้นก็ยังแทบไม่มีช่องว่างเลยทั้งที่เก็บของท้ายรถและเบาะนั่งทางด้านหลัง

วรุฒขับรถพาทั้งคนตัวเล็กและทั้งของเล่นที่เหมือนซื้อมาถมที่ออกมาจากห้างสรรพสินค้าและออกเดินทางไปตามถนนที่ชานนท์ไม่คุ้นเคย ลึกเข้าไปในซอยไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ถนนเส้นทางที่ขับเข้าไปเริ่มหดแคบลงเรื่อยๆ จนแทบจะวิ่งสวนกันไม่ได้ สองฝากฝั่งเต็มไปด้วยทุ่งนาและป่าหญ้าที่ขึ้นอย่างไร้ระเบียบ ในที่สุดก็ถึงเขตชุมชนขนาดกลางที่มีคนไม่พลุ่นพล่านเท่าไหร่  มีร้านค้าประปราย ทั้งที่อยู่ในย่านใกล้กับมหาวิทยาลัยชื่อดังแต่กลับเงียบเหงาผิดกับย่านด้านหลังมหาวิทยาลัยมากนัก ถนนเส้นนี้ทอดยาวไปจนถึงช่วงที่มีแต่ทุ่งนาทั้งสองฝากฝั่ง และมองไปที่สุดสายตาก็จะเจอกับวัดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่มีสภาพเก่าพอสมควร และนั่นน่าจะเป็นจุดหมายปลายทางของวรุฒ เพราะทันทีที่ภาพวัดนั้นปรากฏขึ้นในคลองสายตา วรุฒก็รำพันขึ้นมาว่า “เฮ้อ! ถึงเสียที!!”
“นายพาเรามาวัดแถวนี้ทำไม?” ชานนท์รีบตั้งคำถามเพราะแถวนี้มันเปลี่ยวและสภาพวัดนั้นก็ดูน่ากลัวเกินกว่าจะมาทำบุญ

“เออน่า!! เดี๋ยวก็รู้ นายนี่มีแต่คำถามนะ!!!” วรุฒเหมือนลำบากใจที่จะพูดจนต้องทำเกรี้ยวกราดตอบกลับไป

คนตัวเล็กพยายามเพ่งมองไปที่วัด อาราม ศาลาต่างๆ ภายในรั่วที่ความสูงกว่าพงหญ้าด้านหน้าไม่มาก เมื่อรถกำลังขับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ รั่วของวัดที่ทรุดโทรมจนแทบจะมีกำแพงไม่ล้อมรอบทำให้มองเห็นสภาพภายในได้พอให้รู้สึกถึงความน่ากลัวของสถานที่นี้ได้

‘หรือว่าหมอนี่มันเล่นของ ของเล่นพวกนี้จะมาเซ่นไหว้ กุมารทองหรืออะไรหรือเปล่าเนี่ย?’ ชานนท์คิดในใจขณะที่รถขับผ่านขนานกำแพงวัดไปเรื่อยๆ

ตัวรถขับไปตามถนนลาดยางมะตอยที่ไม่ค่อยเรียบร้อยและมีสภาพไม่ต่ำกว่าห้าปี มันแตกต่างจากเขตชุมชุนเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง ที่ซึ่งปูถนนด้วยคอนกรีตเรียบร้อย สถานที่ตรงนี้เหมือนเป็นสถานที่ตกสำรวจ รถกำลังขับเคลื่อนเขตวัดเก่าไปจนถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่มีรั่วติดกำแพงวัด สภาพดูดีกว่าไม่มากนัก มึสิ่งปลูกสร้างคล้ายโรงนอนขนาดใหญ่ของทหารอยู่หนึ่งหลังใหญ่ อีกอาคารที่ปลูกติดกันนั้นเป็นอาคารที่เปิดโลงสามฝั่งหลังคาโปร่งสูงทำให้มองเห็นสิ่งของต่างๆ ภายในที่คล้ายกับโรงอาหารคือมีโต๊ะยาวสีขาวขุ่นต่อกันหลายตัวกับเก้าอี้ยาวสีฟ้าซีดที่วางขนาบทั้งสองข้างเต็มพื้นที่

ก่อนที่วรุฒจะเลี้ยวเข้าไปในพื้นที่ปริศนาดังกล่าว สภาพรั่วที่นี่ดูพังยังเยินเสียกว่าวัดที่อยู่ข้างๆ เสียอีก โดยเฉพาะป้ายที่แสดงชื่อสถานที่แห่งนี้ก็พังชนิดเหมือนมีหินก้อนใหญ่กลิ้งเข้าไปทุบจนพังยับเยินจนไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร

รถเคลื่อนตัวเข้าไปในถนนเล็กๆ ผ่านพื้นที่โล่งด้านหน้าอาคารเหล่านั้น และจอดสนิทที่ด้านหน้าอาคารคล้ายโรงนอนขนาดใหญ่

เพียงเสี้ยววินาทีเดียวจากความเงียบเหงาที่ปรากฏก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวเข้ามาก็เปลี่ยนไป เสียงฝีเท้าและเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจก็ดังมาจากทางด้านในอาคารและเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้รถมาขึ้นเรื่อยๆ จนชานนท์ที่กำลังจะจับคันโยกที่ประตูรถเพื่อเตรียมตัวเปิดก็เปลี่ยนมาจับประตูไว้แน่นจนไม่กล้าที่จะเปิด วรุฒที่เห็นท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่ายได้แต่ยิ้มเยาะในใจและยกริมฝีปากขึ้นและหันไปทางชานนท์ด้วยความรู้สึกขบขัน วรุฒส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูและเดินออกจากรถไปทางอาคารด้านหน้า

ในที่สุดต้นกพเนิดเสียงปริศนาเหล่านั้นก็ได้รับการเฉลย ชานนท์เห็นเด็กจำนวนหนึ่งทีมีอายุคละกันทั้งชายและหญิง ต่างวิ่งกรูออกมาทางประตูบานใหญ่ที่เพิ่งเปิดกว้างออก อายุของเด็กกลุ่มนั้นน่าจะอยู่ราวๆ 5-10 ขวบ และตามมาด้วยผู้หญิงวัยกลางคนในชุดกระโปรงยาวสีเขียวเข้มที่มีสีหน้าเหนื่อยล้าแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความใจดีแผ่ออกมาจากวงหน้า

“ไม่คิดว่าคุณจะมาจริงๆ” เสียงที่แหบสากของหญิงวัยกลางคนพูดทักทายขึ้นระหว่างก้าวเดินมายังรถที่จอดอยู่ ชานนท์หันไปตามทิศทางของเสียงขณะกำลังก้าวขาลงจากรถ
“ก็สัญญาไว้แล้วนี่ครับ” วรุฒตอบด้วยเสียงสุภาพจนทำให้ชานนท์หันไปมองหน้าคนตัวสูงอย่างไม่เชื่อหูตนเอง สีหน้าและน้ำเสียงมันเหมือนคนละคน

“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอกคะ เด็กพวกนี้เจอใครเขาใจดีด้วยก็ขอให้กลับมาอีกครั้งทุกคน” หญิงวัยกลางคนยิ้มกลับมาที่วรุฒและวาดสายตาลงมาดุเหล่าเด็กๆที่ต่างเดินสำรวจทั้งคนและรถ ตอนนี้ชานนท์ถูกห้อมล้อมไปด้วยเด็กๆ ที่มีการแต่งกายแบบไม่ได้ถูกดูแลได้ดีเท่าที่ควร เสื้อผ้าทั้งซีดและมีรอยขาดเป็นบางช่วง

“อุ้ย! มีของเล่นเต็มรถเลย!!” เด็กที่ตัวสูงที่สุดประสบความสำเร็จในส่องข้าวของในตัวรถตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ส่วนเด็กที่เหลือก็มีทีท่าลิงโลด ไชโยโห่ร้อง บ้างวิ่งไปรอบๆ รถด้วยความดีใจ
“อื้อ ใช่ วันนี้พี่เอาของมาฝากด้วย”  วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนชานนท์ไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง

สิ้นเสียงวรุฒ เด็กๆ ทั้งบริเวณต่างร้องขึ้นมาอย่างดีใจอีกครั้งและต่างเรียกร้องให้ทั้งสองช่วยรีบแจกจ่ายของในรถแก่พวกตนโดยเร็ว ความดีใจของเด็กๆ เหล่านี้ทำให้ชานนท์อดที่จะทำท่าทางเอ็นดูเด็กๆเหล่านี้ไม่ได้

“หยุด!!” เสียงเข้มดุดังขึ้นจนทำให้ทั่วทั้งบริเวณหยุดนิ่งเหมือนหยุดเวลา เสียงที่ดังก็หยุดชะงักลงเหมือนการปิดเสียงลำโพง
“เข้าไปด้านในทำตัวให้เรียบร้อย แล้วจะให้พี่เขาแจก หากใครดื้อก็อด!!” เสียงเข้มดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์สงบไปพักใหญ่
เด็กทั้งหมดต่างขานรับพร้อมกันอย่างสุภาพและทยอยเดินเข้าไปในอาคารทรงใหญ่อย่างเรียบร้อยผิดจากตอนแรกที่วิ่งกรูกันออกมาอย่างไร้ระเบียบ ชานนท์ยืนมองพฤติกรรมเหล่านั้นโดยไม่ปริปากอะไร เพราะบรรยากาศมันพาไป เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นส่งผลกระทบกับเขาด้วยเช่นกัน เธอมีลักษณะเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ดุแต่มีคนรักและเคารพ

“ขอโทษด้วยนะคะ เด็กก็เป็นแบบนี้ พวกเขาตื่นเต้นกับทุกอย่างล่ะคะ” หญิงคนนั้นหันมายิ้มอย่างสุภาพกับวรุฒและชานนท์
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าก็น่ารักดี” วรุฒตอบกลับอย่างสุภาพและรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“อย่าไปชมให้พวกเขาได้ยินเชียว เดี๋ยวจะเหลิงจนคุมไม่อยู่” หญิงวัยกลางคนตอบกลับด้วยท่าทีขบขัน ส่วนวรุฒและชานนท์ได้แต่หัวเราะในลำคอตอบกลับไป

“เดี๋ยวผมขอไปขนของไปให้น้องๆ ก่อนนะครับ” วรุฒขอตัว
“อะ.. จริงสิ.... ได้จ๊ะ.....” สิ้นเสียงหญิงวัยกลางคน วรุฒก็พยักหน้าให้ชานนท์ช่วยกันขนของลงจากรถ
“ให้น้าช่วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอกครับ พวกผมไหว” คนตัวสูงตอบกลับไปขณะขนย้ายสิ่งของต่างๆในรถย้ายมาไว้ที่มือตัว ท่ามกลางสายตาไม่เห็นด้วยจากชานนท์ ที่ตอนนี้ถือของจนเต็มสองมือแล้วแต่ยังมีของเหลืออยู่ในรถอยู่อีกจำนวนหนึ่ง

ในที่สุดการขนของลงจากรถอย่างทุลักทุเลก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี ของเล่นทุกชิ้นที่ซื้อมากองอยู่บนโต๊ะใหญ่โต๊ะหนึ่งที่มุมห้อง

ลักษณะของอาคารนี้ไม่มีการแบ่งเป็นห้อง มีเป็นโถงยาว เพดานสูง และมีตู้และชั้นโทรมๆ อยู่ตามผนังทั้งสี่ด้าน และก็จัดข้าวของอย่างเป็นระเบียบดี

“น้าล่ะเกรงใจจริง ความจริงไม่ต้องขนมาเยอะขนาดนี้ก็ได้นะ เด็กๆ ก็เหลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว” หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นหลังจากเห็นจำนวนของทั้งหมดตรงหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกครับ สัญญากับน้องๆ ไว้แล้ว” วรุฒยิ้มกลับจนชานนท์รู้สึกว่าวรุฒต้องถูกผีเข้าแน่ๆ
“คราวที่แล้วก็ซื้อขนมมาฝากเสียเยอะจนต้องให้เด็กๆ แบ่งเอากลับบ้าน น้าเกรงใจจริงๆนะ ทีหลังไม่ต้องซื้อเยอะขนาดนี้นะ!” คราวนี้ชานนท์เห็นด้วยกับหญิงวัยกลางคน เพราะวรุฒเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้จักความพอดี ทุกอย่างมันต้องดูเยอะเกินไป เขาใช้เงินจนเหมือนไม่รู้จักคุณค่าของเงิน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เอง ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร” คนตัวสูงตอบกลับมาอย่างไม่รู้เลยว่าคุณน้าคนนี้กำลังสอนสั่งอยู่

“เอาล่ะ เรามาเล่นเกมส์เพื่อชิงของเล่นที่พี่ซื้อมาฝากดีกว่า” วรุฒหันไปพูดกับเด็กๆ ด้วยรอยยิ้มที่แสนใจดี เด็กๆในห้องร้องดีใจจนเสียงดังก้องสะท้อนไปทั่วห้องที่ดูโล่งกว้าง

ชานนท์เองก็อดที่จะยิ้มตามกับภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของวรุฒมันช่างเหมาะกับรอยยิ้มที่จริงใจนั่นเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่เคยเห็นภาพมุมนี้ของวรุฒ

“เดินทางมาเหนื่อยๆ ร้อนๆ แบบนี้เดี๋ยวน้าหาอะไรเย็นมาให้ดื่มดีกว่า” หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวผมไปช่วยครับ” ชานนท์รีบลุกขึ้นทันที แรกๆ หญิงวัยกลางคนก็ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ก็ทนลูกตื้อของชานนท์ไม่ไหวเลยให้เขาเดินตามไปที่อีกอาคารหนึ่งด้วย

หญิงวัยกลางคนนั้นเดินพาชานนท์ไปจนถึงด้านหลังอาคารอีกด้านหนึ่ง ลักษณะเป็นพื้นที่ปลูกยื่นออกมาจากอาคารและมักษณะคล้ายห้องครัวขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยได้ผ่านการใช้งานมามากมายนัก เตาซึ่งมีอยู่มากกว่าหนึ่งถูกใช้งานอยู่เพียงหนึ่งถึงสองเตา ตู่เก็บอุปกรณ์ทำครัว มีฝุ่นและหยากไหย่เกาะอยู่อย่างไร้การดูแล

“รกหน่อยนะ น้าดูแลคนเดียวไม่ไหว” หญิงวัยกลางคนหันมายิ้มด้วยใบหน้าที่ดูมีอายุมากกว่าเสียง
“ไม่เป็นไรครับ ครัวใหญ่ขนาดนี้ดูแลคนเดียวคงแย่” ชานนท์ตอบอย่างสุภาพ
“เอ่อ.... เราชื่ออะไรล่ะ อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับคุณรุฒใช่ไหม?” หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นขณะเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำในชั้นที่ดูสะอาดและเป็นระเบียบที่สุด
“ครับ ผมชื่อนนท์ครับ เอ่อ.......น้า.....” ชานนท์ยื่นมือเพื่อไปรับถาดและแก้วที่ลำเลียงออกมาจากตู้
“ตายจริง! น้าลืมแนะนำตัวไปเลย ห้วงแต่ดูแลเด็กๆ กลัวจะไปทำอะไรไม่เข้าท่ากับพวกคุณ น้าชื่อแก้วนะ” หญิงวัยกลางคนหันมายิ้มจนเห็นริ้วรอยมากมายรอบดวงตาที่ดูอิดโรย

“ไม่เป็นไรครับ น้าแก้ว ผมเองก็ลืมแนะนำตัว ความจริง รุฒเขาควรจะเป็นคนแนะนำน้ากับผมนะ ไม่ใช่ให้ผมยืนเป็นไอ้บื้ออยู่แบบนี้” หลังจากชานนท์บ่นอุบอิบจบ น้าแก้วก็หันมายิ้มด้วยท่าทีขำขันกับท่าทางของชานนท์

“คุณรุฒเนี่ยคนดีนะ ไม่นึกว่าคนแบบนั้นจะดูเรียบง่ายแบบนี้ เขาเข้ากับเด็กได้ทุกคนเลย” น้าแก้วกล่าวพลางรินน้ำหวานสีแดงอ่อนจากตู้เย็นลงแก้วที่ชานนท์จัดเตรียมไว้เต็มถาด น่าจะเป็นน้ำหวานชนิดเข้มข้นที่ชงผสมน้ำเตรียมไว้ในตู้เย็นอยู่แล้ว มือที่หยาบกร้านนั่นรินน้ำลงแก้วด้วยความบรรจงและใจเย็น ชานนท์มองมือนั่นจนลืมที่จะโต้ตอบน้าแก้วกลับไป มันทำให้เขาคิดถึงแม่ของเขา

“มาครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ” ชานนท์ยื่นมือออกไปคว้าขอบถาดเพื่อแสดงความช่วยเหลืออีกฝ่าย
“ขอบใจจ๊ะ น้าเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นเพื่อนกันได้ ทั้งสองคนดูเป็นเด็กดีทั้งคู่เลย” น้าแก้วยิ้มจนเห็นรอยย่นยับรอบดวงตาชัดเจน ส่วนชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป เพราะภายในใจนั่นคิดต่างจากน้าแก้วพอสมควร ‘ไอ้คนแบบนั่นมันห่างจากคำว่าดีมาไกลโขเลยครับ’ ชานนท์ได้แต่คิดในใจไม่กล้าตอบไป

“ว่าแต่..... ที่นี่คือ สถานรับเลี้ยงเด็กเหรอครับ? แล้วน้าเป็นคนดูแลคนเดียวหรือครับ?” ชานนท์สอบถามน้าแก้วขณะเดินตามน้าแก้วไปที่โรงนอนขนาดใหญ่ที่ตอนนี้มีแต่เสียงดังเจี้ยวจ้าวข้ามมาถึงอาคารฝั่งนี้ เป็นคำถามที่ค้างคาใจชานนท์มาพักใหญ่หลังจากที่ได้ใช้สายตาสำรวจสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในพื้นที่ที่แทบไม่มีการบำรุงรักษา

“จ๊ะ ที่นี่เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กในชุมชนบริเวณนี้ พ่อแม่เด็กพวกนี้เป็นพวกหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเวลาเลี้ยงเด็กพวกนี้หรอก ส่วนน้าก็เป็นคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ดูแลเด็กพวกนี้ต่อ”

“ทำไมล่ะครับ ทำไมเหลือน้าคนเดียว ดูจากสถานที่แล้ว น่าจะรองรับเด็กได้หลายคนเลยนะครับ ทำไมถึงปล่อยให้โทรมขนาดนี้?” ครั้นพอชานนท์ได้ถาม ด้วยนิสัยอย่างเขา หากเขายังไม่เข้าใจทั้งหมด เขาก็จะถามเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ

“เรื่องมันยาวน่ะจ๊ะ.....” น้าแก้วทำทีเหมือนไม่อยากจะเอ่ยถึงและพอหันมาเจอสายตาที่ดูสนใจฟังของชานนท์ก็ได้แต่ถอนหายใจและเล่าให้ฟังต่อ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 2) อัพ 1 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-07-2019 23:14:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอน้าแก้วเล่าประวัติต่อ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 2) อัพ 1 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-07-2019 06:11:59
รอจ้า~
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 2) อัพ 1 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-07-2019 15:23:14
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 15 ส่วนที่ 3) อัพ 7 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 07-07-2019 11:02:21

เดิมทีนั่นที่นี่เป็นสถานเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียนที่ได้อนิสงค์จากเจ้าอาวาสวัดที่อยู่ข้างๆเอื้อเรื่องสถานที่และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เงินทุนส่วนใหญ่ก็มาจากเงินทำบุญของญาติโยมทั้งหลายในชุมชน ทุกอยากไปได้ด้วยดีทั้งหมดจนกระทั้งเจ้าอาวาสท่านอาภาส ก็เกิดการโกงกินเงินทำบุญขึ้นกับบรรดาลูกศิษย์ของท่าน เรื่องมันแดงตอนที่เจ้าอาวาสมรณภาพไปไม่นาน ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องต่างหนีหายไปกันหมด วัดหมดความเชื่อถือ จนเกือบกลายเป็นวัดร้าง สถานที่แห่งนี้พอขาดเงินทุนหล่อเลี้ยง จึงได้มีสภาพอย่างที่เห็น น้าแก้วซึ่งเคยเป็นหัวหน้าศูนย์ดูแลที่นี่ น้าแก้วเป็นลูกศิษย์ที่ยังศรัทธาในตัวเจ้าอาวาสเลยยังคงสานต่องานของท่าน น้าแก้วมีกิจการส่วนตัว พอจะช่วยสนับสนุนที่นี่ได้บ้าง จึงยังคงทำต่อไปเรื่อยๆ เท่าที่กำลังจะทำไหว

“ทำหน้าแบบนี้มีคำถามล่ะสิ” น้าแก้วที่มองชานนท์ที่ทำหน้าเหมือนมีอะไรคาใจอยู่ ขณะที่เดินมาถึงห้องที่เหล่าเด็กกำลังเล่นเกมส์กับ ‘พี่รุฒ’ ของเขาอย่างสนุกสนาน
“อยากรู้ล่ะสิว่ารุฒ รู้จักที่นี่ได้ยังไง?” น้าแก้วพูดแทงใจชานนท์อย่างถูกต้อง อาจเพราะสายตาที่ชานนท์มองไปที่วรุฒมันฟ้องว่าเขาคิดแบบนั้น

“เรื่องมันยาวเหมือนกัน”  น้าแก้วทำท่านึก
“ขนาดนั้นเลยหรือครับ?” ชานนท์ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนี้อีกครั้ง เพราะเรื่องแรกก็นับว่าเรื่องมันยาวจริงๆ
“น้าล้อเล่นน่ะ เห็นหน้านนท์น้าก็อดที่จะแกล้งไม่ได้” น้าแก้วหัวเราะไปพลางจัดแก้วออกจากถาดแล้วค่อยๆ จับเรียงเป็นหน้ากระดาน
“น้าแก้ว!!” ชานนท์ไม่คิดว่าคนอย่างน้าแก้วก็ยังอดที่จะแกล้งเขาไม่ได้ ทำไมช่วงนี้เขาเจอแต่คนแบบนี้เนี่ย!
“น้าขอโทษ งั้นน้าเล่าให้ฟังเลยก็แล้วกัน สั้นๆ ...... นนท์เห็นป้ายที่ด้านนอกตรงกำแพงไหมจ๊ะ?”
“อ๋อ.... ที่พังๆ อันนั้นใช่ไหมครับ” ชานนท์พูดพลางชี้นิ้วออกไปข้างนอก
“ก่อนหน้าที่จะเจอคุณรุฒเนี่ย มันยังไม่พังนะ โอเคมันอาจจะเก่าจนเกือบพังแต่ก็ไม่ถึงขั้นยุบเข้าไปขนาดนั้นจนอ่านไม่ออก” น้าแก้วเล่าไปพร้อมรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก
“อ้อ.......” ชานนท์ลากเสียงออกมายาวอย่างเข้าใจ เป็นไปได้ว่าคนที่ทำมันพังน่าจะเป็นวรุฒ สันนิษฐานจากความเสียหายขนาดนั้น อาวุธที่ทำน่าจะเป็นรถยนต์ วรุฒน่าจะเมาจนขับรถมาชนจนยับ และหนีไป พอคิดมาถึงตรงนี้ชานนท์ก็นึกถึงวันที่วรุฒเปลี่ยนรถ อาจจะพังจนต้องส่งซ่อม นั้นแปลว่า....ที่มาทำดีกับที่นี่เพราะรู้สึกผิดอย่างนั้นเหรอ?!

“เอ้า! นนท์ เหม่อไปไหน คิดอะไรไปไกลเลยล่ะสิ มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ!” น้าแก้วโบกมือเพื่อเรียกสติชานนท์กลับมา
“อ่ะ... ครับ?” ชานนท์เริ่มสงสัยว่าน้าแก้วคนนี้น่าจะเป็นคนอ่านใจคนอื่นได้ หรืออาจเพราะประสบการณ์ชีวิตเยอะกันแน่ถึงได้รู้ใจเขาไปเสียหมด

“คุณรุฒน่ะมาสารภาพในวันถัดไปหลังจากเกิดเรื่อง และพร้อมที่รับผิดชอบทั้งหมด แต่วันนั้นไม่ได้มาเจอน้าคนเดียวแต่มาเจอพวกเด็กๆ ด้วย ดูท่าทางเข้ากันได้ดีตั้งแต่วันแรกๆ เลยแวะมาเยี่ยมอีกน่ะ ส่วนเรื่องรั่ว น้านัดกับช่างไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องเงินน่ะ คุณรุฒจัดการให้หมดแล้ว”
“ใช้เงินแก้ปัญเหมือนเคย!” ชานนท์ฟังน้าแก้วพูดจบก็พูดขึ้นมาลอยๆ ส่วนน้าแก้วยกมุมปากยิ้มให้ชานนท์ด้วยความเอ็นดู
“ดื่มอะไรเย็นๆก่อนไหม?” น้าแก้วยกน้ำหวานสีแดงขึ้นมาตรงหน้าชานนท์

“เย้!! น้ำแดง!!” เด็กผู้ชายตัวผอมคนหนึ่งในกลุ่มร้องขึ้นมาพร้อมชี้ทางชานนท์ ในขณะที่เขากำลังจะรับแก้วจากน้าแก้วและกล่าวขอบคุณแต่โดนเสียงตะโกนของเด็กขัดจังหวะเสียก่อน

เพียงเวลาไม่กี่วินาทีเด็กที่กำลังเล่นเกมส์ตอบคำถามกับ “พี่รุฒ’ ก็กรูกันมาจัดแถวอยู่ตรงหน้าน้าแก้วอย่างเป็นระเบียบด้วยสีหน้าตื่นเต้น ชานนท์ทึ่งกับความมีวินัยอย่างน่ารักของเด็กกลุ่มนี้ แสดงว่ามีการอบรมสั่งสอนมาดี และชานนท์ยังรู้สึกหน่วงๆ ในใจเมื่อเห็นเด็กๆเหล่านี้ดีใจกับอะไรง่ายๆ แบบนี้ ของธรรมดาๆ ในชีวิตของเขาแต่กลับเป็นสิ่งที่แสนวิเศษในสายตาของเด็กกลุ่มนี้

หลังจากเด็กๆจัดการน้ำหวานตรงหน้าก็เข้าสู่โหมดซุกซนเช่นเดิม วิ่งเข้ามาหยอกเย้ากับวรุฒเพื่อเซ้าซี้ให้แจกของเล่นให้หมดกอง โชคดีที่น้าแก้วเข้ามาหยุดความวุ่นวายไว้ และวางกฏเกณฑ์ว่า หลังจากแจกกันจนครบให้เก็บที่เหลือไว้บ้างเผื่อโอกาสอื่นๆ ของเล่นชิ้นใหญ่ๆ ควรเก็บไว้เป็นส่วนกลาง

ช่วงเวลาต่อจากนั้นก็เป็นช่วงของการเห่อของใหม่ บรรดาเด็กๆ ต่างแกะของเล่นที่ออกจากหีบห่อ เพราะเนื่องด้วยไม่รู้จุดประสงค์ในตอนแรก ทำให้ชานนท์ซื้อของเล่นแบบคละแบบคละวัย ทำให้เด็กที่ได้ของเล่นมาหลายคนมีปัญหากับการเข้าใจในการละเล่น และด้วยความเนิร์ดของชานนท์ ทำให้ของเล่นที่ได้มามีแต่ของที่ใช้พัฒนาทักษะทั้งสิ้น ไม่มีพวกหุ่นยนต์ ตุ๊กตา หรือของไร้สาระทั้งหลาย ดังนั้นเด็กทุกคนจึงต้องวิ่งไปหาวรุฒเพื่อสอบถามวิธีการเล่น จนกลายเป็นความวุ่นวายขึ้นอีกรอบ

ชานนท์เห็นความโกลาหลและการจัดการเด็กๆ ที่ไม่ได้เรื่องของวรุฒจึงต้องออกตัวไปช่วยดูแลเด็กๆ จนเข้าที่เข้าท่า
‘ไอ้ทีกับคนรุ่นเดียว ทำไมเกรี้ยวกราด แต่กับเด็กๆ นี่อ่อนยวบแบบนี้ว่ะ’ ชานนท์คิดและต่อว่าวรุฒทางสายตาจนวรุฒรู้สึกได้ และวรุฒกลับยิ้มกลับมาอย่างสดใส ทำให้ชานนท์รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอย่างประหลาด

..................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 16 ส่วนที่ 1) อัพ 7 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 07-07-2019 11:11:37

บทที่ 16

The Mess


“อย่าไปบอกใครนะ!!”

เสียงกำชับหนักแน่นหลังจากที่ทั้งสองขับรถกลับหอพัก
“อะไรนะ?” ชานนท์ไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่แรกเนื่องจากกำลังอยู่ในโหมดหมดแรง
“เรื่องนี้........ เก็บไว้แค่เราสองคนได้ไหม?” วรุฒพูดเสียงติดขัดจนชานนท์เกือบจะฟังไม่เข้าใจ
“อืม! ได้สิ” ชานนท์ตอบรับกลับไปทั้งที่ไม่เข้าใจว่าทำไม เรื่องดีๆแบบนี้ทำไมถึงต้องปิดด้วย หลังจากนั้นวรุฒก็ยิ้มให้ชานนท์ และก็ไม่ปริปากใดๆ เลยจนกระทั้งถึงหอพัก

“อืม....... รถคันเก่าไปไหนแล้วล่ะ” ชานนท์สะกดความสงสัยไม่ได้อีกต่อไปหลังจากเดินลงจากรถมินิคูเปอร์คันงาม
“ก็... อืม... ส่งซ่อม..... เลยเอารถสำรองมาใช้ ถามทำไมวะ”
“ไม่มีอะไรแค่สงสัย”
“นี่แสดงว่า รู้เรื่องจากน้าแก้วหมดแล้วสิเนี่ย?”
“อืม...ก็.... นิดหน่อย” ชานนท์พยักหน้าอย่างกลัวๆ
“มันเป็นอุบัติเหตุ!”
“แต่มันก็อันตราย ไม่ใช่เหรอ แปลว่าที่นายขับรถตอนเมาหรือเปล่า?”
“เป็นห่วง?” วรุฒยกมุมปากเล็กน้อยเหมือนจะยิ้มให้เห็นในระยะเวลาสั้นๆ ก็ทำสีหน้าราบเรียบตามเดิม
“เพื่อนกัน มันก็ต้องห่วงกันธรรมดานี่หว่า” ชานนท์ตอบกลับแต่ไม่มองหน้าคู่สนทนาและเดินนำหน้าไปที่อาคารหอพัก ชานนท์ก็ไม่เข้าใจว่าเขาถึงทำปฏิกิริยาแบบนี้ออกไป

“เพื่อน?” วรุฒเน้นคำขึ้นมาเหมือนเป็นการตั้งคำถามอีกฝ่าย แต่ชานนท์ก็เดินนำไปไกลแล้ว ความจริงแล้วชานนท์ก็ได้ยินที่วรุฒพูดคำสุดท้ายอย่างถนัดถนี่แต่ร่างกายมันก็ตอบโต้โดยการนิ่งเฉยและเดินหน้าต่อไป เขาเกิดอาการโหวงเหวงในช่วงท้องแบบอธิบายไม่ถูก

“เอ้า!! ไอ้น้อง!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นในขณะที่ชานนท์กำลังเหม่อลอย เขามองไปทางต้นเสียงก็เห็นพี่เอกกำลังเดินออกจากอาคารหอพักและมาทางเขา

“พี่เอก! สวัสดีครับ” ชานนท์ทักทายตอบทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนหาตัวยากเหมือนกันนะเนี่ย?” พี่เอกเดินมาในระยะประชิดและส่งยิ้มหวานให้เหมือนเคย หน้าตาที่ดูน่ารักของพี่เอกนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดมากๆ หากเป็นพวกบรรดาแฟนคลับของพี่เอกมาเจอแบบนี้คงล้มลงไปกองด้วยความดีใจ
“ช่วงนี้..... ผมมีธุระนิดหน่อยครับ” ชานนท์พยายามหาคำแก้ตัวที่ดูเข้าท่า จนมือไม้ทำท่าทางไม่ถูก
“ชุดมาแล้วนะ!”
“ชุด?” ชานนท์ทำหน้าตาสงสัยตอบกลับไป
“อ้าว!! พี่ก็ส่งข้อความไปทางไลน์แล้วไง!!”
“อ้อ เรื่องชุดที่จะใส่ในงานการแสดงสดคัดตัวดาวเดือนคณะฯ”
“ใช่ไง อย่าบอกว่าลืมมาหาพี่ด้วยวันนี้ พี่ได้ชุดมาแล้วไง แสดงว่าไม่อ่านไลน์พี่เลย?  นี่ถ้าไม่ป่วยอยู่นะจะเขกกะบาลแยกตอนนี้เลย!!” พี่เอกกำมือหลวมยกขึ้นสูงเหนือศรีษะคนตัวเล็กตรงหน้า
“ขอโทษครับ...” ชานนท์ขออภัยคนตรงหน้าด้วยท่าทีสลด
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ พี่ล้อเล่น เราซ้อมมาก็เยอะแล้ว พี่มั่นใจว่าเราทำได้น่า!!” พี่เอกพูดจบก็เดินมาโอบไหล่และใช้มือข้างที่โอบตบไหล่ชานนท์เบาๆ
“.... ครับ..... เย้....” ชานนท์ตอบด้วยท่าทีไม่มั่นใจและน้ำเสียงที่ไม่เต็มร้อย

“พอได้หรือยัง?” เสียงดุเข้มดังขึ้นจากทางด้านหลังจนทำให้ทั้งสองคนที่กำลังโอบไหล่กันด้วยความสนิทสนมหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน

“มาแล้ว!! ไอ้คนหวงเพื่อน!! พาน้องกูไปไหนทั้งวันวะ!! กูนึกว่ามึงไม่คบกับใครเสียอีก!!” พี่เอกน้ำเสียงขุ่นเคืองจากการถูกขัดจังหวะ

“จะพาไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่หรือเปล่าวะ!” วรุฒเดินเข้าใกล้มากขึ้นจนเห็นดวงตาที่ฉายอารมณ์ไม่พอใจจนเหมือนจะยิงเลเซอร์ออกจากดวงตาทั้งสองข้างได้

“เออ! จริงสิ ยัยวิ มาหานายด้วยวันนี้ ป่านนี้คงรออยู่หน้าห้อง”  พี่เอกตัดบท
“เพื่อ?” วรุฒถามกลับเสียงขุ่น
“คงเอาเสื้อผ้าในวันงานมาให้ลองมั้ง?”
“แค่เนี่ย! เอาวางไว้หน้าห้องก็ได้ ไม่เห็นต้องรอ!”
“เรื่องนี้เอ็งไปถามเธอเองก็แล้วกัน นั่นไง!! มาโน่นแล้ว!!” จบประโยคพี่เอกก็ชี้ไปทางอาคารหอพัก

“รุฒ!!!!!” เสียงแหลมสูงสไตล์พี่วิดังขึ้นก่อนที่วรุฒจะหันสายตาไปปะทะกับร่างระหงโอดองค์ เอวคอดในชุดรัดรูป ทั้งเลคกิ้งสีดำสายดอกไม้สีชมพู และเสื้อสไตล์สปอร์ตบรา

ท่ามกลางสายตาที่งงงวยของทั้งวรุฒและชานนท์ที่อึ้งกับการปรากฏตัวด้วยท่าทีเช่นเดิมของผู้หญิงที่พวกเขาวางแผนที่จะกำจัดไปจากชีวิต กลับกำลังวิ่งเข้ามาหาเขาด้วย แผนที่วางไว้อย่างดีกลับให้เขามีเวลาพักหายใจอยู่เพียงไม่กี่วัน! ทั้งสองถึงกลับมีส่งสายตาให้กันอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพลพรรคเพลย์บอยของวรุฒ คนกลุ่มนั้นยังไม่สามารถสยบความแรงของผู้หญิงคนนี้ได้!!?!
“รุฒจ้า..... ชุดมาแล้วนะ ไป! เราไปลองชุดกัน” พี่วิยิ้มสวยในการแต่งหน้าสไตล์นู้ด
“ส่งมา เดี๋ยวไปลองเอง ใส่ได้หรือไม่ได้เดี๋ยวบอก!” น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับไปเช่นเดิม
“แหม... ไม่ได้หรอก ใส่ไม่ได้ก็ต้องรีบเปลี่ยนเลย ในฐานะสปอนเซอร์ เป็นผู้รับผิดชอบในการฟิตติ้ง เนี่ยเสื้อผ้านะก็ดันมาช้า ทำให้ไม่มีเวลาพอจะไปแก้ไขเลย วันนี้เลยต้องรีบส่งเรื่องไปแก้ทันที หากใส่ไม่พอดี! เนี่ย นะนะนะ...” พี่วิบ่นยาวตามประสาลูกคุณหนูเอาแต่ใจ และจบประโยคด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเข่นเดิม

“เฮ้อ...........” วรุฒถอนหายในด้วยความรำคาญ พร้อมกับตอนนี้มือไม้ของพี่วิต่างพยายามเกาะแกะที่แขนของเขาและพยายามใช้แรงลากจูงเขาออกจากจุดนั้น
“เออๆ รีบไปเลย!! ให้เวลานิดเดียวพอนะ?!”
วรุฒแอบมองสายตาของชานนท์ที่กำลังจับจ้องการกระทำระหว่างเขากับพี่วิ จนเขารู้สึกรำคาญผู้ที่ก่ายเกาะเขาอยู่จนตอบตกลงไปเพื่อตัดรำคาญ

“แน่นอนอยู่แล้ว พี่น่ะ นัดกับบอยไว้ที่ยิมมหา’ลัย จะไปออกกำลังกายด้วยกัน ใช้เวลากับเธอไม่นานหรอก” หลังจากที่ได้ฟังพี่วิพูดจบวรุฒแอบโล่งใจจนเผลอผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ และพอเหลือบไปมองชานนท์เองก็ทำแบบเดียวกัน
“งั้นเปลี่ยนตรงห้องรับรองแขกนี่แหละ!!” วรุฒเดินนำและพูดแบบขอไปที
“เธอจะบ้าเหรอ! ต้องถอดชุดที่ใส่ออกก่อนนะ ชุดมัน...ใส่ยาก! จะมาเปลี่ยนตรงนั้นได้ไง! ไปเปลี่ยนห้องเธอสิ!!” พี่วิร้องเสียงหลง
“........” วรุฒแอบถอนใจก่อนจะพยักหน้าตกลง เขาหันหลังกลับ และส่งสายตาไปที่ชานนท์ที่กำลังถูกรุ่นพี่เอกเขิญไปลองชุดที่ห้องของตัวเองเช่นกัน

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 3) อัพ 7 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-07-2019 11:42:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยพี่วิ  จะมาไม้ไหน?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 3) อัพ 7 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-07-2019 11:56:38
สลัดยากเย็นจังวะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 15 ส่วนที่ 3) อัพ 7 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-07-2019 18:57:05
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 16 ส่วนที่ 2) อัพ 16 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-07-2019 21:04:07


ชานนท์ถูกพี่เอกพาตัวมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของเขาเอง เนื่องจากไม่อยากไปวุ่นวายกับพี่วิและคนของเธอที่ห้องชั้น 5 ห้องของวรุฒและชานนท์ จึงขอลากตัวชานนท์มาลองชุดที่ห้องตัวเองตามที่เขาเองก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

ส่วนชานนท์เองที่พยายามหลีกเลี่ยงพี่วิอยู่แล้วจึงจำใจต้องตามมา ทั้งที่ความเป็นจริงก็แอบห่วงวรุฒอยู่เหมือนกัน อาจเพราะเรื่องที่พี่วิพูดเกี่ยว’บอย’ ที่ยังดูตัวติดกันอยู่ในช่วงนี้ ชานนท์จึงพอเบาใจได้บ้าง  สุดท้ายเขาเองก็งงกับตัวเองว่าจะห่วงวรุฒทำไม ในเมื่อไอ้คุณชายนั่นน่าจะหาทางออกได้อยู่แล้ว

“เอ่อ......” ชานนท์มองดูเครื่องแบบสำหรับใช้ในงานแสดงสดของคณะฯ ด้วยความรู้สึกอึ้งกึ่งเสียใจ เพราะชุดที่ได้จากพี่เอกมานั้น มันช่างดูฉูดฉาด บางช่วงบางใสจนแทบไม่ปกปิด บางช่วงเข้ารูปจนดูรูปทรงเล็กเกินกว่าจะยัดร่างกายเข้าไปได้

“เออ! พี่เข้าใจ พี่เองก็เพิ่งเคยเห็นแบบนี่แหละ ไอ้คนออกแบบก็โคตรภูมิใจ แต่พี่ว่า.....มันแม่งไม่มีรสนิยมเลย!!” พี่เอกเดินมาจับเนื้อผ้าพร้อมบ่นเสียงดัง

“แต่ก็เปลี่ยนแบบไม่ทันแล้วใช่ไหมครับ มันน่าอายจะตายไป ไอ้สีส้มตัดแดงแบบนี้ ไหนจะเนื้อผ้าแบบนี้นี้อีก” ชานนท์พลิกชุดนั้นไปมาให้พี่เอกได้เห็นมันแบบ 360 องศา
“ไม่นะ พี่ว่า.. เหมือนชุดพวกซูเปอร์ฮีโร่อะไรงี้!!” พี่เอกส่ายหน้าอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางแหยงๆ ของชานนท์
“เฮ้อ... งั้น.... ผมขอตัวไปเปลี่ยนในห้องน้ำก่อนนะครับ”  ชานนท์พาดชุดที่ได้รับมาที่ท้องแขนและหันหลังไปทางทิศของห้องน้ำ
“เฮ้ย! เปลี่ยนตรงนี้ก็ได้!”
“........” ชานนท์ทำหน้าแปลกใจ
“คือ.... พี่เพิ่งล้างน้ำน่ะ พื้นน่าจะยังเปียกอยู่ พี่ไม่อยากให้ชุดเปียกน่ะ” พี่เอกพยายามรีบพูดโน้วน้าวรั้งชานนท์ให้อยู่ไกลจากห้องน้ำ
“เอ่อ..... คือ.....” ความกังวลเข้ามาจู่โจมชานนท์ เพราะเขาไม่รู้ว่าร่องรอยจากการกระทำของวรุฒยังเหลืออยู่มากน้อยมากแค่ไหน เขาคิดคำแก้ตัวไม่ออกจริงๆ หากพี่เอกเจอรอยพวกนั้นเข้า
“ผู้ชายด้วยกัน จะกลัวอะไร พี่ไม่ปล้ำเราหรอกน่า!” 
ชานนท์ไม่สามารถไว้ใจใครได้อีกแล้ว หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผู้ชายนี่แหละน่ากลัว! แต่สุดท้ายเขาก็อยากให้ทุกอย่างมันจบโดยเร็ว ความกังวลที่ก่อเกิดจากที่ใดไม่ทราบเขาดันคิดเรื่องที่วรุฒและพี่วิอยู่ด้วยกันในสภาพเสื้อผ้าน้อยชิ้นแบบนี้ขึ้นมาในหัว ไม่รู้ว่าทำให้ไฟราคะมันติดขึ้นมาอีกหรือเปล่า

ชานนท์ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกโดยไว ท่อนบนผ่านไปได้โดยดี แต่ท่อนล่างนั้นกลับมีปัญหา ขาของเขาดันไปติดอยู่ที่ขากางเกงทรงเดฟที่ใส่มาจนทำให้การทรงตัวของเขาเสียไป ร่างกายค่อยๆ เอนเอียงเป็นภาพสโลโมชั่น ล้มลงทีละช้าๆ ในขณะที่ชานนท์กำลังเตรียมใจรับแรงปะทะ ก็มีมืออ้อมใหญ่วงหนึ่งปราดเข้ารับร่างของเขาไว้ก่อนที่จะกระทบถึงพื้นห้อง ทำให้ชานนท์รอดพ้นจากการบาดเจ็บอีกครั้ง (ช่วงนี้รู้สึกมีแต่เรื่องเจ็บตัว เขาจะตายก่อนเรียนจบไหมเนี่ย!)

“เนี่ยนะ! ทำไมต้องรีบร้อน เกือบเจ็บตัวแล้วไหมล่ะ?” คนที่วิ่งมารับตัวเขาไว้พูดอย่างห่วงใย ใบหน้าใสสว่างออร่าของคนพูดอยู่ห่างจากใบหน้าชานนท์เพียงคืบ ชานนท์รู้สึกถึงลมหายใจอันอบอุ่นตกกระทบใบหน้า

“ขอโทษครับ” ชานนท์ตอบกลับด้วยใบหน้าสลด
“โอ๋ๆ พี่ไม่ได้ดุเรานะ พี่เป็นห่วง” พี่เอกยกมืออีกข้างขึ้นมาขยี้หัวชานนท์เบาๆ จนทำให้ชานนท์หลับตาหยี

“อืม..... เรานี่ก็....ซนใช้ได้นะ” พี่เอกพูดพลางลำรวจร่างกายที่เกือบเปลือยเปล่าของชานนท์

ชานนท์หลังจากได้ยินคำพูดนี้ถึงกับรีบสำราจร่างกายตัวเอง และพยายามใช้มือปกปิดส่วนพกช้ำที่เห็นได้ชัด แต่มันก็มีมากมายเกินกว่าชานนท์จะปิดหมด ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ

“เอ่อ...... ผมขอลุกขึ้นยืนได้ไหมครับ?” ชานนท์พูดตัดบทเพราะเขารู้สึกถึงไอร้อนจากร่างกายพี่เอกที่สูงขึ้นได้ ด้วยท่าทางที่เป็นอยู่แบบนี้ทำให้เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดกับอีกฝ่ายมากขึ้น
“โอเค... จริงสิ พี่ขอโทษนะ” พี่เอกตอบด้วยท่าทางประหม่า พูดจบพี่เอกก็ประคองชานนท์ยืนเหยียดตรง แต่ตัวพี่เอกเองกลับนั่งขดลงไปกับพื้น
“อ้าว! พี่นั่งลงทำไมล่ะครับ” ชานนท์ถามขึ้นขณะพยายามถอดกางเกงยีนส์เข้ารูปออกจากขา ทำให้เขาตอนนี้เหลือเพียงกางเกงในตัวบางตัวเดียว

“เอ่อ.... พี่.... ลงไปรับน้องเมื้อกี้ทำให้เคล็ดขานิดหน่อย ขอพี่นั่งอีกสักพักนะ” พี่เอกทำท่าทางอึกอักและพยายามชันขาขึ้นมาและบีบนวดตรงช่วงต้นขา ความจริงแล้วเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้บางอย่างในตัวตื่นขึ้นจนเขาไม่สามารถควบคุมได้ เขากลัวว่าหากลุกขึ้นมาจะทำให้มองเห็นชัดเลยตัดสินใจนั่งลงไปจนกว่าทุกอย่างจะสงบลงไปเช่นเดิม

“พี่ครับ ผมขอโทษนะครับ เจ็บมากไหมครับ?” ชานนท์คุกเข่าลงข้างๆ พร้อมใช้มือช่วยบีบนวดช่วงต้นขา ชานนท์ไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนจะทำให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลง ชานนท์ได้ไปกระตุ้นเจ้าเอกน้อยที่กำลังสงบให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับ คือ.... พี่นั่งสักพักก็หาย น้องไปลองชุดเถอะ” พี่เอกป่ายปัดมือของอีกฝ่ายให้หยุดสัมผัสตัวเอง

“โอ....โอเคครับ..” ชานนท์ทำหน้างงๆและลุกเดินไปหยิบชุดที่วางบนเตียงขึ้นมาสวมใส่ ระหว่างที่พี่เอกกำลังทำสมาธิก็แอบสำรวจร่องรอยพกช้ำบนร่างกายของรุ่นน้องตัวเองมากขึ้น จนกระทั้งไปพบรอยหนึ่งบริเวณหลังหู เป็นรอยที่ทำให้เขารู้สึกวูบวาบในช่องอกอย่างอธิบายไม่ถูก รอยแบบนั้นเขารู้จักดีว่ามันเป็นรอยจากอะไร ความซุ่มซ่ามของรุ่นน้องของเขา ไม่น่าจะไปเกิดรอยอะไรบริเวณนั้น ทำให้เขาคิดไปถึงคำพูดและกิริยาของเพื่อนร่วมห้องของรุ่นน้องเขาหลายอย่าง ทฤษฎีต่างๆ มากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขาจนเขาจมดิ่งไปในห้วงความคิดของตนเอง

“พี่เอกๆ โอเคไหมครับ?” เสียงของชานนท์วิ่งมาปะทะโสตประสาทเข้า ดึงเขาออกจากห้วงความคิด
“เอ่อ......” รุ่นพี่รีบใช้สายตาสำรวจรุ่นน้องตรงหน้าที่แต่งตัวด้วยดีไซน์สุดแปลก แต่ก็ยอมรับว่ามันช่วยขับความต้องการทางเพศแก่ผู้ที่พบเห็นได้พอควร หรือนี่คือเป้าของคนอออกแบบ!

“ว่าไงครับ? มันไม่รัดไปใช่ไหมครับ?” ชานนท์ หมุนซ้ายขวาอย่างลวกๆ ทำให้เห็นส่วนนูนส่วนเว้าได้ทุกส่วน ส่วนที่ควรเปิดก็รัดแน่นนูน ส่วนที่ควรปิดก็แง้มเปิดเล็กน้อย มันเป็นชุดที่ทำให้คิดไปไกลได้มากจริงๆ ชุดแบบนี้จะผ่านการอนุมัติจากสภาคณาจารย์ไหมเนี่ย? เขาคิดไปพร้อมใช้สายตาชื่นชมความน่ารักของคนตรงหน้า

“ก็..... ดีครับ” พี่เอกพูดจบก็ลุกขึ้นมาสำรวจอย่างใกล้ชิดพร้อมใช้มือลูบไล้เนื้อผ้าเบาๆ
“เอ่อ... พี่ครับ อย่าลูบเยอะเลยครับมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้!” ชานท์ขยับถอยห่างไปครึ่งก้าว
“ฮ่า! บ้าจี้เหรอเรา?” รุ่นพี่ได้ทีขยับเข้าไปหยอกใกล้ขึ้นโดยการใช้นิ้วจี้เข้าไปที่จุดต่างๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ชานนท์ร้องบอกให้หยุดจนตัวงอพลางขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ

ฝ่ายรุ่นพี่เห็นแบบนั้นยิ่งได้ใจ ก้าวเข้าไปหยอกล้อแบบเดิมต่อพร้อมหัวเราะอย่างสนุกสนานจนลืมไปว่าห้องที่พวกเขาอยู่กันมันไม่ได้กว้างขวางเท่าใดนัก ชานนท์ถอยจนเท้าไปปะทะกับขอบเตียงและล้มลงไปขดงออยู่ที่เตียงของรุ่นพี่อย่างหมดแรง รุ่นพี่ไม่รอช้าโถมตัวเองลงไปแกล้งรุ่นน้องตัวเล็กต่ออย่างไม่ปราณี

โป๊ก!!!!!

เสียงศรีษะปะทะกับหัวเตียงเสียงดังลั่น พร้อมเสียงร้องโอดโอยของรุ่นน้องที่นอนขดกุมศรีษะตนเองอยู่บนเตียงอันยับยู่

“เฮ้ย! พี่ขอโทษ!! เป็นอะไรไหม?” พี่เอกรี่ก้มลงดูศรีษะอีกฝ่ายโดยทันที
“ไม่... ไม่เป็นไรครับ” ชานนท์ไปพลางใช้มือลูบหลังศรีษะไปด้วย
“ไหน? ดูหน่อยซิ?” พี่เอกเกาะกุมมือของรุ่นน้องทางด้านล่างออกมาและใช้มือของตนเองแหวกเส้นผมของรุ่นน้องไปมาเพื่อตรวจหาบาดแผล
“เป็นไงบ้างครับ?” ชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงสู้ไม่ดี
“แค่แดงๆ น่ะ ไม่มีแผล หัวแข็งใช้ได้นะเอ็งเนี่ย!” พี่เอกใช้มือลูบไล้บริเวณพื้นผิวที่เปลี่ยนเป็นสีเรื่อๆ สีแดงอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งใช้ลมจากริมฝีปากเป่าลงไปที่พื้นผิวเหล่านั้นเป็นจังหวะเบาๆ ด้วยสภาพตอนนี้ทำให้ศรีษะชานนท์อยู่ใกล้แผงอกของพี่เอกแค่ไม่กี่เซ็นติเมตร เสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่ปลดกระดุมออกไปสองเม็ดทางด้านบน เผยให้เห็นแผงอกที่แน่นและลีนสวย เนินตุ่มสีชมพูกลางแผงอกนั่นเด่นชัดจนต่อสายตาชานนท์ต้องเลี่ยงไม่มองไปตรงๆ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงที่น่าดึงดูดโชยมาเข้าจมูก ไม่รู้ทำไมชานนท์ชอบกลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้มากๆ

“นนท์....” พี่เอกพูดเสียงแผ่ว
“อ่ะ ...... ครับ!” ชานนท์สะดุ้งตอบรับในขณะที่กำลังเพลินเพลินกับการนวดศรีษะและกลิ่นตัวของพี่เอก
“คิดยังไง...... หาก....... มีผู้ชายมาชอบ.....?” พี่เอกค่อยๆ พูดออกมาทีละคำ เหมือนแค่ละคำเปรียบดั่งของที่หนักอึ่งที่จะส่งออกมาจากปากอย่างยากลำบาก
“เอ่อ....... ทำไมพี่ถามแบบนี้?” ชานนท์รู้สึกตกใจและใจเต้นสั่น ลำตัวแข็งเกร็ง
“เออน่ะ! ตอบเหอะ!” พี่เอกเน้นคำ ชานนท์รู้สึกถึงไอร้อนแผ่ออกมาจากพี่เอกได้
“ก็......” ชานนท์เหมือนมีบางอย่างติดอยู่ที่ลำคอ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถอธิบายได้เช่น คำถามนี้ทำให้เขานึกถึงหน้าเพื่อนร่วมห้องของเขาขึ้นมาทันที ความสับสนจู่โจมเข้ามาจนเขาจมอยู่ในความคิดของตนเองจนลืมสถานการณ์ ณ ตอนนี้ไปเสียสนิท
“พี่มีเรื่อง.... อยากจะบอกเรา” พี่เอกเลื่อนหน้าตัวเองลงมาพอดีกับหน้าของชานนท์ ทำให้ใบหน้าทั้งอยู่ในองศาที่ตาประสานตาอย่างจงใจ ชานนท์ตกใจหลุดออกจากความคิดในหัวของตนเองทันที

“ครับ..... พี่เอก...” ชานนท์ตอบเสียงสั่นและพยายามเลื่อนตัวออกจากองศาของพี่เอก แต่พี่เอกนั้นไวกว่าชานนท์มาก เขาใช้มือกระชับไหล่ชานนท์ไว้ ไม่ให้ขยับจากไป และใช้สายตาดุจเหยี่ยวจ้องมองเหยื่อตรงหน้า

“พี่ชอบนนท์นะ” พี่เอกพูดออกมาอย่างนุ่มนวลและแฝงรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่ใบหน้า พี่เอกโน้มศรีษะตัวเองอย่างช้าๆ เพื่อพยายามกดริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้นลงไปบนเป้าหมายทางด้านล่าง

“แต่ผมไม่ได้ชอบพี่แบบนั้น!!” ชานนท์โพล่งพูดออกมาและเบี่ยงหน้าหลบ ทำให้ริมฝีปากที่กดลงมานั้นปะทะไปที่ซอกคอแทนริมฝีปาก
“พี่รู้ว่ามันทำใจยาก แต่ให้โอกาสพี่นะ” พี่เอกพูดขึ้นในขณะที่ริมฝีปากยังคงแนบชิดอยู่กับผิวหนังที่ซอกคอรุ่นน้อง ลมหายใจที่อุ่นชื้นราดรดลงมาอย่างต่อเนื่อง มือทั้งสองข้างของชานนท์ถูกกรุ่นพี่ประกบไว้แน่นหนา

“ไม่เอาครับ อย่างทำแบบนี้!” ชานนท์ร้องโอดครวญ พยายามดิ้นรนให้พ้นจากอีกฝ่าย แต่ก็สู้กำลังอีกฝ่ายที่ตัวสูงกว่าไม่ได้
“จะบอกว่า ไม่ยอมพี่แต่ดันไปยอมให้ไอ้ลูกเศรษฐีนั่นใช่ไหม? ไอ้เด็กมีปัญหานั่นมันดีกว่าพี่ตรงไหน?” พี่เอกยกหน้าขึ้นโวยวายใส่คนตัวเล็กที่นอนขนานอยู่ทางด้านล่าง

“พี่.....พี่รู้....” ชานนท์ตอบเสียงสั่น
“พี่ไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ! พี่จะพิสูจน์ว่าพี่ก็มีดีไม่แพ้มัน!!” พี่เอกพรมริมฝีปากตัวเองไปทั่งหน้าและซอกคอของรุ่นน้องจนไอร้อนจากตัวรุ่นพี่ถูกราดรดไปทั่วบริเวณ รุ่นน้องได้แต่ดิ้นรนโวยวายพยายามหลบหลีกจากอีกฝ่ายแต่ก็ไร้ประโยชน์ ชานนท์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาถึงรู้สึกไม่อินกับพี่เอกเลย เขารู้สึกอยากจะหนัไปให้พ้นจากตรงนี้ให้ได้ เขาทั้งโกรธและอายที่พี่เอกทำกับเขาแบบนี้

“พี่ครับ ผมขอร้อง!!” คำไม่กี่คำสั้นๆที่หลุดออกมาจากปากชานนท์ทั้งน้ำตาจนทำให้พี่เอกหยุดการกระทำทุกอย่างลงทันที รุ่นพี่ผละออกจากรุ่นน้องที่นอนตัวสั่นอยู่ทางด้านล่าง

“พี่ขอโทษว่ะ......” เสียงตอบของพี่เอกที่ลุกขึ้นมานั่งทิ้งขาลงข้างเตียงอย่างแผ่วเบา

“...........” ชานนท์รีบลุกขึ้นมานั่งชันเข่าหลังพิงหัวเตียง เขามองรุ่นพี่ที่เขาเคารพด้วยสายตาผิดหวัง
“อย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นสิวะ พี่ขอโทษ.... แต่พี่ก็คนนะโว้ย พี่ก็มีความต้องการ พี่ไม่อยากเสียงเอ็งให้กับไอ้ลูกเศรษฐีบ้าอำนาจนั่น!” พี่เอกมองสายตาของชานนท์วาบหนึ่งก่อนที่จะหลบสายตามองออกไปนอกหน้าต่างและพร่ำบรรยายความรู้สึกของตัวด้วยน้ำเสียงเกือบกระซิบ

“นนท์!  บอกพี่มาว่านนท์โดยมันขืนใจ หรือยอมมันเพราะชอบมันเข้าแล้ว!!” พี่เอกลุกพรวดขึ้นมาและใช้แขนวางบนหัวเตียงเพื่อล้อมร่างของคนตัวเล็กไว้อย่างรวดเร็วพร้อมพูดกับชานนท์ด้วยสายตาคาดคั้นคำตอบ

ส่วนชานนท์นั้นพอได้ยินคำถามแบบนั้นก็ได้แต่นิ่งและนึกทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขามันจะเรียกว่าขืนใจก็ได้ สมยอมก็ได้ แต่ไอ้เรื่องชอบไอ้บ้าอำนาจนั่น เขาเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่? เขาได้นิ่งและจ้องมองแววตาจริงจังที่ส่งมาจากคนที่สูงกว่า

ปึง!!!!

เสียงประตูเปิดกระชากออกอย่างไม่เต็มใจ พร้อมปรากฏเงามืดดำขนาดใหญ่ที่เกิดจากแสงทางด้านนอกก้าวเข้ามาในห้อง บรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนไป รู้สึกอุณหภูมิสูงขึ้นทันที ไม่รู้ว่าเกิดจากคนที่ก้าวเข้ามาในห้องอย่างอุจอาจหรือบรรยากาศลมร้อนจากภายนอกพัดเข้ามาก็ไม่อาจทราบได้ ชานนท์ทราบแต่คนที่เข้ามานั้นมีแววตาที่คมกริบดุร้าย เขากวาดสายตามาทางทิศทางที่เขาสองคนอยู่อย่างมุ่งร้าย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 2) อัพ 16 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-07-2019 23:08:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 2) อัพ 16 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-07-2019 04:25:17
อิวรุฒแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 16 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 22-07-2019 11:05:54
“ทำอะไรกัน!!??” เสียงที่แสนกราดเกรี้ยวพูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในพื้นที่ห้อง ประตูที่คาดว่าจะพังไม่มีชิ้นดีต่างดีดตัวแกว่างไปมาอย่างไร้น้ำหนักทางด้านหลัง

“กูก็แค่ช่วยน้องกูดูแลเสื้อผ้า” พี่เอกหันไปพูดและเปลี่ยนอริยาบทเป็นยืนขึ้นเหมือนพร้อมรับพายุที่กำลังก่อตัวอยู่ทางด้านหน้า

“...........” ชายร่างสูงใหญ่ผู้เปิดตัวเข้ามาอย่างรุนแรง มองไปที่คนตัวเล็กบนเตียงนอนอย่างสำรวจถี่ถ้วน โดยไม่ปริปากตอบกลับไป แต่ได้ยินเสียดบดของฟันดังออกมาอย่างชัดเจน

“ที่บ้านมึงไม่ได้สอนหรือไงให้เคาะประตูขออนุญาติก่อนเข้าห้องมาดีๆ!” พี่เอกก้าวไปด้านข้างเพื่อบดบังสายตาของวรุฒที่มองทางชานนท์อย่างน่ากลัว

“ที่บ้านมึงไม่ได้สอนหรือไงว่า อย่าไปพยายามอยากได้อะไร หากเขาไม่เต็มใจ!!” วรุฒสวนกลับตาเขียวเข้ม
“คำพูดนี่ กูน่าจะเป็นคนพูดนะ มึงฝืนใจคนอื่นเขาจนกลัวไปหมด แบบนี้คือคนดีๆ เขาทำกันหรือไง!!”
“เฮอะ!! กูฝืนใจใคร? ฝืนใจมันก็ได้แค่ครั้งสองครั้ง แต่นี่กูกับนนท์นี่นับครั้งไม่ถ้วน อย่างนี้ไม่เรียกว่าเต็มใจจะเรียกว่าอะไร!!”
“..........” คราวนี้เป็นพี่เอกที่ไร้คำพูดใดๆ โต้กลับ เขาหันกลับไปมองหน้าชานนท์ที่มองมาทางพวกเขาทั้งสองคนอย่างกลั้นโทสะ

“พูดอะไรกันวะ!!” คนที่อยู่ในชุดปลุกอารมณ์ดีไซน์ประหลาดตะโกนสุดเสียง เขารู้สึกอายกับสถานการณ์ที่เขาถูกเปรียบเสมือนสิ่งของที่ถูกเด็กเอาแต่ใจแย่งชิงกัน เขารู้สึกอายที่ถูกพูดเรื่องน่าอับอายแบบนี้ต่อหน้า หลังจากจบประโยค เขาลุกขึ้นและวิ่งออกจากเตียงอย่างสุดฝีเท้าทั้งที่ยังสวมใส่ชุดนั้นอยู่

“เดี๋ยว!” พี่เอกคว้าแขนชานนท์ได้ทันก่อนที่ชานนท์จะแล่นผ่านตัวไป

“ปล่อยผม!!” ชานนท์สะบัดแขนสุดแรง และเขาก็ทำสำเร็จ เขาวิ่งผ่านพี่เอกทันทีในขณะที่พี่เอกก็ร้องเรียกชานนท์อย่างรู้สึกเสียใจ เขาวิ่งผ่านเพื่อนร่วมห้องของเขา ชานนท์มองวรุฒด้วยหางตาอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้วรุฒรู้สึกเจ็บแปลบที่อกอย่างรุนแรง วรุฒปล่อยให้ชานนท์วิ่งผ่านหน้าไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีชานนท์ก็วิ่งพ้นประตูไปแล้ว

“มึงไม่ต้องตามมา!! จำไว้ว่าอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก!!” วรุฒชี้หน้าพี่เอกอย่างมาดร้ายและวิ่งตามคนตัวเล็กไปทันที
ส่วนพี่เอกได้แต่โวยวายลั่นห้องด้วยความโมโห

ชานนท์วิ่งออกมาอย่างสุดกำลัง เพียงแต่ร่างกายวันนี้ยังไม่พร้อมกับการออกแรงมากมายขนาดนี้และแล้วเท้าของเขามาหยุดที่ห้องของเขาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ในครั้งแรกที่ออกฝีเท้าเขาไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหน รู้แต่ต้องวิ่งออกไปให้ไกลจากจุดนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกมันพาไป แต่สุดท้ายเท้าของก็ดันมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องตัวเอง เขายืนมองประตูห้องตัวเองอย่างโมโห

‘ที่ทางก็ตั้งเยอะ แล้วทำไมเรามาหยุดอยู่ตรงนี้วะ?’ เขาบ่นกับตัวเองในใจพร้อมหอบหายใจถี่รัว

“เฮ้อ!! นึกว่าจะวิ่งไปไหนไกลเสียอีก!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล ชายร่างสูงใหญ่เดินกึ่งวิ่งเดินเข้ามาหาชานนท์พร้อมเสียงลมหายใจเข้าออกหอบใหญ่

 ชานนท์ไม่ได้มองและตอบกลับวรุฒที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกโกรธและสับสนของเขายังคงวนเวียนอยู่ในความคิดจนแสดงออกมาทางสีหน้า

“โกรธหรือไง! ที่กูเข้าไปขัดจังหวะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของพวกมึง!!” วรุฒพูดขึ้นอย่างดุดัน
“.........” ชานนท์ไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไงกับคำถามกับวรุฒ เขาแค่รู้สึกว่าไม่อยากแม้แต่มองคู่สนทนาคนนี้
“เป็นเชี้ยอะไร ไม่พูดไม่จา อยากเอากับมันมากก็ลงไปเลยกูไม่ห้ามแล้ว!!” คนตัวสูงพูดใส่หูคนตัวเล็กอย่างจงใจ

ผั๊วะ!!

เสียงหมัดเล็กๆ ของชานนท์แหวกอากาศไปปะทะกับแก้มของวรุฒเสียงดังด้วยแรงทั้งหมดที่มีด้วยความโกรธ

“เราไม่ใช่คนใจง่ายแบบนั้น!! ไม่รู้ทำไม เวลาที่พี่เอกจะทำแบบนั้นถึงได้มีหน้านายลอยมาในความคิด ทำไมถึงถึงรู้สึกรังเกียจที่พี่เอกทำแบบนี้กับเราก็ไม่รู้ แต่พอกับนาย โธ่! เว้ย กับนายทำไมเราถึงยอม!! กับนาย!! ไอ้คนเลวอย่างนาย!!” ชานนท์ร้องโวยวายทั้งที่ดวงตาร้อนผ่าวแดงฉาน เขาเหวี่ยงมือรัวที่ไปร่างของอีกฝ่ายอย่างสะเปะสะปะ แต่กลับโดนเป้าหมายทุกหมัดทุกมีอ เพราะวรุฒนั้นยอมรับหมัดเหล่านั้นทั้งหมด หลังจากที่ได้ยินคนตัวเล็กบรรยายความรู้สึกที่อัดอั้นออกมา

“เราโคตรเกลียดนายเลยว่ะ!!”  คำพูดสุดท้ายถูกเปล่งออกมาพร้อมกับการเหวี่ยงหมัดเต็มแรงไปที่อกด้านซ้ายของอีกฝ่าย
“นายเกลียดเราจริงๆ เหรอ ทำไมหมัดมือที่นายทุบตีเรามันช่างเบาขนาดนี้วะ?  แล้วนายจะทุบตีคนที่เกลียดด้วยน้ำตาทำไมล่ะ?” วรุฒเสียงดูอ่อนโยนพร้อมจับข้อมือทั้งสองข้างของชานนท์ชูขึ้น

“ปล่อย!!” ชานนท์ฟึดฟัดขัดขืน
“ดูสิ มือแดงช้ำไปหมดแล้ว ทุบตีหัวใจตัวเอง ยิ่งจะทำให้ตัวเองเจ็บนะ” วรุฒมองลงมาที่ตาที่ช้ำแดงของชานนท์
“ใจอะไรว่ะ โคตรเชยเลย ปล่อยได้แล้วเจ็บ!!” ชานนท์หน้าแดงดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอีกฝ่าย ส่วนวรุฒได้แต่หัวเราและคลายมือของอีกฝ่ายทันที  ชานนท์ถือโอกาสหลบหน้าหันหลังและมองสภาพตัวเองในชุดแปลกประหลาดแบบนี้ พอเริ่มสติก็เริ่มอายกับสิ่งที่ตัวเองทำ และสิ่งที่ใส่อยู่ขึ้นมา

“แอบชอบเราอยู่เหมือนกันใช่ไหม?” วรุฒโอบกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง
“เราไม่ได้ชอบผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายอย่างนาย!!” ชานนท์พยายามขัดขึ้นอีกครั้ง
“แน่ใจนะ?” วรุฒถามขึ้น
“.........” ชานนท์คิดวนเวียนในหัวจนแทบระเบิดกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้
“เราถามว่า.... แน่ใจแล้วใช่ไหมที่ตอบแบบนี้ออกมา!!?” วรุฒก้าวเข้าใกล้จนแนบชิดแผ่นหลังอีกฝ่ายจนไม่มีอากาศแทรกผ่านได้
“.............” ยิ่งคนตัวใหญ่เข้าใกล้ ไออุ่นและกลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งออกมาบางเบายิ่งทำให้ความคิดในใจของชานนท์ตอนนี้ปั่นป่วนจนหาคำตอบไม่ได้
“ถามด้วยเสียงอาจจะยังไม่เข้าใจ งั้นต่อไปจะถามด้วยการกระทำแล้วนะ!!” วรุฒกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่าย
“โอ้ยยยยย.... ไม่เข้าใจโว้ยยยยย ไม่เข้าใจตัวเองเลยโว้ยยยยยย” ชานนท์ตะโกนลั่นอย่างอึดอัดใจ ในขณะที่เขาจะเบี่ยงตัวเพื่อต้องการจะหลบหนีจากอีกฝ่าย ชานนท์ก็ถูกวรุฒจับตัวไว้แน่นและดึงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย

ส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกลับเหมือนเป็นเพียงเด็กห้าขวบที่ลอยเข้าในอ้อมกอดผู้ใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ชานนท์จะปล่อยเสียงอุทานออกไป วรุฒก็กดริมฝีปากไปที่ริมฝีปากเข้าอย่างเหมาะเจาะ ลีลาเล้าโลม เกลี้ยกล่อมโดยใช้ปลายลิ้นฉวัดเฉวียนไปมารอบช่องปาก ทำให้ชานนท์รู้สึกอ่อนละทวยจนแทบยืนไม่อยู่ เขาพยายามขัดขืนโดยการดีดดิ้นไปมาภายในอ้อมแขนที่ล่ำสันของคนตัวสูงแต่ก็ไม่เป็นผล

“ลองถามใจตัวเองดูนะว่า.... ใช่ไหม?” วรุฒถอนปากออกมาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงถี่หอบ ก่อนที่จะบดริมฝีปากลงไปอีกครั้งหนึ่ง ชานนท์ยังไม่ทันได้ตอบโต้ไปก็ถูกจู่โจมให้โอนอ่อนอีกครั้ง น้ำเสียงที่วรุฒถามยังคงก้องอยู่ในหัว ภายใต้ลีลาจังหวะรักของวรุฒ ทั้งการโลมลันจูบอย่างดูดดื่ม ทั้งมือไม้ที่ลูบไล้ไปทั่วต้นคอและลำตัว มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร่างกายของเขาก็ต้องการ แต่เขาแค่อยากรู้ว่าสิ่งนี้มันใช่ความรักความชอบพอหรือไม่ เขาจึงตัดสินลืมตาและจ้องพินิจรูปหน้าของคนที่กำลังบดริมฝีปากและใช้ลิ้นพยายามล่วงล้ำพื้นที่ภายในของเขา วงหน้าที่เนียนใสที่ตอนนี้เรื่อไปด้วยสีแดงเหมือนผลมะเขือเทศสด วงคิ้วและเส้นผมที่ได้รูปดูดี ทำให้เขารู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จังหวะที่ร่างกายของชายร่างสูงทางด้านบนบดเบียดเข้ามาให้พวกเขาได้แลกไออุ่น ทำให้ความรู้สึกเหมือนมีอะไรสั่นกระพือภายในอกอย่างบอกไม่ถูก ใช่ว่าเขาไม่เคยกอดกับผู้ชายเลย แต่การกอดกันฉันท์เพื่อน ฉันท์พี่น้องมันไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ หรือนี่คือความรักจริงๆ!! พอคิดได้แบบนี้ เขาก็ปล่อยให้ตัวเองล่อยลอยไปกับจังหวะรักที่วรุฒเป็นผู้นำในการบรรเลงอย่างว่าง่าย

และเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของรุ่นพี่ที่คิดจะมาคืนเสื้อผ้าและสัมภาระของชานนท์มาคืนให้ เขาถือของในมือด้วยอาการสั่นระรัว เขาตัดสินใจหลบฉากและซ่อนตรงทางขึ้นลงบันไดด้วยอาการเจ็บจี๊ดที่หน้าอกข้างซ้าย

........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-07-2019 17:37:02
พี่เอกนี่เป็นได้แค่มดแดงแฝงพวงมะม่วง555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-07-2019 21:54:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-07-2019 10:13:32
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 4) อัพ 5 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 05-08-2019 13:20:16
ชานนท์ถูกวางลงบนเตียงอย่างอ่อนนุ่มและตามติดด้วยชายร่างสูงที่โถมตัวลงมาซ้อนทับร่างของเขาอย่างบรรจงเหมาะเจาะ ระหว่างที่ชานนท์กำลังถูกเล้าโลมอย่างเต็มรูปแบบ เขากลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมาว่าชายร่างสูงตรงหน้ามีความสามารถขนาดไหน ในการปลดล็อคประตูและพาเขามาถึงเตียงได้พร้อมกับการโลมรัดพัวพันรัญจวนชานนท์ไปได้พร้อมกัน

ความคิดที่เผลอไผลเพียงชั่วไม่กี่พริบตา เสื้อผ้าของเขาทั้งหมดก็อันตธานหายไปกองอยู่ที่ข้างเตียงโดยที่เขาทำได้เพียงเล่นไปตามจังหวะที่ริมฝีปากและลิ้นของอีกฝ่ายป่ายปัด พรมจูบประสานโลมเลียจุดสำคัญของเขาไปทั่วทั้งร่าง

“ถอดให้หน่อย....” ชายร่างสูงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงอาการหอบเล็กน้อย แก้มที่แดงเรื่ออ่อนนั้น มันเย้ายวนใจชานนท์อย่างไม่สามารถบรรยายออกเป็นคำพูดใดๆ ได้

ชานนท์พยักหน้าและปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย เขาใช้มือจับที่ชายเสื้อและดึงขึ้นมาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสัดส่วนที่สวยงามของชายหนุ่มที่แข็งแรงสมชาย กล้ามได้รูปบริเวณช่องท้องขึ้นไปจนถึงเนินอกนูนต่ำที่กำยำ ผิวที่ขาวเนียน หลังจากดึงเสื้อไปจนพ้นศรีษะของวรุฒ ชายร่างสูงก็สบัดจัดทรงผมให้เข้ารูปจนคนตัวเล็กทางด้านล่างอดที่จะอิจฉาความได้รูปของคนตรงหน้าที่ไม่ว่าจะมีผมทรงอะไรก็ดูดีไปเสียหมด

“ตานายบ้าง” วรุฒดึงชานนท์เข้าไปกอดแนบชิด ใบหน้าของชานนท์แนบชิดไปกับเนินอกที่เนียนแน่นของอีกฝ่าย ปากของเขาไปต่อติดกับตุ่มสีชมพูอ่อนกลางอกพอดีอย่างตั้งใจ กลิ่นน้ำหอมเย็นแบบดอกไม้และสมุนไพรเมืองหนาวโชยอ่อนมา ทำให้ชานนท์รู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาด หลังวรุฒพูดจบชานนท์ก็ใช้ลิ้นที่ชุ่มอุ่นชิมรสชาติของตุ่มเนื้อสีชมพูตรงหน้า เขาใช้เวลากับตรงนั้นอย่างเพลิดเพลินจนเปียกชุ่มไปทั้งบริเวณ วรุฒมีเสียงครือครางในลำคออย่างต่อเนื่อง

“ดี!! ต่อไป” พูดจบวรุฒก็กดศรีษะคนตรงหน้าให้ถอยร่นลงต่ำจนไปถึงขอบกางเกง กลิ่นสาปอ่อนๆ ลอยออกมากระทบจมูก  ชานนท์ที่กำลังโดนกดให้ริมฝีปากอยู่เสมอขอบกางเกงทำได้แค่เพียงดอมดมสิ่งเหล่านั้นจนความคิดในหัวปั่นป่วนไปหมด สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดและหลงไหลนั่นคับแน่นอยู่เบื้องล่าง สิ่งนั่นมันเหมือนจะขยับได้ มันเหมือนสัตว์ร้ายที่โดนขังไง้และกำลังอาละวาดอยู่

“ถอดออก!!” คำสั่งต่อไปถูกกำหนดขึ้น ชานนท์จึงใช้มือทั้งสองข้างปลดอาภรณ์ที่สวมทับท่อนล่างของชายตรงหน้าอย่างรีบร้อน เผยให้เห็นของสงวนขิงวรุฒที่ตอนนี้คึกคักแข็งขันสีสวยชูเด่นอยู่ตรงหน้า ชายร่างสูงจัดการจับศรีษะของคนตัวเล็กให้สิ่งที่ชูชันอยู่นั้นตรงกับช่องปากพอดี และใช้แรงดันให้สิ่งนั้นนั้นรุกล้ำเจ้าไปในช่องปากอีกฝ่ายอย่างร้อนแรง วรุฒกระทำท่านี้อยู่จนกระทั้งชานนท์ถอนตัวหนี ขยับออกมาหายใจหอบถี่เพราะการทำแบบนี้เขาแทบไม่มีช่องให้หายใจ

วรุฒไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนง่าย เขาโถมตัวลงไปจัดการให้ร่างเล็กตรงหน้านอนแผ่หงายและยกขาทั้งสองขึ้น

“รุฒ..... เรา.... ยังเจ็บ... อยู่เลย...” ชานนท์พูดกระท่อนกระแท่นออกมาอย่างเหนียมอาย และมีอาการหอบเหนื่อย

วรุฒยิ้มตอบอย่างเอ็นดูคนที่นอนแผ่อยู่ทางด้านล่าง เขาปรับท่าทางของชานนท์ให้ผ่อนคลาย และร่นศรีษะตัวเองลงมาพรมจูบที่หน้าอกอันบอบบาง ผิวที่ขาวใสภายใต้ร่มผ้าที่ผ่านการดูแลอย่างดี ถูกโลมลันไปด้วยลิ้นที่บรรจงมอบความสุขให้แก่อักฝ่ายจนตัวยกขึ้นจากที่นอนเล็กน้อย

วรุฒไม่หยุดตัวเองแค่ช่วงอกแต่ยังคงไล่ลิ้นวนลงมาเรื่อยๆ จนไปถึงท้องน้อย ผ่านพงหญ้าบอบบางไปจนถึงท่อนยุทธศาสตร์ที่กลางลำตัว เขาใช้ริมฝีกปากสัมผัสส่วนนั่นอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ชานนท์ถึงกับร้องออกมาด้วยความรู้สึกดีอย่างลืมตัว ชายร่างสูงใช้ศรีษะค่อมท่อนล่างคนร่างเล็กอย่างทะนุถนอม และใช้ทุกเทคนิคที่ตัวเองมีถ่ายทอดไปที่ชายตัวเล็กบอบบางที่เขาพึงใจอย่างสุดกำลัง ชานนท์ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ที่เขาหลงไหลกับการบริการของอีกฝ่ายอย่างลุ่มหลง ในที่สุดเขาก็บรรลุปลายทางแห่งความสุข ส่งของขวัญแห่งความปรารถไปในปากของวรุฒอย่างหมดจรด กล้ามเนื้อแเกร็งของเขาชักอยู่เล็กน้อยก่อนจะนอนสงบราบไปกับพื้นที่นอนของวรุฒ ชายร่างใหญ่เห็นท่าทีแบบนั้นก็เร่งรีบลัดขึ้นมาจุมพิตกับชานนท์อย่างหื่นกระหาย ก่อนจะใช้มือของคนตัวเล็กทางด้านล่างสำเร็จตัวเองจนซากของความปรารถนาไหลรดเต็มร่างของชานนท์

............................

เสียงจิ๊บจิ๊บ ของบรรดาสัตว์ปีกตัวเล็กนอกห้องนอนส่งเสียงแทรกผ่านกำแพงหนาและหน้ากระจกที่ปิดสนิทเข้ามาที่ห้องชั้นบนสุดห้องมุมสุดท้ายของปีกตะวันออก

ชานนท์ลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงรบกวนดังกล่าวภายใต้อ้อมแขนของชายกึ่งเปลือยบนเตียงที่ไม่ใช่ของเขา แรกเริ่มจากการลืมตาตื่นเขาเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจที่ตื่นขึ้นในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย อยู่แนบชิดกับชายหนุ่มสุดฮอตของมหาวิทยาลัยในสภาพที่แทบไม่ปกปิดสิ่งใดต่อกัน หลังจากได้เพ่งพิศไปที่ใบหน้าที่คมกริบ หลับตานอนสงบอยู่เคียงข้างเขา พลันรู้สึกถึงความอบอุ่นเกิดขึ้นภายในช่วงอก ทำให้เขาผ่อนคลายและเรียกสติกลับมาได้หมด วงหน้าที่หมดจดนี้ หากเป็นเมื่อก่อนแรกเริ่มที่เจอกัน มันเป็นใบหน้าที่เขาแทบไม่อยากจะมอง ความรู้สึกในแง่ลบมันจะก่อเกิดขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้ชานนท์กลับหันไปเพ่งมองอย่างเพลินตา ยิ่งเห็นในระยะใกล้แบบนี้ยิ่งทำให้เห็นว่าชายร่างสูงที่นอนแนบชิดเขาอยู่นั้นบุญหนักขนาดไหน วงหน้าสันกรามที่ชัดสวยได้รูป จมูกที่ทรงสวยแต่กำเนิด รูปตาดูดีส่วนขนตานั้นหนางอนกำลังดี คิ้วดกโค้งสวยรับกับดวงตา และผิวพรรณที่เนียนใสละเอียดอย่างกับเด็ก เป็นคนที่มองกี่ทีก็ไม่เบื่อจนชานนท์เผลอยิ้มออกมาหลังจากมองไปได้สักพัก

พั่บ!!

เสียงฝ่ามือแหวกอากาศมาคว้าตัวชานนท์ให้เข้าไปแนบชิดกว่าเดิม

“มัวแต่จ้องมองอยู่นั่นแหละ! ไม่ทำอะไรเสียที” ชายที่หลับตาพริ้มพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้บ้า!! ไม่ได้คิดจะทำอะไรเสียหน่อย!!” ชานนท์ดิ้นขัดขืนภายใต้อ้อมกอดที่หนาแน่น
“จูบ ดูด เลีย อะไรก็ทำได้ เราโอเค”
“ไอ้ทะลึ่ง!! แค่มองเฉยๆ”
“แต่ก็ยอมรับสิ ว่าจ้องเราอยู่” วรุฒยิ่งเพิ่มแรงบีบรัดมากกว่าเดิมจนชานนท์หมดโอกาสดิ้นรน
“ปล่อย และก็ตื่นได้แล้ว สายมากแล้ว!!” ชานนท์ได้โอกาสเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่หัวเตียงพอดี
“ไม่เอา ขอกอดแฟนก่อน”วรุฒพูดจบก็เอาหน้าซุกไซ้ไปที่ซอกคออีกฝ่าย
“อะ....อะไรนะ?”
“ขอกอดไง!” วรุฒพูดทั้งๆที่ปากยังแนบชิดกับผิวที่ลำคอ
“ไม่ใช่!!” ชานนท์รู้สึกใบหน้าค้อนผ่าว
“ขอกอด ‘แฟน’ ไง!” คราวนี้วรุฒพลิกตัวขึ้นมาพูดย้ำเน้นที่คำตรงกลาง
“ใครแฟนนาย?” ชานนท์เริ่มดีดดิ้นอีกครั้ง
“นายไง!!”
“ใครไปตกลงกับนายกัน!!”
“เราอยู่ด้วยกันขนาดนี้แล้ว ยังไม่ใช่แฟนอีกเรอะ!!?”
“............” ชานนท์นิ่งไปเพราะคิดไม่ถึงว่าจะเจอคำพูดคำนี้หลุดออกจากพ่อปลาไหลคนนี้
“มากอดหน่อย” วรุฒใช้ฟันขบไปที่ต้นคอของอีกฝ่ายเบาๆ อย่างตั้งใจ
“โอ้ย!! ไม่เอาโว้ย..... ใครเขารับเป็นแฟนนายกัน” ชานนท์ดิ้นรนเพื่อหนีจากอ้อมกอดอีกฝ่ายและริมฝีปากที่ชอนไช
“ไม่ยอมรับใช่ไหม? งั้นมานี่เลย!!” วรุฒจับแขนคนตัวเล็กทางด้านล่างแผ่ออกและกดให้ติดกับพื้นที่นอน กระโดดขึ้นคล่อมอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันที่กดริมฝีปากไปที่คนทางด้านล่าง และจุมพิตไปที่ริมฝีปากคนข้างล่างอย่างดูดดื่ม จากอาการขัดขืนก็แปรเปลี่ยนไปเป็นโอนอ่อนและเริ่มใช้ลิ้นรับกับจังหวะจู่โจมของอีกฝ่ายอย่างรู้งาน วรุฒถอนปากออกและเริ่มไล่ลิ้นเลียลงมาเรื่อยๆ จนถึงเนินอกและตุ่มเต่งสีชมพูอ่อน และใช้วิชาที่เรียนรู้มาทั้งชีวิตจัดการกับมันจนชานนท์ร้องเสียงหลง

“โอย.... ยะ...อย่า... พอแล้ว.... พอ.... เดี๋ยว.... สาย.... ไม่เอาแล้ว!!” ชานนท์ร้องขออย่างสุดแรงฝืน
“ยอมรับแล้วใช่ไหม?”
“ยอม.....รับ......อะ......ไร?”
“เป็นแฟนกัน!!”
“โอเคๆ”
“นายเนี่ยนะ ชอบให้ใช้พลังเสียจริง” เสียงสั่นของวรุฒบรรจงพูดลงข้างหู จบท้ายด้วยการพรมจูบทั้งซอกคอ
“พอเถอะ เรา...... ขอร้อง เดี๋ยว....ไปเรียนสาย” ชานนท์อดทนต่อแรงปรารถนาที่ลุ่มลึกในจิตใจตอบขัดขืนออกไป
“แค่ไปเรียน ไม่ต่องรีบร้อนก็ได้...... นายน่ารักขนาดนี้ ......จะให้เราทนรอถึงเย็นได้ยังไง? ขอสักยกก่อนนะ” วรุฒไล่ตัวเองลงต่ำเรื่อยจนถึงสะดือของอีกฝ่ายจนชานนท์เผลอครางในลำคอ
“ไม่.... ไม่ได้!! ไปอาบน้ำได้แล้ว” ชานนท์ฝืนใจพูดขึ้นอีกครั้ง
“เฮ่อ!! นายเนี่ยนะ ห่วงเรียนจริงเชียว แต่.....” ชานนท์รู้สึกว่าสายตาคนตัวสูงสว่างอยู่วาบหนึ่ง

“ช่วยพูดคำวิเศษให้ฟังหน่อย ได้ยินแล้วจะหยุด!!”
“อะไร?”
“เราเป็นอะไรกับนาย?”
“เอ่อ......ไอ้บ้า! ก็.....ยอมรับแล้วไงจะเอาอะไรอีก!!” ชานนท์พูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงปลั่ง
“พูดมา!! อยากให้นายยอมรับด้วยปากตัวเอง!” พูดจบวรุฒก็พ่นลมหายใจจากปากเบาๆ ไออุ่นไหลลู่ผ่านช่วงท้องไปจนถึงท้องน้อยที่ถูกมือใหญ่ดึงขอบกางเกงชุดนอนร่นลงไปเล็กน้อย อีกมือหนึ่งก็ใช้นิ้วที่เรียวยาวไล่รอยช่วงท้องที่ผอมบางของอีกฝ่ายอย่างปราณีต ชานนท์อดกลั้นกับการส่งเสียงครางออกมาอย่างขีดสุด มือของชานนท์พยายามดันร่างของวรุฒอย่างไม่ลดละแต่ไม่เป็นผล
“เออๆ เรา..... เราเป็น.... แฟนกัน!!” ชานนท์กลั้นใจโพล่งพูดออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า..... ดีมากที่รักของเรา จำไว้นายเป็นของเราคนเดียว!!” วรุฒดีดตัวขึ้นมาจูบที่แก้มของชานนท์อย่างที่ชานนท์ไม่ทันตั้งตัว และอุ้มชานนท์ลอยจากที่นอน
“เฮ้ย!! ทำอะไร?”
“จะพาไปอาบน้ำไง!!”
วรุฒยิ้มอย่างมีชัย

..........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 4) อัพ 5 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 05-08-2019 13:22:30
ขออภัยอย่างสูง
ช่วงนี้งานยุ่งจนไม่สามารถมาอัพได้
จะหาทางชดเชยให้นะครับ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 4) อัพ 5 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-08-2019 23:29:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 4) อัพ 5 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-08-2019 00:51:17
ขยันหวานมากคู่นี้555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 16 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 13-08-2019 08:21:35

คาบเรียนแรกในช่วงเช้า สร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งห้องพอสมควรเมื่อเห็นพ่อยอดเทพบุตรสุดเท่อย่างวรุฒนั่งเรียนหนังสืออยู่ที่แถวเกือบหน้าสุด เพราะปกติเขามักจะนั่งอยู่ที่ท้ายห้องอยู่เป็นประจำ โดยแสดงออกในการสนใจการเรียนอย่างน้อยที่สุด ส่วนใหญ่เขาจะนั่งก้มหน้าเล่นสมาร์ตโฟนของเขา หรือไม่ก็นั่งหลับไปเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นการสอบย่อยแบบใด วรุฒก็มักจะติดอันดับคนทำคะแนนสามอันดับแรกเสมอ ผิดกับชานนท์ที่เขาตั้งใจเรียนทุกคาบทุกวิชาอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถเอาชนะวรุฒได้เลยสักวิชาเดียว

เขาไม่เพียงสร้างความประหลาดใจแก่เพื่อนร่วมเอกแล้ว ยังสร้างความประหลาดใจอย่างมากกับอาจารย์ผู้สอนเช่นกัน  เพราะอาจารย์ถึงกับหันมามองด้วยความประหลาดใจหลายครั้งกับตำแหน่งที่นั่ง .....แต่ความตั้งใจเรียนนั้นยังเท่าเดิม เพราะแทบจะไม่สนใจสิ่งที่อาจารย์กำลังสอนเลย เพราะเขามัวแต่แอบมองชานนท์เป็นระยะ ว่าชานนท์ทำอะไรบ้าง คอยแอบบอกโน่นนี่เวลาชานนท์จดแลคเชอร์ผิด จนชานนท์เริ่มมีอาการรำคาญ

“นี่!! พอเสียทีเหอะ!!” ชานนท์แอบกระซิบดุใส่คนที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“พออะไร?” วรุฒซุบซิบกลับ
“เลิกทำตัวผิดปกติเสียที”
“ผิดปกติยังไง?”
“ก็นายมานั่งหน้า แล้วยังมาคอยแกล้งกันอีก!!”
“แกล้งอะไรยังไงวะ?”
“ก็กวนประสาทกันแบบนี้ไง!”

“อะแฮ่ม!!” เสียงกระแอมดังขึ้นในระยประชิด อาจารย์ที่สอนอยู่หน้าชั้นอยู่ๆก็มาปรากฎตัวอยู่ที่ด้านหน้าทั้งสองคน ทำให้ชานนท์ตัวแข็งทื่อและค่อยๆ หันไปมองทางต้นเสียงอย่างหวาดกลัว
“ถ้าไม่ตั้งใจเรียนก็ออกไป!!” อาจารย์ที่สวมแว่นตาหนาจนทำให้ดวงตาของเขาเล็กลงจนดูขบขันเอ่ยขึ้นเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ชานนท์ชอบมองอาจารย์เพราะมันดูตลกดีกลับไม่กล้ามองหน้าอาจารย์ในขณะนี้เลย

“ไป! งั้นไปกันนนท์ กำลังเบื่อๆ อยู่พอดี!” วรุฒลุกขึ้นคว้าแขนชานนท์ให้ลอยเหนือโต๊ะเลคเชอร์ที่นั่งอยู่แต่ร่างกายของชานนท์กลับไม่ได้ขยับเลย
“นายจะไปไหนก็ไปเราจะเรียน!!” ชานนท์จ้องมาที่วรุฒด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราดและพูดเสียงเข้มอย่างที่วรุฒไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งด้วยความที่เขาไม่เคยโดนปฏิเสธเลยทำให้วรุฒรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แต่สุดท้ายวรุฒก็ทำได้แค่นั่งลงไปที่เดิม
“นายไม่ไป เราก็ไม่ไป!” วรุฒพูดขึ้นมาลอยๆ โดยที่ไม่ได้สนใจอาจารย์ที่มองเขาด้วยสายตาดุดัน สีหน้าแสดงความไม่พอใจถึงขีดสุดแต่ก็พยายามสะกดใจไว้

“อาจารย์ครับ ขอโทษครับ” ชานนท์ยกมือไหว้ขอโทษด้วยสีหน้าสำนึกผิด ส่วนวรุฒนั้นได้แต่นั่งหันหน้าไปทางอื่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“เฮ้อ! หากไม่เห็นพวกเธอเรียนดีอยู่แล้ว อาจารย์จะไล่ออกนอกห้องเลยนะ เอ้า! เห็นว่าสำนึกอาจารย์ก็จะไม่ถึอสาก็แล้วกัน แล้วก็ตั้งใจเรียนด้วย!!” อาจารย์ดุใส่และหันหลังไปประจำที่สอนต่อ แต่ก่อนไปก็แอบเหลือบไปมองวรุฒด้วยสายตาไม่พอใจและส่ายหน้า

...........................


ท่ามกลางความสับสนอลม่านในช่วงพักกลางวันของโรงอาหารประจำมหาวิทยาลัยฝั่งตะวันออก ชานนท์มานั่งกินข้าวมื้อกลางวันที่เดิม เวลาเดิม อาหารจานเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือมีคนติดสอยห้อยตามมาเพิ่มอีกหนึ่งคน คนที่ทำให้คนทั้งโรงอาหารฮือฮา และจ้องมองเป็นตาเดียว ตัวเก็งเดือนมหาวิทยาลัยและคนที่มีแฟนคลับมากที่สุดคนหนึ่ง คนที่ไม่เคยปรากฎตัวมา ณ ที่แห่งนี้เลย และไอ้คนที่ว่านี้ ได้นั่งเขี่ยอาหารในจานไปมาอยู่ข้างชานนท์

“อาหารไม่ถูกปาก!?! แล้วตามมานั่งกินด้วยทำไม?” ชานนท์รู้สึกหมั่นไส้คุณชายข้างๆ
“ไม่นะ.... อาหารก็รสชาติดี เราไม่ติดเรื่องอาหารของที่นี่ แค่ไม่ชอบบรรยากาศ” วรุฒพูดจบก็จ้วงข้าวราดแกงสีจืดชืดเข้าปากด้วยสีหน้าขุ่นมัว ชานนท์เข้าใจในทันทีเพราะเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน สายตาเกือบทุกสายตาในโซนนี้ต่างแอบมองมาทางนี้แทบจะเป็นตาเดียว รู้สึกถึงความไม่เป็นส่วนตัว

“แล้วทำไมไม่ไปกินที่อื่นเหมือนปกติล่ะ?” ชานนท์หันมาถามขณะที่วรุฒพยายามกลืนอาหารเข้าปากโดยไม่สนใจสายตามากมายที่จ้องมองมา
“ก็ชวนนายแล้ว นายไม่ไป!”
“ก็เราไม่อยากไปไหนไกลๆ นี่นาเดี๋ยวกลับมาเรียนช่วงบ่ายไม่ทัน” อีกนัยหนึ่งคือ โดยปกติวรุฒไม่เคยเข้าเรียนคาบแรกของช่วงบ่ายได้ทันเลย บ่อยครั้งถึงขั้นไม่เข้าเรียนเลยก็มี ชานนท์ไม่ต้องการแบบนั้น

“ห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง!!”
“ใครจะไปรวยล้นฟ้าจนไม่สนใจอะไรแบบนายล่ะ อีกอย่างเรานึกว่านายน่าจะชินแล้วเสียอีก!!”
“ไม่ชิน....... ไม่เคยชินเลย.....” วรุฒพูดด้วยสายตาเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรมากมายในหัว ทำให้ชานนท์ไม่สามารถที่จะต่อปากต่อคำได้อีกต่อไป ในอกมันเหมือนมีอะไรแล่นแปลบไปที่หัวใจ อะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกเศร้าสร้อยไปด้วย ชานนท์หันไปจัดการอาหารของตัวเองต่อโดยไม่ได้สนใจอะไร

“แกๆ” เสียงสาวห้าวจากอีกข้างหนึ่งของชานนท์ดังขึ้นด้วยเสียงกระซิบ
“อะไร? ทำไมแกต้องกระซิบด้วยวะ” ชานนท์หันไปถามกลับด้วยเสียงกระซิบด้วยถ้อยคำที่สนิทสนมกับสาวห้าวอย่างเมย์ ซึ่งตอนนี้เขากับเธอสนิทกันขึ้นเยอะจนชานนท์เผลอใช้สรรพนามแบบเดียวเมย์ไปเรียบร้อย
“ฉันมีคำถาม”
“อะไร?”
“พวกแกสองคนไปสนิทกันขนาดนี้กันตอนไหนวะ?”
“...........” ชานนท์ถึงกับคิดคำตอบไม่ถูก
“เอ้า! อ้ำอึ้งอะไร? แกนี่ทำตัวน่าสงสัย ฉันนึกว่าแกจะได้กับพี่เอกเสียแล้ว ทำไมมาลงเอยกับไอ้คุณชายนี่วะ ฉันจิ้นไม่ลงเลย”
“พูดอะไรของแก แล้วจิ้นนี่อะไร?”
“โอ้ย!! แกเนี่ย ไม่ได้ดั่งใจเลย ทำไมใสจังวะ!!” เมย์เผลอขึ้นเสียงดังขึ้น
“เสียงดังทำไม?”
“เออๆ โทษทีว่ะ จิ้นก็แบบมโนให้ได้เสียกันไง”
คำพูดนี้ทำใหชานนท์นึกไปถึงเรื่องเมื่อวานนี้ขึ้นมาจนถึงขั้นทำสีหน้าไม่ถูก
“เอะๆ น่าสงสัย! อะไรยังไงบอกมา!!” เมย์ทำท่ากระซิบซาบและจับแขนชานนท์แน่น
“เฮ้ย..... ไม่มี” ชานนท์ทำเป็นกลบเกลื่อน แต่ก็ได้ไม่แนบเนียนไม่ว่าจะพูดอย่างไร สีหน้าก็แสดงออกได้ตรงกันข้าม จนทำให้เมย์เซ้าซี้จนชานนท์บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่เอกเมื่อวาน ในขณะที่วรุฒถอนหายใจเสียงดังและลุกหนีหายไป คงเพราะเบื่อผู้หญิงช่างเม้าส์อย่างเมย์

“ร้ายกาจ!!” เมย์อุทานหลังฟังจบ
“ใช่ไหมล่ะ! พี่เอกเนี่ย!” ชานนท์ทำท่าทีเห็นด้วย
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงแกนั่นแหละ!”
“ฉันเนี่ยนะ!?!”
“เออ สิ เผลอแป๊บเดียวถึงกับให้อดีตเดือนคณะฯกับอนาคตเดือนคณะฯ มาจีบได้พร้อมกัน!!”
“หา!!” ชานนท์ทำท่าตกใจกับสิ่งที่เมย์พูดอย่างมาก
“แกก็ระวังตัวไว้เถอะ ชะนีแถวนี้จะรุมลงโทษ โทษฐานแย่งสามีแห่งคณะฯไป!!” เมย์ย้ำด้วยสีหน้านางร้าย
“อะไรวะ?!? และมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย!!”
“เฮ้อ..... นี่ยังไม่รู้ตัวใช่ไหม? ไม่เอ๊ะใจบ้างเหรอว่าคะแนนเสียงในการโวตเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาของนายน่ะ ส่วนใหญ่มากจากผู้ชายน่ะ!” เมย์ใช้นิ้วชี้แตะไปที่หน้าผากชานนท์เบาๆ ส่วนชานนท์ได้แต่ทำหน้าประหลาดใจและไร้ซึ่งคำพูดใดๆ

“ก็นายมันน่ารักจนดึงดูดเพศเดียวกันไง!” เมย์ยิ้มตอบอย่างชื่นชม
“เราไม่ได้อยากได้แบบนั้นเสียหน่อย!” ชานนท์ ทำท่างอแงใส่เพื่อนสาว

“นนท์!! อยู่นี่เอง” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลจากทางด้านหลัง ทำให้เพื่อนชายหญิงคู่นี้หันกลับไปทางต้นเสียงพร้อมกัน
“พี่ว่าจะมากินข้าวด้วยเสียหน่อย พี่มาไม่ทันใช่ไหมเนี่ย อาจารย์พี่เลิกคาบช้าเลยมาเอาป่านนี้ งั้นนั่งเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหม?” ชายรูปร่างปานกลางกับชุดนักศึกษาและกระเป๋าแบรนด์เนมพูดชักชวนอย่างไม่สนใจคำตอบ

“พี่เต๋า!” ชานนท์หันไปมองด้วยสีหน้าตกใจ

“ร้ายกาจ!!!!” เมย์หันมาหาชานนท์ด้วยสีหน้าชื่นชม

........................

เวลาใกล้บ่ายโมงเต็มที แต่โรงอาหารฝั่งตะวันออกวันนี้กลับยังคึกคักผิดปกติ สาเหตุก็มาจากสองในกลุ่มเทพบุตรประจำมหาวิทยาลัยมานั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยาก เพราะปกติคนกลุ่มนี้ไม่เคยมานั่งกินข้าวในโรงอาหารให้เห็นเท่าไหร่ แต่วันนี้กลับอยู่กันถึงสองคนด้วยกัน ทำให้สาวแท้สาวเทียม สาวในจิตใจ ต่างกัน ‘แอ๊บ’ ว่ายังคงกินมื้อเที่ยงไม่เสร็จ คนหนึ่งมาดดีแต่งตัวดีเป็นที่เรียกว่าสายเปย์ที่แท้จริง ส่วนอีกคนที่นอกจากหน้าตาที่โดดเด่นแล้ว ตัวสูงหุ่นนายแบบและมีพ่อแม่เป็นถึงคนดังไฮโซตัวจริง

ทั้งสองกำลังนั่งร่วมอยู่โต๊ะเดียวกันกับชายร่างเล็กเด็กเฟรชชี่คนหนึ่งที่ตอนนี้น่าจะเข้าไปอยู่ในทำเนียบการเม้าส์มอยในเพจเฟซบุ๊คกอสซิบซุบซิบของมหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บรรยากาศโดยรวมจากคนที่พบเห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตึงเครียดถึงขีดสุดเพราะหน้าของไฮโซตัวสูงนั้น ดุดันจนแทบจะไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ รังสีอำมหิตรุนแรงจนคนรอบข้างต่างเว้นการนั่งโต๊ะโดยรอบพวกเขาไว้

“อันนี้อร่อยดีนะ สีมันแดงไปหน่อยแต่รสชาติดีเลย” เต๋าตักอาหารในจานขึ้นมองอย่างชื่นชม ในขณะที่ชานนท์กำลังสบถด่าเพื่อนสาวของเขาในใจ เพราะเมย์ขอตัวออกจากโต๊ะไปทันทีที่วรุฒเดินกลับมาถึงโต๊ะด้วยท่าทางดุร้าย

“อ้อ ไส้กรอกผัดซอสมะเขือเทศ... ใช่ครับ อร่อยดีผมก็ชอบครับ” ชานนท์ยิ้มตอบไปอย่างไม่เต็มที่นัก
“ที่นี่มีของดีหลายอย่างนะเนี่ย พี่จะมาบ่อยๆ ได้ไหมเนี่ย” เต๋าพูดขึ้นก่อนตักไส้กรอกชิ้นนั้นเข้าปาก

“มึงมีร้านประจำอยู่แล้วไม่ใช่รึไง!!” วรุฒเกรี้ยวกราดใส่เสียงเข้ม
“ร้านนั้นมันไม่มีบางอย่างที่ที่นี่มีนี่หว่า” เต๋าพูดจบก็ยิ้มและยักคิ้วใส่ชานนท์ ส่วนชานนท์ทำหน้าแบบไม่เข้าใจตอบกลับไป
“อยากรู้ไหม?” เต๋าพูดและขยับเข้ามาใกล้ชานนท์
“เอ่อ......” ชานนท์ก็พอรู้บ้างแล้วว่าเต๋าหมายถึงอะไรแต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ในเมื่อแฟนหนุ่มที่เขาเพิ่งยอมรับมาหมาดๆ กำลังจ้องมองมาตาเขียว

ท่ามกลางบรรยากาศคล้ายสงครามกำลังจะปะทุ อยู่ก็มีเชื้อไฟให้โหมมากขึ้น ชายร่างสูงโปร่งขาวใสหน้าตี๋ได้เดินเข้าไปกลางวง ท่ามกลางสายตานับสิบที่หันมามองอย่างสนใจ

“นนท์พี่ขอคุยด้วยหน่อย!” พี่เอกเดินสีหน้าเรียบเฉยมาเรียกชานนท์ในระยะประชิดท่ามกลางสายตาของเทพบุตรทั้งสองที่จ้องมองคนมาใหม่เป็นตาเดียว

“เอ่อ...... ครับ” ชานนท์ขานรับ เขาลุกขึ้นและเดินไปหารุ่นพี่หน้าตี๋อย่างว่าง่าย ในใจหนึ่งรู้สึกโล่งอกที่ออกมาจากสถานการณ์อันแสนอึดอัดที่โต๊ะในโรงอาหาร และอีกใจหนึ่งก็รู้ตื่นเต้นและเกิดอาการทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเดินมากับพี่เอกที่มีบรรยากาศจริงจังแฝงอยู่มากมาย

“นนท์......” พี่เอกหยุดเท้าบริเวณที่โล่งด้านข้างโรงอาหารที่ค่อนข้างปลอดคน เขาพูดกับชานนท์ทั้งๆยังหันหลังอยู่

“คะ....ครับ” ใจที่ลอยไปกับความคิดต่างๆ นานา ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน รีบกลับเข้ามาในอกพร้อมกับขานรับพี่เอกแบบไม่ทันตั้งตัว

“เรื่อง..... เมื่อวาน.......” พี่เอกมีอาการพูดติดขัด จนชานนท์รู้สึกเริ่มอึดอัด เขารู้สึกไม่ดีเช่นกันหลังจากเรื่องเมื่อวาน เพราะตั้งแต่เขาวิ่งออกจากห้องพี่เอก เขาก็ไม่เห็นพี่เอกอีกเลย เสื้อผ้ากับข้าวของที่เขาลืมไว้ที่ห้องพี่เอก ก็ถูกนำมาวางไว้หน้าห้องตอนเช้า เขายังไม่เปิดโอกาสให้พี่เอกได้เอ่ยคำขอโทษเสียด้วยซ้ำ ชานนท์จึงได้แต่นิ่งเฉยเพื่อรอการอธิบายจากพี่เอก เปิดโอกาสให้พี่เอกได้อธิบายเต็มที่

“พี่.... อยากจะ.... ขอ.... ขอโทษ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พี่รู้ว่านนท์ไม่ได้คิดอะไรกับพี่แบบนั้น แต่เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม?” พี่เอกหันมาอธิบายด้วยสีหน้าประหม่า ชานนท์ไม่เคยเห็นพี่เอกเป็นแบบนี้เลย คนที่มีความมั่นใจมากมายคนนั้นหายไปไหนกัน

“ผม....ผมเองยอมรับว่าตกใจและก็กลัวมาก..... แต่.... ผมเข้าใจนะครับ ผมคงทำให้พี่เข้าใจผิดหลายอย่าง.... ผม..... เห็นพี่มาขอโทษแบบนี้แล้ว มันยังไงไม่รู้....ผม....ไม่โกรธพี่หรอกครับ” ชานนท์เดินไปตบไหล่พี่เอกเบาๆ แต่ในใจก็ยังเกร็งๆ กับพี่เอกอยู่เล็กน้อย

“จริงๆ นะ!! นนท์ไม่โกรธพี่จริงๆ นะ!!” พี่เอกเปลี่ยนสีหน้าเป็นลิงโลดทันทีพร้อมขยับเข้ามาใกล้ชานนท์มากขึ้น
“ครับ” ชานนท์ตอบเสียงหนักแน่น
“เย้!! พี่นึกว่าจะโดนเราตัดพี่ตัดน้องไปแล้ว!!” พี่เอกโผเข้ากอดชานนท์แน่น จนทำให้ชานนท์ตกใจแต่ก็ถอยหลังไม่ทันแล้ว ชานนท์เขาคิดจะสบัดดิ้นให้หลุดแต่พอได้ยินเสียงพี่เอกสั่นด้วยความดีใจก็เลยจำให้ให้เขากอดแบบนั่นไปจนพี่เอกปล่อยเขาเป็นอิสระทั้งรอยยิ้ม

“งั้นเรามาช่วยกันสู้จนไปถึงจุดหมาย ‘เดือนคณะ’ ด้วยกันนะ!!” พี่เอกกุมมือชานนท์แน่น
“อ่ะ...ครับ” สีหน้าของชานนท์เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เกือบจะลืมออกไปจากความทรงจำจนหมดสิ้นแล้ว
‘ซวยแล้ว!!’ ชานนท์คิดในใจ เขาแทบไม่ได้ซ้อมเลยนี่นา!!

.........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-08-2019 09:18:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-08-2019 14:30:17
มาคุจริงๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 5) อัพ 13 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-08-2019 16:01:00
 :3123: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 16 ส่วนที่ 6) อัพ 19 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 19-08-2019 13:16:56

กิจกรรมตอนเย็นของการรับน้องกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้าหลังจากเลิกเรียนคาบสุดท้าย ชานนท์ที่กำลังปวดหัวกับอาการตัวติดกันของวรุฒจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เพราะไม่ว่าจะคาบไหน ห้องเรียนไหน หรือแม้แต่ในห้องน้ำ ชานนท์จะถูกวรุฒตามติดไปด้วยจนแทบหาความเป็นส่วนตัวไม่มี

ชานนท์เดินทอดน่องหอบหิ้วหนังสือจากคาบสุดท้ายมานั่งรอกิจกรรมที่ม้านั่งใต้อาคารเอนกประสงค์ใกล้ลานกิจกรรม เขาวางกองหนังสือกองหนึ่งลงบนโต๊ะอย่างหมดแรงพร้อมผ่อนลมหายใจออกอย่างแรง

“เป็นอะไรของแก?” เมย์ที่เดินตามมาสมทบถามขึ้นมา
“เมย์ แกอย่ามาทำเป็นไม่รู้!” ชานนท์กระแทกก้นนั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันว่ามันเป็นพัฒนาการที่ดีนะ!” เมย์นั่งลงฝั่งตรงข้ามและมองไปทางวรุฒที่กำลังเดินตามมาพร้อมแก้วน้ำอัดลมจากร้านสะดวกซื้อแถวนั้น
“แกว่างั้นเหรอ?”
“ก็เออนะสิ! ฉันว่ามันดีกว่าที่แกจะอยู่อย่างอึดอัดมากกว่านะ”
“ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าแบบไหนดีกว่ากันแล้วว่ะ”
“เออ! ฉันก็ว่าจะถามอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันแยกตัวออกมา มีอะไรกันหรือเปล่าวะ?” เมย์ยื่นหน้ามากระซิบ
“รู้ได้ไง?”
“แหมๆ ก็พ่อแกตามติดแกมากกว่าเดิมอีก แถมดูหงุดหงิดด้วย!! พี่เต๋านี่ก็มาตามจีบแกอีกคนเหรอวะ?”
“เฮ้อ......” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากถอนหายใจแล้วทำหน้าตาเหนื่อยหน่าย ส่วนเมย์ก็เข้าใจได้ในทันที
“เร็วดิแก! พ่อแกจะเดินมาถึงแล้ว!!” เมย์มีท่าทีขยั้นขยอ
“ก็อยู่ๆ พี่เอกก็โผล่มาขอคุยด้วย” ชานนท์ให้คำตอบสั้นๆ ที่ทำให้หน้าตาของเมย์ตื่นเต้นถึงขีดสุด
“เชี้ยยยย....... โคตรพีค!! แล้วเป็นไง เกิดศึกชิง ‘นาย’ เลยไหม?” ท่าทางการพูดของเมย์เหมือนผู้ชายกำลังลุ้นกีฬาที่กำลังจะถึงจุดไคลแมกซ์
“นี่ก็พูดเกินไป!  ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาแค่..... มาปรับความเข้าใจนิดหน่อย ไม่มีอะไร พี่น้องกัน แค่นั้น!” ชานนท์ผ่อนเสียงลงเรื่อยๆจนถึงท้ายประโยค
“อย่า.... อย่าบอกนะว่า พี่เอกมาสารภาพรักแล้วแกปฏิเสธ!!”
เรื่องแบบนี้เมย์หัวไวเป็นพิเศษ
“บ้าแล้ว... แค่มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แค่นั้น!” ชานนท์พยายามกลบเกลื่อนเรื่องที่เมย์มีเซนต์ในการเดาที่แม่นยำ แต่เขาไม่เก่งเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย ส่วนเมย์ก็เก่งเกินไป เมย์ไม่ตอบอะไรกลับมาแค่ยิ้ม และทำหน้าเหมือนจะพูดว่า ‘ต้องใช่แน่ๆ’ อยู่

“ร้ายไม่เบานะเรา เห็นเงียบๆแบบนี้” เมย์ตบไหล่ชานนท์เบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

“คุยอะไรกัน!?” เสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมยื่นแก้วน้ำอัดลมมาวางไว้ตรงหน้า
“เรื่องซ้อมกับเรื่องวันงานน่ะ” เมย์ตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนเสแสร้ง
“อืม....” วรุฒไม่ได้ตอบอะไรมากมาย เขาพยักหน้าและมองไปที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่อย่างสงสัย

“ไปก่อนนะ” เมย์ลุกขึ้นโบกมือลาชานนท์และวรุฒ แต่ก่อนไปก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูชานนท์
“ดีนะที่นาย ตัดใจไม่ตามตื้อจีบฉันต่อ ไม่งั้นฉันคงมองหน้าบรรดาแฟนคลับนายไม่ติด!”
“เมย์!!” ชานนท์พูดขี้นอย่างหัวเสียแต่สาวห้าวก็เดินหัวเราะทิ้งระยะห่างไปไกลแล้ว

“จริงสิ! เหมือนนายเคยคิดจะจีบเมย์อยู่ใช่ไหม?” วรุฒนั่งลงข้างๆและกล่าวเสียงทุ้ม
“เฮ้อ.... ดูกันออกง่ายอย่างนั้นเหรอ?”
“อืม.... นายมันคนซื่อๆ ปิดบังอะไรไม่เก่งนี่นา.... แล้วตอนนี้ล่ะ ยังชอบเธออยู่ไหม?”
“ไม่แล้วล่ะ พอรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว เราก็คิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้น”
“จริงเรอะ ค่อยสบายใจหน่อย! ไม่อยากจะทำอะไรรุนแรงกับผู้หญิงเสียด้วย!” วรุฒพูดลอยๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“อะไรนะ?” ชานนท์ไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไม่มีอะไร อ่ะ! ดื่มน้ำก่อนสิ!” วรุฒขยับแก้วนำ้มาใกล้ชานนท์มากขึ้น ชานนท์รับแก้วมาอย่างรู้สึกงงงวยกับสีหน้าลิงโลดของคนตัวสูงข้างๆ

..................

การซ้อมวันนี้หนักหน่วงกว่าทุกวัน อาจเพราะใกล้วันที่ต้องขึ้นเชียร์เสมือนจริง ท่ามกลางรุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นคณะกรรมการด้วย ยิ่งทำให้ปีสองและปีสามที่ร่วมกันฝึกฝนน้องๆ เฟรชชี่ต่างส่งความกดดันลงมาที่น้องๆ เต็มที่เพราะการแสดงสดนั้นเป็นการวัดการสอนของพวกรุ่นพี่ด้วย พวกเขาจะถูกประเมินเหมือนน้องๆ หากทำได้ไม่ดีไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของคณะฯ พวกรุ่นพี่ปีสองและสามก็เตรียมตัวซ่อมกันได้เลยทั้งคืน

ส่วนคนที่ต้องการเป็นดาวและเดือนคณะฯนั้นจะต้องทำให้ตัวเองโดเด่นที่สุด เพราะในแต่ละเพลงจะให้ทุกคนมีโอกาสได้เต้นนำคนอื่นเพื่อฉายแวว การเป็นดาวเกือนคณะฯนี้นอกจากหน้าตาจะต้องดีแล้ว ความสามารถก็ต้องมากด้วย เพื่อไปประกวดเป็นดาวเดือนของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะได้มาจากการโหวตของผู้ที่มาเข้าชมทุกคน ทางเอกวิศวะคอมพิวเตอร์ได้สร้างโปรแกรมในการโหวตเพื่อการนี้โดยเฉพาะโดยคนที่ต้องการร่วมโหวตจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ และมาสแกนคิวอาร์โค้ดที่แสตนด์ที่นั่งรับชม และจะโหวตได้หลังจากเสร็จสิ้นการแสดง ผู้ชนะจะรู้ผลหลังจากระบบรวบข้อมูลในวันรุ่งขึ้นโดยจะประกาศผลทันทีหลังจบงาน และยังประกาศผ่านเพจของคณะฯ เป็นการจัดการสมกับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ

จากที่ชานนท์ฟังการอธิบายการคัดเลือกทั้งหมดจากพี่เอก ก็ทำให้ตนเองคิดว่าน่าจะไม่สามารถได้รับเลือกเพราะเขารู้ตัวเองดีว่ามีฐานเสียงค่อนข้างน้อย ผิดกับวรุฒที่มีแฟนคลับตั้งแต่เดินเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

“โอ้ยยยยย” เมย์โวยวายลั่นหลังจากกระแทกตัวลงนั่งที่ลานสนามหญ้าใกล้อาคารเอนกประสงค์
“นี่ๆ เสียงดังไปไหมเนี่ย?” ชานนท์ดุใส่เมย์
“ก็มันเหนื่อยนี่นา เครียดด้วย ตอนฉันเป็นนักกีฬายังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย!!” เมย์ทิ้งตัวลงนอนแผ่ไปกับสนามหญ้า ทำให้ชานนท์แอบผ่อนลมหายใจกับกิริยากระโดกกระเดกของยัยม้าดีดกระโหลกเพื่อนเขาเอง

“เหนื่อยไหมวันนี้” พี่เอกเดินมาทักพร้อมยื่นขวนน้ำดื่มเย็นฉ่ำให้ชานนท์จนเกือบชนกับแก้มของเขา
“อ่ะ..... ขอบคุณครับ” ชานนท์มีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะรับน้ำดื่มเย็นขวดนั้นมาไว้ในมือ
“โหยยยย....... พี่ดิว สปอนเซอร์หนู ดูแลหนูได้สักครึ่งของพี่เอกนี่หนูรักตายเลย!!” เมย์ลุกขึ้นมานั่งแซวและมองด้วยสายตาปนอิจฉา
“เอ้านี้! พี่หยิบมาเผื่อ” พี่เอกยื่นน้ำจากในถุงพลาสติกที่ประทับตราร้านสะดวกซื้อชื่อดังให้รุ่นน้องหญิงห้าวที่ค้อนเขาเสียจนเขารู้สึกผิด พี่เอกมักจะซื้อมาเผื่อเมย์เสมอเพราะเขามักจะโดนเมย์แซวและแซะอยู่เป็นประจำ

“ขอบคุณครับ!” ยัยเมย์ไหว้แบบลิงหลอกเจ้าและรีบคว้าน้ำดื่มจากมือพี่เอกไปดื่มอย่างว่องไว และเป็นเกือบทุกครั้งที่พี่เอกจะหัวเราะกิริยาของยัยเมย์จนตาเป็นเส้นเดียว ชานนท์จึงมักจะสงสัยว่าพี่เอกซื้อมาเผื่อเมย์เพราะสำนึกผิดหรืออยากจะรู้สึกขบขันกับยัยตลกรับประทานคนนี้

”เลิกซ้อมแล้วนะ จะกลับเลยก็ได้” พี่เอกพูดขึ้น
“อ้าว! เห็นเมื่อครู่บอกว่า พักสิบนาที”
“มันดึกแล้ว อาจารย์เดินมาเตือนแล้วนะ ก็เลยให้สปอนเซอร์แต่ละคนช่วยเดินมาบอกน้องๆ น่ะ” พี่เอกเสริม
“อ้าว ! แล้วพี่เห็นพี่ดิวหนูไหมเนี่ย?”  ยัยเมย์โวยถามพี่เอก
“ไม่เห็นครับ แต่เราน่ะก็กลับได้เลยนะ”
“นั่นไง! แอบไปหลีสาวแล้วทิ้งน้องแน่นอน!!” ยัยเมย์โวยเสียงดัง ทำให้พี่เอกอมยิ้มไปกับกิริยาห้าวๆ ของรุ่นน้องตัวแสบคนนี้
“เราล่ะ จะกลับหรือจะซ้อมต่อกับพี่?” พี่เอกหันมายิ้มหวาน
“ไม่แล้วครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ” ชานนท์ส่ายหน้าที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” พี่เอกยื่นมือมาทางชานนท์เพื่อสื่อว่าจะช่วยดึงชานนท์ให้ลุกขึ้น
“อ่า.... ครับ!” ชานนท์ยิ้มรับแต่ก่อนจะยื่นมือออกไปหาพี่เอกเขาแอบชำเลืองมองไปทางทิศที่วรุฒอยู่ เขาเห็นวรุฒกำลังถูกพี่วิล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนเคย พี่วิยังพยายามเรียกร้องความสนใจกับวรุฒจนเขาทำหน้าเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ในระยะไกลขนาดนี้ พี่วิคงกำลังให้วรุฒอยู่ซ้อมต่อกับตนเองให้ได้เหมือนเช่นทุกวันก่อนหน้านี้ แม้ว่าวันนี้จะมีขายหนุ่มผิวเข้มกล้ามใหญ่มารอรับอยู่ก็ตาม

ชานนท์เห็นตามนั้นเลยตัดสินใจที่กลับไปที่หอพักก่อนเพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะอยู่ต่อแล้ว นอกจากนี้วันนี้เขายังต้องทบทวนเรื่องที่เรียนวันนี้ก่อนนอนด้วย

หลังจากเดินมากับพี่เอกจนออกห่างจากลานเอนกประสงค์ที่ซ้อมกิจกรรมรับน้องมาจนถึงลานจอดรถ พี่เอกยังทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งการชวนคุยเรื่องกิจกรรมที่จะจัด สอบถามเรื่องเรียน และหาเรื่องสนุกๆ มาคุยให้ชานนท์คลายเครียดระหว่างเดินมาด้วยกัน แต่ที่แปลกกว่าเดิมคือสายตาที่ซื่อตรงกับความรู้สึกของพี่เอก ที่พยายามจ้องมาที่ดวงตาชานนท์อย่างหวานซึ้ง และมือไม้ที่พยายามสัมผัสชานนท์มากขึ้นอย่างจงใจ ทำให้ชานนท์ค่อนข้างรู้สึกอึดอัดพอควร ชานนท์ไม่ได้รังเกียจที่พี่เอกเปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ได้ถือสาเรื่องพวกนี้เขาไม่ได้คิดอะไรกับพี่เอกในทำนองนั้น แต่ที่อึดอัดคือเขาไม่ต้องการให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนที่ทำตัวเป็นแฟนเขาอย่างวรุฒ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหัวร้อน ทั้งสองฝ่ายเกือบจะปะทะกันหลายครั้งแล้วด้วย เขาไม่อยากให้คนที่เขาห่วงใยทั้งสองคนต้องมีเรื่องกัน

ขณะที่ชานนท์คิดมาถึงจุดนี้ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เพราะอยู่ๆ เขาก็คิดเป็นห่วงวรุฒขึ้นมามากกว่าปกติได้อย่างไรก็ไม่รู้

“เป็นอะไร หน้าแดงเชียว” พี่เอกขี่รถบิ้กไบค์คันงามของเขามาเทียบหน้าชานนท์ที่ยืนรออีกฝ่ายที่ด้านหน้าลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของอาคารเอนกประสงค์

“เอ่อ..... สงสัยคงเพราะอากาศร้อนน่ะครับ” ชานนท์ยื่นมือไปรับหมวกที่พี่เอกยื่นมาให้
“พี่ก็นึกว่าเราไม่สบายเสียอีก!” พี่เอกแสดงหน้าตาเป็นห่วง และใช้มือช่วยชานนท์ใส่สลักล็อกหมวกกันน็อค

“อ้าว!! น้องนนท์!! ให้พี่ตามหาเสียแทบแย่!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากที่ไม่ไกล
“พี่..... พี่เต๋า!” ชานนท์หันไปทางต้นเสียง
“วันนี้เรามีนัดกันไงจำได้ไหม?” พี่เต๋าส่งเสียงดังระหว่างซอยเท้าเร็วขึ้น
“อืม...... เออ! จริงด้วย คล้ายจะเป็นแบบนั้น” ชานนท์ทำท่านึกและอุทานออกมาหลังจากนึกถึงคำพูดพี่เต๋าล่าสุดได้
“คล้ายๆ แบบนั้นอะไร? เราก็รู้ว่าพี่จริงจัง” พี่เต๋าทำสีหน้าขึงขังใส่คนตัวเล็กตรงหน้า

“อ่า..... ครับ งั้น.... พี่เอกครับ ขอบคุณนะครับที่จะไปส่ง แต่ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ผมลืมไปเลยว่ามีนัด” ชานนท์ถอดหมวกกันน็อกออกและยื่นคืนให้รุ่นพี่ที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย! ก่อนไปพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” พี่เอกรับหมวกกันน็อกมาวางไว้ที่ตัวถังและตั้งขาตั้งเพื่อจอด เขายืดจับชานนท์โดยการใช้มือพาดไหล่และดึงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับผู้มาใหม่
“ส่วนมึง!! รออยู่นี่!! ไม่ต่องตามมา รุ่นพี่รุ่นน้องเขาจะคุยกัน!!” พี่เอกหันมาพูดกับพี่เต๋าตาขวาง ส่วนพี่เต๋าที่ทำท่าจะเดินตามมาด้วยถึงกับหยุดฝีเท้าทันที และยิ้มกลับมาแบบใจดีสู้เสือ

“มีอะไรครับพี่?” ชานนท์ถามพี่เอกในขณะที่เดินออกห่างจากจุดเดิมพอควร
“นนท์รู้จักไอ้เต๋าด้วย?”
“เอ่อ..... ครับ บังเอิญรู้จักกัน.... ตอน..... เอ่อ.... ไปทำธุระกับรุฒน่ะครับ เห็นว่าเป็นเพื่อนกัน” ชานนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเล่าเรื่องปกติจนทำให้พี่เอกแสดงอาการร้อนรน
“นี่นนท์รู้ใช่ไหมว่ามันเป็นใคร? ไอ้วรุฒนี่มันมีแต่ส่งอิทธิพลแย่ให้คนอื่นจริงๆ!” พี่เอกมีท่าทีหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ..... พี่เอกรู้จักพี่เต๋า?”
“เออสิ!! รู้จักเสียยิ่งกว่ารู้จัก ใครไม่รู้จักบ้าง ความจริงคือรู้จักทั้งแก๊งเลยมากกว่า!!” พี่เอกเริ่มขึ้นเสียงจากเดิม
“..........” ชานนท์มีท่าทีแปลกใจกับอาการของพี่เอก
“ทำสีหน้าแบบนี้ก็แสดงว่านนท์รู้อยู่แล้ว! รู้แล้วยังไปกับมันอีก!!”
“ก็พอรู้เรื่องพวกนี้มาบ้างจากวรุฒน่ะครับ แต่ผมว่าพี่เต๋าน่าจะเป็นคนดีกว่าทุกคนในกลุ่มนะครับ เท่าที่ผมสัมผัส”

“มันน่ะ! เลวร้ายกว่าทุกคนเลย เพราะมันไม่เคยเลือกเหยื่อเลย ใครที่เข้าทางมันมันก็เอาหมด ทุกเพศทุกวัย พอได้จนพอใจมันก็ทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย! มันทำให้คนเสียสูญเพราะไปหลงคารมหลงรักมันนักต่อนักแล้ว!!” พี่เอกดูฉุนเฉียวกว่าทุกที
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพี่เอกดูแปลกๆ” ชานนท์สัมผัสมือที่กำจนแน่นของพี่เอกและพยายามส่งสายตาปลอบประโลม
“มัน......เพราะมัน!! ทำให้.... ปอ.....” พี่เอกกัดฟันกรอด
“อะไรนะพี่?!?” ชานนท์ฟันถ้อยคำที่ลอดผ่านฟันที่บดเบียดกันไม่ถนัดเลยสอบถามอีกครั้ง เขาบีบมือพี่เอกแน่นขึ้นเมื่อเห็นอาการสั่นที่มือซึ่งกำจนแน่น
“อ่ะ.... ขอโทษที เพราะมันทำให้พี่นึกถึงอะไรเลยไปไกล...”
“ไม่เป็นไรแน่นะครับ?”
“อืม...... พี่ไม่อยากให้เราไปกับมันเลย แต่คงไม่ได้แล้วใช่ไหม?” พี่เอกรู้ว่าเด็กซื่อๆ ที่รักษาคำพูดอย่างชานนท์คงต้องไปเพราะรับปากไว้แล้ว
“ครับ”
“เฮ้อ..... ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน อย่าไปตกหลุมมันล่ะ!”
“ครับ... พอผ่านเรื่องคราวก่อนมา ผมก็เลยมีภูมิขึ้นมานิดหน่อยแล้วครับ รับรองคราวนี้ผมไม่ยอมเมาแน่นอน”
“หา!! อะไร!!?”
“เอ่อ... ไม่มีอะไรครับ ผมว่าผมรีบไปดีกว่าเดี๋ยวจะดึกกว่านี้คงไม่ดีแน่!!” ชานนท์พูดจบก็เดินกึ่งวิ่งไปทางเต๋าที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ท่ามกลางสายตาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของพี่เอก

..........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 6) อัพ 19 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 19-08-2019 21:22:24
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 6) อัพ 19 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-08-2019 23:25:19
น้องปล่อยไก่เยอะมาก555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 6) อัพ 19 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-08-2019 23:51:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 6) อัพ 19 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-08-2019 00:43:56
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 16 ส่วนที่ 6) อัพ 19 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2019 10:07:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 16 ส่วนที่ 7) อัพ 26 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 26-08-2019 08:56:43
..........................

ความเร็วในการขับรถของพี่เต๋าไม่ได้ต่างจากเพื่อนร่วมห้องของชานนท์เลย แต่คนนี้ดูท่าทางจะเป็นเหมือนคนที่หลุดออกภาพยนต์ Fast & Furious เลยทีเดียว เพราะการตกแต่งรถดูจะไม่ธรรมดาเลยทั้งภายในภายนอก ชานนท์ที่นั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับเลยได้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในตัวละครในภาพยนตร์นั่นมาก แต่ที่แปลกตาที่สุดคือเมื่อเทียบกับรถก็น่าจะเป็นสไตล์การแต่งตัวของคนขับ เพราะเขาไม่ได้แต่งตัวสไตล์ดิบๆ ง่ายๆ เหมือนพวกคลั่งรถแข่งทั่วไป แต่พี่เต๋ากลับแต่งตัวสไตล์นักธุรกิจสมัยใหม่ เชิ้ตลำลองสวมทับด้วยสูทลำลอง กางผ้าเข้ารูปที่มีสีเข้ากันทั้งชุด ชานนท์เห็นกี่ครั้งก็อดทึ่งกับรสนิยมของพี่เต๋าไม่ได้ มันทั้งเรียบหรูและดูดี พี่เต๋าไม่ได้เป็นคนที่หน้าตาดีขนาดที่เห็นแล้วต้องสะดุด แต่เขามีรสนิยมดีที่ใครเห็นแล้วต้องชื่นชม ชานนท์เองก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ เขาเองก็อยากลองแต่งตัวสไตล์นี้บ้าง

“ทำไมเงียบจัง?” พี่เต๋าเอ่ยถามหลังทิ้งระยะให้ความเงียบเข้าครอบงำอยู่พักใหญ่
“เอ่อ...... เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ชานนท์ที่นั้งจับสายเข็มขัดนิรภัยแน่นตอบกลับไป
“พี่ขับเร็วเกินไป จนทำให้นนท์กลัวหรือเปล่า?” พี่เต๋ายิ้มหวานเมื่อเห็นอาการของคนที่นั่งเบาะหน้าข้างเขา
“เอ่อ..... ครับ.... ผมไม่ค่อยชินกับ การนั่งรถที่ขับเร็วขนาดนี้” ชานนท์แอบชำเลืองมองไปที่หน้าปัดแสดงความเร็วเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าตัวเลขมันไม่เคยต่ำกว่า 120 เลย
“อ้าว! กลัวความเร็วก็ไม่บอก!” พี่เต๋าชะลอความเร็วลงทันที
“ขอบคุณครับ ..... แล้วจะไปกินข้าวที่ไหนครับเนี่ย?” ชานนท์ถามเพราะรู้สึกว่าเดินทางมาไกลจากตัวมหาวิทยาลัยมากแล้ว
“ร้านประจำพี่เอง”
“ร้านที่อยู่บนดาดฟ้านั่นเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ นั่นร้านประจำของกลุ่มพี่ ของพี่มีอีกร้านหนึ่ง”
“อ้อครับ ไกลจังนะครับ”
“มันเป็นร้านในโรงแรมห้าดาวแถวๆ สาทรน่ะ”
“โห....... ไกลมากเลยครับ แล้วจะกลับถึงหอพักกี่โมงเนี่ย?”
“เอาน่า มีรถจะกลัวอะไร เดี๋ยวไปส่ง หากดึกมากก็ค้างเสียที่นั่นแหละ พี่รู้จักเจ้าของโรงแรม”
“อะไรนะครับ ไม่เอาครับ ผมไม่ค้าง!!” มาถึงตรงนี้ ชานนท์นึกถึงคำพูดของพี่เอกขึ้นมาในสมองเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ล้อเล่น! พี่มาส่งไหว วันนี้พี่ไม่ดื่มครับ” พี่เต๋าหัวเราะร่าเสียงดังก้องไปทั้งรถ แต่ชานนท์ก็ยังไม่รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่17 ส่วนที่ 1) อัพ 26 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 26-08-2019 09:09:50

บทที่ 17

Trusting issue


ณ ห้องอาหารกึ่งบาร์ที่ชั้นสองของโรงแรมดังแห่งหนึ่งย่านสาทรที่ตกแต่งสไตล์เรียบง่ายแต่ดูดีหรูหรา มีบรรยากาศเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัว แต่ละโต๊ะถูกจัดวางด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น และตั้งอยู่ห่างกันชนิดที่ไม่สามารถได้ยินบทสนทนาของอีกโต๊ะได้ ชานนท์ถูกเชิญมานั่งบริเวณใกล้กับบานกระจกใสที่สามารถมองออกไปที่ถนนที่ยังคงพลุกพล่านพล่านอยู่แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างจะดึกแล้วเพราะอยู่ใจกลางเมือง

ชานนท์มองออกไปชื่นชมวิวทิวทัศน์เมืองหลวงที่ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่ สลับการมองภาพภายในร้านอันเงียบสงบ มันดูขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด เขาเหมือนนั่งอยู่ระหว่างสองโลก โลกหนึ่งเงียบสงบ โลกหนึ่งแสนจะวุ่นวาย

“ชอบไหมครับ?” พี่เต๋าซึ่งหายไปหลังจากพาชานนท์มาส่งที่โต๊ะเพราะไปทักทายเจ้าของร้านซึ่งชานนท์เดาว่าเป็นญาติสนิทของพี่เต๋า เขากลับมาพร้อมคำถามและรอยยิ้มที่เห็นฟันเรียงตัวสวยน่าประทับใจ
“เอ่อ...... ชอบครับ” ชานนท์ตอบกลับด้วยท่าทีเกรงใจ เพราะร้านมันดูหรูหรา และเดาว่าอาหารต้องราคาแพง
“น้องนนท์นี่ดูท่าทางเกร็งๆ ตลอดเลยนะ” พี่เต๋านั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามและใบหน้ายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ก็ผม......”
“เกรงใจ!”
“ครับ..... ไม่เห็นจำเป็นต้องพามาร้านอะไรหรูหราและไกลกว่านี้เลย ร้านอาหารดีๆ อร่อยๆ แถวหน้ามหาวิทยาลัยก็ดีมากแล้วครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจ นี่ร้านประจำพี่เอง พี่มากินบ่อยๆ แล้วก็ไม่แพงอย่างที่น้องคิดหรอก!!” พี่เต๋าพยายามพูดให้ชานนท์ผ่อนคลาย แต่ชานนท์ทำได้เพียงยิ้มแห้งตอบกลับไปเท่านั้น

เพียงครู่เดียวบริกรก็นำเมนูของทางร้านมาให้ ชานนท์รับมาเปิดดูก็พบว่าสิ่งที่พี่เต๋าพูดนั้นไม่เป็นความจริงเลย อาหารเป็นลักษณะฟิวส์ชั่นฟู๊ดสไตล์อิตาเลี่ยน และราคาก็ถือว่าโหดมากหากเทียบกับร้านดีที่สุดแถวมหาวิทยาลัย ชานนท์แอบมองหน้าพี่เต๋าหลายรอบ แต่เขาก็แอบยอมรับว่าอาหารทุกจานในเมนูช่างน่ากินน่าลองทั้งสิ้น

“เลือกไม่ถูกใช่ไหม? ให้พี่แนะนำไหม?” พี่เอกสั่งอาหารของตัวเองเสร็จสิ้นก็หันมาถามชานนท์ เขาพยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ด้วยคำอธิบายของพี่เต๋าที่เขาไม่ค่อยเข้าใจบวกกับภาษาต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคยทำให้ชานนท์ตัดสินใจเลือกอาหารที่พี่เต๋าแนะนำอย่างเดาสุ่มที่คิดว่าดีที่สุด อย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าหน้าตามันจะเป็นอย่างไร

หลังจากบริการได้รับรายการอาหารที่สั่งไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็พยายามแนะนำเครื่องดื่มประเภทไวน์ให้กับพี่เต๋าและชานนท์ ตัวชานนท์รีบปฏิเสธทันที แต่พี่เต๋ากลับมีท่าทีลังเลในการปฏิเสธ อาจเพราะพี่เต๋าถูกชานนท์เพ่งมองเนื่องจากเขาสัญญากับชานนท์ไปแล้วว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในวันนี้ จึงทำให้พี่เต๋ารีบปฏิเสธในชั่วนาทีต่อมา ไม่นานนักน้ำดื่มเย็นๆในแก้วทรงสูงก็ถูกนำมาจัดวางไว้บนโต๊ะ

พี่เต๋าเป็นคนคุยสนุก มีความรู้เยอะ เขามักจะเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับอาหาร วิธีการปรุง การสรรหาคัดเลือกอาหาร เขาพูดอย่างเพลิดเพลินและชำนาญ เหมือนเป็นเชฟมืออาชีพ ชานนท์ตั้งใจกับการอธิบายเกี่ยวกับสารพัดอย่างบนโต๊ะและบนเมนูจนแทบไม่กระพริบตา เขารู้สึกอาหารที่เขาได้กินวันนี้ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถีน จนทำให้รสชาติเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบชานนท์รู้แต่ว่าอาหารบนจานเขานั้นหมดไปได้สักพักแล้ว

“ทานของหวานต่อไหมครับ? ช้อกโกแลตเค้กลาวาที่นี่ขึ้นชื่อมากเลยนะครับ?” พี่เต๋าเสนอเมนูของหวานให้หลังจากที่เห็นบริกรเดินมาเก็บจานที่เกือบจะว่างเปล่าของชานนท์
“อืม...... ไม่ดีกว่าครับ” ตอนนี้อาหารแน่นเต็มท้องของชานนท์ไปหมด แม้เขาจะเป็นกินจุ แต่การกินอาหารที่มีจานใหญ่กว่าหน้าของเขาสองเท่านั้น มันก็ทำให้เขาถึงขีดจำกัดได้เช่นกัน
“น้องนนท์ มันอร่อยมากนะครับ มีรายการทีวีหลายร้านแนะนำเลยนะ!!”
“แต่ผมอิ่มแล้วนี่ครับ”
“งั้น.... เอาแบบนี้ เราสั่งมากินด้วยกันไหมครับ กินไม่หมดก็ไม่เป็นไรครับ” เต๋าขยั้นขยอ
“เอ่อ.......” ชานนท์เริ่มลังเลและเกรงใจ
“โอเคนะ! น้องครับพี่ขอสั่ง เบลเยี่ยมช้อกโกแลตเค้กลาวา 1 ที่ครับ” พี่เต๋าเห็นท่าทีลังเลของชานนท์เพียงครู่ก็ตัดสินใจสั่งของหวานทันทีโดยไม่รอเสียงตอบตกลงของอีกฝ่าย จนชานนท์ที่พยายามจะพูดปฏิเสธทันทีที่ได้ยินกลับทำได้แต่เสียงในลำคอ

เพียงเวลาไม่เกินห้านาทีบริกรคนเก่าก็เดินกลับมาพร้อมขวดไวน์สัดำคลับพาดด้วยฉลากสีขาวคลิปทองดูดีหรูหรา

“คุณผู้จัดการให้นำมาให้ครับ ท่านแจ้งว่าลุงของคุณเต๋าให้นำมาให้ชิมพร้อมกับแขกของคุณเต๋าครับ”  บริการที่ตอนนี้ใส่ถุงมือสีขาวสะอาดโอโม่ ยกขวดไวน์ทรงสวยนั่นขึ้นมาแสดงอย่างทะนุถนอม
“ฝากขอบคุณคุณลุงด้วยนะ แต่วันนี้ผมไม่ดื่มครับ”
“คุณท่านบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณเต๋า ท่านอยากให้คุณเต๋าเป็นของขวัญวันเกิด และหากคุณท่านเสร็จธุระแล้วจะตามมาดื่มด้วยครับ” บริกรกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“อืม...... ลุงลงทุนจัง ขวดนี้แพงนะเนี่ย เอาหนึ่งในคอลเลคชั่นสะสมมาให้ดื่มเลยนะเนี่ย! แต่ผมคงต้องขอปฏิเสธจริงๆ วันนี้ผมพา....... เอ่อ... รุ่นน้องมาด้วย เดี๋ยวต้องขับรถไปส่งที่ห้องอึก ไม่เอาดีกว่า” เต๋าปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่น่าเชื่อว่าคอไวส์อย่างแกจะปฏิเสธนะเนี่ย !! หากเมาจริงๆจะกลัวอะไร!! ลุงแกเป็นเจ้าของโรงแรม ลุงไม่ขี้เหนียวที่จะให้หลานแท้ๆ มาพักค้างสักคืนหรอกนะ!!” เสียงสากใหญ่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังบริกร

“อ้าว!! อาภพ!!” พี่เต๋ายืนขึ้นพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ในชุดลำลองที่ท่าทางใจดี โครงหน้าทั้งสองคนใกล้เคียงกันจนใครเห็นก็น่าจะคิดว่าเป็นพ่อลูกกัน
“เออๆ สวัสดีไอ้หลานชาย! อาเห็นหลานจองโต๊ะไว้ในวันเกิดนึกว่าจะมาปาร์ตี้กับเพื่อนเสียอีก แล้วไหนมากินกันแค่สองคน?” อาภพเดินมาถึงโต๊ะและหันมามองหน้าชานนท์ ชานท์ก็ยกมือไหว้เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ

“อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบจัดงานวันเกิด” พี่เต๋าพูดต่อ
“เอ่อ.....” อาถพเหล่มองชานนท์และเต๋าสลับกัน
“อ้อ!! ครับ!! ผมลืมแนะนำไปเลย นี่ชานนท์ครับ เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย” เต๋ารู้ความหมายดีเลยรีบแนะนำคนที่พามาด้วยทันที
“สวัสดีครับ”  ชานนท์กล่าวทักทายอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับ ลุงเห็นไกลๆ หน้าหวานๆ นึกว่าผู้หญิงเสีย นี่ผู้ชายเรอะเนี่ย? ปกติหลานไม่เคยพาใครมานอกจากเพื่อนสนิท?” อาภพมีสายตาสอดส่องสงสัยมาที่ชานนท์ จนชานนท์แอบชำเลืองหน้าและปมตัวเองในกระจกและคิดว่าเขาควรจะตัดผมให้สั้นเลยดีกว่าไหม?

“นอกจากเพื่อนสนิทก็อยากจะพาคนพิเศษๆ มาบ้างน่ะครับ”
“คนพิเศษ? ..... อ้อ..... ไม่เลวๆ สายตาหลานไม่เลวเลยน่ารักดีนะ อาก็พอรู้มาบ้างนะเรื่องของเราน่ะ ไม่คิดว่า สุดท้ายจะเป็นผู้ชายเหรอเนี่ย?” อาภพตบไหล่เต๋าเบาๆ
“ไม่รู้สิอา ผมว่าของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจแหละ ชอบมันก็คือชอบ!!” เต๋าส่งสายตามาทางชานนท์แบบเขินอาย ชานนท์เพิ่งเคยเห็นเต๋าทำท่าทางแบบนี้ต่อหน้าตนเองเลยทำให้วางตัวไม่ถูกไปด้วย
“โลกมันเปลี่ยนไปเร็วว่ะ อาตามไม่ค่อยจะทันเลย แต่เอาเหอะ แกมีความสุขกับอะไร อาก็มีความสุขไปด้วยล่ะวะ” อาภพยิ้มร่าปิดท้าย
“ขอบคุณครับ” เต๋ายิ้มรับอย่างมีความสุข
อาหลานคุยกันเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ทั้งๆ ที่กำลังพูดถึงชานนท์อยู่ เขารู้สึกอยากกลับหอพักในทันทีและรู้สึกเสียใจที่มาตามพีเต๋าเสียแล้ว

“อาหารที่สั่งได้แล้วครับ ขออนุญาตเสิร์ฟนะครับ” เสียงบริกรดังขึ้นไม่ไกล
“เออ!! วันนี้อาว่างพอดี อารมณ์แบบนี้ต้องฉลอง!! เปิดไวน์มา ไอ้ขวดเมื้อกี้น่ะ เอามา” อาภพกระแทกนั่งลงตรงที่ว่างข้างเต๋า

“เอ่อ...... คือ.......” เต๋ามีท่าทีลำบากใจ ยิ่งได้เห็นสีหน้าขานนท์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยแล้วยิ่งไม่สบายใจเพราะเขาอุตส่าห์สัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ดื่ม
“ เอาน่า นานๆ จะได้เจอกัน วันนี้วันเกิดเอ็งด้วย ดื่มเป็นเพื่อนอาหน่อยนะ!!” อาภพขยั้นขยอ จนเต๋ายอมรับปากแต่โดยดี เรื่องนี้พิสูจน์ว่าที่เต๋าคอแข็งมากนั้นเพราะกรรมพันธุ์นี่เอง!
“หลานด้วยนะ!!” คำขอร้องเชิงบังคับออกมาจากปากอาภพทำให้ชานนท์ตอบตกลงในที่สุด ทั้งๆ ที่เขาพยายามปฏิเสธแล้ว

.........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 1) อัพ 26 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-08-2019 09:35:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสือจะสิ้นลาย หรือจะโชว์หางโผล่มา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 1) อัพ 26 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-08-2019 15:27:20
วรุฒมีหึงแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 1) อัพ 26 ส.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-08-2019 15:56:57
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 17 ส่วนที่ 2) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-09-2019 12:00:46
เวลาผ่านล่วงเลยไปมากกว่าสองชั่วโมงแล้ว คนในร้านเริ่มบางตาจนเหลืออยู่เพียงสองโต๊ะเท่านั้น โชคดีที่อาภพนั้นไม่ได้จูงใจคนเก่งเหมือนพี่เต๋า ทำให้สามารถนั่งคุยอยู่กับสองอาหลานได้โดยที่ดื่มไปไม่ถึงสองแก้ว  สุราสีแดงฉานขุ่นข้นถูกรินใส่แก้วทรงสูงของสองอาหลานแก้วแล้วแก้วเล่า ทำให้หน้าของทั้งสองสีเรื่อแดง ดวงตาฉ่ำวาว จากที่เคยหันมาพูดคุยกับชานนท์เป็นระยะ จนตอนนี้แทบจะคุยกันแค่สองคน คุยกันตั้งแต่เรื่องทั่วๆไป เรื่องผู้หญิง เรื่องกีฬา จนไปถึงเรื่องการเมือง?!?

“เด็กเอ็งนี่พูดน้อยไปนะ” อาภพพูดจาเสียงหน่วงเป็นคำต่อคำ
“แต่น่ารักดีใช่ไหมครับ เขาดูใสซื่อมากๆ เลย ผมไม่เคยเจอใครแบบนี้เลย” พี่เต๋ามีน้ำเสียงที่ไม่ต่างกันมาก
“ผมว่า ..... เราพอก่อนไหมครับ?” ชานนท์หันไปเตือนทั้งสองหลังจากมองไปทางกองขวดไวน์ที่วางเรียงรายเป็นแถวยาวตามความยาวของโต๊ะด้านข้าง
“โอ้ย...... น่ารักจริงๆ ท่าทางเป็นห่วงแกด้วย!!” อาภพหันมาแซวพี่เต๋าที่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาเป็นมุมฉากกับริมฝีปาก
“ใช่ครับ น่ารักจริงๆ” พี่เต๋าทำตาเชื่อมใส่คนตัวเล็กพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นมาแกว่งเล็กน้อย เป็นสัญญาณเตือนบริกรให้มารินไวน์ให้เพิ่ม

“โห..... หน้าสวยมากเลย ไม่น่าใส่แว่นนะ” อาภพยื่นมือมาคว้าแว่นออกจากใบหน้าชานนท์ด้วยความรวดเร็ว นอกจากจะมีแขนที่ยาวมากแล้วยังไวมากอีกด้วย
“เอ่อ..... ผมขอคืนด้วยครับ” สายตาที่พร่ามัวของชานนท์ทำให้มองคนด้านหน้าไม่ชัดเจน เลยได้แต่ยื่นมือออกไปขอแว่นตาคืน แต่กลับโดนมือที่สากหยาบดึงกระชากให้ยืนขึ้น หน้าทิ่มเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่ง ชานนท์ได้แต่อุทานเสียดัง

“ตาสวยจริงๆ กลมโต ขนตางอนยาวเป็นธรรมชาติ อาเข้าใจแล้วว่าทำไมเอ็งถึงชอบ มือก็นิ่มบอบบาง  แก้มอมชมพูเพราะไวน์แบบนี้นี่เหมือนผุ้หญิงแต่งชายเลยว่ะ” อาภพพูดกับชานนท์ด้วยระยะประชิดจนได้กลิ่นไวน์โชยมาจากลมหายใจ

“โอ้ย... ผมเจ็บครับ ขอโทษครับ อาภพปล่อยผมก่อนครับ” ถึงแม้จะได้รับคำชมแต่ชานนท์กลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลย มือที่ถูกจับกุมอยู่เริ่มปวดชา
“อาชักสนใจ ขออาสักครั้งได้ไหมเต๋า?!” อาภพหันไปหาเต๋าทั้งที่ยังจับกุมชานนท์อยู่ “อาเห็นแล้วก็อยากลองเลย!!”

ชานนท์ตกใจกับคำพูดของผู้ใหญ่ตรงหน้ามากๆ และพยายามสะบัดมือให้หลุด ส่วนสายตาก็จ้องแต่ทางหนีทีไล่ว่าจะวิ่งออกไปทางไหน ทั้งๆ ที่สายตาที่ไม่ได้ใส่แว่นนี้ก็มองอะไรไม่ชัดเจนเอาเสียเลย

“ไม่ได้ครับ!! คนนี้ผมจริงจัง!!” เต๋าพูดพลางลุกขึ้นมาแย่งแว่นจากมืออีกฝ่ายและแกะมือของอาภพออกจากมือชานนท์ เต๋าบรรจงใส่แว่นลงไปที่ใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม

“ขอโทษนะ อาเราเวลาเมา เขาจะหื่นๆ หน่อย แต่ปกติก็นิสัยดีนะ” พี่เต๋าพูดปลอบในขณะที่เอาตัวเข้าขวางอาภพ ชานนท์พยักหน้าและใช้มือลูบไล้กันเพื่อลดอาการชาจากการกดจับอย่างรุนแรง

“อาล้อเล่นน่า”
“เล่นแบบนี้ผมไม่ขำเลยครับ งั้นผมขอตัวนะครับ ดึกแล้ว”
“เฮ้ย!! ไหวเนอะ? นอนที่นี่เหมือนทุกทีก็ได้!!”
“ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้มีเรียน”
“ปกติไม่เห็นจะเคยห่วงเรียน”
“ผมไม่หวงแต่คนนี้ที่ห่วง” พี่เต๋าชี้มาทางคนตัวเล็กที่ทำท่าทางพร้อมจะออกจากที่นี่มากที่สุด

ชานนท์รีบยกมือไหว้อาภพเป็นการอำลาอีกอีกฝ่าย ส่วนพี่เต๋าก็ทำตามทันที พี่เต๋าเดินนำหน้าชานนท์หลังจากปฏิเสธการชักชวนให้นอนพักที่นี่ต่ออึกครั้ง

“ขอโทษนะนนท์ อาพี่เขาก็ขี้เล่นแบบนี้ จนบางทีก็ดูไม่ออกว่า อันไหนจริงอันไหนล้อเล่น” พี่เต๋าหันมาทำหน้ารู้สึกผิด
“หัวใจผมนี่ตกวูบไปถึงตาตุ่ม..... ว่าแต่... แต่พี่เต๋าเคยทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”
“ทำอะไร?”
“แบบ..... ขออะไรกันแบบนี้!!”
“จะให้พี่ตอบแบบรักษาภาพ หรือให้ตอบแบบจริงๆล่ะ”
“แปลว่าก็เคย!”
“ก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ เขาก็เต็มใจนะ เพราะอาภพเอ็งก็ดูดีมีเสน่ห์ไม่เบาอยู่ ว่าแต่นนท์ไม่สนใจบ้างเหรอ?”

“เอ่อ... ไม่ดีกว่าครับ!” แม้มันจะเป็นความจริงที่อาภพมีเสน่ห์สไตล์อาเสี่ยนิสัยดีที่ยังดูแลตัวเองได้ดีอยู่ แต่ชานนท์ก็ไม่ใช่คนแบบนั้น นึกถึงก็ยังขนลุกอยู่เลย

พี่เต๋าเดินออกห่างจากห้องอาหารเรื่อยๆ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งเหมือนพี่เต๋ามีขาที่ไม่แข็งแรง เขาเดินช้าลงและมีการหยุดเดินเป็นระยะ รวมถึงพี่เต๋าแทบจะไม่พูดกับชานนท์เลย

“พี่เต๋า เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามขึ้น
“อืม...... ความจริงพี่ไม่ค่อยสบายน่ะ พอมาดื่มเยอะขนาดนี้ก็เลยเสียศูนย์นิดหน่อย” พี่เอกหยุดเดินและมีอาการหอบเล็กน้อย
“ไหวไหมครับ พักก่อนไหม?”
“ไหวสิ! ไหว!! ไป!! เดินกันต่อ เกือบถึงลานจอดแล้วครับ”
พี่เต๋าพูดจบก็ก้าวเดินต่ออย่างฝืนๆ
“อย่าเลยครับพี่ นอนพักสักหน่อยก็ได้ครับ หากพรุ่งนี้ออกแต่เช้าก็น่าจะไปเรียนทันคาบแรก” ชานนท์คว้าไหล่อีกฝ่ายไว้ไม่ให้เดินต่อ

“แต่..... พี่ยังไหวจริง!!”
“อย่าเลยครับ อันตราย ผมก็ขับรถไม่เป็นเสียด้วย.... พักเสียที่นี่ก็ได้ครับ!!” ชานนท์ตัดสินใจพูดเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของทั้งพี่เต๋าและตัวเอง
“แน่ใจนะ” พี่เต๋าถามอีกฝ่ายแต่แฝงความดีใจอยู่ในแววตา ภายใต้ใบหน้าที่ดูอ่อนล้า
“ครับ!!” ชานนท์พยัดหน้าด้วยความที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งสองพากันมาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม พี่เต๋าคุยโทรศัพท์เพื่อขอที่พักจากอาภพด้วยท่าทางสีหน้าแปลกๆ

“เป็นอย่างไรบ้างครับ?” ชานนท์ถามขึ้นหลังที่พี่เต๋าวางสาย
“โอเค..... แต่ว่า....... ช่วงนี้มันไฮซีซั่น มันก็เลยเหลือห้องเดียว ที่เป็นเตียงเดี่ยวแบบคิงไซส์น่ะ...... คือ..... น้องนนท์ นอนเตียงเดียวกับพี่ได้ใช่ไหม?” พี่เต๋ามีท่าทางอึกอักในการตอบคำถาม
“ได้สิครับ” ชานนท์ตอบกลับอย่างไม่คิดมาก
“พี่ก็นึกว่าเราจะกลัวพี่จนไม่กล้าอยู่ห้องเดียวกับพี่แล้ว”
“เอ่อ...... ผมไว้ใจพี่ครับ ผมว่าคนเราคงไม่ทำผิดซ้ำซ้อนหรอกนะครับ อีกอย่างวันนี้พี่ก็ไม่ได้เมาเหมือนวันนั้น!”
“พี่ดีใจนะที่น้องนนท์ยังไว้ใจพี่”

“ห้องพร้อมแล้วคะคุณเต๋า”  พนักงานประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์กล่าวแจ้งกับพี่เต๋าอย่างคุ้นเคยพร้อมยิ้มหวานจับใจ
“โอเค ไปกันเถอะ!” ท่าทีของพี่เต๋าดูกระชับกระเฉงขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่ชานนท์แสดงท่าทียินยอมนอนร่วมห้องกับเขา
“ครับ” ชานนท์ตอบและก้าวเดินตามไป
“ไว้ใจพี่ได้เลย พี่ชอบใคร พี่จะให้เกียรติเขามากนะ อย่างนนท์ พี่ให้แบบสุดๆ ไปเลย!!”

“แต่กูไม่ไว้ใจมึงวะ!!”
เสียงคุ้นหูดังขี้นจนเกิดเสียงกังวานไปทั่วโถงที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา

“เฮ้ย!! มาได้ไงวะ ไอ้รุฒ!!” พี่เต๋ามีท่าทีตกใจ
“มุกโง่ๆ แบบเนี้ยใช้บ่อยจนกูจับไต๋ได้แล้ว ใครเชื่อก็ควายแล้ว!!” วรุฒแผดเสียงมาทางชานนท์
“นายก็ซื่อเกินไปนะ ไม่รู้จักเข็ดหลาบเสียบ้าง!! มานี่มา!! เรามารับกลับแล้ว!!”
“เอ่อ... นายรู้ได้ไงว่าเราอยู่นี่!!” ชานนท์ทำท่าทางแปลกใจ
“ไอ้เต๋ามันมีที่ประจำไม่กี่ที่หรอก!!” วรุฒพูดจบก็เดินมาคว้ามืออีกฝากและใช้แรงดึงให้อีกฝ่ายเดินตามมา
“เดี๋ยวๆ แล้วพี่เต๋าล่ะ?”  ชานนท์รั้งตัวเองพลางมองพี่เต๋าที่ยืนทำสายตาเศร้าสร้อยผิดหวังมาทางชานนท์ ด้วยอาการที่ยืนยันผนังไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม

“นายจะไปห่วงมันทำไม ที่นี่ก็โรงแรมในเครือญาติมัน มันมาบ่อยยิ่งกว่าบ้านอีก!” วรุฒหันมาให้ข้อมูลด้วยประโยคสไตล์เขาและยังคงออกแรงลากชานนท์ให้เดินต่อไป

ส่วนชานนท์ได้ยินดังนั้นก็แอบเห็นด้วยจึงได้แต่ยอมก้าวเท้าตามวรุฒแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายไม่สามารถเดินตามฝีก้าวยาวๆ ของวรุฒได้ทัน จนกระทั้งไปสะดุดล้มขาตัวเองตรงบริเวณประตูทางออกไปลานจอดรถยนต์ทางด้านหลังโรงแรม ด้วยปฏิกิริยาอันรวดเร็วของวรุฒ ทำให้เขาหยุดฝีเท้าและหันมาคว้าชานนท์ขึ้นมาอุ้มในท่าทางดุจเจ้าบ่าวอุ่มเจ้าสาวเข้าหออย่างรวดเร็ว ชานนท์รู้ว่าร่างกายตัวเองลอยคว้างอยู่กลางอากาศอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะไปตกลงในอ้อมแขนที่คุ้นเคย วรุฒปฏิบัติกับชานนท์เหมือนตุ๊กตาหมีน่ารักตัวใหญ่ที่เบานุ่มและน่าทะนุถนอม

“นายเนี่ยนะ ต้องให้เป็นห่วงเสียเรื่อย ทำไมไม่เดินดีๆ เกือบล้มแล้วไหมล่ะ!” วรุฒบ่นกับชานนท์ที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างกระชับ
“เพราะใครกันล่ะ ฉุดกระชากให้เดินตามมาจนแทบจะลอยจากพื้น!!”
“เอ่อ...........”
“ไม่ต้องมาเอ่อเลย ก็เพราะนายนี่แหละ” ชานนท์ได้ทีเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีสำนึกผิดเลยใส่อารมณ์ในคำพูดขึ้นนิดหน่อย
“เราขอโทษ ก็เราเป็นห่วงนาย อยากไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ เดี๋ยวไอ้เต๋ามันจะหาเรื่องรั้งนายไว้อีก!! เรา..... ”
วรุฒมีท่าทีอ้ำอึ้งลังเลที่จะพูดที่ท้ายประโยค
“อะไรนะ!?!” ชานนท์รู้สึกแปลกกับประโยคที่ตอบกลับของวรุฒ เขาไม่นึกว่าวรุฒจะพูดขอโทษง่ายขนาดนี้ ปกติน่าจะพยามโยนความผิดให้กับเขาตลอดเวลา

“คนมันหึงน่ะ มันทำได้ทุกอย่างแหละ!!” วรุฒพูดขึ้นทั้งที่หน้าแดงและไม่มองหน้าคนตัวเล็กที่เขาอุ้มอยู่
“หึง???? ..... เอ่อ.....” สถานการณ์แบบนี้ทำเอาชานนท์ตอบโต้ไม่ถูกเช่นกัน ทำไมเขาต้องรู้สึกเขินกับไอ้คำแปลกๆแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้

และแล้วทั้งคู่ก็นิ่งไปพักใหญ่ ปล่อยให้บรรยาการอยู่ในความเงียบจนได้ยินเสียงวิ้งภายในหู ก่อนที่วรุฒจะตัดสินใจเดินอุ้มชานนท์ไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล

“ปล่อยเราลงได้แล้วอายเขา!!” ชานนท์พยายามดิ้นให้วรุฒปล่อยตนเองจากอ้อมแขนอันทรงพลัง
“อย่าขยับสิเดี๋ยวตกนะ อุ้มจนจะมาถึงรถอยู่แล้วเพิ่งจะมาอาย” วรุฒขยับแขนกระชับให้ชานนท์ใกล้ชิดตัวเองมากขึ้น

“เอ่อ.... เดี๋ยวนะ.... นั่น” ขณะที่ขยับตัวไปมาอยู่นั้นสายตาก็ไปบรรจบกับรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีดำคลับที่คุ้นตา พร้อมเจ้าของรถที่ส่งยิ้มแห้งมาทางเขาอย่างไม่จงใจ
“นั่นพี่เอก!!” ชานนท์พูดขึ้นทันทีหลังที่ทรงตัวที่พื้นเรียบร้อย วรุฒได้ปล่อยตัวชานนท์ลงเมื่อมาถึงรถของเขา
“อืม! ก็ต้องขอบใจเขานะ ไม่อย่างนั้น เราก็ไม่รู้จะต้องห่วงนายไปถึงตอนไหน?” วรุฒตอบขณะกำลังจัดร่างกายสูงใหญ่ของตัวเองเข้าไปในรถมินิคูเปอร์ด้านคนขับ
“งั้นเราขอไปทัก....” ในขณะที่ชานนท์กำลังจะก้าวไปหารุ่นพี่ของเขา รถบิ่กไบค์ของพี่เอกก็ขับผ่านหน้าชานนท์ไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชานนท์มองไฟท้ายสีแดงไปจนลับสายตาอย่างงงงวย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 2 และ3) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-09-2019 12:03:03
ตอนต่อไป 18+
โบนัสให้นะครับ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 17 ส่วนที่ 3) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-09-2019 12:04:30
.................................

ชานนท์และวรุฒกลับมาถึงหอพักโดยใช้เวลาไม่นาน  ใช้เวลาไปเท่าไหร่ไม่ทราบ เขารู้แต่ว่าเร็วกว่าขาไปมาก

“เป็นอะไรหรือเปล่า เมาเหรอ?” วรุฒเดินมาลูบหัวชานนท์เบาๆ หลังจากเขาเดินโซเซออกมาจากรถ
“ไม่ได้เมาไวน์นะ เราดื่มมานิดเดียว แต่เมารถที่นายขับนั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะรีบร้อนอะไรหนักหนา” ชานนท์ปัดมือที่ยังลูบหัวอย่างเอ็นดูของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ก็เรารู้ว่านายต้องรีบกลับมานอน เพราะพรุ่งนี้เรามีเรียนกันแต่เช้า” วรุฒตอบกลับด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ดูมีเสน่ห์จนใครก็ยากจะต้านทาน ‘คนอะไรจะหล่อได้ขนาดนี้วะ’ ชานนท์คิดในใจ
“ มันก็เร็วไป อันตราย!” แม้จะตอบแบบนั่นแต่ก็ได้แต่อมยิ้มกับคำตอบของวรุฒไม่ได้ ทำให้เห็นว่าวรุฒก็เอาใจใส่ชานนท์กว่าที่คิด

ระหว่างเดินไปทางหอพัก ชานนท์ไม่ลืมที่จะเหลือบไปมองไปทางลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใกล้กับทางขึ้นตัวอาคาร เขาสังเกตเห็นว่ารถของพี่เอกยังมาไม่ถึงหอพัก เขาตั้งใจว่าจะแวะไปทักทายและขอบคุณที่พาวรุฒไปรับเขา แต่ในเมื่อพี่เอกไม่อยู่ ชานนท์เลยตั้งใจว่าจะทำมันในวันพรุ่งหากมีโอกาสได้เจอพี่เอก

ชานนท์โยนตัวเองลงบนที่นอนอย่างหมดแรง แม้จะดื่มไวน์ไปไม่มากแต่ดีกรีความแรงของแอลกอฮอล์ในไวน์ก็ออกฤทธิ์ใส่ชานนท์ผู้ไม่ประสากับการดื่มของมึนเมาพอสมควร

ความเข้มแข็งของเขาที่อุตส่าห์อดกลั้นมาตลอดจนถึงห้องพักพังทลายลงมาทันทีเมื่อมาเจอกับที่นอนนุ่มๆแบบนี้

“อาบน้ำก่อนดีไหม?” เสียงวรุฒที่กำลังถอดเก็บอุปกรณ์ติดตัวทุกอย่างลงบนโต๊ะอ่านหนังสือฝั่งของเขาอย่างช้าๆ แต่สายตากลับจ้องมองคนตัวเล็กอย่างไม่วางตา สายตาของวรุฒไม่สามารถปิดบังแรงปรารถนาบางอย่างได้เลย

“รู้แล้วน่า เรานอนไม่หลับหรอก หากไม่ได้อาบน้ำน่ะ” ชานนท์เถียงกลับด้วยถ้อยคำที่ไร้เรี่ยวแรง
“เออ... ให้มันจริง!” วรุฒพูดย้อนชานนท์ไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับไม่มีเสียงต่อล่อต่อเถียงใดๆโต้กลับมา
“ไหนว่า...... จะไม่หลับไง!!” วรุฒเดินย่องไปคล่อมตัวชานนท์ไว้เหมือนสิงโตกำลังขย้ำกวางน้อยที่หมดสติ
“อืม..... แค่พักสายตาน่ะ” ชานนท์ตอบกลับทั้งๆ ที่ยังหลับตาสนิท
“อืม.......” วรุฒตอบไปทั้งที่กำลังพิเคราะห์ความปล่อยตัวของอีกฝ่ายที่ปล่อยให้เขาพาดคล่อมร่างกายตัวเองอย่างไม่ปฏิเสธขัดขืนหรือแสดงความไม่พอใจ วรุฒสำรวจร่างกายในชุดนักศึกษาหลวมๆของชานนท์อย่างละเอียด ร่างบอบบางที่มึผิวละเอียดขาวเนียนตั้งแต่หัวจรดเท้าที่แสดงถึงความเอาใจใส่ตัวเองอย่างดี ดวงตากลมโตที่หลับพริ้มแสดงให้เห็นขนตาดกหนาจาวพอดี คิ้วโก่งคมได้รูปที่ผู้หญิงหลายคนต้องอิจฉา ใบหน้าเล็กๆ กับผิวหน้าที่เนียนขาวอมชมพูและเรื่อแดงเพราะฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มเข้าไป ทั้งหมดทำให้วรุฒรู้สึกหลงไหลกับภาพตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก  เขาเผลอใช้มือลูบไปตามแขนไล่ไปจนถึงเอวและต้นขา มันกระชับได้รูปไปหมด กลิ่นหอมจากตัวผสมกับกลิ่นไวน์ผสมกันกลับเป็นกลิ่นที่ลงตัวจนวรุฒแอบก้มลงไปดมใกล้ๆที่ซอกคอคนตัวเล็กที่นอนอยู่
“ไหนว่าพักสายตา ทำขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย...” วรุฒกระซิบใส่หูชานนท์เบา
“อืม.... ขอ... อีก....แปปนะ” ชานนท์พูดเบาตอบกลับมาทั้งที่ไม่ได้ขยับตัวเลย
“ไม่ได้!! เดี๋ยวหลับจริง” วรุฒขยับตัวตั้งตรงและใช้มือช้อนร่างเล็กของคนตรงหน้ายกขึ้นสูงเหนือเตียง
“เฮ้ย.!!!!! ทำอะไรน่ะ” ชานนท์สะดุ้งตื่นตกใจ
“จะพาไปอาบน้ำไง!!”
“ไม่เป็นไร!! ไปเองได้!!”
“ไม่เอา! เราตัดสินใจแล้ว!!”
“ใครใช้ให้นายตัดสินใจแทนเรา”
“ด้วยความเป็นแฟนของนาย เราตัดสินใจให้ เพราะหากนายยังนอนแบบนั่นต่อไป เรามีหวังได้ปล้ำนายแน่ๆ”
“แฟนเฟินอะไรกันวะ ใครเป็นแฟนนาย!?!” ชานนท์โวยวายหน้าแดง
“งั้นจะแสดงให้ดูก่อนนอนเอง!!”
“เฮ้ย!! ไม่นะ!!” ชานนท์พยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนอีกฝ่าย แต่วรุฒแข็งแรงเกินไปทำให้ชานนท์ได้แต่จำใจโดนอุ้มเข้าไปในห้องน้ำไป

โชคดีที่ชานนท์รู้จักปฏิเสธมากขึ้น และใจแข็งพอ แม้จะโดนเล้าโลมภายใต้ฝักบัวนานแค่ไหน ชานนท์ก็ไม่โอนอ่อนโดยง่าย จนสุดท้ายเขาก็เลยรอดพ้นจากการโดนเอาเปรียบในห้องอาบน้ำ

”เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย?” ชานนท์ถามขึ้นหลังที่วรุฒเดินไปแต่งตัวอย่างเงียบๆ หลังจากออกจากห้องน้ำ
“นายกำลังทรมานเรา.....” วรุฒพูดสั้นๆ และไม่ได้มองกลับมาที่ชานนท์
“ทรมาน.....???” ชานนท์ทวนคำพูดวรุฒด้วยความสงสัย
“เราไม่เคยต้องเก็บกดขนาดนี้ เวลาเราอยากได้ เราก็ต้องได้!!” วรุฒเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงในชุดนอนสีขาวสว่างสดใส ผมที่ยังเปียกชื่นไหลตกลงมาปรกหน้าอย่างไม่มีระเบียบ แต่ก็ยังดูหล่อจนชานนท์ละสายตาจากวรุฒไม่ได้ ‘คนอะไรทำอะไรก็น่ามองไปหมด’ ชานนท์แอบคิดในใจ

“นายอยากมาคบกับเราเองนี่นา ก็ต้องอดทน เราไม่อยากเจ็บตัวบ่อยๆ น่ะ เข้าใจเรานะ”
“อืม...... ก็เข้าใจ แต่นายมัน... น่ารัก..... น่ารักเกินไป”  วรุฒพูดไปเขินไป สายตาที่บ่งบอกถึงแรงปรารถนาถูกส่งมาถึงชานนท์จนเขารู้สึกร้อนวูบวาบในช่องอก
“อืม..... นอนเหอะ” ชานนท์ตอบแก้เขินและเดินไปปรับผ้าห่มเพื่อเตรียมตัวเข้านอนที่เตียงแสนสุขของฝั่งตนเอง
“ถ้า อย่างนั้น เราตัดใจก็ได้...... แต่เราขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม? มานอนกับเรา ให้เรากอดก่อนนอนหลับได้ไหม?” วรุฒทำหน้าและส่งสายตาขอร้องที่ดูน่ารักจนอยากวิ่งไปกอด
ชานนท์ได้ฟังอย่างนี้แล้วแทบจะตอบตกลงในทันทีแต่...
“ไม่... ไม่เอาน่ะ เดี๋ยวนอนไม่หลับ” เขาต้องขืนใจทนใจแข็งไว้ ทนกับกับแรงยั่วยุที่ยากจะต้านทานของอีกฝ่ายให้ได้
“นะ.... นะ.... แค่กอดเอง...” วรุฒใช้เสียงโทนพิฆาตที่ยากจะปฏิเสธ วรุฒพูดซ้ำไปมาในขณะที่ชานนท์ข่มตาไม่รับฟัง
“เออๆ ก็ได้” และแล้วชานนท์ก็ใจอ่อนยวบกับท่าไม้ตายของอีกฝ่าย

ชานนท์ล้มตัวลงนอนด้านในติดผนัง เพราะคาดหวังว่าจะให้ร่างอันใหญ่โตของอีกฝ่ายช่วยเป็นกำบังกั้นลมจากเครื่องปรับอากาศที่ถูกปรับทิศทางให้ลงมาที่เตียงฝังนี้แบบเต็มที่

วรุฒปิดไฟในห้องทั้งหมดยกเว้นโคมแอลอีดีรูปพระจันทร์เต็มดวงที่อยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือข้างเตียง แสงสีเหลืองทองอ่อนส่องเรืองทำให้เห็นบรรยากาศในห้องที่เปลี่ยนไป แสงบางเบาทำให้มุมมองต่างๆ ในห้องดูสลัวจนเหมือนไม่ได้อยู่ห้องเดิม

ชานนท์นอนคลุมผ้าห่มจนเกือบมิดศรีษะ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผ้าห่มและเตียงนอนทพให้รู้สึกผ่อนคลาย วรุฒมุดตัวเข้ามาในผ้าหอบเอาลมเย็นก้อนหนึ่งเข้าภายใต้ผ้าห่มจนทำให้ชานนท์ขนลุกชูชัน เขาใช้มือลูบแขนตัวเองเบาๆ เพื่อใช้แรงเสียดสีลดความหนาวเย็นลง ผิวที่สากเพราะรูขุมขนต่างตั้งกระชับจนเขาแอบบ่นในใจ ‘จะเปิดเครื่องปรับทำไมให้มันเย็นขนาดนี้นะ!?’ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหัวข้อแรกๆ ที่เขาเคยปะทะกัน แต่ด้วยนิสัยของชานนท์ สุดท้ายก็ต้องยอมทนหนาวไป หากจะสังเกตดีๆ เตียงทางฝั่งชานนท์นั้น มีผ้าห่มมากกว่า 1 ผืนวางอยู่

“หนาวเหรอ?” วรุฒหันมาถามอย่างอ่อนโยนพร้อมทั้งสอดมือทั้งสองข้างประสานให้ร่างชานนท์อยู่เป็นกึ่งกลาง เวลาผ่านไปไม่นาน ชานนท์ก็เหมือนถูก กลืนเข้าไปในท้องคนตัวใหญ่เสียแล้ว

“อืม” ชานนท์ตอบสั้นๆด้วยความอ่อนเพลีย “ แต่ตอนนี้อุ่นขึ้นแล้ว” ชานนท์พูดจบก็ใช้หน้าซุกเข้าไปหาความอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้า แผ่นอกที่หนาใหญ่บึกบึน ความอบอุ่นไหลผ่านมาที่ชานนท์จนเขารู้สึกสบาย บวกกับกลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ ที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของวรุฒทำให้เข้าไม่อยากถอยห่างจากมันเลย

“ไหนว่าแค่กอดกันไง!!” เสียงชานนท์พูดเสียงดุเมื่อรู้สึกถึง ‘ของแข็ง’ บางอย่างใต้ผ้าห่มหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที
“นายทำถึงขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว” วรุฒพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันอึดอัด
“เราไปทำอะไร?!?” ชานนท์ภายใต้อ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้นส่งเสียงอู้อี้ขึ้นมา
“นายมาซุกไซ้เราขนาดนี้ ใครไม่เกิดอารมณ์ก็ตายด้านแล้ว!!” วรุฒพูดจบก็จับร่างชานนท์เลื่อนขึ้นจนใบหน้าขนานกัน  ชานนท์ไม่เคยรู้สึกเคยชินกับอาการโดนลากไปลากมาขนาดนี้
“ทำอะไรน่ะ หยุดเลยนะ! เราเพลียจะแย่อยู่แล้ว” ชานนท์ยกมือขึ้นมาปิดปากคนตรงหน้าก่อนที่ริมฝีปากนั่นจะฝ่ามาถึงริมฝีปากตนเอง
วรุฒแม้จะโดนขัดขืนถึงขนาดนี้แต่อารมณ์ตอนนี้ของเขามันรั้งไม่อยู่เสียแล้ว เขาเหมือนคันศรที่วางอยู่บนธนูที่ถูกง้างเสียจนสุดแรงจนไม่สามารถรั้งกลับได้แล้ว เขาใช้มือที่แสนชำนาญของเขาลูบไล้ปลุกปั่นไปตามจุดต่างๆ ของร่างกายของคนตัวเล็กตรงหน้า มือเหล่านั้นเหมือนมีเวทมนต์ ชานนท์อ่อนแรงลงเรื่อยๆ ชานนท์ถูกวรุฒสยบได้เพียงไม่กี่กระบวนท่า เขารู้ตัวอึกทีก็ถูกอีกฝ่ายกดลงไปนอนราบอยู่กับเตียงในขณะที่คนตัวใหญ่ขนาบอยู่ด้านบน แต่ถึงกระนั้นชานนท์กลับรู้สึกถึงแรงกดทับน้อยมาก วรุฒจัดกระบวนท่ากับชานนท์อย่างทนทะนุถนอม วรุฒมองลงมาที่ชานนท์ด้วยสายตาที่มองสิ่งล้ำค่าตรงหน้าจนชานนท์รู้สึกเขินอายจนอุณหภูมิบนใบหน้าสูงขึ้นจนตัวเองรู้สึกได้

“จะทำอะไรก็รับทำสิ!” ชานนท์เบือนหน้าหนี
“บอกมาก่อนสิว่านายก็ต้องการ” ชายร่างใหญ่ที่กดร่างค่อมชานนท์อยู่พูดอย่างได้ใจ
“อะไรน่ะ จะให้พูดอะไรบ้าๆ แบบนั้นเพื่ออะไร!” คนร่างเล็กที่นอนราบอย่างยอมแพ้โวยลั่น
“บอกมา!!” วรุฒก้มลงกระซิบที่ข้างหูพร้อมเป่าลมเข้าช่องหูเบาๆผสมกับจุมพิตที่ใบหูและไซ้ไปมาจนคนที่นอนราบทางด้านล่างบิดตัวด้วยความรู้สึกดีและร้องครางออกมาในคอ

“โอย..... พอ.... พอแล้ว โอเคๆ เราต้องการ!! เราต้องการมัน!!!” ชานนท์ร้องออกมาอย่างจำยอม เพราะทนกับความวูบวาบที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ไหว
“งั้นก็จัดไป!!” วรุฒเงยหน้าขึ้นพูดด้วยรอยยิ้มพอใจ

เพียงชั่วพริบตาเสื้อผ้าของทั้งสองคนก็ถูกถอดออกและไปกองอยู่ที่ข้างเตียง กระบวนการทั้งหมดกระทำเพียงวรุฒคนเดียว ชานนท์ถูกกอดก่ายและซุกไซ้พร้อมกับถูกปลดเสื้อผ้าออกในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ชานนท์เหมือนไม่อายที่จะต้องถูกถอดเสื้อผ้าโดยวรุฒอีกต่อไปแล้ว มันทำให้เขาเข้าถึงสิ่งที่วรุฒมอบให้มากขึ้น ครั้งนี้วรุฒทำทุกอย่างนุ่มนวลขึ้นและเนิบนาบกว่าเดิมมาก ชานนท์ไม่ได้รู้สึกถึงความใคร่ที่ถูกถาโถมมาเหมือนในครั้งก่อน แต่เขารู้สึกถึงความรักที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างตั้งใจ

จนกระทั้งถึงจุดไคลแมกซ์ที่ชานนท์เตรียมใจพร้อมรับ เขาถูกจับให้อกแนบกับพื้นเตียง และชันเข่าขึ้นเล็กน้อย ชานนท์หลับรอรับสิ่งที่จะตามด้วยความเตรียมใจ แต่สิ่งที่เขารู้สึกกลับผิดแผกไป วัตถุอันอ่อนนุ่มเรียวลู่และเปียกชื้นกำลังชะโลมเล้าเย้าหยอกอยู่บริเวณปากทางเผด็จศึก  ความว่องไวและเทคนิคต่างๆ ของคนที่ลงมือเอาหน้าไปอยู่ที่บั้นท้ายของเขานั้นทำให้ชานนท์ร้องโอดครางอย่างเสียอาการ มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดจู่โจมไปที่ชานนท์จนแทบสิ้นแรง ความชื้นลื่นโรมลันรอบปากทางพวกนั้น เขาไม่คิดว่าจุดนี้จะเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกเช่นกัน

“เดี๋ยวมัน.... สก.... สกปรกนะ”
“ไม่นะ เราล้างมันเอง เรารู้!!”
“นาย... นายนี่มัน... อ่าาาาา”
“นายจะให้เราหยุดก็ได้นะ!” วรุฒหยุดกิจกรรมและพูดขึ้น แต่ชานนท์ก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหอบหายถี่จนแทบจะพูดไม่ได้ แต่วรุฒยังไม่ทันจะได้รีบคำตอบ เขาก็จัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยทุกเทคนิคที่เขามี จนชานนท์พยายามจะถอยหนีจากมัน

เวลาผ่านไปนับสิบนาที สิบนาทีที่ชานนท์ได้แต่หยิกกำผ้าตู้ที่นอนจนยับเยินเสียรูป ในที่สุดวรุฒก็ถอนปากตัวเองออกจากช่องทางของชานนท์ ในขณะที่ที่ชานนท์กำลังพยายามจับกลุ่มก้อนอ๊อกซิเจนเข้าปอดให้เต็ม หลังจากที่เขาผ่านช่วงหายใจหายคอได้อย่างยากลำบากกับความรู้สึกดุเดือดที่วรุฒมอบให้ เขาก็รู้สึกถึงของเหลวเหนียวเย็นได้ถูกชโลมรอยปากทางที่ถูกกรุยทางด้วยลิ้นสว่านของวรุฒ ทำให้ชานนท์เผลอที่จะสะดุ้งตกใจไม่ได้

“โอ้ย....!! ทำอะไรน่ะ!!”
“รู้แล้วยังจะถาม!”
“ก็.... มันตกใจ....”
“พร้อมนะ...!”
“เราพูดว่า ‘ไม่’ ได้ไหมล่ะ?!?”
“ก็ไม่ได้น่ะสิ วันนี้นายพร้อมกว่าทุกครั้งเลยนะ และอีกอย่างวันนี้ซื้อของดีมาลองด้วย เขาว่าไว้ใช้กับผู้ชายโดยเฉพาะเลย ซื้อมาแพงนะเนี่ย!”

อะไรนะ?...... อ่ะ!!” ไม่ทันที่ชานนท์จะได้คำตอบจากการพรรณนาของวรุฒ บางสิ่งที่ใหญมนถูกดันเข้ามาทางช่องทางที่ชุ่มไปด้วยเจลเย็น ตอนนี้ชานนท์รู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างบอกไม่ถูก ยังไงของๆ เขามันก็แค่โรงจอดรถบ้านธรรมดา มันไม่พอจะให้เครื่องบินลำใหญ่มาจอดแน่นอน แต่ด้วยความพยายามของวรุฒ เครื่องบินลำใหญ่ของคนตัวสูงก็ถูดดันเข้ามาในตัวชานนท์จนสุดลำ

ชานนท์ร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด และพยายามถอยหนีคนตัวใหญ่อีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จเพราะวรุฒได้โผตัวลงมากอดคนตัวเล็กไว้แน่น และโน้มตัวลงจุมพิตที่ต้นคอและไล่เรียงลงมาจนถึงริมฝีปากเพื่อยับหยั่งการร้องโอดโอยของคนข้างเขา

ไม่นานความเจ็บปวดต่างๆ ก็ทุเลาลง ชานนท์เริ่มเคลิบเคลิ้มกับการถูกคนตัวสูงบดขยี้ริมฝีปากอย่างร้อนแรง เมื่อวรุฒเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มผ่อนคลายก็ก็ค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้าๆ ชานนท์มีสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมผ่อนคลายและขยับไปตามจังหวะที่คนตัวสูงนำไปอย่างช้าๆ

ครั้งนี้ชานนท์ยอมรับว่าไม่เจ็บเท่าที่ควรและเขายังรู้สึกดีกับมันจนไม่อย่างให้วรุฒเอาสิ่งนั้นออกมาเสียด้วยซ้ำ

หลังจากที่วรุฒสังเกตว่าชานนท์มีอารมณ์ร่วมกับตนเรียบร้อย เขาก็จัดการเปลี่ยนท่าทางต่างไปตามความถนัดของตนเอง ชานนท์ที่หลงเข้าไปในมรสุมอารมณ์ตรงนี้แล้วก็ยากที่จะถอนตัวได้ เขาจึงได้แต่เล่นตามบทบาทที่วรุฒมอบให้อย่างว่าง่าย

สะโพกที่ปราดเปรียวของวรุฒขยับอย่างว่องไวจากจังหวะแจ็สเป็นจังหวะร็อคจนไปถึงอีดีเอ็ม ส่วนสะโพกของชานนท์และแก้มก้นกลับร้อนฉ่าไปหมด จนในสุดจังหวะอีดีเอ็มก็หยุดลงพร้อมเสียงร้องอย่างพอใจของคนตัวใหญ่ดังอยู่ข้างหู ชานนท์รู้สึกเหมือนถังน้ำมันของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำมันที่บ่าเข้ามาจนรู้สึกชื้นแฉะ

“เดี๋ยว!!” วรุฒพูดขึ้นขณะชานนท์เริ่มขยับตัวผละออกหลังจากที่วรุฒหยุดนิ่งในสภาพที่ยังคาราคาซังอยู่แบบนั้น
“อะไร?!” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย
“นายก็ต้องสบายตัวด้วย!!” วรุฒพูดจบก็คว้าหมับเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ทางด้านหน้า กำบีบลูบไล้จนชานนท์ขนลุกไปทั้งตัว ตัวการใช้นิ้วมือกำหลวมๆ และรูดขึ้นลงอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากก็โลมไล้อยู่บริเวณต้นคอ ชานนท์รู้สึกสุขจนแทบจะลอยออกจากเตียง ไม่นานสิ่งที่คิดว่าอ่อนนุ่มไปแล้วก็กลับคืนชีวิตขึ้นอีกครั้ง ช่องทางของคนตัวเล็กกลับมารู้สึกคับแน่นขึ้นมาอีกครั้ง กระตุ้นให้ชานนท์รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับมือของวรุฒมาขึ้น คนตัวสูงค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนชานนท์เผลอร้องเสียงน่าอายออกมา กว่าจะรู้ตัวและหยุดปากตัวเองได้ก็ทำไปร่วมนาที ชานนท์พยายามกลั้นเสียงเหล่านั้นในลำคอ แต่ก็กลั้นไม่อยู่เมื่อเครื่องจักรใหญ่โตทางด้านหลังเร่งเร้าอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดเขาก็ถึงสุดทางและเขื่อนที่เขาพยายามกลั้นไว้ก็แตกบ่าออกมา วรุฒเห็นผลงานที่ตนเองทำก็รู้พอใจเร่งเร้ากระบวนรักของเขามากขึ้นจนเขื่อนของเขาก็พังทลายบ่าออกมาเช่นกัน ทั้งสองหมดเรี่ยวแรงและนอนหมอบลงในท่าเดิมจนกระทั้งหลับไป

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 2 และ3) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-09-2019 15:52:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ไม่เสร็จอิพี่เต๋า  ก็มาเสร็จอิตาวรุฒแหละ  แถมเสร็จไปสองรอบด้วย  หุหุ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 2 และ3) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-09-2019 17:01:05
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 2 และ3) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 01-09-2019 19:50:11
สนุกมากคัฟ o13
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 17 ส่วนที่ 2 และ3) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-09-2019 23:12:54
อาพี่เต๋านี่หื่นจริงๆ แอร๊ยยย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 18 ส่วนที่ 1) อัพ 10 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-09-2019 15:30:06
บทที่ 18

The competition


ในที่สุดวันแสดงสดเพื่อคัดเลือกดาวเดือนก็มาถึง ชานนท์ใจเต้นตึกตักตลอดทั้งวันจนแทบไม่มีสมาธิเรียนหนังสือเลย บางคาบเรียนเขาถึงกับเหม่อลอยจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของอาจารย์ที่เรียกเขาตอบคำถามเลย

“เป็นอะไรน่ะครับ?” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ซึ่งชานนท์ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรนอกจากผ่อนหายใจออกมายาวๆ

“อืม.... นิดหน่อยครับ.....” ชานนท์ตอบกลับด้วยท่าทีตึงเครียด และรู้สึกขัดๆ นิดหน่อยเวลาวรุฒพูดกับเขาด้วยโทนเสียงและถ้อยคำแบบนี้ เขายังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เพราตั้งแต่เขายอมรับความรู้สึกตัวเองและยอมรับกับวรุฒเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน วรุฒก็อ่อนโยนขึ้นมาก มากจนเขายังรู้สึกปรับตัวไม่ทัน บางครั้งต้องให้วรุฒพูดถึงสองสามครั้ง เขาถึงจะตอบกลับ

“นาย... ไม่สบายหรือเปล่า? ปกติในห้องเรียนจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ” วรุฒใช้หลังมือทาบไปที่หน้าผากอีกฝ่ายจนชานนท์อุณหภูมิสูงขึ้นด้วยความเขินอาย
“ไม่มีอะไรครับ ........ แค่รู้สึกตื่นเต้น รุฒไม่เครียดเหรอ วันนี้ต้องออกไปแสดงจริงๆ แล้วนะ ได้ยินว่าคนมาดูแต่ละปีหลายร้อยเลยนะ!!” ชานนท์ตีโพยตีพายเล็กน้อย
“เราเฉยๆ นะ เราโดนให้ทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วก็เลยชิน อีกอย่างไม่ได้คาดหวังเรื่องดาวเดือนอะไรกับเขาหรอก แต่ร่วมกิจกรรมตามหน้าที่ ไม่อย่างงั้นแม่โกรธตาย” แม่ของวรุฒเป็นถึงผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย ชานนท์ยังจำภาพอันงามสง่าของ ดร. ศศิประภาได้ ความสวยและความเก่งของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้ชานนท์เรียนอย่างหนักโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

“นึกว่าการเกิดเป็นลูกคนเป็นใหญ่เป็นโตแบบนั้นจะทำอะไรก็ได้เสียอีก” ชานนท์หันไปแสดงความคิดเห็นกับวรุฒ
“อืม...... คือ...... มีเรื่องอะไรนิดหน่อยที่ไม่อยากให้แม่โกรธอีกน่ะ  เอาเป็นว่า เราพยายามอยู่นอกเรดาร์แม่อยู่น่ะ”
วรุฒพูดด้วยสีหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกและซีดลงเล็กน้อย
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายจะกลัวอะไรกับเขาด้วย แม่นายดุขนาดนั้น!!??”
“ก็ไม่ดุหรอก แต่.........ก็ไม่อยากให้เธอหมดความอดทนกับเราน่ะ ไม่งั้น...... ช่างมันเถอะ” วรุฒมีความอึดอัดในสีหน้า
“ถึงรุฒจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ที่ผ่านมา นายก็กวนบาทาเขาไปทั่วไม่ใช่หรือไง? แล้วไหนจะเรื่องที่มาซ้อมเราอีก แปลกนะที่แม่นายจะไม่รู้เรื่อง”
“เรามีวิธีของเราน่า.... มันมีวิธีเยอะแยะไม่ให้ใครรู้เรื่องที่เราไม่อยากให้รู้!! พูดถึงเรื่องนั้น เรายังรู้สึกผิดอยู่เลยนะ” พูดจบวรุฒก็ใช้นิ้วเชยคางอีกฝ่ายให้เฉิดขึ้นในมุมที่องศาริมฝีปากตรงกัน

‘พั่บ!!’

เสียงฝ่ามือแหวกอากาศมาปะทะทาบบนใบหน้าวรุฒเบาๆ

“เดี๋ยวๆ นี่มันที่สารณะนะ!!” ชานนท์พูดเสียงเข้ม
“ไม่เห็นต้องแคร์!!”
“แต่เราแคร์ไง!!”
“แฟนกันไม่เห็นเป็นไร?”
“ที่นี่ประเทศไทยนะ ต่อให้เป็นแฟนกันมันก็ไม่ดี!!”
“หึ!!”
“ขำอะไร?”
“อย่างน้อยนายก็ยอมรับแล้วไงว่าเราเป็นแฟนกัน!”
“เอ่อ...... ไอ้บ้า!!”

“นี่ๆ สองคนนั้นน่ะจะไปกินข้าวหรือเปล่า!!?” เมย์เดินกลับเข้ามาในห้องส่งเสียงมาจากทางประตู
“เออๆ ไปสิ!” ชานนท์ลุกเดินหนีจากวรุฒที่ยืนยิ้มแก้มปริ ชานนท์ไม่ได้หันกลับไปมองว่าคนตัวใหญ่เดินตามมาหรือเปล่า เพราะรู้สึกเขินเกินกว่าจะมองหน้าอีกฝ่ายตอนนี้

“นี่ๆ นนท์” เมย์เอ่ยถามขึ้นขณะพาชานนท์เดินห่างจากวรุฒในระยะที่คาดว่าอึกฝ่ายจะไม่ได้ยิน
“อะไร..?” ชานนท์หันมาทำหน้าแปลกใจ
“ได้กันแล้วใช่ป่ะ?” เมย์ถามในระยะประชิด
“เฮ้ย!!”
“ตกใจอะไรวะ? คำถามธรรมดาๆ”
“เป็นสาวเป็นนาง ถามอะไรแบบนี้”
“นายนี่ความนึกคิดโคตรจะโบราณ!! ว่าแต่ใช่... ใช่ไหม?”
“เอ่อ.......”
“ชัวร์แล้ว!! ยัยมายด์ เสียพนันแล้ว!!”
“เดี๋ยวนะ!! เอาเรื่องเราไปพนันกันเนี่ยนะ!!? แล้ว....... รู้ได้ไง?” ชานนท์เสียงอ่อนลงที่ปลายประโยค
“เฮ้อ!!! ชัดขนาดนี้ สาววายอย่างเราไม่พลาดแน่นอน พวกนายสองคนมันมีเคมีแปลกๆ กันเรื่อยๆ ยิ่งช่วงนี้ ชัดเลย!!”
เมย์ยืดอกพูดอย่างภูมิใจ

“.......” ชานนท์ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงแม้เขาจะยอมรับเรื่องความรู้สึกตัวเองกับวรุฒแล้ว แต่กับคนอื่นเขาก็ยังไม่พร้อมกันจะบอกกับใครอยู่ดี
“ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องแบบนี้มีแต่สาววายเท่านั้นที่ได้กลิ่น หรือไม่ก็พวก.....”เมย์หยุดที่ท้ายประโยคและลังเลที่จะพูด
“เดี๋ยวๆ สาววายนี่อะไร? แล้ว ไอ้ประโยคสุดท้ายนี้ทำไมพูดไม่จบ?”
“เฮ้อ..... เบื่อที่จะคุยกับคุณตาอย่างนายจริงๆ เรื่องสาววายไปถามแฟนนายดู ส่วนเรื่องประโยคสุดท้ายนี้อยากรู้จริงๆเหรอ?”
“อยากรู้สิ!!”
“ก็พวกผู้ชายแฟนคลับนายไง นายไม่รู้รึว่า นายมีแฟนคลับน่ะ”
“หา!!! เราเนี่ยนะ?”
“เออไง รู้สึกคนที่เป็นหนึ่งในตัวตั้วตัวตีแต่งตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาก็เป็นหนึ่งในเดอะสตาร์ของมหาวิทยาลัยด้วยนะ รู้สึกจะชื่อ.... อืม..... เต๋า ใช่ๆ รุ่นพี่เต๋าคนที่แต่งตัวเหมือนนักธุรกิจตลอดเวลาน่ะ”
“!?!?!” ชานนท์ได้แต่ทำสีหน้าตกใจตอบไป

....................

แสงแดดอ่อนๆ ช่วงบ่ายแก่เวลาสี่โมงเย็น คือเวลานัดรวมพลของเหล่านักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทุกชั้นปีที่มีหน้าที่ในการจัดงานคัดเลือกดาวเดือนคณะฯ พร้อมทั้งยังเป็นการแสดงแสนยานุภาพของการขึ้นแสตนด์เชียร์ที่ไม่เคยพลาดรางวัลประกวดเลยแม้แต่ปีเดียว

ไอร้อนที่ระอุขึ้นจากพื้นหญ้าสีเขียวแกมน้ำตาลที่สนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดภาพบิดเบี้ยวจนเหมือนเกิดแอ่งนำ้เล็กๆขึ้นหลายแห่งกลางสนาม ลานวิ่งสีน้ำตาลอ่อนที่มีการดูแลอย่างดีจากชมรมกรีฑาที่ล้อมรอบสนามขนาดใหญ่นั้นดูสวยงามมากเมื่ออยู่กลางแจ้งแต่ไอร้อนจากแสงอาทิตย์ที่สะสมมาทั้งวันซึ่งสะท้อนมาถึงแสตนด์ที่จัดงานนั้นถือว่าไม่ธรรมดา เพื่อนๆ ในวิชาเอกเดียวกับชานนท์พากันบ่นอุบเมื่อเดินทางมาถึง แต่ชานนท์กลับคิดว่า พวกเพื่อนๆ เขายังโชคดีกว่าเขามาก เพราะไม่ต้องลงไปแต่งตัวแปลกๆ และแสดงท่าเต้นเข้าจังหวะต่อหน้าคนเป็นร้อยแบบนี้

ชานนท์มองบรรยากาศความโกลาหลของบรรดาเพื่อนๆ ของเขาในการขึ้นแสตนด์เชียร์ครั้งแรกอย่างรู้สึกอิจฉา หากเลือกได้เขาอยากขอเปลี่ยนกับใครสักคนบนนี่นตอนนี้เลย

ความวุ่นเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเมื่อพวกรุ่นพี่ว้ากทั้งหลายมาจัดระเบียบด้วยเสียงอันดังสนั่นแบบไม่ต้ิงพึ่งพาเครื่องกระจายเสียงจนเข้ารูปเข้ารอยภายในระยะเวลา ไม่เกินห้านาที แสดงถึงการฝึกระเบียบวินัยของทีมกองเชียร์นั้นแข็งแรงมากๆ ชานนท์รู้สึกทึ่งถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนๆ ที่ต้องฝึกซ้อมแยกกันมาตลอดทั้งเดือน

“ว่าไง? พร้อมหรือยังน้อง?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล พี่เอกเดินยิ้มจนเหลือตาเพียงเส้นเดียวมาแต่ไกล ความขาวสว่างของผิวพรรณพี่เอกท่ามกลางแสงแดดในบ่ายแก่ๆ แบบนี้ ยังคงสร้างความประทับใจให้ชานนท์เหมือนเคย ที่ผ่านมาพี่เอกมีท่าทีเหินห่างจากชานนท์พอควร หลังจากเหตุการณ์ล่าสุด ชานนท์จะเจอพี่เอกก็เฉพาะเวลาฝึกซ้อมเท่านั่น ชานนท์เคยได้ยินจากรุ่นพี่คนอื่นๆ ว่าช่วงนี้พี่เอกเที่ยวหนักมาก เมาจนถึงสว่างทุกวัน ชานนท์สงสัยว่าต้นเหตุมาจากตนเองหรือเปล่า? แต่เขาก็ไม่กล้าที่ถามหรือพูดคุยตรงๆ ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมากับพี่เอกสักที เพราะทุกครั้งที่พี่เอกมาพบกับเขา พี่เอกยังพยายามทำตัวเหมือนเดิมอยู่

“ไม่พร้อมก็คงต้องพร้อมแล้วใช้ไหมครับ?” ชานนท์ตอบกลับไปแบบสั่นๆ ถึงจะผ่านเหตุการณ์นั่นมา เขาก็ยังพยายามทำตัวเป็นรุ่นน้องที่น่ารักเหมือนเดิม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้น งั้นเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องจัดเตรียมกันเถอะ” พี่เอกยิ้มกลับมาและกวักมือเรียกชานนท์ไปในทิศห้องจัดเตรียม

ห้องเปลี่ยนเสื้อตั้งอยู่ด้านหลังแสตนด์เชียร์ เป็นห้องที่ถูกจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ไว้พร้อมสรรพ ทั้งชุดโต๊ะและเก้าอี้จำนวนมาก บนโต๊ะจัดวางต่างจัดวางกระจก โคมไฟแอลอีดีขนาดเล็ก กล่องเครื่องสำอางค์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ชานนท์ไม่สามารถระบุได้หมด ภายในห้องขนาดใหญ่เกือบเท่าห้องเรียนอยู่ในความโกลาหลไปหมด ทั้งรุ่นพี่ที่เป็นคนดูแลงาน ทั้งรุ่นพี่ที่เป็นสปอนเซอร์ ทั้งรุ่นน้องที่เป็นตัวแทนของคณะฯ ที่กำลังจะทำการแสดง ทุกคนต่างวุ่นวายอยู่กับหน้าของตัวเอง จนแทบจะแยกแยะใครต่อใครไม่ออกเลย

“ทางนี้นนท์!!” พี่เอกเดินมาคว้ามือชานนท์และเดินนำไปที่เต้นท์เปลี่ยนเสื้อผ้าสีน้ำเงินขนาดใหญ่
“เอ่อ.....”
“ไม่ต้องงง! เอ้านี่ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเดี๋ยวเขาก็จะเรียกรวมพลแล้ว!” พี่เอกยื่นเสื้อผ้าที่มีรูปแบบต่างจากเดิมเล็กน้อยมาไว้ในมือ
“นี่มัน...?”  ชานนท์พลิกเสื้อผ้าที่ได้ไปมา เขาสังเกตเห็นว่ารูปแบบมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“พี่บอกให้ไอ้คนออกแบบมันปรับใหม่น่ะ ชุดมันล่อแหลมไปหน่อย เดี๋ยวจะโดนอาจารย์เตือนกัน แต่เวลามันจำกัดเลยเปลี่ยนได้เท่าที่เห็น” พี่เอกยิ้มแห้งหลังพูดจบ

“ครับ” ชานนท์ตอบรับและรีบเข้าไปในเต้นเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที หลังจากปลดเสื้อผ้าตนเองออกเรียบร้อย เขาก็กลับมาสำรวจชุดที่ตัวเองจะใส่อีกครั้ง ส่วนที่เป็นผ้าบางใสถูกแทนที่ด้วยผ้าสีเงินและทองมันวาบ ส่วนที่รัดจนนูนเด่นก็มีการเพิ่มดีไซน์ให้ดูมิดชิดมากขึ้น จากที่เคยเป็นเสื้อแขนกุดก็เป็นแขนสั้นแบบรัดรูปแขน โดยรวมถือว่าดีขึ้นมาก แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐานความแปลกประหลาดอยู่ดี และก็ยังใส่ยากเหมือนเดิม

“เงียบไปเลย ใส่ได้ไหม? ให้พี่เข้าไปช่วยไหม?” พี่เอกพูดเสียงดังเข้ามาในเต้นท์
“ไม่... ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้ครับ เดี๋ยวผมออกไปแล้วครับ!!” ชานนท์รีบลนลานปฏิเสธ เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ชานนท์ระวังตัวมากขึ้น

เวลาผ่านไปหลายนาที ชานนท์เดินออกมาด้วยสภาพทุลักทุเล ชุดดูยับเยินบิดเบี้ยวไปจากที่ควรจะเป็น สภาพแบบนี้ทำให้พี่เอกเห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ เขาเลยปล่อยหัวเราะออกมาแบบพยายามกลั้นไว้แต่ไม่อยู่

“นี่ไงพี่ถึงบอกว่าให้เข้าไปช่วยไหม?” พี่เอกพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย
“ขำอะไรเนี่ย ก็มันใส่ยากจริงๆ” ชานนท์แสดงท่าทีโกรธผสมงอนออกไป
“มาๆ เดี๋ยวจะจัดให้” พี่เอกเดินมาจัดแจงเสื้อผ้าให้ชานนท์อย่างทะมัดทะแมง
“เอ่อ...... พี่เอกครับ” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่มือพี่เอกจับจีบจัดแจงความเรียบร้อยเสื้อผ้าให้ชานนท์
“หือ? ว่าไง?” พี่เอกยังคงง่วนอยู่กับเสื้อผ้าของชานนท์
“เรื่อง..... วันนั้น.....?” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“อ้อ..... ก่อนอื่นเลย พี่ขอโทษนะ พี่ชอบน้องจริงๆ ขอโทษที่ทำให้อึดอัดนะ แต่เห็นนนท์ยอมมาคุยกับพี่แบบนี้พี่ก็สบายใจแล้ว คงไม่โกรธพี่แล้วนะ” พี่เอกดูใจเย็นกว่าที่ชานนท์คิด
“อืม...... ไม่แล้วครับ.... ผม.... ผมเข้าใจ”
“แต่ถึงน้องจะไม่รับรักจากพี่ แต่พี่ก็ยังชอบเราอยู่นะ พี่จะรอก็แล้วกันนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า จะดีหรือครับ?” ชานนท์หัวเราะกลบเกลื่อน
“พี่ไม่ชอบฝืนใจใคร...... ถ้าเห็นนนท์มีความสุข พี่ก็มีความสุขนะ”  ประโยคนี้จากพี่เอกทำให้ชานนท์ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี

“แต่งตัวแค่นี้ทำไมต้องเครียดด้วย หรืออยากเปลี่ยนคนช่วยแต่งตัวไหม?”  เสียงคุ้นหูที่ดูหาเรื่องดังจากที่ไม่ไกล ชานนท์หันไปทางต้นเสียงก็พบกับวรุฒที่แต่งตัวแต่งหน้าทำผมเรียบร้อย แต่พี่วิเองก็ยังตามติดดูแลเสื้อผ้าหน้าผมไม่ห่าง จัดตรงนั้นที ตกแต่งตรงนี้ทีไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่วรุฒยังก้าวเดินมาหาชานนท์เรื่อยๆ

“รุฒ!! เธอช่วยอยู่นิ่งๆ ได้ไหม? ชุดมันยังไม่ค่อยเรียบร้อยเลย จะรีบไปไหนเนี่ย?!?” พี่วิเริ่มโวยวายขณะที่พยายามมองภาพรวมให้ออกมาดี
“.........” วรุฒคิ้วขมวดแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยืนนิ่งๆให้พี่วิสัมผัสร่างกายของเขาไปทั้งร่าง

ชานนท์มองภาพข้างหน้าตัวเองอย่างอ่อนเพลียกับพฤติกรรมของรุ่นพี่ทั้งสอง ที่ต่างฝ่ายต่างจัดการรุ่นน้องตัวเองอย่างไม่เสร็จสิ้นเสียที

“อุ้ย! เอ่อ.... พี่..... ตรงนั้นมัน...” ชานนท์สะดุ้งเมื่อพี่เอกได้พยายามจัดระบบเสื้อผ้าใต้ช่วงเอวของชานนท์
“ชุดนี้มัน...... เฮ้อ...... พี่ละงงจริงๆ ใครมันรับบรีฟจากพวกเราไปวะ วิ!!? ไม่ได้เรื่องเลย!!” พี่เอกทำหน้าขอโทษ ชานนท์ก่อนจะบ่นกับพี่วิที่กำลังง่วงอยู่จุดเดียวกัน
“นั่นสิ.... ตรงเป้ามัน.... คับไปหน่อยนะ” พี่วิมองเหมือนกำลังจินตนาการอยู่มากกว่ากลุ้มใจ
“ใช่น่ะสิ อุตส่าห์บอกแล้วนะ ว่าเดี๋ยวจะโดนอาจารย์ว่าเอาน่ะ ชุดนี้มันไม่เหมาะสมเสียเลย ถึงมันจะเป็นกางเกงกีฬาก็เถอะ พยายามเอาชายเสื้อหรือพร๊อบส่วนอื่นมาปิดแล้วแต่มันก็ยังเด่นอยู่ดี!!” พี่เอกก็เอาแต่จ้องส่วนนั้นของชานนท์จนเขาเริ่มอึดอัด รุ่นพี่สองคนที่ต่างนั่งชันเขาคุยกับเป้าของรุ่นน้องทั้งสองมันดูเป็นภาพที่ชวนขันจริงๆ แต่วรุฒก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจรุ่นพี่ทั้งสอง เขาเอาแต่มองมาทางชานนท์อละคอยถามว่าโอเคไหม? แต่ชานนท์ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆกลับไป เพราะเขาเห็นตัวเองในกระจกทีไรก็นึกว่าเป็นตัวตลกจากคณะละครสัตว์ที่ไหนสักแห่ง ส่วนวรุฒนั้น แม่จะอยู่ในชุดชวนขันแต่ก็ยังมีรัศมีโดดเด่นแผ่ออกมาอยู่ดี สรุปว่าเป็นคนแต่งอะไรออกมาก็ดูดีจนน่าอิจฉา

“จะนั่งจ้องกันอยู่อย่างนี้อีกนานไหม! ใกล้ถึงเวลาแล้วไม่ใช่เรอะ!!” เสียงหงุดหงิดของคุณชายเอาแต่ใจแผดขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับจับจ้องไปที่พี่เอกที่มองรูปร่างที่รัดรึงอยู่ในชุดเข้ารูปของชานนท์อย่างไม่วางตา มันเป็นสายตาที่ตัวเขาเองเข้าใจดี เพราะเขาก็มองชานนท์ตอนนี้แบบนั้นเช่นกัน ยิ่งได้เห็นก้นที่แน่นเนื้อนูนเด่นงอนสวยนั้น ยิ่งทำให้เขาอยากพาชานนท์กลับถึงห้องโดยไว จะได้จัดการให้สมใจ

“เอ้อ!! ใช่ๆ งั้นเราไปดูเรื่องหน้ากับผมกัน ที่ฝั่งโน้น พี่จ้างช่างมาให้ต่างหากเลย!!” พี่เอกรู้สึกหลุดออกจากภวังค์ และลุกขึ้นชวนชานนท์ไปอีกด้านหนึ่งของห้องที่แสนจะคึกคักวุ่นวาย

“รุฒจะไปไหน? ของเราอยู่ทางนี้!!” พี่วิใช้มือฉุดร่างใหญ่ให้มาทางทิศฝั่งตรงข้าม เพราะวรุฒทำท่าเหมือนจะเดินตามแฟนของเขาไป พอเจอการฉุดรั้งของผู้หญิงแรงช้างแบบพี่วิเลยต้องจำใจเดินไปตามหน้าที่ ทั้งที่ดวงตายังคงจับจ้องคนตัวเล็กที่เดินหายไปอย่างไม่วางตา

.................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 1) อัพ 1 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-09-2019 16:16:05
พี่เต๋าเป็นแอดมินแฟนคลับน้องเหรอนี่
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 18 ส่วนที่ 2) อัพ 18 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 18-09-2019 11:41:49
สุดท้ายกว่าทุกอย่างจะลงตัวก็ทำให้แม้แต่คนที่นั่งและยืนเป็นตุ๊กตาให้คนนั้นคนนี้จับแต่งตัวแต่งหน้าอย่างชานนท์ยังรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด

ชานนท์พื้นฐานเป็นหน้าหวานสวยคล้ายผู้หญิงอยู่แล้วจนมีคนทักเขาผิดหลายครั้งแล้วเพราะเขาหน้าเหมือนแม่มาก หลังจากโดนพี่ช่างแต่งหน้าที่ได้รับบรีฟธีมการแต่งหน้าจากหัวหน้าทีมดีไซน์ ทำให้สีสันต่างๆ จากเครื่องสำอางค์ที่แต่งแต้มใบหน้าแนวแฟนซียิ่งขับให้ใบหน้าของชานนท์โดดเด่น และสวยหวานจนผู้หญิงบางคนมาเห็นจนต้องร้องตกใจ พี่ช่างแต่งหน้าคนนี้ก็เก่งมาก เมื่อเทียบกับช่างแต่งหน้าคนอื่นๆ แล้ว ฝีมือดีกว่ามาก

“พี่เอก พี่เอก!!” ชานนท์เรียกพี่เอกที่ยืนยิ้มชื่นชมผลงานของตนเองอย่างใจลอย
“อ่ะ! เอ่อ!! อะไร?” พี่เอกเหมือนสติเพิ่งกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง
“หน้าผมเป็นไงบ้างครับ?” ชานนท์ถามอย่างไม่มั่นใจ
“สวย.... เอ้ย!.... โอเค!! ดูดีมาก!!” พี่เอกยกนิ้วโป้งขึ้นมาสองมือเสมอใบหน้าให้ชานนท์เพื่อเป็นการเสริมกำลังใจ
“จริงนะ ผมรู้สึก... ไม่เป็นตัวเองเลย?” ชานนท์หันกลับไปส่องกระจกที่อยู่ไม่ไกล
“ดี!! มันดีจริง ขอบคุณพี่จูนมากเลยนะครับ!!” พี่เอกหันไปแสดงความขอบคุณพี่ช่างแต่งหน้าเพศชายที่ดูหวานและมีจริตเกินหญิงไป 200%

“หนังหน้าน้องมันดีอยู่แล้วไหมล่ะ ฉันแทบไม่ได้ใช่เทคนิคพิเศษอะไรเลย!! เนี่ยจะว่าไป ลองไว้ผมยาวหน่อยไหม เธอนี่สวยกว่าชะนีในห้องนี้อีกนะ!!” พี่จูนช่างแต่งหน้ายิ้มตอบกลับมา
“แหม... พี่ก็พูดเกินไป” ชานนท์ มีท่าทีขวยเขิน เขาคิดว่าแบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับเงินที่เขาไปรักษาสิวดูแลผิวหน้ามาในช่วงปิดเทอมจนแทบใช้เงินเก็บหมดตัว

“เดี๋ยวๆ จะใส่แว่นจริงๆเรอะ?!?” พี่จูนทำท่าปรามชานนท์ที่กำลังหยิบแว่นขึ้นมาสวม
“ก็เดี๋ยวผมมองไม่เห็น”
“โอ้ย!! กูล่ะกลุ้ม ฉันแต่งให้เสียสวยแต่ดันเอาแว่นมาใส่บังหมด!!” พี่จูนมีท่าทีหัวเสียโวยวาย
“ไม่เป็นไรผม ผมเตรียมคอนแทคเลนส์ไว้แล้ว!!” พี่เอกถลามาห้ามเสียงโวยเหล่านั้นด้วยการวางกล่องคอนแทคเลนส์รายวันบนโต๊ะ
“เออ!! ให้มันได้แบบนี้ ดีมาก!!” พี่จูนทำเสียงพึงพอใจกับสิ่งเล็กน้อยที่เห็น
“เอ่อ...... แต่ผมไม่เคยใส่.....” ชานนท์ตอบอ้ำอึ้ง
“ไม่ยากเดี๋ยวพี่ช่วย!!” พี่เอกรีบอาสา

หลังจากทุลักทุกเลให้พี่เอกคลุกวงในอยู่นาน ชานนท์ก็เดินออกจากห้องด้วยอาการระคายเคืองตาอย่างมาก ด้วยความไม่คุ้นเคยจนเกิดอาการไม่มั่นใจในการเดินจึงทำให้เดินได้ช้ากว่าปกติ ท่ามกลางเสียงอึกทึกของบรรดารุ่นพี่ผู้เตรียมงานที่ต่างโกวกแหวกโวยให้บรรดาเชียร์ลีดเดอร์ที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมให้ออกไปตั้งแถวด้านนอกห้องเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย เวลานี้พวกรุ่นพี่ที่เป็นสปอนเซอร์ถูกห้ามไม่ให้เข้ามาช่วยเหลืออีกแล้ว ต่อจากนี้ไปคือการเริ่มเก็บคะแนนที่แท้จริง!!

“มานี่!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล พร้อมกับมีมือหนึ่งคว้ามือเขาและกุมแน่น และพาเขาออกเดินด้วยความเร็วเพื่อให้ทันกับคนในกลุ่มที่ต่างทยอยตั้งแถว

“รุฒ??” ชานนท์พยายามปรับสายตาที่ค่อยๆ ปรับกับการใช้อุปกรณ์ใหม่ในร่างกาย
“ทำไมไม่ใส่แว่น??” รุฒถามขึ้นทันทีหลังจากพาคนตัวเล็กมาถึงที่แถว
“พี่เอกให้ใส่คอนแทคแลนส์”
“แล้ว.. นายเคยใส่หรือไง? เออๆ ช่างเถอะ!!”
“ทำไม? นายว่ามันไม่โอเคเหรอ เราดูแย่ขนาดนั้นเลย งั้นเดี๋ยวเรากลับไปใส่แว่นก็ได้”
“บ้าเนอะ!! ไม่ต้อง!! แต่หงุดหงิดน่ะ!!”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็มันดูดีไง น่ารักมากเลย ไหนจะแต่งแบบนี้อีก เราอยากเก็บไว้ดูคนเดียวได้ไหม เวลาที่นายถอดแว่นน่ะ!” วรุฒตอบแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ ดูขวยเขินจนขานนท์รู้สึกแปลกตา สุดท้ายเขาเองก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“เฮ้ย!! อย่าเอาแต่คุยกัน ตั้งแถวตามที่ซ้อมกัน ระหว่างรอการเปิดตัวก็ทำสมาธิไว้!!” เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนใส่โทรโข่งอย่างสุดเสียง

ทุกคนในแถวต่างสงบลงและทำท่าเตรียมพร้อม หลายคนสูดลมหายใจลึกจนได้ยินเสียงดังพร้อมกัน หลายคนทำสมาธิโดยการหลับตาและขยับปากเหมือนกำลังสวดมนต์ เช่นเดียวกับชานนท์ที่ระงับอาการตัวสั่นตื่นเต้นด้วยการทำสมาธิเหมือนเช่นที่เขาทำก่อนสอบทุกครั้ง ท่อง ‘พุธโธ พุธโธ’ ในใจไปมานับครั้งไม่ถ้วน

‘หมับ’

เสียงมือหนึ่งมาขย้ำที่แก้มก้นข้างหนึ่งของเขาอย่างแรง
“โอ้ยย !!! ทำอะไรเนี่ย!!” ชานนท์หันไปค้อนคนตัวสูงข้างๆ
“จะได้หายตื่นเต้นไง” แม้จะพูดแบบนั้นแต่สายตามันบอกไปอีกแบบหนึ่ง แรงปรารถนาอันแรงกล้าบางอย่างครุกกรุ่นอยู่ในดวงตานั้น ถึงจะชานนท์จะพยายามทำหน้าหงุดหงิดใส่แต่วรุฒก็ยังพยายามลูบคลำกัอนกลมแน่นตึงนั้นอีกครั้ง
“พอได้ไหม?” ชานนท์ใช้มือหยิกที่หลังมือวรุฒและเหวี่ยงออกไป
“แต่ก็ได้ผลนะ” วรุฒยิ้มย่อง
“ได้ผลอะไร!!”
“ก็นายหายสั่นแล้วนี่ไง”
มาถึงตรงนี้ชานนท์แอบเห็นด้วยกับวรุฒ เลยไม่รู้ว่าเขาควรจะโกรธคนตัวสูงดีหรือไม่ ได้แต่เพ่งมองไปที่ดวงตาทะเล้นคู่นั้นอย่างไม่วางตา ทำให้ชานนท์เห็นว่าวรุฒในขณะที่แต่องค์จนครบเครื่องนี่มันมีทำลายล้างสูงไม่น้อยทีเดียว คนอะไรทำอะไรมันก็ดูดีไปหมด!!

...............

ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดตัวของเชียร์ลีดเดอร์ ผู้เข้าชิงดาวเดือนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีนี้ ชานนท์และผองเพื่อนต่างตบเท้าเข้าจังหวะเพื่อเดินออกไปยังสนามหน้าอัฒจันทร์เชียร์ ก่อนจะต้องวิ่งกระจายตัวไปเพื่อไปตั้งแถวใหม่อย่างสวยงามตามกำหนดการที่วางไว้ ในขณะที่ชานนท์ยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมด้วยหัวใจที่เต้นตูมตามจนแทบจะกระเด็นออกจากอกอยู่นั้น เขาก็ได้เห็นความพร้อมของคนที่อยู่บนอัฒจันทร์เช่นกัน มันช่างน่าตื่นตามาก แสดงให้เห็นว่าทุกคนต่างฝึกซ้อมกันอย่างหนักจนสามารถแสดงความมีวินัย และความพร้อมเพรียงกันได้ถึงเพียงนี้

ขณะที่ชานนท์กำลังมองภาพการร้องบวกกับกิจกรรมเข้าจังหวะ การเล่นอุปกรณ์ต่างๆประกอบการร้องเพลงเชียร์เพื่อเป็นกิจกรรมเปิดการแสดงจริงระหว่างทีมกองเชียร์และทีมเชียร์ลีดเดอร์ เขาเหลือบไปเห็นพี่ๆคณะกรรมการเชียร์ลีดเดอร์ ที่มองมาทางพวกเขาพร้อมปรบมือเบาๆ ทำหน้าปลาบปลื้มกับผลงานตนเองไม่หยุด

ก่อนที่เขาจะกลับมามีสมาธิกับตนเองเพื่อที่จะได้เริ่มเต้นในเพลงถัดไป เขาได้เหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่หางตาใกล้กับอัฒจันทร์กองเชียร์ กลุ่มคนซึ่งประกอบไปด้วยคนมากหน้าหลายตาที่เขาไม่คุ้นเคย แต่กลับมีป้ายไฟจากหลอกแอลอีดีสว่างไสวที่ประกอบเป็นชื่อของเขาและมีหัวใจดวงโตปิดที่หน้าชื่อและท้ายชื่อจำนวนมาก และในกลุ่มคนเหล่านั้นมีคนที่เขาคุ้นหน้าหนึ่งคนคือ ‘พี่เต๋า’ ในชุดลำลองแบบสุภาพเหมือนเคยทำให้เขาดูโดดเด่นออกมาจากกลุ่มคนเหล่าทันที

กองเชียร์ที่มาสนับสนุนคนที่ตัวเองชื่นชอบมีมากกมายเลยทีเดียว แต่ชานนท์ไม่นึกว่าเขาเองก็จะกลุ่มแฟนคลับกับเขาเหมือนกัน แม้จะเป็นกลุ่มไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับกลุ่มแฟนคลับของวรุฒ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกพัวใจพองโตไม่น้อย และมีกำลังใจในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้อยู่มากเลยทีเดียว

...................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 2) อัพ 18 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2019 12:00:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 2) อัพ 18 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-09-2019 20:49:15
พี่เต๋าสุดยอดเอฟซี5555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 2) อัพ 18 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-09-2019 22:46:36
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 2) อัพ 18 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 19-09-2019 13:11:28
พี่เต๋าเป็นFCอ่ะดีแล้วค่ะให้ลงเอยกับพี่เอกได้มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 18 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 22-09-2019 11:10:16

กิจกรรมผ่านไปได้ด้วยดี ชานนท์นั่งกึ่งนอนในบริเวณที่รุ่นพี่จัดเตรียมไว้ให้ เขารู้สึกหมดแรงและเริ่มตาลายจากอาการที่เขายังไม่ชินกับการใส่คอนแทคเลนส์ด้วย เขาหวนนึกถึงช่วงที่เขาต้องเป็นนำเชียร์แถวหน้า เพราะทุกคนจะต้องทำอย่างน้อยหนึ่งเพลง เขาพอใจกับผลงานตนเองพอควรเพราะอย่างน้อยเขาก็ทำมันได้ไม่ผิดพลาดแม้จะไม่ได้มีลีลาสวยงามหรือแข็งแรงเหมือนคนในทีม แต่ก็ไม่เสียแรงที่เขากับพี่เอกทุ่มเทกับเวลาที่ฝึกซ้อมไปหลายสิบชั่วโมง

“ทำได้ดีมาก ดีกว่าที่พี่คิดไว้อีก!!” คนที่เป็นเดือนคณะฯ ปีที่แล้วอย่างพี่เอกเดินมาชมเชยด้วยรอยยิ้มปลื้มปลิ่มกับผลงานชิ้นโบแดงของตัวเอง
“ขอบคุณครับ แต่ผมคงทำให้พี่ชนะพนันไม่ได้แน่เลย” ชานนท์พูดอย่างหมดแรง พูดจบเขาก็หันไปทางคนที่มีเสียงกรี๊ดมากที่สุดตอนแสดง คนที่ตอนนี้หลายๆ คนต่างเข้าไปรุมล้อมชื่นชม คนที่ทำอะไรก็ดูโดดเด่นไปเสียหมด ชานนท์มองที่ไปวรุฒด้วยแววตาชื่นชม
“เอาน่าๆ แค่นี้ก็ว่าเราทำได้ดีกว่าที่เราซ้อมไว้เยอะ ตอนแรกคิดว่าเราจะตื่นคนเสียอีก ปีนี้คนมาดูเยอะกว่าทุกปีด้วย! โดยเฉพาะไอ้ป้ายไฟพวกนั่น!! มาจากไหนกันวะ!!” พี่เอกทำเสียหงุดหงิดที่ท้ายประโยค ทำให้ชานนท์รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที เขานึกย้อนไปถึงภาพป้ายไฟเหล่านั้นที่มาให้กำลังใจเขา ป้ายเหล่านั้นเขียนชื่อของเขาชัดเจน และมีคนจำนวนไม่น้อยถือมันอยู่ เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาเองไปมีแฟนคลับเยอะขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือจะเป็นฝีมือพี่เต๋า!!

“ไม่ต้องคิดมากนะ เดือนคณะนี้ได้จากการลงคะแนนผ่าน แอปพลิเคชั่นของคณะฯ ไม่ได้มาจากเสียงกรี๊ดหรือคณะกรรมการของคณะฯแต่เพียงอย่างเดียวหรอก เรายังมีสิทธิ์ลุ้นอยู่!! ก็นนท์เล่นมีแฟนคลับเสียเยอะขนาดนั้น!!” พี่เอกเดินมาตบไหล่ชานนท์เบาๆพร้อมยิ้มให้กำลังใจ ชานนท์ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป

“ว่าไง! น้องนนท์!! สุดยอดไปเลยนะเรา!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลจนชานนท์ต้องหันไปทางต้นเสียงอย่างคาดไม่ถึง
“เฮ้ย!! มึงเข้ามาได้ยังไง? พื้นที่ตรงนี้มีแต่คนที่มีหน้าที่ในคณะฯถึงจะเข้ามาได้!!” พี่เอกเดินเข้ามาขวางทางผู้ที่เข้ามาใหม่ อย่างเต๋าทันทีที่เห็น
“เรื่องนั้นไม่ยาก แต่มึงคงไม่จำเป็นต้องรู้หรอกมั้ง ไอ้เอก!” พี่เต๋าตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเลห์
“มึงเข้ามาได้ยังไงกูไม่รู้ แต่คนไม่เกี่ยวข้องอย่างมึงกูต้องขอให้มึงออกไปเดี๋ยวนี้!!” พี่เอกเกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายอย่างไม่มีที่มาที่ไป
“มึงไม่มีสิทธิ์มาไล่กู!!”
“ทำไมกูจะไล่มึงไม่ได้ มึงไม่ใช่แม้แต่คนในคณะนี้!!”
“เพราะนี่ไง!!” เต๋าพลิกป้ายคล้องคอขึ้นมาแสดงให้อีกฝ่ายเห็นชัดขึ้น มันเป็นป้ายที่เขียนว่า ‘VIP’
“เฮ้ย!! คืออะไรวะ?” พี่เอกมองป้ายนั้นอย่างสงสัย ธีมการออกแบบป้ายนั้นเหมือนกับป้ายเจ้าหน้าที่บริหารงานที่เขาแขวนอยู่อย่างมาก
“มึงช่วยไปถามไอ้ชาญเองได้ไหม? กูขี้เกียจอธิบาย” เต๋าชี้ไปทางรุ่นพี่ที่เป็นประธานของงานกิจกรรมครั้งนี้
“เชี้ย!! กูว่าแล้วเชียวว่าทำไมงานปีนี่จัดเสียยิ่งใหญ่เชียว! หรือว่ามึงคือคนใจดีที่ให้เงินทุนในการจัดงานครั้งนี้!!”
พี่เอกสบถเบาๆ ในขณะที่เต๋าได้แต่ยักคิ้วและยิ้มเยาะอย่างสะใจ

“แต่มึงก็ยังไม่มีสิทธิ์มายุ่งย่ามกับรุ่นน้องกู!!” พี่เอกยังยืนกรานที่จะขวางทางเต๋าต่อไป
“มันไม่เรื่องที่มึงจะตัดสินใจ เพราะน้องกับกู เราสนิทกัน ไม่ใช่คนอื่นไกล มึงไม่มีสิทธิ์มาห้าม!! ให้น้องเขาตัดสินใจเอง!” เต๋าไม่ได้สนใจคนตัวสูงกว่าตรงหน้า เขาแทรกตัวผ่านพี่เอกมาอย่างง่ายดาย ตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าชานนท์ที่กำลังงงกับคำว่า ‘สนิทกัน’ ของเต๋า

“อ่ะ! พี่ให้ เป็นรางวัลให้คนเก่ง” พี่เต๋ายื่นดอกไม้ช่อเล็กๆ ซึ่งไม่ทราบว่าไปเก็บอยู่ตรงไหนของร่างกายที่บางเล็กนั่น จนทำให้ชานนท์รับมาอย่างประหลาดใจ

“ขอบ..... ขอบคุณครับ” ชานนท์รับมาไว้ในอ้อมแขน ดอกไม้นั่นยังดูสวยและสดมาก และดูจากการจัดวางก็น่าจะแพงมากด้วย ตอนนี้ทุกสายตาในห้องนั้นต่างจ้องมาที่ชานนท์เป็นตาเดียว
“เรื่องผลโหวตไม่ต้องห่วงนะ พี่และบรรดาแฟนคลับน้องนนท์จะไม่ทำให้นนท์ผิดหวัง” พี่เอกยิ้มหวานทรงเสน่ห์จนทำให้ผู้หญิงหลายคนในห้องต่างมาแอบกรี๊ดหวีดเล็กๆออกมา ‘เต๋าผู้มีรอยยิ้มเป็นอาวุธ’ สมชื่อจริงๆ

“ใกล้จะสิ้นสุดเวลาการลงคะแนนแล้ว น้องต้องเตรียมตัวเดินไปฟังผลทางด้านหน้ารบกวนผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากพื้นที่ด้วย!!” พี่เอกเดินมาหาเต๋าในระยะประชิด
“กูจะอยู่ มันไม่มีการตกลงเรื่องเวลา กูจะอยู่รอส่งน้องเขาออกไป”
“น้องต้องพัก และต้องแต่งหน้าแต่งตัวใหม่ด้วย มึงอยู่ก็เกะกะเสียเปล่า” พี่เอกเสียงเข้มขึ้นชัดเจน
“กูก็จะดูน้อง แค่นั่งดู และพูดคุยด้วยนิดหน่อย ไม่น่าจะเกะกะอะไร ...... พี่อยู่ด้วยได้ใช่ไหมครับน้องนนท์” เต๋าหันมาพูดกับชานนท์ที่ท้ายประโยคโดยไม่ได้สนใจสีหน้าอันเกรี้ยวกราดของพี่เอก
“มึงจะไม่ไปดีๆ ใช่ไหม?” พี่เอกก้าวเข้ามาขวางระหว่างชานนท์และเต๋า
“เอ่อ.....” ชานนท์พยายามหาคำพูดไกล่เกลี่ยทั้งสองคนก่อนที่จะมีเรื่องราวกันมากกว่านี้ แม้พี่เอกจะตัวสูงใหญ่กว่ามาก แต่เต๋าที่เคยยืนต่อกรกับวรุฒที่ดุดันได้อย่างไม่กลังเกรงนั้น ชานนท์ก็คิดว่าเต๋าเองก็น่าจะมีฝีมือเรื่องวิวาทไม่น้อยเช่นกัน

“พวกมึงไม่ต้องทะเลาะกันให้เสียเวลา เพราะนนท์จะไม่อยู่รอดูให้พวกมึงทะเลาะกัน นนท์ต้องไปกับกู!!”
เสียงดุดันเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของชายทั้งสองที่กำลังปะทะสายตาที่ดุดันใส่กัน ชานนท์ถูกแขนคู่หนึ่งคล้องประคองร่างทั้งร่างขึ้นมาแนบอกกว้างอย่างรวดเร็ว เขาไปอยู่ในอ้อมแขนอันใหญ่และทรงพลังอย่างไม่รู้ตัว กว่าชานนท์จะรู้ตัวว่าเป็นใคร เขาก็ถูกวรุฒอุ้มจากที่เกิดเหตุมาไกลพอควรแล้ว!!

“ปล่อยได้แล้วไหมเนี่ย?” ชานนท์พูดขึ้นเมื่อถูกสายตานับสิบจ้องมอง
“ไม่!!” วรุฒตอบเสียงห้วน
“ทำไมล่ะ? ไม่อายเขาหรือไง จ้องมากันใหญ่แล้ว!!” ถึงแม้ว่าวรุฒจะอุ้มพาชานนท์ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของห้องแต่ก็ยังไม่ยอมวางเขา
“จ้องก็จ้องไป เราไม่สนใจ!”
“แล้วนายไม่กลัวเสียคะแนนเสียงหรือไง!! สาวๆ ในห้องนี้แฟนคลับนายทั้งนั้น!!”
“เราไม่.......” อยู่ๆ วรุฒก็เหมือนฉุกคิดอะไรได้และวางเขาลงกับพื้น ทำให้ชานนท์รู้สึกแปลกใจที่วรุฒใส่ใจกับคะแนนเสียงของตนเองมากขนาดนี้!!

“ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัย เราไม่ได้อยากเป็นเดือนคณะขนาดนั้น!!” วรุฒรีบตอบกลับสีหน้าของชานนท์
“งั้นทำไมล่ะ?”
“อืม....... เราจะเป็นเดือนคณะเอง!” วรุฒตอบกลับมาด้วยเสียงอันเด็ดเดี่ยว แต่ก็ยังตอบไม่ตรงกับคำถามของชานนท์
“เออ! แปลกดี ไหนเคยบอกว่าไม่สนใจ แต่ทำไมวันนี้เปลี่ยนใจอยากเป็นขึ้นมา?”
“เพราะนาย!!”
“หา?!?”  ชานนท์ได้แต่ทำหน้าตกใจ
“แค่นี้เราก็เหนื่อยกับการตามหวงห่วงนนท์จะแย่! เดี๋ยวถ้านนท์ได้เป็นเดือนคณะฯจริงๆ ขึ้นมา เราคงแย่!!”
“........” คำตอบของวรุฒทำเอาชานนท์ตอบออกไปไม่ถูก ได้แต่รู้สึกวูบวาบในท้องน้อยอย่างประหลาด ใบหน้าร้อนผ่าวและหัวใจเต้นแรงจนได้ยินเต้นไม่เป็นจังหวะ สีหน้าที่วรุฒพูดมันช่างน่าประทับใจจนเขาสะกดการเต้นของหัวใจตัวเองไม่อยู่
“พูดอะไรของนายเนี่ย?” ชานนท์พูดแก้เขิน
“อืม... คิดอะไรออกแล้ว!! รอตรงนี้นะ!!” วรุฒพูดจบก็เดินหายไป ทำให้ชานนท์ได้แต่นั่งเคว้งคว้างอยู่คนเดียวในความอลม่านของห้องสำหรับเจ้าหน้าที่

“อ้าว!! อยู่นี่เอง!!” พี่เอกเดินมาเจอชานนท์ยืนพิงพนังอย่างเหม่อลอย
“ครับ!! พี่เอก?”
“ให้หาเสียทั่วเลย มานี่เร็ว ต้องเก็บหน้ากับแต่งตัวให้เรียบร้อย! ผลโวตจะปิดให้ 5 นาทีแล้ว มาเตรียมตัวไปฟังผลกัน!!” พี่เอกรี่เข้ามาหาชานนท์ด้วยความรีบร้อน และพาเขาไปทำนู่นนี่เหมือนเมื่อตอนเริ่มงาน ชานนท์แอบเห็นพี่เต๋ายืนยิ้มให้กำลังใจเขาจากที่ไกลๆ เนื่องจากเขายุ่งกับการทำหน้าแต่วตัวใหม่เสียจนไม่มีเวลาไปทักทายพี่เต๋าได้จึงได้แค่ยิ้มตอบกลับไป

ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังสนั่นลั่นห้องเป็นสัญญาณปิดการลงคะแนนเสียง รุ่นพี่ทุกคนต่างทยอยต้อนรุ่นน้องที่เข้าร่วมประกวดไปที่จุดประกาศผล เพราะมันกำลังจะเริ่มขึ้นใน 10 นาทีหลังจากการแสดงปิดท้ายจากบรรดากองเชียร์

.............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-09-2019 11:24:05
 :katai2-1:
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-09-2019 12:07:15
แฟนของใคร ใครก็หวงอ่ะเนอะ5555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-09-2019 12:52:30
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-09-2019 17:38:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 18 ส่วนที่ 4) อัพ 30 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-09-2019 18:18:54
วรุฒที่หายไปพักใหญ่ได้กลับเข้ามาอยู่ในแถวทันเวลาในสภาพสมบูรณ์แบบอีกครั้ง แม้จะมีอาการเหนื่อยหอบและมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาประปรายที่หน้าผาก แต่ก็ยังหล่อลากไส้ลากดินเหมือนเดิม วรุฒไม่ลืมที่จะขยิบตาส่งยิ้มมาให้ชานนท์ที่มองตนเองอย่างสงสัย

“และก็ได้เวลาปิดการลงคะแนนแต่เพียงเท่านี้ครับ!!”
เสียงของพี่ชาญ ประธานกรรมการจัดกิจกรรมะโกนออกไมโครโฟนเสียงดังลั่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่พยายามเกริ่นนำโดยการเล่นมุกแป๊กไปหลายมุก เขาคงเห็นว่ามุกที่เล่นทั้งหมดใช้ไม่ได้เลยตัดสินใจตัดบทโดยการปิดโหวตเอาดื้อๆ

หลังจากสิ้นเสียงดังกล่าวผู้เข้าร่วมประกวดทุดคนในแถวต่างหยุดอยู่ในความเงียบงัน โดยเฉพาะชานนท์ที่ได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นจนแทบจะเต้นหลุดออกมาจากอก

“ไม่ต้องตื่นเต้นไป ยังไงนายก็ไม่ได้เป็นหรอก!!” วรุฒหันมาพูดกับเขาเบาๆ คำพูดที่คนอื่นอาจจะฟังเหมือนดูถูกแต่ชานนท์เข้าใจความหมายในน้ำเสียงที่ดูหึงหวงเหล่านั้นได้ดี

“โอโห!!!! ได้ข่าวว่าคะแนนสูสีกันมาก ยิ่งในช่วงท้ายของการลงคะแนนยิ่งดุเดือด!!”  รุ่นพี่ชาญ ประธานกรรมการกิจกรรมร่างสูงโปร่งและทรงผมสีทองอันเป็นเอกลักษณ์พูดใส่ไมค์ด้วยความตื่นเต้น
“และในที่สุด!! เราก็ได้ผู้ชนะครับ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดไปจากการคาดการของพวกเราเท่าไหร่.... ทั้งฝ่ายดาวและฝ่ายเดือน แต่คนที่ได้รองอันดับหนึ่งของฝ่ายเดือนนี่สิ ทำให้ผมประหลาดใจไม่น้อยเลย!!” พี่ชาญกล่าวต่อท่ามกล่างเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น

“เราจะประกาศจากฝ่ายดาวก่อนนะครับ ผู้ชนะได้แก่.......” พี่ชาญรับแทปเล็ทเครื่องเล็กจากกรรมการกิจกรรมอีกท่านหนึ่งที่เคยยืนอยู่ทางด้านหลัง ท่ามกลางเสียงในสนามก็เงียบสงบลงเหมือนไร้ผู้คน จนได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องระงมไปทั่ว

“น้อง...... น้อง....... ยูกิ ครับ!!! โห...... แสดงความยินดีด้วยครับ เป็นไปตามคาดจริงๆ ครับ คนอะไร ตอนเหนื่อยโทรมขนาดนี้ยังน่ารักเลยครับ!!  น้องยูกิครับ รบกวนขึ้นมารับช่อดอกไม้แสดงความยินและมายืนถ่ายรูปรับรางวัลกับพวกพี่ๆ คณะกรรมการหน่อยครับ!!” พี่ชาญพูดจบก็เกิดเหตุชุลมุนไปกับการมอบดอกไม้และแย่งตำแหน่งกันถ่ายรูปร่วมกับดาวคณะฯคนใหม่

สาวสวยแสนน่ารักผิวขาวดูหมวยๆ น่ารักพิมพ์นิยมจริงๆ เรื่องความมีออร่าก็ต้องยกให้ยูกิเลย เพราะไม่ว่าเธอจะเดินไปไหน ทุกสายตาก็จะจ้องตามไม่วางตา เธอเหมาะสมกับตำแหน่งนี้แล้ว เพราะความสารถของยูกิเองก็ไม่ธรรมดา นอกจากความกล้าแสดงออกยังมีความเป็นผู้นำสูงอีกด้วย แม้แต่ชานนท์ยังมองด้วยความชื่นชมจนวรุฒส่งเสียงกระแอมใส่หลายครั้ง

“อ้าวๆ ต่อไป เราก็มาถึงรางวัลที่สาวๆหลายคน หรือหนุ่มๆ บางคนเฝ้ารอแล้วนะครับ!!” เสียงพี่ชาญดังผ่านลำโพงอีกครั้ง
“ได้เวลาประกาศ เดือนของคณะฯแล้วครับ!!!!” สิ้นเสียงประกาศ ผู้ชมทางด้านล่างต่างส่งเสียงกรี๊ดร้องด้วยความตื่นเต้น

“และคนที่จะมาเป็นเดือนคณะปีนี้ ได้แก่...... ได้แก่......” ถึงตรงนี้กองเชียร์ที่ยืนห่างออกไปต่างตะโกนชื่อของคนที่ตนเองเชียร์อยู่จนดังไปทั้งสนาม

“เป็นไปตามคาด!! น้องวรุฒ เอกไอทีครับ!!”
สิ้นเสียงประกาศผู้ชนะ ชานนท์ดวงตาเบิกโพลงไปที่วรุฒผู้ยิ้มตอบกลับมาอย่างมีชัย ปากก็ขยับเหมือนพูดคำว่า ‘บอกแล้ว’  ชานนท์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า วรุฒจะเป็นคนที่ทำได้ตามที่พูดได้เสมอเลย เป็นคนที่ไม่ว่าจะตั้งใจจะทำอะไรก็ทำอย่างพูด ‘มีมนุษย์แบบนี้จริงๆ หรือนี่!!’ ชานนท์คิดในใจ

เสียงโห่ร้องแสดงความดีใจดังไปทั่วสนามกีฬา บางเสียงก็เป็นกรีดร้องแสดงความยินดี บางเสียงก็เป็นเสียงโห่แสดงความผิดหวังกับผลที่ออกมาไม่ตรงใจ ซึ่งชานนท์ทราบดีว่ามาจากกลุ่มไหน

วรุฒเดินไปรับสายคล้องคอและดอกไม้แสดงความยินดีจากอาจารย์ตัวแทนของคณะฯ และถ่ายรูปคู่กับน้องยูกิซึ่งหลายๆ คนในแถวของคนดูก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสองเหมาะสมกันมาก บางคนถึงขั้นถ่ายรูปและโพสต์ลงเฟซบุ๊คโดนมี แฮชแท็ก ‘คู่จิ้นคู่ใหม่’ ที่แชร์กันเยอะที่สุดของวันนี้เลยทีเดียว

ต่อไปเป็นการประกาศรองเดือนและดาว ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์ของทุกคน ฝ่ายเดือนก็คือ ชานนท์ ม้ามืดที่อยู่ๆก็มีคะแนนเทมาในช่วงท้ายของการแข่งขัน ผู้มีแฟนคลับป้ายไฟจำนวนมาก ส่วนฝ่ายดาว ตำแหน่งรองก็ตกไปที่ยัยเมย์ สาวห้าวสุดแสนน่ารักที่เอาชนะใจหนุ่มๆ ในคณะฯ หลายต่อหลายคน

ในช่วงท้ายของการจัดงาน คือการให้ดาวและเดือนกล่าวอะไรเล็กน้อยกับผู้คนที่ให้กำลังใจในวันนี้ โดยเริ่มจากตำแหน่งดาวและต่อด้วยเดือนคณะฯ ประธานจึงได้ส่งรองดาวและเดือนทั้งสองคน หลังจากขึ้นไปรับดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ก็ถูกส่งตัวลงมาจากเวทีเพื่อให้สปอร์ตไลท์ส่องไปที่ดาวและเดือนได้อย่างเต็มที่ กองเชียร์หลายต่อหลายคนต่างจดจ่อจะเข้ามาแสดงความยินดีกับรองทั้งสองอย่างเต็มที่ ยัยเมย์ที่เดินลงมาอย่างงงๆ กับตำแหน่งรองที่เธอได้รับ เพราะมีความตั้งใจน้อยมากกับงานๆนี้ เดินลงมาถึงพื้นได้ยังไม่เต็มสองเท้า ก็มาเจอกับเซอร์ไพร์สเป็นดอกไม้ช่อใหญ่จากชายหนุ่มปริศนา หน้าหล่อผิวขาวตัวเล็ก (สูงถึงประมาณช่วงคอของชานนท์) หอบหิ้วช่อดอกไม้เกือบเท่าตัวเองมายื่นให้กับเมย์ถึงทางลงจากเวที

“ก้อง!!” เมย์ร้องเสียงหลง
“ไหนว่ามาไม่ได้ไง” เมย์สาวห้าวกลับมีนำเสียงอ่อนนุ่มลงมาทันที ส่วนดวงตาของเธอกับระเรื่อไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงอยู่

“เซอร์ไพร์สไง!!” เสียงใหญ่เกินรูปร่างหน้าตาตอบกลับมาพร้อมยื่นดอกไม้ช่อใหญ่เกือบเท่าตัวเขาเองมอบให้กับเมย์
“ไม่เห็นจำเป็นต้องหอบมาให้เลย!! ตำแหน่งก็ไม่ได้เสียหน่อย!!” ยัยเมย์รับดอกไม้มาด้วยรอยยิ้มที่ฉีกไปถึงหูได้เธอก็จะทำ มันเป็นรอยยิ้มที่เบิกบานในมุมที่ชานนท์ไม่เคยเห็นจากเมย์มาก่อน
“หอบมาให้กำลังใจน่ะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยไดัอยู่ด้วยกัน เลยอยากมาแก้ตัวเสียหน่อย” ชายหนุ่มยิ้มหวานกลับมา ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่บริเวณนั้นส่งเสียอิจฉากันอื้ออึง

เมย์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจมากเกินไป เธอจึงตัดสินใจคว้าแฟนหนุ่มตัวเล็กของเธอเดินไปจากจุดเดิมไปไกลจากกลุ่มคน ทิ้งไว้ให้ชานนท์ถูกเพื่อนๆ ในคณะฯ เข้ารุมล้อมแสดงความยินดี หนึ่งในคนกลุ่มนั้นมีเพื่อนคนแรกๆของเขารวมอยู่ด้วย

“มายด์ มาดูเหมือนกันเหรอ?” ชานนท์ทักสาวน้อยน่ารักที่โดดเด่นมากแม้อยู่ในกลุ่มคนเยอะขนาดนี้
“อืม.... ก็โดนตามให้มาช่วยน่ะ” มายด์ตอบไปถอนหายใจไป
“ช่วยอะไร? ช่วยใคร?” ชานนท์งงกับคำตอบของมายด์
“นั่นไง!!” มายด์ชี้ไปที่วรุฒที่อยู่บนเวทีชั่วคราวมี่สูงประมาณช่วงเอว และชี้ไปที่กลุ่มสาวแฟนคลับที่กรี๊ดกร๊าดคนบนเวทีอย่างชื่นชม ในขณะที่ดาวคณะคนใหม่กำลังพูดขอบคุณแฟนคลับทั้งหลายขอแรงใจให้ช่วยสนับสนุนในการเป็นตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยต่อไป

ส่วนชานนท์ได้แต่ทำหน้าแปลกใจตอบกลับมา

“ก็พี่รุฒน่ะสิ อยู่ๆก็ขอให้ช่วยติดต่อแฟนคลับจากทุกคณะให้มาช่วยลงคะแนน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตอนแรกบอกไม่อยากเป็น มันน่ารำคาญ แล้วอยู่ๆก็มาเปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายแบบนี้!!”  หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าของมายด์ ชานนท์ก็ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันที และไม่แปลกใจที่ทำไมถึงเป็นมายด์ที่เป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างได้ เพราะทุกคนจะรู้จักมายด์ในฐานะ ‘น้องสาว’ และ ‘เพื่อนสาวคนสนิท’ ของวรุฒ ทำให้ถูกบรรดาแฟนคลับรบกวนอยู่บ่อยครั้ง การที่มายด์จะเป็นผู้ประสานงานติดต่อแฟนคลับทุกกลุ่มให้ช่วยเหลือเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องง่ายดายมาก

“อย่างนี้นี่เอง!” ชานนท์พูดลอยๆ เหมือนพูดกับตัวเอง
“ว่าแต่.... นายเลยได้แค่รองเอง...” มายด์แสดงสีหน้าเห็นใจออกมาชัดเจน
“ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ได้อยากเป็นหรอกนะ แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่ เราไม่เก่งเรื่องอะไรพรรณนี้หรอก หันกลับไปเอาดีทางเรียนดีกว่า” ชานนท์ยิ้มกลับ
“น่าเสียดายน๊า ดูสินายเปลี่ยนไปตั้งเยอะเลยนะ ดูแข็งแรงขึ้น รูปร่างเข้าส่วนมากกว่าเดิม นายน่ารักอยู่แล้ว พอยิ่งไม่ใส่แว่นแบบนี้เลยยิ่งน่ารักขึ้นไปอีก!!” มายด์กล่าวอย่างชื่นชมพร้อมยิ้มอย่างน่ารักส่งมา หากเป็นเมื่อก่อน ในช่วงที่เขายังหลงรักในรอยยิ้มที่แสนน่ารักนี้อยู่ การมาได้รับคำชมและรอยยิ้มแบบนี้ ตัวเขาคงละลายไปกับพื้นแล้ว แต่ตอนนี้กลับแค่รู้สึกขัดเขินนิดหน่อย ส่วนอีกใจหนึ่งก็รู้สึกแปลกๆ อีกด้วย เพราะแทนที่จะได้ขอมายด์เป็นแฟน แต่กลับได้คนสนิทของมายด์มาเป็นแฟนเสียเอง เรื่องนี้เขาจึงยังรู้สึกเกร็งๆกับคนตรงหน้าไม่น้อย และยังอยากจะเก็บเป็นความลับกับเธอต่อไป

“มิน่าล่ะ” สาวน้อยตรงหน้ามองเขาอย่างฉายแววเจ้าเล่ห์
“อะไร?” ชานนท์ประหลาดใจกับบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปกระทันหัน
“พี่รุฒถึงได้ดูหลงนายหนักหนา นายทั้งน่ารัก นิสัยดีแบบนี้นี่เอง” ยังไม่ทันจบประโยคดีชานนท์ก็รูกสึกตกใจและถอยห่างจากสาวสวยตรงหน้าไปครึ่งก้าว
“เอ่อ.... มายด์......”
“รู้สิ! พี่รุฒไม่เคยมีความลับกับเราสักเรื่อง รวมถึงเหตุผลที่อยากประกวดชนะด้วย! เพราะเขาหวงนายจนไม่อยากให้ใครรู้จักนายไปมากกว่านี้ไง!!” มายด์เดินมาใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของชานนท์อย่างจงใจ ส่วนชานนท์ได้แต่อึ้งทำตัวไม่ถูกว่าจะตอบกลับไปว่าอะไร 
“แล้วมายด์ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? มายด์โอเคไหมที่เรากับ......” ชานนท์ยิ้มแห้งๆ กลับไปพร้อมกับจบประโยค
“โอ้ย! นี่มันสมัยไหนแล้ว พ่อคุณ! ความรักมันไม่มีเพศหรอกนะ ความจริงพี่รุฒนะก็ผู้ชายทั้งแท่งนะ แม้ว่าจะเคยผ่านประสบการณ์อะไรแบบนี้มาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะตกร่องปล่องชิ้นกับคนอย่างนาย”
“อย่างเรา?” ชานนท์ใช้นิ้วจิ้มตัวเอง
“ไม่ใช่ในความหมายไม่ดีนะ เพราะที่ผ่านมา ก็จะเจอแต่ระดับตัวท้อปทั้งนั้น.... อืม... ช่างเถอะ!! แต่ว่าในบรรดาคนของพี่รุฒทั้งหมด เราชอบนายมากที่สุดนะ” มายด์ตบไหล่ชานนท์เบาๆ
“เอ่อ..... ขอบคุณนะ” ชานนท์ตอบกลับทั้งที่ยังมีคำถามในใจอีกเยอะ แต่คิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะมาถามอะไรตอนนี้

“น้องนนท์”

เสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังขึ้นจากที่ไกลๆ ที่ไหนสักแห่งทำให้ทั้งชานนท์และมายด์หันหาต้นเสียงไปพร้อมๆ กัน

“น้องนนท์ พี่ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้น้องชนะไม่ได้” เสียงดังกล่าวกลับมาอยู่ใกล้ตัวเขาในระยะเวลาอันสั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหัวหน้าใหญ่แฟนคลับของเขานั่นเอง!!
“พี่เต๋า!! เข้ามาได้ยังไงครับเนี่ย!!” เขาถามขึ้นเพราะคนในบริเวณที่เขายืนอยู่มันแน่นเสียจนไม่มีช่องว่างให้สามารถเดินเข้ามาได้เลย
“พี่เป็นนินจาครับ เรื่องแค่นี้สบายมาก!!”
“หา!?!?”
“น้องเนี่ยไม่เข้าใจมุกพี่อีกแล้ว!!”
ชานนท์ยิ้มแห้งๆตอบไป

“เรื่องแบบนี้ไม่มีปัญหาสำหรับพี่ครับ น้องอยู่ที่ไหนพี่ก็สามารถไปหาได้ เพื่อน้องพี่ทำได้ทุกอย่าง!!” พี่เต๋าพูดเสียงดังแข่งกันคนทั้งบริเวณจนทำให้มายด์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกสีหน้าแบบเหมือนกินของเลี่ยนๆเข้าไปจำนวนมาก

“อ้าว!! น้องมายด์! มาเชียร์คู่หมั้นตัวเองเหรอจ๊ะ!!” พี่เต๋าทักทันทีที่เห็นหน้ามายด์
“พี่เต๋า!!” มายด์มีสีหน้าตกใจเมื่อสิ้นประโยคของเต๋า
“คู่หมั้น?!?” ชานนท์งงกับคำพูดของพี่เต๋า
“อ้าว!! น้องนนท์ไม่ทราบเหรอครับว่า น้องมายด์น่ะ เป็นคู่หมั้นของไอ้เดือนคณะคนใหม่นั้น!!” พี่เต๋าหันมาทางชานนท์ด้วยรอยยิ้มที่ยกมุมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อยและชี้ขึ้นไปบนเวที

“นนท์ เราขอคุยด้วยหน่อย” มายด์ยกมือขึ้นจับแขนของชานนท์เพื่อดึงไปให้ห่างจากพี่เต๋า และทำสีหน้าเหมือนพยายามพาชานนท์หลบจากงูพิษที่กำลังพ่นพิษใส่ แต่ชานนท์กลับนิ่งไม่ไหวติง
“หมายความว่าไง?” ชานนท์พูดออกจากปากสั้นๆ และท่าทางใจลอย
“งั้นเดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ละเอียดอีกที....” พี่เต๋าเดินมาโอบไหล่ชานนท์เป็นเชิงกีดขวางไม่ใช้ชานนท์ไปกับมายด์ ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างชำนาญ ชานนท์คล้อยตามไปโดยง่ายเพราะความอยากรู้ของตน ในขณะที่มายด์พยายามเรียกให้ชานนท์หันมาสนใจตนเอง

“เรื่องนี้ เป็นเรื่องภายในครอบครัว มีคนรู้ไม่กี่คน เฉพาะคนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนสนิท สองคนนั้นน่ะวางแผนที่จะแต่งงานกันหลังเรียนจบ.......”

พอมาถึงคำว่า ‘แต่งงาน’ ในหัวของชานนท์ก็ขาวโพลนไปหมด เขาเริ่มจับใจความสิ่งที่พี่เต๋าพูดต่อไม่ค่อยได้เสียแล้ว เขารู้แต่ว่าพี่เต๋าโอบเขาแน่นขึ้น และพยายามพาเขาออกนอกกลุ่มคนที่แออัดมาเพื่อแสดงความยินดีกับคนที่ชนะการประกวด มีผู้คนมากหน้าหลายตามาแสดงความยินดีกับเขาพอสมควร แต่ในหัวเขามันแสนจะว่างเปล่าจนแทบจำคนที่มาแสดงความยินดีกับเขาด้วยรูปแบบต่างๆ นานาไม่ได้เลย เขารับรู้แต่เพียงบางคนมาขอถ่ายรูปด้วย เขาก็ยิ้มไปตามหน้าที่ บางคนมาขอกอดขอโอบ ขอจับมือ เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไร จนกระทั้งเสียงในลำโพงเสียงหนึ่งแผดมาดึงสติเขากลับมา

“นนท์!! ชานนท์!! หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ?!?”
ชานนท์หันไปทางเวทีทันที
“หยุดก่อน!!” วรุฒพูดใส่ไมค์เสียงดัง ทุกคนที่ส่งเสียงโห่ร้อง กลับเงียบเสียงลงทันที วรุฒที่ควรจะอยู่บนเวทีกลับมายืนอยู่ใกล้เขาแค่ระยะมือเอื้อม

ตอนนี้แค่ชานนท์เห็นหน้าวรุฒก็อยากจะเดินออกไปให้ไกลแล้ว เขาจึงไม่เดินไปหาวรุฒ และเต๋าเองก็ยังทำตัวเกาะแกะอยู่กับชานนท์ไม่ห่าง รวมถึงบรรดาแฟนคลับของชานนท์เองด้วยที่ล้อมหน้าล้อมหลังตัวเขาอยู่

วรุฒแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ เขาเดินตรงรี่เข้ามาชานนท์ทันที
“ที่กูเดินลงมาถึงตรงนี้ ก็เพื่อจะมาบอกทุกคนว่า อย่ามายุ่งกับเมียของกู คนนี้คนของกู ใครมาวุ่นวายกับเมียกูก็เตรียมตัวตายได้เลย!!” วรุฒพูดใส่ไมค์เสียงดังพร้อมดึงชานนท์เข้ามาในอ้อมแขนและกดริทฝีปากลงไปที่ปากสีชาดอ่อนๆ ของชานนท์ จนชานนท์ได้แต่ทำเสียงอู้อี้ท่ามกลางผู้คนในงานมากมาย เสียงฮือฮาดังตามมาไม่ขาดสาย

“เชี้ย! กูไม่นึกว่ามึงจะกล้าขนาดนี้!” เสียงพี่เต๋าแว่วมา
“ทำบ้าอะไรเนี่ย!!”  ชานนท์ผลักวรุฒออกสุดแรง เขารู้สึกสับสนระหว่างโกรธและอาย ท่ามกลางสายตานับร้อย เขาทำได้แค่เพียงวิ่งหนีออกจากจุดนั้น เขาได้ยินแต่เสียงวรุฒเรียกชื่อเขาผ่านไมค์ แต่เท้าเขากลับพาเขาออกห่างจากจุดนั้นออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ทิศทาง

...............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 4) อัพ 30 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-09-2019 23:52:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

วรุฒมันร้าย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 4) อัพ 30 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-10-2019 00:38:32
ยกนี้วรุฒชนะแบบขาดลอย555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 4) อัพ 30 ก.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-10-2019 23:58:52
 :z1:


 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 18 ส่วนที่ 5) อัพ 9 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 09-10-2019 17:06:58

ชานนท์นั่งขุดคู้อยู่ในสวนหย่อมใกล้สระน้ำบริเวณอาการหอพักของเขา วันนี้มันมีอะไรหลายอย่างไหลเทลงมากระทบจิตใจเขามากจนเกินไป เกินกว่าที่เขาจะรับไหวอีกต่อไป เขามานั่งในจุดที่เท้าของเขาพามา ชานนท์นั่งลงกับพื้นหญ้าอันอ่อนนุ่มที่ผ่านตัดแต่งมาอย่างดี มีความชื้นเล็กน้อยซึมผ่านกางเกงมาทำให้รู้สึกเย็นที่ผิวสัมผัส ในหัวขอเขามันมีความคิดเรื่องนู่นนั่นนี่ เข้ามาประสบปนเปไปหมด จนไม่สามารถที่จะย่อยเรื่องอะไรได้ก่อน เขาผลุบหน้าลงตรงช่องว่างระหว่างเข่าของตนเองด้วยอาการอ่อนแรงจากการวิ่งระยะไกลอย่างไม่หยุดพัก และอ่อนล้าในจิตใจจากเรื่องที่เขาเพิ่งเจอมา

“มาอยู่ที่นี่เอง วิ่งเร็วจริงนะเรา” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ชานนท์เงยหน้าขึ้นมาเจอพี่เอกยืนหอบหายใจถี่อยู่ไม่ไกล
“ทำไม.... พี่รู้ว่าผมอยู่ที่นี่?” ชานนท์พูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาพอดี
“พี่เดาเอาน่ะ พี่ว่านนท์เองก็รู้จักที่เงียบๆ อยู่ไม่กี่ที่หรอกมั้ง”  พี่เอกพูดพร้อมสบตาชานนท์อย่างรู้ใจ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ฝึกซ้อมลับของเขาทั้งสองคน มันเป็นที่ค่อนข้างปลอดคน แต่การที่เอกสบตาชานนท์ทำให้เขาคิดได้ว่าไม่ใช่เวลามาทำเป็นเรื่องล้อเล่น สายตาที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตานั่นกระแทกไปที่ใจของพี่เอกจนเขารู้สึกเจ็บปวดแปลบไปหมดทั้งช่วงอก พี่เอกถอนหายใจพร้อมเดินลงไปนั่งข้างๆ ชานนท์อย่างเงียบเชียบ

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวิ่งมาแบบนี้? ไม่โอเคเหรอที่โดนทำแบบนั้นต่อหน้าทุกคน? ความจริงหากเราชอบไอ้ขี้แก็กจอมเจ้าชู้นั่นจริงๆ ก็ไม่น่าคิดมากนะ น่าจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่คนอย่างไอ้หมอนั่นมันกล้าประกาศว่าตัวเองมีเจ้าของแล้วแบบนี้!” พี่เอกพูดขึ้นมาทั้งที่ยังแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่ ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาด

“มัน.... มัน.... ไม่ใช่แบบนั่น...... ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไร? ผม.....”
“เอาน่า......... มีอะไรก็พูดมาให้หมดจะได้ไม่เครียด”
“พี่เอก......”
“ว่าไง?”
“ถามหน่อยสิ”
“ว่า?”
“พี่รู้เรื่อง...... วรุฒกับ.....มายด์....หรือเปล่า?”
“เรื่องคู่หมั้นน่ะเหรอ?”

“นั่นไง!! ทำไมทุกคนรู้กันหมด แล้วทำไมผมไม่รู้ แล้วไม่มีใครคิดจะบอกผมเลยหรือไง? ผมรู้สึกเหมือนเป็นไอ้โง่ที่โดนหลอกให้ไปชอบคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วยังนี้น่ะเหรอ?!?!” ชานนท์ร่ายยาวเสียงจนพี่เอกทำสีหน้าแปลกใจ

“อืม....” พี่เอกทำสีหน้านึกถึงคำพูดที่จะพูดตอบไป แต่ในใจมันเหมือนมีเข็มสักร้อยเล่มทิ่มแทงอยู่
“มันเป็นข่าวลือน่ะ ไม่มีใครรู้ว่าหรอกว่าจริงหรือเปล่า?”
“ถ้าพี่เอกเห็นสีหน้ามายด์ตอนพี่เต๋าบอกเรื่องนี้พี่เอกจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง!!” ชานนท์มีท่าทีฉุนเฉียวผิดจากทุกครั้ง

“ไอ้เต๋า!!” พี่เอกกัดฟันกรอด
ทิวทัศน์ต่างๆ ของชานนท์เริ่มพร่ามัว แก้มของเขารู้สึกเปียกชื้น เขาไม่เข้าใจตนเองเลยว่าทำไทถึงรู้สึกสับสนแบบนี้ เขาไม่ได้ฟูมฟายอะไร เพียงแต่เขาหยุดน้ำที่ไหลออกจากดวงตาเขาไม่ได้จริงๆ
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ก่อน” พี่เอกยกมือขึ้นลูบศรีษะชานนท์อย่างอ่อนโยน ชานนท์รู้สึกอายตัวเองเลยขอก้มหน้าหลบจากสายตาของพี่เอก

พี่เอกเองเมื่อเห็นแบบนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะจับศรีษะของชานนท์โน้มมาพิงที่ไหล่ของตัวจนเสื้อผ้าบริเวณนั้นเริ่มเปียกชุ่ม

“ร้องให้พอ หลังจากใจเย็นลงแล้วก็จะคิดหาทางออกเอง” พี่เอกพูดขึ้นมาขณะที่ชานนท์ก็ปล่อยตัวให้อยู่ในท่านั้นจนเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายนาที

“ผมจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง!!” ชานนท์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปหลายสิบนาที สีหน้าและแววตาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก
“มันต้องแบบนี้สิน้องพี่!!” พี่เอกย้ำเสียงดัง
“แต่.....” ชานนท์มีท่าทีลังเล
“ทำไมครับ ถ้าไม่กล้าไปคนเดียวให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?” พี่เอกยื่นมือมาสัมผัสไหล่ชานนท์
“คือ.... ผมลืมไปเลยว่าตัวเองแต่งตัวอย่างกับมางานแฟนซี.... เอ่อ......”
“ฮ่าฮ่าฮ่า...... ตอนวิ่งมากลับไม่รู้สึกนะเรา นนท์นี่เป็นคนตลกนะเนี่ย”
“พี่เอกน่ะ พี่เอกไปเอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนได้ไหมครับ?”
“ไม่เห็นเป็นไร น่ารักดีนะ!!”
“โอย... พี่เอก ช่วยผมหน่อย ตอนวิ่งมามันอารมณ์มันพาไปแต่ตอนนี้ ผมไม่กล้าแม้แต่เดินกลับ พี่อย่าใจร้ายกับผมเลยนะ!!”
“ไม่ใช่ว่าพี่จะใจร้ายแล้วบอกว่าไม่ไปเอาให้นะ แต่ที่พี่ไม่ไปเพราะ พี่เอามาให้แล้ว!!” พี่เอกค้นกระเป๋าระหว่างพูดและหยิบเอาชุดนักศึกษาของชานนท์ออกจากเป้ในสภาพยับยู่ อาจเพราะพี่เอกรีบวิ่งตามมาเลยไม่ได้ใส่ใจตอนเก็บเข้ากระเป๋าเป้
“ขอบคุณครับพี่!!” ชานนท์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่น่ารักของเขาทันที
“แต่จะเปลี่ยนกลางแจ้งแบบนี้เลยหรือ?”
“อืม.... ผมเป็นผู้ชายไม่ซีเรียสขนาดนั้น ขอแต่.....งั้นผมขอไปเปลี่ยนหลังพุ่มไม้นั่นได้ไหมครับ พี่เอกช่วยไปยืนบังให้หน่อยนะครับ?”
“ได้ๆ” พอสิ้นประโยคของพี่เอก ชานนท์ก็รีบคว้าชุดนักตัวเองรี่ไปที่พุ่มไมสูงประมาณไหล่ตัวเองทันที พี่เอกรีบวิ่งตามไปสมทบทันที ในระหว่างเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่เอกซึ่งควรจะหันหลังให้ก็แอบหันมามองผิวขาวๆ เนียนของรุ่นน้องตัวเล็กเป็นระยะ เขารู้สึกห้ามใจมองเรือนร่างที่บอบบางน่ารักนั่นไม่ได้จริงๆ
“พี่เอก!! ดูต้นทางด้วย!!” ชานนท์แอบดุพี่เอกที่มันแต่หาโอกาสหันมาแอบมองเขาเปลี่ยนเสื้อ เขาเองก็รู้สึกอายจึงทำได้แต่พยายามพูดให้พี่เอกหันไปทางอื่น

...............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 5) อัพ 9 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-10-2019 19:16:56
รอจ้า
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 5) อัพ 9 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-10-2019 19:30:06
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 18 ส่วนที่ 5) อัพ 9 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-10-2019 23:35:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 18 ส่วนที่ 6) อัพ 15 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 15-10-2019 15:22:55

แสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนซ์สีขาวซีดหน้าห้องพักของชานนท์ที่เงียบสนิท ชานนท์ยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวอย่างต่อเนื่อง

“นนท์แต่ใจนะว่าเคลียร์คนเดียวได้?” เสียงพี่เอกดังขึ้นจากระยะ 5 เมตรห่างออกไป เป็นคำพูดเดียวกันกับสิ่งที่เอกพูดขึ้นเมื่อ 2-3 นาที และ เมื่อ 5-6 นาทีก่อน

“พี่เอกกลับห้องเหอะ ผมทำคนเดียวได้” ชานนท์หันไปพร้อมโบกมือเป็นเชิงอำลา
“แน่ใจนะ?” พี่เอกส่งเสียงมาอีกครั้ง
“แน่ครับ! ไปเหอะพี่”
“ดูน้องไม่พร้อมเลยนะ” พี่เอกพูดพร้อมทำท่าทางจะก้าวเดินมาหาชานนท์
“พี่เอก!! ผมขอร้อง ผมขอเรียกกำลังใจอยู่คนเดียวสักพักแล้วผมจะเข้าไปแล้วครับ!!”

ครืดๆๆๆๆ

เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกระเป๋าสั่นอย่างต่อเนื่อง ชานนท์หยิบขึ้นมามองหน้าจอที่ขึ้นชื่อ “ที่รัก” ซึ่งนั่นหมายถึงวรุฒที่แอบมาเปลี่ยนชื่อของตัวเองในการบันทึกในโทรศัพท์ให้เป็นแบบนั้น มันยังทำให้เขางงอยู่จนตอนนี้ว่าวรุฒรู้รหัสผ่านของเขาได้อย่างไร เพียงไม่นานแสงวูบวาบที่หน้าจอก็ดับวูบไป และขึ้นแสดงตัวเลขหลักร้อยของบรรดาเลขหมายที่ไม่ได้รับจาก ‘ที่รัก’

ชานนท์สูดลมหายใจเข้าอย่างแรงเพื่อให้อากาศอุดเข้าไปในปอดให้หนักเพื่อเรียกขวัญกำลังใจและความกล้าในการเข้าไปเผชิญหน้ากับคนที่เขามีคำถามล้านแปดที่ต้องการคำตอบที่เป็นความจริง

“พี่เอกครับ ไปเถอะครับ!!” ชานนท์หันมาพูดเชิงสั่งกับคนที่ยืนเป็นห่วงชานนท์อย่างห่างๆ  พร้อมขยับมือไปทางลูกบิดประตูและใช้คีย์การ์ดปลอดล็อคประตู

ส่วนพี่เอกเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าและถอยห่างไปทางช่องทางลงบันไดทันที

ประตูห้องถูกผลักเปิดกว้างออก แสงสว่างจากภายนอกแทรกตัวผ่าความมืดในห้องแยกออกจนเริ่มมองเห็นทุกอย่างในห้องชัดขึ้นเรื่อยๆ  ภายในห้องไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบทันที่ที่ชานนท์ย่างก้าวเข้าไป เขาเปิดไฟและปิดประตูพร้อมกัน แสงไฟในห้องกระพริบเพียงสองครั้ง ในห้องก็พลันสว่างขึ้น ทุกอย่างดูโดดเดี่ยวเงียบเหงา วรุฒไม่ได้อยู่ในห้องเหมือนที่เขาคาดการณ์ไว้
‘รถก็จอดอยู่หน้าหอ แล้วไปไหนของเขาวะ?’ ชานนท์คิดขึ้นในใจ

เขาวางสัมภาระทุกอย่างลงด้วยความอ่อนเพลีย ในใจเกิดความรู้สึกผิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำ เหตุการณ์ที่แสดงถึงความงี่เง่าของเขา ความอ่อนแอของเขา ตอนนี้ตาที่บวมแดงช้ำจากการร้องไห้เริ่มอ่อนล้าลงทุกที หลังจากที่ร่างกายได้มาเจอความนุ่มสบายของที่นอนของตนเองก็เกิดอาการเพลียจนไม่อาจรั้งหนังตาได้อยู่ เขาเอียงตัวลงนอนราบที่เตียงเพื่อพักผ่อนสายตา และความมืดที่เงียบสงัดก็เข้าตรอบครองสติของเขา

..............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด ( บทที่ 19 ส่วนที่ 1) อัพ 15 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 15-10-2019 15:38:27
บทที่ 19

Family is matter!!


ชานนท์ไม่เคยมีประสบการณ์หลอนๆ เสียสักเท่าไหร่ แต่วันนี้ไม่รู้ความอ่อนล้าร่างกายจากกิจกรรมทั้งวัน หรืออาการอ่อนล้าทางจิตใจกับเรื่องที่เขาเจอมาตลอดหลายวันที่ผ่าน มันเป็นเดือนที่แสนหนักหนาสาหัสสำหรับเขาที่สุดในชีวิตเลย ชีวิตที่มีแต่บทเรียนและแม่ที่ห่วงใยเขา บัดนี้มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากการเป็นเงาจางๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเห็นความสำคัญ อยู่ๆก็กลับกลายมาจุดสนใจของทุกคน หากมองในแง่ที่ว่าเขาต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง นับว่าเขาทำได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้เลย  แต่ความวุ่นวายที่มาพร้อมกันเหล่านี้มันไม่ใช่ที่เขาเตรียมใจมาพบเลย ความคิดเหล่านี้หลงวนเวียนเข้ามาอยู่ในความฝันของเขาวนซ้ำไปมา ในขณะที่ร่างกายของเขารู้สึกหนักอึ้ง ชานนท์ขยับและหายใจได้อย่างลำบาก แขนขาเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ นี่เขาเพลียถึงขั้นฝันอะไรประหลาดแบบนี้เลยหรือ ?

ความอึดอัดดังกล่าวทำให้ชานนท์ไม่สามารถนอนหลับได้อีกต่อไป เขาสะดุ้งเฮือกลืมตาโพลงขึ้นมาเห็นเพดานห้องภายใต้แสงไฟสลัว ชานนท์เห็นเงาตะคุ่มอยู่เหนือร่างกายของเขา ชานนท์ตกใจจนแทบสิ้นสติ เขาพยายามขยับตัวเพื่อหนีจากน้ำหนักที่กำลังกดทับเขาอยู่ แสงไฟในห้องที่น้อยจนแทบแยกแยะอะไรไม่ออกยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกขนลุกและหวาดกลัว ยิ่งไอ้เงาตะคุ่มๆ นั่นเริ่มขยับและมีลมอุ่นๆ แผ่วออกมาภายใต้เงาดำนั้น ชานนท์ถึงกับกลั้นเสียงกรีดร้องของตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป

“อ๊าาาาาาา” เสียงร้องยาวด้วยความตกใจดังขึ้นจากปากของชานนท์ที่พยายามตะเกียกตะกายให้พ้นจากวัตถุหนักๆ ลึกลับนั้น แต่ร่างกายกลับไม่สามารถขยับได้เหมือนถูกตรึงแขนขาไว้กับเตียง เขารู้สึกถึงแขนขาที่ถูกแยกออกจากกันจนเหมือนรูปวาดมนุษย์โดยลีโอนาโด ดาวินชี

“แหกปากทำไมเสียงดังลั่น!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากเงาใหญ่นั่น ก่อนที่เงานั่นลอยวืดไปที่ประตูห้อง และเสียงสวิตช์ไฟก็สปาร์ค ต่อจากนั้นห้องทั้งห้องก็สว่างจ้าจนชานนท์หลับตาเพื่อหลบแสงที่สายตาปรับไม่ทัน
“นาย....” ชานนท์พูดขี้นทันทีหลังจากสายตาปรับให้กลับรับแสงสว่างในห้องได้สำเร็จ
“เออไง!! เราเอง  ปล่อยให้ไปหาเสียทั่วมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายดันมานอนงีบหลับที่ห้องเนี่ยนะ!!” วรุฒพูดอย่างหัวเสีย
“อ้าว! เฮ้ย!!” ในตอนแรกชานนท์คิดว่าจะทำตัวเงียบ กับคำโวยวายเหล่านั้น แต่ตัวเองกลับเป็นตนโวยวายเสียก่อนเพราะความจริงปรากฏพร้อมแสงไฟว่าแขนขาของเขาถูกมัดตรึงไว้กับเตียงจริงๆ
คนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ได้พูดสิ่งใดนอกเสียจากยืนยิ้มอยู่เงียบๆ ด้วยสายตาแสดงความสะใจ

“มัดเราทำไม??” ชานนท์มองไปที่ชายร่างสูงตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวกราด
“จะได้หนีไปไหน ไม่ได้อีกไง!!” วรุฒตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ และสายตาฉายแววอำมหิตจนชานนท์อดขนลุกไม่ได้
“ไอ้บ้า ปล่อยสิวะ!!” ชานนท์พยายามขัดขืนเต็มแรงจนช่วงแขนขาที่โดนพันธนาการเริ่มมีรอยแดง
“หยุด!! ดูสิเป็นรอยหมดแล้ว!!” ชายร่างใหญ่กระโดดขึ้นคล่อมตัวชานนท์ไว้พร้อมล็อกแขนและขาทั้งสองข้างไม่ให้ขยับ แต่เสียงแสดงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่แข็งกร้าวเมื่อครู่ก็ลดลงจนมีแววแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน

“ก็ปล่อยสิ มัดเราไว้ทำไม!! แบบนี้มันผิดกฏหมายนะโว้ย!!”
ชานนท์โวยวายใส่คนด้านบนในระยะประชิด พอเห็นว่าวรุฒเริ่มโอนอ่อน เขายิ่งรู้สึกได้เปรียบ
“เราต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่องก่อน ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่ปล่อย!!”  คนด้านบนพูดใส่หน้าชานนท์ในระยะประชิด ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา สมบูรณ์แบบนั้นส่งรัศมีความน่ารักมาในระยะแค่คืบจนชานนท์เผลอใจสั่นไปหมด
“แล้วคิดว่าเรากลับมาที่ห้องทำไมล่ะ ถ้าไม่อยากจะเคลียร์กับนาย!!” ชานนท์หลบสายตาอันแวววาวตรงหน้าและพูดออกไปอย่างเขินๆ “ปล่อยเราก่อนได้ไหมเราเจ็บแล้ว” เขาพูดอย่างอ่อนโยนและออดอ้อนกับอีกฝ่าย วรุฒมีอาการคลายแรงลงเล็กน้อยกับเสียงนั่น แต่ก็เพียงชั่วครู่
“ไม่!! คุยกันทั้งแบบนี้นี่แหละ ไม่เข้าใจกันก็ไม่ปล่อย!! นายก็อย่าขัดขืนสิจะได้ไม่เจ็บ” วรุฒตอบเสียงแข็ง
“โอ้ย!! ก็ได้ ว่ามา!!” ชานนท์ผ่อนลมหายใจยาวๆ ออกมาอย่างรำคาญ เขาคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้าทำแบบนี้กับวรุฒแน่ๆ ตอนนี้เขาแค่ปล่อยตัวตามสบายและหยุดขันขัดขืนคนด้านบน ทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดที่ทับลงมาลดลงอย่างต่อเนื่อง

“นนท์.... ฟังเรานะ.... เรื่องนี้มันซับซ้อนนิดหน่อย..... เราก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรก่อนดี..... เอาเป็นว่า.... พ่อของเรากับพ่อของมายด์น่ะรู้จักกัน เป็นสนิทตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว บังเอิญว่า... เราเกเร จนมีเรื่องมากมาย สุดท้าย เขาเลยประกาศเรื่องหมั้นหมายเรากับมายด์.... เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้าเปิดเทอมนี่แหละ ความจริงแล้ว เรากับมายด์สนิทกันมาก อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มายด์เหมือนน้องเราคนหนึ่ง ไม่มีอะไรมากกว่านั่น” วรุฒพูดด้วยสีหน้าตั้งใจ น้ำเสียงอ่อนนุ่มต่างจากก่อนหน้านี้มาก แต่ยังมีแววตาลังเลอะไรบางอย่างอยู่มาก

ชานนท์ไม่ได้พูดอะไรตอบไป เขาแค่คิดว่าจะเชื่อคำพูดของวรุฒได้มากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่รู้จักกันมาวรุฒไม่ใช่คนชอบโกหก แต่ถึงจะเป็นเรื่องจริง ความรักของเขาครั้งนี้มันคงไม่ราบรื่นอยู่ดี ในเมื่อคนที่เขารู้สึกผูกพันธ์อยู่ตอนนี้ดันมีคู่หมั้นคู่หมายเรียบร้อยแล้ว เขาควรจะเดินหน้าหรือควรตัดใจเสียแต่ตอนนี้ดี ก่อนที่จะถลำตัวลึกไปกว่านี้ เขาควรจะทำอย่างไรดี เป็นคำถามที่ถามวนซ้ำๆ ในใจ

“เป็นอะไร? ไม่เชื่อเราเหรอ?” ชายร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้เขาเพียงปลายจมูก
“............” ชานนท์ยังอยู่ในความคิดตัวเอง
“นนท์!!” วรุฒเรียกชื่อชานนท์ อย่างอ่อนโยนพร้อมโน้มตัวลงต่ำกว่าเดิมและขโมยจุมพิตอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
“เอ้ยยย อุอิอา” ชานนท์ตกใจตอบเสียงอู้อี้ออกมา
“ก็นายใจลอยไม่ตอบเองนี่หว่า?” วรุฒยกหน้าขึ้นมาขนานกับหน้าของชานนท์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนส่องประกายฉายเข้าหาดวงตาคนที่อยู่เบื้องล่างจนอยากจะหลบสายตาแต่จนปัญญาที่โดนล็อกศรีษะอยู่

“ไปมีเรื่องอะไรมาล่ะ?” คำถามเดียวที่นึกออกจากสมองที่ว่างเปล่าจากจูบเมื่อครู่
“เรื่องมันยาว..... เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังได้ไหม? แต่ก็ต้องขอบใจเหตุการณ์นั้นนะ เพราะไม่อย่างนั้น เราคงไม่ได้เจอกัน” สายตาที่ส่งลงมาเบื้องล่างอย่างต่อเนื่องทำให้ชานนท์ตัดสินใจได้ทันที สายตาที่ทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงทุกครั้ง เขายอมแพ้ใจตัวเองทันที
“เออๆ เชื่อก็ได้ แต่เรื่องของเรามันจะยังไงต่อ.... พ่อนาย... จะไม่ส่งคนมาจัดการเราใช่ไหม หากรู้ว่าเราเป็น.....”
“แฟนกัน!!” วรุฒพูดสวนขึ้นมาให้ประโยคสมบูรณ์
“.........” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าเบาๆ
“นายยอมรับแล้วสิว่าเราเป็นแฟนกัน!!” วรุฒยิ้มหวานจนเห็นฟันหน้าครบทุกซี่
“เรา..... เหนื่อยที่จะ....หนี..... ใจตัวเองแล้วน่ะ......” ชานนท์ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องหันไปมองทางอื่น ก่อนที่จะละลายกับใบหน้าที่หล่อเหลาด้านบนที่ส่งรอยยิ้มลงมาหาเขาอย่างน่ารัก
“ในที่สุด นายก็ยอม” สีหน้าลิงโลดฉายขึ้นใบหน้าของวรุฒ เขาฉีกยิ้มและก้มต่ำลงมาอยู่ในระยะที่ลมหายใจอุ่นของเขาไหลรดลงมาที่แก้มของชานนท์
“แล้ว.... ปล่อยเราได้หรือยัง?”
“ไม่!!” ดวงตาวรุฒฉายแววร้ายกาจ
“ทำไมล่ะ?”
“เราต้องทำโทษนายก่อน โทษฐานที่ให้เราวิ่งตามหาเสียทั่วมหาวิทยาลัย!!” สีหน้าของวรุฒเปลี่ยนเป็นหื่นกระหายดุจสัตว์ป่าที่หิวโซและเจ้าเล่ห์
“นายจะทำอะไร?!?”
“เดี๋ยวก็รู้!!” วรุฒยกตัวขึ้นและถอยหายหายไปที่โต๊ะของตัวเอง และเดินกลับมาพร้อมกรรไกรที่ส่องประกายวิบวับ
“ทำอะไรน่ะ?!?” ชานนท์ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ก็จัดการนายไง!!”
“เฮ้ย!! เดี๋ยวๆ จะทำอะไรน่ะ?!?” ชานนท์พยายามดิ้นรนที่จะหนีจากพันธนาการอีกตรั้งแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะสะบัดให้หลุด ไอ้เชือกที่ไม่ควรอยู่ในห้องนี่มาจากไหนก็ไม่ทราบแถมยังผูกมัดแขนขาเขาเสียแน่นหนา  จากบบรรยากาศหนังรักเมื่อครู่ มันกลายมาเป็นหนังสยองขวัญแบบนี้ได้อย่างไร?

ในเมื่อความพยายามในการดิ้นรนไม่เป็นผล เขาจึงตัดสินร้องเรียกให้คนช่วยแต่ก็มีมือหยาบใหญ่ปราดเข้ามาปิดริมฝีปากไม่ให้ขยับจนเสียงที่หลุดลอดฝ่ามือออกไปได้แค่เพียงเสียงอู้อี้

“นายจะกรี๊ดร้องเสียงดังทำไม?”  วรุฒกระซิบข้างหูชานนท์ในขณะที่กรรไกรอันเย็นเยียบแนบติดอยู่กับแก้มชานนท์จนเขาทำเสียงอู้อี้หนักกว่าเดิม
“อ่ะ! ขอโทษนะ เราไม่ทำร้ายนายหรอก นายได้โปรดอย่าร้องโวยวายได้ไหม?” วรุฒยกกรรไกรอออกห่างจากตัวชานนท์และยังคงกระซิบใส่ข้างหูชานนท์อย่างต่อเนื่อง

ชานนท์ทำได้แค่พนักหน้าช้าๆ เพราะปากยังคงถูกมือหนาใหญ่โอบรัดอยู่  วรุฒเห็นว่าคนทางด้านล่างว่าง่ายแล้วก็ปลดมือตัวเองออก ในขณะที่ชานนท์ยังคงมองมือทั้งสองของคนด้านบนไม่วางตา

“เดี๋ยวเราจะช่วยให้นายสบายตัวเอง” วรุฒพูดพร้อมใช้มืออีกข้างจับไปที่เชือกที่ข้างล่างด้านซ้าย ชานนท์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจไปได้บ้างจนเผลอผ่อนลมหายใจเสียงดัง และแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็เผยออกจากใบหน้าของวรุฒ เขาเลื่อนมือลงต่ำและหยิบกรรไกรที่ซ่อนอยู่ จัดการตัดกางเกงให้แหวกออกจนเห็นเนื้อหนังสีขาวเนียนช่วงขาตอนบนชัดเจน
“เฮ้ย!! ทำอะไรน่ะ?!? นั่นชุดนักศึกษา!!” ชานนท์โวยวายทันทีที่ได้ยินเสียงกรรไกรแหวกผ่าเนื้อผ้ากางเกงตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงต้นขา
“แล้วไง!?!”
“นี่มันยี่ห้อ cxxx นะ”
“แค่นั่นเอง!! เดี๋ยวซื้อมาใช้คืนให้สักสิบตัวเลย!!” พูดจบวรุฒก็บรรเลงเพลงกรรไกรตัดแหวกทุกอย่างออกจนเผยให้เห็นผิวกายของชานนท์จนหมด
“ปราการด้านสุดท้ายแล้ว!!” วรุฒพูดขึ้นขณะดึงขอบกางเกงในสีขาวสะอาดขึ้นมาด้วยแววตาซุกซน

ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรทำได้เพียงมองชายตรงหน้าค่อยๆใช้กรรไกรตัดกางเกงในตัวโปรดของเขาออกเป็นชิ้นๆ ด้วยน้ำในตาที่มันวาวด้วยความเสียดาย ในที่สุดร่างกายของเขาก็เปลือยเปล่าในสภาพที่แขนขาโดนตรึงไว้ทั้งสี่ด้าน เขารู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 1) อัพ 15 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-10-2019 16:14:15
 :z6:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 1) อัพ 15 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-10-2019 18:34:40
 :pig4: :pig4: :pig4:


จากนั้นก็หยิบแส้หยิบเทียน  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 19 ส่วนที่ 2) อัพ 20 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 20-10-2019 11:32:46

......................

แดดอ่อนยามเย็นสาดส่องลงมายังพื้นผิวที่ยังคงร้อนระอุจากความร้อนในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ชานนท์เดินออกจากอาคารเรียนด้วยอาการอ่อนเพลียจากการเรียนอันหนักหน่วงตลอดทั้งวัน เพราะอยู่ในช่วงใกล้สอบกลางภาคแล้ว อาจารย์ของทุกวิชาต่างประเคนวิชาความรู้ให้อย่างหนักหน่วงเพราะกลัวสอนไม่ทันกับการสอบกลางภาค บวกกับอาการอ่อนเพลียจาก ‘กิจกรรมตอนเย็น’ และ ‘กิจกรรมยามดึก’ ของเขา ทำให้เขาแทบจะทรงตัวต่อไปไม่อยู่ ร่างเล็กๆ ของเขาแทบจะล้มพับไปกับลมแรงที่วิ่งพาดผ่านระหว่างอาคารระหว่างเดินทางกลับหอพัก

วันนี้เขาขอแยกตัวออกจากเพื่อนของเขา โดยเฉพาะเมย์ที่พยายามขยั้นขยอไปฉลองกับการไม่ได้เป็นดาวเดือนคณะฯของพวกเขาทั้งสอง  แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ดูอิดโรยบวกกับขอบตาที่บวมช้ำของชานนท์ทำให้เมย์เลิกลาการตอแยชานนท์ไป เธอแยกตัวไปฉลองกับคนอื่นๆ ในทีมเชียร์ลีดเดอร์ และแยกเขี้ยวใส่ชานนท์ประมาณว่าเขาติดหนี้เธอเรื่องที่จะไปฉลองกัน รวมถึงเรื่องที่เมื่อวานชานนท์หายตัวไปจนต้องเดือดร้อนไปถึงเธอในการช่วยตามหา เธอต้องการคำตอบที่ชานนท์ยังไม่ยอมตอบตลอดทั้งวันว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ชานนท์นึกถึงตรงนี้ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เขาโชคดีแล้วที่คบกับเมย์แค่เพื่อน ดูจากนิสัยแล้วเขาคงอยู่กับเมย์แบบนั้นไม่ได้แน่นอน มันดูตื่นเต้นเกินไป

เสียงมอเตอร์ไซค์ขับผ่านตัวเขาไปในขณะที่เขาเดินไปได้ครึ่งทาง เสียงทำให้เขาแอบนึกถึงพี่เอกที่จนถึงเวลานี้ เขายังไม่เห็นพี่เอกเลย ‘หากเจอพี่เอกก็ว่าจะขอติดรถกลับหอเสียหน่อย’ เขาคิดเรื่อยเปื่อยนะหว่างพยายามยกขาทั้งสองข้างก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เขามองเห็นหอพักตัวเองอยู่ในระยะสายตาแล้ว แต่ก็ยังแอบถอนใจกับระยะทางข้างหน้า พอเดินมาถึงจุดนี้ทำให้เขานึกถึงแฟนหนุ่มของเขาที่ขอตัวหายไปตั้งแต่รับโทรศัพท์ปริศนาหลังจบคาบเรียนสุดท้าย เพราะช่วงหลังมานี้ เขาแทบไม่เคยเดินกลับหอพักเองเลย วรุฒมักจะบังคับให้เขานั่งรถกลับมาด้วยเสมอ จนเขาเกือบลืมระยะทางระหว่างอาคารเรียนกับหอพักไปเสียแล้ว

ในที่สุดหลังจากใช้เวลาหลายนาที ชานนท์ก็ก้าวเข้ามาถึงเขตอาคารหอพักของตนเองสำเร็จ เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดถึงห้องอาบน้ำ คิดถึงโต๊ะอ่านหนังสือ คิดถึงเตียงนุ่มๆของเขาจนต้องยิ้มออกมาอย่าห้ามไม่อยู่ หากใครมาเห็นเขาตอนนี้คงคิดว่าบ้าไปแล้ว

“น้องนนท์คะ มีคนมาขอพบคะ” ทันทีที่เขาเปิดประตูหอพักเข้าไป เจ้าหน้าที่ประจำหอพักก็รีบเข้ามาทักทายทันที ชานนท์มีอาการแปลกใจเล็กน้อยเพราะด้วยเวลานี้ปกติ เจ้าหน้าที่ดูแลหอพักก็มักจะกลับบ้านไปแล้ว

“คุณเขารออยู่ที่ห้องรับรองนะคะ” เธอพูดจบก็รี่เดินกลับไปที่สำนักงาน และเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านทันที ชานนท์รู้สึกแปลกใจอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ทึกทักอะไร เดินไปที่ห้องรับรองทันที
‘แม่มา? แต่แปลก แม่น่าจะโทรมาบอกก่อน วันนี้วันทำงาน ไม่น่าจะมาได้ แล้วทำไมมาเอาป่านนี้?’ ชานนท์คิดถึงความเป็นไปได้ร้อยแปด เพราะด้วยความที่เขาและแม่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน คนที่มาเยี่ยมมาหาจึงไม่น่าจะเป็นใครไปได้นอกจากแม่ของเขาเอง

ชานนท์ผลักประตูกระจกกึ่งโปร่งใสเข้าไปในพื้นที่รับรองญาติหรือผู้มาติดต่อด้วยความสงสัย ภายในห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์สีซีดประดับตกแต่งแบบห้องรับแขกเรียบง่าย ดวงไฟในห้องเรืองแสงอ่อนจนเหมือนจะหมดแรง ทำให้ในห้องไม่ได้สว่างมากขึ้นเท่าไหร่นัก โชคดีที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ห้องจึงบรรยากาศไม่ได้น่ากลัวเท่าใดนัก เขาเห็นผู้หญิงในชุดสูททำงานเรียบหรู แต่งหน้าบางๆ ดูเป็นธรรมชาติแต่สีปากโดดเด่นสีแดงด้านสวยหรูแบบที่ไม่ซ้ำแบบใคร เธอยิ้มให้ชานนท์ทันทีที่ชานนท์เดินเข้ามาในระยะสายตา

“สวัสดีครับ” ชานนท์กล่าวทักทายและไหว้อย่างสุภาพกับคนตรงหน้า เขารู้แปลกใจที่เจอคนๆ นี้ในห้องแบบนี้
“สวัสดีจ๊ะ” หญิงสาววัยกลางคนยิ้มทักทายกลับมาอย่างใจดี
“เอ่อ...... อาจารย์ เอ่อ.... ดอกเตอร์....” ชานนท์รู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เป็นเหมือนแรงบรรดาลใจในการเรียนของตนเอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จในวงการการศึกษา
“เรียกว่า ‘แม่’ ก็ได้จ๊ะ นี่ไม่ใช่เวลางานแล้ว อีกอย่างแม่มาเพราะเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องงาน” หญิงในชุดสูททำงานสวยสง่ายิ้มอย่างเป็นมิตรตอบกลับชานนท์
“แต่ ... อาจารย์ศศิประภาครับ คือ ....  ผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะ...” ชานนท์กำลังอยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย ระดับ ดอกเตอร์ศศิประภา แบบนี้ เขาจะไปทำตัวตามสบายได้อย่างไร?
“ไม่เป็นไรคะ ลูกเป็นเพื่อนลูกแม่ เรียกอย่างนี้ไม่เห็นแปลกเลยคะ”
‘เพื่อน’ คำนี้ที่หลุดออกจากปากของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกอึดอัด เขาทำได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

“กิ๊บ พี่ขออยู่ตามลำพังได้ไหมคะ?”
คุณแม่ที่ยังดูอ่อนกว่าวัยเอ่ยกับผู้ช่วยสาวสวยของเธออย่างสุภาพ ผู้ช่วยที่ยืนเยื้องไปด้านหลังซึ่งยืนได้นิ่งสนิทเหมือนตุ๊กตา เขาแทบไม่สังเกตเห็นเธอเลย เพราะสีเสื้อของเธอแทบจะกลืนไปกับพื้นสีของห้องรับรอง เธอพยักหน้าและยิ้มมาที่ชานนท์ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“นั่งก่อนสิลูก” ดอกเตอร์สาวสวยยิ้มอย่างเชื้อเชิญ
“ขอบคุณครับ..... เอ่อ .... คุณแม่มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ หรือว่าแวะมาหารุฒ แต่วันนี้รุฒไปไหนก็ไม่ทราบนะครับ ไม่ได้กลับมาพร้อมกันครับ” ชานนท์นั่งลงและพยายามพูดเพื่อลดความประหม่าของตนเอง
“แม่ไม่ได้มาหารุฒเค้าลูก แม่มาหานนท์นั่นแหละ” ดร. ศศิประภา หรือที่ใครเรียกติดปากว่าดร. ภา หรือ อาจารย์ภาวางสายตาอันเฉียบคมมาที่ชานนท์ จนเขารู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย
“เอ่อ.... มาหาผม?”
“ใช่จ๊ะ... แม่ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ แม่มีเวลาน้อย แม่มีนัดต่อจากนี้”
“อ่ะ... ครับ”
“แม่รู้มาว่า เราคบกับตารุฒอยู่ใช่ไหม?”

“!!!!!” หลังจากที่ได้ยินดังนี้ทำให้หัวของชานนท์ขาวโพลนไปหมด เขาพยายามจะคิดหาทางปฏิเสธร้อยแปดแต่มันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหม เขาได้แต่อ้ำอึ้งใส่คนตรงหน้าไป

“ไม่ต้องมาปฏิเสธหรอกนะ ตอนนี้เขาคงรู้กันทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว” ดร.ภาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูมีพลังทำลายล้างไม่เบา อาจเพราะชานนท์รู้สึกเกรงคนๆนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“ในฐานะของผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัย แม่เองก็ไม่ติดใจอะไรเพราะเรื่องแบบนี้มันเรื่องของรสนิยมทางเพศ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือก แม่เองก็ไม่อยากเข้ามาก้าวก่ายอะไร แต่ในฐานะของแม่แล้ว แม่คงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้!!”
“ครับ” ชานนท์มีเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“นนท์..... นนท์เข้าใจแม่นะลูก วรุฒน่ะ ด้วยฐานะและหน้าตาทางสังคมแล้ว ทำให้มีคนมากหน้าหลายตา เข้ามาในชีวิตมากมาย ซึ่งจากที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีคนหวังดีและจริงใจเสียสักเท่าไหร่......” พูดมาถึงตรงนี้ คุณแม่ภาก็จ้องมองมาที่ชานนท์อย่างต้องการหาคำตอบอะไรสักอย่างจากเขา
“นนท์...... คนเป็นแม่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาถูกไหม?”
“เอ่อ... ครับ”
“แม่ก็อยากรู้ว่าคนที่ลูกของแม่คบด้วยเป็นคนแบบไหน?”
“ครับ” ชานนท์หลบสายตาคนเป็นแม่อย่างไม่รู้ตัว
“อืม.... ลูกก็เป็นเด็กเรียนดีนะ....” แฟ้มบางๆแฟ้มหนึ่งปรากฏอยู่บนมือของ ดร.ภา อย่างทันทีทันเหมือนเนรมิต

“เป็นนักเรียนทุนที่ทำข้อสอบของเราเกือบเต็มเสียด้วย อืม..... เหตุที่ขอทุนเพราะทางบ้านขาดแคลนทุนทรัพย์.... อืม....” ดร.ภาอ่านแฟ้มเล่มนั้นและดูเหมือนจะพูดพึมพำกับตัวเองมากกว่า
“อืม..... แม่ว่าแม่คุ้นหน้าเรามากเลย แต่นึกไม่ออก.... ไม่เป็นไร... ช่างมันเถอะ ที่พูดมาทั้งหมดนั้น เพราะแม่มีอะไรมาเสนอ”
“อะ...อะไรครับ”
“เลิกคบกับรุฒซะ แล้วเรื่องทุนการศึกษา แม่จะช่วยออกให้จนถึงปริญญาเอกเอง เห็นเขียนตอนสมัครสอบทุนฯ ว่าอยากเรียนไม่ใช่เหรอ? แม่ทำให้ฝันนั้นเป็นจริงได้นะ! เพียงแค่เลิกคบกับรุฒซะ เรื่องห้องเดี๋ยวแม่จัดการให้ ไปอยู่ห้องใหม่ทางฝั่งตะวันตกได้เลย ได้ห้องเดี่ยวเลยนะ แล้วก็ แม่จะเพิ่มทุนในการใช้จ่ายแต่ละเดือนให้ด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่า รุฒน่ะเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เรียนจบพร้อมกันก็จะให้แต่งกันเลย แม่อยากให้เขาได้เจอคนดีๆ คนในระดับเดียวกัน เขาจะต้องมีความสุขแน่ๆ” ดร.ภาเอื้อมไปจับมือชานนท์เบาๆ

“ไม่ครับ!!” ชานนท์กลับไปแทบจะทันที จนดร.ภาชักมือกลับแทบไม่ทัน
“ผมยอมรับว่าข้อเสนอมันน่าสนใจ แต่ผมอยากทำตามความฝันด้วยลำแข้งของตัวเองน่าจะภูมิใจกว่า ส่วนเรื่องผมกับรุฒ ผมไม่ได้คบกับรุฒเพื่อเงินหรือฐานะทางสังคม ผมคบกับเขาเพราะผมชอบเขา อนาคตจะเป็นอย่างไร ผมอยากให้เขาเป็นคนเลือกเอง หากเขาคิดได้ว่าอนาคตที่แม่เลือกให้มันดีกว่าการคบกับผมต่อไป ผมก็ให้อำนาจเขาตัดสินใจครับ!!” ชานนท์พูดออกมาจนตัวเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเขาเป็นคนพูดสิ่งเหล่านี้ออกจากปากตนเอง หลังจากพูดจบเขาต้องเอามือปิดปากพล่อยๆ ของตนเอง เขาลุกขึ้นพร้อมที่จะเดินหนีหากสถานการณ์ตรงหน้าไม่ดีขึ้นมา

“ได้มาทันฟังอะไรดีๆ ด้วย!!” เสียงพูดปนหอบดังมาจากทางด้านหลัง

“รุฒ!!” น้ำเสียงปนความประหลาดใจดังขึ้นจากปากคุณแม่คนสวย

“สวัสดีครับ แม่ ทำไมทำหน้าประหลาดใจแบบนั้นล่ะครับ?” วรุฒเดินมาและยืนอยู่ข้างชานนท์

“เราไม่ได้นัดกันที่นี่นะ ทำไมลูกถึงมาอยู่ตรงนี้!?” ดร.ภา ถอนหายใจเสียงดัง และหันมายิ้มกับลูกชายของตนเอง

 “ผมควรจะถามแม่ก่อนไหมครับว่าทำไม แม่ถึงมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้กับคนของผม?” วรุฒถามกลับเสียงหนักแน่น
“แม่แค่ผ่านมา และกะจะมาทักทายกับเพื่อนลูกเท่านั้นเอง” ดร. สาวสวยยิ้มกลับด้วยสีหน้าเหมือนการมาปรากฏตัวของเธอเป็นเรื่องธรรมดา
“แล้วแม่คุยอะไรกับเพื่อนของผม?”
“ก็อยากรู้ว่า เราเข้ากับเพื่อนร่วมห้องได้ไหม?”
“แม่ไม่ควรมาถามผมแบบนี้นะ ทั้งๆ ที่แม่เป็นคนจับผมยัดใส่ที่นี่เสียเอง!! แม่ร่วมมือกับพ่อเพื่อลงโทษผม กับเรื่องๆนั้น!! แล้วแม่ก็ยังไม่ได้ตอบผมเลยว่า ที่นัดผมไปกินข้าวกัน แต่ทำไมแม่มาอยู่ที่นี่!!” วรุฒพูดอย่างเหลืออด
“แม่แค่........”
“แม่ครับ ผมขอความจริง!! แม่จะลงโทษผมเหมือนพ่อไม่ได้นะ เรื่องแบบนี้ผมควรมีสิทธิ์เลือกใช่ไหมครับ?”
“แต่เรื่องคราวที่แล้วมันก็สมควรไหม?!!” ดร.ภามีสีหน้าแสดงอารมณ์ขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนที่จะเลือนหายไป
“หากแม่ไม่ทำแบบนี้ ไม่ไปต่อรองกับพ่อแก รับรองว่ารุฒได้ไปอยู่ในสถานศึกษาแบบประจำที่ต่างประเทศแน่ๆ แม่ไม่อยากอยู่ห่างจากลูกขนาดนั่น แม่ว่ามันเป็นการลงโทษที่เกินขอบเขตไปหน่อย แม่ช่วยรุฒอยู่นะ” ดร.ภามีความปวดร้าวอยู่ในแววตา
“แล้วครั้งนี้ แม่จะบอกพ่อไหมครับ?” วรุฒพูดเสียงเรียบ
“แม่คิดว่า....ไม่..... แม่แค่อยากพิสูจน์ว่าคนที่เข้ามาในชีวิตลูก จะไม่ทำให้ลูกต้องเจ็บปวดซ้ำสองอีก  ครั้งนี้ลูกเลือกได้นะ” ดร. ภายิ้มมาที่ชานนท์อย่างจริงใจ สีหน้าผิดไปตากเมื่อครู่มาก
“แน่นอนครับ ผมพิสูจน์เองหลายครั้งแล้ว!! ผมมีบทเรียนแล้ว ผมจะไม่โง่อีกต่อไป!!” วรุฒใช้มือดึงร่างเล็กๆ ของชานนท์เข้ามากอด
“แม่น่ะ เป็นคนทันสมัย ไม่เหมือนพ่อแก เรื่องพวกนี้แม่ไม่ว่าหรอก ว่าแต่.....” ดร.ภา เห็นภาพตรงหน้าก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นลูกชายของตนมีสีหน้าแห่งแน่วแน่และมีความสุขเปื้อนอยู่เต็มไปหมด
“ครับ?” ชานนท์สงสัยกับการทิ้งท้ายประโยคแบบนี้
“ไปถึงขั้นนั้นกันหรือยัง?” ดร.ภาถามเสียงเรียบ
“ขั้นไหนครับ?” ชานนท์เริ่มมีอาการหน้าร้อนขึ้นมา
“ถ้าถามว่าได้กันหรือยัง? เรียบร้อยแล้วครับแม่”
วรุฒตอบเสียงดัง
“รุฒ!! ลูกเนี่ย ยังไงแม่ก็เป็นผู้หญิงนะ พูดอะไรแบบนี้ก็เกรงใจแม่หน่อย เอาเป็นว่า อย่าทำอะไรกันแผลงๆ และก็รู้จักป้องกันกันดีๆ ก็แล้วกัน!!” ดร.ภามีสีหน้าเขินอายเล็กน้อยในขณะที่วรุฒหัวเราะแม่ตัวเองด้วยความร่าเริง

ชานนท์พูดอะไรไม่ออกเพราะได้ฟังแบบนี้ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่พวกเขาทำกันเมื่อวาน แบบนี้เขาเรียกว่าเล่นแผลงๆ หรือเปล่านะ?
“นนท์ ทำไมทำหน้าแปลกๆ ล่ะลูก”
“ก็เรื่อง.......” ชานนท์รู้หน้าร้อนผ่าวไปหมด มีอาการลังเลว่าควรจะกล่าวสิ่งที่คิดอยู่ในใจหรือไม่
“ทำไมล่ะ มีเรื่องอะไรจะบอกแม่หรือเปล่า?”
“เรื่องป้องกันน่ะครับ รุฒเขาไม่เคยกับผมเลย”

“รุม!! ทำไมไม่รู้จักระวังตัวให้เป็นนิสัย!! แม่บอกหลายครั้งแล้วนะว่าลูกจะทำตัวเหมือนพ่อ แม่ก็ไม่เคยว่าแต่ก็ควรจะป้องกัน!!” ดร.ภากล่าวเสียงเข้ม
“แม่จะโวยวายทำไมเนี่ย ผมก็ไม่เคยลืมที่จะป้องกันเลยสักครั้ง โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิงรักสนุกเหล่านั้น แต่กับนนท์เนี่ย... นนท์มันซิงแม่ บริสุทธิ์แบบไม่เคยผ่านมือใครแบบนี้ผมเลยขอแบบสดๆ”
“โอ้ย!! รุฒ!! ลูก!! ไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนี้ก็ได้นะ!! ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยแบบนี้มาจากใคร แม่ว่าลูกคงได้จากพ่อมาเยอะ เอาเถอะๆ แม่ไม่อยากรู้อะไรแล้ว เอาเป็นว่า ... หากลูกรักนนท์ก็ปัองกันกันไปเถอะนะ” ผู้อำนวยการสาวสวยส่ายหน้ากับพฤติกรรมลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง
“นนท์เองก็อย่ายอมนะลูก” ดร.ภาหันมายิ้มกับชานท์ด้วยความห่วงใย แม้จะมีบุคลิกนิ่งขรึมแต่ก็แสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยวรุฒไม่น้อย
“อ่า....ครับ” ชานนท์ยิ้มตอบกลับอย่างเขิน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับการยอมรับที่กระทันหันขนาดนี้

“ผมคลีนน่าแม่ ผมตรวจเลือดทุกหกเดือน เมื่อวานก็เพิ่งจัดไปเองใช่ไหม? ทั้งเชือก เทียนไข และโล้ชิงช้า” วรุฒพูดเน้นคำทุกคำและนิ่งอย่างได้ใจ
“รุฒ!! แม่บอกว่าไม่ต้องเล่ารายละเอียด!! แล้วทำไมเล่นกันพิเรนทร์แบบนี้!!” ดร.ภามีท่าทีเกรี้ยวกราดขึ้นมาเล็กน้อย
“แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น!!” ชานนท์รีบแก้ตัว
“ดีจัง ยอมเรียกแม่แล้ว” ดร.ภายิ้มกับชานนท์อย่างเอ็นดูจนชานนท์ขวยเขิน
“นายก็ด้วย แม่เข้าใจผิดหมดแล้ว” ชานนท์ดุวรุฒจนวรุฒหัวเราะเสียงดัง
“ดีจังนะ... ปกติไม่มีใครกล้าดุรุฒเขาแบบนี้โดยไม่โดนเขาลงไม้ลงมือนะเนี่ย แปลว่ารุฒเขาจริงจังกับเราน่าดูนะ” ดร.ภาเสริม
ชานนท์ได้แต่ยืนหน้าแดงอยู่นิ่งๆ ในขณะที่แม่ลูกกำลังคุยถึงเขาอย่างสนุกสนาน นิสัยด้านอ่อนโยนของวรุฒน่าจะได้จากแม่ของเขา

......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 2) อัพ 20 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-10-2019 12:21:05
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 2) อัพ 20 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-10-2019 13:40:12
 :pig4: :pig4: :pig4:


ไอ่เราก็นึกว่าจุนแม่จะมาเสริฟมาม่าเสียอีก
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 2) อัพ 20 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-10-2019 13:55:56
คุณแม่ขี้แกล้งอ่ะ555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 2) อัพ 20 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 24-10-2019 22:38:52
ป๊าด
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 3) อัพ 28 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 28-10-2019 10:33:59

ในที่สุดก็ถึงช่วงสอบกลางภาค ชานนท์เริ่มวิตกกังวลกับข้อสอบที่จะสอบในไม่กี่วันนี้ เพราะช่วงต้นเทอมนั้นเต็มไปด้วยกิจกรรมเต็มเติมประสบการณ์ชีวิตมหาวิทยาลัยจนแทบจะไม่ได้ใส่ใจการเรียนอย่างเขาที่เคยเป็น แต่เขาก็ยอมรับว่ามันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่อย่างที่เขาตั้งใจไว้ ทั้งเรื่องประกวดดาวเดือนที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สัมผัสสปอร์ตไลท์ในชีวิตนี้ และเขาก็คิดว่าเขาทำได้ดี จนสามารถคว้าตำแหน่งรองเดือนคณะฯ มาได้ แม้คะแนนเหล่านั้นจะได้มาจากแฟนคลับที่แปลกและแตกต่างจากที่เขาคิดไว้ก็ตาม (แฟนคลับควรจะเป็นสาวน่ารักๆ ตัวเล็กสิ ไม่ใช่ผู้ชายตัวสูงใหญ่พวกนั้น)

ไหนจะเรื่องความรักที่..... ได้คนรักมาอย่างไม่ตั้งใจจากคนที่ไม่ได้คาดหวังด้วยแล้วยิ่งรู้สึกแปลกไปอีก ชานนท์คิดระหว่างอ่านทบทวนหนังสือในช่วงเย็นด้วยหน้าตาที่ตึงเครียด

“เครียดอะไรเนี่ย?” วรุฒซึ่งเดินมาจากมุมไหนของห้องก็ไม่ทราบ แทรกตัวมายืนทางด้านข้างและโน้มตัวลงมาหอมแก้มนุ่มๆของเขาหนึ่งฟอดใหญ่
“ใครจะไปทำตัวตามสบายแบบนายได้ล่ะ” วรุฒตอบกลับพร้อมใช้มือลูบแก้มตัวเองด้วยความตกใจ ความสากของตุ่มหนวดเคราที่กำลังขึ้นของชายร่างใหญ่ทำให้เกิดอาการคันและจั๊กจี้
“แค่สอบกลางภาคเอง นนท์ทำได้อยู่แล้วล่ะน่า พวกสอบย่อยที่ผ่านมานายก็ทำได้เกือบเต็มแทบจะทุกวิชาไม่ใช่เรอะ?” วรุฒทิ้งตัวลงไปนอนเอกเขนกที่เตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์ที่กลางห้อง ชานนท์ยังไม่คุ้นกับการจัดห้องแบบใหม่ของวรุฒที่ปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และการจัดห้องให้เป็นเหมือนเรือนหอของพวกเขาทั้งสองคน จากสองเตียงเล็กกลายมาเป็นเตียงใหญ่หลางห้อง เพราะช่วงหลังมานี้ ชานนท์ไม่เคยได้นอนเตียงตัวเองเลย และเขาเองก็บ่นบ่อยๆว่า นอนเบียดกันทุกวันจนปวดตัวไปหมด สุดท้ายคุณชายรุฒจึงทำทุกอย่างออกมาแบบนี้ จากที่เคยแยกเป็นสอง ทุกอย่างถูกรวมเป็นหนึ่งทั้งหมดยกเว้นโต๊ะหนังสือที่ชานนท์ขอตั้งแยกเพราะไม่อยากให้วรุฒทำเขาเสียสมาธิอ่านหนังสือ

“อยากทำได้เต็มน่ะ”
“เครียดเกินไปหรือเปล่าครับ”
“ใครจะไปเก่งอย่างนายล่ะ” ชานนท์หันกลับมาจ้องไอ้คนที่แทบไม่ได้จับหนังสืออ่านเลยแต่ดันได้คะแนนเต็มทุกวิชาอย่างอิจฉา
“อยากให้แฟนคนเก่งของนายติวให้ไหมล่ะ?” วรุฒยิ้มกลับอย่างยียวน
“ไม่ล่ะ!!” ชานนท์พูดจบก็หันหลังไปอ่านหนังสือต่อโดยไม่พยายามหันกลับไปมองแววตายียวนปนมีเสน่ห์ทางเพศของคนที่นอนอย่างเชิญชวนบนเตียงที่นุ่มสบาย

พอนึกถึงคำว่า ‘แฟน’ ชานนท์ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เพราะทำให้เขานึกถึงสถานะคู่หมั้นระหว่างวรุฒและมายา หรือมายด์เพื่อนของเขา (และคนที่เขาเคยแอบชอบ) ตั้งแต่รู้เรื่องนี้เขาก็เข้าหน้ามายด์ไม่ติดและพยายามเลี่ยงที่จะพบหน้ามายด์มาโดยตลอด แม้ว่าทั้งรุฒและเมย์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ไม่ต้องคิดมาก เพราะเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการแบบคลุมถุงชน มายด์และรุฒต่างไม่ได้เต็มใจ’ แต่เขาก็รู้สึกถึงความไม่มั่นคงของตัวเองอย่างมาก รวมถึงความรักแบบนี้คงจะให้ยอมรับในสังคมคงยาก

“คิดเรื่องของเราอยู่หรือเปล่าบอกแล้วว่าไม่ต้องคิดมาก” เสียงวรุฒดังแทรกเข้ามาในความคิดของเขา วรุฒเหมือนมีญาณทิพย์รับรู้ความคิดของชานนท์
“เปล่าเสียหน่อย” ชานนท์แก้ตัวไปอย่างเขินๆ
“นายเนี่ยนะน่ารักจริงๆเลย โกหกได้ไม่เนียนเอาเสียเลยนะ” วรุฒโผเข้ากอดทางด้านหลัง
“อย่ามากวนได้ไหม? จะอ่านหนังสือสอบ!!” ชานนท์มีท่าทางหงุดหงิดใส่อีกฝ่ายแก้เขิน วรุฒเองก็พอจะรู้ว่าชานนท์ทำไปเพื่อแก้เขิน เขาจึงยิ่งกอดแน่นขึ้นพร้อมทั้งหัวเราะในลำคอเบาๆ
“โอย! เบาหน่อย เราเจ็บ ไม่ช่วยก็อย่ามากวนได้ไหม?” ชานนท์เริ่มดีดดิ้นให้อีกฝ่ายถอยห่างออกไปจากการอ่านหนังสือของตน
“ยอมให้เราติวแล้วใช่ไหม?” วรุฒพูดข้างหูอย่างอ่อนโยน
“อืม” ชานนท์พยักหน้าแบบขอไปที เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าโดนเกาะแกะแบบนี้ อีกอย่างมีคนช่วยเขาน่าจะอ่านหนังสือได้เข้าใจได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะกับคนที่ได้คะแนนเต็มทุกวิชาอย่างวรุฒ
“ค่าติวเราแพงนะ”
“อะไรวะ? ทำไมถึงคิดเงินด้วยล่ะ!”
“เราไม่อยากได้เงินของนาย”
“แล้วจะเอา.....อะ....ไร.....” ชานนท์ถามกลับในขณะที่เขาเองก็เริ่มรู้ถึงคำตอบของคำถามของตัวเองแล้ว
“ไม่เอาแล้ว.... เราอ่านคนเดียวได้!!” ชานนท์รีบสวนขึ้นมาทันที
“ไม่ทันเสียแล้วล่ะ ตอนนี้เราห้ามตัวเองไม่อยู่แล้ว เรามาจ่ายค่าติวกันเลยก็แล้วกัน!!” วรุฒพูดจบ ชายร่างสูงใหญ่ก็จัดการรวบตัวคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มุมห้องขึ้นมาอย่างง่ายดาย

“เดี๋ยวๆ” ชานนท์โวย
“อย่าดิ้นสิ ตกไปจะเจ็บเอานะ” วรุฒกระชับแขนตัวเองเข้ามาให้ร่างกายอีกฝ่ายแนบชิดกับร่างตัวเองมากขึ้น ความอบอุ่นของคนตัวสูงแผ่เข้ามาในตัวของชานนท์อย่างช้าๆ
“เราจะอ่านหนังสือ!!” ชานนท์พูดอู้อี้เหมือนเด็กน้อยที่โวยวายในอ้อมอกพ่อแม่
“คลายเครียดก่อนไง เครียดไปก็อ่านไม่รู้เรื่องหรอก!!” วรุฒพูดจบก็เดินไปวางชานนท์ที่เตียงอย่างทะนุถนอมและกดริมฝีปากตนเองไปที่ริมฝีปากของชานนท์อย่างเย้ายวน เทคนิคนี้ที่ชานนท์ไม่สามารถต้านทานได้เลยสักครั้ง เพียงไม่กี่พริบตา เสื้อผ้าของเขาก็ถูกบรรจงถอดออกจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าให้คนตัวสูงทางด้านบนทำการชำระค่าเสียหายอย่างชำนิชำนาญ ชานนท์ถูกอีกฝ่ายพาเข้าไปสู่วังวนแห่งความหฤหรรษ์จนเขาไม่อาจนึกถึงการอ่านหนังสือได้อีกต่อไป

................................

ช่วงสอบกลางภาคผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล เพราะการอ่านหนังสือสไตล์คุณชายวรุฒนั้น เขายอมรับว่ามันทำให้เขาทำข้อสอบได้ง่ายขึ้น เข้าเนื้อหาในทุกวิชาได้ดี วรุฒสอนได้ดีมากและมีความรู้แน่นมากอีกด้วย ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ แต่ที่แน่นไปกว่าเนื้อหาวิชาการที่วรุฒมอบให้นี่ต่างหากที่ทำให้ชานนท์รู้สึกทุลักทุเลในช่วงสอบที่ผ่านมา คือร่างกายแน่นๆของชายร่างสูงที่แนบชิดกับเขาก่อนการอ่านหนังสือ เขาเสียค่าติวโดยการขึ้นเตียงกับแฟนหนุ่มของเขาทุกวันจนเพลียแทบจะทรงตัวไม่อยู่เลยตอนนี้ การทำสองอย่างในคืนเดียวกันและมาสอบในวันถัดไป การทำแบบนี้ทุกวันทำให้เขารู้สึกร่างกายของเขาจะเกินขีดจำกัดอยู่แล้ว ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ เพราะเจอแบบนั้นมาตลอดสิบวันติดต่อกัน แต่หากผลสอบมันดีได้เท่ากับวรุฒมันก็คุ้มค่า

ชานนท์เดินมานั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้อาคารของคณะฯหลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้น เขามักจะนั่งอยู่ตรงนี้ทุกครั้งหลังสอบเสร็จ เพื่อทบทวนบทเรียนเพื่อสอบวิชาถัดไป และเพื่อนๆของเขาก็มักจะมารอเขาตรงนี้เสมอรวมถึงวรุฒด้วยเช่นกัน แม้ว่าวรุฒจะไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนๆ เขาแต่ก็จะคอยอยู่โต๊ะข้างๆ เพื่อมาสมทบเมื่อชานนท์มาถึงโต๊ะแล้วเสมอ ชานนท์เคยถามวรุฒว่าทำไมไม่นั่งโต๊ะเดียวกับเมย์และเพื่อนคนอื่นของเขา วรุฒมักจะเดินออกจากห้องสอบคนแรกเสมอ ส่วนชานนท์มักจะออกมาเป็นคนเกือบสุดท้ายประจำเพื่อให้แน่ใจว่า เขาจะไม่ทำข้อสอบพลาดแม้แต่ข้อเดียว ซึ่งมันจะทำให้วรุฒนั่งรอเขานานพอควร แทนที่จะนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ แต่เขากลับนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เพียงลำพัง วรุฒตอบเขาสั้นๆ แค่ ‘ไม่ชอบคนพูดมาก’ ชานนท์เข้าใจในทันทีเพราะบางครั้งเขาเองก็แอบรำคาญเมย์เหมือนกัน เมย์....เธอเป็นคนประเภทเม้าส์มอยไม่หยุด แม้แต่ในช่วงสอบที่แสนเครียดแบบนี้

วันนี้ชานนท์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเพราะวันนี้เขาอุตส่าห์รีบทำข้อสอบให้เสร็จเป็นคนแรกๆ (คณิตศาสตร์ มันง่ายมากสำหรับเขา) แต่เขากลับไม่เห็นเงาวรุฒซึ่งออกมาก่อนเขาเพียงสิบนาที ทำให้ชานนท์หันซ้ายหันขวาอย่างรู้สึกกังวล คนที่ปกติจะรอเขาทุกวันไม่ว่าจะนานแค่ไหน วันนี้กลับหายตัวไปเสียอย่างนั้น

“นักศึกษาชานนท์” เสียงราบเรียบและเย็นชาดังขึ้นจากทางมุมอับสายตา
“อ่ะ!! ครับ” ชานนท์ตกใจเล็กน้อยและรีบหันไปทางต้นเสียง
“คือดิชั้นคือผู้ช่วย ดร.ศิริปภานะคะ”
“อ่ะ..ครับ ผมจำได้ครับ” ชานนท์นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อวันที่แม่ของวรุฒมาหาเขาถึงที่หอพัก หญิงสาวที่แสนจะเงียบและมีเงาจางเหมือนกลืนไปกับพื้นหลังแบบนี้
“ดร.ภา อยากจะพบน่ะคะ” เธอตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่แทบไม่แสดงอารมณ์
“ครับ” ชานนท์ตอบสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินตามหญิงสาวที่ซีดจางคนนี้ไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยีงมองหาวรุฒระหว่างที่เดินตามผู่ช่วยดร.ดาไปด้วย

หญิงสาวที่แสนเงียบคนนั้นเดินนำหน้าชานนท์ไปอย่างรวดเร็ว เธอก้าวเดินไปเหมือนลอยอยู่เหนือพื้น ความเร็วสม่ำเสมอกันจนถึงห้องประชุมแห่งหนึ่งในอาคารเดียวกัน ชานนท์มีอาการหอบเล็กน้อยกว่าจะตามเธอทัน

ชานนท์มารู้ตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ในสถานที่ๆไม่คุ้นตา แม้จะอยู่ในอาคารเดียวกับสถานที่เรียนและสอบ แต่เขากลับแทบไม่เคยเดินผ่านตรงนี้เลย อาจเพราะชั้นบนสุดแบบนี้มักจะเป็นห้องพักอาจารย์และห้องประชุมของอาจารย์ เขาจึงไม่เคยมีโอกาสได้ขึ้นมาเลย  เขาแอบคิดว่าหากเขาไม่เดินตามผู้ช่วยดร.ภามา เขาจะสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้หรือไม่เพราะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำชั้นนี้คงไม่อนุญาตให้ขี้นมาแน่นอน ชานนท์คิดขณะยืนหันหลังกลับไปมอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่ที่ยืนหน้าเข้มอยู่ตรงทางเข้า

“เชิญคะ ดร. รออยู่ทางด้านใน” เสียงเย็นๆ ของผู้ช่วยดร.ภา ลอยมาตามลมเย็นๆ ชานนท์คิดว่าหากเขาไม่เคยเจอคนๆ นี้ เขาคงวิ่งหนีเพราะคิดว่าวิญญาณเฝ้าตึกเป็นแน่

ชานนท์เดินเข้าห้องตามคำเชิญของหญิงสาวเสียงเย็น สิ่งแรกที่เขาปะทะในครั้งหลังจากผลักประตูกระจกบานทึบกี่งโปร่งแสงเข้าไปคืออากาศเย็นที่ปะทะใบหน้าและลำตัวของเขาจนรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว

“สวัสดีจ๊ะนนท์” คุณแม่ของวรุฒนั่งยิ้มทักทายเขาหัวโต๊ะประชุมมุมห้องที่แสนเย็นยะเยือก แม่ลูกคู่นี้เหมือนกันมากกว่าที่คิด อีกอย่างหนึ่งที่เขารู้สึกได้คือ ทั้งสองคนเกลียดอากาศร้อนเอามากๆ
“สวัสดีครับ” ชานนท์ตอบกลับพร้อมทั้งเดินเข้าไปไหว้อย่างสุภาพในระยะสามเมตร
“เข้ามาใกล้ๆ สิจ๊ะ อย่าทำตัวห่างเหินเลย”
“ครับ” ชานนท์พูดพร้อมขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นจนอยู่ในระยะมือเอื้อม
“นั่งลงใกล้ๆแม่สิลูก วันนั้นแม่อยากคุยด้วยเยอะเลย แต่ดันมีเจ้าตัวยุ่งเข้ามาวุ่นวายเลยไม่ได้พูดคุยให้สนิทสนมกันมากขึ้นเลย” ดร. ภายิ้มอย่างเป็นมิตร
“ครับ ดร.ภา” ชานนท์นั่งลงอย่างสุภาพและว่าง่าย
“น่ารักจริงๆ ที่ผ่านเจ้ารุฒมีแฟนแต่ละคนมีแต่ทำให้แม่ปวดหัว ยิ่งตอนไปอยู่เมืองนอก.....” ดร. ภา หยุดไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ไหนแม่มามองหน้าใกล้ๆหน่อยสิจ๊ะ คนแก่แล้วสายตาไม่ค่อยดี” แม้ว่าจะพูดว่าแก่แต่รูปร่างหน้าตาถือว่าอ่อนเยาว์กว่าแม่ของชานนท์ที่อายุน้อยกว่าเสียอีก

ชานนท์ขยับเข้าไปใกล้อย่างว่าง่าย

“โห... ผิวพรรณก็ดี หน้าตาก็ดีหน้าหวานขนตางอนดก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นคนอีสานเลยนะ” ดร. ภาพูดขณะเชยคางชานนท์พลิกไปมาจนชานนท์รู้สึกเขิน
“เอ่อ.... ความจริง ภูมิลำเนาคุณแม่ไม่ใช่คนอีสานครับ รู้สึกว่าจะย้ายมาจากภาคเหนือ” ชานนท์เสริมแก้เขิน

“อ้อ.....” หลังจบคำว่า ‘อ้อ’ ชานนท์ก็ถูกดร. ภาซักประวัติเสียยิ่งกว่าสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนที่นี่เสียอีก แต่เรื่องจากขานนท์เองก็ไม่ได้ทราบประวัติครอบครัวตนเองมากนักเพราะคุณแม่แทบไม่เคยเล่าให้ฟังเลย จึงตอบได้แต่เพียงเท่าที่รู้เท่านั้น

คุณแม่ของชานนท์ย้ายตามคุณพ่อซึ่งเป็นคนภูมิลำเนาแถบภาคอิสาน ไม่เคยรู้เลยว่ามีญาติพี่น้องหรือไม่เพราะคุณแม่ของชานนท์ไม่เคยเอ่ยถึงแม้สักครั้งเดียว หลังจากคุณพ่อของเขาเสียชีวิต ทั้งชีวิตของเขามีเพียงแม่ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลังจากโดนซักประวัติอย่างละเอียดยิบแล้วคุณแม่ของวรุฒกลับมีสีหน้าหนักอึ้งเหมือนบนบ่าแบกโลกมาทั้งใบ แต่หลังจากที่สังเกตเห็นว่าชานนท์มีท่าทีสงสัยอากัปกิริยาของตน เธอก็รีบเปลี่ยนสีหน้าและอริยาบทมาเป็นดร.ภาผู้มั่นใจเช่นเดิม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามถึงกิริยาแปลกๆ ของคนฝั่งตรงข้าม
“ไม่มีอะไรจ๊ะ คือแม่เผลอไปคิดเรื่องงานน่ะจ๊ะ”
“งั้น.... ผมขอตัวนะครับ”
“นนท์ไม่ถามแม่หน่อยหรือจ๊ะว่าทำไมเรียกมาถามอะไรพวกนี้อึกแล้ว” ดร.ภามียิ้มอย่างไม่เต็มที่เท่าไหร่ตอนพูดถึงตรงนี้
“ไม่ครับ ผมเข้าใจนะครับ แม่ก็คงจะรักรุฒมากก็เลยอยากจะคัดกรองคนที่เข้ามาในชีวิตของลูกชายตัวเอง เป็นผม.... ผมก็ทำเหมือนกันครับ” ชานนท์ตอบกลับอย่างฉะฉาน
“แม่กลัวว่า หากนนท์รู้เหตุผล นนท์จะเกลียดแม่เสียเปล่าๆ” ดร.ภาพูดเสียงเบาลงไปตามความยาวของประโยค
“อะไรนะครับ?”
“ไม่มีอะไรจ๊ะ เอ่อ... ไม่ต้องรีบกลับหรอก แม่นัดกับรุฒไว้ ว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน แม่บอกแล้วว่าจะพานนท์ไปด้วย!”
“อ้อ ครับ แล้วรุฒไปไหนล่ะครับ?”
“แม่ให้ไปทำธุระให้หน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวรุฒเขาก็จะไปรอที่ร้านอาหารเลย”
“ครับ” ชานนท์ตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 3) อัพ 28 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-10-2019 14:22:20
ยังไงเนี่ยคุณแม่
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 3) อัพ 28 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-10-2019 15:36:25
 :pig4: :pig4: :pig4:


เหตุผลที่ซักประวัติคืออะไรหว่า?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 3) อัพ 28 ต.ค.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-11-2019 23:57:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด ( บทที่19 ส่วนที่ 4) อัพ 4 พ.ย.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 04-11-2019 06:04:14

หลังจากไปรับประทานอาหารมื้อค่ำกับดร. ภาและลูกชายของเธอ ร้านอาหารที่มารับประทานมื้อค่ำร้านนี้ดูเรียบง่ายกว่าที่คิด เป็นอาหารไทยแบบดั้งเดิม คุณแม่ของวรุฒเป็นคนใส่ใจรายละเอียดในการสั่งอาหารมาก เพราะอาหารที่สั่งล้วนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น ทั้งข้าวกล้องและอาหารอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยผัดหลากสี ทั้งยังสั่งโดยการคำนวนปริมาณของผู้มาร่วมโต๊ะอย่างพอดิบพอดี การสั่งอาหารช่างต่างจากวรุฒมาก ชานนท์มีความรู้สึกอยากรู้ว่าหน้าของวรุฒจะเป็นอย่างไร หากเดินมาเจออาหารเพื่อสุขภาพเต็มโต๊ะขนาดนี้

แม่ลูกคู่นี้แยกย้ายกันกลับหลังจากจบมื้อค่ำ ส่วนชานนท์กลับมาพร้อมกับวรุฒ ในระหว่างมื้ออาหารชานนท์สังเกตถึงอารมณ์ของวรุฒมาตลอดมื้อค่ำ จริงๆแล้วคือตั้งแต่วรุฒเดินก้าวเท้ามาในร้านอาหารเลยมากกว่า แต่ที่ผิดคาดคือวรุฒกลับไม่เรื่องมากกับอาหารที่แม่ตนเองเป็นคนสั่ง เขากวาดตามองและนั่งลงกินอาหารเหล่านั้นอย่างว่าง่ายโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ชานนท์สงสัยว่าวรุฒคงจะชินกับการกินอาหารเหล่านี้กับแม่ตนเองแล้ว

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ชานนท์ถามขึ้นมาหลังจากเห็นวรุฒที่นั่งอยู่ด้านคนขับมีอาการเงียบและหงุดหงิดอยู่ในที
“...........” แต่วรุฒกลับตอบกลับมาด้วยความเงียบที่ตรึงเครียด
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชานนท์รู้สึกเป็นห่วงจึงยื่นมือออกไปจับมือของวรุฒที่พวงมาลัย

วรุฒมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากโดนสัมผัส
“ขอโทษนะ คิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ได้ฟัง เมื่อครู่ถามว่าอะไรนะ?” วรุฒหันมาตอบวูบหนึ่งก่อนจะหันกลับมีสมาธิกับการขับรถต่อ
“เราถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า? เห็นดูท่าทางเครียดๆ อาหารไม่ถูกปาก หรือไม่ชอบที่เรามากับแม่นาย” ชานนท์เลือนมือออกจากมืออีกฝ่าย
“ไม่มีอะไร ไม่เกี่ยวกับอาหาร เรากินกับแม่บ่อยแล้วแบบนี้ บ่นไปแม่ก็ไม่เปลี่ยนเมนูหรอก ส่วนนายเราไม่เคยไปโกรธนายเลยนะ เราดีใจด้วยซ้ำที่แม่โอเคกับนาย” วรุฒยื่นมือไปจับมืออีกฝ่ายมาวางบนตักของตัวเองและว่าซ้อนมือตัวเองไว้ด้านบน
“แต่กว่าจะได้มาก็โดนสอบปากคำไปเสียเยอะ”
“อ้าว!! ไหนแม่บอกว่าจะไม่ทำแล้วไง!! สงสัยต้องขอคุยด้วยหน่อยแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วจะมาถามซ้ำซากทำไม!!”
วรุฒเกรี้ยวกราด
“ไม่เป็นไรหรอก คราวที่แล้วนายก็มาเสียก่อน ยังไม่ทันได้ถามอะไรกันเลย อีกอย่างแม่นายก็ถามประวัติส่วนตัวทั่วๆไป ไม่มีอะไที่เราต้องปิดบังนี่”
“ก็มันน่าสงสัย” วรุฒคิ้วขมวดชนกันจนแทบจะกลายเป็นเส้นเดียว
“เอาน่า... ไม่เป็นไรหรอก เอ้อ... แล้วนายไปไหมมาเนี่ย อารมณ์ไม่ดีเข้ามาในร้านอาหารเชียว” ชานนท์พยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขายังรู้สึกดีกับแม่ของวรุฒมาก จึงไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มาทำให้แม่ลูกต้องผิดใจกัน

“ไปทะเลาะกับพ่อมา!” เสียงห้วนๆ ของอีกฝ่ายตอบมา
“อ้าว!! ไปทำไมล่ะ?” ชานนท์ยังรู้สึกเสียวสันหลังวูบหลังจากได้ยินคำว่าพ่อของวรุฒจากเหตุการณ์ล่าสุด
“แม่น่ะสิ ให้เอาเอกสารอะไรไปให้ก็ไม่รู้ แล้วพ่อก็ฉุนเฉียวใหญ่เลย สุดท้ายก็มาพาลกับเรา ก็เลยทะเลาะกันบ้านแตก!!”
“เอ่อ.... ไม่ใช่เรื่อง.... ของ... พวกเราใช่ไหม?”
“ไม่ใช่หรอก หากใช่พ่อคงไม่ให้เรากลับมาหรอก แม่ก็บอกเองว่าจะไม่บอกพ่อด้วย แม่เป็นคนรักษาสัญญา ไม่เหมือนพ่อ!!” พอฟังวรุฒพูดมาถึงตรงนี้ ชานนท์ก็ถอนหายใจแบบโล่งอก
“แล้วไป” ชานนท์หลุดปากออกมาอย่างสบายใจ

.......................................

กลับมาถึงที่พัก สิ่งแรกที่ชานนท์ต้องการจะทำหลังผ่านการสอบอย่างทารุณมาตลอดสองสัปดาห์ก็คือ นอนให้เต็มอิ่ม เหยียดกายบนที่นอนที่แสนนุ่มสบายของเขา แต่หลังจากที่ประตูห้องเปิดออก ภาพที่เขาเห็นทำให้ภาพในหัวของเขาพังทลาย เขาลืมไปว่าห้องนี้ถูกเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ไปเสียหมดแล้ว จากเตียงคู่กลายเป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่กลางห้อง แม้ว่ามันจะดูหรูหราและนุ่มสบาย แต่ที่พ่วงมาด้วยคือไอ้ตัวหื่นกามที่พยายามเอาเปรียบเขาได้เกือบทุกวันจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนที่แท้จริง

แต่วันนี้เขาตั้งปณิธานแล้วว่า ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้ ยังไงวันนี้เขาก็จะนอนแต่หัวค่ำให้ได้ ชานนท์รีบก้าวเข้าไปในห้องเพื่อที่จะหนีไปอาบน้ำเพียงลำพัง เพราะที่ผ่านมาเขาจะโดนวรุฒลากเข้าไปอาบน้ำด้วยกันตลอด แต่ทันทีที่ขาก้าวเข้าห้องไปได้เพียงสามก้าว เสียงริงโทนที่แสนจะธรรมดาก็ดังมาจากโทรศัพท์เขา ชานนท์รู้ในทันทีว่าใครโทรศัพท์มาหาเขา ชานนท์รีบคว้าโทรศัพท์ออกไปที่นอกชาน ปิดประตู และรับโทรศัพท์ด้วยเสียงอันกระตือรือร้น

.............

“อะไรวะ?!?”
วรุฒทำเสียงหงุดหงิดอยู่บนเตียงที่เขานอนปล่อยตัวตามสบาย สีหน้าของเขาดูเกรี้ยวกราด ส่วนสายตานั้นจ้องมองออกไปที่นอกชาน ที่ซึ่งชานนท์เดินออกไปคุยโทรศัพท์อย่างสนุกสนาน เขาไม่เคยเห็นชานนท์ร่าเริงและพูดเยอะขนาดนี้มาก่อน วรุฒพยายามจะออกไปเพื่อฟังว่าชานนท์คุยกับใคร และคุยอะไรกันบ้าง แต่ก็โดนปิดประตูใส่หน้า และ กันไม่ให้วรุฒออกไปที่นอกชาน เสียงที่เขาได้ยินอยู่ตอนนี้มันเป็นเสียงอู้อี้จนแทบจะจับเป็นศัพท์อะไรไม่ได้ มันเหมือนชานนท์กำลังพูดภาษาต่างประเทศที่เขาไม่รู้จัก แปลไม่ออก

เสียงคุยโทรศัพท์เงียบไปพักหนึ่งแล้วหลังจากที่วรุฒได้ยินเสียงอู้อี้อืออออยู่นานเป็นสิบนาที ไม่นานจากนั้นชานนท์ก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าและแววตาที่สดใส ชานนท์มีความยิ้มอารมณ์ดีเดินเข้ามาอย่างที่วรุฒไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้เขาบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก รู้สึกเหมือนมีทั้งไฟ และพายุโหมอยู่ภายในอก มันทั้งร้อนและกรรโชก เขาไม่สามารถสะกดพายุอารมณ์เหล่านั้นได้อยู่อีกต่อไป เขาไม่เคยต้องทนขนาดนี้มาก่อน กว่าจะได้สติ เขาก็เดินไปกระชากโทรศัพท์จากมือของชานนท์ และขว้างไปที่ผนังอย่างแรงจนแตกละเอียด เขายังดึงตัวชานนท์ยกขึ้นมาและทุ่มลงนอนที่เตียงจนชานนท์ร้องเสียงดังและมีสีหน้าหวาดกลัว สีหน้านั่นเองที่ทำให้สติเขากลับมา

“เอ่อ..... เอ่อ.... ขอ.... ขอโทษนะ” วรุฒเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เขาสติหลุดอีกครั้งหลังจากไม่ได้เป็นมานาน ทั้งหมดก็เพราะภาพที่เขาเห็นมันช่างขัดตาขัดใจ
“............” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรไนในทันที เขายังรู้สึกหวาดกลัวเหมือนเมื่อครั้งที่เขาโดนวรุฒทารุณในครั้งแรก เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่ร่างกายแต่อย่างใด แต่มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาได้ มันทั้งโกรธและหน่วงๆ อยู่ที่อก ทั้งใจสั่นกับภาพและการกระทำที่รุนแรงที่เขาต้องเจอ
“เรา... เราขอโทษนะ อยู่ๆก็...ควบคุมมันไม่ได้..” วรุฒพยายามใช้มือลูบหัวอีกฝ่ายที่มีอาการสั่นเทา แต่คนที่นอนอยู่ทางด้านล่างกลับขยับศรีษะหลบอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้วรุฒรู้สึกหัวใจแหลกสลาย เขาเสียใจกับอาการหน้ามืดของเขามาก ความกลัวบางอย่างก่อเกิดขึ้นมาจับกุมหัวใจอันอ่อนไหวของเขา
“หลบหน่อย” คำพูดอ่อนแรงออกจากปากคนตัวเล็ก เขาทำท่าทางจะลุกหนีไปจากจุดเดิม แต่คนตัวสูงที่คล่อมตัวเขาอยู่กลับใช้กำลังรวบตัวคนตัวเล็กไว้อย่างรวดเร็วแต่ก็ทำอย่างระมัดระวัง วรุฒกอดชานนท์แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อย!!” เสียงสั่นเครือที่แฝงไปด้วยความโกรธเคืองออกจากปากคนตัวเล็ก
“ไม่!!” คนตัวสูงดื้อดึง
“ปล่อย” คนตัวเล็กดื้อกว่า
“เราจะไม่ปล่อยจนกว่านายจะยอมยกโทษให้และคุยกันดีๆ” คนตัวใหญ่ปฏิเสธและยื่นขอเสนอ
“เราไม่คุยกันคนอารมณ์ร้ายไม่มีเหตุผล”
“เรา..... ไม่ได้ตั้งใจ ก็คนมัน......หึงน่ะจะให้ทำยังไง ทำไมนายถึงได้แอบไปคุยโทรศัพท์แบบนั้น แถมยังดูมีความสุขมากมายขนาดนั้น นายจะทำแบบนั้นกับเราไม่ได้!!” คนตัวใหญ่พูดออกมาจากใจอย่างตรงไปตรงมาจน ชานนท์รู้สึกอ่อนใจแต่ก็ยังไม่หายโกรธการกระทำของอีกฝ่ายอยู่ดี

“เฮ้อออออ” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมายืดยาว
“นายจะไม่พอใจเรา บอกเราได้เลยว่าจะให้เราทำอะไรก็ได้ให้นายหายโกรธ ขอเพียงอย่างเดียวอย่าโกรธเราเลยนะ!” วรุฒยิ่งพูดก็ยิ่งกอดอีกฝ่ายจนแน่น
“รู้ไหมอะไรที่เราโกรธนายที่สุด!!” ชานนท์น้ำเสียงเหวี่ยงใส่อีกฝ่าย
“.......” วรุฒได้แต่นิ่งและยอมรับความเกรี้ยวกราดจากอีกฝ่าย
รู้ไหมทำไมเราต้องออกไปคุยคนเดียว?”
“...............” วรุฒคิดตามแต่ไม่มีคำตอบ
“เฮ้อ.... ทั้งหมดก็เพราะนายนั่นแหละ”
“ทำไมล่ะ?” สุดท้ายวรุฒก็ต้องเอ่ยปากถามเพราะคิดหาคำตอบไปก็เท่านั้น

“รู้ไหม? เราคุยกับใคร” ชานนท์ถอนหายใจก่อนถาม
“เราจะไปรู้นายเรอะ?” วรุฒตอบแบบยียวนแต่แขนก็กอดอีกฝ่ายไม่ปล่อย
“งั้น....ตอบทีละคำถามเลยนะ!!”
“อื้อ!!”

“คนที่เราคุยด้วย ......แม่เราเอง!!”
“เอ่อ......” ท่อนแขนของวรุฒเริ่มอ่อนแรงจนเกือบปล่อยมืออีกฝ่าย
“แล้วรู้ไหม? ทำไมเราไม่อยากให้นายอยู่ด้วยตอนคุยกับแม่!!” 
ฟังมาถึงตรงนี้วรุฒได้แต่ส่ายหน้า
“นี่ไม่รู้ตัวจริงหรือไงว่านายมันเป็นคนนิสัยชอบวอแวเราเวลาเราคุยกับคนอื่น นายต้องกวนเราไม่หยุดแน่ๆ อีกอย่าง..... แม่ยังไม่รู้เรื่อง......”

“เรื่องนายเป็นแฟนเรา?” วรุฒต่อประโยคของชานนท์ได้ทันที ทำให้เขานึกต่อยอดไปได้เองว่าทำไมชานนท์ถึงได้กีดกันตนเองเวลาคุยกับแม่ของเขา เรื่องแบบนี้ใช่ว่าพ่อแม่ของทุกคนจะรับได้ วรุฒเองก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มากับพ่อแม่ของเขาเช่นกัน ถึงแม้ว่าแม่ของวรุฒจะพอยอมรับได้แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าลึกๆ แม่ก็ยังเป็นห่วงเขาเพราะเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน ส่วนพ่อของเขานั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง เรียกได้ว่าต่อต้านสุดโต่งไปเลย
“อื้อ” ชานนท์ทำเสียงตอบในลำคอสั้นๆ และเงียบไปพักใหญ่

“เราขอโทษนะ เราขอโทษจริงๆ นะ เรา...” คำเดียวที่วรุฒนึกออก เป็นครั้งแรกที่เขาพูดขอโทษมากขนาดนี้ คุณชายที่ไม่เคยคิดขอโทษใครกลับพูดถี่เหมือนเป็นคำที่ชินปาก

“และข้อที่สอง!!” ชานนท์พูดเสียงหนักแน่น
“อะไรอีกล่ะ?!?” วรุฒเริ่มมีเสียงตัดพ้อ
“โทรศัพท์นั่น!! แม่เราซื้อให้ ถึงจะเป็นของมือสองถูกๆ แต่แม่เราก็เก็บเงินซื้อให้ มันเป็นของฟุ่มเฟือยชิ้นแรกที่แม่เราซื้อให้ เรารู้ว่ามันไม่ได้มีค่ามากมายในสายตานาย แต่มันมีค่าในสายตาเรา!!”
“.........” ถึงตรงนี้คนตัวสูงยอมจำนนด้วยความจริงทุกอย่างที่ปะทะเข้ามา และคิดในใจว่า ขานนท์ไม่เหมือนคนที่ผ่านๆ มาที่เขาเจอ เขาคงต้องรักษาสติให้ดีกว่านี้เวลาอยู่กับแฟนตัวเล็กของเขา

“ปล่อย!! แค่ขอโทษเรายังไม่หายโกรธหรอกนะ!!”
“ทำยังไง? นายถึงจะหายโกรธ?”
“เราขออยู่คนเดียวได้ไหม? เรายังไม่อยากเจอหน้านาย!!”
“ทำไงล่ะ? เราอยู่ห้องเดียวกัน? เตียงเดียวกันแบบนี้” วรุฒปล่อยอีกฝ่ายและจับชานนท์ให้หันหน้ามาเจอยิ้มหวานยียวนที่ทรงเสน่ห์ของเขา
“นายจะไปไหนก็ไป!! เราขอนอนคนเดียว” คนตัวเล็กยังโกรธมากจึงไม่สนใจหน้าหล่อๆ ของอีกฝ่ายและพูดอย่างตัดเยื่อใย
“นนท์....” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“ช่วยออกไปก่อนได้ไหม?” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
วรุฒรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยโดนใครขัดใจขนาดนี้มาก่อน และไม่เคยต้องง้อใครขนาดนี้ด้วย เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทุกมุกในการขออภัยแล้วอีกฝ่ายไม่ยกโทษให้  ใจหนึ่งอยากจะบังคับขืนใจให้อีกฝ่ายหายจากอารมณ์เสีย แต่หลังจากสมองนึกถึงหน้าที่ดูหวาดกลัวของอีกฝ่ายขึ้นมา เขาก็เปลี่ยนใจทำไม่ลง วรุฒใช้สายตาพิฆาตมองแฟนตัวเล็กของเขาอีกครั้ง แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาเช่นเดิม ทำให้วรุฒรู้สึกท้อใจจนเขาเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเขาออกไปยืนที่ประตู ชานนท์ก็ยังไม่เรียกชื่อเขาสักคำ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 4) อัพ 4 พ.ย... 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-11-2019 07:40:56
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 19 ส่วนที่ 4) อัพ 4 พ.ย... 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 04-11-2019 08:50:05

ตอนนี้วรุฒยืนทำหน้าเศร้าอยู่ด้านนอกบริเวณประตูที่เปิดอ้าไว้ เขามองเขาไปในห้องและมองไปที่คนตัวเล็กที่นั่งนิ่งใจลอยอยู่ที่เตียงนอน ก่อนที่จะสังเกตเห็นแววตาของเขาที่ส่งเข้าไปอย่างแรงกล้า ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมาเสียงดังก่อนที่จะเดินมาทางประตูและปิดประตูใส่หน้าวรุฒอย่างดัง

เส้นเลือดตรงขมับของวรุฒปวดตึบตับ คิ้วขมวบเข้มเข้าหากัน
“นนท์!! เปิดประตูมาคุยกับเราก่อน! อย่าทำแบบนี้ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเรามาก่อน!!”
“ไม่!!” คำๆ เดียวที่เป็นเสียงจากคนภายในแทรกผ่านประตูออกมา
“เปิด!! เปิดมาคุยกันดีๆเราก็ขอโทษแล้วไง!! จะเอาอะไรอีก!!” วรุฒเคาะประตูห้องเสียงดัง
“ไม่!!” เป็นอีกคำที่ส่งผ่านประตูออกมา

คราวนี้ดูเหมือนชานนท์จะโกรธจริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกแบบนี้กับใครสักคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนมันซับซ้อนเหลือเกิน เขาไม่ได้รู้สึกเกลียดอีกฝ่ายหนึ่งเลยเพราะเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายดี แต่เองก็ต้องการสั่งสอนวรุฒให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ หัดควบคุมตัวเองบ้าง ไม่งั้นจะไม่มีใครคบเลย หรือแม้แต่เขาเองสักวันก็อาจจะทนไม่ไหว แม้ว่าเขาเองก็รู้ว่าวรุฒเองก็ยอมเขาเยอะมากจริงๆ ช่วงหลังๆ มานี้

“ไม่เปิด ก็ไม่เป็นไร ไม่เปิดก็อย่าเปิด เราจะยืนอยู่ตรงนี้จนกว่านายจะเปิดมาพูดคุยกันดีๆ!!” วรุฒกระโกนใส่ประตูห้องเสียงดังลั่น

“เฮ้ย!!! ไปทะเลาะกันที่อื่นๆด้ไหมวะคนจะนอน!!”
คนจากห้องฝั่งตรงข้ามเปิดประตูห้องออกมาโวยวาย
“เรื่องของกูกับเมียกูมึงไม่ต้องเสือก กลับเข้าห้องไป!!” วรุฒหันกลับไปตอบโต้อย่างเกรี้ยวกราด ส่วนอีกฝ่ายเห็นว่าเป็นวรุฒก็หน้าซีดรีบเข้าห้องปิดประตูไปอย่างรวดเร็ว เพราะใครๆ ก็เริ่มรู้ฤทธิ์เดชของลูกชายเจ้าพ่อนคนนี้ดี

ชานนท์แม้จะได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เขาก็ยังใจแข็งและไม่สนใจ เขาตัดสินใจเดินไปอาบน้ำ และพักผ่อนทันที เขารู้ดีแก่ใจว่า คุณชายอย่างวรุฒ พอเมื่อยและเหนื่อยก็คงไปหาพักที่อื่นเอง คงจะกลับมากวนเขาได้อีกก็คงพรุ่งนี้เช้า แต่เขาก็มีแผนที่จะรับมือแล้วเรียบร้อย เพราะกว่าวรุฒจะกลับมาก็คงไม่เจอเขาแล้ว ชานนท์ตัดสินใจใช้วันหยุดยาวหลังสอบไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัดเสียหน่อย พอได้ยินเสียงแล้วทำให้เขาคิดถึงขึ้นมาจับใจ

...............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 4) อัพ 4 พ.ย... 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-11-2019 10:56:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 19 ส่วนที่ 4) อัพ 4 พ.ย... 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-11-2019 23:36:48
มีมาม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 1) อัพ 10 พ.ย..2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-11-2019 15:07:27

บทที่ 20

Road trip



หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เรียบร้อยแล้ว ชานนท์จึงมาเก็บกู้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนโลโก้ผลไม้ของเขา จากการโดนเหวี่ยงทำลายอย่างแรงไปที่ผนังห้องที่ทำจากปูนแข็งหุ้มด้วยวอลเปเปอร์ลวยลายหรูหราที่คุณหนูไฮโซของห้องจัดการมาเมื่อไม่นานนี้ รอยที่ตกกระทบบนวอลเปเปอร์ยังชัดเจนอยู่  รอยมันชัดลึกจนเห็นเนื้อปูนด้านใน ส่วนสมาร์ตโฟนของเขาหน้าจอแตกร้าวไม่มีชิ้นดี ตัวเครื่องก็มีรอยบิ่นรอยแยก แม้จะยังพอสามารถใช้งานได้ หน้าจอยังคงติดสว่างอยู่แต่ชานนท์ก็ไม่กล้าใช้มันในสถาพนี้แน่ ถึงแม้มันจะเป็นเครื่องที่ตกรุ่นไปสองปีแล้ว แต่ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงที่แม่เขาอุตส่าห์ซื้อให้เป็นของขวัญในวันที่เขาสอบเข้าที่นี่ได้ เพียงแค่นึกถึงชานนท์ก็รู้สึกถึงน้ำในตามันหล่อเลี้ยงขึ้นมาจนเกือบล้นเอ่อ

“ไอ้บ้าเอ้ย!!” ชานนท์สบถออกจากปากเสียงดัง

“เราขอโทษ” เสียงหนึ่งลอดผ่านประตูเข้ามาในโทนสำนึกผิด
ชานนท์ตกใจกับเสียงดังกล่าวจึงแอบย่องไปที่ประตูห้องและแอบส่องไปที่ตาแมว เขาเห็นวรุฒยังคงยืนอยู่ที่เดิมหน้าประตูไม่ไปไหน ชานนท์รู้ดีกว่าคนอย่างวรุฒหากต้องการจะเข้าห้องของตัวเองไม่น่าใช่เรื่องยากเพราะเจ้าหน้าทั้งตึกต่างเกรงใจวรุฒอย่างมาก แต่ที่วรุฒไม่ทำเพราะว่ายังกลัวว่าจะทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิม

‘ไอ้บ้านี่ ทำไมไม่ไปไหนเสียทีนะ’ ชานนท์คิคในใจ
“นนท์... นนท์ อยู่ตรงประตูเหรอ?” คนตัวสูงหน้าประตูอีกฝั่งหนึ่งยื่นหน้าแอบมาส่องที่ตาแมวอีกข้างหนึ่งทำให้ชานนท์ตกใจจนถอยหลังไปครึ่งก้าว
“ไอ้บ้า รู้ได้ไงวะ น่ากลัวจริงๆ” ชานนท์พูดออกมาด้วยความตกใจ
“ไม่ไปไหนก็ตามใจ อยู่ตรงนั้นไปทั้งคืนไปเลย อยากรู้เหมือนกันจะทนได้สักกี่นาที!!” ชานนท์พูดใส่ประตู

...................

เวลาผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว ชานนท์เองก็ไม่แน่ใจเพราะเขานั้นเผลอหลับคากองหนังสืออยู่ที่เตียงนอน แม้จะผ่านช่วงสอบมา เขาก็ไม่เคยคิดจะหย่อนยานในการสร้างเสริมความรู้ให้แก่ตัวเอง เขาสะดุ้งตื่นเพราะฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาฝันว่าวรุฒแอบเข้าประตูห้องมาและพยายามเอาเปรียบเขาขณะหลับ หลังจากสลัดความงัวเงียออกจากหัวสมองไปได้เขาก็ขยับแว่นเพื่อมองกลอนประตูให้แน่ใจว่าตัวเองลงกลอนแน่นหนาดีแล้ว

ชานนท์ผ่อนหายใจเมื่อเห็นว่า การลงกลอนยังอยู่เรียบร้อยดี แต่อยู่ๆ ในหัวสมองของเขาก็มีความสงสัยหนึ่งแล่นเข้ามาในความคิดทันที
‘รุฒ... ยังอยู่ไหมนะ’ เขาคิดพร้อมมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล เวลานี้เข็มสั้นชี้ไปที่เลขสองแล้ว ส่วนเข็มยาวก็ชี้ไปที่เลขสี่ ดึกขนาดนี้แล้ววรุฒก็ไม่น่าจะอยู่หน้าห้องอยู่แล้วแน่นอน แต่ความสงสัยใคร่รู้ในตัวเขามันสูงขึ้นจนแทบล้นออกจากตัว เอาชนะความเพลียง่วงนอนของเขาได้ ทำให้ชานนท์รีบลุกขึ้นไปส่องดูที่ตาแมวทันที

“เฮ้ย!!” เขาเผลอร้องออกมาเพราะภาพที่เห็น เขาเห็นคุณชายไฮโซ นั่งอยู่ที่พื้นหน้าห้องด้วยอาการอ่อนเพลีย มือหนึ่งคอยปัดยุงที่ตอมรบกวน มือหนึ่งปาดเหงื่อที่ชุ่มอยู่บนใบหน้า ช่วงนี้แม้จะไม่ใช่หน้าร้อนแต่อากาศก็ไม่ได้เย็นสบายเท่าไหร่ โดยเฉพาะในตึกที่ปิดทึบเกือบทุกด้านแบบนี้

การกระทำไวกว่าความคิด ชานนท์รีบปลดล็อกกลอนประตู และปลดลูกบิดประตูเพื่อเปิดไปหาคนที่นั่งรออยู่หน้าห้องมากกว่าสี่ชั่วโมง แม้แต่เขาเองก็มีความอดทนไม่สูงเท่านี้! ทำไมคนๆนี้ถึงยังสามารถอดทนรออยู่ตรงนี้ได้

“ทำไมยังไม่ไปไหนอีก?!?” คำถามที่เขาพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดปนเป็นห่วง
“เรา..... เรารู้สึกผิด เราอยากจะเคลียร์ให้เรียบร้อย” ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่มีเค้าความหงุดหงิดอยู่บนใบหน้าของคุณชายเจ้าอารมณ์ มีแต่เพียงรอยยิ้มสำนึกผิดปนเปื้อนอยู่
“ไอ้บ้าเอ้ย ทำไมบ้าอย่างนี้วะ!!” ชานนท์บ่นไป สายตาก็มองสำรวจไปทั่วร่างกายที่เคยส่องสว่างมีออร่า ตอนนี้กลับมีรอยยุงกัดอยู่ประปรายและมันเลื่อมไปด้วยคราบเหงื่อไคล
“เรารักนาย เราไม่อยากให้นายโกรธ!!” วรุฒก้มหน้าลงต่ำยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกวูบวาบในช่วงอกอย่างประหลาด

“โอ้ย!! เจอแบบนี้ใครจะไปโกรธนายลงเนี่ย!! มา!! เข้ามาได้แล้ว!!” ชานนท์พูดจบก็คุกเข่าลงไปด้านข้างชายร่างสูงและพยายามจะพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่เนื่องจากขนาดตัวต่างกันเกินไปจึงทำได้แค่ดึงแขนให้สูงขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น วรุฒรอจังหวะที่ชานนท์มาอยู่ในระยะและระดับเดียวกับเขา แล้วเขาก็จัดการโอบดึงชานนท์ให้เข้ามาในอ้อมกอดของเขาอย่างรวบรัด
“เฮ้ยๆ ทำอะไรตรงนี้!”
“นายไม่โกรธเราแล้วนะ”
“เออๆ ไม่แล้ว” ชานนท์ตอบแบบขอไปทีและพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกแต่ไม่สำเร็จ
“ดีใจจัง” คราวนี้วรุฒกระชับวงแขนให้รัดแน่นขึ้นอีก
“โอ้ยๆๆ พอเลย เจ็บ ปล่อยก่อน เดี๋ยวจะมีเรื่องให้โกรธนายอีกนะ!!” ชานนท์ตวาดใส่วรุฒเบาๆ เพราะมันดึกแล้วและตอนนี้พวกเขาอยู่ในโถงทางเดินส่วนกลางเสียงดังมากอาจจะไม่เหมาะ
สิ้นประโยคชานนท์ คนตัวสูงก็ปล่อยชานนท์ทันทีพร้อมกับยิ้มหวานที่แฝงความน่ารักเต็มเปี่ยมจนชานนท์เขินหน้าแดง

“กลับเข้าห้องกันเถอะ” คนตัวสูงลุกขึ้น ยื่นมือชวนอีกฝ่าย
“อืม” ชานนท์พยักหน้า ยื่นมือไปจับมือคนตัวสูงและลุกขึ้นเดินตามคนตัวสูงเข้าห้องไป

.........................

หลังจากพาตัวคุณชายเลือดร้อนไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่เรียบร้อย (โดนอ้อนให้อาบน้ำให้ แต่ชานนท์ก็ใจอ่อนทำตานแต่โดยดี) ชานนท์ก็หยิบยาบรรเทาอาการแพ้และอาการคันทาให้อีกฝ่ายตามจุดต่างๆ ทั่วตัวที่ถูกยุงกัด

“ทำบ้าอะไรเนี่ย...” ชานนท์บ่นไปทายาให้อีกฝ่ายหนึ่งไปอย่างเป็นห่วง วรุฒไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาแค่ยิ้มกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้อย่างตั้งใจ
“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก...” ชานนท์บ่นเพิ่ม คราวนี้วรุฒเหมือนจะอดทนต่อสิ่งเล็กๆที่แสนน่ารักตรงหน้าได้อีก เขาคว้าอีกฝ่ายขึ้นมากอดแนบอก
“ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ชานนท์ต่อว่าอีกฝ่ายในขณะที่ตัวเองแทบจะขยับตัวไม่ได้พร้อมหลอดยาอยู่ในมือ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับยิ่งเพิ่มแรงในการกอดรัดมากขึ้นไปอีก
“เราสัญญานะ เราจะพยายามไม่งี่เง่ากับนาย”
“อืม.....” ชานนท์หยุดฝืนตัวปล่อยให้อีกฝ่ายกอดแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก
“นอนเหอะ พรุ่งนี้ต้อง...... เอ่อ....... ตื่นแต่เช้า”
“วันหยุด ทำไมต้องตื่นแต่เช้า?” วรุฒคลายมือให้อีกฝ่ายนั่งลงบนตักตัวเองและมองหน้าคนตัวเล็กอย่างสงสัย
“เอ่อ..... เอ่อ...... ไม่มีอะไร” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“นายโกหกไม่เก่งนะ นายน่าจะรู้!!”  วรุฒสังเกตอาการมือไม้ของอีกฝ่ายที่มีอาการสั่นเล็กน้อย มันเป็นอาการเวลาที่ชานนท์รู้สึกผิดกับอะไรสักอย่าง เช่นการโกหก
“เกลียดการรู้ทันของนายชะมัด” ชานนท์ทำท่าจะลุกหนีจากวรุฒแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงแขนรั้งไว้

“มีนัดแต่เช้าหรืออะไร? นัดกับใครบอกมา!!” แววตาวรุฒเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงจนชานนท์รู้สึกได้
“ไหนว่าจะไม่งี่เง่าไง!” ชานนท์เตือนอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจับผิด
“เอ่อ......... คือเราขอโทษ เราขอเวลาปรับตัวนิดนะ.... ว่าแต่จะไปไหน ให้เราไปส่งไหม?” วรุฒหน้าเปลี่ยนสี และยิ้มแห้งตอบกลับมา
“นายไปส่งเราไม่ได้หรอก! เราจะกลับบ้าน!! เราจะกลับไปหาแม่!”
“บ้านที่ต่างจังหวัดเรอะ ดีเลย!! เราอยากไปเที่ยวต่างจังหวัด เราไปด้วยสิ” สิ่งที่วรุฒพูดออกมาคือสิ่งที่ชานนท์พยายามหลีกเลี่ยง คือการขอตามมาด้วยนี่แหละ
“บ้านเราไม่ได้สะดวกสบายนะ ไม่มีที่ให้เที่ยวด้วย นายไม่ต้องไปหรอก!”
“ไม่เป็นไร เห็นแบบนี้เราไม่กลัวความลำบากนะ เราอยากไปไหว้แม่แฟนเสียหน่อย”
“เดี๋ยวๆ เพิ่งคุยกันไม่ต้องรีบร้อนหรอก!! อีกอย่าง......”
“ยังไม่ได้บอกแม่เรื่องพวกเราสินะ”
“อืม”

วรุฒสีหน้าดูแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่เขาก็กลับมายิ้มเช่นเดิม
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ไปแบบเพื่อนไปก่อนก็ได้ เราอยากไปเห็นบ้านนาย อยากเจอแม่นาย อยากรู้จักนายมากกว่านี้!”
“เฮ้อ..... ตามใจ!” ชานนท์หมดแรงจะไปห้ามปรามความกระตือรือร้นของอีกฝ่าย เขารู้อยู่แล้วว่าหากวรุฒตั้งใจจะทำอะไร ไม่มีเหตุผลอะไรไปเปลี่ยนความคิดอีกฝ่ายได้ จึงได้แต่ยอมตามน้ำไป
“จำไว้นะว่า อยู่กับแม่ ห้ามทำอะไรเกินเพื่อน!!”
“ได้ครับ” วรุฒตอบกลับมาอย่างลิงโลด และคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดและจูบอย่างถี่รัว

..............


เสียงนาฬิกาปลุกร้องดังกังวาลไปทั่วห้อง ชานนท์รีบควานหาที่มาของเสียงด้วยความอ่อนเพลีย  กว่าจะหาและปิดเสียงนาฬิกาปลุกได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาทีเพราะแขนที่แสนเกะกะของวรุฒที่พัวพันเขาไม่เลิกแม้แต่ยามที่เขาหลับสนิท

ชานนท์ลุกขึ้นมานั่งห้อยขาลงที่ข้างเตียง ด้วยยังที่เพลียจากการนอนดึกเมื่อคืนจึงยังเวียนหัวอยู่เล็กน้อย

หมับ!!

มือใหญ่หยาบคว้าเอวบางของชานนท์อย่างไม่ทันรู้ตัว ชานนท์เผลอร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“จะรีบตื่นทำไมน่ะ มานี่มา มานอนกอดกันอีกพักหนึ่งก่อนแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำนะ” คนตัวสูงที่นอนเอามือมาพัวพันอีกฝ่ายไม่ปล่อยพูดเชิญชวน
“พอเลยนะ เมื่อคืนยังไม่พอใจหรือไง? ดูสิเราเพลียไปหมดแล้ว”
“จัดไปแค่ดอกเดียวมันจะไปพออะไร! เช้านี้ขออีกทีนะ” คราวนี้คนตัวสูงใช้แรงดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย
“ไอ้บ้า พอเลยนะ หยุด” ชานนท์พยายามดิ้นรนจากอีกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็ถูกกดให้นอนหงายติดเตียงจนขยับตัวได้ยาก
“จะรีบร้อนไปไหน ยังไม่ถึงเวลาเลย!” วรุฒที่นอนคล่อมอีกฝ่ายอยู่พูดกับคนที่อยู่ด้านล่างเขา
“เวลาอะไรของนาย เราก็บอกอยู่ว่าเราต้องออกเดินทางแต่เช้า และนี่มันก็จะสายแล้ว” ชานนท์พูดพร้อมมองแสงแดดอ่อนๆ ที่พยายามแทรกตัวผ่านช่องม่านหนาบังแดด

“ถามหน่อยนะ แล้วนายมีโทรศัพท์แล้วเหรอ? ออกเดินทางแล้วจะติดต่ออม่นายยังไง”
“เอ่อ...... ก็ใครมันทำพังล่ะ!!” คนตัวเล็กจ้องอีกฝ่ายด้านบนตาเขม็ง
“ก็น้่นไง! เมื่อคืนก็เลยให้คนที่บ้านช่วยจัดการให้นายแล้ว!!”
“จัดการ จัดการอะไร!!”
“นายนี่เวลาโมโหนี่ก็ยังน่ารักนะ!!”
“หยุดเลย พูดมาให้ชัดเจนก่อน!!”
“ก็ไปหาซื้อโทรศัพท์ให้นายไง แล้วก็ไปเอารถที่มันนั่งสบายกว่านี้สำหรับขับไปต่างจังหวัดมาส่งด้วย”
“หา!?!” ชานนท์ทำหน้าสงสัยตอบกลับไป
“เออน่ะ! ไม่ต้องถามแล้ว เรามาจัดการเรื่องของเราก่อนดีกว่า” วรุฒมีรอยยิ้มมาดร้ายส่งมา

“อะไร?”
“ก็แบบนี้ไง” คนตัวสูงพูดจบก็กดริมฝีปากลงมาจุมพิตอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน  ชานนท์เมื่อได้เจอลีลาแบบนี้ก็ยากจะต้านทาน รวมถึงเขารับรู้ถึงความต้องการของอีกฝ่ายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เพราะอาการดุดันของอวัยวะกลางลำตัวของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนแปลงสถานะและขนาด สิ่งนั้นได้กดดันเขาอยู่ก่อนแล้ว บวกกับลีลาและแรงกดดันของอีกฝ่ายทำให้ชานนท์ได้แต่ยอมจำนนและไร้ทางหลีกเลี่ยง เขาถูกวรุฒพาไปสู่ป่าแห่งความหฤหรรษ์ในยามเช้าอีกครั้ง

......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 1) อัพ 10 พ.ย.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-11-2019 16:37:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...อยู่ด้วยกันไม่ได้ 

จัด...ทุกรอบเลย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 1) อัพ 10 พ.ย.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-11-2019 00:13:11
 ถ้าท้องได้ คงมีลูกเป็นสิบ!!!
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 1) อัพ 10 พ.ย.. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-11-2019 08:56:24
 :z1: :z1:


 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 20 ส่วนที่ 2) อัพ 17 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 17-11-2019 10:49:28
“นี่ครับ คุณวรุฒ”  ชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดซาฟารี ยื่นถุงโลโก้สีเขียวสดใสซึ่งเป็นของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือค่ายใหญ่ ค่ายหนึ่งส่งให้วรุฒทันทีที่เปิดประตูห้อง

“อืม... ขอบคุณนะครับ แล้วรถที่ให้ไปรับมา โอเคไหม?” วรุฒรับถุงนั้นมาตรวจสอบของข้างใน พร้อมกับถามต่อ
“เรียบร้อยครับ ได้ตามที่ขอครับ ผมเช็คเรื่องเครื่องยนต์และเติมน้ำมันให้เต็มถังเรียบร้อยครับ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างฉะฉาน
“อืม.... โอเค งั้นระหว่างผมจัดการกับสิ่งนี้ ผมวานน้าขับรถให้ผมก่อนได้ไหมครับ ผมว่าคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่”
“ได้ครับ คุณวรุฒ”

“ไปกันได้แล้ว” วรุฒหันมาคุยกับชานนท์ที่นั่งฟังบทสนทนาอย่างสนใจ
“โอเคๆ” ชานนท์รีบลุกขึ้นและรวบรวมกระเป๋าทั้งหมดของเขาที่จะนำกลับบ้าน
“นายจะเอาของอะไรไปเยอะแยะเนี่ย! จะไปสี่วันหรือจะไปสี่ปี?”
“ของจำเป็นทั้งนั้น ใครจะเหมือนนาย กระเป๋าเป้แค่ใบเดียวเอาอะไรไปบ้างเนี่ย”
“ของเราน่ะ มีแต่ของจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่มีแต่ของไร้สาระเหมือนนาย”
“เขาเรียกว่าเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ต่างหาก”
“โอเคๆ ตามใจ” วรุฒรู้ว่าเถียงไปก็คงไม่ชนะ คนตัวเล็กที่แสนจะดื้อรั้นเกินขนาดตัวแบบนี้ ยิ่งช่วงหลังๆ วรุฒเริ่มอ่อนข้อให้ ชานนท์ก็แสดงความดื้อดึงออกมามากขึ้น ซึ่งวรุฒก็มองว่าน่ารักดี

ส่วนชานนท์ ตอนแรกที่เขาวางแผนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเพียงคน เขาก็มีกระเป๋าใบใหญ่เพียงใบเดียว แต่ตอนนี้กลับงอกเพิ่มขึ้นมาอีกใบ เพราะมีคนคิดจะพาไปส่งถึงที่ เลยนำของที่อยากจะใช้ใส่ไปเที่ยวที่บ้านเกิดติดมือไปด้วย (พวกเสื้อผ้าที่วรุฒซื้อให้) เลือกไม่ได้ เวลาเลือกน้อยก็เลยเอาไปทั้งหมดเลย

 ขณะที่ชานนท์กำลังถือสัมภาระที่น่าจะเกินตัวเขาออกจากประตู ชายวัยกลางคนๆ นั้นก็รีบเข้ามาช่วยเหลือโดยการคว้าทุกอย่างในมือชานนท์ไปอยู่บนมือเขาอย่างง่ายดาย

“ให้ผมช่วยนะครับ” ชายวัยกลางคนพูดกับขานนท์อย่างสุภาพ
“เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับ” ชานนท์รีบปฏิเสธ และกลับไปคว้ากระเป๋ามาคืน
“ไม่เป็นไรหรอก!! ให้เขาช่วยเถอะ!!” วรุฒพูดสวนมาขณะเดินไปหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเขาที่โต๊ะ
“ไม่เป็นไร” ชานนท์หันไปพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ
“น้าเสิดครับช่วยเอากระเป๋าไปไว้ที่รถให้หน่อยครับ”
วรุฒพูดสวนขึ้นมาทั้งที่ชานนท์ยังพูดไม่จบประโยค
“ได้ครับ แล้ว กระเป๋าคุณวรุฒล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง ผมถือไปเองครับ”
“ได้ครับ” สิ้นประโยค น้าเสิดแกก็เดินก้าวเร็วไปจากหน้าประตูทันที

...........................

“เอ้านี่ เสร็จแล้ว” วรุฒยื่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจอใหญ่กว่าของที่พังไม่มีชิ้นดีของชานนท์ยื่นให้คนตัวเล็กอย่างภูมิใจ
“อะไร!!” ชานนท์ตอบด้วยท่าทีรำคาญผสมโกรธใส่อีกฝ่าย แต่ก็แอบทึ่งกับความคล่องแคล้วในการทำงานกับเทคโนโลยีขนาดนี้ด้วยความรวดเร็ว วรุฒพยายามกู้ข้อมูลในเครื่องสมาร์ตโฟนที่พังเป็นส่วนๆ ของชานนท์อยู่พักใหญ่ในที่สุดก็สามารถกูคืนข้อมูลทุกส่วนเข้าเครื่องใหม่ได้สำเร็จ

“รับไปเถอะ เราอุตส่าห์ให้น้าเสิดรีบไปหาซื้อเครื่องใหม่ให้ อันนี้รุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะ”
“ไม่ต้องการ”
“แล้วนายมีโทรศัพท์ใช้หรือไง? เดี๋ยวพอถึงบ้านแล้วนายจะติดต่อแม่ยังไง? เดานะ นายคงยังไม่ได้บอกแม่นายใช่ไหมว่าจะกลับ?”
“เอ่อ.....”
“รับไปเหอะน่า ถือว่าเราทำเครื่องนายพัง เราอยากชดใช้ให้”
“อ่ะ... ก็ได้ แต่เราไม่ได้เห็นแก่ของหรอกนะ!! และเรายังไม่หายโกรธนายเรื่องนี้ด้วย!!” ชานนท์รับมาถือไว้และทำเหมือนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่ก็แอบหยิบขึ้นมาเช็คทุกมุมอย่างละเอียด มือก็เล่นไปเล่นมาเลื่อนดูนู่นนี่ไม่หยุด
แม้จะพยายามแอบทำแต่ก็ไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของอีกฝ่ายได้ วรุฒแอบยิ้มกับความน่ารักของแฟนตัวเองอยู่ที่เบาะด้านหลังข้างๆตัวเอง

“นนท์” วรุฒเรียกอีกฝ่ายที่กำลังจัดการกับแอปพลิเคชั่นต่างในโทรศัพท์ใหม่ที่เพิ่งได้รับ
“อะไร!” ชานนท์รู้ตัวว่าเริ่มถูกอีกฝ่ายจ้องมองอยู่จึงรีบวางโทรศัพท์ลง
“อ่ะนี่ นายจะไม่ถามถึงพวก แอสแซสซอรี่ กับกล่องของโทรศัพท์หรือไง” วรุฒชูถุงสีเขียวอ่อนขึ้นสูงให้เห็นชัด
“เอ่อ.... ขอบใจ” ชานนท์รับมาอย่างเขินๆ
“เราชาร์จแบตเตอรี่สำรองให้แล้วนะครับ อย่าลืมชาร์จ ระวังอย่างเล่นจนแบตหมดตั้งแต่เริ่มใช้นะ”
“โอ..เค ขอบใจ” ตอนนี้ชานนท์รู้สึกเขินตัวเองจนไม่อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายที่เอาแต่จ้องเขาด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัย ในที่สุดเขาก็ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้เหมือนเดิม เพราะถึงแม้ว่าเขาจะคืนดีกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ชานนท์ก็มักจะมีหงุดหงิดใส่เขาเวลาเห็นโทรศัพท์ที่พังของตนเอง แม้การซื้อของใหม่ให้จะไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น แต่การที่มีเครื่องใหม่พร้อมการกู้ข้อมูลเก่ามาให้ด้วยก็ทำให้แฟนตัวเล็กของเขาอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

รถ SUV ขนาดใหญ่ ภายในโอ่อ่านั่งได้สะดวกสบาย ที่น้าเสิดขับมาให้จากบ้านของวรุฒ ถูกขับมาจอดอยู่ที่สถานจ่ายน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งริมถนนทางหลวงไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร

งั้นผมขอส่งคุณวรุฒถึงตรงนี้นะครับ คุณวรุฒแน่ใจนะครับว่าจะขับเองจริงๆ” น้าเสิดคนขับรถประจำบ้านของวรุฒเอ่ยถามเมื่อจอดรถในที่จอดสนิท
“ครับ ผมขอขับเองครับ น้ากลับบ้านเถอะ เผื่อคุณนายที่บ้านเรียกใช้ ผมอยากขับเองครับ” วรุฒพับเก็บคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและตอบกลับอย่างสุภาพ
“งั้น ผมขอตัวนะครับ” น้าเสิดพูดจบก็เดินลงจากรถไป

“เดี๋ยวนะ นายจะปล่อยให้น้าเขาลงตรงนี้แล้วจะกลับยังไง?”
ชานนท์ทักขึ้นด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวให้คนขับรถอีกคันมารับก็จบแล้ว น้าเสิดน่ะเป็นคนดูแลคนขับรถให้ที่บ้านนะ ไม่ลำบากหรอก”
“โห... บ้านนายมีคนขับรถกี่คนเนี่ย แล้วรถเนี่ยมีกี่คัน”
“คนขับก็ 4 มั้ง ส่วนรถก็.....” วรุฒทำท่านึก
“ไม่ต้องๆ แล้วไม่อยากรู้แล้ว” ชานนท์มีความรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรถาม เพราะเขาแค่ถามไปงั้นๆ ไม่คืดว่าวรุฒจะตอบกลับมาหน้าตาย หากมีคนอื่นฟังอยู่อาจจะมองว่าวรุฒอวดรวย แต่ความจริงเขาก็แค่ตอบตามความจริง

“ไป!! ไปกันเถอะ!!” วรุฒเอ่ยปากชวนพร้อมลงจากรถ
“ไปไหน?”
“แล้วนนท์จะไม่ไปนั่งเป็นเพื่อนเราข้างหน้าเหรอ? นายจะให้เราเป็นคนขับรถให้นายงั้นเหรอ?” วรุฒทำหน้ายียวนใส่คนตัวเล็ก
“แหม.... บอกดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องประชดเลย”  ชานนท์แอบค้อนใส่อีกฝ่ายและลงจากรถ

การเดินทางครั้งนี้วรุฒทำการบ้านมาอย่างดี ไม่ว่าจะผ่านถนนเส้นไหนที่มีสถานที่ควรแวะเขารู้มากกว่าขานนท์เสียอีก และวรุฒวางแผนว่าจะแวะทุกจุด จนกระทั้งชานนท์เอ่ยปากถามถึงกำหนดการทั้งหมดของวรุฒ เขาเซ้าซี้จนวรุฒยอมส่งอีเมลรายละเอียดทั้งหมดให้ ซึ่งทำให้ชานนทึ่งกับสิ่งที่อยู่หน้าจอมากกว่า 5 แผ่นกระดาษ จังหวัดที่เขาอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แต่วรุฒสามารถทำรายการดังกล่าวมากมายเสียจนชานนท์คิดว่าเขาน่าจะถึงบ้านคงจะเป็นพรุ่งนี้ช่วงเย็นแน่ๆหากไปสถานที่เหล่านี้ครบ

“โอโห!! นายแน่ใจนะว่าจะไปให้ครบ!!”
“อืม.. ก็วางแผนไว้แบบนั้น” วรุฒตอบไปมองถนนไป
“นายจะบ้าเหรอไง! ขืนไปหมดนี่ คงไม่ถึงบ้านเราหรอก!!”
“งั้น...... นายก็เลือกให้หน่อยสิว่าจะไปไหนบ้าง จะได้ลดลง” วรุฒยิ้มขำกับอากัปกิริยาของคนด้านข้าง
“อืม..... โห..... เราไม่รู้จักตั้งหลายที่ เลือกไม่ถูกล่ะ”
“เอาน่า อยากไปตรงไหนก็ไป รีบเลือกหน่อย เอาอันที่ใกล้ๆ ก่อนด้วย เพราะตอนนี้เราเริ่มง่วงแล้วด้วย!” วรุฒทำท่าหาวให้ชานนท์เห็น
“สมน้ำหน้า เมื่อคือใครให้คึกคักขนาดนั้น!!”
“5555 ใครใช้ให้นายน่ารักล่ะ?”  วรุฒหันกลับยิ้มให้ชานนท์ ยิ้มที่ทำให้ทุกคนละลายทันทีเมื่อหันมาเจอ แต่ยิ้มนี้หันมาให้เขาคนเดียว จนชานนท์รู้สึกเขินอายความหล่อเหลาของอีกฝ่าย
“โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว!! เดี๋ยวสิ!!”
“อะไร?”
“ ก็นายเพิ่งจะแวะดื่มกาแฟ ไปเมื่อร้านคาเฟ่เมื่อกี้อยู่เลย นายจะง่วงอีกแล้วได้ยังไง นี่ยังขับมาไม่ถึงชั่วโมงเลย!!”
“ก็คนมันง่วง เรากลัวอุบัติเหตุนะ หรือนายจะมาเปลี่ยนกันขับ?”
“นายก็รู้ว่าเราขับไม่เป็น!”
“งั้นก็หาที่แวะ”
“แล้วเมื่อไหร่จะถึง!”
“แล้วจะรีบไปไหน?”
“นายนี่มัน!!”
“อุตส่าห์ได้มาเที่ยวกันตามลำพังครั้งแรก ตามใจเราหน่อยสิ”
“ไม่อยากจะตามใจนายมากเกินไป นายโดนตามใจมาทั้งชีวิตแล้ว!!”
“โอเคๆ งั้นขอจับมือหน่อย... จะได้ไม่ง่วง”
“แล้วนายจะขับถนัดเรอะ? ขับมือเดียว?”
“สบาย!!” วรุฒตอบกลับอย่างมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ แต่ชานนท์ด้วยความที่อยากกลับถึงบ้านเร็วๆ จึงยอมทำแต่โดยดี เขายื่นมือไปหาอีกฝ่าย ให้อีกฝ่ายกุมไว้และวางบนตักของคนขับ ชานนท์เห็นอีกฝ่ายดีใจอย่างประหลาด สีหน้าแฝงความสุขจนเขาไม่อาจชักมือกลับได้ แม้จะเหมื่อยอยู่นิดหน่อย แต่เขาก็ยังให้อีกฝ่ายกุมมือเขาไว้แน่น เหมือนมีไออุ่นและความรู้สึกบางอย่างจากคนตัวใหญ่ไหลเวียนเข้าไปในร่างกายเขาเช่นกัน ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงอย่างประหลาด เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เลย แบบนี้เขาเรียกว่ารักหรือเปล่านะ? เขาเฝ้าถามกับตัวเอง

“ เดี๋ยวขับไปอีกครึ่งชั่วโมงค่อยแวะร้านนี้ก็ได้นะ” ชานนท์หยิบยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายเห็นหน้าจอที่เขาอ่านอยู่
“ทำไมถึงอยากจะแวะแล้วล่ะ?” อีกฝ่ายหนึ่งถามอย่างสงสัย
“ก็ไม่มีอะไร อยากให้นายพักบ้างก็ดี เราเหมื่อยมือจะแย่แล้ว!” ชานนท์ตอบกลับอย่างขัดเขิน เพราะเขาเองก็เพิ่งรู้สึกว่าเหตุผลที่วรุฒไม่อยากไปถึงที่หมายเร็วๆ เพราะต้องการอยู่กับเขาตามลำพังให้มากขึ้นเท่านั้นเอง และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้เข่นกัน

............

ผ่านการเดินทางแบบหยุดพักทุกๆ ตำบลที่แวะผ่าน ทำให้กว่าชานนท์จะถึงบ้านก็เกือบพลบค่ำ แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ทำให้สีของท้องฟ้าเปลี่ยนไป ถนนทางเข้าบ้านของชานนท์มืดสลัวขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป แม้ชานนท์จะรู้สึกสนุกกับช่วงเวลาที่ผ่านมาของวันนี้ แต่ก็อดตื่นเต้นกับการได้พบกับแม่ตัวเองไม่ได้ ที่สำคัญวันนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว ชานนท์พยายามกำชับวรุฒหลายครั้งในเรื่องการพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขากับแม่ของตนเอง ทุกครั้งวรุฒก็พยักหน้าและตอบอย่างขอไปที ทำให้ชานนท์ไม่มั่นใจว่าวรุฒจะสามารถทำตามที่รับปากไว้ได้หรือไม่

“อย่าลืมนะ!!” ชานนท์พูดเสียงเข้ม
“เรื่องอะไร?” วรุฒตอบเสียงขุ่น เพราะทางเข้าบ้านของชานนท์ถนนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาต้องพยายามหลบหลุมเล็กหลุมใหญ่พัลวันไปหมด
“ก็เรื่องของพวกเรา อย่าได้หลุดปากไปเลยนะ เราจะบอกว่าเป็นเพื่อนกัน เข้าใจไหม?”
“เออๆ นี่พูดครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย”
“ก็นายตอบแบบเนี้ย! ใครจะไปมั่นใจได้”
“ เรารู้กาละเทศะดีน่า ว่าแต่ถนนบ้านนายเนี่ยมันสุดยอดเลย!”
“โทษที เราพามาทางลัดน่ะ อีกนิดเดียวก็พ้นแล้ว!!”
“ให้มันจริงนะ ขับแบบนี้มาสิบนาทีแล้วเนี่ย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะกลบเกลื่อนไป

ถนนสายที่ชานนท์แนะนำให้เข้ามายาวต่อไปอีกประมาณห้านาที ก่อนที่จะเจอถนนตัดใหม่ที่สวย เรียบใหม่และสว่างกว่าเส้นทางที่ผ่านมามาก ชานนท์บอกทางต่ออีกสองสามโค้ง แล้วเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆซอยหนึ่ง ขับเข้าไปอีกระยะหนึ่งก็ถึงบ้านหลังหนึ่งที่เป็นไม้กึ่งปูน ลักษณะค่อนข้างเก่า สีไม้และสีขาวที่ทาบนส่วนผนังปูนต่างซีดไปตามกาลเวลา บ้านสองชั้นปลูกบนพื้นที่ขนาดไม่เกิน30 ตารางเมตร มีพื้นที่ที่เป็นสวนหย่อมเล็กๆโดยรอบ ไฟนีออนสีขาวอ่อนที่เปิดสลัวอยู่ที่หน้าและบริเวณประตูรั่วยิ่งทำให้บ้านดูเงียบสงัดและวังเวง รถของวรุฒมาหยุดอยู่ที่ประตูรั่วอย่างนิ่มนวล ไฟหน้าของรถ suv สาองสว่างเข้าไปในซอยที่มีแสงสลัวและลึกยาวเข้าไป แสงหน้ารถยังสว่างกว่าแสงที่รั่วหน้าบ้านของชานนท์เสียอีก หากเปรียบเทียบกับบ้านข้างเคียงทั้งสองข้าง บ้านหลังนี้ดูจะมีความแปลกแยกพอสมควรเลยเพราะสองหลังที่ขนาบข้างดูใหม่กว่า มีการซ่อมแซมต่อเดิมมากกว่า

“นายอยู่บ้านแบบเนี้ยน่ะเหรอ? เงียบจังมีใครอยู่ไหมเนี่ย” วรุฒก้มตัวมองลอดผ่านกระจกหน้ารถเข้าไปในตัวบ้าน
“ใช่ บ้านเราเอง อืม.... สงสัยแม่น่าจะอยู่ในบ้านแล้ว” ชานนท์เข้าใจสิ่งที่วรุฒพูด เขาคงไม่เคยอยู่บ้านมือสองซ่อมซ่ออย่างนี้ เขากับแม่ภูมิใจกับบ้านหลังนี้มาก บ้านที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของแม่ของเขา
“อยู่มานานแล้วเหรอ?” วรุฒถามต่อ
“เปล่า เพิ่งย้ายมาอยู่ช่วง ม.ปลายน่ะ” ชานนท์มองเข้าไปในบ้านอย่างสงสัยพร้อมหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเขาขึ้นมากดโทรหาแม่ของเขา

 เพียงไม่กี่เสียงสัญญาณรอสาย เสียงอีกปลายทางหนึ่งของสายก็รับทันที
“ว่าไงลูก? โทรมาเสียดึกเชียว?”
“แม่ครับ ผมอยู่หน้าบ้านแล้วครับ เปิดประตูให้หน่อยครับ”
“อ้าว ไอ้ลูกคนนี้ ทำไมจะมาไม่บอกกันล่วงหน้า และก็มาเสียดึกเชียว งั้นรอสักเดี๋ยวนะ” แล้วแม่ของชานนท์ก็วางสายไป

“ยังไม่สองทุ่มเลย เรียกว่าดึกแล้วเหรอ?” วรุฒที่ได้ยินบทสนทนาของแม่ลูกคู่นี้อดที่ถามไม่ได้
“แหม นี่มันต่างจังหวัดนะ สองทุ่มก็เข้าบ้านนอนกันหมดแล้ว!”
“อืม... งั้นเหรอ?” วรุฒตอบกลับแบบไม่เชื่อสิ่งที่ชานนท์พูด

เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากประตูรั่วที่ทำจากเหล็กเก่าๆ ที่มีสนิมขึ้นไปทั่ว หญิงวัยกลางคนรูปร่างบอบบางกำลังทำการเปิดประตูอยู่ เธอเปิดไว้เพียงช่องแคบๆ ที่เพียงพอให้เธอเดินออกมาได้ เธอเดินออกมายืนมองหาบางสิ่งบางอย่างและสงสัยถึงรถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าบ้านของเธอ

“เออ! จริงสิ ไม่ได้บอกแม่ว่า เรามากับนาย!” ชานนท์พูดจบก็รีบลงจากรถและรี่ไปหาผู้เป็นแม่ทันที
เมื่อหญิงผู้เป็นแม่เห็นลูกชายอันเป็นที่รักของเธอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจและโผเข้ากอดอย่างโหยหา ชานนท์ก็รีบกอดเธอกลับอย่างไม่รีรอ
สองแม่ลูกพูดคุยกันพักหนึ่งก็มองมาที่รถของวรุฒ  วรุฒจึงเปิดประตูรถลงไปทักทายผู้เป็นแม่ทันที แต่เพียงแค่เอ่ยคำสวัสดี ผู้เป็นแม่ก็รีบตอบรับ และชวนให้นำรถไปจอดภายในบ้านก่อนทันที

ภายในรั่วบ้านมีพื้นที่สำหรับจอดรถภายในบ้านสำหรับสองคันพร้อมหลังคาบังแดดฝน แม้มันจะไม่ได้สวยหรูใหญ่โตแต่ก็สะอาดสะอ้านดี

“สวัสดีครับแม่” วรุฒรีบลงไปทักทายแม่ของคนตัวเล็กอย่างเป็นทางการทันที ตอนนี้วรุฒได้เห็นแม่ของชานนท์ชัดเจนขึ้นในระยะประชิดและแสงไฟหน้าบ้านที่สว่างกว่าตอนแรกมาก เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง ร่างเล็ก เป็นคนที่ยังดูแลรูปร่างตัวเองดีอยู่แม้จะมีใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าและริ้วรอยของวัยปรากฎขึ้นหลายแห่ง หลังจากดูในระยะนี้แม่ของชานนท์ก็ยังดูสาวและสวยมากๆ คนหนึ่ง วรุฒเข้าใจเลยว่า หน้าสวยหวานของชานนท์ได้มาจากใคร
“ไหว้พระเถอะลูก” คนเป็นแม่พูดจบก็พินิจเพื่อนของลูกอย่างละเอียด
“เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกัน พักอยู่ห้องเดียวด้วยครับ บังเอิญว่าอยากมาเที่ยวต่างจังหวัดครับเลยขอมาพักด้วยครับ” ชานนท์รีบขยาย
“อืม...” คนเป็นแม่ทำท่านึกอะไรในใจ
“อะไรแม่?” ชานนท์เริ่มรู้สึกร้อนรนในใจ
“หน้าตาดี ดูจากรถก็น่าจะฐานะดี ไม่ได้เป็นดาราใช่ไหมเรา? หน้าคุ้นมากเลย” คนเป็นแม่ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่ได้เป็นครับ ไม่คิดจะเป็นด้วยครับ สงสัยผมหน้าโหลมั้งครับ” วรุฒตอบกลับอย่างร่าเริง
“แม่ว่า หน้าอย่างนี้ไม่น่าโหลนะ หล่อขนาดนี้ แม่ว่าแม่คุ้นมาก แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเราที่ไหน?”  คนเป็นแม่มีท่าทางสงสัยจริงจัง
“เพื่อนผมมันคงหล่อเหมือนดารามั้งแม่ดูละครเยอะไปมั้ง แม่อย่าไปถามเซ้าซี้เลย เข้าบ้านกันเถอะ” ชานนท์พยายามตัดบท
“แม่ไม่อยากให้เราสองคนคบกันเป็นเพื่อนสนิทเลย” คนเป็นแม่ทำหน้าจริงจัง
“อ้าวทำไมล่ะ” ชานนท์ถามกลับอย่างตกใจ ในขณะเดียวกันกับที่วรุฒก็ทำท่าตกใจไม่แพ้กันเพราะยังไม่ทันจะเข้าประตูบ้านก็ถูกแม่อีกฝ่ายกีดกันเสียแล้ว หรือว่าแม่ของชานนท์จะเป็นหมอดูหรือมีญาณวิเศษ!

“ก็คบเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้แล้วลูกของแม่จะมีสาวที่ไหนมาสนใจล่ะเนี่ย?” คนเป็นแม่ยิ้มหวานและหยิกแก้มลูกชายอย่างหยอกล้อ
“แม่น่ะ!! ขอบเล่นมุกแบบนี้อีกแล้ว บอกกี่ทีแล้วว่าผมไม่ขำด้วยนะ” ชานนท์มีอาการงอนกับคนเป็นแม่เล็กน้อย ส่วนวรุฒได้แต่อมยิ้มเพราะคำพูดของคนเป็นแม่ เนื่องจากต่อให้มีสาวมาสนใจวรุฒจริงๆ เขาคงไม่ยอมให้ผ่านเขาไปได้แน่นอน เพราะเขาเป็นเจ้าของนนท์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“โอเคๆ เข้าบ้านกันลูก รุฒจ๊ะมีกระเป๋าข้าวของอะไรไหม จะได้ให้นนท์ไปช่วยขนลงมา” คนเป็นแม่ชวนลูกตนเองและเลยไปมองเพื่อนอย่างวรุฒที่สะพายกระเป๋าเป้แค่ใบเดียวยืนเก้ๆกังๆ อยู่
“มีแค่นี้เอง ผมถือไหวครับ”
“แม่จะไปถามเขาทำไม? ตัวใหญ่กว่าผมตั้งเยอะ เขาสิควรจะช่วยผม” ชานนท์บ่นอุบอิบ ส่วนวรุฒเองก็เดินไปชานนท์หยิบกระเป๋าของชานนท์ออกจากท้ายรถ
“เป็นลูกผู้ชายทำไมขี้บ่นขนาดนี้นะ” คนเป็นแม่ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยยกให้ ไหนๆ ก็ต้องมารบกวนนอนบ้านคุณแม่ด้วย”
“รูปหล่อแล้วยังน่ารัก แบบนี้ลูกแม่คงยิ่งไม่มีใครสนใจเลยสิเนี่ย” คุณแม่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“โห... สร้างภาพล่ะสิ!!” ชานนท์มองคนส่วนสูงอย่างขุ่นเคือง
“อ่ะๆ แม่ไม่แกล้งแล้ว กินข้าวกินปลามาหรือยัง? ให้แม่ทำอะไรให้กินไหม? ดึกป่านนี้แล้วคงหาร้านอาหารกินยากแล้วนะ” คนเป็นแม่ยิ้มกับลูกชายตนเองอย่างหยอกเย้า และเดินนำทั้งสองเข้าประตูบ้านไป
“กินมาแล้วครับแม่” ชานนท์กลับไปทันทีพร้อมจับท้องตนเองที่แน่นไปหมดเพราะระหว่างเดินทางมานี้ยังไม่ได้หยุดกินเลย

“ถึงแม้จะคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่แต่ไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับจะกินให้เต็มคราบเลย!!” ชานนท์รีบกล่าวแทรกทันทีที่เห็นสีหน้าผิดหวังของแม่ตนเอง แม่เขาเป็นคนชอบทำอาหารมาก และภูมิใจกับฝีมือตนเองมากๆด้วย การที่ลูกชายตนเองกินอาหารที่ตนเองทำจนแกลี้ยงเป็นความสุขของผู้เป็นแม่อย่างมาก มันเป็นที่มาของกระเพราะมหัศจรรย์ของชานนท์  โชคดีของชานนท์ที่เป็นคนเผาผลาญดี ไม่อย่างนั้นคงอ้วนกลมไปแล้ว

“งั้นเดี๋ยวลูกๆ นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวแม่ไปเตรียมห้องให้ทั้งสองคนให้นะ”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมไปทำเอง” ชานนท์อาสา
“ห้องลูกน่ะ ไม่เท่าไหร่ เพราะแม่ทำความสะอาดให้เรื่อยๆ แต่ห้องรับรองแขกน่ะ ยังไม่ได้ทำเลย”
“ผมนอนห้องเดียวกับนนท์ได้ครับแม่ แม่ไม่ต้องลำบากหรอกครับ” วรุฒพูดแทรกอย่างสุภาพ ส่วนชานนท์นอกจากจะแปลกใจกับวิธีการพูดของวรุฒแล้ว ยังรู้ถึงความคิดของวรุฒอีกด้วย ความคิดทะลึ่งๆ ในหัวของคนตัวสูง
“ได้ยังไง เตียงเล็กนิดเดียวจะให้ผู้ชายสองคนเบียดกันนอนได้ยังไง?!?” แม่ตอบอย่างไม่เห็นด้วย
“ใช่ๆ” ชานนท์เสริม จนวรุฒมองด้วยหางตาดุใส่
“ดึกแล้วครับไม่เป็นไร หาอะไรปูพื้นให้ผมนอนก็ได้ครับ”
วรุฒไม่ยอมแพ้
“แม่จะให้แขกมานอนพื้นแข็งๆได้ยังไงล่ะ แม่ไปเตรียมเดี๋ยวเดียวเอง!” แม่ยื่นคำขาด
“จริงๆ ครับแม่ ผมเกรงใจ แม่อย่าลำบากเลย ผมนอนง่ายๆ แค่นี้เองสบายมาก” วรุฒยืนยันเสียงแข็ง
ส่วนชานนท์ได้ทำหน้าเหลือเชื่อตอบกลับไปยังวรุฒที่ยังคงทำหน้าสุภาพน่ารักใส่แม่ของตนเอง ชานนท์รู้ดีว่าเหตุผลเดียวที่วรุฒอยากมานอนห้องเดียวกับตน มีแค่เหตุผลหื่นๆ แค่อย่างเดียวเท่านั้น!

“อ่ะก็ได้จ๊ะ เดี๋ยวนนท์ไปช่วยแม่ขนที่นอนสำรองจากห้องนอนแขกมาให้เพื่อนที่ห้องด้วยนะ” แม่หันมาหาชานนท์และถอนหายใจ
“ครับ...” ชานนท์ถลึงตาใส่วรุฒที่ยิ้มทะเล้นลับหลังแม่ของเขา ‘โธ่.... ไอ้คนขี้หื่น!!’ ชานนท์ด่าคนตัวใหญ่ในใจ

ภายในห้องชานนท์ตกแต่งแบบเรียบง่าย ห้องสีฟ้าซีดขนาน 5 คูณ 3 เมตร มีเฟอร์นิเจอร์กึ่งเก่ากึ่งใหม่วางอยู่ที่มุมหนึ่ง และมีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆที่มีลักษณะตกแต่งเหมือนห้องพักรายวันระดับสามดาวทั่วไป มีรูปชานนท์แขวนอยู่ในห้องเรียงรายมากกว่าสิบรูป คล้ายๆกับการที่วรุฒได้มองเห็นการเติบโตในช่วงวัยต่างๆ ของวรุฒ ผ่านผนังห้องๆนี้

“ห้องเราก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ย้ายมาแล้วล่ะ เฟอร์นิเจอร์นี่ของดั่งเดิมเลย น่ากลัวไหม?” ชานนท์เดินขนที่นอนสำรองเข้ามาให้ห้องขณะที่วรุฒกำลังสำรวจห้องของเขา
“ไอ้เด็กแว่นหนา ผอมๆ น่าเกลียดนี่ใคร?” วรุฒชี้ไปที่รูปๆหนึ่งที่แขวนบนผนัง
“นายถามแบบนี้เพื่ออะไรน่ะ นายก็รู้ว่านี่ห้องเรา มันจะเป็นรูปใครไปได้?!?” ชานนท์โยนสิ่งที่ตัวเองโอบอยู่ลงกับพื้นอย่างจงใจ ใบหน้าแสดงความไม่พอใจกับคำถาม
“เราล้อเล่น จะว่าไป นายเนี่ยพัฒนาการมาไกลเหมือนกันนะเนี่ย?” วรุฒเดินเข้าไกลและขยี้ศรีษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“เออ! เรามันน่าเกลียด!!” ชานนท์พูดอย่างน้อยใจ และเดินปึงปังไปเก็บข้าวห้อง เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองทำไมต้องทำกิริยาแบบนั้นออกไป
“โอ๋ๆ อย่านอยสิ ความจริงนายหน้าเหมือนแม่มากนะ แม่นายน่ะเราว่าสมัยสาวๆ เนี่ยคงฮอตน่าดู ขนาดอายุขนาดนี้แล้วยังดูสวยสะกดอยู่เลย!” วรุฒมองไปที่ภาพบนผนังที่วรุฒวัยเด็กถ่ายกับคุณแม่สมัยสาวๆ
“ไอ้บ้า นี่นายกำลังพูดถึงแม่เรานะ อย่าทำน้ำเสียงแบบนั้นสิ!!”
“เฮ้ยๆ ล้อเล่นน่า แต่เราจะบอกว่านาย หน้าตาน่ารักอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่รู้จักดูแลตัวเองเท่านั้นเอง!!”
“โอเคๆ พอเถอะ เราเหนื่อยแล้ว นอนเถอะ” ชานนท์พูดจบก็รีบจัดที่นอนให้คุณชายทันที
“ทำอะไรน่ะ?” วรุฒถามแบบกวนบาทา
“ก็ปูที่นอนให้นายไง!!”
“ใครบอกจะนอนตรงนี้ เราจะนอนตรงนั้น” วรุฒชร้ไปที่ที่นอนสำรองเสร็จก็ย้ายไปชี้ที่เตียงเดี่ยวของชานนท์
“นายจะบ้าเรอะ!! ที่นี่มันบ้านเรานะ แม่ก็นอนอยู่ห้องข้างๆ!” ชานนท์พูดลดเสียงลงจนเหมือนเสียงกระซิบ
“แล้วนายใจร้ายให้เรานอนพื้นๆ จริงๆ หรือ?” วรุฒก็ทำเลียนแบบอีกฝ่ายจนน่าหมั่นไส้
“ก็นายบอกว่าได้!”
“ก็เราอยากนอนกับนาย”
“ไม่เอาโว้ย เดี๋ยวนายหื่น เราไม่ทำแบบนั้นในบ้านแม่!!”
“โอเค! เราไม่ทำหรอก!!”
“ใครจะไปเชื่อนายวะ!! พูดแบบนี้กี่ครั้งแล้ว!!”
“เชื่อเราเถอะ เราคงไม่บ้าขนาดทำอะไรในขณะที่แม่นายนอนอยู่ห้องข้างๆ หรอก!!”
“ให้มันจริง!! จะบอกอะไรให้นะ ผนังที่นี่บางมาก เราทำปากกาตกแม่ยังได้ยินเลย!!”
“โห.... งั้นนายช่วยตัวเองยังไง?”
“ยังอีกยังจะทะเล้นอีก”
“โอเคๆ งั้นตกลงใช่ป่าว”
“เออๆ นอนข้างบนเตียงด้วยกันก็ได้!!”
“เย้!!!”
“ชู่วววว เสียงดังทำไม?”
“เอ่อ.... ขอโทษครับ”
“งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ไปด้วยสิ!”
“นั่นไง ยังไม่ทันไรก็เอาเสียแล้ว!!”
“เรื่องมากจริง!!” วรุฒตีสีหน้าไม่พอใจ
“อยู่ที่นี่ห้ามเรื่องอย่างว่า.!!!!”
“ฆ่ากันเลยเถอะ!”
“อดทนหน่อยนะ เรายังไม่พร้อมที่จะบอกแม่เรื่องของเรา อย่าให้แม่รู้เรื่องด้วยวิธีการแบบนี้เลยนะ!!”
“เออๆ ก็ได้”

สิ้นสุดการสนทนาแบบกระซิบกระซาบ ทั้งสองคนแยกกันอาบน้ำและต่างมานอนในเตียงฟากของตนเองที่ชานนท์จัดพื้นที่ไว้ให้ แต่เมื่อกลางดึกชานนท์ก็ถูกปลุกด้วยอาการขยับไปมาของคนที่นอนอยู่ด้านข้าง เตียงเล็กทำให้รู้สึกถึงอาการนอนไม่หลับของอีกฝ่ายได้ทันที
“เป็นไร? นอนไม่หลับ?” เสียงงัวเงียของชานนท์ทักอีกฝ่ายที่นอนพลิกไปมาหลายรอบ
“อืม..... แปลกที่แปลกเตียงมั้ง”
“ดื่มนมอุ่นๆ ไหม เดี๋ยวเราลงไปทำให้ แม่ทำให้เราดื่มบ่อยเวลานอนไม่หลับ”
“ไม่ล่ะ...... อยาก..... อย่างอื่นมากกว่า น่าจะทำให้หลับเหมือนกัน”
“อะไร? .... หรือว่า.... ไม่นะ”
“เมียจ๋า ผัวนอนไม่หลับ ช่วยผัวหน่อยนะ” วรุฒขยับตัวเข้ากอดอีกฝ่ายแนบชิดจากทางด้านข้าง ชานนท์รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใต้ร่มผ้า
“ไม่เอา!!”
“น่านะ”
“เฮ้อ.... กอดอย่างเดียวได้ไหม?”
“ก็ทำอยู่เนี่ย แต่ยังไม่ง่วงเลย”
“โอ้ย!! งั้นก็ไม่ต้องนอน”
“นะนะ”วรุฒตื้อเก่งขึ้นเรื่อยๆ
“กอดอย่างเดียวห้ามทำอย่างอื่น!!”
“อ่ะจ๊ะ” วรุฒกระชับวงแขนให้แนบแน่นขึ้น ทำใหชานนท์ได้รับไออุ่นจากอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับอวัยวะของวรุฒก็บดเบียดร่างกายของชานนท์แทบจะทุกส่วนจนเขาเผลอใจเต้นแรง แต่เขาก็ต้องคุมสติตนเองให้อยู่ ตอนนี้กลายเป็นว่าเขานี่แหละที่นอนไม่หลับเสียเอง

..................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 2) อัพ 17 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-11-2019 13:05:29
ขี้อ่อยมาก คุณวรุฒ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 2) อัพ 17 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-11-2019 17:41:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

หน้าคุ้น ๆ เนี่ย   มาม่าหรือเปล่า?  แบบความหลังครั้งรุ่นพ่อรุ่นแม่ไรเงี้ยะ?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 20 ส่วนที่ 3) อัพ 23 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 23-11-2019 21:44:17

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องทำให้ทุกอย่างพ้นออกจากเงามืดยามราตรี ชานนท์ลืมตาขึ้นมาสำรวจคนที่นอนกอดก่ายเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท่าทางคุณชายจะได้นอนหลับสนิทจนได้เพราะตอนนี้เขาได้ยินแต่เสียงลมหายใจเบาๆ เข้าออกสม่ำเสมอจากใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาน่ารัก

เมื่อคืนเขาผ่านพ้นการถูกจับกดของอีกฝ่ายไปได้ด้วยดี เขาค้นพบว่า แม้อีกฝ่ายจะรุกหนักแค่ไหน ขอแค่ใจแข็งพอทุกอย่างมันก็จบ!

ชานนท์เดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่ริมหน้าต่างที่เขาแสนจะโหยหา บรรยากาศยามเช้าที่แสนสดใสไร้ฝุ่นควัน ไร้ความอึกทึกจอแจเหมือนในมหาวิทยาลัย เขาชอบมองลงไปที่สวนขนาดย่อมที่แม่เขาบรรจงปลูกไว้ด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ด้วยเป็นงานอดิเรกของเธอ สวนที่เห็นเธอตั้งใจออกแบบมาได้อย่างสวยงามเหมือนสวนของพระราชวังในอังกฤษ (แม่ว่าอย่างนั่นแม่กล่าวอย่างภูมิใจทุกครั้งที่พูดถึงสวนของเธอ)

ระหว่างมองกวาดไปตามไรยอดไม้ดอกไม้ประดับในสวน สายตาเขาก็ไปกระทบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างบ้าน หญิงสาวที่เพียงแค่เห็นจากที่ไกลๆ ก็ทำให้เขาใจเต้นแรงได้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เธอชื่อ ‘ชมพู่’ รักแรกของชานนท์ ชานนท์พบเธอก็ตอนย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ช่วงมัธยมปลาย เธอเป็นหญิงสาวที่สวยระดับดาวโรงเรียน ผิวขาวเนียนสวย ตากลมโต ขายาวหุ่นบอบบาง เธอสูงไล่เลี่ยกับชานนท์เลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้เธอยังเรียนเก่งมากระดับติดอันดับ 1ใน 10 ของจังหวัดอีกด้วย แต่เธอเป็นคนนิสัยดี ไม่หยิ่ง และยังรับชานนท์เป็นเพื่อนด้วย เธอไม่รังเกียจเด็กนักเรียนเนิร์ดที่มีมนุษย์สัมพันธ์ไม่ดีอย่างเขา ถึงแม้ว่าชานนท์และชมพู่จะอยู่โรงเรียนเดียวกันในช่วงมัธยมปลายแต่ก็อยู่คนละห้อง ถึงอย่างนั้นเธอก็มักจะรอชานนท์เดินทางไปโรงเรียนด้วยกัน ติวหนังสือด้วยกัน เธอแสนดีขนาดนี้ไม่แปลกใจที่ชานนท์จะหลงรัก แต่จุดหักมุมมันไปอยู่ช่วงเทอมสุดท้ายของมัธยมหก ชมพู่เธอตกลงเป็นแฟนกับเด็กนักเรียนระดับท้อปของจังหวัด ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอห่างออกไป ไหนจะเรื่องเรียนที่ต่างคนต่างฝันกันคนละแบบอีก เธอเล็งที่จะสอบเป็นแพทย์ พร้อมกับแฟน ส่วนชานนท์อยากมาทำงานสายไอที มากกว่าทำให้ยิ่งไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากไปอีก ไม่นานชมพู่กับเขาก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย นอกจากเวลาเรียนพิเศษ จนแยกย้ายกันไปตามความฝันของตนเอง

ชานนท์เหม่อมองเธอคนนั้นทำให้ภาพในอดีตไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว แม้อย่างในวันนี้ ที่ชานนท์จ้องมองเธอจากที่ตรงนี่ชมพู่ก็ยังทำให้ใจเขาเต้นแรงได้อยู่ ไม่นานเขาก็ตัดสินใจเดินลงไปหาสาวที่เคยพิชิตหัวใจเขาได้อย่างหมดจด แม้เขาจะไม่เคยเปิดเผยความในใจ แม้เขาจะเคยรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งในตอนนั้น แต่เขาก็ไม่เคยโกรธหรือเกลียดเธอเลย เขาเข้าใจเธอดีเหมือนกับที่เขาเข้าใจตัวเอง

“ชมพู่” ชานนท์เดินเลียบรั่วที่ทำจากต้นไทรเกาหลีพุ่มทรงเหลี่ยมสูงประมาณปลายจมูกของเขาเรียกคนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่อีกฝั่งของรั่ว
“อ้าว!! นนท์ กลับมาบ้านเหมือนกันเหรอ? มาเมื่อไหร่เนี่ย?”
สาวน้อยผมยาวมัดผมหางม้ายิ้มหวานกลับมาตามเสียงเรียกของชานนท์พร้อมถามไถ่อย่างเป็นกันเอง
“ก็ช่วงหัวค่ำเมื่อวานนี้แหละ ชมพู่ล่ะมาถึงเมื่อไหร่?”
“ก็เมื่อวานช่วงบ่ายๆแหละ กลับมาก็โดนลากไปกินข้าวนอกบ้านเลย  กว่าจะกลับก็มืดไม่งั้นคงได้เจอตั้งแต่เมื่อวานแล้วเนอะ” สาวน้อยน่ารักตอบกลับมาอย่างร่าเริง รอยยิ้มเหล่านี้ยังสวยส่องประกายเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยน
“เอ้อ! จริงสิ เราซื้อของมาฝากคุณน้าด้วยแหละ เดี๋ยวเอาไปให้เลยนะ เพราะเดี๋ยวเราจะไม่อยู่ กลัวลืมให้นะ!” พูดจบสาวน้อยก็รีบเดินไปเก็บสายยางและวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปไม่นาน ชมพู่ก็เดินเข้ามาในบ้านของชานนท์พร้อมหอบของมาให้ถุงใหญ่ ชานนท์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าว พร้อมมื้อเช้าที่แม่เขาเตรียมให้ ถึงกับตะลึงกับขนาดของถุงกระดาษที่ชมพู่ถือมา

“โห.... อะไรเนี่ย?”
“ของที่น้าแกฝากซื้อน่ะ แต่เราไม่เอาเงินหรอกนะ ซื้อมาฝาก เพราะต้องขอบคุณคุณน้าที่ช่วยดูแลเฝ้าไข้พ่อเราตอนที่เราไม่อยู่
“อ้าว อาเสริฐ เป็นอะไรน่ะ?” อาเสริฐคือชื่อเล่นพ่อชมพู่ แรกๆ เขาก็ไม่กล้าเรียกแต่พอให้เรียกบ่อยก็ชิน ส่วนเหตุผลที่เขารู้สึกแปลกๆ นั่นเขาเองก็ไม่อยากนึกถึงเท่าไหร่
“ไข้หวัดแหละ แต่พอแก่แล้วอยู่ตัวคนเดียวก็จะงอแงหน่อย ดีนะมีคุณน้าอยู่ เราเลยไม่ต้องเดินทางมาดูแลทุกวันหยุด เรียนหมอน่ะ เรียนหนักจะตาย!!”
“อ้อ...” พูดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงช่วงที่ต้องแยกย้ายกันติวหนังสือ เพราะเป็นช่วงที่ชมพู่ตัวติดกับแฟนมากๆ
“น้ายา ไปไหนล่ะ” ชมพู่เรียกชื่อเล่นแม่ของชานนท์อย่างสนิทสนม ชานนท์ฟังทีไรก็ไม่ชินเสียที
“ไปจ่ายตลาดกับอาเสริฐไง” 
“อีกแล้ว ไปกันแต่เช้ามืดทุกวันหยุดเลย ตลาดมันดีอะไรหนักหนาก็ไม้รู้นะ” ชมพู่พูดและยิ้มอย่างนัยยะมาที่ชานนท์
“......” ส่วนชานนท์ได้แต่นิ่งกับสีหน้าแบบนั้นของชมพู่
“นายเนี่ยนะ ไม่เคยรับมุกแบบนี้สักที” ชมพู่ถอนหายใจและนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา ความจริงแล้วชมพู่เป็นคนเรียบร้อยมาก อาจจะเพราะเขากับชมพู่สนิทกัน ชมพู่เลยกลายเป็นคนที่ดูร่าเริงกว่าชานนท์มาก ความจริงทั้งสองคนก็นิสัยใกล้เคียงกันเลยทีเดียว
แม้จะโดนล้อเลียนขนาดนี้แต่ชานนท์ก็ยังเงียบและยิ้มตอบกลับมาเท่านั้น
“เอาน่าๆ ผู้ใหญ่เขาก็โตๆ กันแล้ว แม่นายก็ยังสวย ส่วนพ่อเราก็ยังแข็งแรง หน้าที่การงานก็ดี เราว่าปล่อยๆ เขาไปเถอะ เราน่ะยังทำใจได้เลย เพราะนายเป็นแบบนี้ไง แม่นายถึงไม่ได้คืบหน้ากับพ่อเราเสียที!” ชมพู่หันมาพูดจริงจัง ส่วนชานนท์ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงหากเป็นเมื่อก่อน เขาคงคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่นอน หากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงคบกันถึงขั้นแต่งงานเขากับชมพู่ก็จะกลายเป็นพี่น้องกันโดยปริยาย เขาจึงไม่อาจเห็นด้วยได้ เรื่องที่แม่จะคบกับใครใหม่นั้น เขาไม่เคยจะสนใจนานแล้วเพราะเขาเองก็อยากให้แม่มีความสุขบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาแม่ลำบากเพราะเขามาเยอะแล้ว

“นายเนี่ยนะ!” ชมพู่พูดเป็นเชิงต่อว่าชานนท์ แต่ก็แปลกที่ชานนท์กลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว อาจเพราะหัวใจเขาตอนนี้มีคนครอบครองมันอยู่แล้ว คนที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนห้องเขา หลังจากคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มออกมาได้
“ล้อเล่นน่า เราน่ะไฟเขียวแล้ว แค่ยังไม่ได้บอกแม่ตรงๆ เท่านั้นเอง ก็แม่เองก็ไม่เคยบอกเราตรงๆ นี้ว่าคิดยังไงกับอาเสริฐ”
“ชัดขนาดนี้จะต้องพูดอะไรอีก เดี๋ยวเราไปบอกพ่อเราเลย!”
“ใจเย็นๆ สิให้ผู้ใหญ่เขาจัดการกันเองเถอะนะ! ชานนท์ยื่นมือไปรั้งอีกฝ่ายที่ทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ล้อเล่นน่า... จะว่าไป.... ไม่เจอกันนาน นายเปลี่ยนไปเยอะนะเนี่ย”
“ยังไง?”
“ก็ดู..... หล่อ.... อืม.... ใช้คำนี้กับนายไม่ถูกต้อง ต้องเรียกว่า น่ารัก แล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น” ชมพู่พูดพลางพินิจพิเคราะห์ไปด้วย ส่วนชานนท์ก็ได้แต่นึกขอบใจอีกฝ่ายที่เป็นพลังให้เขาอยากที่เปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ ถึงจะลงทุนไปเยอะ! แต่ก็คุ้ม
“ขอบใจนะ....” ชานนท์ยิ้มตอบกลับโดยไม่ปิดบัง ดีใจปนเขินอาย
“ต่างจากเมื่อก่อนมากเลยนะ เด็กเนิร์ดๆ ใส่แว่นหนาๆ โตๆ ใส่เสื่อผ้าหลวมโครก ไม่เข้ากัน พูดจาแบบไม่มองหน้าใคร ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มน้อยน่ารักไปแล้ว”
“พอเลยๆ แล้วตี๋ล่ะ ได้กลับมาด้วยกันไหม?” ชานนท์เขินจึงต้องเปลี่ยนเรื่องคุย แต่นั่นก็เป็นเหตุให้บรรยากาศเปลี่ยนไป
“เรา..... ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วน่ะ โชคไม่ดีเลยที่สอบติดคนละสถาบัน เรียนหมอเหมือนกัน เรียกหนักพอกันทั้งคู่ จนรู้สึก.... เหมือนเลิกกันยังไงไม่รู้ ......ขนาดช่วงวันหยุดยาวยังลากลับมาพร้อมกันไม่ได้เลย...”  ชมพู่มีสีหน้าที่เศร้าสร้อย พลอยทำให้ชานนท์หุบยิ้มรู้สึกตามไปด้วย
“เอ่อ..... เราไม่น่าถามเลยเนอะ...” ชานนท์ทำตัวไม่ถูก
“ไม่เป็นไรๆ ช่างมันเถอะ เราเลิกคุยเรื่องพวกนี้เถอะ ว่าแต่วันนี้ไปไหนไหม?” สาวผมหางม้าหน้าใสสลัดหน้าตัวเองไปมาพร้อมเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ก็...ไม่นะ” ชานนท์ตอบแทบไม่ได้คิด เขาน่าจะลืมคนที่ยังคงนอนหลับอยู่ข้างบน
“วันนี้เราจะไปมิตติ้งกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมเสียหน่อย ไม่ได้กันนานคิดถึง! เพื่อนที่ติวโรงเรียนกวดวิชาด้วยกัน จำได้ไหม?”
ชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไปเพราะคนพวกนั้น เขาไม่คิดจะนับเป็นเพื่อน เพราะแทบจะไม่ได้คุยกัน ชื่อเล่นยังจำไม่ได้เลย แม้จะเคยติวหนังสือด้วยกันบ้าง โดยมีชมพู่เป็นแกนนำ แต่สมัยนั้นชานนท์ไม่เป็นที่น่าสนใจหรือจดจำ เขาเลยแทบไม่มีใครคุยด้วยนอกจากชมพู่
“ไปเถอะนะ เราจะได้ไปอวดทุกคนว่านายเปลี่ยนไปขนาดไหน? พวกนั่นคงตะลึงแน่นอน!!”
“เอ่อ.........” ชานนท์ยังคงคิดว่า ความคิดไม่ใช่ความคิดที่ดี ใครจะไปจำเขาได้
“ไปเถอะนะ น่าสนุกจะตาย เดี๋ยวบ่ายๆ ก็กลับแล้ว”
“โอเคๆ”
“ว้าว! ดีเลย เดี๋ยวเราไปแต่งตัวแล้วเจอกันที่หน้าบ้านนะ ใกล้เวลานัดแล้ว!!”

“เอะอะอะไรกัน!! เสียงดังไปจนถึงข้างบน!” เสียงคุ้นหูที่ดุดันดังขึ้นจากระยะไม่ไกล ชานนท์มองไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ สิ่งที่เขาหลงลืมไปในระหว่างการสนทนากับชมพู่ อยู่ๆก็มาปรากฏตัวตรงหน้า

วรุฒในชุดลำลอง ลักษณะเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียงนอน ผมเผ้าชี้ฟู ใบหน้าบูดบึ้ง หัวคิ้วชนกันอย่างอารมณ์เสีย ทำให้อากาศแถวนี้ดูร้อนอบอ้าวขึ้นมาทันที แต่ถึงกระนั้นไอ้คุณชายเจ้าอารมณ์คนนี้ก็ยังดูหล่อสะท้านใจอยู่ดี โดยเฉพาะรูปร่างที่แน่นเฟิร์มทุกส่วนในชุดลำลองที่สวมใส่อยู่นั้น

ชมพู่ตกใจร้องเสียงหลงเพราะอยู่ๆ ต้องหันไปเจอคนแปลกหน้า
“เอ่อ... ชมพู่ คนนี้เพื่อนเราเอง ชื่อวรุฒน่ะ เขาตามมาเที่ยวบ้านเราน่ะ” ชานนท์รีบอธิบาย
“เพื่อน...” วรุฒทวนเน้นคำและมองไปที่ชานนท์ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“เพื่อนนนท์เหรอ? เราชมพู่นะ” ชมพู่ทวนคำชานนท์และมองไปที่วรุฒอย่าสำรวจด้วยแววตาชื่นชม
“จะไปไหนกันเหรอ?” วรุฒถามและมองไปทางชานนท์ด้วยแววตาเสียดแทง
“เราว่าจะชวนนนท์ไปกินขนมกับเพื่อนหน่อยนะ แต่นนท์อยู่กับเพื่อนนนท์ก็ได้นะ” ชมพู่พูดสวนขึ้นมา ในขณะที่ชานนท์กำลังทำท่าลำบากใจ การได้มาเจอชมพู่ทำให้เขาลืมวรุฒไปเสียสนิท
“ไม่เป็นไร นายไปเถอะ เดี๋ยวันนี้เราอยู่บ้านก็ได้ เมื่อวานขับรถมาตั้งไกล ยังเหนื่อยอยู่เลย!” มีน้ำเสียงประชดประชันในคำตอบของวรุฒ ยิ่งสร้างความอึดอัดแก่ชานนท์
“เอ่อ......” ชานนท์ตัดสินใจหาคำพูดออกมาเพื่อหาทางออกจากสถานการณ์นี้ไม่ได้
“งั้นนนท์ชวนวรุฒไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวอยู่บ้านแล้วจะเบื่ออุตส่าห์ขับรถมาเที่ยวตั้งไกล นนท์ก็ไปเจอพวกมันเสียหน่อย แล้วค่อยขอตัวออกมาก่อนก็ได้ ไปกันเยอะๆ ก็สนุกดี มีหนุ่มหน้าตาดีมาด้วยยัยพวกนั้นน่าจะชอบ!!” ชมพู่เสนอผลลัพธ์ให้ ท่าทางของชมพู่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเปิดเผยมากกว่าเมื่อก่อน
“งั้นก็ตามนั้น เดี๋ยวไปรถเราก็ได้” วรุฒแทรกขึ้นมา
“อันนี้ยิ่งดี ไม่ต้องโบกรถไปเอง!!” ชมพู่ยิ้มร่าเห็นด้วย
ชานนท์ได้แต่ยิ้มรับข้อเสนอของทั้งสองฝ่ายโดยที่ตัวเองไม่ได้ตอบอะไรเลย

......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 3) อัพ 23 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-11-2019 23:50:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชมพู่  มาช่วยทำให้วรุฒหึงมากขึ้น  555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 3) อัพ 23 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-11-2019 01:43:09
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 20 ส่วนที่ 3) อัพ 23 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-11-2019 09:58:28
นนท์ก็นะ  คิดถึงแฟนตัวเองบ้าง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 21ส่วนที่ 1) อัพ 30 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-11-2019 15:01:14

บทที่ 21

After party


“นายชอบเธอใช่ไหม?”  วรุฒโพล่งถามขึ้นหลังที่ต่างแยกย้ายจากชมพู่และขึ้นมาถึงบนห้องเรียบร้อย
“หา???”
“ไม่ต้องมาหา!! มองจากแววตาก็รู้ รักแรกสิใช่ไหม?”
“ก็..... อือ” ชานนท์ตอบแบบเลี่ยงๆ
“ก็น่ารักดีนะ”
“ใช่ ยิ่งตอนนี้ดูโตขึ้นยิ่งดูดี....” คนอย่างชานนท์โพล่งพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

พั่บ!!!
ร่างบอบบางของชานนท์ถูกดึงลอยไปนอนราบอยู่บนเตียง

“นายเนี่ยนะ!!” วรุฒกระโดดขึ้นคล่อมร่างบางนั้นอย่างรวดเร็ว
“นายจะทำบ้าอะไร!!” ชานนท์โวย
“ลงโทษ” คำพูดห้วนสั่นออกจากปากคนที่ทำหน้าเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“เรื่องอะไร?!?”
“นายน่าจะรู้ดีนะ!!”
“อะไร ยังไง?”
“ซื่อจนเซ่อนะนายเนี่ย!” วรุฒพูดจบก็ดึงเสื่อชานนท์ขึ้นมาจนเปลือยถึงช่วงอก และกำขอบกางเกงอีกฝ่ายอย่างแรง
“เฮ้ย!!” ชานนท์รู้ชะตากรรมตนเองทันที ว่าการลงโทษที่วรุฒว่ามันหมายถึงอะไร? เขาทำทุกวิธีทางเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกที่จะทำแบบนั้น เขาไม่อยากหมดแรงก่อนอออกไปเที่ยวนอกบ้าน

“หนุ่มๆ” เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต เสียงแม่ของชานนท์ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ทำให้กิจกรรมที่วรุฒกำลังจะเริ่มนั้นหยุดอย่างกระทันหัน
“ครับ” เสียงตอบของชานนท์สั่นเครือเพราะใจเต้นแรงหนักมาก เขาไม่อยากให้แม่มาเห็นเขาในสภาพแบบนี้เลย
“ทำอะไรกันลูก กินข้าวมื้อเช้ากันหรือยัง? แม่เห็นบนโต๊ะที่เตรียมไว้แทบไม่พร่องเลย” เสียงแม่ยังคงอยู่ใกล้มาก
“เรียบร้อยครับ ผมไม่ค่อยหิวแต่วรุฒเขาเพิ่งตื่นครับ  เอ่อ... เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกกับชมพู่ ขอแต่งตัวก่อนแล้วจะพาวรุฒลงไปกินครับ” ชานนท์ทำหน้าเขียวใส่อีกฝ่ายทางด้านบนให้ปล่อยระหว่างที่พูดกับแม่เขา ทำให้วรุฒยอมถอยอย่างไม่เต็มใจ
“โอเค งั้นแม่รอข้างล่าง แม่ซื้อขนมร้านอร่อยมาฝากจ๊ะ” แล้วฝีเท้าหน้าห้องก็ไกลห่างออกไป

“นายจะทำบ้าอะไรเนี่ย เกือบไปแล้วนะ ดีนะที่แม่ไม่เคยเปิดประตูโดยไม่ขอก่อน!” ชานนท์ดีดตัวเองห่างจากเตียงนอนด้วยความหวาดระแวงอีกฝ่ายที่จะโรมรันมาทำมิดีมิร้ายเขาต่อ
“นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าเราเป็นอะไร?” เสียงอีกฝ่ายราบเรียบจนน่าตกใจ
“เอ่อ.... ก็พอจะรู้ล่ะ แต่เรากับชมพู่เป็นแค่เพื่อนกัน และอีกอย่างชมพู่เขาก็มีแฟนแล้ว!” ชานนท์อธิบายเพราะขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่ยืนหันหลังให้เขา
“เท่าที่ฟังดูเหมือนความสัมพันธ์จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะกับแฟนเธอคนนั้นน่ะ!!” วรุฒตอบสวนมาทันที
“เอ่อ.... นี่นายมายืนฟังอยู่นานเท่าไหร่เนี่ย?”
“ก็พอที่จะได้ยินทั้งหมด พอที่จะเห็นแสงวูบวาบในตานาย!”
“โอ้ย... นายเนี่ยก็ คิดมากไปไหนเนี่ย! เราเลิกชอบเธอไปตั้งนานแล้ว จนเราตั้งใจว่าจะหาแฟนที่ดีกว่าและเอามาอวดเธอนี่ล่ะ ซึ่ง..... จะว่าไปเราก็พามาด้วยแล้วไง” ชานนท์ใช้แขนเอื้อมไปบรรจงกอดรอบเอววรุฒอย่างนุ่มนวล
“พูดได้ดีนะเรา เดี๋ยวนี้พูดแบบนี้ก็เป็นนะ” วรุฒหันกลับมาประจันหน้ากับคนตัวเล็กที่ยังคงสวมกอดเขาอย่างหลวมๆ พร้อมโน้มลงมาจูบที่ปากเขาหนึ่งฟอดใหญ่
“ติดมาจากนายล่ะมั้ง?”  ชานนท์ทำหน้าทะเล้นใส่
“เพราะความรักต่างหาก” วรุฒยกตัวคนตัวเล็กขึ้นมาจูบอีกครั้ง

...........................

ชานนท์สวมชุดใหม่ที่วรุฒซื้อให้ตั้งหัวจรดเท้า ครบเครื่องเหมือนยกร้านแบรนด์เนมมาไว้ในห้องนอน ในช่วงกินมื้อเช้าคุณแม่ของชานนท์ถึงกับร้องทักถึงความเปลี่ยนแปลงไปในภาพลักษณ์ของลูกชายตนเอง และคนที่ยิ้มกริ่มดีใจเป็นที่สุดคงไม่พ้นวรุฒที่สามารถแปลงโฉมแฟนตัวเล็กของเขาให้ดูดีตามที่เขาคาดหวังได้สำเร็จ ส่วนวรุฒนั่นจะแต่งอะไรแบบไหนก็แทบจะบดบังรัศมีของชานนท์ไปเสียหมด ชานนท์เหมือนจะชินกับสไตล์การแต่งตัวของวรุฒเสียแล้ว แต่แม่เขากลับชมไม่ขาดปากจนชานนท์ต้องรีบพาวรุฒออกไปให้พ้นตัวบ้าน

อีกคนที่ตะลึงกับภาพลักษณ์ใหม่ของชานนท์ก็คือ ชมพู่ เธอถึงกับกระโดดเข้าควงแขนชานนท์ และประกาศขอควงด้วยหนึ่งวัน ทำให้ชานนท์เขินจนหน้าชาไปหมด ส่วนวรุฒนั้นเนื่องจากไม่สนิทมากนักชมพู่จึงแค่ยิ้มให้อย่างชื่นชมเท่านั้น

ทั้งสามคนนั่งรถไปที่จุดนัดพบตามที่ชมพู่บอกไว้ เป็นร้านอาหารขนาดกลางแต่จัดตกแต่งได้ดี ผสมผสานกับธรรมชาติรอบๆ ร้าน บรรยากาศดีจนสามารถนั่งได้ทั้งวัน คนไม่พลุ่กพล่านเท่าไร่ แต่ตอนที่พวกชานนท์ไปถึง เพื่อนที่ชมพู่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ต่างมาถึงกันครบแล้ว เพราะบ้านเขาและชมพู่อยู่ไกลจากร้านอาหารที่สุดเลยมาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย

“อ้าวชมพู ไหนบอกจะพาไอ่แว่นเฉิ่มมาด้วย!!” เพื่อนผู้หญิงคนแรกในกลุ่มทักทันทีที่เห็นชมพู่ที่เดินนำชานนท์และวรุฒเข้ามาในร้าน
“อ้าว! ก็นี่ไง” ชมพู่หันกลับไปควงแขนวรุฒมายืนขนาบข้าง
“บ้า... อย่ามาอำ!” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มทำท่าไม่เชื่อ
“จริงๆ” ชมพู่ย้ำ
“จริงน่ะ?! เฮ้ย... ก็มีเค้าหน้าอยู่ โห..... ดูดีขึ้นเยอะมากเลย จำแทบไม่ได้!!” เสียงตกใจของเพื่อนคนแรกที่ทักทำให้ทั้งโต๊ะจำนวนเกือบสิบคนหันมาที่ชานนท์เป็นตาเดียว และต่างวิพากณ์วิจารณ์อย่างเมามัน แต่ทุกคนก็ส่งสายตาชื่นชมมาทางชานนท์จนเขาแทบลอย เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต การที่ผู้หญิงต่างชื่นชมเขามากขนาดนี้

สุดท้ายชมพู่ก็ได้แนะนำวรุฒที่เป็นเพื่อนชานนท์ หลังจากนั้นความสนใจทุกอย่างก็พุ่งเป้าไปที่วรุฒเสียหมด สาวๆต่างแย่งกันพูดคุยตั้งคำถามวรุฒจนเขาชักสีหน้า แต่ทุกครั้งที่ทำจะเห็นชานนท์หน้าบึ้งใส่ จนเขาต้องพยายามหันกลับไปพูดกับเพื่อนๆสาวของชานนท์อย่าสุภาพแต่ชานนท์เห็นก็รู้ว่าวรุฒฝืนใจเป็นที่สุด

ระหว่างที่ทุกคนในโต๊ะอาหารเพ่งความสนใจไปที่วรุฒเสียหมด ชานนท์จึงทำได้แค่สนใจแต่อาหารบนโต๊ะเหมือนกับทุกครั้งที่เขาเคยประสบมา
“วรุฒนี่ ที่มหาวิทยาลัยเขาฮอตขนาดนี้ไหม?” ชมพู่ก็เป็นเหมือนเช่นเคยที่มักจะเป็นคนเดียวที่ชวนเขาคุยเรื่องโน่นเรื่องนี้เวลามาชุมนุมกันแบบนี้
“ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร ก็ระดับเดือนคณะฯ และก็ตัวเก็งเดือนมหาวิทยาลัยแค่นั้นเอง” ชานนท์ตอบกลับไปแบบเบื่อๆ
“โห..... นี่เรียกว่าโคตรฮอตเลย!!” เป็นครั้งแรกที่ชานนท์ได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากชมพู่ ประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยทำให้คนเปลี่ยนไปได้จริงๆ

“นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ...” ชมพู่มองชานนท์ด้วยสายตาชื่นชมพักใหญ่ก่อนจะพูดออกมา ทำให้ชานนท์ถึงกับชะงักการเคี้ยวไปประเดี๋ยวหนึ่ง
“อะไรเนี่ย? อยู่ก็พูดอะไรแบบนี้ออกมา” ชานนท์รีบเคี้ยวรีบกลืนอาหารในปากก่อนพูด
“ฮ่าฮ่าฮ่า... ดูทำเข้า นายเนี่ยสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิมนะ ไม่เหมือน.... ช่างเถอะๆ”
“เหมือนเดิมนี่ยังไง?” ชานนท์ถามด้วยสายตาสงสัย
“ก็แบบ.... ยังตลกเหมือนเดิมไง!” ชมพู่พูดเสร็จก็หัวเราะร่วนและเขย่าแขนชานนท์เบาๆ
“ชมพู่!!” ชานนท์ทำเสียงงอนอีกฝ่าย
“ล้อเล่นๆ ความจริงคือ นายก็ยังทำตัวน่ารักเหมือนเลย ขนาดเปลี่ยนลักษณะภายนอกไปขนาดนี้ แต่นิสัยก็ยังน่ารักเหมือนเลย” หลังจากชมพู่พูดจบ กลับเป็นชานนท์ที่เขินเสียเอง

“เอ่อ.... ว่าแต่ที่ชมพู่พูดถึงเมื่อกี้.... คือ....ที่ว่าไม่เหมือน.....ใครเหรอ?” ชานนท์เขินเลยพยายามเปลี่ยนเรื่อง ส่วนชมพู่นั้นมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที ทำให้ชานนท์รู้ทันทีเลยว่าหมายถึงใคร

หลังจากนั้นก็เหมือนเขื่อนแตก ความร่าเริงที่ชมพู่ปกปิดไว้เหมือนเขื่อนกั้นน้ำที่แข็งแรงก็แตกหักพังทลาย ชานนท์เดาถึงบุคคลคนนั้นในใจ และเขาก็ทายถูก ชมพู่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแฟน ‘ตี๋’ อย่างละเอียด อะไรที่เธออึดอัด เก็บกดไว้ ต่างเล่าออกมาหมด ชมพู่นับชานนท์เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ เลยเล่าได้อย่างสนิทใจ ส่วนชานนท์ทำได้เพียงปลอบและรับฟังอีกฝ่ายเท่านั้น ทั้งสองพูดคุยกับเงียบเชียบอยู่นานพอควร จนกระทั้งมีเพื่อนคนหนึ่งเห็นจึงแอบแซวว่าทั้งสองกิ๊กกันหรือเปล่า หลังจากทั้งสองก็แยกย้ายจากกันทันที ชมพู่และชานนท์ต่างรีบซับน้ำตาของตัวเอง น้ำตาของชมพู่เกิดจากความช้ำใจเรื่องแฟนไม่เอาใจใส่เหมือนก่อน แต่น้ำตาของชานนท์นั่นเกิดจากความรู้สึกคล้อยตาม ทั้งสองฝ่ายต่างแอบคราบน้ำตาไม่ให้ใครเห็น ทุกคนในโต๊ะเห็นแต่เพียงชมพู่กับชานนท์เล่นมุกตามน้ำกันเรื่องกิ้กกันเท่านั้น ทุกคนอาจจะเข้าใจว่าทั้งสองคนหน้าแดงเกิดจากอาการอายแต่ความจริงคือเกิดจากความเศร้าต่างหาก รวมถึงวรุฒด้วยเช่นกันที่ตอนนี้หน้าตาเครียดตึงจนเส้นเลือดแทบแตก แต่ชานนท์ไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่เขินอายจากการถูกชมพู่ควงแขนอยู่ตอนนี้

..........
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 21 ส่วนที่ 1) อัพ 30 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-11-2019 15:39:26
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 21 ส่วนที่ 1) อัพ 30 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-11-2019 18:30:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุย ๆ  พ่อวรุฒเราไม่หึงออกนอกหน้าหรือนั่น

แฟนทั้งคนให้ความสนใจแต่กิ๊กเก่า  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 21 ส่วนที่ 1) อัพ 30 พ.ย. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-12-2019 00:26:50
พาแฟนมาด้วยแต่ไม่สนใจแฟน ได้เหรอ?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 21 ส่วนที่ 2) อัพ 8 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 08-12-2019 12:48:17

บรรยากาศในรถในช่วงระหว่างขากลับจากปาร์ตี้เพื่อนที่ติวสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกันนั่นเต็มไปด้วยความอึดอัด โชคดีที่ชมพู่ขอตัวแยกไปทำธุระต่อกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ชานนท์จึงขอปลีกตัวจากสาวกลุ่มนั้นเสียที เพราะทุกคนในโต๊ะต่างพยายามพัวพันแฟนหนุ่มขอเขาจนเขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาเหมือนกัน ตั้งแต่ขับรถออกจากร้านอาหารจนมาถึงทางใกล้บ้าน วรุฒตีสีหน้าขรึมและเงียบมาตลอดทาง ชานนท์ซึ่งไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเกิดอาการแบบนี้จากอะไร ก็พยายามชวนคุยมาตลอด แต่อีกฝ่ายกลับทำได้เพียงถามคำตอบคำ

ในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงบ้านของชานนท์ คุณแม่ของชานนท์ที่กำลังทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ต่างกำลังจัดแจงเตรียมมือค่ำ มื้อใหญ่ไว้ต้อนรับลูกชายสุดที่รักอย่างขมักเขม้น

“อ้าว! กลับมาแล้วหรือลูก? ไปถึงไหนกันมาหายกันไปเกือบทั้งวัน?” คุณแม่ที่มือเป็นระวิง เอ่ยทักลูกชายอย่างลนลาน
“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเท่าไหร่เลยครับ แค่ไปกินข้าวพวกเพื่อนๆ สมัยติวสอบด้วยกันก็หมดทั้งบ่ายแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไรกันหนักหนา” ชานนท์บ่นอุบอิบระหว่างเดินไปนั่งที่โซฟายาวในห้องรับแขกที่ไม่ไกลจากห้องครัวมากนัก

“งั้นคงยังไม่หิวใช่ไหมลูก?” แม่เอ่ยทักลูกชายขณะที่หยดเหงื่อผุดขึ้นตามใบหน้า
“ยังเลยครับ” ปากชานนท์ก็ตอบตาก็มองวรุฒที่เดินหน้าเกร็งขรึมเข้ามากระแทกนั่งที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามเขา
“งั้นมาเป็นลูกมือแม่หน่อย ตอนนี้แม่ว่าน่าจะทำไม่ทันแล้ว ส่วนรุฒ ลูกนั่งเล่นไปก่อนนะ หรือจะไปพักผ่อนที่ห้องรับรองก่อนล่ะ แม่ไปจัดกวาดปัดกวาดให้แล้ว วันนี้จะได้ไม่ต้องไปนอนเบียดกันในห้องนนท์อีก!”
“แม่ครับ ไม่เห็นต้องลำบากเลย แค่สองสามคืนผมนอนกับนนท์ได้ครับ เกรงใจแย่เลย” ประโยคแรกที่ชานนท์ได้ยินจากปากวรุฒตั้งแต่ช่วงบ่าย กลับกลายเป็นประโยคที่คุยกับแม่ตนเอง
“ไม่ได้ๆ รุฒเป็นแขก! แม่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ลูกจะไปลำบากทำไม ที่ทางเยอะแยะ!” แม่ชานนท์ยิ้มยิงฟันสวยมาทางวรุฒจนเขาไม่กล้าพูดต่อได้แต่ยิ้มยอมรับและเอ่ยคำขอบคุณกลับไปเท่านั้น

“โหย แม่! ทำอะไรเยอะแยะเนี่ย!?!” ชานนท์โวยลั่นเมื่อเข้าไปถึงในครัว เขาเห็นปริมาณการจัดเตรียมอาหารในห้องครัวที่เกินกว่าสามคนในบ้านจะกินหมดแม้จะเป็นเขาก็เถอะ

“อ้อ แม่ทำเผื่อลุงเสริฐด้วยไงลูก เขาจะจัดเลี้ยงเพื่อนที่มาจากต่างประเทศน่ะ เขาเลยจ้างแม่มาทำ เขาบอกว่าเขาไม่ไว้ใจร้านอาหารร้านอื่น แม่ของนนท์น่ะ ทำอร่อยที่สุด!” แม่เขายิ้มอย่างภูมิใจพร้อมเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกมาจนหน้าวาวไปหมด

ชานนท์ถอนหายใจ และก็ยอมเป็นลูกมือให้แม่อย่างดี เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งตั้งแต่เขาเริ่มเรียนมัธยมปลายแล้ว ลุงเสริฐน่ะ มักจะหาเรื่องช่วยหางานให้แม่เขาบ่อยๆ เพราะแม่ไม่ยอมรับเงินช่วยเหลือจากใครฟรีๆ แม่เขานั้นมีรายได้จากการทำงานประจำไม่มาก (ความจริงก็คือเป็นลูกจ้างในบริษัทของลุงเสริฐเอง) และแม่ก็ไม่ชอบกู้หนี้ยืมสินใคร คงจะมีแต่บ้านนี้นี่แหละที่แม่เขายอมเป็นหนี้ก้อนโตขนาดนี้ ด้วยความช่วยเหลือของลุงเสริฐ (ในหลายๆ เรื่อง) แม่ถึงซื้อบ้านหลังนี้ได้ ด้วยเงินผ่อนต่อเดือนที่สูงเกือบเท่าเงินเดือนตัวเอง แม่ฝันอยากที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง อยากมีสวนดอกไม้ อะไรอีกสารพัด แม่เขาทำงานพิเศษมากกว่า 1 อย่างต่อเดือนเพื่อรักษาบ้านหลังนี้ไว้ แต่ที่แม่ทำได้ ส่วนใหญ่ก็เพราะลุงเสริฐนี่แหละ คนตาบอดยังรู้เลยว่าลุงเสริฐตามจีบแม่เขาอยู่

ช่วงแรกๆ เขาเองก็ต่อต้านอยู่มาก แต่เห็นความมั่นคงของลุงมาตลอดหลายปี จนเมื่อเรื่องหัวใจของเขาและชมพู่คลี่คลาย เขาก็เลยยอมรับเรื่องนี้ได้ไปโดยปริยาย ที่เหลือก็แม่เขาเองนั่นแหละ

เวลาผ่านไปจนกระทั้งอาหารทุกอย่างเสร็จสิ้น ชานนท์และแม่ทยอยขนส่งอาหารหลากเมนูไปที่ข้างบ้าน จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ลุงเสริฐรีบชวนแม่กับชานนท์กินมื้อค่ำด้วยกันไปเลย หลังจากผ่านการปฏิเสธหลายครั้ง แม่ก็ยอมใจอ่อนมาร่วมงานด้วย

ชานนท์และแม่กลับมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปร่วมงาน ชานนท์พยายามชวนวรุฒมาด้วย แต่เขาปฏิเสธท่าเดียวและอ้างว่าไม่สบาย หลังจากวรุฒอาบน้ำแต่งตัวในชุดนอนวรุฒก็ปิดประตูห้องรับรองเงียบเชียบ แม่ชานนท์พยายามถามด้วยความเป็นห่วงแต่วรุฒตอบกลับมาด้วยความสุภาพว่าขอนอนพักสักหน่อยดีกว่า

สองแม่ลูกจึงต้องจำใจทิ้งวรุฒและไปร่วมงานที่บ้านลุงเสริฐด้วยการแต่งกายที่เหมาะสม วันนี้คุณแม่ของชานนท์แต่งกายด้วยสีสดใสเป็นพิเศษ การแต่งหน้าบางๆ ของแม่ทำให้ดูแปลกตากว่าปกติ เพราะแม่เป็นคนไม่ชอบแต่งหน้า วันทำงานยังไม่ค่อยจะแต่งเลย แม่เป็นสวยโดยธรรมชาติ ตาโต หน้าเรียวรูปไข่ จมูกได้ทรง ริมฝีปากที่อวบอิ่ม การแต่งหน้ายิ่งทำให้ความโดดเด่นบนใบหน้าของแม่มีมากขึ้น เห็นหน้าแม่ตัวเองแบบนี้ทำให้นึกถึงตัวเองช่วงเข้าประกวดดาวเดือนที่ผ่านมาไม่นาน ความหวานบนใบหน้าเขาได้จากแม่มาเยอะนี่เอง

ในงานเต็มไปด้วยผู้ใหญ่มากมายในบริษัทของลุงเสริฐ เพื่อนของลุงเสริฐเป็นคนเฮฮาทำให้งานครึกครื้นไม่น้อย แม่เองก็ทำงานอยู่บริษัทของลุงเสริฐเองก็ช่วยดูแลคนในบริษัทที่มาร่วมงานได้ดี เพราะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แถมยังมีส่วนในการพูดคุยในเชิงธุรกิจระหว่างลุงเสริฐกับเพื่อนไม่น้อย เพราะแม่ของชานนท์เองก็เก่งและรู้เรื่องของบริษัทเป็นอย่างดี ชานนท์ที่หลังจากกินมื้อค่ำจนอิ่มได้ที่แล้ว เขาก็ทำตัวเป็นลูกมือแม่ที่ดีในการดูแล อาหาร จานชามสำหรับจัดเลี้ยงเหมือนเช่นปกติ

ในงานเขายังได้เจอชมพู่ที่กลับมาร่วมงานทันด้วย แต่การกลับมาคราวนี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขแฝงอยู่จนแทบล้น จนชานนท์อดที่จะเดินไปถามไม่ได้

สรุปคือ ที่ชมพู่หายไปช่วงเย็น เพราะถูกเพื่อนพาไปเจอ ‘ตี๋’ แฟนหนุ่มที่มารอเซอร์ไพร์สชมพู่ และพาชมพู่ไปเที่ยวเพื่อระลึกถึงความหลังช่วงจีบกันใหม่ๆ เธอเล่าว่าได้ดอกไม้ช่อโตมาด้วยแต่ไม่ได้เอาเข้าบ้านมาด้วยเพราะกลัวพ่อเธอถามซอกแซก เธอไม่อยากโดนแซวจนอายคนทั้งงาน เลยเดินไปฝากไว้ที่บ้านของชานนท์ก่อน เธอกำชับว่าหลังจากที่ชานนท์กลับถึงบ้านแล้วให้แอบเอาดอกไม้ไปให้เธอที่รั่วแถวหลังบ้านด้วย ชานนท์รับปากทันทีอย่างติดตลกว่าจะขอค่าปิดปาก ชมพู่เลยจะขอช่วยเก็บข้าวของหลังงานเลี้ยงให้เป็นการแลกเปลี่ยน ชานนท์รับปากทันที

............


งานเลี้ยงเลิกช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย ชมพู่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ช่วยเหลือชานนท์และแม่ของเขาเก็บทำความสะอาดข้าวของหลังงานเลี้ยงโดยมีชานนท์คอยหยอกล้อชมพู่อยู่เรื่อยๆ เขาคิดว่าหากเขายังไม่มีวรุฒ เขาจะสามารถหยอกล้อกับชมพู่ได้ขนาดนี้ไหม? เพราะหากใจเขายังผูกพันธ์กับชมพู่อยู่แบบเดิม สถานการณ์แบบนี้เขาคงเจ็บปวดมาก

ณ สถานที่นัดหมายส่งดอกไม้ช่อยักษ์ มันเป็นช่อดอกไม้ที่ใหญ่จริงๆ ขนาดชานนท์ยังต้องอุ้มมันไปที่รั่วยังทำได้อย่างอยากลำบากเพราะมันยังสูงท่วมหัวเขาเสียอีก ไม่รู้ว่าคนให้คิดอะไรอยู่ แล้วชมพู่ถือมาถึงบ้านได้ยังไง? เขาทำหน้างงๆ พร้อมยื่นข้ามรั่วให้เจ้าของ

“ขอบใจนะ”
“อื้อ! ไม่เป็นไร”
“แล้วก็....” ชมพู่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ผู้ชายที่มาด้วยน่ะ วรุฒ.... คบกันอยู่ใช่ไหม?”
“เฮ้ย... อะไร!!?!” ชานนท์ตอบด้วยท่าทางมีพิรุธจนเห็นได้ชัด ใบหน้าร้อนผ่าว
“นี่! สมัยนี้แล้วไม่ต้องปิดหรอก เพื่อนผู้ชายแบบไหนเขาจะเที่ยวกันสองคนแบบนี้ ไหนจะสายตาที่เขามองนายเวลาคุยกับเราอีก โห... เรานี่กลัวเลย”
“ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ.....?”
“เพื่อนเราที่มหาวิทยาลัยน่ะ มีแบบนี้เยอะ แค่เห็นก็รู้แล้ว”
“เอ่อ.... อืม...” ชานนท์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ายอมรับ
“ตั้งแต่กลับมาเนี่ย คุยกันหรือยัง?”
“ยังเลย เห็นบอกว่าไม่สบาย แล้วทำไมเราต้องไปคุยด้วย”
“อืม.... นายเนี่ยโง่หรือเปล่า?”
“ทำไมต้องด่ากันด้วย!”
“เออๆ เอาเหอะ เดี๋ยวไปคุยกันก็เข้าใจสิ่งที่เราพูดเองล่ะ แล้วก็คุยกันดีๆ นะ อย่าใช้อารมณ์”
“อืม... เราน่ะไม่ เขานั่นแหละตัวดี”
“น่ารักดีนะ พวกนายเนี่ย ขอเป็นแฟนคลับได้ไหม?”
“อะไรของเธอ แซวบ้าอะไรเนี่ย”
“จ๊ะๆ เอาเถอะๆ รีบเข้าบ้านได้แล้ว เหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ”
“อืม...”
“บาย”


หลังจากจัดการเรื่องดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ชานนท์ก็เดินลากสังขารที่มีเรี่ยวแรงอยู่น้อยนิด ขึ้นไปที่ห้องนอนตัวเองอย่างช้า ๆ เขาช่วยงานแม่ของเขาจนวินาทีสุดท้าย ทั้งยังอาสาล้างจานและอุปกรณ์ทั้งหมดเองด้วย ไหนๆ เขาก็มาแล้วเลยอยากช่วยแม่ของเขาให้เต็มที่ เขาให้แม่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนส่วนเขาจะจัดการที่เหลือเอง

ชานนท์เดินผ่านหน้าห้องรับรองที่ตอนนี้ปิดไฟเงียบสนิท ใจหนึ่งเขาอยากเดินไปดูวรุฒเสียหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชานนท์ไม่รู้เลยว่าวรุฒไม่สบายจริงๆ หรือเป็นอะไรอย่างอื่น แต่อีกใจหนึ่ง ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว และเขาเองก็เหนื่อยมาก จึงอยากกลับเข้าห้องนอนเอาแรงก่อน

หลังจากการสู้รบในจิตใจได้พักใหญ่ ความอ่อนเพลียของเขาก็ชนะขาด เขาหันหลังใส่ห้องรับรองและเดินไปที่ห้องตนเองเพื่อพักผ่อนทันที

ชานนท์ผลักประตูเข้าไปเจอความมืดภายในห้อง เขาตัดสินใจเดินไปเปิดไฟทันที สิ่งแรกที่กระทบสายตาของเขาทันทีแสงสว่างทำงาน คือ ร่างสูงใหญ่นอนพาดผ่านที่นอนของเขาในทางขวาง ครึ่งหนึ่งของท่อนขาที่ยาวเหยียดโค้งทิ้งตัวลงที่ข้างเตียง ด้วยความตกใจเขารีบปิดประตูลงกลอนทันที เขายังไม่อยากให้แม่ของเขามาเห็นอะไรแบบนี้ (โชคดีที่ระงับเสียงร้องตกใจทัน)

‘มีห้องให้นอนดีๆ ทำไมไม่ไปนอนนะ’ ชานนท์บ่นออกมาเบามากจนกลายเป็นเสียงกระซิบ

ชานนท์เดินดูอาการคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนที่นอนด้วยความเป็นห่วง เขาสงสัยว่าวรุฒคงจะไม่สบายจริงๆ หรือเปล่าเพราะคนอย่างวรุฒไม่น่าจะนอนเวลานี้ มันหัวค่ำเกินไปสำหรับวรุฒ

“ไม่สบายจริงๆ หรือเนี่ย?” ชานนท์บ่นงึมงำระหว่างเดินเข้าไปใกล้ เขาเพ่งมองไปที่วงหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลา ที่หลับตาสนิท ขนตางอนสวยแต่พองามเหล่านั้นเรียงตัวเป็นระเบียบจนเหมือนถูกศิลปินจับวางแบบนี้ดูอย่างไรก็ไม่เบื่อเสียงหายใจที่สม่ำเสมอทำให้ชานนท์เผลอตัวลงไปนอนซบอกคนตัวสูงที่นอนนิ่ง

เพียงพริบตาที่แก้มของชานนท์แนบชิดเนืนอกของอีกฝ่าย เขาก็ถูกมือหยาบใหญ่จับคว้าและพลิกตัวในตัวเขาลงไปนอนกองแนบพื้นที่นอนนุ่มนิ่มของตัวเองเสียแล้ว!

“อะไรกันเนี่ย!!” ชานนท์โวยลั่น
“เงียบๆ ถ้านายไม่อยากปลุกแม่นายเอง!!” วรุฒโน้มตัวลงมาพูดข้างหู
“จะทำอะไรเนี่ย?”
“จะสั่งสอนนายเสียหน่อย!!”
“สอนเรื่องอะไร?!?”
“อย่ามาทำให้เราโกรธ!!”
“แล้วนายโกรธเรา เรื่องอะไรล่ะ?”
“นี่นายมันโง่หรือซื่อบื้อวะ!!”
“อ้าว! ทำไมต้องด่ากันด้วยละ นายนี่พูดเหมือนชมพู่เลยนะ!”
“นั่นไง กิ้กนายยังรู้เลย เรารู้นะว่ายัยชมพู่อะไรนั่น กำลังทะเลาะกับแฟนอยู่ ทำไม? อยากไปดามใจเขาหรือไง! เห็นแอบไปซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ให้กันด้วย!” วรุฒพูดจบก็ทิ้งน้ำหนักตัวเองลงบนร่างบอบบางของชานนท์อย่างแรง
“โอ้ย! พูดอะไรของนายเนี่ย? ชมพู่น่ะ เขาคืนดีกับแฟน ดอกไม้ก็ของแฟนเขาให้กันมา แถมชมพู่ยังรู้เรื่องของเราแล้วด้วย!! นายเนี่ยไม่เนียนเลยนะ!!” ชานนท์ฝืนพูดกระแทกใส่อีกฝ่าย หลังจากวรุฒฟังจนจบก็ผ่อนน้ำหนักตัวเองลง ทำให้ชานนท์หายใจได้คล่องขึ้น

“อะไรนะ?!”
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง นึกว่าไม่สบายจริงๆ....” ชานนท์พูดอย่างขัดเขิน
“นายเป็นห่วงเราเหรอ?”
“คนเป็นแฟนกัน ก็ต้องห่วงกันไหมล่ะ?”
“น่ารักจริงๆ นะนายเนี่ย” วรุฒโน้มตัวลงมาหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่จนชานนท์รู้สึกจั๊กจี้จากตุ่มหนวดที่กำลังจะขึ้น
“ขอโทษนะ” ชานนท์พูดขึ้นมา
“นายจะมาขอโทษเราเรื่องอะไร? เราต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษ! เจ็บไหมครับ? ผมสัญญานะว่าจะไม่วู่วามขาดสติอีก”
“ให้มันจริงเถอะ นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว!”
“น่าๆ สัญญา” วรุฒทำสีหน้าออดอ้อนจนชานนท์เผลอยิ้มออกมา
“ที่เราขอโทษน่ะแค่รู้สึกว่าเราทำตัวไม่สมกับเป็นแฟนนายเลย  ต้องให้คนอื่นมาทักถึงจะรู้ตัว เราปิดเรื่องนายกับแม่ เราไม่ค่อยสนใจนายเลยเวลาอยู่กับเพื่อน แถมยังบอกกับทุกคนอีกว่านายเป็นแค่เพื่อน พอเห็นคนอื่นคุยกับนายอย่างสนิทสนม แม้เราจะดูเฉยไม่สนใจ แต่ในใจนี่แทบเป็นบ้าเลย”
“อย่างนี่เขาเรียกว่าหึงแต่ไม่แสดงออก” วรุฒยิ้มกว้าง
“ไอ้บ้า! พอเลย พอยอมเข้าหน่อยก็ได้ใจใหญ่เลยนะ” ชานนท์ใช้แรงทั้งหมดผลักให้อีกฝ่ายพ้นจากตัวเองไป
“โอ้ย..” วรุฒแกล้งร้องอย่างเจ็บปวดและลงไปนอนแผ่อยู่ข้างๆ
“พอเลยๆ อย่าสำออย แล้วก็กลับห้องไปได้แล้ว!!”
“ขอนอนนี่ได้ไหม เรานอนคนเดียวไม่ได้แล้ว นอนไม่หลับ”
“จะบ้าเรอะ แม่จัดห้องให้แล้ว ไม่ไปนอนได้เรอะ?”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวเราบอกแม่เองว่าเรานอนไม่หลับ”
“ไม่เอา!” ชานนท์ยืนยันเสียงแข็งพร้อมชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง
“โห.... ให้เรานอนรอน้อยใจตั้งหลายชั่วโมง แล้วยังจะใจร้ายกับเราอีก” วรุฒนอนนิ่งไม่ไหวติง เขาไม่ยอมขยับไปไหนทั้งนั้น เขาตั้งใจจะนอนที่นี่กับแฟนของเขาเท่านั้น
“เฮ้อ......” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ เพราะไอ้เด็กยักษ์ตรงหน้าคนนี้ เขาเดินเข้าไปใกล้ โน้มตัวลงไปใช้ริมฝีปากกดลงไปที่ริมฝีปากคนตัวสูงทางด้านล่าง ทำให้อีกฝ่ายแปลกใจอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่ชานนท์รุกเขาก่อน
“ขอร้องนะ” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่!” วรุฒย้ำหนักเน้นในระยะประชิด
“เฮ้อ” ชานนท์ถอนหายใจและก้มลงไปจูบริมฝีปากคนที่นอนแผ่อยู่ด้านล่างอย่างดูดดื่ม
“น่านะ คุณแฟน ไปนอนเถอะนะเราเหนื่อยแล้ว” ชานนท์พูดต่อหลังจากถอนริมฝีปากตัวเองออกมาจากการจูบที่ทำให้วรุฒยังรู้สึกวาบหวามไม่หาย ชานนท์เป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยม ยังไม่ทันจะจบประโยคดี วรุฒก็คว้าชานนท์และพลิกตัว เขา กดชานนท์ให้แนบชิดกับที่นอนจนยวบลงไปเกือบครึ่งตัว
“งั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“ไม่เอานะ เดี๋ยวแม่ได้ยิน อุบ....” ชานนท์ยังไม่ทันบ่นให้จบประโยคก็ถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยเพลงจูบที่ร้อนแรงกว่าเขาหลายเท่า
“น่านะ เราจะพยายามเบาๆ”
“อือ....อืม” ชานนท์ที่หน้าแดงร้อนผ่าวกลับผยักหน้าเบาๆ อย่าไม่เต็มใจนักแต่ในใจกลับต้องการคนตรงหน้าอย่างมาก

หลังจากการตอบตกลงของชานนท์วรุฒก็บรรเลงเพลงรักที่เป็นเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ เสื้อผ้าของชานนท์หลุดลอยออกจากร่างอย่างกับโดนลมแรงพัดปลิว ทั้งสองเปลื่อยเปล่าอย่างรวดเร็ว ร่างเปลือยเปล่าของกันและกันทำให้ความปรารถนาท่วมท้นล้นอก ทั้งคู่ต่างถาโถมโรมรันเข้าหากันเหมือนมวยคู่เด็ดที่ผลัดกันได้เปรียบตลอดเวลา ชานนท์ไม่ได้อยู่นิ่งๆ เสียเป็นส่วนใหญ่อย่างเช่นเคยแล้ว เขาปล่อยให้ความปรารถนานำเขาเข้าไปสู่อีกการผจญภัยหนึ่งที่แตกต่าง เหมือนชิมอาหารวัตถุดิบเดิมแต่ต่างกรรมวิธีการทำ ทำให้รสชาติเปลี่ยนไป

ความจริงแล้วเขาไม่ได้กลัววรุฒทำเสียงดังหรอก แต่เป็นเขาต่างหากที่กลัวเผลอร้องเสียงแห่งความสุขออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สุดท้ายเขาทำได้แค่เพียงใช้ปากคาบผ้าห่ม คาบหมอนไว้ในปาก กัดให้แน่นเวลาถูกอีกฝ่ายโถมความสุขมาให้อย่างมีกลเม็ดเด็ดพราย จนบางครั้งก็แอบเผลอไปกัดไหล่กัดแขาอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ

....................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 21 ส่วนที่ 2) อัพ 8 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-12-2019 14:23:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ไม่กลัวคุณแม่จับได้เหรอจ๊ะเด็ก ๆ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 21 ส่วนที่ 2) อัพ 8 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-12-2019 00:31:20
แม่คงนึกว่าแผ่นดินไหว555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 21 ส่วนที่ 2) อัพ 8 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-12-2019 09:35:00
 :z1:


 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 21 ส่วนที่ 3) อัพ 22 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 22-12-2019 12:11:32

แสงแดดยามสายของบ้านหลังนี้จะเผาหลังคาจนร้อนฉ่าเหมือนกะทะไฟฟ้า ทำให้ชานนท์ถูกอุณหภูมิที่สูงขึ้นปลุกให้ตื่นภายใต้เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นประปราย ทั้งที่ยังเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่

ชานนท์มองไปที่ข้างลำตัวก็พบกับอีกตัวปัญหาที่ทำให้เราร้อนจนต้องตื่นจากการนอนหลับ ชายหนุ่มที่นอนเปลือยกายอยู่ข้างเขาทั้งยังคงสวมกอดเขาอย่างแนบแน่นไร้สิ่งใดปิดบัง การที่วรุฒเป็นคนขี้ร้อนน่ะ เขาเข้าใจแต่ถึงขนาดนอนเปลือยเปล่าแบบนี้มันก็เกินไป ถึงมันจะเป็นหุ่นที่น่ามองก็เถอะ เป็นตัวเขาเองคงไม่มีความกล้าขนาดนี้

ชานนท์ถอนหายใจ เพราะจนแล้วจนรอด เขาก็ไม่สามารถกล่อมให้วรุฒกลับไปนอนในห้องที่เตรียมไว้ได้สำเร็จ

ก็อก ก็อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังลั่น
“นนท์... ลูก..... สายมากแล้วนะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
“ตื่นแล้วครับ!! เดี๋ยวผมขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ” ชานนท์พูดไปก็เขย่าคนที่นอนเป็นศพอยู่ข้างๆ ไปด้วย
“อ้อ ลูก เพื่อนลูกไม่อยู่ในห้องนะ ไม่รู้ไปไหน? เขาบอกลูกไหม?”
“เอ่อ....” ตอนนี้ชานนท์ยิ่งลนลาน รีบเขย่าตัวและกระซิบเรียกให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว แต่คนตัวสูงกลับโวยวาย เสียงดังลั่นและคว้าตัวชานนท์ไปนอนกอดอย่างสบายใจ

“เฮ้ย!! ไอ้บ้า ทำอะไรเนี่ย!” ชานนท์เผลออุทานออกมา”
“อ้าวเป็นอะไรไปลูก?!”
“ไม่ครับ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่สะดุดผ้าห่มน่ะครับ ส่วน.... วรุฒ... เมื่อคืนเขามาขอนอนด้วยนะครับ เขาบอกแปลกที่เลยนอนคนเดียวไม่หลับครับ” ชานนท์ตอบกลับไประหว่างพยายามจะลุกขึ้นให้พ้นจากเตียงแต่ก็ถูกวรุฒพันธนาการไว้ด้วยแขนและมือที่ก่ายเกาะเหมือนปลาหมึกรวบเหยื่อ

“โอเคๆ งั้นสองคนรีบมากินข้าวได้แล้ว แม่จะได้อุ่นให้นะ วางไว้รอจนเย็นชืดหมดแล้ว”
“ครับแม่”
เสียงฝีเท้าของแม่ได้เดินออกห่างจากห้องสร้างความโล่งใจให้กับชานนท์อย่างมาก ส่วนไอ้คนขี้แกล้งนั้นกลับลืมตากลมโตจ้องมองวงหน้าของชานนท์ อย่างเอ็นดู
“พอใจหรือยัง? นี่แกล้งเราพอใจหรือยัง?”
“ยัง” วรุฒยิ้มกลับพร้อมทั้งลุกขึ้นโถมตัวเองมากดชานนท์ลงบนเตียง
“เมื่อคืนมันดีมากเลย ขออีกทีได้ไหม?”
“ไอ้บ้า! ไม่เอาแล้ว ทรมานจะตาย อึดอัดจะแย่ พอเลยเดียวแม่ได้ยิน แม่มาตามลงไปกินข้าวแล้วนะ เดี๋ยวไม่รีบลงไปจะโดนบ่นยาวจนถึงเวลากลับบ้านแน่ๆ!”
ชานนท์ดิ้นไปด้วยปฏิเสธไปด้วยเพื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมรับฟังเขาดีๆ แต่นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วอีกฝ่ายยังเริ่มใช้ริมฝีปากสัมผัสเขาไปทั่วลำคอและช่วงอกอีกด้วย ทำให้เขาอ่อนแรงไปหมด เป็นไม้ตายที่ใช้กับเขาได้ผลเสมอ

แกร็ก!! แอ็ด.......
เสียงปลดล็อกประตูและบานประตูเปิดกว้างออกอย่างตั้งใจ พร้อมภาพแม่ของชานนท์ถลันตัวเข้ามาในห้อง

“เออ! จริงสิแม่ขอเข้าไปเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว เอาไปซักให้ ขอแม่เขาไปนะเห็น...... ประ.... ตู.... ไม่ได้ล็อก.....” แม่ของเขาอึ้งกับภาพตรงหน้า ภาพที่ชายเปลือยกายคล่อมกดชานนท์ซึ่งอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย

“ทำอะไรกันน่ะ!!” เสียงวี๊ดตกใจของแม่ถึงกับวางตระกร้าผ้าลงกับพื้นอย่างจัง
“คือ... วรุฒเขาชอบแกล้งผมน่ะครับ!!” ชานนท์พูดขึ้นพร้อมทั้งดีดตัวเองขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่อวัยวะของเขานี่นี่สิ มันดันทำตัวผิดปกติชี้ตุงอยู่ในกางเกงอย่างเห็นได้ชัด ชานนท์รีบนำมือมาปิดแทบไม่ทัน

ส่วนวรุฒนั้น ทำได้แค่เพียงคว้าผ้าห่มขึ้นมาห่อหุ้มร่างที่เปลือยเปล่า พร้อมยิ้มอย่างไม่เต็มปากไปทางคุณแม่ที่ทำหน้าตาจับผิด

“ทั้งสองคน อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วลงไปหาแม่ข้างล่าง!!” เสียงห้วนดุดันกล่าวออกหลังจากทั้งสามคนปล่อยให้บรรยากาศเงียบแบบตึงเครียดอยู่พักใหญ่

.................


วรุฒและชานนท์ลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวหลังจากอาบน้ำแต่งกายเรียบร้อย อาหารมื้อเช้าที่แม่ของชานนท์อุ่นให้ใหม่ต่างทยอยลงมาวางโดยคุณแม่ที่มีหน้าตาบึ้งตึงไร้คำพูด

หลังจากวางจานสุดท้ายเสร็จสิ้น คุณแม่ของชานนท์ก็เดินมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามของทั้งสองคน
“สายมากแล้ว กินก่อนสิ” แม่เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แม่ครับ คือ แม่มีเรื่องจะคุยอะไรกับพวกเราครับ”
“กินก่อนค่อยคุย”
“เอ่อ.....” สีหน้าชานนท์ตอนนี้มันคงซีดเผือดมาก เพราะเขารู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้าเหมือนยืนอยู่หน้าตู้เย็นตอนเปิดตู้เย็นฝั่งช่องแช่แข็งอย่างไงอย่างนั้น

“ก็ได้! งั้นก็คุยไปกินไป!” แม่ผ่อนลมหายใจและตอบกลับมาเสียงเข้ม
“ครับ” เสียงอ่อยเอื่อยออกมาจากปากชานนท์ในขณะที่วรุฒก็มองชานนท์อย่างสำนึกผิด วรุฒได้แต่โทษในความคะนองของตนเองจนทำให้ชานนท์ลำบากใจ ให้แม่ชานนท์รู้เรื่องระหว่างเขาสองคนทั้งที่ยังไม่พร้อม

นิสัยของชานนท์ไม่เหมือนกับเขา ที่กล้าพอที่จะพูดเพื่อสิ่งที่ตนเองต้องการได้ พื้นฐานครอบครัวมันต่างกันแม่พ่อของวรุฒจะไม่ชอบเรื่องรสนิยมทางเพศของเขา ส่วนแม่ของเขาเองก็กำลังทำใจให้ได้อยู่ แตกต่างกับแม่ของชานนท์ที่วรุฒเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมือเรื่องนี้ได้หรือเปล่า เขายอมรับว่าสังคมมันยังไม่พร้อมกับเรื่องเพศเดียวกันคบกันเสียเท่าไหร่

“พวกลูกสองคน..... ไม่ใช่แค่เพื่อนกันใช่ไหม?”
“เอ่อ.... ผมก็บอกแม่อยู่ครับว่า เราแค่หยอกเล่นกัน”
“แม่ไม่รู้หรอกนะว่า พวกเด็กผู้ชายเขาหยอกเล่นอะไรกันยังไง รุนแรงแค่ไหน แค่จากสองวันที่แม่อยู่กับเรามา...... อย่ามาโกหกแม่!!”
“เอ่อ.......” ตอนนี้ชานนท์เหมือนตัวหดเล็กลงจนเป็นเด็กห้าขวบ เขาก้มหน้าน้ำตาซึมปริ่มขอบตา

“แม่ครับ คือผม.......ผมกับชานนท์... ผมจริงใจกับเขาครับแม่ ผม.....” วรุฒหมดความอดทน เขาอยากปกป้องคนรักของเขา เขาต้องแสดงให้แม่เห็นถึงความจรืงใจและขอให้แม่เปิดใจรับเขาให้ได้
“แม่ยังไม่อยากได้ความเห็นของเธอ แม่อยากได้คำตอบจากปากลูกของแม่!!” แม่หันมาค้อนใส่วรุฒอย่างเกรี้ยวกราด เป็นครั้งแรกมี่วรุฒรู้สึกเกรงใจผู้ใหญ่ขนาดนี้ ปกติเขาคงเถียงกลับไปแล้ว สุดท้ายเขาได้แต่มองไปที่ชานนท์ด้วยสายตาห่วงใย
“แม่ครับ คือ...”
“พูดมา!! ห้ามโกหก นนท์ไม่เคยโกหกแม่!!”
“ครับแม่ คือ..... วรุฒเป็นแฟนผมครับ เราคบกัน ผมมีแฟนเป็นผู้ชายครับแม่ ขอโทษนะครับ ที่อาจทำให้แม่ผิดหวัง ผม....” น้ำในตาที่พยายามสะกดมันเอ่อล้นออกมาไม่หยุดระหว่างพูด วรุฒเห็นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกหน่วงที่กลางอกแบบแปล๊บ เป็นอาการที่เขาไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ เขาทำได้แค่ยื่นมือไปจับเข่าคนข้างๆเขาไว้อย่างหนักแน่น แม้สายตาของนนท์จะไม่ได้จับจ้องเขาเลย
“เฮ้อ..... ลูกรัก.....แม่ดีใจนะ ที่สุดแล้วลูกก็ไม่โกหกแม่ เฮ้อ...... วัยรุ่นเนี่ยนะ...... เรื่องแบบนี้แม่ก็พอจะรู้บ้างล่ะว่าโลกสมัยนี้มันเป็นยังไง แต่แม่แค่โกรธที่เดี๋ยวนนท์ปิดบังแม่.... ตอนแรก... แม่ก็ไม่แน่ใจหรอกนะ แต่พอเจอเรื่องเมื่อคืนไปก็เลยค่อนข้างแน่ใจ!”

“เมื่อคืน??”
“ลูกจ๋า... ผนังห้องน่ะมันบางนะ ทำเอาแม่นอนไม่หลับเลยรู้ไหม?”
“เอ่อ......”
“วรุฒ!! ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมนะ ห้ามมาทำเรื่องแบบนี้ในบ้านแม่อีก เข้าใจนะ!!”
“ครับ” วรุฒตอบด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
”อีกอย่างพวกเราอายุยังไม่ถึง 20 เลย แม่ไม่อนุญาติให้เราทำเรื่องแบบนี้ก่อนอายุ 20 เข้าใจไหม?”
“แต่ผม 20 แล้วนะครับ”
“หา!! อะไรนะ??” ชานนท์หันไปมองหน้าวรุฒด้วยสีหน้างงงวย
“แต่ชานนท์เพิ่งจะ 18!!” คุณแม่ชานนท์ย้ำเสียงหนักแน่น
“แต่แม่ครับ 18 ก็โตพอสำหรับเรื่องพวกนี้แล้วนะครับ อีกอย่างนนท์ก็เป็นผู้ชาย.....” วรุฒทำเสียงเป็นผู้ใหญ่และรักษาบุคลิกให้ดูเป็นผู้ใหญ่เวลาพูดเรื่องพวกนี้ เวลาเป็นเรื่องแบบนี้ดูท่าทางวรุฒจะจริงจังเป็นพิเศษ

“หากทำไม่ได้ก็ไม่ต้องคบ” คุณแม่ของชานนท์พูดเสียงเข้มขึ้นไปอีกระดับเป็นการเด็ดขาด
“เอ่อ.....” วรุฒพยายามจะหว่านล้อมแม่ของชานนท์อีกครั้ง แต่พอเจอเสียงดุๆเข้มๆ ของอีกฝ่ายก็แทบจะนึกคำพูดไม่ออก หากเป็นผู้ใหญ่ทั่วไปเขาคงไม่สนใจชวนทะเลาะไปแล้ว แต่คนนี้เป็นแม่ของคนที่เขารัก เขาจึงเกรงใจอยู่มาก

“ช่วยเห็นใจคนเป็นพ่อเป็นแม่หน่อยนะ แม่ว่าแม่เธอก็คงคิดเหมือนกัน แม่กลัวมาตลอดว่าลูกชายตัวเองจะไปทำใครท้องก่อนเรียนจบ อุตส่าห์สอนเรื่องให้เกียรติผู้หญิง ไม่นึกว่า....... เอาเป็นว่าแม่ไม่คิดต่อ แม่ยังรับเรื่องอะไรพวกนี้ไม่ได้จริงๆ” แม่ของชานนท์พูดไปถอนหายใจไป

“แต่แม่ผมรู้เรื่องนี้แล้วนะครับ แม่ผมเปิดใจรับเรื่องพวกนี้ได้ดีครับ” วรุฒเหมือนยังไม่ยอมแพ้

“อืม.... แม่เธอเป็นทันสมัยนะ ในเมื่อแม่เธอรู้เรื่องของเราสองคนแล้วยังรับมือได้ ว่างๆ แม่จะขอปรึกษาเขาหน่อยนะ” แม่ของชานนท์ยังคงผ่อนลมหายใจอย่างต่อเนื่องและเริ่มพูดอะไรเรื่อยเปื่อย

“แม่ของวรุฒ คือผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยนะครับ คนที่ผมเคยเล่าให้แม่ฟังไง!!” ชานนท์พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
“อืม.. นึกว่าหน้าคุ้นๆ แต่.... เอ๊ะ!! แปลว่า.... พ่อของเธอ....คือ....” หน้าแม่ของชานนท์อยู่ๆ ก็ซีดเผือดลง
“ใช่ครับ คนที่เป็นนักธุรกิจแล้วก็นักการเมืองชื่อดัง เอ่อ..... ผมจำชื่อไม่ค่อยได้” ชานนท์นึกไปขนลุกไป เขาไม่ค่อยอยากนึกถึงพ่อของวรุฒเสียเท่าไหร่เพราะประสบการณ์ที่ไม่ดีที่ผ่านมา

“คุณประวิทย์......” แม่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ด้วยสีหน้าตกใจ

“ใช่ครับ พ่อผมเอง... แต่ผมไม่ได้สนิทอะไรกับพ่อมากนะครับ ตอนนี้ผมย้ายออกมาอยู่กับแม่แล้วครับ” วรุฒพูดเสริม
“เธอเป็นลูกคุณประวิทย์?” แม่ของชานนท์หันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แต่สีหน้าของแม่เองก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่
“แม่รู้จักเหรอครับ?” ลูกชายหัวแก้วหัวของเธอสังเกตสีหน้าของเธอได้ว่ามีความกังวเอ่อล้นอยู่ จึงได้ตัดหน้าถามด้วยความสงสัย
“นนท์ พ่อเราน่ะคนดังนะ ไม่มีใครไม่รู้จักคนที่มีอิทธิพลระดับประเทศขนาดนั้นหรอก” วรุฒพูดเสริมไปทางชานนท์

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับแม่ ผมยังอยู่ทั้งคน ต่อให้พ่อผมไม่เห็นด้วยยังไง ผมก็จะดูแลนนท์อย่างดี ไม่ให้พ่อผมมากวนใจได้ครับ!” วรุฒพูดด้วยท่าทางมั่นใจไปทางคนเป็นแม่ที่มีสีหน้าวิตก
“เฮ้ย!! อย่าทำให้เรายิ่งกังวลสิ!!” ชานนท์สะกิดอีกฝ่ายอย่างแรง
“เออ!! จริงด้วย!!” วรุฒนึกหวนไปถึงเรื่องที่พ่อตัวเองทำกับชานนท์ไว้อย่างไร ตอนนั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องยังขนาดนั้นแต่ตอนนี้สถานะเปลี่ยนไปมาก หากพ่อเขารู้เข้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“.........” แม่ชานนท์ตกลงไปในความคิดจนไม่ได้สนใจข้อสนทนาของวัยรุ่นทั้งสองตรงหน้า
“แม่ครับ.... ไม่ต้องกังวลผมสบายดี” ชานนท์โผเข้ากุมมือผู้เป็นมารดาตัวเอง เขารู้ว่ามือแม่เขาเย็นมาก
“แต่คือ..... ยังไงแม่ก็ไม่อยากให้เราสองคน..... คบกัน.... มัน.......” แม่ของชานนท์พูดติดขัด แววตาเหมือนมีเรื่องมากมายจะพูดแต่ก็มีความลังเลใจซ้อนทับ

“แม่ครับ ผมรักนนท์..... เรารักกัน..... ผมอยากให้แม่เข้าใจนะครับ และอยากให้อวยพรให้ความรักของเรา” วรุฒทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำมาก่อน เขาขยับตัวเข้าไปใกล้มารดาของอีกฝ่าย กดตัวลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าคนที่ให้กำเนิดคนที่เขารักที่สุด กราบไปที่เท้าและยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างจริงใจ สร้างความประหลาดใจกับชานนท์อย่างมาก จนถึงขั้นร้องออกมาอย่างตกใจ

“เฮ้ย!! ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ นี่มันสมัยไหนแล้ว!!” ชานนท์โวยวาย
“เราเคยเห็นในละครไทยน่ะ เห็นว่าได้ผลก็เลยจำมาทำบ้าง” วรุฒตอบด้วยแววตาซื่อตรง
“ดูเรื่องอะไรวะเนี่ย?” ชานนท์เกาหัวกับท่าทางของคนตัวสูงที่บางครั้งก็ไม่รู้กาละเทศะเอาเสียเลย

แม่ของชานนท์ที่เห็นภาพตรงหน้าก็อดที่จะยิ้มที่มุมปากไม่ได้ เธอได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
“วรุฒสัญญากับแม่ได้ไหม?”
“ครับ?”
“สัญญาว่าจะไม่ทำเรื่อง..... “
“เซ็กส์” วรุฒเติมคำในช่องว่างได้หนักแน่น จนชานนท์กุมศรีษะ
“นั่นแหละจ๊ะ... อย่าทำมันจนกว่านนท์จะอายุ 20 ปี”
“ครับผมสัญญา ผมจะอดทนให้ได้ ผมแค่ให้แม่ให้โอกาสผมพิสูจน์ว่าผมรักนนท์มากแค่ไหน แค่แม่ไม่ขัดขวางเราผมก็ดีใจแล้วครับ” วรุฒยิ้มกับสิ่งที่เขาได้คำตอบเป็นนัยๆจากแม่ของชานนท์
ส่วนแม่ของชานนท์ ไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มเล็กน้อยตอบกลับมา
“เยส!!!” วรุฒดีใจ กำมือเข้าหาตัวเองแน่น อีกทั้งยังลุกขึ้นมากอดชานนท์ยกตัวชานนท์ขึ้นมากอดและเหวี่ยงไปรอบๆ พร้อมจูบไปที่แก้มหลายรอบ

“แล้วก็ช่วยระวังกิริยาแบบนี้ด้วย ถึงแม่จะไม่ว่าอะไร แต่ก็ช่วยวางตัวให้เหมาะสมด้วย!!” แม่ชานนท์ทำสีหน้าดุใส่ทั้งสองคน

“ครับ/ครับ” ทั้งสองคนตอบรับพร้อมกัน ชานนท์ต้องแอบค้อนใส่อีกฝ่ายอย่างแรง วรุฒได้แต่ทำหน้าทะเล้นใส่คนตัวเล็กอย่างลิงโลด

......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 22) อัพ 22 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 22-12-2019 13:19:22

บทที่ 22

The extra pay back


เอกนั่งมองรถ SUV คันหรูขับออกจากหอพักนักศึกษาด้วยสายตาอาวรณ์ เขาเองก็บอกความรู้สึกตัวเองแบบนี้ไม่ออกเหมือนกันว่ามันคืออะไร อาการเจ็บหน่วงๆที่หน้าอกข้างซ้ายแปลบๆ เป็นจังหวะ ดวงตาร้อนผ่าว ขณะมองรถคันนั้นวิ่งห่างออกไปภายใต้แสงยามสาย

เอกตัดสินใจนั่งลอยชายรับลมอยู่บริเวณชานชั้นหนึ่งของหอพัก วันนี้เป็นวันหยุดยาวหลังสอบกลางภาคที่เขาไม่มีแผนจะไปที่ไหน เขาวางแผนที่จะมาชวนน้องชายรุ่นน้องของเขาไปหารุ่นพี่สายรหัสของเขาที่เป็นตัวเก็งเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นอะไรที่ต่างจากเขามาก สำหรับตัวเขาเองแค่สอบให้ผ่านในแต่ละวิชาก็พอใจแล้ว

แต่อยู่ๆ เขาก็นึกถึงรุ่นพี่ของเขาและได้ไปขอสมุดโน้ตเทพในตำนานที่ใครต่างต้องต่อคิวขอยืมเพราะมีเนื้อหาสรุปและเกร็งข้อสอบที่แม่นยำเข้าใจง่าย โดยที่เอกสามารถลัดคิวให้ได้เพียงแต่ต้องโผล่หน้าหล่อๆของเอกไปหารุ่นพี่คนนั้นด้วยตัวเอง เอกเลยอยากพารุ่นน้องของเขาไปทำความรู้จักและขอยืมสมุดโน้ตเทพเหล่านั้นมาอ่านและคัดลอก แต่พอเขารีบเร่งมาหารุ่นน้องของเขา ก็มาเห็นภาพบาดตาบาดใจจนต้องขอมานั่งพักต้องนี้สักพัก

เขานั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไปได้สิบกว่านาที เขาก็ตัดสินจะโทรศัพท์ไปยกเลิกนัดกลับรุ่นพี่ของเขา รถยนต์รูปร่างคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นมาในคลองสายตาอย่างไม่ตั้งใจ เพียงแค่เห็นรถคันนั้น โดยเฉพาะไอ้คนที่ขับมันมาก็ทำให้เอกอารมณ์เสียไปทั้งวันเสียแล้ว

ชายหนุ่มรูปร่างกระทัดรัด ลงจากรถทรงต่ำคล้ายรถแข่งมาอย่างอารมณ์ดี เขามีแผนจะมาเซอร์ไพรส์รุ่นน้องคนที่เขาเล็งไว้มาควงให้ได้ เขากะว่าจะมาลักพาตัวรุ่นน้องคนนั้นจากไอ้ยักษ์หวงก้างร่วมห้องของน้องมาเที่ยวด้วยสักสองสามชั่วโมง

หลังจากเหตุการณ์วันประกาศกร้าวของไอ้ยักษ์วรุฒ เรื่องที่จะคบกับนนท์อย่างเปิดเผย แต่เรื่องแบบนี้ไม่ทำให้เขาละความพยายามได้แน่นอน ‘ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก’ คือหลักประจำใจ และต่อให้มีแฟนแล้ว หรือคบหากับใครอยู่ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะชอบใครสักคนและเอามาครอบครอง ด้วยคติการใช้ชีวิตแบบนี้ ผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้มีหน้าตาโดดเด่นอะไรมากจึงติดโผเข้าไปอยู่ใน ‘เดอะสตาร์’ ของมหาวิทยาลัย ด้วยความที่โดดเด่นทั้งบุคลิกมาดดี ตื้อเก่ง และเป็นสายเปย์ที่แท้จริง และที่สำคัญกลุ่มนี้ ไม่จริงจังกับใครได้นาน

ที่ผ่านมาเขาพยายามที่จะเข้าหาชานนท์หลายครั้ง แต่ก็ถูกวรุฒขวางทัพไว้ตลอด จนแทบไม่ได้เจอหน้าชานนท์เลย วันนี้ก็เข่นกันที่เขาจะมาตามตื้อจนกว่าจะสำเร็จ

“มึงมาทำอะไรที่นี่อีกแล้ว ไอ้เต๋า”
เสียงขุ่นเข้มขว้างออกมาขวางทางคนตัวเล็กในชุดสูทลำลองสีน้ำทะเลอ่อน
“กูนึกว่าใคร ก้างอีกชิ้นนี่เอง” เต๋าพูดลอยๆ ออกมาโดยมองมาทางก้างชิ้นโตอีกคน ที่คอยขวางทางเขากับชานนท์
“มึงว่าไงนะ!!” เอกขึ้นเสียงด้วยความโกรธ
“กูพูดของกูคนเดียว!!” อีกฝ่ายก็โต้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แพ้กัน
“กวนตีนแบบนี้ สงสัยอยากแดกตีนแต่เช้า!!” เอกยืนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
“คิดว่าคนอย่างกูจะกลัวเหรอ?!!” เต๋าเองก็ทำท่าทีไม่หวั่นเกรงอีกฝ่ายเลยทั้งที่ตัวเล็กกว่าเอกมาก
“พอดีเลยกูกำลังหงุดหงิดหาที่ระบาย!!” เอกสาวเท้าเข้าไปใกล้เต๋าและใช้มือข้างขวายกขึ้นมาเพื่อช้อนปกเสื้ออีกฝ่าย แต่ชายร่างบางกลับเอี้ยวตัวหลบได้อย่างว่องไว
“แต่โทษทีว่ะ ดูอารมณ์ดี กูแม่งไม่มีเวลามาวอแวกับมึงหรอกนะ” เต๋าพูดจบก็หลบฉากเพื่อเดินไปทางประตูทันที เขาหยิบคีย์กาดขึ้นมาโบกเล็กน้อยหน้าเครื่องส่งสัญญาณ

“เฮ้ย!! เดี๋ยว!! มึงมีคีย์การ์ดของที่นี่ได้ยังไงวะ?” เอกถามขึ้นเสียงดังทันทีที่เห็น
“มีเงินมันก็ซื้อได้ทุกอย่างนั่นแหละ!” เต๋าหันมาทำหน้าเยาะเย้ยใส่คนถาม
“ถึงวันนี้มึงจะเข้าไปได้ก็เท่านั้นเพราะนนท์ไม่อยู่!” เมื่อเอกเห็นใบหน้าที่ยียวนนั่นเขาก็รีบโต้ตอบทันที
“อะไรนะ?!? เช้าขนาดนี้ น้องน่าจะยังอ่านหนังสืออยู่สิ”  หน้าใสๆ ของเต๋าแสดงสีหน้าแปลกใจสุดแรง อุตส่าห์ศึกษาตารางเวลาของอีกฝ่ายมาอย่างดี
“น้องเขาก็ออกไปเที่ยวกับแฟนเขาน่ะสิ เห็นหิ้วกระเป๋าไปหลายใบ คงไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน น่าจะไปกันหลายวันเสียใจด้วยนะ!!” เอกพูดเป็นฉากๆ ให้อีกฝ่ายคิดภาพตามได้เลย จะได้รู้กันไปเลยว่าที่อีกฝ่ายทำมาน่ะ มันเสียเวลาเปล่า

“เฮ้ย! อะไรวะ?!?” ฝ่ายเต๋ามีอาการเจ็บใจอย่างเห็นได้ชัด เขายืนกระหัดกระเฟียดอยู่พักใหญ่ และก็สงบนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเดินวนไปมาทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก

เอกมองอากัปกิริยาของชายร่างเล็กช่างวางแผนก็เกิดอาการสะใจและอาการสงสัยถึงการกระทำอย่างนั้น ไม่นานชายร่างเล็กก็เหมือนคิดอะไรได้และก้าวเดินตรงรี่มาที่เขาอย่างรวดเร็วจนเขาหลบหลีกไม่ทัน ถูกเต๋าคว้าคอไปกอดและหัวเราะแบบกลบเกลื่อนอารมณ์ร้อนที่อยู่ในใจ

“กูรู้ว่ามึงเองก็แอบชอบน้องนนท์อยู่ใช่ไหม? มึงถึงได้พยายามมาขัดขวางกูแบบนี้ กูรู้ว่ามึงไม่ได้ทำเพื่อน้อง ไม่ได้ทำเพื่อไอ้รุฒแต่มึงทำเพื่อตัวเอง!!” เต๋ากล่าวกับเอกอย่างใกล้ชิด
“คนเหี้ยๆ อย่างมึงจะไปรู้อะไร!?!” เอกพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนที่ล็อกคอเขาไว้แต่ก็ทำไม่ได้เสียที ชายร่างเล็กคนนี้แรงเยอะกว่าที่คิด
“กูรู้เพราะกูมองมึงออก สายตาที่มึงมองน้องน่ะ ไม่ต่างอะไรจากสายตากูเลย กูรู้กูเข้าใจ นี่ๆ มึงมาร่วมมือกับกูไหม? มึงอยู่ที่นี่นี่หว่า ถ้าเป็นมึงกูว่ามึงทำสะดวกกว่ากูเยอะ!” ชายร่างเล็กพูดใส่หูอีกฝ่ายแกมบังคับ
“เก็บความคิดชั่วๆ ของมึงไปเลย กูไม่ได้เลวเหมือนมึง!!” เอกพยายามแกะแขนของอีกฝ่ายที่บีบรัดลำคอเขาอยู่ เพราะช่วงแขนที่ไม่ได้ยาวอะไรมากทำให้คอของเอกเริ่มเกิดอาการอึดอัด หายใจไม่สะดวก

“กูยอมรับนะว่าที่ผ่านมา กูแม่งเลวขนาดไหน แต่กับน้อง...... กูไม่รู้ว่ะ กูอธิบายไม่ถูก.... มันเหมือนกูอยากกอดเขาอย่างทนุถนอมไปคนเดียวเลย.... กูรู้ว่ามึงเข้าใจที่กูพูด ที่มันเจ็บคือน้องแม่งดันไปเลือกไอ้เด็กมีปัญหาอย่างไอ้รุฒ กูแม่งไม่เข้าใจเลย!!” เต๋าพูดจบก็คลายแรงลงจนทำให้เอกสามารถดึงมืออีกฝ่ายหลุดได้สำเร็จ

“มึงอย่ามาพูดเลย กะล่อนอย่างมึงคงคิดวางแผนเลวไว้ล่ะสิ มึงเป็นประเภท อยากได้อะไรก็ต้องได้!!” เอกใช้มืบลูบคอที่มีรอยแดงเป็นแถบ
“ใช่! กูมีแผน แผนที่จะทำให้ไอ้รุฒมันทะเลาะกับนนท์และเลิกกันไปเอง!! แต่กูรู้ว่าน้องจะต้องเสียใจ แต่กูนี่แหละจะเป็นคนดามอกน้องเอง!!” สีหน้าและดวงตามุ่งมั่นฉายแววออกมาจากวงหน้าสะอาดสะอ้าด เอกเห็นถึงความจริงใจต่อนนท์ในใบหน้าของเขา แต่คำพูดที่หลุดออกจากปากมันยังรู้สึกร้ายแรงอย่างอธิบายไม่ถูก
“มึงจะทำอะไร?” เอกถามต่อทันที
“หากมึงร่วมมือด้วยกูจะบอก!! เอาเป็นว่าหากต้องเลิกกับไอ้รุฒจริงๆ แล้วเราค่อยมาแข่งกันจีบน้องอย่างเท่าเทียม!! โอเคไหม?” เต๋ามองตาอีกฝ่ายเพื่อชักชวนอย่างจริงใจ

“เอ่อ......กู.......” เกิดการลังเลขึ้นในจิตใจของเอก ปราสาททรายของเขากำลังถูกคลื่นซัดใส่

“มึงยังไม่ต้องบอกกูตอนนี้ก็ได้!! เอาเป็นว่ากูจะเริ่มแผนตอนน้องกลับมาถึง หากมึงสนใจก็บอกกูก็แล้วกัน!!” เต๋าพูดจบก็ยื่นนามบัตรให้แล้วเดินผิวปากเดินจากไป นามบัตรที่ปกติที่เขาจะให้สาวหรือหนุ่มที่เขาสนใจเพื่อให้ติดต่อกลับ โดยทิ้งให้เอกยืนอยู่ท่ามกลางความโลเลเป็นเวลานาน

....................

“เต๋า? นี่มึงใช่ไหม? กูเอง เอก” เสียงดังลอดมาจากลำโพงของโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องใหญ่
“อ้าว กูก็ยังว่า.... เบอร์ใครไม่คุ้นเลย” เต๋าตอบโทรศัพท์พลางยกแก้วที่มีของเหลวสีเหลืองอำพันในมือดื่มจนหมด
“กูคิดดูแล้ว...... กูตกลงที่จะร่วมมือกับมึง ภายใต้เงื่อนไขหนึ่งคือ ห้ามลงมือลงไม้กับนนท์เด็ดขาด!!” เสียงเอกแข็งกร้าวชัดเจน
“เออๆ กูรู้แล้ว เอาอย่างนี้มีมาหากูที่ร้านคาเฟ่เปิดใหม่แถวหลังมหาวิทยาลัย เดี๋ยวกูจะเล่าให้ว่าจะแผนมันเป็นยังไง!” เต๋าพูดด้วยดวงตาลุกวาว
“เออๆ เดี๋ยวกูตามไป” เอกพูดจบก็วางสายใส่อีกฝ่ายทันที

............................


“เชี้ย!! มึงจะเอาจริงๆ น่ะ” เอกร้องเสียงหลง ดังไปทั่วบริเวณหลังร้านคาเฟ่เปิดใหม่ซึ่งเป็นจุดนัดหมาย หัองนั่งเล่นหลังร้านที่เป็นเหมือนคลับลับๆ สำหรับนักดื่มอย่างเต๋า
คนเจ้าเลห์อย่างเต๋าเล่าถึงแผนการทั้งหมดให้เอกฟัง เอกมองคนอย่างเต๋าออกจนหมดจรด เต๋าเป็นคนเหมือนที่เขาคิดจริงๆ เป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องคว้ามาเป็นของตนเองให้ได้ แม้จะต้องแย่งคนอื่นมา

“มึงได้ยินขนาดนี้ถอนตัวไม่ได้แล้วนะเว้ย เพราะรู้ขนาดนี้ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมริดกับกูเรียบร้อยแล้ว!!”
“เออ! กูรู้ กูรู้อยู่แล้วว่า การที่มาร่วมมือมือกับมึงก็ต้องยอมรับแผนชั่วของมึงให้ได้!!”
“ยังไม่เลิกว่ากูอีก การที่มึงมายืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากกูหรอก!!” คำพูดเสียดแทงของอีกฝ่ายทิ่มมาที่ใจของเอก เขาพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ เพื่อเป้าหมายของเขา

“น้องจะกลับมาถึงพรุ่งนี้” เอกพูดขึ้น
“ดี! พรุ่งนี้เริ่มเลย!!”
“มึงจะไม่ให้น้องเขาพักบ้างเลยหรือไง?”
“กูรู้ กูก็เป็นห่วงน้อง แต่ของอย่างนี้รอไม่ได้ วรุฒมันฉลาดยิ่งนานวันโอกาสสำเร็จก็จะลดลง!!” เต๋าย้ำ
“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูไปจัดการชวนน้องให้ออกมาพบกูเอง” เอกออกปาก
“นี่มึงมีแผนอะไรล่อให้น้องออกจากไอ้รุฒมาหามึงได้เนี่ย?” เต๋าแสดงสีหน้าสงสัยในความมั่นใจของอีกฝ่าย
“มึงไม่จำเป็นต้องรู้!” เอกพูดพลางนึกถึงสมุดโน๊ตขั้นเทพของรุ่นพี่สายรหัสของตนเอง
“โอเคๆ งั้นมึงพาน้องมาที่นี่แล้วที่เหลือกูจัดการเอง!!” เต๋าพูดจบก็ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกจากโต๊ะ
“เดี๋ยวๆ แล้วไอ้รุฒล่ะ ถ้าหากมันมาด้วยจะเสียแผนหรือเปล่า?” เอกโพล่งถามขี้นอย่างสงสัย
“ไอ้รุฒมันติดหนี้พวกกูอยู่เรื่องหนึ่ง มันต้องทำตามที่กูขอร้องหนึ่งเรื่อง รับรอง! มันไม่ว่างมาตามน้องนนท์ถึงที่นี่หรอก!!” เต๋ายิ้มอย่างเจ้าเลห์
“อ้อ.....” เอกทำท่าเข้าใจและนึกไปถึงเรื่องของยัยวิขึ้นมาในหัว

.......................


ในช่วงเย็นของอีกวันตามกำหนดการ

“ถึงไหนแล้ว มาร้านที่พี่ส่งโลเคชั่นไปถูกไหม?” เอกพูดใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูคนที่ปลายสายอีกฝั่งอย่างมาก
“ครับ ผมว่าผมเคยนั่งรถผ่านนะครับ เดี๋ยวผมถึงแล้วโทรหาพี่นะครับ” ปลายสายเสียงใสส่งออกมาจากลำโพงโทรศัพท์
“โอเค พี่จะรอนะ” เอกยิ้มออกมาพร้อมพูดกลับไป

“มึงแม่งน่าอิจฉาว่ะ ชวนน้องปั๊บ น้องตกลงปุ๊บเลย!!” เสียงชายหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างๆ พูดขึ้น
“กูกับมึงมันไม่เหมือนกัน น้องเห็นกูเป็นเหมือนพี่ชาย ไม่เหมือนกับมึง น้องมันคงรู้ว่ามึงมันคิดไม่ดีด้วยเลยไม่กล้าตอบรับคำชวนของมึง”
“เชี้ย! ก็พูดเกินไปหรือเปล่าวะ กูไม่ได้หื่นขนาดนั้นไหม?” เต๋าโวยออกมาแบบกักเสียงไว้
“เขารู้กันทั้งมหาวิทยาลัย! คนดีๆ เขาไม่มาข้องเกี่ยวกับพวกมึงหรอก”  เอกตอกกลับไป
“โหย... ไหนๆ ก็ร่วมมือกันแล้ว มึงช่วยพูดดีๆ กับกูบ้างได้ไหมวะ? อีกอย่างคนอย่างพวกกูน่ะ เป็นเป้าให้คนเขานินทาว่าร้ายอยู่แล้ว มีชื่อเสียงมันก็เป็นแบบนี้!! เรื่องบางเรื่องมันก็เกินจริงว่ะ ลือกันซะกูเลวขนาดนั้นเชียว!” เต๋าตอบกลับแต่เหมือนบ่นอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วก็กระดกแก้วที่มีน้ำสีเหลืองอำพันเข้าปาก

“เฮ้อ!! พูดมากจริงดื่มไป!!” เอกถอนหายใจพร้อมหยิบขวดไวน์ที่ตั้งอยู่ในถังน้ำแข็งไม่ไกลมารินให้อีกฝ่ายที่ยกดื่มจนหมดแก้วไปแล้ว
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องกูรินเองได้ เออ! ว่าแต่จะให้กูกินคนเดียวจริงๆน่ะ หยิบแก้วมาดื่มเป็นเพื่อนกู!!” เต๋าชี้ไปที่แก้วทรงสูงซึ่งวางคว่ำไว้ในตู้เย็นบานกระจกขนาดย่อมข้างโต๊ะ
“ไม่ดีกว่า น้องมันจมูกดี เดี๋ยวนนท์จะได้กลิ่น มึงก็รู้ว่าน้องเข็ดกับการดื่มพวกแอลกอฮอล์พวกนี้แล้ว เดี๋ยวน้องจะถามเยอะแล้วกูจะทำแผนแตกเสียเอง กูยิ่งโกหกน้องไม่ค่อยเก่งอยู่ด้วย!” เอกส่ายหน้าปฎิเสธ
“เออๆ เรื่องของมึง” เต๋ามีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ยอมแต่โดยดี
“ว่าแต่ มีน้ำเย็นๆไหม? ทำไมวันนี้ห้องหลังร้านมึงร้อนขนาดนี้วะ กูนี่คอแห้งผาดเลย” เอกพูดพลางปาดเหงื่อบนหน้าผากขาวใสของตนเอง
“ในตู้เย็นมีน้ำแร่อยู่ขวดหนึ่ง กูเปิดเทมาดื่มแล้วนิดหน่อย ได้ไหมวะ?” เต๋าชี้ไปตู้เย็นทิศทางเดิม
“เออ! ได้! ดีกว่าไม่มี ไม่รู้ว่าน้องจะมาถึงเมื่อไหร่? ขอดื่มก่อนดีกว่า” เอกรีบเดินไปหยิบขวดน้ำแร่ในตู้เย็นมาเทเข้าปากจนเกลี้ยง

เสียงเพลงสไตล์เพลงประกอบภาพยนต์โรแมนติกดังขึ้น หลังจากที่เอกยกน้ำดื่มจนหมดขวด เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายอย่างร้อนรน

“ไงมาถึงแล้วใช่ไหม? เข้ามาที่ร้านเลย เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”  เอกพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เริ่มแผนได้!!” เต๋าพูดทันทีที่เอกวางสายจากชานนท์
“อืม.......” เอกทำสีหน้าลังเล
“เฮ้ย!! มั่นใจหน่อยสิวะ เอางี้กูออกไปส่ง” เต๋าทำท่าจะลุกแต่ก็เกิดอาการแขนขาอ่อนแรง
“เฮ้ย! เป็นอะไร?” เอกมองที่เต๋าและถามทันทีที่เห็นเต๋าเริ่มหน้าซีด
“กู.... เวียนหัว..... แล้วก็รู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง.... ยังไงไม่รู้...” เต๋าสัมผัสหน้าตัวเองไปมา เขาเริ่มรู้สึกชาที่ปลายนิ้วมือร่วมด้วย
“มึงคงเมาล่ะมั้ง ตั้งแต่กูเข้ามา มึงเล่นดื่มไม่หยุดเลย” เอกขยับตัวเข้าไปใกล้เต๋ามากขึ้น
“เชี้ยเอ้ย ไวน์แค่นี้ทำกูเมาไม่ได้หรอก... นี่มันเหมือน....” เต๋ามองไวน์ในแก้วสลับกับมองสีหน้าของเอกที่ออกอาการอมยิ้ม

“นอนไปเถอะ! มึงคงเมาจริงๆ วันนี้!!”
“เชี้ย!!!! มึง!!!” เต๋าพยายามยกมือขึ้นชี้หน้าเอกด้วยสีหน้าเจ็บใจ ขณะเดียวกันการพยายามรักษาหนังตาให้เปิดกว้างอยู่มันกลับยากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาไม่สามารถทนฤทธิ์อาการง่วงมึนและชาไปทั้งตัวได้ ไม่นานทุกอย่างก็ดำมืดสนิท เขาหมดสติจนปล่อยแก้วออกจากมือกลิ้งวนไปทั่วโต๊ะ ของเหลงสีอำพันที่เหลืออยู่ราดรดไปทั่วโต๊ะ

เสียงริงโทนเสียวเดิมดังขึ้นอีกครั้ง เอกมองภาพตรงหน้าอย่างสะใจก่อนที่จะรับสายโทรศัพท์ที่เข้ามา

“ว่าไง! เออ! พี่จะบอกว่า พี่ขอโทษด้วยนะ บังเอิญพี่มีธุระกระทันหัน ขอตัวก่อนนะ ไปหาพี่เมธีได้เลย พี่ให้พี่เขาเตรียมสมุดโน้ตไว้ให้แล้ว” เอกรับสายด้วยสีหน้าสำนึกผิด แต่ในดวงตากลับสดใส
“อ้าว! ทำไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้น?” ชานนท์โวยลอดลำโพงโทรศัพท์มา
“พี่มีธุระด่วนที่ต้องสะสางพอดี อีนนี้จำเป็นจริงๆ”
“ก็ได้ครับ แล้วอย่างนี้ พี่เอกไม่มา พี่เมธีเขาจะให้ผมเหรอ?”
“พี่เขาไม่ใจร้ายหรอก นนท์น่ารักขนาดนี้ เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อน” “พี่เอกเนี่ยนะ!”ชานนท์โอดเขิน
“ เออๆ น่า แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่รีบจัดการธุระทางนี้เสร็จเร็วจะตามไปนะ!” เอกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ครับพี่” ชานนท์พูดจบก็วางสายไป ปล่อยให้เอกมองดูร่างหมดสติที่กองอยู่ตรงโต๊ะนั่งจิบไวน์ที่หรูหราเกินกว่าจะอยู่ในห้องหลังร้านคาเฟ่ขนาดเล็ก

“กูไม่ได้เลวเหมือนมึงนะ!” เอกพูดกระแทกใส่หน้าคนที่นอนหมดสติอยู่ตรงหน้า

เอกนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ และผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เขานึกถึงแผนการที่เต๋าวางไว้โดยให้เขาร่วมมือด้วย โดยแผนการมันก็ง่ายๆ อย่างการที่ชวนนนท์ออกมานั่งจิบเครื่องดื่ม แอบวางยา จนทำให้ชานนท์เกิดอารมณ์เคลิ้บเคลิ้มกำหนัด หลังจากนั้นก็พาขึ้นห้องนอนชั้นบนและแอบอัดเคลิปที่ชานนท์พยายามเล่นกับเต๋าอย่างเต็ม โดยเต๋าพยายามย้ำอย่างหนักแน่นว่า เขาจะไม่ทำอะไรน้องเด็ดขาด อัดคลิปวิดิโอเสร็จก็จะปล่อยให้หลับสนิท และให้เอกพาไปส่งที่ห้องให้ทันเวลาที่วรุฒจะกลับมา เต๋าอ้างว่าวรุฒมันไม่ชอบคนที่นอกใจมัน สองคนนั้นจะต้องเลิกกันแน่นอน แล้วเต๋ากับเอกค่อยมาตัดสินกันใหม่โดยแข่งกันจีบน้องนนท์อย่างยุติธรรม และความจริงเอกไม่ได้นัดชานนท์มาที่นี่แต่เป็นคาเฟ่อีกมี่หนึ่งซึ่งเขานัดกับรุ่นพี่เมธีไว้จริงๆ

“แค่ฟังแผนโง่ๆ ของมึงกูก็เหลืออดแล้ว กูรู้ว่ามึงมันแผนสูงเกินกว่าจะทำอะไรโง่ๆ แบบนี้!!” เอกพูดใส่คนที่หลับไม่ได้สติตรงหน้าอีดครั้งอย่างสะใจ
“อย่างมึงต้องโดนแบบนี้!! เป็นไงล่ะโดนเสียเองแบบนี้ กูแอบใส่ยานอนหลับลงไปในไวน์มึงยังไม่รู้เลย!!” เอกลุกเดินไปร่างที่อ่อนปวกเปียกอีกครั้ง พร้อมยกคนร่างเล็กขึ้นมาเพื่อที่จะพาร่างนี้ไปนอนให้เรียบร้อยที่ห้องทางด้านบน

“ไอ้นี่มันหนักกว่าที่คิดนะ” เอกแอบบ่นกับตัวเอง พร้อมกับแบกร่างเล็กนั่นขึ้นบันไดไปยังห้องพักของร้านด้านบนที่ชั้นสอง ห้องที่นี่ถูกจัดอย่างเรียบง่าย เหมือนเอาไว้สำหรับ นอนพักผ่อนเท่านั้น เต๋าคงเก็บไว้เวลาเมามากๆจนกลับบ้านไม่ได้ ในห้องมีแต่เตียง โคมไฟ ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก และมีห้องน้ำในตัวเท่านั้น หลังปิดประตูห้องเรียบร้อย เอกก็เหวี่ยงคนตัวเล็กลงไปบนเตียงขนาดคิงไซส์ทันที

การใช้กำลังแบกคนขึ้นบันไดมาทำให้เอกมาเหงื่อซึมและมีไอร้อนออกจากกายพอควร เขาจึงรีบเปิดเครื่องปรับอากาศทันที แต่แปลกหลังจากนั่งพัก อาการร้อนจากภายในร่างกายก็ไม่ดีขึ้น

เสียงไอแค่กๆ ดังขึ้นไม่ไกลทำให้เอกต้องหันหลังไปที่ต้นเสียง  เขาเห็นเต๋าที่นอนแผ่ไม่ได้สติมีสีหน้าซีดเซียวกว่าเดิม
“ไอ้นี่มันไม่ได้แพ้ยาอะไรใช่ไหมวะ! หรือเราใส่ยาหนักไป!” เอกบ่นพึมพำพลางขยับตัวเข้าไปมองใกล้ๆ เขาพบว่าไอ้คนที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงมีอาการเหงื่อซึมไม่ต่างจากเขา เขาสังเกตเห็นผื่นแดงบริเวณคอ ด้วยความตกใจเอกจึงปลดกระดุมเสื้อทั้งหมดออกดู ปรากฏผื่นแดงขึ้นเป็นประปรายทั้งตัวแต่ดูไม่รุนแรง ด้วยความที่ถามคนที่ให้ยาเขามาก่อนจึงโล่งอกเมื่อเห็นผื่นแดงเหล่านั้นไม่ลุกลามและเป็นลมพิษจนน่ากลัว

“เอาวะ! ไหนๆ ก็ต้องจับมันแก้ผ้าอยู่แล้ว เช็ดตัวให้มันเสียหน่อย!” เขาเคยได้ยินว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดให้ทั่ว เขาเลยเริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าคนหมดสติที่นอนอยู่เบื้องล่าง

ตอนแรกเขาตั้งใจไว้ว่าจะมอมยาให้เต๋าสลบและจัดการถ่ายรูปสยิวแบบน่าอายที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันให้เต๋าไม่ไปยุ่งกับนนท์อีก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าแผนตื้นๆ แบบนี้จะสำเร็จหรือเปล่า เต๋ามันจะอายจนยอมรามือไปเองไหม เพราะ สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนก็คงเห็นไอ้เลวนี่เปลือยกันเกือบมหาวิทยาลัยแล้วละมั้ง แต่ก็เป็นแผนเดียวที่เขาคิดออกในเวลาอันสั้นแบบนี้

“โอโห... ไอ้นี่... ตัวเล็กก็จริงแต่กล้ามเนื้อมันชัดกว่าเราอีกว่ะ นึกว่าทำไมมันหนักจังวะ” เอกพูดขึ้นหลังจากถอดเสื้อผ้าของชายร่างเล็กจนหมดแล้ว

เอกใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่หาได้จากในห้องชุบน้ำเย็นๆ จากตู้เย็นในห้องมาลูบและประคบตามรอยแดงต่างๆ ด้วยความรำคาญ แต่ในอกกลับร้อนลุมแบบแปลกๆ เขารู้สึกว่าเขามองเต๋าละเอียดขึ้น ใจเต้นแรง บางครั้งก็เผลอใช้มือของเขาลูบไล้ไปตามสันอกที่นูนเด่นขึ้นมา ตุ่มสีชมพูกลางอกนั้นมันช่างยั่วยวนใจจนน่ารำคาญ ร่างกายของเขาร้อนมากขึ้นจนเขาอยากจะถอดเสื้อออก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาสไม่ช่วยให้ร่างกายเขาเย็นขึ้น ศรีษะเริ่มมีอาการวินเวียน ความร้อนของร่างกายไหลลงมาทางช่วงล่างที่ตอนนี้แข็งเด่นเป็นสง่าแบบไม่สามารถควบคุมได้ เขาเห็นคนหมดสติอยู่ตรงหน้าน่าพิศมัยขึ้นมาอย่างประหลาด เขาโน้มตัวเองลงไปดมร่างกายของเต๋าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ กลิ่นเหล่านั้นหอมติดจมูกจนไม่สามารถถอนตัวขึ้นมาได้

“เฮ้ย!” เขาร้องเสียงหลงและพยายามตีหน้าตัวเองเรียกสติให้กลับมา

‘เสร็จกัน หรือว่าเราเองก็ไดน..... ไอ้... เจ้าเล่ห์นี่ วางยาเหมือนกัน’ เอกคิดดังนี้ เขาก็รีบไปคว้าเชือกที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของเขา ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะไว้ใช้กับเต๋า แต่ตอนนี้เขาคงต้องพยายามเอามามัดตัวเองเพื่อห้ามไม่ให้ทำสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการจากฤทธิ์ยาเสียก่อน แต่อาจจะสายเกินไป การเดินข้ามเตียงไปหยิบกระเป๋านั่นมันคือความผิดพลาดเพราะร่างกายที่มีความต้องการสูงกว่าปกตินั่นได้ล้มลงไปกดทับร่างเปลือยเปล่าทางด้านล่างทันที แล้วหลังนั้น เขาก็แทบจะห้ามตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการกับร่างตรงหน้าเขา โดนฤทธิ์ยานั้นหลอนให้เขานึกถึงคนที่มีส่วนสูงไม่ต่างกัน กำลังยิ้มรับและเชิญชวนให้เขาทำมัน และเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้อีกต่อไป กดริมฝีปากไปที่ปากที่ด้านชาด้างล่างอย่างดูดดื่ม......

....................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 22) อัพ 22 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-12-2019 13:52:29
 :pig4: :pig4: :pig4:


อ่าวหล่ะเว้ยเฮ้ย

ใครเสียบใครหล่ะทีนี้  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 22) อัพ 22 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-12-2019 15:52:40
อ้าวได้กันเองแน่ๆ  แม่นนท์ทำไมเหมือนรู้จักพ่อของวรุฒ  หรือสองคนนั้นพ่อคนเดียวกัน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 22) อัพ 22 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-12-2019 17:10:57
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 23 ส่วนที่ 1) อัพ 30 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-12-2019 13:39:31

บทที่ 23

Blast form the past


วันหยุดยาวของนักกีฬามหาวิทยาลัยอย่าง ‘หลง’ คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการซ้อมพิเศษที่ทางโค้ชจัดขึ้น เพื่อเป็นการประชับสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกทีมคนเก่าและน้องใหม่ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เพราะความสัมพันธ์ในทีมก็เป็นตัวแปรสำคัญของผลแพ้ชนะในการแข่งขันเช่นกัน

และคงไม่อะไรดีไปกว่าการที่ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเพื่อนร่วมทีมทุกคน โค้ชสั่งให้ทุกคนนำเสื้อผ้ามานอนที่สนามในร่มของมหาวิทยาลัยที่กว้างขวางพร้อมสรรพไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับคนที่อยู่หอในอย่างหลง มันไม่ต่างอะไรจากการย้ายที่นอนชั่วคราว แต่คนที่อาศัยอยู่ที่บ้านอย่างเพื่อนเขาหลายๆคนคงลำบากไม่น้อย

การซ้อมวันแรกนั้นเรียกได้เหมือนตกนรกเพราะโค้ชไม่ปราณีคนในทีมแม้สักคนเดียว สมกับสมญา ‘โค้ชโหดนรกเรียกพี่’ แต่ก็เพราะแบบนี้ ทำให้ทีมของมหาวิทยาลัยสามารถชนะเลิศ หรืออยู่ในระดับรองชนะเลิศมาโดยตลอด

ช่วงเช้าผ่านไปด้วยความยากลำบาก นอกจากจะต้องทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมแล้วยังโดยให้ออกกำลังกายฝึกฝนกล้ามเนื้อขาอย่างต่อเนื่อง แค่ช่วงเช้าก็มีคนหมดสภาพไปสองคนแล้ว นอนดมยาดมกองอยู่มุมสนาม ส่วนหลงนั้นโชคดีที่เขาฝึกตนเองอยู่เสมอเลยพอจะผ่านพ้นช่วงเช้าไปได้

“เฮ้ยพวกมึง!! ฟังทางนี้!!” โค้ชโหดตะโกนเสียงดังลั่น ท่ามกลางการหยุดพักกินข้าวในห้องอาหารของอาหาร แม้จะฝึกโหดยังไง แต่โค้ชก็เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี

“โห..... อะไรอีกโค้ช ข้าวยังไม่ทันได้เข้าปากเลย โค้ชจะเอาอะไรอีก” เพื่อนในทีมที่สูงที่สุดในทีมโอดโอย ไอ้คนนี้มันชอบกวนตีนโค้ชจนมีคนแซวเป็นคู่จิ้นกันทั้งมหาวิทยาลัย เพราะโค้ชโหดแต่หน้าตาไม่ได้โหดเลย ออกแนวน่ารักแบบคนญี่ปุ่นเสียด้วยซ้ำ โค้ชเลยชอบไว้หนวดให้มันดูโหดสมกับการฝึกของแก

“มึงหุบปากไปเลย ไม่งั้นตอนบ่ายกูจะจัดให้มึงหนักจนกินข้าวไม่ลงเลย!!” โค้ชโหดชี้หน้าไอ้โย่งจอมแซว
“ครับๆ ยอมแล้วครับ” ไอ้โย่งยกมือขึ้นมาไหว้และนั่งลงสงบเสงี่ยม
“เอาล่ะ.... ผู้อำนวยการเป็นห่วงสวัสดิภาพพวกเราในการซ้อมใหญ่ประจำเทอม ปกติก็เลยจะส่งพยาบาลสาวสวยมาดูแลไม่ให้กูทำพวกมึงตายคาสนาม แต่ครั้งนี้ เสียใจด้วย พยาบาลสาวสวยคนนั้น ไม่สามารถมาทำงานได้แล้ว!” โค้ชโหดพูดถึงตรงนี้ก็เกิดเสียงโห่เล็กๆ ในห้องลอยไปมาอยู่พักใหญ่

“พอๆ แต่คราวนี้ เพื่อนโค้ชว่างพอดี เลยขอเปลี่ยนเป็นหมอหนุ่มหล่อแทน!!” โค้ชพูดถึงตรงนี้เสียงโห่ก็ดังขึ้นกว่าเดิม

“แปลว่า ไม่อยากได้!!” โค้ชกวนกลับ
“ไม่เอาครับ เดี๋ยวไม่มีใครห้าม ไม่มีใครดูแลพวกผม ผมยังไม่อยากตาย!!” ไอ้โย่งคนเดิมตะโกนข้ามมาจากทิศทางเดิม

“กูจะฝังมึงคนแรกเลย!!” โค้ชเสียงดังตะโกนกลับ ทำให้อีกฝ่ายรีบสงบปากสงบคำ
“เอ้า! เพื่อน!! เข้ามาแนะนำตัวกับน้องๆ หน่อย” โค้ชยิ้มไปอีกทางและทำท่าทางเชิญคนเข้ามาในห้อง พร้อมเสียงฮือฮาลั่นห้อง เพราะคนที่เข้ามานั้นหล่อลากไส้ลากดินของจริง แต่มีอยู่คนเดียวในห้องที่ไม่ได้ยินดียินร้ายกับชายที่เดินเข้ามา คนๆนั้นก็คือหลง หลงทำได้เพียงรำพันกับตัวเองเบาๆ

“พี่เอิร์ธ”

.........................

ตั้งแต่หลงรู้สึกเกร็งในการซ้อมพอสมควรเพราะรู้สึกเหมือนต้องตกอยู่ในสายตาของพี่เอิร์ธตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขามองไปทางจุดปฐมพยาบาลก็จะมีสายตาและรอยยิ้มตอบกลับมาทุกครั้ง

“หมอแม่งหน้าตาน่ารักจนผู้ชายอย่างกูยังหลงเลยว่ะ” เพื่อนคนหนึ่งของหลงพูดขึ้นขณะพักครึ่งของการซ้อมแข่งขันเสมือนจริง หลงได้แต่หันไปมองตามต้นเสียง

“เออว่ะ... แม่งไม่รู้ดิวะ จะบอกว่าหล่อมันก็ใช่ แต่ดูรวมๆ เหมือนจะเรียกว่าสวยมากกว่า” เพื่อนร่วมทีมอีกคนข้างๆ เขาพูดขึ้นบ้าง
“ทำไม? มึงจะเปลี่ยนรสนิยมหรือไง?” หลงพูดเสียงขึ้นด้วยความรำคาญ
“อะไรวะ แต่คุยกันเล่นๆ ทำไมมีงต้องหงุดหงิดด้วยวะไอ้หลง พ่อมังกรน้อย” เพื่อนคนข้างๆ ทำเสียงล้อเลียน
“น้อยพ่อมึงสิ วัดกันเลยไหมล่ะ เก้านิ้วอย่างกูขอท้า!!” หลงพูดสวนไป

“พอๆ เลยพวกมึง อย่าเสียงดัง เดี๋ยวพวกมึงก็โดนทำโทษหรอก!! พวกมึงจะวัดอะไรกันตอนนี้ทำไม ในเมื่อตอนอาบน้ำด้วยกันก็เห็นกันหมด ไอ้เค มึงเล็กที่สุดในทีม มึงไม่ต้องมากร่าง” พี่ธนา กัปตันทีมเอ่ยเตือนจากระยะสามเมตร ทำให้ทั้งสองยุติการประจันหน้ากัน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในทีมอยู่แล้ว ปกติคนในทีมก็จะมีปากเสียงกันบ้างตามประสาผู้ชายวัยคะนอง ไม่ได้ทะเลาะกันจริงจัง แต่ที่พี่ธนาห้ามเพราะไม่อยากเสียพลังงานของคนทั้งทีมไปกับบทลงโทษที่ตอนนี้โค้ชโหดจ้องมาจากอีกมุมห้องหนึ่ง

“เชี้ย! เป็นไง? เพราะมึงน่ะเริ่มก่อน!” ไอ้เคเพื่อนหลงที่นั่งข้างๆ ยังไม่หยุด แต่ทำเป็นเสียงกระซิบแทน
“สัด!! มึงนั่นแหละ!!”หลงทำบ้าง
“อ้าว! ถ้ามึงไม่ทำท่าหวงก้างพี่หมอเอิร์ธ กูจะพูดไหม?” ไอ้เคยังไม่เลิกต่อล้อต่อเถียง
“พ่อง!! กูจะไปหวงพี่เอิร์ธทำไมว่ะ!!” หลงขึ้นเสียง

“ยังอีกพวกมึง ให้กูสั่งวิ่งรอบสนามให้หัวเย็นลงไหม?” พี่ธนาพูดอย่างเหลืออด
“ไม่ครับ” ทั้งเคและหลงพูดออกมาพร้อมกัน

........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 23 ส่วนที่ 1) อัพ 30 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-12-2019 16:43:14

แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง แต่ตารางการฝึกซ้อมยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนในทีมเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่โค้ชโหดนั่นยังคงคึกคักอยู่ เสียงที่ตะโกนผ่านโทรโข่งขนาดเล็กยังคงดังต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

“ต้น เราว่า.... วันนี้พอก่อนไหม น่าจะเกินขีดจำกัดกันแล้ว!” หมอเอิร์ธเดินมาสะกิดโค้ชโหด
“นายว่างั้นเหรอ?” โค้ชโหดปิดเสียงโทรโข่งและหันไปพูดกับอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“นายยังอยากให้พวกเขาลงสนามในวันแข่งจริงไหวหรือเปล่าล่ะ?” หมอเอิร์ธสวน
“อยากสิ!!”
“งั้นให้พวกเขาไปพักก่อนไหม?”
“เออๆ ก็ได้ เครื่องกำลังร้อนเลย!!” โค้ชโหดผ่อนลมกายใจออกมาและตกลงอย่างไม่เต็มใจ จนหมอเอิร์ธผู้เป็นเพื่อนได้แต่ส่ายหน้า

“เฮ้ย! นายน่ะมันใจดีไปหรือเปล่า พวกมันยังวัยรุ่นอยู่เลย แค่นี้ไหวอยู่แล้ว!” โค้ชต้นหันไปใช้แขนคล้องคอหมอหน้าสวยให้หันหลังไปพูดกันสองคน
“นายให้เรามาดูแลสุขภาพนักกีฬาไม่ใช่หรือไง? เราก็ทำตามหน้าที่ของเรา!” หมอเอิร์ธเสียงเข้ม
“เออๆ ทำไมต้องดุด้วยว่ะ!” โค้ชต้นพูดอย่างจนปัญญาและปล่อยแขนอีกฝ่ายก่อนจะขยี้หัวหมอเอิร์ธด้วยความหมั่นไส้

“เฮ้ยๆ มึงๆ ไอ้หลง ดูสิ กูว่าที่ไอ้โค้ชโหดมันไม่สนใจผู้หญิงที่มาจีบมันเลย เพราะมันมีแฟนเป็นหมอว่ะ! ดูสิ เสียดายหน้าตาก็ดีทั้งคู่!! เดี๋ยวกูขอถ่ายรูปไปให้แฟนกูดูหน่อย คงจะฟินน่าดู!!” ไอ้โย่งชี้ให้หลงดูการหยอกล้อกันระหว่างโค้ชของเขาและหมอเอิร์ธ พลางหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายภาพให้แฟนของเขาที่เป็นสาววายทันที ส่วนหลงกลับมีความรู้สึกวูบวาบในอกจนหงุดหงิดไปหมด จนเผลอแสดงออกทางสีหน้าไปทางทิศของทั้งสองคนนั้น

“โชคดีของพวกมึง!! หมออยากให้พวกเอ็งหยุดพักก่อน วันนี้เลิกซ้อมได้! ไปกินข้าว อาบน้ำ นอนตามอัธยาศัย!!” เสียงจากโทรโข่งดังขึ้น และมีเสียงเฮจากบรรดาทีมนักกีฬาหลังจากจบประโยค

เวลาเพียงไม่นาน ทุกคนก็กระจายออกไปตามทิศต่างๆ ตามอัธยาศัย บางคนไปโทรศัพท์หาแฟน บางคนวิ่งไปกินมื้อเย็น บางคนขอไปอาบน้ำก่อน ส่วนหลงก็เช่นกัน เขาคิดจะไปสูดอากาศข้างนอกก่อนแล้วค่อยมากินข้าว เขารู้สึกอึดอัดที่ถูกจ้องมาตลอดทั้งวัน เขารีบก้าวเท้าออกจากพื้นที่ทันที

“ไอ้หลง!!” เสียงโค้ชพูดใส่โทรโข่งดังกังวาล
“ครับ!!” หลงตอบกลับเสียงดัง
“โทษฐานที่มึงเหม่อบ่อยระหว่างซ้อม!! เก็บลูกบอลที่กระจัดกระจายให้หมด พวกอุปกรณ์การซ้อมต่างๆ ด้วย!” โค้ชโหดชี้มือชี้ไม้ไปทั่วบริเวณ
“คร๊าบบบบ” หลงตอบหลับด้วยเสียงยานคาง

“อ้อ! แล้วช่วยพี่หมอเก็บพวกอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไปเก็บที่ห้องพยาบาลที่ชั้นล่างด้วย!” โค้ชสั่งต่อทันที
“โหยยยย.....” หลงโอด
“อ๋อ.... มันน้อยไป!?!” โค้ชตาขวาง
“โอเคแล้วครับ ผมจะรีบทำครับ!” หลงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
“เออ! ทีหลังก็ตั้งใจฝึกซ้อมก็แค่นั้น!!” โค้ชต้นตะโกนใส่โทรโข่งในระยะประชิด
“ครับๆ” หลงพยักหน้ารับ พลางเห็นหมอทำท่ากลั้นขำมาที่เขา

หลังจากพยายามเก็บอุปกรณ์กีฬาต่างๆ ให้เข้าที่เข้าเรียบร้อย โดยมีคุณหมอหน้ามนช่วยเหลือ หลงที่พยายามที่จะหลบหน้าหมอเอิร์ธจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีกต่อไป เขาทำได้แค่พยายามเลี่ยงที่จะสนทนากับอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้ เขาพยายามช่วยขนกล่องปฐมพยาบาลต่างๆ ลงไปที่ชั้นหนึ่งโดยพยายามเดินนำหน้าคุณหมอหน้าขาวไม่ให้อีกฝ่ายตามทัน เขาวางแผนที่จะวางของและรีบชิ่งหนีทันที

“คิดจะหนีพี่ไปถึงเมื่อไหร่?” หมอเอิร์ธเดินเข้ามาขวางตัดทางหนีของหลงหลังจากวางกล่องปฐมพยาบาลที่โต๊ะกลางห้องปฐมพยาบาล เหมือนหมอเอิร์ธเองก็รู้ว่าหลงคิดอะไรอยู่

“ก็ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับพี่!! ผมควรจะถามพี่มากกว่าว่าทำไมยังวนเวียนอยู่กับผม!?!” หลงถอยหลังจนไปชนกับโต๊ะ
“พี่มีเรื่องต้องอธิบาย อยากจะคุยกับเราหลายเรื่องเลย” หมอเอิร์ธเดินตามอีกฝ่ายจนเหลือช่องไฟระหว่างกันน้อยมาก ร่างสูงชะลูดของทั้งสองมีความสูงที่ไล่เลี่ยกันมาก ทำให้ใบหน้าและคางขนานกัน

“ทุกการกระทำที่ผ่านมาของพี่มันอธิบายทุกอย่าง!!” หลงกระแทกเสียงใส่หน้าอีกฝ่าย
“แต่ว่า.... พี่... อธิบายได้!!” หมอเอิร์ธย้ำเสียงหนักแน่น
“ผมเจ็บปวดมาพอแล้ว เราจบกัน!!” หลงใช้มือซ้ายดันอกอีกฝ่ายให้ถอยห่างไป แต่ถูกหมอเอิร์ธคว้ามือนั่นไว้แน่น
“จบกัน!! แต่ทำไมยังใส่แหวนนี้อยู่!!” สายตาของหมอเอิร์ธเพ่งไปที่นิ้วนางข้างที่เขาจับไว้แน่น แหวนสีเงินวาวสดใสเด่นอยู่ที่นิ้ว แสดงถึงการดูแลขัดเงาอยู่บ่อยครั้ง

“ซื้อมาแพง จะทิ้งก็เสียดาย พอดีใส่ได้นิ้วนี้นิ้วเดียว!!!” หลงพูดอย่างขัดเขิน
“แต่พี่ยังเก็บไว้อย่างดีนะ!” หมอเอิร์ธยกมือข้างซ้ายขึ้นมาแสดงแหวนที่เหมือนกับของหลง
“ก็แค่สิ่งของ มันแสดงให้เห็นว่าของแบบนี้มันยึดเหนี่ยวอะไรใครไม่ได้!!” คราวนี้หลงเหมือนของขึ้นผลักชายตรงหน้าลอยไปจากจุดเดิมเล็กน้อย แต่หมอเองก็แสดงถึงความแข็งแรงของตนเอง เขากระโดดเข้าหาหลงทันทีที่ตั้งหลักได้

“คราวนี้พี่จะไม่ปล่อยให้หลงหนีพี่ไปไหนอีกแล้ว!! ความอดทนของพี่มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพื่อนพี่บอกให้พี่ใจเย็น แต่พี่เย็นไม่ไหวแล้ว!!” หมอเอิร์ธกอดหลงแน่นขณะพูดเสียงหนักแน่น

“ปล่อย!! ปล่อยผม เหมือนที่พี่เคยปล่อยให้ผมเคว้งมาแล้ว!!” หลงพยายามดิ้นสุดแรงแต่อีกฝ่ายเอาจริงจนเขาดิ้นไม่หลุด
“ไม่!! คราวนี้พี่จะไม่ทำแบบนั้นแล้ว พี่ทนที่จะไม่มีเราในชีวิตไม่ได้!!” หมอเอิร์ธกระชับวงแขนมากขึ้น

“ปล่อย!!” หลงเสียงเข้ม
“ไม่!! พี่อยากให้หลงฟังพี่อธิบายก่อน!!” หมอเอิร์ธก็ไม่ย่อท้อสู้แรงอีกฝ่ายไม่หยุด จนรู้สึกปวดแสบจุดที่สัมผัสกับเด็กยักษ์ในอ้อมแขน

“โอเค! งั้นบอกเหตุผล หรืออะไรก็ตามที่พี่จะพูดออกมาให้หมด แล้วปล่อยผมไปตามทางของผมสักที มันไม่ทำให้ผมรู้สึกเปลี่ยนไปหรอก!!” หลงเริ่มเหนื่อยกับการยื้อยักแบบนี้เลยพูดออกไปเพื่อตัดเรื่องงี่เง่านี้ให้จบไป

“โอเค.... พี่จะเริ่มจากตรงไหนดี?” หมอเอิร์ธเริ่มมีท่าทางสับสน
“ก็เริ่มจากวันที่พี่หายไปจากชีวิตผมก็ได้!!” หลงย้ำด้วยสีหน้าเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำ
“เอ่อ.... มันมีเรื่องก่อนหน้านั้นนิดหน่อย.....” หมอเอิร์ธมีสีหน้าล่องลอย

...................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 1) อัพ 30 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-12-2019 17:15:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าวววว......ตัดจบซะงั้น

ค้างคา.....
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 1) อัพ 30 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-12-2019 20:00:38
ขัดใจมาก~ มันค้างอ่ะมันค้างงงง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 1) อัพ 30 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 02-01-2020 18:33:41
ระหว่างนี้แวะไปอ่านเรื่องราวของสองคนนี้ เมื่อครั้งอดีตได้ที่ นิยายอีกเรื่องได่เลยฮะ เรื่อง Love rebound ครับ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 1) อัพ 30 ธ.ค. 2562
เริ่มหัวข้อโดย: Netich2876 ที่ 02-01-2020 22:51:34
 :o8:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 23 ส่วนที่ 2) อัพ 5 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 05-01-2020 13:17:04

หมอเอิร์ธยังจำวันนั้นได้ดี ช่วงเทอมสุดท้ายของหลงในฐานะของนักเรียนมัธยมปลาย อากาศในวันนั้นค่อนข้างเย็น หมอโดนไอ้เด็กยักษ์คนนี้หลอกให้คิดว่าตัวเองกลุ้มใจ น้อยใจจากการที่เขาเริ่มทำตัวเหินห่างจากการที่หมอเอิร์ธเห็นว่าหลงควรจะใส่ใจกับอนาคตตัวเองมากกว่าการมาตามติดเขาในฐานะแฟน หลังที่เขาสามารถไปเปิดตัวกับแม่ของหลงได้ไม่นาน เขาถูกหลอกให้ไปตามหาหลงที่ฝายกั้นน้ำขนาดใหญ่ที่ต่างจังหวัด เขาจำความรู้สึกทั้งมืดมนและสิ้นหวังได้ดี ในขณะที่เขายังหาหลงไม่เจอและเข้าใจว่าหลงคิดสั้นโดดลงไปในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดที่ฝายน้ำทางด้านล่าง

ในขณะที่น้ำตาหยดแรกหลั่งลงมาที่แก้ม แสงไฟจำนวนมากก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับไอ้เด็กยักษ์ที่เดินเข้ามาในชุดสูทเต็มยศ มันไม่เข้ากับไอ้เด็กยักษ์คนนี้เลย แต่ ณ ตอนนั้นเอิร์ธไม่ได้สนใจอะไรเลย รู้สึกแค่ว่าดีใจที่อีกฝ่ายไม่เป็นไร

หลงเดินเข้ามาสวมกอดหมอเอิร์ธ ด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันมากเลยเกิดความสมดุลเกิดขึ้นมา หมอจำไม่ได่ว่าตัวเองต่อว่าไอ้เด็กเวรนี่ไปมากน้อยแค่ไหน  จำได้แค่เสื้อสูทของอีกฝ่ายเปื้อนน้ำตาเขาจนเลอะไปหมด

“แต่งงานกันนะ” หลงพูดขึ้นมาเสียงดังฟังชัดท่ามกลางความเงียบของธรรมชาติ ท่ามกลางเสียงธารน้ำไหลและเสียงสะอื้นของหมอเอิร์ธ
“อะไรนะ?” หมอเอิร์ธถามด้วยความงงๆ

เด็กยักษ์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่เขาคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง และยกกล่องเล็กๆสีขาวกล่องหนึ่งขึ้นมา
“แต่งงานกันนะ” หลงยิ้มและเปิดกล่องสีขาวเล็กๆ ในมือออกมา เผยให้เห็นแหวนทองคำขาว เงาวาวเกลี้ยงสอดอยู่ในช่องเสียบ หลงยิ้มให้หมอเอิร์ธที่ตอนนี้ตื่นเต้นทั้งน้ำตาและรู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด
“โอเค!” คำตอบที่แทบไม่ต้องคิดอะไรเลยออกจากปากของหมอเอิร์ธ ไม่นานเพื่อนๆ ของหลงที่มาร่วมกันทำเซอร์ไพรส์ก็เฮกันลั่นจากที่ซ่อน และเฮกรูกันเข้ามาแสดงความยินดี ความทรงจำนี้มันยังฝังลึกลงในสมองไม่รู้ลืม เพียงแค่นึกถึงก็รู้สึกว่ามันเหมือนจะเกิดขึ้นเมื่อวาน

หลังจากวันที่โดนหลงขอแต่งงาน มันก็เป็นหน้าที่ของเขาในการไปทำเรื่องของผู้ใหญ่ให้ถูกต้อง หมอเอิร์ธเคยผ่านด่านคุณแม่ของหลงมาแล้ว คงเหลือด่านใหญ่อีกด่านหนึ่งของครอบครัวนี้ คือ คุณพ่อของหลงนั่นเอง!

แม่ของหลงเคยเตือนแล้วว่ารอให้หลงโตกว่านี้ก่อน รอให้พ่อค่อยๆ รู้จักเอิร์ธและรู้จักความสัมพันธ์แบบนี้ก่อนแล้วค่อยเข้ามาคุยให้รู้เรื่อง แต่หมอเอิร์ธเป็นคนใจร้อนกับเรื่องแบบนี้ เพราะเขาเองก็จริงจังและอยากจะช่วยครอบครัวของหลงดูแลหลง

แต่ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าความคิดและจิตนาการเสมอ พ่อของหลงระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของหลงและหมอเอิร์ธเสียก่อน พ่อของหลงจึงเป็นฝ่ายมาหาหมอเอิร์ธที่โรงพยาบาลเสียเอง โดยแสร้งทำเป็นคนไข้ ยื่นคำขาดให้หมอเลิกกับหลงเสีย พ่อของหลงไม่เข้าใจและไม่ต้องการให้หลงมีความสัมพันธ์แบบนี้ พ่อของหลงอยากให้หลงมีอนาคตที่ดีกว่านี้

“การคบกันระหว่างผู้ชายด้วยกัน มันมีแต่สร้างปัญหาให้กับหลง พ่อรู้จักหลงดี หลงยังสามารถแต่งงานมีเมียที่ดีและมีลูก สืบทอดทายาทของตระกูลได้” ใบหน้าชายที่มีเค้าความชราเกินครึ่งชีวิตได้พูดขอร้องกึ่งบังคับกับหมอเอิร์ธ

หลังจากผ่านไปสองสามวันนับจากวันที่หมอเอิร์ธพบกับพ่อของหลง เขาเก็บไปคิดอะไรมากมายจนกระทั้ง เขาเห็นหน้าที่ไม่มีความสุขของหลง หลังจากที่หมอเอิร์ธได้รู้ว่า หลงทะเลาะกับพ่อหนักมากเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย หลงได้โควต้านักกีฬามากมายจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่กรุงเทพ แต่หลงกลับเลือกมหาวิทยาลัยเปิดใหม่ที่ตัวจังหวัดเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้สุดที่รักของเขา หมอเอิร์ธลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เขาไม่เคยรู้เลยว่าความรักของเขาจะผูกมัดอนาคตของชายที่เขารักขนาดนี้ และนั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่หมอเอิร์ธตัดสินใจได้ เขาโทรไปบอกพ่อของหลงว่าจะยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี

หมอเอิร์ธขอร้องให้พ่อของเขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่คนสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ทำเรื่องย้ายเขาอย่างเร่งด่วนอีกครั้ง (ครั้งแรกก็เพราะเรื่องความรัก ครั้งนี้ก็เช่นกัน) เขาตัดสินใจหายไปจากชีวิตของหลง เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนทุกๆ อย่างที่จะทำให้หลงติดตามเขาได้ และเขาก็ทำสำเร็จ

หลายเดือนผ่านไปด้วยความทรมาน เขาไม่มีความสุขเลยทั้งเวลากินและเวลานอน สุดท้ายพ่อของหมอเอิร์ธที่เข้าใจเขาในทุกเรื่องก็ได้สั่งสอนให้เขารู้ความหมายของชีวิตและความสุข

“ชีวิตมันสั้น! อะไรที่ทำให้มีความสุขก็ทำไปให้สุด เรายังไม่ได้เริ่มต้นกับเขาเลย ทำไมถึงคิดไปเองว่าเราจะไปทำให้เขามีความสุขไม่ได้ ชีวิตมันยังต้องผ่านอุปสรรคอีกตั้งเยอะนะ” ประโยคสุดท้ายของพ่อทำให้หมอเอิร์ธได้สติ หลังจากที่พ่อของเขาให้คำปรึกษาไปหลายชั่วโมง

วันถัดไปหมอเอิร์ธตัดสินใจไปหาพ่อของหลงที่โรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีพ่อของหลงเป็นเจ้าของกิจการ หมอเอิร์ธใช้ความจริงใจและอุตสาหะในการไปขอคบกับลูกชายอย่างจริงจังอยู่หลายวัน จนในที่สุดพ่อของหลงก็ยอม เพราะในส่วนลึกในใจพ่อของหลงเองก็ใจอ่อนไปบ้างแล้ว อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ลูกชายกินไม่ได้ นอนไม่หลับอยู่หลายวัน แม่ของหลงเองก็ช่วยพูดด้วย ที่เหลือคือลูกตื้อแสดงความจริงใจของหมอเอิร์ธเป็นส่วนผสมสุดท้ายที่ช่วยให้พ่อของยอมตกลงให้คบกัน

หลังจากการยอมรับของครอบครัวแล้ว พ่อของหลงจึงได้บอกว่าตอนนี้หลงย้ายไปเรียนที่ไหน หมอเอิร์ธจึงขอให้พ่อของเขาทำเรื่องช่วยย้ายเขาอีกรอบหนึ่ง จนกระทั้งมาเจอหลงและพยายามตื้อหลงอยู่ทุกวันนี้

“มีเรื่องจะพูดแค่นี้!!” หลงพูดอย่างไร้เยื่อใยทันทีที่หมอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลงฟังอย่างตั้งใจ
“หลง.... เข้าใจพี่แล้วใช่ไหม?” หมอเอิร์ธพูดเสียงอ่อนในขณะที่ยังสวมกอดคนตรงหน้าอย่างแนบแน่น
“ผม.... ไม่เข้าใจ.... ยิ่งเรื่องที่พี่พูดมันเป็นเรื่องจริงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำเรื่องๆหนึ่งในใจผมตลอดมา”
“เรื่อง?” หมอเอิร์ธมีสีหน้าสงสัย
“ก็เรื่องความรักของเรามันยังไม่แข็งแรงพอไง หากพี่เชื่อในความรักของพวกเรา.... พี่จะไม่ทำแบบนี้!!”
“แต่พี่ไม่มีทางเลือก!!”

“มันมี!! แค่พี่ไม่เลือกมัน พี่เลือกที่จะไม่สู้เพื่อผม!!”
“แต่.... พ่อของหลง.....”
“มันไม่เกี่ยวว่าพ่อผมจะคิดยังไง มันอยู่ที่พี่ตัดสินใจยังไง!! หากพี่ตัดสินใจสู้ไปพร้อมกัน เราพิสูจน์ให้พ่อผมเห็นได้ครับว่า เราไปกันรอด... แต่พี่กลับเลือกอีกทางหนึ่ง พี่กลับเลือกที่จะทิ้งผมไป!!” หลงร่ายยาวด้วยสีหน้าเกินจะบรรยายเป็นคำพูดได้ หมอเอิร์ธแม้ไม่เห็นหน้าหลงตรงๆ ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นเครือของเสียงและตัวของหลงได้ คำพูดที่หลงพูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้ หลงเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิดมาก ไม่ใช่เด็กเกเรเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

หลังจากปล่อยให้บรรยากาศเงียบงันไปพักหนึ่ง มือของหมอเอิร์ธก็คลายออก เขาปล่อยมือเพราะความสำนึกเสียใจกับการอ่อนแอของตนเองในตอนนั้น

“พี่ไม่มีสิทธิ์แม้จะกลับมาให้ผมเห็นหน้าเสียด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นพี่ผมก็ยิ่งเจ็บปวด และไปต่อไม่ได้ พอแล้ว ผมพอกับความรู้สึกแบบนี้แล้ว!! ผมไม่เคยคิดที่จะให้อภัยพี่เลยสักครั้ง!!” หลงหันมาพูดกับหมอเอิร์ธชัดเจน พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปด้วยเท้าอันกนักอึ้ง ในใจกลับปวดร้าวไปหมด สิ่งที่หลงอยากจะพูดมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้พูดแล้ว แต่ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ ดวงตารู้สึกแสบร้อนไปหมด ยิ่งเดินห้างออกมาจากหมอ หลงยิ่งรู้สึกหายใจได้ลำบาก เขาเดินถึงประตูห้องปฐมพยาบาลแล้ว มือที่กำลังเอื้อมไปบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตูแต่มือของหลงมันเหมือนหนักขึ้นจนยกแทบไม่ไหว เขารู้สึกถึงเสียงสะอื้นของอีกฝ่ายที่ดังมาจากทางด้านหลัง จนเขารู้สึกจะทนไม่ได้ เขาทำให้คนที่เขารักที่สุดเสียใจอย่างมาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาเป็นมาก่อน และเป็นสิ่งที่หมอเอิร์ธควรจะต้องรู้สึกอย่างสาสม แต่หลงคงไม่เคยรู้ว่า หมอเอิร์ธเองในช่วงนั้น จิตใจก็แหลกเหลวไม่มีชิ้นดีเช่นกัน

เสียงประตูเปิดออกมารวดเร็ว เขาเห็นโค้ชของเขากำลังจะเดินเขามา ทำให้เขาตัดสินใจเดินสวนออกไปอย่างรีบร้อน หลงไม่อยากให้ใครเห็นตาแดงๆ อันร้อนผ่าวของเขา เขาหยุดฝีเท้าลงเมื่อเขาได้ยินเสียงหมอร้องโฮออกมา เขาหันกลับไปแอบมองที่ห้องปฐมพยาบาล มองผ่านช่องประคูที่ปิดไม่สนิท เขาเห็นโค้ชกอดหมอเอิร์ธอย่างแนบแน่น หมอเอิร์ธซบศรีษะลงไปที่อกแน่นๆ ของโค้ชโหดของหลง โค้ชทำท่าปลอบประโลมอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

“เฮ้อ.... ไหวไหมเนี่ยมึง กลับไปพักไหม? เดี๋ยวกูตามพยาบาลเจ้าเก่ากลับมาช่วยเหมือนเดิมก็ได้” โค้ชพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร กู...ไหว... กู... จะสู้ต่อ...” หมอเอิร์ธสะอื้นตอบมา
“เออ... กูเห็นด้วย ช่วงนี้มึงอยู่คนเดียวไม่ได้ อยู่กับกูไปก่อน ส่วนไอ้เด็กเวรนั้นเดี๋ยวกูสั่งสอนเอง!!” โค้ชเสียงเข้มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาคนแอบฟังอย่างหลงขนลุกซู่

“อย่าเลย กูผิดเอง!”
“กูว่ามึง เปลี่ยนใจมาคบกับกูเหมือนเดิมเถอะ ปล่อยไอ้เด็กเชี้ยนั้นไปเถอะ!!” โค้ชพูดดังเสียงหนักแน่น
“นายพูดอะ....” หมอเอิร์ธไม่ทันได้พูดจบประโยคก็ถูกมือของอีกฝ่ายปิดไว้
“เอาเถอะ ระหว่างนี้ก็เก็บไปคิดดู” โค้ชโหดพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นมาอย่างที่หลงไม่เคยได้ยินมาก่อน

...........................


หลงกลับไปที่ห้องพักสำหรับนักกีฬาที่ถูกจัดขึ้นเป็นการชั่วคราวจากห้องเก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับการจัดงานกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ถูกจัดระเบียบใหม่เป็นห้องพักชั่วคราวของนักกีฬาที่มาเก็บตัวฝึกเขัมในครั้งนี้ ห้องโถงใหญ่ถูกจัดเป็นเตียงนอนแบบชั่วคราววางเรียงรายเป็นแถวตามแนวยาวของห้อง

หลงทิ้งตัวลงบนพื้นที่นอนที่จัดไว้เสียงดัง ที่นอนที่ไม่ได้อ่อนนุ่มเท่าใดนักทำเอาก้นกบของหลงรู้ปวดชาขึ้นมาทันที แต่ความเจ็บเหล่านั้นกลับไม่ได้แสดงบนสีหน้าที่ดูเหม่อลอยของเขาเลย
“เฮ้ย! เจ็บไหมนั้น!!” ไอ้โย่ง เพื่อนที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงเอ่ยถาม หลงเพียงสั่นหน้าตอบกลับไปด้วยสีหน้าเบลอๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจอยู่ มันเหมือนทั้งโกรธและเสียใจ

“เฮ้ย!! พวกมึง!! ใครยังไม่อาบน้ำก็รีบไปอาบ กูจะปิดไฟตอนสามทุ่มตรง  ถึงเวลานั้นใครยังไม่ถึงที่นอน กูจะให้วิ่งรอบสนามเพิ่มพรุ่งนี้อีกห้ารอบ!! ใครไม่อาบก็โดนไปสิบรอบ” เสียงโค้ชต้น โค้ชโหดของทีมตะโกนอยู่ที่หน้าห้อง

หลงได้ยินดังนั้นก็มองไปที่ต้นเสียงพอดี เขาเห็นโค้ชต้นมองมาที่เขาอย่างจงใจ และยิ้มเยาะเหมือนจะกลั้นแกล้งเขา เพราะเขาเป็นเพียงไม่กี่คนในห้องที่ยังไม่ได้อาบน้ำ หลงรีบหยิบผ้าเช็ดตัววิ่งที่ไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่สุดทางเดินอาคารทันที

ระหว่างทางที่เขาเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างร้อนรนเพราะตอนนี้มันสองทุ่มยี่สิบแล้ว เขาเห็นบรรดาเพื่อนๆ เขาต่างทยอยเดินออกจากห้องอาบน้ำและต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโค้ชโหดจะดับไฟตอนสามทุ่มให้หลงรีบไปอาบน้ำดีกว่า จากคำบอกเล่าจะเพื่อนๆ ทั้งหมด ยิ่งทำให้หลงเร่งฝีเท้ามากขึ้นจนเขามาถึงประตูหน้าห้องน้ำอย่างหายใจหอบถี่

ภายในห้องเกือบจะว่างเปล่า คนที่วิ่งแซงเข้ามาเข้าห้องน้ำก็เปิดเปิดประตูออกมา เหมือนว่าอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว (อาบน้ำหรือเดินผ่านน้ำวะ) พวกนี้เป็นไอ้พวกติดเกมตีป้อม เพราะมัวแต่เล่นเกมเลยมาอาบน้ำช้า แล้วก็รีบอาบเพื่อที่จะกลับไปต่อให้ได้สักเกม

เขามองตามห้องที่ว่างเปล่า หลงพยายามหาห้องที่ห้องน้ำดีๆ หน่อย เพราะส่วนใหญ่ฝักบัวที่นี่จะไหลไม่แรงเลย จนกระทั้งถึงห้องสุดท้าย ประตูยังล๊อกเหมือนยังมีคนอยู่

ผั๊ว !!

เสียงประตูเปิดออก เขายืนประจันหน้ากับหมอเอิร์ธที่ยืนเปลือยท่อนอกด้วยอาการตกใจ ผิวขาวสะอาดเกลี้ยงและตุ่มเนียนสีชมพูนั่น เขายังจำมันได้ดี สัดส่วนที่อ้อนแอ้นมันยังทำให้ใจเขาเต้นได้เสมอ หน้าที่ขาวใส ริมฝีปากสีชมพูฝาด แก้มแดงจากการอาบน้ำใหม่ๆ ผมเปียกชื้นลู่ลงไปตามรูปศรีษะ ทำให้ดูเซ็กซี่จนเขาเกือบห้ามใจไม่อยู่ หลงยืนตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เขาโหยหา

“น้ำห้องนี้แรง หลงคงจะชอบ มาอาบต่อสิ” หมอเอิร์ธพูด

หลงไม่ได้สนใจ เดินสวนเข้าห้องน้ำไป ไสคนที่อยู่ด้านในออกและปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง ปล่อยให้หมอเอิร์ททำหน้าหม่นหมองอยู่ที่หน้าห้องน้ำพักใหญ่ก่อนที่จะเดินจากไป ส่วนหลงนั้นได้แต่ยืนพิงประตูห้องน้ำ พยายามหักห้ามใจตนเองไม่ให้เปิดประตูโผไปหาคนที่อยู่ในใจเขาเสมอ

...............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 2) อัพ 5 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-01-2020 15:29:31
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 2) อัพ 5 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-01-2020 18:47:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 2) อัพ 5 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-01-2020 00:18:22
ปัญหาแต่ละคน  ดูไม่จืดเลย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 23 ส่วนที่ 3) อัพ 12 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 12-01-2020 10:52:00
วันที่สองของการฝึกเต็มไปด้วยโปรแกรมการซ้อมอย่างหฤโหด ทั้งการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานจนไปถึงแข่งฝึกซ้อมที่มีบทลงโทษที่โหดร้ายสำหรับผู้แพ้ สิ่งเดียวในการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ดีที่สุดคือ อาหารแต่ละมื้อที่บอกได้คำเดียว่าโค้ชใส่ใจกับมันมาก แต่ละมื้อเป็นบุฟเฟต์อาหารอย่างดีที่ตักได้ไม่อั้น! ดังนั้นคนในทีมจะโหยหาเวลานี้เป็นพิเศษเพราะมีแต่ของอร่อยๆ

และก็เป็นเหมือนเช่นทุกครา หลงพยายามหลบหน้าและหลบสายตาของหมอเอิร์ธตลอดทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นหลงก็จะแอบมองหมอเอิร์ธทุกครั้งที่หมอเอิร์ธเผลอหรือทำงาน ทุกครั้งเขาจะเห็นโค้ชต้น ไอ้โหดประจำมหาวิทยาลัย เข้าไปดูแลเอาใจใส่หมอเอิร์ธอย่างตั้งใจ เหมือนกับโค้ชจะรู้ว่าหลงแอบมองอยู่ก็จะเข้าในสายตาของเขาเพื่อแสดงความด้านอ่อนโยนของโค้ชต่อหมอเอิร์ธให้หลงเห็นทุกครั้ง และก็เป็นทุกครั้งที่หลังจากเขาเห็นภาพเหล่านั้น มันทำให้เขาไม่มีสมาธิกับการซ้อมเลย จนต้องถูกโค้ชโหดทำโทษบ่อยๆ และเป็นการลงโทษที่ดูหนักกว่าสมาชิกคนอื่นๆในทีมด้วย

จนกระทั้งการซ้อมของวันที่สองสิ้นสุดลง ทุกคนต่างโหยหาไปหาอะไรกินในห้องอาหาร ส่วนหลงนั้นเนื่องจากทั้งการซ้อมที่หนักและการโดนทำโทษที่หนักกว่า ทำให้เขาเหนื่อยกว่าทุกคนมาก รวมไปถึงเสื้อผ้าที่แสนจะมอมแมมจากคราบฝุ่นที่พื้นและคราบเหงื่อที่เปียกชุ่ม เขาจึงตัดสินใจบอกเพื่อนๆ ว่าจะไปอาบน้ำล้างตัวก่อน

ในขณะที่เขากำลังเดินไปห้องอาบน้ำชายที่สุดทางเดินของชั้นห้องพักนักกีฬา เขาสังเกตุเห็นชายสองคนเดินกอดคออยู่ข้างหน้าไกลจากเขาพอควร เขาคิดว่าเพื่อนๆ ของเขาทุกคนน่าจะ อยู่ที่ชั้นห้องอาหารไม่น่าจะมีใครมาทำอาบน้ำเหมือนกับเขา เพราะด้วยนิสัยเห็นแก่กินของแต่ละคน อาหารควรจะเป็นอันดับต้นๆ ในการตารางกิจวัตรประจำวัน ด้วยความสงสัยจึงพยายามเดินเข้าไปใกล้ขึ้นและเพ่งมอง ทำให้รู้ว่าคนที่เขากำลังตามอยู่นั่นคือโค้ชโหดของเขา ส่วนอีกคนหลังจากพยายามเพ่งมองดีๆ อีกครั้ง และด้วยความที่ทั้งสองหยอกล้อกันตลอดทางจึงได้เห็นเค้าหน้าของคนที่มากับโค้ชจากการที่เขาหันมาหัวเราะกับโค้ชเสียงดัง คนๆนั้นคือ หมอเอิร์ธ!

ความร้อนลุ่มสุมขึ้นในอกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เขาตัดสินใจสะกดรอยตามแบบเงียบๆ จนกระทั่งคนสองคนเดินหายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำ หลงไม่รอช้าสาวเท้าตัวเองเขาไปประชิดกำแพงที่ริมประตูห้องอาบน้ำทันที

“เร็วหน่อยสิ รีบๆถอดออกมา” เสียงโค้ชโหดแว่วมา
“เดี๋ยวสินาย ใจเย็นๆ เราไม่ได้อะไรทำแบบนี้มานานแล้ว” เสียงหมอเอิร์ธแว่วตอบมา ทำเอาหลงหูผึ่ง
“ช้าแบบนี้ เดี๋ยวไอ้พวกลิงกังพวกนั้นอิ่ม พวกมันก็จะมาอาบน้ำกันแล้ว อยากให้เจอเราในสภาพนี้หรือไง!!” โค้ชโวย

“อายหรือไง?” หมอเอิร์ธทำเสียงล้อเลียน
“ก็กูไม่เคยไหม?” เสียงโค้ชดูแผ่วลง
“อายเป็นด้วย?” หมอเอิร์ธยังมีน้ำเสียงล้อเลียนอีกฝ่ายแว่วมา
“มานี่เลยกูทำเอง! แค่ถอดออกและเสียบเข้าไปแค่เนี่ยชักช้าจริง!” เสียงโค้ชอารมณ์ขุ่น
“เราทำได้น่า เราเคยทำ” หมอเอิร์ธ
“โอ้ย! เฮ้ย!! ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใส่เข้าไป”
“รู้แล้วน่าแค่นี้เอง อ่ะ! นี้ไง! ใส่ได้แล้ว ไหนลองดูสิ”
“โอ้ย!! เจ็บนะไอ้บ้า ดูสิเลอะหมดเลย!!”

ความอดทนของหลงมีอยู่จำนวนจำกัด จากบทสนทนาทำให้ความสงบของหลงสลายตัวไป เท้าของเขาก้าวไวกว่าความคิด เขาเดินอุกอาจเข้าในห้องอาบน้ำ ด้วยอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของเขา เขาต้องเห็นไอ้ชู้รักสองคนนั่นต่อหน้าต่อตา ทำไมคนๆนี้ถึงได้กล้าพูดอ้อนวอนขอคืนดีกับเขาเมื่อวาน ในเมื่อวันนี้เขาก็พร้อมที่จะมีคนอื่น!

“อ้าว! ไอ้หลง!! มึงมาทำอะไรเนี่ย!!?” โค้ชต้นร้องทักทันทีที่เห็นหลงยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่เปิดกว้างออกเผยให้เห็นผู้ชายสองคนกำลังยืนซ่อมฝักบัวอยู่ในห้องน้ำ

“เอ่อ.....เอ่อ...... ผม...... ผมมาอาบน้ำครับ” พูดจบหลงก็เตรียมหันหลังเดินหนีทันที
“เดี๋ยว!!” โค้ชกระโดดคว้าตัวหลงที่อยู่ไกลเกินเอื้อมได้ทัน สมกับเป็นนักกีฬามืออาชีพ

“มึงจะอาบน้ำก็อาบแต่ห้ามบอกเรื่องนี้กับคนอื่นนะ!!” เสียงโค้ชดุดัน
“คะ...ครับ” หลงรีบตอบ เขารู้สึกอายมากกว่าที่หลงคิดไปไกลกว่าภาพที่เห็น
“มันจะเป็นอะไรมากวะ มันไม่เสียภาพลักษณ์มากนักหรอก” หมอเอิร์ธขำกับภาพที่เห็น
“กูต้องรักษาภาพโค้ชโหดโว้ย กูไม่ทำอะไรให้พวกลูกทีม! เนี่ยถ้าไม่ใช่เพราะมึงห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง น้ำไหลไม่แรงแค่นี้พวกมันก็อาบกันได้ ตอนอยู่บ้านพวกมันถูกตามใจจนสบายกันหมดแล้ว ให้พวกมันหัดลำบากกันเสียบ้าง!” โค้ชต้นโวยยาว
“เราก็แค่...... เราก็อยากอาบฝักบัวแรงๆ บ้างเหมือนกัน ก็เท่านั้น” หมอเอิร์ธเหลืบมองหลงแล้วก็หลบตาและพยายามพูดให้จบประโยค

“เฮ้อ...... ช่างแม่ง!! มึงไปอาบน้ำห้องริมสุด ห้องนั้นฝักบัวยังดีอยู่ ส่วนห้องอื่นกูจะรีบจัดการให้เสร็จ!!” โค้ชต้นผลักหลงให้เดินเข้าไปในห้องในสุดของห้องอาบน้ำ
“ครับ” หลงปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาตัดสินใจจะเดินจากไปแล้ว

ระหว่างที่เขาอาบน้ำ เขาได้ยินเสียงสนทนางึมงำระหว่างทั้งสองคนในห้องอื่นไม่ไกล แต่จับเป็นศัพท์ไม่ได้เพราะเสียงน้ำในห้องอาบน้ำของตนที่แรงและดังจนจับใจความไม่ได้ ครั้นจะเบาเสียงน้ำก็ดูจงใจเกินไป หลงจึงพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ กระทั่งเวลาผ่านไปนานพอควร เขาอยู่ในห้องน้ำนานจนตัวเปื่อย หลงจึงตัดสินใจออกไปกินข้าวต่อดีกว่า เพราะอยู่ฟังไปก็ไม่ได้ใจความอะไร

หลงเปิดประตูห้องน้ำเปิดออกในสภาพเปลือกอก ห่มผ้าเช็ดตัวปิดเพียงช่วงล่าง ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากการรีบเช็ดให้แห้งหมาด เขาต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อพบคนยืนรอเขาอยู่หน้าห้องน้ำ

“พี่เอิร์ธ!!” หลงร้องทักขณะชะงักฝีเท้าตนเองลง
“ขอโทษนะ.... คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ... พี่ไปก่อนนะ” หมอเอิร์ธพูดอ้ำอึ้งก่อนจะหันหลังทำท่าจะหลบหนีจากสถานการณ์นี้

“เดี๋ยว!” หลงก้าวเท้าไปดึงแขนอีกฝ่ายให้หยุด
“หลง! ปล่อย! เดี๋ยวมีคนมาเห็น” หมอเอิร์ธหันมาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ทำให้หลงเจ็บจี๊ดที่อกด้านซ้าย
“คือ... ผม.....” หลงลังเลที่พูดบางอย่างออกไป

“ไอ้เอิร์ธ! ทำไมยังไม่ออกมาอีกวะ!....... อ้าว.... ทำอะไรกัน?” โค้ชต้นที่เดินมาจากไหนไม่ทราบ เดินเข้าพบเหตุการณ์นี้เข้าพอดี
“อ้าว! ต้น ไหนว่า..... จะไปแล้วไง?” หมอเอิร์ธเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยอาการตกใจ พลันกระชากมือให้หลุดออกจากการจับของหลง
“อ้อ.... โดนไอ้เด็กหลงนี่รังแกอีกแล้วเหรอ?” โค้ชโหดย่างสามขุมเดินเข้าไปหาทั้งสองแล้วรวบตัวหมอเอิร์ธไปกอดแนบอกด้วยแรงกระชากของโค้ชทำให้เหมือนหมอเอิร์ธปลิวเข้าไปในอ้อมอกอีกฝ่ายอย่างง่ายดายเหมือนตุ๊กตายัดนุ่น

“กูบอกมึงไว้ตรงนี้เลยนะ!!” โค้ชต้นชี้หน้าหลง
“กูจะไม่ให้มึงทำให้เอิร์ธของกูเสียใจอีก! ต่อไปนี้กูจะดูแลเอิร์ธเอง!” โค้ชต้นทำเสียงดุดันใส่อีกฝ่าย
“เดี๋ยวสิ! ต้นนี่มันอะไรกัน มัน...” หมอเอิร์ธดิ้นรนให้พ้นจากอกแน่นๆ ของอีกฝ่ายแต่ก็กูเหมือนไร้ประโยชน์ เขาพยายามที่จะพูดให้โค้ชปล่อยเขาแต่ก็ถูกคนที่โอบรัดเขาจัดการโน้มศรีษะเข้าใกล้และประกบริมฝีปากกับเขาอย่างดูดดื่ม

“เชี้ย!!” หลงสบถเสียงดัง
“จำไว้ว่าเอิร์ทน่ะเป็นของกู!!” โค้ชย้ำอีกครั้งหลังถอนริมฝีปากออกมา
“เกินไปแล้วนะ!!” หมอเอิร์ธผลักอีกฝ่ายและผละถอยออกมาจากอ้อมอกโค้ชต้นได้

“ใช่!! มันเกินไปแล้วนะ!!” หลงตะโกนลั่น ร่างกายสั่งการเร็วกว่าสมอง รู้ตัวอึกทีเขาก็ถลาเข้าไปยัดหมัดใส่ปากอีกฝ่ายเรียบร้อย แต่ชั้นเชิงมวยมันต่างกัน โค้ชต้นเบี่ยงหลบได้อย่างฉิวเฉียด และสวนกลับด้วยหมัดหนักๆ หนึ่งหมัดจนหลงเซถลาไปด้านหลัง ผ้าเช็ดตัวที่มัดไว้รอบเอวเกือบหลุดล่อนจ้อน ดีที่ยังพอมีสติจับผ้าไว้ได้ทัน

“ดี! กว่าจะรู้ตัวนะมึง ไอ้หลง!” โค้ชต้นพูดขณะแกว่งมือไปมาเพราะชาจากการใช้หมัดไปกระทบกระโหลกแข็งๆของอีกฝ่าย
“เอิร์ธ... กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้แหละนะ ที่เหลือพวกมึงก็คุยกันดีๆ ก็แล้วกัน อ้อ! ไอ้หลง กูจะบอกมึงให้รู้ไว้เลยนะว่ากู.. ไม่ได้ชอบผู้ชาย!! กูช่วยไอ้หมอเพราะสงสารมันที่ไปหลงรักกับเด็กห่วยๆ อย่างมึง!! กูไปล่ะ ทั้งเจ็บมือทั้งขนลุกไปหมด เชี้ยอะไรเนี่ย ทำไมกูต้องลงทุนขนาดนี้ก็ไม่รู้!” หลังจากที่โค้ชต้นอธิบายเสร็จ เขาก็เดินไปบ่นไปจนหายออกจากห้องอาบน้ำไป ทิ้งให้หลงงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“หลง.... พี่ขอโทษ.......... คือ.... พี่ขอให้ไอ้ต้นมันช่วย มันก็แค่บอกให้ทำตามที่มันวางแผนไว้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษนะ พี่รู้ว่า มาถึงขึ้นนี้แล้วอาจจะยิ่งทำให้หลงไม่ให้อภัยพี่แล้วก็ได้” หมอเอิร์ธพูดไปน้ำในตาก็ร่วงพราวออกมาอย่างช้าๆ หมอเอิร์ธใช้มือข้างหนึ่งลูบไปที่รอยแดงเป็นจ้ำบริเวณใบหน้าของหลงอย่างอ่อนโยน

“เฮ้อ......” หลงถอนหายใจ เขายกมือขึ้นจับมือของหมอเอิร์ธที่พยายามลูบใบหน้าหลงเพื่อให้บรรเทาความเจ็บปวด หลงกำมือหมอเอิร์ธแน่น
“งั้นพี่ขอตัวนะ” หมอเอิร์ธพยายามจะลุกขึ้นเพื่อเดินจากไป เขาคิดในใจซ้ำๆว่าเขาคงไม่มีวันได้กลับมาคืนดีกับหลงแล้วแน่นอน

“เดี๋ยวสิพี่” หลงรั้งอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ลุก
“เอาเข้าจริงนะพี่ ผมน่ะแพ้ตั้งแต่พี่มาขอคืนดีเมื่อวานแล้วล่ะ เพียงแต่ทิฐิบางอย่างของผมมันรั้งผมไว้ ...... แต่พอมาเจอพี่โดนคนอื่นจูบต่อหน้าแบบนี้แล้ว ทำให้ผมคิดว่าผมไม่อยากเสียพี่ไปอีกแล้วว่ะ!” หลงยื่นอีกมือหนึ่งไปสัมผัสหน้าของอีกฝ่ายและดึงให้เข้ามาใกล้ตัว เขาบรรจงจูบลงบนริมฝีปากสีชาดอ่อนอย่างนุ่มนวลโดยที่หมอเอิร์ทไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด

ทั้งสองต่างถูกอีกฝ่ายดึงดูดเอาไว้เหมือนแม่เหล็กต่างขั้วที่ไม่มีผลักออกจากกัน หมอเอิร์ธค่อยๆย่อตัวลงตำ่เพื่อบรรจงแนบตัวให้เสมอกับอีกฝ่าย หลงเองก็ใช้มือของตนโอบรั้งร่างเนียนนุ่มนั่นไว้อย่างอ่อนโยน

“เฮ้ย! มีป้ายที่หน้าห้องน้ำด้วยว่ะ!” เสียงจากด้านอกประตูห้องอาบน้ำดังขึ้น ทำให้หลงและหมอเอิร์ธได้สติและจัดแจงร่างกายให้ยืนตรงตามระเบียบ

หมอเอิร์ธและหลงมีสีหน้าเขินอาย หน้าแดงก่ำฝาดและหายใจหอบถี่ หลงยิ้มให้หมอเอิร์ธอย่างขวยเขิน ในขณะที่หมอเอิร์ธก็พยายามหลบสายตาและเรือนร่างของอีกฝ่ายที่มีการปกปิดท่อนล่างเพียงผ้าเช็ดตัวขนาดพอดีลำตัว ทำให้อะไรต่อมิอะไรใต้ร่มผ้าผุดนูนขึ้นจนเห็นขนาดชัดเจน
“อ้าว! ห้องน้ำเสียว่ะ เห็นว่าน้ำจะไม่ไหลจนกว่าจะสามทุ่ม!!” เสียงคล้ายไอ้โย่ง หนึ่งในสมาชิกทีมพูดขึ้น
“เชี้ยแล้ว เอาไงเนี่ย! กูง่วงนอนแล้วด้วยเนี่ย อีกตั้งชั่วโมงกว่า” เสียงนี่หลงคาดว่าเป็นไอ้แบงค์ เพื่อนร่วมทีมที่ไม่ชอบอาบน้ำเป็นคนพูด
“มึง!! ไม่ต้องเลย ยังไงมึงก็ต้องอาบน้ำ มึงนอนอยู่ข้างกู กูไม่ทนดมกลิ่นมึงทั่งคืนนะไอ้สัด!!”
“เออๆ เดี๋ยวกูไปเล่นเกมส์รอก็ได้”
“งั้นกลับเหอะวะ จะได้ไปบอกไอ้พวกที่เหลือในหอนอนด้วยว่าไม่ต้องรีบมา”
แล้วเสียงฝีเท้าของทั้งสองก็เดินจากไป ท่ามกลางการถอนหายใจอย่างโล่งอกของหมอเอิร์ธที่ไม่มีใครเห็นเขากับหลงในสภาพนี้ ส่วนป้ายหน้าห้องน่าจะเป็นไอ้ต้น โค้ชโหดเจ้าวางแผนไปติดไว้เพื่อช่วยให้เขากับหลงมีความเป็นส่วนตัว

“หลง.....” หมอเอิร์ธหน้าระรื่นและตัดสินใจว่าจะบอกหลงว่าเขารู้สึกยินดีแต่ไหนที่หลงยอมเชื่อใจเขาอีกครั้ง หลังจากหันกลับไป หมอเอิร์ธกลับโดนอีกฝ่ายจู่โจมในระยะประชิด หลงกดริมฝีปากตัวเองอย่างดูดดื่มจนหมอเอิร์ธไร้เรี่ยวแรงขันขืน

การจู่โจมอย่างหิวกระหายทำให้หมอเอิร์ธแทบจะหายใจไม่ทัน และต้องผลักรั้งอีกฝ่ายออกไปเพื่อพักหายใจ

“ผมคิดถึงพี่มาก ผมนึกถึงพี่ทุกวัน คิดถึงทุกเรื่องที่เราทำด้วยกัน” หลงพูดด้วยสีหน้าแดงเรื่อและหายใจหอบถี่
“พี่ก็คิดถึงหลงนะ” หมอเอิร์ธยิ้มอย่างดีใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาแห่งความปิติไว้ไม่อยู่ เขาดีใจที่ได้ยินคำนี้จากปากคนที่เขารักหมดใจอีกครั้ง
“งั้นผมขอทบต้น ทบดอกเลยนะ!!” จบประโยคของหลง เขาก็ผลักอีกฝ่ายเข้าห้องอาบน้ำที่ใกล้ที่สุด ปิดประตูอย่างรวดเร็วจนหมอเอิร์ธตั้งตัวไม่ติด หลงโถมตัวเองใส่อีกฝ่ายจนหมอเอิร์ธไม่อาจต้านทานได้ เขาทำได้แต่ทำตามแรงปรารถนาของอีกฝ่าย ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มต้นอย่างร้อนแรง หมอเอิร์ธเองก็เป็นชายหนุ่มที่มีความต้องการไม่แพ้กันจึงได้ตอบสนองอีกฝ่ายอย่างเต็มที่เช่นกัน

ไม่นานนักร่างกายของทั้งสองฝ่ายต่างเปลือยเปล่า เนื้อเนียนแน่นของทั้งสองต่างถูไถเสียดสีไปตามแรงอารมณ์และไฟราคะที่ท้วมท้น เมื่อถึงจุดที่ใกล้จะแตกหักทางด้านเคมีในสมองของทั้งสองฝ่าย หลงผลักให้หมอเอิร์ธหันหลังและใช้สบู่ให้ห้องน้ำชโลมปากทางไปทั่ว
“เดี๋ยวหลง พี่ยังไม่พร้อม เราควร....”
บางอย่างที่แข็งแรงแข็งขันได้ทะลวงผ่านด่านประตูเข้าไปจนสุด
“โอ้ย!! ... ป้องกัน...” หมอเอิร์ธพยายามพูดให้จบประโยคแต่ก็สายเกินไป
“ผมไม่ไหวแล้วครับ ผมขอนะครับ!” เสียงกระเซ่า สั่นเครือของอีกฝ่ายขอร้องพร้อมๆ กับขยับเรือนร่างเข้าออก จนหมอเอิร์ธไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้ นอกเสียจากการพยายามสกัดกั้นเสียงตัวเองไม่ให้ร้องดังเกินไป.....

เวลาผ่านหลายสิบนาที คำพูดของหลงที่ว่า “ทบต้นทบดอกนั้น” ไม่ได้ไกลจริงเลย หลงจัดการอีกฝ่ายจนแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว หลงนั่งลงกับพื้นห้องน้ำใช้หลังพิงผนังห้องน้ำฝั่งหนึ่งไว้ ส่วนหมอเอิร์ธนั้นนั่งหันหน้าให้หลงและกอดคอหลงอยู่บนตักของอีกฝ่ายในสภาพหมดแรง

“ไปเก็บกดที่ไหนมาเนี่ย!” หมอเอิร์ธหอบหายใจระหว่างพูดให้จบประโยค
“พี่ก็รู้ว่าหากไม่ใช่พี่! ผมก็ไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น! พี่คนเดียวที่ผมต้องการ! กี่เดือนมาแล้วที่ผมไม่ได้เอาออก” หลงพูดจบก็หอมแก้มอีกฝ่ายทันที
“เฮ้ย!! ร่างกายคนเราจะเก็บกดสิ่งนี้ได้นานขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้!!” หมอเอิร์ธทำหน้าแปลกใจ “คนเรามันก็ต้องมีบ้าง! พี่ยัง.....” แล้วหมอเอิร์ธก็หน้าแดง

“เหนียมๆ แบบนี้ก็ความต้องการสูงนะเนี่ย ยังไง? แอบไปทำกับใครมา?” หลงโอบกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้นจนหมอเอิร์ธเกือบจะหายใจไม่ออก

“จะบ้าเรอะ! แค่ช่วยตัว....เอง....เฉยๆ.... ก็ใครให้แฟนง้อยากล่ะ!” หมอเอิร์ธพูดไปหน้าแดงไป เพราะปกติหมอเอิร์ธไม่ค่อยชอบพูดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ทั้งที่เป็นหมอแท้ๆ พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเองทีไรก็ต้องเขินทุกที หลงจึงมักจะหลอกให้หมอเอิร์ธพูดออกมาเองเป็นประจำ หลงพอเห็นคนตรงหน้าเขินจนหูแดงก็เชยคางอีกฝ่ายขึ้นไปประกบปากอย่างดูดดื่ม

“แล้วคนเป็นหมออย่างพี่คิดว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ?”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องที่ผมเก็บมาให้พี่เสียหลายเดือนนี่ไง?”
“จะโม้อะไรอีก มันเป็นไปได้ที่ไหน? วัยรุ่นอย่างเรามันต้องมีทนไม่ไหวกันบ้างล่ะ นี่พี่ยังกลัวเลยว่าหลงจะไปทำกับคนอื่น!” หมอเอิร์ธทำสีหน้าไม่เชื่ออีกฝ่าย
“ผมพูดจริงนะ จากเหตุการณ์สองสามยกเมื่อครู่ พี่ก็น่าจะรู้สึกปริมาณที่ผมมอบให้พี่นะ!”
“ปริมาณของอะไร?”
“ปริมาณของ....” หลงยิ้มอย่างลามก
“เอ้อๆๆ พอๆ ไม้ต้องพูดแล้ว!!” หมอเอิร์ธหน้าแดงเมื่อนึกตามคำพูดของหลง  และก็แอบเห็นด้วยกับไอ้เด็กยักษ์ตรงหน้าเขาจนไม่กล้าสบตา หมอเลยแอบหยิกเนื้ออกอีกฝ่ายจนแดงเพราะเป็นเหตุให้เขาเลอะเทอะไปหมด

“โอ้ย!!!”

..........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 23 ส่วนที่ 3) อัพ 12 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 12-01-2020 10:53:26
การเก็บตัวซ้อมพิเศษสิ้นสุดลงในเช้าวันหยุดวันสุดท้าย หลงเดินอย่างเร่งรีบหลังจบการซ้อมและสรุปผลการซ้อมส่งท้ายจากโค้ชโหดที่ตอนนี้หลงยังเข้าหน้าไม่ติด เขาเดินกึ่งวิ่งลงมาจนถึงหน้าอาคารกีฬาเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ เขามองซ้ายขวาอย่างรวดเร็วเพื่อมองหาคนที่เขาอยากเจอที่สุด เนื่องจากก่อนที่เขาจะลงมาถึงหน้าตึก เขาแวะไปหาหมอเอิร์ธที่ห้องเรียบร้อยแล้ว แต่พบกับห้องที่ว่างเปล่า

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาสุดที่รักของเขาทันที แต่ก็พบเพียงแต่เสียงรอสาย เขาฟังมันจนกระทั่งถูกตัดสายไปโดยอัตโนมัติ เขาพยายามกดหมายเลขนั้นเพื่อโทรศัพท์ไปหาหมอเอิร์ธอีกหลายสาย แต่ก็พบกับเสียงรอสายเดิมๆและทุกครั้งก็จะตัดไปเป็นฝากข้อความตลอด

ความกังวลเกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดในใจ ท้องไส้เริ่มปั่นป่วนจนอาหารเช้าที่กินเข้าไปอยากจะสวนทางออกมา

“เฮ้ย!! ไอ้หลง เป็นเชี้ยอะไรวะ ทำไมมึงถึงได้รีบวิ่งออกมา สัด อย่าบอกนะว่า ทนไม่ไหวแอบออกมาชักว่าวอีก!” ไอ้โย่งที่เดินเรื่อยเอือยลงมาถึงจุดที่หลงยืนเอ่ยทัก

“พ่องงงงงง!!!” หลงด่ากลับไปอย่างอายๆ เพราะในวันที่เขากับหมอเอิร์ธอยู่ด้วยกันในห้องน้ำนั้น ดันไปเจอไอ้โย่งเดินสวนเข้ามาพอดี โชคดีที่หมอเอิร์ธขอตัวเดินออกไปก่อนแล้ว ทิ้งให้หลงออกจากห้องน้ำคนเดียวด้วยท่าทางสุขสมและหอบถี่ เป็นเหตุให้ไอ้โย่งกวนบาทาคนนี้ ล้อเลียนหลงตลอดการฝึกซ้อม จนหลงได้ฉายาว่า ‘หลงน้ำล้น’

แต่นั้นไม่ทำให้หลงรู้สึกแย่เลย เขากลับรู้สึกดีกระปรี้กระเปร่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาได้คนรักกลับมาคืนแล้ว แถมยังได้เจอเขาทุกวัน ในวันถัดๆไป หลงก็แว่บหายในช่วงหัวค่ำก่อนนอนตลอด เพราะหลงแอบย่องไปหาหมอเอิร์ธที่พักอยู่ที่ห้องพยาบาล และกลับมาด้วยสภาพเดียวกับวันก่อนที่เจอในห้องน้ำ โดยมีไอ้โย่งคนเดียวกันบังเอิญไปเจอกับหลงก่อนเข้าห้องไปนอนอีก ทำให้ยิ่งทำให้ล้อหลงอย่างสนุกปาก และพาลให้คนอื่นล้อเลียนหลงไปด้วย

ไอ้โย่งล้อเลียนหลงเสร็จก็กลับหอพักไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆ ที่ทยอยลงมา จนกระทั้งเหลือเพียงหลงยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย

“เฮ้ย!! ยังไม่หลับอีกไอ้น้ำหลาก!!” โค้ชต้น โค้ชโหดประจำทีมเอ่ยทัก หลังจากลงมาจากอาคารแล้วพบกับแฟนเพื่อนอย่างหลงยืนเก้ๆกังๆอยู่คนเดียว

“น้ำล้นไหมโค้ช” หลงพูดแก้
“อ้าว! รู้ตัว แต่กูพอใจจะเรียกมึงแบบนี้!” โค้ชเดินมาขยี้หัวเกือบเกรียนของหลง
“เอ่อ..... โค้ชครับ.... โค้ชเห็น....” หลงอ้ำอึ้ง
“ไอ้เอิร์ท!  ไม่เห็นนะ โค้ชก็คิดว่ามึงแอบลอบพามันไปซั่มกันที่ไหนเสียอีก!!”
“อะไร! โค้ช!!” หลงมาฟังคนอื่นพูดก็ชักจะขัดเขินอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับคนห่ามๆ อย่างโค้ชโหด
“หรือไม่จริง! อย่านึกว่ากูไม่รู้นะว่าพวกมึงทำอะไรกัน ครั้งแรกก็เป็นกูไหมที่เปิดโอกาสให้! ส่วนวันหลังจากนั้น กูไม่ได้อนุญาตินะที่จะให้มาซั่มกันในอาคารกีฬาแบบนี้”

“โค้ชผม.... ไม่ได้...”
“อย่ามาตอแหล กูนอนอยู่ห้องข้างๆ ได้ยินหมดแหละ กูเลยไม่ค่อยได้นอนเลย ไอ้ฉิบหาย!! กูไม่เรียกมึงไปตักเตือนก็ดีฉิบหายแล้ว!! กูเห็นแก่ไอ้เอิร์ทหรอกนะ!!”
“อ่า.... ครับ”
“แล้วโค้ชพอจะทราบไหมครับว่าพี่เอิร์ธอยู่ไหน?”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ โทรหามันหรือยัง?”
“เรียบร้อยครับ ไม่รับสายเลย!”
“โดนเรียกตัวกลับโรงพยาบาลมั้ง ก็แอบหนีงานมาง้อมึงอยู่ตั้งหลายวัน”
“อ้อ... โอเคครับ งั้นผมรับไปหาพี่เอิร์ธที่โรงพยาบาลดีกว่า ขอบคุณครับ” หลงพูดจบก็วิ่งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตอนซ้อม กับตอนแข่งให้มันไวแบบนี้นะ!!” โค้ชต้นส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

............................

เสียงหายใจหอบถี่บวกกับอาการเต้นระรัวที่หน้าอกทำให้หลงหยุดพักเหนื่อยอยู่ที่หน้าอาคารผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากการเร่งรีบเดินทางมา

ผู้คนต่างเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเช่นเคย หลงออกเดินเมื่อระบบหายใจกลับมาเป็นปกติแล้ว เหงื่อที่ไหลรินไปทั่วร่างกายทำให้เขาเริ่มกังวลถึงกลิ่นตัว แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว เขาอยากพบคนที่เขารักมากกว่าสิ่งใด เพราะความกังวลใจแปลกๆได้เข้ามาเล่นงานเขาตั้งแต่เช้า เขาบอกไม่ถูก เหตุการณ์มันคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก่อนวันที่พี่เอิร์ธจะหายไปจากชีวิตเขา

หลงเดินตรงรี่ไปที่หน้าเคาร์เตอร์พยาบาลเพื่อถามถึงหมอเอิร์ธ แต่ก็ได้แต่ข้อความเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นพยาบาลคนไหนก็พูดตรงกันว่า “วันนี้หมอเอิร์ธลากิจค่ะ”

หลงพยายามโทรศัพท์หาอีกหลายครั้งแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม คือไม่มีคนรับสายเลย เขารู้สึกสับสนเคว้งคว้างไปหมด นี่เขากลับไปอยู่จุดเดิมอีกแล้วหรือเนี่ย?

เขาเดินใจลอยไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสุดสายตา คนที่เดินขวักไขว่ไปมามากมายแต่กลับไม่เจอคนที่เขาตามหา เขาทรุดลงนั่งกับพื้นใกล้กับลิฟท์ที่สุดทางเดินของอาคารโรงพยาบาล เขารู้สึกเหนื่อยและหมดแรงเกินกว่าที่จะเดินต่อ เขาเดินออกจากอาคารเดิมจนกระทั่งออกมาอีกฝากหนึ่งของอีกตึกหนึ่งที่เชื่อมโยงต่อกัน หลงไม่เคยเดินเข้ามาในโรงพยาบาลลึกถึงเพียงนี้ ตอนนี้เขารู้ว่าที่นี่มันกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน เขารู้สึกได้ว่าดวงตาร้อนผ่าวไปหมด ภาพที่เห็นตรงหน้าพร่ามัวจากน้ำที่เริ่มคลอปริ่มในดวงตา จนเขาเริ่มเป็นจุดสนใจของคนที่เดินไปเดินมา

“อ้าว! น้อง!” เสียงใสๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงลิฟท์เปิดออก
“คระ...ครับ” หลงรู้สึกตกใจเพราะมีพยาบาลที่ออกจากลิฟต์เข้ามาทัก หรือเขาไม่ควรนั่งตรงนี้!
“น้อง... เอ่อ.... ที่.... รู้จักอาจารย์เอิร์ธใช่ไหม?” พยาบาลคนนั้นทำท่าพยายามนึก
“เอ่อ... ครับ... พี่รู้จักผม?”
“วันนี้ดูโทรมๆนะ แต่ใช่ ใช่ไหม?”
“ครับ! ใช่ครับ ผมไม่ควรมานั่งตรงนี้ใช่ไหมครับผมขอโทษ!” หลงรีบลุกขึ้นเหยียดตัวตรงจนสูงพ้นหัวนางพยาบาลที่มาทักเขา
“น้องจำพี่ได้ไหม? คือพี่เป็นพยาบาลที่ช่วยอาจารย์เอิร์ธเป็นประจำไง” พยาบาลพยายามแนะนำตัวเองไปพร้อมกับจัดหมวกตัวเองไปพร้อมกัน เพราะเธอดูเร่งรีบร้อนรนจนเครื่องแบบบิดเบี้ยวไปบ้าง
“อ่า.....”หลงพยายามนึกแต่เขาโกหกไม่เก่งเลยไม่กล้าแกล้งบอกว่าจำอีกฝ่ายหนึ่งได้
“เออๆ ช่วงเถอะ พี่มีเรื่องให้ช่วยตามพี่มาหน่อย!!” พูดจบนางพยาบาลก็คว้ามือหลงและฉุดเขาเข้าไปในลิฟต์และกดไปชั้นห้าทันทีที่ลิฟต์เปิดประตู สร้างความฮือฮาให้คนแถวนั้นได้พอควร

...............

หลงถูกลากมาจนถึงพื้นที่ที่มีความสงบและเงียบมากแห่งหนึ่ง พื้นและผนังสีขาว ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ดูโดดเดี่ยวมากขึ้น หากพี่พยาบาลไม่พามา เขาคงไม่เดินมาเองเป็นแน่ พื้นที่บริเวณนี้ถูกกั้นเป็นห้องๆ และปกปิดอย่างมิดชิด มีม้านั่งอย่างดีอยู่ตลอดฝั่งทางเดินบริเวณนั้น ไม่นานสายตาของเขาก็ไปตกกระทบกับคนๆ หนึ่งที่นั่งคุดคู้อยู่บนม้านั่งสีเขียวเข้มในชุดคลุมสีฟ้าตั้งแต่ช่วงคอไปจนถึงเท้า ผมเผ้าถูกเก็บอย่างดีในหมวกคลุมสีฟ้าเข้ากับชุดคลุมที่สวมใส่อยู่ คนๆ ที่หลงจำได้ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรอยู่

“พี่เอิร์ธ!” คำพูดที่หลงหลุดออกจากปากเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“หลง!!” ชายที่นั่งคุดคู้อยู่เงยหน้าขึ้นมามองที่ต้นเสียง

“น้องช่วยพี่ดูแลอาจารย์เอิร์ธหน่อยนะ เนี่ยไม่กินไม่นอนเลย” พี่พยาบาลหันมาบอกหลง
“อาจารย์คะ อย่าเครียดมากเลยคะ ดิชั้นเองก็คงช่วยได้แค่นี้นะคะ ทำได้แค่ส่ง ‘กำลังใจ’ มาให้” พูดจบ นางพยาบาลก็ยิ้มให้ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

“หลงมาได้ยังไงเนี่ย?”
“ผมตามหาพี่นี่แหละ แต่ช่างเถอะเรื่องมันยาว เกิดอะไรขึ้นครับ!” หลงโอบกอดร่างที่สั่นเทานั้นไว้แน่น
“พี่ขอโทษนะ ที่มาโดยไม่ได้ลา แต่พี่... นึกอะไรไม่ออกจริงๆ” หมอเอิร์ธพูดออกด้วยหยดน้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างช้าๆ

“ช่างมันเถอะครับ! ผมเจอพี่แล้ว เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพี่อยู่ในสภาพนี้!
“คือ.... เมื่อเช้า.... พ่อพี่.... หัวใจล้มเหลวน่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!! ตอนที่พี่มา พ่อก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดแล้ว! พี่พยายามเข้าไปช่วยแล้ว แต่พี่มันอ่อนแอเกินไปที่จะไปช่วยเหลือตรงนั้น ตอนนี้มันมีการรักษาชนิดใหม่........... ด้วยเทคโนโลยี........... ก็เลยฝากให้รุ่นพี่ของพี่ที่มีความรู้เฉพาะทาช่วยดูแลให้” หมอเอิร์ธอธิบายยาว แต่หลงจับใจความได้เพียงบางส่วน

“ขนาดเศร้ายังอธิบายยาวกันขนาดนี้เลย พี่ก็รู้ว่าผมโง่ อย่าทำเหมือนว่าผมรู้ทุกอย่างที่พี่พูดสิ” หลงพูดหน้าตายแต่ก็สร้างรอยยิ้มให้กับหมอเอิร์ธได้ประมาณหนึ่ง

“ไอ้เด็กบ้า!” หมอเอิร์ธพูดด้วยสีหน้าสดใสขึ้นเล็กน้อย

“ยิ้มได้แล้วนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว  เรามาช่วยกันสวดมนต์ ขอให้พระพุทธคุณคุ้มครองให้คุณพ่อของพี่ปลอดภัยเถอะครับ” หลงยิ้มและยกมือขึ้นเช็ดปาดน้ำตาของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน และหอมที่หน้าผากยาวๆ หนึ่งฟอด

“อืม....ไอ้เด็กบ้า....จำไม่ได้หรือไงว่าพี่เป็นคริสต์!” หมอเอิร์ธตีแก้มอีกฝ่ายเบาๆ
“หยอกครับหยอก พี่จะได้ขำไง!”หลงจับมืออีกฝ่ายไว้แน่นก่อนที่จะพามือนั้นไปโอบรอบเอวตัวเอง บังคับให้อีกฝ่ายนอนบนตักของตนอย่างอ่อนโยน
“พักสักหน่อยนะครับ....... หากพ่อพี่หายดีแล้ว พี่จะมาป่วยเสียแทนนะ!” หลงลูบหน้าอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู เขาจ้องมองวงหน้านั้นด้วยความรักและให้กำลังใจ จนอีกฝ่ายยอมเอนกายแต่โดยดี และหลับไปในเวลาไม่นาน

เสียงหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนที่นอนหนุนตักหลงอย่างไร้สติ ทำให้หลงรู้ว่าหมอเอิร์ธเหนื่อยขนาดไหน เขาเดาว่าหมอเอิร์ธคงมาถึงโรงพยาบาลทันทีที่ทราบข่าวพ่อตั้งแต่ช่วงกลางดึกเมื่อคืน เพราะเขาจำได้ว่าช่วงหัวค่ำพี่หมอของเขายังอยู่กับเขาบนเตียงในห้องพยาบาลด้วยกันอยู่เลย

เสียงประตูห้องผ่าตัดเปิดออกมา เผยให้เห็นทีมแพทย์และพยาบาลในชุดเดียวกับคนที่นอนหนุนตักเขาอยู่ วินาทีเดียวกันนั้น หมอเอิร์ธก็สะดุ้งตื่นและยืดตัวขึ้นยืนและเดินไปหาคนที่ออกจากห้องทันที

“ไม่ต้องห่วง ปลอดภัยแล้ว เอิร์ธ” คนที่อยู่ในชุดสีฟ้าเข้มพูดกับหมอเอิร์ธพร้อมตบไหล่หมอเอิร์ธเบาๆ

เสียงผ่อนลมหายใจของหมอเอิร์ธดังจนคนที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างหลงยังได้ยินชัดเจน หมอเอิร์ธฝืนยิ้มออกมาอย่างหมดแรง

“ขอบคุณครับ” เสียงขอบคุณอันแผ่วเบาออกมาจากปากอันซีดเซียวของหมอเอิร์ธ
“เฮ้อ.... อาจารย์เนี่ยก็จริงๆ นะ รู้ว่าตัวเองป่วยก็ไม่น่าฝืนมาเข้าเวรตอนดึกเลยจริงๆ เป็นคนใหญ่คนโตในกระทรวงฯ แล้วทำไมยังออกตรวจอีกเนี่ยไม่เข้าใจเลย” คุณหมอที่เป็นรุ่นพี่ของหมอเอิร์ธแอบบ่น หลงมารู้ทีหลังว่าคนนี้เคยเป็นลูกศิษย์ของคุณพ่อหมอเอิร์ธ

“ก็อย่างที่ทราบล่ะครับ พ่อเขาดื้อจะตาย เขารักวิชาชีพนี้มาก เขายังไม่ต้องการเลิก”
“พี่แค่ออกตรวจยังเหนื่อยเลย นี่ต้องไปทำงานที่กระทรวงอีก.... พี่ไม่เอาด้วยหรอก” รุ่นพี่ของหมอเอิร์ธบ่นอุบอิบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หมอเอิร์ธฝืนหัวเราะ

“นั่นใครน่ะ?” รุ่นพี่เอ่ยถามหมอเอิร์ธ
“เอ่อ....” หมอเอิร์ธพยายามนึกและมองไปทางหลงเหมือนจะขออนุญาตให้เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขา
“แฟนครับ ผมเป็นแฟนพี่หมอ” หลงกลับพูดส่วนมาก่อนที่หมอเอิร์ธจะพูดเสียอีก ทำให้หมอเอิร์ธแปลกใจและเขินในคราวเดียวกัน

“โห...... เป็นอมตะไปเสียแล้วน้องเรา” รุ่นพี่แซว
“พี่ครับ!” หมอเอิร์ธร้องทักรุ่นพี่ให้หยุดแซวแก้เขิน
“เออๆ กลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องการพักฟื้นอาจารย์เอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยม ดูสิเนี่ยโทรมหมดแล้ว! เอ้อ! น้อง! พาแฟนกลับบ้านไปอาบน้ำกินข้าวพักผ่อนให้เรียบร้อยก่อนนะ! ช่วยพี่หน่อย ไอ้เด็กคนนี้มันดื้อเหมือนพ่อมันเลย!!” รุ่นพี่คุยกับหมอเอิร์ธเสร็จก็หันมาสั่งหลงเป็นชุด

“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมจัดให้! อาบน้ำปะแป้งกินข้าว กล่อมนอนให้เรียบร้อยเลย รับรองครับ พี่เอิร์ธไม่กล้าดื้อกับผมแน่นอน!!” หลงเล่นตามน้ำ
“ไอ้เด็กบ้า!! พี่ไม่ใช้เด็กเล็กๆนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของเรานะเนี่ย!” รุ่นพี่หัวเราะเสียงดัง
“พี่โชเนี่ย เฮ้อ.... หลงกลับกัน” หมอเอิร์ธชวนหลงหลับด้วยใบหน้าอันแดงเลือดฝาด

...................

หนึ่งวันผ่านไปในห้องพักฟื้นของคนไข้ระดับวีไอพี ชายร่างสูงวัย รูปร่างค่อนข้างท้วมนอนอยู่ในท่าสบายๆ หลังอิงกับเตียงที่ถูกปรับขึ้นมาตั้งตรง สายตาที่เริ่มฝ่าฝางนั้นจดจ้องไปที่นอกหน้าต่างที่มีแสงแดดแผดจ้าร้อนแรงในช่วงสายของวัน

เสียงกึกกักที่ประตูทำให้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ทำให้ชายชราหันไปที่ต้นเสียงทันที ในคลองสายตาภายใต้แว่นกลมหนา เขาเห็นเด็กหนุ่มสูงโปร่งรูปร่างนักกีฬา หน้าตาหล่อตี๋แต่มีดวงตากลมโต เดินเข้ามาให้ห้องด้วยรอยยิ้มอย่างประหม่า เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นกังวล

“ขอโทษที่รบกวนครับ เอ่อ... พี่เอิร์ธยังไม่มาหรือครับ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยเสียงที่สุภาพ
“........” ชายชราไม่ได้ตอบสิ่งใดออกไป ทำเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากและส่ายหน้าเท่านั้น
“เอ่อ... ผมนัดพี่เขาไว้ว่า.... จะมาด้วยกันแต่.... โอเคครับเดี๋ยวผมค่อยมาพร้อมพี่เอิร์ธดีกว่า ขออภัยที่รบกวนครับ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้อย่างสุภาพ

“หลง.... หลงใช่ไหมลูก?” ชายชราเอ่ยถามจากเสียงที่ยังมีอาการสั่นเครืออยู่เล็กน้อย
“อ่ะ.... ครับ” ชายหนุ่มหยุดชะงักเท้าทันทีที่จะหันหลังกลับ เขาหันกลับมาตอบอย่างสุภาพ
“พี่เอิร์ธจะมาเยี่ยมพ่อเหรอลูก? งั้นมารอด้วยกัน มานั่งรอตรงนี้ลูกมา” เสียงที่แสนโอนโยนลอยมากับอากาศ ทำให้ชายหนุ่มปฏิเสธได้ยาก
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าและเดินเข้าไปที่เก้าอี้ที่ชายชราชี้มาเพื่อนั่งลงด้วยท่าทางประหม่า

“ได้เจอกันเสียที ได้ยินแต่เรื่องเล่าจากปากลูกชายพ่อ ในที่สุดก็ได้เจอคนที่ได้ครอบครองหัวใจของเอิร์ธเสียที” ชายชรายิ้มไปด้วยพูดไปด้วยวาจาที่อ่อนแรง
“คะ...ครับ สวัสดีอย่างเป็นทางการครับคุณลุง” หลงพูดจาอย่างขัดเขิน
“ลุงเลิงอะไรกัน เป็นแฟนลูกชายพ่อก็ต้องเรียก ‘พ่อ’ สิ!” อยู่ๆ ชายชราก็เสียงดังขึ้นมา ทำให้หลงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ครับพ่อ ครับคุณพ่อ” หลงพูดเสียงดังตามไปด้วย

“หน้าตาดีแบบนี้นี่เอง ลูกพ่อถึงได้หลงเหลือเกิน ดูจากลักษณะโหงวเฮ้งก็ดี เป็นคนจริงใจจริงจัง ใช่ได้ๆ” ชายชราเหมือนพูดอยู่คนเดียวมากกว่าจะคุยกับหลง ทำให้หลงทำได้แค่ยิ้มสู้

หลังจากนั้นก็เหมือนหลงโดนซักประวัติครั้งใหญ่ จนหลงมองไปที่ประตูหลายรอบเผื่อว่าจะมีคนเดินเข้ามาช่วยชีวิตเขาจากคำถามมากมายที่ประดังเข้ามา รวมถึงการอบรมเรื่องเพศ เรื่องบนเตียงกับเขาอย่างจริงจัง ไม่ตอบก็ไม่ได้ พ่อเก่งในเรื่องของการซักประวัติเพื่อวินิจฉัยจนเขาขอยอมแพ้

ในที่สุดระฆังช่วยชีวิตเขาก็มาถึง หมอเอิร์ธเดินเข้ามาในห้องในชุดกราวย์สีขาวสว่างจนเหมือนเทวดาบินลงมาช่วยเขาขึ้นมาจากขุมนรก

“พ่อคงไม่ได้แกล้งหลงหรอกนะ!!” หมอเอิร์ธสังเกตจากสีหน้าหลงจึงได้ตัดพ้อไปที่บิดาตนเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็แค่หยอกแก้เหงา” ชายชราหัวเราะร่าหมือนความป่วยได้หายไปจากเขาเป็นปลิดทิ้ง หมอเอิร์ธผ่อนลมหายใจออกทันทีที่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของบิดาตนเอง

“พ่อเนี่ยนะ... หลง อย่าไปคิดมากนะ พ่อพี่ก็แบบเนี่ย เก่งเรื่องจิตวิทยาด้วย ป่วยอยู่ยังป่วนขนาดนี้เลย” หมอเอิร์ธเดินเข้ามาหาเด็กหน้าเสียขวัญและลูบหลังอย่างปลอบโยน

“ผมขอตัวก่อนนะครับ งั้น พี่กับพ่อพี่คุยกันไปก่อนเลย” หลงยืนขึ้นและทำท่าจะก้าวเดินจากไป เขาแค่คิดว่าเขาทนอยู่กับความเครียดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว

“พ่อพี่แค่ล้อเล่นเอง อยู่คอยพี่ก่อนนะ เดี๋ยวกลับด้วยกัน พี่จะลงเวรแล้ว”หมอเอิร์ธยิ้มมาที่แฟนหนุ่มตนเองด้วยรอยยิ้มที่ใครได้เห็นก็ใจอ่อน ยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดหมดจรด รับกับวงหน้าและดวงตาเหมือนมีศิลปินชั้นเอกลงมือวาดอย่างตั้งใจ หลงทำได้แค่พยักหน้าและลงไปนั่งที่เดิม

หลังจากนั้นหมอเอิร์ธกับพ่อของเขาก็สอบถามอาการประสาหมอจนทำเอาคนฟังอย่างหลงเวียนหัวไปหมด เขารู้สึกเหมือนฟังมนุษย์ต่างดาวคุยกัน ต่อจากพูดจาภาษาหมอก็เป็นการพูดคุยแบบมนุษย์ทั่วไปและได้เอาหลงเข้าไปร่วมบทสนทนาด้วย ทำให้เขาเห็นว่าพ่อของหลงนั้นเป็นคนเปิดรับเรื่องความรักระหว่างเขากับพี่เอิร์ธได้ดีมากๆ นอกจากจะไม่รัวเกียจแล้ว ยังสอนให้รู้จักใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างไรให้อยู่รอดปลอดภัยนานๆ

“หลง.....” พ่อหมอเอิร์ธขอมือของหลงมาจับกุมไว้
“ครับ” หลงตอบรับ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของพ่อก็ยื่นไปจับกุมมือหมอเอิร์ธมาสอดทับมือของหลงที่กลางตักของพ่อ
“พ่อจะทำอะไร?” หมอเอิร์ธเอ่ยถามพ่อเบาๆ พ่อของหมอเอิร์ธนอกจากจะไม่ตอบหมอเอิร์ธแต่กลับหันหน้าไปหาหลงด้วยรอยยิ้ม
“จากเหตุการณ์วันนี้ ทำให้พ่อรู้ว่า พ่ออาจจะเหลือเวลาที่จะอยู่อย่างมีลมหายใจอยู่ไม่มาก...”
“พ่อพูดอะไรน่ะ!!” หมอเอิร์ธเตือนแทรกขึ้นมาจนพ่อของเขาหันมาทำหน้าดุใส่
“พ่อฝากหลงดูแลลูกของพ่อด้วยนะ พ่อรักเขามาก พ่อไม่อยากให้เขาโดนทำร้ายอีกแล้ว” พ่อของหมอเอิร์ธพูดเสียงสั่นแต่ดวงตาที่มุ่งมั่นกลับส่งไปที่หลงอย่างจริงจัง

“แน่นอนครับ ผมสัญญา ผมจะไม่มีวันทำร้ายให้พี่เอิร์ธต้องเสียใจครับ!!” หลงตอบกลับไปทันทีจากความคิดชั่ววูบแรก น้ำเสียงที่จริงจังจริงใจของเขาถูกส่งต่อให้พ่อของหลงทันที

“ดี!! เอิร์ธ คราวนี้ลูกได้ช้างเผือกมาเลยนะ!!” พูดจบพ่อพี่เอิร์ธก็ตบไหล่หลงอย่างแรงเสียงดังลั่น แต่ตัวเองกลับรู้สึกเจ็บแปลบที่แผลผ่าตัดจนร้องโอยออกมา
“พ่อเนี่ยนะ! พอแล้ว พ่อพักผ่อนได้แล้วครับ!” หมอเอิร์ธรีบจัดการให้พ่อของตนนอนราบลงและปรับเตียงให้
“เออๆ พ่อเหนื่อยแล้วว่ะ”
“ก็สมควรนะพ่อ ทำเป็นหนุ่มๆ ไปได้”
“ พ่อเอ็งยังหนุ่ม.... โอยยย!!”
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวผมไปตามพยาบาลมาดูแผลให้ก่อนดีกว่า หลง! ไปกันเถอะ” หมอเอิร์ธส่ายหน้าและได้โอกาสพาหลงออกจากห้องไป

“โทษทีนะหลง ปกติพ่อพี่ก็ไม่คึกขนาดนี้หรอก นิสัยออกจะขรึมๆ พูดน้อย แต่ก็เป็นคนอารมณ์ดีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยา หรืออารมณ์ดีเรื่องอะไรถึงได้กลายเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้” หมอเอิร์ธกล่าวขอโทษหลงด้วยรอยยิ้มแห้งๆ หลังปิดประตูห้อง

หลงไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มมาที่แฟนตนเองอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่หน้าห้องเพียงลำพัง บรรยากาศที่โถงทางเดินเงียบสงัดไร้ผู้คน หมอเอิร์ธอยู่ในชุดสุภาพเรียบร้อยภายใต้ชุดกราวด์ยาวสีขาวสะอาด เป็นภาพที่หลงมองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ หลงยกมือขึ้นลูบที่วงหน้าที่เกลี้ยงเกลานั่น แม้จะมีความอ่อนล้าในดวงตาจากการขึ้นเวรช่วงดึกจนถึงช่วงสายแต่ก็ไม่ได้บดบังความน่ารักของใบหน้าของหมอเอิร์ธได้เลย วงหน้าที่ทำให้ชีวิตเขารู้สึกสดใสทุกครั้งที่มอง หลงก้าวไปประชิดอีกฝ่ายอย่างช้าๆ และโน้มศรีษะตัวเองเข้าไปใกล้วงหน้าที่เขาปรารถนาที่สุด เขานำริมฝีปากของตนเองไปประกบกับอีกฝ่ายอย่างเนิบนาบโดยที่หมอเอิร์ธไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลิ้นที่เปียกชื้นของหลงเริ่มโลมลันอีกฝ่ายจนเคลิ้บเคลิ้ม

“เดี๋ยวๆ!” หมอเอิร์ธผลักอีกฝ่ายออกจากตนเอง ทั้งที่อีกฝ่ายยังทำหน้าเหมือนอยู่ในภวังค์
“นี่มันโรงพยาบาลนะ ทำตัวดีๆหน่อย!” หมอเอิร์ธดุหลงเบาๆ
“งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะ ผมจะไม่ไหวแล้ว!” หลงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไอ้เด็กบ้า!!” หมอเอิร์ธตาขวางใส่ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มหวานกลับมา เพราะรู้ว่าหมอเอิร์ธไม่ได้หมายความว่าตำหนิเขาแต่เป็นอาการเขินของหมอเอิร์ธที่ทำเป็นประจำ

“กลับเถอะผมหิว” หลงทำเสียงอ้อน
“หิวอะไร? ไม่ใช่เพิ่งกินหรือไง?”
“หิวพี่ไง มาเร็ว” หลงพูดจบก็เดินจูงอีกฝ่ายไปตามทางเดินข้างหน้า
“ไอ้เด็กบ้า!!” หมอเอิร์ธแม้ปากจะพูดเชิงต่อว่า แต่ปากก็ยิ้มและเท้าก็เดินตามคนข้างหน้าแต่โดยดี

.............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 3) อัพ 12 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-01-2020 20:12:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ หลงให้อภัยง่ายไปไหม?  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 23 ส่วนที่ 3) อัพ 12 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-01-2020 00:11:43
รอเรื่องคู่หลักจ้า :katai5:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 19-01-2020 12:04:34
บทที่ 24

The hidden things behind the mirror



ภาพใบหน้าแสดงอารมณ์ยากที่จะบ่งบอกของคุณแม่ชานนท์ยังคงติดค้างอยู่ในหัวของวรุฒมาโดยตลอด ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่เดินทางกลับมาถึงหอพัก มันเป็นเรื่องค้างคาที่เขาหาคำอธิบายถึงความกังวลลึกๆในใจไม่ได้ ระหว่างทางกลับมาจากบ้านของชานนท์ที่ต่างจังหวัด วรุฒจะเหม่อลอยบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ของมองแฟนหนุ่มของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ตัวเขาเองคงคิดมากไป

“ทำไมนายซิ้วไปสองปีล่ะ?” คำถามที่ชานนท์มักจะถามวรุฒมาตลอดการเดินทาง ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะตอบมันกลับไปเพราะมันเป็นอดีตที่เขาไม่อยากจะนึกถึงเท่าไหร่
“มันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แต่.... เมื่อถึงเวลาเราจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดนะ.... แล้วก็ข่าวลือเรื่องเรามันเยอะ อย่าไปเชื่ออะไรมากล่ะ เพราะส่วนใหญ่มันก็ไม่จริง!” ในที่สุดวรุฒก็ตัดสินใจพูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่อยากเล่าอะไรละเอียดเพราะมันต้องใช้เวลาเล่าพอควร ตอนนี้เขายังไม่อยากนึกถึงมันเท่าไหร่ เรื่องที่ทำให้เขาต้องมาจบโดยการมาเรียนใหม่ที่ประเทศไทย ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้

“อืม..... แล้วอย่างนี้เราต้องเรียกนายว่าพี่หรือเปล่า? เออ!! จริงสิ เราก็สงสัยอยู่นะว่าทำไม มายด์ถึงเรียกนายว่า ‘พี่’ ตอนนี้เข้าใจแล้ว!” ชานนท์ทำหน้าตาสงสัยเสียน่ารักน่าหยิกจนวรุฒยื่นมือไปบีบแก้มป่องๆ ของอีกฝ่าย จนชานนท์ร้องโอยออกมา
“ไม่ต้องหรอก! เรียกเหมือนเดิมนั่นแหละ เราชอบแบบนั่น” วรุฒยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“พอรู้แบบนี้แล้ว รู้สึกไม่สบายใจเลย แต่ถ้า ‘พี่รุฒ’ ว่าโอเค เราก็โอเคนะ” ชานนท์ทำท่าทะเล้นแล้วก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงที่ยังอุ่นๆ เนื่องจากอากาศร้อนในตอนกลางวัน เขานอนมองเพดานห้องพักของเขา ทำให้คิดถึงบ้านที่เพิ่งจากมาขึ้นมาทันที กระเป๋าเดินเสื้อผ้ายังไม่ได้จัดการใดๆ ยังคงนอนกองอยู่ที่พื้น ชานนท์เหนื่อยเกินกว่าที่จะไปจัดเก็บคัดแยกตอนนี้

หลายคนอาจจะคิดว่าแค่การเดินทางกลับจากต่างจังหวัดแค่ 4-5 ชั่วโมงนี่มันไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนั้น แต่การที่เขาต้องแวะเที่ยวตลอดระยะการเดินทางมาถึงหอพัก แวะกิน แวะช้อปทุกๆ ยี่สิบนาทีใครไม่เหนื่อยก็บ้าแล้ว เพียงไม่กี่วินาทีจากภาพเพดานห้องก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าหล่อๆ ของวรุฒมาแทนที่ ชานนท์ถูกแฟนหนุ่มของเขาครอบร่างกายเกือบทุกส่วนของเขาอยู่แบบไม่ทันตั้งตัว

“เดี๋ยวนี้ทำไม พูดยียวนเก่งแบบนี้นะ!?” ใบหน้าเปื้อนยิ้มทรงเสน่ห์อยู่ตรงหน้าเขากล่าวออกมา
“จะทำอะไรน่ะ? นายไม่เหนื่อยบ้างหรือไง?” ชานนท์ยกมือขึ้นป้องใบหน้าและหน้าอกของคนด้านบนที่กดทับลงมา
“ไม่! โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้!” วรุฒกดหน้าตัวเองลงต่ำหลังจากพูดจบ เขาเล็งริมฝีปากคนด้านล่างแต่คนตัวเล็กทางด้านล่างหลบหลีกได้ทัน ปากสีชมพูซีดนั่นเลยลงไปประทับตรงต้นคอพอดิบพอดี แต่นั่นก็ไม่ทำให้วรุฒหยุดความตั้งใจของคนได้ เขาซุกไซ้พื้นที่ตรงหน้าจนคนที่โดนกระทำร้องครางออกมา

“หยุด... เลย.... ไอ้.... คน..... หื่น....” เสียงสั่นเทาจนแทบสิ้นสติของคนตัวเล็กพูดออกมาพร้อมพยายามดันอีกฝ่ายให้ออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่เขาหรือจะสู้แรงคนตรงหน้าได้

“เอาน่า ‘พี่’ ขอเถอะนะ” วรุฒพูดทวนคำหยอกของอีกฝ่าย
“นายพูดแบบนี้มันเหมือนยั่วยวนเราให้ทำแบบนี้เลย”  วรุฒเลื่อนริมฝีปากมาพูดใส่หูอีกฝ่าย
“ไหนว่าสัญญากับแม่เราแล้วไงว่าจะยังไม่ทำเรื่องแบบนี้จนเราอายุครบ 20 ปี!” คำพูดที่เพียงพอจะให้เขาลอดพ้นจากอสูรหน้ามืดหื่นไม่เลือกที่ตรงหน้าผุดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้วรุฒหยุดชะงักนิ่งค้างไป มันแปลว่าคำพูดของชานนท์นั่นได้ผล
“เฮ้อ.... เล่นพูดเสียหน้าแม่นายโผล่เข้ามาในหัวเลย!” วรุฒพลิกตัวไปนอนแผ่ข้างๆ ชานนท์
ชานนท์รู้ตัวทันทีว่ารอดแล้วจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาไม่เคยจะปฏิเสธอีกฝ่ายหรอกถ้าวันนี้มันไม่เหนื่อยเกินไป แต่ก็ยอมรับว่าคำพูดของแม่เขาก็มีผลกับการตัดสินใจครั้งนี้พอควร ในขณะที่เขากำลังจะหันไปกอดอีกฝ่ายเพื่อปลอบใจ เสียงโทรศัพท์ของวรุฒก็แผดสั่นดังลั่นเป็นจังหวะดนตรีร็อคร้อนแรง บวกกับจังหวะการสั่นที่กระทบพื้นโต๊ะข้างเตียงทำให้ชานนท์ตกใจจนหยุดการกระทำนั้นไป

“อะไรของมึง ไอ้เต๋า กูเหนื่อย กูไม่มีอารมณ์ไปไหนทั้งนั้น ไม่ต้องมาชวนกูไปเที่ยวไหน เพราะกูไม่ไป!!” สมกับที่เป็นวรุฒลูกเจ้าพ่อคนมีอิทธิพล เป็นการรับโทรศัพท์ที่บอกความต้องการของตนเองได้ชัดเจนสุดโต่ง ชานนท์มองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ไม่คุ้นชินปนยกย่อง เพราะเขาไม่มีทางทำอะไรแบบนี่เป็นแน่ พอวรุฒพูดคำว่าเต๋าเขาก็เหลือบมองมาที่ชานนท์แวบหนึ่งซึ่งชานนท์ก็สั่นหน้าและยิ้มแหยๆ ตอบกลับไป เพราะช่วงหลังๆ เขาโดนตื้อเสียจนน่ากลัว ยิ่งรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว เต๋ายิ่งรุกจีบหนักขึ้น

หลังจากการสนทนาที่ฝ่ายวรุฒ’ อือ ออ’ อยู่สองสามประโยค วรุฒก็ลุกขึ้นแยกตัวออกไปคุยที่ระเบียงด้านนอก ชานนท์ซึ่งปกติก็ไม่ได้ใส่ใจการกระทำของอีกฝ่ายเท่าไหร่ก็เลยปล่อยไปและหลับตาลงเพื่อพักสายตาเสียหน่อย

ชานนท์อยู่ในความมืดได้ไม่นาน เสียงริงโทนจากเครื่องโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมของเขาก็ดังลั่น เขารีบลืมตาทันทีและหันไปที่ต้นเสียงว่าใครโทรศัพท์มา
‘พี่เอก’ ชานนท์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับสาย พร้อมมองกวาดสายตาไปในห้องไปด้วย วรุฒยังคงคุยหน้าเครียดอยู่กับเต๋าตรงระเบียงด้านนอก ที่เป็นแบบนี้เพราะเวลาเขารับโทรศัพท์จากพี่เอก วรุฒมักจะหงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่ข้างๆ เขาจนแทบไม่ได้สนทนาอะไรกัน ทั้งที่เขาพยายามบอกหลายครั้งแล้วว่า เขาไม่เคยคิดกับพี่เอกเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากกรุ่นพี่ หากเป็นผู้ชายด้วยกัน เขาไม่เคยจะคิดเรื่องแบบนี้กับใครเลย

“ครับพี่”
“ไปเที่ยวมาสนุกไหม?” เสียงปลายสายที่คุ้นเคยดังขึ้น
“พี่รู้ได้ยังไงครับ?”
“ก็พี่มาเห็นเราตอนหิ้วกระเป๋าเดินทางขึ้นรถแล้วขับออกไปน่ะ เลยเดาเอาว่าไปเที่ยวมาแน่เลย”
“พี่เอกไปเป็นนักสืบเหอะพี่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เดี๋ยวนี้มุกเยอะนะ!” นี่ก็อีกคนเมื่อก่อนเป็นคนน่าเบื่อขนาดนี้เลย ชานนท์คิดในใจ

“ว่าแต่พี่โทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อ้อ! เออ คือพี่ว่าจะมาชวนเราไปหาพี่เมธีน่ะ คือพี่ยืมสมุดแล็คเชอร์พี่เขาให้เราได้น่ะ เลยจะชวนเราไปเอามาด้วยกัน!”
“พี่เมธี 4.00!!” ชานนท์กล่าวด้วยความตื่นเต้น
“เออ! คนนั้นแหละ เขาเป็นสายรหัสพี่เอง!”
“โห... โคตรเจ๋งอ่ะ คือได้ข่าวว่า สมุดนั่นเป็นตำนานแห่งการเดาทางข้อสอบเลยนะ มีบางคนว่าพี่เขาทำรายได้จากมันได้เลย แต่พี่เมธีแกให้ยืมฟรีๆ แต่เฉพาะรุ่นน้องเท่านั้น!” ชานนท์พอจะทราบถึงสมุดเล่นนี้ สมุดที่เขียนด้วยลายมือของรุ่นพี่เมธีในตำนาน ผู้ไม่เคยได้เกรดเฉลี่ยอื่นเลยนอกจาก 4.00 มันไม่ใช่แค่เนื้อหาข้างในหรอกที่ดีและละเอียดเข้าใจง่าย แต่ตามเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมาแล้วนั้น อ้างว่าใครครอบครองมันในช่วงเวลาหนึ่งก่อนสอบหรือระหว่างการสอบ ต่อให้หัวทึบแค่ไหนก็เรียนดีขึ้นมาได้ มันกลายเป็นเครื่องรางในตำนานไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ชานนท์ตื่นเต้นกับสิ่งนี้

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกน้อง พี่เมธีชอบมีเงื่อนไขแปลกๆ เวลาไปขอยืมด้วย คือ 1. ให้ยืมแค่สัปดาห์เดียว 2. ต้องมารับและคืนสมุดเล่มนั้นด้วยตัวเอง นั้นเป็นเหตุผลที่พี่ต้องพานนท์ไปหาพี่เขาด้วยตนเอง ด้วยอภิสิทธิ์ความเป็นรุ่นน้องสายรหัส พี่เลยได้โอกาสแทรกคิวให้นนท์เลยนะ!”

“ขอบคุณครับ เมื่อไหร่ดี?”
“แหม..... เรื่องแบบนี้ไวเลยนะ นนท์นี่รักเรียนมากจนพี่แปลกใจเลย”
“ขยันเรียนนี่เป็นเรื่องแปลกไปแล้วเหรอครับ ผมว่าไอ้เรียนๆ เล่นๆ ของพี่น่ะสิแปลกกว่า”
“โห.... เล่นพี่อีกแล้ว เดี๋ยวนี้พูดเก่งขึ้นมากเลยนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะเสียงดังจนคนนอกระเบียวจ้องผ่านบานกระจกหน้าต่างตาเขียว

หลังจากนัดแนะเรื่องการนัดหมายกับรุ่นพี่เมธีเสร็จเขาก็รีบวางสายทันทีและมีท่าทีตื่นเต้นจนคนที่เข้ามาในห้องจากนอกชานสงสัย ชานนท์รีบเล่าให้แฟนหนุ่มตนเองฟังอย่างกระตือรือร้น แต่ที่แปลกคือ วรุฒกลับไม่ขอตามไปด้วยเหมือนเช่นทุกครั้งจนชานนท์แปลกใจ วรุฒพูดสั้นๆด้วยใบหน้าหงุดหงิดว่า ‘มีธุระ’

.............................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2020 14:04:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-01-2020 21:00:07
มีพิรุธนะ!!!
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 1) อัพ 19 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-01-2020 18:33:29
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 24 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 27-01-2020 10:33:57

“เฮ้ย! ช่วยกูหน่อยเถอะว่ะ!” เสียงจากปลายสายอีกด้านหนึ่งแทรกแข้ามาในลำโพงโทรศัพท์รุ่นล่าสุด เสียงที่ทำให้วรุฒหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยิน

“ไอ้เต๋า! มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปงานบ้านมึง คนเยอะเวียนหัว คนบ้านมึงแม่งสายปาร์ตี้ทุกคน โดยเฉพาะ... ทุกคนที่มีพวก... เออ!! นั่นแหละ! กูไม่ชอบ!!” วรุฒร่ายยาวเป็นชุดเผื่อจะปฏิเสธคนในสายได้ ปกติเขาก็ไม่ได้ไม่ชอบไอ้เต๋าหรอกนะ แต่เพราะมันดันจีบคนเดียวกัน ขนาดประกาศกร้าวออกสื่อฯ แสดงความเป็นเจ้าของแล้ว มันยังมาวอแวไม่เลิก เลยทำให้ยกมันไว้ในฐานะศัตรูไปก่อน (ความจริงวรุฒไม่เคยปฏิเสธปาร์ตี้ แต่ก็เลือกคนชวนด้วย)

“วันเกิดลูกพี่ลูกน้องกูเลยนะ เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของมึงเลยนะ ขอร้องล่ะ ไปร่วมงานกับกูหน่อย น้องมันบอกว่ายังไงก็ต้องเอามึงไปให้ได้!” เต๋าหว่านล้อมอีกรอบ

“เชี้ย! กูไม่ใช่พริตตี้บอย พริตตี้เกิร์ลนะที่จะต้องไปเอนเตอร์เทนพวกมัน!” วรุฒเริ่มของขึ้นเมื่ออีกฝ่ายตื้อไม่เลิก

“เอางี้คิดเสียว่าไปพักผ่อนหนุ่มหล่อสาวสวยเยอะนะโว้ย คนอย่างมึงเอากลับไปต่อได้อยู่แล้ว รับรองสนุกสุดเหวี่ยงทั้งคืน” เต๋าพยายามหว่านล้อมอีกครั้ง เอาอบายมุขมาล่อเสียเลย เขารู้ว่าคนอย่างวรุฒไม่เคยปฏิเสธเรื่องพวกนี้

“มึงก็รู้ว่ากูมีแฟนแล้ว กูจะหยุดเมื่อกูมีแฟนแล้ว!! มึงน่าจะรู้จักกูดี!!” วรุฒตอบเสียงเย็นจนคนปลายสายที่ได้ยินก็นึกกร่นด่าตัวเองที่ใจร้อนและรนไปหมด

“อืม......” เสียงปลายสายลอดมาเหมือนกำลังคิดอะไรเพื่อรับมืออารมณ์ของอีกฝ่าย
“เอางี้! ถือว่ามึงใช้หนี้ให้กู ตอนกูช่วยมึงจัดการยัยวินั่นก็แล้วกัน!!” เต๋าหงายใบไม้ตายใบสุดท้าย

“เชี้ย! กูคิดไว้แล้วมึงต้องพูดคำนี้!!” วรุฒสบถออกมาเสียงดัง

“มึงจะพาน้องนนท์มาด้วยก็ได้นะ น้องกูมันสาววายมันชอบเรื่องแบบนี้!!” เต๋าพูดต่อทันที
“กูไม่เอานนท์ไปเกลือกกลั้วกับพวกมึงหรอก!!” วรุฒพูดจบก็วางสายทันที พลางถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

เสียงคนในห้องร้องเย้เหมือนดีใจกับอะไรสักอย่างจนทำให้วรุฒหันไปมองด้วยความแปลกใจ เขาหยุดคิดเรื่องจะไปงานปาร์ตี้วันเกิดลูกพี่ลูกน้องของเต๋าไปวูบหนึ่งและหันไปสนใจแฟนหนุ่มของเขาโดยการมองลอดไปผ่านบานกระจกหน้าต่างไปยังห้องด้านใน

เขาเห็นภาพชานนท์กำลังทำท่าตื่นเต้นกับการคุยโทรศัพท์จนลิงโลดเห็นได้ชัด ภายในอกของเขามันเหมือนมีระเบิดตั้งเวลาไว้ เขารีบเดินเข้าไปในห้องทันทีพร้อมกับที่ชานนท์วางสายพอดี

ชานนท์ไม่รอช้ารีบเดินไปหาแฟนหนุ่มขายาวที่เดินเข้ามาทันทีเพื่อเอ่ยปากชวนไปรับหนังสือตามที่พี่เอกชวนมาอย่างกระตือรือร้น

แน่นอนวรุฒรีบรับคำรวมถึงถามวันเวลาและสถานที่นัดหมาย แต่มันกันไปตรงกับวันที่เขาถูกบังคับไปปาร์ตี้พอดี ทำให้วรุฒอึ้ง เหม่อลอยและตอบปฏิเสธกลับไปว่ามีธุระ เขาคงไปไม่ได้แต่เขาสัญญาว่าจะรีบมารับชานนท์ทันทีที่เสร็จธุระ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้พี่เอกมาส่งก็ได้”
ชานนท์แม้จะมีท่าทีผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ตอบกลับมาทันที

‘มีสิ มีสิวะ มีมากด้วย ใครจะยอมฝากแมวไว้กับปลาย่าง!’ วรุฒได้แต่เก็บงำความเดือดดาลไว้ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมาเสียงดัง เพราะชานนท์ไม่อยากให้เขาทะเลาะกับ ‘รุ่นพี่’ ของเขา วรุฒแต่คิดคำว่ารุ่นพี่ก็เส้นเลือดบนหัวโปนปูดขึ้นมาแล้ว

มันพอดีเหมาะเจาะเกินไปหรือเปล่าวะ? วรุฒได้แต่แอบคิดหลังที่แฟนตัวเล็กของเขาหันหลังไปเก็บข้าวของที่มาจากต่างจังหวัด

....................

เสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าหญิงสาววัยแตกเนื้อสาวในงานปาร์ตี้ช่วงเย็นยามพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ทำให้วรุฒรู้สึกรำคาญถึงขนาดยกแก้วน้ำที่มีของเหลวสีอำพันประเภท ‘on the rock’ ขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว หลังวางแก้วลงบนบาร์เครื่องดื่มและพยักหน้าให้บาร์เทนเดอร์หนวดรูปหล่อเพื่อเติมน้ำเมาลงมาอีกรอบ ท่ามกลางหญิงแท้หญิงเทียมวัยกระเตาะและผู้มาร่วมงานที่ห้อมล้อมเขาอยู่

วรุฒไม่ชอบโดนรุมล้อมโดยไม่เต็มใจแบบนี้ ชีวิตทั้งชีวิตของเขาก็เป็นจุดสนใจมากพออยู่แล้ว

‘ลูกชายมหาเศรษฐีพันล้าน ที่ประสบความสําเร็จในการเล่นการเมืองด้วย ทายาทรูปหล่อของตระกูลที่คาดว่าจะได้สืบทอดตำแหน่งประธานบริษัทยักษ์ใหญ่’ วรุฒนึกถึงคำโปรยเวลาคนอื่นพูดถึงตัวเขาเองก็พ่นคำพูดออกมา
“กูอยากเป็นตายห่า”

คำพูดนี้ทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้หน้าเสียไปวูบหนึ่ง แต่วรุฒก็ไม่ได้สนใจคนที่เปลี่ยนสีหน้าข้างๆเลย เขากระดกแก้วน้ำเมาในมือต่อไปโดยมีเสียงฮือฮาของคนรอบข้างประสานเสียงกันจนน่ารำคาญ เขาคงไม่รู้ว่า เสื้อเชิ้ตสีสดที่ปลดกระดุมไปสองเม็ดของเขาบวกกับอาการยกแก้วขึ้นซดจนหน้าหงายไปจนสุดเผยให้เห็นแผงอกที่ขาวเนียนและลำคอที่เต็มไปด้วยเส้นกล้ามเนื้อนั่นเร้าอารมณ์แฟนคลับของเขาขนาดไหน

วรุฒมองซ้ายมองขวาอยู่หลายรอบเพื่อมองหาไอ้คนที่ชวนเขามาในงานปาร์ตี้ของเด็กปีหนึ่งใจแตกพวกนี้ ‘ไอ้เต๋า’ มาอยู่ได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน! ยิ่งทำให้วรุฒเครียดหนักและสังหรณ์ใจไม่ดี นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาไม่ได้อยู่ข้างๆ ชานนท์ เขาทำแบบนี้จนคนทั้งเอกว่าเขาว่าเหมือนวิญญาณผู้พิทักษ์ประจำตัวชานนท์ไปแล้ว

ในขณะที่ที่กำลังถูกรายล้อมด้วยบรรดาแฟนคลับที่ต่างหาโอกาสเข้ามาคุยและถ่ายรูปด้วย (‘อุตส่าห์บอกไอ้เต๋าว่ากูไม่ใช่พริตตี้บอยที่รับงานเอนเตอร์เทนนะ หากไม่ติดหนี้มันอย่าหวังว่ากูจะทำอะไรแบบนี้!!’ เขาคิดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอสาวแท้สาวเทียมเข้ามาขอใกล้ชิดด้วย) เสียงหนึ่งที่คุ้นหูก็ดังขึ้น

[eng] “ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะฮิตในหมู่เด็กๆในไทยขนาดนี้”
[eng] “ซาร่า เธอมาที่นี่ได้อย่างไร?!?”  วรุฒเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจ

.................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-01-2020 11:55:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

แผนอิพี่เต๋าเหรอ?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 2) อัพ 27 ม.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-01-2020 02:24:36
ตัวป่วนมาแล้ว
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 24 ส่วนที่ 3) อัพ 2 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 02-02-2020 12:37:51


สีหน้ากรุ่มกริ่มของชานนท์หลังจากได้รับสมุดโน้ตที่จดเนื้อหาของการสอบวิชาหลักของปีหนึ่งระดับเทพมาครอบครองนี้ปิดแทบไม่อยู่ เขาเดินกึ่งลอยมาจากร้านคาเฟ่หน้ามหาวิทยาลัยจนเกือบถึงหอพัก

การได้ไปเจอกับรุ่นพี่ 4.00 ในตำนานนี้มันช่างดีต่อใจเขายิ่งนัก เพราะนอกจากจะได้แรร์ไอเทมระดับตำนานมาครอบครองแล้วเขายังได้พบและพูดคุยกับพี่เมธี เทพ 4.00 ตัวจริงที่ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไร สอบถามอะไร พี่เขาก็สามารถไขข้อข้องใจให้กับชานนท์เสียจนเขาเสียเวลาช่วงเย็นหลังเลิกเรียนไปหลายชั่วโมง

เขารู้สึกเสียดายแทนพี่เอก ทั้งที่เป็นคนชวนและเป็นสื่อกลางให้เขาได้พบเทพตัวเป็นๆคนนี้แท้ๆ แต่เขากลับเบี้ยวนัดและหายเข้ากลีบเมฆเสียอย่างนั้น แถมพยายามติดต่อก็ไม่รับสายเสียอย่างนั้น ชานนท์พอจะนึกภาพออกนะว่าหากพี่เอกได้มานั่นอยู่กลางวงสนทนาแล้วสีหน้าพี่เอกจะเป็นอย่างไร คงทำสีหน้าเบื่อโลกเพราะเจอเด็กเนิร์ดสองคนนั่งคุยกันแต่เรื่องเรียนและเรื่องวิชาการ ทำให้ชานนท์พอเข้าใจว่าทำไมพี่เอกถึงได้เบี้ยวนัดเขา

พี่เมธีนั้น นอกจากแว่นกรอบสี่เหลี่ยมขอบหนาสีดำและรูปร่างที่ผอมบางแล้ว หากดูในระยะประชิดก็เป็นที่หน้าตาดีไม่ใช่น้อย ไม่ต่างกับพวกดาราเกาหลีก่อนโดนปรับลุคเลย ดวงตาเล็กๆนั่นก็รับกับหน้าที่ผอมเรียว ผิวหน้าก็ใสเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยมึสิวเลย ผิวละเอียดมาก ส่วนผิวก็ละเอียดขาวใสเหมือนไม่เคยโดนแดดเผาเลย (หรือไม่เคยโดนจริงๆ) หากตั้งใจทำตัวโด่งดังก็น่าจะดังไม่ยาก แต่พี่เมธีดูไม่พยายามเลยต่างหาก เป็นคนเก็บตัวเกินไปเสียด้วยซ้ำ ชานนท์ยังคิดเลยว่าหากเขาไม่ใช่เด็กเนิร์ดเหมือนกัน เขาจะคุยกับพี่เมธีรู้เรื่องไหมนะ?

ระหว่างที่เดินกอดถุงผ้าที่ใส่สมุดเล่มสำคัญจำนวนหนึ่งอยู่นั้น อีกเพียงไม่กี่ก้าวเดินเขาก็จะเดินถึงหอพักของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว อาคารหอพักในยามพลบค่ำนั้นทำให้ชานนท์นึกถึงชายร่างสูงที่อยู่ร่วมห้องกับเขา

ชานนท์แปลกใจว่า ทำไมแฟนของตนเองถึงไม่โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเลย ทั้งๆ ที่ปกติต้องใช้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามากวนเขาทุกๆ สิบนาทีหากเกิดการแยกจากกัน การทำแบบนั้นมันกวนใจเขาอยู่ไม่น้อย และมีหลายครั้งที่ชานนท์ต่อว่าแฟนหนุ่มตัวเองว่า ‘น่ารำคาญ’ ไปหลายครั้ง แต่วันนี้มันเงียบเกินไปจนเขารู้สึกคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้น อยู่ๆความไม่สบายใจก็รบกวนเขาจนเขาต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงคนที่ทำให้เขาเกิดความไม่ปกติในช่วงอก

ติ้ด....... ติ้ด.......... ติ้ด......

เขากดหมายเลขด่วนบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของเขาหลายครั้งแต่ได้ยินแต่เสียงเหล่านั้นและก็ตัดสายไป ชานนท์รู้สึกกังวลใจแต่เขาก็เดินมาถึงหอพักแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำเชานไรต่อ เพราะกลับเป็นเขาที่รู้เรื่องราวของแฟนตัวเองน้อยมาก เสียจนไม่รู้ว่าเขาควรจะไปตามแฟนเขาที่ไหน

ที่ผ่านมาชานนท์พยายามวิ่งหนีความรู้สึกของตนเองมาตลอดเลยพยายามปิดกั้นเรื่องราวของอีกฝ่ายจนต้องมานึกเสียใจอยู่ตอนนี้ เสียใจที่ไม่รู้จะไปติดตามเขาที่ไหน และได้แต่นั่งรอเท่านั้น

ชานนท์เลยตั้งใจว่าเขาคงต้องสนใจแฟนเขามากกว่านี้เสียแล้ว ไม่ใช่ให้วรุฒพยายามเรียนรู้จากเขาอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็ควรเรียนรู้จากวรุฒด้วย

ชานนท์ทิ้งตัวเองลงบนเตียงนอนด้วยความหมดแรงจากการเดินระยะไกล (ที่เพิ่งมารู้สึกตัวตอนนี้) พลางนึกถึงคนที่น่าจะรู้เรื่องของวรุฒมากกว่าเขา

“มายด์ไง!!” ชานนท์ร้องออกมาและควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเพื่อต่อสายถึงคนที่เขาเพิ่งนึกถึง

.................

หลังจากต่อสายพูดคุยสอบถามหาแฟนตัวสูงของตนเองจากปากเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาและแฟนของเขา ก็ไม่ได้ความอะไร แถมโดนแซวกลับอีกว่า.....

“ก็ช่วงนี้ พี่รุฒเขาติดนายจะตาย เราต่างหากที่ควรจะถามว่า นายเอาพี่ชายเราไปไหนมาไหนบ้าง แปลกใจเลยนะเนี่ยที่นายถามเราแบบนี้!!” สมกับเป็นน้องสาวคนสนิทของเดือนคณะฯ และเป็นถึงดาวคณะบริหารธุรกิจ ฝีปากการเหน็บแหนมต่างจากใบหน้าใสๆ น่ารักๆ นั่นลิบลับ ใครจะรู้ว่าเธอไม่ใสอย่างที่คิดแถมยังเป็นศิลปะป้องกันตัวระดับสายดำสายแดง จนบางครั้งก็คิดสยองกับคนที่คิดจะไปเป็นแฟนเธอคนนี้ (เขาเองก็เคยเกือบจะเป็นหนึ่งในนั้นที่อยากจะคบกับเธอแบบแฟน)

เพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียดเกินไป ชานนท์เลยถามความเป็นไปในชีวิตสาวน้อยที่ไม่ใสอย่างที่เห็นคนนี้ข้าง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกแซวในอนาคตว่า จะโทรศัพท์หาเพื่อนทั้งที่ ถามแต่เรื่องผู้ชาย!

“เฮ้อ..... เราไม่น่าเอาตัวไปยุ่งกับเรื่องของพวกนายเลย!” สาวเสียงใสอึกฝากหนึ่งของสายโอดมาเสียงยาว
“อะไรเหรอ?” ชานนท์งงกับประโยคของมายด์เมื่อครู่
“นายเป็นปลาทองหรือไง? จำไม่ได้เหรอว่าแผนการของนายทำอะไรเราไว้” เสียงแหลมดังผ่านลำโพงโทรศัพท์ของชานนท์จนต้องยกเครื่องโทรศัพท์ออกจากหูไปเกือครึ่งฟุต ไอ้นิสัยแบบนี้มันของยัยเมย์ชัดๆ การเป็นรูมเมทกับยัยเมย์ก็ส่งผลกับผู้หญิง(ที่คิดว่า) เรียบร้อยคนนี้ไปไม่น้อยเหมือนกัน

“ขอโทษนะ” ชานนท์พอจะจำได้ทันทีหลังจากระลึกความหลังไปได้สักพัก แม้จะยังไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องที่คิดไว้ไหนแต่ชานนท์ก็กล่าวขออภัยออกมาก่อน มันเป็นนิสัย

“โทษนายก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะแผนนี้มันก็แผนของพี่รุฒ นี่เขาไม่คิดห่วงน้องคนนี้บ้างหรือไง?” มายด์เหมือนพูดกับตนเอง
“แล้วตอนนี้มายด์โอเคไหม?” ชานนท์ตัดสินใจถามแบบกลางๆ
“ไม่! ไม่โอเคเลย...... ตอนที่ประกวดดาวคณะฯ ก็คิดว่ามีคนมาติดพันเยอะอยู่แล้วนะ พอมาเพิ่มพี่พัฒน์เข้าไปอีกคน โห.... ชีวิตที่ขาดความเป็นส่วนตัวไปเยอะเลย!!” มายด์รำพัน
“อ้อ......” ในที่สุดชานนท์ก็รู้ปัญหาของอีกฝ่ายแบบตรงประเด็นเสียที พี่พัฒน์คือกิ้กเก่าของพี่วิที่ วรุฒใช้แผนใช้มายด์เป็นตัวล่อให้ฝ่ายนั้นไขว้เขวเพื่อจะได้จัดการพี่วิได้อยู่หมัด ได้ข่าวว่าตอนมาติดพันพี่วิก็สร้างความรำคาญแก่คนรอบข้างพอควร แต่พี่วิกลับชอบเพราะอยากมีความสำคัญกับใครหลายๆคน

“ไม่ต้องมา ‘อ้อ’ เลย พี่พัฒน์ถึงแม้จะน่ารักดี แต่..... แบบ.... ตื้อจนน่ารำคาญ ไปไหนก็เจอแต่หน้าเขา บอกว่าไม่ต้องก็ทำ บอกว่าอย่าก็ทำ ดูแลเราเหมือนจะเป็นง่อย!” แม้ถ้อยคำจะเป็นคำพูดที่เหมือนไม่พอใจ แต่ทำไมชานนท์รู้สึกว่าคนพูดยิ้มอยู่
“อีกประเด็นคือ ยังไม่ได้ตกลงคบกัน แต่ก็ไล่กัดคนอื่นที่มาเข้าใกล้อย่างกับหมาหวงเจ้าของ! ยัยเมย์ยังโดนเพราะนึกว่ายัยเมย์เป็นทอมพยายามจีบเรา โชคดีที่นางมีแฟนแล้ว ไม่งั้นเราคงได้เปลี่ยนรูมเมทใหม่ด้วยความรำคาญ” ส่วนประโยคหลังๆ นี้ดูจะเริ่มหงุดหงิดจริงกับการ ‘เยอะ’ ของพี่พัฒน์

หลังจากนั้นเธอก็เล่าวีรกรรมต่างๆ ที่เธอได้เจอตลอดช่วงที่มายด์กับชานนท์ไม่ค่อยได้เจอ โดยฟังจากเรื่องเล่าและน้ำเสียงของมายด์แล้ว เธอก็ดูจะไม่ได้รังเกียจพี่พัฒน์เสียเท่าไหร่ ไม่อยากนั้นคงบอกให้เลิกยุ่งด้วยแล้ว คนอย่างมายด์จะบอกเลิกใครก็คงไม่ต้องกลัวเพราะบ้านของเธอก็มีอิทธิพลพอควร ไหนจะมีบอดี้การ์ดประจำตัวอีก (ซึ่งช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ สงสัยมายด์บอกให้กลับไปเพราะมายด์อยากใช้ชีวิตนักศึกษาให้เต็มที่

ชานนท์คุยกับมายด์จนรู้สึกเพลียเพราะคุยกันมาเกือบชั่วโมงแล้ว ชานนท์ไม่ได้คนคุยเก่งอะไรเลยหาโอกาสวางสาย มายด์ก็เข้าใจชานนท์ดีเลย วางสายและทิ้งท้ายว่าลองโทรศัพท์หาพี่รุฒดูอีกที ไม่แน่ว่าหากครั้งนี้แฟนตัวสูงเขาเห็นอาจจะรีบรับก็ได้ เพราะปกติชานนท์แทบไม่เคยโทรศัพท์หาแฟนตัวสูงเขาก่อนเลย

ตอนนี้ท้องฟ้าปกคลุมด้วยความมืดเต็มไปด้วยประกายดาว เหมือนท้องฟ้าถูกห่มด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำสนิท ท้องไส้ชานนท์เริ่มร่ำร้องจากอาการขาดสารอาหาร เพราะตั้งแต่กาแฟและขนมเค้กที่ร้านคาเฟ่ที่ไปเจอรุ่นพี่เมธีแล้ว เขาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย ขาของเขาจึงเดินไปที่ตู้เย็นของห้อง เพื่อหยิบอาหารที่แม่ทำไว้ให้ใส่กล่องทัพเพอร์แวร์แช่ช่องเย็นมาอย่างดีจากบ้านที่ต่างจังหวัด

เขาสูดดมอาหารให้กล่องเหล่านั้น อาหารที่แม่ของเขาบรรจงทำมันขึ้นมาเพื่อลูกชายและแฟนลูกชาย พร้อมบรรจุหีบห่อพร้อมกับน้ำแข็งอย่างดี จากประสบการณ์การเป็นผู้ช่วยแม่ครัวเกือบทั้งชีวิตของเขาจึงแยกแยะออกว่า อาหารแบบใดที่ยังกินได้ และนำมาอุ่น และที่สำคัญเขาอุ่นเผื่อคนที่อยู่ร่วมห้องอีกคนด้วยท่าทางคล่องแคล้ว นอกจากนี้เขายังนำวัตถุดิบที่เหลืออยู่ในตู้เย็นมาทำกับข้าวง่ายๆ และรสไม่จัดเพื่อแฟนตัวสูงของเขาด้วย อยากให้แฟนเขาเลือกเพราะรู้ว่าเป็นคนกินยาก และติดนิสัยชอบเลือกกินกับข้าวหลายๆ แบบบนโต๊ะ

เวลาผ่านไปนานพอควรจนกระทั้งกับข้าวบนโต๊ะญี่ปุ่นเย็นชืดไปหมดแล้ว ชานนท์ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับสมุดโน้ตในตำนานอย่างลืมเวลาก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนผนังเพราะพยาธิในท้องเริ่มออกเสียงโวยวายโครกครากแล้ว

‘รุฒไม่เคยหายไปนานขนาดนี่ นับตั้งแต่เขาตกลงคบกัน’ ชานนท์คิดในใจอย่างเป็นห่วงในขณะเดียวกันก็ใช้มือหนึ่งลูบท้องตัวเองที่กำลังส่งเสียงโครกครากจนกลัวคนห้องข้างๆ ได้ยิน

เข็มนาฬิกาที่สั้นกว่าชี้เลยเลข10ไปค่อนทางแล้ว แต่ยังไม่เห็นวรุฒเดินเข้าห้องมา ไม่มีแม้แต่จะโทรศัพท์มาหาเขา ทำให้ความกังวลในใจพอกเพิ่มทวีคูณพร้อมความหิว

หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะกินไปโดยไม่รออีกฝ่ายเพราะความหิวไปเรียบร้อยแล้ว ‘อะไรก็ทนได้ยกเว้นเรื่องหิว’ เขาเปรียบตัวเองแบบนั้นมาตลอด แต่ตอนนี้แม้เขาจะหิวเพียงใด แต่ก็ยังกินข้าวไม่ได้หากยังไม่คลายกังวลเรื่องอีกคน ตอนนี้เขาไดัแต่ถอนหายใจและหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่แฟนตัวเองซื้อให้ขึ้นมาดูจำนวนสายที่โทรหาแฟนตัวสูงของตน

‘ที่รัก (20)’

คือสิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ชื่อที่บันทึกเพื่อแสดงบนหน้าจอเวลาวรุฒโทรเข้า ที่วรุฒแอบมาเปลี่ยนให้ ตัวเลขจำนวนครั้งที่เขาโทรหาแฟนตัวเองนับตั้งแต่นึกถึงเขาตอนเดินกลับหอพัก ชานนท์ผ่อนหายใจออกยาวๆ อย่างไม่รู้ตัว

พลั่ก!

เสียงประตูห้องเปิดออกเผยให้เห็นชายหนุ่มตัวสูงโปร่งในชุดลำลองแบบจัดเต็ม มันคงจะสง่าและหล่อเหลามากหากแต่คนที่สวมใส่ไม่เมาจนแก้มแดง ดวงตาปรือเล็กลงจนเหลือครึ่งเดียว ผมเผ้าดูจะแตกทรงเล็กน้อย สติสัมปชัญญะที่ไม่รู้ว่าคงเหลืออยู่กี่ส่วน

ภาพตรงนั้นทำให้ชานนท์โยนสมุดโน้ตเทพที่ตนถืออยู่และรีบไปพยุงคนที่ตัวสูงกว่าเขาเกือบยี่สิบเซ็นติเมตร

ร่างที่หนักอึ้งทิ้งตัวลงมาครอบเขาไว้เกือบทั้งตัว มือที่ก่ายเกาะร่างของเขาไปทั่ว กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นคละคลุ้งเสียจนอยากเมาตามไปด้วยเพียงแค่สูดดม

“ที่รัก!” วรุฒใช้แขนกระชับโอบร่างเล็กๆนั่นเข้ามาแนบลำตัวจนหน้าชานนท์ชนไปที่แผ่นอกที่แน่นบึกบึน แม้หน้าจะรู้สึกชาไปนิดแต่กลิ่นที่เหมือนอาบไวน์หลายชนิดไปทั้งตัวกลับจะทำให้ชานนท์มึนงงมากกว่า

“ไม่เอา! ไปเมาที่ไหนมาเนี่ย? ไปนั่งที่เตียงก่อนเลย!!” ชานนท์ไม่เคยเห็นวรุฒเมาเละแบบนี้มานานแล้ว ก็น่าจะตั้งแต่พวกเขาญาติดีกัน ชานนท์พาร่างที่ไม่สติไม่ถึงครึ่งผ่านโต๊ะญี่ปุ่นที่เตรียมอาหารจนเย็นชืดเต็มโต๊ะไปที่เตียง

“มานี่มา!” วรุฒกระชากอีกฝ่ายเขาไปกอดหลังชานนท์พาร่างของคนตัวใหญ่ไปนั่งที่เตียง หลังจากที่คนตัวใหญ่จับคนตัวเล็กได้แนบแน่น ชานนท์ก็ถูกกดให้นอนราบไปที่เตียงในลักษณะนอนหงายและขาก็ยังห้อยอยู่ที่ปลายเตียง

“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ?” ชานนท์ตกใจและพยายามลุกหนีแต่ก็ช้ากว่าคนตัวสูง วรุฒพลิกตัวขึ้นคล่อมอีกฝ่ายทันที พร้อมยังต้องมองชานนท์ด้วยแววตาที่แฝงความปรารถนาผสมความทุกข์ใจบางอย่างแฝงอยู่ สิ่งนี้เป็นสิ่งใหม่ที่ดึงดูดให้ชานนท์จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาเหล่านั้น แชะใช้มือลูบแก้มคนด้านบนเบาๆ ครั้นที่วงนิ้วของชานนท์สัมผัสแก้มที่แดงปลั่งและนุ่มนวล แฟนตัวสูงของเขากลับหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย วรุฒในตอนนี้ราวกับพญาเหยี่ยวที่บินมาอย่างเหนื่อยล้าและต้องการหากิ่งไม้ดีๆเพื่อเกาะพัก

ชานนท์คิดว่าตัวเองก็คงเหมือนกิ่งไม้นั่น มือของชานนท์หลังจากสัมผัสไปที่แก้มของอีกฝ่ายแล้วก็ไล่มือขึ้นไปที่ศรีษะที่กลมกลึงของอีกฝ่ายที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่จัดทรงมาอย่างดีจนแข็งไปเกือบทั้งศรีษะ เขาใช้นิ้วมือสางเส้นผมที่เกาะติดกันด้วยแว๊กจัดทรงออกอย่างเบามือ จนอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมามองขานนท์ที่นอนราบอยู่ที่พื้นเตียง

วรุฒก้มศรีษะลงไปซบอกอีกฝ่ายที่มีการผายขึ้นลงจากการหายใจ และค่อยๆ กดร่างกายตัวเองต่ำลงลู่จนขนานกับแฟนตัวเล็กของเขาทางด้านล่าง

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 3) อัพ 2 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-02-2020 17:44:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 3) อัพ 2 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-02-2020 18:28:34
รอ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 24 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-02-2020 10:18:50

ชานนท์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีแต่ก็รู้สึกอบอุ่นพอใจจากการใกล้ชิดกับคนด้านบน ทำให้คิดว่าการไม่ได้เจอกันหลายชั่วโมงทำให้ชานนท์คิดถึงแฟนตัวเองไม่น้อย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการที่ได้อยู่กับใครคนหนึ่งทุกวันเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดความผูกพันธ์กันขนาดนี้ จนกระทั้งชานนท์เองก็ยกมือขึ้นมาโอบอีกฝ่ายหนึ่งไว้แน่น ความหิวโหยมื้อเย็นเมื่อครู่ไม่รู้หายไปไหนหมด

“นนท์....” เสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างยานคางกระทบกับแผ่นอกของชานนท์พร้อมลมร้อนหอบหนึ่ง
“ขอบใจนะ” คำสั่นๆ ที่พูดออกโดยที่ชานนท์ไม่เห็นหน้าคนพูด
“ขอบใจเรื่องอะไร เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย..... อ้อ หากหมายถึงเรื่องมื้อเย็นที่เตรียมให้ ก็ไม่เป็นไรนะ เราเต็มใจ” ชานนท์พูดออกอย่างงงๆ ตามประสาคนชอบพูดเรื่อยเปื่อย

“.........” แฟนตัวสูงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ได้แต่หายใจหนักๆ ใส่อกอีกฝ่าย
“หิวไหม? กินอะไรมาหรือยัง? ตอนนี้กับข้าวเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวเราอุ่นให้ใหม่นะ” ชานนท์ลูบหลังอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง เพราะเขาไม่เคยเจอวรุฒในอารมณ์แบบนี้เลย ไม่เคยเห็นเขาเงียบเหมือนเก็บกดอะไรบางอย่าง เขาเคยเห็นแต่วรุฒที่ฉุนเฉียวหาเรื่อง หาเท้าใส่ตัว กับอีกบทบาทหนึ่งคือผู้ชายใจดีที่ชอบตามใจแฟนอย่างเขา

“หิว......” เสียงสั้นๆดังขึ้นพร้อมเงยหน้ามามองหน้าชานนท์แบบที่ชานนท์เองก็เขินอายกับดวงตาสีอ่อนคู่นั้น
“อืม... โอ...โอเค งั้นลุกก่อนเดี๋ยวเราไปอุ่นกับข้าวให้” ชานนท์เลี่ยงที่จะมองคนตรงหน้า และใช้มือตบไหล่วรุฒเบาๆสองสามทีเพื่อให้อีกฝ่ายลุกให้พ้นทางเขา

“เราไม่หิวข้าว” นอกจากแฟนตัวสูงเขาจะไม่ขยับแล้ว ยังคงทิ้งน้ำหนักลงมามากขึ้น
“แล้วหิว......อะไร?” ชานนท์เหมือนนึกอะไรออกระหว่างพูดดวงตาเบิกกว้างมองคนตรงหน้าที่ดวงตาเปลี่ยนไป
“เราหิวนายน่ะ”  คุณชายไฮโซพูดอย่างเปิดเผยทั้งภาษาพูดและภาษากาย เพราะส่วนที่กลางลำตัวมันขยายส่วนจนคนเบื้องล่างสัมผัสได้

“เฮ้ย!!” ชานนท์ตกใจที่จู่ๆก็โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับพยายามเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากสีชมพูเรื่อที่ค่อยๆ พุ่งต่ำลงมาและหมายเล็งริมฝีปากเล็กบางของเขา

แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นแม้ชานนท์จะเบี่ยงหลบจุมพิตที่หมายจะดูดกลืนริมฝีปากของคนเบื้องล่างได้สำเร็จแต่ชายตัวสูงก็ไม่ละความพยายามที่ปลุกอารมณ์คนเบื้องล่างโดยการใช้ริมฝีปากและลิ้นที่อุ่นชื้นโลมเลียเล้าโลมอีกฝ่ายจนขนลุกเกรียวไปหมดทั้งร่าง ลีลาการใช้ลิ้นที่ช่ำชองจนร่างกายของชานนท์อ่อนปวกเปียกเป็นเต้าหู้ญี่ปุ่น ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ถึงแม้ว่าการปลุกปั้นของแฟนตัวสูงของเขาจะได้ผลเพราะน้องชายของชานนท์ก็ดูจะคึกคักขึ้นมาหลังจากความพยายามของคนด้านบนผ่านไปไม่ถึงนาที แต่กลิ่นเหล้า และกลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเคยผสมกันจนฉุนแสบจมูกเหล่านี้ทำให้ชานนท์ไม่คิดจะสานต่อ

“ไหนว่า.... สัญญากับแม่เราแล้วไง!!” ชานนท์พลั้งปาก
วรุฒที่ตอนนี้เครื่องกำลังร้อนกลับหยุดความเคลื่อนไหวเหมือนรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วและเบรกอย่างกระทันหัน เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ใส่ต้นคอของอีกฝ่าย
 “นายเนี่ยนะ เก่งเรื่องพูดให้หมดอารมณ์ทุกทีสิน่า” วรุฒหงายหลังตึงไปที่เตียงฝั่งที่ว่างอยู่ นอนแผ่อย่างหมดแรง ทั้งที่ส่วนกลางลำตัวยังคงขยายคับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกเล็กที่ใส่ได้พอดีตัวจนเห็นเกือบจะทุกส่วนของร่างกาย

“ก็นายมันไม่รักษาสัญญา” ชานนท์ลุกขึ้นมาในท่านั่งกึ่งนอนเขามองค้อนไปที่แฟนตัวสูงของเขา พร้อมหอบหายใจและพยายามสงบสติอารมณ์ให้นิ่งผ่อนลงไป ยังไงเขาก็ผู้ชายนะ เขาเองก็มีความต้องการเหมือนกัน แต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ!

“นายก็น่าจะรู้จักเราดีนะ เราก็รับปากไปตามสถานการณ์ ส่วนการปฏิบัติจริง..... เป็นยังไง เราก็ไม่ต้องบอกใครนี่นา!”
“.............” ชานนท์เงียบแทนคำตอบ และพยายามนึกถึงหน้าแม่ตัวเองไว้เพื่อไม่ให้หลงคารมอีกฝ่าย
“เออๆ ก็ได้ ไม่รู้จะทนมันได้แค่ไหนนะ!” วรุฒตอบกลับด้วยเสียงห้วนๆ ร่างกายมันต้องการแต่เขาก็ไม่อยากขืนใจคนที่เขารัก ตอนนี้สมองเขามันเครียดเหลือเกินกับสิ่งที่เขาเพิ่งเจอมา หลังจากที่ได้พบชานนท์ ได้กอดเขาทำให้ใจมันผ่อนคลายมากกว่าเดิมมาก นั่นเป็นเหตุผลที่เขากล่าวคำ ‘ขอบคุณ’ กับแฟนตัวเล็กของตนเองโดยไม่บอกเหตุผลว่าทำไม พอสบายใจก็อยากทำ ‘อย่างอื่น’ ต่อเพื่อให้ลืมเรื่องที่เจอมา แต่พอมาเจอแบบนี้เขาเลยได้แต่ขออยู่นิ่งๆ จนกว่าจะดีขึ้นดีกว่า ให้แอลกอฮอล์ในสายเลือดมันช่วยชะล้างภาพจำต่างๆ ในอดีตที่อยู่ๆก็ค่อยผุดขึ้นมา

“ไปอาบน้ำก่อนไหมครับ? จะได้สบายตัว แล้วมากินอะไรเสียหน่อย เมาขนาดนี้อย่าปล่อยให้ท้องว่างเลย ท่าทางจะยังไม่ได้กินอะไรเป็นมื้อเลยใช่ไหม?” ชานนท์ทักขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสถาพคนที่นอนแผ่เหมือนมีอะไรหนักอึ้งแบกอยู่ทั้งที่มองไม่เห็น เขายังรู้ดีว่าแฟนตัวเองนิสัยการดื่มเป็นแบบไหน เขาเป็นประเภทดื่มเยอะกว่ากิน

อีกฝ่ายไม่ตอบ แฟนตัวสูงของเขาทำแค่นอนหลับตานิ่งๆ จนเขาคิดว่าโดนโกรธเข้าแล้ว

พั่บ

เสียงร่างกายของคนตัวเล็กกระโดดขึ้นมาคล่อมร่างส่วนล่างของคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงแบบไม่ไหวติง

“โอ้ย!! ทำอะไรน่ะ” แฟนตัวสูงของเขาร้องด้วยสายตาเคร่งเครียด
“เป็นอะไรเนี่ย ไปเครียดอะไรมา? โกรธที่เราไปกับพี่เอกเหรอ? แต่วันนี้พี่เอกไม่ได้มาด้วยนะ โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ หรือว่าโกรธที่เราไม่ให้.....?” คนตัวเล็กที่คล่อมทับส่วนนูนที่กลางลำตัวพูดสุ่มทายใจอีกฝ่ายไปเรื่อย เพราะรู้สึกถึงบรรยากาศรอบๆ ตัวของแฟนตัวเองมันดูอึดอัดยังไงอธิบายไม่ถูก

“นั่นสิ..... ลืมไปเลยว่านายมีนัดกับตี๋นั่น!!” วรุฒมองมาที่ร่างแฟนตัวเล็กของเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ไม่รู้ว่าเกิดจากอาการที่แสดงความห่วงใยของอีกฝ่าย หรือส่วนบั้นท้ายของคนด้านบนกำลังสัมผัสกับส่วนนูนเด่นของเขาที่แทบจะทำตะเข็บของเป้ากางเกงยีนส์ตัวโปรดปริแตก (จนอยากจับกดเสียให้เข็ดว่าอย่ามาอ่อยกันแบบนี้)

“โกรธอยู่จริงๆด้วย” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรงจนผมบริเวณด้านหน้าของวรุฒโบกไหว

วรุฒยกยิ้มประดับใบหน้าด้วยความเอ็นดูความไร้เดียงสาของแฟนตัวเองอย่างปิดไม่อยู่ ใช่! ตอนนี้เขารู้สึกโกรธแต่ไม่ใช่เรื่องที่ชานนท์เดามา แต่เป็นเรื่องอื่น... เรื่องที่เขาเกือบจะลืมไปแล้ว (ส่วนเรื่องไอ้ตี๋นั่นก็รอไปเก็บบัญชีทีเดียว รวมถึงไอ้เต๋า ไอ้เพื่อนเฮงซวย ที่เดินเกมวางแผนได้แสบมาก ไอ้เอกตาตี่นั้น ไม่น่ากลัวเท่าไอ้เต๋าจอมวางแผน!!)

จุ๊บ!

ชานนท์ก้มลงมอบจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“คิดมากอะไรเนี่ย?” ชานนท์ถามอย่างแผ่วเบา
“เปล่าเสียหน่อย” วรุฒพยายามสร้างรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก
“แล้วเป็นอะไร?” ชานนท์พูดกับแฟนตัวเองในระยะประชิด
“...........” วรุฒยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร
“เฮ้อ.......... เอาเถอะ”  ชานนท์พ่นลมหายออกทางปากอย่างแรงอีกครั้ง

จุ๊บ!! จั๊บ!

เสียงของริมฝีปากด้านบนที่แสนนุ่มนวลกดลงมาที่ริมฝีปากอีกฝ่ายทางด้านล่างและส่งลิ้นลงไปควานหาลิ้นอีกฝ่ายในช่องปากอย่างเชี่ยวชาญ

“นนท์!!” วรุฒจับไหล่อีกฝ่ายให้ถอนปากออกและเรียกชื่อแฟนตัวเองด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไร?” ชานนท์ทำสีหน้าเหมือนโดนขัดจังหวะเรื่องดีๆ จนมีอาการขมวดคิ้ว
“ไหนบอกว่า.... แม่....” วรุฒไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม เพราะตอนนี้ หลังจากที่เจอคนตัวเล็กเป็นฝ่ายบุกก่อนด้วยความชำนาญแบบนี้ บอกได้เลยว่า เครื่องติดเรียบร้อยแล้ว แต่สัญญากับแม่ชานนท์ไว้แล้วเลยมีอาการเกรงใจ ยับยั้งชั่งใจไว้ได้

“งั้นเป็นความลับของเราสองคนดีไหม?” ชานนท์พูดด้วยสีหน้ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ การยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยกับแววตาที่หวานเยิ้มทำให้วรุฒเริ่มควบคุมอาการ และความต้องการของตัวเองแทบไม่อยู่ เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายหว่านเสน่ห์ใส่แบบนี้ (สงสัยว่าไปจำมาจากใคร)

“โอเค!” คำสั้นๆที่หลุดออกจากของวรุฒที่แทบจะไม่ต้องผ่านตัวกรองอะไรมากมาย และจับศรีษะอีกฝ่ายกดลงมาแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม

เนื้อเนียนแน่นของคนตัวสูงทางด้านล่างถูไถไปกับคนตัวเล็กทางด้านบน เสียงสวบสาบจากการที่เสื้อผ้าทั้งสองเสียดสีกันเกิดขึ้นเพียงไม่นาน ต่อจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงตุ๊บตั๊บจากเนื้อหนังที่เสียดสีกัน เสื้อผ้าของทั้งสองคนหลุดปลิวลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว ด้วยที่สองคนสี่มือต่างพากันปลดป่ายปัดอย่างชำนาญ

“เดี๋ยวจะทำให้หายเครียด” ชานนท์พูดด้วยเสียงหอบถี่หลังจากถอนปากจากอีกฝ่าย
“หือ??” วรุฒรู้สึกแปลกใจกับประโยคของชานนท์ในขณะที่มือของเขากำลังกำขวดเจลหล่อลื่นที่คว้าได้ในกระเป๋าตัวเองที่อยู่ไม่ไกล (ติดตัวเสมอ ใช้กับนนท์ได้ทุกที่ที่สดชื่น)

คนตัวเล็กเอื้อมคว้าเจลขวดนั้นมาอย่างรวดเร็ว เขาจัดการเทเจลใส่มือและจัดการกับช่องทางด้านหลังอย่างไม่ลังเล ริมฝีปากและลิ้นอันเปียกชุ่มก็เล่นกับตุ้มเนื้อสีชมพูสดของคนตัวสูงอย่างกับมันเป็นขนมหวานแสนอร่อย ทั้งดูดและขบเบาๆจนวรุฒแอบประหลาดใจกับความชำนาญของลูกศิษย์คนนี้และพาตัวเองเข้าไปในดินแดนแห่งความสุขที่ชานนท์เตรียมไว้ให้ คนตัวสูงกัดริมฝีปากจากปลายลิ้นอุ่นชุ่มของชานนท์ที่ไล่ตั้งแต่ตุ่มเนื้อกลางอกจนไปถึงอวัยวะกึ่งกลางลำตัวที่โตเต็มที่จนเห็นเส้นเลือดนูนเด่นครบทั้งลำ

ชานนท์บรรจงใช้ปากครอบสิ่งนั่นไว้อย่างช้าๆ และใช้ปากดึงขึ้นลงจนเอวคนนอนราบยกสูง ชานนท์ไม่ชอบทำแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันทำให้เขาอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก กับขนาดที่เกินกว่าปากเล็กๆ ของเขาจะรับไว้แต่เขาก็บรรจงทำมันด้วยความรักที่เขามีให้อีกฝ่าย ยิ่งเห็นสีหน้าแห่งความสุขของคนตรงหน้า ชานนท์ก็ยิ่งเร่งเร้าความเร็วขึ้นลงจนคนด้านล่างซูดปากออกมาว่า ‘ไม่ไหวแล้ว’

ขณะเดียวกับที่ชานนท์เตรียมช่องทางด้านหลังเรียบร้อย เขาก็ยกตัวไปนั่งทับให้สิ่งนั้นที่ชุ่มไปด้วยน้ำบ่อน้อยจ่อปากทางที่พร้อมเต็มที่ เขาตัดสินใจดันสิ่งนั้นลงไปช้าๆ ประกอบกับสีหน้าความเจ็บปวดแปลบขึ้นมาที่ชานนท์ทันที แต่เขาก็ไม่หยุด เขากดตัวเองลงไปครอบคนข้างล่างเรื่อยๆ ช้าๆ

ส่วนคนตัวสูงรู้ได้เลยว่าทรมานกับการบีบรัดของอีกฝ่ายจนหน้าเหย่เกไปหมด ความรู้สึกดีมันท่วมท้นจนเขาทนไม่ไหว คนตัวสูงทางด้านล่างจึงจับเอวคนตัวเล็กและยกสะโพกตัวเองขึ้นกระแทนคนตัวเล็กจนร่างกายพวกเขาประสานเป็นเนื้อเดียว ชานนท์เผลอร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ขอโทษนะ ไหวไหม? เราไม่ไหวจริงๆ” วรุฒพูดไปด้วยลูบแขนคนที่ทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดไปด้วย ชานนท์แค่คิดว่าทำไมเขาไม่รู้สึกชินกับเรื่องแบบนี้เสียที ขนาดว่าเป็นคนเริ่มก่อนก็ยังเจ็บเสียดอยู่ดี

สุดท้ายชานนท์ไม่ได้พูดอะไร เขาทำได้เพียงพยักหน้าและยิ้มสู้ว่าเขาไหว และเริ่มโยกขึ้นลงจนคนด้านล่างเป็นฝ่ายร้องซูดซี๊ดบ้างเหมือนกินของเผ็ดร้อน พวกเขาอยู่ในท่านี้ที่ต่างคนต่างเป็นฝ่ายนำ ด้านบนโยกขึ้นลงเหมือนขี่ม้า พอเหมื่อยก็หยุด ปล่อยให้คนด้านล่างยกสะโพกขึ้นลงเหมือนการออกกำลังจนกระทั้งทั้งสองทนไม่ไหว ชานนท์ปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเลอะหน้าท้องอีกฝ่าย และความรักของวรุฒก็พุ่งเข้าสู่ตัวอีกฝ่ายอย่างแรงจนชานนท์รู้สึกถึงของเหลวที่ไหลท่วมภายในตัว

เสร็จกิจพวกเขาก็ถอนร่างกายออกจากกันและนอนกอดก่ายกันอย่างหมดสติภายในรอยยิ้มของทั้งสองคน

ชานนท์ได้แต่หวังว่าเขาคงทำให้แฟนตัวสูงหายงอน หายเครียดเรื่องที่เขาแอบไปเที่ยวกับคนอื่นลำพัง แต่เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องที่วรุฒเครียดหนักและคิดมากนั้นคือเรื่องคนที่เขาไปเจอมาวันนี้มากกว่า

ใครจะรู้ว่าเต๋าได้วางหมากเรื่องแยกเขาสองคนไม่ใช่แค่ชั้นเดียวแต่ทำไว้ถึงสองชั้น

...............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-02-2020 21:56:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเต๋ามันร้าย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 4) อัพ 10 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-02-2020 13:09:52
เต๋านี่นะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 24 ส่วนที่ 5) อัพ 16 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 16-02-2020 10:30:55

“ประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัย!!” ชานนท์ร้องเสียงดังขณะนั่งรอเรียนคาบเช้าคาบถัดไปอันเนื่องมาจากโดนอาจารย์เทในคาบแรก

“ครับ ทำไมน้องนนท์ต้องดูแปลกใจขนาดนั้น?”  พี่เอกที่มีสีหน้าซีดเซียวกว่าปกติเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาบอกเรื่องนี้กับวรุฒที่ทำหน้าเฉยชากับคนมาบอก ผิดกับชานนท์ที่ดูประหลาดใจกึ่งตื่นเต้น

“ก็...ก็นี่มันเลยสอบกลางภาคมาแล้วนี่ครับ ผมนึกว่าจะไม่จัดแล้ว” สมองของชานนท์สั่งให้พูดสิ่งที่ต่างจากความคิดในใจไปโข ลำพังแค่เดือนคณะฯ แฟนเขาก็เป็นจุดสนใจทั้งสาวแท้สาวเทียมอยู่ (ความจริงก็ฮอตอยู่แล้ว) จนชานนท์แอบหวาดๆว่าวันหนึ่งแฟนตนเองจะเปลี่ยนใจ เพราะความธรรมดาของเขา (ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีดีอะไรให้รั้งแฟนรูปหล่อพ่อรวยของตัวเองเลย)

วรุฒสังเกตอาการเลิ่กลั่กของคนตัวเล็กออกจึงได้แต่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แต่ก็เงียบไม่ได้พูดอะไร

อีกคนหนึ่งที่รู้สึกถึงอาการชานนท์ได้ และมีอาการเจ็บจี๊ดที่อกข้างซ้าย แต่ก็ต้องกล้ำกลืนความรู้สึกลงไปในลำคอและอธิบายต่อ เขารู้ดีกว่ารุ่นน้องของตัวเองมีอาการหึงหวง

“ก็มันเลื่อนมา ความจริงควรจะจัดก่อนสอบกลางภาค แต่ทางมหาวิทยาลัยดันเลื่อนมาใกล้ขึ้นเลยชนวันงานที่วางแผนไว้ น้องๆก็น่าจะรู้ว่า มหาวิทยาลัยของพวกเรา เห็นเรื่องเรียนสำคัญกว่า”

“แล้วทำไมเป็นมึงมาบอก?” วรุฒถามด้วยสายตาขวางๆ เพราะคนที่ควรมาบอกเขาน่าจะเป็นพี่วิ แต่ทำไมเป็นพี่เอก วรุฒยังไม่คิดว่าพี่เอกตัดใจจากแฟนตัวเล็กของเขา

“ก็ยัยวิไปเที่ยวเมืองนอกกับกิ้กใหม่ของเธอ ยังไม่กลับ เลยฝากให้พี่มาบอก!”  พี่เอกอธิบายทั้งที่คิ้วขมวดเข้าหากัน เพราะไอ้ยักษ์ตรงหน้านี่ นอกจากแฟนตัวเองแล้ว เวลาพูดกับคนอื่นจะเหมือนชวนทะเลาะ (กิ๊กที่ว่านี่มันเพื่อนคนไหนของวรุฒก็ไม่รู้?)

“มีเมื่อไหร่?” วรุฒถามเสียงห้วน
“อีกสองสัปดาห์ ส่วนกิจกรรม สิ่งที่ต้องเตรียม วันซ้อมเนี่ย...”
“ไม่จำเป็น เดี๋ยวไปถามคนจัดงานก็ได้”
“โอเค!!” พี่เอกได้แต่กัดฟันให้เสียงตอบลอดไปทางช่องฟัน แต่พอพี่เอกเห็นหน้าชานนท์เสียไปเล็กน้อยจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก และยอมเลิกรา ไม่อยากมีเรื่องกับมันต่อหน้าน้อง

วรุฒลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ไม่พอเขาคว้าแขนคนตัวเล็กให้ไปกับเขาด้วย ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดในลำคอของสาวๆ แถวนั้น ที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในคณะฯพวกเขาเลย

ชานนท์ได้แต่ถอนหายใจกับการมีแฟนที่เป็นเหมือนคนสาธารณะ มันเหนื่อยใจจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเวลาเห็นคนอื่นมองแฟนตัวเองด้วยสายตาชื่นชม บางคนก็ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มจนเขารำคาญลูกตาพวกนั้นมากจนพยายามไม่มอง

แต่ชานนท์คงไม่รู้ว่า สาวๆ เหล่านั้น ไม่ได้มองแฟนเขาเพียงคนเดียวแต่มองเขาด้วย มองพวกเขาที่เป็นเหมือนเทพบุตรที่ได้ครองคู่กัน แค่เห็นเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน คนพวกนี้ก็ฟิน จินตนาการไปไกลอย่างมีความสุขแล้ว

..............


นับจากวันที่พี่เอกเดินมาบอกวรุฒเรื่องของการประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัยก็ผ่านเกือบสัปดาห์แล้ว และก็เป็นหลายวันที่เขาต้องมานั่งอ่านหนังสือรอแฟนตัวเองที่ทั้งถ่าย VTR แนะนำตัว, VTR โฆษณาเรื่องการประกวดฯ จนกระทั้งล่าสุดมาซ้อมบล็อกกิ้ง การเดินแบบบนเวที การพูดแนะนำตัว และกิจกรรมบนเวทีอื่นๆ อีกมากมายอย่างกับประกวดนางงาม!

วรุฒซึ่งบ่นอุบอิบเรื่องกิจกรรมพวกนี้ก็ได้แต่ชักสีหน้า หัวคิ้วชนกันวันละหลายๆหน เพราะไม่ชอบให้ใครบังคับ แต่ทำอยู่ทุกวันนี้เพราะกลัวมารดาตนเองจะโกรธเอา

ส่วนแฟนอย่างชานนท์ก็มีหน้าที่ในการถูกบังคับให้มานั่งให้กำลังใจแฟนตัวเอง อย่างไม่เต็มใจ ชานนท์คิดถึงโต๊ะอ่านหนังสือสบายๆ ที่ห้องพักตัวเองมากกว่า ไหนจะเวลาเหมื่อยก็เปลี่ยนไปนอนกลิ้งเกลือกอ่านหนังสือที่เตียงได้อีก สุขสบายเกินจะบรรยาย โชคดีที่ยังมีสมุดโน้ตเทพอยู่ในมือทั้งชุด ทำให้เขาไม่รู้สึกกับการรอคอยแฟนอย่างไร้จุดหมาย เพราะทุกวันเลิกดึกดื่นทุกคืน และเลิกไม่ตรงกันสักวันแล้วแต่ใจรุ่นพี่คนจัดกิจกรรม สมุดชุดนี้เยียวยาทุกสิ่ง ความรู้และแนวข้อสอบทำให้เขาไม่ต้องไปคิดอะไรมากมายเวลานั่งรอ

“เอ้า!! ดื่มเสียหน่อยสิ วันนี้คงอีกนาน” พี่เอกยกกระป๋องน้ำอัดลมสีแดงดำมาจ่อที่หน้า บดบังหนังสือตรงหน้าทำให้เพิ่งสังเกตเห็นคนที่เอ่ยทัก
“ขอบคุณครับ” ชานนท์รับมาและขอบคุณด้วยรอยยิ้มเช่นปกติให้รุ่นพี่ที่น่ารักของเขา ที่นอกจากจะทำงานดูแลสวัสดิการให้กับรุ่นน้องทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้แล้ว ยังทำหน้าที่ดูแลคนมานั่งเฝ้าแฟนอย่างเขาด้วย (แม้จะโดนบังคับมาก็ตาม)

“กรี๊ด!! แก!! ดูนั่น!! ฉันเห็นสองคนนี้ทีไร อุ้ย!! ดี๊ดีละแก เคมีเข้ากั๊นเข้ากัน!” เสียงสาวร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาในห้องจัดแสดงขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย ส่งเสียงซุบซิบแต่ก็ดังมาถึงจุดที่เขานั่งอยู่
“ไม่ได้ๆ แก ต้องอยู่ในเมนตัวเองสิ!!” เสียงของสาวร่างบางกว่านิดหน่อยแย้งขึ้น
“โหย...แก ก็ชั้นชอบแบบเกาหลีๆ อ่ะแก” สาวอวบตัดพ้อ
“งั้นแกหันไปมองบนเวทีโน้น!” สาวร่างบางกว่าจับศรีษะอีกฝ่ายหันไปทิศที่กลุ่มตัวแทนจากคณะต่างๆ กำลังซ้อมกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่บนเวที
“เชี้ย..... กูยอมแพ้กูกลับมาก็ได้ เชี้ย! ทำเอาละลายเลยแค่มอง ‘คุณชาย’ โคตรหล่อ...” สาวร่างใหญ่ทำท่าอ่อนละทวยและใช้เสียงสองทันที

บทสนทนาประเภทนี้แหละที่เขาได้ยินตลอดเวลาที่มานั่งเฝ้า บทสนทนาที่ชื่นชมแฟนเขาแบบตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง เขาพยายามไม่คิดอะไรแต่พอฟังทีไรก็อยากจะมองไปทางคนพูดแรงๆ ทุกที นั่นเป็นเหตุผลหลักที่เอาสมุดโน้ตเทพมานั่งอ่านฆ่าเวลา เพราะไม่อยากไปสนใจกับเรื่องพวกนี้ให้ไม่สบายอารมณ์

“ดังใหญ่แล้วนะเรา” พี่เอกที่นั่งอมยิ้มอยู่พูดขึ้นมาระหว่างที่ชานนท์เริ่มขมวดคิ้วแบบไม่รู้ตัว
“ดังอะไรครับ?” คนถามทิ้งหนังสือลงบนตักและหันไปถามคนที่นั่งด้านข้างตรงๆ เขากำลังคิคว่าพี่เอกจะแกล้งล้ออะไรเขาอีก
“ก็มีสาวๆ หนุ่มๆ ตามติดอยู่ไม่น้อยเลย ขนาดวันนี้ยังมีเลย” พี่เอกพูดพลางใช้สายตาชี้คนที่นั่งเป็นกลุ่มย่อยๆ ทางด้านหลัง
“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมเลย โน่น! ไอ้ยักษ์เผือกโน่นทั้งนั้น” พี่เอกยิ้มกับถ้อยคำที่ชานนท์ไม่เคยแสดงออกให้เห็น ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ และ.....หึงหวง
“เฮ้อ.... เด็กเอ้ย!!” พี่เอกส่ายหน้าหัวเราะในลำคอ ในขณะที่ชานนท์ก็ไม่เข้าใจท่าทีของพี่เอก จึงได้แต่มองค้อนใส่

“โอเคๆ งั้นเอ้า! ดูนี้!!” พี่เอกหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจอใหญ่ขึ้นมา ปลดล้อก เปิดแอปพลิเคชั่นสีฟ้า เลื่อนไปมาสามสี่รอบก็ยื่นของในมือให้ชานนท์รับไปดู

“เฮ้ย!!” ชานนท์อุทานเสียงดัง จนคนรอบข้างหันมาให้ความสนใจ
“เพิ่งเคยเห็นล่ะสิ หันสนใจเรื่องอื่นนอกจากหนังสือเรียนบ้างสิ ชีวิตเราไม่ได้มีแต่เรื่องเรียนหนังสือนะ” พี่เอกยกมือขึ้นมาขยี้ผมคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู ในขณะที่ชานนท์เลื่อนหน้าจอไปมาพร้อมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น

พี่เอกเปิดมาดูที่เพจของมหาวิทยาลัยที่กำลังโปรโมทงานประกวดดาวเดือนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี พร้อมภาพเท่ๆ หล่อๆ สวยๆ ของบรรดาผู้เข้าประกวด โดยเฉพาะภาพของวรุฒที่มีจำนวนยอดไลค์นำโด่งจนขาดจากลำดับที่สองแบบถล่มทลาย (ใครไปกดไลค์หนักหนาเกือบ 10,000 เข้าไปแล้ว ในขณะที่คนอื่นแค่หลักร้อยหลักพันต้นๆ มหาวิทยาลัยนี้มีนักศึกษากี่คนเนี่ย) แต่สิ่งที่พี่เอกยื่นมาให้ดูมันไม่ได้มีแค่นั้น คอมเม้นต์ต่างๆ ที่แสดงความคิดเห็นทั้งด้านดี ด้านลบอยู่เต็มไปหมด (ส่วนใหญ่จะออกแนวเพ้อ แนวมโน ซึ่งชานนท์เผลอทำหน้าบูดใส่ไม่รู้ตัว) แต่มีคอมเม้นจำนวนหนึ่งที่มักจะลงรูปของวรุฒ อริยาบทต่างๆ แบบสไตล์ปาปารัสซี่ของคนตัวสูง แต่ไม่ใช่วรุฒคนเดียวที่โดนแอบถ่าย เพราะมันมีเขาอยู่ด้วยทุกรูป เป็นรูปมุมเผลอต่างๆ ที่เขาไม่รู้ตัว รูปตอนเดินกับวรุฒ รูปตอนนั่งรอระหว่างคาบเรียน รูปตอนยืนคุยกัน รูปตอนเขา แอบงีบระหว่างคาบโดยมีคนตัวสูงทำหน้าที่เป็นพนักให้เขาอิง รูปตอนที่วรุฒจูงมือเขาไปที่นั่นที่นี่ (เหมือนโดนลากมากกว่า) ทุกรูปจะเห็นใบหน้าของแฟนตัวสูงของเขาอย่างชัดเจน สายตาของวรุฒที่มองเขาเวลาที่เขาหันไปทางอื่น หรือหลับตามันเป็นแววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน (ปกติจะดุดัน หรือดูหื่นกระหาย) แววตาที่แสนอ่อนโยนจนเขาใจสั่นไปหมด หัวใจรู้สึกทำงานหนักกว่าเดิน จนเลือดขึ้นไปสูบฉีดที่ใบหน้ามากขึ้น

ชานนท์เลื่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอลิ้งค์ๆ หนึ่ง ที่เขียนคำอธิบายสั้นๆ ว่า ‘มาฟินให้ตัวแตก!!’

เขาคลิ้กเข้าไปดูทันที และเขาก็ต้องตกใจจนเกือบร้องออกมาอีกครั้งเพราะ คราวนี้เจอกับเพจเฉพาะเรื่องราวของพวกเขาเลย และมีผู้ติดตามอยู่เป็นจำนวนที่เขาเองก็ทึ่ง นี่มัน.... หลักแสน!!
ข้างในเพจนี้ประกอบไปด้วยเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเขา กิจวัตรประจำวัน ประมวลภาพรายวัน (แม้ว่ารูปส่วนใหญ่จะเห็นเขาไม่ชัดก็เถอะ) รวมถึงเรื่องสั้นต่างที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องพวกเขาอีกด้วย!

“พวกนี้มันอะไรน่ะ?” ชานนท์หันมาถามรุ่นพี่หน้าใสของเขาด้วยตาดวงโตภายใต้แว่นทรงเหลี่ยมสีทอง
“ไม่อินเทรนต์เลยนะเรา! ก็แฟนคลับเรานั่นแหละ!” พี่เอกยิ้มปนหัวเราะกับความอ่อนต่อโลกของคนตรงหน้า
“แฟนคลับ? แต่เนื้อหาในนี้มัน?!?” ชานนท์ก้มลงไปที่หน้าจอเลื่อนลงไปลวกๆ อย่างรวดเร็ว มันไม่มีภาพเดี่ยวเลย มีแต่ภาพคู่ ไหนจะถ้อยคำที่ใช้บรรยายแต่ละภาพ แต่ละคอมเม้นต์ที่อ่านเจอ..... มัน.... แปลกๆ ทุกคนดูชื่นชอบที่เขาคบกัน และผู้ติดตามส่วนใหญ่เป็น..ผู้หญิง!

“ผมไม่เข้าใจ!” ชานนท์พูดทิ้งท้ายขณะสายตามองไปรอบๆ ที่ทุกคนต่างนั่งรายล้อมเขาและมีกล้องแอบไว้เสมือนคอยถ่ายรูปสัตว์ป่าในซาฟารี

“เฮ้อ! เดี๋ยวพี่อธิบายให้ฟังวันหลังได้ไหม? ท่าจะยาว!” พี่เอกผ่อนลมหายใจ เขาไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหนเลยขอผลัดไปก่อน เพราะคนตัวเล็กตรงหน้า น่าจะไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เท่าไหร่ ดูจากสีหน้าแปลกใจขนาดหนักก็รู้

“อ่ะ!! นั่น พี่เต๋า!! สวัสดีครับ!” ระหว่างที่ชานนท์กวาดตามองคนที่หัอมล้อมเขาอยู่ห่างๆ สายตาก็ไปสะดุดที่ผู้ชายตัวเล็ก ที่ยืนอยู่ใกล้ประตูทางออกและซ่อนอีกครึ่งตัวไว้หลังประตู (หากไม่สังเกตดีก็คงมองไม่เห็น) ชานนท์รีบโบกมือทักทายทันที โดยไม่สังเกตุเลยว่าพี่เอก ก็รีบหันควับไปมองตาขวาง

แต่แปลกที่พี่เต๋านอกจากจะไม่ทักกลับ ชายเจ้าสำอางค์ร่างเล็กกลับรีบผลุบหายไปพร้อมประตูที่ปิดลง

“อ้าว...... ไปเสียแล้ว หรือพี่เขามองไม่เห็นเรา” ชานนท์เกาหัวอย่างงงๆ

ส่วนเอกนั้นได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างมีชัย เพราะเรื่องในวันก่อนทำให้เขาสามารถกำจัดคนที่อาจจะทำให้รุ่นน้องสุดที่รักของเขาไม่มีความสุข เพื่อความสุขของนนท์เขาทำได้ทุกอย่าง! มันแปลกมากที่เขาก็ไม่ใช่คนที่คิดจะทำร้ายใคร แต่พอเป็นเรื่องนนท์ เขากลับยอมไม่ได้และทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง แม้จะไม่ได้ครอบครอง แค่ขอปกป้องความสุขของน้องเขาก็สุขใจ

.............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 5) อัพ 16 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-02-2020 12:42:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋.....สงสัย  ไอ่พี่เต๋าจะตกเป็นเมียพี่เอกไปแล้วกระมัง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 5) อัพ 16 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-02-2020 04:38:05
สรุปใครจะตีท้ายครัวใครกันแน่
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 24 ส่วนที่ 6) อัพ 23 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 23-02-2020 10:11:03

“เชี้ย!!”

เต๋าสบถลั่นหลังจากที่เดินถอยห่างจากประตูทางเข้าหอประชุม เขาไม่เคยรู้สึกเสียหน้าเท่านี้มาก่อนเลย เต๋าไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่ดูไร้สมองนั่นย้อนแผนการของตัวเอง

ความจริงแล้วแผนของเขามันซับซ้อนกว่านั้นมาก เริ่มจากการทำให้น้องนนท์หลับ พาขึ้นเตียง มอมยาไอ้ตี๋หน้าใสนั้นให้กำหนัดมันกำเริบ รอให้น้องยาเริ่มหมดฤทธิ์ จัดการปล่อยไอ้ตี๋ที่หื่นกระหายจากยาเร่งกำหนัดเข้าไปทำร้ายน้อง ถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์ ส่งให้ไอ้วรุฒดูโดยใช้โทรศัพท์ของไอ้ตี๋ หลังจากน้องเริ่มรู้สึกตัว ตัวเขาเองก็จะเข้าช่วยน้อง จัดการซ้อมไอ้ตี๋ให้น็อคและมัดไว้ (แค่คิดก็สะใจ) เข้าไปช่วยปลอบน้องให้น้องใจอ่อน หลังจากนั้นก็ให้วรุฒระแวงไอ้ตี๋กับน้อง ด้วยนิสัยอย่างไอ้วรุฒของหาทางเอาคืนไอ้ตี๋และหวาดระแวงจนความสัมพันธ์สั่นคลอน สุดท้ายเขาก็จะเป็นคนช่วยน้องออกมาจากสถานการณ์อันแสนอึดอัด ให้น้องใจอ่อน ยอมรับเขาเป็นแฟน แต่เรื่องดันจบอย่างกับหนังคนละม้วน

“โชคดีที่กูไม่เคยวางไว้แค่แผนเดียว!” เต๋าพึมพำขณะเดินออกห่างจากประตูห้องประชุม ซึ่งตอนแรงเต๋ากะว่าจะไปทักทายน้องนนท์เสียหน่อย เพราะไม่ได้ตัวคิดกับไอ้วรุฒเท่าไหร่แล้ว วรุฒถูกบังคับให้ไปซ้อมการประกวดฯ แต่ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสเลยเพราะมีไอ้ตี๋หน้าขาวนั่นประกบอยู่ตลอดเวลา พูดง่ายๆ ว่าชีวิตของน้องนนท์ไม่เคยอยู่คนเดียวเลย แม้แต่ตอนอยู่กับเพื่อนก็จะมีไอ้วรุฒกับไอ้ตี๋เอกประกบอยู่ตลอดเวลา

ความจริงเต๋าก็เคยคิดว่าเขาไม่เคยกลัวไอ้ตี๋เอกเลย แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้เขาเข้าหน้าไอ้ตี๋นั่นไม่ติดเลย รู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากเข้าไปปะทะด้วย
‘คงเป็นความรู้สึกเสียหน้า’ เขาพร่ำบอกตัวเองในใจอย่างหงุดหงิด เต๋าสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปและเร่งฝีเท้าอย่างลืมตัว

“โอ้ย!!  เชี้ยเอ้ย!!”
ความรู้สึกเจ็บแปลบจากผนังด้านในของปราการด่านหลัง ปวดตึบขึ้นมาวูบหนึ่ง แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว อาการเสียดร้าวยังคงคุกคามเขาอยู่เป็นระยะทุกครั้งที่เขาใช้กล้ามเนื้อขาอย่างเร่งรีบ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเสียเอกราชขนาดนี้ ปราการด่านหลังที่ไม่เคยเสียให้ใคร (และไม่เคยคิดที่จะเสียด้วย!) ถูกแผนซ้อนแผนของตัวเองเล่นงานจนต้องอับอาย ได้แต่คิดว่า อย่าให้เขาได้มีโอกาสเอาคืนนะ จะจัดการให้สาสมกับความเจ็บปวดและความเสียหน้าที่เขาได้รับอย่างครบต้นครบดอกเลย!!

...............................................


วันซ้อมใหญ่ก่อนวันงานจริงกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว พวกรุ่นพี่ที่รับผิดชอบงานด้านต่างๆ ทุกคนต่างพากันวุ่นวายกับการจัดงาน ลามไปจนถึงผู้เข้าประกวดและรุ่นพี่ที่เป็นสปอนเซอร์ ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน และนั่นทำให้คนตัวสูงที่ยืนข้างๆ ชานนท์ขมวดคิ้วจนแทบจะสามารถผูกกันเป็นปมได้ แต่ถึงจะแสดงสีหน้าแบบไหน ไอ้หมอนี่ก็ทำให้สาวๆ โดยรอบกรี๊ดกร๊าดได้เสมอ

“นี่ๆ อย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหม ยิ้มหน่อยสิ เดี๋ยวความนิยมตกนะ” พี่วิที่กำลังช่วยวรุฒวัดตัวรอบสุดท้ายสำหรับชุดที่จะใช้เดินแบบพรุ่งนี้
“เสร็จหรือยัง?” คุณชายร่างสูงปัดมือหญิงร่างบางทรงใหญ่ที่กำลังวางเสื้อทาบบนตัววรุฒอย่างวุ่นวาย
“มึงช่วยให้ความร่วมมือผู้หญิงของกูหน่อยได้ไหมวะ!!” ชายผิวสีเข้มทรงนักเพาะกายกล่าวขึ้น ใบหน้าคมนั้นมองพี่วิอย่างเอาใจช่วยในการดูแลคนที่มีจุดเดือดต่ำอย่างวรุฒ
“ไอ้บอย นี่พวกมึงยังคบกันอยู่เรอะ?”  วรุฒพูดกับเพื่อนเขาตั้งแต่สมัยมัธยม เพราะความจริงแล้ว ตามแผนที่วางไว้ให้พวกเพื่อนๆ เขาจัดการ ควรจะทำยัยพี่วินี่เป็นแค่ของเล่นแล้วสลัดทิ้งไปเหมือนกับชื่อเสียงของเหล่า ‘เดอะสตาร์’ ที่ฟันแล้วทิ้ง เวียนผู้หญิงและชื่อเสียงเสียๆ อีกมากมายของบรรดาเหล่าลูกคนรวยเพลย์บอยเหล่านี้

“วิเขายังมีอะไรอีกเยอะแยะที่ทำให้กูเบื่อไม่ลง” บอยพูดพร้อมลงสายตาที่เหมือนมีเพลิงลุกไหม้มายังวิสาวร่างบางที่มีจริตร้อยเล่มเกวียนให้ส่งสายตาวูบวาบกลับไป
“พวกมึงไปหาห้องว่างแล้วไปจัดการกันก็ได้นะ” วรุฒว่าพลางผลักพี่วิออกให้ห่างตัวเองเล็กน้อย เพราะมือพี่วิเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว เธอกำลังใช้นิ้วไล่วนผิวกล้ามช่วงแขนของเขาอย่างไม่รู้ตัวจากการจ้องประกายไฟในตาของคนที่คบกันฉันเซ็กส์อย่างบอย เขารู้ดีเลยว่าพี่วิสามารถทำอะไรได้บ้างบนเตียง (เกือบจะเป็นประสบการณ์ตรงหลายครั้ง)

“นนท์จ๋าช่วยพี่ดูแลผู้ชายของเธอหน่อย ถือว่าทำเพื่อคณะฯนะ!” พี่วิกวาดสายตามาทางชานนท์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลและพยายามเอาตัวออกจากบทสนทนา 

ชานท์ผ่อนลมหายใจออกมาและเดินมาทางต้นเสียง เขายกมือขึ้นลูบบริเวณระหว่างคิ้วอย่างนุ่มนวล

“เพื่อคณะฯ ให้ความร่วมมือหน่อยนะครับ”

เสียงธรรมดาๆ ที่ออกมาจากปากคนตัวเล็กและท่าทางที่กระทำกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนทำให้วรุฒคลายปมที่คิ้ว มุมปากมีรอยยิ้มขึ้นมาและจับเอวอีกฝ่ายอย่างผ่อนคลาย

“ขอกำลังใจก่อนและจะให้ความร่วมมือ” เสียงวรุฒที่คำรามดุเหมือนเสือหิวเมื่อครู่กลายเป็นเสียงแมวน้อยอ้อนเจ้าของ
“กำลังใจ?” ชานนท์ทวนคำด้วยความสงสัย
“นี่ไง” วรุฒยื่นหน้ายื่นปากให้อีกฝ่ายหมายจะให้คนตัวเล็กเข้าใจ
“จะบ้าเรอะ!! นี่มันที่สาธารณะ!” ตอนนี้หน้าชานนท์แดงไปถึงหู
“เอาน่า แล้วจะยอมทำทุกอย่างเลย” เสียงออดอ้อนที่ชาตินี้คงทำกับชานนท์เพียงคนเดียว
“อืม!” หลังตอบตกลงอย่างจนใจ ชานนท์ก็ขยับหน้าให้ปากสัมผัสกับริมฝีปากอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วและขยับออกทันที

“ไม่เอาน่า!” วรุฒเหมือนไม่เพียงพอกับความต้องการ คนตัวสูงโอบชานนท์กระชับเข้ามาและใช้ริมฝีปากจู่โจมคนตัวเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว และใช้ลิ้นชอนไช้เข้าในปากอีกฝ่าย ช่วงแรกชานนท์ก็ขัดขืนแต่พอเจอรุกหนักๆ เข้าก็ยอมแต่โดยดี ทำให้โดยรอบเกิดบรรยากาศว่างเปล่า และเสียงวี๊ดในลำคอจากคนรอบข้าง บางคนถึงขั้นเอามือขึ้นมาโปกพัดไปที่คอด้วยความรู้สึกที่ใบหน้าร้อนผ่าว

“ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ” วรุฒพูดขึ้นอย่างแผ่วเบาหลังจากถอนปากออกจากแฟนตัวเล็กของเขา ในขณะที่ยังมีนำเหนียวใสยืดเชื่อมระหว่างริมฝีปากทั้งสอง

“ไอ้บ้า!!” ชานนท์ทุบไหล่วรุฒไปทีหนึ่งและเร่งรีบกลับไปนั่งก้มหน้าอ่านหนังสือที่เดิม

“เซ็กซี่สุดๆ” พี่วิที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ใกล้สุดได้แต่ยืนบิดไปมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

.................................


ชานนท์เลื่อนดูภาพปาปาราสซี่ของตัวเองวรุฒ พลางถอนหายใจ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาตกเป็นบุคคลสาธารณะแบบนี้ (ที่เคยคิดไว้มันเป็นอีกแบบ) ภาพที่โดนคนตัวสูงโอบรอบตัวและบังคับโน้มศรีษะของเขาให้ก้มลงไปประทับกับจุมพิตคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงและมันไม่ได้มีเพียงภาพเดียวมันมีเยอะจนเขาขี้เกียจจะนับ ที่โพสอยู่ในเพจของเฟซบุ๊ค ซึ่งชื่อเพจนั่น เขาก็ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ‘คู่จริงฟินตัวแตก’ ชื่อมันแปลกแต่ดันมีคนติดตามอยู่นับแสน สมาชิกเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง หลังจากเขาได้เข้ามาศึกษาที่เพจนี้ ทำให้โลกใบนี้ของเขาแปลกไปจากเดิมมาก

ชานนท์เหม่อมองไปที่ชายร่างสูงใหญ่หุ่นนายแบบ ผมสีอ่อนทรงอันเดอร์คัท ที่กำลังซ้อมการเดินแบบ และการแสดงต่างๆ อยู่บนเวทีไกลๆ รัศมีของเขามันสว่างสดใสจนเดือนจากคณะอื่นๆ กลายเป็นเหมือนบุคคลธรรมดาไปเลย

เขามองพลางถอนหายใจว่า ทำไมเขาถึงได้หลงไหลคนๆนี้ได้ขนาดนี้นะ มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะใจเต้นกับวรุฒทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ขนาดแค่นั่งมองวรุฒอยู่ไกลจากเวทีขนาดนี้ยังหุบยิ้มไม่ได้เลย ชานนท์กลัวตัวเองเป็นบ้าเลยไม่กล้าที่จะมองต่อ

“ไอ้คนนิสัยเสียคนนี้ทำไมเขาถึงชอบไปได้วะ?” ชานนท์เผลอคิดเสียงดัง
“บ่นอะไร?” เสียงหญิงห้าวคุ้นหูดังขึ้น
“อ้าวเมย์!” ชานนท์หันไปที่ต้นเสียงเอ่ยทักเพื่อนสาวห้าวของเขา เธอไม่เพียงทักเขาแต่ยังกระแทกลงนั่งที่เก้าอี้ข้างอย่างจงใจ
“เดี๋ยวนี้พอมีผัวแล้วไม่มาให้เพื่อนเห็นหน้าเลยนะ!” เมย์แซวแรงพร้อมทำสีหน้าหมั่นไส้คนที่นั่งเหม่อยลอยก่อนหน้านี้
“ผัวเผออะไรเล่า เธอเนี่ย!” ชานนท์พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่ก็แอบยิ้มที่มุมปาก
“อ้าว! ตายแล้ว อีตาวรุฒเป็นเมียเหรอ? ตายจริง! ผิดคาด!!” เมย์ทำหน้าประหลาดใจแบบเกินจริงไปมาก (เธอน่าจะไปเรียนการละคร!!)
“ไม่ใช่ๆ ผัวนั่นแหละ! อุ๊บ!!” ชานนท์ยกมือปิดปากแทบไม่ทัน
“อ่ะ! ในที่สุดก็ยอมรับ” สาวห้าวทางด้านข้างชี้หน้าอย่างล้อเลียน
“จะไปไหนก็ไป ไป๊!!” ชานนท์โกรธปนอายจนหูร้อนและแดงมาก
“โอ๋ๆ เดี๋ยวนี้เกรี้ยวกราด เหมือนผัวขึ้นทุกวันนะนายนะ อยู่ด้วยกันเยอะก็อย่างนี้!!” เมย์ส่งยิ้มล้อเลียนมา
“โอ้ย! พอๆ นี่ว่างมากหรือไง? ถึงมาอยู่ล้อเราเล่นถึงตรงนี้!” ชานนท์เริ่มโกรธจริงๆ แล้ว จนชักอยากจะไล่ยัยสาวห้าวขี้แกล้งนี่ไปให้พ้น
“ว่างง่ะ.... เลยมาหาอาหารตาดู ก็วันนี้ไม่มีซ้อมกรีฑานี่นา” สาวห้าวที่หลังจากสอบตกจากเวทีดาวคณะก็เลยผันตัวเองเป็นนักกีฬาอย่างที่ตั้งใจ

“งั้นมาดูสาว หรือดูหนุ่มล่ะ?”  ชานนท์ล้อกลับ
“ถึงฉันจะห้าว แต่ฉันก็ส่องหนุ่มนะจ๊ะ พ่อคนหวงผัว!” เมย์ตอบกลับพร้อมใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มนุ่มๆ ของชานนท์
“จะส่องก็อยู่เฉยๆ แล้วก็เงียบๆ เลยไป!” ชานนท์อยากจบบทสนทนาโดยไว เพราะรุ่นพี่ที่เวทีเริ่มส่งสายตาเชิงตำหนิมาแล้ว ความจริง ไม่ควรมีใครสามารถเข้ามาดูระหว่างซ้อมจริงในวันนี้ได้ แต่ด้วยเสน่ห์ของวรุฒทำให้เขาได้มานั่งอยู่ที่นี่ได้ และเขาก็สงสัยว่สยัยเมย์ เธอผ่านด่านรุ่นพี่มาได้ยังไง?

“ว่าถึงเรื่องส่อง นนท์เห็นตรงมุมห้องฝั่งนั้นไหม?” เมย์ชี้ไปที่มุมห้องประชุมอีกฝั่ง

ผู้หญิงผมยาวสีบลอนด์สวยเป็นลอน นั่งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างมืด แต่ถึงกระนั้นชานนท์ก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ สวยมาก สวยเหมือนรูปปั้น สวยอย่างกับนางแบบวิคตอเรีย ซิคเครท อาจเพราะชานนท์ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเวทีกับหนังสือ ทำให้ไม่สังเกตผู้หญิงคนนั้น (หรือว่าตอนนี้เรดาร์จับผู้หญิงสวยเขาจะชำรุดเสียแล้ว!)

“เป็นไง! สวยมากเลยใช่ไหม? สวยจนฉันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันใจสั่นไปหมด เธอเป็นใครกันทำไมถึงมานั่งตรงนั้นได้?” เมย์แทรกขึ้นมาขณะที่ชานนท์มองเหม่อไปทางสาวคนนั้น
ที่เขามองอยู่นานไม่ใช่ว่าเขาหลงเสน่ห์เธอคนนั้นแต่เป็นสายตาที่เธอจ้องมองไปบนเวทีอย่างไม่ห่างตาต่างหาก มันดูจงใจมองให้คนบนเวทีรู้ว่าเธอจ้องมองอยู่ และหวังอยู่ลึกๆ ว่าคนที่เธอมองจะไม่ใช่คนของเขา

...................

“ดีมากนะคะทุกคน วันนี้ทุกคงเป๊ะปังเพอร์เฟคมาก เจ๊ภูมิใจในตัวน้องๆ มาก วันนี้แค่นี้ก่อนนะ พรุ่งวันจริงแล้วนะคะ นอนให้เต็มที่ แล้วมาเจอกันตอนบ่ายเพื่อเตรียมแต่งหน้าทำผมขึ้นเวทีนะคะ ห้ามผิดเวลาเด็ดขาด!! เข้าใจนะคะ?” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากทางเวที ‘เจ๊สอง’ รุ่นพี่ชายออกสาวอย่างไม่ปิดบังพูดแจ้งน้องๆ ผู้เข้าประกวดดังลั่นห้องประชุม ทำให้ชานนท์หันไปสนใจบนเวทีทันที

อย่าเงียบสินะ ตอบสิคะว่า ‘เข้าใจ’ !!” หลังจากที่ทุกคนสนใจแต่จะเตรียมตัวกลับห้องทำให้ห้องหลังจากจบประโยคเจ๊สอง ทั้งห้องประชุมกลับเงียบ เจ๊สองจึงตวาดอีกครั้งเพื่อให้รุ่นน้องกล่าวตอบรับ

“เข้าใจครับ/ค่ะ” รุ่นน้องทุกคนกล่าวพร้อมกันอย่างเพลียๆ
“ดีมากคะ ทุกคนแยกย้ายได้!! ส่วนทีมงาน! ยังกลับไม่ได้นะ คุยกันก่อน!!” เจ๊สองยิ้มเย็นใส่ทุกคนก่อนหวาดสายตาไปที่รุ่นพี่ทีมงานทุกคนให้สะดุ้งกันเฮือก รวมถึงพี่เอกที่ยิ้มแห้งๆ อยู่ข้างเวที ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้ทุกคนจะล้ากันเต็มที่แล้วเพราะขนาดชานนท์นั่งรออยู่เฉยๆ ยังแอบเพลียไปด้วย

เฮ้ออออ....

ชานนท์ยืนบิดขี้เกียจยาว ส่งเสียงสั่นออกมา จนหญิงสาวห้าวที่มานั่งเป็นเพื่อนเขาหลับไปหลายตลบ ส่งเสียงงัวเงียออกมา

“ฮ้าววววว นี่... เลิกแล้วเหรอ นี่เลิกดึกอย่างนี้ทุกคืนเลยเหรอ?” เมย์หาวปากกว้างพลางมองไปที่นาฬิกาดิจิทอลที่หอประชุม แสดงเลขยี่สิบสองเป็นเลขสองหลักหน้า

“เป็นสาวเป็นนาง หาวก็หัดปิดปากเสียบ้าง!” ชานนท์ส่ายหน้ากับพฤติกรรมที่ไม่สมหญิงของเพื่อนสนิทตนเอง
“เรื่องของฉันเถอะ. ว้าย!!” เมย์จ้องมองไปทางเวทีด้วยตาที่เบิกกว้าง
“อะไรของเธอ?!?” ชานนท์เริ่มหงุดหงิดกับอาการลุกลิกของอีกฝ่าย
“แก! ดูนั่น ผู้หญิงสวยๆ คนนั้น เดินไปหาผัวแก!!” เมย์พูดพลางชี้ไปที่เวที

สาวร่างสูงในชุดรัดรูป กางเกงเลคกิ้งสีดำมันวาว เสื้อกล้ามสีดำสนิทสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำด้าน ผมที่ยาวสลวยเป็นลอนของเธอกระทบแสงไฟยามเดินเข้าไปใกล้เวทีที่มีไฟส่องกระทบ มันแวววาวต้องตามากๆ รูปหน้าและผิวพรรณไปทางคนตะวันตกนั้น ทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าใครในห้อง และส่วนสูงเป็นรองแค่วรุฒเท่านั้น

เธอเดินเข้าไปคุยกับวรุฒอย่างสนิทสนม แต่วรุฒกลับทำท่าหงุดหงิดใส่เธอ  จนกระทั้งเธอโน้มตัวไปกอดคออีกฝ่ายพร้อมกดจมูกไปที่แก้มของวรุฒเบาๆ ทำให้วรุฒหยุดนิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะโดนสาวต่างชาติชวนให้ออกจากห้องไป

ชานนท์ที่กำลังเดินไปทางเวทีต้องหยุดฝีเท้าทันทีที่เห็นภาพบาดตาด้านหน้า ลำคอเหมือนมียาขมเม็ดใหญ่ที่กลืนลงคอสำบากและเจ็บปวด ลมหายใจหอบถี่ขึ้นทั้งๆที่ยืนอยู่เฉยๆ เขายังจ้องมองไปทางแฟนตัวสูงของเขาอย่างไม่วางตา ชานนท์เหมือนเห็นวรุฒเดินไปตามทางด้วยความรู้สึกเชื่องช้า หูของเขาถูดตัดการรับฟังใดๆ เหมือนห้องทั้งห้องดำมืดและเงียบเชียบเหลือแต่เพียงบุคคลสองคนที่เดินไปตามทางภายใต้แสงไฟที่สว่างชัดเจน

“นนท์!!” เมย์เขย่าตัวเขาให้รู้สึกตัว
“อะ...อะไร?” ชานนท์สะดุ้งหันไปหาเพื่อนสาวห้าวข้างๆ
“แก... เป็นอะไรไหมเนี่ย เรียกตั้งนาน?” เมย์เซ้าซี้อย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร” ชานนท์ตอบแบบผ่านๆ ทั้งที่ความจริงความรู้สึกในใจยากที่จะบรรยายออกมา
“แกๆ แกรู้จักเขารึเปล่าวะ? เห็นเดินไปกับรุฒน่ะ”
“ไม่!” ชานนท์ตอบเสียงห้วน
“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ควงกันใกล้ชิดขนาดนี้!!”
“ไม่รู้โว้ย!!” คนตัวเล็กรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“นนท์....”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ตัวจนทำให้ชานท์รีบหันไปหาต้นเสียงด้วยความตกใจ
“รุฒ!!”
“เอ่อ..... เรา.... วันนี้นายกลับไปก่อนนะ เรามีธุระนิดหน่อย” วรุฒพูดด้วยสีหน้านิ่งจนยากจะบอกความรู้สึกของเขาได้ สีหน้าเหมือนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก
“อืม...” ชานนท์พยักหน้าตอบแบบกลายๆ แล้ววรุฒก็หันหลังเดินจากไปทิศที่หญิงสาวนางแบบนั่นยืนอยู่

“อะไรวะ?” เมย์พูดขึ้นน้ำเสียงหงุดหงิดแทนเพื่อนของเธอ เพราะปกติวรุฒจะไม่เคยปล่อยให้ชานนท์เดินกลับหอคนเดียว แต่นี่นอกจากจะไม่สนใจคนที่อุตส่าห์รออยู่หลายชั่วโมงแล้วแต่กลับเดินทางไปกับคนอื่นแบบนี้

ชานนท์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนิ่งและมองภาพสาวสวยและหนุ่มรูปงามเดินจากไปทางประตูหอประชุม มันคงจะเป็นถาพที่น่าดูมากหากชายหนุ่มรูปงามนั่นไม่ใช่แฟนของเขา

“มันทำเชี้ยอะไร!!” พี่เอกพุ่งมาด้วยความเร็วมายืนเคียงข้างชานนท์และใช้มือวางบนบ่าของชานนท์เบาๆ
“พี่เอก...” เมย์เอ่ยทักพี่เอกและทำหน้าห้ามไม่ให้พี่เอกพูดอะไรไปมากกว่านี้

“ผมกลับห้องก่อนนะ” ชานนท์พูดจบก็ก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจเพื่อนและรุ่นพี่ที่ยืนอยู่รั้งท้าย
“ให้พี่ไปส่งไหม?” พี่เอกทัก
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปจัดงานของพี่เถอะ เดี๋ยวโดนพี่สองแขวะอกเอานะ” ชานนท์หันมาฝืนยิ้มและเดินจากไป ห่างออกไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ภายใต้สายตาห่วงใยจากคนเบื้องหลัง

....................................

“มันทำอย่างนี้กับน้องนนท์ได้ยังไงวะ!!” พี่เอกขบเคี้ยวฟันพูดอย่างฉุนเฉียว
“ใจเย็นๆ พี่! เมย์ว่า มันก็แปลกๆ นะ  ดูท่าทางวรุฒก็ไม่ได้เต็มใจไปเท่าไหร่” เมย์ออกปากเตือนและให้ความเห็นเมื่อเห็นรุ่นพี่ของเขาคุมอารมณ์ตัวเองแทบไม่อยู่
“.........” พี่เอกได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดและหายใจเข้าออกยาวๆ เหมือนนับหนึ่งถึงสิบในใจ
“เดี๋ยวเมย์จัดการเอง ถึงเวลานักสืบมหา’ลัยอย่างเมย์คนนี้แล้ว!!” เรื่องจริงคือเมย์เป็นคนที่รอบรู้และเผือกเรื่องชาวบ้านในเลเวลที่ไม่ธรรมดา มันเลยกลายเป็นเรื่องที่แสนจะท้าทายของเธอ
“ไม่เป็นไร! พี่พอจะรู้แล้วว่า ไอ้เรื่องเลวๆ แบบนี้มันมาจากใคร?!?” พี่เอกตาเป็นประกายเหมือนมีภูเขาไฟปะทุอยู่ ทำให้เมย์รู้สึกกลัวพี่เอก ณ ตอนนี้ขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

.............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 24 ส่วนที่ 6) อัพ 23 ก.พ. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-02-2020 22:29:34
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่สินะ  แผนไอ้พี่เต๋ามัน

ว่าแต่เหตุผลอะไรถึงทำให้วรุฒต้องโอนอ่อนยอมไปกับยัยผู้หญิงนั่นด้วย

ป.ล. รอดูฮีโร่พี่เอก  ว่าจะจัดการกับตัวแสบอย่างไอ้พี่เต๋าอย่างไรต่อ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 25 ส่วนที่ 1) อัพ 1 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-03-2020 12:31:09

บทที่ 25

Roses and thorns


‘ชีวิตไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ’

แม่ของชานนท์พร่ำบอกเขาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต

เขาเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะที่ผ่านมา เขากับแม่ก็ลำบากมาด้วยกันมากมายกว่าจะมีวันนี้ วันที่มีพร้อมแทบทุกสิ่งนับแต่วันที่พ่อของเขาจากไป ทุกความยากลำบากเขาต่างผ่านมันมาหมดแล้วทุกรูปแบบ

แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า แม่น่าจะหมายถึงสิ่งนี้ด้วย สิ่งที่คนที่กำลังจะก้าวออกจากวัยเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญ!

‘ความรัก’

ความรักฉันท์คู่รัก มันเป็นสิ่งที่ชานนท์เคยต้องการที่จะได้ลิ้มลอง แต่ไม่คิดว่ามันจะทรมานถึงเพียงนี้ ภาพที่เขาได้เจอวันนี้ เขาพยายามหาคำตอบจากมัน แต่คิดจนหัวแทบระเบิดก็ยังไม่รู้ว่า ทำไมวรุฒถึงได้เดินไปกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ดูพร้อม และมีท่าทีที่สนิทสนมกันมาก มากเกินเพื่อน!

เขาพยายามหักใจไม่คิดอะไรมากมาย พร่ำบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เขากับวรุฒนั่นต่างมาไกลจากวันที่เขาพบกันวันแรกมาก เขาจะต้องเชื่อในการกระทำที่ผ่านมา เรื่องที่วรุฒสัญญากับแม่ของเขาไว้

สรุปคือ ค่ำวันนั้น ชานนท์ไม่สามารถอ่านหนังสือได้รู้เรื่องเลย ทั้งๆ ที่มีของดีอยู่ในมือ เขากลับอ่านย่อหน้าเดิมซ้ำไปมาจนเวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงคืน สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเข้านอน

ข่มตานอนอยู่ในความมืดมิดของห้องที่มีเพียงเขากับเตียงที่กว้างใหญ่ ชานนท์เพิ่งรู้สึกตัวว่า เตียงนี้มันช่างกว้างใหญ่เสียเหลือเกินเวลาไม่มีคนที่มาพยายามจะกินตับเขาอยู่ทุกคืน

แอ็ด.......

เสียงปลดล้อกตามด้วยเสียงบานพับประตูลั่นอ้าเปิดออกอย่างช้าๆ ชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ เขาเห็นร่างเล็กนอนห่มผ้านิ่งอยู่บนเตียง วรุฒถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ โชคดีที่แฟนตัวเล็กของเขาไม่น้อยใจและหนีออกจากห้องไป

เขารีบปิดประตูและเข้ามาอาบน้ำแต่งตัวด้วยฝีเท้าเหมือนย่องเบา และล้มตัวลงนอยข้างๆ คนตัวเล็กและโอบกอดไว้อย่างคิดถึง วรุฒสูดกลิ่นตัวที่เกิดจากสบู่กลิ่นเดียวกับเขาเข้าเต็มปอด และหอมไปที่แก้มหนึ่งทีอย่างนุ่มนวล พร้อมที่จะปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เขาได้เจอวันนี้ วรุฒตัดสินใจหลับเพื่อเก็บแรงเก็บสมองไว้ใช้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดๆ ไป

กลิ่นแอลกอฮอล์ประสมปนเปมากับลมหายใจของคนตัวใหญ่ที่กอดชานนท์อยู่อย่างถนุถนอม คนที่เพิ่งเดินเข้ามาไม่ได้พูดอะไรมากมายนอกจากผ่อนลมหายใจใส่ตัวเขา ก่อนที่จะกดจูบลงไปที่แก้มนิ่มๆ ของเขา และหลับไป

วรุฒคงไม่รู้ว่าชานนท์ยังไม่หลับ และเขาก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะหลับลงหรือไม่ หากยังคงมีเรื่องค้างคาใจแบบนี้


............................................

ในที่สุดวันประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นกิจกรรมใหญ่งานหนึ่งของทุกปี มีนักศึกษาเข้าร่วมเต็มห้องประชุมแม้จะขายบัตรก็ตาม (เพื่อนำเงินไปพัฒนาชุมชนตามนโยบายของสโมสรนักศึกษา)  ส่วนคนที่ซื้อบัตรไม่ทันก็ยังสามารถมาดูที่จอถ่ายทอดหน้าห้องประชุมได้

ส่วนชานนท์เนื่องจากวรุฒซื้อบัตรวีไอพีให้นั่งจึงได้นั่งหน้าสุดใกล้เวที ใกล้ชนิดเห็นเนื้อผ้าผู้เข้าประกวดชัดเลยทีเดียว

“ไม่สบายเหรอน้อง?” น้ำเสียงห่วงใยที่คุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกลจนคนเหม่อลอยหันไปทางต้นเสียง
“พี่เอก.... เปล่าครับ ผมสบายดี แค่รู้สึกตื่นเต้นกับการประกวดน่ะครับ” สีหน้าของคนโกหกไม่เก่งแสดงออกมาจนคนฟังนิ่วหน้าให้เห็น
“จะให้พี่ช่วยอะไรก็บอกมานะ” พี่เอกส่ายหน้าและพูดด้วยความเป็นห่วง
“ครับ” ชานนท์รู้ได้ทันทีเลยว่าพี่เอกรู้สึกถึงความไม่สบายใจของเขาโดยไม่ต้องพูดอะไรออกมาจึงได้แต่ฝืนยิ้มตอบไป

การประกวดกำลังจะเริ่มขึ้น พี่เอกที่เป็นหนึ่งในทีมงานจึงขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของการเตรียมดูแลสวัสดิการต่างๆ ให้กับผู้เข้าประกวดและทีมงาน จากที่พี่เอกนั่งยองอยู่เยื้องกับเขาก็รีบลุกขึ้นและรีบเดินไปหลังเวทีทันที ก่อนจะส่งสายตาไปพี่เอกอมยิ้มเพื่อส่งสัญญาณว่าเขาโอเค ส่วนพี่เอกก็แอบมองมาทางชานนท์เพื่อดูว่าเขายังโอเคหรือเปล่า แต่ก็พบว่าสักพักชานนท์กลับไปทำหน้านิ่งเหม่อลอยเหมือนเดิม

“นอนไม่หลับ” ชานนท์บ่นงึมงำหลังจากที่พี่เอกลุกออกไปแล้ว
“อะไรนะ?” ยัยเมย์ที่เพิ่งเดินมาถึงก็มานั่งข้างเขาพร้อมกับถามในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน (ชานนท์ขอให้วรุฒซื้อเผื่อยัยเมย์ด้วยเพราะเขาไม่อยากนั่งคนเดียว ซึ่งยัยเมย์ก็เต็มใจอยากมาเชียร์รูมเมทของเธอ ‘มายด์’ อยู่แล้ว ที่สำคัญฟรี!)

“เปล่า” ชานนท์รีบปฏิเสธทันที
“นอนไม่หลับ?” เมย์หรี่ตาจ้องหน้าทวนคำอีกฝ่าย
“ทำไมถึงรู้?” คนตาบวมประหลาดใจ
“แค่มองหน้าก็รู้แล้วไหมเนี่ย!! คนอะไรตาลึกโบ๋ แถมช้ำได้ขนาดนี้!! ถามจริง.... เมื่อวานวรุฒจัดหนักเลยเหรอ?”  เมย์ยิ้มกริ่มแบบล้อเลียน
“ถ้าเขาทำก็ดีสิ นี่หายไปไหนเกือบค่อนคืน แถมยังหายไปตั้งแต่เช้า!! จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเลย!” ชานนท์หงุดหงิดจนหลุดปาก เหมือนอารมณ์ที่อัดอั้นไว้ มันได้พังทลายเป็นเขื่อนพังขนาดนี้ พูดจบก็ได้แต่ทำหน้าตกใจใส่เพื่อนของตัวเอง ที่ตอนนี้ทำหน้าแปลกใจยิ่งกว่าคนพูด

“ก็อยากฟินอยู่นะที่รู้ว่า นายชอบทำอะไรแบบนั้นกัน แต่พอฟังจบนี่กลุ้มใจเลย” เมย์ถอนหายใจ
“โทษทีนะ เราอาจจะคิดมากไป” ชานนท์หน้าหลุบต่ำ
“สมควรคิดมาก หากแฟนเราทำแบบนี้ รับรองว่าไม่ได้นอนเหมือนกัน คือจะซ้อมมันจนกว่าจะพูดความจริง!!”  เมย์พูดไปใส่อารมณ์ไป
“..........” ชานนท์ตอบไปด้วยความเงียบและแววตาสับสน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราช่วยเอง นักสืบนักศึกษาหญิงคนนี้ แม้ตัวจะเล็ก แต่สมองความเผือกเป็นระดับศาสดาจารย์ เรื่องเผือกขอให้บอก!!” เมย์พูดไปก็ทำท่าขยับแว่น(สมมติ)ไป ทำให้ชานนท์หลุดยิ้มออกมาได้นิดหน่อย

“เอาเหอะ นั่งดูการประกวดอย่างสบายใจเหอะ นั่นไง แฟนนายอยู่นั่นไง!!” เมย์ชี้ไปที่ด้านหลังเวทีที่เห็นใบหน้าเหนื่อยๆ ของวรุฒใกล้กับม่านกั้นฉากบนเวที แฟนตัวสูงของเขาปรากฏตัวแล้ว

.....................................


การประกวดนั่นประกอบไปด้วยรอบแนะนำตัว รอบการแสดงประกอบเสียงเพลง รอบเดินแบบในชุดที่แต่ละคณะออกแบบ รอบชุดกีฬา รอบตอบคำถาม ( อย่างกับประกวดนางงาม) และสุดท้ายผู้ที่ได้ตำแหน่งไปครองก็เป็นไปตามคาด

เดือนมหาวิทยาลัย ได้แก่ วรุฒ (รุฒ)
ดาวมหาลัยได้แก่ มายา (มายด์)

หลังจากการมอบรางวัล และพิธีรีตรองต่างๆ บนเวทีเรียบร้อยแล้ว วรุฒรีบหาโอกาสเดินเข้ามาหาชานนท์ที่ที่นั่งด้านหน้าทันที ในขณะที่เพียงไม่กี่ก้าวจะเดินไปถึง รุฒก็ถูกแฟนคลับรุมล้อมเสียจนขยับตัวไม่ได้ เพียงเพราะอยู่ในสายตามารดาตนเองที่ตอนนี้นั่งเป็นประธานอยู่ เขาคงโวยคนพวกนี้และสั่งให้หลีกทางไปแล้ว วรุฒอยากเจอแฟนเขามาก เขามีเรื่องที่อยากจะอธิบายมากมายเลยทีเดียว

เพียงไม่กี่เมตรก่อนจะถึงตัวแฟนตัวเล็กของเขา ในขณะที่วรุฒพยายามแหวกฝูงชนไปยังเป้าหมายของเขา ร่างของหญิงสาวสูงโปร่งในชุดลำลองสีฉูดฉาดก็ปรากฏขึ้นขวางคลองสายตาของเขา

“เรื่องของเรามันจบแล้ว เมื่อไหร่เธอจะเลิกวุ่นวายเราเสียที” วรุฒตอบคนที่ขวางอยู่เป็นภาษาอังกฤษที่เหมือนเจ้าของภาษา
“เธอแน่ใจนะ ว่าเธอต้องการอย่างนั้นจริงๆ!” หญิงสาวหน้าตาค่อนไปทางชาติตะวันตกพูดตอบมาด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ
“แน่ใจ!!” วรุฒตอบกลับด้วยแววตามั่นคง
“งั้นก็อย่าหาว่าเราไม่เตือนนะ นายจะทำตัวไม่รับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้!!” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์อะไรบางอย่าง
“จะให้เราแต่งงานกับเธอทั้งๆที่ เราไม่ได้รักกันแล้ว!?! อย่าลืมนะว่าเธอทำอะไรกับฉันไว้!!” วรุฒเลือดขึ้นหน้ามานิดหน่อย พูดเชิงตะคอกพร้อมชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน จนคนที่ห้อมล้อมอยู่เริ่มถอยร่นออกมาทีละก้าว จนเกือบจะเป็นว่าวรุฒและหญิงปริศนา ถูกล้อมอยู่ในฝูงชน

“งั้นเธอก็น่ารู้นิสัยฉันดีว่า เธอควรจะยอมฉันเสียดีกว่า หากฉันไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าจะมีใครได้!!”เสียงหญิงปริศนาต่างก็โต้ตอบกลับมาอย่างเฉียบคม น้ำเสียงเนียนเรียบ แต่แววตาช่างดุดัน

ปี๊บๆๆๆๆ

เสียงข้อความของทุกคนดังขึ้นรัวๆ จากทั่วทุกมุมของห้องประชุม บางคนเปิดสั่นไว้ก็ต่างสะดุ้งสุดตัว เพราะต่างตั้งใจฟังการสนทนาของเดือนมหาวิทยาลัยในหอประชุม

รวมถึงชานนท์ เขาเองก็ได้รับข้อความเช่นกัน ทุกคนที่เปิดดูต่างฮือฮาจนคนที่ยังไม่เปิดต้องขอเปิดดูบ้างจนกลายเป็นว่าทั้งห้องประชุม ทุกคนต่างจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง

“ว้าย! ตายแล้ว นนท์!! เราว่า.... เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ!!” เมย์ตกใจแต่ก็สามารถดึงสติตัวเองมาได้ทัน เพื่อห้ามไม่ให้เพื่อนตัวเองสนใจข้อความที่ส่งมา

แต่ก็สายไป.... ชานนท์กดปุ่ทเล่นคลิปวีดิโอที่ส่งมาพร้อมกับข้อความเชิญชวนให้เปิดเป็นที่เรียบร้อย

ในคลิปที่ส่งมา มีเพียงความมืดที่ว่าเปล่า แต่มีบทสนทนาที่ประกอบได้สองเสียง เสียงหนึ่งเป็นผู้หญิงพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงเจ้าของภาษา และอีกเสียงหนึ่ง เสียงผู้ชายที่คุ้นหูชานนท์เป็นอย่างดี แม้ว่าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษแต่ละชานนท์ก็จำได้ดี เพราะเป็นเสียงที่เขาได้ยินทุกวัน ในช่วงแรกของคลิปหน้าจอมันดำมืดไปหมด แต่เพียงชั่วไม่กี่นาที ก็ปรากฏภาพขึ้นมาเป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยอยู่ประมาณ 2-3 วินาที ซึ่งก็มากพอที่จะให้ใครจำได้ว่าเสียงที่พูดอยู่เป็นใคร

ในเนื้อความบทสนทนา แม้จะเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ แต่ก็จับใจความได้ถึงความสัมพันธ์ของคู่สนทนาว่ามีประวัติต่อกัน

‘แฟนเก่า’ คำๆหนึ่งนึกขึ้นมาหลังจากฟังไปได้กว่าเกือบ 3 นาที ชานนท์แม้ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมากมายนักแต่แค่จับใจความแต่นี้มันสบายมาก คนพูดเองก็เหมือนจงใจให้ทุกคนสามารถฟังให้รู้เรื่อง
จนกระทั่งถึงประโยคที่ทำให้ทุกถึงกับใจสั่นไปตามๆกัน สร้างเสียงฮือเป็นคลื่นไล่เลียงกันไปตามลำดับการเปิดฟังที่ไม่เท่ากัน

‘ฉันท้อง! คุณก็รู้!! และพ่อคุณอยากให้ฉันทำแท้ง ฉันไม่อยากทำ แต่ฉันต้องหาทางเลิกกับคุณ หากฉันไม่อยากเดือดร้อน!”
‘..........’ เกิดความว่างเปล่าขึ้นกลางบทสนทนา
‘แต่มันก็หนีความจริงไม่ได้ว่า พ่อผมจ้างคุณมาเพื่อจับตาดูผม!’
‘เพื่อให้คุณกลับมาเดินทางที่ถูกต้องต่างหาก! ให้คุณเลิกหลงผิดไปกับอาเธอร์! แล้วฉันก็ทำสำเร็จ คุณจะไม่เชื่อก็ได้แต่ฉันรักคุณจริงๆนะ ยอมรับมาเถอะว่าช่วงเวลานั้น เรารักกัน!’
‘ซาร่า คุณก็กล้าพูดคำนั้นนะ ในเมื่อคุณเองก็ไปหลอกลวงอาเธอร์เหมือนกัน จนเราห่างกัน คุณถึงแทรกมาหาผมได้ ผมคบกับคุณได้ในช่วงของความอ่อนแอ!!’
“รุฒ... คุณจะเชื่อฉันหรือไม่ ฉันบังคับคุณไม่ได้ แต่ฉันรักคุณจริงๆ นะ!!’
‘คำว่า [รัก] ของคุณ มันไม่ต่างอะไรกับของซื้อขาย!! ผมไม่อะไรตัองรื้อฟื้น คราวนี้ใครส่งคุณมาล่ะ!!’
“ไม่มี! ฉันอยากให้เรากลับมาเหมือนเดิม!!’
‘ฝันไปเถอะ! แค่นี้นะ ผมต้องกลับไปหาแฟนของผมแล้ว!! อ้อ! เดี๋ยวอย่าเรื่องลูกมาต่อรองอีก เพราะคุณน่ะรู้ดีที่สุด!!’
แล้วเสียงเลื่อนเก้าอี้ก็ดังลั่นเข้าลำโพง

วรุฒที่ตอนนี้ฝ่าฝูงชนแล้วเดินมาจนถึงหน้าแฟนตัวเล็กของเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัวต่อปฏิกิริยาของแฟนตัวเอง
“พอเถอะ! นายควรจะฟังจากปากเราดีกว่า!” วรุฒพูดพร้อมยกมือขึ้นเพื่อคว้าโทรศัพท์จากมือแฟนตัวเอง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายใช้มือหยุดไว้ พร้อมกับประโยคที่สะเทือนใจที่สุดดังขึ้นมา

‘อย่าทิ้งเราเลยนะ ฉันขอร้อง!!’
‘เรา??’
‘ฉันยังเก็บลูกของเราไว้!’
และคลิปก็ตัดไป....

สิ้นเสียงในคลิป ชานนท์มองหน้าวรุฒด้วยแววตาที่สับสน และเจ็บปวด เขาคิดไว้แล้วผู้หญิงคนนั้นต้องเคยมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับแฟนตัวสูงของเขา ในใจของเขาในตอนแรก เขาพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์กับแฟนของเขาไว้

แต่นี้.... มันมีชีวิตเล็กๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย! เขาจึงสับสนทำอะไรไม่ถูกคิดอะไรไม่ออก เด็กไม่สามารถขาดพ่อได้ เขารู้ดีหลังสูญเสียบิดาไป และวรุฒควรรับผิดชอบกับชีวิตที่เขาสร้างขึ้น

“นายควรจะรับผิดชอบ!” ชานนท์จ้องหน้าวรุฒและพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“นนท์ขอร้อง ฟังเราก่อน” วรุฒพยายามฉุดรั้งอีกฝ่ายที่พยายามจะเดินจากไปจากจุดนั้นด้วยแววตาสับสน

“มึง! พอได้แล้ว!!” มือของวรุฒถูกคว้าไว้จนไม่สามารถเอื้อมไปถึงชานนท์ได้พร้อมเสียงที่ดุดันเสียงหนึ่ง
“ไอ้หน้าตี๋ มึงไม่เกี่ยว!!” วรุฒสะบัดมืออีกฝ่ายอย่างแรกให้หลุด
“เกี่ยว! มันเป็นน้องกู!! เลิกทำร้ายน้องกูเสียที!!” พี่เอกพูดเสียงแข็งและเดินมาขวางทางวรุฒ จนวรุฒได้แต่เห็นชานนท์เดินแหวกฝูงชนจากไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเพื่อนสนิทของเขา

เมย์ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รีบเดินไปเป็นเพื่อนชานนท์ทันที เธอโอบไหล่ที่สั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำของชานนท์ เพื่อนตัวเล็กของเธอเดินก้มหน้าก้มตาจนเมย์เองก็ไม่เห็นสีหน้าของชานนท์ ก่อนจะลับตาไป เมย์หันไปหาวรุฒพร้อมทำปากพูดบางอย่างออกไป และหวังว่าวรุฒจะเข้าใจข้อความที่เธอส่งไป

‘ใจเย็นๆ เราจะพยายามช่วยเอง!!’
แล้วเมย์ก็พาชานนท์เดินลับตาไป

[รุฒ ขอโทษนะ เธอเป็นคนทำให้ฉันเลือกใช้วิธีนี้เองนะ] หญิงสาวต่างชาติเดินเข้ามาใกล้และยกมือลูบแก้มวรุฒอย่างอ่อนโยน
[ซาร่า!! เธอ! ต้องการอะไรกันแน่ ฉันไม่เข้าใจ!!] วรุฒคว้าข้อมือนั่นและกำไว้แน่น
[เธอ....ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แต่ฉันทำเพื่อลูก!] ซาร่าเจ็บที่ข้อมือแต่เธอก็ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่มีความมุ่งมั่นในดวงตาจนวรุฒแอบประหลาดใจ อะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ มุ่งมั่นที่จะทำลายความสุขของเขาขนาดนี้
[จะไปไหนก็ไป!!] วรุฒสะบัดมือหญิงสาวที่มีความสูงไล่เลี่ยกับเขา และชี้มือไปที่ประตู

หลังจากที่ซาร่าพ้นออกไปจากประตูหอประชุมแล้ว ทุกคนในห้องก็ต่างกระจายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากเอก รุ่นพี่ที่แสนดีที่ยังคงยืนจ้องหน้าคนตัวสูงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

“มึงไปจัดการเรื่องของมึงให้เรียบร้อย หากเคลียร์ไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาให้น้องกูเห็นหน้าอีก!!” พี่เอกถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินจากไปในทิศทางเดียวกันกับชานนท์ ปล่อยให้คนตัวสูงยืนทึ้งหัวตัวเองอย่างแรง

“พี่รุฒ....” มายด์เป็นคนเดียวที่ตอนนี้ยังคงอยู่เคียงข้างวรุฒ
“อืม.... ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป!” วรุฒฝืนยิ้มตอบกลับไป
“คือ..... คุณป้าโทรมาน่ะคะ...” มายด์ยื่นโทรศัพท์ของวรุฒที่ฝากทีมงานไว้มาให้

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 25 ส่วนที่ 1) อัพ 1 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-03-2020 12:57:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยซาร่า  แกเป็นยาแก้ปวด แต่ไฉนถึงมาทำให้ใครหลายคนต้องปวดหัว?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 25 ส่วนที่ 1) อัพ 1 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-03-2020 20:40:02
ขอยาพาราด่วน  ปวดหัวกะวรุฒมากจ้า
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 25 ส่วนที่ 2) อัพ 9 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 08-03-2020 10:38:46
“แม่! ช่วยไปบอกพ่อด้วยว่าเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมได้แล้ว!!” วรุฒโวยลั่นขณะเดินออกจากหอประชุมที่ร้างผู้คน
“ใจเย็นๆ ลูก พ่อจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ รุฒก็รู้ว่า พ่อเกลียดผู้หญิงคนนั้นจะตาย ไม่งั้นเขาไม่ทำแบบนั้นในตอนนั้นหรอก” เสียงมารดาอธิบายอย่างใจเย็นออกจากลำโพงของโทรศัพท์
“ไอ้วิธีแบบนี้ก็มีแต่พ่อนั่นแหละ!” วรุฒยังคงพูดด้วยถ้อยคำฉุนเฉียว จากการเป็นพ่อลูกกันมา 20 ปี เขารู้ดีว่าพ่อเขาเป็นคนอย่างไร
“ไม่ต้องห่วง แม่ส่งคนไปสืบเรื่องนี้แล้ว หากเป็นพ่อของลูกจริง คราวนี้แม่จะออกโรงจัดการเอง!” วรุฒได้ยินเสียงถอนหายใจของมารดาตนเองผ่านทางสายโทรศัพท์
“เรื่องนี้คงไม่ต้องถึงมือแม่หรอก!!” วรุฒกัดฟันกรอด

มายด์ที่ยืนรับฟังบทสนทนาอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกใจไม่ดี หากพ่อของวรุฒเข้ามาส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เกรงว่าเรื่องมันจะใหญ่เกินกว่าจะแก้ไขปัญหาได้ และคนที่เธอห่วงที่สุด ไม่ใช่คนที่เหมือนพี่ชายเธอแต่เป็นเพื่อนของเธอต่างหาก

.......................

ชานนท์ได้แต่นั่งนิ่งอยู่ที่นอกชานของหอพัก ซึ่งไม่ใช่ห้องของเขา เสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำก็ไม่ใช่เสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อผ้าที่ดูใหญ่กว่าขนาดตัวเขามากจนหลวมโครกไปหมด แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจตรงนี้เท่าไหร่

“นอนไม่หลับหรือ? ตื่นแต่เช้ามืดเลย?” เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากทางด้านหลังพูดขึ้น เสียงของรุ่นพี่หน้าตี๋ของเขานั่นเอง
“อืม.... เปล่าครับ แค่อยากมาสูดอากาศยามเช้า.....” ชานนท์หันมาฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เขาแทบไม่ได้นอนเลยต่างหาก เพราะความคิดในหัวร้อยแปดอย่างที่ผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ มันทรมานเขาจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ ใจหนึ่งอยากเห็นแก่ตัว อยากแย่งวรุฒมาครอบครองโดยไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใด แต่อีกใจกลับนึกถึงตนเองตอนเด็กๆ ที่ไร้เงาบิดาคอยดูแล ภาพที่เขาสูญเสียบิดาตั้งแต่ยังวัยเด็กมันย้ำให้เขาถอย

“เด็กเอ้ย.....” พี่เอกส่ายหน้าและใช้มือลูบศรีษะอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม
“ผมต้องทำอย่างไรดีครับ?.......” ปากที่ขยับตามใจคิดแต่ดวงตาทั้งสองกลับจับจ้องอยู่ที่ขอบฟ้าที่กำลังเรืองแสงสีส้ม

“เฮ้อ..... พี่ตอบแทนเราไม่ได้..... แต่หากเป็นพี่..... พี่จะลองสู้! สู้เพื่อคนที่เรารักก่อน....” พี่เอกผ่อนลมหายใจและพูดออกมาจากใจจริง เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยแววตาห่วงใย
“ผม..... ผมอยากเข้มแข็งได้อย่างที่พี่เป็น..... ผม.....” ชานนท์หลับตาลง ตาที่บวมช้ำของคนไม่ได้นอน และพูดอย่างอ่อนแรง
“นนท์ยังรักเขาไหม?” พี่เอกถามตัดประโยคที่ยังไม่จบของคนตัวเล็ก
“ครับ” สิ่งหนึ่งที่ชานนท์ตอบได้อย่างมั่นใจ
“งั้นนนท์ก็ต้องเข้มแข็งกับทุกอุปสรรคที่เกิดขึ้น”
“ครับ”
“ชีวิตคนเรามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะ”
“เรื่องนี้ผมรู้ครับ ยิ่งตอนที่ตัดสินใจคบกับรุฒผมก็รู้อยู่เต็มอกครับว่ามันไม่ง่าย”
“งั้นตอนนี้พี่บอกได้อย่างเดียวว่า รอ .... รออย่างเข้มแข็ง!”
“รอ?”
“วรุฒไม่ใช่คนใสซื่อ พี่รู้ว่าเขามีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาดี และเขารักนนท์มาก ไม่มีทางที่วรุฒจะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรหรอกนะ!”

“ครับ” ชานนท์ตอบรับการให้กำลังใจรุ่นพี่ของตน ทั้งๆ ที่ในใจ เขาก็หาทางออกให้กับเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะกำพร้าพ่อไม่ได้

...............................

ช่วงสองวันที่ผ่านมาหลังจากการประกวดดาวเดือนที่แสนสั่นสะเทือนคนทั้งมหาวิทยาลัย สองวันที่เขาไม่เจอแม้แต่เงาของชานนท์ สุดที่รักของเขา สองวันที่เขาแสนจะอึดอัดกับการตามล่าข่าวของนักข่าวประจำชมรมข่าวมหาวิทยาลัย และบรรดาสายเผือกทั้งหลายที่ต้องการสอบถาม และต้องการบทสัมภาษณ์ที่เหมาะกับการนำไปเป็นประเด็นร้อนในช่องทางของตนเอง แต่เพราะความเป็นมาเฟียของเขาจึงยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาได้เลย เพราะสายตาของเขาตอนนี้กลับไปเหมือนช่วงต้นเทอมที่พร้อมจะปะทะกับทุกคนที่ไม่ถูกชะตา

วรุฒยังคงไปเรียนตามปกติเพราะเขาให้สัญญากับมารดาตัวเองไว้ว่าจะทำผลการเรียนของตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์ดีเสมอ เพื่อให้เขาอยู่ภายในการคุ้มครองของแม่ (อย่างน้อยพ่อก็เกรงใจมารดาเขาอยู่บ้าง ในฐานะภรรยาหลวง)

แต่พอเข้าวันที่สอง ความอดทนของเขาก็หมดลง วรุฒไม่เคยคิดเลยว่าชานนท์จะขาดเรียน โดยให้เมย์บอกกับอาจารย์ทุกคนว่าป่วยหนักมาก แถมยังมีใบรับรองแพทย์มาให้ด้วย! จนกระทั้งคาบเรียนที่สองหลังเที่ยง เส้นความอดทนของวรุฒขาดสะบั้นลง เขาเดินออกจากห้องทั้งๆ ที่อาจารย์ยังคงสอนอยู่หน้าห้อง โดยที่ไม่มีการขออนุญาตใดๆ อาจารย์ประจำวิชาได้แต่ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของเขา ครั้นจะทักห้ามแต่สีหน้าและบรรยากาศของวรุฒนั้นอันตรายเกินกว่าที่จะหยุดไว้ได้

พั่บ!

“แม่งเอ้ย!!” วรุฒเหวี่ยงสมุดลงบนโต๊ะสำหรับนั่งเล่นใต้อาคารเรียนที่เขาเพิ่งเดินลงมาจากชั้นห้าโดยไม่ใช้ลิฟท์ด้วยความหัวเสีย เขาอยากเดินระบายความอัดอั้นในหัวมันออกมาบ้าง โชคดีอยู่ระหว่างคาบเรียนจึงมีคนสนใจอยู่น้อย

ปี๊บปี๊บ.....

เสียงสัญญาณแสดงอีเมล์เข้ามาที่โทรศัพท์ วรุฒรีบเปิดขึ้นดูด้วยความใจร้อน เขาแสยะยิ้มที่แสนร้ายกาจออกมาทันทีที่อ่านอีเมล์ฉบับดังกล่าว

‘ไอ้เลวที่มันวางยาใส่กู มึงยังก้าวไม่ทันกูหรอก!!’ เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย็นจนทำให้บรรยากาศรอบข้างเย็นไปด้วย

.....................

“เมย์ บอกมานนท์อยู่ไหน?” วรุฒลากเมย์ออกมาคุยนอกอาคารทันทีที่คาบเรียนช่วงบ่ายเลิกเรียน
“อยู่กับพี่เอกมั้ง!” เมย์ตอบกลับทันที
“อย่ามาเนียน นนท์อยู่ไหน?” วรุฒเสียงแข็ง
“นายไปถามพี่เอกเอาก็แล้วกัน เราไม่รู้เรื่อง!!” เมย์พูดจบก็เบี่ยงตัวหลบไปจากอีกฝ่ายทันที
“อย่ามาโกหก.. นนท์ไม่ได้อยู่ห้องไอ้เอก!” วรุฒยื่นมือคว้าแขนอีกฝ่ายไว้อยู่หมัด
“นายรู้ได้ไง พี่เอกอาจจะไม่บอกความจริงนายก็ได้!” เมย์ที่โดนดึงอยู่ตอนนี้ พยายามจะดิ้นรนเพื่อหลุดจากชายร่างสูง
“แค่ห้องล็อกแค่นี้ อย่านึกว่าเราเข้าไปดูไม่ได้!!” สายตาคนพูดดูโตขึ้นจนเห็นเส้นเลือด แสดงว่าตอนนี้วรุฒเดือดจัดจริงๆ
“นี่นายถึงกับแอบเข้าห้องพี่เอกเลยเหรอ?”
“แค่มีเงินน่ะ จะเข้าห้องไหนในหอพักก็ได้!! พูด!!”
“เอ่อ.........” เมย์มีสีหน้าอึดอัดปนลังเล

“พี่รุฒ!! พอเถอะคะ อย่าให้มันแย่ไปกว่านี้เลย นี่มันที่สาธารณะนะ!!” เหมือนเสียงนางฟ้าจากสวรรค์ เสียงนี้ทำให้วรุฒปล่อยมือที่บีบแขนเล็กๆของเมย์จนแดงเถือกไปหมด
“อูย..... ขอบใจนะมายด์” เมย์หันไปขอบใจอีกฝ่ายพลางเอามือลูบจุดที่แดงปวดตึบ
“นนท์ เขายังไม่พร้อม ให้เวลาเขาหน่อย ตอนนี้เขายังไม่อยากเจอหน้าพี่รุฒนะ” มายด์คิ้วขมวด
“มายด์.... เมย์.... ขอร้องนะ” อยู่ๆ วรุฒก็พูดเสียงอ่อนลงและพูดคำว่า ‘ขอร้อง’ คำพูดที่เขาไม่เคยพูดกับใครจนมายด์ที่สนิทกับเขาตั้งแต่เล็กยังทำหน้าประหลาดใจ
“พี่ขอร้องนะมายด์ พี่รักนนท์จริงๆ” วรุฒเดินมาจับมือมายด์อย่างช้าๆ จนทำให้มายด์ได้แต่ถอนหายใจ
“ที่พี่รุฒตามมายด์มาเพราะจะทำแบบนี้ใช่ไหม?”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบ วรุฒเพียงแค่ส่งสายตาเศร้าๆ มาที่ผู้หญิงตรงหน้าทั้งสองคน

“ตอนนี้นนท์อยู่กับหมอเอิร์ธ แฟนหลงน่ะ นนท์ไม่ค่อยสบายเลยเอาไปฝากไว้ให้หลงดูแล” มายด์พูดออกมาอย่างที่เมย์คิดไม่ถึง เธอนึกว่ามายด์จะใจแข็งกว่านี้

“งั้นพี่ฝากเราพานนท์ไปที่นี่หน่อย ย้ำนะว่าต้องไปให้ได้!!”
วรุฒยื่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งให้มายด์
“นี่มัน...... ห้องส่งฯ ของพวกชมรมข่าวของมหาวิทยาลัย!!”
มายด์และเมย์ทำสีหน้าตกใจ
“ในเมื่อพวกแร้งข่าวมันอยากได้ข่าวก็จัดให้หนักๆ ไปเลย”
สีหน้าวรุฒแฝงความน่ากลัวผิดจากเมื่อครู่

................

ชานนท์ที่กำลังสลึมสลือจากการฉุดกระชากลากถูของมายด์และเมย์มาจากบ้านพักของหมอเอิร์ธใกล้โรงพยาบาล เขากำลังมึนงงกับสถานที่และเหตุผลในการมาของตัวเอง แต่ในเมื่ออารมณ์ในตอนนี้ อยู่ในช่วงเฉื่อยชาจากการคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ทำให้ชานนท์ได้แต่ยอมเดินตามการลากจูงของเพื่อนสาวทั้งสอง

“นี่มันอะไรกันเนี่ย? ถามก็ไม่ตอบตั้งแต่บนรถแล้ว?!?” หลงที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้ที่ถูกเรียกให้เป็นสารถี (รถพี่หมอ) ขับรถมาส่งพวกสาวๆถึงมหาวิทยาลัย
“พวกเธอทำลายวันหยุดของแฟนเรารู้ไหม? รู้รึเปล่าว่าคนเป็นหมอน่ะ หาวันหยุดยากขนาดไหน โดยเฉพาะหาวันที่ตรงกับแฟนอย่างเราเนี่ย!” หลงโอดโอยต่อเผื่อว่า สาวทั้งสองคนจะบอกอะไรเขาบ้าง เพราะตั้งแต่วิ่งเข้ามาในบ้าน ร่ำร้องให้ชานนท์อาบน้ำแต่งตัว และขอร้องกึ่งบังคับให้เขาพามาส่งที่มหาวิทยาลัย หากไม่ได้คำอธิบายดีๆ เขาจะโกรธมากเลยทีเดียว

“วรุฒขอร้องมาน่ะ” เมย์หันไปซุบซิบกับเพื่อนขี้โวยวาย
แต่เนื่องจากชานนท์เป็นหูดี บวกกับยัยเมย์เป็นคนเสียง ถึงจะเป็นเสียงกระซิบก็สามารถกระซิบให้คนทั้งห้องได้ยินได้ คำพูดหนึ่งที่เหมือนดึงชานนท์ออกมาจากห้วงความคิดกังวลคือชื่อของแฟนตัวสูงของเขา

“พาเรากลับเดี๋ยวนี้!” ชานนท์หยุดฝีเท้าลงและหันมามองทุกคนตาเขียว
“ยัยเมย์!! เพราะเธอเนี่ยพูดเสียเสียงดังเลย!!” มายด์กันไปดุเพื่อนสาวห้าวของตนเองอย่างระอาแก่ใจ
“ขอโทษ ก็ฉันรำคาญไอ้ผู้ชายตัวโตขี้บ่นคนนี้นี่นา!” เมย์ส่งต่อการมองค้อนไปที่ที่อีกคนที่ยืนอยู่ลำดับถัด

“เฮ้ยๆ อย่ามาโยนกันสิ!!” หลงได้ทำหน้าโอดโอย
“เราอุตส่าห์ไว้ใจพวกเธอ!! เรายังไม่อยากเจอรุฒตอนนี้!!” ชานนท์คิ้วขมวดพร้อมสาวเท้าเดินออกจากทิศทางที่เพื่อนทั้งหมดของเขาต้องการให้ไป ที่ชานนท์ไม่อยากเจอวรุฒไม่ใช่เพราะเกลียด แต่กลัวตัดใจไม่ได้ต่างหาก! หลังจากใครครวญมาหลายตลบ เขาก็คิดว่า เขาไม่อยากให้เด็กที่เกิดมามีปัญหาเหมือนเขา แม้จะไม่ได้มีความทุกข์อะไร แต่อย่างไรชีวิตช่วงวัยเด็กมันก็ไม่ราบรื่นอย่างเด็กที่ทีพ่อแม่ที่อยู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์

“เฮ้ยๆ เดี๋ยว!” หลงเคลื่อนตัวมาขวางทางไว้ พร้อมจับตัวอีกฝ่ายไว้แน่น
“ปล่อย!!” ชานนท์พูดเสียงเข้ม
“เอาไงดี?” หลงหันไปถามสองสาวที่กำลังลนลาน
“เอาอย่างนี้!! อุ้มเข้าไปเลย!!”
“เฮ้ย! จริงง่ะ” หลงถามเสียงหลง
 “เร็วสิ ไม่มีเวลาแล้ว!! จะถึงเวลาถ่ายทอดแล้ว” เมย์ย้ำ
“เชี้ย!! เอาวะ นนท์ เราขอโทษนะ!!!” หลงพูดจบก็จัดการรวบตัวเล็กๆ ของชานนท์ขึ้นมาในท่ายืน เท้าของชานนท์ลอยเหนือพื้นเป็นฟุตพร้อมพยายามดิ้นรนแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกหลงอุ้มเข้าไปในห้องส่ง ที่ห้องควบคุมทางด้านหลัง

“เฮ้ย! เข้ามาได้ยังไง?” คนตัวอ้วนใหญ่ในห้องควบคุมถามด้วยวาจาเกรี้ยวกราด
“เอ้านี่!!” มายด์ยื่นบางอย่างใส่มือคนที่โวยวาย เหมือนเป็นการ์ดอะไรสักอย่างคล้ายนามบัตร ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหน้าซีดและหุบปากลงทันที
“ตามสบายครับ” คนที่โวยวายก่อนหน้านี้พูดเสียงเรียบ และเดินไปทำหน้าที่ตัวเองค่อไป

“อะไรน่ะ ฉันก็สงสัยอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่า เราจะเข้ามาดูถ่ายทอดสดในห้องควบคุมยังไง ได้ข่าวพี่ๆห้องโสตฯ ดุจะตาย!” ยัยเมย์รีบเดินมาถามอย่างสงสัย นิสัยความเผือกของเธอมันทำให้เธอต้องได้ข่าวสารทันที
“ไปขอให้พี่พัฒน์เขาช่วยนะ บังเอิญคนพวกนี้ เสียพนันพี่พัฒน์ไว้นะ” มายด์เอ่ยถึงคนที่มาติดพันเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ
“สุดยอด แต่ที่สุดยอดกว่าก็เธอนี่แหละ ไม่ได้กลัวอะไรกับเขาเลย นั่นลูกเจ้าของค่ายมวยชื่อดังเลยนะ มาเฟียจะตาย!!”
มายด์ฟังที่เมย์พูดจบ แต่เธอไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มเล็กๆ อย่างสบายอารมณ์ ให้เพื่อนเธอรู้ว่าเธอเอาอยู่

“จะเอายังไงก็เอาเถอะ ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้แรงเยอะไม่ใช่เล่นนะ!” หลงโวยขึ้นเพราะตอนนี้ชานนท์นั้นพยายามดิ้นรนสุดแรงให้พ้นจากอ้อมกอดของหลง

“นั่นสิ โชคดีนะที่วรุฒไม่ได้อยู่แถวนี้ ไม่งั้นหลงคงโดนซัดหมอบ เล่นไปกอดแฟนเขานานขนาดนี้!” เมย์พูดพลางหาทำเลสวยๆ ดูการถ่ายทอดสดที่กำลังจะมีขึ้น

“ปล่อย! พวกนายจะทำอะไร!!??” ชานนท์ร้องลั่น
“นนท์!!” มายด์เดินยื่นมือไปจับหน้าชานนท์เพื่อให้เขาหยุดดิ้นรนและมองมาที่ตัวเอง ด้วยเสียงเข้มที่ชานนท์ไม่เคยได้ยิน ชานนท์หยุดดิ้นทันที พร้อมกับอาการเสียวสันหลังวูบ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่รังสีอำมหิตของคนที่จับหน้าเขาด้วยใบหน้าจริงจังเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“ไม่รู้จริงๆ นะว่า อะไรที่ทำให้พี่รุฒเลือกนาย!! เฮ้อ!! แต่เอาเถอะ ฉันไม่อยากเอาอารมณ์ส่วนตัวมาปนกันในช่วงเวลาแบบนี้!! เพราะตอนนี้พี่รุฒก็เสียชื่อมากพอแล้ว!!” มายด์พูดเสียงดังฟังชัด
“หมาย... ความว่าอะไร?” ชานนท์พูดขึ้นทั้งที่ยังโดนมือเล็กๆ แต่แข็งแรงนั้นบีบใบหน้าจนยับยู่

“เฮ้อ.... โง่หรือเปล่านายเนี่ย!! ก็ยังมายด์น่ะแอบ...” เมย์แทรกขึ้นมาแต่ก็โดนมายด์ห้ามปากไว้
“เอาเป็นว่า... เลิกงี่เง่าก่อนได้ไหม? เรื่องเนี่ย มันเคยเป็นข่าวลือมานานแล้วนะ แล้วก็เป็นเรื่องที่ทำให้พี่รุฒต้องมาอยู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้......” มายด์ต่อว่าและอธิบายต่อ

“แปลว่า... มันเป็นเรื่องจริง....” นนท์ถามทันทีที่เกิดช่องว่างในประโยค
“ก็จริงนะ..... เท่าที่เรารู้..... ยัยซาร่าน่ะ เคยคบกับพี่รุฒสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ... และไอ้ข่าวลือเรื่องท้องนั่นก็.... เท่าที่รู้ก็มีข่าวลือแบบนั้นจริง แต่เหมือนได้ยินว่า พ่อของพี่รุฒแกจัดการเคลียร์แล้วว่ามันไม่จริง ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะหาทางจับพี่รุฒล่ะ สุดท้ายเรื่องเป็นอย่างไร เราก็จะได้รู้วันนี้ล่ะ!” มายด์พยายามเล่าเรื่องที่ตนเองทราบให้นนท์และทุกคนฟัง

“อ้าว.... อย่างนี้มายด์ก็รู้ไม่ต่างจากพวกเราเลยสิ เหมือพวกข่าวลือที่เขาลือกันเลย เว้นแต่เรื่องที่พ่อของรุฒเขาไปช่วยจัดการเคลียร์นี่แหละ แล้ว..ที่ว่าไปจัดการเคลียร์เนี่ย... เคลียร์อะไร ยังไงเหรอ?” เมย์รีบแทรก
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่บ้านเอง และคุณป้าภาเองก็ไม่บอกอะไรเราเท่าไหร่ เอาเป็นว่า เราเล่าเรื่องที่พอเล่าได้แค่นี้ล่ะ” มายด์หลุบหน้าต่ำลง

หลังจากที่ชานนท์ได้ฟังเรื่องจากปากของน้องสาวคนสนิทของวรุฒก็นิ่งไป ความคิดมากมายสับสนอลม่านอยู่มนหัวจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
‘วรุฒเองก็คงลำบากใจไม่น้อย คงเจอเรื่องอะไรมามาก’
เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาในหัวได้ตอนนี้

ไม่นานเสียงนับถอยหลังเพื่อออกอากาศภายในสื่อภายในมหาวิทยาลัยและไลฟ์ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของมหาวิทยาลัยก็เริ่มต้นขึ้น

“สวัสดี วันนี้ ‘เม้าส์เปิดอก’ วันนี้มีแขกคนพิเศษกับประเด็นร้อนแรงที่พวกเรากำลังเม้าส์กันมันส์หยดในช่วงนี้ มาพูดคุยแบบไม่ปิดบังไม่แอ๊บ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอเชิญคุณซาร่าคะ”
พิธีกรชายเจ้าของรายกายที่มีกิริยาเกินหญิงรีบเปิดรายการและเชิญแขกรับเชิญที่ชานนท์จำหน้าได้ดี

วันนี้เธอมาใส่ชุดที่สวมใส่สบาย ดูสุภาพกว่าครั้งที่ก่อน แม้จะแต่งหน้าดูเป็นธรรมชาติแต่เธอก็ดูสวยมีออร่าอย่างนางแบบมืออาชีพ

ช่วงแรกเป็นการแนะนำตัวเธอเอง การสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเธอพูดไทยได้พอสมควรเนื่องที่เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เกิดที่ไทยและได้ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก เธอมีอาชีพเป็นนางแบบแต่ไม่ได้โด่งดังอะไร พอทีงานบ้าง เจอวรุฒเพราะเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน พวกเขาเจอกันในปาร์ตี้อะไรสักอย่าง ซาร่าบอกว่าเธอเป็นเริ่มจีบวรุฒก่อนจนคบกันอยู่หลายเดือน ก่อนที่พลาดตั้งครรภ์ และถูกพ่อวรุฒบังคับให้เลิกและให้เอาเด็กออก

เธอไม่มีทางเลือก เธอจึงต้องยอมเลิกรากับวรุฒ และวรุฒก็ถูกบังคับให้เดินทางกลับมาเรียนที่ประเทศไทย แต่เธอไม่ยอมเอาลูกของเธอออกจึงหลบหนีจนกว่าจะคลอดและกลับมาหาวรุฒ

พูดมาถึงตรงนี้พิธิกรรีบสวนถามทันทีว่าตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหน?

ซาร่ารีบปั้นหน้าเศร้า น้ำตารื้นที่ขอบตาและรีบบอกว่า เธอฝากไว้ที่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง เธอต้องการเดินทางมาบอกให้วรุฒทราบ แต่กลับถูกวรุฒขับไล่ไสส่งและไม่ยอมรับลูกของพวกเขา

พิธีกรไม่รอช้า หลังจากที่แขกรับเชิญคนสวยเริ่มเข้าสู่ดราม่าจึงรีบหยิบยื่นกล่องกระดาษเช็ดหน้าให้ซับน้ำตาทันที และพูดอย่างต่อเนื่องทันที

“เป็นธรรมเนียมของรายการนะครับ ที่เราจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาพูดอยู่ฝ่ายเดียว เราขอเชิญคู่กรณีอีกฝ่ายมาให้ข้อมูลทางฝั่งของเขาบ้างดีกว่า”

หลังจากจบประโยคของพิธีกร ทุกคนที่อยู่ที่หน้าจอต่างพากันนึกถึงวรุฒ แต่ภาพของคนที่เดินออกมากลับเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวจมูกโด่ง ลักษณะโดยรวมค่อนไปทางชาติตะวันตก เดินออกมาพร้อมอุ้มเด็กทารกไว้ในมือ

ส่วนสาวสวยที่นั่งให้ข้อมูลก่อนหน้านี้นั่น หน้าเธอกลับซีดเผือดทันทีที่เห็นคนที่ปรากฎตัวออกมา ไม่ใช่แค่เธอที่ประหลาดใจ ทุกคนที่เฝ้าหน้าจออยู่ตอนนี้ก็ประหลาดใจ อ้าปากค้างไม่แพ้กัน

ยิ่งสำหรับชานนท์แล้ว ยิ่งงงหนักกว่าทุกคน เพราะกำลังสงสัยอย่างหนักว่า เขากำลังนั่งฟังเรื่องของแฟนตัวเองหรือไม่?

“แนะนำตัวเองหน่อยครับ?” พิธีกรผู้ดำเนินรายการพูดขึ้นทันทีที่อีกผู้มาใหม่นั่งลงเรียบร้อยเป็นภาษาอังกฤษ

“ผมชื่ออาเธอร์ครับ” ชายหน้าตะวันตกลับตอบเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจน
“อ้าว! พูดไทยได้ด้วย ชัดมากด้วยดีเลยครับ การสัมภาษณ์จะได้ง่ายขึ้น!” พิธีกรพูดจบก็กันไปใช้สายตาค้อนทีมงานวูบหนึ่งต่อว่าเป็นเชิงว่าทำไมไม่บอกกันก่อน แต่ด้วยชั้นเชิงที่ดีเลยสามารถดำเนินการต่อได้โดยไม่สะดุด

“ผมคือคนที่เธอบอกกับทุกคนในที่นี้ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่เธอฝากลูกไว้!” อาเธอร์พูดกับพิธีกรและหันไปจ้องซาร่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วยสายตาตัดพ้อ
“อ้อ! แสดงว่านี่คือลูกของคุณใช่ไหมครับ คุณซาร่า น่ารักน่าชังทีเดียว เด็กคนนี้ใช่ไหมครับที่คุณยอกกับเราว่าเป็นลูกของวรุฒ”  พิธีกรยื่นหน้าไปมองเด็กใกล้ๆ และถามต่อทันที

ถึงตอนนี้ทุกคนที่หน้าจอต่างสงสัยว่าผู้ชายคนนี้พาลูกของซาร่าเข้ามาในฉากได้ยังไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชายคนนี้

“ไม่ใช่! เด็กคนนี้เป็นลูกของผม ลูกของผมกับเธอ!!” คนที่ตอบกลับเป็นอาเธอร์ ทำให้คนที่ดูอยู่ถึงตอนนี้ถึงกับงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

แต่กลับไม่ใช่กับมายด์ที่รู้จักวรุฒดี รู้จักทุกคนที่เป็นเพื่อนวรุฒ ทันทีที่ชายหนุ่มลูกครึ่งเฉลย ทุกอย่างในหัวของมายด์ก็ได้รับการเฉลย คำพูดครึ่งๆกลางๆที่เคยได้ยินจากที่บ้านค่อยๆ ประกอบเป็นฉบับสมบูรณ์ของเรื่องราวทั้งหมด

“เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่พี่รุฒยอมเสี่ยงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?” มายด์บ่นพึมพำ
“หมายความว่าไง มายด์” ชานนท์ที่ได้ยินรีบตั้งคำถามทันที
“ตั้งใจดูไปเดี๋ยวก็รู้ ฟังจากปากคนพวกนี้ดีกว่านะ” มายด์ตอบทั้งที่ดวงตายังจ้องมองหน้าจออยู่

“หมาย....หมายความว่าอย่างไรครับเนี่ย?” พิธีกรที่ยังคงอึ้งแต่ก็ตั้งสติทันและตั้งคำถามต่อทันที

“อาเธอร์!! เธอมาทำไมเนี่ย! เธอกำลังทำให้ทุกอย่างมันพัง!!” ซาร่าเหวี่ยงเสียงขึ้นมาจนดังลั่นหัองส่งฯ

“ไหนเธอบอกว่ามาทำงานไง! แล้วนี่มันอะไร?” อาเธอร์ขึ้นเสียงบ้างจนเด็กทารกในอ้อมกอดร้องไห้ลั่น อาเธอร์ได้แต่พยายามปลอบให้เธอเงียบเสียงลงแต่ไม่สำเร็จ
“เอาแอนเดรียมานี่” ซาร่ารีบเดินไปคว้าเด็กทารกในมือของอีกฝ่ายมาปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนจนเด็กเงียบเสียงไป

“เธอยังไม่ตอบคำถามเรา!!” อาเธอร์กลับมาขยั้นขยอ
“ฉันมาทำงานจริง มีงานเดินแบบที่กรุงเทพ แบรนด์คนรู้จัก เขาอยากช่วยเลยให้งานเดินแบบมา แล้ว.....” ซาร่าแววตาลังเลที่จะพูด
“แล้วอะไร แล้วก็เลยมาตามแฟนเก่าอย่างนี้!! เธอหลอกเขาครั้งหนึ่งแล้ว คิดว่าครั้งนี้เขาจะเชื่อเหรอ!!” อาเธอร์สวนทันทีที่มีช่องว่าง
“นี่ก็งาน!! ตอนนี้อะไรทำแล้วได้เงิน ฉันก็ทำหมดแหละ!! คิดว่ารายได้ระหว่างเรียนของเธอจะช่วยให้ชีวิตพวกเราไปรอดเหรอ ฉันทำเพื่อลูกนะ อย่างน้อยเสร็จงานนี้ ฉันก็ได้เงินหลายหมื่นดอลล่าร์ เอาไปทำทุนต่อได้ คนที่ให้งานก็สัญญาว่าจะช่วยเรื่องงานอีกหลายๆ งานด้วย!!” ซาร่าเหมือนระเบิดสิ่งที่อัดอั้นออกมา

“อย่าบอกนะ ว่าทั้งหมดนี่คือเรื่องที่กุขึ้นมา ใครจ้างเธอมา!!” พิธีกรหน้าเหวอแต่ก็ยังทำหน้าที่ต่อไป
ซาร่าที่หลุดปากออกมาด้วยอารมณ์ทำได้แค่คืนลูกไปที่อาเธอร์และวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว และเธอรู้ดีว่า เธออาจะชวดเงินค่าจ้างอีกครึ่งหนึ่งแน่นอน

“เอ่อ.... อ้าว... งั้น...... ขอจบรายการพิเศษแต่เพียงเท่านี้”
พิธีกรพูดจบภาพก็ตัดเข้าสู่รายการปกติของช่องภายในมหาวิทยาลัย

ตอนนี้ทั้งชานนนท์และผองเพื่อนต่างงงกับภาพเหตุการณ์ที่เห็นทุกคนต่างใช้สายตาเป็นคำถามจ้องไปที่มายด์แต่เพียงผู้เดียว เธอเองก็ได้แต่คาดเดาไม่กล้าที่จะพูดฟันธงอะไรจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป

“ถ้าอยากรู้ เดี๋ยวเราจะช่วยเฉลยให้เอง” เสียงที่คุ้นเคยดังลั่นในระยะไม่ไกล

“วรุฒ!!” เมย์ร้องเสียงดังด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนที่พวกเราต่างพูดถึงตลอดเวลาที่มาจะมาอยู่ตรงนี้ ส่วนชานนท์นั่นได้แต่ตกใจจนเสียงหายเข้าไปในลำคอ

“พี่รุฒ..... ทำแบบนี้ มันจะดีเหรอคะ?” มายด์เดินแทรกเมย์ที่ยืนอยู่หน้าสุด (ด้วยความเผือก)
“ไม่ต้องห่วง” วรุฒยิ้มตอบมาด้วยความใจเย็น
“แต่.... เรื่องนี้มัน.... ครอบครัวพี่อุตส่าห์ปิดข่าวเสียแทบแย่ และกว่าจะเคลียร์กับยัยนั่นรู้เรื่อง!” มายด์โวยลั่นห้องควบคุม ที่ตอนนี้คนได้เดินหายไปหมดแล้ว เหมือนรู้หน้าที่ตนเองอย่างดี
“ฟังนะ พี่รู้ว่ามายด์เป็นห่วงแต่ ไม่เป็นไรจริงๆ” วรุฒใช้มือขยี้หัวของมายด์เบาๆ อย่างอ่อนโยน จนทั้งเมย์และหลงไม่เชื่อสายตาตัวเอง ส่วนชานนท์ได้แต่รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ (นี่เขากำลังรู้สึกหึงหวงหรือนี่ เวลาแบบนี้นี่นะ!!)


“ก็เพราะว่า ทั้งหมดมันก็แค่การจัดฉาก!! ก็แค่มีเงินก็จ้างไอ้พวกนี้ทำงานให้ก็ได้แล้ว!!” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวรุฒ (นี่สิโฉมหน้าที่แท้จริง!)
“ว่าไงนะ! แล้วที่ส่งข้อความผ่านเครือข่ายสถาบัน และเวปไซต์ต่างๆ นั่นล่ะ” เมย์ผู้ขี้สงสัยแทรกทันที
“ก็แค่ทำให้สมจริง แต่ก็ไม่ได้ถ่ายทอดอะไรออกไปหรอก มีแต่เทปที่อัดอีกเรื่องอื่นไว้ และกำลังถ่ายทอดแทนรายการนี้อยู่ แม่ก็ช่วยด้วยแหละ เราไม่อยากให้เรื่องมันไปถึงหูพ่อน่ะ” พอพูดมาถึงตรงนี้ หน้าวรุฒก็ฉายแววโหดเหี้ยมขึ้นมา

“แล้วเรื่องทั้งหมด.... มันเป็นยังไง?” ชานนท์พูดเสียงออกมาซึ่งทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นเงียบสนิททันที ทุกคนต่างรอคำตอบของวรุฒว่าจะตอบว่าอะไร

“เรื่องนี้... ขอความเป็นส่วนตัวได้ไหม?” วรุฒมองหน้าทุกคนในบริเวณนั้นนอกจากชานนท์ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว

แต่เนื่องจากที่ทุกคนอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีใครขยับออกจากจุดนั้นเลย คงจะมีแต่มายด์คนเดียวที่เริ่มรู้สึกกลัวกับสายตานั้นและชวนทุกคนออกจากห้องไป

“เฮ้อ.....”วรุฒผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หากไม่ติดว่าคนกลุ่มนี้ช่วยเขาดูแลชานนท์ เขาคงอาละวาดไปแล้ว หลังจบการผ่อนลมหายใจ วรุฒตัดสินในอุ้มชานนท์ทั้งที่ยืนอยู่ กระชับให้แน่นแล้วเดินหนีไปอีกทางทันที

“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ เรื่องมันเป็นไงมาไง....” เมย์เห็นก็รีบก้าวตามทันที แต่ก็ถูกมือเล็กที่ทรงพลังดึงรั้งไว้ เมย์หันกลับไปยังคนที่ห้ามเธอไว้ เธอเห็นมายด์ได้แต่ยิ้มบางๆ และสั่นศรีษะ จนคนที่คิดจะติดตามสองคนนั้นล้มเลิกความตั้งใจ และคิดว่าค่อยไปถามกับขานนท์ที่หลังก็ได้ (แต่วันนี้จะนอนหลับไหมก็ไม่รู้)
.............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 25 ส่วนที่ 2) อัพ 9 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-03-2020 13:11:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

กำลังงงว่า เรื่องในห้องส่งคือเรื่องจริงหรือจัดฉาก

แต่น่าจะเป็นเรื่องจริงมั้ง

และก็เชื่อว่า  ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยัยซาร่าบ้าเงินก็คือ  อิพี่เต๋าเมียพี่เอก  ใช่ป่ะ?
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 25 ส่วนที่ 2) อัพ 9 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-03-2020 13:27:33
งงมาก งงไปหมดแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 25 ส่วนที่ 2) อัพ 9 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 09-03-2020 09:16:08
เรื่องที่เกิดในห้องส่งณเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแบบสดๆเลยครับ พวกเขากำลังดูถ่ายทอดสดกันอยู่ ที่ออกอากาศแค่ในห้องเท่านั้น
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 25 ส่วนที่ 3) อัพ 15 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 15-03-2020 12:49:28
.............................

ระหว่างทางที่เดินออกจากห้องควบคุม วรุฒได้เจอกับอาเธอร์ลูกครึ่งอเมริกันซึ่งวรุฒก็เดินเข้าไปทักทายอย่างรู้จักกันดี อาเธอร์เดินมาด้วยท่าทีซึมเศร้า และอุ้มเด็กทารกไม่ถึงขวบปีอยู่ในมือ

“เธอหนีกูอีกแล้วว่ะ” อาเธอร์พูดไทยชัดเจน
“ก็คนอย่างซาร่า ยังมีนิสัยรักความตื่นเต้นผจญภัย เธอคงไม่เหมาะจะเป็นแม่คนเท่าไหร่” วรุฒยิ้มอย่างเพลียๆ กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
“แต่เราสัญญากันแล้ว ว่าเราจะไปกันให้รอด เรารักกัน” อาเธอร์พูดเสียงเศร้า
“เฮ้อ..... นี่กูไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพวกมึงเลย! แต่เอาเหอะ มันผ่านมาแล้ว และกูก็ให้อภัยมึงแล้ว ซาร่าไปไหน ไม่ไกลหรอก กูให้คนคุมตัวขึ้นรถตู้ไปแล้ว ตอนนี้รถคงจอดรออยู่ข้างล่าง เรื่องเครื่องบินกูจัดการให้แล้ว พวกมึงไปเคลียร์กันที่อเมริกาเถอะ” วรุฒเดินไปตบไหล่อีกฝ่าย ทั้งที่อีกมือหนึ่งยังอุ้มชานนท์อยู่

“อืม ขอบใจสำหรับทุกอย่างนะ ขอบใจสำหรับมิตรภาพที่เคยมี ขอบใจสำหรับเรื่องการเดินทางด้วย เครื่องบินส่วนตัวมันดีมากๆ เลย” ชายที่เตี้ยกว่าวรุฒเล็กน้อยพูดด้วยสีหน้าอมยิ้มบางๆบนใบหน้า

“แล้วก็ บนที่นั่งมีซองจดหมายอยู่ ถือว่าเป็นค่าทำขวัญหลานสาวก็แล้วกัน” วรุฒยิ้มกลับ
“อะไรน่ะ ไม่เอาแล้วนะ พอแล้ว แค่นี้นายก็ช่วยเรามากแล้ว”
“เอาเหอะ แล้วก็ไปได้แล้ว” วรุฒพูดจบก็หันตัวเดินไปอีกทางทันที คนโดนอุ้มอยู่ได้แต่ทำหน้าลำบากใจ เพราะพวกเขาสนทนาเหมือนชานนท์เป็นแค่ตุ๊กตาไม่มีชีวิต ทันทีที่วรุฒหันกลับไปชานนท์ก็หันไปพบกับวงหน้าหล่อเหลาระดับดาราฮอลลีวูดที่ยิ้มทักและก้มศรีษะทักทาย ชานนท์ได้แต่ยิ้มตอบไปด้วยอาการขวยเขิน

ที่ดาดฟ้าของอาคารเรียนคณะนิเทศฯ สถานที่เกิดเหตุ ชานนท์ถูกปล่อยลงนั่งที่พื้นต่างระดับใกล้กับประตูทางออก ชานนท์และวรุฒต่างนั่งมองท้องฟ้ายามพลบค่ำที่มีแสงดาวต่างพากันแข่งเรืองแสงระยิบระยับประดับฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ล่วงเลยไป ลมเย็นๆ เริ่มโชยอ่อนจนรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ตั้งแต่เขาถูกพามาที่นี่ วรุฒก็ได้แต่นั่งมองดาวอยู่ข้างเขาแบบไม่ไหวติง ยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกอึดกับเหตุการณ์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากที่ชานนท์แอบมองไปที่แววตาคนนั่งข้างๆ แล้วทำให้ความหงุดหงิดที่ถูกทิ้งอยู่กับความเงียบที่มลายหายไป แววตาที่เศร้าหมองและลังเล

“รุฒ.....จะเล่าให้เราฟังได้ไหมว่า..... เรื่องพวกนี้มันเป็นมายังไง?” ชานนท์ยื่นมือไปวางบนมืออีกฝ่ายที่เย็นเย็บ
“หายโกรธเราแล้วใช่ไหม? เราก็รอให้นายพร้อมก่อน อยากให้นายยกโทษให้เรา เรารู้ว่าหากนายเริ่มต้นพูดกับเรา คือเวลาที่นายให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว” วรุฒร่ายยาวเหมือนเรื่องอัดอั้นเมื่อครู่ถูกปล่อยออกมาหมด แววตาเกรี้ยวกราดที่เขาเห็นที่ชั้นล่าง มันหายไปหมดสิ้น ตอนที่วรุฒอยู่กับเขา มันเหมือนคนละคนกับเวลาที่วรุฒอยู่กับคนอื่น
“เฮ้อ.... เราต่างหากที่รอนาย รุฒบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับเราแล้วรุฒก็เงียบ เราก็รอ สรุปว่าต่างคนต่างรอ...”

หมับ!

วรุฒดึงอีกฝ่ายเขาสวมกอดแน่นจนชานนท์รู้สึกตกใจปนเขิน แต่ก็คิดถึงความอบอุ่นเหล่านี้จนไม่อาจปฏิเสธคนตัวสูงได้ ปล่อยให้วรุฒกอดเขาเนิ่นนานจนแขนเริ่มชา

“ค่อยหายคิดถึงหน่อย! ตอนนี้เรามีกำลังใจที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้นายฟังแล้ว!” วรุฒฝืนยิ้มมุมปาก

“ไม่เป็นไรนะ ไม่อยากเล่า เราก็เข้าใจ” ชานนท์จับมืออีกฝ่ายแน่น เท่าที่เขารู้มาวันนี้มันก็มากพอแล้ว โดยเฉพาะในส่วนที่วรุฒไม่ใช่พ่อของเด็กที่น่าสงสารคนนั้น และไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบแบบนั้น

“ไม่ได้หรอก เราไม่อยากปิดบังนนท์อีกต่อไป เราไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ไม่ให้ความลับไม่กี่เรื่องมาทำลายความสัมพันธ์ของเรา!! ที่ตอนแรกเราไม่พูดกับนายตรงๆ เพราะไม่อยากให้นายรู้เรื่องที่แสนมืดมนของเรา เลยกลายเป็นว่า มันทำให้เราถูกข่มขู่ได้ง่าย” วรุฒแววตาหนักแน่น จนทำให้ชานนท์ได้แต่พยักหน้าตามน้ำไป ยอมรับฟังแต่โดยดี

“ซาร่าเธอขู่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟัง หากไม่ทำตามที่เธอต้องการ แต่เธอก็ไม่บอกจนเรื่องมันบานปลายในวันงานดาวเดือนนั่นแหละ......ช่างมันเถอะ” วรุฒกำหมัดแน่น

“เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเช่ือเท่าไหร่ แต่ช่วยฟังหน่อยนะ” วรุฒส่งสายตาที่แสนปวดร้าวไปที่ชานนท์ ที่เขาทำได้แค่ยิ้มบางๆ ส่งกลับมาให้กำลังใจ แม้เขาจะไม่อยากฟังเลยก็ตาม หากมันทำให้วรุฒเจ็บเขาก็ไม่อยากรู้ แต่หากเป็นความต้องการของวรุฒ เขาก็จะรับฟังอย่างตั้งใจ

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน วรุฒถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตามความตั้งใจของผู้เป็นบิดา แม้ดร.ภาผู้เป็นแม่พยายามจะคัดค้านแต่ก็ต้านทานความหัวดื้อของผู้เป็นพ่อไม่ได้ โดยอ้างว่า อยากให้โตเป็นผู้ใหญ่ดูแลตัวเองได้ ความจริงคือพยายามให้วรุฒตัดขาดกับเพื่อนๆ สมัยมัธยมที่แสนจะเป็นตัวแสบในหน้าข่าวสังคมไฮโซ (ก็ไอ้กลุ่มเดอะสตาร์ของมหาวิทยาลัยนี้นี่แหละ ถึงพวกนั่นจะไม่มีปัญหาเรื่องเรียน แต่ความเกเร แก่แดด เป็นที่รู้กันทั่ว เพราะต่างมีบุพการีเป็นผู้มีอำนาจในสังคม) 

วรุฒถูกส่วตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยความที่วรุฒเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้วจึงไม่ปัญหาในการปรับตัวเรื่องภาษาและเรื่องเรียน ใช้เวลาปรับพื้นฐานไม่นานก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง  ในระหว่างนี้เขาได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่กลายเป็นเพื่อนสนิท

‘อาเธอร์’ นั่นเอง

พวกเขาได้เรียนที่เดียวกัน และคณะเดียวกัน พวกเขาเหมือนกันหลายอย่างจึงทำให้สนิทกันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องหน้าตาที่ถือว่าเป็นตัวทัอป ความสูงที่อาเธอร์สูงกว่าวรุฒเพียง 2 เซ็นติเมตร วรุฒถือว่าเป็นลูกเสี้ยวไทย-อังกฤษ ส่วนอาเธอร์เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน นิสัยของอาเธอร์ก็ค่อนไปทางคนไทยมากกว่าเพราะถูกเลี้ยงโดยแม่ที่เป็นคนไทย นิสัยการกินก็คล้ายกัน ต่างกันอยู่เพียงสิ่งเดียวคือ เรื่องฐานะทางบ้าน วรุฒเรียกได้ว่าอยู่ที่ต่างประเทศอย่างสุขสบายจากเงินที่ทางบ้านส่งให้ ส่วนอาเธอร์นั้น แม้ไม่ได้ยากจน แต่ก็ยังต้องทำงานพิเศษเพิ่มเติมหากจะต้องการอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือจากค่ากินอยู่ (ประเภทเดือนชนเดือน) พูดง่ายๆว่ามีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตหากอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย

เนื่องจากอาเธอร์โชคร้ายที่ไม่สามารถจองหอพักของมหาวิทยาลัยได้ทัน จึงต้อหาที่อยู่เองใกล้สถาบัน ซึ่งราคาแพงกว่ากันมาก ทำให้สองสามเดือนแรกอาเธอร์ลำบากมากในการหมุนเงินและทำงานหนักขึ้น วรุฒจึงชวนอาเธอร์ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าแถวมหาวิทยาลัยซึ่งพ่อของเขาเช่าไว้ให้ มันกว้างพอที่จะอยู่ด้วยกันสองคนอย่างสบายๆ ด้วยเหตุการณ์นี้จึงทำให้วรุฒกับอาเธอร์สนิทสนมกันมากกว่าเดิน ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องปาร์ตี้ ทุกจังหวะของชีวิตอาเธอร์ได้เข้าไปอยู่ร่วมกับวรุฒโดยตลอด จนกระทั่งเรื่องเกินเลยไปถึงระดับ friend with benefits คือเพื่อนที่สามารถมีอะไรด้วยกันได้ซึ่งอาเธอร์ก็เต็มใจ แต่คนที่คิดเกินเลยไปก่อนนั่นคือวรุฒ แม้จะมีเพื่อนแสบๆเยอะ แต่วรุฒเมื่อ 2 ปีก่อนนั่นก็อ่อนต่อโลกพอควร เขารู้สึกผูกพันธ์กับอาเธอร์เกินเพื่อน ด้วยความเป็นคนใจกว้าง และที่บ้านมีฐานะ ตั้งแต่อาเธอร์ย้ายมาอยู่กับชานนท์ ก็แทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ยิ่งทำให้อาเธอร์ลำบากใจที่จะย้ายออกพอสมควรแม้เขาจะไม่ชอบที่รู้สึกว่าความรู้สึกของวรุฒนั้นเริ่มเปลี่ยนไปจากความใกล้ชิดที่มากเกินไป

แต่ความรู้สึกเหล่านั้น..... มันก็คงอยู่ได้ไม่นาน เพราะการเข้ามาในชีวิตของซาร่า หญิงสาวอาชีพนางแบบที่เข้ามารู้จักกับวรุฒและอาเธอร์ในปาร์ตี้งานหนึ่ง

ด้วยกิริยา อุปนิสัย และหน้าตาที่เรียกได้ว่าถูกใจผู้ชายทุกคน และเป็นที่หมายปองของชายหลายคน แต่เธอกลับเลือกที่จะเข้าหาวรุฒ จนทำให้วรุฒหลงรักเธอคนนี้อย่างโงหัวไม่ขึ้น จนถึงขั้นบางวันคลุกตัวอยู่กับซาร่าทั้งวันไม่ไปเรียน

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั้งวันหนึ่ง อาเธอร์มีเรื่องทะเลาะกับวรุฒเพราะเห็นวรุฒเริ่มเสียการเรียน จึงมาตักเตือนบ่อยครั้งและ พยายามกันไม่ให้ซาร่าเข้าใกล้วรุฒ จนเป็นเหตุให้ทั้งสองทะเลาะกัน

อาเธอร์พยายามจะย้ายออกแต่วรุฒไม่ยอมให้ไปเพราะเห็นแก่ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กัน ดังนั้นแม้จะอยู่ด้วยกันแต่ทั้งวรุฒและอาเธอร์ทะเลาะกันบ่อยมาก

จนกระทั้งเหตุการณ์ในวันหนึ่งซึ่งเปลี่ยนชีวิตของทุกคนในบ้านหลังนั้น วันนั้นวรุฒโดนอาจารย์ประจำภาควิชาหลัก เรียกไปตักเตือนถึงการขาดเรียนและผลคะแนนเก็บตกต่ำจนเรียกได้ว่าสามารถให้ออกจากมหาวิทยาลัยได้เลย เพื่อให้สามารถตีตื้นขึ้นอยู่ในสถานะที่ปลอดภัย วรุฒจึงขอไปเจรจากับอาจารย์ในภาควิชาต่างๆ ให้หาวิธีที่ทำให้เขาได้อยู่ที่นี่ต่อไป วรุฒไม่ได้กลัวการกลับประเทศไทย เพราะเขารู้สึกผูกพันธ์กับซาร่าจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาจินตนาการว่าการไม่มีซาร่าอยู่ในชีวิตเขาไม่ออก โชคดีที่อาชีพนางแบบของเธอทำให้ต้องเดินทางบ่อยและไปครั้งละหลายวัน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่วรุฒทุ่มเทให้กับการเรียนชดเชยและทำงานส่งอาจารย์เป็นพิเศษหลายงานจนแทบไม่ได้กลับที่พัก

วันหนึ่งวรุฒรู้สึกปวดหัวมากจนไม่สามารถทำงานอยู่ที่หอสมุดซึ่งใช้เป็นที่ทำงานเป็นประจำไหว โดยปกติเขาจะนั่งทำรายงานจนกว่าหอสมุดจะปิดตอนสองทุ่ม แต่วันนี้ หกโมงครึ่งเขาก็ไม่ไหวเสียแล้ว ใบหน้าที่อ่อนโยนของซาร่ายามที่นุ่งห่มน้อยชิ้นบนเตียงของเขา มันคงช่วยเยียวยาเขาได้ เขาหวังว่าเขาจะได้เจอเธอที่ห้องของเขาวันนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว

วรุฒมาถึงที่บ้านพักของเขาไม่ไกลมหาวิทยาลัย ณ ตอนที่เดินเข้าไป บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยเสียงเพลง เพลงที่ซาร่าชอบแบบจังหวะ EDM ทำให้วรุฒรู้ทันทีว่าวันนี้เขาคงสมปรารถนาแล้ว วรุฒค่อยๆ บรรจงย่างเท้าเข้าไปในตัวบ้าน และปิดประตูด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาย่องไปที่ต้นทางของเสียงที่ห้องรับแขกส่วนตรงกลางของบ้านที่ซาร่ามักจะคลุกตัวอยู่บนโซฟาฟังเพลงและขยับตัวตามจังหวะเบาๆ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงทางเข้าห้องรับแขก ก็ได้ยินหัวเราะคิดคักดังแทรกจังหวะเพลงที่เร่งเร้า

“คิก คิก คิก เดี๋ยวสิ! ตรงนี้ไม่ได้!!” เสียงซาร่าดังขึ้น ทำให้วรุฒหยุดฝีเท้าลงทันที เธอเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว
“จะกลัวอะไร ป่านนี้ไอ้เด็กเรียนนั่นน่าจะยังอยู่หอสมุดเหมือนทุกวันนั่นแหละ เรายังมีเวลาน่า!” เสียงของคนที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้วรุฒรีบทำตัวลีบไปกับผนังข้างหนึ่งใกล้ห้องรับแขก
“แหม..... อาร์ท.... (ชื่อเล่นอาเธอร์) นึกถึงหน้าเธอเวลาแกล้งเกลียดชั้นเนี่ย ผิดกับตอนนี้เลยนะ เนียนชะมัด!” สาวเสียงใสพูดขึ้น

“เธอก็เหมือนกัน แสร้งทำเป็นรักไอ้เด็กบ้านรวยนั้น มันสนุกนักหรือไง?”
“ก็เงินมันดีนี่นา ตอนรับงานมาจากพ่อวรุฒ ยังคิดเลยว่าจะทำได้ไหม? กลัวว่าจะทำด้วยไม่ลง เพราะหน้าตาก็ไม่เคยเห็น ไหนจะบอกว่ากลัวลูกเป็นเกย์ ฉันล่ะไม่มั่นใจเลย!”
“แต่ก็ทำสำเร็จ!”
“ ใช่! ตอนแรกที่เจอเธอ ฉันก็นึกว่าเป็นเธอปรากฎว่าเป็นเด็กหน้าอ่อนนั้น ถึงจะไม่ถูกสเปคเท่าเธอ แต่ลีลาก็ใช้ได้อยู่”
“อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม รู้สึกไม่ดีเลย เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำแบบนั้นกับไอ้ลูกคุณหนูนั้นเสียที”
“หึง?”
“ก็ใช่น่ะสิ กว่าจะยอมให้มันกลับไปโฟกัสเรื่องเรียนนี่ก็แทบตาย ต้องไปรายงานพ่อของมันให้ส่งเรื่องให้มหาวิทยาลัยช่วยจัดการ รุฒจะได้เลิกยุ่งกับเธอเสียที”
“อ้อ.... จะว่าไปก็ต้องขอบใจเธอนะอาร์ทที่รัก หากไม่เป็นเพราะเธอไม่ไปนอนกับคุณชายนั้น ทั้งที่ถูกจ้างมาแค่จับตามองและช่วยดูแลความเป็นอยู่ ฉันก็คงไม่ได้งานนี้หรอก!!”

“เฮ้อ!! ตอนที่พ่อมันแรกฉันไปคุยเนี่ย ตอนสืบได้ว่าฉันไปมีอะไรกับลูกมัน ฉันโดนขู่ฆ่าแทบแย่ โชคดีที่ฉันบอกไม่คิดอะไร  พูดถึงตรงนี้..... มันน่ากลัวนะ หากพวกเรายังทำงานให้พ่อมันต่อ อีกอย่างฉันว่าเธอเลิกทำงานแบบนี้เถอะ มันไม่ต่างกับโส...”
“อย่าพูดคำนั้น!! ฉันไม่ได้รับพร่ำเพรื่อนะ ไม่ใช่ one night stand ด้วย ชั้นถือว่ารับจ้างเป็นคนรักก็แล้วกัน แต่คนอย่างเธอน่ะ ฉันชอบฉันให้ฟรี”
“ยังไงก็ไม่พูดคำว่า ‘รัก’ สินะ”

ต่อจากประโยคนั่นจบก็ตามด้วยเสียงจูบ จ๊วบจ๊าบที่คนที่ฟังอยู่นั้นน้ำตาเอ่อล้นแบบไม่รู้ตัว มันเจ็บจนเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ วรุฒกัดฟันจนฟันแทบหักเพื่อสะกดไม่ให้ตัวเองล้มทั้งยืน

ต่อจากเสียงจูบ ต่อเนื่องด้วยเสียงสวบสาบและเสียงอิดโอยจากคนในห้อง วรุฒกำมือแน่นจนเล็บแทบจิกเนื้อขาด ความเจ็บปวดปวดทางร่างกายตอนนี้เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางใจที่เขาได้รับ ในสมองของวรุฒว่างเปล่า เขาคิดไม่ออกว่าจะหาทางออกอย่างไรกับเหตุการณ์ตอนนี้ ทั้งคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนสนิทที่นอกจากจะคิดไม่ซื่อแล้วยังเป็นแค่เพื่อนรับจ้างอีก ที่ผ่านมาทั้งหมดมันแค่การแสแสร้งหรอกหรือ อีกคนก็เป็นคนรักปลอมที่พ่อจ้างมาเพราะไม่อยากให้เขาออกนอกลู่นอกทาง เดินไปในทางที่พ่อตนเองไม่ชอบ โลกที่เขาเคยคิดว่าสวยงามมันพังทลายไปตรงหน้า ทั้งๆ ที่เขาคิดว่า เขาลำบากใจที่เห็นแก่ตัว ที่จะเก็บคนทั้งสองคนที่เขารักไว้ที่เดียวกัน เขาไม่อยากเสียใครไป แต่วันนี้เขากลับเสียมันไปทั้งคู่!!

“บอกกี่ทีแล้วว่า อย่าใส่ after shave ยี่ห้อนี้ มันเหม็นจะตาย!!” อยู่ๆสาวสวยก็โวยวายขึ้นหลังจากทำการแลกเปลี่ยนของเหลวในปากกับชายหนุ่มรูปงาม
“เธอเคยขอบนี่นา....”

“ไม่เอาแล้ว!! ไปล้างออกแล้ว กลับขึ้นทำบนห้องดีๆ ดีกว่า ฉันไม่สบายใจกับการอยู่ตรงนี้เลย”
“โอเค! ที่รัก เดี๋ยววันไหนเราเก็บเงินได้มากพอ เราก็ไม่ต้องไปง้อไอ้ลูกเศรษฐีคนนนี้แล้ว”
ไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งสองชายหญิงที่ไร้ยางอาย ต่างเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นในสภาพกึ่งเปลือย วรุฒที่กำลังเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัวว่าทั้งสองคนในห้องจะเดินออกมา จึงเจอพวกเขาในสภาพที่ช้อคสุดขีด

“ว้าย!! วรุฒ!!”
“เฮ้ย!! นาย.... กลับมาเมื่อไหร่?”
“เพิ่งมาถึง.....” วรุฒตอบกลับไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ดวงตาทั้งสองดวงกลับร้อนผ่าว และจ้องมองคนตั้งคำถามอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอ่อ..... พวกเราว่าจะ.... ไปแก้ผ้าเล่นน้ำ ที่สระหลังบ้านเสียหน่อย มาด้วยกันไหม?”
“นี่มัน มืดแล้วนะ อุณหภูมิแค่สององศาแบบนี้ คิดหาข้อแก้ตัวได้ดีแค่นี้หรือ?” วรุฒตอบกลับไปเสียงเรียบ
“เอ่อ.... นายอยู่ตรงนี้นานแล้วหรือ?” อาเธอร์หยั่งเชิงถามดู
“ไม่นาน ..... แต่ก็นานพอจะรู้ว่าพวกนาย มันเป็นไอ้พวกหลอกลวง!!” วรุฒขึ้นเสียงขึ้นมาเล็กน้อย

“เดี๋ยวนะเรา อธิบายได้ คือจริงๆ เรารู้จักนายก่อนที่พ่อนายจะติดต่อมานะ เราก็แค่.... คิดว่า ยังไงเราก็ต้องดูแลนายในฐานะเพื่อนสนิทอยู่แล้ว จะขอรับเงินพ่อนายสักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหา!!” อาเธอร์อธิบายหมดเปือกอย่างลนลานเพราะสายตาของวรุฒตอนนี้เหมือนสามารถฆ่าคนได้ทุกเมื่อ
“ แต่สุดท้าย....นาย.... ไม่เคย..... บอกเรา...” วรุฒกัดปากไปด้วยระหว่างพูด

วรุฒสัญญากับทั้งสองว่า หากทั้งสองพูดความจริง เขาจะยกโทษให้ หลังจากนั้นก็เป็นมหกรรมของการเปิดโปงของทั้งสองคน ทั้งซาร่าและอาเธอร์ต่างโยนเรื่องต่างๆ ออกมาใส่กัน  เล่าจนกระทั้งถึงเรื่องที่ซาร่าถูกส่งมาเมื่อพ่อของวรุฒสืบทราบพฤติกรรมทางเพศระหว่างลูกชายตัวเองกับอาเธอร์ ถึงแม้จะไม่จริงจังแต่พ่อของเขาก็ปล่อยผ่านไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ซาร่าก้าวเข้ามาในชีวิตจองเขาทั้งสอง ซาร่าพยายามลวงหลอกทั้งสองคนด้วยมารยาหญิงมืออาชีพจนทั้งสองติดกับ ซาร่าไม่ได้หลอกคบแค่คนเดียวแต่คบซ้อนเพื่อแยกสองคนนี้ออกจากกัน ส่วนอาเธอร์เองก็โดนพ่อของวรุฒส่งคนมาจัดการและขู่ว่าจะเลิกส่งเงินมาหากไม่ยอมหลีกทางให้ซาร่า เป็นเหตุให้อาเธอร์ระเคะระคายเรื่องของซาร่า จนกระทั่งอาเธอร์แน่ใจในหลักฐานหลายๆสิ่ง จึงทำให้อาเธอร์ตัดสินใจไปคุยกับซาร่าเพื่อเปิดโปง ทำให้ทั้งซาร่าและอาเธอร์ได้คุยกัน แต่กลับกลายเป็นว่าแทนที่จะทะเลาะและเกลียดกัน กลับทำให้ทั้งสองเข้าใจมากขึ้นจนมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยจริงจัง เพราะทั้งสองมีพื้นเพใกล้เคียงกันจึงตกหลุมรักกันไม่ยาก และวางแผนจะเก็บเงินหนีไปด้วยกัน โดยวางแผนลวงวรุฒไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตั้งตัวได้

วรุฒฟังจนมาถึงตรงนี้.... จะบอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ได้ เขาได้แต่นิ่งและคิดทบทวนไปมาหลายรอบ เขาไม่อยากโกรธคนทั้งสองที่เปรียบเสมือนเพื่อนและคนรัก แต่เขาโกรธพ่อตัวเองมากที่ทำกับเขาเหมือนตุ๊กตาชักใย คอยบงการชีวิตเขาอยู่เบื้องหลังมาเกือบตลอดทั้งชีวิต

ในขณะที่เขากำลังนั่งทบทวนว่าจะทำยังไงต่อกับละครฉากใหญ่ที่พ่อเขาเป็นคนกำกับ ซาร่าที่เริ่มหน้าซีดเพราะความวิตกกังวลก็วิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ อาเธอร์รีบตามไปดูแลเธอทันที

“ไม่ต้องเข้ามาอยู่ตรงนั้นแหละ อาร์ท!! After shave เธอมันกลิ่นแรงจนฉันคลื่นไส้จะแย่แล้ว!!”
“ฉันไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ!!”
“เดี๋ยวก่อนนะ!!” วรุฒเหมือนคิดอะไรออก
“อะไร?” ซาร่าที่กำลังผะอืดผะอมอยู่หน้าชักโครกอย่างอ่อนแรงหันมาทักท่าทีประหลาดของคุณชายเจ้าของบ้าน
“ประจำเดือนเธอมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?” วรุฒถามทันที
“บ้าน่า ฉันไม่ได้ท้องหรอกน่า ฉันกินยาคุมตลอด อีกอย่างเวลาฉันกินยาคุมประจำเดือนมันก็มาไม่ปกติอยู่แล้ว” ซาร่ารีบปฏิเสธทันทีเรื่องที่วรุฒต้องการจะสื่อ
“ฉันป้องกันทุกครั้ง นายล่ะอาร์ท?” วรุฒหันไปถามเพื่อนร่วมบ้านทันที (ร่วมเมียด้วย)
“ก็ป้องกันบ้าง ไม่ป้องกันบ้าง” อาเธอร์ทำท่านึก
“ไปตรวจครรภ์ด้วยกันตอนนี้เลย!!”

หลังจากนั้นทั้งสามคมก็เดินทางไปที่คลินิกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล และผลออกมาว่าซาร่าตั้งครรภ์ได้ ห้าสัปดาห์แล้ว ในขณะที่ทราบผล ซาร่าแทบจะล้มทั้งยืน อาชีพนางแบบของเธอกำลังไปได้สวย เธอจะทำอย่างไร ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลย ในหัวของเธอว่างเปล่าไปหมด โดยเฉพาะในเรื่อง.... ใครคือพ่อของเด็ก (หมอบอกว่าแม้จะปัองกันยังไงแต่ก็มีโอกาสแบบนี้เกิดขึ้นได้)

“ดี!!” วรุฒพูดขึ้นมาอย่างลิงโลด
“ดีตรงไหน? พวกเรายังเรียนไม่จบเลยนะ ใครจะดูแลซาร่า ใครจะดูแลเด็กที่คลอดออกมา แล้วนี่ลูกใครก็ไม่รู้?!?” อาเธอร์ลนลานไปหมด
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง แค่พวกนายทำตามที่เราบอกแล้วจะสบายทั้งชาติ เดี๋ยวเราจัดการเอง!!” วรุฒยิ้มร้ายออกมาอย่างน่ากลัว เพราะเขารู้วิธีเอาคืนพ่อของเขาแล้ว

แผนที่ว่าก็คือ วรุฒแจ้งพ่อของเขาเลยว่าซาร่าเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและวรุฒจะแต่งงานกับซาร่าเป็นการรับผิดชอบ  โดยวรุฒข่มขู่ทั้งอาเธอร์และซาร่าว่า ห้ามบอกพ่อของตัวเองเด็ดขาดเรื่องที่วรุฒรู้เรื่องหลอกลวงเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ไม่งั้นเขาจะบอกความจริงพ่อของเขาทั้งหมด ซึ่งรับรองเลยว่า นอกจากจอมหลอกลวงทั้งสองจะไม่ได้เงินเดือนประจำแล้ว ยังหมดอนาคตกับสิ่งที่วางแผนไว้แน่นอน เพราะพ่อวรุฒนั่นทั้งสองคนรู้ดีว่าน่ากลัวแค่ไหน!

เรื่องนี้ทำให้พ่อของวรุฒร้อนรนได้จริงๆ ไม่คิดว่าคนที่ตัวเองส่งมาเพื่อสอนให้ลูกชายตัวเองสมชายชาตรี ไม่ใช่พวกลักเพศ กลับกลายมาเป็นตัวปัญหาเสียเอง

พ่อของเขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะสืบและให้ซาร่าสารภาพได้ว่าลูกที่อยู่ในท้องเธอนั้นเป็นของใคร ซาร่าเองก็แน่ใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ของวรุฒแน่นอน เพราะเธอระวังตัวเองเสมอเวลาอยู่กับวรุฒ แต่กับคนที่เธอรัก เธอจึงไม่ได้เตรียมตัวป้องกันมากนัก

จนเป็นเหตุให้พ่อของวรุฒเดินทางมาจัดการปัญหานี้ด้วยตนเอง พ่อของเขาใช้เงินฟาดหัวทั้งสองให้เอาเด็กออก  เพราะถึงแม้ว่าซาร่าจะยืนยันว่าเด็กในท้องไม่ใช้ของวรุฒแต่คนอย่างพ่อของเขา ไม่มีคำว่าผิดพลาด ไม่ต้องการให้เกิดเหตุไม่ดีในภายหลัง เขาจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ทั้งสองยินดีรับและหนีหายไปทันที เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของพ่อวรุฒ ก่อนไปยังได้สารภาพว่า แผนทั้งหมดมาจากวรุฒที่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เป็นเหตุให้พ่อของวรุฒ บังคับวรุฒให้กลับประเทศทันทีเพื่อไปรับโทษที่กระด้างกระเดื่อง แต่ด้วยความช่วยเหลือของแม่วรุฒ เขาจึงสามารถหลบหนีจากพ่อของเขาได้ และหายไปหลายเดือนขาดการติดต่อ จนกระทั้งแม่ของวรุฒเจรจากับพ่อของวรุฒได้สำเร็จและใช้วิธีให้มาเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้อย่างลำบากเหมือนนักศึกษาทั่วไป ให้กักบริเวณไม่ให้เดินทางไปเที่ยวไหนตามใจ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของแม่ตนเองอย่างเข้มงวด (คำว่ายากลำบากของวรุฒนี่เป็นแบบไหน ชานนท์ไม่เข้าใจเพราะ นอกจากห้องแล้ว ทุกอย่างที่คุณชายใช้ มันก็ดูเป็นลูกคุณหนูคนรวยอยู่ดี)

และเรื่องหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องที่ชานนท์รู้ดีอยู่แล้ว

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ชานนท์รู้สึกหนักอึ้งไปหมด เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของแฟนตัวเองมันจะผ่านอะไรที่แสนจะหนักหน่วงขนาดนี้มาก่อน เขาเคยคิดว่า วรุฒก็แค่คุณชายที่เกิดมาในตระกูลที่รำ่รวยและถูกตามใจเสียจนเสียคน เขาเคยอิจฉาความเป็น ‘วรุฒ’ มาก่อน แต่หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด ชีวิตของวรุฒแทบไม่เคยมีความสุขเลย ไม่เคยเจอคนที่จริงใจ หรือคบด้วยใจจริง ทุกอย่างคือสิ่งที่พ่อเขาสร้างมาให้ทั้งหมด ชานนท์มองหน้าแฟนตัวเองที่มีสีหน้าหนักอึ้งจนแทบมองไม่เห็นเค้าความเกรี้ยวกราดที่เคยเป็นมาตลอดเลย และเขาก็เข้าใจในทันทีถึงเหตุผลต่างๆ นานาที่เขาโดนวรุฒมองด้วยวายตาดูถูกและเกลียดชังเขาใจช่วงแรกได้อย่างดี ยิ่งรู้แบบนี้เขายิ่งรู้สึก ‘สงสาร’ คนตรงหน้าเขาอย่างมาก

“ตั้งแต่เรากลับมา ก็เลยทำตัวประชดพ่อกับแม่ โดยการทำตัวเหมือนพ่อมันเสียเลย พ่อเราน่ะเจ้าชู้ เอาไม่เลือก ผู้หญิงคนไหนสวยก็จัดการเสียหมด เที่ยวเก่ง ในเมื่ออยากให้เป็นเหมือนเขา เราก็จะทำให้ดู ดูสิจะภูมิใจกับชื่อเสียงเสียๆ อย่างที่เขาเป็นหรือเปล่า!!” วรุฒพูดต่อด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“แต่กับ ดร.ภา เอ่อ.... คุณแม่... ก็ไม่ควรไปประชดประชันหรือเปล่า?” ชานนท์สงสัย
“แม่น่ะเหรอ....... เราไม่ค่อยได้อยู่กับแม่หรอกนะ แม่น่ะ.... บ้างาน ประชดพ่อเราเพราะความเจ้าชู้นั่นแหละ เลยแยกกันอยู่มานานแล้ว แม่ทิ้งเราให้เราอยู่กับไอ้พ่อจอมบงการนั้น!!”

มาถึงจุดนี้ยิ่งทำให้ชานนท์พูดไม่ออกและเข้าใจในตัววรุฒมากขึ้น สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการโอบกอดร่างที่แข็งแรงแต่สั่นเทาด้วยความอ่อนแอทางอารมณ์ร่างไว้กระชับแน่น สาวนวรุฒเองก็ไม่ได้ขัดขืน เขากลับขดตัวลงไปในอ้อมกอดของชานนท์เหมือนเด็กตัวเล็กๆ (ทั้งที่ความเป็นจริง เขาโอบคนนี้ไม่รอบเสียด้วยซ้ำ)

ชานนท์จุมพิตวรุฒลงที่แก้มเพื่อให้กำลังใจ และอีกฝ่ายก็หันขึ้นมาตอบโต้ด้วยริมฝีปากต่อริมฝีปากอย่างแผ่วเบา เขาดูดกลืนซึ่งกันและกัน เพื่อเพิ่มกำลังใจให้กันอย่างนั้นไปสักพักใหญ่ก่อนที่วรุฒจะถอนปากออกและพูดออกมาว่า

“ไปต่อที่ห้องกันเถอะ!”
“เดี๋ยวนะ!!”
“เอาน่า..... นายเริ่มก่อนนะ!”
“นายช่วยเศร้าให้มันเต็มวันได้ไหม ในหัวนายมีแต่เรื่องพวกนี้หรือไง?!?”
“นายช่วยทำให้เราหายเศร้าหน่อยได้ไหม? มีแต่นายคนเดียวนะที่ทำได้”
“เฮ้อ.......... งั้นก็รีบไป!” ชานนท์ถอนหายใจแต่ก็ยอมตามใจแฟนตัวสูงของเขาอยู่ดี

..................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 25 ส่วนที่ 3) อัพ 15 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-03-2020 14:49:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่ะนะ  คิดดู  เรื่องหื่นนี่ชนะทุกสิ่ง แม้แต่ความเศร้าอ่ะ 
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 25 ส่วนที่ 3) อัพ 15 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-03-2020 15:12:57
เฉลยสักที
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 26 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 23-03-2020 06:06:49
บทที่ 26

Additional chapter : Only pain nor love

“เออๆ ทางนี้เรียบร้อยดี ไม่ต้องเป็นห่วง รับรอง มันไม่มีทางให้มันไปกวนมึงทางโน้นได้แน่นอน!!”

เสียงที่กัองกังวาลอยู่ในหัวท่ามกลางความมืด เต๋าค่อยๆ รู้สึกตัวเองทีละน้อยท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่ใช่เพราะแสงไฟในห้องไม่เพียงพอ แต่เป็นหนังตาของเขาเองที่หนักอึ้งจนแทบยกไม่ขึ้น ร่างกายด้านชาจนแทบขยับตัวไม่ได้ หรือเขากำลังโดนผีอำ! แต่... เต๋านึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แต่มันช่างดูเลือนลางไม่ชัดเจน

“หา! อะไรวะ!! อีกตั้งสองชั่วโมง!! ให้กูทำอะไรกับมันล่ะตั้งสองชั่วโมง!!”

เสียงที่ดังก้องอยู่นี้มันช่างคุ้นหูจนน่าหงุดหงิดไปหมด ทำไมถึงรู้โกรธเพียงเพราะได้ยินแค่เสียงก็ไม่รู้

“เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวกูจัดการให้ รับรองกูจะทำให้มันไม่ลืมเลยว่าอย่ามายุ่งกับน้องของกูอีก!! ......... เออ แฟนมึงนั่นแหละ!!”

‘น้อง........ น้องไหนวะ?’ ในห้วงความคิดของเต๋า คิดทบทวนว่าเสียงที่ดังอยู่ไม่ไกลนี้สื่อถึงอะไรอยู่ และเขาก็ขนลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะอยู่ก็นึกชื่อคนๆ หนึ่งออก แม้เขาจะมีโจทย์หลายคน (การพรากน้อง พรากแฟนชาวบ้านเป็นงานอดิเรกของเต๋า ด้วยสภาพครอบครัวของเต๋าทำให้เขาไม่เชื่อเรื่องความรักเลย ทำอะไรตามความต้องการของสมองเสมอไม่เคยใช้หัวใจ จนกระทั้งความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นเมื่อเจอชานนท์ เขาไม่รู้ว่านั่นคือความรักหรือเปล่า จึงทำให้ความต้องการเป็นเจ้าของมันพรั่งพรูออกมาอย่างไม่เลือกวิธี)

“แค่นี้นะ ไม่ต้องห่วง มันมีคดีกับกูอยู่ กูจะทำให้มันยุ่งอยู่ตลอดสองชั่วโมงไม่ให้ไปกวนแผนการเปิดโปงผู้หญิงคนนั้นได้แน่นอน!!”

“เชี้ย!! เสียงนี้มัน ‘ไอ้เอก’!!” ไอ้คนที่นอกจากจะไม่ทำตามแผนของเขา มันยังทำแผนของเขาพังเสียย่อยยับ โดยเฉพาะประตูหลังของเขา แม้เขาจะไม่รู้สึกตัวตอนที่ถูกกระทำเท่าไหร่ แต่ความเจ็บปวดหลังจากนั้น เขายังจำมันได้ไม่ลืม เขาพยายามข่มใจฝืนขยับตัว แต่เพราะอาการด้านชาตามจุดต่างๆ ทำให้มันไร้ผล

“เฮ้อ...... ตอนมึงหลับเนี่ย.... ก็ตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก น่าทะนุถนอมเหมือนกันนะเนี่ย” หน้าผากของเต๋ารู้สึกคล้ายนิ้วเรียวยาวไล่ลูบศรีษะและเส้นผมให้ลู่ไปทางด้านหลัง

‘เชี้ย!! ปล่อยกู!!’ เต๋ารำพันในใจ แต่ร่างกายยังขาดแรงขัดขืน
“โห..... เริ่มรู้สึกตัวแล้วหรือเนี่ย... กูคงใส่ยาน้อยไปสินะ” ลมหายใจของคนด้านบนที่ทาบมาบนร่างกายของเต๋าไปเกือบครึ่งส่งไปถึงใบหน้าที่เริ่มขมวดคิ้วได้บ้างแล้ว

“เพราะมึงมันมั่นใจเกินไป เลยไม่ระวังตัวเลยสินะว่า กูแอบใส่ยานอนหลับไว้ในไวน์ที่มึงดื่มเป็นประจำ ดีนะที่กูกับไอ้รุฒรู้จักนิสัยกัดไม่ปล่อยของมึงมาแล้ว เลยต้องป้องกันไว้ก่อนที่มึงจะทำแผนพวกกูล่มเสียเปล่าๆ รู้อะไรดีๆ ไหม.... แผนครั้งนี้ คนอย่างวรุฒมันเดินมาก้มหัวข้อร้องกูเลยนะเนี่ย หลังจากที่มันรู้ว่าคนอย่างกูดัดหลังมึงยังไง!!” เอกพล่ามไปเรื่อยเพราะเขารู้สึกว่าเต๋าเริ่มรู้สึกตัวแล้ว แต่ร่างกายยังคงขยับไม่ได้ดั่งใจจากฤทธิ์ยา เขาต้องการให้เต๋ารู้สึกพ่ายแพ้สิ้นหวัง และยอมตัดใจเลิกราวีในที่สุด

เต๋ารู้สึกถึงสัมผัสที่ปลายนิ้วของตัวเองแล้ว และพยายามกำหมัดเพื่อเรียกสติคืน แต่ทุกสิ่งที่เต๋าทำนั้น อยู่ในสายตาเยี่ยวของตี๋หล่ออย่างเอกทุกกิริยา ท่าทางที่กำลังฟื้นตัวของอีกฝ่ายอยู่ในสายตาและรอยยิ้มที่เยียบเย็นของเอก

“กูมีของขวัญให้มึงอยู่พอดี กูกำลังให้มึงถึงจุดที่พอจะรู้สึกตัวบ้างเพื่อที่จะได้รับรู้อรรถรสของขวัญที่กูเตรียมให้!!”
เอกกระซิบข้างหูคนกึ่งไร้สติ

“อะ....อ่าาา” เสียงที่พยายามเปร่งออกมาจากช่องปากที่ปิดสนิท แต่ในใจกลับกรีดร้อง ‘ เชี้ย! อะไร! กูไม่อยากได้ของจากมึง!!’

“คราวที่แล้วกูทำไปเพราะฤทธิ์ยา เลยจำไม่ได้เท่าไหร่ แต่แม่งรู้สึกดีฉิบหาย แถมทำสดแบบไม่มีสารหล่อลื่นอีกต่างหาก แต่ครั้งนี้กูมีของขวัญติดมาด้วยแบบครบ เซ็ตเลย และครั้งนี้จะตั้งใจทำแบบมีสติด้วย!! ดูสิว่า ครั้งไหนจะเด็ดกว่ากัน!!”  คราวนี้ริมฝีปากด้านบนขยับเข้ามาชิดใบหูมากกว่าเก่า ผสมกับลมหายใจที่อุ่นถี่ ทำให้ในใจของเต๋าสั่นไหว สั่นกลัวจนแทบอยากจะถอดวิญญาณหนี

เพียงเวลาไม่นาน เสื้อผ้าของเต๋าก็ถูกบรรจงถอดออกจากร่างกายและโยนทิ้งไปทั่วห้องอย่างลวกๆ

‘อิช.....เอี่ยยยย’ เสียงที่ลอดซี่ฟันที่ปิดสนิทของเต๋าทำให้เต๋าดูทรมานและดูสะใจคนที่ถอดเสื้อผ้าเขาออกอย่างมาก ผิวที่นวลเนียนที่ผ่านการดูแลมาอย่างดี และตุ่มเนื้อนูนเด่นสีชมพูกลางหน้าอกสองข้างช่างเย้ายวนตากระตุ้นอารมณ์ของคนมองอยู่ได้อย่างเพลินตา

จุ๊บ....จ๊วบ
เสียงริมฝีปากปะทะกับเนินอก ไล่ไปตามลำคอจนถึงใบหู ทำให้คนที่เปลือยเปล่ารู้ขนลุกอย่างอธิบายไม่ถูก ในขณะที่ในใจกำลังต่อต้าน แต่ร่างกายของเขากำลังอ่อนปวกเปียกมากกว่าเดิม

“กลิ่นตัวมึง.... ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรวะ? กูชอบวะ มันหอมหวานดี” เอกพูดที่ข้างลำคอก่อนที่ใช้ลิ้นและริมฝีปากไล้และไซ้ไปทั่วบริเวณ ทำให้คนที่ในใจเอาแต่ปฏิเสธ แต่ร่างกายกลับเร่าร้อนและผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว

ฝ่ามือหนึ่งที่อ่อนโยนลูบไล้ไปทั้วแผ่นอก และอีกฝ่ามือหนึ่งลูบไล่ลงไปที่เบื้องล่างระหว่างลำตัวที่ตอนนี้ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ ไม่ทราบว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือใจที่กำลังปฏิเสธอยู่อย่างแข็งขัน จึงทำให้เอกตัดสินใจลดศรีษะลงและลงไปจัดการสิ่งนั้นด้วยริมฝีปาก

“ของมึงนี่สวยน่ามองดีนี่หว่า ขนาดก็ใช้ได้ นึกว่า... ถึงได้มีคนติดใจมึงเยอะแยะ สงสัยจะไม่ใช่แค่ลีลาที่เป็นราคาคุยของมึงนะ!” คนหน้าตี๋ถอนปากออกจากส่วนลำที่ตอนนี้ตื่นตัวเต็มที่และมีของเหลวมันวาวเยิ้มทั่วบริเวณส่วนยอดสุด

‘พ่อง!! กูไม่ต้องการให้มึงชมกู!! ปล่อยกู!! อย่าให้แรงกูกลับมานะ!’ ในใจต่างสบถไปมากมายแต่ร่างกายกลับขยับได้เพียงเล็กน้อยและเสียงอือออที่ลอดออกมาจากปากที่แทบขยับไม่ได้

“กูว่า... มึงพร้อมจะเจอของขวัญของกูแล้ว!!” สิ้นเสียงของเอก ก็ได้ยินเสียงกุกกัก ซ่าซ่า ดังมาจากที่ไม่ไกล

เสียงสวบสาบดังขึ้นด้วยใจที่วาบวามของเต๋า  เสียงพวกนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่นานเขาก็ถูกพลิกตัวให้นอนคว่ำ ชันเข่า เต๋าถูกจีดศรีษะให้นอนสบายหายใจสะดวก แม้แรงกายจะค่อยๆ ฟื้นคืนมาจากแรงเกลียดชังที่สุมอยู่เต็มอก แต่ร่างกายมันกลับตอบสนองในทางตรงกันข้าม มันร้อนผ่าว อวัยวะกลางลำตัวกลับทรยศความตั้งใจของเขา มันแข็งร้อนและตั้งตรง ไปกับมือหยาบใหญ่ที่กำลังนวดคลึงส่วนนั้นอย่างสนุกมือ มันตอบรับมือนั้นได้อย่างดี

“เต็มไม้เต็มมือดี ไม่เลวเลย” เสียงของเอกทำท่าทีสนุกกับสิ่งตรงหน้า

ไม่นานจากสิ้นเสียงนั้น ของเหลวเหนียวเย็นถูกละเลงไปทั่วช่องทางหลังอย่างลวกๆ เต๋ารู้สึกเปียกแฉะไปหมดทั้งส่วนด้านหลัง

ผลุบ...

อวัยวะเรียวยาวทั้งห้าต่างนวดคลึงส่วนหลังที่เปียกโชกไปด้วยเจลสีใส ตั้งแต่แก้มก้นไปจนถึงช่องทางเข้าที่เอกรู้สึกถึงการตอบรับเกินคาด ในขณะที่เต๋ากำลังสบถด่าเอกในใจด้วยคำหยาบคายทุกชนิดที่นึกได้

“ยาชนิดนี้ กูสั่งมาพิเศษกว่าคราวที่แล้วนะ แค่ให้ชาหมดแรงแต่ยังรู้ตัวครบเลย มันดีจริงๆ ที่เห็นมึงตอบรับนิ้วกูขนาดนี้ มึงไม่เคยรับจริงๆ ใช่ไหมว่ะ?” เอกพูดอย่างล้อเลียน และรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ได้ทำมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก เขาค้นพบด้านมืดในตัวเข้าแล้ว

‘เชี้ยเอ้ย!! มึงเป็นคนเดียวที่กูเสียท่าขนาดนี้ อย่าให้กูหลุดไปได้นะ สัดเอ้ย.!!! .....” เต๋าสบถสวนกลับในใจทันที
“อ๊าาาา...” เสียงของเต๋าดังลอดช่องปากที่เผยอออกเล็กน้อยเพราะการจัดท่าของเอก เพราะตอนนี้เอกกำลัง ใช้นิ้วกลางค่อยๆ สอดเข้าไปที่ช่องทางด้านหลัง ทำให้เต๋ารู้สึกอายกับอากัปกิริยาของตัวเองจนอยากมุดหนีหายไปจากตรงนี้ เขายอมสลบไม่รู้เรื่องอย่างเดิมดีกว่ามารู้สึกแบบนี้!!

จากหนึ่งนิ้วเป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ จากอาการเสียววูบวาบกลับเป็นความเจ็บเสียดแน่นจนอยากจะกรีดร้องเสียงดัง แต่เขาทำได้แค่ร้องโอดโอยในลำคอเบาๆ

“กูว่ามึงพร้อมเจอของขวัญของจริงแล้วว่ะ” เอกพูดจบก็ถอนมือออก และลุกขึ้นถอดเสื้อผ้า คุกเข่าในท่าเตรียมพร้อม
“ของขวัญชิ้นแรกเป็นรสสตรอว์เบอร์รี่ก็แล้วกันนะ!” เอกกัดห่อฟรอยให้ขาดและสวมเข้าร่างตัวเองอย่างชำนาญ

สวบ...

เต๋าพยายามขัดขืนไม่ให้ส่วนแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายสุดกำลัง แต่สิ่งนั้นกลับพยายามเสือกสนดันเข้ามาเรื่อยๆ แม้ความรู้สึกของร่างกายยังกลับคืนมาไม่ครบร้อย แต่มันก็ยังเจ็บจนน้ำตาไหล ขนาดที่ไม่ธรรมดาของสิ่งนั้นมันทำให้เต๋ารู้สึกจุกเสียดและแสบซ่าน แต่ที่เจ็บกว่าคือจิตใจของเขา ศักดิ์ศรีของเขากำลังโดนย่ำยีถึงขีดสุด เต๋าได้แต่คิดระหว่างรวบรวมแรงไปด้วยว่า ‘ อย่าให้กูมีแรงกลับคืนมานะ กูจะอัดมึงให้เข้าห้องไอซียูเป็นเดือนเลย! โอ้ย!!’

ความเจ็บแล่นแปรบมาขึ้นอีกครั้งเมื่อเอกดันแก่นกลางลำตัวขนาดเท่าน้ำอัดลมขวดกลางเข้าไปจนมิดลำ

มันเจ็บปวดมากขึ้นเพราะขนาดที่ใส่เข้ามาโดยไม่มีไมตรี หรือยาเริ่มหมดฤทธิ์ก็ไม่ทราบ แต่ตอนนี้เต๋าสามารถกำมือได้แน่นขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่สามารถจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นหนีจากสถานการณ์แบบนี้ได้

“เอาล่ะ งั้นกูจัดล่ะนะ อย่าเผลอติดใจลีลากูล่ะ เพราะกูอยากให้มึงทรมานมากกว่า!!” เอกพูดจบก็ขยับสะโพกเข้าออกแบบไม่ยั้ง เสียงผิวหนังกระทบกันส่งเสียงดังไปทั่วห้อง ความเจ็บปวดที่เต๋าไม่สามารถอธิบายได้ เกิดขึ้นจนนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั้งถึงจุดหนึ่งในครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ท่าทางของเต๋าก็ถูกจัดเปลี่ยนไปก็ไม่รู้ตั้งกี่หน ความเจ็บปวดเหล่านั้น กลับกลายเป็นความสุขแบบวาบวามอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้ยิ่งเวลาผ่านไปมากขึ้น เรี่ยวแรงเขาก็กลับคืนมามากขึ้น เขาเริ่มรู้สึกถึงทุกสัมผัสที่เอกกระทำกับเขาทั้งริมฝีปาก และการเปลี่ยนท่าทางในการสอดใส่ เต๋ากลับเผลอรู้สึกดีไปกับทุกสัมผัส

“อ๊าาาาส” เสียงครางยาวจบพร้อมกับการกระทุ้งแรงๆ ครั้งสุดท้ายของเอก หยาดเหงื่อหยดพรายไปทั่วใบหน้าและลำตัว แทนที่เต๋าจะรู้สึกโล่งที่สิ่งเหล่านี้จะสิ้นสุดเสียที แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกเสียดายเพราะทางฝั่งเต๋านั้นยังไม่ถึงฝั่ง ยังคงรู้สึกค้างคาอยู่

“อันนี้ กูเอาคืนในส่วนของน้องนนท์! และนี่!! รสช้อกโกแลต อันนี้ส่วนของรูมเมทกู ซึ่งน่าจะจำไม่ได้แล้ว แต่มึงรู้ไหม? มันรักแรกของกู!!” เอกพูดจบก็รีบแกะหีบห่อมาสวมใส่อีกครั้งเพื่อปฏิบัติภาระกิจอย่างต่อเนื่อง!!

“เชี้ย.... นี่.... มึง....” เต๋าพูดอย่างหมดแรงและหอบถี่  ในใจสบถต่อว่าไอ้อึดขี้เอาคนนี้อย่างต่อเนื่อง ‘คนอย่างนี้มันก็มีหรือ เสร็จแล้วต่อได้เลย ไอ้สัดเอ้ย!!’ เต๋าใช้แรงทั้งหมดยกศรีษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเหล่มองไอ้ตี่ตาตี่ในร่างเปลือยเปล่าผิวอันเกลี้ยงเกลาผสมกับหยาดเหงื่อพลาย ทำให้เต๋าหัวใจสั่นคลอนไปวูบหนึ่งก่อนจะพยายามยกมือขึ้นชี้หน้าอย่างเครียดแค้น

“เริ่มรู้สึกตัวแล้วหรือว่ะ! ดี!! อย่างนี้กูจะได้ทำให้สนุกขึ้นไปอีก!!” เอกพูดจบก็จัดท่าทางของเต๋าในท่าเตรียมพร้อมเช่นเดิม
“เฮ้ย! ของมึงยังแข็งอยู่เลย กูบอกแล้วไงว่าอย่ามาติดใจกู งั้นแล้วกูสนองด้วยทีเด็ดที่เด็ดกว่าเมื่อกี้เอง!!” ตี๋หล่อยื่นมือไปคว้าแท่นลำแข็งตรงของอีกฝ่ายลูบไล้ขึ้นลงอย่างชำนาญจนอีกฝ่ายได้แต่ร้องเสียงหลง และจัดการจ่อแก่นกายที่พร้อมแล้วเข้าไปที่จุดเดิมอีกครั้ง และครั้งนี้มันเข้าได้ง่ายกว่าครั้งก่อนมาก เหมือนเต๋าเองก็ผ่อนคลายและให้ความร่วมมืออย่างไม่รู้ตัว 
ครั้งนี่เอกทำอย่างโลดโผนมากกว่าครั้งที่แล้วมาก เต๋าแม้จะมีแรงกายกลับมามากขึ้นแต่กลับไม่สามารถขันขืนเกมกามารมณ์ของเอกได้เลย เต๋ากลับปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเอกจนเสร็จสิ้นครั้งสอง จนเขารู้สึกงงกับตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความเกลียดชังต่อเอกได้อย่างไร การร่วมรักครั้งที่สองนี้เนิ่นนานไม่ต่างจากครั้งแรก และทุกท่วงท่ากับสอดประสานกันได้ดีกว่าครั้งแรกมาก แม้พอจะมีแรงขัดขืนบ้างในช่วงแรก แต่สุดท้ายแล้วเต๋าก็ปล่อยตัวเองไปตามความสุขสมที่เอกมอบให้ทุกท่วงท่าโดยไร้การแข็งขืนในที่สุด ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างหมดแรงกับกิจกรรมที่ผ่านมาร่วมสองชั่วโมง ทำให้ทั้งหมอบลงนอนแผ่ขนานกับพื้นเตียงบนห้องชั้นสองของร้านคาเฟ่หลังมหาวิทยาลัยทันที

..........
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 26 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-03-2020 14:21:50
พี่เอกนี่ก็ใช่ย่อย :ruready
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 26 ส่วนที่ 1) อัพ 23 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2020 22:27:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

โหย.....อิพี่เอกนี่ก็  ไม่ต่างจากวรุฒนะ   ขี้เอาขี้เงี่ยนเหมือนกัน  555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 26 ส่วนที่ 2) อัพ 31 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-04-2020 10:00:31


หลายวันผ่านไป บางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจเขาอย่างบอกไม่ถูก แม้เขาจะเห็นว่าชานนท์กลับมาทำกิจวัตรร่วมกับแฟนหนุ่มตัวสูงของเขาเช่นเดิมแล้ว

ข่าวใหญ่เกี่ยวกับวันงานก็ถูกพูดถึงน้อยลงเรื่อยๆ เพราะความรักที่ทั้งสองแสดงให้กันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้แฟนคลับของทั้งสองต่างช่วยประโคมข่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคนโรคจิตที่นึกคิดจะแยกเขาทั้งสองออกจากกัน บางข่าวก็บอกว่าเป็นเรื่องล้อกันเล่นระหว่างวรุฒต์กับชานนท์ เรื่องลองใจอะไรประมาณนั้น

ส่วนเต๋าเองก็ไม่เคยมาปรากฏตัวใกล้ๆกับชานนท์เหมือนเช่นเคย เหมือนหายไปจากชีวิตของพวกเขาไปแล้ว แต่ทำไมเอกจึงชอบมองออกไปรอบๆ ที่ๆ เต๋าเคยเดินมาพยายามใกล้ชิดชานนท์ ที่ๆ เต๋าเคยมาจอดรถทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ เผื่อจะได้เจอชานนท์ เอกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะไปมองหาไอ้คนแบบนั้นไปทำไม อาจเพราะเขาต้องระแวดระวังแทนรุ่นน้องสุดที่รักของเขา เอกคิดว่าอย่างนั้น แต่ภาพ ณ คืนนั้นมันก็กลับมาในหัวทุกครั้งไป ภาพสุดเซ็กซี่ที่ร่างอันเปลือยเปล่า เร่าร้อน ร้องโอดโอยไปด้วยความทรมานกึ่งยินดีแบบนี้

ทำไมเขาต้องรู้สึกกับเรื่องพรรณนั้นด้วยเอกก็ไม่เข้าใจ?

หลังจากเรียนมาทั้งวันอย่างเหน็ดเหนื่อย (เรื่องเรียนไม่ใช่สิ่งที่ถนัดสำหรับเขาเลย หากป๊าของเขาไม่บังคับให้มาเรียนที่นี่ เขาคงขอทุนไปเปิดร้านขายบิ้กไบค์อย่างที่ตนเองตั้งใจไปแล้ว) เขาขอตัวทุกคนกลับห้องไปนอน แม้จะมีเพื่อนชวนไปหลีหญิง ส่องหนุ่มที่ผับเปิดใหม่ก็ตาม ในคืนวันศุกร์แบบนี้ เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีอารมณ์อยากกลับห้องแต่หัวค่ำแบบนี้ด้วย
 
หลังจากกินมื้อค่ำกับเพื่อนๆ เขาก็ขอตัวกลับทันที ห้องที่มืดและเงียบนี้ เขาอยู่ตัวคนเดียวมาเกือบเทอมแล้ว เพราะเพื่อนของเขาดันไปมีแฟนเพื่อประชดไอ้เต๋า แต่สุดท้ายก็ถอนตัวไม่ขึ้น แทบไม่กลับมานอนหอเลย เอาตัวเองไปคลุกอยู่กับแฟนหนุ่มคณะแพทยศาสตร์ตลอด (อย่างว่าเวลาเรียนมันไม่ตรงกัน เลยไปนอนค้างมันเสียเลย)  นานๆจะกลับมาเสียที

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องอยู่คนเดียว เหตุที่ชอบไปเที่ยวก็เพราะเหงามันก็ส่วนหนึ่ง เอกสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปด้วยการส่ายหน้าแรงๆ ก่อนปลดล้อกและผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดมิดเงียบเหงา ด้วยความเพลียจากการตั้งใจเรียนทั้งวัน เขาจึงเผลอหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน

เฮือก!!”

เอกสะดุ้งตื่นทันทีที่รู้สึกถึงพันธนาการที่ข้อมือและข้อเท้า สายตาที่เพิ่งลืมตาตื่นกำลังปรับการรมองเห็นให้เข้ากับแสงสลัวภายในห้องที่เปิดเพียงโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือที่ปลายเตียง เอกพยายามขยับมือและเท้าแต่ทั้งมือและเท้ากลับถูกผ้าผืนยาวพันธนาการไว้ตามมุมทั้งสีของเตียงอย่างแน่นหนา ตอนนี้เขาแทบขยับตัวไม่ได้เลย และที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นคือ ผิวหนังทุกส่วนของเขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ลงมาที่เขาโดยตรงจนตอนนี้เขารู้สึกขนลุกไปหมด นี่เขากำลังเปลือยล่อนจ้อนอยู่

อาการขนลุกไม่ได้เกิดจากอากาศเย็นเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเขาสังเกตเห็นเงาคนที่เตียงอีกเตียงที่อยู่ในอีกมุมหนึ่งของห้อง เงาที่กำลังขยับเข้ามาเขาเรื่อยๆ

“ตื่นเสียที ปล่อยให้กูรอตั้งนาน!!” เสียงที่ดังจากเงาดำนั้นช่างหูเหลือเกิน แต่เอกกำลังมึนกับอาการเวียนหัวแปลกๆ นับตั้งแต่ตื่นมา เลยทำให้การโต้ตอบช้าไปหมด แต่มีชื่อๆหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว

“จะให้กูจัดการมึงทั้งที่มึงไม่รู้สึกตัวนี่มันออกจะ.... น่าเบื่อนะ ว่าไหม?”  ต้นเสียงในความมืดนั้นค่อยๆ ขยับเจ้ามาใกล้แสงสว่างมากขี้นจนเห็นเค้าหน้าชัดเจน

“ไอ้เต๋า!!” เอกพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด
“เออ! กูเอง!!” เต๋าแสยะยิ้มเย็นให้คนที่นอนเปลือยกายอยู่ทางด้านล่าง และแสดงอุปกรณ์สำหรับจัดการคนที่ถูกพันธนาการไว้ในมืออย่างเพียบพร้อม ครบครันทั้งถุงยางและเจลหล่อลื่น และโรยทันลงบนเตียงทีละชิ้น

“ปล่อยกู!!” เอกดิ้นรนจนรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ
“ง่ายไปไหม? พูดแบบนี้ มึงคิดว่ากูจะทำตามมึงเหรอ คติของกูคือ ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ มึงเตรียมใจที่โดนแบบเดียวกับที่มึงทำกับกูไว้เลย!” เต๋าพูดจบก็เคลื่อนกายเข้าใกล้และใช้มือบีบปากคนหน้าตี๋ที่นอนแผ่เปลือยเปล่าอยู่  และหยดของเหลวบางอย่างลงไปในปากเอก รสฝาดฉุนเล็กน้อยแผ่คลุมไปทั่วปากของเอกก่อนจะโดนอีกฝ่ายปิดปากบังคับให้กลืนสิ่งนั้นลงไป

“แค่ก แค่ก เชี้ยอะไรเนี่ย?!?” เอกสบถถามทันทีที่ปากเป็นอิสระ
“ไม่ต้องกลัว กูใจดีพอ กูไม่ทำกับคนที่ไม่เต็มใจหรอก ดังนั้นมันไม่ใช่ยาที่มึงใช้กับกู แต่เป็นยากูเคยใช้กับมึงครั้งแรกต่างหาก!! แต่ไม่ต้องกลัว ให้ปริมาณน้อยกว่าเดิมหน่อยจะได้พอรู้สึกตัวบ้าง!!” เต๋ายิ้มเย็นและดวงตาฉายแววเลือดเย็น

“เชี้ย เอ้ย!! มึง.....” เอกสบถไปพร้อมกับพยายามฝืนกระชากผ้าที่พันธนาการตัวเองไปด้วยจนเตียงทั้งเตียงสั่นไหวกึกกัก รู้สึกเสียใจที่เคยสงสารคนอย่างมัน
“ใจเย็น เดี๋ยวกูจะคืนให้ทบต้นทบดอกเลย!” เต๋ารู้สึกแปลกใจกับจังหวะหัวใจในอก มันเต้นเร้าสั่นระรัว ทำไมภาพชายผิวขาวละเอียด เปลือยกายตรงหน้าที่พยายามดิ้นรนขัดขืนตรงหน้ามันช่างเร้าอารมณ์จนเขาแทบอดใจไม่อยู่อย่างนี้

จบกระบวนความคิดเต๋าก็ใช้มือลูบไปที่ส่วนเนินออกที่แน่นและหนา ลูบไปจนถึงยอดสุดที่มีตุ่มสีชมพูตึงแข็งสู้นิ้วมือ เต๋าใช้นิ้วมือลูบไล้วนเวียนอยู่ตรงนั้น จนคนที่ถูกกระทำเริ่มอ่อนยวบคล้อยตาม ไม่รู้ว่า เพราะฤทธิ์ยาหรือความมีอารมณ์ร่วมของอีกฝ่าย ที่ตอนนี้แรงขัดขืนดูอ่อนแรงลงไปมาก

เอกหลังจากที่โดนลูบไล่ทั่วแผ่นอก รู้สึกถึงไออุ่นผ่านนิ้วมือของอีกฝ่าย ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เต๋ามีความนุ่มนวลมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก ไม่รู้ว่าฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ไม่ทราบ ความลุ่มร้อนแผ่กระจายไปทั่วตัว เขารับรู้สัมผัสทุกสัมผัสที่เต๋าบรรจงลงมือเค้นคลึงไปทั่วแผ่นอกและยอดเม็ดสีชมพูอ่อนนั้น เรี่ยวแรงที่พยายามขัดขืนมันน้อยลงไปเรื่อยๆ รู้สึกว่ารสสัมผัสจากอีกฝ่ายมันยิ่งเร่งเร้าราคะในใจตนเองมาขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ สัมผัสอันชุ่มลื่นจากลิ้นของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ไล่วนเวียนอยู่รอบเนินตุ่มสีชมพูอ่อนของเขา เอกพยายามสกัดเสียงตัวเองไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่า ยาเพิ่มกำหนัดเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เอกพยายามฝืนสุดกำลัง

เต๋าเผลอไผลไปกับอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากลูกไล้ผิวกายที่เนียนละเอียดของอีกฝ่ายจนหน่ำใจแล้ว ก็ถึงเวลาส่งลิ้นตัวเองไปรอบบริเวณที่เคยสัมผัส ด้วยความเจนศึก เขารู้ว่าต้องทำเช่นไรให้คนบนเตียงมีความสุขจนแทบลืมหายใจ

จากแผ่นอกลากวนไต่ระดับลงสู่เบื้องล่างถึงสะดือและลงไปตรงบริเวณที่ตื่นตัวเต็มที่ แม้สีหน้าของอีกฝ่ายจะดูขัดขืนแต่ส่วนกลางลำตัวกลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ในตอนแรกเต๋าใช้มือกับส่วนที่เกือบจะตั้งฉากกับพื้นเตียง ลูบไล้ขึ้นลงจนคนที่ถูกกระทำบิดตัวด้วยความสุขสันต์ที่เต๋ามอบให้ จนน้ำใสผุดขึ้นมาที่ปลายยอด เต๋าจึงจบกระบวนการโดยการใช้ปากครอบสิ่งนั้นไว้จนเกือบหมด เต๋ายอมรับว่าแม้ขนาดจะเป็นรองเขาอยู่บ้างแต่การจะให้เขาจัดการจนสุดความยาวนี่ทำได้ก็ลำบากไม่น้อย

เอกยอมรับว่ามันน่าอายที่ตัวเองถูกขืนใจให้ทำเรื่องแบบนี้ ในใจก็คิดว่ามันคงเป็นกรรมที่ตัวเองทำไว้กับไอ้เต๋า แต่ไม่เคยคิดเลยว่าไอ้เต๋าจะแก้แค้นเขาคืนด้วยวิธีนี้!! ในตอนแรกเขาเองก็พร้อม และเตรียมใจที่จะรับแรงแค้นจากอีกฝ่ายอยู่แล้ว ทั้งรถบิ๊กไบค์สุดที่รักของเขาที่อาจโดนแยกส่วน ทั้งถูกซุ่มทำร้ายจากนักเลงแปลกหน้า และเรื่องต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขาเพื่อเป็นแก้แค้น แต่เต๋าเลือกใช้วิธีเดียวกับเขา

เอกสะดุ้งเฮือกและบิดตัวเองรับกับช่องปากอันเปียกชุ่มและอุ่นร้อนที่ครอบส่วนนั้นของเขา เอกไม่คิดว่าเต๋าจะชื่นชอบการแก้แค้นแบบนี้เลย ทำไมถึงลงทุนกับการล้างแค้นเขาขนาดนี้ ลีลาที่วงปากและลิ้นที่ลากเวียนวนขึ้นลงไปมาทำให้เอกแทบคุมสติไม่อยู่ ‘อาจเพราะฤทธิ์ยา’ เอกย้ำในใจขณะที่ร่างกายทนรับกับสัมผัสอันร้อนผ่าวเหล่านั้นไม่ไหวจนเผลอครางในปากเบาๆ ยิ่งคราง อีกฝ่ายก็ยิ่งเร่งเร้าลีลาลิ้นและวงปากกับคนที่ครางอยู่ไม่หยุด มันเป็นความทรมานที่เอกรู้สึกอับอายที่คนที่เขาเกลียดมากๆ กลับทำให้เขามีความสุขขนาดนี้

“กูจะพูดคำเดียวกับมึงนะ” เต๋าถอนปากออกจากแก่นกลางตัวของอีกฝ่ายที่ชุ่มชื้นไปหมดด้วยน้ำบ่อน้อย
“กูจะให้ของขวัญที่ลืมไม่ลงกับมึง!!” พูดจบเต๋าก็จับอีกฝ่ายถ่างขาออก และชันขึ้นตั้งฉาก โดยที่เอกไม่ได้แสดงอาการต่อต้านใดๆ เพราะฤทธิ์ยา
“เชี้ย!!” เอกสบถเบาๆ เพลย์บอยอย่างเขา แม้ที่ผ่านมาเขาไม่เคยปฏิเสธทั้งหญิงและชายที่เข้ามาหาเขา แต่เอกไม่เคยเป็นฝ่ายตั้งรับเลยสักครั้ง กรรม!! นี่คือกรรมของเขา

เต๋าจัดการกับช่องทางด้านหลังอย่างชำนาญเพียงแต่ไร้ความละเอียดอ่อนอย่างที่เอกเคยทำกับเขา แต่นี่มันคือการแก้แค้น!! เขาจะทำให้ไอ้เอก ไอ้หน้าตี๋ที่กล้าเหยียบหนวดเสืออย่างเขา จดจำว่า อย่าได้มาทำแบบนี้กับเขาอีก!!

อวัยวะกลางลำตัวของเต๋าพร้อมใช้จ่ออยู่หน้าปากทางของชายหน้าตี๋ผิวขาวนวลที่นอนตรึงกับเตียงอย่างอ่อนแรงอยู่ ช่องทางที่แสนคับแคบและเข้าไปอย่างยากลำบาก เหมือนเอกกำลังใช้แรงที่เหลือต่อสู้กับข้าศึกที่กำลังรุกรานเข้ามา พยายามปิดช่องทางไม่ให้สิ่งนั้นฝ่าเข้าไปยึดเอกราชของเขาได้ เต๋าเห็นเป็นแบบนั้นก็แสยะยิ้ม และใช้มือที่ชุ่มเจลหล่อลื่นคลำคลึงแก่นกายที่ตอบสนองกับมืออย่างเต็มที่ด้วยลีลาที่เอกปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเผลอคราออกมาเต็มเสียง

ไม่นานเอกก็สูญเสียเอกราชให้อีกฝ่าย เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาที่สมองของเขา มือเท้าที่ถูกพันธนาการอยู่ดึงรั้งผ้าผืนยาวที่มัดเขาไว้ตึงแน่นจนแทบจะขาด มันจุดเสียด มันแน่นปวดตึบไปหมด นี่หรือคือความรู้สึกของฝ่ายรับ ซึ่งเขายอมรับว่าจะไม่มีเป็นครั้งที่สองอีกแน่นอน แต่เขาจะผ่านจุดนี้ไปได้อย่างไร

“โอ้ย”

เต๋าได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็ยิ่งเร้าอารมณ์ให้โหมทั้งร่างเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างเต็มตัว จนฝ่ายรับร้องโอดโอยไปตามจังหวะที่เต๋าเร่งเร้าไปตามอารมณ์ที่พาไป ร่างกายที่เกร็งบิดไปด้วยความเจ็บปวด ดึงรั้งส่วนที่ถูกพันธการจนตึงขึงเป็นเส้นตรง ผ้าที่พันผูกไว้ตอนนี้เกือบจะสู้แรงของเอกไม่ได้แล้ว มันค่อยๆ คลายปมตัวเองออกโดยที่คนที่ถูกมัดไว้ไม่รู้ตัว เอกรู้แต่ว่าเขาจับมันไว้แน่นเผื่อว่าจะลดอาการเจ็บปวดที่ช่องทางด้านหลังได้บ้าง และมันก็ได้ผล ไม่นานความเจ็บปวดมันก็หายไปพร้อมกับความรู้สึกอย่างอื่นเข้ามาแทนที่

ความรู้สึกที่เอกไม่เคยคิดว่า การถูกกระทำแบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าฤทธิ์ยาเร่งกำหนัดมันยังมีฤทธิ์อยู่มากน้อยแค่ไหน แต่เขากำลังเผลอไผลไปกับความรู้สึกสุขเปรี่ยมล้นที่คนที่เขาเกลียดมอบให้ มันไม่ได้น่ารังเกียจเท่าที่เขาคิดไว้

ด้วยท่าทางที่เอกถูกมัดตรึงไว้กับเตียงทำให้เต๋าถูกจำกัดท่าทางในการจัดการคนเบื้องล่าง เขาจึงใส่แรงทั้งหมดไปกับท่านี้จนสุดทาง เต๋าเคลื่อนกายในพื้นที่จำกัดอยู่นานหลายนาทีเพื่อให้คนที่เขาต้องการล้างแค้นเจอเท่ากับที่เขาเจอก่อนที่จะกระตุกตัวสั่นเทาและกระแทกเข้าไปเต็มแรงสองสามรอบสุดท้ายก่อนจะพ่นลมหายใจอันอุ่นร้อนลงไปที่หน้าท้องที่เป็นลอนกล้ามน้อยๆเป็นมันจากเหงื่อสวยงาม คนด้านล่างเอกก็กระตุกตามไปด้วยแต่ยังไม่ได้แสดงอาการเสร็จสมอารมณ์หมาย เพียงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจหลายครั้งที่คนทางด้านบนเสร็จสิ้นถึงฝั่งเสียที

พั่บ.....

เสียงคนตัวเล็กกว่าทางด้านบนล้มตัวลงนอนทับคนที่นอนกางแขนขาบนที่นอน เต๋าดูเหนื่อยเหน็ดและหอบแรง เขานอนไม่หลับอยู่หลายคืนเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของเอกเพื่อแก้แค้น ตระเตรียมหลายอย่างด้วยความตื่นเต้น เพราะครั้งนี้เขาไม่อาจจะพลาดได้อีก ทำให้เขาใช้แรงเกือบทั้งหมดในการแก้แค้นไอ้คนที่เกลียดเข้าไส้แบบนี้ ตอนนี้เขาจึงขอพักเหนื่อยสักพัก ทั้งที่เขานอนอยู่เหนือคนที่เขาเกลียด แต่การได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวของอีกฝ่ายมันก็อบอุ่นใจอย่างประหลาดจนเขาเองก็แปลกใจ เขาเผลอนอนไปบนเนินอกอีกฝ่ายด้วยความผ่อนคลาย
‘ยังไงก็ถูกมัดอยู่ คงไม่มีฤทธิ์เดชอะไร ขอนอนพักสักหน่อยก็ไม่เลว’ เต๋าคิด แต่เขาไม่รู้เลยว่า พันธนาการที่แขนทั้งสองนั้นหละหลวมมาได้พักใหญ่แล้ว และด้วยฤทธิ์ยานั่น การที่เอกไม่เสร็จสม มันทำให้เขาทรมานจนมีแรงปลดผ้าที่ผูกมัดแขนเขาไว้และลุกขึ้นมาจับคนที่เกือบไร้เรี่ยวแรงกดลงไปที่เตียงแทน

หลังจากปลดพันธนาการการที่ขาตัวเองเรียบร้อย เอกก็หันมาจัดการคนที่เกือบไร้เรี่ยวแรงทางด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นว่า คนที่จะมาแก้แค้นกลายเป็นเหยื่ออีกครั้งหรือนี่?

เต๋าดิ้นรนอยู่พักใหญ่แต่ด้วยเรี่ยวที่น้อยนิดจากการพักผ่อนน้อยจึงสู้แรงคนที่แข็งแรงกว่าไม่ได้ เต๋าถูกเร้าโลมด้วยเทคนิคขั้นสูงของเอกที่เขารู้สึกคุ้นเคยดี ด้วยฤทธิ์ยาและอารมณ์พาไป เอกจัดการคนทางด้านล่างแบบไร้อุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ คนทางด้านล่างดิ้นพล่านอยู่พักใหญ่กับการจู่โจมแบบคอมมานโด และสุดท้ายเต๋าก็ถูกเอกพาไปสู่ดินแดนที่เคยโดนมาก่อนแบบเจ็บปนสุข จากขัดขืนก็กลายเป็นจำยอม และหลงไหลไปกับมันในที่สุด และเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อเต๋าและเอกกลับใช้เวลาด้วยกันต่อจนตลอดทั้งคืน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 26 ส่วนที่ 2) อัพ 31 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-04-2020 12:08:15
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็สมกันดีนะ  เอกเต๋า

ผลัดกันรุกผลัดกันรับ  วินวินซิทูเอชั่น  ทั้งสองฝ่าย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 26 ส่วนที่ 2) อัพ 31 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 02-04-2020 10:50:41
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 26 ส่วนที่ 2) อัพ 31 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-04-2020 23:25:36
ได้กันเองซะงั้น555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 26 ส่วนที่ 2) อัพ 31 มี.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 03-04-2020 16:29:47
ชอบคู่เต๋าเอก  :-[
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 27 ส่วนที่ 1) อัพ 5 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 05-04-2020 10:09:21
บทที่ 27

Beautiful sunset


“นนท์ๆ”

เสียงเพื่อนสาวห้าวดังมาแต่ไกลจนชานนท์ต้องรีบหันไปหาต้นเสียง ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างเขาเสมออย่างวรุฒกลับทำหน้านิ่งเฉยและพยายามรั้งให้ชานนท์สนใจเขามากกว่าเสียงหญิงสาวที่กำลังวิ่งมาอย่างหืดหอบ

“นี่!! แกไม่คิดจะหยุดให้ฉันสักหน่อยหรือไง?” หญิงสาวกล่าวตำหนิทันทีพร้อมหายใจหอบถี่ และส่งสายตาค้อนไปที่วรุฒทันทีที่ยืดตัวตรงได้

“เดี๋ยวเข้าเรียนสาย!” วรุฒพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ พูดแทรกชานนท์ที่กำลังอ้าปากตอบ
“เวลาคำพูดนี้มันออกมาจากปากนายนี่มันดูตลกๆ ยังไงไม่รู้นะ พ่อคนแทบไม่เคยตั้งใจเรียน” เมย์แซะอีกฝ่าย
“จะว่าไปก็จริงนะ อีกสิบห้านาทีก็ต้องเข้าเรียนคาบถัดไปแล้วนะ แล้วเมย์ไม่รีบเข้าเรียนหรือไง?”  ชานนท์กล่าวสนับสนุนแฟนตัวเอง
“แหมๆๆ พอดีกันก็เข้าข้างกันเลยนะ ไอ้เราก็อุตส่าห์ช่วยเตรียมที่ ควรจะเกรงใจเราบ้างนะ” เมย์แบะปากใส่
“ช่วย?” ชานนท์ทวนคำด้วยความสงสัย
“ก็ช่วยเรื่องพี่เต๋าไง!! ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ก็เลยจะถามหาพี่เอกกับนาย!” เมย์กลับเข้าสู่โหมดเม้าส์มอย
“พี่เต๋า?” ชานนท์หันหน้าไปหาวรุฒเหมือนจะหาคำตอบ
“เธอนี่มัน....... เก็บความลับไม่เป็นใช่ไหม?” วรุฒคิ้วขมวดใส่เมย์ “นี่ไง! ถึงไม่อยากให้เธอเจอกับนนท์บ่อย เพราะคิดว่าสักวันเธอต้องหลุดปาก!!”

“อะไร!?! นี่เธอยังไม่เล่าให้นนท์ฟังทั้งหมดเหรอ?”
เมย์ทำหน้าแปลกใจ
“เธอคิดว่าเรื่องแบบนี้ เพื่อนเธอฟังและจะสบายใจไหมล่ะ?” วรุฒสวนกลับ
“เออว่ะ!” เมย์ยกมือขึ้นปิดปากทาบหัว

“เฮ้อ!!!” วรุฒถอนหายใจเกาหัว
“อะไรยังไง เล่ามาให้หมดเลยนะ!!” ชานนท์มีความสงสัยและขยั้นขยอให้เล่าให้หมดทันที

“เอ่อ......” เมย์รู้สึกแย่กับอาการปากพล่อยของตนเอง
“เฮ้อ....... เอางี้เดี๋ยวเราเล่าให้ฟังเอง!” วรุฒผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรง พลางส่ายหน้าไปทางสาวห้าวที่ตอนนี้ทำท่าจับต้นชนปลายไม่ถูก

“เอาจริงๆ ยัยเนี่ยก็แค่ไปสืบว่า ไอ้เรื่องทั้งหมดเนี่ยเป็นฝีมือไอ้เต๋าจริงๆ ใช่ไหม เพราะเราเองก็ยังไม่มีหลักฐาน 100% จนกระทั้งยัยเนี่ย ไปเห็นไอ้เต๋าเข้าไปในโรงแรมเดียวกับที่ซาร่าพักอยู่ และดูเหมือนจะไปมีปากเสียงกันที่ห้องอาหารของโรงแรมด้วย คราวนี้เรื่องมันก็ชัดเจนเลย!!” วรุฒใช้นิ้วชี้ไปที่ยัยเมย์จนเกือบสัมผัสศรีษะอีกฝ่ายทุกครั้งที่พูดถึงเมย์

“มีปากเสียง?” ชานนท์ทวนคำ
“นั่นไง!! สงสัยเหมือนเราเลย เราก็เลยปลอมตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ ใกล้พอจะได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน!” ยัยเมย์แทรกขึ้นมา
“แล้วได้ความว่า?” วรุฒถามสวนทันที
“เอ่อ....ฮ่าฮ่า..., แบบ... กลัวจะใกล้ไปเลยได้ยินแค่นิดหน่อย.... รู้แต่ว่าเต๋าโวยเรื่องที่ยัยฝรั่งนั่นทำอะไรเกินไปเท่านั้นแหละ!!”เมย์พูดไปหลบสายตาไป

“เอาเหอะ! แต่ก็รู้ว่า ไอ้เต๋ามันก็ยังเกรงใจพ่อเราอยู่บ้าง! เรื่องที่พ่ออุตส่าห์ปิดไว้ มันคงไม่กล้าเปิดเผยหรอก มันคงคิดว่าคุมยังซาร่าอยู่ แต่มันคิดผิด ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่เรายังไม่รู้เลย!” วรุฒพูดต่อทันที

“แต่เท่านี้ก็ชัดเลยว่า สองคนนั้นร่วมมือกัน!” เมย์ตบหน้าขาตัวเองเสียงดัง จนต้องเอามือลูบจุดที่ตีไปมา
“คราวนี้ เมย์พูดถูก ดังนั้นเราก็เลยไปขอความช่วยเหลือคนที่ทำให้ไอ้เต๋าเสียเชิง และก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี!!” ดวงตาวรุฒเหมือนฉายแวววูบวาบ

“มีคนแบบนั้น?” ชานนท์ที่พอจะได้ยินวีรกรรมต่างๆ ของเต๋า จากวรุฒบ่อยๆ ก็นึกถึงคนแบบนั้นไม่ออก
“คนที่พูดกี่ทีๆ ก็ไม่น่าเชื่อ คนดีแบบนั้นถึงเวลาจะร้ายก็น่ากลัวอยู่นะ” เมย์เหมือนพูดกับตัวเอง

“คนที่มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวน่ะ น่ากลัวทุกคนนั่นแหละ นั่นแปลว่าเขาจะทำอะไรเพื่อสิ่งๆนั่นได้โดยไม่ลังเล” วรุฒพูดถึงตรงนี้ก็มองมาที่ชานนท์ แน่นอนว่าวรุฒก็หมายถึงตัวเขาเองด้วยนั่นแหละ

“อย่าบอกนะว่า....” ชานนท์มีภาพคนๆหนึ่งในหัวแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือไม่
“ใช่! พี่เอกนั่นแหละ!!” เมย์ทำนิ้วชี้ไปที่ชานนท์ ประมาณว่า ‘ถูกต้องแล้วคร้าบบบ’
“หา!!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง

คงต้องย้อนไปก่อนเหตุการณ์ในวันนั้น วรุฒรู้ว่าแผนการของเขาจะไม่สำเร็จเด็ดขาด หากยังมีไอ้ตัวจอมวางแผนอย่างเต๋า ลอยนวลคอยขัดขวางเขา เพราะเต๋าเองก็เป็นที่กว้างขวางในมหาวิทยาลัยมากกว่าวรุฒเสียอีก ขยับแค่นิดหน่อยอีกฝ่ายก็รู้ความเคลื่อนไหวแล้ว และวรุฒบังเอิญไปสืบเรื่องในวันที่ชานนท์ไปพบรุ่นพี่ในตำนานคนนั้น แล้วก็พบว่า เรื่องทั้งหมดจะไม่ได้ลงเอยแบบนี้หากไม่ใช่เพราะเอกที่ตลบหลังไอ้เต๋าจนเสียเชิง เป็นเหตุให้วรุฒยอมลดอีโก้ของตัวเองไปคุยกับเอกก่อน ถึงขั้นก้มหัวขอร้องให้เอกช่วยเหลือในแผนการครั้งนี้

สุดท้ายเอกก็ยอมรับปากช่วย และพยายามตามไปจับตาเต๋าทุกย่างก้าวจนเต๋ารู้สึกอึดอัด และขยับตัวไปทำอะไรตามแผนได้ลำบาก นั่นทำให้ซาร่าติดกับยอมตกลงไปร่วมรายการปลอมๆนั่นโดยพละการ กว่าที่เต๋าจะรู้ตัวว่าซาร่าติดกับของวรุฒ เขาก็โดนพี่เอกมอมยาไปเสียเรียบร้อยแล้ว

วรุฒบอกกับเอกว่าให้ทำยังไงก็ได้ให้เต๋าไม่มาวุ่นวายระหว่างดำเนินแผนการนี้ ทำให้ยุ่งวุ่นวายเข้าไว้ เอกก็เลยจัดให้เต๋าวุ่นวายอยู่กับเขาอย่างหนัก อยู่หลายชั่วโมงจนแผนการสำเร็จลุล่วง

“จะว่าไป.....ก็ไม่เห็นพี่เอกเลยนะ หลังจากเหตุการณ์วันนั้น” ชานนท์พูดพึมพำขึ้นมาระหว่างเดินไปห้องเรียน
“ความรู้สึกช้าจริงนะ ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว อย่างว่าก็โลกนี้มีแค่สองเราอ่ะเนอะ” เมย์แซวขึ้นมา

“เมย์!” ชานนท์ค้อนใส่เพื่อนสาวห้าวของเขา ในขณะที่วรุฒเดินยิ้มกริ่มไม่พูดอะไร
“นายก็ด้วย ทำเราทั้งเจ็บทั้งเพลีย เรายังไม่ได้ต่อว่าเลยนะ!!!”
ชานนท์หันไปจัดการคนยิ้มกริ่มแบบได้ใจ

“ว้าย!! อะไรนะ?” เมย์ทำท่าล้อเลียน
“พอได้แล้ว!! ไปเรียนได้แล้ว!!” ชานนท์ดุแก้เขิน
“นายไม่อยากรู้เรื่องพี่เอกเหรอ?” เมย์ลั่นให้ชานนท์สงสัย
“หือ??? จริงสิ!! พี่เอกหายไปไหน? หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?!?” ชานนท์หันมาหาแฟนและเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าตกใจ
“ตอนแรกก็แอบคิดแบบนั้น... แต่เท่าที่ไปสืบมา พี่เอกก็มีไปเข้าเรียนเกือบทุกคาบเป็นปกตินะ แต่ที่ไม่มาปรากฎตัวให้เราเห็นเลยเนี่ย...... ไม่แน่ใจเท่าไหร่? เออ!! รุฒ! แล้วเรื่องนั่นล่ะ!!” เมย์พูดไปทำท่าคิดไป

“อ้อ! ไอ้เต๋า ก็เป็นอย่างที่เธอว่า มีคนเห็นมันไปป้วนเปี้ยนแถวหอพักเรา แต่แปลก! เราไม่เคยเห็นมันนะ!!” วรุฒตอบกลับเสียงเรียบ

“เฮ้ย! จริงน่ะ เราก็ไม่เคยเห็น!” ชานนท์ตอบเห็นด้วย
“นั่นไง!! เข้าเค้าแล้ว!!” เมย์เสียงดังขึ้นมา ซึ่งตอนนี้เดินมาถึงหน้าห้องเรียนแล้ว ทำให้ชานนท์มองเลิ่กลั่กไปหมด กลัวโดนผู้ใหญ่ตำหนิ พร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นคาดปากตัวเองหันไปทางเมย์ในเชิงตำหนิ ส่วยยัยเมย์ทำแค่แลบลิ้นใส่อีกฝ่าย

“ไม่เอาน่า ไอ้ทฤษฎีของเธอมันไม่น่าเป็นไปได้หรอกน่า!!” วรุฒแย้ง
“ทฤษฎีอะไรเหรอ?” ชานนท์เดินไปนั่งที่โต๊ะแถวหน้าสุด จึงทำให้ยัยเมย์ที่กำลังเล่าเรื่องนี้จนสนุกปาก เลยต้องเดินตามไปนั่งข้างๆเพื่อจะได้เล่าต่อ
“ก็แบบ.... สองคน น่าจะแอบคบกันไง แบบศัตรูที่รักอะไรแบบเนี้ย!!” เมย์ทำหน้ามีความสุขจนมีรอยยิ้มแปลกๆให้เห็น

“เพ้อเจ้อ!!” วรุฒพูดขึ้นลอยๆ ในขณะที่เดินไปนั่งข้างชานนท์อีกฝั่งหนึ่ง
“พนันกันไหมล่ะ นายต้องเชื่อในสัญชาตญาณสาววายอย่างฉันนี่!! เรื่องนี้มันต้องจบแบบนี้!!” เมย์มีท่าทางมั่นใจมากกับประโยคนี้ ซึ่งก็ทำให้ชานนท์คิดตาม แต่เขาก็นึกภาพเวลาสองคนนั่นอยู่ด้วยกันแบบคู่รักไม่ออก ผู้ชายที่ดูแข็งแรงกำยำทั้งคู่เนี่ยนะ!

“จะว่าไป.... เราเองก็ยังไม่นึกเลยว่าจะได้แฟนเป็นผู้ชายด้วยกันแบบนี้..... มันคงไม่แปลกมั้ง” ชานนท์พูดลอยๆออกมา ทำให้คนตัวสูงที่นั่งข้างๆ อมยิ้มขึ้นมา

“เอาป่าวรุฒ!!” เมย์ยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะพนันกับวรุฒ
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากได้อะไรจากเธอเสียหน่อย!! จะชนะหรือแพ้ ก็ไม่เห็นน่าสนใจ!!” วรุฒเอนหลังไปพิงพนักและทำท่าเบื่อกับยัยผู้หญิงห้าวจอมจุ้นจ้าน

“เอางี้!! หากนายแพ้ นายต้องพาฉันกับชานนท์ไปเที่ยวทะเล เอาแบบหรูๆ เลยนะ แต่นายชนะ ฉันจะช่วยให้ไอ้พี่พัฒน์จีบยัยมายด์ติดแบบเป็นทางการ และจะช่วยให้พี่พัฒน์มาหมั้นหมายกับยัยมายด์แทนนายเลย โอเคไหม? ยัยมายด์จะได้ตัดใจจากนายเสียที เป็นไง win-win ใช่ไหม?” มายด์ลุกขึ้นท้าทาย ภายใต้สายตาตกใจของชานนท์ เรื่องบางเรื่องที่ชานนท์ไม่ควรจะรู้ ก็ได้รู้จากเพื่อนปากมากคนนี้จนได้

“ยัยบ้าเอ้ย!! ยัยปากไม่มีหูรูด!!” วรุฒต่อว่าเมย์ทันที เมย์ที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดก็ได้แต่สำนึกและตบปากตัวเองดังเพี้ยะ
“เธอว่าอะไรนะ?” ชานนท์ถามย้ำ
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะข่วยให้วรุฒเป็นอิสระไง แบบหาคนมาหมั่นหมายแทนนายรุฒไง” เมย์แก้ตัวจนลิ้นพันกัน
“ไม่ใช่.... ประโยคสุดท้าย!!” ชานนท์พูดโดยที่หน้าไม่มองเมย์

“ก็ win-win ไง!!” เมย์พยายามแถ
“ไม่ใช่!! ทำไม.... ทำไมไม่เคยมีใครบอกเราเลย!!” ใบหน้าชานนท์แสดงออกถึงความสับสนชัดเจน

“นนท์ ฟังนะ เราก็แค่เดาเอา ว่าน่าจะใช่ แต่เราก็ไม่เคยคิดเกินเลยกับมายด์เกินกว่าน้องสาวเลยนะ” วรุฒอธิบาย
“แต่ถึงอย่างนั้น มายด์ก็เพื่อนเรานะ แล้วอย่างนี้เราจะมองหน้ามายด์ติดได้ยังไง หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด มายด์ก็คอยช่วยพวกเรามาตลอด” ชานนท์เริ่มลนลาน กำลังเข้าสู่โหมดคิดมากอีกแล้ว

“แต่มายด์น่ะรู้ตัวดีว่า เป็นไปไม่ได้ และรู้ตัวว่าจะวางตัวยังไง เธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดนายเลยนะ ในสถานะปัจจุบันของนายเนี่ย เธอออกจะชอบนายมากนะ” เมย์พูดแก้ทันที

“แต่.......” ชานนท์คิดคำพูดต่อไปไม่ออก มันจุกอยู่ที่อก อึดอัดไปหมด

“นักศึกษา! ทำความเคารพ!” ประธานเอกกล่าวเสียงดังทันทีที่เห็นอาจารย์เดินเข้ามา ทำให้บทสนทนาจบลงแค่นั้น

แต่ชานนท์ก็แทบไม่มีสมาธิเรียนในคาบนั้นเลย ในหัววนเวียนคิดถึงหน้าและความรู้สึกของมายด์วนไปมา

...............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 27 ส่วนที่ 1) อัพ 5 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2020 14:47:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่....ชานนท์คิดมากเกินไปนะจ๊ะ

อย่างที่วรุฒคิด  ไม่ให้ชานนท์รู้เรื่องอะไรเยอะแยะเป็นดีที่สุด
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 27 ส่วนที่ 1) อัพ 5 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-04-2020 19:21:11
คิดมากจัง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 27 ส่วนที่ 2) อัพ 11 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 13-04-2020 06:28:21

จวบจนสิ้นวันชานนท์ยังคงคิดวนเวียนไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับความรู้สึกของมายด์ เพื่อนอีกคนหนึ่งของเขาที่ได้ชื่อว่าสนิทมากคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นเพื่อนคนแรกตั้งแต่มาเหยียบที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้

วรุฒที่เป็นไม่ได้เป็นคนพูดเก่งอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วรวมถึงเป็นคนที่ไม่เคยรู้สึกถึงเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่จึงเป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะปลอบประโลมความรู้สึกทุกข์ใจแทนคนอื่นอย่างชานนท์ได้ เขาจึงทำได้แค่โอบไหล่ระหว่างเดินเป็นเพื่อนชานนท์เดินกลับหอพักเท่านั้น

‘ยัยปากมากที่ก่อเรื่องไว้ หายไปไหนวะ?’ วรุฒคิดในใจด้วยความหงุดหงิด เพราะแทนที่วันนี้เขาจะได้อ้อนแฟนให้สมใจกับการนั่งจำยอมเรียนอยู่ในคาบเรียนอย่างเรียบร้อยตลอดทั้งวัน ยัยผู้หญิงปากมากอย่างเมย์ที่ทำให้แฟนเขาคิดมากขนาดนี้ ยังหายศรีษะไปทันทีที่หมดคาบเรียน นี่มันหนีปัญาที่ตัวเองก่อชัดๆ!

ระหว่างทางเดินที่ไม่ถึงตัวตึกดี (ช่วงหลังๆ ชานนท์ไม่ยอมให้วรุฒต้องขับรถยนต์มาเรียน เพราะระยะทางระหว่างหอในกับอาคารเรียนมันไม่ไกลขนาดที่ต้องขับรถมา เดินมาดีที่สุด) รถตู้คันหรูที่แสนคุ้นตาก็มาจอดเทียบทางด้านข้างพวกเขา และคนที่ลงมาก็คือคนที่ทำให้วรุฒหงุดหงิดใจถึงที่สุดอยู่ตอนนี้

ยัยเมย์!!

“อ้าว!! โชคยังดีที่ชานนท์น่ะเดินช้า หากพวกนายถึงหอพักแล้ว ฉันคงแย่เพราะกลัวจะไปขัดจังหวะพวกนาย... เอ่อ.... อยู่ด้วยกัน” ยัยเมย์กระโดดลงมาจากรถตู้คันหรูและพูดอย่างเหนื่อยหอบ ในขณะที่วรุฒกลับกร่นด่าอยู่ในใจ
‘เพราะเธอนั่นแหละ แผนฉันถึงล้มไม่เป็นท่า!!’

“อะไรของเธอเนี่ย? แล้วรถคันนี้มัน...?” ชานนท์ทำสีหน้าตำหนิท่าทีกระโตกกระตากของเพื่อนสาวที่ไม่ค่อยทำตัวสมหญิงเสียเท่าไหร่จนเขาแอบดุหลายครั้ง บางครั้งเมย์เองก็เกือบเรียกเขาว่าแม่เสียแล้ว (หรือยายดี? ไอ้ความคิดโบราณๆแบบนี้)

“ใช่ รถเราเอง เราอยากคุยกับนนท์น่ะ” มายด์ที่เดินก้าวออกมาจากรถอย่างเรียบร้อยผิดกับผู้หญิงคนแรกกล่าวขึ้นอย่างเรียบง่าย
“มายด์... พี่ว่า... เวลาแบบนี้....มันยังไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะ” วรุฒแย้งขึ้นมาอย่างเกรงใจ
“เวลานี้แหละคะเหมาะ” มายด์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาขึงขัง
“อืม.... ตามใจ..” วรุฒรู้สึกว่าวันนี้อุปสรรคเยอะจริงในการที่จะได้อ้อนแฟนตัวเอง
“นนท์ เราไปหาอะไรมื้อเย็นกินไปด้วยคุยไปด้วยเถอะนะ” มายด์หันมายิ้มหวานจนชานนท์ไม่กล้าปฏิเสธ ทำได้แค่พยักหน้ายิ้มรับ
“ที่ไหนดี?” วรุฒเอ่ยปากถามทั้งยังก้าวเดินไปที่รถ
“ไม่คะ! พี่รออยู่ที่นี่แหละคะ” มายด์รีบปฏิเสธและทำมือขึ้นปรามอีกฝ่าย
“ใช่! ผู้หญิงเขาจะคุยกัน!!” เมย์มีสีหน้าสะใจกับประโยคของมายด์และก้าวเท้าล้ำหน้าวรุฒไปหนึ่งก้าว ส่วนชานนท์ได้ทำหน้าประหลาดใจกับประโยคของเมย์
“เราขอไปกับนนท์สองคนนะ” มายด์พูดเสียงเชิงขอร้อง
วรุฒส่งสายตาเย้ยและยิ้มเยาะเมย์อย่างเปิดเผย

แล้วทั้งสองคนก็เดินทางด้วยรถตู้คันหรูมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยซึ่งคนในร้านก็ไม่ได้มีมากมายอะไร และโต๊ะที่มายด์พาไปนั่งก็ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และบรรยากาศในร้านก็ดีเสียจนอยากจะให้วรุฒพาเขามานั่งกินอะไรกันในโอกาสพิเศษเลยทีเดียว

“ชอบร้านนี้ไหม?” มายด์ตั้งคำถามก่อนเป็นคนแรกทันทีที่ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะที่มีป้ายจองไว้ เพราะก่อนหน้านี้ชานนท์รู้สึกเกร็งๆ มาตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ส่วนมายด์เองก็นิ่งเฉยไม่ได้พูดอะไรกับเขาเช่นกัน บรรยากาศในรถจึงเงียบกว่าปกติ

“อืม... ชอบสิ บรรยากาศดีมากเลย เนี่ย! ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ........” ชานนท์หยุดปากตัวเองเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดมากไป
“เมื่อก่อนนี้.... ที่นายยังชอบเราอยู่ใช่ไหม?” มายด์พูดแทรก
“ใช่ๆ เราคงมีความสุขมากเลยที่ได้มาเดทกันที่...นี่.... เอ๊ะ! มายด์รู้ได้ไง?” ชานนท์ทำสีหน้าประหลาดใจ
“โอ้ย! ไม่รู้ก็แปลกแล้ว คนซื่อๆ อย่างนายเดียวอ่านง่ายจะตาย โดยเฉพาะที่มีเพื่อนอย่างยัยเมย์” มายด์พูดไปด้วยขำไปด้วยเมื่อถึงประโยคที่กล่าวถึงเพื่อนสนิทตัวเอง
“อ่า.....” ชานนท์ถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก

“พอเถอะๆ เลิกนอกเรื่องได้แล้ว! ได้ข่าวว่านายไม่สบายใจเรื่อง....... ความรู้สึกของเรา.... กับพี่รุฒ....” สีหน้าของมายด์ค่อยๆจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“อืม...” ชานนท์พยักหน้า

“จะเป็นคนดีไปถึงไหนเนี่ย! เฮ้อ..... ไม่ต้องคิดมากหรอก เราเลิกฝันลมๆ แล้งๆ แบบนี้มาตั้งนานแล้ว!” มายด์เอนกายพิงพนักและผ่อนลมหายใจออกมา
“............” ชานนท์ยังอยู่ในโหมดพูดอะไรไม่ออกเพียงแต่ทำหน้าตั้งใจฟังอีกฝ่ายเท่านั้น

“รู้ไหม? เราเองก็กลัวนะ กลัวว่า หากนายรู้แล้วเรื่องความรู้สึกของเรากับพี่รุฒ นายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? ที่กลัวที่สุดคือกลัวนายจะพาลเกลียดเราและไม่พูดกับเราไปเลย..... แต่ไอ้อาการแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่เราคิดไว้เหมือนกัน ก็ไอ้อาการคิดมากจนเกรงว่าเราจะเกลียดนายที่มาแย่งพี่รุฒของเราไป!”
มายด์ลงเน้นเสียงหนักที่ปลายประโยคจนชานนท์เลิกคิ้ว

“ก็..... เราเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่เรากลับไม่เคยรู้ความรู้สึกของมายด์เลย แล้วยัง..... มาคบกับรุฒอีก....” ชานนท์พูดด้วยอาการสับสน

“เรื่องพี่รุฒน่ะ เราเองก็ไม่เคยสารภาพหรอกนะ แต่วันที่พี่รุฒมาปรึกษาเราเรื่องนายน่ะ.... พี่รุฒก็เคลียร์กับเราเรียบร้อยแล้ว เรื่องที่พี่รุฒรับรู้ความรู้สึกของเรา แต่พี่รุฒให้เราเป็นได้แค่น้องสาวเท่านั้น” พูดมาถึงตรงนี้มายด์ที่ดูเข้มแข็งกลับมีเสียงสั่นตลอนเล็กน้อย
“แม้จะยกสถานะขึ้นมาเป็นคู่หมั้นแล้ว แต่มันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของพี่รุฒได้อยู่ดี” มายด์พูดด้วยสีหน้าที่หมองลงเล็กน้อย

“........” ชานนท์กลับพูดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก อยากยื่นมือของเขาไปจับมือเรียวยาวเล็กๆ ตรงหน้าแต่มันก็ดูเหมือนไกลเหลือเกิน เวลาเหมือนถูกแช่แข็ง มันยาวนานกว่าปกติมาก ช่วงเวลาที่ไร้คำพูดใดๆ นอกจากความเสียงบรรยากาศครื้นเครงภายในร้าน

“เอาน่า! เรื่องแบบนี้เราทำใจได้พักหนึ่งแล้ว! สบายใจเถอะ เราไม่พยายามแย่งพี่รุฒไปจากนายหรอก เพราะเราก็พยายามบอกพ่อเราตลอด เรื่องถอดหมั้น เราไม่อยากได้มาแต่ตัวแต่หัวใจอยู่กับคนอื่น” มายด์ฝืนยิ้มจนชานนท์รับรู้ได้ ว่ามายด์พยายามเข้มแข็งแค่ไหน? แม้มายด์จะดูแกร่งแต่พอเป็นเรื่องจิตใจ เธอกลับอ่อนแอกว่าที่ชานนท์คิด

“รุฒเป็นรักแรกใช่ไหม?” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“อืม.... บ้าเนอะ ไปชอบได้ไงผู้ชายแบบนั้น!” มายด์พูดทั้งที่มีน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตา พอชานนท์เจออากัปกิริยาแบบนี้ตอบกลับมาทำเอาหัวใจชานนท์หล่นวูบไปถึงตาตุ่ม หน้าเจื่อนลงทันที

“เรา......ขอโทษ” ชานนท์พูดเสียงสั่น

“นนท์! จะบ้าเรอะ เรื่องแบบนี้มันเป็นความผิดใครเสียที่ไหน? เรื่องจิตใจคนเรามันห้ามกันได้เหรอ? อีกอยาก.... คนที่ไปชอบนายก่อนก็ไอ้พี่ชายตัวดีของเรานี่แหละ! เฮ้อ! เอาเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องของเราหรอก นายยังต้องผ่านอุปสรรคอะไรอีกเยอะ ขอให้เข้มแข็งและห้ามทิ้งพี่ชายเราเด็ดขาดก็แล้วกัน!!” มายด์ทำเสียงเข้มขึ้นที่ปลายประโยค

“หมายความว่าอะไรน่ะ?” ชานนท์ทำสีหน้าหวาดหวั่น
“อืม......เอ่อ..... ก็... ชีวิตคู่น่ะมันต้องมีอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดาไง นายสองคนยังต้องเจออะไรอีเยอะไง?” มายด์พยายามคิดหาคำตอบให้อีกฝ่ายคลายความตึงเครียดบนใบหน้า

“เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ? เราน่ะโคตรเหนื่อยเลย! ไม่เคยคิดเลยว่ารักในวัยเรียนนี่มันจะเหนื่อยขนาดนี้!!” ชานนท์ผ่อนหายใจยาวและทำหน้าเหนื่อยหน่ายเกินอายุตัวเอง
“นายนี่บ่นเหมือนคนแก่เลยนะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่รุฒถึงไปชอบคนนิสัยคราวป้าแบบนี้ได้!! มายด์ล้อเล่น
“มายด์น่ะ!!” ชานนท์ค้อนใส่
“ล้อเล่นน่ะ คืออย่างนี้นะ หากแฟนนายเป็นคนอื่นน่ะคงไม่เหนื่อยเท่านี้ แต่เพราะเป็นพี่รุฒนี่แหละที่ทำให้เหนื่อย! เก็บแรงของนายไว้รีบมือกับเรื่องพี่รุฒเถอะ!” มายด์จบไหล่คนข้างๆ เสียงดัง
“หมายความว่าไงเนี่ย ใจคอชักไม่ดีเลย!!” ชานนท์โวย
“เอาน่าๆ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” มายด์ทำตลกกลบเกลื่อนไป

..........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 27 ส่วนที่ 2) อัพ 11 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-04-2020 10:10:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 27 ส่วนที่ 3) อัพ 18 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 18-04-2020 10:28:09
เวลาล่วงเลยจนดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าที่มืดมิด ระยิบไปด้วยหมู่ดาวที่ส่องแสงแผ่วลงเหมือนจะพยายามทำตัวไม่ให้เด่นเท่าแสงจันทร์ รถตู้คันหรูถูกขับมาจอดเทียบที่หน้าหอพักชายที่เปิดไฟส่องสว่างไปทั่วบริเวณ

ชานนท์เดินลงจากรถด้วยท่าทีสบายใจ แม้จะยังไม่สบายใจเต็มร้อยแต่ก็ดีกว่าขาขึ้นไปมาก เขามองขึ้นไปที่ชั้นบนสุด ที่ๆ ห้องของเขาเปิดไฟสว่างอยู่ ห้องที่มีคนที่เขารักรออยู่ ชานนท์แอบยิ้มที่มุมปากที่อะไรๆ ทุกอย่างมันช่างดูลงตัวมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะไม่สามารถอยู่ห้องนี้ได้เสียแล้ว

“นนท์ๆ” เสียงหวานดังมาจากในรถ
“ว่าไง?” ชานนท์ตอบกลับเสียงใส
“แหมๆ อารมณ์ดีเชียวนะ” มายด์ทำเสียงแซวดังมาจากในรถจนคนขับรถหันมามองต้นเสียงด้วยท่าทางแปลกใจ
“ขอบใจนะ” ชานนท์ยิ้มให้คนบนรถ
“บ้า! มาขอบจงขอบใจอะไร เราไม่ได้ทำอะไรให้เสียหน่อย!” มายด์เขินนิดหน่อยที่เห็นชายตรงหน้าทำสีหน้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหน่อย
“ขอบใจที่บอกความจริงกับเรา” ชานนท์ยังคงยิ้มเช่นเดิม
“จะมาทำซึ้งอะไรเนี่ย! ก็เราเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง”
“ใช่ๆ ขอบใจด้วยนะที่เห็นเราเป็นเพื่อน”
“อ่ะๆ ก็ได้! ขืนทำแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้กลับห้อง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า บาย” ชานนท์โบกมือลา

เอี้ยด!!!!

เสียงล้อบดพื้นถนนจนเกิดกลิ่นไหม้ รถยนต์ที่ตกแต่งจนเหมือนรถแข่งขับปาดรถมอเตอร์ไซค์บิ้กไบค์ จนเกือบชนกัน ในที่สุดคนขับรถทั้งสองฝ่ายต่างลงมาจากรถเพื่อเคลียร์กัน ทั้งคู่มีท่าทีอารมณ์ร้อน และเดือดดาล และทั้งสองคนนั้นก็ดูคุ้นตาทั้งชานนท์และมายด์มากๆ

“เฮ้ย!! มึง ไอ้สัด!! ทำไมขับรถได้เลวขนาดนี้!!”  คนขับรถมอเตอร์ไซค์ตวาดกร้าวจนทำให้คนขับรถยนต์รีบเดินจากรถมาเพื่อปะทะกับอีกฝ่ายอย่างเร่งร้อน

“เฮ้ยนั่น!!” ชานนท์อุทานเสียงหลง แต่ก่อนที่ชานนท์จะเอ่ยทักทั้งสองคนนั้นที่อยู่ในนะยะสิบเมตรก็ถูกมายด์ใช้มืออุดปากและลากชานนท์กลับเข้ามาในรถ
“อย่าโวยวาย!!” มายด์กระซิบกระซาบและปิดประตูรถตู้คันหรูทันที
“อะไรของเธอ! นั่นพี่เอกกับพี่เต๋าไม่รีบห้ามเดี๋ยวได้ฆ่ากันตาย!!” ชานนท์กระซิบตอบด้วยท่าทีร้อนรน
“ไม่หรอก เชื่อเรา ได้จังหวะพอดี ว่าจะหาทางเผือกเรื่องนี้พอดี อยู่ๆ ก็มาให้เผือกถึงที่!!” มายด์ส่องมองออกไปนอกรถด้วยท่าทีสนใจ
“เธอน่าจะอยู่ยัยเมย์มากไปนะ!!” ชานนท์แปลกใจกับอาการของมายด์ที่เขาไม่เคยเห็น
“นายนี่.. จะไปรู้อะไรเรื่องของเรา ผู้หญิงมันก็เหมือนกันหมดแหละ!” มายด์พูดทั้งที่ยังคงใช้สายตาเพ่งไปด้านนอกตัวรถ พร้อมใช้มือทำท่าทางให้คนขับรถของตนเองดับเครื่องยนต์ และทุกอย่างในรถก็เงียบสงบลง

“อะไรนะ?!?” ชานนท์อุทาน
“เออน่ะ เงียบๆ ก่อน” มายด์หันไปดุชานนท์ด้วยเสียงกระซิบ
“...........” ชานนท์ปฏิบัติตามและลองส่องออกมาบ้าง

ภาพที่เห็นคือทั้งพี่เอกและพี่เต๋าเหมือนมีปากเสียงกัน แต่เนื่องจากอยู่ในรถจึงได้ยินเสียงเหล่านั้นไม่ชัดเจน สักพักทั้งสองต่างก็ผลักซึ่งกันและกันและแยกย้ายต่างคนต่างไปที่รถของตนเอง

พี่เอกขับเข้าไปเทียบจอดที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ด้านข้างหอพัก ส่วนพี่เอกบึ่งรถออกไปไกลจนเห็นแสงไฟหายลับไป

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!?” ชานนท์หันไปหามายด์เผื่อว่าจะได้คำตอบจากอีกฝ่าย

“นั่นสิ เห็นยัยเมย์บอกว่า มีคนเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ถ้าไม่ถูกกันทำไมบังเอิญมาเจอกันบ่อยขนาดนี้!!” มายด์ตอบด้วยท่าทีสงสัยไม่แพ้กัน

“เคยได้ยินจากรุฒว่าเต๋าเป็นคนเจ้าเล่ห์ชอบวางแผน ลองไม่ถูกกับใครเนี่ย โดนเอาคืนจนต้องร้องขอชีวิตเลย! แล้วเนี่ยพี่เอกดันไปขัดแข้งขัดขาพี่เต๋าตั้งหลายรอบ พอมาเห็นแบบนี้น่าเป็นห่วงพี่เต๋าเหมือนกันนะ!” ชานนท์พูดด้วยสีหน้ากังวล

“ก็จริงนะ ..... แต่ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมพี่เอกยังดูปกติสุขดีอยู่เลยล่ะ?” มายด์ตั้งข้อสังเกต

“เออ! จริงด้วย! แต่พี่เอกคงคิดว่าดูแลตัวเองได้นะ ถึงได้กล้าทำแบบนี้!! รุฒก็พูดแบบนี้!” ชานนท์ทำท่านึกอย่างมั่นใจ
“นายแน่ใจนะ แล้วนายไม่คิดว่าพี่เอกไปจอดรถนานไปหน่อยเหรอ? ดูสิ ป่านนี้ยังเห็นออกมาจากที่จอดรถด้านข้างตึกเลย” มายด์ชี้ออกไปตรงบริเวณลานจอดรถด้านข้างตึกที่มีแสงสลัวน่ากลัว

“เออ! นั่นสิ!! หรือว่าเกิดเรื่อง!!” ชานนท์ตาตื่นและเตรียมตัวลงจากรถ
“เดี๋ยวๆ เราไปด้วยสิ!!” มายด์ดึงเสื้อรั้งอีกฝ่ายให้รอก่อน
“มันมืดแล้วนะ แล้วมายด์ก็เป็นผู้หญิงมันอันตราย!” ชานนท์ทักอีกฝ่ายที่ส่งรอยยิ้มอย่างขบขันตอบกลับมา

“เวลาคำนี้มันพูดออกจากปากนายแล้วมันตลกยังไงไม่รู้ นายกำลังพูดกับใครรู้หรือเปล่า? เราว่านายยังน่าเป็นห่วงกว่าเราอีกนะ!” คำพูดของมายด์ทำให้ชานนท์หวนนึกไปถึงเรื่องราวครั้งที่มายด์ซัดพวกนักเลงชมรมมวยสากล ทำลูกน้องพี่พัฒน์เสียหมอบไปกับพื้นหลายคน จึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

ทั้งสองเดินอย่างเงียบเชียบมาจนถึงจุดลับตาด้านข้างตึกในช่วงหัวค่ำ มายด์แอบสังเกตเห็นรถแต่งแบบรถแข่งราคาแพงที่น่าจะขับไปไกลแล้วจอดแอบอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่

ทำให้ทั้งสองรีบเร่งฝีเท้าโดยพยายามทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุด พร้อมก้มตัวไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเจอพี่เอกที่กำลังเผชิญหน้ากับพี่เต๋า ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังยืนเผชิญหน้ากันด้วยบรรยากาศตึงเครียด

“ต้องรีบไปห้ามแล้ว!!” ชานนท์หันไปกระซิบกับมายด์
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ พี่เต๋ามาคนเดียว ยังไม่มีอะไรน่าห่วง” มายด์กระซิบกระซาบตอบกลับมาพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นมาคาดปากอีกฝ่าย

พี่เอกที่โดนอีกฝ่ายกดดันให้เดินถอยหลังจนไปติดกำแพงตึก ทำให้ชานนท์ที่นั่งก้มตัวหลบอยู่ที่มุมจอดรถมุมหนึ่งนั่งไม่ติด  ชั่วอึดใจที่หลังของพี่เอกสัมผัสผนังทางด้านหลัง เขาก็ใช้จังหวะเดียวกันที่อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าเข้ามาใกล้ ดึงพี่เต๋าให้เสียหลักและพลิกให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเอาหลังชนกำแพงเสียเอง พี่เต๋าถึงร้องโอยออกมา แต่เนื่องจากชานนท์ถูกมือของมายด์กำไว้แน่นจึงทำได้แค่ส่งสายตาเป็นห่วงไปที่สองคนตรงนั้น

พี่เอกใช้มือจับคอเสื้ออีกฝ่ายแน่นและดึงขึ้นมาตามความสูงของตนเอง พี่เต๋าที่ตัวเล็กกว่าถึงกับเสียหลักไปเล็กน้อย พยายามเขย่งจนสุดปลายเท้า มือของพี่เต๋าได้แต่คว้าจับแขนของอีกฝ่ายเพื่อยื้อให้ลดแขนลง พี่เอกที่แววตาดุดันใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นง้างอยู่พักใหญ่ก่อนจะวาดลงมาจับที่ปลายคางของพี่เต๋าให้เชิดขึ้น.........

..........และกดริมฝีปากลงไปที่คนตรงหน้าอย่างดุเดือด คนตัวเล็กกว่าทางด้านล่างกลับไม่มีทีท่าขัดขืน แต่กลับตอบสนองอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน

“เฮ้ย!!....อุ๊บบบ” ชานนท์เผลออุทานออกมาจากภาพที่เห็นตรงหน้า แต่โชคดีที่มายด์ใช้มือประกบไปที่ปากได้ทัน จึงทำให้เสียงลอดไปได้เพียงคำแรก ไม่งั้นพวกเขาคงได้เปิดเผยที่ซ่อนตัวเองเป็นแน่

พี่เอกกับพี่เต๋าชะงักไปพักใหญ่พร้อมมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง หลังจากที่ทุกอย่างเงียบสงบลงไปอีกครั้งทั้งสองก็กลับไปจัดการกับริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างหื่นกระหาย

“พอก่อน! เราหายใจไม่ออก!!” ในที่สุดชานนท์ก็สามารถสะบัดมือที่แข็งแรงของอีกฝ่ายออกสำเร็จ และหันไปดุมายด์อย่างระมัดระวังเรื่องเสียงดัง (หรือจริงๆแล้วมายด์ผ่อนแรงลงเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว)

“นายนั่นแหละ เป็นบ้าอะไร ร้องออกมาได้!” มายด์ดุแบบกระซิบกระซาบ
“ก็คนมันตกใจ ไม่นึกว่า..... จะเจอแบบนี้!!” ชานนท์หันกลับไปมองคนสองคนที่หัดกันนัวอยู่ไม่ไกล ซึ่งตอนนี้กระดุมเสื้อเชิ้ตของพี่เต๋าถูกปลดออกแล้ว และพี่เอกกำลังจัดการกับลำคอและลูกกระเดือกอีกฝ่ายอยู่

“นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสมมุติฐานของยัยเมย์ ยัยคนนี้เดาแม่นอีกแล้ว!!” มายด์เองก็ส่องดูเหตุการณ์นี้ด้วยท่าทางสนุกสนาน

“อะไรยังไง?!?” ชานนท์กระซิบถามอย่างงงๆ
“เมย์สงสัยว่าสองคนนี้มีท่าทีแปลกๆ เหมือนจะไม่ถูกกัน แต่ก็มีข่าวว่าชวนกันทะเลาะบ่อยมาก แม้จะมีวิวาทกันบ้างแต่ก็ดูเหมือนทั้งสองคนตั้งใจมาเจอกันแบบแปลกๆ เธอเลยเดาว่าน่าจะมีความสัมพันธ์กันในลักษณะแปลกๆแบบนี้ ตอนเราฟังยังงงเลยว่าเมย์เชื่อมโยงกันได้ยังไง แต่พอมาเห็นกับตานี่ อึ้งไปเลย!!” มายด์เล่าอย่างเมามัน

“นั่นสิ! ไปไงมาไงเนี่ย?!?” ชานนท์เกาหัวกับภาพตรงหน้า
“เดี๋ยว!! ก้มลง” มายด์กดศรีษะอีกฝ่ายลง เมื่อเห็นว่าชายสองไซส์ทั้งสองคนหยุดการสัมผัสซึ่งกันและกันอย่างดุเดือด
“มายด์ว่าเขาได้ยินเราหรือเปล่าน่ะ?” ชานนท์ถามด้วยเสียงอันเบาที่สุด หัวใจก็เต้นตูมตามด้วยความตื่นเต้น

“ชู่ส์ เงียบๆ สิ!!” มายด์ดุด้วยเสียงกระซิบ ทำให้ชานนท์หมอบตัวนิ่งและทอดสายตาไปที่ทั้งสองคนตรงนั้นอย่างตั้งใจ

พี่เอกหลังจากหยุดหอบหายใจได้สักพัก เขาจ้องตาอีกฝ่ายที่แฝงด้วยแรงปรารถนาอันเย้ายวน ส่วนพี่เต๋าเองก็มีอาการไม่แพ้กัน จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แสนจะยั่วยวน จนชานนท์ที่แอบมองอยู่รู้สึกเขินอายไปด้วย เพียงเสี้ยววินาทีพี่เอกก็ย่อตัวลงไปอุ้มพี่เต๋าที่ตัวเล็กกว่า ท่ามกลางสีหน้าตื่นตระหนกของพี่เต๋าที่ไม่ทันตั้งตัว และร้องเสียง ‘เฮ้ย!!’ ออกมาไม่รู้ตัว

“ไม่รู้แหละ วันนี้มึงต้องเป็นเมียกู!!” เสียงพี่เอกที่ดูขึงขังพูดขึ้น
“เชี้ย!” พี่เต๋าที่สบถอย่างหยาบคายแต่กลับไม่ได้ขัดขืนอะไร

พี่เอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ขัดขืนอะไร ก็ยกริมฝีปากขึ้นข้างหนึ่งด้วยที่เหมือนเต็มไปด้วยความพอใจ หลังจากนั้นก็เดินไปที่รถแข่งคันหรูของพี่เต๋า ส่วนพี่เต๋าก็พร้อมใจปลดล้อกให้ทันใจ แสงไฟรถสว่างขึ้นมาวาบหนึ่งทำให้ชานนท์ตาพล่าไปวูบหนึ่ง ลืมตาขึ้นมาอีกที ทั้งสองก็หายกลับเข้าไปในรถยนต์คันนั้นแล้ว รถคันที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากแต่กลับบรรจุผู้ชายสองที่เหมือนตั้งใจไปประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะที่เบาะด้านหลัง (เหมือนจะเคยรู้มาว่าเบาะหลังของรถพี่เต๋ามันสามารถทำให้กว้างขึ้นพอจะเป็นที่นอนได้ แต่ตัวพี่เอกน่าจะใหญ่เกินไปนะสำหรับรถคันนี้)

เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นจากรถแต่งคันหรู รถโยกไหวไปเป็นจังหวะไปมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คนที่แอบดูอยู่ไม่ไกลถึงกับเขินหน้าแดงกันทั้งสองคน

“เราว่า..... เรา.... ไปกันเถอะ..... เราเผือกต่อไม่ไหวแล้ว!” มายด์สะกิดอีกฝ่าย
“เอ่อ..... เราก็ว่างั้น เราว่าเรารู้คำตอบแล้วล่ะ” ชานนท์เห็นด้วยทันที

แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ คืบคลานออกมาจากจุดนั้นมาอย่างเชื่องช้าแม้จะรู้ว่าคนในรถคันนั้นทั้งสองคงจะไม่ได้สนใจพวกเขาแล้วก็ตาม พลางคิดว่า หากมียัยเมย์อยู่ด้วย ยัยนั่นคงไม่ยอมกลับง่ายๆ คงจะเสพโมเม้นต์จนกว่าจะพอใจ

...............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 27 ส่วนที่ 3) อัพ 18 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-04-2020 13:42:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าเสียดายที่ยัยเมย์ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ 555
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 28 ส่วนที่ 1) อัพ 27 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 27-04-2020 06:33:46

บทที่ 28

On vacation


ในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค ชานนท์ทิ้งตัวลงบนชุดโต๊ะม้านั่งใต้อาคารเรียนประจำคณะฯ อย่างหมดแรง รู้สึกเหมือนภาระบนบ่าได้รับการปลดเปลื้องลง เรื่องที่กังวลมาตลอดทั้งสัปดาห์ ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อย ชานนท์มั่นใจเรื่องสอบในทุกๆ วันพอควร เขารู้ว่าตัวเองทำได้ทุกข้อเข้าใจทุกโจทย์ ต้องของคุณสมุดโน้ตขั้นเทพของรุ่นพี่ในตำนาน และแฟนคนเก่งของเขาที่ทำให้ทุกเรื่องในสมุดเล่มนั้นย่อยได้ง่ายขึ้น

วรุฒเคยหยิบสมุดเล่มนั้นไปอ่าน ปากก็พูดว่า ‘ก็งั้นๆ’ แต่ก็อ่านไปเรื่อยไม่ยอมวาง  แถมยังพูดอีกว่า ‘แบบนี้เราก็เขียนได้นะ’ จนชานนท์ต้องพูดต่อทันที ‘แต่ขี้เกียจใช่ไหม?’ วรุฒตอบด้วยสีหน้าแปลกใจกลับมาเพราะรู้สึกว่าแฟนตัวน้อยของเขาชักจะรู้ใจเขามากเกินไปแล้ว

“เป็นไงบ้าง?” เสียงแฟนตัวสูงของเขาทักมาจากทางด้านหลัง พร้อมยื่นขวดน้ำหวานสีแดงแนบไปที่แก้มนุ่มๆ ของอีกฝ่าย
“โอ้ย เย็น!!” ชานนท์หันไปค้อนใส่คนตัวสูงที่นั่งลงที่ม้านั่งข้างๆเขา
“ออกมาช้าตามเคย” วรุฒคิ้วขมวดใส่อีกฝ่าย เพราะเขารู้ว่าชานนท์ทำเสร็จนานแล้วแต่ติดนิสัยชอบตรวจทานจนวินาทีสุดท้าย
“ก็อยากทำให้มั่นใจว่า ไม่มีอะไรผิดพลาด!” ชานนท์ทำหน้าตาจริงจังใส่ แต่วรุฒมองเขาเหมือนสุนัขพันธุ์ชิวาว่า ที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ มันดูไม่ดุร้ายแต่มันน่ารักจนวรุฒอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศรีษะอึกฝ่ายอย่างเอ็นดู

“อะไรของนายเนี่ย!” พูดพลางปัดมืออีกฝ่ายออกด้วยความเขินอาย แต่คนอย่างวรุฒมีหรือจะยอม ปัดออกก็ยกขึ้นมาลูบใหม่จนชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมาและปล่อยเลยตามเลย

“นายเองก็ด้วย เดี๋ยวนี้ทำไมถึงทำข้อสอบช้าล่ะ ปกติออกจากห้องเป็นคนแรกตลอด?” ชานนท์ทำหน้าตาสงสัยซึ่งก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

“ก็มีแฟนชอบคนเรียนเก่ง ผลการเรียนดีๆ” วรุฒตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่มือก็ยังลูบศรีษะอีกฝ่ายไม่เลิก แต่ดวงตาของเขากลับจับจ้องไปที่คนตัวเล็กไม่วางตา

“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเราเลย นายทำนายก็ได้ประโยชน์” ชานนท์พูดในขณะที่เลือดฝาดสูบฉีดไปทั่วหน้า เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมทำอะไรแบบนี้เพื่อให้เขาชื่นชม พลางนึกว่าขนาดเขาชื่นชมรุ่นพี่ที่เรียนเก่งมากๆ ยังไม่ได้เลย
“ก็อยากให้ในใจของนายมีแค่เราคนเดียวก็พอ” วรุฒพูดเหมือนอ่านความในใจคนตัวเล็กทะลุปรุโปร่ง
“ไอ้บ้า!” ชานนท์เขินจนหันหน้านี้และไปเจอยัยเมย์ที่ทำหน้าแปลกใจปนปลาบปลื้มกับเหตุการณ์ที่เห็น

วรุฒยิ้มอย่างมีชัย เขาทำให้อีกฝ่ายอ่อนระทวยได้อีกครั้งแล้ว!!

“ฉันว่า... ฉันไม่อยู่เป็น กอขอคอ ดีกว่า” เมย์ยกมือขึ้นทาบอกหน้าแดง
“บ้าเลย! ฉันไม่ได้ทำอะไรกันเสียหน่อย นั่งลงเลย!” ชานนท์แอบดุ
“โหย.. พูดกันขนาดนี้ใครจะไปกล้านั่ง!” เมย์ชี้นิ้วไปที่คนที่นั่งอยู่ทั้งสองคน
“ตามใจ! แปลว่าไม่อยากรับรู้เรื่องที่ถามมา!!?” ชานนท์ยื่นคำขาด
“แก! ใจเย็นดิ โอเคๆ นั่งก็ได้!” เมย์นั่งลงอีกฝากของวรุฒซึ่งทำให้เห็นตาขวางของวรุฒชัดเจน แต่ความเผือกมาก่อนเลยสงบใจทำเป็นไม่สนใจไป

หลังจากที่เมย์นั่งลงเรียบร้อยดีชานนท์ก็เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นระหว่างพี่เอกและพี่เต๋าและอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ชานนท์บังเอิญไปเจอด้วยตนเองในหอพักนักศึกษาชายนั้นอีกหลายหน แม้ทั้งสองจะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับสถานะที่เปลี่ยนไปของทั้งสองแต่อย่างน้อยโลกของชานนท์ตอนนี้ก็สงบขึ้นมาก ส่วนยัยเมย์ก็นั่งฟังด้วยรอยยิ้มจนชานนท์ทำสีหน้าแปลกใจเมื่อเล่าจบ จนถึงตอนนี้ชานนท์ก็ยังไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้หญิงพวกนี้เลย

“เสียดายจัง ไม่ยอมเปิดเผย ฉันคิดว่าบรรดาแฟนคลับของทั้งคนนั้นน่าจะยังไม่มีใครรู้แน่นอน ฉันนี่โคตร exclusive เลย!!” เมย์พูดด้วยสีหน้าที่ปลื้มปลิ่มยิ่งกว่าตอนสอบวิชาสุดท้ายจบลงเสียอีก

“อย่าเลย เราว่าสองคนนั้นคง.... ยังไม่พร้อมหรอก ทุกวันนี้เวลาเจอกันข้างนอกยังทำท่าเขม่นกันอยู่เลย” ชานนท์ถอนใจ

“เขาส่งสัญญาณให้กันหรือเปล่าว่า ‘คืนนี้โอเคไหม?’ อะไรประมาณนี่ อุ้ย!! ขนลุกเลยเธอดูสิ!” เมย์ดูร่าเริงผิดปกติ

“ดีนะที่เธอมีแฟนแล้ว ไม่งั้น หากผู้ชายมาเห็นเธอตอนนี้คงส่ายหน้าเป็นแถว” พูดจบชานนท์ก็ส่ายหน้า
“มันเป็นความสุขของฉันจ๊ะ ฉันแยกแยะออกน่าเวลาอยู่กับแฟนกับงานอดิเรก” เมย์เสยผมให้ดูเรียบร้อยน่ารักกว่าปกติ ชานนท์คิดคำหนึ่งขึ้นมาในหัวทันทีที่เห็น ‘นี่ไงมารยาหญิง!’

“ว่าแต่ปิดเทอมแล้ว มีแผนจะไปไหนหรือยัง?” เมย์โผล่งถามขึ้นขณะที่ชานนท์กำลังหันไปทางแฟนหนุ่มตัวสูงของเขาที่กำลังรั่งคิ้วขมวดรอ ‘สาวๆ’ คุยกัน

“ก็กลับบ้านน่ะสิ แม่อยู่บ้านคนเดียวเราเป็นห่วง” ชานนท์หันมาพูดขณะที่มือก็ยื่นไปให้อีกคนจับเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ร้อนลุ่มของแฟนตัวสูง

“ก็นายพูดถึงแฟนเรา เราก็เลยนึกได้ว่า ยัยมายด์น่ะโดนพี่พัฒน์เซ้าซี้ให้ไปเที่ยวหลังสอบจนต้องยอมตกลง แต่มีข้อแม้ว่าจะพาเพื่อนไปด้วย เพราะมายด์ยังไม่อยากไปกับไอ้ล่ำสีแทนขี้หลีนั่นตามลำพัง ฉันก็เลยว่าจะชวนแฟนไปด้วยเสียเลย นายไปด้วยกันป่าว?” เมย์ทำเสียงเชิญชวนแกมขอร้อง ชานนท์ได้แต่ทำหน้าครุ่นคิด
“น่าๆ ไปเถอะ สอบมาตั้งเหนื่อย ไปผ่อนคลายสมองเสียบ้างเหอะ” เมย์ทำเสียงออดอ้อน

“ขอคิดดูก่อนนะ ไปไหนกันน่ะ?” ชานนท์ตอบแบบเกรงใจ ไม่ใช่เกรงใจเมย์นะ เกรงผู้ชายหน้าเกร็งที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างหาก เพราะวรุฒเคยพูดแล้วว่าหลังสอบแล้วอยากหาที่เงียบๆและอยู่กันแค่สองคน

“ไม่!!” วรุฒตอบสั้นๆ สวนมา
“อ้าว! ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สนุกออกจะตาย นายทำไมต้องห้ามด้วยล่ะ!!” เมย์โวยลั่น

“ไม่จำเป็นต้องตอบ!! ไปกันเถอะ เราหิวข้าวแล้ว!!” พูดจบวรุฒก็ยกแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นและเดินตามตัวเขาไปทันที ในขณะที่เมย์ยืนอ้าปากค้างเพราะกำลังหาเหตุผลโน้มน้าวแต่กลับไม่ทันเวลา เหมือนวรุฒจะรู้ว่าหากอยู่นานแฟนตัวเล็กของเขาต้องใจอ่อนเป็นแน่

“โอ้ย!! เราเจ็บ!!” ชานนท์ร้องหลังจากเดินมาได้สักพัก
“อ่า... เราขอโทษ!!” วรุฒหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยิน
“เอ่อ.... ไม่เป็นไรแล้ว เราพูดเพราะอยากให้นายปล่อยน่ะ” ชานนท์ใช้มือหนึ่งลูบแขนข้างที่โดนจับลากออกมา วรุฒไม่พูดอะไรนอกจากทำหน้าเป็นห่วงและพยายามขอดูมือข้างนั้น

“ไม่เป็นไรน่า เห็นไหม?” ชานนท์ยกมือขึ้นมาแสดงให้เห็นรอยแดงรูปนิ้วมือเป็นจ้ำ แต่เขาก็โบกมือไปมาแสดงให้เห็นว่าไม่เป็นไร

“ไปทะเลกันเหรอ? น่าไปเหมือนกันนะ ไม่ได้ไปตั้งหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหนกันเนอะ?” ชานนท์พูดขึ้นลอยๆ ก่อนเดินต่อ
“สมุยน่ะ” วรุฒพูดขึ้นเมื่อก้าวเท้ามาเดินเทียบกับชานนท์
“อ้าว! ทำไมนายรู้ล่ะ?” ชานนท์หันไปทางวรุฒด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ก็... มายด์ก็โทรมาชวนน่ะ แต่ปฏิเสธไปแล้ว” วรุฒพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“งั้นเหรอ.....” ชานนท์มีสีหน้าค่อนไปทางผิดหวัง เพราะเขาชอบไปทะเลมากและสมุยก็เป็นหนึ่งในที่เขาอยากจะไป แต่เพราะเขาแอบเห็นวรุฒจองรีสอร์ตที่เชียงรายไปแล้วเลยได้แต่เงียบไว้ เพราะเห็นวรุฒตื่นเต้นกับการจองที่พักอยู่หลายวัน ชานนท์คิดว่าวรุฒคงจะชอบเที่ยวป่ากับภูเขามากเลยไม่อยากขัด

.....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 28 ส่วนที่ 1) อัพ 27 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-04-2020 14:22:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 28 ส่วนที่ 1) อัพ 27 เม.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-04-2020 15:23:00
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 28 ส่วนที่ 2) อัพ 3 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 03-05-2020 10:49:09


หนึ่งวันถัดจากวันที่ชานนท์เดินไปส่งมายด์และเมย์ขึ้นรถตู้ส่วนตัวไปพร้อมกับเพื่อนชายคนสนิททั้งสองที่จะเดินทางไปเกาะสมุยที่เขาใฝ่ฝันจะไป ชานนท์เกรงใจวรุฒมากเลยได้แต่ทำสีหน้าร่าเริงตอนไปช่วยทั้งสองสาวขนของขึ้นรถ แต่ก็ไม่พ้นสายตาเยี่ยวของสองสาวได้ พวกเธอจึงได้แต่ปลอบว่า ‘เวลายังมีอีกตั้งเยอะ เดี๋ยวค่อยไปด้วยกันอีก’

วันนี้ชานนท์จัดของทุกอย่างใส่รถเรียบร้อย มีอุปกรณ์ทุกชนิดสำหรับการเที่ยวป่า อีกทั้งยังใส่ชุดสบายๆ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์บนยอดเขา ส่วนวรุฒนั้นครั้งนี้กลับเตรียมของไปเยอะกว่าปกติมาก พอชานนท์ถามเขาก็ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากยิ้มให้อย่างเดียว

วรุฒเป็นคนชอบขับรถเที่ยวมาก ดังนั้นไม่ว่าจะไกลเท่าไหร่ เขาก็จะขับรถไปเอง ชานนท์เคยถามหลายครั้งแล้วว่าทำไมไม่นั่งเครื่องบินไป จากกรุงเทพไปเชียงรายมันไกลมากนะ แต่ก็มักจะได้คำตอบห้วนๆที่ทำให้ชานนท์พูดต่อไม่ได้ ว่า ‘เราชอบ ... อยากใช้เวลาแค่สองคนอยู่นนท์นานๆ’

ส่วนชานนท์นั้น เขาไม่ได้เกลียดการนั่งรถนานๆ โดยเฉพาะรถคันใหญ่ที่แสนสะดวกสบายที่คนขับรถประจำบ้านพ่อของวรุฒจัดเตรียมให้ แต่เขารู้สึกเหนื่อยเวลานั่งอยู่บนรถนานๆก็เท่านั้น โดยที่วรุฒเองก็เพ่งสมาธิกับการขับรถมากจนเขาเหมือนอยู่คนเดียว ต่างจากวรุฒที่เขาชอบให้ชานนท์นั่งอยู่ข้างๆ ก็มีความสุขมากแล้ว

ระหว่างการเดินทางเนื่องจากเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างไกลและวันนี้วรุฒเองก็เงียบกว่าปกติมาก ชานนท์จึงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ชานนท์รู้ถึงความเงียบภายในที่ผิดปกติ รถที่เหมือนจอดอยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหว แต่เครื่องปรับอากาศในรถยังทำงานปกติ ชานนท์ค่อยยกหนังตาขึ้นเพื่อมองหาคนที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับแต่เจอเพียงความว่างเปล่า พนักที่นั่งของเขาถูกปรับเอนลงมานอนในท่าที่สบายขนาดนี้เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ อาจเพราะการติวหนังสือแบบหามรุ่งหามค่ำมาตลอดสัปดาห์ และหลังสอบก็โดนกวนใจเวลาอยู่บนเตียงตลอดเวลา ทำให้ร่างกายบอบบางของเขาหมดแรงหลับไปไม่รู้เรื่องขนาดนี้

เขายกร่างกายตัวเองขึ้นเพื่อมองหาแฟนตัวสูงที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ สิ่งที่เขาเจอคือท้องฟ้าสีฟ้าสดใส เมฆสีขาวลอยเอื่อยประปราย และแรงสั่นไหวของพื้นที่โครงเครงตามแรงลมภายนอก รถที่เขานอนอยู่นั้นอยู่ท่ามกลางรถคันหรูอีกจำนวนหลายคัน ถัดไปไม่ไกลเขาเห็นวรุฒที่ยืนพิงเหล็กกั้นใส่แว่นตาดำ ใช้แขนยกขึ้นมากอดอกตัวเองและหันมองไปที่ทิวทัศน์ทางขวาที่ห้องล้อมไปด้วยผืนน้ำสีน้ำเงินเข้ม มันเลื่อมระยิบระยับตามแรงกระเพื่อมของน้ำและแสงแดด ผิวขาวสะอาดของวรุฒยามอยู่กลางแสงอาทิตย์มันเหมือนหลอดไฟที่ส่องสว่างได้เลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายพันธุ์ไม้นานาพันธ์ุสีสดนั้น ยามเมื่อต้องลมแรงภายนอกทำให้มันลู่ไปตามสัดส่วนของชายหนุ่มที่ดูแลตัวเองอย่างดี จนเห็นเป็นลอนคลื่นกล้ามเนื้อชัดสมชาย ชานนท์แอบอิจฉาหุ่นวรุฒไม่น้อย เพราะเขาเองก็พยายามออกกำลังตามแฟนหนุ่มตัวเองแล้ว แต่สัดส่วนของเขากลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไหร่เลย

ชานนท์เดินออกจากรถด้วยท่าทีประหลาดใจไปทางคนตัวสูงที่ยืนรับลมอันอบอุ่นของทะเลยามบ่าย

“อ้าว! คนขี้เซา ตื่นแล้วเหรอ?” วรุฒหันมายิ้มทักเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินเก้ๆกังๆมาทางเขา และมีอาการเซเป็นครั้งคราวเมื่อเรือเจอคลื่นลมแรงเข้ามาปะทะ

“ไหนว่าจะไปเชียงราย?” ชานนท์ถามด้วยความสงสัยพลางสำรวจพื้นที่โดยรอบ ทำให้เขารู้ว่าตัวเองอยู่บนเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุรถได้มากกว่าสิบคัน ผู้คนบนเรือต่างพากันยืนชื่นชมทิวทัศน์ตามจุดต่างๆ บนเรือ

“เซอร์ไพรส์!” วรุฒยิ้มตอบกลับจนทำให้ชานนท์แก้มแดงร้อนฉ่า รอยยิ้มที่อยู่ภายใต้แว่นดำยิ่งโคตรหล่อจนใจละลาย
“บ้าจริง ไหนบอกว่าอยากไปเที่ยวภูเขา?....โอ้ย!!” ชานนท์เดินมาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิแต่รอยยิ้มกลับไม่ยอมจางหายไปจากใบหน้า พอรู้ว่าอีกฝ่ายยอมตามใจตัวเองมันทำให้ใจพองโตจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ อีกไม่กี่ก้าวเขาก็จะเดินถึงแฟนตัวสูงของเขาอยู่แล้ว อยู่ๆ เรือก็โครงเครงจนชานนท์เสียหลักเกือบล้ม โชคดีที่วรุฒวิ่งเข้ามารับได้ทันและโอบรัดชานนท์ไว้แน่น

“ระวังตัวหน่อยสิ เดี๋ยวตกน้ำหายไป เราจะไปหาแบบนี้ได้จากไหน?” วรุฒพูดติดตลก
“ปล่อยได้แล้ว!” ชานนท์ได้แต่ดิ้นรนให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเอง
“ไม่อยากปล่อยเลย อยู่แบบนี้ก็ดีนะ” วรุฒยิ้มหยอก

“อ้าว! บังเอิญจัง!! นี่เราขึ้นเรือลำเดียวกันเหรอ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นแต่ไกล
“หลง!!” ชานนท์หันไปทางต้นเสียงร้องทักคนที่กำลังเดินมาทางพวกเขาด้วยเสื้อผ้าลำลอง เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายดอกที่บางเบาที่ลู่ลมไปกับส่วนสัดแน่นหุ่นนักกีฬาและสไตล์การปลดกระดุมเสื้อให้เห็นถึงหน้าท้องที่เป็นลอนชัด ทำให้ระหว่างเดินมาสาวเล็กสาวใหญ่ต่างพากันมองอย่างชื่นชม

“ไหนบอกว่ามาไม่ได้ไง? ทำไมถึงยอมตามมา?” หลงสาวเท้ามาถึงจุดที่ทั้งสองคนยังอยู่ในท่าที่กอดกันกลมแบบไม่แคร์สายตาใคร
“ตาม? ตามใคร?” ชานนท์ถามด้วยความสงสัยในขณะที่ตอนนี้เขาสามารถสะบัดหลุดจากแฟนตัวสูงของเขาแล้ว อาจจะวรุฒหมดอารมณ์จะหยอกแฟนตัวเองแล้วจึงยอมคลายมือ
“เนี่ยแหละถึงไม่อยากมา!” วรุฒบ่นพึมพำและกลับไปยืนพิงเหล็กกั้นที่เดิม
“นายไม่รู้เหรอว่ากำลังจะไปไหน?” หลงทำหน้าแปลกใจ
“ก็กำลังจะถามอยู่เนี่ย!” ชานนท์หันไปทางแฟนตัวสูงที่ตอนนี้หันไปชื่นชมทะเลอีกครั้ง
“เรามาเจอนายที่นี่นึกว่านายจะไปเซอร์ไพรส์ยัยมายด์เสียอีก!” หลงตอบกลับอย่างเร็ว
“หา! อย่าบอกนะว่า เรากำลังจะไปสมุย!!” ชานนท์มีท่าทางตื่นเต้น
“ก็ใช่น่ะสิ!!” หลงก็ทำท่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“จริงเหรอ?” ชานนท์หันไปถามแฟนตัวเองด้วยความลิงโลด
“เออ!!” วรุฒรู้สึกหงุดหงิดที่มีคนมาเฉลยเรื่องนี้แทนตนเอง เขาอุตส่าห์แอบจองโรงแรมเดียวกับมายด์ ที่เขารู้ว่ามายด์อยู่ที่ไหนเพราะมายด์เองก็มาชวนเขาเช่นกัน แต่เนื่องจากมีแผนอยู่แล้วจึงปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ต้องมาเพราะอยากตามใจแฟนตัวเล็กของเขา
“ขอบคุณครับ” ชานนท์โผวิ่งเข้ากอดวรุฒจนวรุฒตั้งตัวไม่ติด แต่ก็เป็นปฏิกิริยาที่เขาอยากเจอ จึงยิ้มตอบไปอย่างเป็นธรรมชาติ

“โห.... หายากนะที่นายทำหน้าแบบนี้เนี่ย!” หลงแซววรุฒ ทำให้วรุฒแทบจะหุบยิ้มในทันทีและจ้องกลับไปที่หลงอย่างอาฆาต
“เอ่อ.... งั้น....เราไปดีกว่า...” หลงหน้าเจื่อนและพูดลาทันที
“แล้วหลงมากับใคร? แล้วพี่หมอล่ะ?” ชานนท์หันมาถาม
“โน่น! เมาเรืออยู่ท้ายเรือโน่น เขาไล่เราออกมาเดินเล่น ไม่อยากให้เห็นเขาในสภาพนั้น อาการประมาณอยากอยู่คนเดียวมากกว่า เป็นถึงหมอแต่ดันเมาเรือ” หลงส่ายหน้า
“หมอก็คนไหมเนี่ย!” ชานนท์สวนไป
“เออว่ะ..... ฮ่าฮ่าฮ่า” หลงหัวเราะกลบเกลื่อน
“เรานึกว่านายไม่ไปด้วยเสียอีก ตอนแรกก็ว่ามาไม่ได้แต่บังเอิญพี่เอิร์ธแลกเวรได้น่ะ ก็เลยมาช้ากว่าพวกมายด์ จริงๆ น่าจะเป็นคำถามเรามากกว่านะ นึกว่านายจะไม่มาเสียอีก” หลงถามกลับบ้าง จากตอนแรกคิดว่าจะเดินหนีไปพอเจออีกฝ่ายทักก็เลยขอคุยต่อ
“ก็แปลกใจเหมือนกัน.... รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว” ชานนท์เกาหัวมองไปทั่วบริเวณแบะค่อยๆ เดินไปหาหลงเพื่อที่จะได้ยินหลงชัดขึ้นเพราะลมตรงนี้แรงมาก

“ไอ้เย็นชานั่นก็ดูมีหัวจิตหัวใจเหมือนกันเนอะ” หลงพูดขึ้นมาแบบไม่ได้คิดเหมือนเคย เสียงก็เลยลอยไปถึงคนที่ยืนพิงระแนงกั้นเรือ ที่ดวงตาตอนนี้แข็งกร้าวกว่าเดิม
“เราว่าวรุฒเขาเป็นคนน่ารักอ่อนโยนดีนะ นายอาจจะต้องรู้จักเขาดีกว่านี้” ชานนท์พูดด้วยความใสซื่อจนคนทางด้านหลังได้ยินก็อมยิ้มแบบเขินๆ

“เขาก็คงใจดีแต่กับนายนั่นแหละ” คราวนี้หลงกระซิบไปที่ใกล้หูอีกฝ่าย
“อืม.....” ชานนท์พยายามหาคำพูดมาเถียงแต่ก็ค้นหาภาพในหัวค่อนข้างยาก เลยเกิดอาการเถียงไม่ออก

“พอๆ พอเลย ไปเตรียมตัวได้แล้ว ใกล้ถึงแล้ว!!” วรุฒเดินมาข้างหลังทั้งคู่อย่างรวดเร็วทำให้วงสนทนาแตกกระจาย หลงขอตัวไปดูหมอเอิร์ธ ที่ตอนนี้น่าจะนั่งหมดแรงอยู่ที่ไหนสักแห่งท้ายเรือ ส่วนชานนท์ถูกพามาที่รถ และให้นั่งเตรียมพร้อมเพื่อจะขับรถลงจากเรือไปที่เกาะ

..................................

รีสอร์ตที่วรุฒพามาอยู่ห่างจากท่าเรืออยู่เกือบชั่วโมง ถนนทางเข้านั้นกว้างขวางสะอาดสะอาด ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงามตลอดสองข้างทาง รีสอร์ตอยู่ติดชายหาดที่เป็นชายหาดส่วนตัว หากมองจากรีสอร์ตที่พักอยู่กว่าจะเห็นรีสอร์ตอีกก็ไกลพอควร ที่นี่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก ที่ตัวอาคารแต่ละหลังมีการตกแต่งสไตล์บาหลี สูงไม่เกินสองชั้น ตั้งอยู่ห่างกันอยู่ประมาณสามถึงสี่อาคาร (เท่าที่ชานนท์จะสังเกตุเห็น) หลังจากชานนท์ลงจากรถของวรุฒก็ยืนอึ้งกับการสำรวจความหรูหราของรีสอร์ตที่พัก

หลังจากขนของลงจากรถ (ซึ่งมีพนักงานมาจัดการลำเลียงของให้) ทั้งสองคนก็เข้าเช็คอินทันที ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักถึงจะมีคนพาไปที่ห้องซึ่งต้องนั่งรถไฟฟ้าขนาดเล็กพาไปส่ง ระหว่างนี้เพื่อนของชานนท์และแฟนหมอก็เดินทางมาถึงเช่นกัน

“พวกนายจะขับรถเร็วไปไหนฟะ!” หลงเดินมาบ่นอุบอิบ เพราะไม่เคยมาที่นี่เลยจะขอขับรถตามมา แต่วรุฒกลับขับเสียเร็วจนหลงที่เป็นคนขับตามไม่ทัน (หมอเอิร์ธยังเมาเรือไม่หาย และเดินตามมาด้วยสีหน้าซีดเผือด)
“ฮะฮะฮะ...” คนขับรถไม่เป็นอย่างชานนท์ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน เขาพยายามปรามแฟนตัวสูงของตนแล้วแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังเลย

ส่วนวรุฒได้แต่ยิ้มเยาะและทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย

“ไหนดูหน่อยสิ พักที่ไหน อยากรู้ว่าอยู่ใกล้กันหรือเปล่า?” หลงขอดูชุดคีย์การ์ดเข้าห้องที่อยู่ในซองลวดลายสวยงาม ในขณะที่หมอเอิร์ธเดินไปที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อลงทะเบียนเข้าที่พัก

“โห...... อยู่อาคารนี้เลยเหรอ?” หลงตาโต
“ทำไมเหรอ?” ชานนท์แปลกใจกับน้ำเสียงเพื่อน
“ก็มันเป็นอาคารที่มีไม่กี่ห้อง เพราะแต่ละห้องมันมีแต่ห้องใหญ่น่ะสิ วีไอพีสุดๆ แพงสุดๆ ไปเลย ตอนพี่เอิร์ธก็ว่าจะจองห้องนี้แหละ แต่เราบอกว่ามันแพงไป เอาห้องที่มันถูกหน่อยก็ได้ แต่พูดถึงห้องที่เราจองได้ก็ไม่ถูกเท่าไหร่หรอก ช่วงไฮซีซั่น ห้องถูกจองไปเกือบหมดแล้ว” หลงอธิบายยาวเหยียดจนวรุฒแสดงสีหน้าไม่พอใจเพราะโดนหลงสปอยด์เนื้อหาสำคัญไปแล้ว

“โห.... ดีจัง แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ?” ชานนท์ทำท่าทีตื่นเต้น
“คืนละสามหมื่น!!!” หลงชูนิ้วมือมาตามจำนวนที่พูด ชูสามนิ้ว
“โห!!! บ้าน่า!!” ชานนท์พูดจบก็หันมาทางวรุฒ
“แค่นั่นเอง มาเที่ยวกับแฟนทั้งที มันจะดูธรรมดาได้ไง!!” วรุฒพูดด้วยสีหน้าเรียบปนหงุดหงิด ที่โดยสปอยด์อีกแล้ว
“มันเยอะไป!!” ชานนท์สวนไปเสียดัง
“แล้วมันก็มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยนะ มันตั้งอยู่บนยอดเนินตรงแหลมนั่น ส่วนตัวขนาดแก้ผ้าว่ายน้ำที่สระน้ำในห้องยังไม่มีใครเห็นเลย!!” หลงพูดไปควักโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตนเองขึ้นมาดูไปด้วย
“อ้าว! แบบนี้เราก็ไม่ได้เจอมายด์กับเมย์เลยสิ เรามาเที่ยวด้วยกันไม่ใช่เหรอ?” คนตัวเล็กหันไปหาวรุฒอีกครั้ง จนวรุฒกัดฟันกรอด เพราะไอ้ปากมากหลงจะทำเขาเสียแผนที่จะได้กกกอดชานนท์ท่ามกลางธรรมชาติแต่เพียงลำพัง แผนที่เขาอุตส่าห์คิดมาตลอดช่วงสอบ

“ก็อยู่รีสอร์ตเดียวกันเดี๋ยวก็ได้เจอกัน!!” วรุฒตอบกลับด้วยความหงุดหงิด ในขณะเดียวกันกลับ เจ้าหน้าที่โรงแรมเดินมาตามจึงรีบดึงวรุฒหนีไปทันที
“ยังเป็นคนมนุษยสัมพันธ์แย่เหมือนเดินนะเนี่ย!” หลงส่ายหน้าให้หลัง พร้อมกับหมอเอิร์ธที่เดินมาสบทบ
“แต่พี่เข้าใจนะ” หมอพูดขึ้น
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดเต็มกับพี่แน่นอนครับ ไป!! เข้าที่พักกัน!! มีโอกาสค่อยไปเจอสาวๆ กัน” หลงยิ้มเจ้าเลห์
“ไอ้เด็กบ้า” หมอเอิร์ธต่อว่ากลับไปอย่างเขินๆ

............................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 28 ส่วนที่ 2) อัพ 3 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 03-05-2020 11:06:18

รถไฟฟ้าขนาดเล็กขับมาส่งชานนท์และวรุฒพร้อมสัมภาระมากมายถึงอาคารสีเอิร์ธโทนกลืนไปกับสีเขียวของต้นไม้และสีของหินสีต่างๆที่ประดับอยู่บริเวณภูเขาตามธรรมชาติ ต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นอย่างเป็นระเบียบรอบๆ อาคารมันช่างดูตัดกับภาพต้นไม้ตามธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ตามเนินเขาที่เป็นฉากหลังของอาคารที่พัก อาคารนี้ถูกปลูกให้อยู่ห่างจากอาคารอื่นเล็กน้อยแต่มีการตกแต่งที่คล้ายคลึงกัน อาคารสองชั้นขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราแต่เรียบง่ายสบายตา พนักงานแจ้งว่า แม้ที่นี่จะอยู่ห่างจากอาคารหลักที่เป็นล้อบบี้ แต่ก็มีเจ้าที่ให้บริการตลอดที่ชั่นล่างสามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์ที่ห้องได้ตลอดเวลา พนักงานบริการอธิบายระหว่างเข็นรถขนกระเป๋าเดินทางของทั้งสองไปที่ห้อง

ก่อนพนักงานจะจากไปได้อธิบายถึงคีย์การ์ดและวิธีใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในห้อง หลังจากพูดจบวรุฒก็ควักธนบัตรสีแดงจำนวนหนึ่งให้ไป โดยมีชานนท์มองอย่างเสียดาย

“อย่าไปเสียดายเลย เขาจะได้ดูแลเราดีๆไง ยังให้เขาต้องช่วยอะไรเราอีกหลายอย่าง” วรุฒพูดขึ้นหลังที่พนักงานเดินออกจากห้องไปเพราะเห็นคนตัวเล็กทำหน้าแบบนั้น
“นายไปรวยจากที่ไหนมาเนี่ย ไหนว่าพ่อนายตัดหางปล่อยวัดแล้ว!! ใช้เงินแบบนี้มันจะดีเหรอ?” ชานนท์มีท่าทีสงสัยปนเป็นห่วง
“เรามีเงินเก็บอยู่บ้าง บางส่วนก็เอาไปลงทุนฯ บางส่วนก็ได้เพิ่มเวลาไปทำงานพิเศษให้แม่น่ะ” วรุฒพูดไปเดินไปสำรวจของในกระเป๋าของตัวเองไป
“มันเยอะขนาดเอามาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้เหรอ? ประหยัดไว้ก่อนดีไหม?” ชานนท์กระแทกตัวลงบนเตียงเพื่อนั่ง เขาพบว่าสัมผัสของเตียงมันนุ่มมาก
“ก็ประมาณแปดหลัก ไม่มากไม่น้อยนะ” วรุฒพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะหยิบของหลายชิ้นออกจากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่
“ก็....หลักล้านน่ะสิ!!” ชานนท์ตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ (ลูกคนรวยนี่มันเป็นอย่างนี้ทุกคนไหมวะ! ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยสัมผัสตัวเลขระดับนี้เลย!)
“พูดมากจริง จัดกระเป๋าก่อนไหม?” ชานนท์ไม่นึกว่าเขาจะเจอคำถามนี้จากคนอย่างวรุฒ
“ก็ได้..... ก็กำลังตื่นเต้นอยู่นี่นา.... อีกอย่าง เราเตรียมมาแต่ชุดแบบรัดกุม นึกว่าต้องไปเดินป่า.....” ชานนท์บ่นอุบอิบไปที่กระเป๋าของเขา
“เอ้านี้ เราเตรียมให้แล้ว!” วรุฒชี้ไปที่กระเป๋าใบที่สองของเขาที่มีความหนาและใหญ่กว่าใบที่วรุฒกำลังจัดการรื้อของอยู่
“โอโห!!! นายเตรียมเผื่อเราเยอะขนาดนี้เลย นี่มันไซส์เราทั้งนั้นเลยนี่นาย.... ซื้อใหม่อีกแล้วใช่ไหม? ทำไมสิ้นเปลืองขนาดนี้!” ชานนท์หยิบเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดออกมาจากกระเป๋าและจัดเรียงเป็นชุดๆ อย่าสวยงามแต่ก็บ่นคุณชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลไม่ได้ แม้จะปลื้มที่อีกฝ่ายดูแลตัวเองดีขนาดนี้ แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ตามนิสัยของเขาไม่ได้

“แค่นี้เอง ไม่เท่าไหร่หรอก เสื้อผ้าพวกนั้นไม่ได้แพงอะไร” วรุฒพูดพลางยิ้มมุมปากในความน่ารักของแฟนตัวเอง หากเป็นคนอื่นคงมีปฏิกิริยาปลาบปลื้มเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังด้วยอาการดีใจที่ได้แบบนี้ แต่กลับคนนี้กลับตำหนิเขาที่เขาใช้เงินเพื่ออีกฝ่าย ก็เพราะแบบนี้เลยทำให้ชานนท์มีเสน่ห์อย่างที่เขาเองก็อธิบายไม่ได้

“อย่างนายไม่น่าซักรีดเองแน่ๆ เสื้อผ้าพวกนี้ซักรีดจัดเรียงเรียบร้อย นี่รุฒไปให้ที่บ้านช่วยอีกแล้วใช่ไหม?” ชานนท์บ่นใส่อีกรอบ
“มีลูกจ้างก็ต้องใช้งานเขาสิ!!” วรุฒจัดวางเสื้อผ้าและของทุกชิ้นจากในกระเป๋าอย่างลวกๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ไม่ไกลจากเตียงนอน จนทำให้ชานนท์ขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็น

“ก็เกรงใจนี่นา อยู่บ้านรุฒก็คงงานเยอะอยู่แล้ว ยังไปเพิ่มงานให้เขาอีก” ชานนท์เดินไปจัดระเบียบเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ตามตู้และโต๊ะตามที่วรุฒไปวางไว้แบบกระจัดกระจาย สร้างรอยยิ้มให้วรุฒที่ตอนนี้ลงไปนอนเอนหลังอยู่บนเตียงและจ้องมองแฟนตัวเล็กที่กำลังวุ่นวายกับข้าวของตนเอง

“ยิ้มอะไร?” คนตัวเล็กเหลือบมาเห็นแววตาของวรุฒ
“ชอบ.... น่ารักดี” วรุฒตอบกลับมาด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
“ไอ้บ้า...” ชานนท์รู้สึกร้อนหน้าและพยายามหลบสายตาที่เย้ายวนนั้น

เย็นวันแรกของการมาเที่ยวทะเลที่สวยงามขนาดนี้เขาอยากจบด้วยการไปเดินริมหาดและหาอะไรอร่อยๆ กินเป็นมื้อค่ำ ไม่อยากจบด้วยเรื่องบนเตียง!

หลังจากจัดการเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆที่นำมาด้วยอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ชานนท์ก็ล้มตัวลงนั่งบนเตียงที่อ่อนนุ่ม เขาคงลืมไปว่ามีหมาป่าจ้องที่คาบเขาไปรับประทานต่อบนเตียงที่เขานั่งนั่นแหละ

หมั่บ!!

มือใหญ่แข็งแรงคว้าชานนท์ได้ที่เอวอันบอบบางของเขา

“เฮ้ย!!” ชานนท์ตกใจแต่ไม่ทันได้ป้องกันตัวก็ถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปกระชับใกล้ตัวจนแก้มแนบกับแก้มอีกฝ่ายในท่านอนตะแคง
“ขับรถมาเหนื่อยจัง.... ให้รางวัลเราหน่อยสิ!” เสียงวิงวอนจากคนตัวใหญ่ทำให้ร่างเล็กๆ ของเขาร้อนผ่าวไปหมด  ชุดลำลองของวรุฒวันนี้มันมีเสน่ห์เย้ายวนใจเขาตั้งแต่เช้าแล้ว ยิ่งได้เห็นตอนยืนอยู่บนเรือข้ามฝากที่มีทั้งแสงแดดสายลมอยู่ท่ามกลางยิ่งทำให้เขาใจสั่นเมื่อนึกถึง ชานนท์อ่อนยวบทันทีที่ถูกจู่โจม แต่เนื่องจากเขามีเป้าหมายของวันนี้แล้ว จึงพยายามขัดขืนทันทีที่นึกได้

“หยุดเลย!!” ชานนท์พลิกตัวออกห่าง
“ทำไมล่ะ?” วรุฒนิ่วหน้า
“ก็....ก็.. บรรยากาศดีจะตาย ไปเดินเล่น ไปกินข้าวเย็นกันก่อนดีไหม?”
“อืม......” วรุฒดูมีอาการงอนๆ
“น่า....นะ” ชานนท์ทำหน้าอ้อน ซึ่งมักจะใช้ได้เสมอ
“เออๆ งั้นไปอาบน้ำกัน จะได้สดชื่น”
“อย่าดีกว่า อย่านึกว่าเรารู้ไม่ทัน ต่างคนต่างอาบ!!” วรุฒรู้ว่าชานนท์มีจุดอ่อนตรงไหนเมื่อต้องเปลือยกายอยู่ตรงหน้าเขาถึงได้ใช้วิธีนี้
“โอเคๆ” วรุฒพูดอย่างหงุดหงิดนิดหน่อยในน้ำเสียง แต่ชานนท์ก็รู้สึกว่ามันง่ายไปหน่อย

ชานนท์เดินเข้าไปที่ห้องน้ำบริเวณใกล้กับประตูทางออกนอกระเบียง ซึ่งหากเปิดออกไปนอกระเบียงก็จะเห็นสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดกลางอยู่ภายนอก มองเลยผ่านไปก็จะเป็นวิวทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ชานนท์เข้าใจในความแพงของห้องนี้ในทันที

ชานนท์เปิดประตูห้องน้ำเข้าไป พบว่าภายในกว้างขวางไม่ต่างจากห้องนอน แยกบริเวณอ่างล้างหน้า, ห้องอาบน้ำและห้องส้วมอย่างชัดเจน ชานนท์รีบเดินเข้าไปอาบน้ำในหัองฝักบัวทันที ห้องน้ำที่นี่แยกห้องฝักบัวและห้องอ่างอาบน้ำออกจากกัน (อ่างใหญ่มาก) สิ่งที่สะดุดชานนท์ที่สุดคือผนังที่อยู่ติดกับภายนอกชานนั้นมีม่านมูลี่ขนาดใหญ่ติดอยู่ ด้วยความเหนียวตัวเลยไม่ได้ใส่ใจจะสำรวจจึงถอดเสื้อผ้าเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นไหลรดตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสบายใจ

พรึ่บ!! ฟรีดดดดด.....

ม่านที่ปิดอยู่นิ่งๆ อยู่ๆก็พลิกเปิดและร่นขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านนอกอย่างเจ้าเล่ห์ในสภาพเปลือยเปล่า

“เฮ้ย!!” ที่แท้ด้านหลังม่านมูลี่นั่นคือบานกระจกทั้งบานที่เปิดให้เห็นภายนอกชานบริเวณสระว่ายน้ำ วรุฒที่ยืนอยู่บริเวณฝักบัวชำระร่างกายข้างสระว่ายน้ำยืนมองอีกฝ่ายที่ตกใจด้วยร่ายกายเปลือยล่อนจ้อน ชานนท์เอามือป่ายปิดอวัยวะสำคัญทันที

“ว่าไง” วรุฒยืนโบกมืออยู่ข้างนอก
“จะบ้าหรือไง? นายไม่อายบ้างเหรอ ไปยืนโป๊อยู่ตรงนั้น และรีบปิดม่านให้เราด้วย!!” ชานนท์ตะโกนข้ามฝั่งมา
“ไม่ต้องกลัวหรอก ห้องนี้มีความเป็นส่วนตัวสูง วิวที่เปิดอยู่ไม่มีใครพักอาศัยอยู่แถวนี้หรอก เขาบอกว่าแก้ผ้าว่ายน้ำก็ไม่มีใครเห็น!” วรุฒตะโกนกลับโดนที่ไม่ได้ปิดบังสัดส่วนของตัวเองเลย
“โอ้ย!! ไม่เอาอ่ะ ปิดม่านเหอะ!!”
“ไม่ปิด! อยากให้ปิดก็ขออาบน้ำด้วย!”
“อืม........ เออ! จะเข้ามาก็เข้ามา แต่ปิดม่านก่อน!!” ชานนท์รู้สึกโกรธตัวเองที่เสียรู้อีกแล้ว

ชานนท์มารู้ทีหลังจากวรุฒเข้ามาเฉลยว่า ภายในห้องอาบน้ำก็มีสวิทสำหรับปิด-เปิดม่านซ่อนอยู่ เลยยิ่งทำให้หงุดหงิดกว่าเดิม

หลังจากชานนท์รอดพ้นจากจุดอาบน้ำด้วยฝักบัว พยายามทุกวิธีทางที่จะไม่โดนปลาหมึกยักษ์งาบทั้งตัวขณะอาบน้ำ แต่ก็ใจอ่อนเพราะโดนชวนไปสระนวดจากุชชี่ที่ห้องข้างๆ พร้อมทั้งเปิดม่านดูวิวภายนอกไปด้วย ด้วยความสบายตัวและวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ที่สามารถเปิดเพลงระหว่างแช่น้ำไปด้วย เขาจึงโดนจู่โจมขณะแช่น้ำในอ่างเดียวกัน ลีลาการเนิบนาบเข้ามาลูบไล้ผิวกายภายใต้น้ำลึกแค่อกเวลานั่ง ฟองพรายที่ผุดขึ้นมาทำให้ไม่สังเกตมือที่คืบคลานมานวดคลำท่อนขาช่วงบนอย่างไม่รู้ตัว นิ้วมือที่บรรจงวาดไปมาบนเรียวขาสลับกับการบีบนวดอย่างชำนาญทำให้ชานนท์เผลอลดการ์ดตนเองลงมาจนเคลิบเคลิ้มตามไปจนอีกฝ่ายฝ่าผิวน้ำฝั่งตรงข้ามเข้าประชิดได้ กิจกรรมต่อจากนี้เล่นทำเอาน้ำกระเพื่อมออกไปจนเกินครึ่งอ่าง ทำให้ชานนท์กลับมาอ่อนเพลียเหมือนเดิม!
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 28 ส่วนที่ 2) อัพ 3 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-05-2020 18:33:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 28 ส่วนที่ 3) อัพ 10 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 10-05-2020 09:59:37


แสงแดดยามอาทิตย์อัสดง แสงสุดท้ายที่กระทบผิวน้ำขณะพระอาทิตย์ถูกน้ำทะเลกลืนกินไปกว่าครึ่ง คลื่นทะเลที่สะท้อนระยิบระยับจนเกิดประกายเฉพาะตัว มีเสน่ห์ดึงดูดให้ชานนท์เดินชมสิ่งเหล่านี้ในเสื้อฮาวายสีสดกางเกงขาสั้นสีขาวจนลืมอาการหิวและอาการอ่อนเพลียไปเสียหมด ชานนท์เองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำไมถึงชอบทะเลมากขนาดนี้ รู้แต่ว่าเขาหยุดมองภาพเหล่านี้ไม่ได้เลย

“นนท์.... ไม่หิวข้าวแล้วหรือ?” คนตัวสูงที่เดินตามหลังในชุดแบบเดียวกันเอ่ยขึ้น
“อืม.... แต่ขออีกหน่อยนะ บรรยากาศกำลังดีเลย” ชานนท์เงยหน้ารับลมที่ตีเข้ามาจากทะเล หอบเอากลิ่นเกลือเข้ามากระทบจมูกทำให้ชานนท์ยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

ภาพนี้ทำให้วรุฒรู้สึกตื่นเต้นและเคลิบเคลิ้มยิ่งกว่าศิลปะชิ้นเอกชิ้นไหน ภาพคนที่เขารักกำลังมีความสุขท่ามกลางแสงสุดท้ายของวันและประกายระยิบระยับของชายหาดส่วนตัวที่มีคนอยู่เพียงเบาบาง เขามองสิ่งนั้นโดยไม่คิดจะหยิบกล้องที่ถือห้อยคอมาด้วยขึ้นมาถ่าย เขามองอย่างชื่นชมมันด้วยสายตาตนเองและเก็บไว้ในความทรงจำของตนเองตลอดไป ไม่อยากมองช่วงเวลาแบบนี้ผ่านเลนส์ ยิ่งได้เห็นผมหน้าม้าอีกฝ่ายโบกพัดขึ้นยามโดนลมทำให้ภาพมันมีชีวิตชีวาจนอย่างไสตัวเข้ากอดจับให้นอนลงเสียตรงนี้

อยู่ๆ วรุฒน้อยที่เพิ่งออกศึกก็เหมือนจะคึกคักอีกรอบ!!

“รีบไปกินข้าวเถอะ เราจองโต๊ะไว้แล้ว ดูสินายขาสั่นไปหมดแล้ว!!” วรุฒเดินมาโอบไหล่ทั้งที่หน้าแดงเลือดฝาดฉีดใส่หน้าจนชานนท์สังเกตเห็น มันคือหน้าของคนหื่นที่ชานนท์รู้จักดี

“เพราะใครล่ะ!” ขานนท์อดไม่ได้ที่จะกระแทกข้อศอกเข้าที่ซิกแพคคนตัวสูงหนึ่งดอก
“โอ้ย! จ้าๆ ขอโทษจ๊ะ ต้องโทษบรรยากาศนะ มันพาไป นายขาวเนียนขนาดนี้ใครจะอดใจไหว!” วรุฒใช้มือข้างที่โอบไหล่ลูบไปที่จุดที่เขาสัมผัสอยู่อย่างรู้งาน
“พอเลยๆ ไปกินข้าวเหอะ! หมดกันบรรยากาศดีๆ” ชานนท์พูดจบก็เดินเร่งรีบไปที่อาคารหลักของรีสอร์ตที่ตอนนี้มีแสงสว่างประดับประดาขึ้นแล้ว

.......................


ห้องอาหารของที่รีสอร์ตแห่งนี้ปลูกขึ้นอย่างปราณีต สร้างชานยื่นออกไปที่ทะเลเหมือนท่าเรือ มีโต๊ะอาหารทำจากจากไม้ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ประดับด้วยเสียงเทียนดาษดาบนโต๊ะและขอบระเบียง วันนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คน อาจเพราะพวกเขามาตรงกับวันหยุด

หลังจากแจ้งชื่อที่เคาเตอร์ บริกรหนุ่มผิวเข้มก็รีบพาพวกเขาไปที่บริเวณชานที่ยื่นออกไปที่ทะเล ทำให้ระหว่างเดินไปหัวใจของชานนท์เต้นระรัวอย่างกับจังหวะอีดีเอ็ม ตื่นเต้นจนบรรยายไม่ถูก มันสวยจนเขาไม่อาจจะบรรยายอะไรได้นอกจากคำว่า ‘โอโห’ มาตลอดทาง ท้องฟ้าสีเข้มดุจกำมยีสีนิล ระยิบระยับไปด้วยเสียงดาวพราวพราย เหมือนผ้ากำมยี่ประดับเพชรเต็มฟ้า ปลายขอบฟ้าสีเข้มมืดตัดกับดวงจันทร์ครึ่งดวงที่ลอยเอื่อยเหนือผืนน้ำ รอยเกลียวคลื่นบางเบากระทบแสงจันทร์ก่อให้เกิดประกายบางๆ เหนือผืนน้ำ

ชานนท์รี่ไปยืนจดจ่ออยู่ที่ขอบสุดของชานกว้าง โดยลืมมองว่าบริกรได้เดินแยกไปอีกจุดหนึ่งแล้ว จนกระทั้งบริกรสะดุดหยุดและพยายามหันมาเรียกขาน แต่ก็ถูกมือใหญ่หยาบทำท่าขึ้นมาปรามไว้

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวชี้บอกก็ได้ เดี๋ยวผมไปเอง” วรุฒทักบริกร ด้านบริกรเองก็ยิ้มด้วยความยินดีก่อนจะแจ้งบอกทางอีกฝ่าย

“ท่าทางจะชอบนะ” วรุฒเดินมาโอบไหล่คนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน
“อืม..... เราชอบมากเลย ไม่ได้มาแบบนี้นายแล้ว ตั้งแต่สมัยพ่อยังอยู่ คิดถึงพ่อเหมือนกัน ตอนนั้นพ่อทำงานหนักมากเพื่อเก็บเงินพาพวกเรามาเที่ยว” ชานนท์พูดพลางนำ้ในตาคลอปริ่มเอ่อ

วรุฒเห็นก็ได้แต่อมยิ้มและจับศรีษะอีกฝ่ายมาซบที่อกแน่นของเขา ชานนท์เองก็ไม่ได้มีอาการขัดขืนอะไร ยอมโอนอ่อนตามแรงมือทันที

“ช่วยกลับไปทำแบบนี้ที่ห้องไป พวกเรารอนายจนหิวจะแย่อยู่แล้ว กินน้ำจนฉี่ไปหลายรอบแล้วนะ!” เสียงแหลมคุ้นหู อันมีทักษะยั่วโมโหวรุฒได้เสมอดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ยัยเมย์!! หิวแล้วทำไมไม่สั่งอะไรกินกันไปก่อน!!” วรุฒหันมาทางต้นเสียงด้วยอาการหัวเสีย ชานนท์หน้าแดงเหมือนเคยเพราะเมย์ทำให้พวกเขาเป็นจุดสนใจ

“ก็ยัยมายด์น่ะสิ จะรอนายท่าเดียว!” เมย์พูดเสียงดัง
“ยัยนั่นก็มารยาทดีไม่เปลี่ยน! โอเคๆ ไปก็ได้” วรุฒพยักหน้าให้คนตัวเล็ก ชานนท์ยิ้มมุมปากเป็นคำตอบ

มื้อนี้เป็นมื้อรวมเหล่าเพื่อนและแฟนเพื่อนอย่างครบครันเป็นครั้งแรก ทำให้ชานนท์ได้รู้จักกับแฟนทุกคนอย่างดีมากขึ้น โดยเฉพาะมุมที่เพื่อนแต่ละคนของเขาอยู่กับแฟน สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับชานนท์ไม่น้อย

เพราะความที่ผ่านมา เขาเป็นคนมีเพื่อนน้อยสังคมคับแคบ แต่พอได้มาอยู่แบบนี้เหมือนเขาได้เจอหนังสือเล่มใหม่ที่น่าเรียนรู้น่าอ่าน มันเป็นหนังสือที่ไม่มีตอนจบด้วย ดังนั้นมันจึงยิ่งน่าสนใจสำหรับเขามาก

พี่พัฒน์เวลาอยู่กับมายด์ กลับเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน และมีความเกรงใจมายด์อย่างมหาศาล หมดกันภาพนักเลงโตที่อุตส่าห์สร้างไว้

มายด์เองเวลาอยู่กับพี่พัฒน์ ก็เหมือนคุณแม่ของวรุฒมาก ดูเป็นผู้หญิงที่เด็ดขาด ฉลาดจนน่ากลัว เสียงหวานๆ ของเธอนั้น สามารถสยบบุรุษได้ทั้งโลก อันนี้รู้สึกชื่นชมมากๆ

เมย์เวลาอยู่กับแฟน  ก็เหมือนเดิน ห้าวเป้งไม่เปลี่ยน ขาดความเป็นกุลสตรีเป็นที่สุด แต่อาจเป็นแบบนี้ ตรงๆ ซื่อๆ ง่ายๆ ไม่คิดมาก คิดอะไรก็พูดไม่มีเก็บเลยอาจจะกลายเป็นเสน่ห์ของเธอไป (เพราะหน้าตาน่ารักด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้) เพราะแบบนี้ทำให้แฟนหนุ่มตี๋ ตัวเล็กผิวขาวเรียบร้อยอย่าง ‘ธร’ เลยตกหลุมคนอย่างเมย์เข้าอย่างจัง ธรเป็นคนพูดน้อยต่างจากเมย์ ทุกครั้งที่เมย์พูดมาก ทำตัวเปิ่นๆ ธรก็ได้แต่อมยิ้มและมองอย่างเอ็นดู จนบางครั้งเราลืมไปเลยว่ายัยเมย์พาแฟนมาด้วย

ส่วนหลง...... ก็เรียบร้อยผิดปกติมาก ยังคงเฮฮา ตลกขบขันเหมือนเดิม แต่เวลาถูกสายตาเย็นๆ จากพี่เอิร์ธที่เป็นผู้ใหญ่สุดในโต๊ะก็จะสงบลงชั่วคราว (ที่แท้ก็กลัวเมีย!) พี่เอิร์ธเป็นคนสูงขาวผิวสว่างวาบอย่างกับแสงไฟนีออน ขนาดอยู่ในจุดที่แสงไฟตกกระทบน้อยที่สุดเขาก็ยังดูโดดเด่น ใบหน้าสวยหวาน หากไว้ผมยาวผมคงนึกว่าผู้หญิง วันนี้ชานนท์จ้องพี่เอิร์ธนานผิดปกติเพราะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจนวรุฒถึงกับจับคอของเขาหันกลับมาทางตัววรุฒเอง

“พี่ก็รู้สึกแปลกๆ นะ ไม่เคยตัดสั้นขนาดนี้เลย” พี่เอิร์ธเอ่ยขึ้นยกมือขึ้นลูบผมด้วยท่าทางขวยเขิน ในขณะที่หลงกำลังเหมือนทะเลาะกับยัยเมย์เรื่องแย่งกุ้งตัวใหญ่ในต้มยำกุ้งที่เพิ่งยกมาเสิร์ฟ

“นั่นสิ ผมก็คิดอยู่ว่าพี่เปลี่ยนทรงผมหรือเปล่า?”  ชานนท์หันกลับไปสนทนากับพี่เอิร์ธทั้งๆ ที่มือของวรุฒยังจับอยู่ที่หัวตัวเอง
“ก็หลงน่ะสิเห็นผมพี่ยาวเลยพาไปตัดก่อนเดินทาง บอกกับช่างให้ตัดเสียสั้นเลย” พี่เอิร์ธสัมผัสผมด้านหน้าตนเองไปมา

“เวลาพี่ผมยาวแล้วมันน่ารักเกินไปไง ผมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักขนาดนั้นของพี่!!” หลงหันควับมาตอบหลังจากได้กุ้งมาอยู่ในจานตนเอง (ไปสนิทกับยัยเมย์ขนาดนั้นตอนไหน ทำไมสองคนนี้นิสัยคล้ายกันขนาดนี้!! หน้าตาดีแต่สติไม่ดี)

ฮิ้วววววววว

ยัยเมย์โห่แซวเสียงดัง ทำให้มายด์ที่นั่งอยู่ถัดหัวเราะไปด้วย

“นนท์ ถูกนายแย่งซีนไป เรายังไม่ได้พูดถึงเลยนะ!!”
หลงหันมาทางชานนท์ด้วยสีหน้าหมั่นไส้
“แย่งซีน?!?” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยสีหน้างุนงง

“เอ้า!! ก็นายเล่นใส่เสื้อคู่เหมือน ‘หลงเอิร์ธ’ ไง แต่เสื้อนายดันดูเด่นกว่า เห็นหลงมันบ่นตั้งแต่เห็นอยู่ไกลๆ” เมย์แซวขึ้นมาอีกครั้ง
“หุบปากไปเลยยัยเมย์ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสีย!! อุตส่าห์เตรียมมาอย่างดี เนอะพี่เอิร์ธ?” หลงหันควับไปทางแฟนหมอของตนเอง พี่เอิร์ธยิ้มแห้งๆตอบกลับมา

“พี่โดนบังคับใส่น่ะ....” พี่เอิร์ธเอ่ยขึ้นเบาๆ
“โห..... พี่เฮิร์ทน่ะ ผมอุตส่าห์ไปหาซื้อมาเลยนะเนี่ย... เดินตั้งหลายที่กว่าจะได้!!” หลงพูดพลางลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงให้เห็นเสื้อของตนเองเต็มตัว พร้อมยื้อแขนพี่เอิร์ธให้ลุกขึ้นมาพร้อมกัน

พี่เอิร์ธลุกขึ้นด้วยสีหน้าจำยอมปนอาย ทำให้เห็นว่าเป็นรูปตัวการ์ตูนผู้ชายสองคนนั่งหันหลัง ด้านหน้าเป็นทะเลยามพระอาทิตย์ตก บนพื้นเสื้อโทนสีฟ้าอ่อน ฝั่งหลงมีคำว่า ‘Love’ ฝั่งพี่เอิร์ธเขียนว่า ‘forever’

‘เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เอิร์ธถึงได้ดูอายๆ’ ชานนท์ลอบคิดในใจ แต่ยัยเมย์กลับไม่ทำเช่นนั้น

“โคตรเสี่ยว!!” เมย์พูดเสียงดัง จนธรที่นั่งอยู่ด้านข้างสะกิดเร้าเตือนสติ

หลังจากนั้นก็เป็นการแสดงลีลาการเถียงกันเป็นเด็กๆ ของทั้งเมย์และหลง นับว่าเมย์เป็นคนที่ส่งผลกระทบให้กับคนทั้งกลุ่มพอสมควรเพราะใครที่สนิทกับเธอก็จะติดนิสัยบางอย่างจากเธอไปด้วย

ค่ำคืนนั้นการจะจบการกินมื้อคำ่ของผองเพื่อนและแฟนหนุ่มก็ล่วงเลยไปจวบจนร้านใกล้เวลาปิด วรุฒเอ่ยปากว่าจะไม่ขอกินข้าวกับคนกลุ่มนี้แล้วตลอดทริปนี้ เพราะนอกจากจะเสียงดังแล้ว ยังดึงความสนใจของสุดที่รักเขาเสียหมด ภาพบรรยากาศที่เขาวาดไว้พังคลืนลงมาหมดไม่เหลือซาก และแทนที่จะมีเวลากลับไปจู๋จี๋ต่อที่ห้อง ชานนท์กลับหมดเรี่ยวแรงและหลับไปทันทีที่ศรีษะกระทบหมอน จะเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะเจอทั้งการสลับกันเล่าเรื่องตลกของเมย์และหลง การเล่นเกมส์ไม่ประเทืองสมองของผองเพื่อนสติไม่เต็มที่พัฒน์แฟนของมายด์ที่จริงจังแพ้ไม่ได้ การดวลดื่มแอลกอฮอล์นานาชนิดของยัยเมย์ สุดท้ายคนที่แพ้มีสามคน คือ ธร แฟนยัยเมย์ พี่เอิร์ธแฟนหมอหน้าสวยของหลง และคนตัวเล็กของเขา ชานนท์

วรุฒลงไปนั่งข้างแฟนตัวเล็กของเขาที่หน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปอย่างไม่เจียมตัว คอกเทลรสหวาน เปรี้ยวปนขม มันเลิศรสแต่พิษมันร้ายแรงไม่น้อย คนไม่เจนเหล้าอย่างคนกลุ่มนี้ย่อมพ่ายแพ้เป็นธรรมดา วรุฒใช้มือลูบไปตามเส้นผมที่เริ่มยุ่งเหยิงเพราะแรงลมทะเล บรรจงถอดแว่นสีพิ้งค์โกลด์แวววับลงที่โต๊ะข้างเตียง วรุฒพินิจวงหน้าที่มีความสงบนั้นในความเงียบ

วงคิ้วเข้มโค้ง รูปตากลมโต และแก้มใสที่เปร่งสีเหมือนผลมะเขือเทศใกล้สุกนี้ วรุฒดูอย่างไรก็ไม่เบื่อ เขาถูกใจวงหน้านี้ตั้งแต่แรกพบแล้ว บวกกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของชานนท์ทำให้ส่วนประสมต่างๆ มันลงตัวไปหมด
เขานึกสงสารชานนท์ในช่วงแรกๆ ที่เขาตั้งกำแพงสูงไว้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ชานนท์ก็สามารถพิสูจน์ให้เขามองภาพผู้คนอื่นๆ ต่างออกไปได้ คนเราไม่ได้มีแต่คนเลวร้ายเสมอไป แม้ว่าชานนท์จะรู้ว่าเขาเป็นใคร ฐานะเป็นอย่างไร แต่เขาก็ไม่ได้ปฎิบัติกับเขาแตกต่างออกไป ชานนท์เป็นคนดีจากก้นบึ้ง ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่า หากเขาไม่เจอชานนท์ เขาจะได้เจอคนแบบนี้อีกไหม? เมื่อไหร่? เขาโชคดีมากที่ได้เจอชานนท์

วรุฒบรรจงกดริมฝีปากไปที่หน้าผากของคนไร้สติด้านล่างอย่างแผ่วเบา วรุฒเผลอยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่รู้ตัว สายตาของเหลือบไปมองบนกระจก ที่มันสะท้อนภาพคนที่ยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่เคยนึกเลยว่าตนเองจะมีรอยยิ้มเช่นนี้ได้อีก หลังจากเรื่องราวต่างๆ ที่เขาเจอมา หรือนี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มายด์สามารถตัดใจจากเขาได้ เพราะชานนท์ทำให้เขายิ้มแบบนี้ได้!

..............

กิจกรรมในวันที่เหลืออยู่คือการท่องเที่ยวอย่างไร ให้ห่างไกลจากเพื่อนของชานนท์ ซึ่งนอกเหนือจากมื้อค่ำที่วรุฒสั่งให้จัดเป็นส่วนตัวและวีไอพีสุดๆ แล้ว ทุกกิจกรรมไม่ว่าจะว่ายน้ำ ดำน้ำ ล่องเรือในช่วงกลางวันก็ถูกมายด์ เมย์ หลง ดึงไปร่วมกิจกรรมด้วยตลอด โชคดีที่เวลากลางคืนชานนท์ก็ทุ่มตัวและเวลาในการดูแลเอาใจใส่เขาเป็นการชดเชย แม้มันจะแลกด้วยการที่ชานนท์จะถูกงดเที่ยวในวันสุดท้ายเต็มๆ หนึ่งวันเพราะป่วยจากการถูกวรุฒดูแลอย่างหนักหน่วงในช่วงกลางคืนทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นชานนท์ก็ยังดูยิ้มได้ เลยทำให้วรุฒสบายใจไประดับหนึ่งและสาบานว่าจะระมัดระวังอารมณ์และความต้องการของตัวเองให้มากขึ้น

“เราขอโทษ” วรุฒพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดปนเป็นห่วงกับชานนท์
“ไม่เป็นไร...” ชานนท์พูดก่อนจะหลับเพราะพิษไข้ในการพักคืนสุดท้ายที่รีสอร์ต

เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นที่ทุกคนต้องเดินทางกลับ ในขณะที่ทุกคนเป็นห่วงชานนท์จึงพร้อมใจกันเดินมาเยี่ยมชานนท์ที่ห้องพักสุดหรูหราที่อาคารปลายสุดของแหลมหาด

“โหย... รุฒ! แก.... หนักเกินไปหรือเปล่าวะ?!?” เมย์พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นห่วงเมื่อเห็นคนตัวเล็กหน้าซีด นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง

วรุฒ ที่นั่งดูแลอยู่ข้างๆ พร้อมอาหารเช้าของคนป่วยที่ยังคงปิดฝาแน่นหนาและส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมา

“ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ ไข้ลดแล้ว ได้กินยาครบตามที่พี่ให้แล้วใช่ไหม?” พี่เอิร์ธพูดขึ้นหลังจากเข้าไปดูอาการของชานนท์คร่าวๆ เรียบร้อย โชคดีที่เที่ยวนี้มีหมออยู่ในกลุ่มด้วย และโชคดีซ้ำสองด้วยที่พี่เอิร์ธพกยามาด้วย

“โชคดีนะที่พี่หมออยู่! ว่าแต่พี่หมอพกยาพวกนี้เป็นประจำเหรอคะ?” ยัยเมย์พูดกระแทกวรุฒและชิ่งถามไปทางหมออย่างรวดเร็วจนเอิร์ธตั้งตัวไม่ทันได้แต่หน้าแดงตอบกลับมา

“หลง! แปลว่านายก็ดุเหมือนกันนะ!!” เมย์ชิ่งไปแซวหลงอีกคน
“ยัยบ้า! มันใช่เวลาไหมเนี่ย!!” หลงดุกลับด้วยท่าทางขวยเขิน ส่วนพี่เอิร์ธได้แต่เดินหน้าแดงออกจากห้องไป
“เมย์!!” ธร แฟนคนเรียบร้อยของเมย์ทำสายตาดุใส่ แต่ยัยตัวร้ายก็ได้แต่เชิดหน้าใส่แฟนตัวเองที่ทำได้แค่ส่ายหน้ากับความก๋ากั๋นของเมย์

เวลาล่วงเลยจนคล้อยบ่าย หลังจากที่ชานนท์ตื่นมากินมื้อเช้าและกินยาเสร็จสิ้น เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่ห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ ตัดกับแสงแดดด้านนอกที่แผดร้อน บรรยากาศที่เงียบสงบและโดดเดี่ยวทำให้ชานนท์ใจตกลงไปวูบหนึ่ง จนต้องส่งเสียงร้องเรียกคนตัวสูงแต่เนื่องจากเพิ่งตื่นและเพิ่งฟื้นจากอาการไข้ เสียงที่ออกจากลำคอจึงแหบพร่า

“นนท์!! ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูนอกชาน
“อืม.... กี่โมง.....แล้ว....เนี่ย?” ชานนท์ถามด้วยเสียงขาดห้วง
“บ่ายสองโมงกว่าแล้ว หิวหรือยัง?” วรุฒมองดูนาฬิกาข้อมือและใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผากคนที่นอนอยู่ที่เตียงผ้าซาตินสีเอิร์ธโทน
“อืม..... นิดหน่อย....” ชานนท์หันไปมองบรรยากาศภายนอก
“งั้นเดี๋ยวเราสั่งอะไรมากินกันที่ห้องนะ” วรุฒลูบศรีษะคนตรงหน้าและยิ้มให้อย่างดีใจที่ชานนท์ไข้ลดและสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว แสดงว่ายาของหมอเอิร์ธได้ผล

“เดี๋ยวนะ!! วันนี้! เราต้องกลับแล้วนี่ แล้วทุกคนล่ะ!!” ชานนท์ตกใจเสียงหลง
“อ้อ! พวกเพื่อนๆ กลับไปหมดแล้ว ก็นายเป็นแบบนี้ใครจะใจร้ายลากนายกลับได้ลงคอ”วรุฒพูดไปด้วยมองเมนูอาหารไปด้วย
“เอ่อ.... ไม่เป็นไร เราโอเค” ชานนท์รู้สึกมึนงง
“ไม่เอาอ่ะ เราจัดสินใจพักต่ออีก 2 คืนแล้ว พักเหอะ!” วรุฒหันมายิ้มให้อีกฝ่าย
“แล้วต้องเสียเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่เนี่ย?” ชานนท์ดูซึมลงไปเล็กน้อย
“เอาน่าแค่นี้เอง ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องกังวล เราอยากให้นายพักต่ออีกหน่อย” วรุฒพูดเสียงเรียบขณะจดจ่อกับการหาเบอร์ห้องอาหาร
“พักจริงนะ” ชานนท์พูดด้วยสีหน้าเข็ดขยาด
“จริงๆ จ๊ะ” วรุฒเดินมาขยี้ผมคนตัวเล็กที่มีสีหน้ากังวลอย่างเอ็นดู พอเห็นแฟนตัวเองเป็นแบบนี้แล้วใครจะไปกล้าซ้ำต่อ (เว้นระยะให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน) หลังจากนั้นเขาก็หันไปคุยกับเจ้าหน้าที่รีสอร์ตเพื่อสั่งอาหารมื้อเที่ยงต่อ

ดังนั้นในวันที่เหลืออยู่จึงเป็นประสบการณ์ที่พวกเขาได้เที่ยวลำพังกันสองคน ได้พักผ่อนในห้อง เล่นน้ำ อ่านหนังสือริมหาดอย่างเต็มอิ่ม เป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมของพวกเขาทั้งสอง ความรู้สึกที่เหมือนทั้งโลกมีแค่เขาสองคน ไม่มีความกังวลใดๆ เข้ามากล้ำกลาย

................................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 28 ส่วนที่ 3) อัพ 10 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-05-2020 10:49:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 29 ส่วนที่ 1) อัพ 18 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 18-05-2020 11:08:35
บทที่ 29

Shaking the whole world
 


ในช่วงปิดเทอมระหว่างภาคเรียน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะในช่วงเทอมแรกมีกิจกรรมเยอะทำให้ช่วงเวลาสอบถูกเลื่อนออกมาจนทำให้วันหยุดเหลืออยู่เพียงไม่กี่สัปดาห์

หลังจากกลับจากสมุยแล้ว วรุฒก็พาชานนท์กลับไปที่บ้านของชานนท์ พวกเขาพักอยู่ที่บ้านแม่ของชานนท์ไม่ถึงสองสัปดาห์ดีก็ต้องกลับมาเตรียมตัวเพื่อเรียนในภาคเรียนที่สองเสียแล้ว เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

ในช่วงเวลาที่อยู่กับแม่จองชานนท์นั้น แม้วรุฒจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ่อยครั้งที่ต้องเจอแม่ของชานนท์มีท่าทีกีดกันเวลาที่พวกเขาใกล้ชิดกัน และแม่ของชานนท์ก็ไม่เคยว่ากล่าวหรือตำหนิตรงๆ เพียงแต่ให้ระมัดระวังหารวางตัวบ้าง แม่อ้างว่าเพราะทีที่ต่างจังหวัด ไม่ได้รับเรื่องพวกนี้ได้ทุกคน

‘จะทำอะไรก็อย่าให้มันเกินพอดี’  คำที่แม่ชานนท์มักบ่นลอยเข้าหูเป็นประจำ

ส่วนวรุฒก็บ่นอยากกลับกรุงเทพตั้งแต่สัปดาห์แรก เหตุก็เพราะถูกแม่ของชานนท์จับแยกห้องให้นอนคนละห้อง แต่ด้วยสัญญาที่วรุฒเคยให้ไว้จึงทำได้แค่ กอดจูบชานนท์ก่อนเข้านอน และทำหน้าตาตึงๆ ก่อนเดินเข้าห้องนอนที่แม่ของชานนท์จัดไว้ให้ ส่วนในตอนเช้าตรู่ของทุกวัน วรุฒจะวิ่งเข้ามาเคาะห้องชานนท์เพื่อเข้ามานอนอยู่ข้างๆ ชานนท์แม้ช่วงสั้นๆก็ตาม (หลังจากแม่ของชานนท์ออกไปทำงานปุ๊บวรุฒก็ย่องมาปั๊บ) หลังจากวรุฒมาถึงเตียงก็จะหลับสนิทจนถึงช่วงสาย

“เวลาไม่มีนนท์นอนอยู่ด้วย เรานอนไม่ค่อยหลับน่ะ” วรุฒบอกกับชานนท์แบบนี้ตั้งแต่เช้าวันแรก ชานนท์รู้สึกดีที่ว่า นอกจากจะไม่เจ็บตัวแล้ว ยังได้ดูหน้าตาหล่อๆและไร้เดียงสาแบบนี้ในทุกเช้าด้วย (แค่มองก็เพลินแล้ว)

................

ปี๊บ....... ปิ๊บๆ

เสียงตัวรับสัญาณคีย์การ์ดดังแปลกออกไป หลังจากที่ชานนท์ยื่นการ์ดไปสัมผัสกับตัวเครื่องรับ และที่สำคัญประตูกลับปฏิเสธการปลดล้อก

“อ้าว!! อะไรเนี่ย?” ชานนท์ทำอีกครั้งก็ประสบปัญหาเดิม
“ไหนลองอันนี้ซิ?” วรุฒที่เดินตามมาสมทบได้ลองยื่นคีย์การ์ดของตนเองทดสอบดูบ้าง

ปี๊บ.... แกร็ก!!
“อ้าว!! ก็ไม่ได้เสียนี่!!” วรุฒเอ่ยขึ้นพร้อมช่วยชานนท์หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าด้านในหอพัก ชานนท์ได้แต่สงสัยว่าการ์ดเขาคงจะเสียแล้ว

หลังจากเปิดห้องเข้าไป ชานนท์พบว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งสอดอยู่ตรงช่องประตูทางด้านล่างซึ่งจ่าหน้าถึงเขา เขารีบแกะซองจดหมายนั่นทันทีที่วางกระเป๋าสัมภาระทุกอย่างด้านในเรียบร้อย

“จดหมายอะไร?” วรุฒฉวยจดหมายฉบับนั่นมาอ่านด้วยสีหน้าหงุดหงิดทันที ทั้งๆ ที่ชานนท์เพิ่งจะคลี่ออกมาอ่าน

“รุฒ ทำไมเสียมารยาทจัง!!” ชานนท์พยายามเอื้อมมือไปแย่งคืนและจดหมายนั้นกลับไกลเกินเอื้อม
“ก็แค่อยากรู้ว่าใครมันบังอาจส่งจดหมายมาหาเมียเรา!!” วรุฒใช้มือหนึ่งถือจดหมายส่วนอีกมือหนึ่งดันศรีษะอีกฝ่ายหนึ่งไว้

“อะไรวะเนี่ย!?!” เสียงวรุฒคำรามอย่างอารมณ์เสีย
“อะไรเหรอ?” ชานนท์สีหน้าแปลกใจ
“เรามีเรื่องที่ต้องคุยกับแม่ด่วน!!” วรุฒขย้ำกระดาษแผ่นนั้นพร้อมรี่เดินไปหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจากบนโต๊ะและกดหมายเลขด่วนโทรศัพท์หาผู้เป็นแม่ทันที

ชานนท์ไม่รอช้ารีบไปหยิบกระดาษที่ยับยู่แผ่นนั้นมาคลี่อ่านทันที

ใจความในจดหมายนั้นทำให้ชานนท์ช้อกและนิ่งเงียบไปทันที

‘ตัดสิทธิ์การให้ทุนการศึกษาและการใช้หอพักนักศึกษาขอให้ดำเนินการย้ายออก โดยมีผลทันทีในเทอมที่สองของปีการศึกษา.....’

กระดาษที่มีตรามหาวิทยาลัยสีขาวขุ่นหลุดร่วงลงไปนอนอยู่ที่พื้นอย่างไร้ระเบียบ ชานนท์ทรุดตัวลงนั่งที่เตียงอย่างหมดแรง ทั้งหมดนี้เกิดเรื่องอะไรกับเขา  เขาพยายามนึกเค้นเรื่องราวทั้งหมดแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเขาพลาดตรงไหน ทำไมเขาถึงได้โดนปลดออกจากการได้รับทุนการศึกษา

“โถ่....โว้ย!!! ทำไมแม่ไม่รับสายวะ!!!” ชายร่างสูงกำลังหงุดหงิดอย่างมาก เขากดเบอร์โทรศัพท์ด่วนอยู่ซ้ำๆ แต่ปลายสายกลับไร้วี่แววจากคนที่เขาต้องการคุยด้วยที่สุดตอนนี้รับสาย

“อืม.... ช่วยไม่ได้!!” วรุฒเหมือนนึกอะไรออกและใช้นิ้วมือเลื่อนไปที่หน้าจอสมาร์ทโฟนของตนเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างและกดเพื่อโทรออกทันที

“สวัสดีคุณเลขา” ไม่นานปลายสายอีกฝั่งก็รับ พวกเขาได้คุยกันสักพัก วรุฒก็หันกลับมามองชานนท์ที่หยิบกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาอ่านซ้ำๆ

“มันไม่มีเหตุผลเลย มันไม่ได้บอกเสียด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร!?!” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีน้ำเอ่อรื้นจนเห็นได้ชัดบริเวณตาขาวมีรอยเส้นสีแดงปรากฎชัดขึ้น คนตัวสูงเห็นภาพเหล่านั้นแล้วรู้สึกเศร้าตามไปด้วยและที่สำคัญเขาเองก็โกรธมากด้วยเช่น และตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครมันเป็นคนทำเรื่องนี้!!

จากการสนทนากับเลขาฯ ของแม่ตนเองทำให้รู้ว่า แม่ของเขาได้ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรพิเศษที่ต่างประเทศ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ในระหว่างทำงานแม่ของเขาจะไม่รับโทรศัพท์ และกว่าจะกลับมาก็เป็นหลังเปิดเทอมเลย

วรุฒถามกับเลขาฯผู้รอบรู้ เพราะเป็นถึงผู้ช่วยของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยที่สามารถสั่งการแทนได้ในหลายๆเรื่อง คำตอบที่ได้มาอย่างกระท่อนกระแท่นคือ
‘เรื่องนี้... ดร.ภา ท่านไม่ทราบคะ เพราะ........เป็นคำสั่งจากกรรมการบริหารท่านอื่นๆ ดิชั้น...... จำต้องทำตาม........ส่วนเรื่อง....... คนอนุมัติ..... ดิชั้น..... เอ่อ..... ตอบไม่ได้คะ...... แต่..... คุณ..... น่าจะ....รู้.....” สาวที่มีความคล่องแคล้วมั่นใจตอบอย่างลังเลและแผ่วเบา

“เอาน่า.... อย่างน้อยในเนื้อความจดหมายก็ไม่ได้ไล่ออกเสียหน่อย” วรุฒเดินไปนั่งข้างๆและโอบกอดอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลมพลางเอ่ยขึ้นมา

“แล้วมันต่างกันตรงไหน?!? แล้วเราจะอยู่ที่ไหน? แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายอีก เราไม่อยากให้แม่ต้องเดือดร้อน!!” ตอนนี้น้ำตาของชานท์ที่พยายามกลั้นไว้กลับหลั่งออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันพรั่งพรูออกมาจาวรุฒรู้สึกเจ็บจี๊ดที่กลางอก

“เรื่องนั้นไม่เป็นไร? เราจัดการเอง!!” วรุฒพูดจบก็ใช้นิ้วเช็ดปาดน้ำตาคนตัวเล็ก และเดินออกไปนอกชานเพื่อคุยโทรศัพท์ทันที
ชานนท์ตอนนี้ได้แต่นั่งสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาทำอะไรผิด?

................


เพียงหนึ่งชั่วโมงนับจากที่วรุฒรับปากชานนท์ว่าจะจัดการทุกอย่างเอง ชานนท์และข้าวของต่างๆ ของเขาก็ถูกย้ายมาที่คอนโดมีเนียม ใกล้ๆมหาวิทยาลัย

ภายในห้องถูกประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์บิ้วต์อินสีเบจและลายไม้โอ๊คสีน้ำตาลอ่อน ภายในห้องแม้สะอาดสะอ้านแต่ก็ยังมีกลิ่นสีและทินเนอร์อยู่อย่างบางเบา พื้นผิวที่เป็นวัสดุแนวกระจกต่างถูกปิดคลุมด้วยแผ่นพลาสติกบางเบาที่พร้อมจะหลุดหากคิดจะดึง ห้องนี้อยู่ที่ชั้น 18 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุด ทำให้เมื่อมองออกไปที่นอกชานและบานหน้าต่าง ทำให้เห็นทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัยและบริเวณโดยรอบทั้งหมด

“ห้องใครเนี่ย?” ชานนท์ถามขึ้นขณะเดินสำรวจ
“ห้องของเราไง” วรุฒพูดขึ้นหลังจากจัดการสั่งคนงานที่ช่วยขนย้ายทรัพย์สินของเขาเข้ามาในห้อง
“อะไรนะ?!?” ชานนท์แสดงสีหน้าเหวอออกมาจนวรุฒอดขำไม่ได้
“ใช่ เราซื้อไว้นานแล้ว ตอนนั้นเผื่อว่าเราเจอรูมเมทที่เราไม่ชอบหน้าจะได้หนีออกมาอยู่ที่นี่” วรุฒมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจความเรียบร้อย

“หา!?!” ชานนท์เหวออีกรอบ
“แต่พอมาเป็นแบบนี้ ดันเอารูมเมทมาเป็นแฟนก็เลยคิดว่าจะชวนนายย้ายออกมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ตอนแรกก็กลัวนะว่านายจะไม่ยอมย้าย แต่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้เสียก่อนก็เลยได้ย้ายสมใจ” วรุฒหันมายิ้มหวานให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“อย่าบอกนะว่า... นายเป็นคนจัดการ!!” ชานนท์เลือดขึ้นหน้า
“จะบ้าเรอะ! ถึงเราจะแผนการเยอะ แต่ทำขนาดนี้ไม่ได้หรอก การปลดเรื่องทุนการศึกษาออกน่ะ มันต้องเส้นใหญ่กว่านั้น!!” วรุฒเดินไปจับไหล่อีกฝ่ายให้สงบสติอารมณ์ ให้ชานนท์ได้มองไปในดวงตาเขาว่าไม่ได้โกหก

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” ชานนท์กลับสู่โหมดคิดมากอีกแล้ว
“ไม่ต้องกังวลไปเดี๋ยวเราจัดการเอง!!” วรุฒโอบอีกฝ่ายแน่นขึ้น
“ไอ้เรื่องที่อยู่ หมดปัญหาไปแล้วก็จริง! แต่เรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนล่ะ ที่นี่มันแพงมากเลยนะ เราไม่อยากให้แม่เดือดร้อน!” ความกังวลใจวิ่งเข้าชนชานนท์เข้าอย่างจังจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้

“แต่นั้นเอง! เราดูแลนายได้น่า” วรุฒยิ้มและใช้มือหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ แก้มนุ่มๆ สีขาวเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อทันที
“โอ้ย!! ไม่เอา!! เราเกรงใจ นายก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนี่นา” ชานนท์เคยได้ยินว่า พ่อของวรุฒให้เงินก้อนเดียวเพื่อให้วรุฒเรียนจบให้ได้ จะไม่สามารถขอเพิ่มได้ อีกแล้วเป็นการลงโทษ ถึงแม้แม่ของวรุฒจะแอบช่วยเหลือเรื่องค่าเล่าเรียนให้ แต่เงินที่ได้มามันก็ต้องมีวันหมด

“เงินสิบล้านที่ได้มามันไม่มากก็จริง แต่คิดว่าเราจะผลาญใช้ให้มันหมดอย่างเดียวหรือไง? เราเอาไปลงทุน ทั้งเอาไปทำงาน จนมันงอกเงยขึ้นมาตั้งเกือบสามเท่าแล้ว เงินของเรา เราจะใช้อะไรก็เรื่องของเรา แฟนคนเดียวดูแลไม่ได้จะไปทำอะไรได้ล่ะ!! จริงไหม?” วรุฒพูดจบก็ขยี้ศรีษะคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู

“แต่....” ชานนท์ยังมีสีหน้าไม่ดีนัก
“ไม่มีแต่.... หากไม่สบายใจก็เรียนให้จบ หางานทำ แล้วหาเงินมาใช้ก็ได้ ระหว่างนี้..... เราแค่ขอให้นายตามใจเราหน่อยก็เท่านั้นเอง!” วรุฒยิ้มด้วยสายตาที่ทำให้ชานนท์ขนลุกไปทั้งตัว
“เออ..... ก็ได้....” ชานนท์รู้สึกหัวใจสูบฉีดจนเลือดฝาดเติมเต็มใบหน้า

.............



จนกระทั้งในวันเปิดเทอมวันแรก ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมชานนท์กับวรุฒถึงต้องขับรถยนต์มามหาวิทยาลัยด้วย เพราะปกติชานนท์จะใช้วิธีเดินมา

เพราะเนื่องจากที่พักอยู่ไกลขึ้นจึงทำให้ชานนท์จำต้องยอมนั่งรถซูเปอร์คาร์ของวรุฒมาเรียน เพื่อนๆ ทุกคนรู้สึกแปลกใจแต่ก็มีเพียงคนเดียวที่กล้าเปิดปากถามเขาทั้งสองคน

‘ยัยเมย์’

ด้วยความที่อารมณ์ของชานนท์ยังไม่พร้อมจะเล่าจึงทำให้เมย์ต้องยอมถอยทัพเผือกกลับไปนั่งเรียนจนจบวัน ซึ่งกำเผือกร้อนไว้กลางอกจนแทบทนไม่ไหว

“นนท์ ขอถามหน่อย วันนี้นายเป็นอะไรวะ?” เมย์วิ่งปราดเข้ามาถามทันทีที่จบการเรียนของวันแรก ซึ่งเป็นวันที่ไม่ควรจะมาเครียดอะไรได้เลย เพราะเรียนน้อยมาก (วิชาพื้นฐานแบบนี้ไม่ควรเครียดตั้งแต่วันแรกนะ)

“เมย์.. เราขอ” วรุฒพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไรของนาย? อย่าบอกนะว่าทะเลาะกัน!!” เมย์ชี้หน้าวรุฒ
“ใช่ที่ไหนเล่า!!” วรุฒปัดมือคนที่ชี้หน้าเขาตกไป
“ไม่มีอะไรหรอก” ชานนท์ตอบกลับเสียงเรียบ
“มันจะไม่เป็นอะไรได้ไงเนี่ย ดูหน้าตัวเองสิ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นแทบไม่แสดงอารมณ์เลย แถมนั่งเหม่อทั้งวัน ทำอย่างกับจะโดนไล่ออก!!” เมย์พล่ามไปเรื่อย แต่สีหน้าของชานนท์กลับซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“เมย์!! ยัยปากหมาเอ้ย!!” วรุฒยืนขึ้นทันทีที่เห็นหน้าถอดสีของแฟนตัวเอง
“อะไรของนายเนี่ย!!” เมย์โวยลั่นอย่างงงงวยกับสถานการณ์วันนี้

“นักศึกษาคะ!!”
เสียงที่ไม่คุ้นหูและดุดันดังขึ้นจากทางหน้าห้องเรียน

“ค่ะ!!” ยัยเมย์เป็นคนเดียวที่ตอบ หน้าซีดลงเล็กน้อยเนื่องจากเมื่อครู่เธอโวยลั่นทำให้กลัวโดนอาจารย์ที่เดินผ่านมาดุ

“เลิกเรียนแล้ว ทำไมยังไม่ออกจากห้อง!” หญิงสูงวัยใส่แว่นตาอันโตดุกลับ
“เอ่อ..... คือว่า....” เมย์พยายามหาคำแก้ตัวอย่างลนลาน
“ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว!! ออกกันไปได้แล้ว เดี๋ยวคลาสถัดไปจะได้เข้ามา!!”  หญิงชราดุเสียงเข้ม
“ครับ / ค่ะ” ทั้งหมดตอบรับพร้อมกัน
“เออ!! แล้วมีนักศึกษาชื่อชานนท์หรือเปล่า?” หญิงชราคิ้วขมวด
“เอ่อ.. ครับ ผมเองครับ” ชานนท์รีบยกมือขึ้นตอบ
“สำนักงานผู้อำนวยการเรียกพบน่ะ ประกาศตั้งแต่บ่ายแล้ว ไปรายตัวหรือยัง? เขาให้บรรดาอาจารย์ในภาควิชาหากันให้ควั่ก!!” หญิงชราแผดเสียงดุ

...........

“ไม่เป็นไร เราไปคนเดียวได้!” ชานนท์หันมาย้ำกับวรุฒที่เดินตามเขาเหมือนเงาตามตัว
“ไม่ได้! มันแปลกๆ แม่เราไม่อยู่เสียหน่อย ใครจะเป็นคนเรียกนายได้!” วรุฒพูดเสียงแข็งแต่สีหน้าแสดงความกังวล

“อืม..... อาจ... จะเป็นคนอื่นก็ได้มั้ง?” ชานนท์รู้สึกไม่ดีเช่นกันแต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“เดินไปเถอะ! หากเราเห็นว่าไม่มีอะไรจริงๆ เราจะกลับ!!” วรุฒดันอีกฝ่ายให้เดินไปตามทางเดินแนวยาวของอาคารชั้นบนสุด

เท่าที่วรุฒสำรวจก็พบว่าชั้นนี้ยังคงเงียบเชียบไร้ผู้คนเช่นเคยในเวลานี้ ทำให้เขาเบาใจไปได้พอสมควร เพราะหากเป็นเรื่องที่เขากังวลว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ สภาพชั้นนี้คงไม่ต่างจากย่านยากูซ่าแน่นอน

ในที่สุดก็เดิมมาจนถึงสำนักงานของผู้อำนวยการ ชานนท์และวรุฒเห็นแสงไฟลอดออกมาจากภายในผ่านกระจกสีขาวขุ่นกึ่งโปร่งแสง วรุฒเองแอบเบาใจไปได้เปราะหนึ่งที่เห็นทุกอย่างเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น

‘หรือแม่เขากลับมาก่อนกำหนด? ดีเลย! จะขอฟังคำอธิบายของแม่เสียหน่อย แค่เคยบอกว่าอยากพาชานนท์ไปอยู่คอนโดฯที่ซื้อไว้ แต่ก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย!’ วรุฒคิดในใจ
 
ประตูถูกมือขาวบอบบางผลักเข้าไป แต่ภาพคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับไม่ได้เป็นคนที่เขาคาดหวังว่าจะเจอ

“มาจนได้นะ ปล่อยให้รอเสียนาน อ้าว!! ไอ้ลูกชายนอกคอกก็มาด้วย ดีเลย จะได้พูดทีเดียว!!” ชายวัยสี่สิบปลายๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ของผู้อำนวยการ สีหน้าเข้มขรึมแววตาจริงจัง พูดด้วยน้ำเสียงเข้มเด็ดขาด รอยยิ้มที่แสดงที่มุมปากที่ได้แสดงให้เห็นถึงความปราณีเลยแม้แต่น้อย ดวงตาส่งมานั้นเหมือนมีประกายวูบวาบน่ากลัวแฝงอยู่ ชานนท์แค่เพียงเห็นก็อดขนหัวลุกด้วยความกลัวไม่ได้

“พ่อ!!” วรุฒอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“เข้าไปได้แล้ว!!” คนในชุดสูทสีดำและกรมท่าที่ไม่ทราบว่าไปอยู่ตรงไหนมาเมื่อครู่ได้ปรากฏตัวที่ด้านหลังของทั้งสองคน และพยายามดันหลังทั้งสองคนเข้าไปในห้อง พร้อมเดินตามเข้ามาด้วย และไปหยุดที่ด้านข้างผู้ที่นั่งคอยอยู่

“ลุงว่าลุงเคยเตือนเราแล้วนะนนท์!!” เสียงเย็นเยียบส่งออกมาจากปากสีซีด
“พ่อจะทำอะไร!!” วรุฒโผล่งขึ้นมาในขณะที่ชานนท์ปากสั่นพูดอะไรไม่ออก
“ก็ไม่อะไร แค่ไม่อยากให้แกไขว้เขว่อีกแล้ว!!” ปากที่แสยะยิ้มเย็นพูดออกมาเสียงเรียบ
“ผมไม่เคยไขว้เขว เรื่องของนนท์คือเรื่องที่ผมไตร่ตรองมาดีแล้ว!!” วรุฒสวนกลับไปเสียงดัง
“งั้นก็ทำให้พ่อไม่มีทางเลือก!!” ผู้เป็นพ่อพูดจบก็โยนจดหมายฉบับหนึ่งมาตกลงที่หน้าของชานนท์

ชานนท์ก้มลงหยิบจดหมายที่มีตราของมหาวิทยาลัยด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนที่วรุฒจะห้ามการเปิดผนึกจดหมายได้ทัน ชานนท์ก็คลี่เปิดจดหมายอ่านเสียแล้ว

“มันคืออะไรพ่อ!!? มันหมายความว่าอะไร!!?” วรุฒหันไปตวาดใส่ผู้เป็นพ่อ

กระดาษที่ตรามหาวิทยาลัยร่วงลงบนพื้นทันทีที่คนตัวเล็กอ่านไปได้สักพัก และชานนท์ก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“จดหมายพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา.....”

“พ่อ!!!!” วรุฒส่งสายตาแข็งกร้าวและก้าวออกไปพร้อมจะไปถามบิดาตนเองว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี่!! แต่ก็ถูกชายในชุดสูทจับไว้ได้ทัน

“เพราะทำตัวไม่เหมาะสมน่ะสิ” ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นเดินไปหาชานนท์ และวางมือหยาบลงบนบ่าที่สั่นเทาของคนตัวเล็กที่ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ นอกจากหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แล้วผู้เป็นพ่อก็หัวเราะในลำคอเดินไปที่ประตู

“อ้อ พวกมึง.. ทำยังไงก็ได้อย่าให้ทั้งสองคนมันตามเรามาตอนกลับ กูรำคาญตาภาพพวกมันสองคนแบบนี้ อ้อ แต่ยังไงนั่นก็ลูกกู พวกมึงก็เบามือหน่อยล่ะกัน ส่วนอีกคน..... แล้วแต่พวกมึงเลย!!!” แล้วบุรุษที่มีอำนาจล้นฟ้าคนนั้นก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงเสียงรองเท้าคัทชูหรูหราที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป

.......................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 1) อัพ 18 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-05-2020 17:43:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพ่อนี่มันเลวเข้ากระดูกจริง ๆ

ชานนท์ไม่ได้ทำอะไรให้มันสักหน่อย

ระวังเถอะ กรรมจะตามสนอง
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 29 ส่วนที่ 2) อัพ 24 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 24-05-2020 10:20:48

“เป็นไงบ้าง?” ชานนท์ถามวรุฒเสียงสั่น ในขณะที่วรุฒโอบกอดชานนท์แน่นในอ้อมแขนชนิดไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายชานนท์โผล่พ้นร่างกายตนเองเลย

“เรา.. โอย... โอเค... ไอ้พวกนี้แม่งเล่นจริงนี่หว่า” วรุฒคลายอ้อมกอดของเขาออกขณะที่เห็นว่าเหตุการณ์ตะลุมบอนเมื่อครู่หมดไปแล้ว ณ ตอนนี้ห้องผู้อำนวยการกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เพราะเหลือเพียงวรุฒและชานนท์เพียงสองคน

“นายมันบ้ามากเลยรู้ไหม?” ชานนท์พูดตำหนิอีกฝ่ายทั้งที่มีน้ำรื้นอยู่เต็มดวงตา
“นายนั่นแหละที่บ้า!! อยากตายนักหรือไง มือตีนไอ้พวกนั้นมันเบาเสียทีไหน ไอ้พวกบอดี้การ์ดพวกนั้น มันฆ่าคนด้วยมือเปล่าได้เลยนะ!! เนี่ยมันเห็นเป็นเราหรอกนะถึงได้รามือไปง่ายๆ ไม่งั้นนายน่ะได้ไปหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลไปแล้ว!!” วรุฒพยายามทรงตัวแต่ก็มีอาการเคล็ดยอกจนต้องร้องโอดโอยเป็นระยะ

คำพูดนี้ทำให้ชานนท์ถึงถึงภาพหวาดเสียวเมื่อครู่ที่บอดี้การ์ดสี่คนตรงรี่เข้ามาทำร้ายชานนท์ด้วยรังสีอำมหิตที่แผดมาจากสายตาภายใต้แว่นสีชาเหล่านั้นก็ทำให้ชานนท์รีบก้มลงคุดคู้ป้องกันหมัดเท้าที่กำลังจะประเคนมาให้เขาหลังจากที่คำสั่งของผู้เป็นนายสิ้นสุดลง

โชคยังดีที่วรุฒที่สามารถดิ้นหลุดจากการจับกุมของบอดี้การ์ดอีกคนได้ วรุฒวิ่งปราดเข้ามาสวมกอดและคุ้มครองชานนท์ได้ทันจึงทำให้ชานนท์โดนแค่หมัดและเท้าไปไม่กี่ชุด แต่เท่านั้นก็ทำให้คนร่างบอบบางอย่างชานนท์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

วรุฒโดนซัดอยู่ไม่กี่ชุดทางบอดี้การ์ดก็รามือเพราะว่ายังไงก็เป็นลูกของผู้เป็นนาย พอจะคุ้นเคยกันอยู่บ้าง จึงยอมเลิกลาไปก่อนที่เจ็บหนัก รวมกับภาพที่เห็นที่วรุฒพยายามรับมือรับเท้าแทนคนที่รักก็สะท้อนใจจนต้องยอมลดแรงมือแรงเท้าไปบ้าง

“มาเราช่วยพยุง” ชานนท์พูดขึ้นทั้งที่หน้าตนเองเริ่มมีอาการเจ็บบวมช้ำจากหมัดแรก อาการบาดเจ็บทั้งหมดจของเขาไม่เท่ากับความเจ็บจี๊ดที่ใจซึ่งหนักหน่วงกว่ามาก เขาไม่สามารถปกป้องคนที่เขารักได้เลย!!
“โธ่!!โว้ย!!” วรุฒใช้หมัดชกไปที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุดหลังจากถูกชานนท์พยุงขึ้นมายืนได้สำเร็จ
“ทำบ้าอะไร เจ็บตัวอยู่ไม่ใช่เรอะ! ชานนท์ดุใส่อีกฝ่ายด้วยปากที่มีรอยเลือดซิบที่ริมฝีปาก
“เราไม่เป็นอะไรแล้ว นายล่ะเป็นไงบ้าง?” วรุฒยืดตัวตรงพยายามทำตัวให้ปกติ และใช้มือเชยคางอีกฝ่ายให้แสงไฟในห้องส่องกระทบใบหน้าที่ตอนนี้มีสีแดงสีม่วงช้ำแต้มอยู่เป็นจุดๆ

“เราโดนไปไม่กี่ทีเองนายนั่นแหละโดนไปเยอะเลย!” ชานนท์เห็นหน้าอีกฝ่าย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามีรอยพกช้ำ เสื้อนักศึกษามีรอยฝุ่นรอยเปื้อนหลายหลายขนาดจนหมดหล่อไปเยอะเลย น้ำในตาเริ่มหยดลงมาที่แก้มอย่างไม่ตั้งใจ

“นี่! พวกมันเบามือแล้ว เราโอเค ไป! กลับไปทำแผลกันแล้วคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไรกันต่อ?” วรุฒพูดถึงตรงนี้ก็ทำให้สีหน้าชานนท์หมองลงทันที และหันไปมองกระดาษแผ่นนั่น กระดาษที่มีตรามหาวิทยาลัยที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้

“เอาน่า เดี๋ยวเราคุยกับแม่เองว่าจะทำแบบนี้ไม่ได้ แม่มีเหตุผลกว่าไอ้พ่อเฮงซวยนั่นเยอะ!!” วรุฒพูดจบก็โอบไหล่คนหน้าซึมให้ออกเดินแต่ตนเองก็ร้องโอยออกมาจนทำให้ชานนท์ส่ายหน้าและช่วยพยุงกันเดินออกจากห้องไป

...................


เสียงการต่อสายโทรศัพท์หลายต่อหลายครั้งจนทำให้หน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำของวรุฒหงุดหงิด แม้จะแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าไม่ได้มาก แต่รังสีอำมหิตก็แผ่ออกมาจนชานนท์รู้สึกได้

“ทำไมยังติดต่อแม่ไม่ได้อีกเนี่ย!!” วรุฒเหวี่ยงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ลงพื้นที่นอนนุ่มสุดแรงจนโทรศัพท์กระเด้งกระดอนไปทั่วผืนผ้าสีเทาอ่อนลายคล้ายหินอ่อนสีสวย

“..........” ชานนท์ที่กำลังปวดใจกับเอกสารฉบับเดิมที่เขาเก็บมาด้วย พลางเปิดเวปไซต์ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อตรวจสอบสถานภาพการเป็นนักศึกษาของเขา ซึ่งตอนนี้ที่หน้าจอปรากฏคำว่า “not found” ชัดเจนเด่นหราที่กลางจอ

“เลิกดูได้แล้ว..... ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้เชื่อเราสิ” วรุฒพยายามใจเย็นและปลอบคนตัวเล็กด้วยการลูบเส้นผมที่นุ่นสลวยไร้เจลแต่งผมเบาๆ ดวงตาที่แดงกล่ำช้ำจากการกลั้นอาการเสียใจมองมาที่วรุฒ ทำให้ก้อนเนื้อที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดมันกระตุกเจ็บจี๊ด

วรุฒกำหมัดแน่นกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาสุดทนกับบิดาตนเองที่คอยบงการชีวิตเขาทุกสิ่ง แม้กระมั่งความรักของเขา ที่ผ่านมา เขาไม่เคยมองเรื่องเพศมันสำคัญ แค่ทำตามใจตัวเอง หากใจของเขามีความสุข เขาก็ปล่อยให้มันไปตามความรู้สึกของตนเอง ไม่เคยยึดถือกฏเกณฑ์ทางสังคมเข้ามากีดกั้นความรู้สึกของตนเอง

ที่ผ่านมาวรุฒพยายามหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับพ่อมาตลอดเพื่อปกป้องคนที่เขารัก แต่ในเมื่อพ่อทำร้ายคนที่เขารักขนาดนี้ เขาก็พร้อมที่จะดับเครื่องชนกับพ่อเขาทันที

&£@&£££@&&

เสียงดนตรี เป็นริงโทนจากโทรศัพท์ของชานนท์ดังขึ้น ชานนท์มองไปที่หน้าจอด้วยสีหน้าหวาดๆ ชื่อที่แสดงขึ้นที่หน้าจอคือ ‘แม่’

“ครับแม่” ชานนท์ตอบด้วยอาการเสียงสั่น
“แม่ได้รับหนังสือจากทางมหาวิทยาลัย..” เสียงเรียบที่ตอบกลับมาทางโทรศัพท์ทำให้น้ำตาที่กลั้นไว้ของชานนท์ไหลเป็นเขื่อนแตก แม้ไม่มีเสียงสะอื้น แต่ไหล่นั้นสั่นเทาเหมือนแบกอะไรหนักหนาสาหัสที่มองไม่เห็น วรุฒมองด้วยสายตาเป็นห่วงและกัดฟันกรอด มือได้เอื้อมไปจับไหล่คนตัวเล็กหวังจะแบ่งเบาความหนักอึ้งเหล่านั้นได้บ้าง

“แม่.... คือ....” เหมือนน้ำตาที่ไหลหลากไปกั้นเสียงที่ควรจะกล่าวพูด เสียงทั้งหมดกลืนหายไปในลำคอ

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว....... แม่เข้าใจ..... แม่....” เสียงที่ส่งผ่านลำโพงมานั้นย้ำให้ชานนท์รู้ว่า ความรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดของเขานั้น ได้ถูกส่งผ่านผ่านสายโทรศัพท์ล่องหนไปแล้ว แม่ของเองก็ทุกข์ใจเมื่อเห็นเขาทุกข์ใจเช่นกัน ชานนท์เลยค่อยๆ สะกัดกั้นเสียงสะอื้นและกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมามากกว่านี้

“แม่...” เสียงของชานนท์สดใสขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไร หลับมาบ้านเราลูก!! แม่คิดไว้แล้วว่าการไปยุ่งกับคนในตระกูลนั่นรังแต่จะทำให้มีแต่เรื่องเจ็บปวด!!” แม่พูดเสียงเข้มขึ้น!

“หมายความว่าอย่างไร? ...โอ้ย” ชานนท์คงแสดงสีหน้ามากไปกับประโยคแปลกของแม่เขาจนทำให้แผลที่ถูกใส่ยาไว้ปริแตกจนส่งเสียงร้องผ่านสายโทรศัพท์ไป

“นนท์เป็นอะไรลูก!!” เสียงของผู้เป็นแม่ดังลอดโทรศัพท์จนวรุฒได้ยิน
“ไม่... ไม่มีอะไรครับ ผม... แต่เดินไปหยิบปากกาครับ!” ชานนท์ที่โกหกไม่ได้เรื่องจนติดลบ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่แฟนตัวสูงของเขา
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะปกป้องนนท์เอง!!” วรุฒคว้าแย่งโทรศัพท์ชานนท์ไปพูดตอบ ชานนท์ได้แต่ทำหน้าเหย่เกเพราะถ้อยคำที่ตอบแม่ไปไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย

“เธอ!! เธอเองก็เหมือนพ่อของเธอ!!” แล้วเสียงปลายสายก็ตัดไปอย่างฉับพลัน วรุฒได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ

“อ้าว!!” ชานนท์ทำหน้าเหวอ และส่ายศรีษะแรงๆ พร้อมวิ่งแย่งโทรศัพท์มาคืนเพื่อติดต่อหลับไปหาแม่ แต่แม่ตอบเขาเพียง  “เดี๋ยวแม่จัดการเอง!!”

...................


เช้าวันรุ่งขึ้นในขณะที่ชานนท์ทำได้เพียงนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงนุ่ม ณ ห้องในคอนโดฯหรูหราย่านมหาวิทยาลัย อาการบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวานยังคอยตามรังควานความรู้สึกให้เจ็บปวดตึบบ้างเป็นครั้งคราว จนทำให้นอนหลับลำบาก แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้จิตใจเขาขาดความสงบจนแทบไม่ได้หลับทั้งคืน มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว สถาบันที่เขาใฝ่ฝันและคว้ามาได้สำเร็จ จบลงในระยะเวลาไม่ถึงปี

“นอนไม่หลับ?” เสียงเบาๆเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“อืม...” ชานนท์พยักหน้าทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่
“มานี่มา!” วรุฒโยนแขนตัวเองไปโอบรั้งร่างเล็กบางที่นอนอย่างกระวนกระวายใจเข้ามากระชับใกล้อย่างอ่อนโยน วรุฒกอดแน่นขึ้นจนชานนท์รับรู้ถึงความอบอุ่นของอีกฝ่ายที่ส่งผ่านเข้ามา เสียงหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอทำให้ชานนท์ผ่อนคลายจนกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างหยุดการหดเกร็ง ความง่วงงุนที่สะสมไว้เริ่มออกฤทธิ์

“เหนื่อยก็นอนนะ” วรุฒพูดใส่กลุ่มผมนุ่มนวลของอีกฝ่าย
“แต่......” ชานนท์เหมือนกำลังจะพูดความรู้สึกออกมา แต่เหมือนมีอากาศจุกอยู่ที่หลอดลมจึงหยุดค้างไว้ แต่วรุฒเข้าใจ.... เขารู้ว่าแฟนตัวเล็กต้องอดทนขนาดไหนที่จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็น ชานนท์เป็นคนขี้เกรงใจแม้แต่แฟนตัวเอง ไม่อยากให้วรุฒต้องรู้สึกทุกข์ใจไปกับเขาด้วย
“ไม่มีแต่! นอนไปเถอะ..... เราวางแผนไปเจอแม่ไว้แล้ว ทางเลขาฯ ส่งข้อความมาบอกแล้วว่าแม่เราจะเข้าทำงานบ่ายนี้! เดี๋ยวเราไปด้วยกัน ดังนั้น... ตอนนี้พักผ่อนเอาแรงก่อน!!” วรุฒร่ายยาวเพื่อให้อีกฝ่ายยอมพักผ่อน

“แต่... เช้านี้นายมีเรียน...” ชานนท์เงยหน้าขึ้นมาสบตาคนที่โอบกอดเขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่กลัวฟ้าร้อง
“มันไม่สำคัญเท่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราหรอก!” วรุฒจ้องมองอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาจริงจัง
“นายมันบ้า” คนตัวเล็กที่ตอนนี้ผมยุ่งรุงรังไปหมดกล่าวต่อว่าอีกฝ่ายก่อนที่จะมุดลงไปให้อ้อมอกแฟนร่างสูงของเขาและนิ่งไปพักใหญ่จนได้ยินเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอและสงบดี

วรุฒผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเองก็แทบไม่ได้นอนเหมือนกัน เขากลัวอีกฝ่ายจะทำอะไรโง่ๆ เหมือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ชานนท์ขยับตัว เขาก็จะสะดุ้งตื่นด้วยความระแวดระวัง จนถึงเช้า ดังนั้นพอเห็นอีกสงบลง เขาก็ปล่อยตัวเองดำดิ่งไปสู่ห้วงนิทรา ทั้งๆ ที่ยังคงกอดคนที่เขาทั้งรักและหวงไปด้วยอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ปล่อยคนคนนี้ หายไปไหนอีก!

.....................

แสงแดดแผดร้อนช่วงตะวันทำมุมฉากกับพื้นจากภายนอกส่องลอดช่องระหว่างม่านสีทึบจนทำให้สองหนุ่มบนเตียงรีบลุกขึ้นดูนาฬิกาที่สมาร์ตโฟนเครื่องใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณหัวเตียง

“เชี้ย!!” เสียงใหญ่จากหนุ่มตัวสูงร้องลั่นหลังจากมองไปที่หน้าจอ
“ทำไมเหรอ?” ชานนท์ลุกขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย มือหนึ่งก็ขยี้ตาและมองไปรอบๆ ห้องที่ยังคงอยู่ในโทนมืดเพราะประสิทธิภาพของม่านผืนใหม่

“สายแล้วน่ะสิ จะถึงเวลานัดกับคุณเลขาฯแล้ว!!” วรุฒผุดลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกทันที
“โอเค! งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ!!” ชานนท์นีบกุลีกุจอลงจากจากเตียงด้วยความรีบร้อนจนเกือบล้ม
“ไม่ทันแล้ว!! อาบด้วยกันเลย!!” คนตัวสูงเดินไปคว้าตัวอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ล้มหน้าคว่ำด้วยร่ายกายที่เปลือยเปล่าเห็นชัดทุกลอนกล้าม
“อย่ามาคิดทะลึ่งเวลาแบบนี้!!” ชานนท์ค้อนใส่เมื่อเห็นอีกฝ่ายล้อนจ้อน เผยให้เห็นความเป็นชายตั้งตระหง่านฉากกับพื้น
“คนเพิ่งตื่นนอนก็แบบนี้ คนมันสุขภาพดี!!” คนตัวสูงพูดจบก็ใช้มือยกอีกฝ่ายในท่าเจ้าสาวเดินเข้าห้องไปทั้งที่ยังใส่ชุดนอนอยู่เลย
“เฮ้ย!!!” ชานนท์ทำได้แค่ร้องเหวอ

........................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 2) อัพ 24 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-05-2020 10:38:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

แม่ของชานนท์กับพ่อของวรุฒ   ต้องมีเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันแน่นอน

แต่...อย่าให้ถึงกับว่า วรุฒและชานนท์เป็นพี่น้องกันเลย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 29 ส่วนที่ 3) อัพ 31 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 31-05-2020 12:10:18

โอย....

ชานนท์โอดหลังจากวิ่งลงจากรถไปถึงจุดหมาย

“ไม่ไหวก็ไม่ต้องรีบ!” วรุฒที่เดินตามหลังมาด้วยท่าทางสบายเอ่ยทัก
“ก็เพราะใครล่ะ ไอ้ที่เจ็บอยู่นี่เพราะใคร แล้วไอ้ที่สายนี่เพราะใคร? ไหนว่าจะไม่ทำไง!!” ชานนท์ชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่าย

“ก็ตั้งแต่ย้ายมาก็ยัง.....” วรุฒยิ้มกวนๆใส่อีกฝ่าย ชานนท์ไม่เข้าใจว่าไอ้คนขรึมพูดน้อย อารมณ์เสียทั้งวันสมัยก่อนคนนั้นหายไปไหน?
“แล้วมันใช่เวลาไหม? ดูสิ!! ทั้งที่ตัวเองก็ช้ำไปเกือบทั้งตัวแบบนี้!! เฮ้อ... รีบเดินเหอะ!!” ชานนท์ไม่อยากเอาพลังงานที่เหลือไปกับไอ้คนแบบนี้ เลยตัดบทเดินต่อไปจนถึงที่หมาย เพราะตอนนี้สายกว่าที่นัดหมายมากแล้ว

ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าห้อง เลขาฯของ ดร.ภาก็มายืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษนะครับ เลยเวลาที่เรานัดกันไปเยอะเลย” วรุฒกล่าวขอโทษตามสไตล์คุณชายใหญ่ สีหน้าไม่ได้ดูสำนึกผิดแม้สักนิด แต่ปฏิกิริยาของคุณเลขาฯ กลับไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของวรุฒทั้งยังยกมือขึ้นมาในท่าห้าม
“รอก่อนคะ ท่านผู้อำนวยการมีแขกคะ“ เลขาฯในชุดสูทเรียบร้อยกล่าวเสียเรียบ
“งั้นผมรออยู่หน้าห้องก่อนก็ได้” กล่าวจบวรุฒก็หันกลับไปนั่งที่โซฟารับรองหน้าห้องทันที เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วจนชานนท์ได้แต่ยืนเลิ่กลั่กอยู่ที่เดิม จนวรุฒขยับศรีษะชวนให้ชานนท์นั่งข้างๆ ตน

“เฮ้อ... ดิชั้นเตือนด้วยความหวังดีนะคะ คุณควรกลับไปก่อนดีกว่านะคะ” คุณเลขาฯถอนหายใจและกล่าวเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะครับ?! หรือว่าแม่ผมมีประชุมสำคัญต่อจากนี้ งั้นผมแค่แทรกนิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้งครับ!” วรุฒดื้อรั้นตามสไตล์เขา
“.......” คุณเลขาฯ ไม่ตอบโต้เพียงแต่หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่าง

“งั้นก็ตามมาคะ” คุณเลขาฯพูดขึ้นหลังจากรอข้อความตอบกลับจากอีกปลายทางหนึ่ง

£&£&£&

เสียงดนตรีเป็นเสียงริงโทนดังขัดจังหวะการลุกขึ้นเดินตามคำเชิญของคุณเลขาฯ ชานนท์ยกหน้าจอขึ้นดูทันทีก็พอว่า “แม่” คือชื่อที่แสดงอยู่ที่หน้าจอ ณ ขณะนี้

“เอาไงดี?” ชานนท์ถามแฟนตนเองด้วยอาการลนลาน
“อย่าเพิ่งรับเลย เข้าไปคุยกับแม่เราก่อน เวลามีน้อย!!” วรุฒไม่เห็นด้วย
“แต่นี่.... แม่นะ เราไม่เคยไม่รับสายแม่” ชานนท์พูดจบก็ใช้นิ้วปาดไปที่หน้าจอและกล่าวคำทักทายที่ปลายสายทันที

วรุฒกรอกตาไปหนึ่งรอบพร้อมบ่นพึมพำว่า ‘แล้วจะถามทำไม?’

“ทำไมรับสายช้า!!” แม่ชานนท์มีน้ำเสียงเกี้ยวกราดอย่างที่รู้สึกได้แม้ตัวจะอยู่ห่างไกล
“คือ... รุฒ.... เขา... จะพาไป....พบแม่เขาเพื่อจะคุยเรื่อง.... การถูก....” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“คุยที่ไหน?” เสียงเข้มของมารดาดังลอดโทรศัพท์ออกมา
“ที่... สำนักงานผู้อำนวยการ...”

ตื้ดๆๆๆๆๆ

เสียงอีกฝ่ายตัดสายไปจนชานนท์ถึงกับอึ้งยืนค้าง เขาไม่เคยเห็นแม่เขาเป็นแบบนี้มาก่อน

“จะไปได้หรือยังคะ?” คุณเลขาฯ ถามเสียงสูง คิ้วที่แทบจะชนกันโป่งนูน และมองไปที่ชานนท์ที่กำลังจะกดโทรศัพท์กลับไปหาผู้เป็นมารดา เขารู้สึกกังวลใจแปลกๆ กับอาการนี้ของแม่

“นนท์ไปเถอะ แล้วค่อยไปขอโทษแม่ทีหลัง ไปจัดการเรื่องตัวเองก่อน!!” วรุฒเดินไปโอบรั้งให้ชานนท์เดินไปข้างหน้า ทางที่เลขาฯยืนรออยู่ด้วยท่าทางไม่ชอบใจ

“เจอกันอีกแล้วนะ!” เสียงคุ้นหูพุ่งเข้าสู่โสตประสาตทันทีที่เปิดประตูเข้าไปปะทะกับอากาศเย็นภายใน

ชานนท์ได้เจอใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ดวงตาที่ฉายแววอำมหิตภายใต้รอยยิ้มที่แสนเย็นชา แม้โครงหน้าดูหล่อเหลาและดูอ่อนกว่าอายุจริงนั้นจะดูน่ามองก็ตาม แต่เวลามองแล้วยังให้ความรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบไม่เปลี่ยน

“พ่อ!!...... แม่” เสียงวรุฒมีความตกใจแฝงอยู่ไม่น้อย เขาไม่คิดว่าพ่อของตนเองจะมานั่งอย่างสบายใจอยู่ในห้องทำงานแม่ตนเอง ทั้งๆ สองคนนี้ไม่เคยอยู่ในห้องเดียวกันนานเกินกว่า 20 นาทีเลย ต้องเป็นทะเลาะกันบ้านแตก

ดร.ภา ดูสงบกว่าทุกครั้ง เธอนั่งอย่างสง่าผ่าเผยบนเก้าอี้ของผู้อำนวยการ ความเป็นแม่ที่เข้าถึงง่ายนั้นหายไปจากบุคลิกภาพของเธอโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้วรุฒและชานนท์รู้สึกแตกต่างออกไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก

“นั่งลงคุยกันดีๆก่อน” ดร.ภากล่าวเสียงเรียบ โดยเจ้าสัวประวิทย์ได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างมีนัย

“ผมมาคุยกับแม่วันหลังก็ได้นะครับ” วรุฒนอกจากจะไม่นั่งลงแล้ว เขายังถามกลับไปทางแม่เขาด้วยสายตาดุดัน
“จะมาตอนไหนก็เหมือนกันแหละ” ผู้เป็นแม่ตอบเสียงเรียบ จนหัวใจชานนท์ตกวูบลงไปตาตุ่ม แรงที่ขาแทบหมดจนเกือบทรุดตัวลงไปกับพื้น เขากำหมัดแน่นและฝืนทำตัวนิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆ

“แม่หมายความว่าไง?” วรุฒฉุนเฉียว
“ก็หมายความว่า เรื่องแฟนผิดเพศของแกจะโดนไล่ออกน่ะ แม่เขาเห็นด้วยกับพ่อไง!!” คนเป็นพ่อตอบแทนด้วยเสียงอันสะใจ

คราวนี้ชานนท์เซเอนตัวไปจนชิดชั้นหนังสือไม่ไกล และพยุงตัวเองไว้ รู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองคงแย่มาก เพราะหลังจากที่วรุฒมาประคองและมองหน้าเขา วรุฒกัดฟันกรอดจนได้ยินเสียงดังลั่น

ส่วน ดร.ภา เธอทำได้แค่หลบสายตาลูกชายตนเองที่มองมาขอคำตอบ

“แม่! ผมอยากฟังคำอธิบายของแม่!!” ลูกชายร่างสูงมองไปทางผู้เป็นแม่ที่พยายามเลี่ยงการปะทะสายตา แต่หลังจากที่เห็นว่าผู้เป็นพ่อจะเริ่มต้นพูดจึงยกมือห้ามปรามไว้ และพยักหน้าเป็นเชิงว่าจะขอพูดเอง

“ครั้งนี้... แม่เห็นด้วยกับพ่อนะ อยากบอกให้รู้ไว้ที่แม่ทำไปเป็นความหวังดีของผู้เป็นบุพการี” เสียงนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนแปลกแยกจากดวงตาทำให้วรุฒรู้สึกต้องการหาคำตอบจากผู้เป็นมารดาของตน แม่ของเขาไม่เคยเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนี้!!

“แม่!!” วรุฒมีคำพูดมากมายแต่จุกอยู่ที่อกไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะหากแม้ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยตัดสินใจแบบนี้ร่วมกับพ่อคนหัวแข็งของเขา มันก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือแฟนของเขาแล้ว

ที่ผ่านมาแม่จะเป็นเสมือนตาชั่งที่อยู่คนละฝั่งกับพ่อของเขาเสมอ แม่จะคอยถ่วงให้ชีวิตเขาสมดุลไม่ตามความบ้าอำนาจของพ่อที่มากจนเกินไป แต่คราวนี้กลับไม่ใช่ แม่ของเขากลับไปเข้าข้างพ่อโดยที่เค้นสมองหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของแม่ แต่เขามองไม่เห็นเลยว่าที่แม่เขาทำแบบนี้ไปเพราะอะไร แม่ไม่เคยกลัวอิทธิพลของพ่อ เพราะพ่อเองก็เกรงใจแม่เขาอยู่มาก ดังนั้นทุกครั้งที่แม่เขาช่วยเขาตัดสินใจในการใช้ชีวิต พ่อจึงแทบจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวมากจนเกินไป

แม้สถานะปัจจุบันของทั้งสองจะแยกกันอยู่ เพราะความเจ้าชู้ของพ่อ แต่พ่อก็ยังเกรงใจแม่อยู่มากในฐานะเมียหลวง

“เดี๋ยวก่อนคะ!! เข้าไปได้นะคะ!!” เสียงคุณเลขาฯโวยวายลั่นอยู่หน้าห้อง ทำให้ความสนใจของคนทั้งห้องลดลงไปจากสีหน้าของวรุฒที่เครียดจนกัดฟันกรอดและหันไปสนใจที่ประตูห้องแทน

ผั๊วะ!!

ประตูห้องเหวี่ยงเปิดออกอย่างแรง โชคดีที่ประตูมีแท่นยางกันกระแทกไม่อย่างนั้นเสียงประตูปะทะกับผนังคงดังลั่นไปทั้วทั้งชั้น

“นนท์!! ไม่ต้องเสียเวลาไปทำอะไร!! กลับบ้านเราลูก!! แม่มารับแล้ว!!” ผู้เป็นมารดาของชานนท์ในชุดทางการ แต่งหน้าแบบวันทำงาน และรวบผมทั้งหมดมัดไปทางด้านหลัง แม้จะดูเหนื่อยล้า แต่รัศมีความสวยยังโดดเด่นอยู่

“นุช!?!” เสียงของชายผู้ชอบบงการทุกอย่างเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แบบที่วรุฒไม่เคยได้ยินมาก่อนแม้กับแม่ของเขา

“จำคนผิดแล้วคะ!!” แม่ของชานนท์หันหน้าหลบชายวัยสี่สิบร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ และตอนนี้ทำสีหน้าตกตะลึงมาก

“นุช!! ต่อให้คุณแก่กว่านี้ผมก็จำได้!!” ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นมาจับแขนแม่ของชานนท์แน่น ทั้งที่แม่ของชานนท์ใกล้จะเดินถึงลูกชายของเธอและพร้อมจะนำตัวชานนท์ออกไปให้พ้นจากที่นี่

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนคนที่เหลือต่างเหลือบตามองกันเองอย่างสงสัย มีเพียงดร.ภาเท่านั้นที่หลับตาลงและถอนหายใจเงียบๆ

“ปล่อย!! ดิชั้นคะ!! เราไม่รู้จักกัน!!” แม่ของชานนท์สะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากมือหยาบใหญ่นั้นง่ายดาย และเดินมาที่ลูกชายตนเองทันที

วรุฒมองหน้าชานนท์เป็นการขอคำตอบ
“แม่เราชื่อแก้วตา ชื่อเล่น ‘ตา’ ไม่ใช่ ‘นุช’ นะ” ชานนท์พูดตอบไปทั้งที่งงอยู่ ทำเอาวรุฒอยากทึ้งหัวตัวเองที่มาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้

“กลับบ้านเรา!!” แม่ของชานนท์คว้ามือของเขาแน่นและพยายามจะลากออกไป

“เดี๋ยวนุช นั่นลูกชายเธอ.... หรือว่า....?” คุณประวิทย์ก้าวมาดักทางออกไว้ และมีอาการสับสนในดวงตา
“ได้คุณประวิทย์!! อยากฟังมากก็จะบอกอะไรให้!!” แม่ของชานนท์รู้สึกหมดความอดทนกับคนตรงหน้า
“ใช่!! นี่มันลูกคุณ ที่ผ่านมาคุณกำลังทำร้ายลูกตัวเอง และลูกชายของคุณทั้งสองคนกำลังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่!! พอใจไหม!! ฉันพยายามในส่วนของฉันแล้ว แต่คุณมันก็เหมือนเดิม!! ดังนั้นฉันจะพูดแค่นี้!! ปล่อยเราสองแม่ลูกไปเถอะ!!” มารดาของชานนท์พูดจบ แข้งขาของคนทั้งห้องก็แทบทรุด โดยเฉพาะวรุฒ.......

มีเพียงคนเดียวที่มองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยแววตาสงบและไร้ซึ่งคำพูดใดๆ

“ขอบใจนะที่ช่วย!” แม่ของชานนท์หันไปทางดร.ภา และฉุดลากลูกชายตนเองที่อยู่ในภวังค์ออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่ดูดกลืนสติของชายทั้งสองคนในห้องให้เข้าสู่ความมืดมิดทางความคิด

..................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 3) อัพ 31 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-05-2020 17:35:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไง.....เดาไว้ตั้งแต่ตอนแรก ๆ แล้ว  ว่าสงสัยสองคนนี้จะเป็นพี่น้องต่างแม่กัน   สุดท้ายก็เป็นจริงจนได้
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 3) อัพ 31 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 01-06-2020 13:23:18
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 3) อัพ 31 พ.ค. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 01-06-2020 13:26:50
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 29 ส่วนที่ 4) อัพ 1 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 01-06-2020 18:28:10

“พ่อ!!! แม่!! อธิบายมา!! ผมงงไปหมดแล้ว!!” วรุฒดึงสติกลับมาพร้อมกับเหวี่ยงสายตาเกรี้ยวกราดใส่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองด้วยความร้อนใจ

คุณประวิทย์ ผู้ทรงอิทธิพลถึงกับเข่าทรุดไปกับเก้าอี้นวมหนังสีน้ำตาล แววตาเหม่อลอยสับสน

“แม่!!” วรุฒเมื่อเห็นพ่อของตนหลุดลอยไปในห้วงความคิดจึงหันไปหามารดาของตนทันที

“ลูก..... แม่ขอโทษนะ” แม่ของเขาพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“แม่รู้มานานหรือยัง?” วรุฒถามเสียงสั่น ท่าทางภายนอกแม้จะดูเกรี้ยวกราดเข้มแข็งแต่ภายในกลับพังทลายไม่เหลือซากของจิตใจ
“ก็สักพัก.... แม่อยากให้แน่ใจจึง... ติดต่อทางนั้นไป.... แล้วความจริงมันก็น่ากลัวอย่างที่แม่คิด..... ลูกไม่ผิดนะลูก แม่ผิดเอง ด้วยเหตุนี้.... แม่จึงเห็นด้วยกับพ่อที่จะแยกลูกทั้งสองออกจากกัน เกินกว่าจะสายไป!!”  ดร.ภา ผู้นำหญิงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจกลับทำเสียงสั่นอย่างที่วรุฒไม่เคยเห็น แปลว่าเรื่องทั้งหมดมันคือเรื่องจริงใช่ไหม?!? วรุฒเซถอยหลังไปสองก้าว
“มันสายไปแล้ว แม่.... แม่ก็รู้ว่าเราคบกันเป็นแฟน.... แปลว่า...... ผม...... ผม.... กับ...... ” คำบางคำที่ไม่กล้าจะเอ่ยกลับตีบตันอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมา แววตาของเขาสับสนทนแทบบ้า
“แก!! อย่าบอกนะว่า ....กับลูกชายฉัน... กับน้องชายของแก!!” คนเป็นพ่อลุกขึ้นคว้าคอเสื้อลูกชายตัวเองจนชนคางดังพลั่ก

น้ำเอ่อล้นออกจากดวงตาของวรุฒอย่างหลุดไม่ได้..... มันไม่ได้มาจากความเจ็บปวดที่บิดาเขาเป็นคนทำ แต่มันเจ็บปวดจากความจริงที่เกิดขึ้น.....

“คุณภา.... ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้!!” เจ้าพ่อใหญ่หันไปหาภรรยาเขาด้วยแววตาเจ็บปวด
“คุณคิดไว้แล้วใช่ไหม!?!”
“มันไม่ใช่ความผิดฉันนะมันเป็นความผิดของคุณที่เจ้าชู้ไม่เลือกที่ต่างหาก!” จบประโยคแม่ของวรุฒก็ปึงปังออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว!!

“ใคร..... ใครก็ได้.... บอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!! แล้วผมต้องทำอย่างไร.....?” วรุฒทรุดเข่าลงไปกับพื้น เสื้อของเขาหลุดออกจากมือผู้เป็นบิดาในสภาพยับเยิน
เขาจะอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง?

..................

ความเงียบเหงาที่เกิดจากห้องในคอนโดฯ หรูหรากลับเพิ่มช่องโหว่ในโหว่ในจิตใจของวรุฒเพิ่มมากขึ้นไปอีก ความทรงจำต่างๆ ของการใช้ชีวิตร่วมกัน มันกลับเป็นสิ่งที่ทำร้ายเขามากกว่าการเยียวยา ในเมื่อสถานะมันเปลี่ยนไป ทุกสัมผัสที่เขาเคยมีร่วมกันกลับเป็นยาพิษเคลือบจิตใจเขาให้เจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

เขามองตัวเองผ่านกระจกที่ประดับตามผนังห้องเขาพบว่าดวงตาของเขามันบวมช้ำไปหมด แววตาที่ไร้แววสดใสนั่นสะท้อนให้เห็นความเจ็บช้ำที่อยู่ในใจได้อย่างดี แววตาของเขาทำให้เขาหวนระลึกถึงดวงตาของผู้เป็นพ่อที่เคยแข็งกร้าวกับอ่อนแอ พังยับเยินอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

วรุฒเดินมาทรุดล้มลงบนที่นอนนุ่ม ความคิดร้อยแปดประการผุดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่สามารถฝ่าออกไปได้คือ เขาจะหาทางออกจากปัญหานี้อย่างไร

เขาพยายามติดต่อแม่ของเขา แต่ก็ไม่มีการตอบรับ ถามพ่อของเขาที่นั่งอมทุกข์ก็ไม่ได้คำตอบ ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้เลย สุดท้ายเขาจึงเลือกโทรศัพท์หาคนที่เขาต้องการคุยด้วยมากที่สุด

 ‘นนท์’
ชื่อที่ขึ้นอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์เขา แสงวาบฉายขึ้นมาวูบหนึ่ง และเสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นเพียงสองครั้งสายก็ถูกตัดไป

วรุฒปล่อยโทรศัพท์ให้ตกลงบนเตียงนุ่ม จนเครื่องนั่นกระเด้งกระดอนไปที่อีกจุดหนึ่งของที่นอน วรุฒหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย และน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม ไหลลงไปจากร่องดวงตาไปจนถึงหู เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพถอดวิญญาณแบบนั้นนานแค่ไหน จนกระทั้งความอ่อนเพลียได้พรากสติไปจากเขาจนสิ้น

........

“ไม่ต้องรับ!!” เสียงดุดังขึ้นจากทางด้านคนขับ ชานนท์มองไปทางมารดาตนเองที่กำลังขับรถกลับต่างจังหวัดด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด

“แม่...... ผม.... ไม่เข้าใจ” ชานนท์พูดอยู่ในลำคอ พยายามกล้ำกลืนความกลัวต่อมารดาตนเอง พยายามฝืนความเจ็บปวดกับความจริงที่เขาเผชิญลงไปในคอและพยายามเค้นเสียงตัวเองถามออกมา

“ไม่ต้องอยากรู้!! รู้ไปมันก็เปลี่ยนความจริงที่แม่ไม่ยอมให้แกไปยุ่งกับคนพวกนั้นหรอก!  แม่สวนกลับเสียงดัง

“แล้ว..... เรื่อง...... ที่แม่กับ...... พ่อของรุฒ.........” คำที่พยายามเรียบเรียงอย่างดีเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา บรรจงป้อนออกจากปาก แต่สุดท้ายน้ำที่เอ่ออยู่ในดวงตากลมโตนั่นก็หลุดร่วงลงมาอย่างช้าๆ มันเป็นความจริงที่ยากเกินกว่าจะรับได้จริงๆ

หัวใจของคนเป็นแม่แทบแหลกสลาย..... เธอรู้จักลูกชายตนเองดีว่ามีความอ่อนแอด้านอารมณ์แค่ไหน แล้วนี่เป็นรักแรกของลูกชายเธอด้วยแล้ว เธอที่เคยผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วมีหรือจะไม่เข้าใจ รักกับคนที่เป็นไปไม่ได้มันเจ็บปวด

“แม่......... แม่ขอโทษ แม่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มหาวิทยาลัยนั่นมันเป็นถิ่นของคนพวกนั้น แต่แม่ก็หักใจห้ามลูกไม่ลง แม่อยากจะซ่อนลูกจากคนพวกนั้น แต่ในเมื่อโชตชะตาทำให้มันเกิดขึ้น แม่..... ไม่รู้จะทำอย่างไร? ในเมื่อเห็นหน้าลูกดีใจขนาดนั้นที่สอบชิงทุนฯ สำเร็จ... แม่ไม่มีเหตุผลอะไรจะห้ามลูก แม่ไม่คิดว่า มันจะเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกจะไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นได้ หากแม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แม่คงไม่อนุญาตให้ลูกมาและต้องมาเจออะไรแบบนี้!!”
มารดาของเขาร่ายยาวจนเหมือนคุยกับตัวเองมากกว่า ดวงตาที่มีริ้วรอยตามอายุ เริ่มมีริ้วแดงภายในดวงตาที่แวววาวไปด้วยน้ำ

“ผมอยากรู้ความจริง” ชานนท์ตอบกลับสั้นๆด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“กลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้แม่จะเล่าให้ฟังทั้งหมด” คนเป็นแม่
ผ่อนลมหายใจอย่างหน่ายเหนื่อย สีหน้าและแววตาตอนนี้ของเธอดูแก่ลงไปอีกหลายปี

..............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 4) อัพ 1 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-06-2020 19:39:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถึงจะเป็นพี่น้องกัน 

แต่ไม่ใช่ ชายหญิง ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก 

นี่มัน ชายชาย นะ ไม่มีผลผลิตทางการเสพสังวาสสักหน่อย  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 29 ส่วนที่ 5) อัพ 8 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 08-06-2020 06:12:04

แสงสีทองส่องทาบเข้ามาให้ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีอันแสนเจ็บปวด ภาพที่เคยอยู่ด้วยกันเหล่านั้นมันคอยทำร้ายจิตใจย้ำๆ อย่างทารุณ

‘ช่างเป็นเช้าที่ไม่สดใสเลย’ ชานนท์บ่นพึมพำขณะพาร่างตัวเองลงจากเตียงด้วยอาการอ่อนล้า เขาแทบไม่ได้นอนเลย เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาคิดย้ำทบทวนไปมาด้วยความทุกข์ใจ

หลังจากจัดการชำระล้างร่างกายและสร้างความสดชื่นให้กับตัวเองแล้ว เขาก็นำร่างที่ไร้ชีวิตชีวาลงมาที่โต๊ะอาหารซึ่งมีการเตรียมอาหารเช้าเฉกเช่นทุกวันที่เขาอยู่บ้าน โต๊ะนี้ไม่เคยขาดอาหารการกิน

ชานนท์นั่งลงมองบรรดาอาหารเช้าที่กรุ่นไอจากความร้อน ทุกอย่างล้วนดูน่ากินไปหมด แต่เขากลับไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย เขามองไปที่แม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บเช็ดล้างห้องครัวตามปกติของวันหยุดช่วงเช้า แม่ของเขาซึ่งเลี่ยงที่จะพูดคุยกับเขามาสองวันแล้ว

ชานนท์หยิบขนมปังปิ้งขึ้นมาทาแยมเปลือกส้มของโปรดของเขา เขาทำใจป้อนมันเข้าปากด้วยที่กระเพาะและลำไส้ต่างพากันบิดม้วนเรียกร้องสารอาหารให้เข้าไปบำรุงร่างกาย แต่หลังจากที่กัดคำแรกไปนั่น อาการคลื่นเหียนเหมือนอยากจะอาเจียนก็ก่อตัวขึ้น ทำให้เขาไม่อยากจะเคี้ยวหรือกลืนอะไรเข้าไป เขาพยายามฝืนใจกัดขนมปังปิ้งแผ่นนั้นจนหมดแผ่น พยายามปิดปากฝืนกลืนสิ่งเหล่านั้นเข้าไป กว่าจะสำเร็จก็ทำน้ำตาเล็ดออกมาหลายหยด อาการขมปากแผ่ไปทั่วช่องปาก จนเขาต้องรีบกินน้ำส้มคั้นที่แม่ของเขาวางเตรียมไว้ให้

“แม่” ชานนท์เรียกมารดาของเขา ทันทีที่เห็นเธอเดินมาดูแลเขาเหมือนปกติ พร้อมทำสีหน้าตกใจกับอาการหน้าซีด และซูบผอมลงไปมากจากเมื่อสองวันก่อนของชานนท์ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็ยังใจแข็งพอที่จะไม่เริ่มสนทนากับลูกชายของตนเอง

‘เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง’ แม่ของชานนท์คิดในใจ เธอรู้ดีเพราะเธอผ่านจุดนี้มาแล้ว แล้วเธอก็เดินหนีไปทำงานบ้านต่อโดยไม่ได้สนใจสีหน้าและแววตาอมทุกข์ของลูกชายตนเองเลย ทั้งที่ใจของคนเป็นแม่นั้นแสนจะเจ็บปวดเจียนตาย

แม่ของชานนท์กว่าจะทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงสายของวัน ตะวันใกล้จะตรงหัวแล้ว เธอมีแผนที่จะเตรียมของโปรดสำหรับมื้อของลูกชายเธอ เพื่ออย่างน้อยอาจจะทำให้ลูกชายของเธอดีขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจเหมือนเช่นทุกวันคือ บรรดาอาหารเช้าที่เธอทำสุดฝีมือ แต่ลูกชายของเธอแตะแค่เพียงขนมปังชิ้นเดียว นี่มันเป็นอย่างนี้มาสองวันแล้วนะ จนเธอเริ่มกังวลใจ

หลังจากทำอาหารมื้อเที่ยงที่แสนภูมิใจเรียบร้อย แม่ของชานนท์ได้เดินขึ้นไปตามลูกชายที่ห้องนอน เพราะตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพ เธอแทบไม่เคยเห็นลูกชายตนเองออกจากห้องนอนเลย นอกจากเวลากินข้าว อย่างน้อยชานนท์ก็เป็นเด็กดีมีวินัย รู้จักถนอมน้ำใจแม่ที่อุตส่าห์ทำอาหารให้ทุกมื้อ แม้จะกินเป็นแมวดมก็ตาม

หลังจากพยายามเรียกอยู่ที่หน้าห้องอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่มีการตอบรับจากลูกชายตนเองเลย เธอจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปด้วยความตกใจ และหวังว่าลูกชายของตนจะไม่คิดอะไรสั้นๆ

ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปได้ เธอก็เห็นลูกชายเธอนอนนิ่งอยู่บนเตียง ภายในห้องอันเงียบงันทำให้เธอได้ยินเสียงหายใจชัดเจน วงหน้าที่ซีดเซียวนั้นปรากฏชัดเจนในดวงตาของคนเป็นแม่ ด้วยความเป็นห่วง เธอจึงตรงไปสัมผัสผิวหน้าที่เกือบไร้สีเลือดของลูกชายคนเดียวของเธอ

ตัวร้อนจี๋ !!

ความรู้สึกหลังสัมผัสหน้าผากลูกชาย เธอถึงกับตกใจกับอาการที่เกิดขึ้น นอกจากร่างกายจะเริ่มซูบผอมแล้ว ตัวยังร้อนแดงไปหมด มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ซีดเผือด

“นนท์ๆ” คนเป็นแม่เรียกสติลูกชายด้วยความเป็นห่วง ในใจกลับเจ็บปวดเหมือนใจจะขาด การที่เธอพยายามเมินเฉย และหลีกเลี่ยงลูกชายตนเองมาตลอดสองวัน ทำให้ชานนท์เป็นได้ถึงขนาดนี่เลย!!

“รุฒ......” เสียงอันแผ่วเบาเสียงเดียวที่หลุดออกจากปากลูกชายคนเดียวของเธอ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจคนเป็นแม่อย่างมาก

ตอนนี้เธอคิดสองจิตสองใจว่า จะยอมให้เวลาช่วย หรือจะยอมแพ้ดี

น้ำอุ่นจากดวงตาไหลอาบแก้มผู้เป็นแม่ที่สงสารลูกชายสุดหัวใจ

“อ้าว..... แม่” ชานนท์ได้สติขึ้นมาเมื่อสักครู่เขาฝันถึงวันที่เขาเจอวรุฒครั้งแรก ทำให้เผลอพูดชื่อคนรักของคนออกมา..... ไม่สิ..... พี่ชาย....

“หิวไหมลูก?” มารดาลูบศรีษะชานนท์อย่างอ่อนโยน น้ำตาที่ไหลเมื่อครู่ได้หยุดลงแล้ว
“แม่เป็นอะไรครับ?” ริมฝีกปากซีดถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่.... แม่....” แม่ของชานนท์หลบสายตาที่ห่วงใยตนไปทางอื่น
“ผมไม่เป็นไรครับ ผมจะเข้มแข็ง..... เพื่อแม่ครับ” ชานนท์ฝืนยิ้มผ่านใบหน้าที่ซีดเซียว
“งั้นเราไปกินข้าวกันนะ แม่ทำของโปรดลูกไว้เยอะเลย” เธอเองก็ฝืนยิ้มทำตัวปกติไม่แพ้กัน

หลังจากทั้งสองแม่ลูกได้ลงมากินข้าวด้วยกันแล้ว แม้ฝ่ายชานนท์จะชื่นชมกับข้าวที่แม่ทำไว้ให้ว่าน่ากิน ไม่ขาดปาก แต่การกระทำของชานนท์กลับตรงกันข้าว ชานนท์เคี้ยวข้าวช้า กว่าจะกลืนแต่ละคำเหมือนทำใจกินยาขม และสุดท้ายก็วางช้อนและหยุดดื่มน้ำทันที

ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าหากลูกชายของเธอยังเป็นแบบนี้อยู่เธออาจจะไม่เห็นลูกชายเธอเติบโตไปกว่านี้แน่ แม้จะทำเป็นเข้มแข้งแต่หัวใจคนเป็นแม่กลับค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่องๆ

“แม่ยอมแพ้” เธอหลับตาพูด
“อะไรนะครับ” ชานนท์ทำหน้าสงสัยตอบกลับมา
“แม่จะเล่าให้ฟังทั้งหมด หากลูกได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว แม่จะให้ลูกตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของลูกเอง ทุกการกระทำที่ลูกเลือก ลูกจะต้องยอมรับผลที่ตามมาของมัน!!”

“ครับ!!” ชานนท์ตอบหนักแน่นกว่าทุกประโยคของวันนี้

“เฮ้อ...... เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน แม่ได้ไปฝึกงานที่บริษัทของคุณประวิทย์......”

สีหน้าคนเล่าแม้ดูไม่มีความสุขนักเพราะเหมือนเรื่องที่เล่าไปจี้จุดที่ทำให้ปวดใจของแม่ของตนออกมา แต่ชานนท์ก็ไม่ได้บอกให้หยุดเล่า ความสงสัยมันเพิ่มพูนมามากกว่าที่จะหยุดยั้งได้

แม่ได้เล่าเรื่องเริ่มจากเด็กสาวที่ชื่อ ‘นุชจรี’ แม่เล่าเหมือนกับเล่าละครหลังข่าวให้ฟัง ทำให้ชานนท์รู้สึกเหมือน แม่ไม่ได้เล่าเรื่องตนเองเลย

นุจรีหญิงสาวนักศึกษาปี 4 เมื่อสักประมาณ 20 ปีก่อน ที่ตอนนี้กำลังตื่นเต้นกับการมาฝึกงานกับองค์กรใหญ่ระดับประเทศซึ่งหากเธอทำงานได้ดี เธออาจมีสิทธิ์เข้ามาทำงานที่นี่ องค์กรที่เธอใฝ่ฝัน

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย เพราะตลอด สองสัปดาห์ที่เธอทำงานอยู่ที่สำนักงานประธานบริหาร รุ่นพี่ที่เป็นพี่เลี้ยงของเธอต่างชื่นชมในความเก่งแล้วความขยันของเธอ อยู่ๆ เธอก็ถูกย้ายไปช่วยงานที่สำนักงานเลขานุการของบริษัท เนื่องจาก มีเลขานุการคนหนึ่งลาออกอย่างกระทันหัน เธอต้องการผู้ช่วยอย่างเร่งด่วน จึงทำให้ฝ่ายสำนักงานผู้บริหารส่งนุชจรีไปช่วยเลขาฯคนนั้น

นุชจรียอมรับว่าการทำงานร่วมกับเลขานุการผู้บริหารสุดเนี้ยบมันไม่ง่ายเลย ทุกวันเธอเหนื่อยกับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเร่งด่วนเสมอ แต่ที่แปลกที่สุดคือ เธอไม่เคยเห็นประธานบริษัทหนุ่มไฟแรงเลย

เขาได้มาบริหารบริษัทนี้เพียงไม่นานก็ทำให้บริษัทเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว ทำให้นุชจรีแอบปลื้มที่ได้มาทำงานตรงนี้แม้จะรู้สึกเหมือนตกนรกก็ตาม

“เฮ้อ........ด่วนอีกแล้ว!” หญิงสาวถอนหายใจยาวในยามบ่ายของวันทำงาน
“เป็นอะไรครับเนี่ย ถอนหายใจเสียจนจะเอาวิญญาณออกมาเลย” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นทางด้านหลัง
“อุ้ย! ขอโทษคะ” นุชจรีหันหลังมาขอโทษด้วยความตกใจ และเธอก็ต้องตกตลึงอีกครั้งกับความหล่อออร่าของชายหนุ่มในชุดเสื้อชอปสีน้ำเงินเข้ม แม้จะใส่แว่นตากลมโตแต่แว่นก็ไม่ได้บดบังออร่าของคนใส่เลย ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเจอเธอในสภาพหมดแรงและปล่อยตัวแบบนี้ส่งยิ้มให้

ปกติห้องถ่ายเอกสารและพริ้นต์เตอร์ มักไม่มีใครเข้ามานอกจากเธอที่ถูกใช้งานเยี่ยงทาส

“งานหนักเหรอครับ เดี๋ยวนี้เขาใช้นักศึกษาฝึกงานโหดขนาดนี้เลย?” หนุ่มหน้าใสในเสื้อชอปเปรย ซึ่งนุชจรีได้แต่ยิ้มตอบกลับไปแบบขวยเขินที่แสดงความเปิ่นออกไปให้คนแปลกหน้าเห็น
“จะเป็นไรไหมครับ ถ้าจะขอมาดูเครื่องถ่ายเอกสารหน่อย” ชายหนุ่มแว่นใหญ่ชี้ไปที่เครื่องถ่ายเอกสารที่เธอกำลังใช้อยู่
“มันไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ มาดูทำไม ยังใหม่อยู่เลย ใช้ยากแต่ก็ทำงานได้ดีนะคะ” นุชจรีตอบ
“ใช้ยากเหรอครับ? ยังไงครับ? อันนี้มันเครื่องรุ่นล่าสุดที่บริษัทเราผลิตเลยนะ!!” ชายหนุ่มเผลอขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นนุชจรีก็ร่ายยาวถึงการทำงานที่วุ่นวายกับไอ้เครื่องที่บริษัทแสนจะภูมิอันนี้ ด้วยลีลาติดตลก ทั้งยังแนะนำไปอีกว่าแบบไหนที่คนใช้งานอย่างเธอต้องการ ชายหนุ่มนอกจากจะไม่ว่าอะไรแล้วยังชมเธออีกด้วยฉลาดกว่าพนักงานที่นี่หลายคน

ชายหนุ่มอ้างว่าเขาเป็นฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เลยมาขอดูการใช้งานของรุ่นทดลองของบริษัท เขาแวะเวียนมาที่ห้องนี้หลายครั้ง บางครั้งก็ตั้งใจมาดูเครื่องถ่ายเอกสาร บางครั้งก็ตั้งใจเพื่อพูดคุยกับนุชจรี

จนกระทั้งสองเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายก็พัฒนาไปไกลเกินเพื่อน วันที่ใกล้จะสิ้นสุดการฝึกงาน ชายหนุ่มเดินมาบอกกับนุชจรีว่า เขาสนิทกับผู้บริหารท่านหนึ่ง เขาจะช่วยเธอได้งานที่นี่ เป็นเลขานุการผู้บริหารคนหนึ่ง นุชจรีดีใจมากแต่ก็ยังอยากใช้ความสามารถของตัวเองในการเข้าการคัดเลือกได้ตามปกติ

จนกระทั้งในวันสัมภาษณ์งานรอบสุดท้ายกับผู้บริหารท่านนั้น เธอรู้สึกไม่สบายอย่างมาก ชายหนุ่มเป็นห่วงเธอและอยากให้เธอโทรไปเลื่อนนัดสัมภาษณ์ นุชจรีดื้อรั้นจะไปให้ได้ เธอคิดว่าน่าจะแค่ตื่นเต้นและอ่อนเพลียจากการนอนน้อย หรืออาจจะแพ้อาหารร่วมด้วย เธอถึงได้คลื่นไส้ถึงเพียงนี้

นุชจรีเข้มแข็งพาร่างที่อ่อนเพลียไปถึงห้องประชุม และเรื่องที่ประหลาดใจเธอที่สุดคือคนที่เธอสัมภาษณ์คือชายหนุ่มที่เธอคบหาดูใจได้เกือบสองเดือน เธอตกใจมาก เธอไม่เคยรู้จริงๆว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเธอเป็นถึงลูกเจ้าของบริษัท และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เธอรู้ว่าลูกเจ้าของบริษัทคนนั้นเพิ่งแต่งงานมาแล้วเกือบปี!!

นุชจรีโวยขึ้นทันทีแต่ด้วยสภาพร่างกายของเธอทำให้เธอไม่สะดวกที่จะทำอะไรรุนแรง เธออยากจะลุกหนีไปให้ไกล แต่เธอหน้ามืดขึ้นมาเสียก่อน ในใจที่แสนจะเจ็บช้ำกำลังตะโกนซ้ำๆ ว่าเธอกลายมาเป็นชู้โดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว ทำไมเธอโง่ขนาดนี้นะว่าคนที่เธอคุยด้วยทุกวัน คนที่มีสถานภาพแบบแฟนจะเป็นคนมีเจ้าของแล้ว

ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาประคองคนที่กำลังจะทรุดพอดี พร้อมน้ำตาที่หยดลงมาเปื้อนเสื้อเชิ้ตราคาแพง

เธอใช้แรงที่มีทั้งหมดสะบัดมือที่บรรจงประคองเธอไว้และเดินหนีไปจากห้องนั้นทันที ไม่แม้จะเหลียวกลับมองคนที่มองเธอจากในห้องด้วยแววตาเจ็บปวด

ผู้บริหารหนุ่มที่มองการจากไปอย่างรวดเร็วของคนที่เป็นรักแรกของเขา เพราะเขาถูกบังคับให้แต่งงานกับนักศึกษาปริญญาเอกที่แม่ของเขาแนะนำให้โดยที่ไม่เคยรู้จักความรัก ในโลกที่เขาอยู่มีตรรกะแค่คำว่าเหมาะสม อยู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งมาพังทลายตรรกะเหล่านั้นไปจนสิ้น

นุชจรีที่เดินทางกลับหอพักทั้งน้ำตา จมอยู่กับความผิดหวังบนเตียง อาการคลื่นไส้ก็กลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง ทำให้คราวนี้เธอย่ำแย่กว่าเดิมมาก เธอไม่อยากอาหาร เธอนอนไม่ได้ หรือนี่คืออาการอกหัก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นในความเงียบเหงาของห้องพักราคาปานกลาง ห้องที่เคยมีสีสันกว่านี้เมื่อมี ‘เขา’ อยู่ด้วย
นุชจรีพยายามปฎิเสธตัวเองให้ลุกไปเปิดประตู ในใจหวังว่าจะเจอกับเขาคนนั้นสักครั้ง สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ใจตัวเอง เดินไปเปิดประตูทั้งที่คราบเมคอัพเลอะเทอะไปเพราะน้ำตา

คนที่เธอเจอไม่ใช่ชายที่เธออยากจะเจอ แต่กลับเป็นหญิงสาวที่หน้าตาค่อนไปทางชาติตะวันตก เธอยืนยิ้มอ่อนๆ มาที่เธอด้วยการแต่งกายที่ดูดีมีราคา เพียงแวบแรกนุชจรีรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอคนนี้คือใคร

นุชจรีเชิญสาวสวยคนนั้นเข้ามาภายในห้องเล็กๆของเธอ หลังจากนั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือเรียบร้อย หญิงสาวลูกครึ่งก็พูดแนะนำตัวและบอกถึงความต้องการของเธออย่างตรงไปตรงมาทันที แม้จะไม่ทำให้นุชจรีแปลกใจมากแต่ก็ย้ำถึงความเจ็บปวดในจิตใจได้อย่างดี โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายทีาทำให้นุชจรีตัดสินใจที่จะหนีไปจากชีวิตของครอบครัวนี้ทันทีคือ ‘ฉันตั้งครรภ์ลูกของเขาได้สองเดือนแล้ว’

ด้วยความช่วยเหลือของภรรยาสาวสวยของผู้บริหารหนุ่มทำให้นุชจรีสามารถหนีออกไปจากชีวิตของทั้งสองคนได้อย่างสมบูรณ์ ให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้โดยไม่มีใครรู้จัก นุชจรีเลือกที่จะไปจังหวัดที่เธอไม่รู้จัก ไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่รู้จัก (ครอบครัวเธอก็มีแต่ป้าที่เลี้ยงเธอมาอยู่แล้วเพราะพ่อแม่ของนุชจรีก็ต้องแยกทางกันเพราะบุคคลที่สาม) เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล เริ่มต้นใหม่

“แต่โชคดีที่แม่ไม่ได้เริ่มต้นเพียงลำพัง” พอเล่ามาถึงตรงนี้ แม่ของชานนท์ก็ยกขึ้นมาจับแก้มใสๆ ของลูกชายเธอ

“แม่โชคดีที่ได้อยู่กับผู้ชายที่รักแม่อย่างสุดหัวใจ” แม่เอ่ยขึ้นมาทั้งที่ดวงตาเหม่อลอย
“แล้ว...... พ่อ.. ผมหมายถึงพ่อคนที่เลี้ยงผมมาน่ะครับ....... คือ.....” ชานนท์มีแววตาสับสนสงสัย
“เขาเป็นคนดี เขาไม่เคยรังเกียจอดีตของแม่ แม่ถึงได้เลือกเขา แล้วเขาก็.........” แม่ของเขาพูดมาถึงตรงนี้ก็น้ำตาที่สะกดไว้ก็ไหลบ่าออกมา แม่คงคิดถึงคู่ชีวิตที่เสียไป

ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพียงแค่คุกเข่าลงไปกอดแม่เท่านั้น ชีวิตของเขากับแม่ช่างคล้ายคลึงกันอะไรแบบนี้ โชคชะตาเล่นตลกกับสองแม่ลูกเสียเหลือเกิน

ชานนท์ที่รู้ว่าฐานะของวรุฒกับตนนั้นคงกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้ ยิ่งนึกถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันด้วยความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก ยิ่งทำใฟ้เขารู้คลื่นไส้กับสิ่งที่ทำกับวรุฒทั้งหมด ด้วยความคิดมากบวกกับอาการขาดสารอาหาร ชานนท์จึงวูบไปทั้งๆที่ยังคุกเข่ากอดแม่ของตนเองอยู่อย่างนั้น

ท่ามกลางเสียงตื่นตระหนกของคนเป็นแม่ สติของเขาก็เลือนลางลงเรื่อยจนดำมืดไป

............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 5) อัพ 8 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-06-2020 08:47:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 29 ส่วนที่ 6) อัพ 15 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 15-06-2020 11:15:00


‘นนท์ นนท์’

เสียงของคนที่ถูกเปลี่ยนสถานะจากแฟนมาเป็นพี่ชายดังขึ้นมาในโสตประสาทของคนที่กำลังหมดสติ

‘รุฒ.... เสียงของรุฒ นี่มันที่ไหน? ทำไมเรายังได้ยินเสียงของเขา?’ ความคิดของคนหมดสติกำลังรำพัน

‘นนท์ ลืมตาขึ้นมาสิ เรามารับแล้ว’ เสียงแหวกผ่านความมืดเข้ามาในความนึกคิดของคนหมดสติ พร้อมทั้งสัมผัสอันอ่อนโยนที่รู้สึกบริเวณฝ่ามือของตน

ถึงแม้จะเป็นเพียงความฝัน แต่ก็ทำให้มุมปากของชานนท์ยกขึ้นมาอย่างอ่อนแรง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันยกขึ้นมาจริงหรือเปล่า แต่ก็รู้สึกถึงความยินดีขึ้นมาบ้าง

ชานนท์พยายามกระตุ้นให้ตนเองลืมตาตื่น แต่หนังตามันช่างหนักยากเย็นเกินกว่าที่จะลืมขึ้นเต็มตา

แสงสีขาวอันพร่ามัวต่างพุ่งเข้ามาเสียดแทงดวงตาที่อ่อนเพลียของชานนท์ ภาพคนตรงหน้ามันพล่าเลือนจนเหมือนความฝัน กว่าที่สายตาจะปรับให้เข้ากับความสว่างภายในห้องก็ใช้เวลาพักใหญ่

เขาตื่นขึ้นมาให้ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวหม่น แสงจากไฟนีออนสามดวงส่องสว่างอยู่ที่เพดาน สายระโยงระยางเสียบต่อเข้ากับหลังมือเขาและโยงไปยังอุปกรณ์สีขาวเล็กๆข้างเตียง ถุงน้ำสีใสแขวนอยู่เหนือศรีษะเขา พร้อมกับสัมผัสที่มือที่เริ่มบีบแน่น มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่หนึ่งจับจ้องร่างเขาอย่างไม่วางตาพร้อมน้ำรื้อเต็มสองข้าง วงหน้าที่คุ้นเคยปรากฏเด่นชัดขึ้นตรงหน้า รอยยิ้มที่เขาแสนจะคิดถึง

“แม่ครับ!! นนท์รู้สึกตัวแล้ว!!” ชายตัวสูงลุกขึ้นตะโกนไปที่อีกฟากหนึ่งของห้อง

“แม่......” เสียงที่แหบพร่าของชานนท์ เสียงที่เขาเองได้ยินก็ยังตกใจไม่น้อย
“นนท์!!” เสียงของผู้เป็นมารดาพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“แล้ว......” สายตาของชานนท์ตามหาคนที่จับมือเขาไว้เมื่อครู่ซึ่งตอนนี้หายไปจากคลองสายตาเขาแล้ว
“ไม่ต้องพูดอะไร แม่ตามหมอมาแล้ว ให้หมอดูแลอาการให้ก่อนนะลูก” มือของมารดาลูบไปที่แก้วที่ซูบซีดของลูกชายตนเอง

ไม่เกินห้านาทีทีมหมอและพยาบาลก็กรูกันเข้าในห้องที่เขาอยู่ ปิดม่านรอบเตียง และต่างคนก็ต่างใช้อุปกรณ์ที่ตนเองถืออยู่จัดการตรวจวัดสัญญาณชีพทุกจุดของเขา และคำถามอีกมากมายที่ประเคนถามคนเพิ่งฟื้นสติอย่างเขา แต่สติของชานนท์กลับจดจ่ออยู่กับเงาร่างก่อนหน้านี้ เงาที่เขาฝันถึงทุกวัน 

หมอฉีดของเหลวบางอย่างให้ชานนท์ ผ่านสายน้ำเกลือเพิ่มเติม และนั่นคือสิ่งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไปอีกครั้ง

วัดถัดมาชานนท์ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่ ทุกอย่างก่อนหน้านี้มันเหมือนความฝัน แสงที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ห้องสว่างขี้นชัดเจนยิ่งขึ้น สติสัมปชัญญะของเขากลับคืนมาเกือบเต็มที่แล้ว แต่ยังมีอาการอ่อนแรงตามแขนขาอยูาบ้าง

เสียงในท้องเริ่มร้องรบกวนสมองเขาทันทีที่ร่างกายเริ่มกลับมาแข็งแรง ชานนท์ยังคงเห็นสายน้ำเกลือโยงเข้ากับหลังมือของเขา อาการเจ็บจี๊ดที่หลังมือส่งมาที่สมองของเขาทันทีที่เห็น เขายกมือที่บวมจากน้ำเกลือขึ้นมามองด้วยอาการสั่นๆ เขากำลังทบทวนว่า เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

ชานนท์มองไปทั่วห้องก็พบว่าเขาอยู่ในห้องพิเศษที่มีเขาพักอยู่เพียงคนเดียว อาการวังเวงและอากาศที่เย็นทำให้เขารู้สึกโหวงเหวงที่ท้องและในอก เขาใช้มืออีกข้างที่ไร้สายระโยงระยางติดอยู่ดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมตัวถึงคอ เพราะบรรยากาศในห้อง

แอ๊ด.... กึก

เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นในมุมอับสายตา ทำให้ชานนท์ดันตัวเองให้ลุกนั่งกึ่งนอนเพื่อมองหาต้นทางของเสียง

“นนท์!! ตื่นแล้วหรือลูก!!” แม่ของเขาโผเข้าหาชานนท์ทันทีที่เห็นเขาลืมตาตื่นอยู่บนเตียง
“ผม..... มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ชานนท์ถามแม่เขาทั้งๆที่โดนอีกฝ่ายกอดตัวเองไว้แน่น
“ก็... วันนั้นลูก.... อยู่ๆ ก็หมดสติไป...” แม่หยัดตัวเองยืนตรงและมองลูกตนเองด้วยอาการเป็นห่วง
“อืม......” เขานึกได้.....แค่วันนั้นเขาฟังแม่เล่าถึงเรื่องอดีต แล้วทุกอย่างก็ดำมืดไปหมด
“หิวไหมลูก พยาบาลเขาเตรียมอาหารเช้าให้แล้วนะ” แม่ชานนท์วางของที่ถือมาพะลุงพะลังไว้ที่โต๊ะไม่ไกล และเดินไปลากโต๊ะอาหารล้อเลื่อนมาวางไว้ใกล้กับเตียงของชานนท์

“หิวครับแต่.... หิวน้ำมากกว่า” ชานนท์ตอบด้วยเสียงที่แตกพร่า
เพียงสิ้นคำทุกอย่างที่ชานนท์ต้องการก็วางตรงหน้า แม่ของชานนท์ป้อนข้าวป้อนน้ำเขา จนแทบจะเคี้ยวให้ด้วยเลยเสียด้วยซ้ำ แต่เขาเพิ่งฟื้นไข้ เขาจึงทานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม่ของเขามีสีหน้าผิดหวังแต่ก็เข้าใจ

“เอ่อ..... นอกจากแม่แล้ว มีใครมาเยี่ยมผมอีกไหม?” ชานนท์ถามต่อทันทีหลังจากดื่มน้ำไปสองอึกหลังอาหาร
“เอ่อ.... ก็มีนะ อย่างลุงเสริฐกับชมพู่ก็มา.....” แม่ของชานนท์มีอาการแปลกๆ ไปบ้างแต่ชานนท์ก็เพลียเกินกว่าจะถามจึงเอนตัวลงนอนต่อ

“ความจริงก็ไม่รู้ว่าจะถามทำไมเพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่าเราป่วยเสียหน่อย” ชานนท์บ่นพึมพำ
“นนท์..... ต้องการอะไรอีกไหมลูก?” คนเป็นแม่ถามด้วยอาการเป็นห่วงหลังจากเห็นสีหน้าลูกชายตัวเองไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
“ไม่แล้วครับ ผมขอเอนหลังหน่อย แล้วผมจะกลับบ้านได้วันไหนครับ?” ความเงียบและไม่คุ้นเคยสถานที่ทำให้ชานนท์รู้สึกกลัว
“คุณหมอบอกว่า หากวันนี้ดีขึ้นพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้” แม่ชานนท์ลูบศรีษะชานนท์อย่างเป็นห่วง เธอมองเขาไปในดวงตาที่ลึกโหวงไร้ชีวิตชีวาของลูกชายอย่างเจ็บปวด
“ดีครับ ผมอยากกลับบ้าน” เสียงเหงาๆ ของชานนท์ทำให้ดวงใจของคนเป็นแม่ปวดใจไปหมด

เธอเข้าใจชานนท์ดี ในตอนแรกเธอคิดอย่างเข้าข้างตนเองว่าลูกชายเธอต้องผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ ขอแค่มีเวลา แต่เอาเข้าจริงตัวเธอเองต่างหากที่เริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว แล้วไหนจะ..... เธอคิดถึงตรงนี้เธอก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

“งั้นแม่ทำธุระก่อนนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?” แม่ของชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ได้สิครับ ผมก็อยู่คนเดียวอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว” คำตอบของชานนท์ที่ทำให้แม่ของเขาฝืนยิ้มคืนมาให้และหันหลังเดินออกไป

ตอนนี้ชานนท์อยู่ในห้องที่เงียบเหงา เขาเพลียแต่นอนไม่หลับ ( ก็หลับมาเสียตั้งเยอะ) ชานนท์พยายามหยิบหนังสือต่างๆ ที่แม่เขาเตรียมไว้ให้ที่โต๊ะข้างเตียงแต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้จิตใจเขาสงบลงได้ ในใจของเขายังคงคิดวนเวียนถึงหน้าใครบางคน เสียงของคนๆ นั้นยังคงดังแว่วเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา สุดท้ายเขาต้องหลับตาคลุมโปงและพยายามนึกถึงเนื้อเพลงต่างๆที่ทำให้เขามีความสุข

“นนท์”
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นเสียงที่เขาคุ้นเคย
‘โห.... นี่เราประสาทหลอนไปแล้วหรือเนี่ย?’ คนตัวเล็กติดฟุ้งไปขณะพักสายตา

“นนท์” เสียงดังใกล้ขึ้น

‘โอโห... ครั้งนี้ชัดเจนเหมือนยืนอยู่ข้างๆ เลย’ ชานนท์เริ่มกลัวตัวเองว่าน่าจะเป็นเอามาก

“นนท์!! เรารู้นะว่านายไม่ได้หลับ” เสียงเข้มดังขึ้นใกล้มาก

“เฮ้ย!!” ผ้าห่มที่ห่อคลุมจนถึงหัวถูกดึงเปิดออกจนหมด


ภาพแรกที่เขาเห็นคือคนตัวสูงที่เขาคุ้นเคยยืนอยู่ชิดขอบเตียง แต่ขอบตาของเขาดำคล้ำ หน้าซูบซีดลงไปมาก

“รุฒ......” ชานนท์เอื้อมมือไปจับแขนคนตรงหน้าเพราะคิดว่าเป็นภาพหลอน หลังจากจับได้ถึงเนื้อหนังที่อบอุ่นเขาก็ตกใจรีบดึงมือกลับทันที

“นนท์ เป็นเราจริงๆ นะ” วรุฒเลื่อนมือหยาบไปกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น แต่อีกฝ่ายก็ยังคงดึงมือกลับไปอีกครั้ง

“ไม่ได้นะ คือ.... เราจะทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ!!” ดวงตากลับร้อนผ่าวไปหมดเมื่อชานนท์พูดคำนี้ออกมา

“ทำไมล่ะ?” คนตัวสูงกล่าวด้วยรอยยิ้มเหมือนขำปนเอ็นดูคนบนเตียงที่มีท่าทีขบขัน และอ่อนเพลีย แต่สีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
“ก็.... เรา.... เราเป็น....” คนตัวเล็กมีอาการรปากสั่นไปหมด
“เป็นอะไร.....?” คนตัวสูงอดจะขำกับภาพที่เห็นไม่ได้
“เราเป็นพี่น้องกัน!!” ชานนท์เกือบจะหลับตาตอนที่พูดประโยคนี้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เด็กโง่เอ้ย!!” วรุฒหลุดขำออกมาเสียอย่างนั้น
“พี่... เอ่อ....พี่รุฒ!  มันไม่ตลกนะ ที่ผ่านมาเราทำกันแบบ... ไม่ใช่พี่น้องทำกัน พี่จะทำเป็นเล่นแบบนี้ไม่ได้นะ!!” ชานนท์โวยลั่น
“ก็ถึงบอกว่าเด็กโง่ไง!! ฮ่าฮ่าฮ่า... นายได้ฟังเรื่องที่แม่นายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังแล้วใช่ไหม?”  วรุฒยิ้มกึ่งหัวเราะไปพลางระหว่างตอบกลับไป

“ใช่น่ะสิ ฟังทุกอย่างเลย ถึงได้รู้ว่าคุณแม่ของนาย คุณพ่อของนายเป็นคนร้ายกาจแค่ไหน!!” ชานนท์พูดด้วยน้ำตาที่หล่อเลี้ยงอยู่ในดวงตา
“อืม..... อันนี้ ...... เรารู้..... เราคงไปเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แค่นั้นมันก็เรื่องของพ่อแม่เขานะ อย่าเอามาเกี่ยวกับชีวิตของเราสิ!!” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นครั้งแรก

“เพราะพ่อของพี่!! ไม่ใช่สิ... พ่อของเรา...” ชานนท์กลับมีดวงตาเหม่อลอยอีกครั้ง

“เฮ้อ...... เด็กโง่เอ้ย!! นี่คือคนที่ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 จริงเหรอเนี่ย!! นายฟังเรื่องที่แม่นายเล่าดีหรือเปล่าเนี่ย!!” วรุฒผ่อนลมหายใจออกเมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มมีอาการดราม่าขึ้นมาอีก

ชานนท์ยอมรับว่าสติตอนที่นั่งฟังแม่เขาเล่าเรื่องให้ฟังนั้นค่อนข้างเลือนลาง

“เอ้า!! ฟังดีๆ นะ แม่เราเล่าให้ฟังว่าเรื่องมันเกิดขึ้นประมาณ 20 ปีก่อน ตอนนี้นายอายุเท่าไหร่?” วรุฒขยี้ศรีษะชานนท์อย่างแรง
“ย่าง..18.... !!!!” ชานนท์ตอบและหยุดเสียงทำตาโต
“ไม่มีใครตั้งท้องนานตั้งสองปีหรอกนะ!!” วรุฒเสริม
“อ้าว!! เออ... มันเบลอๆ เลยไม่ทันคิด...” ที่มุมปากของชานนท์เหมือนจะมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ดังนั้น... เราสองคนไม่มีความผูกพันกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เลิกสำนึกผิดเสียใจได้แล้ว!!” วรุฒยกมือขึ้นมากุมมือที่อีกฝ่ายที่วางบนผ้าห่มผืนบาง

“............” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากก้มหน้าลงไปที่หน้าตักตัวเองน้ำตาแห่งความปิติไหลรินลงบนเนื้อผ้าห่มสีขาว ไม่ต้องมีการปลอบโยนใดๆ อีกจากวรุฒ เขาแต่ให้เวลาที่เหลือต่อจากนี้เยียวยาเรื่องราวต่างๆ ที่ชานนท์ได้เจอมา ทั้งความเศร้าใจสำนึกถึงความผิดที่พวกเขาทำกันฉันท์คู่รัก หากเรื่องราวทั้งหมดเป็นจริง เรื่องที่เขาเป็นพี่น้องกัน มันจะทำให้ใจของชานนท์ต้องบอบช้ำไปจนวันตาย

ซึ่งตอนนี้คนที่รู้สึกถึงเรื่องนี้ดีที่สุดคงไม่พ้นจะเป็นคุณแม่ของชานนท์เอง

“อ้าว! แล้วพี่.... เอ้ย!! นายผ่านด่านนี้มาได้ยังไงเนี่ย!” ชานนท์ที่สติแจ่มใสขึ้นนึกขึ้นมาได้
“เวลาน้องเรียกพี่นี่ก็น่ารักดีนะ เวลาอยู่บนเตียงเผื่อจะช่วยเพื่ออรรถรสได้” วรุฒยิ้มอย่างเจ้าเลห์
“รุฒ!!” ชานนท์กระแทกเสียงอย่างเต็มที่ เท่าที่แรงตัวเองจะทำได้เพราะโกรธความหื่นไม่รู้เวลาของอีกฝ่าย

“อ้อ....คุณแม่น่ะหรือ? หัวดื้อเหมือนนายไม่มีผิด นี่เรามานื้อตั้งหลายวันกว่าจะยอมให้เราเจอนาย” ชานนท์สำรวจคนพูดอีกครั้ง ทำให้เห็นว่าวรุฒก็ดูโทรมลงไปไม่น้อย ขอบตาดำคล้ำและหน้าซีดเผือดเหมือนคนที่แทบไม่ได้นอน

“ขอโทษนะ” ชานนท์ใช้มือลูบแขนวรุฒไปตามกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ด้วยความรู้สึกอ่อนไหว
“ขอโทษเรื่องอะไร นายไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย!!” วรุฒทรุดตัวลงนั่งข้างบนขอบเตียง เขามองชานนท์ด้วยสายตาเป็นห่วงปนดีใจ

“ขอโทษที่นายต้องลำบาก” ชานนท์ทำหน้าสลดจนเหมือนหดไปจนเหลือครึ่ง หน้าซีดจางของชานนท์ทำให้อีกฝ่ายไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

“ลำบากแค่ไหนเราก็อยากได้นายกลับมา!! รู้ไหมว่ากว่าจะให้แม่เราคายทุกอย่างออกมามันลำบากแค่ไหน? นี่ไม่เพราะว่าแม่เราสำนึกผิดที่ไปทำแม่นายแท้งเนี่ย คงไม่ยอมบอกเรื่องทั้งหมดมาง่ายๆ!”  วรุฒร่ายยาวปนผ่อนลมหายใจ

“แท้ง?” ชานนท์มีสีหน้าตกใจ

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ตอนนั้นแม่เราแค่นึกไม่ถึงว่าแม่นายจะท้องอยู่ เลยไม่ได้ระวังระหว่างการเดินทาง ก็เลยแท้ง แต่เท่าที่คุยกับแม่นายก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะรู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ และเหมือนจะขอบใจเสียด้วยซ้ำเพราะแม่นายโกรธพ่อเรามากจนไม่อยากจะเกี่ยวข้องกันอีก” วรุฒพูดไปพลางค่อยๆ เอนกายไปพลางลงบนที่ว่างบนเตียงอีกฝ่าย
“.......” ชานนท์เริ่มมีสีหน้าคิดมากเกิดขึ้นอีกครั้ง
“เอาน่า.... มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป เราสัญญากับแม่นายอีกครั้งแล้ว ขอเอาชีวิตเป็นประกันว่า จะทำให้นายมีความสุขให้ได้!! ขอแค่ให้ได้อยู่กับ... นาย... เราจะทำทุกอย่างที่จะ.... ปก.... ป้อง... นาย... ให้ได้” วรุฒเอื้อมมือไปโอบกอดชานนท์ทางด้านหน้าอย่างทะนุถนอม ดวงตาที่อ่อนล้าค่อยๆโน้มครอบลงมาเรื่อยๆ

“รุฒ!! นี่มันไม่ใช่เวลามาทำ... อะไร... อย่างนี้..” เสียงที่ค่อยๆ หายไปตามท้ายประโยคเมื่อเห็นคนที่ตนเองรักหลับหมอบด้วยอาการอ่อนแรงแนบชิดกับตน ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุที่สงบเหมือนเด็กทารกที่นอนบนอกแม่ ทำให้ชานนท์ไม่อยากไปรบกวนภาพตรงหน้า เขาเพียงวางมือไว้บนศรีษะอีกฝ่ายและลูบไล้ด้วยความคิดถึง

..................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 6) อัพ 15 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-06-2020 13:41:07
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 6) อัพ 15 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-06-2020 10:32:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร้ายกาจทั้งผัวและเมียเลย
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 6) อัพ 15 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-06-2020 14:12:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 29 ส่วนที่ 6) อัพ 15 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-06-2020 19:43:26
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด ( บทที่ 29 ส่วนที่ 7) อัพ 21 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 21-06-2020 18:32:26


“จะกลับกรุงเทพได้หรือยัง? ขาดเรียนมาหลายวันแล้วนะ” เสียงของชายหนุ่มตัวสูงในชุดลำลองพูดกับชานนท์ในอ้อมกอดตนเอง

“อืม.....” ชานนท์อ้ำอึ้ง เขายอมรับว่าเขายังรู้สึกหวาดกลัวความรู้สึกเมื่อเจอผู้ใหญ่ทางฝั่งแฟนหนุ่มตัวเองพอควร

ตอนนี้ชานนท์ได้ย้ายมาพักรักษาตัวที่บ้านได้สองวันแล้ว โดยมีแฟนหนุ่มตัวสูงอย่างวรุฒคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ซึ่งตอนนี้แม่ของชานนท์ก็มีสีหน้าดีและท่าทางดีขึ้นมากเป็นลำดับเมื่อเจอวรุฒ ชานนท์ก็ไม่แน่ใจว่าช่วงที่เขาหมดสติอยู่วรุฒทำยังไงแม่เขาถึงได้ยอมให้ทั้งสองกลับมาคบกันอีกครั้ง

วรุฒพูดเพียงแค่ ‘ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก’
แต่ชานนท์ก็เลยพูดสวนไปว่า ‘หน้าด้านล่ะมากกว่า’
สุดท้ายเขาก็ไม่รู้ว่าวรุฒทำยังไงถึงทำให้คุณแม่เขาใจอ่อน จนกระทั่งเขาต้องแอบไปถามแม่ตนเองเวลาอยู่กันสองคน แม่ของเขาพูดเพียงว่า ‘แม่แค่รู้สึกว่าวรุฒเขาไม่เหมือนพ่อของเขา’ แต่แม่ก็ยังไม่ยอมบอกวิธีการของแฟนหนุ่มของเขาอยู่ดี

พอชานนท์ตื้อมากๆเข้า แม่ของเขาก็ตอบเพียง ‘แม่ก็อยากทำเพื่อลูกบ้าง’ แค่นั้น

ทำให้ชานนท์รู้สึกอึดอัดอยากรู้ใจจะขาด

“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ เราไปเคลียร์กับแม่และมหาวิทยาลัยให้แล้ว ส่วนเรื่องทุนฯก็ไม่มีปัญหา นายยังได้ทุนเหมือนเดิม” วรุฒเขี่ยเส้นผมที่ไม่ได้จัดทรงของชานนท์ไปมาอย่างเพลิดเพลิน ในช่วงเวลาที่พวกเขาห่างกัน วรุฒรู้สึกคิดถึงทุกส่วนของชานนท์ อย่างสัมผัสกันตลอดเวลา แม้ใจอยากจะจับกดแทบตายแต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่พร้อม แค่ได้นอนกอดกันแค่นี้ก็พอใจแล้ว

“แล้ว............”  เส้นเสียงของชานนท์เหมือนถูกบีบตีบจนเส้นขาดห้วงไป แค่เขานึกถึงหน้ามาเฟียคนนั้นเขาก็กลัวจนแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลง

“หมายถึงพ่อ? ไม่ต่องกลัวหรอก ตั้งแต่วันนั้น เขาแทบจะไม่เอ่ยถึงนายเลย ขนาดแม่นายขอให้เราโทรศัพท์ไปเคลียร์กับต่อหน้าแม่นาย คนที่โหดสลัดขนาดนั้นยังได้แต่อ้ำอึ้ง สงสัยเขาพอรู้ว่าแม่นายเป็นใคร เลยยิ่งไม่กล้ายุ่ง เราแม่งโชคดีชะมัด!” วรุฒเล่ายาวด้วยความภูมิใจ

“โทรศัพท์ไปเคลียร์? เมื่อไหร่? ตอนเราป่วย? โทรไปทำไม? แม่เราเนี่ยนะ?” ชานนท์ได้ทีถามเป็นชุด
“เอาน่าๆ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราไม่อยากเล่า... เท่าไหร่?” วรุฒมีอาการขวยเขินจนผิดปกติ
“เอาเป็นว่า พ่อเรา คุณประวิทย์ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่มายุ่งวุ่นวายกับนายอีกแน่นอน!!” วรุฒรีบเปลี่ยนเรื่อง

“อะแฮ่ม!!” เสียงหญิงวัยกลางคนกระแอมที่ช่องประตูที่เปิดอ้าไว้ ทำให้วรุฒรีบขยับตัวออกห่างจากชานนท์ที่ซึ่งตอนแรกแทบจะนอนซ้อนกันอยู่

“สวัสดีครับแม่” วรุฒยิ้มเจื่อนทักทายไป
“สวัสดีแม่อีกแล้ว ไม่ต้องสวัสดีบ่อยขนาดนี้ก็ได้” แม่ชานนท์ส่ายหน้า
“อ่า...ครับ” วรุฒไม่เคยเกรงใจใครขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะเขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับชานนท์มากขนาดไหน จึงทำให้เขาประหม่าทุกครั้งที่เจอ

“แล้ว... แม่บอกแล้วใช่ไหม?” หญิงวัยกลางคนเหล่มองไปที่คนทั้งสอง
“ครับ” วรุฒขยับตัวออกห่างไปอีกเล็กน้อย
“ว่าเวลาอยู่บ้านแม่เนี่ยให้สำรวมหน่อย! ถึงแม่จะยอมเรื่องการคบกันเนี่ย แต่ก็ยังรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้เท่าไหร่นะ....ดังนั้นก็..... ช่วยสำรวมกันหน่อยนะ.....”

“ครับ!” วรุฒตอบรับหนักแน่น ทำให้ชานนท์เกือบหลุดขำดับท่าทางของวรุฒที่เขาไม่เคยเห็น ปกติคุณชายคนนี้ไม่เคยกลัวใครแม้แต่พ่อตัวเอง

“เอ..... อย่าบอกนะว่า เราผิดสัญญากับแม่ที่ให้ไว้เมื่อคราวที่แล้ว!!” แม่ของชานนท์เสียงเข้มขึ้นและชี้มาที่คนบนเตียงทั้งสอง

“มะ...ไม่ครับ ไม่นะครับ ผมให้เกียรติคำสาบานของแม่ครับ ผมแค่อยู่ด้วยกัน อย่างมากก็แค่กอดครับ!!” วรุฒลั่น

“.........” แม่ของชานนท์มองทั้งคนนิ่ง ส่วนชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากทำเป็นเอนหลังทำท่าอ่อนเพลีย เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไรเพราะเขาโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย

“ก็ดี.... งั้นลงไปกินมื้อเที่ยงได้แล้ว และก็ค่อยมาคุยกันเรื่องที่เรียนของนนท์นะลูก” แม่ของชานนท์พูดทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องไป
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 30 ส่วนที่ 1) อัพ 21 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 21-06-2020 18:52:19
บทที่ 30

A little thing call happiness



“แม่ให้ลุงเสริฐช่วยเรื่องที่เรียนให้แล้ว มีให้เลือกสองที่ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่นี่แต่ก็มีมาตรฐานการสอนที่ดี แม้ไม่เท่าที่เดิม แต่อย่างลูกเรียนเก่งอยู่แล้วเรียนที่ไหนก็คงเหมือนกัน แล้วไม่กังวลนะ แม่จ่ายไหว!” แม่ของชานนท์เดินเอาแผ่นพับประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยมาวางไว้บนตักชานนท์หลังจากอาหารค่ำ

วรุฒได้แต่นิ่งเฉย และมองกระดาษสองแผ่นนั้นอย่างเงียบเชียบ

ชานนท์หยิบแผ่นพับทั้งสองแผ่นขึ้นมามองผ่านๆ สลับกับการมองหน้าวรุฒอย่างงงงวย

“ผมนึกว่า...ผมจะได้กลับไปเรียนที่เดิม?” ชานนท์โวยเล็กๆ
“แม่ตัดสินใจแล้ว... แม่อยากดูแลลูกอย่างไกล้ แม่อยากแน่ใจว่า ลูกของแม่โอเค!!” ฟังน้ำเสียงของผู้เป็นแม่แล้วทำให้ชานนท์เถียงไม่ออก เขายอมรับว่า เกือบปีที่ผ่านมา เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่หลายครา

“รุฒ... แล้วเรื่องที่เราคุยกันเมื่อกี้ล่ะ?” เรื่องที่ทั้งสองคุยกันก่อนกินข้าว ชานนท์หันไปหาแฟนของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ

“อยู่นี่ เราก็มาหาบ่อยๆ ได้” ชานนท์รู้ดีว่าแฟนหนุ่นตัวเองไม่น่าจะคิดได้แบบนี้ หรือทุกอย่างก็เพราะ... แม่ของเขา

“ค่อยๆ เลือกดูนะ สถาบันพวกนี้เปิดใหม่ สถานที่ก็สวยงาม น่าสนใจอยู่นะ” แม่ของชานนท์ขยับเข้ามาลูบศรีษะของชานนท์เหมือนปกติ

ตอนนี้ชานนท์ได้แต่มองกระดาษแผ่นพับตรงหน้า ไร้คำพูดใดๆ และไม่แม้แต่จะพลิกอ่าน

“นนท์...” วรุฒที่นั่งอยู่ข้างๆ จับหัวเข่าแฟนตัวเล็กของตัวเองอย่างเป็นห่วง เขารู้สึกความเครียดที่ปะปนอยู่ในอากาศได้

“แม่....... ผมขอโทษนะครับ” ชานนท์ยืนขึ้นเสมอแม่ของเขา และวางกระดาษแผ่นผับเหล่านั้นลงบนมือแม่เบาๆ

“เลือกได้แล้วหรือลูก? นนท์ยังไม่พลิกดูเลยนะลูก?” แม่ของชานนท์ยื่นกระดาษแผ่นพับคืนให้ชานนท์
“ไม่ครับ ผมจะเรียนที่เดิม!!” ชานนท์กล่าวเสียงเรียบในขณะที่เขาเองก็ก้มหน้าหลบสายตาที่เริ่มคุกกรุ่นของมารดาตนเอง

“ทำไม!! แกจะไปเรียนที่นั่นทำไมอีก แกยังไม่เข็ดอีกหรือไง!?!” แม่ตวาดลั่น
“แม่ไม่มีเหตุผล เรื่องเรียนแม่บอกเองว่าจะให้ผมเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง!!” ชานนท์ที่มีดวงตาแดงก่ำเริ่มมีพูดสวนมารดาตนเอง สร้างความประหลาดใจในดวงตาของแม่ของชานนท์พอสมคาร

“แล้วผลที่ได้เป็นไง ยังไงเรื่องนี้แม่ก็ไม่ยอม!!” แม่ของเขายังคงเสียงดังขึ้นอีก
“รุฒ!! ไหนบอกจะช่วยแม่อธิบายไง เรื่องที่เราสัญญากันไว้ไง!!” แม่ชานนท์หันไปหาตัวช่วยที่ตอนนี้ทำท่าอึดอัดอยู่ข้างๆ

คนหนึ่งก็แฟน คนหนึ่งก็แม่แฟน

“เอ่อ... นนท์ เราว่าครั้งนี้เชื่อแม่นายเถอะนะ” วรุฒยกมือขึ้นจับไหล่ที่เริ่มสั่นไปหมด
“นายเงียบไปเลย!!” ชานนท์หันไปดุใส่วรุฒจนเขาเอามือออกห่างจากชานนท์

“แม่ครับ!! แม่คิดอะไรน่ะ เพราะแบบนี้ใช่ไหมครับ ถึงได้ยอมให้วรุฒหลับมาคบกับผม แต่ข้อตกลงแบบนี้ มันก็ไม่ต่างกับจะให้ผมแยกกัน ห่างกัน!!”  ชานนท์กล่าวทั้งที่ตาแดงก่ำ
“แม่ทำเพื่อลูกนะ” แม่ของชานนท์กล่าวสั้นๆ
“ผมไม่เข้าใจ!” ชานนท์เสียงดังขึ้น จนวรุฒรู้สึกตกใจ
“ลูกก็รู้! แม่ไม่ต้องการให้ลูกกลับไปเจออะไรแบบนั้นอีก!!” แม่ของชานนท์เริ่มใช้อารมณ์ในน้ำเสียง
“ผมเชื่อว่าผมแข็งแรงพอ!!” ชานนท์ไม่ยอมแพ้
“แม่ไม่เชื่อ!!” แม่เสียงเข้มใส่

“นนท์.....” วรุฒสัมผัสมือของชานนท์ให้เขาใจเย็นลง
“ผมจะทำให้แม่เห็นว่าผมเข้มแข็งพอ แม่ครับ ผมขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมครับ” ชานนท์เสียงอ่อนลง และเดินไปจับมือแม่ตนเอง ชานนท์จ้องเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยคู่นั้น แม้ว่าแม่ของเขาจะมีน้ำเสียงดุดันเพียงใด แต่แววตาของเธอกลับตรงกันข้าม

“เฮ้อ........ วรุฒ... เธอชนะ แม่มองลูกตัวเองผิดไปจริงๆ” หญิงวัยกลางคนผ่อนลมหายใจและมองไปทางชายหนุ่มร่างสูงที่ยกยิ้มมุมปากอย่างมีชัย

“หมายความว่าไง?!?” คนที่งงที่สุดน่าจะเป็นชานนท์
“แม่น่ะ ใจอ่อนตั้งแต่เห็นลูกเข้าโรงพยาบาลแล้ว ส่วนวรุฒก็ทนมานั่งเฝ้าลูกทุกวันไม่หลับไม่นอน ไม่ไปไหน แม้ว่าแม่จะไม่ให้เข้าเยี่ยม เขาก็ไม่เคยไกลจากโรงพยาบาลเลย แต่เรื่องที่แม่จะปล่อยลูกกลับไปเรียนที่เดิม ยังไงแม่ก็ไม่ยอม.... วรุฒก็เลยพนันกับแม่ไว้ หากนนท์ยอมเชื่อฟังแม่ รุฒจะยอมรามือไม่ตื้อให้ลูกกลับไปกับเขา แต่หากลูกไม่ยอมอย่างถึงที่สุด แม่ก็ตัองยอม” แม่ของชานนท์เล่ายาวขณะใช้มือลูบเส้นผมที่ชี้ฟูของชานนท์

“นาย... มันคนเจ้าเลห์!!” ชานนท์หันกลับไปชี้หน้าแฟนตัวเอง ที่ยืนยิ้มดีใจอยู่ไม่ห่าง

วรุฒผู้ไม่เคยแพ้พนัน ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในช่วงป่วย วรุฒทำตัวดีมาโดยตลอด เขารู้ว่าหากเรื่องที่เขาเป็นพี่น้องกันเพราะแผนของแม่ชานนท์นั้น คงสร้างบาดแผลให้ชานนท์ไม่น้อย ชานนท์คงไม่ยอมกลับไปเจ็บปวดเช่นเดิมอีกแน่ การช่วยเยียวยาแผลใจของชานนท์ในช่วงนี้ส่งผลถึงการตัดสินใจของชานนท์แน่นอน

“นี่ทั้งสองคน!! เอาเรื่องของผมมาพนันกันเหรอเนี่ย! ใจร้ายสุดๆ ผมไม่คุยกับทั้งสองคนแล้ว!!” ชานนท์ปึงปังเดินขึ้นห้องไป

“เฮ้อ...... ไม่โตสักทีลูกคนนี้....” แม่ของชานนท์ส่ายหัวไปทางวรุฒที่ยืนยิ้มอย่างขบขำท่าทางของแฟนตัวเอง

“ยังไงแม่ก็ฝากรุฒด้วยนะ ฝากดูแลน้องด้วยนะ” แม่ของชานนท์ยิ้มไปที่วรุฒ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแม่ของชานนท์ได้เปิดใจรับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะเกรงใจลูกชายตนเอง

“ได้ครับ ผมสัญญา ผมจะดูแลน้องอย่างดี!! งั้นผมขอตัวไปดูแลน้องก่อนนะครับ!” วรุฒตอบรับเต็มเสียงและก้าวเดินยาวๆ ตามอีกฝ่ายไป

“อ้อ! แล้วอย่างที่สัญญากับแม่ด้วยนะ!! รอให้น้องอายุ 20 ก่อน!!” แม่ของชานนท์ตะโกนไล่หลังทำให้วรุฒเกือบตกบันได เพราะคำว่าดูแลในความหมายของเขาก็รวมเรื่องอย่างว่าด้วยนั่นแหละ

“ครับ!!” วรุฒตอบอย่างขอไปนี้ เพราะเขาคิดว่าเขาคงรักษาสัญญากับแม่ของชานนท์เฉพาะเมื่ออยู่ที่นี่เท่านั้น

กลับไปกรุงเทพเมื่อเขาจะจัดหนักให้หายคิดถึงเลย!!

คิดได้ดังนี้วรุฒก็ดิ่งตรงไปที่ห้องของชานนท์เพื่อไปง้อคนขี้งอนเสียหน่อย

...................

สวบสาบ

เสียงมือเรียวยาวคืบคลานในความมืดใต้ผ้าห่ม มือที่ไล่ลูบไปตามความเว้าโค้งของโคนขา ไล่ขึ้นไปถึงชายเสื้อที่ยับยู่ และค่อยๆสอดมือเย็นนั่นเข้าไปใต้เนื้อผ้า

อือ..... อา.....

เสียงคนตัวเล็กภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มฟื้นจากการอาการหลับไหลเพราะความเย็นจากปลายนิ้วมืออีกคนบนเตียง

ฝ่ายคนที่ใช้มือรุกไล่นั่น ไม่ได้พอใจแต่เพียงช่วงท้องที่เขาใช้พักมือ ความนุ่มหยุ่นเนียนนั่นทำให้ฝ่ายรุกยิ่งได้ใจไต่มือขึ้นสูงจนไปหยุดที่ตุ่มเนื้อแข็งกลางอกเพราะความเย็นของห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส

“หยุด!!” เสียงคนตัวเล็กที่นอนนิ่งอยู่ทำให้ฝ่ายรุกไล่นั้นยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ได้เกรงกลัวเสียงดุดันที่เอ่ยขึ้น

“น่านะ นนท์ เราอยาก..... นายจะแย่!!” แม้เวลาจะผ่านมาเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่คบกัน วรุฒก็ไม่เคยหยุดที่จะคิดแบบนี้กับเขาเลย ทั้งๆ ที่แม่ของเขาก็เอ่ยห้ามวรุฒไว้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

“พอเลย!! วันนี้มีเรียนแต่เช้า! แล้วเราอนุญาติไปแล้วนะ สัปดาห์นี้น่ะ!” เพราะชานนท์ยังจำสัญญาที่ตนกับวรุฒให้กับแม่ตนเองได้ว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้กันก่อนอายุ 20 ปี แต่ด้วยฮอร์โมนช่วงวัยรุ่นมันเรียกร้อง เขาเลยตกลงกับวรุฒว่าทำได้เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น

“เอาน่า .... วันนี้มันวันพิเศษนะ ขอเป็นพิเศษไม่ได้เหรอ?” วรุฒคลุกวงในมุดตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่น

“วันอะไร?” ชานนท์พยายามดันอึกฝ่ายให้ถอยออกไป

“วันนี้วันเกิดนายไง” วรุฒกระซิบข้างหู
“!?!?!” ชานนท์ตกใจตาโต เพราะเขาลืมไปเลย เพราะช่วงนี้เขามัวแต่หาสถานที่ฝึกงานในปีถัดไปอยู่ เลยทำให้ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง

“ครบ 20 แล้วนะ ดังนั้น..... เราก็ทำตามใจได้แล้วน่ะสิ”
“ไม่อาวววว.... จะถึงเวลานาฬิกาปลุกแล้ว พอเป็นไอ้เรื่องหื่นๆ นี่ตื่นเช้าเชียวนะ” ชานนท์ยื้อตัวเองให้ออกห่างจากชานนท์อย่างหนักแต่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

“เราเบื่อที่จะแค่กอด แค่จูบ สุดท้ายก็ต้องไปช่วยตัวเองให้ห้องน้ำแล้วนะ นายรู้ไหมว่า มีแฟนน่ารักนี่มันลำบากนะรู้ไหม โอ้ย! ไม่ไหวแล้ว! ขอเลยได้ไหม?” วรุฒส่งแรงไปที่มือกระชับอีกฝ่ายเข้ามาแนบอกได้สำเร็จและเริ่มใช้ริมฝีปากบดไปตามส่วนต่างๆ อย่างหิวกระหาย

“โอ้ยๆ ไม่เอา ไม่เอา” ชานนท์ฝืนตัวจนหน้าแดง น้ำตาคลอเบ้า มันรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้ นี่มันเกินไป เมื่อสองวันก่อนเขายังรู้สึกน่วมอยู่เลย หากทำตอนนี้ เขาคงเข้าเรียนรอบเช้าไม่ได้แน่ๆ เขาไม่อยากได้ของขวัญวันเกิดแบบนี้

วรุฒสังเกตเห็นหน้าผิดรูปของอีกฝ่ายจึงทำให้เขาตัดสินใจหยุดตัวเองและพลิกตัวไปนอนแผ่อยู่ที่เตียงฝั่งตนเอง แต่วรุฒน้อยกลับยังดูคึกคักกางเต็นท์อยู่ในกางเกงขาสั้น

“เฮ้อ.....” วรุฒผ่อนลมหายในอย่างหนักหน่วง เขาโทษตัวเองที่เอาอารมณ์ตนเองเป็นใหญ่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ และหงุดหงิดเมื่อทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงลงมือโดยไม่มองหน้าไม่ชอบใจของอีกฝ่ายไปแล้ว และเชื่อว่าตนเองเด็ดพอที่จะทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามได้ไม่ยาก

แต่เดี๋ยวนี้วรุฒแอบยอมรับว่า เขาใจอ่อนลงไปเยอะ เกรงใจชานนท์จนเกือบไม่เป็นตัวของตัวเอง คิดแบบนี้ยิ่งทำให้หงุดหงิดอยู่ในใจ

วรุฒรีบลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปอาบน้ำ ไปเอาน้ำเย็นๆ รดศรีษะเสียหน่อย เผื่อว่าอาการหัวร้อนและต้องการเรื่องอย่างว่าจะทุเลาลง เขาแทบไม่หันไปมองว่าชานนท์ทำหน้าอย่างไรอยู่ขณะนี้

ก็อก ก็อกก็อก

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น ขณะที่วรุฒกำลังเปิดฝักบัวให้น้ำที่ไม่ผ่านเครื่องทำน้ำอุ่นไหลรดทั้งตัว

“หือ? จะเอาอะไร?  เข้ามาสิไม่ได้ล็อกอยู่แล้ว” วรุฒเลื่อนบานกระจกกั้นพื้นที่ฝักบัวและตะโกนไปขานรับเสียงเคาะประตู

“สายแล้ว ขอเข้าไปอาบน้ำด้วยสิ” คนอีกฝากของประตูตะโกนมา
“อืม.... เอาสิ” ปากพูดแบบนั้นแต่ในใจวรุฒนั้นสบถไปสามสี่ภาษา เพราะนอกจากชานนท์จะไม่ให้แล้ว ยังจะเดินเข้ามายั่วกันอีก หากเขาทนไม่ไหวขึ้นมาจับกดคาห้องน้ำนี่จะโดนโกรธไหมเนี่ย? วรุฒคิดในใจ

เสียงประตูห้องน้ำที่ถูกผลักเข้ามา ทำให้วรุฒพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมองอีกฝ่ายที่กำลังจะเปลือยกายเข้ามาอาบน้ำด้วย เขารีบหันไปหาน้ำเย็นๆให้ของเหลวใสสะอาดราดรดใบหน้าให้คลายอาการหมกหมุ่น

“สายตรงไหน? เราตื่นก่อนนาฬิกาปลุกอีก!” วรุฒเหมือนเพิ่งนึกได้เลยหันหน้าไปหาอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาให้ห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว

“แล้ว...... เฮ้ย!!” วรุฒตกใจเสียงหลงเมื่อชานนท์ยืนอยู่ในห้องน้ำในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ด้วยอาการขวยเขิน

“อะไรเนี่ย?!?” ปากกล่าวอย่างตกใจ แต่สายตากลับจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา
“ก็มาง้อไอ้คนไม่มีความอดทนนี่ไง!! ไอ้เราก็คิดว่าจะเซอร์ไพรส์กลับตอนเย็น ดันมาขี้งอนเสียก่อน!” ชานนท์กอดอก
“หมายความว่าไง!?!” วรุฒตอบเสียงสั่น กลืนน้ำลาย

“ก็นายชอบจัดงานเซอร์ไพรส์วันเกิดเรา ปีนี้เราก็เลยจะทำเซอร์ไพรส์ตอบแทนบ้าง ชอบไหมครับ?” ชานนท์พูดจบก็หมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบ เขารู้ว่าวรุฒอยากให้เขาใส่แบบนี้ เพราะว่าเขามักเห็นวรุฒแอบดูรูปเขาตอนสมัยมัธยม แล้วก็ชมว่าน่ารักหลายครั้ง เขาเลยไปชุดชุดสมัยมัธยมมาใส่ (หลอกแม่ว่าจะจัดงานแฟนซีแล้วให้ส่งมาจากต่างจังหวัด ขอโทษครับแม่ เอามาเตรียมรอสำหรับคืนวันเกิด ช่วงนี้ชานนท์ยุ่งๆ จนเกือบลืมไปแล้ว)

“แหม่...... ไม่เห็นจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลย...” วรุฒเดินออกมาจากพื้นที่ฝักบัว แต่ดวงตาสำรวจทุกส่วนสัดของชานนท์จนชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

“เราอยากเซอร์ไพรส์นายบ้าง!”  ชานนท์เดินไปโอบคออีกฝ่ายทำให้เส้นความอดทนบางๆของวรุฒขาดผึง

วรุฒดึงอีกฝ่ายเข้าพื้นที่ฝักบัวปล่อยน้ำให้ราดรดเขาทั้งสองคน ชานนท์เนื้อตัวเสื้อผ้าเปียกปอน ปกติเขาคงโวยวายแต่ครั้งนี้เขายกให้เป็นกรณีพิเศษ

วรุฒเชยศรีษะของชานนท์ขึ้นในมุมที่องศาพอดีรับกับริมฝีปากของตนที่บดขยี้ลงมาเบื้องล่าง ริมฝีปากสีแดงชาดอ่อนๆ เหมือนผลเชอรี่ใกล้สุกที่เขาสามารถลิ้มรสได้ตลอดชีวิตของเขา มือที่เปียกชุ่มของวรุฒลูบไล้ไปทั่วเสื้อนักเรียนสีขาวกางเกงสีดำซีด ทำให้ชานนท์แอบครางออกมาในลำคอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด มือของวรุฒก็กระตุ้นความรู้สึกของชานนท์ได้เสมอ

“ให้เราถอดเสื้อผ้าออกให้ไหม?” ชานนท์ผละปากออกจากอีกฝ่ายและยื่นข้อเสนอให้ เพราะเสื้อผ้าที่ชุ่มน้ำนั้นมันทั้งหนักและติดแนบกับตัว ขยับได้ไม่ถนัด เสื้อผ้าที่เขาไม่ได้ใส่แล้วตั้งแต่จบมัธยมปีที่หก มันแน่นขึ้นมากเพราะความใส่ใจออกกำลังกายของเขาในช่วงปีที่ผ่านมา ร่างที่ผอมบางเริ่มมีกล้ามเนื้อที่ชัดเจนขึ้นมาก

ซึ่งวรุฒก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไร ชานนท์ก็คือชานนท์ จะหุ่นแบบไหนเขาก็รักชานนท์คนนี้เท่านั้น ชานนท์คนที่เขาอยากกลืนกินไปทั้งตัวและหัวใจ

“ไม่..... ใส่ไว้แบบนี้ล่ะ.... เราขอ.....” เสียงกระเซ่าสั่นเอ่ยขึ้นกลางสายน้ำที่ไหลรดทั้งตัววรุฒ
“แล้ว........ จะ.......” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงเอียงอาย จะกี่ครั้งเขาก็นังรู้สึกกระดากกับการพูดกริยาแบบนี้จากปากตรงๆ

“เออน่า! เดี๋ยวก็รู้แล้ว!!” วรุฒพูดจบก็ดันคนตัวเล็กในชุดนักเรียนคับติ้วไปติดผนังห้องน้ำ และละเลงริมฝีปากใส่ฝ่ายตรงข้ามจนไม่มีแม้แต่เสียงร้องแสดงความรู้สึก เขาอยากทำอย่างนี้กับชานนท์ในชุดนักเรียนแบบนี้มานานแล้ว วรุฒรู้สึกว่าการชานนท์เหมาะกับชุดนักเรียนที่สุด เขาจึงไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกอีกต่อไป เขาจะทำทั้งที่ชานนท์ยังอยู่ในชุดนักเรียนนี่แหละ เขาเคยคิดไว้นานแล้วว่าจะทำแบบไหน ตอนนี้เขาสมหวังแล้วและจะทำอย่างที่ตั้งใจทันที........
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 30 ส่วนที่ 1) อัพ 21 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-06-2020 20:54:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 30 ส่วนที่ 2 อัพ 30 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-06-2020 09:29:46

เวลาบ่ายคล้อยแสงอาทิตย์เบี่ยงลงไปทางทิศตะวันตกเล็กน้อย ชานนท์เดินหมดเรี่ยวแรงออกจากรถยนต์คันหรูที่ขับโดยแฟนหนุ่มรูปหล่อของเขา แฟนหนุ่มที่เมื่อครู่กลายร่างเป็นหมาป่าที่ขย้ำหนูน้อยหมวกแดงอย่างเขาเสียจนนึกว่า เขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักเลย

“ป่าเถื่อนเกินไปแล้วนะ!” ชานนท์บ่นขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่วรุฒเดินออกมาจากรถ ชานนท์นวดไหล่นวดเอวตัวเองและจ้องไปที่ต้นเหตุ

“นายจะบอกให้หยุดก็ได้นะ แต่นายดันไม่พูดเอง!!” วรุฒพูดด้วยสีหน้าอมยิ้มขณะเดินมาเคียงข้างชานนท์
“เราพูดได้เหรอ? กลัวว่ายิ่งพูด ยิ่งทำให้นายรุนแรงขึ้นหรือเปล่า!” ชานนท์ค้อนใส่
“เกลียดจังคนรู้ทัน!” วรุฒโอบไหล่อีกฝ่ายแน่น

“พอเลยๆ เพราะนายนี่แหละทำให้เราเข้าคาบเช้าไม่ทัน!! นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบโดดเรียน!!” ชานนท์คีบมืออีกฝ่ายออกมาจากไหล่ตนเอง
“ขอโทษนะ เวลาเครื่องเดินแล้วมันหยุดไม่อยู่น่ะ” วรุฒตื้อเดินเข้ามาโอบอีกรอบ

“โอ้ยยยยยยย นี่มันที่สาธารณะนะ ระวังกันหน่อย!!” เสียงแหลมดังแผดมาแต่ไกล เสียงที่ชานนท์รู้ทันทีว่าใครเลยรีบโดดออกห่างจากวรุฒทันที ส่วนวรุฒเส้นเลือดขึ้นขมับทันทีที่ได้ยินเสียงนี้

‘ยัยเมย์’ วรุฒคิดในใจ ‘ยัยตัวขัดทุกจังหวะ’

“เมย์ .. ทำไมเธอยังไม่ขึ้นเรียน?” ชานนท์หันไปพูดพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง นาฬิกายี่ห้อหรูที่เขาได้จากที่รักของเขาในวันครบรอบหนึ่งปี ชานนท์พยายามไม่ใส่แต่ก็ถูกอีกฝ่ายบังคับให้ใส่ตลอด
“นี่นาย.... รุฒไม่ได้บอกนายเหรอว่า...” เมย์คิ้วขมวดใส่

 อะแฮ่ม!!
วรุฒกระแอมเสียงดัง

“อ้อ... จะบอกว่ามาอะไรเอาป่านนี้ ทำไมมาสายจัง? ถึงจะเรียนเก่งแต่ไม่เข้าเรียนแบบนี้ ระวังทุนฯจะหลุดนะ!!” ยัยเมย์เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่ชานนท์จะได้มีเวลาสงสัย  ก็โดนโยนประโยคสะเทือนใจมาให้จนวรุฒค้อนใส่ยัยผู้หญิงปากเสียที่ยืนยิ้มเจือนๆ ส่งมา

เรื่องที่เขาถูกรีไทน์ไปเมื่อปีหนึ่งนั่นดูจะยังเป็นบาดแผลในจิตใจไม่เลือนหาย แม้สุดท้ายวรุฒจะสามารถแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมโดยไปขอร้องคุณแม่ของเขา แต่ชานนท์ก็ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี แม้ต้นเรื่องจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวเขาเองแต่ชานนท์ก็ยังจำความรู้สึกเคว้งคว้างตอนนั้นได้ดี

ช่วงแรกๆตอนที่กลับมาเรียนใหม่ๆ นั้น ชานนท์ค่อนข้างหวาดระแวงจนถึงขั้นไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว เขาเกาะติดวรุฒจนตัวติดกันตลอด แม้วรุฒจะชอบใจแต่ในใจก็เป็นห่วงสภาพจิตใจของชานนท์อย่างหนัก เพราะพ่อของวรุฒทำให้ชานนท์ไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักที่เดียว แม้แต่ในห้องพักส่วนตัวในคอนโดฯหรูหรา

มายด์บอกกับวรุฒว่าต้องเข้าใจชานนท์หน่อยเพราะใครเจอแบบนั้นก็ต้องหวาดระแวงเป็นธรรมดา

จนกระทั้งวันหนึ่งหลังจากที่ชานนท์กลับมาเรียนได้สักพัก พ่อของวรุฒมาดักเจอพวกเขาทั้งสองที่บริเวณลอบบี้ของคอนโดฯ  ตอนเจอครั้งแรกนั่นชานนท์ตัวเกร็งแข็งทื่อด้วยความกลัว วรุฒต้องเอาตัวเข้าบังสุดความสามารถ แต่.... ความจริงแล้ว พ่อของเขามาดักรอแม่ของชานนท์ที่จะมาเยี่ยมชานนท์ในวันนั้น

วรุฒยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์วันนั้น ในนาทีแรกที่แม่ของชานนท์เจอหน้าพ่อของเขา เธอตบหน้าพ่อของเขาสุดแรงจนเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ โดยที่พ่อของเขาไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย
“จำไว้ นี่คือฉันเอาคืนในส่วนลูกของฉัน!”  พูดจบแม่ของชานนท์ก็ตบหน้าพ่อเขาอีกฉาดใหญ่
คุณประวิทย์ผู้ยิ่งใหญ่ทำได้เพียงกล่าวขอโทษและทำหน้าสำนึกผิด
พลังของรักแรกทำให้พ่อของเขาไร้ซึ่งอำนาจกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง แม้ตอนนี้พ่อของเขาจะไม่ได้ครอบครองเธอ แต่ก็ไม่อาจบังคับจิตใจเธอได้

“อย่ามาทำลูกฉันเจ็บอีก ไม่งั้นฉันจะไม่ให้อภัยคุณแน่!!”  แม่ของชานนท์ประกาศกร้าว หลังจากนั้นก็ชักชวนลูกชายและแฟนลูกชายขึ้นไปบนห้อง โดยทิ้งให้พ่อของเขาหน้าบวมแดงช้ำและยืนสำนึกเสียใจอยู่ที่ลอบบี้

หลังจากนั้นวรุฒก็ไม่เคยเห็นพ่อของเขาเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขาและชานนท์อีกเลย วรุฒคิดว่าเขาเป็นคนโชคดีที่สุดที่แม่ของชานนท์เป็นรักแรกของพ่อของเขาและมีอิทธิพลกับพ่อของเขามากพอควร แต่ในทางกลับกัน หากเขาทำชานนท์เสียใจ เขาก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที

“ไปเรียนกันเถอะ!! วันนี้เขาเปลี่ยนที่เรียนนะรู้หรือเปล่า? ไปใช้ห้องเรียนรวมห้องใหญ่ทางปีกขวา เพราะจะมีคนจากเซ็กฯอื่นมาเรียนรวมด้วยกัน” วรุฒรีบเปลี่ยนเรื่องหลังจากนึกย้อนกลับไปก่อนที่ชานนท์จะหายจากโรคหวาดระแวง

“วันนี้แปลกนะที่นายรู้เรื่องพวกนี้ด้วย?” ชานนท์แปลกใจกับท่าทีแปลกๆของแฟนหนุ่มและเพื่อนปากมากของตนเอง
“ก็มันอยู่ในไลน์กลุ่มของเอกไง ทำไมนายไม่ได้อ่านเหรอ?” เมย์พูดแทรกขึ้นมา
“จริงเรอะ? ไหนดูหน่อย เราว่าเราไม่เคยพลาดเรื่องพวกนี้นะ!!”  ชานนท์รีบหยิบสมาร์โฟนของตนขึ้นมาดู
“รีบไปเหอะสายแล้ว” วรุฒรีบดึงมืออีกฝ่ายให้ก้าวเดิน ทำให้ชานนท์ไม่มีโอกาสได้ดูไลน์กลุ่มของเอกฯ
“ใช่ๆ” เมย์เองก็รีบสาวเท้าตามมา

ภายในห้องเรียนรวมห้องใหญ่ปีกขวานั่น คราคร่ำไปด้วยเพื่อนร่วมเอกของเขาตามปกติ ทุกคนต่างพูดคุยกันเสียงดังเหมือนเช่นปกติ ทุกอย่างเป็นเหตุการณ์เช่นทุกครั้งก่อนอาจารย์ประจำวิชาจะเดินเข้ามา

ชานนท์เดินไปนั่งที่โต๊ะแถวหน้าสุดเช่นเดิมพร้อมกับวรุฒที่วันนี้ดูกระตือรือร้นในการเข้าเรียนผิดปกติ ชานนท์นั่งทบทวนบทเรียนที่เรียนในคาบนี้จนกระทั้งเวลาผ่านไปจนเลยเวลาเรียนจนเกือบสิบนาที เพื่อนๆ ของเขาก็ยังคุยสนุกเล่นหัวกันอย่างผ่อนเช่นเดิม
“ทำไมอาจารย์มาช้าจัง” ชานนท์บ่นเสียงดังขณะมองนาฬิกาข้อมือ

“ทุกคนเงียบ!!” เสียงแผดดังลั่นห้องจนทุกคนในห้องหยุดทุกกิจกรรม แต่ที่ดังขึ้นไม่ใช่เสียงอาจารย์ เสียงที่ชานนท์คุ้นหูมากๆ

“นั่งประจำที่และก้มหน้าลงไปเลยพวกมึง!” สิ้นประโยคทุกคนในห้องดูสงบเงียบ แว่บหนึ่งก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงทำให้เขาเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าชั้นอย่างสง่าผ่าเผย

‘พี่เอก’ แต่พี่เอกไม่ใช่พี่ว๊ากนะ จะมาซ่อมพวกเขาได้ยังไง แม้ชานนท์จะคิดได้ตามนั้นแต่ก็ยังคงปฏิบัติตามอยู่ดี

“วันนี้อาจารย์งดสอน พวกกูเลยมาสอนพวกมึงเอง!!”
เสียงพี่เอกดังตวาดขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงฝีเท้าคนที่เดินเข้ามาในห้องอีกจำนวนหนึ่ง ที่คาดว่าจะเป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่จะมาซ่อมพวกเขา?

ชานนท์รีบใช้มือคว้าวรุฒไว้เพราะเขารู้ว่าแฟนตัวสูงของเขาไม่ชอบทำอะไรแบบนี้ชานนท์ไม่อยากให้เรื่องในห้องนี้จบไม่สวยเลยรีบไปคว้ามืออีกฝ่ายก่อนวรุฒจะทำอะไรไม่ดีออกไป

และวรุฒวันนี้ก็ดูเรียบร้อยดี..... ว่านอนสอนง่าย ไม่ขัดใจเขา

“วันนี้!! กูจะขอซ่อมพวกมึง โดยการให้พวกมึงร้องเพลงๆหนึ่ง ซึ่งพวกมึงรู้จักดี กูจะได้รู้ว่า!! พวกมึงจะไม่ลืม!!” เสียงตวาดเสียงนั้นดังก้องกว่าเมื่อครู่ และเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้น พร้อมกับจำนวนคนอีกจำนวนหนึ่ง ชานนท์ที่นั่งก้มหน้าอยู่นึกถึงเพลงมาร์ชของคณะฯ และกำลังเตรียมเสียงเพื่อที่จะร้องมันออกมา

“เอาล่ะ หลังจากกูให้สัญญาณและให้พวกมึงร้องออกมาพร้อมๆ กัน อย่าให้ผิดเพลงล่ะพวกมึง!! หากผิดกูจะสั่งพวกมึงวิ่งรอบสนามสิบรอบ!!” เสียงอีกเสียงหนึ่งที่คุ้นหูเช่นกันตวาดขึ้น

“สาม..... สี่....” เสียงให้สัญญาณดังขึ้นพร้อมกับที่ชานนท์แอบสบถในใจ เพราะเขาไม่ได้ร้องนานแล้ว ชานนท์กลัวเป็นตัวถ่วงเพื่อนๆ

“Happy Birthday to you.... Happy birthday to you...”

“?????!!!??” ชานนท์ตกใจเงยหน้าขี้นมาเจอพี่เอก พี่เต๋า และรุ่นพี่ที่เขาพอจะคุ้นหน้ากลุ่มหนึ่งที่หน้าห้องและบรรดาเพื่อนๆ ในชั้นของเขาต่างเดินเข้ามาล้อมวงร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขา พร้อมทั้งเค้กก้อนใหญ่ในมือของวรุฒ

“ไอ้บ้า!!” ชานนท์ร้องทักคนถือเค้กก้อนโต
“สุขสันต์วันเกิดนะ” วรุฒยิ้มอย่างเขินๆ เพราะปกติเขาไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้ต่อหน้าคนหมู่มากขนาดนี้

ชานนท์รับรู้ได้ถึงความขัดเขินของอีกฝ่ายและยิ้มออกมาในที่สุด เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฉลองโอกาสพิเศษกับเพื่อนๆของเขา เพราะปกติวรุฒมักจะมีเซอร์ไพรส์โดยการจัดมื้อค่ำที่มีเฉพาะแค่พวกเขาสองคนมาโดยตลอด จนกระทั้งครั้งล่าสุด ชานนท์เผลอบ่นว่าอยากฉลองร่วมกับเพื่อนๆ ใจหนึ่งเขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เพราะวรุฒไม่ชอบให้คนอื่นมองเห็นมุมอ่อนโยนที่ปฏิบัติกับชานนท์คนเดียวเท่านั้น ไม่ชอบให้คนอื่นตัดสินอะไรเขาไม่ว่าวรุฒจะทำอะไรกับชานนท์

แต่..... ครั้งนี้วรุฒยอมแหกกฏตัวเองเพื่อเขา ความจริง... ชานนท์ขอแค่นี้.... แค่นี้เท่านั้น เขาไม่ต้องการของขวัญแสนแพงอะไร เขาเพียงอยากให้ทุกคนได้เห็นว่าวรุฒที่แสนเย็นชาคนนั้น ความจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา วรุฒเป็นคนอย่างไร และอยากให้ทุกคนหายห่วงและอยากให้ทุกได้เห็นว่าตัวเขาเองภูมิใจแค่ไหนที่ได้มีวรุฒเป็นแฟน

ฟู่....

ชานนท์หลับตาอธิฐาน และเป่าเทียนจำนวนหนึ่งบนเค้กก้อนโตให้ดับลง น้ำในตาที่เอ่อล้นค่อยๆ ไหลงมาอย่างไม่รู้ตัว ชานนท์รู้สึกตื้นตันที่วรุฒยอมทำอะไรเพื่อเขาขนาดนี้

“ไม่ต้องกังวลนะ ความจริงวันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสน่ะ แต่วรุฒเสนอไอเดียให้ทำเซอร์ไพรส์นาย เป็นไง? เซอร์ไพรส์ไหม?” ยัยเมย์ถลาเข้าอธิบาย

“สุดๆเลย” ชานนท์ปาดหยดน้ำที่แก้มออก

หมับ!!

วรุฒคว้าคอชานนท์เข้ามาสวมกอดไว้
“อะไรกัน ทำไมทำหน้าไม่ดีใจเลย” วรุฒก้มลงพูดใส่กลุ่มผมที่หอมแชมพูยี่ห้อเดียวกับเขา
“ดีใจสิ ไม่คิดว่านายจะทำอะไรแบบนี้ มันดีกว่าของขวัญราคาแพงอีกนะ!!” ชานนท์พูดใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวช่วงอกของอีกฝ่าย

“พวกมึงกลับห้องกันก่อนไหม?” เต๋าพูดแซวทำหน้าเหมือนเหม็นกลิ่นอะไรสักอย่าง
“เต๋า...” พี่เอกมองไปทางพี่เต๋าทำเสียงเข้มลากยาว
“เออๆ กูก็แค่จะบอกว่า รีบออกจากห้องเถอะ ขออาจารย์ไว้นิดเดียว จะได้ไปต่อที่ร้านกู ป่านนี้มายด์กับไอ้พัฒน์นั่งรอจนเบื่อแล้ว!!” เต๋าพูดอธิบายก่อนจะเดินหายไป

พี่เอกได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็อมยิ้มกับท่าทางของอีกฝ่ายและเดินตามออกไป

ชานนท์ชำเลืองมองตามทั้งสองคนที่เดินหายออกไปจากห้อง สองคนนั่นแม้สถานะจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็เปิดเผยมากขึ้น ไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น แม้จะชอบทะเลาะกัน แต่ก็เหมือนสามีภรรยาทะเลาะกันมากกว่าที่จะทะเลาะกันเพราะเกลียด

ยัยเมย์ยังคงตามเกาะติดข่าวสองคนนี้อย่างต่อเนื่องและลุ้นให้เปิดตัวกันเสียที เธอถึงขั้นตั้งเพจในเฟซบุ๊ค เล่าเรื่องสองคนนี้ทุกวันจนได้รับความนิยมระดับประเทศ

“ไป! พวกเราไปกัน!!” ยัยเมย์ตะโกนเรียกคนทั้งชั้นไปฉลองกันต่อ และทุกคนในชั้นก็เฮกันลั่น และแห่ตามยัยเมย์ออกไป เหลือเพียงชานนท์และวรุฒที่ยืนกอดกันอย่างหลวมๆ

“ไปกันเลยไหม?” วรุฒ เดินนำออกไปและยื่นมือมาชวนอีกฝ่าย ฝ่ามือใหญ่หยาบแผ่มาถึงด้านหน้าชานนท์ เขายิ้มและยื่นมือไปสวมสอดมือใหญ่ที่ยื่นมา
“ไปสิ” ชานนท์ยิ้มรับและเดินตามคนด้านหน้าที่พาเขาเดินออกไปจากห้อง.
ชานนท์มองคนตัวสูงใหญ่ที่เดินนำอยู่ด้านหน้าอย่างมีความสุข ภาพแผ่นหลังกว้างและดูอบอุ่นทำให้ชานนท์นึกย้อนไปตั้งแต่พวกเขาได้พบกัน อยู่ร่วมกัน ฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกันมาถึงปัจจุบัน เขาพบว่ามันมีค่ามากและโชคดีมากๆ ที่ชะตาทำให้พวกเขาได้มาเจอกัน

ชานนท์คิดได้ก็วิ่งไปโผกอดคนด้านหน้า ที่ยิ้มรับเขาและยอมให้เขาโอบกอดโดนไม่ระแวดระวังตัว สายตาที่วรุฒส่งให้ทำให้ชานนท์คิดได้แค่เพียง อยากอยู่กับคนๆนี้ ไม่ว่าเขาคนนี้จะอยู่ที่ไหน ทุกอย่างที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าชานนท์รักผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน และจะไม่จากกันตลอดไป

....................
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 30 ส่วนที่2 ตอนจบ อัพ 30 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 30-06-2020 09:38:54
จบลงไปแล้วนะครับ
โห..... ยาวนานมากๆ เลย ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะแต่งอะไรยาวนานเป็นปีได้ขนาดนี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่2 ที่ตัวเองแต่งเเป็นรื่องยาว โดนดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นที่ตัวเองเขียนเก็บไว้เมื่อสามปีก่อนครับ
ตัวละครเพิ่มขึ้นเยอะเลย หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติที่เกิดขึ้นจากในหัวตัวเองล้วนๆครับ ไม่มีจริงเลยทั้งสถานที่และบุคคลครับ
ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามอ่านครับ เพราะใจจริงก็แต่อยากลองเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกไม่คิดว่าจะมีคนตามอ่านเยอะขนาดนี้ ผิดคาดมาก 555555

จริง ผมเขียนตอนพิเศษของ เต๋า กับ เอก เสร็จแล้ว เลยว่าจะเอามาให้ลองอ่านเร็วๆนี้ครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะครับ

ส้งนเรื่องใหม่ผมน่างพลอตไว้แล้วครับ น่าจะลงมือเขียนเร็วๆนี่ หวังว่าจะมีคนอยากอ่าน ใจจริงอยากเขียนนิยายที่มันดูสบายๆ เบาสมองดูบ้างแต่พอร่างไปร่างมา อ้าว! ดราม่าซะงั้น 55555

จะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - บทที่ 30 ส่วนที่ 2 อัพ 30 มิ.ย. 2563
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-06-2020 19:09:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด ตอนพิเศษ-1/ 5 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 05-07-2020 11:53:34
บทส่งท้ายตอนพิเศษ

เรื่องรักๆ ที่ยังคงลับๆ


ติ๊ดๆๆๆ

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่แสดงถึงปลายสายที่ไม่ว่าง สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้เอกพอสมควร เขาวางโทรศัพท์มือถือลงที่โต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด

เอกผ่อนลมหายใจออกยาวๆ เพื่อไล่ความรำคาญใจออกจากหัว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาติดต่อคนที่ปลายสายแล้วเจอสายที่ไม่ว่างแบบนี้ คนที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจได้เสมอๆ

เอกนั่งมองที่มุมขวาล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานขนาด 200x80 เซ็นติเมตรในคอกสี่เหลี่ยมของออฟฟิศซึ่งครอบครัวเขาเป็นเจ้าของกิจการ

11:05 am

ตัวเลขที่ทำให้เขารู้สึกร้อนใจ วันนี้เขาขอหัวหน้าของเขาลาครึ่งวันเนื่องจากมีภาระกิจสำคัญที่มหาวิทยาลัย

“จะไปก่อนก็ได้นะพี่อนุญาติ” เสียงของหัวหน้าเอกดังขึ้นที่ด้านข้างคอกทำงานของเขา
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมออกไปตอนเที่ยงก็ทัน” เอกยิ้มรับ
“ตามใจนะ” เจ้านายของเขาพูดจบก็เดินจากไป ปล่อยให้เอกเปลี่ยนสีหน้าเป็นหงุดหงิดเมื่อมองเห็นตัวเลขบอกเวลาที่เดินมาจากเดิมอีกหนึ่งนาที

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมอนาคตเจ้าของกิจการอย่างเขาถึงต้องมาฝึกงานในบริษัทของครอบครัวตัวเองด้วย มันเป็นเรื่องปกติของครอบครัวเขาที่จะให้ทุกคนเรียนรู้งานจากอันดับล่างสุด และต้องโดนบังคับมาฝึกงานที่บริษัทของตนเองทุกคน (แม้หัวหน้าเขาจะเกรงใจเขามากก็ตาม)

ขณะที่เขานั่งมองงานตนเองบนหน้าจอคอมพิวเตอร์สลับกับตัวเลขนาฬิกาบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของเขา เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เอกยกหูขึ้นมาตอบรับทันที

“เอ่อ...กูเอง โทษว่ะ ช่วงนี้ช่วงอินเทิร์นงานโคตรเยอะเลยว่ะ” อนาคตทันตแพทย์เอ่ยผ่านสายโทรศัพท์เสียงอ่อย
“งานเยอะหรือหลงทางอยู่ในปาร์ตี้ที่บ้านวะ!” เอกตอบกลับด้วยเสียงอันแข็งกร้าว เพราะเขารู้ว่าบ้านของอีกฝ่ายเป็นสายปาร์ตี้ตั้งแต่พ่อยันไปถึงน้องสาว

“มึงก็รู้ว่ากูก็อยากเรียนให้จบทันเพื่อนไหมวะ อีกอยากกูก็ลดไปเยอะแล้วตั้งแต่.....” เสียงที่ปลายสายค่อยลดหายไป
“ตั้งแต่อะไร?!?” เสียงเอกถามสวนขึ้นทันที
“เออ! เชี้ยเอ้ย มึงก็รู้นะ!!” อนาคตทันตแพทย์หนุ่มตัวเล็กโวยวายด้วยน้ำเสียงขัดๆ

เอกยิ้มใส่โทรศัพท์ทันทีเพราะกำลังนึกถึงหน้าของปลายสายเวลาหน้าแดงอยู่

“กูจะไปรู้กับมึงไหมครับ” เอกยิ้มและแหย่ปลายสายอีกรอบ
“เชี้ย!! แม่งเอ้ย! ก็ตั้งแต่.... กูติดอยู่กับมึงนั่นไง!! ไอ้สัด พอใจหรือยัง!?!!” เสียงปลายสายโวยลั่นจนดังออกมานอกโทรศัพท์ สร้างรอยยิ้มให้เอกจนเขาลืมเรื่องที่คนที่โทรศัพท์มาติดต่อมาสายกว่ากำหนดการ
“มึงแม่งก็มีมุมน่ารักไม่น้อยนะ” เอกหยอกใส่อีกฝ่าย
“...... เชี้ย...... สัด! แม่ง..... โอ้ย สรุปเอาไง วันนี้กูจะบอกว่ากูไปได้นะ“ เอกพยายามนั่งนึกหน้าคนที่ปลายสายอีกทางหนึ่งอย่างสะใจ ไอ้เต๋ามันคงทำตัวไม่ถูกเลยเวลาเจอเขาหยอดแบบนี้

“เออ! แล้วจะให้กูไปรับไหม?” เอกถาม
“เอาดิ กูเหนื่อยจะแย่ ขับเองน่าจะไม่ไหว ไม่อยากไปเฝ้าพระอินทร์.....วันนี้เจอแต่เคสแปลกๆ อาจารย์หมอก็ท้าทายกูจังเลย กูคิดผิดใช่ไหมเนี่ยที่มาเรียนทันตแพทย์เนี่ย!”
เต๋าบ่นด้วยถ้อยคำปกติ

“เออ! เดี๋ยวกูไปรับที่โรงพยาบาลนะ”
“ขอบใจ”

จบบทสนทนาเอกก็วางสายทันที ใบหน้าที่หงุดหงิดเมื่อครู่กลายเป็นอดีตอันไกลโพ้น เค้าหน้าเอกเหลือแต่เพียงความเบิกบานยิ้มกริ่มและเดินออกจากแผนกทันที

ช่วงหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ต่างคนต่างติดกับซึ่งกันและกัน ทำให้เอกและเต๋าดูอ่อนโยนต่อกันมากขึ้น แต่เรื่องบนเตียงเท่านั้นที่ยังดุดันกันเช่นเดิม

ทั้งสองคนไม่เคยใช้คำว่าคบกันเลยสักครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานะที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้คืออะไร แต่จากที่ผ่านมาก็ไม่มีใครบ่นกับความสัมพันธ์แบบนี้เลย ทั้งสองคนก็ยังคบกันแบบนี้อยู่ แม้ว่าจะมีเรื่องรำคาญใจอย่างเพจในเฟซบุ๊คอย่าง “เอกเต๋าหรือเต๋าเอก” ที่คอยรายงานการพบเจอของพวกเขาเป็นระยะๆ รวมถึงการแต่งเรื่องสั้นเกี่ยวกับพวกเขาต่างๆ นานา จนน่าจะเอาไปรวมเล่มขายได้ แต่รู้สึกว่าจะมีแต่ฉาก18+ นะ

น้องเมย์เจ้าของเพจก็ไม่คิดว่าเพจนี้จะได้รับความนิยมขนาดนี้ เธอถึงขั้นมาขออนุญาตเอกในการขอนำเรื่องราวต่างๆ ที่สร้างสุขให้ประชากรวายให้มีความสุขต่อไป เพราะเพจนี้ทำให้ชีวิตส่วนตัวของเอกกับเต๋าเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะในส่วนเรื่องสั้นที่นับวันจะติดเรทจนเมย์ต้องคัดออกบ้าง

สำหรับตัวเขาเองไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้ เอกเป็นพวกไม่ค่อยสนใจพวกโซเชี่ยลเท่าไหร่ แต่เต๋านี่สิอีกเรื่องและนั่นก็เป็นเหตุให้เมย์ต้องมาขอร้องเอกอีกเรื่องคือ ช่วยไปคุยกับเต๋าให้หน่อย เพราะยิ่งนับวันความเป็นคนตัวเล็กของเต๋าทำให้คนส่วนใหญ่ต่างทึกทักไปว่าเต๋าน่าจะทำหน้าที่เมียบนเตียงแน่ๆ เมย์เลยคิดว่าเจ้าพ่อโซเชี่ยลอย่างเต๋าน่าจะกำลังไม่พอใจอยู่แน่ๆ เมย์กลัวโดนปิดเพจถาวร

เอกนั่งยิ้มกริ่มขณะนั่งอ่านเรื่องสั้นบางตอนของเพจขณะจอดรถรอทันตแพทย์หนุ่มหน้าโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง

ปึง!!

“เป็นบ้าอะไรวะ! ยิ้มกับโทรศัพท์อยู่ได้ คนที่ก้าวเข้ามานั่งพร้อมเสียงปิดประตูรถถามด้วยสีหน้าขุ่นมัว
“หึงเหรอ?”  อีกฝ่ายลดโทรศัพท์ตนเองลงพร้อมสาดยิ้มใส่อีกคนที่ขึ้นรถมา
“หึงพ่อง!! แล้วเล่นอะไรอยู่ คุยกับเด็ก?” อนาคตทันตแพทย์ตัวเล็กทำสีหน้าหงุดหงิด
“กูน่ะไม่ใช่มึงนะ ถึงกูจะเฟรนด์ลี่ แต่ก็ไม่ง่ายกับทุกคนนะ” เอกสวนกลับไปทันที
“เดี๋ยวนี้กูก็ไม่เป็นแบบนั้นแล้วป่าววะ” เต๋าตอบเสียงขัดๆ
“แต่ก็มีบ้างละ ใช่ไหม?”
“กูก็พยายามแล้วไหม?”
“พยายามเพื่อกู?”
“กูอยากเรียนให้จบโว้ย ลำพังเรียนกับฝึกงานกูก็จะตายอยู่แล้ว!!”
“อ๋อเหรอ?” หน้าเอกมีอาการอมยิ้มแบบปิดไม่อยู่ เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะบอกแบบนั้น แต่เวลาที่เอกอยากเจอ เต๋าก็มักจะมาหามาทำกิจกรรมร่วมกันเสมอ ไม่ว่าเต๋าจะยุ่งแค่ไหนก็สามารถปลีกตัวมาหากันได้ รวมถึงเอกเองก็แวะมาหามาดูแลเต๋าอยู่เรื่อยๆ โดยที่เต๋าก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร บางครั้งเอกก็มาจัดให้ถึงโรงพยาบาล ซึ่งเนื้อหาใกลเคียงกับเรื่องสั้นที่เขากำลังอ่านอยู่เมื่อครู่เลย

เอกมองเรือนร่างอีกฝ่ายในชุดเครื่องแบบสีขาวด้วยท่าทางกรุ่มกริ่ม พาลนึกไปถึงเนื้อหาในนิยายที่ส่วนใหญ่จะเขียนถึงเต๋าให้ดูมีภาพนุ่มนิ่มอ่อนโยนและเป็นฝ่ายรับเสียส่วนใหญ่

“มองเชี้ยอะไร เมื่อไหร่จะออกรถสักทีเดี๋ยวก็ไปสายหรอก!” เต๋าขู่ฟอด ท่าทางเหมือนแมวดุๆ มากกว่าเสือที่ดุร้ายน่ากลัว แววตาเต๋าเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ

“ไม่มีอะไร....ก็แค่นึกถึงเรื่องสั้นที่แฟนคลับพวกเราเขียนให้ มันมีฉากหนึ่งที่ตรงกับวันนี้เลย.... ชายตัวเล็กสวมเครื่องแบบสีขาวเรียบร้อยในหุ่นที่เพียวบาง.......” สายตาของเอกสอดส่องไปทั่งร่างของอีกฝ่าย

“ไร้สาระ!!” เต๋าตอบมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เฮ้ย!! มึงไม่โกรธเหรอ? ที่มีคนเอามึงไปเขียนอะไรแบบนี้ และนี่ดูสิ คนมาคอมเม้นต์หลักพันเลยนะมึง!!” เอกยื่นหน้าจอโทรศัพท์ไปให้เต๋าดู แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ
“ก็ดี.... คลายเครียดดี” เต๋าตอบเสียงเรียบ
“อ้าว! นี่มึงอ่านแล้ว!!” เอกถามสวนด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เออ... มันก็โอเค กูชินแล้วกับเรื่องพวกนี้ ช่างมันเถอะ” เอกรู้สึกผิดคาดกับเต๋า เขาคิดว่าเต๋าจะโวยเรื่องพวกนี้เสียอีก แต่กลับนิ่งเฉยกว่าที่คิด เอกอมยิ้มกับภาพที่เห็น

“ดีนะที่มึงเอารถยนต์มารับ จะให้กูนั่งบิ้กไบค์คันโปรดมึงวันนี้กูว่าไม่รอด กูได้หลับในตกรถตายแน่ๆ งั้นกูของีบก่อนนะ” เต๋าบ่นงึมงำก่อนจะเอนเบาะรถ BMW คันใหญ่ลงไปนอนหลับตา
“ก็เออสิครับ กูห่วงมึงนะครับ กลัวตัวเองเป็นฆาตกร...... อ้าวเฮ้ย กรนใส่กู สัด!!” เอกพูดจบก็ออกรถทันที ด้วยอาการอมยิ้มเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งหลับเพราะคนนอนหลับที่ไหนจะมีหน้าสีเลือดฝาดได้ขนาดนั้น

.............


หลังจากจบพิธีรวมตัวไปเซอร์ไพรส์วันเกิดที่ห้องเรียนของน้องชายสุดที่รักอย่างชานนท์  ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกันเดินทางไปร้านของเต๋าที่ปิดจองไว้สำหรับปาร์ตี้นี้โดยเฉพาะ

เอกรอเต๋าที่ไปทักทายเพื่อนรุ่นเดียวกันในห้องก่อนเดินทาง

เอกยอมรับว่าเขาเองค่อนข้างหวั่นไหวเวลาที่เต๋าอยู่ใกล้ๆ น้องนนท์ เพราะเต๋าเองก็เหมือนกับตัวเขาที่หลงไหลความน่ารักใสซื่อของนนท์ เขาแอบยอมรับว่าเต๋าอาจจะมีอาการตัดใจไม่ขาดเมื่อต้องใกล้ชิดนนท์ เขารู้ดีว่าเต๋าไม่เคยเกรงกลัวแฟนตัวยักษ์ของน้องนนท์เลย (ได้ข่าวว่าเคยจะปะทะกันหลายครั้งเพราะนนท์ด้วย) แต่งานเซอร์ไพรส์เล็กๆนี่ก็แสดงให้เห็นว่าเต๋ารักษาระยะได้ดีจนเอกแอบโล่งใจ

สำหรับเอกนั้นเขาตัดใจกับนนท์มาได้นานแล้ว แต่กับเต๋าเขาไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันเหมือนเพื่อนกันมันส์ดีมากกว่า แม้ทั้งสองจะไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตนเลยระหว่างสองปีที่ผ่านมา

ชานนท์ยังคงยิ้มสดใสเหมือนเช่นเคย เขาแอบยอมรับว่าเขายังชอบรอยยิ้มนั่นเสมอแม้จะตัดใจได้แล้วก็ตาม

“เฮ้ย!! ชอบว่าแต่กูมึงเองก็ไม่ต่างจากกูหรอกนะ”
เต๋าเดินมาขวางคลองสายตาที่ทอดยาวไปหาคนตัวเล็กหน้าเด็กยิ้มสดใส
“กูแค่.... มองเฉยๆ ไหม? น้องมันน่ารัก” เอกยิ้มมุมปาก
“ใช่! น้องมันน่ารัก แต่มันมีเจ้าของแล้วนะ มึงเป็นคนบอกกูเอง บอกอยู่ทุกวันด้วย!!” เต๋าคิ้วขมวดใส่

“ขอบคุณนะครับ” คนตัวเล็กที่ทั้งสองคนแอบมองอยู่เดินกึ่งวิ่งมาทักทาย
“จริงๆ พี่ก็อยากขอบคุณนนท์นะ” เอกยิ้มให้อีกฝ่ายตาหยี
“ขอบคุณอะไรครับ?” นนท์ทำสีหน้าสงสัยกับประโยคของรุ่นพี่ตัวเอง
‘ก็ขอบคุณที่ทำให้พี่ได้มาเจอของดีๆแบบนี้ไง’ เอกคิดในใจพลองมองคนตัวเล็กอีกคนที่คิ้วชนกันยู่อยู่กลางหน้าผาก

ชานนท์มองตามสายตาของรุ่นพี่ตนเองจนบรรจบที่คนตัวเล็กอีกคนที่ส่งยิ้มเขินๆ ให้เขาเมื่อเขาเดินมาถึงก็รับรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร (ก็เคยแอบอยู่เป็นพยานรักกับพวกนี้มาตั้งหลายรอบ ทั้งที่โดยตั้งใจโดยยัยเมย์ลากไป ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจอีกหลายหน สองคนนี้หากไม่ได้สนิทกับทั้งสองคนคงมองไม่ออกว่าทั้งสองคนแอบแสดงออกถึงความรักให้กันบ่อยๆ แม้ปากจะไม่เคยพูดกันดีๆเลยสักเท่าไหร่)

“ขอบคุณพี่เต๋านะครับที่เอื้อเฟื้อสถานที่” ชานนท์กล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรคนกันเอง พี่ทำให้น้องนนท์ได้อยู่แล้ว” ชานนท์ยิ้มตอบกลับเต๋าและเหล่มองรุ่นพี่หน้าตี๋ที่ตอนนี้จ้องเต๋าเขม็ง

ชานนท์รู้จากวรุฒเมื่อครู่ว่าเอกอาสาจะหาสถานที่เลี้ยงฉลองเอง แต่กลับกลายเป็นว่าได้สถานที่เป็นร้านที่พี่เต๋าเป็นหุ้นส่วน เอกคงมีวิธีไปเจรจากับพี่เต๋าที่ดีพอควรถึงได้ปิดร้านเลี้ยงฉลองได้ทั้งร้านขนาดนี้

“แล้วพวกพี่ไปกันยังไง ผมฝากเพื่อนบางคนกับพี่ได้ไหมครับพี่เต๋า” ชานนท์ร้องขอและชี้ไปทางเพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ยืนเก้ๆกังๆ อยู่ไม่ไกล

“พี่ไม่ได้เอารถมา” เต๋าตอบด้วยเสียงที่เหมือนไร้น้ำหนัก
“อ้าว! แล้วพี่มายังไง” ชานนท์ประหลาดใจที่คนที่รักการขับรถอย่างเต๋าจะไม่เอาของตัวเองมา
“ก็มันเหนื่อย พี่เลยแวะไปรับ ไหนๆก็ช่วยเรื่องสถานที่แล้ว” เอกแทรกขึ้นมา
“ขับจากสาทรมาถึงชานเมืองแถบนี้เนี้ยนะครับ!! แล้วพี่เต๋าไม่ยิ่งเหนื่อยเหรอต้องซ้อนบิ้กไบค์พี่มาเนี่ย?” ชานนท์ทำเสียงตกใจ

“พี่เอารถยนต์มา” เอกพูดเสียงเรียบ

“โอเค.....” คราวนี้คำตอบก็สร้างความประหลาดใจแก่ชานนท์อีกรอกเพราะคนที่ชอบเอาหน้าปะทะลมอย่างพี่เอกกลับยอมขับรถยนต์มารีบพี่เต๋า การสนทนาครั้งนี้ทำให้ชานนท์หุบยิ้มไม่ได้

“งั้น...ผมไม่รบกวนแล้วครับ เจอกันที่ร้านนะครับ เดี๋ยวไปขอคนอื่นต่อ” ชานนท์ยิ้มและโบกมือลา
“มึงนี่ก็ประหลาดนะ รถคันตั้งใหญ่ทำไมไม่ชวนน้องๆ ไปด้วยวะ” เต๋าแทรกขึ้นมาหลังจากชานนท์หันหลังไป
“ก็กูอยากไปกับมึงแค่สองคน” เอกสบตาอีกฝ่ายด้วยการยกยิ้มมุมปาก
“มึงนี่ทำตัวประหลาดขึ้นทุกวัน ไอ้เชี้ย! ไปได้แล้ว!!” เต๋าว่าอีกฝ่ายจบก็หันเดินจากไปด้วยหูอันแดงก่ำทั้งสองหู

..............
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-1/ 5 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-07-2020 13:37:18
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-1/ 5 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-07-2020 17:26:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-1/ 5 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 10-07-2020 16:03:51
so good...

ตอนท้าย พาหลงไปกับ เหตุการณ์ ที่ แม่ทั้ง 2 ฝ่าย สร้างขึ้น
ยังคิดอยู่ว่า จะแก้เกมส์อย่างไร แต่สรุป เราคิดไม่ทันเหมือน ชานนท์เลย ..555
ดีใจมาก ที่ Happy ending...

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :mew1: :katai2-1: :bye2:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 13-07-2020 17:55:57

ปาร์ตี้อวยพรวันเกิดที่จัดขึ้นโดยเจ้าพ่อแห่งวงการปาร์ตี้อย่างเต๋าไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ทั้งอาหารเครื่องดื่มที่จัดเต็มอย่างไม่มีอั้นจากร้านอาหารชื่อดังที่ยกครัวมาเสิร์ฟแบบไม่มีหยุดพัก แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือการจ้างพริตตี้บอย พริตตี้เกิร์ล มาเป็นพนักงานเสริฟในชุดพ่อบ้านและแม่บ้านอย่างเต็มยศ สร้างควาฮือฮาให้กับแขกที่มาร่วมงานอย่างมาก

แต่คนที่ไม่มีความสุขที่สุดน่าจะเป็นวรุฒที่ต้องคอยกันท่าให้แฟนเนื้อหอมของตัวเอง เพราะสองปีที่ผ่านมาชานนท์เติบโตได้น่ารัก น่าเอ็นดูขึ้นมาก ชานนท์ไม่เคยหยุดดูแลตัวเองเลยทำให้หนุ่มๆพริตตี้บอยต่างพาตัวเองเข้ามาเสิร์ฟขนมจีบไม่หยุดหย่อน แต่ชานนท์ก็คือชานนท์ ยังทำตัวไร้เดียวสากับเรื่องของตัวเองเหมือนเคย ไม่ได้ระวังตัวว่าจะมีใครเข้าแอบจีบแอบจับต้องความน่ารักของตัวเอง วรุฒจึงได้แต่ปั้นหน้ายักษ์กันท่าทุกคนที่เข้ามา ชานนท์สนุกสนานกับเพื่อนๆ แบบสุดตัวส่วนวรุฒก็ทำตัวหึงกันท่าอย่างสุดพลังเช่นกัน

ภาพเหล่านี้สร้างความขบขันให้เอกพอสมควร เขาไม่เคยเบื่อเลยที่จะมองความรักของคนสองคนนี้เลย

“มองแบบนี้!! ไอ้รุฒได้เดินมาควักลูกตามึงสักวัน!” เต๋าเดินมาทางด้านหลังคนที่กำลังซดเครื่องดื่มสีชาในน้ำแข็งพลางมองคู่รุฒ-นนท์อย่างขบขัน

“มันน่ะไม่ทำอะไรกูหรอก เพราะกูไม่เคยทำอะไรกับน้องมันเกินคำว่าพี่น้อง กูว่ามึงต่างหากที่ควรจะต้องโดน!!” เอกเหล่มองคนตัวเล็กกว่าที่มองไปทางเดียวกัน
“มีมึงกันกูอยู่ทุกทางแบบนี้ จนกูเลิกพยายามแล้วเนี่ย!!” เต๋าประชดกลับ
“ให้มันจริงเถอะ!!” เอกสวนกลับ

“กูไม่ยุ่งกับมึงแล้ว วันนี้กูบอกให้พวกตัวแทนส่งตัวเด็ดๆ มาทั้งนั้น กูไปสำรวจตลาดหน่อยดีกว่า!!” เต๋าพูดพลางกวาดสายตาไปทั้งงานไปทุกจุดที่มีคนในชุดพ่อบ่านแม่บ้านทำงานเป็นพนักงานที่เสริฟทั้งอาหาร เครื่องดื่มและความบันเทิงอยู่
เต๋าพูดจบก็เดินออกจาคู่สนทนาทันทีที่สายตาปักหมุดไปถึง

“เฮ้ย!! เป็นไง? ไม่เจอกันตั้งนาน” เสียงไม่คุ้นหูทักขึ้นมาทางคนหน้าตี๋ตัวสูง เต๋าถึงกับหันหาต้นเสียง

 “ขอบคุณนะที่อุตส่าห์ชวนมางานเลี้ยงแบบนี้ โคตรเด็ดอ่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาดี ดวงตากลมโต ส่วนสูงกำลังดีแต่เตี้ยกว่าเอกอยู่มือหนึ่ง (แต่ก็สูงกว่าเต๋า) 

“ช่วงนี้เห็นบ่นเครียดฉิบหาย จะได้ผ่อนคลายบ้างไง!!” เอกพูดกับคนมาใหม่อย่างสนิทสนม เต๋ามองไปที่ดวงตากลมโตคู่นั้นด้วยความคุ้นเคย แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอคนๆ นี้ที่ไหน

“งานใครว่ะ?” ชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยถามพลางกวาดตามองไปทั่วจนกระทั่งไปหยุดที่เต๋าซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลและแอบมองมาทางนี้อย่างไม่ละสายตา
“งานรุ่นน้องกู แฟนน้องมันอยากจะเซอร์ไพรส์น่ะ แต่ที่เห็นงานมันเด็ดแบบนี้ ไม่ใช่กูจัดแน่นอน!” เอกตอบพลางยื่นเครื่องดื่มแก้วใหม่ให้เพื่อน

“กูก็พอเดาได้ว่าไม่ใช่มึง พอดีกูเหลือบไปเจอคนจัดพอดี” เพื่อนของเอกรับแก้วที่เต็ มไปด้วยน้ำพั้นซ์กลิ่นแรงฉุนเพราะวอคก้า

“เฮ้ย!! มึงจะรู้ดีไปแล้ว!!” เอกพูดจบก็ยกแก้วตนเองยื่นไปชนกับแก้วของผู้มาใหม่
“เชี้ย! งานแบบนี้ คุ้นสัด!! กูว่าเป็นไอ้เตี้ยเจ้าพ่อปาร์ตี้คนนั้น!!” พูดพลางใช้แก้วเชิดไปทางเต๋า
“รู้ดี รู้เยอะ” เอกยิ้มกึ่งหัวเราะ
“ก็นะ มึงก็รู้ กูก็สายปาร์ตี้!!” อีกคนยกแก้วขึ้นดื่มจนน้ำสีส้มปนชมพูหมดไปจากก้นแก้ว
“เดี๋ยวนะ ไอ้ปอ!! มึงเรียนหมอ! มึงจะปาร์ตี้เหมือนเดิมไม่ได้!!” เอกพูดไปพลางยกมือไปกอดคออีกฝ่าย
“นั่นแหละ ฉายากู เฮียปอ หมอโฉดสายปาร์ตี้!! เอ้าเติมสิมึงรออะไร!!” คนเป็นหมออนาคตไกลยื่นแก้วเปล่าส่งให้เพื่อน

............

เสียงเฮฮาโหวกแหวกดังมาไม่ขาดสายจากวงสนทนาของเอกและผู้มาใหม่ พวกเขากอดคอ หยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สร้างความสงสัยกับเต๋าที่แอบมองมาตลอดเพราะคนที่เอกพูดคุยอย่างสนิทสนมและร่วมวงดื่มกินอย่างสนุกสนานถึงเนื้อถึงตัวคนนี้ เต๋ากลับไม่เคยเห็นเลยในช่วงสองปีที่เต๋าและเอกแอบใกล้ชิดกัน

คนที่ตัวสูงเกือบเท่ากับเอก ผมทรงอันเดอร์คัทไถข้างจนสั้นกุด ท่าทางมีเสน่ห์พูดเก่งและเสียงดัง น่าจะเป็นสายปาร์ตี้เหมือนเขาแต่เขากลับไม่คุ้นกับลักษณะท่าทางที่เห็นเลย อาจเพราะช่วงปีที่ผ่านมาเรียนหนักจนว่างเว้นปาร์ตี้ไปจนไม่ทันพวกคนรุ่นใหม่เสียแล้ว

เต๋ามองจ้องอยู่พักใหญ่ สายตาก็ดันไปชนกับสายตาอีกฝ่าย เต๋าส่งยิ้มทักทายไปให้ แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่เห็นและหันไปกอดคอเอกอย่างแนบชิด พร้อมซบหน้าลงบนซอกคอและบดริมฝีปากไปที่ต้นคออย่างตั้งใจ

ส่วนเอกนั่นตอนนี้จดจ่ออยู่กับเกมทายไพ่บนมือของสาวเสิร์ฟในชุดแม่บ้านที่ตอนนี้เหลือเสื้อผ้าอยู่น้อยชิ้นแล้วเลยไม่ได้สนใจอีกฝ่ายที่ล่วงเกินตัวเองอยู่เท่าไหร่

ภาพนั่นทำให้เอกมีอาการไหววูบที่ช่วงอก เขารู้สึกไม่ชอบภาพที่เห็นตรงหน้าเลย ลมหายใจมันดูกระชั้นถี่ มันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับภาพที่เห็น แต่มันกลับเป็นความรู้สึกหงุดหงิดโมโหจนเขาอยากจะขว้างแก้วขนาดเล็กที่บรรจุวอคก้ารสร้อนแรงสีใสใส่ภาพที่เห็น

เต๋าทำได้แค่กระดกแก้วนั่นให้น้ำรสร้อนไหลผ่านลำคอจนหมด

“เติมอีกไหมครับ?” ชายหนุ่มหน้าหวานในชุดพ่อบ้านสีดำคลับเดินมารับแก้วที่ว่างเปล่าบนมือเล็กๆของเต๋า

เต๋าวาดสายตาอันขุ่นมัวร้อนแรงไปที่ผู้มาใหม่ เต๋ายกมือขึ้นไปคว้าขวดเหล้าสีใสมารินใส่ปากอย่างกับคนกระหายน้ำในทะเลทราย แต่นี่มันเหล้าจึงทำให้กลิ่นฉุนระเหยไปทั่วบริเวณ จนบริกรชายหน้าหวานรีบเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกเต๋าตวาดกลับมาอย่างดุร้าย บริกรหน้าหวานเลยทำได้แค่ถอยห่างออกไป

‘ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรวะ!!’ เต๋าคิดในใจอย่างหงุดหงิด ที่ผ่านมาใช่ว่าเขาไม่เคยลองชวนบุคคลที่สามเข้ามาร่วมวงความสัมพันธ์ด้วย แต่กับไอ้คนนี้มันมีอะไรพิเศษที่อธิบายไม่ได้อยู่

จุ๊บ!

“เดี๋ยวนะ” เอกพูดออกมาอย่างตกใจ
“มึงชวนกูมาไม่ใช่ว่าต้องการแบบนี้เหรอวะ?” ปอมีถ้อยคำที่มีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ปนอยู่จำนวนไม่น้อยพร้อมแนบหน้าตัวเองลงไปที่ต้นคออีกฝ่าย

“กูไม่เคยพูด!! มึงเมาแล้ว” เอกแม้จะมีคำพูดเชิงปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าถอยห่างออกจากอีกฝ่าย เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเซล้มหัวฟาดพื้น
“กูเคยอ่อนต่อโลกนะเว้ย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ที่มึงชวนกูมาแล้วบอกว่ามีบางอย่างจะขอร้อง กูก็ทำให้มึงแล้วไง!!” ปอวางแก้วเปล่าลงที่บาร์ด้านข้างและใช้มือที่เย็นเปียกบีบหน้าอีกฝ่ายให้หันมา

“อะไร! กูยังไม่ได้ขออะไรมึงรู้ได้ไง?!?” เอกพูดขึ้นขณะพวกเขาสบตากันในระยะประชิด กลิ่นลมหายใจที่ปะปนไปด้วยเครื่องดื่มมึนเมาสารพัดชนิดโชยออกกระทบจมูกของเอกอย่างจัง ทำให้รู้ว่าเพื่อนเขาคนนี้สติอาจจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

“เดี๋ยวก็รู้!! ว่ากูเดาถูกไหม?” อนาคตหมอหน้าตาดีดันศรีษะตัวเองขึ้นไปจนกระทั้งริมฝีปากปะทะกันอย่างหนักหน่วง มือทั้งสองของปอโอบรอบศรีษะของเอกจนไม่สามารถหลบหนีได้ ภาพตรงนี้สร้างความฮือฮาให้คนทั้งปาร์ตี้จำนวนไม่น้อย และคนที่มีสีกน้าตกใจมากที่สุดไม่ใช่ใคร คนๆนั้นคือเต๋า ที่ยืนตัวแข็งและถือแก้วไวน์ที่เพิ่งรับมาแทบไม่อยู่

รสชาติฝาดปนเปรี้ยวของน้ำเมาผสมน้ำผลไม้ผสมอยู่กับลิ้นที่สอดใส่เข้าไปในโพลงปากที่เปียกชุ่ม รสชาติที่เอกเคยถวิลหาจากคนๆนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดแบบนั้นอีกแล้ว เอกทั้งตกใจกึ่งยินดีที่ในที่สุดรสชาติที่เขาอยากได้ก็ได้สัมผัสกับมันเสียที

“เป็นไงดีไหม? ประสบการณ์ของกูทำให้ใครก็ปฏิเสธกูไม่ได้ รวมถึงมึงด้วย!!” ปอพูดจบ เขาก็หันไปมองทางเต๋าพร้อมยิ้มอย่างมีชัย รอยลักยิ้มที่มีเสน่ห์เผยให้เห็นชัดเจน รวมถึงการขยิบตาที่ใครก็ต้องร้องทักว่าน่ารัก

รอยยิ้มที่ถูกส่งมาที่เต๋า ภาพนั้นได้ไปกระตุ้นความทรงจำที่เขาลืมไปแล้ว พอนึกได้เท้าของเต๋าก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาแทบไม่มีเวลาไตร่ตรองเลย ไม่รับรู้เลยว่าตัวเองกำลังขาดสติอยู่

“มึงทำอะไร!!” เต๋ากระชากมืออีกฝ่ายออกมาจากการโอบเอวของเอกอยู่ ใบหน้าของนักศึกษาแพทย์ที่อยู่แนบกับวงหน้าของเอก หันมากระตุกยิ้มอย่างสะใจใส่คนที่ตั้งคำถามใส่เขา

“เอาล่ะโว้ย! ไอ้คนใจหมาอย่างมึงก็มีโมเม้นต์แบบนี้เหมือนกันหรือวะ!!”  ปอกล่าวพร้อมสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งไป

“........” เอกกลับนิ่งเฉยกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า

“มึงจะมาเอาคืนกูใช่ไหม?!?!” เต๋ามีสีหน้าเกรี้ยวกราด

“โอ้ย!! คนอย่างผมจะไปทำอะไรคนอย่างคุณเต๋าที่สูงส่งได้!!” ปอยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนยั่วโมโหอีกฝ่าย เท่านั้นไม่พอปอยังทำเป็นไม่สนใจเต๋าและหันกลับไปโอบเอวของเอกพร้อมอีกมือก็ประคองหน้าเอกมาพร้อมที่จะสานต่อจูบเมื่อครู่

“กูยังคุยกับมึงไม่จบ!! และก็เลิกยุ่งกับแฟนกูได้แล้ว!!”  เต๋าพูดพลางใช้มือดึงอีกฝ่ายพร้อมอีกมือหนึ่งวาดหมัดที่กำแน่นไปที่เป้าหมายที่กำลังเซมาใส่หมัดของเขา

เพียงแต่เสี้ยววินาทีที่ทุกคนต่างฮือฮาสังเกตเห็นคนในปาร์ตี้กำลังจะมีเรื่องกัน คนที่ถูกคว้าคอเสื้อดึงให้เซไปทางด้านหลังกลับทรงตัวได้ ใช้แขนกันหมัดที่วิ่งตรงมาใส่ใบหน้าตัวเองได้สำเร็จและใช้หมัดของตัวเองสวนไปหน้าของอีกฝ่าย

“เฮ้ย!!” เอกร้องเสียงหลงรีบวิ่งไปหาคนตัวเล็กที่โดนหมัดฮุกเข้าเต็มหน้าจนถลาถอยไปเสียหลักล้มลงไปกับพื้น

พลั่ก!!

เสียงคนตัวเล็กล้มไปกับพื้น เต๋าพยายามทรงตัวกลับขึ้นมาในสภาพมึนงงแต่ด้วยความไม่ตั้งตัวเลยใช้เวลาตั้งสตินานกว่าปกติ

“เป็นอะไรมากไหม?” เอกวิ่งมาถึงก็รีบไปประคองอีกฝ่ายทันที
“อืม.....” คนตัวเล็กตอบกลับมาด้วยเสียงอันมึนตึง
“เฮ้ย!! ไอ้เชี้ยปอ!! มึงหนักมือไปหรือเปล่า!!” เอกตวาดใส่เพื่อน
“เชี้ย!! แม่งโคตรเจ็บ!! หน้าแม่งโคตรแข็ง  ไอ้เอก มึงบอกกูเองว่ากูป้องกันตัวได้ กูก็ป้องกันตัวไง!! แต่แม่งก็สะใจฉิบหาย โอเค!! กูฝันไว้แค่นี้ พี่เต๋าเราหายกันแล้วนะ!!” ปอลูบคลำมือที่ใช้ต่อยคนตัวเล็ก มือที่แดงกล่ำไปหมด

“ไอ้เชี้ยเอ้ย!!” เต๋าตัวขึ้นชี้หน้าด่าและพร้อมที่จะบวกกับอีกฝ่ายอีกรอบแต่โชคดีที่เอกรั้งไว้ทัน

“กูฝึกมาเพื่อการนี้เลยนะ จังหวะสวนกลับแบบนี้!! ขอบคุณนะเอก ขอบใจมาก กูไปแล้วนะ นัดแฟนไว้!! มึงได้สิ่งที่ต้องการแล้วนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า”นักศึกษาแพทย์ทำท่าชกกลางอากาศ และโบกมือลาเพื่อนตัวเองและเดินกลืนหายไปในฝูงชนปาร์ตี้ที่ทำตัวเป็นไทยมุงที่ดี

“หมายความว่าไง? ที่เพื่อนมึงพูด!?!” เต๋ากระชากตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดอีกฝ่ายที่เข้าทางด้านหลังอย่างง่ายดาย เต๋าหันหน้ามาเผชิญกับเอกที่อมยิ้มเหมือนคนบ้าพลางเช็ดคราบเลือดซึมที่ปาก

“ก็การยอมรับจากมึงไง!!” เอกยังคงอมยิ้มเหมือนคนได้ชัยชนะ
“ยอมรับเรื่อง?” เต๋าคว้านำ้แข็งจากแก้วของเอกมาประคบ

“มึงนึกถึงสิ่งที่มึงพูดเมื้อกี้ดูดีๆ” เอกใช้นิ้วดีดหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ
“เชี้ย!!” ภาพพร้อมเสียงที่เขาพุ่งเข้าใส่นักศึกษาแพทย์ย้อนเข้าในความคิด พร้อมหน้าที่แดงกล่ำ

“อีกเรื่องนะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ มึงยอมให้ไอ้ปอมันต่อยใช่ไหม? ไอ้อ่อนอย่างมัน กูว่ามึงหลบหมัดมันได้สบาย” เอกเดินมาขนาบข้างพร้อมโอบไหล่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“มึงรู้ได้ไง?” เต๋าพูดเสียงอ้อมแอ้ม
“กูคือคนที่ต่อยตีกับมึงบ่อยที่สุดแล้วทำไมจะไม่รู้ กูรู้ทุกเรื่องของแฟนตัวเองอยู่แล้ว!!” เอกส่งสายตาอย่างพึงใจไปที่คนตัวเล็ก

“ใครแฟนมึง!!” เต๋าสวนกลับเสียงแข็ง
“มึงไง มึงพูดเอง!” เอกยียวน
“..........” เต๋าแอบก้มหน้าอมยิ้มเงียบภายใต้อ้อมกอดอีกฝ่าย
“ว่าแต่... ทำไมมึงยอมให้มันต่อยวะ หรือว่า...” เอกทำหน้าสงสัย
“เออ! กูจำมันได้! ก็รอยยิ้มแบบนั้นในความทรงจำกูก็มีมันคนเดียว เพราะรอยยิ้มแบบนั้น กูเลยขอมันเดท แล้วก็รอยยิ้มแบบมีแผนของมึงด้วย มันทำให้กูรู้ว่ากูหลงกลมึงแล้ว!! ส่วนที่กูยอมให้มันต่อยเนี่ย กูถือว่าจะได้หายกัน ที่กูทิ้งมันไปตอนนั้นมันคงเจ็บมาก” เต๋าเล่ายาว

“เออ กูยอมรับก็ได้ว่ากูขอให้มันช่วย เอาเข้าจริงกูก็กลัวนะ กลัวมันจะมาฆ่ามึงตายต่อหน้ากู เพราะตอนนั้นมันแค้นมึงมาก ถึงกับเสียผู้เสียคนไปเลย กว่าจะกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้ก็นานอยู่ โชคดีที่มันบอกว่ามันมีแฟนใหม่แล้ว มันเลิกคิดมากเรื่องมึงแล้ว แต่ขอสักหมัดให้หายเจ็บใจก็ดี แล้วมันก็ยอมตกลงกับแผนการนี้แต่มันยอมในแบบของมันนะ!! คิดไว้แล้วเชียว เจ็บมากไหมวะเนี่ย?” เอกมองดูรอยช้ำที่แก้มของอีกฝ่าย

“โหยพี่! เอิกเกริกเลย ไหนว่าจะมีเซอร์ไพรส์นิดเดียวไง ทำไมมีวางมวยกันด้วยล่ะ” ชานนท์โผล่พรวดออกจากวงล้อมพร้อมแฟนหน้ายักษ์

“โทษทีนะไอ้น้อง พี่เองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องขนาดนี้!” เอกยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงขอโทษ

“แล้วเป็นไงบ้างพี่?” ชานนท์ยิ้มเพราะเห็นคนทั้งสองประคองกอดกันอย่างหลวมๆต่อหน้าคนหมู่มาก

“ชัดเจนเลย ตะโกนบอกสถานะให้รู้ทั้งร้านเลย!” เอกชูนิ้วโป้งชี้ขึ้นฟ้าด้วยใบหน้ายินดี
“มึงนี่แม่ง!!” เต๋าศอกใส่อีกฝ่ายด้วยความเขิน ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาเจอเหตุการณ์น่าอายอย่างนี้
“อย่าอายสิ มึงทำท่าอายแบบนี้ แม่ง... ทำเอากูเขินไปด้วยเลย” เอกจับอีกฝ่ายหนึ่งแน่น แม้ว่ายังจะเจ็บช่วงเชิงกรานที่โดนเหลี่ยศอกกระแทกเข้าให้เต็มแรง

“ว่าแต่พี่เต๋า.....” ชานนท์มองเต๋าพลางพยักหน้าส่งสายตาแปลกๆ เป็นเชิงส่งสัญญาณไปที่เต๋า

“เออๆ เอามันตรงนี้แหละ ถือว่าเอาคืนมันบ้าง!!” เต๋าพยักหน้าพร้อมทำหน้าหน่ายๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“รุฒครับ” ชานนท์มองหน้าแฟนตัวสูงของตน ที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับ พร้อมผ่อนลมหายใจยาว

เสียงปรบมือดังๆ สองทีพร้อมกับการกล่าววาจาดุจจ่าฝูงสิงโตคำรามลั่น ซึ่งทำให้ทั้งร้านเงียบสงบทันที

กลุ่มบริกรบางส่วนหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว และเพียงชั่วอึดใจก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งร้านต่างๆ นานา ที่สามารถประกอบจัดฉากด้านหลังที่เต๋าและเอกยืนอยู่ด้วยลูกโป่งและดอกไม้อย่างรวดเร็ว

เสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้องไปทั่ว บิ้กไบค์ Ducati รุ่นใหม่ล่าสุดขับเข้าจอดไม่ไกลจากทั้งสองคน พร้อมคนขับซึ่งเป็นหนึ่งในบริกรได้นำกุญแจรถมาใส่มือเต๋า

“เอ้า!! เอาไป!!” เต๋าเอ่ยขึ้นเสียงกร้าว
“เฮ้ย!! เอาจริงป่ะเนี่ย เนื่องในโอกาสอะไรวะ!” เอกรับไว้อย่างงงๆ ปนตื่นเต้นดีใจ บิ้กไบค์คันที่เขาใฝ่ฝันมันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
“กูไม่ได้ให้!” เต๋ากล่าวเสียงขุ่น
“อะไรวะ?!?” เอกหน้านิ่วด้วยความงง
“กูอยากให้มึงไว้ขับให้กูนั่ง!” เต๋าหน้าเริ่มมีสีเลือด
“มึงไม่ชอบไม่ใช่เหรอวะ!?” เอกยังคงงง
“กูหมายถึงขับให้กูนั่งคนเดียว คนเดียวเท่านั้น!!” เต๋าทำเสียงจริงจัง

“โห! ไอ้ควายมาขนาดนี้ มึงยังไม่รู้อีก มันขอมึงเป็นแฟนมันไง ให้กุญแจรถขนาดนี้ก็เหมือนตีตรามึงแล้ว เห็นแล้วกูรำคาญตารำคาญใจ พวกมึงบอกรักกันธรรมดาๆไม่ได้หรือไงวะ!!” วรุฒระเบิดอธิบายด้วยความรำคาญ

เอกกับเต๋าได้แต่หลบหน้ากันเพราะตอนนี้ทั้งร้านส่งเสียงฮือฮาด้วยความอิจฉา

“ไปนั่งฉลองวันเกิดกับเพื่อนต่อเถอะนนท์ ปล่อยพวกมันไว้ตรงนั้นแหละ” วรุฒลากแฟนตัวเล็กที่ทำท่าตื่นเต้นกับเหตุตรงหน้า ชานนท์พยายามฝืนแต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

“เชี้ย....... กูกะจะให้มึงเขินอายแต่ตอนนี้กลับเป็นกูที่เขินอายกว่ามึงอีก!!” เอกมีสีหน้าประหนึ่งผลมะเขือเทศสุกปลั่ง

“กูก็กะว่าจะให้มึงเซอร์ไพรส์ไม่ทันตั้งตัวแต่ตัวเองดันโดนเสียก่อน..... ถือว่าหายกันก็แล้วกัน..... แล้วว่าไง? กูยอมหน้าด้านมาขอขนาดนี้แล้ว... จะเอาหรือไม่เอา?” เต๋ามีสีของใบหน้าไม่ต่างกันมาก รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก เขาไม่เคยใส่ใจใครเท่านี้เลย พูดพลางยื่นกุญแจบิ้กไบค์ให้อีกฝ่าย

“ได้แต่มึงต้องสวมนี่ด้วย!!” เอกคว้ามือทั้งพวงกุญแจบิ๊กไบค์นั้นไปพร้อมดึงมืออีกฝ่ายใกล้ตัว
“อะไรของมึงเนี่ย ดึงเสียแรง!!” เต๋าหลักเล็กน้อย และรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างที่นิ้วนาง
“สวมเอาไว้และอย่าทำหายล่ะ!!!” เอกยักคิ้วให้เต๋าในระยะประชิด
เต๋ามองนิ้วมือตัวเองด้วยความประหลาดใจ
“แหวนสวยนะ แต่” เพชรเม็ดน้อยๆ หนึ่งเม็ดที่บรรจงสลักลงบนแหวนทองคำขาว ที่มีลวดลายลูกเต๋าสลักอยู่ข้างเพชร กระทบแสงไฟเห็นเด่นชัดบนนิ้วนางขอเต๋า

“แต่อะไร! นี่สั่งทำพิเศษเลยนะ ไม่สวยหรือไง?” เอกนิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำว่า ‘แต่’
“มันสวย กูชอบ แต่นี่มันมือขวา!” เต๋าชูมือข้างที่มีแหวนประดับอยู่
“เออว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เอกหัวเราะกลบเกลื่อน พร้อมยื่นมือไปเปลี่ยนแหวนสลับมือเป็นข้างซ้าย

หลังจากยิ้มให้กันอย่างขัดเขินอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เอกและเต๋าก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าพวกเขาอยู่ท่ามกลางสายตาของคนหลายสิบคนในร้านที่จัดปาร์ตี้ กิจกรรมของเขาทั้งสองคนสะกดสายตาคนเกือบครึ่งร้าน ให้หันมามอง มีทั้งสายตาตื้นตัน สายตาอิจฉา สายตาประหลาดใจปนๆกันไป ทั้งหมดสร้างความอึดอัดให้คู่รักที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเอิกเกริกมากพอควร

แต่คนที่กรี๊ดจนแทบจะเป็นลมคือ ยัยเมย์ ที่ตอนนี้พูดได้แต่ โหย.....โหยยยยย

“ไป! ไปขี่รถเล่นกันดีกว่า!!” เอกยึดตัวตรงและจับมืออีกฝ่ายให้ลุกตาม
“ไปไหน?” เต๋าทำสีหน้าสงสัย
“ไปเรื่อยๆ เจอที่ไหนดีๆ ก็นอนที่นั้น แล้วเราค่อยไปสวีทกันต่อ!!” เอกขึ้นคล่อมบิ้กไบค์คันใหม่พร้อมยื่นหมวกกันน็อคที่ห้อยติดท้ายรถให้คนรักของเขา

“ไอ้สัด คิดเป็นอยู่ไม่กี่เรื่องนะเนี่ย อย่าไกลนะพรุ่งนี้กูต้องเข้าเวรแต่เช้า” เต๋าบ่นอุบอิบแต่ก็รับหมวกกันน็อคมาสวมแต่โดยดี และกระโดดขึ้นไปซ้อนท้าย

“ชอบไหมล่ะ?” เอกสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงดังฮึมๆ ไพเราะหูจนเอกอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

“ไม่ชอบแล้วกูจะโดดซ้อนท้ายมาแบบนี้ไหมล่ะ!!” เต๋าพูดพลางกอดเอวคนด้านหน้าแน่น แล้วเครื่องยนต์สองล้อก็พาทั่งสองเคลื่อนออกไปจากร้านไปไกล

............................

จบ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 14-07-2020 15:53:10
ในที่สุดตอนพิเศษที่ตั้งใจว่าจะทำเป็นเรื่องยาวก็จบลง
แต่กลัวจะเบื่อกันเสียก่อนเลยข้ามไปตอนจบเลยก็แล้วกัน
คู่นี้เราก็ชอบไม่แพ้คู่เอกครับ และระหว่างสองปีที่หายไป พวกเขาก็มีประสบการณ์ร่วมกันเยอะเลย
แต่เราก็อยากเขียนเรื่องอื่นแล้วล่ะ มันก็เลยทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ 55555
ไว้พบกันใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 17-07-2020 00:03:35
อ่านจนจบแล้วครับ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 09-08-2020 14:24:48
Thank you reader
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 22-01-2021 23:12:20
โคตรน่ารักเลยครับ เรื่องนี้ ชอบมากๆๆ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 06-02-2021 20:06:31
 :z13:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 27-04-2021 16:43:13
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะครับ

Thank you is not enough!
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 02-05-2021 00:51:02
 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 05-05-2021 22:26:16
 :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด บทที่ 2.3
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 14-01-2022 02:22:07
“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!” วรุฒมองมาทางชานนท์ด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง “ยัยทอมเพื่อนแกนี่ดูดีๆก็น่ารักดีนะ” วรุฒใช้มือที่ใหญ่โตนั่นคว้าแขนของเมย์เบาๆ “น่าสนใจดี เดี๋ยวกูจะทำให้หายเป็นทอมเองเอาไหม? มึงจะได้จีบติดไง!!” สายตาที่น่ารังเกียจของชายที่มีสายตาที่อยู่สูงขึ้นไปทำให้เมย์ขนลุกจนรีบสะบัดมือให้หลุดและถอยออกห่างหนึ่งก้าวเต็มๆ 
นิสัยเลวมาก ไม่ว่าจะมีความหลังอะไรมาก็ตาม แต่นิสัยแบบนี้แย่ว่ะ
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 7 ส่วนที่ 1) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 14-01-2022 04:17:42

The farther
แปลว่าอะไร??? Fart แปลว่าตด Farther ไม่เคยเห็นมาก่อน
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 7 ส่วนที่ 1) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 14-01-2022 04:20:27
มีกลุ่มคนที่ชื่นชมพี่วิอยู่ เริ่มตั้งกลุ่มและทำปฏิกิริยาไม่ชอบหน้าวรุฒเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 
ผู้หญิงนิสัยแกงอินเดียมีคนชอบด้วยหรา
หัวข้อ: Re: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่ 7 ส่วนที่ 1) อัพ 22 ธ.ค. 61
เริ่มหัวข้อโดย: Shonennihon ที่ 07-08-2023 09:51:23

The farther
แปลว่าอะไร??? Fart แปลว่าตด Farther ไม่เคยเห็นมาก่อน

สงสัยจะเขียนผิด จริงๆ ครับ