Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62313 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ปัญหาแต่ละคน  ดูไม่จืดเลย

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
วันที่สองของการฝึกเต็มไปด้วยโปรแกรมการซ้อมอย่างหฤโหด ทั้งการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานจนไปถึงแข่งฝึกซ้อมที่มีบทลงโทษที่โหดร้ายสำหรับผู้แพ้ สิ่งเดียวในการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ดีที่สุดคือ อาหารแต่ละมื้อที่บอกได้คำเดียว่าโค้ชใส่ใจกับมันมาก แต่ละมื้อเป็นบุฟเฟต์อาหารอย่างดีที่ตักได้ไม่อั้น! ดังนั้นคนในทีมจะโหยหาเวลานี้เป็นพิเศษเพราะมีแต่ของอร่อยๆ

และก็เป็นเหมือนเช่นทุกครา หลงพยายามหลบหน้าและหลบสายตาของหมอเอิร์ธตลอดทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นหลงก็จะแอบมองหมอเอิร์ธทุกครั้งที่หมอเอิร์ธเผลอหรือทำงาน ทุกครั้งเขาจะเห็นโค้ชต้น ไอ้โหดประจำมหาวิทยาลัย เข้าไปดูแลเอาใจใส่หมอเอิร์ธอย่างตั้งใจ เหมือนกับโค้ชจะรู้ว่าหลงแอบมองอยู่ก็จะเข้าในสายตาของเขาเพื่อแสดงความด้านอ่อนโยนของโค้ชต่อหมอเอิร์ธให้หลงเห็นทุกครั้ง และก็เป็นทุกครั้งที่หลังจากเขาเห็นภาพเหล่านั้น มันทำให้เขาไม่มีสมาธิกับการซ้อมเลย จนต้องถูกโค้ชโหดทำโทษบ่อยๆ และเป็นการลงโทษที่ดูหนักกว่าสมาชิกคนอื่นๆในทีมด้วย

จนกระทั้งการซ้อมของวันที่สองสิ้นสุดลง ทุกคนต่างโหยหาไปหาอะไรกินในห้องอาหาร ส่วนหลงนั้นเนื่องจากทั้งการซ้อมที่หนักและการโดนทำโทษที่หนักกว่า ทำให้เขาเหนื่อยกว่าทุกคนมาก รวมไปถึงเสื้อผ้าที่แสนจะมอมแมมจากคราบฝุ่นที่พื้นและคราบเหงื่อที่เปียกชุ่ม เขาจึงตัดสินใจบอกเพื่อนๆ ว่าจะไปอาบน้ำล้างตัวก่อน

ในขณะที่เขากำลังเดินไปห้องอาบน้ำชายที่สุดทางเดินของชั้นห้องพักนักกีฬา เขาสังเกตุเห็นชายสองคนเดินกอดคออยู่ข้างหน้าไกลจากเขาพอควร เขาคิดว่าเพื่อนๆ ของเขาทุกคนน่าจะ อยู่ที่ชั้นห้องอาหารไม่น่าจะมีใครมาทำอาบน้ำเหมือนกับเขา เพราะด้วยนิสัยเห็นแก่กินของแต่ละคน อาหารควรจะเป็นอันดับต้นๆ ในการตารางกิจวัตรประจำวัน ด้วยความสงสัยจึงพยายามเดินเข้าไปใกล้ขึ้นและเพ่งมอง ทำให้รู้ว่าคนที่เขากำลังตามอยู่นั่นคือโค้ชโหดของเขา ส่วนอีกคนหลังจากพยายามเพ่งมองดีๆ อีกครั้ง และด้วยความที่ทั้งสองหยอกล้อกันตลอดทางจึงได้เห็นเค้าหน้าของคนที่มากับโค้ชจากการที่เขาหันมาหัวเราะกับโค้ชเสียงดัง คนๆนั้นคือ หมอเอิร์ธ!

ความร้อนลุ่มสุมขึ้นในอกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เขาตัดสินใจสะกดรอยตามแบบเงียบๆ จนกระทั่งคนสองคนเดินหายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำ หลงไม่รอช้าสาวเท้าตัวเองเขาไปประชิดกำแพงที่ริมประตูห้องอาบน้ำทันที

“เร็วหน่อยสิ รีบๆถอดออกมา” เสียงโค้ชโหดแว่วมา
“เดี๋ยวสินาย ใจเย็นๆ เราไม่ได้อะไรทำแบบนี้มานานแล้ว” เสียงหมอเอิร์ธแว่วตอบมา ทำเอาหลงหูผึ่ง
“ช้าแบบนี้ เดี๋ยวไอ้พวกลิงกังพวกนั้นอิ่ม พวกมันก็จะมาอาบน้ำกันแล้ว อยากให้เจอเราในสภาพนี้หรือไง!!” โค้ชโวย

“อายหรือไง?” หมอเอิร์ธทำเสียงล้อเลียน
“ก็กูไม่เคยไหม?” เสียงโค้ชดูแผ่วลง
“อายเป็นด้วย?” หมอเอิร์ธยังมีน้ำเสียงล้อเลียนอีกฝ่ายแว่วมา
“มานี่เลยกูทำเอง! แค่ถอดออกและเสียบเข้าไปแค่เนี่ยชักช้าจริง!” เสียงโค้ชอารมณ์ขุ่น
“เราทำได้น่า เราเคยทำ” หมอเอิร์ธ
“โอ้ย! เฮ้ย!! ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใส่เข้าไป”
“รู้แล้วน่าแค่นี้เอง อ่ะ! นี้ไง! ใส่ได้แล้ว ไหนลองดูสิ”
“โอ้ย!! เจ็บนะไอ้บ้า ดูสิเลอะหมดเลย!!”

ความอดทนของหลงมีอยู่จำนวนจำกัด จากบทสนทนาทำให้ความสงบของหลงสลายตัวไป เท้าของเขาก้าวไวกว่าความคิด เขาเดินอุกอาจเข้าในห้องอาบน้ำ ด้วยอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของเขา เขาต้องเห็นไอ้ชู้รักสองคนนั่นต่อหน้าต่อตา ทำไมคนๆนี้ถึงได้กล้าพูดอ้อนวอนขอคืนดีกับเขาเมื่อวาน ในเมื่อวันนี้เขาก็พร้อมที่จะมีคนอื่น!

“อ้าว! ไอ้หลง!! มึงมาทำอะไรเนี่ย!!?” โค้ชต้นร้องทักทันทีที่เห็นหลงยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่เปิดกว้างออกเผยให้เห็นผู้ชายสองคนกำลังยืนซ่อมฝักบัวอยู่ในห้องน้ำ

“เอ่อ.....เอ่อ...... ผม...... ผมมาอาบน้ำครับ” พูดจบหลงก็เตรียมหันหลังเดินหนีทันที
“เดี๋ยว!!” โค้ชกระโดดคว้าตัวหลงที่อยู่ไกลเกินเอื้อมได้ทัน สมกับเป็นนักกีฬามืออาชีพ

“มึงจะอาบน้ำก็อาบแต่ห้ามบอกเรื่องนี้กับคนอื่นนะ!!” เสียงโค้ชดุดัน
“คะ...ครับ” หลงรีบตอบ เขารู้สึกอายมากกว่าที่หลงคิดไปไกลกว่าภาพที่เห็น
“มันจะเป็นอะไรมากวะ มันไม่เสียภาพลักษณ์มากนักหรอก” หมอเอิร์ธขำกับภาพที่เห็น
“กูต้องรักษาภาพโค้ชโหดโว้ย กูไม่ทำอะไรให้พวกลูกทีม! เนี่ยถ้าไม่ใช่เพราะมึงห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง น้ำไหลไม่แรงแค่นี้พวกมันก็อาบกันได้ ตอนอยู่บ้านพวกมันถูกตามใจจนสบายกันหมดแล้ว ให้พวกมันหัดลำบากกันเสียบ้าง!” โค้ชต้นโวยยาว
“เราก็แค่...... เราก็อยากอาบฝักบัวแรงๆ บ้างเหมือนกัน ก็เท่านั้น” หมอเอิร์ธเหลืบมองหลงแล้วก็หลบตาและพยายามพูดให้จบประโยค

“เฮ้อ...... ช่างแม่ง!! มึงไปอาบน้ำห้องริมสุด ห้องนั้นฝักบัวยังดีอยู่ ส่วนห้องอื่นกูจะรีบจัดการให้เสร็จ!!” โค้ชต้นผลักหลงให้เดินเข้าไปในห้องในสุดของห้องอาบน้ำ
“ครับ” หลงปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาตัดสินใจจะเดินจากไปแล้ว

ระหว่างที่เขาอาบน้ำ เขาได้ยินเสียงสนทนางึมงำระหว่างทั้งสองคนในห้องอื่นไม่ไกล แต่จับเป็นศัพท์ไม่ได้เพราะเสียงน้ำในห้องอาบน้ำของตนที่แรงและดังจนจับใจความไม่ได้ ครั้นจะเบาเสียงน้ำก็ดูจงใจเกินไป หลงจึงพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ กระทั่งเวลาผ่านไปนานพอควร เขาอยู่ในห้องน้ำนานจนตัวเปื่อย หลงจึงตัดสินใจออกไปกินข้าวต่อดีกว่า เพราะอยู่ฟังไปก็ไม่ได้ใจความอะไร

หลงเปิดประตูห้องน้ำเปิดออกในสภาพเปลือกอก ห่มผ้าเช็ดตัวปิดเพียงช่วงล่าง ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากการรีบเช็ดให้แห้งหมาด เขาต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อพบคนยืนรอเขาอยู่หน้าห้องน้ำ

“พี่เอิร์ธ!!” หลงร้องทักขณะชะงักฝีเท้าตนเองลง
“ขอโทษนะ.... คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ... พี่ไปก่อนนะ” หมอเอิร์ธพูดอ้ำอึ้งก่อนจะหันหลังทำท่าจะหลบหนีจากสถานการณ์นี้

“เดี๋ยว!” หลงก้าวเท้าไปดึงแขนอีกฝ่ายให้หยุด
“หลง! ปล่อย! เดี๋ยวมีคนมาเห็น” หมอเอิร์ธหันมาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ทำให้หลงเจ็บจี๊ดที่อกด้านซ้าย
“คือ... ผม.....” หลงลังเลที่พูดบางอย่างออกไป

“ไอ้เอิร์ธ! ทำไมยังไม่ออกมาอีกวะ!....... อ้าว.... ทำอะไรกัน?” โค้ชต้นที่เดินมาจากไหนไม่ทราบ เดินเข้าพบเหตุการณ์นี้เข้าพอดี
“อ้าว! ต้น ไหนว่า..... จะไปแล้วไง?” หมอเอิร์ธเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยอาการตกใจ พลันกระชากมือให้หลุดออกจากการจับของหลง
“อ้อ.... โดนไอ้เด็กหลงนี่รังแกอีกแล้วเหรอ?” โค้ชโหดย่างสามขุมเดินเข้าไปหาทั้งสองแล้วรวบตัวหมอเอิร์ธไปกอดแนบอกด้วยแรงกระชากของโค้ชทำให้เหมือนหมอเอิร์ธปลิวเข้าไปในอ้อมอกอีกฝ่ายอย่างง่ายดายเหมือนตุ๊กตายัดนุ่น

“กูบอกมึงไว้ตรงนี้เลยนะ!!” โค้ชต้นชี้หน้าหลง
“กูจะไม่ให้มึงทำให้เอิร์ธของกูเสียใจอีก! ต่อไปนี้กูจะดูแลเอิร์ธเอง!” โค้ชต้นทำเสียงดุดันใส่อีกฝ่าย
“เดี๋ยวสิ! ต้นนี่มันอะไรกัน มัน...” หมอเอิร์ธดิ้นรนให้พ้นจากอกแน่นๆ ของอีกฝ่ายแต่ก็กูเหมือนไร้ประโยชน์ เขาพยายามที่จะพูดให้โค้ชปล่อยเขาแต่ก็ถูกคนที่โอบรัดเขาจัดการโน้มศรีษะเข้าใกล้และประกบริมฝีปากกับเขาอย่างดูดดื่ม

“เชี้ย!!” หลงสบถเสียงดัง
“จำไว้ว่าเอิร์ทน่ะเป็นของกู!!” โค้ชย้ำอีกครั้งหลังถอนริมฝีปากออกมา
“เกินไปแล้วนะ!!” หมอเอิร์ธผลักอีกฝ่ายและผละถอยออกมาจากอ้อมอกโค้ชต้นได้

“ใช่!! มันเกินไปแล้วนะ!!” หลงตะโกนลั่น ร่างกายสั่งการเร็วกว่าสมอง รู้ตัวอึกทีเขาก็ถลาเข้าไปยัดหมัดใส่ปากอีกฝ่ายเรียบร้อย แต่ชั้นเชิงมวยมันต่างกัน โค้ชต้นเบี่ยงหลบได้อย่างฉิวเฉียด และสวนกลับด้วยหมัดหนักๆ หนึ่งหมัดจนหลงเซถลาไปด้านหลัง ผ้าเช็ดตัวที่มัดไว้รอบเอวเกือบหลุดล่อนจ้อน ดีที่ยังพอมีสติจับผ้าไว้ได้ทัน

“ดี! กว่าจะรู้ตัวนะมึง ไอ้หลง!” โค้ชต้นพูดขณะแกว่งมือไปมาเพราะชาจากการใช้หมัดไปกระทบกระโหลกแข็งๆของอีกฝ่าย
“เอิร์ธ... กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้แหละนะ ที่เหลือพวกมึงก็คุยกันดีๆ ก็แล้วกัน อ้อ! ไอ้หลง กูจะบอกมึงให้รู้ไว้เลยนะว่ากู.. ไม่ได้ชอบผู้ชาย!! กูช่วยไอ้หมอเพราะสงสารมันที่ไปหลงรักกับเด็กห่วยๆ อย่างมึง!! กูไปล่ะ ทั้งเจ็บมือทั้งขนลุกไปหมด เชี้ยอะไรเนี่ย ทำไมกูต้องลงทุนขนาดนี้ก็ไม่รู้!” หลังจากที่โค้ชต้นอธิบายเสร็จ เขาก็เดินไปบ่นไปจนหายออกจากห้องอาบน้ำไป ทิ้งให้หลงงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“หลง.... พี่ขอโทษ.......... คือ.... พี่ขอให้ไอ้ต้นมันช่วย มันก็แค่บอกให้ทำตามที่มันวางแผนไว้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษนะ พี่รู้ว่า มาถึงขึ้นนี้แล้วอาจจะยิ่งทำให้หลงไม่ให้อภัยพี่แล้วก็ได้” หมอเอิร์ธพูดไปน้ำในตาก็ร่วงพราวออกมาอย่างช้าๆ หมอเอิร์ธใช้มือข้างหนึ่งลูบไปที่รอยแดงเป็นจ้ำบริเวณใบหน้าของหลงอย่างอ่อนโยน

“เฮ้อ......” หลงถอนหายใจ เขายกมือขึ้นจับมือของหมอเอิร์ธที่พยายามลูบใบหน้าหลงเพื่อให้บรรเทาความเจ็บปวด หลงกำมือหมอเอิร์ธแน่น
“งั้นพี่ขอตัวนะ” หมอเอิร์ธพยายามจะลุกขึ้นเพื่อเดินจากไป เขาคิดในใจซ้ำๆว่าเขาคงไม่มีวันได้กลับมาคืนดีกับหลงแล้วแน่นอน

“เดี๋ยวสิพี่” หลงรั้งอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ลุก
“เอาเข้าจริงนะพี่ ผมน่ะแพ้ตั้งแต่พี่มาขอคืนดีเมื่อวานแล้วล่ะ เพียงแต่ทิฐิบางอย่างของผมมันรั้งผมไว้ ...... แต่พอมาเจอพี่โดนคนอื่นจูบต่อหน้าแบบนี้แล้ว ทำให้ผมคิดว่าผมไม่อยากเสียพี่ไปอีกแล้วว่ะ!” หลงยื่นอีกมือหนึ่งไปสัมผัสหน้าของอีกฝ่ายและดึงให้เข้ามาใกล้ตัว เขาบรรจงจูบลงบนริมฝีปากสีชาดอ่อนอย่างนุ่มนวลโดยที่หมอเอิร์ทไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด

ทั้งสองต่างถูกอีกฝ่ายดึงดูดเอาไว้เหมือนแม่เหล็กต่างขั้วที่ไม่มีผลักออกจากกัน หมอเอิร์ธค่อยๆย่อตัวลงตำ่เพื่อบรรจงแนบตัวให้เสมอกับอีกฝ่าย หลงเองก็ใช้มือของตนโอบรั้งร่างเนียนนุ่มนั่นไว้อย่างอ่อนโยน

“เฮ้ย! มีป้ายที่หน้าห้องน้ำด้วยว่ะ!” เสียงจากด้านอกประตูห้องอาบน้ำดังขึ้น ทำให้หลงและหมอเอิร์ธได้สติและจัดแจงร่างกายให้ยืนตรงตามระเบียบ

หมอเอิร์ธและหลงมีสีหน้าเขินอาย หน้าแดงก่ำฝาดและหายใจหอบถี่ หลงยิ้มให้หมอเอิร์ธอย่างขวยเขิน ในขณะที่หมอเอิร์ธก็พยายามหลบสายตาและเรือนร่างของอีกฝ่ายที่มีการปกปิดท่อนล่างเพียงผ้าเช็ดตัวขนาดพอดีลำตัว ทำให้อะไรต่อมิอะไรใต้ร่มผ้าผุดนูนขึ้นจนเห็นขนาดชัดเจน
“อ้าว! ห้องน้ำเสียว่ะ เห็นว่าน้ำจะไม่ไหลจนกว่าจะสามทุ่ม!!” เสียงคล้ายไอ้โย่ง หนึ่งในสมาชิกทีมพูดขึ้น
“เชี้ยแล้ว เอาไงเนี่ย! กูง่วงนอนแล้วด้วยเนี่ย อีกตั้งชั่วโมงกว่า” เสียงนี่หลงคาดว่าเป็นไอ้แบงค์ เพื่อนร่วมทีมที่ไม่ชอบอาบน้ำเป็นคนพูด
“มึง!! ไม่ต้องเลย ยังไงมึงก็ต้องอาบน้ำ มึงนอนอยู่ข้างกู กูไม่ทนดมกลิ่นมึงทั่งคืนนะไอ้สัด!!”
“เออๆ เดี๋ยวกูไปเล่นเกมส์รอก็ได้”
“งั้นกลับเหอะวะ จะได้ไปบอกไอ้พวกที่เหลือในหอนอนด้วยว่าไม่ต้องรีบมา”
แล้วเสียงฝีเท้าของทั้งสองก็เดินจากไป ท่ามกลางการถอนหายใจอย่างโล่งอกของหมอเอิร์ธที่ไม่มีใครเห็นเขากับหลงในสภาพนี้ ส่วนป้ายหน้าห้องน่าจะเป็นไอ้ต้น โค้ชโหดเจ้าวางแผนไปติดไว้เพื่อช่วยให้เขากับหลงมีความเป็นส่วนตัว

“หลง.....” หมอเอิร์ธหน้าระรื่นและตัดสินใจว่าจะบอกหลงว่าเขารู้สึกยินดีแต่ไหนที่หลงยอมเชื่อใจเขาอีกครั้ง หลังจากหันกลับไป หมอเอิร์ธกลับโดนอีกฝ่ายจู่โจมในระยะประชิด หลงกดริมฝีปากตัวเองอย่างดูดดื่มจนหมอเอิร์ธไร้เรี่ยวแรงขันขืน

การจู่โจมอย่างหิวกระหายทำให้หมอเอิร์ธแทบจะหายใจไม่ทัน และต้องผลักรั้งอีกฝ่ายออกไปเพื่อพักหายใจ

“ผมคิดถึงพี่มาก ผมนึกถึงพี่ทุกวัน คิดถึงทุกเรื่องที่เราทำด้วยกัน” หลงพูดด้วยสีหน้าแดงเรื่อและหายใจหอบถี่
“พี่ก็คิดถึงหลงนะ” หมอเอิร์ธยิ้มอย่างดีใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาแห่งความปิติไว้ไม่อยู่ เขาดีใจที่ได้ยินคำนี้จากปากคนที่เขารักหมดใจอีกครั้ง
“งั้นผมขอทบต้น ทบดอกเลยนะ!!” จบประโยคของหลง เขาก็ผลักอีกฝ่ายเข้าห้องอาบน้ำที่ใกล้ที่สุด ปิดประตูอย่างรวดเร็วจนหมอเอิร์ธตั้งตัวไม่ติด หลงโถมตัวเองใส่อีกฝ่ายจนหมอเอิร์ธไม่อาจต้านทานได้ เขาทำได้แต่ทำตามแรงปรารถนาของอีกฝ่าย ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มต้นอย่างร้อนแรง หมอเอิร์ธเองก็เป็นชายหนุ่มที่มีความต้องการไม่แพ้กันจึงได้ตอบสนองอีกฝ่ายอย่างเต็มที่เช่นกัน

ไม่นานนักร่างกายของทั้งสองฝ่ายต่างเปลือยเปล่า เนื้อเนียนแน่นของทั้งสองต่างถูไถเสียดสีไปตามแรงอารมณ์และไฟราคะที่ท้วมท้น เมื่อถึงจุดที่ใกล้จะแตกหักทางด้านเคมีในสมองของทั้งสองฝ่าย หลงผลักให้หมอเอิร์ธหันหลังและใช้สบู่ให้ห้องน้ำชโลมปากทางไปทั่ว
“เดี๋ยวหลง พี่ยังไม่พร้อม เราควร....”
บางอย่างที่แข็งแรงแข็งขันได้ทะลวงผ่านด่านประตูเข้าไปจนสุด
“โอ้ย!! ... ป้องกัน...” หมอเอิร์ธพยายามพูดให้จบประโยคแต่ก็สายเกินไป
“ผมไม่ไหวแล้วครับ ผมขอนะครับ!” เสียงกระเซ่า สั่นเครือของอีกฝ่ายขอร้องพร้อมๆ กับขยับเรือนร่างเข้าออก จนหมอเอิร์ธไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้ นอกเสียจากการพยายามสกัดกั้นเสียงตัวเองไม่ให้ร้องดังเกินไป.....

เวลาผ่านหลายสิบนาที คำพูดของหลงที่ว่า “ทบต้นทบดอกนั้น” ไม่ได้ไกลจริงเลย หลงจัดการอีกฝ่ายจนแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว หลงนั่งลงกับพื้นห้องน้ำใช้หลังพิงผนังห้องน้ำฝั่งหนึ่งไว้ ส่วนหมอเอิร์ธนั้นนั่งหันหน้าให้หลงและกอดคอหลงอยู่บนตักของอีกฝ่ายในสภาพหมดแรง

“ไปเก็บกดที่ไหนมาเนี่ย!” หมอเอิร์ธหอบหายใจระหว่างพูดให้จบประโยค
“พี่ก็รู้ว่าหากไม่ใช่พี่! ผมก็ไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น! พี่คนเดียวที่ผมต้องการ! กี่เดือนมาแล้วที่ผมไม่ได้เอาออก” หลงพูดจบก็หอมแก้มอีกฝ่ายทันที
“เฮ้ย!! ร่างกายคนเราจะเก็บกดสิ่งนี้ได้นานขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้!!” หมอเอิร์ธทำหน้าแปลกใจ “คนเรามันก็ต้องมีบ้าง! พี่ยัง.....” แล้วหมอเอิร์ธก็หน้าแดง

“เหนียมๆ แบบนี้ก็ความต้องการสูงนะเนี่ย ยังไง? แอบไปทำกับใครมา?” หลงโอบกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้นจนหมอเอิร์ธเกือบจะหายใจไม่ออก

“จะบ้าเรอะ! แค่ช่วยตัว....เอง....เฉยๆ.... ก็ใครให้แฟนง้อยากล่ะ!” หมอเอิร์ธพูดไปหน้าแดงไป เพราะปกติหมอเอิร์ธไม่ค่อยชอบพูดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ทั้งที่เป็นหมอแท้ๆ พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเองทีไรก็ต้องเขินทุกที หลงจึงมักจะหลอกให้หมอเอิร์ธพูดออกมาเองเป็นประจำ หลงพอเห็นคนตรงหน้าเขินจนหูแดงก็เชยคางอีกฝ่ายขึ้นไปประกบปากอย่างดูดดื่ม

“แล้วคนเป็นหมออย่างพี่คิดว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ?”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องที่ผมเก็บมาให้พี่เสียหลายเดือนนี่ไง?”
“จะโม้อะไรอีก มันเป็นไปได้ที่ไหน? วัยรุ่นอย่างเรามันต้องมีทนไม่ไหวกันบ้างล่ะ นี่พี่ยังกลัวเลยว่าหลงจะไปทำกับคนอื่น!” หมอเอิร์ธทำสีหน้าไม่เชื่ออีกฝ่าย
“ผมพูดจริงนะ จากเหตุการณ์สองสามยกเมื่อครู่ พี่ก็น่าจะรู้สึกปริมาณที่ผมมอบให้พี่นะ!”
“ปริมาณของอะไร?”
“ปริมาณของ....” หลงยิ้มอย่างลามก
“เอ้อๆๆ พอๆ ไม้ต้องพูดแล้ว!!” หมอเอิร์ธหน้าแดงเมื่อนึกตามคำพูดของหลง  และก็แอบเห็นด้วยกับไอ้เด็กยักษ์ตรงหน้าเขาจนไม่กล้าสบตา หมอเลยแอบหยิกเนื้ออกอีกฝ่ายจนแดงเพราะเป็นเหตุให้เขาเลอะเทอะไปหมด

“โอ้ย!!!”

..........................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
การเก็บตัวซ้อมพิเศษสิ้นสุดลงในเช้าวันหยุดวันสุดท้าย หลงเดินอย่างเร่งรีบหลังจบการซ้อมและสรุปผลการซ้อมส่งท้ายจากโค้ชโหดที่ตอนนี้หลงยังเข้าหน้าไม่ติด เขาเดินกึ่งวิ่งลงมาจนถึงหน้าอาคารกีฬาเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ เขามองซ้ายขวาอย่างรวดเร็วเพื่อมองหาคนที่เขาอยากเจอที่สุด เนื่องจากก่อนที่เขาจะลงมาถึงหน้าตึก เขาแวะไปหาหมอเอิร์ธที่ห้องเรียบร้อยแล้ว แต่พบกับห้องที่ว่างเปล่า

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาสุดที่รักของเขาทันที แต่ก็พบเพียงแต่เสียงรอสาย เขาฟังมันจนกระทั่งถูกตัดสายไปโดยอัตโนมัติ เขาพยายามกดหมายเลขนั้นเพื่อโทรศัพท์ไปหาหมอเอิร์ธอีกหลายสาย แต่ก็พบกับเสียงรอสายเดิมๆและทุกครั้งก็จะตัดไปเป็นฝากข้อความตลอด

ความกังวลเกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดในใจ ท้องไส้เริ่มปั่นป่วนจนอาหารเช้าที่กินเข้าไปอยากจะสวนทางออกมา

“เฮ้ย!! ไอ้หลง เป็นเชี้ยอะไรวะ ทำไมมึงถึงได้รีบวิ่งออกมา สัด อย่าบอกนะว่า ทนไม่ไหวแอบออกมาชักว่าวอีก!” ไอ้โย่งที่เดินเรื่อยเอือยลงมาถึงจุดที่หลงยืนเอ่ยทัก

“พ่องงงงงง!!!” หลงด่ากลับไปอย่างอายๆ เพราะในวันที่เขากับหมอเอิร์ธอยู่ด้วยกันในห้องน้ำนั้น ดันไปเจอไอ้โย่งเดินสวนเข้ามาพอดี โชคดีที่หมอเอิร์ธขอตัวเดินออกไปก่อนแล้ว ทิ้งให้หลงออกจากห้องน้ำคนเดียวด้วยท่าทางสุขสมและหอบถี่ เป็นเหตุให้ไอ้โย่งกวนบาทาคนนี้ ล้อเลียนหลงตลอดการฝึกซ้อม จนหลงได้ฉายาว่า ‘หลงน้ำล้น’

แต่นั้นไม่ทำให้หลงรู้สึกแย่เลย เขากลับรู้สึกดีกระปรี้กระเปร่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาได้คนรักกลับมาคืนแล้ว แถมยังได้เจอเขาทุกวัน ในวันถัดๆไป หลงก็แว่บหายในช่วงหัวค่ำก่อนนอนตลอด เพราะหลงแอบย่องไปหาหมอเอิร์ธที่พักอยู่ที่ห้องพยาบาล และกลับมาด้วยสภาพเดียวกับวันก่อนที่เจอในห้องน้ำ โดยมีไอ้โย่งคนเดียวกันบังเอิญไปเจอกับหลงก่อนเข้าห้องไปนอนอีก ทำให้ยิ่งทำให้ล้อหลงอย่างสนุกปาก และพาลให้คนอื่นล้อเลียนหลงไปด้วย

ไอ้โย่งล้อเลียนหลงเสร็จก็กลับหอพักไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆ ที่ทยอยลงมา จนกระทั้งเหลือเพียงหลงยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย

“เฮ้ย!! ยังไม่หลับอีกไอ้น้ำหลาก!!” โค้ชต้น โค้ชโหดประจำทีมเอ่ยทัก หลังจากลงมาจากอาคารแล้วพบกับแฟนเพื่อนอย่างหลงยืนเก้ๆกังๆอยู่คนเดียว

“น้ำล้นไหมโค้ช” หลงพูดแก้
“อ้าว! รู้ตัว แต่กูพอใจจะเรียกมึงแบบนี้!” โค้ชเดินมาขยี้หัวเกือบเกรียนของหลง
“เอ่อ..... โค้ชครับ.... โค้ชเห็น....” หลงอ้ำอึ้ง
“ไอ้เอิร์ท!  ไม่เห็นนะ โค้ชก็คิดว่ามึงแอบลอบพามันไปซั่มกันที่ไหนเสียอีก!!”
“อะไร! โค้ช!!” หลงมาฟังคนอื่นพูดก็ชักจะขัดเขินอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับคนห่ามๆ อย่างโค้ชโหด
“หรือไม่จริง! อย่านึกว่ากูไม่รู้นะว่าพวกมึงทำอะไรกัน ครั้งแรกก็เป็นกูไหมที่เปิดโอกาสให้! ส่วนวันหลังจากนั้น กูไม่ได้อนุญาตินะที่จะให้มาซั่มกันในอาคารกีฬาแบบนี้”

“โค้ชผม.... ไม่ได้...”
“อย่ามาตอแหล กูนอนอยู่ห้องข้างๆ ได้ยินหมดแหละ กูเลยไม่ค่อยได้นอนเลย ไอ้ฉิบหาย!! กูไม่เรียกมึงไปตักเตือนก็ดีฉิบหายแล้ว!! กูเห็นแก่ไอ้เอิร์ทหรอกนะ!!”
“อ่า.... ครับ”
“แล้วโค้ชพอจะทราบไหมครับว่าพี่เอิร์ธอยู่ไหน?”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ โทรหามันหรือยัง?”
“เรียบร้อยครับ ไม่รับสายเลย!”
“โดนเรียกตัวกลับโรงพยาบาลมั้ง ก็แอบหนีงานมาง้อมึงอยู่ตั้งหลายวัน”
“อ้อ... โอเคครับ งั้นผมรับไปหาพี่เอิร์ธที่โรงพยาบาลดีกว่า ขอบคุณครับ” หลงพูดจบก็วิ่งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตอนซ้อม กับตอนแข่งให้มันไวแบบนี้นะ!!” โค้ชต้นส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

............................

เสียงหายใจหอบถี่บวกกับอาการเต้นระรัวที่หน้าอกทำให้หลงหยุดพักเหนื่อยอยู่ที่หน้าอาคารผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากการเร่งรีบเดินทางมา

ผู้คนต่างเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเช่นเคย หลงออกเดินเมื่อระบบหายใจกลับมาเป็นปกติแล้ว เหงื่อที่ไหลรินไปทั่วร่างกายทำให้เขาเริ่มกังวลถึงกลิ่นตัว แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว เขาอยากพบคนที่เขารักมากกว่าสิ่งใด เพราะความกังวลใจแปลกๆได้เข้ามาเล่นงานเขาตั้งแต่เช้า เขาบอกไม่ถูก เหตุการณ์มันคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก่อนวันที่พี่เอิร์ธจะหายไปจากชีวิตเขา

หลงเดินตรงรี่ไปที่หน้าเคาร์เตอร์พยาบาลเพื่อถามถึงหมอเอิร์ธ แต่ก็ได้แต่ข้อความเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นพยาบาลคนไหนก็พูดตรงกันว่า “วันนี้หมอเอิร์ธลากิจค่ะ”

หลงพยายามโทรศัพท์หาอีกหลายครั้งแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม คือไม่มีคนรับสายเลย เขารู้สึกสับสนเคว้งคว้างไปหมด นี่เขากลับไปอยู่จุดเดิมอีกแล้วหรือเนี่ย?

เขาเดินใจลอยไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสุดสายตา คนที่เดินขวักไขว่ไปมามากมายแต่กลับไม่เจอคนที่เขาตามหา เขาทรุดลงนั่งกับพื้นใกล้กับลิฟท์ที่สุดทางเดินของอาคารโรงพยาบาล เขารู้สึกเหนื่อยและหมดแรงเกินกว่าที่จะเดินต่อ เขาเดินออกจากอาคารเดิมจนกระทั่งออกมาอีกฝากหนึ่งของอีกตึกหนึ่งที่เชื่อมโยงต่อกัน หลงไม่เคยเดินเข้ามาในโรงพยาบาลลึกถึงเพียงนี้ ตอนนี้เขารู้ว่าที่นี่มันกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน เขารู้สึกได้ว่าดวงตาร้อนผ่าวไปหมด ภาพที่เห็นตรงหน้าพร่ามัวจากน้ำที่เริ่มคลอปริ่มในดวงตา จนเขาเริ่มเป็นจุดสนใจของคนที่เดินไปเดินมา

“อ้าว! น้อง!” เสียงใสๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงลิฟท์เปิดออก
“คระ...ครับ” หลงรู้สึกตกใจเพราะมีพยาบาลที่ออกจากลิฟต์เข้ามาทัก หรือเขาไม่ควรนั่งตรงนี้!
“น้อง... เอ่อ.... ที่.... รู้จักอาจารย์เอิร์ธใช่ไหม?” พยาบาลคนนั้นทำท่าพยายามนึก
“เอ่อ... ครับ... พี่รู้จักผม?”
“วันนี้ดูโทรมๆนะ แต่ใช่ ใช่ไหม?”
“ครับ! ใช่ครับ ผมไม่ควรมานั่งตรงนี้ใช่ไหมครับผมขอโทษ!” หลงรีบลุกขึ้นเหยียดตัวตรงจนสูงพ้นหัวนางพยาบาลที่มาทักเขา
“น้องจำพี่ได้ไหม? คือพี่เป็นพยาบาลที่ช่วยอาจารย์เอิร์ธเป็นประจำไง” พยาบาลพยายามแนะนำตัวเองไปพร้อมกับจัดหมวกตัวเองไปพร้อมกัน เพราะเธอดูเร่งรีบร้อนรนจนเครื่องแบบบิดเบี้ยวไปบ้าง
“อ่า.....”หลงพยายามนึกแต่เขาโกหกไม่เก่งเลยไม่กล้าแกล้งบอกว่าจำอีกฝ่ายหนึ่งได้
“เออๆ ช่วงเถอะ พี่มีเรื่องให้ช่วยตามพี่มาหน่อย!!” พูดจบนางพยาบาลก็คว้ามือหลงและฉุดเขาเข้าไปในลิฟต์และกดไปชั้นห้าทันทีที่ลิฟต์เปิดประตู สร้างความฮือฮาให้คนแถวนั้นได้พอควร

...............

หลงถูกลากมาจนถึงพื้นที่ที่มีความสงบและเงียบมากแห่งหนึ่ง พื้นและผนังสีขาว ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ดูโดดเดี่ยวมากขึ้น หากพี่พยาบาลไม่พามา เขาคงไม่เดินมาเองเป็นแน่ พื้นที่บริเวณนี้ถูกกั้นเป็นห้องๆ และปกปิดอย่างมิดชิด มีม้านั่งอย่างดีอยู่ตลอดฝั่งทางเดินบริเวณนั้น ไม่นานสายตาของเขาก็ไปตกกระทบกับคนๆ หนึ่งที่นั่งคุดคู้อยู่บนม้านั่งสีเขียวเข้มในชุดคลุมสีฟ้าตั้งแต่ช่วงคอไปจนถึงเท้า ผมเผ้าถูกเก็บอย่างดีในหมวกคลุมสีฟ้าเข้ากับชุดคลุมที่สวมใส่อยู่ คนๆ ที่หลงจำได้ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรอยู่

“พี่เอิร์ธ!” คำพูดที่หลงหลุดออกจากปากเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“หลง!!” ชายที่นั่งคุดคู้อยู่เงยหน้าขึ้นมามองที่ต้นเสียง

“น้องช่วยพี่ดูแลอาจารย์เอิร์ธหน่อยนะ เนี่ยไม่กินไม่นอนเลย” พี่พยาบาลหันมาบอกหลง
“อาจารย์คะ อย่าเครียดมากเลยคะ ดิชั้นเองก็คงช่วยได้แค่นี้นะคะ ทำได้แค่ส่ง ‘กำลังใจ’ มาให้” พูดจบ นางพยาบาลก็ยิ้มให้ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

“หลงมาได้ยังไงเนี่ย?”
“ผมตามหาพี่นี่แหละ แต่ช่างเถอะเรื่องมันยาว เกิดอะไรขึ้นครับ!” หลงโอบกอดร่างที่สั่นเทานั้นไว้แน่น
“พี่ขอโทษนะ ที่มาโดยไม่ได้ลา แต่พี่... นึกอะไรไม่ออกจริงๆ” หมอเอิร์ธพูดออกด้วยหยดน้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างช้าๆ

“ช่างมันเถอะครับ! ผมเจอพี่แล้ว เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพี่อยู่ในสภาพนี้!
“คือ.... เมื่อเช้า.... พ่อพี่.... หัวใจล้มเหลวน่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!! ตอนที่พี่มา พ่อก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดแล้ว! พี่พยายามเข้าไปช่วยแล้ว แต่พี่มันอ่อนแอเกินไปที่จะไปช่วยเหลือตรงนั้น ตอนนี้มันมีการรักษาชนิดใหม่........... ด้วยเทคโนโลยี........... ก็เลยฝากให้รุ่นพี่ของพี่ที่มีความรู้เฉพาะทาช่วยดูแลให้” หมอเอิร์ธอธิบายยาว แต่หลงจับใจความได้เพียงบางส่วน

“ขนาดเศร้ายังอธิบายยาวกันขนาดนี้เลย พี่ก็รู้ว่าผมโง่ อย่าทำเหมือนว่าผมรู้ทุกอย่างที่พี่พูดสิ” หลงพูดหน้าตายแต่ก็สร้างรอยยิ้มให้กับหมอเอิร์ธได้ประมาณหนึ่ง

“ไอ้เด็กบ้า!” หมอเอิร์ธพูดด้วยสีหน้าสดใสขึ้นเล็กน้อย

“ยิ้มได้แล้วนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว  เรามาช่วยกันสวดมนต์ ขอให้พระพุทธคุณคุ้มครองให้คุณพ่อของพี่ปลอดภัยเถอะครับ” หลงยิ้มและยกมือขึ้นเช็ดปาดน้ำตาของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน และหอมที่หน้าผากยาวๆ หนึ่งฟอด

“อืม....ไอ้เด็กบ้า....จำไม่ได้หรือไงว่าพี่เป็นคริสต์!” หมอเอิร์ธตีแก้มอีกฝ่ายเบาๆ
“หยอกครับหยอก พี่จะได้ขำไง!”หลงจับมืออีกฝ่ายไว้แน่นก่อนที่จะพามือนั้นไปโอบรอบเอวตัวเอง บังคับให้อีกฝ่ายนอนบนตักของตนอย่างอ่อนโยน
“พักสักหน่อยนะครับ....... หากพ่อพี่หายดีแล้ว พี่จะมาป่วยเสียแทนนะ!” หลงลูบหน้าอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู เขาจ้องมองวงหน้านั้นด้วยความรักและให้กำลังใจ จนอีกฝ่ายยอมเอนกายแต่โดยดี และหลับไปในเวลาไม่นาน

เสียงหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนที่นอนหนุนตักหลงอย่างไร้สติ ทำให้หลงรู้ว่าหมอเอิร์ธเหนื่อยขนาดไหน เขาเดาว่าหมอเอิร์ธคงมาถึงโรงพยาบาลทันทีที่ทราบข่าวพ่อตั้งแต่ช่วงกลางดึกเมื่อคืน เพราะเขาจำได้ว่าช่วงหัวค่ำพี่หมอของเขายังอยู่กับเขาบนเตียงในห้องพยาบาลด้วยกันอยู่เลย

เสียงประตูห้องผ่าตัดเปิดออกมา เผยให้เห็นทีมแพทย์และพยาบาลในชุดเดียวกับคนที่นอนหนุนตักเขาอยู่ วินาทีเดียวกันนั้น หมอเอิร์ธก็สะดุ้งตื่นและยืดตัวขึ้นยืนและเดินไปหาคนที่ออกจากห้องทันที

“ไม่ต้องห่วง ปลอดภัยแล้ว เอิร์ธ” คนที่อยู่ในชุดสีฟ้าเข้มพูดกับหมอเอิร์ธพร้อมตบไหล่หมอเอิร์ธเบาๆ

เสียงผ่อนลมหายใจของหมอเอิร์ธดังจนคนที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างหลงยังได้ยินชัดเจน หมอเอิร์ธฝืนยิ้มออกมาอย่างหมดแรง

“ขอบคุณครับ” เสียงขอบคุณอันแผ่วเบาออกมาจากปากอันซีดเซียวของหมอเอิร์ธ
“เฮ้อ.... อาจารย์เนี่ยก็จริงๆ นะ รู้ว่าตัวเองป่วยก็ไม่น่าฝืนมาเข้าเวรตอนดึกเลยจริงๆ เป็นคนใหญ่คนโตในกระทรวงฯ แล้วทำไมยังออกตรวจอีกเนี่ยไม่เข้าใจเลย” คุณหมอที่เป็นรุ่นพี่ของหมอเอิร์ธแอบบ่น หลงมารู้ทีหลังว่าคนนี้เคยเป็นลูกศิษย์ของคุณพ่อหมอเอิร์ธ

“ก็อย่างที่ทราบล่ะครับ พ่อเขาดื้อจะตาย เขารักวิชาชีพนี้มาก เขายังไม่ต้องการเลิก”
“พี่แค่ออกตรวจยังเหนื่อยเลย นี่ต้องไปทำงานที่กระทรวงอีก.... พี่ไม่เอาด้วยหรอก” รุ่นพี่ของหมอเอิร์ธบ่นอุบอิบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หมอเอิร์ธฝืนหัวเราะ

“นั่นใครน่ะ?” รุ่นพี่เอ่ยถามหมอเอิร์ธ
“เอ่อ....” หมอเอิร์ธพยายามนึกและมองไปทางหลงเหมือนจะขออนุญาตให้เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขา
“แฟนครับ ผมเป็นแฟนพี่หมอ” หลงกลับพูดส่วนมาก่อนที่หมอเอิร์ธจะพูดเสียอีก ทำให้หมอเอิร์ธแปลกใจและเขินในคราวเดียวกัน

“โห...... เป็นอมตะไปเสียแล้วน้องเรา” รุ่นพี่แซว
“พี่ครับ!” หมอเอิร์ธร้องทักรุ่นพี่ให้หยุดแซวแก้เขิน
“เออๆ กลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องการพักฟื้นอาจารย์เอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยม ดูสิเนี่ยโทรมหมดแล้ว! เอ้อ! น้อง! พาแฟนกลับบ้านไปอาบน้ำกินข้าวพักผ่อนให้เรียบร้อยก่อนนะ! ช่วยพี่หน่อย ไอ้เด็กคนนี้มันดื้อเหมือนพ่อมันเลย!!” รุ่นพี่คุยกับหมอเอิร์ธเสร็จก็หันมาสั่งหลงเป็นชุด

“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมจัดให้! อาบน้ำปะแป้งกินข้าว กล่อมนอนให้เรียบร้อยเลย รับรองครับ พี่เอิร์ธไม่กล้าดื้อกับผมแน่นอน!!” หลงเล่นตามน้ำ
“ไอ้เด็กบ้า!! พี่ไม่ใช้เด็กเล็กๆนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของเรานะเนี่ย!” รุ่นพี่หัวเราะเสียงดัง
“พี่โชเนี่ย เฮ้อ.... หลงกลับกัน” หมอเอิร์ธชวนหลงหลับด้วยใบหน้าอันแดงเลือดฝาด

...................

หนึ่งวันผ่านไปในห้องพักฟื้นของคนไข้ระดับวีไอพี ชายร่างสูงวัย รูปร่างค่อนข้างท้วมนอนอยู่ในท่าสบายๆ หลังอิงกับเตียงที่ถูกปรับขึ้นมาตั้งตรง สายตาที่เริ่มฝ่าฝางนั้นจดจ้องไปที่นอกหน้าต่างที่มีแสงแดดแผดจ้าร้อนแรงในช่วงสายของวัน

เสียงกึกกักที่ประตูทำให้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ทำให้ชายชราหันไปที่ต้นเสียงทันที ในคลองสายตาภายใต้แว่นกลมหนา เขาเห็นเด็กหนุ่มสูงโปร่งรูปร่างนักกีฬา หน้าตาหล่อตี๋แต่มีดวงตากลมโต เดินเข้ามาให้ห้องด้วยรอยยิ้มอย่างประหม่า เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นกังวล

“ขอโทษที่รบกวนครับ เอ่อ... พี่เอิร์ธยังไม่มาหรือครับ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยเสียงที่สุภาพ
“........” ชายชราไม่ได้ตอบสิ่งใดออกไป ทำเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากและส่ายหน้าเท่านั้น
“เอ่อ... ผมนัดพี่เขาไว้ว่า.... จะมาด้วยกันแต่.... โอเคครับเดี๋ยวผมค่อยมาพร้อมพี่เอิร์ธดีกว่า ขออภัยที่รบกวนครับ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้อย่างสุภาพ

“หลง.... หลงใช่ไหมลูก?” ชายชราเอ่ยถามจากเสียงที่ยังมีอาการสั่นเครืออยู่เล็กน้อย
“อ่ะ.... ครับ” ชายหนุ่มหยุดชะงักเท้าทันทีที่จะหันหลังกลับ เขาหันกลับมาตอบอย่างสุภาพ
“พี่เอิร์ธจะมาเยี่ยมพ่อเหรอลูก? งั้นมารอด้วยกัน มานั่งรอตรงนี้ลูกมา” เสียงที่แสนโอนโยนลอยมากับอากาศ ทำให้ชายหนุ่มปฏิเสธได้ยาก
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าและเดินเข้าไปที่เก้าอี้ที่ชายชราชี้มาเพื่อนั่งลงด้วยท่าทางประหม่า

“ได้เจอกันเสียที ได้ยินแต่เรื่องเล่าจากปากลูกชายพ่อ ในที่สุดก็ได้เจอคนที่ได้ครอบครองหัวใจของเอิร์ธเสียที” ชายชรายิ้มไปด้วยพูดไปด้วยวาจาที่อ่อนแรง
“คะ...ครับ สวัสดีอย่างเป็นทางการครับคุณลุง” หลงพูดจาอย่างขัดเขิน
“ลุงเลิงอะไรกัน เป็นแฟนลูกชายพ่อก็ต้องเรียก ‘พ่อ’ สิ!” อยู่ๆ ชายชราก็เสียงดังขึ้นมา ทำให้หลงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ครับพ่อ ครับคุณพ่อ” หลงพูดเสียงดังตามไปด้วย

“หน้าตาดีแบบนี้นี่เอง ลูกพ่อถึงได้หลงเหลือเกิน ดูจากลักษณะโหงวเฮ้งก็ดี เป็นคนจริงใจจริงจัง ใช่ได้ๆ” ชายชราเหมือนพูดอยู่คนเดียวมากกว่าจะคุยกับหลง ทำให้หลงทำได้แค่ยิ้มสู้

หลังจากนั้นก็เหมือนหลงโดนซักประวัติครั้งใหญ่ จนหลงมองไปที่ประตูหลายรอบเผื่อว่าจะมีคนเดินเข้ามาช่วยชีวิตเขาจากคำถามมากมายที่ประดังเข้ามา รวมถึงการอบรมเรื่องเพศ เรื่องบนเตียงกับเขาอย่างจริงจัง ไม่ตอบก็ไม่ได้ พ่อเก่งในเรื่องของการซักประวัติเพื่อวินิจฉัยจนเขาขอยอมแพ้

ในที่สุดระฆังช่วยชีวิตเขาก็มาถึง หมอเอิร์ธเดินเข้ามาในห้องในชุดกราวย์สีขาวสว่างจนเหมือนเทวดาบินลงมาช่วยเขาขึ้นมาจากขุมนรก

“พ่อคงไม่ได้แกล้งหลงหรอกนะ!!” หมอเอิร์ธสังเกตจากสีหน้าหลงจึงได้ตัดพ้อไปที่บิดาตนเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็แค่หยอกแก้เหงา” ชายชราหัวเราะร่าหมือนความป่วยได้หายไปจากเขาเป็นปลิดทิ้ง หมอเอิร์ธผ่อนลมหายใจออกทันทีที่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของบิดาตนเอง

“พ่อเนี่ยนะ... หลง อย่าไปคิดมากนะ พ่อพี่ก็แบบเนี่ย เก่งเรื่องจิตวิทยาด้วย ป่วยอยู่ยังป่วนขนาดนี้เลย” หมอเอิร์ธเดินเข้ามาหาเด็กหน้าเสียขวัญและลูบหลังอย่างปลอบโยน

“ผมขอตัวก่อนนะครับ งั้น พี่กับพ่อพี่คุยกันไปก่อนเลย” หลงยืนขึ้นและทำท่าจะก้าวเดินจากไป เขาแค่คิดว่าเขาทนอยู่กับความเครียดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว

“พ่อพี่แค่ล้อเล่นเอง อยู่คอยพี่ก่อนนะ เดี๋ยวกลับด้วยกัน พี่จะลงเวรแล้ว”หมอเอิร์ธยิ้มมาที่แฟนหนุ่มตนเองด้วยรอยยิ้มที่ใครได้เห็นก็ใจอ่อน ยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดหมดจรด รับกับวงหน้าและดวงตาเหมือนมีศิลปินชั้นเอกลงมือวาดอย่างตั้งใจ หลงทำได้แค่พยักหน้าและลงไปนั่งที่เดิม

หลังจากนั้นหมอเอิร์ธกับพ่อของเขาก็สอบถามอาการประสาหมอจนทำเอาคนฟังอย่างหลงเวียนหัวไปหมด เขารู้สึกเหมือนฟังมนุษย์ต่างดาวคุยกัน ต่อจากพูดจาภาษาหมอก็เป็นการพูดคุยแบบมนุษย์ทั่วไปและได้เอาหลงเข้าไปร่วมบทสนทนาด้วย ทำให้เขาเห็นว่าพ่อของหลงนั้นเป็นคนเปิดรับเรื่องความรักระหว่างเขากับพี่เอิร์ธได้ดีมากๆ นอกจากจะไม่รัวเกียจแล้ว ยังสอนให้รู้จักใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างไรให้อยู่รอดปลอดภัยนานๆ

“หลง.....” พ่อหมอเอิร์ธขอมือของหลงมาจับกุมไว้
“ครับ” หลงตอบรับ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของพ่อก็ยื่นไปจับกุมมือหมอเอิร์ธมาสอดทับมือของหลงที่กลางตักของพ่อ
“พ่อจะทำอะไร?” หมอเอิร์ธเอ่ยถามพ่อเบาๆ พ่อของหมอเอิร์ธนอกจากจะไม่ตอบหมอเอิร์ธแต่กลับหันหน้าไปหาหลงด้วยรอยยิ้ม
“จากเหตุการณ์วันนี้ ทำให้พ่อรู้ว่า พ่ออาจจะเหลือเวลาที่จะอยู่อย่างมีลมหายใจอยู่ไม่มาก...”
“พ่อพูดอะไรน่ะ!!” หมอเอิร์ธเตือนแทรกขึ้นมาจนพ่อของเขาหันมาทำหน้าดุใส่
“พ่อฝากหลงดูแลลูกของพ่อด้วยนะ พ่อรักเขามาก พ่อไม่อยากให้เขาโดนทำร้ายอีกแล้ว” พ่อของหมอเอิร์ธพูดเสียงสั่นแต่ดวงตาที่มุ่งมั่นกลับส่งไปที่หลงอย่างจริงจัง

“แน่นอนครับ ผมสัญญา ผมจะไม่มีวันทำร้ายให้พี่เอิร์ธต้องเสียใจครับ!!” หลงตอบกลับไปทันทีจากความคิดชั่ววูบแรก น้ำเสียงที่จริงจังจริงใจของเขาถูกส่งต่อให้พ่อของหลงทันที

“ดี!! เอิร์ธ คราวนี้ลูกได้ช้างเผือกมาเลยนะ!!” พูดจบพ่อพี่เอิร์ธก็ตบไหล่หลงอย่างแรงเสียงดังลั่น แต่ตัวเองกลับรู้สึกเจ็บแปลบที่แผลผ่าตัดจนร้องโอยออกมา
“พ่อเนี่ยนะ! พอแล้ว พ่อพักผ่อนได้แล้วครับ!” หมอเอิร์ธรีบจัดการให้พ่อของตนนอนราบลงและปรับเตียงให้
“เออๆ พ่อเหนื่อยแล้วว่ะ”
“ก็สมควรนะพ่อ ทำเป็นหนุ่มๆ ไปได้”
“ พ่อเอ็งยังหนุ่ม.... โอยยย!!”
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวผมไปตามพยาบาลมาดูแผลให้ก่อนดีกว่า หลง! ไปกันเถอะ” หมอเอิร์ธส่ายหน้าและได้โอกาสพาหลงออกจากห้องไป

“โทษทีนะหลง ปกติพ่อพี่ก็ไม่คึกขนาดนี้หรอก นิสัยออกจะขรึมๆ พูดน้อย แต่ก็เป็นคนอารมณ์ดีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยา หรืออารมณ์ดีเรื่องอะไรถึงได้กลายเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้” หมอเอิร์ธกล่าวขอโทษหลงด้วยรอยยิ้มแห้งๆ หลังปิดประตูห้อง

หลงไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มมาที่แฟนตนเองอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่หน้าห้องเพียงลำพัง บรรยากาศที่โถงทางเดินเงียบสงัดไร้ผู้คน หมอเอิร์ธอยู่ในชุดสุภาพเรียบร้อยภายใต้ชุดกราวด์ยาวสีขาวสะอาด เป็นภาพที่หลงมองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ หลงยกมือขึ้นลูบที่วงหน้าที่เกลี้ยงเกลานั่น แม้จะมีความอ่อนล้าในดวงตาจากการขึ้นเวรช่วงดึกจนถึงช่วงสายแต่ก็ไม่ได้บดบังความน่ารักของใบหน้าของหมอเอิร์ธได้เลย วงหน้าที่ทำให้ชีวิตเขารู้สึกสดใสทุกครั้งที่มอง หลงก้าวไปประชิดอีกฝ่ายอย่างช้าๆ และโน้มศรีษะตัวเองเข้าไปใกล้วงหน้าที่เขาปรารถนาที่สุด เขานำริมฝีปากของตนเองไปประกบกับอีกฝ่ายอย่างเนิบนาบโดยที่หมอเอิร์ธไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลิ้นที่เปียกชื้นของหลงเริ่มโลมลันอีกฝ่ายจนเคลิ้บเคลิ้ม

“เดี๋ยวๆ!” หมอเอิร์ธผลักอีกฝ่ายออกจากตนเอง ทั้งที่อีกฝ่ายยังทำหน้าเหมือนอยู่ในภวังค์
“นี่มันโรงพยาบาลนะ ทำตัวดีๆหน่อย!” หมอเอิร์ธดุหลงเบาๆ
“งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะ ผมจะไม่ไหวแล้ว!” หลงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไอ้เด็กบ้า!!” หมอเอิร์ธตาขวางใส่ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มหวานกลับมา เพราะรู้ว่าหมอเอิร์ธไม่ได้หมายความว่าตำหนิเขาแต่เป็นอาการเขินของหมอเอิร์ธที่ทำเป็นประจำ

“กลับเถอะผมหิว” หลงทำเสียงอ้อน
“หิวอะไร? ไม่ใช่เพิ่งกินหรือไง?”
“หิวพี่ไง มาเร็ว” หลงพูดจบก็เดินจูงอีกฝ่ายไปตามทางเดินข้างหน้า
“ไอ้เด็กบ้า!!” หมอเอิร์ธแม้ปากจะพูดเชิงต่อว่า แต่ปากก็ยิ้มและเท้าก็เดินตามคนข้างหน้าแต่โดยดี

.............................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ หลงให้อภัยง่ายไปไหม?  อิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 24

The hidden things behind the mirror



ภาพใบหน้าแสดงอารมณ์ยากที่จะบ่งบอกของคุณแม่ชานนท์ยังคงติดค้างอยู่ในหัวของวรุฒมาโดยตลอด ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่เดินทางกลับมาถึงหอพัก มันเป็นเรื่องค้างคาที่เขาหาคำอธิบายถึงความกังวลลึกๆในใจไม่ได้ ระหว่างทางกลับมาจากบ้านของชานนท์ที่ต่างจังหวัด วรุฒจะเหม่อลอยบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ของมองแฟนหนุ่มของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ตัวเขาเองคงคิดมากไป

“ทำไมนายซิ้วไปสองปีล่ะ?” คำถามที่ชานนท์มักจะถามวรุฒมาตลอดการเดินทาง ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะตอบมันกลับไปเพราะมันเป็นอดีตที่เขาไม่อยากจะนึกถึงเท่าไหร่
“มันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แต่.... เมื่อถึงเวลาเราจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดนะ.... แล้วก็ข่าวลือเรื่องเรามันเยอะ อย่าไปเชื่ออะไรมากล่ะ เพราะส่วนใหญ่มันก็ไม่จริง!” ในที่สุดวรุฒก็ตัดสินใจพูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่อยากเล่าอะไรละเอียดเพราะมันต้องใช้เวลาเล่าพอควร ตอนนี้เขายังไม่อยากนึกถึงมันเท่าไหร่ เรื่องที่ทำให้เขาต้องมาจบโดยการมาเรียนใหม่ที่ประเทศไทย ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้

“อืม..... แล้วอย่างนี้เราต้องเรียกนายว่าพี่หรือเปล่า? เออ!! จริงสิ เราก็สงสัยอยู่นะว่าทำไม มายด์ถึงเรียกนายว่า ‘พี่’ ตอนนี้เข้าใจแล้ว!” ชานนท์ทำหน้าตาสงสัยเสียน่ารักน่าหยิกจนวรุฒยื่นมือไปบีบแก้มป่องๆ ของอีกฝ่าย จนชานนท์ร้องโอยออกมา
“ไม่ต้องหรอก! เรียกเหมือนเดิมนั่นแหละ เราชอบแบบนั่น” วรุฒยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“พอรู้แบบนี้แล้ว รู้สึกไม่สบายใจเลย แต่ถ้า ‘พี่รุฒ’ ว่าโอเค เราก็โอเคนะ” ชานนท์ทำท่าทะเล้นแล้วก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงที่ยังอุ่นๆ เนื่องจากอากาศร้อนในตอนกลางวัน เขานอนมองเพดานห้องพักของเขา ทำให้คิดถึงบ้านที่เพิ่งจากมาขึ้นมาทันที กระเป๋าเดินเสื้อผ้ายังไม่ได้จัดการใดๆ ยังคงนอนกองอยู่ที่พื้น ชานนท์เหนื่อยเกินกว่าที่จะไปจัดเก็บคัดแยกตอนนี้

หลายคนอาจจะคิดว่าแค่การเดินทางกลับจากต่างจังหวัดแค่ 4-5 ชั่วโมงนี่มันไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนั้น แต่การที่เขาต้องแวะเที่ยวตลอดระยะการเดินทางมาถึงหอพัก แวะกิน แวะช้อปทุกๆ ยี่สิบนาทีใครไม่เหนื่อยก็บ้าแล้ว เพียงไม่กี่วินาทีจากภาพเพดานห้องก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าหล่อๆ ของวรุฒมาแทนที่ ชานนท์ถูกแฟนหนุ่มของเขาครอบร่างกายเกือบทุกส่วนของเขาอยู่แบบไม่ทันตั้งตัว

“เดี๋ยวนี้ทำไม พูดยียวนเก่งแบบนี้นะ!?” ใบหน้าเปื้อนยิ้มทรงเสน่ห์อยู่ตรงหน้าเขากล่าวออกมา
“จะทำอะไรน่ะ? นายไม่เหนื่อยบ้างหรือไง?” ชานนท์ยกมือขึ้นป้องใบหน้าและหน้าอกของคนด้านบนที่กดทับลงมา
“ไม่! โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้!” วรุฒกดหน้าตัวเองลงต่ำหลังจากพูดจบ เขาเล็งริมฝีปากคนด้านล่างแต่คนตัวเล็กทางด้านล่างหลบหลีกได้ทัน ปากสีชมพูซีดนั่นเลยลงไปประทับตรงต้นคอพอดิบพอดี แต่นั่นก็ไม่ทำให้วรุฒหยุดความตั้งใจของคนได้ เขาซุกไซ้พื้นที่ตรงหน้าจนคนที่โดนกระทำร้องครางออกมา

“หยุด... เลย.... ไอ้.... คน..... หื่น....” เสียงสั่นเทาจนแทบสิ้นสติของคนตัวเล็กพูดออกมาพร้อมพยายามดันอีกฝ่ายให้ออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่เขาหรือจะสู้แรงคนตรงหน้าได้

“เอาน่า ‘พี่’ ขอเถอะนะ” วรุฒพูดทวนคำหยอกของอีกฝ่าย
“นายพูดแบบนี้มันเหมือนยั่วยวนเราให้ทำแบบนี้เลย”  วรุฒเลื่อนริมฝีปากมาพูดใส่หูอีกฝ่าย
“ไหนว่าสัญญากับแม่เราแล้วไงว่าจะยังไม่ทำเรื่องแบบนี้จนเราอายุครบ 20 ปี!” คำพูดที่เพียงพอจะให้เขาลอดพ้นจากอสูรหน้ามืดหื่นไม่เลือกที่ตรงหน้าผุดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้วรุฒหยุดชะงักนิ่งค้างไป มันแปลว่าคำพูดของชานนท์นั่นได้ผล
“เฮ้อ.... เล่นพูดเสียหน้าแม่นายโผล่เข้ามาในหัวเลย!” วรุฒพลิกตัวไปนอนแผ่ข้างๆ ชานนท์
ชานนท์รู้ตัวทันทีว่ารอดแล้วจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาไม่เคยจะปฏิเสธอีกฝ่ายหรอกถ้าวันนี้มันไม่เหนื่อยเกินไป แต่ก็ยอมรับว่าคำพูดของแม่เขาก็มีผลกับการตัดสินใจครั้งนี้พอควร ในขณะที่เขากำลังจะหันไปกอดอีกฝ่ายเพื่อปลอบใจ เสียงโทรศัพท์ของวรุฒก็แผดสั่นดังลั่นเป็นจังหวะดนตรีร็อคร้อนแรง บวกกับจังหวะการสั่นที่กระทบพื้นโต๊ะข้างเตียงทำให้ชานนท์ตกใจจนหยุดการกระทำนั้นไป

“อะไรของมึง ไอ้เต๋า กูเหนื่อย กูไม่มีอารมณ์ไปไหนทั้งนั้น ไม่ต้องมาชวนกูไปเที่ยวไหน เพราะกูไม่ไป!!” สมกับที่เป็นวรุฒลูกเจ้าพ่อคนมีอิทธิพล เป็นการรับโทรศัพท์ที่บอกความต้องการของตนเองได้ชัดเจนสุดโต่ง ชานนท์มองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ไม่คุ้นชินปนยกย่อง เพราะเขาไม่มีทางทำอะไรแบบนี่เป็นแน่ พอวรุฒพูดคำว่าเต๋าเขาก็เหลือบมองมาที่ชานนท์แวบหนึ่งซึ่งชานนท์ก็สั่นหน้าและยิ้มแหยๆ ตอบกลับไป เพราะช่วงหลังๆ เขาโดนตื้อเสียจนน่ากลัว ยิ่งรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว เต๋ายิ่งรุกจีบหนักขึ้น

หลังจากการสนทนาที่ฝ่ายวรุฒ’ อือ ออ’ อยู่สองสามประโยค วรุฒก็ลุกขึ้นแยกตัวออกไปคุยที่ระเบียงด้านนอก ชานนท์ซึ่งปกติก็ไม่ได้ใส่ใจการกระทำของอีกฝ่ายเท่าไหร่ก็เลยปล่อยไปและหลับตาลงเพื่อพักสายตาเสียหน่อย

ชานนท์อยู่ในความมืดได้ไม่นาน เสียงริงโทนจากเครื่องโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมของเขาก็ดังลั่น เขารีบลืมตาทันทีและหันไปที่ต้นเสียงว่าใครโทรศัพท์มา
‘พี่เอก’ ชานนท์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับสาย พร้อมมองกวาดสายตาไปในห้องไปด้วย วรุฒยังคงคุยหน้าเครียดอยู่กับเต๋าตรงระเบียงด้านนอก ที่เป็นแบบนี้เพราะเวลาเขารับโทรศัพท์จากพี่เอก วรุฒมักจะหงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่ข้างๆ เขาจนแทบไม่ได้สนทนาอะไรกัน ทั้งที่เขาพยายามบอกหลายครั้งแล้วว่า เขาไม่เคยคิดกับพี่เอกเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากกรุ่นพี่ หากเป็นผู้ชายด้วยกัน เขาไม่เคยจะคิดเรื่องแบบนี้กับใครเลย

“ครับพี่”
“ไปเที่ยวมาสนุกไหม?” เสียงปลายสายที่คุ้นเคยดังขึ้น
“พี่รู้ได้ยังไงครับ?”
“ก็พี่มาเห็นเราตอนหิ้วกระเป๋าเดินทางขึ้นรถแล้วขับออกไปน่ะ เลยเดาเอาว่าไปเที่ยวมาแน่เลย”
“พี่เอกไปเป็นนักสืบเหอะพี่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เดี๋ยวนี้มุกเยอะนะ!” นี่ก็อีกคนเมื่อก่อนเป็นคนน่าเบื่อขนาดนี้เลย ชานนท์คิดในใจ

“ว่าแต่พี่โทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อ้อ! เออ คือพี่ว่าจะมาชวนเราไปหาพี่เมธีน่ะ คือพี่ยืมสมุดแล็คเชอร์พี่เขาให้เราได้น่ะ เลยจะชวนเราไปเอามาด้วยกัน!”
“พี่เมธี 4.00!!” ชานนท์กล่าวด้วยความตื่นเต้น
“เออ! คนนั้นแหละ เขาเป็นสายรหัสพี่เอง!”
“โห... โคตรเจ๋งอ่ะ คือได้ข่าวว่า สมุดนั่นเป็นตำนานแห่งการเดาทางข้อสอบเลยนะ มีบางคนว่าพี่เขาทำรายได้จากมันได้เลย แต่พี่เมธีแกให้ยืมฟรีๆ แต่เฉพาะรุ่นน้องเท่านั้น!” ชานนท์พอจะทราบถึงสมุดเล่นนี้ สมุดที่เขียนด้วยลายมือของรุ่นพี่เมธีในตำนาน ผู้ไม่เคยได้เกรดเฉลี่ยอื่นเลยนอกจาก 4.00 มันไม่ใช่แค่เนื้อหาข้างในหรอกที่ดีและละเอียดเข้าใจง่าย แต่ตามเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมาแล้วนั้น อ้างว่าใครครอบครองมันในช่วงเวลาหนึ่งก่อนสอบหรือระหว่างการสอบ ต่อให้หัวทึบแค่ไหนก็เรียนดีขึ้นมาได้ มันกลายเป็นเครื่องรางในตำนานไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ชานนท์ตื่นเต้นกับสิ่งนี้

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกน้อง พี่เมธีชอบมีเงื่อนไขแปลกๆ เวลาไปขอยืมด้วย คือ 1. ให้ยืมแค่สัปดาห์เดียว 2. ต้องมารับและคืนสมุดเล่มนั้นด้วยตัวเอง นั้นเป็นเหตุผลที่พี่ต้องพานนท์ไปหาพี่เขาด้วยตนเอง ด้วยอภิสิทธิ์ความเป็นรุ่นน้องสายรหัส พี่เลยได้โอกาสแทรกคิวให้นนท์เลยนะ!”

“ขอบคุณครับ เมื่อไหร่ดี?”
“แหม..... เรื่องแบบนี้ไวเลยนะ นนท์นี่รักเรียนมากจนพี่แปลกใจเลย”
“ขยันเรียนนี่เป็นเรื่องแปลกไปแล้วเหรอครับ ผมว่าไอ้เรียนๆ เล่นๆ ของพี่น่ะสิแปลกกว่า”
“โห.... เล่นพี่อีกแล้ว เดี๋ยวนี้พูดเก่งขึ้นมากเลยนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะเสียงดังจนคนนอกระเบียวจ้องผ่านบานกระจกหน้าต่างตาเขียว

หลังจากนัดแนะเรื่องการนัดหมายกับรุ่นพี่เมธีเสร็จเขาก็รีบวางสายทันทีและมีท่าทีตื่นเต้นจนคนที่เข้ามาในห้องจากนอกชานสงสัย ชานนท์รีบเล่าให้แฟนหนุ่มตนเองฟังอย่างกระตือรือร้น แต่ที่แปลกคือ วรุฒกลับไม่ขอตามไปด้วยเหมือนเช่นทุกครั้งจนชานนท์แปลกใจ วรุฒพูดสั้นๆด้วยใบหน้าหงุดหงิดว่า ‘มีธุระ’

.............................................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เฮ้ย! ช่วยกูหน่อยเถอะว่ะ!” เสียงจากปลายสายอีกด้านหนึ่งแทรกแข้ามาในลำโพงโทรศัพท์รุ่นล่าสุด เสียงที่ทำให้วรุฒหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยิน

“ไอ้เต๋า! มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปงานบ้านมึง คนเยอะเวียนหัว คนบ้านมึงแม่งสายปาร์ตี้ทุกคน โดยเฉพาะ... ทุกคนที่มีพวก... เออ!! นั่นแหละ! กูไม่ชอบ!!” วรุฒร่ายยาวเป็นชุดเผื่อจะปฏิเสธคนในสายได้ ปกติเขาก็ไม่ได้ไม่ชอบไอ้เต๋าหรอกนะ แต่เพราะมันดันจีบคนเดียวกัน ขนาดประกาศกร้าวออกสื่อฯ แสดงความเป็นเจ้าของแล้ว มันยังมาวอแวไม่เลิก เลยทำให้ยกมันไว้ในฐานะศัตรูไปก่อน (ความจริงวรุฒไม่เคยปฏิเสธปาร์ตี้ แต่ก็เลือกคนชวนด้วย)

“วันเกิดลูกพี่ลูกน้องกูเลยนะ เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของมึงเลยนะ ขอร้องล่ะ ไปร่วมงานกับกูหน่อย น้องมันบอกว่ายังไงก็ต้องเอามึงไปให้ได้!” เต๋าหว่านล้อมอีกรอบ

“เชี้ย! กูไม่ใช่พริตตี้บอย พริตตี้เกิร์ลนะที่จะต้องไปเอนเตอร์เทนพวกมัน!” วรุฒเริ่มของขึ้นเมื่ออีกฝ่ายตื้อไม่เลิก

“เอางี้คิดเสียว่าไปพักผ่อนหนุ่มหล่อสาวสวยเยอะนะโว้ย คนอย่างมึงเอากลับไปต่อได้อยู่แล้ว รับรองสนุกสุดเหวี่ยงทั้งคืน” เต๋าพยายามหว่านล้อมอีกครั้ง เอาอบายมุขมาล่อเสียเลย เขารู้ว่าคนอย่างวรุฒไม่เคยปฏิเสธเรื่องพวกนี้

“มึงก็รู้ว่ากูมีแฟนแล้ว กูจะหยุดเมื่อกูมีแฟนแล้ว!! มึงน่าจะรู้จักกูดี!!” วรุฒตอบเสียงเย็นจนคนปลายสายที่ได้ยินก็นึกกร่นด่าตัวเองที่ใจร้อนและรนไปหมด

“อืม......” เสียงปลายสายลอดมาเหมือนกำลังคิดอะไรเพื่อรับมืออารมณ์ของอีกฝ่าย
“เอางี้! ถือว่ามึงใช้หนี้ให้กู ตอนกูช่วยมึงจัดการยัยวินั่นก็แล้วกัน!!” เต๋าหงายใบไม้ตายใบสุดท้าย

“เชี้ย! กูคิดไว้แล้วมึงต้องพูดคำนี้!!” วรุฒสบถออกมาเสียงดัง

“มึงจะพาน้องนนท์มาด้วยก็ได้นะ น้องกูมันสาววายมันชอบเรื่องแบบนี้!!” เต๋าพูดต่อทันที
“กูไม่เอานนท์ไปเกลือกกลั้วกับพวกมึงหรอก!!” วรุฒพูดจบก็วางสายทันที พลางถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

เสียงคนในห้องร้องเย้เหมือนดีใจกับอะไรสักอย่างจนทำให้วรุฒหันไปมองด้วยความแปลกใจ เขาหยุดคิดเรื่องจะไปงานปาร์ตี้วันเกิดลูกพี่ลูกน้องของเต๋าไปวูบหนึ่งและหันไปสนใจแฟนหนุ่มของเขาโดยการมองลอดไปผ่านบานกระจกหน้าต่างไปยังห้องด้านใน

เขาเห็นภาพชานนท์กำลังทำท่าตื่นเต้นกับการคุยโทรศัพท์จนลิงโลดเห็นได้ชัด ภายในอกของเขามันเหมือนมีระเบิดตั้งเวลาไว้ เขารีบเดินเข้าไปในห้องทันทีพร้อมกับที่ชานนท์วางสายพอดี

ชานนท์ไม่รอช้ารีบเดินไปหาแฟนหนุ่มขายาวที่เดินเข้ามาทันทีเพื่อเอ่ยปากชวนไปรับหนังสือตามที่พี่เอกชวนมาอย่างกระตือรือร้น

แน่นอนวรุฒรีบรับคำรวมถึงถามวันเวลาและสถานที่นัดหมาย แต่มันกันไปตรงกับวันที่เขาถูกบังคับไปปาร์ตี้พอดี ทำให้วรุฒอึ้ง เหม่อลอยและตอบปฏิเสธกลับไปว่ามีธุระ เขาคงไปไม่ได้แต่เขาสัญญาว่าจะรีบมารับชานนท์ทันทีที่เสร็จธุระ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้พี่เอกมาส่งก็ได้”
ชานนท์แม้จะมีท่าทีผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ตอบกลับมาทันที

‘มีสิ มีสิวะ มีมากด้วย ใครจะยอมฝากแมวไว้กับปลาย่าง!’ วรุฒได้แต่เก็บงำความเดือดดาลไว้ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมาเสียงดัง เพราะชานนท์ไม่อยากให้เขาทะเลาะกับ ‘รุ่นพี่’ ของเขา วรุฒแต่คิดคำว่ารุ่นพี่ก็เส้นเลือดบนหัวโปนปูดขึ้นมาแล้ว

มันพอดีเหมาะเจาะเกินไปหรือเปล่าวะ? วรุฒได้แต่แอบคิดหลังที่แฟนตัวเล็กของเขาหันหลังไปเก็บข้าวของที่มาจากต่างจังหวัด

....................

เสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าหญิงสาววัยแตกเนื้อสาวในงานปาร์ตี้ช่วงเย็นยามพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ทำให้วรุฒรู้สึกรำคาญถึงขนาดยกแก้วน้ำที่มีของเหลวสีอำพันประเภท ‘on the rock’ ขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว หลังวางแก้วลงบนบาร์เครื่องดื่มและพยักหน้าให้บาร์เทนเดอร์หนวดรูปหล่อเพื่อเติมน้ำเมาลงมาอีกรอบ ท่ามกลางหญิงแท้หญิงเทียมวัยกระเตาะและผู้มาร่วมงานที่ห้อมล้อมเขาอยู่

วรุฒไม่ชอบโดนรุมล้อมโดยไม่เต็มใจแบบนี้ ชีวิตทั้งชีวิตของเขาก็เป็นจุดสนใจมากพออยู่แล้ว

‘ลูกชายมหาเศรษฐีพันล้าน ที่ประสบความสําเร็จในการเล่นการเมืองด้วย ทายาทรูปหล่อของตระกูลที่คาดว่าจะได้สืบทอดตำแหน่งประธานบริษัทยักษ์ใหญ่’ วรุฒนึกถึงคำโปรยเวลาคนอื่นพูดถึงตัวเขาเองก็พ่นคำพูดออกมา
“กูอยากเป็นตายห่า”

คำพูดนี้ทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้หน้าเสียไปวูบหนึ่ง แต่วรุฒก็ไม่ได้สนใจคนที่เปลี่ยนสีหน้าข้างๆเลย เขากระดกแก้วน้ำเมาในมือต่อไปโดยมีเสียงฮือฮาของคนรอบข้างประสานเสียงกันจนน่ารำคาญ เขาคงไม่รู้ว่า เสื้อเชิ้ตสีสดที่ปลดกระดุมไปสองเม็ดของเขาบวกกับอาการยกแก้วขึ้นซดจนหน้าหงายไปจนสุดเผยให้เห็นแผงอกที่ขาวเนียนและลำคอที่เต็มไปด้วยเส้นกล้ามเนื้อนั่นเร้าอารมณ์แฟนคลับของเขาขนาดไหน

วรุฒมองซ้ายมองขวาอยู่หลายรอบเพื่อมองหาไอ้คนที่ชวนเขามาในงานปาร์ตี้ของเด็กปีหนึ่งใจแตกพวกนี้ ‘ไอ้เต๋า’ มาอยู่ได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน! ยิ่งทำให้วรุฒเครียดหนักและสังหรณ์ใจไม่ดี นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาไม่ได้อยู่ข้างๆ ชานนท์ เขาทำแบบนี้จนคนทั้งเอกว่าเขาว่าเหมือนวิญญาณผู้พิทักษ์ประจำตัวชานนท์ไปแล้ว

ในขณะที่ที่กำลังถูกรายล้อมด้วยบรรดาแฟนคลับที่ต่างหาโอกาสเข้ามาคุยและถ่ายรูปด้วย (‘อุตส่าห์บอกไอ้เต๋าว่ากูไม่ใช่พริตตี้บอยที่รับงานเอนเตอร์เทนนะ หากไม่ติดหนี้มันอย่าหวังว่ากูจะทำอะไรแบบนี้!!’ เขาคิดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอสาวแท้สาวเทียมเข้ามาขอใกล้ชิดด้วย) เสียงหนึ่งที่คุ้นหูก็ดังขึ้น

[eng] “ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะฮิตในหมู่เด็กๆในไทยขนาดนี้”
[eng] “ซาร่า เธอมาที่นี่ได้อย่างไร?!?”  วรุฒเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจ

.................................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


สีหน้ากรุ่มกริ่มของชานนท์หลังจากได้รับสมุดโน้ตที่จดเนื้อหาของการสอบวิชาหลักของปีหนึ่งระดับเทพมาครอบครองนี้ปิดแทบไม่อยู่ เขาเดินกึ่งลอยมาจากร้านคาเฟ่หน้ามหาวิทยาลัยจนเกือบถึงหอพัก

การได้ไปเจอกับรุ่นพี่ 4.00 ในตำนานนี้มันช่างดีต่อใจเขายิ่งนัก เพราะนอกจากจะได้แรร์ไอเทมระดับตำนานมาครอบครองแล้วเขายังได้พบและพูดคุยกับพี่เมธี เทพ 4.00 ตัวจริงที่ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไร สอบถามอะไร พี่เขาก็สามารถไขข้อข้องใจให้กับชานนท์เสียจนเขาเสียเวลาช่วงเย็นหลังเลิกเรียนไปหลายชั่วโมง

เขารู้สึกเสียดายแทนพี่เอก ทั้งที่เป็นคนชวนและเป็นสื่อกลางให้เขาได้พบเทพตัวเป็นๆคนนี้แท้ๆ แต่เขากลับเบี้ยวนัดและหายเข้ากลีบเมฆเสียอย่างนั้น แถมพยายามติดต่อก็ไม่รับสายเสียอย่างนั้น ชานนท์พอจะนึกภาพออกนะว่าหากพี่เอกได้มานั่นอยู่กลางวงสนทนาแล้วสีหน้าพี่เอกจะเป็นอย่างไร คงทำสีหน้าเบื่อโลกเพราะเจอเด็กเนิร์ดสองคนนั่งคุยกันแต่เรื่องเรียนและเรื่องวิชาการ ทำให้ชานนท์พอเข้าใจว่าทำไมพี่เอกถึงได้เบี้ยวนัดเขา

พี่เมธีนั้น นอกจากแว่นกรอบสี่เหลี่ยมขอบหนาสีดำและรูปร่างที่ผอมบางแล้ว หากดูในระยะประชิดก็เป็นที่หน้าตาดีไม่ใช่น้อย ไม่ต่างกับพวกดาราเกาหลีก่อนโดนปรับลุคเลย ดวงตาเล็กๆนั่นก็รับกับหน้าที่ผอมเรียว ผิวหน้าก็ใสเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยมึสิวเลย ผิวละเอียดมาก ส่วนผิวก็ละเอียดขาวใสเหมือนไม่เคยโดนแดดเผาเลย (หรือไม่เคยโดนจริงๆ) หากตั้งใจทำตัวโด่งดังก็น่าจะดังไม่ยาก แต่พี่เมธีดูไม่พยายามเลยต่างหาก เป็นคนเก็บตัวเกินไปเสียด้วยซ้ำ ชานนท์ยังคิดเลยว่าหากเขาไม่ใช่เด็กเนิร์ดเหมือนกัน เขาจะคุยกับพี่เมธีรู้เรื่องไหมนะ?

ระหว่างที่เดินกอดถุงผ้าที่ใส่สมุดเล่มสำคัญจำนวนหนึ่งอยู่นั้น อีกเพียงไม่กี่ก้าวเดินเขาก็จะเดินถึงหอพักของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว อาคารหอพักในยามพลบค่ำนั้นทำให้ชานนท์นึกถึงชายร่างสูงที่อยู่ร่วมห้องกับเขา

ชานนท์แปลกใจว่า ทำไมแฟนของตนเองถึงไม่โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเลย ทั้งๆ ที่ปกติต้องใช้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามากวนเขาทุกๆ สิบนาทีหากเกิดการแยกจากกัน การทำแบบนั้นมันกวนใจเขาอยู่ไม่น้อย และมีหลายครั้งที่ชานนท์ต่อว่าแฟนหนุ่มตัวเองว่า ‘น่ารำคาญ’ ไปหลายครั้ง แต่วันนี้มันเงียบเกินไปจนเขารู้สึกคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้น อยู่ๆความไม่สบายใจก็รบกวนเขาจนเขาต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงคนที่ทำให้เขาเกิดความไม่ปกติในช่วงอก

ติ้ด....... ติ้ด.......... ติ้ด......

เขากดหมายเลขด่วนบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของเขาหลายครั้งแต่ได้ยินแต่เสียงเหล่านั้นและก็ตัดสายไป ชานนท์รู้สึกกังวลใจแต่เขาก็เดินมาถึงหอพักแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำเชานไรต่อ เพราะกลับเป็นเขาที่รู้เรื่องราวของแฟนตัวเองน้อยมาก เสียจนไม่รู้ว่าเขาควรจะไปตามแฟนเขาที่ไหน

ที่ผ่านมาชานนท์พยายามวิ่งหนีความรู้สึกของตนเองมาตลอดเลยพยายามปิดกั้นเรื่องราวของอีกฝ่ายจนต้องมานึกเสียใจอยู่ตอนนี้ เสียใจที่ไม่รู้จะไปติดตามเขาที่ไหน และได้แต่นั่งรอเท่านั้น

ชานนท์เลยตั้งใจว่าเขาคงต้องสนใจแฟนเขามากกว่านี้เสียแล้ว ไม่ใช่ให้วรุฒพยายามเรียนรู้จากเขาอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็ควรเรียนรู้จากวรุฒด้วย

ชานนท์ทิ้งตัวเองลงบนเตียงนอนด้วยความหมดแรงจากการเดินระยะไกล (ที่เพิ่งมารู้สึกตัวตอนนี้) พลางนึกถึงคนที่น่าจะรู้เรื่องของวรุฒมากกว่าเขา

“มายด์ไง!!” ชานนท์ร้องออกมาและควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเพื่อต่อสายถึงคนที่เขาเพิ่งนึกถึง

.................

หลังจากต่อสายพูดคุยสอบถามหาแฟนตัวสูงของตนเองจากปากเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาและแฟนของเขา ก็ไม่ได้ความอะไร แถมโดนแซวกลับอีกว่า.....

“ก็ช่วงนี้ พี่รุฒเขาติดนายจะตาย เราต่างหากที่ควรจะถามว่า นายเอาพี่ชายเราไปไหนมาไหนบ้าง แปลกใจเลยนะเนี่ยที่นายถามเราแบบนี้!!” สมกับเป็นน้องสาวคนสนิทของเดือนคณะฯ และเป็นถึงดาวคณะบริหารธุรกิจ ฝีปากการเหน็บแหนมต่างจากใบหน้าใสๆ น่ารักๆ นั่นลิบลับ ใครจะรู้ว่าเธอไม่ใสอย่างที่คิดแถมยังเป็นศิลปะป้องกันตัวระดับสายดำสายแดง จนบางครั้งก็คิดสยองกับคนที่คิดจะไปเป็นแฟนเธอคนนี้ (เขาเองก็เคยเกือบจะเป็นหนึ่งในนั้นที่อยากจะคบกับเธอแบบแฟน)

เพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียดเกินไป ชานนท์เลยถามความเป็นไปในชีวิตสาวน้อยที่ไม่ใสอย่างที่เห็นคนนี้ข้าง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกแซวในอนาคตว่า จะโทรศัพท์หาเพื่อนทั้งที่ ถามแต่เรื่องผู้ชาย!

“เฮ้อ..... เราไม่น่าเอาตัวไปยุ่งกับเรื่องของพวกนายเลย!” สาวเสียงใสอึกฝากหนึ่งของสายโอดมาเสียงยาว
“อะไรเหรอ?” ชานนท์งงกับประโยคของมายด์เมื่อครู่
“นายเป็นปลาทองหรือไง? จำไม่ได้เหรอว่าแผนการของนายทำอะไรเราไว้” เสียงแหลมดังผ่านลำโพงโทรศัพท์ของชานนท์จนต้องยกเครื่องโทรศัพท์ออกจากหูไปเกือครึ่งฟุต ไอ้นิสัยแบบนี้มันของยัยเมย์ชัดๆ การเป็นรูมเมทกับยัยเมย์ก็ส่งผลกับผู้หญิง(ที่คิดว่า) เรียบร้อยคนนี้ไปไม่น้อยเหมือนกัน

“ขอโทษนะ” ชานนท์พอจะจำได้ทันทีหลังจากระลึกความหลังไปได้สักพัก แม้จะยังไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องที่คิดไว้ไหนแต่ชานนท์ก็กล่าวขออภัยออกมาก่อน มันเป็นนิสัย

“โทษนายก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะแผนนี้มันก็แผนของพี่รุฒ นี่เขาไม่คิดห่วงน้องคนนี้บ้างหรือไง?” มายด์เหมือนพูดกับตนเอง
“แล้วตอนนี้มายด์โอเคไหม?” ชานนท์ตัดสินใจถามแบบกลางๆ
“ไม่! ไม่โอเคเลย...... ตอนที่ประกวดดาวคณะฯ ก็คิดว่ามีคนมาติดพันเยอะอยู่แล้วนะ พอมาเพิ่มพี่พัฒน์เข้าไปอีกคน โห.... ชีวิตที่ขาดความเป็นส่วนตัวไปเยอะเลย!!” มายด์รำพัน
“อ้อ......” ในที่สุดชานนท์ก็รู้ปัญหาของอีกฝ่ายแบบตรงประเด็นเสียที พี่พัฒน์คือกิ้กเก่าของพี่วิที่ วรุฒใช้แผนใช้มายด์เป็นตัวล่อให้ฝ่ายนั้นไขว้เขวเพื่อจะได้จัดการพี่วิได้อยู่หมัด ได้ข่าวว่าตอนมาติดพันพี่วิก็สร้างความรำคาญแก่คนรอบข้างพอควร แต่พี่วิกลับชอบเพราะอยากมีความสำคัญกับใครหลายๆคน

“ไม่ต้องมา ‘อ้อ’ เลย พี่พัฒน์ถึงแม้จะน่ารักดี แต่..... แบบ.... ตื้อจนน่ารำคาญ ไปไหนก็เจอแต่หน้าเขา บอกว่าไม่ต้องก็ทำ บอกว่าอย่าก็ทำ ดูแลเราเหมือนจะเป็นง่อย!” แม้ถ้อยคำจะเป็นคำพูดที่เหมือนไม่พอใจ แต่ทำไมชานนท์รู้สึกว่าคนพูดยิ้มอยู่
“อีกประเด็นคือ ยังไม่ได้ตกลงคบกัน แต่ก็ไล่กัดคนอื่นที่มาเข้าใกล้อย่างกับหมาหวงเจ้าของ! ยัยเมย์ยังโดนเพราะนึกว่ายัยเมย์เป็นทอมพยายามจีบเรา โชคดีที่นางมีแฟนแล้ว ไม่งั้นเราคงได้เปลี่ยนรูมเมทใหม่ด้วยความรำคาญ” ส่วนประโยคหลังๆ นี้ดูจะเริ่มหงุดหงิดจริงกับการ ‘เยอะ’ ของพี่พัฒน์

หลังจากนั้นเธอก็เล่าวีรกรรมต่างๆ ที่เธอได้เจอตลอดช่วงที่มายด์กับชานนท์ไม่ค่อยได้เจอ โดยฟังจากเรื่องเล่าและน้ำเสียงของมายด์แล้ว เธอก็ดูจะไม่ได้รังเกียจพี่พัฒน์เสียเท่าไหร่ ไม่อยากนั้นคงบอกให้เลิกยุ่งด้วยแล้ว คนอย่างมายด์จะบอกเลิกใครก็คงไม่ต้องกลัวเพราะบ้านของเธอก็มีอิทธิพลพอควร ไหนจะมีบอดี้การ์ดประจำตัวอีก (ซึ่งช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ สงสัยมายด์บอกให้กลับไปเพราะมายด์อยากใช้ชีวิตนักศึกษาให้เต็มที่

ชานนท์คุยกับมายด์จนรู้สึกเพลียเพราะคุยกันมาเกือบชั่วโมงแล้ว ชานนท์ไม่ได้คนคุยเก่งอะไรเลยหาโอกาสวางสาย มายด์ก็เข้าใจชานนท์ดีเลย วางสายและทิ้งท้ายว่าลองโทรศัพท์หาพี่รุฒดูอีกที ไม่แน่ว่าหากครั้งนี้แฟนตัวสูงเขาเห็นอาจจะรีบรับก็ได้ เพราะปกติชานนท์แทบไม่เคยโทรศัพท์หาแฟนตัวสูงเขาก่อนเลย

ตอนนี้ท้องฟ้าปกคลุมด้วยความมืดเต็มไปด้วยประกายดาว เหมือนท้องฟ้าถูกห่มด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำสนิท ท้องไส้ชานนท์เริ่มร่ำร้องจากอาการขาดสารอาหาร เพราะตั้งแต่กาแฟและขนมเค้กที่ร้านคาเฟ่ที่ไปเจอรุ่นพี่เมธีแล้ว เขาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย ขาของเขาจึงเดินไปที่ตู้เย็นของห้อง เพื่อหยิบอาหารที่แม่ทำไว้ให้ใส่กล่องทัพเพอร์แวร์แช่ช่องเย็นมาอย่างดีจากบ้านที่ต่างจังหวัด

เขาสูดดมอาหารให้กล่องเหล่านั้น อาหารที่แม่ของเขาบรรจงทำมันขึ้นมาเพื่อลูกชายและแฟนลูกชาย พร้อมบรรจุหีบห่อพร้อมกับน้ำแข็งอย่างดี จากประสบการณ์การเป็นผู้ช่วยแม่ครัวเกือบทั้งชีวิตของเขาจึงแยกแยะออกว่า อาหารแบบใดที่ยังกินได้ และนำมาอุ่น และที่สำคัญเขาอุ่นเผื่อคนที่อยู่ร่วมห้องอีกคนด้วยท่าทางคล่องแคล้ว นอกจากนี้เขายังนำวัตถุดิบที่เหลืออยู่ในตู้เย็นมาทำกับข้าวง่ายๆ และรสไม่จัดเพื่อแฟนตัวสูงของเขาด้วย อยากให้แฟนเขาเลือกเพราะรู้ว่าเป็นคนกินยาก และติดนิสัยชอบเลือกกินกับข้าวหลายๆ แบบบนโต๊ะ

เวลาผ่านไปนานพอควรจนกระทั้งกับข้าวบนโต๊ะญี่ปุ่นเย็นชืดไปหมดแล้ว ชานนท์ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับสมุดโน้ตในตำนานอย่างลืมเวลาก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนผนังเพราะพยาธิในท้องเริ่มออกเสียงโวยวายโครกครากแล้ว

‘รุฒไม่เคยหายไปนานขนาดนี่ นับตั้งแต่เขาตกลงคบกัน’ ชานนท์คิดในใจอย่างเป็นห่วงในขณะเดียวกันก็ใช้มือหนึ่งลูบท้องตัวเองที่กำลังส่งเสียงโครกครากจนกลัวคนห้องข้างๆ ได้ยิน

เข็มนาฬิกาที่สั้นกว่าชี้เลยเลข10ไปค่อนทางแล้ว แต่ยังไม่เห็นวรุฒเดินเข้าห้องมา ไม่มีแม้แต่จะโทรศัพท์มาหาเขา ทำให้ความกังวลในใจพอกเพิ่มทวีคูณพร้อมความหิว

หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะกินไปโดยไม่รออีกฝ่ายเพราะความหิวไปเรียบร้อยแล้ว ‘อะไรก็ทนได้ยกเว้นเรื่องหิว’ เขาเปรียบตัวเองแบบนั้นมาตลอด แต่ตอนนี้แม้เขาจะหิวเพียงใด แต่ก็ยังกินข้าวไม่ได้หากยังไม่คลายกังวลเรื่องอีกคน ตอนนี้เขาไดัแต่ถอนหายใจและหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่แฟนตัวเองซื้อให้ขึ้นมาดูจำนวนสายที่โทรหาแฟนตัวสูงของตน

‘ที่รัก (20)’

คือสิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ชื่อที่บันทึกเพื่อแสดงบนหน้าจอเวลาวรุฒโทรเข้า ที่วรุฒแอบมาเปลี่ยนให้ ตัวเลขจำนวนครั้งที่เขาโทรหาแฟนตัวเองนับตั้งแต่นึกถึงเขาตอนเดินกลับหอพัก ชานนท์ผ่อนหายใจออกยาวๆ อย่างไม่รู้ตัว

พลั่ก!

เสียงประตูห้องเปิดออกเผยให้เห็นชายหนุ่มตัวสูงโปร่งในชุดลำลองแบบจัดเต็ม มันคงจะสง่าและหล่อเหลามากหากแต่คนที่สวมใส่ไม่เมาจนแก้มแดง ดวงตาปรือเล็กลงจนเหลือครึ่งเดียว ผมเผ้าดูจะแตกทรงเล็กน้อย สติสัมปชัญญะที่ไม่รู้ว่าคงเหลืออยู่กี่ส่วน

ภาพตรงนั้นทำให้ชานนท์โยนสมุดโน้ตเทพที่ตนถืออยู่และรีบไปพยุงคนที่ตัวสูงกว่าเขาเกือบยี่สิบเซ็นติเมตร

ร่างที่หนักอึ้งทิ้งตัวลงมาครอบเขาไว้เกือบทั้งตัว มือที่ก่ายเกาะร่างของเขาไปทั่ว กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นคละคลุ้งเสียจนอยากเมาตามไปด้วยเพียงแค่สูดดม

“ที่รัก!” วรุฒใช้แขนกระชับโอบร่างเล็กๆนั่นเข้ามาแนบลำตัวจนหน้าชานนท์ชนไปที่แผ่นอกที่แน่นบึกบึน แม้หน้าจะรู้สึกชาไปนิดแต่กลิ่นที่เหมือนอาบไวน์หลายชนิดไปทั้งตัวกลับจะทำให้ชานนท์มึนงงมากกว่า

“ไม่เอา! ไปเมาที่ไหนมาเนี่ย? ไปนั่งที่เตียงก่อนเลย!!” ชานนท์ไม่เคยเห็นวรุฒเมาเละแบบนี้มานานแล้ว ก็น่าจะตั้งแต่พวกเขาญาติดีกัน ชานนท์พาร่างที่ไม่สติไม่ถึงครึ่งผ่านโต๊ะญี่ปุ่นที่เตรียมอาหารจนเย็นชืดเต็มโต๊ะไปที่เตียง

“มานี่มา!” วรุฒกระชากอีกฝ่ายเขาไปกอดหลังชานนท์พาร่างของคนตัวใหญ่ไปนั่งที่เตียง หลังจากที่คนตัวใหญ่จับคนตัวเล็กได้แนบแน่น ชานนท์ก็ถูกกดให้นอนราบไปที่เตียงในลักษณะนอนหงายและขาก็ยังห้อยอยู่ที่ปลายเตียง

“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ?” ชานนท์ตกใจและพยายามลุกหนีแต่ก็ช้ากว่าคนตัวสูง วรุฒพลิกตัวขึ้นคล่อมอีกฝ่ายทันที พร้อมยังต้องมองชานนท์ด้วยแววตาที่แฝงความปรารถนาผสมความทุกข์ใจบางอย่างแฝงอยู่ สิ่งนี้เป็นสิ่งใหม่ที่ดึงดูดให้ชานนท์จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาเหล่านั้น แชะใช้มือลูบแก้มคนด้านบนเบาๆ ครั้นที่วงนิ้วของชานนท์สัมผัสแก้มที่แดงปลั่งและนุ่มนวล แฟนตัวสูงของเขากลับหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย วรุฒในตอนนี้ราวกับพญาเหยี่ยวที่บินมาอย่างเหนื่อยล้าและต้องการหากิ่งไม้ดีๆเพื่อเกาะพัก

ชานนท์คิดว่าตัวเองก็คงเหมือนกิ่งไม้นั่น มือของชานนท์หลังจากสัมผัสไปที่แก้มของอีกฝ่ายแล้วก็ไล่มือขึ้นไปที่ศรีษะที่กลมกลึงของอีกฝ่ายที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่จัดทรงมาอย่างดีจนแข็งไปเกือบทั้งศรีษะ เขาใช้นิ้วมือสางเส้นผมที่เกาะติดกันด้วยแว๊กจัดทรงออกอย่างเบามือ จนอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมามองขานนท์ที่นอนราบอยู่ที่พื้นเตียง

วรุฒก้มศรีษะลงไปซบอกอีกฝ่ายที่มีการผายขึ้นลงจากการหายใจ และค่อยๆ กดร่างกายตัวเองต่ำลงลู่จนขนานกับแฟนตัวเล็กของเขาทางด้านล่าง

(ต่อ)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ชานนท์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีแต่ก็รู้สึกอบอุ่นพอใจจากการใกล้ชิดกับคนด้านบน ทำให้คิดว่าการไม่ได้เจอกันหลายชั่วโมงทำให้ชานนท์คิดถึงแฟนตัวเองไม่น้อย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการที่ได้อยู่กับใครคนหนึ่งทุกวันเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดความผูกพันธ์กันขนาดนี้ จนกระทั้งชานนท์เองก็ยกมือขึ้นมาโอบอีกฝ่ายหนึ่งไว้แน่น ความหิวโหยมื้อเย็นเมื่อครู่ไม่รู้หายไปไหนหมด

“นนท์....” เสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างยานคางกระทบกับแผ่นอกของชานนท์พร้อมลมร้อนหอบหนึ่ง
“ขอบใจนะ” คำสั่นๆ ที่พูดออกโดยที่ชานนท์ไม่เห็นหน้าคนพูด
“ขอบใจเรื่องอะไร เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย..... อ้อ หากหมายถึงเรื่องมื้อเย็นที่เตรียมให้ ก็ไม่เป็นไรนะ เราเต็มใจ” ชานนท์พูดออกอย่างงงๆ ตามประสาคนชอบพูดเรื่อยเปื่อย

“.........” แฟนตัวสูงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ได้แต่หายใจหนักๆ ใส่อกอีกฝ่าย
“หิวไหม? กินอะไรมาหรือยัง? ตอนนี้กับข้าวเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวเราอุ่นให้ใหม่นะ” ชานนท์ลูบหลังอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง เพราะเขาไม่เคยเจอวรุฒในอารมณ์แบบนี้เลย ไม่เคยเห็นเขาเงียบเหมือนเก็บกดอะไรบางอย่าง เขาเคยเห็นแต่วรุฒที่ฉุนเฉียวหาเรื่อง หาเท้าใส่ตัว กับอีกบทบาทหนึ่งคือผู้ชายใจดีที่ชอบตามใจแฟนอย่างเขา

“หิว......” เสียงสั้นๆดังขึ้นพร้อมเงยหน้ามามองหน้าชานนท์แบบที่ชานนท์เองก็เขินอายกับดวงตาสีอ่อนคู่นั้น
“อืม... โอ...โอเค งั้นลุกก่อนเดี๋ยวเราไปอุ่นกับข้าวให้” ชานนท์เลี่ยงที่จะมองคนตรงหน้า และใช้มือตบไหล่วรุฒเบาๆสองสามทีเพื่อให้อีกฝ่ายลุกให้พ้นทางเขา

“เราไม่หิวข้าว” นอกจากแฟนตัวสูงเขาจะไม่ขยับแล้ว ยังคงทิ้งน้ำหนักลงมามากขึ้น
“แล้วหิว......อะไร?” ชานนท์เหมือนนึกอะไรออกระหว่างพูดดวงตาเบิกกว้างมองคนตรงหน้าที่ดวงตาเปลี่ยนไป
“เราหิวนายน่ะ”  คุณชายไฮโซพูดอย่างเปิดเผยทั้งภาษาพูดและภาษากาย เพราะส่วนที่กลางลำตัวมันขยายส่วนจนคนเบื้องล่างสัมผัสได้

“เฮ้ย!!” ชานนท์ตกใจที่จู่ๆก็โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับพยายามเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากสีชมพูเรื่อที่ค่อยๆ พุ่งต่ำลงมาและหมายเล็งริมฝีปากเล็กบางของเขา

แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นแม้ชานนท์จะเบี่ยงหลบจุมพิตที่หมายจะดูดกลืนริมฝีปากของคนเบื้องล่างได้สำเร็จแต่ชายตัวสูงก็ไม่ละความพยายามที่ปลุกอารมณ์คนเบื้องล่างโดยการใช้ริมฝีปากและลิ้นที่อุ่นชื้นโลมเลียเล้าโลมอีกฝ่ายจนขนลุกเกรียวไปหมดทั้งร่าง ลีลาการใช้ลิ้นที่ช่ำชองจนร่างกายของชานนท์อ่อนปวกเปียกเป็นเต้าหู้ญี่ปุ่น ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ถึงแม้ว่าการปลุกปั้นของแฟนตัวสูงของเขาจะได้ผลเพราะน้องชายของชานนท์ก็ดูจะคึกคักขึ้นมาหลังจากความพยายามของคนด้านบนผ่านไปไม่ถึงนาที แต่กลิ่นเหล้า และกลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเคยผสมกันจนฉุนแสบจมูกเหล่านี้ทำให้ชานนท์ไม่คิดจะสานต่อ

“ไหนว่า.... สัญญากับแม่เราแล้วไง!!” ชานนท์พลั้งปาก
วรุฒที่ตอนนี้เครื่องกำลังร้อนกลับหยุดความเคลื่อนไหวเหมือนรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วและเบรกอย่างกระทันหัน เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ใส่ต้นคอของอีกฝ่าย
 “นายเนี่ยนะ เก่งเรื่องพูดให้หมดอารมณ์ทุกทีสิน่า” วรุฒหงายหลังตึงไปที่เตียงฝั่งที่ว่างอยู่ นอนแผ่อย่างหมดแรง ทั้งที่ส่วนกลางลำตัวยังคงขยายคับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกเล็กที่ใส่ได้พอดีตัวจนเห็นเกือบจะทุกส่วนของร่างกาย

“ก็นายมันไม่รักษาสัญญา” ชานนท์ลุกขึ้นมาในท่านั่งกึ่งนอนเขามองค้อนไปที่แฟนตัวสูงของเขา พร้อมหอบหายใจและพยายามสงบสติอารมณ์ให้นิ่งผ่อนลงไป ยังไงเขาก็ผู้ชายนะ เขาเองก็มีความต้องการเหมือนกัน แต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ!

“นายก็น่าจะรู้จักเราดีนะ เราก็รับปากไปตามสถานการณ์ ส่วนการปฏิบัติจริง..... เป็นยังไง เราก็ไม่ต้องบอกใครนี่นา!”
“.............” ชานนท์เงียบแทนคำตอบ และพยายามนึกถึงหน้าแม่ตัวเองไว้เพื่อไม่ให้หลงคารมอีกฝ่าย
“เออๆ ก็ได้ ไม่รู้จะทนมันได้แค่ไหนนะ!” วรุฒตอบกลับด้วยเสียงห้วนๆ ร่างกายมันต้องการแต่เขาก็ไม่อยากขืนใจคนที่เขารัก ตอนนี้สมองเขามันเครียดเหลือเกินกับสิ่งที่เขาเพิ่งเจอมา หลังจากที่ได้พบชานนท์ ได้กอดเขาทำให้ใจมันผ่อนคลายมากกว่าเดิมมาก นั่นเป็นเหตุผลที่เขากล่าวคำ ‘ขอบคุณ’ กับแฟนตัวเล็กของตนเองโดยไม่บอกเหตุผลว่าทำไม พอสบายใจก็อยากทำ ‘อย่างอื่น’ ต่อเพื่อให้ลืมเรื่องที่เจอมา แต่พอมาเจอแบบนี้เขาเลยได้แต่ขออยู่นิ่งๆ จนกว่าจะดีขึ้นดีกว่า ให้แอลกอฮอล์ในสายเลือดมันช่วยชะล้างภาพจำต่างๆ ในอดีตที่อยู่ๆก็ค่อยผุดขึ้นมา

“ไปอาบน้ำก่อนไหมครับ? จะได้สบายตัว แล้วมากินอะไรเสียหน่อย เมาขนาดนี้อย่าปล่อยให้ท้องว่างเลย ท่าทางจะยังไม่ได้กินอะไรเป็นมื้อเลยใช่ไหม?” ชานนท์ทักขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสถาพคนที่นอนแผ่เหมือนมีอะไรหนักอึ้งแบกอยู่ทั้งที่มองไม่เห็น เขายังรู้ดีว่าแฟนตัวเองนิสัยการดื่มเป็นแบบไหน เขาเป็นประเภทดื่มเยอะกว่ากิน

อีกฝ่ายไม่ตอบ แฟนตัวสูงของเขาทำแค่นอนหลับตานิ่งๆ จนเขาคิดว่าโดนโกรธเข้าแล้ว

พั่บ

เสียงร่างกายของคนตัวเล็กกระโดดขึ้นมาคล่อมร่างส่วนล่างของคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงแบบไม่ไหวติง

“โอ้ย!! ทำอะไรน่ะ” แฟนตัวสูงของเขาร้องด้วยสายตาเคร่งเครียด
“เป็นอะไรเนี่ย ไปเครียดอะไรมา? โกรธที่เราไปกับพี่เอกเหรอ? แต่วันนี้พี่เอกไม่ได้มาด้วยนะ โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ หรือว่าโกรธที่เราไม่ให้.....?” คนตัวเล็กที่คล่อมทับส่วนนูนที่กลางลำตัวพูดสุ่มทายใจอีกฝ่ายไปเรื่อย เพราะรู้สึกถึงบรรยากาศรอบๆ ตัวของแฟนตัวเองมันดูอึดอัดยังไงอธิบายไม่ถูก

“นั่นสิ..... ลืมไปเลยว่านายมีนัดกับตี๋นั่น!!” วรุฒมองมาที่ร่างแฟนตัวเล็กของเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ไม่รู้ว่าเกิดจากอาการที่แสดงความห่วงใยของอีกฝ่าย หรือส่วนบั้นท้ายของคนด้านบนกำลังสัมผัสกับส่วนนูนเด่นของเขาที่แทบจะทำตะเข็บของเป้ากางเกงยีนส์ตัวโปรดปริแตก (จนอยากจับกดเสียให้เข็ดว่าอย่ามาอ่อยกันแบบนี้)

“โกรธอยู่จริงๆด้วย” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรงจนผมบริเวณด้านหน้าของวรุฒโบกไหว

วรุฒยกยิ้มประดับใบหน้าด้วยความเอ็นดูความไร้เดียงสาของแฟนตัวเองอย่างปิดไม่อยู่ ใช่! ตอนนี้เขารู้สึกโกรธแต่ไม่ใช่เรื่องที่ชานนท์เดามา แต่เป็นเรื่องอื่น... เรื่องที่เขาเกือบจะลืมไปแล้ว (ส่วนเรื่องไอ้ตี๋นั่นก็รอไปเก็บบัญชีทีเดียว รวมถึงไอ้เต๋า ไอ้เพื่อนเฮงซวย ที่เดินเกมวางแผนได้แสบมาก ไอ้เอกตาตี่นั้น ไม่น่ากลัวเท่าไอ้เต๋าจอมวางแผน!!)

จุ๊บ!

ชานนท์ก้มลงมอบจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“คิดมากอะไรเนี่ย?” ชานนท์ถามอย่างแผ่วเบา
“เปล่าเสียหน่อย” วรุฒพยายามสร้างรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก
“แล้วเป็นอะไร?” ชานนท์พูดกับแฟนตัวเองในระยะประชิด
“...........” วรุฒยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร
“เฮ้อ.......... เอาเถอะ”  ชานนท์พ่นลมหายออกทางปากอย่างแรงอีกครั้ง

จุ๊บ!! จั๊บ!

เสียงของริมฝีปากด้านบนที่แสนนุ่มนวลกดลงมาที่ริมฝีปากอีกฝ่ายทางด้านล่างและส่งลิ้นลงไปควานหาลิ้นอีกฝ่ายในช่องปากอย่างเชี่ยวชาญ

“นนท์!!” วรุฒจับไหล่อีกฝ่ายให้ถอนปากออกและเรียกชื่อแฟนตัวเองด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไร?” ชานนท์ทำสีหน้าเหมือนโดนขัดจังหวะเรื่องดีๆ จนมีอาการขมวดคิ้ว
“ไหนบอกว่า.... แม่....” วรุฒไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม เพราะตอนนี้ หลังจากที่เจอคนตัวเล็กเป็นฝ่ายบุกก่อนด้วยความชำนาญแบบนี้ บอกได้เลยว่า เครื่องติดเรียบร้อยแล้ว แต่สัญญากับแม่ชานนท์ไว้แล้วเลยมีอาการเกรงใจ ยับยั้งชั่งใจไว้ได้

“งั้นเป็นความลับของเราสองคนดีไหม?” ชานนท์พูดด้วยสีหน้ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ การยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยกับแววตาที่หวานเยิ้มทำให้วรุฒเริ่มควบคุมอาการ และความต้องการของตัวเองแทบไม่อยู่ เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายหว่านเสน่ห์ใส่แบบนี้ (สงสัยว่าไปจำมาจากใคร)

“โอเค!” คำสั้นๆที่หลุดออกจากของวรุฒที่แทบจะไม่ต้องผ่านตัวกรองอะไรมากมาย และจับศรีษะอีกฝ่ายกดลงมาแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม

เนื้อเนียนแน่นของคนตัวสูงทางด้านล่างถูไถไปกับคนตัวเล็กทางด้านบน เสียงสวบสาบจากการที่เสื้อผ้าทั้งสองเสียดสีกันเกิดขึ้นเพียงไม่นาน ต่อจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงตุ๊บตั๊บจากเนื้อหนังที่เสียดสีกัน เสื้อผ้าของทั้งสองคนหลุดปลิวลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว ด้วยที่สองคนสี่มือต่างพากันปลดป่ายปัดอย่างชำนาญ

“เดี๋ยวจะทำให้หายเครียด” ชานนท์พูดด้วยเสียงหอบถี่หลังจากถอนปากจากอีกฝ่าย
“หือ??” วรุฒรู้สึกแปลกใจกับประโยคของชานนท์ในขณะที่มือของเขากำลังกำขวดเจลหล่อลื่นที่คว้าได้ในกระเป๋าตัวเองที่อยู่ไม่ไกล (ติดตัวเสมอ ใช้กับนนท์ได้ทุกที่ที่สดชื่น)

คนตัวเล็กเอื้อมคว้าเจลขวดนั้นมาอย่างรวดเร็ว เขาจัดการเทเจลใส่มือและจัดการกับช่องทางด้านหลังอย่างไม่ลังเล ริมฝีปากและลิ้นอันเปียกชุ่มก็เล่นกับตุ้มเนื้อสีชมพูสดของคนตัวสูงอย่างกับมันเป็นขนมหวานแสนอร่อย ทั้งดูดและขบเบาๆจนวรุฒแอบประหลาดใจกับความชำนาญของลูกศิษย์คนนี้และพาตัวเองเข้าไปในดินแดนแห่งความสุขที่ชานนท์เตรียมไว้ให้ คนตัวสูงกัดริมฝีปากจากปลายลิ้นอุ่นชุ่มของชานนท์ที่ไล่ตั้งแต่ตุ่มเนื้อกลางอกจนไปถึงอวัยวะกึ่งกลางลำตัวที่โตเต็มที่จนเห็นเส้นเลือดนูนเด่นครบทั้งลำ

ชานนท์บรรจงใช้ปากครอบสิ่งนั่นไว้อย่างช้าๆ และใช้ปากดึงขึ้นลงจนเอวคนนอนราบยกสูง ชานนท์ไม่ชอบทำแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันทำให้เขาอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก กับขนาดที่เกินกว่าปากเล็กๆ ของเขาจะรับไว้แต่เขาก็บรรจงทำมันด้วยความรักที่เขามีให้อีกฝ่าย ยิ่งเห็นสีหน้าแห่งความสุขของคนตรงหน้า ชานนท์ก็ยิ่งเร่งเร้าความเร็วขึ้นลงจนคนด้านล่างซูดปากออกมาว่า ‘ไม่ไหวแล้ว’

ขณะเดียวกับที่ชานนท์เตรียมช่องทางด้านหลังเรียบร้อย เขาก็ยกตัวไปนั่งทับให้สิ่งนั้นที่ชุ่มไปด้วยน้ำบ่อน้อยจ่อปากทางที่พร้อมเต็มที่ เขาตัดสินใจดันสิ่งนั้นลงไปช้าๆ ประกอบกับสีหน้าความเจ็บปวดแปลบขึ้นมาที่ชานนท์ทันที แต่เขาก็ไม่หยุด เขากดตัวเองลงไปครอบคนข้างล่างเรื่อยๆ ช้าๆ

ส่วนคนตัวสูงรู้ได้เลยว่าทรมานกับการบีบรัดของอีกฝ่ายจนหน้าเหย่เกไปหมด ความรู้สึกดีมันท่วมท้นจนเขาทนไม่ไหว คนตัวสูงทางด้านล่างจึงจับเอวคนตัวเล็กและยกสะโพกตัวเองขึ้นกระแทนคนตัวเล็กจนร่างกายพวกเขาประสานเป็นเนื้อเดียว ชานนท์เผลอร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ขอโทษนะ ไหวไหม? เราไม่ไหวจริงๆ” วรุฒพูดไปด้วยลูบแขนคนที่ทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดไปด้วย ชานนท์แค่คิดว่าทำไมเขาไม่รู้สึกชินกับเรื่องแบบนี้เสียที ขนาดว่าเป็นคนเริ่มก่อนก็ยังเจ็บเสียดอยู่ดี

สุดท้ายชานนท์ไม่ได้พูดอะไร เขาทำได้เพียงพยักหน้าและยิ้มสู้ว่าเขาไหว และเริ่มโยกขึ้นลงจนคนด้านล่างเป็นฝ่ายร้องซูดซี๊ดบ้างเหมือนกินของเผ็ดร้อน พวกเขาอยู่ในท่านี้ที่ต่างคนต่างเป็นฝ่ายนำ ด้านบนโยกขึ้นลงเหมือนขี่ม้า พอเหมื่อยก็หยุด ปล่อยให้คนด้านล่างยกสะโพกขึ้นลงเหมือนการออกกำลังจนกระทั้งทั้งสองทนไม่ไหว ชานนท์ปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเลอะหน้าท้องอีกฝ่าย และความรักของวรุฒก็พุ่งเข้าสู่ตัวอีกฝ่ายอย่างแรงจนชานนท์รู้สึกถึงของเหลวที่ไหลท่วมภายในตัว

เสร็จกิจพวกเขาก็ถอนร่างกายออกจากกันและนอนกอดก่ายกันอย่างหมดสติภายในรอยยิ้มของทั้งสองคน

ชานนท์ได้แต่หวังว่าเขาคงทำให้แฟนตัวสูงหายงอน หายเครียดเรื่องที่เขาแอบไปเที่ยวกับคนอื่นลำพัง แต่เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องที่วรุฒเครียดหนักและคิดมากนั้นคือเรื่องคนที่เขาไปเจอมาวันนี้มากกว่า

ใครจะรู้ว่าเต๋าได้วางหมากเรื่องแยกเขาสองคนไม่ใช่แค่ชั้นเดียวแต่ทำไว้ถึงสองชั้น

...............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“ประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัย!!” ชานนท์ร้องเสียงดังขณะนั่งรอเรียนคาบเช้าคาบถัดไปอันเนื่องมาจากโดนอาจารย์เทในคาบแรก

“ครับ ทำไมน้องนนท์ต้องดูแปลกใจขนาดนั้น?”  พี่เอกที่มีสีหน้าซีดเซียวกว่าปกติเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาบอกเรื่องนี้กับวรุฒที่ทำหน้าเฉยชากับคนมาบอก ผิดกับชานนท์ที่ดูประหลาดใจกึ่งตื่นเต้น

“ก็...ก็นี่มันเลยสอบกลางภาคมาแล้วนี่ครับ ผมนึกว่าจะไม่จัดแล้ว” สมองของชานนท์สั่งให้พูดสิ่งที่ต่างจากความคิดในใจไปโข ลำพังแค่เดือนคณะฯ แฟนเขาก็เป็นจุดสนใจทั้งสาวแท้สาวเทียมอยู่ (ความจริงก็ฮอตอยู่แล้ว) จนชานนท์แอบหวาดๆว่าวันหนึ่งแฟนตนเองจะเปลี่ยนใจ เพราะความธรรมดาของเขา (ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีดีอะไรให้รั้งแฟนรูปหล่อพ่อรวยของตัวเองเลย)

วรุฒสังเกตอาการเลิ่กลั่กของคนตัวเล็กออกจึงได้แต่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แต่ก็เงียบไม่ได้พูดอะไร

อีกคนหนึ่งที่รู้สึกถึงอาการชานนท์ได้ และมีอาการเจ็บจี๊ดที่อกข้างซ้าย แต่ก็ต้องกล้ำกลืนความรู้สึกลงไปในลำคอและอธิบายต่อ เขารู้ดีกว่ารุ่นน้องของตัวเองมีอาการหึงหวง

“ก็มันเลื่อนมา ความจริงควรจะจัดก่อนสอบกลางภาค แต่ทางมหาวิทยาลัยดันเลื่อนมาใกล้ขึ้นเลยชนวันงานที่วางแผนไว้ น้องๆก็น่าจะรู้ว่า มหาวิทยาลัยของพวกเรา เห็นเรื่องเรียนสำคัญกว่า”

“แล้วทำไมเป็นมึงมาบอก?” วรุฒถามด้วยสายตาขวางๆ เพราะคนที่ควรมาบอกเขาน่าจะเป็นพี่วิ แต่ทำไมเป็นพี่เอก วรุฒยังไม่คิดว่าพี่เอกตัดใจจากแฟนตัวเล็กของเขา

“ก็ยัยวิไปเที่ยวเมืองนอกกับกิ้กใหม่ของเธอ ยังไม่กลับ เลยฝากให้พี่มาบอก!”  พี่เอกอธิบายทั้งที่คิ้วขมวดเข้าหากัน เพราะไอ้ยักษ์ตรงหน้านี่ นอกจากแฟนตัวเองแล้ว เวลาพูดกับคนอื่นจะเหมือนชวนทะเลาะ (กิ๊กที่ว่านี่มันเพื่อนคนไหนของวรุฒก็ไม่รู้?)

“มีเมื่อไหร่?” วรุฒถามเสียงห้วน
“อีกสองสัปดาห์ ส่วนกิจกรรม สิ่งที่ต้องเตรียม วันซ้อมเนี่ย...”
“ไม่จำเป็น เดี๋ยวไปถามคนจัดงานก็ได้”
“โอเค!!” พี่เอกได้แต่กัดฟันให้เสียงตอบลอดไปทางช่องฟัน แต่พอพี่เอกเห็นหน้าชานนท์เสียไปเล็กน้อยจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก และยอมเลิกรา ไม่อยากมีเรื่องกับมันต่อหน้าน้อง

วรุฒลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ไม่พอเขาคว้าแขนคนตัวเล็กให้ไปกับเขาด้วย ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดในลำคอของสาวๆ แถวนั้น ที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในคณะฯพวกเขาเลย

ชานนท์ได้แต่ถอนหายใจกับการมีแฟนที่เป็นเหมือนคนสาธารณะ มันเหนื่อยใจจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเวลาเห็นคนอื่นมองแฟนตัวเองด้วยสายตาชื่นชม บางคนก็ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มจนเขารำคาญลูกตาพวกนั้นมากจนพยายามไม่มอง

แต่ชานนท์คงไม่รู้ว่า สาวๆ เหล่านั้น ไม่ได้มองแฟนเขาเพียงคนเดียวแต่มองเขาด้วย มองพวกเขาที่เป็นเหมือนเทพบุตรที่ได้ครองคู่กัน แค่เห็นเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน คนพวกนี้ก็ฟิน จินตนาการไปไกลอย่างมีความสุขแล้ว

..............


นับจากวันที่พี่เอกเดินมาบอกวรุฒเรื่องของการประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัยก็ผ่านเกือบสัปดาห์แล้ว และก็เป็นหลายวันที่เขาต้องมานั่งอ่านหนังสือรอแฟนตัวเองที่ทั้งถ่าย VTR แนะนำตัว, VTR โฆษณาเรื่องการประกวดฯ จนกระทั้งล่าสุดมาซ้อมบล็อกกิ้ง การเดินแบบบนเวที การพูดแนะนำตัว และกิจกรรมบนเวทีอื่นๆ อีกมากมายอย่างกับประกวดนางงาม!

วรุฒซึ่งบ่นอุบอิบเรื่องกิจกรรมพวกนี้ก็ได้แต่ชักสีหน้า หัวคิ้วชนกันวันละหลายๆหน เพราะไม่ชอบให้ใครบังคับ แต่ทำอยู่ทุกวันนี้เพราะกลัวมารดาตนเองจะโกรธเอา

ส่วนแฟนอย่างชานนท์ก็มีหน้าที่ในการถูกบังคับให้มานั่งให้กำลังใจแฟนตัวเอง อย่างไม่เต็มใจ ชานนท์คิดถึงโต๊ะอ่านหนังสือสบายๆ ที่ห้องพักตัวเองมากกว่า ไหนจะเวลาเหมื่อยก็เปลี่ยนไปนอนกลิ้งเกลือกอ่านหนังสือที่เตียงได้อีก สุขสบายเกินจะบรรยาย โชคดีที่ยังมีสมุดโน้ตเทพอยู่ในมือทั้งชุด ทำให้เขาไม่รู้สึกกับการรอคอยแฟนอย่างไร้จุดหมาย เพราะทุกวันเลิกดึกดื่นทุกคืน และเลิกไม่ตรงกันสักวันแล้วแต่ใจรุ่นพี่คนจัดกิจกรรม สมุดชุดนี้เยียวยาทุกสิ่ง ความรู้และแนวข้อสอบทำให้เขาไม่ต้องไปคิดอะไรมากมายเวลานั่งรอ

“เอ้า!! ดื่มเสียหน่อยสิ วันนี้คงอีกนาน” พี่เอกยกกระป๋องน้ำอัดลมสีแดงดำมาจ่อที่หน้า บดบังหนังสือตรงหน้าทำให้เพิ่งสังเกตเห็นคนที่เอ่ยทัก
“ขอบคุณครับ” ชานนท์รับมาและขอบคุณด้วยรอยยิ้มเช่นปกติให้รุ่นพี่ที่น่ารักของเขา ที่นอกจากจะทำงานดูแลสวัสดิการให้กับรุ่นน้องทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้แล้ว ยังทำหน้าที่ดูแลคนมานั่งเฝ้าแฟนอย่างเขาด้วย (แม้จะโดนบังคับมาก็ตาม)

“กรี๊ด!! แก!! ดูนั่น!! ฉันเห็นสองคนนี้ทีไร อุ้ย!! ดี๊ดีละแก เคมีเข้ากั๊นเข้ากัน!” เสียงสาวร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาในห้องจัดแสดงขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย ส่งเสียงซุบซิบแต่ก็ดังมาถึงจุดที่เขานั่งอยู่
“ไม่ได้ๆ แก ต้องอยู่ในเมนตัวเองสิ!!” เสียงของสาวร่างบางกว่านิดหน่อยแย้งขึ้น
“โหย...แก ก็ชั้นชอบแบบเกาหลีๆ อ่ะแก” สาวอวบตัดพ้อ
“งั้นแกหันไปมองบนเวทีโน้น!” สาวร่างบางกว่าจับศรีษะอีกฝ่ายหันไปทิศที่กลุ่มตัวแทนจากคณะต่างๆ กำลังซ้อมกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่บนเวที
“เชี้ย..... กูยอมแพ้กูกลับมาก็ได้ เชี้ย! ทำเอาละลายเลยแค่มอง ‘คุณชาย’ โคตรหล่อ...” สาวร่างใหญ่ทำท่าอ่อนละทวยและใช้เสียงสองทันที

บทสนทนาประเภทนี้แหละที่เขาได้ยินตลอดเวลาที่มานั่งเฝ้า บทสนทนาที่ชื่นชมแฟนเขาแบบตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง เขาพยายามไม่คิดอะไรแต่พอฟังทีไรก็อยากจะมองไปทางคนพูดแรงๆ ทุกที นั่นเป็นเหตุผลหลักที่เอาสมุดโน้ตเทพมานั่งอ่านฆ่าเวลา เพราะไม่อยากไปสนใจกับเรื่องพวกนี้ให้ไม่สบายอารมณ์

“ดังใหญ่แล้วนะเรา” พี่เอกที่นั่งอมยิ้มอยู่พูดขึ้นมาระหว่างที่ชานนท์เริ่มขมวดคิ้วแบบไม่รู้ตัว
“ดังอะไรครับ?” คนถามทิ้งหนังสือลงบนตักและหันไปถามคนที่นั่งด้านข้างตรงๆ เขากำลังคิคว่าพี่เอกจะแกล้งล้ออะไรเขาอีก
“ก็มีสาวๆ หนุ่มๆ ตามติดอยู่ไม่น้อยเลย ขนาดวันนี้ยังมีเลย” พี่เอกพูดพลางใช้สายตาชี้คนที่นั่งเป็นกลุ่มย่อยๆ ทางด้านหลัง
“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมเลย โน่น! ไอ้ยักษ์เผือกโน่นทั้งนั้น” พี่เอกยิ้มกับถ้อยคำที่ชานนท์ไม่เคยแสดงออกให้เห็น ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ และ.....หึงหวง
“เฮ้อ.... เด็กเอ้ย!!” พี่เอกส่ายหน้าหัวเราะในลำคอ ในขณะที่ชานนท์ก็ไม่เข้าใจท่าทีของพี่เอก จึงได้แต่มองค้อนใส่

“โอเคๆ งั้นเอ้า! ดูนี้!!” พี่เอกหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจอใหญ่ขึ้นมา ปลดล้อก เปิดแอปพลิเคชั่นสีฟ้า เลื่อนไปมาสามสี่รอบก็ยื่นของในมือให้ชานนท์รับไปดู

“เฮ้ย!!” ชานนท์อุทานเสียงดัง จนคนรอบข้างหันมาให้ความสนใจ
“เพิ่งเคยเห็นล่ะสิ หันสนใจเรื่องอื่นนอกจากหนังสือเรียนบ้างสิ ชีวิตเราไม่ได้มีแต่เรื่องเรียนหนังสือนะ” พี่เอกยกมือขึ้นมาขยี้ผมคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู ในขณะที่ชานนท์เลื่อนหน้าจอไปมาพร้อมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น

พี่เอกเปิดมาดูที่เพจของมหาวิทยาลัยที่กำลังโปรโมทงานประกวดดาวเดือนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี พร้อมภาพเท่ๆ หล่อๆ สวยๆ ของบรรดาผู้เข้าประกวด โดยเฉพาะภาพของวรุฒที่มีจำนวนยอดไลค์นำโด่งจนขาดจากลำดับที่สองแบบถล่มทลาย (ใครไปกดไลค์หนักหนาเกือบ 10,000 เข้าไปแล้ว ในขณะที่คนอื่นแค่หลักร้อยหลักพันต้นๆ มหาวิทยาลัยนี้มีนักศึกษากี่คนเนี่ย) แต่สิ่งที่พี่เอกยื่นมาให้ดูมันไม่ได้มีแค่นั้น คอมเม้นต์ต่างๆ ที่แสดงความคิดเห็นทั้งด้านดี ด้านลบอยู่เต็มไปหมด (ส่วนใหญ่จะออกแนวเพ้อ แนวมโน ซึ่งชานนท์เผลอทำหน้าบูดใส่ไม่รู้ตัว) แต่มีคอมเม้นจำนวนหนึ่งที่มักจะลงรูปของวรุฒ อริยาบทต่างๆ แบบสไตล์ปาปารัสซี่ของคนตัวสูง แต่ไม่ใช่วรุฒคนเดียวที่โดนแอบถ่าย เพราะมันมีเขาอยู่ด้วยทุกรูป เป็นรูปมุมเผลอต่างๆ ที่เขาไม่รู้ตัว รูปตอนเดินกับวรุฒ รูปตอนนั่งรอระหว่างคาบเรียน รูปตอนยืนคุยกัน รูปตอนเขา แอบงีบระหว่างคาบโดยมีคนตัวสูงทำหน้าที่เป็นพนักให้เขาอิง รูปตอนที่วรุฒจูงมือเขาไปที่นั่นที่นี่ (เหมือนโดนลากมากกว่า) ทุกรูปจะเห็นใบหน้าของแฟนตัวสูงของเขาอย่างชัดเจน สายตาของวรุฒที่มองเขาเวลาที่เขาหันไปทางอื่น หรือหลับตามันเป็นแววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน (ปกติจะดุดัน หรือดูหื่นกระหาย) แววตาที่แสนอ่อนโยนจนเขาใจสั่นไปหมด หัวใจรู้สึกทำงานหนักกว่าเดิน จนเลือดขึ้นไปสูบฉีดที่ใบหน้ามากขึ้น

ชานนท์เลื่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอลิ้งค์ๆ หนึ่ง ที่เขียนคำอธิบายสั้นๆ ว่า ‘มาฟินให้ตัวแตก!!’

เขาคลิ้กเข้าไปดูทันที และเขาก็ต้องตกใจจนเกือบร้องออกมาอีกครั้งเพราะ คราวนี้เจอกับเพจเฉพาะเรื่องราวของพวกเขาเลย และมีผู้ติดตามอยู่เป็นจำนวนที่เขาเองก็ทึ่ง นี่มัน.... หลักแสน!!
ข้างในเพจนี้ประกอบไปด้วยเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเขา กิจวัตรประจำวัน ประมวลภาพรายวัน (แม้ว่ารูปส่วนใหญ่จะเห็นเขาไม่ชัดก็เถอะ) รวมถึงเรื่องสั้นต่างที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องพวกเขาอีกด้วย!

“พวกนี้มันอะไรน่ะ?” ชานนท์หันมาถามรุ่นพี่หน้าใสของเขาด้วยตาดวงโตภายใต้แว่นทรงเหลี่ยมสีทอง
“ไม่อินเทรนต์เลยนะเรา! ก็แฟนคลับเรานั่นแหละ!” พี่เอกยิ้มปนหัวเราะกับความอ่อนต่อโลกของคนตรงหน้า
“แฟนคลับ? แต่เนื้อหาในนี้มัน?!?” ชานนท์ก้มลงไปที่หน้าจอเลื่อนลงไปลวกๆ อย่างรวดเร็ว มันไม่มีภาพเดี่ยวเลย มีแต่ภาพคู่ ไหนจะถ้อยคำที่ใช้บรรยายแต่ละภาพ แต่ละคอมเม้นต์ที่อ่านเจอ..... มัน.... แปลกๆ ทุกคนดูชื่นชอบที่เขาคบกัน และผู้ติดตามส่วนใหญ่เป็น..ผู้หญิง!

“ผมไม่เข้าใจ!” ชานนท์พูดทิ้งท้ายขณะสายตามองไปรอบๆ ที่ทุกคนต่างนั่งรายล้อมเขาและมีกล้องแอบไว้เสมือนคอยถ่ายรูปสัตว์ป่าในซาฟารี

“เฮ้อ! เดี๋ยวพี่อธิบายให้ฟังวันหลังได้ไหม? ท่าจะยาว!” พี่เอกผ่อนลมหายใจ เขาไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหนเลยขอผลัดไปก่อน เพราะคนตัวเล็กตรงหน้า น่าจะไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เท่าไหร่ ดูจากสีหน้าแปลกใจขนาดหนักก็รู้

“อ่ะ!! นั่น พี่เต๋า!! สวัสดีครับ!” ระหว่างที่ชานนท์กวาดตามองคนที่หัอมล้อมเขาอยู่ห่างๆ สายตาก็ไปสะดุดที่ผู้ชายตัวเล็ก ที่ยืนอยู่ใกล้ประตูทางออกและซ่อนอีกครึ่งตัวไว้หลังประตู (หากไม่สังเกตดีก็คงมองไม่เห็น) ชานนท์รีบโบกมือทักทายทันที โดยไม่สังเกตุเลยว่าพี่เอก ก็รีบหันควับไปมองตาขวาง

แต่แปลกที่พี่เต๋านอกจากจะไม่ทักกลับ ชายเจ้าสำอางค์ร่างเล็กกลับรีบผลุบหายไปพร้อมประตูที่ปิดลง

“อ้าว...... ไปเสียแล้ว หรือพี่เขามองไม่เห็นเรา” ชานนท์เกาหัวอย่างงงๆ

ส่วนเอกนั้นได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างมีชัย เพราะเรื่องในวันก่อนทำให้เขาสามารถกำจัดคนที่อาจจะทำให้รุ่นน้องสุดที่รักของเขาไม่มีความสุข เพื่อความสุขของนนท์เขาทำได้ทุกอย่าง! มันแปลกมากที่เขาก็ไม่ใช่คนที่คิดจะทำร้ายใคร แต่พอเป็นเรื่องนนท์ เขากลับยอมไม่ได้และทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง แม้จะไม่ได้ครอบครอง แค่ขอปกป้องความสุขของน้องเขาก็สุขใจ

.............................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋.....สงสัย  ไอ่พี่เต๋าจะตกเป็นเมียพี่เอกไปแล้วกระมัง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สรุปใครจะตีท้ายครัวใครกันแน่

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เชี้ย!!”

เต๋าสบถลั่นหลังจากที่เดินถอยห่างจากประตูทางเข้าหอประชุม เขาไม่เคยรู้สึกเสียหน้าเท่านี้มาก่อนเลย เต๋าไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่ดูไร้สมองนั่นย้อนแผนการของตัวเอง

ความจริงแล้วแผนของเขามันซับซ้อนกว่านั้นมาก เริ่มจากการทำให้น้องนนท์หลับ พาขึ้นเตียง มอมยาไอ้ตี๋หน้าใสนั้นให้กำหนัดมันกำเริบ รอให้น้องยาเริ่มหมดฤทธิ์ จัดการปล่อยไอ้ตี๋ที่หื่นกระหายจากยาเร่งกำหนัดเข้าไปทำร้ายน้อง ถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์ ส่งให้ไอ้วรุฒดูโดยใช้โทรศัพท์ของไอ้ตี๋ หลังจากน้องเริ่มรู้สึกตัว ตัวเขาเองก็จะเข้าช่วยน้อง จัดการซ้อมไอ้ตี๋ให้น็อคและมัดไว้ (แค่คิดก็สะใจ) เข้าไปช่วยปลอบน้องให้น้องใจอ่อน หลังจากนั้นก็ให้วรุฒระแวงไอ้ตี๋กับน้อง ด้วยนิสัยอย่างไอ้วรุฒของหาทางเอาคืนไอ้ตี๋และหวาดระแวงจนความสัมพันธ์สั่นคลอน สุดท้ายเขาก็จะเป็นคนช่วยน้องออกมาจากสถานการณ์อันแสนอึดอัด ให้น้องใจอ่อน ยอมรับเขาเป็นแฟน แต่เรื่องดันจบอย่างกับหนังคนละม้วน

“โชคดีที่กูไม่เคยวางไว้แค่แผนเดียว!” เต๋าพึมพำขณะเดินออกห่างจากประตูห้องประชุม ซึ่งตอนแรงเต๋ากะว่าจะไปทักทายน้องนนท์เสียหน่อย เพราะไม่ได้ตัวคิดกับไอ้วรุฒเท่าไหร่แล้ว วรุฒถูกบังคับให้ไปซ้อมการประกวดฯ แต่ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสเลยเพราะมีไอ้ตี๋หน้าขาวนั่นประกบอยู่ตลอดเวลา พูดง่ายๆ ว่าชีวิตของน้องนนท์ไม่เคยอยู่คนเดียวเลย แม้แต่ตอนอยู่กับเพื่อนก็จะมีไอ้วรุฒกับไอ้ตี๋เอกประกบอยู่ตลอดเวลา

ความจริงเต๋าก็เคยคิดว่าเขาไม่เคยกลัวไอ้ตี๋เอกเลย แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้เขาเข้าหน้าไอ้ตี๋นั่นไม่ติดเลย รู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากเข้าไปปะทะด้วย
‘คงเป็นความรู้สึกเสียหน้า’ เขาพร่ำบอกตัวเองในใจอย่างหงุดหงิด เต๋าสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปและเร่งฝีเท้าอย่างลืมตัว

“โอ้ย!!  เชี้ยเอ้ย!!”
ความรู้สึกเจ็บแปลบจากผนังด้านในของปราการด่านหลัง ปวดตึบขึ้นมาวูบหนึ่ง แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว อาการเสียดร้าวยังคงคุกคามเขาอยู่เป็นระยะทุกครั้งที่เขาใช้กล้ามเนื้อขาอย่างเร่งรีบ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเสียเอกราชขนาดนี้ ปราการด่านหลังที่ไม่เคยเสียให้ใคร (และไม่เคยคิดที่จะเสียด้วย!) ถูกแผนซ้อนแผนของตัวเองเล่นงานจนต้องอับอาย ได้แต่คิดว่า อย่าให้เขาได้มีโอกาสเอาคืนนะ จะจัดการให้สาสมกับความเจ็บปวดและความเสียหน้าที่เขาได้รับอย่างครบต้นครบดอกเลย!!

...............................................


วันซ้อมใหญ่ก่อนวันงานจริงกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว พวกรุ่นพี่ที่รับผิดชอบงานด้านต่างๆ ทุกคนต่างพากันวุ่นวายกับการจัดงาน ลามไปจนถึงผู้เข้าประกวดและรุ่นพี่ที่เป็นสปอนเซอร์ ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน และนั่นทำให้คนตัวสูงที่ยืนข้างๆ ชานนท์ขมวดคิ้วจนแทบจะสามารถผูกกันเป็นปมได้ แต่ถึงจะแสดงสีหน้าแบบไหน ไอ้หมอนี่ก็ทำให้สาวๆ โดยรอบกรี๊ดกร๊าดได้เสมอ

“นี่ๆ อย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหม ยิ้มหน่อยสิ เดี๋ยวความนิยมตกนะ” พี่วิที่กำลังช่วยวรุฒวัดตัวรอบสุดท้ายสำหรับชุดที่จะใช้เดินแบบพรุ่งนี้
“เสร็จหรือยัง?” คุณชายร่างสูงปัดมือหญิงร่างบางทรงใหญ่ที่กำลังวางเสื้อทาบบนตัววรุฒอย่างวุ่นวาย
“มึงช่วยให้ความร่วมมือผู้หญิงของกูหน่อยได้ไหมวะ!!” ชายผิวสีเข้มทรงนักเพาะกายกล่าวขึ้น ใบหน้าคมนั้นมองพี่วิอย่างเอาใจช่วยในการดูแลคนที่มีจุดเดือดต่ำอย่างวรุฒ
“ไอ้บอย นี่พวกมึงยังคบกันอยู่เรอะ?”  วรุฒพูดกับเพื่อนเขาตั้งแต่สมัยมัธยม เพราะความจริงแล้ว ตามแผนที่วางไว้ให้พวกเพื่อนๆ เขาจัดการ ควรจะทำยัยพี่วินี่เป็นแค่ของเล่นแล้วสลัดทิ้งไปเหมือนกับชื่อเสียงของเหล่า ‘เดอะสตาร์’ ที่ฟันแล้วทิ้ง เวียนผู้หญิงและชื่อเสียงเสียๆ อีกมากมายของบรรดาเหล่าลูกคนรวยเพลย์บอยเหล่านี้

“วิเขายังมีอะไรอีกเยอะแยะที่ทำให้กูเบื่อไม่ลง” บอยพูดพร้อมลงสายตาที่เหมือนมีเพลิงลุกไหม้มายังวิสาวร่างบางที่มีจริตร้อยเล่มเกวียนให้ส่งสายตาวูบวาบกลับไป
“พวกมึงไปหาห้องว่างแล้วไปจัดการกันก็ได้นะ” วรุฒว่าพลางผลักพี่วิออกให้ห่างตัวเองเล็กน้อย เพราะมือพี่วิเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว เธอกำลังใช้นิ้วไล่วนผิวกล้ามช่วงแขนของเขาอย่างไม่รู้ตัวจากการจ้องประกายไฟในตาของคนที่คบกันฉันเซ็กส์อย่างบอย เขารู้ดีเลยว่าพี่วิสามารถทำอะไรได้บ้างบนเตียง (เกือบจะเป็นประสบการณ์ตรงหลายครั้ง)

“นนท์จ๋าช่วยพี่ดูแลผู้ชายของเธอหน่อย ถือว่าทำเพื่อคณะฯนะ!” พี่วิกวาดสายตามาทางชานนท์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลและพยายามเอาตัวออกจากบทสนทนา 

ชานท์ผ่อนลมหายใจออกมาและเดินมาทางต้นเสียง เขายกมือขึ้นลูบบริเวณระหว่างคิ้วอย่างนุ่มนวล

“เพื่อคณะฯ ให้ความร่วมมือหน่อยนะครับ”

เสียงธรรมดาๆ ที่ออกมาจากปากคนตัวเล็กและท่าทางที่กระทำกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนทำให้วรุฒคลายปมที่คิ้ว มุมปากมีรอยยิ้มขึ้นมาและจับเอวอีกฝ่ายอย่างผ่อนคลาย

“ขอกำลังใจก่อนและจะให้ความร่วมมือ” เสียงวรุฒที่คำรามดุเหมือนเสือหิวเมื่อครู่กลายเป็นเสียงแมวน้อยอ้อนเจ้าของ
“กำลังใจ?” ชานนท์ทวนคำด้วยความสงสัย
“นี่ไง” วรุฒยื่นหน้ายื่นปากให้อีกฝ่ายหมายจะให้คนตัวเล็กเข้าใจ
“จะบ้าเรอะ!! นี่มันที่สาธารณะ!” ตอนนี้หน้าชานนท์แดงไปถึงหู
“เอาน่า แล้วจะยอมทำทุกอย่างเลย” เสียงออดอ้อนที่ชาตินี้คงทำกับชานนท์เพียงคนเดียว
“อืม!” หลังตอบตกลงอย่างจนใจ ชานนท์ก็ขยับหน้าให้ปากสัมผัสกับริมฝีปากอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วและขยับออกทันที

“ไม่เอาน่า!” วรุฒเหมือนไม่เพียงพอกับความต้องการ คนตัวสูงโอบชานนท์กระชับเข้ามาและใช้ริมฝีปากจู่โจมคนตัวเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว และใช้ลิ้นชอนไช้เข้าในปากอีกฝ่าย ช่วงแรกชานนท์ก็ขัดขืนแต่พอเจอรุกหนักๆ เข้าก็ยอมแต่โดยดี ทำให้โดยรอบเกิดบรรยากาศว่างเปล่า และเสียงวี๊ดในลำคอจากคนรอบข้าง บางคนถึงขั้นเอามือขึ้นมาโปกพัดไปที่คอด้วยความรู้สึกที่ใบหน้าร้อนผ่าว

“ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ” วรุฒพูดขึ้นอย่างแผ่วเบาหลังจากถอนปากออกจากแฟนตัวเล็กของเขา ในขณะที่ยังมีนำเหนียวใสยืดเชื่อมระหว่างริมฝีปากทั้งสอง

“ไอ้บ้า!!” ชานนท์ทุบไหล่วรุฒไปทีหนึ่งและเร่งรีบกลับไปนั่งก้มหน้าอ่านหนังสือที่เดิม

“เซ็กซี่สุดๆ” พี่วิที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ใกล้สุดได้แต่ยืนบิดไปมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

.................................


ชานนท์เลื่อนดูภาพปาปาราสซี่ของตัวเองวรุฒ พลางถอนหายใจ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาตกเป็นบุคคลสาธารณะแบบนี้ (ที่เคยคิดไว้มันเป็นอีกแบบ) ภาพที่โดนคนตัวสูงโอบรอบตัวและบังคับโน้มศรีษะของเขาให้ก้มลงไปประทับกับจุมพิตคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงและมันไม่ได้มีเพียงภาพเดียวมันมีเยอะจนเขาขี้เกียจจะนับ ที่โพสอยู่ในเพจของเฟซบุ๊ค ซึ่งชื่อเพจนั่น เขาก็ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ‘คู่จริงฟินตัวแตก’ ชื่อมันแปลกแต่ดันมีคนติดตามอยู่นับแสน สมาชิกเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง หลังจากเขาได้เข้ามาศึกษาที่เพจนี้ ทำให้โลกใบนี้ของเขาแปลกไปจากเดิมมาก

ชานนท์เหม่อมองไปที่ชายร่างสูงใหญ่หุ่นนายแบบ ผมสีอ่อนทรงอันเดอร์คัท ที่กำลังซ้อมการเดินแบบ และการแสดงต่างๆ อยู่บนเวทีไกลๆ รัศมีของเขามันสว่างสดใสจนเดือนจากคณะอื่นๆ กลายเป็นเหมือนบุคคลธรรมดาไปเลย

เขามองพลางถอนหายใจว่า ทำไมเขาถึงได้หลงไหลคนๆนี้ได้ขนาดนี้นะ มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะใจเต้นกับวรุฒทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ขนาดแค่นั่งมองวรุฒอยู่ไกลจากเวทีขนาดนี้ยังหุบยิ้มไม่ได้เลย ชานนท์กลัวตัวเองเป็นบ้าเลยไม่กล้าที่จะมองต่อ

“ไอ้คนนิสัยเสียคนนี้ทำไมเขาถึงชอบไปได้วะ?” ชานนท์เผลอคิดเสียงดัง
“บ่นอะไร?” เสียงหญิงห้าวคุ้นหูดังขึ้น
“อ้าวเมย์!” ชานนท์หันไปที่ต้นเสียงเอ่ยทักเพื่อนสาวห้าวของเขา เธอไม่เพียงทักเขาแต่ยังกระแทกลงนั่งที่เก้าอี้ข้างอย่างจงใจ
“เดี๋ยวนี้พอมีผัวแล้วไม่มาให้เพื่อนเห็นหน้าเลยนะ!” เมย์แซวแรงพร้อมทำสีหน้าหมั่นไส้คนที่นั่งเหม่อยลอยก่อนหน้านี้
“ผัวเผออะไรเล่า เธอเนี่ย!” ชานนท์พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่ก็แอบยิ้มที่มุมปาก
“อ้าว! ตายแล้ว อีตาวรุฒเป็นเมียเหรอ? ตายจริง! ผิดคาด!!” เมย์ทำหน้าประหลาดใจแบบเกินจริงไปมาก (เธอน่าจะไปเรียนการละคร!!)
“ไม่ใช่ๆ ผัวนั่นแหละ! อุ๊บ!!” ชานนท์ยกมือปิดปากแทบไม่ทัน
“อ่ะ! ในที่สุดก็ยอมรับ” สาวห้าวทางด้านข้างชี้หน้าอย่างล้อเลียน
“จะไปไหนก็ไป ไป๊!!” ชานนท์โกรธปนอายจนหูร้อนและแดงมาก
“โอ๋ๆ เดี๋ยวนี้เกรี้ยวกราด เหมือนผัวขึ้นทุกวันนะนายนะ อยู่ด้วยกันเยอะก็อย่างนี้!!” เมย์ส่งยิ้มล้อเลียนมา
“โอ้ย! พอๆ นี่ว่างมากหรือไง? ถึงมาอยู่ล้อเราเล่นถึงตรงนี้!” ชานนท์เริ่มโกรธจริงๆ แล้ว จนชักอยากจะไล่ยัยสาวห้าวขี้แกล้งนี่ไปให้พ้น
“ว่างง่ะ.... เลยมาหาอาหารตาดู ก็วันนี้ไม่มีซ้อมกรีฑานี่นา” สาวห้าวที่หลังจากสอบตกจากเวทีดาวคณะก็เลยผันตัวเองเป็นนักกีฬาอย่างที่ตั้งใจ

“งั้นมาดูสาว หรือดูหนุ่มล่ะ?”  ชานนท์ล้อกลับ
“ถึงฉันจะห้าว แต่ฉันก็ส่องหนุ่มนะจ๊ะ พ่อคนหวงผัว!” เมย์ตอบกลับพร้อมใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มนุ่มๆ ของชานนท์
“จะส่องก็อยู่เฉยๆ แล้วก็เงียบๆ เลยไป!” ชานนท์อยากจบบทสนทนาโดยไว เพราะรุ่นพี่ที่เวทีเริ่มส่งสายตาเชิงตำหนิมาแล้ว ความจริง ไม่ควรมีใครสามารถเข้ามาดูระหว่างซ้อมจริงในวันนี้ได้ แต่ด้วยเสน่ห์ของวรุฒทำให้เขาได้มานั่งอยู่ที่นี่ได้ และเขาก็สงสัยว่สยัยเมย์ เธอผ่านด่านรุ่นพี่มาได้ยังไง?

“ว่าถึงเรื่องส่อง นนท์เห็นตรงมุมห้องฝั่งนั้นไหม?” เมย์ชี้ไปที่มุมห้องประชุมอีกฝั่ง

ผู้หญิงผมยาวสีบลอนด์สวยเป็นลอน นั่งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างมืด แต่ถึงกระนั้นชานนท์ก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ สวยมาก สวยเหมือนรูปปั้น สวยอย่างกับนางแบบวิคตอเรีย ซิคเครท อาจเพราะชานนท์ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเวทีกับหนังสือ ทำให้ไม่สังเกตผู้หญิงคนนั้น (หรือว่าตอนนี้เรดาร์จับผู้หญิงสวยเขาจะชำรุดเสียแล้ว!)

“เป็นไง! สวยมากเลยใช่ไหม? สวยจนฉันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันใจสั่นไปหมด เธอเป็นใครกันทำไมถึงมานั่งตรงนั้นได้?” เมย์แทรกขึ้นมาขณะที่ชานนท์มองเหม่อไปทางสาวคนนั้น
ที่เขามองอยู่นานไม่ใช่ว่าเขาหลงเสน่ห์เธอคนนั้นแต่เป็นสายตาที่เธอจ้องมองไปบนเวทีอย่างไม่ห่างตาต่างหาก มันดูจงใจมองให้คนบนเวทีรู้ว่าเธอจ้องมองอยู่ และหวังอยู่ลึกๆ ว่าคนที่เธอมองจะไม่ใช่คนของเขา

...................

“ดีมากนะคะทุกคน วันนี้ทุกคงเป๊ะปังเพอร์เฟคมาก เจ๊ภูมิใจในตัวน้องๆ มาก วันนี้แค่นี้ก่อนนะ พรุ่งวันจริงแล้วนะคะ นอนให้เต็มที่ แล้วมาเจอกันตอนบ่ายเพื่อเตรียมแต่งหน้าทำผมขึ้นเวทีนะคะ ห้ามผิดเวลาเด็ดขาด!! เข้าใจนะคะ?” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากทางเวที ‘เจ๊สอง’ รุ่นพี่ชายออกสาวอย่างไม่ปิดบังพูดแจ้งน้องๆ ผู้เข้าประกวดดังลั่นห้องประชุม ทำให้ชานนท์หันไปสนใจบนเวทีทันที

อย่าเงียบสินะ ตอบสิคะว่า ‘เข้าใจ’ !!” หลังจากที่ทุกคนสนใจแต่จะเตรียมตัวกลับห้องทำให้ห้องหลังจากจบประโยคเจ๊สอง ทั้งห้องประชุมกลับเงียบ เจ๊สองจึงตวาดอีกครั้งเพื่อให้รุ่นน้องกล่าวตอบรับ

“เข้าใจครับ/ค่ะ” รุ่นน้องทุกคนกล่าวพร้อมกันอย่างเพลียๆ
“ดีมากคะ ทุกคนแยกย้ายได้!! ส่วนทีมงาน! ยังกลับไม่ได้นะ คุยกันก่อน!!” เจ๊สองยิ้มเย็นใส่ทุกคนก่อนหวาดสายตาไปที่รุ่นพี่ทีมงานทุกคนให้สะดุ้งกันเฮือก รวมถึงพี่เอกที่ยิ้มแห้งๆ อยู่ข้างเวที ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้ทุกคนจะล้ากันเต็มที่แล้วเพราะขนาดชานนท์นั่งรออยู่เฉยๆ ยังแอบเพลียไปด้วย

เฮ้ออออ....

ชานนท์ยืนบิดขี้เกียจยาว ส่งเสียงสั่นออกมา จนหญิงสาวห้าวที่มานั่งเป็นเพื่อนเขาหลับไปหลายตลบ ส่งเสียงงัวเงียออกมา

“ฮ้าววววว นี่... เลิกแล้วเหรอ นี่เลิกดึกอย่างนี้ทุกคืนเลยเหรอ?” เมย์หาวปากกว้างพลางมองไปที่นาฬิกาดิจิทอลที่หอประชุม แสดงเลขยี่สิบสองเป็นเลขสองหลักหน้า

“เป็นสาวเป็นนาง หาวก็หัดปิดปากเสียบ้าง!” ชานนท์ส่ายหน้ากับพฤติกรรมที่ไม่สมหญิงของเพื่อนสนิทตนเอง
“เรื่องของฉันเถอะ. ว้าย!!” เมย์จ้องมองไปทางเวทีด้วยตาที่เบิกกว้าง
“อะไรของเธอ?!?” ชานนท์เริ่มหงุดหงิดกับอาการลุกลิกของอีกฝ่าย
“แก! ดูนั่น ผู้หญิงสวยๆ คนนั้น เดินไปหาผัวแก!!” เมย์พูดพลางชี้ไปที่เวที

สาวร่างสูงในชุดรัดรูป กางเกงเลคกิ้งสีดำมันวาว เสื้อกล้ามสีดำสนิทสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำด้าน ผมที่ยาวสลวยเป็นลอนของเธอกระทบแสงไฟยามเดินเข้าไปใกล้เวทีที่มีไฟส่องกระทบ มันแวววาวต้องตามากๆ รูปหน้าและผิวพรรณไปทางคนตะวันตกนั้น ทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าใครในห้อง และส่วนสูงเป็นรองแค่วรุฒเท่านั้น

เธอเดินเข้าไปคุยกับวรุฒอย่างสนิทสนม แต่วรุฒกลับทำท่าหงุดหงิดใส่เธอ  จนกระทั้งเธอโน้มตัวไปกอดคออีกฝ่ายพร้อมกดจมูกไปที่แก้มของวรุฒเบาๆ ทำให้วรุฒหยุดนิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะโดนสาวต่างชาติชวนให้ออกจากห้องไป

ชานนท์ที่กำลังเดินไปทางเวทีต้องหยุดฝีเท้าทันทีที่เห็นภาพบาดตาด้านหน้า ลำคอเหมือนมียาขมเม็ดใหญ่ที่กลืนลงคอสำบากและเจ็บปวด ลมหายใจหอบถี่ขึ้นทั้งๆที่ยืนอยู่เฉยๆ เขายังจ้องมองไปทางแฟนตัวสูงของเขาอย่างไม่วางตา ชานนท์เหมือนเห็นวรุฒเดินไปตามทางด้วยความรู้สึกเชื่องช้า หูของเขาถูดตัดการรับฟังใดๆ เหมือนห้องทั้งห้องดำมืดและเงียบเชียบเหลือแต่เพียงบุคคลสองคนที่เดินไปตามทางภายใต้แสงไฟที่สว่างชัดเจน

“นนท์!!” เมย์เขย่าตัวเขาให้รู้สึกตัว
“อะ...อะไร?” ชานนท์สะดุ้งหันไปหาเพื่อนสาวห้าวข้างๆ
“แก... เป็นอะไรไหมเนี่ย เรียกตั้งนาน?” เมย์เซ้าซี้อย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร” ชานนท์ตอบแบบผ่านๆ ทั้งที่ความจริงความรู้สึกในใจยากที่จะบรรยายออกมา
“แกๆ แกรู้จักเขารึเปล่าวะ? เห็นเดินไปกับรุฒน่ะ”
“ไม่!” ชานนท์ตอบเสียงห้วน
“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ควงกันใกล้ชิดขนาดนี้!!”
“ไม่รู้โว้ย!!” คนตัวเล็กรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“นนท์....”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ตัวจนทำให้ชานท์รีบหันไปหาต้นเสียงด้วยความตกใจ
“รุฒ!!”
“เอ่อ..... เรา.... วันนี้นายกลับไปก่อนนะ เรามีธุระนิดหน่อย” วรุฒพูดด้วยสีหน้านิ่งจนยากจะบอกความรู้สึกของเขาได้ สีหน้าเหมือนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก
“อืม...” ชานนท์พยักหน้าตอบแบบกลายๆ แล้ววรุฒก็หันหลังเดินจากไปทิศที่หญิงสาวนางแบบนั่นยืนอยู่

“อะไรวะ?” เมย์พูดขึ้นน้ำเสียงหงุดหงิดแทนเพื่อนของเธอ เพราะปกติวรุฒจะไม่เคยปล่อยให้ชานนท์เดินกลับหอคนเดียว แต่นี่นอกจากจะไม่สนใจคนที่อุตส่าห์รออยู่หลายชั่วโมงแล้วแต่กลับเดินทางไปกับคนอื่นแบบนี้

ชานนท์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนิ่งและมองภาพสาวสวยและหนุ่มรูปงามเดินจากไปทางประตูหอประชุม มันคงจะเป็นถาพที่น่าดูมากหากชายหนุ่มรูปงามนั่นไม่ใช่แฟนของเขา

“มันทำเชี้ยอะไร!!” พี่เอกพุ่งมาด้วยความเร็วมายืนเคียงข้างชานนท์และใช้มือวางบนบ่าของชานนท์เบาๆ
“พี่เอก...” เมย์เอ่ยทักพี่เอกและทำหน้าห้ามไม่ให้พี่เอกพูดอะไรไปมากกว่านี้

“ผมกลับห้องก่อนนะ” ชานนท์พูดจบก็ก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจเพื่อนและรุ่นพี่ที่ยืนอยู่รั้งท้าย
“ให้พี่ไปส่งไหม?” พี่เอกทัก
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปจัดงานของพี่เถอะ เดี๋ยวโดนพี่สองแขวะอกเอานะ” ชานนท์หันมาฝืนยิ้มและเดินจากไป ห่างออกไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ภายใต้สายตาห่วงใยจากคนเบื้องหลัง

....................................

“มันทำอย่างนี้กับน้องนนท์ได้ยังไงวะ!!” พี่เอกขบเคี้ยวฟันพูดอย่างฉุนเฉียว
“ใจเย็นๆ พี่! เมย์ว่า มันก็แปลกๆ นะ  ดูท่าทางวรุฒก็ไม่ได้เต็มใจไปเท่าไหร่” เมย์ออกปากเตือนและให้ความเห็นเมื่อเห็นรุ่นพี่ของเขาคุมอารมณ์ตัวเองแทบไม่อยู่
“.........” พี่เอกได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดและหายใจเข้าออกยาวๆ เหมือนนับหนึ่งถึงสิบในใจ
“เดี๋ยวเมย์จัดการเอง ถึงเวลานักสืบมหา’ลัยอย่างเมย์คนนี้แล้ว!!” เรื่องจริงคือเมย์เป็นคนที่รอบรู้และเผือกเรื่องชาวบ้านในเลเวลที่ไม่ธรรมดา มันเลยกลายเป็นเรื่องที่แสนจะท้าทายของเธอ
“ไม่เป็นไร! พี่พอจะรู้แล้วว่า ไอ้เรื่องเลวๆ แบบนี้มันมาจากใคร?!?” พี่เอกตาเป็นประกายเหมือนมีภูเขาไฟปะทุอยู่ ทำให้เมย์รู้สึกกลัวพี่เอก ณ ตอนนี้ขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

.............................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่สินะ  แผนไอ้พี่เต๋ามัน

ว่าแต่เหตุผลอะไรถึงทำให้วรุฒต้องโอนอ่อนยอมไปกับยัยผู้หญิงนั่นด้วย

ป.ล. รอดูฮีโร่พี่เอก  ว่าจะจัดการกับตัวแสบอย่างไอ้พี่เต๋าอย่างไรต่อ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 25

Roses and thorns


‘ชีวิตไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ’

แม่ของชานนท์พร่ำบอกเขาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต

เขาเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะที่ผ่านมา เขากับแม่ก็ลำบากมาด้วยกันมากมายกว่าจะมีวันนี้ วันที่มีพร้อมแทบทุกสิ่งนับแต่วันที่พ่อของเขาจากไป ทุกความยากลำบากเขาต่างผ่านมันมาหมดแล้วทุกรูปแบบ

แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า แม่น่าจะหมายถึงสิ่งนี้ด้วย สิ่งที่คนที่กำลังจะก้าวออกจากวัยเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญ!

‘ความรัก’

ความรักฉันท์คู่รัก มันเป็นสิ่งที่ชานนท์เคยต้องการที่จะได้ลิ้มลอง แต่ไม่คิดว่ามันจะทรมานถึงเพียงนี้ ภาพที่เขาได้เจอวันนี้ เขาพยายามหาคำตอบจากมัน แต่คิดจนหัวแทบระเบิดก็ยังไม่รู้ว่า ทำไมวรุฒถึงได้เดินไปกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ดูพร้อม และมีท่าทีที่สนิทสนมกันมาก มากเกินเพื่อน!

เขาพยายามหักใจไม่คิดอะไรมากมาย พร่ำบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เขากับวรุฒนั่นต่างมาไกลจากวันที่เขาพบกันวันแรกมาก เขาจะต้องเชื่อในการกระทำที่ผ่านมา เรื่องที่วรุฒสัญญากับแม่ของเขาไว้

สรุปคือ ค่ำวันนั้น ชานนท์ไม่สามารถอ่านหนังสือได้รู้เรื่องเลย ทั้งๆ ที่มีของดีอยู่ในมือ เขากลับอ่านย่อหน้าเดิมซ้ำไปมาจนเวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงคืน สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเข้านอน

ข่มตานอนอยู่ในความมืดมิดของห้องที่มีเพียงเขากับเตียงที่กว้างใหญ่ ชานนท์เพิ่งรู้สึกตัวว่า เตียงนี้มันช่างกว้างใหญ่เสียเหลือเกินเวลาไม่มีคนที่มาพยายามจะกินตับเขาอยู่ทุกคืน

แอ็ด.......

เสียงปลดล้อกตามด้วยเสียงบานพับประตูลั่นอ้าเปิดออกอย่างช้าๆ ชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ เขาเห็นร่างเล็กนอนห่มผ้านิ่งอยู่บนเตียง วรุฒถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ โชคดีที่แฟนตัวเล็กของเขาไม่น้อยใจและหนีออกจากห้องไป

เขารีบปิดประตูและเข้ามาอาบน้ำแต่งตัวด้วยฝีเท้าเหมือนย่องเบา และล้มตัวลงนอยข้างๆ คนตัวเล็กและโอบกอดไว้อย่างคิดถึง วรุฒสูดกลิ่นตัวที่เกิดจากสบู่กลิ่นเดียวกับเขาเข้าเต็มปอด และหอมไปที่แก้มหนึ่งทีอย่างนุ่มนวล พร้อมที่จะปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เขาได้เจอวันนี้ วรุฒตัดสินใจหลับเพื่อเก็บแรงเก็บสมองไว้ใช้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดๆ ไป

กลิ่นแอลกอฮอล์ประสมปนเปมากับลมหายใจของคนตัวใหญ่ที่กอดชานนท์อยู่อย่างถนุถนอม คนที่เพิ่งเดินเข้ามาไม่ได้พูดอะไรมากมายนอกจากผ่อนลมหายใจใส่ตัวเขา ก่อนที่จะกดจูบลงไปที่แก้มนิ่มๆ ของเขา และหลับไป

วรุฒคงไม่รู้ว่าชานนท์ยังไม่หลับ และเขาก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะหลับลงหรือไม่ หากยังคงมีเรื่องค้างคาใจแบบนี้


............................................

ในที่สุดวันประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นกิจกรรมใหญ่งานหนึ่งของทุกปี มีนักศึกษาเข้าร่วมเต็มห้องประชุมแม้จะขายบัตรก็ตาม (เพื่อนำเงินไปพัฒนาชุมชนตามนโยบายของสโมสรนักศึกษา)  ส่วนคนที่ซื้อบัตรไม่ทันก็ยังสามารถมาดูที่จอถ่ายทอดหน้าห้องประชุมได้

ส่วนชานนท์เนื่องจากวรุฒซื้อบัตรวีไอพีให้นั่งจึงได้นั่งหน้าสุดใกล้เวที ใกล้ชนิดเห็นเนื้อผ้าผู้เข้าประกวดชัดเลยทีเดียว

“ไม่สบายเหรอน้อง?” น้ำเสียงห่วงใยที่คุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกลจนคนเหม่อลอยหันไปทางต้นเสียง
“พี่เอก.... เปล่าครับ ผมสบายดี แค่รู้สึกตื่นเต้นกับการประกวดน่ะครับ” สีหน้าของคนโกหกไม่เก่งแสดงออกมาจนคนฟังนิ่วหน้าให้เห็น
“จะให้พี่ช่วยอะไรก็บอกมานะ” พี่เอกส่ายหน้าและพูดด้วยความเป็นห่วง
“ครับ” ชานนท์รู้ได้ทันทีเลยว่าพี่เอกรู้สึกถึงความไม่สบายใจของเขาโดยไม่ต้องพูดอะไรออกมาจึงได้แต่ฝืนยิ้มตอบไป

การประกวดกำลังจะเริ่มขึ้น พี่เอกที่เป็นหนึ่งในทีมงานจึงขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของการเตรียมดูแลสวัสดิการต่างๆ ให้กับผู้เข้าประกวดและทีมงาน จากที่พี่เอกนั่งยองอยู่เยื้องกับเขาก็รีบลุกขึ้นและรีบเดินไปหลังเวทีทันที ก่อนจะส่งสายตาไปพี่เอกอมยิ้มเพื่อส่งสัญญาณว่าเขาโอเค ส่วนพี่เอกก็แอบมองมาทางชานนท์เพื่อดูว่าเขายังโอเคหรือเปล่า แต่ก็พบว่าสักพักชานนท์กลับไปทำหน้านิ่งเหม่อลอยเหมือนเดิม

“นอนไม่หลับ” ชานนท์บ่นงึมงำหลังจากที่พี่เอกลุกออกไปแล้ว
“อะไรนะ?” ยัยเมย์ที่เพิ่งเดินมาถึงก็มานั่งข้างเขาพร้อมกับถามในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน (ชานนท์ขอให้วรุฒซื้อเผื่อยัยเมย์ด้วยเพราะเขาไม่อยากนั่งคนเดียว ซึ่งยัยเมย์ก็เต็มใจอยากมาเชียร์รูมเมทของเธอ ‘มายด์’ อยู่แล้ว ที่สำคัญฟรี!)

“เปล่า” ชานนท์รีบปฏิเสธทันที
“นอนไม่หลับ?” เมย์หรี่ตาจ้องหน้าทวนคำอีกฝ่าย
“ทำไมถึงรู้?” คนตาบวมประหลาดใจ
“แค่มองหน้าก็รู้แล้วไหมเนี่ย!! คนอะไรตาลึกโบ๋ แถมช้ำได้ขนาดนี้!! ถามจริง.... เมื่อวานวรุฒจัดหนักเลยเหรอ?”  เมย์ยิ้มกริ่มแบบล้อเลียน
“ถ้าเขาทำก็ดีสิ นี่หายไปไหนเกือบค่อนคืน แถมยังหายไปตั้งแต่เช้า!! จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเลย!” ชานนท์หงุดหงิดจนหลุดปาก เหมือนอารมณ์ที่อัดอั้นไว้ มันได้พังทลายเป็นเขื่อนพังขนาดนี้ พูดจบก็ได้แต่ทำหน้าตกใจใส่เพื่อนของตัวเอง ที่ตอนนี้ทำหน้าแปลกใจยิ่งกว่าคนพูด

“ก็อยากฟินอยู่นะที่รู้ว่า นายชอบทำอะไรแบบนั้นกัน แต่พอฟังจบนี่กลุ้มใจเลย” เมย์ถอนหายใจ
“โทษทีนะ เราอาจจะคิดมากไป” ชานนท์หน้าหลุบต่ำ
“สมควรคิดมาก หากแฟนเราทำแบบนี้ รับรองว่าไม่ได้นอนเหมือนกัน คือจะซ้อมมันจนกว่าจะพูดความจริง!!”  เมย์พูดไปใส่อารมณ์ไป
“..........” ชานนท์ตอบไปด้วยความเงียบและแววตาสับสน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราช่วยเอง นักสืบนักศึกษาหญิงคนนี้ แม้ตัวจะเล็ก แต่สมองความเผือกเป็นระดับศาสดาจารย์ เรื่องเผือกขอให้บอก!!” เมย์พูดไปก็ทำท่าขยับแว่น(สมมติ)ไป ทำให้ชานนท์หลุดยิ้มออกมาได้นิดหน่อย

“เอาเหอะ นั่งดูการประกวดอย่างสบายใจเหอะ นั่นไง แฟนนายอยู่นั่นไง!!” เมย์ชี้ไปที่ด้านหลังเวทีที่เห็นใบหน้าเหนื่อยๆ ของวรุฒใกล้กับม่านกั้นฉากบนเวที แฟนตัวสูงของเขาปรากฏตัวแล้ว

.....................................


การประกวดนั่นประกอบไปด้วยรอบแนะนำตัว รอบการแสดงประกอบเสียงเพลง รอบเดินแบบในชุดที่แต่ละคณะออกแบบ รอบชุดกีฬา รอบตอบคำถาม ( อย่างกับประกวดนางงาม) และสุดท้ายผู้ที่ได้ตำแหน่งไปครองก็เป็นไปตามคาด

เดือนมหาวิทยาลัย ได้แก่ วรุฒ (รุฒ)
ดาวมหาลัยได้แก่ มายา (มายด์)

หลังจากการมอบรางวัล และพิธีรีตรองต่างๆ บนเวทีเรียบร้อยแล้ว วรุฒรีบหาโอกาสเดินเข้ามาหาชานนท์ที่ที่นั่งด้านหน้าทันที ในขณะที่เพียงไม่กี่ก้าวจะเดินไปถึง รุฒก็ถูกแฟนคลับรุมล้อมเสียจนขยับตัวไม่ได้ เพียงเพราะอยู่ในสายตามารดาตนเองที่ตอนนี้นั่งเป็นประธานอยู่ เขาคงโวยคนพวกนี้และสั่งให้หลีกทางไปแล้ว วรุฒอยากเจอแฟนเขามาก เขามีเรื่องที่อยากจะอธิบายมากมายเลยทีเดียว

เพียงไม่กี่เมตรก่อนจะถึงตัวแฟนตัวเล็กของเขา ในขณะที่วรุฒพยายามแหวกฝูงชนไปยังเป้าหมายของเขา ร่างของหญิงสาวสูงโปร่งในชุดลำลองสีฉูดฉาดก็ปรากฏขึ้นขวางคลองสายตาของเขา

“เรื่องของเรามันจบแล้ว เมื่อไหร่เธอจะเลิกวุ่นวายเราเสียที” วรุฒตอบคนที่ขวางอยู่เป็นภาษาอังกฤษที่เหมือนเจ้าของภาษา
“เธอแน่ใจนะ ว่าเธอต้องการอย่างนั้นจริงๆ!” หญิงสาวหน้าตาค่อนไปทางชาติตะวันตกพูดตอบมาด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ
“แน่ใจ!!” วรุฒตอบกลับด้วยแววตามั่นคง
“งั้นก็อย่าหาว่าเราไม่เตือนนะ นายจะทำตัวไม่รับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้!!” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์อะไรบางอย่าง
“จะให้เราแต่งงานกับเธอทั้งๆที่ เราไม่ได้รักกันแล้ว!?! อย่าลืมนะว่าเธอทำอะไรกับฉันไว้!!” วรุฒเลือดขึ้นหน้ามานิดหน่อย พูดเชิงตะคอกพร้อมชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน จนคนที่ห้อมล้อมอยู่เริ่มถอยร่นออกมาทีละก้าว จนเกือบจะเป็นว่าวรุฒและหญิงปริศนา ถูกล้อมอยู่ในฝูงชน

“งั้นเธอก็น่ารู้นิสัยฉันดีว่า เธอควรจะยอมฉันเสียดีกว่า หากฉันไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าจะมีใครได้!!”เสียงหญิงปริศนาต่างก็โต้ตอบกลับมาอย่างเฉียบคม น้ำเสียงเนียนเรียบ แต่แววตาช่างดุดัน

ปี๊บๆๆๆๆ

เสียงข้อความของทุกคนดังขึ้นรัวๆ จากทั่วทุกมุมของห้องประชุม บางคนเปิดสั่นไว้ก็ต่างสะดุ้งสุดตัว เพราะต่างตั้งใจฟังการสนทนาของเดือนมหาวิทยาลัยในหอประชุม

รวมถึงชานนท์ เขาเองก็ได้รับข้อความเช่นกัน ทุกคนที่เปิดดูต่างฮือฮาจนคนที่ยังไม่เปิดต้องขอเปิดดูบ้างจนกลายเป็นว่าทั้งห้องประชุม ทุกคนต่างจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง

“ว้าย! ตายแล้ว นนท์!! เราว่า.... เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ!!” เมย์ตกใจแต่ก็สามารถดึงสติตัวเองมาได้ทัน เพื่อห้ามไม่ให้เพื่อนตัวเองสนใจข้อความที่ส่งมา

แต่ก็สายไป.... ชานนท์กดปุ่ทเล่นคลิปวีดิโอที่ส่งมาพร้อมกับข้อความเชิญชวนให้เปิดเป็นที่เรียบร้อย

ในคลิปที่ส่งมา มีเพียงความมืดที่ว่าเปล่า แต่มีบทสนทนาที่ประกอบได้สองเสียง เสียงหนึ่งเป็นผู้หญิงพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงเจ้าของภาษา และอีกเสียงหนึ่ง เสียงผู้ชายที่คุ้นหูชานนท์เป็นอย่างดี แม้ว่าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษแต่ละชานนท์ก็จำได้ดี เพราะเป็นเสียงที่เขาได้ยินทุกวัน ในช่วงแรกของคลิปหน้าจอมันดำมืดไปหมด แต่เพียงชั่วไม่กี่นาที ก็ปรากฏภาพขึ้นมาเป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยอยู่ประมาณ 2-3 วินาที ซึ่งก็มากพอที่จะให้ใครจำได้ว่าเสียงที่พูดอยู่เป็นใคร

ในเนื้อความบทสนทนา แม้จะเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ แต่ก็จับใจความได้ถึงความสัมพันธ์ของคู่สนทนาว่ามีประวัติต่อกัน

‘แฟนเก่า’ คำๆหนึ่งนึกขึ้นมาหลังจากฟังไปได้กว่าเกือบ 3 นาที ชานนท์แม้ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมากมายนักแต่แค่จับใจความแต่นี้มันสบายมาก คนพูดเองก็เหมือนจงใจให้ทุกคนสามารถฟังให้รู้เรื่อง
จนกระทั่งถึงประโยคที่ทำให้ทุกถึงกับใจสั่นไปตามๆกัน สร้างเสียงฮือเป็นคลื่นไล่เลียงกันไปตามลำดับการเปิดฟังที่ไม่เท่ากัน

‘ฉันท้อง! คุณก็รู้!! และพ่อคุณอยากให้ฉันทำแท้ง ฉันไม่อยากทำ แต่ฉันต้องหาทางเลิกกับคุณ หากฉันไม่อยากเดือดร้อน!”
‘..........’ เกิดความว่างเปล่าขึ้นกลางบทสนทนา
‘แต่มันก็หนีความจริงไม่ได้ว่า พ่อผมจ้างคุณมาเพื่อจับตาดูผม!’
‘เพื่อให้คุณกลับมาเดินทางที่ถูกต้องต่างหาก! ให้คุณเลิกหลงผิดไปกับอาเธอร์! แล้วฉันก็ทำสำเร็จ คุณจะไม่เชื่อก็ได้แต่ฉันรักคุณจริงๆนะ ยอมรับมาเถอะว่าช่วงเวลานั้น เรารักกัน!’
‘ซาร่า คุณก็กล้าพูดคำนั้นนะ ในเมื่อคุณเองก็ไปหลอกลวงอาเธอร์เหมือนกัน จนเราห่างกัน คุณถึงแทรกมาหาผมได้ ผมคบกับคุณได้ในช่วงของความอ่อนแอ!!’
“รุฒ... คุณจะเชื่อฉันหรือไม่ ฉันบังคับคุณไม่ได้ แต่ฉันรักคุณจริงๆ นะ!!’
‘คำว่า [รัก] ของคุณ มันไม่ต่างอะไรกับของซื้อขาย!! ผมไม่อะไรตัองรื้อฟื้น คราวนี้ใครส่งคุณมาล่ะ!!’
“ไม่มี! ฉันอยากให้เรากลับมาเหมือนเดิม!!’
‘ฝันไปเถอะ! แค่นี้นะ ผมต้องกลับไปหาแฟนของผมแล้ว!! อ้อ! เดี๋ยวอย่าเรื่องลูกมาต่อรองอีก เพราะคุณน่ะรู้ดีที่สุด!!’
แล้วเสียงเลื่อนเก้าอี้ก็ดังลั่นเข้าลำโพง

วรุฒที่ตอนนี้ฝ่าฝูงชนแล้วเดินมาจนถึงหน้าแฟนตัวเล็กของเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัวต่อปฏิกิริยาของแฟนตัวเอง
“พอเถอะ! นายควรจะฟังจากปากเราดีกว่า!” วรุฒพูดพร้อมยกมือขึ้นเพื่อคว้าโทรศัพท์จากมือแฟนตัวเอง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายใช้มือหยุดไว้ พร้อมกับประโยคที่สะเทือนใจที่สุดดังขึ้นมา

‘อย่าทิ้งเราเลยนะ ฉันขอร้อง!!’
‘เรา??’
‘ฉันยังเก็บลูกของเราไว้!’
และคลิปก็ตัดไป....

สิ้นเสียงในคลิป ชานนท์มองหน้าวรุฒด้วยแววตาที่สับสน และเจ็บปวด เขาคิดไว้แล้วผู้หญิงคนนั้นต้องเคยมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับแฟนตัวสูงของเขา ในใจของเขาในตอนแรก เขาพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์กับแฟนของเขาไว้

แต่นี้.... มันมีชีวิตเล็กๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย! เขาจึงสับสนทำอะไรไม่ถูกคิดอะไรไม่ออก เด็กไม่สามารถขาดพ่อได้ เขารู้ดีหลังสูญเสียบิดาไป และวรุฒควรรับผิดชอบกับชีวิตที่เขาสร้างขึ้น

“นายควรจะรับผิดชอบ!” ชานนท์จ้องหน้าวรุฒและพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“นนท์ขอร้อง ฟังเราก่อน” วรุฒพยายามฉุดรั้งอีกฝ่ายที่พยายามจะเดินจากไปจากจุดนั้นด้วยแววตาสับสน

“มึง! พอได้แล้ว!!” มือของวรุฒถูกคว้าไว้จนไม่สามารถเอื้อมไปถึงชานนท์ได้พร้อมเสียงที่ดุดันเสียงหนึ่ง
“ไอ้หน้าตี๋ มึงไม่เกี่ยว!!” วรุฒสะบัดมืออีกฝ่ายอย่างแรกให้หลุด
“เกี่ยว! มันเป็นน้องกู!! เลิกทำร้ายน้องกูเสียที!!” พี่เอกพูดเสียงแข็งและเดินมาขวางทางวรุฒ จนวรุฒได้แต่เห็นชานนท์เดินแหวกฝูงชนจากไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเพื่อนสนิทของเขา

เมย์ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รีบเดินไปเป็นเพื่อนชานนท์ทันที เธอโอบไหล่ที่สั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำของชานนท์ เพื่อนตัวเล็กของเธอเดินก้มหน้าก้มตาจนเมย์เองก็ไม่เห็นสีหน้าของชานนท์ ก่อนจะลับตาไป เมย์หันไปหาวรุฒพร้อมทำปากพูดบางอย่างออกไป และหวังว่าวรุฒจะเข้าใจข้อความที่เธอส่งไป

‘ใจเย็นๆ เราจะพยายามช่วยเอง!!’
แล้วเมย์ก็พาชานนท์เดินลับตาไป

[รุฒ ขอโทษนะ เธอเป็นคนทำให้ฉันเลือกใช้วิธีนี้เองนะ] หญิงสาวต่างชาติเดินเข้ามาใกล้และยกมือลูบแก้มวรุฒอย่างอ่อนโยน
[ซาร่า!! เธอ! ต้องการอะไรกันแน่ ฉันไม่เข้าใจ!!] วรุฒคว้าข้อมือนั่นและกำไว้แน่น
[เธอ....ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แต่ฉันทำเพื่อลูก!] ซาร่าเจ็บที่ข้อมือแต่เธอก็ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่มีความมุ่งมั่นในดวงตาจนวรุฒแอบประหลาดใจ อะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ มุ่งมั่นที่จะทำลายความสุขของเขาขนาดนี้
[จะไปไหนก็ไป!!] วรุฒสะบัดมือหญิงสาวที่มีความสูงไล่เลี่ยกับเขา และชี้มือไปที่ประตู

หลังจากที่ซาร่าพ้นออกไปจากประตูหอประชุมแล้ว ทุกคนในห้องก็ต่างกระจายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากเอก รุ่นพี่ที่แสนดีที่ยังคงยืนจ้องหน้าคนตัวสูงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

“มึงไปจัดการเรื่องของมึงให้เรียบร้อย หากเคลียร์ไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาให้น้องกูเห็นหน้าอีก!!” พี่เอกถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินจากไปในทิศทางเดียวกันกับชานนท์ ปล่อยให้คนตัวสูงยืนทึ้งหัวตัวเองอย่างแรง

“พี่รุฒ....” มายด์เป็นคนเดียวที่ตอนนี้ยังคงอยู่เคียงข้างวรุฒ
“อืม.... ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป!” วรุฒฝืนยิ้มตอบกลับไป
“คือ..... คุณป้าโทรมาน่ะคะ...” มายด์ยื่นโทรศัพท์ของวรุฒที่ฝากทีมงานไว้มาให้

.....................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยซาร่า  แกเป็นยาแก้ปวด แต่ไฉนถึงมาทำให้ใครหลายคนต้องปวดหัว?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขอยาพาราด่วน  ปวดหัวกะวรุฒมากจ้า

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“แม่! ช่วยไปบอกพ่อด้วยว่าเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมได้แล้ว!!” วรุฒโวยลั่นขณะเดินออกจากหอประชุมที่ร้างผู้คน
“ใจเย็นๆ ลูก พ่อจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ รุฒก็รู้ว่า พ่อเกลียดผู้หญิงคนนั้นจะตาย ไม่งั้นเขาไม่ทำแบบนั้นในตอนนั้นหรอก” เสียงมารดาอธิบายอย่างใจเย็นออกจากลำโพงของโทรศัพท์
“ไอ้วิธีแบบนี้ก็มีแต่พ่อนั่นแหละ!” วรุฒยังคงพูดด้วยถ้อยคำฉุนเฉียว จากการเป็นพ่อลูกกันมา 20 ปี เขารู้ดีว่าพ่อเขาเป็นคนอย่างไร
“ไม่ต้องห่วง แม่ส่งคนไปสืบเรื่องนี้แล้ว หากเป็นพ่อของลูกจริง คราวนี้แม่จะออกโรงจัดการเอง!” วรุฒได้ยินเสียงถอนหายใจของมารดาตนเองผ่านทางสายโทรศัพท์
“เรื่องนี้คงไม่ต้องถึงมือแม่หรอก!!” วรุฒกัดฟันกรอด

มายด์ที่ยืนรับฟังบทสนทนาอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกใจไม่ดี หากพ่อของวรุฒเข้ามาส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เกรงว่าเรื่องมันจะใหญ่เกินกว่าจะแก้ไขปัญหาได้ และคนที่เธอห่วงที่สุด ไม่ใช่คนที่เหมือนพี่ชายเธอแต่เป็นเพื่อนของเธอต่างหาก

.......................

ชานนท์ได้แต่นั่งนิ่งอยู่ที่นอกชานของหอพัก ซึ่งไม่ใช่ห้องของเขา เสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำก็ไม่ใช่เสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อผ้าที่ดูใหญ่กว่าขนาดตัวเขามากจนหลวมโครกไปหมด แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจตรงนี้เท่าไหร่

“นอนไม่หลับหรือ? ตื่นแต่เช้ามืดเลย?” เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากทางด้านหลังพูดขึ้น เสียงของรุ่นพี่หน้าตี๋ของเขานั่นเอง
“อืม.... เปล่าครับ แค่อยากมาสูดอากาศยามเช้า.....” ชานนท์หันมาฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เขาแทบไม่ได้นอนเลยต่างหาก เพราะความคิดในหัวร้อยแปดอย่างที่ผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ มันทรมานเขาจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ ใจหนึ่งอยากเห็นแก่ตัว อยากแย่งวรุฒมาครอบครองโดยไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใด แต่อีกใจกลับนึกถึงตนเองตอนเด็กๆ ที่ไร้เงาบิดาคอยดูแล ภาพที่เขาสูญเสียบิดาตั้งแต่ยังวัยเด็กมันย้ำให้เขาถอย

“เด็กเอ้ย.....” พี่เอกส่ายหน้าและใช้มือลูบศรีษะอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม
“ผมต้องทำอย่างไรดีครับ?.......” ปากที่ขยับตามใจคิดแต่ดวงตาทั้งสองกลับจับจ้องอยู่ที่ขอบฟ้าที่กำลังเรืองแสงสีส้ม

“เฮ้อ..... พี่ตอบแทนเราไม่ได้..... แต่หากเป็นพี่..... พี่จะลองสู้! สู้เพื่อคนที่เรารักก่อน....” พี่เอกผ่อนลมหายใจและพูดออกมาจากใจจริง เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยแววตาห่วงใย
“ผม..... ผมอยากเข้มแข็งได้อย่างที่พี่เป็น..... ผม.....” ชานนท์หลับตาลง ตาที่บวมช้ำของคนไม่ได้นอน และพูดอย่างอ่อนแรง
“นนท์ยังรักเขาไหม?” พี่เอกถามตัดประโยคที่ยังไม่จบของคนตัวเล็ก
“ครับ” สิ่งหนึ่งที่ชานนท์ตอบได้อย่างมั่นใจ
“งั้นนนท์ก็ต้องเข้มแข็งกับทุกอุปสรรคที่เกิดขึ้น”
“ครับ”
“ชีวิตคนเรามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะ”
“เรื่องนี้ผมรู้ครับ ยิ่งตอนที่ตัดสินใจคบกับรุฒผมก็รู้อยู่เต็มอกครับว่ามันไม่ง่าย”
“งั้นตอนนี้พี่บอกได้อย่างเดียวว่า รอ .... รออย่างเข้มแข็ง!”
“รอ?”
“วรุฒไม่ใช่คนใสซื่อ พี่รู้ว่าเขามีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาดี และเขารักนนท์มาก ไม่มีทางที่วรุฒจะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรหรอกนะ!”

“ครับ” ชานนท์ตอบรับการให้กำลังใจรุ่นพี่ของตน ทั้งๆ ที่ในใจ เขาก็หาทางออกให้กับเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะกำพร้าพ่อไม่ได้

...............................

ช่วงสองวันที่ผ่านมาหลังจากการประกวดดาวเดือนที่แสนสั่นสะเทือนคนทั้งมหาวิทยาลัย สองวันที่เขาไม่เจอแม้แต่เงาของชานนท์ สุดที่รักของเขา สองวันที่เขาแสนจะอึดอัดกับการตามล่าข่าวของนักข่าวประจำชมรมข่าวมหาวิทยาลัย และบรรดาสายเผือกทั้งหลายที่ต้องการสอบถาม และต้องการบทสัมภาษณ์ที่เหมาะกับการนำไปเป็นประเด็นร้อนในช่องทางของตนเอง แต่เพราะความเป็นมาเฟียของเขาจึงยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาได้เลย เพราะสายตาของเขาตอนนี้กลับไปเหมือนช่วงต้นเทอมที่พร้อมจะปะทะกับทุกคนที่ไม่ถูกชะตา

วรุฒยังคงไปเรียนตามปกติเพราะเขาให้สัญญากับมารดาตัวเองไว้ว่าจะทำผลการเรียนของตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์ดีเสมอ เพื่อให้เขาอยู่ภายในการคุ้มครองของแม่ (อย่างน้อยพ่อก็เกรงใจมารดาเขาอยู่บ้าง ในฐานะภรรยาหลวง)

แต่พอเข้าวันที่สอง ความอดทนของเขาก็หมดลง วรุฒไม่เคยคิดเลยว่าชานนท์จะขาดเรียน โดยให้เมย์บอกกับอาจารย์ทุกคนว่าป่วยหนักมาก แถมยังมีใบรับรองแพทย์มาให้ด้วย! จนกระทั้งคาบเรียนที่สองหลังเที่ยง เส้นความอดทนของวรุฒขาดสะบั้นลง เขาเดินออกจากห้องทั้งๆ ที่อาจารย์ยังคงสอนอยู่หน้าห้อง โดยที่ไม่มีการขออนุญาตใดๆ อาจารย์ประจำวิชาได้แต่ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของเขา ครั้นจะทักห้ามแต่สีหน้าและบรรยากาศของวรุฒนั้นอันตรายเกินกว่าที่จะหยุดไว้ได้

พั่บ!

“แม่งเอ้ย!!” วรุฒเหวี่ยงสมุดลงบนโต๊ะสำหรับนั่งเล่นใต้อาคารเรียนที่เขาเพิ่งเดินลงมาจากชั้นห้าโดยไม่ใช้ลิฟท์ด้วยความหัวเสีย เขาอยากเดินระบายความอัดอั้นในหัวมันออกมาบ้าง โชคดีอยู่ระหว่างคาบเรียนจึงมีคนสนใจอยู่น้อย

ปี๊บปี๊บ.....

เสียงสัญญาณแสดงอีเมล์เข้ามาที่โทรศัพท์ วรุฒรีบเปิดขึ้นดูด้วยความใจร้อน เขาแสยะยิ้มที่แสนร้ายกาจออกมาทันทีที่อ่านอีเมล์ฉบับดังกล่าว

‘ไอ้เลวที่มันวางยาใส่กู มึงยังก้าวไม่ทันกูหรอก!!’ เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย็นจนทำให้บรรยากาศรอบข้างเย็นไปด้วย

.....................

“เมย์ บอกมานนท์อยู่ไหน?” วรุฒลากเมย์ออกมาคุยนอกอาคารทันทีที่คาบเรียนช่วงบ่ายเลิกเรียน
“อยู่กับพี่เอกมั้ง!” เมย์ตอบกลับทันที
“อย่ามาเนียน นนท์อยู่ไหน?” วรุฒเสียงแข็ง
“นายไปถามพี่เอกเอาก็แล้วกัน เราไม่รู้เรื่อง!!” เมย์พูดจบก็เบี่ยงตัวหลบไปจากอีกฝ่ายทันที
“อย่ามาโกหก.. นนท์ไม่ได้อยู่ห้องไอ้เอก!” วรุฒยื่นมือคว้าแขนอีกฝ่ายไว้อยู่หมัด
“นายรู้ได้ไง พี่เอกอาจจะไม่บอกความจริงนายก็ได้!” เมย์ที่โดนดึงอยู่ตอนนี้ พยายามจะดิ้นรนเพื่อหลุดจากชายร่างสูง
“แค่ห้องล็อกแค่นี้ อย่านึกว่าเราเข้าไปดูไม่ได้!!” สายตาคนพูดดูโตขึ้นจนเห็นเส้นเลือด แสดงว่าตอนนี้วรุฒเดือดจัดจริงๆ
“นี่นายถึงกับแอบเข้าห้องพี่เอกเลยเหรอ?”
“แค่มีเงินน่ะ จะเข้าห้องไหนในหอพักก็ได้!! พูด!!”
“เอ่อ.........” เมย์มีสีหน้าอึดอัดปนลังเล

“พี่รุฒ!! พอเถอะคะ อย่าให้มันแย่ไปกว่านี้เลย นี่มันที่สาธารณะนะ!!” เหมือนเสียงนางฟ้าจากสวรรค์ เสียงนี้ทำให้วรุฒปล่อยมือที่บีบแขนเล็กๆของเมย์จนแดงเถือกไปหมด
“อูย..... ขอบใจนะมายด์” เมย์หันไปขอบใจอีกฝ่ายพลางเอามือลูบจุดที่แดงปวดตึบ
“นนท์ เขายังไม่พร้อม ให้เวลาเขาหน่อย ตอนนี้เขายังไม่อยากเจอหน้าพี่รุฒนะ” มายด์คิ้วขมวด
“มายด์.... เมย์.... ขอร้องนะ” อยู่ๆ วรุฒก็พูดเสียงอ่อนลงและพูดคำว่า ‘ขอร้อง’ คำพูดที่เขาไม่เคยพูดกับใครจนมายด์ที่สนิทกับเขาตั้งแต่เล็กยังทำหน้าประหลาดใจ
“พี่ขอร้องนะมายด์ พี่รักนนท์จริงๆ” วรุฒเดินมาจับมือมายด์อย่างช้าๆ จนทำให้มายด์ได้แต่ถอนหายใจ
“ที่พี่รุฒตามมายด์มาเพราะจะทำแบบนี้ใช่ไหม?”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบ วรุฒเพียงแค่ส่งสายตาเศร้าๆ มาที่ผู้หญิงตรงหน้าทั้งสองคน

“ตอนนี้นนท์อยู่กับหมอเอิร์ธ แฟนหลงน่ะ นนท์ไม่ค่อยสบายเลยเอาไปฝากไว้ให้หลงดูแล” มายด์พูดออกมาอย่างที่เมย์คิดไม่ถึง เธอนึกว่ามายด์จะใจแข็งกว่านี้

“งั้นพี่ฝากเราพานนท์ไปที่นี่หน่อย ย้ำนะว่าต้องไปให้ได้!!”
วรุฒยื่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งให้มายด์
“นี่มัน...... ห้องส่งฯ ของพวกชมรมข่าวของมหาวิทยาลัย!!”
มายด์และเมย์ทำสีหน้าตกใจ
“ในเมื่อพวกแร้งข่าวมันอยากได้ข่าวก็จัดให้หนักๆ ไปเลย”
สีหน้าวรุฒแฝงความน่ากลัวผิดจากเมื่อครู่

................

ชานนท์ที่กำลังสลึมสลือจากการฉุดกระชากลากถูของมายด์และเมย์มาจากบ้านพักของหมอเอิร์ธใกล้โรงพยาบาล เขากำลังมึนงงกับสถานที่และเหตุผลในการมาของตัวเอง แต่ในเมื่ออารมณ์ในตอนนี้ อยู่ในช่วงเฉื่อยชาจากการคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ทำให้ชานนท์ได้แต่ยอมเดินตามการลากจูงของเพื่อนสาวทั้งสอง

“นี่มันอะไรกันเนี่ย? ถามก็ไม่ตอบตั้งแต่บนรถแล้ว?!?” หลงที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้ที่ถูกเรียกให้เป็นสารถี (รถพี่หมอ) ขับรถมาส่งพวกสาวๆถึงมหาวิทยาลัย
“พวกเธอทำลายวันหยุดของแฟนเรารู้ไหม? รู้รึเปล่าว่าคนเป็นหมอน่ะ หาวันหยุดยากขนาดไหน โดยเฉพาะหาวันที่ตรงกับแฟนอย่างเราเนี่ย!” หลงโอดโอยต่อเผื่อว่า สาวทั้งสองคนจะบอกอะไรเขาบ้าง เพราะตั้งแต่วิ่งเข้ามาในบ้าน ร่ำร้องให้ชานนท์อาบน้ำแต่งตัว และขอร้องกึ่งบังคับให้เขาพามาส่งที่มหาวิทยาลัย หากไม่ได้คำอธิบายดีๆ เขาจะโกรธมากเลยทีเดียว

“วรุฒขอร้องมาน่ะ” เมย์หันไปซุบซิบกับเพื่อนขี้โวยวาย
แต่เนื่องจากชานนท์เป็นหูดี บวกกับยัยเมย์เป็นคนเสียง ถึงจะเป็นเสียงกระซิบก็สามารถกระซิบให้คนทั้งห้องได้ยินได้ คำพูดหนึ่งที่เหมือนดึงชานนท์ออกมาจากห้วงความคิดกังวลคือชื่อของแฟนตัวสูงของเขา

“พาเรากลับเดี๋ยวนี้!” ชานนท์หยุดฝีเท้าลงและหันมามองทุกคนตาเขียว
“ยัยเมย์!! เพราะเธอเนี่ยพูดเสียเสียงดังเลย!!” มายด์กันไปดุเพื่อนสาวห้าวของตนเองอย่างระอาแก่ใจ
“ขอโทษ ก็ฉันรำคาญไอ้ผู้ชายตัวโตขี้บ่นคนนี้นี่นา!” เมย์ส่งต่อการมองค้อนไปที่ที่อีกคนที่ยืนอยู่ลำดับถัด

“เฮ้ยๆ อย่ามาโยนกันสิ!!” หลงได้ทำหน้าโอดโอย
“เราอุตส่าห์ไว้ใจพวกเธอ!! เรายังไม่อยากเจอรุฒตอนนี้!!” ชานนท์คิ้วขมวดพร้อมสาวเท้าเดินออกจากทิศทางที่เพื่อนทั้งหมดของเขาต้องการให้ไป ที่ชานนท์ไม่อยากเจอวรุฒไม่ใช่เพราะเกลียด แต่กลัวตัดใจไม่ได้ต่างหาก! หลังจากใครครวญมาหลายตลบ เขาก็คิดว่า เขาไม่อยากให้เด็กที่เกิดมามีปัญหาเหมือนเขา แม้จะไม่ได้มีความทุกข์อะไร แต่อย่างไรชีวิตช่วงวัยเด็กมันก็ไม่ราบรื่นอย่างเด็กที่ทีพ่อแม่ที่อยู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์

“เฮ้ยๆ เดี๋ยว!” หลงเคลื่อนตัวมาขวางทางไว้ พร้อมจับตัวอีกฝ่ายไว้แน่น
“ปล่อย!!” ชานนท์พูดเสียงเข้ม
“เอาไงดี?” หลงหันไปถามสองสาวที่กำลังลนลาน
“เอาอย่างนี้!! อุ้มเข้าไปเลย!!”
“เฮ้ย! จริงง่ะ” หลงถามเสียงหลง
 “เร็วสิ ไม่มีเวลาแล้ว!! จะถึงเวลาถ่ายทอดแล้ว” เมย์ย้ำ
“เชี้ย!! เอาวะ นนท์ เราขอโทษนะ!!!” หลงพูดจบก็จัดการรวบตัวเล็กๆ ของชานนท์ขึ้นมาในท่ายืน เท้าของชานนท์ลอยเหนือพื้นเป็นฟุตพร้อมพยายามดิ้นรนแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกหลงอุ้มเข้าไปในห้องส่ง ที่ห้องควบคุมทางด้านหลัง

“เฮ้ย! เข้ามาได้ยังไง?” คนตัวอ้วนใหญ่ในห้องควบคุมถามด้วยวาจาเกรี้ยวกราด
“เอ้านี่!!” มายด์ยื่นบางอย่างใส่มือคนที่โวยวาย เหมือนเป็นการ์ดอะไรสักอย่างคล้ายนามบัตร ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหน้าซีดและหุบปากลงทันที
“ตามสบายครับ” คนที่โวยวายก่อนหน้านี้พูดเสียงเรียบ และเดินไปทำหน้าที่ตัวเองค่อไป

“อะไรน่ะ ฉันก็สงสัยอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่า เราจะเข้ามาดูถ่ายทอดสดในห้องควบคุมยังไง ได้ข่าวพี่ๆห้องโสตฯ ดุจะตาย!” ยัยเมย์รีบเดินมาถามอย่างสงสัย นิสัยความเผือกของเธอมันทำให้เธอต้องได้ข่าวสารทันที
“ไปขอให้พี่พัฒน์เขาช่วยนะ บังเอิญคนพวกนี้ เสียพนันพี่พัฒน์ไว้นะ” มายด์เอ่ยถึงคนที่มาติดพันเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ
“สุดยอด แต่ที่สุดยอดกว่าก็เธอนี่แหละ ไม่ได้กลัวอะไรกับเขาเลย นั่นลูกเจ้าของค่ายมวยชื่อดังเลยนะ มาเฟียจะตาย!!”
มายด์ฟังที่เมย์พูดจบ แต่เธอไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มเล็กๆ อย่างสบายอารมณ์ ให้เพื่อนเธอรู้ว่าเธอเอาอยู่

“จะเอายังไงก็เอาเถอะ ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้แรงเยอะไม่ใช่เล่นนะ!” หลงโวยขึ้นเพราะตอนนี้ชานนท์นั้นพยายามดิ้นรนสุดแรงให้พ้นจากอ้อมกอดของหลง

“นั่นสิ โชคดีนะที่วรุฒไม่ได้อยู่แถวนี้ ไม่งั้นหลงคงโดนซัดหมอบ เล่นไปกอดแฟนเขานานขนาดนี้!” เมย์พูดพลางหาทำเลสวยๆ ดูการถ่ายทอดสดที่กำลังจะมีขึ้น

“ปล่อย! พวกนายจะทำอะไร!!??” ชานนท์ร้องลั่น
“นนท์!!” มายด์เดินยื่นมือไปจับหน้าชานนท์เพื่อให้เขาหยุดดิ้นรนและมองมาที่ตัวเอง ด้วยเสียงเข้มที่ชานนท์ไม่เคยได้ยิน ชานนท์หยุดดิ้นทันที พร้อมกับอาการเสียวสันหลังวูบ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่รังสีอำมหิตของคนที่จับหน้าเขาด้วยใบหน้าจริงจังเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“ไม่รู้จริงๆ นะว่า อะไรที่ทำให้พี่รุฒเลือกนาย!! เฮ้อ!! แต่เอาเถอะ ฉันไม่อยากเอาอารมณ์ส่วนตัวมาปนกันในช่วงเวลาแบบนี้!! เพราะตอนนี้พี่รุฒก็เสียชื่อมากพอแล้ว!!” มายด์พูดเสียงดังฟังชัด
“หมาย... ความว่าอะไร?” ชานนท์พูดขึ้นทั้งที่ยังโดนมือเล็กๆ แต่แข็งแรงนั้นบีบใบหน้าจนยับยู่

“เฮ้อ.... โง่หรือเปล่านายเนี่ย!! ก็ยังมายด์น่ะแอบ...” เมย์แทรกขึ้นมาแต่ก็โดนมายด์ห้ามปากไว้
“เอาเป็นว่า... เลิกงี่เง่าก่อนได้ไหม? เรื่องเนี่ย มันเคยเป็นข่าวลือมานานแล้วนะ แล้วก็เป็นเรื่องที่ทำให้พี่รุฒต้องมาอยู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้......” มายด์ต่อว่าและอธิบายต่อ

“แปลว่า... มันเป็นเรื่องจริง....” นนท์ถามทันทีที่เกิดช่องว่างในประโยค
“ก็จริงนะ..... เท่าที่เรารู้..... ยัยซาร่าน่ะ เคยคบกับพี่รุฒสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ... และไอ้ข่าวลือเรื่องท้องนั่นก็.... เท่าที่รู้ก็มีข่าวลือแบบนั้นจริง แต่เหมือนได้ยินว่า พ่อของพี่รุฒแกจัดการเคลียร์แล้วว่ามันไม่จริง ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะหาทางจับพี่รุฒล่ะ สุดท้ายเรื่องเป็นอย่างไร เราก็จะได้รู้วันนี้ล่ะ!” มายด์พยายามเล่าเรื่องที่ตนเองทราบให้นนท์และทุกคนฟัง

“อ้าว.... อย่างนี้มายด์ก็รู้ไม่ต่างจากพวกเราเลยสิ เหมือพวกข่าวลือที่เขาลือกันเลย เว้นแต่เรื่องที่พ่อของรุฒเขาไปช่วยจัดการเคลียร์นี่แหละ แล้ว..ที่ว่าไปจัดการเคลียร์เนี่ย... เคลียร์อะไร ยังไงเหรอ?” เมย์รีบแทรก
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่บ้านเอง และคุณป้าภาเองก็ไม่บอกอะไรเราเท่าไหร่ เอาเป็นว่า เราเล่าเรื่องที่พอเล่าได้แค่นี้ล่ะ” มายด์หลุบหน้าต่ำลง

หลังจากที่ชานนท์ได้ฟังเรื่องจากปากของน้องสาวคนสนิทของวรุฒก็นิ่งไป ความคิดมากมายสับสนอลม่านอยู่มนหัวจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
‘วรุฒเองก็คงลำบากใจไม่น้อย คงเจอเรื่องอะไรมามาก’
เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาในหัวได้ตอนนี้

ไม่นานเสียงนับถอยหลังเพื่อออกอากาศภายในสื่อภายในมหาวิทยาลัยและไลฟ์ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของมหาวิทยาลัยก็เริ่มต้นขึ้น

“สวัสดี วันนี้ ‘เม้าส์เปิดอก’ วันนี้มีแขกคนพิเศษกับประเด็นร้อนแรงที่พวกเรากำลังเม้าส์กันมันส์หยดในช่วงนี้ มาพูดคุยแบบไม่ปิดบังไม่แอ๊บ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอเชิญคุณซาร่าคะ”
พิธีกรชายเจ้าของรายกายที่มีกิริยาเกินหญิงรีบเปิดรายการและเชิญแขกรับเชิญที่ชานนท์จำหน้าได้ดี

วันนี้เธอมาใส่ชุดที่สวมใส่สบาย ดูสุภาพกว่าครั้งที่ก่อน แม้จะแต่งหน้าดูเป็นธรรมชาติแต่เธอก็ดูสวยมีออร่าอย่างนางแบบมืออาชีพ

ช่วงแรกเป็นการแนะนำตัวเธอเอง การสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเธอพูดไทยได้พอสมควรเนื่องที่เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เกิดที่ไทยและได้ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก เธอมีอาชีพเป็นนางแบบแต่ไม่ได้โด่งดังอะไร พอทีงานบ้าง เจอวรุฒเพราะเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน พวกเขาเจอกันในปาร์ตี้อะไรสักอย่าง ซาร่าบอกว่าเธอเป็นเริ่มจีบวรุฒก่อนจนคบกันอยู่หลายเดือน ก่อนที่พลาดตั้งครรภ์ และถูกพ่อวรุฒบังคับให้เลิกและให้เอาเด็กออก

เธอไม่มีทางเลือก เธอจึงต้องยอมเลิกรากับวรุฒ และวรุฒก็ถูกบังคับให้เดินทางกลับมาเรียนที่ประเทศไทย แต่เธอไม่ยอมเอาลูกของเธอออกจึงหลบหนีจนกว่าจะคลอดและกลับมาหาวรุฒ

พูดมาถึงตรงนี้พิธิกรรีบสวนถามทันทีว่าตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหน?

ซาร่ารีบปั้นหน้าเศร้า น้ำตารื้นที่ขอบตาและรีบบอกว่า เธอฝากไว้ที่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง เธอต้องการเดินทางมาบอกให้วรุฒทราบ แต่กลับถูกวรุฒขับไล่ไสส่งและไม่ยอมรับลูกของพวกเขา

พิธีกรไม่รอช้า หลังจากที่แขกรับเชิญคนสวยเริ่มเข้าสู่ดราม่าจึงรีบหยิบยื่นกล่องกระดาษเช็ดหน้าให้ซับน้ำตาทันที และพูดอย่างต่อเนื่องทันที

“เป็นธรรมเนียมของรายการนะครับ ที่เราจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาพูดอยู่ฝ่ายเดียว เราขอเชิญคู่กรณีอีกฝ่ายมาให้ข้อมูลทางฝั่งของเขาบ้างดีกว่า”

หลังจากจบประโยคของพิธีกร ทุกคนที่อยู่ที่หน้าจอต่างพากันนึกถึงวรุฒ แต่ภาพของคนที่เดินออกมากลับเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวจมูกโด่ง ลักษณะโดยรวมค่อนไปทางชาติตะวันตก เดินออกมาพร้อมอุ้มเด็กทารกไว้ในมือ

ส่วนสาวสวยที่นั่งให้ข้อมูลก่อนหน้านี้นั่น หน้าเธอกลับซีดเผือดทันทีที่เห็นคนที่ปรากฎตัวออกมา ไม่ใช่แค่เธอที่ประหลาดใจ ทุกคนที่เฝ้าหน้าจออยู่ตอนนี้ก็ประหลาดใจ อ้าปากค้างไม่แพ้กัน

ยิ่งสำหรับชานนท์แล้ว ยิ่งงงหนักกว่าทุกคน เพราะกำลังสงสัยอย่างหนักว่า เขากำลังนั่งฟังเรื่องของแฟนตัวเองหรือไม่?

“แนะนำตัวเองหน่อยครับ?” พิธีกรผู้ดำเนินรายการพูดขึ้นทันทีที่อีกผู้มาใหม่นั่งลงเรียบร้อยเป็นภาษาอังกฤษ

“ผมชื่ออาเธอร์ครับ” ชายหน้าตะวันตกลับตอบเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจน
“อ้าว! พูดไทยได้ด้วย ชัดมากด้วยดีเลยครับ การสัมภาษณ์จะได้ง่ายขึ้น!” พิธีกรพูดจบก็กันไปใช้สายตาค้อนทีมงานวูบหนึ่งต่อว่าเป็นเชิงว่าทำไมไม่บอกกันก่อน แต่ด้วยชั้นเชิงที่ดีเลยสามารถดำเนินการต่อได้โดยไม่สะดุด

“ผมคือคนที่เธอบอกกับทุกคนในที่นี้ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่เธอฝากลูกไว้!” อาเธอร์พูดกับพิธีกรและหันไปจ้องซาร่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วยสายตาตัดพ้อ
“อ้อ! แสดงว่านี่คือลูกของคุณใช่ไหมครับ คุณซาร่า น่ารักน่าชังทีเดียว เด็กคนนี้ใช่ไหมครับที่คุณยอกกับเราว่าเป็นลูกของวรุฒ”  พิธีกรยื่นหน้าไปมองเด็กใกล้ๆ และถามต่อทันที

ถึงตอนนี้ทุกคนที่หน้าจอต่างสงสัยว่าผู้ชายคนนี้พาลูกของซาร่าเข้ามาในฉากได้ยังไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชายคนนี้

“ไม่ใช่! เด็กคนนี้เป็นลูกของผม ลูกของผมกับเธอ!!” คนที่ตอบกลับเป็นอาเธอร์ ทำให้คนที่ดูอยู่ถึงตอนนี้ถึงกับงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

แต่กลับไม่ใช่กับมายด์ที่รู้จักวรุฒดี รู้จักทุกคนที่เป็นเพื่อนวรุฒ ทันทีที่ชายหนุ่มลูกครึ่งเฉลย ทุกอย่างในหัวของมายด์ก็ได้รับการเฉลย คำพูดครึ่งๆกลางๆที่เคยได้ยินจากที่บ้านค่อยๆ ประกอบเป็นฉบับสมบูรณ์ของเรื่องราวทั้งหมด

“เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่พี่รุฒยอมเสี่ยงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?” มายด์บ่นพึมพำ
“หมายความว่าไง มายด์” ชานนท์ที่ได้ยินรีบตั้งคำถามทันที
“ตั้งใจดูไปเดี๋ยวก็รู้ ฟังจากปากคนพวกนี้ดีกว่านะ” มายด์ตอบทั้งที่ดวงตายังจ้องมองหน้าจออยู่

“หมาย....หมายความว่าอย่างไรครับเนี่ย?” พิธีกรที่ยังคงอึ้งแต่ก็ตั้งสติทันและตั้งคำถามต่อทันที

“อาเธอร์!! เธอมาทำไมเนี่ย! เธอกำลังทำให้ทุกอย่างมันพัง!!” ซาร่าเหวี่ยงเสียงขึ้นมาจนดังลั่นหัองส่งฯ

“ไหนเธอบอกว่ามาทำงานไง! แล้วนี่มันอะไร?” อาเธอร์ขึ้นเสียงบ้างจนเด็กทารกในอ้อมกอดร้องไห้ลั่น อาเธอร์ได้แต่พยายามปลอบให้เธอเงียบเสียงลงแต่ไม่สำเร็จ
“เอาแอนเดรียมานี่” ซาร่ารีบเดินไปคว้าเด็กทารกในมือของอีกฝ่ายมาปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนจนเด็กเงียบเสียงไป

“เธอยังไม่ตอบคำถามเรา!!” อาเธอร์กลับมาขยั้นขยอ
“ฉันมาทำงานจริง มีงานเดินแบบที่กรุงเทพ แบรนด์คนรู้จัก เขาอยากช่วยเลยให้งานเดินแบบมา แล้ว.....” ซาร่าแววตาลังเลที่จะพูด
“แล้วอะไร แล้วก็เลยมาตามแฟนเก่าอย่างนี้!! เธอหลอกเขาครั้งหนึ่งแล้ว คิดว่าครั้งนี้เขาจะเชื่อเหรอ!!” อาเธอร์สวนทันทีที่มีช่องว่าง
“นี่ก็งาน!! ตอนนี้อะไรทำแล้วได้เงิน ฉันก็ทำหมดแหละ!! คิดว่ารายได้ระหว่างเรียนของเธอจะช่วยให้ชีวิตพวกเราไปรอดเหรอ ฉันทำเพื่อลูกนะ อย่างน้อยเสร็จงานนี้ ฉันก็ได้เงินหลายหมื่นดอลล่าร์ เอาไปทำทุนต่อได้ คนที่ให้งานก็สัญญาว่าจะช่วยเรื่องงานอีกหลายๆ งานด้วย!!” ซาร่าเหมือนระเบิดสิ่งที่อัดอั้นออกมา

“อย่าบอกนะ ว่าทั้งหมดนี่คือเรื่องที่กุขึ้นมา ใครจ้างเธอมา!!” พิธีกรหน้าเหวอแต่ก็ยังทำหน้าที่ต่อไป
ซาร่าที่หลุดปากออกมาด้วยอารมณ์ทำได้แค่คืนลูกไปที่อาเธอร์และวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว และเธอรู้ดีว่า เธออาจะชวดเงินค่าจ้างอีกครึ่งหนึ่งแน่นอน

“เอ่อ.... อ้าว... งั้น...... ขอจบรายการพิเศษแต่เพียงเท่านี้”
พิธีกรพูดจบภาพก็ตัดเข้าสู่รายการปกติของช่องภายในมหาวิทยาลัย

ตอนนี้ทั้งชานนนท์และผองเพื่อนต่างงงกับภาพเหตุการณ์ที่เห็นทุกคนต่างใช้สายตาเป็นคำถามจ้องไปที่มายด์แต่เพียงผู้เดียว เธอเองก็ได้แต่คาดเดาไม่กล้าที่จะพูดฟันธงอะไรจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป

“ถ้าอยากรู้ เดี๋ยวเราจะช่วยเฉลยให้เอง” เสียงที่คุ้นเคยดังลั่นในระยะไม่ไกล

“วรุฒ!!” เมย์ร้องเสียงดังด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนที่พวกเราต่างพูดถึงตลอดเวลาที่มาจะมาอยู่ตรงนี้ ส่วนชานนท์นั่นได้แต่ตกใจจนเสียงหายเข้าไปในลำคอ

“พี่รุฒ..... ทำแบบนี้ มันจะดีเหรอคะ?” มายด์เดินแทรกเมย์ที่ยืนอยู่หน้าสุด (ด้วยความเผือก)
“ไม่ต้องห่วง” วรุฒยิ้มตอบมาด้วยความใจเย็น
“แต่.... เรื่องนี้มัน.... ครอบครัวพี่อุตส่าห์ปิดข่าวเสียแทบแย่ และกว่าจะเคลียร์กับยัยนั่นรู้เรื่อง!” มายด์โวยลั่นห้องควบคุม ที่ตอนนี้คนได้เดินหายไปหมดแล้ว เหมือนรู้หน้าที่ตนเองอย่างดี
“ฟังนะ พี่รู้ว่ามายด์เป็นห่วงแต่ ไม่เป็นไรจริงๆ” วรุฒใช้มือขยี้หัวของมายด์เบาๆ อย่างอ่อนโยน จนทั้งเมย์และหลงไม่เชื่อสายตาตัวเอง ส่วนชานนท์ได้แต่รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ (นี่เขากำลังรู้สึกหึงหวงหรือนี่ เวลาแบบนี้นี่นะ!!)


“ก็เพราะว่า ทั้งหมดมันก็แค่การจัดฉาก!! ก็แค่มีเงินก็จ้างไอ้พวกนี้ทำงานให้ก็ได้แล้ว!!” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวรุฒ (นี่สิโฉมหน้าที่แท้จริง!)
“ว่าไงนะ! แล้วที่ส่งข้อความผ่านเครือข่ายสถาบัน และเวปไซต์ต่างๆ นั่นล่ะ” เมย์ผู้ขี้สงสัยแทรกทันที
“ก็แค่ทำให้สมจริง แต่ก็ไม่ได้ถ่ายทอดอะไรออกไปหรอก มีแต่เทปที่อัดอีกเรื่องอื่นไว้ และกำลังถ่ายทอดแทนรายการนี้อยู่ แม่ก็ช่วยด้วยแหละ เราไม่อยากให้เรื่องมันไปถึงหูพ่อน่ะ” พอพูดมาถึงตรงนี้ หน้าวรุฒก็ฉายแววโหดเหี้ยมขึ้นมา

“แล้วเรื่องทั้งหมด.... มันเป็นยังไง?” ชานนท์พูดเสียงออกมาซึ่งทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นเงียบสนิททันที ทุกคนต่างรอคำตอบของวรุฒว่าจะตอบว่าอะไร

“เรื่องนี้... ขอความเป็นส่วนตัวได้ไหม?” วรุฒมองหน้าทุกคนในบริเวณนั้นนอกจากชานนท์ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว

แต่เนื่องจากที่ทุกคนอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีใครขยับออกจากจุดนั้นเลย คงจะมีแต่มายด์คนเดียวที่เริ่มรู้สึกกลัวกับสายตานั้นและชวนทุกคนออกจากห้องไป

“เฮ้อ.....”วรุฒผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หากไม่ติดว่าคนกลุ่มนี้ช่วยเขาดูแลชานนท์ เขาคงอาละวาดไปแล้ว หลังจบการผ่อนลมหายใจ วรุฒตัดสินในอุ้มชานนท์ทั้งที่ยืนอยู่ กระชับให้แน่นแล้วเดินหนีไปอีกทางทันที

“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ เรื่องมันเป็นไงมาไง....” เมย์เห็นก็รีบก้าวตามทันที แต่ก็ถูกมือเล็กที่ทรงพลังดึงรั้งไว้ เมย์หันกลับไปยังคนที่ห้ามเธอไว้ เธอเห็นมายด์ได้แต่ยิ้มบางๆ และสั่นศรีษะ จนคนที่คิดจะติดตามสองคนนั้นล้มเลิกความตั้งใจ และคิดว่าค่อยไปถามกับขานนท์ที่หลังก็ได้ (แต่วันนี้จะนอนหลับไหมก็ไม่รู้)
.............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2020 06:56:21 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กำลังงงว่า เรื่องในห้องส่งคือเรื่องจริงหรือจัดฉาก

แต่น่าจะเป็นเรื่องจริงมั้ง

และก็เชื่อว่า  ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยัยซาร่าบ้าเงินก็คือ  อิพี่เต๋าเมียพี่เอก  ใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด